The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

“ความพิการที่เหมือนจะทำให้ชีวิตพลิกผันนี้กลับทำให้เธอได้พบโลกใหม่ที่สวยงามกว่าเดิม”
“หลังฝนโปรย” เรื่องราวชีวิตของเด็กหญิงคนหนึ่งที่เปลี่ยนไปเพราะต้อง กลายเป็นเด็กพิการในชั่วข้ามคืน สิ่งนี้ทำให้เธอเอาแต่มองโลกในแง่ร้าย และปิดกั้นตัวเองจากโลกภายนอก จนกระทั่งวันหนึ่งที่เธอได้ย้ายกลับมาอยู่ บ้านเกิดที่ต่างจังหวัด และได้พบกับลูกพี่ลูกน้องที่รู้สึกไม่ชอบหน้าตั้งแต่ ครั้งแรกที่เจอ แต่ไป ๆ มา ๆ เขากลับกลายเป็นคนที่ค่อย ๆ พาเธอออก ไปสู่โลกกว้าง และเรียนรู้อะไรมากมาย ไม่ว่าจะเป็นความรักความเข้าใจใน ครอบครัว มิตรภาพระหว่างเพื่อน หรือการใช้ชีวิต
...และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงในชีวิตเด็กหญิงอีกครั้ง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Sasaporn Kaewphakwaen, 2022-06-16 10:33:27

หลังฝนโปรย

“ความพิการที่เหมือนจะทำให้ชีวิตพลิกผันนี้กลับทำให้เธอได้พบโลกใหม่ที่สวยงามกว่าเดิม”
“หลังฝนโปรย” เรื่องราวชีวิตของเด็กหญิงคนหนึ่งที่เปลี่ยนไปเพราะต้อง กลายเป็นเด็กพิการในชั่วข้ามคืน สิ่งนี้ทำให้เธอเอาแต่มองโลกในแง่ร้าย และปิดกั้นตัวเองจากโลกภายนอก จนกระทั่งวันหนึ่งที่เธอได้ย้ายกลับมาอยู่ บ้านเกิดที่ต่างจังหวัด และได้พบกับลูกพี่ลูกน้องที่รู้สึกไม่ชอบหน้าตั้งแต่ ครั้งแรกที่เจอ แต่ไป ๆ มา ๆ เขากลับกลายเป็นคนที่ค่อย ๆ พาเธอออก ไปสู่โลกกว้าง และเรียนรู้อะไรมากมาย ไม่ว่าจะเป็นความรักความเข้าใจใน ครอบครัว มิตรภาพระหว่างเพื่อน หรือการใช้ชีวิต
...และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงในชีวิตเด็กหญิงอีกครั้ง

Keywords: วรรณกรรม,คนพิการ,เด็ก

หลังฝนโปรย

เรอื่ งและภาพ : ศศพร แก้วผกั แว่น
วรรณกรรมเยาวชน แนวสมจรงิ สำหรับเด็ก ๑๒ ปขี ้นึ ไป
ต้นฉบบั วรรณกรรมสำหรบั เดก็ นพิ นธ์ ประจำปีการศกึ ษา ๒๕๖๔
ผลงานสรา้ งสรรคใ์ นรายวิชา วด ๔๕๑ ภาคนพิ นธท์ างวรรณกรรมสำหรับเดก็
หลกั สตู รศลิ ปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาวรรณกรรมสำหรบั เด็ก
ศูนย์การศึกษาระดบั ปริญญาตรี คณะมนษุ ยศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ



สารบัญ ๙
๑๓
บทนำ ๒๐
๑. คนื ฝนโปรย ๓๒
๒. วันทีฟ่ ้าสเี ทา ๔๑
๓. หัวใจท่ีบอบชำ้ ๔๘
๔. ทางเดนิ ใหม่ ๕๖
๕. แผลทย่ี งั ไม่จางหาย ๖๗
๖. แผนล่อเสอื ออกจากถำ้ ๗๗
๗. ท้องฟ้าเปลย่ี นสี ๘๖
๘. เพยี งหนงึ่ ยมิ้ ๙๔
๙. ฝนต้ังเคา้ ๑๐๒
๑๐. ฝนโปรยอีกครั้ง ๑๑๑
๑๑. เอกซเรย์ใจ ๑๒๔
๑๒. หวั ใจนำทาง ๑๓๑
๑๓. ไฟไหม้ไมไ่ หมใ้ จ ๑๓๘
๑๔. ตกตะกอนความคิด ๑๔๕
๑๕. เร่มิ ใหม่อีกคร้ัง ๑๕๔
๑๖. กฬี าสกี ฬี าใจ ๑๕๘
๑๗. สะพานสายรุ้ง
บทส่งท้าย



แด่ พี่ชาย ของฉนั
และ

เดก็ นอ้ ยผู้มีหัวใจท่ีงดงามทกุ คน



บทนำ

บรรยากาศยามค่ำฉ่ำชื้นไปด้วยสายฝนที่โปรยปราย สายลมเย็นพัดผ่านเข้ามา
ทางหน้าตา่ งไม้ท่เี ปดิ ไว้เพ่อื ระบายอากาศในห้องนอน

“แม่ขา…” หนูน้อยซึ่งม้วนตัวอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนา ส่งเสียงเรียกเมื่อเห็น
แมข่ องตนเดนิ เขา้ มาในหอ้ ง

“ว่าไงจ๊ะ” น้ำเสียงอ่อนโยนตอบพร้อมกับกระชับอ้อมกอดคนตัวเล็ก
ทนั ทที ถี่ ูกโถมตัวเขา้ ใส่

“วนั นฝี้ นตกท้งั วนั หนูไม่ชอบเลยคะ่ ”
“ทำไมละ่ จ๊ะ”
“เพราะมนั ทำให้หนูอดไปเลน่ ข้างนอกน่ะสิคะ!”
หญิงสาวเพียงยิ้มอยา่ งเอ็นดูเมื่อเห็นท่าทางกระเง้ากระงอดของลูกนอ้ ย
ท่กี ำลังงอแง เพราะตลอดท้ังวนั น้ีออกไปเท่ยี วเลน่ ข้างนอกอยา่ งท่ีใจนึกไมไ่ ด้

ศศพร แก้วผักแว่น | ๙

“ไมง่ อแงสจิ ะ๊ เดก็ ดี ถงึ วนั นจี้ ะอดเลน่ แตพ่ รุ่งนี้คอ่ ยออกไปเลน่ กไ็ ดน้ ี่จ๊ะ”

หนูน้อยทำหนา้ ยู่อยา่ งไม่คอ่ ยพอใจในคำตอบก่อนจะถามขนึ้ ว่า

“แลว้ ถา้ พรงุ่ น้ีมันยงั ไมห่ ยดุ ตกล่ะคะ”

“ง้ันก็ค่อยออกไปเล่นวันมะรนื ดีไหม”

หนูน้อยมองหน้าแม่ของตนอย่างครุ่นคิดแล้วถามต่อว่า “แล้วถ้าวัน
มะรืนกย็ ังไมห่ ยุดตกอกี ละ่ คะ”

คราวนี้หญิงสาวไม่ได้ตอบลูกน้อยในทันที เธอเพียงขยับผ้าห่มให้เข้าที่
ก่อนเอนตัวลงนอน โดยมีลูกน้อยเอนตัวตามลงมาหนุนนอนที่แขนข้างหนึ่งของ
ตนดว้ ย

“ถามเยอะอยา่ งนเี้ พราะยงั ไมอ่ ยากนอนใช่ไหมเรา”

“เปล่านะคะ ก็หนูอยากรู้น่ี” คนที่ถูกรู้ทันรีบปฏิเสธทันทีก่อนจะย้ิม
อย่างออดอ้อนจนผู้เปน็ แม่อดท่จี ะเอื้อมมือไปยหี ัวลูกนอ้ ยเบา ๆ อยา่ งเอน็ ดูไม่ได้

“จ้ะ ๆ อยากรู้ก็อยากรู้…เมื่อกี้หนูถามว่า ถ้าวันมะรืนฝนก็ยังไม่หยุดตก
อกี ใช่ไหมจ๊ะ”

หนูน้อยพยักหน้ารัว ๆ แทนการตอบพร้อมจ้องมองผู้เป็นแม่ด้วยดวงตา
ใสแจว๋ อยา่ งคนอยากรเู้ ต็มที

“หนูก็จะอดออกไปเล่นข้างนอกจนกว่าฝนจะหยุกตกยังไงล่ะจ๊ะ” หญิง
สาวยิ้มตอบพร้อมดวงตาที่เปล่งประกายหยอกล้อ แต่กลับทำให้คนที่รอฟัง

๑๐ | หลังฝนโปรย

คำตอบอดผิดหวังไม่ได้ ก่อนจะเริ่มตัดพ้อจนผู้เป็นแม่ถึงกับหลุดขำ “แล้วถ้ามัน
ไม่หยุดตกเลย หนคู งไมอ่ ดออกไปเลน่ ตลอดเลยหรอื คะ”

“โถ! เด็กดี ฟังแม่นะคะ” น้ำเสียงอ่อนโยนหยุดลงเพียงครู่ก่อนจะเอ่ย
ตอ่ ว่า “ตอ่ ให้ฝนจะตกนานแค่ไหน มนั กไ็ มว่ ันตกไปไดต้ ลอดหรอกลูก”

“จรงิ หรือคะ”

“จริงจ้ะ เพราะโลกของเรามีฤดูกาล ไม่นานมันก็จะเปลี่ยนไปตาม
สภาพอากาศท่ีเจอ เหมอื นกับอะไรหนูรไู้ หม”

“อะไรหรือคะ” หนนู อ้ ยสา่ ยหน้าตอบ

“ก็…ชีวิตของคนเราไงจ๊ะ ที่มีขึ้นก็ต้องมีลง ฝนเองก็เหมือนกันที่มีตกก็
ต้องมีหยุด ดังนั้นไม่มีฝนที่ไหนจะตกได้ทุกวันแล้วทำให้หนูอดออกไปเล่นข้าง
นอกหรอกนะจะ๊ ”

“เย้! ถา้ อย่างนนั้ หนูก็อยากใหม้ ันหยุดตกซะพรุ่งนี้เลย จะไดอ้ อกไปเล่น
เร็ว ๆ”

หนูน้อยโผเข้ากอดแม่ของตนอย่างดีใจ พลางยิ้มจนดวงตาที่เคยกลม
โตหยีลงจนคล้ายกบั สระอิ

“อย่างนี้ก็นอนได้แล้วใช่ไหมจ๊ะ พรุ่งนี้จะได้รีบออกไปเล่นถ้าฝนหยุด
ตกแลว้ ”

“ยังไมน่ อนไม่ได้หรือคะ” หนูน้อยยมิ้ อย่างออดออ้ น

ศศพร แกว้ ผักแวน่ | ๑๑

หญิงสาวถอนหายใจเบา ๆ พลางลบู ผมที่น่มุ ลื่นของลกู นอ้ ยชา้ ๆ

“ก็ไดจ้ ้ะ…ง้นั ระหว่างทีห่ นูยังไม่ง่วงนอนแมเ่ ลา่ อะไรใหฟ้ ังดีไหม”

“ดีค่ะ ๆ”

“อืม ไหน ๆ วันนี้เราก็คุยถึงเรื่องของฝนแล้ว ถ้าอย่างนั้นแม่เล่าเรื่อง
ของคน ๆ นใี้ ห้ฟงั ดีกวา่ ”

“ใครเหรอคะ” หนูน้อยจ้องมองผู้เป็นแม่และรอฟังเรื่องเล่าอย่างใจจด
ใจจ่อ

“คนที่ไม่ชอบฝนเหมือนหนูไงลูก และดูเหมือนว่าเธอจะทั้งเกลียดและ
กลวั ฝนมาก ๆ เลยละ่ จะ้ ”

“โอ้โฮ…แสดงว่าเธอจะต้องอยากออกไปเล่นมาก ๆ เลยใช่ไหมคะ พอ
ฝนตกเธอเลยไมช่ อบเอามาก ๆ”

“เปล่าหรอกจ้ะ” หญิงสาวส่ายหน้าเบา ๆ “เธอไม่ชอบฝนไม่ใช่เพราะ
มันทำให้ออกไปเล่นไม่ได้เหมือนลูกหรอกนะจ๊ะ แต่เพราะมันทำให้ชีวิตของ
เธอ…”

