The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เพื่อให้คนกรุงเทพฯ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้ เข้าใจ และตระหนักถึงคุณค่าของวัฒนธรรมที่มาจากวัง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by cstd, 2021-04-08 23:54:45

บางกอกบอกเล่า (เรื่อง) วัง

เพื่อให้คนกรุงเทพฯ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้ เข้าใจ และตระหนักถึงคุณค่าของวัฒนธรรมที่มาจากวัง

Keywords: วัง,วัฒนธรรม

ท่ีต้งั กรมมหรสพ ศูนย์รวมศิลปวฒั นธรรม พระยาเสนาะดรุ ยิ างค์หรือครแู ชม่ สนุ ทรวาทนิ ผคู้ วบคมุ วงดนตรี
ป่ีพาทยด์ ึกดำบรรพ์วงั บา้ นหมอ้ และเปน็ แรงบันดาลใจของตวั ละคร
นอกจากคุณค่าทางด้านสถาปัตยกรรมและศิลปกรรม “ขนุ อิน” ในภาพยนตรเ์ รื่อง “โหมโรง” ของอิทธสิ ุนทร วไิ ลลักษณ ์
ของวังบ้านหม้อซ่ึงเป็นเอกลักษณ์ในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์
แล้ว สถานที่แห่งน้ียังเป็นแหล่งสร้างสรรค์ศิลปวัฒนธรรม เคร่ืองสายฝร่ังหลวง โขน ละคร ฟ้อนรำ และมีศิลปินเข้ามา
ที่สำคัญอีกแห่งหน่ึงของกรุงเทพฯ ทั้งด้านนาฏศิลป์ โขน ละคร อาศัยอยู่ในวังเป็นจำนวนมากจนต้องหุงข้าวเล้ียงคนไม่น้อยกว่า
และดนตรีไทย ซ่งึ ยงั คงได้รับการสบื ทอดมาจนถงึ ปัจจุบัน วันละ ๗ กระทะ
วังบ้านหม้อเป็นศูนย์รวมของศิลปวัฒนธรรมไทยมาแต่ ด้วยเหตุท่ีวังบ้านหม้อเป็นท่ีต้ังของกรมมหรสพ จึงเป็น
แรกสร้างวัง นายแพทย์พูนพิศ อมาตยกุล ผู้เชี่ยวชาญเร่ืองวัง แหล่งรวมศิลปินเอกของบ้านเมืองหลายแขนง โดยเฉพาะ
บ้านหมอ้ เลา่ ไวใ้ นปาฐกถาเรอื่ ง จากกรมโขน กรมหนุ่ และกรม การดนตรีไทยที่มีช่ือเสียง อาจารย์เสถียร ดวงจันทร์ทิพย์
มหรสพท่ีวังบ้านหม้อ : สู่กรมมหรสพกระทรวงวัง...และกอง เล่าว่า สมัยก่อนวงั บา้ นหมอ้ มี “เลกสกั ” เป็นพิณพาทย์ มีสำนัก
มหรสพ กรมศิลปากรกบั สถาบันพฒั นศลิ ป ์ กระทรวงวัฒนธรรม ดนตรีไทยที่สำคัญเข้ามาฝากตัวทำราชการในวังบ้านหม้อ
ว่า พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระพิทักษเทเวศร์ นอกจากทรง อยู่หลายสำนัก เช่น สำนักบ้านลุ่ม (ครูสุข ดุริยประณีต) สำนัก
ว่าการกรมอัศวราชแล้ว ยังมีละคร (หมายรวมถึงคนละคร วัดกัลยาฯ (จางวางทั่ว พาทยโกศล) สำนักบ้านขมิ้น (ตระกูล
เครื่องแต่งกาย และเคร่ืองดนตรีไทย) เป็นของพระองค์เอง สินธุนคร) และพระยาเสนาะดุริยางค์หรือครูแช่ม สุนทรวาทิน
เพราะหม่อมศิลา หมอ่ มในพระองค ์ เปน็ คนละครมาแตก่ ่อน ใน ผู้ควบคุมวงวังบ้านหม้อ ซ่ึงเป็นดุริยกวีเอกร่วมสมัยเดียวกับ
วังบ้านหม้อจึงอุดมไปด้วยศิลปินท้ังคนละครและคนดนตรีไทย หลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) ผู้ควบคุมวงวังบูรพา
และเป็นมรดกตกทอดลงมาจนถึงทายาท คือ เจ้าพระยาเทเวศร ภิรมย ์ และจางวางท่ัว พาทยโกศล ผู้ควบคุมวงวังบางขุนพรหม
วงศ์วิวัฒน์ ซึ่งได้รับการแต่งต้ังให้เป็นเจ้ากรมมหรสพในสมัย ศลิ ปะทางปีข่ องครแู ชม่ นบั ไดว้ า่ เปน็ เลศิ แหง่ ยุค ทา่ นไดถ้ า่ ยทอด
ของรชั กาลท ่ี ๕
ในสมยั โบราณ กรมมหรสพ เช่น กรมพิณพาทย ์ กรมโขน
กรมดนตร ี กรมญวนหก ฯลฯ กระจัดกระจายอยู่ในหน่วยงาน
ต่างๆ ของกรมมหาดไทย ล่วงถึงสมัยของรัชกาลที่ ๕ พระองค ์
มีพระราชดำริท่ีจะรวบรวมมหรสพท่ีกระจายอยู่ในกรมกองต่างๆ
มาไว้ในกระทรวงวัง จัดให้เป็นหมวดหม ู่ โดยมีพระบรมราช
โองการให้เจ้าพระยาเทเวศรวงศ์วิวัฒน์เม่ือครั้งดำรงตำแหน่ง
จม่ืนสรรพเพธภักด ี หัวหม่ืนมหาดเล็ก เป็นผู้ดูแลกรมมหรสพ
ตา่ งๆ
ดว้ ยเหตนุ ้ี วงั บา้ นหมอ้ บา้ นของเจา้ พระยาเทเวศรวงศ์ววิ ัฒน ์
จึงกลายเป็นท่ีตั้งของกรมมหรสพไปโดยปริยาย มีทั้งพิณพาทย์

100

ชั้นเชิงปี่ให้แก่ศิษย์เอกของท่าน คือ ครูเทียบ คงลายทอง ละครดกึ ดำบรรพ ์
ทำให้ศิลปะทางปี่แห่งวังบ้านหม้อของพระยาเสนาะดุริยางค ์ (ภาพจากหอจดหมายเหตแุ หง่ ชาติ ไม่ทราบปีทถี่ ่าย)
แพร่หลายในวงการดนตรีไทยในเวลาต่อมา
นอกจากเป็นที่ตั้งของกรมมหรสพและสำนักดนตรีไทย ละครดึกดำบรรพ์เปิดแสดงครั้งแรกเม่ือพุทธศักราช
ที่มีช่ือเสียงแล้ว วังบ้านหม้อยังเป็นต้นกำเนิดของ “ละคร ๒๔๔๒ เนื่องในงานต้อนรับเจ้าชายเฮนร่ี พระอนุชาของพระเจ้า
ดึกดำบรรพ์” กรุงปรัสเซีย (ส่วนหนึ่งของประเทศเยอรมนีในปัจจุบัน) ซึ่งเป็น
หนังสือลักษณะไทยของพลตร ี หม่อมราชวงศ์คึกฤทธ ์ิ พระราชอาคันตุกะของรัชกาลท่ ี ๕ และได้เปิดการแสดงเร่ือยมา
ปราโมช ระบุว่า วังบ้านหม้อเป็นต้นกำเนิด “ละครดึกดำบรรพ์” จนได้รับความนิยมจากชาวพระนครเป็นอย่างมาก นอกจากน้ ี
โดยได้ต้นเค้ามาจากละครโอเปร่า (Opera) ท่ีเจ้าพระยาเทเวศร เมื่อมีพระราชอาคันตุกะจากต่างประเทศมาเยี่ยมเยียนประเทศ
วงศ์วิวัฒน์ได้พบเห็นเม่ือครั้งเดินทางไปประเทศในยุโรปเมื่อ สยาม รชั กาลท ่ี ๕ กม็ กั โปรดเกล้าฯ ให้วังบ้านหม้อจัดการแสดง
พุทธศักราช ๒๔๓๔ แล้วกลับมาเล่าถวายสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรม ละครดกึ ดำบรรพ์ตอ้ นรับแขกบา้ นแขกเมอื งเป็นประจำ
พระยานริศรานุวัดติวงศ ์ (สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้า การแสดงละครดึกดำบรรพ์ต้องเลิกไปเม่ือพุทธศักราช
กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์กับเจ้าพระยาเทเวศรวงศ์วิวัฒน์ ๒๔๕๒ เพราะเจ้าพระยาเทเวศรวงศ์วิวัฒน์มีปัญหาด้านสุขภาพ
มีความใกล้ชิดสนิทสนมกันมาก ถึงขนาดบุตรธิดาของ และได้กราบถวายบังคมทูลลาออกจากราชการ นอกจากน ี้
เจ้าพระยาเทเวศรวงศ์วิวัฒน์เรียกสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยา กรมมหรสพยังได้ย้ายจากวังบ้านหม้อไปตั้งที่วังจันทรเกษม
นริศรานุวัดติวงศ ์ วา่ คุณพ่อทุกคน) และนำมาประยุกต์ ปรับปรงุ ของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎ
และดัดแปลงเข้ากับละครไทยจนเป็นการแสดงละครแบบใหม่ ราชกมุ าร (พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั รชั กาลท ่ี ๖)
ที่ผู้แสดงเป็นท้ังผู้ร้องและรำเองท้ังหมด เรียกว่า “ละคร ก่อนศิลปวัฒนธรรมของวังบ้านหม้อหลายแขนงจะแพร่หลาย
ดึกดำบรรพ์” จัดแสดง ณ โรงละครใกล้กับวังบ้านหม้อช่ือว่า ไปสู่กรมศิลปากร จนกลายเป็นแบบเรียนของนาฏศิลป์และ
“โรงละครดึกดำบรรพ์” ตามชื่อละคร ดนตรไี ทย ในปัจจุบัน
การแสดงละครดึกดำบรรพ์เป็นการแสดงที่ต้องใช้ความ
พิถีพิถันทุกข้ันตอน ตั้งแต่ฉากละคร เครื่องแต่งกาย อุปกรณ์ 101
การแสดง และดนตรีประกอบ ซึ่งได้รับความร่วมแรงร่วมใจจาก
บคุ คลหลายฝา่ ย เชน่ สมเดจ็ ฯ เจา้ ฟา้ กรมพระยานรศิ รานวุ ดั ตวิ งศ์
ทรงนิพนธ์บทละคร ออกแบบฉาก และกำกับการแสดง
หลวงประดิษฐไพเราะ (ตาด ตาตะนันท์) เป็นผู้จัดทำนองเพลง
ควบคุมวงดนตรี และปี่พาทย ์ หม่อมเข็ม กุญชร ณ อยุธยา
ภริยาของเจ้าพระยาเทเวศรวงศ์วิวัฒน ์ เป็นผู้ปรับปรุง ประดิษฐ์
ทา่ รำ เป็นต้น

วงั รมิ คลองบางลำพู

ย่านบางลำพูเป็นย่านธุรกิจ การค้า และการท่องเที่ยว
ที่สำคัญของกรุงเทพฯ แต่หากย้อนเวลากลับไป ๒๐๐ กว่าปี
จะพบว่าบริเวณพื้นที่แห่งน้ีเคยเป็นที่ต้ังของวังเจ้านาย ชุมชน
ตลาด ห้างร้าน ซ่ึงเป็นสีสันหนึ่งที่แต่งแต้มให้มหานครแห่งน้ี
เปย่ี มไปด้วยชวี ิตชวี า

102

103

วังบางลำพูพัฒนาเมอื ง ล่วงถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว
รัชกาลที ่ ๓ พระวชิรญาณมหาเถระ (ภายหลังคือ พระบาท
วั ง ริ ม ค ล อ ง บ า ง ล ำ พู ตั้ ง อ ยู่ ริ ม ค ล อ ง บ า ง ล ำ พู ห รื อ สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔) ทรงพระผนวช
คลองรอบกรุงข้างทิศเหนือ พระนิพนธ์ตำนานวังเก่าของสมเด็จ และประทับ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร การน้ี พระเจ้าบรมวงศ์เธอ
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ระบุว่า กรมหม่ืนมเหศวรศิววิลาส (พระองค์เจ้านภวงศ์ ต้นราชสกุล
วังริมคลองบางลำพูเป็นกลุ่มวังที่สร้างขึ้นภายหลังการขุดคลอง นพวงศ์) ซ่ึงเป็นพระราชโอรสพระองค์แรก ประสูติแต่เจ้าจอม
บางลำพูเมื่อพุทธศักราช ๒๓๒๗ โดยได้ช่ือวังตามชื่อตำบลที่ตั้ง มารดาน้อยในรัชกาลท่ ี ๔ (เจ้าจอมมารดาน้อย ธิดาของ
เหตุท่ีเรียกว่าตำบลบางลำพู เพราะบริเวณน้ีแต่เดิมเป็นท่ีลุ่ม พระอินทรอำไพหรือสมเด็จเจ้าฟ้าทัศไภย พระราชโอรสใน
มนี ำ้ ทว่ มขงั มตี น้ ลำพขู น้ึ หนาแนน่ จงึ เรยี กชอ่ื ตำบลวา่ “บางลำพ”ู พระเจ้ากรุงธนบุรี) ขณะยังทรงพระเยาว์ได้โดยเสด็จไปประทับ
เมื่อแรกขุดคลองบางลำพู สองฟากฝั่งริมคลองมีราษฎร เพอ่ื ทรงเปน็ อปุ ฏั ฐากสมเดจ็ พระบรมชนกนาถ ณ วดั บวรนเิ วศวหิ าร
อาศัยอยู่อย่างเบาบาง ประกอบอาชีพทำสวนผลไม ้ ส่วนใหญ่
เป็นราษฎรในสังกัดกรมพระราชวังบวรสถานมงคลหรือวังหน้า ต่อมา พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นมเหศวรศิววิลาส
ซึ่งมักต้ังบ้านเรือนอยู่บริเวณรายรอบวัดโบราณที่มีมาก่อน เกิดประชวรพระโรคเร้ือรัง พระพงศ์นรินทร์พี่ชายของพระอินทร
สถาปนากรุงรัตนโกสินทร ์ เช่น วัดกลางนาหรือวัดตองป ุ (วัด อำไพ จึงรับไปรักษาพยาบาลที่บ้านริมคลองบางลำพูจนหาย
ชนะสงคราม) วัดบางลำพู (วัดสังเวชวิศยาราม) วังริมป้อม เป็นปกต ิ และประทับท่ีบ้านพระพงศ์นรินทร์จนเจริญพระชันษา
พระสุเมรุ และบ้านเรือนขุนนางจตุสดมภ์วังหน้า (ดูพระราชวัง ออกวัง เมอ่ื รชั กาลท ี่ ๔ เสด็จเถลงิ ถวลั ยราชสมบตั ิ จึงมพี ระบรม
บวรสถานมงคล) ราชโองการให้พระพงศ์นรินทร์หาซ้ือที่ดินสร้างวังพระราชทาน
ต่อมา ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า พระราชโอรส ๒ พระองค์ ท่ีประสตู ิกอ่ นพระองคบ์ รมราชาภิเษก
นภาลัย รัชกาลท่ ี ๒ เมื่อมีการตั้งบ้านเรือนของราษฎรหนาแน่น คือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นมเหศวรศิววิลาสและพระเจ้า
ขึ้นจนในเขตกำแพงเมอื งด้านทิศเหนอื แออดั กอปรกับบ้านเมอื ง บรมวงศ์เธอ กรมหม่ืนวิศณุนาถนิภาธร (พระองค์เจ้าสุประดิษฐ
เร่ิมว่างเว้นจากศึกสงครามประชิดพระนคร จึงเริ่มมีการ ตน้ ราชสกลุ สปุ ระดษิ ฐ) ทร่ี มิ คลองบางลำพฝู งั่ เหนอื นอกกำแพง
ขยับขยายสร้างวังเจ้านายริมคลองบางลำพูนอกเขตกำแพง เมือง ใกล้สะพานนรรัตนสถาน ซึ่งในพระนิพนธ์ตำนานวังเก่า
พระนคร โดยเร่ิม ณ ตำบลบางลำพเู ป็นแหง่ แรก ของสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพเรียกว่า วังริมคลอง
สมเด็จพระบวรราชเจ้า กรมพระราชวังบวรมหาเสนา บางลำพ ู วงั ที่ ๒ และวังท ี่ ๓ ตามลำดบั
นุรักษ์โปรดเกล้าฯ ให้สร้างวังพระราชทานพระองค์เจ้าสุดวอน การสร้างวังเจ้านายบริเวณริมคลองบางลำพูส่งผลให้
พระโอรส ท่ีริมคลองบางลำพู นอกกำแพงเมืองใกล้วัดบวรนิเวศ ย่านบางลำพูเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว มีขุนนาง ข้าราชบริพาร
วหิ าร ในพระนพิ นธ ์ ตำนานวงั เกา่ ของสมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ และราษฎรเข้ามาตั้งบ้านเรือนอยู่ท้ังในและนอกกำแพงพระนคร
กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เรียกวังแห่งน้ีว่า วังริมคลอง เป็นจำนวนมาก แม้ภายหลงั เมอื่ วังเจ้านายไรผ้ ปู้ กครอง แตด่ ว้ ย
บางลำพู วังที่ ๑ พระองค์เจ้าสุดวอนประทับตลอดพระชนมายุ ความสำคัญของพ้ืนที่จึงมีการพัฒนาพ้ืนท่ีวังเจ้านายเดิม
หลงั จากนนั้ ไมป่ รากฏวา่ มเี จา้ นายพระองคใ์ ดมาประทบั ทวี่ งั นอี้ กี ให้สามารถใช้ประโยชน์ในด้านอื่นๆ โดยเฉพาะการพัฒนาเป็น
ตลาดบกที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของพระนคร
104

