5-52 บทที่ 5 ขอ้ กำหนดกำรเดนิ สำยและวสั ดุ
ตารางท่ี 5-34
ขนาดกระแสของสายเคเบิลชนิดเอ็มไอ ตัวนาและเปลือก (Sheath) ทองแดง หุ้ม/ไม่หุ้มพีวีซี โดยเปลือกทองแดง
สามารถสัมผัสได้ อุณหภูมิเปลอื ก 70 ºC อุณหภูมิโดยรอบ 40 ºC
ลักษณะการติดตั้ง กลุ่มท่ี 7
ลกั ษณะการจัดวางสาย เดนิ เกาะผนังในอากาศ, วางบนรางเคเบลิ ชนดิ ดา้ นลา่ งทบึ วางบนรางเคเบิลแบบระบายอากาศ ไม่มฝี าปิด หรือราง
ไมม่ ฝี าปดิ เคเบิลแบบบันได
เคเบิลแกนเดยี ว 2 เคเบิลแกนเดยี ว 3 เคเบิลแกนเดียว 3 เคเบลิ แกนเดยี ว 2 เคเบลิ แกนเดยี ว 3 เคเบลิ แกนเดยี ว 3
เสน้ หรือเคเบลิ 2 เส้น วางสามเหลีย่ ม เส้น วางเรยี งชดิ กัน เสน้ หรือเคเบลิ 2 เสน้ วาง เส้น วางเรียงชดิ กัน
จานวนตวั นากระแสและ แกน 1 เสน้ วางชดิ ชดิ กนั หรอื เคเบลิ 3 แกน 1 เสน้ วางชดิ สามเหลย่ี มชดิ กัน
รปู แบบการติดต้ัง กัน แกน 1 เสน้ กัน หรอื เคเบลิ 3 แกน
ใ ้ชเ ่พือการศึกษาเ ่ทา ัน้น
1 เสน้
รหัสชนิดเคเบิลทใี่ ช้ IEC 60702 , หรือ AS 3187
ขนาดแรงดัน ขนาดสาย ขนาดกระแส (แอมแปร)์
(ตร.มม.)
500 V 1 16 13 14 17 14 15
(รนุ่ ใช้งาน 1.5 20 16 18 21 18 20
2.5 26 22 25 28 24 26
เบา) 4 34 30 32 37 31 35
1 17 14 15 18 15 17
1.5 21 18 20 22 19 22
2.5 29 24 26 31 26 29
4 38 31 35 40 34 38
6 48 41 44 51 43 48
10 65 55 60 70 59 65
16 87 73 78 93 78 87
750 V 25 113 95 102 121 102 112
(รนุ่ ใชง้ าน 35 139 116 125 148 125 137
50 172 144 154 183 155 168
หนัก)
70 210 176 188 224 190 205
95 252 212 224 269 227 246
120 289 243 258 309 262 281
150 330 278 294 354 299 320
185 374 315 333 401 339 362
240 437 369 388 469 396 422
หมำยเหตุ (ตารางที่ 5-34)
1) สาหรับเคเบิลแกนเดียว เปลอื กทองแดงแตล่ ะเสน้ ของวงจรเดียวกันต้องต่อประสานเข้าด้วยกันที่ปลาย ท้ัง 2 ด้าน ของ
วงจร
2) กรณีเคเบลิ เปลือกนอกไมห่ ุม้ พีวีซี ค่าขนาดกระแสตามตารางท่ี 5-34 ตอ้ งคูณปรบั คา่ ดว้ ย 0.9
3) อุณหภมู ิโดยรอบท่ีแตกต่างจาก 40 ºC ให้ใชต้ วั คณู ปรบั คา่ ตามทร่ี ะบไุ วใ้ นตารางที่ 5-43
4) ในกรณมี ีจานวนตัวนากระแสมากกว่า 1 กลุม่ วงจร ใหใ้ ชต้ ัวคณู ปรบั ค่าตามที่ระบไุ ว้ในตารางที่ 5-40
5) ดคู าอธิบายรูปแบบการตดิ ตง้ั ในตารางที่ 5-47
บทที่ 5 ขอ้ กำหนดกำรเดนิ สำยและวสั ดุ 5-53
ตารางที่ 5-35
ขนาดกระแสของสายเคเบิลชนิดเอ็มไอ ตัวนาและเปลือก (Sheath) ทองแดง โดยเปลือกทองแดงไม่สามารถให้บุคคลสัมผัส
หรือไมส่ ามารถสมั ผัสกับวัสดุติดไฟได้ อุณหภมู ิเปลอื ก 105 ºC อุณหภูมิโดยรอบ 40 ºC
ลกั ษณะการตดิ ตัง้ กลมุ่ ที่ 7
ลกั ษณะการจัดวางสาย เดินเกาะผนงั ในอากาศ, วางบนรางเคเบิลชนดิ ด้านล่างทบึ ไม่ วางบนรางเคเบิลแบบระบายอากาศ ไมม่ ฝี าปดิ หรอื
มีฝาปดิ รางเคเบลิ แบบบันได
เคเบิลแกนเดียว เคเบิลแกนเดียว เคเบิลแกนเดยี ว เคเบิลแกนเดียว เคเบลิ แกนเดียว เคเบิลแกนเดียว
2 เส้น หรือเคเบิล 3 เสน้ วาง 3 เส้น 2 เส้น หรือเคเบิล 3 เส้น วาง 3 เส้น
จานวนตวั นากระแสและ 2 แกน 1 เส้น สามเหลยี่ มชดิ กัน วางเรียงชิดกัน 2 แกน 1 เสน้ สามเหลี่ยมชิดกนั วางเรยี งชดิ กนั
รูปแบบการตดิ ตั้ง วางชดิ กนั หรอื เคเบิล 3 แกน วางชดิ กัน หรือเคเบิล 3 แกน
ใ ้ชเ ่พือการศึกษาเ ่ทา ัน้น
1 เส้น 1 เส้น
รหัสชนดิ เคเบลิ ทใ่ี ช้ IEC 60702 , หรอื AS 3187
ขนาดแรงดนั ขนาดสาย ขนาดกระแส (แอมแปร)์
(ตร.มม.)
500 V 1 20 17 19 22 19 21
(รุ่นใชง้ าน 1.5 26 22 25 29 24 27
2.5 35 30 33 38 32 36
เบา) 4 47 40 43 50 42 47
1 22 18 22 24 20 23
1.5 29 24 28 30 26 29
2.5 39 32 38 41 35 40
4 51 43 49 55 46 52
6 64 54 62 70 59 65
10 88 75 84 96 80 88
16 117 98 109 126 106 117
750 V 25 153 129 142 165 138 151
(ร่นุ ใช้งาน 35 187 157 172 202 169 184
50 231 195 212 250 210 227
หนกั )
70 282 239 258 306 257 276
95 339 287 307 368 308 330
120 390 330 352 423 354 378
150 446 377 400 484 406 431
185 506 428 453 548 460 488
240 592 500 526 641 537 568
หมำยเหตุ (ตารางที่ 5-35)
1) สาหรบั เคเบลิ แกนเดียว เปลอื กทองแดงแตล่ ะเสน้ ของวงจรเดียวกันต้องตอ่ ประสานเขา้ ดว้ ยกนั ทีป่ ลาย ทั้ง 2 ด้าน ของวงจร
2) อปุ กรณท์ ่ตี ่อกับสายเคเบิลชนิดเอม็ ไอนี้ จะตอ้ งตรวจสอบให้ทราบแน่ชัดว่า ขั้วต่อสายเหมาะสมที่จะใช้ กับตัวนาท่ีมีอุณหภูมิสูง
กวา่ 70 องศาเซลเซียสด้วย
3) อุณหภูมิโดยรอบท่ีแตกต่างจาก 40 ºC ใหใ้ ช้ตัวคณู ปรับคา่ ตามทรี่ ะบุไวใ้ นตารางท่ี 5-43
4) ในกรณีมจี านวนตัวนากระแสมากกวา่ 1 กลุม่ วงจร ใหใ้ ช้ตวั คณู ปรบั ค่าตามที่ระบไุ ว้ในตารางที่ 5-40
5) ดคู าอธบิ ายรปู แบบการติดตั้งในตารางที่ 5-47
5-54 บทท่ี 5 ขอ้ กำหนดกำรเดนิ สำยและวัสดุ
ตารางที่ 5-36
ขนาดกระแสของสายเคเบลิ ตัวนาทองแดงแกนเดียวหุ้มฉนวนครอสลิงกด์พอลิเอทิลีน เปลือกนอกพีวีซี มีชีลด์ ขนาด
แรงดัน (U0/U) ต้ังแต่ 3.6/6 กิโลโวลต์ ถึง 18/30 กิโลโวลต์ อุณหภูมิตัวนา 90 ºC อุณหภูมิโดยรอบ 40 ºC วางบนราง
เคเบลิ แบบระบายอากาศ หรือบนรางเคเบลิ แบบบันได
ลกั ษณะ กลุม่ ท่ี 7
การตดิ ตัง้
จานวน 3
ตัวนากระแส
รหัสชนิด ตามมาตรฐาน IEC 60502-2
เคเบิลทใ่ี ช้อยู่ระหว่างการ ิพจารณาใ ้ชเ ่พือการศึกษาเ ่ทา ัน้น
ชนิดรางเคเบิล อ ู่ยระหว่างการ ิพจารณาแบบระบายอากาศแบบบนั ได
รูปแบบการ DD D D
ติดต้ัง D
DD
ขนาดสาย 217 217 255 ขนาดกระแส (แอมแปร)์
(ตร.มม.) 270 269 317 217 260
329 329 387 217 221 269 324
50 380 379 446 269 276 329 395
70 429 430 499 329 336 379 455
95 490 494 568 379 388 430 509
120 577 583 664 430 438 494 580
150 659 669 754 494 501 583 678
185 746 769 837 583 589 669 770
240 669 672 769 854
300 769 762
400
หมำยเหตุ (ตารางท่ี 5-36)
1) อุณหภมู โิ ดยรอบทแี่ ตกต่างจาก 40 ºC ให้ใชต้ ัวคูณปรบั ค่าตามท่ีระบุไว้ในตารางที่ 5-43
2) ในกรณีเดนิ เป็นกลุ่มมากกวา่ 1 วงจร ให้ใช้ตัวคณู ปรับค่าตามที่ระบุไว้ในตารางที่ 5-40
3) ตวั นาชีลด์มีการต่อลงดนิ ทปี่ ลายทง้ั 2 ดา้ น และ / หรือต่อลงดนิ หลายตาแหนง่
4) ดคู าอธบิ ายรปู แบบการตดิ ตัง้ ในตารางท่ี 5-47
บทท่ี 5 ขอ้ กำหนดกำรเดนิ สำยและวสั ดุ 5-55
ตารางท่ี 5-37
ขนาดกระแสของสายเคเบลิ ตัวนาทองแดงแกนเดียวหุ้มฉนวนครอสลิงกด์พอลิเอทิลีน เปลือกนอกพีวีซี มีชีลด์ ขนาด
แรงดัน (U0/U) ต้ังแต่ 3.6/6 กิโลโวลต์ ถึง 18/30 กิโลโวลต์ อุณหภูมิตัวนา 90 ºC อุณหภูมิโดยรอบ 40 ºC (เดินร้อยใน
ท่อในอากาศ) และ 30 ºC (รอ้ ยทอ่ ฝังดิน)
ลกั ษณะการติดต้งั กลุ่มท่ี 2 กลมุ่ ที่ 5
จานวนตัวนากระแส
ไมเ่ กนิ 3
ลักษณะตัวนา แกนเดียว
รูปแบบการตดิ ต้งัใ ้ชเ ่พือการศึกษาเ ่ทา ัน้น
รหสั ชนิดเคเบิลทีใ่ ชง้ าน ตามมาตรฐาน IEC 60502-2
ขนาดสาย (ตร.มม.) ขนาดกระแส (แอมแปร)์
35 148 149
50 175 178
70 215 218
95 265 265
120 303 303
150 348 341
185 396 386
240 478 454
300 551 521
400 636 607
500 730 706
หมำยเหตุ (ตารางท่ี 5-37)
1) อณุ หภูมโิ ดยรอบท่ีแตกต่างจาก 40 ºC (เดนิ ร้อยในทอ่ ในอากาศ) และ 30 ºC (ร้อยท่อฝงั ดนิ ) ให้ใช้ตัวคูณ ปรับคา่ ตามที่
ระบไุ ว้ในตารางที่ 5-43 และ 5-44 ตามลาดับ
2) งานตดิ ต้งั ระบบไฟฟ้าที่ต้องการมอบทรัพย์สนิ หรือเปน็ ทรพั ยส์ ินของการไฟฟ้าฯ ใหพ้ ิจารณาขนาดกระแสตามมาตรฐาน
การไฟฟ้าฯ ยกเว้นไมม่ ีกาหนดไว้
5-56 บทที่ 5 ขอ้ กำหนดกำรเดนิ สำยและวสั ดุ
ตารางท่ี 5-38
ขนาดกระแสสายเคเบลิ ตัวนาทองแดงแกนเดียวหุ้มฉนวนครอสลิงกด์พอลิเอทิลนี มีเปลือกนอก อุณหภูมิตัวนา 90
ºC อณุ หภูมิโดยรอบ 30 ºC ขนาดแรงดนั (U0/U) 3.6/6 ถงึ 18/30 กโิ ลโวลต์ เดนิ ใน duct bank ไม่เกิน 8 ทอ่
ขนาดสาย 1 2 ขนาดกระแสต่อ 1 วงจร (แอมแปร์) 7 8
(ตร.มม.) จานวนวงจรทั้งหมด
3456
35 175 160 147 137 130 122 116 110
50 210 191 175 162 153 144 136 130
70 251 228 208 193 182 171 161 154
ใ ้ชเ ่พือการศึกษาเ ่ทา ัน้น
95 313 282 256 236 222 208 196 187
120 357 322 292 270 254 238 224 213
150 405 362 327 300 282 263 248 235
185 461 410 369 339 318 296 278 264
240 535 475 427 392 367 342 321 305
300 611 539 481 440 411 382 358 339
400 694 619 553 507 473 440 412 391
500 797 695 616 560 522 483 451 427
หมำยเหตุ (ตารางที่ 5-38)
1) การคานวณองิ จากมาตรฐาน IEC 60287 ตามสภาพเงอ่ื นไขดงั ตอ่ ไปนี้
สาหรับระบบแรงสูง ชีลด์ มีต่อการลงดินลกั ษณะต่อปลายท้งั สองดา้ น และ/หรือ ตอ่ ลงดินหลายจุด
มเี คเบลิ (ตวั นากระแส) 3 เส้นใน 1 ทอ่
2) งานติดตง้ั ระบบไฟฟ้าท่ีตอ้ งการมอบทรพั ยส์ ินหรือเปน็ ทรพั ย์สินของการไฟฟา้ ฯ ให้พิจารณาขนาดกระแสตามมาตรฐาน
การไฟฟ้าฯ ยกเว้นไม่มีกาหนดไว้
บทท่ี 5 ข้อกำหนดกำรเดนิ สำยและวสั ดุ 5-57
ตารางท่ี 5-39
ขนาดกระแสของสายไฟฟ้าเครือ่ งเชือ่ ม (ตัวนาทองแดง) ตาม มอก.448-2525
ขนาดสาย (ตร.มม.) 100 ขนาดกระแส (แอมแปร)์ 20
10 87 วฏั จักรทางานสงู สุด *, รอ้ ยละ 195
16 115 260
25 155 60 30 25 350
35 195 440
50 250 110 160 175 560
70 310 150 215 235 690
95 375 200 285 315 840
120 435 250 355 390 970
150 510 320 450 495 1,140
185 570 400 560 620 1,280
240 680 485 685 750 1,520
570 790 870
660 930 1,020
740 1,040 1,150
880 1,240 1,360
ใ ้ชเ ่พือการศึกษาเ ่ทา ัน้น
หมำยเหตุ (ตารางที่ 5-39)
*หมายถึง วัฏจักรทางานร้อยละ 100 กาหนดจากเวลาท่ีจ่ายไฟฟ้าให้เคร่ืองเช่ือมในเวลา 1 ช่ัวโมง ส่วนวัฏจักร ทางานอื่นๆ
กาหนดจากเวลาทจ่ี ่ายไฟฟา้ ใหเ้ ครือ่ งเชอ่ื มใน 5 นาที
5-58 บทท่ี 5 ข้อกำหนดกำรเดนิ สำยและวสั ดุ
ตารางที่ 5-40
ตวั คณู ปรับค่าขนาดกระแสสาหรับสายเคเบลิ แกนเดียว วางบนรางเคเบลิ เปน็ กลุ่มมากกวา่ 1 วงจร
วิธีการติดต้งั จานวน จานวนกลมุ่ วงจรตอ่ รางเคเบลิ ลกั ษณะการ
รางเคเบิล 1 2 3 4 5-6 7-9 จดั เรยี งเคเบิล
รางเคเบิลแบบ
ระบายอากาศ 1 1.00 0.91 0.87 0.82 0.78 0.77 รปู แบบวางชิด
(หมายเหตุ 2))
> 300mm 2 0.96 0.87 0.81 0.78 0.74 0.69 กนั ใน
3 0.95 0.85 0.78 0.75 0.70 0.65 แนวนอน
รางเคเบลิ แบบ a a > 20mm 1 1.00 0.86 0.80 0.75 0.71 0.70 รปู แบบวางชดิ
ระบายอากาศวาง > 225mm 2 0.95 0.84 0.77 0.72 0.67 0.66 กันในแนวตง้ั
แนวต้ัง
(หมายเหตุ 3)) a a > 20mm 1 1.00 0.97 0.96 0.94 0.93 0.92 รปู แบบวางชิด
2 0.98 0.93 0.89 0.88 0.86 0.83 กันใน
รางเคเบลิ แบบ 3 0.97 0.90 0.86 0.83 0.80 0.77 แนวนอน
บนั ได >300mmเ ่ทา ัน้น
(หมายเหตุ 2)) >300mmศึกษา
รางเคเบิลแบบ 1 1.00 0.98 0.96 0.93 0.89 -
ระบายอากาศ 2 0.97 0.93 0.89 0.85 0.80 -
(หมายเหตุ 2)) >2D D 3 0.96 0.92 0.86 0.82 0.76 - รูปแบบวางชดิ
>ใ300mm้ชเ ่พือการ
a a > 20mm กนั แบบ
รางเคเบิลแบบ 1 1.00 0.91 0.89 0.88 0.87 - สามเหล่ยี ม
>2D
ระบายอากาศวาง D 2 1.00 0.90 0.86 0.85 0.83 - ห่างกันไม่
แนวตั้ง นอ้ ยกวา่ 2
(หมายเหตุ 3)) เท่า ของเส้น
> 225mm
รางเคเบลิ แบบ 1 1.00 1.00 1.00 1.00 1.00 - ผา่ น
2 0.97 0.95 0.93 0.92 0.91 - ศูนย์กลาง
บนั ได >2D D 3 0.96 0.94 0.90 0.89 0.86 เคเบลิ
(หมายเหตุ 2))
a a > 20mm
บทท่ี 5 ข้อกำหนดกำรเดนิ สำยและวัสดุ 5-59
ตารางท่ี 5-40 (ตอ่ )
ตัวคณู ปรบั คา่ ขนาดกระแสสาหรบั สายเคเบิลแกนเดียว วางบนรางเคเบลิ เปน็ กลุ่มมากกวา่ 1 วงจร
จานวน จานวนกลุ่มวงจรตอ่ รางเคเบลิ ลักษณะ
วธิ กี ารตดิ ต้งั ราง 1 2 3 4 5-6 7-9 การจัดเรยี ง
เคเบลิ เคเบิล
รางเคเบลิ แบบ 1 1.00 0.93 0.90 0.87 0.83 -
ระบายอากาศ 2 0.97 0.89 0.85 0.81 0.76 -
(หมายเหตุ 2))ใ ้ชเ ่พือการศึก >ษ300mาmเ ่ทา ัน้น >300mm
DD 3 0.96 0.88 0.82 0.78 0.72 -
รางเคเบลิ แบบ a a > 20mm
ระบายอากาศวาง รูปแบบวาง
แนวต้ัง 1 1.00 0.91 0.89 0.88 0.87 - ห่างกันไม่
(หมายเหตุ 3)) D
รางเคเบลิ แบบบนั ได D 2 0.94 0.90 0.86 0.85 0.83 - น้อยกวา่
(หมายเหตุ 2))
เสน้ ผา่ น
ศูนย์กลาง
> 225mm
1 1.00 0.97 0.96 0.96 0.96 - เคเบลิ
DD 2 0.97 0.94 0.93 0.92 0.91 -
a a > 20mm 3 0.96 0.93 0.92 0.91 0.88 -
หมำยเหตุ (ตารางที่ 5-40)
1) ตวั คณู ปรบั ค่าขนาดกระแสให้ใช้กับการวางสายไฟฟ้าช้นั เดียวเท่านั้น
2) ตัวคูณปรับค่าขนาดกระแสให้ใช้กับการติดต้ังรางเคเบิลในแนวนอนที่มีระยะห่างระหว่างรางเคเบิลในแนวดิ่ง ไม่น้อยกว่า
300 มม. และติดต้งั รางเคเบิลห่างจากผนังไม่น้อยกว่า 20 มม.เท่านัน้
3) ตัวคูณปรับค่าขนาดกระแสให้ใช้กับการติดต้ังรางเคเบิลในแนวดิ่งท่ีมีระยะห่างระหว่างรางเคเบิลในแนวราบ ไม่น้อยกว่า
225 มม.เทา่ น้ัน
4) ในกรณที ี่จานวนรางเคเบิลมากกว่าหนงึ่ ราง ตัวคูณปรับค่าให้คดิ จากรางเคเบิลทีม่ ีกลุ่มวงจรมากท่ีสุด
5-60 บทที่ 5 ข้อกำหนดกำรเดนิ สำยและวัสดุ
ตารางท่ี 5-41
ตัวคณู ปรับคา่ ขนาดกระแสสาหรบั สายเคเบิลหลายแกน วางบนรางเคเบลิ แบบระบายอากาศ แบบดา้ นล่างทึบ
หรอื แบบบันได เม่ือวางเปน็ กลุ่มมากกว่า 1 วงจร
วิธกี ารติดตงั้ จานวนรางเคเบิล จานวนเคเบลิ ต่อรางเคเบิล
2 3 4 5-6
1 7-9
รางเคเบลิ แบบระบาย > 300mm 1 1.0 0.88 0.82 0.77 0.73 0.72
อากาศ(หมายเหตุ 2)) 2 1.0 0.87 0.80 0.77 0.73 0.68
3 1.0 0.86 0.79 0.76 0.71 0.66
a a > 20mm 4-6 1.0 0.84 0.77 0.73 0.68 0.64
1 1.0 1.0 0.98 0.95 0.91 -
2 1.0 0.99 0.96 0.92 0.87 -
3 1.0 0.98 0.95 0.91 0.85 -
DD >300mmัน้น
รางเคเบิลแบบระบาย a a > 20mm >300mmารศึกษาเ ่ทา1 1.0 0.88 0.82 0.77 0.73 0.72
อากาศวางแนวตงั้ 2 1.0 0.88 0.81 0.76 0.71 0.70
(หมายเหตุ 3)) > 225mm 1
D 2
D 1.0 0.91 0.89 0.88 0.87 -
1.0 0.91 0.88 0.87 0.85 -
> 225mm
รางเคเบลิ แบบดา้ นล่าง 1 0.97 0.84 0.78 0.75 0.71 0.68
ทึบ (หมายเหตุ 2)) 2 0.97 0.83 0.76 0.72 0.68 0.63
>300mm ่พือก 3 0.97 0.82 0.75 0.71 0.66 0.61
a a > 20mm 4-6 0.97 0.81 0.73 0.69 0.63 0.58
1 1.0 0.87 0.82 0.80 0.79 0.78
รางเคเบลิ แบบบนั ได 2 1.0 0.86 0.80 0.78 0.76 0.73
(หมายเหตุ 2)) 3 1.0 0.85 0.79 0.76 0.73 0.70
4-6 1.0 0.84 0.77 0.73 0.68 0.64
>300mmใ ้ชเ a a > 20mm 1 1.0 1.0 1.0 1.0 1.0 -
2 1.0 0.99 0.98 0.97 0.96 -
DD 3 1.0 0.98 0.97 0.96 0.93 -
a a > 20mm
หมำยเหตุ (ตารางท่ี 5-41)
1) ตวั คณู ปรับคา่ ขนาดกระแสใหใ้ ช้กับการวางสายไฟฟา้ ชน้ั เดยี วเท่านั้น
2) ตัวคูณปรับค่าขนาดกระแสให้ใช้กับการติดตั้งรางเคเบิลในแนวนอนที่มีระยะห่างระหว่างรางเคเบิลในแนวด่ิง ไม่น้อยกว่า 300 มม.
