The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนบูรณาการศิลปะ64

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

แผนบูรณาการศิลปะ64

แผนบูรณาการศิลปะ64

Keywords: แผนบูรณาการ

แผนการจัดการเรยี นรู้
บรู ณาการงานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียน โรงเรยี นบุญวาทยว์ ทิ ยาลัย

รายวชิ า ....................................... รหัสวชิ า .........................
ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ .................................

โดย
..............................................................
ตาแหนง่ ครู วิทยฐานะ........................

กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ศลิ ปะ
โรงเรยี นบญุ วาทย์วทิ ยาลัย
อาเภอเมือง จังหวัดลาปาง
สานกั งานเขตพนื้ ทก่ี ารศกึ ษามธั ยมศกึ ษา ลาปาง ลาพนู

กระทรวงศกึ ษาธกิ าร

ลงชอื่ ............................................หวั หน้ากลมุ่ สาระการเรยี นรู้…………………
(............................................)

ลงช่อื ...........................................รองผ้อู านวยการกลมุ่ บรหิ ารวชิ าการ
(............................................)

ลงชือ่ ...........................................ผูอ้ านวยการโรงเรยี นบุญวาทย์วทิ ยาลัย
(............................................)

คานา

แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชา ………………..….. รหัสวิชา …………… บูรณาการงานสวนพฤกษศาสตร์
โรงเรียน โรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัยน้ี เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ท่ีจัดทาข้ึนเพ่ือใช้ในการจัดกิจกรรมการ
เรียนรบู้ ูรณาการงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะซ่ึงโรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัย เป็น
สมาชิกงานสวนพฤกษศาตร์ โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดาริ สมเด็จพระเทพ
รัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกมุ ารี (อพ.สธ.) รหัสสมาชิก 7-52000-003

แผนการจดั การเรียนรบู้ รู ณาการงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี นนี้ ผูส้ อนไดด้ าเนินการ วิเคราะห์ความ
สอดคล้องของหลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ และงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน คาอธิบายรายวิชา
โครงสร้างหน่วยการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ ผังมโนทัศน์รวม ผังมโนทัศน์กลุ่มสาระการเรียนรู้
แผนการจัดการเรยี นรู้ ตัวอย่างผลงานของนกั เรียน คลปิ ประกอบการจัดการเรยี นร้ตู ามแผนการจัดการเรยี นรู้

แผนการจัดการเรียนรู้บรู ณาการงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน เร่ือง ………………………… หน่วยการ
เรียนรู้ …………………………..ฐานการเรียนร.ู้ ............................................น้ี ผู้สอนและผู้เรียนได้ปฏิบัติกิจกรรม
อย่างครบถ้วนตามใบความรู้ ใบงาน โดยใช้สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน โรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัย เป็นแหล่ง
เรียนรู้ ทาให้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุดแก่ผู้เรียน สามารถพัฒนาผู้เรียนให้มี
ผลสัมฤทธิท์ างการเรียนสูงข้ึน เกิดจิตสานึกในการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช และทรัพยากร หวงแหนพืชพรรณไม้
รวมทั้งผู้เรียนมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ มึคุณธรรมจริยธรรม สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน มีทักษะใน
ศตวรรษที่ 21 เปน็ พลโลกที่ดี ตามมาตรฐาน ตัวช้ีวดั และลาดับการเรยี นรทู้ ่กี าหนดไวเ้ ปน็ อย่างดี

( .............................................. )
ตาแหนง่ ครู
กลุม่ สาระการเรียนรู้ศิลปะ

1
บันทึกสรุป
แผนการจัดการเรยี นรบู้ รู ณาการงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น โรงเรยี นบุญวาทยว์ ทิ ยาลยั
1.รูปแบบการบรู ณาการ
1.1 บูรณาการแบบสอดแทรก (Infusion)

วธิ ีการ กิจกรรม การประเมนิ ผลที่เกดิ กบั ผเู้ รยี น

ครคู นเดียว ครคู นเดียว ครคู นเดียว ผ้เู รียนไดค้ วามรจู้ ากครู
-วางแผน และกาหนดหัวเรือ่ ง โดย -มอบหมายงาน -ประเมิน คนเดียว และสามารถ
สอดแทรกงานสวนพฤกษศาสตร์ ตามที่วางแผนไว้ เหน็ ความสมั พันธ์ระหว่าง
โรงเรียนเข้าในวิชาของตน วิชาได้

1.2 บูรณาการแบบคู่ขนาน (Parallel)

วิธกี าร กจิ กรรม การประเมิน ผลทเ่ี กิดกบั ผูเ้ รยี น

ครู 2 คนขน้ึ ไป งานทีม่ อบหมายให้ ครแู ยกกัน -ผ้เู รยี นไดร้ บั ความรู้จาก
ประเมนิ ครูแตล่ ะคนในเร่ือง
-วางแผนการสอนรว่ มกนั และกาหนด นักเรยี นทาแตกต่าง เดยี วกนั ทาให้มองเหน็
ความสมั พันธเ์ ชือ่ มโยงกนั
หัวเรือ่ ง (Theme),ความคิดรวบยอด, กันไปในแตล่ ะวชิ า และกนั นาความรใู้ นวิชา
ต่าง ๆ มาใช้แก้ปัญหา
ปญั หา ในลักษณะเดียวกนั ร่วมกนั

1.3 บูรณาการแบบสหวิทยาการ (Multidisciplinary)

วธิ ีการ กจิ กรรม การประเมิน ผลทเ่ี กดิ กับผเู้ รียน

ครหู ลายคน (คณะผสู้ อน) มอบหมายงานหรือ ครปู ระเมนิ ผลงาน -ผูเ้ รยี นได้รบั ความร้จู าก

-วางแผนการสอนรว่ มกันโดยกาหนด โครงงานใหน้ กั เรยี น แต่ละช้ินงานใน ครหู ลายคนในหัวเร่อื ง

หัวเรอื่ ง (Theme),ความคดิ รวบยอด, ทาร่วมกนั และ สว่ นทตี่ นเองสอน หรอื ปัญหาเดยี วกนั ทาให้

ปัญหา ในลกั ษณะเดยี วกัน กาหนดว่า จะแบ่ง โดยกาหนดเกณฑ์ สามารถเชอื่ มโยงความรู้

-สอนตา่ งวิชากัน โดยแยกกนั สอนใน โครงงานนั้นเป็น เอง จากสาขาวชิ าต่าง ๆ มา

หวั เรื่องเดยี วกัน โครงงานย่อยๆให้ สร้างสรรค์งานได้

-รว่ มกันกาหนดช้นิ งาน/โครงงานโดย นักเรยี นทาในแต่ละ

เช่อื มโยงวชิ าตา่ ง ๆ วิชา

1.4 บูรณาการแบบเช่ือมโยงข้ามวชิ า (Transdisciplinary)

STEAM Education โครงงานฐานการเรียนร้.ู .........................................................................

2

2. การบรู ณาการงานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น 5 องค์ประกอบ

องคป์ ระกอบที่ 1 การจัดปา้ ยชือ่ พรรณไม้
องคป์ ระกอบท่ี 2 การรวบรวมพรรณไม้เข้าปลกู ในโรงเรียน
องคป์ ระกอบที่ 3 การศกึ ษาข้อมลู ด้านตา่ งๆ
องค์ประกอบท่ี 4 การรายงานผลการเรียนรู้
องค์ประกอบท่ี 5 การนาไปใชป้ ระโยชนท์ างการศึกษา

3. การบรู ณาการงานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น พชื ศกึ ษา (งาข้ีมอ้ น) 3 สาระ

พชื ศึกษา : งาขีม้ อ้ น
ราก ลาตน้ ใบ ดอก ผล เมลด็

สาระการเรียนรทู้ ่ี 1 ธรรมชาติแหง่ ชวี ิต
สาระการเรียนรูท้ ่ี 2 สรรพสงิ่ ล้วนพนั เกยี่ ว
สาระการเรียนร้ทู ่ี 3 ประโยชน์แทแ้ ก่มหาชน

4. จานวนใบความรู้ ชิน้ งาน คลปิ การสอน

จานวนนักเรียน.................คน จานวนใบความรู้................ใบ (ชุด)จานวนใบงาน..............ใบ (ชดุ )

ชน้ิ งาน รายบุคคล จานวน.................ช้ิน

รายกลมุ่ จานวน.................ช้ิน

คลิปการสอน รายบุคคล จานวน.................คลิป

3

สรปุ ผลการจดั การเรียนรู้บรู ณาการงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น

1. ผลการเรยี นรู้ตามตัวช้วี ัด แผนการจดั การเรยี นรู้

1.1 ผเู้ รยี นที่ผ่านตวั ชวี้ ัด มีจานวน ............ คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ .....................
คดิ เป็นรอ้ ยละ .....................
1.2 ผ้เู รียนท่ีไมผ่ ่านตัวชว้ี ัด มจี านวน ............. คน
คิดเปน็ รอ้ ยละ .....................
2. ผลการเรยี นรู้ตามลาดับการเรียนรงู้ านสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น คดิ เปน็ ร้อยละ .....................

2.1 ผู้เรียนทผ่ี า่ นลาดับการเรียนรู้ มีจานวน ............ คน คิดเปน็ ร้อยละ .....................
คดิ เปน็ ร้อยละ .....................
2.2 ผ้เู รยี นทไ่ี ม่ผา่ นลาดับการเรียนรู้ มีจานวน ............. คน

3. ผลการประเมินคณุ ลักษณะ

3.1 ผ้เู รียนทีผ่ ่านคณุ ลักษณะ มจี านวน ............ คน

3.2 ผูเ้ รยี นทไี่ มผ่ า่ นคณุ ลกั ษณะ มีจานวน ............. คน

คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ รอ้ ยละ คุณลกั ษณะงานสวนพฤกษศาสตรฯ์ รอ้ ยละ

รักชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ มีความรบั ผิดชอบ

ซื่อสัตยส์ ุจริต มีความซอ่ื ตรง

มีวนิ ัย มีความรอบคอบ

ใฝ่เรยี นรู้ มคี วามขยันหมั่นเพยี ร มีความอดทน

อยู่อยา่ งพอเพยี ง มีความสามัคคี เอื้ออาทร

ม่งุ มั่นในการทางาน มเี หตผุ ล ยอมรับความคิดเห็นผอู้ ่ืน

รกั ความเปน็ ไทย มีความเมตตา กรณุ า

มีจิตสาธารณะ มจี ติ สานึกอนรุ ักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ

ลงชือ่ ............................................. ผสู้ อน
(.............................................)

ตาแหนง่ ...............................................

4

คำอธบิ ำยรำยวิชำพ้นื ฐำน

รายวิชา .......................................... กลุ่มสาระการเรยี นรู้ศิลปะ

ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี........................... ภาคเรยี นที่ ........................................

เวลา .......... ช่วั โมง จานวน ............................... หน่วยกิต

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

..............................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................... ..........................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

รหสั ตัวชว้ี ัด
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

รวมทั้งหมด ..................... ตัวชว้ี ัด

5

การวิเคราะห์ความสอดคลอ้ งตวั ช้วี ัดและลาดบั การเรียนรู้
องค์ประกอบท่ี 1 การจัดทาป้ายช่อื พรรณไม้

ลาดบั การเรียนร้ทู ่ี 3 ทาและตดิ ป้ายรหัสประจาต้น

กล่มุ สาระการเรียนรศู้ ิลปะ

สาระที่ 1 ทศั นศลิ ป์
มาตรฐาน ศ 1.1สรา้ งสรรค์งานทศั นศลิ ปต์ ามจนิ ตนาการ และความคดิ สรา้ งสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์

วจิ ารณ์คุณค่างานทัศนศลิ ป์ ถ่ายทอดความรูส้ ึก ความคดิ ต่องานศิลปะอยา่ งอสิ ระ
ช่ืนชม และประยุกต์ใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั

ช้นั ตวั ช้ีวัด งานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียน

องคป์ ระกอบที่ ลาดบั การเรยี นร้ทู ่ี

,ม.1 5. ออกแบบรูปภาพ สัญลกั ษณ์ หรือ 1 3. ทาและตดิ ปา้ ยรหัส
ม.2 กราฟิกอนื่ ๆ ในการนาเสนอความคดิ และ ปร่ะจาต้น
ม.3 ขอ้ มูล

ม.4-ม.6 -

6. สรา้ งงานทศั นศิลป์ ท้งั 2 มติ ิ และ
3 มติ ิ เพื่อถ่ายทอดประสบการณ์และ
จินตนาการ

7. สรา้ งสรรคง์ านทศั นศลิ ป์ส่ือความหมาย
เป็นเรื่องราว โดยประยุกตใ์ ชท้ ศั นธาตุ
และหลกั การออกแบบ

5. สรา้ งสรรคง์ านทศั นศิลปด์ ว้ ยเทคโนโลยี
ต่าง ๆ โดยเนน้ หลกั การออกแบบและการ
จดั องคป์ ระกอบศิลป์

6. ออกแบบงานทัศนศลิ ปไ์ ดเ้ หมาะกบั
โอกาสและสถานที่

6

องคป์ ระกอบที่ 1 การจัดทาปา้ ยชื่อพรรณไม้
ลาดบั การเรยี นรทู้ ่ี 4

ต้งั ช่ือหรือสอบถามชอื่ และศึกษาข้อมูลพน้ื บา้ น (ก.7-003 หน้า ปก - 1)
กล่มุ สาระการเรียนรู้ศิลปะ

สาระท่ี 1 ทศั นศิลป์
มาตรฐาน ศ 1.1สร้างสรรค์งานทศั นศลิ ป์ตามจนิ ตนาการ และความคดิ สร้างสรรค์ วเิ คราะห์ วพิ ากษ์

วจิ ารณค์ ุณคา่ งานทัศนศลิ ป์ ถ่ายทอดความรสู้ ึก ความคดิ ต่องานศลิ ปะอยา่ งอิสระ
ช่ืนชม และประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวัน

ชั้น ตัวช้ีวดั งานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียน

องค์ประกอบท่ี ลาดบั การเรียนรู้ที่

ม.1 3. วาดภาพทัศนยี ภาพแสดงใหเ้ หน็ 1 4 การตัง้ ชอ่ื ฯ
ม.2 ระยะไกลใกล้ เป็น 3 มติ ิ (วาดภาพต้นไม)้
ม.3
3. วาดภาพด้วยเทคนคิ ท่หี ลากหลาย (ก.7-003 หนา้ ปก – 1)
ม.4-ม.6 ในการส่ือความหมายและเรื่องราวตา่ ง ๆ

