The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

“ความพิการที่เหมือนจะทำให้ชีวิตพลิกผันนี้กลับทำให้เธอได้พบโลกใหม่ที่สวยงามกว่าเดิม”
“หลังฝนโปรย” เรื่องราวชีวิตของเด็กหญิงคนหนึ่งที่เปลี่ยนไปเพราะต้อง กลายเป็นเด็กพิการในชั่วข้ามคืน สิ่งนี้ทำให้เธอเอาแต่มองโลกในแง่ร้าย และปิดกั้นตัวเองจากโลกภายนอก จนกระทั่งวันหนึ่งที่เธอได้ย้ายกลับมาอยู่ บ้านเกิดที่ต่างจังหวัด และได้พบกับลูกพี่ลูกน้องที่รู้สึกไม่ชอบหน้าตั้งแต่ ครั้งแรกที่เจอ แต่ไป ๆ มา ๆ เขากลับกลายเป็นคนที่ค่อย ๆ พาเธอออก ไปสู่โลกกว้าง และเรียนรู้อะไรมากมาย ไม่ว่าจะเป็นความรักความเข้าใจใน ครอบครัว มิตรภาพระหว่างเพื่อน หรือการใช้ชีวิต
...และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงในชีวิตเด็กหญิงอีกครั้ง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Sasaporn Kaewphakwaen, 2022-06-16 10:33:27

หลังฝนโปรย

“ความพิการที่เหมือนจะทำให้ชีวิตพลิกผันนี้กลับทำให้เธอได้พบโลกใหม่ที่สวยงามกว่าเดิม”
“หลังฝนโปรย” เรื่องราวชีวิตของเด็กหญิงคนหนึ่งที่เปลี่ยนไปเพราะต้อง กลายเป็นเด็กพิการในชั่วข้ามคืน สิ่งนี้ทำให้เธอเอาแต่มองโลกในแง่ร้าย และปิดกั้นตัวเองจากโลกภายนอก จนกระทั่งวันหนึ่งที่เธอได้ย้ายกลับมาอยู่ บ้านเกิดที่ต่างจังหวัด และได้พบกับลูกพี่ลูกน้องที่รู้สึกไม่ชอบหน้าตั้งแต่ ครั้งแรกที่เจอ แต่ไป ๆ มา ๆ เขากลับกลายเป็นคนที่ค่อย ๆ พาเธอออก ไปสู่โลกกว้าง และเรียนรู้อะไรมากมาย ไม่ว่าจะเป็นความรักความเข้าใจใน ครอบครัว มิตรภาพระหว่างเพื่อน หรือการใช้ชีวิต
...และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงในชีวิตเด็กหญิงอีกครั้ง

Keywords: วรรณกรรม,คนพิการ,เด็ก

ขณะที่กบพยายามเข้าไปใกล้หวังจะปลอบให้เธอสงบลงแต่ดูเหมือนว่า
บีจะไม่ได้ยินในสิ่งที่เขาพูดไปเลยสักนิด เพราะเด็กหญิงยังคงเอาแต่ก้มหน้า
ร้องไห้ และคอยปัดป้องผลกั เขาไมใ่ หเ้ ข้าใกล้

“ฮือ…กลัว”

“บต่ อ้ งกลวั ๆ ผมอยนู่ ”่ี กบตะโกนบอกแขง่ กับเสียงของฝน

เปรยี้ ง!

ทันใดนั้นฟ้าก็ฟาดลงมาเสียงดังลั่นจนบีตกใจกลัวเผลอดิ้นพรวดลงมา
จากรถเข็น เดก็ หญงิ รสู้ กึ เจ็บจีด๊ ตรงขอ้ ศอกทก่ี ระแทกกับพื้นดินเปียก ๆ เม่อื ครู่

เปร้ียง!!

เสียงฟ้าฟาดรอบสองดังตามมาติด ๆ ทำให้เธอพยายามตะกุยตะกาย
ดนิ เหมอื นคนกำลังหนีอะไรบางอยา่ ง

ภาพท่เี หน็ ทำให้กบถึงกับปล่อยโฮและเข้าไปกอดเธอไวเ้ พื่อจะช่วยเรียก
สติที่ดูจะเลือนหายไปทุกครั้งที่ฟ้าฟาดลงมา แต่ยิ่งเขากอดแน่นเท่าไร เธอก็ย่ิง
ดิ้นแรงขึ้น และยิ่งเขาร้องเรียกเท่าไรเธอก็ยิ่งร้องโวยวายมากเท่านั้น กบจึง
เปลี่ยนใจจะอุ้มเธอแทน แต่ด้วยแรงดิ้นของคนที่กำลังหวาดกลัวทำให้เขาไม่
สามารถจะทำเช่นนน้ั ได้

เปร้ียง!!!

จนกระทั่งฟ้าฟาดลงมาเป็นครั้งที่สาม ทำให้บีสะดุ้งตกใจออกแรงดิ้น
และผลักกบท่ีไมท่ นั ได้ตัง้ ตัวจนเสยี หลกั ลืน่ ไถลไปตามทางท่ลี าดชนั

๑๐๐ | หลังฝนโปรย

เทา่ นั้นจึงทำให้คนทีก่ ำลงั เสยี สติตาเบิกโพลงดว้ ยความตกใจ เดก็ หญิง
กรีดร้องลั่นคลานไปตามพื้นดินที่เปียกแฉะจนแทบจนเรียกว่าโคลนอยู่รอมร่อ
เพ่ือจะมองหากบซึ่งไมร่ ู้ว่าจะเป็นอยา่ งไรบา้ ง

บีพยายามเพ่งสายตามองทางข้างหน้าซึ่งมีสายฝนคอยบดบังทำให้มอง
ไม่ชัดเจน แล้วค่อย ๆ พยายามเรียกสติของตัวเองกลับมา ก่อนจะตะโกนเรียก
เด็กชายสดุ เสยี ง

“กบอยูไ่ หน…ฮอื ”

เธอสะอึกสะอื้นสลับกับร้องเรียกเด็กชายอยู่อย่างนั้น ความกลัวที่จะ
สูญเสียตีตื้นเขา้ มาในอกเหมือนครัง้ ที่สูญเสียพ่ออันเป็นท่ีรักไป แต่คราวนี้เธอจะ
ไม่ยอมเสียใครไปอีกแล้ว เด็กหญิงรวบรวมกำลังที่มีคลานไปข้างหน้าอย่างไม่
ยอ่ ทอ้ พรอ้ ม ๆ กับปาดนำ้ ตาที่ปะปนกับสายฝนท้ิง

แต่สุดท้ายด้วยความเหนื่อยและอ่อนเพลียก็ทำให้เธอต้องยอมแพ้
เพราะหมดแรงคลานต่อไปไม่ไหวจนต้องทิ้งตัวนอนราบไปกับพื้นโคลน และทำ
ได้แค่เพียงเจ็บใจตัวเองที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย แม้แต่จะคลานไปหา
น้องชายที่ดีกับเธอมาตลอดก็ยังทำไม่ได้ หนำซ้ำคนที่ผลักเขาจนลื่นลงไปกลับ
เป็นตัวเธอเอง

หัวใจของบีปวดหนึบไปหมดจนไม่อยากจะขยับตัวทำอะไรอีกแล้ว
นอกจากลมื ตามองสายฝนที่โปรยปรายลงมาแลว้ ไดแ้ ต่คดิ วา่

…ไม่ว่าฝนจะตกลงมาอีกสักกี่ครั้งมันก็ช่างเป็นวันที่เลวร้ายสำหรับเธอ
เสมอ

ศศพร แกว้ ผักแว่น | ๑๐๑

๑๑
เอกซเรยใ์ จ

บียังคงนอนนิ่งท่ามกลางสายฝนที่กระหน่ำลงมา เธอรู้สึกอ่อนล้าจนแทบจะขยับ
ตัวไม่ไหว สองตาปิดลงช้า ๆ ปล่อยให้ความเหนื่อยล้าและความเจ็บปวดไหล
ออกมากับน้ำตา

“บี!” เสียงตะโกนอย่างกระวนกระวายของใครสักคนดังแวว่ มา
“นั่น! บีอยู่ตรงนั้น” อีกเสียงหนึ่งเอ่ยสำทับมาให้ได้ยินก่อนที่สติของ
เด็กหญงิ จะเริ่มเลอื นรางลงไปเรอ่ื ย ๆ จนกระทง่ั จางหายไปในที่สุด
ท่ามกลางความมืดมิด บีรู้สึกว่าตัวเองกำลังล่องลอยไปที่ไหนสักแห่ง
เธอพยายามกวาดตามองรอบกาย ก็ไม่เห็นสิ่งใดเลย นอกจากแสงริบหรี่ไกล ๆ
จากทิศทางเบ้ืองหนา้ เท่านั้น เด็กหญงิ ลอยเขา้ ไปหาแสงสว่างน้ันราวกับถูกสะกด
เธอลอยเข้าไปใกล้ ๆ ใกล้เข้าไปเรอื่ ย ๆ จนร่างทะลผุ ่านแสงนนั้ ไปยงั สถานท่ีแห่ง
หนง่ึ ที่ดูไม่คอ่ ยคุ้นตา

๑๐๒ | หลงั ฝนโปรย

บรรยากาศรอบตัวคล้ายกับเวลาค่ำ เพราะมีเพียงแสงจากดวงจันทร์สี
เหลืองนวลเท่านั้นที่ส่องสว่างนำทางให้บีเห็นใครคนหนึ่งกำลังนั่งหลับอยู่ใต้
ต้นไม้ใหญ่บนเนินของทุ่งหญ้า สักพักก็มีหิ่งห้อยตัวหนึ่งบินมาเกาะที่นิ้วมือของ
เธอเปล่งแสงระยบิ ระยบั ให้บีขยับตามมันไป เธอลอยตามไปเร่อื ย ๆ จนพบวา่ ใคร
คนน้ันทีเ่ ธอเห็นก็คือพ่อสุดทร่ี ักของเธอนัน่ เอง

เด็กหญิงส่งเสียงร้องเรียกจนห่ิงห้อยบินห่างออกไป ทันใดนั้นเองพ่อก็
ลืมตาตื่นขึ้นมา สายตาอ่อนโยนและรอยยิ้มละมุนที่บีคุ้นเคยก็พลันปรากฏข้ึน
ความดีใจตีตื้นจนเด็กหญิงทำอะไรไม่ถูก แต่ทันทีแขนของพ่ออ้าออกกว้าง ร่าง
ของเธอก็ลอยเข้าสู่อ้อมกอดนั้น อ้อมกอดคุ้นเคยที่เธอรู้สึกว่ามันแสนจะอบอุ่น
เหลือเกิน

‘หนูคดิ ถงึ พอ่ ทสี่ ดุ เลย’ บซี บหนา้ กบั อกของพอ่ แนน่

‘พอ่ กค็ ิดถงึ หนูเหมอื นกนั ’

บผี ละออกและจ้องลกึ เข้าไปในดวงตาของพอ่ แลว้ พูดอยา่ งตัดพอ้ ว่า

‘ถ้าคิดถึงแลว้ ทำไมไม่อยู่ด้วยกัน…ทำไมถึงทิง้ กนั ไป…’

‘อืม…ใครว่าพ่อทิ้งหนูไป’ พ่อบอกแล้วยกมือลูบผมของบี ‘เพราะที่จริง
แล้วพอ่ ไม่เคยจากหนไู ปไหนเลยต่างหาก เพียงแค่หนูคิดถงึ …พ่อก็จะยังคงอยู่ตรง
น้ี อยกู่ บั หนแู ละไมม่ ีวนั จากไปไหนไกล’

พ่อทาบมือลงตรงอกข้างซ้ายของบีจนเธอรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นที่ไหล
ผ่านฝ่ามอื ของพอ่ มายงั หัวใจดวงนอ้ ยของเธอ

ศศพร แกว้ ผกั แว่น | ๑๐๓

‘จรงิ หรอื คะ’

‘จริงส!ิ ’

พ่อตอบอย่างหนักแน่นแล้วอ้าแขนโอบกอดบีอย่างทะนุถนอมอีกครั้ง
ทั้งสองกอดกันนิ่งโดยที่ไม่รู้ว่าเวลาล่วงเลยไปนานเท่าใดแล้ว จนกระทั่งพ่อเป็น
คนเอ่ยทำลายความเงยี บขน้ึ

‘เอาละ่ ! ถึงเวลาท่หี นจู ะต้องกลับไปแลว้ นะ’

‘กลบั ไปไหนคะ’

เด็กหญิงรู้สึกว่าช่วงเวลาแห่งความสุขช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน จนไม่
อยากปล่อยพ่อไปไหน จึงรีบกอดพ่อให้แน่นขึ้นราวกับกลัวว่าถ้าปล่อยมือเมื่อไร
พอ่ จะหายไปเมื่อน้นั

‘กลบั ไปหาแมข่ องหนไู งล่ะ’

แม่หรือ…ใช่! แม่จะต้องรอเธออยู่อย่างแน่นอน เมื่อพูดถึงแม่ บีก็คิดถึง
แม่ทันที แตเ่ ธอก็ไม่อยากจากพ่อไปไหนเลย

‘ถา้ หนกู ลับไปแลว้ พอ่ จะหายไปอีกมย้ั คะ’

เธอเงยหน้าถามพ่ออยา่ งกังวลใจ

‘จำที่พ่อบอกเมื่อกี้ได้มั้ย…ว่าพ่อไม่เคยหายไปไหน ถ้าหนูอยากเจอก็
เพียงแคน่ กึ ถึง เท่านหี้ นกู จ็ ะเห็นพ่อเอง…’

บีพยกั หน้ารบั และย้ิมตอบพอ่ ‘หนูจะกลับไปหาแมค่ ่ะ!’

