The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

วิจัย ศึกษาแนวคิดทางการเมืองและสังคมเเละภาพสะท้อนสังคมจากเรื่องสั้นวรรณกรรมพานเเว่นฟ้า ปีพ.ศ.2560-2564

รวมเล่มสมบูรณ์

144 ขบวนการฟักทอง โดย โต้หมู คราบที่ยังลอกออกไม่หมด โดย พยุงศักดิ์ แบบอย่าง และหลักกิโลเมตร ที่ประชาธิปไตย โดย น.ว.ก. 1.3 แนวคิดเกี่ยวกับความขัดแย้งหรือความแตกต่างด้านอุดมการณ์ของบุคคลทางการเมือง คนในสังคมมีความคิดเห็นต่างกัน เนื่องจากมนุษย์มีความหลากหลายทางความคิดเห็น จึงเป็นเรื่องปกติที่สังคมจะมีความคิดเห็นต่างกัน ความเห็นต่างกันจึงไม่ขัดแย้งหรือแตกแยก แต่ความเห็นต่างกันอาจเป็นปัจจัยหนึ่ง นำไปสู่ความขัดแย้งทางการเมือง เพราะความขัดแย้งทาง การเมือง อันเนื่องจากทรัพยากรในสังคมมีอยู่อย่างจำกัดขณะที่ผู้คนมีความต้องการใช้ทรัพยากรไม่มี ขีดจำกัด ความขัดแย้งทางการเมืองจึงเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับความคิดเห็นของคนในสังคมที่ไม่อาจ ตกลงกันได้หรือเกิดมีความขัดแย้งขึ้น อย่างไรก็ดีการมองการเมืองในลักษณะนี้มีข้อโต้แย้งอยู่มากว่า หากไม่อาจยุติข้อขัดแย้งที่เกิดขึ้นได้บ้านเมืองย่อมตกอยู่ในสภาวะยุ่งยากวุ่นวาย ต่อมาจึงมีผู้ให้มุมมอง การเมืองใหม่ว่าเป็นเรื่องของการประนีประนอมผลประโยชน์เพื่อหลีกเลี่ยงมิให้เกิดความขัดแย้งจาก การดำเนินงานทางการเมืองที่ไม่มีทางออก สำหรับแนวคิดเรื่องความขัดแย้งทางการเมืองที่ปรากฏ ในวรรณกรรมได้นำเสนอผ่านความขัดแย้งทางความคิดของบุคคล รวมทั้งการขัดแย้งทางการเมือง ในระดับท้องถิ่นนำไปสู่ความแตกแยกของคนในครอบครัวและสังคม ความขัดแย้งในสังคมนั้นมีส่วน สำคัญที่เกิดจากความต้องการมีอำนาจปกครองของมนุษย์ชนชั้นนำ การช่วงชิงอำนาจระหว่างกลุ่มคน ชั้นนำในสังคมจึงทำให้เกิดการสร้างมิตรและผลักดันให้เกิดศัตรูในเวลาเดียวกัน จนขยายวงกว้างไปสู่ การแบ่งแยกประชาชนเพื่อสร้างฐานอำนาจตอรองทางการเมือง ซึ่งเรื่องสั้นที่ได้รับรางวัลพานแว่นฟ้า ระหว่างพ.ศ.2560-2564 ได้นำเสนอแนวคิดนี้ไว้ทั้งหมด 16 เรื่อง ได้แก่ ใจในใจ โดย ชมัยพร มาลัยทัต ในหมอก โดย วัฒน์ ยวงแก้ว เสื้อคลุมของผู้พัน โดย ศิริพงศ์ หนูแก้ว ไม่มีหมาป่าตัวไหนเป็น มังสวิรัติ โดย ปะการัง เราอยู่ที่สี่แยกไฟแดงวิฑูรอุทิศ 4 โดย จันทร์ เดือนแรม เกี่ยวกับฟันซี่นั้น โดย นทธี ศศิวิมล อย่าขวางประตู โดย จันทรา รัศมีทอง คำอธิบายรายวิชา โดย มิ่งมนัสชน จังหาร แค่ผ้าเช็ดเท้า โดย ชิด ชยากร ใครจะเก็บซากหมาตัวนั้น โดย สุวัณนา สุนัขนำทาง โดย แพรพลอย วนัช นาฏกรรมบนผืนน้ำในค่ำคืนที่เสียงนั้นเลือนหายไป โดย วสุวัต ประชาธิปไตยที่อยู่ในกล่อง โดย วรารัฐ วจนะวิศิษฎ์กุญแจสำรอง โดย พยุงศักดิ์ แบบอย่าง ลึกลงไปใต้ระดับพื้นดิน โดย อุเทน พรมแดง และสเปโร โซนาตา บทเพลงของคนจร โดย รมณ กมลนาวิน 2. แนวคิดเกี่ยวกับสังคม 2.1 แนวคิดเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่พลเมือง แนวคิดเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่พลเมืองเป็นแนวความคิดเกี่ยวข้องกับการอยู่ร่วมกันของ มนุษย์ในสังคม อำนาจอันชอบธรรมของพลเมืองที่รัฐให้การรับรองไว้ด้วยกฎหมายรับรองให้กระทำ


145 การใดๆ โดยสุจริตได้อย่างอิสระ แต่ต้องไม่กระทบกระเทือนถึงสิทธิของคนอื่น การใช้สิทธิเลือกตั้งเป็น หน้าที่ของประชาชนที่กฎหมายกำหนดเป็นสิทธิและเสรีภาพในการตัดสินใจเลือกตัวแทนเอง อันเป็น แนวคิดพื้นฐานในระบอบประชาธิปไตยที่เป็นการเลือกผู้นำด้วยสันติวิธี การออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งของ ประชาชนตามที่กฎหมายให้การรับรองจึงเป็นการใช้สิทธิเลือกผู้นำด้วยตนเอง ที่กฎหมายไม่ยอมรับให้ ผู้ใดมามีอำนาจเหนือการตัดสินใจส่วนบุคคลได้ โดยบทบาทหน้าที่ของพลเมืองที่ดีภายใต้การปกครอง ระบอบประชาธิปไตยและการมีสำนึกทางการเมืองของประชาชนในการมีส่วนร่วมทางการเมือง รวมทั้งการใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นการออกเสียงและการเคารพสิทธิ์ของผู้อื่นอย่าง ถูกต้อง ซึ่งเรื่องสั้นที่ได้รับรางวัลพานแว่นฟ้า ระหว่างพ.ศ.2560-2564 ได้นำเสนอแนวคิดนี้ไว้ทั้งหมด 28 เรื่อง ได้แก่ ภาพที่คอมโพสิชั่น (ไม่เคย) ลงตัว โดย ปะการัง ชัยชนะของบุญยืน โดย กฤติศิลป์ ศักดิ์ศิริ เหตุการณ์สามัญ (กรณีศึกชิงปลากระป๋อง) โดย นพดล พลกูล คนคิดเลข โดย โฆษิต มโนมัย อุดม ใครผิด? โดย จิตประภัสสร นายหน้ากับที่ดินบนดวงจันทร์ โดย รติธรณ ใจห้าว รูรั่วที่พื้นรองเท้า ผ้าใบ โดย กวี ศรีธรรมานุกูล สารภีตีครู โดย บุหลันบัณรสี อะไรก็ช่าง โดย สุริยา แดนลำโขง คฤหาสน์ของพยาธิตาบอด โดย กวี ศรีธรรมานุกูล จำรัสรอรัก โดย นฤพนธ์ สุดสวาท ยินดีต้อนรับสู่ ประภาคาร โดย เจษฎา กลิ่นยอ โรงทอผ้าของมะลิ โดย นงเยาว์ คำสั่งจากดวงวิญญาณ โดย จันทรา รัศมีทอง แมวดำตัวนั้น โดย พรรษชล รัตนคงวิพุธ The Selection : อุปกรณ์คัดแยกมนุษย์ โดย รตี รติธรณ สิ่งที่รออยู่หลังเส้นชัย โดย วิโรจน์ สุทธิสีมา พลเมืองดี โดย วุฒินันท์ ชัยศรี เส้นแบ่ง โดย วัฒน์ ยวงแก้ว คราบที่ยังลอกออกไม่หมด โดย พยุงศักดิ์ แบบอย่าง แค่ผ้าเช็ดเท้า โดย ชิด ชยากร ซากดึกดำบรรพ์ในพิพิธภัณฑ์ไม่มีชื่อ โดย จักษณ์ จันทร นครลิง โดย ขัน สีผา เมล็ดพันธุ์ โดย พิณพิพัฒน ศรีทวี แว่วข่าวคราวว่าข้าวแข็ง โดย พัชรพร ศุภผล กุญแจสำรอง โดย พยุงศักดิ์ แบบอย่าง ย้อนกลับไปดูภาพ VAR กันอีกครั้ง โดย มิ่งมนัสชน จังหาร และหนึ่งกิโลเมตรโดยประมาณ โดย ปรัชญา พงษ์พานิช 2.2 แนวคิดเกี่ยวกับความขัดแย้งหรือความแตกต่างด้านอุดมการณ์ของบุคคลทางสังคม คนในสังคมมีความคิดเห็นต่างกัน เนื่องจากมนุษย์มีความหลากหลายทางความคิดเห็น จึงเป็นเรื่องปกติที่สังคมจะมีความคิดเห็นต่างกัน ยิ่งคนบางกลุ่มต้องมาอยู่รวมกันในความต่างที่ไม่มี อะไรเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็น ที่มา อาชีพ ฐานะ ที่เกิดจากความแตกต่างระหว่างบุคคล ทำให้สังคม เกิดความแตกแยก เนื่องจากมีความคิดเห็นที่ต่างกัน และต่างคนต่างมีทิฐิ แต่สุดท้ายทุกคนก็ต้องหา ทางออกเพื่อให้สังคมก้าวข้ามความขัดแย้งนั้นไปได้ ด้วยการเข้าใจความแตกต่างของแต่ละบุคคล เพื่อไม่ให้เกิดความแตกแยกในสังคม สังคมทุกสังคมย่อมหลีกเลี่ยงความขัดแย้งไม่ได้ ความขัดแย้ง ในสังคมจึงเป็นเรื่องปกติ เพียงแต่ว่าความขัดแย้งดังกล่าวยังสามารถหาข้อยุติได้ในกรอบของกลไกที่มี อยู่สังคมนั้นก็สามารถดำเนินต่อไป หรือตราบเท่าที่ปัญหาความขัดแย้งอยู่ในสัดส่วนที่ไม่แผ่กระจายไป


146 ทั่วทั้งสังคม จนหาวิธีการหรือกลไกเพื่อยุติความขัดแย้งไม่ได้สังคมนั้นก็สามารถดำเนินต่อไป โดยใน ภาพรวมจะถือได้ว่าสังคมนั้นยังอยู่ได้อย่างมีความสมานฉันท์ แต่เมื่อใดก็ตามที่ความขัดแย้งถึงจุดที่ ไม่สามารถ จะแก้ไขเยียวยาได้ ทางเลือกของสังคมก็จะถูกจำกัดลง โดยมีทางออกอยู่สองทางคือ การพยายามแก้ไขความขัดแย้งโดยสันติวิธี ด้วยการเจรจาหรือไกล่เกลี่ย หรือมิฉะนั้นก็คงต้องแก้ไข ความขัดแย้งด้วยการใช้กำลังหรือความรุนแรง ผลที่ออกมาก็คือ การที่ฝ่ายหนึ่งชนะ อีกฝ่ายหนึ่งพ่าย แพ้ ผู้ชนะก็จะสร้างระเบียบการเมืองขึ้นมาใหม่ และถ้าเป็นกรณีที่ไม่สามารถจะเอาชนะกันได้ก็อาจ ถึงกับแตกแยกออกเป็น 2 ส่วน หรือ 3 ส่วน ของหน่วยชุมชนหรือหน่วยการเมืองใหม่แล้วแต่กรณี ซึ่งเรื่องสั้นที่ได้รับรางวัลพานแว่นฟ้า ระหว่างพ.ศ.2560-2564 ได้นำเสนอแนวคิดนี้ไว้ทั้งหมด 18 เรื่อง ได้แก่ ภาพที่คอมโพสิชั่น (ไม่เคย) ลงตัว โดย ปะการัง เหตุการณ์สามัญ (กรณีศึกชิงปลากระป๋อง) โดย นพดล พลกูล มือฉกภาพเขียน โดย จันทรา รัศมีทอง สารภีตีครู โดย บุหลันบัณรสี ชิ้นส่วนของ ความขัดแย้ง โดย ธารา ศรีอนุรักษ์ ซอยตัน โดย ปาริชาติ คุ้มรักษา ปลากัดลายธงชาติ โดย อุเทน พรมแดง เช้าวันอาทิตย์ที่แสนเศร้า โดย รมณ กมลนาวิน แมวดำตัวนั้น โดย พรรษชล รัตนคงวิพุธ The Selection : อุปกรณ์คัดแยกมนุษย์ โดย รตี รติธรณ สิ่งที่รออยู่หลังเส้นชัย โดย วิโรจน์ สุทธิสีมา พลเมืองดี โดย วุฒินันท์ ชัยศรี เส้นแบ่ง โดย วัฒน์ ยวงแก้ว ใครจะเก็บซากหมาตัวนั้น โดย สุวัณนา เสียงร่ำไห้จากหิมพานต์ โดย รตี รติธรณ มือเย็น โดย วัฒน์ ยวงแก้ว ย้อนกลับไปดูภาพ VAR กันอีก ครั้ง โดย มิ่งมนัสชน จังหาร และสะพานสองฝั่ง โดย แพรพลอย วนัช ดังนั้น วรรณกรรมเรื่องสั้นรางวัลพานแว่น เป็นวรรณกรรมร้อยแก้วที่มีเนื้อหาเน้นหนักไป ในทางการเมืองและสังคม โดยการสะท้อนให้ผู้อ่านทราบแนวคิดทางการเมืองและสังคมของผู้แต่งผ่าน เนื้อเรื่องที่มีความสัมพันธ์กับวิวัฒนาการของสังคมการเมืองอย่างใกล้ชิดเสมือนกระจกเงาที่สะท้อนให้ เห็นสภาพความเป็นอยู่และความเป็นไปของสังคมการเมืองไทย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวรรณกรรมมี ประเด็นสำคัญทางสังคม ทั้งนี้ วรรณกรรมมีความสัมพันธ์กับวิวัฒนาการของสังคมอย่างใกล้ชิด ผู้เขียนได้เสนอความคิดเห็นของตนผ่านเรื่องราวและเหตุการณ์ในวรรณกรรม การใช้งานเขียนเพื่อ ชี้นำสังคมจึงเป็นกลวิธีหนึ่งที่ปัญญาชนในสังคมไทยเลือกใช้ เพื่อเป็นเสมือนเครื่องมือหรือกระจกเงาที่ สะท้อนให้เห็นสภาพความเป็นอยู่และความเป็นไปของสังคมการเมืองไทย ที่ผู้แต่งได้สะท้อนแนวคิด เหตุการณ์ทางสังคมที่เกิดขึ้นวรรณกรรม โดยการศึกษาทรรศนะของนักเขียนที่แสดงไว้ในเรื่องสั้นต่อ การบริหารบ้านเมืองและต่อผู้ปกครอง อันได้แก่ผู้ที่มีอำนาจในการปกครองและควบคุมการบริหาร ราชการเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวรรณกรรมเรื่องสั้นรางวัลพานแว่นมักเกี่ยวข้องกับมีประเด็นสำคัญทาง สังคมและเหตุการณ์ทางสังคม เมื่อผู้อ่านได้อ่านวรรณกรรมการเมืองเรื่องสั้นรางวัลพานแว่นก็จะพบ แนวคิดทางการเมืองและสังคมที่สำคัญดังที่กล่าวไว้ข้างต้นของสังคมการเมืองได้เป็นอย่างดี


147 บทที่ 4 วิเคราะห์ภาพสะท้อนทางสังคมที่ปรากฏในวรรณกรรมเรื่องสั้นรางวัล พานแว่นฟ้า ระหว่างพ.ศ.2560-2564 การศึกษาภาพสะท้อนทางสังคมที่ปรากฏในวรรณกรรมเรื่องสั้นรางวัลพานแว่นฟ้า ผู้วิจัยได้ วิเคราะห์ภาพสะท้อนของสังคม ดังนี้ 1. ภาพสะท้อนสังคมเกี่ยวกับการเมือง 3 ประเด็น คือ 1.1 ภาพสะท้อนสังคมอำนาจทางการเมืองหรือพฤติกรรมทางการเมือง 1.2 ภาพสะท้อนสังคมการมีส่วนร่วมทางการเมือง 1.3 ภาพสะท้อนสังคมความขัดแย้งหรือความแตกต่างด้านอุดมการณ์ของบุคคลทางการเมือง 2. ภาพสะท้อนสังคมเกี่ยวกับสังคม 2 ประเด็น คือ 2.1 ภาพสะท้อนสังคมสิทธิและหน้าที่พลเมือง 2.2 ภาพสะท้อนสังคมความขัดแย้งหรือความแตกต่างด้านอุดมการณ์ของบุคคลทางสังคม ภาพสะท้อนสังคมในช่วง พ.ศ.2560-2564 ที่ปรากฏในเรื่องสั้นรางวัลพานแว่นฟ้า หลังเดือน กันยายน พ.ศ.2545 สถานการณ์ทางการเมืองไทยมีความเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องไปตามเหตุการณ์ ทางการเมือง เกิดปัญหาความขัดแย้งในสังคมสภาพทางการเมืองไทยมีความผันผวนและไม่มั่นคง มีเหตุการณ์ความรุนแรงและการปะทะระหว่างกลุ่มคนต่างๆ ประชาชนมีความสับสน และไม่มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการเมือง การเมืองไทยเกิดการรัฐประหารขึ้นตั้งแต่ปี 2557 การเมืองในช่วง พ.ศ.2560-2564 จึงมีความขัดแย้ง กลุ่มคนในสังคมแบ่งแยกเป็นหลายกลุ่ม และออกมาเคลื่อนไหว ทางการเมือง มีการชุมนุมของกลุ่มคนต่างๆ ที่นำไปสู่เหตุการณ์ความรุนแรง สังคมไม่มีความมั่นคง ชีวิตทรัพย์สิน และสิทธิของประชาชนไม่ได้รับการคุ้มครองเท่าที่ควร บรรยากาศทางการเมืองมีความ ตึงเครียด เรื่องสั้นรางวัลพานแว่นฟ้า ระหว่างพ.ศ.2560-2564 จึงได้สะท้อนภาพเหตุการณ์ทาง การเมืองตั้งแต่เหตุการณ์หลังรัฐประหารว่า บรรยากาศการเมืองไทยมีความตึงเครียดเพียงใด แม้จะมี การปรับปรุงระบอบและประกาศใช้รัฐธรรมนูญแล้วก็ตาม แต่มีกลุ่มคนที่ต่อต้านการเปลี่ยนแปลง ได้ออกมาเคลื่อนไหวชุมนุมกันอย่างต่อเนื่อง วรรณกรรมรางวัลเรื่องสั้นพานแว่นฟ้า ระหว่าง พ.ศ.2560-2564 ก็ได้สะท้อนให้เห็นถึงสถานการณ์ทางการเมืองต่างๆ โดยเฉพาะการเคลื่อนไหว


148 โดยการชุมนุมของกลุ่มคนต่างๆ ที่มีความคิดทางการเมืองที่แตกต่างกัน รวมไปถึงความขัดแย้งใน สังคม ซึ่งทำให้คนไทยมีความแตกแยก แบ่งฝ่ายกัน และเหตุการณ์ทางการเมืองที่ขัดแย้งกันเหล่านี้ ได้ดำเนินอย่างต่อเนื่องไปถึง พ.ศ.2560-ปัจจุบัน ดังนี้ 4.1 ภาพสะท้อนทางสังคมที่ปรากฏในวรรณกรรมเรื่องสั้นรางวัลพานแว่นฟ้า ประจำปี 2560 4.1.1 ภาพสะท้อนที่เกี่ยวกับการเมือง 4.1.1.1. ภาพสะท้อนการใช้อำนาจทางการเมืองหรือพฤติกรรมทางการเมือง ภาพสะท้อนการใช้อำนาจทางการเมือง เป็นการใช้อำนาจจากฝ่ายบริหาร นั่นคือ รัฐบาล ที่มีส่วนสำคัญในการออกกฎหมาย รวมไปถึงนโยบายต่างๆ เพื่อให้ประชาชนทั้งประเทศได้ ยอมรับและปฏิบัติตามกฎหมาย โดยออกกฎหมายผ่านสภาผู้แทนราษฎรกั่นกรองโดยวุฒิสภา การ ประกาศใช้กฎหมายหรือการประกาศใช้รัฐธรรมนูญที่เป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศอันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเป็นไปกระบวนการตามระบอบประชาธิปไตยที่เป็นระบอบการ บริหารและการปกครองของประเทศไทย แต่หากการใช้อำนาจทางการเมืองของรัฐบาลมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ หรือมีความยุติธรรม ความขัดแย้งและความรุนแรงคงไม่เกิดขึ้น การใช้อำนาจทาง การเมืองที่นำมาสู่พฤติกรรมทางการเมืองโดยการประกาศใช้รัฐธรรมนูญนั้น เป็นการร่างกฎหมายผ่าน อำนาจรัฐบาลจากการทำรัฐประหาร จนนำไปสู่การประกาศใช้กฎหมายรัฐธรรมนูญเพื่อสืบทอด อำนาจรัฐบาลทหารที่มีส่วนในการฉีกรัฐธรรมนูญและแต่งตั้งตนเองขึ้นเป็นรัฐบาลในการเป็นผู้บริหาร และปกครองประเทศ การใช้อำนาจของรัฐบาลเป็นพฤติกรรมทางการเมืองที่ประชาชนยากที่จะคอย รับมือ เนื่องจากการร่างรัฐธรรมนูญโดยไม่มีฝ่ายประชาชนเข้าไปร่างกฎหมายเพื่อประกาศใช้ในการ บริหารและปกครองประเทศนั้นถือเป็นระบอบเผด็จการที่แฝงอยู่ในเงามืดของประชาธิปไตย โดยอ้าง การรักษาความสงบภายใยประเทศ หรือรวมไปถึงการถ่วงเวลาในการประกาศใช้รัฐธรรมนูญเพื่อให้ ฝ่ายของตนได้มีอำนาจและควบคุมประชาชนภายในประเทศได้อย่างเบ็ดเสร็จ


