The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by nitarnalanta, 2022-11-29 03:33:21

บทความ

บทความ

ดว้ ยการขาดดลุ งบประมาณทเี่ ราวางแผนไวใ้ นปีงบประมาณหนา้ คาดว่าหน้สี าธารณะภายในปหี น้าอาจจะขน้ึ ไปแตะเกอื บๆ
60% ของ GDP หรือเกินกวา่ น้ไี ด้ ถา้ เรามีการขาดดลุ มากกวา่ ที่คาดไว้ หรอื ถา้ GDP โตชา้ กว่าท่ีคาด
ประเทศไทยต้ังกรอบหนส้ี าธารณะไว้ไม่ให้เกนิ 60% ของ GDP แตห่ ากมองจากกรอบความยงั่ ยนื ทางการคลัง สิง่ ทน่ี า่ จะสนใจ
อาจจะไม่ใช่แคร่ ะดับหนเ้ี ท่าน้ัน แตม่ ีอกี สามประเด็นสาคญั คือ
หนึ่ง การสรา้ งหนเ้ี ปน็ การสรา้ งหน้ีที่ดี ท่ีทาไปเพ่ือประโยชนข์ องเศรษฐกิจประเทศหรือไม่
สอง ภาระดอกเบ้ียทตี่ ้องจ่ายบนหนเี้ ป็นภาระตอ่ เงินงบประมาณจนไมส่ ามารถนาเงนิ ไปใช้ในสง่ิ จาเปน็ เพือ่ พฒั นาประเทศ
หรือไม่
สาม คือ ประเทศจะรักษาระดับหน้ีสาธารณะตอ่ GDP ไม่ให้เพม่ิ ขน้ึ แบบไม่หยดุ ไดห้ รือไม่
ทั้งสามประเดน็ นขี้ ้นึ อยูก่ ับปจั จัยสาคัญแคส่ ามอย่าง คอื

 หน่ึง อัตราการเจริญเติบโตของเศรษฐกจิ ในอนาคต ถ้าการสรา้ งหนท้ี าไปในสง่ิ จาเปน็ ทาใหเ้ ศรษฐกจิ โตได้ หรือกัน
ไมใ่ ห้เศรษฐกจิ ตกตา่ ก็ถือเป็นการสร้างหนีท้ ่ีดี

 สอง อตั ราดอกเบ้ีย ด้วยดอกเบย้ี ทีต่ ่ากว่าในอดตี ค่อนขา้ งมาก ภาระดอกเบ้ยี จ่ายลดลงไปมาก และจะทาให้ยอดหนี้
เพิม่ ขึน้ ในอตั ราทช่ี า้ ลง

 สาม คอื ดลุ งบประมาณขน้ั ต้น (ดลุ งบประมาณทไี่ ม่รวมดอกเบ้ยี จา่ ย) ในอนาคต ถ้าเราทางบประมาณขาดดลุ และกู้
เงนิ มาใชใ้ นวนั นี้ เราต้องมีวินัย โดยการทางบประมาณขาดดลุ น้อยลงหรอื เกินดุล โดยการลดรายจ่ายหรอื ขึ้นภาษใี น
อนาคต เพอื่ “จา่ ยคนื หน”้ี

ถ้าดูแบบนี้ ถา้ มีความจาเปน็ จรงิ ๆ เพอ่ื เยียวยา ลดผลกระทบ และกระตุ้นเศรษฐกจิ เราก็ยงั พอมชี ่องว่างพอจะกู้เพิ่มได้ (โดย
อาจจะตอ้ งปรับกรอบหนส้ี าธารณะเพิ่มข้นึ ) แต่เราตอ้ งมวี นิ ยั ดา้ นการคลงั มากข้นึ และเราจะมกี ระสุนเหลอื นอ้ ยลงหาก
สถานการณข์ า้ งหน้าเลวรา้ ยกวา่ ทค่ี าด และนย่ี งั ไมร่ วมภาระทางการคลังในอนาคต เช่น ปญั หาจากโครงสรา้ งประชากร และ
ภาระทสี่ รา้ งไวแ้ ล้วอนื่ ๆ อีก เมอ่ื เงนิ มีจากดั กอ่ นทเี่ ราจะไปกูเ้ งินมาใช้ ส่งิ ทเี่ ราควรทาในวนั นี้ จึงควรเปน็ การจัดลาดับ
ความสาคญั ของการใชเ้ งินตามเปา้ หมายของนโยบายและทศิ ทางของประเทศทีอ่ าจเปลยี่ นไป การจดั งบประมาณแบบเดิมๆ
การใช้จ่ายทไ่ี มจ่ าเป็น ไมช่ ่วยสรา้ งงาน ไมช่ ว่ ยกระตุ้นเศรษฐกิจ และไมส่ อดคลอ้ งกบั สถานการณ์ (เชน่ การอบรมสัมมนาดูงาน
ตา่ งประเทศ การซอ้ื อาวธุ ซื้อพาหนะทีม่ คี วามจาเปน็ นอ้ ย) ควรได้รบั การทบทวน และลาดับความสาคญั แบบจรงิ ๆ จังๆ และ
ลดการรวั่ ไหลของเงนิ งบประมาณเพอ่ื ใหเ้ ม็ดเงินลงไปตามเปา้ หมายไดม้ ากท่สี ดุ
…ผู้เสยี ภาษีทกุ คนควรชว่ ยกนั ถามนะครบั ว่า วันนเี้ ราทาครบแลว้ หรอื ยงั ?
หมายเหตุ :ตพี ิมพ์ครั้งแรก น.ส.พ.กรงุ เทพธุรกจิ วนั ที่ 22 กรกฎาคม 2563

เงินดิจทิ ลั ของธนาคารกลาง 2 มิถนุ ายน 2020

ช่วงหลงั นเี้ ราไดย้ นิ ข่าวเงินดจิ ทิ ลั ทีอ่ อกโดยธนาคารกลาง (Central Bank Digital Currency—CBDC) กนั บ่อยข้ึน หลังจากมี
ขา่ ววา่ จนี จะเรม่ิ เอาเงินหยวนดิจทิ ลั ออกมาใช้ จนคนฮอื ฮากันวา่ จะกลายเป็นสาเหตหุ น่ึงทท่ี าใหเ้ งินดอลลารล์ ม่ สลาย หรือ
แบงก์ชาติเองก็มโี ครงการ “อนิ ทนนท”์ ท่ีกาลังทดสอบการนามาใช้เพือ่ การชาระเงนิ ระหว่างธนาคาร
แตก่ อ่ นท่จี ะคยุ กนั เร่ืองเงนิ ดิจิทัลของธนาคารกลางว่าคืออะไร เรามาดกู นั ก่อนดกี วา่ ว่า “เงนิ ” คืออะไร เงนิ ที่เราใช้กนั อยทู่ ุก
วนั นค้ี ืออะไรกันบา้ ง และเงนิ ดจิ ิทลั ของธนาคารกลางจะเขา้ มาเปน็ คแู่ ขง่ หรอื เติมเตม็ เงินท่ัวไปได้อยา่ งไร
หน้าทข่ี องเงนิ ถา้ วา่ กันตามหลกั เศรษฐศาสตร์ เงินทาหน้าทส่ี าคัญสามอย่าง คือ (1) เป็นตวั กลางในการแลกเปลี่ยน (medium
of exchange) ในการแลกเปลย่ี นสนิ ค้าและบรกิ ารในธรุ กรรมของกจิ กรรมทางเศรษฐกิจ (2) เปน็ ทางเลือกในการสะสมมูลคา่
ของความมงั่ ค่งั (store of value) และ (3) เป็นหน่วยวัดมลู ค่าของของและสนิ ทรัพยต์ า่ งๆ (unit of account)
ถ้านึกดีๆ เงนิ ทีเ่ ราใช้อย่มู ีหลายแบบ และแตล่ ะแบบมกี ารพัฒนาและเปล่ยี นไปตามการพัฒนาของระบบเศรษฐกิจและ
เทคโนโลยี ปัจจุบนั อาจจะพอสรปุ ได้ว่ามอี ยสู่ ่ีกลมุ่ ใหญๆ่ คือ
หน่งึ คอื เงินสด สมยั กอ่ นเราอาจจะใชเ้ ปลือกหอย ตาลึงเงิน ตาลงึ ทอง หรือเหรยี ญกษาปณท์ มี่ ลู ค่าของโลหะท่ที าเหรยี ญมีคา่
พอๆ กับเงนิ และปจั จบุ ันนวตั กรรมสาคญั ของประวตั ิศาสตรเ์ ศรษฐกิจโลกคอื ระบบธนบตั ร ท่ีทามาจากกระดาษทีเ่ กอื บไม่มีคา่
แตม่ ีคนยอมรบั วา่ มีคา่ เพราะเปน็ “หน”้ี ของธนาคารกลาง ทีไ่ ด้รบั การรบั รองวา่ เป็นเงนิ ท่ีชาระหนไ้ี ดต้ ามกฎหมาย และหนุน
หลงั โดยงบดุลและความน่าเชื่อถือของธนาคารกลางผู้ออกธนบตั ร แตเ่ ปน็ เงินทม่ี คี นใชน้ อ้ ยลงเรือ่ ยๆ โดยเฉพาะกับธรุ กรรม
ขนาดใหญ่ เพราะมีต้นทนุ สงู

สอง คือ ตัวเลขเงนิ ในบัญชเี งินฝากของเราที่เกบ็ ไว้ทธ่ี นาคาร ทเี่ ราโอนจา่ ยผ่านระบบธนาคารพาณชิ ย์ หรือจา่ ยออกมาเป็น
เช็ค หรืออาจจะรวมถึงบตั รเครดติ ที่อาจจะนับว่าเปน็ เงินกู้ ที่เราขอกจู้ ากธนาคาร และธนาคารรับประกันการจ่ายแทนเรา ซ่ึง
คิดดดู ๆี จรงิ ๆ แลว้ เงินเหลา่ น้ีกค็ อื เงิน “ดิจิทลั ” แบบหนงึ่ เพราะเปน็ เพยี งตวั เลขทีด่ ารงอยู่ในระบบ และเงนิ เหลา่ นี้มสี ถานะ
เป็น “หน”้ี ของธนาคารพาณิชย์ ทถ่ี กู สร้างขนึ้ ตามกระบวนการสรา้ งเงนิ (money creation) โดยการปล่อยกู้ ท่เี ป็นการ
ส่งผ่านนโยบายการเงินสาคญั ผา่ นภาคธนาคารพาณิชย์ บางคนอาจจะรวมเอาเงินทีเ่ ก็บไว้ท่ี money market fund ทม่ี ีสภาพ
คล่องสงู มากเป็นส่วนหนง่ึ ของเงินในความหมายกว้างดว้ ย
สาม คือ เงินอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (eMoney) ทไ่ี มไ่ ด้ออกโดยธนาคารพาณิชย์ แตอ่ อกโดยบรษิ ัทเอกชน ในรูปแบบของบตั รเติมเงนิ
หรือเงนิ ในกระเปา๋ เงินอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ เชน่ บัตร Starbucks บตั รเตมิ เงนิ ทางดว่ น เงนิ อเิ ลก็ ทรอนิกส์อยา่ งทรูมันน่ี หรือใน
ตา่ งประเทศคือ Wechat, Alipay เงินเหลา่ นีเ้ ปน็ “หน”้ี ของผใู้ หบ้ รกิ ารกระเป๋าเงิน เปน็ เงนิ ทเ่ี ราเอาไปฝากไวก้ บั ผใู้ ห้บรกิ าร
และหวังว่าเขาจะรบั รองเงนิ นัน้ เวลาทเี่ ราใชเ้ งินจริงๆ
และ สี่ คือเงินอเิ ล็กทรอนกิ ส์ที่เปน็ เงนิ สกลุ ใหม่ ใช้เทคโนโลยี distributed ledger ในการยืนยันการจ่ายเงนิ ทาให้เงินไม่
จาเปน็ ต้องมสี ภาพเป็นหนข้ี องใครคนใดคนหนึ่ง หรอื ต้องอา้ งองิ กับสินทรพั ย์อย่างใดอยา่ งหน่ึง แต่มีคา่ เพราะคนเช่อื วา่ มันมีคา่
ตามหลกั demand supply สงั เกตวา่ เงินประเภทที่สองและสาม เปน็ เงนิ ท่ีไมไ่ ด้เป็น “หน้ี” ของธนาคารกลางประเทศใด
ประเทศหนงึ่ แต่อ้างอิงมลู คา่ ของเงินสกลุ ทม่ี อี ยแู่ ลว้ และสังเกตว่าเงนิ แต่ละประเภทที่เราพดู ถงึ มีคณุ สมบตั ิตา่ งกนั ไป ทเ่ี รา
อาจจะนามาใช้เปรยี บเทยี บเงินแตล่ ะประเภทได้ เช่น ความยอมรับ ความปลอดภัยในการใช้ ความปลอดภัยในการเกบ็ รักษา
ความเปน็ ส่วนตัว ต้นทุนธุรกรรม ฯลฯ ตวั อยา่ งเชน่ เงินสด เปน็ เงินทม่ี ีต้นทุนการเกบ็ รักษาสูง ต้นทุนในการทาธรุ กรรมสงู แต่ก็
มีคนยอมรบั สงู (ในมูลค่าธรุ กรรมไมม่ ากนัก) มคี วามเสย่ี งในการปลอมแปลงและการเกบ็ บา้ ง แต่มีข้อดคี ือมีความเป็นสว่ นตวั ใน
การใช้สูงมาก (เพราะไมม่ ีหลกั ฐานการทาธุรกรรมเกบ็ ไว้ทีต่ วั เงิน) หรอื เงนิ ฝากธนาคาร ทเี่ ราโอนไปมาในระบบ มีคนยอมรับสูง
มาก ต้นทนุ ธุรกรรมตา่ (โดยเฉพาะในประเทศไทยเรยี กว่าฟรเี ลย) มคี วามเสย่ี งในการใช้บ้างไมม่ ากนกั (เชน่ การหลอกลวงต๋นุ )
และมคี วามเส่ยี งบา้ งวา่ ธนาคารจะเจ๊งหรอื ไมแ่ ตน่ า่ จะนอ้ ยมาก แตม่ คี วามเป็นส่วนตัวตา่ มาก เพราะประวัตกิ ารโอนถูกเกบ็ ไว้
กับธนาคารและถูกเรยี กดไู ดต้ ลอดเวลา วา่ โอนไปใหใ้ ครเมือ่ ไรอยา่ งไร
แล้วเงินดจิ ทิ ัลทอี่ อกโดยธนาคารกลางคอื อะไร เม่ือพอเห็นภาพแลว้ ว่าเงนิ ท่เี ราใช้กันอยู่เปน็ อย่างไร คาถามทหี่ ลายคนอาจจะ
ถามต่อมาคือ เงินก็มตี ง้ั หลายแบบแล้ว ทาไมยงั ตอ้ งมเี งนิ ดิจิทัลทอี่ อกโดยธนาคารกลางอีก อยากใหน้ กึ ภาพว่า ท่ีผา่ นมา
ธนาคารกลางท่วั โลกทาหนา้ ทเ่ี ปน็ นายธนาคารของสถาบนั การเงนิ ธนาคารพาณชิ ยส์ ามารถเปดิ บัญชกี บั ธนาคารกลางได้ (และ
เงนิ ฝากของธนาคารพาณิชย์ท่อี ยทู่ ่ธี นาคารกลางถูกนบั เป็น “ฐานเงนิ ” แต่ไมน่ ับเปน็ ส่วนหน่งึ ของ “ปริมาณเงิน”) และ
ธนาคารกลางให้บรกิ ารธรุ กรรมและชาระหนรี้ ะหว่างกันกับธนาคารพาณิชย์เท่าน้นั แต่ธรุ กจิ และประชาชนทัว่ ไปไปขอเปิด
บัญชีกบั ธนาคารกลางไมไ่ ด้ ท่ีเป็นอยา่ งนน้ั อาจจะเป็นเพราะธนาคารกลางไม่ได้มีหนา้ ทีใ่ นการดูแลลกู คา้ และการเปดิ บญั ชี
จาเป็นต้องมีสาขาเพ่ือพิสูจนต์ ัวตน ในเม่ือธนาคารกลางไมม่ สี าขาจงึ ปล่อยให้เป็นหนา้ ทข่ี องธนาคารพาณชิ ยท์ ีส่ ามารถเขา้ ถงึ
สาขาของธนาคารพาณชิ ยไ์ ดง้ า่ ยกวา่ (แตก่ ็ยงั มผี คู้ นจานวนมากที่เขา้ ถึงบริการของธนาคารไม่ได้ เชน่ อยูใ่ นพื้นที่หา่ งไกล)
ธนาคารกลางจงึ ทาหนา้ ทีด่ แู ลภาพรวมของระบบการชาระเงิน และทาธรุ กรรมชาระเงินระหว่างธนาคารพาณิชย์
แตด่ ้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ต้นทุนในการใหบ้ รกิ ารลดลงไปมาก ถา้ ประชาชนสามารถเปิดบัญชีดว้ ยวธิ ตี ่างๆ โดยไม่ตอ้ ง
แสดงตวั ท่ีสาขา จึงเรมิ่ เกดิ การถกเถยี งกนั ข้ึนมาว่าธนาคารกลางควรให้บรกิ ารธนาคารให้กบั ประชาชนทั่วไป และควรจะ
มี “เงนิ ดจิ ทิ ลั ” ท่ไี มใ่ ช่ “กระดาษ” ใหก้ ับประชาชนทว่ั ไปได้ใช้ด้วยหรอื ไม่
และเงินดิจิทลั ที่ธนาคารกลางหลายแห่งกาลงั ออกแบบและวางแผนกนั อยู่ ยงั มคี วามแตกตา่ งกันและทางเลอื กใหอ้ อกแบบกัน
อกี เยอะในรายละเอยี ด เชน่ จะใช้ distributed ledger technology ในการยืนยันธรุ กรรม (แบบบติ คอยน์) หรอื จะใช้
ฐานขอ้ มลู กลาง จะเป็นวงปิดหรอื วงเปดิ ใชผ้ ่าน token (ท่ไี มต่ ้องแสดงตวั ผจู้ า่ ย) หรือใช้ผ่านบญั ชี ก็ยงั มคี วามหลากหลาย
แตกตา่ งกนั ไป แตส่ ่วนใหญ่นา่ จะเปน็ การออก stable coin ท่ีอ้างอิงกับเงนิ สกลุ ของธนาคารกลางเดมิ นนั่ คอื เปน็ เงนิ “fiat
currency” แบบเดมิ ท่ไี ม่ตอ้ งสร้างเงินสกุลใหมข่ ึ้นมา และไม่มแี มก้ ระท่งั กระดาษให้กบั คนถือ!
ซง่ึ ถ้าพดู รวมๆ ดจิ ทิ ัลแบบนีอ้ าจจะมขี อ้ ดอี ยหู่ ลายขอ้ เชน่

 หนง่ึ เพม่ิ การเขา้ ถึงบรกิ ารทางการเงิน เพราะประชาชนสามารถเขา้ ถงึ บริการธนาคารและบริการชาระเงนิ ได้ โดยไม่
ตอ้ งมบี ัญชกี ับธนาคารพาณชิ ย์

 สอง อาจจะทาใหร้ ะบบการชาระเงินมีประสทิ ธภิ าพสงู ขนึ้ มกี ารแขง่ ขนั กนั มากข้นึ และลดข้อจากดั ของการเขา้ สู่
ตลาดของผเู้ ลน่ ใหมๆ่ ในระบบการชาระเงิน โดยเฉพาะการชาระเงนิ ขา้ มประเทศ ท่ีมตี น้ ทุนสงู มผี ้เู ลน่ จากดั และ
ขาดประสิทธิภาพ

 สาม อาจจะทาใหก้ ารส่งผ่านนโยบายการเงินมีประสิทธิภาพมากขนึ้ โดยเฉพาะการใช้นโยบายดอกเบี้ยตดิ ลบ ท่ี
หลายคนบอกว่าตราบใดท่คี นยงั นยิ มใชเ้ งนิ สด ขอ้ จากดั คือ คนยงั สามารถถอนเงนิ ไปเก็บไวท้ ีบ่ า้ นได้ ทาใหด้ อกเบี้ย
ตดิ ลบอาจจะใชไ้ มไ่ ดผ้ ลเต็มที่

 สี่ นอ่ี าจจะเป็นวิธที ่ธี นาคารกลางใชต้ อบโต้ คูแ่ ขง่ ท่มี ีมากข้ึนจากเงนิ สกุลดจิ ิทลั ใหมๆ่ เชน่ บติ คอยน์ ทมี่ ีขอ้ เสยี
สาคญั คอื มูลค่าทผ่ี นั ผวนมากจนเกนิ กวา่ จะใช้เป็น “เงนิ ” ท่ีใชไ้ ด้จรงิ ๆ ในชวี ิตประจาวัน (ลองนึกภาพวา่ ถา้ เราจะตงั้
ราคาปาท่องโก๋ในบิตคอยนม์ ันจะผันผวนขนาดไหน)

อยา่ งไรกด็ ี ยังมขี อ้ กงั วลเกยี่ วกับเงนิ ดจิ ิทลั ที่ออกโดยธนาคารกลางน้ี เช่น ถา้ ประชาชนมที างเลอื กในการเปิดบญั ชกี ับธนาคาร
กลาง จะกลายเป็นค่แู ข่งสาคญั ของเงนิ ฝากของธนาคารพาณชิ ย์ เพราะธนาคารกลางไมม่ ีความเสีย่ งในการผดิ นดั ชาระหนเี้ ลย
อาจจะทาใหธ้ นาคารพาณิชยต์ อ้ งขน้ึ ดอกเบ้ยี เงินฝากใหส้ ูงกวา่ เพ่ือจงู ใจใหป้ ระชาชนมาฝากเงนิ แต่ก็อาจจะพอแกไ้ ขด้วยการ
กาหนดให้บญั ชเี งนิ ฝากของธนาคารกลางไมต่ อ้ งจ่ายดอกเบยี้ (ตราบเท่าทด่ี อกเบย้ี นโยบายและดอกเบี้ยในตลาดยงั เป็นบวกอยู่)
เพ่ือให้ดอกเบีย้ เป็นแรงจูงใจใหผ้ ู้ฝากเงินยังไปฝากกบั ธนาคารพาณชิ ยอ์ ยู่
แตก่ ารมีคู่แข่งอยา่ งธนาคารกลางมาแข่งด้วย แม้จะแคฝ่ ัง่ เงินฝากเพยี งอย่างเดียว อาจจะทาใหต้ ้นทนุ ของธนาคารพาณิชย์
สูงข้นึ และกาไรน้อยลงกไ็ ด้ นอกจากน้ี บางคนอาจจะกงั วลว่าในภาวะทีเ่ กดิ วิกฤตภิ าคธนาคาร เงินประเภทนี้จะทาให้
ประชาชนแห่ไปถอนเงินเรว็ ขึน้ (แทนที่จะตอ้ งเขา้ ควิ เพ่ือถอนเอาธนบัตรออกมา คนอาจจะถอนไปเปน็ เงนิ ของธนาคารกลาง
เลย) แตจ่ ริงๆ แล้วทกุ วนั นีถ้ า้ เกดิ เหตกุ ารณแ์ บบนน้ั คนกโ็ อนเงนิ ไปธนาคารอนื่ หรือโอนไปต่างประเทศก็ยังได้ การทาระบบ
ประกันเงนิ ฝากใหม้ ีความน่าเชอ่ื ถอื อาจจะพอชว่ ยได้ในระดบั หนึ่ง อีกความกังวลคือถ้าเงนิ ชนิดนีต้ ิดตลาดขึ้นมาจรงิ ๆ พลวตั
ของการคมุ “ปรมิ าณเงิน” อาจจะตอ้ งเปลีย่ นไป จากเดมิ ทธ่ี นาคารกลางคมุ เพยี งแค่ฐานเงนิ โดยอัดฉดี หรือดูดเงินออกจาก
ระบบธนาคาร แลว้ ใหร้ ะบบธนาคารนาเงนิ ไปหมุนตอ่ เปน็ ปรมิ าณเงนิ เอง ต่อไปธนาคารกลางอาจจะตอ้ งดูดเงินออกจากราย
ย่อยดว้ ยหรือไม่ นอกจากน้ี การนาชือ่ ธนาคารกลางไปใชก้ ับเทคโนโลยีใหมๆ่ ท่ยี งั ไมม่ กี ารใช้อยา่ งแพร่หลาย อาจจะสร้างความ
เสยี่ งให้กับชื่อเสียงของธนาคารกลาง หรอื ถา้ มปี ัญหาเรื่องความปลอดภยั การปลอมแปลงหรือหลอกลวง หรอื เกิดระบบลม่ กัน
บ่อยๆ กอ็ าจทาใหค้ วามน่าเชอื่ ถอื ของธนาคารกลางไดร้ ับผลกระทบได้ ทุกวนั นธ้ี นาคารกลางหลายแหง่ กาลังศกึ ษาทางเลือก
การออกเงินดจิ ิทลั อยู่ หนง่ึ ในข้อเสนอคือการให้เอกชนเข้ามาทาหน้าทธี่ นาคารกลางในการออกเงนิ ดิจิทลั เป็น
“synthetic” CBDC ภายใต้การกากบั ของธนาคารกลาง เพ่อื ลดความเสยี่ งท่ีจะเกิดกับธนาคารกลาง ในขณะท่สี นับสนนุ
ให้เกดิ ข้อดี คือการแขง่ ขันด้านการชาระเงินให้มากข้นึ และมปี ระสทิ ธิภาพมากข้ึน เงินดจิ ทิ ลั ของธนาคารกลาง เป็น
นวัตกรรมทางการเงินที่มีโอกาสจะเปลยี่ นโฉมหนา้ ของระบบธนาคาร ระบบชาระเงิน และการดาเนินนโยบายการเงินได้ แต่
เหมอื นนวัตกรรมอน่ื ๆ เงนิ แบบน้ยี งั อยู่ในขน้ั ทดลอง และผเู้ ล่นสว่ นใหญ่ยงั เห็นภาพไมช่ ดั ว่าจะกระทบพวกเขาอยา่ งไร
แม้กระทงั่ ธนาคารกลางเอง ธนาคารหลายแหง่ ยกเลกิ ความพยายามในการศกึ ษาและทดลองไปแลว้ ในขณะท่ธี นาคารกลาง
หลายแหง่ กาลังจะทดลองนามาใช้ ในขอบเขต และใช้เทคโนโลยีทแ่ี ตกต่างกนั ไป

เพราะความทา้ ทายคร้งั นี้ใหญห่ ลวงนกั 9 กมุ ภาพนั ธ์ 2021
การฟื้นตวั ของเศรษฐกจิ คงจะใชเ้ วลายาวนาน มกี ารฟ้นื ตัวที่ไม่เท่ากนั และมีความไมแ่ นน่ อนสูง
ตอนนเ้ี ราเรมิ่ จะเห็นแสงสวา่ งท่ีปลายอโุ มงค์กบั อนาคตของเศรษฐกจิ โลก ทส่ี ่วนหน่ึงมาจากความมหัศจรรย์ของมวลมนษุ ยชาติ
ในการคิดค้นวคั ซีน ที่ใชเ้ วลาในการคิดค้นและทดลองกับมนุษยน์ ้อยกวา่ หนงึ่ ปี จากเดมิ ทก่ี ารพัฒนาวคั ซนี ปกติใช้เวลามากกวา่
5-10 ปี และปจั จุบนั มวี คั ซีนถึงหกชนิดทม่ี ีรายงานผลการศกึ ษาในวารสารทางการแพทย์ ซง่ึ ไดร้ บั การยอมรับแลว้ วา่ มี
ประสทิ ธผิ ลในการสรา้ งภมู คิ มุ้ กัน สามารถป้องกนั การติดเช้อื หรอื ลดความรุนแรงของโรคอย่างมีประสทิ ธผิ ลค่อนขา้ งดี และมี
ผลขา้ งเคยี งทคี่ ่อนข้างจากดั เชอ่ื ว่าเมือ่ เราเริม่ ฉีดวคั ซนี กนั แลว้ นา่ จะเริ่มเห็นอัตราการตดิ เชื้อ อัตราการเสยี ชวี ิต และ
จานวนผปู้ ่วยเข้าโรงพยาบาลลดลง จนเร่มิ สามารถเปดิ เมอื งได้บางสว่ น และในประเทศพฒั นาแล้วน่าจะฉดี กันจนเกิด
“ภมู ิคุ้มกนั หม”ู่ จนเช้ือเร่ิมหายไปได้ภายในปนี ้ี เมอ่ื เมอื งกลบั มาเปดิ ได้ เศรษฐกิจประเทศเหลา่ นี้ นา่ จะมีแนวโนม้ กลับมาฟน้ื
ตวั และขยายได้ และดว้ ยมาตรการกระตนุ้ เศรษฐกิจขนาดมหาศาล คาดกนั วา่ เศรษฐกิจโลกนา่ จะกลบั มาโตได้ประมาณ 5.5%
มากกว่าทหี่ ดตวั ไป 3.5% เม่อื ปีทแี่ ล้ว นาโดยสหรัฐอเมรกิ าท่นี า่ จะโตได้ถงึ 5-6% เทยี บกบั ที่หดไป 3.4% เม่ือปที แ่ี ล้ว และจนี
และอินเดยี ทน่ี า่ จะโตไดถ้ ึง 8% และ 11% ตามลาดบั ในปีน้ี การฟ้ืนตัวทีด่ ีของประเทศใหญๆ่ เหล่านนี้ า่ จะชว่ ยเปน็ แรงส่งให้
เศรษฐกจิ ประเทศอื่นเร่มิ ฟื้นตัวได้ แต่กม็ อี ีกหลายประเทศ เช่น ญ่ีปนุ่ เกอื บทุกประเทศในยโุ รป รวมถงึ ประเทศไทย ที่
เศรษฐกิจน่าจะโตไดน้ ้อยกว่าทีห่ ดตวั ไปปกี อ่ น แปลวา่ อาจจะตอ้ งใช้เวลาอกี สกั พักกว่า “ระดับรายได”้ จะกลบั ไประดับก่อนท่ี
จะมปี ญั หาโควดิ

ปัญหาโควดิ คงยงั ไมจ่ บลงไปง่ายๆ และยงั มคี วามไมแ่ นน่ อนอยู่อกี มาก หลายประเทศโดยเฉพาะประเทศกาลังพัฒนายงั ไมไ่ ด้
เริม่ ฉดี วคั ซีนกันเลย (เช่น ไทย เปน็ ตน้ ) และด้วยอตั ราทฉี่ ีดวคั ซนี กนั ในปัจจบุ นั กว่าทเ่ี ช้ือจะหายไปจากโลก อาจจะใชเ้ วลาอกี
หลายปี เรายงั มคี าถามทยี่ งั หาคาตอบไมไ่ ดอ้ ีกมากมาย เชน่ ภมู ิคมุ้ กันจากวคั ซนี จะอยไู่ ด้นานแคไ่ หน ตอ้ งฉีดวคั ซนี เพิม่ เติม
หรอื ไม่ วัคซนี เหลา่ น้จี ะคมุ้ กนั ไวรสั ทม่ี ีการกลายพันธุ์อยูต่ ลอดเวลาได้หรอื ไม่ ผไู้ ด้รับการฉีดวัคซีนจะยงั คงเปน็ พาหะในการนา
เช้อื โรคไปติดให้กับผู้อน่ื ได้อยหู่ รือไม่ การเดินทางและการทอ่ งเทีย่ วระหว่างประเทศจะกลับสภู่ าวะปกติไดเ้ มอ่ื ไร ซ่ึงทง้ั หมดน้ี
คงต้องมกี ารวิจยั และศกึ ษากันตอ่ ไปเพ่อื เราจะเข้าใจและออกแบบวธิ บี ริหารจดั การ และควบคมุ การแพร่กระจายของเชอื้ โรคที่
นา่ จะอยู่กบั เราไปอกี สกั พกั
สว่ นประเทศไทยนัน้ … ถ้าย้อนมาดทู ่ปี ระเทศไทย จะเหน็ วา่ เราถูกกระทบจากวกิ ฤตริ อบนีห้ นักกว่าคนอื่น และเรานา่ จะเป็น
ประเทศท่ีฟืน้ ชา้ กวา่ ประเทศอนื่ เพราะ “หลุม” ของเราใหญ่กวา่ และยังกลบไมเ่ ตม็
ทั้งจากอุปสงค์ในประเทศทห่ี ายไปจากมาตรการปอ้ งกันการระบาด การกระตุ้นเศรษฐกจิ ท่ใี ช้เงินไดช้ ้าและนอ้ ยกว่าหลาย
ประเทศ รายไดจ้ ากการทอ่ งเท่ียวตา่ งประเทศที่เคยเปน็ ถึง 12% ของ GDP หายไปทั้งหมด และเรายังไมม่ แี นวโน้มวา่ จะ
สามารถเปิดประเทศเพ่ือรับนกั ท่องเท่ียวต่างประเทศได้ รายได้ท่ีหายไปส่วนนีก้ ็ยังไม่มีความแนน่ อนว่าจะกลับมาได้เมอ่ื ไร
แมป้ ระเทศใหญ่ๆ จะฉดี วคั ซนี กันหมดแล้ว คาถามคือ เราจะกล้าใหค้ นฉดี วคั ซนี แล้วเขา้ ประเทศไหม ถา้ เรายงั ฉีดไดไ้ ม่เท่าไร
และโดยเฉพาะถา้ คนฉดี วคั ซีนแล้วยงั สามารถเป็นพาหะนาเช้อื โรคอยไู่ ด้ และคนทีฉ่ ดี วัคซีนแลว้ จะกลา้ มาประเทศไทยไหม ถ้า
เรายงั ควบคมุ สถานการณไ์ มไ่ ด้ และเขารู้วา่ วคั ซนี ไมไ่ ดม้ ปี ระสิทธผิ ลปอ้ งกันได้ 100% การบริหารจัดการความเส่ียงเพอ่ื ให้เกดิ
สมดลุ ระหวา่ งต้นทนุ เศรษฐกจิ และความเสยี่ งด้านสาธารณสุขยังมคี วามจาเป็นและต้องไดร้ บั การประเมนิ ด้านเทคนิคอยู่
ตลอดเวลา ปจั จยั เหล่าน้ี สะท้อนภาพของการฟ้ืนตัวทางเศรษฐกจิ ทต่ี ้องใช้เวลานาน มีความแตกต่างกนั ไปในหลายภาคสว่ น
และยังคงมคี วามไมแ่ นน่ อนสูง ซึ่งคงสรา้ งแผลเปน็ ใหก้ ับเศรษฐกจิ ทงั้ ดา้ นการจ้างงาน ความสามารถในการแข่งขัน ความ
เหลอ่ื มลา้ รายได้ ความมง่ั คัง่ และความสามารถในการจา่ ยคนื หน้ี ของครัวเรอื นและบรษิ ัท อย่างหลีกเล่ยี งไม่ได้
ปญั หาระยะสนั้ ในระยะสั้น คาถามคือ ดว้ ยระดบั ของเศรษฐกจิ ทอ่ี ยตู่ ่ากว่าระดบั ศกั ยภาพคอ่ นขา้ งมาก น่าจะซบเซาไปอีกสกั
พัก และมีความไมแ่ นน่ อนสูง จะสง่ ผลกระทบตอ่ ความมั่นใจในการบรโิ ภคและการลงทนุ มากขนึ้ ไปอีก เราควรต้องมมี าตรการ
อย่างไร เพื่อให้การเยยี วยาและกระตนุ้ เศรษฐกิจมปี ระสทิ ธผิ ลสูงสุด บทบาทของนโยบายการคลงั และนโยบายการเงนิ ควรเป็น
อย่างไร เราเห็นอาการหลายอยา่ งท่สี ะทอ้ นให้เห็นวา่ เศรษฐกจิ ภายในประเทศของเรากาลงั ยา่ แย่ มกี ารลงทนุ และการบรโิ ภค
อยู่ตา่ กว่าระดบั ทคี่ วรจะเปน็ เราเห็นเงนิ บาทมีแนวโนม้ แข็งค่าอย่างต่อเนอื่ ง จากการเกนิ ดลุ บญั ชีเดินสะพัด ทัง้ ๆ ทเี่ ราขาด
รายไดจ้ ากการทอ่ งเทีย่ วไปจานวนมาก ซง่ึ สะท้อนใหเ้ หน็ วา่ เรายังมเี งินออมมากกวา่ การลงทนุ ในประเทศ
นอกจากน้ี แรงกดดันเงนิ เฟอ้ ท่ีอยใู่ นระดบั ตา่ เมอื่ เทียบกับประเทศอืน่ (เงินเฟอ้ พ้นื ฐานของไทยอยทู่ ่ปี ระมาณ 0% เทียบกับ
สหรฐั ทอี่ ยทู่ ่ี 1.5% และมีแนวโนม้ สูงข้นึ ) และหลุดกรอบที่แบงก์ชาตติ ง้ั ไว้เปน็ เวลามากกวา่ หา้ ปีติดตอ่ กัน
ในขณะทธี่ นาคารกลางใหญ่ๆ อยา่ ง Federal Reserve ของสหรัฐฯ และธนาคารยโุ รป มีการทบทวน ปรับเปา้ หมายและกล
ยทุ ธ์ในการดาเนินนโยบายการเงนิ เพราะกงั วลว่าเงนิ เฟ้อท่ีตา่ เปน็ เวลานานจะกลายเป็นปัญหาที่แกไ้ มไ่ ด้ในระยะยาว แตบ่ ้าน
เรายังตอ้ งต้ังคาถามกันอยู่ว่า เรายังควรต้องสนใจและยดึ เอาเงินเฟอ้ เป็นเปา้ หมายในการดาเนนิ นโยบายการเงินอยู่หรือไม่
และเม่ือเงนิ เฟอ้ หลดุ กรอบขนาดนี้ (แม้เราจะมเี ปา้ หมายอื่น เชน่ เสถียรภาพของระบบการเงิน) เราจะควรต้องทบทวน
และปรบั กระบวนการทานโยบายหรอื ไมอ่ ยา่ งไร
เราควรสนับสนนุ การลงทนุ ตา่ งประเทศหรือในประเทศ สังเกตวา่ ในปญั หาเร่อื งค่าเงนิ บาทแขง็ มาตรการท่แี บงกช์ าติเพ่ิง
ประกาศออกมา เชน่ การผ่อนคลายข้อจากัดของเงินทุนไหลออกและสนับสนุนให้ลงทนุ “ในตา่ งประเทศ” เพิม่ ขน้ึ เพ่ือทาให้มี
การ “รีไซเคลิ ” การเกินดลุ บญั ชเี ดินสะพดั ใหม้ ากข้นึ เป็นส่วนหนง่ึ ของการเปิดเสรแี ละลดข้อจากดั ทคี่ วรทา แตม่ าตรการ
เหลา่ นอ้ี าจจะไม่พอและเป็นเพียงการแก้ปัญหาท่ีปลายเหตุ จรงิ ๆ แลว้ สง่ิ ทเี่ ราควรช่วยกนั คดิ คอื จะทาอยา่ งไรใหเ้ ศรษฐกจิ ใน
ประเทศเตบิ โตและมีความสาคญั เพิม่ มากข้ึน ทาอย่างไรให้มีการลงทุน “ในประเทศ” เพ่มิ มากข้ึน นอกเหนอื จากการใช้
นโยบายกระต้นุ ท้งั การคลงั และการเงินเพอ่ื “jump start” เศรษฐกจิ เพอ่ื เยียวยา และกระตนุ้ เศรษฐกิจ ทดแทนอปุ สงค์ท่ี
หายไปไดอ้ ยา่ งไร เกอื บจะเหมอื นกับปญั หาในช่วง The Great Depression ในช่วงทศวรรษ 1930s ที่ตอ้ งการมาตรการ
กระตนุ้ อยา่ งหนักเพอ่ื ให้เศรษฐกจิ เริม่ ฟื้นได้ ต่างกันทค่ี ร้งั น้ี ปญั หาโรคระบาดอาจจะยงั เปน็ ข้อจากดั ทท่ี าให้เศรษฐกิจกลับมา
ปกติยงั ไมไ่ ด้ แล้วเราจะทาใหก้ ารบรโิ ภคและการลงทนุ กลับมาขยายตัวได้อย่างไร จะลดข้อกฎระเบียบ ข้อจากดั ตา่ งๆ และ
นโยบายทส่ี นับสนนุ ทนุ ผูกขาด ทเี่ ปน็ อปุ สรรคตอ่ การลงทนุ และการแข่งขนั การเปิดเสรใี นดา้ นตา่ งๆ อาจจะเปน็ หนึ่งใน
ทางออกเพอ่ื ให้เกดิ การลงทนุ และยกระดับความสามารถในการแขง่ ขันโดยรวมของประเทศ

หากเรายงั ไมส่ ามารถแกป้ ญั หาทต่ี น้ เหตุ มแี นวโนม้ ทีเ่ ศรษฐกิจภายในประเทศจะฝอ่ ลงไปเรื่อยๆ เพราะบุญเกา่ เรากาลังจะหมด
ในขณะทีโ่ ครงสรา้ งประชากรของเรากาลังจะพาเราเข้าสภู่ าวะ “แก่กอ่ นรวย” และตดิ กบั ดกั deflationary spiral (ภาวะเงนิ
ฝืดขัน้ รนุ แรง) แบบทญี่ ี่ปุ่นเคยเจอมา
ปญั หาระยะยาว นอกจากแนวโนม้ เศรษฐกิจในระยะสัน้ เรายงั เจอปัญหาระยะยาวอีกหลายเร่ือง เชน่ ความเหล่อื มล้าทนี่ า่ จะ
ทวคี วามรุนแรงขน้ึ เราเหน็ ชัดเจนว่าโควดิ -19 ยิ่งสะทอ้ นใหเ้ ห็นความเหลอ่ื มล้าดา้ นโอกาส ทัง้ ด้านแรงงานและการศึกษา
แรงงานจานวนมากไมม่ ที างเลือกในการทางานจากบา้ น อยู่นอกระบบ และขาดระบบสวัสดกิ าร และนกั เรียนจานวนมากไมม่ ี
ความพรอ้ มในการเรยี นจากบ้าน และสมุ่ เสีย่ งที่เราจะมีชอ่ งว่างดา้ นความรู้ ทีน่ กั เรยี นจานวนมากอาจขาดพัฒนาการด้านการ
เรียนรไู้ ป นอกจากนี้ ปญั หาเรอ่ื งความสามารถในการแข่งขนั ของไทยก็กาลงั แสดงอาการออกมาเรือ่ ยๆ การสง่ ออกของไทยฟืน้
ตัวชา้ กวา่ ประเทศเพอื่ นบา้ น เรามสี ดั ส่วนการส่งออกสนิ คา้ ที่ใชเ้ ทคโนโลยนี ้อยกวา่ หลายประเทศ และเราขาดการลงทุนใหมๆ่
สังเกตวา่ นอกจากการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ จะมาไทยน้อยลงแล้ว เราเรม่ิ เห็นการยา้ ยฐานการผลติ ออกจากประเทศไปดว้ ย
แนวโน้มโครงสร้างประชากรทเี่ ราจะมปี ระชากรวัยทางานลดลงทาใหเ้ ราย่ิงต้องเพิ่มความสามารถในการแข่งขนั อยา่ งเรง่ ด่วน
วนั นป้ี ญั หาขา้ งหนา้ ใหญห่ ลวงนกั เราคงตอ้ งช่วยกันคิดและหาทางแก้ไขปญั หาทงั้ ระยะสน้ั และระยะยาวที่เราเผชญิ อยู่
และความเสีย่ งจากการทา “มากเกินไป” อาจจะน้อยกว่าตน้ ทนุ ของการทา “น้อยเกนิ ไป” ก็ได้

ความทา้ ทายของเศรษฐกจิ ไทยกบั ความเสย่ี งจากภาวะ stagflation15 พฤษภาคม 2021
ปัจจุบนั เศรษฐกจิ ไทยกาลงั เจอความทา้ ทายในหลายมติ ิ โดยเฉพาะอย่างยง่ิ เม่ือมองไปข้างหนา้ มีปจั จยั ทสี่ รา้ งความไม่แน่นอน
เต็มไปหมด จนน่าคิดว่าการวางแผนธรุ กิจและชวี ติ อาจจะเป็นไปไดอ้ ย่างยากลาบาก แตพ่ อมองออกไปนอกประเทศ ดู
เหมอื นว่าเรากาลังดหู นงั คนละมว้ น เศรษฐกจิ หลายทกี่ าลังกลบั ไปขาขึ้น เศรษฐกจิ บางแหง่ เรม่ิ ฟื้นตวั เร็ว จนเริ่มมสี ญั ญาณเงนิ
เฟอ้ อยา่ งนา่ กงั วล เศรษฐกจิ ทอ่ี ยกู่ ันคนละวงจรแบบนจี้ ะมผี ลกระทบอยา่ งไรกบั เศรษฐกจิ ไทย? เรากาลังเจอความเสยี่ งทจี่ ะ
เกดิ stagflation หรอื ไม่ ลองมาไลก่ นั ดคู รบั วา่ เกิดอะไรกนั ขนึ้
มองภาพบา้ นเราเศรษฐกิจไทยปที แี่ ล้วหดตวั ไป 6% จากเศรษฐกิจทห่ี ยุดชะงกั ปนี ้กี าลงั คาดการณก์ นั ว่าจะฟนื้ ตัวได้ประมาณ
สกั 2% (และอาจจะนอ้ ยกว่านีถ้ า้ เราคุมการระบาดและไมส่ ามารถเปิดเมอื งกลับมาได้ หรอื มกี ารแพรร่ ะบาดรอบใหม)่ และมี
ความท้าทายอยู่อยา่ งนอ้ ยสามประเด็น จนมคี าถามวา่ เราจะเหน็ แสงสวา่ งทีป่ ลายอโุ มงค์หรอื ไม่
หน่ึง การระบาดภายในประเทศยังไมส่ ามารถควบคุมไดแ้ ละกาลังทดสอบขีดจากดั ของระบบสาธารณสขุ จนเศรษฐกิจ
ตอ้ งลอ็ กดาวน์ตัวเอง อปุ สงคภ์ ายในประเทศหดหาย และธรุ กจิ และการจ้างงานกาลังถูกกดดนั จากกระแสเงนิ สดที่แห้งหายไป
และสร้างภาวะให้กับธุรกจิ ท่ีถกู บังคบั ใหเ้ ปิดๆ ปดิ ๆ โดยไมร่ ูว้ า่ จะกลบั มาเปิดไดอ้ ยา่ งเตม็ รูปแบบเมอื่ ไร
สอง การจัดหาและกระจายวัคซนี เป็นไปดว้ ยความล่าชา้ จนมคี วามเสยี่ งว่าภาวะความไมแ่ น่นอนจากการระบาดอาจจะอยู่
กับเราไปอกี สักระยะจนกวา่ เราจะสามารถฉีดวัคซนี จนคนสว่ นใหญเ่ รม่ิ มภี ูมิคุ้มกนั และลดความกังวลจากการแพรร่ ะบาดไป
ได้ (ไมน่ ับความไมแ่ นน่ อนทเ่ี กดิ ขนึ้ จากการพึ่งพาวคั ซนี ยห่ี อ้ เดียวและแหลง่ ผลติ เดียวเปน็ สาคัญ ท่ีอาจสร้างความเสย่ี งจาก
ไวรสั สายพันธใุ์ หมๆ่ และความไมแ่ น่นอนท่ีเกิดจากการผลติ ได)้ และเราทราบว่าวคั ซนี แอสตร้าเซนเนกา้ ท่เี ราใชก้ ันเป็นสว่ น
ใหญ่ ยงั มปี ระสิทธิผลทค่ี อ่ นข้างตา่ กับเช้อื ไวรสั สายพนั ธแุ์ อฟรกิ าใต้ ซง่ึ อาจจะกลายเป็นปญั หาใหญไ่ ด้ ถา้ สายพันธ์นุ ้เี ข้ามา
ระบาดในประเทศไทย
สาม การเปดิ ประเทศเพื่อรับรายไดจ้ ากการทอ่ งเทย่ี วตา่ งประเทศก็เตม็ ไปด้วยความไมแ่ นน่ อน ทง้ั จากปัญหาภายใน (การ
ระบาดทีย่ งั มอี ยู่และการกระจายวคั ซนี ทล่ี า่ ชา้ จนคนที่เดนิ ทางได้อาจจะเลือกเดินทางไปประเทศอื่นๆ ก่อน) และปัญหา
ภายนอก (ความไมแ่ น่นอนจากประสิทธิผลของวัคซนี ชนิดต่างๆ ตอ่ ไวรัสสายพนั ธตุ์ ่างๆ อาจจะทาใหก้ ารเดนิ ทางระหวา่ ง
ประเทศไมส่ ามารถกลบั ไปเป็นเหมือนเดิมไดใ้ นระยะเวลาอนั ส้ัน หลายประเทศมีข้อจากดั ในการเดินทางจากคนท่ีมาจากบาง
ประเทศ และอาจจะหลีกเล่ยี งการเดินทางไปในบางพนื้ ท)ี่
ย่ิงตอนนหี้ ลายประเทศเร่มิ กลวั เชอ้ื สายพันธอุ์ นิ เดียเวอรช์ นั สอง (B.1.617.2) ที่องค์การอนามยั โลกประกาศว่าเปน็ ความเสยี่ ง
ระดับโลก และเรายงั ไมร่ มู้ ากพอวา่ วัคซนี ทฉี่ ีดๆ กันไป มผี ลปอ้ งกันเช้อื ไวรัสทแ่ี พร่กระจายและกลายพนั ธุอ์ ยูต่ ลอดเวลาได้
หรือไม่ ถ้ายังมคี วามไมร่ ูใ้ นเรือ่ งเหล่าน้ีเพียงพอ การเดินทางระหว่างประเทศคงไมก่ ลับมาเป็นเหมือนเดมิ ในเรว็ วันแน่
แม้เราจะฉีดวคั ซนี กนั เสรจ็ แล้ว เราอาจจะไมก่ ลา้ เปิดประเทศแบบเตม็ ที่ เพราะกลวั ว่าสายพนั ธ์ใุ หม่ๆ อาจจะมาระบาดอีก และ
แมว้ ่าเราจะกล้าเปิดประเทศ นักทอ่ งเทย่ี วกอ็ าจจะไม่กลา้ กลับมาเหมอื นเดิมในระยะเวลาอันใกล้ ยง่ิ จะทาใหก้ ารฟนื้ ตัวของ
ภาคการทอ่ งเท่ยี ว ซึ่งเป็นสัดสว่ นสาคัญของเศรษฐกจิ ไทยโดยรวมถกู ทาใหล้ ่าช้าออกไปอีก

ระหว่างนเ้ี รากย็ งั ไมม่ เี ครอ่ื งจักรเคร่ืองอ่ืนมาทดแทนเครอ่ื งจกั รเครอื่ งเดมิ ท่ดี บั ไปทีละเคร่ืองได้ การส่งออกอาจจะพอได้
ประโยชนจ์ ากเศรษฐกนิ ทีค่ ่อยๆฟนื้ แต่ก็ไม่พอทาให้เศรษฐกิจกลบั ไประดบั ก่อนเกดิ โควดิ ได้ในเวลาอนั ใกล้ และตอนนมี้ ีความ
ไม่แน่นอนอีกวา่ เศรษฐกจิ ไทยจะกลับเขา้ ส่ภู าวะถดถอยอีกคร้งั (GDP หดตวั สองไตรมาสตดิ ) ไดเ้ พราะเรายังไมส่ ามารถควบคมุ
การระบาดภายในประเทศ ท่ามกลางความไม่แนน่ อนเช่นน้ี ทกุ คนคงตอ้ งวางแผนบรหิ ารความเส่ียงกนั ดๆี มฉี ากทศั นท์ ี่
สมเหตสุ มผล และเตรยี มความพรอ้ มในการรบั มอื ท้งั กรณที ีด่ ที ี่สดุ (เชน่ เราเปิดเมืองได้จริงๆ) หรือกรณที ีเ่ ลวรา้ ยทส่ี ดุ
มองออกไปข้างนอก แต่พอเรามองออกไปข้างนอก เราเริม่ เหน็ แสงสว่างท่ีปลายอโุ มงค์ชดั ขน้ึ (แตไ่ มใ่ ชป่ ลายอุโมงค์ท่เี ราตดิ อยู)่
แม้ยังมีความไม่แนน่ อนอยู่ แตเ่ รากเ็ ห็นวา่ วัคซนี เป็นทางออกท่สี าคญั และหลายประเทศประสบความสาเรจ็ ในการกระจาย
วัคซีนไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว ประเทศอยา่ งอังกฤษ อิสราเอล น่าจะเข้าสภู่ มู ิค้มุ กนั หมแู่ ละเร่ิมถอดหนา้ กากและเปดิ เมอื งกนั อย่าง
เต็มท่ี สหรฐั อเมรกิ าแมจ้ ะยังไมม่ ีภมู ิคุ้มกนั หมู่ แตก่ ก็ าลงั เร่มิ เปดิ เมืองเขา้ สู่ภาวะปกติ จนเศรษฐกิจเรม่ิ กลับมาเดนิ ได้
และสิ่งทเ่ี ราเห็นคือ ตวั เลขเศรษฐกจิ เร่ิมดีขึ้น ตัวเลขในตลาดแรงงานเร่มิ ปรบั ตวั ดขี ึ้น และดว้ ยการกระตนุ้ เศรษฐกจิ ขนาด
มหาศาลคาดกนั ว่าเศรษฐกิจสหรฐั ฯ ในปนี จี้ ะโตถึง 6.5-7% จากทปี่ ที ่แี ล้วหดตวั ไปประมาณ 3.5% (แปลวา่ เขาจะโตเกนิ ทหี่ ด
ตัวไปปีทแี่ ล้วกว่าสองเทา่ ) ในขณะท่ปี ีปกตโิ ตได้สกั 2% กด็ แี ล้ว และเศรษฐกจิ จนี น่าจะโตเกิน 8% และเศรษฐกิจโลกนา่ จะโต
ไดเ้ กนิ กวา่ ทห่ี ดตวั ไปปีทแ่ี ลว้ ถึงสองเท่าเชน่ กนั และที่สาคญั คือเรมิ่ มสี ัญญาณวา่ เงนิ เฟอ้ กาลังจะกลบั มา ลา่ สุดตัวเลขเงินเฟอ้
สงู เกนิ 4% แม้สว่ นหนงึ่ จะมาจากฐานทตี่ า่ จากปกี อ่ นและนา่ จะเร่มิ ลดลง แตก่ ็ไม่ใช่ทงั้ หมด บางสว่ นมาจากตน้ ทนุ ท่ีสงู ขึ้น
จากการผลิตที่โตกลบั มาไมท่ ันอปุ สงคท์ ี่เดง้ กลับมา เชน่ เราเห็นตลาดแรงงานทต่ี งึ ตัว สนิ คา้ โภคภณั ฑห์ ลายชนิดทเี่ ริ่มเหน็
การขาดแคลนและราคาปรับตัวสงู ขึน้ การขาดแคลนชปิ ทก่ี ระทบการผลิตสินค้าหลายชนิด และราคาคา่ ขนสง่ ทแ่ี พงขึ้นจาก
การขาดแคลนตคู้ อนเทนเนอร์ ยังมกี ารถกเถียงกันว่าเงินเฟอ้ ทเ่ี ราเรมิ่ เห็นกนั นี้เปน็ ปัจจัย “ช่ัวคราว” หรือกาลงั จะกอ่ ให้เกดิ
ภาวะเงินเฟอ้ สงู ต่อเนอ่ื งในอนาคต ถ้าเราไปดกู ารคาดการณ์เงนิ เฟ้อจากตลาดพนั ธบัตร พบวา่ “breakeven inflation” หรือ
ระดับเงนิ เฟอ้ เฉลยี่ ทตี่ ลาดคาดในอีกห้าปขี ้างหนา้ สูงข้นึ 2.7% ไปแลว้ และ 2.5% ในอีกสบิ ปขี ้างหน้า (เทยี บกบั เป้าเงนิ เฟ้อที่
2%) และกาลังจะเปน็ ปญั หาใหญ่เมอ่ื ธนาคารกลางทั่วโลกยังทาการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยการพมิ พเ์ งิน จนมีคนถามวา่ ถ้าเงิน
เฟอ้ จะมาแบบนี้ ธนาคารกลางจะยงั คงกระตุ้นเศรษฐกจิ ตอ่ เน่อื งแบบนไ้ี ด้หรอื และดอกเบยี้ พันธบัตรระยะยาวจะเริ่มปรับตวั
สูงข้ึนหรอื ไม่
ความเส่ียง Stagflation? ยอ้ นกลบั มาท่ีเมืองไทย สังเกตว่าเศรษฐกจิ ไทยอย่คู นละวงจรเศรษฐกจิ โลกเลย ในขณะที่เขา
กาลงั เป็นขาขึน้ เรากลบั กาลังดงิ่ ลง โดยท่ยี งั ไม่รู้ว่าก้นเหวอยู่ตรงไหน แล้วยงั กาลงั จะเจอต้นทุนสินคา้ และตน้ ทนุ ทางการ
เงนิ ที่สูงขึน้ อกี ในอดีตเราจะสังเกตว่าระดบั เงินเฟ้อเมอื งไทย แมจ้ ะมบี างชว่ งทสี่ งู หรือต่ากวา่ เงนิ เฟ้อโลกบา้ ง แตโ่ ดยรวมแลว้ ก็
มกั จะขยบั ไปพร้อมๆ กบั ระดับเงินเฟอ้ ของโลก เพราะเราเป็นประเทศท่มี ขี นาดเลก็ และเปิด ระดบั ราคาของสนิ คา้ ในตลาดโลก
มผี ลต่อราคาสินคา้ ในประเทศเราค่อนขา้ งเยอะ คร้ังนกี้ ็เช่นกัน ถา้ เศรษฐกิจของโลกกาลังอยใู่ นช่วงฟ้ืนตวั ส่งผลใหร้ าคาสนิ ค้า
โดยเฉพาะสนิ ค้าโภคภัณฑ์ตา่ งๆ ปรับตวั ข้นึ อาจจะสง่ ผลกระทบตน้ ทุนการผลติ สนิ ค้าและราคาสินค้าภายในประเทศ
แม้เศรษฐกจิ เรากาลังอยู่ในภาวะยา่ แย่ แตเ่ ราอาจจะกาลังจะไดร้ บั ผลกระทบจากตน้ ทนุ ทแี่ พงข้ึนจากราคาสนิ ค้าในตลาดโลก
และสภาพคล่องทอี่ าจจะกาลังตงึ ตัว สภาพแบบน้อี าจจะเรยี กได้ว่า เรากาลังเผชญิ ความเสีย่ งของการเขา้ สภู่ าวะ stagflation
(stagnation + inflation) (แม้เชอ่ื วา่ เงนิ เฟอ้ โลกอาจจะไมไ่ ดส้ งู มากนกั ) บวกกับตน้ ทุนทางการเงนิ ที่อาจจะกาลังปรับสูงขน้ึ
ดว้ ย ซ่ึงเปน็ ภาวะเคราะหซ์ ้ากรรมซัด ในขณะท่ปี ระเทศอ่ืนๆ อาจจะพอรบั ภาระจากตน้ ทนุ ที่สูงขนึ้ จากระดับรายได้ทป่ี รบั ตวั ดี
ข้ึน แตเ่ รากาลังเจอทงั้ เศรษฐกิจแย่ บวกเงินเฟ้อท่เี พ่มิ สงู ขนึ้ กลายเป็นภาระต่อท้ังผูผ้ ลติ และผ้บู ริโภค ผบู้ รโิ ภคอาจจะตอ้ งจา่ ย
คา่ สินคา้ แพงขน้ึ จากตน้ ทุนทส่ี ูงข้นึ ในขณะท่รี ายไดย้ ังไมก่ ลับไปทีเ่ ดมิ ผู้ผลติ ก็อาจจะเจอตน้ ทนุ ทแ่ี พงข้ึน แตส่ ง่ ผา่ นไปหา
ผบู้ ริโภคไมไ่ ดห้ มด เพราะผู้บรโิ ภคจา่ ยไมไ่ หว ภาวะเชน่ นี้เป็นเร่อื งทา้ ทายต่อผกู้ าหนดนโยบาย โดยเฉพาะภาวะท่เี ศรษฐกจิ เรา
ย่าแย่ เพราะการควบคมุ การระบาดท่ยี งั ทาไดไ้ มเ่ ต็มที่ และการจดั หาและกระจายวัคซีนทที่ าไดอ้ ยา่ งลา่ ช้า และการกระต้นุ
เศรษฐกิจมีความจาเป็นแตอ่ าจจะไมเ่ พียงพอ ก็คงตอ้ งชว่ ยกนั คิดนะครับ วา่ เราจะช่วยกันเรง่ ควบคมุ การแพรร่ ะบาด เร่งการ
จัดหาวคั ซีน เยยี วยาผไู้ ดร้ ับผลกระทบ กระตนุ้ เศรษฐกจิ และวางแผนนโยบายเศรษฐกจิ อย่างไรเพื่อปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ
ไทยหลังภาวะโควดิ อยา่ งไร เพื่อให้เราออกจากวกิ ฤตินี้เขม้ แขง็ ขึน้ มกี ารวางแผนความเสีย่ ง และเรียนรู้จากความผดิ พลาด
ครงั้ ใหญห่ ลวงน้ี เหมอื นทห่ี ลายคนบอกวา่ Never waste a good crisis

กฎหมายการแขง่ ขันทางการคา้ มไี ว้ทาไม 25 พฤศจิกายน 2021
ช่วงนี้ประเดน็ เรือ่ งการควบรวมกจิ การเปน็ ประเด็นทไ่ี ดร้ บั ความสนใจมาก เลยอยากมาไลเ่ รียงประเด็น เผ่ือจะช่วยให้ตดิ ตาม
และวเิ คราะหข์ า่ วกันไดเ้ ขา้ ใจและสนกุ มากย่งิ ข้ึน