ยา่ นบางลำพบู รเิ วณประตูขาด ตลาดยอด (ภาพจากหอจดหมายเหตแุ หง่ ชาติ ไมท่ ราบปีทีถ่ ่าย)

105

จากวังเจา้ สยู่ ่านรา้ นตลาด พ่อค้าแม่ค้าตลาดยอดจะเปิดแผงขายของต้ังแต่เช้ามืด
ส่วนใหญ่เป็นของคุณภาพสูง ได้แก่ เน้ือสัตว์ กุ้ง หอย ป ู ปลา
เม่ือพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นมเหศวรศิววิลาสและ ท้ังแบบสดและแบบแห้ง ผักผลไม้ โดยมีชาวสวนจากฝั่งธนบุรี
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นวิศณุนาถนิภาธรสิ้นพระชนม์ นำของจากที่บ้านมาส่งขายที่ตลาดยอด ตลาดยอดซึ่งเป็น
ในปลายสมยั รชั กาลท ี่ ๔ วงั รมิ คลองบางลำพ ู วงั ท ี่ ๒ และวงั ท ่ี ๓ ตลาดใหญ่และขายสินค้าคุณภาพในสมัยน้ัน จึงเป็นที่จับจ่าย
จงึ วา่ งผปู้ กครองลง ซื้อหาสินค้าของวังเจ้านายท่ีสร้างข้ึนใหม่ในตำบลสามเสน
ล่วงถึงรชั สมัยพระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกล้าเจา้ อยู่หวั และตำบลดุสิต ดังปรากฏหลักฐานจากบันทึกความทรงจำ
รัชกาลที่ ๕ เม่ือมีการสร้างพระราชวังดุสิตข้ึนทางตอนเหนือ บางเรื่องของหม่อมเจ้าประสงค์สม บริพัตร (สกุลเดิม ไชยยันต์)
ของพระนครเม่ือพุทธศักราช ๒๔๔๒ มีการตัดถนนหลายสาย ชายาในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ ์
ในพื้นทบี่ างลำพู เพอื่ รองรับโครงข่ายถนนที่ตัดเชื่อมมาจากพืน้ ที่ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต เล่าถึงตลาดยอดพิมาน บางลำพ ู
ตำบลสามเสนและตำบลดุสิต ได้แก่ ถนนจักรพงษ์ ถนน ความตอนหนึ่งว่า “...อยู่วังสามเสน (วังบางขุนพรหม) การจ่าย
พระอาทิตย์ ถนนพระสุเมรุ ถนนข้าวสาร ถนนรามบุตรี และ อาหารรับประทาน ลำบากมาก คนจ่ายตลาดต้องเดินมาถึง
ถนนสิบสามห้าง บางลำพูจึงมีตลาดและห้างร้านเกิดขึ้น บางลำพู...”
มากมาย มีตั้งแต่ของกินของใช้ราคาถูกไปจนถึงของฟุ่มเฟือย ตรงข้ามกับตลาดยอดทางด้านถนนพระสุเมรุเป็นที่ต้ัง
ราคาแพง ส่งผลให้บางลำพูเติบโตขึ้น จอแจไปด้วยผู้คน รถราง ของตลาดผลไม ้ คือ ตลาดทุเรียน มีชาวบ้านขนทุเรียนจาก
และการค้าพาณชิ ย ์ พรอ้ มๆ กบั การเกดิ แหลง่ บนั เทงิ ขน้ึ ในยา่ นน้ี เมืองนนท์เข้ามาขาย โดยเฉพาะทุเรียนพันธุ์ก้านยาว ซ่ึงข้ึนชื่อ
ไม่ว่าจะเป็นโรงภาพยนตร์ โรงละคร และโรงลิเก บางลำพู ลือชาอย่างมาก นอกจากทุเรียนแล้ว ตลาดทุเรียนยังมีผลไม้
จึงเปรียบได้กับห้างสรรพสินค้าของชาวพระนครในอดีต นานาชนิด เช่น เงาะบางยี่ขัน ชมพู่สาแหรก มังคุด กระท้อน
พื้นท่ีซ่ึงเคยเป็นท่ีต้ังของวังริมคลองบางลำพูวังท่ี ๒ และ เป็นต้น นอกจากน้ี ยังมีร้านขายอาหารหลากหลายชนิดและ
วังท่ ี ๓ (ใกลก้ บั สะพานนรรตั นสถานในปจั จบุ นั ) ไดร้ บั การพฒั นา ของใช้ราคาถูก ฝั่งตรงกันข้ามกับตลาดทุเรียนริมคลองบางลำพู
ให้เป็นตลาดสำคัญของย่านบางลำพูซึ่งเป็นที่รู้จักกันอย่างดี เป็นท่ีต้ังของตลาดนานา เป็นตลาดยามค่ำคืนที่คลาคล่ำไปด้วย
ในอดีต ได้แก ่ ตลาดยอด (ตลาดยอดพิมาน) ตลาดนานา และ ผู้คน เพราะใกล้ตลาดมีโรงหนัง โรงละคร และโรงลิเก มหรสพ
ตลาดทเุ รยี น ซงึ่ เป็นทน่ี ิยมในสมัยน้นั ตงั้ อย ู่
ตลาดยอดเป็นตลาดเช้า ต้ังอยู่บริเวณเชิงสะพานนรรัตน ปจั จบุ นั แมว้ งั รมิ คลองบางลำพแู ละตลาดทงั้ ๓ แหง่ ของ
สถานฝ่ังทิศใต ้ ตรงสี่แยกบางลำพ ู มีคำกล่าวคล้องจองของ บางลำพูจะไม่เหลือร่องรอยใดๆ อีกแล้ว แต่ก็ชวนให้หวนระลกึ
ผู้โดยสารรถรางในสมัยก่อนว่า “บางลำพูประตูขาดตลาดยอด” ถึงว่า พื้นที่แห่งน้ีได้เติบโตข้ึนจากการเป็นท่ีตั้งของวังเจ้านาย
หนังสือกรุงเทพฯ เม่ือวานนี้ ของขุนวิจิตรมาตรา (สง่า จนพัฒนามาเป็นย่านธุรกิจการค้า เส้ือผ้าเครื่องนุ่งห่ม อาหาร
กาญจนาคพนั ธ)์ุ ระบวุ า่ เหตทุ เ่ี รยี กวา่ ประตขู าด เพราะประตนู นั้ การกิน ท่ีมีสีสันอีกแห่งหนึ่งของพระนคร และเป็นศูนย์รวมของ
ชำรดุ อยบู่ างสว่ น ธุรกิจการท่องเท่ียวที่คึกคักและมีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่ง

106

ตลาดนานา (ซา้ ย) และตลาดทเุ รยี น (ขวา) สร้างบนพ้นื ท่ซี ่ึงเคยเปน็ ทีต่ ง้ั ของวังริมคลองบางลำพ ู
ถ่ายโดยปเี ตอร์ วลิ เลียม ฮันท์ (Peter Williams Hunt) นักบนิ ฝ่ายสมั พันธมิตร เมอื่ พุทธศักราช ๒๔๘๙
(ภาพจากหอจดหมายเหตุแห่งชาติ พทุ ธศักราช ๒๔๘๙)

ของประเทศ โดยเฉพาะบนถนนข้าวสารที่กลายเป็นสัญลักษณ์ ภายใต้แนวคิดประชาคมตั้งแต่พุทธศักราช ๒๕๔๐ - ๒๕๔๑
ของการทอ่ งเทย่ี วแบบแบกเป้ของนกั ท่องเทยี่ วจากทว่ั ทกุ มุมโลก เป็นต้นมา เพ่ืออนุรักษ์ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่เคยมีชีวิต
ปัจจุบัน ชาวบางลำพูบางส่วนตระหนักถึงรากเหง้าและ และลมหายใจให้คงอยู่หรือฟื้นกลับคืนมา ตลอดจนพยายาม
ความเปน็ ตวั ตนทเี่ หลอื เพยี งเลอื นลางในพน้ื ที่ จงึ มกี ารรวมตวั กนั มสี ว่ นรว่ มในการกำหนดทศิ ทางของมาตภุ มู หิ รอื ถนิ่ กำเนดิ ของตน

107

พระราชวงั สราญรมย์

พ ร ะ ร า ช วั ง ส ร า ญ ร ม ย์ เ ป็ น ส ถ า น ท่ี ส ำ คั ญ ท า ง
ประวัติศาสตร ์ ด้วยเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนากิจการด้าน
การต่างประเทศของไทย ท้ังยังอาจกล่าวได้ว่า พระราชอุทยาน
ภายในพระราชวังแห่งนี้ยังเป็นต้นกำเนิดของสวนสาธารณะ
แห่งแรกของไทย ซึ่งปัจจุบันยังคงให้บริการแก่ประชาชน
สรรคส์ รา้ งคุณประโยชนใ์ ห้แกช่ าวกรุงเทพฯ อย่างไม่เสื่อมคลาย

108

109

พระราชวงั สราญรมยใ์ นสมัยรชั กาลท ่ี ๕ เมอื่ คร้งั เป็นทตี่ งั้ ของกระทรวงการตา่ งประเทศ (ภาพจากหนงั สือ The Kingdom of Siam )

พระราชวงั สราญรมย์ มูลเหตุของการสร้างพระราชวังแห่งน้ ี เนื่องจากปลาย
สมยั ของรชั กาลท ่ี ๔ มพี ระราชดำรวิ า่ เมอื่ สมเดจ็ พระเจา้ ลกู ยาเธอ
พระราชวังสราญรมย์ต้ังอยู่ริมถนนสนามไชย ด้านทิศ เจ้าฟ้ากรมขุนพินิตประชานารถ (พระบาทสมเด็จพระจุลจอม
ตะวันออกของพระบรมมหาราชวัง จากประวัติพระราชวัง เกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท ี่ ๕) ทรงเจริญพระชันษาและทรง
สราญรมย์ในประชุมพงศาวดารภาคท ี่ ๒๖ และหนังสือ พระผนวชแล้ว จะทรงมอบราชสมบัติให ้ ส่วนพระองค์จะเสด็จ
จดหมายเหตุการอนุรักษ์กรุงรัตนโกสินทร ์ ระบุว่า พระราชวัง พระราชดำเนินไปประทับท่ีพระราชวังสราญรมย์ดำรงตำแหน่ง
แห่งนี้สร้างขึ้นในปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า พระเจ้าหลวง และทรงช่วยแนะนำราชการแผ่นดินไปจนตลอด
เจา้ อยู่หัว รัชกาลท ่ี ๔ ราวพุทธศักราช ๒๔๐๙ โดยรชั กาลท่ ี ๔ พระชนมชีพ แต่เสด็จสวรรคตเสียก่อน การณ์ไม่ได้เป็นไปตาม
โปรดเกลา้ ฯ ใหเ้ จา้ พระยามหนิ ทรศกั ดธ์ิ ำรง (เพง็ เพญ็ กลุ ) เมอ่ื ครง้ั พระราชประสงค์
ดำรงตำแหน่งพระยาบรมรัตนราชพัลลภเป็นแม่กองสร้าง เมื่อรัชกาลท่ี ๕ เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ โปรดเกล้าฯ
พระราชวังข้ึน ณ บริเวณตึกดินเก่า ใกล้พระบรมมหาราชวัง ให้สร้างพระราชวังสราญรมย์ต่อจนแล้วเสร็จ นอกจากนั้น
เมื่อพุทธศักราช ๒๔๐๙ และพระราชทานนามว่า “พระราชวัง ยังโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชอุทยานขึ้นในบริเวณใกล้เคียง
สราญรมย์” ซ่ึงเคยเป็นที่ต้ังของวังพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหม่ืนอมเรนทร

110

บดนิ ทร์ (พระองค์เจา้ คเนจร ตน้ ราชสกุล คเนจร) และวงั พระเจ้า ว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ
บรมวงศ์เธอ กรมขุนวรจักรธรานุภาพ (พระองค์เจ้าปราโมช
ต้นราชสกุล ปราโมช) ดังปรากฏในประกาศสวนสราญรมย์ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการได้กราบบังคมทูลขอพระราชทาน
พุทธศักราช ๒๔๑๗ ความตอนหน่ึงว่า “...ให้ข้าราชการทราบ
โดยท่ัวกัน ด้วยท่ีสวนใหม่ซึ่งสร้างขึ้นในที่วังพระเจ้าราชวงษ์เธอ วังสราญรมย์ให้เป็นท่ีทำการของกระทรวง ตอ่ มา จงึ ยา้ ยไปตงั้ ท่ี
กรมหมน่ื อมเรนทรบดนิ ทร และทว่ี งั พระเจ้าบรมวงษ์เธอ กรมขุน
วรจักรธรานุภาพ ซึ่งเปนที่รกร้างอยู่นั้น บัดน้ีโปรดเกล้าฯ ให้ทำ ตึกราชวัลลภในพระบรมมหาราชวัง เมื่อพุทธศักราช ๒๔๓๐
เปนสวนแลเปลี่ยนให้พระองค์เจ้าประดิษฐวรการ ไปอยู่ท่ี
สวนหลวงรมิ วงั กรมหมน่ื อมเรนทรบดนิ ทร แลจะเปิดนา่ สวนให้ถงึ วังสราญรมย์จึงใช้เป็นบ้านพักรับรองพระราชอาคันตุกะเรื่อยมา
วังสราญรมย์ ก็วังสราญรมย์น้ีเปนของพระบาทสมเดจ
พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงสรา้ งไวส้ ำหรบั พระเจา้ ลกู เธอ ไดอ้ อก เช่น รับรองแกรนด์ดยุคซาร์วิตส์ (ต่อมา ได้รับการสถาปนาเป็น
เงินพระคลังข้างที่สร้าง จึงได้พระราชทานนามว่า วังสราญรมย์
บัดน้ีสวนทีท่ ำใหมน่ ัน้ เปนของตดิ เนอ่ื งกบั วงั สราญรมยก์ ใ็ ห้เรียก พระเจ้าซารน์ โิ คลัสท่ี ๒ แหง่ รัสเซีย (Nikolay II))
ว่า “สวนสราญรมย์” ตามช่อื วงั นนั้ ใหข้ ้าราชการ ซงึ่ จะกราบทลู
แลจะเรยี กให้ใช้ตามชื่อน้ี อย่าให้เรยี กอยา่ งอืน่ เลย...” เม่ือสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ

ในสมัยของรัชกาลที ่ ๕ พระราชวังสราญรมย์เป็นท่ี สยามมกุฎราชกุมาร (พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ประทับของเจ้านายพระองคส์ ำคญั โดยรชั กาลที่ ๕ พระราชทาน
พระราชวังสราญรมย์ให้เป็นท่ีประทับของสมเด็จพระเจ้า รัชกาลที่ ๖) เสด็จพระราชดำเนินกลับจากการศึกษาต่อ
บรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี กรมพระจักรพรรดิพงศ ์
(สมเด็จเจ้าฟ้าจาตุรนตรัศมี ต้นราชสกุล จักรพันธุ์) พระอนุชา ณ ประเทศอังกฤษเมื่อวันที ่ ๒๙ มกราคม พุทธศักราช ๒๔๔๕
ร่วมพระชนนีเมือ่ แรกออกวัง
ครั้นสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี ได้เสด็จมาประทับ ณ วังสราญรมย์ จนกระท่ังเสด็จเถลิง
กรมพระจักรพรรดิพงศ์เสด็จไปประทับ ณ พระราชวังเดิม
จึ ง พ ร ะ ร า ช ท า น เ ป็ น ท่ี ป ร ะ ทั บ ข อ ง ส ม เ ด็ จ พ ร ะ ร า ช ปิ ตุ ล า ถวัลยราชสมบัติ พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้เรียก “วังสราญรมย์”
บรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ ์ กรมพระยาภาณุพันธุ
วงศ์วรเดช (สมเด็จเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงษ์ ต้นราชสกุล ภาณุ ว่า “พระราชวังสราญรมย์” ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา
พันธุ์) พระอนุชาร่วมพระชนน ี กระทั่งวังบูรพาภิรมย์สร้าง
แล้วเสร็จ จงึ ทรงย้ายไปประทบั ณ วังบรู พาภิรมย ์ เม่ือวนั ที่ ๑๖ กรกฎาคม พทุ ธศักราช ๒๔๕๙ รวมเวลาท่ีประทับ
พุทธศักราช ๒๔๒๘ รัชกาลท ่ี ๕ โปรดเกล้าฯ ให้ตั้ง
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ ณ พระราชวงั สราญรมย์ ๘ ปี
(พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์ ต้นราชสกุล เทวกุล) เป็นเสนาบดี
รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาล

ที ่ ๗ โปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชวังสราญรมย์ให้เป็น