หนูน้อยขมวดคิ้วมุ่นเมื่อผู้เป็นแม่หยุดเล่าราวกับจะแกล้งคนที่กำลัง
ตั้งใจฟัง แต่เพียงไม่นานน้ำเสียงอ่อนโยนที่คุ้นเคยของแม่ก็เริ่มเอื้อนเอ่ยขึ้นอีก
ครง้ั

“เพราะฝนทำให้ชีวติ ของเธอ…พลกิ ผันไปตลอดกาลต่างหากจ้ะ”

๑๒ | หลงั ฝนโปรย


คืนฝนโปรย

ในวันที่มีฝนตกมักจะทำให้ท้องฟ้าดูมืดเร็วกว่าปกติ ท้องถนนของเย็นวันนี้จึง
เกอื บจะมืดสนิทหากไมไ่ ด้เสาไฟจากสองขา้ งทางช่วยใหแ้ สงอยู่

รถมอเตอร์ไซค์กลางเก่ากลางใหม่แล่นไปตามถนนอย่างไม่รีบร้อน
ร่างเล็กของเด็กหญิงผมเปียที่นั่งซ้อนหลังพยายามดึงชายเสื้อกันฝนให้คลุมปิด
กระโปรงตัวโปรดท่ีโผลอ่ อกมาเพราะกลัววา่ จะเปียกฝน

“บีอย่าขยุกขยิกสิลูก ถนนมันลื่น เดี๋ยวก็ได้พากันล้มพอดี” เด็กหญิง
เจ้าของชื่อ ‘บี’ หยุดมือจากสิ่งที่กำลังทำอยู่ทันทีเมื่อได้ยินเสียงบ่นอู้อี้ดังผ่าน
หมวกกันน็อกของพ่อ แต่เพียงไม่นานก็อดที่จะทำเช่นเดิมไม่ได้ โดยการขยับ
ชายเสื้อกันฝนที่ร่นขึ้นมาให้กลับลงไปคลุมกระโปรงผ้าฝ้ายสีชมพูหวานซึ่งได้รับ
เป็นของขวัญวันเกิดจากพ่อและแม่เมื่อปีก่อน นั่นจึงทำให้บีหวงกระโปรงตัวน้ี
มาก หากไม่ใช่เพราะวันนี้เป็นวันเกิดของแม่ เด็กหญิงก็คงจะไม่หยิบมันขึ้นมา
สวมใสอ่ ยา่ งแนน่ อน

ศศพร แก้วผักแวน่ | ๑๓

และใช่…วันนี้คือวันเกิดของแม่ บีกับพ่อจึงตกลงกันว่าจะซื้อเค้กเพื่อ
นำมาเซอร์ไพรส์โดยจะแอบขี่รถออกไปซื้อระหว่างที่แม่กำลังง่วนอยู่กับการ
ทำอาหารเย็น ดูเหมือนว่าทุกอย่างกำลงั ดำเนินไปได้ด้วยดีจนกระทงั่ ระหว่างทาง
กลับบ้านที่ฝนเจ้ากรรมซึ่งตั้งเค้ามาอยู่ก่อนหน้าที่บีกับพ่อจะออกจากร้านขาย
เค้กดนั เร่มิ โปรยเมด็ ลงมาเบา ๆ เสยี กอ่ น แมว้ า่ มันจะไมไ่ ดล้ งเม็ดหนักแต่การท่ี
ได้สัมผัสกับความเปียกชื้นจากละอองฝนก็ทำให้รู้สึกไม่สบายตัวได้ แต่ก็ยังดีที่
ใต้เบาะรถของพ่อมีเสื้อกันฝนพลาสติกสำรองไว้ใช้ในยามฉุกเฉินอยู่พอดีจึงยัง
พอช่วยกันฝนให้ทัง้ สองคนไดใ้ นระดับหนงึ่

๑๔ | หลงั ฝนโปรย

สายฝนที่ยังคงโปรยเม็ดลงมาอย่างต่อเนื่องทำให้พื้นถนนเปียกชุ่มไป
ด้วยหยาดน้ำ สองข้างทางที่เคยสว่างเพราะแสงจากเสาไฟเริ่มมืดลงเมื่อรถกำลัง
จะหักเลี้ยวเข้าสู่ทางแยกซึ่งมีความสว่างไม่มากพอเนื่องจากเสาไฟบางต้นกำลัง
อยู่ในช่วงซ่อมแซมมากว่าสองอาทิตยแ์ ลว้

“มืดจังเลย หนูกลัว” บีบอกเสียงแผ่วพร้อมกระชับอ้อมกอดพ่อให้แน่น
ข้นึ อีก

“เดี๋ยวเลี้ยวเข้าซอยไปได้ก็ใกล้ถึงบ้านเราแล้วลูก” พ่อพูดปลอบขณะ
เปิดไฟเลี้ยวกระพรบิ ไว้ตลอดเวลาท่ีกำลังจะเล้ียวเข้าซอย แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคดิ
ก็เกิดขึ้นเมื่อจู่ ๆ ก็มีรถกระบะคันใหญ่ขับปาดหน้าด้วยความเร็วจนทำให้รถ
มอเตอร์ไซค์ที่กำลังจะเลี้ยวเข้าซอยตัดสินใจเร่งความเร็วเพื่อหักรถหลบไว้ได้
ทันท่วงที หากแต่เพราะถนนลื่นจนรถเสียการทรงตัวเกินจะควบคุมได้พุ่งชนกับ
ต้นไม้ใหญข่ า้ งทางเต็มแรง

ขณะที่ร่างของคนขับอัดเข้ากับต้นไม้อย่างจัง ร่างเล็กของเด็กหญิงที่นั่ง
ซอ้ นหลงั กลบั ลอยออกจากมอเตอรไ์ ซคแ์ ลว้ กระเดน็ เข้าสู่พงหญ้าทไ่ี มไ่ กลกันนัก

เม็ดฝนที่โปรยปรายเบา ๆ เริ่มเทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา
เสียงของฝนท่ตี กกระทบลงสพู่ น้ื ดงั ก้องอยู่ในหูของบีไมไ่ ปไหน เด็กหญงิ พยายาม
ลืมตาอย่างสุดกำลังเพื่อจะมองหาพ่อของเธอ แต่จนแล้วจนรอดก็ทำไม่ได้เม่ือ
ภาพตรงหน้าเริ่มพร่ามัว เปลือกตาที่หนักอึ้งค่อย ๆ ปิดลงช้า ๆ พร้อมกับสติท่ี
ค่อย ๆ เลือนรางเต็มที จนสุดท้ายก็ไม่อาจทนฝืนได้อีกต่อไป ทุกสิ่งทุกอย่าง
พลนั ดบั ลงจนเดก็ หญิงไมร่ บั รู้อะไรต่อจากนน้ั อกี เลย

ศศพร แกว้ ผกั แว่น | ๑๕

หลังจากอุบัติเหตุในวันนั้น ชีวิตของบีก็พลิกผันไป เธอต้องกลายเป็นเด็กพิการ
เพราะตั้งแต่ช่วงล่างของลำตัวลงไปขยับเคลื่อนไหวไม่ได้ เนื่องจากแรงกระแทก
ตอนที่กระเด็นออกมาจากรถมอเตอร์ไซค์ทำให้กระดูกสันหลังของเธอหักและ
แตกละเอียดจนไปเบียดทับเส้นประสาท ส่วนพ่อของเธอนั้นก็เสียชีวิตคาที่เพราะ
กระดกู คอหัก

ตลอดเวลาหลายเดือนที่พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล บีเสียใจจน
ร้องไห้เกือบตลอดเวลา ยิ่งช่วงไหนที่มีฝนตกเด็กหญิงจะเริ่มกรีดร้องและเอาแต่
เพอ้ ถึงพอ่ จนคลา้ ยกับวา่ เธอกำลังเห็นภาพเหตุการณ์ในวันนน้ั ซ้อนทับข้ึนมา

“กินหน่อยนะลูก” แม่พูดขณะตักข้าวต้มขึ้นจ่อที่ปากของบี แต่เด็กหญงิ
เพียงปรายตามองนง่ิ ๆ ไม่ยอมขยบั ปากเลยแม้แต่นอ้ ย

แม่ถอนหายใจออกมาเบา ๆ กอ่ นวางช้อนลงในถว้ ยตามเดมิ

อุบัติเหตุในครั้งนั้นทำให้บีเปลี่ยนไปมาก จากเด็กที่เคยสดใสร่าเริง
และมีรอยยิ้มอยู่เสมอกลายเป็นเด็กที่เอาแต่เซื่องซึม ข้าวปลาไม่ค่อยกินจน
ร่างกายผ่ายผอม ไม่เจ้าเนื้อเหมือนแต่ก่อน ภาพที่เห็นสะท้านในอกของคนเป็น
แม่จนแทบจะกล้ันน้ำตาไวไ้ ม่อยู่ แม่รีบลุกพรวดเดนิ หนีออกมาทันที น้ำตาที่เคย
กล้นั ไวก้ ลับไหลลงราวกบั ทำนบแตกเม่ือเทา้ กา้ วเขา้ ถงึ เขตห้องน้ำ

“ทำไมนะ…ทำไม!” แม่สะอื้นใจแทบขาด นางเจ็บปวดเหลือเกิน เจ็บที่
ต้องสญู เสียหัวหน้าครอบครัวอย่างกะทนั หันและเจ็บเป็นสองเทา่ เม่ือได้รับรู้ว่าลูก
สาวคนเดียวต้องกลายเป็นเด็กพิการไปตลอดชีวิต นั่นทำให้นางแทบจะไปไม่

๑๖ | หลงั ฝนโปรย

เป็นหากไม่ใช่เพราะลูก ชีวิตนี้ก็ไม่รู้จะอยู่ต่อไปทำไม สู้ตายไปพร้อมกับสามีนั้น
ยังจะดีเสยี กวา่

ย่างเข้าสู่เดือนที่หกของการรักษาตัวและทำกายภาพบำบัด อาการของบีก็ดีขึ้น
ตามลำดับจนสามารถกลับมาพกั ฟื้นต่อท่บี า้ นได้

แม้ว่าอาการทางกายจะดีขึ้นแต่อาการทางใจของบีกลับแย่ลง เด็กหญิง
หงุดหงิดตัวเองทุกครั้งที่ทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ จนบางครั้งก็เผลอพาลใส่คนใกล้ชิด
อย่างไมร่ ตู้ วั

“ไมใ่ สแ่ ลว้ !” บีแหวอยา่ งเหลอื อด “ทำยังไงมนั กใ็ สไ่ มไ่ ด้”

แม่ส่ายหน้าช้า ๆ พร้อมบอกด้วยเสียงแผ่วเบา “ลองอีกครั้งสิบี ถ้าทำ
บ่อย ๆ เดี๋ยวหนูก็ทำได้เอง” ก่อนจะหยิบกางเกงยางยืดขาสั้นที่ถูกปาลงพื้นเมือ่
สักครูข่ ้นึ มาส่งใหล้ กู สาวอกี ครง้ั

‘หากไม่ลองให้ลูกหัดช่วยเหลือตัวเองตั้งแต่ตอนนี้ วันใดที่นางเกิดเป็น
อะไรไปลูกจะไดไ้ มล่ ำบาก’ แม่คดิ ต่อในใจขณะจ้องมองใบหนา้ บดู บึ้งของบี

“กห็ นูบอกแลว้ ว่าทำไม่ได้” เด็กหญิงสะบัดเสยี งใสแ่ ต่เมื่อเห็นใบหน้าท่ี
เรียบนิ่งของแม่จ้องมองอยู่ก็ทำให้เธอเริ่มเบะปากเหมือนอยากจะร้องไห้ก่อนจะ
ยอมยนื่ มือไปรับกางเกงจากแมม่ าลองใสเ่ องอีกครง้ั

ความทุลักทุเลจากการเอามือข้างหนึ่งยันเตียงไว้เพื่อยกตัวขึ้นแล้วใช้
มืออีกข้างหนึ่งดึงขอบกางเกงขึ้นมาที่เอวเป็นเรื่องที่ยากมาก หากในยามปกติ

ศศพร แก้วผกั แว่น | ๑๗

ก่อนที่ร่างกายของเธอจะเป็นเช่นนี้มันเป็นเรื่องที่ง่ายดายเสียจนไม่เคยคิดว่ามัน
จะกลายเป็นเรื่องยากและทำให้ท้อได้ถึงเพียงนี้ เด็กหญิงถอนหายใจอย่าง
เหนื่อยหอบพร้อมพยายามดึงกางเกงขึ้นลงอยู่หลายรอบจนแทบจะหมดแรงอยู่
รอมร่อ แต่ในที่สุดเธอก็สามารถใส่กางเกงด้วยตัวเองได้ก่อนช่วงเวลาที่จะถอด
ใจอยา่ งพอดิบพอดี