1. การแขง่ ขนั เสรีเปน็ ผลดตี ่อผบู้ รโิ ภค
โดยหลกั เศรษฐศาสตร์ ตลาดทมี่ ีการแขง่ ขนั แบบเสรี (ตลาดที่มีผู้ซ้ือและผขู้ ายหลายราย ไมม่ ใี ครมีอานาจเหนือตลาด และไม่มี
ข้อจากดั ในการเข้าและออกจากตลาด) จะทาใหผ้ ู้บรโิ ภคได้รับประโยชน์สูงสดุ เพราะผผู้ ลิตจะแข่งกนั ผลิตสนิ ค้าจนถงึ จุดที่
ราคาสนิ คา้ จะเท่ากบั ตน้ ทนุ สว่ นเพ่มิ ของสนิ ค้า (marginal cost) และผู้ขายมีแรงจงู ใจในการปรับปรุงประสทิ ธภิ าพไปเรอื่ ยๆ
เพราะย่งิ ต้นทุนต่ากว่าคู่แข่งกจ็ ะทาใหเ้ กิดกาไรมากขนึ้ จนในทส่ี ดุ ราคาสนิ ค้าจะไปอยู่ทต่ี น้ ทนุ เฉลีย่ ทต่ี า่ ท่ีสุด และในท่ีสดุ จะไม่
มผี ู้เล่นรายใดมีกาไรส่วนเกินทางเศรษฐศาสตร์ (คอื ทกุ คนไดร้ ับผลตอบแทนทเ่ี หมาะสม) และผบู้ รโิ ภคจ่ายค่าสินค้าในราคาที่
ถกู ท่ีสุดเทา่ ท่ีจะได้ และการทผี่ ูเ้ ลน่ บางรายมสี ่วนแบง่ ตลาดสูงในการแข่งขนั เสรีกไ็ มใ่ ชเ่ รอ่ื งแปลกอะไร หากเกิดจากการแข่งขนั
ทเ่ี ป็นธรรม และความสามารถและประสทิ ธภิ าพทด่ี ีกวา่ ถ้าธุรกิจนนั้ พยายามขึ้นราคาเพอื่ หากาไรส่วนเกิน จะมคี นพยายามเขา้
มาแขง่ ในตลาดจนราคาลดลงและทาใหก้ าไรส่วนเกนิ นน้ั หายไป แตใ่ นบางธุรกิจ ท่มี ลี ักษณะเป็นตลาดผูกขาดแบบธรรมชาติ
(natural monopoly) เช่น มกี ารลงทุนเรม่ิ ตน้ สูง อาจจะไมเ่ หมาะกบั การมีผผู้ ลติ มากเกนิ ไป เพราะจะทาใหท้ กุ รายขาดทนุ
หมดได้ จงึ อาจจะตอ้ งมกี ารจากดั จานวนผูเ้ ล่นในตลาด แต่รฐั กอ็ าจมีช่องทางในการเกบ็ กาไรส่วนเกินทีผ่ ปู้ ระกอบการอาจจะได้
ผ่านการประมลู ใบอนุญาตหรือสว่ นแบ่งกาไร เป็นต้น
2. การควบรวมกจิ การอาจทาใหธ้ ุรกจิ มปี ระสทิ ธิภาพมากข้ึน หรือทาใหเ้ กดิ อานาจเหนอื ตลาดกไ็ ด้
การควบรวมกิจการ (M&A) เปน็ ธรุ กรรมปกติของธรุ กจิ โดยอาจมสี าเหตหุ ลายประการ เชน่ เพอ่ื ปรับปรงุ ผลการดาเนนิ งาน
ของธุรกิจ จากการลดต้นทนุ จากการดาเนนิ งานหรือการลงทุนทีซ่ ้าซอ้ น ลดต้นทุนจากการควบรวมกจิ การแนวดิง่ เพอ่ื หา
วตั ถดุ ิบในตน้ ทนุ ทถ่ี กู ลง หรือเพมิ่ อตั รากาไรจากการควบรวมกจิ การปลายน้า การควบรวมกจิ การในหลายกรณี จึงอาจจะเป็น
ประโยชน์กบั การแขง่ ขนั และผบู้ ริโภค หากทาใหป้ ระสิทธภิ าพของธุรกิจดีขึ้น และนาไปสตู่ น้ ทนุ และราคาที่ลดลง
แตค่ วบรวมกิจการในบางกรณอี าจจะทาให้การแข่งขนั ลดลงอยา่ งมนี ยั สาคญั จนทาใหม้ คี วามเสย่ี งวา่ จะสร้างอานาจเหนอื
ตลาด โดยเฉพาะการควบรวมกจิ การแนวนอน ในตลาดทมี่ ขี อ้ จากัดในการเขา้ มาแข่งขนั เช่น ธุรกิจทต่ี ้องมใี บอนุญาต หรอื
ธรุ กิจทมี่ เี งนิ ลงทุนเรมิ่ แรงสงู มากๆ การปลอ่ ยใหม้ กี ารควบรวมกิจการโดยไม่มีขอ้ จากัด เทา่ กับเปน็ การอนญุ าตให้นายทุน
สามารถไล่ซอื้ ธรุ กจิ โดยไม่ตอ้ งสรา้ งความได้เปรียบดา้ นประสิทธิภาพการแข่งขนั จนสามารถครอบงาตลาดได้ และสรา้ ง
อานาจเหนือตลาด เชน่ สามารถขึน้ ราคาได้ เพราะผู้บริโภคมีทางเลือกน้อยลง หรือมคี วามเส่ยี งทผี่ เู้ ลน่ ท่ีเหลืออยู่จะ
สามารถทาการตกลงร่วมกัน ลดการแขง่ ขัน (หรอื ฮัว้ กนั ) ได้มากขนึ้ จนสามารถสรา้ งกาไรสว่ นเกนิ และกดี กนั ผู้เลน่ ราย
ใหม่ไมใ่ หเ้ ขา้ สู่ตลาดได้ จึงอาจมีบทบาททรี่ ฐั ตอ้ งเขา้ มาควบคุม
3. กฎหมายการแข่งขนั ทางการคา้ ในต่างประเทศ (antitrust laws) มกี ันมานานมากแลว้
เพราะเหตดุ ังกล่าว ในหลายประเทศจงึ มีการออกกฎหมายการแข่งขันทางการค้า หรอื ใชค้ าวา่ antitrust โดยส่วนใหญ่มี
บทบญั ญัตสิ ามด้านใหญๆ่ คอื
(1) การใชอ้ านาจเหนือตลาดอยา่ งไมเ่ ปน็ ธรรม (เชน่ การบงั คับใหค้ ูค่ า้ ตอ้ งซ้ือสนิ คา้ จากตนเทา่ นัน้ บริษทั คา้ ปลกี กดี กันไมใ่ ห้
เอาสนิ คา้ บางชนดิ มาขาย หรอื การบงั คบั ซื้อพ่วง)
(2) การตกลงร่วมกนั ผกู ขาดหรอื ลดการแข่งขนั (หรอื เรยี กงา่ ยๆ วา่ การฮว้ั )
(3) การควบรวมกิจการท่ีทาใหเ้ กดิ การผกู ขาดหรอื ทาใหม้ อี านาจเหนือตลาด (ซึง่ แปลวา่ ไล่ซอ้ื ธรุ กจิ จนสามารถผูกขาดตลาดได)้
กฎหมายเหล่าน้ี จงึ มไี ว้เพ่อื กากับหลกั เกณฑก์ ารแขง่ ขันและการทาธรุ กิจไมใ่ หเ้ อาเปรยี บผู้บริโภคโดยการใชอ้ านาจอย่างไมเ่ ป็น
ธรรม หรอื สร้างอานาจเหนือตลาด จนอาจนาไปสกู่ ารผกู ขาด
รฐั บาลหลายประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐและยุโรป มบี ังคับใช้กฎหมายการแขง่ ขนั ทางการค้าอยา่ งแขง็ ขนั กนั มานานมากแลว้
เชน่ การบังคับแตกบริษทั Standard Oil ของตระกูล Rockefeller ท่ีในปี 1911 ท่แี ตกออกเป็นสามสบิ กว่าบรษิ ทั หรือบรษิ ัท
AT&T ถูกแยกออกเป็นเจด็ บริษัทย่อยในปี 1982 หรือ ในช่วงท่ี Microsoft กาลงั รุ่งในยุค 1990s มพี ยายามใช้กลยทุ ธใ์ นการ
กดี กนั ผเู้ ลน่ คนอื่น จนเกอื บถูกบังคับใหต้ อ้ งแยกบรษิ ัท และตอ้ ง settle ด้วยการเปดิ และเปล่ยี นระบบ Windows หลายเรอ่ื ง
หรอื แม้กระท่งั ปจั จุบนั บริษัทเทคโนโลยหี ลายแห่ง ทั้ง Google, Facebook, Amazon กาลังถกู ไต่สวนเร่ืองพฤติกรรมการ
ผกู ขาดหลายกรณี จนตอ้ งจา่ ยคา่ ปรบั มลู ค่าหลายพันลา้ นเหรยี ญ และมมี าตรการขอ้ จากัดออกมากันหลายเรอื่ ง
4. กฎหมายการแขง่ ขนั ทางการคา้ ในประเทศไทย
สาหรับประเทศไทย เรมิ่ มกี ฎหมายการแข่งขันทางการคา้ ตั้งแต่ พ.ร.บ.ปอ้ งกนั การค้ากาไรเกินควร พ.ศ. 2490 และมกี าร
พฒั นามาตามลาดับจนเปน็ พ.ร.บ. การแข่งขนั ทางการค้า พ.ศ. 2560 ที่ใช้อยใู่ นปจั จุบัน ซง่ึ ออกมาแทน พ.ร.บ.การแข่งขนั ทาง
การค้า พ.ศ. 2542 ทใี่ ชบ้ งั คบั อย่หู ลายปี แต่ไมเ่ คยมคี ดีเขา้ สู่การพจิ ารณาของศาลยุตธิ รรมแมแ้ ตค่ ดีเดยี ว

แต่ต้ังแต่ พ.ร.บ.การแข่งขันทางการคา้ ฉบับใหม่ออกมา และมีการตง้ั สานักงานคณะกรรมการการแขง่ ขนั ทางการคา้ ที่
เปน็ อิสระออกจากระบบราชการ ก็ยงั ถกู กลา่ วหาวา่ เปน็ เสอื กระดาษ หลงั จากตัดสินไม่ยบั ยงั้ การควบรวมกจิ การคา้ ปลีก
รายใหญ่ จนเป็นทมี่ าของวาทกรรม “อาจสง่ ผลให้การแขง่ ขันลดลงอยา่ งมนี ยั สาคญั แตไ่ ม่ก่อใหเ้ กิดความเสยี หายตอ่
เศรษฐกิจอยา่ งร้ายแรง” แนน่ อนว่าการมกี ฎหมายการแขง่ ขนั ท่ชี ดั เจนและบงั คบั ใช้ไดจ้ ริง จะชว่ ยสนบั สนุนให้มกี ารแข่งขนั ท่ี
เปน็ ธรรม และสง่ เสริมให้เกดิ การลงทนุ และการสรา้ งนวัตกรรมใหม่ๆ จากผู้ประกอบการรายใหม่ และปกปอ้ งผลประโยชน์
ของผู้บริโภค และปอ้ งกนั ไม่ให้ใหน้ ายทุนใช้วธิ ีท่ีไมเ่ ป็นธรรมหรอื วธิ กี ารซอื้ กิจการกนิ รวบ และกดี กันการแข่งขัน ท่ีสุดทา้ ยจะ
สรา้ งตน้ ทนุ ใหก้ ับระบบเศรษฐกิจและผบู้ รโิ ภค
5. กรณีการควบรวมของผู้ให้บริการโทรคมนาคม
สาหรบั กรณคี วบรวมกจิ การระหวา่ งผู้ใหบ้ รกิ ารโทรคมนาคมสองรายใหญ่ทก่ี าลังเป็นข่าวอยใู่ นปัจจุบนั จะเปน็ บททดสอบ
สาคัญคณะกรรมการการแข่งขนั ทางการค้าอกี ครงั้ หลายคนเฝา้ จับตาวา่ จะมกี ารพจิ ารณาออกมาอย่างไร (กฎหมายระบใุ ห้
พจิ ารณาใหเ้ สร็จภายใน 90 วนั หลังได้รบั เร่อื ง) และจะมมี าตรการคุม้ ครองผลประโยชน์ของผูบ้ ริโภคออกมาหรือไม่
ท่ีน่าสนใจคือ เป็นการควบรวมของผู้เล่นเบอร์สองและเบอรส์ าม ทจ่ี ะสรา้ งผเู้ ล่นใหมท่ ีม่ สี ่วนแบ่งตลาดเกิน 50% และใหญ่กว่า
ผเู้ ล่นเบอรห์ น่ึงในปจั จบุ ันเสยี อีก สิ่งท่ผี ้บู รโิ ภคไมอ่ ยากเห็นคือ เม่อื ควบรวมกนั ไปแลว้ ทาให้มีการแข่งขนั ลดลง ผูบ้ รโิ ภคมี
ทางเลือกนอ้ ยลง ผ้เู ล่นท่ีเหลอื อยสู่ องรายใหญ่ ไมม่ แี รงจูงใจในการลดราคาหรือลงทนุ เพื่อเพม่ิ คณุ ภาพ สดุ ทา้ ยผู้บริโภค
ต้องจ่ายแพงขน้ึ หรือได้ของที่แย่ลง หรือไมแ่ ขง่ กนั ลดราคาลงเหมอื นอย่างสมยั ทม่ี ีผเู้ ลน่ มากกว่าน้ี
และในประเด็นควบรวมกจิ การ FTC ของสหรัฐฯ กม็ ีการออกแนวปฏบิ ัติออกมาคอ่ นขา้ งชัดเจน และระบุว่า ในการพิจารณาจะ
มองไปข้างหน้า และหา้ มการควบรวมกจิ การ ท่ี “อาจจะ” กอ่ ใหเ้ กดิ ความเสียหายได้ ถา้ ใครสนใจลองไปอา่ นข้อมลู เก่ียวกับ
นโยบายการแข่งขันท่ี OECD ก็ได้
กขค. หรอื กสทช.? ถา้ ไปอา่ น พ.ร.บ.การแข่งขนั ทางการค้า พบว่ามขี อ้ ยกเว้นไวว้ ่าไม่ให้ใช้บงั คบั กับ “ธุรกิจที่มีกฎหมาย
เฉพาะกากบั ดูแลในเรื่องการแข่งขนั ทางการคา้ ” แต่ในกรณนี แี้ ม้วา่ กสทช. จะเป็นผกู้ ากับดแู ลเรื่องใบอนุญาตและการ
ประกอบธุรกิจ แต่ กสทช. ไม่ไดก้ ากับดแู ลในเรื่องการแขง่ ขนั ทางการค้าโดยตรง (และเห็นแล้วว่า กสทช. เองออกมาโบ้ย
แล้วว่าไมใ่ ช่หนา้ ที่ และรฐั มนตรกี ระทรวงดิจิทลั ฯ ยังออกมาบอกว่าทาอะไรไมไ่ ด)้ ผมเดาว่าในกรณีนี้การควบรวมกจิ การ
นา่ จะตอ้ งผ่านการพิจารณาของทั้งสองหน่วยงาน ลองไปอ่านกฎหมายกนั ครับ พ.ร.บ.การแข่งขันทางการคา้ พ.ศ. 2560
มาตรา 51 ระบุวา่ “ผ้ปู ระกอบธรุ กจิ ที่จะกระทาการรวมธุรกจิ อนั อาจก่อใหเ้ กิดการผูกขาดหรอื การเป็นผู้ประกอบธุรกิจซ่ึง
มอี านาจเหนือตลาดตอ้ งไดร้ บั อนญุ าตจากคณะกรรมการ” และประกาศคณะกรรมการการแขง่ ขนั ทางการคา้ ระบุไว้
ชดั เจนวา่ ผูป้ ระกอบธุรกิจซงึ่ มีอานาจเหนอื ตลาด หมายถงึ “ผู้ประกอบธรุ กจิ รายใดรายหนง่ึ ในตลาดสินค้าใดสินค้าหน่งึ
หรอื บรกิ ารใดบรกิ ารหนง่ึ ทีม่ ีส่วนแบง่ ตลาดในปที ผ่ี ่านมาตั้งแตร่ อ้ ยละห้าสิบขึน้ ไป และมียอดเงนิ ขายในปีท่ผี า่ นมาตัง้ แต่
หน่งึ พนั ลา้ นบาทขึน้ ไป” เรยี กว่าไม่ตอ้ งคานวณ HHI ให้ยงุ่ ยากเลย
ท่สี าคญั กฎหมายไมไ่ ด้บอกว่า ถ้ามี “อานาจเหนอื ตลาด” แล้ว จะควบรวมไม่ได้ แตร่ ะบุวา่ ต้องไดร้ บั อนุญาตจาก
คณะกรรมการ
คาถามตอ่ ไปคือแลว้ คณะกรรมการจะพจิ ารณาอนุญาตโดยมีเงอ่ื นไขอยา่ งไร
ในมาตรา 52 วรรคสอง ระบวุ า่ “ใหค้ ณะกรรมการพจิ ารณาอนญุ าตโดยคานงึ ถึง (1) ความจาเปน็ ตามควรทางธุรกจิ (2)
ประโยชน์ต่อการสง่ เสรมิ การประกอบธรุ กิจ (3) การไมก่ อ่ ใหเ้ กิดความเสยี หายตอ่ เศรษฐกจิ อยา่ งรา้ ยแรง และ (4) การไม่
กระทบตอ่ ประโยชนส์ าคญั อันควรมคี วรไดข้ องผบู้ รโิ ภคส่วนรวม”
ข้อ (1)-(2) นา่ จะพอให้เหตผุ ลได้วา่ มเี หตผุ ลความจาเป็นในการควบรวม แตป่ ระเดน็ สาคญั ทต่ี ้องพจิ ารณาคือขอ้ (3) และ ขอ้
(4) คือเมื่อควบรวมแล้ว จะ “กอ่ ให้เกดิ ความเสยี หายตอ่ เศรษฐกจิ อย่างรา้ ยแรง” หรอื ไม่ (ซงึ่ นา่ จะพสิ จู น์ไดย้ าก
พอสมควร) หรอื จะ “กระทบต่อประโยชนส์ าคัญอนั ควรมคี วรไดข้ องผูบ้ รโิ ภคส่วนรวม” หรอื ไม่
นอกจากนี้ ในมาตรา 52 วรรคสาม ระบตุ ่อไปอกี วา่ “ในกรณที ี่มีคาสงั่ อนญุ าต คณะกรรมการอาจกาหนดระยะเวลาหรอื
เง่อื นไขใดๆ ให้ผู้ประกอบธรุ กิจทไี่ ดร้ บั อนุญาตปฏิบตั ไิ ด้”
หากดจู ากการตดั สนิ จากกรณีก่อนๆ กพ็ อจะเห็นเคา้ ลางได้วา่ ผลการตดั สินจะออกมาอย่างไร แต่ต้องบอกวา่ กรณนี ี้ชดั เจนกว่า
กรณกี อ่ นๆมาก เพราะไม่ต้องถกเถียงกนั เรือ่ งนยิ ามของ “ตลาด” (เพราะผู้ประกอบการรายใหญท่ าธรุ กจิ กนั ท่ัวประเทศ
และประกอบธรุ กจิ ท่มี ลี กั ษณะเกอื บจะเหมือนกัน) การควบรวมจะนาไปสู่การเปล่ียนแปลงของสว่ นแบง่ การตลาดมนี ยั สาคญั
แนน่ อน และเปลยี่ นโครงสร้างของการแขง่ ขนั จากสามรายเหลือสองรายใหญ่ท่ีมีโอกาสจะนาไปสู่พฤตกิ รรมการแข่งขนั ทลี่ ดลง
และกระทบต่อผลประโยชนข์ องผบู้ ริโภคได้

ถา้ ในกรณนี ้ี คณะกรรมการการแขง่ ขนั ทางการคา้ อนญุ าตใหม้ กี ารควบรวมโดยไม่มีเงอื่ นไขทจี่ ะชว่ ยรกั ษาผลประโยชน์
ของผูบ้ ริโภคได้อย่างแทจ้ ริง คงต้องช่วยกันถามดงั ๆ แลว้ ละครบั ว่า คณะกรรมการการแขง่ ขนั ทางการค้า และกฎหมาย
การแข่งขนั ทางการคา้ มีไว้ทาไม? และใครจะดแู ลผลประโยชน์ของผ้บู ริโภค? (สังเกตวา่ ไมม่ ใี ครถามถงึ รัฐบาลกนั เลยนะ
ครับ)

หรอื แบงกช์ าตกิ าลงั พายเรอื ทวนน้า? 25 เมษายน 2022
วงจรเศรษฐกิจท่ีฟื้นตวั ชา้ กว่าประเทศอนื่ แรงกดดนั เงนิ เฟอ้ ที่สงู ขึน้ ทั่วโลก และภาวะท่ปี ระเทศอื่นๆ กาลังปรบั ขนึ้ อัตรา
ดอกเบ้ยี เพ่อื รบั มือกบั ปญั หาเงินเฟอ้ ท่ีกาลังจะสร้างแรงกดดนั ตอ่ กับนโยบายการเงินของไทย มีโอกาสทเ่ี ราจะเห็นค่าเงิน
บาทอ่อนคา่ ลงอย่างมาก ซึ่งอาจจะกดดันใหแ้ บงกช์ าตติ ้องปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นกอ่ นท่ีแบงกช์ าติต้องการและ
กอ่ นที่เศรษฐกจิ จะพรอ้ ม นอกจากนี้ เราอาจจะเห็นอตั ราดอกเบ้ียในตลาดการเงนิ ปรับสูงข้นึ แม้อตั ราดอกเบยี้ นโยบายจะ
ไม่ปรบั ข้ึนก็ตาม เศรษฐกิจฟืน้ ชา้ รบั ดอกเบ้ยี ขน้ึ ไมไ่ หว สองปีหลังเจอวิกฤตโิ ควิด-19 ภาวะเศรษฐกจิ ไทยยังอยู่ในภาวะค่อยๆ
ฟนื้ ตัว เพราะสถานการณ์โควดิ ยงั ไม่จบเสียที และนักทอ่ งเทีย่ วเพ่ิงเริ่มจะกลบั มา ในปี 2021 เศรษฐกจิ ไทยยงั อยู่ต่ากว่าระดบั
ก่อนเกดิ โควดิ ถึง 4.4% และกว่าจะกลบั ไปไดเ้ ท่าเดมิ อาจจะต้องรอถงึ ต้นปีหน้า และเศรษฐกิจยงั อยู่ตา่ กว่าแนวโนม้ และตา่ กว่า
ระดับศกั ยภาพอย่คู อ่ นข้างมาก นอกจากนี้ ระดบั หนีค้ รัวเรือนกอ็ ย่ใู นระดับสงู และ NPL ทข่ี ยบั ขน้ึ มาตง้ั แต่กอ่ นเกดิ โควดิ ก็ยัง
เป็นประเด็น ลูกหนจ้ี านวนมากยังเจอปญั หาเศรษฐกจิ หยดุ ชะงัก ยังไม่ฟื้นกลับมา และธนาคารยงั คงตอ้ งให้ความช่วยเหลือ
ลูกหนี้ โดยการปรบั โครงสร้างหนี้ ทาใหต้ วั เลข NPL ท่เี ห็นๆ กัน ยงั ไม่สะทอ้ นสถานะคณุ ภาพหนี้ที่แทจ้ ริง
แน่นอนวา่ ภาวะแบบนี้ แบงกช์ าตยิ งั ไมอ่ ยากปรบั ข้นึ อตั ราดอกเบีย้ นโยบายอยา่ งแนน่ อน เพราะเศรษฐกิจ ธุรกิจ และระบบ
การเงินยงั ไม่พรอ้ มจะรบั กบั ตน้ ทนุ ทางการเงนิ ท่ีสงู ขนึ้ หากดอกเบยี้ ข้นึ ตอนนี้ การฟนื้ ตวั ทางเศรษฐกิจอาจจะหยดุ ชะงัก
ความสามารถในการจา่ ยคนื หนไ้ี ดร้ ับผลกระทบ และปญั หาหน้คี รัวเรือนและปญั หา NPL อาจจะปะทหุ นักขน้ึ ไปอกี
แรงกดดนั ภายนอกมมี หาศาล แตป่ ัญหาคอื เศรษฐกิจไทยไมไ่ ดอ้ ยคู่ นเดยี วโดดๆ แต่กาลังเจอแรงกดดนั อยา่ งมหาศาล และเกดิ
คาถามวา่ เราจะใชน้ โยบายทไ่ี ปคนละทางกับโลกไดน้ านแค่ไหน แรงกดดนั สาคญั จากภายนอก คืออัตราเงินเฟอ้ ทีก่ าลงั เรง่ ตวั
ขึ้น ทง้ั จากการฟ้นื ตวั ของเศรษฐกจิ ประเทศใหญ่ๆ ที่เปดิ ตัวขนึ้ มาหลังปิดไปเป็นเวลานาน แต่มขี อ้ จากัดดา้ นอปุ ทาน จนลาก
ราคาสนิ ค้าใหส้ งู ขนึ้ จากแรงกระตนุ้ เศรษฐกจิ ผา่ นนโยบายการคลังและนโยบายการเงนิ แบบมหาศาลตลอดสองปี และจาก
ตน้ ทนุ ราคาสนิ ค้าโภคภณั ฑ์ อยา่ งน้ามนั ก๊าซธรรมชาติ โลหะ สนิ คา้ เกษตร และอาหาร ท่ีถกู ซ้าเติมเพิ่มขึ้นไปอกี จากสงคราม
ระหวา่ งรสั เซยี กับยเู ครน เราเหน็ เงินเฟอ้ ในสหรฐั ฯ เพมิ่ ข้นึ ไปถึงรอ้ ยละ 8.5 สงู ทสี่ ดุ ต้งั แต่ปี 1982 ในไทยเองเงนิ เฟ้อก็ปรับตัว
ข้ึนสูงถึงร้อยละ 5.7 สูงที่สดุ ต้ังแตป่ ี 2009 จากราคาอาหาร น้ามัน และสนิ ค้าโภคภณั ฑใ์ นตลาดโลกทป่ี รบั ตัวสูงขึ้นอยา่ งมาก
และคาดวา่ อาจจะยงั ปรบั สงู ขน้ึ อยอู่ กี แบงก์ชาตพิ ยายามอธิบายวา่ แรงกดดนั เงินเฟอ้ ทเี่ กดิ ข้ึน มาจากฝง่ั ต้นทุน ไมไ่ ดม้ าจาก
เศรษฐกจิ ท่ีร้อนแรง และเช่อื ว่าการคาดการณเ์ งนิ เฟอ้ ยงั ไมไ่ ดป้ รับเพม่ิ ขึน้ อยา่ งมีนัย ภาวะแบบน้ี อัตราดอกเบี้ยทาอะไรมาก
ไม่ได้นกั (ขน้ึ ดอกเบี้ยไปราคานา้ มนั กไ็ ม่ลดลง) และแบงก์ชาตติ ้องการให้ความสาคัญกับการฟื้นตวั ทางเศรษฐกิจมากกวา่ เงิน
เฟ้อในปัจจบุ นั และจะพยายามรกั ษาอัตราดอกเบ้ียใหอ้ ยูใ่ นระดับตา่ ไปกอ่ นเพือ่ สนบั สนนุ การฟ้ืนตวั ทางเศรษฐกิจ ซ่ึงก็
อาจจะเหมาะสมกบั สถานการณ์ภายในประเทศ แต่ปัญหาคอื นโยบายนอ้ี าจจะสวนทางกับแนวนโยบายการเงนิ นอก
ประเทศ แตด่ อกเบี้ยโลกกาลงั เปน็ ขาขนึ้ ปญั หาสาคญั คอื ประเทศอืน่ ๆ ทเ่ี ศรษฐกิจฟ้ืนก่อนเรา กาลงั มองวา่ เงินเฟอ้ ที่สูง ส่วน
หน่งึ มาจากปัญหาเศรษฐกจิ ทรี่ อ้ นแรง ตลาดแรงงานตึงตัว และนโยบายการเงินตอ้ งเริม่ แตะเบรกเศรษฐกจิ ได้แล้ว
ธนาคารกลางสหรฐั ฯ ส่งสญั ญาณว่า ขยบั ชา้ เกินไปแล้ว (behind the curve) อาจจะตอ้ งเรง่ ขนึ้ ดอกเบ้ยี เพ่อื จดั การกับปัญหา
เงินเฟอ้ คาดกันวา่ อาจจะข้นึ ดอกเบยี้ ครงั้ ละ 0.5 เปอร์เซน็ ต์ จากปกติทีข่ ึน้ กันทีละ 0.25 เปอรเ์ ซน็ ต์ ในการประชุมสามครงั้
ขา้ งหนา้ ภายในสิ้นปีนี้ เราอาจจะเห็นดอกเบ้ยี นโยบายของสหรฐั ฯ ข้ึนไปถึงร้อยละ 2.75 ในสนิ้ ปีน้ี และกลางปหี นา้ ดอกเบ้ีย
อาจจะขึน้ ไปถึงรอ้ ยละ 3.25 จากปัจจุบันอยู่ท่ีร้อยละ 0.5 เท่ากบั ดอกเบีย้ นโยบายของไทย ซ่งึ จะทาให้ผลต่างระหว่างอัตรา
ดอกเบย้ี สหรฐั ฯ กับไทยตา่ งกนั มากขึน้ เรอื่ ย ๆ และไมเ่ ท่าน้นั ธนาคารกลางสหรัฐฯ กาลงั จะดดู สภาพคลอ่ งออก หรอื ที่
เรยี กว่า quantitative tightening (QT) เพ่อื ลดขนาดของงบดลุ ท่ีขยายใหญ่ ซึง่ จะทาใหส้ ภาพคลอ่ งในระบบการเงนิ
โลกเรมิ่ ลดลงและกดดนั ใหด้ อกเบ้ียระยะอ่นื ๆ ขยับขึ้นอกี นอกจากน้ี ธนาคารกลางอกี หลายแห่งท่ัวโลกก็กาลงั ขน้ึ อตั รา
ดอกเบย้ี นโยบายเชน่ กนั ในไม่กส่ี ปั ดาหท์ ีผ่ า่ นมา ท้ังแคนาดา นวิ ซีแลนด์ ปรับดอกเบ้ียขึน้ ทลี ะ 0.5 เปอร์เซน็ ต์ หรือแม้แต่
เกาหลใี ต้ ทเี่ ป็นเหมือนพ่ีน้องฝาแฝดกบั ไทยในแง่นโยบายการเงนิ กป็ รบั ดอกเบ้ียข้ึนไปหลายครัง้ แล้ว

หรอื แม้กระทั่งสิงคโปร์ ทไ่ี มไ่ ด้ใช้นโยบายอตั ราดอกเบย้ี แตใ่ ชท้ ิศทางของอตั ราแลกเปลยี่ นในการเร่งหรอื แตะเบรกเศรษฐกิจ ก็
ยังปรบั อัตราแลกเปล่ยี นใหแ้ ขง็ คา่ ขึน้ ทนั ที และสง่ สญั ญาณว่าจะตั้งเปา้ ให้คา่ เงนิ แข็งคา่ มากขึน้ อกี (ซึง่ ควรจะทาให้อตั รา
ดอกเบีย้ ในประเทศสงู ข้นึ ) เพื่อแตะเบรกเศรษฐกจิ และดแู ลปัญหาเงนิ เฟ้อ
เม่อื นโยบายการเงินสวนทางคนอ่ืน?คาถามสาคญั คือ ในภาวะทคี่ นอน่ื กาลังปรบั อตั ราดอกเบ้ยี ขึ้น แตเ่ ราอยากจะคงดอกเบ้ยี ให้
ตา่ ไว้ จะเกดิ อะไรขนึ้ ?ในทางหลักการ อตั ราดอกเบี้ยไทยอาจจะสามารถตา่ กว่าอตั ราดอกเบยี้ ตา่ งประเทศได้ หากคนส่วนใหญ่
เช่ือว่าเงินบาทจะแข็งคา่ ขึ้น เพอ่ื ชดเชยส่วนตา่ งของอัตราดอกเบยี้ และจรงิ ๆ ภาวะเชน่ น้นั ก็เคยเกดิ ข้ึนมาแล้วในอดตี ในช่วงปี
2017-2019 ในช่วงทีเ่ รามีการเกนิ ดลุ บญั ชเี ดนิ สะพัดคอ่ นขา้ งมาก และเงนิ บาทมแี นวโน้มแข็งคา่ ข้ึน
แต่ในภาวะปัจจุบนั ทีบ่ ญั ชเี ดินสะพัดเราขาดดุลเพราะนักทอ่ งเทย่ี วยังไมก่ ลบั มา เราไดร้ ับผลกระทบจากราคานา้ มันที่แพงขึน้
และคา่ ระวางเรือท่ีเพม่ิ ข้นึ แต่ไม่ลดลงมาเสียที แนวโนม้ คา่ เงนิ แข็งค่าจงึ ไมไ่ ดช้ ดั เจนเหมือนในอดีต
อัตราดอกเบีย้ สหรฐั ฯ และประเทศอื่นๆ ท่กี าลงั ปรบั สูงขน้ึ และสว่ นตา่ งดอกเบ้ยี ทนี่ า่ จะสูงขึ้นเรือ่ ยๆ อาจจะทาให้เงินบาท
มีโอกาสออ่ นค่าลง จากเงนิ ทนุ ท่ไี หลไปหาผลตอบแทนทสี่ ูงขึ้น (ยกเว้นวา่ จะมกี ารเปลี่ยนแปลงที่ชดั เจน เชน่ นักทอ่ งเที่ยว
กลบั มาอยา่ งรวดเรว็ หรอื ราคาน้ามันลดลง) พายเรือทวนน้าแนวนโยบายทพ่ี ยายามจะกระตุ้นเศรษฐกจิ โดยเก็บดอกเบ้ียไว้ใน
ระดับต่า ทแ่ี มอ้ าจจะเหมาะสมกบั สถานการณใ์ นประเทศ แต่กม็ ีความเสี่ยงทจี่ ะเกดิ ความขดั แย้งกบั ปัจจยั พื้นฐานนอกประเทศ
อาจจะไมต่ ่างอะไรกับความพยายามที่จะพายเรอื ทวนกระแสน้าที่เชยี่ วกราก และเราจะเห็นผลกระทบจะไปปรากฏค่าเงิน
เหมอื นกบั ทก่ี าลังเกดิ ขน้ึ กบั คา่ เงนิ เยนของญ่ปี ุ่น ทธี่ นาคารกลางญีป่ นุ่ พยายามรกั ษานโยบายดอกเบยี้ ตา่ และการตงั้ เปา้ หมาย
ดอกเบ้ยี สบิ ปไี ว้ไมเ่ กิน 0.25 เปอรเ์ ซ็นตท์ เี่ รยี กว่า yield curve control หรือ YCC ในขณะทเี่ งนิ เฟ้อญป่ี นุ่ เรม่ิ ปรบั ตวั สงู ข้ึน
ผลทต่ี ามมาคอื คา่ เงนิ ญปี่ ่นุ ทอ่ี ่อนตวั อย่างรวดเรว็ และอ่อนค่าลงมากที่สุดในรอบหลายปี เพราะความขดั แยง้ ระหวา่ งนโยบาย
การเงินภายในประเทศ ปัจจยั พ้นื ฐาน และนโยบายการเงนิ ในต่างประเทศ หรือแม้กระทง่ั จีน ทอ่ี ยากกระตุ้นเศรษฐกิจ แตก่ ไ็ ม่
กล้าลดอตั ราดอกเบ้ียนโยบาย เพราะความกงั วลเรอ่ื งค่าเงนิ ในภาวะที่นโยบายการเงนิ กาลงั ไปคนละทางกบั นอกประเทศ
เชน่ กนั ค่าเงนิ ที่มีโอกาสออ่ นคา่ ลงนี้ อาจจะเป็นปจั จยั ท่ที าให้แรงกดดนั เงนิ เฟ้อมีเพม่ิ ข้ึนไปอกี จากต้นทนุ สินค้านาเข้า และ
อาจจะกลายเปน็ ขอ้ จากดั ท่ีกดดันใหแ้ บงกช์ าตติ ้องปรับอตั ราดอกเบยี้ นโยบายข้นึ กอ่ นทแ่ี บงกช์ าตติ ้องการ และกอ่ นเศรษฐกิจ
จะพร้อมก็ได้ นอกจากนี้ แม้วา่ แบงก์ชาติจะไมป่ รบั อตั ราดอกเบยี้ นโยบาย หากนกั ลงทนุ เรมิ่ ไม่เชอื่ ว่าแบงกช์ าตจิ ะสามารถ
รกั ษาดอกเบย้ี นโยบายไว้ในระดับต่าได้นานนัก อตั ราดอกเบ้ยี ภายในประเทศกอ็ าจจะเร่ิมขยบั ตามอตั ราดอกเบย้ี นอก
ประเทศได้ และเราเห็นอัตราดอกเบี้ยอย่างดอกเบี้ยสองปขี ยบั ขน้ึ ถึงเกือบรอ้ ยละหน่ึงในแคส่ ามเดอื นทีผ่ ่านมา
จริงอยวู่ ่าเรามีเงนิ ทุนสารองจานวนมาก (เรามเี งินสารองระหวา่ งประเทศสุทธมิ ากกวา่ สองแสนกวา่ ล้านเหรยี ญสหรัฐ และ
มากกว่าหน้ตี า่ งประเทศทง้ั ระยะสนั้ และระยะยาว) และสามารถนามาใชแ้ ทรกแซงเพอื่ ลดแรงกดดันตอ่ คา่ เงินได้ แตบ่ ทเรยี นที่
เราเหน็ หลายตอ่ หลายครั้งคือ การแทรกแซงค่าเงินสามารถลดความผนั ผวนในระยะสัน้ ได้ แต่ไม่สามารถเปลยี่ นทศิ ทางของแรง
กดดนั ด้านคา่ เงินได้ หากไมม่ กี ารเปล่ยี นแปลงเรอื่ งปัจจัยพน้ื ฐาน กรณีน้ีอาจจะเปน็ กรณที ่ีพิสจู น์กนั อีกครง้ั วา่ เราจะเอาชนะ
The Impossible Trinity ที่บอกว่าเป็นไปไม่ได้ (อยา่ งนอ้ ยกใ็ นระยะยาว) ทป่ี ระเทศหนึ่งจะทาสามอยา่ งต่อไปนพ้ี รอ้ มๆ กัน
(1) มีอัตราแลกเปล่ยี นทม่ี เี สถยี รภาพ (2) มีนโยบายการเงิน (ดอกเบยี้ ) ทเี่ ป็นอิสระ และ (3) มกี ารเคลอื่ นไหวของเงนิ ทุนอย่าง
เสรี ความพยายามทจ่ี ะเอาชนะ The Impossible Trinity อาจจะสร้างความบิดเบือนและแรงกดดนั ที่อาจจะสรา้ งปญั หา
ร้ายแรงในระยะยาวได้
ความไมแ่ นน่ อนของการคาดการณ์เงินเฟอ้ นอกจากนี้ อกี ประเด็นทีน่ ่าสนใจคอื จากบทเรยี นของธนาคารกลางสหรฐั ฯ การ
คาดการณ์เงินเฟ้อท่ผี ดิ พลาด อาจจะนาไปส่นู โยบายที่ผดิ พลาดและไมท่ นั การณ์ ในปัจจบุ นั การคาดการณเ์ งนิ เฟอ้ ทาไดย้ าก
มาก หากแรงกดดนั เงนิ เฟอ้ มมี ากกวา่ ที่หลายฝา่ ยคาดการณเ์ อาไว้ และเริ่มกลายเปน็ ปญั หาดา้ นอปุ สงค์ และการคาดการณเ์ งนิ
เฟอ้ (เช่น หากมีการปรบั ค่าแรงข้ันตา่ ข้ึน หรือตน้ ทนุ การผลติ อาหารทาให้เงินเฟอ้ ขนึ้ ต่อเนอ่ื ง) ความขดั แยง้ ของนโยบาย
อาจจะไม่ไดม้ ีแคป่ ญั หาระหวา่ งปจั จยั พื้นฐานภายในกับภายนอก แต่อาจจะเกดิ ภาวะตอ้ งเลอื กระหวา่ งการควบคมุ เงินเฟ้อ
และการสนบั สนุนการฟนื้ ตัวทางเศรษฐกจิ ซง่ึ จะเปน็ ปญั หาหนักอกกวา่ เดมิ อีก
ความทา้ ทายต่อการทานโยบาย กล่าวโดยสรุป ปจั จยั เสย่ี งจากอตั ราดอกเบยี้ ขาขนึ้ ตามแนวโนม้ ดอกเบ้ียโลก และอตั รา
แลกเปลยี่ นทมี่ ีโอกาสอ่อนคา่ ลงนี้ เปน็ ปจั จัยเสย่ี งสาคญั ท่นี กั ลงทุนและผปู้ ระกอบการ คงตอ้ งจับตาดูและบรหิ ารกนั ดๆี
แตห่ ากโชคดี ถ้าดอกเบ้ยี โลกไม่ข้ึนเรว็ อยา่ งท่ีคาดกนั ตอนน้ี (เช่น เงนิ เฟอ้ โลกลดลงเร็วกวา่ คาด จาก น้ามันลดลง หรือมีความ
เส่ียงของเศรษฐกจิ ถดถอยเพิม่ มากขึ้น) แรงกดดันต่อแบงก์ชาติกอ็ าจจะลดลงได้แต่ถา้ ดสู ถานการณ์ปจั จุบนั ก็เป็นความทา้
ทายต่อการดาเนนิ นโยบายทนี่ ่าเป็นห่วงจริงๆ ครบั

เงินเฟ้อมาจากไหนและขึน้ ดอกเบย้ี ชว่ ยแกป้ ญั หาเงนิ เฟอ้ ได้หรือ? 15 มิถุนายน 2022
เศรษฐกิจโลกกาลงั เจอปัญหาทีใ่ หญห่ ลวง จากแรงกดดันเงนิ เฟ้อทขี่ น้ึ ไมห่ ยดุ และลา่ สุดเงนิ เฟอ้ สหรฐั ปรบั ข้นึ ไปถึง 8.6%
สงู สดุ ในรอบ 40 ปี ปรับสงู ขนึ้ จากเดือนก่อน และไม่ปรับลดลงอย่างท่ีหลายฝา่ ยคาดไว้ ทาเอาตลาดตน่ื ตระหนกตกใจ เพราะ
คาดวา่ ธนาคารกลางสหรัฐจาเป็นต้องข้ึนดอกเบีย้ เรว็ ขึ้น (อาจจะเหน็ 0.75% ก็ได้) หนกั ข้นึ กว่าทีค่ าด (ดอกเบยี้ อาจจะไปถึง
4% หรอื มากกวา่ ) จนอาจจะทาให้เศรษฐกจิ เขา้ สภู่ าวะถดถอยได(้ ของไทยเองกต็ ระหนกพอกนั จนแบงกช์ าตเิ ปลีย่ นสญั ญาณ
นา่ จะเหน็ ดอกเบ้ยี เปน็ ขาขึน้ )นา่ ลองมาดกู ันนะครับว่า “เงนิ เฟอ้ ” ในปจั จุบนั มาจากไหน และการขน้ึ ดอกเบย้ี จะช่วยแกป้ ญั หา
เงินเฟอ้ ไดอ้ ยา่ งไร
เงินเฟอ้ มาจากไหน? ถา้ ดูแบบกว้างๆเงนิ เฟ้อในสหรฐั และทอ่ี น่ื ๆรวมถึงเมอื งไทยมาจากสส่ี ว่ นใหญๆ่
1.คอื ราคาสนิ ค้าท่ปี รับขึน้ จากการเปิดเมอื ง ทอี่ ุปสงคป์ รบั เพิ่มข้ึน แต่ปรมิ าณสินคา้ มไี ม่พอ เพราะหาไมไ่ ด้ หรือสินค้าขาด
แคลนจากการปดิ เมือง เชน่ ราคารถเก่า คา่ โรงแรม ตว๋ั เคร่อื งบิน ทปี่ รบั เพ่มิ ขนึ้ ไปสูงมาก แตเ่ รมิ่ มสี ญั ญาณดีขึน้ บ้าง
2. คอื ราคานา้ มนั และราคาพลังงาน ทป่ี รบั สงู ข้ึนจากภาวะสงคราม และมาตรการคว่าบาตรของยโุ รป ทม่ี ีต่อรัสเซีย ทท่ี าให้
ปรมิ าณน้ามันโลกหายไปบางส่วน และภาวะสงครามก็ทาให้ราคาอาหารสงู ขึ้น เพราะกระทบการส่งออกอาหารและปยุ๋ ทีส่ าคญั
ด้วย สว่ นหนึ่งของปัญหาคอื ส่งิ ทหี่ ลายคนเรยี กวา่ “Greenflation” หรอื เงินเฟอ้ ท่ีเกิดจากความพยายามลดการใช้
พลงั งานฟอสซลิ เพ่ือแกป้ ัญหาโรคร้อน ทาใหบ้ ริษัทนา้ มนั ขาดแรงจูงใจในการลงทุนเพ่มิ กาลังการผลติ แม้วา่ ราคาน้ามนั จะ
ปรบั ขนึ้ เพราะไม่ม่นั ใจในอนาคต หรือท่บี างคนเรียกว่า preemptive underinvestment ทาให้ปญั หาราคาน้ามันค้าง
สงู ตอ้ งยอมรับวา่ ปัจจยั ราคานา้ มนั นีเ้ ป็นปัจจยั ท่ีคาดเดาไดย้ ากและมคี วามผันผวนสงู ตามสถานการณ์ และมผี ลตอ่ เงนิ เฟอ้ มาก
3.คือ ปัญหา supply disruption ทัง้ ทเี่ กดิ จากปญั หาระยะสนั้ เช่น การขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ เรอื คนขับรถบรรทุก
ปญั หา “ชปิ ” หาย zero Covid policy ในจนี ตน้ ทนุ การผลติ ตา่ งๆทท่ี าใหส้ ินค้าแพงข้นึ รวมถงึ ราคาบ้าน ท่แี รบั ขนึ้ แม้
ยอดขายเรมิ่ ลดลง และปญั หาระยะยาว เช่น ความขัดแยง้ ด้านภมู ริ ัฐศาสตร์ โครงสร้างประชากร และความม่นั คงของ supply
chain ท่ีทาใหเ้ กิดการย้ายฐานการผลติ จนนาไปสตู่ น้ ทุนทีส่ ูงขน้ึ
และ 4. คือ ปัญหาด้านอปุ สงค์ ท่เี กิดจากภาวะเศรษฐกจิ รอ้ นแรงท่จี ากการกระตุ้นเศรษฐกิจ ตลาดแรงงานทต่ี งึ ตวั แรงกดดัน
จากค่าจ้างทีป่ รับสงู ข้นึ การคาดการณเ์ งนิ เฟ้อทีป่ รับสูงข้นึ เม่ือเงินเฟอ้ คา้ งสูงเปน็ เวลานาน และ “narrative” ของเงนิ เฟ้อทา
ให้ผปู้ ระกอบการเรมิ่ สง่ ผา่ นต้นทุนท่ีสูงขนึ้ ไปหาผบู้ ริโภคเพมิ่ มากข้ึน สงั เกตว่า สาเหตุของเงนิ เฟอ้ ส่วนใหญ่ในขณะน้ี “มาจาก
ดา้ นต้นทุน” เสียสว่ นใหญ่ (ขอ้ 1-3) แน่นอนวา่ นโยบายการเงินแทบจะทาอะไรไม่ไดเ้ ลย ขึน้ ดอกเบย้ี ไปไมไ่ ดช้ ่วยทาให้สงคราม
จบ ขึ้นดอกเบย้ี ไป ไมไ่ ดท้ าใหร้ าคาน้ามนั ลดลง ไมไ่ ดท้ าใหผ้ ลติ ชปิ ได้เรว็ ขน้ึ และผลจากการข้ึนดอกเบยี้ อาจจะไมไ่ ดก้ ระทบ
เศรษฐกิจไปอกี หลายไตรมาส แปลว่าเราอาจจะไมเ่ ห็นผลของการขึน้ ดอกเบยี้ ไปอีกสักพกั เลย
แล้วขน้ึ ดอกเบย้ี ไปทาไม? แม้เงินเฟ้อจะมสี าเหตสุ ว่ นใหญม่ าจากฝ่งั ต้นทุน แตป่ ญั หาทธ่ี นาคารกลางไมอ่ ยากให้เกดิ เลย คอื
ภาวะทีเ่ งินเฟ้อสูงเป็นเวลานาน แลว้ นาไปสู่ภาวะเงินเฟ้อติดลมบน คนส่วนใหญ่คาดวา่ เงนิ เฟอ้ จะสงู ไปเรอื่ ยๆ และเร่ิมปรบั
ราคาสนิ ค้า คา่ จ้าง ค่าเช่าบ้าน ตามการคาดการณ์เงินเฟ้อของเขา ลองนกึ ภาพวา่ ถ้าเงินเฟ้อแทนท่ีจะเปน็ ประมาณ 2% ต่อปี
กลายเป็น 7-8% ตอ่ ปีไปนานๆ ตอ่ ไปใครจะปรบั ค่าจา้ ง คา่ เชา่ บ้าน ราคาสนิ ค้า กจ็ ะบวกเงินเฟ้อเข้าไป และพออย่ใู นภาวะเงิน
เฟ้อสูง คนจะปรบั ราคาสินค้าตามตน้ ทนุ แบบไมต่ ะขิดตะขวงใจ เพราะใครๆเขากป็ รบั กนั ทาให้ราคาสินคา้ ข้ึนไมห่ ยุด
อาจต้องยอมใหเ้ กดิ เศรษฐกิจชะลอเพ่อื ป้องกันเงินเฟอ้ ค้าง การปรับขึน้ ดอกเบย้ี และการสง่ สัญญาณจากธนาคารกลางเปน็ การ
ถอนการกระต้นุ ทไี่ ม่จาเป็นออกไป รักษาความนา่ เชอ่ื ถอื ของธนาคารกลางในการควบคุมเงนิ เฟอ้ ยดึ โยงการคาดการเงนิ เฟ้อ
และอาจต้องปรบั นโยบายใหไ้ ปแตะเบรกเศรษฐกจิ หนักๆด้วย เพื่อปรามปญั หาจากฝั่งอุปสงค์ (ขอ้ 4) ทีม่ ีแนวโนม้ เพ่มิ ขนึ้ ไมใ่ ห้
เข้าไปร่วมผสมโรงกับปัญหาจากฝง่ั ตน้ ทนุ (ข้อ 1-3) และเปน็ ความทา้ ทายในภาวะทเี่ งินเฟอ้ ขึ้นตอนเศรษฐกจิ ไมด่ ี
(stagflation) ทกี่ ารแตะเบรกอาจจะทาใหเ้ กิดความเดือดรอ้ น ทั้งเงนิ เฟอ้ ท่ียงั สงู แก้ยาก และเศรษฐกจิ แผว่ ลงจนเขา้ สภู่ าวะ
ถดถอย (recession) จากประสบการณ์ในอดตี ธนาคารกลางขนึ้ ดอกเบ้ยี ทีไรพาเศรษฐกิจเขา้ สู่ recession เกอื บทกุ รอบ แต่ก็
อาจจะไม่มที างเลอื กมากนัก ประสบการณย์ ุคปี 1970-80 สอนเราวา่ แม้เงนิ เฟ้อจะมาจากตน้ ทนุ แตถ่ า้ ทิ้งไวน้ านๆ จนการ
คาดการณ์เงินเฟ้อไม่มจี ดุ ยดึ โยง (เป้า 2% ไม่มคี วามหมายอะไร) เงนิ เฟ้อจะคา้ งสงู เอาลงยาก และสุดท้ายอาจจะตอ้ งใชย้ าแรง
ที่กระทบตอ่ เศรษฐกิจมากกว่าถ้ายอมเจบ็ แตเ่ นน่ิ ๆ สรปุ คือ แม้การข้นึ ดอกเบยี้ อาจจะไมไ่ ด้ช่วยแกป้ ญั หาเงินเฟ้อท่มี าจากฝ่ัง
ต้นทุนโดยตรง แตก่ ม็ ีความจาเป็นตอ้ งปรบั เปลยี่ นนโยบายและส่งสญั ญาณให้เหมาะสม เพ่อื ป้องกันไมใ่ หเ้ งนิ เฟอ้ ติดลมบน และ
การคาดการณเ์ งนิ เฟอ้ หลุดจากกรอบไปนานๆ เพอ่ื รกั ษาความนา่ เชอื่ ถอื ของธนาคารกลางเอง สถานการณ์ปัจจุบันเป็นความ
ทา้ ทาย ทีผ่ กู้ าหนดนโยบายต้องตดิ ตามสถานการณ์ ส่ือสารให้ประชาชนเข้าใจ และมีการบรหิ ารความเส่ยี งอย่างเหมาะสม
ประชาชนและนกั ลงทนุ คงตอ้ งตดิ ตามสถานการณอ์ ย่างใกล้ชดิ และเตรยี มมาตรการรบั มอื กนั ด้วยครั

แผนการส่ือสารในหัวขอ้ ภาวะการเปลย่ี นแปลงของสภาพภมู อิ ากาศ11 กันยายน 2021
เม่ือวันที่ 9 สิงหาคม 2564 คณะกรรมการระหวา่ งรัฐบาลว่าด้วยการเปลีย่ นแปลงสภาพภมู อิ ากาศ (Intergovernmental
Panel on Climate Change: IPCC) ซ่ึงเปน็ คณะนักวิทยาศาสตรแ์ ละนกั วิชาการชน้ั นา ได้มกี ารตพี มิ พแ์ ละเผยเเพร่บทสรุป
รายงานการประเมนิ ฉบับที่ 6 ทแ่ี ม้รายงานนป้ี ระกอบไปด้วยการนาเสนอผลวจิ ัยมากกว่า 14,000 งานดว้ ยกัน แตส่ ่งิ ทถ่ี อื วา่
เป็นจุดเด่นสาคญั ท่ีสดุ อยู่ทีป่ ระโยคแรกซึ่งกล่าวว่า “อทิ ธพิ ลของมนุษย์ไดส้ ง่ ผลตอ่ สภาพอากาศ มหาสมทุ ร และผืนดนิ ให้มี
อณุ หภูมสิ งู ข้ึนอยา่ งไมม่ ีขอ้ สงสยั ” โดยบทสรุปผลการศกึ ษาวจิ ยั ได้รายงานว่าอุณหภมู ิของโลกในรอบสิบปีที่ผา่ นมา สูงกวา่
ระยะเวลาใดๆ ในชว่ ง 125,000 ปี หรอื ปจั จบุ ันเราสามารถคานวณถงึ บทบาทของการเปล่ยี นแปลงสภาพภมู ิอากาศใน
สถานการณ์อากาศเปลย่ี นเเปลงเฉยี บพลนั ได้อยา่ งมหี ลกั เกณฑต์ ามทางวทิ ยาศาสตร์
แม้วา่ รายงาน IPCC นี้จะมีหลกั ฐานมากมายท่แี สดงถงึ ผลกระทบรนุ แรงจากความเปลย่ี นแปลงของสภาพอากาศน้นั และ
กาลังเรียกรอ้ งขอความสนใจจากเพอ่ื นร่วมโลกทกุ ชวี ติ แต่กลบั เปน็ ว่าขอ้ ความและข้อมลู เหลา่ นีย้ งั ไมส่ ามารถเข้าถึงกลุม่
คนท่วั ไป ที่ไม่ใชผ่ ู้ที่เดมิ ทีม่ ีความสนใจประเดน็ ดงั กล่าวอยแู่ ล้ว หรอื ประชากรบางกลมุ่ เชน่ ผู้จบการศึกษาระดับวทิ ยาลยั
หรือผูอ้ ยู่ในสังคมเมอื ง
ความทา้ ทายอยูท่ ่ีการส่ือสาร ไมใ่ ช่นโยบายหรอื การปฏิบตั ิ
ยงิ่ ผมใช้เวลาเป็นปีๆ ทางานเกี่ยวกับการเปลย่ี นแปลงสภาพภูมอิ ากาศมากเทา่ ใด ผมยิ่งเขา้ ใจว่าความท้าทายมิได้อยู่ที่
นโยบาย ทางแก้ไข หรือแมแ้ ต่การปฏบิ ัติ แตก่ ลบั อยทู่ ่กี ารส่อื สาร
กลยทุ ธก์ ารสอื่ สารตา่ งๆ ท่ีถูกใช้ในปัจจบุ ันยังถือเป็นกลยุทธ์ทไ่ี มไ่ ดผ้ ล เพราะไมส่ ามารถหาความพอดรี ะหว่างการสอนเชิง
วิชาการทม่ี คี วามเย่ินเยอ้ กบั การสร้างความหวาดกลวั แบบเกนิ ความเป็นจริงของนกั เคลื่อนไหวดา้ นส่ิงแวดล้อมบางกลมุ่ (หรอื ท่ี
ฝรั่งเรยี กกันว่า environmental alarmist) ได้ โดยทข่ี ้อเสนอเชิงวิชาการนน้ั อาจสรา้ งความงุนงงและยากทจ่ี ะเข้าใจให้กบั ผู้รบั
สาร อย่างเชน่ ข้อตกลงปารสี (paris agreement) ทม่ี ีมตเิ ครง่ ครัดในการลดอณุ หภูมโิ ลกอย่ทู ี่ 1.5 องศาเซลเซยี ส เป็นสง่ิ ท่ี
ประชาชนท่ัวไปไม่สามารถเขา้ ถึงได้ สว่ นฝงั่ environmental alarmist ที่เน้นการส่ือสารวา่ “ความเฉยเมยเป็นความบาปที่
ยง่ิ ใหญ่” มิไดเ้ ป็นการแสดงเหตผุ ลทมี่ ีน้าหนักมากพอสาหรับกลุ่มคนสว่ นใหญ่ แถมมแี นวโนม้ ทีจ่ ะสรา้ งความราคาญมากกว่า
ด้วยซ้า แตเ่ ราสามารถท่ีจะเเกไ้ ขประเดน็ ตรงนไี้ ด้ โดยทส่ี าคญั คอื การทาความเขา้ ใจก่อนว่า เพราะอะไรการสอ่ื สารกบั
ประชาชนจงึ ถือเป็นสิ่งท่ียากลาบาก ประการแรกอยทู่ ีค่ วามท้าทายของการแสดงให้ผรู้ ับสารเข้าใจว่าการเปลยี่ นแปลงสภาพ
ภูมอิ ากาศนน้ั คอื อะไร มผี ลกระทบอยา่ งไร และมีความเก่ยี วเน่อื งกบั ชีวิตประจาวันของเราอย่างไร
2 อุปสรรคต่อการส่ือสาร
ประการแรกคอื การอธบิ ายข้ันตอนของการเปล่ยี นแปลงสภาพภมู อิ ากาศ ทมี่ คี วามซับซ้อนอยา่ งมาก เชน่ สถานการณ์
อากาศเปลีย่ นเเปลงเฉยี บพลนั ในอนาคตมาจากอณุ หภมู สิ ูงขึ้น ท่เี กดิ จากปรากฏการณ์เรือนกระจก อนั เป็นผลจากการปลอ่ ย
ก๊าซคารบ์ อนไดออกไซด์โดยมนุษย์ ฟังดแู ลว้ เหมอื นกลบั ไปเรียนวชิ าวทิ ยาศาสตร์ ม.ต้น นอกเหนือจากน้ันผลกระทบของ
ปรากฏการณ์นมี้ ใิ ชผ่ ลกระทบระยะส้นั หรือมผี ลโดยตรง หรอื เกดิ ขน้ึ เฉพาะท่ใี ดที่หน่งึ (แหลง่ ทม่ี าของภาวะมลพษิ และท่ีที่
ไดร้ ับผลกระทบของภัยพบิ ตั ทิ างธรรมชาตมิ ไิ ดเ้ กดิ ข้ึน ณ ทเี่ ดียวกนั เสมอไป) กระบวนการดงั กลา่ วแตกต่างจาก PM2.5 หรือ
ฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน ซึ่งสามารถนามาอธิบายเเละขยายความได้ง่ายกว่า โดย PM2.5 น้ันเป็นอันตรายต่อการ
ทางานของปอดหรอื ทาให้เส่ยี งเปน็ โรคหวั ใจได้หากมีการรบั เขา้ สรู่ ่างกายในปริมาณทสี่ งู ซง่ึ ชัดเจนว่าผลกระทบของ PM2.5
เปน็ ผลกระทบระยะส้นั มผี ลโดยตรง และเกิดขึ้นเฉพาะที่ใดทหี่ นง่ึ อย่างการที่วิกฤติ PM2.5 ในกรุงเทพฯ นน้ั เกิดจากรถยนตท์ ี่
เผาไหม้ด้วยเชอ้ื เพลิงดเี ซลท่ีวงิ่ ในกรงุ เทพฯ เอง
ประการท่สี องคือ การอธบิ ายเหตุผลของความจาเป็นในการลดการปลอ่ ยก๊าซคารบ์ อนนน้ั เปน็ ภารกิจทมี่ คี วามทา้
ทาย เพราะผลประโยชน์ของการปรบั วถิ ชี วี ีตให้ “สะอาด” (ในเชิงส่ิงแวดล้อม) ไมส่ ามารถเหน็ ชดั หรอื จับตอ้ งได้ แต่ในทาง
กลับกนั การทาให้เหน็ ภาพถึงปัญหาตา่ งๆ ในการปรับวิถชี วี ิตให้ “สะอาด” นัน้ กลับง่ายดายเหลือเกิน
กรณตี ัวอยา่ งคอื เราสามารถอธิบายได้วา่ การลดก๊าซคารบ์ อนจะทาใหส้ นิ คา้ มตี น้ ทนุ การผลติ เพม่ิ ข้นึ ทาใหร้ าคาสินคา้ สูงขนึ้
ตามกัน และจะสง่ ผลกระทบเปน็ พเิ ศษสาหรบั กลุ่มผ้มู รี ายได้น้อย ดงั นัน้ การอธบิ ายแคว่ า่ การลดก๊าซคาร์บอนจะป้องกนั ปญั หา
ในอนาคต (โดยไม่มีระยะเวลาแนช่ ดั ) แต่จะทาให้มีค่าครองชีพจะสงู ขน้ึ กะทันหัน คงไมใ่ ช่แนวคิดที่สรา้ งแรงจงู ใจได้เท่าไรนัก
แนวทางการสอ่ื สารใหม่ ตอ่ จากนี้ เราจะตอ้ งมกี ารปรบั เปล่ยี นรปู แบบการส่ือสารถงึ ภาวะการเปลยี่ นแปลงสภาพภูมิอากาศ
การบรรยายถงึ หวั ข้อดงั กลา่ วจะตอ้ งมคี วามแตกต่างจากวิธเี ดมิ ๆ

