The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

โคราชเมืองศิลปะ Korat The City of Art

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

โคราชเมืองศิลปะ Korat The City of Art

โคราชเมืองศิลปะ Korat The City of Art

โคราช

เ มื อ ง ศิ ล ป ะ

Korat

The City of Art

จงั หวัดนครราชสีมาจดั พมิ พ์



3 โคราช เมืองศลิ ปะ

คำ� น�ำ

จังหวัดนครราชสีมา หรือท่ีรู้จักกันทั่วไปว่า โคราช ได้ปรากฏร่องรอยการอยู่อาศัยของผู้คนมาต้ังแต่สมัย
ก่อนประวัติศาสตร์ สืบเน่ืองและมีพัฒนาการของบ้านเมืองมาโดยล�ำดับ ปัจจุบันเป็นเมืองที่เป็นประตูสู่ภาคอีสาน
เป็นเมืองท่ีมีศิลปะและวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์หลากหลายสาขาทั้งด้านศิลปกรรม สถาปัตยกรรม สถานที่ส�ำคัญ
ทางประวตั ศิ าสตร์ โบราณสถาน แหลง่ โบราณคดี ศลิ ปวตั ถุ ขนบธรรมเนยี มประเพณี อาหารการกนิ ความเชอื่ ศลิ ปะพนื้ ถน่ิ
และศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย ตลอดจนมีปูชนียบุคคลด้านศิลปวัฒนธรรมจ�ำนวนมาก ด้วยเหตุนี้รัฐบาลจึงได้พิจารณา
คัดเลือกจงั หวดั นครราชสมี าเปน็ สถานทจี่ ดั งานมหกรรมศิลปะนานาชาติ ครงั้ ที่ ๒ Thailand Biennale, Korat 2021
จดั แสดงผลงานทางศลิ ปะรปู แบบตา่ งๆ จากศลิ ปนิ ระดบั ประเทศและศลิ ปนิ จากนานาชาติ เพอ่ื สง่ เสรมิ และประชาสมั พนั ธ์
งานศลิ ปะใหเ้ ปน็ ทร่ี จู้ กั กนั มากขน้ึ นำ� มติ ทิ างศลิ ปะสเู่ ศรษฐกจิ สรา้ งสรรค์ พฒั นาคณุ ภาพแหลง่ ทอ่ งเทยี่ ว สนิ คา้ และบรกิ าร
ทางด้านการท่องเที่ยว ก่อให้เกิดผลประโยชน์ต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ โดยใช้ศิลปะดึงดูดผู้คนจากนานาชาติ
มายงั ประเทศไทย กำ� หนดในเดอื นกรกฎาคม ถึงกันยายน ๒๕๖๔ นับเปน็ งานใหญ่และส�ำคัญระดบั โลกทจี่ ะมผี ้เู ขา้ ร่วม
กจิ กรรมทัง้ ชาวไทยและชาวต่างประเทศ
จังหวัดนครราชสีมา ได้เตรียมความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมศิลปะนานาชาติ เพื่อรองรับ
งานส�ำคัญคร้ังน้ี ด้วยการจัดตั้งคณะท�ำงานจัดพิมพ์หนังสือเพื่อรวบรวมองค์ความรู้ด้านศิลปวัฒนธรรมและศิลปะ
ร่วมสมยั ของจังหวดั และรว่ มกนั ขบั เคลอ่ื นตน้ ทุนทางศิลปวัฒนธรรมหลากหลายสาขาจ�ำนวนมาก ตลอดจนน�ำภมู ิหลงั
ทางประวัติศาสตร์และแหล่งโบราณคดีของจังหวัด มาสร้างมูลค่าเพ่ิมทางสังคมและเศรษฐกิจ สร้างรายได้สู่จังหวัด
โดยจัดพิมพ์หนังสือเรื่อง “โคราช เมืองศิลปะ” เพ่ือเผยแพร่ประชาสัมพันธ์เร่ืองราวเกี่ยวกับศิลปะและวัฒนธรรม
ของจังหวัดนครราชสีมาให้ชาวโคราชและจังหวัดใกล้เคียง ตลอดจนผู้สนใจได้เรียนรู้ข้อมูลพื้นฐานของจังหวัด
มรดกศิลปวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าของจังหวัด ทั้งการสืบทอดและสร้างสรรค์ รวมทั้งใช้เป็นคู่มือในการท่องเท่ียว
เรียนรู้และชมงานมหกรรมทางศิลปะและวัฒนธรรมให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ ตลอดจนให้ชาวต่างชาติได้รับรู้ถึงมรดก
ภูมิปญั ญาทางวัฒนธรรมและการตอ่ ยอดภูมปิ ญั ญาของคนร่นุ ใหม่ในภูมิภาคแห่งนี้
จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหนังสือเล่มนี้จะอ�ำนวยประโยชน์และเป็นองค์ความรู้แก่ประชาชนและผู้สนใจโดยท่ัวกัน
โดยเฉพาะอย่างย่ิงการส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการธ�ำรงรักษาศิลปะและวัฒนธรรมให้คงอยู่คู่ชาติไทย
และทราบถึงแก่นแท้อย่างจริงจัง ก่อให้เกิดความรัก หวงแหน ภาคภูมิใจและสืบทอดศิลปะและวัฒนธรรมท่ามกลาง
ยคุ สมัยท่ีเปล่ยี นผา่ นอย่างเหมาะสม มั่นคงและย่ังยนื สบื ไป