๑๐๔ | หลงั ฝนโปรย

‘ต้องอยา่ งนี้สิลกู พ่อ’

มือใหญ่ของพอ่ กุมมือเล็กขึ้นมาแนบแกม้ ของตนเอง แล้วมอบรอยย้มิ ท่ี
เปย่ี มไปด้วยพลงั แห่งรกั ส่งใหบ้ ี

เด็กหญิงมองภาพของพ่อและจดจำไวใ้ หไ้ ด้มากท่ีสดุ เทา่ ท่ีจะทำได้ เพ่ือ
เวลาที่คิดถึงพ่อจะได้เห็นภาพของพ่ออย่างชัดเจน ก่อนที่หิ่งห้อยฝูงหนึ่งจะบิน
วนเวยี นอยรู่ อบตัวพอ่ และสอ่ งแสงสวา่ งไปทว่ั จนมองเหน็ พอ่ ไม่ชัดเจน

“บี…”

เสยี งหนึ่งดังแวว่ ลอยมาจากที่ไหนสกั แหง่ บีร้สู กึ คุ้นเคยอยา่ งบอกไม่ถูก

“เชด็ ตัวหนอ่ ยนะลกู ”

เสียงเดิมแว่วมาอีกแล้ว แต่คราวนี้ไม่ได้มีแค่เสียง เพราะบียังรู้สึกได้ว่า
มีอะไรเปียก ๆ ชื้น ๆ สัมผัสอยู่ตามเนื้อตัวของเธอจนเกิดความเบาสบาย ทันใด
นั้นภาพของพ่อก็เริ่มพร่าเลือนไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งหายวับไปในแสงสว่างจ้าของ
ห่ิงหอ้ ยเหลา่ นัน้ จนบีต้องรีบเบือนหน้าหลบเพราะดวงตาไม่อาจสู้แสงนน้ั ได้ และ
เมอ่ื เธอหนั หน้ากลบั มาอกี ทีก็เหน็ ภาพใบหนา้ อันพร่าเลอื นของแมแ่ ทน

“ตนื่ แล้วหรอื ลกู เปน็ ไงบ้าง เจบ็ ตรงไหนมย้ั …”

บีสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาก็รู้สึกปวดหนึบไปทั้งตัว ทั้งยังไร้เรี่ยวแรงจะขยับ
กายอีกด้วย เธอปิดเปลือกตาลงแล้วลืมตาขึ้นอีกครั้งจนเห็นว่าแม่มองเธออย่าง
ห่วงใยอยู่

"แม่ แมจ่ ๋า" มอื เล็กไขวค่ ว้าขึ้นไปในอากาศ

ศศพร แก้วผกั แว่น | ๑๐๕

เท่านั้น แม่จึงวางผ้าขนหนูลงในกะละมังและโผเข้ากอดบี น้ำตาที่เคย
เหือดแห้งไปแล้วกลับไหลลงมาอาบแก้มอีกครั้ง เพียงแค่ได้ยินเสียงร้องเรียก
หัวใจของคนเปน็ แมก่ แ็ ทบจะขาดลงตรงน้ี

ยิ่งหวนนึกถึงภาพของลูกตอนนอนเปื้อนโคลนท่ามกลางสายฝนก็
เหมือนกับถูกมีดปลายแหลมคมกรีดลงบนหัวใจอย่างไรอย่างนั้น ยิ่งรู้ว่าลูก
เจ็บปวดมากแค่ไหน คนเป็นแมย่ ง่ิ เจ็บปวดกวา่ เปน็ รอ้ ยเทา่ พนั เทา่

“ไม่เป็นไรแล้วนะลกู …แม่อยู่น่ี” แม่พรำ่ บอกประโยคเดิม ๆ ซ้ำไปซ้ำมา
และกอดเด็กหญิงอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งเสียงสะอื้นของทั้งสองเงียบลง แม่จึง
ค่อยๆ ประคองใหบ้ ีลุกขึน้ น่งั และเอนตัวพงิ ผนงั ห้องไว้

“พ่อไม่ไดห้ ายไปไหนค่ะ”

“หืม…”

แม่ปาดน้ำตาที่เปื้อนใบหน้าทิ้ง ก่อนจะเอียงคอสงสัยในสิ่งที่บีเปรย
ขนึ้ มาแบบไมม่ ปี ไี่ มม่ ขี ล่ยุ

“พ่อบอกหนูว่า พ่อไม่ได้หายไปไหน แต่พ่ออยู่ตรงนี้กับเราเสมอใน
เวลาท่เี ราคิดถึงคะ่ ”

บเี อามอื ทาบทีอ่ กขา้ งซ้ายของแม่เหมือนกับท่พี อ่ เคยทำกับเธอ เด็กหญงิ
แหงนหน้าขึ้นมองหยดน้ำใส ๆ ซึ่งหล่นร่วงลงมาจากหางตาของแม่ แล้วก็อด
เออ้ื มมือไปเช็ดเบา ๆ ใหไ้ ม่ได้

“ไมร่ อ้ งนะคะ”

๑๐๖ | หลังฝนโปรย

แม่จับมอื ของบมี ากุมไว้แล้วบอกเธอวา่ “จ้ะ ไม่ร้องแล้ว”

เด็กหญิงยิ้มน้อย ๆ รู้สึกอุ่นใจที่มีแม่อยู่เคียงข้าง และยิ่งพิเศษขึ้นเม่ือ
สัมผัสได้ว่าพ่อก็อยู่ตรงนี้ด้วยเช่นกัน ภาพของพ่อแจ่มชัดในใจเวลาที่เธอคิดถึง
อยา่ งทีท่ า่ นบอกไวจ้ ริง ๆ

บีเกบ็ ช่วงเวลาแหง่ ความสุขน้ีไว้ในใจ จนกระทงั่ เธอเพิ่งนึกข้ึนได้ว่าก่อน
หน้านีเ้ กดิ เหตกุ ารณ์อะไรขนึ้ บา้ ง และใครคนหนง่ึ หายไปไหน

“กบอยูไ่ หนคะ เขาเป็นยงั ไงบ้าง” เด็กหญงิ ละล่ำละลักถาม

“น้องไมเ่ ป็นอะไรลกู แค่เจบ็ หัวเข่านิดหน่อยเทา่ นน้ั เองจ้ะ”

“หนผู ิดเอง หนูเป็นคนทที่ ำให้กบลนื่ ลงไป แถมยังช่วยอะไรไม่ได้เลย”

จากที่เคยเป็นคนบอกให้แม่หยุดร้องไห้ คราวนี้เธอกลับเป็นฝ่ายร้องไห้
เสยี เอง ยิ่งนึกถงึ ช่วงเวลาน้ันเธอก็ยิ่งร้สู ึกไมด่ จี นทำใหน้ ำ้ ตาไหลออกมาไม่หยดุ

“อยา่ โทษตวั เองสลิ ูก!” แมร่ งั้ บเี ขา้ มากอดและลูบหวั ของเธอเบา ๆ

“แต่หนูทำอะไรไม่ได้เลยนะคะ จะช่วยขวัญที่ตกน้ำก็ไม่ได้ หรือจะช่วย
กบกย็ งั ทำไมไ่ ด้อกี หนไู มม่ ปี ระโยชน์อะไรเลย…ฮือ” เดก็ หญิงพรง่ั พรูความรู้สึกที่
อดั อ้นั ไวม้ านานออกมา

“ฟังแม่นะ…” แม่จับใบหน้าของเธอให้มองท่านตรง ๆ “คนทุกคนย่อมมี
คุณค่าในแบบของตัวเอง ซึ่งจะไม่มีทางที่ไร้ค่าได้เลย ถ้าเราไม่ใช่คนท่ีด้อยค่า
หรอื ดูถกู ตวั เอง”

ศศพร แก้วผักแวน่ | ๑๐๗

บีฟังที่แม่พูดและพยายามคิดตาม แต่ถึงอย่างไรเธอก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ
อยู่ดี เด็กหญิงไม่รู้ว่าคุณค่าในแบบของเธอเป็นเช่นไร แล้วจะต้องทำอย่างไรถึง
จะมีมนั ได้

เธอหยุดร้องไห้เพราะมัวแต่ครุ่นคิดจนไม่ทันเห็นว่ามีบุคคลที่สามและสี่
เดนิ เข้าในหอ้ งตัง้ แต่เมอ่ื ไร

“ตื่นแล้วบ่”

กบเดินกะเผลกเขา้ ไปใกล้บจี นเธอเหน็ ว่าที่หวั เข่าของเขาบวมปูดย่ิงกว่า
ลูกมะนาวเพราะลืน่ ไถลไปกระแทกกับอิฐขา้ งทาง

“ขอโทษนะ”

“บเ่ ป็นหยัง เจ็บนิดเดยี วคือไกลหัวใจแท้”

“ไม่เปน็ อะไรจรงิ ๆ นะ” บถี ามย้ำอีกครั้งเพ่ือความแนใ่ จ

“อมื …”

เด็กหญิงมีสีหน้าดีขึ้นนิดหนึ่งที่อย่างน้อยกบก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่
เธอก็ยงั รูส้ ึกผิดอยู่ดี จนทำใหห้ นา้ ของบีหมองลงอีกครง้ั

ลุงหงาทเี่ หน็ เช่นนั้นก็อดยืน่ มือมาโยกหวั ของหลานเบา ๆ ไม่ได้ ลุงหงา
ยิ้มให้อย่างอ่อนโยนจนบีรับรู้ได้ว่าลุงไม่โกรธหรือไม่โทษที่เธอทำให้ลูกชายของ
ลุงเจ็บตัวเลยสักนิด แถมลุงยังช่วยให้กำลังใจเธอแทนที่จะเป็นกบซึ่งเป็นคนเจ็บ
เสยี อีก

๑๐๘ | หลังฝนโปรย

“หายไว ๆ เด้อ”

บรี ู้สึกงนุ งงแตก่ ย็ ม้ิ ใหล้ งุ หงาเล็กนอ้ ย กอ่ นท่เี ธอจะเผลอสะดุ้งเพราะจู่ ๆ
กถ็ ูกกบเขา้ มาสวมกอดอยา่ งไม่ทันได้ตั้งตวั

“อยา่ คดิ มากเดอ้ บ่ใช่ความผดิ ของพีเ่ ลย”

เด็กหญิงนงั่ นงิ่ และทำอะไรไม่ถูก จนกระท่งั ผ่านไปเพียงครกู่ เ็ ห็นแมเ่ ริ่ม
ขยับตัวเข้ามาสวมกอดเธอกับกบไว้บ้าง ตามมาด้วยลุงหงาอีกคน คราวนี้เลย
กลายเป็นว่าทั้งสี่คนต่างกอดกันและกันไว้ พร้อมทั้งส่งมอบความรักและความ
อบอนุ่ ใหก้ นั จนบกี ล้ันนำ้ ตาเอาไว้ไม่อยแู่ ละปลอ่ ยใหม้ ันไหลออกมาอกี คร้ัง

เมื่อมคี นหน่ึงร้องไห้ คนทเ่ี หลือก็พลอยร้องไปตาม ๆ กัน มเี พียงลุงหงา
เทา่ น้ันท่สี ะอึกสะอ้ืนเสยี งเบากว่าทุกคน

เสียงร้องไห้ทั้งของเด็กและผู้ใหญ่เลยไปนอกห้อง จนทำให้ผู้ที่อาวุโส
ที่สุดในบ้านซึ่งเพิ่งปิดทีวีได้ยินแล้วก็นึกแปลกใจ จึงเดินตามเสียงนั้นมาก็พลัน
เหน็ คนท้งั สก่ี อดกนั กลมแลว้ อดนอ้ ยใจทีต่ นไมไ่ ด้มีส่วนร่วมด้วยไม่ได้

“เฮ็ดหยังอยู่ บ่เรียกกันบ้าง” เสยี งแหบแหง้ อยา่ งคนสงู วัยเอย่ ตัดพ้อ

ทั้งหมดจึงพากันหันมามองยายแย้มที่ยืนเท้าเอวทำหน้ามุ่ยอยู่หน้าห้อง
ก่อนจะเปล่งเสียงหวั เราะจนกลบเสียงรอ้ งไห้เม่ือสกั ครเู่ สยี หมด บีเองกอ็ ดหัวเราะ
ตามไม่ได้ทั้ง ๆ ที่น้ำตายังคงไหลอาบแก้มนวล ที่ตอนนี้กลับแดงคล้ายผลตำลึง
สกุ

“รกั ษาไข้คนป่วยอยู่” ลุงหงายักค้ิวตอบ “แม่อยากมาชว่ ยกนั อีกแรงบ่”

ศศพร แก้วผักแว่น | ๑๐๙

“เฮ็ดยงั ไงล่ะ”
แม้จะงงงวยแต่ยายกย็ อมเดนิ เขา้ มาหยุดยืนอยขู่ า้ งลงุ หงา
“เฮ็ดแบบนีแ้ น่น ๆ” ลุงหงาวา่ และกอดบใี หย้ ายดู
“คอื งา่ ยแท้ มา ๆ ยายสริ กั ษาเจ้าใหห้ ายเอง”
ยายทำตามที่ลุงหงาสอนให้ดู โดยการนั่งลงบนที่นอนข้างๆ บีแล้วโอบ
กอดเธอไว้ จากนั้นทุกคนจึงพากันทำแบบเดิมคือกอดกันและกันไว้อยู่อย่างนั้น
เวลาผ่านไปนานเท่าไรบีไม่รู้ เพราะตอนนี้เธอรู้แต่เพียงว่าวิธีรักษาไข้แบบฉบับ
ครอบครัวของเธอช่างแปลกเสียจริง แต่มันกลับได้ผลจนเกินคาด เมื่อความ
เจบ็ ปวดทเ่ี คยมที ุเลาลงไดอ้ ย่างไมน่ า่ เช่อื

๑๑๐ | หลังฝนโปรย

๑๒
หวั ใจนำทาง

เวลาผ่านไปอาทิตย์กว่าแล้ว แต่ฝนก็ยังคงตกอยู่ทุกวัน ถนนลูกรังเปียกชุ่มจน
เละเป็นโคลนแทบจะตลอดเวลา ทำให้หลายวันมานี้บีต้องอยู่แต่ในบ้าน และ
ลองเอาชนะความกลัวของตัวเองด้วยการนั่งฟังเสียงฝนตามที่กบแนะนำ แรก ๆ
ในวันที่มีฝนตก เธอไม่กล้าแม้แต่จะออกจากอ้อมกอดของแม่เลยด้วยซ้ำ แต่พอ
ได้ลองพยายามเผชิญหน้ากับมัน โดยมีคนในครอบครัวคอยนั่งอยู่เป็นเพื่อน ทั้ง
ยังชวนคยุ ชวนเล่นและทำกิจกรรมมากมายก็ทำใหบ้ ีสบายใจข้ึนอย่างไมร่ ู้ตัว จน
บางครั้งก็สามารถนั่งมองฝนตกได้โดยไม่มีภาพอะไรแทรกซ้อนเข้ามาในหัวให้
นึกหวาดกลัวอีก จะมีก็แต่เวลาที่ฟ้าผ่าลงมานี่ล่ะที่ทำให้สะดุ้งตกใจจนสั่นไป
ทงั้ ตวั

มาถึงตอนนี้บกี ็เริ่มไม่ค่อยกลวั หรือผวาอะไรนกั ยามท่ีฝนโปรยปรายลง
มาอกี แล้ว หากแต่ถ้าเป็นตอนอยู่คนเดียวอีกกค็ งไมแ่ น่ เพราะทีผ่ ่านมานับต้ังแต่
เหตุการณ์ในวันนั้นเธอก็แทบไม่ได้อยู่คนเดียวอีกเลย เนื่องจากว่าแต่ละคนใน
ครอบครัวมักจะเปลยี่ นเวียนกันมาอย่เู ป็นเพื่อน หรอื ไม่ก็เป็นเธอที่ออกไปน่ังเล่น

ศศพร แกว้ ผกั แวน่ | ๑๑๑

อยู่นอกห้องกับพวกเขาเสียเอง จึงทำให้ช่วงเวลาของบีในตอนนี้ไม่มีคำว่าเงียบ
สงบอย่างทช่ี อบอกี เลย แต่มนั กลับใหค้ วามร้สู กึ ท่ีดีไปอกี แบบ

“ฝนตกทั้งวันเลย วันนี้ก็คงออกไปไหนไม่ได้อีกตามเคย งั้นเรามาหา
อะไรทำกันดกี ว่า” บีว่า