สง่ิ ที่ผดิ ทสี่ ดุ ท่นี กั เคลอื่ นไหวดา้ นสง่ิ แวดลอ้ มมักจะทาคือการเชือ่ มโยงเรื่องสง่ิ แวดลอ้ มกับคณุ ธรรมจรยิ ธรรม โดยตงั้ ขอ้ ครหาว่า
ผ้ทู ่ไี มส่ นใจเรอ่ื งสิง่ แวดล้อมคอื ผไู้ มม่ คี วามรบั ผดิ ชอบต่อสังคม เป็นการส่ือสารแบบ “Us vs. Them” ซึง่ ปราศจากการมี
สว่ นร่วม (หรือเป็น exclusive process) ถ้าจะทาให้เร่อื งนเ้ี ปน็ ของ “ทกุ คน” ได้ ก่อนอน่ื คือการที่นักเคล่ือนไหวจะต้อง
ยอมรับวา่ ไม่ใช่ “ทุกคน” ท่จี ะใหค้ วามสาคญั กบั เรื่องนี้ (คนสว่ นใหญเ่ นน้ เรอ่ื งปากทอ้ ง) และการท่เี ขาไมไ่ ด้สนใจนนั้ กไ็ มไ่ ด้
แปลว่าผดิ ทกุ คนมักมคี วามสนใจที่ไม่เหมอื นกนั โจทย์ใหญ่ของงานส่ือสารวันนคี้ ือทายังไงให้คนเหล่านั้น (ซง่ึ คือคนสว่ นใหญ่
ของประเทศ) หนั มาสนใจ ทาให้เขามองว่าเร่อื งนี้เก่ียวกับตัวเขา และท่สี าคญั ทสี่ ดุ คือการท่ีเรื่องน้จี ะสามารถเป็นโอกาสใหก้ ับ
ตัวเขาได้
“โอกาสสร้างรายได้”
อย่างแรกคอื เราจะตอ้ งวางภาพการเปลยี่ นแปลงสภาพภมู ิอากาศใหเ้ ป็นโอกาสสร้างรายได้ มากกวา่ ทจ่ี ะเป็นการทาความดีหรอื
เป็นพลเมืองที่ดี และจุดสนใจควรทีจ่ ะเป็นผ้ปู ระกอบการรายยอ่ ยและบคุ คลธรรมดา มากกวา่ กลุม่ ธรุ กิจขนาดใหญท่ ม่ี ีพนื้ ฐาน
ทางการเงินและเหตผุ ลในการตงั้ นโยบายดา้ นสงิ่ แวดลอ้ ม อยา่ งเชน่ การลดคา่ ใชจ้ า่ ยด้านพลังงานจากการเปลยี่ นเป็นระบบ
พลังงานเเสงอาทิตย์ (ปจั จบุ นั มรี าคาทีต่ ่าลงมาก มรี าคาเทียบเท่ากบั ไฟฟา้ รูปแบบดั้งเดิม ทเ่ี รียกวา่ จดุ grid parity) หรอื เน้น
ไปทางด้าน CSR ทท่ี าใหอ้ งคก์ รมีภาพว่าสนใจเร่อื งนี้ อยา่ งไรก็ตาม สาหรับผู้ประกอบการรายย่อยและบคุ คลธรรมดา กม็ ี
หนทางการสร้างผลประโยชน์มากมายเชน่ กัน ตวั อย่างเช่น มาตรการการรบั ซอื้ ไฟฟา้ โซลารร์ ฟู ทอ็ ป (net metering) ท่ผี ู้ผลติ
กระเเสไฟฟ้าของตนเอง ไมว่ ่าจะเป็นบริษัทหรือบุคคล สามารถขายพลงั งานสว่ นเกินกลบั ไปยังกรดิ พลงั งานได้ จงึ ทาให้ผทู้ ีผ่ ลติ
ใช้ไฟฟา้ จากแผงพลังงานเเสงอาทติ ย์สามารถผนั ตวั เป็นทง้ั ผผู้ ลติ และผ้บู รโิ ภคได้ในเวลาเดยี วกัน หรือ “prosumer” และ
สามารถเปลยี่ นรปู แบบพลังงานท่ถี ูกผลิตเกนิ ใหเ้ ปน็ รายได้อย่างสมา่ เสมอ (passive income) ทาให้สามารถคานวณได้วา่ การ
ลงทุนกับการตดิ ตงั้ แผงพลังงานเเสงอาทติ ย์นั้นจะมีระยะเวลาในการคืนทนุ อย่เู ท่าใด และคาดการณไ์ ด้วา่ จะได้รบั แต่กาไร
เมื่อใด ซง่ึ ส่งผลสาคญั ตอ่ การสนับสนนุ ให้มกี ารติดตงั้ แผงพลงั งานแสงอาทิตย์ตามแตล่ ะครวั เรือน
อกี หนึง่ แนวทางคอื มาตรการการปล่อยสนิ เชือ่ ปลอดดอกเบยี้ โดยใช้หนอ่ ตน้ ไม้ของต้นท่ปี ลกู ใหมเ่ ป็นการจานอง เพอ่ื ส่งเสริม
การปลกู ต้นไม้ ซง่ึ ปัจจบุ นั มาตรการนี้ไดม้ ีผลใช้ในประเทศอินเดยี และสามารถตอ่ อายสุ นิ เช่ือดงั กลา่ วได้รายปี เปน็ ระยะเวลา
ไม่เกนิ 10 ปี โดยลกู หนจี้ ะต้องจ่ายเงินกคู้ ืนเฉพาะในกรณที ่ีตน้ ไม้ทถี่ ูกจานองถูกโค่นลงเทา่ นนั้
“ความอยรู่ อดของมนุษยชาติ”
อยา่ งท่สี องคือ เราจะต้องดึงจดุ สนใจไปท่คี วามอยรู่ อดของมนุษยชาติ ปจั จบุ ันสิง่ ทม่ี ีบทบาทความสาคญั ในการพดู ถงึ ภูมอิ ากาศ
เป็นการบรรเทาการเปลย่ี นแปลงสภาพภมู อิ ากาศ (climate mitigation) หรอื พูดงา่ ยๆ คือการลดคารบ์ อน ไม่ว่าจะเป็น
พลังงานทดแทนหรอื รถยนตพ์ ลงั งานไฟฟ้า ซ่ึงเปน็ แผนนโยบายระยะยาว และไมส่ ามารถตอบโจทยข์ องปญั หาระยะส้นั ได้ เชน่
การปอ้ งกนั จากภัยพิบัตทิ างธรรมชาติ ความมานะในการสอื่ สารว่าการเปลย่ี นแปลงสภาพภมู อิ ากาศนน้ั เปน็ เรอ่ื งที่เร่งดว่ น
จะต้องประกบด้วยการนาเสนอถงึ ข้อไขในระยะส้นั เช่นกัน โดยจุดสนใจจะถกู เปลย่ี นไปเปน็ การปรบั ตวั ตอ่ การเปล่ยี นแปลง
สภาพภมู อิ ากาศ (climate adaptation) ซึง่ เป็นมุมท่มี องถึงการเตรยี มพร้อม ปกปอ้ ง และรอดพ้นจากภยั อนั ตรายท่ียิ่งใหญ่
และไมเ่ คยมมี ากอ่ นน้ี ซง่ึ อาจเป็นในลกั ษณะ “สีเทา” (เช่น โครงการวศิ วกรรมตา่ งๆ ไมว่ า่ จะเปน็ การสรา้ งกาแพงกนั คลืน่ หรือ
การใช้ระบบคนั ก้นั นา้ ) “สเี ขียว” (เช่น การหาทางออกโดยใชห้ ลักการทางธรรมชาติ อย่างเช่นการปลกู ปา่ ชายเลนเพอ่ื ป้องกัน
การกัดเซาะชายฝง่ั ) หรอื “smart” (เชน่ การเกบ็ และใช้ขอ้ มลู เพ่อื จดั การและบรรเทาสาธารณภยั )
อาจกลา่ วได้ว่า เกษตรกรในภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ทีต่ ้องเผชญิ กบั ภัยเเลง้ คงจะซาบซึง้ หากรัฐบาลมกี ารลงทนุ ในโครงการ
บริหารจดั การทรพั ยากรนา้ อยา่ งเชน่ การกักเก็บนา้ ใต้ดินตามชมุ ชน หรือการผันนา้ มากกวา่ ท่ีจะนาภาษไี ปเก้อื หนนุ การตดิ ตงั้
แผงพลงั งานเเสงอาทติ ยส์ าหรับโรงงานอุตสาหกรรม เนอื่ งจากสามารถเขา้ ถึงประโยชน์ของนโยบายได้
ข้อไขตา่ งๆ เพ่ือการปรบั ตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมอิ ากาศเป็นสิง่ ท่ีจบั ตอ้ งและเขา้ ถึงได้โดยบุคคลทวั่ ไป พลเมอื งทกุ คน
ลว้ นเข้าใจถึงหนา้ ท่ี บทบาท และความสาคญั ของตนเอง พวกเขาปกปอ้ งประชากรของประเทศจากภยั ธรรมชาติไมว่ า่ ความ
คดิ เหน็ หรอื มมุ มองต่อการเปล่ยี นแปลงสภาพภูมิอากาศจะเปน็ อยา่ งไร และเพราะวา่ โครงการทก่ี ลา่ วมาเหลา่ นีน้ ัน้ จะต้องใชเ้ งนิ
ลงทนุ มหาศาล จึงต้องใหค้ วามสาคัญทางดา้ นการส่ือสารอย่างสูง โดยทปี่ ระชาชนจะต้องเขา้ ใจและใหค้ วามรว่ มมือ
นค่ี ือแผนระยะสัน้ แผนระยะยาวคอื การศึกษา
การเปลย่ี นรูปแบบการส่อื สารและบรรยายถงึ ประเดน็ ดงั กลา่ วนี้เปน็ เพยี งทางออกในระยะส้ันเทา่ น้ัน เพอื่ เปน็ การรบั รองว่าจะ
มีการปฎิบตั ิเพอ่ื แก้ไขปญั หาอยา่ งเพียงพอ เพราะ ณ ตอนนตี้ อ้ งยอมรบั ว่าประเด็นสภาพภูมอิ ากาศนน้ั เป็นสิง่ ท่ีผู้คนสว่ นมาก
ไม่ได้ให้ความสาคญั

ส่วนการปฎบิ ตั ริ ะยะยาวน้ัน จะตอ้ งประสานการอบรมดา้ นสภาวะอากาศเข้ากับหลกั สูตรการเรียนร้เู พือ่ สร้างความค้นุ ชนิ ใหก้ บั
เยาวชน เพ่อื ให้พวกเขาได้เติบโตทา่ มกลางความคดิ บทสนทนา และความกังวลดา้ นการเปลี่ยนแปลงของสภาพภมู ิอากาศ
หากเราสามารถผสมผสานประเดน็ ดังกล่าวกบั ระบบการศึกษาไดส้ าเร็จ คงจะมปี ญั หาดา้ นการสือ่ สารที่น้อยลงและมเี วลามาก
ขึ้นเพ่อื มุ่งสรา้ งการเปลยี่ นเเปลงไดอ้ ยา่ งแท้จรงิ

“BMA Net Zero”: กทม. แก้ปญั หาโลกรวนด้วยการ “เริม่ ตน้ จากตวั เอง” 20 เมษายน 2022
ในปัจจุบันผลกระทบจากภาวะ “โลกรวน” มคี วามรนุ แรงมากขนึ้ เนอ่ื งจากการเพม่ิ ข้นึ ของกา๊ ซเรอื นกระจกในช้นั บรรยากาศที่
ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศอย่างเหน็ ชดั เช่น อากาศหนาวเมอ่ื ชว่ งตน้ เดอื นเมษายนท่ผี า่ นมา หรอื ผลกระทบตอ่ ภยั
พิบตั ทิ ี่รุนแรงข้นึ และเกิดบอ่ ยข้นึ มีการประมาณการวา่ ในชว่ งปี พ.ศ. 2573 มีโอกาสเกดิ นา้ ทว่ มใหญใ่ นรอบ 10 ปี ในพืน้ ที่
กรงุ เทพฯ กว่า 96% และอาจกอ่ ให้เกิดความเสยี หายทางเศรษฐกิจกว่า 16.85 ล้านลา้ นบาท
นอกจากนน้ั ตามการคาดการณร์ ะดบั น้าทะเลจะหนุนสงู ขึ้น ซ่งึ สง่ ผลใหส้ ัดสว่ นของน้าเค็มจากทะเลมปี ริมาณสูงข้นึ ในระบบ
นา้ ประปา และส่งผลต่อคุณภาพนา้ สาหรบั การอปุ โภคบรโิ ภคของประชาชน โดยกลมุ่ คนทจ่ี ะได้รบั ผล กระทบมากที่สุดจาก
เหตกุ ารณ์ “โลกรวน” คือ กล่มุ ผู้มรี ายไดต้ า่ ในกรงุ เทพฯ จานวนกว่า 2 ลา้ นคน ทีข่ าดโครงสรา้ งพ้ืนฐานในการดูแล
ปอ้ งกนั ตนเอง รวมถงึ ไมม่ ีตน้ ทนุ มากพอในการฟืน้ ตัวจากผลกระทบนนั้ นอกจากนี้ แหลง่ ท่มี าของก๊าซเรือนกระจกไม่ว่าจะ
มาจากการขนส่งหรือพลงั งาน ก็มสี ่วนสาคญั ต่อการปลอ่ ยฝ่นุ PM2.5 โดยในปี พ.ศ. 2564 ประชาชนได้รบั ผลกระทบจาก
PM2.5 ต่อสขุ ภาพเทยี บเทา่ กบั การสบู บุหรีม่ ากถงึ 1,261 มวนต่อคนต่อปี การวจิ ยั ของคณะกรรมการระหวา่ งรัฐบาลว่าด้วย
การเปลย่ี นแปลงภมู ิอากาศ (IPCC) ไดท้ าการศกึ ษาและพบวา่ “ความแตกตา่ งของอุณหภมู เิ พยี ง 0.5 องศาเซลเซยี สจะช่วย
ยับยงั้ ผลกระทบจากการเปลย่ี นแปลงสภาพภมู ิอากาศได้ รวมถึงปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพดว้ ย” ดงั น้นั การปอ้ งกนั
ไมใ่ ห้อณุ หภูมเิ พมิ่ ขน้ึ แมเ้ สย้ี วองศาน้นั มคี า่ สาหรบั ทุกชวี ิตบนโลกใบน้ี
กรุงเทพฯ คือตน้ ตอของปัญหา ปจั จบุ นั กรุงเทพฯ มกี ารทาแผนแมบ่ ทกรุงเทพมหานครวา่ ดว้ ยการเปลีย่ นแปลงสภาพ
ภูมอิ ากาศ โดยใชเ้ ป็นเครอ่ื งมือในการตดิ ตามและสารวจการปล่อยกา๊ ซเรอื นกระจกโดยรวมของกรุงเทพฯ โดยในปี พ.ศ.
2561 กรงุ เทพฯ มสี ถิตกิ ารปล่อยก๊าซเรือนกระจกกว่า 43.71 ล้านตัน ซึ่งเปน็ จานวนเทียบเทา่ กบั “ไฟลต์บนิ ไป-กลับ
กรงุ เทพฯ-โตเกียว เกอื บ 20,000 เทย่ี ว” หรอื “การใช้รถยนต์ 59 ล้านคนั ต่อป”ี หรอื “การเผาป่ากวา่ 2,580,000 ไร”่
จากการสารวจ พบวา่ กจิ กรรมทมี่ กี ารปล่อยกา๊ ซเรือนกระจกสูงสุด 5 อันดับแรกในกรุงเทพฯ ไดแ้ ก่ (1) การขนส่งทางถนน
จานวน 26.71% (2) การใชพ้ ลงั งานในธรุ กิจการคา้ และหน่วยงานรฐั จานวน 23.42% (3) การใชพ้ ลังงานในอตุ สาหกรรมการ
ผลิตและการกอ่ สรา้ ง จานวน 21.73% (4) การใชพ้ ลงั งานในทีพ่ ักอาศัย 13.99% และ (5) การจดั การของเสยี ดว้ ยวิธีฝังกลบ
10.95% ทั้งนใ้ี นแผนแมบ่ ทฯ ยังไดค้ าดการณอ์ ีกวา่ หากไม่มีการดาเนินมาตรการลดการปลอ่ ยก๊าซเรอื นกระจก
(business as usual — BAU) อยา่ งจรงิ จัง จะเกดิ การปลอ่ ยกา๊ ซเรอื นกระจกเพ่ิมขนึ้ อกี ประมาณ 10 ล้านตันต่อปีในปี
พ.ศ. 2573 “BMA Net Zero”: คารบ์ อนคุมได้ กทม. ปลอดคารบ์ อน
เนอ่ื งจากประเด็นเร่ืองการควบคุมคาร์บอนได้รบั ความสนใจมากขน้ึ ในปจั จุบัน จึงมหี ลายเมอื งและหลายประเทศไดอ้ อก
มาตรการต่างๆ เพอ่ื การรบั มือประเด็นขา้ งตน้ โดยเฉพาะการลดการปล่อยกา๊ ซเรือนกระจก จึงถอื เป็นโอกาสสาคญั ที่ กทม.
(กทม. ในกรณีนหี้ มายถงึ องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ ของกรงุ เทพฯ) จะเขา้ มาเป็นหนงึ่ ในผูเ้ ล่นหลกั ทีจ่ ะเข้ามาสร้างความ
เปลยี่ นแปลง หรือ “game changer” ในพ้นื ท่เี มืองหลวงของประเทศ เพ่อื เป็นพื้นทน่ี าร่องในการสรา้ งความเปลยี่ นแปลง
และสร้างแรงกระเพอื่ มในการแกป้ ัญหาด้านสง่ิ แวดล้อม โดยเร่มิ จากพ้นื ที่กรงุ เทพฯ และขยายไปสพู่ น้ื ที่อื่นๆ ในประเทศไทย
นโยบาย “BMA Net Zero” หรอื “คารบ์ อนคุมได้ กทม. ปลอดคารบ์ อน” เรมิ่ ต้นจากแนวคดิ ทว่ี า่ กทม. ในฐานะองค์กร มี
ทรัพยส์ ินมากมาย ทัง้ อาคาร หรอื ยานพาหนะต่าง ๆ ที่อยภู่ ายใตส้ งั กดั และความรับผิดชอบ ซึ่งเทา่ กับว่ามกี ารปล่อยก๊าซเรือน
กระจก หรอื “carbon footprint” ที่สงู โดยถ้าหาก กทม. ต้องการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอยา่ งเปน็ รปู ธรรม ตั้งเปา้ ให้
การปล่อยสุทธิเป็นศูนย์ (net zero) ภายในปี พ.ศ. 2573 ก็สามารถเร่มิ มาตรการลดการปล่อยกา๊ ซเรือนกระจกจากทรัพยส์ นิ
ต่างๆ ของตัวเองได้ ซึง่ จะทาให้ กทม. กลายเปน็ พื้นทต่ี น้ แบบท่สี ามารถสรา้ งแรงจูงใจใหก้ ับหนว่ ยงานอนื่ ๆ ท้ังภาครฐั และ
เอกชน
Roadmap สู่นโยบาย BMA Net Zero: “คานวณ-ลด-ชดเชย” หวั ใจของนโยบาย “BMA Net Zero” คือหลกั การ “C-
R-O” ที่ยอ่ มาจาก…
1. C คือ Calculate (คานวณ) — การคานวณปรมิ าณการปลอ่ ยกา๊ ซเรือนกระจกอยา่ งเปน็ ระบบ ซึ่งจะมีประโยชนต์ อ่ การ
กาหนดเป้าหมาย และการสร้างการตระหนกั รู้

2. R คือ Reduce (ลด) — การลดการปลอ่ ยกา๊ ซเรอื นกระจกด้วยการเปลย่ี นแปลงพฤตกิ รรมและปรับเปลยี่ นโครงสรา้ ง
พื้นฐานของหน่วยงานทเ่ี กย่ี วขอ้ งและผมู้ ีสว่ นไดส้ ่วนเสยี
3. O คือ Offset (ชดเชย) — การชดเชยปรมิ าณของก๊าซเรือนกระจกท่ไี มส่ ามารถดาเนินการลดปรมิ าณได้ ผา่ นการปลูก
ตน้ ไมเ้ พ่ือดดู ซับกา๊ ซเรือนกระจก รวมถึงสนับสนนุ กจิ กรรมและโครงการทีด่ ตี อ่ สิง่ แวดล้อม เพ่ือมาหักลา้ งกับการปลอ่ ยกา๊ ซ
เรอื นกระจกทยี่ งั หลงเหลอื อยู่ หรอื คาร์บอนเครดิต
“Calculate” — คานวณปริมาณกา๊ ซเรือนกระจกท่ี กทม. รับผดิ ชอบโดยตรง
การคานวณปริมาณการปล่อยกา๊ ซเรอื นกระจก กทม. ตอ้ งวเิ คราะหป์ รมิ าณการปลอ่ ยกา๊ ซฯ ขององค์กรในสังกดั ของ กทม.
ทงั้ หมด เรมิ่ จาก “ตัวอาคาร” ไดแ้ ก่ ศาลาว่าการฯ 2 แห่ง, สานกั งานเขต 50 เขต, โรงเรียนในสังกดั 437 โรง, ศูนย์
สาธารณสขุ 69 แหง่ , ศนู ย์กีฬา 12 แห่ง, ศูนยเ์ ยาวชน 35 แห่ง และอน่ื ๆ โดยจะต้องคานงึ ถึงมลพษิ จากการใช้พลงั งานไฟฟา้
การใชแ้ อรใ์ ชไ้ ฟ รวมถงึ มลพษิ ทีก่ อ่ โดยการเดินทางของผ้ใู ชอ้ าคาร
ส่วนยานพาหนะในสงั กัด กทม. เช่น รถเก็บขยะ รถเทศกจิ รถรดนา้ ต้นไม้ หรอื รถของผู้บรหิ าร จาต้องคานงึ มุ่งเน้นไปท่ีมลพิษ
ทมี่ าจากการเผาเชื้อเพลงิ โดยตรง และ ต้องคานวณถึงปรมิ าณและประเภทของเช้อื เพลงิ ที่ใช้ด้วยเช่นกนั นอกเหนอื จาก “ตัว
อาคาร” และ “ยานพาหนะ” ยงั ตอ้ งคานงึ ถึงกระบวนการจัดการขยะซึง่ เป็นแหล่งสาคัญของกา๊ ซมเี ทน (CH4) ซ่ึงควรนา
ผ้เู ชย่ี วชาญดา้ นการประเมนิ การปล่อยกา๊ ซเรอื นกระจกมาชว่ ยวิเคราะหป์ ริมาณการปลอ่ ยและที่มาอย่างละเอีย
“Reduce” — ลดการปล่อยกา๊ ซเรอื นกระจกจากกิจกรรมของ กทม. โดยตรง
หลงั จากทไี่ ดค้ านวนปรมิ าณการปลอ่ ยก๊าซเรอื นกระจกแล้ว ขน้ั ต่อไปคอื การ “ลด” หรอื การสนับสนนุ วธิ กี ารจดั หาอุปกรณท์ ม่ี ี
ประสิทธภิ าพทางพลงั งาน และนาเทคโนโลยีตา่ งๆ มาใช้ เพอ่ื ลดการปลอ่ ยก๊าซเรือนกระจกท่ีเกิดจากกจิ กรรมของ กทม. ได้
อย่างมีประสิทธภิ าพมากทสี่ ุด โดยแตล่ ะภาคสว่ นของทรพั ย์สนิ กทม. ตา่ งๆ ก็ตอ้ งการแนวทางการจดั การทีต่ า่ งกันไป

การจดั การด้านอาคารและสานกั งานทอี่ ยภู่ ายใตก้ ารดูแลของ กทม.
แบง่ ออกเปน็ 2 ส่วน คือ ส่วนภายในอาคาร และส่วนภายนอกอาคาร โดยรายละเอยี ดการจดั การตัวอาคารภายใน ประกอบไป
ด้วย 5 ส่วนสาคญั ได้แก่
1. “การส่งเสริมใหต้ ดิ ต้งั ระบบพลงั งานทดแทน” อย่างหลงั คาโซลารเ์ ซลล์ หรือเคร่อื งพลงั งานก๊าซชีวภาพ (ถ้าเหมาะสม)
2. “การสง่ เสรมิ อุปกรณป์ ระหยดั พลังงาน — Energy Efficiency” เพ่ือการลดการใชพ้ ลงั งาน เชน่ หลอดไฟ LED
3. อุปกรณค์ วบคุมอณุ หภมู ิอัจฉริยะ (Smart Thermostats)
4. กระจกทบึ แสงหรือ หนา้ ต่างอจั ฉริยะ (Smart Windows) เพือ่ ลดความรอ้ นในอาคาร
5. ระบบอจั ฉรยิ ะ (Smart System) เพือ่ ควบคุมการปดิ ระบบไฟฟา้ อตั โนมตั ินอกเวลาราชการ และตดิ ต้ังฉนวนกันความร้อน
บนฝ้าเพดานของอาคาร เพ่อื ลดความร้อน 3-4 องศาเซลเซียส และยงั ชว่ ยประหยัดไฟจากเครือ่ งปรบั อากาศไดม้ ากถงึ 47%
เปน็ ต้น ส่วนนอกอาคาร นอกเหนอื จากการตดิ ต้งั โซลาร์เซลลบ์ นหลงั คาอาคารแลว้ หลังคายงั สามารถถกู ปรบั เปลยี่ นเป็น
รูปแบบอื่นๆ ตัวอยา่ งเช่น “หลังคาสีเขยี ว — Green Roof” ทส่ี ามารถใช้ปลูกพชื ผัก สามารถดดู ซบั นา้ ฝน (เพม่ิ ประสิทธภิ าพ
การดดู ซบั นา้ ฝนจาก 24-26% เปน็ 74-80%) นอกเหนือจากจะช่วยลดความร้อนในอาคารได้แล้วยังสามารถเพมิ่ พื้นทีส่ เี ขียว
และชว่ ยลดมลพิษในเมืองไดอ้ กี ดว้ ย หรอื “หลังคาสีขาว — White Roof” ท่ชี ่วยสะทอ้ นแสงแดด และช่วยลดอณุ หภมู ิของตวั
อาคาร ซ่งึ จะสง่ ผลให้ใช้พลงั งานภายในตัวอาคารน้อยลง

การจัดการดา้ นการขนสง่
การส่งเสรมิ การขนสง่ และคมนาคมสะอาด เชน่ การเปลีย่ นเปน็ ยานพาหนะต่างๆ ให้เปน็ ระบบไฟฟ้า EV หรืออย่างน้อยเปน็
hybrid โดยมีตัวอย่างจากมีหลายเมอื งที่เปล่ยี นรถเก็บขยะเป็นระบบไฟฟา้ นอกจากนน้ั การเพ่ิมการติดต้ังทช่ี ารจ์ EV หรอื จดุ
แลกแบตเตอรี่ ในพน้ื ที่ของ กทม. ท่ีสามารถอานวยสะดวกตอ่ ประชาชน ไม่วา่ จะเปน็ ตามสานกั งานเขตหรอื ตาม
สวนสาธารณะตา่ งๆ นอกจากนั้น ก็คือการเพิ่มการตดิ ต้งั ที่ชารจ์ EV หรอื จุดแลกแบตเตอรี่ ในพื้นทีข่ อง กทม.
EV Station ท้ังน้อี าจรวมถึงการนาร่องสนบั สนนุ การใช้รถสาธารณะไฟฟา้ หรือ EV Shuttle Bus สาหรับข้าราชการและ
ลูกจา้ ง กทม. ทจี่ ะตอ้ งเขา้ ไปทางาน เป็นระบบ feeder เช่อื มโยงผโู้ ดยสารจากบรเิ วณรถไฟฟ้าสายหลกั สอู่ าคาร กทม. ตา่ งๆ
เพอื่ หลกี เลยี่ งการใชร้ ถยนตโ์ ดยไมจ่ าเป็น หรือแมแ้ ต่การสนบั สนุนการทางานจากที่บ้านก็ไมค่ วรมองขา้ ม เพราะเป็นสว่ นหนึ่งที่
ช่วยลดการปลอ่ ยกา๊ ซจากการลดการเดินทางคมนาคม

การจดั การด้านอืน่ ๆ ตัวอย่างเชน่
จดุ บริการอาหารในหน่วยงานของ กทม. อาจปรบั เปลย่ี นการจดั การขยะอาหารที่ย่อยสลายไดใ้ ห้ถูกวิธี เพอื่ ทจี่ ะเสรมิ สร้าง
รายไดเ้ สริมคืนกลับไปให้แก่เกษตรกร หรอื การดดู ก๊าซมเี ทนจากหลมุ ฝงั กลบเพอ่ื นาไปใชเ้ ป็นพลงั งาน โดยมตี ัวอย่างท่ี

ดาเนินการประสบความสาเร็จ อยา่ งทีเ่ ซาเปาโล ประเทศบราซลิ ที่สามารถลดก๊าซเรือนกระจกได้ 76,429 ตนั ต่อปี และ
เปล่ียนก๊าซเปน็ พลงั งานกว่า 20,000 MWh ต่อปี
Offset — ชดเชยกา๊ ซเรือนกระจกส่วนท่ยี งั เหลืออยู่
เม่ือพยายามลดกา๊ ซเรอื นกระจกผา่ นทุกวิถีทางเพ่อื ใหถ้ งึ การปล่อยก๊าซเรอื นกระจกสุทธิเปน็ ศูนย์ กทม. จะต้องหาวธิ ี offset
หรอื “ชดเชย” ก๊าซเรอื นกระจกทเี่ หลือ ผา่ นการสง่ เสรมิ โครงการที่เก็บกักหรือดูดซบั กา๊ ซเรอื นกระจกโดยวธิ ีทางธรรมชาติ
เช่น การเพิ่มพ้ืนท่ีสเี ขียว หรอื การเพ่มิ ป่าโกงกาง เปน็ ต้น จากการคานวณพ้นื ท่ีสีเขียว 1 ไร่ จะสามารถปลกู ต้นไม้ประมาณ
200 ตน้ และสามารถดดู ซับก๊าซเรอื นกระจกไดป้ ระมาณ 3 ตนั ตอ่ ปี ทงั้ นี้ ต้นยคู าลิปตสั จะมีประสิทธิภาพมากกว่า โดย
สามารถดูดซบั กา๊ ซได้ดว้ ยประมาณ 4 ตนั ตอ่ ปี ส่วนการปลกู ป่าชายเลนนั้นสามารถดดู ซบั ได้ถงึ เกือบ 6.5 ตันตอ่ ปี
ยกเป็นตวั อยา่ งเชน่ ถา้ สานักงานเขตแหง่ หน่ึงปลอ่ ยกา๊ ซเรือนกระจกเทียบเท่ากับ 200 ตันตอ่ ปี ก็จะต้องปลูกตน้ ไม้บนพ้นื ท่ี
เกอื บ 67 ไร่ เพือ่ ดดู ซับก๊าซเรือนกระจกท่ที างสานักเขตกอ่ ข้นึ นอกจากน้ัน การซอ้ื คาร์บอนเครดิตกจ็ ะเปน็ อกี แนวทางหนึ่งท่ี
น่าสนใจอยา่ งยิง่ เน่อื งจาก กทม. จะสามารถนาเครดติ ทซี่ ือ้ มาใชเ้ พอ่ื เปน็ การชดเชย โดยไม่ตอ้ งชดเชยผ่านการการปลกู ต้นไม้
ผ่านการเข้าไปสนบั สนนุ โครงการด้านสงิ่ แวดลอ้ ม ต่างๆ แต่แน่นอนวา่ สง่ิ สาคญั คือ การประเมนิ และตรวจสอบโครงการนั้นๆ
วา่ สามารถชว่ ยลดก๊าซเรอื นกระจกตามขอ้ ตกลงได้อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพหรอื ไม่ มากไปกว่านี้ ในอนาคตอาจจะต้องเรมิ่ ทา
โครงการทส่ี นับสนนุ ให้ชุมชนปลกู ต้นไมห่ รอื ทาโครงการดา้ นส่งิ แวดล้อม โดย กทม. จะเข้ามาซอ้ื คารบ์ อนเครดติ เอง เพือ่ เปน็
การพฒั นาแบบ “สองเดง้ ” ทช่ี ่วยสง่ เสรมิ เร่อื งสงิ่ แวดลอ้ มและสร้างรายได้เสริมให้ชมุ ชนไปพรอ้ มๆ กนั
การเดินทางสสู่ ังคมปลอดคาร์บอนอย่างยั่งยืน นโยบายอยา่ ง BMA Net Zero จะประสบความสาเรจ็ ได้ โดยไรข้ อ้ กังขาว่าจะ
เป็นเพียงนโยบายในกระดาษได้นน้ั กทม. จะต้องมีความตนื่ ตวั ในการนากระบวนการ C-R-O มาปรับใช้อยา่ งเร่งดว่ นทสี่ ุด โดย
ต้องมีการกาหนดแผนงานท่ีชดั เจน และต้องสร้างหลกั ประกนั วา่ “นโยบายดา้ นส่ิงแวดลอ้ ม” จะสามารถดาเนนิ การไดอ้ ย่าง
ต่อเน่ือง ไมย่ ดึ โยงกับวาระของผวู้ า่ ราชการ กทม. ซงึ่ ผลสาเร็จของนโยบายนีจ้ ะเปน็ กา้ วแรกทสี่ าคญั ในการไปสูส่ งั คมปลอด
คาร์บอน แต่การจะไปให้ถึงจดุ นั้นได้อยา่ งแทจ้ รงิ นน้ั ต้องอาศยั ความรว่ มมือของทกุ ภาคส่วนในการทจ่ี ะผลกั ดันสนบั สนนุ
ชกั ชวน และดึงความความคดิ เหน็ จากภาคประชาชนมาปรบั ใช้ เพือ่ นาแนวคดิ จากหลักการ C-R-O ไปประยุกตใ์ ชใ้ ห้เหมาะสม
กับบริบทของตน แล้วเลขศนู ย์ “Zero” นน้ั ก็จะไมไ่ กลเกินเออ้ื มอย่างแน่นอน

ภาษนี าเข้าคาร์บอน EU – จดุ เร่ิมตน้ การเปลี่ยนแปลงการค้าระหวา่ งประเทศครงั้ ใหญแ่ ละความพร้อมของไทย17 กรกฎาคม
2021
เมอ่ื เดอื นธนั วาคมปี 2019 ทางสหภาพยุโรป (EU) ไดอ้ อกแผนการปฏิรปู สเี ขยี ว (European Green Deal) โดยตง้ั เป้าให้ EU
ลดปรมิ าณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 60% ภายในปี 2030 และใหป้ ล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Climate Neutral)
ภายในปี 2050 นอกเหนือจากแผนการลงทุนอันมหาศาลในอุตสาหกรรม “สเี ขียว” (ทาง EU ไดส้ ารองไว้ 1 ใน 3 ของงบ
ฟ้ืนฟูเศรษฐกิจจากโควดิ -19 หรือเทา่ กับ 6 แสนลา้ นยโู ร) เมอื่ เดือนมีนาคมท่ผี า่ นมาทางรฐั สภายโุ รป (European
Parliament) ไดผ้ า่ นมาตรการ Carbon Border Adjustment Mechanism (CBAM) หรือ มาตราการปรบั คาร์บอน
กอ่ นเขา้ พรมแดน โดยวางแผนการบงั คับใช้ในปี 2023 แม้ชอื่ อาจจะฟังดูซับซ้อน แตท่ ีจ่ รงิ แลว้ CBAM คอื กลไกภาษนี าเขา้
คารบ์ อนของ EU ซง่ึ จะบังคบั ใหผ้ นู้ าเขา้ สนิ ค้าจากนอก EU ตอ้ งซอ้ื “ใบรบั รองพิเศษ” โดยมรี าคาเชอ่ื มโยงกับราคาของ EU
Emission Trading System (EU ETS) หรอื ตลาดการค้าคารบ์ อนภายในของ EU ข้อทท่ี าให้ CBAM ไมผ่ ิดกฎระเบียบของ
WTO ทีต่ อ่ ตา้ นแนวทางของการคมุ้ ครอง หรือ Protectionism คอื การออกขอ้ ยกเวน้ การปรับสาหรบั สินค้าทีน่ าเขา้ มาจาก
ประเทศท่ีมกี ลไกควบคมุ คารบ์ อนของตวั เองอยู่แลว้ ซงึ่ วนั นเี้ ปน็ แคป่ ระเทศส่วนนอ้ ย แถมทางธนาคารโลกยังไดร้ ะบุวา่ ปจั จบุ ัน
แค่ 1 ใน 5 ของการปล่อยมลพิษของโลกน้ันมกี ารปรับราคา
ทาไมถงึ ต้องมี CBAM? อย่างแรกตอ้ งยอ้ นกลับมาพดู ถึงระบบ EU Emission Trading System (EU ETS) มาตรการนก้ี าหนด
เกณฑก์ ารปลอ่ ยคารบ์ อนขัน้ สงู สุดของแต่ละโรงงาน (cap) โดยถา้ โรงงานหนึ่งปล่อยไดต้ า่ กว่า cap ของตนเอง จะสามารถขาย
สิทธใิ์ นการปลอ่ ยให้กับโรงงานอื่นได้ สว่ นในทางกลับกนั โรงงานท่ีปล่อยเกนิ cap ของตนเองก็จะสามารถซ้อื สิทธใิ์ นการปลอ่ ย
เพิม่ ได้ ทาง EU นน้ั ได้รเิ รม่ิ มาตรการน้ีตง้ั แตป่ ี 2005 โดยผูป้ ระกอบการจากหลากหลายภาคอตุ สาหกรรมที่ถูกบังคบั เขา้
ร่วม ต้งั แต่เหลก็ ซีเมนต์ โรงกลั่น โรงไฟฟา้ หรืออตุ สาหกรรมการบินภายในเขตเศรษฐกจิ ยุโรป
แม้มาตรการน้ี จะมีบทบาทสาคัญต่อปริมาณการปลอ่ ยคารบ์ อนทล่ี ดลงของ EU แต่ไดท้ าให้เกดิ ปญั หา “Carbon
Leakage” ซ่ึงคอื การท่ผี ปู้ ระกอบการไดย้ า้ ยฐานการผลติ ออกจาก EU ไปยงั ประเทศที่ไม่มกี ฎระเบียบควบคมุ คารบ์ อน
หรอื การทีท่ างผูบ้ รโิ ภคหนั ไปซอ้ื สนิ ค้านาเขา้ ทมี่ ีราคาท่ีถูกกว่า

ก่อให้เกิดเสยี งวพิ ากษ์วจิ ารณจ์ ากผู้ประกอบการภายในไม่นอ้ ย โดยเฉพาะในปีน้ีท่ีราคาการปลอ่ ยคารบ์ อนต่อหนว่ ยไดเ้ พิม่ ขนึ้
มากกวา่ 50% และเมอื่ เดอื นพฤษภาคมราคาไดพ้ ุ่งเกิน 50 ยูโรต่อ Metric Ton เปน็ ครง้ั แรก
เป้าหมายของ CBAM นนั้ มอี ยสู่ ามมิติ ประกอบด้วย
1) มติ ิการเมอื ง: สร้างแรงกดดันให้ประเทศต่างๆออกมาตรการควบคมุ คาร์บอน และเพมิ่ ความแขง็ แกร่งของ EU ในฐานะผนู้ า
ในเวทีสิง่ แวดล้อมโลก
2) มิตเิ ศรษฐกจิ : แกป้ ญั หาเรือ่ ง “Carbon Leakage” และปกปอ้ งผ้ปู ระกอบการภายในใหไ้ มเ่ สียเปรยี บ
3) มิติงบประมาณ EU: มกี ารคานวนว่ารายได้จาก CBAM จะอยรู่ ะหว่าง 5,000 ล้านถงึ 14,000 ลา้ นยโู ร/ปี ซ่งึ ปจั จบุ ันมีการ
ถกเถียงในประเด็นการใช้งบน้ี ระหวา่ งการใช้สาหรับโครงการใน EU ภายใตแ้ นวทาง Green Deal หรอื สาหรบั โครงการใน
ประเทศท่กี าลังพัฒนาท่มี งี บจากดั
CBAM จะเกดิ ไดจ้ ริงหรือไม?่
มนี ักวิเคราะห์มองวา่ การที่ CBAM มีขอ้ ยกเวน้ สาหรบั ประเทศทมี่ ีมาตราการควบคมุ คาร์บอนของตวั เอง อาจทาให้ CBAM เป็น
แค่เคร่ืองมอื ท่ี EU ถอื ไวต้ ่อรองมากกว่าท่ีจะนามาใช้จรงิ ดว้ ยซา้ (โดยเฉพาะถ้าเจอแรงต่อต้านจากประเทศทจ่ี ะถูกกระทบ
โดยตรง เชน่ จีน อนิ เดีย หรอื รสั เซีย) เพราะถ้าสามารถกดดนั ให้ประเทศอ่ืนๆ เรม่ิ ควบคุมคารบ์ อนดว้ ยตัวเองได้ ทาง EU ก็จะ
บรรลเุ ปา้ หมายในท้ังมติ กิ ารเมืองและเศรษฐกจิ โดยไมต่ อ้ งไปมีปญั หากับใคร
และอนาคตอาจจะทาให้เกดิ คล้ายๆกลุ่ม “Climate Club” เฉพาะสาหรับประเทศทีม่ มี าตรการคาร์บอน
อกี ปจั จยั สาคญั คอื สหรฐั ฯ ซ่งึ ประธานาธิบดี โจ ไบเดน มคี วามสนใจในเรอ่ื งนีแ้ ละได้พดู ถงึ ตัง้ แต่ช่วงการรณรงค์หาเสยี ง
เลอื กตง้ั พร้อมกับการท่ี จอห์น เคอรร์ ่ี ผแู้ ทนพิเศษ ว่าด้วยประเด็นสภาพภมู อิ ากาศของสหรัฐฯไดแ้ ถลงว่าทางรัฐบาลเริ่ม
ศึกษาเรื่องนอี้ ยา่ งจริงจงั แล้วในกรณีท่ที ง้ั สหรฐั ฯและ EU ใชก้ ลไกน้ี บีบให้ประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะที่เน้นสง่ ออกไปสอง
ตลาดน้ี ตอ้ งรบี ปรบั ตวั ให้เขา้ กับสถานการณ์เพอ่ื ปกป้องอตุ สาหกรรมสง่ ออกของตัวเองโดยทนั ที
ผลกระทบตอ่ ประเทศไทย และแนวทางการเตรียมตัว
ปฏเิ สธไมไ่ ดว้ า่ CBAM จะสง่ ผลกระทบตอ่ ประเทศที่สามอย่างไทยแน่นอน รายงานจากสานกั งานทป่ี รกึ ษาการศลุ กากร ณ กรงุ
บรสั เซลส์ ได้ประเมินผลกระทบ เช่น
1) ราคาสนิ คา้ นาเข้าจากประเทศทไ่ี ม่มีมาตรฐานดา้ นสง่ิ แวดลอ้ มท่เี ทยี บเทา่ กบั ของ EU จะมรี าคาสูงขน้ึ ทาใหป้ ริมาณการ
นาเข้าสนิ ค้าสู่ตลาด EU ลดลง
2) ผู้ประกอบการหรือผู้บริโภค EU จะหันมาใช้สินค้าทีผ่ ลิตภายในมากขน้ึ
3) สนิ คา้ ราคาถูกจากประเทศท่มี มี าตรฐานสง่ิ แวดลอ้ มท่ตี ่ากว่าถกู กดี กันทางอ้อมไม่ให้เข้าตลาด
โดยรายงานยังไดร้ ะบุถงึ มาตรการเตรยี มตัวของไทย ไมว่ ่าจะเปน็ 1) ฉลากคารบ์ อนฟตุ พรนิ้ ท์ของผลิตภณั ฑ์ (Carbon
Footprint of Products) 2) ฉลากลดคารบ์ อนฟตุ พรนิ้ ท์ (Carbon Footprint Reduction) 3) โครงการนารอ่ งระบบซ้ือขาย
สทิ ธิ์ในการปล่อยคาร์บอนดว้ ยความสมคั รใจ (voluntary carbon market)
แม้มาตรการเหลา่ นี้ จะเป็นจดุ เรม่ิ ตน้ ทีด่ ี แต่ต้องยอมรบั วา่ ยงั ไม่ใกลท้ ่ีจะเพยี งพอตอ่ การรบั มือกบั CBAM และเทรนดใ์ หมข่ อง
การค้าระหว่างประเทศได้ มาตรการฉลากมคี วามสาคญั ตอ่ การใหข้ อ้ มลู และการสร้างความต่ืนตัวสาหรบั ประชาชน แต่ก็ไม่ใช่
นโยบายหลัก สว่ นการซ้อื ขายสิทธคิ าร์บอนแบบสมัครใจ เช่น การเปดิ ตัวของ “Carbon Markets Club” ของกลมุ่ เอกชนราย
ใหญบ่ างราย ท่ีประกาศว่าจะแกป้ ญั หามลพษิ ผ่านการซื้อขายคารบ์ อนกนั เอง แม้อาจจะมคี วามตง้ั ใจดี
แตห่ ลายคนกต็ ้งั คาถามวา่ “ความสมคั รใจ” ของเอกชนและการมาตง้ั กฎกันเองโดยท่ีไม่มีผคู้ วบคุม (Regulator) ทีแ่ ขง็ แกร่ง
จะสรา้ งความเปลย่ี นแปลงได้จรงิ หรือไม่ หรอื เปน็ เพยี งแค่ CSR เทา่ นั้น
เรมิ่ ตน้ วันน้ีดที ส่ี ุด สาหรบั การเตรยี มพรอ้ มต่อ CBAM และการคา้ ระหวา่ งประเทศแบบใหม่ บทความน้ี เสนอวา่ ประเทศไทย
จะต้องมองการณ์ไกลและรบี วางแผน จะต้องมกี ลไกควบคมุ คารบ์ อนทห่ี นักแนน่ กว่าของปัจจบุ นั ไม่ว่าจะเปน็ ในรปู แบบของ
ภาษีคาร์บอน หรือระบบซ้อื ขายสทิ ธก์ิ ารปล่อยกา๊ ซแบบภาคบงั คับ การมีกลไกควบคุมคารบ์ อน คอื ความไดเ้ ปรียบของเรา
โดยเราจะตงั้ กฎเกณฑข์ องตวั เอง ไมใ่ ชป่ ลอ่ ยให้คนอ่นื เขา้ มาต้ังให้แทน เหมือนกบั ทท่ี าง EU อยากจะทา และมากไปกว่า
นั้น จะทาให้เราเจรจากับทาง EU หรอื กลุ่ม “Climate Club” ด้วยความเท่าเทียมได้
สว่ นในทางกลับกัน การไม่มกี ลไกควบคมุ คาร์บอน ก็คือความเสยี เปรียบโดยปจั จบุ นั เรม่ิ มีหลายประเทศทม่ี องถึงตรงนีแ้ ลว้
เชน่ อินโดนีเซีย ได้เริม่ ผลกั ดนั เรอ่ื งนอ้ี ยา่ งจรงิ จงั และเมอื่ เดือนท่ีผ่านมาไดส้ ่งรา่ งกฎหมายไปท่รี ัฐสภาเพื่อการพิจารณา
ถา้ เรายังไม่เตรยี มตัว เราจะกลายเปน็ ผูต้ กรถและถกู มองข้ามโดยสายตาของประเทศท่พี ฒั นาแล้ว และที่สาคัญจะทาให้
เรามีอุปสรรคต่อการดึงดูดบริษทั ใหมๆ่ เข้ามาลงทนุ ในประเทศ โดยเฉพาะแนวโน้มของบรรษัทข้ามชาติ (Multi-National

Corporation) ท่หี ันมาจรงิ จงั เร่อื งความยงั่ ยนื หรอื หลักการ ESG มากขึ้น ซ่งึ การพจิ ารณาสถานทตี่ ั้งโรงงานหรือ
สานกั งานภมู ภิ าคจะต้องคานึงถึงและให้ความสาคัญกับประเทศทม่ี ีมาตรการรองรบั เรอื่ งน้ี CBAM คือจุดเรมิ่ ต้นของมติ ิ
การค้าโลกแห่งอนาคต เราต้องเรมิ่ จากการ “ยอมรับ” วา่ วันนี้ เรอื่ งวิกฤตสิ ภาพอากาศไม่ใชแ่ คเ่ รอื่ งเลน่ ๆอีกต่อไปแลว้ โดยมี
บรรทดั ฐานใหม่ที่จะตอ้ งคานึงถงึ ประเดน็ การปล่อยมลพิษในทกุ ๆการตดั สินใจ ไม่วา่ จะเป็นความสมั พนั ธ์ระหว่างประเทศ
การค้านานาชาติ หรืออ่นื ๆ สว่ นหลงั จาก “ยอมรบั ” และเราต้อง “ถกเถยี ง” โดยมกี ารรว่ มหารืออย่างจรงิ จงั ไม่วา่ จะเป็นใน
สภาผแู้ ทนราษฎร ในส่ือมวลชน หรอื ในภาคประชาชน การเร่ิมตน้ เร็ว คอื ความไดเ้ ปรียบของเรา ทีจ่ ะเตรยี มพร้อมและ
ปรบั ตวั ก่อนคนอ่นื เราตอ้ งรบี ลงมอื ทาก่อนที่จะสายเกินไป

โจ ไบเดน กับแนวทางการต่างประเทศแบบ “Green Diplomacy”29 มกราคม 2021
หลังจากกระบวนการเปลี่ยนถา่ ยอานาจระหวา่ งสองประธานาธิปดีทีม่ คี วามปัน่ ป่วนและวุน่ วาย ในทสี่ ดุ สหรฐั อเมรกิ าได้
ต้อนรับนายโจ ไบเดน เข้าสู่ทาเนยี บขาวและกลายเปน็ ประธานาธิบดคี นท่ี 46 อยา่ งเป็นทางการ
ในวันทางานวนั แรกของนายไบเดนมไี ฮไลท์สองอย่างทไี่ ดร้ บั ความสนใจ อยา่ งแรกคือคากลา่ วสนุ ทรพจน์ท่เี น้นย้าเรอื่ งความ
สามัคคี (Unity) และความประนปี ระนอม (Compromise) หลังจาก 4 ปขี องความแตกแยก และอยา่ งที่สองคือการออกคาส่งั
พิเศษของประธานาธิปดี (Executive Order) ทีแ่ ก้คาส่งั เดมิ ของโดนลั ด์ ทรมั ปจ์ านวน 17 ฉบบั ไมว่ า่ จะเป็นเรื่องแนวทางการ
แกไ้ ขปญั หาโควดิ -19 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การยกเลิกคาส่ังห้ามพลเมอื งจากประเทศมสุ ลมิ เขา้ สหรฐั การยตุ ิการสร้าง
กาแพงแนวกน้ั พรมแดนเมก็ ซโิ ก และสดุ ทา้ ยคอื การกลบั ทศิ ทางนโยบายสิง่ แวดลอ้ มเนอื่ งจากประเด็นสิง่ แวดล้อมโดยเฉพาะ
เรอ่ื งการเปล่ียนแปลงของสภาพภมู ิอากาศ (Climate Change) เป็นทไ่ี ด้รับความสนใจอย่างยง่ิ จากฐานเสียงของพรรคเดโม
แครตโดยเฉพาะฝง่ั ก้าวหนา้ หรอื Progressive Wing เลยเปน็ เรอื่ งทไี่ ม่นา่ แปลกใจทป่ี ระเดน็ นีไ้ ด้ถกู วางเปน็ หนงึ่ ในวาระแรก
ของประธานาธปิ ดไี บเดน ในแผนนโยบายทใ่ี ช้หาเสยี ง โจ ไบเดน ตงั้ เปา้ ให้อเมริกาลดการปลอ่ ยคารบ์ อนไดออกไซดเ์ ปน็ ศนู ย์
(Net-zero emission) และใหเ้ ปน็ เศรษฐกิจพลงั งานสะอาด 100% (Clean Energy Economy) ภายในปี 2050
นอกเหนือจากน้นั ไดส้ ัญญาวา่ จะทาให้อเมรกิ ากลับมาเปน็ ผนู้ าโลกในเรื่องนอ้ี กี ครัง้
คาสั่งพิเศษของประธานาธิบดไี บเดนและประเด็นสงิ่ แวดล้อม การออกคาสงั่ พเิ ศษของประธานาธปิ ดดี า้ นสิ่งแวดลอ้ มในวัน
แรกของ โจ ไบเดน สามารถแยกได้เปน็ สองมติ ิ – ในประเทศและตา่ งประเทศ สาหรับมติ ใิ นประเทศ เขายกเลิกมากกว่า 100
มาตรการท่ีผา่ นโดย โดนลั ด์ ทรมั ป์ เชน่ การถอนใบอนุญาตของโครงการต่างๆที่เก่ียวขอ้ งกบั พลงั งานฟอสซิล หน่ึงโครงการท่ี
ถูกถอนคือ Keystone XL ท่อนา้ มันขนาดใหญท่ ีข่ นทรายนา้ มัน (tar sand) จากจังหวัด Alberta ประเทศแคนนาดาไป
ยังจดุ มอบสง่ นา้ มนั ทเ่ี มอื ง Cushing มลรัฐโอคลาโฮมา (Oklahoma) ของสหรฐั ทรายนา้ มันถอื วา่ เป็นชนิดนา้ มนั ที่สกปรก
ทส่ี ดุ นบั จากปริมาณคาร์บอนที่ก่อเกดิ จากการเผาและการขุดเจาะ นอกเหนอื จากน้นั ในวนั จันทร์ท่ี 25 มกราคม 2564 โจ ไบ
เดน ได้ออกคาส่ังใหเ้ ปลยี่ นรถยนตท์ ้ังหมดของรัฐบาลสหรฐั มาเปน็ รถยนตไ์ ฟฟ้า (EV) ซึ่งในปี 2019 จานวนรถยนตท์ ขี่ น้ึ กบั
รฐั บาลมีท้ังหมด 650,000 คนั ใช้ว่ิงทัง้ หมด 4,500 ลา้ นไมลแ์ ละใชป้ ริมาณน้ามันท้งั หมด 375 ล้านแกลลอน มกี ารประเมนิ ว่า
หากเปลี่ยนรถทกุ คนั มาเป็นรถยนต์ไฟฟา้ จริงๆอาจจะต้องใช้งบมากกวา่ 20,000 ล้านเหรียญสหรฐั สาหรบั มติ ติ ่างประเทศ
คาสง่ั ที่สาคญั คือการนาพาสหรัฐกลบั เข้ารว่ มข้อตกลงปารสี อกี ครั้ง ซ่ึงในข้อตกลงนี้แตล่ ะรัฐภาคจี ะตอ้ งเสนอเป้าหมายการ
ดาเนนิ งานภายใต้โจทย์ของการรกั ษาอุณหภูมใิ หไ้ มเ่ กิน 2 องศาต่อสหประชาชาติ (Intended Nationally Determined
Contribution – INDC)
อะไรคอื “Green Diplomacy” แมน้ โยบายภายในประเทศของ โจ ไบเดน จะถูกจบั ตามองอยา่ งมาก ตวั ชี้วดั ของ
ความสาเรจ็ ท่ีแท้จริงของเร่ืองนคี้ ือบทบาทของสหรัฐฯในเวทีโลก นกั วเิ คราะหป์ ระเมินวา่ โจทย์ของสงิ่ แวดลอ้ มจะเขา้ มามี
นัยยะสาคญั ในการกาหนดนโยบายการตา่ งประเทศและการปฎิบัตกิ ารฑตู ของสหรัฐฯ ซ่ึงไมเ่ คยมีรฐั บาลไหนเจาะจงมา
กอ่ น เราสามารถเปรียบเทยี บกับชว่ งทศวรรษที่ 70 ที่รัฐบาลของ จมิ มี่ คาร์เตอร์ ได้บุกเบิกนาประเดน็ สิทธมิ นุษยชนเขา้ มามี
บทบาททางการตา่ งประเทศเป็นคร้ังแรก ซง่ึ ก่อนหนา้ นน้ั จะเน้นแคเ่ ฉพาะเร่อื งการทหารเป็นหลกั และเศรษฐกิจเปน็ รอง
เรม่ิ จากวันนีป้ ระเด็นสิง่ แวดลอ้ มจะกลายเปน็ อกี หน่งึ ทีร่ ัฐบาลสหรฐั ตอ้ งคานึงถึงก่อนทจี่ ะตัดสินใจแนวทางตา่ งๆหรอื สามารถ
เรียกได้วา่ เปน็ “แนวทางการทตู สเี ขียว” หรือ “Green Diplomacy”
Green Diplomacy 1 – การทวงคืนความเชือ่ ถือของสังคมโลก
แน่นอนว่าการกลบั เขา้ ร่วมข้อตกลงปารสี เปน็ แค่ขัน้ แรกเทา่ น้ัน และมขี ้ันตอนมากมายท่ีสหรัฐจะต้องทาในฐานะประเทศทม่ี ี
เศรษฐกจิ ท่ใี หญท่ ส่ี ดุ ในโลกและผปู้ ลอ่ ยกา๊ ซคารบ์ อนอันดับสองรองจากจนี

มากไปกว่าการกลบั เขา้ ร่วมข้อตกลงดงั เหล่า เร่ืองทส่ี าคญั เปน็ อย่างยงิ่ คอื การทวงคืนความเช่อื ถือของประเทศต่างๆ
โดยเฉพาะประเทศทีม่ ีการผลกั ดนั ประเดน็ นีอ้ ยา่ งสมา่ เสมอแมใ้ นช่วง 4 ปที ี่อเมรกิ าหายไป
อยา่ งแรกแผนเปา้ หมาย INDC ฉบบั ใหม่ของรัฐบาล โจ ไบเดน จะตอ้ งมีความชัดเจนและมแี นวทางปฎบิ ตั ทิ นี่ ่าเชอ่ื ถอื
กอ่ นหนา้ น้รี ฐั บาลของ บารัค โอบามา ไดเ้ คยมีการต้งั เป้าหมายแลว้ ซงึ่ คือการลดกา๊ ซแบบสมคั รใจท่ี 17% ในปี 2020 (ท่ี
โคเปนเฮเกน) และ 26% ถึง 28% ในปี 2025 (ทีป่ ารีส) จากระดับการปลอ่ ยในปฐี าน 2005 ซึง่ สหรฐั ได้พลาดเป้าหมายอยา่ ง
เหน็ ได้ชัด ในปี 2018 มกี ารคาดการณ์วา่ สามารถลดไดเ้ พียงแค่ 10.7% ถงึ 11.6% จากระดบั การปลอ่ ยในปฐี าน 2005 (จาก
เป้า 17%) สหรฐั ตอ้ งทาใหโ้ ลกเหน็ ว่าคร้ังนีเ้ ข้ามาทาจรงิ และเป็นการต่อสู้แบบระยะยาวไมใ่ ชเ่ ปลย่ี นไปมาทุกส่ปี ตี ามรอบการ
เลอื กต้งั ต้องรีบออกมาตรการหรอื นโยบายทีท่ าใหเ้ ห็นว่าไม่ใชแ่ คก่ ารพดู การสญั ญาอยา่ งเดยี ว แต่เปน็ การ “Lead by
example” นอกเหนอื จากการออกคาสั่งพเิ ศษของประธานาธิปดีของไบเดนทีย่ งั นบั วา่ ไม่พอ จะตอ้ งมกี ารผลักดันให้รฐั สภา
คองเกรส (US Congress) ผ่านพระราชบญั ญัติ (พ.ร.บ.) ต่างๆทเี่ กี่ยวขอ้ ง พ.ร.บ.นบั วา่ เป็นมาตรการทม่ี ีความหนักแน่นกว่า
คาสง่ั พเิ ศษและยากสาหรับการยกเลิก (ตอ้ งให้สภาคองเกรสผา่ นอกี ฉบบั เพอื่ ยกเลกิ ) ไม่เหมือนกับคาสัง่ พิเศษทป่ี ระธานาธบิ ดี
คนใหมส่ ามารถแก้หรือยกเลิกได้ทนั ทแี ละอย่างงา่ ยดาย (เหมือนทไ่ี บเดนทากับทรัมป)์ แถมยังจะแสดงถงึ ความสามัคคแี ละ
ความจริงจังจากทั้งฝา่ ยบริหารและนิติบัญญตั ิ ขา่ วดีคอื ปัจจุบันพรรคเดโมเครตของนายไบเดนนนั้ ครองท้งั สภาสงู และล่าง
หลังจากที่ผสู้ มัครของพรรคทัง้ สองคนไดช้ นะการเลือกต้ังพิเศษ สาหรับวฒุ สิ มาชกิ ของมลรัฐจอรเ์ จยี ซงึ่ จะทาให้มีอปุ สรรคที่
น้อยลงในรัฐสภาคองเกรส อย่างท่ีสองสหรฐั จะตอ้ งมแี ผนเชิงรุกท่ีจะนาทรัพยากรทม่ี อี อกไปช่วยประเทศกาลงั พัฒนา ช่วง
การรณรงคห์ าเสียงนายไบเดนได้สญั ญาวา่ เขาจะจดั เวทปี ระชุมระดับโลก (Climate Summit) ภายใน 100 วนั แรกของรฐั บาล
เวทีนี้จะมีความสาคญั ในสองประการ
1. สหรัฐสามารถเสนอแนวทางการชว่ ยเหลือประเทศตา่ งๆโดยเฉพาะการใหส้ นับสนุนทางทนุ ตอ่ ประเทศกาลังพัฒนา
2. เปิดโอกาสใหป้ ระเทศต่างๆสามารถแสดงผลงานของตัวเองว่าได้ทาอะไรในการต่อสคู้ รงั้ น้ไี ปบา้ ง โดยเฉพาะประเทศท่ไี ด้มี
การลงมือทาอยา่ งสมา่ เสมอเช่นจนี ญี่ปุ่น เกาหลใี ต้ หรือสหภาพยโุ รป
Green Diplomacy 2 – การบริหารความสมั พนั ธ์กับจีน
พอพดู ถึงความสมั พนั ธ์ระหว่างสหรฐั กบั จนี คนสว่ นใหญ่จะนกึ ถงึ ความสมั พนั ธท์ ี่ตงึ เครียดในยคุ ของ โดนัลด์ ทรัมป์ โดยเฉพาะ
ในมติ ขิ องสงครามการค้า แตค่ วามเปน็ จริงแล้วความตงึ เครียดน้นั มีต้ังแต่ยุครัฐบาลกอ่ นของบารัค โอบามา มีการเหน็ ตา่ ง
ทงั้ ในประเดน็ เศรษฐกจิ และความมัน่ คง โดยเฉพาะหลงั จากทน่ี ายสี จน้ิ ผิง เข้ามารบั ตาแหน่งและมีการส่งเสริมอดุ มการณ์
ชาตนิ ิยมในจีน ทแี่ ตกตา่ งคือวา่ ในชว่ งนั้นรฐั บาลโอบามากับจีนมีเปา้ หมายเดยี วกนั เรอ่ื งส่ิงแวดล้อม ซง่ึ หลายคนมองว่าเร่อื งนี้
ถอื ว่าเปน็ หวั ใจของความสัมพนั ธท์ วิภาคแี ละเป็นความสามคั คีของสองประเทศนี้ทีท่ าใหข้ อ้ ตกลงปารสี เกดิ ขนึ้ ได้
แต่ในยุคโอบามากับวนั นน้ี ้นั ไมเ่ หมอื นกนั และไมส่ ามารถเปรียบเทยี บได้ ในช่วง 4 ปที ส่ี หรัฐหนั หลังใหก้ บั เร่ืองนี้ทาใหจ้ ีนได้
กลายมาเปน็ ผนู้ าในเวทีนานาชาตอิ ย่างชัดเจน จีนไดต้ ง้ั เปา้ ปล่อยคาร์บอนเป็นศนู ยภ์ ายในปี 2060 และมีแผนท่เี ห็นชัด
ระหว่างปี 2017 ถึง 2020 มแี ผนการลงทุนในพลงั งานทดแทนมูลคา่ มากถงึ 2.5 ล้านล้านหยวน หรือ 11.57 ล้านล้านบาท ซึง่
ทาใหป้ ัจจุบนั มีมากถงึ 344 เมืองในจนี ท่ีสามารถจัดซอ้ื ไฟฟ้าจากพลงั งานแสงอาทิตย์ในราคาทต่ี า่ กวา่ จดั ซอ้ื จากระบบกรดิ
ไฟฟา้ สว่ นกลางโดยทไ่ี มม่ กี ารอดุ หนุนจากรฐั บาล ถา้ โจ ไบเดนอยากจะนาสหรฐั กลบั มาเล่นบทบาทผู้นาด้านน้อี กี ครั้งเขาก็
จะตอ้ งบริหารความสัมพนั ธก์ บั จนี โดยจะตอ้ งตดั สนิ ใจวา่ จะเดินเกมความสัมพนั ธ์แบบไหน
การรว่ มมือ (Cooperation) – กลบั มาเหมือนกบั ทใี่ ชโ้ ดยรฐั บาลโอบามา แมค้ วามตงึ เครยี ดระหวา่ งสหรฐั กับจนี จะยังมีอยู่
(เชน่ เร่ืองการปกปอ้ งสทิ ธิทางปญั ญา อานาจอธปิ ไตยของไต้หวันและฮอ่ งกง หรือสทิ ธมิ นษุ ยชนโดยเฉพาะกับชนกลุ่มน้อยอุย
กูร)์ นักวเิ คราะหม์ องวา่ สหรฐั กับจนี จะสามารถแยกประเด็นสิง่ แวดลอ้ มออกมาจากความขัดแย้งได้ โดยทง้ั คสู่ ามารถตงั้ เปา้
ทางานรว่ มกันและมบี ทบาทเปน็ ผนู้ าคูห่ รือ “Dual Leadership”
การแข่งขนั (Competition) – อีกแนวทางหนึ่งจะเน้นไปทางด้านทฤษฎสี จั นิยม หรือ Realism ซง่ึ มองถงึ การแขง่ ขนั ระหว่าง
สองมหาอานาจในการเป็นผูน้ าของเรื่องนี้ ปจั จบุ นั นจี้ ีนเป็นผ้นู าของโลกด้านการผลิตแผงโซล่าและรถยนต์ไฟฟ้า รฐั บาลโจ ไบ
เดน ต้องทายงั ไงก็ไดใ้ หส้ หรฐั กลบั ขึ้นมาเป็นที่หนงึ่ ในเรื่องน้ีอกี ครั้ง แม้สหรัฐจะมภี าคเอกชนทม่ี คี วามสามารถสูงเชน่ บรษิ ัท
รถยนต์ไฟฟา้ Tesla ของนายอลี อน มัสก์ ยังมกี ารมองวา่ ภาคเอกชนยงั ขาดการสนบั สนุนและการกระตุ้นจากภาครัฐ
ในระบบทนุ นิยมแบบตลาดเสรี หรือ Liberal Market Economy การแข่งขันคือปจั จัยทส่ี าคญั ของยกระดบั ประสทิ ธิภาพย่งิ
แขง่ กันย่งิ ทาใหเ้ ก่งข้ึน โดยเฉพาะการแขง่ ขนั ระหวา่ งสองมหาอานาจที่มีทรพั ยากรมหาศาล
เปรียบเสมือนชว่ งสงครามเย็นทส่ี หรฐั กบั สหภาพโซเวยี ตได้มกี ารแขง่ ขันในทางอาวุธ (Arms Race) ซ่งึ ต้องยอมว่าในช่วงนนั้
การพฒั นาของอาวธุ มกี ารกา้ วกระโดดอยา่ งมาก