(นายวเิ ชยี ร จันทรโณทัย)
ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา

โคราช เ ืมอง ิศลปะ4

สารบญั

ค�ำนำ� ๓
บทนำ� ภมู ิหลังทางประวตั ศิ าสตรแ์ ละวฒั นธรรม ๘

มรดกศลิ ปะและวฒั นธรรม ๑๓
• ย้อนยุคกอ่ นประวัติศาสตร์ กับแหล่งโบราณคดีระดบั โลก ท่บี า้ นโนนวดั ๑๔
• หมอ้ ดินเผาปากแตรเมอ่ื ๒,๐๐๐ ปี ภาพจำ� ของแหลง่ โบราณคดบี า้ นปราสาท ๑๖
• ภาพวาดคนเลย้ี งสุนขั ไวล้ า่ สตั ว์ ตัง้ แต่ยุค ๓,๐๐๐ ปี ดไู ด้ท่ีเขาจนั ทน์งาม ทนี่ ี่ที่เดยี ว ๑๘
• พระนอนใหญท่ สี่ ดุ ในสมยั ทวารวดี ท่ีวัดธรรมจกั รเสมาราม ๒๒
• ยำ�่ ย้อนอดีตโคราช ท่ปี ราสาทเมืองแขก ๒๔
• ปราสาทโนนกู่ อีกหนึง่ ศาสนสถานฮินดบู ชู าพระศวิ ะบนเขาไกรลาส ๒๖
• ปราสาทพิมาย ศาสนสถานศลิ ปะเขมรโบราณทใ่ี หญ่ทส่ี ุดในประเทศไทย ๒๘
• ปราสาทพนมวนั จากเทวาลยั เปลีย่ นเป็นศาสนสถานประจ�ำอโรคยาศาลา ๓๐
• ไหวพ้ ระศักด์สิ ิทธิ์ “หลวงพอ่ ใหญ่” วัดพระนารายณม์ หาราช ๓๔
• ฮปู แต้มวดั หนา้ พระธาต ุ จติ รกรรมฝาผนงั ที่ผสมผสานระหว่างช่างพื้นบ้านและช่างหลวง ๓๖
• อนสุ าวรยี ท์ า้ วสุรนารี วีรสตรีสำ� คัญในประวัตศิ าสตร์ไทยและทุ่งสัมฤทธ ิ์ ๓๘
• เรือนโคราช เอกลักษณ์สถาปตั ยกรรมพนื้ ถนิ่ ๔๐
- เรือนโคราช มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั นครราชสมี า ๔๒
- เรือนโคราช เฉลมิ วฒั นา ๔๔
• วัดศาลาลอย ศลิ ปะรว่ มสมัยสู่ศิลปกรรมในวัด ๔๖
• มารจู้ กั รุกข มรดกของแผน่ ดิน ในจังหวดั นครราชสมี า ๔๘

