The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนบูรณาการสวนพฤกษศาสตร์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

แผนบูรณาการวิทย์64

แผนบูรณาการสวนพฤกษศาสตร์

Keywords: แผนบูรณาการ

ใบงานท่ี 1.5
ทาผังแสดงตาแหนงพรรณไม

วตั ถปุ ระสงค
1. เพ่ือรูวธิ ีการหาและบันทึกตาแหนงพิกดั พรรณไม
2. เพอื่ รูความกวางของทรงพุมและจัดทาผงั พรรณไม

คาช้แี จง
1. ใหหาและบนั ทึกตาแหนงพิกดั พรรณไม
2. ใหวดั ความกวางของทรงพุมและจดั ทาผงั พรรณไม้

ตารางพกิ ัดพรรณไม

บรเิ วณพนื้ ที่ศึกษา...................................................... วนั /เดอื น/ป กลมุ ท.ี่ .................

จุดอางองิ ................................................................................................................................................

รหัสประจาตน้ ชอ่ื พื้นเมือง พิกดั พรรณไม้
คา X คา Y

ตารางความกวางทรงพุมพรรณไม

บริเวณพืน้ ทศี่ ึกษา...................................................... วัน/เดอื น/ป กลมุ ท่.ี .................

จุดอางอิง.................................................................................................................................................

รหัสประจาตน ชื่อพ้ืนเมือง ความกวางทรงพุม (เมตร)

ทศิ เหนอื (N) ทิศใต S) ทิศตะวันออก (E) ทศิ ตะวนั ตก (W)

ผงั พ้ืนท่ที ้งั หมดของโรงเรียน

สญั ลกั ษณ์ ผงั พิกดั พรรณไม้

N พ้นื ท่ีศึกษา..........................................................
มาตราส่วน..........................................................
วนั ท.่ี ....................................................................
ผศู้ กึ ษา................................................................

ใบงานที่ 1.6
ศกึ ษาและบนั ทกึ ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร (ก.7-003 หนา 2-7)

วตั ถุประสงค
1. เพอ่ื ใหรโู ครงสรางและลกั ษณะทางพฤกษศาสตร
2. เพ่อื ใหรวู ธิ กี าร อปุ กรณ การวัด ขนาด สวนตางๆของพชื
3. เพื่อใหรูการวาดภาพทางพฤกษศาสตร

คาชแ้ี จง
1. ใหศึกษา เรียนรู โครงสรางและลักษณะทางพฤกษศาสตร
2. ใหศึกษา เรียนรู วธิ กี าร อุปกรณ การวัด ขนาด สวนตางๆของพืช
3. ใหวาดภาพทางพฤกษศาสตร์













ใบงานท่ี 1.7
บนั ทกึ ภาพหรอื วาดภาพทางพฤกษศาสตร

วตั ถปุ ระสงค
1. เพอ่ื รูวิธีการบันทึกภาพทางพฤกษศาสตร
2. เพอ่ื รูวธิ ีการวาดภาพทางพฤกษศาสตร

คาช้แี จง
1. ใหบันทกึ ภาพทางพฤกษศาสตร ถายภาพ)
2. ใหวาดภาพทางพฤกษศาสตร์

ตารางบนั ทึกภาพถายพรรณไม

ที่ ชื่อพชื ภาพถายพรรณไม

ลักษณะ ลาตน ใบ ดอก ผล เมลด็

วิสัย

วาดภาพทางพฤกษศาสตรพรอมกาหนดสเกลและมาตราสวน (ลักษณะวิสยั )

รหสั พรรณไม ชื่อพชื .................................................