“เห็นไหมว่าหนทู ำได้”

“แตม่ นั ยากมากเลย…”

“ไม่มีอะไรยากเกินความพยายามของเราหรอกนะลกู ”

บีส่งยิ้มเนือย ๆ ให้แม่ก่อนจะมองเมินไปยังท้องฟ้าผ่านทางหน้าต่างที่
เปิดอ้าไว้ มันจะจริงอย่างที่แม่พูดหรือไม่ เด็กหญิงก็ไม่ใส่ใจนักเพราะตอนนี้เธอ
เหนอื่ ยเกินกว่าจะมาน่งั ใส่ใจกบั อะไรทัง้ นน้ั

เด็กหญิงหลับตาลงช้า ๆ ไม่นานเธอก็เริ่มสะอึกสะอื้นและพึมพำกับ
ตัวเอง “หนูเป็นเด็กดี เชื่อฟังพ่อกับแม่ ไม่เคยฆ่ามดหรือตบยุงสักตัว แต่ทำไม
ตอ้ งเปน็ หนู ทำไมฟ้าตอ้ งใจร้ายกับหนูดว้ ย”

บีเชอ่ื ตามท่ีคุณครูและพ่อกับแม่สอนไว้มาตลอดวา่ คนทำดีจะได้เจอกับ
สิ่งดีๆ แต่จากเหตุการณ์ทีผ่ า่ นมากลับทำใหค้ วามเชือ่ ของเธอสั่นคลอน หากทำดี
แลว้ ไดด้ มี ีอยู่จริง เหตใุ ดจะต้องเป็นเธอทีไ่ มเ่ คยคิดร้ายต่อใครแต่กลับต้องมาพบ
เจอกับเรอื่ งร้าย ๆ เชน่ น้ดี ้วย

๑๘ | หลังฝนโปรย

น้ำตาที่คลอเต็มเบ้าไหลหยดลงมาอาบแก้มทั้งสองข้าง เด็กหญิงยกมอื
ขึ้นปิดหนา้ แล้วร้องไห้จนตัวโยน แม่เห็นดังนั้นจึงโผเข้ากอดลกู โดยใช้มืออีกข้าง
ลบู หลงั ของอีกฝา่ ยไว้อยา่ งแผ่วเบาเพอ่ื ปลอบประโลมให้ลกู สงบลง

เวลาผ่านไปเท่าไรไม่มีใครใคร่จะสนใจ สองแม่ลูกยังคงกอดกันอยู่
อย่างนั้นจนกระทั่งเสียงร้องปนสะอื้นเหลือแค่เสียงลมหายใจสม่ำเสมอของคนท่ี
ซุกตัวอยู่ในอ้อมกอด ซึ่งเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าเด็กหญิงได้หลับไปแล้ว ในขณะ
ที่คนเป็นแม่เพียงลูบหลังลูกต่ออีกสองสามทีก่อนจะค่อย ๆ ผละออก และจัด
ท่าทางให้เด็กหญิงไดน้ อนหลับอยา่ งสบาย

อากาศยามค่ำดูจะหนาวเย็นข้นึ กว่าเดิมอีกเท่าตวั สขี องทอ้ งฟ้ามืดครึ้ม
มีเพียงแสงจากดวงจันทร์เท่านน้ั ท่ีทำใหค้ ำ่ คืนนไ้ี ม่มืดมิดจนเกนิ ไป

“ท้องฟา้ ของหนใู นวันนี้อาจจะไม่สดใส แตแ่ มย่ ังคงหวังว่าสักวัน…มันจะ
กลบั มาเป็นเหมอื นเดมิ ได้”

ศศพร แกว้ ผักแว่น | ๑๙


วนั ที่ฟ้าสเี ทา

เท่ียงกว่าแล้วท่บี ีเอาแต่จับ ๆ วาง ๆ หนังสอื การ์ตนู เรื่องโปรดแตไ่ ม่ยอมเปิดอ่าน
อย่างจริงจังสักที เด็กหญิงรู้สึกเบื่อไปเสียทุกอย่าง เพราะไม่ว่าจะทำอะไรหรือไป
ไหนก็ทำตามใจไม่ได้เหมือนก่อน แถมในทุกวันเธอจะต้องหัดทำแต่อะไรซ้ำ ๆ
ไม่ว่าจะเป็นใส่เสือ้ ผา้ เอง หรือแม้แต่หดั ขนึ้ ลงรถเข็นจนเร่มิ คลอ่ ง

แสงแดดเจิดจา้ ลอดผ่านบานหน้าตา่ งท่ีมมี ูล่ ี่กนั้ เป็นซี่ส่งไอความร้อนให้
แผก่ ระจายอยู่ท่ัวหอ้ ง พดั ลมเพดานท่หี มนุ ในระดบั สูงสดุ ซึง่ ควรจะเป็นเครื่องที่ให้
ความเย็นกลับกลายเป็นตัวนำความร้อนชั้นดีจนเสื้อลายดอกของแม่ชุ่มไปด้วย
หยาดเหง่ือท่ไี หลมามากกวา่ ปกติ

บีตัดสินใจเก็บหนังสือการ์ตูนเข้าชั้นแล้วเข็นรถไปยังห้องครัว มองแม่ที่
กำลงั สาละวนกบั การทำอาหารเที่ยงดว้ ยสายตาสบั สนกึ่งไมม่ ัน่ ใจ

“เป็นอะไรไปน่ะลกู หรือวา่ หวิ แล้ว รอแม่แป๊บนะใกล้เสร็จแล้ว”

๒๐ | หลงั ฝนโปรย

เดก็ หญิงออื ออรับคำเพราะพูดอะไรไมถ่ กู

“ไปรอแมต่ รงโต๊ะหน้าทีวีกอ่ นนะ ตรงน้ีมันร้อน”

บไี ดแ้ ตถ่ อนหายใจกอ่ นเข็นรถกลบั ไปในจุดที่แม่บอกเหมือนคนใจลอย
เพราะมัวแตค่ ดิ ไมต่ ก

ใจหนึ่งก็ไม่กล้า แต่อีกใจก็อยากจะถามออกไปเหลือเกิน ว่าเธอต้อง
ย้ายโรงเรียนจริง ๆ เหรอ ทำไมถึงจะเรียนที่เดิมไม่ได้ แค่ต้องหยุดเรียนไปหลาย
เดือนเธอกเ็ หงาจะแย่อยู่แล้ว

เด็กหญิงหน้ามุ่ย สองมือเท้าคางพลางคิดว่าถึงแม้เธอจะอยากกลับไป
เรียนแค่ไหน แต่ก็ไม่ได้อยากจะย้ายโรงเรียนสักหน่อย หากบอกความต้องการ
ของตัวเองออกไป แม่จะวา่ อยา่ งไร

กลิ่นกระเทียมเจียมที่โรยบนต้มจืดเต้าหู้หมูสับหอมฉุยลอยมาถึงคนใจ
ลอย

“กนิ ขา้ วกนั ลกู ”

บีพยักหนา้ ช้า ๆ “เอาขา้ วนดิ เดียวนะคะ เด๋ียวกนิ ไม่หมด” ถงึ จะบอกไป
อย่างนัน้ แตแ่ มก่ ต็ ักข้าวใหเ้ ธอจนพูนจานอยู่ดี

“ตอ้ งกินเยอะ ๆ สิ โรงเรยี นใกล้เปดิ แลว้ จะไดม้ แี รงไปเรียนไงลูก”

“หนูไม่อยากไปเลย…” เด็กหญิงกั้นใจพูดออกไปเมื่อจู่ ๆ แม่ก็เปิด
ประเด็นท่เี ธอกำลังกงั วลอยพู่ อดี

ศศพร แก้วผกั แวน่ | ๒๑

“หืม ทำไมล่ะ” แม่ดงึ เกา้ อีไ้ ม้เข้ามานง่ั ข้าง ๆ แลว้ ถามเด็กหญิงตอ่ ว่า

“หนูไมอ่ ยากกลับไปเรยี นเหรอ”

“เปล่าค่ะ” บีบอกเสียงแผ่วเบา “หนูแค่ไม่อยากย้ายโรงเรียนต่างหาก
ให้หนูเรียนที่เดิมไม่ได้เหรอคะ หนูอยากเรียนกับเพื่อนๆ แบบเดิม ไม่ใช่ไปเรียน
ทีโ่ รงเรยี นสำหรบั เด็กพเิ ศษอะไรนน่ั อย่างที่แม่พาหนไู ปวันนั้น”

เด็กหญิงยังคงจำได้ติดตา ว่าที่โรงเรียนนั้นมีแต่เด็กที่นั่งรถเข็นเต็มไป
หมด ยิ่งเหน็ ก็อดท่ีจะสะเทอื นใจไม่ได้ เธอไมอ่ ยากไปเรยี นทนี่ ั่นเลยจริง ๆ

ตลอดเวลาที่บีพูด แม่ไม่ได้ตักข้าวกินสักคำและยังคงมองมาที่บีน่ิง
เหมอื นคนทก่ี ำลังใชค้ วามคดิ อยู่

เด็กหญิงรอว่าแม่จะว่าอย่างไรจนไม่มีกะจิตกะใจจะกินข้าว กระทั่ง
เวลาผ่านไปสักพัก ในทสี่ ดุ แมก่ ็ยอมพูดหลงั จากทฟี่ งั ความต้องการของเธอไป

“แม่เข้าใจบีนะ แต่แม่ว่าที่โรงเรียนใหม่โอเคกับหนูตอนนี้มากกว่า
โรงเรียนเดมิ นะลูก” แมพ่ ดู อย่างใจเย็น

“แตห่ นูโอเคกับโรงเรยี นเดิมมากกวา่ น่คี ะ”

“แต่แม่ว่า…”

“ถ้าให้หนูย้ายสู้ไม่กลับไปเรียนยังดีกว่า” เด็กหญิงโพล่งขึ้นอย่างไม่รอ
ฟังวา่ แม่จะพูดอะไรตอ่

“เอาละ่ ๆ ตามใจแล้วกนั ”

๒๒ | หลังฝนโปรย

เพียงเท่านั้นเด็กหญิงก็เริ่มมีสีหน้าเบิกบาน พร้อมตักข้าวกินจนพร่อง
ไปเกนิ ครง่ึ หากเธอร้วู า่ แม่จะยอมงา่ ย ๆ กค็ งไมท่ นวา้ วนุ่ มาตลอดหลายวันน้แี น่

เด็กหญิงจะรู้หรือไม่ว่าที่แม่ของเธอยอมง่าย ๆ ไม่ใช่ว่าเห็นด้วยกับ
เหตุผลของเธอ แต่ที่นางยอมก็เพราะไม่อยากจะขัดใจลูกต่างหาก เนื่องจาก
ตัง้ แต่ลกู ของนางเดินไม่ไดก้ ม็ ักจะหงดุ หงิดง่าย ยิ่งเวลาโกรธ ไม่พอใจ หรือไมไ่ ด้
ดั่งใจอะไรก็จะยิ่งมีอารมณ์ที่รุนแรงมากกว่าปกติ จนบางครั้งนางก็แทบจะ
ควบคมุ อารมณข์ องตัวเองไมอ่ ยู่เช่นกัน

ดังนั้นอะไรที่ยอมได้ก็จะยอม ๆ ไป แม้จะไม่ค่อยเห็นด้วยก็ตาม อย่าง
เรือ่ งโรงเรียนท่ีคุยกันเมอื่ สกั ครูน่ ี้ แมก่ ไ็ ดค้ ดิ ไว้ดีแลว้ ว่าโรงเรยี นสำหรบั เดก็ พเิ ศษ
จะเป็นสถานท่ีทเ่ี หมาะสมแกเ่ ด็กหญิงท่ีสดุ ในตอนนี้ หากลูกได้ไปเรียนทนี่ ั่นนาง
ก็จะหายห่วงไปเปราะหนึ่งว่าลูกจะได้รับการดูแลอย่างดี แต่กับโรงเรียนเดิมน้ัน
นางไม่แนใ่ จเลย เพราะอะไรท่ดี แู ตกต่างจากคนอนื่ มากไปมักจะเป็นจุดสนใจอยู่
เสมอ และจุดสนใจนี้เองที่อาจจะนำมาซึ่งปัญหาในภายหลัง แต่จะมากหรือน้อย
ก็สุดจะรู้