และติดต้ังรางเคเบิลหา่ งจากผนังไม่น้อยกวา่ 20 มม.เท่าน้ัน
3) ตัวคูณปรับค่าขนาดกระแสให้ใช้กับการติดต้ังรางเคเบิลในแนวดิ่งท่ีมีระยะห่างระหว่างรางเคเบิลในแนวราบ ไม่น้อยกว่า 225 มม.
เท่านนั้
4) ในกรณีท่ีจานวนรางเคเบิลมากกวา่ หน่ึงราง ตวั คูณปรบั คา่ ใหค้ ิดจากรางเคเบิลทม่ี ีกลมุ่ วงจรมากทส่ี ุด
บทที่ 5 ข้อกำหนดกำรเดนิ สำยและวัสดุ 5-61
ตารางท่ี 5-42
ขนาดกระแสของสายไฟฟ้าอลูมิเนียมหุ้มฉนวนพีวีซีตาม มอก.293-2541 ขนาดแรงดัน (U0/U) ไม่เกิน 450/750
โวลต์ อณุ หภูมติ วั นา 70 ºC อุณหภมู โิ ดยรอบ 40 ºC เดนิ บนฉนวนลกู ถว้ ยในอากาศ
รูปแบบการตดิ ต้งั DDD D D
D
ขนาดสาย (ตร.มม.)ใ ้ชเ ่พือการศึกษาเ ่ทา ัน้นขนาดกระแส (แอมแปร์)
DD
25 97
35 121 86
50 147 108
70 189 132
95 231 171
120 268 210
150 310 245
185 354 284
240 419 327
300 485 389
400 584 452
500 674 547
635
หมำยเหตุ (ตารางที่ 5-42)
อุณหภมู โิ ดยรอบท่ีแตกต่างจาก 40 ºC ให้ใช้ตัวคณู ปรับค่าตามท่ีระบไุ ว้ในตารางท่ี 5-43
5-62 บทที่ 5 ข้อกำหนดกำรเดนิ สำยและวัสดุ
ตารางที่ 5-43
ตวั คณู ปรบั ค่าอณุ หภูมโิ ดยรอบท่ีแตกต่างจาก 40 ºC ใชก้ ับค่าขนาดกระแสของเคเบลิ เมือ่ เดนิ ในอากาศ
อุณหภูมิโดยรอบ PVC ฉนวน เอ็มไอ
(องศาเซลเซียส) XLPE หรือ EPR 70oC 105oC
11-15 1.34 1.23 1.41 1.21
16-20 1.29 1.19 1.34 1.16
21-25 1.22 1.14 1.26 1.13
26-30 1.15 1.10 1.18 1.09
ใ ้ชเ ่พือการศึกษาเ ่ทา ัน้น
31-35 1.08 1.05 1.09 1.04
36-40 1.00 1.00 1.00 1.00
41-45 0.91 0.96 0.91 0.96
46-50 0.82 0.90 0.79 0.91
51-55 0.70 0.84 0.67 0.87
56-60 0.57 0.78 0.53 0.82
61-65 - 0.71 - 0.76
66-70 - 0.64 - 0.70
71-75 - 0.55 - 0.65
76-80 - 0.45 - 0.59
81-85 - - - 0.51
86-90 - - - 0.43
91-95 - - - 0.35
บทท่ี 5 ข้อกำหนดกำรเดนิ สำยและวัสดุ 5-63
ตารางท่ี 5-44
ตัวคณู ปรบั คา่ อุณหภมู ิโดยรอบแตกตา่ งจาก 30 ºC ใชก้ ับคา่ ขนาดกระแสของเคเบลิ เมื่อเดินใตด้ ิน
อณุ หภมู ิโดยรอบใ ้ชเ ่พือการศึกษาเ ่ทา ัน้นฉนวน
(องศาเซลเซียส)
PVC XLPE หรอื EPR
11-15
16-20 1.18 1.12
21-25 1.12 1.08
26-30 1.07 1.03
31-35 1.0 1.0
36-40 0.94 0.96
41-45 0.87 0.91
46-50 0.80 0.86
51-55 0.71 0.82
56-60 0.62 0.76
61-65 0.51 0.70
66-70
71-75 - 0.65
76-80 - 0.57
- 0.49
- 0.41
5-64 บทที่ 5 ขอ้ กำหนดกำรเดนิ สำยและวสั ดุ
ตารางที่ 5-45
ตวั คณู ปรับค่าสาหรบั สายเคเบลิ แกนเดยี ว หรือหลายแกน ขนาดแรงดัน (U0/U) ไมเ่ กนิ 0.6/1 กโิ ลโวลต์ ฝังดินโดยตรง เมือ่
วางเป็นกล่มุ มากกว่า 1 วงจร วางเรยี งกนั แนวระดับ
ระยะห่างระหว่างผวิ ดา้ นนอกเคเบลิ แต่ละวงจร (มม.)
จานวนวงจร วางชดิ กัน เส้นผ่านศูนยก์ ลาง 125 250 500
เคเบิล 1 เสน้
2 0.75 0.90
3 0.65 0.80 0.85 0.90 0.85
4 0.60 0.80
5 0.55 0.70 0.75 0.80 0.80
6 0.50 0.80
0.60 0.70 0.75
ใ ้ชเ ่พือการศึกษาเ ่ทา ัน้น
0.55 0.65 0.70
0.55 0.60 0.70
ตารางท่ี 5-46
ตัวคูณปรับค่าสาหรับสายเคเบิลแกนเดียว หรือหลายแกน ขนาดแรงดัน (U0/U) ไม่เกิน 0.6/1 กิโลโวลต์ ร้อยท่อฝังดิน
โดยตรง เม่ือวางเปน็ กลมุ่ มากกว่า 1 วงจร วางเรยี งกนั แนวระดับ
จานวนวงจร วางชิดกนั ระยะห่างระหว่างผิวด้านนอกท่อ แต่ละวงจร (มม.) 1,000
2 0.85 250 500 0.95
3 0.75 0.95
4 0.70 0.90 0.95 0.90
5 0.65 0.85 0.90 0.90
6 0.60 0.80 0.85 0.90
0.80 0.85
0.80 0.80
บทท่ี 5 ขอ้ กำหนดกำรเดนิ สำยและวสั ดุ 5-65
ตารางท่ี 5-47
รปู แบบการติดตงั้ อ้างอิง
ใ ้ชเ ่พือการศึกษาเ ่ทา ัน้นวิธกี ารเดินสายรปู แบบการติดต้งัลกั ษณะการติดตัง้ หมายเหตุ
สายแกนเดียวหรือหลายแกนหมุ้ หรอื กลุ่มที่ 1
ฉนวน มี/ไม่มีเปลือกนอก เดิน ฝา้ เพดาน หรือผนงั
ช่องเดนิ สายโลหะหรืออโลหะ หรอื กลุ่มท่ี 2 กันไฟทีเ่ ปน็ ฉนวน
ภายในฝ้าเพดานที่เปน็ ฉนวน หรอื ความร้อนคอื วสั ดทุ ม่ี ี
ความร้อน หรือผนังกันไฟ คา่ การนาทางความ
รอ้ น (thermal con-
สายแกนเดยี วหรือหลายแกนหมุ้ ductance) อย่าง
ฉนวน มี/ไมม่ เี ปลือกนอก เดินใน น้อย 10 W/m2K*
ช่องเดินสายโลหะหรอื อโลหะเดิน
เกาะผนังหรือเพดาน หรอื ฝังใน กรณฝี ังในผนงั
ผนังคอนกรีตหรอื ทค่ี ล้ายกนั คอนกรีตหรอื ที่
คล้ายกนั ผนงั นน้ั
สายแกนเดียวหรอื หลายแกนหุ้ม จะตอ้ งมคี ่าความ
ฉนวนมเี ปลือกนอก เดินเกาะผนัง ต้านทานความร้อน
หรอื เพดาน ที่ไมม่ สี ิง่ ปิดหุ้มท่ี (thermal resistivity)
คล้ายกัน ไมเ่ กนิ 2 Km/W
สายเคเบลิ แกนเดียวหุ้มฉนวน มี/
ไม่มีเปลอื กนอก วางเรยี งกนั แบบ -
มีระยะหา่ ง เดนิ บนฉนวนลกู ถว้ ย
ในอากาศ กลุ่มที่ 3
สายแกนเดียวหรอื หลายแกนหมุ้
ฉนวนมเี ปลอื กนอก เดนิ ในท่อ D หรอื DDD D กลมุ่ ที่ 4 ระยะห่างถงึ ผนังและ
โลหะหรืออโลหะฝงั ดนิ D กลุ่มท่ี 5 ระหว่างเคเบิลไม่น้อย
สายแกนเดยี ว หรือหลายแกน หุ้ม กลุ่มท่ี 6 กว่าเสน้ ผา่ น
ฉนวน มีเปลอื กนอก ฝังดนิ DD ศนู ยก์ ลางเคเบลิ
โดยตรง -
หรือ
-
หรอื
5-66 บทท่ี 5 ข้อกำหนดกำรเดนิ สำยและวัสดุ
ตารางที่ 5-47 (ตอ่ )
รปู แบบการติดตั้งอา้ งอิง
วธิ ีการเดินสาย รูปแบบการตดิ ตัง้ ลักษณะการตดิ ตั้ง หมายเหตุ
หรอื กลมุ่ ท่ี 7
สายเคเบลิ แกนเดยี วหรือหลาย รางเคเบลิ แบบ
แกนหมุ้ ฉนวน มีเปลือกนอก วาง ระบายอากาศจะตอ้ ง
บนรางเคเบิลแบบด้านลา่ งทบึ , มีพ้นื ทร่ี ูระบาย
รางเคเบลิ แบบระบายอากาศ อากาศไมน่ อ้ ยกวา่
หรือรางเคเบลิ แบบบันได รอ้ ยละ 30 ของพื้นผิว
รางเคเบิลท้งั หมด
ใ ้ชเ ่พือการศึกษาเ ่ทา ัน้น
หมำยเหตุ (ตารางท่ี 5-47)
*หากไม่มีเอกสารยืนยันว่าค่าการนาความร้อนมีค่าน้อยกว่า 10 W/m2.K ให้ถือว่าการเดินสายร้อยท่อภายในฝ้าเพดาน หรือ
ผนังกนั ไฟใดๆ จะตอ้ งมีค่าขนาดกระแสตามลักษณะการติดต้ังตามกลมุ่ ท่ี 1 นี้ ระบุไว้
บทที่ 5 ขอ้ กำหนดกำรเดนิ สำยและวสั ดุ 5-67
ตารางท่ี 5-48
ขอ้ กาหนดการใช้งานของสายไฟฟ้าตัวนาทองแดง หุ้มฉนวนพีวีซี ตาม มอก.11-2553
รหสั ชนดิ ขนาดสาย ลักษณะ จานวน อณุ หภมู ิ เปลือก แรงดัน การใชง้ าน
เคเบิล/ช่ือ (ตร.มม.) ตวั นา แกน ตัวนา นอก ไฟฟา้
Uo/U ใช้งานท่วั ไป
เรยี ก (โวลต)์ เดนิ ในชอ่ งเดินสายและต้อง
450/750
60227 เดีย่ วแขง็ ปอ้ งกันนา้ เขา้ ช่องเดินสาย
IEC 01 (Solid) 450/750 ห้ามร้อยท่อฝังดินหรอื ฝังดิน
1.5-400 หรือตีเกลียว แกนเดียว 70C ไมม่ ี
ใ ้ชเ ่พือการศึกษาเ ่ทา ัน้น 300/500 โดยตรง
(Stranded) ใช้งานทว่ั ไป
300/500 เดนิ ในช่องเดนิ สายและต้อง
60227 1.5-240 ฝอย แกนเดยี ว 70C ไมม่ ี
IEC 02 (Flexible) 300/500 ปอ้ งกนั น้าเขา้ ช่องเดินสาย
ห้ามรอ้ ยท่อฝงั ดินหรอื ฝงั ดนิ
60227 0.5-1.0 เดี่ยวแข็ง แกนเดียว 70C ไม่มี
IEC 05 (Solid) โดยตรง
ใช้งานทั่วไป
60227 0.5-1.0 ฝอย แกนเดยี ว 70C ไม่มี เดินในชอ่ งเดนิ สายและต้อง
IEC 06 (Flexible)
ปอ้ งกันนา้ เข้าช่องเดนิ สาย
60227 0.5-2.5 เด่ยี วแขง็ แกนเดียว 90C ไมม่ ี ห้ามร้อยทอ่ ฝงั ดนิ หรอื ฝังดนิ
IEC 07 (Solid)
โดยตรง
ใชง้ านทั่วไป
เดนิ ในชอ่ งเดินสายและต้อง
ปอ้ งกันน้าเขา้ ชอ่ งเดินสาย
ห้ามร้อยทอ่ ฝังดนิ หรอื ฝงั ดิน
โดยตรง
ใชง้ านทั่วไป
เดินในชอ่ งเดนิ สายและต้อง
ป้องกนั นา้ เข้าช่องเดินสาย
หา้ มรอ้ ยท่อฝังดินหรือฝงั ดิน
โดยตรง
5-68 บทที่ 5 ขอ้ กำหนดกำรเดนิ สำยและวสั ดุ
ตารางที่ 5-48 (ต่อ)
ขอ้ กาหนดการใช้งานของสายไฟฟา้ ตัวนาทองแดง ห้มุ ฉนวนพวี ีซี ตาม มอก.11-2553
รหสั ชนดิ ขนาดสาย ลักษณะ จานวน อณุ หภูมิ เปลอื ก แรงดัน การใช้งาน
เคเบิล/ช่อื (ตร.มม.) ตวั นา แกน ตัวนา นอก ไฟฟา้
Uo/U
เรียก (โวลต)์
ใชง้ านทั่วไป
60227 0.5-2.5 ฝอย แกนเดยี ว 90C ไมม่ ี 300/500 เดนิ ในชอ่ งเดินสายและต้อง
IEC 08 (Flexible) ป้องกนั น้าเข้าชอ่ งเดนิ สาย
ห้ามรอ้ ยท่อฝงั ดนิ หรือฝังดนิ
ใ ้ชเ ่พือการศึกษาเ ่ทา ัน้น
โดยตรง
ใช้งานท่ัวไป
60227 1.5-35 ตเี กลยี ว หลายแกน 70C มี 300/500 เดินในช่องเดินสายและตอ้ ง
IEC 10 (Stranded) (มี/ไมม่ ี ปอ้ งกนั น้าเขา้ ช่องเดินสาย
สายดนิ )
วางบนรางเคเบิล
หา้ มร้อยท่อฝงั ดนิ หรอื ฝังดิน
โดยตรง
60227 0.8 ตีเกลยี ว 2 แกน 70C ไม่มี 300/300 ใช้งานภายในอุปกรณ์
IEC 41 (Stranded) อเิ ล็กทรอนกิ ส์
60227 0.5-0.75 ฝอย 1 แกน 70C มี 300/300 ใช้ต่อไฟประดบั ตกแต่งภายใน
IEC 43 (Flexible) อาคาร
60227 0.5-0.75 ฝอย หลายแกน 70C มี 300/300 ใชต้ อ่ เข้าเครื่องใชไ้ ฟฟา้ ชนดิ หยิบ
IEC 52 (Flexible) (ม/ี ไม่มี ยกได้
สายดิน)
ใชง้ านภายในเคร่ืองใชไ้ ฟฟ้า
60227 0.75-2.5 ฝอย หลายแกน 70C มี 300/500 ใช้ต่อเขา้ เคร่ืองใชไ้ ฟฟา้ ชนิดหยิบ
IEC 53 (Flexible) (ม/ี ไมม่ ี ยกได้ (ใช้งานหนัก)
สายดนิ )
ใชต้ ่อเข้าดวงโคม
60227 0.5-0.75 ฝอย หลายแกน 90C มี ใชต้ ่อเขา้ เคร่อื งใช้ไฟฟ้าชนิดหยบิ
IEC 56 (Flexible) (มี/ไมม่ ี 300/300 ยกได้ (ใชง้ านหนัก)
สายดนิ )
บทที่ 5 ขอ้ กำหนดกำรเดนิ สำยและวัสดุ 5-69
ตารางท่ี 5-48 (ตอ่ )
ขอ้ กาหนดการใช้งานของสายไฟฟา้ ตัวนาทองแดง หุ้มฉนวนพีวีซี ตาม มอก.11-2553
รหัสชนดิ ขนาดสาย ลักษณะ จานวน อุณหภมู ิ เปลือก แรงดัน การใช้งาน
เคเบลิ /ชือ่ (ตร.มม.) ตัวนา แกน ตวั นา นอก ไฟฟา้
Uo/U ใชต้ อ่ เข้าเคร่อื งใช้ไฟฟ้าชนิดหยิบ
เรยี ก (โวลต)์ ยกได้ (ใช้งานหนัก)
300/500
60227 0.75-2.5 ฝอย หลายแกน 90C มี ใชใ้ นดวงโคมไฟฟ้าทม่ี ี/ไมม่ ีบลั
IEC 57 (Flexible) (ม/ี ไมม่ ี มี 450/750 ลาสต์
สายดิน) มี
ใ ้ชเ ่พือการศึกษาเ ่ทา ัน้น มี ใช้ในป้ายโฆษณา/ปา้ ยไฟฟ้า
1-500 แกนเดี่ยว ใชง้ านทว่ั ไป
50-300 วางบนรางเคเบลิ
NYY 25-300 ตเี กลียว หลายแกน 70C รอ้ ยทอ่ ฝังดนิ หรอื ฝังดนิ โดยตรง
1-16 (Stranded) 70C
NYY-G หลายแกน 70C 300/500 เดินเกาะผนงั
4-35 เด่ยี วแขง็ มสี ายดนิ เดินในช่องเดินสาย ห้ามรอ้ ยทอ่
VAF (Solid) ห้ามฝงั ดิน
VAF-G หรอื ตีเกลยี ว 2 แกน
(Stranded) 2 แกนมี 450/750 ใชง้ านทวั่ ไป
VCT สายดิน ใชต้ อ่ เขา้ เครื่องใช้ไฟฟา้
VCT-G ฝอย วางบนรางเคเบิล
(Flexible) แกนเดี่ยว รอ้ ยท่อฝังดินหรอื ฝงั ดนิ โดยตรง
หลายแกน
และหลาย
แกนมสี าย
ดนิ
หมำยเหตุ (ตารางท่ี 5-48)
การใชง้ านตอ้ งสอดคลอ้ งกบั วิธีการเดนิ สายด้วย
ใช้เพ่อื การศกึ ษาเท่านัน้
บทท่ี 6 บริภณั ฑ์ไฟฟ้า 6-1
บทท่ี 6
บรภิ ัณฑ์ไฟฟ้า
ข้อกำหนดในบทนี้เก่ียวกับกำรออกแบบระบบไฟฟ้ำสำหรับบริภัณฑ์ โคมไฟฟ้ำ สวิตช์ เต้ำรับใ ้ชเ ่พือการศึกษาเ ่ทา ัน้น
และเต้ำเสียบ มอเตอร์ วงจรมอเตอร์และเครื่องควบคุม หม้อแปลง ห้องหม้อแปลง ลำนหม้อ
แปลง และคำปำซเิ ตอร์
6.1 โคมไฟฟา้ และเครอื่ งประกอบการติดต้งั
6.1.1 ทั่วไป
ให้ใช้กับโคมไฟฟ้ำ ข้ัวรับหลอด สำยเข้ำดวงโคมชนิดแขวน หลอดไส้ หลอดไฟอำร์ก หลอดไฟ