5

โคราช เมืองศลิ ปะ

พพิ ธิ ภัณฑแ์ ละหอศลิ ป ์ ๕๓
• พิพธิ ภณั ฑสถานแห่งชาติ พมิ าย ๕๔
• พพิ ิธภณั ฑเ์ มอื งนครราชสีมา ๕๘
• พิพธิ ภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน พพิ ธิ ภณั ฑช์ า้ งดึกด�ำบรรพ์ และพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ ๖๐
มหาวิทยาลยั ราชภัฏนครราชสีมา ๖๔
• หอศิลปพ์ ิมานทิพย์ ๖๘
• หอศลิ ป์ พาลาซโซ พาโวเน่ (Palazzo Pavone Gallery) ๗๒
• หอศิลป์ ทวี รัชนกี ร ๗๖
• เขาใหญ่อาร์ตมิวเซียม (Khao Yai Art Museum) ๘๐
• ๑๒๙ อารต์ มิวเซียม (129 Art Museum) ๘๔
• หอศิลปถ์ น่ิ ธารปราสาท ๘๖
• สวนซ่อนศิลป ์ ๙๐
• หอศิลป์เสงิ สาง ๙๔
• ศูนยก์ ารเรยี นรหู้ มบู่ ้านเครื่องปั้นดนิ เผาดา่ นเกวียน ๙๗
๙๘
ศลิ ปะพน้ื ถน่ิ ๑๐๐
• คุณคา่ แหง่ ไหมไทยพน้ื ถิ่น ๑๐๒
• ดนิ เผาด่านเกวยี น
• งานตเี หล็กบา้ นมะค่า

6

โคราช เ ืมอง ิศลปะ

ขนบธรรมเนียมประเพณี และเทศกาล ๑๐๕
• งานฉลองวนั แห่งชยั ชนะของทา้ วสรุ นาร ี ๑๐๖
• การแข่งเรอื ยาวประเพณี เทศกาลเทย่ี วพมิ าย ๑๐๘
• งานเบญจมาศบานในม่านหมอก ๑๑๐
• ประเพณแี ห่เทยี นโคราช ๑๑๒
• งานกนิ เข่าคำ่� ของดอี ำ� เภอสงู เนนิ จงั หวดั นครราชสีมา ๑๑๔
• การประกวดแมวโคราช ๑๑๖

ภาษา วรรณกรรมพน้ื ถน่ิ ๑๑๙
• ภาษาไทยโคราช : พลวัตทางภาษาศาสตร ์ ๑๒๐
• เพลงโคราช : เพลงพ้นื บ้านเอกลกั ษณท์ างภาษา ๑๒๒

อาหารเอกลกั ษณท์ ้องถิ่น ๑๒๕
• หมีโ่ คราช : ภูมปิ ัญญาคนโคราช ๑๒๖
• ขา้ วแผะ : อาหารทอ้ งถ่นิ โคราช ๑๒๘
• ขนมจนี ประโดก : อตั ลักษณแ์ หง่ หมู่บา้ น ๑๓๐
• ไก่ยา่ งท่าช้าง : อีกหนงึ่ ภูมิปญั ญาชาวโคราช ๑๓๒
• เปด็ ย่างพิมาย : สรรค์สรา้ งอย่างมีเอกลกั ษณ์ ๑๓๓

7

โคราช เมืองศลิ ปะ

บุคคลสำ� คัญของจงั หวัดด้านศลิ ปะและวัฒนธรรม ๑๓๕
• ศลิ ปินแห่งชาติ ๑๓๖
• ศิลปินศิลปาธร ๑๔๘
• ศลิ ปนิ พ้นื บา้ น ๑๕๐