มาตราสว่ น

มม

ภาพวาดทางพฤกษศาสตรของสวนประกอบตางๆ ของพรรณไม พรอมกาหนดสเกลและมาตราสวน

ใบงานท่ี 1.8
ทาตวั อยางพรรณไม (แหง ดอง และเฉพาะสวน)

วตั ถปุ ระสงค
1. เพื่อรูการทาตวั อยางพรรณไมแหง
2. เพื่อรูการทาตวั อยางพรรณไมดอง
3. เพื่อรูการทาตวั อยางพรรณไมเฉพาะสวน

คาชแ้ี จง
1. ใหศกึ ษา เรียนรูการทาตัวอยางพรรณไมแหง
2. ใหศกึ ษา เรียนรูการทาตัวอยางพรรณไมดอง
3. ใหศกึ ษาเรียนรูการทาตัวอยางพรรณไมเฉพาะสวน

รหสั พรรณไม้ ตารางบันทึกการทาตวั อยาง

ช่อื พืช ตวั อยางพรรณไม เฉพาะสวน
แหง ดอง

ใบงานท่ี 1.9
เปรยี บเทียบขอมลู ที่สรุป (ก.7–003 หนา 8) กับขอมูลทส่ี ืบคนจากเอกสาร แลวบนั ทกึ ใน

ก. 7 – 003 หนา 9 – 10

วัตถปุ ระสงค
1. เพอ่ื รูการสรปุ ลักษณะและขอมูลพรรณไม
2. เพ่อื รูการสบื คนขอมลู พรรณไม
3. เพื่อรูการเปรยี บเทียบและบันทกึ ขอมูลเพ่มิ เติม

คาชี้แจง
1. สรุปลักษณะและขอมลู พรรณไม
2. สืบคนขอมูลพรรณไม
3. เปรียบเทยี บและบันทึกขอมูลเพม่ิ เติม





ใบงานที่ 1.10
จัดระบบขอมูลทะเบยี นพรรณไม ก.7-005)

วตั ถปุ ระสงค
1. เพอื่ รูรูปแบบการทาทะเบยี นพรรณไมตามแบบ อพ.สธ.
2. เพื่อรูวิธีการทาทะเบียนพรรณไมตามแบบ อพ.สธ.

คาชแี้ จง
1. ใหทาทะเบยี นพรรณไม ตามแบบ อพ.สธ. ใหครบทุกชนิดที่สารวจ ในพื้นท่ศี ึกษา

ทะเบยี นพรรณไม
โรงเรยี นบญุ วาทย์วิทยาลยั จงั หวัด ลาปาง

รหัสสมาชิก 7-52000-003

ก.7-005 สารวจครงั้ ท่.ี ......... พ.ศ. ..................

ทะเบยี นพรรณไม
โรงเรยี นบญุ วาทยว์ ทิ ยาลยั จงั หวัด ลาปาง รหสั สมาชกิ 7-52000-003

รหัสพรรณไม้ ชอ่ื ชอื่ ช่ือวงศ ลักษณะวสิ ยั ลักษณะเดน บรเิ วณท่พี บ

พ้ืนเมอื ง วทิ ยาศาสตร์ ของพชื

7-52000-003-….

ใบงานที่ 1.11
ทารางปายชอื่ พรรณไมสมบรู ณ์

วัตถปุ ระสงค
1. เพือ่ รูรูปแบบการทาปายช่อื พรรณไมสมบูรณ
2. เพ่อื รูวิธกี ารทาปายชื่อพรรณไมสมบรู ณ

คาช้ีแจง
1. ใหทารางชือ่ พรรณไมสมบูรณ ตามแบบ อพ.สธ. ประกอบดวย รหัสพรรณไม
ช่อื พืน้ เมอื ง ช่ือวทิ ยาศาสตร ชอ่ื วงศ ชอื่ สามัญ ประโยชน

ใบงานท่ี 1.12
ตรวจสอบความถูกตองทางวชิ าการดานพฤกษศาสตร

วัตถุประสงค
1. เพอื่ รูวธิ ีการรวบรวมขอมูลความถูกตองทางวิชาการดานพฤกษศาสตร
2. เพือ่ รูวิธีการทาฐานขอมูลความถูกตองทางวชิ าการดานพฤกษศาสตร
3. เพอ่ื รูวิธกี ารจดั สงขอมูลความถูกตองทางวชิ าการดานพฤกษศาสตร