ท่ีทำการของกระทรวงการต่างประเทศอีกคร้ังหนึ่ง และได้ใช้

พระราชวังสราญรมย์เป็นที่ทำการถาวรของกระทรวงการ

ต่างประเทศสืบมาจนถึงพุทธศักราช ๒๕๓๕ จึงได้มีการย้าย

สำนักงานส่วนใหญ่ของกระทรวงการต่างประเทศออกไปอยู่ท่ี

อาคารถนนศรีอยุธยา

หลังพุทธศักราช ๒๕๓๕ มีการปิดพระราชวังสราญรมย์

เพ่ือปรับปรุงและบูรณะ โดยในช่วงแรกมีแผนท่ีจะจัดทำเป็น

พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์การทูตไทยและสถาบันฝึกอบรม

ข้าราชการของกระทรวงการต่างประเทศ ในชั้นน้ี การบูรณะยัง

ไม่แลว้ เสรจ็ อน่งึ ในบรเิ วณกระทรวงการต่างประเทศ พระราชวงั

สราญรมย์เดิม พื้นท่ีฝั่งที่ติดกับพระราชอุทยานสราญรมย์

ได้ก่อสร้างทำเนียบองคมนตรี ซ่ึงใช้เป็นที่ทำการของคณะ

องคมนตรีมาจนปจั จบุ ัน 111

สถาปตั ยกรรมของพระราชวงั สราญรมย์ ด้านทิศตะวันตกของพระราชวังสราญรมย์เป็นท่ีตั้ง
ของพระราชอุทยานสราญรมย์ ซึ่งสร้างขึ้นเม่ือพุทธศักราช
สิ่งก่อสร้างท่ียังคงปรากฏอยู่ในพระราชวังสราญรมย์ ๒๔๑๗ รัชกาลที ่ ๕ โปรดเกล้าฯ ให้นายเฮนรี อลาบาศเตอร ์
มีเพียงตำหนักที่ประทับซึ่งถูกร้ือบางส่วนออกเพ่ือขยายงานของ (Henry Alabaster ต้นสกุลเศวตศิลา) เป็นผู้จัดสร้างและดูแล
กระทรวงการต่างประเทศเมอ่ื พุทธศักราช ๒๕๑๕ พระราชอุทยานแหง่ น ี้
ลักษณะของตำหนักในอดีต สันนิษฐานว่า เป็นอาคาร หนงั สอื อนสุ รณง์ านพระราชทานเพลงิ ศพมหาอำมาตยต์ ร ี
๒ หลัง มีมุขกระสันเช่ือมระหว่างอาคาร ๒ หลังนี ้ ทำเป็นที่ว่าง พระยาวันพฤกษ์พิจารณ์ (ทองคำ เศวตศิลา บุตรของนาย
ตรงกลาง ต่อมาได้รื้อออกส่วนหนึ่ง คงเหลืออาคารในปัจจุบัน อลาบาศเตอร์ ซ่ึงเป็นบิดาของพลอากาศเอก สิทธิ เศวตศิลา
เพยี งหลงั เดยี ว ในอดตี คงจะมที างเขา้ อยทู่ างดา้ นสวนสราญรมย ์ องคมนตรี) เล่าถึงบิดาของตนว่า ครั้งหนึ่งรัชกาลที่ ๕ ตรัสถาม
ซ่ึงเป็นด้านทิศใต้ เป็นการเน้นทางเข้าอาคารให้หันหน้าไปสู่สวน นายอลาบาศเตอร์ว่า ในต่างประเทศมีสถานท่ีพักผ่อนหย่อนใจ
เช่นเดียวกับการวางอาคารของพระราชวังแบบยุโรป ฉะนั้น และท่ีศึกษาอย่างไรบ้าง นายอลาบาศเตอร์กราบบังคมทูลว่า
อาคารท่ีปรากฏในปัจจุบันด้านถนนสนามไชยจะเป็นด้านข้าง ในพระนครหลวงต่างๆ มีสวนต้นไม้และสวนสัตว์ไว้เป็นที่ศึกษา
ของตัวตำหนกั พันธุ์ไม้และสัตว์ทุกชนิด กับทั้งเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของ
ลักษณะอาคารที่ปรากฏอยู่ทุกวันน้ีเป็นอาคารก่ออิฐ ประชาชน จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างสวนอย่าง Botanic Gardens
ถอื ปนู สงู ๒ ชั้น ม ี ๓ มขุ ทห่ี นา้ จวั่ มุขกลางปั้นปนู เป็นรปู มงกุฎ ขององั กฤษข้ึน เรียกวา่ สวนสราญรมย ์
ประดบั ฉัตร ๒ ข้าง ตอนลา่ งเปน็ ช้างสามเศยี ร ๒ ข้างชา้ ง มีตรา สวนสราญรมย์เม่ือคร้ังท่ีนายอลาบาศเตอร์ดูแลอยู่นั้น
ราชสีห์และคชสีห ์ ส่วนหน้าจั่วของมุขท้ัง ๒ ด้าน ประดับด้วย มีถนนเล็กๆ วนเวียนไปมา มีน้ำพ ุ เรือนกล้วยไม ้ เรือนเฟิร์น
ตราพระเกีย้ วทัง้ ๒ มขุ กรงนกและคอกสัตว์ป่า สัตว์เลี้ยง ปลูกสร้างไว้อย่างเป็น
ภายในชั้นล่างเป็นที่ทำการของแผนกต่างๆ ส่วนชั้นบน ระเบียบ โดยต้นไม้ที่ปลูกในสวนสราญรมย์หลายต้นเป็นต้นไม้
เป็นห้องรับรอง ห้องประชุม และห้องพัก ซ่ึงแต่ละห้องตกแต่ง ท่ีรัชกาลท่ี ๕ ทรงปลกู ดว้ ยพระองคเ์ อง ดงั ปรากฏในหนงั สอื พมิ พ์
ประดับประดาต่างๆ กัน โดยเฉพาะฝ้าเพดานและที่กรอบประตู ดรโุ ณวาท พุทธศักราช ๒๔๑๗ ลงข่าวว่า “ณ วัน เดือนแปดค่ำ
หน้าต่าง สันนิษฐานว่า ในอดีต อาคารส่วนนี้คงใช้เป็นที่รับรอง เปนวันกำหนดท่ีจะปลูกต้นไม้ ที่สวนน่าวังสราญรมย์...” ต้นไม ้
เชน่ เดยี วกับในปจั จุบัน ท่ีรัชกาลท ี่ ๕ ทรงปลูกเปน็ ปฐมฤกษ ์ คอื ต้นพวาทอง ตอ่ มา จงึ มี
ในยุคท่ีวังสราญรมย์ยังเป็นที่ทำการของกระทรวง ราษฎรทูลเกล้าฯ ถวายต้นไม้ปลูกในสวนสราญรมย์เพิ่มอีก
การต่างประเทศ สถานท่ีแห่งนี้เคยเป็นท่ีท่ีชาติสมาชิกเร่ิมต้น เป็นจำนวนมาก
ของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียน ปัจจุบัน พระราชอุทยานสราญรมย์เปิดให้บริการเป็น
๕ ประเทศ ได้แก่ ไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และ สวนสาธารณะภายใต้การดแู ลของกรุงเทพมหานคร
ฟิลิปปินส ์ ลงนามในปฏิญญากรุงเทพหรือปฏิญญาอาเซียน
เมื่อวันท ่ี ๘ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๑๐ เพ่ือก่อตั้งสมาคม
ประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียนอย่างเป็น
ทางการ โดยผูล้ งนามฝา่ ยไทย คือ พันเอก ถนดั คอมนั ตร์

112

๑ ๒ ๑. หนา้ บนั ตำหนกั ใหญท่ ำปนู ปนั้ เปน็ รปู มงกฎุ ประดบั ฉตั ร ๒ ขา้ ง
๓ ๔ ๕ ๒. พระบรมราชานสุ าวรยี พ์ ระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั
๖ ๓. พระอนสุ าวรยี ส์ มเดจ็ พระนางเจา้ สนุ นั ทากมุ ารรี ตั น ์ พระบรมราชเทว ี
และสมเดจ็ พระเจา้ ลกู เธอ เจา้ ฟา้ กรรณาภรณเ์ พช็ รรตั น ์
โสภางคทศั นยิ ลกั ษณ ์ อรรควรราชกมุ ารี
๔. สวนสราญรมย์
๕. นำ้ พหุ ลอ่ โลหะสลกั ลวดลายออ่ นชอ้ ยแบบนำ้ พโุ รมนั
๖. ศาลา ๘ เหลยี่ ม เปน็ ศาลาโปรง่ สงู โครงเหลก็
ตกแตง่ ดว้ ยลวดลายเหลก็ ดดั หลงั คาทรงสงู ประดบั กระจก เหลก็ ดดั
และไมฉ้ ลลุ วดลายสวยงาม

113

วงั บรู พาภิรมย์

ณ พ้ืนที่ริมถนนมหาไชยด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
ของเกาะรตั นโกสนิ ทรเ์ คยเปน็ ทต่ี งั้ ของ “วงั บรู พาภริ มย”์ ทใ่ี หญโ่ ต
โอ่อ่า และสวยงามท่ีสุดแห่งหนึ่งในพระนคร ทั้งยังเป็น
ศูนย์กลางในการเผยแพรศ่ ิลปะการดนตรีไทยท่ีมชี ่ือเสยี งแห่งยคุ
ลุกาลสมัยเมื่อบ้านเมืองเข้าสู่ความเปล่ียนแปลงตาม
กระแสวัฒนธรรมตะวันตก “วังบูรพาภิรมย์” ได้พัฒนามาเป็น
ย่านศูนย์การค้าแห่งแรกของประเทศ มีส่วนสำคัญในการบันทึก
หน้าประวัติศาสตร์ของคนกรุงเทพฯ ก่อเกิดตำนานของวัยรุ่น
ไทยยคุ “โก๋หลังวัง” ท่ียังคงเล่าขานสืบมาจนถึงปจั จบุ ัน

114

115

วงั แห่งบรู พาทิศ จอมพล สมเด็จพระราชปิตุลา
บรมพงศาภมิ ุข เจา้ ฟา้ ภาณรุ งั ษี
วงั บรู พาภริ มยห์ รอื วงั สมเดจ็ พระราชปติ ลุ าบรมพงศาภมิ ขุ สวา่ งวงศ ์ กรมพระยาภาณุพันธุ
เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช วงศ์วรเดช หรือ
(สมเด็จเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงษ์ ต้นราชสกุล ภาณุพันธุ์) “สมเดจ็ วงั บรู พาฯ”
เป็นวังท่ีพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕
โปรดเกลา้ ฯ ใหส้ รา้ งขน้ึ เพอื่ พระราชทานสมเดจ็ พระเจา้ นอ้ งยาเธอ รัชกาลที่ ๕ มีพระราชประสงค์ให้พระอนุชาประทับเป็น
เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ซึ่งเป็นพระราชอนุชาร่วมพระชนน ี ประธานรักษาพระนครทางด้านตะวันออกตามธรรมเนียมปฏิบัติ
(สมเด็จพระเทพศิรินทรามาตย์) เม่ือสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ และพระราชทานนามวังแห่งน้ีว่า “วังบูรพาภิรมย์” หมายถึง วัง
เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ถึงวัยอันควรท่ีจะ “ออกวัง” ประจำทศิ ตะวนั ออกหรือวังแห่งบูรพาทศิ
เม่ือพุทธศักราช ๒๔๑๙ (เมื่อแรกออกวังเสด็จประทับ หนังสือพระประวัติสมเด็จพระราชปิตุลา บรมพงศาภิมุข
ณ พระราชวังสราญรมย์ เป็นการชั่วคราว) เจา้ ฟา้ ภาณรุ งั ษสี วา่ งวงศ์ กรมพระยาภาณุพนั ธวุ งศ์วรเดช ระบุว่า
ในหนังสือตำนานวังเก่าของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ วงั บรู พาภริ มยไ์ ดร้ บั การออกแบบและกอ่ สรา้ งโดยนายจโิ ออาคโิ น
กรมพระยาดำรงราชานภุ าพ ระบวุ า่ ในอดตี พน้ื ทด่ี า้ นทศิ ตะวนั ออก แกรซ ี (Gioachino Grassi) สถาปนิกชาวออสเตรีย ในนาม
ของพระนครแห่งน้ีเป็นท่ีตั้งของป้อมมหาไชยและวังถนน บรษิ ทั รับเหมาก่อสรา้ ง Grassi Brothers & Co. เมื่อพทุ ธศักราช
มหาไชยของเจ้านาย ๔ พระองค ์ ได้แก ่ วังพระเจ้าบรมวงศ์เธอ ๒๔๑๙ โดยมีพิธีวางศิลาฤกษ์เมื่อวันอาทิตย ์ เดือน ๔ แรม
กรมหมื่นนรินทรเทพ วังพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นนเรนทร ๑๐ ค่ำ ปีกุน จุลศักราช ๑๒๓๗ (ตรงกับวันที่ ๑๙ มีนาคม
บริรักษ์ วังพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหม่ืนภูบาลบริรักษ์ พุทธศักราช ๒๔๑๙) นับเป็นการวางศิลาฤกษ์แบบตะวันตก
และวังสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเดชาดิศร ครัง้ แรกในสยาม วังบรู พาภิรมย์ใชเ้ วลากอ่ สรา้ งยาวนานถึง ๕ ปี
(พระองค์เจ้ามั่ง ต้นราชสกุล เดชาติวงศ์) ทั้งหมดล้วนเป็น จึงแล้วเสร็จและมีพิธีขึ้นตำหนักใหม ่ เมื่อวันที่ ๑๖ พฤษภาคม
พระบรมวงศ์ช้ันผู้ใหญ่ท่ีได้รับมอบหมายให้มาประทับเป็น พทุ ธศกั ราช ๒๔๒๔
ประธานอยรู่ ักษาพระนครด้านทศิ ตะวันออก ดว้ ยพื้นท่ีแหง่ นี้เป็น ด้วยที่ประทับของสมเด็จพระราชปิตุลา บรมพงศาภิมุข
ปากทางเข้าตำบลสำเพ็ง ยา่ นการค้าท่สี ำคญั ของพระนคร เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช
มีชอื่ วา่ “วงั บูรพาภิรมย”์ ผู้คนโดยทวั่ ไปจึงขานพระนามพระองค์
ปอ้ มมหาไชยตรงขา้ มวงั บรู พาภริ มย ์
(ภาพจากหอจดหมายเหตแุ หง่ ชาต ิ ไมท่ ราบปที ถ่ี า่ ย)

116

ว่า “สมเด็จวังบูรพาฯ” ตามช่ือวัง พระองค์มีพระจริยวัตร สมเดจ็ วงั บูรพาฯ ทรงฉายพระรปู ร่วมกับพระโอรสและพระธดิ า
งดงามและมีน้ำพระทัยเมตตาต่อบุคคลท่ัวไปจึงเป็นท่ีเคารพรัก (ภาพจากหอจดหมายเหตุแหง่ ชาติ ไมท่ ราบปที ถี่ า่ ย)
ของพสกนกิ ร โดยเฉพาะชาวจนี ยา่ นสำเพง็ พากนั ยกยอ่ งเรยี กขาน
พระนามพระองคว์ า่ “ซาวงั ต”ี่ หมายถงึ พระเจา้ แผน่ ดนิ องคท์ ่ี ๓

สมเด็จพระราชปิตุลา บรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษี
สวา่ งวงศ ์ กรมพระยาภาณพุ นั ธวุ งศว์ รเดชประทบั ณ วงั บรู พาภริ มย ์
เร่ือยมาจนเสด็จทิวงคตเมื่อพุทธศักราช ๒๔๗๑ (ได้รับพระบรม
ราชานุญาตให้ใช้เสด็จทิวงคตจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้า
เจ้าอยู่หัว รัชกาลท ่ี ๗) ทรัพย์สินส่วนพระองค์บางส่วนถูกส่งคืน
เข้าสู่พระคลังมหาสมบัติและบางส่วนแบ่งเป็นมรดกในหมู่
ทายาท สว่ นขา้ ราชบรพิ ารในพระองคต์ า่ งแยกยา้ ยกระจัดกระจาย
กนั กลับไปถิ่นทอี่ ยู่ของตน

ภาพถ่ายทางอากาศแสดงท่ตี ง้ั วังบรู พาภิรมย์ เมอ่ื พทุ ธศักราช ๒๔๘๙ โดยปเี ตอร์ วิลเลียมส์ ฮนั ท ์ (Peter Williams Hunt) นกั บนิ ฝา่ ยสมั พันธมิตร
(ภาพจากหอจดหมายเหตแุ ห่งชาติ พทุ ธศกั ราช ๒๔๘๙)

117

กอ่ เกดิ ตำนาน “โก๋หลังวัง” เมื่อกว่า ๕๐ ป ี มาแล้ว ย่านวังบูรพาฯ เป็นย่านการค้า
ที่เฟื่องฟูแห่งหนึ่งของพระนคร เม่ือรวมกับย่านพาหุรัดซึ่งเป็น
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒ พ้ืนท่ีบางส่วนของวังบูรพา แหล่งขายผ้า ตลาดมิ่งเมือง (ปัจจุบันคือ ศูนย์การค้าดิโอลด์
ภริ มยถ์ ูกเชา่ เปน็ “โรงเรียนภานุทัต” ซ่ึงมชี อ่ื เสียงในดา้ นงานช่าง สยามพลาซ่า) แหล่งชุมนุมช่างตัดเย็บเสื้อผ้า เพ่ือรองรับลูกค้า
ฝีมือของสตรีอยู่ระยะหน่ึง ภายหลังสงครามสงบ โรงเรียน ท่ีมาซ้ือผ้าท่ีตลาดสำเพ็ง - พาหุรัด และโรงภาพยนตร์ศาลา
พาณิชยการพระนครของนายประยูร ภมรมนตร ี ขอเช่าตำหนัก เฉลิมกรุง ย่านน้ีจึงเจริญรุ่งเรืองมาก เป็นแหล่งรวมของ
เพื่อใชเ้ ป็นอาคารเรียน ร้านหนังสือ ร้านขายเส้ือผ้าเครื่องนุ่งห่ม ตลอดจนร้านอาหาร
ต่อมา ราวพุทธศักราช ๒๔๙๔ - ๒๔๙๕ ทายาทแห่ง ภตั ตาคาร และมีโรงภาพยนตรถ์ ึง ๓ โรง ต้ังอยู่ใกล้ๆ กัน จึงเปน็
ราชสกุลภาณุพันธ์ุได้ขายวังบูรพาภิรมย์ให้แก่นักธุรกิจช่ือดัง ที่ชมุ นมุ ของเหล่าวยั รุ่นของพระนครในยคุ น้นั
ในสมยั นนั้ คอื นายโอสถ โกศนิ ในราคาถงึ ๑๒,๐๒๐,๐๐๐ บาท
วังบูรพาภิรมย์ท่ีเคยโอ่อ่าและสง่างามถูกรื้อออก คงเหลือ “จิตใจเปน็ เอลวิส ความคิดเปน็ เจมส์ ดนี ”
แต่เพียงสิงโตโลหะคู่หน่ึงท่ีหม่อมมณี ภาณุพันธ์ุ (คุณหญิงมณ ี
สิริวรสาร ผู้เขียนหนังสือชีวิตเหมือนฝัน) ได้ซ้ือไว้และมอบให้ (วลีอมตะของวยั รนุ่ ไทยยคุ “โกห๋ ลงั วงั ”)
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร (ภายหลังถูกย้ายมาไว้
ณ กองบัญชาการกองทัพบก จนถึงปัจจบุ ัน)
หลังการขายวังบูรพาภิรมย์ ตำหนักต่างๆ ท่ีเคยงดงาม
ถูกร้ือถอนลง พื้นท่ีเดิมของวังบูรพาภิรมย์กลายเป็นศูนย์การค้า
แห่งแรกของประเทศไทย เป็นท่ีตั้งของโรงภาพยนตร ์ ๓ โรง คือ
โรงภาพยนตร์คิงส ์ โรงภาพยนตร์ควีนส ์ และโรงภาพยนตร ์
แกรนด์ ทำพิธีเปดิ เมื่อวนั ที่ ๓๐ มกราคม พทุ ธศกั ราช ๒๔๙๗