ศิลปะรว่ มสมยั มหกรรมศิลปะเมอื งโคราช ๑๕๓
• เทศกาลดนตรเี ขาใหญ่ (Big Mountain Music Festival) ๑๕๔
• เทศกาลฮปิ ฮอปนานาชาติ เค - แบทเทลิ (K-Battle International Hip-hop Festival) ๑๕๕
• งานสตรที อารต์ โคราช (Korat Street Art) ๑๕๖
• งานเทศกาลศิลป์ร่วมสมัยโคราช Korat-Battle “ทอ่ งเท่ยี วเชงิ วฒั นธรรม - วิถชี ุมชน” ๑๕๗
• กจิ กรรม “ฟ้นื ฟจู ติ ใจคนโคราชด้วยงานศิลปะ ศลิ ปนิ ร่วมสมยั ส่งใจสโู่ คราชเมอื งศิลปะ” ๑๕๘
- กราฟฟิติ (Graffiti) ๑๕๘
- กจิ กรรม KORAT ART CARE ๑๕๙
- นิทรรศการผลงานศิลปะกลมุ่ ครูศลิ ป์ รว่ มกับศลิ ปินกลุ่มกอดโคราช รว่ มกนั ๑๕๙
สร้างสีสนั แหง่ ความสขุ เราจะกา้ ว...ไปพร้อมกนั ๑๖๐
• ประติมากรรมร่วมสมัย “ดอกสาธร” อัตลกั ษณ์โคราช เมืองศิลปะ
เตรยี มเป็นเจา้ ภาพมหกรรมศลิ ปะนานาชาต ิ ๑๖๒
๑๗๐
มหกรรมศิลปะนานาชาติ คร้งั ท่ี ๒ (Thailand Biennale, Korat 2021) ๑๗๑
ปจั ฉมิ บท
บรรณานุกรม

8

โคราช เ ืมอง ิศลปะ ขอนแก่น

แกง้ สนามนาง บัวลาย

ชัยภมู ิ บ้านเหลอ่ื ม บัวใหญ่ สีดา ประทาย

พระทองค�ำ คง โนนแดง เมอื งยาง
ขามสะแกแสง

ลพบรุ ี เทพารกั ษ์ โนนไทย โนนสงู พิมาย ชุมพวง ล�ำทะเมนชัย
ด่านขนุ ทด

สระบุรี สีค้ิว ขามทะเลสอ เฉลิมพระเกียรติ หว้ ยแถลง
ปากช่อง บรุ ีรมั ย์
เมืองนครราชสีมา จกั ราช
สูงเนิน

ปกั ธงชยั โชคชัย หนองบญุ มาก

นครนายก วังน้�ำเขยี ว ครบรุ ี เสงิ สาง
ปราจนี บุรี สระแกว้
บทน�ำ

ภมู หิ ลังทางประวตั ิศาสตรแ์ ละวฒั นธรรม

จังหวัดนครราชสีมา เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของภาค
หรืออีสานตอนลา่ ง มสี ภาพภมู ปิ ระเทศท่ีมลี กั ษณะเป็นแอง่ ทรี่ าบในเขตท่รี าบสูง เรยี กว่า แอง่ โคราช และอยู่ในต�ำแหน่ง
กึ่งกลางพอดีของแนวกว้างท่ีสุดของประเทศจึงเปรียบเสมือนประตูสู่ภาคอีสานและอินโดจีน มีพื้นที่ ๒๐,๔๙๓.๙๖๔
ตารางกโิ ลเมตร ห่างจากกรงุ เทพมหานคร ๒๕๙ กิโลเมตร มอี าณาเขตตดิ ตอ่ กบั จังหวัดใกลเ้ คียง คือ ทศิ เหนือ ตดิ ตอ่ กบั
จังหวัดชยั ภมู แิ ละขอนแกน่ ทิศใต้ ติดต่อกับจังหวดั ปราจีนบุรี นครนายกและสระแกว้ ทิศตะวนั ออก ตดิ ต่อกบั จังหวดั
บุรีรัมย์และขอนแก่น ทิศตะวันตก ตดิ ต่อกับ จังหวัดสระบรุ ีและลพบุรี มลี �ำน�้ำผ่านหลายสาย ได้แก่ ลำ� น�้ำชี ล�ำน้�ำมูล
ล�ำตะคอง ล�ำนำ�้ จักราช ลำ� ปลายมาศ ล�ำเชยี งไกร ล�ำสะแทด เป็นตน้ รวมท้งั มีแหล่งเก็บน้�ำขนาดใหญ่ เช่น อา่ งเกบ็ น้�ำ
ล�ำตะคอง อ่างเก็บนำ�้ ลำ� พระเพลงิ อา่ งเก็บน�้ำลำ� ปลายมาศ ชว่ ยในการเกษตรและการชลประทานซ่ึงประชากรส่วนใหญ่
มอี าชีพเกษตรกรรมเป็นหลกั

