ใบงานท่ี 2
เรื่อง เรื่องน่ารู้จากพระไตรปฎิ ก
ตอนท่ี 1
คำช้แี จง ใหน้ ักเรยี นอ่านเร่อื งนา่ รู้จากพระไตรปฎิ ก เรื่อง กามโภคี 10 พวก แล้วช่วยกนั
วเิ คราะหว์ ่า ข้อใดดีทสี่ ุด ควรนำไปปฏิบัติ พร้อมยกตวั อยา่ งแนวทางการนำไปปฏิบตั ิ
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
ตอนที่ 2
คำช้ีแจง ใหน้ ักเรยี นศกึ ษาความรูจ้ ากพระไตรปฎิ ก แลว้ เลอื กขอ้ ความในพระไตรปฎิ กท่ีนักเรยี น
สนใจมา 10-20 บรรทดั จากนน้ั นำมาวิเคราะหต์ ามหัวข้อทกี่ ำหนด
(ขอ้ ความน่าร้จู ากพระไตรปฎิ ก)
ทมี่ า ......................................................................................
1. ข้อความดังกล่าวใหข้ อ้ คดิ สำคัญในเรือ่ งใดบ้าง จงอธิบาย
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. นักเรยี นสามารถนำข้อคดิ จากขอ้ 1 ไปเปน็ แนวทางในการปฏิบตั ิตนอยา่ งไรบา้ ง จงยกตวั อยา่ ง
การกระทำ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
ใบงานท่ี 2 เฉลย
เร่อื ง เร่ืองน่าร้จู ากพระไตรปิฎก
ตอนท่ี 1
คำช้แี จง ให้นกั เรียนอ่านเรือ่ งน่ารจู้ ากพระไตรปฎิ ก เร่อื ง กามโภคี 10 พวก แลว้ ช่วยกัน
วิเคราะห์ว่า ขอ้ ใดดที ี่สุด ควรนำไปปฏิบตั ิ พร้อมยกตวั อย่างแนวทางการนำไปปฏิบัติ
(ตวั อยา่ ง)
ขอ้ 9 พวกหนง่ึ แสวงหาทรพั ยโ์ ดยชอบธรรม เลี้ยงตนใหเ้ ป็นสขุ ทงั้ แจกจ่าย แบง่ ปัน และ
ทำบุญแนวทางการนำไปปฏิบัติ เชน่
- ประกอบอาชพี สุจรติ
- ใชจ้ า่ ยอย่างพอสมควร
- หาโอกาสบรจิ าคสงเคราะหผ์ ู้เดือดรอ้ นจากภัยพบิ ัติหรอื ผู้ที่ยากไร้
- นำไปทำบญุ ในวดั ต่างๆ
ขอ้ 10 พวกหนงึ่ แสวงหาทรพั ยโ์ ดยชอบธรรม เลี้ยงตนใหเ้ ป็นสุข ทง้ั แจกจ่าย แบง่ ปัน และ
ทำบญุ ไมส่ ยบมัวเมาหมกมุ่นในโภคทรัพยเ์ หล่านน้ั รู้เท่าทนั เหน็ โทษ มีปัญญาทำตนใหเ้ ปน็
อิสระหรอื เป็นนายเหนอื โภคทรัพย์ แนวทางการนำไปปฏบิ ตั ิ เชน่
- ได้ทรพั ย์มาจากอาชพี ทีบ่ ริสุทธ์ิ แต่ไมโ่ ลภจนทำให้ตนเองลำบาก
- รู้จักทำบญุ ใหเ้ หมาะสมกับรายได้
(พจิ ารณาตามคำตอบของนกั เรียน โดยใหอ้ ยใู่ นดุลยพนิ จิ ของครูผู้สอน)
ตอนท่ี 2
คำช้ีแจง ให้นักเรียนศกึ ษาความรู้จากพระไตรปฎิ ก แลว้ เลอื กข้อความในพระไตรปฎิ กทนี่ ักเรียน
สนใจมา 10-20 บรรทดั จากนน้ั นำมาวิเคราะหต์ ามหัวข้อที่กำหนด
(ข้อความนา่ รู้จากพระไตรปฎิ ก)
ทีม่ า ......................................................................................
1. ข้อความดงั กล่าวใหข้ ้อคิดสำคัญในเร่ืองใดบ้าง จงอธิบาย
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. นกั เรียนสามารถนำขอ้ คดิ จากข้อ 1 ไปเป็นแนวทางในการปฏิบตั ติ นอย่างไรบ้าง จงยกตวั อย่าง
การกระทำ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
(พจิ ารณาตามคาตอบของนักเรยี น โดยใหอ้ ย่ใู นดุลยพนิ ิจของครผู สู้ อน)
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 15
กล่มุ สาระการเรียนรสู้ งั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 5
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 4 เร่ือง พระไตรปฎิ ก และพุทธศาสนสุภาษติ เวลา 4 ชว่ั โมง
เรอ่ื ง พระไตรปิฎก เวลาที่ใช้สอน 2 ชั่วโมง
ครผู ู้สอนช่อื นางสาวพชั ราภรณ์ กล่นิ เกษร โรงเรยี นพนมศึกษา
............................................................................................................................. .................................................
สาระสำคัญ
การสังคายนาพระไตรปฎิ กมคี ุณคา่ และความสำคัญตอ่ พระพุทธศาสนาและการเผยแผ่
พระพทุ ธศาสนา
มาตรฐานการเรียนรู้
ส 1.1 รู้ และเข้าใจประวัติ ความสำคัญ ศาสดา หลกั ธรรมของพระพุทธศาสนาหรือศาสนาที่ตนนบั ถือ
และศาสนาอื่น มศี รัทธาท่ถี ูกตอ้ ง ยึดมน่ั และปฏิบัตติ ามหลักธรรม เพ่อื อยู่ร่วมกนั อย่างสันตสิ ขุ
ตัวชวี้ ัด ม.4-6/15 วเิ คราะห์คุณค่าและความสำคัญของการสงั คายนาพระไตรปฎิ ก หรอื คัมภรี ์ของ
ศาสนาที่ตนนับถือ และการเผยแผ่
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. อธบิ ายวธิ ีการศึกษาและค้นคว้าพระไตรปิฎกได้ (K)
2. วิเคราะห์คุณคา่ และความสำคญั ของการสังคายนาพระไตรปฎิ กได้ (P)
3. เห็นความสำคญั ในการศกึ ษาข้อมูลทางพระพุทธศาสนา ท่สี ามารถนำไปใชป้ ระโยชน์ในการดำเนนิ
ชวี ติ ประจำวันได้ (A)
สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
1. ความสามารถในการสอ่ื สาร
2. ความสามารถในการคิด
1) ทักษะการวิเคราะห์ 2) ทกั ษะการนำความรู้ไปใช้
3. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต
1) กระบวนการปฏิบตั ิ 2) กระบวนการทำงานกลุ่ม
คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1. มีวินยั
- ปฏิบตั ติ ามข้อตกลง กฎระเบียบ กตกิ าท่ตี กลงกนั ในห้องเรยี น
2. ใฝ่เรียนรู้
- ผู้เรยี นต้ังใจเรยี น เพียรพยายาม ในการเรยี นรู้
3. มุ่งมั่นในการทำงาน
- ตัง้ ใจและพยายามทำงานที่ไดร้ ับมอบหมาย
สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
1. วธิ กี ารศกึ ษาและค้นควา้ พระไตรปฎิ กและคัมภรี ข์ องศาสนาอื่นๆ การสังคายนาและการเผยแผ่
พระไตรปฎิ ก
2. ความสำคัญและคุณค่าของพระไตรปิฎก
ชิ้นงานหรอื ภาระงาน
ใบงานท่ี 1 เรือ่ ง พระไตรปฎิ ก
ใบงานท่ี 2 เร่ือง เรอื่ งนา่ รจู้ ากพระไตรปฎิ ก
ขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (ช่วั โมงที่ 1)
ขน้ั นำเข้าสู่บทเรยี น
1. ครูตงั้ คำถามถามนกั เรยี นเพอื่ เป็นการทบทวนความรู้เดิมของนกั เรียนเกยี่ วกับพระไตรปฎิ ก ดังน้ี
- พระไตรปิฎก หมายความว่าอยา่ งไร
- พระไตรปิฎก แบง่ ออกเปน็ ก่ีปฎิ ก อะไรบา้ ง
- เพราะเหตุใด จงึ ตอ้ งมกี ารสังคายนาพระไตรปิฎก
- วธิ ีการแก้ไขปญั หาทถ่ี ูกวิธี คืออะไร
2. ครอู ธิบายเช่ือมโยงใหน้ ักเรียนเขา้ ใจวา่ ในการสงั คายนาพระไตรปิฎกนั้น ได้มกี ารทำมาจนถึง
ปจั จบุ นั น้ี 10 ครัง้ แต่ละครั้งน้นั มสี าเหตหุ รอื เหตุผลในการกระทำแตกต่างกันไป ในแต่ละครงั้ จะมปี ระธานใน
การทำสงั คายนา พระสงฆผ์ ู้เข้ารว่ มประชมุ ผู้อปุ ถัมภ์ สถานที่ และระยะเวลาในการสงั คายนาแตกตา่ งกนั ไป
ขน้ั สอน
3. ครูแบ่งนกั เรยี นเปน็ กลุ่ม กลมุ่ ละ 5 คน คละกันตามความ สามารถ คือ เก่ง ปานกลางคอ่ นข้างเก่ง
ปานกลางค่อนขา้ งอ่อน และอ่อน แลว้ ให้แตล่ ะกลมุ่ รว่ มกันศกึ ษาความรเู้ รื่อง พระไตรปิฎก จากหนังสือเรยี น
หนงั สอื ค้นคว้าเพมิ่ เติม ห้องสมุด และแหลง่ ขอ้ มูลสารสนเทศ ฉ,ซนกั เรียนนำความรู้ทีไ่ ด้มาบันทึกลงในแบบ
บนั ทกึ การอา่ น
4. นกั เรียนแต่ละกลุ่มร่วมกนั ทำใบงานที่ 1 เรอ่ื ง พระไตรปิฎก ตอนที่ 1 โดยแบง่ หนา้ ทกี่ ันตอบ
คำถามในแต่ละข้อ หรอื ตอบประเด็นในการสังคายนาแตล่ ะครง้ั ดงั น้ี
- สมาชิกหมายเลข 1 อ่านประเดน็ ทจ่ี ะตอ้ งตอบ ประเด็นที่ 1-4
- สมาชกิ หมายเลข 2 วิเคราะหค์ ำตอบและตอบ ประเดน็ ที่ 1-4
- สมาชกิ หมายเลข 3 อา่ นประเด็นทจ่ี ะตอ้ งตอบ ประเด็นท่ี 5-7
- สมาชิกหมายเลข 4 วิเคราะห์คำตอบและตอบ ประเด็นท่ี 5-7
- สมาชิกหมายเลข 5 ตรวจสอบความถูกต้องของคำตอบในแตล่ ะประเดน็ หากไม่ถูกต้องใหแ้ ก้ไขให้
ถูกต้อง
5. สมาชิกแต่ละกลุ่มหมุนเวียนเปลีย่ นหน้าที่กันในการตอบคำถามในประเด็นทีก่ ำหนดให้จนเสร็จทั้ง
10 ข้อ เชน่ ในการทำสังคายนาครั้งที่ 2 หรือข้อ 2
- สมาชิกหมายเลข 2 เล่อื นขน้ึ มาทำหน้าท่ีแทนสมาชกิ หมายเลข 1
- สมาชิกหมายเลข 3 เล่อื นขนึ้ มาทำหนา้ ท่ีแทนสมาชกิ หมายเลข 2
- สมาชกิ หมายเลข 4 เลอื่ นขน้ึ มาทำหนา้ ท่แี ทนสมาชิกหมายเลข 3
- สมาชกิ หมายเลข 5 เล่ือนข้ึนมาทำหนา้ ทแี่ ทนสมาชิกหมายเลข 4
- สมาชกิ หมายเลข 1 เลอ่ื นขน้ึ มาทำหน้าที่แทนสมาชิกหมายเลข 5
6. สมาชิกทุกคนชว่ ยกันตอบคำถามในใบงานท่ี 1 ตอนที่ 2 ในหวั ข้อตอ่ ไปนี้
1) ในสมัยพุทธกาลมีพระไตรปฎิ กหรอื ไม่ อธบิ ายเหตุผล
2) การทำสังคายนา หมายถึงทำอย่างไร
ขน้ั สรุปผล
7. ครแู ละนกั เรียนชว่ ยกันเฉลยคำตอบในใบงานที่ 1 และร่วมกนั สรุปประเดน็ สำคญั ของการทำ
สังคายนาพระไตรปฎิ กในแตล่ ะครง้ั
ข้ันตอนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (ช่ัวโมงท่ี 2)
ขั้นนำเข้าส่บู ทเรยี น
1. ครูถามคำถามกระตุ้นความคดิ ของนักเรยี นว่า นกั เรียนมีความประทับใจในข้อความนา่ รจู้ าก
พระไตรปฎิ กในเรื่องใด จงยกตวั อย่าง พร้อมอธบิ ายเหตุผล (พจิ ารณาตามคำตอบของนักเรียน โดยใหอ้ ยใู่ น
ดุลยพินจิ ของครผู ู้สอน)
ข้ันสอน
2. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มร่วมกันศึกษาความร้เู รอื่ ง เร่อื งนา่ รู้จากพระไตรปิฎก จากหนังสือเรียน แล้วตอบ
คำถามในใบงานที่ 2 เรอื่ ง เร่ืองน่ารจู้ ากพระไตรปฎิ ก เสร็จแลว้ ตรวจสอบความถกู ต้อง
3. ครูสุ่มตัวแทนกลุ่ม 2-3 กลมุ่ นำเสนอคำตอบในใบงานที่ 2 หนา้ ชั้นเรียน และให้กลุ่มอ่ืนทมี่ ผี ลงาน
แตกตา่ งนำเสนอเพ่ิมเติม
ข้นั สรุปผล
4. ครูตรวจสอบความร้คู วามเขา้ ใจของนกั เรียนจากการทำใบงานท่ี 1 และ 2 การนำเสนอผลงานหนา้
ชั้นเรียน และจากการสงั เกตพฤติกรรมการทำงานรว่ มกันเป็นกลุม่
5. ครูและนกั เรยี นรว่ มกันสรุปความรู้เรื่อง พระไตรปิฎก และเรื่องน่ารจู้ ากพระไตรปฎิ ก
สื่อและแหล่งเรยี นรู้
1. หนงั สอื เรียน พระพุทธศาสนา ม.5
2. ใบงานท่ี 1 เร่อื ง พระไตรปิฎก
3. ใบงานที่ 2 เร่ือง เร่ืองนา่ รู้จากพระไตรปฎิ ก
4. หอ้ งจริยธรรม
5. ห้องสมดุ
การบรู ณาการหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง (2 หว่ ง 3 เงื่อนไข)
หลักความพอประมาณ ใช้เวลาในการศกึ ษา คน้ คว้าหาความรู้
ทำงานเหมาะกบั เวลาความคุ้มคา่ ในอุปกรณก์ ารเรยี น
หลกั มเี หตผุ ล การอธิบายโดยการใช้หลักการทางพระพุทธศาสนา
การแกป้ ัญหาโดยใชห้ ลักการทางพระพุทธศาสนา
หลักสร้างภูมคิ ุม้ กันในตัวที่ดี การมีน้ำใจ มีความรบั ผดิ ชอบ การทำงานเป็นหมู่คณะ
การวางแผนในการทำงาน
เงอ่ื นไขความรู้ อธบิ ายวิธีการศึกษาและค้นคว้าพระไตรปิฎกได้
เงือ่ นไขคุณธรรม มีวินยั ใฝ่เรยี นรู้ ซอื่ สตั ย์ มุ่งมั่นในการทำงาน
การบรู ณาการตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง 2 เงอื่ นไข
ความรู้
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 3 หว่ ง คุณธรรม
พอประมาณ
มีเหตผุ ล
มีภูมคิ ุ้มกนั ในตัวทด่ี ี
ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง 4 มิติ
เศรษฐกิจ สังคม สิง่ แวดลอ้ ม วฒั นธรรม
การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้
วธิ ีการ เครื่องมอื เกณฑ์
ตรวจใบงานท่ี 1 เรอื่ ง
พระไตรปฎิ ก แบบประเมนิ ใบงานท่ี 1 เรอ่ื ง ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
ตรวจใบงานท่ี 2 เรื่อง เรื่องน่ารู้
จากพระไตรปิฎก พระไตรปฎิ ก
ตรวจแบบบนั ทกึ การอ่าน
แบบประเมินใบงานท่ี 2 เร่ือง เร่อื งน่า ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
ประเมนิ การนำเสนอผลงาน
สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นใน รจู้ ากพระไตรปฎิ ก
การเข้ารว่ มกจิ กรรมกลมุ่
คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ แบบบนั ทึกการอ่าน ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
แบบประเมินการนำเสนอผลงาน ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
แบบสงั เกตพฤติกรรมการเข้ารว่ ม ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
กจิ กรรมรายกลมุ่
แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พึง ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
ประสงค์
ใบงานที่ 1
เร่อื ง พระไตรปฎิ ก
ตอนท่ี 1
คำชีแ้ จง ให้นักเรียนสรุปสาระสำคัญของการสังคายนาพระไตรปฎิ ก
1. การทำสงั คายนาครั้งที่ 1
สาเหตุ ..............................................................................................................................................
เวลาทก่ี ระทำ และเวลาท่ีสำเรจ็ .........................................................................................................
ผูเ้ ป็นประธาน...................................................................................................................................