กบทำท่าครนุ่ คิด
“เล่นขายของบ่”
“ไม่เอา เพง่ิ เล่นไปเมอื่ เชา้ เอง”
“หรือดูการ์ตนู ด”ี
“ยายดลู ะครอยนู่ ะส”ิ
บบี ้ยุ ปากไปทางดา้ นหลงั ของกบซึง่ มียายนอนดทู วี อี ยู่
“งน้ั เลา่ นิทานละกัน ผมอยากฟัง”
“จะดหี รือ ไมร่ จู้ ะเล่าเรื่องอะไรเลย”
“ดีสิ! เอาเรื่องอะไรก็ได้ ผมเห็นพี่อ่านตั้งเยอะตั้งแยะ น่าสนุกดี…นะ ๆ
เลา่ ใหฟ้ งั หนอ่ ย”
เขาเอื้อมมือมาเขย่าแขนเธอแล้วทำท่าอ้อน ๆ บีไม่รู้ว่าเขาจะอยากฟัง
อะไรขนาดนั้น ซึ่งเธอก็ไม่ใช่คนเล่าอะไรเก่งเสียด้วยสิ เมื่อถูกขอร้องเช่นนี้จึงไม่
แน่ใจว่าตนจะทำได้หรือไม่ แต่พอมาคิด ๆ ว่าหากจะลองดูสักครั้งก็คง

๑๑๒ | หลังฝนโปรย

ไม่เสียหายอะไร ดังนั้นเธอจึงพยักหน้าตกลง ทำให้คนที่นั่งตรงข้ามกันเผย
รอยยิ้มกวา้ ง

กบเดินเข้าไปในห้องและหยิบหนังสือนิทานของบีออกมาวางกอง
ตรงหน้า บีจับ ๆ วาง ๆ หนังสืออยู่หลายเล่มอย่างคิดไม่ออกว่าจะเลือกเล่าเรื่อง
ไหนดี จนกระทั่งเขาบอกให้เธอเลอื กเร่ืองทีช่ อบ จึงตัดสินใจหยบิ หนังสือเล่มหนง่ึ
ขึ้นมากาง แต่ยังไม่ทันที่บีจะได้เริ่มอ่าน ป้าอ้อยก็กางร่มพาต้นอ้อและสายขวัญ
มาฝากแมข่ องเธอไวเ้ พราะมีธรุ ะดว่ นจะต้องรบี ไปทำ

“ทำอะไรกนั อยู่จ๊ะ”

ตน้ ออ้ เดนิ เข้ามาน่ังขา้ งกบตามด้วยสายขวัญอีกคน

“ฟงั พบ่ี เี ลา่ นิทานนะ่ ” กบตอบ

“โอโ้ ฮ อยากฟงั บ้างจัง”

ต้นอ้อและสายขวญั พูดพรอ้ มกนั อย่างตน่ื เตน้

ตอนนี้เลยกลายเป็นว่า นอกจากบีจะต้องอ่านหนังสือนิทานให้กบฟัง
แล้ว ก็ยังมีเด็กแฝดอีกสองคนมาร่วมฟังด้วย ทั้งหมดจึงพากันนอนคว่ำเอาหัวชน
กันจนล้อมหนังสือนิทานเล่มนั้นไว้ โดยมีบีที่นอนอยู่ตรงกลางเป็นคนเล่าและมี
เดก็ อีกสามคนคอยชี้ภาพชวนคยุ ในจุดทน่ี า่ สนใจ

แม่ถือจานมะละกอสุกซึ่งหั่นเป็นช้ินพอดีคำมาวางให้เด็ก ๆ ที่กำลังคุย
จ้อกันอย่างสนุกสนาน นางยืนมองภาพนี้ดว้ ยหวั ใจพองฟู ในอกเต็มไปด้วยความ
สว่างไสวจากรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเด็ก ๆ โดยเฉพาะความสดใสของบี

ศศพร แก้วผกั แวน่ | ๑๑๓

ทำให้น้ำตาของแม่เอ่อคลอด้วยความปิติ ก่อนจะอมยิ้มน้อย ๆ แล้วเดินไปนั่งดู
ทีวขี า้ ง ๆ ยาย

เด็กทั้งสี่คนใชเ้ วลาตลอดชว่ งบ่ายหมดไปกับการอา่ นหนังสือนิทานและ
ผลัดกันเล่าเรื่องต่าง ๆ มากมาย เรื่องหนึ่งที่ต้นอ้อเล่าให้ฟังแล้วทำให้บีรู้สึก
สนใจมาก นั่นก็คือน้ำแข็งไสสีรุ้งจากร้านที่อยู่ตรงหัวมุมถนนของหมู่บ้าน แค่ได้
ฟังบีก็อยากจะลองไปกินตามบ้าง เธออยากรู้ว่ามันจะน่ากินและอร่อยอย่างที่ว่า
กนั หรอื ไม่

“อยากไปกนิ บ”่ กบถามขึ้นหลังจากท่ีปา้ อ้อยรับเด็กแฝดกลับไปแล้ว

บีตบหมอนสองสามทีแล้วค่อย ๆ ล้มตัวลงนอนหงายราบไปกับพ้ืน
ก่อนท่จี ะตอบ

“นำ้ แขง็ ไสน่ะหรือ…อยากสิ! ไมเ่ คยเหน็ น้ำแข็งไสที่ไหนมสี ีรุ้งเลย อยาก
ลองไปชิมดูสักครงั้ จัง และก็อยากเห็นดว้ ยว่ามนั เหมือนรงุ้ จรงิ ๆ หรือเปลา่ ”

“งั้นถ้าพรุ่งนี้สาย ๆ ฝนบ่ตก สิพาไปเด้อ” เขาพูดยิ้ม ๆ ขณะช่วยจับข้อ
เท้าและใต้ข้อพับเข่าของบีแล้วยกขึ้นให้มันเหยียดตรง ก่อนจะค่อย ๆ วางขาของ
เธอลงสู่ตำแหน่งเดิม แล้วจงึ ทำซำ้ เหมือนเดิมอยู่อีกหลายรอบ

เหตุที่ต้องทำเช่นนี้ก็เพราะว่าบีเบื่อและไม่ชอบทำกายภาพบำบัด จึง
พยายามหลบเลี่ยงไม่ทำอยู่หลายครั้งจนส่งผลให้ขาเล็ก ๆ ของเธอลีบลงอย่าง
เห็นได้ชดั คราวนแี้ มจ่ ึงไม่ยอมตามใจเธองา่ ย ๆ โดยการวานใหก้ บมาชว่ ย แต่ถา้
เธอยังดื้อไม่ยอมทำ แม่กจ็ ะเปน็ คนมาทำให้เอง

๑๑๔ | หลังฝนโปรย

เด็กหญิงจึงยอมจำนนให้กบช่วยแต่โดยดี เพราะถ้าหากให้แม่เป็นคน
ทำใหล้ ่ะก็ วันนีเ้ ธอคงไดท้ ำแตก่ ายภาพบำบัดไปจนถงึ อาหารมอ้ื เย็นเปน็ แน่

กลิ่นไอดินลอยคลุ้งในเช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากที่ฝนโปรยอยู่ตลอดทั้งคืนจนถนน
ลูกรังบางที่ยุบตัวเป็นแอ่งน้ำเล็ก ๆ ซึ่งทอประกายระยิบระยับยามแสงแดดเจิดจ้า
สาดส่องสะทอ้ นผิวนำ้

หลังจากกนิ ข้าวเสร็จ บกี ็ชช้ี วนให้กบดทู ้องฟา้ ซึ่งโปร่งใสจนเหน็ กอ้ นเมฆ
สีขาวลอยอยู่บนนั้น ซง่ึ ตา่ งจากหลาย ๆ วนั ที่ผา่ นมา

“ดูท้องฟ้าสิ! แปลกจริง! มืดครึ้มมาได้ตั้งหลายวัน แต่วันนี้กลับสว่างจ้า
ซะอยา่ งนั้น”

“สงสัยฟ้าคงเปิดทางให้พี่ไปกินน้ำแข็งไสมั้ง” กบเอ่ยกระเซ้าแล้วก็
หวั เราะกบั คนทีน่ ่ังอยขู่ า้ งกัน

บีทำหน้าเหลอหลาก่อนจะนึกขึ้นได้ถึงเรื่องที่ทั้งสองคุยกันไว้เมื่อวาน
จึงอดตื่นเต้นไม่ได้ที่วันนี้จะได้ออกไปข้างนอกเสียทีหลังจากที่ไม่ได้ไปไหนมา
ไหนอยู่หลายวัน เพราะฝนเจา้ กรรมดนั ตกอยู่แทบจะตลอดเวลา และอีกสง่ิ หน่ึงที่
ทำให้เธอดูดีใจกว่าปกติจนคนในบ้านต่างพากันยิ้มขันไปตาม ๆ กันนั่นก็คือ
การไดไ้ ปกนิ นำ้ แขง็ ไสสรี ุ้งทจี่ ะเหมอื นรงุ้ อยา่ งท่ีตนจนิ ตนาการไวห้ รือไม่นี่ละ่

“จรงิ ด้วย…นายสัญญาไว้แล้ว ตอ้ งพาไปนะ”

“ไดเ้ ลย…”

ศศพร แก้วผกั แวน่ | ๑๑๕

แม่เห็นความร่าเริงและกระตอื รอื ร้นของบกี อ็ ดท่จี ะหยอกไมไ่ ด้

“แต่แม่ว่าวันนี้ฟ้าไม่ค่อยสว่างเลยนะ เพราะหนูดูสดใสจนท้องฟ้าหม่น
ไปเลยน่ะสิ”

ลุงหงาหัวเราะลั่นจนยายที่กำลังเดินเข้าบ้านหันมามองอย่างสนใจ แม่
จึงตตี ้นแขนลงุ เบา ๆ ให้หยดุ ส่งเสยี งดงั บมี องทุกคนอยา่ งงงงวยกอ่ นจะเริ่มเขา้ ใจ
ในสิ่งที่แม่พูดก็ถึงกับยิ้มเขิน และหลบสายตาหยอกล้อของน้องชายตัวแสบจน
หนา้ แทบจะจมหายไปกับฝ่ามอื ทัง้ สองของตัวเอง

แสงอาทิตย์สีส้มจาง ๆ ฉาบอยู่บนท้องฟ้าบอกเวลาบ่ายคล้อย เด็กทั้ง
สองพากันมายังร้านขายน้ำแข็งไสเจ้าดังของหมู่บ้าน จากเดิมที่เคยตั้งใจจะมา
ในช่วงสาย ๆ กลับเลื่อนเวลาออกไปเพราะเด็ก ๆ ต้องอยู่เป็นเพื่อนยาย
เนื่องจากลุงต้องขี่รถพาแม่ไปซื้อของทำกับข้าวที่ตลาด แทนการซื้อจากรถพุ่ม
พวงซงึ่ เป็นรถเรข่ ายของตั้งแต่ของแห้งยนั ของสดทไี่ มไ่ ดเ้ ข้ามาขายในวันนี้

กบเข็นรถพาบีเข้าไปในร้าน ซึ่งใช้บริเวณหน้าบ้านตั้งเป็นร้านขายของ
โดยมีโต๊ะม้าหินทรงสี่เหลี่ยมสองตัวตั้งติดกันจนกลายเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าไว้
สำหรับเป็นที่นั่งของลูกค้า ซึ่งส่วนใหญ่ก็ล้วนแล้วแต่เป็นลูกค้าเด็ก ๆ ทั้งนั้น จะ
พอมีพวกผู้ใหญ่ให้เห็นบ้างก็ตอนหน้าร้อน ถึงจะค่อยสนใจหนั มากินของหวาน ๆ
เย็น ๆ อยา่ งน้ำแขง็ ไสเพ่อื คลายร้อนกนั บ้าง

บีกวาดตามองไปทั่วร้านที่นอกจากเธอและกบแล้วก็ไม่มีใครอยู่เลย
กบจงึ เลา่ ใหฟ้ ังว่าช่วงนเี้ ร่ิมเยน็ เลยไม่ค่อยมใี ครมากินแลว้ ลงุ ชาญซงึ่ เป็นเจ้าของ
ร้านจึงมักจะเข้าไปนั่งในบ้านและสานกระเป๋าเก็บไว้สำหรับขายเป็นอาชีพเสริม

๑๑๖ | หลงั ฝนโปรย

เวลาที่มีงานวัด หรือเทศบาลจัดงานประจำปีที่พ่อค้าแม่ค้าไปออกซุ้มจำหน่าย
สนิ ค้าหัตถกรรมได้

เด็กหญิงคลับคล้ายคลับคลาว่าหลายปีก่อนแม่กับพ่อจะเคยพาเธอไป
งานนี้ ซึ่งเป็นงานที่จัดเพียงปีละครั้งเท่านั้น ตอนนั้นบีจำได้ว่าในงานมีของที่เป็น
งานฝีมืออยู่มากมายจนละลานตาไปหมด และถ้าเธอจำไม่ผิด ยาสระผมสูตร
ดอกอัญชันที่เธอชอบมาก ๆ และหาซื้อตามร้านค้าทั่วไปได้ไม่ได้นั้นจะต้องเป็น
สินค้าท่ซี ื้อมาจากงานนีอ้ ย่างแน่นอน

“เดย๋ี วเข้าไปเรยี กลุงชาญแป๊บนะ” กบว่าแลว้ เดนิ เขา้ ไปในบา้ นอย่างคน
ทคี่ ุ้นเคยกบั เจา้ ของบ้านดี ไมน่ านกบกบั ออกมากับลุงชาญซึง่ เปน็ ชายวัยกลางคน
ตัวผอมบางและผมยาว ที่ผมของลุงนั้นปักปิ่นไม้ธรรมดาไม่มีลวดลายไว้แถว ๆ
ท้ายทอยเพื่อยึดมันไว้ไม่ให้หลุดรุ่ย ซึ่งทันทีท่ีบีมองต่ำจากศีรษะลงมาจึงเห็นว่า
มือข้างหนึ่งของลุงดูผิดแผกไปเพราะแต่ละนิ้วดูสั้นกุดจนเหลือเพียงข้อเดียว ทำ
ให้เกิดความสงสัยว่ามันน่าจะหยิบจับสิ่งใดไม่ได้ แล้วอย่างนี้จะทำอะไรด้วยมือ
เพยี งขา้ งเดยี วได้หรือ

“บต่ ้องแปลกใจเด้อ มีมอื เดียวกเ็ ฮ็ดน้ำแขง็ ไสให้หนูกินได้”

ลุงชาญพูดด้วยน้ำเสียงเอ็นดูเหมือนอ่านความคิดของเธอได้ เด็กหญิง
จงึ ไดแ้ ต่ยิม้ แหย ๆ ส่งกลบั ไป

“แล้วเป็นหยังถึงได้มากันป่านนี้ ลุงสิปิดร้านแล้วเนี่ย” แกว่าพลางเดิน
ไปหยิบถาดสังกะสีมาลองใต้กบไสน้ำแข็งซึ่งมีลักษณะเหมือนเก้าอี้ม้านั่งขนาด
เล็กท่เี จาะช่องตรงกลางไว้สำหรบั ใส่มดี ไสน้ำแขง็