สภาพภูมิอากาศของจังหวัดนครราชสีมาอยู่ภายใต้อิทธิพลของลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ซ่ึงพัดพา
ความกดอากาศสูงจากจีน ท�ำให้มีอากาศเย็นและแห้ง และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ พัดจากบริเวณมหาสมุทรอินเดีย
นำ� พามวลอากาศชน้ื ทำ� ให้มเี มฆมากและฝนตกชกุ โดยทวั่ ไป
ดา้ นทรพั ยากรธรรมชาติ และสงิ่ แวดลอ้ ม จงั หวดั นครราชสมี าเปน็ จงั หวดั ทม่ี พี นื้ ทข่ี นาดใหญ่ จงึ มคี วามไดเ้ ปรยี บ
ในแงป่ รมิ าณทรพั ยากรธรรมชาตทิ จี่ ะนำ� มาใชป้ ระโยชนใ์ นชวี ติ ประจำ� วนั และการพฒั นาเศรษฐกจิ ของจงั หวดั ทรพั ยากร
ที่ส�ำคัญ เช่น ป่าไม้ สัตว์ป่า ดิน และแร่ธาตุ รวมทั้งการส่งเสริมอุตสาหกรรมของจังหวัด การมีท�ำเลที่ตั้งเป็นประตูสู่
ภาคอีสานท�ำให้จังหวัดเป็นศูนย์กลางเช่ือมโยงไปยังพ้ืนที่ต่าง ๆ ของประเทศได้สะดวก และเป็นจุดเชื่อมต่อที่ส�ำคัญ
ของประชาคมอาเซยี นอกี ด้วย
จังหวัดนครราชสีมามีภูมิหลังทางประวัติศาสตร์อันยาวนาน เป็นเมืองโบราณเมืองหนึ่งในราชอาณาจักรไทย
ตวั เมืองเดิมต้งั อยู่ทางทศิ ตะวันตกเฉยี งใต้ ในท้องท่อี �ำเภอสงู เนิน ห่างจากตัวเมืองปจั จุบนั ประมาณ ๓๑ กโิ ลเมตร คอื
“เมอื งโคราช” หรอื “โคราฆะ” กบั เมอื ง “เสมา” ทง้ั สองเมอื งดงั กลา่ วเคยเจรญิ รงุ่ เรอื งมากในสมยั ขอม ตอ่ มาสมยั อยธุ ยา
ในแผน่ ดนิ สมเดจ็ พระนารายณม์ หาราช (พ.ศ. ๒๑๙๙ - ๒๒๓๑) จงึ ยา้ ยเมอื งจากตำ� บลโคราช อำ� เภอสงู เนนิ มาสรา้ งเมอื ง
ขึน้ ใหม่ในท่ี ณ ปัจจุบนั และน�ำนามเมอื งทัง้ สอง คือ เมืองเสมา กับเมืองโคราช หรือโคราฆะ มาผกู เปน็ นามเมอื งใหม่
เรียกว่า เมืองนครราชสีมา แต่คนท่ัวไปยังเรียกว่า เมืองโคราช มีการพัฒนาเมืองมาโดยล�ำดับอย่างต่อเนื่องจากยุค
กอ่ นประวตั ศิ าสตร์ มีหลกั ฐานการดำ� รงอยู่ของมนุษย์ต้ังแตร่ าว ๓,๐๐๐ - ๔,๐๐๐ ปีมาแลว้ ดงั หลกั ฐานทางโบราณคดี
หลายแหลง่ เม่ือเข้าสยู่ คุ ประวัติศาสตร์พบหลักฐานท่ีเปน็ วัฒนธรรมสมัยทวารวดี วัฒนธรรมเขมรโบราณ และสืบเนอื่ ง