149 ตัวอย่างที่1 แต่ข้อเสียที่โคตรสำคัญสำหรับผู้ชายอย่างผมที่ผมไม่กล้าบอกภรรยา (แต่เธอก็รู้จนได้) คือ ไอ้เจ้ากล่องจัญไรนี่พยายามทำตัวเป็นคุณแม่รู้ดีคอยคัดกรองสื่อลามกอนาจารและภาพนางแบบ นุ่งน้อยห่มน้อยผ่านสัญญาณอินเทอร์เน็ตที่มันปล่อยออกมา ไอ้ที่ตลกกว่านั้นคือ หลังจากขึ้นข้อความ ว่าเว็บไซต์ถูกปิดกั้นสักพักวิดีโอธรรมะจะเด้งขึ้นมาบนหน้าจอ แถมยังกดปิดไม่ได้เสียด้วยจนกว่าจะฟัง จบ (กล่องสมบูรณ์แบบ: 89) จะเห็นได้ว่า ตัวอย่างข้างต้นสะท้อนให้เห็นถึงการใช้อำนาจของรัฐต่อประชาชน กล่าวคือ ทุกครั้งที่พยายามจะเปิดเว็บไซต์ดังกล่าวจะมีเสียงสวดมนต์ดังขึ้นเพื่อบอกทางอ้อมถึงความ ไม่เหมาะสม ผิดศีลธรรมของสิ่งที่กำลังทำ อีกทั้งเพื่อให้ผู้อื่นรับรู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ ในกรณีเสียง ธรรมะที่ดังหลังเปิดเว็บไซต์อนาจารนั้น เป็นการลดทอนเสียงวิพากษ์วิจารณ์การควบคุมและยัดเยียด ความคิดทางการเมืองแบบรัฐให้แก่ประชาชน นอกจากนี้ การเลือกใช้เสียงธรรมะกลบภาพลามก อนาจารยังชวนให้นึกถึงความพยายามของรัฐบาลที่จะกลบล้างความเห็นต่าง โดยเฉพาะด้านข้อมูล ข่าวสารที่มีการระงับออกอากาศของสัญญาณช่องรายการโทรทัศน์หลายช่องในช่วงแรกของการเข้ามา บริหารประเทศ กับเสียงสวดมนต์ในเรื่องสั้นจึงทำหน้าที่ไม่ต่างกัน คือปิดบังสิ่งที่คิดว่าไม่เหมาะสมแก่ ประชาชน ตัวอย่างที่2 ผมไม่เคยลืมวันที่ปู่กับพ่อทะเลาะกัน ปู่ด่าพ่อว่าไอ้ขี้ขลาด ต้องคอยเลียตีนฝ่ายทางการ ที่วันๆ เอาแต่ขูดรีดเอาเปรียบ พ่อตอกกลับปู่ว่าแก่แล้วยังโดนพวกคอมมิวนิสต์ล้างสมอง ปู่ยืนนิ่ง เดินเข้าไปประจันหน้าพ่อ ผมกับแม่กอดกันร้องไห้ที่มุมประตู แต่ยังได้ยินคำพูดปู่ดี ถ้ามึงขึ้นเขากูจะ อยู่ดูแลลูกเมียมึง แต่เมื่อมึงขี้ขลาดกูจะไปเอง ต่อไปนี้มึงไม่ใช่ลูกกู ที่ไม่มีเชื้อสายขี้ขลาดต้องคอย ประจบสอพลอพวกเอาเปรียบ ต่อไปนี้กูคือคอมฯ มึงคือทางการ นี่คือสงคราม เจอกันที่ไหน ยิงกัน ได้เลย (ในหมอก: 166) จะเห็นได้ว่า ตัวอย่างข้างต้นสะท้อนให้เห็นถึงความขัดแย้งของสองพ่อลูก ที่เกิดจาก ความเห็นต่างทางด้านการเมือง และได้ถูกแบ่งออกเป็นฝักฝ่าย เพราะทุกคนมีอุดมการณ์ของตนเอง


150 ต่างคนต่างเลือกทางเดินของตนเองซึ่งสังคมครอบครัวเป็นสังคมที่เกิดความขัดแย้งได้ง่าย ดังนั้น จึง นำไปสู่ความขัดแย้งในที่สุด ตัวอย่างที่3 “คุณปิติใจร้อนจัง หนูนิดเรียนดีอยู่แล้ว แค่สิบคะแนนจากวิชาของดิฉัน คงไม่มีใครสงสัย หรอกค่ะ อีกอย่างดิฉันก็มาช่วยสอนแค่เทอมเดียว คงไม่มีใครมาจับผิดหรอก แล้วดิฉันก็เพิ่งจัดการให้ คุณเรียบร้อยเมื่อเช้านี้เอง คุณปิติโทร.มาก็ดีแล้ว ยังไงก็อย่าลืมโทรศัพท์รุ่นใหม่แกะกล่องตามที่รับปาก ไว้ก็แล้วกันนะคะ” นีรนุช ครูสาวหน้าซื่อพูดราวเป็นเรื่องธรรมดาของการเป็นอยู่ คือ เพียงแต่ใช้ น้ำเสียงที่เบาลงกว่าเมื่อครู่ ตามที่เห็นสมควรว่าไม่ควรให้ระแคะระคายเข้าหูเหล่านักเรียนที่กำลังเดิน สวนมา “ได้เลยครับครู พรุ่งนี้เย็น ผมจะเอาไปกำนัลให้ถึงบ้านเลยนะครับ” “ดีเลยค่ะ มะรืนนี้วันพระ พอดี ดิฉันจะได้เอาไปอวดเพื่อนที่จะไปถือศีลแปดที่วัดพร้อมกัน” (ใครผิด ?: 129) จะเห็นได้ว่า ตัวอย่างข้างต้นสะท้อนให้เห็นถึงการใช้อำนาจในทางมิชอบ กล่าวคือ ตัวละครครูถูกสร้างให้เพิกเฉยต่อคุณธรรม และการใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบ อาจเป็นเพราะอาชีพ ครูไม่เพียงมีหน้าที่ให้ความรู้หรือเป็นผู้สอน แต่ครูยังเป็นต้นแบบหรือแม่พิมพ์ของเยาวชนของชาติ ใน ฐานะผู้ที่สังคมคาดหวังให้เป็นผู้มีคุณธรรมนำทางชีวิตผู้คน ความผิดของครูจึงสร้างความสะเทือน อารมณ์ เพราะเรื่องไม่เพียงสื่อสารกับผู้อ่านด้วยเนื้อเรื่อง แต่ยังสร้างบทสนทนากับบทบาทของครูที่ สังคมคาดหวังด้วย โดยเฉพาะในช่วงปัจจุบันที่ปรากฏข่าวการละเมิดจรรยาบรรณของครูจำนวนมาก ตัวอย่างที่ 4 ทรงพลบอกว่าสารภีกำลังท้าทายอำนาจของเสียงส่วนมาก...ทุกคนให้ทรงพลลอกการบ้าน แลกกับลูกอมรสอร่อยที่ไม่มีขายแถวนี้...ใครๆ ก็ยอม สารภีไม่ยอมเท่ากับสารภีแปลกประหลาด ทรงพลบอกว่ามันเรียกว่าแตกแยก และสารภีควรจะปรองดองกับเขา ไม่ทำให้ครูไสวต้องหนักใจ สารภีคิดว่าคนหนักใจไม่น่าจะใช่ครูไสว แต่เป็นสารภี ครูไสวมีไม้เรียว แต่สารภีมือเปล่า (สารภีตีครู: 236)


151 จะเห็นได้ว่า ตัวอย่างข้างต้นสะท้อนให้เห็นถึงความการใช้อำนาจต่อผู้อื่น กล่าวคือ ตัวละครทรงพลเปรียบเสมือนรัฐบาลในประเทศที่มักจะใช้อำนาจข่อมเหง หรือใช้อำนาจในทางที่มิ ชอบกับประชาชนในสังคม อำนาจคือสิ่งที่ไม่ดีแต่กลับทำให้คนในสังคมจำนนได้ เพราะไม่มีใครใน สังคมอยากที่จะเกิดข้อขัดแย้งกับผู้ที่มีอำนาจ การที่มีใครสักคนไม่เห็นด้วย หรือไม่ยอมก้มหัวให้ผู้มี อำนาจ จึงถูกมองว่าแปลกประหลาด แต่แท้ที่จริงแล้วคนที่แปลกประหลาดและทำให้สังคมแตกแยกก็ คือหนีไม่พ้นพวกที่ชอบใช้อำนาจในทางมิชอบอย่างทรงพลที่คอยแต่จะเอารัดเอาเปรียบผู้อื่น ดังนั้น คนที่เห็นต่างไม่ใช่คนแปลกอะไร เพียงแต่ว่าเขามีความคิดเห็นที่แตกต่างแค่นั้นเอง เพราะทุกคนใน สังคมล้วนมีความคิดที่แตกต่างกันออกไป การเคารพความคิดเห็นของผู้อื่นจึงเป็นสิ่งที่คนในสังคมควร กระทำมากที่สุด 4.1.1.2 ภาพสะท้อนการมีส่วนร่วมทางการเมือง ภาพสะท้อนเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมทางการเมือง ตามรัฐธรรมนูญที่ได้กล่าวไว้ว่า ประชาชนมีสิทธิและเสรีภาพในการดำเนินชีวิต แต่ถูกจำกัดสิทธิและเสรีภาพในบางประการ เป็น หลักประกันจากรัฐธรรมนูญเพื่อให้สังคมสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข การมีส่วนร่วมทางการ เมืองของประชาชนส่วนใหญ่จะเป็นการใช้สิทธิการเลือกตั้ง แต่การมีส่วนร่วมในด้านอื่นๆ เช่น การ ชุมนุมประท้วงหรือแสดงออกผ่านการชุมนุมในการสะท้อนปัญหาในสังคมและการทำงานของ เจ้าหน้าที่รัฐ กลับเป็นเรื่องความมั่นคงของประเทศในสายตาของรัฐบาลที่พยายามอ้างกฎหมายและ ใช้กฎหมายใช้การควบคุมประชาชนเพื่อปิดปากไม่ให้ประชาชนสามารถออกมาเรียกร้องหรือชุมนุม เพื่อสะท้อนการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐได้ ทำให้ประชาชนที่ออกมาเรียกร้องและใช้อำนาจสิทธิตาม รัฐธรรมนูญต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย การมีส่วนร่วมทางการเมืองถือเป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจาก ประชาชนถือเป็นเจ้าของประเทศมีสิทธิและเสรีภาพให้การเรียกร้องตามรัฐธรรมนูญไทย เพื่อให้ รัฐบาลได้รับฟังปัญหาและร่วมกันแก้ปัญหาของประชาชน หากการมีส่วนร่วมทางการเมืองของ ประชาชนเป็นไปตามกฎหมายที่ประกาศบังคับใช้ควรให้สิทธิ เสรีภาพและไม่เลือกปฏิบัติกับประชาชน เพื่อให้ประชาชนได้ใช้อำนาจของตนเองอย่างเท่าเทียมและมีอิสระภาพตามระบอบประชาธิปไตย ตัวอย่างที่5 แต่เหตุการณ์ก็มาระเบิดเอาอีตอนที่นายกศักดิ์เขาชนะเลือกตั้งนั่นซี คราวนี้มันเล่นขึงลวด หนามกั้นรั้วไม่ให้ผมผ่านเข้าสวนกันเลยทีเดียว เล่นกันอย่างงี้ผมก็เอาบ้างสิ ผมปิดทางเข้าบ้านมันก็ เลยต้องไปเข้าทางอื่น นั่นแหละ พี่น้องต้องกลายเป็นคนอื่นไปก็ตั้งแต่ผลเลือกตั้งออกน่ะแหละ (เหตุการณ์สามัญ (กรณีศึกชิงปลากระป๋อง): 67)


152 จะเห็นได้ว่า ตัวอย่างข้างต้นสะท้อนให้เห็นถึงการมีส่วนร่วมทางการเมืองตามวิถี ประชาธิปไตย ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ดี และเป็นสิ่งที่ประชาชนที่อยู่ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยพึงกระทำ แต่การกระทำหลังจากการเลือกตั้งที่ใช้การเมืองที่มีความชอบ การตัดสินใจเลือกในการลงคะแนน เสียงให้กันบุคคลใดบุคคลหนึ่งที่ลงสมัครรับเลือกตั้งนั้น หากมีความคิดเห็นหรือความชอบที่แตกต่าง กันไม่ควรนำการเมืองมาใช้ในการกระทำต่อส่วนรวมหรือภายในสังคม จนก่อให้เกิดปัญหาความ ขัดแย้งตามมาภายในสังคมหากไม่ลงเอยหรือมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันควรใช้วิธีอย่างสันติในการ เจรจาพูดคุยกันอย่างใช้เหตุและผล ไม่ใช่การกลั่นแกล้งกันเพื่อให้อีกฝ่ายเสียผลประโยชน์ ตัวอย่างที่ 6 “ตาชื่นชมพ่อพี่นะ ที่ไม่ว่าจะมีการเลือกตั้งครั้งใดพ่อพี่ต้องโทร.ตามลูกมาลงคะแนน ทั้งที่ หากพลาดไปสักครั้งสองครั้งมันก็ไม่ได้มีผลอะไร เพราะครอบครัวพี่ไม่มีใครคิดลงเล่นการเมืองอยู่แล้ว ในวิถีประชาธิปไตยพ่อพี่เป็นพลเมืองดีที่น่าเอาเยี่ยงอย่าง แต่สำหรับคนในบ้าน พ่อพี่กลับเผด็จการ จนทุกคนอึดอัด แม้แต่เด็กอย่างตันหยง ที่พอเริ่มโต เริ่มมีความคิดเป็นของตัวเอง ก็ไม่อยากอยู่ใต้ อาณัติของพ่อพี่ขึ้นมาอีกคน” (ชัยชนะของบุญยืน: 55) จะเห็นได้ว่า ตัวอย่างข้างต้นสะท้อนให้เห็นถึงการมีส่วนร่วมทางการเมือง กล่าวคือ เฒ่าเทพเป็นตัวละครที่ดีตัวละครหนึ่ง เพราะหากกล่าวถึงหน้าที่พลเมืองในสังคมแล้ว เฒ่าเทพเป็นผู้ที่ ทำหน้าที่พลเมืองได้ดี กล่าวคือ มีความรับผิดชอบ มีการออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งตามที่กฎหมายได้ กำหนดไว้ ที่เหมือนจะเป็นประชาธิปไตยโดยแท้จริง แต่ในอีกมุมหนึ่งกลับใช้อำนาจในทางที่ไม่ชอบกับ คนในครอบครัว คอยเข้มงวด บังคับ คอยตีกรอบชีวิตของคนในครอบครัว จนบางทีคนในครอบครัว กลับไม่มีสิทธิ์มีเสียงในการแสดงความคิดเห็น เพราะเฒ่าเทพเอาแต่ความคิดของตนเป็นใหญ่ ไม่ยอม ฟังใคร ตัวละครเฒ่าเทพเปรียบเหมือนผู้ที่มีอำนาจในสังคม ซึ่งในปัจจุบัน บุคคลประเภทนี้มีให้เห็นอยู่ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ผู้บริหารประเทศ เจ้าของบริษัทต่างๆ หรือผู้บริหาร


153 4.1.1.3 ภาพสะท้อนความขัดแย้งหรือความแตกต่างด้านอุดมการณ์ของบุคคลทาง การเมือง ภาพสะท้อนเกี่ยวกับความขัดแย้งหรือความแตกต่างด้านอุดมการณ์ของบุคคลทาง การเมือง เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงภาพรวมของสังคมที่แต่ละบุคคลมีความคิดและอุดมการณ์ทาง การเมืองที่แตกต่างกัน โดยมีรากฐานทัศนะคติจากหลายปัจจัยจนหล่อหลอมเป็นความเชื่อหรือ อุดมการณ์ของตนเอง ตามระบอบประชาธิปไตยหรือตามระบบของสังคมย่อมมีความขัดแย้งทาง ความคิดหรือทัศนะ เนื่องจากการมีอิสระทางความคิด มีเสรีในการำดเนินชีวิตหรือการมีสิทธิในการ แสดงออกทางความคิด ความแตกต่างทางความคิดนำไปสู่ความขัดแย้งในสังคมทางอุดมการณ์ทาง การเมือง จนเกิดการแสดงออกผ่านพฤติกรรมที่พยายามบอกจุดยืนหรืออุดมการณ์ของตนเองผ่านการ ชุมนุมหรือการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ผ่านสื่อหรือผ่านนโยบายของนักการเมือง ความขัดแย้งเรื่อง ทัศนคติทางการเมืองของแต่บุคคลมีความแตกต่างกัน หากอุดมการณ์ของประชาชนเกิดจากการเข้าใจ และมีความรู้ในประชาธิปไตยอย่างทั่วถึงทุกคน คงไม่เกิดการปะทะของฝ่ายอำนาจของอดีต นักการเมืองกับฝ่ายทหาร การที่ประชาชนถูกจับกุมหรือเกิดความเสียหาญภายในประเทศมีเหตุจาก การที่ประชาชนคลั่งและชื่นชอบนักการเมืองบุคคลนั้นๆ จนลืมในเหตุและผล หลักของความเป็นจริง ในการทุจริต ด้วยเหตุนี้เองที่ความแตกต่างด้านความชื่นชอบนักการเมืองหรือพรรคร่วมแนวคิดของ ประชาชนจึงพยายามครอบคลุมความคิดของประชาชนด้วยการปลุกระดมเพื่อให้ประชาชนเป็นเกาะ ป้องกันภัยให้กับนักการเมือง ภาพสะท้อนความขัดแย้งในสังคมที่นำมาสู่ความรุนแรงที่เกิดขึ้นนั้น ส่วนหนึ่งเกิดจากนักการเมืองที่หาผลประโยชน์กับประชาชนโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยและ ผลประโยชน์ต่อส่วนร่วม ความขัดแย้งอุดมการณ์ของบุคคลทางการเมืองที่มีความแตกต่างจึงต้อง พยายามคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติ และไม่นำประชาชนไปเป็นเครื่องมือในการเป็นเกาะ ป้องกันให้ตนพ้นผิด ตัวอย่างที่7 “คราวนี้มึงเชื่อหรือยังว่าไอ้ก้องไม่เกี่ยว” เสียงตาชมดังขึ้นมาเมื่อเห็นลูกชายนิ่งเงียบ สมดวง เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็กล้าพอเหมือนกันที่จะหันไปขอโทษก้อง “ขอโทษด้วยที่เข้าใจมึงผิดไป” อีกฝ่ายยิ้ม นิดๆ มุมปากอย่างมีมาดตามเคย “ไม่เป็นไร กูไม่ถือ” ก้องตอบง่ายๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืน สะใจที่สมดวง ไม่สามารถตอบโต้ได้เหมือนเคย “มึงเข้าใจก็ดีแล้ว จะได้ไม่มาด่ากูอีก กูกลับก่อนละ มีงานต้องทำ...” (ใจในใจ: 146)


154 จะเห็นได้ว่า ตัวอย่างข้างต้นสะท้อนให้เห็นถึงความขัดแย้งในเรื่องการเมือง กล่าวคือ หากทุกคนเอาแต่จับจ้อง มองกันและกันในแง่ร้าย ไม่ยอมรับสิทธิ์ของผู้อื่นที่สามารถคิดต่างจากตน สังคมก็จะมีแต่ความหวาดระแวง และเมื่อหากยอมเปิดใจรับความแตกต่างที่ไม่จำเป็นต้องนำไปสู่ ความขัดแย้งเสมอไป แต่การจัดการกับความแตกต่างที่เกิดขึ้นเหล่านี้ต่างหากที่เป็นสิ่งสำคัญ เพราะ ความแตกต่างจะไม่กลายเป็นปัญหา หากเรายอมรับความแตกต่างของซึ่งกันและกัน 4.1.2 ภาพสะท้อนเกี่ยวกับสังคม 4.1.2.1 ภาพสะท้อนสิทธิและหน้าที่พลเมือง ภาพสะท้อนเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่พลเมือง เป็นเรื่องของประชาชนทุกคนใน ประเทศที่สามารถใช้สิทธิ มีเสรีภาพ และปฏิบัติตนตามหน้าที่ระบอบประชาธิปไตย การอยู่ร่วมกัน ของคนในสังคมย่อมมีปัญหาความขัดดเย้งที่เกิดข้นหลากหลายด้าน แต่การอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข และไม่รุกล้ำสิทธิและเสรีภาพซึ่งกันและกันถือเป็นเรื่องที่ต้องกระทำ ประชาชนทุกคนเมื่อมีสิทธิและ เสรีภาพ แน่นอนต้องไม่ลืมคำนึงถึงการทำหน้าที่ของตนเองในฐานะประชาชนคนหนึ่งในสังคม เพื่อให้ สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข ตามระบอบประชาธิปไตยประชาชนทุกคนมีสิทธิและเสรีภาพ ตามรัฐธรรมนูญไทยที่ได้บัญญัติและคุ้มครองประชาชน แต่การทำตามหน้าที่ก็มีส่วนสำคัญในการ ดำเนินชีวิต รวมไปถึงการเคารพสิทธิและเสรีภาพของผู้อื่น แต่ภาพสะท้อนสังคมในปัจจุบันสังคมยัง ไม่ให้ความสำคัญในหน้าที่ของตนเองที่ต้องปฏิบัติ แต่สังคมกลับมองแค่เรื่องสิทธิและเสรีภาพของ ตนเอง ทั้งยังเกิดการเรียกร้องสิทธิและเสรีภาพ รวมไปถึงความเท่าเทียมของคนในสังคม ถือเป็นเรื่อง ที่ดีและน่ายกย่อง หากสังคมปฏิบัติตามกฎของสังคมทั้งการอยู่ร่วมกันหรือการแสดงพฤติกรรมต่างๆ ออกมา ตัวอย่างที่8 พ่อเป็นสุภาพบุรุษ รักษาคำพูด นั่นเป็นสิ่งที่เรารู้ดี แต่ยิ่งไปกว่านั้น พ่อมีน้ำใจ ชอบช่วยเหลือ ผู้อื่นทั้งๆ ที่ตัวเองก็ไม่ได้มีมากมายเหลือกินเหลือใช้ที่พ่อไม่ยอมเลื่อนนัดก็เพราะรู้ว่าอาฮุยมีธุระ ต้องกลับต่างจังหวัด น้องสาวคนเดียวของเขาป่วยหนัก พ่อรู้ว่าอาฮุยไม่มีเงินเก็บมากนัก พักหลังธุรกิจ ร้านถ่ายรูปของเขาไม่ดีเท่าที่ควร มีร้านเปิดใหม่แย่งลูกค้าไปหมด พ่อเลยอยากให้เขามีเงินติดตัว กลับบ้านไปดูแลอาการป่วยของน้องสาว (คอมโพสิชั่น (ไม่เคย) ลงตัว: 33)