6. สร้างงานทัศนศิลป์ ทง้ั 2 มติ ิ และ
3 มิติ เพื่อถ่ายทอดประสบการณ์และ
จนิ ตนาการ

7. สรา้ งสรรคง์ านทศั นศิลป์สือ่ ความหมาย
เปน็ เรอื่ งราว โดยประยุกต์ใช้ทัศนธาตุ
และหลกั การออกแบบ

5. สรา้ งสรรคง์ านทศั นศลิ ป์ดว้ ยเทคโนโลยี
ต่าง ๆ โดยเนน้ หลกั การออกแบบและการ
จดั องคป์ ระกอบศิลป์

7

องคป์ ระกอบที่ 1
ลาดับการเรียนรทู้ ่ี 6
ศึกษาและบนั ทึกลักษณะทางพฤกษศาสตร์ (ก.7-003 หนา้ 2-7)

กลุ่มสาระการเรียนร้ศู ลิ ปะ
สาระที่ 1 ทศั นศิลป์
มาตรฐาน ศ 1.1สรา้ งสรรค์งานทัศนศลิ ปต์ ามจินตนาการ และความคดิ สรา้ งสรรค์ วเิ คราะห์ วพิ ากษ์

วจิ ารณค์ ณุ ค่างานทัศนศิลป์ ถ่ายทอดความรสู้ กึ ความคดิ ต่องานศลิ ปะอยา่ งอิสระ
ชื่นชม และประยุกต์ใชใ้ นชวี ิตประจาวนั

ชนั้ ตวั ช้วี ัด งานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียน

องคป์ ระกอบที่ ลาดบั การเรยี นรู้ที่

ม.1 3. วาดภาพทศั นียภาพแสดงใหเ้ หน็ 1 6 การวาดภาพทาง
ม.2 ระยะไกลใกล้ เป็น 3 มิติ
ม.3 พฤกษศาสตร์
3. วาดภาพด้วยเทคนคิ ทหี่ ลากหลาย
ม.4-ม.6 ในการส่อื ความหมายและเรอื่ งราวตา่ ง ๆ (ก.7-003 หน้า 2-7)

6. สรา้ งงานทศั นศิลป์ ท้ัง 2 มติ ิ และ
3 มิติ เพ่อื ถา่ ยทอดประสบการณ์และ
จนิ ตนาการ

7. สรา้ งสรรค์งานทัศนศิลปส์ ื่อความหมาย
เป็นเรือ่ งราว โดยประยกุ ต์ใชท้ ศั นธาตุ
และหลักการออกแบบ

5. สร้างสรรคง์ านทัศนศิลปด์ ้วยเทคโนโลยี
ต่าง ๆ โดยเน้นหลักการออกแบบและการ
จดั องค์ประกอบศลิ ป์

8

องค์ประกอบท่ี 1
ลาดับการเรยี นร้ทู ี่ 7 บนั ทกึ ภาพหรอื วาดภาพทางพฤกษศาสตร์

กล่มุ สาระการเรียนรูศ้ ิลปะ
สาระที่ 1 ทัศนศิลป์
มาตรฐาน ศ 1.1สร้างสรรค์งานทศั นศลิ ปต์ ามจนิ ตนาการ และความคดิ สร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์

วจิ ารณค์ ุณค่างานทัศนศิลป์ ถ่ายทอดความรูส้ ึก ความคดิ ต่องานศิลปะอย่างอสิ ระ
ชื่นชม และประยุกต์ใชใ้ นชีวติ ประจาวนั

ช้ัน ตัวช้ีวดั งานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียน

องค์ประกอบที่ ลาดบั การเรยี นร้ทู ี่

ม.1 3. วาดภาพทศั นียภาพแสดงใหเ้ หน็ 1 7 การวาดภาพทาง
ม.2 ระยะไกลใกล้ เปน็ 3 มิติ
ม.3 พฤกษศาสตร์
3. วาดภาพดว้ ยเทคนิคท่หี ลากหลาย
ม.4-ม.6 ในการส่ือความหมายและเรื่องราวต่าง ๆ

2.ระบุ และบรรยายเทคนิค วิธีการ ของ
ศิลปนิ ในการ สรา้ งงาน ทัศนศลิ ป์

6. สร้างงานทัศนศลิ ป์ ท้ัง 2 มติ ิ และ
3 มิติ เพื่อถา่ ยทอดประสบการณ์และ
จนิ ตนาการ

7. สรา้ งสรรค์งานทัศนศิลป์สอ่ื ความหมาย
เป็นเรอ่ื งราว โดยประยกุ ต์ใช้ทัศนธาตุ
และหลกั การออกแบบ

5. สรา้ งสรรคง์ านทัศนศิลปด์ ้วยเทคโนโลยี
ตา่ ง ๆ โดยเน้นหลักการออกแบบและการ
จดั องคป์ ระกอบศิลป์

9

องค์ประกอบที่ 2
การรวบรวมพรรณไมเ้ ข้าปลกู ในโรงเรียน

สาระที่ 1 ทัศนศลิ ป์

มาตรฐาน ศ 1.1 สร้างสรรค์งานทศั นศิลป์ตามจนิ ตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ วเิ คราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์

คุณค่างานทศั นศลิ ป์ ถา่ ยทอดความร้สู ึก ความคิดต่องานศลิ ปะอย่างอสิ ระ ชืน่ ชม แ ล ะ

ประยกุ ต์ใชใ้ นชวี ติ ประจาวัน

ช้ัน ตวั ชวี้ ัด งานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียน

องคป์ ระกอบที่ ลาดับการเรยี นรทู้ ่ี

ม.1 2. ระบุ และบรรยายหลกั การออกแบบ 2 1. ศกึ ษาขอ้ มลู จากผังพรรณไม้เดมิ
งานทศั นศิลป์ โดยเนน้ ความเปน็ เอกภาพ และศกึ ษาธรรมชาตขิ องพรรณไม้
ความกลมกลืน และความสมดลุ 2. สารวจ ศกึ ษา วเิ คราะห์สภาพ
3. วาดภาพทัศนยี ภาพแสดงให้เหน็ ะยะ พื้นท่ี

ไกลใกล้ เป็น 3 มิติ 3. พจิ ารณาคุณ และสุนทรยี ภาพ
4. รวบรวมงานป้ันหรอื สือ่ ผสมมาสรา้ ง ของพรรณไม้

เป็นเรอื่ งราว 3 มิติ โดยเน้นความเปน็ 4. กาหนดการใชป้ ระโยชนใ์ นพนื้ ที่
เอกภาพความกลมกลนื และการสื่อถึง 5. กาหนดชนิดพรรณไม้ท่จี ะปลกู
เรอ่ื งราวของงาน 6. ทาผังภูมทิ ัศน์
7. จดั หาพรรณไม้ วัสดุปลกู
ม.2 3. วาดภาพด้วยเทคนิคทหี่ ลากหลายใน 8. ปลกู พรรณไม้เพิม่ เตมิ
การสื่อความหมายและเรอ่ื งราวต่างๆ 9. ศึกษาพรรณไม้หลงั การปลูก

ม.3 3. วิเคราะห์ และบรรยายวิธีการใช้
ทัศนธาตุ และหลักการออกแบบในการ
สรา้ งงานทศั นศิลปข์ องตนเองใหม้ ีคุณภาพ
5. มที ักษะในการผสมผสานวัสดุต่าง ๆ ใน
การสร้างงานทัศนศิลป์โดยใช้หลักการ
ออกแบบ
7. สร้างสรรคง์ านทัศนศิลป์สื่อความหมาย
เปน็ เรือ่ งราว โดยประยุกตใ์ ช้ทศั นธาตุ
และหลักการออกแบบ

ม.4-ม.6

10

องค์ประกอบท่ี 3 การศึกษาขอ้ มลู ด้านต่าง ๆ
ลาดับการเรียนรทู้ ่ี1

ศกึ ษาพรรณไมใ้ นสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียน (ก.7-003) ครบตามทะเบยี นพรรณไม้
(กลมุ่ ละ 1 ต้น ชื่อกลมุ่ ....(ตามรหสั พรรณไม)้ ...

ช้ัน ตวั ช้วี ัด งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน

ม.1 ศ 1.1 ม.1/3,4,5 องค์ประกอบที่ ลาดบั การเรียนรทู้ ี่
ม.2 ศ 1.1 ม.2/3
ม.3 ศ 1.1 ม.3/2,3,5,6,7 3 1.ศึกษาพรรณไม้ใน
ม.4 ศ 1.1 4-6/5,6 สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น
ม.5 ศ 1.1 4-6/5,6 (ก 7-003) ครบตามทะเบยี น
ม.6 ศ 1.1 4-6/5,6 พรรณไม้
1.1.มสี ว่ นรว่ มของผู้ศกึ ษา
1.2 ศึกษาข้อมูลพนื้ บา้ น
1.3 ศึกษาข้อมลู พรรณไม้
(หนา้ ท่ี 2–7)
1.4 สรุปลักษณะและขอ้ มลู
พรรณไม้
1.5 สืบคน้ ขอ้ มูลพฤกษศาสตร์
(หนา้ ที่ 9)
1.6 บันทึกขอ้ มลู เพม่ิ เตมิ
(หน้าท่ี 10)
1.7 ตรวจสอบผลงานเปน็
ระยะ
1.8 ความเปน็ ระเบยี บ
ความตงั้ ใจ

11

องคป์ ระกอบท่ี 3 การศกึ ษาข้อมูลด้านต่าง ๆ
ลาดบั การเรียนรูท้ ี่ 2 ศึกษาพรรณไม้ท่ีสนใจ

กลมุ่ สาระการเรียนรศู้ ิลปะ
สาระที่ 3 นาฏศลิ ป์
มาตรฐาน ศ 3.1เข้าใจ และแสดงออกทางนาฏศิลปอ์ ยา่ งสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์

คุณคา่ นาฏศลิ ป์ ถา่ ยทอดความรู้สึก ความคิดอย่างอสิ ระ ช่ืนชม และประยุกตใ์ ช้
ในชวี ติ ประจาวนั

ชัน้ ตวั ช้ีวดั งานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียน

องคป์ ระกอบท่/ี 3 สาระ ลาดบั การเรียนรทู้ ่ี

ม.1 4. ใช้ทักษะการทางานเปน็ กลมุ่ 3 2 ศึกษาพรรณไมท้ ่ีสนใจ
ในกระบวนการผลิตการแสดง 2.1 ศกึ ษาลกั ษณะ
ม.2 5. เช่อื มโยงการเรยี นรู้ระหว่างนาฏศลิ ป์ ภายนอก ภายในของพชื แต่
และการละครกบั สาระการเรยี นรูอ้ ่นื ๆ ละส่วนโดยละเอียด
ม.3 2.2 กาหนดเรอื่ งท่ีจะ
ม.4-ม.6 - เรียนรูใ้ นแตล่ ะส่วนของพชื
8. วเิ คราะห์ท่าทาง และการเคลอ่ื นไหว 2.3 เรียนรูแ้ ตล่ ะเรือ่ ง แต่
ของผู้คนในชีวติ ประจาวันและนามา ละสว่ นขององคป์ ระกอบ
ประยกุ ตใ์ ช้ในการแสดง ยอ่ ย

2.4 นาข้อมลู มา
เปรียบเทยี บความตา่ งในแต่

ละเรอื่ ง ในชนิดเดยี วกนั

12

องคป์ ระกอบที่ 4 การรายงานผลการเรียนรู้

กลมุ่ สาระการเรียนรู้ศิลปะ

สาระท่ี 1 ทศั นศลิ ป์

มาตรฐาน ศ 1.1 สรา้ งสรรค์งานทศั นศลิ ป์ตามจนิ ตนาการ และความคิดสรา้ งสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์ วจิ ารณ์

คณุ คา่ งานทัศนศิลป์ ถา่ ยทอดความรู้สกึ ความคิดต่องานศลิ ปะอย่างอสิ ระ ชน่ื ชม และ

ประยกุ ต์ใช้ในชีวติ ประจาวนั

ช้นั ตวั ชว้ี ดั งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน

องค์ประกอบที่ ลาดบั การเรียนร้ทู ี่

ม.1 4 1. รวบรวมผลการเรียนรู้

ม.2 6. วาดภาพแสดง 2. คัดแยกสาระสาคัญ และจัดให้เป็น
ม.3 บุคลกิ ลกั ษณะของตวั ละคร หมวดหมู่

ม.4-ม.6 11. เลอื กงานทศั นศิลป์โดยใช้เกณฑท์ ี่ 2.1 วิเคราะหเ์ รยี บเรียงสาระ
กาหนดขึ้นอย่างเหมาะสม และนาไป 2.2 จดั ระเบียบข้อมูลสาระแตล่ ะ
จดั นิทรรศการ ดา้ น
2.3 จัดลาดบั สาระหรือกล่มุ สาระ
11. วาดภาพ ระบายสเี ป็นภาพล้อเลยี น 3. สรุปและเรยี บเรียง
หรือภาพการต์ นู เพอื่ แสดงความคดิ เห็น 4. เรยี นรู้รปู แบบการเขียนรายงาน
เก่ยี วกบั สภาพสงั คมในปจั จบุ ัน 4.1 แบบวิชาการ

4.2 แบบบรู ณาการ

4.2.1 บูรณาการกลุ่มสาระ

4.2.2 บรู ณาการแหง่ ชวี ิต

5. กาหนดรูปแบบการเขียนรายงาน

6. เรียนร้วู ิธกี ารรายงานผล

6.1 เอกสาร

6.2 บรรยาย

6.3 ศิลปะ

6.4 นิทรรศการ

7. กาหนดวิธีการรายงานผล

13
สาระที่ 2 ดนตรี
มาตรฐาน ศ 2.1 เข้าใจและแสดงออกทางดนตรอี ย่างสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์วจิ ารณ์คุณคา่ ดนตรี

ถ่ายทอดความร้สู ึก ความคดิ ต่อดนตรอี ย่างอสิ ระ ช่ืนชม และประยุกตใ์ ช้ในชีวิตประจาวัน