ปล่อยประจุ กำรเดนิ สำยของดวงโคมและบริภัณฑ์ที่เปน็ สว่ นประกอบของดวงโคม
6.1.2 โคมไฟฟ้ำและเคร่ืองประกอบกำรติดต้ังต้องไม่มีส่วนที่มีไฟฟ้ำเปิดโล่งให้สัมผัสได้
6.1.3 ดวงโคมไฟฟ้ำและเคร่ืองประกอบกำรติดตั้งต้องเหมำะสมกับสภำพแวดล้อมที่ติดตั้ง
เม่ือกำรติดต้ังในสถำนที่เปียกหรือสถำนที่ช้ืนต้องใช้ดวงโคมชนิดท่ีน้ำไม่สำมำรถเข้ำไปในดวง
โคมหรือเครือ่ งประกอบกำรติดตงั้ ได้เมื่ออย่ใู นสภำพกำรใช้งำนตำมปกติ
6.1.4 ดวงโคมใกล้วัสดตุ ดิ ไฟ ต้องมสี ิ่งปอ้ งกันหรอื กั้นไมใ่ ห้วัสดตุ ิดไฟได้รับควำมรอ้ นเกิน 90 ºC
6.1.5 ดวงโคมและขั้วรับหลอด ต้องมีกำรจับยึดอย่ำงแข็งแรงและเหมำะสมกับน้ำหนักของ
ดวงโคม ดวงโคมท่ีมนี ำ้ หนักเกินกว่ำ 2.5 กิโลกรัม หรือมีขนำดใหญ่กว่ำ 400 มม. ห้ำมใช้ขั้วรับ
หลอดเปน็ ตัวรับนำ้ หนักของดวงโคม
6.1.6 การเดนิ สายดวงโคม
6.1.6.1 กำรเดินสำยดวงโคม ต้องจัดทำให้เรียบร้อยเพื่อป้องกันควำมเสียหำยทำงกำยภำพ
และให้ใช้สำยเท่ำที่จำเป็นเท่ำนั้น และต้องไม่ทำให้อุณหภูมิของสำยนั้นสูงกว่ำอุณหภูมิใช้งำน
สูงสุดของสำย
6.1.6.2 ขนำดกระแสของสำยต้องไม่ต่ำกว่ำกระแสของดวงโคม ขนำดสำยไฟฟ้ำสำหรับดวง
โคม 1 ชดุ ต้องไม่เล็กกวำ่ 1.0 ตร.มม. และตอ้ งเปน็ ชนดิ ทเ่ี หมำะสมกบั สภำพกำรใชง้ ำน
6.1.6.3 ข้ัวรับหลอดชนิดเกลียวเมื่อใช้กับระบบไฟฟ้ำที่มีตัวนำนิวทรัล ส่วนเกลียวโลหะที่เป็น
ทำงเดินของกระแสไฟฟ้ำต้องต่อกับตัวนำนวิ ทรัลเท่ำนั้น
ใ ้ชเ ่พือการศึกษาเ ่ทา ัน้น6-2 บทที่ 6 บริภัณฑ์ไฟฟ้า
6.1.7 ดวงโคมต้องติดต้ังให้สำมำรถตรวจสอบกำรต่อสำยระหว่ำงสำยดวงโคมกับสำยของ
วงจรย่อยได้โดยสะดวก
6.1.8 ฉนวนของสายในดวงโคม
6.1.8.1 สำยที่ใช้ในดวงโคมต้องมฉี นวนทเี่ หมำะสมกบั กระแส แรงดนั และอณุ หภูมิใชง้ ำน
6.1.8.2 ดวงโคมท่ีตดิ ตัง้ ในสถำนทีเ่ ปียกช้ืน หรือสถำนท่ีที่มีกำรผุกร่อนได้ ต้องใช้สำยชนิดที่
ได้รับกำรรบั รองเพือ่ ใชส้ ำหรับจดุ ประสงค์นนั้ แลว้
6.1.9 การตอ่ และการต่อแยก
6.1.9.1 จดุ ตอ่ หรือจุดตอ่ แยกของสำยตอ้ งไม่อยูใ่ นก้ำนดวงโคม
6.1.9.2 กำรตอ่ หรือกำรตอ่ แยกของสำยให้มีในดวงโคมไดเ้ ท่ำท่จี ำเป็นเท่ำนนั้
6.1.9.3 สำยไฟทอี่ ยใู่ นตู้แสดงสนิ คำ้ ต้องเดินในช่องเดินสำย และส่วนท่ีมีไฟฟ้ำต้องไม่อยู่ในที่
เปดิ เผย
6.1.9.4 กล่องจุดตอ่ ไฟฟ้ำเข้ำดวงโคมต้องมีฝำครอบ หรือปิดด้วยฝำครอบดวงโคมขั้วรับหลอด
เตำ้ รบั เต้ำเพดำน หรอื อุปกรณท์ ค่ี ลำ้ ยกนั
6.2 สวติ ช์ เตา้ รบั (Receptacle) และเต้าเสียบ (Plug)
6.2.1 สวิตช์และเต้ำรับท่ีใช้งำนต้องมีพิกัดกระแส แรงดัน และประเภทเหมำะสมกับสภำพ
กำรใชง้ ำน เต้ำรบั ตอ้ งไมเ่ ปน็ ประเภททีใ่ ช้เป็นขว้ั หลอดได้ด้วย
6.2.2 สวติ ชแ์ ละเตำ้ รับทีใ่ ชก้ ลำงแจง้ หรือสถำนท่ีเปียกช้ืน ต้องเป็นชนิดท่ีระบุ IP ให้เหมำะ
กับสภำพกำรใช้งำน กรณีป้องกันน้ำสำดให้ใช้ไม่ต่ำกว่ำ IPX4 กรณีป้องกันน้ำฉีดให้ใช้ไม่ต่ำ
กวำ่ IPX5 ตำมขอ้ 2.8
6.2.3 เต้ำรับแบบติดกับพื้นหรือฝังพื้น กำรติดตั้งต้องป้องกันหรือหลีกเลี่ยงจำก ควำม
เสยี หำยทำงกำยภำพเนือ่ งจำกกำรทำควำมสะอำดพน้ื และกำรใชง้ ำน
6.2.4 สวิตชแ์ ละเต้ำรบั ตอ้ งตดิ ตัง้ อยูเ่ หนือระดบั นำ้ ท่ีอำจทว่ มหรอื ขังได้
6.2.5 ขนำดสำยสำหรับเต้ำรับใช้งำนท่ัวไปแต่ละชุด ต้องไม่เล็กกว่ำ 1.5 ตร.มม. และ
สำหรับเต้ำรับใช้งำนเฉพำะ สำยไฟฟ้ำต้องมีขนำดกระแสไม่ต่ำกว่ำพิกัดเต้ำรับ แต่ไม่ต้องใหญ่
กว่ำขนำดของวงจรย่อยนั้น
6.2.6 เต้ำรบั ใหเ้ ปน็ ไปตำมข้อ 3.1.7
บทท่ี 6 บริภณั ฑไ์ ฟฟา้ 6-3
6.2.7 ขั้วสำยเต้ำรับชนิดมีสำยดินตำม มอก.166-2549 จะต้องมีกำรเรียงข้ัวเฟส
นวิ ทรัล และสำยดนิ แบบทวนเข็มนำฬิกำ เมอ่ื มองจำกดำ้ นหนำ้
6.2.8 ขำเสียบเต้ำเสียบชนิดมีสำยดินตำม มอก.166-2549 จะต้องมีกำรเรียงขั้วเฟส
นิวทรัล และสำยดินแบบตำมเข็มนำฬิกำ เมอ่ื มองจำกด้ำนหน้ำ
6.3 มอเตอร์ วงจรมอเตอร์ และเคร่ืองควบคุม
ตอน ก. ท่วั ไปใ ้ชเ ่พือการศึกษาเ ่ทา ัน้น
6.3.1 ข้อกำหนดนี้ใช้สำหรับกำรติดตั้งมอเตอร์ วงจรมอเตอร์ และเครื่องควบคุมมอเตอร์
ท่ัวไปในกรณีท่ีติดตั้งในสถำนท่ีเฉพำะ เช่น ในบริเวณอันตรำย ให้ดูรำยละเอียดในเร่ืองน้ันๆ
ประกอบดว้ ย
6.3.2 บชุ ชิง
เมื่อเดินสำยผ่ำนช่องเปิดของเคร่ืองห่อหุ้ม กล่องต่อท่อหรือผนังต้องใช้บุชชิงเพ่ือป้องกันควำม
เสยี หำยของสำย บชุ ชงิ ตอ้ งทำจำกวสั ดทุ ท่ี นตอ่ สภำพแวดล้อม เชน่ ทนต่อนำ้ มนั หล่อล่ืน จำระบี
สำรเคมี หรอื อนื่ ๆ
6.3.3 ท่ีตง้ั
6.3.3.1 มอเตอร์ต้องติดตั้งในสถำนที่ที่สำมำรถระบำยอำกำศได้สะดวกและสำมำรถเข้ำ
ไปบำรงุ รักษำไดง้ ำ่ ย ยกเว้น มอเตอรท์ ีเ่ ป็นสว่ นประกอบของบรภิ ณั ฑท์ ่สี ำเร็จรปู
6.3.3.2 มอเตอร์แบบเปิดท่ีมีแปรงถ่ำน ต้องติดตั้งในสถำนที่หรือมีมำตรกำรป้องกันไม่ให้
ประกำยไฟทีอ่ ำจเกดิ ขึ้นกระเด็นไปถูกวัสดุติดไฟได้
6.3.3.3 ในสถำนทท่ี ี่มลี ะออง หรือวสั ดทุ ่ปี ลิวไดซ้ ง่ึ สำมำรถเกำะติดหรือเข้ำไปภำยในมอเตอร์
ได้มำกพอที่จะทำให้มอเตอร์ระบำยอำกำศและควำมร้อนไม่สะดวก ในสถำนที่เช่นน้ีต้องใช้
มอเตอรช์ นดิ ปิด
6.3.4 มอเตอร์ตัวใหญ่ท่สี ุด
กำรพิจำรณำตัดสินวำ่ มอเตอรต์ วั ใดใหญ่ทสี่ ุดใหด้ จู ำกพกิ ดั กระแสโหลดเตม็ ทข่ี องมอเตอร์
6-4 บทที่ 6 บริภณั ฑ์ไฟฟ้า
ตอน ข. สายสาหรับวงจรมอเตอร์
6.3.5 สายสาหรับมอเตอร์ตวั เดียว
6.3.5.1 สำยของวงจรย่อยท่ีจ่ำยให้มอเตอร์ตัวเดียว ต้องมีขนำดกระแสไม่ต่ำกว่ำร้อยละ
125 ของพิกัดกระแสโหลดเต็มท่ีของมอเตอร์ ยกเว้น มอเตอรช์ นิดควำมเรว็ หลำยค่ำทน่ี ำมำใช้
งำน ประเภทใช้งำนระยะส้ัน ใช้งำนเป็นระยะ ใช้งำนเป็นคำบ และใช้งำนท่ีเปล่ียนแปลง สำย
ต้องมขี นำดกระแสไมต่ ่ำกว่ำจำนวนร้อยละของพกิ ดั กระแสบนแผน่ ป้ำยประจำเครื่องตำมตำรำง
ท่ี 6-1
6.3.5.2 สำยของวงจรยอ่ ยมอเตอร์ต้องมขี นำดไมเ่ ล็กกว่ำ 1.5 ตร.มม.
6.3.6 สายดา้ นทุติยภมู ขิ องมอเตอร์แบบเวาดโ์ รเตอร์ (Wound-Rotor)
6.3.6.1 มอเตอร์ใช้งานประเภทต่อเนอื่ ง
สำยท่ตี อ่ ระหว่ำงด้ำนทตุ ิยภมู ขิ องมอเตอรก์ บั เคร่ืองควบคมุ มอเตอรต์ อ้ งมีขนำดกระแสไม่ต่ำกว่ำ
รอ้ ยละ 125 ของกระแสโหลดเตม็ ที่ดำ้ นทตุ ยิ ภมู ขิ องมอเตอร์
6.3.6.2 มอเตอร์ทีใ่ ช้งานไมต่ ่อเนือ่ ง
สำยต้องมขี นำดกระแสไม่ต่ำกว่ำจำนวนร้อยละของกระแสโหลดเต็มท่ีด้ำนทุติยภูมิของมอเตอร์
ตำมตำรำงที่ 6-1
ใ ้ชเ ่พือการศึกษาเ ่ทา ัน้น
ตารางท่ี 6-1
ขนาดกระแสของสายสาหรับมอเตอรท์ ใี่ ช้งานไม่ตอ่ เนอ่ื ง
ร้อยละของพกิ ัดกระแสบนแผน่ ป้ายประจาเครือ่ ง
ประเภทการใช้งาน มอเตอรพ์ กิ ัด มอเตอร์พกิ ดั มอเตอร์พกิ ดั มอเตอร์พิกดั
ใช้งาน 5 นาที ใชง้ าน 15 นาที ใช้งาน 30 และ ใช้งานต่อเนื่อง
ใชง้ ำนระยะส้ัน เชน่ มอเตอรห์ มนุ
ปดิ -เปิดวำล์ว ฯลฯ 60 นาที
ใช้งำนเปน็ ระยะ เช่นมอเตอร์ลิฟต์
มอเตอรป์ ิด-เปิดสะพำน ฯลฯ 110 120 150 -
ใช้งำนเปน็ คำบ เช่นมอเตอรห์ มนุ
ลูกกลิ้ง ฯลฯ 85 85 90 140
ใชง้ ำนทเี่ ปล่ยี นแปลง
85 90 95 140
110 120 150 200
บทที่ 6 บรภิ ัณฑไ์ ฟฟา้ 6-5
6.3.6.3 มอเตอร์มีตวั ตา้ นทานอย่แู ยกจากเคร่ืองควบคมุ
สำยที่ตอ่ ระหว่ำงเครือ่ งควบคมุ และตัวต้ำนทำน ต้องมีขนำดกระแสไม่ต่ำกว่ำที่กำหนดในตำรำง
ท่ี 6-2
ตารางที่ 6-2
ขนาดสายระหวา่ งเครอื่ งควบคมุ มอเตอร์ และ
ตวั ต้านทานในวงจรทุติยภูมขิ องมอเตอรแ์ บบเวาด์โรเตอร์
ใ ้ชเ ่พือการศึกษาเ ่ทา ัน้นประเภทการใชง้ านของตัวต้านทานขนาดกระแสของสายคิดเป็นร้อยละ
ของกระแสด้านทุตยิ ภมู ิทโี่ หลดเต็มที่
เรม่ิ เดนิ อย่ำงเบำ
เริ่มเดินอยำ่ งหนัก 35
เริม่ เดนิ อยำ่ งหนกั มำก 45
ใช้งำนเปน็ ระยะห่ำงมำก 55
ใชง้ ำนเปน็ ระยะห่ำงปำนกลำง 65
ใช้งำนเป็นระยะถี่ 75
ใช้งำนต่อเนื่องกนั 85
110
6.3.7 สายสาหรับวงจรมอเตอร์หลายตัว
สำยซ่ึงจ่ำยกระแสให้แก่มอเตอร์มำกกว่ำ 1 ตัว ต้องมีขนำดกระแสไม่ต่ำกว่ำผลรวมของพิกัด
กระแสโหลดเตม็ ที่ของมอเตอร์ทุกตวั บวกกบั ร้อยละ 25 ของพิกัดกระแสโหลดเต็มท่ีของมอเตอร์
ตัวใหญ่ท่ีสุดในวงจร ในกรณีที่มอเตอร์ตัวใหญ่ที่สุดมีหลำยตัวให้บวกร้อยละ 25 เพียงตัวเดียว
ในกรณที ่มี ีมอเตอรแ์ บบใช้งำนไม่ต่อเนอื่ งปนอยูด่ ว้ ย ในกำรหำขนำดสำยให้ดำเนนิ กำรดงั นี้
6.3.7.1 หำขนำดกระแสของสำยสำหรับมอเตอรแ์ บบใช้งำนไม่ต่อเนื่อง ตำมตำรำงท่ี 6-1
6.3.7.2 หำขนำดกระแสของสำยสำหรบั มอเตอรแ์ บบใช้งำนต่อเนอื่ งโดยใช้คำ่ รอ้ ยละ 100
ของพิกัดกระแสโหลดเตม็ ท่ขี องมอเตอร์
6.7.3.3 ตรวจค่ำกระแสจำกข้อ 6.3.7.1 และ 6.3.7.2 เม่ือพบว่ำค่ำดังกล่ำวของมอเตอร์ตัว
ใดสูงสุดใหค้ ูณด้วย 1.25 แล้วบวกด้วยค่ำขนำดกระแสของสำยสำหรับมอเตอร์ตัวอ่ืนที่เหลือใน
ข้อ 6.3.7.1 และ 6.3.7.2 ท้ังหมด จะได้กำหนดขนำดกระแสของสำยท่ีจ่ำยไฟให้แก่มอเตอร์
เหลำ่ นัน้
6.3.8 สายสาหรบั วงจรทีจ่ า่ ยไฟให้แก่มอเตอร์ร่วมกบั โหลดอืน่
ต้องมขี นำดกระแสไมต่ ่ำกวำ่ ท่คี ำนวณได้ ตำมข้อ 6.3.5 หรอื 6.3.7 บวกกับกระแสควำมต้องกำร
สำหรับโหลดอน่ื ๆ ท่ีกำหนดไว้
6-6 บทที่ 6 บริภัณฑไ์ ฟฟ้า
คาอธิบาย โหลดอนื่ ๆ หมำยถึงโหลดทคี่ ดิ ค่ำดมี ำนด์แฟกเตอรแ์ ล้ว
6.3.9 ดมี านด์แฟกเตอร์ของสายปอ้ น
สำยป้อนอำจมีขนำดเล็กกว่ำที่คำนวณตำมข้อ 6.3.7 หรือ 6.3.8 ได้ถ้ำมอเตอร์ใช้งำนไม่พร้อม
กนั โดยสภำพของงำน กำรผลติ หรือเครื่องจกั ร
6.3.10 มอเตอร์ทีม่ ีคาปาซเิ ตอร์ต่อร่วมอยู่ด้วย
กำรคำนวณขนำดสำยสำหรับมอเตอร์ที่มีคำปำซิเตอร์ร่วมอยู่ด้วยให้ดูข้อ 6.5 เรื่องคำปำซิเตอร์
ประกอบด้วย
6.3.11 การต่อสายแยกจากสายปอ้ น
สำยท่ีแยกจำกสำยป้อน ต้องมีขนำดกระแสไม่น้อยกว่ำท่ีคำนวณได้ในตอน ข. ต้องต่อเข้ำกับ
เครอ่ื งปอ้ งกนั กระแสเกินและต้องเปน็ ไปตำมขอ้ ใดขอ้ หน่ึงหรือหลำยข้อ ดงั ต่อไปน้ี
6.3.11.1 สำยตัวนำตอ้ งเดินในท่อสำยและยำวไมเ่ กิน 3 เมตร
6.3.11.2 มีขนำดกระแสไมต่ ำ่ กว่ำ 1/3 ของขนำดกระแสของสำยป้อนและมีกำรป้องกันควำม
เสยี หำยทำงกำยภำพ ควำมยำวไม่เกิน 7.5 เมตร
6.3.11.3 มขี นำดกระแสเทำ่ กับสำยปอ้ น
ใ ้ชเ ่พือการศึกษาเ ่ทา ัน้น
ตอน ค. การป้องกันการใชง้ านเกนิ กาลงั ของมอเตอรแ์ ละวงจรยอ่ ย
ข้อกำหนดน้ี สำหรับมอเตอร์ที่ใช้กับระบบแรงต่ำเพ่ือป้องกันวงจรมอเตอร์ และอุปกรณ์ประกอบ
ต่ำงๆ มีอุณหภูมิสูงเกินกำหนด เน่ืองจำกกำรใช้งำนเกินกำลังหรือเริ่มเดินไม่สำเร็จ ท้ังนี้ไม่
ครอบคลุมถึงมอเตอรส์ ำหรบั เครอ่ื งสบู นำ้ ดบั เพลงิ
6.3.12 มอเตอรใ์ ช้งานประเภทต่อเนื่อง
6.3.12.1 มอเตอรข์ นาดเกนิ 1 แรงมา้
มอเตอร์แต่ละตวั ตอ้ งมีกำรป้องกันกำรใชง้ ำนเกนิ กำลงั ดว้ ยวธิ ีใดวิธีหนงึ่ ดังต่อไปน้ี
ก) เครอ่ื งป้องกนั กำรใชง้ ำนเกินกำลังติดตั้งแยกต่ำงหำกจำกตัวมอเตอร์และทำงำน
สัมพันธ์กับกระแสของมอเตอร์ ขนำดปรับตั้งของเคร่ืองป้องกันกำรใช้งำนเกิน