155 จะเห็นได้ว่า ตัวอย่างข้างต้นสะท้อนให้เห็นถึงการใช้มีสิทธิ์และหน้าที่พลเมืองที่ดี กล่าวคือ ตัวละครชื่อแสนศักดิ์หรือ “พ่อ” ได้ดำเนินชีวิตตามหน้าที่ของพลเมืองไทยในการรักษาคำพูด มีน้ำใจต่อเพื่อนบ้านหรือคนที่อยู่ร่วมกันในสังคม เป็นการรักษาคำพูดที่ตนเองได้กล่าวไว้ว่าจะทำอะไร ก็ทำตามคำพูดตามที่ตนเองพูดโดยยึดหลักความเป็นมนุษย์ที่ต้องทำตามสิ่งที่ตนเองได้กล่าวไว้ ทั้งยัง เป็นการสร้างสัมพันธ์อันดีต่อเพื่อนบ้านและสังคมในการเป็นพลเมืองที่ดีในสังคม อีกทั้งยังเป็นพลเมือง ที่มีน้ำใจต่อเพื่อนบ้านหรือคนในสังคม เมื่อเราเห็นถึงความเดือดร้อนของเพื่อนบ้านจะต้องหาทางช่วย เพื่อเป็นการแสดงความช่วยเหลือในยามที่เพื่อนบ้านหรือคนในสังคมต้องการความช่วยเหลือเท่าที่เรา จะช่วยได้ ตัวอย่างที่9 “การคิดเลขของคุณนั้น ทำให้ก่อความระส่ำระสายในหมู่พนักงานของบริษัทเป็นจำนวนมาก และขยายวงกว้างออกไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง...มันอาจกระทบถึงความมั่นคงของบริษัทของเราทีเดียว” “ผมแค่ชอบทำสิ่งที่แตกต่างและไม่เหมือนคนอื่น เท่านั้นครับ” (คนคิดเลข: 111-112) จะเห็นได้ว่า ตัวอย่างข้างต้นสะท้อนให้เห็นถึงการใช้สิทธิ์ของบุคคล กล่าวคือ บุคคลย่อม มีสิทธิ์ที่จะเป็นตัวของตัวเองโดยไม่กระทำความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่นเช่นเดียวกับคนคิดเลข ความ แตกต่างของเขาอาจเรียกความสนใจและเป็นที่จับตามองของผู้อื่น แต่ตราบใดที่การคิดเลขของเขา ไม่ได้ก่ออันตรายหรือสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่น เขาก็ยังมีสิทธิ์ที่จะคิดเลขต่อไป และทุกคนรอบ ข้างควรจะเคารพสิทธิ์ของเขา ความแตกต่างเกิดขึ้นและดำรงอยู่ในสังคมเสมอ ไม่ว่าจะเป็นรสนิยม หรือความชอบส่วนตัว แต่การจัดการกับความแตกต่างที่เกิดขึ้นเหล่านี้ต่างหากที่เป็นสิ่งสำคัญ เพราะ ความแตกต่างจะไม่กลายเป็นปัญหา หากเรายอมรับและเคารพสิทธิ์ ตัวอย่างที่10 เรื่องที่ดูเหมือนนิทานหลอกเด็กของชายผู้นั้นนำมาซึ่งความหวังในรูปแบบที่แปลกประหลาด ของชาวบ้านที่นี่ หลายคนเลิกมองดวงจันทร์และหันมาทำนาอย่างแข็งขันด้วยเชื่อว่าตนเองถูกชาย


156 ดังกล่าวหลอกลวง ชาวบ้านเหล่านั้นเชื่อว่าเงินที่ได้จากการทำนาในที่นาของตนมีความแน่นอนกว่า การคาดหวังเงินจากการทำนาบนดวงจันทร์ที่ไร้หลักฐาน (นายหน้ากับที่ดินบนดวงจันทร์: 160) จะเห็นได้ว่า ตัวอย่างข้างต้นสะท้อนให้เห็นถึงการทำหน้าที่พลเมือง กล่าวคือ การทำ หน้าที่ของตนเองให้ดี เพราะเมื่อทุกคนมีความหวังในการทำเกษตรกรแล้วนั้น ทุกคนก็ได้กลับมาทำ หน้าที่ตนเองได้ดี หรืออาจกล่าวได้ว่า ความหวังและความพยายามมักจะมาคู่กันเสมอ เพื่อให้ประสบ ผลสำเร็จได้ หากทุกคนในสังคมรู้จักหน้าที่ของตนแล้วนั้น สังคมและประเทศชาติก็มีมีแต่ความสงบสุข ตัวอย่างที่ 11 แม่บอกว่าเมื่อถึงคราวที่จะต้องลงมติ ทุกคนจะมีหนึ่งสิทธิ์หนึ่งเสียงเท่าๆ กัน บ่อยครั้งที่ใน ครอบครัวมีความเห็นหรือความต้องการไม่ตรงกัน แม่ก็จะใช้วิธีโหวตเพื่อหาข้อยุติ โดยถือเอาเสียงข้าง มากเป็นหลัก และแน่นอนที่สุด น้อยจะอยู่ฝ่ายแม่ซึ่งเป็นฝ่ายชนะเสมอ แต่ก็ใช่ว่าเมื่อโหวตเสียงชนะ แล้ว แม่จะทำทุกอย่างให้สมกับความต้องการของผู้ชนะเสมอไปไม่ หลายครั้งหลายคราที่น้อยเห็นแม่ เอาความเห็นของพ่อซึ่งเป็นเสียงข้างน้อยกลับมาพิจารณาและปรึกษาขอความเห็นชอบจากน้อย เพื่อที่จะกลับไปเลือกมติของพ่อโดยอาศัยหลักต่างๆ ของหลักธรรมาภิบาลดังกล่าว เป็นต้นว่าพ่อเป็น คนไม่กินไก่ เมื่อถึงเวลาที่จะต้องโหวตเสียงว่าวันนั้นจะแกงอะไรระหว่าง หมูกับไก่ พ่อเลือกหมูเพียง หนึ่งเสียง น้อยและแม่เลือกไก่รวมเป็นสองเสียง เมื่อแม่พิจารณาถึงหลักต่างๆ เป็นต้นว่า ความคุ้มค่า การมีส่วนร่วม ความรับผิดชอบแล้ว การเลือกแกงหมูก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่จะก่อให้เกิดความคุ้มค่า มากกว่า โดยสามารถกินกันได้ทั้งสามคนดังนี้ การเอาความเห็นของเสียงส่วนน้อยกลับมาพิจารณา และขอความเห็นจากผู้ร่วมโหวตก็เป็นสิ่งที่ควรกระทำ (รูรั่วที่พื้นรองเท้าผ้าใบ: 212) จะเห็นได้ว่า ตัวอย่างข้างต้นสะท้อนให้เห็นถึงเหตุการณ์หลักของประชาธิปไตยในด้าน การเคารพเสียงส่วนมากเป็นหลัก เพราะทุกคนในสังคมอยู่ในระบอบของประชาธิปไตย การฟังเสียง ส่วนมากและเคารพเสียงส่วนมากจึงเป็นสิ่งที่คนในสังคมยอมรับอย่างไม่มีข้อหลีกเลี่ยงได้ หลักการถือ เสียงข้างมากเป็นเกณฑ์ควบคู่ไปกับการเคารพสิทธิของเสียงข้างน้อย ทั้งนี้การเคารพต่อสิทธิของเสียง ข้างน้อยโดยที่ไม่ขัดต่อหลักการถือเสียงข้างมากเป็นเกณฑ์ตามหลักการปกครองในระบอบ


157 ประชาธิปไตย จะต้องกระทำโดยให้เป็นไปตามหลักฉันทามติซึ่งเป็นข้อตกลงร่วมกันที่มีลักษณะเป็น การยอมรับแบบเอกฉันท์ของประชาชน ตัวอย่างที่ 12 “ประเทศชาติของเราทุกวันนี้กำลังบอบช้ำอย่างหนักเพราะนักการเมืองโกงกิน ไม่มีศีลธรรม ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริต หากนักการเมืองที่ชาวบ้านเลือกเข้าไปเป็นคนดี มีคุณธรรม มีจิตสำนึก มีจิตอาสา ทุ่มเท เสียสละ เห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตัว ทำงานให้ชาวบ้านจนสุด ตัวเหมือนนายช่าง ผมว่าแผ่นดินไทยคงเจริญรุ่งเรืองจนไม่มีประเทศใดในโลกเทียมเท่า” กำนันเว้น วรรค“นายช่างครับ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ช่าง ขอให้ท่านรักษาความดีนี้ไว้ตลอดไปนะครับ พวกเราอยู่ เคียงข้างท่านเสมอ” (อะไรก็ช่าง: 261) จะเห็นได้ว่า ตัวอย่างข้างต้นสะท้อนให้เห็นถึงความซื่อสัตย์ที่เป็นหน้าที่ของพลเมืองที่ดี กล่าวคือ ในสังคมไทยประกอบไปด้วยผู้คนที่หลากหลาย ทั้งคนดีและไม่ดี การที่ในสังคมมีคนดีสักหนึ่ง คนถือเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะความดีที่เขาทำกระทำนั้นส่งผลต่อผู้คนอีกหลายๆ คน จึงทำให้คนดี มักจะถูกตอบแทนด้วยความดีเช่นกัน ถ้าในประเทศของเรามีคนดี ซื่อสัตย์แบบนี้ สังคมก็จะน่าอยู่และ พัฒนาไปได้อย่างดี อะไรก็ช่างจึงสะท้อนให้เห็นถึงการสอดแทรกปลูกฝังค่านิยม12ประการ นั่นคือ ค่านิยมประการที่ 2 ว่าด้วยความซื่อสัตย์ เสียสละ อดทน มีอุดมการณ์ในสิ่งที่ดีงามเพื่อส่วนรวม แสดง ให้เห็นการยึดมั่นในคุณงามความถูกต้องที่จะนำความยกย่องนับถือมาสู่ตน 4.1.2.2 ภาพสะท้อนความขัดแย้งหรือความแตกต่างด้านอุดมการณ์ของบุคคลทาง สังคม ภาพสะท้อนเกี่ยวกับความขัดแย้งหรือความแตกต่างด้านอุดมการณ์ของบุคคลทาง สังคม แน่นอนว่าเมื่อมีการอยู่ร่วมกันของคนในสังคมแบบประชาธิปไตยย่อมมีแนวคิดหรือทัศนคติที่ แตกต่างกันของคนในสังคม เนื่องจากประชาชนทุกคนมีสิทธิและเสรีภาพในการคิดและแสดงออกโดย การกระทำนั้นต้องไม่ขัดต่อกฎหมาย จึงเกิดความคิดที่แตกต่างกันไปตามความเชื่อของตนเอง ความคิดที่แตกต่างไม่ใช่เรื่องที่ผิดในสังคมประชาธิปไตยแต่ความขัดแย้งทางอุดมการณ์ที่นำไปสู่ความ รุนแรงที่เกิดขึ้นในสังคม ถือเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น ความขัดแย้งของสังคมควรใช้วิธีอย่างสันติในการ ตกลงหรือทำความเข้าใจซึ่งกันและกันเพื่อให้เกิดความเคารพสิทธิและเสรีภาพของคนในสังคมในการ


158 อยู่ร่วมกัน สังคมจะต้องอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขภายใต้กฎหมายเพื่อให้ทุกคนได้เข้าใจและปฏิบัติตาม หน้าที่ของตนเองตามกฎหมายที่พึ่งปฏิบัติ ตัวอย่างที่13 หลายครั้ง เรายกเอาตัวตนเองขึ้นสูงเป็นที่ตั้งจนเป็นกำแพงขีดคั่น ไม่ส่ง ‘ใจ’ ให้กัน เมื่อมี ปัญหาเรากลับแก้ด้วยการเอา ‘อัตตา’ ตัวเองเข้าสู้ เราต้องการผู้ชนะ และเหยียบย่ำผู้แพ้ แต่นั่นย่อม ไม่ใช่ทางออก ไม่มีใครถูกหมดหรือผิดตลอด...เราต่างรู้ซึ้งถึงข้อนั้นดี (คอมโพสิชั่น (ไม่เคย) ลงตัว: 41) จะเห็นได้ว่า ตัวอย่างที่ยกมาสะท้อนให้เห็นถึงความขัดแย้งของบุคคล ว่าคนในสังคม มักจะเอาตนเองเป็นที่ตั้งเสมอในทุกเรื่อง โดยเฉพาะเวลาที่มีความขัดแย้งกัน เมื่อเกิดความขัดแย้งขึ้น ต่างฝ่ายต่างอยากเป็นฝ่ายชนะ จนลืมไปว่าหากเอาชนะได้แล้ว ก็ไม่ได้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและคน อื่นเลย แต่การเอาอัตตาเข้าสู้ต่างหาก จะทำให้สังคมเกิดความขัดแย้งน้อยลง และสงบสุข ตัวอย่างที่14 พอผ่านศาลาเห็นสองคนนั้นนั่งอยู่ก็เดินเป๋เข้าไปหา ฝ่ายหนึ่งมึนอีกฝ่ายหนึ่งเมา ไม่รู้พูดจา ประสาพี่น้องกันอีท่าไหน นายอำนวยชกเปรี้ยงเข้าให้ที่โหนกแก้มของนายสมคิด ส่วนนายแบ็งค์ ซึ่งเป็นคนนอกก็ปราดเข้าขวาง คงตั้งใจจะเข้าไปแยกแหละ แต่นายอำนวยไวกว่า คว้าได้ขวดเบียร์ ที่กลิ้งอยู่บนศาลาฟาดเปรี้ยงเข้ากลางกระหม่อมนายสมคิด ทีเดียวเลือดอาบเลย แล้วนายอำนวย ก็วิ่งหนีกลับออกไปทางหน้าบ้าน (เหตุการณ์สามัญ (กรณีศึกชิงปลากระป๋อง): 64) จะเห็นได้ว่า ตัวอย่างข้างต้นสะท้อนให้เห็นถึงความขัดแย้งของบุคคล กล่าวคือ จากการ ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจของนายเชวงศักดิ์นายก อบต. เมื่อแอลกอฮอล์แล้วใช้อารมณ์ในการพูดคุย กันส่งผลต่อการพูดจาที่ไม่ลงรอยกัน ทำให้เกิดการทะเลาะวิวาท จนเกิดความรุนแรงในการสนทนา อีกทั้งส่งผลต่อความสัมพันธ์ที่ไม่ดีในสังคม และเกิดความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจต่อมาด้วย ดังนั้น การสนทนา ในขณะสถานการณ์ที่ต่างคนต่างไม่มีสติที่จะควบคุมอารมณ์ตนเองได้นั้น ไม่ควรถกเถียงกันจนเกิด ความขัดแย้งภายในสังคมหรือวงสนทนา


159 ตัวอย่างที่15 ผมเพิ่งสำนึกได้ว่า ที่โกรธกับพี่ชายมาหลายปี ไม่ใช่เพราะเขาเลวร้ายน่ากลัว แต่เป็นเพราะผม เลือกฟังแต่สิ่งที่อยากได้ยิน เสียเงินยังไม่เท่าไหร่ แต่เสียดายเวลาดีๆ ที่ผมกับพี่ชายเคยมีร่วมกัน ผมอยากไปกราบขอโทษพี่วิชัยเหลือเกิน เลยขอให้หลานชายช่วยหยั่งเสียงเขาก่อน (มือฉกภาพเขียน: 201) จะเห็นได้ว่า ตัวอย่างข้างต้นสะท้อนให้เห็นถึงจุดเริ่มต้นของการขัดแย้งของสองพี่น้อง ว่าไม่ได้เกิดเพราะเขาทั้งสองโดยตรง เพราะเหตุการณ์จะไม่เลวร้าย ถ้าไม่มีบุคคลที่สามคอยยุยงให้ พี่น้องแตกคอกัน การที่หลงเชื่อบุคคล ที่สามมากกว่าตนในครอบครัวของตนจึงนำมาซึ่งความขัดแย้ง ที่ไม่มีวันปรองดองกันได้


160 ภาพสะท้อนทางสังคมที่ปรากฏในวรรณกรรมเรื่องสั้นรางวัลพานแว่นฟ้า ปี พ.ศ.2560 สามารถสรุปได้ดังตารางต่อไปนี้ ตารางที่ 12 ตารางสรุปผลการวิเคราะห์ ที่ เรื่องสั้น วรรณกรรมรางวัลพานแว่นฟ้า ปี พ.ศ.2560 จำนวน 13 เรื่อง ภาพสะท้อนเกี่ยวกับการเมือง ภาพสะท้อนเกี่ยวกับสังคม ภาพ สะท้อน อำนาจทาง การเมือง หรือ พฤติกรรม ทาง การเมือง ภาพสะท้อน การมีส่วน ร่วมทางการ เมือง ภาพ สะท้อน ความ ขัดแย้งหรือ ความ แตกต่าง ด้าน อุดมการณ์ ของบุคคล ทาง การเมือง ภาพสะท้อน สิทธิและหน้าที่ พลเมือง ภาพ สะท้อน ความ ขัดแย้ง หรือความ แตกต่าง ด้าน อุดมการณ์ ของบุคคล ทางสังคม 1 ภาพที่คอมโพสิชั่น (ไม่เคย) ลงตัว - - - - 2 ชัยชนะของบุญยืน - - - - 3 เหตุการณ์สามัญ (กรณีศึกชิงปลา กระป๋อง) - - - - 4 กล่องสมบูรณ์ แบบ - - - - 5 คนคิดเลข - - - - 6 ใครผิด? - - - 7 ใจในใจ - - - -


161 ตารางที่ 12 ตารางสรุปผลการวิเคราะห์(ต่อ) ที่ เรื่องสั้น วรรณกรรมรางวัลพานแว่นฟ้า ปี พ.ศ.2560 จำนวน 13 เรื่อง ภาพสะท้อนเกี่ยวกับการเมือง ภาพสะท้อนเกี่ยวกับสังคม ภาพ สะท้อน อำนาจทาง การเมือง หรือ พฤติกรรม ทาง การเมือง ภาพสะท้อน การมีส่วน ร่วมทางการ เมือง ภาพ สะท้อน ความ ขัดแย้งหรือ ความ แตกต่าง ด้าน อุดมการณ์ ของบุคคล ทาง การเมือง ภาพสะท้อน สิทธิและหน้าที่ พลเมือง ภาพ สะท้อน ความ ขัดแย้ง หรือความ แตกต่าง ด้าน อุดมการณ์ ของบุคคล ทางสังคม 8 นายหน้ากับที่ดิน บนดวงจันทร์ - - - - 9 ในหมอก - - - - 10 มือฉกภาพเขียน - - - - 11 รูรั่วที่พื้นรองเท้า ผ้าใบ - - - - 12 สารภีตีครู - - - - 13 อะไรก็ช่าง - - - - รวม 4 เรื่อง 2 เรื่อง 1 เรื่อง 5 เรื่อง 1 เรื่อง จากตารางข้างต้น การจัดการประกวดเรื่องสั้นการเมืองรางวัลพานแว่นฟ้า พ.ศ.2560 ได้รับการสานต่อหลังจากหยุดชะงักไปในปี 2557 และปรับรูปแบบไปในปี 2558 ให้เป็นการแข่งข้น บทกวีเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสครบรอบ 120 ปีแห่งวันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จ พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ ภาวะหยุดชะงักและปรับเปลี่ยนดังกล่าวสัมพันธ์กับบริบทของสังคมการ เมืองไทยโดยตรง นั่นคือตั้งแต่ปี 2557 ประเทศไทยอยู่ภายใต้การบริหารของคณะรักษาความสงบ