“ไวแ้ มจ่ ะลองไปคยุ กับผอู้ ำนวยการให้แล้วกันนะ”

ผ่านไปหลายอาทิตย์แล้วหลังจากที่แม่ได้เข้าไปพบกับผู้อำนวยการ ซึ่งก็ได้รับ
การแจ้งมาว่าที่โรงเรียนมีนโยบายเปิดให้เด็กพิเศษสามารถเรียนร่วมกับเด็ก
ปกติได้ บีจงึ ได้เข้าเรียนทโ่ี รงเรียนเดิมแต่ตอ้ งเรยี นซ้ำชั้น เนอ่ื งจากหยดุ เรียนเป็น
เวลานานทำให้ไม่สามารถเลื่อนช้นั ขึ้นไปเรียนร่วมกบั เพอ่ื นรุ่นเดยี วกนั ได้

ศศพร แก้วผกั แว่น | ๒๓

…และตอนนเ้ี ดก็ หญิงกเ็ รม่ิ กลบั ไปเรียนได้สองสามวนั แล้ว

“เสรจ็ หรอื ยังบี”

เสียงของแม่ดังมาจากในครัวเฉกเช่นทุกเช้า “กับข้าวเสร็จแล้วจะได้กิน
ตอนร้อน ๆ”

“ใกล้แล้ววว…” เด็กหญิงตอบเสียงเนือย ๆ ขณะติดกระดุมเสื้อนักเรียน
อยู่หน้ากระจกยาวตั้งพื้นที่ขอให้แม่ซื้อมาให้ ภาพของเด็กหญิงตัวผอมแห้ง ไม่มี
น้ำมีนวลก็สะท้อนสู่สายตา ความผอมของเธอทำให้เสื้อที่สวมอยู่ดูหลวมโคร่ง
ทั้ง ๆ ที่เป็นไซส์เล็กสุดสำหรับขนาดของเสื้อผ้าปกติ กระโปรงนักเรียนสีน้ำเงินท่ี
ยาวคลุมข้อเท้ายิ่งทำให้เธอดูเทอะทะไปใหญ่ ซึ่งดูต่างจากเด็กหญิงคนเดิม
ก่อนทจ่ี ะเกดิ อบุ ัตเิ หตไุ ปมากจนน่าใจหาย

บีเริ่มไม่กระตือรือร้นที่จะไปเรียนเหมือนช่วงก่อนที่โรงเรียนจะเปิดเสีย
แล้ว เพราะทุกอย่างไม่ได้เปน็ อยา่ งท่ีคิดและหวังไว้เลย

เด็กหญิงเคยคิดว่าการไปโรงเรียนและได้ไปเล่นกับเพื่อน ๆ จะทำให้
เธอรู้สึกดีขึ้นกว่านั่ง ๆ นอน ๆ อยู่ที่บ้าน แต่จากที่ผ่านมาทำให้เธอรู้ว่าตัวเองคิด
ผิด เพราะทุกครั้งที่เธอปรากฏตัว ตั้งแต่เริ่มออกจากบ้านจนกระทั่งอยู่ในเขต
โรงเรียนก็มักจะมีสายตาแปลก ๆ ของใครหลายคนต่างมองมาด้วยความรู้สึก
หลากหลาย โดยเฉพาะความสงสาร เห็นใจ และสมเพช จนเธอแทบอยากจะมุด
ดนิ หนใี หไ้ ดเ้ สียตรงน้ัน

บางครั้งก็ถูกล้อเลียนจากเพื่อนนักเรียนด้วยกัน หรือที่แย่ไปกว่านั้นคือ
การถูกแกล้งเอาของไปซอ่ นไว้ตามทีต่ ่าง ๆ ที่เธอไม่มีกำลงั จะไปเอาคนื ได้

๒๔ | หลังฝนโปรย

เวลาแค่สองสามวันอาจดูเหมือนไม่นาน แต่สิ่งที่เด็กหญิงได้เจอและ
สัมผสั กท็ ำให้รูส้ กึ แยไ่ มใ่ ชน่ อ้ ย

“เป็นอะไรหรอื เปล่าลกู ”

“อุ๊ย!” เด็กหญิงสะดุ้ง เพราะมัวแต่จมอยู่กับความคิด จึงไม่เห็นว่าแม่
เดินเขา้ มาตอนไหน

“เอ่อ…เปลา่ ค่ะ…”

บีไม่อยากโกหกหรือปิดบังแม่ แต่เธอแค่อายเกินกว่าจะเล่าให้ฟัง
เทา่ น้ัน

“งั้นกไ็ ปกินข้าวกัน ขา้ วต้มจะอืดหมดแล้ว” แม่บอกพร้อมชว่ ยเข็นรถพา
บอี อกมากนิ ข้าวก่อนจะรบี พาเธอไปส่งโรงเรยี น

บรรยากาศในห้องเรียนของเด็กประถมสี่ เงียบงันไร้บทสนทนา
เนื่องจากบีเป็นเด็กคนเดียวที่นั่งอยู่ในห้องนี้ นาฬิกาบนผนังที่แขวนอยู่เหนือ
กระดานไวท์บอร์ดบอกเวลาหกโมงเช้า ซึ่งดูจะเร็วเกินไปสำหรับการเดินทางมา
โรงเรยี น

แต่บีไม่ได้คิดเช่นนั้น เธอยังคิดว่ามันช้าไปด้วยซ้ำ หากต้องการไปถึง
ห้องเรียนให้ทันเป็นคนแรกก่อนที่เด็กคนอื่นจะมา เพราะเธอไม่ชอบใจเวลาท่ี
ตัวเองต้องตกเป็นเป้าสายตาของใคร ๆ เลย ดังนั้นการมาถึงห้องเรียนเป็นคน
แรกคงจะดีกว่ามาถึงเป็นคนท้าย ๆ แล้วถูกเด็กคนอื่นที่มาก่อนพากันหันมามอง
ทเ่ี ธอเป็นตาเดยี วราวกบั พบของแปลกประหลาดเป็นไหน ๆ

ศศพร แก้วผกั แวน่ | ๒๕

“น่ี! ไอ้หนู! ทำไมรีบมาขนาดนี้ล่ะลูกเอ๊ย พัดลมก็ไม่เปิด ทำไมไม่ลุก
ไปเปดิ สกั หน่อย ทนร้อนอยไู่ ดน้ ่ะ” เด็กหญงิ รีบเงยหน้าไปตามเสียงเรยี กนั้นทนั ที

“เอ่อ…คือหนู…” เธออึกอักไม่รู้จะตอบอย่างไร จนลุงที่เธอจำได้ว่าเขา
คือภารโรงของโรงเรยี นเดินเขา้ มาใกล้

อีกแล้ว…สายตาแบบนี้ สายตาที่บีไม่ชอบเลยสักนิด เพราะมันแฝงไว้ซ่ึง
ความสงสารก่งึ สมเพชจนเธอต้องหลบสายตาด้วยความอดึ อดั และไมช่ อบใจ

“ขอโทษนะ ลุงไม่รู้ว่าหนูพิการ ได้ยินจากครูแอนมาบ้างว่าเทอมนี้มี
เด็กพิการมาเรียนด้วย แต่เพิ่งจะเห็นหน้าชัด ๆ ก็วันน้ี” ลุงภารโรงบอกด้วยเสียง
ออ่ ย ๆ

“ว่าแต่หนูหน้าคุ้นมากเลยนะเหมือนลุงเคยเห็นวิ่งอยู่แถวสนามเด็ก
เล่น” เขาเปรยขึ้นเบา ๆ ก่อนจะเดินไปทางมุมห้องซึ่งมีแผงสวติ ช์พดั ลมติดตั้งอยู่
“เอาล่ะ เดี๋ยวลุงเปิดพัดลมให้เอง ถ้าต้องการอะไรอีกเรียกลุงได้นะ ลุงทำความ
สะอาดอยู่แถว ๆ หนา้ ห้องน่ีละ่ ”

เด็กหญิงไม่ได้ตอบอะไรกลับไปจนลุงภารโรงเดินหายออกไปจากห้อง
ตอนนี้ในห้องเรียนจึงตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง จะมีก็เพียงเสียงเอี๊ยดอ๊าดของ
พัดลมเทา่ นั้นที่ทำให้ห้องนี้ไม่เงยี บจนเกินไป

บีถอนหายใจเฮือกอยา่ งสุดจะกลัน้ เธอไม่ได้โกรธแต่แคไ่ ม่ชอบใจเวลา
ท่ีใครมาแสดงความสงสารตอ่ ตัวเอง ไมช่ อบคำว่า “พกิ าร” เพราะมันเหมอื นเป็น
การย้ำว่าเธอช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ วูบหนึ่งเธออยากจะตะโกนบอกลุงภารโรงว่า
ไม่ต้องมายุ่ง หรือไล่เขาให้ออกไป แต่ใจลึก ๆ ของเธอก็รู้ดีว่าเขาหวังดีและแค่

๒๖ | หลงั ฝนโปรย

อยากจะช่วยเธอ บีเลยบอกกับตัวเองว่าควรระงับอารมณ์เข้าไว้ อย่าเผลอทำตัว
ไม่น่ารักออกมาให้ใครเขาเกลียด เพราะความจริงแล้วเธอก็เป็นแค่เด็กคนหนึง่ ที่
อยากได้รับความรกั และความเอน็ ดูไมใ่ ช่แคค่ วามสงสาร

เสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยดังคลอเคล้ากับเสียงเพลงที่ถูกเล่นผ่าน
วิทยุกระจายเสียงในยามเช้า เด็กนักเรียนทั้งชายและหญิงเริ่มทยอยเข้าห้องกันที
ละคนสองคน จนห้องที่เคยเงียบดูครื้นเครงขึ้นทันตา หากแต่บีไม่ได้สนใจอะไร
เลย เหมือนว่าเธอกำลงั จมอยู่ในโลกของตวั เองอย่างไรอยา่ งนน้ั

"กรี๊งงง" เสียงกริ่งดังขึ้น เป็นสัญญาณบอกเวลาเลิกเรียน เด็กนักเรียนหลายคน
ต่างพากันร้องเฮดังลั่นที่จะได้กลับบ้าน แต่เด็กบางคนก็แค่เพียงเก็บสมบัติของ
ตนเองเข้ากระเป๋าเท่านั้น บีก็เช่นกัน เธอทยอยเก็บสมุดและกล่องดินสอเข้า
กระเป๋าเป้สีดำของตนเองอย่างไม่รีบร้อน เพราะอย่างไรวันนี้เธอก็ต้องกลับบ้าน
ช้าอยู่ดี เนื่องจากทุก ๆ วันศุกร์ แม่จะต้องรีบทำห่อหมกเพื่อเอาไปฝากขายท่ี
ตลาดก่อนแลว้ คอ่ ยกลับมารับเธอ

“อ้าวบี…ยังไม่กลับเหรอ มาเล่นกับพวกเราก่อนมั้ย” เด็กหญิงเงยหน้า
หนั ไปตามเสียงเรียกของเพ่อื นผูช้ ายตวั เลก็

“ไม่ละ่ ! เดี๋ยวพวกนายกแ็ กลง้ เราอกี ”

“ไม่แกล้งหรอก สัญญา!”