ช้นั ตวั ชวี้ ดั งานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียน

ม.1 5. แสดงความคิดเห็นท่ีมีต่ออารมณ์ของ องคป์ ระกอบท่ี ลาดบั การเรยี นรทู้ ี่
บทเพลงที่มีความเร็วของจังหวะ และ
ม.2 ความดงั - เบา แตกตา่ งกนั 4 1.รวบรวมผลการเรียนรู้
ม.3 2. คดั แยกสาระสาคญั และจดั ให้เปน็
-
ม.4-ม.6 หมวดหมู่
7. นาเสนอหรือจดั การแสดงดนตรี ท่ี 2.1 วิเคราะห์เรียบเรยี งสาระ
เหมาะสมโดยการบูรณาการกับสาระการ
เรยี นร้อู ่ืนในกลุ่มศิลปะ 2.2 จัดระเบียบขอ้ มูลสาระแตล่ ะ
5. ร้องเพลง หรือเล่นดนตรีเด่ียวและรวม ด้าน
วงโดยเน้นเทคนิคการแสดงออกและ
คุณภาพของการแสดง 2.3 จดั ลาดับสาระหรอื กล่มุ สาระ
3. สรปุ และเรียบเรียง
4. เรยี นรู้รูปแบบการเขยี นรายงาน

4.1 แบบวชิ าการ
4.2 แบบบูรณาการ

4.2.1 บรู ณาการกล่มุ สาระ
4.2.2 บรู ณาการแห่งชีวติ
5. กาหนดรปู แบบการเขยี นรายงาน
6. เรียนรู้วธิ กี ารรายงานผล

6.1 เอกสาร
6.2 บรรยาย

6.3 ศลิ ปะ
6.4 นทิ รรศการ

7. กาหนดวธิ กี ารรายงานผล

14

สาระท่ี 3 นาฏศลิ ป์

มาตรฐาน ศ 3.1 เข้าใจ และแสดงออกทางนาฏศลิ ปอ์ ย่างสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษว์ ิจารณ์คุณคา่ นาฏศิลป์

ถา่ ยทอดความรสู้ กึ ความคดิ อยา่ งอิสระ ช่ืนชม และประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวัน

ชน้ั ตัวช้วี ดั งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน

องคป์ ระกอบท่ี ลาดบั การเรยี นร้ทู ่ี

ม.1 3. แสดงนาฏศิลป์และละครในรูปแบบงา่ ย ๆ 4 1.รวบรวมผลการเรยี นรู้
4. ใช้ทกั ษะการทางานเปน็ กลมุ่ ในกระบวนการ 2. คัดแยกสาระสาคญั และจดั ให้เป็น

ม.2 ผลิตการแสดง หมวดหมู่
ม.3 2.1 วเิ คราะหเ์ รียบเรียงสาระ
2. สรา้ งสรรคก์ ารแสดงโดยใช้องคป์ ระกอบ 2.2 จัดระเบียบข้อมูลสาระแตล่ ะ
ม.4-ม.6 นาฏศิลป์และการละคร
ด้าน
3. มีทกั ษะในการใชค้ วามคดิ ในการพฒั นา 2.3 จัดลาดับสาระหรือกลุม่ สาระ
รูปแบบการแสดง
4. มที ักษะในการแปลความและ การส่ือสาร 3. สรปุ และเรยี บเรยี ง
ผา่ นการแสดง 4. เรียนรู้รปู แบบการเขียนรายงาน

2. สร้างสรรคล์ ะครสัน้ ในรปู แบบ ทีช่ ื่นชอบ 4.1 แบบวชิ าการ
3. ใช้ความคิดริเร่มิ ในการแสดงนาฏศลิ ป์เป็นคู่ 4.2 แบบบรู ณาการ
และหมู่
4.2.1 บรู ณาการกลุม่ สาระ
4.2.2 บูรณาการแห่งชีวิต
5. กาหนดรปู แบบการเขยี นรายงาน
6. เรียนรู้วธิ กี ารรายงานผล
6.1 เอกสาร
6.2 บรรยาย
6.3 ศิลปะ

6.4 นิทรรศการ
7. กาหนดวิธีการรายงานผล

15

องค์ประกอบที่ 5 การนาไปใชป้ ระโยชน์ทางการศกึ ษา
กลุ่มสาระการเรียนรศู้ ิลปะ

ชัน้ ตวั ชี้วัด งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน

องค์ประกอบท่ี ลาดับการเรียนรทู้ ี่

ม.1 ศ.1.1 ม.1/2,3,4,5 5 1. นาสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน
ม.2 ศ 3.1 ม.1/4
ม.3 บรู ณาการสกู่ ารเรยี นการสอน
ศ 1.1 ม.2/3
ม.4-ม.6 ศ 3.1 ม.2/2 1.1 การเขยี นแผนการสอน ฯ

ศ 1.1 ม.3/3,5,6,7 1.2 จัดเกบ็ ผลการเรียนรู้
ศ 2.1 ม.3/7
ศ 3.1 ม.3/1,5 2. เผยแพรอ่ งค์ความรู้

ศ 1.1 ม.4-6/5,6 2.1 บรรยาย
ศ 2.1 ม.4-6/5
ศ 3.1 ม.4-6/8 2.1.1 สนทนา
2.1.2 เสวนา

2.1.3 สัมมนา/อภิปราย

2.2 จดั แสดง

3. จดั สรา้ งแหลง่ เรยี นรู้

3.1 จัดแสดงพพิ ิธภัณฑ์

3.2 จดั แสดงพพิ ธิ ภณั ฑเ์ ฉพาะเร่อื ง

3.3 จดั แสดงพิพธิ ภัณฑ์ธรรมชาติ

วิทยา

4. ใช้ ดูแลรักษา และพฒั นาแหลง่

เรียนรู้

16

สาระการเรยี นรู้ธรรมชาติแหง่ ชวี ติ

กลมุ่ สาระการเรยี นรูศ้ ิลปะ
สาระที่ 3 นาฏศิลป์
มาตรฐาน ศ 3.1เข้าใจ และแสดงออกทางนาฏศลิ ปอ์ ยา่ งสรา้ งสรรค์ วิเคราะห์ วพิ ากษ์วจิ ารณ์

คณุ ค่านาฏศลิ ป์ ถ่ายทอดความรูส้ กึ ความคดิ อยา่ งอสิ ระ ชื่นชม และประยุกต์ใช้
ในชีวติ ประจาวนั

ชั้น ตัวช้วี ัด งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน

สาระการเรยี นรู้ ลาดบั การเรียนรทู้ ่ี

ม.1 4. ใช้ทักษะการทางานเป็นกลมุ่ ธรรมชาติแหง่ ชวี ิต 1. สัมผสั เรยี นรวู้ งจรชวี ติ
ในกระบวนการผลติ การแสดง
ม.2 5. เชื่อมโยงการเรียนรู้ระหว่างนาฏศิลป์ ของชีวภาพ
และการละครกับสาระการเรียนรอู้ ่นื ๆ
ม.3 1.1 ศกึ ษาดา้ นรปู ลักษณ์
ม.4-ม.6 8. วเิ คราะห์ทา่ ทาง และการเคลือ่ นไหว
ของผู้คนในชวี ิตประจาวันและนามา 1.2 ศกึ ษาด้านคณุ สมบตั ิ
ประยกุ ตใ์ ช้ในการแสดง
1.3 ศึกษาด้านพฤตกิ รรม

2. เปรียบเทียบการ

เปลยี่ นแปลงและความ

แตกตา่ ง

2.1 รปู ลกั ษณ์กบั รูปกาย

ตน

2.2 คณุ สมบตั ิกบั

สมรรถภาพของตน

2.3 พฤติกรรมกบั จิต

อารมณแ์ ละพฤตกิ รรมของ

ตน

3. สรุปองค์ความร้ทู ่ไี ด้จาก

การศกึ ษาธรรมชาตแิ หง่

ชวี ิต

4. สรปุ แนวทางเพื่อนาไปสู่

การประยกุ ต์ใช้ในการ

ดาเนนิ ชีวิต

17

สาระการเรยี นรสู้ รรพสง่ิ ล้วนพันเก่ียว

กลมุ่ สาระการเรยี นร้ศู ลิ ปะ
สาระที่ 3 นาฏศิลป์
มาตรฐาน ศ 3.1เขา้ ใจ และแสดงออกทางนาฏศิลปอ์ ย่างสร้างสรรค์ วเิ คราะห์ วิพากษว์ ิจารณ์

คณุ คา่ นาฏศิลป์ ถ่ายทอดความรู้สึก ความคิดอย่างอิสระ ชื่นชม และประยุกตใ์ ช้
ในชวี ติ ประจาวนั

ชนั้ ตวั ชี้วัด งานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียน

สาระการเรยี นรู้ ลาดบั การเรียนรู้ที่

ม.1 4. ใชท้ ักษะการทางานเปน็ กลมุ่ สรรพสง่ิ ลว้ นพนั เกยี่ ว 1. รวบรวมองค์ความรทู้ ่ไี ด้
ในกระบวนการผลิตการแสดง จากการเรยี นร้ธู รรมชาติ
ม.2 5. เช่ือมโยงการเรยี นรู้ระหวา่ งนาฏศลิ ป์ แห่งชีวติ
และการละครกบั สาระการเรียนรอู้ ่ืน ๆ 2. เรยี นรธู้ รรมชาตขิ อง
ม.3 ปัจจยั ชีวภาพอื่นท่ีเขา้ มา
ม.4-ม.6 8. วิเคราะหท์ า่ ทาง และการเคลอื่ นไหว เกยี่ วขอ้ งกบั ปจั จัยหลกั
ของผคู้ นในชวี ิตประจาวนั และนามา 2.1 เรียนรดู้ ้านรูปลักษณ์
ประยกุ ตใ์ ช้ในการแสดง
คณุ สมบตั ิ พฤติกรรม
2.2 สรุปผลการเรียนรู้

3. เรยี นร้ธู รรมชาติของ
ปจั จยั กายภาพ (ดิน นา้

แสง อากาศ)
3.1 เรยี นรู้ดา้ นรปู ลกั ษณ์

คุณสมบตั ิ
3.2 สรปุ ผลการเรยี นรู้
4. เรยี นรู้ธรรมชาตขิ อง
ปจั จัยอนื่ ๆ (ปจั จยั
ประกอบ เช่น วสั ดุอปุ กรณ์
อาคารสถานท)่ี
5. เรียนรู้ธรรมชาตขิ อง
ความพนั เกยี่ วระหวา่ ง
ปจั จัย

5.1 วิเคราะห์ใหเ้ ห็น
ความสมั พันธแ์ ละ

สัมพนั ธภาพ
5.2 ิเคราะหใ์ หเ้ หน็ ความ
ผกู พัน
6. สรปุ ผลการเรยี นรู้ ดลุ ย
ภาพของความพนั เก่ยี ว

18

สาระการเรียนรู้ ประโยชนแ์ ทแ้ กม่ หาชน

กลุม่ สาระการเรียนรู้ศิลปะ
สาระที่ 3 นาฏศลิ ป์
มาตรฐาน ศ 3.1เข้าใจ และแสดงออกทางนาฏศลิ ปอ์ ย่างสรา้ งสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษว์ จิ ารณ์

คณุ คา่ นาฏศลิ ป์ ถ่ายทอดความรสู้ ึก ความคิดอยา่ งอสิ ระ ช่ืนชม และประยุกตใ์ ช้
ในชีวติ ประจาวัน

ช้ัน ตัวชว้ี ัด งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน

สาระการเรียนรู้ ลาดับการเรียนรูท้ ่ี

ม.1 4. ใชท้ กั ษะการทางานเป็นกลมุ่ ประโยชนแ์ ท้แก่มหาชน 1. เรยี นร้กู ารวเิ คราะห์
ในกระบวนการผลิตการแสดง ศักยภาพของปจั จยั ศกึ ษา
ม.2 5. เชือ่ มโยงการเรียนรู้ระหวา่ งนาฏศิลป์
และการละครกบั สาระการเรียนรอู้ น่ื ๆ 1.1 เรยี นรู้การวิเคราะห์
ม.3 ด้านรูปลักษณ์
ม.4-ม.6 8. วิเคราะห์ท่าทาง และการเคลอื่ นไหว
ของผู้คนในชีวิตประจาวนั และนามา 1.2 เรียนรูก้ ารวเิ คราะห์
ประยุกต์ใช้ในการแสดง ดา้ นคุณสมบัติ
1.3 เรียนรู้การวิเคราะห์
ดา้ นพฤตกิ รรม
2 เรียนรู้ จนิ ตนาการเห็น
คุณของศักยภาพ ของ
ปจั จยั ศกึ ษา

2.1 วเิ คราะห์ศักยภาพ
ดา้ นรูปลักษณ์

2.2 เห็นคุณด้าน
คุณสมบัติ

2.3 เหน็ คุณด้าน
พฤติกรรม

3 สรรค์สร้างวธิ กี าร
4 สรปุ ผลการเรยี นรู้

ประโยชน์แท้แกม่ หาชน

19

ผงั มโนทัศน์รวม
5 องค์ประกอบ งานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น โรงเรียนบุญวาทยว์ ิทยาลัย

กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น ภาษาไทย คณติ ศาสตร์
ฐาน กิจกรรมเพือ่ สังคมและาธารณประโยชน์ ฐาน วรรณกรรมต้นไม้ พรรณไมว้ รรณคดี ฐาน พฤกษศาสตรค์ านวณ

หน่วย การอนุรักษ์สง่ิ แวดลอ้ ม หน่วย วรรณกรรมพรรณไม้ หนว่ ย คณติ คดิ รักษพ์ รรณไม้
กิจกรรมนักเรียน :ลกู เสือ เนตรนารีฯ ชุมนมุ ท 2.1,ท 3.1, ท 4.1 ค 2.1,ค 2.2,ค 3.1
กิจกรรมเพ่อื สังคม :ก 33930 เพื่อสังคม องค์ประกอบที่ 1,3,4,5
องคป์ ระกอบท่ี 1,3,4,5
องคป์ ระกอบ 1-5

โรงเรียนมาตรฐานสากล 5 องค์ประกอบ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ฐาน การจัดการเรยี นรแู้ บบ B.B.L งานสวนพฤกษศาสตร์ ฐาน พืชศาสตร์ชีววิทยาของพืช
หน่วย มหัศจรรย์พรรณพฤกษา หนว่ ย อนุรกั ษพ์ นั ธกุ รรมพืช
โรงเรยี น
IS 1, IS 2 ว1.1,1.2,1.3, ว 4.1
องคป์ ระกอบท่ี 3,4,5 องคป์ ระกอบที่ 1,2,3,4,5