แต่สาหรบั วนั นแ้ี ทนที่จะเป็นการพฒั นาอาวธุ (ท่ีในทส่ี ุดก็ไม่ไดใ้ ช)้ การแขง่ ขนั คอื การเป็นผ้นู าด้านพลงั งานสะอาดและ
นวตั กรรมในการลดมลพิษซ่ึงเป็นประโยชน์อย่างมากสาหรบั โลก
การออกคาส่ังพเิ ศษของประธานาธปิ ดโี จ ไบเดน เปน็ แคจ่ ุดเรม่ิ ต้นในเส้นทางอันยาวไกล ด้านมติ ใิ นประเทศจะตอ้ งมี
มาตรการแผนการลดมลพษิ ทชี่ ดั เจนและสามารถสร้างความสามคั คใี นเรอื่ งน้รี ะหว่างฝา่ ยบริหารและฝา่ ยนิติบญั ญตั ิส่วน
ในมติ ติ า่ งประเทศ สหรฐั จะตอ้ งเน้นสร้างความเช่ือถือจากสังคมโลกอีกครัง้ และมแี นวทางการบรหิ ารความสมั พนั ธ์กับจีนท่ี
ชดั เจน ถา้ สหรฐั สามารถทาภารกิจเหลา่ นส้ี าเรจ็ จะนับไดว้ า่ เปน็ ความกา้ วหนา้ อนั สาคญั ในการตอ่ สกู้ บั ปัญหาการ
เปลย่ี นแปลงของสภาพภมู ิอากาศ

Climate Change : Climate Chance เปล่ียนตัวเราก่อนเราจะถูกเปลี่ยน 30 ตลุ าคม 2021
เพราะกระบวนการธรรมชาตซิ ับซอ้ นมาก แต่มนษุ ยม์ กั ถกู กเิ ลสพาให้หลงคิดไปวา่ มวี ิวัฒนาการท่ไี มเ่ พยี งไลท่ ัน แต่ยงั สามารถ
จดั การกับระบบของธรรมชาติได้ บัดน้ี แมแ้ ตผ่ ู้นาประเทศที่กา้ วหนา้ ท่ีสุดรวมตวั กนั กย็ อมรบั ว่าววิ ัฒนาการท่มี นษุ ยชาตไิ ดส้ ่ัง
สมมาทงั้ หมด ไม่พอทจ่ี ะรกั ษาใหพ้ วกเขามั่นใจไดเ้ ลยว่า หลานๆของเขาจะมีเผ่าพนั ธส์ุ บื ตอ่ ไปได้อกี กร่ี นุ่
ผ้นู าชาตติ ่างๆไม่อาจการันตกี บั ประชากรได้ วา่ หลานๆของประชากรของเขาจะไดม้ ีชวี ติ อย่างไม่แร้นแค้น
ปลายเดือนตุลาคม 2021 น้ี คอื การพบกันครัง้ สาคญั อีกหนของผู้นาโลก เพ่ือคุยกันจรงิ จงั ว่า เราต้องเอายังไง จึงจะไม่ถูกชนรนุ่
หลังจารกึ ว่า แมเ้ หน็ โค้งสุดทา้ ยมาถึงแล้ว แต่คนยคุ นี้กไ็ ม่เลยี้ วพวงมาลยั หลบ แถมยังมุง่ ตรงไปสู่ขอบเหวทลี่ กึ สุดด่งิ
ที่จริง ผูน้ าโลกเดินทางไปพบกนั เรอ่ื ง โลกร้อน ภูมอิ ากาศเปล่ยี นแปลง ภาวะเรือนกระจก และสภาวะแวดลอ้ มตา่ งๆมาหลาย
สิบหนแล้ว แต่นจี่ ะเป็นคร้ังแรก ทผี่ ้นู าทกุ ชาติเจอกันขณะท่ยี งั เผชญิ ความท้าทายจากการระบาดของเช้ือโควิด-19 ท่ยี งั ไม่เห็น
ทที ่าใดเลย วา่ มนั กาลงั จะผา่ นไป หรือมนั ละเวน้ พ้นื ท่ีใด ความผยองของเทคโนโลยใี ดๆจงึ ถกู บรรยากาศน้ี บั่นทอนความ
มัน่ ใจลงอย่างไม่เคยมมี ากอ่ น ต่อใหเ้ ปน็ ชาตเิ จา้ ของเทคโนโลยีวคั ซนี หรือเทคโนโลยนี ิวเคลียร์ หรือเทคโนโลยี
อนิ เทอรเ์ นต็ ก็ตามที
ยังไม่มีชาติใดตอบโจทย์เรอื่ งโควิดได้จบ สกั ราย แทบไมต่ ้องคดิ ว่า โจทยร์ ะดับภมู ิอากาศโลกเปลยี่ นแปลงจนเขา้ ขัน้ วกิ ฤตินี้
จะมคี าปลอบขวัญทีย่ นื ยนั ได้ว่าจะควบคมุ ได้ การประชุมสมชั ชาประเทศภาคีอนุสญั ญาสหประชาชาตคิ ร้งั ที่ 26 (COP26) วา่
ดว้ ยการเปลย่ี นแปลงสภาพภูมอิ ากาศ ในปลายเดอื นตุลาคมน้ที ่ีเมืองกลาสโกว์ ประเทศสกอ๊ ตแลนด์ ข้อเขียนน้ี ถูกผูกขึ้นด้วย
เปา้ ประสงคเ์ พ่ือช่วยให้ผอู้ า่ นเข้าใจว่า ทาไม การแกป้ ญั หาระดบั วกิ ฤตกิ ารณต์ ่อมวลมนุษยชาตหิ นนี้ ตอ้ งอาศัยความกลา้ หาญ
อยา่ งยง่ิ ใหญ่ของคนยคุ เราขนาดไหน
เราทุกคนของยุคนี้ ไม่ว่าทา่ นจะเจนเนอเรชนั่ อะไร โอกาสรอดจากการถูกประวตั ิศาสตร์จารกึ วา่ เราพากันขับรถพงุ่ ลงเหว ท้ัง
ท่ยี งั เลยี้ วหลบหรอื เบรคกันได้ทัน จริงอยู่ ว่าเราไมใ่ ช่ชนร่นุ แรกทพ่ี ารถโดยสารวิ่งมาในเส้นทางน้ี
แตใ่ นโศกนาฏกรรมทุกครง้ั ไมค่ ่อยมใี ครถามหรอกวา่ มันเริ่มตอนใครอยู่ แตจ่ ะสนใจว่ามันจบตอนไหน และใครคอื ผูถ้ ือ
พวงมาลยั สดุ ทา้ ยก่อนตกเหวดับทงั้ คัน แม้มีข่าวสารใหเ้ ราอา่ นไดม้ ากมายในอนิ เทอร์เน็ตวา่ ภาวะภมู อิ ากาศเปลย่ี นแปลง มา
ยังไง แตผ่ มกอ็ ยากพยายามสอ่ื สารกบั ผู้อ่านสกั หน วา่ มันคืออะไร มายังไง และ เราต้องทาอะไร เพื่อชะลอหรอื ใหด้ กี วา่ นัน้
หยดุ มันใหไ้ ด้
ขอเรมิ่ จากสภาพของโลกใบน้ี กอ่ นทจ่ี ะเกิดปญั หาขนาดนน้ี ะครับ
ภาวะเรือนกระจกของโลก เราเรยี นมาตัง้ แต่เดก็ ว่า โลกมชี ัน้ บรรยากาศหอ่ หมุ้ อยหู่ ลายชนั้ มองดว้ ยตาเปลา่ กไ็ มเ่ หน็ แตม่ นั ทา
หน้าที่ของมนั ตามระบบทีธ่ รรมชาตจิ ดั สรรมาให้อยา่ งซบั ซ้อนในการปกปอ้ งส่ิงมชี วี ิตบนโลก ดวงอาทติ ยส์ ง่ คล่ืนความรอ้ นทะลุ
ทุกช้นั บรรยากาศได้ และพ้นื ผิวโลกก็สะท้อนความรอ้ นออกไปบางสว่ น กักเก็บความร้อนไว้บางสว่ น ซง่ึ เกดิ จากการดูดซับ
ความรอ้ นนน้ั ไวโ้ ดยกา๊ ซเรือนกระจก ทม่ี ีอย่หู ลายชนิด อย่างกา๊ ซคารบ์ อนไดออกไซด์ กา๊ ซมเี ทน ท่มี ีอยตู่ ามธรรมชาติ กา๊ ซ
เรอื นกระจกจึงทาหนา้ ท่ีควบคุมความอบอุ่นของโลกอยู่ให้ในสภาวะท่ีสมดลุ เกดิ สภาพอากาศและฤดกู าลที่เหมาะสมสาหรับ
เป็นทีอ่ ยอู่ าศัยของสิง่ มชี วี ิต ซึง่ สดั สว่ นของก๊าซเรือนกระจกต่างๆ ในช้ันบรรยากาศทผี่ า่ นมาในอดตี มีคอ่ นขา้ งสมา่ เสมอ ดงั นนั้
ภาวะเรือนกระจกจงึ มีขอ้ ดขี องมันมานับหลายแสนลา้ นปี เม่อื เรามีกา๊ ซเรอื นกระจก หรือเรยี กโดยทัว่ ไปว่า กา๊ ซ
คาร์บอนไดออกไซด์ กไ็ ด้ เพราะมกี า๊ ซชนดิ น้ี อยูใ่ นปริมาณมากท่สี ดุ ในชนั้ บรรยากาศโลกในปริมาณทพี่ องาม
แตบ่ ัดน้ี จากการทโ่ี ลกเรามปี ระชากรมากขึ้น มีกิจกรรมต่างๆ เพือ่ การพัฒนาประเทศ ต้องการผลิตไฟฟา้ มาให้เราใช้ ต้องการ
ใช้พลังงานในบ้านเรือน อตุ สาหกรรม ตลอดจนตอ้ งการใชเ้ ชื้อเพลิงในภาคการขนส่ง ผลติ ขยะและนา้ เสยี ออกมาในปรมิ าณ
มาก อย่างตอ่ เน่ือง ใช่ครบั เราปลอ่ ยกา๊ ซคาร์บอนไดออกไซด์ ออกไปสชู่ ้นั บรรยากาศมากจนเกินสมดลุ

ความร้อนท่ถี กู กกั เกบ็ ไวโ้ ดยก๊าซเรอื นกระจก ในช้นั บรรยากาศจงึ มากเกินกวา่ ที่ควรผลก็จะเหมือนเรานั่งรถปดิ กระจก และปดิ
แอร์ ต่อแม้จะเป็นกลางคนื เรากจ็ ะร้สู ึกอบอ้าว อดึ อัดอยดู่ ี และความอึดอดั น้ีจะมที ่ัวหอ้ งโดยสาร ไมว่ า่ ใครจะน่ังอยเู่ บาะหน้า
หรอื หลงั จะเอนตัวลงนอน หรือลกุ ขึน้ ยงโย่ยงหยก ก็จะรสู้ กึ อึดอดั อบอ้าวอยู่ดี ยิง่ ถ้าเรานง่ั อดั กนั หลายๆคนจะยงิ่ อึดอดั เร็ว
และอดึ อัดมากกวา่ การน่ังในรถปดิ แอร์แต่เพยี งลาพงั คนเดยี วดว้ ย วันนี้ โลกมปี ระชากรถึง 7 พันลา้ นคน ยังไม่นบั ปศสุ ตั ว์ที่
เราขนุ เลี้ยงกันไวบ้ ริโภคอกี จนเยอะกวา่ สัตวป์ า่ จดุ นแี้ หละครบั ท่ีไม่ว่ารวยหรือจน ประชากรน้อยหรือมาก ก็อยู่ใต้ชน้ั
บรรยากาศเดียวกัน เพราะดันอยู่ดาวดวงเดยี วกัน ภาวะของเรือนกระจกจึงเป็นเรอื่ งทต่ี ้องชว่ ยกนั รักษาสมดลุ ไมใ่ หม้ กี า๊ ซใด
ลอยขนึ้ ไปอยมู่ ากหรือนอ้ ยจนเกนิ ไป นี่จึงเป็นท่มี าของชือ่ องคก์ ารมหาชนของไทย ทเี่ รียกช่อื วา่ องค์การบริหารจดั การก๊าซ
เรอื นกระจก และก็เพราะโลกมนั รอ้ นขึ้นแยะ นบั แต่โลกเขา้ สยู่ คุ อตุ สาหกรรม ท่ีมนษุ ยม์ กี จิ กรรมเผาไหมเ้ ชือ้ เพลิงฟอสซลิ หนกั
มากขน้ึ เร่อื ยๆ เราเลยเรมิ่ มี ภาวะโลกรอ้ น ซงึ่ ช่วงแรกเราสังเกตเอาจากการละลายของนา้ แข็งที่ยอดเขาและขั้วโลก วา่ มัน
ละลายหนกั กวา่ เดิม และละลายนานกว่าฤดูทีม่ ันเคยเป็น แปลว่าโลกอนุ่ ข้นึ ศพั ทค์ าว่า Global warming จงึ ถูกใช้มาเรอ่ื ย
แต่พอสังเกตนานเขา้ ก็พบพนื้ ทีๆ่ ไม่ไดอ้ นุ่ ขนึ้ แตก่ ลบั เยน็ หนาวจนหมิ ะตก ทง้ั ทๆ่ี น่ันไมเ่ คยเจอหิมะมาก่อน
ทีน้ีผู้คนกเ็ รมิ่ เห็นภาพของ สภาวะภมู อิ ากาศเปล่ยี นแปลง หรือ Climate Change จากนัน้ กม็ ีภยั จากพายรุ ุนแรง แห้งแลง้
ยาวนาน น้าทว่ มหนัก และระดบั น้าทะเลเพม่ิ สงู ข้ึน กดั เซาะชายฝั่งรนุ แรงขึน้ การเกษตรเสียหาย กระทบต่อรายได้ประชาชน
เกิดโรคอุบัติใหม่ อบุ ัติซา้ ภายหลงั มีคนลองขยับคาเรียกไปเป็น Climate Crisis หรือ วกิ ฤตสิ ภาพภูมอิ ากาศ ท่จี า๊ บหน่อยก็มี
คาเรยี กเพิ่มขนึ้ ว่า ภาวะโลกรวน ดว้ ยซา้ แต่ในทางการของไทย และของหลายประเทศ ยังคงเรยี กสภาวะที่เรากาลังคุยกนั นี้วา่
การเปลย่ี นแปลงสภาพภมู อิ ากาศ หรอื Climate Change ตอ่ ไป ตานีม้ าดูวา่ คาว่า ก๊าซเรือนกระจก ทวี่ า่ ลอยไปสะสมอยทู่ ี่ชนั้
บรรยากาศนน้ั มนั มายงั ไง และเราจะลดมนั ลงไดย้ ังไงนะครบั
ในทางวทิ ยาศาสตร์ กา๊ ซเรือนกระจกมีหลายอยา่ งมาก แตผ่ รู้ า้ ยทสี่ าคัญๆทีเ่ ราทา่ นพอจะมสี ่วนรว่ มในการลดมนั ลงได้ ไดแ้ ก่
อนั ดบั 1 ไมใ่ ชเ่ พราะมนั ร้ายกาจพเิ ศษ แต่เพราะสะสมในชัน้ บรรยากาศโลก เยอะมากทีส่ ดุ คือเจ้ากา๊ ซคาร์บอนไดออกไซด์
(จากการเผาไหม้ทกุ ชนดิ ) อนั น้เี ปน็ ก๊าซท่เี ราท่านรจู้ ักค่อนข้างดี
อนั ดบั 2 คอื กา๊ ซมเี ทน (มีเทนเปน็ สว่ นประกอบหลกั ของกา๊ ซชวี ภาพ ซงึ่ เกดิ ขนึ้ ตามธรรมชาตโิ ดยการย่อยสลายแบบไม่ใช้
ออกซิเจน ของซากพชื ซากสตั ว์ทที่ บั ถมมาเป็นเวลานาน การปศสุ ัตว์ ถอื เปน็ อกี ปจั จยั สาคญั ท่ที าให้ระดับของกา๊ ซีเทนเพิม่
สูงขึ้น โดยเฉพาะการเลยี้ งสตั วเ์ ค้ียวเอ้อื งดว้ ย เช่น ววั ควาย ที่เปน็ สตั ว์กนิ หญ้า เกิดกา๊ ซมีเทน และปลอ่ ยออกมาด้วยการตด
หรือการเรอ ของววั ควาย คอื ทัง้ เอ้กิ อา้ กและทั้งปดู้ ปา้ ด) ก๊าซมีเทนน้ี มพี ลงั ในการเป็นผู้กักเกบ็ ความรอ้ นในช้นั บรรยากาศที่
รา้ ยกาจสูงกว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถงึ 28 เทา่ ตัว ! อกี ท้ัง มีอายุอยใู่ นช้นั บรรยากาศได้ราว 12 ปี
สว่ นอนั ดับ 3 ก๊าซไนตรสั ออกไซด์ หรอื กา๊ ซหวั เราะ ซง่ึ มนษุ ย์มักใชใ้ นเวลาผา่ ตดั เวลาทาฟัน เพื่อให้มอี าการชา จะไดไ้ มร่ ูส้ ึก
เจบ็ ปวดช่ัวคราว นกั แขง่ รถหลายวงการก็เอากา๊ ซนไี้ ปใช้ประกอบเพอื่ เพิ่มพลงั เครือ่ งยนต์ แต่ท่านทราบหรอื ไมค่ รบั ว่า ไนตรสั
ออกไซด์นี้เกิดจากภาคเกษตรกรรมถงึ 65% เพราะใชป้ ุ๋ยไนโตรเจน สว่ นภาคอตุ สาหกรรม ก็เป็นผปู้ ลอ่ ยก๊าซไนตรัสออกไซด์
ราว 20% จากการผลติ พลาสติกบางกลมุ่ การผลิตเสน้ ไนลอน การผลติ กรดกามะถนั การชุบโลหะ การทาวตั ถรุ ะเบิด และการ
ผลิตไบโอดีเซล !!
ไนตรัสออกไซดม์ อี ายใุ นช้นั บรรยากาศไดร้ าวร้อยปี ดีทีว่ ่า ไนตรัสออกไซดส์ ะสมในช้ันบรรยากาศยงั ไมม่ าก แตท่ ่เี ราพึงต้อง
ระวังเพราะมันสามารถส่งผลต่อภาวะโลกรอ้ นไดม้ ากกวา่ ก๊าซคารบ์ อนไดออกไซด์ ท่ีมปี ริมาณเดยี วกนั ได้ถงึ 265 เทา่ น่แี หละ
ไนตรสั ออกไซด์จงึ นบั เป็นผู้รา้ ยลาดับ 3 ทเ่ี ราต้องร้ไู ว้ เพราะถา้ มนั ลอยไปสะสมในชน้ั บรรยากาศมาก เจ้าก๊าซหวั เราะมันจะพา
เราพงั ไดเ้ รว็ กว่าคารบ์ อนไดออกไซดม์ าก ทีนีเ้ หลอื อกี ตัวการภาวะโลกร้อนจากภาคอุตสาหกรรมแทๆ้ ได้แก่ พวกสาร CFC ซึ่ง
อยใู่ นสารทาความเย็นในเคร่อื งปรบั อากาศและตู้เยน็ มายาวนานจนเพิ่งถกู เลิกใช้ไปเม่อื ไม่นานมานี้ ตามพธิ ีสารมอนทรอี อล แต่
สารประกอบหมวดนขี้ อง CFC มีอายุยนื ได้นับร้อยจนถงึ สามพนั ปี และไปโดนควบคมุ ภายใต้พิธสี ารมอนทรีออล เพราะ CFC
ดนั ไปก่อใหเ้ กดิ รูโหว่ในช้นั โอโซน อีกต่างหาก ดงั นนั้ เทา่ ท่ปี ลอ่ ยๆไปแล้ว แม้เพราะผผู้ ลติ ยังไมร่ ู้เรื่องร้รู าว ก็นบั วา่ เพียงพอจะ
ไปทาลายความสมดลุ มากพอควรแลว้ และมันจะยังคงทาลายต่อไปตราบทม่ี นั ยงั ไม่เสื่อมสลายไปเองตามอายขุ องมัน มีคนเคย
ถามเหมือนกันว่า แล้วทาไมคารบ์ อนมอนอกไซด์ ไม่ตดิ ท้อป 5 ของผรู้ า้ ยในเรอื่ งภมู ิอากาศเปลย่ี นแปลง ทั้งท่ยี านยนตท์ กุ คนั
ในเกือบร้อยปที ีผ่ า่ นมาทัว่ โลก ตา่ งก็ปลดปล่อยมาโดยตลอดมิใช่หรอื นกั วทิ ยาศาสตรอ์ ธิบายวา่ แม้คารบ์ อนมอนอกไซด์จะ
อนั ตรายตอ่ สุขภาพมนษุ ย์มากๆ ตอนท่มี ันออกมาจากท่อไอเสยี แตพ่ อมันเจอชนั้ บรรยากาศในธรรมชาติ ออกซเิ จนจะคอ่ ยๆ
เข้าไปผสมเอง และผลคือมันจะสลายเองในเวลาไมก่ เ่ี ดือน มนั จงึ ไมท่ ันได้แสดงฤทธ์ิมากนกั ตอ่ ภาวะเรอื นกระจก อยา่ งก๊าซอื่น
ท่ีมชี ว่ งชีวิตยาวนานมากๆ ทต่ี ดิ ทอ้ ป 4 ข้างตน้ ของขอ้ เขยี นน้ี

การลดการปลอ่ ยกา๊ ซเรือนกระจก ผมได้เล่าใหเ้ ห็นภาพว่ากา๊ ซเรอื นกระจกคืออะไร มาจากไหน ดังนน้ั แนน่ อนวา่ การลด
กจิ กรรมทต่ี ้นเหตุทุกชนิด ยอ่ มลดการปลอ่ ยก๊าซเรือนกระจกไปในตวั
ขอยกตัวอยา่ งสิง่ ทคี่ วรลดและมาตรการเสรมิ ดังนี้ครับ
1. เราตอ้ งหาทางทดแทนเคร่อื งจกั รเครือ่ งยนต์ทุกอยา่ งทใ่ี ชน้ ้ามนั เป็นหลัก แล้วหนั มาใชพ้ ลังขับเคลอ่ื นมันด้วยพลงั งานสะอาด
อนื่ ๆแทน ยง่ิ ถา้ โรงผลติ ไฟฟ้าของเราใชพ้ ลังงานสะอาดได้มากเท่าไหร่ เราก็จะมที างเลือกอนื่ เขา้ มาทดแทนไดเ้ ช่น รถยนต์
ไฟฟ้า เรอื ไฟฟา้ รถไฟไฟฟ้า จักรยานไฟฟา้ โดรนส่งของ รวมทง้ั โรงงานสารพดั ภาคขนสง่ และภาคพลงั งาน ต้องรับบทหนกั
มากหนอ่ ย
2. เราต้องเลิกเผาป่า เผาตอซัง และเศษวสั ดใุ นแปลงเกษตร เพราะนน่ั จะลดทง้ั ฝุ่นท้งั ควนั ลดก๊าซเรอื นกระจกต่างๆ ทางเลอื ก
ทนี่ ่าสนใจคือ การเอาฟางเอาเศษเปลือกต่างๆ ของพืช ขายเข้าโรงตม้ ในท้องถ่ิน เปา่ ใหแ้ หง้ แลว้ บดเปน็ ผงเพ่ือนามาอดั ขน้ึ รปู ใช้
แทนภาชนะโฟม สาหรบั บรรจุอาหารซง่ึ เรามีแผนห้ามใช้โฟมในปหี น้าทจ่ี ะถงึ เป็นต้นไปอยแู่ ล้ว ทาดๆี เราจะสามารถสง่ ออก
เปน็ สินคา้ หารายได้เข้าประเทศได้อีกดว้ ย
3. เราต้องลดการทานเนื้อปศสุ ัตว์ แลว้ หนั มาเรง่ พัฒนาโปรตนี จากพชื ใหม้ าก สว่ นนมและเนยนั้น บดั นมี้ นี วัตกรรมใชจ้ ุลินทรีย์
เพ่ือสรา้ งโปรตีนท่ีเหมือนน้านมววั ทกุ ประการ โดยไมต่ ้องรบกวนววั แมแ้ ตต่ วั เดยี ว ไม่ตอ้ งมีทงุ่ หญา้ ใสป่ ยุ๋ เคมไี ปเตมิ เป็นก๊าซ
เรือนกระจก ไมต่ ้องแยง่ นา้ มารดทงุ่ หญา้ ให้ปศุสตั ว์ ลดการปลูกพชื ไรเ่ ลีย้ งสตั วไ์ ดด้ ้วย เนน้ ปลกู พชื เล้ียงคนกน็ ่าจะพอ ทีด่ ินที่
เหมาะจะเพาะปลูก ไม่ได้มีมากจนไม่จากดั เสยี แล้ว
ศูนย์รวบรวมขยะหนองแขม
4. ลดสสุ านขยะ ด้วยการแยกหมกั ขยะเปียกให้เปน็ ปยุ๋ เพ่ือลดบอ่ ฝงั กลบทีเ่ ต็มไปด้วยการเนา่ เป่อื ย ปลอ่ ยกา๊ ซมเี ทน แถมยังไม่
ตอ้ งเผาทาลายขยะ อยา่ งไม่จาเปน็
5. เสอ้ื ผ้ารองเท้าผา้ ใบสดุ โทรม ซง่ึ ทาจากเสน้ ใย ควรถกู นาไปรไี ซเคิล เหมอื นท่เี ราทาไดแ้ ล้วกับขวดแกว้ กระดาษ โลหะ และ
พลาสตกิ ถา้ เส้นใยใชแ้ ล้วถูกนากลับมาใช้ใหม่ เราจะลดการถางป่าปลูกฝ้ายและลดการผลิตเสน้ ใยจากพลาสตกิ ในภาคปิโตร
เคมีอกี มาก เสน้ ใยทีม่ นุษยส์ ร้างมาตลอดศตวรรษนี้ นา่ จะมเี พยี งพอในการห่อหมุ้ ให้ความอบอนุ่ และนามาผลติ ใชใ้ หมต่ าม
แฟช่นั ของยุคต่างๆ ได้เพยี งพอท้ังโลกอยแู่ ลว้ ขอเพยี งแยกสขี องเส้นใยท่จี ะรไี ซเคลิ ไว้ ก็จะลดขน้ั ตอนการฟอกยอ้ มใหมไ่ ดอ้ กี
มหาศาลเช่นกัน
6. เรง่ ส่งเสริมการวิจัยทางวทิ ยาศาสตร์ เพื่อจะไดม้ วี วิ ฒั นาการใหม่ ในการสะสางก๊าซเรอื นกระจกเดมิ ทีข่ ึน้ ไปสะสมในช้ัน
บรรยากาศอยา่ งจริงจัง
7. ปลกู ไม้ยนื ตน้ ให้มากๆ ท้งั ท่เี ปน็ ไม้ชายเลน และไมบ้ กต่างๆ เพราะตน้ ไม้จะดึงคาร์บอนไดออกไซด์ ไปเก็บในเน้ือไม้ แถมยัง
คายออกซเิ จนออกมาเตมิ ให้อากาศ รักษาความชมุ่ ชืน้ ในดนิ และเปน็ เครือ่ งจักรทางธรรมชาตทิ ี่ชว่ ยลดภาวะโลกรอ้ นที่
มหัศจรรย์ท่ีสดุ
8. ฝกึ ใช้ทุกทรัพยากรและพลังงานอยา่ งประหยดั ใหเ้ ป็นนสิ ยั พยายามเลิกจากวัฒนธรรมใชแ้ ลว้ ทิ้ง มาเปน็ ใช้เท่าที่จาเปน็
9. รฐั พึงมมี าตรการสนับสนุน การเปล่ียนรปู แบบการผลติ ตอ่ ทกุ ภาคส่วนในชว่ งเปล่ียนผ่านอย่างพอเพียง

เอเชยี ตะวันออกเฉียงใต้: เส้นทางสกู่ ารฟืน้ ฟ1ู 7 มีนาคม 2022

กอ่ นเกดิ การแพรร่ ะบาดของ COVID-19 นัน้ เอเชียตะวนั ออกเฉยี งใต้ไดช้ ือ่ ว่าประสบความสาเรจ็ ในการเติบโตและลดความ
ยากจน แตก่ ารระบาดใหญไ่ ดเ้ ปลย่ี นความสาเร็จเหลา่ นนั้ ไปในทางตรงกนั ข้ามอยา่ งกะทันหัน ทาให้คนราว 4.7 ลา้ นคน
ประสบปัญหาความยากจนอยา่ งรุนแรงในปี 2564 และนาไปส่กู ารสรา้ งงานทน่ี ้อยลงถึง 9.3 ลา้ นตาแหนง่ ในปเี ดียวกนั
เมื่อเทยี บกับสถานการณ์ท่ไี ม่มี COVID ในขณะที่การฟนื้ ตวั ท่ีคานงึ ถงึ สิ่งแวดลอ้ มเริม่ ปรากฏข้ึน แตผ่ ลผลติ รวมของภูมิภาคใน
ปนี ้คี าดวา่ ยงั คงต่ากวา่ รอ้ ยละ 10 จากทเ่ี คยคาดการณไ์ วใ้ นสถานการณท์ ไ่ี ม่มี COVID-19 ในช่วงหวั เลี้ยวหัวตอ่ ท่สี าคญั น้ี
ประเทศต่างๆ จาเป็นตอ้ งจดั การความไมเ่ ทา่ เทยี มกันของรายไดท้ เี่ พม่ิ ขึ้น และตอ้ งทาให้แน่ใจว่าแนวโน้มนจี้ ะไม่
กลายเปน็ “ความปกตแิ บบใหม่” ของภมู ภิ าค ซึง่ ความไม่เทา่ เทยี มกันท่เี พ่มิ ข้นึ จะเปน็ อปุ สรรคต่อการเติบโตและกัดกรอ่ น
ความเข้มแขง็ ของสงั คม และยังทาใหข้ าดแรงจงู ใจสาหรบั แรงงานทมี่ ที กั ษะนอ้ ยและทาให้ผลิตภาพแรงงานลดลง นอกจากนนั้
ความไมเ่ ท่าเทียมกนั ยงั เป็นอปุ สรรคตอ่ การพัฒนาการศึกษาและทักษะสาหรับผ้ทู ่ขี าดรายไดห้ รอื สนิ เชอ่ื ทเ่ี พียงพอ และยงั บ่อน
ทาลายความสามคั คที างสงั คมอีกดว้ ย
รายงาน ADB ชโี้ ควิดฉดุ เอเชยี ตะวันออกเฉยี งใตจ้ นลง 4.7 ล้านคน แตท่ ง้ั ภูมภิ าคแกรง่ พร้อมฟ้ืนตัว

ในขณะทีภ่ มู ภิ าคยงั คงวางรากฐานสาหรบั การฟน้ื ฟูดา้ นตา่ งๆ การศึกษาใหมข่ องธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดบี ี) เรือ่ ง
Southeast Asia: Rising from the Pandemic ไดแ้ นะนาใหผ้ ้นู าหลายประเทศปรบั ใช้มาตรการนโยบายทสี่ าคญั ๆ
หลากหลายทจ่ี ะสามารถชว่ ยกระต้นุ การฟนื้ ตัว และช่วยทาให้แนใ่ จว่าการฟนื้ ฟูของเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใตจ้ ากสถานการณ์
COVID-19 นัน้ จะส่งผลดตี อ่ ทุกคน ประเทศตา่ งๆ จาเปน็ ต้องสนบั สนนุ การลงทุนในระบบสขุ ภาพแหง่ ชาติอย่างมีนัยสาคญั
เพ่ือปรบั ปรงุ ขดี ความสามารถดา้ นการรักษาพยาบาลหลกั ปรับปรุงการเฝา้ ระวงั จดั หาเวชภณั ฑใ์ ห้เพียงพอ และเตรียมความ
พรอ้ มสาหรบั การระบาดใหญใ่ นอนาคต ซง่ึ การศกึ ษาของเอดบี ไี ดแ้ สดงให้เหน็ ว่า การลงทนุ ด้านสุขภาพของประเทศทเ่ี พ่ิมขนึ้
รอ้ ยละ 4.8 ของจดี พี ี ซึ่งเพม่ิ ข้ึนจากคา่ เฉล่ียร้อยละ 3 ของจีดพี ใี นปี 2564 นนั้ จะทาใหก้ ารเติบโตทางเศรษฐกจิ เพิม่ ขน้ึ เป็น
รอ้ ยละ 1.5 อกี ทงั้ การลงทุนดา้ นการรกั ษาพยาบาลทีม่ ีประสทิ ธิภาพมากข้นึ จะช่วยลดภาระในการรกั ษาโรค และนาไปสู่
อัตราการมีส่วนรว่ มของแรงงานท่ีสงู ขนึ้ และผลผลิตทเ่ี พม่ิ ขนึ้ ในทท่ี างาน ซง่ึ ประเทศต่างๆ ควรพจิ ารณาวางกรอบการ
ดแู ลสขุ ภาพถ้วนหน้าเพือ่ ใหแ้ น่ใจไดว้ ่าจะไมม่ ใี ครถกู ทงิ้ ไว้ขา้ งหลัง ในขณะเดียวกนั ประเทศตา่ งๆ ควรดาเนนิ การปฏริ ูป
เชงิ โครงสร้างอย่างจรงิ จงั ซ่ึงสามารถชว่ ยปรบั ปรุงผลิตภาพและความสามารถในการแข่งขนั และควรเพม่ิ การลงทนุ ใน
ทรัพยากรมนุษย์ ภายหลังการระบาดใหญ่ ทง้ั น้ี การเปล่ยี นผา่ นสดู่ จิ ิทลั อยา่ งรวดเร็ว การจดั สรรงานใหม่จานวนมากใน
ภาคส่วนต่างๆ และจานวนงานทต่ี อ้ งใช้พนักงานทม่ี ที ักษะด้านเทคนิคเพม่ิ ข้ึนเรอื่ ยๆ สง่ ผลให้เกดิ ชอ่ งวา่ งด้านทักษะขนาด
ใหญ่ ผลการสารวจล่าสดุ ของ APEC (Asia-Pacific Economic Cooperation) ในเรือ่ งชอ่ งวา่ งด้านทักษะทางดจิ ทิ ัลได้
เปดิ เผยวา่ รอ้ ยละ 75 ของนายจ้างเหน็ วา่ ทักษะทส่ี าคัญไมส่ อดคลอ้ งกนั ทกั ษะของแรงงานท่เี ขา้ สรู่ ะบบ ดังนั้น จาเป็นตอ้ งมี
การลงทุนมากขึน้ เพ่อื สรา้ งแรงงานในอนาคตทพี่ รอ้ มจะสนับสนนุ เศรษฐกจิ ยุคใหม่ ซงึ่ ส่งิ นจ้ี าเป็นตอ้ งพฒั นาระบบการศึกษา
อยา่ งจริงจัง มีโปรแกรมที่สนับสนนุ การฝึกงานและการฝกึ อบรมในสถานทีท่ างาน และสร้างสง่ิ จงู ใจสาหรบั การพัฒนาทักษะ
และการเพ่ิมทกั ษะ สาหรับการเพม่ิ ความสามารถในการแข่งขนั น้นั ประเทศต่างๆ สามารถขจดั อปุ สรรคทางการค้าเพอื่
ปรบั ปรุงประสิทธิภาพและผลผลติ ลดระเบยี บแบบแผนทยี่ งุ่ ยาก ปรบั ปรงุ ดา้ นโลจิสติกส์ และสนบั สนนุ วิสาหกิจขนาดเล็กให้
ทนั สมัยผา่ นการใช้เทคโนโลยแี ละการบม่ เพาะ ผูก้ าหนดนโยบายในภมู ภิ าคยงั ตอ้ งเสริมสร้างพืน้ ฐานเศรษฐกจิ มหภาค และ
รกั ษาความรอบคอบทางการคลังในการจดั การหนท้ี ่นี ามาใช้ในการฟน้ื ฟู โครงการเงนิ ชว่ ยเหลือเพื่อรบั มือโควดิ -19 จานวนมาก
ได้ ทาใหก้ ารขาดดุลทางการคลังและระดบั หน้ใี นเอเชียเพิม่ สูงขน้ึ โดยในปี 2563 จานวนเงนิ ที่ใชร้ ับมอื กบั การระบาดใหญ่
ของเอเชยี ที่กาลังพัฒนามีมลู ค่าสงู ถึง 3.8 ล้านล้านเหรียญสหรฐั ซ่ึงเพม่ิ ขึ้นเกือบสองเท่าของการขาดดลุ การคลังต่อจดี พี ี
ในภมู ิภาค โดยเพม่ิ จากรอ้ ยละ 5.0 ในปี 2562 เปน็ รอ้ ยละ 9.8 ในปี 2563 เนอ่ื งจากเอเชยี ตะวันออกเฉยี งใตก้ าลังฟน้ื ฟจู าก
การระบาดใหญ่ ประเทศตา่ ง ๆ จาเปน็ ต้องแกไ้ ขความไมส่ มดลุ ทางเศรษฐกิจและการเงนิ ทมี่ อี ยู่ และชว่ ยรองรบั เหตกุ ารณไ์ ม่
คาดคิดทอี่ าจเกดิ ข้นึ ในอนาคตโดยการรกั ษาทุนสารองระหวา่ งประเทศและช่องว่างทางนโยบายให้เพยี งพอ
สดุ ทา้ ยนี้ เน่ืองจากประเทศต่าง ๆ ให้ความสาคญั กบั การเร่งฟื้นฟูเศรษฐกจิ ประเทศเหลา่ นั้นจะไม่เพยี งแค่กลับมาดาเนินธรุ กจิ
เหมือนเช่นเคย แต่ต้องใชโ้ อกาสในการขยายการลงทนุ ท่ีเป็นมติ รตอ่ สิ่งแวดลอ้ มและวางรากฐานสาหรบั เศรษฐกจิ ทเ่ี ป็นมติ รตอ่
ส่ิงแวดล้อมดว้ ยเชน่ กัน นโยบายตา่ ง ๆ นน้ั ควรไดร้ ับการออกแบบใหมเ่ พือ่ คุม้ ครองแมน่ า้ และมหาสมทุ รและสนบั สนนุ การ
เปล่ียนไปใช้เชอื้ เพลงิ ทีส่ ะอาดกวา่ โดยภาครฐั และเอกชนควรร่วมมอื กนั อยา่ งใกลช้ ิดมากขึน้ ในการลดผลกระทบต่อส่ิงแวดล้อม
จากอตุ สาหกรรม โดยใชว้ สั ดุจากการรไี ซเคลิ และการนาวสั ดกุ ลับมาใชใ้ หม่ใหม้ ากข้ึน
นอกจากนั้น นโยบายภาษคี วรจูงใจการลดการปลอ่ ยคารบ์ อนด์ในขณะที่แผนฟื้นฟูควรสง่ เสริมการลงทนุ โครงสรา้ งพ้นื ฐานท่ี
เปน็ มติ รต่อสงิ่ แวดลอ้ ม ซึ่งจะส่งผลดีตอ่ สง่ิ แวดล้อม สร้างการเติบโต และเพิม่ การจ้างงานขนานใหญ่ ทงั้ น้ี ในการสนับสนนุ
เป้าหมายดา้ นสภาพอากาศของภมู ิภาคน้ัน เอดบี กี าลงั ทางานร่วมกบั พันธมิตรระดบั ภมู ิภาคและระดบั นานาชาติในการลดการ
ใชพ้ ลงั งานถ่านหินผ่านกลไกการเปลี่ยนผา่ นพลังงาน (Energy Transition Mechanism) ทเี่ ป็นนวัตกรรม และแพลตฟอร์ม
การฟนื้ ฟูทเ่ี ปน็ มิตรตอ่ ส่ิงแวดล้อม (Green Recovery Platform)
แนวทางการฟ้นื ฟทู เ่ี นน้ ประชาชนเป็นศนู ยก์ ลาง สามารถช่วยสรา้ งงานท่มี ปี ระสทิ ธผิ ลมากขนึ้ โดยเฉพาะอยา่ งย่ิงในภาค
ส่วนท่ีไดร้ ับผลกระทบอย่างหนัก เช่น ภาคการคมนาคมขนสง่ ภาคงานบริการ และภาคการทอ่ งเที่ยว ซงึ่ จะชว่ ยฟน้ื ฟแู นวโน้ม
การผลติ ในเอเชียตะวนั ออกเฉยี งใต้ซ่ึงพลกิ ผนั จากโควดิ -19 หลงั จากสองปีของการระบาดใหญ่ เอเชียตะวนั ออกเฉียงใตเ้ รมิ่ ฟืน้
ตวั และเติบโตอย่างสดใสข้ึน โดยประเทศตา่ งๆ เร่งผลักดันให้ทุกอยา่ งกลับมาดมี ากขึ้นกวา่ เดมิ แม้วา่ ลมปะทะทร่ี ุนแรงยังคงมี
อยู่ แต่ยงั มเี หตุใหเ้ กดิ ความหวังด้วยเชน่ กัน หากประเทศตา่ ง ๆ เพิ่มการลงทุนด้านสขุ ภาพ การปฏริ ูปโครงสร้าง และ
เศรษฐกิจท่คี านงึ ถงึ สิง่ แวดล้อม รวมทัง้ ยงั คงระมดั ระวังทางการคลังด้วยแลว้ ประเทศเหล่านน้ั จะสามารถพลิกฟนื้ เอเชีย
ตะวนั ออกเฉียงใต้กลบั สคู่ วามเจรญิ ร่งุ เรอื ง และนาพาเข้าสูย่ คุ ใหม่แหง่ การฟ้ืนฟูให้กบั ภมู ภิ าคไดอ้ ยา่ งแท้จรงิ
ข่าวหรือบทความทเี่ ก่ยี วข้อง

Big Data สีเทา: วา่ ดว้ ย “คะแนนทางสังคม”12 เมษายน 2018

เคยคิดไหมครับวา่ ชีวติ และสังคมของพวกเราจะเปล่ียนไปแคไ่ หนหากวนั นึงเราทุกคนมี social credit score หรือ “คะแนน
ทางสงั คม” ทปี่ รับข้ึนลงตามทุกๆ พฤติกรรมของเรา ทาตัวดี เป็นมิตร ไม่หลอกลวง ไมห่ ยาบคาย คะแนนข้นึ ทาตวั ชวั่ เหน็ แก่
ตัว เป็นมนุษยป์ า้ เกยี จคร้าน คะแนนลง พดู งา่ ยๆ กค็ อื เราจะมีคะแนนหรือดาวไม่ต่างจากทร่ี า้ นอาหารมคี ะแนนใน Wongnai
หรอื ทค่ี นขบั รถและผโู้ ดยสารมคี ะแนนใน Uber แต่คะแนนนไี้ มไ่ ด้แคก่ ระทบจานวนลกู คา้ ทจ่ี ะมาร้านอาหารเรา หรือโอกาสที่
เราจะไดไ้ ปแมทชก์ บั คนขับทีค่ ณุ ภาพดเี ท่านนั้ … มนั เป็นไปได้วา่ คะแนนทวี่ า่ นี้สามารถกระทบได้แทบทุกมติ ิของชวี ิต
เรา ต้งั แตเ่ กดิ แก่เจ็บตาย และอาจถูกใช้เป็นตวั กาหนดสิทธิว่าใครสามารถอยู่อาศัยในแตล่ ะท้องทไี่ ด้ ใครจะใชร้ ถไฟฟ้าได้ ใคร
จะใชท้ างด่วนไดใ้ นชว่ั โมงเร่งดว่ น ใครจะไดร้ บั การรกั ษาพยาบาล ใครจะเอาลกู เขา้ โรงเรยี นดีๆ ทส่ี าคัญคอื ผู้เขียนคิดวา่ นี่จะ
ไมใ่ ชส่ ่งิ ท่ีอยู่ในแคน่ ยิ าย ท่ีเปน็ โลก distopian ฟลี ฝันร้ายแบบในทีวซี ีรีส์เรอื่ ง Black Mirror ตอน Nosedive เท่านนั้ สิง่
ทเี่ รากาลงั พูดถึงอยูน่ ม้ี ีใหส้ มัครใช้แล้วในประเทศจนี และทางการจนี จะมกี ารบังคบั ใช้มนั กบั ประชาชนจนี ทั้งหมดภายในปี
2020 โดยคะแนนประชาชนนี้จะถูกสงั เคราะห์ขนึ้ มาจาก Big Data จากข้อมลู ถงั ใหญๆ่ หลายๆ ถงั รวมกัน
หากมันเกิดข้นึ ในประเทศจนี และได้รบั การยอมรบั พอสมควร กค็ งไมช่ ้าทจ่ี ะมกี ารเรม่ิ ใช้ระบบคะแนนทางสงั คม (หรือรูปแบบ
อ่ืนๆ ของมัน) ในประเทศอ่นื ๆ ทกุ คร้งั ที่คณุ แชท ทกุ สเตตัสทอี่ ัป ทกุ คร้งั ท่ีจ่ายบิลตรงเวลา ทกุ ครงั้ ที่ซอ้ื สรุ า ทกุ ครง้ั ที่สุงสงิ กบั
เพอ่ื นทไ่ี ม่เอาไหน ทกุ ครัง้ ทจี่ ่ายภาษีครบถ้วน ทกุ คร้งั ท่บี รจิ าคเลอื ด ทกุ การเคล่ือนไหวของคณุ ถ้ามี digital footprint
มากพอ ในอนาคตอาจถกู เอามาสงั เคราะห์เป็นคะแนนดงั กลา่ วได้
บทความน้จี ะขอไม่เนน้ ถึงความมืดและความนา่ กลัวของคะแนนทางสังคม แบบท่ีเหน็ กนั ในเรอื่ ง Black Mirror เพราะ
ผเู้ ขียนคดิ ว่ามนั นา่ จะเป็นส่ิงท่ีหลายคนมองเห็นไดต้ ั้งแต่อา่ นย่อหนา้ แรกของบทความนีแ้ ล้ว อกี ทง้ั ยงั เปน็ ประเดน็ ท่ถี กู หยิบ
ข้นึ มาวิพากษว์ ิจารณก์ ันมากแลว้ บทความน้จี งึ จะพดู ถงึ “ความเทา” ของการใช้ Big Data ในมติ ินีแ้ ทน จะลองวเิ คราะหด์ วู ่า
ภายใต้ความมืดของความคดิ คะแนนทางสังคมน้ยี ังพอมีแสงสวา่ งบา้ งหรือไม่ ถา้ เราตัง้ ใจทาให้มนั ดีตอ่ สังคมจริงๆ เราทาไดไ้ หม
มีความเป็นไปได้แค่ไหนทสี่ งั คมทม่ี ีระบบน้จี ะดกี วา่ สังคมทเี่ ปน็ อยูท่ กุ วันน้ี ถ้าเปน็ ไปได้เราจะต้องทาอย่างไรบา้ งและอะไรคือ
อปุ สรรค
1. จะสรา้ งคะแนนทางสังคมขึน้ มาทาไม นเี่ ปน็ คาถามที่ควรตอบใหไ้ ด้ก่อนเพอื่ น เนือ่ งจากโทษของการมรี ะบบน้ีมนั ชัดเจน
(การรุกลา้ ความเป็นสว่ นตวั ของประชาชน ความผดิ เพี้ยนของความสมั พนั ธ์ฉันเพือ่ น ฯลฯ) แตป่ ระโยชนอ์ าจต้องตัง้ ใจคิดนดิ
หนง่ึ ผ้เู ขยี นมองว่าระบบคะแนนประชาชนสามารถเป็นเครอื่ งมือเชงิ นโยบาย (policy lever) เพอื่ ขจัดความลม้ เหลวของ
ตลาด (market failure) ได้ แบบเดียวกับท่ี ภาษี การอดุ หนนุ และกฎหมายอืน่ ๆ กาลงั หล่อหลอมผลักดนั ทิศทางและ
ผลลัพธท์ างเศรษฐกิจและสังคมอยทู่ กุ วนั น้ี การเชื่อมคะแนนนเี้ ข้ากบั แรงจงู ใจหรือบทลงโทษท่คี นแครพ์ อ จะเปน็ เหมอื นการ
“บังคับแบบออ้ มๆ” ให้คนเราประพฤตคิ ล้อยตามแนวทางท่ีรัฐวางไว้ ไม่ตา่ งกบั การเก็บภาษสี ุราบหุ รเ่ี พอ่ื โนม้ นา้ วใหค้ นลดการ
บริโภคสินคา้ ท่ีมโี ทษต่อตนเองและผูอ้ ่ืน หรอื การอดุ หนนุ คา่ วัคซนี เพ่ือลดการแพรเ่ ชื้อในสงั คม ยิง่ คะแนนทางสงั คมถกู เชื่อม
กับส่งิ ท่ีจาเปน็ ตอ่ ชวี ติ และสง่ิ ทช่ี อบหรือไม่ชอบมากๆ เทา่ ไหร่ คะแนนนจ้ี ะยิง่ เป็นสนิ ทรพั ยท์ ม่ี ีคณุ ค่ามากเท่าน้ัน (จึงจะไม่
แปลกใจเลยหากวนั หน่ึงจะเกิดอาชพี ทปี่ รึกษาคะแนนทางสังคมเหมอื นในซีรีสเ์ ร่อื ง Black Mirror) ขณะน้คี งยังเร็วไปท่ีจะฟนั
ธงว่าระบบนีก้ บั เครื่องมอื เชิงนโยบายอื่นๆ แบบไหนจะมปี ระสิทธิภาพเชิงในเศรษฐกิจมากกวา่ กัน แต่ผเู้ ขยี นมองว่าประโยชน์
ของระบบน้ีจะขึน้ อยูก่ บั สองปัจจยั ตอ่ ไปน้ี หนงึ สงั คมทมี ปี ัญหาเรืองความไวว้ างใจ (trust) น่าจะได้รบั ประโยชนจ์ ากระบบ
น้ีมากกว่าสังคมอนื ความไว้วางใจระหว่างบุคคล ระหวา่ งธรุ กจิ เปน็ ส่วนผสมสาคัญของความเจรญิ และความมปี ระสทิ ธภิ าพ
ของเศรษฐกจิ ใครเคยทาธรุ กิจในประเทศจนี หรือนาเข้าส่งออกผา่ นประเทศจีน กค็ งทราบดีว่าทาไม
หากมีคนคดโกง มขี องปลอม มกี ารหลอกลวงอยู่เป็นประจา การทาธุรกจิ การเร่มิ ต้นความสมั พนั ธ์ หรือแม้กระทงั่ การใช้
ชีวติ ประจาวนั อย่างการวางกระเปา๋ ไวบ้ นโตะ๊ ตอนไปหอ้ งน้าโดยไมต่ อ้ งกลัวคนขโมย จะกลายเปน็ วา่ มนั มี “ต้นทุนความไม่
ไวว้ างใจ” ตดิ มาทกุ ๆ คร้งั ทีท่ ากิจกรรมเหลา่ นโี้ ดยพยายามใหเ้ ราไม่เสียประโยชน์ เชน่ ค่าจ้าง law firm เวลาท่เี สยี ไปกบั การ
สบื ประวตั คิ คู่ ้า หรอื ความไม่สะดวกอื่นๆ ซ่งึ รวมๆ ทั้งสงั คมแลว้ จะเปน็ เงนิ และเวลาอนั มหาศาล จึงไมแ่ ปลกที่จีนเปน็ สังคมแรก
ท่ีจะเร่มิ ใชร้ ะบบคะแนนทางสังคมน้ี หากคะแนนสามารถสะทอ้ นความไว้วางใจไดด้ จี ริง ประชาชนจะทาอะไรกส็ ะดวก เพียงมี
เทคโนโลยตี รวจสอบตวั เลขตวั เดียวของคูค่ า้ (หรือค่รู ัก!) ว่ามันสงู พอท่ีเราจะทาการคา้ หรอื จะมีปฏิสมั พันธ์ด้วยไหมกพ็ อ พูด
งา่ ยๆ วา่ มนั จะชว่ ยลด transaction cost อันมหาศาลลงได้

สอง สงั คมทไี ม่สามารถบังคับใชก้ ฎหมายได้อย่างจรงิ จงั หรอื มีปญั หาความไม่เท่าเทยี มกนั ควรเหลียวตามองระบบนีเ้ ปน็
อยา่ งนอ้ ย โดยเฉพาะปญั หาสาธารณะในมิติทร่ี ัฐเองไมม่ ีกาลงั ตรวจสอบ หรือไมค่ ้มุ ทจี่ ะเจยี ดทรพั ยากรไปแก้ปญั หา (ท้ังๆ ท่ี
จรงิ กค็ วรทาแตอ่ าจทรพั ยากรไมพ่ อจริงๆ) ยกตวั อย่าง เชน่ การร้องเรยี นเรื่องเพ่อื นบา้ นทไ่ี มเ่ คารพกฎหมาย ไมว่ า่ จะเปน็ การ
ส่งเสยี งดงั รบกวน ท้ิงขยะและจอดรถเขวยี้ งขวา้ ง ซ่งึ แม้มันเป็นปญั หาขนาดเล็กเมื่อเทียบกบั ปญั หาสงั คมอ่ืนๆ เช่น
อาชญากรรม หรอื การคา้ ยาเสพตดิ แตร่ วมๆ ทง้ั ประเทศแลว้ มนั เปน็ ปญั หาทก่ี ระทบความเป็นอยู่ของคนจานวนมาก ระบบ
คะแนนทางสงั คมอาจชว่ ยผอ่ นเบาภาระในจดุ นี้ได้ ผู้เขียนไมค่ ดิ วา่ ระบบนจ้ี ะมาชว่ ยจดั ระเบียบบา้ นเมอื งได้หมด โดยเฉพาะ
อย่างยงิ่ ในสังคมทไ่ี มค่ ่อยมีใครทาตามระเบียบอยู่แลว้ แต่อย่างนอ้ ยก็ควรสารวจดูวา่ เทคโนโลยีน้สี ามารถทาใหอ้ ะไรๆ มนั
ลงลอ็ ก เป็นระเบียบไดโ้ ดยการจงู ใจ
2. แปลง Big Data เปน็ คะแนนประชาชนยังไง
สมมตุ ิว่าเราคิดวา่ นา่ จะทดลองนารอ่ งใชไ้ อเดียน้ี เรามาปพู นื้ คอนเซปต์แบบงา่ ยๆ ก่อนว่า การทค่ี นคนหนึง่ จะมคี ะแนนเทา่ นน้ั
เท่าน้ี มันมที ม่ี าจากอะไร ต้องมอี ะไรเปน็ วตั ถดุ บิ
อนั ดบั แรกทจี่ าเป็นคือสังคมจะตอ้ งตกลง (จะโหวตหรือจะถกู บงั คบั ก็แล้วแตด่ ีกรีความเปน็ เผดจ็ การในสังคม) กนั ใหไ้ ดว้ ่า
อะไรคือ “ความเปน็ ประชาชนทดี่ ี” ใครคอื ประชาชนในอดุ มคติ (ideal citizen) เชน่ เปน็ คนทจ่ี า่ ยบิลตรงเวลา เปน็ คนทไ่ี ม่
พูดหยาบคายหรือไม่ปล่อยและไมแ่ ชรข์ ่าวปลอมบนโลกโซเชียล เปน็ ต้น ขอเรียกลกั ษณะเหลา่ นวี้ า่ “ลกั ษณะในอดุ มคต”ิ
อนั ดบั ท่ีสอง คอื สงั คมจะต้องมีความสามารถในการสังเกตการณว์ า่ ประชาชนมีพฤติกรรมที่สะท้อนลักษณะในอดุ มคติ
เหลา่ น้ันมากน้อยแค่ไหน ฉะนนั้ ย่ิงข้อมลู ใหญ่ กว้าง ลึก และถเี่ ท่าไร ย่ิงมีโอกาสทาให้ภาพสเกต็ ชข์ อง “ประชาชนในอดุ ม
คต”ิ ชดั เจนขึน้ ปัจจบุ นั อาจสังเกตการณ์ประชาชนไดแ้ ค่ 20 มติ ิ แต่ในอนาคตแห่ง IoT (Internet of Things) ทแี่ ทบทุก
พฤติกรรมของเราจะมี digital footprint สงั คมอาจสงั เกตการณป์ ระชาชนได้ทกุ ๆ ยา่ งกา้ วแม้แต่สิ่งทเี่ ขากาลงั คิดในใจวนั หนึ่ง
ก็เปน็ ไปได้ มสี องปจั จยั ดังกล่าวไมพ่ อ สงั คมยังมีทางเลือกในทางปฏบิ ตั ิอีกมากมายว่าจะสงั เคราะห์คะแนนทางสังคมออกมา
ดว้ ยวธิ ใี ด หนงึ่ ทางเลือกทเี่ ปน็ ไปได้คอื การออกไปหากลุ่มคนในอดุ มคตจิ รงิ ๆ มากลุ่มหนึง่ และใหจ้ าแนกว่าพวกเขาเป็น
“คนดี” (ตัวแปร good_citizen = 1 สาหรบั คนกลมุ่ น้ี ส่วนทเี่ หลอื good_citizen = 0) แลว้ จึงคอ่ ยใหร้ ะบบเฟ้นหาลักษณะท่ี
มคี วามสามารถในการพยากรณ์ “ความนา่ จะเป็นคนดีของสงั คม” โดยจะใช้เทคนคิ ทางสถติ ใิ ดๆ กต็ ามแต่ ซ่งึ ทา้ ยสดุ แล้วเราจะ
ได้ สตู รคะแนนสงั คมท่มี หี น้าตาเปน็ สมการประมาณนี:้ คะแนนทางสงั คม = 0.24*1[เคยไปบริจาคเลอื ดใน6เดือนทผี่ ่านมา] -
0.8*จานวนบิลที่จ่ายช้าในปีท่ผี ่านมา + 0.42*คะแนนเอนทรานซ์ -0.28*จานวนใบสัง่ ในชว่ ง 2 เดือนที่ผา่ นมา +…
ซ่งึ สมการตัวอยา่ งดา้ นบนนีเ้ ป็น approach ท่ี data driven โดยมรี ฐั เป็นผู้ supervise อีกทางเลอื กคอื การกาหนดสูตรแต่
แรกเลยว่าพฤตกิ รรมไหนควรได้รับนา้ หนักเท่าไร เช่น ขบั รถขณะมนึ เมาทุกครั้งคะแนนลดลง 100 คะแนน หรือมาประชุม
และเลกิ ประชมุ ตรงเวลาทกุ ครงั้ รบั ไป 30 คะแนน แตกตา่ งกับทางเลือกทีแ่ ล้วเน่อื งจากรฐั เป็นผู้เลือกโดยตรงว่าพฤติกรรมไหน
ควรจะมคี วามสาคญั ตอ่ คะแนนทางสงั คมมากนอ้ ยตามลาดบั โดยสว่ นตัว ผเู้ ขียนคดิ วา่ ท้งั สองทางเลอื กมีท้งั ขอ้ ดขี อ้ เสยี ขอ้ ดี
ของทางเลอื กแรกคือเราจะลดอคติในการให้นา้ หนกั แตล่ ะพฤตกิ รรมน้อยลง แต่ในขณะเดยี วกนั กม็ ขี อ้ เสียตรงทีว่ ่าเราจะไป
เลอื กกลมุ่ ตวั อยา่ งท่ีเป็นประชาชนดเี ดน่ อยา่ งไรให้ไมล่ าเอียง ทางเลอื กทน่ี ่าจะ practical ทส่ี ดุ คงจะเป็นการ blend ท้งั สอง
ทางเลือกเข้าด้วยกันเพอ่ื ให้รฐั พอจะมีพืน้ ที่ในการชกั จงู พฤติกรรมใหม่ๆ ได้ โดยไมล่ าเอียงมากนัก
3. ถ้าจะทาใหด้ ี จดุ ที่ยากทสี่ ดุ ไม่ไดอ้ ยทู่ ี่ technical ผเู้ ขียนเชือ่ ว่าถา้ วนั หนงึ่ มีการเช่ือมต่อถังข้อมูลกนั จริงๆ งานสรา้ งคะแนน
ไมว่ า่ จะดว้ ยเทคนคิ ทางเศรษฐมติ ิ machine learning หรือแค่ผูกสตู รตรงๆ เพอื่ ใหค้ ะแนนสะท้อนความดงี ามอยา่ งแมน่ ยา
น้นั ไม่ใช่จดุ ทยี่ ากท่ีสดุ จุดทย่ี ากที่สุดคือเรือ่ งของจรยิ ธรรมและการบรหิ ารระบบนอ้ี ยา่ งเป็นธรรม
ผเู้ ขียนขอส่งท้ายบทความนด้ี ว้ ยคาถามใหผ้ ูอ้ ่านเก็บไปคดิ กันในเวลาว่าง เพราะหากเราจะมาทางนใ้ี นอีกสบิ ยส่ี บิ ปี ยงั ไงเราก็
หนไี ม่พ้นคาถามตอ่ ไปนี้
หนงึ่ สตู รควรจะโปรง่ ใสและออ่ นไหวแคไ่ หน ที่สตู รไมค่ วรโปรง่ ใส 100% และออ่ นไหวตอ่ ทุกพฤติกรรมเกนิ ไป เปน็ เพราะวา่
เราไม่ตอ้ งการให้คนบางกลมุ่ หาทางลดั หาวิธี fake พฤติกรรมขนึ้ มาเพอื่ หลอกแบบจาลองของเรา (พยายามทาพฤติกรรม
ออนไลนใ์ หไ้ ด้คะแนนสูง ทง้ั ๆ ที่พฤตกิ รรมออฟไลนจ์ รงิ ๆ แล้วไม่ดี) และเราไมต่ อ้ งการให้ประชาชนวิตกจรติ กับคะแนนน้ี
จนกระทง่ั สังคมเราไมน่ ่าอยู่ หรือกลายเปน็ ว่าระบบนีจ้ ูงใจไดร้ ุนแรงถึงขน้ั ที่พวกเราเรม่ิ สูญเสียความเปน็ เอกลกั ษณข์ องตนเอง
ทุกคนพยายามทาตวั “ด”ี จนกลายเป็น carbon copy ของประชาชนในอดุ มคตทิ ่ีรัฐเชิดชูกนั ทงั้ บา้ นทง้ั เมือง
สอง ใครจะมอี านาจในการพัฒนาสูตรของคะแนนน้ี เรายังไปไม่ถงึ ยคุ ท่ี AI ช้ีชะตาคะแนนทางสงั คมได้ 100% (และอาจเป็น
เรอ่ื งทีม่ นุษยค์ วรทากนั เอง) และมแี นวโนม้ ว่าบางสว่ นของสูตรมีโอกาสถูกปดิ เปน็ ความลับ (เนือ่ งด้วยประเด็นแรก) ดงั น้ัน
บคุ คลกลมุ่ นจ้ี ะไดเ้ ปรียบกลุ่มอืน่ มาก พวกเขาจะทราบถงึ “สูตรเดด็ ” ในการยกระดับชีวิตในโลกใบใหม่