กำลังต้องไม่เกนิ ร้อยละของพกิ ดั กระแสโหลดเตม็ ท่ี ดงั น้ี
มอเตอร์ทีร่ ะบุตัวประกอบใช้งำน (service factor) ไม่น้อยกว่ำ 1.15 รอ้ ยละ 125
มอเตอร์ทรี่ ะบอุ ณุ หภูมิเพม่ิ ข้ึน ไมเ่ กนิ 40 ºC ร้อยละ 125
มอเตอรอ์ ่ืนๆ ร้อยละ 115
บทท่ี 6 บริภณั ฑ์ไฟฟา้ 6-7
ขนำดปรับต้ังน้ีอำจเปลี่ยนแปลงได้ตำมท่ีอนุญำตโดยข้อ 6.3.14 ถ้ำมอเตอร์เป็นชนิดควำมเร็ว
หลำยค่ำ กำรพจิ ำรณำใหแ้ ยกเป็นแต่ละขดลวดไป
ข) เครื่องป้องกันอุณหภูมิสูงเกินกำหนด ที่ติดตั้งที่ตัวมอเตอร์ซึ่งได้ออกแบบเพื่อ
ป้องกันมอเตอร์เสียหำยจำกอุณหภูมิสูงเกินกำหนดเน่ืองจำกกำรใช้งำนเกิน
กำลังหรือเร่ิมเดินไม่สำเร็จ ต้องตัดกระแสที่เข้ำมอเตอร์ไม่เกินร้อยละของพิกัด
กระแสโหลดเต็มท่ี ดังนี้
มอเตอรท์ ่ีมีกระแสโหลดเต็มที่ไมเ่ กนิ 9 แอมแปร์ ร้อยละ 170
มอเตอรท์ ม่ี ีกระแสโหลดเตม็ ท่ตี ้ังแต่ 9.1 ถงึ 20 แอมแปร์ ร้อยละ 156
มอเตอร์ที่มีกระแสโหลดเต็มท่ี เกินกว่ำ 20 แอมแปร์ รอ้ ยละ 140
ใ ้ชเ ่พือการศึกษาเ ่ทา ัน้น
ถ้ำเคร่ืองตัดกระแสเข้ำมอเตอร์ ติดต้ังแยกต่ำงหำกจำกตัวมอเตอร์และวงจรควบคุมกำรทำงำน
ด้วยอุปกรณ์ที่ติดอยู่ที่ตัวมอเตอร์ ต้องจัดให้กระแสเข้ำมอเตอร์ถูกตัดออก เม่ือวงจรควบคุมถูก
ตดั
ค) อนุญำตให้ใช้เคร่ืองป้องกันติดต้ังที่ตัวมอเตอร์ ซ่ึงจะทำหน้ำท่ีป้องกันควำม
เสียหำยของมอเตอร์เน่ืองจำกเริ่มเดินไม่สำเร็จได้ ถ้ำมอเตอร์ประกอบอยู่กับ
บริภณั ฑซ์ ึง่ ได้ออกแบบใหใ้ นสภำพปกตไิ ม่ปล่อยให้มอเตอร์ใช้งำนเกินกำลงั
ง) มอเตอร์ที่มีขนำดเกินกว่ำ 1,500 แรงม้ำต้องติดต้ังเครื่องตรวจจับอุณหภูมิสูงไว้
ในตัวมอเตอร์ ซึ่งจะตัดกระแสเข้ำมอเตอร์ออกเม่ืออุณหภูมิของมอเตอร์สูงเกิน
กำหนด
6.3.12.2 มอเตอร์ขนาดไม่เกิน 1 แรงม้า เริ่มเดินไมอ่ ัตโนมัติ
ก) มอเตอร์ใช้งำนประเภทต่อเน่ือง ขนำดไม่เกิน 1 แรงม้ำ ไม่ได้ติดต้ังถำวร อยู่ในที่
ซึ่งมองเห็นไดจ้ ำกเคร่ืองควบคุมมอเตอร์ และห่ำงกันจำกเคร่ืองควบคุมมอเตอร์
ไม่เกิน 15 เมตร ให้ใช้เคร่ืองป้องกันกำรลัดวงจรระหว่ำงสำยและดินของวงจร
ย่อย ท่ีมีขนำดตำมท่ีกำหนดในตอน ง. เป็นเคร่ืองป้องกันกำรใช้งำนเกินกำลัง
ของมอเตอรไ์ ด้ วงจรย่อยดังกล่ำวตอ้ งมีขนำดไม่เกิน 20 แอมแปร์
ข) มอเตอร์ขนำดไม่เกิน 1 แรงม้ำ ติดต้ังถำวรอยู่ในที่ซ่ึงมองไม่เห็นจำกเครื่อง
ควบคมุ มอเตอร์ หรือหำ่ งจำกเครือ่ งควบคมุ มอเตอร์เกินกว่ำ 15 เมตร ต้องมีกำร
ป้องกนั ตำมทกี่ ำหนดในข้อ 6.3.12.3
ใ ้ชเ ่พือการศึกษาเ ่ทา ัน้น6-8 บทท่ี 6 บรภิ ัณฑไ์ ฟฟ้า
6.3.12.3 มอเตอรข์ นาดไมเ่ กิน 1 แรงมา้ เรมิ่ เดนิ อัตโนมตั ิ
มอเตอร์ต้องมีกำรปอ้ งกันกำรใชง้ ำนเกนิ กำลงั ดว้ ยวิธีใดวธิ หี นึง่ ดงั ตอ่ ไปน้ี
ก) เคร่ืองปอ้ งกันกำรใชง้ ำนเกินกำลงั ตดิ ต้ังแยกต่ำงหำกจำกตัวมอเตอร์และทำงำน
สัมพันธ์กับกระแสของมอเตอร์ ขนำดปรับต้ังของเคร่ืองป้องกันกำรใช้งำนเกิน
กำลังน้ใี ห้เป็นไปตำมท่กี ำหนดในข้อ 6.3.12.1 ก)
ข) เคร่ืองป้องกันอุณหภูมิสูงเกินที่ติดตั้งท่ีตัวมอเตอร์ ซ่ึงได้ออกแบบให้ป้องกัน
มอเตอรเ์ สยี หำยจำกควำมรอ้ นเกินกำหนดเนอื่ งจำกกำรใช้งำนเกนิ กำลังหรือเร่ิม
เดินไม่สำเร็จและเครื่องตัดกระแสเข้ำมอเตอร์ต้องติดต้ังแยกต่ำงหำกจำกตัว
มอเตอร์ และวงจรควบคุมทำงำนด้วยอุปกรณ์ท่ีติดอยู่กับตัวมอเตอร์ต้องจัดให้
กระแสเข้ำมอเตอร์ถูกตัดออกเมอ่ื วงจรควบคมุ ถูกตัด
ค) ให้ถือว่ำมอเตอร์ได้มีกำรป้องกันท่ีเหมำะสมแล้ว ถ้ำมอเตอร์ประกอบอยู่กับ
บรภิ ัณฑซ์ ่งึ ไดอ้ อกแบบให้ในสภำพปกติไมป่ ลอ่ ยใหม้ อเตอรใ์ ช้งำนเกินกำลงั หรือ
บริภัณฑ์นี้ทำงำนร่วมกับวงจรควบคุมอย่ำงอ่ืนท่ีป้องกันมอเตอร์เสียหำย
เนอื่ งจำกเร่ิมเดินไม่สำเร็จ
ง) ในกรณีที่มอเตอร์มีอิมพีแดนซ์สูงเพียงพอท่ีจะไม่เกิดควำมร้อนสูงเนื่องจำกเริ่ม
เดินไม่สำเร็จ และถ้ำมอเตอร์เป็นประเภทเริ่มเดินไม่อัตโนมัติประกอบอยู่กับ
บริภณั ฑ์ ซ่ึงได้ออกแบบให้ปอ้ งกันมอเตอร์เสยี หำยเนื่องจำกควำมร้อนเกิน ยอม
ใหม้ กี ำรปอ้ งกันตำมทกี่ ำหนดในขอ้ 6.3.12.2 ก) ได้
6.3.12.4 ด้ำนทุติยภูมิของเวำด์โรเตอร์ชนิดกระแสสลับ รวมท้ังสำยไฟเคร่ืองควบคุมตัว
ต้ำนทำน ฯลฯ อนุญำตให้ใช้เครื่องป้องกันกำรใช้งำนเกินกำลังของมอเตอร์ เป็นเครื่องป้องกัน
กำรใช้งำนเกนิ กำลังของ วงจรด้ำนทตุ ิยภมู ไิ ด้
6.3.13 มอเตอร์ประเภทใชง้ านเปน็ ระยะและทีค่ ลา้ ยกัน
มอเตอร์ใช้งำนระยะส้ัน ใช้งำนเปน็ ระยะ ใชง้ ำนเป็นคำบ หรือใช้งำนที่เปลี่ยนแปลง ตำมท่ีแสดง
ในตำรำงท่ี 6-1 อนุญำตให้ใชเ้ ครือ่ งปอ้ งกันกำรลดั วงจรระหวำ่ งสำยและปอ้ งกันกำรรั่วลงดนิ ของ
วงจรย่อย ซ่ึงมีขนำดหรือพิกัดปรับตั้งไม่เกินท่ีกำหนดในตำรำงที่ 6-3 เป็นเคร่ืองป้องกันกำรใช้
งำนเกนิ กำลังได้ ในกำรพิจำรณำใหถ้ ือว่ำมอเตอร์ใช้งำนเปน็ แบบต่อเนือ่ ง นอกจำกในสภำพของ
โหลด หรอื สภำพกำรใชง้ ำน บังคบั ให้มอเตอร์ใช้งำนได้อย่ำงไมต่ อ่ เนอื่ ง
บทที่ 6 บรภิ ัณฑ์ไฟฟ้า 6-9
6.3.14 การเลอื กรเี ลย์โหลดเกนิ (Overload Relay)
ในที่ซ่ึงรีเลย์โหลดเกิน ซ่ึงเลือกตำมท่ีกำหนดในข้อ 6.3.12.1 ก) และ 6.3.12.3 ก) มีค่ำไม่
เพยี งพอสำหรบั กำรเร่ิมเดนิ หรอื สำหรับโหลด อนญุ ำตใหใ้ ชร้ เี ลย์โหลดเกินขนำดสูงกว่ำถัดไปได้
แต่ต้องไม่เกนิ ร้อยละของพกิ ัดกระแสโหลดเต็มท่ี ดงั น้ี
มอเตอรท์ ร่ี ะบตุ วั ประกอบใชง้ ำน (service factor) ไมน่ อ้ ยกว่ำ 1.15 ร้อยละ 140
มอเตอรท์ รี่ ะบอุ ุณหภูมิเพ่ิมขน้ึ ไมเ่ กิน 40 ºC รอ้ ยละ 140
มอเตอร์อืน่ ๆ รอ้ ยละ 130
ใ ้ชเ ่พือการศึกษาเ ่ทา ัน้น
มอเตอร์ซึ่งขณะเริ่มเดินไม่ต่อขนำน (not shunted during the starting period) เคร่ืองป้องกัน
กำรใชง้ ำนเกนิ กำลัง ตอ้ งมกี ำรหน่วงเวลำนำนพอทจี่ ะตัดกระแสในขณะทีม่ อเตอรเ์ ร่ิมเดิน
6.3.15 เมื่อใชฟ้ ิวส์เป็นเครอื่ งป้องกันการใชง้ านเกนิ กาลงั ใหแ้ ก่มอเตอร์
ตอ้ งใส่ฟวิ ส์ทกุ สำยเส้นไฟและห้ำมใส่ฟิวสใ์ นสำยเสน้ ท่ีมีกำรต่อลงดนิ
6.3.16 จานวนสายที่ถูกตัดโดยเครื่องป้องกนั การใช้งานเกนิ กาลงั
เคร่ืองป้องกันกำรใช้งำนเกินกำลังที่ไม่ใช่ฟิวส์ และเครื่องป้องกันอุณหภูมิสูงเกิน ต้องสำมำรถ
ปลดสำยเสน้ ไฟจำนวนเพยี งพอทจี่ ะไม่ทำให้กระแสไหลผ่ำนมอเตอร์ได้และต้องปลดออกพร้อม
กนั ดว้ ย
6.3.17 การใชเ้ ครื่องควบคุมมอเตอร์เปน็ เครื่องปอ้ งกนั การใช้งานเกินกาลงั
เครือ่ งควบคุมมอเตอรท์ ี่มีเครอ่ื งป้องกนั กำรใช้งำนเกินกำลังที่สำมำรถปลดสำยเส้นไฟทุกเส้นได้
พร้อมกันแล้ว ไม่จำเป็นต้องมีเคร่ืองป้องกันกำรใช้งำนเกินกำลังต่ำงหำกอีก สำหรับมอเตอร์
กระแสตรง อุปกรณช์ ดุ นีต้ อ้ งอยูใ่ นวงจรทงั้ ขณะเริม่ เดินและใช้งำน สว่ นมอเตอรก์ ระแสสลบั อำจ
อยใู่ นวงจรเฉพำะขณะใช้งำนได้
6.3.18 เคร่ืองตดั ตอนชนดิ ท่ีทางานดว้ ยความรอ้ นและรเี ลย์โหลดเกิน (Thermal
Cutout and Overload Relay)
เครื่องตดั ตอนชนดิ ทที่ ำงำนด้วยควำมร้อน รเี ลยโ์ หลดเกนิ และเครอ่ื งปอ้ งกนั กำรใช้งำนเกนิ กำลัง
อย่ำงอน่ื ซงึ่ ไมส่ ำมำรถตัดกระแสลัดวงจรไดต้ อ้ งตดิ ตั้งเครื่องป้องกัน เช่น ฟิวส์ หรือเซอร์กิตเบรก
เกอร์ซึ่งมีพิกัดหรือขนำดปรับตั้ง ตำมข้อ 6.3.21 หรือใช้เครื่องป้องกันกำรลัดวงจรมอเตอร์ตำม
ข้อ 6.3.21 ยกเว้น กรณีท่ีบริภัณฑ์ซึ่งติดต้ังเครื่องป้องกันกำรใช้งำนเกินกำลังจะระบุขนำด
สูงสุดของเครอื่ งป้องกนั กำรลดั วงจรไวท้ ีแ่ ผน่ ปำ้ ยประจำเคร่ืองแลว้ ให้ใช้ตำมน้ัน
ใ ้ชเ ่พือการศึกษาเ ่ทา ัน้น6-10 บทท่ี 6 บริภัณฑไ์ ฟฟ้า
6.3.19 มอเตอร์ที่ใชใ้ นวงจรย่อยใช้งานทั่วไป
เครอ่ื งป้องกันกำรใช้งำนเกินกำลงั ของมอเตอร์ต้องเปน็ ดงั นี้
6.3.19.1 มอเตอร์ขนาดไมเ่ กิน 1 แรงมา้
มอเตอร์ตัวเดียวหรือหลำยตัว อนุญำตให้ใช้กับวงจรย่อยใช้งำนทั่วไปได้โดยไม่ต้องมีเครื่อง
ป้องกันกำรใช้งำนเกินกำลังแยกเฉพำะตัว เฉพำะเม่ือกำรติดต้ังเป็นไปตำมท่ีกำหนดในข้อ
6.3.12.2, 6.3.12.3, 6.3.22.1 ก) และ 6.3.22.1 ข) เทำ่ น้ัน
6.3.19.2 มอเตอรข์ นาดเกิน 1 แรงมา้
มอเตอรข์ นำดเกนิ 1 แรงม้ำ อนุญำตให้ใช้กับวงจรย่อยใช้งำนท่ัวไปได้โดยมอเตอร์แต่ละตัวต้อง
มีเครื่องป้องกันกำรใช้งำนเกินกำลังแยกเฉพำะ และกำรป้องกันกำรใช้งำนเกินกำลังเป็นไป
ตำมทกี่ ำหนดในขอ้ 6.3.22
6.3.19.3 การหนว่ งเวลา
เครื่องป้องกันกระแสเกินของวงจรที่มีมอเตอร์หรือเครื่องใช้ไฟฟ้ำชนิดมีมอเตอร์ต้องมีกำรห น่วง
เวลำหรอื มีคุณสมบตั ใิ นกำรหนว่ งเวลำนำนพอท่จี ะไมต่ ดั วงจรในขณะทมี่ อเตอร์เรมิ่ เดินในสภำพ
กำรใชง้ ำนปกติ
6.3.20 มอเตอร์ที่เร่ิมเดินใหมไ่ ดเ้ องโดยอตั โนมัติ
หำ้ มใชเ้ ครอื่ งปอ้ งกนั กำรใชง้ ำนเกินกำลังของมอเตอรช์ นิดทที่ ำใหม้ อเตอร์เริ่มเดนิ ใหม่ไดเ้ องอีก
หลังจำกท่ีเครื่องป้องกันฯ นปี้ ลดวงจร เนอื่ งจำกมอเตอร์ใชง้ ำนเกนิ กำลังแลว้ นอกจำกจะไดร้ ับ
ควำมเหน็ ชอบจำกกำรไฟฟ้ำฯกอ่ น ไมย่ อมใหใ้ ช้มอเตอรช์ นดิ ที่เริม่ เดนิ ไดเ้ องโดยอตั โนมัติ
หลังจำกหยุดไปแลว้ นอกจำกจะได้รบั กำรรับรองวำ่ ไม่เปน็ อนั ตรำยต่อบุคคล
ตอน ง. การป้องกันกระแสลดั วงจรระหว่างสาย และปอ้ งกันการรั่วลงดนิ ของ วงจรยอ่ ย
มอเตอร์
ข้อกำหนดในตอนน้ี ใชส้ ำหรับมอเตอรใ์ นระบบแรงต่ำเท่ำนัน้
6.3.21 ขนาดหรือการปรบั ตง้ั สาหรบั วงจรทีม่ ีมอเตอรต์ วั เดียว
เคร่ืองป้องกันกระแสลดั วงจรระหว่ำงสำยและป้องกนั กำรรั่วลงดนิ สำหรบั วงจรย่อย มอเตอร์ต้อง
สำมำรถทนกระแสเร่ิมเดินของมอเตอร์ได้ และมีขนำดหรือกำรปรับตั้งไม่เกินค่ำที่กำหนดใน
ตำรำงท่ี 6-3 ถ้ำค่ำท่ีกำหนดในตำรำงท่ี 6-3 ไม่ตรงกบั มำตรฐำนของฟวิ ส์หรือเซอร์กิตเบรกเกอร์
ให้ใช้ขนำดตำมมำตรฐำนที่สูงถัดไปได้ กรณีท่ีเครื่องป้องกันกระแสลัดวงจรตัดวงจรขณะ
บทท่ี 6 บรภิ ัณฑไ์ ฟฟา้ 6-11
มอเตอร์เริ่มเดินในสภำพกำรใช้งำนปกติ ให้เปล่ียนขนำดของเครื่องป้องกันกระแสลัดวงจรให้
สงู ข้ึนไปได้ดังน้ี
ตารางท่ี 6-3
พกิ ดั หรือขนาดปรบั ตัง้ สูงสุดของเครือ่ งปอ้ งกนั การลดั วงจรระหว่างสาย
และป้องกันการรั่วลงดินของวงจรยอ่ ยมอเตอร์
รอ้ ยละของกระแสโหลดเต็มที่
ชนิดของมอเตอร์ ฟวิ ส์ ฟิวส์ เซอรก์ ิตเบรกเกอร์ เซอรก์ ติ เบรกเกอร์
ใ ้ชเ ่พือการศึกษาเ ่ทา ัน้น ทำงำนไว หน่วงเวลำ ปลดทนั ที เวลำผกผัน
มอเตอร์ 1 เฟส ไมม่ ีรหสั อกั ษร
มอเตอรก์ ระแสสลับ 1 เฟส ทัง้ หมด 300 175 700 250
และมอเตอร์ 3 เฟส แบบกรงกระรอก
และแบบซงิ โครนสั ซึง่ เริม่ เดินโดยรบั 300 175 700 250
แรงดันไฟฟ้ำเต็มท่ีหรอื เร่มิ เดนิ ผ่ำนตัว 300 175 700 250
ต้ำนทำนหรอื รแี อก็ เตอร์ 250
ไม่มรี หสั อักษร 150 175 700 200
รหสั อักษร F ถึง V 150 700 150
รหสั อกั ษร B ถงึ E 250
รหสั อักษร A 200 175 700 200
มอเตอร์กระแสสลับทงั้ หมด แบบกรง 250
กระรอก และแบบซิงโครนัสซ่งึ เร่ิมเดิน 200 175 700 200
โดยผำ่ นหมอ้ แปลงออโต 150 175 700 200