ภาษาตา่ งประเทศ ก ว1.1,1.2,1.3, ว 4.1
ต 1.1,1.2,1.3,ต 3.1 สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
ฐาน Botanical Literature
หน่วย Botany in my school ฐาน ทรพั ยากรทอ้ งถิน่
องคป์ ระกอบท่ี 1,3,4,5 หน่วย สืบสานฮีตฮอยพรรณไม้

ส 2.1,ส 4.3, ส 5.1,
องค์ประกอบที่ 1,3,4,5

การงานอาชีพ ศิลปะ สขุ ศึกษาและพลศึกษา
ฐาน สวนสมุนไพร พรรณไมพ้ นื้ บา้ น ฐาน ศลิ ปะเพือ่ ชีวติ
หนว่ ย คณุ ค่าพรรณไม้ สายใยชีวติ ฐาน สวนสุขภาพ
หน่วย ประโยชน์หลากหลาย ศ 1.1,ศ 2.1, ศ 3.1 หนว่ ย พรรณไม้ให้ชีวติ
พรรณไม้ท้องถน่ิ องคป์ ระกอบท่ี 1,3,4,5
พ 3.1,3.2, พ 4.1
ง 1.1,ง 2.1, องคป์ ระกอบท่ี 3,4,5
องค์ประกอบที่ 1,2,3,4,5

องคป์ ระกอบท่ี 1 การจัดทาป้ายชื่อพรรณไม้

องค์ประกอบที่ 2 การรวบรวมพรรณไม้เข้าปลูกในโรงเรยี น
องค์ประกอบท่ี 3 การศกึ ษาข้อมูลด้านตา่ ง ๆ
องคป์ ระกอบที่ 4 การรายงานผลการเรียนรู้
องคป์ ระกอบท่ี 5 การนาไปใชป้ ระโยชน์ทางการศกึ ษา

20

ผงั มโนทัศน์รวม
พืชศกึ ษา งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน โรงเรยี นบญุ วาทย์วิทยาลัย

พชื ศึกษา “งาขมี้ ้อน”

กิจกรรมพัฒนาผ้เู รยี น ภาษาไทย คณิตศาสตร์
ฐาน กจิ กรรมเพอ่ื สังคมและาธารณประโยชน์ ฐาน วรรณกรรมต้นไม้ ฐาน พฤกษศาสตรค์ านวณ
หน่วย คณิตคดิ รักษ์พรรณไม้
หน่วย การอนุรักษส์ ิ่งแวดล้อม พรรณไม้วรรณคดี
กจิ กรรมนกั เรยี น :ลกู เสือ เนตรนารฯี ชุมนุม หนว่ ย เรียงรอ้ ยถ้อยความ : งาขีม้ ้อน ค 3.1
กจิ กรรมเพือ่ สังคม :ก 33930 เพ่อื สงั คม
ท 2.1 วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
โรงเรยี นมาตรฐานสากล ฐาน พชื ศาสตร์ชีววิทยาของพืช
ฐาน การจัดการเรียนรู้แบบ B.B.L ท 2.1 หนว่ ย อนุรักษพ์ นั ธกุ รรมพืช
หน่วย มหัศจรรยพ์ รรณพฤกษา
พืชศึกษา ว 1.2,ว 1.3
IS 1, IS 2 “งาขมี้ อ้ น”
สงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม
ภาษาตา่ งประเทศ ก ฐาน ทรัพยากรท้องถิ่น
ฐาน Botanical Literature
หน่วย Botany in my school หนว่ ย สืบสานฮตี ฮอยพรรณไม้
ส 2.1
ต 4.2

การงานอาชพี ศลิ ปะ สขุ ศึกษาและพลศึกษา
ฐาน สวนสมุนไพร พรรณไม้พื้นบ้าน ฐาน สวนสุขภาพ
ฐาน ศิลปะเพอื่ ชีวติ
หน่วย ประโยชนห์ ลากหลาย หนว่ ย คุณค่าพรรณไม้ สายใยชวี ิต หน่วย พรรณไมใ้ หช้ ีวติ
พ 4.1
พรรณไม้ท้องถน่ิ ศ 3.1
ง 1.1

พืชศึกษา ลาดับการเรียนรู้
งาขีม้ อ้ น
1. การศึกษาลักษณะภายนอก ภายในของพชื แต่ละส่วนโดยละเอยี ด

คือ การพิจารณา จาแนกรูปลกั ษณ์ภายนอกของพืชแตล่ ะชนดิ แตล่ ะส่วนโดยละเอยี ด และพจิ ารณาแบง่
ส่วนทีจ่ ะเรียนรู้ ขององค์ประกอบยอ่ ย และกาหนดคาทีใ่ ช้เรยี กกากับ เชน่ ด้านนอก ด้านใน ดา้ นบน
ดา้ นล่าง ตอนโคนตอนกลาง ตอนปลาย สว่ นริมซ้าย สว่ นกลาง ส่วนริมขวา เปน็ ต้น

2. การกาหนดเรอื่ งท่ีจะเรยี นรใู้ นแตล่ ะส่วนของพชื

คอื พจิ ารณาพ้นื ทศ่ี ึกษาจากการวเิ คราะห์ และกาหนดเรือ่ งท่จี ะเรยี นรใู้ นแต่ละสว่ นของพืชศึกษา เช่น สี
ขนาด รปู ร่าง รปู ทรง ผวิ เนื้อ ฯลฯ ตวั อยา่ งหวั ขอ้ ศกึ ษา

- สีของแผน่ ใบตอนโคนสว่ นรมิ ซ้าย สขี องแผน่ ใบตอนโคนส่วนรมิ ขวา
- ความยาวของกา้ นชูอบั เรณู

3. การเรยี นรแู้ ต่ละเรอ่ื ง แต่ละส่วนขององคป์ ระกอบยอ่ ย

คอื การศกึ ษา สังเกต บนั ทกึ ข้อมูลดา้ นรปู ลกั ษณ์ ในแต่ละเร่อื ง แตล่ ะส่วน ของแต่ละองคป์ ระกอบย่อย

4. การนา่ ข้อมลู มาเปรยี บเทยี บความต่างในแต่ละเรือ่ ง ในชนิดเดียวกนั

คือ การน าผลการศกึ ษา มาวเิ คราะหจ์ ดั กลุ่ม และเปรียบเทยี บความตา่ งในแต่ละเรอ่ื ง ในชนดิ เดยี วกัน
จัดลาดบั ของผลการ ศกึ ษาจากน้อยไปมาก หรือจากมากไปนอ้ ย เพ่ือความเปน็ ระเบียบ

21

ผงั มโนทศั น์ 5 องค์ประกอบ
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ศิลปะ

ฐาน ศลิ ปะเพื่อชีวิต
หนว่ ย คุณคา่ พรรณไม้สายใยชีวติ

ม.6 ม.1
องคป์ ระกอบ 3,4,5 องคป์ ระกอบ 1,2,3,4,5
ศ 1.1,ศ 2.1, ศ 3.1
ศ 1.1,ศ 2.1,ศ 3.1

ม.5 5 องค์ประกอบ ม.2
องค์ประกอบ 1,3,4,5 งานสวน องคป์ ระกอบ 1,3,4,5
ศ 1.1,ศ 2.1, ศ 3.1
พฤกษศาสตร์ ศ 1.1, ศ 3.1
โรงเรียน

ม.4 ม.3
องคป์ ระกอบ 1,3,4,5 องค์ประกอบ 1,3,4,5
ศ 1.1,ศ 2.1, ศ 3.1 ศ 1.1, ศ 2.1,ศ 3.1

องค์ประกอบท่ี ลาดบั การเรยี นรทู้ ่ี ช้นั มัธยมศึกษาปีที่

1. การจัดทาปา้ ยชือ่ พรรณไม้ 3. ทาและตดิ ปา้ ยรหัสประจาต้น ม.1-6
4. ตง้ั ช่อื หรอื สอบถามชอื่
2. การรวบรวมพรรณไม้เขา้ ปลกู ในโรงเรียน 6. ศึกษาและบันทกึ ลักษณะ ม.1-ม.3
3. การศกึ ษาขอ้ มลู ดา้ นตา่ ง ๆ 7. วาดภาพทางพฤกษศาสตร์ ม.1-2,ม.4-6
4. การรายงานผลการเรียนรู้
5. การนาไปใช้ประโยชน์ทางการศึกษา 3,6 ม.1-6
1-2 ม1-6
1-6
1-4

22

ผังมโนทศั น์ พชื ศกึ ษา “งาขม้ี อ้ น”
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ศิลปะ
ฐาน ศิลปะเพื่อชวี ติ

หนว่ ย คุณคา่ พรรณไม้สายใยชวี ติ

ม.6 ม.1
ลาดบั การเรียนร้ทู ่ี 1-4 ลาดับการเรียนรทู้ ่ี 1-4

ศ 3.1 ศ 3.1

ม.5 พืชศึกษา ม.2
ลาดบั การเรยี นรทู้ ี่ 1-4 “งาข้ีม้อน” ลาดบั การเรยี นร้ทู ่ี 1-4

ศ 3.1 ศ 3.1

ม.4 ม.3
ลาดับการเรียนรทู้ ่ี 1-4 ลาดับการเรียนรู้ท่ี -

ศ 3.1

พชื ศกึ ษา ลาดบั การเรียนรู้
งาขมี้ อ้ น
1. การศึกษาลกั ษณะภายนอก ภายในของพืชแต่ละส่วนโดยละเอยี ด

คอื การพจิ ารณา จาแนกรปู ลกั ษณ์ภายนอกของพชื แต่ละชนิด แตล่ ะส่วนโดยละเอียด และพจิ ารณาแบง่
ส่วนท่ีจะเรียนรู้ ขององค์ประกอบย่อย และกาหนดคาทใ่ี ช้เรยี กกากับ เชน่ ด้านนอก ดา้ นใน ด้านบน
ดา้ นลา่ ง ตอนโคนตอนกลาง ตอนปลาย สว่ นริมซา้ ย สว่ นกลาง ส่วนรมิ ขวา เปน็ ตน้

2. การกาหนดเรอ่ื งทจี่ ะเรยี นรใู้ นแต่ละส่วนของพืช

คอื พจิ ารณาพน้ื ท่ีศกึ ษาจากการวิเคราะห์ และกาหนดเรื่องทีจ่ ะเรยี นร้ใู นแต่ละส่วนของพืชศึกษา เช่น สี
ขนาด รูปรา่ ง รูปทรง ผวิ เนอ้ื ฯลฯ ตวั อยา่ งหวั ขอ้ ศึกษา

- สีของแผน่ ใบตอนโคนส่วนรมิ ซ้าย สขี องแผน่ ใบตอนโคนสว่ นริมขวา
- ความยาวของกา้ นชอู บั เรณู

3. การเรียนรู้แต่ละเรือ่ ง แตล่ ะส่วนขององคป์ ระกอบยอ่ ย

คือการศกึ ษา สังเกต บันทกึ ขอ้ มลู ด้านรปู ลกั ษณ์ ในแต่ละเร่อื ง แตล่ ะสว่ น ของแตล่ ะองคป์ ระกอบยอ่ ย

4. การน่าขอ้ มลู มาเปรยี บเทียบความต่างในแต่ละเร่อื ง ในชนิดเดียวกัน

คอื การนาผลการศึกษา มาวิเคราะหจ์ ดั กลุ่ม และเปรียบเทียบความต่างในแตล่ ะเรอ่ื ง ในชนิดเดยี วกนั
จดั ลาดับของผลการ ศึกษาจากนอ้ ยไปมาก หรือจากมากไปน้อย เพ่ือความเปน็ ระเบยี บ

23

แผนการจดั การเรียนรบู้ รู ณาการงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน

กลุ่มสาระการเรยี นร.ู้ .................................รายวชิ า …………รหสั ..........ชัน้ ..........ปกี ารศกึ ษา ............
หนา่ ยการเรียนรทู้ ี.่ ........................เรอื่ ง .......................................................เวลา .......................ช่วั โมง
ชอ่ื หน่วยการเรียนรบู้ ูรณาการ.....................................................................................................................

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด (ผลการเรียนร้)ู

มาตรฐาน .................................................................................................................................
ตวั ชว้ี ัด
1. .................................................................................................................................
2. .................................................................................................................................

2. ความคิดรวบยอด/สาระสาคัญ

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

3. สาระการเรยี นรู้

............................................................................................................................. .................................................

4. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้

4.1 ดา้ นความรู้ (K)

4.1.1...………………………………………………………………………………………………………………….