162 แห่งชาติ (คสช.) วรรณกรรมเรื่องสั้นรางวัลพานแว่นฟ้า พ.ศ.2560 จึงเป็นผลผลิตหนึ่งของการส่งเสริม ประชาธิปไตยโดยรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ดังนั้น วรรณกรรมเรื่องสั้นรางวัลพานแว่นฟ้า พ.ศ. 2560 ส่วนมากจึงนำเสนอภาพสะท้อน เกี่ยวกับเรื่องหน้าที่พลเมือง ซึ่งเป็นอุดมการณ์สำคัญที่รัฐบาลของคณะรักษาความสงบแห่งชาติมุ่ง ส่งเสริม โดยภาพสะท้อนสำคัญที่พบจะมุ่งเน้นไปที่ประเด็นสิทธิและหน้าที่ อย่างไรก็ตาม การนำเสนอ ภาพสะท้อนดังกล่าวมิได้คล้อยตามหรือเชิดชูการบริหารจัดการของคณะรักษาความสงบแห่งชาติเพียง ถ่ายเดียว แต่ยังปรากฏการวิพากษ์วิจารณ์การใช้อำนาจของรัฐ ซึ่งแสดงให้เห็นว่ากระบวนการ พิจารณาวรรณกรรมเรื่องสั้นรางวัลพานแว่นฟ้าในช่วงสองปีที่ผ่านมา เปิดกว้างเพียงพอที่จะรับเสียง ของการวิจารณ์รัฐบาลเช่นกัน อาจกล่าวได้ว่าวรรณกรรมเรื่องสั้นรางวัลพานแว่นฟ้า ในปัจจุบันได้ กลายเป็นสถาบันที่มีบทบาทในการขับเคลื่อนวรรณกรรมการเมืองของไทย อีกทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งใน การถ่ายทอดและคัดกรองอุดมการณ์ของภาครัฐสู่ประชาชนและเป็นเสียงของประชาชนที่ส่งถึงภาครัฐ ในทางหนึ่ง จากการศึกษาวิเคราะห์ภาพสะท้อนทางสังคมที่ปรากฏในวรรณกรรมเรื่องสั้นรางวัลพาน แว่นฟ้า ปี พ.ศ.2560 ทำให้เห็นภาพสะท้อนเกี่ยวกับสังคม ส่วนใหญ่เป็นการกล่าวถึงภาพสะท้อนทาง สังคมในเรื่องสิทธิ หน้าที่พลเมือง และความขัดแย้งหรือความแตกต่างด้านอุดมการณ์ของบุคคลทาง การเมือง ซึ่งเป็นอุดมการณ์สำคัญที่รัฐบาลของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยภาพสะท้อนสำคัญที่ พบจะมุ่งเน้นไปที่ประเด็นสิทธิและหน้าที่พลเมือง รวมไปถึงการวิพากษ์วิจารณ์การใช้อำนาจของรัฐ หรือภาพสะท้อนทางการเมืองต่างๆ ซึ่งแสดงให้เห็นว่ากระบวนการพิจารณาเรื่องสั้นการเมืองรางวัล พานแว่นฟ้าเปิดกว้างเพียงพอที่จะรับเสียงของการวิจารณ์รัฐบาลเช่นกัน ภายใต้บริบททางการเมือง อันย้อนแย้งของรางวัลวรรณกรรมการเมืองพาน แว่นฟ้าที่มุ่งเสริมความเป็นประชาธิปไตย แต่อยู่ใน ห้วงเวลาที่ประเทศไทยไม่ได้มีรัฐบาลมาจากกลไกตามระบอบประชาธิปไตย


163 4.2 ภาพสะท้อนทางสังคมที่ปรากฏในวรรณกรรมเรื่องสั้นรางวัลพานแว่นฟ้า ประจำปี 2561 4.2.1 ภาพสะท้อนที่เกี่ยวกับการเมือง 4.2.1.1. ภาพสะท้อนการใช้อำนาจทางการเมืองหรือพฤติกรรมทางการเมือง ภาพสะท้อนการใช้อำนาจทางการเมือง เป็นการใช้อำนาจจากฝ่ายบริหาร นั่นคือ รัฐบาล ที่มีส่วนสำคัญในการออกกฎหมาย รวมไปถึงนโยบายต่างๆ เพื่อให้ประชาชนทั้งประเทศได้ ยอมรับและปฏิบัติตามกฎหมาย โดยออกกฎหมายผ่านสภาผู้แทนราษฎรกั่นกรองโดยวุฒิสภา การ ประกาศใช้กฎหมายหรือการประกาศใช้รัฐธรรมนูญที่เป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศอันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเป็นไปกระบวนการตามระบอบประชาธิปไตยที่เป็นระบอบการ บริหารและการปกครองของประเทศไทย แต่หากการใช้อำนาจทางการเมืองของรัฐบาลมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ หรือมีความยุติธรรม ความขัดแย้งและความรุนแรงคงไม่เกิดขึ้น การใช้อำนาจทาง การเมืองที่นำมาสู่พฤติกรรมทางการเมืองโดยการประกาศใช้รัฐธรรมนูญนั้น เป็นการร่างกฎหมายผ่าน อำนาจรัฐบาลจากการทำรัฐประหาร จนนำไปสู่การประกาศใช้กฎหมายรัฐธรรมนูญเพื่อสืบทอด อำนาจรัฐบาลทหารที่มีส่วนในการฉีกรัฐธรรมนูญและแต่งตั้งตนเองขึ้นเป็นรัฐบาลในการเป็นผู้บริหาร และปกครองประเทศ การใช้อำนาจของรัฐบาลเป็นพฤติกรรมทางการเมืองที่ประชาชนยากที่จะคอย รับมือ เนื่องจากการร่างรัฐธรรมนูญโดยไม่มีฝ่ายประชาชนเข้าไปร่างกฎหมายเพื่อประกาศใช้ในการ บริหารและปกครองประเทศนั้นถือเป็นระบอบเผด็จการที่แฝงอยู่ในเงามืดของประชาธิปไตย โดยอ้าง การรักษาความสงบภายใยประเทศ หรือรวมไปถึงการถ่วงเวลาในการประกาศใช้รัฐธรรมนูญเพื่อให้ ฝ่ายของตนได้มีอำนาจและควบคุมประชาชนภายในประเทศได้อย่างเบ็ดเสร็จ ตัวอย่างที่16 “ผมไปละเมิดสิทธิ์ของใครตั้งแต่เมื่อไหร่?” เดี่ยวอุทธรณ์ “ก็การที่แกไปเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่ เกลี้ยงลักลอบตัดไม้ยังไม่เรียกว่าละเมิดสิทธิ์ของคนอื่นอีกหรือ ทรัพยากรทางธรรมชาติทุกชนิดเป็น สมบัติของส่วนรวม การฉกฉวยเอามาเป็นสมบัติส่วนตัวนั่นแหละคือการละเมิดสิทธิ์ของคนอื่น” “ต่อให้ผู้ใหญ่ไม่ตัด ผมไม่ตัด แต่คนอื่นก็ตัดอยู่ดี” “นั่นแกคิดตามประสาคนเห็นแก่ตัวของแกเอง ทำไมแกไม่คิดอย่างสันโดษมันบ้าง แทนที่จะทำตัวเป็นพยาธิคอยดูดกินทำร้ายประเทศ แกควรจะเป็น เมล็ดพันธุ์อย่างสันโดษไม่ดีกว่ารึ” (คฤหาสน์พยาธิตาบอด: 89)


164 จะเห็นได้ว่า จากตัวอย่างข้างต้นได้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาการลักลอบตัดไม้ของผู้มี อิทธิพล ซึ่งมีตำแหน่งสูงในทางการเมืองท้องถิ่น ลักลอบตัดไม้หวงห้ามแล้วนำมาแปรรูปมาสร้าง บ้านเรือนของตนเอง จนเป็นบ้านเรือนที่หลังใหญ่โตมโหฬาร เมื่อชาวบ้านทราบเรื่องก็ไม่กล้าที่จะแจ้ง ความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะเกรงกลัวอำนาจของผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น จึงเป็นปัญหาใหญ่ใน ท้องถิ่นที่ไม่มีใครกล้าเข้าแจ้งความ แต่ถ้ามีใครแจ้งความชาวบ้านคนนั้นต้องได้รับความเดือนร้อนจาก การกระทำของผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น จึงไม่ใครกล้าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตัวอย่างที่17 “พ่อใช้วิธีเบื่อปลาหรือ” “ใช่” “ผมไม่ชอบวิธีนี้ปลากี่ตัวกี่ตัวต้องตายหมด มันโหดร้าย เกินไป” ผมเสียงแข็งขึ้นมา “พ่อเองก็ไม่ชอบเหมือนลูก แต่พ่อทำเพราะต้องการให้ลูกได้เรียนรู้ การจะสอนใครสักคน บางครั้งต้องใช้วิธีที่ต้องให้จดจำได้แบบฝังใจ” “ผมพอจะเข้าใจ แต่นี่เป็นวิธีการ ของคนใจร้าย ถ้าเป็นการปกครองคนก็น่าจะเทียบได้กับเป็นการใช้วิธีที่รุนแรง ซึ่งอาจจะเป็นการทำ รัฐประหารหรือปฏิวัติการจัดการกับเหยื่อโดยวิธีนี้มันไม่ใช่วิธีการปกครองคน” (ชายชรากับปลาในลำธาร: 119) จะเห็นได้ว่า จากตัวอย่างข้างต้นสะท้อนให้เห็นถึงการใช้อำนาจโดยมิชอบ กล่าวคือ ปลาเปรียบเสมือนประชาชนที่ถูกอำนาจรัฐเอาเปรียบ ซึ่งประชาชนต่างกับปลาตรงที่ประชาชนมีปาก มีเสียง ส่วนปลาแสดงความเห็นหรือโต้เถียงไม่ได้ วิธีการหาปลาต่างๆ จึงเปรียบเสมือนรัฐที่หาวิธีต่างๆ เพื่อมาปกครองประชาชนในประเทศให้อยู่ภายใต้สิ่งที่พวกเขานั้นได้กำหนดไว้ ถ้าหากใครคนใดใน สังคมฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม ย่อมส่งผลเสียต่อผู้นั้นได้โดยง่าย ตัวอย่างที่18 ตะวันใกล้ตรงหัว กลุ่มเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าราวยี่สิบคนทยอยเดินขึ้นมาถึงหมู่บ้าน กะเกณฑ์ให้ ชาวเขาทั้งหมดที่สั่งให้เก็บสัมภาระไว้พร้อมแล้วลงไปอยู่ในที่พักตีนเขา ตาเฒ่าเซงดู-ชายชราผู้มีอายุ ยืนที่สุดในหมู่บ้าน ยืนอาลัยนาข้าว ขณะบอกลูกหลานให้ยกชะลอมใส่ไก่หลายสิบตัวที่ลงแรงเลี้ยงไว้ ด้วยตัวเอง แม้ปากแกจะบอกว่าถึงอย่างไรก็ไม่ยอมไปไหน จะต่อสู้จนถึงที่สุด แต่เมื่อเจ้าหน้าที่มาหยุด


165 ยืนที่หน้าเรือน ปากแกก็สั่นจนไม่สามารถพูดสิ่งที่ตั้งใจไว้ได้ยืนน้ำตาไหลดูเจ้าหน้าที่คนหนึ่งสั่งพรรค พวกให้รื้อถอนบ้านเรือนและยุ้งข้าว ทุกคนที่ได้ยินก็ยืนอึ้งตะลึงงัน รีบทักท้วงเป็นเสียงเดียวกันว่าจะ ไม่ยอมให้รื้อถอนเหย้าเรือนที่ลงแรงปลูกสร้างมากับมือเด็ดขาด (ดาวส่องเมือง: 142) จะเห็นได้ว่า สะท้อนให้เห็นถึงอำนาจรัฐที่มีต่อประชาชนที่มีความเดือดร้อน ต่อการ กระทำของเจ้าหน้าที่ทั้งรื้อถอนบ้านเรือน ยุ้งข้าว โดยไร้ความปราณีหรือการพูดคุยเจรจาจนชาวบ้าน ต้องลงจากเขาเพื่อมาอยู่แหล่งพักพิง ซึ่งไม่มีอาหารไม่มีน้ำและแหล่งทำกิน เป็นการใช้อำนาจรัฐ ที่ชาวบ้าน ไม่สามารถต่อรองได้และชาวบ้านก็ไม่รู้จะไปร้องเรียนกับหน่วยงานของรัฐบาลหน่วยงานใด เพราะประชาชนเกรงกลัวอำนาจของเจ้าหน้าที่ โดยท้ายที่สุดแล้วหลังจากขับไล่ชาวเขาออกจากพื้นที่ แล้ว การใช้อำนาจอันไม่ชอบธรรมก็เกิดขึ้นอีกครั้งด้วยการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐได้เข้ามาหาผลประโยชน์ จากการใช้อำนาจบริหารจัดการกับพื้นที่ด้วย พื้นที่ที่เคยเป็นที่ดินทำกินของชาวบ้านกลายเป็นบ้านพัก ส่วนตัวของคนมียศมีตำแหน่งซึ่งเป็นบุคคลากรของรัฐ ซึ่งลักษณะนี้เป็นการฉ้อราษฎร์บังหลวง เป็นการใช้อำนาจหน้าที่มิชอบเพื่อแสวงหาประโยชน์ส่วนตน ขณะที่คนท้องถิ่นไม่มีสิทธิ์ทำกินในที่ดิน ที่บรรพบุรุษตั้งรกรากมาหลายช่วงอายุคน เพราะไม่มีสิทธิ์และอำนาจตามกฎหมาย แต่ผู้ที่มีหน้าดูแล ทุกข์สุขให้คนในท้องถิ่นกินดีอยู่ดีนั้นกลับมาแอบอ้างใช้อำนาจในการมิชอบครอบครองที่ดินเสียเอง ซึ่งในเรื่องสั้นนี้พยายามจะนำเสนอให้เห็นถึงช่องโหว่ของกลไกการใช้อำนาจ เมื่ออำนาจถูกผูกขาด แต่ไม่มีกระบวนการตรวจสอบให้ดีเท่าที่ควรย่อมเกิดช่องโหว่ที่จะนำมาซึ่งการฉ้อราษฎร์บังหลวงได้ ตัวอย่างที่19 “เจ้าณัฐ แกคิดยังไงกับสองคนนั้น” น้าชายถามผมในคืนหนึ่ง “แย่งลูกค้ากันเห็นๆ” เมื่อไม่มีใคร เราสองคนจึงสามารถทำตัวตามสบายเหมือนสมัยก่อนได้“น้าจะให้อวนจับนาคกับใคร เหรอ” ผมถามขึ้นอีกเมื่อเห็นน้าชายเงียบไป “คงต้องดูกันก่อน ไม่กี่วันหรอกโว้ย พวกเขาต้องส่งทูต มาเจรจาต้าอวยเป็นแน่” น้ามิ่งล้มตัวลงนอนอย่างอารมณ์ดี (อวนจับนาค: 203) จะเห็นได้ว่า สะท้อนให้เห็นถึงการแข่งกันของการเมืองในระดับท้องถิ่น เป็นการแก่งแย่ง อำนาจการเป็นนักการเมืองท้องถิ่น และชี้ให้เห็นว่าตัวละครต่างอยากมีอำนาจที่ได้มาจากการชนะการ เลือกตั้งซึ่งเริ่มตั้งแต่ในระดับท้องถิ่น เพื่อกลายเป็นผู้มีอิทธิพลจะได้ง่ายต่อการแสวงหาประโยชน์ใส่ตน


166 จากการฉ้อราษฎร์บังหลวง และระบบพวกพ้อง กลไกการใช้อำนาจไม่ได้เป็นไปเพื่อการดูแล ความสงบสุข และช่วยเหลือประชาชนแต่เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว 4.2.1.2 ภาพสะท้อนการมีส่วนร่วมทางการเมือง ภาพสะท้อนเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมทางการเมือง ตามรัฐธรรมนูญที่ได้กล่าวไว้ว่า ประชาชนมีสิทธิและเสรีภาพในการดำเนินชีวิต แต่ถูกจำกัดสิทธิและเสรีภาพในบางประการ เป็นหลักประกันจากรัฐธรรมนูญเพื่อให้สังคมสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข การมีส่วนร่วม ทางการเมืองของประชาชนส่วนใหญ่จะเป็นการใช้สิทธิการเลือกตั้ง แต่การมีส่วนร่วมในด้านอื่นๆ เช่น การชุมนุมประท้วงหรือแสดงออกผ่านการชุมนุมในการสะท้อนปัญหาในสังคมและการทำงานของ เจ้าหน้าที่รัฐ กลับเป็นเรื่องความมั่นคงของประเทศในสายตาของรัฐบาลที่พยายามอ้างกฎหมายและ ใช้กฎหมายใช้การควบคุมประชาชนเพื่อปิดปากไม่ให้ประชาชนสามารถออกมาเรียกร้องหรือชุมนุม เพื่อสะท้อนการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐได้ ทำให้ประชาชนที่ออกมาเรียกร้องและใช้อำนาจสิทธิตาม รัฐธรรมนูญต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย การมีส่วนร่วมทางการเมืองถือเป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจาก ประชาชนถือเป็นเจ้าของประเทศมีสิทธิและเสรีภาพให้การเรียกร้องตามรัฐธรรมนูญไทย เพื่อให้ รัฐบาลได้รับฟังปัญหาและร่วมกันแก้ปัญหาของประชาชน หากการมีส่วนร่วมทางการเมืองของ ประชาชนเป็นไปตามกฎหมายที่ประกาศบังคับใช้ควรให้สิทธิ เสรีภาพและไม่เลือกปฏิบัติกับประชาชน เพื่อให้ประชาชนได้ใช้อำนาจของตนเองอย่างเท่าเทียมและมีอิสระภาพตามระบอบประชาธิปไตย ตัวอย่างที่20 แม่ของกะทิขอบอกขอบใจผมที่นั่งรอเป็นเพื่อนลูกสาว เธอเล่าสาเหตุมารับช้าว่ากว่าจะ แยกตัวออกจากมวลชนที่ไปชุมนุมลำบากมาก เธอทำหน้าที่เป็นการ์ดอาสาในด้านอำนวยความสะดวก แก่มวลชน พอจะปลีกตัวก็ถูกเพื่อนร่วมม็อบเรียกใช้ จากการสนทนากันเวลาสบโอกาสกับแม่ของกะทิ ทำให้ผมรู้ว่าเธอเป็นคนตื่นตัวเรื่องการเมืองอย่างมาก...มากจนขาข้างหนึ่งก้าวไปสู่เขตแดนความคลั่ง (ชิ้นส่วนของความขัดแย้ง: 127) จะเห็นได้ว่า สะท้อนให้เห็นถึงการมีส่วนร่วมทางการเมือง กล่าวคือ แม่ของกะทิเป็น บุคคลหนึ่งที่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมทางการเมืองในช่วงที่บ้านเมืองเกิดความชุลมุน เนื่องจากแม่ของกะทิ เป็นคนที่ให้ความสนใจเรื่องการเมืองเป็นอย่างมาก จนทำให้เธอก้าวเข้าไปสู่ความคลั่งในการเมือง


167 เพื่อเข้าร่วมเหตุการณ์ทางการเมือง เพราะประชาชนสามารถกำหนดชีวิตของตนเองเพื่อพัฒนาชีวิต ความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น และการมีส่วนร่วมของประชาชน เป็นเรื่องพื้นฐานที่รัฐย่อมต้องมอบให้แก่ ประชาชนทุกคน 4.2.1.3 ภาพสะท้อนความขัดแย้งหรือความแตกต่างด้านอุดมการณ์ของบุคคลทาง การเมือง ภาพสะท้อนเกี่ยวกับความขัดแย้งหรือความแตกต่างด้านอุดมการณ์ของบุคคลทาง การเมือง เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงภาพรวมของสังคมที่แต่ละบุคคลมีความคิดและอุดมการณ์ทาง การเมืองที่แตกต่างกัน โดยมีรากฐานทัศนะคติจากหลายปัจจัยจนหล่อหลอมเป็นความเชื่อหรือ อุดมการณ์ของตนเอง ตามระบอบประชาธิปไตยหรือตามระบบของสังคมย่อมมีความขัดแย้งทาง ความคิดหรือทัศนะ เนื่องจากการมีอิสระทางความคิด มีเสรีในการำดเนินชีวิตหรือการมีสิทธิในการ แสดงออกทางความคิด ความแตกต่างทางความคิดนำไปสู่ความขัดแย้งในสังคมทางอุดมการณ์ทาง การเมือง จนเกิดการแสดงออกผ่านพฤติกรรมที่พยายามบอกจุดยืนหรืออุดมการณ์ของตนเองผ่านการ ชุมนุมหรือการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ผ่านสื่อหรือผ่านนโยบายของนักการเมือง ความขัดแย้งเรื่อง ทัศนคติทางการเมืองของแต่บุคคลมีความแตกต่างกัน หากอุดมการณ์ของประชาชนเกิดจากการเข้าใจ และมีความรู้ในประชาธิปไตยอย่างทั่วถึงทุกคน คงไม่เกิดการปะทะของฝ่ายอำนาจของอดีต นักการเมืองกับฝ่ายทหาร การที่ประชาชนถูกจับกุมหรือเกิดความเสียหาญภายในประเทศมีเหตุจาก การที่ประชาชนคลั่งและชื่นชอบนักการเมืองบุคคลนั้นๆ จนลืมในเหตุและผล หลักของความเป็นจริง ในการทุจริต ด้วยเหตุนี้เองที่ความแตกต่างด้านความชื่นชอบนักการเมืองหรือพรรคร่วมแนวคิดของ ประชาชนจึงพยายามครอบคลุมความคิดของประชาชนด้วยการปลุกระดมเพื่อให้ประชาชนเป็นเกาะ ป้องกันภัยให้กับนักการเมือง ภาพสะท้อนความขัดแย้งในสังคมที่นำมาสู่ความรุนแรงที่เกิดขึ้นนั้น ส่วน หนึ่งเกิดจากนักการเมืองที่หาผลประโยชน์กับประชาชนโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยและ ผลประโยชน์ต่อส่วนร่วม ความขัดแย้งอุดมการณ์ของบุคคลทางการเมืองที่มีความแตกต่างจึงต้อง พยายามคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติ และไม่นำประชาชนไปเป็นเครื่องมือในการเป็นเกาะ ป้องกันให้ตนพ้นผิด ตัวอย่างที่21 ผู้พันใช้ผ้าดำปิดตาทุกคนไว้แล้วพาขึ้นรถตู้ในรถมีทั้งรัฐมนตรี แกนนำมวลชน หัวหน้าพรรค การเมือง พวกเขาทั้งหมดอยู่ในรถคันเดียวกัน ทุกคนนั่งเงียบ หลังการนัดมาคุยกัน 2 วัน ไม่ได้ข้อยุติ ใดๆ ต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ต่างคนต่างยืนอยู่ในจุดของตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝ่ายที่กุมอำนาจรัฐอยู่ในมือ