คาชแี้ จง
1. ใหรวบรวมความถกู ตองทางวชิ าการดานพฤกษศาสตร
2. ใหทาฐานขอมูลความถูกตองทางวิชาการดานพฤกษศาสตร
3. ใหจัดสงขอมลู ความถูกตองทางวิชาการดานพฤกษศาสตรไปท่ี อพ.สธ.
เพอื่ ตรวจสอบความถูกตอง

ใบงานท่ี 13
ทาปายชื่อพรรณไมสมบูรณ

วัตถุประสงค
1. เพ่อื รูวิธกี ารทาปายชื่อพรรณไมสมบรู ณ
2. เพื่อรูวิธีการติดตั้งปายช่อื พรรณไมสมบรู ณ

คาชแ้ี จง
1. ใหเลอื กวสั ดใุ นการทาปายชอื่ พรรณไมสมบรู ณ
2. ใหทาปายช่อื พรรณไมสมบูรณ
3. ใหนาปายชื่อพรรณไมสมบูรณไปตดิ ใหถูกตอง เหมาะสม

วสั ดใุ นการทาปายช่ือพรรณไมสมบรู ณ์
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………

องคประกอบที่ 2
การรวบรวมพรรณไมเขาปลูกในโรงเรียน

ใบงานที่ 1
เรียนรขู อมูลจากผังพรรณไมเดิมและศึกษาธรรมชาตขิ องพรรณไม

1.1 เรียนรูขอมูลจากผังพรรณไมเดิม
วัตถปุ ระสงค

เพอื่ รูขอมลู ของพื้นทีศ่ กึ ษาจากผังพรรณไมเดิม
คาชีแ้ จง

ใหนาผังพรรณไมเดิม (เฉพาะพนื้ ที)่ มาศึกษา วเิ คราะหขอมูล และบนั ทึกผล

ภาพผงั พรรณไมเดิม (เฉพาะพ้ืนท่ี)

บนั ทกึ ขอมลู
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

1.2 เรียนรูธรรมชาติของพรรณไม
วตั ถปุ ระสงค

เพ่ือเรยี นรูธรรมชาตขิ องพรรณไม
คาชแี้ จง

1. กาหนดกลมุ พรรณไม ลกั ษณะวสิ ยั ของพรรณไมทจี่ ะนามาปลกู (ตามจินตนาการ) และเลือกชนดิ
พรรณไม และบนั ทึกผล

2. เรยี นรูสภาพของชนิดพรรณไม เรียนรูสภาพแวดลอมโดยรอบของชนดิ พรรณไมทอี่ ยูในธรรมชาติ
และบนั ทึกผล

กลมุ พรรณไม ลักษณะวิสยั ..............................................................................................................................

ชื่อชนดิ พรรณไม ...................

สถานที่ ..............................................................................................................................................................

วนั /เดอื น/ป ทบ่ี ันทึก ........................................................................................................................................

สภาพของชนดิ พรรณไม สภาพแวดลอมโดยรอบของชนิดพรรณไม้

ใบงานที่ 2
เรยี นรูการสารวจ ศกึ ษา วิเคราะหสภาพพื้นท่ี

2.1 เรยี นรูการสารวจ ศกึ ษา วเิ คราะห สภาพภูมปิ ระเทศ (ความสงู -ต่า ของพ้ืนท่ี ดิน)
วตั ถปุ ระสงค

เพอื่ รูขอมลู สภาพภูมปิ ระเทศ (ความสูง-ตา่ ของพืน้ ที่ ดิน) ของพ้ืนท่ศี ึกษา
คาชแี้ จง

1. ใหสารวจ ศกึ ษา วเิ คราะห ความสูง-ตา่ ของพื้นที่ศกึ ษา และบันทึกผล
2. ใหสารวจ ศึกษา วิเคราะห สภาพดินของพ้นื ทีศ่ ึกษา และบันทกึ ผล
3. ใหนาขอมลู ท่ีไดมาจัดทาผงั สภาพภมู ศิ าสตร (ความสงู -ตา่ ดนิ ) ของพนื้ ท่ีศกึ ษา