กระแสไม่เกนิ 30 แอมแปร์ 175 700 200
ไมม่ ีรหสั อกั ษร 150 700 150
กระแสเกนิ 30 แอมแปร์
ไม่มรี หสั อักษร
รหสั อักษร F ถงึ V
รหัสอกั ษร B ถงึ E
รหัสอักษร A
6-12 บทท่ี 6 บริภณั ฑไ์ ฟฟา้
ตารางท่ี 6-3 (ต่อ)
พกิ ัดหรือขนาดปรบั ตั้งสูงสุดของเครือ่ งป้องกนั การลัดวงจรระหวา่ งสาย
และปอ้ งกันการรั่วลงดินของวงจรย่อยมอเตอร์
รอ้ ยละของกระแสโหลดเตม็ ที่
ชนดิ ของมอเตอร์ ฟวิ ส์ ฟวิ ส์ เซอร์กติ เบรกเกอร์ เซอรก์ ติ เบรกเกอร์
ทำงำนไว
มอเตอรแ์ บบ กรงกระรอก หนว่ งเวลำ ปลดทันที เวลำผกผัน
กระแสไมเ่ กนิ 30 แอมแปร์
ไมม่ รี หสั อกั ษร ใ ้ชเ ่พือการศึกษาเ ่ทา ัน้น250 175700 250
กระแสเกนิ 30 แอมแปร์ 200 175 700 200
ไมม่ รี หสั อักษร 150 150 700 150
มอเตอรแ์ บบเวำดโ์ รเตอร์
ไมม่ ีรหสั อักษร 150 150 250 150
มอเตอรก์ ระแสตรง (แรงดนั คงท่ี) 150 150 175 150
ขนำดไมเ่ กิน 50 แรงม้ำ
ไมม่ ีรหสั อักษร
ขนำดเกิน 50 แรงม้ำ
ไม่มรี หัสอักษร
หมายเหตุ 1) กำรกำหนดรหสั อกั ษรให้ดูจำกตำรำงที่ 6-4
2) มอเตอรไ์ มม่ ีรหสั อกั ษร หมำยถึง มอเตอร์ท่ีผลติ ก่อนมีกำรกำหนดรหสั อักษรโดย NEMA
Standard และมอเตอร์ทขี่ นำดเลก็ กว่ำ 1/2 แรงม้ำ
3) มอเตอร์ทีผ่ ลติ ตำมมำตรฐำนอืน่ ให้พจิ ำรณำกำรเปรยี บเทยี บรหสั อกั ษรจำกตำรำงท่ี 6-4
6.3.21.1 ฟิวส์ชนดิ ไม่หน่วงเวลำ ขนำดไม่เกิน 600 แอมป์ ให้เปล่ียนขนำดสูงขึ้นไปได้แต่ต้อง
ไมเ่ กนิ รอ้ ยละ 400 ของกระแสโหลดเต็มทขี่ องมอเตอร์
6.3.21.2 ฟิวส์ชนิดหน่วงเวลำ ให้เปลี่ยนขนำดสูงขึ้นไปได้ แต่ต้องไม่เกินร้อยละ 225 ของ
กระแสโหลดเต็มทขี่ องมอเตอร์
6.3.21.3 วงจรย่อยของทอรก์ มอเตอร์ (torque motor) ขนำดของเคร่ืองป้องกันให้เป็นไปตำม
พกิ ดั กระแสที่แผน่ ป้ำยประจำเครือ่ ง ถ้ำไมต่ รงกบั ขนำดมำตรฐำนของฟิวส์หรอื เซอรก์ ิตเบรกเกอร์
ให้ใช้ขนำดตำมมำตรฐำนทสี่ งู ถดั ไป
6.3.21.4 เซอร์กิตเบรกเกอร์เวลำผกผัน (inverse time circuit breaker) ขนำดไม่เกิน 100
แอมแปร์ ให้เปล่ียนขนำดสูงขึ้นไปได้อีกแต่ต้องไม่เกินร้อยละ 400 ของกระแสโหลดเต็มท่ีของ
บทที่ 6 บริภณั ฑ์ไฟฟ้า 6-13
มอเตอร์ ถ้ำขนำดเกิน 100 แอมแปร์ ให้เปลี่ยนขนำดสูงขึ้นไปได้อีกแต่ต้องไม่เกินร้อยละ 300
ของกระแสโหลดเตม็ ท่ีของมอเตอร์
6.3.21.5 ฟวิ ส์ขนำดเกิน 600 แอมแปร์ ใหเ้ ปลี่ยนขนำดสูงข้นึ ไปไดแ้ ต่ต้องไม่เกินร้อยละ 300 ของกระแส
โหลดเตม็ ที่ของมอเตอร์
ตารางที่ 6-4
รหัสอกั ษรแสดงการล็อกโรเตอร์
ใ ้ชเ ่พือการศึกษาเ ่ทา ัน้นรหัสอกั ษร เควีเอตอ่ แรงม้า ขณะล็อกโรเตอร์
A 0 - 3.14
B 3.15 - 3.54
C 3.55 - 3.99
D 4.0 - 4.49
E 4.5 - 4.99
F 5.0 - 5.59
G 5.6 - 6.29
H 6.3 - 7.09
J 7.1 - 7.99
K 8.0 - 8.99
L 9.0 - 9.99
M 10.0 - 11.19
N 11.2 - 12.49
P 12.5 - 13.99
R 14.0 - 15.99
S 16.0 - 17.99
T 18.0 - 19.99
U 20.0 - 22.39
V ต้ังแต่ 22.4 ขนึ้ ไป
6.3.22 วงจรยอ่ ยที่มมี อเตอรห์ ลายตัวหรอื มโี หลดอน่ื
อนุญำตใหม้ มี อเตอรต์ ัวเดียวหรือหลำยตัวหรือมีโหลดอ่ืนต่อเข้ำกับวงจรย่อยเดียวกันได้ ภำยใต้
สภำวะที่ระบใุ นขอ้ ใดข้อหนึ่งต่อไปน้ี
ใ ้ชเ ่พือการศึกษาเ ่ทา ัน้น6-14 บทที่ 6 บริภณั ฑ์ไฟฟ้า
6.3.22.1 มอเตอร์ขนำดไม่เกิน 1 แรงม้ำหลำยตัว ยอมให้ต่อในวงจรย่อยระบบแรงต่ำที่มี
ขนำดกำรปอ้ งกนั กระแสเกินไม่เกนิ 15 แอมแปรไ์ ด้ ถำ้ เป็นไปตำมขอ้ กำหนดดงั ตอ่ ไปนี้
ก) กระแสใช้งำนเตม็ ท่ีที่กำหนดของมอเตอรแ์ ตล่ ะตวั ไม่เกนิ 6 แอมแปร์
ข) ขนำดของเครือ่ งป้องกนั กระแสเกิน ท่รี ะบุไว้ทเ่ี ครื่องควบคมุ มอเตอร์ ต้องไม่น้อย
กว่ำขนำดเครือ่ งป้องกนั กระแสเกินของวงจรยอ่ ย
ค) เครื่องป้องกันกำรใช้งำนเกินกำลังแต่ละตัว เป็นไปตำมท่ีกำหนดในข้อ 6.3.12
หรือ 6.3.14
6.3.22.2 ในกรณีท่ีต้องกำรป้องกันมอเตอร์ตัวเล็กที่สุดด้วย เครื่องป้องกันกระแสลัดวงจร
ระหว่ำงสำยและป้องกนั กำรรั่วลงดินของวงจรยอ่ ย ซึ่งคิดจำกมอเตอร์ขนำดเลก็ ทีส่ ุดในวงจรต้อง
ไม่ตัดวงจรในสภำวะใช้งำนปกติที่มำกท่ีสุดท่ีอำจเกิดขึ้นได้โดยที่มอเตอร์แต่ละตัวมีเครื่อง
ป้องกนั กำรใชง้ ำนเกินกำลังเฉพำะตัวอยู่แล้ว
6.3.22.3 มอเตอร์ติดตั้งเป็นกลุ่มนอกเหนือจำกที่กำหนดในข้อ 6.3.22.1 และ 6.3.22.2
มอเตอร์ซ่งึ มเี ครอ่ื งป้องกันกำรใชง้ ำนเกินกำลังประจำเครอ่ื งและโหลดอน่ื ๆ จะต่ออย่ใู นวงจรย่อย
เดยี วกันได้เม่ือเปน็ ไปตำมข้อกำหนดทกุ ขอ้ ดงั นี้
ก) เคร่ืองป้องกันกำรใช้งำนเกินกำลังและเครื่องควบคุมมอเตอร์แต่ละเคร่ืองต้อง
เป็นชนิดที่ผู้ผลิตได้รับกำรรับรองว่ำสำมำรถใช้สำหรับติดตั้งร่วมกับฟิวส์หรือ
เซอร์กิตเบรกเกอร์เวลำผกผันตำมขนำดสูงสดุ ท่ีกำหนด
ข) วงจรย่อยตอ้ งปอ้ งกนั กำรลัดวงจรด้วยฟิวส์หรือเซอร์กิตเบรกเกอร์เวลำผกผัน ตำม
ขนำดไม่เกินกว่ำที่กำหนดในข้อ 6.3.21 สำหรับมอเตอร์เคร่ืองใหญ่ที่สุดบวก
ด้วยผลรวมของพิกดั กระแสโหลดเต็มท่ขี องมอเตอร์อื่น กรณีท่ีผลกำรคำนวณได้
ค่ำต่ำกว่ำขนำดกระแสของตัวนำ อนุญำตให้เพิ่มขนำดฟิวส์หรือเซอร์กิตเบรก
เกอร์เวลำผกผนั ขนึ้ ไดอ้ ีกตำมขนำดที่ใชก้ บั ขนำดสำยนนั้
ค) ฟิวส์หรือเซอร์กิตเบรกเกอร์เวลำผกผันท่ีใช้ต้องมีขนำดไม่เกินที่กำหนดในข้อ
6.3.18 ซ่งึ ปอ้ งกันกำรใชง้ ำนเกินกำลงั ของมอเตอรต์ วั ท่ีเลก็ ท่สี ุดในวงจร
6.3.22.4 การต่อแยกเพอ่ื เข้ามอเตอรต์ ัวเดียว
กำรต่อสำยแยกจ่ำยไฟให้กับมอเตอร์แต่ละเคร่ือง ไม่ต้องติดต้ังเคร่ืองป้องกันกำรลัดวงจรที่จุด
แยก ถ้ำขนำดกระแสของสำยแยกไม่ต่ำกว่ำ 1/3 ของขนำดกระแสของสำยวงจรย่อยและ
ระยะทำงจำกจดุ แยกถงึ เครอ่ื งปอ้ งกันกำรใชง้ ำนเกินกำลังยำวไม่เกิน 7.5 เมตร โดยมีมำตรกำร
ปอ้ งกันควำมเสียหำยทำงกำยภำพดว้ ย
บทที่ 6 บรภิ ัณฑ์ไฟฟ้า 6-15
ตอน จ. การป้องกันกระแสลัดวงจรและป้องกันการรวั่ ลงดินของสายป้อนในวงจรมอเตอร์
6.3.23 พิกัดหรือขนาดปรบั ต้งั ของเครื่องป้องกนั การลดั วงจรของสายป้อน
สำหรับโหลดทเี่ ปน็ มอเตอรห์ รือมอเตอร์รว่ มกับโหลดอ่ืน
6.3.23.1 มอเตอรท์ ีต่ ิดต้ังไว้แล้ว
สำยป้อนที่จ่ำยไฟให้กับมอเตอร์ เคร่ืองป้องกันกระแสลัดวงจรของสำยป้อนต้องมีขนำดไม่เกิน
พกิ ัด หรือขนำดปรับต้ังของเครื่องปอ้ งกันกระแสลัดวงจรของมอเตอร์ทใ่ี หญ่ที่สุดในกลุ่ม บวกกับ
ผลรวมของพิกัดกระแสโหลดเต็มท่ีของมอเตอร์เครื่องอ่ืนๆ ในกรณีที่มีมอเตอร์เคร่ืองที่ใหญ่ที่สุด
มำกกวำ่ 1 เครือ่ ง กำรคำนวณให้เลอื กเพยี งเคร่อื งเดยี วเปน็ เครอื่ งท่ีใหญท่ ส่ี ุด
6.3.23.2 การสารองสาหรับการติดต้งั ในอนาคต
ในโครงกำรขนำดใหญ่ ซ่งึ ออกแบบสำยป้อนสำรองไว้เพื่อเพิม่ หรือเปลี่ยนแปลงในอนำคต พิกัด
ของเครื่องป้องกันกระแสลัดวงจรของสำยป้อน อนุญำตให้มีขนำดได้ไม่เกินขนำดกระแสของ
สำยป้อน
6.3.24 ขนำดปรับตงั้ เมอ่ื มอเตอรต์ ่อร่วมกบั โหลดไฟฟำ้ กำลงั หรือแสงสว่ำง
เมื่อสำยป้อนจำ่ ยโหลดทีม่ ีมอเตอรร์ ่วมกบั โหลดไฟฟ้ำกำลงั หรือแสงสวำ่ ง พกิ ดั หรือขนำดปรับต้ัง
ของเคร่ืองป้องกันกระแสเกินน้ัน จะต้องเพียงพอที่จะจ่ำยโหลดให้กับไฟฟ้ำแสงสว่ำงหรือ
เครื่องใช้ไฟฟ้ำ (ตำมท่ีคำนวณได้ในบทที่ 3) บวกดว้ ยขนำดกระแสของมอเตอร์ (มอเตอร์เคร่ือง
เดยี วคำนวณตำมขอ้ 6.3.21 และมอเตอรห์ ลำยเครื่องคำนวณตำมขอ้ 6.3.23)
ใ ้ชเ ่พือการศึกษาเ ่ทา ัน้น
ตอน ฉ. วงจรควบคมุ มอเตอร์
6.3.25 การป้องกนั กระแสเกนิ
วงจรควบคมุ มอเตอรท์ ีต่ ่อแยกออกจำกด้ำนโหลด (รวมท้ังหม้อแปลงสำหรับใช้วงจรควบคุม) ของ
เครือ่ งป้องกนั กระแสลดั วงจรและป้องกันกำรร่ัวลงดินของ วงจรย่อยมอเตอร์และทำหน้ำท่ีควบคุม
มอเตอร์ต้องมีกำรป้องกันกระแสเกิน ยกเว้น วงจรควบคุมทั้งหมดประกอบสำเร็จอยู่ภำยใน
กล่องเคร่ืองควบคุมมอเตอร์ กำรต่อแยกน้ีไมถ่ ือว่ำเปน็ วงจรยอ่ ย
6.3.26 การปลดวงจร
6.3.26.1 ตอ้ งจัดวงจรควบคุมมอเตอร์ในลักษณะท่ี เมื่อเครื่องปลดวงจรอยู่ในตำแหน่งปลด
วงจรควบคุมมอเตอรต์ ้องถูกปลดออกจำกตัวนำจำ่ ยไฟเขำ้ ท้ังหมด
ใ ้ชเ ่พือการศึกษาเ ่ทา ัน้น6-16 บทที่ 6 บริภณั ฑไ์ ฟฟา้
6.3.26.2 กรณีที่มีหม้อแปลงหรืออุปกรณ์อย่ำงอ่ืนเพื่อใช้ลดแรงดันสำหรับใช้ในวงจรควบคุม
มอเตอร์ และติดต้ังอยู่ภำยในเครื่องควบคุมมอเตอร์ หม้อแปลงหรืออุปกรณ์ดังกล่ำวต้องต่ออยู่
ทำงด้ำนโหลดของเคร่อื งปลดวงจรของวงจรควบคุมมอเตอร์
ตอน ช. เคร่อื งควบคุมมอเตอร์
ขอ้ กำหนดในตอนน้มี วี ัตถปุ ระสงค์เพ่อื ใชเ้ ครื่องควบคุมมอเตอร์ใหเ้ หมำะสมกับมอเตอร์
6.3.27 การออกแบบเคร่อื งควบคมุ มอเตอร์
6.3.27.1 เคร่ืองควบคุมตอ้ งสำมำรถเดินหรอื หยุดมอเตอร์ตัวที่ควบคุมอยู่ได้และต้องสำมำรถ
ตดั กระแสเมือ่ มอเตอรห์ มนุ ไมไ่ หวได้ด้วย
6.3.27.2 เครื่องเร่ิมเดินแบบหม้อแปลงออโตต้องมีตำแหน่งหยุดเดินและตำแหน่งเริ่มเดิน
อย่ำงนอ้ ยหน่งึ ตำแหน่ง
6.3.28 พกิ ดั
เครื่องควบคุมต้องมพี กิ ดั แรงมำ้ ไมต่ ่ำกว่ำพิกดั แรงม้ำของมอเตอร์
ข้อยกเว้นที่ 1 มอเตอร์พิกัดไม่เกิน 2 แรงม้ำ ใช้แรงดันไม่เกิน 416 โวลต์ อนุญำตให้ใช้สวิตช์แบบใช้งำน
ท่วั ไปทมี่ ขี นำดกระแสไมน่ ้อยกว่ำ 2 เทำ่ ของกระแสใช้งำนมอเตอร์แทนเครอื่ งควบคุมได้
ข้อยกเวน้ ท่ี 2 เคร่ืองควบคุมสำหรับทอร์กมอเตอร์ (torque motor) ต้องมีขนำดกระแสใช้งำนต่อเน่ือง
ไมน่ อ้ ยกว่ำขนำดกระแสทรี่ ะบไุ วท้ ม่ี อเตอร์
6.3.29 ท่ตี งั้
สวติ ช์บงั คบั ด้วยมือใช้เพื่อปลดวงจรมอเตอร์ออก ต้องติดตั้งไว้ในตำแหน่งท่ีมองเห็นได้จำกท่ีต้ัง
มอเตอรแ์ ละห่ำงจำกมอเตอรไ์ มเ่ กิน 15 เมตร
6.3.30 การใช้สวติ ชแ์ ละฟวิ สเ์ ป็นเครื่องควบคุมมอเตอร์
สวิตช์และฟิวส์ใช้เป็นเครื่องควบคุมมอเตอร์ได้ ถ้ำฟิวส์มีขนำดตำมท่ีกำหนดในตอน ค. แต่ถ้ำ
เป็นฟวิ ส์ชนดิ ทำงำนช้ำ อำจลดขนำดลงมำไดต้ ำมควำมเหมำะสม
6.3.31 มอเตอรช์ นิดปรบั ความเรว็ ได้
เครื่องควบคุมมอเตอร์ชนิดท่ีปรับควำมเร็วมอเตอร์โดยกำรปรับค่ำสนำมแม่เหล็ก ต้องมีวิธีกำร
ป้องกันมอเตอร์เร่ิมเดินในตำแหน่งท่ีสนำมแม่เหล็กมีค่ำน้อย นอกจำกมอเตอร์จะเป็นชนิดที่ได้
ออกแบบใหใ้ ชไ้ ด้
บทท่ี 6 บรภิ ณั ฑไ์ ฟฟา้ 6-17
ตอน ซ. เคร่อื งปลดวงจร
ข้อกำหนดในตอนน้มี วี ัตถุประสงคเ์ พอ่ื กำหนดขนำดเคร่อื งปลดวงจรที่สำมำรถปลดมอเตอร์และใ ้ชเ ่พือการศึกษาเ ่ทา ัน้น
เครอ่ื งควบคุมมอเตอร์ออกจำกวงจรได้โดยปลอดภยั
6.3.32 ทีต่ ั้ง
6.3.32.1 เคร่ืองปลดวงจรต้องติดต้ังอยู่ในท่ีซ่ึงมองเห็นได้จำกท่ีตั้งเครื่องควบคุมมอเตอร์และ
หำ่ งกนั ไม่เกนิ 15 เมตร
ข้อยกเวน้ ท่ี 1 สำหรบั มอเตอร์ระบบแรงสงู อนุญำตให้ติดต้ังเคร่ืองปลดวงจรโดยมองไม่เห็น
จำกตำแหนง่ ท่ตี ้ังเครือ่ งควบคมุ มอเตอร์ได้ ถ้ำทีเ่ คร่ืองควบคุมมอเตอร์ติดป้ำย
เตือนและบอกสถำนที่ตั้งเครื่องปลดวงจร พร้อมทั้งเครื่องปลดวงจรสำมำรถ
ใส่กุญแจได้ในตำแหน่งปลด
ขอ้ ยกเว้นท่ี 2 อนุญำตให้ใช้เคร่ืองปลดวงจรเคร่ืองเดียวสำหรับกลุ่มของชุดควบคุมท่ีใช้ขับ