เทา่ นัน้ ไม่พอ การท่คี ะแนนทางสงั คมจะมาเป็น currency ใหมท่ ่สี าคญั เยยี่ งชพี น้ันจะยงิ่ ทาให้มันเป็นเปา้ ต่อการใชเ้ สน้ สาย
หรือการปรบั สตู ร (หรือแก้ตัวเลขดอ้ื ๆ) เพือ่ ให้พรรคพวกไดป้ ระโยชน์ แตห่ ากเราไมใ่ หอ้ านาจทมี นี้ และหันมาทาการโหวต
นา้ หนักทลี ะตัวแปรในแบบจาลองสถติ ิ มนั กไ็ มใ่ ช่อะไรทีค่ นทัว่ ไปจะสนใจหรือจะเขา้ ใจแบบลกึ ซงึ้ ได้ จะให้ democratize การ
ใหค้ ะแนนแบบในเรือ่ ง Black Mirror ท่ีเราสามารถเพิ่มหรือลดคะแนนกบั ทกุ คนที่เราพบหนา้ ก็มีความเสีย่ งต่อการลม่ สลาย
ของสงั คม จะเห็นไดว้ ่าการใช้ Big Data ในการสรา้ งระบบคะแนนทางสังคมจงึ มี “ความเทา” อย่พู อสมควร ในมมุ มอง
หน่ึง มนั มดี า้ นมดื ของการละเมิดความเป็นสว่ นตัวและการจากดั วถิ ชี วี ติ คนเรา แต่ในอีกมมุ มอง มนั ก็มดี ้านสวา่ งที่เปน็
ความหวงั ในการเพ่มิ ประสทิ ธภิ าพในการบรหิ ารสังคม ลดความลม้ เหลวของตลาด และเพ่มิ ความโปรง่ ใสในการจดั การทรพั ยา
การว่าใครควรจะได้อะไร ใครควรจะอด ผเู้ ขยี นหวังว่าท่านผอู้ ่านจะได้ลม้ิ รสชาติของแนวคิดนี้ และจะได้มโี อกาสไปลอง
จนิ ตนาการวา่ ถ้าจะทาระบบนี้ในบา้ นเรา เราควรทาอยา่ งไร คดิ อยา่ งไรกอ็ ยา่ ลมื แชร์ อย่าลืมถกเถียงกันครับ

4 ปัจจยั ทท่ี าให้ data science รุ่งหรือล่มในการขับเคลื่อนองคก์ ร 17 พฤษภาคม 2019
เป็นเวลากวา่ 3 ปแี ลว้ ท่ผี ู้เขยี นเขยี นเกยี่ วกับอานุภาพของเทคโนโลยี big data ไว้ท่ี Thaipublica รสู้ กึ ดี ท่ีไดเ้ หน็ ว่า ณ
ปัจจบุ นั ไดม้ กี ารนาเทคโนโลยีอ่ืนๆ ทข่ี ้องเกี่ยวกบั ขอ้ มลู เชน่ ปญั ญาประดษิ ฐ์ (AI) และบล็อกเชน มาเรม่ิ ใชเ้ พ่ือขับเคลือ่ น
องคก์ รไปข้างหน้า ท้งั ในภาครัฐ ภาคเอกชน และภาควจิ ยั หากเราเพม่ิ ความต่อเนอ่ื งของการต่อยอดจาก big data ไปใหถ้ ึง
ฝ่ังไดจ้ ริง การทางานขององค์กรในประเทศไทยจะมีประสิทธิภาพข้ึนอยา่ งมหาศาล (efficiency gain) ไมว่ า่ จะเปน็ การ
ลดตน้ ทนุ ในการทางาน หรือการใหบ้ ริการท่มี ีคณุ ภาพท่ดี ขี น้ึ กับผ้บู รโิ ภค (value to consumers) โดยทไี่ มจ่ าเป็นต้อง
ผลติ สนิ ค้าหรือเสนอบริการใหม่เลย เพียงทาของเกา่ ท่ีมีแตเ่ ดิมให้ดขี ึน้ ก็ถอื เปน็ ความกา้ วหนา้ ท่ีเย่ยี มยอด และหากตอ่
ยอด big data ไปสูส่ นิ ค้าและบรกิ ารหรือโมเดลธรุ กิจใหม่ได้ น่ันถือเปน็ โบนสั ปญั หาอยู่ทวี่ า่ การประยกุ ตศ์ าสตรท์ ีเ่ ราเรยี ก
กันวา่ “data science” เพื่อเลน่ แร่แปรขอ้ มลู ไปสู่คณุ คา่ ต่อผู้บรโิ ภค ผูถ้ อื ห้นุ และประชาชนท่วั ไปนน้ั มคี วามท้าทายสูงมาก
เพียงแก้โจทย์ data science ใหส้ าเร็จบนคอมพวิ เตอรก์ ็ยากแล้ว และในอนาคตอันใกล้จะมคี นไมม่ ากไปกว่า 0.1% ของ
ประชากรท่จี ะสามารถแก้โจทยจ์ าพวกน้ไี ด้ อกี ทง้ั การ scale สิ่งเหลา่ นไี้ ปให้ทัว่ ประเทศ ทกุ สาขา เพือ่ ใหผ้ ้รู ับประโยชนไ์ ด้รบั
ประโยชน์จริง ยงั ตอ้ งผา่ นการประชมุ และการร่วมตดั สินใจของคนหลายร้อยคนในองค์กร ซึง่ บา้ งก็เขา้ ใจบางสว่ นเกย่ี วกับ
data science บา้ งก็ไม่เขา้ ใจเลย จงึ ไม่ประหลาดทเี่ รากไ็ ดเ้ หน็ บางโครงการ data sciene ลม่ สลายหรอื ถกู ลมื หายไปกัน
เหมือนกนั จากการใหค้ าปรกึ ษาและการทาโครงการเพอ่ื ตอ่ ยอด big data ใหก้ บั หลายองค์กร ผเู้ ขียนมองวา่ มีอยู่ 4 ปัจจยั ท่มี ี
สว่ นสาคญั ในการชีว้ ่าโครงการหรอื แผนการท่เี กย่ี วเนอ่ื งกบั data science จะลม่ ไมเ่ ป็นทา่ หรอื จะรงุ่ และสร้างคุณค่าท่ีจบั ตอ้ ง
ได้จรงิ ให้กบั องคก์ รในทส่ี ดุ
1. ต้องมกี ลยทุ ธข์ อ้ มูลท่ีควบคู่กบั แผนองค์กร
ในยุคเศรษฐกจิ ใหมท่ เ่ี ราเรียกกันอย่างติดปากวา่ “ยุค 4.0” คงปฏเิ สธไมไ่ ดอ้ ีกตอ่ ไปว่าขอ้ มลู คอื เชือ้ เพลงิ ในการขับเคลื่อน
องค์กรใหอ้ ยรู่ อดในมรสมุ คลน่ื เทคโนโลยที ่ถี าโถมเข้ามา distrupt ธุรกิจเล็กใหญก่ นั อย่างไมห่ ยุดยั้ง
ส่ิงท่สี าคญั ทสี่ ดุ วนั นีจ้ ึงไมใ่ ชแ่ ค่ “การเปน็ เจา้ ของ” หรอื “การลงทนุ ” ในเทคโนโลยีเหล่านน้ั
แตค่ ือการวาง “กลยทุ ธข์ อ้ มูล” ท่จี ะชว่ ยทาใหอ้ งคก์ รขีอ่ ยบู่ นคลนื่ เทคโนโลยีเหลา่ นี้ และอยู่เหนอื คู่แขง่ ทกี่ าลงั ถกู กลนื
หายไป คาถามคือทาไมถงึ ต้องมีกลยทุ ธข์ ้อมลู ? ทาไมมีแคฐ่ านข้อมูล มเี ทคโนโลยี หรอื มีแพลตฟอร์ม big data แลว้ ยังไม่
พอ? เหตุผลแรก คือขอ้ มลู เปน็ พื้นฐานสาคัญของการใชเ้ ทคโนโลยี AI เพราะวา่ ณ ปัจจบุ ัน สมองกลยงั คงตอ้ งเรยี นรู้จาก
“ตวั อยา่ ง” เหมอื นดัง่ เดก็ แรกเกดิ ท่ีไม่มคี วามเขา้ ใจโลกอะไรใดๆ ทั้งส้นิ จาเปน็ ตอ้ งเรียนร้แู ละฝกึ ฝนจากสงิ่ แวดลอ้ มและผู้
เลี้ยงดู จึงจะทาหนา้ ทีไ่ ดเ้ หมือนมนุษย์ และเม่ือถูกฝึกฝนอยา่ งไม่รจู้ บ ผา่ นการเหน็ ตวั อย่างและแพทเทริ ์นขอ้ มูลมากพอ มันจะ
สามารถทาหน้าทีน่ ั้นไดด้ กี ว่าผสู้ อนท่เี ปน็ มนษุ ย์เสียอีก การเอาชนะมนษุ ยใ์ นเกมหมากล้อม การแยกภาพถ่ายว่าเปน็ สุนขั หรอื
แมว การตรวจจับพฤตกิ รรมฉอ้ โกง ไปจนถงึ การพจิ ารณาให้สนิ เชือ่ ผ่านมือถอื ภายในครง่ึ นาที ล้วนแตย่ งั ตอ้ งมีวตั ถุดิบเป็น
ข้อมลู หรือแพทเทิรน์ ในอดตี ใหส้ มองกลเรยี นร้ทู ั้งส้ิน การวางกลยทุ ธข์ อ้ มลู เพอ่ื ต่อยอดแผนองคก์ รหรือแผนธรุ กิจดว้ ย AI จึงมี
ความสาคญั ยง่ิ เหตผุ ลท่ีสอง คือขอ้ มูลเปน็ เช้ือเพลงิ ธรุ กจิ ท่ีมีความซบั ซ้อนและละเอียดอ่อนกวา่ นา้ มนั ไฟฟ้าหรอื พลังไอนา้ ท่ี
เคยขบั เคลือ่ นธรุ กจิ และสงั คมในชว่ งร้อยปที ี่ผา่ นมาโดยสิน้ เชิง จาเปน็ ท่ีจะต้องมีการวางแผนแบบ future proof โดยยงั
คานึงถงึ เปา้ หมายองค์กรเป็นทม่ี ่ัน หนงึ่ คือข้อมูลเปน็ ทรัพยากรทใ่ี ชแ้ ลว้ ไมม่ ีวันหมด การเกบ็ ข้อมลู ไปเรื่อยๆ โดยไมม่ ีจดุ หมาย
ชดั เจนจงึ เปน็ การสรา้ งต้นทุนอันมหาศาลโดยไมจ่ าเปน็ สอง คอื ข้อมลู สามารถถูกปลอมแปลงได้อย่างแยบยลและมตี ้นทุนใน
การตรวจสอบความถกู ตอ้ ง ทาให้การทาสัญญาแลกเปลย่ี นหรือซ้ือขายข้อมลู เพ่อื นาไปสรา้ งมลู ค่าเพ่ิมตอ่ มคี วามซับซ้อนและ
ความเสย่ี ง

และสาม คอื ขอ้ มลู สามารถถูกนาไปใช้ในการตดั สนิ ใจอย่างผดิ ๆ ได้งา่ ยเสียยิง่ กว่าการนาไปใช้อยา่ งถูกตอ้ ง อีกท้งั หากยังอาจ
ก่อให้เกิดความเสย่ี งทางกฎหมายอกี ด้วย คุณไมเ่ คยเห็นน้ามนั ทใ่ี ช้ได้แบบไมม่ วี ันหมด นา้ มันที่ปลอมแปลงจนวศิ วกรแยกไม่
ออก นา้ มันท่เี ติมแล้วรถไม่วิ่ง หรอื น้ามันท่ีโวยวายว่าคณุ ละเมดิ สทิ ธิสว่ นบุคคลของมนั ใช่ไหมละ่ ครับ
ด้วยเหตนุ ผี้ นู้ าองคก์ รจงึ จาเป็นท่ีจะต้องวางแผนกลยุทธ์ขอ้ มลู ให้สอดคล้องกบั แผนองคก์ รในอนาคต ว่าตอ้ งการเก็บข้อมลู ชนิด
ใด เพื่อประโยชน์อันใด ต้องการบคุ ลากรแบบใด เพื่อให้การนาขอ้ มลู ไปใช้น้ันตอบโจทย์ในภาพกว้างไดด้ ที ่สี ดุ โดยปดิ ชอ่ งความ
เสยี่ งได้มากทส่ี ุด เหตุผลทีส่ าม คือการขบั เคล่อื นองค์กรด้วย data science จะต้องการซพั พอรต์ จากรอบด้าน ไม่ว่าจะ
เป็นกฎหมาย การเงิน ทรพั ยากรบุคคล การตลาด ฯลฯ การ align ผู้บริหารและ stakeholders ใหค้ รบในการวางกล
ยุทธว์ ่าทา data science เพอื่ อะไร จะทาให้โอกาสลม้ เหลวต่าลง ธรรมชาตขิ องโจทย์ data science มักจะมีวธิ ีไปถึง
คาตอบให้จงได้ ไมว่ า่ จะผ่านการซอ้ื ข้อมูล จา้ ง vendor จ้างคนมาทาโจทย์ตา่ งๆ นานา แตธ่ รรมชาตขิ องการดาเนนิ งานใน
องคก์ ร จะตอ้ งผ่านมนษุ ยห์ ลายสบิ หลายรอ้ ยคน เสน้ ทางมกั ไม่เรียบงา่ ยเหมอื นการแกโ้ จทย์เลขท่ีมาแบบชัดเจน ว่าอะไรคอื
คาถาม อะไรคือตัวแปร อะไรคอื คาตอบ หากไมม่ กี ลยุทธข์ ้อมลู ทีว่ างไวอ้ ยา่ งชดั เจนตัง้ แตแ่ รก ในสภาพแวดล้อมแบบนี้จงึ
เป็นไปไดอ้ ยา่ งยิง่ ทโี่ ครงการ data science จะไปไม่ถึงฝ่นั การตง้ั โจทย์ data science อาจถูกตั้งผิดแตแ่ รก เพราะไม่
สอดคลอ้ งกับเปา้ หมายธรุ กิจในภาพใหญ่ เม่ือโครงการเสร็จสิน้ จงึ อาจไมถ่ กู นามาใชจ้ ริงเน่อื งจากไมเ่ คยได้ buy-in จาก
ผู้บรหิ ารและ stakeholders หมมู่ าก หรอื บางโจทย์ ตง้ั โจทยต์ รงจดุ มี high impact แต่เป็นโจทยท์ ยี่ ังไม่ถงึ เวลาแกเ้ พราะ
ข้อมูลยังไม่พร้อม หรอื ผคู้ นในองคก์ รยังไมพ่ รอ้ มเปลีย่ นแปลงระบบการทางานและโอบรับวิถใี หม่น้ี
ดงั นั้นสาหรบั หลายๆ องค์กรแล้ว ผูเ้ ขียนมองว่าจะดที ่สี ดุ ถา้ เรม่ิ จากการเก็บ low hanging fruit ท่ีสอดคลอ้ งกับแผนองคก์ รใน
ภาพกวา้ งก่อน เพอ่ื พิสูจนว์ า่ การเดินทางบนเส้นทาง Big Data ขององคก์ รกาลงั มาถกู ทางและคมุ้ คา่ แก่การจดั สรรทรัพยากร
เพ่ิม
2. เข้าใจว่า AI ไม่ใช่คาตอบของทุกสรรพสิง่ ณ เวลาน้ี ไมม่ ีเทคโนโลยีไหนไดร้ บั media attention มากเทา่ กบั AI อารมณ์
คล้ายกับเมอ่ื ตอนบลอ็ กเชนกาลงั มาแรง จะเหน็ ได้วา่ แทบจะทุกสตารท์ อพั จะตอ้ งบอกวา่ มแี ผนจะใช้บล็อกเชนท้ังๆ ทจี่ รงิ ๆ
แล้วอาจไดไ้ มไ่ ดม้ คี วามจาเปน็ นกั ผลดีของความฮอื ฮาเกย่ี วกบั AI คือเปน็ การสรา้ งความต่นื ตัวใหก้ ับองคก์ ร แตผ่ ลเสยี ท่ี
ตามมาคอื กลายเป็นการสร้างความเขา้ ใจผดิ ว่า AI เป็นเหมือนไพต่ ายทีค่ วรจะทมุ่ ทั้งหน้าตกั เพ่อื ใหไ้ ดม้ นั มา และจะพยายามใช้
มันเพือ่ แกป้ ญั หายากๆ ท่ีแกไ้ มไ่ ดม้ านาน ผู้เขยี นคิดวา่ เกินคร่ึงของปญั หาอนั ดบั ต้นๆ ขององค์กรไทยไม่ได้แกไ้ ด้ด้วย AI แต่
แก้ด้วยกรรมวธิ ีอัตโนมอื อืน่ ๆ ในการปรบั ระบบ governance และวัฒนธรรมองคก์ ร ยกตวั อยา่ ง เช่น การคดั เลือกหรอื
เชิญผู้บรหิ ารออกใหม้ ปี ระสทิ ธิภาพขึ้น การกาหนด KPI/OKR ใหม่ หรอื การร้ือวิธีเกา่ และคดิ วธิ ีการทางานใหม่ ซา้ รา้ ยในบาง
กรณที ี่ AI ชว่ ยไดใ้ นการ automate กระบวนการบางอยา่ ง จริงๆ แล้วมันอาจเป็นกระบวนการเก่าๆ อันเลวร้าย ซ่งึ ไมค่ วรถกู
automate แต่ควรถูกร้อื ด้วยซ้าไป ทส่ี าคญั ท่ีสดุ คอื แม้กระทั่งปญั หาที่เก่ียวข้องกบั ขอ้ มลู ตรงๆ ก็ไมใ่ ชว่ า่ จะเหมาะสมทสี่ ดุ ที่
จะใช้เทคนิคจากฝ่ัง AI เสมอไป โดยเฉพาะในแขนงการเรียนรขู้ องเครื่อง (machine learning) เหตผุ ลแรกคอื หลายโจทย์
ขอ้ มูลในระดับองค์กรไมไ่ ดต้ ้องการการวิเคราะหด์ ว้ ยเทคนิคขน้ั สูงทซ่ี บั ซ้อน เพยี งตอ้ งการการแสดงผลและตีความผลบน
พ้ืนฐานสถิตทิ ี่ถูกตอ้ งเท่าน้ัน “เราตอ้ งการ visualization ทดี่ ี ไมย่ ั้วเยยี้ ข้อมูลไมผ่ ดิ พลาด” นค่ี ือ pain point ที่แก้ง่าย
กวา่ การสรา้ งแบบจาลองอนั ซับซอ้ นสองสิ่งท่ีผู้เขยี นมองว่าสาคญั ทส่ี ดุ ในมุมมองน้คี ือการดไี ซน์แดชบอรด์ ดๆี ให้อา่ นแล้ว
ตดั สนิ ใจง่าย และการปลกู ฝงั ความเขา้ ใจหลกั สถติ พิ น้ื ฐาน เช่น ความแตกต่างระหว่าง sample กบั population หรือ ความ
แตกตา่ งระหวา่ ง standard deviation กับ standard error ซ่ึงผเู้ ขียนหวังวา่ สองส่ิงนอ้ี นั เป็นพน้ื ฐานของการวเิ คราะหข์ อ้ มูล
จะไมห่ ายไปในหมู่คนรุน่ ใหมท่ ่ีอาจถกู ดึงดูดไปสนใจเทคนคิ ใหมๆ่ ที่ดหู วือหวากวา่ เหตผุ ลทส่ี องคอื โจทย์จานวนมากมกั มีไส้ใน
คือความเป็นเหตุผล (causality) ไมใ่ ช่แคค่ วามเก่ยี วโยง (correlation) โจทย์จาพวกนม้ี ักอยใู่ นรปู แบบของประโยคคาถามดงั น้ี
“การเทรนพนักงานครั้งใหญ่ทีพ่ ัทยา คมุ้ ไหม ทาให้พวกเคา้ เก่งข้นึ หรอื อยู่กบั เรานานขน้ึ ไหม”
“ถ้าเราลดราคา 10% หรอื 20% ยอดขายสินคา้ นีจ้ ะเพมิ่ แค่ไหน”
“ระบบแก้หน้เี สยี อนั ใหมข่ องเรา ลดภาระหนลี้ งไดก้ ี่ %”
“ลงทนุ กบั influencer หรือทา marketing event คุม้ ค่ากวา่ กนั ”
“สินค้า B ทีอ่ อกใหม่ มนั มากดั กินยอดขายของสนิ คา้ A หรอื ไม”่
ทงั้ หมดนี้ใหค้ วามสนใจไปท่ีความสมั พนั ธ์ระหว่าง x กบั y “ถ้าเราทา x มนั จะกระทบ y แค่ไหน” ซึ่งแมป้ ัจจบุ ันจะมีสาขาย่อย
ของ machine learning ชอื่ ว่า causality inference สาขานยี้ งั อยใู่ นช่วงฟกั ตัว และผูเ้ ขียนเองยังไม่เคยไดย้ นิ วา่ มีการ
นามาใชอ้ ย่างแพร่หลายนอกวงการวิชาการ

การแก้โจทยจ์ าพวกนโ้ี ดยปกติจาเป็นตอ้ งทาการทดลอง เช่น สมมตุ วิ า่ ตอ้ งการทราบว่าการออกสินค้า B มันกระทบยอดขาย
สนิ ค้า A แคไ่ หน ก็ตอ้ งแบ่งเป็น control และ experiment group แล้วทดสอบว่าเกดิ ความแตกตา่ งในยอดขายสินคา้ A
เพียงใด ในโลกธุรกจิ (โดยเฉพาะธรุ กจิ หรือองค์กรทีย่ งั มี offline operations มาก) การแบ่ง control และ experiment
group อาจมตี ้นทนุ (ทั้งทางเงินตราและทางเวลา) สงู เกินไป
แต่ก็ไมไ่ ด้แปลว่าจะแกป้ ญั หานีไ้ มไ่ ด้ แขนงหน่งึ ของสาขาเศรษฐศาสตร์ applied microeconomics เสนอทางเลอื กให้
พอสมควรในการจาลองการทดลอง (ท้ังๆ ท่ไี ม่เคยมกี ารทดลองเกิดขนึ้ ) เช่น การผสมเทคนิค Difference-in-differences
และ synthetic control (สร้าง control group เทยี ม) หรือการทา encouragement design instrument อยา่ งชาญฉลาด
(สุ่มเชญิ พนกั งานวา่ สนใจไปเทรนนิ่งทพ่ี ัทยาไหม เพ่อื สรา้ ง treatment group ท่ใี สสะอาด) ซ่งึ ปจั จบุ นั ผู้เขยี นเองไดน้ าเทคนคิ
เหลา่ นมี้ าใชน้ อกวงการวิชาการแลว้ (ในวงการวิชาการมกั ใช้วัดผลของนโยบายสาธารณะ เชน่ นโยบายการศกึ ษาหรือนโยบาย
การพัฒนาเศรษฐกจิ ) ในต่างประเทศ บรษิ ัท e-commerce ยักษใ์ หญอ่ ยา่ ง Amazon ขณะนก้ี ม็ ที ีมนักเศรษฐศาสตรด์ กี รี
ปรญิ ญาเอกร่วม 200 คนทที่ าหนา้ ท่ีตอบคาถามเชิง causation เหล่านี้ แยกจากการตอบคาถามเชิง correlation และเชงิ
พยากรณท์ ่ีมกั ทาโดยทมี machine learning โดยศึกษาโจทย์ เช่น การตงั้ ราคาค่าสง่ ของไว้ท่ี x ดอลลาร์มผี ลแคไ่ หนกับ
พฤติกรรมของผขู้ าย ซึง่ โดยปกตผิ ขู้ ายจะถกู แมทชก์ ับคลงั ส่งสนิ ค้าทใี่ กลท้ ี่สดุ ซง่ึ ถ้าบังเอญิ ระยะทางมนั ไกลกวา่ y ไมล์ กจ็ ะถูก
ชารจ์ ค่าส่ง แตถ่ ้าใกลก้ วา่ y ไมลจ์ ะไมถ่ ูกคดิ เงนิ วิธวี ัดผลของการคิดราคาระยะทางน้ีทาโดยใชเ้ ทคนคิ ทางเศรษฐมิติชือ่
regression discontinuity design (RDD) โดยทาการเปรียบเทียบพฤตกิ รรมของผขู้ ายท่อี ยใู่ กล้คลงั สง่ สนิ ค้าพอๆ กันแตเ่ พียง
ผขู้ ายบางรายไกลไปนดิ เดียวเลยโดนคดิ คา่ ระยะทาง ผลลพั ธ์ของการหาคาตอบจากโจทย์นแ้ี ละอีกหลายๆ โจทย์ทาให้
Amazon ทราบว่าเขาควรจะปรับเปล่ียนนโยบายอะไรจึงจะดีทสี่ ดุ ซงึ่ ท้ายสุดคาตอบนจ้ี ะเปลย่ี นเป็นเงินและคณุ ค่าแก่ผู้ถอื หุ้น
3. ลงทุนในคนสาคัญกวา่ ลงทุนในเคร่ือง เปล่ียนเทคโนโลยเี ปลย่ี นงา่ ย เปลี่ยนคนเปลย่ี นยาก จริงอยู่ทีเ่ ทคโนโลยเี ป็นสว่ น
สาคัญของ digital transformation แต่ปจั จยั ที่สาคัญทีส่ ดุ ในการเปล่ียนองค์กรในยุคข้อมลู big data ก็ยังคงเปน็ คนในองคก์ ร
ว่าคนในองคก์ รตอ่ ยอดจาก big data ไดแ้ คไ่ หน (capability) และองคก์ รจะสรรหาและรกั ษา talent ข้อมลู ไดด้ ีเพยี งใด
(recruitment and retention) ผบู้ รหิ ารเชงิ ข้อมลู (data executive) เปน็ ตาแหน่งท่ีสาคัญท่ีสดุ และควรถกู แตง่ ต้งั เป็นอนั ดับ
แรก ไมใ่ ช่สรา้ งทีมจาก working level เพราะผบู้ รหิ ารเชิงข้อมลู จะทราบว่าอะไรควรและไม่ควรนาเขา้ มาใช้ในองค์กร (ที่ราคา
เทา่ ไร) อะไรควรทากอ่ นหลงั และอะไรทีจ่ ะเข้ากับโหมดการทางานในวฒั นธรรมองค์กรของตัวเอง ไดผ้ บู้ ริหารขอ้ มลู ดๆี แลว้ สงิ่
ดๆี จะตามมา เน่อื งจากงาน data science เปน็ งานท่มี ีลักษณะค่อนข้าง end-to-end ดีไซน์ดีกด็ ีทงั้ ยวง ดีไซน์แยก่ จ็ บทงั้ ยวง
ทง้ั โครงการและทีม ผูบ้ ริหารในสายงานอนื่ สมัยกอ่ นอาจไมจ่ าเปน็ ตอ้ งทราบเร่อื ง IT เทคโนโลยี ปญั หาของทุกวนั นค้ี อื IT
เทคโนโลยีมันมแี สนยานุภาพมากพอที่ถ้าคแู่ ขง่ ทาได้ดีมากๆ จะบดขยบี้ ริษทั ทีล่ ่าช้าหรอื ไปไม่ถูกทางไดง้ ่ายๆ
ยกตัวอย่างคือการปล่อยสนิ เชอ่ื ดว้ ย AI โดยปกติธนาคารต้องใชค้ นหลักรอ้ ยถงึ หลกั พนั ในการบริหารธรุ กิจแบบนี้ ทวา่ ในโลก
ข้างหน้าทมี สนิ เชื่อ AI อาจมไี ม่ถงึ 20 คน (หรือมี 0 คน) และมตี ้นทนุ ในการวเิ คราะห์ความเส่ียงทล่ี ดลงอย่างไม่นา่ เชอ่ื การ
ลงทนุ พัฒนาความรู้เชงิ ขอ้ มูลในสายงานอ่ืนจงึ มคี วามสาคัญเชน่ กัน ส่วนในฝั่งบรหิ ารทรัพยากรบุคคล ปัญหาคอขวดอันดับหนง่ึ
คอื การต้ังเกณฑค์ ่าตอบแทนสาหรบั ทกั ษะยุคดจิ ิทลั ซึ่งนับวันจะสงู เกินเกณฑข์ องหลายองค์กรข้นึ ไปเรอื่ ยๆ เผลอๆ สูงกวา่
ค่าตอบแทนผู้บรหิ ารท่ที างานมาหลายสบิ ปี หรอื สูงกวา่ CEO จรงิ อยูว่ ่าบางทีคา่ ตอบแทนก็มคี วามเฟอ้ ในตวั มัน แตห่ ลักการ
แก้ปญั หาท่ถี ูกต้อง ไมใ่ ช่การยดึ กบั กรอบคา่ ตอบแทนเดมิ แต่เป็นการวเิ คราะห์ว่าทักษะท่อี งคก์ รพยายามจะจา้ งมานา่ จะมี
ผลตอบแทนทีค่ มุ้ คา่ ต่อองค์กรจริงหรอื ไม่ และองค์กรกาลงั ขาดแคลนทกั ษะน้จี รงิ ๆ ใชห่ รอื ไม่
ปญั หาอันดบั สองคือการรกั ษา talent ดา้ น data science ในเมอ่ื มกี ารขาดตลาดในระดับนฝ้ี า่ ยทรพั ยากรบุคคลควรให้ความ
ดูแลเอาใจใสอ่ ย่างดีทีส่ ดุ เพราะนอกจากค่าตอบแทนทางเงนิ ตราแลว้ ยังมอี ีกหลายสิง่ ทก่ี ระทบต่อโอกาสที่จะสามารถรกั ษา
พนักงานเหล่านีไ้ ด้ นั่นคอื impact ท่งี านของเขาไดส้ รา้ งแกโ่ ลกจริง (ไมข่ ้ึนหิง้ ) ความท้าทายของงาน (ไมใ่ ชถ่ ูกจา้ งมาให้ทางาน
routine) และ ความสนกุ กบั งาน
4. วฒั นธรรมขอ้ มลู สาคญั ที่สดุ การมเี ครื่องกล มีทรัพยากรบุคคล หรือมขี ้อมลู เป็นทีค่ รอบครองน้นั กย็ ังไมพ่ อตอ่ การดึง
ประสิทธภิ าพออกมาจาก “ทนุ ” ทงั้ สามประเภทนี้ แตส่ ง่ิ สาคญั ทสี่ ดุ ทีข่ าดไปและหาซอื้ ทไ่ี หนไม่ได้ในเร็ววัน คอื วัฒนธรรมท่ี
ผูเ้ ขยี นขอเรียกมนั วา่ “Data-driven Culture” หรือ วัฒนธรรมเชงิ ขอ้ มลู นักเศรษฐศาสตร์มกั แหยก่ นั อย่างสนุกๆ วา่ ถา้
อธบิ ายปรากฎการณเ์ ศรษฐกิจอะไรบางอยา่ งไมไ่ ด้ ใหค้ ิดเลน่ ๆ ว่าคงเปน็ เพราะวฒั นธรรมท่ีแตกต่างกระมัง
แตใ่ นบริบทของการเค้นประสิทธภิ าพออกมาจากการลงทนุ ในเทคโนโลยีใหมๆ่ นี้ Data-driven culture เปน็ ปจั จัยหลกั ในการ
ชช้ี ะตา วา่ โครงการใหมๆ่ จะไปรอดหรือไม่ วฒั นธรรมเชงิ ข้อมูลท่ีวา่ นีไ้ ม่สาคญั นกั ว่าทุกคนในองค์กรจะสามารถเขียนโค้ด
python ทาโมเดล machine learning ได้หมดทกุ คน แตส่ าคญั ว่าทุกคนมีแนวคิดแบบเดียวกัน แนวคดิ ทีว่ ่านเี้ กี่ยวกบั “ความ

ตอ้ งการทราบถึงความจรงิ บนพนื้ ฐานของข้อมูลและปฏบิ ตั ิตามนน้ั ” จุดนี้อาจจะฟงั ดปู รชั ญาเกนิ ไปสาหรับโลกธุรกจิ แตผ่ เู้ ขยี น
คิดว่ามันเป็นตวั ชเี้ ป็นชีต้ ายว่าใครจะ transform และใครจะยงั คงหลอกตวั เองอย่ใู นโลก 1.0 “ความจริง” ในท่นี ้หี มายถึง
ข้อเท็จจริงวา่ อะไรเกิดขึ้น และอะไรทาให้อะไรเกิดข้นึ ขยายความอกี นิด สาหรบั “อะไรเกดิ ข้นึ ” กค็ ือ เวลามีคนพดู วา่
“เดอื นทแี่ ล้วยอดขายจากสาขา ก. ไก่ อย่ทู ห่ี กแสนบาท” องคก์ รจะตอ้ งมวี ธิ พี ิสูจนว์ ่านัน่ คือความจรงิ ไม่ใช่สี่แสน หา้ แสน แต่
เปน็ หกแสนบาท ในหลายๆ บรบิ ท การพสิ จู นแ์ บบนี้ทาไดค้ ่อนขา้ งงา่ ย เชน่ การนับยอดขาย หรือ การคานวนหน้ีเสยี เพราะ
สว่ นใหญเ่ ป็นอะไรท่ีจบั ต้องไดแ้ ละถกู วัดโดยเครื่องจกั ร ทีย่ ากกวา่ คอื ข้อเทจ็ จริงท่ีวดั ยากขน้ึ มาอกี ระดบั เช่น “เดือนท่ีแลว้
พนักงานเราทางานได้ค่อนขา้ งด”ี ซงึ่ ควรวัดด้วยระบบ job performance rating บางอยา่ ง ไม่ควรมาจากแคก่ ารสงั เกตโดย
ผู้บังคบั บญั ชาคนเดียว สิ่งทีย่ ากทสี่ ุดคือการเข้าถงึ ความจริงของ “อะไรทาใหอ้ ะไรเกดิ ข้ึน” เชน่ “อะไรทาให้ยอดขายของสาขา
ก.ไกต่ กในเดอื นท่ีแล้ว” หรอื “การใหโ้ บนสั 2.2 เทา่ ทาให้พนกั งานลาออกนอ้ ยลงและตั้งใจทางานข้ึนแคไ่ หน” คาถามเหล่านี้
ตอบยากกว่าคาถามประเภท “อะไรเกดิ ขึ้น” หลายเท่า เนือ่ งจากมนั ไมใ่ ชแ่ ค่ตอ้ งพิสูจน์ความจรงิ เก่ยี วกับสิง่ สองส่ิง การจะ
พิสูจน์ว่าการให้โบนัส 2.2 เท่าแลว้ เกดิ ผลดจี รงิ นนั้ มนั ต้องทาใหเ้ ราคิดถึงปจั จัยอน่ื ๆ ท่ีอาจจะทาให้พนกั งานทางานดีขึ้นทไี่ ม่ได้
เกีย่ วกบั การให้โบนสั ด้วย เชน่ สุขภาพของพนักงาน engagement ของพนักงาน ฯลฯ เพ่ือทที่ า้ ยสดุ จะไดส้ รปุ ได้ว่า 2.2 เทา่ ดี
แลว้ หรือควรเปน็ 2.3 เทา่ หรือจริงๆ 1.7 เทา่ กพ็ อ ในอดีตการตอบคาถามเหลา่ นีม้ ักต้องพงึ่ พาประสบการณ์ของหวั หน้าและ
ตนเอง เช่น “ดูจากความทรงจาแลว้ ทกุ ๆ ครง้ั ท่ีเราเพิ่มหรือลดโบนสั แล้วมนั เกิดอะไรข้ึนบ้าง” ผ้เู ขียนเขา้ ใจว่าวธิ เี หลา่ น้กี ็
ยังมีคณุ ค่าในตวั มันเอง เน่ืองจากมันเร็ว แตข่ ้อเสยี คอื มันไมม่ วี ิธพี สิ จู น์ความจริงอยา่ งโปรง่ ใสไดเ้ ลยว่าการกระทาเหลา่ นน้ั มี
ประสทิ ธภิ าพแคไ่ หน อาจจะมกี ารพูดคุยลบั หลังว่าการตดั สินใจของหัวหนา้ คนนี้ผดิ พลาดมาก แต่อาจไมไ่ ด้มกี ารบนั ทกึ ไว้หรอื
มกี ารตรวจสอบอย่างมรี ะบบ ซึง่ ในยคุ ดจิ ิทลั หลายๆ อยา่ งเปลี่ยนแปลงค่อนข้างเรว็ know-how บางเรอื่ งเมอื่ ปที ีแ่ ล้วอาจไมม่ ี
ประโยชนอ์ กี ตอ่ ไป อกี ทั้งเดย๋ี วนี้ถา้ องคก์ รมี data warehouse ท่ีดพี อ การเข้าหาความจริงโดยใชว้ ิธที างสถิตเิ ร็วๆ ก็มี อยา่ งที่
ผเู้ ขียนได้อธิบายไว้ในขอ้ 2 ข้างตน้ การพึง่ พาประสบการณย์ ังคงมคี วามจาเปน็ แตถ่ ้าพ่ึงมากเกนิ ไปโดยไมส่ นใจการวัดความ
จริงอาจก่อใหเ้ กดิ เป็นเสีย้ นหนามทีท่ าใหอ้ งคก์ รออกจาก digital transformation ไดช้ ้าลง ผ้เู ขยี นมองวา่ สาหรบั องคก์ รท่ัวไป
คงไมถ่ งึ ขัน้ ต้องทาตาม Ray Dalio กูรกู ารลงทนุ ทีแ่ นะนาบทเรยี นในการบันทึกและให้คะแนนความเหน็ กบั การทางานของทกุ
คนใน Bridgewater Associatesหนง่ึ ในกองทนุ เฮดจฟ์ ันดท์ ี่ใหญ่และประสบความสาเรจ็ ท่สี ดุ ในโลก แต่จาเปน็ ท่จี ะต้องมีก้าว
แรกนี้ เพราะองคก์ รทจ่ี ะประสบความสาเร็จในยุคข้อมลู ไมไ่ ดต้ อ้ งการเพียงกลยุทธ์ขอ้ มลู และการลงทนุ ใน capability
หลกั ๆ ในการต่อยอด Big Data แต่ยังตอ้ งการวัฒนธรรมทีเ่ ชดิ ชกู ารตดั สินใจอนั มพี ืน้ ฐานอยบู่ นหลกั ฐานทวี่ ัดและจับต้อง
ได้อยา่ งโปรง่ ใสดว้ ย

อรหันตอ์ งค์ท่ี 8 ในทมี งานของสี จิ้นผงิ 6 พฤศจิกายน 202
วนั อาทิตย์ท่ี 30 ตลุ าคม ที่ผ่านมา เปน็ วนั สน้ิ สดุ ของการประชุมใหญค่ รง้ั ท่ี 20 ของพรรคคอมมวิ นสิ ตจ์ นี การประชุมครง้ั นี้
นบั วา่ เป็นเหตกุ ารณค์ ร้ังประวัตศิ าสตรก์ ารเมืองของจนี อีกครั้งหนง่ึ กไ็ ด้ เพราะนอกจากท่ปี ระธานาธบิ ดสี ี จ้นิ ผิง จะไดร้ ับ
การยอมรบั ใหด้ ารงตาแหนง่ ผูน้ าสูงสุดของจนี เปน็ สมยั ที่ 3 ซึ่งเปน็ สิ่งทไี่ มเ่ คยเกิดข้ึนมาเลยนับแตก่ ารปฏริ ปู การปกครองของ
นายเตง้ิ เสยี่ วผงิ ทป่ี ระชุมพรรคยงั ไดร้ ับรองคนใกล้ชดิ ของประธานาธบิ ดีอีก 6 คน ซึง่ สอื่ หลายสานักในประเทศไทยต่างขนาน
นามว่าเปน็ 7 อรหันต์ เป็นที่นา่ สงั เกตเปน็ อยา่ งยงิ่ วา่ ในวันรงุ่ ขึ้นนั้นเอง นายเหงยี น ซวน ฟุก (Nguyen Xuan Phuc)
ประธานาธบิ ดเี วยี ดนาม ซึ่งเดินทางมาพร้อมองคค์ ณะใหญ่ ไดเ้ ข้าพบปะหารอื กับท่านประธานาธิบดจี นี อยา่ งเปน็ ทางการ พิธี
สารในการตอ้ นรับนัน้ เตม็ ไปด้วยความอบอนุ่ ผู้นาพรรคคอมมิวนสิ ตท์ ้ังสองได้โอบกอดกนั อย่างอบอุ่นเปน็ ข่าวไปทั่วโลก และ
ตามมาด้วยการปรกึ ษาหารอื ในดา้ นนโยบายของทั้งสองประเทศ แมว้ า่ จนี จะใหค้ วามสาคญั กบั ความปลอดภัยจากโรคระบาด
ใหญโ่ ควิด-19 ก็ตาม การประชุมครงั้ นเ้ี ป็นที่จบั ตาของประเทศมหาอานาจทว่ั โลกดว้ ยเหตผุ ลทห่ี ลากหลาย สง่ิ ท่ีประจักษ์ต่อ
สายตาชาวโลกคือความระหองระแหงระหว่างจนี กับเวียดนามในเขตพืน้ ที่ทับซ้อนบรเิ วณทะเลจีนใตน้ นั้ กลายเป็นอดตี ไปเสยี
แล้ว เหน็ ไดช้ ดั วา่ ประเทศคอมมวิ นสิ ตย์ กั ษใ์ หญข่ องโลกและประเทศคอมมิวนิสต์ทใี่ หญ่ท่ีสดุ ในประชาคมอาเซียนนัน้ หนั หน้า
เข้าหากัน และมปี ณธิ านร่วมกันในการทีจ่ ะ “สรา้ งความสขุ ของประชาชนและความก้าวหนา้ ของมนษุ ยชาติ” ดัง่ คากลา่ วของ
ประธานาธบิ ดสี ี จ้นิ ผงิ ทว่ี า่ “ท้ังจนี และเวยี ดนามควรทางานรว่ มกันเพื่อความสขุ ของประชาชนและความก้าวหนา้ ของ
มนุษยชาติ ผลักดนั ความทนั สมัยของสงั คมนิยมอยา่ งสดุ กาลงั และอย่าปล่อยให้ใครมาขดั ขวางความกา้ วหน้าของเราหรือ
ปล่อยให้กาลงั ใดๆ เขยา่ รากฐานสถาบันของการพัฒนาของเรา” ชาวโลกทราบกันดวี ่าประเทศจนี เปน็ ประเทศสงั คมนยิ มท่ี
ทันสมัยจนเปน็ คู่แข่งตวั ฉกาจของสหรฐั อเมรกิ าในทกุ ด้าน ไมว่ า่ จะเปน็ ทางด้านเศรษฐกจิ การเมือง การทหาร นวัตกรรมทาง

เกษตร อตุ สาหกรรม เทคโนโลยคี อมพวิ เตอร์ หรอื เทคโนโลยีอวกาศ และเศรษฐกิจของจีนนั้นมีขนาดเปน็ 18% ของเศรษฐกจิ
โลก ในขณะทส่ี หรฐั อเมริกา 15% ของเศรษฐกิจโลก และสหภาพยโุ รป 13% ของเศรษฐกจิ โลก พรอ้ มประชากรถึง 1.4
พันล้านคน จีนยังมีแสนยานภุ าพทางเรอื ท่ไี มแ่ พ้ชาตใิ ดๆ ในโลก ขณะที่เวยี ดนามเป็นประเทศคอมมวิ นสิ ตท์ ่ีกาลังพฒั นา มี
ประชากรประมาณ 100 ล้านคน มปี ระวตั ศิ าสตรท์ ีเ่ ตม็ ไปด้วยความบอบช้าจากการต่อสเู้ พื่อเอกราชจากอาณานคิ มฝร่งั เศส ซ่ึง
ตามมาด้วยสงครามเวียดนามซ่ึงทาใหช้ าวเวยี ดนามหลายสบิ ล้านคนต้องเสยี ชวี ิต ระหว่างสงครามรัฐบาลเวยี ดนามเหนือ
ยังตอ้ งส่งแรงงานชาวเวียดนามไปทางานในสว่ นตา่ งๆ ของสหภาพโซเวียตเพอื่ เป็นการแลกเปลีย่ นกบั การสนับสนนุ ทาง
กาลงั ทหาร แม้เมอื่ สงครามเวียดนามสน้ิ สดุ ลงไปแลว้ เวียดนามยงั ถูกสหรัฐอเมริกาคว่าบาตรตอ่ ไปอกี จนถึง พ.ศ.
2537 (สหรฐั อเมริกาสถาปนาความสมั พันธท์ างการทูตกับรฐั บาลเวยี ดนามในปี พ.ศ. 2540 ภายหลงั จากท่รี ฐั บาลเวยี ดนาม
จ่ายเงินปฏิกรณส์ งครามแก่อดตี รฐั บาลเวียดนามใตเ้ ปน็ จานวนเงินถงึ 140 ล้านเหรียญสหรฐั ) การหลดุ พน้ จากการถูกควา่
บาตรจากสหรฐั อเมรกิ าน้ันเป็นสงิ่ สาคญั อย่างยงิ่ ตอ่ การพัฒนาเศรษฐกจิ ของเวียดนาม เพราะหากยังคงถูกคว่าบาตรอยยู่ อ่ มไม่
มปี ระเทศท้ังหลายในโลกเสรีเข้ามาค้าขายกบั เวยี ดนามเป็นแน่ แมว้ ่าตนเองจะชนะสงครามและรวมชาติไดแ้ ลว้ ก็ตาม บาดแผล
และความเสยี หายจากสงครามน้ียงั คงอยู่อีกนานแสนนาน สหรฐั อเมริกาต่างหากท่นี ่าจะเปน็ ผจู้ า่ ยเงนิ ปฏกิ รณ์สงครามแก่อดตี
รฐั บาลเวยี ดนามในฐานะผูแ้ พส้ งคราม เวยี ดนามยังไดต้ กเป็นเหยื่อการทดลองอาวธุ เคมี “ฝนเหลอื ง” (Yellow Rains) ซึ่ง
ประธานาธบิ ดเี คนเนดีสั่งให้ทิ้งลงตามเส้นทางโฮจมิ นิ ห์ และขณะท่ีสหรฐั อเมริกากาลงั ถอนทหารของตนออกจากเวียดนามใต้
น้ัน ประธานาธบิ ดนี ิกสันยงั ไดส้ ่ังใหก้ องทัพอากาศสหรัฐท้งิ ระเบดิ นวิ ตรอน (Neutron Bomb) ลงกลางกองทพั เวยี ดนามเหนอื
ซ่ึงนอกจากจะทาให้ทหารและประชาชนตายเป็นจานวนมากแลว้ ระเบิดนย้ี งั ทาใหส้ ิง่ มีชวี ิตทกุ ชนดิ ทตี่ ้องใชก้ า๊ ซออกซเิ จนใน
พ้นื ท่ีหลายสิบตารางกโิ ลเมตรเสยี ชีวติ ทนั ที น่ยี งั ไมน่ บั ระเบดิ สงั หารจานวนมากท่เี หลอื ตกคา้ งในเวียดนามและ สปป.ลาว อีก
หลายรอ้ ยตันซึ่งยังไม่ได้รบั การเกบ็ กู้หรือทาลายทิง้ เมือ่ สงครามเวียดนามสิ้นสุดลงในปี พ.ศ. 2518 สหประชาชาติและองค์กร
ทีเ่ ก่ยี วขอ้ งพยายามฟืน้ ฟูบูรณาเวยี ดนามโดยการส่งเสริมการปลูกกาแฟพนั ธ์ุโรบสั ตาและแก้วมงั กรซ่ึงมถี ิ่นฐานเดมิ อยใู่ น
ประเทศอหิ รา่ น แตก่ ระน้ัน ปัญหาความขัดแยง้ ในประเทศได้คกุ รนุ่ ในเวยี ดนามอกี ไมต่ า่ กวา่ สิบปี จนทาใหช้ าวเวียดนามใต้
หลายแสนคนอพยพจากประเทศของตนลงเรอื รอนแรมลภี้ ยั ลทั ธิคอมมิวนสิ ตเ์ ป็นท่รี ู้จักกันในนามของคนเรอื (boat people)
กระจายไปอยใู่ นหลายประเทศในยโุ รป หลงั จากทส่ี หรัฐอเมริกาสถาปนาความสมั พนั ธท์ างการทูตเตม็ รูปแบบกับตนแล้ว กา้ ว
สาคญั ในการพัฒนาเศรษฐกิจของเวียดนามคอื การเขา้ เปน็ สมาชกิ องค์การการคา้ งโลก (WTO) ในปี พ.ศ. 2550 การพฒั นา
เศรษฐกิจของเวยี ดนามจงึ อยใู่ นลกั ษณะกา้ วกระโดด บริษทั หา้ งร้านจานวนมากผดุ ราวกับดอกเห็ดในฤดฝู น
เวยี ดนามในปี พ.ศ. 2565 ไมเ่ หมอื นเวยี ดนามเมอ่ื ย่สี บิ ปีที่แลว้ แม้โลกจะอยูใ่ นสภาวะการแพรร่ ะบาดของโควิด-19 และมี
ผลกระทบจากสงครามระหว่างรสั เซียกบั ยเู ครน ภาวะเงินเฟ้อทก่ี าลงั ทะยานข้นึ ทกุ วัน เวียดนามมรี ายได้ประชาชาตใิ นปนี ี้สงู ถึง
13.6% สูงกวา่ ทกุ ประเทศในโลก ปัจจุบนั เวยี ดนามไดก้ ลายเป็นประเทศอุตสาหกรรมใหมล่ า้ หนา้ ประเทศไทยไปเสียแลว้
หากพจิ ารณาจากสถาบันการศกึ ษาระดับอดุ มศกึ ษาสองแห่งทดี่ ีทีส่ ดุ ของเวียดนาม (Ton Duc Thang University และ
Duy Tan University) ทั้งคไู่ ดแ้ ซงทั้งจฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลัยและมหาวทิ ยาลัยมหดิ ลไปแลว้ ย่งิ ไปกว่านั้น คร่ึงหนง่ึ ของ
ประชากรเวยี ดนามมีอายุเฉลี่ยตา่ กวา่ 35 ปี ทาใหเ้ วยี ดนามมีประชากรในวัยใชแ้ รงงานกวา่ 50 ลา้ นคน (ในขณะท่ปี ระเทศไทย
ประชากรทอ่ี ายเุ กินหกสิบปมี สี ูงถงึ 20% และคา่ จา้ งแรงงานขน้ั ต่าของชาวเวียดนามอยูร่ าวประมาณ 200 บาทตอ่ วัน ถูกกว่า
แรงงานขัน้ ต่าในประเทศไทยซง่ึ อยปู่ ระมาณ 350 บาท) ยง่ิ ไปกวา่ น้นั เวยี ดนามมีการเมอื งที่ “นิ่งมาก” เพราะปกครองดว้ ย
พรรคการเมืองเพยี งพรรคเดียว ความแตกแยกในหมปู่ ระชาชนจงึ มนี ้อยมาก การชุมนุมทางการเมืองของประชาชนเพื่อ
เรียกรอ้ งความเปน็ ธรรมเกดิ ขึน้ น้อยครง้ั มาก (ครั้งลา่ สดุ เกดิ ข้ึนในปี พ.ศ. 2561) แมว้ ่าเวียดนามมโี ครงสร้างการบรหิ ารทาง
การเมอื งเหมือนจีน ประธานาธบิ ดมี วี าระ 5 ปี เป็นเลขาธกิ ารพรรคและดารงตาแหนง่ ผู้บัญชาการทหารสงู สดุ ทงั้ จีนและ
เวยี ดนามมีวฒั นธรรมขงจื๊อและพทุ ธศาสนามหายานเป็นพื้นฐาน แตเ่ วยี ดนามมีอะไรหลายอยา่ งทแ่ี ตกตา่ งไปจากจีน เป็นตน้ ว่า
ประธานาธิบดขี องเวียดนามอยูใ่ นตาแหน่งไดไ้ ม่เกนิ 3 วาระ สว่ นรัฐธรรมนญู ของจนี ไม่จากดั วาระการดารงตาแหน่งของ
ประธานาธิบดี รฐั ธรรมนญู ของเวยี ดนามยงั เปดิ โอกาสใหป้ ระชาชนลงสมัครรบั เลือกต้งั ในนามอสิ ระไดโ้ ดยไมต่ ้องสงั กดั พรรค
คอมมวิ นสิ ต์ ในขณะทใ่ี นจีนประชาชนไม่มสี ิทธเิ ช่นนั้น ชาวเวยี ดนามมีเสรภี าพในการนับถอื ศาสนาไดม้ ากกวา่ ในจนี แมว้ ่าชาว
พทุ ธเวยี ดนามยงั เปน็ ศาสนกิ สว่ นใหญ่ (14.9%) แตย่ ังมีการนับถือผหี รือศาสนาท้องถิ่นของตนในจงั หวัดต่างๆ ซึ่งมีอยู่เปน็
จานวนมาก (73.7%) อีกทัง้ ภกิ ษุและภกิ ษณุ ีเวยี ดนามสามารถออกไปเทศนาโปรดประชาชนนอกวัดของตนได้ ในขณะท่ี
กจิ กรรมท่ีออกไปตระเวนเทศนส์ อนเหล่าน้เี ป็นสง่ิ ตอ้ งหา้ มในจีน ส่งิ ทที่ ้ังสองประเทศประสบรว่ มกนั คอื ความขมข่ืนที่ประเทศ
ทางตะวนั ตกไดส้ ร้างไว้แกช่ าติของตนเอง เชน่ ในกรุงฮานอย รัฐบาลยงั คงอนุรักษค์ กุ ท่ที หารฝรัง่ เศสใชจ้ องจาชาวเวียดนามที่

ไมเ่ หน็ ด้วยกบั ระบอบจักรวรรดนิ ยิ มของฝรัง่ เศส โซต่ รวนต่างๆ หอ้ งทน่ี กั โทษการเมืองชาวเวยี ดนามถกู จองจา แมก้ ระทั่ง
กิโยตีนท่ที หารฝรง่ั เศสนามาใชป้ ระหารชีวติ นักโทษชาวเวียดนามและประวตั ศิ าสตร์การตอ่ สเู้ พือ่ อิสรภาพของคนเวียดนาม
สาหรับการพฒั นาประเทศน้นั รัฐบาลเวยี ดนามไดศ้ ึกษาการพฒั นาเศรษฐกจิ ของจนี อยา่ งละเอยี ด รวมทง้ั ขอ้ ผิดพลาดตา่ งๆ ท่ี
เกิดจากการบรหิ ารงานของประธานเหม๋า เจอ๋ ตุง ตลอดจนการปฏริ ปู ทางเศรษฐกจิ ของจีนในยุคของเตง้ิ เส่ียวผงิ เรอื่ ยมา โดย
ได้จัดทาแผนพัฒนาเศรษฐกิจของเวียดนามข้นึ ทุก 5 ปี สงิ่ ทนี่ ่าสงั เกตคอื เวยี ดนามไมไ่ ดล้ อกเลยี นจีนไปเสยี ทงั้ หมด รัฐบาล
เวยี ดนามไดส้ นบั สนุนนักธรุ กิจเวียดนามใหเ้ ตบิ โต จนกลายเปน็ อภมิ หาเศรษฐีหลายราย ในจานวนอภมิ หาเศรษฐีของ
เวยี ดนามเหลา่ น้คี งไมม่ ใี ครเกินนายฟาม นาต โวง (Pham Nhat Voung) ซง่ึ เป็นผูพ้ ัฒนาอสงั หารมิ ทรัพยช์ าวเวยี ดนาม
ช่อื ดัง และเป็นมหาเศรษฐีคนแรกของเวียดนาม ผกู้ ่อต้ังและประธานของ Vingroup อนั เป็นอภมิ หาอาณาจกั รทางธรุ กจิ ที่
ใหญ่ท่สี ดุ ของเวียดนามในขณะน้ี นายฟาม นาต โวง เกดิ เมอ่ื วนั ท่ี 5 สิงหาคม พ.ศ. 2511 ที่กรุงฮานอย ครอบครัวบดิ าของ
เขามีต้นกาเนิด ณ เมอื งไฮ่ต๋ินในเวียดนามกลางตอนเหนอื พอ่ ของเขารับใชใ้ นหนว่ ยปอ้ งกนั ภัยทางอากาศของกองทัพ
เวยี ดนาม และแม่ของเขามรี ้านนา้ ชา ซึ่งทาให้ครอบครวั มีรายได้น้อยมาก เขาเตบิ โตข้นึ มาในฮานอยและสาเรจ็ การศึกษา
จากโรงเรียนมัธยมคมิ เหลยี น (Kim Lien) ในปี พ.ศ. 2528 ในปี พ.ศ. 2530 เขาเข้าเรยี นที่มหาวทิ ยาลัยเหมืองแร่และ
ธรณีวิทยาฮานอย และถูกส่งไปยงั รสั เซยี เพื่อศึกษาในสถาบันสารวจธรณวี ทิ ยากรุงมอสโก ซึง่ เขาสามารถรบั ทุนการศกึ ษาได้
เนอ่ื งจากความถนัดทางคณติ ศาสตรท์ ่ีลึกซง้ึ ของเขา เขาจบการศกึ ษาจากมหาวิทยาลัยแห่งน้ใี นปี พ.ศ. 2535 หลงั จบการศึกษา
เขาแตง่ งานกบั นางสาวฟาม ถุ โฮวง (Pham Thu Houng) ซึ่งทั้งคูร่ ูจ้ ักกันมาตง้ั แตส่ มยั ทีเ่ รยี นโรงเรยี นมัธยมดว้ ยกัน ตอ่ มาเขา
ย้ายครอบครวั ไปอยู่ในกรุงเคยี ฟประเทศยูเครน (ท้งั คู่มลี ูกด้วยกนั 3 คน ปัจจุบนั ลกู ๆ ของเขารับผิดชอบในการบริหารกจิ การ
ของ Vingroup) ในขณะท่ีอาศยั อยู่ในกรุงเคียฟน้ัน ในปี พ.ศ. 2533 นายฟาม นาต โวง เริ่มกอ่ ต้งั บรษิ ัท Technocom เพือ่
ดาเนนิ ธรุ กจิ ผลติ บะหม่ีก่งึ สาเรจ็ รปู โดยใชเ้ งนิ ที่ยืมมาจากเพื่อนและครอบครัว ในไมช่ ้าเขาได้กลายเป็นผู้นาตลาดใน
ผลติ ภัณฑ์ทาอาหารแหง้ รายแรกของยูเครน และในไม่ช้าบะหมก่ี ึง่ สาเร็จรปู ของเขาก็ประสบความสาเร็จอย่างสงู ซึง่ ตอ่ มา
เขาขายกจิ การบริษัท Technocom ให้กบั บรษิ ัท Nestlé ในราคา 150 ล้านดอลลารก์ ่อนที่จะเดินทางกลับเวียดนามในปี
พ.ศ. 2552 เมือ่ กลบั ถงึ เวยี ดนาม นายฟาม นาต โวง ผันตัวเป็นนักพฒั นาอสังหาริมทรพั ย์ โครงการแรกของเขาคือสรา้ งรีสอรท์
ดงั ชอื่ Vinpearl Resort Nha Trang ซึง่ เปดิ ในปี พ.ศ. 2546 และ Vincom City Towers (ภายหลังเปลยี่ นชอื่ เปน็ Vincom
Ba Trieu) ในใจกลางกรงุ ฮานอยและเปดิ ในปี พ.ศ. 2547 Vincom เปดิ ตวั สสู่ าธารณะในปี พ.ศ. 2550 โดยไดร้ วมกิจการกบั
Vinpearl ธุรกจิ รีสอรท์ หรูของเขาพัฒนาข้ึนเป็นกลมุ่ ธุรกจิ ซ่งึ เป็นที่รจู้ กั กันในนาม VinGroup ในปี พ.ศ. 2550 Vingroup มี
สานักงานใหญอ่ ยู่ในเมืองรมิ แม่นา้ ในเขต Long Biên ทางตะวันออกของฮานอย ในปี พ.ศ. 2558 นติ ยสาร Forbes ระบุว่า
นายฟาม นาต โวง คอื บคุ คลทร่ี า่ รวยทสี่ ุดในเวียดนามด้วยสินทรพั ยร์ วม 24.3 ลา้ นลา้ นดอ่ ง (ประมาณ 1.1 พนั ล้านดอลลาร์
สหรฐั ) Vingroup ดาเนินธุรกจิ มากมายหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนระดบั ช้ันตา่ งๆ มหาวิทยาลัย โรงแรม
หา้ งสรรพสนิ ค้า โรงพยาบาล แม้กระทัง่ รถยนตไ์ ฟฟา้ ย่หี อ้ VinFast เปน็ รถยนตไ์ ฟฟ้ายห่ี อ้ แรกท่ผี ลติ โดยเวียดนามและอาเซยี น
โดยเขาได้จา้ งสถาปนกิ จากประเทศอติ าลเี พอ่ื ออกแบบรปู ลกั ษณภ์ ายนอก และทมี งานวศิ วกรชาวเยอรมนั เพอื่ ออกแบบ
เครือ่ งยนตไ์ ฟฟา้ ทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพสงู สดุ ในเดือนตลุ าคม พ.ศ. 2561 Vingroup ประกาศว่า VinFast ซงึ่ เป็นแผนกรถยนต์ของ
บรษิ ัท จะกลายเป็นผผู้ ลติ รถยนตใ์ นประเทศรายแรกด้วยกาลังการผลิต 250,000 คันต่อปี โดยใชเ้ มด็ เงนิ ลงทุนสงู ถึง 3.5
พันล้านเหรยี ญสหรฐั และจะสร้างงานใหแ้ ก่ชาวอเมรกิ นั ถึง 35,000 คน ในเดอื นธนั วาคม พ.ศ. 2561 Vingroup เขา้ สูต่ ลาด
สมารท์ โฟนดว้ ยการเปดิ ตัว VinSmart โทรศัพทท์ ่ที างานบน Android สมาร์ทโฟนผลติ โดยหน่วย VinSmart และในปจั จุบนั
สิง่ ทน่ี กั ธุรกจิ ทวั่ โลกประหลาดใจกนั อยา่ งมากคอื Vingroup กาลังลงทนุ สรา้ งโรงงานผลติ อยู่ในรัฐนอรท์ แคโรไลนา (North
Carolina) สหรฐั อเมรกิ า จะเปน็ โรงงานผลิตรถยนตไ์ ฟฟา้ รายแรกของเวยี ดนามและจากภมู ภิ าคอาเซยี นในสหรฐั อเมรกิ า โดย
มีโชว์รูมในนครลอสแอนเจลสิ และมแี ผนทีจ่ ะผลิตรถไฟฟ้าคนั แรกใหก้ บั อเมริกาในอกี สองปขี า้ งหน้า
นอกจากนายฟาม นาต โวง นิตยสาร Forbes ปี 2022 ยังไดร้ ะบุถึงมหาเศรษฐีชาวเวยี ดนามมากทส่ี ดุ เทา่ ท่ีเคยมีมา ในจานวน
นเ้ี ป็นสตรีหน่ึงคน และชายอกี 4 คน ซง่ึ ท้งั หมดมีมลู ค่าทรัพยส์ ินรวมกนั ถงึ 21.2 พันล้านดอลลาร์
นางเหงยี น ถิ โฝง เถา (Nguyen Thi Phuong Thao) วัย 51 ปี ทารายชื่อเปน็ ครัง้ ทหี่ กด้วยทรพั ยส์ นิ สุทธิ 3.1 พนั ล้าน
ดอลลาร์ อันดับท่ี 984 ของโลกปจั จบุ ันเธอเปน็ ซีอโี อของ VietJet Air และประธาน Sovico Group ซึง่ เป็นกลมุ่ การลงทนุ ชน้ั
นาในเวยี ดนาม Nhon of Nova Group อยู่ในอันดับท่ี 1,053 ดว้ ยมูลคา่ สทุ ธิ 2.9 พนั ลา้ นดอลลาร์
ได้แก่ นายบยุ ถันห์ นอน (Bui Thanh Nhon) วยั 64 ปี ประธาน Nova Group เจา้ ของ Nova Land Investment ยกั ษ์
ใหญ่ด้านอสังหาริมทรัพยเ์ ป็นบรษิ ทั เรอื ธงของ Nova Group ตามดว้ ยนายทราน ดินห์ โลง (Tran Dinh Long) วยั 61 ปี ผู้
กอ่ ตง้ั และประธานบริษัทผผู้ ลติ เหล็ก Hoa Phat Corp ซึ่งมีมูลคา่ สทุ ธิ 3.2 พันลา้ นดอลลาร์ เพม่ิ ข้ึน 1 พันลา้ นดอลลารจ์ ากปี