สภาพภูมิศาสตร (ทีร่ าบ ทลี่ ุม ทล่ี าดเอยี ง เนิน ฯลฯ )
พื้นทศ่ี ึกษาที.่ .........................................................................................................................................................
จดุ อางองิ .............................................................................................................................................................
จดุ ต่าสดุ ของพน้ื ที่ คาเปนลบ ( - ) .......................................................................................................................
จุดสูงสุดของพนื้ ท่ี คาเปนบวก ( + ) ...................................................................................................................
สภาพภูมิศาสตรของพนื้ ท่ีศึกษา .........................................................................................................................

............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
........................................................................................................................................................................... ...
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
.............................................................................................................................................................. ................
.................................................................................................................. ............................................................
............................................................................................................................. .................................................
................................................................................................................................................. .............................
..................................................................................................... ........................................................................
............................................................................................................................. .................................................
..................................................................................................................................... .........................................
......................................................................................... .....................................................................................

สารวจ ศึกษา วิเคราะห สภาพดนิ ของพื้นทศี่ ึกษา และบันทกึ ผล

การสารวจ ผลการสารวจ

อนุภาคของดิน

สีดิน

ความชน้ื ของดิน

ความเปนกรด-ดาง ของดนิ (pH)

สญั ลักษณ์ ผังสภาพภูมศิ าสตร

N (ความสูง-ตา่ ,ดิน-นา้ )
พน้ื ท่ีศึกษา..........................................................
มาตราส่วน..........................................................
วันที.่ ....................................................................
ผศู้ ึกษา................................................................

2.2 เรยี นรูการสารวจ ศกึ ษา วเิ คราะห สภาพภมู ิอากาศ (นา้ แสง อากาศ)

วัตถปุ ระสงค
เพอื่ รูขอมลู สภาพภูมอิ ากาศ (น้า แสง อากาศ) ของพนื้ ท่ีศึกษา

คาชี้แจง
1. ใหสารวจ ศึกษา วิเคราะห สภาพภมู อิ ากาศ (น้า แสง อากาศ) ของพ้นื ที่ศกึ ษาและบันทกึ ผล
2. ใหนาขอมูลท่ีไดมาจดั ทาผงั สภาพภูมิศาสตร (นา้ แสง อากาศ) ของพ้นื ที่ศึกษา

สารวจ ศึกษา วิเคราะห สภาพนา้ ของพื้นทีศ่ ึกษา และบันทึกผล

การสารวจ ผลการสารวจ

สีของน้า

กลิ่นของน้า

การนาไฟฟ้าของน้า

pH ของนา้

สารวจ ศึกษา วิเคราะห อุณหภมู ิ ปริมาณแสง ความเขมแสง

ชวงเวลา การสารวจ ผลการสารวจ
เชา – สาย (06.00 – 11.00 น.)
อณุ หภูมิ ............................... องศา
กลางวัน (12.00 – 13.00 น.) ปริมาณแสง ............................... เปอรเซน็ ต
ความเขมแสง ............................... ลักซ
บาย-เยน็ (13.00=18.00 น.)
อณุ หภูมิ ............................... องศา
ปรมิ าณแสง ............................... เปอรเซ็นต
ความเขมแสง ............................... ลักซ

อุณหภูมิ ............................... องศา
ปรมิ าณแสง ............................... เปอรเซ็นต
ความเขมแสง ............................... ลกั ซ

สารวจ ศกึ ษา วิเคราะห ทิศทางลม ความแรงลม ความเรว็ ลม

ชวงเวลา การสารวจ ผลการสารวจ
เชา – สาย (06.00 – 11.00 น.)
ทิศทางลม พัดจากทิศ.................................
ความแรงลม ไปทศิ .. ......................................
ความเร็วลม ....................................กม./ชม.
....................................นอต
กลางวัน (12.00 – 13.00 น.) ทศิ ทางลม
ความแรงลม พัดจากทศิ .................................
ความเร็วลม ไปทิศ.. ......................................
....................................กม./ชม.
บาย-เย็น (13.00=18.00 น.) ทิศทางลม ....................................นอต
ความแรงลม
ความเรว็ ลม พัดจากทิศ.................................
ไปทิศ.. ......................................
....................................กม./ชม.
....................................นอต