ช้ินส่วนต่ำง ๆ ของเครื่องจักรเดียวกัน โดยท่ีท้ังเคร่ืองปลดวงจรและเคร่ือง
ควบคุมต้องมองเหน็ ได้จำกเคร่อื งจักรที่ใชง้ ำนและห่ำงกันไมเ่ กิน 15 เมตร
6.3.32.2 เคร่ืองปลดวงจรต้องติดต้ังอยู่ในท่ีซ่ึงมองเห็นได้จำกที่ต้ังมอเตอร์และเครื่องจักรที่
มอเตอร์ขับอยู่ ยกเว้น เครื่องปลดวงจรที่เป็นไปตำมข้อ 6.3.32.1 และสำมำรถใส่กุญแจได้ใน
ตำแหน่งปลด
6.3.33 การปลดไดท้ งั้ มอเตอรแ์ ละเคร่อื งควบคมุ
เคร่ืองปลดวงจรต้องติดต้ังอยู่ในตำแหน่งที่ปลดวงจรได้ทั้งมอเตอร์และเคร่ืองควบคุมมอเตอร์
พร้อมกนั
6.3.34 เคร่อื งหมายแสดงตาแหนง่
เครื่องปลดวงจรตอ้ งมีเคร่ืองหมำยแสดงอย่ำงชัดเจนวำ่ อยู่ในตำแหน่งปลดหรอื สับ
6.3.35 สายทม่ี ีการตอ่ ลงดิน
เครื่องปลดวงจรใช้ปลดสำยที่มีกำรต่อลงดินได้ ถ้ำเครื่องปลดวงจรน้ีได้ออกแบบในลักษณะท่ี
สำมำรถปลดสำยทกุ เสน้ ในวงจรออกไดพ้ รอ้ มกนั
6.3.36 การใช้บรภิ ณั ฑป์ ระธานเป็นเคร่ืองปลดวงจร
กรณีที่สถำนที่น้ันมีมอเตอร์ตัวเดียว อนุญำตให้ใช้บริภัณฑ์ประธำนเป็นเครื่องปลดวงจรได้ถ้ำ
สวิตชน์ ้นั เป็นไปตำมทก่ี ำหนดในขอ้ 6.3 นี้ และมองเห็นได้จำกเครื่องควบคมุ มอเตอร์และอยู่ห่ำง
กนั ไม่เกนิ 15 เมตร
ใ ้ชเ ่พือการศึกษาเ ่ทา ัน้น6-18 บทที่ 6 บรภิ ณั ฑ์ไฟฟา้
6.3.37 พกิ ดั กระแส
เครื่องปลดวงจรของมอเตอร์ระบบแรงต่ำ ต้องมีพิกัดกระแสไม่น้อยกว่ำร้อยละ 115 ของพิกัด
กระแสโหลดเตม็ ท่ขี องมอเตอร์
6.3.38 ชนดิ ของเครอื่ งปลดวงจร
เครื่องปลดวงจรต้องเป็นสวิตช์ที่ใช้สำหรับโหลดประเภทอินดักทีฟ (inductive load) หรือเป็น
เซอรก์ ติ เบรกเกอร์
ข้อยกเวน้ ท่ี 1 มอเตอร์ตดิ ต้งั ประจำทข่ี นำดไมเ่ กนิ 1/8 แรงม้ำ อนุญำตให้ใช้เครื่องป้องกัน กระแสเกินของ
วงจรย่อยเป็นเครื่องปลดวงจรได้
ข้อยกเวน้ ที่ 2 สำหรบั มอเตอรต์ ิดตัง้ ประจำทีข่ นำดไมเ่ กิน 2 แรงม้ำแรงดันไม่เกิน 416 โวลต์ อนุญำตให้ใช้
สวิตชใ์ ชง้ ำนทว่ั ไปที่มีพิกดั กระแสไม่น้อยกว่ำ 2 เท่ำของพิกัดกระแสโหลดเต็มท่ีของมอเตอร์
เป็นเครอ่ื งปลดวงจรได้
ข้อยกเวน้ ท่ี 3 มอเตอร์ขนำด 2-100 แรงม้ำ เคร่ืองปลดวงจรสำหรับมอเตอร์ซ่ึงใช้เคร่ืองควบคุมแบบหม้อ
แปลงออโต (auto transformer type controller) อนุญำตใหใ้ ช้สวิตช์ใช้งำนท่ัวไปเป็นเครื่อง
ปลดวงจรได้ ถำ้ มสี ภำพดังตอ่ ไปนี้ทกุ ประกำร
3.1) เป็นมอเตอร์ที่หมุนเครื่องกำเนิดไฟฟ้ำที่มีเครื่องป้องกันกำรใช้งำนเกินกำลังทำงด้ำน
โหลดของเครอ่ื งกำเนิดไฟฟำ้
3.2) เครอ่ื งควบคุมมอเตอรส์ ำมำรถตัดกระแสลอ็ กโรเตอร์ได้ มเี ครือ่ งป้องกันกำรใช้งำนเกิน
กำลังท่ีมีพิกัดหรือขนำดปรับตั้งไม่เกินร้อยละ 125 ของพิกัดกระแสโหลดเต็มที่ของ
มอเตอรแ์ ละต้องเปน็ ชนดิ ท่ปี ลดวงจรออกเมอ่ื ไม่มีไฟ (no-voltage release)
3.3) ฟิวส์ท่ีแยกเป็นส่วนต่ำงหำกหรือเซอร์กิตเบรกเกอร์แบบเวลำผกผันที่มีขนำดหรือกำร
ปรับต้ังไม่เกินร้อยละ 150 ของพิกัดกระแสโหลดเต็มท่ีของมอเตอร์เป็นเครื่องป้องกัน
วงจรย่อยมอเตอร์
ขอ้ ยกเว้นท่ี 4 มอเตอรก์ ระแสตรงตดิ ต้ังประจำทขี่ นำดเกิน 40 แรงม้ำ หรือมอเตอร์กระแสสลับติดต้ังประจำ
ที่ขนำดเกิน 100 แรงม้ำ อนุญำตให้ใช้สวิตช์ใช้งำนท่ัวไปเป็นเคร่ืองปลดวงจรได้ ถ้ำมีป้ำย
เตอื นว่ำ "หา้ มสบั หรอื ปลดขณะมโี หลด" และมีอุปกรณ์ป้องกันกำรปลดสับโดยพล้ังเผลอ
เช่น กญุ แจ
ขอ้ ยกเว้นท่ี 5 มอเตอร์แบบต่อด้วยสำยและเต้ำเสียบ อนุญำตให้ใช้เต้ำเสียบเป็นเคร่อื งปลดวงจรได้
ข้อยกเว้นที่ 6 ทอร์กมอเตอร์ (torque motor) อนุญำตใหใ้ ชส้ วิตช์ใชง้ ำนทัว่ ไปเป็นเคร่อื งปลดวงจรได้
6.3.39 การใชส้ วติ ช์หรือเซอรก์ ิตเบรกเกอร์เปน็ ทงั้ เคร่ืองควบคุมและเคร่อื งปลดวงจร
อนญุ ำตใหใ้ ชส้ วิตช์หรอื เซอรก์ ติ เบรกเกอร์ท่ีมขี นำดสอดคลอ้ งกบั ขนำดของมอเตอร์ทำหน้ำทเี่ ป็น
ท้ังเคร่ืองควบคุมและเคร่ืองปลดวงจรได้ถ้ำสวิตช์หรือเซอร์กิตเบรกเกอร์น้ันสำมำรถปลดตัวนำ
เส้นไฟได้หมดและมีเครื่องป้องกันกระแสเกิน (อำจเป็นฟิวส์ของวงจรย่อยก็ได้) ท่ีสำมำรถปลด
ตวั นำทกุ สำยเสน้ ไฟไดแ้ ละเปน็ สวติ ช์หรือเซอรก์ ติ เบรกเกอรช์ นดิ ใดชนดิ หน่งึ ดังต่อไปนี้
บทที่ 6 บริภัณฑไ์ ฟฟ้า 6-19
6.3.39.1 สวิตช์ตัดวงจรชนิดอำกำศ (air-break switch) ชนิดปลดสับด้วยมือที่ก้ำนสวิตช์
โดยตรง
6.3.39.2 เซอร์กิตเบรกเกอร์เวลำผกผนั ปลดสับทีก่ ำ้ นของเซอรก์ ติ เบรกเกอร์โดยตรง
6.3.39.3 สวิตช์น้ำมัน ใช้สำหรับวงจรในระบบแรงต่ำและไม่เกิน 100 แอมแปร์ วงจรที่ระบบ
แรงดนั ไฟฟำ้ หรือกระแสสงู กว่ำนี้ จะใชไ้ ดเ้ มอื่ ไดร้ บั ควำมเหน็ ชอบจำกกำรไฟฟำ้ ฯ
6.3.40 เครื่องปลดวงจรประจาแตล่ ะตวั
มอเตอร์แตล่ ะตวั ตอ้ งมเี ครอื่ งปลดวงจรประจำตวั ยกเวน้ อนุญำตให้เครื่องปลดวงจรตัวเดียว
จ่ำยไฟให้แก่กลุ่มมอเตอร์ได้โดยต้องเปน็ ไปตำมขอ้ ใดข้อหน่ึงดงั ต่อไปนี้
6.3.40.1 มอเตอรเ์ หลำ่ น้นั ใชง้ ำนในเคร่อื งจกั รตัวเดยี วกัน
6.3.40.2 มอเตอร์เหล่ำนั้นใช้เครื่องป้องกันกระแสเกินเครื่องเดียวกัน ตำมที่ได้อนุญำตในข้อ
6.3.22.1
6.3.40.3 มอเตอร์เหล่ำนั้นรวมอยู่ในห้องเดียวกัน สำมำรถมองเห็นได้ทั้งหมดจำกจุดที่ติดตั้ง
เครอ่ื งควบคมุ และอยหู่ ่ำงไม่เกิน 15 เมตร จำกเคร่อื งควบคุม
ใ ้ชเ ่พือการศึกษาเ ่ทา ัน้น
ตอน ฌ. มอเตอร์สาหรบั ระบบแรงสงู
ข้อกำหนดในตอนนใ้ี หใ้ ชเ้ ปน็ ขอ้ กำหนดเพมิ่ เติมสำหรับมอเตอรร์ ะบบแรงสูง
6.3.41 การระบเุ ครื่องหมายของเคร่ืองควบคมุ
เคร่ืองควบคมุ ต้องมเี ครื่องหมำยระบุแรงดนั ไฟฟำ้ สำหรับวงจรควบคมุ
6.3.42 ท่อรอ้ ยสายเข้ามอเตอร์
ท่อโลหะอ่อนและทอ่ โลหะออ่ นกนั ของเหลวทใ่ี ช้ร้อยสำยเข้ำมอเตอร์อนุญำตให้มีควำมยำวได้ไม่
เกิน 1.80 เมตร
6.3.43 การปอ้ งกันกระแสเกินของวงจรมอเตอร์
วงจรไฟฟ้ำแรงสูงของมอเตอร์แต่ละเครื่อง ต้องมีกำรป้องกันกำรใช้งำนเกินกำลัง และป้องกัน
กำรลัดวงจรในมอเตอร์ ในสำยของวงจรมอเตอร์ และในเคร่ืองควบคุมมอเตอร์ โดยท่ีเคร่ือง
ปอ้ งกนั แตล่ ะประเภทน้ัน ตอ้ งทำงำนถกู ตอ้ งตำมหน้ำท่ี ยกเว้น เมือ่ มอเตอร์นั้นมีควำมสำคัญ
มำกและจำเป็นต้องใช้งำนจนชำรุด เพื่อป้องกันอันตรำยที่จะเกิดแก่บุคคล อนุญำตให้มี
เครื่องตรวจวัด (sensing device) ต่อไว้ได้เพื่อส่งสัญญำณไปท่ีแผงเตือน (annunciator) หรือ
สญั ญำณเสยี ง (alarm) ทำงำนแทนกำรตัดวงจรมอเตอรน์ นั้
6-20 บทที่ 6 บริภัณฑไ์ ฟฟา้
6.3.43.1 การปอ้ งกนั การใช้งานเกนิ กาลัง
6.3.43.2 ก) มอเตอร์แต่ละเครื่อง ต้องป้องกันควำมเสียหำยจำกควำมร้อนสูง เนื่องจำกใช้
งำนเกินกำลังหรือจำกกำรเริ่มเดินไม่สำเร็จ ด้วยเคร่ืองป้องกันอุณหภูมิสูงเกิน
ติดตั้งในตัวมอเตอร์ หรือตดิ ต้งั อปุ กรณต์ รวจจบั กระแสหรือท้ังสองอย่ำง
ข) วงจรทุติยภูมิของมอเตอร์แบบเวำด์โรเตอร์ซ่ึงรวมท้ังสำย เคร่ืองควบคุม และตัว
ต้ำนทำนถือว่ำมีกำรป้องกันกระแสเกินโดยเครื่องป้องกันกำรใช้งำนเกินกำลัง
ของมอเตอร์แลว้
ค) เครือ่ งปอ้ งกนั กำรใช้งำนเกินกำลังต้องปลดสำยเสน้ ไฟ ทุกเส้นได้พร้อมกัน
ง) เคร่ืองตรวจจบั กำรใชง้ ำนเกนิ กำลัง ตอ้ งไมส่ ำมำรถปรับเข้ำท่ีได้เอง (reset) โดย
อัตโนมัติ เว้นแต่กำรปรับเข้ำท่ีโดยอัตโนมัตินั้นไม่ทำให้มอเตอร์เร่ิมเดินได้เอง
หรือกำรท่มี อเตอรเ์ รม่ิ เดนิ ไดเ้ องไมก่ อ่ ใหเ้ กิดอันตรำยแกบ่ คุ คล
การปอ้ งกนั กระแสลัดวงจร
ก) วงจรมอเตอร์แต่ละวงจร ต้องมีกำรป้องกันกระแสลัดวงจร โดยติดต้ังฟิวส์ หรือ
เซอร์กติ เบรกเกอร์ แบบและขนำดที่เหมำะสม
ข) เคร่ืองตัดกระแสลัดวงจร ต้องไม่สำมำรถต่อวงจรได้เองโดยอัตโนมัติ ยกเว้น
ในกรณีท่ีเกิดลัดวงจรชั่วขณะ (transient fault) และกำรต่อวงจรไม่ทำให้เกิด
อันตรำยแกบ่ คุ คล
ค) เคร่อื งปอ้ งกันกำรใช้งำนเกินกำลัง และเคร่ืองป้องกันกำรลัดวงจรอำจเป็นเคร่ือง
เดียวกันกไ็ ด้
ใ ้ชเ ่พือการศึกษาเ ่ทา ัน้น
6.3.44 พิกัดของเคร่อื งควบคุมมอเตอร์
เครื่องควบคุมมอเตอร์และเครื่องปลดวงจรย่อยมอเตอร์ ต้องมีพิกัดกระแสไม่น้อยกว่ำ
ค่ำกระแสของเคร่ืองป้องกันกำรใช้งำนเกินกำลังที่ได้ติดตั้งไว้ให้ตัดวงจร
6.3.45 เครื่องปลดวงจร
เครอ่ื งปลดวงจร ตอ้ งสำมำรถใส่กญุ แจไดใ้ นตำแหนง่ ปลดวงจร
บทที่ 6 บรภิ ัณฑ์ไฟฟ้า 6-21
ตอน ญ.การปอ้ งกนั ส่วนท่ีมไี ฟฟ้า
ขอ้ กำหนดในตอนนใ้ี ห้ใชไ้ ด้ท้งั ระบบแรงต่ำและแรงสูง
6.3.46 ท่ีซ่ึงต้องมีการป้องกนั
ส่วนท่ีมไี ฟฟ้ำของมอเตอร์และเครื่องควบคุมท่ีทำงำนในระบบแรงดันเกิน 50 โวลต์ ข้ึนไปและมี
โอกำสสมั ผสั ได้ ตอ้ งมกี ำรป้องกนั กำรสัมผัสโดยบังเอิญโดยมีเครื่องห่อหุ้ม หรือติดต้ังในสถำนที่
ทีเ่ หมำะสมดงั น้ี
6.3.46.1 ติดตั้งในหอ้ งหรือท่ลี อ้ ม ซึ่งเขำ้ ถึงได้เฉพำะบุคคลท่มี ีหนำ้ ที่เกย่ี วข้อง
6.3.46.2 ติดตั้งอยู่บนยกพืน้ ท่ีเหมำะสมหรอื ติดตั้งอยบู่ นโครงสร้ำงท่ียกสูงจำกพื้นและ สำมำรถ
เข้ำถงึ ได้เฉพำะบคุ คลที่มีหน้ำที่เกย่ี วข้อง
6.3.46.3 ติดตัง้ อยู่สูงจำกพื้นเกิน 2.40 เมตร ขึ้นไป
6.3.47 การป้องกันสาหรับผู้ท่เี กย่ี วขอ้ ง
ในท่ีซ่ึงส่วนท่ีมีไฟฟ้ำ ต้องมีกำรป้องกันโดยติดต้ังอยู่ในสถำนท่ีท่ีเหมำะสมตำมข้อ 6.3.46 และ
ระหว่ำงใช้งำนอำจต้องมีกำรเข้ำไปปรับหรือเข้ำไปปฏิบัติงำนใกล้ ต้องปูพ้ืนด้วยฉนวนหรือยก
พื้นเป็นฉนวนที่เหมำะสม เพ่ือให้ผู้ท่ีเข้ำไปปฏิบัติงำนไม่อำจสัมผัสส่วนท่ีมีไฟฟ้ำได้โดยง่ำย
นอกจำกจะยืนบนฉนวนปูรองพืน้ หรือยกพ้นื ดังกลำ่ ว
ใ ้ชเ ่พือการศึกษาเ ่ทา ัน้น
ตอน ฎ. การตอ่ ลงดนิ
จุดประสงค์ของตอนน้ีเพ่ือใช้กำหนดเกี่ยวกับกำรต่อลงดินของโครงมอเตอร์และเคร่ืองควบคุม
เพอื่ ปอ้ งกนั มใิ ห้เกิดแรงดนั ไฟฟำ้ สงู กวำ่ ดินเมือ่ เกิดไฟรั่วลงท่ีโครงมอเตอร์ หรอื เคร่ืองควบคมุ โดย
บังเอิญ กำรหุ้มดว้ ยฉนวน กำรติดต้ังในที่ห่ำงจำกกำรสัมผัส และกำรก้ันไม่ให้สัมผัสได้สำมำรถ
ใช้เปน็ มำตรกำรแทนกำรตอ่ ลงดนิ ของมอเตอร์ได้ตำมควำมเหมำะสม
6.3.48 โครงมอเตอร์ทีใ่ ชแ้ รงดันไฟฟ้าเกนิ 50 โวลต์ ตอ้ งตอ่ ลงดนิ
ข้อยกเวน้ ท่ี 1 ใชแ้ รงดนั ไฟฟำ้ ไมเ่ กิน 50 โวลต์ และถำ้ รบั ไฟจำกหม้อแปลงลดแรงดนั ตอ้ ง เป็นหม้อแปลง
แยกขดลวดตำมมำตรฐำนของสำนักงำนมำตรฐำนผลิตภัณฑ์อุตสำหกรรม หรือมำตรฐำน
อ่ืนที่กำรไฟฟำ้ ฯ เห็นชอบ
ขอ้ ยกเวน้ ที่ 2 เปน็ มอเตอรช์ นิดมีฉนวนสองชัน้
ใ ้ชเ ่พือการศึกษาเ ่ทา ัน้น6-22 บทท่ี 6 บรภิ ัณฑไ์ ฟฟา้
6.4 หม้อแปลง หอ้ งหม้อแปลง และลานหมอ้ แปลง
6.4.1 ขอบเขต
ครอบคลุมกำรตดิ ตัง้ หม้อแปลงทกุ ประเภท ยกเวน้ หมอ้ แปลงดังต่อไปนี้
6.4.1.1 หมอ้ แปลงกระแส (current transformer)
6.4.1.2 หม้อแปลงแบบแห้งที่ติดมำกับอุปกรณ์สำเร็จ และมีควำมเหมำะ-สมกับอุปกรณ์
สำเร็จแล้วนนั้
6.4.1.3 หม้อแปลงที่เปน็ ส่วนหนงึ่ ของเคร่อื งเอกซเรย์ หรอื อุปกรณ์ควำมถสี่ ูง
6.4.1.4 หม้อแปลงที่ใช้ในระบบควบคุมระยะห่ำงและสัญญำณ (transformer used with