4.1.2 ........... ………………………………………………………………………………………………………

4.2 ดา้ นทกั ษะ (P)

4.2.1 ........... ………………………………………………………………………………………………………

4.3 ด้านคณุ ลกั ษณะที่พึงประสงค์ (A)

4.3.1 ........... ………………………………………………………………………………………………………

5. มาตรฐานด้านคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ (Attributes )

5.1 คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551

รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ ซือ่ สัตยส์ ุจริต มวี ินยั ใฝเ่ รียนรู้

อยู่อย่างพอเพยี ง มุง่ มัน่ ในการทางาน รกั ความเปน็ ไทย มจี ติ สาธารณะ

5.2 คณุ ลกั ษณะของผูเ้ รียน ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง

แบ่งปัน รอบคอบ ยึดทางสายกลาง

5.3 คณุ ลกั ษณะของผูเ้ รียน งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน

อดทน ขยัน รับผดิ ชอบ เมตตากรณุ า อยรู่ ว่ มกนั อยา่ งเอื้ออาทร ซ่อื ตรง

รบั ฟังความเหน็ ผู้อื่น สามคั คี มีมนุษยสัมพันธ์ เหน็ คุณค่าตนเองและผู้อื่น มีสมาธิ

5.4 คุณลักษณะของผู้เรยี น ตามหลักสูตรโรงเรยี นมาตรฐานสากล

เปน็ เลิศวชิ าการ ส่อื สารสองภาษา ล้าหน้าทางความคดิ

ผลิตงานอย่างสรา้ งสรรค์ ร่วมกันรับผดิ ชอบต่อสังคมโลก

24

5.5 คณุ ลักษณะของผู้เรยี นด้านความเปน็ ประชาธปิ ไตย
รจู้ กั หนา้ ท่ี มีความรบั ผิดชอบ มคี วามยุตธิ รรม มีความเปน็ ส่วนตวั
อดทน อดกลั้น เสยี สละ มีจิตสาธารณะ มองโลกในแงด่ ี
5.6 คุณลกั ษณะของผูเ้ รยี น โครงการเพาะพนั ธปุ์ ญั ญา
คดิ อย่างมเี หตผุ ล มีการวเิ คราะหส์ ังเคราะห์ และคิดเปน็ ระบบ
มุ่งมัน่ ศึกษาค้นคว้า เรียนร้แู บบวจิ ยั ทงั้ ในหอ้ งเรียนและนอกห้องเรียน/ชุมชน
มีความรบั ผิดชอบและร่วมกนั รับผิดชอบต่อชุมชน ประเทศชาติและสังคมโลก
สามารถนาเสนอผลงานด้วยความมัน่ ใจและมเี หตผุ ล
มคี วามเป็นนกั เรยี นรู้อย่างเขา้ ใจตามความเป็นจริง มคี ณุ ธรรมและจรยิ ธรรม
6.มาตรฐานด้านการ อ่าน คิดวเิ คราะห์และเขียน

การอ่าน
- สามารถอา่ นเพ่ือศึกษาค้นควา้ เพิ่มพูนความรู้ ประสบการณ์ และการประยกุ ต์ใช้ในชีวติ ประจาวัน
- สามารถจับประเดน็ สาคัญ ลาดับเหตุการณ์ จากการอา่ นสอื่ ทมี่ คี วามซับซ้อน

การคิดวิเคราะห์
- สามารถวิเคราะห์สง่ิ ท่ีผเู้ ขียนต้องการส่ือสารกบั ผู้อ่าน และสามารถวพิ ากษ์ ใหข้ ้อเสนอแนะ
ในแง่มมุ ตา่ ง ๆ
- สามารถประเมนิ ความน่าเชื่อถือ คุณคา่ แนวคิดทีไ่ ด้จากสง่ิ ที่อา่ นอย่างหลากหลาย

การเขยี น
- สามารถเขยี นแสดงความคิดเห็น โตแ้ ยง้ สรุป โดยมขี ้อมลู อธิบายสนับสนนุ อยา่ งเพยี งพอและ

สมเหตสุ มผล
7. มาตรฐานดา้ นสมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน

ความสามารถในการส่ือสาร
- การรบั และส่งสาร
- วัฒนธรรมในการใชภ้ าษา
- การเลือกใช้และบรู ณาการสื่อ หรอื เครื่องมือที่หลากหลายเพอ่ื การถ่ายทอด
แลกเปลี่ยนความคิด ความรสู้ กึ และทศั นะของตนเอง

ความสามารถในการคิด
- การคิดวิเคราะห์ คิดสังเคราะห์ คดิ อย่างสรา้ งสรรค์ คิดอย่างมวี จิ ารณญาณ
และคดิ เป็นระบบ
- การวางแผนในการทางานอยา่ งเปน็ ระบบ
- การสรา้ งองค์ความรู้ หรอื สารสนเทศเพื่อการตดั สนิ ใจเกยี่ วกับตนเองและสงั คม

ความสามารถในการแกป้ ญั หา
- การเข้าใจความสัมพันธแ์ ละการเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ต่าง ๆ ในสงั คม
- การแสวงหาความรู้ ประยุกต์ความร้มู าใชใ้ นการป้องกนั และแก้ไขปัญหาได้
- การใชเ้ หตุผล คุณธรรม และข้อมลู สารสนเทศ ประกอบการตัดสินใจ

25

ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต
- การติดตอ่ ส่อื สารและสรา้ งความสมั พันธ์กับบุคคลอ่ืนในเชิงบวกและทางาน
- ความรับผิดชอบในหนา้ ทใี่ นฐานะเป็นสมาชกิ ในสงั คม
- การปรบั ตัวให้ทันกบั ความเปล่ยี นแปลงของสังคมและสภาพแวดลอ้ ม
- ความสามารถในการเผชญิ หน้ากับสถานการณ์ท่ีเปน็ ปญั หา
- การหลกี เลยี่ งพฤตกิ รรมทไี่ ม่พงึ ประสงค์

ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
- การใช้เทคโนโลยใี นการศึกษาค้นควา้ เพื่อการพฒั นาตนเองและสงั คมในดา้ นการเรยี นรู้
- การส่อื สาร การทางาน การแก้ปญั หาอย่างสร้างสรรค์
- การเลือกใชเ้ ทคโนโลยีด้านต่าง ๆ ในการสรา้ งสรรคช์ ิ้นงาน
- การอา้ งองิ แหลง่ ข้อมลู ที่ไดจ้ ากการสบื ค้นทางเทคโนโลยีสารสนเทศ
- การวิเคราะห์ และเลือกใชส้ อื่ ไดเ้ หมาะสมกบั วัย

8. การบูรณาการงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน
งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน อยู่ในกรอบที่ 3 กรอบการสร้างจิตสานึก กิจกรรมที่ 7 กิจกรรมสร้าง

จิตสานึกในการอนุรักษ์ทรัพยากร ของโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดาริ สมเด็จ
พระเทพรัตนราชสดุ าฯสยามบรมราชกมุ ารี (อพ.สธ.) โดยมวี ัตถปุ ระสงค์ คือ “เพื่อสร้างจิตสานึกในการอนุรักษ์
พันธุกรรมพืชและทรัพยากร” การดาเนินงานด้านการจัดการเรียนรู้ ประกอบด้วย 5 องค์ประกอบ พืชศึกษา
และ 3 สาระการเรียนรู้

8.1 5 องค์ประกอบ
การดาเนินงานตาม 5 องคป์ ระกอบ งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน
1. การจัดทาป้ายชอื่ พรรณไม้
2. การรวบรวมพรรณไม้เข้าปลกู ในโรงเรยี น
3 การศึกษาข้อมูลด้านต่างๆ
4 การรายงานผลการเรียนรู้
5 การนาไปใช้ประโยชน์ทางการศึกษา

26

8.2 พชื ศึกษา : งาขี้ม้อน
8.2.1 ศึกษาลักษณะภายนอก
1. ราก
2. ลาตน้
3 ใบ
4. ดอก
5. ผล
6 เมลด็
8.2.2 การศกึ ษาลักษณะภายใน
1.การจัดเรยี งตวั ของท่อลาเลียงน้าของราก
2.การจดั เรยี งตัวของท่อลาเลยี งอาหารของราก
3. การจดั เรียงตวั ของเซลลภ์ ายในใบ

8.3 3 สาระการเรยี นรู้ (ธรรมชาติแหง่ ชวี ติ สรรพสิ่งล้วนพันเกยี่ ว ประโยชนแ์ ทแ้ ก่มหาชน)
3 สำระกำรเรยี นรู้ของพืชศกึ ษำ
1. ธรรมชาตแิ หง่ ชีวิต
2. สรรพส่ิงล้วนพนั เกย่ี ว
3 ประโยชน์แท้แก่มหาชน

9. ชิน้ งานหรือภาระงาน
9.1
9.2

10. การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ช้นิ งานหรือภาระงาน

ประเด็นการ ความสามารถและทกั ษะ วิธีการวดั และประเมินผล เกณฑ์การประเมิน
ประเมนิ ผล (จดุ เน้น) วิธีการประเมิน เครอื่ งมือ

11. กิจกรรมการเรียนรู้
ข้ันนา

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

ขน้ั จัดกิจกรรมการเรยี นรู้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

ขน้ั สรุป
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

12. สื่อการเรยี นรู/้ แหล่งการเรยี นรู้ 27
12.1 สื่อการเรียนรู้
1. ควรปรับปรงุ
2. (1 คะแนน)
12.2 แหลง่ เรยี นรู้
1.สวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น โรงเรียนบญุ วาทย์วทิ ยาลัย

13. เกณฑ์การประเมนิ ความร/ู้ ทักษะกระบวนการ/คุณลักษณะอันพึงประสงค์

คำอธบิ ำยคุณภำพ (Rubric)

รายการประเมนิ ดีมาก ดี พอใช้
ความรู้ (K) ( 4คะแนน)
(3 คะแนน) (2คะแนน)

ทกั ษะ /กระบวนการ(P)

คณุ ลกั ษณะที่พึงประสงค์
(A)

แบบประเมนิ กำรอำ่ น คิดวิเครำะห์ และเขยี น 28

ทักษะ การอา่ น การคิดวิเคราะห์ การเขยี น
คะแนน
แสดงความรขู้ องเร่อื งท่ีอ่าน จับ วิเคราะห์ วิพากษ์ ให้ขอ้ เสนอแนะ เขียนไดถ้ ูกต้อง แสดงความ
4 ประเดน็ สาคญั ลาดับเหตุการณ์ ในแง่มุมตา่ ง ๆ ของเรอื่ งที่อา่ นได้ คิดเห็น โตแ้ ย้ง อธิบาย
จากเรอื่ งทอี่ า่ นไดช้ ัดเจนสมบรู ณ์ ชดั เจนสมบรู ณ์ สนับสนนุ เพยี งพอและ
3 สมเหตสุ มผล
แสดงความรูข้ องเรอื่ งทีอ่ ่าน จบั วิเคราะห์ วิพากษ์ ให้ข้อเสนอแนะ
2 ประเดน็ สาคญั ลาดับเหตุการณ์ ในแง่มมุ ตา่ ง ๆ ของเรอ่ื งท่ีอ่านไม่ เขียนได้ถูกตอ้ ง แสดงความ
จากเรอื่ งทอี า่ นไมช่ ดั เจนสมบูรณ์ ชดั เจน ไมส่ มบรู ณเ์ ล็กน้อย คดิ เห็น โตแ้ ยง้ อธิบาย
1 เล็กนอ้ ย สนับสนนุ ไมเ่ พียงพอและไม่
แสดงความรู้ของเรอ่ื งทีอ่ ่าน จบั วิเคราะห์ วพิ ากษ์ ใหข้ อ้ เสนอแนะ สมเหตสุ มผลเลก็ นอ้ ย
ประเด็นสาคญั ลาดบั เหตกุ ารณ์ ในแงม่ ุมตา่ ง ๆ ของเรอ่ื งที่อา่ นไม่
จากเรือ่ งที่อ่านไมช่ ัดเจน ไม่ ชัดเจน ไมส่ มบรู ณ์ เขยี นไดถ้ ูกต้อง แสดงความ
สมบูรณ์ แตม่ แี นวโนม้ ทดี่ ี แต่มีแนวโนม้ ท่ีดี คดิ เหน็ โตแ้ ย้ง อธิบาย
สนบั สนนุ ไมเ่ พียงพอและ
แสดงความรู้ของเร่ืองทีอ่ ่าน จบั วิเคราะห์ วพิ ากษ์ ใหข้ ้อเสนอแนะ และไมส่ มเหตุสมผล แตม่ ี
ประเดน็ สาคญั ลาดับเหตกุ ารณ์ ในแงม่ ุมตา่ ง ๆ ของเร่อื งท่ีอา่ นไม่ แนวโน้มท่ีดี
จากเรอื่ งที่อ่าน ไม่ชดั เจน และ ชัดเจนและไมส่ มบรู ณ์
ไมส่ มบูรณ์ เขยี นได้ถกู ต้อง แสดงความ
คิดเหน็ โต้แย้ง อธบิ าย
สนับสนนุ ไมเ่ พียงพอและ
และไม่สมเหตสุ มผล

29

แบบประเมินสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (ควำมสำมำรถในกำรสอื่ สำร)

ตวั ช้วี ดั 1.การใชภ้ าษาถ่ายทอดความรู้ 2.พดู เจรจาต่อรอง 3.การรับหรือไมร่ บั 4.การเลอื กใช้วิธีการ
คะแนน ข้อมลู ข่าวสาร สอ่ื สาร

3 พดู ถ่ายทอดความ ความเขา้ ใจ พดู เจรจา โนม้ น้าวตอ่ รอง รับข้อมลู ขา่ วสาร โดย เลือกวธิ กี ารส่อื สารท่ี
ดีเยี่ยม จากสารทีอ่ า่ น ฟัง หรือ ดู ดว้ ย เพอ่ื ใหเ้ กดิ ประโยชน์ต่อตนเอง ใชว้ จิ ารณญาณ เหมาะสมกบั ลักษณะ
ภาษาของตนเอง พรอ้ ม และสังคมโดยใชภ้ าษาหรอื ไตรต่ รองถงึ ความ ของขอ้ มูลขา่ วสาร
2 ยกตวั อย่างประกอบสอดคลอ้ ง ถ้อยคาทีส่ ภุ าพถกู ตอ้ ง ทาให้ น่าเชอื่ ถอื โดยคาถงึ โดยคานงึ ถึงคุณภาพ
ดี กับเรื่องทถ่ี ่ายทอด ผ้อู น่ื คล้อยตามหรอื ปฏบิ ตั ิ ประโยชน์ต่อตนเอง และความสาเร็จของ
ตามไดท้ กุ สถานการณ์ และสงั คม และ การสอ่ื สารท่มี ตี ่อ
1 สามารถแนะนา ตนเอง สงั คม และ
ผา่ นเกณฑ์ แหลง่ ข้อมูลขา่ วสารแก่ ประเทศชาติ
ผูอ้ ื่นได้
0
ปรับปรงุ พูดถา่ ยทอดความ ความเขา้ ใจ พดู เจรา โนม้ นา้ วต่อรอง รับขอ้ มูลข่าวสาร โดย เลอื กวธิ ีการสอ่ื สารท่ี
จากสารท่ีอ่าน ฟัง หรือ ดู ดว้ ย เพอ่ื ให้เกดิ ประโยชนต์ ่อตนเอง ใช้วิจารณญาณ เหมาะสมกบั ลกั ษณะ
ภาษาของตนเอง พรอ้ ม และสงั คมโดยใชภ้ าษาหรือ ไตรต่ รองถงึ ความ ของขอ้ มูลขา่ วสาร
ยกตัวอย่างประกอบแตไ่ ม่ ถอ้ ยคาท่ีสภุ าพถูกตอ้ ง ทาให้ ถกู ตอ้ งและนา่ เชอื่ ถือ โดยคานงึ ความสาเร็จ
สอดคล้องกบั เรือ่ งทถี่ า่ ยทอด ผอู้ ืน่ คล้อยตามหรือปฏิบตั ิ และประโยชน์ต่อ ของการสื่อสารทมี่ ตี ่อ
ตามไดบ้ างสถานการณ์ ตนเองและสังคม ตนเอง สังคม
ประเทศชาติ