ผตู้ อบปญั หา ผูซ้ กั ถาม......................................................................................................................
พระสงฆผ์ ูเ้ ขา้ ประชุม........................................................................................................................
สถานท่ี..............................................................................................................................................
ผู้อปุ ถัมภ์...........................................................................................................................................
2. การทำสังคายนาคร้ังที่ 2
สาเหตุ ..............................................................................................................................................
เวลาท่กี ระทำ และเวลาที่สำเรจ็ .........................................................................................................
ผู้เป็นประธาน...................................................................................................................................
ผตู้ อบปญั หา ผซู้ กั ถาม......................................................................................................................
พระสงฆ์ผ้เู ขา้ ประชมุ ........................................................................................................................
สถานที่..............................................................................................................................................
ผ้อู ปุ ถมั ภ์...........................................................................................................................................
3. การทำสังคายนาคร้ังท่ี 3
สาเหตุ ..............................................................................................................................................
เวลาทก่ี ระทำ และเวลาท่ีสำเร็จ.........................................................................................................
ผเู้ ปน็ ประธาน...................................................................................................................................
ผตู้ อบปญั หา ผูซ้ ักถาม......................................................................................................................
พระสงฆ์ผูเ้ ข้าประชมุ ........................................................................................................................
สถานที่..............................................................................................................................................
ผอู้ ปุ ถมั ภ์...........................................................................................................................................
4. การทำสังคายนาคร้งั ท่ี 4
สาเหตุ ..............................................................................................................................................
เวลาท่กี ระทำ และเวลาท่ีสำเรจ็ .........................................................................................................
ผู้เปน็ ประธาน...................................................................................................................................
ผู้ตอบปญั หา ผซู้ กั ถาม......................................................................................................................
พระสงฆผ์ เู้ ข้าประชมุ ........................................................................................................................
สถานที่..............................................................................................................................................
ผู้อุปถมั ภ์...........................................................................................................................................
5. การทำสังคายนาครัง้ ที่ 5
สาเหตุ ..............................................................................................................................................
เวลาทก่ี ระทำ และเวลาที่สำเร็จ.........................................................................................................
ผู้เปน็ ประธาน...................................................................................................................................
ผตู้ อบปัญหา ผูซ้ ักถาม......................................................................................................................
พระสงฆ์ผเู้ ข้าประชมุ ........................................................................................................................
สถานที่..............................................................................................................................................
ผู้อุปถมั ภ์...........................................................................................................................................
6. การทำสังคายนาครง้ั ที่ 6
สาเหตุ ..............................................................................................................................................
เวลาท่กี ระทำ และเวลาที่สำเรจ็ .........................................................................................................
ผู้เปน็ ประธาน...................................................................................................................................
ผู้ตอบปญั หา ผซู้ ักถาม......................................................................................................................
พระสงฆ์ผู้เข้าประชุม........................................................................................................................
สถานที่..............................................................................................................................................
ผอู้ ปุ ถมั ภ์...........................................................................................................................................
7. การทำสงั คายนาครงั้ ท่ี 7
สาเหตุ ..............................................................................................................................................
เวลาที่กระทำ และเวลาที่สำเร็จ.........................................................................................................
ผูเ้ ปน็ ประธาน...................................................................................................................................
ผู้ตอบปัญหา ผู้ซกั ถาม......................................................................................................................
พระสงฆ์ผเู้ ขา้ ประชุม........................................................................................................................
สถานท่ี..............................................................................................................................................
ผอู้ ปุ ถมั ภ์...........................................................................................................................................
8. การทำสงั คายนาคร้งั ท่ี 8
สาเหตุ ..............................................................................................................................................
เวลาที่กระทำ และเวลาที่สำเรจ็ .........................................................................................................
ผเู้ ป็นประธาน...................................................................................................................................
ผตู้ อบปัญหา ผซู้ ักถาม......................................................................................................................
พระสงฆผ์ ู้เข้าประชมุ ........................................................................................................................
สถานท่ี..............................................................................................................................................
ผู้อุปถัมภ์...........................................................................................................................................
9. การทำสังคายนาคร้ังที่ 9
สาเหตุ ..............................................................................................................................................
เวลาทก่ี ระทำ และเวลาท่ีสำเร็จ.........................................................................................................
ผเู้ ปน็ ประธาน...................................................................................................................................
ผู้ตอบปัญหา ผู้ซกั ถาม......................................................................................................................
พระสงฆผ์ ้เู ข้าประชมุ ........................................................................................................................
สถานที่..............................................................................................................................................
ผอู้ ปุ ถัมภ์...........................................................................................................................................
10. การทำสงั คายนาครง้ั ท่ี 10
สาเหตุ ..............................................................................................................................................
เวลาท่ีกระทำ และเวลาท่ีสำเร็จ.........................................................................................................
ผเู้ ปน็ ประธาน...................................................................................................................................
ผู้ตอบปัญหา ผซู้ กั ถาม......................................................................................................................
พระสงฆ์ผ้เู ขา้ ประชมุ ........................................................................................................................
สถานที่..............................................................................................................................................
ผู้อปุ ถมั ภ์...........................................................................................................................................