แดง ไบเลย์
หนึ่งในวยั รุน่ ช่ือดงั ยุค
“โกห๋ ลังวงั ”

เอลวิส เพรสลยี ์ (Elvis Presley) และเจมส์ ไบรอน ดีน (James
Byron Dean) ผู้ทรงอิทธิพลดา้ นแฟชั่นของวัยรุ่นไทยยุค “โกห๋ ลงั วัง”

118

ย่านวังบรู พาฯ ราวพุทธศกั ราช ๒๕๐๗ (ภาพจากหอจดหมายเหตุแหง่ ชาต ิ พุทธศกั ราช ๒๕๐๗)

ย่านวังบรู พาฯ ในยคุ นัน้ คลาคลำ่ ไปดว้ ยวัยรุน่ ผู้นำแฟชน่ั เมอรี่คิงส์ ส่วนโรงภาพยนตร์ควีนส์ยืนหยัดมาได้ระยะหน่ึง
ตามกระแสความนยิ มของวฒั นธรรมตะวนั ตก โดยเฉพาะนกั รอ้ ง แต่ในท่ีสุดก็พ่ายแพ้ต่อความทันสมัยของโรงหนังยุคใหม ่
นกั แสดงชือ่ ดงั ของอเมริกาอยา่ งเอลวิส เพรสลยี ์ (Elvis Presley) ย่านสยามสแควร์ จึงเปล่ียนเป็นที่จอดรถ แม้แต่ห้างเซ็นทรัล
และเจมส ์ ไบรอน ดีน (James Byron Dean) ท่ีมีอิทธิพล สาขาวังบูรพา ซึ่งนับเป็นสาขาแรกของห้างเซ็นทรัล ในท่ีสุด
อยา่ งมากตอ่ แนวคดิ และการแตง่ กายของวยั รุ่นไทย จนเปน็ ทม่ี า กต็ อ้ งปิดตัวลงเชน่ กัน
ของคำวา่ “โกห๋ ลงั วงั ” ซง่ึ หมายถงึ วยั รนุ่ ยา่ นวงั บรู พาฯ ปัจจุบัน แม้ย่านวังบูรพาฯ จะไม่ได้คึกคักเป็นศูนย์กลาง
ของแฟช่ันและวัยรุ่นเช่นในอดีต หากแต่ยังคงเป็นย่านการค้า
จนพุทธศักราช ๒๕๐๘ เม่ือมีการก่อสร้างสยามสแควร ์ ที่สำคัญอีกแห่งหนง่ึ ของกรงุ เทพฯ
ย่านวังบูรพาฯ จึงเริ่มซบเซาลง ภายหลังมีการทุบโรงภาพยนตร์
คิงส์และแกรนด์ซ่ึงอยู่ติดกันเพ่ือสร้างเป็นห้างสรรพสินค้า

119

โอ่อ่า หรูหรา และนำสมยั บันทึกความทรงจำของกุมุท จันทร์เรือง บุตรชาย
พระพรหมปรีชา (กล่ิน จันทร์เรือง) คนดนตรีของวังบูรพาภิรมย์
วังบูรพาภิรมย์เป็นท่ีร่ำลือถึงความโอ่อ่า หรูหรา และ พรรณนาความย่ิงใหญ่ของวังบูรพาไว้ในหนังสือ My Boyhood
นำสมัย ด้วยเจ้านายผู้ครองวังทรงดำรงตำแหน่งสูงในราชการ in Siam ความตอนหนึ่งว่า “...วังบูรพาสร้างในที่ใหญโ่ ต ขนาด
วงั บรู พาภริ มยจ์ งึ กอ่ สรา้ งและตกแตง่ อยา่ งงดงามเพอ่ื เปน็ สถานที่ ๕ - ๖ คหู าเมอื ง มที หารยามสนี่ ายแตง่ เครอ่ื งแบบทหารเต็มยศ
รับรองพระราชอาคันตุกะจากต่างประเทศ รองลงมาจาก ยืนยามท่ีประตูหน้า ระวังตรงยืนนิ่งราวรูปปั้น เพ่อื ยืนยามระวงั
พระบรมมหาราชวัง ภัยจากผู้บุกรุก และแสดงถึงบารมีแห่งความเป็นผู้ย่ิงใหญ่ของ
ตำหนักใหญ่วังบูรพาภิรมย์มีลักษณะสถาปัตยกรรม สมเด็จวังบูรพาฯ หลังประตูเหล็กบานใหญ่ บุคคลข้างนอก
แบบนีโอคลาสิค (Neo - Classic) สูง ๒ ช้ัน เป็นรูปสี่เหลี่ยม สามารถมองเห็นศาลาใหญ่หนึ่งตั้งอยู่และมีกองดุริยางค์
มีหน้าจ่ัวตรงกลาง มีท้องพระโรงท่ีกว้างขวาง เคยใช้เป็นฟลอร์ ส่วนพระองค์คอยบรรเลงก่อนเวลาท่ีพระองค์เสด็จฯ พระราชวัง
ลีลาศ เป็นสถานที่จัดงานชุมนุมรถจักรยานซึ่งเป็นท่ีนิยมของ ส่วนพระองค์สร้างในสไตล์โรมัน มีเสาใหญ่โตมีขั้นบันไดทำด้วย
ชาวพระนครในสมัยน้ัน และเป็นสถานท่ีบรรเลงวงมโหรีปี่พาทย์ หินอ่อน พ้ืนปูด้วยกระเบื้องขาวดำสลับกัน ตรงหัวบันไดเป็นรูป
ในพิธีต้อนรับพระราชอาคันตุกะจากต่างประเทศ ซึ่งแม้แต ่ ปูนป้ันสิงโตสองตัวขนาดเท่าตัวจริง ไว้คอยต้อนรับผู้มาเยือน
นักปราชญ์เอกของโลกชาวอินเดียอย่างระพินทรนาถ ฐากูร
(Rabindranath Thฺakur) และจอมพลจอฟฟร ์ (Marshal
Joseph Jacques Césaire Joffre) แม่ทัพใหญ่ของฝร่ังเศส
ในสงครามโลกครั้งท่ ี ๑ ก็ได้เคยมาเย่ียมเยียนวังบูรพาภิรมย์
แหง่ น้ีแล้ว

ระพนิ ทรนาถ ฐากูร นักปราชญ ์
ชาวอนิ เดีย แขกผูม้ ีเกยี รต ิ
ซึ่งเคยมาเยอื นวงั บูรพาภิรมย์

ตำหนกั ใหญ่วงั บรู พาภริ มย์
(ภาพจากหอจดหมายเหตแุ ห่งชาติ
ไมท่ ราบปที ีถ่ ่าย)

120

ท้องพระโรงวงั บูรพาภิรมยเ์ มอื่ คร้ังประดษิ ฐานพระศพของสมเดจ็ พระราชปติ ลุ า บรมพงศาภมิ ขุ เจา้ ฟา้ ภาณรุ งั ษสี วา่ งวงศ ์ กรมพระยาภาณพุ นั ธวุ งศว์ รเดช
เมอ่ื พทุ ธศกั ราช ๒๔๗๑ (ภาพจากหอจดหมายเหตแุ หง่ ชาต ิ พทุ ธศกั ราช ๒๔๗๑)

ห้องโถงกลางขนาดใหญ่ประดับด้วยพรมเปอร์เซียหรูหราราคา คนรบั ใช้ มปี อ้ มยามสำหรบั ยามประจำการหลายแหง่ มสี วนผลไม้
แพง มีเฟอร์นิเจอร์จากยุโรป มีโคมไฟระย้าขนาดใหญ่มาก มีสวนดอกไม้ ต้นไม้ใหญ่ๆ เกิดขึ้นในทุกแห่ง มีรถเก๋ง
มีภาพวาดโดยฝีมือจิตรกรชาวยุโรป บริเวณทางเดินข้ึนบันได ส่วนพระองคส์ องคัน มเี รอื ยนต์ลำเลก็ ๆ อยหู่ ลายลำ...”
หินอ่อนสู่ชั้นสองของพระราชวังน้ันปูด้วยพรมสีแดงอันอ่อนนุ่ม แม้ปัจจุบัน วังบูรพาภิรมย์ถูกรื้อถอนเพ่ือใช้ประโยชน์
ภายในบริเวณวัง มีวังฤดูร้อนที่สร้างเป็นแบบบ้านญ่ีปุ่น มี ในดา้ นอน่ื แตต่ ำนานความยง่ิ ใหญแ่ ละความงามสงา่ ของสถานท่ี
สระว่ายน้ำ มีสนามเทนนิส มีโรงครัว มีเรือนเล็กมีเรือนของ แหง่ นย้ี งั คงเลา่ ขานเรอ่ื ยมา

121

สรรค์สรา้ งตำนานอัครศลิ ปนิ สมเด็จวงั บูรพาฯ (แถวน่งั กลาง) ทรงฉายพระรปู ร่วมกบั เจา้ นาย
ขา้ ราชบรพิ าร และจางวางศร (แถวยนื ที่ ๔ จากซา้ ย)
นอกจากจะเป็นที่กล่าวขานถึงความงดงามและความ
โอ่อ่าของสถานท่ีแล้ว วังบูรพาภิรมย์ยังได้รับยกย่องว่าเป็น ซง่ึ ไดร้ บั การสบื ทอดทางดนตรมี าจากทา่ นครมู แี ขก พระประดษิ ฐ
ศูนย์กลางในการสร้างสรรค์และสืบทอดศิลปะการดนตรีไทย ไพเราะ (ม ี ดรุ ยิ างกรู ) และครสู นิ ผเู้ ปน็ บดิ า มาประจำวงปพี่ าทย์
ที่สำคัญของพระนคร ทั้งยังเป็นจุดเริ่มต้นของหลวงประดิษฐ วังบูรพาภิรมย์ สมเด็จวังบูรพาฯ ได้ประทานตำแหน่งจางวาง
ไพเราะ ตำนานดุริยกว ี ๕ แผ่นดิน มหาศิลปินเอกแห่ง มหาดเล็กห้องพระบรรทมให้นายศร มีหน้าที่ตีระนาดถวาย
กรงุ รตั นโกสินทร ์ ในเวลากลางคืน ท้ังยังทรงหาครูดนตรีที่มีฝีมืออย่าง “ครูแปลก”
สมเด็จวังบูรพาฯ โปรดศิลปะการดนตรีไทยอย่างมาก หรือพระยาประสานดุริยศัพท์ (แปลก ประสานศัพท์) จากวง
มีวงป่ีพาทย์เคร่ืองมุกท่ีสวยงามเล่ืองช่ือ มักจะทรงเสาะแสวงหา สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ มาสอนดนตรี
นักดนตรีเก่งๆ มาประจำในวังมิได้ขาด ทรงอุปการะนักดนตร ี เพิ่มเติมให้จางวางศร จนมีฝีมือเช่ียวชาญเป็นที่เล่ืองลือไปท่ัวว่า
ผู้มีฝีมือเป็นมหาดเล็กประจำวังบูรพาภิรมย์หลายต่อหลายคน สมเด็จวังบรู พาฯ มีคนเก่งประจำวงั
หนึ่งในนั้น คือ หลวงประดิษฐไพเราะหรือนายศร ศิลปบรรเลง
อคั รศิลปิน ผสู้ ร้างคุณูปการใหญ่หลวงให้แก่วงการดนตรีไทย
จากหนังสือหลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง)
มหาดุริยกวีลุ่มเจ้าพระยาแห่งอุษาคเนย์ของอานันท ์ นาคคง
และอัษฎาวุธ สาคริก ระบุว่า เม่ือพุทธศักราช ๒๔๔๓ สมเด็จ
วังบูรพาฯ ทรงได้นายศร คนระนาดเอก จากบางช้าง อัมพวา

หลวงประดษิ ฐไพเราะเปน็ ผนู้ ำองั กะลงุ
เขา้ มาเผยแพรค่ รั้งแรกในสยาม

เม่ือครงั้ ตามเสด็จสมเดจ็ วังบรู พาฯ
ประพาสชวาเม่ือพุทธศกั ราช ๒๔๕๑

122

“ท่านคร”ู หลวงประดิษฐไพเราะ ผูเ้ ผยแพรศ่ ลิ ปะการดนตรไี ทยของ นำมาดัดแปลงสร้างเป็นละครและภาพยนตร์อันโด่งดัง ซ่ึงเป็น
วงั บรู พาภิรมยใ์ ห้เป็นที่ร้จู ักแพรห่ ลายในวงกวา้ ง สบื สานวัฒนธรรม แรงบันดาลใจให้เยาวชนและคนรุ่นใหม่ได้สืบสานวัฒนธรรม
การดนตรีไทยให้คงอยู่มาจนถงึ ปัจจุบนั อนั ดงี ามของชาติให้คงอยู่สืบไป
หลวงประดิษฐไพเราะเป็นกำลังสำคัญท่ีทำให้วังบูรพา
สมเด็จวังบูรพาฯ ทรงปรารถนาความเป็นหนึ่งในทาง ภริ มย ์ เปน็ สถาบนั การดนตรที ม่ี ชี อื่ เสยี ง มนี กั ดนตรเี ขา้ มาถวายตวั
ดนตรีไทยเช่นเดียวกับเจ้านายวังอื่นๆ ที่มีวงดนตรีปี่พาทย ์ เป็นมหาดเล็กและเป็นลูกวงของหลวงประดิษฐไพเราะมากมาย
ในพระอุปถัมภ ์ ซ่ึงเป็นท่ีนิยมอย่างแพร่หลายในสมัยนั้น หลายรุ่น จนสามารถส่งนักดนตรีจากวังบูรพาภิรมย ์ ไปสังกัด
โดยเฉพาะคนระนาดเอกที่ถือเป็นหัวใจของวงดนตรี ก่อให้เกิด หรือช่วยงานวงดนตรีที่วังอ่ืนได้อีกหลายวัง เช่น วังลดาวัลย ์ (วัง
การประชันขันแข่งของคนระนาดเอกจากวังต่างๆ โดยเฉพาะ แดง ปัจจุบันคือ ที่ตั้งของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหา
การประชันระนาดเอกเมื่อพุทธศักราช ๒๔๔๓ ระหว่าง กษัตริย์) ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ายุคลทิฆัมพร
“นายแช่ม” (ครูแช่ม สุนทรวาทิน ต่อมาได้เป็นพระยาเสนาะ กรมหลวงลพบุรรี าเมศวร ์ (พระองคเ์ จ้ายคุ ลทิฆัมพร ตน้ ราชสกลุ
ดุริยางค์) คนระนาดเอกแห่งกรมพิณพาทย์หลวง วังบ้านหม้อ ยุคล) และวงั สวนกุหลาบของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจา้ ฟ้า
ของเจา้ พระยาเทเวศรวงศว์ ิวัฒน ์ (หมอ่ มราชวงศ์หลาน กุญชร) อัษฎางค์เดชาวุธ กรมหลวงนครราชสีมา (สมเด็จเจ้าฟ้า
กับจางวางศร คนระนาดหนุ่มแห่งวังบูรพาฯ ผลของการประชัน อัษฎางคเ์ ดชาวธุ ) เปน็ ต้น
ในครั้งน้ันเป็นที่กล่าวขวัญกันมาอีกกว่า ๑๐๐ ป ี ไม่ว่าผู้แพ้หรือ นอกจากน้ี หลวงประดิษฐไพเราะยังได้รับพระมหา
ผู้ชนะต่างได้รับการยกย่องว่าเป็นครูดนตรีไทยท่ีมีฝีมือเป็นเอก กรุณาธิคุณให้เป็นพระอาจารย์ถวายการสอนดนตรีไทยแด่
แห่งยุค และเหตุการณ์การประชันระนาดเอกในครั้งนั้นยังได้ พระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั รัชกาลท่ี ๗ ท่านได้ถวาย
คำแนะนำในการประพันธ์บทเพลงพระราชนิพนธ์ท่ีมีช่ือเสียง
เช่น เพลงราตรีประดับดาว เพลงโหมโรงคล่ืนกระทบฝ่ัง เป็นต้น
จนได้รบั พระราชทานเหรยี ญดษุ ฎีมาลาและเข็มศลิ ปวิทยา
วังบูรพาภิรมย์สร้างคุณประโยชน์ให้แก่วงการดนตรีไทย
อย่างอเนกอนันต์ ดนตรีไทยของหลวงประดิษฐไพเราะได้รับ
การสืบทอดต่อมาอย่างแพร่หลาย นับเป็นคุณูปการสำคัญ
ท่ีวังบูรพาภิรมย์ได้มอบมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่านี้ให้แก่
คนกรุงเทพฯ และสังคมไทย