“ใช่ ๆ แกล้งทุกวันน่าเบื่อจะตาย” เด็กชายตัวใหญ่ที่ยืนเบียดอยู่ข้าง

หลังรบี พดู สำทบั

ศศพร แก้วผกั แวน่ | ๒๗

“เดี๋ยวถ้าออโต้กับปลื้มแกล้งเธอเราจะจัดการให้เอง มาเล่นด้วยกัน
เถอะนะ” เด็กหญิงที่ออกตัวว่าจะจัดการคนที่แกล้งเธอให้คือ ฝ้าย หัวหน้าห้องที่
นงั่ เรียนอยู่โตะ๊ ขา้ ง ๆ กันนนั่ เอง

บีครุ่นคิดเพราะฝ้ายเป็นคนพูดชวน ถึงแม้จะไม่ได้สนิทกันแต่ฝ้ายก็ไม่
เคยแกล้งเธอเลย และทันทีที่ฝ้ายส่งยิ้มจริงใจมาให้ บีจึงได้ตอบตกลงอย่างไม่
ลงั เลอีก “กไ็ ด้”

ทั้งสี่คนพากันออกมาเล่นตรงทางเดินหน้าห้องเรียนที่ปูด้วยแผ่น
กระเบื้องยาวจรดบันไดอีกฝั่งซึ่งเป็นทางเชือ่ มไปสู่ชั้นสองของตึกเรียน เสียงฝีเท้า
ดัง “ตึง ตึง” สลับกับเสียงล้อรถเข็นที่หมุนวนอยู่บนพื้นกระเบื้อง บีรีบโยนบอลท่ี
ตัวเองเพง่ิ ได้มาสง่ ไปให้ออโตท้ ันทีทีฝ่ ้ายจะเขา้ มาแย่ง ซ่ึงเมอ่ื บอลถูกส่งไปถึงมอื
ของออโต้ จึงทำให้ฝ้ายที่อยู่ตรงกลางวงล้อมของเพื่อน ๆ พยายามจะไล่ตามไป
แย่งบอลตอ่

๒๘ | หลงั ฝนโปรย

เกมลิงชิงบอลที่เด็ก ๆ เล่นกันอยู่ดำเนินไปด้วยความสนุกสนานและ
เฮฮา ทุกคนได้สลับกันเป็นลิงไปคนละหลายรอบ จนกระทั่งถึงตาของบีที่ได้
กลับมาเป็นลิงอีกครั้ง เด็กหญิงหมุนล้อรถเข็นไปตามทางที่ลูกบอลถูกโยนไป
สีหน้าแจ่มใสและเบิกบานที่ไม่ได้มีมานานเริ่มปรากฏขึ้นอีกครั้งจนเธอก็ไม่ทัน
ไดร้ ู้ตัว

บีโน้มลำตัวไปด้านหน้า ก่อนจับที่หมุนล้อโดยใช้มือทั้งสองข้างอยู่หลัง
ดุมล้อแล้วเข็นรถไปข้างหน้าจนสุดชว่ งแขน เพื่อจะไล่ไปแตะบอลทีป่ ลื้มโยนผ่าน
หน้าเธอมาให้ได้ แต่เพราะความที่ใส่แรงไปจนสุดกำลังและไม่ทันได้ระวังตัวทำ
ให้บีเผลอพุ่งตัวไปจับบอลโดยที่ไม่มีมือข้างใดข้างหนึ่งยึดที่วางแขนไว้เหมือน
ก่อนหน้านี้ จึงเป็นเหตุที่ทำให้บีตกลงมาจากรถเข็น แต่โชคดีที่เธอไม่ได้เป็น
อะไรมากเพราะใช้ศอกยันพื้นไว้ จึงทำให้มีรอยฟกช้ำแค่ตรงข้อศอกกับข้อมือนิด
หนอ่ ยเทา่ นน้ั เอง

เพอ่ื นทง้ั สามคนตกใจกับเหตุการณ์น้ีมากจนทำอะไรไม่ถูก

“รอแป๊บนะ เดี๋ยวเราไปตามครูแอนมาให้” ฝ้ายที่ตั้งสติได้ก่อนใครรีบ
วิ่งไปตามครูประจำช้ันซึง่ กำลังตรวจงานอยูใ่ นห้องให้ออกมาชว่ ยบี

ส่วนออโต้กับปลื้มที่สติกลับมาแล้วก็พยายามช่วยกันจับบีที่นอนคว่ำ
หน้าให้ยืดตัวขึ้น ก่อนที่บีจะค่อย ๆ ดึงเบรกล็อคล้อรถเข็นไว้ไม่ให้มันไหลพร้อม
กับพยุงตวั เองกลบั ขึ้นไปน่งั อยู่บนรถเขน็ ได้ตามเดิม

“เจ็บมากหรอื เปลา่ บี” ปล้มื ถาม ส่วนออโตก้ ็มองมาด้วยความเปน็ หว่ ง

“นิดหนอ่ ย เจบ็ ศอกนิดเดยี วเอง” บียม้ิ แหยตอบกลบั ไป

ศศพร แกว้ ผกั แวน่ | ๒๙

ไม่นานฝ้ายที่วิ่งหายไปก็ออกมาพร้อมกับครูแอนที่รีบเข้ามาสำรวจ
ร่างกายของบีว่าได้รับบาดเจ็บมากน้อยแค่ไหน แต่เมื่อเห็นว่าเด็กหญิงไม่เป็น
อะไรมากก็ถงึ กับโล่งอก

“หนไู มเ่ ป็น…” ยงั ไมท่ นั ที่บจี ะพูดจบครูแอนก็แทรกขึน้ มาเสยี กอ่ น

“ทำไมไม่ระวังตัวเลย ถ้าบาดเจ็บหนักขึ้นมาจะทำยังไง ใครจะ
รับผิดชอบไหว เธอก็รู้ว่าตัวเองไม่เหมือนคนทั่วไปก็ยังจะเล่นอะไรแบบนี้อีก
นี่ดนี ะทไ่ี มไ่ ด้เป็นอะไรมาก แตถ่ ้าเกดิ เป็นหนักกว่านี้จะไมพ่ ลอยทำให้คนอื่นเขา
เดือดร้อนกันหมดเหรอ” ครูแอนบอกด้วยความเป็นห่วงปนโกรธ เพราะหากเด็ก
นักเรียนในปกครองของตนเปน็ อะไรไป เธอก็ไม่รู้วา่ ตัวเองจะมีปัญญารับผิดชอบ
ไดม้ ากแค่ไหน

“หน…ู หน…ู ” บพี ูดอะไรไม่ออกเหมือนมกี ้อนอะไรมาจุกอยู่ทค่ี อหอย

“เอาล่ะ ๆ แยกย้ายเลิกเล่นกันได้แล้ว ส่วนเธอก็นั่งรอแม่มารับดี ๆ
อย่าไปเล่นซนอีกล่ะ จะได้ไม่เป็นภาระของคนอื่นเขา…เดี๋ยวครูหายามาทาให้ละ
กันนะ”

ครแู อนสา่ ยหน้าอย่างระอาก่อนจะเดนิ หายกลับเข้าห้องไป ทงิ้ ให้บีที่ก้ัน
สะอื้นไม่ไหวปล่อยโฮลงมา แต่เธอก็ทำเช่นนั้นได้เพียงไม่นาน เพราะทันทีที่ครู
แอนเดินกลับมาหาอีกครั้งพร้อมกับครีมทาแก้ฟกช้ำในมือ น้ำตาที่เคยไหลไม่
หยุดเมื่อคร่กู เ็ หือดแห้งไปเหมือนสงั่ ได้ ราวกับกลัวว่าถา้ ครเู ห็นแล้วจะถกู ดุอีก

เพียงเท่านี้เด็กหญิงก็เจ็บมากแล้ว เพราะคำพูดของคุณครูเสียดแทง
จิตใจที่กำลังจะดีขึ้นให้แย่หนักกว่าเก่า ‘เหตุใดครูต้องกล่าวหาว่าเราเป็นภาระ

๓๐ | หลงั ฝนโปรย

ด้วย หากจะเจ็บตัวมันก็เรื่องของเราไม่ใช่เหรอ ทำไมต้องพูดจาทำร้ายจิตใจกัน
ขนาดนี้ เราก็มีหัวใจเหมือนกนั นะ’

บีตัดพ้อในใจ ขณะที่กลับมานั่งสะอื้นไห้ตามลำพังอีกคร้ัง จนกระทั่งถึง
เวลาที่แม่ของเธอมารับ และถามถึงสาเหตุที่ทำให้สภาพของเธอเป็นเช่นนี้ เม่ือ
เด็กหญงิ ไมต่ อบ แม่จึงจะไปถามคุณครูแทน แตบ่ ีกไ็ ม่ยอมทา่ เดียวและเร่งแม่ให้
รีบพาเธอกลับบ้าน จนสุดท้ายแม่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งสองนั่งอยู่ในรถด้วย
ความเงียบ มีเพยี งเสยี งสะอื้นจากบีเปน็ ระยะ ๆ เทา่ นัน้

เด็กหญิงกดเลื่อนกระจกหน้าต่างรถลง ทำให้ความเย็นจากลมพัดมา
ปะทะใบหน้าให้สดชื่นขึ้นเล็กน้อย สายตาก็พลันมองออกไปข้างนอกรถอย่าง
เหมอ่ ลอย ทอ้ งฟ้าในเวลาบ่ายสีโ่ มงคร่งึ ยังคงสดใสไมต่ ่างจากตอนเชา้

…แตส่ ำหรบั บีทำไมเธอถึงมองเหน็ มนั เป็นสเี ทานะ ทำไมทอ้ งฟ้าทีเ่ คย
สดใสกลับเปลี่ยนสีไดช้ ั่วพริบตา

‘ท้องฟา้ ของเราจะสดใสตลอดไปไม่ได้เลยหรอื ’ เด็กหญงิ ไดแ้ ต่คิดใน
ใจไปตลอดทางที่รถแล่นออกจากโรงเรยี นไปสู่บ้าน

ศศพร แก้วผกั แวน่ | ๓๑


หวั ใจทีบ่ อบช้ำ

ตั้งแต่กลับมาถึงบ้าน บีก็เอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้อง ไม่ว่าแม่จะถามอะไรเธอก็ไม่
ยอมตอบ แถมข้าวปลาก็ไม่ยอมกิน

แม่ว้าวุ่นใจจนไม่รู้จะทำอย่างไร จึงตัดสินใจโทรไปหาคุณครูประจำช้ัน
และทราบแค่เพียงว่าบีเล่นกับเพื่อนจนไม่ทันได้ระวังตัว ทำให้ตัวเองตกลงมา
จากรถเข็นจงึ เจ็บตวั เล็ก ๆ นอ้ ย ๆ

เท่าที่ฟังคุณครูเล่า แม่ก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรที่ทำใหล้ ูกมีอาการเช่นนี้ได้
จะว่าเสียใจเพราะเจ็บตัวก็ออกจะแปลกไป เพราะปกติตอนอยู่บ้านก็มักจะล้ม
หรอื วา่ ซุ่มซา่ มจนเจบ็ ตัวอยู่บ่อย ๆ แตก่ ไ็ ม่ได้มีอาการเสียใจมากอย่างตอนนี้

“ค่ะ…ขอโทษทโี่ ทรมารบกวนตอนดกึ นะคะ ขอบคุณค่ะครู”

หลังจากที่แม่กดวางสาย ใจก็พลันพะวงเรื่องของบีไม่หาย เพราะดูจาก
อาการของเด็กหญิงตอนนี้แปลกไปจนแม่เริ่มกลัว กลัวว่าลูกจะกลับไปเป็น

๓๒ | หลงั ฝนโปรย

เหมือนช่วงที่เกิดอุบัติเหตุใหม่ ๆ ที่จิตใจย่ำแย่จนแพทย์อายุรกรรมที่ดูแลอยู่
ถงึ กับต้องสง่ ตัวไปให้จติ แพทย์ชว่ ยรักษาบำบัดต่อ

แม่ยังคงจำได้ไม่ลืมว่า กว่านางกับลูกจะผ่านช่วงเวลานั้นมาได้
ยากลำบากเพียงใด ขนาดจะเอ่ยถึงคนเป็น ‘พ่อ’ ของลูกก็ยังทำไม่ได้ จนต้อง
พยายามหลีกเลี่ยงที่จะไม่พูดถึงทุกครั้งเวลาอยู่ด้วยกัน เพราะกลัวว่ามันอาจจะ
ส่งผลต่อจิตใจของลูก ฉะนั้นนางจึงไม่อยากให้ลูกกลับไปเป็นเช่นนั้นอีก เพราะ
แค่ท่ีเปน็ อยทู่ กุ วนั น้มี ันก็ยากเกนิ พอสำหรับลกู แล้ว

“หนูเป็นอะไรบอกแม่ได้มั้ย” แมถ่ ามขณะที่เดินเขา้ ไปน่งั อย่ขู ้างเตียง
บยี ังคงเอาแต่นอนน่งิ ไม่ตอบอะไร
“หรือว่ายังเจ็บตรงไหนอยู่ อย่าเอาแต่เงียบสิลูก…หนูไม่ยอมพูดอะไร
ตั้งแต่กลับจากโรงเรยี นแลว้ นะ”
ไม่เพียงแค่ไม่อยากพูด แต่บีไม่อยากจะทำอะไรเลยด้วยซ้ำ เธอ
อยากจะอยู่น่งิ ๆ จะไดไ้ ม่เปน็ ภาระของใคร โดยเฉพาะแม่
นำ้ ตาที่เพิ่งแหง้ เหอื ดไปพักหน่ึง ตอนนีก้ ลับมาไหลรินอีกรอบจนหมอน
สีขาวท่ีมีใบหนา้ บวมช้ำจากการร้องไหซ้ กุ อยู่เปรอะเป้อื นเป็นคราบและชุ่มไปด้วย
น้ำตา
“หนูอยากอยคู่ นเดยี ว”