ศศพร แก้วผักแวน่ | ๑๑๗

“กว่าพ่อสิกลับจากตลาดก็นานโพด ผมเลยต้องอยู่เป็นเพื่อนยายก่อน
จะมาพรุ่งนี้ก็กลัวว่าฝนจะตกอีกแล้วจะอดมาเลยมากันตอนนี้ เพราะเพิ่นอยาก
กินน้ำแข็งไสสีรงุ้ หลาย”

ลงุ ชาญหวั เราะเบา ๆ แลว้ ค่อยถามต่อ “ใชล่ ูกของอาเอง็ บ่”

“แม่น เพิ่นเป็นลูกของอาชบา เพิ่งจะย้ายกลับมาอยู่นี่ได้สี่ห้าเดือนแล้ว
ม้ัง… แม่นบ่”

บีพยักหน้าเมื่อกบหันมาถาม ก่อนจะมองการทำน้ำแข็งไสอย่างไม่ละ
สายตาไปไหน เร่ิมตงั้ แตท่ ลี่ ุงชาญไสนำ้ แขง็ กอ้ นใหญ่จะได้น้ำแขง็ เปน็ เกล็ดเล็กๆ
ซึ่งเมื่อรวมกันมาก ๆ กลับดูคล้ายปุยเมฆบนท้องฟ้าของวันนี้เสียจริง จากน้ัน
นำ้ แข็งเหล่านีก้ ถ็ กู ตกั ใสถ่ ว้ ยพลาสตกิ เลก็ ๆ ซง่ึ มลี กู ชดิ และมันทห่ี นั่ เปน็ ส่เี หลี่ยม
ลกู เต๋าใสอ่ ยู่ในถว้ ยกอ่ นแลว้

…และในที่สุดวินาทีที่บีรอคอยมาตลอดก็มาถึงเมื่อลุงชาญหยิบขวดบีบ
ซึ่งบรรจุน้ำหวานบีบใส่น้ำแข็งเป็นชั้น ๆ โดยเริ่มไล่ตั้งแต่สีแดง สีส้ม สีเหลือง สี
เขียว สีน้ำเงิน สีฟ้า และสีม่วง จนดูคล้ายกับสายรุ้งเหมือนอย่างที่ต้นอ้อบอกไว้
จริง ๆ

ขณะที่บีตื่นตาตื่นใจกับน้ำแข็งไสสีรุ้ง กลับมีสิ่งหนึ่งที่ตรึงความสนใจ
ของเธอได้มากกว่า ซึ่งสิ่งนั้นก็คือมือของลุงที่หยิบจับของต่าง ๆ ได้อย่าง
คล่องแคลว่ ดว้ ยมือเพียงข้างเดียว จนเธออดทง่ึ ไม่ได้

ลุงชาญนำน้ำแข็งไสสีรุ้งที่ทำเสร็จแล้วมาวางไว้บนโต๊ะตรงหน้าบี ก่อน
จะกลบั ไปทำแบบเดิมอกี ถว้ ยใหก้ บ

๑๑๘ | หลงั ฝนโปรย

เด็กหญิงเอ่ยขอบคุณแล้วจึงละเมียดละไมตักน้ำแข็งไสขึ้นมาชิม
รสชาติของมันก็หวาน ๆ ไม่ต่างจากน้ำแข็งไสทั่วไปเท่าไรนัก แต่จะมีความตีกัน
ของรสชาติอยู่บา้ ง เน่ืองจากน้ำหวานแตล่ ะสจี ะมกี ลน่ิ และรสชาติทไ่ี มเ่ หมอื นกนั

“กลนิ่ อะไรน่ะหอมจงั ” เธอว่า “กบลองดมดูส”ิ

บีทำจมูกฟุดฟิด เมื่อจู่ ๆ ก็มีกลิ่นหอมของอะไรสักอย่างลอยมาใน
อากาศ

“กลน่ิ เหมอื นแกงเปอะ” กบตอบ

“แม่นแล้ว!” ลุงชาญบอก “ลุงสิอุ่นมันอยู่ นี่เฮ็ดตั้งแต่เช้าแต่กินได้ยัน
เยน็ คุม้ หลาย”

“แกงเปอะเป็นยงั ไงหรือคะ ช่ือแปลกจงั ” บถี าม

“มันก็คือแกงที่มีน้ำสีขุ่น ๆ ข้น ๆ เพราะใส่เครื่องหลายอย่างผสม
รวมกันนี่ล่ะ แต่หลัก ๆ ที่ขาดบ่ได้เลยคือ หน่อไม้ ฟักทอง ใบย่านาง น้ำปลาร้า
และขา้ วเบือ”

เมื่อเห็นบีมีสีหน้างงงวยกับชื่อวัตถุดิบอย่างสุดท้าย แกจึงอธิบายให้ฟัง
ต่อว่า “ข้าวเบือก็คือ ข้าวเหนียวที่แช่น้ำจนนุ่ม แล้วค่อยโขลกให้แตกละเอียด
กอ่ นจะนำมาทำอาหารเพ่อื เพิม่ ความหนืดใหน้ ่ากิน แลว้ หนเู คยกนิ บ่”

“ไมเ่ คยเลยค่ะ ปกตกิ นิ แตต่ ม้ จดื ไมก่ ็ต้มยำ”

“อยากลองบ่ เดยี๋ วลุงตักใหก้ ิน”

ศศพร แก้วผักแวน่ | ๑๑๙

เด็กหญิงตอบรับอย่างเกรงใจ ไม่นานนักเธอก็เห็นลุงชาญหยิบจับของ
ต่าง ๆ ด้วยมือข้างเดียวอย่างคล่องแคล่วจนได้แกงเปอะร้อน ๆ ถ้วยหนึ่งมาวาง
ลงบนโต๊ะ ซึ่งระหว่างนั้นบีก็เผลอจ้องมองมือของลุงเข้าอีกแล้ว เธอไม่เข้าใจว่า
ทำไมตนจะตอ้ งเผลอมองมือขา้ งนั้นของลงุ ทุกคร้งั ที่มนั เคลอื่ นไหวด้วย

ครั้งนี้ก็เช่นกัน ในขณะที่บีตักแกงเปอะเข้าปากแต่สายตาก็ยังคงเหล่
มองมือของลุงอยู่เหมือนเดิมจนเธอเริ่มสงสัยขึ้นว่า เพราะอะไรมือของลุงถึงเป็น
แบบนี้ ไวเท่าความคิด เด็กหญิงเผลอโพล่งถามออกไปด้วยความอยากรู้ว่า “มอื
ของลุงเป็นอะไรหรอื คะ”

ทันทีที่รู้ตัวว่าพูดอะไรออกไป บีก็รีบเอามือตะปบปากของตัวเอง และ
เอ่ยขอโทษทจ่ี ู่ ๆ กด็ ันเสยี มารยาทถามในเร่ืองส่วนตวั ของลุง

“บป่ น็ หยงั ลุงบถ่ ือหรอก”

นอกจากลุงชาญจะไม่ดุหรือโกรธแล้ว แกยังหัวเราะที่เธอเอาแต่พูดขอ
โทษขอโพยเสียด้วยซ้ำ ทำให้เด็กหญิงรู้สึกร้อนผ่าวที่หน้า แทบจะไม่กล้าสบตา
กบั ลุง

ลุงชาญเดินมานั่งข้างกบ แกวางมือข้างที่กุดลงบนโต๊ะและเล่าให้เด็ก
ทง้ั สองฟังว่า มือของแกไมไ่ ด้เป็นแบบน้ีมาต้ังแตเ่ กิด แต่เมื่อสิบกว่าปีก่อนตอนท่ี
แกเข้าไปทำงานในกรุงเทพ ฯ ได้ทำงานเป็นช่างซ่อมบำรุงให้กับโรงงานผลิต
เหล็กแหง่ หนึง่ เร่อื ยมาจนกระทั่งวนั หน่ึงท่ีแกกำลังตดั เหล็กอย่ไู มท่ ันระวังเผลอถูก
เครื่องตัดเหล็กปาดนิ้วมือข้างหนึ่งจนกุด ทำให้มือข้างนั้นหยิบจับอะไรไม่ได้อีก
เลยจนกระทั่งวันน้ี

๑๒๐ | หลงั ฝนโปรย

“นา่ กลัวจงั เลยค่ะ” บบี อกเสยี งเบา

“แล้วลุงยงั เฮด็ งานท่นี ัน่ ตอ่ บ่” กบถามอย่างสงสัย

“บ่ได้เฮ็ดแล้ว ตอนนั้นคือเสียใจหลาย รับบ่ได้ที่มือด้วนจนคิดสิฆ่าตัว
ตายด้วยซำ้ ”

ต้องรู้สึกแย่กับชีวิตแค่ไหนถึงมีความคิดที่จะฆ่าตัวตายได้ บีคิด ขนาด
ตัวเธอตอนรู้ว่าจะเดินไม่ได้อีกต่อไปแล้วยังไม่เคยแม้แต่จะกล้าคิดทำแบบน้ัน
เลย

เด็กหญงิ มองลุงชาญทเี่ ลา่ เร่อื งน้ไี ดเ้ หมอื นเปน็ เร่ืองธรรมดาท่ัวไปจนอด
ถามต่อไม่ได้ เพราะความอยากรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้แกเปลี่ยนใจและมีชีวิต
รอดมาได้ถึงตอนน้ี “แล้วอะไรทำใหล้ งุ เปลี่ยนใจคะ”

“เพราะผู้หญิงคนนั้น” ลุงชาญผินหน้าไปทางรูปภาพของหญิงชราคน
หนึ่งที่ใส่กรอบตั้งอยู่บนโต๊ะเดียวกับอุปกรณ์ขายของ “นั่นน่ะแม่ลุงเอง แม่นี่ล่ะท่ี
เฮด็ ใหล้ ุงมีแรงใจลกุ ข้นึ สู้ตอ่ และอกี อย่างนะพอไดม้ าทบทวนความคดิ ของตัวเอง
ใหม่ดี ๆ คราวนี้ลุงก็คิดได้ว่า แค่เสียมือไปบ่ได้เฮ็ดให้ชีวิตเราสิสิ้นหวังทั้งหมด
เด้อ มันอยู่ที่หมอ่ งน่ี หวั ใจของเราต่างหาก…”

“หัวใจหรือคะ…” เด็กหญงิ พึมพำถาม

“แม่น! หัวใจนี่ล่ะ สิเป็นตัวบอกเราเองว่าชีวิตของเราจะเป็นจังได๋ มือ

ด้วน แขนด้วนสิยังบ่หนกั เทา่ หัวใจพกิ ารเลยเด้อ เพราะเสียแขนกย็ ังมีขา เสียขาก็

ยังมแี ขน ส่วนถ้าเสยี ทั้งแขนและขาก็ยังมีสมอง แต่ถา้ เสียหัวใจนสี่ ิก็ยากที่สิมีชีวิต

อยู่ต่อได้”

ศศพร แก้วผกั แว่น | ๑๒๑

บีและกบขอตัวกลับบ้านเพราะฟ้าเริ่มมืดแล้ว บีครุ่นคิดและใคร่ครวญ
ถึงสิ่งที่ได้รับฟังมาจากลุงชาญตลอดเวลา เธอเริ่มรู้สึกคล้อยตามในสิ่งที่ลุงบอก
ตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุเธอใช้อารมณ์และความรู้สึกนำทุกอย่างมาตลอด เธอเอาแต่
คิดว่าตัวเองไม่สามารถทำอะไรได้เพียงเพราะพิการขา แต่เธอลืมคิดไปว่าตัวเอง
กย็ ังมีมืออยู่ และทม่ี ากไปกว่านนั้ ก็คือ เธอยงั มีหัวใจ หวั ใจท่จี ะบอกเธอว่าควรจะ
ทำอย่างไรตอ่ ไปเหมือนท่ีลุงชาญบอกเธอก่อนจะกลบั วา่ “จะจมอยู่กับความทุกข์
หรือจะอย่อู ยา่ งมีความสุขกล็ องใช้หัวใจของเรานำทางดเู ด้อ”

๑๒๒ | หลงั ฝนโปรย

๑๓
ไฟไหม้ไมไ่ หมใ้ จ

เด็กหญิงนั่งรอแม่อยู่ในรถ หลังจากที่ทำเรื่องขอเอกสารรับรองความพิการจาก
โรงพยาบาลเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะเลยไปถ่ายรูปเพื่อใช้แนบไปกับเอกสาร
ต่าง ๆ ที่ใช้ในการยื่นเรื่องขอทำบัตรคนพิการ เพื่อรับการช่วยเหลือและสิทธิ
ประโยชน์มากมายจากรัฐบาล บีไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าจะมีเรื่องแบบนี้ด้วย
จนกระทั่งได้มีโอกาสไปร้านลุงชาญบ่อย ๆ จนแกพูดให้ฟังและแนะนำให้เธอไป
ทำ นั่นจึงทำให้เธอเริ่มคิดว่า ถ้าเธอมีบัตรคนพิการก็น่าจะพอช่วยแบ่งเบาภาระ
แม่ได้บ้าง เพราะลุงชาญยังบอกอีกว่า นอกจากจะได้สิทธิประโยชน์มากมายแล้ว
ก็ยังจะได้เงินช่วยแหลืออีกเดือนละแปดร้อยบาทด้วย เด็กหญิงไม่แน่ใจว่าเงิน
จำนวนนี้จะมากพอสำหรับผู้ใหญ่หรือไม่ แต่สำหรับเด็กอย่างเธอมันก็ดูมากอยู่
ทีเดียว เพราะอย่างน้อยก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย เมื่อคิดเช่นนี้แล้วเธอจึงรีบนำ
เรอ่ื งนไี้ ปบอกแม่ และในทส่ี ดุ ก็ได้มาทำเสียที

เอาเข้าจริง ๆ การมาทำบัตรคนพิการก็ยุ่งยากอยู่พอตัวเลยทีเดียว
เพราะต้องทำอะไรหลายอย่างหลายขั้นตอนมาก นอกจากจะไปขอเอกสารจาก
ทางโรงพยาบาลแล้ว เธอยังจะต้องเดินทางไปศาลากลางจังหวัดเพื่อยื่นเรื่องขอ

ศศพร แก้วผกั แว่น | ๑๒๓

ทำบัตรคนพิการ ทั้งต้องกรอกเอกสารอีกมากมายและก็ต้องถ่ายรูปอีกครั้งเพื่อ
ใช้เป็นภาพประกอบตอนทำบัตร บีจำช่วงเวลานั้นได้ไม่ลืมเลยว่า ยังไม่ทันที่เธอ
จะได้เริ่มอมยิ้มสักนิดสักหน่อยเลย เสียงกดชัตเตอร์ก็ดัง แชะ! ขึ้นเสียก่อน จน
เธอรู้สึกงง ๆ ถึงความรวดเร็วในการถ่ายรูปของเจ้าหน้าที่ ซึ่งดูเหมือนว่ามันจะ
เป็นการกดถ่ายแค่ครั้งเดียวเสียด้วยสิ ขั้นตอนการทำบัตรคนพิการของเธอก็เลย
เสร็จสนิ้ เพียงเทา่ นี้