123

วงั กรมพระนราธปิ
ประพันธ์พงศ์

ตลอดสองฟากฝ่ังถนนแพร่งนราเป็นตึกแถวต้ังเรียงราย
ทอดยาวตลอดทั้งแพร่ง สร้างขึ้นตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จ
พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที ่ ๕ แม้ปัจจุบันจะมีสภาพท่ี
เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา แต่ก็นับได้ว่ายังคงความงดงาม
ชวนให้นึกถึงบรรยากาศเก่าๆ ของพระนครในอดีต โดยเฉพาะ
เมื่อเดินผ่านมาถึงอาคารสามชั้นตั้งอยู่เกือบสุดปลายถนนที่มี
ความสวยงามโดดเด่นด้วยลวดลายฉลุไม้โดยรอบ แต่จะมีสัก
ก่ีคนที่รู้ว่า ครั้งหนึ่งอาคารหลังน้ีเคยเป็นวังท่ีประทับของพระเจ้า
บรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ ์ เจ้านายผู้มีบทบาท
สำคญั ต่อการพัฒนาวงการละครไทย

124

125

พระเจา้ บรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธพ์ งศ ์ วังพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์
(ภาพจากหอจดหมายเหตแุ หง่ ชาต ิ ไมท่ ราบปีทถ่ี า่ ย) เมื่อแรกสร้างน้ันมีขนาดใหญ่โต อาณาเขตทอดยาวต้ังแต่ถนน
แพร่งนราไปจนสุดมุมถนนบูรณศาสตร์ ขุนวิจิตรมาตราหรือ
วังวรวรรณเมอื่ วันวาน “กาญจนาคพันธ์ุ” ซึ่งเคยพักอาศัยกับอาท่ีตึกแถวของกรมพระ
นราธปิ ฯ บรรยายถงึ ความใหญโ่ ต โออ่ า่ ของวงั พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ
วังพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ไว้ในหนังสือกรุงเทพฯ เม่ือวานน้ ี
หรือวังวรวรรณ ต้ังอยู่ด้านทิศเหนือของสะพานช้างข้างโรงสี ความตอนหน่ึงว่า “..เน้ือท่ีวังกรมพระนราธิปฯ ท่ีตัดเป็นถนน
สร้างข้ึนในสมัยรัชกาลท่ ี ๕ เพ่ือเป็นท่ีประทับของพระเจ้า แพร่งนรา มีตึกแถวสองฟากประมาณว่าเกือบครึ่งหนึ่งของเนอ้ื ที่
บรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ (พระองค์เจ้า ท้ังหมด ตัววังหรือตำหนักอยู่ราวครึ่งหน่ึงของถนนแพร่งนรา
วรวรรณากร ตน้ ราชสกลุ วรวรรณ) ต่อมาจนจรดถนนอัษฎางค์ ส่วนอีกคร่ึงท่ีอยู่หลังตึกแถวถนน
ตะนาวเป็นท่ีว่างโล่งโถง...ท่ีว่างน่ันเอง ต่อมาได้กลายเป็น
โรงละครสวยงามโรงใหญ่ที่ช่ือ “ละครปรีดาลัย” เป็นละครร้อง
ครัง้ แรกท่มี ีในประเทศไทย...”
อย่างไรก็ตาม ด้วยความสำคัญของพื้นที่วัง ท่ีตั้งอยู่ใน
บริเวณย่านสำคัญทางเศรษฐกิจในสมัยน้ัน ทำให้รัชกาลท่ี ๕
โปรดเกล้าฯ ให้ตัดถนนข้ึนหลายสาย พร้อมสร้างตึกแถวให้
ชาวตา่ งชาตแิ ละชาวจนี เชา่ เพอื่ รองรบั การขยายตวั ทางเศรษฐกจิ
ของพระนคร มีการตัดถนนสำคัญในบริเวณน้ีขึ้น ๓ สาย คือ
ถนนแพร่งภูธร ถนนแพร่งสรรพศาสตร์ และถนนแพร่งนรา
ซ่ึงเดิมเป็นท่ีต้ังของวังเจ้านาย ๓ วัง คือ วังกรมหมื่นภูธเรศ
ธำรงศักด์ ิ วังกรมหลวงสรรพสาตรศภุ กิจ และวงั กรมพระนราธปิ
ประพันธพ์ งศ ์
ถนนที่ตัดผ่านวังพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิป
ประพันธ์พงศ์เรียกว่า “ถนนแพร่งนรา” ซึ่งทำให้พ้ืนที่ของวัง
ถูกแบ่งออกจากกัน มีการสร้างตึกแถวและเรือนไม้ให้เช่า
สองข้างถนน เว้นไว้แต่ประตูทางเข้าวัง ผู้คนจึงเรียกวังแห่งนี ้
อีกช่ือหน่งึ ว่า “วังแพร่งนรา” และทบี่ ริเวณนยี้ งั เปน็ ทีต่ งั้ โรงละคร
ของกรมพระนราธปิ ฯ คือ “โรงละครปรดี าลัย” ซึง่ เป็นโรงมหรสพ
ทม่ี ชี ื่อเสียงของพระนครในยคุ น้ัน

126

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ ์ ปัจจบุ ัน วังพระเจา้ บรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพนั ธพ์ งศ์
เป็นเจ้านายท่ีทรงเจริญพระชันษาท่ามกลางการเปิดรับกระแส เป็นทตี่ งั้ ของ “สำนกั งานสมหมาย ตะละภัฏ ทนายความ”
วัฒนธรรมตะวันตก จึงทำให้ทรงเป็นเจ้านายไทยที่ทันสมัยและ
รขู้ นบธรรมเนียมวฒั นธรรมตะวนั ตกดพี ระองค์หนึ่ง กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์จึงตกอยู่ในความดูแลของ
เมื่อทรงย้ายมาประทับท่ีวังของพระองค์เองก็โปรดให้ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย ์ ต่อมา ขุนแพร่นคร
ชายาและหม่อม ตลอดจนพระโอรสและพระธิดาปรับเปลี่ยน นฤเบศร ์ (เหรียญ ตะละภัฏ ซ่ึงเป็นน้องชายของเจ้ากรม
ขนบประเพณีบางประการท่ีเคยถือปฏิบัติกันมา เพื่อให้ทัน หลี ตะละภัฏ เจ้ากรมของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดช
ต่อสถานการณ์บ้านเมืองท่ีกำลังเปล่ียนแปลงไป ให้สามารถ วิกรม พระบรมราชชนก) ได้ขอเช่าวังพระเจ้าบรมวงศ์เธอ
ปรบั ตัวและรเู้ ท่าทันสงิ่ ใหม่ๆ ที่หลั่งไหลเขา้ มาได้ ก ร ม พ ร ะ น ร า ธิ ป ป ร ะ พั น ธ์ พ ง ศ์ จ า ก ส ำ นั ก ง า น ท รั พ ย์ สิ น
วังพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ ส่วนพระมหากษัตริย์ เพ่ือจัดต้ังเป็นโรงเรียนตะละภัฏศึกษา
เป็นวังเจ้านายวังแรกๆ ในพระนครที่นำธรรมเนยี มแบบตะวนั ตก (ปัจจุบันโรงเรียนตะละภัฏศึกษาเลิกกิจการไปแล้ว) โดยแบ่ง
มาใช ้ โดยทรงเร่ิมจากการจัดหาข้าวของเครื่องใช้ภายในวัง เช่น เน้ือท่ีออกเป็น ๒ ส่วน ส่วนแรกยังคงลักษณะตึกเดิมของ
โต๊ะ เก้าอ ้ี ให้ชายาหรือหม่อมในพระองค์ได้ใช้แทนการนั่งพื้น โรงเรียน โดยสร้างเปน็ ช้นั ลอยโครงไมเ้ พ่มิ ต่อ มีบันไดเวยี นเหลก็
ตามธรรมเนียมเดิม นอกจากนี้ ในเร่ืองของการรับประทาน เชื่อมเป็นทางข้นึ ไปสู่หอ้ งชัน้ ลอย อีกสว่ นหนึ่งปรบั ใหเ้ ปน็ อาคาร
อาหาร ซ่ึงตามธรรมเนียมไทยโบราณน้ันจะต้องจัดสำรับให้ม ี สมัยใหม่ขนาดย่อม ใช้เป็น “สำนักงานสมหมาย ตะละภัฏ
กับและข้าวเฉพาะรับประทานเพียงผู้เดียวเท่าน้ัน โดยเฉพาะ ทนายความ” ของนายกลั ลวตั ร ตะละภฏั ประธานชมรมแพรง่ นรา
อยา่ งยงิ่ บรรดาเช้ือพระวงศ์ ดังเชน่ พระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ กรมพระ
นราธิปประพันธ์พงศ์จะเสวยอาหารเพียงลำพังพระองค์เดียว แม้หลายสิ่งในแพร่งนราจะสูญหายไปตามกาลเวลา
บนพื้นปูพรมทับผ้าสีขาวท่ีปูรองด้านล่างอีกชั้นหน่ึง และมี คงเหลือไว้แต่เพียงอาคาร ๓ ชั้นที่โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรม
บรรดาหมอ่ มนง่ั พับเพยี บอยู่ขา้ งๆ แบบเรือนขนมปังขิง ประดับลวดลายจากการฉลุไม ้ ซึ่งเป็น
ด้วยพระองค์ทรงเป็นเจ้านายท่ีทันสมัย จึงทรงเปลี่ยน ที่นิยมในสมัยรัชกาลท่ี ๕ แต่เร่ืองราวของวังแห่งนี้ไม่เคย
การเสวยอาหารมาเป็นการน่ังรับประทานพร้อมกันที่โต๊ะ และ เลือนหายไปจากความทรงจำของผู้คนตราบจนทุกวันน้ ี
ท่ีวังแห่งน้ีก็มีพ่อครัวที่มีฝีมือคอยปรุงอาหารแบบฝรั่งให้เสวย
เช่น เสวยซุปก่อนเสวยอาหารจานหลักหรืออาหารไทย และใน 127
การรับประทานนั้นก็จะใช้ช้อนตักกับข้าวใส่จานก่อนท่ีจะรับ
ประทานเป็นคำๆ ท้ังหมดเป็นธรรมเนียมแบบฝร่ังที่ทรงรับ
มาปรบั ใช้
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์
ประทับที่วังแห่งนี้จนสิ้นพระชนม์ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จ
พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ ี ๗ วังพระเจ้าบรมวงศ์เธอ

โรงละครปรีดาลยั วงั วรวรรณ ต้นกำเนดิ เป็นละครร้องอย่างไทย โดยใช้ตัวแสดงเป็นหญิงล้วน และเน้น
“สาวเครอื ฟ้า” และ “อนี ากพระโขนง” การดำเนินเรื่องด้วยการร้องและการเจรจาเป็นส่วนใหญ ่ ส่วน
ท่ารำมนี อ้ ยมาก มีแต่เพียงใช้มอื “กำกำแบแบ” และการโยกตวั
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ ์ ไปตามจังหวะเพลงเป็นท่าประกอบการแสดงเท่าน้ัน การแสดง
ทรงเป็นเจ้านายที่มีพระปรีชาสามารถในด้านการละคร ด้วยทรง จะแสดงบนเวท ี มีการเปล่ียนฉากตามท้องเรื่อง เนื้อเร่ือง
ได้รับการปลูกฝังศิลปะการละครจากเจ้าจอมมารดาเขียน ของละครที่ใช้แสดงจะเกี่ยวข้องกับความรัก โศกนาฏกรรม หรือ
พระมารดาของพระองคม์ าแต่คร้งั ยังทรงพระเยาว์ การผจญภัย ท่ีมีเน้ือเร่ืองร่วมสมัย สะท้อนสังคม การแต่งกาย
เจ้าจอมมารดาเขียนเคยเป็นนางรำในราชสำนัก และ เน้นความสมจริง และภาษาท่ีใช้ในการแสดงเป็นภาษาปัจจุบัน
มีช่ือเสียงมากในการแสดงเป็นตัวละครต่างๆ ท้ังสียะตราและ โดยเปิดการแสดง ณ โรงละครท่ีตั้งภายในบริเวณวังพระเจ้า
อิเหนากุเรปันจากเรื่องอิเหนา กระท่ังได้รับฉายาว่า “คุณเขียน บรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ซึ่งเป็นท่ีรู้จักในช่ือ
อิเหนา” เม่ือพระองค์เจ้าวรวรรณากรประสูต ิ พระบาทสมเด็จ “โรงละครปรดี าลยั ”
พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบรมชนกนาถมีพระราชดำรัสว่า โรงละครปรีดาลัยเป็นโรงละครท่ีใหญ่และทันสมัยท่ีสุด
“เปน็ ลกู อเิ หนา” ครน้ั เมอ่ื ยา้ ยมาพำนกั ณ วงั พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ ในยุคน้ัน สามารถจุผู้ชมได้ถึง ๑,๐๐๐ คน ตัวโรงละครสร้าง
กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ ์ เจ้าจอมมารดาเขียนก็ได้เป็นครู อย่างโรงละครร้องแบบตะวันตก กล่าวคือ มีการแบ่งท่ีน่ังเป็น
ฝึกหัดและคิดประดิษฐ์ท่ารำให้แก่คณะละคร ซึ่งเป็นรากฐานที่ ส่วนๆ ตรงกลางป็นท่ีนั่งของเหล่าผู้มีบรรดาศักด์ิ ถัดมาด้านข้าง
ทำให้ในเวลาต่อมา วังน้ีจึงกลายเป็นแหล่งสร้างสรรค์ศิลปะ เป็นท่ีสำหรับผู้ติดตามและบุคคลท่ัวไปท่ีซื้อบัตรเข้าชม มีบาร์
การละครแนวใหม่ท่ีผสมผสานศิลปะตะวันตกเข้ากับศิลปะ ขายเครื่องดื่มและของว่าง ละครร้องจะจัดแสดงเฉพาะวันเสาร์
การละครไทย จนเป็นละครท่ีมีเอกลักษณ์ ซึ่งเป็นท่ีรู้จักกันอย่าง และวันอาทิตย ์ ในการแสดงแต่ละครั้งกล่าวกันว่า สามารถเก็บ
แพร่หลายในชื่อ “ละครปรดี าลยั ” ค่าเข้าชมได้ถึงคร้ังละ ๒,๐๐๐ - ๒,๔๐๐ บาท ซึ่งนับว่าเป็น
ในหนังสือสาส์นสมเด็จ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ รายได้จำนวนมากในสมัยน้นั
กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงสันนิษฐานว่า ละครปรีดาลัย ละครรอ้ งทพ่ี ระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระนราธปิ ประพนั ธพ์ งศ ์
ท่ีพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ทรงคิด ทรงนำมาดัดแปลงและมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันมาจนถึงทุกวันน้ ี
ขน้ึ นน้ั ไดแ้ บบอยา่ งมาจากการแสดงละครของชาวมลายทู เี่ รยี กวา่ ม ี ๒ เร่ือง คือ “สาวเครือฟ้า” เป็นโศกนาฏกรรมความรักของ
“ละครบังสาวัน” หรือในภาษาอังกฤษเรียกว่า “Malay Opera” สาวชาวเหนือนาม “เครือฟ้า” โดยทรงดัดแปลงเนื้อเร่ืองมาจาก
ซ่ึงเคยเล่นถวายรัชกาลที่ ๕ เม่ือคร้ังเสด็จประพาสเมืองไทรบุร ี มาดามบัตเตอร์ฟลายของพุชชินี (Puccini) นักประพันธ ์
(รัฐเกดะห ์ ประเทศมาเลเซียในปัจจุบัน) ต่อมา เม่ือคณะละคร ชาวอิตาเลียนท่ีรัชกาลท ี่ ๕ ทรงเล่าให้ฟังเม่ือครั้งเสด็จนิวัต
บังสาวันมาแสดงในกรุงเทพฯ ที่โรงละครข้างวังบูรพาฯ พระเจ้า จากการเสด็จประพาสยุโรปคร้ังท่ี ๒ เมื่อพุทธศักราช ๒๔๕๐
บรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์จึงทรงนำมาดัดแปลง

128

และอีกเร่ืองหนึ่งคือ “อีนากพระโขนง” เร่ืองราวความรักของผ ี บทละครเรอื่ งสาวเครือฟา้ มตี ้นกำเนิดมาจากละครปรดี าลัย
อีนากกับสามีช่ือมาก ละครร้องทั้ง ๒ เรื่องนี้เม่ือจัดแสดงครั้งใด ในวงั พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธพ์ งศ์
ต้องมีคนดูจนแน่นโรง นับว่าเป็นผลงานอมตะและเป็นที่รู้จัก
อย่างแพร่หลาย มาจนกระทัง่ ทกุ วนั น้ี 129

รัชกาลที ่ ๕ โปรดละครที่แสดง ณ โรงละครปรดี าลยั โดย
เสด็จพระราชดำเนินมาทอดพระเนตรละครเป็นการส่วนพระองค์
หลายคร้ัง และยังโปรดเกล้าฯ ให้คณะละครของพระเจ้าบรม
วงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ ์ มาแสดงต้อนรับพระราช
อาคนั ตกุ ะจากต่างประเทศ ณ พระราชวงั ดสุ ติ อย่เู สมอ
ละครปรีดาลัยนับเป็นสัญลักษณ์ของความทันสมัยและ
ความเจริญก้าวหน้าแห่งวงการละครของสยามในยุคน้ัน เพิ่ม
สีสันและความมีชีวิตชีวาให้กับชุมชนเมืองในย่านสามแพร่ง
และยังเป็นสถานบันเทิงช่ือดัง ซ่ึงเป็นท่ีนิยมชมชอบของเหล่า
ชนช้ันสูงในยุคต้นรัตนโกสินทร ์ ดังที่หม่อมเจ้าฤดีวรวรรณ
วรวรรณ พระธิดาในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิป
ประพันธ์พงศ์ กล่าวไว้ในหนังสือ “บันทึกท่านหญิง” ว่า
“...ในกรุงสยามโรงละครเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของชีวิต
ชาววัง...”