ศศพร แกว้ ผักแว่น | ๓๓

เท่านั้นแมจ่ งึ ยอมทำตามท่ีเด็กหญงิ ขอ เพราะหากพยายามท่ีจะคาดคน้ั
มากเกนิ ไปก็กลัวว่าเธออาจจะอาละวาดขน้ึ มาได้ “ง้นั ถ้าพรอ้ มเมื่อไรคอ่ ยบอก
แม่กไ็ ด้นะ…รู้ใช่ม้ยั วา่ แมจ่ ะอย่ขู ้าง ๆ หนูเสมอ”

บพี ลิกหน้านไ้ี ปอกี ทางราวกับไม่อยากจะรบั รู้อะไรอีกแล้ว มีเพียงความ
เงยี บเท่านน้ั ทเี่ ธอตอ้ งการท่ีสดุ ในตอนน้ี

สามวันแล้วที่บีไม่ยอมบอกอะไรแม่เลย และก็เป็นสามวันที่เธอไม่ยอมไป
โรงเรียน ไม่ว่าแม่จะโน้มน้าวอย่างไรก็ไม่เป็นผล วันนี้แม่จึงตั้งใจมาที่โรงเรียน
เพื่อถามกลุ่มเพื่อนที่เล่นกับบีในวันนั้นว่ามันเกิดอะไรขึ้น อย่างน้อยก็น่าจะได้
เรื่องอะไรกลับมาบา้ ง แม่คดิ

ป้ายชื่อโรงเรยี นท่ีเดน่ อยดู่ ้านหน้าทำให้แม่ที่ยืนและถอนหายใจก้มหน้า
มองนาฬิกาบนข้อมือที่บอกว่าตอนนี้เวลาสิบเอ็ดนาฬิกาสามสิบนาที ซึ่งเป็น
เวลาพกั กินอาหารกลางวนั ของเด็กนักเรยี น

เท้าที่ก้าวด้วยความยาวสม่ำเสมอตรงดิ่งไปที่ตึกเรียนของเด็กช้ัน
ประถม ก่อนจะหาที่นั่งแถวโต๊ะม้าหินเพื่อรอเวลาที่เด็ก ๆ จะกลับมาที่ห้อง
หลังจากกินขา้ วเสร็จ ในใจก็พลางนึกหาวิธีว่าจะหาตวั เดก็ กลุ่มน้ันได้อย่างไรท่ีจะ
ไมท่ ำใหด้ ูเอิกเกรกิ หรือชวนใหต้ กใจกลวั

ระหว่างที่แม่ยังคงคิดไม่ตก จู่ ๆ ก็มีมือเล็ก ๆ ของเด็กหญิงคนหนึ่งยื่น
มาสะกดิ เบา ๆ ก่อนจะยกมือไหวจ้ นแมแ่ ทบจะรับไหว้ไม่ทัน

๓๔ | หลังฝนโปรย

“คุณป้าใช่แม่ของบีหรือเปล่าคะ” ถึงจะถามไปแบบนั้นแต่เด็กหญิงก็
ค่อนขา้ งม่ันใจวา่ ใช่ เพราะเธอเคยเหน็ หน้าของคณุ ป้าตอนมารับบอี ย่หู ลายครงั้

“ใชจ่ ะ้ ว่าแตห่ นู…”
“ฝ้ายคะ่ หนชู อื่ ฝ้าย เป็นเพอื่ นหอ้ งเดยี วกับบคี ่ะ”
“ตายจริง อยู่ห้องเดยี วกบั บีเหรอจะ๊ ”
ฝ้ายพยักหน้าพร้อมนั่งลงข้าง ๆ กับแม่ของบี “คุณป้ามาคนเดียวเหรอ
คะ บไี ด้มาด้วยม้ยั หนไู ม่เหน็ บมี าเรยี นหลายวันแลว้ ”
“เปลา่ จ้ะ ปา้ มาคนเดียว”
เดก็ หญงิ มีสหี นา้ ผิดหวังทนั ทีเมอ่ื ได้ยนิ คำตอบ
“บไี ม่คอ่ ยสบายน่ะจะ้ เลยตอ้ งหยดุ อยู่บ้านหลายวันหน่อย”
“เพราะลม้ วันนนั้ เหรอคะถงึ ไม่สบาย”
นางจ้องมองที่ฝ้ายนิ่ง สงสัยว่าจะไม่ต้องคิดวิธีอะไรแล้ว เพราะเท่าที่ได้
พูดคุยกันกท็ ำให้นางแนใ่ จไดว้ า่ ฝา้ ยจะต้องเป็นเด็กกลุ่มนั้นทเ่ี ล่นกบั บแี นน่ อน
“อ้าว หนูรวู้ า่ บลี ม้ ด้วยเหรอจะ๊ ”
เมื่อเห็นว่าเด็กหญิงพยักหน้า นางจึงรีบถามต่อทันที “ช่วยเล่าให้ป้าฟัง
หนอ่ ยได้มย้ั วา่ เรอ่ื งมนั เป็นยงั ไง”

ศศพร แก้วผกั แว่น | ๓๕

ไม่นานเรื่องที่ฝ้ายรับรู้ก็ได้ถ่ายทอดให้แม่ของบีฟังจนหมด ก่อนท่ี
เด็กหญิงจะเริ่มสะอื้นเบา ๆ เมื่อเล่าจบ “หนูไม่น่าชวนบีเล่นเลย ไม่งั้นบีก็คงไม่
ถูกด”ุ

“ดอุ ะไรจะ๊ ใครดบุ ี” แม่สะดดุ หูกับสิ่งท่ฝี ้ายบอกจนตอ้ งรีบถาม

“คุณครูค่ะ ครูแอนดุบี” และคำดุของครูแอนที่เด็กหญิงจำได้บ้างไม่ได้
บ้างก็ถูกเล่าให้แม่ของบีได้รับรู้ “ประมาณนี้ค่ะ หนูเห็นบีร้องไห้ใหญ่เลยแต่ก็ไม่
กลา้ เขา้ ไปคุยด้วยเพราะบีบอกวา่ อยากอยคู่ นเดียว”

แค่ได้ฟังจากที่ฝ้ายเล่า แม่ก็แทบจะกลั้นน้ำตาไม่อยู่ กับนางแค่ฟังยัง
เจ็บขนาดนี้ แล้วคนที่ถูกว่าต่อหน้าเพื่อนจะเจ็บขนาดไหน ครูคนนั้นจะรู้ตัวบ้าง
ไหมวา่ ตวั เองไดเ้ ผลอทำรา้ ยจิตใจของเด็กคนหนึ่งเขา้ แลว้

แสงแดดที่เคยร้อนจัดในช่วงเที่ยงอ่อนแสงลงมามาก แม้เวลาจะเพ่ิง
ผ่านไปแค่ชั่วโมงกว่าเท่านั้น แม่เดินทอดน่องไปบนถนนคอนกรีตที่ทอดยาวสู่
ลานจอดรถในวัดข้างโรงเรียน ดวงตาที่แดงก่ำเพราะเพิ่งผ่านการร้องไห้พร่ามัว
ขึ้นจนต้องยกมือกดตาไว้เพื่อห้ามไม่ให้มันไหลลงมาอีกรอบ เมื่อหวนนึกถึง
เหตกุ ารณท์ ผ่ี ่านมาเม่ือครู่

หลงั จากที่คยุ กบั ฝ้ายจนรู้สาเหตทุ ี่ทำให้บีแปลกไป แม่ก็ได้เข้าไปพบกับ
ครูแอนเพื่อคุยถึงเรื่องที่เกิดขึ้น โดยที่ในห้องเรียนมีเพียงครูกับแม่แค่สองคน
เทา่ น้นั สว่ นเดก็ คนอนื่ ๆ ยังไมม่ ใี ครกลับเขา้ มาเพราะยงั ไมห่ มดเวลาพกั เท่ยี ง

ตลอดเวลาที่ทั้งสองพูดคุยกัน ครูแอนรู้ตัวว่าเธอแทบไม่กล้าสบตากับ
อกี ฝา่ ย เพราะรู้สึกผิดกบั สง่ิ ที่ตวั เองทำไปโดยความไมต่ ้ังใจ เธอไม่นึกวา่ คำพูดท่ี

๓๖ | หลงั ฝนโปรย

พูดออกไปด้วยความเป็นห่วงผสมกับความตกใจจะทำร้ายจิตใจนักเรียนของ
ตวั เองไดม้ ากขนาดน้ี

“ครูขอโทษจริงๆ นะคะคุณแม่ ครูไม่รู้ว่าเรื่องมันจะเป็นนี้” เธอพูดไป
สะอื้นไปและทำไดแ้ คพ่ รำ่ ขอโทษอยู่อยา่ งนั้น

แม่ที่เคยจ้องมองครูด้วยความโกรธเริ่มสงบลง และพอจะเข้าใจเหตุผล
ของครูอยู่บ้าง แต่สิ่งที่ทำให้แม่ไม่ค่อยพอใจคือการที่คนซึ่งเป็นถึงครูอาจารยค์ วร
จะกลั่นกรองคำพูดของตนให้ดีก่อนจะพูด และนึกถึงใจเด็กให้มากกว่านี้ไหม
ขนาดคนปกติเช่นนางเมื่อได้ฟังคำพูดแบบนั้นยังรู้สึกไม่ดี แล้วจะนับประสาอะไร
กบั คนท่ีมปี ม

…น่ีใช่ไหมทคี่ นเขาวา่ กันว่าคำพดู ของคนเราทำร้ายกนั ได้

แม่นึกในใจและเห็นด้วยกับประโยคนั้นมาก เพราะคำบางคำ แม้จะมี
ความหมายหรือเจตนาเดียวกัน หากแต่เลือกใช้ไม่เป็นหรือยอมให้อารมณ์อยู่
เหนอื มนั ก็ยอ่ มจะทำให้สง่ิ ท่สี ื่อออกไปเป็นไปในทางลบมากกว่าทางบวกอยดู่ ี

นี่คอื ส่ิงที่แมค่ ดิ และได้พูดกบั ครูแอนไปกอ่ นที่จะขอตวั กลบั

ความไม่พอใจที่มีอยู่เริ่มหายไปเมื่อความเสียใจและสงสารลูกเข้ามา
แทนที่ แม่รบี เดนิ เพอื่ ใหไ้ ปถึงรถของตัวเองเรว็ ๆ ตอนนน้ี างอยากจะรีบกลับไปหา
ลูกเหลือเกิน แล้วโอบกอดลูกไว้ด้วยความรักทั้งหมดที่มี เพื่อหวังว่ามันจะช่วย
เยยี วยาจติ ใจทีบ่ อบชำ้ ใหด้ ขี นึ้ ได้

ศศพร แกว้ ผักแว่น | ๓๗

ลมหอบใหญ่พัดแรงจนใบไม้ที่ร่วงอยู่ใต้ต้นปลิวว่อนเต็มลานหนา้ บ้านไปหมด บี
ยกมือขยี้ตาพร้อมปัดเบา ๆ ตามตัวและเสื้อผ้าเพื่อไล่เศษผงและใบไม้ที่ปลิวมา
ใส่ เด็กหญิงหมุนรถเข็นเข้าบ้านเพราะเริ่มร้อนผิวนิด ๆ จากแดดยามบ่ายที่ส่อง
มา เธอค่อย ๆ เข็นรถไปหยุดอยู่ตรงหน้าตู้เย็นก่อนจะเปิดมันและหยิบน้ำขวดมา
เทใส่แกว้ แลว้ ยกดืม่ เพอ่ื คลายรอ้ น

…น้ำเย็นนี่คลายร้อนได้ดีจริง แต่ถ้ามันช่วยคลายความเจ็บได้ด้วยก็คง
จะดี…เธอคิด เมื่อจู่ ๆ ในใจก็พลันเจ็บแปลบขึ้นมาทันทีที่เสียงของคุณครูดังก้อง
ข้นึ มาในหัวอีกแล้ว

‘ทำไมไม่ระวังตัวเลย ถ้าบาดเจ็บหนักขึ้นมาจะทำยังไง ใครจะ
รับผิดชอบไหว เธอก็รู้ว่าตัวเองไม่เหมือนคนทั่วไปก็ยังจะเล่นอะไรแบบนี้อีก นี่ดี
นะที่ไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่ถ้าเกิดเป็นหนักกว่านี้จะไม่พลอยทำให้คนอื่นเขา
เดอื ดร้อนกนั หมดเหรอ…อย่าไปเลน่ ซนอีกล่ะ จะได้ไมเ่ ป็นภาระของคนอนื่ เขา’

เจบ็ อีกแลว้ …เมอื่ ไรคำพดู พวกนี้จะหายไปจากหวั ของเธอเสียที!