168 เขาวางท่าทีที่แข็งกร้าวราวกับว่าสิ่งที่กำลังทำคือวีรกรรมอันกล้าหาญ เขาหารู้ไม่ว่าอะไรกำลังจะ เกิดขึ้นในอีกไม่กี่นาทีหลังคำปฏิเสธหลุดจากปากไป ทันทีที่ผู้นำกองทัพตบโต๊ะ นั่นก็หมายความว่า นาทีนั้นทุกอย่างจบสิ้นแล้ว เข็มนาฬิกาไม่อาจหมุนย้อนเวลา รถตู้วิ่งเข้าไปในค่ายทหารแล้วกลับ ออกมา ทุกคนต่างแยกย้าย ขณะที่สถานีโทรทัศน์ออกประกาศ เสียงหนึ่งก็ดังออกมาหลังรถตู้เคลื่อน ออกไป (เสื้อคลุมของผู้พัน: 33) จะเห็นได้ว่า ตัวอย่างข้างต้นสะท้อนให้เห็นถึงความขัดแย้งระหว่างฝ่ายรัฐบาลกับ ประชาชน กล่าวคือ ทั้งฝ่ายรัฐมนตรี แกนนำมวลชน หัวหน้าพรรคการเมือง และฝ่ายทหาร ถึงขั้นต้อง ใช้มาตรการในการควบคุมตัวทุกฝ่ายขึ้นรถตู้เพื่อไปประชุมหาข้อยุติในค่ายทหาร เพราะต่างฝ่ายต่างมี จุดยืน และไม่ยินยอมในอุดมการณ์ทางการเมืองซึ่งกันและกัน จนบางครั้งฝ่ายทหารต้องใช้มาตรการ ในการตัดสินใจครั้งสำคัญ เพราะความขัดแย้งทางการเมืองมันถูกฝังรากลึกลงไปกับกลุ่มก้อนของ เมืองไทยมาทุกยุคทุกสมัย ตัวอย่างที่ 22 “ปัญหาที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองเราครั้งแล้วครั้งเล่าวนอยู่อย่างนี้เหมือนหลงทางในกาลเวลาไม่ ก้าวไปข้างหน้าเสียทีเพราะลูกแกะเลือกหมาป่าเข้ามาดูแลพวกเขาเอง ธรรมชาติของหมาป่า เมื่อเข้า มาได้ตัวหนึ่งมันก็จะมาทั้งฝูง...” (ไม่มีหมาป่าตัวไหนเป็นมังสวิรัติ: 50) จะเห็นได้ว่า สะท้อนให้เห็นถึงความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในประเทศ กล่าวคือ ประเทศของ เราไม่ได้มีการพัฒนาตามที่ควรจะเป็น เพราะมีแต่ปัญหาที่ไม่เคยแก้ไขได้ หรือไม่มีใครคิดจะแก้ไข ทำให้ประเทศต้องวนอยู่กับอะไรเดิมๆ และไม่ก้าวไปข้างหน้า ประชาชนก็เปรียบเหมือนลูกแกะที่เลือก หมาป่าเข้ามาดูแล ซึ่งลูกแกะไม่สามารถรู้ได้ว่าใครคือหมาป่าตัวจริง และเมื่อเราเลือกหมาป่าเข้ามา ดูแลแล้ว ถึงรู้ว่าใครคือหมาป่าตัวจริงที่คอยจะกินแกะอยู่ตลอดเวลา เป็นการแสดงให้เห็นว่าในสังคม มีทั้งหมาป่าที่ใช้อำนาจในทางที่ไม่ชอบกับคนในสังคม และหากินบนความยากไร้ของคนในประเทศ และลูกแกะที่ต้องเอาตัวรอดจากหมาป่าให้ได้


169 ตัวอย่างที่23 “พี่รู้มั้ยว่าน้องไม่เคยไปฝั่งหลังสถานีเลย” น้องสาวเปิดประเด็นทันทีหลังสั่งเมนูอาหารเสร็จ “มิน่า ถึงไม่รู้จักสี่แยกวิฑูรอุทิศสี่” ผมว่า “เออแล้วทำไมไม่หัดไปรู้จักชื่อถนนเอาไว้บ้าง จะได้รู้จักให้ ทั่วกว่านี้” “ฝั่งโน้นมีระเบิดบ่อยกว่าฝั่งนี้นะพี่รู้ไว้ด้วย คราวหน้าอย่าหลงไปอีกเด็ดขาดเลยนะ น้องอยู่ มาสี่ปียังไม่กล้าเหยียบไปเลย” ผมสังเกตเห็นว่าเมืองยะลาก็เหมือนกับที่อื่นๆ เต็มไปด้วยผู้คน รถราวุ่นวาย จอแจ ย่านตลาด ทุกแห่งก็มีผู้คนเข้าไปจับจ่ายซื้อของกันตามปกติต่างกับที่อื่นก็ตรงที่บางจุดจะมีด่านทหาร น้องสาว บอกผมตลอดทางว่าตรงนั้นตรงนี้เคยมีระเบิด ตรงนั้นตรงนี้เคยมีคนโดนยิงตาย แต่ความเป็นปกติที่ผม เห็นอยู่ทำให้นึกภาพไม่ออกว่า ช่วงเวลาที่เกิดเหตุการณ์มันจะมีภาพแบบไหน ภาพข่าวที่เห็นในทีวีมัน ดูน่ากลัว แต่พอมาถึงที่นี่ ผมก็คิดว่ามันก็คือเมืองเมืองหนึ่งที่อาจมีความน่ากลัวซ่อนอยู่ แต่ผมก็ไม่เห็น หน้าตาของมันเท่านั้นเอง (เราอยู่ที่สีแยกไฟแดงวิฑูรอุทิศ4: 63-64) จะเห็นได้ว่า สะท้อนให้เห็นถึงความขัดแย้งทางการเมืองในเขตพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดน ภาคใต้ ที่เกิดจากความเห็นต่างของคนในพื้นที่ทางด้านศาสนา จึงทำให้เกิดความไม่พอใจ ซึ่งนำมาซึ่ง การก่อความรุนแรงในพื้นที่ โดยเฉพาะในจังหวัดยะลา คือ สีแยกไฟแดงวิฑูรอุทิศ 4 ยังมีเหตุการณ์วาง ระเบิด มีคนตาย มีด่านทหารเพื่อรักษาความปลอดภัย ให้กับประชาชนที่มาจับจ่ายซื้อสินค้าในตลาด ย่านนี้ แม้ตอนนี้ยังไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรง แต่ก็ไม่มีใครกล้ารับประกันว่าเหตุการณ์ความรุนแรง จะไม่เกิดขึ้น ทุกคนในบริเวณนี้จึงต้องมีความระมัดระวังตัวเองเป็นอย่างยิ่ง ตัวอย่างที่24 เพื่อนที่บ้านเกิดบอกผ่านทางกล่องข้อความทางเฟซบุ๊กว่า ถ้าเลี่ยงได้ก็อย่าพูดเรื่องการเมือง ฉันคิดว่าหลักข้อนี้ฉันปฏิบัติอยู่เสมอกับเพื่อนและทุกคนที่ติดต่อด้วย โดยเฉพาะหากรู้ว่าต่างขั้วทาง การเมืองและความคิดกันแล้ว ยิ่งควรจะหลีกเลี่ยง (เกี่ยวกับฟันซี่นั้น: 67)


170 จะเห็นได้ว่า สะท้อนให้เห็นถึงความขัดแย้งทางการเมือง กล่าวคือ เมื่อในสังคมเกิดความ ขัดแย้งทางการเมืองที่มาจากความเห็นต่างของแต่ละบุคคลนั้น สิ่งที่จะทำให้สถานการณ์ไม่ทวีความ รุนแรงขึ้น คือการหลีกเลี่ยง เพื่อไม่ให้เกิดการทะเลาะวิวาทหรือความรุนแรงจากความคิดที่ต่างคนต่าง เชื่อมั่นในตนเอง ตัวอย่างที่25 ส่วนสาเหตุที่พ่อเกลียดป้านุ่ม จนไม่ยอมให้เราไปช่วยดับไฟ ที่กำลังกระพือโหมอยู่ในทุ่งหญ้า หลังบ้านนั้น เนื่องมาจากนโยบายทำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งรัฐบาลประกาศให้ผู้มีรายได้น้อยไป ลงทะเบียนขอรับบัตร เพื่อนำไปซื้อเครื่องอุปโภค บริโภค ตามร้านค้าที่ทางรัฐบาลกำหนดไว้ตอนสาวๆ ป้านุ่มเคยเป็นแม่ค้าขายผักในตลาด มีรายได้พอเลี้ยงดูส่งเสียหลานสาวกำพร้าจนจบปริญญาตรีป้านุ่ม จึงมีบัญชีเงินฝากแค่หลักหมื่น ต่ำกว่าเกณฑ์ที่รัฐบาลวางไว้และไม่มีรายได้ประจำ ป้านุ่มเลยมี คุณสมบัติครบถ้วนที่จะได้รับบัตรสีฟ้าเพื่อใช้แลกซื้อสินค้าต่างๆ ได้เดือนละ 300 บาท (อย่าขวางประตู: 190) จะเห็นได้ว่า สะท้อนให้เห็นว่าความขัดแย้งระหว่างตัวละครพ่อและป้านุ่มนั้น เกิดจาก นโยบายของรัฐ กล่าวคือ เกี่ยวกับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ทำให้กับประชาชนผู้มีรายได้น้อย เป็นการ ช่วยเหลือนำเงิน ไปใช้เครื่องอุปโภคบริโภค ใช้จ่ายในครัวเรือนเพื่อแบ่งเบาค่าใช้จ่ายของครอบครัว ผู้เขียนได้สะท้อนให้เห็นถึงการขาดการตรวจสอบข้อมูลของผู้ที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือการ ตรวจสอบข้อมูลทางร้านค้าที่มีข่าวการคดโกงชาวบ้าน หรือผู้สูงอายุที่นำบัตรมากดเงินหรือรูดบัตร เพื่อแลกสินค้า บางครั้งอาจโดนโกงได้จากลูกหลานและพวกมิจฉาชีพที่หวังหากินกับประชาชน ผู้มีรายได้น้อย โดยนำบัตรสวัสดิการของผู้สูงอายุไปกดเงิน เพราะผู้สูงอายุกดบัตรสวัสดิการไม่เป็น จึงอาศัยลูกหลานหรือคนที่รู้จักไปกดเงิน ลูกหลานหรือมิจฉาชีพไม่นำเงินมาให้ผู้สูงอายุอ้างว่าในบัตร สวัสดิการไม่มีเงิน ทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมา 4.2.2 ภาพสะท้อนเกี่ยวกับสังคม 4.2.2.1 ภาพสะท้อนสิทธิและหน้าที่พลเมือง ภาพสะท้อนเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่พลเมือง เป็นเรื่องของประชาชนทุกคนใน ประเทศที่สามรถใช้สิทธิ มีเสรีภาพ และปฏิบัติตนตามหน้าที่ระบอบประชาธิปไตย การอยู่ร่วมกันของ คนในสังคมย่อมมีปัญหาความขัดดเย้งที่เกิดข้นหลากหลายด้าน แต่การอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขและไม่


171 รุกล้ำสิทธิและเสรีภาพซึ่งกันและกันถือเป็นเรื่องที่ต้องกระทำ ประชาชนทุกคนเมื่อมีสิทธิและเสรีภาพ แน่นอนต้องไม่ลืมคำนึงถึงการทำหน้าที่ของตนเองในฐานะประชาชนคนหนึ่งในสังคม เพื่อให้สามารถ อยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข ตามระบอบประชาธิปไตยประชาชนทุกคนมีสิทธิและเสรีภาพตาม รัฐธรรมนูญไทยที่ได้บัญญัติและคุ้มครองประชาชน แต่การทำตามหน้าที่ก็มีส่วนสำคัญในการดำเนิน ชีวิต รวมไปถึงการเคารพสิทธิและเสรีภาพของผู้อื่น แต่ภาพสะท้อนสังคมในปัจจุบันสังคมยังไม่ให้ ความสำคัญในหน้าที่ของตนเองที่ต้องปฏิบัติ แต่สังคมกลับมองแค่เรื่องสิทธิและเสรีภาพของตนเอง ทั้งยังเกิดการเรียกร้องสิทธิและเสรีภาพ รวมไปถึงความเท่าเทียมของคนในสังคม ถือเป็นเรื่องที่ดีและ น่ายกย่อง หากสังคมปฏิบัติตามกฎของสังคมทั้งการอยู่ร่วมกันหรือการแสดงพฤติกรรมต่างๆ ออกมา ตัวอย่างที่26 ยามเย็นเป็นเวลาอิดโรย แม่ตายที่จุดนั้น เช้านั้นกลับจากตลาด แม่แวะจัดการเศษกองไม้ที่ ใครสักคนมาลอบทิ้งตอนกลางคืน มันล้ำออกมาผิวถนนหมู่บ้าน จังหวะนั้นเอง ชีวิตคนเราง่ายดายมาก นึกจะตายก็เพียงชั่วครู่ รถกระบะที่มาส่งของในหมู่บ้านวิ่งออกมาชนเข้าด้านหลัง แม่กระเด็นไปโดยมี แผ่นไม้อัดติดมือ (จำรัสรอรัก: 104) จะเห็นได้ว่า สะท้อนให้เห็นถึงความเห็นแก่ตัวของคนในสังคม เพราะเกิดจากการขาด จิตสำนึก ขาดความรับผิดชอบ และเหตุแก่ตัว ตัวละครแม่สะท้อนให้เห็นถึงความมีจิตสำนึก ความ รับผิดชอบต่อสังคม และการเห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตนจนวินาทีสุดท้ายของการเป็นคน ถ้าในสังคมมีคนประเภทนี้อยู่มาก สังคมก็จะน่าอยู่ ประเทศก็จะพัฒนาไปได้ไกลมากขึ้น ตัวอย่างที่27 ลุงโชติเป็นนายประภาคารแห่งนี้แกรักประภาคารและรักความสงบเมื่อมองดูท้องฟ้าที่เป็น สีฟ้า คลื่นทะเลที่พลิ้วไหว แม้บางครั้งท้องทะเลจะโมโหและเกรี้ยวกราด แต่นั้นก็เป็นวิสัยของ ธรรมชาติมันไม่ได้น่าหวาดกลัว ตรงกันข้าม มันช่างน่าเกรงขาม ธรรมชาติสอนลุงโชติให้รู้จักเคารพสิ่ง


172 ต่างๆ ที่อยู่รอบตัว เคารพธรรมชาติเคารพมนุษย์ด้วยกันเอง และเพราะมันทำให้ตัวแกยังมีประโยชน์ อยู่บ้าง การงานทำให้คนเราเป็นคนมีคุณค่า คนทุกคนต้องมีหน้าที่ต่อตนเองและสังคม (ยินดีต้อนรับสู่ประภาคาร: 155) จะเห็นได้ว่า สะท้อนให้เห็นถึงการเคารพสิทธิ์ต่างๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น การเคารพธรรม การเคารพมนุษย์ด้วยกัน และการรู้จักหน้าที่ของตนเองเพื่อปฏิบัติหน้าที่ ของตนให้วมบูรณ์ที่สุดสมาชิกทุกคนในสังคมย่อมต้องมีบทบาทหน้าที่ตามสถานภาพของตน ซึ่งบทบาทและหน้าที่ของสมาชิกแต่ละคนจะมีความแตกต่างกันไป ถ้าสมาชิกทุกคนในสังคมได้ปฏิบัติ ตามบทบาทหน้าที่ของตนอย่างถูกต้องก็จะได้ชื่อว่าเป็นพลเมืองที่ดีของสังคมและประเทศชาติ และยัง ส่งผลให้ประเทศชาติพัฒนาอย่างยั่งยืน 4.2.2.2 ภาพสะท้อนความขัดแย้งหรือความแตกต่างด้านอุดมการณ์ของบุคคลทาง สังคม ภาพสะท้อนเกี่ยวกับความขัดแย้งหรือความแตกต่างด้านอุดมการณ์ของบุคคลทาง สังคม แน่นอนว่าเมื่อมีการอยู่ร่วมกันของคนในสังคมแบบประชาธิปไตยย่อมมีแนวคิดหรือทัศนคติที่ แตกต่างกันของคนในสังคม เนื่องจากประชาชนทุกคนมีสิทธิและเสรีภาพในการคิดและแสดงออกโดย การกระทำนั้นต้องไม่ขัดต่อกฎหมาย จึงเกิดความคิดที่แตกต่างกันไปตามความเชื่อของตนเอง ความคิดที่แตกต่างไม่ใช่เรื่องที่ผิดในสังคมประชาธิปไตยแต่ความขัดแย้งทางอุดมการณ์ที่นำไปสู่ความ รุนแรงที่เกิดขึ้นในสังคม ถือเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น ความขัดแย้งของสังคมควรใช้วิธีอย่างสันติในการ ตกลงหรือทำความเข้าใจซึ่งกันและกันเพื่อให้เกิดความเคารพสิทธิและเสรีภาพของคนในสังคมในการ อยู่ร่วมกัน สังคมจะต้องอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขภายใต้กฎหมายเพื่อให้ทุกคนได้เข้าใจและปฏิบัติตาม หน้าที่ของตนเองตามกฎหมายที่พึ่งปฏิบัติ ตัวอย่างที่28 แม่ไม่ได้ไป ในความหมายคือ แม่ไม่ได้ไปส่ง แต่ฝากให้ผมพาไปโรงเรียนพร้อมลูกชายด้วย ซึ่งภาระนี้ไม่ได้สร้างความลำบากอะไรให้ผมเลย มิหนำซ้ำกลับรู้สึกมีความสุขทุกครั้ง ที่ได้ทำตัวเป็น นายสารถีทำหน้าที่ขับรถเครื่องนำเด็กน้อยสองคนไปส่งโรงเรียน เสียงพูดคุยกันแจ้วๆ สื่อสารกัน ระหว่างคนซ้อนท้ายกับคนนั่งหน้าโดยมีผมคนขับนั่งกลาง เกิดความรู้สึกสุขใจอย่างบอกไม่ถูกอาจเป็น เพราะว่า ผมปรารถนามีลูกสาวสักคนมาตลอด หลังจากแยกทางกับอดีตภรรยาโดยมีผลผลิตจาก


173 ความรักที่ไม่ลงตัวเป็นรางวัลชีวิต ก็ไม่คิดจะพาตัวเองไปเชื่อมโยงกับผู้หญิงไหนอีก แต่ความปรารถนา อยากมีลูกสาวยังไม่เคยจางหายไปจากใจ แม้ว่าปัจจุบันลูกชายคนเดียวจะเติมเต็มทุกความรู้สึก สึกหรอภายในได้หมดแล้วก็ตาม (ชิ้นส่วนของความขัดแย้ง: 126) จะเห็นได้ว่า จากตัวอย่างข้างต้นได้สะท้อนให้เห็นประเด็นของครอบครัวแตกแยก หรือ ปัญหาครอบครัวหย่าร้าง ดังตัวอย่างเรื่องสั้นดังกล่าว ตัวละครฝ่ายชายได้เลี้ยงลูกชายเพียงลำพัง ภรรยาได้หย่าร้างไป ทำให้ฝ่ายชายต้องเลี้ยงลูกเพียงคนเดียว ส่วนตัวละครที่มีลูกสาวก็เลี้ยงลูกสาวคน เดียว เพราะสามีอาจหย่าร้างกันไป ทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับเด็กขาดความอบอุ่น ขาดกำลังใจ เพราะ เขากำลังเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในอนาคต ตัวอย่างที่29 “ฉันและคนงานทั้งหมดยืนคิดอยู่สักพัก คิดว่าสิ่งที่มะลิพูดออกมา มันถูกต้องหรือไม่ ตลอดเวลาที่ผ่านมาฉันเคยมองว่า คุณคงเดชเจ้าของโรงงานมีอำนาจเหนือกว่าฉันมาโดยตลอด ฉันคิด ว่าเขาคือผู้ปกครอง และฉันคือผู้ถูกปกครองที่แค่ได้ทำงานแลกกับเงินอันเล็กน้อยเพื่อประทังชีวิตก็ พอแล้ว แต่จากที่ได้ฟังมะลิพูด ฉันก็รู้สึกว่าตัวเองก็มีอำนาจ ฉันสามารถถักทอผืนผ้าเพื่อให้เขาเอาไป ขาย แล้วเอาเงินมาเป็นค่าจ้างให้ฉันต่ออีกทอดเงินค่าจ้างที่ฉันได้จึงไม่ใช่ของคุณคงเดช แต่มันคือเงิน ของฉันเอง ด้วยสองมือสองตีนของฉันเอง” (โรงงานทอผ้าของมะลิ: 178) จะเห็นได้ว่า ตัวอย่างข้างต้นสะท้อนให้เห็นปัญหาความขัดแย้งระหว่างนายจ้างกับ ลูกจ้างเกี่ยวกับค่าแรงที่ไม่เป็นธรรมสำหรับพวกเขา ตัวละครในเรื่องที่ชื่อ มะลิจึงเป็นคนเดียวที่กล้า ออกมาเรียกร้องเกี่ยวกับค่าแรงที่ลูกจ้างทุกคน ถูกลดค่าจ้างเหลือวันละ 170 บาท จากเมื่อก่อนนี้ได้ ค่าแรงวันละ 200 บาท โดยฝั่งนายจ้างอ้างว่าเศรษฐกิจไม่ดี จึงต้องลดค่าแรงลงเพื่อให้โรงงานอยู่ได้ ดีกว่าปลดพนักงาน เรื่องนี้ก็สะท้อนภาพสังคมปัจจุบันที่เกิดขึ้นจริง เพราะลูกจ้างไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะ ต่อรองอะไรกับลูกจ้าง แต่ท้ายเรื่องผู้เขียนได้สะท้อนว่าหากไม่มีลูกจ้างในโรงงาน ถามว่าโรงงานทอผ้า จะมีรายได้หรือขาดทุน