“...คราวน้ีวา่ ด้วยเรือ่ งคล่ัง ชาววงั กำลังคลัง่ ละคร
กรมนราฯ ทกุ รูปทกุ นามต้งั แตต่ วั นายลงไปถงึ ขข้ี ้า

แตก่ อ่ นโรงกรมนราฯ ไดเ้ คยไป คนไมเ่ กนิ ๕๐๐
ตง้ั แตม่ าเลน่ ในวงั แลว้ คราวนี้ เล่นวันใด

ทน่ี ัง่ ไม่พอเสมอ แต่เพียงเรื่องทม่ี าเลน่ ในวงั
แลว้ ไปเล่นขา้ งนอก ได้ส่วนเงนิ ขา้ งนอก

ถงึ หมนื่ บาทกวา่ กรมนราฯ รอ้ งวา่ เดชะบารม.ี ..”

(พระราชหตั ถเลขาของพระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจ้าอย่หู ัว
ถงึ พระราชชายา เจ้าดารารศั ม ี

ลงวนั ท่ี ๒ กรกฎาคม รตั นโกสินทรศ์ ก ๑๒๘)

วังบางขุนพรหม

วงั บางขนุ พรหม ทปี่ ระทบั ของสมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ
เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ์ ุ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต เป็นหมู่ตึก
ขนาดใหญ่ท่ีสร้างขึ้นด้วยศิลปะแบบยุโรปที่สวยงามแปลกตา
จนได้รับการยกย่องวา่ เปน็ “เรเนซองส์แห่งกรงุ รตั นโกสนิ ทร”์
ในอดีตสถานท่ีแห่งน้ียังเคยเป็นแหล่งฝึกหัดสตรีท่ีสำคัญ
ท้ังด้านวิชาความรู้สามัญ กิริยามารยาท และงานบ้านงานเรือน
จนไดร้ บั การยกย่องวา่ เป็น “บางขุนพรหมยูนิเวอร์ซติ ”ี้
ล่วงถึงปัจจุบัน วังบางขุนพรหมยังคงคุณค่าอย่างไม่
เสอ่ื มคลาย โดยเปน็ ทตี่ งั้ ของพพิ ธิ ภณั ฑธ์ นาคารแหง่ ประเทศไทย

130

131

จอมพล สมเด็จฯ
เจ้าฟา้ บริพตั รสุขมุ พนั ธ์ ุ
กรมพระนครสวรรคว์ รพินิต
ผูส้ ำเร็จราชการรกั ษาพระนคร
และประธานอภริ ฐั มนตรสี ภา
ในสมยั รัชกาลที ่ ๗

ตำหนกั ใหญ่วังบางขนุ พรหมเมื่อแรกสรา้ งในพทุ ธศักราช ๒๔๔๙
(ภาพจากหอจดหมายเหตแุ หง่ ชาติ พุทธศักราช ๒๔๔๙)

ร้อยปีแห่งความทรงจำ หนังสือย่านเก่ากรุงเทพฯ ของปราณ ี กล่ำส้ม ระบุว่า
ชื่อบางขุนพรหมนั้น สันนิษฐานว่า คงได้มาจากชื่อเจ้าของที่ดิน
วงั บางขนุ พรหมหรอื วงั สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ เจา้ ฟา้ ผืนใหญ่ในตำบลน้ี คือ ขุนพรหม (สารท) น้องชายหลวงวิสูตร
บริพัตรสุขุมพันธ์ ุ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต (ต้นราชสกุล โยธามาตย์ (ตรุษ) นายช่างใหญ่ในสมัยรัชกาลท ่ี ๑ โดยมีเรื่อง
บริพัตร) ตั้งอยู่ริมถนนสามเสน ช่ือวังต้ังตามช่ือตำบล คือ เล่าว่า ในพุทธศักราช ๒๓๒๙ รัชกาลที ่ ๑ โปรดเกล้าฯ ให ้
บางขนุ พรหม ซึ่งเปน็ ยา่ นเก่าแกอ่ กี แหง่ หนงึ่ ของพระนคร พระราชสงคราม (เป๋า) จางวางกรมทหารในพระราชวังหลวง
ในอดีต ที่ต้ังวังบางขุนพรหมเป็นที่อยู่อาศัยของชุมชน เป็นแม่กองก่อสรา้ งพระมณฑปพระพทุ ธบาทท่ีแขวงเมืองสระบรุ ี
ชาวลาวเวยี งจนั ทนท์ อ่ี พยพเขา้ มาพงึ่ พระบรมโพธสิ มภาร เมอ่ื แรก พร้อมกับโปรดเกล้าฯ ให้หลวงวิสูตรโยธามาตย ์ (ตรุษ) และ
สถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานี พระบาทสมเด็จพระพุทธ น้องชาย คือ ขุนพรหม (สารท) เป็นนายช่างบูรณปฏิสังขรณ ์
ยอดฟา้ จฬุ าโลกมหาราช รชั กาลท ่ี ๑ โปรดเกลา้ ฯ ใหต้ ง้ั บา้ นเรอื น พระมณฑป แต่ขุนพรหม (สารท) ถึงแก่กรรมเสียก่อนด้วยพิษ
อยู่บรเิ วณตำบลไร่พรกิ ซง่ึ เปน็ สวนผักของชาวจนี ตอ่ มา จึงเรียก ไข้ป่ากอ่ นงานสร้างพระมณฑปแล้วเสร็จ
พน้ื ท่ีบริเวณนว้ี า่ “บ้านลาว”

132

บริเวณยา่ นบางขุนพรหม แสดงตำแหนง่ วังบางขุนพรหมด้านขวาบนของภาพ เม่อื พทุ ธศกั ราช ๒๔๘๙
โดยปีเตอร์ วิลเลยี มส ์ ฮนั ท ์ (Peter Williams Hunt) นกั บินฝา่ ยสมั พันธมิตร (ภาพจากหอจดหมายเหตแุ หง่ ชาต ิ พุทธศกั ราช ๒๔๘๙)

๒ ปีต่อมา เมื่อการก่อสร้างพระมณฑปแล้วเสร็จ สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ ี ๕ โปรดเกล้าฯ ให้
หลวงวิสูตรโยธามาตย ์ (ตรุษ) มีดำริท่ีจะทำบุญเพื่ออุทิศกุศล พระคลังข้างที่ซ้ือที่ดิน ณ ตำบลบางขุนพรหมใกล้วัดสารพัดช่าง
และเป็นอนุสรณ์ให้แก่ขุนพรหม (สารท) น้องชายที่ล่วงลับ ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝ่ังตะวันออก จนจรดถนนสามเสน และ
จงึ ยกบา้ นและทด่ี นิ ทง้ั หมดของขนุ พรหมทเี่ รยี กกนั วา่ “บา้ นลาน” พระราชทานเป็นกรรมสิทธิ์แก่สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้า
ซึ่งอยู่เหนือปากคลองบางลำพู ถวายเพ่ือสร้างพระอาราม บรพิ ตั รสขุ มุ พนั ธฯ์ุ ซง่ึ ขณะนนั้ กำลงั ศกึ ษาอย ู่ ณ ประเทศเยอรมน ี
เรียกกันโดยทั่วไปว่า “วัดบางขุนพรหม” (ปัจจุบันคือวัด ต่อมา ทรงซ้ือท่ีดินเพิ่มเติมอีก ๑ แปลง และโปรดเกล้าฯ ให้
สามพระยา) ตามช่ือเจ้าของที่ดิน นับแต่นั้นตำบลบ้านลาน พระสถิตนิมานการ (หม่อมราชวงศ์ชิต อิศรศักด ์ิ ภายหลังเป็น
จงึ เปลี่ยนช่ือเป็น “ตำบลบางขุนพรหม” ตามชอื่ วดั ท่สี ร้างขึน้ ใหม่ พระยาประดิษฐ์อมรพิมาน) เจ้ากรมโยธาธิการ เป็นผู้รับผิดชอบ
และเม่ือมีการสร้างวังขึ้นในบริเวณน ี้ จึงเรียกชื่อวังตามตำบล ดำเนินการก่อสร้างตำหนัก แต่มีเหตุขัดข้อง ด้วยท่ีดินผืนน้ีมี
ท่ีตงั้ ด้วย วัดสารพัดช่างต้ังอยู่ใกล้เคียง จึงจำเป็นต้องมีการร้ือถอน
ความตอนหนึ่งจากหนังสือวังบางขุนพรหม เรเนซองส ์ สิ่งก่อสร้างบางส่วนของวัดออก การดำเนินงานก่อสร้างวังจึงยัง
แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ระบุว่า เม่ือพุทธศักราช ๒๔๓๙ พระบาท คง่ั ค้างอยู่ไมแ่ ลว้ เสรจ็

133

ตำหนักใหญ่วงั บางขนุ พรหมเม่อื แรกสรา้ งในพทุ ธศักราช ๒๔๔๙ (ภาพจากหอจดหมายเหตุแห่งชาต ิ พทุ ธศกั ราช ๒๔๔๙)

ในห้วงเวลาท่ีสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าบริพัตร ให้พระสถิตนิมานการเป็นผู้ควบคุมการก่อสร้างเรือนติดลูกไม ้
สุขุมพันธ์ุฯ เสด็จไปทรงศึกษาต่อยังต่างประเทศ รัชกาลท ่ี ๕ ๓ ชน้ั ซง่ึ เปน็ ทนี่ ยิ มมากในสมยั นน้ั ทเี่ รยี กวา่ เรอื นแบบขนมปงั ขงิ
ทรงกำหนดการกอ่ สรา้ งวงั ในรปู แบบสถาปตั ยกรรมแบบเรเนซองส์ (Ginger Bread) เพื่อเป็นท่ีประทับของสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ
(Renaissance) แบบบาโรก (Baroque) แบบโรโคโค (Rococo) เป็นการช่ัวคราวในยามทเ่ี สดจ็ นิวตั ปิ ระเทศสยาม
ผสมผสานกับศิลปกรรมแบบอาร์ตนูโว (Art Nouveau) ซ่ึงเป็น
ท่นี ยิ มในยโุ รปขณะน้ัน “...การทีจ่ ะทำบ้านนี้ ถ้าลูกจะปฤกษากับพระยา
สรุ ยิ าคิดเขียนอย่างทีส่ ง่ มาให้จะดีมาก...แม่คดิ วา่
พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้นายช่างชาวอิตาเลียนช่ือนาย
มารโิ อ ตามาญโญ (Mario Tamayno) เป็นผู้ออกแบบ กำหนด จะหาช่างผูช้ ำนาญการกอ่ สรา้ งบ้านเรือน
รายละเอียดการตกแต่ง รวมถึงรายการเคร่ืองใช้เคร่ืองเรือน ให้เขาคิดเขียนอยา่ งใหถ้ ูกตอ้ งกบั ภูมิพน้ื ท่ี
ท่ีจำเป็น แล้วส่งไปให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าบริพัตร ซึ่งควรจะทำอยา่ งไรสง่ ไปใหด้ เู สยี กอ่ น...”
สขุ มุ พนั ธุ์ฯ ทรงตรวจแก ้ ณ ตา่ งประเทศ อยา่ งไรก็ตาม ดว้ ยยังมี
ปัญหาเร่ืองทด่ี นิ ของวดั สารพดั ชา่ งอย ู่ รชั กาลท ี่ ๕ จึงโปรดเกล้าฯ (พระราชหัตถเลขาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจา้ อยหู่ ัว
และลายพระหตั ถ์สมเด็จพระปิตุจฉาเจ้าสขุ ุมาลมารศรี พระอคั รราชเทวี)

134

นายมาริโอ ตามาญโญ นายช่างชาวอติ าเลียน เมือ่ รชั กาลที ่ ๕ เสด็จสวรรคต พระนางเจา้ สุขมุ าลมารศรี
ผู้ออกแบบการกอ่ สรา้ งตำหนักใหญ่ วังบางขนุ พรหม พระอัครราชเทวีได้เสด็จมาประทับ ณ วังบางขุนพรหม ร่วมกับ
พระราชโอรสและสมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ เจา้ ฟา้ สทุ ธาทพิ ยรตั น์
เม่ือสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ์ุฯ สุขุมขัตติยกัลยาวดี กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร์ พระราชธิดา
เสด็จนิวัตพระนครในเดือนพฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๔๖ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ์ุฯ จึงมีรับสั่งให้
ได้เสด็จไปประทับ ณ ตำหนักไม้ท่ีสร้างเสร็จ ภายหลังเมื่อ สร้างตำหนักเป็นท่ีประทับของพระมารดาอีกหลังหน่ึงทาง
ทรงเสกสมรสกับหม่อมเจ้าประสงค์สม ไชยันต ์ ในวันที่ ๑๗ ดา้ นหลงั ของตำหนักใหญ่ ม ี ๒ ช้ันเช่อื มถงึ กัน เรยี กวา่ “ตำหนกั
สิงหาคม พุทธศักราช ๒๔๔๖ ก็ยังคงประทับท่ีตำหนักไม้หรือ สมเด็จ” ออกแบบและก่อสร้างโดยนายคาร์ล ดอห์ริ่ง (Karl
“ตำหนักหอ” กบั พระชายาเรื่อยมา Döhring) วศิ วกรชาวเยอรมนีประจำกรมรถไฟ
ล่วงถึงพุทธศักราช ๒๔๔๙ มีการแก้ไขปัญหาเร่ืองท่ีดิน การเปลี่ยนแปลงการปกครองในเช้าตรู่ของวันท ่ี
กับวัดสารพัดช่างจนสำเร็จลุล่วง และการก่อสร้างตำหนักใหญ่ ๒๔ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๔๗๕ นำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลง
แล้วเสร็จ จึงเสด็จข้ึนประทับและมีพิธีขึ้นวังใหม ่ เม่ือวันท่ี ๒๘ ต่อวังบางขุนพรหมและสมเด็จฯ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์
ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๔๙ พร้อมพระชายา พระโอรส และ กรมพระนครสวรรค์วรพินิตและสมาชิกในราชสกุลบริพัตร
พระธิดา การน ้ี รัชกาลท ่ี ๕ มีพระมหากรุณาธิคุณเสด็จพระราช อย่างใหญ่หลวง วังบางขุนพรหมตกเป็นกรรมสิทธิ์ของรัฐบาล
ดำเนนิ มาทรงเปน็ ประธานในพิธี และสมเดจ็ ฯ เจา้ ฟา้ บรพิ ตั รสขุ มุ พนั ธ ์ุ กรมพระนครสวรรคว์ รพนิ ติ
ตอ่ มา ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ได้เสด็จล้ีภัยไปประทับ ณ ตำหนักจีประจัน เมืองบันดุง
รัชกาลท ่ี ๖ โปรดเกล้าฯ ให้ทำผาติกรรมย้ายวัดสารพัดช่าง เกาะชวา ประเทศอินโดนีเซีย จนกระท่ังส้ินพระชนม์เมื่อวันท่ี
ไปรวมกบั วดั สามพระยา สมเดจ็ พระเจา้ นอ้ งยาเธอ เจ้าฟ้าบรพิ ตั ร ๑๘ มกราคม พุทธศักราช ๒๔๘๙
สขุ มุ พนั ธฯุ์ จงึ ทรงสรา้ งถาวรวตั ถหุ ลายอยา่ งถวายวดั สามพระยา
เป็นอันมาก สมเดจ็ ฯ เจา้ ฟ้าบริพัตรสขุ ุมพนั ธุ ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต
(ท ่ี ๔ จากซ้าย) ขณะประทบั ณ พระตำหนักเมืองบนั ดุง
ประเทศอินโดนีเซีย พร้อมดว้ ยพระประยูรญาติ

135

อาคารสถานีโทรทศั นช์ ่อง ๔ บางขนุ พรหมกอ่ สร้างข้ึนในบรเิ วณซ่ึงเคยเปน็ ที่ตั้งของวดั สารพดั ช่าง (ภาพจากหอจดหมายเหตุแห่งชาต ิ ไม่ทราบปีทีถ่ ่าย)

ขณะท่ีสมเด็จฯ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ ์ุ กรมพระนคร พทุ ธศกั ราช ๒๔๙๑ รฐั บาลมดี ำรวิ า่ จะคนื วงั บางขนุ พรหม
สวรรค์วรพินิตเสด็จลี้ภัยทางการเมือง ณ ประเทศอินโดนีเชีย ให้แก่ทายาท และกำลังจะดำเนินการทางกฎหมาย แต่ด้วย
รัฐบาลคณะราษฎรได้มอบวังบางขุนพรหมเป็นกรรมสิทธิ์และ สาเหตุบางประการเรือ่ งจึงถูกระงบั ไป
โอนท่ีดินทั้งหมดมาอยู่ในความดูแลของกระทรวงกลาโหม พุทธศักราช ๒๔๙๗ สถานีโทรทัศน์ช่อง ๔ หรือ TTV
เมอื่ พุทธศักราช ๒๔๗๗ (Thai Television Channel 4) เป็นสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งแรก
ในชว่ งสงครามโลกครง้ั ท ่ี ๒ ระหว่างพทุ ธศกั ราช ๒๔๘๑ – ของประเทศ หรอื รูจ้ ักกนั โดยทั่วไปวา่ “ทวี ีชอ่ ง ๔ บางขุนพรหม”
๒๔๘๕ กระทรวงกลาโหมได้ใช้พื้นท่ีวังบางขุนพรหมเป็นที่ตั้ง ไดส้ รา้ งสถานขี นึ้ ณ พนื้ ทซ่ี ง่ึ เคยเปน็ พระอโุ บสถของวดั สารพดั ชา่ ง
ของกรมยุวชนทหารบก เมื่อกรมยุวชนทหารบกย้ายไปอยู่ที ่ และกนั้ อาณาเขตเปน็ สัดสว่ นแยกจากธนาคารแหง่ ประเทศไทย
วังนางเล้ิงในพุทธศักราช ๒๔๘๕ วังบางขุนพรหมจึงใช้เป็น ต่อมา พุทธศักราช ๒๕๐๒ นายป๋วย อึ้งภากรณ ์
ทที่ ำงานของสภาวัฒนธรรมแหง่ ชาตแิ ละพุทธสมาคม เสนอใหธ้ นาคารแหง่ ประเทศไทยเปน็ ผคู้ รอบครองกรรมสทิ ธท์ิ ดี่ นิ
ต่อมา พุทธศักราช ๒๔๘๘ ธนาคารแห่งประเทศไทย วงั บางขนุ พรหม เมอื่ คณะรฐั มนตรอี นมุ ตั ิ ธนาคารแหง่ ประเทศไทย
ท่ีเปิดดำเนินการมาตั้งแต่พุทธศักราช ๒๔๘๓ โดยใช้อาคาร จึงเสียค่ารื้อถอนให้กับสถานีโทรทัศน์และอาคารรับรองของ
ในเขตพระราชฐานชั้นนอกของพระบรมมหาราชวังเป็นท่ีทำการ ทหารจำนวนหนึ่ง วังบางขุนพรหมจึงตกเป็นกรรมสิทธิ์ของ
ไดย้ ้ายเข้าไปอยู่ ณ ที่ทำการใหมใ่ นบริเวณวงั บางขนุ พรหม ธนาคารแห่งประเทศไทยนบั แตน่ ั้นเปน็ ตน้ มา