remote-control and signaling)
6.4.1.5 หม้อแปลงสำหรับปำ้ ยโฆษณำ
6.4.1.6 หมอ้ แปลงสำหรบั หลอดไฟปลอ่ ยประจุ
6.4.1.7 หมอ้ แปลงสำหรบั ระบบแจง้ สญั ญำณเพลิงไหม้
6.4.1.8 หม้อแปลงทใ่ี ชส้ ำหรับกำรคน้ ควำ้ ทดสอบ หรือวจิ ัย ซ่งึ มีกำรปอ้ งกันเพ่ือไม่ใหบ้ ุคคล
ที่ไม่มีหนำ้ ที่เกี่ยวข้องสัมผสั กับสว่ นที่มีไฟฟำ้
6.4.1.9 หม้อแปลงระบบแรงต่ำ
ตอน ก. ทัว่ ไป
6.4.2 ที่ต้ัง
หม้อแปลงและห้องหม้อแปลงต้องอยูใ่ นสถำนทซี่ งึ่ บุคคลที่มีหนำ้ ที่เก่ียวข้องเข้ำถึงได้โดยสะดวก
เพ่อื ทำกำรตรวจและบำรงุ รักษำ และต้องจดั ใหม้ ีกำรระบำยอำกำศอยำ่ งเพยี งพอกับกำรใชง้ ำน
6.4.3 การปอ้ งกันกระแสเกิน
หม้อแปลงต้องมีกำรป้องกันกระแสเกินตำมข้อ 6.4.3.1 หรือ 6.4.3.2 เครื่องป้องกันกระแสเกิน
และเครอ่ื งปลดวงจรต้องเปน็ ไปตำมที่กำหนดในข้อ 3.3 และ 3.5 สำหรับข้อท่ีนำมำใช้ได้และถ้ำ
เคร่ืองปลดวงจรไม่ใช่ประเภทสวิตช์สำหรับตัดโหลดติดตั้งอยู่ด้ำนไฟเข้ำของหม้อแปลง ต้องมี
ป้ำยเตือนใหป้ ลดสวิตชแ์ รงต่ำก่อนและป้ำยเตอื นน้ตี ้องตดิ ไวใ้ นบรเิ วณทเ่ี หน็ ไดง้ ่ำยจำกบริเวณที่
จะทำกำรปลดวงจรด้ำนไฟเข้ำ หม้อแปลงในข้อนี้หมำยถึง หม้อแปลงหนึ่งเฟส หรือสำมเฟส
หรือกำรต่อเข้ำด้วยกันของหม้อแปลงหนึ่งเฟส ทั้งแบบ 2 ลูก และ 3 ลูก เพ่ือประกอบเข้ำเป็น
หม้อแปลง 1 ชดุ
บทท่ี 6 บริภณั ฑ์ไฟฟ้า 6-23
6.4.3.1 หม้อแปลงระบบแรงสงู ตอ้ งมีกำรป้องกันกระแสเกินทง้ั ดำ้ นไฟเขำ้ และด้ำนไฟออกซึ่ง
มีขนำดปรบั ตัง้ ไดไ้ มเ่ กินค่ำทกี่ ำหนดในตำรำงที่ 6-5 ยกเว้น ถ้ำขนำดที่กำหนดไม่ใช่ขนำด
มำตรฐำนของผผู้ ลติ อนญุ ำต ให้ใช้ขนำดใกล้เคียงทีส่ งู ถัดไปได้
6.4.3.2 หม้อแปลงแรงดันท่ีติดตั้งในอำคำร ต้องติดต้ังในเครื่องห่อหุ้ม และมีเครื่องป้องกัน
กระแสเกินดำ้ นไฟเข้ำ ยกเวน้ หมอ้ แปลงแรงดนั สำหรบั เครื่องวดั หน่วยไฟฟำ้ ของกำรไฟฟำ้
6.4.4 การต่อขนานหม้อแปลง
อนุญำตใหห้ มอ้ แปลงหลำยลูกต่อขนำนกนั ได้ เม่ือหม้อแปลงแต่ละลูกมีกำรติดตั้งเคร่ืองป้องกัน
กระแสเกินท้ังด้ำนแรงสูงและแรงต่ำท่ีเป็นไปตำมข้อ 6.4.3 และต้องมีสวิตช์หรือเซอร์กิตเบรก
เกอร์แรงสูงท่ีสำมำรถปลดและสับหม้อแปลงได้พรอ้ มกัน และหม้อแปลงทุกลูก ต้องมีคุณสมบัติ
ทำงไฟฟำ้ เหมอื นกนั
6.4.5 การต่อลงดนิ
ส่วนของหม้อแปลงทเ่ี ป็นโลหะเปิดโล่งและไม่ใช้เป็นทำงเดนิ ของกระแสไฟฟำ้ รวมถึงรั้ว ท่ีกั้นหรือ
อ่ืนๆ ต้องต่อลงดินตำมบทท่ี 4 ตัวนำต่อลงดินเป็นทองแดงขนำดไม่เล็กกว่ำ 35 ตร.มม. หรือ
เปน็ วัสดทุ นกำรกัดกรอ่ นอืน่ ทีน่ ำกระแสได้ไมต่ ำ่ กวำ่
ใ ้ชเ ่พือการศึกษาเ ่ทา ัน้น
ตารางที่ 6-5
ขนาดปรับต้งั สูงสดุ ของเครือ่ งป้องกันกระแสเกินสาหรับหมอ้ แปลงระบบแรงสงู
ดา้ นไฟเขา้ ด้านไฟออก
ขนาดอิมพีแดนซ์ แรงดนั แรงดนั แรงดนั
ของหมอ้ แปลง มากกว่า 1,000 โวลต์ มากกว่า 1,000 โวลต์ ไม่เกนิ 1,000
ไมเ่ กิน 6% โวลต์
มำกกวำ่ 6%
แตไ่ ม่เกนิ 10% เซอรก์ ิต ฟวิ ส์ เซอร์กติ ฟวิ ส์ เซอร์กิตเบรกเกอร์
เบรกเกอร์ 300% เบรกเกอร์ หรอื ฟิวส์
600% 300% 250% 125%
400% 300% 250% 225% 125%
6.4.6 การก้นั
หม้อแปลงต้องมีกำรก้ันดงั ตอ่ ไปน้ี
6.4.6.1 ต้องมีวิธกี ำรท่ีเหมำะสม เพื่อป้องกันหม้อแปลงชำรุดจำกสำเหตุภำยนอก เมื่อหม้อ
แปลงติดต้งั ในท่ที ีอ่ ำจได้รบั ควำมเสียหำยทำงกำยภำพ
ใ ้ชเ ่พือการศึกษาเ ่ทา ัน้น6-24 บทที่ 6 บริภณั ฑไ์ ฟฟ้า
6.4.6.2 หม้อแปลงแบบแห้งต้องมีเครื่องห่อหุ้มที่ไม่ติดไฟและทนควำมชื้น เพ่ือป้องกันวัตถุ
แปลกปลอมท่ีอำจเขำ้ ไปได้
6.4.6.3 สว่ นที่มีไฟฟำ้ และเปิดโล่งตอ้ งมีกำรก้นั ตำมทีก่ ำหนดในบทท่ี 1 ตอน ค.
6.4.6.4 สว่ นทมี่ ไี ฟฟ้ำและอยเู่ ปดิ เผยต้องมปี ำ้ ยหรือเครื่องหมำยแสดงแรงดันไฟฟ้ำติดตั้งไว้
ให้เหน็ ไดง้ ำ่ ยบนบรภิ ณั ฑไ์ ฟฟำ้ หรอื โครงสร้ำง
ตอน ข. ข้อกาหนดจาเพาะสาหรบั หมอ้ แปลงชนดิ ต่างๆ
6.4.7 หม้อแปลงชนดิ แหง้ ติดตั้งในอาคาร (Indoor)
6.4.7.1 หม้อแปลงชนิดแห้ง แรงดันไม่เกิน 33 เควี ขนำดไม่เกิน 112.5 เควีเอ ต้องติดตั้งห่ำง
จำกวัสดุติดไฟได้ไม่น้อยกว่ำ 0.30 เมตร ยกเว้น ก้ันด้วยแผ่นก้ันควำมร้อน หรือหม้อแปลงอยู่
ในเคร่อื งหอ่ หุ้มทีป่ ดิ ส่วนทีม่ ไี ฟฟำ้ ไวม้ ดิ ชดิ
6.4.7.2 หม้อแปลงชนิดแห้ง แรงดันไม่เกิน 33 เควี ขนำดเกิน 112.5 เควีเอ ต้องติดตั้งในห้อง
หม้อแปลง
ขอ้ ยกเวน้ ท่ี 1 หม้อแปลงมีระบบอุณหภูมิของฉนวน (insulation system temperature) 150
องศำเซลเซียสหรือสูงกว่ำ และกั้นไว้ด้วยแผ่นก้ันควำมร้อน หรือติดต้ังห่ำง
จำกวสั ดทุ ตี่ ดิ ไฟได้ในแนวระดับไม่น้อยกว่ำ 1.80 เมตร และในแนวด่ิงไม่น้อย
กว่ำ 3.60 เมตร
ขอ้ ยกเวน้ ท่ี 2 หม้อแปลงมีระบบอุณหภูมิของฉนวน 150 องศำเซลเซียสหรือสูงกว่ำ และมี
เครื่องห่อห้มุ ส่วนที่มไี ฟฟำ้ มดิ ชดิ
6.4.8 หมอ้ แปลงชนิดแหง้ ติดต้ังภายนอกอาคาร (Outdoor)
ต้องมีเคร่ืองห่อหุ้มท่ีทนสภำพอำกำศ และหม้อแปลงที่มีขนำดเกิน 112.5 เควีเอ ต้องติดต้ังห่ำง
จำกวสั ดตุ ิดไฟได้ไมน่ อ้ ยกวำ่ 0.30 เมตร
6.4.9 หม้อแปลงฉนวนของเหลวไมต่ ิดไฟ (Nonflammable Fluid-Insulated
Transformer)
ตดิ ตัง้ ไดท้ ัง้ ภำยในและภำยนอกอำคำร ถ้ำติดตัง้ ภำยในอำคำรต้องติดต้ังในห้องหม้อแปลง ตำม
ข้อ 6.4.13
บทท่ี 6 บรภิ ัณฑไ์ ฟฟา้ 6-25
6.4.10 หมอ้ แปลงฉนวนของเหลวติดไฟได้ใ ้ชเ ่พือการศึกษาเ ่ทา ัน้น
6.4.10.1 กรณีติดตง้ั ภายในอาคาร ต้องตดิ ตั้งในห้องหม้อแปลง ยกเว้น หม้อแปลงใช้กับ
เตำหลอมไฟฟ้ำมีขนำดไม่เกิน 75 เควีเอ หำกไม่อยู่ในห้องหม้อแปลงต้องมีร้ัวล้อมรอบ และ
ระยะหำ่ งระหว่ำงหมอ้ แปลงกับรั้วตอ้ งไมน่ อ้ ยกวำ่ 1.00 เมตร
6.4.10.2 กรณีติดต้ังภายนอกอาคาร หำกติดตั้งหม้อแปลงใกล้วัสดุหรืออำคำรที่ติดไฟได้
หรือติดตัง้ ใกลท้ ำงหนีไฟ ประตู หรือหน้ำต่ำง ควรมีกำรปิดก้ันเพ่ือป้องกันไฟที่เกิดจำกของเหลว
ของหม้อแปลงลกุ ลำมไปตดิ อำคำรหรือส่วนของอำคำรที่ติดไฟ ส่วนที่มีไฟฟ้ำด้ำนแรงสูงต้องอยู่
ห่ำงจำกโครงสรำ้ งอ่นื ไมน่ ้อยกว่ำ 1.80 เมตร
6.4.11 หม้อแปลงฉนวนของเหลวติดไฟยาก (Less-Flammable Liquid-Insulated
Transformer)
คือ หมอ้ แปลงท่บี รรจุดว้ ยฉนวนของเหลวทีม่ ีจุดติดไฟ (fire point) ไม่ต่ำกว่ำ 300 ºC และฉนวน
ของเหลว ต้องเป็นชนิดท่ีไม่เป็นพิษต่อคนและส่ิงแวดล้อม (non-toxic) หม้อแปลงชนิดน้ีมี
ข้อกำหนดในกำรติดตั้งใชง้ ำนดังนี้
6.4.11.1 ติดตั้งภำยในอำคำรในบริเวณพื้นที่ติดไฟหรือมีวัสดุท่ีติดไฟได้ พื้นที่สำหรับติดต้ัง
หมอ้ แปลงชนดิ น้ีตอ้ งมีขอ้ กำหนดดงั ต่อไปน้ี
ก) ตอ้ งติดต้ังในหอ้ งหม้อแปลงตำมขอ้ 6.4.12 หรือ
ข) ต้องมรี ะบบดบั เพลงิ อตั โนมตั ิ และต้องมีกำรก้ันเก็บของเหลวซ่ึงอำจไหลออกมำ
โดยกำรทำบอ่ พัก (sump) หรอื ทำท่ีกน้ั
6.4.11.2 ตดิ ตั้งภำยในอำคำรในบรเิ วณทีไ่ มต่ ดิ ไฟ type I และ type II ตำม NFPA 220-1985
หรอื เทยี บเท่ำ และไมม่ ีวัสดุทต่ี ดิ ไฟไดใ้ นพื้นท่ีที่ตดิ ต้ังหมอ้ แปลง มขี อ้ กำหนดดังต่อไปนี้
ก) ตอ้ งติดตั้งภำยในห้องหมอ้ แปลงตำมขอ้ 6.4.12 หรือ
ข) ต้องมรี ะบบดบั เพลงิ อัตโนมัติ และตอ้ งมีกำรก้ันเก็บของเหลวซึ่งอำจไหลออกมำ
โดยกำรทำบ่อพัก หรือทำทีก่ ั้น หรือ
ค) ไมต่ ้องมีระบบดบั เพลงิ อตั โนมตั ิ แตต่ ้องมีกำรกน้ั เก็บของเหลวซง่ึ อำจไหลออกมำ
โดยกำรทำบ่อพัก หรือทำท่ีกั้น และต้องใช้หม้อแปลงที่มีคุณสมบัติและมีกำร
ติดต้ังเป็นไปตำมข้อจำกัดที่ระบุไว้ของสถำบัน UL หรือ FM (factory mutual)
ตำมชนดิ ของของเหลวน้ันๆ เช่น
1) ตัวถังหม้อแปลง ต้องมีควำมแข็งแรงสำมำรถทนแรงดัน 12 ปอนด์ต่อตำ-รำง
นวิ้ ไดโ้ ดยไม่ระเบิด มีกำรใช้ฟวิ สจ์ ำกดั กระแส (current limiting fuse)
ใ ้ชเ ่พือการศึกษาเ ่ทา ัน้น6-26 บทที่ 6 บริภัณฑไ์ ฟฟ้า
2) ระยะห่ำง ระหว่ำงหม้อแปลงกับผนังและเพดำนรวมท้ังคุณลักษณะกำร
ถ่ำยเทควำมร้อนตำมทกี่ ำหนด
3) ขอ้ กำหนดอื่นๆ ตำมทีร่ ะบใุ น UL หรอื FM
6.4.11.3 ตดิ ต้ังภำยนอกอำคำรใหเ้ ป็นไปตำมขอ้ 6.4.10.2
6.4.11.4 หม้อแปลงที่มีพกิ ัดแรงดนั เกิน 33 เควี หำกติดตัง้ ภำยในอำคำร จะต้องตดิ ต้ังในห้อง
หม้อแปลงเทำ่ นัน้
ตอน ค. หอ้ งหม้อแปลง
6.4.12 ห้องหมอ้ แปลงสาหรบั หม้อแปลงฉนวนของเหลวติดไฟได้และฉนวนของเหลว
ติดไฟยาก
6.4.12.1 ห้องหม้อแปลงต้องอยู่ในสถำนที่ ที่สำมำรถขนย้ำยหม้อแปลงท้ังลูกเข้ำออกได้และ
สำมำรถระบำยอำกำศสอู่ ำกำศภำยนอกได้ หำกใช้ทอ่ ลมต้องเปน็ ชนดิ ทนไฟ ห้องหมอ้ แปลงต้อง
เข้ำถึงได้โดยสะดวกสำหรบั ผทู้ ่มี ีหน้ำทเี่ ก่ียวข้องเพอ่ื ตรวจสอบและบำรงุ รักษำ
6.4.12.2 ระยะหำ่ งระหวำ่ งหม้อแปลงกบั ผนงั หรือประตูห้องหม้อแปลง ต้องไม่น้อยกว่ำ 1.00
เมตร ระยะหำ่ งระหว่ำงหม้อแปลงต้องไม่น้อยกว่ำ 0.60 เมตร บริเวณท่ีต้ังหม้อแปลงต้องมีท่ีว่ำง
เหนือหม้อแปลงหรอื เครอ่ื งห่อหมุ้ หมอ้ แปลงไมน่ อ้ ยกวำ่ 0.60 เมตร
6.4.12.3 กำรระบำยอำกำศ ช่องระบำยอำกำศควรอยู่ห่ำงจำกประตู หน้ำต่ำง ทำงหนีไฟ
และวัสดุที่ติดไฟได้มำกที่สุดเท่ำที่จะทำได้ อุณหภูมิภำยในห้องหม้อแปลงต้องไม่เกิน 40 ºC
กำรระบำยควำมรอ้ นทำไดโ้ ดยวธิ ีใดวธิ หี น่ึงดงั น้ี
ก) ใช้ระบบหมนุ เวียนอากาศตามธรรมชาติ
ต้องมีช่องระบำยอำกำศทั้งด้ำนเข้ำและออก พื้นที่ของช่องระบำยอำกำศแต่ละ
ด้ำน (เม่ือไมค่ ิดรวมลวดตำข่ำย) ต้องไม่น้อยกว่ำ 1 ตร.เมตร / 1,000 เควเี อ ของ
หม้อแปลงท่ีใช้งำน และต้องไม่เลก็ กว่ำ 0.05 ตร.เมตร ตำแหน่งของช่องระบำย
อำกำศด้ำนเข้ำต้องอยู่ใกล้กับพื้นห้อง แต่ต้องอยู่สูงไม่น้อยกว่ำ 100 มม. ช่อง
ระบำยอำกำศออกต้องอยู่ใกล้เพดำน หรือหลังคำ และอยู่ด้ำนท่ีทำให้มีกำร
ถ่ำยเทอำกำศผ่ำนหม้อแปลง ช่องระบำยอำกำศเข้ำและออก ไม่อนุญำตให้อยู่
บนผนงั ด้ำนเดียวกัน และชอ่ งระบำยอำกำศตอ้ งปดิ ดว้ ยลวดตำข่ำย
บทที่ 6 บรภิ ัณฑไ์ ฟฟา้ 6-27
ข) ระบายความรอ้ นด้วยพดั ลมใ ้ชเ ่พือการศึกษาเ ่ทา ัน้น
ช่องระบำยอำกำศด้ำนเข้ำต้องมีขนำดไม่เล็กกว่ำตำมที่คำนวณได้ในข้อ
6.4.12.3 ก) ดำ้ นอำกำศออกต้องตดิ ตั้งพดั ลมทีส่ ำมำรถดูดอำกำศออกจำกห้อง
ได้ไม่น้อยกว่ำ 8.40 ลูกบำศก์เมตรต่อนำที ต่อหนึ่งกิโลวัตต์ของค่ำกำลังไฟฟ้ำ
สูญเสียทั้งหมดของหมอ้ -แปลงเมอ่ื มโี หลดเตม็ ที่
ค) ระบายความรอ้ นด้วยเครือ่ งปรบั อากาศ
เครื่องปรับอำกำศต้องมีขนำดไม่น้อยกว่ำ 3,412 BTU ต่อชั่วโมง ต่อหน่ึง
กิโลวตั ต์ของคำ่ กำลงั ไฟฟ้ำสูญเสียทั้งหมดของหมอ้ แปลงเมื่อมีโหลดเต็มท่ี
6.4.12.4 ผนงั และหลังคาหอ้ งหม้อแปลง
ตอ้ งสร้ำงด้วยวัสดทุ ่ีมีควำมแข็งแรงทำงโครงสร้ำงเพียงพอกับสภำพกำรใช้งำนและไมต่ ดิ ไฟ ผนัง
ของห้องหมอ้ แปลงต้องสร้ำงด้วยวัสดุทีม่ คี วำมหนำดังนี้
ก) คอนกรตี เสรมิ เหล็กมคี วำมหนำไม่น้อยกวำ่ 125 มม. หรอื
ข) อิฐ คอนกรตี คอนกรีตบล็อก มีควำมหนำ ไม่นอ้ ยกว่ำ 200 มม.