ทีแ่ ลว้ ครองอันดับท่ี 951 ของโลก ในปนี ้ี ซ่ึงนับเป็นครงั้ ทีส่ องท่ีเขาเข้าสูก่ ารจดั อนั ดบั อกี คร้ัง
นายโอ ฮุง อัน (Ho Hung Anh) ประธานบริษทั Techcombank วยั 51 ปี อยใู่ นรายชื่อเป็นครงั้ ท่สี ี่ มลู ค่าสทุ ธขิ องเขาอยทู่ ่ี
2.3 พนั ลา้ นดอลลาร์ เพมิ่ ข้ึนจาก 1.6 พันล้านดอลลารใ์ นปีที่แล้ว นายเหงยี น ดงั ควาง (Nguyen Dang Quang) ประธาน
บรษิ ทั Masan วยั 58 ปี ปรากฏตวั ในรายการเป็นครัง้ ที่ 3 ในปีนี้ โดยมีมูลคา่ สทุ ธิ 1.9 พนั ล้านดอลลาร์
นักธรุ กจิ เวียดนามทั้งหมดที่กลา่ วมานโี้ ดยเฉพาะนายฟาม นาต โวง เปน็ เศรษฐใี หมผ่ ูส้ รา้ งตนเองจากธรุ กิจขนาดกลางและ
ขนาดเล็ก (SME) มไิ ด้สรา้ งฐานะมาจากมรดกตกทอดของบรรพบรุ ษุ พวกเขาอาศัยจังหวะและโอกาสที่เปดิ และความวิริยะ
อตุ สาหะของตนสร้างฐานะอันมงั่ คงั่ นขี้ ึน้ มาได้ ทาใหเ้ ศรษฐกจิ ของเวยี ดนามเติบโตอย่างอัศจรรย์ ในขณะท่ีโลกตกอยใู่ นภาวะ
วิกฤติจากโรคระบาดใหญแ่ ละภยั จากสงคราม เวียดนามเรยี นรู้จากจีนแต่ไมไ่ ด้ทาอยา่ งจีน แม้จะปกครองดว้ ยระบอบ
คอมมิวนสิ ตเ์ ชน่ กนั รัฐบาลเวยี ดนามไมเ่ ข้าไปแทรกแซงธุรกจิ ภาคเอกชนเลย แต่ให้การสนบั สนุนในทุกทาง และสง่ิ ทร่ี ฐั บาล
เวยี ดนามประสบความสาเร็จอย่างมากคอื “การใหก้ ารศกึ ษาทีม่ ปี ระสทิ ธภิ าพแก่ประชาชน” จนเปน็ ท่ียอมรับกันว่าคน
เวยี ดนามขยนั อดทน อดออม รกั บา้ นเกิดเมอื งนอน รักหมู่คณะ โดยมีโมเดลสาคญั ของชาติคอื “โฮจมิ นิ ห์” ผ้ซู ่ึงชาวเวยี ดนาม
ให้เกียรติวา่ เป็น “บิดา” ของชาติ การศึกษาของเวยี ดนามสมยั ใหม่ยงั สามารถสรา้ งคา่ นิยมใหป้ ระชาชนรังเกียจการฉอ้ ราษฎร์
บงั หลวงและการเอารดั เอาเปรยี บระหวา่ งชนชั้น อันเปน็ ปจั จัยสาคญั ของการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
เวยี ดนามเปน็ ประเทศหน่ึงท่ีไดร้ บั ความกระทบกระเทอื นจากโควดิ -19 โดยทชี่ าวเวยี ดนามเสยี ชีวิตไปจากโรคระบาดน้ี 43,165
ราย และป่วย 11.5 ลา้ นราย ซ่ึงนบั ว่าเปน็ จานวนทสี่ ูง แต่กระน้นั เวยี ดนามไม่ใช้นโยบาย Zero-COVID แบบจีน นกั ธุรกจิ
อันดับต้นๆ ของเวยี ดนามมสี ิทธเ์ิ ดนิ ทางไปต่างประเทศเทา่ กับประชาชนทว่ั ไป และเวียดนามมไิ ดใ้ ชเ้ ทคโนโลยีติดตาม
ประชากรของตนทเ่ี ครง่ ครดั เหมอื นจนี เหตปุ จั จยั เหล่าน้ีทาให้นักธรุ กิจจานวนมากย้ายอตุ สาหกรรมของตนจากจนี มาสู่
เวยี ดนาม เพราะบรรยากาศการลงทนุ ดีกวา่ การเมอื งนิ่งกว่า ประชากรอยใู่ นวัยทางานมจี านวนสูงกวา่ ไมต่ อ้ งเป็นห่วงเรือ่ ง
การนดั หยดุ งานของสหภาพแรงงาน รายไดป้ ระชาชาตขิ องเวียดนามจึงมีแนวโน้มทจ่ี ะสงู ขึน้ ไปกว่านีอ้ กี มาก
อยา่ งไรกต็ าม ทงั้ เวยี ดนามและจีนยังตอ้ งอาศยั ซ่งึ กนั และกันอีกมาก จนี ยังตอ้ งการสรา้ งทางรถไฟความเร็วสูงตามโครงการ
Belt and Road Initiative ตอ่ ลงไปเวียดนามเลยไปถงึ กมั พชู าและไทย เวยี ดนามยังเป็นฐานการผลติ สินคา้ ที่ราคาถกู ลงกวา่
จีน โดยเฉพาะอย่างยง่ิ เม่ือจีนถกู ชาตทิ างตะวนั ตกมองวา่ เปน็ ศตั รู สนิ คา้ ของจีนทีผ่ ลติ ในเวยี ดนามนัน้ ย่อมไม่ถูกควา่ บาตรโดย
สหรัฐอเมริกาหรือยุโรป เวยี ดนามเองยงั ต้องพง่ึ พาเทคโนโลยชี น้ั สูงของจีนอกี มาก เช่น เทคโนโลยปี ญั ญาประดิษฐ์ (ซง่ึ จีนได้
พฒั นาจนก้าวหน้าไปมาก) เทคโนโลยีหุ่นยนต์ เทคโนโลยีพลังงานสีเขียว เทคโนโลยคี วอนตมั คอมพวิ เตอร์ จนกระทัง่
เทคโนโลยที างอวกาศ อีกทงั้ จนี ยงั คงเป็นตลาดใหญส่ าหรับสินคา้ จากเวยี ดนามอกี มากมาย
การเดินทางของประธานาธิบดเี วียดนามเขา้ ประชุมอยา่ งเป็นทางการกับประธานาธิบดีของจนี จงึ เท่ากับเปน็ การเปดิ ศกั ราช
ใหม่ของการเมอื งระหว่างประเทศทท่ี กุ ชาตติ อ้ งหันมาจบั ตามอง สานักขา่ วหลายสานักในประเทศไทยกล่าววา่ ทมี บรหิ ารของสี
จ้ินผิง ประกอบด้วย 7 อรหนั ต์ แต่อนั ทจ่ี ริงแล้วมีอีกหนง่ึ อรหนั ต์องคท์ ่ี 8 นั่นคอื ทา่ นเหงยี น ซวน ฟุก ประธานาธบิ ดี
เวยี ดนามนนั่ เอง ซ่งึ จะเป็นผ้สู านฝันให้ประธานาธบิ ดีสี จน้ิ ผิง ไดอ้ ย่างดี

การลงทนุ เพอื่ ความยงั่ ยืน: กองทนุ รวมกับการคานงึ ถึงESG 1 พฤศจกิ ายน 2022

ปัจจุบัน แนวคดิ เกย่ี วกับการกบั ดแู ลกจิ การทีด่ แี ละการลงทนุ อย่างยง่ั ยนื ได้รบั การยอมรบั เพ่ิมมากขนึ้ เร่ือย ๆ จากตลาดทนุ
จากการสารวจนกั ลงทุนในสหรัฐอเมริกาจานวน 800 คนโดย Morgan Stanley: Institute of sustainable investing ในปี
2564 พบวา่ ร้อยละ 79 ของกลมุ่ ตัวอยา่ งให้ความสาคัญอย่างมากกบั การลงทุนแบบยงั่ ยืน แมว้ ่าในสถานการณ์ COVID-19 ท่ี
ผลตอบแทนจากการลงทนุ จะลดลงก็ตาม โดยประเดน็ เรอ่ื งการเปล่ียนแปลงของภูมิอากาศ (Climate change) นับเปน็ หวั ข้อ
ทส่ี าคญั ทสี่ ดุ ทีก่ ลมุ่ ตวั อย่างให้ความสนใจ นอกจากน้ี จากการสารวจอยา่ งตอ่ เน่อื งนับต้ังแต่ปี 2558 ยงั พบว่า กลุ่มตวั อย่างมี
การจัดสรรเงนิ ลงทุนไปยงั การลงทนุ เพื่อความยัง่ ยืนเพิ่มมากขน้ึ โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนรนุ่ ใหม่ (Millennials) ดงั รปู ท่ี 1
จากกระแสความนยิ มข้างตน้ ทาให้ธรุ กิจกองทนุ รวม (Mutual fund) มกี ารนาเสนอผลติ ภณั ฑท์ ่เี กย่ี วขอ้ งกับการลงทุนเพ่อื
ความย่ังยืน โดยท่วั ไปกองทุนรวมเปน็ เครอ่ื งมือทางการลงทนุ ประเภทหนึ่งท่มี ีจุดเด่นคอื นกั ลงทุนไมจ่ าเปน็ ตอ้ งมเี งินลงทุน
จานวนมากกส็ ามารถลงทนุ หรือสรา้ งพอร์ตการลงทุนทม่ี กี ารกระจายความเสยี่ งทเี่ หมาะสม อีกท้ังยังเหมาะกบั นักลงทุนท่ีมี
ขอ้ จากดั ด้านเวลาหรือความเชี่ยวชาญในการลงทนุ เน่ืองจากมผี จู้ ัดการกองทุนทาหนา้ ที่บรหิ ารพอรต์ ลงทนุ ให้ โดยกองทุนรวม
จะมีผลตอบแทนและความเสย่ี งที่แตกต่างกนั ตามประเภทสินทรพั ยท์ ่กี องทนุ ไปลงทุน ซ่ึงนกั ลงทุนสามารถเลือกกองทุนให้
สอดคลอ้ งกบั วตั ถปุ ระสงคก์ ารลงทนุ และระดบั ความเสยี่ งทยี่ อมรับได้

ในปี 2559 Morningstar ไดน้ าเสนอดชั นี Morningstar Sustainability RatingTM ขึ้น เพ่อื ช่วยนักลงทุนในการประเมิน
ความเสยี่ งของการลงทนุ ในกองทุนรวมในอกี มิตหิ นง่ึ ซงึ่ จะพจิ ารณาจากหลักทรพั ย์ทพี่ อรต์ ลงทุนถอื ครองวา่ มีการดาเนินงาน
ในแง่ของการคานงึ ถึงสง่ิ แวดล้อม (Environmental) สงั คม (Social) และธรรมาภบิ าล (Governance) ทด่ี ีมากนอ้ ยเพยี งใด
โดย Morningstar Sustainability RatingTM จะแสดงในรูปแบบของจานวนลกู โลก (Globe) ตั้งแต่ 1 – 5 ลูกโลก
โดยการใหค้ ะแนนจะมาจากการเปรยี บเทียบกบั กองทนุ ใน Morningstar Global Category เดียวกัน ซง่ึ กองทุนที่ได้ 5
ลูกโลกนั้นจะมีความเสยี่ งด้าน ESG ท่ตี า่ กวา่ กองทนุ ท่ีมีจานวนลกู โลกท่นี ้อยกว่าภายในกลมุ่ เดยี วกัน โดย Morningstar ไดแ้ บง่
ประเภทของกองทุนแบบย่งั ยนื เป็น 3 กลุ่มได้แก่ (1) ESG fund ซง่ึ เป็นกองทนุ ทคี่ ดั เลือกตราสารลงทนุ โดยใช้ ESG เปน็ เกณฑ์
(2) Impact Fund ซง่ึ เปน็ กองลงทนุ เพ่อื สร้างผลตอบแทนตอ่ ประเดน็ ต่าง ๆ อาทิ Low Carbon หรือ Fossil-Fuel Free และ
(3) กองทนุ ทีล่ งทุนในอตุ สาหกรรมท่ีเก่ียวกบั สิ่งแวดลอ้ ม (Environment Sector Fund) เชน่ ลงทุนใน Renewable Energy
สาหรบั ในประเทศไทย แม้วา่ แนวคิดเกี่ยวกับการลงทุนในห้นุ ยงั่ ยืนจะเพงิ่ มมี าไมน่ าน แตจ่ ากสถิติของจานวนบริษทั จดทะเบยี น
ทอ่ี ยู่ในรายช่ือ “หุ้นยัง่ ยนื ยนื ” หรือ Thailand Sustainability Investment (THSI) มแี นวโนม้ เพมิ่ ขนึ้ อยา่ งต่อเนอ่ื งจาก 51
กจิ การในปี 2558 เป็น 170 กิจการในปี 2565
นอกจากน้ี ตลาดหลกั ทรัพยฯ์ ไดจ้ ดั ทาดชั นีความย่งั ยนื หรือ “SET THSI Index” เพือ่ เป็นดัชนเี ทียบเคยี งผลการเปลยี่ นแปลง
ของราคาหลกั ทรัพย์กล่มุ นีเ้ ทยี บกบั ดัชนที ่แี ทนหลกั ทรพั ย์กลมุ่ อน่ื ๆ ในตลาดหลกั ทรพั ย์ฯ ทาให้เกดิ ความตื่นตัวในกระแสการ
ลงทุนเพือ่ ความย่งั ยนื เพ่มิ ขึ้น แมว้ า่ Morningstar Sustainability RatingTM อาจไมใ่ ชเ่ ครื่องยนื ยนั วา่ กองทนุ นั้นมนี โยบาย
การลงทนุ อย่างย่ังยนื แตก่ เ็ ป็นการให้ขอ้ มูลเบ้ืองตน้ ทส่ี ะทอ้ นวา่ หลกั ทรพั ย์ทีก่ องทุนถอื อยนู่ น้ั มคี วามเสี่ยงดา้ น ESG มากนอ้ ย
เพยี งใด โดยกองทนุ เปิดตราสารทนุ ของไทยจานวน 1,537 กองทุน ณ สิน้ เดอื นตุลาคม 2565 พบว่า มเี พยี ง 152 กองทนุ
ท่ไี ม่มคี ะแนน Morningstar Sustainability RatingTM (ร้อยละ 9.9) โดยส่วนใหญเ่ ปน็ กองทุนท่ีเปดิ ใหมใ่ นปี 2565
ดงั นนั้ จึงแสดงให้เหน็ ว่า กองทนุ เปิดตราสารทนุ ของไทยสว่ นใหญ่มีการลงทุนในหลกั ทรัพย์ทม่ี กี ารคานึงถึง ESG จากรปู ท่ี
3 จะพบว่า กองทุนเปิดตราสารทนุ สว่ นใหญ่ไดค้ ะแนน 4 ลูกโลก (รอ้ ยละ 35.3) ซง่ึ สะท้อนใหเ้ ห็นว่ามีความเสย่ี งดา้ น ESG ท่ี
ต่า และเมือ่ รวมจานวนกองทนุ ทีไ่ ดค้ ะแนน 4 และ 5 ลูกโลกจะพบวา่ มสี ดั ส่วนสงู ถึงร้อยละ 51.2
และหากพจิ ารณาลงไปในรายละเอยี ดจะพบว่า กองทุนเปิดตราสารทุนท่ไี ด้คะแนน 5 ลูกโลกส่วนใหญเ่ ปน็ กองทุนทีล่ งทุน
ตา่ งประเทศ เช่น Global equity, US equity และ Greater China ในขณะทก่ี องทุนย่ังยืนท่ลี งทุนในประเทศยงั คงเป็น
สดั ส่วนทน่ี ้อย ทง้ั นี้อาจเนอื่ งมาจากกระแสการลงทุนอยา่ งยัง่ ยืนไดเ้ รม่ิ มานานแล้วในยโุ รปและอเมริกา รวมถึงประเทศจีนทีช่ ่วง
หลังเน้นการลงทนุ ในพลังงานทดแทนเพิม่ มากขนึ้ เมอ่ื นาคะแนน Morningstar Sustainability Rating มาพิจารณาควบคไู่ ป
กับคะแนน Morningstar Rating ซึ่งแสดงถงึ ผลตอบแทนทปี่ รบั ความเส่ยี งของกองทนุ ในระดบั ต่าง ๆ โดยกองทุนที่มีผลการ
ดาเนนิ งานท่ดี ีที่สดุ จะไดค้ ะแนน 5 ดาว ในขณะท่กี องทนุ ทมี่ ีผลการดาเนินงานดอ้ ยท่สี ดุ จะไดร้ บั คะแนน 1 ดาว ซ่งึ จากตารางท่ี
1 จะพบว่ากองทนุ ทไี่ ด้ Morningstar Rating 4 – 5 ดาว เป็นกองทนุ ทไี่ ด้ Morningstar Sustainability Rating ในระดบั 3
ลกู โลกขึน้ ไปรวมประมาณรอ้ ยละ 11.1 ในขณะท่ีกองทนุ ท่ีได้ Morningstar Rating 1 ดาว เป็นกองทนุ ที่ได้ Morningstar
Sustainability Rating ในระดบั 1 – 2 ลกู โลกรวมประมาณรอ้ ยละ 1.9
แมว้ ่าแนวคิดเก่ียวกบั ESG จะได้รบั การยอมรบั ในการจาแนกประเภทกองทุนรวมจาก Morningstar แต่ในแงข่ องนกั ลงทนุ ผล
การดาเนินงานของกองทุนรวมจะเป็นหวั ใจสาคัญในการตัดสินใจของนักลงทนุ ในการเลอื กลงทนุ ในกองทนุ รวม ซ่งึ ทผ่ี า่ นมา
การศกึ ษาเก่ยี วกบั ผลการดาเนินงานของกองทนุ รวมที่ถูกจัดอยู่ในกลุม่ ESG ยงั คงมอี ยอู่ ย่างจากดั เทยี บกบั การลงทุนในกองทนุ
รวมประเภทอ่ืน โดยการศึกษาทผี่ า่ นมาในต่างประเทศ สว่ นใหญ่อ้างองิ การจัดกลุ่มกองทุนรวมของ Morningstar ซึ่งเป็น
บรษิ ัททีใ่ ห้บริการข้อมลู และบทวเิ คราะหส์ าหรบั การลงทุนในกองทุนรวมทใ่ี หญ่ทีส่ ดุ
โดยต้ังแตป่ ี 2015 Morningstar ได้เริ่มมีการจดั กลมุ่ กองทนุ Social Responsible Mutual Fund (SRMF) ในตลาดประเทศ
ทีพ่ ัฒนาแล้ว ไดแ้ ก่ สหรัฐฯ และ ยุโรป และมกี ารใหค้ ะแนน ESG ของกองทุนเหลา่ นี้ ทาใหม้ กี ารวเิ คราะห์ถงึ ผลการดาเนนิ งาน
ของกองทนุ เช่น Das et al. (2018) พบว่า กองทุน SRMF ท่ีมีคะแนน ESG ทสี่ งู จะมีผลการดาเนินงานทด่ี ีกว่ากองทนุ ทีม่ ี
คะแนน ESG นอ้ ยในช่วงวกิ ฤตเศรษฐกจิ เชน่ เดียวกับ Tiago Gonçalves et al (2021) ซง่ึ ใชข้ อ้ มูลจากประเทศยโุ รป และ
พบวา่ กองทนุ ทเ่ี นน้ ความรบั ผิดชอบตอ่ สิ่งแวดล้อม (Green fund) มผี ลการดาเนินงานทว่ี ดั จากผลตอบแทนท่ปี รบั ด้วยความ
เส่ยี งจากแบบจาลองหลายปจั จยั ทด่ี ใี นชว่ งเศรษฐกจิ ตกต่า แตม่ ีผลการดาเนินงานทไี่ ม่แตกตา่ งจากกองทุนประเทศอน่ื ๆ ในชว่ ง
เศรษฐกจิ ปกติ นอกจากน้ี Pablo Durán-Santomi พบวา่ กองทุนทมี่ คี า่ ESG ที่ดี จะได้รับความสนใจลงทุน โดยจะมีเงินทนุ
เขา้ มาในกองทุนเหลา่ นมี้ ากกวา่ กองทนุ ปกติ นอกจากน้ียงั พบวา่ มคี วามเส่ียงในการลงทนุ ทีว่ ัดจากคา่ มลู คา่ ความเส่ียง
(Value at Risk) ท่ีต่ากว่ากองทนุ ปกติ สาหรบั ในกรณปี ระเทศไทย ผูเ้ ขยี นอยรู่ ะหวา่ งการวเิ คราะหผ์ ลการดาเนินงานของ

กองทุนรวมทถ่ี กู จดั อย่ใู นกลุ่ม ESG ซึง่ ในโอกาสตอ่ ไป จะนาเสนอผลการศกึ ษาว่า กองทุนรวมท่จี ัดอยใู่ นกลุ่ม ESG นี้ จะมีผล
การดาเนินงานท่ดี เี มือ่ เทยี บกบั กองทนุ รวมประเภทอื่นหรือไม่ และกองทนุ รวมใดบา้ งทีม่ ผี ลการดาเนินงานที่ดที น่ี า่ ลงทนุ เพือ่
เป็นข้อมลู ทางเลือกหนึ่งใหก้ ับนักลงทุนท่สี นใจลงทนุ ในกองทุนรวมประเภทน้ีตอ่ ไป

ความย่ังยืนของธุรกิจ และประเดน็ เศรษฐกิจไตรมาสสดุ ท้าย 25658 พฤศจกิ ายน 2022
ขอขอบคุณไทยพบั ลิกา้ และทางคณะเราท่ีให้โอกาสมาแลกเปลย่ี นความคิดเห็นบทความน้แี ละเป็นจงั หวะเวลาทใี่ กลก้ ับปใี หม่
พอดี ในโอกาสนเี้ ปน็ ช่วงหัวเลีย้ วหวั ต่อที่เรากาลังจบสถานการณข์ องโควดิ ทแ่ี นวโน้มดขี นึ้ เรือ่ ยๆ และเศรษฐกิจก็กาลังจะฟนื้ ตวั
ดงั น้ัน ในไตรมาสสดุ ทา้ ยจึงยังมีความนา่ สนใจสาหรบั การเตรียมตวั ทีจ่ ะฉลองปีใหม่อย่างไรใหม้ ีความสขุ ในสถานการณ์
เศรษฐกิจโลกปัจจุบนั กอ่ นอน่ื ก่อนทจี่ ะไปถงึ ขอกลา่ วสกั เลก็ น้อยถงึ แนวโนม้ ปจั จุบนั เรื่อง ความยัง่ ยนื ของภาคธุรกจิ
ในปจั จบุ ัน กระแสของการดาเนนิ ธรุ กจิ ด้วยความรับผดิ ชอบต่อสังคมและสิง่ แวดลอ้ มนั้นนับเปน็ กระแสทไี่ ดร้ ับความสาคญั
และไดร้ ับความสนใจจากทวั่ โลกซง่ึ นับรวมถงึ ประเทศไทยด้วย โดยในประเทศไทย กระแสการสานกึ ดงั กลา่ วไดส้ ่งผลให้ทกุ ภาค
ส่วนอนั ประกอบไปด้วย ภาครัฐ ภาคเอกชนและสงั คม ตา่ งใหค้ วามสาคญั และมกี ารดาเนนิ การเพ่ือชว่ ยเหลอื แก้ไข ในประเด็น
ปัญหาทางสังคมและส่งิ แวดล้อมทเ่ี กดิ ขึน้ อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง แสดงใหเ้ หน็ ถึงความตระหนกั รถู้ งึ ความสาคญั และความจาเปน็ ในการ
ดาเนนิ ธรุ กจิ ดว้ ยความรับผดิ ชอบต่อสงั คมและสง่ิ แวดล้อม ทจ่ี รงิ แลว้ การดาเนนิ งานดา้ น CSR (corporate social
responsibility) อาจลาดบั ไดม้ มี านานแลว้ เพยี งแต่ในยุคสมัยก่อนอาจยงั ไม่มกี ารนยิ ามคาว่า CSR ขึ้นมาอยา่ งเปน็ ทางการ ซง่ึ
เห็นไดจ้ ากจุดกาเนดิ ของ CSR ทมี่ าจากหลายหลายทิศทาง กล่าวคือ จากกระแสเรียกร้องของประชาชน ยกตวั อย่างเช่น
บรษิ ทั อีสท์ อนิ เดีย ในประเทศอังกฤษ ถูกควา่ บาตรจากประชาชนในประเทศ เนอื่ งจากพบว่า บรษิ ัทใช้แรงงานทาส จงึ ทาให้
บริษทั จาเปน็ ตอ้ งหนั มาใส่ใจกับสวสั ดกิ ารแรงงานและสิทธิมนษุ ยชนมากข้นึ หรือ ในปี ค.ศ. 1984 บรษิ ทั เนสท์เล่ (Nestle’)
ผู้ผลติ และจาหนา่ ยผลิตภณั ฑ์นม ได้ออกกจิ กรรมรณรงคใ์ ห้เดก็ ทารกด่ืมนมเนสทเ์ ล่แทนนมแม่ กอ่ ใหเ้ กดิ ความไม่พอใจอยา่ ง
มากต่อประชาชนจนคว่าบาตรสนิ คา้ ของเนสท์เล่ ถอื ว่าเปน็ คร้ังแรกท่ีประชาชนรวมตัวกันเป็นจานวนมากเพ่อื บบี ใหเ้ นสทเ์ ล่
เปลย่ี นนโยบายของบริษทั จากกลมุ่ นกั ลงทุน ในปี ค.ศ.1908 เรมิ่ มีแนวทางการลงทนุ ทางธรุ กจิ เพอื่ สังคม แนวใหม่ข้ึน หรือที่
เรยี กว่า “social responsibility investing — SRI” โดยเปน็ การลงทนุ ในบริษัทท่มี คี วามรับผดิ ชอบต่อสงั คม จากการเกดิ ขน้ึ
ของแนวคิดนม้ี ีนยั ท่สี าคญั เพราะนักลงทนุ นัน้ มบี ทบาทอย่างยง่ิ ตอ่ การผลักดนั ใหธ้ ุรกิจทต่ี นเองถอื ลงทนุ อยูน่ ้ัน มีความ
รบั ผิดชอบตอ่ สังคมมากข้ึน จากมมุ มองของนกั วิชาการ ในวงการนักวชิ าการตา่ งประเทศ มกี ารพฒั นางานเขียนเก่ยี วกับ
แนวคดิ เร่ือง CSR เร่อื ยมา โดยผลงานทีส่ าคัญ คอื ในปี ค.ศ. 1960 George Goyder ได้เขยี นหนังสือเรอื่ ง “The
Responsible Corporation” หรอื ความรับผดิ ชอบตอ่ สังคมโดยนกั ธรุ กจิ โดยพฒั นาแนวคดิ ในการทา CSR อยา่ งชดั เจน
ข้นึ มาในปเี ดียวกันกบั ช่วงทีโ่ ลกไดต้ ระหนักและรับรู้ถงึ ผลกระทบจากการใชส้ ารเคมฆี ่าแมลง “DDT” ท่อี เมริกาเป็นผูผ้ ลติ และ
ส่งออก ซ่ึงจากผลกระทบด้านลบทเี่ กดิ ขึน้ หลังจากใช้ DDT น้ันเกดิ ผลกระทบกบั ผูค้ นหลายลา้ นคนรนุ แรง เป็นเวลายาวนาน
เปน็ ผลทาใหส้ ภาพแวดลอ้ มปนเปอ้ื นสารพิษนาไปสกู่ ระแสเรยี กรอ้ งดา้ นสงิ่ แวดล้อมขึ้น
ปี ค.ศ. 1976 องคก์ ารเพอื่ ความรว่ มมอื ทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (The Organisation for Economic Co-operation
and Development — OECD) จดั ต้ัง Guideline for Multinational Enterprises เพื่อเป็นแนวทางการดาเนินธรุ กจิ ของ
บรษิ ทั ทเี่ กย่ี วข้องกับการลงทนุ ระหวา่ งประเทศ ให้ดาเนนิ ธรุ กจิ โดยมคี วามรับผิดชอบตอ่ ส่งิ แวดลอ้ ม ซง่ึ ได้รับการตอบรบั จาก
บริษัทต่างๆ ดีมาก แตก่ ็ยังจากดั อยเู่ ฉพาะในกลมุ่ ประเทศที่พฒั นาแลว้ นาไปสู่การปรับปรงุ Guideline อีกคร้ังในปี ค.ศ.
2000 เกิดเปน็ กระแสการทา CSR ระหว่างประเทศ เพราะเนน้ การนาไปปฏิบตั จิ ริงในทุกประเทศ ไมจ่ ากดั เฉพาะในกลมุ่
ประเทศสมาชิก OECD ในช่วงปลายทศวรรษ 90 หรอื ค.ศ. 1981-1991 ไดเ้ กิดมาตรฐาน Global Reporting Initiative —
GRI ขน้ึ โดยเปน็ การมงุ่ หามาตรฐานในการรายงานผลการดาเนินงานของธุรกจิ ในทง้ั 3 มิติ คือ ด้านการวัดผลทางดา้ น
เศรษฐกจิ ด้านสิ่งแวดล้อม และดา้ นสังคม เพือ่ ทจ่ี ะให้แตล่ ะองค์กรธุรกิจรายงานผลท่ีเป็นจรงิ ในทุกมติ ิ
ปี ค.ศ. 2002 UN RIO Summit on Sustainable Development ท่ีเมืองโจฮันเนสเบริ ก์ ท่ซี ึง่ เป็นจดุ ท่เี กดิ ความเชือ่ มโยง
อย่างชดั เจนของความรบั ผดิ ชอบของภาคธุรกิจต่อสังคม และการพฒั นาท่ยี ่ังยืน ซึง่ มหี ลักการวา่ การตอบสนองความตอ้ งการ
ของคนยคุ นี้ ตอ้ งไม่ไปทาลายโอกาสของคนรนุ่ หลงั ในการตอบสนองความตอ้ งการของตน
ดังนน้ั ปัจจยั ทอี่ าจจะส่งผลใหก้ จิ การประสบความสาเรจ็ ในการประกอบกจิ การตอ่ ไปได้อยา่ งยงั่ ยนื ย่อมจะมคี วามเกยี่ วขอ้ งกบั
ความรับผดิ ชอบต่อสงั คมมาใช้ในการดาเนนิ ธรุ กจิ ดว้ ย และขออนญุ าตกลา่ วสรปุ งานศกึ ษาทีท่ าร่วมกบั นักศึกษาคณะ
พฒั นาการเศรษฐกจิ เรา อภริ ดา ชณิ ประทปี (2559) ท่ไี ด้องิ การวดั ระดับของการแสดงความรับผดิ ชอบต่อสังคมของสถาบัน
ตา่ งๆ มาประยกุ ตใ์ ช้ในงานวจิ ยั เชน่ KLD (Kinder Lydenberg Domini) และ MJRA ซึง่ พฒั นาโดย Michael Jantzi

Research Associate, Inc. ซ่งึ เป็นองคก์ รทีท่ าการวิจัยศึกษาและรวบรวมขอ้ มลู ในการวดั ระดบั การแสดงความรับผดิ ชอบตอ่
สงั คมของบรษิ ัทต่างๆ ในประเทศแคนาดา โดยมีการศกึ ษาและพฒั นาร่วมกบั KLD ซึง่ เป็นองค์กรวิจยั และจดั ลาดบั ความ
รบั ผิดชอบต่อสงั คมของบรษิ ัทตา่ งๆ ในประเทศสหรฐั อเมริกา (Barnea and Rubin, 2006; Mohoney and Roberts, 2007)
และทฤษฎีผลกระทบทางเศรษฐกจิ มหภาค โดยใช้ตวั แปรทางเศรษฐกจิ ภาพรวมด้วย โดยผลการศกึ ษาพบวา่ การแสดงความ
รับผิดชอบต่อสังคมดา้ นการกากบั ดูแลกจิ การท่ดี ีดา้ นชมุ ชนและสงั คม สินทรัพยข์ องบรษิ ทั ยอดขายของบรษิ ทั อตั ราสว่ น
หนี้สินตอ่ สนิ ทรัพย์ และประเภทของอุตสาหกรรมชนิดตา่ งๆ กนั มผี ลตอ่ อัตราผลตอบแทนตอ่ สนิ ทรพั ย์อย่างมนี ัยสาคญั ทาง
สถติ ิจริง โดยพบวา่ ในเรือ่ งผลตอบแทนทางการเงนิ จะมสี ว่ นท้ังบวกและลบ แตท่ ง้ั นีข้ นึ้ อยกู่ ับปัจจัยดา้ นตวั ธุรกิจนั้นๆ ประเภท
ธรุ กจิ และการระดับความมั่งค่งั ของสินทรัพย์เอง และความสามารถในการบรหิ ารจดั การขององคก์ ารนัน้ ๆ ด้วย เชน่ จากผล
การศกึ ษาพบว่า ผลตอบแทนต่อสนิ ทรพั ยจ์ ะมที ศิ ทางไปในทิศทางเพม่ิ ขน้ึ เมื่อองคก์ รมกี ารแสดงความรบั ผดิ ชอบตอ่ สงั คม
และการแสดงความรับผดิ ชอบต่อสังคมดา้ นชุมชนและสังคม เป็นตน้ ดังน้นั จงึ อยากใหท้ กุ ทา่ นเชือ่ ม่นั ว่าประเทศเราและธุรกิจ
ที่เนน้ ความยั่งยนื น้ีกาลังมาถูกทาง ในประเด็นของเรื่องของธรุ กิจทา่ มกลางวิกฤติโควดิ ทีเ่ กิดขึ้นในชว่ งปลายปี 2562 ตอ่ เน่ือง
ถงึ ปัจจบุ นั พฤศจกิ ายน 2565 นี้ เม่ือเกิดวกิ ฤตกิ ็พบว่ายังมีประเด็นท่มี โี อกาสอยู่ เชน่ ในเรื่องของธุรกิจบางประเภททีไ่ ดร้ ับ
ความนยิ มโดยเฉพาะในชว่ งโควดิ เช่น กรณขี องธรุ กจิ ออนไลน์ การส่งสินค้าออนไลน์ การสั่งอาหารออนไลนห์ รอื แมแ้ ตเ่ รือ่ ง
ของการแพทย์ ยา เวชภัณฑ์ และอื่นๆ ในขณะทีก่ ารทอ่ งเท่ยี วและเร่ืองของกิจกรรมท่มี กี ารสัมผัสกต็ อ้ งลดลงในช่วงนน้ั แต่
พบวา่ ทรัพยากรธรรมชาตไิ ด้มีการฟน้ื ตวั และในขณะที่ประชาชนมกี ารอน้ั การเดนิ ทางไว้ เมื่อเปดิ การท่องเที่ยวกท็ าใหส้ ว่ นน้ี
กลบั มาคึกคักได้อีกคร้ัง พร้อมกบั มีทรัพยากรธรรมชาติและอ่นื ๆ ที่สมบรู ณ์ขึน้ ดังนัน้ ส่วนนถี้ า้ เราสามารถทจ่ี ะเรียนรู้การดารง
รกั ษาทรพั ยากรให้คงระดบั นไี้ ว้ โดยที่ให้เกดิ ความย่งั ยนื ในอนาคตด้วยการเรียนรูจ้ ากสง่ิ ทผี่ า่ นมา กจ็ ะยง่ิ ชว่ ยทาใหก้ ารพัฒนา
เปน็ ไปไดอ้ ย่างดมี ากขึ้น โดยทกี่ ารทอ่ งเทีย่ วตอ่ ไปในอนาคตเม่ือรับนกั ทอ่ งเทยี่ วต่างชาตอิ าจจะไมไ่ ด้เนน้ แคจ่ านวนเพยี งอย่าง
เดยี ว เนื่องจากการเนน้ เพียงจานวนโดยทีล่ มื นกึ ถึงเรื่องของการรักษาสงิ่ แวดล้อมรกั ษาทรัพยากรธรรมชาติ อาจจะทาใหเ้ กิดผล
เสยี มากกวา่ โดยเปรยี บเทยี บกันในระยะยาว ขา่ วดีทเี่ กิดขนึ้ ในชว่ งน้ี เชน่ เรอ่ื งของการส่งออกทพ่ี บวา่ แนวโนม้ สดใส ประเดน็ ท่ี
เก่ยี วข้องคือเร่ืองของอตั ราแลกเปล่ียน ทจ่ี ะมผี ลรวมไปถึงเรือ่ งของดลุ การค้าทีอ่ าจจะตอ้ งดคู วบคู่กนั ไปดว้ ย
เร่ืองของอตั ราดอกเบีย้ เป็นส่วนทถ่ี กเถยี งกันมากในวิชาเศรษฐศาสตร์ เนือ่ งจากว่าในกรณที ี่ดอกเบีย้ เพ่ิมขนึ้ ก็จะส่งผลกระทบ
ทง้ั ในเรอ่ื งของการลงทุน ตลาดเงนิ ตลาดทุน มีทง้ั บวกและลบ ดงั น้ัน การพจิ ารณาจะตอ้ งพจิ ารณาทงั้ เร่อื งทางภาพรวมทั้ง
เศรษฐกจิ ภายในประเทศและเศรษฐกิจภายนอกประเทศด้วย เนอ่ื งจากประเทศไทยเปน็ ระบบเศรษฐกิจเปดิ และเป็นประเทศ
ขนาดเล็ก ดังนั้น เมื่ออตั ราดอกเบย้ี เปล่ยี นแปลงผลกระทบที่จะเกิดขนึ้ ทาใหอ้ ตั ราแลกเปลี่ยนต้องเปลยี่ นแปลงดว้ ย และยังมี
ผลกระทบต่อในเรื่องของการลงทนุ การวิเคราะห์จะต้องมีการวิเคราะห์ในสองส่วนนี้ และมีการชง่ั นา้ หนักระหว่างสองสว่ นนี้
โดยท่ีมนี กั เศรษฐศาสตร์หลายท่านใหค้ วามเห็นทีแ่ ตกต่างกนั ทง้ั สองกลมุ่ สองทศิ ทาง ในรายละเอียดคงจะขอละไว้เม่ือมโี อกาส
หนา้ นอกจากนนั้ ยังมีเรอ่ื งของระบบอัตราแลกเปลย่ี นทปี่ ระเทศไทยไมไ่ ดเ้ ป็นลักษณะลอยตวั ซง่ึ เราจะต้องพิจารณาในเร่ืองท่ี
มีความแตกตา่ งระหว่างระบบทต่ี รงึ ค่าเงนิ ไวก้ ับระบบลอยตวั ด้วย การกาหนดนโยบายจึงมีความเปน็ เฉพาะของแตล่ ะประเทศ
ไมส่ ามารถลอกเลยี นทัง้ หมดได้ ตอ้ งปรบั ใช้ท่ีเหมาะสมกบั ประเทศไทยเราเองดว้ ย การพจิ ารณาท้ังสองสว่ นนย้ี งั อาจจะต้อง
พจิ ารณาร่วมด้วยกับการใหเ้ กดิ ความเหมาะสมโดยคานงึ ถึงแรงกดดนั จากภายนอกประเทศด้วย เชน่ การข้ึนอตั ราดอกเบย้ี
อยา่ งต่อเนอ่ื งของประเทศสหรฐั อเมริกา รวมถงึ ประเทศอืน่ ๆ ดังนนั้ แรงกดดันเหล่านร้ี วมไปถงึ เร่ืองของสงครามยเู ครนรสั เซยี
ในส่วนตัวผูเ้ ขยี นจงึ เช่อื วา่ ในท่สี ดุ อัตราดอกเบย้ี จะตอ้ งประเทศไทยจะตอ้ งทยอยปรบั ขน้ึ ที่สาคญั คอื จงั หวะเวลาและขนาด ท่ี
ต้องมคี วามเหมาะสมในแตล่ ะสถานการณ์ ดงั นัน้ สว่ นนผี้ ู้เขียนขอใหก้ าลงั ใจผ้เู ก่ยี วข้องทุกทา่ นวา่ เราอาจจะต้องเผ่อื รองรบั
สาหรบั ผจู้ ะไดร้ บั ผลกระทบเหล่านีไ้ ว้ด้วย ในเรอื่ งของสงครามยูเครน-รัสเซยี ในความเป็นจรงิ การทีผ่ เู้ ขยี นเคยคาดการณเ์ อาไว้
สาหรับผู้อา่ นทสี่ นใจสามารถอา่ นได้ในโพสต์ทูเดย์กอ่ นหนา้ นี้ และเวบ็ ไซตค์ ณะพฒั นาการเศรษฐกจิ ซง่ึ โชคดีเราไดค้ าดการณ์ไว้
ถูกตอ้ งต้ังแตเ่ ดอื นกุมภาพันธ์เม่ือเร่มิ สงครามว่า สหรัฐฯ จะไมเ่ ข้ามาเตม็ ตัว โดยในเดือนพฤศจิกายนนี้ ความเห็นสว่ นตวั ผเู้ ขยี น
ยังเชือ่ วา่ นา่ จะสามารถมขี ้อตกลงบางอย่างที่พอจะจับต้องไดส้ าหรบั สงครามยูเครนรัสเซียเป็นอยา่ งนอ้ ย โดยหวังว่าเรอื่ งของ
พลังงานและปญั หาสาคญั ๆ อาจจะไดข้ ้อตกลงท่ีพอจะจบั ต้องได้ภายในปลายปีนี้ แตเ่ ปน็ ไปไดว้ า่ สงครามมีโอกาสท่ีจะยดื เยือ้
ต่อเนื่องไป และภาวะเศรษฐกจิ กย็ งั คงผันผวนอยู่ ท้ังนี้ เรอ่ื งของราคานา้ มันและพลังงานมคี วามสาคญั เนอื่ งจากปัจจุบันรสั เซยี
ยังเป็นผู้ผลติ กา๊ ซธรรมชาตแิ ละรวมถึงเป็นแหล่งพลังงานอนั ดบั ตน้ ๆ ของโลก สว่ นตวั ผเู้ ขยี นยังเช่อื วา่ อีกประเทศหนึง่ ทนี่ ่าจับ
ตามองแต่อาจจะยังไมค่ ่อยมคี นพดู ถึงมากนักก็คอื ประเทศจีน โดยความเป็นจรงิ ตอนน้ีประเทศจีนใชว้ ธิ กี ารโควดิ เป็นศูนย์ ท่ี
ผู้เขียนมีความสนใจวา่ ในปจั จบุ ันโควิดเรม่ิ ดีขน้ึ แลว้ แต่ประเทศจีนกย็ ังคงจดุ นีอ้ ยู่ ในขณะท่ีดลุ การคา้ ของประเทศจนี เปน็ ท่นี ่า
จบั ตามอง เพราะในความเปน็ จรงิ แม้จะซบเซาลงไปบ้างแตก่ ไ็ ม่ได้แย่ถึงขนาดอย่างทห่ี ลายคนเคยคาดเอาไว้กอ่ นหน้าน้ี น่ัน

หมายความวา่ เศรษฐกิจจนี ภายในเองรวมถงึ ในแงข่ องดมี านด์ภายในประเทศของจนี ก็ยังแขง็ แกร่งพอสมควร ถึงแมจ้ ะมีปญั หา
บา้ ง เช่น อสงั หาฯ และกรณีเอเวอร์แกรนด์ เป็นตน้ และในกรณขี องสินค้าท่ีผลิตออกสตู่ ลาดโลก ถึงแมว้ ่าสนิ ค้าบางประเภทจะ
ถูกการกดี กนั ทางการคา้ จากอเมรกิ า โดยเฉพาะในเร่ืองของสนิ คา้ สาคญั ๆ เชน่ ชปิ หรือในเรือ่ งท่ีทางนาง Nancy Patricia
D’Alesandro Pelosi ประธานสภาผูแ้ ทนราษฎรสหรฐั ฯ เยือนไตห้ วันเมอื่ ตน้ เดอื น ส.ค. 2565 ในความเปน็ จรงิ เบื้องลกึ
นอกเหนอื จากเรอ่ื งการเมือง ผู้เขยี นมองวา่ เป็นเรื่องของเศรษฐกิจด้วย ในกรณขี องสงครามการค้าระหว่างจนี อเมริกาคงยังมี
ประเด็นตอ่ เนื่อง ส่งิ ทผี่ ู้เขยี นอยากจะกลา่ วเพม่ิ เตมิ คือในกรณีทีพ่ ูดถงึ แหลง่ พลังงาน ในปจั จบุ ันประเทศจนี ไดเ้ ปน็ ผผู้ ลติ หรือ
แสวงหาทรัพยากรด้านพลงั งานดบั ต้นๆ ของโลกด้วย ทาให้ผเู้ ขียนนกึ ถึงตอนท่ไี ปประชมุ UNCTAD ท่นี ครเจนวี าเมือ่ 10 กวา่
ปกี ่อน ในขณะน้นั ประเทศจีนยังไม่คอ่ ยมีแหลง่ พลังงานทีม่ ากเทา่ อยา่ งในปัจจุบนั ตอนนัน้ ยงั จาไดว้ ่ามีผู้แทนจากประเทศจนี
พดู ถงึ เร่อื งของบริษทั นา้ มนั จนี CNOOC ในประเดน็ การลงทุนในตา่ งประเทศ และยงั มที ่ลี งทนุ ในท่ีทีย่ ากจนกวา่ โดย
เปรียบเทยี บเพม่ิ ดว้ ย ผ้เู ขียนยงั รสู้ กึ ชื่นชมวา่ มองการณไ์ กลทีเดยี ว และคดิ ว่าประเทศเรานา่ จะลองติดตามดู
ประเทศจีนปจั จบุ นั นอกจาก จะมที รัพยากรรวมถึงพลงั งานตดิ อันดบั โลกแล้ว นอกจากนั้นกย็ ังสามารถผลิตสนิ คา้ ทเ่ี ปน็ ไฮเทค
ได้อีกมากมาย ดังนัน้ ประเด็นของสงครามการค้ากย็ งั คงมปี ระเด็นตอ่ เน่อื งตอ่ ไป ประเทศไทยอาจลองพิจารณาในแงข่ องการ
ยา้ ยฐานการผลติ ของบรษิ ัทต่างๆ จากกรณเี หลา่ น้ัน ทง้ั อเมรกิ า-จีน อเมรกิ า-รัสเซยี หรอื ผลพวงดา้ นการคา้ และสินคา้
เก่ียวเน่ืองจากสงครามยูเครน-รัสเซีย เป็นต้น และการประชมุ APEC ที่กาลังจะมีขึน้ ในวนั ท่ี 16-18 พฤศจกิ ายน 2565 ท่ีจะถงึ
นี้ อยากให้กาลังใจประเทศไทยว่า การทปี่ ระธานาธบิ ดขี องจีน สจี ้นิ ผิง มาก็ถือเป็นโอกาสอันดีมากๆ
ทง้ั นี้ ในประเดน็ ของความย่ังยืนทเี่ ราจะมองต่อไป แนน่ อนว่าถา้ พิจารณาในแงก่ ารใชส้ งครามการค้า ในทางทฤษฎีทาง
เศรษฐศาสตร์ การทเี่ รากดี กนั ทางการคา้ ในทีส่ ุดทางทฤษฎีแล้วไมเ่ รยี กวา่ เปน็ วธิ ีการท่เี ปน็ ความยั่งยนื ในการพจิ ารณาเรา
อาจจะไดเ้ พยี งภาพ snapshot เทา่ น้ัน แต่ในระยะยาว วธิ ีการเหล่านี้จาเป็นทจี่ ะตอ้ งปรบั ปรงุ ในทส่ี ดุ ท้ังนีค้ ือในระดับโลกและ
ระดับระหว่างประเทศ สว่ นในแง่ของประเทศและในแง่ของธรุ กจิ เอง ปจั จบุ นั ก็พบว่าทุกภาคสว่ นไดใ้ หค้ วามสาคญั กับเรื่อง
ความย่ังยนื มากข้นึ ซึง่ ถอื วา่ เปน็ การเตรยี มตวั ที่ดีและถกู ทางทลี ะเลก็ ทีละนอ้ ยแล้ว อยากให้กาลังใจทุกทา่ น ในกรณขี องภาค
ธุรกิจโดยเฉพาะรายยอ่ ยท่ีบางทอี าจจะตอ้ งขวนขวายทางภาวะเศรษฐกจิ กอ่ นก็อาจจะค่อยเป็นค่อยไป โดยการมีมาตรการหรอื
นโยบายอาจจะร่วมด้วยช่วยได้อกี สว่ นหนงึ่ สุดท้ายน้ี โดยหวงั ว่าบทความนี้จะส่งผ่านแง่คิดบางประการในโอกาสน้ี และทกุ
ทา่ นผู้อา่ นและครอบครวั มีความสขุ มพี ลานามัยสมบรู ณ์แขง็ แรง สวสั ดปี ใี หม่และสขุ สนั ตว์ ันลอยกระทงลว่ งหน้า คอยตดิ ตาม
สถานการณเ์ ป็นระยะเผ่ือมีการเปล่ยี นแปลงไว้ สว่ นตัวเชือ่ วา่ สถานการณ์ปีใหม่น่าจะกาลงั ดขี ้นึ คะ่ (หมายเหต:ุ ท้ังนี้ความเหน็
และบทวเิ คราะหต์ า่ งๆ เป็นความรบั ผดิ ชอบของผู้เขยี นโดยเปน็ ความเหน็ ส่วนตวั เทา่ น้นั ไมจ่ าเปน็ ตอ้ งตรงกับหน่วยงานที่
กลา่ วถึงในบทความ หากมขี อ้ เสนอแนะหรือแลกเปลีย่ นสามารถแนะนาได้ที่ email: [email protected] ขอบคณุ ยงิ่ )

“กา้ วต่อกา้ ว”: 9 เรอ่ื งที่ตอ้ งเรง่ กบั 9 ปี SDGs3 กมุ ภาพันธ์ 2022
ผลการประเมินเปา้ หมายการพฒั นาที่ยั่งยนื หรอื SDGs ของประเทศไทยในชว่ ง 5 ปีแรก หรือในช่วงปี 2559–2563 ซง่ึ จดั ทา
โดยสภาพฒั น์ โดยใชค้ า่ สไี ฟจราจรบง่ บอกสถานะความสาเร็จ ระบไุ ว้ว่า ไทยบรรลุเปา้ หมายย่อยของ SDGs แลว้ (ค่าสีสถานะ
เป็นสเี ขียว) 52 เป้าหมายย่อย จากทัง้ หมด 169 เปา้ หมายยอ่ ย (30.8%) ในขณะที่มีเปา้ หมายยอ่ ยท่ีใกล้บรรลุ (ค่าสสี ถานะ
เป็นสเี หลอื ง) 74 เปา้ หมายยอ่ ย (43.8%) และยงั ไมบ่ รรลุ (ค่าสสี ถานะเป็นสสี ้ม) 34 เปา้ หมายยอ่ ย (20.1%) ทง้ั นี้ ยังพบว่ามี
9 เป้าหมายย่อย (5.3%) ทไี่ ดร้ ับการประเมนิ ค่าสีสถานะเป็นสีแดง หรือยังตา่ วา่ ค่าเปา้ หมายในระดับวิกฤติ ซึ่งเป็นประเดน็ ท่ี
ไทยต้องขบั เคล่ือนอยา่ งเร่งดว่ น 9 ปี ต่อจากน้ี มอี ะไรทไี่ ทยตอ้ งทาอกี หลายเร่อื ง เพื่อให้เกิดการพัฒนาทยี่ ง่ั ยืนตาม 2030
Agenda for Sustainable Development โดยอะไรทด่ี อี ยแู่ ล้วก็ตอ้ งเสรมิ ให้เขม้ แขง็ ข้ึน อะไรที่ยงั ขาดกต็ ้องเตมิ ใหเ้ ตม็ และ
อะไรทีย่ ังถูกทงิ้ ใหร้ ง้ั ทา้ ยกต็ ้องดึงให้ข้ึนมาใหไ้ ดโ้ ดยเร็ว
ยุติความหิวโหย ยงั คงเป็นประเด็นหลักท่ีตอ้ งเร่ง การประเมนิ ผลการขบั เคล่อื น SDGs ซึ่งใช้หลกั การวเิ คราะหท์ ้ังในเชงิ ปรมิ าณ
และเชิงคณุ ภาพ พบว่า ประเดน็ ทา้ ทายของไทยในการบรรลุ SDGs นน้ั มอี ยู่ 9 ประเด็น ตาม 9 เปา้ หมายย่อยท่ีมีคา่ สสี ถานะ
เปน็ สีแดง ซงึ่ มคี วามเก่ยี วขอ้ งกับการขจดั ความหิวโหย (SDG 2) สุขภาพและความเป็นอยทู่ ดี่ ี (SDG 3) การลดความเหลอ่ื มลา้
(SDG 8) และทรพั ยากรทางทะเล (SDG 14) โดยทง้ั 9 ประเด็นน้ี หน่วยงานทีเ่ กี่ยวข้อง ซงึ่ ไม่เฉพาะแต่ภาครัฐ แตร่ วมถงึ
ภาคเอกชน สถาบนั การศกึ ษา และภาคประชาสงั คม จะตอ้ งรว่ มมือกันพัฒนายกระดบั ใหด้ ีข้ึน โดยอาจใชเ้ ทคโนโลยหี รอื
นวตั กรรมทางสังคมเข้าไปชว่ ยแกไ้ ขสถานการณ์ โดย 9 ประเด็นท้าทาย ได้แก่ 9 ประเดน็ ท้าทาย ส่กู ารบรรลุ SDGs ท่ีมา:
สศช. (2564) รายงานความกา้ วหน้าเปา้ หมายการพฒั นาทีย่ ัง่ ยนื ของประเทศไทย พ.ศ. 2559 – 2563

1. การยุตคิ วามหวิ โหยและเสรมิ สร้างความม่นั คงทางอาหารและโภชนาการ (SDG 2.1) ไทยมแี นวโนม้ การขาดสารอาหาร
ที่เพ่ิมขน้ึ เห็นไดจ้ ากความชกุ ของภาวะขาดสารอาหารในปี 2562 อยใู่ นระดบั ที่ 8.2% เพ่มิ ขน้ึ จาก 7.3% ในปี 2558
เชน่ เดียวกับความชุกของความไมม่ ่นั คงทางอาหารของประชากรในระดบั ปานกลางหรอื รุนแรง ซง่ึ อยทู่ ี่ 29.8% ในปี 2562
เพ่มิ ข้นึ จาก 15.1% ในปี 2558 โดยเด็กท่ีอาศยั อย่ใู นครวั เรอื นยากจนมักขาดสารอาหารและมภี าวะเตยี้ แคระแกร็นมากกว่า
กล่มุ อื่นๆ
2. การยุติภาวะทพุ โภชนาการ (SDG 2.2) ความชกุ ของภาวะทพุ โภชนาการในเดก็ ทีอ่ ายตุ า่ กวา่ 5 ปี ทง้ั ทมี่ ีภาวะเตย้ี แคระ
แกรน็ ภาวะผอมแห้ง และภาวะอว้ น มแี นวโนม้ เพ่ิมสูงขน้ึ และยงั สูงกวา่ ค่าเป้าหมายโภชนาการระดับโลกปี 2568 (Global
Nutrition Targets 2025) แสดงใหเ้ หน็ วา่ ครัวเรอื นไทย โดยเฉพาะในกลุ่มยากจนและเปราะบาง ยังไมส่ ามารถเข้าถงึ โครงการ
ส่งเสริมสขุ ภาพด้านโภชนาการทร่ี ฐั จัดใหไ้ ด้ ในขณะท่ีสดั ส่วนเด็กทม่ี ภี าวะอว้ นเพมิ่ ขึ้นจากพฤตกิ รรมการบรโิ ภคท่ีไมเ่ หมาะสม
3. ระบบเกษตรและอาหารที่ย่งั ยืน (SDG 2.4) พน้ื ที่เกษตรยั่งยนื ของไทยเพม่ิ ข้ึน แตย่ ังตา่ ว่าคา่ เป้าหมายมาก โดยในปี 2563
ไทยมพี ื้นท่เี กษตรกรรมยั่งยนื 1.15 ล้านไร่ เพ่มิ ขึน้ จาก 1.08 ลา้ น ไร่ ในปี 2560 แตย่ ังคงต่ากว่าคา่ เปา้ หมายของยุทธศาสตร์
เกษตรและสหกรณ์ 20 ปี (พ.ศ. 2560–2579) ที่กาหนดให้มพี ื้นที่เกษตรกรรมยัง่ ยืน 7.5 ล้านไร่ ภายในปี 2568 และ 10 ลา้ น
ไร่ ภายในปี 2573 การสูญเสยี จากพฤติกรรมท่ไี มเ่ หมาะสม ยังคงฉุดร้ังการพัฒนาท่ียัง่ ยืนของไทย
4. การลดการเสยี ชีวิตดว้ ยโรคไม่ติดตอ่ (SDG 3.4) การเสยี ชีวิตดว้ ยโรคไมต่ ดิ ต่อ อาทิ โรคมะเร็ง โรคหวั ใจและหลอดเลอื ด
โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน และโรคทางเดนิ หายใจ มีแนวโน้มเพม่ิ สงู ข้นึ ซงึ่ เปน็ ความทา้ ทายสาคญั ต่อการขบั เคลื่อน
SDGs ในมิติการพฒั นาคน โดยมสี าเหตจุ ากพฤติกรรมเสยี่ งทางสุขภาพ ภาวะเครยี ด สง่ิ แวดล้อมในเมอื งทีเ่ สื่อมโทรม และการ
บริหารจดั การระบบสาธารณสุข
5. การลดการเสียชีวิตและการบาดเจบ็ จากอุบตั ิเหตุทางถนน (SDG 3.6) ถงึ แม้จานวนผเู้ สียชวี ติ จากอุบัติเหตุทางถนนจะมี
แนวโน้มลดลงอยา่ งต่อเนือ่ งในชว่ งปี 2559–2563 แตก่ ย็ งั ไม่สามารถบรรลเุ ป้าหมายท่ีกาหนดใหม้ ีการลดจานวนการเสียชวี ติ
และบาดเจ็บจากอุบตั เิ หตจุ ากการจราจรทางถนนครึง่ หนงึ่ ภายในปี 2563 ได้ โดยมีสาเหตสุ าคญั มาจากการขบั ขี่ยานพาหนะ
โดยมรี ะดบั แอลกอฮอล์เกินกวา่ ปรมิ าณท่ีกาหนด การขับขย่ี านพาหนะเกินความเร็วท่ีกฎหมายอนญุ าต และการขาดความรู้
และจติ สานึกท่ดี ใี นการใชท้ ้องถนน
6. การลดการเสียชวี ิตและการเจ็บป่วยจากสารเคมีอันตราย มลพษิ และการปนเปื้อนทางอากาศ นา้ และดนิ (SDG
3.9) การปล่อยและการปนเป้อื นของสารเคมีอันตรายตอ่ สง่ิ แวดล้อมและมนุษย์ยงั คงเพมิ่ ขึ้นอยา่ งตอ่ เน่ือง ปัญหาฝุ่นละออง
ขนาดเลก็ PM2.5 ทวคี วามรุนแรงข้นึ ทุกปี และเกนิ ค่ามาตรฐานในหลายพนื้ ที่ โดยในปี 2562 มคี ่าเฉลย่ี 24 ช่วั โมง สงู กวา่ ค่า
มาตรฐานของประเทศทกี่ าหนดไว้ 50 ไมโครกรมั ตอ่ ลกู บาศก์เมตร นอกจากนี้ ยงั พบวา่ อัตราการตายท่ีเกดิ จากการไดร้ บั
สารพษิ โดยไมต่ ้ังใจในปี 2562 อย่ทู ่ี 0.3% เพ่ิมข้ึนจาก 0.1% ในปี 2559
คา่ ธรรมเนียมการโอนเงนิ ทสี่ งู มาก มลพษิ ทางทะเลท่ยี ังคงมอี ยู่ ทาให้เกดิ การพฒั นาทไ่ี มส่ มดลุ
7. การลดค่าธรรมเนียมการโอนเงนิ ระหว่างประเทศ (SDG 10.C) ไทยยงั คงมอี ัตราคา่ ใช้จ่ายในการทาธรุ กรรมของการ
ดาเนนิ การส่งเงนิ กลบั ประเทศของแรงงานย้ายถนิ่ และการชาระเงินระหว่างประเทศท่อี ยูใ่ นระดบั สูง ซงึ่ เป็นสาเหตุหนึง่ ของ
ความเหล่อื มลา้ ในสังคม เนอื่ งจากเป็นข้อจากัดของการเข้าถึงและการกระจายทรัพยากรในระบบเศรษฐกิจ
โดยในปี 2561 มีอตั ราค่าใช้จ่ายสาหรบั การส่งเงิน 500 ดอลลารส์ หรฐั กลบั ตา่ งประเทศของแรงงานย้ายถน่ิ เฉลี่ยสงู กวา่ 10%
และมอี ตั ราค่าใช้จา่ ยสาหรบั การชาระเงินระหวา่ งประเทศเฉลย่ี อยูท่ ี่ 8.9% ซง่ึ เป็นอตั ราทีส่ งู กว่าค่าเฉล่ียของโลกและยังสงู กว่า
ค่าเป้าหมาย SDGs ทีก่ าหนดใหไ้ ม่เกิน 3% และ 5% ตามลาดับ
8. การลดมลพษิ ทางทะเล (SDG 14.1) ยังคงพบปญั หามลพษิ ทางทะเล ซง่ึ รวมถงึ ขยะทะเล สารเคมแี ละมลพษิ จากธาตุ
อาหาร อนั เป็นผลจากการดาเนินกิจกรรมทัง้ บนบกและในทะเล ไมว่ ่าจะเปน็ การปลอ่ ยนา้ เสยี จากภาคอตุ สาหกรรม การสะสม
ของสารเคมจี ากภาคเกษตร การรวั่ ไหลของน้ามนั และเศษซากขยะในทะเล โดยเฉพาะขยะพลาสตกิ ส่งผลใหเ้ กดิ ความเสือ่ ม
โทรมของระบบนเิ วศทางทะเลและชายฝั่ง และความหลากหลายทางชวี ภาพ
9. การอนุรกั ษพ์ นื้ ทีท่ างทะเลและชายฝง่ั (SDG 14.5) ไทยประกาศพนื้ ทีอ่ นุรักษแ์ ละพน้ื ท่ีคมุ้ ครองทค่ี รอบคลมุ พ้นื ท่ที าง
ทะเลและชายฝง่ั รวม 15,336 ตารางกิโลเมตร หรอื คดิ เปน็ 4.74% ของพืน้ ท่ีทางทะเลทัง้ หมดของประเทศ อย่างไรกด็ ี พื้นที่
คมุ้ ครองทางทะเลและชายฝงั่ ท่มี กี ารประกาศไปแล้วยงั คงหา่ งจากคา่ เป้าหมายที่ 10% ค่อนข้างมาก และยงั มีขอ้ จากดั ในการ
ระบุพิกัดและขนาดพนื้ ทโี่ บราณคดใี ตน้ า้ จึงยงั ไมส่ ามารถนาคานวณรวมกบั พ้นื ทีค่ มุ้ ครองทางทะเลและชายฝ่งั ทปี่ ระกาศไป
แลว้ แม้จะทา้ ทาย แต่ไมไ่ ดห้ มายความวา่ จะไปไม่ถึง