174 ภาพสะท้อนทางสังคมที่ปรากฏในวรรณกรรมเรื่องสั้นรางวัลพานแว่นฟ้า ปี พ.ศ.2561 สามารถสรุปได้ดังตารางต่อไปนี้ ตารางที่ 13 ตารางสรุปผลการวิเคราะห์ ที่ เรื่องสั้น วรรณกรรมรางวัลพานแว่นฟ้า ปี พ.ศ.2561 จำนวน 13 เรื่อง ภาพสะท้อนเกี่ยวกับการเมือง ภาพสะท้อนเกี่ยวกับสังคม ภาพ สะท้อน อำนาจทาง การเมือง หรือ พฤติกรรม ทาง การเมือง ภาพ สะท้อน การมีส่วน ร่วมทาง การเมือง ภาพสะท้อน ความขัดแย้ง หรือความ แตกต่างด้าน อุดมการณ์ ของบุคคล ทางการเมือง ภาพสะท้อน สิทธิและหน้าที่ พลเมือง ภาพ สะท้อน ความขัด แย้งหรือ ความแตก ต่างด้าน อุดมการณ์ ของบุคคล ทางสังคม 1 เสื้อคลุมของผู้พัน - - - - 2 ไม่มีหมาป่าตัวไหน เป็นมังสวิรัติ - - - - 3 เราอยู่ที่สี่แยกไฟ แดงวิฑูรอุทิศ 4 - - - - 4 เกี่ยวกับฟันซี่นั้น - - - - 5 คฤหาสน์ของ พยาธิตาบอด - - - - 6 จำรัสรอรัก - - - - 7 ชายชรากับปลาใน ลำธาร - - - - 8 ชิ้นส่วนของความ ขัดแย้ง - - - - 9 ดาวส่องเมือง - - - -


175 ตารางที่ 13 ตารางสรุปผลการวิเคราะห์(ต่อ) ที่ เรื่องสั้น วรรณกรรมรางวัลพานแว่นฟ้า ปี พ.ศ.2561 จำนวน 13 เรื่อง ภาพสะท้อนเกี่ยวกับการเมือง ภาพสะท้อนเกี่ยวกับสังคม ภาพ สะท้อน อำนาจทาง การเมือง หรือ พฤติกรรม ทาง การเมือง ภาพ สะท้อน การมีส่วน ร่วมทาง การเมือง ภาพสะท้อน ความขัดแย้ง หรือความ แตกต่างด้าน อุดมการณ์ ของบุคคล ทางการเมือง ภาพสะท้อน สิทธิและหน้าที่ พลเมือง ภาพ สะท้อน ความขัด แย้งหรือ ความแตก ต่างด้าน อุดมการณ์ ของบุคคล ทางสังคม 10 ยินดีต้อนรับสู่ ประภาคาร - - - - 11 โรงทอผ้าของมะลิ - - - - 12 อย่าขวางประตู - - - - 13 อวนจับนาค - - - - รวม 4 เรื่อง 1 เรื่อง 5 เรื่อง 2 เรื่อง 1 เรื่อง จากตารางข้างต้น ทำให้ทราบว่าภาพสะท้อนสังคมที่ปรากฏในวรรณกรรมเรื่องสั้น รางวัลพานแว่นฟ้า ปี พ.ศ. 2561 มุ่งนำเสนอภาพสะท้อนเกี่ยวกับการเมืองมากกว่าภาพสะท้อน เกี่ยวกับสังคม เนื่องด้วยปรากฏการณ์ทางการเมืองและสังคมของประเทศไทยตลอดช่วงที่ผ่านมา มี ลักษณะความไม่ชัดเจนทางสังคม และการเมือง เศรษฐกิจไม่แน่นอนเท่าที่ควร ซึ่งอาจเป็นผลกระทบ จากเหตุการณ์การเปลี่ยนแปลงทางสังคมต่างๆ และการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย เช่น เหตุการณ์ ทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมของทั้งภายในประเทศและทั่วโลก ทำให้บรรยากาศวิถีชีวิตความ เป็นอยู่ของคนในสังคมไทยไม่ค่อยดีนัก เพราะอาจจะเกิดจากปัญหาทางการเมือง ปัญหาเศรษฐกิจ และปัญหาสังคม อีกนัยยะหนึ่งถึงแม้ทางด้านการเมืองการปกครองในประเทศจะมีความสงบเรียบร้อย เพราะมีรัฐบาลที่มาจากการทำรัฐประหาร โดยการนำของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะ รักษาความสงบแห่งชาติ และยังคงดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่สังคมไทยยังมีความขัดแย้งทาง การเมือง มีอุดมการณ์ทางการเมืองที่แตกต่างกัน โดยประชาชนบางส่วนอาจมีความรู้สึกปลอดภัยใน


176 ด้วยความสงบภายในประเทศ เพราะไม่มีสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ แต่ประชาชนชนบางส่วนยัง มีการต่อต้านการทำรัฐประหารของรัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาอยู่ ส่วนในด้านของ การเมืองการปกครองนั้น เป็นช่วงที่หยุดชะงักของการพัฒนาความเป็นประชาธิปไตยของประเทศไทย เพราะรัฐบาลปัจจุบันเป็นรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง หากแต่ไม่ว่ามุมมองไหนจะเป็นอย่างไร ในสภาพความเป็นจริงประเทศไทยก็ยังมีการเมืองการปกครองที่อยู่ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพราะประชาชนคนไทยทุกคนต้องตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของระบอบ การเมืองการปกครอง ซึ่งมีผู้นำทางการเมืองมาบริหารประเทศ ไม่ว่าจะเป็นระบอบเผด็จการหรือ ระบอบประชาธิปไตยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ย่อมส่งผลต่อการดำเนินวิถีชีวิตของประชาชนคนไทยทุกคน อาจจะดีขึ้นหรืออาจจะเลวร้ายลง ก็ขึ้นอยู่กับการนำการเมืองการปกครองมาปรับใช้ให้สอดคล้องกับ วัฒนธรรมและสังคมของคนในประเทศไทย จากการศึกษาวิเคราะห์ภาพสะท้อนสังคมที่ปรากฏในวรรณกรรมเรื่องสั้นรางวัลพานแว่นฟ้า ปี พ.ศ.2561 ทำให้เห็นภาพสะท้อนทางการเมือง สังคม รวมไปถึงปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น ภายในประเทศ และสถานการณ์ของบ้านเมืองที่มีความวุ่นวาย การแข่งขันลงสมัครรับเลือกตั้ง การใช้ อำนาจของนักการเมือง ผลสะท้อนของนโยบายของรัฐ นอกจากนี้ผู้วิจัยยังพบว่าปรากฏการณ์ทาง สังคมที่ปรากฏในวรรณกรรมเรื่องสั้น รางวัลพานแว่นฟ้า ประจำปี 2561 ผู้เขียนพยายามที่จะนำเสนอ ปัญหาต่างที่เกิดขึ้นกับสังคมไทย เช่น ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ปัญหาสามจังหวัดชายแดน ภาคใต้ ปัญหาครอบครัว ปัญหาการตัดไม้ทำลายป่า ปัญหาการซื้อสิทธิ์ขายเสียง ปัญหานายจ้างและ ลูกจ้าง ปัญหาดังกล่าวล้วนเป็นภาพสะท้อนเหล่านี้ปรากฏตามความจริงในปัจจุบันดังข่าวตามข่าว ในหน้าหนังสือพิมพ์โลกออนไลน์ และสื่อสารมวลชน


177 4.3 ภาพสะท้อนทางสังคมที่ปรากฏในวรรณกรรมเรื่องสั้นรางวัลพานแว่นฟ้า ประจำปี 2562 4.3.1 ภาพสะท้อนที่เกี่ยวกับการเมือง 4.3.1.1. ภาพสะท้อนการใช้อำนาจทางการเมืองหรือพฤติกรรมทางการเมือง ภาพสะท้อนการใช้อำนาจทางการเมือง เป็นการใช้อำนาจจากฝ่ายบริหาร นั่นคือ รัฐบาล ที่มีส่วนสำคัญในการออกกฎหมาย รวมไปถึงนโยบายต่างๆ เพื่อให้ประชาชนทั้งประเทศได้ ยอมรับและปฏิบัติตามกฎหมาย โดยออกกฎหมายผ่านสภาผู้แทนราษฎรกั่นกรองโดยวุฒิสภา การ ประกาศใช้กฎหมายหรือการประกาศใช้รัฐธรรมนูญที่เป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศอันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเป็นไปกระบวนการตามระบอบประชาธิปไตยที่เป็นระบอบการ บริหารและการปกครองของประเทศไทย แต่หากการใช้อำนาจทางการเมืองของรัฐบาลมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ หรือมีความยุติธรรม ความขัดแย้งและความรุนแรงคงไม่เกิดขึ้น การใช้อำนาจทาง การเมืองที่นำมาสู่พฤติกรรมทางการเมืองโดยการประกาศใช้รัฐธรรมนูญนั้น เป็นการร่างกฎหมายผ่าน อำนาจรัฐบาลจากการทำรัฐประหาร จนนำไปสู่การประกาศใช้กฎหมายรัฐธรรมนูญเพื่อสืบทอด อำนาจรัฐบาลทหารที่มีส่วนในการฉีกรัฐธรรมนูญและแต่งตั้งตนเองขึ้นเป็นรัฐบาลในการเป็นผู้บริหาร และปกครองประเทศ การใช้อำนาจของรัฐบาลเป็นพฤติกรรมทางการเมืองที่ประชาชนยากที่จะคอย รับมือ เนื่องจากการร่างรัฐธรรมนูญโดยไม่มีฝ่ายประชาชนเข้าไปร่างกฎหมายเพื่อประกาศใช้ในการ บริหารและปกครองประเทศนั้นถือเป็นระบอบเผด็จการที่แฝงอยู่ในเงามืดของประชาธิปไตย โดยอ้าง การรักษาความสงบภายใยประเทศ หรือรวมไปถึงการถ่วงเวลาในการประกาศใช้รัฐธรรมนูญเพื่อให้ ฝ่ายของตนได้มีอำนาจและควบคุมประชาชนภายในประเทศได้อย่างเบ็ดเสร็จ ตัวอย่างที่30 “รัฐบาลชั่วคราวจะร่างรัฐธรรมนูญ แล้วเลือกตั้งรัฐสภา แล้วเลือกประธานาธิบดี หรืออาจ เลือกตั้งรัฐสภาก่อนค่อยเลือกประธานาธิบดี แล้วค่อยร่างรัฐธรรมนูญ ขึ้นอยู่กับประชามติ ทุกอย่าง กำลังเดินไปบนเส้นทางที่ถูกต้อง” (โลกที่เราทิ้งไว้ข้างหลัง: 34) จะเห็นได้ว่า ภาพสะท้อนการใช้อำนาจทางการเมืองโดยการฉีกรัฐธรรมและแต่งตั้ง ตนเองขึ้นเป็นรัฐบาลชั่วคราว พร้อมร่างรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายสูงสุดสุดของประเทศนั้น เป็นการใช้ อำนาจเพื่อควบคุมสถานการณ์หรือการควบคุมในกรณีฉุกเฉิน แต่การใช้อำนาจรัฐประหารโดยการ


178 กำจัดรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ถือเป็นพฤติกรรมทางการเมืองที่พยายามลิดรอนและไม่เคารพ ประชาชนที่เป็นผู้ใช้สิทธิในการเลือกตั้งผู้แทนราษฎรเพื่อจัดตั้งรัฐบาล แต่กลับถูกปล้นสิทธิจากการทำ รัฐประหาร โดยฝ่ายดูแลความมั่นคงของประเทศนั่นคือ ทหาร พฤติกรรมที่เกิดขึ้นเป็นภาพสะท้อนให้ เห็นการใช้กฎหมายหรือการใช้อำนาจทางกฎหมายเข้าควบคุมสถานการณ์ จนกลายเป็นความขัดแย้ง ที่นำไปสู่ความรุนแรงของสังคม เนื่องจากการทำรัฐประหารมักใช้อาวุธสงครามเข้าควบคุมประชาชน รวมไปถึงการใช้กระสุนจริงในการจัดการกับประชาชนที่ออกเรียกร้องหรือต่อต้านฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง พฤติกรรมที่ใช้ความรุนแรงของเจ้าหน้าที่รัฐต่อประชาชนถือเป็นการทำลายระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ดังนั้นการใช้อำนาจทางการเมืองของเจ้าหน้าที่รัฐในการ ทำรัฐประหารไม่ก่อเกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม เราควรใช้วิธีแบบสันติในการอยู่ร่วมกันและเพื่อไม่ให้ ฝ่ายใดหรือประเทศได้รับผลกระทบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตัวอย่างที่ 31 ขั้นตอนต่อไปคือ นายกธวัชส่งคนมาขู่ผมว่า จะปิดทางด้วยการขุดลำรางเดิมที่ตื้นเขินให้เป็น ลำรางเหมือนเมื่อ 30 ปีที่แล้ว และเดินหน้าไปกรมที่ดินเพื่อทำทุกอย่างในการบีบคั้นผม วันที่ผมไป ติดต่อขอพิมพ์เขียวจากสำนักงานที่ดิน เจ้าหน้าที่ที่นั่น พูดเหมือนคนไร้การศึกษา ผมบอกว่า “ผมขอ คัดพิมพ์เขียวลำรางสาธารณะ” พวกเขามองหน้ากัน และหนึ่งในนั้นเอ่ยชื่อนายกธวัชกว่าผมจะได้ ก็ต้องใช้ความอดทนอย่างมาก เขาซื้อเจ้าหน้าที่ที่นี่ด้วยอำนาจเงินอันสกปรกของเขา (บนรอยต่อของเปลือกโลก: 129) จะเห็นได้ว่า ภาพสะท้อนการใช้อำนาจทางการเมืองของเจ้าหน้าที่รัฐที่เลือกปฏิบัติต่อ ประชาชนโดยการใช้อำนาจที่ตนเองมีในการขัดขว้างผลประโยชน์ของส่วนร่วมและสร้างความ เดือดร้อนให้กับประชาชน การใช้อำนาจทางการเมืองของเจ้าหน้าที่รัฐโดยการใช้ตำแหน่งและใช้เงิน ในการเอื้อผลประโยชน์ให้กับตนเอง การออกนโยบายหรือการการบังคับใช้กฎหมายในในการเวนคือ ที่ดินนั้น ควรตกลงกันทั้งฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐและฝ่ายประชาชนเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายไม่เกิดความขัดแย้งที่ บานปลายไปสู่ความเสียหาย การเอื้ออำนวยหรือการช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนหรือปัญหาของ ประชาชนเป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่รัฐต้องปฏิบัติในหน้าที่ โดยไม่ควรเลือกปฏิบัติต่อประชาชน เพื่อให้สม กับเงินภาษีของประชาชนที่จ่ายให้ส่วนกลางในการจัดสรรงบประมาณต่างๆ รวมถึงเงินเดือน


179 ของเจ้าหน้าที่รัฐ ดังนั้น พฤติการณ์การเลือกปฏิบัติของเจ้าหน้าที่รัฐ ต่อประชาชนไม่ควรเกิดขึ้น และ การใช้อำนาจทางการเมืองต่อการเอื้อผลประโยชน์ให้กับตนเองและสร้างความเดือดร้อนให้กับ ประชาชนต้องไม่เกิดขึ้น ตัวอย่างที่32 เธอโทรศัพท์ฟ้องพ่อระบายพรั่งพรูปัญหาหนักใจกับนายกองค์การบริหารส่วนตำบล นางู เหลือม ตั้งแต่เรื่องเห็นเด็กเป็นลมเกือบทุกเช้า อาหารกลางวันถูกโกงจนเหลือน้ำซุปจืดชืด เด็ก โรงเรียนนางูเหลือมตกอยู่ในสภาพขาดสารอาหาร ผอมแกร็น ซูบเซียว รายงานสุขภาพนักเรียน ค่าเฉลี่ยของน้ำหนักและส่วนสูงตกเกณฑ์หมด ครูคนที่รับผิดชอบกลับช่วยปรับเข็มน้ำหนักตาชั่ง โรงเรียนให้ดีมากกว่าปกติ บันทึกข้อมูลแบบมั่วๆ จนผ่านเกณฑ์หากคณะกรรมการตรวจสอบมาเห็น คงจะเป็นลม (แผนลดน้ำหนักครูดาวเรือง: 141) จะเห็นได้ว่า ภาพสะท้อนการใช้อำนาจของเจ้าหน้ารัฐต่อการทุจริต คดโกงทั้งเรื่องของ งบประมาณและข้อมูลข้อเท็จจริงที่ควรปรากฏ การใช้อำนาจในการจัดสรรงบประมาณและการแก้ไข ข้อมูลข้อเท็จจริงของประชาชนถือเป็นภาพสะท้อนพฤติกรรมที่ร้ายแรงที่เกิดขึ้น หากมีการทุจริตอยู่ใน ระบบราชการแน่นอนว่าประชาชนผู้ควรจะได้รับผลประโยชน์สูงสุดในงบประมาณหรือโครงการต่างๆ ตามนโยบายของรัฐบาล แต่เมื่อมีการแก้ข้อมูลข้อเท็จจริงของประชาชนย่อมส่งผลกระทบต่อส่วนรวม เนื่องจากการแก้ข้อมูลข้อเท็จจริงนั้นเป็นการแสดงความเป็นอยู่หรือคุณภาพชีวิตของประชาชนที่ บิดเบือน ทำให้ไม่ทราบสิ่งที่เกิดขึ้นกับประชาชนหรือปัญหาที่เกิดขึ้นกับประชาชน ภาพสะท้อนเหล่านี้ ถือเป็นเรื่องร้ายแรงที่เกิดขึ้นในสังคมที่มีการใช้อำนาจทางการเมืองหรือพฤติกรรมทางการเมืองที่ ทุจริต เพื่อเอื้อผลประโยชน์ให้กับตนเอง ทั้งยังเป็นการหักหลังประชาชนที่เป็นผู้เสียเงินภาษีให้กับ ส่วนกลางเพื่อใช้ในการพัฒนาและแก้ปัญหาของประชาชน ดังนั้น ภาพสะท้อนการใช้อำนาจทาง การเมืองและพฤติกรรมทางการเมืองในระบบราชการ ควรปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ซื่อสัตย์กับ ประชาชนอย่างบริสุทธิ์ใจ


180 ตัวอย่างที่ 33 แรงงานที่มีอายุงานครบห้าปีจะไม่มีสิทธิ์ใช้คำว่า “พ-ว-ก” อีกต่อไป (นายต้องสะกดเอาเอง การเขียนคำนี้ติดกัน อันตรายมากสำหรับฉัน) เป็นกฎหมายของเมืองที่ไม่ต้องการให้ทาสอย่างเรา แบ่งแยกกลุ่มคนและอาจทำให้เราในเมืองรวมตัวกันเป็นกบฏได้ ตอนแรกเราหลายคนก็ไม่ชินนัก แต่ พอถูกตีหลายๆ ครั้งเข้า เราก็เลิกที่จะพูดคำนี้ไป อาจฟังดูเป็นเรื่องตลกแต่ที่นี่ตามท้องถนนนายจะได้ ยินเสียงคนถูกตีไปทั่ว (เสรีสิบสี่เส้นบรรทัด: 172-173) จะเห็นได้ว่า ภาพสะท้อนการใช้อำนาจทางการเมืองผ่านการประกาศใช้กฎหมายเพื่อ ควบคุมพฤติกรรมและเพื่อควบคุมประชาชน รวมไปถึงการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของประชาชนใน การเขียนหรือสื่อสารของประชาชน เป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้นเนื่องจากการสื่อสารถือเป็นเครื่องพัฒนา สังคมและประเทศ แต่การควบคุมประชาชนหรือสังคมโดยการลิดรอนสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ทำให้ถึงภาพสะท้อนการใช้อำนาจทางการเมืองของเจ้าหน้าที่รัฐที่พยายามควบคุมสังคมและชี้นำ ประเทศไปสู่ความล่มจมของประเทศ เพราะการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของประชาชนนั้นถือเป็นเรื่อง ร้ายแรงในระบอบประชาธิปไตย อีกทั้งยังสะท้อนถึงพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่รัฐในการเลือกปฏิบัติและ ใช้ข้ออ้างทางกฎหมายข่มขู่ประชาชน จนเกิดชนชั้นในสังคม กลายเป็นปัญหาความขัดแย้งระหว่าง ประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐ ดังนั้น การประกาศใช้กฎหมายหรือนโยบายของเจ้าหน้าที่รัฐเป็นเรื่อง ที่ทำได้ แต่การใช้อำนาจทางการเมืองในการประกาศใช้กฎหมายที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนไม่ควร เกิดขึ้นและพฤติกรรมการเลือกปฏิบัติของเจ้าหน้าที่รัฐ จนเกิดเป็นความแตกแยกในสังคมต้องหมดไป ในระบบบริการประชาชน ตัวอย่างที่34 ครูปราโมทย์ ซึ่งจะกลายร่างจากครูคณิตศาสตร์สุดขี้เกียจในวันทำการมาเป็นติวเตอร์สุดแสน ขยันในวันหยุด ไม่ว่าเด็กคนไหนมีปัญหาหรือไม่เข้าใจอะไรก็จะรีบตอบรีบอธิบายทันที (อำนาจ: 183) จะเห็นได้ว่า ภาพสะท้อนการใช้อำนาจในห้องเรียนต่อผู้เรียนของผู้สอนยังเกิดขึ้น ในขณะที่ประเทศไทยมีการประกาศหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปีพ.ศ.2551 ที่ให้ผู้เรียน