ตอนที่ 2
คำชแี้ จง ใหน้ ักเรยี นตอบคำถามต่อไปน้ี
1. ในสมัยพุทธกาลมีพระไตรปฎิ กหรอื ไม่ อธบิ ายเหตุผล
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
2. การทำสังคายนา หมายถึงทำอยา่ งไร
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
ใบงานที่ 1 เฉลย
เรอื่ ง พระไตรปิฎก
ตอนท่ี 1
คำชีแ้ จง ใหน้ กั เรียนสรุปสาระสำคญั ของการสังคายนาพระไตรปฎิ ก
1. การทำสงั คายนาครง้ั ที่ 1
สาเหตุ พระขรวั ตาชอ่ื สุภัททะกลา่ ววาจาดหู มิ่นพระธรรมวินัย
เวลาทก่ี ระทำ และเวลาท่ีสำเรจ็ หลงั จากพระพุทธเจ้าปรินิพพานได้ 3 เดอื น ใช้เวลา 7 เดอื น
ผเู้ ปน็ ประธาน พระมหากัสสปะ
ผ้ตู อบปญั หา ผูซ้ ักถาม พระมหากัสสปะเปน็ ผู้สอบถาม พระอุบาลตี อบด้านพระวนิ ัย พระอานนท์
ตอบดา้ นพระธรรม
พระสงฆผ์ เู้ ขา้ ประชุม 500 รูป
สถานท่ี ถำ้ สตั ตบรรณคูหาใกล้กรุงราชคฤห์ เมืองหลวงของแคว้นมคธ
ผู้อปุ ถมั ภ์ พระเจ้าอชาตศตั รู
2. การทำสงั คายนาคร้งั ท่ี 2
สาเหตุ พระวชั ชบี ุตรปฏิบตั หิ ย่อนทางวินยั 10 ประการ
เวลาทีก่ ระทำ และเวลาท่ีสำเรจ็ หลังจากพระพุทธเจ้าปรนิ ิพพานได้ 100 ปี ใช้เวลา 8 เดอื น
ผู้เป็นประธาน พระยสกากณั ฑกบุตร
ผตู้ อบปัญหา ผซู้ กั ถาม พระเรวตะเป็นผูซ้ กั ถาม พระสัพพกามีเป็นผู้ตอบปัญหา
พระสงฆผ์ ู้เข้าประชุม 700 รปู
สถานที่ วาลิการาม เมืองเวสาลี แคว้นวัชชี
ผอู้ ุปถัมภ์ พระเจ้ากาฬาโศก
3. การทำสงั คายนาครง้ั ท่ี 3
สาเหตุ พวกนอกศาสนาปลอมเขา้ มาบวชในพระพุทธศาสนามากขึ้น
เวลาทก่ี ระทำ และเวลาท่ีสำเร็จ หลงั จากพระพุทธเจ้าปรินพิ พานได้ 234 ปี (บางแหง่ ว่า 235 ปี)
ใช้เวลา 9 เดอื น
ผเู้ ป็นประธาน พระโมคคัลลีบตุ รติสสเถระ
ผู้ตอบปัญหา ผูซ้ ักถาม –
พระสงฆผ์ ูเ้ ขา้ ประชมุ 1,000 รปู
สถานที่ อโศการาม เมืองปาฏลีบุตร
ผู้อปุ ถัมภ์ พระเจ้าอโศกมหาราช
4. การทำสงั คายนาครั้งท่ี 4
สาเหตุ ตอ้ งการวางรากฐานพระพุทธศาสนาในประเทศศรีลังกา
เวลาทกี่ ระทำ และเวลาที่สำเรจ็ หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานได้ 238 ปี ระยะเวลาท่ีสำเร็จไม่
ปรากฏ
ผ้เู ป็นประธาน พระมหินทเถระ
ผ้ตู อบปัญหา ผูซ้ กั ถาม พระอริฎฐะเป็นผู้สวดวนิ ยั
พระสงฆผ์ ูเ้ ข้าประชุม 68,000 รูป
สถานท่ี ถปู าราม เมืองอนุราธบรุ ี
ผอู้ ปุ ถมั ภ์ พระเจ้าเทวานัมปิยตสิ สะ
5. การทำสังคายนาครงั้ ที่ 5
สาเหตุ พระพุทธวจนะทีถ่ ่ายทอดกนั มาโดยระบบทอ่ งจำ ต่อไปภายภาคหน้าอาจขาดตกบกพรอ่ ง
เวลาท่กี ระทำ และเวลาที่สำเร็จ กระทำหลงั จากพระพุทธเจา้ ปรนิ พิ พานได้ 433 ปี ระยะเวลาท่ี
สำเรจ็ ไมป่ รากฏ
ผเู้ ป็นประธาน –
ผ้ตู อบปญั หา ผซู้ กั ถาม –
พระสงฆ์ผ้เู ขา้ ประชุม คณะสงฆ์ชาวลังกา
สถานท่ี อาโลกเลณสถาน มตเลณชนบท
ผู้อปุ ถัมภ์ พระเจ้าวฏั ฏคามณอี ภยั
6. การทำสงั คายนาครงั้ ท่ี 6
สาเหตุ ประเทศอินเดยี มีเพยี งพระไตรปฎิ ก ไมม่ ีอรรถกถา
เวลาที่กระทำ และเวลาท่ีสำเร็จ พ.ศ. 956 ไมป่ รากฏระยะเวลา
ผู้เปน็ ประธาน พระพทุ ธโฆษาจารย์
ผตู้ อบปัญหา ผซู้ กั ถาม –
พระสงฆ์ผเู้ ขา้ ประชมุ พระเถระจำนวนหนึง่
สถานที่ วัดมหาวิหาร ประเทศศรลี งั กา
ผู้อุปถัมภ์ พระเจ้ามหานาม
7. การทำสังคายนาคร้งั ที่ 7
สาเหตุ ลงั กาขาดคมั ภีรฎ์ กี า
เวลาทกี่ ระทำ และเวลาที่สำเรจ็ พ.ศ. 1587 ไมป่ รากฏระยะเวลา
ผู้เป็นประธาน พระกัสสปเถระ
ผตู้ อบปัญหา ผู้ซกั ถาม –
พระสงฆผ์ เู้ ข้าประชมุ คณะสงฆช์ าวลงั กา 1,000 รูป
สถานท่ี ประเทศศรลี งั กา
ผู้อปุ ถัมภ์ พระเจ้าปรากรมพาหมุ หาราช
8. การทำสังคายนาครัง้ ที่ 8
สาเหตุ พระไตรปิฎกขาดตกบกพร่องผิดเพีย้ นและไม่ครบ
เวลาที่กระทำ และเวลาที่สำเร็จ พ.ศ. 2020 ใช้เวลา 1 ปี
ผเู้ ป็นประธาน พระธรรมทนิ นเถระ
ผู้ตอบปัญหา ผูซ้ กั ถาม –
พระสงฆ์ผูเ้ ข้าประชุม พระเถระหลายร้อยรูป
สถานที่ วัดโพธาราม ประเทศไทย
ผู้อุปถัมภ์ –
9. การทำสงั คายนาครง้ั ท่ี 9
สาเหตุ พระผใู้ หญ่ถกู จับศึก เพราะความประพฤตยิ ่อหยอ่ นในพระธรรมวินยั
เวลาท่กี ระทำ และเวลาท่ีสำเรจ็ พ.ศ. 2331 ใชเ้ วลา 5 เดือน
ผู้เปน็ ประธาน –
ผตู้ อบปัญหา ผซู้ กั ถาม –
พระสงฆ์ผูเ้ ข้าประชุม พระเถระ 218 รูป และราชบัณฑิตคฤหัสถ์ 32 คน
สถานที่ ประเทศไทย
ผู้อุปถัมภ์ สมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟ้าจฬุ าโลกมหาราช
10. การทำสังคายนาคร้ังท่ี 10
สาเหตุ ฉลองในวโรกาสพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หวั รัชกาลปจั จุบันพระชนมายุ 60 พรรษา
เวลาท่กี ระทำ และเวลาท่ีสำเรจ็ พ.ศ. 2538 ระยะเวลาทสี่ ำเร็จไม่ปรากฏ
ผู้เปน็ ประธาน สมเด็จพระสงั ฆราช
ผตู้ อบปญั หา ผซู้ กั ถาม –
พระสงฆ์ผู้เข้าประชุม พระสงฆ์ทงั้ ฝา่ ยมหานกิ าย และธรรมยุต
สถานที่ วัดมหาธาตุ กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย
ผู้อปุ ถมั ภ์ รัฐบาล
ตอนที่ 2
คำชแ้ี จง ใหน้ ักเรยี นตอบคำถามต่อไปน้ี
1. ในสมัยพุทธกาลมีพระไตรปฎิ กหรือไม่ อธิบายเหตุผล
ไม่มีพระไตรปิฎก แตค่ ำสอนของพระพทุ ธเจ้าก็มีการแบง่ หมวดหม่คู รา่ วๆ มีหลักฐาน
วา่ พระสารีบุตร อัครสาวก ไดร้ ิเรม่ิ จัดพระพุทธวจนะเป็นหมวดๆ เรม่ิ ตั้งแตห่ มวด 1 ถึง หมวด 10
และหมวดเกนิ 10 ชือ่ ว่า สงั คีติสูตร และทสุตตรสูตร.
2. การทำสงั คายนา หมายถงึ ทำอยา่ งไร
การทำสังคายนา หมายถึง สวดรว่ มกัน สวดพร้อมกัน การทำสงั คายนานน้ั พระสงฆจ์ ะ
ประชุมสวดซักซอ้ มกนั มรี ะบบท่องจำกันเป็นหมูค่ ณะ
ใบงานท่ี 2
เรื่อง เรื่องน่ารู้จากพระไตรปฎิ ก
ตอนท่ี 1
คำช้แี จง ใหน้ ักเรยี นอ่านเร่อื งนา่ รู้จากพระไตรปฎิ ก เรื่อง กามโภคี 10 พวก แล้วช่วยกนั
วเิ คราะหว์ ่า ข้อใดดีทสี่ ุด ควรนำไปปฏิบัติ พร้อมยกตวั อยา่ งแนวทางการนำไปปฏิบตั ิ
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
ตอนที่ 2
คำช้ีแจง ใหน้ ักเรยี นศกึ ษาความรูจ้ ากพระไตรปฎิ ก แลว้ เลอื กขอ้ ความในพระไตรปฎิ กท่ีนักเรยี น
สนใจมา 10-20 บรรทดั จากนน้ั นำมาวิเคราะหต์ ามหัวข้อทกี่ ำหนด
(ขอ้ ความน่าร้จู ากพระไตรปฎิ ก)
ทมี่ า ......................................................................................