ประเดน็ ทา้ ทายทั้ง 9 ประเด็นข้างต้น มไิ ดม้ คี วามหมายวา่ หนว่ ยงานทเ่ี ก่ยี วขอ้ งละเลยหรือเพิกเฉยการทางาน แตป่ ระเดน็
ดังกลา่ วเป็นเร่ืองท่ี “ยาก” และ “ลกึ ” ซง่ึ ตอ้ งอาศัยความร่วมมอื ของทุกภาคส่วนในการแกไ้ ขปญั หา เช่น การสญู เสยี จาก
อบุ ตั เิ หตุบนท้องถนน (SDG 3.6) การสญู เสยี จากสารเคมีอันตราย (SDG 3.9) และการเกดิ มลพิษทางทะเล (SDG 14.1) ซงึ่ มี
ความเกี่ยวขอ้ งกบั พฤตกิ รรมของคนโดยตรง หากคนในสังคมยงั คงใช้ชวี ติ ทส่ี ุ่มเสย่ี งตอ่ สุขภาพและความเป็นอยู่ หรอื กระทบต่อ
ทรัพยากรธรรมชาติและส่งิ แวดล้อมในเชิงลบ กจ็ ะไม่สามารถทาใหเ้ ปา้ หมายการพฒั นาทย่ี ั่งยนื ดังกลา่ วดีขึ้นได้เลย
รายงานการพฒั นาทยี่ งั่ ยืนฯ ของสภาพฒั น์ ได้เสนอแนะแนวทางการบรรลุ SDGs ไว้ 5 ประการ ไดแ้ ก่
5 ข้อเสนอแนะ สู่การบรรลุ SDGs ทม่ี า: สศช. (2564) รายงานความก้าวหนา้ เป้าหมายการพฒั นาท่ียง่ั ยนื ของประเทศไทย
พ.ศ. 2559–2563
1. เร่งแก้ไขปัญหาและปรับปรงุ สถานการณใ์ น 9 เปา้ หมายยอ่ ยท่ีมีคา่ สีสถานะเปน็ สแี ดง และ 34 เปา้ หมายยอ่ ยท่มี คี า่ สี
สถานะเปน็ สสี ม้ โดยเฉพาะอยา่ งยิง่ ในประเดน็ ทเ่ี กย่ี วข้องกบั การขจดั ความหิวโหย การขจดั ความยากจน การเข้าถึงความ
คมุ้ ครองทางสงั คม ความรุนแรงตอ่ เด็กและสตรี การคา้ มนษุ ย์ การเข้าถึงนา้ ดืม่ สะอาดและปลอดภยั การเข้าถงึ ข้อมูลและการ
ปกป้องเสรีภาพขัน้ พ้ืนฐาน และการทจุ รติ คอรร์ ปั ชนั
2. บูรณาการความรว่ มมอื จากทกุ ภาคสว่ น โดยขบั เคลอ่ื นเป้าหมายยอ่ ยทีเ่ กือ้ กลู (synergy) และเปน็ แรงหนุนให้เปา้ หมาย
ยอ่ ยอ่นื ๆ เช่น การแกไ้ ขปญั หาความยากจนตาม SDG 1จะเก้ือหนนุ ใหเ้ กิดความก้าวหนา้ ในการดาเนนิ การเพ่อื ขจัดความหิว
โหยใน SDG 2 ลดความเหลอ่ื มล้าใน SDG 10 0 ตลอดจนสง่ เสรมิ การมสี ุขภาพและความเปน็ อย่ทู ดี่ ใี น SDG 3
3. สรา้ งความตระหนักร้ใู ห้เกิดข้ึนในวงกว้าง เพอ่ื ปลุกจติ สานกึ ความยั่งยนื ใหเ้ กดิ ขน้ึ ในสงั คม โดยหน่วยงานทงั้ ภาครัฐ เอกชน
องคก์ รปกครองส่วนท้องถ่ิน สถาบนั วชิ าการ องคก์ รอสิ ระ องค์กรไมแ่ สวงหากาไร และองค์การระหวา่ งประเทศ จะต้องมี
จติ สานึกในการสรา้ งสังคมท่มี ีความยัง่ ยนื เพือ่ มุ่งไปสจู่ ดุ หมายปลายทางเดียวกัน
4. พฒั นาระบบฐานขอ้ มลู กลางและระบบการตดิ ตามประเมินผลให้มมี าตรฐานสากล โดยนาเทคโนโลยกี ารจดั เก็บข้อมูลใน
รปู แบบท่หี ลากหลายมาใชม้ ากขนึ้ รวมท้ังสนับสนุนการเชือ่ มโยงฐานขอ้ มลู ทางเศรษฐกิจ สงั คม และส่งิ แวดลอ้ ม เพอื่ สนบั สนนุ
ใหม้ ีการออกแบบนโยบายให้มีประสิทธิภาพมากขน้ึ
5. เตรียมพรอ้ มรบั มอื กบั ทกุ สถานการณท์ เี่ กดิ ขึ้น โดยใชห้ ลกั การ “ลม้ แล้ว ลกุ ไว (resilience)”
นบั จากน้ี มีเวลาอีก 9 ปี ในการขับเคลือ่ นประเทศไทยไปสู่การพัฒนาทยี่ ่ังยนื มอี กี หลายเร่ืองทต่ี อ้ งทา บางเรือ่ งเร่งดว่ นก็ควร
ทาก่อน ในขณะท่บี างเรอ่ื งดอี ยู่แลว้ กค็ วรทาต่อ โดยสิ่งท่สี าคญั ท่ีสดุ ของการเปลย่ี น “ความท้าทาย” ให้
กลายเป็น “ความสาเร็จ” ก็คอื ความรว่ มมอื ของทุกภาคสว่ น เพอ่ื ทาใหแ้ ตล่ ะประเด็นสาเรจ็ และบรรลเุ ป้าหมายไปได้ พร้อม
กับต้องเดินหน้าปรบั เปลยี่ นหลักคดิ และทัศนคติของคนในสงั คมใหเ้ ข้าใจและเขา้ ถึงหลักการพฒั นาที่ยงั่ ยนื ได้อย่างแทจ้ รงิ
เหยียบคนั เร่งสู่จังหวดั เข้มแขง็ ท้องถิ่นย่งั ยนื 18 เมษายน 2022
ปนี น้ี บั เปน็ ปีท่ี 7 ที่ประชาคมโลกไดร้ ่วมกนั ขบั เคลื่อนเปา้ หมายการพฒั นาทยี่ ง่ั ยนื หรือ SDGs เพ่อื ให้บรรลตุ ามวาระการพัฒนา
ท่ีย่งั ยืน ค.ศ. 2030 (2030 Agenda for Sustainable Development) และรว่ มกนั สรา้ งสังคมโลกที่เติบโตขน้ึ อย่างเขม้ แขง็
และครอบคลมุ โดยไม่ท้งิ ใครไว้ขา้ งหลงั การดาเนนิ การในช่วงปีแรก ๆ นัน้ ประเทศสว่ นใหญจ่ ะใชไ้ ปกบั การวางแผน กาหนด
นโยบาย ตั้งเปา้ หมาย และวางระบบการขบั เคลอ่ื น SDGs ซึ่งมีรูปแบบทแี่ ตกต่างกันไปตามบริบทของแตล่ ะประเทศ จากนั้นจงึ
เปน็ การแปลงแผนสูก่ ารปฏบิ ตั ิ เพอื่ เดนิ หน้าไปใหถ้ งึ เปา้ หมายได้ทันในปี 2030 ซึ่งสหประชาชาตไิ ดน้ ยิ ามชว่ งเวลาน้วี า่ เป็น
Decade of Action หรือ ทศวรรษแหง่ การดาเนนิ การอยา่ งจรงิ จงั การเดนิ หนา้ ไปสเู่ ปา้ หมายความยงั่ ยนื ปี 2030 นนั้
ประเทศไทยได้มคี วามกา้ วหน้าในหลายเรือ่ ง โดยเฉพาะในมิติการพฒั นาคน (People) และมติ คิ วามเปน็ ห้นุ สว่ นการพฒั นา
(Partnership for Development) แตก่ ม็ ีอปุ สรรคหลายประการ อาทิ โรคอุบัตใิ หม่ สงครามซง่ึ กระทบตอ่ เศรษฐกิจและปาก
ท้องของประชาชน ตลอดจนปัญหาทางสังคมที่ทวีความรุนแรงและซบั ซ้อนมากขึ้น จนทาให้การเดินทางไปยงั เป้าหมายปี
2030 ต้องหยดุ ชะงกั ลง อย่างไรกต็ าม ประเทศไทยกย็ งั ต้องม่งุ มน่ั เดนิ หนา้ ต่อไป แม้วา่ จะมสี ่ิงกีดขวางบ้าง แต่ก็ตอ้ งมุง่ ไปโดย
หลบหรอื ปะทะส่ิงกีดขวางใหบ้ อบช้านอ้ ยทส่ี ดุ เร่อื งสาคญั ของการกา้ วเดนิ ไปขา้ งหนา้ กค็ ือ การไม่ท้งิ ใครไว้ข้างหลัง นั่น
หมายถงึ ถ้าเราจะวงิ่ หรอื เหยยี บคนั เร่งไปข้างหน้าน้ัน เราก็ตอ้ งอย่าลมื มองข้างหลงั ให้แนใ่ จด้วยวา่ ไมม่ ใี ครทวี่ งิ่ ตามไม่ทัน
หรอื ตกรถตกขบวนจนตอ้ งเจ็บและจากไป เร่ือง SDGs จึงไมใ่ ช่เรอ่ื งระดับประเทศแตเ่ พียงเทา่ นนั้ แต่ยังเปน็ เร่อื งของคนทกุ
คน ในทกุ พ้นื ท่ี และในทกุ ครวั เรือน การขับเคลือ่ น SDGs ในระดบั พน้ื ท่ี หรอื SDG Localization จงึ มีความสาคัญมาก แมว้ า่
ประเทศจะมีคณะกรรมการระดบั ชาติทที่ าหนา้ ท่ใี นการกาหนดนโยบายและผลกั ดนั ไปสู่การปฏิบตั กิ ต็ าม แตฟ่ ันเฟืองสาคัญ
ของการสรา้ งความยั่งยืน คอื คน ซ่ึงกระจายอยใู่ นทอ้ งถนิ่ และชุมชนทั่วประเทศ

สานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ (สศช.) ไดท้ าการศึกษาเกีย่ วกับการสรา้ งพ้นื ท่ใี ห้ย่งั ยืนในชว่ งปี 2562
โดยไดล้ งไปในพื้นท่ี 9 จังหวัด ไดแ้ ก่ น่าน เลย กาฬสินธ์ุ ยโสธร ลพบุรี ฉะเชงิ เทรา เพชรบรุ ี สุราษฎรธ์ านี และนราธิวาส และ
5 องค์กรปกครองส่วนทอ้ งถ่ิน ได้แก่ อบจ.กระบี่ อบต.บา้ นไร่ (จ.อทุ ยั ธาน)ี เทศบาลนครสรุ าษฎร์ธานี เทศบาลเมืองศรสี ะเกษ
และเทศบาลตาบลวังไผ่ (จ.ชมุ พร) ซง่ึ ครอบคลมุ พ้ืนทที่ ่ัวประเทศ พบประเดน็ สาคญั 3 ประการ คอื
1. ระดับของความเขา้ ใจเกี่ยวกับ SDGs ในแต่ละพ้นื ทม่ี ีความแตกต่างกัน โดยสว่ นมากจะเข้าใจว่า SDGsเปน็ เรือ่ งของ
สิ่งแวดล้อมเท่าน้ัน ดังน้นั การสรา้ งความตระหนักรูใ้ หไ้ ดผ้ ลจงึ ควรพจิ ารณาตามบรบิ ทของพื้นที่
2. การสนับสนนุ จากผ้บู รหิ ารและการประสานความรว่ มมอื กับภาคีเครือขา่ ย ตลอดจนการมสี ่วนรว่ มของคนในพน้ื ท่ี มี
ความสาคัญในการผลักดนั การขบั เคลอื่ น SDGs ให้บรรลผุ ล ซง่ึ การผนวกหลักความยง่ั ยนื SDGs เข้าไปในกระบวนการ
จัดทาแผนพัฒนาจังหวัดและแผนพฒั นาทอ้ งถนิ่ จะทาใหม้ ติ กิ ารพฒั นาเป็นไปอย่างครอบคลมุ มากขนึ้
3. ขอ้ มลู ตวั ชีว้ ัดระดบั จังหวดั และทอ้ งถิ่นทส่ี อดคล้องกับตัวชว้ี ัดของ SDGs ยงั มีจานวนนอ้ ย ซึง่ จงั หวดั และทอ้ งถ่ินควรให้
ความสาคญั กับการจดั เก็บข้อมลู และการนาข้อมลู ไปใช้วเิ คราะห์สถานการณใ์ นเชิงลึก ซ่ึงจะสะทอ้ นบรบิ ทการพฒั นาของพื้นท่ี
ไดช้ ดั เจนข้ึน
นอกจากน้ี สศช. ยงั ได้ประเมนิ สถานะของจงั หวัดตามมติ กิ ารพัฒนา SDGs พบวา่ แตล่ ะพื้นทม่ี ีจุดแขง็ และจดุ อ่อนทีต่ า่ งกนั
โดยยงั มีหลายพน้ื ทีท่ ี่ยงั ตอ้ งเรง่ ปดิ จุดออ่ นและเสรมิ ความเขม้ แข็ง ดังแสดงในแผนภาพด้านลา่ ง
สถานะการประเมินระดับจังหวัด ตามมิติการพัฒนาSDGs
สถานการณข์ า้ งต้นชใี้ หเ้ หน็ ว่า การขับเคลอื น SDGs ในระดับพ้ืนที ไมส่ ามารถทจี ะทา่ นโยบายแบบ “ตัดเส้ือไซสเ์ ดียว ใส่
ทุกคน” ได้ แตค่ วรจะต้องทา่ ให้เหมาะสมกบั พ้ืนทแี ต่ละแหง่ ดงั นัน้ ผู้นาชมุ ชน เจา้ หนา้ ที่รฐั บรษิ ัทเอกชน ภาควชิ าการ ภาค
ประชาสังคม รวมถงึ องคก์ รระหวา่ งประเทศ จึงมคี วามสาคญั ในการสรา้ งและบ่มเพาะหลักคดิ ความยั่งยืน หรือ SDG Mindset
ให้กบั คนในพนื้ ที่ เพอื่ ให้คนในพ้นื ท่ีเข้าใจและปรับเปล่ยี นพฤตกิ รรมทจ่ี ะสร้างสงั คมใหย้ ัง่ ยืนมากข้นึ
เพราะความยั่งยนื สร้างได้ แตต่ อ้ งสรา้ งดว้ ยกนั

LGBT+ เปิดกว้างสสู่ ังคมทเี่ ทา่ เทยี ม พง่ึ พาแต่ไม่พง่ึ พิง25 มกราคม 2022
ไทยเป็นประเทศหนงึ่ ที่ให้การยอมรบั ในความหลากหลายทางเพศ เหน็ ไดจ้ ากพลังสังคมทเ่ี รียกร้องให้มีการสมรสเท่าเทยี ม
ให้สิทธิต่อคู่ชวี ติ เพศเดียวกัน และให้รับรองสทิ ธใิ นการก่อตัง้ ครอบครวั อย่างเท่าเทยี มในทกุ เพศสภาวะ แมว้ ่าการผา่ นกฎหมาย
เพอ่ื อนญุ าตใหม้ ีการสมรสของเพศเดียวกัน หรือกล่มุ LGBT+ น้นั ยังอย่รู ะหว่างการพิจารณาของฝา่ ยบริหารและฝา่ ยนติ ิ
บัญญัตแิ ตแ่ นวโน้มพฤตกิ รรมของ LGBT+ ในการอย่รู ว่ มกันเป็น “ครอบครัว” กม็ ีมากขึน้ ในสงั คมไทย รวมท้ังมีการสร้าง
ครอบครัวกับคนต่างชาติ และร่วมกนั ตัง้ รกรากถิ่นฐานในประเทศไทย
แมว้ ่าการสารวจประชากรท่ีเปน็ ทางการของไทยยงั ไมส่ ามารถระบุจานวน LGBT+ ไดอ้ ย่างแนช่ ดั แตต่ วั เลขประมาณการของ
LBGT Capital พบว่าในปี 2562 กล่มุ LGBT+ ชาวไทยที่มีอายมุ ากกว่า 15 ปี มีประมาณ 3.6 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 5
ของประชากรไทยท้งั หมด ซ่งึ หากรวมชาวตา่ งชาติกลุ่ม LGBT+ ทีอ่ าศยั อยใู่ นไทยดว้ ยแล้วนนั้ กป็ ฏเิ สธไม่ไดว้ ่าเปน็
ประชากรกลมุ่ ใหญก่ ลุ่มหนง่ึ ในสงั คม
การบรโิ ภคทเี่ พ่มิ ขึ้น กับการออมทต่ี อ้ งวางแผน แนวโนม้ การเพม่ิ ขึ้นของกล่มุ LGBT+ สอดคลอ้ งกบั รปู แบบครัวเรอื นใน
สงั คมไทยทมี่ ลี กั ษะเปน็ “ครัวเรือนไรล้ กู หลาน” มากข้นึ โดยขอ้ มลู จาก ปิยะชาติ ภริ มยส์ วัสด,ิ์ เก้ือ วงศ์บญุ สิน และพัชราวลยั
วงศ์บญุ สนิ (2563) ระบวุ า่ ในปี 2561 ไทยมคี รัวเรอื นทไี่ รล้ ูกหลานสูงถงึ รอ้ ยละ 37.4 เพม่ิ ขึ้นจากรอ้ ยละ 26.1 ในปี 2549
หรอื ขยายตัวกว่าร้อยละ 43.3 โดยครัวเรือนในลกั ษณะนจ้ี ะจาแนกได้เป็นครัวเรอื น DINK (Double Income No Kids) คอื คู่
สมรสทไี่ ม่มีลูก และครัวเรือน SINK (Single Income No Kids) คอื คนโสดทไ่ี ม่ลกู เปน็ ที่แน่ชดั ว่ากลมุ่ LGBT+ จะถกู จดั อยู่
ในครวั เรือน SINK หรอื หากมีการผา่ นกฎหมายการสมรสเท่าเทยี มแล้ว ก็จะถูกจดั อยูใ่ นกลมุ่ DINK ซ่ึงทง้ั สองกลมุ่ นนั้ มี
แนวโนม้ เพิ่มมากข้ึนเรื่อยๆ ครวั เรอื น DINK และ SINK มีความนา่ สนใจคอื พฤตกิ รรมการบริโภคที่อาจมีระดับสูงกว่าครวั เรอื น
อ่ืน ๆ ด้วยความที่ไม่ได้มลี กู หลานให้ส่งต่อสินทรัพย์ในอนาคต ทาใหก้ ารตดั ใจสนิ ใชจ้ า่ ยในช่วงปัจจบุ ันทาได้งา่ ย ไม่ตอ้ ง
คานึงถึงพันธะตา่ ง ๆ รอบตวั ซง่ึ กลุม่ LGBT+ ก็มพี ฤตกิ รรมการบริโภคในลกั ษณะน้ีเช่นเดยี วกัน Nielsen (2015) ระบวุ ่า
ครัวเรอื น LGBT+ ในสหรฐั อเมรกิ า มกี ารเดนิ ทางเพอ่ื ช้อปปิ้งมากกวา่ ครวั เรอื นท่ีไม่ใช่ LGBT+ ถึงรอ้ ยละ 10 และมีการใช้จ่าย
โดยทั่วไปมากกวา่ ครวั เรือนอ่นื ๆ ถึงรอ้ ยละ 7 สะท้อนใหเ้ หน็ ถึงพฤตกิ รรมทางเศรษฐกิจของ LGBT+ ท่จี ะบรโิ ภคมากกว่า
เก็บออมหรอื ลงทนุ เพอื่ อนาคต

นอกจากนี้ ยงั มงี านศกึ ษาวิจยั อีกหลายช้นิ ท่ีพบวา่ ความสมั พันธข์ องการเปดิ กว้างในความหลากหลายทางเพศ มคี วามเก่ียวโยง
กบั การเติบโตทางเศรษฐกิจในสังคมหน่ึง ๆ ในทิศทางเดยี วกัน หรอื หมายความว่า หากสังคมมีการยอมรบั ในเพศทางเลือกมาก
ข้นึ เศรษฐกจิ ในสังคมนนั้ ๆ กจ็ ะดขี น้ึ ตามไปดว้ ย ความสัมพนั ธ์ดงั กลา่ วอาจอธบิ ายได้ด้วย การบรโิ ภค หรอื C ในสมการ
เศรษฐศาสตรพ์ น้ื ฐาน ECON101 ทเี่ ราคนุ้ เคยกนั อยู่แลว้ Y = C + I + G + (X – M) ซ่ึงเมอื่ C เพิ่มขึ้นจากการบรโิ ภคใน
ปัจจุบนั ตวั แปรตาม หรือ รายได้ (Y) กจ็ ะเพม่ิ ขนึ้ ไปด้วย แตใ่ นความเป็นจริงแล้ว เราไมส่ ามารถคิดไดเ้ ฉพาะในชว่ งเวลา
ปัจจบุ นั เท่านั้น แตต่ อ้ งคานึงถึงช่วงเวลาข้างหน้าด้วย ดงั น้ัน หากนาเร่ืองเง่ือนไขการใชช้ ีวิตในอนาคตของกลมุ่ LGBT+ เขา้ มา
เก่ยี วพนั ด้วยแลว้ ความกงั วลท่ีเลย่ี งไมไ่ ดค้ ือ การใชช้ วี ิตบ้ันปลายทไี่ ม่มีลูกหลานมาคอยดูแล หรอื สนบั สนุนช่วยเหลือทางด้าน
การเงนิ ดงั นัน้ การวางแผนเพือ่ การออมหลงั เกษียณ หรอื การลงทนุ เพือ่ อนาคต จงึ เป็นเรอ่ื งท่ีกลุ่ม LGBT+ จะตอ้ งให้
ความสาคญั
ซึมเศรา้ ขดั สน หลงั เกษียณ ปยิ ะชาติ ภริ มยส์ วัสด,์ิ เก้อื วงศ์บุญสนิ และพัชราวลยั วงศ์บญุ สิน (2563) กล่าวถงึ งานวจิ ยั 2
กลุม่ คือ งานวจิ ยั ในกลุ่มประเทศพฒั นาแลว้ เช่น สหรัฐอเมรกิ า สหภาพยุโรป และกลุ่มประเทศที่กาลงั พัฒนา เช่น จนี และ
ไทย โดยพบวา่ ครวั เรอื นทไ่ี รล้ ูกหลานในประเทศพัฒนาแล้วสว่ นมากไม่มผี ลกระทบเชิงลบต่อผสู้ ูงอายทุ ง้ั ในดา้ นการเงนิ และ
ด้านสขุ ภาวะทางจติ เนอื่ งจากระบบสวัสดิการในประเทศเหล่านี้ ครอบคลมุ ถงึ เงินบานาญและการดแู ลผสู้ งู อายหุ ลงั เกษียณ
ด้วยแล้ว ในขณะท่ี ในประเทศกาลังพัฒนานนั้ ผสู้ ูงอายุทอ่ี ยใู่ นครัวเรอื นไรล้ กู หลานมแี นวโนม้ ท่จี ะเปน็ โรคซึมเศร้า และรสู้ ึกไม่
มคี วามสขุ กบั การใชช้ ีวติ ซ่ึงเกิดการไมม่ ีเงินเพือ่ ใช้จา่ ยท่เี พยี งพอกบั ความตอ้ งการ และขาดคนดแู ลโดยเฉพาะในยามเจ็บปว่ ย
สาหรับประเทศไทยทีย่ ังมรี ะบบบานาญทีไ่ มค่ รอบคลมุ คนทุกกลมุ่ และระดบั การออมยังมีความเหล่อื มล้าระหว่างผมู้ รี ายไดส้ ูง
และผมู้ รี ายไดต้ า่ ความน่าจะเป็นทค่ี รัวเรือน DINK และ SINK ซึ่งรวมถึงกลุ่ม LGBT+ จะประสบปญั หาสุขภาวะทางจติ เปน็
โรคซมึ เศร้า หรือมรี ายไดไ้ ม่เพียงพอหลังเกษียณ เพราะขาดการสนบั สนนุ จากครอบครวั ก็มีโอกาสสูงมาก ซ่งึ เปน็ เรอื่ งที่นา่ วติ ก
และต้องเรง่ หาทางรบั มอื กับสถานการณท์ อ่ี าจเกดิ ข้ึนการเปดิ กวา้ งของความหลากหลายทางเพศ อย่างมีสติ
การสนบั สนนุ ให้สังคมไทยเปดิ กวา้ งยอมรบั ความหลากหลายทางเพศ นับเปน็ เรอ่ื งที่ดแี ละเหมาะสมตามครรลองการอยู่
รว่ มกนั ในสังคม ด้วยความเคารพในสทิ ธพิ ื้นฐานของความเปน็ มนุษย์ แตก่ ารดาเนนิ การดงั กล่าวจะต้องคดิ และพิจารณา
ให้รอบด้าน การผลักดันกระบวนการทางกฎหมายเพอ่ื ใหเ้ กดิ การสมรสเท่าเทียม จาเปน็ ท่จี ะตอ้ งทาไปพร้อมกบั การ
สนับสนนุ ให้กลุ่ม LGBT+ ปรับพฤติกรรมการบรโิ ภคของตัวเอง โดยควรหนั มาออมหรอื ลงทุนให้มากขึน้ ซึ่งภาคเอกชน
และสถาบันการเงนิ อาจเสนอผลติ ภณั ฑท์ ี่ดงึ ดูดกลุม่ LGBT+ ให้เกิดวางแผนหลงั เกษยี ณไดอ้ ย่างม่ันคง หรอื ผลิตภณั ฑท์ ี่
เน้นการดแู ลกลมุ่ LGBT+ ในชว่ งแกเ่ ฒา่ เพ่อื ใหส้ งั คมไทยเป็นสังคมท่เี ปดิ กว้าง พึ่งพากนั แต่ไม่พึ่งพงิ และไม่เปน็ ภาระกบั
ลกู หลานรนุ่ ต่อไป

UNDP เสนอพลิกโฉม “ภเู กต็ ” เปน็ เมืองไมซ์ ตอบโจทย์เมอื งยง่ั ยนื 2 เมษายน 2022
เน้ือหาการบรรยายเป็นส่วนหนึง่ ของการประชมุ เชงิ ปฏิบตั ิการเพ่ือขบั เคล่อื นเปา้ หมายการพัฒนาท่ีย่ังยืนเชงิ พ้นื ที่ (SDG
Localization) ผา่ นช่องทางออนไลน์ โดยมีข้าราชการและผนู้ าความเปลย่ี นแปลงระดับท้องถิน่ ทวั่ ประเทศเขา้ ร่วมรับฟัง จัด
งานโดยสานกั งานสภาพฒั นาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือสภาพฒั น์ฯ นกั เศรษฐศาสตรจ์ าก UNDP เสนอโครงการ
การพฒั นาที่ยงั่ ยืนในจงั หวัดภูเก็ตด้วยอตุ สาหกรรมไมซ์ เน้นกระจายรายไดใ้ ห้เข้าถึงคนทอ้ งถิ่น ควบคกู่ ารรักษา
สิ่งแวดลอ้ ม ลบความเสยี่ งการพง่ึ พิงตา่ งชาติ มองความทา้ ทายคืองบประมาณ ตอ้ งสอดคล้องกับเปา้ หมายการพัฒนาท่ี
ยัง่ ยนื ดร.อนรรฆ เสรเี ชษฐพงษ์ นกั เศรษฐศาสตรด์ า้ นการพัฒนา โครงการพฒั นาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) กล่าวว่า
โครงการทีเ่ กยี่ วขอ้ งกับการพัฒนาที่ยั่งยนื โดย UNDP ครอบคลมุ การทางานทั้งสน้ิ 48 จงั หวดั โดยมีโครงการเด่นๆ ไมว่ ่าจะ
เปน็ โครงการกาจดั ขยะทเี่ กาะสมยุ , โครงการปรับเสน้ ทางลดประจาทางเพอื่ ลดการใชน้ า้ มนั จังหวัดเชียงใหม่, โครงการใช้
พลงั งานแสงอาทิตย์ในตลาดสด จงั หวดั ขอนแกน่ , โครงการเปล่ยี นปม๊ั นา้ มนั เพ่อื เพม่ิ ประสิทธภิ าพการใชพ้ ลังงาน จงั หวดั
นครราชสมี า ตัวอยา่ งหนึ่งที่ UNDP เข้าไปพฒั นาเชงิ พน้ื ที่ และยกให้เป็นพ้นื ทต่ี ้นแบบคือจงั หวัดภเู กต็ เน่ืองจากวกิ ฤตโิ ควดิ -
19 ทาให้เศรษฐกจิ และแนวทางการพัฒนาภายในจังหวัดต้องหยดุ ชะงักลง ดังนั้น UNDP จงึ เขา้ ไปพฒั นาโดยตง้ั โจทย์ไว้ 3 ด้าน
คือ ด้านการพัฒนาจงั หวดั และพัฒนาแผนใหเ้ ปน็ ส่วนหน่งึ ของแผนจงั หวัด ถดั มาเป็นการประเมนิ ทรพั ยากรภายในพน้ื ที่ เชน่
การส่งเสรมิ การลงทุนของภาคเอกชน หรือการรว่ มทุนระหว่างภาครฐั และเอกชน ตลอดจนกองทนุ ด้านสง่ิ แวดล้อมฯ และดา้ น
สุดทา้ ยคอื ผลลพั ธจ์ ากการพัฒนาและตอ่ ยอดเป็นโครงการลงทนุ (Flagship Projects) เพือ่ สร้างอตุ สาหกรรมใหม่ ก่อนเกิด
วิกฤติโควดิ -19 ภเู ก็ตนับเปน็ จังหวัดทปี่ ระชากรมรี ายได้ตอ่ หัว (GDP, GRP และ GPP) สูงกว่าหลายจังหวดั แต่มปี ญั หา
เรอ่ื งโครงสรา้ งเศรษฐกจิ ท่ีผกู กบั ภาคบริการเป็นหลกั ขณะเดยี วกนั ภเู กต็ ก็มปี ญั หาสิง่ แวดล้อม อยา่ งปัญหาหลกั มาจาก

ความเจริญทางด้านการทอ่ งเทีย่ วทาให้สง่ิ แวดลอ้ มทางทะเลไดร้ ับผลกระทบอย่างรุนแรง การจราจรติดขัดจนเกดิ มลพษิ
รวมถึงการจัดการขยะและสขุ อนามัยสาธารณะพฒั นาไมท่ นั กบั การท่องเทย่ี วท่ีเตบิ โตอย่างรวดเรว็ “เศรษฐกจิ ของภูเก็ต
เหมือนศาลพระภมู ิ หากเสาน้ีลม้ ไปทั้งศาลกล็ ม้ ภเู ก็ตกอ็ ยากจะออกจากโมเดลนเี้ พือ่ ให้มั่นคงมากข้ึน ใหม้ ีรากฐานจากหลาย
เสาหลัก ซ่งึ ต้องสรา้ งข้นึ มาใหม”่ เม่ือภูเก็ตเผชญิ กับวกิ ฤติโควดิ -19 ทาใหเ้ ศรษฐกจิ ถดถอยในหลายด้าน เหน็ ได้ชัดที่สดุ คอื
รายได้เฉลย่ี ต่อเดอื นเมอื่ เทยี บระหวา่ งไตรมาส 2 ของปี 2562 กบั ปี 2563 พบวา่ รายไดล้ ดลงเหลอื 9,400 บาท จากเดมิ ท่ี
11,300 บาทส่วนกลมุ่ ทตี่ กงานมากทส่ี ุด 10 อนั ดบั แรก คือ ธุรกิจใหเ้ ชา่ รถ โรงแรมและที่พกั การขนส่งทางน้า การไฟฟ้า
การขนส่งทางบก อาหารและเครอื่ งดื่ม การผลิตอาหาร บริการนาเที่ยว โลหะ ก่อสรา้ งและคา้ สง่ -ค้าปลกี ตามลาดบั แต่
กลุ่มท่ไี ดร้ บั ผลกระทบมากทสี่ ดุ คือ ผขู้ ายบรกิ ารทางเพศ ท่ีรายไดล้ ดลงถึง 91.7% คนพน้ื ถ่ิน 94.4% และผูพ้ กิ าร 73.3%
ท้ังหมดมีรายไดไ้ มพ่ อกับคา่ ใช้จา่ ย จากปญั หาขา้ งต้นนาไปสู่การวางโมเดลใหม่ท่ีกระจายความเสย่ี งใหม้ ากกวา่ การทอ่ งเทีย่ ว
สรา้ งสมดลุ กบั การปรับเปล่ยี นโครงสร้างใหม่ ไม่พ่ึงพาต่างประเทศเปน็ หลกั และเป็นมติ รต่อสง่ิ แวดลอ้ มมากข้นึ รายละเอียด
แบ่งไดเ้ ป็น 3 ดา้ นใหญ่ และกล่มุ การพฒั นาเศรษฐกิจท้องถิน่ อีก 8 ดา้ น “ภเู กต็ เป็นหนง่ึ ในพน้ื ทท่ี ่ีต้องอาศัยทรัพยากรทาง
การเงินจากหลายพ้นื ที่ ไมใ่ ช่แคภ่ าครฐั อย่างเดยี ว กลบั ไปสู่แนวคดิ วา่ การพัฒนาเปน็ หน้าที่ของทกุ คน กระทั่งการเงินก็เปน็ ของ
ทุกคน เพราะทรพั ยากรของรฐั เหลือนอ้ ยลง ส่วนกลางจัดสรรงบประมาณได้น้อย อยา่ งงบประมาณรายจา่ ยลงทุนของภูเก็ตก็
นอ้ ยลงตงั้ แต่ปี 2561” ในปี 2564 ภูเกต็ ต้งั งบประมาณผา่ นแผนพฒั นาจงั หวัดทง้ั ส้นิ 196 โครงการ มลู คา่ 42,817 ลา้ น
บาท และมี 32 โครงการ มลู ค่า 304 ล้านบาททีไ่ ด้รบั การจดั สรรใหอ้ ยูใ่ นแผนพฒั นาจังหวดั แต่สุดทา้ ยได้รบั งบประมาณ
10 โครงการ มลู คา่ 120 ลา้ นบาท เมอ่ื ภูเกต็ ไดร้ ับงบประมาณไมเ่ พียงพอต่อความตอ้ งการทเี่ สนอไปยงั ส่วนกลาง ทาให้
จงั หวัดต้องปรบั แผนงานตามงบประมาณทไ่ี ดร้ ับภายในวงเงนิ 120 ล้านบาท ขณะเดียวกัน ‘วิสาหกจิ ชุมชน’ ในฐานะผู้
ขบั เคลอ่ื นโครงการทเี่ กี่ยวขอ้ งกับการพฒั นาท่ยี ัง่ ยนื ไมไ่ ดร้ บั งบประมาณในการดาเนนิ โครงการ แต่จะขอสนิ เช่ือจากสถาบัน
การเงิน โดยดร.อนรรฆ อธบิ ายเหตุผลทสี่ ถาบนั การเงนิ ไม่อนมุ ตั ิสินเชอื่ ใหว้ ิสาหกิจ เน่ืองจากปัญหาหลกั คือวิสาหกจิ ชุมชนสว่ น
ใหญ่ประสบปัญหาการปรับโครงสรา้ งหน้ี ถดั มาคอื เม่ือวิสาหกจิ จะขอสินเชื่อก็ไมม่ หี ลักฐานแสดงรายได้ โดยเฉพาะหลักฐาน
ทางบัญชใี นช่วง ปี 2563-2564 หรอื ชว่ งโควิด-19 นอกจากนว้ี ิสาหกจิ ยังติดเครดติ บโู ร และไมม่ หี ลกั ทรพั ยค์ ้าประกนั จน
สุดท้ายไมไ่ ด้รบั งบประมาณสนบั สนนุ โครงการความย่งั ยืนท้ังจากภาครัฐและเอกชน อยา่ งไรก็ตาม ดร.อนรรฆ ยา้ ว่าการทาให้
ภูเกต็ เป็นเมืองยง่ั ยนื จะพงึ่ เพยี งภาควิสาหกจิ ไม่ได้ แต่ตอ้ งอาศยั แรงจากภาครัฐและเอกชนใหเ้ ขา้ มามสี ว่ นร่วม โดยมกี ลไก
สาคญั คือภาครัฐ ซ่งึ เปน็ ผู้ดาเนนิ การตามแผนพัฒนาจงั หวัดฯ เปน็ ผนู้ าท้งั หมด จากการเกบ็ ข้อมูลและวิเคราะหศ์ ักยภาพพน้ื ที่
UNDP จึงเสนอวา่ โครงการนาร่องในจังหวดั ภเู กต็ ควรจะเป็นในแนวทาง MICE (Meetings, Incentive Travel,
Conventions, Exhibitions) กลา่ วคือเนน้ การท่องเทยี่ วกล่มุ ไมซ์ สร้างศูนย์การทอ่ งเที่ยวสขุ ภาพท่เี ปน็ มติ รกบั สงิ่ แวดลอ้ ม
นอกจากนน้ั ต้องพฒั นาศักยภาพของผูป้ ระกอบการทอ้ งถิน่ ใหร้ องรบั อุตสาหกรรมไมซ์ “ภเู กต็ ไม่เคยมศี นู ย์ประชมุ ใหญๆ่ ท่ี
รองรับคนไดเ้ ยอะมากอ่ น เมอื่ มีอเี วนต์ใหญๆ่ ถกู พ้ืนทอ่ี ื่นแยง่ ไปหมด ดังน้นั การลงทนุ ศูนย์ประชมุ จึงเปน็ ทางเลือกที่
น่าสนใจ และตอนนภ้ี เู ก็ตเร่มิ พฒั นาจุดแขง็ เรอื่ งการรกั ษา ภูเกต็ มีโรงพยาบาลดีๆ ไมแ่ พ้กรุงเทพฯ ดงั น้ันตอ้ งตอ่ ยอดให้
เป็น Health and Wellness Center พรอ้ มกบั การพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่”
“พื้นทกี่ ารพัฒนาในอนาคตต้องนอกเหนือไปจากภเู กต็ และป่าตอง ทผ่ี า่ นมารายได้ในจังหวัดกระจุกตวั ในตัวเมือง ภูเกต็ และป่า
ตอง แตถ่ า้ โครงการไปเกดิ ขึ้นกบั พ้ืนทอี่ ื่นจะมสี ่วนในการกระจายรายได้”
UNDP เสนอมาตรการดา้ นการเงนิ การคลัง และการดึงดดู การลงทนุ จากภาคเอกชน 5 ดา้ น ดงั นี้
1. ส่งเสรมิ ศักยภาพการจดั เก็บรายได้ โดยเฉพาะในระดับท้องถ่ิน และจดั สรรการลงทนุ เพือ่ สนบั สนนุ เป้าหมายหลักในการฟื้นฟู
ภเู กต็
2. กองทนุ เพื่อสังคมสาหรบั ภูเกต็ สามารถจดั ต้ังไดเ้ พ่อื การฟ้ืนฟูในระยะส้นั
3. ส่งเสรมิ การลงทุนจากภาคเอกชน รวมถึงการรว่ มลงทนุ ระหว่างรฐั และเอกชนในโครงการการพัฒนาจงั หวดั
4. พิจารณาแหล่งทนุ เพือ่ การพัฒนาตา่ งๆ รวมถงึ กองทนุ ระดับภมู ภิ าคเพ่ือการฟ้นื ตวั จากโควดิ -19 กองทุนเพอ่ื สง่ เสริมการพฒั นา
ทเ่ี ปน็ มิตรกบั ส่ิงแวดลอ้ ม (Climate and Green Funds)
5. เรมิ่ จากจดั ทาโครงการพัฒนาท่ีสอดคล้องกบั เป้าหมายของจังหวัด และให้ผลตอบแทนทีเ่ หมาะสมกับผลู้ งทนุ ไปพร้อมกนั
“การมเี ปา้ หมาย SDG เปน็ พนื้ ฐานจะช่วยเปดิ โอกาสการลงทุนมากขนึ้ โอกาสไดร้ บั ทรัพยากรทางการเงิน ที่สาคญั คอื ไมไ่ ดช้ ่วย
แคส่ นับสนนุ SDG แต่มันทาใหไ้ ดผ้ ลตอบแทนทเี่ หมาะสมกบั ผู้ลงทนุ ไปพร้อมกนั ไมไ่ ดห้ มายความวา่ โครงการยัง่ ยืนจะไม่ได้
กาไร”
หลักเกณฑ์ในการคดั เลือกโครงการเพ่อื การพฒั นาทย่ี ั่งยืนจะต้องมองควบค่ไู ปกบั หลักการพฒั นาเชิงพ้ืนที่ 6 ด้าน คือ

(1) การสร้างความตระหนกั รู้ โดยเฉพาะการใหว้ ธิ ีคดิ วา่ การสรา้ งการพฒั นาเปน็ เรอื่ งของทกุ คน ไมใ่ ชห่ น่วยงานใดหนว่ ยงาน
หนึ่ง
(2) การสร้างระบบการขับเคลือ่ นเชงิ สถาบัน เนอ่ื งจากในพื้นที่จะมศี ูนยก์ ลางประสานงาน ทัง้ ภาครัฐและเอกชน ตลอดจนกลมุ่
เยาวชนและกลุ่มผ้ทู ี่ถกู ทิ้งเบื้องหลงั เช่น ผูพ้ กิ าร ผขู้ บั เคลอื่ นความเสมอภาคทางเพศหรอื คนชายขอบ
(3) การวางแผนอย่างเป็นองคร์ วม ภายใตแ้ นวคิดว่า “ทาอย่างไรใหก้ ารพฒั นาทยี่ ัง่ ยืนเข้าไปอยู่ในแผนพัฒนาจงั หวัดหรือพน้ื ท่ี
ได”้
(4) การวางแผนดา้ นทรพั ยากรการเงนิ และทาให้การใชง้ บประมาณสอดคล้องกับการพัฒนาพน้ื ที่มากทสี่ ุด
(5) การขบั เคลื่อนในทุกภาคส่วน โดยใหห้ นว่ ยงานเลือกตัวชว้ี ดั ท่ตี อ้ งการขบั เคลอ่ื นและเหมาะสมกับพน้ื ท่ี
(6) การตดิ ตามและรายงานผล
ทง้ั หมดต้องคานึงถึงผลกระทบระยะส้นั ไม่เกนิ 5 ปี ผลกระทบระยะยาวภายใน 10 ปี โดย ดร.อนรรฆ ยกตัวอย่างการทา
โครงการทีเ่ รม่ิ จากประเด็นของพน้ื ที่ เชน่ การพัฒนาผู้ประกอบการ การเสรมิ สร้างความเสมอภาคทางเพศ การเสริมสรา้ ง
ความรว่ มมือระหวา่ งพืน้ ที่ เปน็ ต้น
ขณะทีก่ ารดาเนนิ งานด้านความยง่ั ยนื ดา้ นสังคมและสง่ิ แวดลอ้ มมหี ัวใจสาคัญคือ ประเด็นท่คี นในพน้ื ท่มี สี ว่ นร่วม ท้งั ดา้ นรายได้
และผลประโยชนร์ ะยะยาว ตลอดจนผลกระทบตอ่ ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดล้อม โดยเฉพาะประเดน็ การปลอ่ ยกา๊ ซเรอื น
กระจก

อีสานกบั การพัฒนาท่ียง่ั ยนื ภายใตก้ รอบ “BCG Model”2 พฤศจิกายน 2021
หนงึ่ ในประเดน็ สาคัญของประเทศไทยในการประชมุ ผู้นาเขตเศรษฐกจิ เอเชีย-แปซิฟิกหรอื เอเปคปี พ.ศ. 2565 ท่กี าลังจะจัดข้ึน
น้ี คอื การผลกั ดนั โมเดลเศรษฐกจิ BCG Economy Model ซ่ึงมุ่งพฒั นาเศรษฐกจิ ให้มีความยัง่ ยนื ควบคไู่ ปกบั การรกั ษา
ส่ิงแวดลอ้ ม ดว้ ยการปรับใชใ้ ห้เขา้ กับศกั ยภาพของอุตสาหกรรมในประเทศไทย
ประเทศไทยโดยเฉพาะภาคอีสาน มจี ุดแขง็ ในด้านความหลากหลายทางชวี ภาพ ความพรอ้ มของแรงงาน และพ้นื ทเ่ี พาะปลูก
ซึง่ จะช่วยให้เกดิ การกระจายรายได้อยา่ งเปน็ ธรรมมากข้ึน อีกทง้ั เปน็ มติ รกบั สงิ่ แวดลอ้ มในระยะยาว ดงั น้ันแลว้ ภาคอสี านจึง
มคี วาสาคญั ในฐานะทม่ี ีความหลากหลายของทรพั ยากรและเป็นทตี่ งั้ ของแหลง่ อตุ สาหกรรมต่าง ๆ
ภมู ิภาคอสี านวนั น้แี ละในอดีตมคี วามแตกต่างกันอย่างมาก โลกาภวิ ัตน์และการเข้ามาของเทคโนโลยไี ด้ส่งผลทาให้จากเดิมที่
อีสานเคยมีลกั ษณะเศรษฐกจิ แบบพอยงั ชีพ โดยเฉพาะการทาเกษตรกรรมซ่งึ เปน็ อาชีพหลกั
แต่ในปัจจบุ ัน ภาพของชาวนาอีสานในอดีตเปลยี่ นไป คนอสี านท่ยี งั ประกอบอาชีพเกษตรกรรมและสามารถเลยี้ งชีพได้นน้ั
มกั จะมที น่ี าเยอะพอสมควร และมีผลผลิตสว่ นเกินจากการทาเกษตรเพ่ือบริโภค มาขายเพ่อื หารายไดอ้ ีกทางหนง่ึ
ในขณะที่การเพาะปลกู แตกตา่ งจากอดตี โดยมีการจา้ งแรงงานและใชเ้ ทคโนโลยีมากข้ึน มกี ารใชเ้ ครื่องจักรในการทานา ท้งั รถ
ไถ รถแทรก็ เตอร์ และรถเกย่ี วขา้ ว อกี ท้ังมีการจา้ งแรงงานในทุกขั้นตอน ในด้านท่พี กั อาศยั สาหรบั พกั ผอ่ นชว่ งกลางวันระหว่าง
ทานา (เถียงนาหรอื เถยี งไฮ่) ก็เปลยี่ นไปเช่นกัน โดยในอดตี ชาวนาอสี านปลกู เถยี งนาเป็นเพงิ สรา้ งและรอ้ื ถอนไดง้ า่ ย แต่
ปัจจบุ นั เถยี งนาถูกสรา้ งอยา่ งแขง็ แรง มีส่งิ อานวยความสะดวกมากมาย อาทิ ห้องน้า เครอ่ื งใชไ้ ฟฟ้า เคร่ืองประกอบ
อาหาร เปน็ ตน้ จุดแขง็ อกี หน่ึงอย่างของภาคอสี านคอื ภาคการคา้ และบรกิ าร โดยเฉพาะประเด็นแรงงาน เม่อื การทา
เกษตรกรรมไมส่ ามารถสรา้ งรายได้ท่ีเหมาะสมเพือ่ เลย้ี งชีพ ชาวอีสานจงึ หนั ไปทางานรับจ้างในชมุ ชนและรบั คา่ จา้ งรายวัน อกี
ทัง้ ยงั ทาใหเ้ กดิ การพบปะสังสรรคแ์ ละแลกเปล่ียนข้อมลู ข่าวสาร นอกจากการรับจ้างในชุมชนแลว้ การอพยพของแรงงาน
อสี าน ไปยงั ภมู ภิ าคอนื่ ๆ และกรงุ เทพฯ ยังเป็นส่วนสาคญั ของการสรา้ งรายไดแ้ ละการเตบิ โตทางเศรษฐกิจของภาคอีสานและ
ประเทศไทย โดยแรงงานอพยพจากภาคอีสานเป็นกาลงั หลักของโรงงานอตุ สาหกรรมตา่ ง ๆ รวมถึงลกู จา้ งร้านอาหาร
พนกั งานป๊มั นา้ มัน คนรับจา้ งทางานบ้าน แรงงานประมง ลกู จา้ งในไรส่ วนท่ตี ัง้ อยใู่ นภมู ิภาคอ่นื และสง่ เงนิ ค่าจา้ งกลบั ไปให้
ครอบครวั ทอ่ี ยภู่ าคอสี าน นอกจากนี้ มบี างสว่ น ทีย่ ้ายไปภมู ภิ าคอื่นแลว้ ลงหลกั ปักฐานถาวร มีท่ีดนิ ทากิน และอยู่รว่ มกบั
ชุมชนท้องถนิ่ ได้เปน็ อย่ างดอี ีกด้วย
โรงงานรับซอ้ื ยางพาราในภาคอสี าน นอกจากภาคการเกษตรและแรงงานแล้ว อีสานยังเป็นท่ตี ัง้ ของแหล่งอตุ สาหกรรมต่าง ๆ
โดยอุตสาหกรรมสว่ นใหญ่กระจกุ ตัวอยตู่ ามเมืองหลัก อาทิ นครราชสมี า ขอนแกน่ เป็นต้น ส่วนมากอยใู่ นอุตสาหกรรมกลุม่
อาหารและเครอื่ งดืม่ ในขณะที่กลมุ่ อเิ ลก็ ทรอนิกส์ (กระจุกตัวใน จ.นครราชสมี า) ผลติ ภณั ฑจ์ ากยางและพลาสตกิ (สว่ นใหญ่
กระจกุ ตัวใน จ.นครราชสมี า บงึ กาฬ อดุ รธานี และบรุ รี มั ย์) และส่งิ ทอ (กระจายตัวอยใู่ นทกุ จังหวัดโดย จ.ขอนแกน่ มีสัดส่วน

มากท่สี ุด) เร่ิมมบี ทบาทและสรา้ งรายไดใ้ ห้กับภาคอสี านมากขึน้ ในขณะทีอ่ ตุ สาหกรรมเครอื่ งแต่งกายเป็นฐานรายไดเ้ ดิมจาก
อุตสาหกรรมในภาคอีสาน
ด้านการจดั ตง้ั นคิ มอตุ สาหกรรมนน้ั มอี ยู่ 2 แห่งดว้ ยกนั ได้แก่ เขตอตุ สาหกรรมสุรนารี จ.นครราชสมี า เปน็ แหลง่ ผลิตอปุ กรณ์
อเิ ล็กทรอนิกส์ อุปกรณร์ ถยนต์ สขุ ภณั ฑ์ และพลาสติก อีกหนงึ่ แหง่ เป็นนคิ มอุตสาหกรรมสีเขียวแห่งแรกของภาคอสี าน คอื
นคิ มอตุ สาหกรรมอดุ รธานี ซ่งึ มีกาหนดแลว้ เสรจ็ ในปี พ.ศ. 2564 นี้ โดยเน้นการบรหิ ารจดั การความยงั่ ยืนและความสมดุลของ
เศรษฐกจิ สงั คม และสงิ่ แวดลอ้ ม ควบคู่ไปกบั การสรา้ งรายไดแ้ ละความเจรญิ ให้แก่ภาคอสี าน
อีกทั้งยงั มคี วามได้เปรยี บเชงิ ภมู ิศาสตร์ เน่ืองจากอยู่ในโครงข่ายคมนาคมและการขนส่งที่เชื่อมต่อกับประเทศเพ่ือนบ้านและ
ตอนใตข้ องประเทศจีนโดยใชถ้ นนเสน้ R12, R8 และ R9 อีกทงั้ ยงั อยใู่ นเสน้ ทางรถไฟทางคู่และทางรถไฟความเรว็ สูงกรงุ เทพ-
หนองคาย ซ่ึงได้รองรับการขนส่งสนิ คา้ ทางรางเพอ่ื ขนสง่ ไปยังทา่ เรอื แหลมฉบงั และเขตเศรษฐกิจพเิ ศษภาคตะวนั ออกอีกดว้ ย
โดยนิคมแห่งนมี้ อี ุตสาหกรรมเป้าหมายหลายประเภท อาทิ ยางพารา ขนั้ ปลาย แปรรูปผลติ ภณั ฑเ์ กษตร ผลิตชิน้ สว่ น
ยานพาหนะและประกอบรถยนต์ อุตสาหกรรมอเิ ลก็ ทรอนิกส์ เปน็ ตน้
จะสังเกตได้ว่าอตุ สาหกรรมในภาคอีสานมคี อ่ นข้างมากและหลากหลาย กอปรกับโครงขา่ ยคมนาคม ทเี่ ช่อื มตอ่ ระหว่างกรงุ เทพ
กบั เมืองหลักในภาคอสี าน และต่อไปยังประเทศเพ่อื นบา้ น รวมถึงประเทศจนี ดว้ ยนั้น จะช่วยให้เศรษฐกจิ ของภาคอีสานเตบิ โต
ได้อย่างรวดเร็ว ความเจรญิ ทเ่ี ข้าสภู่ าคอีสานและการพัฒนาเศรษฐกจิ ในหลาย ๆ ดา้ น ส่งผลให้วถิ ีชวี ติ ของคนอสี านเปลีย่ นไป
จากเดมิ ทภี่ าคอีสานปราศจากโรงงานอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัย ศนู ยร์ าชการ หา้ งสรรพสินคา้ ฯลฯ ดงั นัน้ แลว้ วิถีชวี ติ ของ
คนอีสานส่วนใหญจ่ ึงผกู ตดิ อย่กู ับความเปน็ เกษตรกรและการประมง แตท่ วา่ ภายหลงั จากท่เี ทคโนโลยแี ละโลกาภิวัตน์ขยาย
เข้ามาสู่อสี าน ไดเ้ กิดความเจริญและสิ่งรองรบั ตา่ ง ๆ เพอื่ อานวยความสะดวกขนึ้ มา โดยเฉพาะโรงงานอุตสาหกรรม ย่อมเป็นท่ี
รับทราบกนั อย่างชัดเจนว่าหากตอ้ งการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ จะตอ้ งมกี ารพฒั นาอุตสาหกรรมจนทาใหด้ ัชนแี ละ
ตัวชว้ี ัดด้านเศรษฐกจิ ต่าง ๆ เตบิ โตข้นึ อยา่ งไรกต็ าม อตุ สาหกรรมกย็ อ่ มส่งผลเสยี ตามมาเช่นกัน ปัญหาทพ่ี บจากการพัฒนา
อุตสาหกรรมมีอยา่ งมากมาย อาทิ ปญั หาส่ิงแวดล้อมตา่ ง ๆ ไมว่ ่าจะเปน็ นา้ เสยี อากาศเปน็ พิษ หรอื ในดา้ นทรพั ยากรตา่ ง ๆ ท่ี
เรม่ิ ไมเ่ พียงพอตอ่ การปอ้ นเขา้ สโู่ รงงานอตุ สาหกรรมเหลา่ น้ี อีกท้งั ความเหลอื่ มล้าและการกระจายรายได้ยงั เปน็ ปัญหาทสี่ าคัญ
ท่ีเกิดจากการพัฒนา จนมกี ารต้ังคาถามวา่ “การพฒั นาในปัจจบุ นั ย่งั ยนื หรอื ไม”่ และ “เราจะพฒั นาประเทศให้ย่งั ยืนได้
อยา่ งไร” จึงเป็นท่ีมาของขอ้ เสนอการพัฒนาประเทศภายใต้กรอบ BCG Economy Model ซงึ่ มุ่งพัฒนาเศรษฐกิจควบคไู่ ปกับ
การสรา้ งความยัง่ ยืน อีกทงั้ ลดความเหล่อื มลา้ ในสงั คมดว้ ย รปู แบบการพฒั นาเศรษฐกิจ BCG น้นั เป็นการพฒั นาโดยอาศัย
แนวคิด 2 ประการ ไดแ้ ก่ B – Bio Economy หรอื เศรษฐกจิ ชวี ภาพ และ C – Circular Economy หรอื เศรษฐกจิ หมนุ เวยี น
สอดรบั กบั แนวคดิ เศรษฐกจิ สเี ขียว G – Green Economy และอาศยั จุดแขง็ ของภาคอีสานท่ีมีทรพั ยากรและความพรอ้ มใน
หลายดา้ น โดยการพัฒนาตามแผนพัฒนาภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ พ.ศ. 2560 – 2565 ยุทธศาสตรก์ ารพฒั นาที่ 3 เร่อื งการ
สรา้ งความเขม้ แข็งของฐานเศรษฐกจิ ภายในควบคู่กับการแกป้ ัญหาทรัพยากรธรรมชาติและสิง่ แวดล้อม มแี นวทางส่งเสรมิ และ
พฒั นาเศรษฐกิจชีวภาพให้เปน็ ฐานรายไดใ้ หมท่ ่สี าคญั ของภาคอสี าน โดยมุ่งเนน้ การลงทุนด้านการวจิ ัยและนวตั กรรมข้ันสูง
เพ่อื นาทรพั ยากรชวี ภาพ (พืช สัตว์ จุลินทรีย์) วัสดเุ หลอื ทิ้งทางการเกษตรของเสยี และนา้ เสยี จากโรงงานอุตสาหกรรม ฟารม์
ปศุสตั ว์ และชุมชน มาต่อยอดใหเ้ ป็นผลติ ภณั ฑช์ วี ภาพมลู ค่าสูง อกี ทง้ั พัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ เพ่อื ใหเ้ กดิ การปฏิรปู ภาค
การเกษตร อาหาร สาธารณสุข พลังงาน อุตสาหกรรมเคมี และภาคสังคม ในขณะเดยี วกัน มกี ารวางแผนพัฒนาให้ จ.
นครราชสมี า ขอนแกน่ อบุ ลราชธานี และสกลนคร เป็นศนู ย์กลางอตุ สาหกรรมเกษตรแปรรูปและอาหารแบบครบวงจร
ในพื้นทีข่ อง จ.สกลนคร มหาสารคาม สุรินทร์ อานาจเจรญิ และอุดรธานีน้นั มีการพัฒนาเทคโนโลยีการผลติ ในด้านผลติ ภณั ฑ์
สมุนไพรเพอื่ ใหไ้ ดม้ าตรฐาน GMP และสร้างแบรนดเ์ พ่อื เพม่ิ ความสามารถในการแขง่ ขันและสง่ ออก
อกี ทัง้ มกี ารส่งเสรมิ อุตสาหกรรมใหม่ในกลุ่มพ้นื ทภี่ าคอสี านตอนกลางและตอนลา่ ง ด้วยการพัฒนาต่อยอดเพ่อื ทาผลติ ภณั ฑ์
ชีวภาพมลู คา่ สงู อาทิ ชวี เภสัชภณั ฑ์ โปรตนี ทางเลือก ผลติ ภณั ฑอ์ นิ ทรยี ์ พลาสตกิ ชีวภาพ (bio-plastic) เอนไซมห์ รอื อาหาร
เสรมิ สขุ ภาพจากจลุ นิ ทรีย์ เปน็ ตน้ รวมท้งั การนาวตั ถดุ ิบ ของเหลือท้งิ ทางการเกษตร ขยะจากครัวเรอื น มาผลติ เปน็ พลังงาน
เพื่อใช้ในครวั เรอื น โดยมวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พือ่ ส่งเสริมการใช้พลังงานหมนุ เวียน และสร้างความมัน่ คงทางพลังงานในระดบั ชมุ ชนใน
ดา้ นเกษตรกรรม ภาคอีสานมจี ดุ แขง็ ในด้านการผลติ ข้าวหอมมะลิคณุ ภาพสูงจากแหลง่ ผลิตทุ่งกลุ าร้องไห้ ในพนื้ ที่ จ.
ยโสธร สรุ นิ ทร์ ร้อยเอ็ด มหาสารคาม และศรสี ะเกษ สามารถนาเอาโมเดลเศรษฐกิจ BCG มาปรับใชใ้ นด้านเศรษฐกจิ สี
เขียว โดยปรบั การผลติ ใหไ้ ด้มาตรฐานเกษตรปลอดภัย พัฒนาห่วงโซเ่ กษตรอินทรียใ์ หค้ รอบคลมุ ทกุ ข้ันตอนการผลิต
สง่ เสรมิ การใช้นวตั กรรมในการผลติ และแปรรปู ยกระดบั ราคาสนิ คา้ เกษตรอินทรียใ์ หแ้ ตกต่างจากสนิ ค้าเกษตรที่มีการใช้
สารเคมีในกระบวนการผลติ การจดั มาตรฐานรองรบั เกษตรอนิ ทรยี แ์ ละกระบวนการตรวจสอบ พร้อมทง้ั จัดทาฐานขอ้ มลู