บีกำแก้วในมือแน่น ส่วนมืออีกข้างก็ยกขึ้นทุบที่อกของตัวเองอยู่สอง
สามทีอย่างต้องการระบายความเจ็บให้หายไป ก่อนจะสูดหายใจเข้าออกลึก ๆ
จนเริม่ รู้สกึ ดีขน้ึ มือทเ่ี คยกำแน่นจึงคลายออกเล็กน้อย แตเ่ พราะความตกใจจาก
เสียงเปิดประตูรั้วทำให้แก้วที่กำอยู่ลื่นหลุดมือกระทบพื้นแล้วกลิ้งหายเข้าใต้โต๊ะ
ทวี ีไป

๓๘ | หลงั ฝนโปรย

รถยนต์ของแม่แล่นเข้ามาจอดในที่ประจำ ไม่นานประตูรถก็เปิดออก
พร้อม ๆ กับที่ร่างท้วมของแม่ก้าวลงมา บีสังเกตเห็นแต่ไกลว่าสายตาของแม่ที่
มองมาหาเธอมนั ดูหลากหลายอารมณจ์ นเดาไมถ่ กู

เด็กหญิงเงยหน้าขึ้นมองแม่ที่เดินเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ โดยไม่ได้ละ
สายตาไปไหน แวบแรกที่สบตากันจัง ๆ แม่ดูเหมือนคนที่อยากจะพูดอะไรสัก
อย่าง แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะไม่พูด ส่วนบีก็ได้แต่แปลกใจเพราะไม่รู้ว่าวันนี้แม่
เป็นอะไร เนื่องจากอยู่ดี ๆ กบ็ อกวา่ จะออกไปทำธุระสักสองสามช่วั โมงแล้วจะรีบ
กลับ ซึ่งปกติแม่จะไม่เคยปล่อยให้เธอต้องอยู่คนเดียวเลยสักครั้งนอกจากจะมี
เหตุจำเปน็ จริง ๆ

“แมเ่ ปน็ อะไรหรือเปล่า…” ถามจบบกี ถ็ งึ กับสะดงุ้ นิดๆ เม่ือจู่ ๆ แม่ก็เข้า
มาสวมกอดเธอไว้โดยที่ไม่พูดพร่ำอะไร แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็พอจะรับรู้ไดว้ า่ อ้อม
กอดของแม่นน้ั อบอุ่นท่สี ดุ จนตอ้ งยกมอื ขน้ึ โอบรอบคอของแมต่ อบ

ศศพร แก้วผกั แว่น | ๓๙

ตอนนีเ้ ลยกลายเปน็ ว่าทง้ั สองคนต่างกอดกันและกันไวแ้ น่น โดยที่ไมม่ ี
ใครเอ่ยถามอะไรออกมา เพราะเท่าที่ทั้งสองคนยังคงกอดกันไว้มันก็สามารถ
อธบิ ายความรู้สกึ ท้ังหมดไดด้ ีโดยท่ีไมต่ อ้ งพูดอะไรสักคำ

…อ้อมกอดของแม่นอกจากจะอบอุ่นแล้วมนั ยงั วเิ ศษอีกดว้ ยเพราะมันทำ
ให้เธอลมื ไปวา่ ชั่วขณะหนึง่ หวั ใจของตนกำลงั บอบช้ำอยู่…

๔๐ | หลงั ฝนโปรย


ทางเดนิ ใหม่

กว่าสองแม่ลูกจะคลายกอดจากกันก็กินเวลาร่วมชั่วโมงจนแดดร่ม บีลอบมอง
เสี้ยวหน้าของแม่อย่างนึกสงสัยแต่สุดท้ายก็สลัดความคิดทุกอย่างทิ้งไป เม่ือ
สมั ผสั ไดถ้ งึ ความอ่อนโยนจากมอื ของแม่ท่วี างอยู่บนศีรษะของเธอจนรู้สึกอุน่ วาบ
ไปทง้ั ใจ

“พรงุ่ นห้ี นูจะไปโรงเรยี นมัย้ ลูก”

เด็กหญิงเอียงหน้าอย่างงุนงงกับคำถามที่เอ่ยขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มี
ขลุ่ยของแม่ แต่พอเริ่มเขา้ ใจเธอก็ส่ายหน้าเปน็ คำตอบ

“แลว้ วนั มะรนื ละ่ จะยังไมไ่ ปอยมู่ ั้ย”

คราวนี้เธอตอบคำถามด้วยการพยักหน้าช้า ๆ โดยที่สายตายังคงจับ
จ้องอยู่ที่ใบหน้าของแม่ จนเริ่มสังเกตเห็นว่าหัวคิ้วของแม่ขมวดมุ่นเข้าหากัน
เหมอื นคนกำลังคดิ ไม่ตก

บีไม่รู้ว่าแม่กำลังคิดอะไรหรือรู้สึกอย่างไร แต่จากคำตอบของเธอ
อาจจะทำให้แม่โกรธหรือเสียใจอยู่ก็ได้ ยิ่งเห็นว่าแม่ละมือออกจากศีรษะของ

ศศพร แก้วผกั แว่น | ๔๑

ตัวเองไป เธอก็เริ่มมัน่ ใจว่าสิ่งทีต่ นคดิ ต้องไม่ผิดอย่างแน่นอน เด็กหญิงก้มหน้า
นิง่ มองมือสองข้างบีบกนั ไว้แน่นเมอ่ื แม่ยงั เอาแตน่ ่ิงเงยี บไมพ่ ดู อะไร

ระหว่างที่บีมัวแต่ก้มหน้าและคิดไปสารพัด จึงทำให้ไม่เห็นว่าแม่ของ
ตนกำลังคลี่ยิ้มบาง ๆ พลางยื่นมือมากุมมือเธอไว้อย่างไม่ทันให้รู้ตัว จนเธอ
เผลอสะดงุ้ เลก็ นอ้ ยก่อนจะเงยหนา้ มองสบตาของแมท่ ี่มองเธออยูก่ ่อนแล้ว

“ถ้ายังไม่อยากกลับไปเรียน งั้นเรากลับไปอยู่บ้านที่ต่างจังหวัดกัน
ดีมยั้ ”

เมื่อได้ยินที่แม่บอกอย่างนั้น ซ้ำยังไม่มีท่าทีโกรธเคืองอย่างที่นึกกลัว
ความหวาดหวั่นกังวลที่เคยมีจึงจางหายไปแล้วถูกแทนที่ด้วยความดีใจที่เอ่อล้น
ขึ้นมา บีรีบพยักหน้ารัว ๆ เป็นคำตอบอีกเช่นเคย ก่อนที่แม่จะรั้งเธอเข้าไปกอด
และลบู ผมเบา ๆ

ตลอดสองข้างทางที่รถแล่นผ่าน เต็มไปด้วยความเหลืองอร่ามของดอกราช
พฤกษ์ที่แข่งกันบานสะพรั่งเพื่ออวดความงามต่อสายตาของคนที่ผ่านไปมา บีที่
หลับมาตั้งแต่รถเคลื่อนตัวออกจากบ้านลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้เม่ือ
แสงแดดแรกของวันลอดผ่านหน้าต่างรถเข้ามาปะทะใบหน้า จนต้องกระพริบตา
ถี่อยู่สองสามครั้งเพื่อปรับสายตาให้เข้าที่ ก่อนจะผินหน้ามองออกไปนอกรถเพ่ือ
ชมความสวยงามของตน้ ไมร้ ิมทางทย่ี ืนตน้ ตดิ กนั ทอดยาวไปจนสดุ ลกู หูลูกตา

“นั่นต้นอะไรคะ มีแต่ดอกสีเหลืองเต็มไปหมดเลย” เด็กหญิงถามขึ้น
ขณะสายตายงั จดจอ้ งท่ีดอกสีเหลอื งซ่งึ ห้อยเป็นพวงระยา้ พลิ้วไหวไปตามแรงลม

๔๒ | หลงั ฝนโปรย

“ต้นราชพฤกษจ์ ะ้ เป็นต้นไมป้ ระจำชาติของประเทศเรา ส่วนใหญ่มกั จะ
เรียกกันว่าต้นคูนเพราะมันจำง่ายกว่า แต่ก็ยังมีอีกหลายชื่อนะลูกที่คนเขาเรียก
กันแต่ว่าจะชื่ออะไรบ้างนั้นแม่ก็จำไม่ค่อยได้แล้ว” แม่พูดไปก็ยิ้มไปเพราะอดดี
ใจไมไ่ ด้ทล่ี ูกเร่มิ ชวนคยุ มากข้ึนหลงั จากทีเ่ อาแต่น่งิ เงยี บมานาน

“สวยดจี ัง”
“ที่บ้านของยายก็ปลูกไว้เหมือนกันนะ” แม่บอก “อยากได้มั้ยลูก ไว้ถงึ
บา้ นแลว้ แมจ่ ะเด็ดให้”
บีส่ายหน้าตอบและไม่ได้ถามอะไรต่ออีก เธอเพียงเอนหลังพิงเบาะรถ
เหม่อมองทิวทัศน์ข้างทางอย่างเงียบ ๆ ภาพของดอกราชพฤกษ์ที่บานสะพรั่งบน
ลำต้นท่ีสูงใหญ่และแข็งแรงดูสวยสะดุดตาจนบีอดคิดไม่ได้ว่า ถ้าหากลำต้นของ
มันไม่แข็งแรงพอที่จะยืนต้นได้เหมือนกับขาของเธอ มันจะยังออกดอกได้
สวยงามเหมือนเดิมอยูห่ รอื ไม่

เด็กหญิงถอนหายใจยาวเมื่อหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้ ก่อนจะ
หลบั ตาลงอกี ครง้ั แลว้ เกบ็ ความสงสัยนี้ไว้ในใจเพ่อื จะหาคำตอบใหไ้ ดใ้ นสกั วนั

ศศพร แกว้ ผกั แว่น | ๔๓

ระหว่างที่บีหลับไปนั้นรถก็ได้แล่นต่อไปเรื่อย ๆ โดยไม่ได้หยุดพัก
จนกระทั่งมาถึงจุดหมายปลายทางรถจึงแล่นช้าลงก่อนจะหยุดอยู่ที่บ้านไม้หลัง
หนึ่งซึ่งมีต้นราชพฤกษ์ออกดอกสวยเต็มต้นให้ร่มเงาอยูร่ อบบ้าน ไม่ต่างจากสอง
ข้างทางท่รี ถเคยแล่นผา่ นมา

“ถึงแลว้ ลูก” แมบ่ อกพร้อมเขย่าเรียกเบา ๆ

เสียงดับเครื่องยนต์เรียกให้คนที่คอยอยู่ลุกมาชะเง้อรอน้องกับหลานท่ี
หนา้ บ้านรีบเดนิ เข้ามาช่วยรับหลานลงรถเขน็

“ขา้ บอกว่าจะไปรับกไ็ มย่ อม เอ็งนี่มันดือ้ จรงิ ๆ เลยชบา”

บีเงยหน้ามองคนที่หันไปเอ็ดแมเ่ ธอเต็มตาจงึ ทำให้เห็นว่าเขาคอื ลงุ ของ
เธอนั่นเอง ลุงบุหงาหรือที่หลายคนมักเรียกว่า ‘ไอ้หงา’ เป็นสัปเหร่อประจำวัด
ใกล้บ้านที่ใคร ๆ ในละแวกนี้ต่างก็รู้จัก เด็กหญิงยังจำได้ว่าครั้งแรกที่ได้พบลุง
นั้น เธอรู้สึกกลัวเขามากเพราะลุงเป็นคนตัวใหญ่ ชอบพูดจาโผงผางเหมือน
นักเลงหัวไม้ และยังหน้าดุไม่ต่างจากยักษ์วัดแจ้งที่ยืนเฝ้าซุ้มประตูทางเข้าสัก
เท่าไร แต่พอได้พูดคุยกันเท่านั้นถึงได้รู้ว่าที่จริงแล้วลุงเป็นคนที่คุยสนุกและ
ครื้นเครงมาก แม้ว่าจะไม่ค่อยได้พบกันบ่อยนักแต่เธอก็สัมผัสได้ว่าในจิตใจของ
ลุงช่างต่างกับภายนอกที่มักแสดงออกมาอย่างลิบลับ เหมือนอย่างตอนนี้ที่ปาก
ของลงุ อาจจะบ่นแม่แตใ่ บหน้ากลบั เต็มไปด้วยรอยยม้ิ และความหว่ งใย

“อย่าบ่นมากน่ะพี่หงา พาหลานเข้าบ้านไปไหว้แม่ก่อนเถอะ” แม่บอก
เสียงดังขณะหยิบกระเป๋าใส่เสอ้ื ผ้าออกมาจากทา้ ยรถ

“เออ รู้แลว้ น่า!”