181 เป็นศูนย์กลางหรือผู้เรียนเป็นสำคัญ แต่เหตุการณืที่เกิดขึ้นจริงนั้นเป็นการย้ำเตือนให้เห็นถึงการใช้ อำนาจและพฤติกรรมของผู้สอนที่พยายามใช้ตนเองเป็นศูนย์กลางของห้องเรียนโดยไม่ได้ปฏิบัติตาม หลักสูตรฯของการประกาศใช้กฎหมายที่ต้องการให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนการสอน อีกทั้งยัง เป็นภาพสะท้อนให้เห็นการทำงานของเจ้าที่รัฐที่เลือกปฏิบัติเพื่อเอื้อผลประโยชน์ให้กับตนเอง ส่งผล กระทบต่อผู้เรียนและการศึกษาของประเทศที่ได้รับความเสียหาย เนื่องจากการเลือกปฏิบัติการ จัดการเรียนการสอนที่พยายามสร้างปัญหาให้ผู้เรียน โดยนำเอาปัญหาเป็นเครื่องมือในการสร้าง รายได้ให้กับตนเองแต่ประชาชนหรือผู้เรียนไม่ได้รับผลประโยชน์สูงสุด ดังนั้นภาพสะท้อนการใช้ อำนาจผู้สอนในห้องเรียนสะท้อนปัญหาทางการศึกษาที่เกิดขึ้นในสังคมไทยที่ผู้สอนยังมีพฤติกรรมการ เลือกปฏิบัติการสอนเพื่อเอื้อผลประโยชน์ให้กับตนเอง การใช้อำนาจและพฤติกรรมของผู้สอนที่สร้าง ปัญหาให้ผู้เรียนและประชาชนควรหมดไปในระบบการศึกษา ตัวอย่างที่35 “ทุกนโยบายทุกโครงการที่พ่อทำก็เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนทั้งนั้นนี่ มีถนนหนทาง เพิ่มขึ้น ประชาชนก็จะได้มีเส้นทางการคมนาคมสำหรับเดินทางติดต่อซื้อขายสะดวกมากขึ้น ไปไหน มาไหนก็รวดเร็ว คล่องตัว การค้า การท่องเที่ยว ระบบเศรษฐกิจก็จะดีขึ้น จริงไหมกำนัน” (โอรังอัสลีกับผีร้ายแห่งเทือกเขาบรรทัด: 199) จะเห็นได้ว่า ภาพสะท้อนการใช้อำนาจทางการเมืองของเจ้าหน้าที่รัฐในการออก กฎหมายและนโยบายเพื่อพัฒนาและควบคุมประชาชนและสังคมนั้นไม่ผ่านการยินยอมของประชาชน จนกลายเป็นความขัดแย้งที่เกิดขึ้น การออกกฎหมายหรือนโยบายต่างๆ เพื่อนำมาเป็นแบบแผนใน การใช้กับประชาชนหรือประเทศชาตินั้นเป็นเรื่องที่สามารถกระทำได้ แต่การออกนโยบายเพื่อเอื้อ ผลประโยชน์ทางการเมืองหรือเพื่อเอื้อผลประโยชน์ให้กับตนเอง ถือเป็นพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่รัฐใน การสร้างความขัดแย้งให้กับประชาชนในพื้นที่หรือในเขตที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายของรัฐบาล ภาพสะท้อนพฤติกรรมทางการเมืองของเจ้าหน้าที่รัฐเกิดขึ้นจากการใช้อำนาจทางการเมืองเพื่อเอื้อ ผลประโยชน์ให้กับตนเอง จนสร้างความเดือดร้อนต่อประชาชน รวมไปถึงสภาพแวดล้อมที่เป็น ธรรมชาติที่ถือเป็นแหล่งอาหารของประชาชนในพื้นที่ ดังนั้น หากการใช้กฎหมายและการออก นโยบายเพื่อพัฒนาสังคม ควรสำรวจความต้องการของประชาชนและควรได้รับความยินยอมของ ประชาชนอย่างบริสุทธิ์ใจ


182 4.3.1.2 ภาพสะท้อนความขัดแย้งหรือความแตกต่างด้านอุดมการณ์ของบุคคลทาง การเมือง ภาพสะท้อนเกี่ยวกับความขัดแย้งหรือความแตกต่างด้านอุดมการณ์ของบุคคลทาง การเมือง เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงภาพรวมของสังคมที่แต่ละบุคคลมีความคิดและอุดมการณ์ทาง การเมืองที่แตกต่างกัน โดยมีรากฐานทัศนะคติจากหลายปัจจัยจนหล่อหลอมเป็นความเชื่อหรือ อุดมการณ์ของตนเอง ตามระบอบประชาธิปไตยหรือตามระบบของสังคมย่อมมีความขัดแย้งทาง ความคิดหรือทัศนะ เนื่องจากการมีอิสระทางความคิด มีเสรีในการำดเนินชีวิตหรือการมีสิทธิในการ แสดงออกทางความคิด ความแตกต่างทางความคิดนำไปสู่ความขัดแย้งในสังคมทางอุดมการณ์ทาง การเมือง จนเกิดการแสดงออกผ่านพฤติกรรมที่พยายามบอกจุดยืนหรืออุดมการณ์ของตนเองผ่านการ ชุมนุมหรือการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ผ่านสื่อหรือผ่านนโยบายของนักการเมือง ความขัดแย้งเรื่อง ทัศนคติทางการเมืองของแต่บุคคลมีความแตกต่างกัน หากอุดมการณ์ของประชาชนเกิดจากการเข้าใจ และมีความรู้ในประชาธิปไตยอย่างทั่วถึงทุกคน คงไม่เกิดการปะทะของฝ่ายอำนาจของอดีต นักการเมืองกับฝ่ายทหาร การที่ประชาชนถูกจับกุมหรือเกิดความเสียหาญภายในประเทศมีเหตุจาก การที่ประชาชนคลั่งและชื่นชอบนักการเมืองบุคคลนั้นๆ จนลืมในเหตุและผล หลักของความเป็นจริง ในการทุจริต ด้วยเหตุนี้เองที่ความแตกต่างด้านความชื่นชอบนักการเมืองหรือพรรคร่วมแนวคิดของ ประชาชนจึงพยายามครอบคลุมความคิดของประชาชนด้วยการปลุกระดมเพื่อให้ประชาชนเป็นเกาะ ป้องกันภัยให้กับนักการเมือง ภาพสะท้อนความขัดแย้งในสังคมที่นำมาสู่ความรุนแรงที่เกิดขึ้นนั้น ส่วนหนึ่งเกิดจากนักการเมืองที่หาผลประโยชน์กับประชาชนโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยและ ผลประโยชน์ต่อส่วนร่วม ความขัดแย้งอุดมการณ์ของบุคคลทางการเมืองที่มีความแตกต่างจึงต้อง พยายามคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติ และไม่นำประชาชนไปเป็นเครื่องมือในการเป็นเกาะ ป้องกันให้ตนพ้นผิด ตัวอย่างที่36 ผมคิดว่าคนเราไม่จำเป็นต้องเลือกข้างก็ได้ มันอาจจะดูเหมือนผมไม่มีจุดยืนหรือหลักการ แต่ ผมรู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ เราต้องเลือกข้างกันจริง ๆ เหรอ เรามั่นใจได้อย่างไรว่าข้างที่เราเลือกนั้น ถูกต้อง แล้วเราจะถูกเสมอและตลอดไป เรามั่นใจได้อย่างไรว่าแต่ละข้างนั้นต่อสู้เพื่อประชาชน อาจารย์ครับเรามีบทเรียนให้ศึกษาและเรียนรู้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ประชาชนเป็นเครื่องมือ เป็นเหยื่อ เป็นอำนาจในการต่อรอง โดยที่บางครั้งเขาก็ไม่รู้ตัวพวกเรานี่แหละไม่รู้ตัว (คำอธิบายรายวิชา: 98)


183 จะเห็นได้ว่า ภาพสะท้อนของประชาชนที่มีอุดมการณ์ทางการเมืองที่พยายามไม่เลือก ข้างใดข้างหนึ่งหรือไม่เลือกชอบพรรคใดพรรคหนึ่ง รวมไปถึงการตัวบุคคลในการเมือง รวมไปถึง ทัศนคติที่สะท้อนออกมาให้เห็นว่าประชาชนเกิดข้อสงสัยและตั้งแง่ในการเข้ามาของนักการเมืองที่ พยายามเสนอข้อนโยบายต่างๆ เพื่อให้ประชาชนเชื่อและตอบสนองความต้องการของประชาชน แต่หลายครั้งและหลายปีที่นักการเมืองเข้ามาหาผลประโยชน์จากประชาชนโดยใช้นโยบายหรือ ข้อเสนอของพรรคโดยอ้างต่างๆ ว่าจะเข้ามาแก้ปัญหาให้ประประชาชนและพัฒนาประเทศ หลังได้รับ การเลือกตั้งกลับไม่ทำตามข้อเสนอหรือนโยบายที่ให้ไว้กับประชาชน รวมไปถึงไม่อยู่ในอุดมการณ์ทาง การเมืองที่ตนเองเคยกล่าวไว้ จนปนะชาชนเกิดความเบื่อหน่ายและเกิดความศรัทธาที่ลดลง ประชาชนหลายล้านที่ไม่ยอมเลือกข้างหรือแสดงจุดยืมอุดมการณ์ทางการเมืองไปตามแรงจูงใจของ นักการเมืองแต่แสดงจุดยืนการเรียกร้องประชาธิปไตยที่ควรพึงมีภายในประเทศและเป็นแนวทางการ แก้ปัญหาของสังคม 4.3.2 ภาพสะท้อนเกี่ยวกับสังคม 4.3.2.1 ภาพสะท้อนสิทธิและหน้าที่พลเมือง ภาพสะท้อนเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่พลเมือง เป็นเรื่องของประชาชนทุกคนใน ประเทศที่สามารถใช้สิทธิ มีเสรีภาพ และปฏิบัติตนตามหน้าที่ระบอบประชาธิปไตย การอยู่ร่วมกัน ของคนในสังคมย่อมมีปัญหาความขัดดเย้งที่เกิดข้นหลากหลายด้าน แต่การอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข และไม่รุกล้ำสิทธิและเสรีภาพซึ่งกันและกันถือเป็นเรื่องที่ต้องกระทำ ประชาชนทุกคนเมื่อมีสิทธิและ เสรีภาพ แน่นอนต้องไม่ลืมคำนึงถึงการทำหน้าที่ของตนเองในฐานะประชาชนคนหนึ่งในสังคม เพื่อให้ สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข ตามระบอบประชาธิปไตยประชาชนทุกคนมีสิทธิและเสรีภาพ ตามรัฐธรรมนูญไทยที่ได้บัญญัติและคุ้มครองประชาชน แต่การทำตามหน้าที่ก็มีส่วนสำคัญในการ ดำเนินชีวิต รวมไปถึงการเคารพสิทธิและเสรีภาพของผู้อื่น แต่ภาพสะท้อนสังคมในปัจจุบันสังคมยัง ไม่ให้ความสำคัญในหน้าที่ของตนเองที่ต้องปฏิบัติ แต่สังคมกลับมองแค่เรื่องสิทธิและเสรีภาพของ ตนเอง ทั้งยังเกิดการเรียกร้องสิทธิและเสรีภาพ รวมไปถึงความเท่าเทียมของคนในสังคม ถือเป็นเรื่อง ที่ดีและน่ายกย่อง หากสังคมปฏิบัติตามกฎของสังคมทั้งการอยู่ร่วมกันหรือการแสดงพฤติกรรมต่างๆ ออกมา


184 ตัวอย่างที่37 ยายก็เข้าร่วมการชุมนุมต่อต้านอดีตผู้นำที่กลับเข้ามาในประเทศ จนได้รู้จักกับตาซึ่งเป็นทหาร ชั้นประทวนที่เข้ามารักษาความสงบในเมืองหลวง ตอนนั้นยายตั้งแง่กับทหารไว้มาก ตาต้องคอยชี้แจง ให้ยายเข้าใจผู้ที่ต้องปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา ความเห็นของยายกับตาเป็นไปคนละทิศละทางอยู่ นาน แต่เมื่อแต่งงานกันแล้ว ยายก็ละเว้นทุกประเด็นที่จะทำให้เกิดรอยร้าว จนพัฒนาไปสู่การคล้อย ตามในที่สุด ยายจึงหลีกเลี่ยงกิจกรรมทางการเมือง เว้นแต่ว่าจะมีการเลือกตั้งยายชอบฟังการปราศรัย และไปใช้สิทธิ์ทุกครั้ง (คำสั่งจากดวงวิญญาณ: 78) จะเห็นได้ว่า ภาพสะท้อนสิทธิและเสรีภาพของประชาชนในการเรียกร้องสิทธิและ เสรีภาพเพื่อสะท้อนการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ รวมไปถึงการต่อต้านรัฐบาลในการกระทำเพื่อเป็น เครื่องบ่งบอกถึงปัญหาของประชาชนและสังคมที่กำลังเกิดขึ้น แต่เจ้าหน้าที่รัฐกลับมองการแสดงออก ของประชาชนถือเป็นเรื่องร้ายแรงของประเทศที่ส่งผลกระทบไปสู่ความมั่นคงของประเทศ จนต้องใช้ ทหารที่ได้ชื่อว่าเป็นรั่วของชาติและเป็นผู้รักษาความสงบของสังคมและประเทศชาติ กลับกลายเป็นว่า ทหาร ตำรวจเข้ามาจัดการกับประชาชนที่ออกมาเรียกร้องสิทธิและเสรีภาพ รวมไปถึงการทำหน้าที่ ของประชาชนคนหนึ่งในฐานะพลเมืองคนหนึ่งเพื่อแสดงออกจุดยืนของสังคม กลับต้องเจอกับความ รุนแรงจากการสลายการชุมนุมหรือการสร้างความแตกแยกจากการจัดการปัญหาของเจ้าหน้าที่รัฐ การใช้สิทธิในการเรียกร้องและต่อต้านการทำงานของรัฐหรือการแสดงปัญหาเพื่อให้รัฐบาลได้หันมา มอง ถือเป็นเรื่องที่พึงกระทำได้ตามระบอบประชาธิปไตย ดังนั้น การชุมนุมเพื่อเรียกร้องสิทธิและเสรี ของประชาชนเป็นเรื่องกระทำได้ และเจ้าหน้าที่รัฐควรปฏิบัติต่อประชาชนอย่างรอบคอบพร้อมทั้งไม่ ควรใช้ความรุนแรงกับประชาชน ต้องใช้สันติวิธีในการจัดการปัญหา ตัวอย่างที่38 “แม่เคยบอกหนูไม่ใช่เหรอว่า บ้านเราอยู่กันอย่างประชาธิปไตย แม่จะไม่เอาตัวเองเป็นใหญ่ ทุกคน มีสิทธิ์มีเสียงเท่ากันในบ้านหลังนี้ งั้นก็แสดงความเป็นประชาธิปไตยกันตอนนี้เลย ใครคิดว่า ควรปล่อยเจ้าดำออกไปเพราะเชื่อว่ามันคือแมวดำที่นำความโชคร้ายมาให้ ขอให้ยกมือขึ้น ” ฉันเลือกใช้คำถามแบบนี้ เพราะรู้ดีว่าทั้งพี่หนึ่งกับสามเห็นตรงกับฉัน แต่ถ้าจะให้เลือกยกมือแสดงตน


185 ว่าอยู่คนละฝั่งกับแม่โต้งๆ ก็คงไม่กล้าทั้งสองคนนั่งนิ่งด้วยสีหน้าอิหลักอิเหลื่อ แต่ก็ไม่มีใครยกมือขึ้น เพราะนั่นจะเท่ากับว่าตัวเองมีส่วนในการส่งลูกแมวออกไปสู่ความตาย (แมวดำตัวนั้น: 162) จะเห็นได้ว่า ภาพสะท้อนการใช้สิทธิและเสรีภาพของตนเองทั้งในครอบครัวหรือสังคม ถือเป็นหน้าที่สำหรับทุกคนต้องปฏิบัติ พร้อมทั้งเคารพสิทธิและเสรีภาพของผู้อื่น การใช้ระบอบ ประชาธิปไตยในสังคมถือเป็นเรื่องที่ดี แต่การใช้หลักเสียงส่วนมากในการตัดสินใจต้องคำนึงถึงเหตุ และผลของทุกฝ่ายทั้งฝ่ายเห็นด้วยและฝ่ายคัดค้านเพื่อให้เกิดเสถียรภาพในการบริหารจัดการปัญหา ในสังคมและประเทศชาติ การใช้เสียงส่วนมากในการตัดสินใจของครอบครัวถือเป็นภาพสะท้อนการใช้ หลักประชาธิปไตยที่ทุกคนมีสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกทางความคิดหรือแสดงออกเพื่อให้รับรู้ ว่าจุดยืนของตนเองเป็นอย่างไร แต่หากเสียงส่วนมากของคนส่วนใหญ่สร้างความเดือดร้อนหรือความ เสียหายให้กับสังคมอรือประเทศก็ไม่ควรใช้กฎเสียงส่วนมากในการเป็นข้ออ้าง แต่ควรรับฟังเสียงของ ประชาชนที่จะโดนผลกระทบที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งหาวิธีสันติในการแก้ปัญหาอย่างรอบครอบและไม่ สร้างความขัดแย้ง ตัวอย่างที่39 แต่ในเวลาไม่นาน กลุ่มคนดีผู้มีแนวคิดก็ได้ร่วมกันปฏิรูปกระบวนการเลือกตั้งขึ้นมาใหม่ ซ่อมแซมรอยร้าวของสังคม ปฏิวัติระบบเดิมที่มีเพียงการกำหนดคุณสมบัติของผู้ลงสมัครชิงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีมาเป็นการใช้กระบวนการคัดสรรที่เรียกว่า “โปรแกรมการคัดสรรคนดี” (The Selection : อุปกรณ์คัดแยกมนุษย์: 214) จะเห็นได้ว่า ภาพสะท้อนการใช้เทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการใช้จัดการเลือกตั้ง เพื่อคัดสรรคนที่มีความรู้คู่คุณธรรม พร้อมทั้งแสดงให้เห็นว่านักการเมืองที่เข้ามาเป็นตัวแทนของ ประชาชนในการแก้ปัญหาสังคมและประเทศชาติ ไม่สามารถฟังหรือดูจากคำพูด บุคลิกภาพหรือ นโยบายของพรรคการเมืองที่เป็นเครื่องบ่งบอกถึงความบริสุทธิ์ของการรับเลือกเป็นตัวแทนของ ประชาชน การใช้เทคโนโลยีหรือนวัตกรรมใหม่ที่ถูกพัฒนาขึ้น รวมไปถึงการควบคุมการใช้โดย ผู้เชี่ยวชาญในการแสดงสะท้อนจิตใจของนักการเมืองในการคัดสรรผู้ที่สมควรต่อการรับเลือกของ ประชาชนถือเป็นการบูรณาการที่ควรใช้ในการคัดสรรตัวแทนก่อนการเลือกตั้งเพื่อให้ประชาชนได้รู้ว่า


186 ผู้ใดสมควรแก่การเลือกเพื่อเป็นตัวแทนในการเข้าไปสู่ระบบสภาต่อการแก้ปัญหาของสังคมและ ประเทศชาติ พร้อมทั้งยังเป็นตัวแทนในการเป็นผู้นำพัฒนาประเทศชาติ ดังนั้น ภาพสะท้อนการใช้ เทคโนโลยีเข้ามช่วยในการคัดสรรคนดีก่อนการเลือกตั้ง ถือเป็นสิทธิและเสรีภาพของตัวบุคคลของ นักการเมืองและประชาชนที่จะได้รับความรู้และข้อมูลของนักการเมือง เพื่อทำตามหน้าที่ของ ประชาชนในการใช้สิทธิการเลือกตั้งในการหาผู้แทนและผู้นำประเทศ 4.3.2.2 ภาพสะท้อนความขัดแย้งหรือความแตกต่างด้านอุดมการณ์ของบุคคลทาง สังคม ภาพสะท้อนเกี่ยวกับความขัดแย้งหรือความแตกต่างด้านอุดมการณ์ของบุคคลทาง สังคม แน่นอนว่าเมื่อมีการอยู่ร่วมกันของคนในสังคมแบบประชาธิปไตยย่อมมีแนวคิดหรือทัศนคติที่ แตกต่างกันของคนในสังคม เนื่องจากประชาชนทุกคนมีสิทธิและเสรีภาพในการคิดและแสดงออกโดย การกระทำนั้นต้องไม่ขัดต่อกฎหมาย จึงเกิดความคิดที่แตกต่างกันไปตามความเชื่อของตนเอง ความคิดที่แตกต่างไม่ใช่เรื่องที่ผิดในสังคมประชาธิปไตยแต่ความขัดแย้งทางอุดมการณ์ที่นำไปสู่ความ รุนแรงที่เกิดขึ้นในสังคม ถือเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น ความขัดแย้งของสังคมควรใช้วิธีอย่างสันติในการ ตกลงหรือทำความเข้าใจซึ่งกันและกันเพื่อให้เกิดความเคารพสิทธิและเสรีภาพของคนในสังคมในการ อยู่ร่วมกัน สังคมจะต้องอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขภายใต้กฎหมายเพื่อให้ทุกคนได้เข้าใจและปฏิบัติตาม หน้าที่ของตนเองตามกฎหมายที่พึ่งปฏิบัติ ตัวอย่างที่40 กรณีขวดเหล้าปากระจกรถได้กลายเป็นชนวนความบาดหมางระหว่างสองบ้าน ลุกลามไปถึง เรื่องอื่นๆ ในชีวิตประจำวัน อะไรที่หมั่นไส้ แต่ไม่เคยพูดให้ต้องกินแหนงแคลงใจกัน ต่างฝ่ายต่างก็ แสดงออกให้เห็นอย่างชัดเจนไปเลยว่าไม่ชอบ ไม่พอใจ วงเหล้าท้ายซอยยังคงปักหลักอยู่ แต่เมื่อใดก็ ตามที่เสียงดัง หรือกินกันจนดึกดื่นไม่เลิกรา ตำรวจก็จะมาเตือน เป็นอันรู้กันว่าบ้านเราโทรศัพท์ไป แจ้ง ไม่จำเป็นต้องรักษาน้ำใจกันอีกต่อไป ความร้าวฉานค่อยๆ ฟักตัวขึ้นกลายเป็นความเกลียดชังและ นำไปสู่การแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ฝ่ายหนึ่งคือบ้านเรา ส่วนบ้านอื่นที่เหลือเป็นฝ่ายอนันต์ (ซอยตัน: 56) จะเห็นได้ว่า ภาพสะท้อนของสังคมที่เกิดขึ้นมาจากความความคิดที่แตกต่างของคนใน สังคม พร้อมทั้งยังแสดงออกถึงจุดยืนของบุคคลในสังคมต่อปัญหาหรือเหตุการณ์นั้น เพื่อสะท้อน