สญั ลักษณ์ ผังสภาพภูมศิ าสตร์ (แสง ลม)

N พืน้ ทศ่ี ึกษา..........................................................
มาตราส่วน..........................................................
วันที.่ ....................................................................
ผ้ศู ึกษา................................................................

2.3 เรียนรูการสารวจ ศกึ ษา วเิ คราะห มุมมองของพ้ืนที่ศกึ ษา

วตั ถุประสงค
เพือ่ รูขอมูลมมุ มองของพ้ืนที่ศึกษา

คาชแ้ี จง
1. ใหสารวจ ศกึ ษา วเิ คราะห มมุ มอง ของพื้นท่ีศึกษาและบันทกึ ผล
2. ใหนาขอมลู ท่ีไดมาจัดทาผงั สภาพภมู ิศาสตร (มุมมอง) ของพน้ื ท่ีศกึ ษา

มุมมองที่ องคประกอบ (สิ่งที่สงั เกตเห็น) สรปุ
1

2

3

4

สญั ลักษณ์ ผังสภาพภูมิศาสตร์ (มุมมอง)

N พืน้ ทศี่ ึกษา..........................................................
มาตราสว่ น..........................................................
วันท่ี.....................................................................
ผู้ศึกษา................................................................

ใบงานท่ี 3 พิจารณาคุณ สนุ ทรียภาพของพรรณไม
3.1 เรยี นรู คณุ คา และประโยชนของพรรณไม

วัตถุประสงค
เพ่อื รูคณุ คา และประโยชนของพรรณไม

คาช้แี จง
1. เลือกพืชทีส่ นใจ บนั ทึก ชื่อพรรณไม
2. เรียนรูความสมั พันธของพรรณไมกบั ปจจัยกายภาพ ชวี ภาพ บันทึกผล และสรปุ คณุ ของ
พรรณไม
3. เรยี นรูประโยชนของพรรณไม และบนั ทกึ ผล

ชอ่ื พรรณไม
เรยี นรู คุณคาของพรรณไม

ความสมั พันธ์

ปจจยั กายภาพ ปจจยั ชวี ภาพ

สรุปคณุ คา
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
เรยี นรูประโยชนของพรรณไม
อาหาร
........................................................................................................................................................................ ......
............................................................................................................................ ..................................................
ยารกั ษาโรค
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................................... ...............................
................................................................................................... ...........................................................................
............................................................................................................................. .................................................
กอสราง เคร่ืองเรือน เคร่ืองใช
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
ความเกยี่ วของกับประเพณี วัฒนธรรม หรือความเชือ่ ทางศาสนา
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
อืน่ ๆ
........................................................................................................................................................................ ......
............................................................................................................................ ..................................................
............................................................................................................................. .................................................
........................................................................................................................................................... ...................

3.2 เรยี นรู สนุ ทรียภาพของพรรณไม
วตั ถปุ ระสงค

เพ่อื เรียนรูสุนทรียภาพของพรรณไม
คาช้แี จง

1. เลือกพืชทสี่ นใจ บนั ทึก ชื่อพรรณไม
2. เรียนรูความสนุ ทรยี ภาพของพรรณไม

ชอื่ พรรณไม

ความสุนทรียภาพของพรรณไม ภาพวาด

………………………………………………………………….
…………………………………………………………………
…………………………………………………………………
………………………………………………………………….
…………………………………………………………………
………………………………………………………………….
…………………………………………………………………
…………………………………………………………………
…………………………………………………………………
………………………………………………………………..
………………………………………………………………..
………………………………………………………………..

สรุปสนุ ทรียภาพของพรรณไม
...................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................