เกษตรอินทรยี ์ เพอื่ วางแผนในการผลิต การวจิ ัยและพฒั นานวัตกรรม การส่งเสริมตลาดสเี ขยี วในท้องถิ่น รวมถงึ การ
จาหนา่ ยสนิ คา้ ผา่ นชอ่ งทาง E-commerce ทัง้ ในและตา่ งประเทศ การท่องเทยี่ วเชงิ นเิ วศหรอื การท่องเทีย่ วสเี ขยี ว กเ็ ปน็ อีก
หน่ึงทางทีน่ า่ สนใจสาหรับการพฒั นาภาคอสี านตามแนวทางเศรษฐกจิ BCG ซงึ่ การทอ่ งเทย่ี วเป็นชอ่ งทางหลักในการสรา้ ง
รายไดเ้ ข้าสปู่ ระเทศ โดยแนวทาง BCG นีจ้ ะปรับให้เปน็ การท่องเท่ียวสเี ขียว มีการสง่ เสรมิ การท่องเท่ยี วเชิงวฒั นธรรมในแต่ละ
พ้นื ท่ี เพอ่ื สรา้ งการรบั รสู้ ินคา้ และบรกิ าร อกี ทงั้ ยังสะท้อนให้เห็นถึงอตั ลักษณ์ของชุมชนและเมอื งเกา่ ในภาคอสี าน อาทิ
เมอื งเกา่ บรุ ีรมั ย์ เมอื งเก่าพมิ าย เมืองเกา่ สรุ ินทร์ เปน็ ตน้
นอกจากนี้ การดึงเอาอัตลกั ษณเ์ ฉพาะทอ้ งถิน่ ใน แต่ละแหง่ ทโ่ี ดดเดน่ ลอกเลียนแบบไดย้ าก มาสร้างเปน็ เส้นทางท่องเทย่ี วเพื่อ
เพมิ่ ระยะเวลาพานกั และคา่ ใช้จ่ายของนกั ทอ่ งเทย่ี วท่จี ะไปถึงมอื คนในชมุ ชน พฒั นาความรแู้ ละมาตรฐานการใหบ้ ริการของ
ผปู้ ระกอบการท่องเทย่ี วใหม้ คี วามเปน็ มืออาชพี พัฒนาการท่องเที่ยววิถชี วี ิตลุม่ แม่น้าโขงในแถบจังหวดั เลย หนองคาย บึงกาฬ
เป็นตน้ และเชอ่ื มตอ่ ไปยังประเทศเพอื่ นบ้าน การท่องเทย่ี วยคุ กอ่ นประวัติศาสตร์ในแถบจงั หวัดขอนแก่น กาฬสนิ ธ์ุ ชัยภมู ิ
และชมแหล่งธรรมชาติในแถบจงั หวดั ชยั ภมู ิ เลย นครราชสมี า อบุ ลราชธานี กเ็ ปน็ อีกส่ิงหนง่ึ ทโี่ ดดเดน่ ในภาคอสี าน รวมถึงการ
ท่องเทยี่ วเชงิ นเิ วศเกษตร ที่เกษตรกรสามารถพฒั นาแหล่งทาการเกษตรของตนให้เป็นแหล่งท่องเท่ยี วเพอื่ เพมิ่ รายได้อีกทาง
หนง่ึ ดว้ ย การพฒั นาเศรษฐกิจในรปู แบบ BCG Economy Model น้ี จะเหน็ ไดว้ ่ามสี ว่ นช่วยพฒั นาเศรษฐกิจของภาค
อีสานและประเทศไทยไดอ้ ยา่ งยั่งยืน มีการพัฒนาโดยอาศัยจดุ แข็งของภาคอีสานในด้านต่าง ๆ อาทิ เกษตรกรรม การ
ทอ่ งเท่ยี ว เปน็ ต้น และดาเนินการตามแนวทางเศรษฐกิจสเี ขยี ว ซ่ึงพบว่าภาคอสี านมคี วามเหมาะสมต่อรูปแบบการ
พัฒนาน้ีเป็นอยา่ งมาก และจะชว่ ยใหอ้ สี านเปน็ ภูมภิ าคทม่ี ีการกระจายรายได้อย่างท่วั ถงึ อกี ทง้ั เป็นมิตรต่อสิ่งแวดลอ้ มใน
ระยะยาว นอกจากนี้ ยังตอบคาถามท่วี า่ “เราจะพฒั นาประเทศใหย้ ง่ั ยนื ได้อยา่ งไร” ดว้ ย

สถานะประเทศไทยจาก SDG Index: 4 ปผี า่ นไป อะไรดขี ึ้นหรอื แยล่ งบา้ ง ?18 กุมภาพนั ธ์ 2020
 SDG Move หรือโครงการวจิ ยั และสนบั สนนุ เป้าหมายการพัฒนาทยี่ ่ังยนื เป็นหนึง่ ในองคก์ รสาคญั ด้านวชิ าการของ
ประเทศไทยผมู้ ีบทบาทสาคญั ในการขบั เคลอ่ื นประเด็นการพัฒนาทย่ี ังยนื่ แหง่ องคก์ ารสหประชาชาติ (Sustainable
Development Goals: SDGs)
 ในบทความพิเศษ “สถานะประเทศไทยจาก SDG Index: 4 ปีทีผ่ ่านไป อะไรดีขนึ้ หรอื แยล่ งบา้ ง” ผชู้ ว่ ย
ศาสตราจารยช์ ล บนุ นาค ผูอ้ านวยการโครงการ SDG Move ผเู้ ขียนได้ถอดรหัสสถานะความย่ังยนื ประเทศไทย
ผ่าน SDG Index อย่างนา่ สนใจ โดยวเิ คราะหส์ ถานะความยง่ั ยืนประเทศไทยผ่านมมุ เลนสข์ องผูท้ ีเ่ ขา้ ใจเง่อื นไข
เครอื่ งมือในการช้วี ดั นใ้ี นระดับเป้าหมาย (goals) และเปา้ ประสงค์ (targets) แบบเจาะลึก พร้อมอธบิ ายถงึ ทมี่ าของ
อันดบั สูงสดุ ของประเทศไทยในลาดบั ที่ 40 ของโลกชนะเหนอื ประเทศในอาเซียน และเป็นไดอ้ ยา่ งไรทไี่ ทยสามารถ
ยืนหนงึ่ แซงหน้าสงิ คโปร์

นับจากปที ่ีเปา้ หมายการพัฒนาทย่ี งั่ ยืนเริ่มดาเนนิ การในปี 2016 น่กี เ็ ข้าปีท่ี 5 ของ SDGs แลว้ เหลอื เวลาอกี ประมาณ 10 ปีท่ี
เราจะชว่ ยกันผลักดนั ใหป้ ระเทศและโลกของเราบรรลสุ ูค่ วามยั่งยืน หนึ่งในดชั นที ่ผี ู้คนร้จู กั และนิยมใชเ้ ปน็ ข้อมูลอา้ งอิงเม่ือพูด
ถึงสถานะ SDGs ของประเทศต่างๆ รวมถึงประเทศไทย กค็ อื SDG Index บทความนจ้ี ะนาเสนอสถานะของประเทศไทยในปี
2019 กอ่ นเพ่ือให้ผอู้ ่านเห็นสถานะปจั จบุ นั ของประเทศไทย แล้วจากนน้ั จึงย้อนเวลากลบั ไปนบั ตง้ั แต่ SDG Index เรม่ิ รายงาน
สถานะของประเทศตา่ งๆ โดยเรม่ิ ตง้ั แตป่ ี 2016 มาจนถึงปี 2019 เพอ่ื ดูวา่ 4 ปีผา่ นมาสถานะดา้ นตา่ งๆ ของประเทศไทยเปน็
อยา่ งไร
1. บางประเดน็ ท่ีควรทราบกอ่ นพจิ ารณาSDG Index
อยา่ งไรกด็ ี ก่อนทจี่ ะกลา่ วถงึ สถานะ SDGs ของประเทศไทยตาม SDG Index มีบางประเดน็ ทผี่ อู้ ่านควรทราบเก่ยี วกบั SDG
Index เสียกอ่ น
ประการแรก SDG Index ไมใ่ ช่ดชั นีทางการทีใ่ ช้ในการตดิ ตามการดาเนินงาน SDGs ขององคก์ ารสหประชาชาติ แต่เป็นดัชนี
ท่ีจดั ทาขน้ึ โดยเครอื ข่ายการแก้ปญั หาการพัฒนาที่ยงั่ ยืน (sustainable development solutions network: SDSN) รว่ มกบั
มูลนิธิ Bertelsmann (Bertelsmann Stiftung)
ประการทสี่ อง ตวั ช้ีวัดใน SDG Index มบี างตัวท่ีสอดคลอ้ งกับ SDG indicators แต่กม็ อี ีกหลายตวั ทีไ่ ม่ใชต่ ัวชวี้ ดั ทางการของ
SDGs แต่เปน็ ตวั ชวี้ ัดทท่ี ีมงานของผจู้ ดั ทาพฒั นาข้ึนมาภายใต้ความจากัดของข้อมลู
ประการท่ีสาม SDG Index ไม่ไดส้ ะทอ้ นภาพเป้าประสงคท์ ั้งหมดของ SDGs แตเ่ ป็นภาพสถานะของเป้าประสงค์ทพ่ี อมีขอ้ มูล
และเป็นสาระสาคัญของเปา้ หมายนัน้ ๆ ในมมุ มองของผ้จู ัดทา

ประการที่ส่ี แม้ว่ารายงาน SDG Index จะจั่วหวั ว่าเปน็ SDG Index 2019 หรอื ปีใดกต็ าม ใชว่ า่ ตัวชี้วดั ท้ังหมดจะเป็นตัวช้วี ดั
ของปี 2019 ท้งั นเี้ นือ่ งจากตวั ชวี้ ดั แต่ละตวั นัน้ อาจมรี อบการเก็บขอ้ มลู ทแ่ี ตกตา่ งกนั ขนึ้ อยกู่ บั ว่าเปน็ ตวั ชว้ี ัดประเภทใดและแต่
ละประเทศมีวงรอบการเกบ็ แบบใด เช่น เกบ็ ทุกปี ทุก 2 ปี หรอื ทกุ 5 ปี ดงั น้ันข้อมูลทใ่ี ชใ้ น SDG Index แต่ละฉบับจะเปน็
ข้อมลู ลา่ สดุ เท่าที่มี แต่ไม่จาเปน็ ตอ้ งเปน็ ข้อมลู ในปนี ั้น (หากอยากทราบว่าเขาใช้ขอ้ มูลอะไรในปไี หนสามารถเข้าไปดไู ด้
ประการสุดท้าย SDG Index ถกู ออกแบบมาเพอื่ ประเมนิ สถานการณภ์ าพรวมของแต่ละประเทศเพอื่ เปรยี บเทยี บกบั ระดบั โลก
ตวั ชี้วัดจงึ มักเปน็ เกณฑ์ท่ีใชใ้ นระดบั โลก (เช่น เส้นความยากจนสากลในเป้าหมายท่ี 1) จงึ อาจทาใหผ้ ลการวิเคราะหใ์ นบางข้อ
อาจขดั กับความรสู้ ึกของคนในประเทศนัน้ นอกจากนอ้ี าจมบี างสถานการณ์ที่มีความจาเพาะสาหรบั แตล่ ะประเทศ แตไ่ มไ่ ดถ้ ูก
แสดงออกมาผ่าน SDG Index ก็เปน็ ได้
การกล่าวถึงประเด็นท่คี วรทราบขา้ งตน้ มิไดต้ อ้ งการลดความนา่ เชื่อถือของ SDG Index แต่อยา่ งใด เพยี งแต่ตอ้ งการใหผ้ อู้ ่าน
เข้าใจถึงข้อจากดั ของ SDG Index เพ่อื จะไดเ้ ขา้ ใจมันอย่างถูกต้องและไม่หลงยดึ ตดิ กบั ผลของ SDG Index จนเกินไป
ในปี 2019 เป็นปีท่ี SDG Index ถูกพูดถึงในประเทศไทยเปน็ อย่างมาก โดยเฉพาะรฐั บาลทน่ี ดชั นีตวั นมี้ านาเสนอใหเ้ ห็น
ความก้าวหน้าของประเทศไทย เหตุผลทมี่ นั ถกู พูดถงึ อย่างมากเพราะเปน็ ปที ป่ี ระเทศไทยมีอนั ดบั สงู ทีส่ ุดนับตัง้ แตม่ ี SDG
Index มา และอันดับสงู สุดในกลมุ่ ประเทศอาเซียนอีกด้วย
2. ประเทศไทยอย่ตู รงไหนใน SDG Index 2019
ในปี 2019 เปน็ ปีที่ SDG Index ถกู พูดถงึ ในประเทศไทยเปน็ อย่างมาก โดยเฉพาะรัฐบาลทน่ี ดชั นตี ัวน้มี านาเสนอให้เหน็
ความก้าวหน้าของประเทศไทย เหตุผลที่มันถกู พดู ถึงอย่างมากเพราะเปน็ ปีท่ปี ระเทศไทยมอี ันดับสงู ทส่ี ุดนับตงั้ แตม่ ี SDG
Index มา และอันดับสูงสดุ ในกลุ่มประเทศอาเซียนอีกดว้ ย
โดยในรายละเอียดน้ันประเทศไทยอยู่อนั ดับที่ 40 จากการประเมินประเทศท่มี ีขอ้ มลู ทง้ั หมด 162 ประเทศ โดยได้คะแนนรวม
ท้ังหมด 73.0 คะแนน จากคะแนนเต็ม 100 ซึง่ คะแนนดงั กลา่ วสูงกวา่ คา่ เฉลีย่ ของภมู ิภาคเอเชยี ตะวันออกและตะวนั ออกเฉียง
ใตท้ อ่ี ยทู่ ่ี 65.7
นอกจากนี้ หากเปรียบเทยี บกบั ประเทศอาเซียนดว้ ยกนั ประเทศไทยจะเป็นประเทศทม่ี อี นั ดับสูงสดุ คือ อันดบั ท่ี 40 ตามมา
ดว้ ยประเทศเวยี ดนามทีอ่ ย่ใู นอนั ดบั 54 ประเทศสิงคโปร์ อยอู่ ันดับที่ 66 และประเทศมาเลเซยี อยู่อนั ดับท่ี 68 ซง่ึ ณ จดุ น้ี
อาจมีคนตง้ั คาถามแล้ววา่ เปน็ ไปได้อยา่ งไรทส่ี ิงคโปรม์ ีอันดบั ทีต่ า่ กวา่ ประเทศไทย เหตผุ ลสาคญั ก็คือ แมว้ า่ สงิ คโปรจ์ ะมถี งึ 4
เปา้ หมายท่ีย่ังยนื แล้ว คอื เปา้ หมายที่ 1 การขจดั ความยากจน เปา้ หมายท่ี 4 การศกึ ษาทม่ี คี ณุ ภาพ เปา้ หมายท่ี 7 การเข้าถงึ
พลังงานสะอาด และเปา้ หมายที่ 9 โครงสรา้ งพนื้ ฐาน อตุ สาหกรรม และนวตั กรรม ในหลายตวั ชว้ี ัดท่ี SDG Index พิจารณา
น้นั สิงคโปรไ์ ม่มขี ้อมลู เหลา่ นี้ นอกจากนีส้ งิ คโปรย์ งั ขาดขอ้ มูลของเปา้ หมายท่ี 10 คือ Gini Coefficient adjusted for top
income ซึ่งเปน็ ตัวชีว้ ัดเดียวของเปา้ หมายที่ 10 ในดชั นนี ้ีอีกด้วย
สาหรบั สถานการณข์ องประเทศไทยนั้น หากจาแนกเปน็ รายเปา้ หมาย จะพบวา่ ประเทศไทยมีเป้าหมายท่อี ยูใ่ นเกณฑท์ ี่
เรียกวา่ บรรลแุ ล้ว 1 เป้าหมาย คือ เปา้ หมายที่ 1 การขจดั ความยากจน โดยตัวชว้ี ัดหลกั ของเป้าหมายนค้ี อื เส้นความยากจน
สากล และจานวนประชากรที่คาดการณว์ า่ จะอยใู่ ต้เส้นความยากจนในปี 2030 ซง่ึ ท้ังสองตวั ชว้ี ัดนนั้ ประเทศไทยอยู่ในเกณฑท์ ี่
บรรลแุ ล้ว เสน้ ความยากจนสากล ปจั จบุ นั อยู่ท่ี 1.90 $US ซึ่งเมื่อคดิ เปน็ เงินบาทไทยแล้วมีคา่ ตา่ มาก ประมาณเกือบ 57.28
บาทเท่านัน้ หากคิดเปน็ ต่อเดอื นจะอย่ทู เี่ ดอื นละ 1,718.40 บาท ทาให้ประเทศไทยมคี นจนแบบ extreme poverty อยู่เลย
จงึ ไมน่ ่าแปลกใจท่ีประเทศไทยจะผา่ นเกณฑใ์ นข้อนี้ แต่หากคิดตามเสน้ ความยากจนของประเทศไทยในปี พ.ศ. 2561 ซงึ่ โดย
เฉล่ียรวมอยู่ท่ี 2,710 บาทต่อเดอื น ประเทศไทยจะมคี นจนอยู่ราวรอ้ ยละ 9.85 ของประชากรทง้ั หมด (สศช. 2562)
เป้าหมายทอ่ี ยู่ในระดบั รองลงมา คอื สีเหลอื ง ซงึ่ หมายถึงยงั มีความท้าทายบางประการอยู่ คือ เป้าหมายที่ 4 การเขา้ ถงึ
การศึกษาที่มีคณุ ภาพ ซงึ่ ในขอ้ นี้ปัญหาสาคัญของประเทศไทยคือปญั หาเรอื่ งการออกจากการเรยี นกลางคัน ซึง่ ทาให้จานวน
นักเรยี นท่ีจบการศึกษาระดับชั้นมธั ยมศกึ ษาตอนต้นมีเพยี งร้อยละ 78.4 เท่าน้นั
สาหรบั เป้าหมายทอี่ ย่ใู นระดับท่ี 3 คอื สีสม้ หมายถึงยังมคี วามทา้ ทายท่สี าคญั อยู่ มที ้ังหมด 11 เป้าหมาย ในแตล่ ะ
เป้าหมายมีหลายตัวชวี้ ดั ซ่ึงมที ัง้ ที่อยู่ในสถานะท่ีดบี า้ ง ปานกลางบ้าง หรอื วกิ ฤตบิ า้ ง ในทนี จี้ ะขอยกมาเพียงตัวชวี้ ัดท่ีอยู่ในข้ัน
วกิ ฤติเท่าน้นั เป้าหมายท่ีอยใู่ นสถานะสสี ม้ ประกอบดว้ ย
เปา้ หมายที่ 2 การขจัดความหวิ โหย มีประเดน็ ปญั หาขั้นวกิ ฤติคือดชั นีการจัดการไนโตรเจนอยา่ งยั่งยนื (Sustainable
Nitrogen Management Index) ซึง่ สือ่ วา่ ประเทศไทยยังมีการใชป้ ๋ยุ เคมมี ากเกินจาเปน็ และการใช้นน้ั ไมไ่ ด้นาไปสู่การเพิม่
ผลผลติ เท่าท่ีควร

เป้าหมายท่ี 5 ความเท่าเทยี มทางเพศสภาพ ประเด็นปัญหาท่ีอยู่ในขน้ั วิกฤตคิ อื สดั ส่วนของผู้หญงิ ในรฐั สภา (ซงึ่ เขา้ ใจวา่ เปน็
ขอ้ มลู กอ่ นการเลอื กตั้งปี พ.ศ. 2562) มผี ้หู ญงิ ในสภาคดิ เปน็ ร้อยละ 5.3 เทา่ นนั้
เป้าหมายที่ 6 น้าสะอาดและสุขาภิบาล ประเดน็ ปญั หาทอ่ี ยู่ในขั้นวกิ ฤตคิ ือสัดส่วนน้าเสยี ทไ่ี ดร้ ับการบาบัด ตามดชั นรี ายงาน
วา่ มีเพยี งรอ้ ยละ 12.1 ของน้าเสยี ทั้งหมดท่ไี ดร้ บั การบาบดั
เป้าหมายท่ี 7 พลงั งานสะอาดและจ่ายได้ ไมม่ ีประเด็นปญั หาวกิ ฤติ แต่ประเด็นทเ่ี ปน็ ปญั หาระดบั ปานกลางคือ อตั ราการ
ปล่อยกา๊ ซคารบ์ อนไดออกไซดจ์ ากการใชเ้ ชอ้ื เพลงิ และพลังงาน
สถานะประเทศไทยใน SDG Index 2019 ทม่ี า: www.sdgindex.org
เปา้ หมายท่ี 8 งานท่มี คี ณุ คา่ และการเจรญิ เติบโตทางเศรษฐกจิ ไมม่ ปี ระเดน็ ปญั หาวิกฤติ แต่ประเดน็ ที่เป็นปัญหาระดับปาน
กลางคอื ความชุกของกรณีแรงงานทาสสมยั ใหม่ (modern slavery) โดยดัชนีรายงานวา่ มี เหย่อื แรงงานทาสสมยั ใหม่ 8.9
รายต่อประชากร 1000 คน
เปา้ หมายท่ี 9 โครงสรา้ งพื้นฐาน อตุ สาหกรรมและนวัตกรรม ประเด็นปัญหาทอ่ี ยใู่ นข้นั วิกฤตคิ อื สดั สว่ นรายจา่ ยดา้ นการวจิ ยั
และพฒั นา ซึง่ อยู่ทร่ี อ้ ยละ 0.6 ของ GDP เท่าน้นั
เป้าหมายที่ 11 เมอื งและชมุ ชนยงั่ ยืน ประเดน็ ปญั หาทอี่ ย่ใู นข้ันวิกฤตคิ อื ปัญหา PM 2.5
เปา้ หมายที่ 12 การผลติ และการบริโภคท่ยี ั่งยนื ไม่มีประเด็นปัญหาวิกฤติ แตป่ ระเด็นท่ีเปน็ ปญั หาระดับปานกลางคอื การ
จดั การของเสยี ของเทศบาลและองคก์ รปกครองส่วนท้องถ่ิน และ nitrogen production footprint
เปา้ หมายที่ 15 ระบบนเิ วศบนผืนดิน ประเด็นปญั หาทอี่ ยู่ในขนั้ วกิ ฤตคิ ือ เรอ่ื งความหลากหลายทางชีวภาพ โดยดัชนใี ชต้ ัวช้วี ัด
คือ Red LIST INDEX (RLI) of species survival ซงึ่ ประเทศไทยได้คะแนน 0.8 จากคะแนนเตม็ 1 ซ่ึงเป็นคะแนนทลี่ ดลงจาก
ปกี ่อน สะท้อนว่าความหลากหลายทางชีวภาพในประเทศไทยถกู คุกคาม มีสตั ว์หลายชนดิ ท่มี ีสถานะใกลส้ ญู พนั ธุเ์ พม่ิ ขนึ้
เปา้ หมายท่ี 16 สนั ตภิ าพ ความยตุ ธิ รรม และสถาบันที่เข้มแขง็ มปี ระเดน็ ปญั หาที่อยใู่ นข้ันวกิ ฤตคิ อื เรอื่ งการคอรร์ ปั ชัน โดย
ดชั นใี ช้ตัวชี้วัดคือ Corruption Perception Index ซ่งึ ประเทศไทยไดเ้ พยี ง 36 คะแนนจาก 100 คะแนน
เปา้ หมายที่ 17 ความร่วมมือเพอ่ื การพฒั นา ไม่มปี ระเด็นปัญหาวกิ ฤติ แต่ประเด็นทีเ่ ปน็ ปญั หาระดบั ปานกลาง คือ สัดสว่ น
การใช้จา่ ยดา้ นสขุ ภาพและการศึกษาของภาครัฐตอ่ GDP และรายไดข้ องรฐั บาลต่อ GDP
สาหรับเปา้ หมายท่ีอยู่ในขัน้ วกิ ฤตขิ องประเทศไทย คือ สีแดง มีอยู่ท้ังหมด 4 เป้าหมาย เช่นเดียวกบั เป้าหมายสสี ม้ แตล่ ะ
เปา้ หมายมีหลายตัวชี้วดั ซึง่ อยใู่ นสถานะดบี ้าง ปานกลางบา้ ง วิกฤตบิ ้าง ในท่นี ี้จะขอยกมาเพยี งตวั ชี้วัดทอี่ ยู่ในขนั้ วกิ ฤติเทา่ นั้น
เปา้ หมายท่ี 3 สขุ ภาพและสุขภาวะท่ดี ี ประเดน็ ปัญหาท่ีอยใู่ นขนั้ วิกฤติ มี 3 ประเดน็ หลกั คือ (1) การปว่ ยเปน็ วณั โรค ซงึ่ ดัชนี
รายงานว่าประเทศไทยมกี รณีของวัณโรค 156 กรณตี อ่ ประชากร 1 แสนคน (2) การตายจากอุบตั เิ หตทุ างถนน อยทู่ ่ี 31.7 คน
ตอ่ ประชากร 1 แสนคน และ (3) ปญั หาแม่วยั ร่นุ ซง่ึ อยู่ท่ี 51.8 รายต่อการเกดิ 1,000 ราย ซึ่งทง้ั 3 ตัวชี้วดั น้ีจัดอยใู่ นเกณฑส์ ี
แดง หมายถงึ มีสถานะทค่ี อ่ นข้างวิกฤตโิ ดยเปรียบเทียบกบั ประเทศอนื่ ๆ
เปา้ หมายท่ี 10 การลดความเหลอื่ มลา้ ประเดน็ ปญั หาท่ีอยใู่ นขน้ั วกิ ฤติคือความเหลอื่ มลา้ ทางเศรษฐกจิ ซ่งึ เป็นเพียงตวั ชี้วัด
เดยี วในเปา้ หมายน้ีใน SDG Index (SDG Indicators ของ SDG 10 มที ้ังหมด 11 ตวั ช้วี ัด) ค่า Gini Coefficient adjusted
for top income (ซ่ึงเปน็ คา่ สมั ประสิทธ์ิ Gini ท่ีมีการปรับปรงุ เพ่อื ใหเ้ ห็นความแตกตา่ งของกลุม่ ทม่ี รี ายไดส้ ูงสดุ กบั กลมุ่ อนื่ ๆ
ใหช้ ดั เจนย่ิงขึน้ ) อยู่ท่ี 42.1 ซึ่งคา่ ของสมั ประสิทธ์ิ Gini นน้ั ยิง่ มากยงิ่ แปลวา่ เหลอื่ มลา้ มาก ประเทศไทยมีสถานะข้อน้ีคอ่ นข้าง
วกิ ฤตโิ ดยเปรยี บเทียบกบั ประเทศอืน่ ๆ
เป้าหมายท่ี 13 การดาเนินการเพอ่ื ต่อสูก้ ับการเปลีย่ นแปลงสภาพภมู ิอากาศ ประเทศไทยมีประเด็นวกิ ฤตติ ามดัชนีทัง้ หมด 2
ประเดน็ หลัก คอื (1) การปล่อยคาร์บอนไดออกไซดจ์ ากการใช้พลงั งาน อยูท่ ี่ 4.5 ตันคารบ์ อนไดออกไซด์ต่อหัวประชากร ซึง่
นบั ว่าเป็นอนั ดับที่ 3 ของประเทศในอาเซยี น รองจากบรไู นและมาเลเซีย และ (2) จานวนประชากรทไี่ ด้รบั ผลกระทบจากภยั
พบิ ัตทิ เี่ ก่ียวข้องกับการเปลย่ี นแปลงสภาพภมู อิ ากาศ คิดเปน็ 929.3 รายตอ่ ประชากร 1 แสนคน สะทอ้ นว่าประเทศไทยยัง
ตอ้ งทางานอีกมากในเร่ืองของการลดกา๊ ซเรือนกระจก (mitigation) และการปรับตวั ตอ่ การเปล่ยี นแปลงสภาพภมู อิ ากาศ
(adaptation)
เป้าหมายที่ 14 ระบบนิเวศทางทะเลและชายฝ่ัง เป้าหมายนี้มีประเดน็ วกิ ฤติ 2 ประเดน็ หลกั คือ (1) มลพิษในทะเล โดยดชั นี
รายงานวา่ Ocean Health Index ของประเทศไทยในดา้ นน้าสะอาดนั้นอยู่ท่ี 53.4 คะแนนจาก 100 คะแนน และ (2) ร้อย
ละของปลาและสัตวท์ ะเลทถ่ี กู จับเกินพอดหี รอื ลม่ สลายไปแลว้ อยู่ท่ี รอ้ ยละ 55.6 ซง่ึ ทั้ง 2 ตัวช้ีวัดประเทศไทยถือว่าอยูใ่ นขัน้
วิกฤตเิ มื่อเปรยี บเทยี บกับประเทศอื่นๆ
ประเดน็ การพัฒนาท่ีย่ังยนื ข้ึนและน้อยลงจาก SDG Index ต้งั แตป่ ี 2015-2019

3. ประเทศไทยมอี ะไรยั่งยนื ข้ึนบ้างในช่วงเวลา 4 ปีท่ผี า่ นมา
ประเทศไทยมีหลายประเด็นท่ยี ัง่ ยนื ขนึ้ ในชว่ ง 4 ปีท่ผี ่านมา ในภาพรวมประเทศไทยมลี าดบั ที่ขยับขึน้ จากลาดับท่ี 61 ในปี
2016 มาเป็น ลาดับท่ี 40 ในปี 2019 คะแนนรวมเพิ่มข้ึนจาก 62.2 ในปี 2016 เป็น 73 คะแนนในปี 2019 กลมุ่ ประเดน็ ที่
ประเทศไทยทาไดด้ ีขึน้ ในช่วง 4 ปีท่ีผ่านมาจะอยู่ในสว่ นของประเด็นดา้ นสุขภาพ การศึกษา โครงสรา้ งพ้นื ฐาน และประเดน็
อน่ื ๆ ดา้ นสงั คมและสิง่ แวดลอ้ ม
ประเด็นด้านสขุ ภาพท่ปี ระเทศไทยทาไดด้ ขี น้ึ ในชว่ ง 4 ปีท่ีผ่านมามดี งั นี้

 ความชุกของภาวะแคระแกร็น (stunting) ในเดก็ อายุตา่ กว่า 5 ปี มีสัดสว่ นลดลงจากรอ้ ยละ 3 ในดัชนีปี 2016 เป็น
รอ้ ยละ 10.5 ในดัชนปี ี 2019 (SDG 2)

 ภาวะผอมแหง้ (wasting) ในเด็กอายตุ ่ากว่า 5 ปี มีสดั สว่ นลดลงจากรอ้ ยละ 7 ในดัชนีปี 2018 เป็นร้อยละ 5.4 ใน
ดัชนีปี 2019 (SDG 2)

 อัตราการตายของเด็กอายตุ า่ กวา่ 5 ปี (ต่อ 1000 รายของการเกดิ มชี พี ) ลดลงจาก 3 ในดัชนปี ี 2016 เปน็ 9.5 ใน
ดชั นปี ี 2019 (SDG 3)

 อตั ราการตายของทารกแรกเกิด (ตอ่ 1000 รายของการเกดิ มีชพี ) ลดลงจาก 3 ในปีดชั นีปี 2016 เปน็ 5.3 ในดัชนปี ี
2019 (SDG 3)

 อตั รากรณีการเป็นวณั โรคตอ่ ประชากร 100,000 คน ลดลงจาก 171 ราย ในดชั นีปี 2016 เป็น 156 รายในดัชนีปี
2019 (SDG 3)

 อัตราการตายจากอบุ ตั ิเหตบุ นท้องถนน ต่อประชากร 100,000 คน ลดลงจาก 2 ในดัชนปี ี 2016 เปน็ 31.7 ในดัชนี
ปี 2019 (SDG 3)

 อายคุ าดเฉล่ียของการมสี ขุ ภาพดี เพิ่มข้ึนจาก 66 ปใี นดัชนปี ี 2016 เป็น 5 ปใี นดชั นีปี 2019
 ดชั นี Universal Health Coverage Tracer Index (ดชั นีความครอบคลมุ การบรกิ าร) ดขี น้ึ โดยคะแนนเพม่ิ ขึน้ จาก

2 ในดัชนีปี 2017 เปน็ 76.4 ในดชั นปี ี 2019 (SDG 3)
ประเดน็ ด้านการศึกษาและวจิ ัยทปี่ ระเทศไทยทาได้ดขี ึ้นในชว่ ง 4 ปีทีผ่ ่านมามดี ังน้ี

 อตั ราการเขา้ เรยี นระดับประถมโดยสทุ ธิ เพ่มิ ขึน้ จากร้อยละ 6 ในดชั นีปี 2016 เป็นร้อยละ 98 ในดชั นีปี 2019
(SDG 4)

 สดั สว่ นรายจา่ ยด้านวิจยั และพฒั นาตอ่ GDP เพิ่มข้ึนจากร้อยละ 3 ของดชั นีปี 2016 เปน็ รอ้ ยละ 0.6 ในดัชนีปี
2019 (SDG 9)

ประเดน็ ดา้ นโครงสรา้ งพ้ืนฐานทีป่ ระเทศไทยทาได้ดขี นึ้ ในชว่ ง 4 ปที ผี่ า่ นมามดี งั น้ี
 การเป็นสมาชกิ อนิ เทอร์เนต็ บรอดแบนด์เคลือ่ นทตี่ อ่ ประชากร 100 คน เพ่ิมขึน้ จาก 3 ในดชั นีปี 2016 เป็น 99 ใน
ดชั นีปี 2019 (SDG 9)
 สดั ส่วนของประชากรทใี่ ช้อินเทอร์เนต็ เพ่มิ ขนึ้ จากรอ้ ยละ 6 ในดัชนีปี 2016 เปน็ ร้อยละ 52.9 ในดัชนีปี 2019 (SDG
9)
 สัดสว่ นประชากรทเ่ี ขา้ ถึงนา้ ประปาเพ่มิ ขนึ้ จากร้อยละ 9 ในดัชนีปี 2016 เปน็ ร้อยละ 83.9 ในดัชนีปี 2019 (SDG 6)

ประเด็นดา้ นสงั คมและสิง่ แวดล้อมอ่ืนๆ ที่ประเทศไทยทาได้ดใี นช่วง 4 ปที ผ่ี ่านมามดี งั น้ี
 ดัชนีสขุ ภาพมหาสมุทรดา้ นความหลากหลายทางชวี ภาพ จากคะแนน 100 คะแนน ประเทศไทยได้คะแนนเพมิ่ จาก
81 คะแนนในดัชนีปี 2016 เปน็ 86 คะแนนดัชนปี ี 2018 (SDG 14)
 การฆาตกรรมต่อประชากร 100,000 คน จาก 5 รายในดัชนีปี 2016 เปน็ 2 รายในดชั นปี ี 2019 (SDG 16)
 สดั สว่ นของกลมุ่ ตัวอย่างที่รายงานว่ารสู้ กึ ปลอดภัยเม่อื เดนิ ในเมอื งยามคา่ คืน เพิ่มขนึ้ จากรอ้ ยละ 4 ในดัชนปี ี 2016
เป็นรอ้ ยละ 71.1 ในดัชนีปี 2019 (SDG 16)

4. ประเทศไทยมอี ะไรยง่ั ยืนน้อยลงบ้างในชว่ งเวลา 4 ปีท่ีผ่านมา
ประเดน็ ที่ประเทศไทยมสี ถานการณค์ วามยั่งยนื ทแ่ี ยล่ งในช่วงเวลา 4 ปีนั้นกระจายไปในทุกมติ ิ ท้ังดา้ นสงั คม เศรษฐกิจ และ
สิ่งแวดล้อม ดังนี้
ประเดน็ ความย่ังยืนในดา้ นสงั คม (people) ท่มี สี ถานการณ์แยล่ งในชว่ ง 4 ปที ีผ่ ่านมามีดังน้ี

 ความชกุ ของภาวะขาดสารอาหาร (undernourishment) เพ่มิ ขึ้นจากร้อยละ 4 ในดัชนีปี 2016 เป็นรอ้ ยละ 9 ใน
ดชั นีปี 2019 (SDG 2)

 อตั ราการตายอันเนอื่ งมาจากมลพษิ ทางอากาศในครวั เรอื นและในสิ่งแวดลอ้ มต่อประชากร 100,000 คน เพิ่มข้ึน
จาก 5 ในดัชนีปี 2017 เพิม่ เปน็ 61 ในดชั นีปี 2019 (ใชค่ รับ เพิม่ จาก 6.5 เปน็ 61) (SDG 3)

 การตั้งครรภ์ของวยั รุน่ ตอ่ อตั ราการเกิดมีชีพ 1,000 คน เพม่ิ ข้ึนจาก 6 ในดชั นปี ี 2017 เปน็ 51.8 ในดชั นปี ี 2019
(SDG 3)

 คา่ เฉลยี่ คะแนนของมหาวิทยาลัย 3 อันดับแรกของประเทศใน Times Higher Education University Ranking
ลดลงจาก 3 ในดชั นปี ี 2018 เปน็ 24.9 ในดัชนีปี 2019 (SDG 9)

 จานวนประชากรในคกุ ต่อประชากร 100,000 คน) เพิม่ ข้นึ จาก 398 คนในดชั นีปี 2016 เปน็ 2 คนในดชั นปี ี 2018
(SDG 16)

 สดั สว่ นของรายไดจ้ ากภาษตี ่อ GDP ลดลงจากรอ้ ยละ 1 ในดัชนปี ี 2016 เป็น 19.2 ในดัชนีปี 2019 (SDG 17)
 สัดสว่ นของการใชจ้ า่ ยของรัฐดา้ นสุขภาพและการศกึ ษาต่อ GDP ลดลงจากร้อยละ 7 ในดัชนปี ี 2017 เป็นร้อยละ

6.8 ในดัชนีปี 2019 (SDG 17)
ประเดน็ ความยั่งยืนในดา้ นเศรษฐกิจ (prosperity) ท่มี สี ถานการณแ์ ย่ลงในชว่ ง 4 ปที ่ผี า่ นมามดี ังนี้

 อัตราการเจรญิ เตบิ โตที่ถกู ปรบั ใหส้ มดลุ กับระดบั รายไดข้ องประเทศ (adjusted growth rate) ตามขอ้ มลู ของ
ธนาคารโลกโดยมีปฐี านคือปี 2017 ลดลงจาก -4 ในดัชนปี ี 2018 เป็น -0.9 ในดัชนีปี 2019 (SDG 8)

 อัตราการว่างงานเพิ่มข้นึ จากรอ้ ยละ 6 ในดชั นีปี 2017 เป็น 1.3 ในดชั นปี ี 2019 (SDG 8)
 คา่ สัมประสทิ ธิจนี ี (Gini Coefficient adjusted for top income) เพมิ่ ขน้ึ จาก 4 ในดชั นปี ี 2016 เปน็ 42.1 ใน

ดชั นปี ี 2019 (SDG 10)
ประเดน็ ความย่งั ยนื ในดา้ นสิ่งแวดลอ้ ม (planet) ทีม่ ีสถานการณแ์ ยล่ งในชว่ ง 4 ปที ีผ่ า่ นมามดี ังน้ี

 คา่ เฉล่ยี ความเขม้ ข้นประจาปขี อง PM 2.5 ในเขตเมือง (uG/m3) เพ่ิมขึ้นจาก 4 ในดัชนีปี 2016 เป็น 26.3 ในดัชนปี ี
2019 (SDG 11)

 การผลิตขยะอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ นบั เปน็ กโิ ลกรมั ต่อหวั ประชากร เพ่มิ จาก 4 kg/Capita ในดัชนปี ี 2017 เปน็ 7.4 ใน
ดัชนีปี 2019 (SDG 12)

 ดัชนีสขุ ภาพมหาสมุทร-นา้ สะอาด คะแนนลดลงจาก 5 ในดชั นปี ี 2016 เปน็ 53.4 ในดชั นปี ี 2019 (SDG 14)
 รอ้ ยละของปลาและสตั ว์ทะเลท่ีถกู จับเกนิ พอดหี รือประชากรปลาลม่ สลายไปแล้ว (fish stock overexploited or

collapsed) เพ่ิมข้ึนจากรอ้ ยละ 43 ในดัชนปี ี 2016 เป็นร้อยละ 6 ในดัชนปี ี 2019 (SDG 14)
5. บทสรุป
การพิจารณา SDG Index ในรายละเอียดเพ่อื ให้เข้าใจสาเหตุทม่ี าของค่าคะแนนและอันดบั รวมถึงเขา้ ใจสงิ่ ทีป่ ระเทศไทยทา
ไดด้ แี ละยังทาไดไ้ มด่ ี มคี วามสาคญั อย่างย่งิ ตอ่ การมองไปในอนาคตและการกาหนดนโยบายทเี่ กี่ยวข้องเพอื่ ผลกั ดันเป้าหมาย
การพฒั นาท่ยี ่ังยนื จากการเจาะลกึ ลงไปในรายละเอียดของ SDG Index จะพบวา่ การที่ประเทศไทยขนึ้ เปน็ อันดับ 1 ของ
อาเซยี นใน SDG Index ปี 2019 นั้นหาใชเ่ ปน็ เพราะการพฒั นาข้ึนของประเทศไทยแต่อย่างเดยี วไม่ แต่เปน็ ผลมาจากการ
เปลี่ยนแปลงตัวชีว้ ดั และการทีบ่ างประเทศ เช่น สงิ คโปร์ ขาดตัวช้วี ดั บางตวั
ถึงกระนน้ั กป็ ฏิเสธไม่ได้วา่ ภาครฐั ไทยทางานได้อย่างดียิง่ ในหลายสว่ นในช่วง 4 ปีทีผ่ ่านมา โดยเฉพาะด้านสขุ ภาพ การ
ศกึ ษาวจิ ยั โครงสรา้ งพน้ื ฐาน และประเด็นสงั คมและสง่ิ แวดล้อมบางประเดน็ แต่ปัญหาความยง่ั ยนื ยังคงมอี ยใู่ นทกุ มิติ
และในหลายประเดน็ มสี ถานะแยล่ งตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ทาใหเ้ หน็ วา่ ในอีก 10 ปีทเี่ หลือ ประเทศไทยจะต้องเปลี่ยนแปลง
วธิ กี ารทางานและทางานให้หนักข้ึนเพ่ือใหป้ ระเทศไทยสามารถบรรลุ SDG ได้ทันปี ค.ศ. 2030
รายงานโดย ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ชล บุนนาค ผอู้ านวยการโครงการวิจัยและสนับสนนุ เป้าหมายการพัฒนาทย่ี งั่ ยนื (SDG
Move)

นโยบายออสเตรเลยี ในการใช้ Green Hydrogen เปน็ พลงั งานทดแทน 29 มกราคม 2022
รัฐบาลออสเตรเลยี มนี โยบายในการมงุ่ ลดการปลอ่ ยคารบ์ อนสุทธิเปน็ ศนู ย์ (NET Zero) ภายในปี 2050 ซงึ่ สอดรับกับแนวทาง
ที่ได้หารือในทป่ี ระชุม COP26 ในปีทผ่ี ่านมา การนากรนี ไฮโดรเจนมาใช้เป็นพลงั งานทดแทนถอื เป็นหน่งึ ในเทคโนโลยสี าขา
สาคัญทร่ี ัฐบาลออสเตรเลยี ใหค้ วามสาคญั ในลาดบั ตน้ ในการพฒั นาเทคโนโลยเี พอื่ ลดการปลดปลอ่ ยคาร์บอน
โดยออสเตรเลยี เป็นประเทศแรกท่จี ดั ทายุทธศาสตร์ไฮโดรเจนระดบั ชาตขิ ึ้นในปี 2019 ซง่ึ กาหนดเปา้ หมายให้ออสเตรเลยี
เป็นประเทศผสู้ ่งออกไฮโดรเจนชน้ั นาของโลกในปี 2030 โดยในส่วนของรัฐบาล New South Wales ได้ถ่ายทอด

ยทุ ธศาสตรม์ าจดั ทาแผนการพฒั นาพลังงานไฮโดรเจนของรฐั ซง่ึ กาหนดเป้าหมายใหเ้ ป็นผผู้ ลิตไฮโดรเจนระดับนาของ
โลก และไดจ้ ัดทาโรดแมปที่ครอบคลมุ ท้งั วงจรเพือ่ ให้กรนี ไฮโดรเจนสามารถเปน็ ทางเลือกด้านพลงั งานสะอาด ตั้งแตก่ าร
พัฒนาเทคโนโลยแี ละการวิจัย การสร้าง supply chain พฒั นาโครงสรา้ งพ้นื ฐาน พฒั นาบคุ ลากรและอุตสาหกรรมท่ี
รองรับ รวมทงั้ สรา้ งความตอ้ งการในตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ
โดยหัวใจสาคญั ทีจ่ ะทาให้แผนงานบรรลเุ ป้าหมายคือจะต้องสามารถผลติ ไฮโดรเจนใหเ้ ปน็ พลงั งานทางเลือกท่มี ตี น้ ทนุ ต่อหน่วย
ทตี่ ่าลง และสร้างแรงจงู ใจใหผ้ ู้บรโิ ภคและภาคอตุ สาหกรรมหนั มาใชพ้ ลังงานปลอ่ ยคารบ์ อนต่าแทนการใชพ้ ลงั งานรูปแบบเดิม
เพ่ือใหป้ ระเทศสามารถบรรลุเปา้ หมายในการลดปรมิ าณการปลอ่ ยคารบ์ อนลงร้อยละ 50 ในปี 2050 ได้
เม่อื เดอื นตลุ าคมปีที่แล้ว โดมนิ ิค เพอรร์ อตเทต มขุ มนตรีแหง่ รัฐ New South Wales ได้แถลงนโยบายการผลิต กรีน
ไฮโดรเจนในรฐั ซึ่งจะมีศนู ย์กลางการผลติ อย่ทู ี่เขตฮันเตอรแ์ ละเขตอลิ ลาวาร์รา่ รฐั บาลไดอ้ นมุ ัตงิ บกระตุน้ โครงการ 3,000
ลา้ นดอลลารอ์ อสเตรเลยี โดยกาหนดเป้าหมายสาหรับปี 2030 ดังน้ี
1) ผลติ Green Hydrogen ได้ 110,000 ตนั ต่อปี
2) อัตราการแยกสลายสารทอี่ ยใู่ นสถานะของเหลวด้วยไฟฟ้า (Electrolyser) อยู่ที่ 700 เมกะวตั ต์
3) มียานพาหนะทขี่ ับเคล่อื นดว้ ยไฮโดรเจน 10,000 คัน และใหร้ ้อยละ 20 ของยานพาหนะขนส่งขนาดใหญ่ของรัฐบาล NSW
เปล่ียนไปใชพ้ ลงั งานไฮโดรเจน
4) มีเครอื ข่ายระบบก๊าซผสมรอ้ ยละ 10 (Gas network bending)
5) ความสามารถในการผลิตพลงั งานทดแทน 12 กิกะวตั ต์
6) มสี ถานจี า่ ยไฮโดรเจน 100 แห่ง และ
7) ราคาไฮโดรเจนลดลงเหลือ ตา่ กว่า 2.8 ดอลลารอ์ อสเตรเลยี ต่อกโิ ลกรมั
รฐั New South Wales ใชก้ ลยทุ ธ์ 3 เสาในการพัฒนาโครงการกรีนไฮโดรเจน คือ
เสาที่ 1 สร้างปัจจยั เพอ่ื พัฒนาอตุ สาหกรรม (Enable industry development) เป็นข้นั ตอน เตรยี มความพรอ้ ม ศกึ ษา
คน้ ควา้ วางแผนด้านการผลติ การจัดเกบ็ การขนสง่ ของไฮโดรเจน พฒั นาแรงงาน ใหท้ ุนวจิ ยั นวตั กรรมใหม่ ๆ กาหนด
กฎระเบยี บและมาตรฐานเกยี่ วกบั อุตสาหกรรมไฮโดรเจน
เสาท่ี 2 วางรากฐานอุตสาหกรรม (Lay industry foundation) รัฐบาลจะใหเ้ งิน สนบั สนนุ โครงการตา่ ง ๆ เพอ่ื พัฒนาปัจจัย
สนับสนุนพ้นื ฐานสาหรับอตุ สาหกรรมไฮโดรเจนเพื่อรองรบั การขยายตัว ในอนาคต เพ่อื สรา้ งศูนยก์ ลางไฮโดรเจนทเี่ ขตฮันเตอร์
และอลิ ลาวารร์ า่ (Hydrogen hub initiative) สร้างสาธารณปู โภคดา้ นการผลติ ไฮโดรเจน (Hydrogen production
infrastructure) สร้างเครอื ข่ายสถานเี ติมไฮโดรเจนและการขนสง่ ไฮโดรเจน (Hydrogen refueling corridor)
เสาที่ 3 ขยายสเกลอยา่ งรวดเร็ว (Drive rapid scale) รัฐบาล New South Wales มโี ครงการสนบั สนุนการขยายตัวของ
อุตสาหกรรมไฮโดรเจน โดยลดต้นทุนหว่ งโซ่การผลติ เชน่ ยกเว้นค่าไฟฟ้า (Electricity scheme exemptions) ให้ทนุ
สนบั สนุนอุตสาหกรรมท่ปี รับรูปแบบเพ่ือรองรับ Net Zero (Supporting transformative industrial projects) โดยมี
จดุ มงุ่ หมายเพ่ือลดราคาไฮโดรเจน
โรดแมปนีจ้ ะทาให้รัฐติดอันดับ 10 เปอรเ์ ซน็ ต์ ในกลมุ่ OECD (Organisation for Economic Co-operation and
Development) ทมี่ คี ่าไฟฟ้าอตุ สาหกรรมตา่ ท่ีสดุ จากยุทธศาสตร์และแผนงานระดบั ชาติ ท่ีมุ่งพฒั นาเทคโนโลยที ลี่ ดการปลอ่ ย
คารบ์ อนเพื่อขบั เคลอื่ นเป้าหมาย Net Zero ในปี 2050 รัฐบาลระดบั รฐั ไดจ้ ดั ทาแผนเพ่ือสรา้ งศูนย์กลางเทคโนโลยพี ลงั งาน
สะอาดของตนเองรองรับ เพอ่ื สรา้ งงานและขับเคล่ือนเศรษฐกจิ ภายใน โดยมุ่งดงึ ดูดนักลงทุนจากต่างประเทศ โดยพฒั นา
นวตั กรรมใหม่ ๆ เพอ่ื พัฒนาเทคโนโลยใี นการผลิตพลังงานสะอาดทดแทน ตามเปา้ หมายของรัฐบาลกลาง ที่จะเป็นผู้ผลติ
ไฮโดรเจนและผูส้ ่งออกพลงั งานสะอาดชนั้ นาในระดับโลกแทนอตุ สาหกรรมถา่ นหนิ โดยในชนั้ นี้ รฐั New South Wales
ไดเ้ ริม่ หารอื กับญปี่ ุน่ ในเรือ่ งการร่วมลงทุนดว้ ยแล้ว
ในสว่ นของไทย จะเปน็ โอกาสให้พิจารณายทุ ธศาสตรแ์ ละแผนงานดา้ นการผลิตไฮโดรเจนของออสเตรเลียและรัฐบาล
New South Wales ซง่ึ อาจมีประเดน็ ทไี่ ทยสามารถแลกเปล่ียนองค์ความรู้จากออสเตรเลียได้ ซ่ึงรัฐ New South
Wales มีการวางแผนงาน ท่คี รอบคลมุ ทัง้ ระบบนเิ วศน์ในการพัฒนาเทคโนโลยพี ลงั งานไฮโดรเจนใหส้ ามารถทดแทนการ
ใชพ้ ลังงานรูปแบบเดิมไดใ้ นตน้ ทนุ ที่ต่า ซงึ่ ไทยอาจพิจารณาสรา้ งความรว่ มมือไดใ้ นอนาคต

นิทานคารบ์ อนเครดิตแห่งเมอื งวิน-วนิ นิยม1 สงิ หาคม 2022
ณ เมอื งแห่งหนงึ่ ทไ่ี ดร้ บั การขนานนามว่า “วิน-วนิ นยิ ม” ชาวเมอื งทน่ี ่ีฉลาดเฉลยี วในการหาทางออกให้กบั เร่ืองยาก ๆ เรื่องท่ี
ขดั แยง้ จากความต้องการไมต่ รงกนั พวกเขาไมช่ อบใหใ้ ครได้หมดหรอื เสยี หมด เพราะค่านยิ มของชมุ ชนน้ีคือ ทกุ อย่างจดั การได้
ดว้ ยการจดั สรรผลประโยชน์ ขณะที่ชุมชนอน่ื ทะเลาะกันจะเป็นจะตาย แตช่ ุมชนนี้ถ้าผลประโยชน์ลงตวั ทกุ อย่างจบ
เมืองวนิ -วินนิยม มีปญั หาสิ่งแวดลอ้ มมาแตไ่ หนแตไ่ ร และกาลังรุนแรงข้นึ เจ้าสวั หลายรายที่ทาธรุ กิจปลอ่ ยกา๊ ซท้ังโรงไฟฟา้ ถา่ น
หิน น้ามนั เหมอื งปูน ฟารม์ ปศสุ ตั วจ์ นรา่ รวย และสรา้ งปัญหามลภาวะให้กับชาวชมุ ชนตลอดมาโดยไมม่ กี ติกาควบคุมป้องกัน
เพราะทน่ี ี่ปลอ่ ยเสรี ใครอยากทาอะไรกไ็ ด้ทไ่ี ด้เงินไดป้ ระโยชน์ ขอเพยี งปนั ประโยชนน์ น้ั สูเ่ มืองก็เป็นทยี่ อมรบั ได้ เพือ่ ไม่ให้
ชาวบ้านกน่ ดา่ เจา้ สัวสว่ นมากไดจ้ า่ ยใหห้ น่วยงานรฐั แกป้ ญั หา หรือจา้ งผเู้ ชยี่ วชาญส่ิงแวดลอ้ มมารับผดิ ชอบแทนตน คร้ันพอ
ชาวบ้านโวยวายว่าปัญหาไมถ่ กู แก้ เจ้าสวั เหล่าน้กี ็ชีว้ ่าเปน็ ความบกพรอ่ งของหนว่ ยงาน และผูเ้ ช่ียวชาญ พร้อมกับจา่ ยเงนิ
ชดเชย เยียวยา จ่ายคา่ ทาขวัญ ใหท้ นุ การศึกษา ทากจิ กรรมปลกู ต้นไม้ แจกของยังชีพ
จนเมอ่ื วันหน่ึง เมอื งวิน-วินนยิ มไดร้ ับการเตอื นจากรัฐบาลกลางวา่ โลกกาลังประสบปญั หาวกิ ฤตโิ ลกรอ้ นจากกา๊ ซเรือนกระจก
โดยจะบังคับให้ภาคธรุ กจิ ในเมอื งวนิ -วนิ นิยมและเมอื งอนื่ ๆ ลดกา๊ ซคาร์บอนฯ ใหห้ มดไปภายใน 10 ปี บรรดานายทุนหรือ
เจ้าสวั พากนั แตกต่นื นัดประชุมหาทางออกว่า “ทาไงดีหละ่ ธุรกิจโรงไฟฟา้ เหมอื งแร่ ปศสุ ัตว์ ฯลฯ กาลงั เตบิ โต สรา้ งความมั่ง
คั่ง ถา้ จะต้องเลกิ ลดปลอ่ ยก๊าซ หรือเปลี่ยนเคร่ืองจักรไปใชพ้ ลงั งานหมนุ เวียน มนั ลงทนุ เยอะ เราก็ขาดทนุ กาไรหมดสิ ธรุ กิจ
กาลงั โตทีเดียว” ทนั ใดนนั้ มีเสมียนหัวใสปิง๊ ไอเดียเสนอวา่ “ทาไมเราไม่ย่นื ข้อเสนอทีผ่ ูป้ กครองเมอื ง และชาวเมืองปฏิเสธ
ไม่ได้ละ่ แทนที่เราจะลด ละ เลิกปลอ่ ยก๊าซทเ่ี ขาเรยี กวา่ “คารบ์ อน” ทนั ทีทันใด เราใชว้ ธิ ไี ปจ่ายเงินให้คนในชุมชนปลกู
ป่า ไปทาเกษตร แจกอุปกรณ์ให้ชมุ ชนประหยดั ไฟฟ้า (แมช้ ุมชนจะใช้ไฟฟ้าน้อยอย่แู ล้ว) รณรงคใ์ หช้ าวบา้ นลดบริโภค
เนือ้ สตั ว”์ เจ้าสัวขี้งกรายหนงึ่ สา่ ยหน้าบอกว่า “ลงทนุ เกินไป แคไ่ ดภ้ าพวา่ ช่วยสงิ่ แวดลอ้ ม แต่เราก็ยังถกู บบี ใหล้ ดปล่อยกา๊ ซ
อย่ดู ี” เสมยี นตอบกลบั ว่า “มวี ธิ ี กเ็ ราจ้างใหผ้ เู้ ช่ียวชาญขาประจามาคานวณให้วา่ ต้นไม้ทีป่ ลูก แปลงเกษตรทที่ า หรอื กระทั่ง
ชาวบ้านลดใชไ้ ฟฟา้ ไป มันน่าจะลดปล่อยคาร์บอนฯ ได้ก่หี นว่ ย แล้วเอามาหักลบกับโควตาการปลอ่ ยคารบ์ อนทีร่ ฐั บาลกลาง
กาหนดใหเ้ ราลดลง แค่น้เี ราก็อ้างไดว้ ่า ลดปล่อยกา๊ ซดว้ ยวิธีหักลบแล้ว หรอื จะเรยี กวา่ คาร์บอนเปน็ กลางกไ็ ด้นะ แถมยัง
กระจายรายไดใ้ หผ้ ูเ้ ชี่ยวชาญไดท้ ามาหากนิ มีงานตรวจวัดคารบ์ อน ชุมชนก็ไดต้ ังคอ์ ีกดว้ ย ใครจะไมเ่ อา” เจ้าสวั รายหนึ่งไม่
มัน่ ใจวิธีน้ี จงึ ถามวา่ “แลว้ เราจะจงู ใจชาวบ้านไดย้ งั ไง ทผ่ี า่ นมาพวกน้บี ่น วจิ ารณ์ บางทกี ็คดั ค้านธรุ กจิ ของเราหาว่าทาลาย
ส่ิงแวดล้อม และยงั ไงเราก็ต้องยอมเสยี เงนิ กับพวกนีด้ ว้ ยหรือ” เสมยี นนึกหาทางออก “เอาอยา่ งนี้สิ เราเอากาไรอีกต่อได้ ไอ้
เงินที่เราให้ ไมไ่ ดใ้ หเ้ ปล่า คดิ เสยี วา่ เปน็ การลงทนุ เพ่ือใหไ้ ด้คาร์บอนเครดิต ยใุ หช้ าวบ้านปลกู ปา่ เพ่อื ขายคาร์บอนเครดติ มาให้
เรา แค่น้ีพวกชาวบา้ นจนๆ ทั้งหลายกย็ นิ ดแี ล้ว” เจา้ สัวอกี รายสหี นา้ สวา่ งวาบ หนนุ ไอเดียว่า “แล้วเราก็เอาคารบ์ อนเครดติ ไป
เกง็ กาไรตอ่ อีกที ลงทุนไปร้อยบาท เราป่ันกาไรไดเ้ ป็นพนั บาท แบ่งสว่ นหนึง่ ไวห้ ักลบกบั ธรุ กจิ ของเราท่ีต้องปล่อยคารบ์ อน
และเหลอื ไว้ขายตอ่ หากคารบ์ อนเครดิตทต่ี ุนไวห้ มด ก็ไปซอ้ื ตอ่ มาจากชาวบ้าน” “ใช่ๆๆ” เสมยี นยงั ตบท้ายดว้ ยวา่ “แถมเรา
ยังหากาไรด้วยการขายของทัง้ เครอื่ งจักรเพาะกลา้ ไม้ ทาเกษตรคารบ์ อนต่า โซล่าเซลล์ ขายเน้อื สัตว์เทียมจากพชื อุปกรณ์
ประหยดั พลังงาน บลา บลา บลา นี่ก็ยิงปืนนดั เดยี ว นกตายหลายตวั เลย555”
โมเดลแก้ปญั หาโลกร้อนแบบวิน-วนิ ด้วยผลประโยชน์ทางธุรกิจแพรส่ ะพัด ชาวชุมชนหลายรายท่ยี ากจน และถูกผู้ปกครองกด
ขี่ไม่ใหใ้ ชท้ รพั ยากรจากปา่ ที่ชาวบา้ นดแู ล และไม่ไดก้ ารสนบั สนนุ ชว่ ยเหลือจากผปู้ กครองตลอดมา เมอื่ ไดย้ ินโมเดลธรุ กจิ
คารบ์ อนเครดิต ตา่ งพากนั ต่นื เตน้ ว่าจะไดล้ ืมตาอา้ ปาก ไดร้ ับการเหลียวแลสนบั สนนุ จากรฐั และนายทนุ อย่างเปน็ ธรรมมากขึ้น
และอาจพัฒนาเปน็ ธรุ กิจชุมชนปลกู ป่าขายคาร์บอน ยง่ิ มหี นว่ ยงานผปู้ กครองมาช่วยคา้ ประกัน ดูแล จดั สรรผลประโยชนใ์ หย้ ิ่ง
มนั่ ใจ แตส่ ิ่งทช่ี ุมชนอาจลืมคดิ ไปวา่ แทท้ ี่จริงแล้วเปน็ เจา้ คาร์บอนเครดิตนเ่ี ป็นธรุ กิจของชุมชนหรือของนายทุนกันแน่
และแล้วบรรดาเจา้ สวั ก็เอาเศษเงนิ เล็กนอ้ ยมาใหช้ าวบ้านได้สานกึ บญุ คณุ ว่ากาลังมาชว่ ยชมุ ชนและแสดงใหโ้ ลกประจกั ษ์วา่
พวกเขารกั ษ์ส่ิงแวดล้อม ชาวชุมชนหลายรายกจ็ ัดสรรทดี่ ินทป่ี ่าเตรยี มให้พรอ้ มธุรกิจคารบ์ อนเครดติ บางรายไม่มที ีป่ า่ มากนกั
กต็ ้องไปถางปา่ เพอ่ื ให้มที ่ีวา่ งปลกู ใหม่ บา้ งก็ขอเป็นแรงงานรับจา้ งปลกู ก็ยงั ดี
ป่าไม้ทเ่ี ปน็ ฟาร์มคารบ์ อนเตบิ โตอย่างรวดเรว็ เป็นสวนปา่ หรือตน้ ไมเ้ ขา้ แถว มพี ันธพ์ุ ชื ไมก่ ช่ี นดิ แม้จะเปน็ ไมท้ อ้ งถ่นิ ก็
ตาม เพราะเจ้าสวั จะเนน้ ไม้ทโ่ี ตเรว็ ดดู คารบ์ อนไดเ้ รว็ ทาใหป้ ่าธรรมชาติทมี่ พี ันธพุ์ ืชสตั ว์นานาชนิด เป็นอาหารและ
สมนุ ไพรกค็ อ่ ย ๆ ลดลงไป จากป่ากลายเปน็ ฟารม์ ต้นไม้กักคาร์บอน ชาวบา้ นหลายรายท่เี คยหาผัก เห็ด หนอ่ ไม้ สัตว์
เล็กนอ้ ยท่ีเป็นความมน่ั คงอาหารก็เรมิ่ หากนิ ไดย้ าก ตอ้ งไปซอื้ อาหารจากตลาด บางรายจะตดั ไม้จากฟารม์ คารบ์ อนมาทา
ฟืน ทาเฟอรน์ เิ จอร์ หรือซอ่ มบา้ นกไ็ มไ่ ด้


Click to View FlipBook Version