บรี ู้สึกเพลยี จนแทบจะหลบั อย่รู อมร่อ ไมน่ านแม่ก็แวะเขา้ ร้านสะดวกซ้ือ
และกลบั มาท่ีรถก่อนส่งถุงของกินให้เธอ “กินรองท้องไปก่อนนะลูก เด๋ียวถึงบ้าน
แม่ค่อยทำกบั ข้าวให้กนิ ”

เมื่อบีพยักหน้าตอบ แม่ก็ยิ้มให้เธอและขับรถกลับบ้านทันทีซึ่งใช้เวลา
เพียงยี่สิบนาทีเศษ ๆ เท่านั้น เนื่องจากระยะทางจากที่นี่กับบ้านไม่ได้ไกลกัน
เท่าไรนกั

เมื่อถึงบ้านและจัดการอาบน้ำพร้อมเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว
เด็กหญิงก็แทบจะสลบไสลทันทีที่ขึ้นไปนอนบนเตียง แต่ถึงแม้ว่าเธอจะง่วงมาก
แค่ไหนก็ยังรับรู้ได้ว่ามีใครคนหนึ่งกำลังช่วยเกลี่ยผมที่ลงมาปิดใบหน้าของเธอ
อย่างเบามือ และกดจูบลงมาอย่างแผ่วเบาตรงกลางหน้าผากจนสัมผัสได้ถึง
กระแสไออุ่นบางอย่างที่แผ่ซ่านจากตรงนั้นลงมาสู่หัวใจดวงน้อยของเธอให้รู้สึก
อุ่นวาบและนอนหลบั ฝนั ดีได้ภายใต้ผา้ หม่ ผืนหนาทใ่ี ครคนน้ันห่มให้

๑๒๔ | หลังฝนโปรย

ในรอบหลายเดือนทผ่ี า่ นมา นีเ่ ป็นวันแรกที่บไี ดส้ ่องกระจกดูตัวเองอกี ครงั้ ภาพที่
สะทอ้ นในกระจกเห็นไดช้ ัดว่าเธอดตู ่างไปจากเดิมคอ่ นข้างมาก เพราะแก้มที่เคย
ตอบดูมีเนื้อมีหนังขึ้นจนเห็นเลือดฝาดที่ข้างแก้ม ดวงตาก็ดูสดใสขึ้นผิดจากเม่ือ
ก่อนที่มีแต่ความหมองเศร้าไม่ร่าเริงเลยสักนิด เด็กหญิงยิ้มกว้างให้กับการ
เปลย่ี นแปลงของตัวเองอย่างพอใจ

ตั้งแต่เจ้าหน้าที่โทรมาแจ้งให้แม่ไปรับบัตรคนพิการที่ได้ไปยื่นเรื่องไว้
บีก็ยิ่งรู้สึกดีที่อย่างน้อยเธอก็ได้ช่วยแบ่งเบาภาระแม่บ้าง และยิ่งรู้สึกดีขึ้นอีกเม่ือ
ได้ช่วยแม่ทำกับข้าวและขนมไปขายที่ตลาดทุกเย็น ช่วงท่ีเด็กหญิงมาช่วยขาย
แรก ๆ นั้นเธอตื่นเต้นจนลูกค้าเจ้าประจำอดขำไม่ได้ ที่เธอบอกราคาของผิดอยู่
หลายครั้งเพราะของแต่ละอย่างมีราคาไม่เท่ากันทำให้สับสนและจำสลับกันไป
หมด พอนึกแล้วเธอก็ขำตัวเองทุกที แต่เมื่อนาน ๆ ไปเธอก็เริ่มชิน และเริ่มขาย
คลอ่ งจนไดค้ ำชมจากแมอ่ ยู่บ่อย ๆ

วันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่บีจะไปช่วยแม่ขายของที่ตลาด แต่เพราะลุงหงา
ตอ้ งช่วยพาเพื่อนบา้ นทจี่ ู่ ๆ ก็นอนนง่ิ ไม่ไหวติงอยู่ในบ้านคนเดียวสง่ โรงพยาบาล
นั่นจึงทำให้บีและกบต้องอยู่เป็นเพื่อนยายแทน ซึ่งไป ๆ มา ๆ ก็ดันมีคนมาตาม
ให้กบไปช่วยทำธรุ ะบางอยา่ งให้ ตอนนี้เลยกลายเปน็ ว่าทั้งบา้ นเหลือเพียงแค่เธอ
กับยายสองคนเท่านนั้

“ยายว่าเขาจะตกรอบมั้ยจ๊ะ” บีถามขึ้นเมื่อนั่งดูรายการแข่งขัน
ทำอาหาร ซ่งึ โจทยก์ ารทำในครง้ั น้ีดูจะไมค่ อ่ ยเขา้ ทางคนทีเ่ ธอกบั ยายเชยี ร์อยู่เอา
เสียเลย

ศศพร แก้วผักแวน่ | ๑๒๕

“บ่แน่ใจคือกัน เหมือนสิทำบ่ทันด้วยนั่นน่ะ” ยายตอบแล้วชี้ชวนให้เธอ
ดูเด็กหนุ่มในทวี ีทล่ี นลานผิดจากการแข่งขนั ทุกรอบ

“เขาทำดีมาตลอดถา้ แพ้ก็คงเสียใจน่าดู” เธอพูดด้วยเสียงเศร้า ๆ

รายการแข่งขันทำอาหารดำเนินไปอย่างเข้มข้นจนบีกับยายแทบไม่ได้
คุยอะไรกันอีกเลย เพราะต่างคนก็ต่างลุ้นเอาใจช่วยคนที่ตนชอบ แต่สุดท้ายผล
การแขง่ ขนั กต็ ดั สนิ ออกมาว่าคนท่บี เี ชยี รต์ กรอบเพราะทำอาหารไม่สุก

เด็กหญิงน้ำตาซึมเพราะเสียใจที่เขาไม่ได้ไปต่อ ขนาดเธอที่เป็นแค่คน
ดูยังรู้สึกเสียใจ แล้วตัวของผู้เข้าแข่งขันคนนั้นจะเสียใจขนาดไหนกัน ยายที่เงียบ
อยู่นานต้ังแตร่ ายการจบลงกห็ ันมาปลอบบีทเี่ อาแตน่ ่งั หนา้ เศรา้

“บต่ ้องรอ้ งเด้อ แพ้ชนะเปน็ เรือ่ งธรรมดา”

“แตห่ นูอยากใหเ้ ขาชนะ”

ยายที่วนั น้ดี หู ูดีกว่าปกติไดย้ ินในส่ิงที่หลานสาวพูดก็ครุ่นคิดอยู่เพียงครู่
แลว้ จึงพูดขึน้ ว่า “เพน่ิ ก็ชนะอยเู่ ดอ้ ”

“ชนะยังไงจะ๊ กเ็ ห็นอยู่ว่าเขาแพ้” บีถามอยา่ งงงงวย

“ชนะหัวใจของเพนิ่ เองไงล่ะ”

เมอ่ื เหน็ ว่าบียงั งง ๆ อยู่ ยายกเ็ ร่ิมพดู ตอ่

“ถา้ เพน่ิ บไ่ ดช้ นะหัวใจของตวั เอง เพน่ิ ก็คงบ่กลา้ เขา้ มาแข่งและสสิ มู้ าถึง
ตอนนไ้ี ด้หรอกเด้อ คนเราถ้าบก่ ล้าสกู้ ็คงสแิ พต้ ั้งแต่ยังไมไ่ ด้เร่ิมแล้วลูกเอ้ย”

๑๒๖ | หลงั ฝนโปรย

“งน้ั คนทม่ี าแข่งรายการน้กี ็ชนะใจตัวเองทุกคนเลยใช่ม้ยั จ๊ะ”

“ฮ่า ๆ แม่นแล้ว”

เทา่ นัน้ บกี ็มีสหี น้าแชม่ ชืน่ ขน้ึ

แม้รายการแข่งขันทำอาหารจะจบไปแล้ว แต่เธอกับยายก็ยังคงนั่งหา
อะไรดูไปเรื่อย ๆ สักพักยายก็ลุกไปอุ่นแกงที่แม่ทำไว้เพราะกลัวจะบูดแล้วจึง
กลับมานั่งดูทีวีด้วยกันต่อ จนกระทั่งไม่มีอะไรน่าสนใจให้ดูอีกแล้ว ทั้งสองจึง
เลือกปิดทีวี และล้มตัวลงนอนบนเสื่อ ซึ่งบีที่อยากเข้าห้องน้ำจึงไม่ได้ล้มตัวนอน
พร้อมยาย เธอเลยค่อย ๆ กระเถิบตัวไปหารถเข็นที่จอดไว้และขึ้นไปนั่งบนน้ัน
ดว้ ยความคลอ่ งแคล่ว

ในขณะที่บีกำลังเข็นรถไปยังห้องน้ำ เธอกลับได้กลิ่นอะไรแปลก ๆ
ลอยมาจากแถว ๆ ครัว จึงตดั สนิ ใจเข็นรถไปดูแล้วก็พบว่า กล่นิ แปลก ๆ ที่เธอได้
กลนิ่ น้ันก็คอื กลน่ิ เหม็นไหม้ของหม้อแกงทย่ี ายมาอุ่นไวก้ อ่ นหนา้ นน้ี ่ีเอง

หม้อซึ่งถูกความร้อนจนถึงจุดที่ทำให้น้ำแกงในหม้อเหือดเเห้งไปจน
หมด ส่งผลให้ความร้อนของไฟที่ค่อย ๆ ลุกลามหม้อสแตนเลสเกิดติดไฟและ
ลามเลียไหมต้ ัวหมอ้ จนไฟลกุ พ่ึบ

เด็กหญิงตกใจกลัวจนแทบจะทำอะไรไม่ถูก มือที่เคยหมุนล้อรถจน
คล่องกับแข็งค้างไม่ยอมขยับไปไหน เธอร้องตะโกนจนสุดเสียงแต่ก็ยังไม่มีวี่แวว
ว่าใครจะได้ยิน แม้แต่ยายที่อยู่บ้านเดียวกันก็ยังไร้ซึ่งเสียงตอบรับ ในขณะที่บี
เรมิ่ สตแิ ตก ไฟสสี ม้ แดงก็ยงิ่ ลกุ โหมข้นึ จนแทบจะทว่ มหมอ้ อยู่รอมร่อ

ศศพร แกว้ ผกั แวน่ | ๑๒๗

วินาทีที่ความกลัวและความสิ้นหวังมาเยือน การรอให้คนอื่นมาช่วยดู
เหมือนจะไม่ใช่ทางออกที่ดี บีจึงคิดได้ว่าตอนนี้เธอจะต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง
และสิ่งแรกท่นี ึกขึ้นมาไดก้ ค็ ือสติ

เด็กหญิงสูดหายใจเข้าออกลึก ๆ จนร่างกายที่เคยเกร็งคลายลงจนเริ่ม
ขยับได้ เธอหลับตาลงและพยายามรวบรวมความคิดทั้งหมดเพื่อหาวิธีที่จะดับ
ไฟตรงหน้าใหท้ ันกอ่ นที่มนั จะลกุ ลามไปสว่ นอื่นได้

ทันใดนั้นเอง ภาพรายการแข่งขนั ทำอาหารของสัปดาห์ก่อนท่ีเธอชอบดู
ก็ผดุ ข้ึนมาในหวั การแข่งขันของวนั นั้นก็มเี หตกุ ารณไ์ ฟไหมห้ ม้อเหมือนอย่างของ
เธอเลย บีจึงพยายามนึกถึงคำพูดของกรรมการซึ่งเข้ามาสอนเรื่องการดับไฟใน
ครง้ั นัน้ และทำตามทันทีท่ีร้แู ล้ววา่ ควรจะทำอยา่ งไรต่อไป

หากเป็นตามละครหลังข่าวที่บีเคยดู เธอก็คงจะรีบนำน้ำมาดับไฟเป็น
แน่ แตจ่ ากทด่ี รู ายการนแี้ ลว้ กลบั ทำใหเ้ ธอเลอื กใช้ผา้ ขนหนูรวมถงึ ผ้าขร้ี ว้ิ ที่พอหา
ไดช้ บุ นำ้ หมาด ๆ แลว้ คอ่ ยนำไปคลมุ หม้อที่ตดิ ไฟนนั้ ไว้ทนั ทีท่ีปิดแก๊สได้

โชคดีที่ไฟยังไหม้ไม่มาก จึงทำให้เด็กหญิงเข็นรถไปปิดแก๊สได้ง่าย
และดบั ไฟไดใ้ นทส่ี ุด

ทันทีที่ดับไฟได้ บีก็แทบจะหมดแรง น้ำตาที่คลอเบ้าไหลลงอาบแก้ม
อย่างกลั้นไว้ไม่อยู่ ความรู้สึกของเธอตอนนี้มีทั้งความกลัวและความตกใจที่เหน็
ไฟลุกไหม้ แต่หลังจากท่ีดับไฟได้กลบั มที ง้ั ความรู้สกึ ดีใจ โลง่ ใจและภูมใิ จแทรก
เข้ามา

๑๒๘ | หลังฝนโปรย

มือน้อยที่ยังคงสั่นเบา ๆ แสดงให้เห็นถึงความกลัวที่หลงเหลืออยู่ แต่
อีกทางหนึ่งมันก็แสดงให้เห็นว่าเด็กหญิงมีความกล้ามากแค่ไหนถึงผ่าน
เหตกุ ารณ์นี้ไปได้

การเอาชนะความกลัวไม่ใช่เรื่องง่าย แต่บีทำได้และทำได้ดีด้วยใน
ความรู้สึกของเธอ ‘นี่คือความรู้สึกของคนที่เอาชนะใจตัวเองอย่างทีย่ ายบอกหรอื
เปลา่ นะ’ บีคิด

เพยี งแคค่ ิดส้แู ละลงไม่ทำกจ็ ะไมม่ ีทางแพต้ ่ออปุ สรรคที่เขา้ มาได้

บีมองหม้อที่เคยมีแกงสายบัวแต่ตอนนี้กลับไหม้เกรียมเหลือแต่คราบ
ดำตัดสลับกับมือของตัวเอง เธอจ้องมันแล้วก็ครุ่นคิดอยู่อย่างนั้น ว่าตนผ่านมนั
มาได้ด้วยตัวเองจริงหรือไม่ แต่เมื่อหันซ้ายแลขวาแล้วไม่พบใครก็ทำให้เธอรับรู้
ได้ว่า เธอผ่านมันมาได้ด้วยมือคู่นี้ที่หยิบผ้าชุบน้ำไปดับไฟ ผ่านมาได้ด้วยสมอง
ที่คิดหาวิธีจะดับไฟอย่างมีสติ และสุดท้ายเธอผ่านมันมาได้ด้วยหัวใจ หัวใจท่ี
บอกเธอใหก้ ล้าท่จี ะคิดและลงมือทำ