ค) มีควำมหนำสอดคล้องตำมมำตรฐำนกำรป้องกันอัคคีภัยของวิศวกรรมสถำน
แห่งประเทศไทย ในพระบรมรำชปู ถมั ภ์
6.4.12.5 พ้นื หอ้ งหม้อแปลง
ต้องสร้ำงด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กหนำไม่น้อยกว่ำ 125 มม. และต้องรับน้ำหนักหม้อแปลงและ
บริภัณฑ์อ่ืนๆ ได้อย่ำงปลอดภัย พื้นห้องต้องลำดเอียงมีทำงระบำยฉนวนของเหลวของหม้อ
แปลงไปลงบอ่ พัก บอ่ พักตอ้ งสำมำรถบรรจขุ องเหลวอยำ่ งนอ้ ย 3 เท่ำของปรมิ ำตรของเหลวของ
หมอ้ แปลงตวั ท่ีมำกท่สี ดุ แลว้ ใส่หินเบอร์ 2 จนเต็มบ่อ ถ้ำบ่อพักอยู่ภำยนอกห้องหม้อแปลงต้อง
มีทอ่ ระบำยชนดิ ทนไฟขนำดเส้นผำ่ นศนู ยก์ ลำงไมเ่ ล็กกว่ำ 50 มม. เพื่อระบำยของเหลวจำกห้อง
หม้อแปลงไปลงบอ่ พกั ปลำยท่อดำ้ นหม้อแปลงตอ้ งปิดดว้ ยตะแกรง
6.4.12.6 ประตูห้องหม้อแปลงต้องทำด้วยเหล็กแผ่นหนำอย่ำงน้อย 1.6 มม. มีวิธีกำรป้องกัน
กำรผุกร่อน ประตูต้องมีกำรจับยึดไว้อย่ำงแน่นหนำ ต้องมีประตูฉุกเฉินสำรองไว้สำหรับเป็น
ทำงออกและเป็นชนดิ ที่เปิดออกภำยนอกไดส้ ะดวกและรวดเรว็
6.4.12.7 ต้องมีธรณีประตูสูงเพียงพอที่จะกักน้ำมันตัวที่มำกที่สุดได้ และต้องไม่น้อยกว่ำ
100 มม.
6.4.12.8 เครื่องปลดวงจรที่ติดตั้งในห้องหม้อแปลง ต้องเป็นชนิดสวิตช์สำหรับตัดโหลด
เทำ่ นั้น
6.4.12.9 เครอื่ งห่อหมุ้ สว่ นทม่ี ไี ฟฟ้ำทงั้ หมดตอ้ งเป็นวัสดไุ มต่ ดิ ไฟ
ใ ้ชเ ่พือการศึกษาเ ่ทา ัน้น6-28 บทที่ 6 บริภัณฑไ์ ฟฟา้
6.4.12.10 ส่วนที่เป็นโลหะเปิดโล่ง และไม่ใช้เป็นทำงเดินของกระแสไฟฟ้ำต้องต่อลงดิน
ตัวนำตอ่ หลกั ดินตอ้ งเปน็ ทองแดงมีขนำดไมเ่ ลก็ กว่ำ 35 ตร.มม.
6.4.12.11 ห้องหม้อแปลงต้องมีแสงสว่ำงอย่ำงเพียงพอ โดยควำมส่องสว่ำงเฉลี่ยไม่น้อยกว่ำ
200 ลักซ์
6.4.12.12 ควรมคี ู่มอื หรือแผน่ ภำพแสดงกำรปฐมพยำบำล โดยวิธีผำยปอดแบบเป่ำปำกไว้ใน
สถำนท่ีท่ีเขำ้ ถงึ ไดส้ ะดวก
6.4.12.13 ระบบทอ่ อ่นื ๆ ท่ไี มเ่ กีย่ วกบั ระบบไฟฟ้ำ ไม่อนุญำตให้เดินท่อผ่ำนเข้ำไปในห้องหม้อ
แปลง ยกเว้น ท่อสำหรับระบบดับเพลิง หรือระบบระบำยควำมร้อนของหม้อแปลง หรือที่ได้
ออกแบบอย่ำงเหมำะสมแลว้
6.4.12.14 ห้ำมเก็บวสั ดุทไี่ มเ่ กยี่ วข้องกับกำรใช้งำนทำงไฟฟ้ำ และวัสดุเชื้อเพลิงไว้ในห้องหม้อ
แปลง
6.4.12.15 ต้องมีเครื่องดับเพลิง ชนิดที่ใช้ดับไฟที่เกิดจำกอุปกรณ์ไฟฟ้ำ (class C) ขนำด
น้ำหนักบรรจุสำรไม่น้อยกว่ำ 6.5 กก. ติดต้ังไว้ท่ีผนังด้ำนนอกห้องหม้อแปลงไม่สูงกว่ำ 1.50
เมตร จำกระดับพ้ืนจนถงึ หัวของเคร่อื งดบั เพลงิ
หมายเหตุ ชนิดของเคร่ืองดับเพลิงท่ีใช้กับอุปกรณ์ไฟฟ้ำ ได้แก่ ผงเคมีแห้งคำร์บอนไดออกไซด์ และสำร
สะอำดดับเพลงิ
6.4.12.16 ถ้ำบริเวณท่ีติดต้ังหม้อแปลง มีกำรติดต้ังเครื่องดับเพลิงอัตโนมัติ เช่น
คำร์บอนไดออกไซด์ หรอื นำ้ ควำมหนำของผนังห้องอนญุ ำตใหล้ ดลงได้ คอื ถ้ำเป็นคอนกรีตเสริม
เหล็กต้องมีควำมหนำไม่น้อยกว่ำ 65 มม. และถ้ำเป็นอิฐ คอนกรีต หรือคอนกรีตบล็อก ต้องมี
ควำมหนำไมน่ ้อยกวำ่ 100 มม.
6.4.12.17 ควรมีป้ำยเตือนแสดงข้อควำม “อันตรายไฟฟ้าแรงสูง” และ “เฉพาะเจ้าหน้าท่ี
ท่ีเกี่ยวข้องเท่านั้น” ให้เหน็ อย่ำงชัดเจนติดไว้ทผี่ นังดำ้ นนอกห้องหม้อแปลง
6.4.13 ห้องหมอ้ แปลงสาหรับหมอ้ แปลงฉนวนของเหลวไม่ติดไฟ
ให้ใช้ขอ้ กำหนดเชน่ เดียวกบั ขอ้ 6.4.12
ข้อยกเว้นท่ี 1 ไม่ต้องมีบ่อพัก แต่ต้องสำมำรถระบำยน้ำ หรือฉนวนของเหลวของหมอ้ แปลงออกจำกหอ้ ง
ได้
ข้อยกเว้นที่ 2 ควำมหนำของผนงั ห้องหม้อแปลงเปน็ ดงั น้ี
2.1) คอนกรีตเสริมเหล็ก หนำไมน่ อ้ ยกว่ำ 65 มม. หรอื
2.2) อฐิ ทนไฟ มีควำมหนำไม่นอ้ ยกวำ่ 100 มม. หรอื
2.3) คอนกรตี บล็อก มคี วำมหนำไม่นอ้ ยกวำ่ 100 มม.
บทท่ี 6 บรภิ ัณฑไ์ ฟฟา้ 6-29
6.4.14 หอ้ งหม้อแปลงสาหรบั หม้อแปลงชนดิ แหง้ใ ้ชเ ่พือการศึกษาเ ่ทา ัน้น
ให้ใชข้ ้อกำหนดเชน่ เดียวกบั ข้อ 6.4.13 ยกเวน้ ไม่ตอ้ งมบี อ่ พักและทอ่ ระบำยของเหลว
ตอน ง. ลานหมอ้ แปลงอยู่ภายนอกอาคาร (Outdoor Yard)
6.4.15 ลานหม้อแปลงอยบู่ นพืน้ ดิน
6.4.15.1 หม้อแปลงต้องอยู่ในที่ล้อม ที่ล้อมนี้อำจจะเป็นกำแพงหรือร้ัวท่ีใส่กุญแจได้ และ
เขำ้ ถงึ ไดเ้ พ่อื กำรตรวจสอบและบำรงุ รักษำสำหรับบุคคลท่มี ีหนำ้ ท่เี ก่ียวขอ้ ง
6.4.15.2 ที่วา่ งเพื่อปฏบิ ัติงาน
ส่วนที่มีไฟฟ้ำของระบบไฟฟ้ำแรงสูงเหนือท่ีว่ำงเพื่อปฏิบัติงำนต้องอยู่สูงจำกพื้นไม่น้อยกว่ำ
2.75 เมตร หรอื มีทก่ี ั้นเพื่อป้องกนั กำรสัมผัสสว่ นท่ีมไี ฟฟ้ำโดยไม่ได้ต้งั ใจ
6.4.15.3 ระยะหา่ ง
ก) ระยะห่ำงตำมแนวระดับระหว่ำงรั้ว หรือผนังกับส่วนท่ีมีไฟฟ้ำของระบบ
ไฟฟำ้ แรงสงู ต้องไมน่ อ้ ยกว่ำ 1.20 เมตร สำหรับแรงดันไมเ่ กนิ 33 เควี
ข) ระยะห่ำงตำมแนวระดับระหว่ำงรั้ว หรือผนังกับหม้อแปลงต้องไม่น้อยกว่ำ 1.00
เมตร ระยะหำ่ งระหว่ำงหมอ้ แปลงต้องไม่น้อยกว่ำ 0.60 เมตร
6.4.15.4 ร้วั หรือกำแพงของลำนหม้อแปลงต้องสูงไม่น้อยกว่ำ 2.00 เมตร
6.4.15.5 กำรตอ่ ลงดิน ต้องเปน็ ไปตำมท่ีกำหนดในขอ้ 6.4.12.10
6.4.15.6 ควรมีป้ำยเตือนแสดงข้อควำม “อันตรายไฟฟ้าแรงสูง” และ “เฉพาะเจา้ หนา้ ที่ที่
เกีย่ วขอ้ งเทา่ นน้ั ” ให้เห็นอย่ำงชัดเจนติดไว้ทผ่ี นังดำ้ นนอกลำนหม้อแปลง
6.4.15.7 พ้นื ของลำนหม้อแปลง ตอ้ งใส่หินเบอร์ 2 หนำอย่ำงน้อย 100 มม. ยกเว้น ส่วนท่ี
ติดตัง้ บรภิ ัณฑ์
6.4.16 ลานหมอ้ แปลงอยู่บนดาดฟ้าของอาคาร
ใหใ้ ชข้ ้อกำหนดเช่นเดยี วกับข้อ 6.4.15 โดยมขี อ้ กำหนดเพ่ิมเตมิ ดงั น้ี
6.4.16.1 พน้ื ของดำดฟ้ำรวมทั้งตัวอำคำรที่ติดตั้งหม้อแปลง ต้องมีควำมแข็งแรงเพียงพอที่จะ
รบั นำ้ หนกั ของหม้อแปลงและบริภณั ฑ์ไดอ้ ย่ำงปลอดภยั
6.4.16.2 ต้องติดตั้งระบบป้องกันอันตรำยจำกฟ้ำผ่ำตำมมำตรฐำนกำรป้องกันฟ้ำผ่ำสำหรับ
สิ่งปลูกสร้ำง ของวิศวกรรมสถำนแห่งประเทศไทย ในพระบรมรำชูปถัมภ์
6.4.16.3 หม้อแปลงชนิดฉนวนของเหลวติดไฟได้ต้องมีบ่อพักและบ่อพักต้องสำมำรถบรรจุ
ของเหลวได้อีกอย่ำงน้อย 3 เท่ำของปริมำตรของเหลวของหม้อแปลงตัวท่ีมำกที่สุด แล้วใส่หิน
ใ ้ชเ ่พือการศึกษาเ ่ทา ัน้น6-30 บทท่ี 6 บรภิ ัณฑไ์ ฟฟ้า
เบอร์ 2 จนเต็ม ท่อระบำยของเหลวไปบ่อพักต้องมีขนำดเส้นผ่ำนศูนย์กลำงไม่เล็กกว่ำ 50 มม.
และเปน็ ชนดิ ทนไฟ ปลำยท่อด้ำนหมอ้ แปลงต้องปดิ ด้วยตะแกรง
บ่อพักตอ้ งมีวธิ ีป้องกนั นำ้ ขังและป้องกันฉนวนของเหลวจำกหม้อแปลงลงพน้ื ทส่ี ำธำรณะ
6.5 คาปาซเิ ตอร์
6.5.1 ทว่ั ไป
ให้ใช้กับกำรติดตั้งคำปำซิเตอร์ในวงจรไฟฟ้ำ เพื่อปรับปรุงค่ำตัวประกอบกำลังไฟฟ้ำ (power
factor) เท่ำนนั้
6.5.2 เครอื่ งหอ่ หมุ้ และการกน้ั
6.5.2.1 คำปำซิเตอรท์ ่ีบรรจดุ ้วยของเหลวติดไฟปรมิ ำณรวมกันมำกกว่ำ 11 ลิตร ต้องติดต้ังใน
ห้องเฉพำะหรือตดิ ต้ังภำยนอกอำคำรโดยมรี วั้ ล้อมหรอื ติดตง้ั บนเสำ
6.5.2.2 คำปำซิเตอร์ต้องมีเคร่ืองห่อหุ้มหรือติดตั้งโดยมีกำรก้ันรั้วหรือโดยวิธีอื่น เพ่ือป้องกัน
บคุ คลมำสัมผัสกับส่วนท่ีมีไฟฟ้ำโดยบังเอิญ ยกเว้น คำปำซิเตอร์นั้นเข้ำถึงได้เฉพำะบุคคลท่ีมี
หนำ้ ที่เกย่ี วข้องเทำ่ นั้น
ตอน ก. คาปาซเิ ตอร์แรงดันไม่เกิน 1,000 โวลต์
6.5.3 การคายประจุ
ต้องจดั ให้มวี ธิ ีกำรคำยประจุของคำปำซเิ ตอร์ ดังนี้
6.5.3.1 ช่วงเวลาคายประจุ
เมอ่ื ปลดคำปำซเิ ตอร์ออกจำกวงจรไฟฟ้ำ ตอ้ งมกี ำรคำยประจใุ ห้แรงดนั ลดลงเหลอื ไม่เกิน 75
โวลต์ ภำยในเวลำ 3 นำที นับจำกเวลำท่ีปลด
6.5.3.2 มาตรการในการคายประจุ
ให้มีกำรคำยประจุ โดยใช้วงจรคำยประจุที่ต่ออย่ำงถำวรกับ คำปำซิเตอร์ หรือมีอุปกรณ์ท่ีจะ
ต่อเข้ำกับขั้วของชุดคำปำซิเตอร์โดยอัตโนมัติ เมื่อปลดคำปำซิเตอร์ออกจำกแหล่งจ่ำยไฟฟ้ำ
ห้ำมใชส้ วติ ช์ท่ที ำงำนด้วยมอื หรือวงจรคำยประจุที่ทำกำรต่อวงจรด้วยมือ
6.5.4 ขนาดกระแสของตวั นา
ตัวนำของวงจรคำปำซิเตอร์ต้องมีขนำดกระแสไม่น้อยกว่ำร้อยละ 135 ของพิกัดกระแสของคำ
ปำซิเตอร์ หำกคำปำซิเตอร์ต่อกับวงจรมอเตอร์ ตัวนำของ วงจรคำปำซิเตอร์ต้องมีขนำดกระแส
บทที่ 6 บริภณั ฑ์ไฟฟา้ 6-31
ไม่น้อยกว่ำ 1/3 ของขนำดกระแสของสำย วงจรมอเตอร์ แต่ทั้งน้ีขนำดกระแสของตัวนำต้องไม่ใ ้ชเ ่พือการศึกษาเ ่ทา ัน้น
น้อยกวำ่ รอ้ ยละ 135 ของพิกัดกระแสของคำปำซเิ ตอร์
6.5.5 การป้องกันกระแสเกิน
6.5.5.1 คำปำซิเตอร์แต่ละชุด (bank) ต้องมีเครื่องป้องกันกระแสเกินที่ตัวนำทุกสำยเส้นไฟ
ยกเว้น กรณีที่คำปำซิเตอร์ต่อไว้ทำงด้ำนโหลดของเครื่องป้องกันกำรใช้งำนเกินกำลังของ
มอเตอร์
6.5.5.2 พกิ ัดหรอื ขนำดปรบั ต้ังของเครอ่ื งปอ้ งกันกระแสเกินต้องให้ต่ำทสี่ ดุ เทำ่ ท่จี ะให้คำปำซิ
เตอรช์ ุดนั้นต่อใช้งำนได้
6.5.6 เครอื่ งปลดวงจร
6.5.6.1 ต้องติดต้ังเครื่องปลดวงจรในทุกสำยเส้นไฟของคำปำซิเตอร์แต่ละชุด ยกเว้น คำปำ
ซิเตอร์ต่อไวท้ ำงดำ้ นโหลดของเคร่อื งปอ้ งกันกำรใชง้ ำนเกินกำลงั ของมอเตอร์
6.5.6.2 เครอื่ งปลดวงจรต้องปลดทกุ สำยเส้นไฟพรอ้ มกัน
6.5.6.3 เครื่องปลดวงจรต้องสำมำรถปลดคำปำซิเตอร์ออกจำกวงจรในสภำพกำรใช้งำน
ปกติได้โดยเคร่ืองปลดวงจรไม่เสียหำย
6.5.6.4 พิกดั กระแสของเครอื่ งปลดวงจรต้องไมน่ ้อยกว่ำรอ้ ยละ 135 ของพกิ ัดกระแสของคำ
ปำซเิ ตอร์
6.5.7 พกิ ัดหรือขนาดปรับตัง้ ของเครอ่ื งป้องกันการใชง้ านเกินกาลังของมอเตอร์
เม่ือติดต้ังคำปำซิเตอร์ทำงด้ำนโหลดของเครื่องป้องกันกำรใช้งำนเกินกำลังของมอเตอร์ กำร
กำหนดพกิ ดั หรือขนำดปรบั ต้ังของเคร่อื งป้องกนั กำรใชง้ ำนเกนิ กำลังและกำรกำหนดขนำดตัวนำ
ให้คำนวณจำกค่ำกระแสท่ีปรับค่ำตัว-ประกอบกำลังไฟฟ้ำแล้วและดำเนินกำรตำมที่กำหนดใน
ข้อ 6.3 ด้วย
6.5.8 การตอ่ ลงดิน
เปลือกโลหะของคำปำซิเตอร์ต้องต่อลงดิน ตำมท่ีกำหนดในบทท่ี 4 ยกเว้น คำปำซิเตอร์ที่
ติดต้งั บนโครงสร้ำงชนิดท่ีเปลือกของคำปำซเิ ตอร์มีแรงดันไม่เท่ำกบั ดิน