๔๔ | หลงั ฝนโปรย

เสียงห้วนตามแบบฉบับของลุงหงาดังขึ้นจนบีเกือบสะดุ้ง เธอไม่ค่อย
เข้าใจว่าท้ังที่ลงุ กบั แม่อยใู่ กลก้ นั แค่น้ี เหตุใดต้องแขง่ กันพูดเสียงดงั ด้วย หรอื ว่าน่ี
จะเปน็ มารยาทอย่างหนึ่งของผู้ใหญ่ท่ีเมือ่ เสยี งดงั มาแล้วต้องเสยี งดังตอบ

“มัวแตค่ ิดอะไรอย่เู จ้าบี สวัสดยี ายหรือยัง”

เด็กหญิงหยุดคิดไว้แค่นั้นเมื่อลุงหงาโยกหัวของเธอเบา ๆ เพื่อเป็นการ
ยำ้ ในส่งิ ท่ตี นพดู ไป บีรีบยกมือขึน้ ไหวย้ ายซ่ึงนอนดูรายการเพลงในทวี ีท่ีเปิดเสยี ง
ไว้ดังลั่นกลบเสียงของทุกอย่างหมด จนต้องพูดย้ำอยู่หลายครั้งกว่ายายจะได้ยิน
เสียงของเธอ “สวสั ดคี ่ะ!”

“อ้าว…ไหว้พระเถอะ ว่าแต่เอ็งน่ะเป็นใครล่ะ!” ยายมองอย่างพิจารณา
เพราะไม่ค่อยคุ้นหน้าคุ้นตาเด็กหญิงเท่าไร ก่อนจะหันไปแหวลุงหงาที่แอบไปหรี่
เสียงทีวขี องนาง

“ไอห้ งา! ใครใช้ให้เอง็ มาหรีเ่ สยี งทีวีของขา้ ”

“โธ่แม่! ก็เสียงมันดังจนคุยกันไม่รู้เรื่องแล้วเนี่ย” คนเป็นลูกชายบอก
อย่างอ่อนใจ แล้วกลับมาตอบคำถามของแม่ท่ีคา้ งไว้เม่ือครู่

“แล้วนก่ี ็ลกู สาวคนเล็กของแมไ่ ง ไมเ่ จอกนั แค่น้ที ำเปน็ ลืมนะแม่”

บีเบกิ ตาโตตกใจ ไมน่ กึ ว่าลุงจะแกลง้ หลอกยาย

“อ้าวไอ้น่ี…เอ็งก็รู้ว่าเดี๋ยวนี้ข้าหลง ๆ ลืม ๆ” ยายว่าพลางกวักมือให้บี
เขา้ ไปใกลโ้ ดยมลี ุงหงาชว่ ยอุ้มเธอไปน่ังข้าง ๆ ยาย “ลกู แมจ่ รงิ หรือวะหงา ทำไม
ตัวมนั เลก็ อย่างกบั เดก็ สิบขวบ หรือวา่ จะเปน็ ลูกหลง”

ศศพร แก้วผกั แว่น | ๔๕

“พห่ี งาแกลง้ แมอ่ กี แล้วนะ ระวังจะตกนรก!”

เดก็ หญิงเห็นแม่สา่ ยหน้าอย่างระอาพีช่ ายตวั เอง ก่อนจะเดนิ เข้าไปกอด
ยายและพดู คุยกันจนยายจำได้ว่าแม่ตา่ งหากท่เี ป็นลกู สาวตัวจรงิ

“รักดอกจึงหยอกเล่นนะ่ แม…่ ”

ยายค้อนตาเขียวทันทีที่รู้ตัวว่าถูกแกล้ง ส่วนลุงก็เอาแต่หัวเราะเสียงดัง
อย่างคนที่ชอบใจเวลาได้แกล้งคนจนทำให้ยายพลอยขำตามไปด้วยอย่างลืมตัว
วา่ กำลงั โกรธอยู่

บีมองคนโน้นทีคนนี้ทีแล้วคิดในใจว่า ‘ลุงแกล้งยายเป็นเพราะรักหรือ
แลว้ ตอนท่ีเพื่อนในโรงเรยี นแกลง้ เราจะเป็นเพราะรักอย่างนบี้ า้ งมั้ยนะ’

เมื่อคิดถึงเรื่องที่โรงเรียนเด็กหญิงก็เริ่มหน้ายุ่งจนแม่หันมาสะกิดถาม
ว่าเป็นอะไรหรือเปล่า แต่เมื่อเธอส่ายหน้าแม่จึงหันกลับไปคุยกับยายต่อด้วย
ความคิดถึง โดยมีพี่ชายอย่างลุงหงาคอยขัดคออยู่ตลอดด้วยความมันไส้ที่จู่ ๆ
ตัวเองก็กลายเป็นหมาหัวเน่าไปเสียอย่างนั้น จึงพยายามทำตัวให้มีส่วนร่วม
ตลอดบทสนทนาของทงั้ คู่

ช่วงเวลาแห่งการพูดคุยและแลกเปลี่ยนความคิดถึงกินเวลาร่วมชั่วโมง
กว่า ทั้งหมดจึงได้พากันแยกย้ายไปทำธุระของตัวเอง โดยมีลุงหงาเป็นคนแรกที่
ขอตัวออกไปวัดก่อนเพราะจะมีญาติมาทำพิธีเก็บกระดูกแต่เช้า ส่วนยายก็เอน
หลังนอนดูทีวีตามเดิม แม่จึงบอกให้เธอเข้าไปพักในห้องก่อนที่ตัวเองจะไป
จัดเก็บของที่ขนลงจากรถแลว้ วางกองไวแ้ ถวแคร่หน้าบา้ นตัง้ แต่ตอนท่มี าถึง

๔๖ | หลังฝนโปรย

บีค่อย ๆ คลานขึ้นไปบนฟูกนอนนุ่ม นั่งพิงผนังห้องที่อยู่ชิดที่นอน ก่อน
จะหยิบหนังสือการ์ตูนที่เอาติดมือมาด้วยขึ้นอ่านอย่างเงียบ ๆ แต่จนแล้วจนรอด
ก็ดูเหมือนว่าสิ่งที่อยู่ในหนังสือจะไม่ค่อยเข้าหัวของเธอสักเท่าไร เพราะสมาธิใน
การอา่ นดันหายกระเจงิ ไปตามเสยี งเพลงลกู ทงุ่ ทยี่ ายเปิดไว้

เด็กหญิงถอนหายใจยาวแล้วเปลี่ยนใจทิ้งตัวลงนอนแทน เธอคิดถึง
ความเงียบสงบแบบบ้านเก่าเหลือเกิน แต่ก็ไม่ได้อยากกลับไปที่นั่น แค่เพียง
อยากอยู่อย่างเงียบ ๆ เท่านั้น เพราะหากกลับไปก็เหมือนการไปรื้อฟื้นความ
เจ็บปวดที่อยากทิ้งไว้ให้กลับมา ดังนั้นการย้ายมาอยู่ที่นี่และเริ่มความทรงจำ
ใหมอ่ าจจะดีต่อเธอมากกว่า แม้ว่าบางอย่างอาจจะขดั ใจไปบ้างก็ตาม

ความคิดนี้ยังวนเวียนอยู่ในหัวของบี จนกระทั่งเผลอหลับไปเพราะ
ความอ่อนเพลียจากการเดินทาง ซึ่งแม่ที่เก็บของจนเข้าที่เรียบร้อยแล้วกแ็ อบแวะ
มาดคู นที่นอนคุดคู้ทบั แขนตัวเองดว้ ยสายตารักใคร่

“ทงิ้ ทกุ อยา่ งไว้ทีน่ ่นั แลว้ มาเรมิ่ ทางเดนิ ใหม่ท่ีนี่ด้วยกนั นะลูก…”

ศศพร แกว้ ผักแว่น | ๔๗


แผลทีย่ งั ไม่จางหาย

ท้องฟ้าในช่วงเวลาใกล้รุ่งยังคงมืดสลัว แต่เพราะวิถีชีวิตที่เข้านอนแต่หัวค่ำและ
ตื่นในเวลาย่ำรุ่งของคนที่นี่ทำให้บ้านหลายหลังเปิดไฟสว่างจ้าเพื่อเตรียมตัวจะ
ออกไปทำมาหากนิ

เสียงนกร้องดังเจื้อยแจ้วสลับกับเสียงไก่ขันก้องไปทั่วบริเวณบ้าน ปลุก
คนที่ยังไม่ชินกับวิถีชีวิตของคนต่างจังหวัดให้ลืมตาตื่นขึ้นรับเช้าวันใหม่ด้วย
ความงวั เงีย

“ตนื่ แล้วหรือลกู ถา้ หายงว่ งแล้วก็ออกมานงั่ เลน่ ข้างนอกได้นะ”
บีขยี้ตาเพื่อไล่ความง่วงอยู่นานสองนานจนแม่เดินหายไปจากจุดที่เคย
ยืนอยู่ เธอนั่งนิ่งครุ่นคิดว่าจะเลือกนอนต่อหรือออกไปข้างนอกตามคำชวนของ
แม่ดี แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจค่อย ๆ ลงจากที่นอนแม้ว่าสมองจะยังไม่ตื่นเต็มที่ก็
ตาม

๔๘ | หลงั ฝนโปรย

ควันสีขาวคลุ้งโขมงลอยอยู่เหนือหวดนึ่งข้าว เด็กหญิงรู้ได้ทันทีเลยว่า
อาหารมื้อนคี้ งมีข้าวเหนียวเปน็ ส่วนประกอบอีกเชน่ เคย เธอคลานช้า ๆ เข้าไปน่ัง
ใกล้ยายซึ่งกำลังช่วยแม่ทำกับข้าวและหยิบจับทุกอย่างได้อย่างคล่องแคล่วราว
กับว่าไม่ได้ป่วยเปน็ โรคเกยี่ วกับความจำ

“โป๊ก ๆ โป๊ก!” เสียงสากกระทบกับก้นครกดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ
ทันทีที่พริก กระเทียมและหัวหอมแดงคั่วถูกเทลงครก บีมองยายตำน้ำพริกอย่าง
สนใจจนไม่ทนั เห็นวา่ แม่วางปลาทูตวั ใหญ่ท่เี พ่งิ ทอดเสร็จลงบนจานต้ังแตเ่ ม่ือไร

“อีนางน้อย!” เสียงแหบแห้งเอ่ยขึ้นก่อนจะพยักพเยิดให้เด็กหญิงเห็น
จานปลาท่ีวางอยู่ตรงหนา้ “ชว่ ยแกะปลาให้ยายที เอาแต่เนื้อไมเ่ อาก้างเด้อ”

ไดย้ ินดังนน้ั เธอกเ็ กิดความลังเลใจเพราะไม่เคยแกะปลามาก่อน อย่าง
ดีที่เคยช่วยแม่ทำกับข้าวก็แค่เพียงล้างผักกับเด็ดผักเท่านั้น เมื่อถูกยายให้ช่วย
แกะปลาให้จึงเริ่มไม่แน่ใจว่าตัวเองจะทำได้หรือไม่ แต่เมื่อหันไปเห็นแม่ที่ส่งยิ้ม
มาให้พร้อมกับบอกว่า “หนูทำได้อยู่แล้วลูก” นั่นจึงช่วยให้เธออุ่นใจขึ้นและเริ่ม
ลงมือจดั การกบั เจา้ ปลาทูตวั ใหญอ่ ยา่ งระมัดระวงั

ศศพร แก้วผกั แวน่ | ๔๙


Click to View FlipBook Version