ทุกอย่างที่ทำให้เธอผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้ล้วนแล้วแต่ไม่ได้ใช้ขาเลย
ทั้งสิ้น ที่ผ่านมาเธอคิดมาตลอดว่าการเดินไม่ได้จะทำให้เธอไม่เหมือนเดิม
เพราะตอ้ งกลายเปน็ คนท่ีไม่มีคา่ ชว่ ยเหลอื ใครกไ็ ม่ได้ แต่วันน้เี ธอรู้แลว้ ว่าต่อให้
เธอจะเสียขาไป แต่หากสายตายังคงมองเห็น สมองและสองมือยังทำงานได้ดี ก็
ยงั มอี ีกหลายส่งิ ที่เธอทำได้โดยไมจ่ ำเปน็ ต้องใช้ขา

ไฟไหม้ครั้งนี้ทำให้บ้านของเธอเสียหม้อไปหนึ่งใบ แต่มันกลับทำให้
เด็กหญงิ คนหนึ่งเหมอื นไดต้ วั ตนของตัวเองกลับคนื มา

ศศพร แก้วผักแว่น | ๑๒๙

๑๓๐ | หลังฝนโปรย

๑๔

ตกตะกอนความคิด

เมื่อเราทำในสิ่งที่ไม่คิดว่าจะทำได้ หัวใจของเราจะพองฟูขึ้นมาอย่างประหลาด
ร่างกายก็จะเริม่ รู้สึกเบาจนแทบจะลอยได้ เหมือนอะไรบางอย่างที่เคยหนักอง้ึ ใน
ใจมานานได้ถกู ยกออกไปแล้ว

เด็กหญิงรู้สึกเช่นนี้ตั้งแต่ที่รู้ว่าตัวเองไม่ได้ไร้ประโยชน์อย่างที่เคยคิด
และสามารถทำสิง่ ต่าง ๆ ได้อีกมากมายกว่าทเ่ี คยเขา้ ใจ เหตกุ ารณใ์ นครั้งนั้นทำ
ให้ทัศนคติหลาย ๆ อย่างของเธอเปลี่ยนไป โดยเฉพาะการมองเห็น
ความสามารถของตัวเอง

บีนั่งรับลมอยู่ที่ชานไม้หลังบ้าน ฟังเสียงลมที่เคล้าไปกับเสียงนกร้อง
อยา่ งเพลดิ เพลนิ ขณะทีส่ ายตากม็ องความสวยงามของเหล่าใบไมท้ ีป่ ลิวไหว จน
ดูเหมือนวา่ กำลังเตน้ ระบำเรงิ รา่ อยู่กไ็ มป่ าน

เด็กหญิงรู้สึกว่าพักนี้ ไม่ว่าเธอจะหันไปมองหรือได้ยินเสียงอะไรก็ล้วน
แล้วแต่ไพเราะและสวยงามไปหมดจนบางครั้งก็อดแปลกตวั เองไมไ่ ด้

ศศพร แก้วผกั แวน่ | ๑๓๑

“ดสู !ิ นกกลมุ่ นนั้ กำลงั ร้องเพลง” เธอบอก “แถมเสียงเพราะซะด้วย”
“บ่เห็นสเิ พราะตรงไหนเลย มันก็ร้องเป็นแต่จบ๊ิ ๆ” กบวา่
“โธ่! นายนไี่ มม่ ีมจี นิ ตนาการเลยนะ”
บีตัดพ้ออย่างไม่จริงจัง ก่อนจะหันไปสนใจก้อนเมฆสีขาวบนท้องฟ้าที่
ลอยติดกนั จนดคู ล้ายกับปลาตัวใหญ่แทน
เด็กหญงิ รบี ชชี้ วนใหน้ ้องชายดูกลุ่มเมฆกอ้ นนัน้ อย่างต่ืนเตน้
“นน่ั ! ปลากำลงั ลอยอยู่บนฟ้า”
กบมองตามที่บีชี้ให้ดู คราวนี้เขาพยักหน้าเห็นด้วยเมื่อเห็นว่ากลุ่มเมฆ
ก้อนนั้นคล้ายกับปลากำลังแหวกว่ายอยู่ท่ามกลางท้องฟ้าจริง ๆ แต่เมื่อมองเลย
ไปยังกลุ่มเมฆอีกก้อนหนึ่ง เขาก็เห็นว่ามันมีรูปร่างคล้ายกับสัตว์ตัวหนึ่งจึงเป็น
ฝ่ายช้ชี วนให้เด็กหญิงดบู ้าง
“เบ่งิ ตรงนั้นสิ จระเขส้ ิไลง่ ับปลาตัวน้นั แลว้ ”
“จริงดว้ ย!” บรี ้องอทุ านอยา่ งตืน่ เต้น “ปลาจะหนีทนั มั้ยนะ”
“ต้องทันสิ ปลาวา่ ยนำ้ เรว็ จะตาย”
“จระเขก้ ็วา่ ยเรว็ นะ แถมตัวใหญก่ วา่ ด้วย”
“แตพ่ ่อเคยบอกวา่ สตั วต์ ัวเล็กสิวอ่ งไวกวา่ พวกตวั ใหญ่ ๆ เดอ้ ”
“ง้นั กด็ สี ิ ปลาท่นี ่าสงสารจะได้ไมต่ อ้ งเป็นอาหารของจระเขต้ ัวนัน้ ”

๑๓๒ | หลังฝนโปรย

ทันทีที่เด็กหญิงพูดจบ ทั้งสองก็ต่างหัวเราะให้กับความคิดของตัวเอง
ก่อนจะพากันชี้ชวนดูก้อนเมฆกลุ่มใหม่และพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน เช้าสดใส
ของวันนจ้ี งึ เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เสยี งหัวเราะ และจนิ ตนาการอันกว้างไกลของเด็ก
ทงั้ สองคน

อีกแค่อาทิตย์กว่าเท่านั้น โรงเรียนก็จะเปิดเทอมแล้ว เพียงแค่คิดบีก็รู้สึกโหวง ๆ
อย่างบอกไม่ถูก เทอมก่อนเวลาที่กบและเด็กคนอื่น ๆ ไปโรงเรียน เธอก็มักจะ
เลน่ คนเดยี วหรือไม่ก็หาอะไรแกเ้ บื่อทำรอจนกว่าพวกเขาจะเลกิ เรียนแล้วค่อยไป
เล่นด้วยกัน แต่ตอนนี้เธอกลับไม่ค่อยอยากเล่นคนเดียวแล้ว เพราะเธออยากไป
เล่นกบั พวกเขาทโี่ รงเรยี นดว้ ยกนั มากกวา่

เมื่อนึกถึงตรงนี้ บีก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองคิดถึงช่วงเวลาที่ได้อยู่ในโรงเรียน
เหลอื เกนิ เธออยากกลบั ไปเรียน อยากกลับไปเลน่ กับเพ่ือน ๆ แตล่ ึก ๆ ในหัวใจ
เดก็ หญงิ ก็ยังคงกลวั ว่าจะต้องกลบั ไปเจอเหตุการณ์แบบเดมิ ซำ้ อีก

“คิดอะไรอยู่ลูก” แม่ถามขณะเข็นรถพาบีออกมาสูดอากาศยามเช้าไป
ตามถนนลูกรังซ่ึงเปน็ เสน้ ทางทเ่ี ชื่อมไปยงั ลานสนามหญ้าของโรงเรียนใกลบ้ ้าน

ศศพร แกว้ ผกั แวน่ | ๑๓๓

ที่ลานสนามหญ้ามีเครื่องเล่นและเครื่องออกกำลังกายมากมายวาง
เรียงรายอยู่เต็มไปหมด เด็ก ๆ จึงมักพากันไปเล่นอยู่แถวนั้นหลังเวลาเลิกเรียน
เสมอ ซึง่ ต่างจากในยามเชา้ ที่แทบจะไม่คอ่ ยมใี ครเดนิ ผ่านมาเลยสกั คน

“หนูกำลังคิดวา่ อยากกลับไปเรียนค่ะ” บีตัดสินใจบอกในสิ่งที่คิดใหแ้ ม่
รับรู้ เพราะตอนนไี้ ม่ว่าเธอจะคิดอะไรหรือร้สู ึกอย่างไรกม็ ักจะเปดิ อกคยุ กับแม่อยู่
ตลอดจนกลายเป็นเรอ่ื งปกตไิ ปเสียแลว้

“จรงิ หรอื !” แมห่ ยุดชะงัก

แม่หยุดชะงักก่อนจะรีบเข็นรถพาบีไปใต้ต้นหูกวางเมื่อมาถงึ ลานสนาม
หญ้า แล้วเดินอ้อมมานั่งยอง ๆ ข้างหน้าเธอพร้อมโอบกอดเธอไว้ด้วยความดีใจ
และรู้สึกต้นื ตนั ในอกจนน้ำตาแห่งความสุขเอ่อคลอขึน้ มา

“แต่หนูกลัวค่ะว่าถ้า…ถ้า ๆ” เด็กหญิงเริม่ อึกอักเพราะไม่รู้ว่าจะต้องพูด
อย่างไรดี แต่พอแม่กุมมือของเธอไว้ก็ทำให้รู้สึกอุ่นใจขึ้น “ถ้าหนูกลับไปเรียน
แล้วทกุ คนจะคดิ วา่ หนเู ป็นภาระหรือเปลา่ คะ”

แม่หยดุ คิดสักครู่กอ่ นตอบ

“แม่จะบอกอะไรให้ฟังนะ การที่คนอื่นคิดอย่างไรกับเรานั้น มันไม่
สำคญั เท่าเราคิดกบั ตัวเองอย่างไรหรอกนะลกู แต่ถา้ หนูอยากรวู้ ่าคนอนื่ จะคิดว่า
หนูเป็นภาระมั้ย หนูก็ต้องรู้ก่อนว่าตัวเองทำตัวเป็นภาระให้ใครหรือเปล่า หาก
หนูคิดว่าตัวเองเป็นภาระ คนอื่นก็คงจะคิดแบบนั้นเหมือนกัน แล้วหนูว่าตัวเอง
เปน็ แบบน้ันหรือเปลา่ ละ่ จ๊ะ”

๑๓๔ | หลังฝนโปรย

เด็กหญิงตั้งใจฟังในสิ่งที่แม่พูดและเธอก็ตอบทันทีว่า “ไม่ค่ะ หนู
ชว่ ยเหลอื ตัวเองได้ หนไู ม่อยากเปน็ ภาระของใคร แตถ่ ้ามีเรอ่ื งท่ีหนูทำด้วยตวั เอง
ไม่ไดจ้ ริง ๆ ละ่ คะ หนูควรจะทำยังไงดี” เธอถามเสียงออ่ ย

“ก็แค่ขอความช่วยเหลอื ยังไงล่ะจะ๊ ”

“ถา้ ทำอย่างน้นั หนูจะไมถ่ กู มองวา่ เปน็ ภาระหรือคะ”

“บางครั้งคนเราก็ย่อมมีสิ่งที่ทำด้วยตัวเองไม่ได้เป็นธรรมดา การขอ
ความชว่ ยเหลอื จากคนอ่ืนจงึ ไมไ่ ด้หมายความเราจะสรา้ งภาระใหใ้ ครเสมอไปนะ
ลูก อย่างเวลาท่ียายขอให้หนูชว่ ยสอยเขม็ ให้ หนูคิดว่ายายเปน็ ภาระมยั้ ละ่ จ๊ะ”

“อืม…ไม่ค่ะ ยายขอให้หนูช่วยเพราะสายตาของยายไม่ค่อยดี หนูท่ี
สายตาดีกว่าก็แคช่ ว่ ยทำตามท่ยี ายขอเทา่ นน้ั เอง”

“ก็เหมือนกันล่ะจ้ะ หนูเห็นหรือยังว่าการขอความช่วยเหลือจากคนอ่ืน
เป็นเรอื่ งปกติท่ใี คร ๆ กท็ ำกนั แต่ถ้ามีส่งิ ไหนท่ีหนูทำเองได้แต่ยังไปขอให้คนอน่ื
ช่วยมาทำแทน นี่สิถึงจะเรียกว่าทำตัวเป็นภาระ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำมาก ๆ เข้า
ใจมย้ั ลูก”

“หนูเข้าใจแล้วค่ะ ถ้าอย่างนั้นแม่ช่วยทำให้หนูกลับไปเรียนอีกครั้ง
ได้มั้ยคะ” เธอยิ้มบอกแม่ตาเป็นประกายสุกใสเหมือนกับช่วงเวลาที่ดอกไม้
แหงนหน้ารบั แสงอาทติ ย์

“ไดเ้ ลยจะ้ ” แม่บอกและย้ิมตอบใหบ้ เี ช่นกัน

ศศพร แก้วผักแวน่ | ๑๓๕

หลังจากครุ่นคิดมาสักพักและได้ปรกึ ษาแม่อย่างถ้วนถี่แล้ว บีจึงตัดสินใจกลับไป
เรียนอีกครั้ง ซึ่งแม่ก็ได้พาเธอไปฝากเข้าเรียนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว การเปิดเรียน
ในอีกไมก่ ่ีวันขา้ งหน้าจงึ ทำให้เธอทง้ั ตืน่ เต้นและแอบหว่ันใจอยู่ไมน่ ้อย

“เป็นหยังคือวาดสวยกวา่ เดมิ หลาย”

กบมองบีที่กำลังระบายสีภาพที่เจ้าตัวเป็นคนวาดเองด้วยความทึ่ง
เพราะทักษะการวาดและลงสีของเด็กหญิงดูพัฒนาขึ้นจากภาพก่อน ๆ อย่างน่า
ประหลาดใจ เขาจำได้ว่าครั้งล่าสุดที่เห็นภาพวาดของเธอยังลงสีไม่สวยเท่า
ตอนนี้เลย

“ก็วาดมาเรื่อย ๆ มันก็เป็นแบบนี้เอง” บีบอกโดยไม่เงยหน้าขึ้นมาจาก
กระดาษ เธอยังคงระบายสีภาพดอกทานตะวันที่ร่างแบบมาจากดอกที่ขึ้นอยู่ริม
รัว้ บา้ นน้เี อง

“พอได้ไปโรงเรียน พี่ต้องได้คะแนนวิชาศิลปะมากที่สุดในห้องแน่เลย
เด้อ”

เมอื่ ได้ยินคำว่า ‘โรงเรยี น’ เดก็ หญิงกเ็ ผลอถอนหายใจและหยดุ มอื จาก
ส่ิงทีท่ ำอยทู่ นั ที จนกบสงั เกตเห็นแลว้ ถามเธอดว้ ยความสงสัย

“เป็นหยงั น่ี”

“เปลา่ หรอก แคก่ ังวล ๆ ยงั ไงก็ไมร่ สู้ ิ”

“เรอ่ื งอหี ยงั บอกได้บ่” เดก็ ชายเอียงคอถาม

“เร่ืองไปโรงเรียนนดิ หนอ่ ยน่ะ”