136

ปัจจบุ ัน ตำหนกั ใหญว่ งั บางขนุ พรหมเปน็ ท่ีตั้งของพิพธิ ภณั ฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย

137

สถาปตั ยกรรมงามอยา่ งอารยะ กลุ่มห้องทางด้านทิศใต้จัดไว้เป็นห้องประโยชน์ใช้สอย
อนื่ ๆ เพื่อประกอบพธิ กี รรมทางศาสนา เช่น ห้องพระ หอ้ งสชี มพ ู
เม่ือย่างก้าวเข้าสู่วังบางขุนพรหมจะรู้สึกได้ถึงบรรยากาศ ซง่ึ เคยใชเ้ ปน็ สถานทรี่ บั เสดจ็ รชั กาลท ี่ ๕ ในงานพธิ ขี นึ้ ตำหนกั ใหม่
และกลิ่นอายของโลกตะวันตกท่ีเหมือนได้ก้าวเข้าสู่อาคารหรือ ใช้เป็นสถานที่รับเสด็จพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
สถานที่สำคัญในทวีปยุโรป ท่ีเป็นเช่นนี้เพราะวังบางขุนพรหม รชั กาลที่ ๗ ท่ีเสดจ็ พระราชดำเนนิ มาท่ีวงั นเี้ ปน็ การสว่ นพระองค์
เป็นวังที่สร้างข้ึนในรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบเรเนซองส์ ตำหนักสมเด็จเป็นท่ีประทับของสมเด็จพระปิตุจฉาเจ้า
(Renaissance) แบบบาโรก (Baroque) แบบโรโคโค (Rococo) สุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี เป็นอาคารสามชั้นก่ออิฐถือปูน
ผสมผสานกับศิลปกรรมแบบอาร์ตนูโว (Art Nouveau) ซึ่งเกิด มีทางเช่ือมกับตำหนักใหญ ่ ตำหนักสมเด็จสร้างขึ้นด้วยศิลปะ
จากความบันดาลใจของเจ้าของวังที่ได้ซึมซับบรรยากาศ แบบอาร์ตนโู ว (Art Nouveau) และอารต์ เดคโค (Art Deco) คือ
แห่งความเจริญรุ่งเรืองของมหานครในทวีปยุโรป เม่ือครั้ง ทำลายปูนป้ันภายนอกอาคารอย่างเรียบๆ แต่มีการประดับ
ทรงศึกษาเลา่ เรยี นในตา่ งประเทศ ตกแต่งไม้แกะสลักท่ีฝังลายไม้และกระจกสีอย่างวิจิตร ตำหนัก
ตำหนักใหญ่วังบางขุนพรหมหรือท่ีเรียกกันว่า ตำหนัก สมเดจ็ เป็นท่ีพกั ของบรรดาเจา้ นายฝ่ายในทเี่ ป็นสตรีทง้ั หมด
ทูลกระหม่อมนั้นเป็นท่ีประทับของสมเด็จฯ เจ้าฟ้าบริพัตร บนชั้นที ่ ๒ ของตำหนักสมเด็จเป็นห้องบรรทมของ
สุขุมพันธ์ ุ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน สมเด็จพระปิตจุ ฉาเจา้ สุขมุ าลมารศรี พระอคั รราชเทวี เปน็ หอ้ งท่ี
๒ ชั้น สร้างข้ึนด้วยศิลปะแบบเรเนซองส์ท่ีให้ความรู้สึกนุ่มนวล ตกแตง่ ด้วยการฝังลายไม้งดงามดว้ ยภาพววิ ทิวทศั น ์
อ่อนหวานเช่นเดียวกับพระราชวังและสถานท่ีสำคัญๆ ในยุโรป ภายหลังการเปล่ียนแปลงการปกครองในพุทธศักราช
นอกจากใช้เป็นที่ประทับแล้ว ยังใช้เป็นสถานท่ ี รับแขกบ้าน ๒๔๗๕ ธนาคารแห่งประเทศไทยได้เข้ามาซ่อมแซมและ
แขกเมืองดว้ ย ทำนุบำรุงตัวตำหนักและเรือนต่างๆ ในวังแห่งน้ีมาโดยตลอด
ชน้ั ลา่ งมีหอ้ งรับแขก ๒ หอ้ ง ห้องเสวยขนาดใหญ่ ๒ ห้อง จนเม่ือพุทธศักราช ๒๕๓๑ จึงเร่ิมงานอนุรักษ์ตัวตำหนักและ
ห้องสมุดและห้องทรงพระอักษรอย่างละห้อง ส่วนช้ันบน บริเวณท้ังหมดไว ้ และเร่ิมปรับปรุงห้องต่างๆ เพื่อให้เป็น
กลุ่มห้องทางทิศเหนือเป็นบริเวณที่อยู่อาศัยทั้งหมด มีห้อง พพิ ธิ ภัณฑเ์ งนิ ตราของประเทศ
บรรทม ห้องแต่งพระองค์ ห้องบรรทมของพระเจ้าวรวงศ์เธอ
พระองค์เจ้าจุมภฏพงศ์บริพัตร กรมหม่ืนนครสวรรค์ศักดิพินิต
ห้องทรงดนตรี หอ้ งเสวยส่วนพระองค ์ เป็นตน้

138

๑ ๑. ตำหนกั ใหญ ่ วงั บางขนุ พรหม
๒. หอ้ งสมดุ ตำหนกั ใหญ่
๔ ๓. ตำหนกั สมเดจ็

๒ ๕ ๔. ภายในตำหนกั ใหญจ่ ดั แสดงนทิ รรศการเงนิ เหรยี ญสมยั ตา่ งๆ
๕. ห้องบรรทมของสมเด็จฯ เจ้าฟา้ สทุ ธาทพิ ยรตั น ์
๓ สขุ มุ ขัตตยิ กัลยาวดี กรมหลวงศรีรตั นโกสินทร์
ตำหนกั สมเดจ็ ปัจจบุ นั ใชเ้ ปน็ หอ้ งรบั แขก
ของผู้ว่าการธนาคารแหง่ ประเทศไทย
139

วงดนตรีป่ีพาทย ์ วังบางขุนพรหม (ภาพจากหอจดหมายเหตุแห่งชาติ ไม่ทราบปที ถ่ี า่ ย)

บางขนุ พรหมยูนเิ วอรซ์ ิตี้ ยังต่างประเทศ ทรงเปียโนได้คล่องแคล่ว อ่านโน้ต แยกเสียง
แต่งเพลง ตลอดจนกำกับวงดนตร ี ซึ่งนับเป็น คนไทยคนแรกท่ี
ตลอดระยะเวลากว่า ๒๙ ปี (พุทธศักราช ๒๔๔๖ - แต่งเพลงสากลและเป็นคนไทยคนแรกท่ีเรียนรู้และแต่งเพลง
๒๔๗๕) ท่ีสมเด็จฯ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ ์ุ กรมพระนครสวรรค์ โดยวิธีการเขียนเป็นโน้ตสากล โดยแยกเสียงประสานถูกต้อง
วรพินิต ประทับ ณ วังบางขุนพรหม ด้วยพระอุปนิสัยโปรด ตามหลกั สากลนิยม
การดนตรีและศิลปวัฒนธรรมด้านต่างๆ ทำให้วังบางขุนพรหม
เป็นแหลง่ สร้างสรรค์วัฒนธรรมและศิลปกรรมหลายแขนง เมื่อเสด็จนิวัตสยามและประทับ ณ วังบางขุนพรหม
สมเด็จฯ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ ์ กรมพระนครสวรรค์ ทรงดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารเรือ จึงทรงริเร่ิมก่อตั้ง
วรพินิตหรือทูลกระหม่อมบริพัตรฯ ทรงได้รับการยกย่องว่าเป็น กองแตรวงทหารเรือ ทรงใช้วังบางขุนพรหมเป็นสถานที่นิพนธ์
นกั ดนตรี นักแตง่ เพลง เปน็ ศลิ ปนิ เอกผหู้ นง่ึ ของกรุงรัตนโกสินทร์ บทเพลงแตรวงสำคัญไว้มากมาย เช่น เพลงวอลท์ซประชุมพล
โปรดดนตรีไทยมาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ในระหว่างทรงศึกษา เพลงมหาฤกษ์ เพลงมหาชัย ซ่ึงใช้บรรเลงในกาลอันเป็นมงคล

140

“...ถ้าพอ่ เลือกได้ พอ่ จะเรยี นดนตรีและภาษา
และจะทำงานดา้ นดนตรอี ยา่ งเดยี ว แตพ่ อ่ เลอื กไมไ่ ด้
เพราะพอ่ เกดิ มามยี ศตำแหนง่ ตอ้ งทำงานเพอื่ ชาต.ิ ..”

(ความตอนหนง่ึ ในพระดำรัสของสมเดจ็ ฯ เจา้ ฟ้าบรพิ ัตรสุขุมพันธุ์
กรมพระนครสวรรคว์ รพนิ ติ ประทานพระธดิ า
พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจา้ อนิ ทุรัตนา)

แม้สมเด็จฯ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ ์ กรมพระนครสวรรค์
วรพนิ ติ ทรงเปน็ นกั เรยี นนอก ทรงไดร้ บั การศกึ ษาจากตา่ งประเทศ
หากแต่มิทรงเคยหลงลืมความเป็นไทยและวัฒนธรรมไทย
ทรงใช้วังบางขุนพรหมเป็นสถานที่ธำรงรักษาและถ่ายทอด
ดนตรีไทย มรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของชาต ิ เม่ือเสด็จ
ประทับ ณ วังบางขุนพรหม ทรงใช้พระตำหนักหอ เป็นสถานที่
ทรงดนตรไี ทย และเมอื่ ทรงวา่ งจากพระภารกจิ จะทรงพระสำราญ
กับพิณพาทย์ไม้แขง็ และกลองอยู่เสมอ

ซอสามสายเคร่ืองดนตรีไทยทท่ี รงโปรดปราน

และเพลงพญาโศกท่ีใช้บรรเลงในงานอวมงคล บทเพลงเหล่านี้
ยงั คงใชบ้ รรเลงในโอกาสสำคญั ต่างๆ มาจนถงึ ปัจจบุ ัน
นอกจากเพลงสากลท่ีทรงนิพนธ์แล้ว ยังทรงนิพนธ ์
เพลงไทยไว้เป็นจำนวนมาก เช่น เพลงบรรเลงสำหรับวงมโหรี
ปี่พาทย์ ได้แก ่ เพลงแขกมอญบางขุนพรหมเถา เขมรชมจันทร ์
เพลงโหมโรง เป็นต้น พระปรีชาสามารถทางด้านดนตรีไทยน ้ี
ส่งผลให้วังบางขุนพรหมเป็นสถาบันดนตรีไทยท่ีมีชื่อเสียง
แหง่ หน่งึ ในพระนคร

แผน่ เสยี งดนตรีไทยวังบางขุนพรหม

141

สมเด็จฯ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ ์ุ กรมพระนครสวรรค์ ตำราเลี้ยงกลว้ ยไม้
วรพนิ ติ ทรงชำนาญซอสามสายมาก จนไดร้ ับ การยกย่องว่าทรง เล่มแรกของไทย
เป็นเอกในเคร่ืองดนตรีประเภทนี ้ ได้ทรงพัฒนาวงดนตรีไทย
วงพิณพาทย์วังบางขุนพรหมให้ใหญ่ข้ึน จากท่ีทรงมีมหาดเล็ก
ตีระนาด ตีฆ้องเพียง ๒ - ๓ คน ได้ทรงรับนักดนตรีผู้มีฝีมือ
จากท่ัวทุกสารทิศเข้ามาประจำวง อาทิ วงดนตรีตระกูล “พาทย
โกศล” กระท่ังวงั บางขนุ พรหมกลายเปน็ ศูนยก์ ลางการประชันวง
ป่ีพาทย์ การแสดงดนตรี และการเผยแพร่ดนตรีไทยท่ีสำคัญ
อกี แหง่ หนึง่ ในพระนคร

นอกจากจะเป็นสถาบันท่ีมีช่ือเสียงทางด้านดนตรีไทย
แล้ว วังบางขุนพรหมยังเป็นแหล่งกำเนิดของตำราเล้ียงกล้วยไม้
เล่มแรกของประเทศไทย สมเด็จฯ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ์ุ
กรมพระนครสวรรค์วรพินิตสนพระทัยในการเล้ียงกล้วยไม ้
ทรงรวบรวมตำราการเล้ียงกล้วยไม้ไว้เป็นจำนวนมากเพ่ือการ
ค้นคว้า มีพระอุตสาหะทรงนิพนธ์และทรงพิมพ์ตำราเล่น
กล้วยไม้ข้ึนเม่ือวันท ี่ ๑๗ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๔๕๙

เรอื นกลว้ ยไม้ วงั บางขนุ พรหม

142

สมเดจ็ พระปิตจุ ฉาเจ้า สขุ ุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี หนังสือตำราเล่นกล้วยไม้เล่มนี้เป็นหนังสือเกี่ยวกับกล้วยไม้
พรอ้ มดว้ ยพระกนษิ ฐา พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ ตลอดจนการปลูกโรงเรือนเลี้ยงกล้วยไม ้ การจัดแสง ความชื้น
กรมหลวงทพิ ยรตั นกริ ฏิ กุลิน ี (พระองคเ์ จา้ นภาพรประภา) วิธีเลี้ยง และการให้น้ำ ตลอดจนโรคพืชและวิธีการเลือกซ้ือ
และพระธิดา สมเด็จฯ เจา้ ฟ้าสทุ ธาทพิ ยรตั น์ เป็นต้น สร้างคุณประโยชน์แก่วงการเลี้ยงกล้วยไม้ของไทย
สขุ มุ ขัตติยกลั ยาวด ี กรมหลวงศรรี ตั นโกสนิ ทร ์ มาจนทุกวันน ้ี นับเป็นผู้ทรงวางรากฐานการเลี้ยงกล้วยไม้
ขัตตยิ นารีผูม้ บี ทบาทสำคัญในการถ่ายทอดวิชาความรใู้ หแ้ ก่ จนได้รบั การยกยอ่ งว่าทรงเป็น “พระบิดาแหง่ กล้วยไมไ้ ทย”
กุลสตรีชาวสยาม จนวงั บางขนุ พรหมไดร้ ับการยกยอ่ งว่าเปน็
“บางขนุ พรหมยูนิเวอรซ์ ิต”ี้ วังบางขุนพรหมยังเป็นสถานที่ฝึกหัดวิชาความรู้ให้แก ่
กุลสตรีจนเป็นที่มาของคำว่า “บางขุนพรหมยูนิเวอร์ซิต้ี” บันทึก
ความทรงจำของหม่อมเจ้ามารยาตรกัญญา ดิศกุล พระธิดา
ในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ
เล่าถึงความทรงจำเม่ือคร้ังประทับท่ีวังบางขุนพรหมว่า
วังบางขุนพรหมเป็นสถานท่ีศึกษาวิชาการความรู้ด้านต่างๆ
ภายในวังมีครูมาสอนดนตรีไทยเป็นประจำท่ีตำหนักสมเด็จของ
สมเด็จพระปิตุจฉาเจ้า สุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี
ด้วยโปรดฝึกหัดนางข้าหลวงมาแต่ครั้งยังประทับในพระบรม
มหาราชวงั จนได้รบั การยกยอ่ งว่าเปน็ “สำนกั พระนาง” ขา้ หลวง
สำนักน้ีเป็นที่ร่ำลือถึงกิตติศัพท์ความมีเสน่ห์ พูดเก่ง กล้าหาญ
ว่องไว และมีความรู้รอบตัวต่างๆ รัชกาลท ่ี ๗ ทรงยกย่อง
ข้าหลวงวังบางขุนพรหมว่า “พวกยูนิเวอร์ซิต้ี” หมายถึง สำนัก
ของผูม้ ีวิชาความร้ ู

143

พระราชวังดสุ ติ

พระราชวังดุสิตสร้างข้ึนจากพระราชดำริของพระบาท
สมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั รชั กาลท ่ี ๕ ทม่ี พี ระราชประสงค์
จะสร้างพระราชวังเพ่ือเป็นศูนย์กลางในการขยายความเจริญ
ใหแ้ กพ่ ระนคร
สถาปตั ยกรรมภายในพระราชวงั ดสุ ติ ไดร้ บั การรงั สรรคข์ น้ึ
อยา่ งวจิ ติ รบรรจง สรา้ งความประทับใจให้แกแ่ ขกบ้านแขกเมอื ง
ท่ีมาเย่ียมเยียนอย่างย่ิง เป็นมรดกทางสถาปัตยกรรมที่สำคัญ
ซงึ่ เปน็ ทเ่ี ชดิ หนา้ ชตู าอกี แหง่ หนง่ึ ของชาวกรงุ เทพฯ และเปน็ ทรี่ จู้ กั
แพรห่ ลายไปทว่ั โลก
พระราชวังดุสิตยังเป็นแหล่งสร้างสรรค์ศิลปวัฒนธรรม
แขนงต่างๆ โดยเฉพาะงานบ้านงานเรือนของสตรี ซึ่งได้รับ
การสบื ทอดเป็นภูมปิ ัญญาของสังคมไทยมาจนถึงปัจจบุ นั