1. ข้อความดังกล่าวใหข้ อ้ คดิ สำคัญในเรือ่ งใดบ้าง จงอธิบาย
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. นักเรยี นสามารถนำข้อคดิ จากขอ้ 1 ไปเปน็ แนวทางในการปฏิบตั ิตนอยา่ งไรบา้ ง จงยกตวั อยา่ ง
การกระทำ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
ใบงานท่ี 2 เฉลย
เร่อื ง เร่ืองน่าร้จู ากพระไตรปิฎก
ตอนท่ี 1
คำช้แี จง ให้นกั เรียนอ่านเรือ่ งน่ารจู้ ากพระไตรปฎิ ก เร่อื ง กามโภคี 10 พวก แลว้ ช่วยกัน
วิเคราะห์ว่า ขอ้ ใดดที ี่สุด ควรนำไปปฏิบตั ิ พร้อมยกตวั อย่างแนวทางการนำไปปฏิบัติ
(ตวั อยา่ ง)
ขอ้ 9 พวกหนง่ึ แสวงหาทรพั ยโ์ ดยชอบธรรม เลี้ยงตนใหเ้ ป็นสขุ ทงั้ แจกจ่าย แบง่ ปัน และ
ทำบุญแนวทางการนำไปปฏิบัติ เชน่
- ประกอบอาชพี สุจรติ
- ใชจ้ า่ ยอย่างพอสมควร
- หาโอกาสบรจิ าคสงเคราะหผ์ ู้เดือดรอ้ นจากภัยพบิ ัติหรอื ผู้ที่ยากไร้
- นำไปทำบญุ ในวดั ต่างๆ
ขอ้ 10 พวกหนงึ่ แสวงหาทรพั ยโ์ ดยชอบธรรม เลี้ยงตนใหเ้ ป็นสุข ทง้ั แจกจ่าย แบง่ ปัน และ
ทำบญุ ไมส่ ยบมัวเมาหมกมุ่นในโภคทรัพยเ์ หล่านน้ั รู้เท่าทนั เหน็ โทษ มีปัญญาทำตนใหเ้ ปน็
อิสระหรอื เป็นนายเหนอื โภคทรัพย์ แนวทางการนำไปปฏบิ ตั ิ เชน่
- ได้ทรพั ย์มาจากอาชพี ทีบ่ ริสุทธ์ิ แต่ไมโ่ ลภจนทำให้ตนเองลำบาก
- รู้จักทำบญุ ใหเ้ หมาะสมกับรายได้
(พจิ ารณาตามคำตอบของนกั เรียน โดยใหอ้ ยใู่ นดุลยพนิ จิ ของครูผู้สอน)
ตอนท่ี 2
คำช้ีแจง ให้นักเรียนศกึ ษาความรู้จากพระไตรปฎิ ก แลว้ เลอื กข้อความในพระไตรปฎิ กทนี่ ักเรียน
สนใจมา 10-20 บรรทดั จากนน้ั นำมาวิเคราะหต์ ามหัวข้อที่กำหนด
(ข้อความนา่ รู้จากพระไตรปฎิ ก)
ทีม่ า ......................................................................................
1. ข้อความดงั กล่าวใหข้ ้อคิดสำคัญในเร่ืองใดบ้าง จงอธิบาย
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. นกั เรียนสามารถนำขอ้ คดิ จากข้อ 1 ไปเป็นแนวทางในการปฏิบตั ติ นอย่างไรบ้าง จงยกตวั อย่าง
การกระทำ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
(พจิ ารณาตามคาตอบของนักเรยี น โดยใหอ้ ย่ใู นดุลยพนิ ิจของครผู สู้ อน)
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 16
กล่มุ สาระการเรยี นร้สู งั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 5
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 4 เร่ือง พระไตรปฎิ ก และพุทธศาสนสุภาษติ เวลา 4 ชวั่ โมง
เร่อื ง พุทธศาสนสภุ าษิต เวลาท่ใี ชส้ อน 2 ชวั่ โมง
ครูผูส้ อนชอื่ นางสาวพชั ราภรณ์ กลน่ิ เกษร โรงเรยี นพนมศึกษา
............................................................................................................................. .................................................
สาระสำคัญ
พุทธศาสนสุภาษิตมีขอ้ คดิ ซงึ่ เปน็ คตเิ ตอื นใจบคุ คลใหป้ ฏิบัตติ นในทางที่ถกู ต้อง
มาตรฐานการเรียนรู้
ส 1.1 รู้ และเขา้ ใจประวัติ ความสำคญั ศาสดา หลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรือศาสนาท่ีตนนบั ถือ
และศาสนาอ่ืน มศี รัทธาท่ถี ูกต้อง ยึดมนั่ และปฏบิ ัติตามหลักธรรม เพอ่ื อยรู่ ่วมกันอย่างสนั ตสิ ขุ
ตัวชีว้ ัด ม.4-6/13 วิเคราะห์หลกั ธรรมในกรอบอริยสัจ 4 หรือหลกั คำสอนของศาสนาทต่ี นนับถอื
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. อธบิ ายข้อคิดที่ได้จากการศกึ ษาพทุ ธศาสนสภุ าษิตได้ (K)
2. วิเคราะห์ผลการกระทำของบุคคลทส่ี อดคล้องกบั พทุ ธศาสนสภุ าษติ ท่กี ำหนดได้ (P)
3. เหน็ ความสำคญั ในการศึกษาข้อมลู ทางพระพทุ ธศาสนา ท่สี ามารถนำไปใชป้ ระโยชนใ์ นการดำเนนิ
ชีวิตประจำวันได้ (A)
สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียน
1. ความสามารถในการส่อื สาร
2. ความสามารถในการคดิ
1) ทักษะการวิเคราะห์ 2) ทกั ษะการนำความรู้ไปใช้
3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ
1) กระบวนการปฏบิ ตั ิ 2) กระบวนการทำงานกลุม่
คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
1. มีวนิ ยั
- ปฏิบัตติ ามข้อตกลง กฎระเบยี บ กตกิ าทตี่ กลงกนั ในหอ้ งเรยี น
2. ใฝเ่ รยี นรู้
- ผู้เรยี นตง้ั ใจเรยี น เพียรพยายาม ในการเรยี นรู้
3. มงุ่ มั่นในการทำงาน
- ตง้ั ใจและพยายามทำงานท่ีได้รับมอบหมาย
สาระการเรียนรู้แกนกลาง
พุทธศาสนสภุ าษติ
- ปฏริ ปู การี ธุรวา อุฏฺ าตา วนิ ทฺ เต ธนํ : คนขยันเอาการเอางาน กระทำเหมาะสมย่อมหา
ทรัพยไ์ ด้
- วายเมเถว ปุรโิ ส ยาว อตฺถสสฺ นิปปฺ ทา : เกิดเป็นคนควรจะพยายามจนกว่าจะประสบ
ความสำเรจ็
- สนฺตฏุ ปรมํ ธนํ : ความสนั โดษเปน็ ทรัพย์อย่างยิ่ง
- อิณาทานํ ทุกขฺ ํ โลเก : การเปน็ หน้ีเปน็ ทกุ ข์ในโลก
ช้นิ งานหรือภาระงาน
ใบงานท่ี 3 เรือ่ ง พทุ ธศาสนสุภาษิต
ขั้นตอนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (ชัว่ โมงท่ี 1)
ข้นั นำเขา้ สู่บทเรียน
1. ครูนำตัวอย่างการกระทำของบุคคลทปี่ ระสบความสำเร็จในชีวิตดา้ นตา่ งๆ มาเล่าใหน้ ักเรยี นฟงั
แลว้ ให้นกั เรยี นชว่ ยกันวิเคราะห์ข้อคดิ ที่ไดจ้ ากการกระทำของบุคคลต่างๆ ซงึ่ นกั เรยี นอาจตอบไดห้ ลากหลาย
เช่น - มคี วามเพียร พยายาม
- มีความขยนั อดทน
- มีความพอใจในสิง่ ที่ตนมีอยู่
ขน้ั สอน
2. ครอู ธบิ ายเช่ือมโยงให้นักเรียนเข้าใจวา่ การกระทำของบุคคลดังกลา่ วสอดคลอ้ งกบั พุทธศาสน
สุภาษติ กล่าวไดว้ ่า พทุ ธศาสนสภุ าษิตจะมขี ้อคิดเตอื นใจให้บุคคลกระทำดี กระทำถูกต้อง ซ่ึงจะส่งผลดตี ่อผู้
ปฏบิ ตั ิ
3. นักเรียนกลุ่มเดิม (จากแผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ 15) รว่ มกนั ศึกษาความรู้เรื่อง พุทธศาสนสุภาษติ
จากหนงั สือเรยี น หนังสือค้นควา้ เพิ่มเติม ห้องสมดุ และแหลง่ ขอ้ มูลสารสนเทศ
4. ครใู ห้นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มไปสืบค้นประวัตแิ ละผลงานของบคุ คลจากหนงั สือพิมพ์ วารสาร สิ่งพิมพ์
แหลง่ ข้อมูลสารสนเทศ หรอื จากการสัมภาษณ์ โดยให้อยู่ในประเดน็ ที่มีความสอดคลอ้ งกับพทุ ธศาสนสุภาษิต
ต่อไปน้ี
1) ปฏิรูปการี ธุรวา อุฏฺ าตา วินฺทเต ธนํ : คนขยนั เอาการเอางาน กระทำเหมาะสมย่อมหาทรัพย์ได้
2) วายเมเถว ปรุ ิโส ยาว อตฺถสฺส นิปปฺ ทา : เกิดเปน็ คนควรจะพยายามจนกวา่ จะประสบความสำเร็จ
3) สนตฺ ุฏ ปรมํ ธนํ : ความสนั โดษเปน็ ทรพั ย์อยา่ งย่งิ
4) อณิ าทานํ ทุกฺขํ โลเก : การเปน็ หนีเ้ ปน็ ทุกขใ์ นโลก
ขัน้ สรุปผล
5. นกั เรียนนำความรู้ท่ีได้มาบันทกึ ลงในแบบบันทึกการอา่ น
ขัน้ ตอนการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ (ช่ัวโมงที่ 2)
ขน้ั นำเขา้ สูบ่ ทเรยี น
1. ครถู ามคำถามกระตุ้นความคดิ ของนกั เรยี นว่า พุทธศาสนสุภาษติ ใดบา้ งท่ีทำใหบ้ ุคคลเกิดความมุ
มานะในการทำกิจกรรมตา่ งๆ จงยกตวั อย่างพรอ้ มอธบิ ายเหตผุ ล (วายเมเถว ปรุ ิโส ยาว อตถฺ สสฺ นปิ ฺปทา : เกิด
เป็นคนควรจะพยายามจนกว่าจะประสบความสำเรจ็ เพราะทำให้ไดข้ ้อคิดสำคัญที่ทำใหเ้ กดิ ความเพียร
พยายาม ฯลฯ)
ขั้นสอน
2. นักเรยี นแต่ละกลุ่มนำความรูเ้ กย่ี วกบั ประวตั ิและผลงานของบุคคลทส่ี ืบคน้ มาวเิ คราะห์ แล้วตอบ
คำถามตามหวั ข้อในใบงานท่ี 3 เร่อื ง พุทธศาสนสุภาษิต
3. นักเรยี นแต่ละกลุ่มช่วยกนั ตรวจสอบความถูกต้องของคำตอบในใบงานท่ี 3 แล้วออกมานำเสนอ
ผลงานหน้าช้ันเรียน จากน้นั ให้กลุม่ อ่ืนเสนอแนะหรือชว่ ยแสดงความคิดเหน็ เพ่มิ เติม ดังนี้
- กลมุ่ ที่ 1 นำเสนอผลงาน กลุ่มที่ 2 เสนอแนะเพิ่มเติม
- กลมุ่ ท่ี 2 นำเสนอผลงาน กลุ่มที่ 3 เสนอแนะเพิ่มเติม
- กลมุ่ ท่ี 3 นำเสนอผลงาน กลุ่มที่ 4 เสนอแนะเพิ่มเติม
- กลมุ่ ที่ 4 นำเสนอผลงาน กลมุ่ ที่ 5 เสนอแนะเพิ่มเตมิ
- กลมุ่ ท่ี 5 นำเสนอผลงาน กลุ่มที่ 1 เสนอแนะเพิ่มเติม
ขั้นสรุปผล
4. ครแู ละนกั เรียนชว่ ยกันสรปุ ความร้เู กยี่ วกับพทุ ธศาสนสุภาษิต และแนวทางการนำไปปฏิบตั ิ
สอื่ และแหล่งเรยี นรู้
1. หนงั สอื เรียน พระพุทธศาสนา ม.5
2. ใบงานท่ี 3 เรอ่ื ง พุทธศาสนสุภาษิต
3. หอ้ งจริยธรรม
4. ห้องสมุด
การบรู ณาการหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง (2 หว่ ง 3 เง่ือนไข)
หลักความพอประมาณ ใชเ้ วลาในการศึกษา คน้ คว้าหาความรู้
ทำงานเหมาะกับเวลาความคุ้มคา่ ในอปุ กรณ์การเรยี น
หลกั มเี หตุผล การอธิบายโดยการใชห้ ลกั การทางพระพุทธศาสนา
การแกป้ ัญหาโดยใชห้ ลักการทางพระพุทธศาสนา
หลักสรา้ งภูมคิ ุม้ กันในตวั ทดี่ ี การมนี ้ำใจ มีความรับผิดชอบ การทำงานเปน็ หมู่คณะ
การวางแผนในการทำงาน
เงื่อนไขความรู้ อธิบายขอ้ คดิ ที่ไดจ้ ากการศกึ ษาพุทธศาสนสภุ าษติ ได้
เง่อื นไขคุณธรรม มวี นิ ยั ใฝ่เรียนรู้ ซอื่ สัตย์ มงุ่ มนั่ ในการทำงาน
การบูรณาการตามหลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง 2 เง่อื นไข
ความรู้
ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง 3 ห่วง คณุ ธรรม
พอประมาณ
มีเหตผุ ล
มภี มู ิคุ้มกันในตัวทีด่ ี
ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง 4 มิติ
เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม
การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ เคร่ืองมือ เกณฑ์
แบบประเมนิ ใบงานท่ี 3 เรือ่ ง รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
วิธกี าร พทุ ธศาสนสภุ าษิต
ตรวจใบงานท่ี 3 เรอ่ื ง แบบบันทกึ การอ่าน ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
พทุ ธศาสนสุภาษติ ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์
ตรวจแบบบันทกึ การอา่ น แบบประเมินการนำเสนอผลงาน ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ รว่ ม
ประเมินการนำเสนอผลงาน กิจกรรมรายกลุ่ม ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์
สงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นใน แบบประเมนิ คุณลักษณะอันพงึ
การเข้ารว่ มกิจกรรมกลุ่ม ประสงค์
คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
ใบงานที่ 3
เรอ่ื ง พทุ ธศาสนสุภาษติ
คำชีแ้ จง ให้นักเรียนหาตัวอย่างบุคคลที่มกี ารกระทำทส่ี อดคลอ้ งกับพุทธศาสนสภุ าษติ แลว้ นำมา
วิเคราะห์ตามประเด็นท่ีกำหนด
1. ปฏิรูปการี ธุรวา อฏุ ฺ าตา วินฺทเต ธนํ : คนขยันเอาการเอางาน กระทำเหมาะสมยอ่ ม
หาทรพั ย์ได้
ชื่อบุคคล………………………………………………..