ใบงานที่ 4 กาหนดการใชประโยชนพื้นท่ี

4.1 เรียนรกู ารกาหนดการใชประโยชนในพ้ืนท่ี

วตั ถปุ ระสงค
1. เพอ่ื รูการจนิ ตนาการของการใชประโยชนในพืน้ ท่ี
2. เพื่อรูสดั สวนการใชประโยชนในพื้นทอี่ ยางเหมาะสม

คาชีแ้ จง
1. นาขอมูลทไี่ ดจากการศึกษาลกั ษณะสภาพทางภมู ิศาสตร ดินและนา้ แสงและลม ผังมมุ มอง มา

วิเคราะหหาความเหมาะสมในการแบงพื้นทีเ่ พ่ือกาหนดการใชประโยชนไดอยางมเี หตุผล และบันทกึ ลงใน
ใบงาน การวิเคราะหสภาพลกั ษณะภูมศิ าสตรในพน้ื เพ่ือกาหนดการใชประโยชนในพื้นที่ศกึ ษา

2. จัดทาผงั การกาหนดการใชประโยชนในพน้ื ทเ่ี ปนสวนๆ โดยแบงพนื้ ท่กี ารใชประโยชนยอยๆ อยาง
ชัดเจนพรอมระบุขนาดพื้นท่ี และรายละเอียดการใชประโยชนในพ้ืนท่ีแตละสวน พรอมแสดงสัญลักษณ
มาตรสวน ขอบเขตพ้ืนที่ ใหชัดเจน

จินตนาการของการใชประโยชนในพนื้ ที่
บรเิ วณท่ี 1 ............................................
ขนาดพื้นท่.ี .............................................
เหตุผล/แนวคดิ .......................................
...............................................................
...............................................................

บริเวณท่ี 2 ............................................
ขนาดพ้ืนท.่ี .............................................
เหตุผล/แนวคดิ .......................................
...............................................................
...............................................................

จินตนาการของการใชประโยชนในพ้ืนท่ี
บริเวณท่ี 3 ............................................
ขนาดพื้นท.ี่ .............................................
เหตุผล/แนวคดิ .......................................
...............................................................
...............................................................

บริเวณที่ 4 ............................................
ขนาดพ้ืนที่..............................................
เหตุผล/แนวคดิ .......................................
...............................................................
...............................................................

จินตนาการของการใชประโยชนในพื้นที่
บรเิ วณท่ี 5 ............................................
ขนาดพืน้ ที.่ .............................................
เหตผุ ล/แนวคิด.......................................
...............................................................
...............................................................

บรเิ วณที่ 6 ............................................
ขนาดพ้นื ท.่ี .............................................
เหตผุ ล/แนวคดิ .......................................
...............................................................
...............................................................

บรเิ วณ ที่ 1 ...............................................................
ขนาดพื้นที่ .................................................................
วสั ดุ ..........................................................................
บริเวณ ที่ 2 ...............................................................
ขนาดพื้นที่ ...............................................................
วัสดุ ..........................................................................
บริเวณ ที่ 3 ...............................................................
ขนาดพน้ื ท่ี ...............................................................
วัสดุ ..........................................................................
บริเวณ ท่ี 4 ...............................................................
ขนาดพื้นท่ี ...............................................................
วสั ดุ ..........................................................................
บรเิ วณ ท่ี 5 ...............................................................
ขนาดพน้ื ที่ .................................................................
วสั ดุ ..........................................................................
บริเวณ ที่ 6 ...............................................................
ขนาดพน้ื ที่ ...............................................................
วสั ดุ ..........................................................................