พูดถ่ายทอดความ ความเขา้ ใจ พดู เจรา โนม้ นา้ วตอ่ รอง รบั ขอ้ มลู ข่าวสาร โดย เลอื กวิธีการส่อื สารท่ี
จากสารทอ่ี า่ น ฟัง หรอื ดู ด้วย เพอ่ื ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเอง ใชว้ ิจารณญาณ เหมาะสมกบั ลกั ษณะ
ภาษาของตนเอง โดยใชภ้ าษาหรือถอ้ ยคาทีท่ า ไตร่ตรองถึงความ ของข้อมลู ขา่ วสาร
ให้ผอู้ ืน่ คล้อยตามหรอื ปฏบิ ตั ิ ถูกต้องและน่าเชอื่ ถอื
ตาม

พูดถา่ ยทอดความ ความเขา้ ใจ พูดเจรา โนม้ นา้ วตอ่ รอง รบั ข้อมลู ขา่ วสาร โดย ไมส่ ามารถเลือกใช้
จากสารท่อี ่าน ฟัง หรือ ดู ตาม เพ่ือใหผ้ ู้อ่นื คล้อยตาม ไมใ่ ชว้ ิจารณญาณ วธิ ีการสือ่ สารให้
แบบ หรือปฏิบตั ิตามไม่ได้ หรอื พดู ไตร่ตรองความถกู ตอ้ ง เหมาะสมกบั ลักษณะ
เจรจาตอ่ รองดว้ ยภาษาทีไ่ ม่ และน่าเชือ่ ถอื ของขอ้ มูลขา่ วสาร
สุภาพ

30

แบบประเมิน คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 8 ประการ
ให้ ผู้สอน สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด  ลงในชอ่ งทีต่ รง
คาชีแ้ จง :

กับระดบั คะแนน

คุณลกั ษณะ เกณฑก์ ารให้คะแนน ระดบั คะแนน 0
อันพงึ ประสงคด์ ้าน 321 0
0
1. รกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ พฤตกิ รรมบ่งชต้ี าม ขอ้ 1.1 – 1.4 0

1.1 เปน็ พลเมืองดีของชาติ ดเี ยีย่ ม (3)
1.2 ธารงไวซ้ ึง่ ความเป็นชาติไทย เข้ารว่ มกิจกรรมหน้าเสาธงรอ้ ยละ 80 ข้นึ ไป
1.3 ศรทั ธา ยึดม่ัน และปฏิบัติ ดี (2)
ตนตามหลกั ของศาสนา
1.4 เคารพเทิดทูนสถาบัน เข้าร่วมกิจกรรมหน้าเสาธงรอ้ ยละ 60 -- 79
พระมหากษัตริย์ ผา่ น (1)
เข้าร่วมกิจกรรมหน้าเสาธงรอ้ ยละ 50 - 59

ไมผ่ ่าน (0)
ไม่เข้ารว่ มกิจกรรมหน้า เสาธง หรือเข้าร่วมกิจกรรมต่ากว่ารอ้ ยละ 50

2. ซือ่ สัตย์ สุจริต พฤตกิ รรมบง่ ชี้ตามขอ้ 2.1 – 2.2 321

2.1 ประพฤตติ รงตามความเปน็ ดีเยยี่ ม (3)
จริงตอ่ ตนเองทง้ั ทางกาย วาจา ใหข้ ้อมลู ทีถ่ ูกตอ้ งและเปน็ จรงิ ไมน่ าสิ่งของและผลงานของผูอ้ น่ื มาเป็นของตนเอง ปฏบิ ตั ิตนตอ่ ผู้อ่ืน
ใจ ด้วยความซือ่ ตรง เป็นแบบอยา่ งทดี่ ีด้านความซ่ือสัตย์
2.2 ประพฤตติ รงตามความเปน็ ดี (2)
จริงตอ่ ผูอ้ ่นื ทัง้ ทางกาย วาจา ใจ
ใหข้ ้อมลู ทีถ่ ูกตอ้ งและเปน็ จรงิ ไมน่ าสิ่งของและผลงานของผอู้ น่ื มาเปน็ ของตนเอง ปฏิบตั ิตนต่อ

ผู้อืน่ ดว้ ยความซ่อื ตรง
ผ่าน (1)
ใหข้ ้อมูลทีถ่ กู ตอ้ งและเป็นจริง ไมน่ าส่งิ ของและผลงานของผ้อู น่ื มาเป็นของตนเอง

ไม่ผา่ น (0)
ไมใ่ ห้ข้อมลู ทถ่ี กู ต้องและเป็นจรงิ มีพฤติกรรมนาสิง่ ของและผลงานของผู้อน่ื มาเป็นของตนเอง

3. มีวินัย พฤตกิ รรมบ่งชตี้ ามขอ้ 3.1 321

3.1 ปฏบิ ตั ิตามข้อตกลง ดเี ย่ยี ม (3)
กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคบั ของ ปฏิบตั ติ นตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ข้อบงั คับของโรงเรียน และ ไม่ละเมดิ สทิ ธิของผอู้ นื่ ตรง
ครอบครัว โรงเรยี น และสังคม ต่อเวลาในการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมและรบั ผิดชอบในการทางาน
ดี (2)

ปฏบิ ัติตนตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ข้อบังคบั ของ ตรงตอ่ เวลาในการปฏิบัตกิ จิ กรรมและ
รบั ผดิ ชอบในการทางาน

ผา่ น (1)
ปฏบิ ตั ิตนตามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ขอ้ บงั คบั ของโรงเรยี น ตรงต่อเวลาในการปฏบิ ัติ
กิจกรรม

ไมผ่ ่าน (0)
ไมป่ ฏบิ ตั ิตนตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ข้อบงั คับของโรงเรียน และไม่ตรงต่อเวลาในการ
ปฏิบัตกิ ิจกรรม

4. ใฝเ่ รียนรู้ พฤติกรรมบ่งชี้ตามขอ้ 4.1-4.2 321

4.1 ตัง้ ใจ เพยี รพยายามในการ ดีเยีย่ ม (3)
เรียน และเข้าร่วมกิจกรรมการ เขา้ เรยี นตรงเวลา ตั้งใจเรียน เอาใจใส่ในการเรยี น และมีสว่ นรว่ มในการเรียนรู้ และเข้าร่วม
เรยี นรู้
กจิ กรรมการเรยี นรู้ต่างๆ ท้งั ภายในและภายนอกโรงเรียนเป็นประจา
4.2 แสวงหาความรู้จากแหลง่ ดี (2)
เรยี นรูต้ ่างๆ ทง้ั ภายในและ เขา้ เรียนตรงเวลา ตั้งใจเรยี น เอาใจใส่ในการเรยี น และมสี ว่ นรว่ มในการเรียนรู้ และเข้ารว่ ม
ภายนอกโรงเรยี น ด้วยการ กิจกรรมการเรียนรู้ต่างๆ บ่อยครั้ง
เลอื กใช้สอื่ อย่างเหมาะสม ผา่ น (1)
บนั ทึกความรู้ วเิ คราะห์ สรุปเปน็ เขา้ เรยี นตรงเวลา ต้ังใจเรยี น เอาใจใสใ่ นการเรียน และมีสว่ นร่วมในการเรียนรู้ และเขา้ รว่ ม
องคค์ วามรู้ แลกเปล่ยี นเรียนรู้
กจิ กรรมการเรยี นรู้ต่างๆ เปน็ บางครง้ั
และนาไปใชใ้ นชีวติ ประจาวันได้ ไมผ่ ่าน (0)
ไมต่ ้ังใจเรียนไม่ศึกษาคน้ คว้าหาความรู้

31

5. อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง พฤตกิ รรมบง่ ชีต้ ามข้อ 5.1-5.2 3210

5.1 ดาเนินชวี ติ อย่าง ดีเยี่ยม (3)

พอประมาณ มเี หตุผล รอบคอบ ใช้ทรัพย์สินของตนเองและทรพั ยากรของส่วนรวมอยา่ งประหยดั คมุ้ ค่า เก็บรักษาดแู ลอย่างดี ไม่
มคี ุณธรรม
เอาเปรยี บผู้อ่นื และไมท่ าใหผ้ ูอ้ ืน่ เดอื ดร้อนใชค้ วามรขู้ ้อมูลข่าวสารในการ วางแผนการเรียน การ
5.2 มีภูมคิ ุ้มกันในตัวท่ีดี ปรับตวั ทางาน และใช้ในชวี ิตประจาวัน
เพ่อื อยูใ่ นสังคมได้อยา่ งมี
ดี (2)
ความสุข
ใชท้ รพั ยส์ นิ ของตนเองและทรัพยากรของสว่ นรวมอย่างประหยดั คุ้มค่า เกบ็ รกั ษาดูแลอย่างดี ไม่

เอาเปรยี บผูอ้ ่นื ใช้ความรขู้ ้อมูลข่าวสารในการ วางแผนการเรียน และการทางาน

ผ่าน (1)

ใช้ทรัพย์สนิ ของตนเองและทรพั ยากรของสว่ นรวมอยา่ งประหยดั คมุ้ ค่า เกบ็ รกั ษาดแู ลอย่างดี

ไม่ผา่ น (0)

ใชเ้ งนิ และของใชส้ ว่ นตวั และส่วนรวมอยา่ งไม่ประหยัดไมม่ ีการวางแผนการเรยี นและการใช้

ชวี ิตประจาวนั

6. มงุ่ มนั่ ในการทางาน พฤตกิ รรมบ่งช้ตี ามข้อ 6.1- 6.2 3210

6.1 ต้งั ใจและรับผิดชอบในการ ดีเยยี่ ม (3)
ตั้งใจและรับผิดชอบในการปฏบิ ัติหน้าที่ทีไ่ ด้รับมอบหมายให้สาเร็จ มีการปรับปรุงและพัฒนาการ
ปฏบิ ัตหิ นา้ ทก่ี ารงาน
ทางานให้ดีขน้ึ ภายในเวลาทกี่ าหนด
6.2 ทางานดว้ ยความเพียร
พยายาม และอดทนเพอ่ื ให้งาน ดี (2)
ต้งั ใจและรับผดิ ชอบในการปฏิบัติหนา้ ท่ีท่ีได้รับมอบหมายให้สาเรจ็ มกี ารปรบั ปรุงและพฒั นาการ
สาเร็จตามเปา้ หมาย
ทางานให้ดีขน้ึ

ผ่าน (1)

ตง้ั ใจและรับผดิ ชอบในการปฏบิ ตั ิหนา้ ที่ทีไ่ ดร้ ับมอบหมายให้สาเร็จ

ไมผ่ ่าน (0)

ไมต่ ั้งใจปฏบิ ัตหิ น้าที่การงาน

7. รกั ความเปน็ ไทย พฤตกิ รรมบ่งชี้ตามข้อ 7.1-7.3 3210

7.1 ภาคภมู ใิ จในขนบธรรมเนียม ดเี ย่ียม (3)
ประเพณี ศลิ ปะ วฒั นธรรมไทย มสี มั มาคารวะ ต่อครูอาจารย์ ปฏบิ ัติตนเป็น ผมู้ ีมารยาทแบบไทย
และมีความกตัญญูกตเวที
ใช้ภาษาไทย เลขไทยในการสอ่ื สารไดถ้ กู ต้องเข้าร่วมกจิ กรรมที่เกย่ี วขอ้ งกบั ภมู ิปญั ญาไทยและมี
7.2 เห็นคุณคา่ และใชภ้ าษาไทย สว่ นร่วมในการสืบทอดภูมปิ ญั ญาไทย
ในการสอื่ สารได้อย่างถูกตอ้ ง ดี (2)
เหมาะสม
มีสัมมาคารวะต่อครูอาจารย์ ปฏิบตั ิตนเป็นผู้มมี ารยาทแบบไทยใชภ้ าษาไทย เลขไทยในการ
7.3 อนุรกั ษแ์ ละสืบทอดภูมิ
สอ่ื สารได้ถูกตอ้ งเข้ารว่ มกจิ กรรมทเี่ กีย่ วขอ้ งกับภูมปิ ญั ญาไทย
ปญั ญาไทย
ผ่าน (1)

มสี มั มาคารวะต่อครูอาจารย์ ใช้ภาษาไทย เลขไทยในการส่ือสารได้ถูกต้อง

ไม่ผ่าน

(0) ไม่มสี ัมมาคารวะตอ่ ครูอาจารย์

8. มจี ิตสาธารณะ พฤติกรรมบ่งชต้ี ามข้อ 8.1-8.2 3210

8.1 ชว่ ยเหลอื ผู้อ่นื ดว้ ยความเต็ม ดเี ยยี่ ม (3)
เขา้ ร่วมกิจกรรมการดแู ลรกั ษาเขตพื้นทีท่ ีต่ นรบั ผิดชอบ รอ้ ยละ 80 ขึน้ ไป
ใจและพึงพอใจโดยไม่หวัง
ผลตอบแทน ดี (2)
8.2 เข้ารว่ มกจิ กรรมท่เี ป็น เขา้ รว่ มกิจกรรมการดแู ลรักษา เขตพ้นื ท่ที ี่ตนรับผิดชอบ ร้อยละ 60 – 79
ผา่ น (1)
ประโยชน์ต่อโรงเรยี น ชมุ ชน เขา้ ร่วมกิจกรรมการดแู ลรักษาเขตพื้นทที่ ต่ี นรับผิดชอบ รอ้ ยละ 50 - 59
และสังคม ไมผ่ ่าน (0)

เข้าร่วมกิจกรรม การดูแลรกั ษาเขตพื้นท่ี ทตี่ นรับผดิ ชอบ ตา่ กว่า

รอ้ ยละ 50

ลงชือ่ ...................................................ผปู้ ระเมนิ
............./.................../................