ต่อมาในสมัยสุโขทัย อยุธยา ธนบุรีและรัตนโกสินทร์ แม้ว่านครราชสีมาจะอยู่ในยุคใดก็ยังคงสถานะเมืองส�ำคัญและ
เปน็ พน้ื ที่ยทุ ธศาสตร์ทางภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือตลอดมา การเปลี่ยนแปลงอยา่ งชัดเจนสูค่ วามเปน็ สมยั ใหมเ่ รม่ิ ตง้ั แต่
สมยั รัชกาลท่ี ๕ แหง่ กรงุ รัตนโกสนิ ทร์เป็นต้นมา กล่าวไดว้ า่ นครราชสีมามีการเปลย่ี นแปลงคร้งั ใหญน่ �ำไปส่คู วามเจรญิ
รงุ่ เรอื งยิ่งขนึ้ กว่าแตก่ ่อน ด้วยการปฏริ ูปการปกครองหัวเมืองเพ่อื สรา้ งความม่นั คงของประเทศ สรา้ งทางรถไฟสายแรก
จากกรงุ เทพฯ - นครราชสมี า เพอ่ื ความสะดวกในการคมนาคม การขนสง่ ในรชั กาลตอ่ ๆ มา จงั หวดั ไดพ้ ฒั นาความเจรญิ
มาโดยล�ำดับ อาทิ จัดต้ังการขนส่งไปรษณียภัณฑ์ทางอากาศและสายการบินระหว่างกรุงเทพฯ - นครราชสีมา ขยาย
เส้นทางรถไฟสายอีสาน สร้างถนนมิตรภาพจากสระบุรี - นครราชสีมา เป็นฐานทัพอากาศที่ส�ำคัญและต้นก�ำเนิด
ของกองบิน ๑ ฐานทัพหลักของกองทัพอากาศในปัจจุบัน นครราชสีมาได้พัฒนาสู่ความเจริญอย่างต่อเน่ือง ท้ังได้รับ
พระมหากรณุ าธคิ ณุ จากพระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศร มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร พระราชทาน
โครงการอันเนือ่ งมาจากพระราชดำ� ริหลายโครงการ สว่ นใหญ่เกีย่ วเน่อื งกับพฒั นาการเกษตร การชลประทาน และการ
ดูแลรกั ษาป่าไม้ เปน็ ผลใหร้ าษฎรมคี วามเปน็ อยทู่ ีด่ ีขึ้น ยกระดบั คณุ ภาพชีวิต และสามารถพ่ึงพาตนเองได้ อันเป็นการ
พัฒนาชาติและสังคมอย่างมั่นคงยั่งยืน แม้ในปัจจุบันพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงใส่พระราชหฤทัยต่อพสกนิกร
ในจงั หวดั นครราชสมี า มพี ระมหากรณุ าธคิ ณุ ดา้ นตา่ ง ๆ อาทิ ดา้ นสาธารณสขุ ดา้ นการเกษตร นอกจากนไี้ ดพ้ ระราชทาน
ขวัญก�ำลังใจแก่นักเรียน และอาณาราษฎร ทั้งในยามสงบสุขและประสบภัยพิบัติเสมอมา จึงนับได้ว่านครราชสีมาเป็น
จังหวัดส�ำคญั ในระดบั ตน้ ๆ ของประเทศ และมศี กั ยภาพสูงในการเติบโตและพัฒนาอย่างต่อเน่ืองในอนาคต