๑๓๖ | หลังฝนโปรย

เขาเงียบไปพักหนึ่งเหมือนคนที่กำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่แล้วจึง
บอกว่า “บ่ต้องกังวลเด้อ มีผมอยู่ข้าง ๆ บ่สบายใจหรือเป็นหยังก็บอกกันได้
ตลอด ยงั ไงเราก็เรยี นนำกนั อยแู่ ลว้ ”

บีลืมไปเสียสนิทว่าครั้งนี้เธอไม่ได้ไปเรียนคนเดียวอีกแล้ว เพราะยังมี
ทั้งกบและโหน่งที่ไปเรียนเป็นเพื่อนกันและยังได้เรียนห้องเดียวกันอีกด้วย
เนื่องจากเธอต้องเริ่มเรียนปอสี่ใหม่อีกครั้ง ตอนนี้จึงกลายเป็นว่าเธอเลยได้เรยี น
ร่วมชั้นเดียวกับเด็กทั้งสองคนทั้ง ๆ ที่อายุมากกว่าถึงสองปี และมีแนวโน้มว่า
น่าจะเปน็ คนทม่ี อี ายมุ ากสดุ ในช้ันเรยี นเลยกวา่ ได้

เด็กหญิงเริ่มยิ้มออกและรู้สึกดีขึ้นมากเมื่อคิดว่าตัวเองไม่ได้โดดเดี่ยว
และไม่ต้องเผชญิ กบั อะไรตามลำพังอยา่ งที่นึกกลัว

“ขอบใจนะ”

ศศพร แกว้ ผักแว่น | ๑๓๗

๑๕
เร่ิมใหม่อีกครั้ง

โรงเรียนเปิดเทอมแล้ว เช้าวันนี้เลยดูวุ่นวายเป็นพิเศษ เพราะทั้งบีและกบต่างก็
ตอ้ งรบี ตนื่ แตเ่ ช้าเพอ่ื ผลดั กันอาบนำ้ และแต่งตัวเตรียมไปโรงเรยี น

บีสวมชุดนักเรียนชุดเก่าแต่สภาพยังคงเหมือนใหม่ เพราะเพิ่งใช้ไป
เพียงไม่กี่ครั้งก็ไม่ได้หยิบมาใส่อีกเลยจนกระทั่งวันนี้ ซึ่งแม่ได้นำเสื้อไปเลาะชื่อ
โรงเรยี นเกา่ ออกให้และปักช่ือโรงเรยี นใหม่แทนเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย

เด็กหญิงส่องกระจกสำรวจความเรียบร้อยอยู่หลายหน จนแน่ใจแล้วว่า
ไมม่ ีอะไรผดิ พลาดจึงออกจากหอ้ งแล้วไปกินขา้ วเช้ากอ่ นจะเดินทางไปโรงเรยี น

กบเข็นรถพาบีลัดเลาะไปตามถนนลูกรังขรขุ ระซ่ึงเป็นทางไปโรงเรียนที่
แม่มักจะพาเธอออกไปสูดกากาศยามเช้าอยู่เป็นประจำ ระหว่างทางมีเด็ก
นักเรียนอีกหลายคนที่กำลังรีบเร่งเพื่อไปให้ทันเวลาเข้าเรียน ซึ่งมีทั้งแบบที่เดิน
เท้าไปบา้ ง ข่ีจักรยานบา้ ง หรือแมแ้ ต่ข่คี อพอ่ กับแมไ่ ปก็ยงั มี

บีมองคนนั้นทีคนนี้ทีแล้วก็อดตื่นเต้นไม่ได้ เธอรู้สึกว่าตัวเองห่างหาย
จากวิถีชีวิตของเด็กนักเรียนไปนานจนเริ่มจะทำตัวไม่ถูก หัวใจก็เต้นแรงจน

๑๓๘ | หลังฝนโปรย

เหมือนมีใครไปนั่งตีกลองอยู่ในนั้น ส่วนมือที่ถือกล่องข้าวกลางวันก็สั่นนิด ๆ
อย่างหา้ มไมอ่ ยู่ ยง่ิ ใกล้ถึงโรงเรียนมากเทา่ ไรอาการที่เปน็ อยู่ก็เริ่มหนักข้ึนจนกบ
สงั เกตเห็น

“ตน่ื เต้นหรอื ”

เดก็ หญงิ พยายามบงั คับเสียงไมใ่ หส้ น่ั แลว้ ค่อยตอบ “นิดหน่อยน่ะ”

“บ่นดิ แล้วม้งั นี่”

เด็กชายพูดอย่างขัน ๆ แล้วเข็นรถพาบีเลี้ยวเข้าโรงเรียน ผ่านลาน
สนามหญ้าเข้าไปไกลพอควรก่อนจะถึงเขตอาคารเรียนซึ่งแบ่งเป็นตึกสามชั้นตึก
ละฝั่ง ตึกฝั่งซ้ายเป็นอาคารเรียนของเด็กอนุบาลและเด็กประถมต้น ส่วนฝั่งขวา
เปน็ อาคารเรียนของเด็กประถมปลาย

กบพาบีเข้าไปในห้องเรียนของเด็กประถมสี่ซึ่งอยู่ชั้นแรกของตึก เขา
เลอื กท่ีนง่ั หลังห้องให้ตัวเองกบั บีเพ่ือจะไดเ้ ข็นรถเข้าออกได้สะดวก โตะ๊ เรียนของ
ทั้งสองอยู่แถวสุดท้ายริมหน้าต่าง ถัดขึ้นไปอีกแถวหนึ่งก็เป็นโต๊ะของโหน่ง
กบั อ๊อด เพอ่ื นในกลมุ่ อีกคนของกบทเี่ ธอเพิง่ ได้เห็นหนา้ คา่ ตาก็วันนี้

เสยี งพูดคยุ เจยี๊ วจา๊ วดงั ล่ันไปทว่ั ห้อง เดก็ หลายคนพากันทกั ทายและทำ
ความรู้จักกัน ส่วนเด็กบางคนก็เอาแต่วิ่งเล่นไล่จับกันจนเสื้อผ้าหลุดลุ่ยตั้งแต่ยัง
ไม่ได้เริ่มเรียน จนกระทั่งคุณครูผู้หญิงคนหนึ่งก้าวเข้ามาในห้อง ทุกอย่างก็พลัน
เงียบกริบทันที เด็กนักเรียนทั้งชายและหญิงต่างกระวีกระวาดกลับไปนั่งประจำท่ี
ของตัวเองในเวลาเพยี งไม่ก่นี าที

ศศพร แก้วผักแวน่ | ๑๓๙

“สวัสดีจ้ะเด็ก ๆ ครูชื่อจันทร์เพ็ญ ผ่องไพร จะเรียกว่าครูจันทร์ก็ได้จ้ะ
ครูเพิ่งย้ายมาสอนที่น่ีเป็นวันแรก และยังได้เป็นครูประจำชั้นของทุกคนอีกด้วย ที
นค้ี รูกอ็ ยากรู้จกั ทุกคนบ้าง ช่วยแนะนำตัวใหค้ รูฟังทีละคนไดม้ ้ยั จ๊ะ”

ตง้ั แตเ่ ข้ามาในห้องจนกระทง่ั ถึงตอนน้ี บนใบหนา้ ของครจู ันทร์ก็ยังคงมี
รอยยิ้มประดับอยู่เสมอ ท่าทางใจดีของครูช่วยให้เด็ก ๆ ผ่อนคลายขึ้นและกล้าท่ี
จะพูดแนะนำตัวต่อหน้าเพ่ือน ๆ คนอน่ื ซง่ึ บีกเ็ ช่นเดียวกนั

เดก็ หญิงตัวเลก็ คนหนึง่ ลกุ ข้นึ ยนื และบอกด้วยนำ้ เสียงฉะฉาน

“สวัสดีคะ่ หนูชอ่ื ต้อยตง่ิ อายุสบิ ปี ชอบร้องเพลงภาษาองั กฤษคะ่ ”

“โอโ้ ฮ! เกง่ จัง ลองรอ้ งใหเ้ พือ่ น ๆ ฟงั สักเพลงไดม้ ย้ั จะ๊ ”

เท่านั้น ต้อยติ่งก็แสดงฝีมือการร้องเพลงของเธอ โดยมีเพื่อน ๆ คอย
ร้องตามไปด้วยอย่างสนุกสนาน เนื่องจากเพลงที่เด็กหญิงนำมาร้องเป็นเพลง
ยอดฮติ ที่เด็กทกุ คนได้ยินแล้วต้องลกุ ขนึ้ ร้องและเต้นตามกันท้งั นั้น

“เก่งมากเลยจ้ะต้อยติ่ง ทุกคนก็เก่งเหมือนกันจ้ะ ไหนใครจะเป็นคน
ตอ่ ไปดเี อย่ ” ครูจนั ทร์ถาม

“ผมครับ” เด็กชายตัวโตที่นั่งอยู่หลังห้องใกล้ ๆ กับโต๊ะของบียกมือขึ้น
“สวสั ดีทุกคน เราช่ือโจ๊ก เพราะแม่ขายโจ๊กอยู่หน้าวดั นีเ่ อง หากใครหวิ ก็ฝากแวะ
ไปอุดหนนุ ดว้ ยนะ ขอบคณุ ครบั ”

เมื่อโจ๊กพูดจบ เขาก็โค้งคำนับหนึ่งทีก่อนนั่งลง คุณครูและเพื่อน ๆ จึง
ปรบมอื ใหเ้ ขาก่อนที่เด็กคนตอ่ ไปจะลุกขึน้

๑๔๐ | หลงั ฝนโปรย

หลังจากนั้นเด็ก ๆ ก็ทยอยผลัดกันแนะนำตัวและแสดงความสามารถ
ของตัวเองบ้าง ทำให้บีรู้สึกสนุกและเพลิดเพลินจนลืมไปว่าตัวเองก็ต้องแนะนำ
ตัวเช่นกนั ความตืน่ เต้นและประหมา่ ก็จู่โจมเธอทนั ที

เด็กหญิงเริ่มสั่นไปทั้งตัว หัวใจก็เต้นโครมครามจนแทบจะเด้งออกมา
นอกอก และทันทที ่กี บแนะนำตวั จบ คนต่อไปทตี่ ้องพดู ตอ่ จากเขาก็คือเธอ

สายตาของทุกคนต่างหันมามองบเี ป็นตาเดยี ว จากทีเ่ คยส่นั ตอนนี้กลับ
กลายเปน็ ว่าตัวของเธอแขง็ ท่ือ ไม่กล้าแม้แตจ่ ะหายใจดว้ ยซ้ำ กบท่ีนัง่ ข้างกันเห็น
ทา่ ไม่ดจี ึงแตะไหล่เธอเบา ๆ เพอ่ื ส่งกำลังใจให้

เธอหันไปสบตากับเด็กชายที่มองเธออยู่ก่อนแล้ว เขายิ้มและขยับปาก
บอกเธอว่า ‘สู้ ๆ’

เด็กหญิงจึงพยักหน้ารับ เธอพยายามหายใจเข้าหายใจออกช้า ๆ ก่อน
จะหนั ไปสบตากับคณุ ครแู ละเพื่อน ๆ “สวัสดคี ่ะ”

บพี ูดออกไปขณะที่สองมือกบ็ ีบเข้าหากนั แน่น

“เราชื่อบี เพิ่งย้ายมาเรียนที่นี่ ตอนนี้อายุสิบสองปีแล้ว แต่ต้องเรียนซ้ำ
ชั้นปอสี่ใหม่เพราะไม่สบายเลยหยุดเรียนไปนาน ตอนนี้แข็งแรงขึ้นจึงกลับมา
เรียนแล้ว ขอฝากตวั ดว้ ยนะคะ”

เมื่อเธอพูดจบ ทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง แต่เมื่อครูจันทร์
เรม่ิ ปรบมือ เพอ่ื น ๆ ทุกคนจงึ พากันปรบมือตอ้ นรับตามจนเสียงดังลัน่ ห้อง

เด็กหญงิ ถอนหายใจอย่างโล่งอกและยิม้ ตอบทุกคนท่ีส่งยม้ิ มาให้

ศศพร แกว้ ผกั แว่น | ๑๔๑

ตลอดการเรียนช่วงเช้าของวันนี้ผ่านพน้ ไปอยา่ งรวดเร็ว บีผ่อนคลายข้นึ
มาก และไม่ค่อยรสู้ ึกอึดอัดเท่าไรแล้วเวลาท่ีมใี ครเข้ามาชวนคยุ หรอื ถามอะไร

“เธอเป็นอะไรหรอื จะ๊ ทำไมถงึ ตอ้ งนง่ั รถเขน็ ดว้ ย”

ใบบวั เด็กหญิงตวั เลก็ ท่ีนั่งกนิ ข้าวกลางวนั ด้วยกันถามขึน้ เมื่อทุกคนอ่ิม
ข้าวแล้ว และกำลงั พดู คุยเรื่องต่าง ๆ เพอ่ื ทำความรู้จักกันใหม้ ากขนึ้

“เอ่อ…จะพูดยังไงดีล่ะ” บีอึกอักเพราะไม่รู้จะตอบอย่างไร แต่เมื่อสบ
ดวงตาใส ๆ ซื่อ ๆ ของคนถามที่มีเพียงความสงสัยเท่านั้น ซึ่งไม่ได้มีเจตนาอื่น
ใดแอบแฝง เธอจงึ ตัดสินใจเล่าเร่ืองส่วนตวั ใหค้ นที่นัง่ กนิ ข้าวอยดู่ ว้ ยกันฟงั

“อืม เพราะเกดิ อุบัติรถชนเม่ือสองปีก่อน เราก็เลยเดินไมไ่ ด้นะ่ ”

“แยจ่ ัง ถา้ เธอมีอะไรอยากใหช้ ว่ ยก็บอกไดเ้ ลยนะ”

เพือ่ นทกุ คนทนี่ งั่ ฟังตา่ งกพ็ ยกั หน้าเห็นด้วยกบั ใบบัว

“ขอบใจนะ” บียม้ิ ใหท้ กุ คน เธอรับรูไ้ ดถ้ ึงความจริงใจของเพ่ือน ๆ

หากเป็นเมื่อก่อน เด็กหญิงก็อาจจะเสียใจและเอาแต่ร้องไห้เพราะคิด
วา่ คนอ่นื ๆ อยากชว่ ยดว้ ยความสงสารและสมเพช แตห่ ลงั จากทีเ่ ธอเข้าใจแล้วว่า
การช่วยเหลือเป็นเร่ืองธรรมดาที่ใคร ๆ ก็ทำกัน เพื่อแสดงให้เห็นถึงความมีน้ำใจ
และเอื้ออารีต่อกันก็เท่านั้น ดังนั้นเมื่อเพื่อน ๆ แค่อยากมีน้ำใจต่อกันก็คงไม่ใช่
เรอื่ งแยอ่ ะไร หากเธอจะยินดีรับนำ้ ใจเหลา่ น้ีไว้

“ว่าแตเ่ ธออายุมากกว่าพวกเราใช่ม้ยั ”