187 ปัญหาและทัศนคติมุมมองของตนเอง เพื่อให้เกิดการแก้ไข้ปัญหา ด้วยเหตุนี้เองความแตกต่างของ ความคิดนำไปสู่งความขัดแย้งของสังคมที่บานปลายจนกลายเป็นการแบ่งพรรคแบ่งพวกเพื่อร่วมกัน แสดงออกถึงจุดยืนและอุดมการณ์ของฝ่ายตนเอง ภาพสะท้อนความขัดแย้งของบุคคลในสังคมถือเป็น เครื่องแสดงให้เห็นถึงปัญหาของประชาชนที่หาทางออกไม่ได้ แต่หากประชาชนเข้าใจและมีความรู้ ในการอยู่ร่วมกันของคนในสังคมและเคารพสิทธิและเสรีภาพของผู้อื่น ย่อมไม่เกิดความขัดแย้งที่อาจ นำไปสู่ความรุนแรง ดังนั้น การอยู่ร่วมกันของคนในสังคมต้องมีกฎกติกาที่ชัดเจน ทุกคนในสังคมต้อง เคารพและปฏิบัติหน้าที่ตามกฎ พร้อมทั้งเรียนรู้การอยู่ร่วมกันของคนในสังคม เพื่อให้สังคมไม่เกิด ความขัดแย้ง หากเกิดความคิดที่แตกต่างก็ต้องเคารพความคิดของผู้อื่น ตัวอย่างที่41 เทปลากัดลายธงชาติตกเกรดทั้งตัวผู้และตัวเมียลงตรงชายบ่อ สิ่งแรกที่เห็นคือพวกมันลอยตัว นิ่งๆ อย่างสับสนกับสภาพแวดล้อมไม่คุ้นเคย ทว่าเพียงอึดใจเดียวปลากัดคัดทิ้งส่วนใหญ่เริ่มพองครีบ กางเหงือกว่ายรี่เข้าหากัน จากนั้นเริ่มต่อสู้โรมรันกันพัลวัน บ้างจับคู่กัดกันเพียงสองตัว บ้างรวมกลุ่ม กัดกันเป็นกล่มใหญ่สามหรือสี่ตัวขึ้นไป ปลากัดตัวผู้บางคู่งับริมฝีปากของกันและกันติดค้าแน่นิ่งราว กับจะยอมคลายเขี้ยว เมื่ออีกฝ่ายดับดิ้นแล้วเท่านั้น แม้แต่ปลาตัวเมียในบ่อรวมซึ่งเคยอยู่ร่วมกัน เมื่อถูกปล่อยลงน้ำใหม่ก็กลายเป็นปลาแปลกหน้าว่ายไล่กัดกัน (ปลากัดลายธงชาติ: 74) จะเห็นได้ว่า ภาพสะท้อนความขัดแย้งเกิดขึ้นในทุกสังคมทุกเมื่อเป็นภาพสะท้อนปัญหา ของสังคมที่เกิดขึ้น ทั้งยังเป็นเครื่องบ่งบอกให้เห็นว่าทุกสังคมมีความแตกต่างไม่ว่าจะเป็นรูปร่าง หน้าตาหรือฐานะของสังคมที่มีความไม่เหมือนกัน รวมไปถึงทัศนคติของประชาชนที่มีการเรียนรู้และ ได้รับการปลูกฝังต่างกันไปจนกลายเป็นอุดมการณ์ของประชาชน การแตกต่างของความคิดย่อมส่งผล ไปสู่ความขัดแย้งของสังคม แต่ความแตกต่างนั้นมักมีผลกระทบจนเป็นความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยทั้งสองฝ่ายอาจต้องพบกับความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น ภาพสะท้อนของความแตกต่างและความ ขัดแย้งของคนในสังคมมีหลากหลายรูปแบบทั้งความขัดแย้งด้านความคิด ทัศนคติหรือการใช้ความ รุนแรงในสังคม ดังนั้น ภาพสะท้อนในความแตกต่างจนนำไปสู่ความขัดแย้งในสังคม มักเกิดขึ้นอยู่ เสมอแต่หากคนในสังคมไม่ใช้เหตุและผลตามกฎ กติการการอยู่ร่วมกันในสังคม และแก้ปัญหาด้วย การใช้ความรุนแรง ย่อมส่งผลกระทบต่อประชาชนไม่มากก็น้อย หากสังคมรู้จักเคารพกฎและปฏิบัติ หน้าที่ตามพลเมืองของสังคม ความรุนแรงจะไม่เกิดขึ้นและสังคมย่อมสงบสุข


188 ตัวอย่างที่ 42 ของทุกชิ้นเธอนำไปให้กับผู้ถูกกักกันที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง หากเป็นผม ผมจะ ช่วยเหลือคนในก่อนคนนอกเสมอ คนไทยที่ยังเดือดร้อนมีแทบทุกซอกซอยทุกครั้งที่พูดเรื่องนี้ เราเป็น ต้องมีปากเสียงกัน และจบลงด้วยการไม่มองหน้ากันเป็นสัปดาห์ (เช้าวันอาทิตย์ที่แสนเศร้า: 113) จะเห็นได้ว่า ภาพสะท้อนของสังคมในการใช้อุดมการณ์ของประชาชนที่มีความแตกต่าง กัน เนื่องจากแต่ละบุคคลย่อมมีความแตกต่างด้านความคิด การเรียนรู้และการปลูกฝังของ สภาพแวดล้อมย่อมมีผลต่อทัศนคติ ค่านิมยม รวมไปถึงอุดมการณ์ ความแตกต่างของคนในสังคม เกิดขึ้นเพื่อให้รู้ว่ายังคงมีปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นและมีความรุนแรงภายในสังคม จนกลายเป็น สังคมที่ทุกคนต่างใช้สิทธิและเสรีภาพของตนเองในการใช้เป็นข้ออ้างในการกระทำหรือแสดงออกทาง ความคิดโดยไม่คำนึงถึงกฎการอยู่ร่วมกัน การใช้สิทธิและเสรีภาพของตนเองตามระบอบ ประชาธิปไตยเป็นเรื่องดีแต่การไม่ยอมรับฟังเหตุและผลของคนอื่นย่อมส่งผลต่อการอยู่ร่วมกัน ดังนั้น ภาพสะท้อนความแตกต่างทางความคิดของคนในสังคม จนกลายเป็นความขัดแย้งในสังคม ต้อง ยอมรับและเคารพสิทธิและเสรีภาพของผู้อื่นโดยไม่ใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อรักษา ความสงบสุขทั้งยังเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยที่ใช้เป็นหลักการการอยู่ร่วมกันของสังคม และ ประเทศ สังคมจึงจะเกิดความสามัคคี พร้อมทั้งดำเนินไปได้อย่างมุคุณภาพ


189 ภาพสะท้อนทางสังคมที่ปรากฏในวรรณกรรมเรื่องสั้นรางวัลพานแว่นฟ้า ปี พ.ศ.2562 สามารถสรุปได้ดังตารางต่อไปนี้ ตารางที่ 14 ตารางสรุปผลการวิเคราะห์ ที่ เรื่องสั้น วรรณกรรมรางวัลพานแว่นฟ้า ปี พ.ศ.2562 จำนวน 13 เรื่อง ภาพสะท้อนเกี่ยวกับการเมือง ภาพสะท้อนเกี่ยวกับสังคม ภาพ สะท้อน อำนาจทาง การเมือง หรือ พฤติกรรม ทาง การเมือง ภาพสะท้อน การมีส่วน ร่วมทางการ เมือง ภาพ สะท้อน ความ ขัดแย้งหรือ ความ แตกต่าง ด้าน อุดมการณ์ ของบุคคล ทาง การเมือง ภาพสะท้อน สิทธิและหน้าที่ พลเมือง ภาพ สะท้อน ความ ขัดแย้ง หรือความ แตกต่าง ด้าน อุดมการณ์ ของบุคคล ทางสังคม 1 โลกที่เราทิ้งไว้ข้าง หลัง - - - - 2 ซอยตัน - - - - 3 ปลากัดลายธงชาติ - - - - 4 คำสั่งจากดวง วิญญาณ - - - - 5 คำอธิบายรายวิชา - - - - 6 เช้าวันอาทิตย์ที่ แสนเศร้า - - - - 7 บนรอยต่อของ เปลือกโลก - - - - 8 แผนลดน้ำหนักครู ดาวเรือง - - - -


190 ตารางที่ 14 ตารางสรุปผลการวิเคราะห์(ต่อ) ที่ เรื่องสั้น วรรณกรรมรางวัลพานแว่นฟ้า ปี พ.ศ.2562 จำนวน 13 เรื่อง ภาพสะท้อนเกี่ยวกับการเมือง ภาพสะท้อนเกี่ยวกับสังคม ภาพ สะท้อน อำนาจทาง การเมือง หรือ พฤติกรรม ทาง การเมือง ภาพสะท้อน การมีส่วน ร่วมทางการ เมือง ภาพ สะท้อน ความ ขัดแย้งหรือ ความ แตกต่าง ด้าน อุดมการณ์ ของบุคคล ทาง การเมือง ภาพสะท้อน สิทธิและหน้าที่ พลเมือง ภาพ สะท้อน ความ ขัดแย้ง หรือความ แตกต่าง ด้าน อุดมการณ์ ของบุคคล ทางสังคม 9 แมวดำตัวนั้น - - - 10 เสรีสิบสี่เส้น บรรทัด - - - - 11 อำนาจ - - - - 12 โอรังอัสลีกับผีร้าย แห่งเทือกเขา บรรทัด - - - - 13 The Selection : อุปกรณ์คัดแยก มนุษย์ - - - รวม 6 เรื่อง - 1 เรื่อง 3 เรื่อง 5 เรื่อง จากตารางข้างต้น ภาพสะท้อนการเมืองและสังคมที่ปรากฏในวรรณกรรมเรื่องสั้น รางวัลพานแว่นฟ้าปี พ.ศ.2562 นั้นมีทั้งหมด 4 ประเด็น ดังนี้ ภาพสะท้อนเกี่ยวกับการเมือง 2 ประเด็น ได้แก่ ภาพสะท้อนเกี่ยวกับการใช้อำนาจทางการเมืองหรือพฤติกรรมทางการเมือง และ ภาพสะท้อนเกี่ยวกับความขัดแย้งหรือความแตกต่างด้านอุดมการณ์ของบุคคลทางการเมือง พร้อมทั้ง


191 ยังมีภาพสะท้อนทางสังคม 2 ประเด็น ได้แก่ ภาพสะท้อนเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่พลเมืองและภาพ สะท้อนเกี่ยวกับความขัดแย้งหรือความแตกต่างด้านอุดมการณ์ของบุคคลทางสังคม โดยประกอบไป ด้วยเรื่องสั้นทั้งหมด จำนวน 13 เรื่อง ภาพสะท้อนการเมืองและสังคมที่ปรากฏในวรรณกรรมเรื่องสั้นรางวัลพานแว่นฟ้า ปีพ.ศ. 2562 ทั้งหมด 13 เรื่อง ทำให้เห็น การใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่รัฐตั้งแต่ในระดับท้องถิ่นจนไปถึงการใช้ สูงสุดผ่านรัฐบาล รวมไปถึงการใช้อำนาจรัฐประหารโดยอำนาจทางการทหารผ่านการอ้างข้ออ้าง ความมั่นคงของชาติ การใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่รัฐต่อประชาชนและสังคมนั้น ส่งผลให้เกิดปัญหาและ ผลกระทบหลากหลายด้าน อาทิ การสร้างความเสียหายให้กับสิ่งแวดล้อม ความเป็นอยู่ของประชาชน ความขัดแย้งของคนในสังคม ทั้งยังเห็นความขัดแย้งหรือความแตกต่างด้านอุดมการณ์ของบุคคลทาง การเมือง ที่เป็นผู้นำอุดมการณ์ทางการเมืองของประชาชนโดยการใช้นโยบายหรือการแสดงออกถึง จุดยืนเพื่อให้ประชาชนเป็นผู้สนับหนุน แต่ในแง่มุมหนึ่งก็ถือเป็นการใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือทาง การเมืองเพื่อให้ประชาชนได้เชื่อในอุดมการณ์ของตนเอง แต่หลังจากการได้รับเป็นตัวแทนของ ประชาชนกลับไม่ทำตามเจตนารมณ์ของสังคมจนกลายเป็นความขัดแย้งของประชาชนและบุคคล ทางการเมืองที่ใช้นโยบายเป็นตัวหลอกให้ประชาชนหลงเชื่อ ทั้งยังเห็นถึงภาพสะท้อนการใช้สิทธิและ หน้าที่พลเมืองในสังคม เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพของตนเองตามระบอบประชาธิปไตยในการคุม ครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน แต่การใช้สิทธิและเสรีภาพตามหน้าที่ของพลเมืองในสังคมต่อ การเรียกร้องสิทธิและเสรีภาพ รวมไปถึงการสะท้อนปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมกลับกลายเป็นความ เสียหายที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศจนถูกดำเนินคดี และยังเห็นภาพสะท้อนความ ขัดแย้งหรือความแตกต่างด้านอุดมการณ์ของบุคคลทางสังคมที่มีความแตกต่างทางความคิดหรือการ แสดงออกทางความคิด พร้อมทั้งยังไม่เคารพสิทธิและเสรีของตนเองในการใช้สิทธิตามรัฐธรรม แต่ สังคมกลับละเลยการยอมรับและรับฟังเหตุและผลของผู้อื่นเพื่อหาขอยุติของปัญหา ทั้งยังจะสามารถ เป็นเครื่องที่ทำให้สังคมเกิดความสงบสุขและอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ ภาพสะท้อนที่เกิดขึ้นเป็นเพียงปัญหาส่วนหนึ่งที่เกิดขึ้นในสังคมโดยผ่านการสะท้อนมุมมอง ผ่านเรื่องสั้น เพื่อให้เห็นถึงปัญหา เหตุการณ์ รวมไปถึงความขัดแย้งที่เกอดขึ้นในช่วงปีพ.ศ.2562 หาก เจ้าหน้าที่รัฐรับฟังปัญหาของประชาชนและพร้อมที่จะแก้ปัญหาของประชาชนอย่างจริงจัง พร้อมมี ความซื่อสัตย์ต่อประชาชน ประเทศชาติคงจะเกิดการพัฒนาและเกิดความสงบสุขอย่างประเทศที่ได้ ชื่อว่าระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอย่างแท้จริง


192 4.4 ภาพสะท้อนทางสังคมที่ปรากฏในวรรณกรรมเรื่องสั้นรางวัลพานแว่นฟ้า ประจำปี 2563 4.4.1 ภาพสะท้อนที่เกี่ยวกับการเมือง 4.4.1.1. ภาพสะท้อนการใช้อำนาจทางการเมืองหรือพฤติกรรมทางการเมือง ภาพสะท้อนการใช้อำนาจทางการเมือง เป็นการใช้อำนาจจากฝ่ายบริหาร นั่นคือ รัฐบาล ที่มีส่วนสำคัญในการออกกฎหมาย รวมไปถึงนโยบายต่างๆ เพื่อให้ประชาชนทั้งประเทศได้ ยอมรับและปฏิบัติตามกฎหมาย โดยออกกฎหมายผ่านสภาผู้แทนราษฎรกั่นกรองโดยวุฒิสภา การ ประกาศใช้กฎหมายหรือการประกาศใช้รัฐธรรมนูญที่เป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศอันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเป็นไปกระบวนการตามระบอบประชาธิปไตยที่เป็นระบอบการ บริหารและการปกครองของประเทศไทย แต่หากการใช้อำนาจทางการเมืองของรัฐบาลมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ หรือมีความยุติธรรม ความขัดแย้งและความรุนแรงคงไม่เกิดขึ้น การใช้อำนาจทาง การเมืองที่นำมาสู่พฤติกรรมทางการเมืองโดยการประกาศใช้รัฐธรรมนูญนั้น เป็นการร่างกฎหมายผ่าน อำนาจรัฐบาลจากการทำรัฐประหาร จนนำไปสู่การประกาศใช้กฎหมายรัฐธรรมนูญเพื่อสืบทอด อำนาจรัฐบาลทหารที่มีส่วนในการฉีกรัฐธรรมนูญและแต่งตั้งตนเองขึ้นเป็นรัฐบาลในการเป็นผู้บริหาร และปกครองประเทศ การใช้อำนาจของรัฐบาลเป็นพฤติกรรมทางการเมืองที่ประชาชนยากที่จะคอย รับมือ เนื่องจากการร่างรัฐธรรมนูญโดยไม่มีฝ่ายประชาชนเข้าไปร่างกฎหมายเพื่อประกาศใช้ในการ บริหารและปกครองประเทศนั้นถือเป็นระบอบเผด็จการที่แฝงอยู่ในเงามืดของประชาธิปไตย โดยอ้าง การรักษาความสงบภายใยประเทศ หรือรวมไปถึงการถ่วงเวลาในการประกาศใช้รัฐธรรมนูญเพื่อให้ ฝ่ายของตนได้มีอำนาจและควบคุมประชาชนภายในประเทศได้อย่างเบ็ดเสร็จ ตัวอย่างที่43 “อาจจะอยู่ในรูสักแห่งใต้พุ่มไม้” หัวหน้าหน่วยเคลื่อนที่สันนิษฐานเอาไว้ “ในหลุมใต้พื้นบ้าน ก็น่าสงสัย” คนกลุ่มนั้นนั่งรออย่างเงียบเชียบข้างหมู่บ้าน เหมือนอสุรกายรอให้เหยื่อชะล่าใจ เมื่อแน่ใจว่าการข่มขู่กดดันไม่ได้ผล จึงตามมาด้วยการล้อมปราบผู้ร้ายที่ไม่มีอยู่จริง ทุกคนที่นั่น ยังจดจำแสงไฟฉายวิบวับที่สาดส่องไปทั่วกับเสียงปืนกราดยิงคำรามลั่น มันก้องไปมานับสิบนาที และให้รสขมปร่าในลำคอทุกครั้งที่ผุดขึ้นมาในความทรงจำ หมู่บ้านทุรกันดารถูกทำลาย


193 แทบจะย่อยยับในค่ำคืนนั้น สิ่งปลูกสร้างและข้าวของเครื่องใช้เก่าๆ แทบไม่เหลือสภาพใช้งาน แม้ดู ไม่มีราคามากมาย แต่มันก็บรรจุความทรงจำยาวนานตั้งแต่บางคนจำความได้ (สิ่งที่รออยู่หลังเส้นชัย: 28) จะเห็นได้ว่า ภาพะท้อนการใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่รัฐกับประชาชนยังคงเกิดขึ้นในสังคม โดยใช้อำนาจที่ไม่ได้รับความยินยอมจากประชาชนหรือเป็นการใช้อำนาจที่ผิด รวมไปถึงหาร ปฏิบัติงานอย่างมิชอบด้วยกฎหมาย เนื่องด้วยการพกอาวุธหริการตรวจเหตุการณ์หรือสถานที่สงสัย ต้องได้รับอนุญาตจากศาล และได้รับความยินยอมจากประชาชน การใช้อำนาจทางการเมืองหรือใช้ อำนาจในทางมิชอบต่อประชาชนเป็นการสร้างความเสียหายและสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน ที่อยู่ถิ่นทุรกันดาร ทั้งยังเป็นการใช้อำนาจเพื่อหวังผลประโยชน์ให้กับตนเอง พร้อมทั้งเป็นการรังแก ประชาชาชนที่ไม่มีทางสู้หรือเรียกร้องสิทธิและเสรีภาพของตนเองได้อย่างเท่าเทียม ดังนั้น การใช้ อำนาจทางการเมืองของเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อหวังผลประโยชน์จากการทำงาน ส่อให้เห็นถึงพฤติกรรมที่ใช้ ในการข่มเหงประชาชนผู้ไม่มีทางสู้และไม่มีอำนาจมากพอที่จะต่อต้านการทำงานของเจ้าหน้าที่ได้ ตัวอย่างที่ 44 เคยได้ยินแกโม้กับคนในซอยว่าเป็นทหารผ่านศึก แต่ดูจากสภาพแล้วน่าจะไปเหยียบอะไรเข้า จนแผลเน่าต้องตัดขาทิ้งเสียมากกว่า แกเป็นคนเก็บขยะในซอยข้างๆ (พลเมืองดี: 43) จะเห็นได้ว่า ภาพสะท้อนพฤติกรรมทางการเมืองที่เจ้าหน้าที่รัฐปล่อยปะละเลยผู้ที่เคย เป็นทหารผ่านศึกหรือผู้ที่เคยออกไปปกป้องประเทศ กลับกลายต้องเผชิญกับความยากจนและไม่ได้รับ สวัสดิการของรัฐอย่างเต็มที่ อีกทั้งยังไม่ได้รับการดูแลจากเจ้าหน้าที่รัฐในเรื่องปัจจัยพื้นฐาน หรือสิทธิ คุ้มครองผู้เสียสละให้กับประเทศ พร้อมทั้งขาดการเยียวยาจากภาครัฐ ภาพสะท้อนการทำงานของ เจ้าหน้าที่รัฐยังสะท้อนการใช้อำนาจทางการเมืองในตอนที่ประเทศหรือบ้านเมืองกำลังเผชิญกับ สงครามรัฐบาลใช้นโยบายหรือกฎหมายในการสั่งการให้เกณฑ์ผู้คนไปเป็นทหารทั้งยินยอมและ ไม่ยินยอม เป็นการใช้อำนาจทางการเมืองของเจ้าหน้าที่รัฐต่อประชาชนที่ไม่รู้เรื่องราวใดๆ ดังนั้น ภาพสะท้อนพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่รัฐในการปล่อยปะละเลยการปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติ


Click to View FlipBook Version