โคราช เ ืมอง ิศลปะ10

ประชากรของจงั หวัดประกอบดว้ ยคน ๒ กลุ่มใหญ่ คือ ไทยโคราช และไทยอสี าน นอกจากน้ียงั มชี นกลุม่ อื่น
ไดแ้ ก่ มอญ กุย (สว่ ย) จนี ญวน ไทยยวนหรือไทยโยนก แขกซิกข์ เขมร การท่ีมกี ลมุ่ ชนหลากหลายจึงท�ำให้เกดิ การผสม
ผสานวัฒนธรรมระหว่างกันอีกดว้ ย
ดว้ ยสภาพแวดล้อมทางภูมศิ าสตร์ ทรพั ยากรธรรมชาติ กลุ่มชาติพนั ธุ์ มติ ทิ างประวตั ศิ าสตร์ และกระบวนการ
ทางสังคม ลว้ นเป็นตวั กำ� หนดรูปแบบของวฒั นธรรมทง้ั เร่ืองวถิ ชี ีวติ การทำ� มาหากิน การประกอบอาชพี อาหารการกนิ
ความเชอ่ื ประเพณี พิธีกรรม ศิลปะพ้ืนถ่ิน ศลิ ปะการแสดง ตลอดจนทรัพยากรบุคคลทีม่ ีความรอบรู้ทางศิลปวฒั นธรรม
จ�ำนวนมาก ล้วนสรา้ งสรรค์ภมู ปิ ัญญาไว้เปน็ แบบอยา่ งและถา่ ยทอดจากรนุ่ สรู่ ุ่น รวมทง้ั ต่อยอดงานศลิ ปะให้เปน็ ศลิ ปะ
ร่วมสมยั ท่ีมีแนวความคิดของสงั คมและวฒั นธรรมปัจจุบันเป็นพ้นื ฐานและนำ� เทคโนโลยีมาใช้ในการรังสรรคง์ านศลิ ปะ
คณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ได้ก�ำหนดสาขาวัฒนธรรมตามที่องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และ
วัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยเู นสโกกำ� หนด ดงั น้ี
๑. สาขามนษุ ยศาสตร์ ไดแ้ ก่ วัฒนธรรมทวี่ า่ ด้วยขนบธรรมเนยี มประเพณี คณุ ธรรม ศลี ธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม
ศาสนา ปรัชญา ประวตั ิศาสตร์ โบราณคดี มารยาทในสังคม การปกครอง กฎหมาย ฯลฯ
๒. สาขาศลิ ปะ ไดแ้ ก่ วฒั นธรรมในเรอื่ งภาษา วรรณคดี ดนตรี ฟอ้ นราํ จติ รกรรม ประตมิ ากรรม สถาปตั ยกรรม ฯลฯ
๓. สาขาการชา่ งฝีมอื ไดแ้ ก่ วฒั นธรรมในเรื่องการเยบ็ ปกั ถกั ร้อย การแกะสลัก การทอผา้ การจักสาน การทาํ
เครอื่ งเขนิ เครอื่ งเงนิ เครอื่ งทอง เครอ่ื งถม การจดั ดอกไม้ การทำ� ตกุ๊ ตา การทอเสอื่ การประดษิ ฐ์ การทาํ เครอ่ื งปน้ั ดนิ เผา ฯลฯ
๔. สาขาคหกรรมศิลป์ ไดแ้ ก่ วฒั นธรรมในเรอื่ งอาหาร เสื้อผา้ การแต่งกาย บา้ น ยา การดแู ลเดก็ ครอบครวั
การรจู้ กั ประกอบอาชีพชว่ ยเศรษฐกจิ ในครอบครวั ฯลฯ
๕. สาขากีฬาและนนั ทนาการ ไดแ้ ก่ วฒั นธรรมในเรื่องการละเล่น มวยไทย ฟนั ดาบสองมือ กระบี่ กระบอง
กฬี าพน้ื บา้ น ฯลฯ