32

บันทกึ หลังการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้

1.ผลการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้
1.1 การประเมนิ ดา้ นความรู้ ( Knowledge) พบว่า
นักเรียนผ่านเกณฑ์ประเมิน จานวน ............. คน คิดเป็นร้อยละ…………………………………….……….
นกั เรยี นไม่ผา่ นเกณฑ์ประเมินจานวน .......... คน คิดเป็นร้อยละ ……………………….……………..…….
1.2 การประเมนิ ด้านทักษะกระบวนการ ( Process) พบว่า
นักเรียนผ่านเกณฑ์ประเมิน จานวน ............. คน คดิ เป็นรอ้ ยละ ……………………….………….……….
นกั เรยี นไมผ่ า่ นเกณฑป์ ระเมนิ จานวน .......... คน คดิ เป็นรอ้ ยละ ……………………………………..…….
1.3 การประเมินด้านคุณลกั ษณะที่พึงประสงค์ ( Attribute) พบว่า
นักเรยี นผา่ นเกณฑ์ประเมิน จานวน ............. คน คดิ เป็นรอ้ ยละ ………………………..……….……….
นกั เรยี นไมผ่ ่านเกณฑป์ ระเมนิ จานวน .......... คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ …………………………….……..…….
1.4 การประเมนิ ดา้ นการ อ่าน คิดวเิ คราะหแ์ ละเขยี น พบว่า
-การอ่าน
นกั เรยี นผ่านเกณฑ์ประเมนิ จานวน ............. คน คดิ เป็นร้อยละ ……………………….……….……….
นักเรียนไมผ่ า่ นเกณฑ์ประเมนิ จานวน .......... คน คิดเปน็ ร้อยละ …………………………………..…….
-การคดิ วิเคราะห์
นักเรยี นผา่ นเกณฑ์ประเมิน จานวน ............. คน คิดเปน็ รอ้ ยละ …………………….………….……….
นกั เรยี นไม่ผา่ นเกณฑ์ประเมนิ จานวน .......... คน คดิ เป็นร้อยละ …………………..……………..…….
-การเขียน
นักเรยี นผา่ นเกณฑ์ประเมิน จานวน ............. คน คดิ เป็นร้อยละ ……………………………….……….
นกั เรียนไมผ่ า่ นเกณฑ์ประเมินจานวน .......... คน คดิ เป็นรอ้ ยละ ……………………….………..…….
1.5 การประเมนิ ด้านสมรรถนะสาคัญ ของผูเ้ รียน พบวา่
- ความสามารถในการสอื่ สาร
นักเรียนผ่านเกณฑ์ประเมิน จานวน ............. คน คิดเป็นร้อยละ …………………………..….……….
นกั เรียนไมผ่ า่ นเกณฑ์ประเมินจานวน .......... คน คดิ เป็นร้อยละ ………………………….……..…….
- ความสามารถในการคดิ
นักเรียนผา่ นเกณฑ์ประเมนิ จานวน ............. คน คดิ เปน็ ร้อยละ ……………….……………….…….
นักเรยี นไม่ผา่ นเกณฑป์ ระเมินจานวน .......... คน คิดเป็นร้อยละ ………………………………..…….
- ความสามารถในการแก้ปญั หา
นกั เรยี นผา่ นเกณฑ์ประเมนิ จานวน ............. คน คิดเปน็ ร้อยละ ……………………………..……….
นักเรยี นไม่ผา่ นเกณฑป์ ระเมินจานวน .......... คน คิดเป็นร้อยละ ………………………………..…….
- ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ
นกั เรียนผ่านเกณฑ์ประเมิน จานวน ............. คน คดิ เป็นรอ้ ยละ …………………………….……….
นักเรยี นไมผ่ ่านเกณฑป์ ระเมินจานวน .......... คน คิดเป็นรอ้ ยละ ……………………………....…….

33

- ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
นกั เรียนผา่ นเกณฑ์ประเมิน จานวน ............. คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ ……………….………………………..
นักเรยี นไม่ผา่ นเกณฑป์ ระเมนิ จานวน .......... คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ …………………………………..…….
1.6 การประเมินบูรณาการงานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียน พบวา่
นกั เรียนผ่านเกณฑ์ประเมิน จานวน ............. คน คิดเปน็ ร้อยละ ……………………………….……….
นักเรียนไมผ่ า่ นเกณฑป์ ระเมนิ จานวน .......... คน คิดเปน็ รอ้ ยละ …………………………..……..…….
2. ปัญหาท่ีพบ
2.1 มาตรฐาน/ตวั ช้ีวัดทกี่ าหนด

2.1.1นกั เรยี นไมผ่ ่านเกณฑ์ประเมินด้านความรู้ ( Knowledge) เปน็ เพราะ
............................................................................................................................. ................................

2.1.2 นกั เรียนไมผ่ า่ นเกณฑป์ ระเมนิ ดา้ นทักษะกระบวนการ ( Process) เปน็ เพราะ
............................................................................................................................. ................................

2.1.3 นักเรียนไม่ผ่านเกณฑป์ ระเมนิ ด้านการ อ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน เปน็ เพราะ
............................................................................................................................. ................................

2.1.4 นกั เรียนไม่ผ่านเกณฑ์ประเมนิ ดา้ นสมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น เปน็ เพราะ
............................................................................................................................. ...............................
2.2 การบรู ณาการ
-นกั เรยี นไมผ่ ่านผลการประเมินลาดับการเรยี นรูพ้ ฤกษศาสตรโ์ รงเรียน เปน็ เพราะ
.............................................................................................................................. ..........................................
-นกั เรยี นไม่ผา่ นผลการประเมินคุณลักษณะสวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น เปน็ เพราะ
............................................................................................................................................ ............................
3.ข้อเสนอแนะและแนวทางแกไ้ ข
3.1 มาตรฐาน/ตัวช้ีวัดทก่ี าหนด
-นกั เรียนไมผ่ า่ นเกณฑป์ ระเมินดา้ นความรู้ ( Knowledge)
............................................................................................................................. ......................................
-นักเรยี นไม่ผา่ นเกณฑป์ ระเมินดา้ นทกั ษะกระบวนการ ( Process)
.......................................................................................................................................... .........................
-นกั เรยี นไม่ผ่านเกณฑ์ประเมินดา้ นการ อา่ น คิดวิเคราะห์และเขยี น
..................................................................................................................................................................
-นกั เรียนไม่ผ่านเกณฑ์ประเมินด้านสมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รยี น
.................................................................................................................................................................
3.2 การบูรณาการ

-นกั เรียนไม่ผา่ นผลการประเมนิ ลาดบั การเรียนรู้พฤกษศาสตรโ์ รงเรียน เปน็ เพราะ
........................................................................................................................................................................

-นักเรียนไมผ่ ่านผลการประเมินคุณลกั ษณะสวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น เปน็ เพราะ
........................................................................................................................................................................

34

ความคิดเห็นและขอ้ เสนอแนะของหัวหนา้ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ตอ่ แผนการจดั การเรยี นรูแ้ ละผลการจดั
กจิ กรรมการเรยี นรู้

แผนการจดั การเรยี นรู้
O เป็นแผนการสอนฯทีม่ ีองคป์ ระกอบของแผนครบถ้วน นาไปใช้จัดการเรยี นการสอนเพ่ือพฒั นา
คุณภาพนักเรยี นต่อไปได้
O เปน็ แผนการสอนฯทม่ี ่งุ เน้นมาตรฐานการคิด วิเคราะห์และเขียน มีกจิ กรรมทเ่ี น้นใหน้ กั เรยี นใช้
ทกั ษะการคิด วิเคราะหแ์ ละเขียน
O เป็นแผนการสอนที่มีกจิ กรรมสอดคล้องกบั ภาระงานและการวัดประเมนิ ผล สง่ เสริมการเรียนรู้
ของผเู้ รียนตามตวั ช้ีวัด /ผลการเรยี นรู้ นาไปส่กู ารวจิ ัยในชน้ั เรียน
O เป็นแผนการสอนทมี่ งุ่ เน้นให้นักเรยี นได้ใช้ทกั ษะกระบวนการเรียนรู้ จากการปฏบิ ตั ิจรงิ
O เปน็ แผนการสอนท่ใี หน้ ักเรียนมีสว่ นรว่ มในกิจกรรมการเรยี นการสอน และการวดั ประเมินผล
ผลการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................... ...............................................
.................................................................................... ..........................................................................................

ลงชื่อ
( ............................................. )
หวั หนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้

35

การประกันคุณภาพการจดั การเรียนรู้

สรปุ ผล กำรจดั กำรเรยี นรู้ แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ที่ ...... เรอื่ ง .....................................................................

รำยวชิ ำ ............................................ กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้ .....................................

ชน้ั มัธยมศึกษำปีท่ี........... ภำคเรยี นท่ี ............ ปีกำรศกึ ษำ .................... เวลำเรียน ............ชั่วโมง

*******************************

ด้ำนผลสมั ฤทธทิ์ ำงกำรเรยี น

รำยบคุ คล ผู้เรยี นมผี ลการเรยี นรู้ อยู่ในระดบั คุณภาพ พอใช้ขนึ้ ไปถอื ว่ำ ผ่ำน

รำยกลุ่ม ร้อยละ ๘๐ ของจานวนผเู้ รยี น มผี ลการเรยี นรรู้ ะดบั ดีขน้ึ ไปถือว่ำกำรจัดกำรเรยี นรปู้ ระสบผลสำเรจ็

เกณฑ์ระดับคณุ ภำพรำยผลกำรเรียนรู้

คุณภำพ ระดับคุณภำพ ช่วงคะแนน
9-10
ดีมาก 4 7-8
6-5
ดี 3
ตากว่า 5
พอใช้ 2
ผำ่ น/ไม่ผำ่ น กำรประกัน
ปรับปรงุ 1

ตารางสรปุ ผลการประเมิน

ระดบั คณุ ภำพ จำนวนนกั เรียน คิดเปน็ ร้อยละ

ดมี าก 4

ดี 3

พอใช้ 2

ปรบั ปรุง 1

สรุปผลการประกันการจัดการเรียนรู้
รายบคุ คล ผู้เรยี นมผี ลการเรียนรู้ ในระดับคณุ ภาพ พอใช้ข้ึนไป มาก/น้อยกว่าเกณฑ์ ......... คน
รายกลุ่ม ผ้เู รยี นมีผลการเรียนรู้ ในระดบั คุณภาพ ดีข้นึ ไป มาก/นอ้ ยกวา่ เกณฑ์ รอ้ ยละ ..........
แนวทางการพัฒนา นกั เรยี นทีย่ ังไมผ่ า่ นการประเมนิ และการประกัน
แนวทางแกป้ ัญหา ปกติ วิจัยในชนั้ เรียน สอนซอ่ มเสรมิ อน่ื ๆ ....................

ผลการพฒั นา............................................................................................................................. .....................
.................................................................................................................................................... ........................

ขอ้ สงั เกต / ข้อค้นพบ
............................................................................................................ ..................................................................

ลงช่อื ..........................................
(...........................................)

36

ภาคผนวก

ภาคผนวก 1

1.ใบความรู้ 5 องคป์ ระกอบ
2.ใบความรู้ 3 สาระ

ภาคผนวก 2

1.พื้นท่ศี ึกษา
2.พชื ศกึ ษา “งาขมี้ อ้ น”
3.พรรณไม้ในพื้นทศ่ี กึ ษา

ภาคผนวก 3

ใบงาน 5 องคป์ ระกอบ

(1)

องค์ประกอบที่ 1 การจัดทาป้ายชอ่ื พรรณไม้

หลกั การ รู้ช่อื รู้ลักษณ์ ร้จู ัก
สาระสาคญั

การจัดทาป้ายช่ือพรรณไม้โดยการเรยี นรู้การกาหนดพืน้ ที่ศกึ ษา สารวจและจัดทาผงั พรรณไม้ แล้ว
ศกึ ษา พรรณไม้ ทาตัวอย่างพรรณไม้ นาข้อมลู มาทาทะเบยี นพรรณไม้ ทาและตดิ แสดงป้ายชื่อพรรณไม้
สมบรู ณ์ นาไปสู่การรู้ชือ่ รู้ลักษณะต่าง ๆ รวมถึงรู้จักการใช้ประโยชน์ของพชื
ลาดับการเรียนรู้

1. กาหนดพนื้ ที่ศึกษา
2. สารวจพรรณไมใ้ นพื้นท่ีศกึ ษา
3. ทาและตดิ ปา้ ยรหสั ประจาตน้
4. ตัง้ ชือ่ หรือสอบถามชื่อ และศึกษาข้อมลู พนื้ บ้าน (ก.7-003 หนา้ ปก - 1)
5. ทาผังแสดงตาแหน่งพรรณไม้
6. ศึกษาและบันทึกลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ (ก.7-003 หน้า 2-7)
7. บันทกึ ภาพหรอื วาดภาพทางพฤกษศาสตร์
8. ทาตัวอย่างพรรณไม้ (ตัวอย่างพรรณไมแ้ ห้ง ตวั อย่างพรรณไม้ดอง ตวั อย่างพรรณไม้ เฉพาะส่วน)
9. เปรียบเทยี บขอ้ มลู ทสี่ รุป (ก.7-003 หนา้ 8) กบั ข้อมลู ท่ีสบื ค้นจากเอกสาร แล้วบันทึก ใน ก.7-003
10. จัดระบบข้อมลู ทะเบียนพรรณไม้ (ก.7-005)
11. ทารา่ งป้ายช่ือพรรณไม้สมบรู ณ์
12. ตรวจสอบความถูกต้องทางวชิ าการด้านพฤกษศาสตร์
13. ทาป้ายชือ่ พรรณไม้สมบูรณ์

อธิบายลาดับการเรียนรู้
ลาดบั การเรียนรูท้ ี่ 1 กาหนดพืน้ ทศ่ี กึ ษา
วตั ถุประสงค์
1. เพ่ือรู้ขอบเขต ขนาดพนื้ ท่ีทั้งหมดของโรงเรยี น
2. เพือ่ รู้ลักษณะทางกายภาพในโรงเรียน
3. เพอ่ื รู้การแบ่งพื้นทีเ่ ป็นส่วนย่อยและการจดั การพน้ื ท่ีศกึ ษาในการเข้าไปเรยี นรู้ที่เหมาะสม
กระบวนการเรยี นรู้
1. เรียนรู้พ้นื ทท่ี ง้ั หมดของโรงเรียนตามกรรมสทิ ธแิ์ ละบริเวณรอบ ๆ โรงเรยี นอยู่ใกล้กบั สถานทีต่ ่าง ๆ
และตัง้ อยู่ในทิศทางใดของโรงเรยี น โดยระบขุ นาดพื้นทีท่ ั้งหมดของโรงเรียนได้ และจดั ทาเป็นผงั พนื้ ทีท่ ั้งหมด
ของโรงเรยี น

(2)

2. เรยี นรู้ถงึ ขอบเขตบรเิ วณของโรงเรียนและเรียนรู้ลักษณะทางกายภาพองค์ประกอบต่าง ๆ เช่น
ตาแหน่งอาคาร สง่ิ ปลูกสร้าง บรเิ วณพ้ืนท่สี ภาพแวดล้อมต่าง ๆ ภายในโรงเรียน และจดั ทาผงั บรเิ วณ