สญั ลักษณ์ N ผังกาหนดการใช้ประโยช์พนื้ ที่

พื้นท่ศี กึ ษา
...........................................
มาตราสว่ น
..........................................
วันที่
.....................................................
ผศู้ ึกษา

ใบงานท่ี 5 กาหนดชนิดพรรณไมทีจ่ ะปลกู
5.1 เรียนรกู ารกาหนดชนิดพรรณไมทจี่ ะปลูก

วตั ถปุ ระสงค
1. เพื่อรูการกาหนดชนดิ พรรณไมทจี่ ะปลกู ใหเหมาะสมกับการใชประโยชนในพื้นท่ี

คาชี้แจง
1. ใหแตละกลุมกาหนดชนิดพรรณไมทจ่ี ะปลูกในพนื้ ท่ีการกาหนดการใชประโยชนในแตละสวน ให

เหมาะสม พรอมบอกรายละเอยี ดตางๆท่เี กี่ยวของกับการกาหนดชนดิ พรรณไมท่จี ะปลูก บนั ทึกลงในแบบ
บันทกึ ผลการสารวจ (การนาพรรณไมเขามาปลกู ตองผานการพิจารณาและวิเคราะหสภาพพนื้ ท่อี ยางมีเหตุผล
กอนนาพรรณไมเขามาปลกู ในพื้นที่ตางๆ)

ตารางแสดงการกาหนดชนิดพรรณไมทีจ่ ะปลกู
พื้นทศ่ี ึกษาท่ี.................... โรงเรียน.............................. กลุมที่..................... วนั / เดอื น/ ป

บรเิ วณ/ ขนาดพน้ื ท่ี แนวคิด ชนิด การนาไปใช วสั ดุปลกู
จินตนาการ การกาหนดชนดิ พรรณไมท่จี ะปลูก ประโยชน (ดนิ ปลูก /
การใชประโยชน ภาชนะปลูก)
ในพ้ืนที่ พรรณไม (จากชนิดพรรณไม
ทน่ี ามาปลกู )

ใบงานที่ 6 ทาผังภมู ิทัศน
6.1 เรียนรกู ารทาผงั ภูมทิ ศั น

วัตถุประสงค
1. เพอ่ื รูรปู แบบและวธิ กี ารจดั ทาผงั ภมู ทิ ศั น

คาชี้แจง
1. นาขอมลู ท่ีไดจากการกาหนดการใชประโยชนพ้ืนท่ีแตละสวนมาจดั ทาผงั ภูมิทัศน โดยแสดง

รายละเอยี ด สญั ลกั ษณตางๆ ทีส่ ออดคลองกับผงั กาหนดการใชประโยชนพื้นที่ พรอมระบุทศิ ทาง
ขอบเขตพื้นท่ี และมาตราสวนใหชัดเจน

สญั ลักษณ์ N ผั ังภูมิทัศน์

พื้นท่ศี กึ ษา
...........................................
มาตราสว่ น
..........................................
วนั ที่
.....................................................
ผศู้ ึกษา

รายละเอยี ดการปลกู พรรณไมตามผังภูมทิ ัศน์

ที่ รายการ ขนาดของพรรณไม เมตร) ระยะปลูก จานวนตน

(ชื่อพรรณไม ความสูง ความกวางทรงพุม (เมตร) (ตน)

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20

ใบงานที่ 7 จดั หาพรรณไม และวัสดุปลกู
7.1 เรียนรกู ารจัดหาพรรณไม และวสั ดปุ ลกู

วตั ถปุ ระสงค
1. เพ่อื รูวธิ ีการในการจัดหาพรรณไม
2. เพอ่ื รูวิธีการจัดหาวัสดุปลกู

คาชีแ้ จง
นาขอมลู พรรณไม และวัสดุปลกู ทีก่ าหนดไว ในผงั ภมู ทิ ัศน แสดงวธิ กี ารจัดหาพรรณไม วสั ดุปลกู

และบนั ทึกผล
การจดั หาพรรณไมและวัสดุปลกู

ท่ี รายการ วธิ ีการสนับสนนุ วิธกี ารขยายพันธุ

(ชอื่ พรรณไม วัสดปุ ลูก) (หนวยงานตางๆ ชุมชน (การตอน การเพาะเมล็ด

ผูปกครอง) /ระบจุ านวน การปก

ปรมิ าณ ชา การติดตา) /ระบจุ านวน

ปริมาณ


Click to View FlipBook Version