๑๔๒ | หลงั ฝนโปรย

เดก็ ชายทบี่ จี ำได้ว่าช่อื โจก๊ ถามขนึ้
“ใช่” บตี อบอย่างงง ๆ
“ง้ันมาเรยี กบีว่า ‘พ่ีบี’ กัน เหน็ กบเรียกแลว้ อยากเรยี กตามบา้ ง”
โจก๊ เสนอขึ้น ซง่ึ คนอ่นื ต่างกเ็ หน็ ดว้ ย จึงทำให้ทุกคนตา่ งก็เรียกเธอแบบ
น้นั ซ่งึ นบั ตัง้ แต่นั้นเป็นต้นมาช่ือของบีก็มักจะมีคำว่า ‘พี่’ นำหน้าอยู่เสมอเวลาท่ี
เพื่อน ๆ เรียกเธอหรอื แม้แต่คณุ ครเู องกเ็ ช่นกัน
เด็กหญิงรู้สึกปลื้มปริ่มทุกครั้งที่เพื่อน ๆ และคุณครูเรียกเธอว่า “พี่บี”
เพราะมันทำให้เธอสัมผัสได้ถึงความรักและความเอ็นดูที่แฝงมากับคำพูดซึ่งทุก
คนใช้เวลาเรียกเธอ

เวลาผ่านไปหลายอาทิตย์ ชีวิตในโรงเรียนของบีก็ดำเนินไปอย่างเรื่อย ๆ
ตามปกติคือ เรียนหนังสือ เล่นกับเพื่อน ทำการบ้าน หรือแม้แต่ช่วยงานโรงเรียน
เธอกม็ ักจะมสี ่วนรว่ มอย่เู สมอ

ศศพร แก้วผกั แว่น | ๑๔๓

อย่างวันที่โรงเรียนจัดกิจกรรมวันสุนทรภู่ บีและเพื่อน ๆ ก็ได้ไปช่วย
คุณครูทำดอกไม้กระดาษสำหรับประดับบอร์ดแสดงผลงานของนักเรียนที่ชนะ
การแข่งขนั ในหัวข้อต่าง ๆ

หรือเมื่อเดือนก่อน เธอก็มีโอกาสได้รับคัดเลือกไปแข่งขันวาดภาพ
อย่างไม่คิดไม่ฝัน แต่ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เข้ารอบในระดับเขตต่อไป เธอก็ยังคงดีใจ
ที่อย่างน้อยก็มีคนเห็นความสามารถของเธอ และให้โอกาสเธอได้มีส่วนร่วมใน
การทำสงิ่ ตา่ ง ๆ เหมอื นคนทั่วไป

เด็กหญิงมีความสุขมากที่ตัวเองไม่ได้เป็นภาระของใคร และยังทำสิ่งท่ี
เปน็ ประโยชน์ตอ่ คนอน่ื ได้แมว้ ่าจะมรี า่ งกายทไี่ มส่ มบูรณ์ก็ตาม

๑๔๔ | หลงั ฝนโปรย

๑๖
กีฬาสีกีฬาใจ

หลังจากโรงเรียนปิดเทอมเล็กไปเกือบเดือน ตอนนี้โรงเรียนก็กลับมาเปิดเทอม
อีกแล้ว เด็ก ๆ ทุกชั้นปีต่างพากันตื่นเต้นกับกิจกรรมใหญ่ของโรงเรียนที่กำลังจะ
มาถึง ซ่งึ กจิ กรรมทวี่ า่ ก็คงจะเปน็ งานไหนไปไม่ไดถ้ า้ ไม่ใช่ ‘งานกีฬาส’ี นน่ั เอง

บีเองก็ตื่นเต้นไม่ต่างจากทุกคน เพราะตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุเมื่อสองปี
ก่อน เธอก็ไม่มีโอกาสได้เข้าร่วมงานกีฬาสีอีกเลย จนกระทั่งวันนี้ที่ได้รู้ว่า
โรงเรียนกำลังจะจดั กจิ กรรมนขี้ ึน้ เธอกแ็ ทบจะอดใจรอให้ถึงวันงานไม่ไหวแล้ว

“พี่บีจะแข่งหยัง” กบหันมาถามบีหลังจากที่เพื่อน ๆ ในห้องต่างแยก
ย้ายไปอยูต่ ามสขี องตนและกำลังคยุ กนั ว่าแต่ละคนจะเลอื กลงแขง่ กฬี าอะไร

กีฬาสีในปนี ีแ้ บ่งออกเป็นเจ็ดสตี ามสีประจำวัน ได้แก่ สีแดง สีเหลือง สี
ชมพู สีเขียว สีส้ม สีฟ้าและสีม่วง ซึ่งจากการจับฉลากเพื่อแบ่งสีของเด็ก ๆ นั้น
ทำให้บีและเพ่ือน ๆ ต้องคละสีกันไป แต่ยงั นับวา่ โชคดีทีเ่ พ่ือนสนิทของเธอหลาย
คนมดี วงสมพงษ์ได้อยู่สีเดยี วกันพอดี ซง่ึ กบเองก็เปน็ หนึ่งในนั้น

“ไม่แขง่ หรอก เดีย๋ วจะคอยเปน็ กองเชียร์ให้นา่ จะดีกวา่ นะ”

ศศพร แกว้ ผักแว่น | ๑๔๕

เด็กหญิงตอบด้วยสีหน้าเบิกบาน ซึ่งไม่ได้มีร่องรอยของความผิดหวัง
หรือเสียใจแต่อย่างใด เพราะเธอเข้าใจและรู้กำลังของตัวเองดีแล้วว่าทำอะไรได้
มากนอ้ ยแคไ่ หน

งานกีฬาสีก็ยังมีกิจกรรมอื่นอีกมากมายที่เธอทำได้ ซึ่งไม่จำเป็นว่า
จะต้องเล่นแต่กีฬาเพียงอย่างเดียวเสมอไป ในเมื่อคนเราสามารถทำอะไรได้ต้ัง
หลายอย่าง การมัวแต่หมกมุ่นหรือเสียใจในสิ่งที่ทำไม่ได้เพียงอย่างเดียวจน
พลาดสิ่งอนื่ ท่ยี ังทำได้ไป คงไมใ่ ชเ่ รอื่ งดสี ำหรับตวั เราเองเป็นแน่

“แต่พวกเราอยากใหพ้ ่ีบีมาเลน่ ด้วยกันนีน่ า ใช่มัย้ !”

ต้อยติ่งเอ่ยขึ้นเมื่อได้ยินบทสนทนาของบีกับกบ ก่อนจะเดินเข้าไปหา
ท้ังสองคน

“ใช่ ๆ” ทุกคนต่างพยักหน้าเห็นด้วย เพราะเมื่อมีโอกาสได้เล่นสนุกก็
ควรจะไดเ้ ลน่ ดว้ ยกนั

บีมองทุกคนอย่างซึ้งใจ แค่ได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมซึ่งไม่ว่าจะเป็น
หน้าที่อะไรเธอก็ดีใจมากอยู่แล้ว แต่ยิ่งทุกคนมีทีท่าอยากจะให้เธอได้ร่วมสนุก
ไปดว้ ยกนั ใหไ้ ด้ กย็ ิ่งทำให้เธอดใี จมากขนึ้ กว่าเดิมจนแทบจะหบุ ยมิ้ ไมไ่ ด้

“งั้นพี่บีควรแข่งอะไรดีล่ะ” เด็กชายตัวใหญ่ที่ยืนเบียดอยู่ข้างหลังกบ
และโหน่งถามข้ึน

“แขง่ บอลดมี ้ัย ให้พี่บเี ปน็ โกล” เขม้ เสนอ

“ไมด่ ี ถ้ามีคนเตะบอลอัดใส่จะทำไงละ่ ” น้อยหนา่ แยง้

๑๔๖ | หลงั ฝนโปรย

“จรงิ ดว้ ย” เพอ่ื นหลายคนตา่ งเห็นดว้ ยกบั นอ้ ยหนา่

เด็กหญิงสบตบกับเข้มที่มองตอบมาอย่างหงอย ๆ แล้วจึงยิ้มให้เขาเพื่อ
บอกว่าเธอไม่ได้รู้สึกไม่ดีอะไรกับข้อเสนอของเขาเลย เพราะเธอเข้าใจว่าเขาแค่
หวังดีและอยากจะช่วยคดิ ก็เทา่ นนั้

“แชร์บอลบ่ ใหพ้ บ่ี ถี ือตะกรา้ ”

โหน่งที่เงียบมาสักพักเสนอบ้าง

“ดี ๆ”

“เจง๋ เปง้ ”

“เย่…” คราวนี้เพื่อน ๆ พร้อมใจกันเห็นด้วยและร้องดีใจที่ช่วยกันคิดหา
วธิ ีใหท้ ุกคนไดเ้ ลน่ สนกุ ในงานกฬี าสีครัง้ นี้ดว้ ยกันได้

บียิ้มขอบใจทุกคน ๆ และเก็บความรู้สึกดี ๆ เหล่านี้ไว้ จนกระทั่งงาน
กฬี าสมี าถงึ

เสียงตีกลองจากคุณครูและเสียงร้องเพลงของเด็ก ๆ ดังอึกทึกกึกก้อง
ทั่วลานสนามหญ้าของโรงเรียนด้วยความสนุกสนานรื่นเริง ด้านข้าง สนามกาง
เต็นท์ผ้าใบทรงจั่ว มีเชือกฟางเส้นใหญ่ผูกกับเสาเพื่อกั้นเขตแบ่งสีของเด็ก
นักเรียน ภายในเต็นท์มีเก้าอี้ไม้ยาววางเรียงต่อกันสำหรับให้เด็ก ๆ นั่งทำ
กิจกรรม ส่วนด้านหน้าเต็นท์ก็มีถังกดน้ำสเตนเลสตั้งเป็นจุด ๆ ตามสีที่มีการ
แบ่งไว้

ศศพร แก้วผักแว่น | ๑๔๗

หลังจากที่พิธีเปิดงานกีฬาสีเสร็จสิ้นลง เหล่าเด็กนักเรียนในขบวน
พาเหรดต่างก็แยกย้ายเข้าประจำทฐี่ านสีของตัวเอง บีและเพอื่ น ๆ ทอี่ ยู่สเี ดียวกัน
จึงพากันกลับมานั่งในเต็นท์ ซึ่งมีกระดาษเขียนคำว่า ‘สีส้ม’ ตัวโตแปะไว้กับ
เชอื กฟางท่ีผูกอยหู่ นา้ เต็นท์

เมื่อเด็กทุกคนรวมถึงคุณครูต่างเข้าประจำสีของตัวเองเรียบร้อยแล้ว
งานกีฬาสีจึงเริ่มขึ้น โดยเริ่มจากการแข่งขันเก้าอี้ดนตรีของเด็ก ๆ อนุบาลเป็น
อันดับแรก เสียงโห่ร้องดังลั่นสนาม เด็ก ๆ แต่ละสีต่างพากันแข่งร้องเชียร์สีของ
ตัวเองอยา่ งสดุ เสยี ง

บี กบ ต้อยติ่ง และเพื่อนคนอื่น ๆ ในสีเดียวกันก็ช่วยร้องเพลงและส่ง
เสียงเชยี ร์น้อง ๆ ทีมสีส้มกันอย่างสนุกสนาน จนกระทั่งถึงเวลาที่บีต้องไปเตรยี ม
ตัวแขง่ แชรบ์ อลซง่ึ จะตอ้ งแข่งในอกี สองรายการถัดไป

เข้มช่วยเข็นรถพาบีมาที่หลังเต็นท์ซึ่งเป็นจุดที่นักกีฬารวมตัวกันเพื่อ
เตรยี มพร้อมก่อนลงสสู่ นามแข่ง

“พ่ีบีไหวมยั้ ”

“ไหว ๆ แตย่ ังปวดแขนอยนู่ ดิ หนอ่ ย”

เด็กหญิงบอกพร้อมบีบแขนตรงที่ปวดไปมา เนื่องจากเมื่อวันก่อนเพิ่งมี
การแข่งขันแชร์บอลรอบเข้าชิงชนะเลิศ ทำให้บีซึ่งเป็นคนถือตะกร้าเกร็งแขนคอย
รบั ลูกบอลจากเพอ่ื นในทีมมากเกนิ ไปจนเกดิ อาการแขนยอกเบา ๆ

๑๔๘ | หลังฝนโปรย

เสียงตีกลองรัว ๆ ดังรับเสียงประกาศอันดับผลคะแนนของแต่ละสี ซึ่งสี
ที่มีคะแนนนำมาเป็นสามอันดับแรกคือทีมสีเหลือง สีแดง และสีส้ม ส่วนสีที่
เหลือก็มคี ะแนนไล่เลี่ยตามกันมาติด ๆ

บีและเพื่อน ๆ เฮลั่นที่สีของตนเองมีคะแนนนำมาอันดับต้น ๆ ใบหน้า
ของทกุ คนจงึ เปื้อนยมิ้ ไปตาม ๆ กัน

“ทุกคนเตรียมตวั ใกลจ้ ะลงแข่งแล้ว”

ต้อยติ่งเดินตะโกนเข้ามาเรียกให้ทุกคนรวมตัว ซึ่งคนที่จะต้องลงแข่ง
ครั้งนี้มีทั้งหมดเจ็ดคน ได้แก่ บี ต้อยติ่ง เข้ม โหน่ง และรุ่นพี่ประถมห้าอีกสาม
คน

เด็กหญิงตื่นเต้นเกือบทุกครั้งที่จะต้องลงแข่งในสนาม ยิ่งวันนี้เป็นรอบ
ชิงชนะเลิศกย็ ่งิ มคี นดูมากข้นึ กว่าเดมิ อกี หลายเทา่

ทุกสายตาต่างจับจ้องผู้เล่นในสนาม โดยแต่ละทีมในตอนนี้ได้ยืน
ประจำจุดของตนเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งบีก็ได้นั่งถือตะกร้าอยู่เกือบสุดสนาม
ฝั่งขวา และเพื่อให้เกิดความเท่าเทียมในการแข่งขันมากที่สุด จึงทำให้ผู้เล่นฝา่ ย
ตรงข้ามกบั บีกต็ ้องนงั่ ถอื ตะกร้าแทนการยืนอยู่อีกฝง่ั หนึ่งของสนามเช่นกัน

บีพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ เพื่อเรียกสติและสมาธิให้อยู่กับตัวเอง
และทันทที ่ีเสยี งนกหวีดดังข้ึนเป็นสญั ญาณเร่ิมต้นการแข่งขัน เธอจึงพุ่งสายตาไป
เบอื้ งหนา้ และคอยมองหาลูกบอลที่เพือ่ น ๆ ในทมี จะตอ้ งโยนมาให้เธอ

ต้อยต่งิ แย่งลกู บอลจากฝ่งั ตรงขา้ มสง่ ให้เข้ม ก่อนทเ่ี ขาจะโยนลงตะกร้า
ทบ่ี ีถือไว้ได้อย่างสวยงาม จนเรียกเสียงเฮของเดก็ ๆ ทมี สีส้มแทบล่ันสนาม

ศศพร แก้วผักแว่น | ๑๔๙


Click to View FlipBook Version