(สาระสำคญั ของการกระทำ)
ที่มา : ………………………………………………………………..
1. ชอ่ื บุคคล
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………….……..
2. ตวั อย่างการกระทำทส่ี อดคล้องกบั พทุ ธศาสนสุภาษิต ได้แก่
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………….……..
3.ผลของการปฏบิ ัติเปน็ ประโยชน์ต่อตนเอง สงั คม และประเทศชาตอิ ยา่ งไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………….……..
4.นักเรียนสามารถนำแบบอยา่ งทดี่ ไี ปประยกุ ต์ปฏิบัตไิ ด้อย่างไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………….……..
2. วายเมเถว ปรุ โิ ส ยาว อตฺถสสฺ นิปฺปทา : เกิดเปน็ คนควรจะพยายามจนกวา่ จะประสบ
ความสำเรจ็
ช่อื บคุ คล………………………………………………..
(สาระสำคัญของการกระทำ)
ที่มา : ………………………………………………………………..
1. ชอ่ื บคุ คล
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………….……..
2. ตัวอย่างการกระทำท่ีสอดคล้องกับพุทธศาสนสภุ าษติ ไดแ้ ก่
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………….……..
3.ผลของการปฏิบัตเิ ป็นประโยชนต์ ่อตนเอง สังคม และประเทศชาติอย่างไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………….……..
4.นกั เรียนสามารถนำแบบอย่างทดี่ ไี ปประยกุ ต์ปฏบิ ัติไดอ้ ยา่ งไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………….……..
3. สนตฺ ุฏ ปรมํ ธนํ : ความสันโดษเปน็ ทรัพยอ์ ย่างยง่ิ
ช่ือบุคคล………………………………………………..
(สาระสำคัญของการกระทำ)
ท่มี า : ………………………………………………………………..
1. ชือ่ บุคคล
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………….……..
2. ตัวอย่างการกระทำทีส่ อดคล้องกบั พทุ ธศาสนสภุ าษิต ไดแ้ ก่
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………….……..
3.ผลของการปฏบิ ัตเิ ปน็ ประโยชนต์ ่อตนเอง สังคม และประเทศชาตอิ ยา่ งไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………….……..
4.นักเรียนสามารถนำแบบอยา่ งท่ดี ไี ปประยกุ ตป์ ฏบิ ัตไิ ด้อย่างไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………….……..
4. อิณาทานํ ทกุ ขฺ ํ โลเก : การเป็นหน้ีเป็นทุกขใ์ นโลก
ชื่อบุคคล………………………………………………..
(สาระสำคัญของการกระทำ)
ทมี่ า : ………………………………………………………………..
1. ช่ือบคุ คล
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………….……..
2. ตัวอย่างการกระทำทส่ี อดคล้องกบั พุทธศาสนสุภาษติ ไดแ้ ก่
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………….……..
3.ผลของการปฏบิ ัติเปน็ ประโยชนต์ อ่ ตนเอง สงั คม และประเทศชาติอยา่ งไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………….……..
4.นกั เรยี นสามารถนำแบบอย่างทดี่ ีไปประยุกตป์ ฏิบตั ิไดอ้ ย่างไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………….……..
ใบงานที่ 3 เฉลย
เรื่อง พุทธศาสนสุภาษติ
คำช้แี จง ใหน้ กั เรียนหาตวั อย่างบุคคลท่ีมกี ารกระทำทส่ี อดคล้องกบั พทุ ธศาสนสภุ าษิต แลว้ นำมา
วิเคราะห์ตามประเดน็ ทกี่ ำหนด
1. ปฏริ ปู การี ธุรวา อุฏฺ าตา วินฺทเต ธนํ : คนขยันเอาการเอางาน กระทำเหมาะสมย่อม
หาทรพั ย์ได้
ชอ่ื บุคคล………………………………………………..
(สาระสำคัญของการกระทำ)
ทีม่ า : ………………………………………………………………..
1. ช่อื บคุ คล
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………….……..
2. ตวั อย่างการกระทำที่สอดคล้องกบั พทุ ธศาสนสภุ าษิต ไดแ้ ก่
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………….……..
3.ผลของการปฏิบัตเิ ป็นประโยชนต์ ่อตนเอง สังคม และประเทศชาติอยา่ งไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………….……..
4.นักเรียนสามารถนำแบบอยา่ งทดี่ ีไปประยุกตป์ ฏบิ ัติได้อยา่ งไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………….……..
(พจิ ารณาตามคาตอบของนักเรยี น โดยใหอ้ ยใู่ นดุลยพนิ ิจของครผู สู้ อน)
2. วายเมเถว ปรุ ิโส ยาว อตฺถสสฺ นปิ ฺปทา : เกดิ เป็นคนควรจะพยายามจนกว่าจะประสบ
ความสำเรจ็
ชอ่ื บคุ คล………………………………………………..
(สาระสำคญั ของการกระทำ)
ท่มี า : ………………………………………………………………..
1. ชอ่ื บุคคล
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………….……..
2. ตัวอย่างการกระทำท่ีสอดคลอ้ งกับพทุ ธศาสนสุภาษติ ไดแ้ ก่
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………….……..
3.ผลของการปฏบิ ัติเป็นประโยชน์ต่อตนเอง สังคม และประเทศชาตอิ ยา่ งไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………….……..
4.นักเรยี นสามารถนำแบบอยา่ งที่ดีไปประยกุ ต์ปฏบิ ัตไิ ด้อยา่ งไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………….……..
(พจิ ารณาตามคาตอบของนกั เรยี น โดยใหอ้ ย่ใู นดุลยพนิ ิจของครผู สู้ อน)
3. สนฺตุฏ ปรมํ ธนํ : ความสันโดษเปน็ ทรพั ยอ์ ยา่ งย่งิ
ชื่อบคุ คล………………………………………………..
(สาระสำคัญของการกระทำ)
ทมี่ า : ………………………………………………………………..
1. ชื่อบุคคล
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………….……..
2. ตวั อย่างการกระทำทีส่ อดคลอ้ งกบั พุทธศาสนสุภาษติ ได้แก่
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………….……..
3.ผลของการปฏบิ ตั ิเปน็ ประโยชน์ตอ่ ตนเอง สงั คม และประเทศชาติอย่างไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………….……..
4.นักเรยี นสามารถนำแบบอย่างทดี่ ีไปประยุกต์ปฏบิ ตั ไิ ด้อยา่ งไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………….……..
(พจิ ารณาตามคาตอบของนักเรยี น โดยใหอ้ ย่ใู นดลุ ยพนิ ิจของครผู สู้ อน)
4. อิณาทานํ ทกุ ขฺ ํ โลเก : การเป็นหนี้เปน็ ทกุ ขใ์ นโลก
ชอื่ บคุ คล………………………………………………..
(สาระสำคญั ของการกระทำ)
ท่ีมา : ………………………………………………………………..
1. ช่ือบุคคล
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………….……..
2. ตวั อย่างการกระทำทส่ี อดคล้องกับพทุ ธศาสนสภุ าษิต ได้แก่
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………….……..
3.ผลของการปฏบิ ัตเิ ปน็ ประโยชน์ตอ่ ตนเอง สังคม และประเทศชาตอิ ย่างไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………….……..
4.นกั เรียนสามารถนำแบบอยา่ งทีด่ ไี ปประยุกตป์ ฏบิ ตั ไิ ดอ้ ย่างไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………….……..
(พจิ ารณาตามคาตอบของนกั เรยี น โดยใหอ้ ย่ใู นดุลยพนิ ิจของครผู สู้ อน)
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 17
กลุ่มสาระการเรียนรูส้ งั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 5
หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 5 เร่อื ง หน้าทช่ี าวพุทธและมารยาทชาวพุทธ เวลา 3 ชวั่ โมง
เรื่อง หนา้ ทีช่ าวพุทธ เวลาทใ่ี ชส้ อน 1 ชั่วโมง
ครผู สู้ อนชอื่ นางสาวพัชราภรณ์ กล่ินเกษร โรงเรยี นพนมศึกษา
............................................................................................................................. .................................................