144

145

พระราชวังพฒั นาเมอื ง

พระราชวังดุสิตต้ังอย ู่ ณ ตำบลดุสิต ด้านทิศเหนือ
ของกรุงรัตนโกสินทร​์ พระนิพนธ์ตำนานวังเก่าของสมเด็จ
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ระบุว่า
พระราชวงั ดสุ ติ เปน็ พระราชวงั ทรี่ ชั กาลท ี่ ๕ โปรดเกลา้ ฯ ใหส้ รา้ งขนึ้
เพื่อเป็นพระราชอุทยานสำหรับทรงสำราญพระอิริยาบถในวัน
ว่างจากพระราชกิจตามแบบอย่างพระราชวังฤดูร้อนท่ีได ้
ทอดพระเนตร คราวเสด็จประพาสยุโรปคร้ังแรกเมื่อพุทธศักราช
๒๔๔๐ และเป็น ๑ ใน ๒ พระราชวังในรัชกาลนี้ที่สร้างข้ึน
ในกรุงเทพฯ (อกี พระราชวงั หน่งึ คอื พระราชวงั พญาไท)

พระราชวังดุสิตเร่ิมสร้างข้ึนเมื่อเสด็จพระราชดำเนินกลับ
จากยุโรปคร้ังแรก พระองค์ได้เสด็จประพาสสวนซึ่งอยู่ระหว่าง
คลองผดุงกรุงเกษมจนถึงคลองสามเสน และมีพระราชดำริว่า
พื้นท่ีน้ีอากาศปลอดโปร่งและเย็นสบาย กอปรกับแพทย์ประจำ
พระองค์ได้กราบบังคมทูลถึงสาเหตุของพระอาการประชวร
ท้ังของพระองค์และพระบรมวงศานุวงศ์ว่าเกิดจากพระบรม

“...เมื่อตอนแรกสรา้ งพระราชวงั ดสุ ติ พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกล้าเจา้ อยหู่ ัว
กท็ รงพระราชดำริจะสรา้ งเปน็ ทีป่ ระทับชัว่ คราว (ภาพจากหอจดหมายเหตแุ หง่ ชาติ ไมท่ ราบปีที่ถ่าย)
เคยตรสั แก่หมอ่ มฉันวา่ จะเสดจ็ ออกไปประทับ
มหาราชวังท่ีประทับนั้นมีสภาพแออัดคับแคบ เน่ืองจากมีผู้
ทุกปลายสัปดาห์ (weekend) คอื วันเสารก์ ับ พำนักอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ท้ังยังมีสภาพไม่ถูกสุขลักษณะ
วันอาทติ ย์ หมอ่ มฉันเคยกราบทูลสนองว่า สมควรจะต้องหาที่ประทับส่วนพระองค์แห่งใหม่ จึงโปรดเกล้าฯ
“ข้าพระพุทธเจา้ เกรงแต่จะทรงพระเสียคน ให้ซ้ือที่ดินดังกล่าวด้วยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์สร้าง
เม่ือคนุ้ อากาศสบายแล้วจะทนท่ีในวังไมไ่ หว” พลับพลาข้ึน เพอ่ื เป็นที่ประทับสำราญพระอิริยาบถในช่วงปลาย
ต่อนัน้ มาไม่ถงึ ปี เสด็จไปประทับอย่ใู นวงั สัปดาห ์ โดยพระราชทานนามว่า “สวนดุสิต” มิให้ออกนามว่า
“พระราชวัง” เพราะมิได้สร้างด้วยพระราชทรัพย์สำหรับใช้จ่าย
เวลาสงกรานต์ หม่อมฉันเขา้ ไปเฝ้า ในการแผ่นดิน แต่ใช้เงินพระคลังข้างท ี่ ซ่ึงเป็นพระราชทรัพย์
พอทอดพระเนตรเหน็ กต็ รสั ว่า ส่วนพระองค์

“กรมดำรงฉนั เสียคนเสียแล้ว อยา่ งเธอวา่
ปีนเ้ี ข้ามาถกู รอ้ นในวังถึงเปน็ ลม”...”

(หนังสือสาส์นสมเดจ็ : สมเดจ็ ฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ)

146

ส ว น ดุ สิ ต เ กิ ด ขึ้ น ใ น ห้ ว ง เ ว ล า ท่ี พ ร ะ น ค ร เ ติ บ โ ต ขึ้ น พระทน่ี ่งั วิมานเมฆ พระราชวงั ดุสิต
อย่างรวดเร็ว เศรษฐกิจการค้าของบ้านเมืองเจริญรุ่งเรือง ส่งผล (ภาพจากหอจดหมายเหตแุ ห่งชาติ ไม่ทราบปีทีถ่ ่าย)
ให้พื้นท่ีตอนในของพระนครมีการตั้งถิ่นฐานและห้างร้านขึ้น
อย่างหนาแน่น รชั กาลท ี่ ๕ ทรงเล็งเห็นการณ์ไกลว่า ควรขยาย “พระราชวังดุสิต” (ประกาศรัชกาลท ่ี ๖ ลงวันที ่ ๘ เมษายน
ความเจริญของเมืองออกไปยังพื้นที่ส่วนอ่ืนๆ ของพระนคร รัตนโกสินทรศก ๑๒๘ ตรงกับพุทธศักราช ๒๔๕๔) พร้อมกับ
เมื่อมีพระราชดำริให้สร้างสวนดุสิต จึงโปรดเกล้าฯ ให้กระทรวง โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระท่ีน่ังที่ยังค้างอยู่ให้แล้วเสร็จและให้
โยธาธิการดำเนินการก่อสร้างถนนท่ีตำบลดุสิตข้ึน เช่น ถนน ขยายขอบเขตพระราชวงั ใหก้ วา้ งขวางออกไปยงั บรเิ วณทงุ่ สม้ ปอ่ ย
ราชวัตร (ถนนนครไชยศรี) ถนนส้ิว (ถนนสวรรคโลก) ถนน และสร้างพระตำหนักจิตรลดารโหฐานข้ึนใหม่ในบริเวณน้ัน
คอเสื้อ (ถนนพิษณุโลก) ถนนซังฮี้นอก (ถนนราชวิถี) ฯลฯ รัชกาลท ่ี ๖ เสด็จพระราชดำเนินมาประทับ ณ พระราชวังดุสิต
(ถนนเหล่านี้ได้นามตามชื่อลายเครื่องกังไสหรือเครื่องกิมตึ๋ง เป็นคร้ังคราว เพราะโปรดการประทับตามพระราชวังต่างๆ
เครอ่ื งถว้ ยจนี ทไ่ี ดร้ บั ความนยิ มในสมยั นนั้ ) เพอื่ ใหพ้ นื้ ท ี่ “สวนดสุ ติ ” เพ่ือให้มีการดูแลรักษาให้คงสภาพดีทุกแห่ง ในรัชกาลต่อมา
สามารถติดต่อกับบริเวณตอนในของพระนครได้โดยสะดวก พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ ี ๗ เสด็จ
ช่วยขยายอาณาเขตพระนครออกไปให้กวา้ งขวาง พระราชดำเนินมาประทับ ณ พระท่ีน่ังอัมพรสถานและ
รัชกาลท ี่ ๕ โปรดเกล้าฯ ให้สร้างที่ประทับถาวร ทั้งหมู่ พระตำหนกั จติ รลดาบา้ งเป็นครงั้ คราว
พระที่น่ัง พระตำหนัก และสวนต่างๆ เช่น พระที่น่ังวิมานเมฆ
พระตำหนักเรือนต้น พระท่ีนั่งอัมพรสถาน พระท่ีน่ังอภิเษกดุสิต ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อพุทธศักราช
วังสวนกุหลาบ พระท่ีน่ังอนันตสมาคม ฯลฯ เพ่ือใช้เป็นที่ ๒๔๗๕ เกิดความเปลี่ยนแปลงกับพระราชวังดุสิตหลายประการ
ประกอบพระราชพิธ ี เสด็จออกว่าราชการ รวมถึงเป็นท่ีประทับ คอื พระทนี่ ง่ั อนนั ตสมาคมไดพ้ ฒั นาเปน็ ทป่ี ระชมุ สภาผแู้ ทนราษฎร
ของเจ้านายฝ่ายในและพระบรมวงศานุวงศ์ตามธรรมเนียม ส่วนรอบนอกของพระราชวังบริเวณสระอโนดาต เขาดิน พัฒนา
เดียวกันกับพระบรมมหาราชวัง และประกาศยกสวนดุสิตขึ้น มาเป็นสวนสัตว์ดุสิตเขาดินวนา และเป็นที่ต้ังของหน่วยราชการ
เป็นวังสวนดุสิต ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๕ หลายหน่วย เช่น กองอำนวยการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ
รัตนโกสินทรศก ๑๑๗ พร้อมโปรดเกล้าฯ ให้เปล่ียนนามวัง กรมสวัสดิการทหารบก ส่วนเขตพระราชฐานด้านทิศตะวันออก
สวนดสุ ติ เป็น “พระราชวังสวนดสุ ิต” เมอ่ื พทุ ธศกั ราช ๒๔๕๒ เป็นที่ต้ังของรัฐสภาและท่ีประชุมของสภาผู้แทนราษฎร

รัชกาลท่ี ๕ เสด็จพระราชดำเนินมาประทับท่ีพระราชวัง
แห่งนี้จนตลอดรัชกาล โดยจะเสด็จพระราชดำเนินไปประทับ ณ
พระบรมมหาราชวัง เฉพาะเมอ่ื มกี ารพระราชพธิ ีสำคัญๆ เท่าน้นั
และเสด็จสวรรคต ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังสวนดุสิต
เมื่อพุทธศักราช ๒๔๕๓
ล่วงถึงสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
รัชกาลท ่ี ๖ โปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนชื่อพระราชวังสวนดุสิตเป็น

147

วจิ ิตรศิลป์ในหลากสถาปัตยกรรม

พระราชวังดุสิตมีอาณาบริเวณกว้างขวาง ส่ิงก่อสร้าง
ต่างๆ ภายในพระราชวังโอ่อ่า สง่างาม ด้วยลักษณะของ
สถาปัตยกรรมไทยผสมผสานกับสถาปัตยกรรมแบบตะวันตก
รังสรรคอ์ อกมาเปน็ หมู่พระทน่ี งั่ และพระตำหนกั ต่างๆ อันงดงาม
ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองพุทธศักราช
๒๔๗๕ อาณาเขตของพระราชวังดุสิตถูกแบ่งออกเป็นสัดส่วน
เพ่ือใช้ในงานราชการ แต่ก็ยังคงได้รับการอนุรักษ์และบูรณะ
ซ่อมแซมให้คงสภาพเดิมไว ้ สถานที่ต่างๆ ที่ยังปรากฏอยู่จน
ปจั จบุ ัน ได้แก่

พระท่ีนงั่ วิมานเมฆ พระสนมเอกและเจ้าจอมฝา่ ยใน ณ พระทีน่ งั่ วมิ านเมฆ
(ซา้ ย) เจา้ จอมกก๊ ออ (ขวา) พระราชชายาเจ้าดารารัศม ี
หนังสือพระราชวังของ ส. พลายน้อย ระบุว่า พระท่ีนั่ง (ภาพจากหอจดหมายเหตแุ หง่ ชาต ิ ไม่ทราบปีที่ถ่าย)
วิมานเมฆเป็นพระที่น่ังองค์แรกท่ีสร้างข้ึนในพระราชวังดุสิต
โดยรัชกาลที่ ๕ โปรดเกล้าฯ ให้รื้อพระที่นั่งมันธาตุรัตนโรจน์ ความสวยงามโดดเด่นของพระที่น่ังองค์นี้คือ สร้างด้วย
ซงึ่ สรา้ งคา้ งไวท้ พ่ี ระจฑุ าธชุ ราชฐาน เกาะสชี งั ดว้ ยในหว้ งเวลานน้ั ไม้สักทองท้ังองค ์ ซ่ึงนับว่าเป็นพระท่ีน่ังไม้สักทองท่ีใหญ่ที่สุด
เกิดกรณีพิพาทระหว่างสยามกับฝรั่งเศสหรือที่เรียกกันว่า ในประเทศไทย สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยา
“วิกฤตการณ์ ร.ศ. ๑๑๒” ฝรั่งเศสส่งกำลังทหารส่วนหน่ึงเข้ายึด นริศรานุวัดติวงศ์ทรงกำกับการออกแบบพระท่ีนั่งองค์น ้ี
พ้ืนท่ีบนเกาะสีชัง รัชกาลที่ ๕ มีพระราชดำริว่า พระจุฑาธุช โดยทรงวางแผนผังเป็นรูปตัวแอลในภาษาอังกฤษ มีลักษณะ
ราชฐานไม่ปลอดภัยและไม่สมควรเป็นที่ประทับอีกต่อไป เป็นอาคารสามช้ัน ยกเว้นบริเวณที่เป็นแปดเหลี่ยมซ่ึงสร้าง
นบั จากเหตกุ ารณค์ รงั้ น้นั พระจุฑาธชุ ราชฐานจงึ ถกู ปล่อยทงิ้ ร้าง เป็น ๔ ช้ัน โดยชั้นที่ส่ีเป็นท่ีประทับส่วนพระองค ์ ภายหลัง
ต่อมา พุทธศักราช ๒๔๔๔ โปรดเกล้าฯ ให้พระยา รัชกาลที่ ๕ ทรงย้ายมาประทับในบริเวณท่ีเรียกว่า “ห้องโป่ง”
ราชโยธา (กร หงสกุล) ร้ือพระท่ีน่ังมันธาตุรัตนโรจน์จาก ซึ่งอยู่บริเวณท้องพระโรงของพระท่ีนั่ง ด้วยสะดวกแก่การเสด็จ
เกาะสีชัง นำมาสร้างเป็นพระที่นั่งไม้ขนาดใหญ ่ ณ พระราชวัง ออกว่าราชการกับเจ้านายฝ่ายหน้าท่ีพระท่ีนั่งอภิเษกดุสิต
ดุสิต ลักษณะเป็นแบบ “ห้องชุด” พระราชทานชื่อพระท่ีนั่งนี้ว่า ส่วนชั้นถัดลงมา โปรดเกล้าฯ ให้เป็นท่ีประทับของเจ้านาย
“พระทนี่ ่งั วมิ านเมฆ” มพี ธิ ีเฉลิมพระทน่ี ั่งระหวา่ งวนั ท่ ี ๒๖ - ๒๗ ฝ่ายในและข้าราชบริพาร เพ่ือความสะดวกต่อการถวายงาน
มีนาคม พุทธศักราช ๒๔๔๕ จากน้ันจึงเสด็จแปรพระราชฐาน ซึ่งเจ้านายแต่ละพระองค์ทรงมีหน้าที่แตกต่างกันไป เช่น
มาประทับเป็นประจำ พร้อมด้วยพระมเหส ี เทว ี เจ้าจอม พระนางเจ้าสุขุมาลมารศร ี พระราชเทวีทรงทำหน้าท ี่ “ไปรเวต
และพระบรมวงศานุวงศ์ สเิ กตตาร”ี หรือราชเลขานุการิณีส่วนพระองค์ พระอัครชายาเธอ
กรมขุนสุทธาสินีนาฏ (พระวิมาดาเธอฯ กรมพระสุทธาสินีนาฏ
148 ปิยมหาราชปดวิ รัดา) ทรงกำกบั พระเครื่องต้น

พระทน่ี ่ังวมิ านเมฆ พระราชวงั ดสุ ติ ล่วงถึงรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาล
ปัจจุบัน ในงานสมโภชกรุงรัตนโกสินทร ์ ๒๐๐ ป ี พุทธศักราช
รัชกาลท่ี ๕ ประทับ ณ พระท่ีนั่งวิมานเมฆเพียง ๕ ปี ๒๕๒๕ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถทรงกราบ
ก็ทรงย้ายไปประทับ ณ พระท่ีนั่งอัมพรสถาน พระท่ีนั่งองค์ใหม่ บังคมทูลขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้มีการซ่อมแซม
ท่ีโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น แต่มีรับส่ังให้เจ้านายฝ่ายในประทับ พระที่นั่งวิมานเมฆ โดยมีพระราชประสงค์จะจัดเป็นอาคาร
ทพ่ี ระทีน่ ่ังวมิ านเมฆตอ่ ไป เฉลมิ พระเกยี รตริ ชั กาลท ี่ ๕ เพอ่ื แสดงของสะสมและหอ้ งประทบั
ในรัชกาลต่อมา รัชกาลท ี่ ๖ โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จ ส่วนพระองค ์ เป็นแหล่งศึกษาพระราชประวัติของสมเด็จ
พระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระบรมราชินี (ภายหลังให้ออก พระปยิ มหาราช ผทู้ รงเปน็ ทร่ี กั ยง่ิ ของปวงชนชาวไทย นอกจากนน้ั
พระนามว่าพระวรราชชายา) ประทับ ณ ห้องคร่ึงวงกลมใน บริเวณท้องพระโรงด้านหลังยังเป็นที่จัดการแสดงนาฏศิลป์ไทย
พระที่น่ังวิมานเมฆ หลังจากพระองค์เสด็จสวรรคต สมเด็จ วันละ ๒ รอบ เพ่ือสืบทอดและเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมไทย
พระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระวรราชชายาทรงย้ายออกมา
ประทับ ณ พระตำหนักสวนหงส ์ จากน้ัน พระท่ีนั่งวิมานเมฆ
ก็มไิ ดใ้ ชเ้ ป็นท่ปี ระทับของเจา้ นายพระองคใ์ ดอีกเลย

149


Click to View FlipBook Version