3. เรยี นรู้ถึงการกาหนดและแบ่งขอบเขตพืน้ ท่ภี ายในโรงเรียนเป็นพ้นื ทีย่ ่อย ๆ ตามขอ้ พิจารณาในการ
แบง่ พ้นื ท่ีศึกษา จัดทาผังกาหนดขอบเขตพื้นท่ี โดยพจิ ารณาดังน้ี

3.1 แบง่ ตามลกั ษณะทางภูมิศาสตร์
3.2 แบง่ ตามการใช้ประโยชนข์ องพ้นื ท่ี
3.3 แบง่ ตามขนาดของพื้นท่ีให้เหมาะสมกบั การเรียนรู้
โดยระบขุ นาดพ้ืนทีศ่ ึกษาย่อยในแต่ละพื้นที่ได้ และขนาดพื้นท่ีเมอ่ื รวมกันแล้วเทา่ กับพน้ื ที่ท้ังหมด
ของโรงเรยี น

(3)

ลาดบั การเรยี นรทู้ ่ี 2 สารวจพรรณไม้ในพืน้ ท่ีศึกษา
วัตถปุ ระสงค์

1. เพื่อรู้ชนิด จานวนต้นในแต่ละชนิด และจาแนกลกั ษณะวิสยั ที่สารวจในพนื้ ท่ีศึกษา
กระบวนการเรียนรู้

1. การสารวจพรรณไม้
1.1 เลอื กพ้นื ท่ีศึกษาในการสารวจพรรณไม้
1.2 เรยี นรู้รูปแบบการสารวจ (ควรเลือกพืชท่มี ีส่วนประกอบครบสมบูรณ์มากที่สุด)
1.3 สารวจพรรณไม้ในพน้ื ที่ศึกษา
1.4 สรปุ จานวนชนิดและจานวนต้นท่พี บ

2. การจาแนกชนิดตามลักษณะวิสัย
2.1 เรยี นรู้ลกั ษณะวสิ ยั พืช
2.2 จาแนกลกั ษณะวสิ ยั พชื ที่สารวจ
2.3 สรุปจานวนลักษณะวสิ ยั ทพี่ บ

(4)

(5)

ลาดบั การเรยี นรูท้ ่ี 3 ทาและตดิ ป้ายรหสั ประจาตน้
วตั ถุประสงค์

1. เพื่อรู้รูปแบบป้ายรหสั ประจาต้นตามแบบ อพ.สธ.
2. เลอื กวสั ดทุ าป้ายรหัสประจาตน้ ทเ่ี หมาะสม
3. ตดิ ปา้ ยรหัสประจาต้นให้ถูกตอ้ ง
กระบวนการเรยี นรู้
1. รปู แบบป้ายรหัสประจาต้น

1.1 เรยี นรู้รูปแบบรหสั ประจาตน้ ประกอบไปด้วยตวั เลข 2 ชุด
ชุดที่ 1 เป็นรหสั ลาดบั ชนดิ พรรณไม้ ประกอบไปด้วยตวั เลข 3 หลัก เช่น 001 คือ รหัส
ลาดบั ชนดิ พรรณไม้ชนดิ ท่ี 1
ชุดท่ี 2 เป็นรหัสลาดบั ต้น ประกอบไปดว้ ย ตวั เลข 1 หลกั เปน็ ต้นไป เช่น /2
ระหว่างชดุ ท่ี 1 และ ชดุ ท่ี 2 ให้คนั่ ดว้ ยเครอื่ งหมาย / ยกตวั อยา่ งเช่น 001/2 คือ รหสั
ลาดับชนิดพรรณไม้ชนิดท่ี 1 / รหัสลาดบั ต้น ต้นที่ 2

หมายเหตุ
- ในกรณที ช่ี นิดนัน้ มตี ้นเดยี ว ไม่ต้องใส่เครื่องหมาย / - ในกรณีท่ตี น้ ไมป้ ลกู เป็นแปลงหรอื กอ ให้รหัส

ลาดบั ประจาต้นนบั เปน็ แปลงหรือกอ

(6)
2. วสั ดทุ าป้ายรหัสประจาต้น

2.1. วัสดุท่ี มีความคงทนและหาได้งา่ ยตามท้องถ่นิ เช่น ปา้ ยฯ พลาสตกิ กระป๋องอะลมู เิ นยี ม
แผ่นโลหะ ฯลฯ

2.2 ตัวเลขในป้ายรหสั ประจาต้น ใช้การตอกรหัส หรือเขยี นด้วยสีทม่ี ีความคงทน เพ่ือ
ปอ้ งกันการ หลุดลอกของตวั เลข

(7)
3. เรยี นรู้วิธีการตดิ ปา้ ยรหสั ประจาต้น

3.1 วธิ ีที่ 1 แบบผูก เช่น คล้องหรือแขวน กบั กงิ่ หรือลาตน้ ของต้นไมใ้ นตาแหน่งที่
เหมาะสมและ มองเห็นได้อย่างชัดเจน ซ่ึงวิธีนีเ้ หมาะสาหรบั ไมต้ ้น ไม้พุ่ม ฯลฯ

3.2 วธิ ที ่ี 2 แบบปัก ให้ปกั ตรงบริเวณโคนต้น ของต้นไมใ้ นตาแหน่งทเี่ หมาะสมและมองเหน็
ไดอ้ ย่างชัดเจนซึง่ วธิ นี ้ีเหมาะสาหรบั ไมล้ ้มลุกและไม้ตน้ ขนาดใหญ่ที่ไม่สามารถทาการผกู ป้ายรหสั ประจาต้นได้
หมายเหตุ

- ไมค่ วรตดิ รดั จนแน่นเกนิ ไป ควรแขวน หรอื ใช้วสั ดอุ ปุ กรณ์ทมี่ คี วามยืดหยุ่นในการติดแบบง่าย ๆ

(8)

ลาดบั การเรยี นรทู้ ี่ 4
ตั้งชื่อหรือสอบถามช่ือ และศึกษาข้อมลู พื้นบ้าน (ก.7-003 หนา้ ปก - 1)
วตั ถปุ ระสงค์
1. เพือ่ รู้ช่ือพ้ืนเมืองของพรรณไม้
2. เพือ่ รู้ข้อมูลพ้นื บ้านของพรรณไม้
กระบวนการเรยี นรู้
1. เรยี นรู้การตัง้ ชือ่ และสอบถามชอ่ื ของพรรณไม้
1.1 เรยี นรู้การตัง้ ช่อื พืน้ เมือง กรณีท่ีไม้ทราบช่ือพรรณไม่อาจตั้งช่ือตามรปู ลกั ษณ์ คณุ สมบตั ิ
พฤติกรรม หรอื ถ่ินอาศยั ของพืชน้ันๆ ได้แก่
- สี เช่น แคแสด
- รูปร่าง เช่น พลบั พลงึ ตีนเป็ด
- รปู ทรง เช่น ไผ่น้าเตา้
- ผวิ เช่น ส้มเกลยี้ ง
- กล่นิ เช่น เครือตดหมูตดหมา (พงั โหม)
- รส เช่น ไผ่จืด
- พฤตกิ รรม เช่น บานเช้า
1.2 เรยี นรู้การสอบถามชือ่ พื้นเมอื ง กรณที ี่ไม่ทราบชื่อพรรณไม่อาจสอบถามชื่อจากผู้รู้ เช่น
ครบู ุคลากรในสถานศึกษา ผู้เช่ียวชาญ ปราชญ์ชาวบ้าน ดังน้ี

1.2.1 เชญิ ผู้รู้ในทอ้ งถ่ิน มาร่วมสารวจพรรณไม้ในสถานศึกษา
1.2.2 นาข้อมูลไปสอบถามผู้รู้ในทอ้ งถิน่ เช่น ถา่ ยภาพพรรณไม้ ชน้ิ ตัวอย่าง
พรรณไมพ้ ร้อมคาอธิบายลักษณะทางพฤกษศาสตร์
2. เรียนรู้แบบศึกษาพรรณไม้ในสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียน (ก.7-003 หนา้ ปก)
2.1 เรียนรู้ช่ือพนั ธุไ์ ม้ และรหสั พรรณไม้
- ช่อื พันธ์ไุ ม้เขยี นช่ือท้องถิน่ หรือชื่อพนื้ บ้าน ของแตล่ ะภมู ิภาค
- รหัสพรรณไม้ประกอบด้วย ตวั เลข 5 ชุด เช่น 7-10150-009-001/2
2.2 เรยี นรู้การวาดภาพทางพฤกษศาสตร์(ลักษณะวิสยั )
1. วัดความสงู และความกว้างทรงพุ่ม ตามลกั ษณะวิสยั ของพรรณไม้นัน้ เช่น
ไม้ต้น
วัดความสงู จากโคนต้นจนถึงปลายยอด ส่วนความกว้างทรงพุ่ม ให้วดั ส่วนทก่ี ว้างทสี่ ุดของทรงพุ่ม

(9)

ไม้พมุ่

วัดความสูงจากโคนต้นจนถึงปลายยอด ส่วนความกว้างทรงพุ่ม ให้วัดส่วนที่กว้างท่ีสุดของทรงพุ่ม ใน
กรณีไม้พุ่มที่ปลูกเป็นแปลง เช่น เข็มแดง ชาฮกเก้ียน ฯลฯ ให้เลือกต้นที่เห็นความกว้างของทรงพุ่มท่ีชัดเจน
ท่สี ดุ แล้ววัดขนาดความกว้างและความสงู ของต้นนัน้

ไม้เล้ือย
- กรณีท่ี 1 ไมเ้ ล้อื ย เลื้อยไปตามสงิ่ ปลูกสร้าง เช่น เสา รั้ว ฯลฯ ให้วัดความสูงจากโคนต้นจนถึงปลาย

ยอด ส่วนความกว้าง ให้วัดส่วนทก่ี ว้างทสี่ ุดของทรงพุ่ม

(10)

- กรณีที่ 2 ไม้เลื้อย เล้ือยไปตามพื้นดิน เช่น ผักบุ้งทะเล มันแกว ฯลฯ วัดความสูงจากโคนต้นจนถึง
ปลายยอด ส่วนความกว้างทรงพุ่ม ให้วดั ส่วนท่กี ว้างท่ีสุดของทรงพุ่ม

2. นาความสูงและความกว้างทรงพุ่มที่วัดได้ของลักษณะวิสัยนั้นๆ มาเทียบกับสัดส่วนของ กรอบ
ภาพวาดทางพฤกษศาสตร์ ในหน้าปก โดยมีมาตราส่วนกากับ (เท่าจริง ย่อ ขยาย) เช่น มาตราส่วน 1 : 10
หมายถงึ มาตราส่วนย่อ ของภาพวาดที่มขี นาด 1 ส่วน เทียบกบั ขนาดจรงิ 10 ส่วน

3. วาดภาพความสงู ของลาตน้ กงิ่ กา้ น และความกว้างทรงพุ่ม พร้อมระบายสี

(11)

3. เรยี นรู้ข้อมูลพืน้ บา้ น (ก.7-003 หนา้ 1)
3.1 เรียนรู้วิธีการสอบถามข้อมูลพรรณไม้ โดยเรียนรู้วิธีการ การแนะนาตัวการสัมภาษณ์

การกล่าวขอบคุณ
3.2 สอบถามชอ่ื พื้นเมอื งและบันทึกข้อมลู การใช้ประโยชน์จากส่วนต่าง ๆ ของพรรณไม้ ด้าน

อาหาร ยารักษาโรค ก่อสร้างเคร่ืองเรือน เครื่องใช้ ยาฆ่าแมลง ยาปราบศัตรูพืช ความเกี่ยวข้องกับ
ประเพณี วัฒนธรรม หรอื ความเช่ือทางศาสนา อื่น ๆ (เช่น การเป็นพิษ อันตราย) การบันทึกช่ือ อายุ
ที่อยู่ผู้ให้ข้อมูล วนั ท่ี สถานทบ่ี ันทกึ

3.3 สรุปข้อมูลพรรณไม้ท่ีได้จากการสอบถาม หากผู้รู้ไม่ทราบข้อมูลให้ทาเครื่องหมาย
ยตั ิภงั ค์ “ - ”

(12)

ลาดบั การเรียนรทู้ ่ี 5 ทาผังแสดงตาแหนง่ พรรณไม้
วตั ถปุ ระสงค์

1. เพือ่ รู้วิธีการหาและบันทกึ ตาแหน่งพิกัดพรรณไม้
2. เพอ่ื รู้ความกว้างของทรงพุ่มและจัดทาผังพรรณไม้
กระบวนการเรยี นรู้
1. เรยี นรู้วิธกี ารหาและบนั ทึกตาแหน่งพิกดั พรรณไม้

1.1 เรยี นรู้การกาหนดจดุ อ้างองิ ในพ้ืนที่ศึกษา หลักการเลอื กจุดอ้างองิ ในหนง่ึ พื้นท่ีศกึ ษา
ควรมีหนึ่ง จุดอ้างอิง และเป็นจุดอ้างอิงที่เคล่ือนย้ายได้ยาก เช่น เสาธง เสาไฟ ฯลฯ (ไม่ควรเลือกต้นไม้เป็น
จุดอา้ งองิ )

1.2 เรียนรู้การกาหนดเส้นอ้างอิง (Base line) ให้เป็นไปตามทิศ เหนือ ใต้ ตะวันออก
ตะวันตก

1.3 เรยี นรู้การกาหนดขอบเขตพน้ื ทศี่ กึ ษา
1.4 เรยี นรู้วิธีการหาตาแหน่งพรรณไมใ้ ห้เหมาะสมในแต่ละระดับช้ันของผู้เรยี น

1.4.1 ระดบั ปฐมวัย เช่น วธิ ีการนับก้าวให้รู้จกั ทศิ ทางของตาแหน่งพรรณไม้
1.4.2 ระดบั ประถมศกึ ษา เช่น วิธีการใช้เข็มทศิ หาตาแหน่งพรรณไม้ โดยการวัด
ระยะ มุม องศา
1.4.3 ระดับมัธยมศกึ ษา เช่น วธิ กี ารหาคู่อันดับ
1.4.4 ระดบั อาชีวศึกษา อุดมศึกษา เช่น ระบบ GPS
1.5 การบันทึกข้อมูลตาแหน่งพรรณไมใ้ นรปู แบบตาราง และผังแสดงตาแหน่งพิกัดพรรณไม้


Click to View FlipBook Version