สาระสำคัญ
ชาวพทุ ธท่ดี พี ึงศึกษาทำความเข้าใจในกิจและบทบาทหน้าที่ของพระภิกษุ ปฏิบตั ิตนต่อพระภิกษุอยา่ ง
เหมาะสม เปน็ สมาชิกทดี่ ขี องครอบครวั และสังคม
มาตรฐานการเรียนรู้
ส 1.2 เขา้ ใจ ตระหนักและปฏบิ ัติตนเป็นศาสนกิ ชนทด่ี ี และธำรงรกั ษาพระพุทธศาสนาหรอื ศาสนาที่
ตนนบั ถือ
ตัวชี้วดั ม.4-6/1 ปฏิบัติตนเปน็ ศาสนิกชนทดี่ ตี ่อสาวก สมาชิกในครอบครวั และคนรอบข้าง
จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
1. อธิบายหลกั การปฏบิ ตั ิตนตามหลกั หนา้ ทช่ี าวพุทธได้ (K)
2. วเิ คราะหก์ ิจและบทบาทหน้าที่ของพระภิกษุได้ (P)
3. เหน็ ความสำคัญในการศกึ ษาข้อมูลทางพระพุทธศาสนา ท่ีสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการดำเนนิ
ชีวิตประจำวนั ได้ (A)
สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียน
1. ความสามารถในการสอื่ สาร
2. ความสามารถในการคดิ
1) ทักษะการวเิ คราะห์ 2) ทักษะการนำความรู้ไปใช้
3. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต
1) กระบวนการปฏิบัติ 2) กระบวนการทำงานกลุ่ม
คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
1. มวี นิ ยั
- ปฏบิ ัตติ ามขอ้ ตกลง กฎระเบียบ กติกาท่ีตกลงกันในห้องเรยี น
2. ใฝ่เรยี นรู้
- ผูเ้ รยี นตง้ั ใจเรยี น เพียรพยายาม ในการเรียนรู้
3. มุง่ มนั่ ในการทำงาน
- ต้ังใจและพยายามทำงานท่ีได้รบั มอบหมาย
สาระการเรียนรแู้ กนกลาง
1) ปฏิบตั ติ นเปน็ ชาวพทุ ธทดี่ ีตอ่ พระภกิ ษุ
- การเข้าใจในกิจของพระภกิ ษุ เชน่ การศึกษา การปฏิบัติธรรม และการเปน็ นักบวชท่ดี ี
- หนา้ ท่ีและบทบาทของพระภกิ ษุในฐานะพระนักเทศน์ พระธรรมทตู พระธรรมจารกิ
พระวิทยากร พระวิปสั สนาจารย์ และพระนกั พัฒนา
2) ปฏิบัติตนเป็นสมาชิกท่ีดขี องครอบครวั และสงั คม
- การปฏบิ ัตติ นทเี่ หมาะสมในฐานะผปู้ กครองและผ้อู ย่ใู นปกครองตามหลกั ทิศเบื้องลา่ งใน
ทศิ 6
- การปฏสิ ันถารตามหลกั ปฏสิ ันถาร 2
- หนา้ ทแ่ี ละบทบาทของอุบาสก อบุ าสิกาที่มีต่อสงั คมไทยในปจั จบุ นั
ชน้ิ งานหรอื ภาระงาน
ใบงานที่ 1 เรื่อง หนา้ ที่ชาวพุทธ
ขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้
ขนั้ นำเข้าสบู่ ทเรียน
1. ครูใหน้ ักเรยี นผลดั กนั เล่าตัวอยา่ งบคุ คลท่ีนกั เรยี นคิดวา่ เป็นชาวพทุ ธทีด่ ี พร้อมแสดงเหตผุ ลว่า
เพราะเหตุใด นักเรียนจงึ คดิ ว่าพวกเขาเปน็ ชาวพทุ ธทด่ี ี แล้วนักเรียนรว่ มกันอภิปรายวิเคราะห์ถึงผลของการ
ปฏิบัติตนของชาวพุทธท่ีดี ในข้อ 1 วา่ สง่ ผลดีต่อตนเอง พระพุทธศาสนา สงั คม และประเทศชาติอย่างไร
ขน้ั สอน
2. นักเรยี นแบง่ กลุ่ม กลมุ่ ละ 5-7 คน ตามความสมัครใจ ใหแ้ ต่ละกลุ่มมีผู้นำและมกี ารแบง่ หนา้ ที่
ความรับผดิ ชอบ ผนู้ ำกลุ่มจะทำหนา้ ทใี่ นการเปน็ ผนู้ ำในการเสนอความคดิ ประสานความคิด กระตุ้นให้สมาชกิ
ร่วมกันคิด มีการเสนอความคิดเหน็ และรับฟังความคิดเหน็ กันอยา่ งมีเหตุผล
3. ครชู แี้ จงให้นักเรียนเขา้ ใจว่า ชาวพทุ ธทุกคนควรศกึ ษาและทำความเข้าใจในเรอ่ื งต่อไปนี้
1) ปฏิบตั ิตนเปน็ ชาวพุทธทด่ี ีต่อพระภิกษุ
- การเขา้ ใจในกิจของพระภกิ ษุ เชน่ การศกึ ษา การปฏิบัติธรรม และการเปน็ นักบวช
ทด่ี ี
- หนา้ ทแี่ ละบทบาทของพระภกิ ษใุ นฐานะพระนักเทศน์ พระธรรมทตู พระธรรม
จาริก พระวทิ ยากร พระวิปสั สนาจารย์ และพระนักพฒั นา
2) การปฏบิ ตั ิจนเป็นสมาชกิ ท่ีดขี องครอบครัวและสังคม
- การปฏิบัตติ นทเี่ หมาะสมในฐานะผูป้ กครองและผูอ้ ยใู่ นปกครองตามหลักทศิ เบ้ือง
ล่างในทศิ 6
- หน้าทแี่ ละบทบาทของอุบาสก อบุ าสกิ าที่มีต่อสงั คมไทยในปจั จบุ ัน
4. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มรว่ มกนั ศึกษาความรู้เร่อื ง หนา้ ที่ชาวพทุ ธ จากหนังสอื เรียน หนังสอื ค้นคว้า
เพมิ่ เติม หอ้ งสมดุ หรือแหลง่ ขอ้ มูลสารสนเทศ แลว้ นักเรียนแต่ละกลมุ่ รว่ มกนั ทำใบงานท่ี 1 เร่ือง หน้าท่ี
ชาวพทุ ธ เสรจ็ แลว้ ตรวจสอบความถูกต้อง
ขน้ั สรุปผล
5. นักเรียนร่วมกนั สรุปความรู้เกี่ยวกบั หนา้ ที่ชาวพุทธในประเดน็ หน้าทแ่ี ละบทบาทของพระภิกษุ
สามเณร การปฏบิ ตั ิตนตามหลกั ทศิ เบื้องลา่ งในทศิ 6 หนา้ ท่ีและบทบาทของอุบาสก อุบาสกิ าท่ีมตี ่อสงั คมไทย
ในปัจจบุ ัน
ส่อื และแหล่งเรยี นรู้
1. หนังสอื เรียน พระพุทธศาสนา ม.5
2. ใบงานท่ี 1 เรื่อง หนา้ ที่ชาวพทุ ธ
4. หอ้ งจรยิ ธรรม
5. ห้องสมดุ
การบูรณาการหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง (2 หว่ ง 3 เงื่อนไข)
หลักความพอประมาณ ใชเ้ วลาในการศึกษา คน้ คว้าหาความรู้
ทำงานเหมาะกบั เวลาความคุ้มคา่ ในอปุ กรณก์ ารเรยี น
หลกั มเี หตุผล การอธบิ ายโดยการใช้หลกั การทางพระพุทธศาสนา
การแกป้ ัญหาโดยใชห้ ลกั การทางพระพุทธศาสนา
หลกั สร้างภมู ิค้มุ กันในตัวท่ดี ี การมนี ำ้ ใจ มีความรับผิดชอบ การทำงานเปน็ หมู่คณะ
การวางแผนในการทำงาน
เงอ่ื นไขความรู้ อธบิ ายหลกั การปฏิบตั ติ นตามหลกั หนา้ ทชี่ าวพุทธได้
เงอื่ นไขคุณธรรม มีวนิ ัย ใฝเ่ รียนรู้ ซ่ือสตั ย์ มุง่ มน่ั ในการทำงาน
การบรู ณาการตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง 2 เงือ่ นไข
ความรู้
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 3 หว่ ง คุณธรรม
พอประมาณ
มเี หตุผล
มภี มู ิคุ้มกนั ในตัวทีด่ ี
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 4 มิติ
เศรษฐกจิ สังคม สง่ิ แวดลอ้ ม วฒั นธรรม
การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ เคร่ืองมือ เกณฑ์
แบบประเมนิ ใบงานท่ี 1 เรอื่ ง หน้าท่ี ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
วธิ กี าร ชาวพทุ ธ
ตรวจใบงานที่ 1 เรื่อง หนา้ ท่ีชาว ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์
พุทธ แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงาน ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์
รายบคุ คล
สงั เกตพฤตกิ รรมการทำงาน แบบสงั เกตพฤติกรรมการเข้ารว่ ม ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์
รายบุคคล กิจกรรมรายกลมุ่
สงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นใน แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ
การเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุม่ ประสงค์
คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
ใบงานที่ 1
เรื่อง หนา้ ทชี่ าวพทุ ธ
คำชี้แจง ใหน้ ักเรยี นตอบคำถามตอ่ ไปน้ี
1. หนา้ ที่สำคัญของพระภิกษุ คืออะไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
2. พระนกั เทศน์ พระธรรมทตู พระธรรมจาริก พระวทิ ยากร พระวปิ ัสสนาจารย์ และพระ
นกั พฒั นา มีบทบาทสำคญั อยา่ งไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
3. ถา้ นักเรยี นมีลกู จ้างในบ้าน หรอื มีผู้ทำหน้าทบ่ี รกิ ารช่วยเหลือนักเรยี นอยเู่ สมอ นกั เรียน
ควรปฏิบตั ิตนตอ่ เขาอยา่ งไร จงึ จะสอดคลอ้ งกบั การปฏิบตั ิตนตามหลักทศิ เบื้องล่างในทิศ 6
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
4. อุบาสกธรรม 7 ไดแ้ ก่อะไรบ้าง
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
5. ปัจจุบันนี้นักเรยี นไดป้ ฏิบัติหนา้ ท่แี ละบทบาทของอุบาสก อบุ าสกิ า อย่างเหมาะสม
อย่างไรบา้ ง
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ใบงานท่ี 1 เฉลย
เรอื่ ง หนา้ ท่ีชาวพุทธ
คำชแี้ จง ให้นกั เรยี นตอบคำถามตอ่ ไปน้ี
1. หนา้ ที่สำคัญของพระภิกษุ คอื อะไร
การศึกษาตามหลกั ไตรสิกขา คอื
1) ศลี ศึกษาพระวินยั แตล่ ะสิกขาบท ข้อวัตรปฏิบตั ิ ธรรมเนียมมารยาทต่างๆ เพ่ือจะไดป้ ฏิบตั ติ นได้
ถกู ต้อง ตามพุทธบัญญัติ
2) สมาธิ ศกึ ษาวธิ ีการเพ่ิมพูนสมาธแิ ละหมัน่ ฝึกหัดขัดเกลาอบรมจติ เพ่อื เป็นฐานในการคิดพิจารณา
ธรรมข้ันสูง
3) ปัญญา ต้องศึกษาเพื่อเพ่มิ พนู ศักยภาพทางความคิด ในการพจิ ารณาใหเ้ ขา้ ถึงความจริงแทข้ องสรรพ
ส่งิ เพอ่ื ใชป้ ัญญาเปน็ เครื่องมือในการขจดั สาเหตุแห่งความทุกข์ท้งั ปวงจนกว่าจะบรรลุถึงภาวะแหง่ ความบรสิ ุทธ์ิ
ข้นั สูงสดุ คือ พระนิพพาน
2. พระนักเทศน์ พระธรรมทตู พระธรรมจาริก พระวทิ ยากร พระวปิ ัสสนาจารย์ และพระ
นักพฒั นา มีบทบาทสำคัญอยา่ งไร
1) พระนักเทศน์ มีบทบาทสำคัญในการนำหลักพุทธธรรมไปเทศนาสัง่ สอนประชาชน ซง่ึ มวี ธิ กี าร
หลายรูปแบบ เชน่ เทศนแ์ บบธรรมาสน์เดียว เทศน์แบบปุจฉา-วิสชั นา เทศน์ทำนองสรภัญญะ หรอื เทศน์แหล่
เป็นต้น
2) พระธรรมทตู มบี ทบาทในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในตา่ งประเทศ ซ่งึ หน่วยงานสำคญั ในการจัด
หลักสตู ร ฝึกอบรมให้พระธรรมทตู ไปเผยแผพ่ ระพุทธศาสนา คือ มหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย และมหามกุฏ
ราชวทิ ยาลัย
3) พระธรรมจาริก จะทำหน้าที่แสดงธรรมแกป่ ระชาชนในภมู ิภาคท่ีห่างไกลความเจริญ อยู่ตามป่าเขา
4) พระวทิ ยากร มีบทบาทในการแสดงธรรมแกค่ รู-อาจารย์ นกั เรยี น นักศกึ ษา ประชาชน
5) พระวปิ ัสสนาจารย์ ทำหนา้ ที่ในดา้ นการใหค้ ำแนะนำ วิธปี ฏบิ ตั ิสมถกรรมฐานและวิปสั สนา
กรรมฐาน แก่พระภิกษุ สามเณร และประชาชนท่วั ไป โดยมากจำพรรษาอย่ใู นเสนาสนะทสี่ งบสงัด
6) พระนักพฒั นา มีบทบาทสำคญั ในการชกั ชวนชาวบา้ นใหร้ ่วมกันพฒั นาในด้านต่างๆ โดยให้
ชาวบา้ นรจู้ ัก วิเคราะห์ปญั หาของชุมชน หาสาเหตุ และแนวทางในการพฒั นาไปตามประเดน็ ปญั หาของแต่ละ
พ้ืนท่ี
3. ถา้ นกั เรยี นมลี ูกจ้างในบ้าน หรอื มผี ทู้ ำหน้าท่ีบรกิ ารช่วยเหลือนกั เรยี นอยูเ่ สมอ นักเรียน
ควรปฏบิ ัตติ นต่อเขาอย่างไร จึงจะสอดคล้องกับการปฏิบตั ิตนตามหลกั ทศิ เบ้ืองลา่ งในทิศ 6
(พจิ ารณาตามคาตอบของนักเรยี น โดยใหอ้ ยใู่ นดุลยพนิ จิ ของครผู สู้ อน)
4. อบุ าสกธรรม 7 ไดแ้ ก่อะไรบ้าง
1) ไมข่ าดการเย่ียมเยียนพระภิกษุ
2) ไมล่ ะเลยการฟังธรรม
3) ศึกษาในอธิศีล
4) เล่ือมใสในพระภกิ ษทุ ัง้ หลาย
5) ไม่ฟังธรรมด้วยต้ังใจจะคอยเพง่ โทษตเิ ตยี น
6) ไมแ่ สวงหาทักขิไณยภายนอกหลักคำสอน
7) ขวนขวายในการบำรงุ พระพุทธศาสนา
5. ปจั จุบันนนี้ กั เรยี นไดป้ ฏิบัตหิ นา้ ที่และบทบาทของอุบาสก อุบาสกิ า อยา่ งเหมาะสม
อย่างไรบา้ ง
(พิจารณาตามคำตอบของนักเรยี น โดยให้อยใู่ นดลุ ยพินจิ ของครูผู้สอน)
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 18
กลุม่ สาระการเรยี นรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 5
หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 5 เรอื่ ง หน้าท่ชี าวพทุ ธและมารยาทชาวพุทธ เวลา 4 ชว่ั โมง
เรอ่ื ง ศาสนพธิ ี เวลาที่ใช้สอน 2 ชั่วโมง
ครูผูส้ อนช่อื นางสาวพชั ราภรณ์ กลิ่นเกษร โรงเรียนพนมศกึ ษา
............................................................................................................................. .................................................
สาระสำคญั
พุทธศาสนิกชนทุกคนพึงปฏิบัตติ นในศาสนพธิ ี พิธีกรรม และสวดมนต์ได้อย่างถกู ต้อง
มาตรฐานการเรยี นรู้
ส 1.1 รู้ และเขา้ ใจประวัติ ความสำคัญ ศาสดา หลักธรรมของพระพทุ ธศาสนาหรอื ศาสนาท่ีตนนับถือ
และศาสนาอ่นื มศี รัทธาทถี่ ูกต้อง ยดึ ม่นั และปฏบิ ตั ิตามหลักธรรม เพื่ออยู่ร่วมกันอยา่ งสันตสิ ุข
ตัวชว้ี ดั ม.4-6/20 สวดมนต์ แผเ่ มตตา และบรหิ ารจติ และเจริญปัญญาตามหลักสติปฏั ฐาน หรือตาม
แนวทางของศาสนาที่ตนนบั ถือ
ส 1.2 เข้าใจ ตระหนกั และปฏบิ ตั ิตนเปน็ ศาสนกิ ชนท่ีดี และธำรงรกั ษาพระพุทธศาสนาหรอื ศาสนาที่
ตนนบั ถือ
ตัวชว้ี ัด ม.4-6/2 ปฏบิ ัติตนถกู ต้องตามศาสนพธิ ี พิธกี รรมตามหลกั ศาสนาที่ตนนบั ถือ
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. เขา้ ใจ และสามารถอธิบายการปฎิบตั ิตนตามมารยาทชาวพทุ ธได้ (K)
2. วเิ คราะห์คุณค่าและความสำคัญของการปฎิบัตติ นตามมารยาทชาวพุทธได้ (P)
3. ปฏิบัติตนตามหลกั ปฏสิ ันถาร 2 ได้ (A)
สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน
1. ความสามารถในการส่ือสาร
2. ความสามารถในการคิด
1) ทักษะการวเิ คราะห์ 2) ทักษะการนำความรู้ไปใช้
3. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ
1) กระบวนการปฏิบตั ิ 2) กระบวนการทำงานกลุ่ม
คุณลักษณะอันพึงประสงค์
1. มวี นิ ยั
- ปฏบิ ัตติ ามข้อตกลง กฎระเบียบ กติกาที่ตกลงกนั ในหอ้ งเรยี น
2. ใฝเ่ รียนรู้
- ผเู้ รยี นต้งั ใจเรยี น เพียรพยายาม ในการเรยี นรู้
3. ม่งุ ม่ันในการทำงาน
- ตงั้ ใจและพยายามทำงานท่ีไดร้ ับมอบหมาย
สาระการเรียนรู้แกนกลาง
ช้นิ งานหรือภาระงาน
-
ขน้ั ตอนการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ (ช่วั โมงท่ี 1)
ขนั้ นำเขา้ สู่บทเรยี น
1. ครนู ำภาพเกยี่ วกับมารยาทชาวพุทธ มาให้นกั เรยี นวิเคราะห์ข้อคิดท่ีไดจ้ ากภาพ เชน่
- ภาพคนกำลงั ไหว้พระสงฆ์
- ภาพคนถวายของแด่พระสงฆ์
- ภาพคนน่ังฟังพระสงฆส์ วดมนต์ในพธิ ีกรรมตา่ งๆ
- ภาพการตอ้ นรบั แขก
- ภาพการทักทายกนั ระหว่างบคุ คลท่ีมีวัยใกล้เคียงกนั
- ภาพเด็กไหวผ้ ใู้ หญ่ หรอื คนทมี่ ีอายุน้อยกวา่ ไหว้คนท่ีมอี ายมุ ากกวา่
2. ครูอธบิ ายเช่อื มโยงความรู้ให้นกั เรยี นเขา้ ใจเกยี่ วกับมารยาทชาวพุทธ
ขน้ั สอน
3. สมาชกิ กล่มุ เดมิ (จากแผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี 17) ร่วมกันศกึ ษาความรู้เรื่อง มารยาทชาวพทุ ธ
จากหนงั สอื เรียน หนงั สอื ค้นคว้าเพ่ิมเติม ห้องสมดุ และแหล่งขอ้ มลู สารสนเทศ
4. ครใู หต้ ัวแทนนกั เรียนสาธิตมารยาทชาวพุทธ ดังน้ี
1) การปฏิสนั ถารที่เหมาะสมต่อพระภิกษุ
- การลุกข้ึนต้อนรบั
- การให้ท่ีนง่ั พระสงฆ์
- การรับรอง
- การตามสง่ พระสงฆ์
2) การปฏิสันถารตามหลักปฏิสันถาร 2
- อามสิ ปฏสิ ันถาร
- ธรรมปฏิสันถาร
5. สมาชกิ แตล่ ะกลุ่มร่วมกนั ฝึกปฏบิ ัติมารยาทชาวพุทธตามแบบทตี่ ัวแทนนักเรยี นเป็นผสู้ าธติ โดยมี
ครชู ่วยเสนอแนะ
ขั้นสรุปผล
7. ครแู ละนกั เรียนชว่ ยกนั สรุปประเด็นสำคญั ของการฝึกปฏิบตั มิ ารยาทชาวพุทธ
ข้นั ตอนการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (ช่ัวโมงท่ี 2)
ขน้ั นำเข้าส่บู ทเรียน
1. ครถู ามคำถามกระตุ้นความคดิ ของนักเรยี นวา่ ชายและหญงิ มกี ารปฏบิ ัติตนในการต้อนรับพระภิกษุ
เม่อื ทา่ นเดนิ มายงั สถานที่ประกอบพิธกี รรมแตกตา่ งกันหรือไม่ อธบิ ายเหตผุ ล (ไมแ่ ตกต่าง ในกรณที ่ีทุกคนนัง่
เกา้ อ้ีก็ลกุ ขึ้นยืนต้อนรบั ถ้านง่ั กบั พ้นื ยกมือไหว้ แตถ่ า้ นั่งกบั พืน้ แล้วกราบจะมีความแตกต่างกนั ในท่ากราบของ
ชายและหญิง)
ขัน้ สอน
2. สมาชกิ แต่ละกลุ่มฝกึ ปฏบิ ัตมิ ารยาทชาวพทุ ธ โดยไม่มแี บบ แลว้ ผลดั กนั ใหข้ ้อเสนอแนะให้การปฏิบตั ิ
เป็นไปตามขั้นตอนครูตรวจสอบความถูกต้องและใหค้ ำแนะนำเพิ่มเตมิ
3. สมาชิกแตล่ ะกลุ่มฝกึ ปฏิบัตเิ ก่ียวกบั มารยาทชาวพทุ ธ เพือ่ ให้เกิดความชำนาญ จากนั้นนำเสนอ
ผลงานตอ่ ครูผู้สอนตามกำหนดระยะเวลาทีต่ กลงกัน โดยใช้เคา้ โครงเรื่องตามกรณีศึกษาท่คี รูเตรยี มไว้ เพียง 1
กรณีศึกษา
ขน้ั สรปุ ผล
4. ครูและนักเรยี นร่วมกันสรุปความร้เู รอื่ งการปฏบิ ัติตนตามมารยาทชาวพุทธ
สือ่ และแหล่งเรยี นรู้
1. หนงั สอื เรียน พระพุทธศาสนา ม.5
2. ห้องจรยิ ธรรม
3. ห้องสมุด
การบรู ณาการหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง (2 ห่วง 3 เง่ือนไข)
หลกั ความพอประมาณ ใช้เวลาในการศกึ ษา คน้ คว้าหาความรู้
ทำงานเหมาะกบั เวลาความคุ้มค่าในอปุ กรณก์ ารเรยี น
หลักมีเหตผุ ล การอธบิ ายโดยการใช้หลักการทางพระพุทธศาสนา
การแกป้ ัญหาโดยใช้หลักการทางพระพุทธศาสนา
หลักสรา้ งภูมคิ ุ้มกันในตัวทดี่ ี การมนี ำ้ ใจ มีความรบั ผดิ ชอบ การทำงานเป็นหมู่คณะ
การวางแผนในการทำงาน
เง่อื นไขความรู้ เขา้ ใจ และสามารถอธิบายการปฎบิ ตั ติ นตามมารยาทชาวพุทธ
เงือ่ นไขคุณธรรม มวี ินยั ใฝเ่ รียนรู้ ซ่อื สตั ย์ ม่งุ มน่ั ในการทำงาน
การบูรณาการตามหลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง 2 เงอ่ื นไข
ความรู้
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 3 ห่วง คณุ ธรรม
พอประมาณ
มเี หตผุ ล
มภี ูมิคุ้มกนั ในตัวที่ดี
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 4 มติ ิ
เศรษฐกิจ สงั คม สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม
การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
วธิ ีการ เครือ่ งมือ เกณฑ์
ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
ประเมินการนำเสนอผลงาน แบบประเมินการนำเสนอผลงาน ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์
สังเกตพฤติกรรมการทำงาน แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงาน
รายบคุ คล รายบคุ คล ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์
สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนใน แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้ารว่ ม
การเข้ารว่ มกจิ กรรมกลุ่ม กจิ กรรมรายกลุ่ม
คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ แบบประเมิน คณุ ลกั ษณะอนั พึง
ประสงค์
ตัวอย่างการเสนอผลงาน การปฏิบัติตนตามมารยาทชาวพุทธ
คำชแ้ี จง ให้นักเรียนแตล่ ะกล่มุ นำเสนอผลงานการปฏิบัติตนตามมารยาทชาวพทุ ธ โดยเลือกการ
นำเสนอตามเคา้ โครงเรื่องของกรณีศึกษา 1 กรณีศึกษา
กรณีศกึ ษาท่ี 1
ในงานวนั ครบรอบ 20 ปี โรงเรียน ทางโรงเรียนไดน้ มิ นต์พระสงฆ์มาในงานทำบญุ จำนวน 9 รูป
เกง่ และแก้วมหี น้าทค่ี อยตอ้ นรับพระสงฆ์ที่หน้าโรงเรยี น แตนและตมุ่ มหี น้าที่เชญิ บุคคลตา่ งๆ นงั่ เกา้ อที้ ี่
จัดไว้
เม่อื พระสงฆม์ าถึงห้องสำหรบั จัดพธิ กี รรม คือ ห้องประชมุ ทุกคนกล่าวต้อนรบั เก่งและแกว้ นิมนต์
พระสงฆน์ ั่งประจำที่อาสนะบนเวทีหอประชุม เก่งและแก้วถวายเครือ่ งด่ืมแด่พระสงฆ์ จากนน้ั ทุกคนกน็ ง่ั
สนทนากับทา่ นเมือ่ เสรจ็ พิธีกรรมแล้ว เกง่ แกว้ แตน และต่มุ พากนั ไปส่งพระสงฆท์ ่ีรถบรเิ วณหน้า
โรงเรียน
กรณีศกึ ษาที่ 2
ในวันจัดงานนทิ รรศการดา้ นวิชาการของโรงเรียนปนี ี้ ทางโรงเรียนเชญิ แขกมารว่ มพิธีเปิดงานและ
ชมนทิ รรศการจำนวนมาก เอกซึ่งเปน็ ประธานกรรมการนกั เรยี น และเจดิ ซึ่งเปน็ รองประธานกรรมการ
นกั เรียนและกรรมการนักเรยี นมีหนา้ ทต่ี อ้ นรับครู-อาจารย์ และตวั แทนนักเรียนของโรงเรียนต่างๆ ที่มา
ร่วมงาน เอกและคณะช่วยกันตอบรับแขก พดู จาทกั ทาย มอบของทรี่ ะลกึ และพาไปนงั่ ประจำที่
เม่ือจบขั้นตอนของพิธีการแล้ว เอกและเจดิ พาแขกเดินชมนทิ รรศการพร้อมกับให้คำอธบิ ายและ
แนะนำในสิง่ ทเ่ี ปน็ ประโยชนต์ ่อผเู้ ขา้ ชม เมื่อเดินชมงานจนทัว่ แลว้ ก็ไปส่งแขกผูม้ าเยือนที่หน้าประตู
โรงเรยี น แขกทุกคนท่ีไปงานนทิ รรศการตา่ งกช็ น่ื ชมและมีความประทับใจในการตอ้ นรอบของเอกและ
คณะ
กรณีศกึ ษาท่ี 3
พอ่ และแมจ่ ัดงานทำบุญขึน้ บ้านใหม่ และมอบหมายใหห้ นึ่งและน้ำ มีหนา้ ทตี่ ้อนรับพระสงฆ์และ
แขกที่มาในงาน เมือ่ พระสงฆ์มาถึงบ้าน หน่ึงและน้ำก็นมิ นต์ไปยงั ห้องซึง่ จัดไวส้ ำหรบั พธิ ีการทำบุญ และ
ถวายเคร่อื งดืม่ แด่พระสงฆ์ จากนนั้ ก็ไปตอ้ นรับแขก เชิญชวนแขกทั้งแขกผูใ้ หญแ่ ละแขกทอี่ ายรุ นุ่
เดยี วกันกับหนง่ึ และน้ำ เม่ือกล่าวตอ้ นรบั และทักทาย สนทนาพอสมควรแลว้ ก็เชิญไปนั่งท่ีห้องทีจ่ ดั ไว้
สำหรับพิธกี ารทำบญุ เมือ่ พิธกี ารทำบุญเสรจ็ สน้ิ แล้ว หนง่ึ และน้ำกน็ ิมนตพ์ ระสงฆ์กลับ ทั้งสองส่งพระสงฆ์
ท่ีรถซ่ึงจอดอยู่หน้าบา้ น จากน้นั กส็ ่งแขกทหี่ น้าบ้าน หนงึ่ และน้ำมอบของที่ระลึกแก่แขกทีม่ าในงาน
ทำบญุ ขน้ึ บ้านใหมด่ ว้ ย
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 19
กลุม่ สาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5
หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 6 เรอ่ื ง วนั สำคญั ทางพระพุทธศาสา และศาสนพิธี เวลา 4 ชว่ั โมง
เรอื่ ง วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา เวลาทใี่ ช้สอน 2 ช่ัวโมง
ครผู ูส้ อนชือ่ นางสาวพัชราภรณ์ กล่ินเกษร โรงเรียนพนมศึกษา
............................................................................................................................. .................................................
สาระสำคัญ
วันสำคญั ทางพระพุทธศาสนามีหลกั ธรรม คติธรรมทีเ่ ก่ียวเนอ่ื ง ซึง่ พุทธศาสนิกชนทุกคนพงึ นำไปเปน็
แนวทางการปฏบิ ตั ิ
มาตรฐานการเรียนรู้
ส 1.2 เข้าใจ ตระหนักและปฏิบัติตนเป็นศาสนิกชนทดี่ ี และธำรงรกั ษาพระพทุ ธศาสนาหรือ ศาสนาท่ี
ตนนบั ถือ
ตวั ชี้วดั ม.4-6/4 วิเคราะห์หลักธรรม คตธิ รรมทเ่ี ก่ียวเน่ืองกับวันสำคัญทางศาสนาและเทศกาลท่ี
สำคัญของศาสนาที่ตนนับถือและปฏิบัติตนได้ถูกต้อง
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1. อธิบายความสำคญั ของวันสำคญั ทางพระพทุ ธศาสนาได้ (K)
2. วิเคราะห์หลักธรรม คตธิ รรมที่เกีย่ วเน่ืองกบั วันสำคัญทางศาสนาได้ (P)
3. เห็นความสำคัญในการศกึ ษาข้อมลู ทางพระพุทธศาสนา ทสี่ ามารถนำไปใชป้ ระโยชน์ในการดำเนิน
ชีวติ ประจำวนั ได(้ A)
สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน
1. ความสามารถในการสอ่ื สาร
2. ความสามารถในการคิด
1) ทักษะการวเิ คราะห์ 2) ทักษะการนำความรู้ไปใช้
3. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ
1) กระบวนการปฏบิ ัติ 2) กระบวนการทำงานกลุม่
คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์
1. มวี ินัย
- ปฏิบัตติ ามข้อตกลง กฎระเบยี บ กตกิ าที่ตกลงกนั ในห้องเรยี น
2. ใฝ่เรียนรู้
- ผเู้ รยี นตัง้ ใจเรยี น เพียรพยายาม ในการเรียนรู้
3. มงุ่ มนั่ ในการทำงาน
- ตัง้ ใจและพยายามทำงานทไี่ ดร้ บั มอบหมาย
สาระการเรียนรแู้ กนกลาง
1) หลักธรรม คติธรรมทเ่ี กย่ี วเน่อื งกบั วันสำคัญและเทศกาลท่สี ำคญั ในพระพุทธศาสนาหรือศาสนาอ่ืน
2) การปฏบิ ัตติ นท่ีถกู ต้องในวันสำคัญและเทศกาลท่ีสำคัญในพระพทุ ธศาสนาหรือศาสนาอื่น
ชน้ิ งานหรอื ภาระงาน
ใบงานท่ี 1 วนั สำคัญทางพระพุทธศาสนา
ข้ันตอนการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ (ชั่วโมงท่ี 1)
ข้ันนำเข้าส่บู ทเรยี น
1. ครูต้ังคำถามถามนักเรยี นเก่ียวกับประสบการณ์ของนักเรียนทเี่ คยเข้ารว่ มพิธกี รรมในวันสำคัญทาง
พระพุทธศาสนา ในหัวข้อต่อไปนี้
- นักเรียนเคยเข้ารว่ มพธิ กี รรมในวันสำคญั ทางพระพุทธศาสนาวันใดบ้าง
- นกั เรยี นเขา้ รว่ มพธิ กี รรมในวนั สำคญั ทางพระพทุ ธศาสนาประเภทใด
- คุณคา่ หรอื ประโยชนท์ น่ี กั เรียนไดร้ ับจากการเข้าร่วมพิธีกรรมในวันสำคัญทาง
พระพุทธศาสนามีอะไรบา้ ง
2. ครอู ธบิ ายเช่อื มโยงให้นักเรียนเข้าใจวา่ วันสำคญั ทางพระพุทธศาสนาจะมีหลกั ธรรม คติธรรมท่ี
เกยี่ วเน่อื งกับวนั สำคญั ดังกลา่ ว
ขนั้ สอน
3. นกั เรียนแบง่ กล่มุ กลุ่มละ 5-7 คน ตามความสมคั รใจ ให้นักเรยี นแต่ละกลมุ่ รว่ มกันศึกษาความรู้
เรอ่ื ง วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา จากหนังสอื เรยี น หนงั สือค้นควา้ เพิ่มเติม หอ้ งสมดุ ห้องจริยธรรม
และแหล่งข้อมลู สารสนเทศ
4. นกั เรยี นนำความรูท้ ี่ไดจ้ ากการศึกษามาบันทึกลงในแบบบันทกึ การอา่ น
ขัน้ สรุปผล
7. สมาชกิ แต่ละกลุ่มสนทนาแลกเปลยี่ นความรู้ เรื่อง วนั สำคญั ทางพระพทุ ธศาสนา ในสาระสำคญั ที่
ได้ศึกษามา