11 โคราช เมืองศลิ ปะ

นอกจากนยี้ งั มกี ารจาํ แนกวฒั นธรรมในรปู แบบอน่ื ไดแ้ ก่ วฒั นธรรมทเ่ี ปน็ มรดก (Heritage culture) วฒั นธรรม
ที่เปน็ วิถชี วี ติ (Living culture) และวัฒนธรรมท่สี ร้างสรรค์ (Creative culture)
สว่ นงานศิลปะร่วมสมัย หมายถงึ ศิลปะที่เกิดจากการที่มนุษย์สร้างสรรคข์ ึ้นโดยมเี งื่อนไขของเวลา แสดงความ
เช่ือมโยงอยู่ในยุคสมัยเดียวกันหรือห้วงเวลาเดียวกัน และเกิดข้ึนในสมัยปัจจุบัน ท้ังมีแนวคิดของสังคมและวัฒนธรรม
ปจั จบุ นั เปน็ พนื้ ฐาน รวมถงึ การประยกุ ตอ์ ยา่ งบรู ณาการ สอดคลอ้ งสมั พนั ธแ์ ละสง่ ผลตอ่ กนั และกนั ระหวา่ งศลิ ปวฒั นธรรม
ซ่งึ สำ� นักงานศลิ ปวฒั นธรรมรว่ มสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ได้แบง่ ประเภทออกเป็น ๙ สาขา ไดแ้ ก่
๑. สาขาทัศนศลิ ป์ (Visual Arts) ไดแ้ ก่ จติ รกรรม ประติมากรรม ภาพพิมพ์ ภาพถ่ายและสอ่ื ผสม
๒. สาขาศิลปะการแสดง (Performing Arts) ไดแ้ ก่ การแสดงละคร การละเลน่ การแสดงพน้ื บ้านประยกุ ต์
๓. สาขาวรรณศิลป์ (Literature) ได้แก่ ศิลปะในการแตง่ หนังสอื หรอื ศลิ ปะทางวรรณกรรมท่ีมอี งค์ประกอบ
ที่ส�ำคัญในการแสดงความรูส้ ึกสะเทือนใจ จินตนาการและการแสดงออกท่วงทา่ ทีเ่ ฉพาะตวั มวี ธิ ีการเสนอเร่อื งราวท่นี ่า
สนใจท้ังกวนี พิ นธ์ เรอ่ื งสัน้ นวนยิ าย บทละคร
๔. สาขาดนตรแี ละการขบั รอ้ ง (Music) ไดแ้ ก่ การเลน่ ดนตรสี ากลและดนตรีไทยประยกุ ตท์ ง้ั ดดี สี ตี เป่า การ
ขับรอ้ ง เชน่ การร้องอสิ ระ การรอ้ งประกอบดนตรี การร้องประกอบฟ้อนรำ� เปน็ ตน้
๕. สาขาสถาปตั ยกรรม (Architecture) ไดแ้ ก่ วัดวาอาราม สถปู เจดีย์ ปราสาทราชวงั บา้ นเรอื น เปน็ ตน้
๖. สาขามัณฑนศิลป์ (Interior Design) ไดแ้ ก่ ศิลปะการออกแบบประดับตกแตง่ สภาพแวดล้อมภายนอกและ
ภายในอาคาร บา้ นเรือน สถานที่ ทั้งในลกั ษณะท่สี ื่อถึงศิลปวฒั นธรรมสากลและศลิ ปวฒั นธรรมของชาติ
๗. สาขาเรขศลิ ป์ (Graphic Design) ไดแ้ ก่ ศิลปะการออกแบบในการสอื่ สารกบั กลุ่มชนด้วยภาษาทต่ี คี วามได้
โดยการดูด้วยตา ท้ังภาษาอักษร และภาษาภาพ
๘. สาขาภาพยนตร์ (Film) ไดแ้ ก่ สื่อภาพเคล่อื นไหว โสตทัศน์ ทัง้ ท่ผี ลิตด้วยฟลิ ม์ ภาพยนตร์ เทป วดี ิทัศน์ และ
ส่อื ผสม
๙. สาขาการออกแบบเครือ่ งแตง่ กาย (Fashion Design) ไดแ้ ก่ การออกแบบเสื้อผา้ อาภรณ์ เครอ่ื งประดบั การ
แสดงแบบการนงุ่ หม่ ต่าง ๆ ท่ีมรี ูปแบบ สสี ันตามสมัยนิยม หรอื วิธีการท่ีนยิ มกันทว่ั ไปในช่วงระยะเวลาหนึ่ง
จากภมู หิ ลงั ทางประวตั ศิ าสตรแ์ ละวฒั นธรรม ทำ� ใหจ้ งั หวดั นครราชสมี าเปน็ เมอื งทมี่ ศี ลิ ปะและวฒั นธรรมหลาก
หลายสาขา ครอบคลุมตามประเภทของวัฒนธรรมทอี่ งค์การยเู นสโกและกระทรวงวัฒนธรรมกำ� หนด ท้ังมีความโดดเด่น
เป็นเอกลักษณ์ มีความกลมกลนื ทางวฒั นธรรม มีศกั ยภาพ มคี วามพร้อมของเมืองในดา้ นตา่ ง ๆ มีตน้ แบบของความเป็น
ศลิ ปะ และมกี ารสรา้ งสรรคง์ านศลิ ปะใหม่ ๆ ตลอดเวลา เหน็ ไดจ้ ากความเตบิ โตของพพิ ธิ ภณั ฑแ์ ละหอศลิ ปใ์ นจงั หวดั ทงั้
หอศลิ ป์ของหน่วยงานภาครฐั ภาคเอกชน สถานศึกษา และศลิ ปนิ อิสระเปน็ จ�ำนวนมาก
ปัจจุบันนครราชสีมาได้กลายเป็นเมืองศูนย์ราชการท่ีส�ำคัญท่ีสุดรองจากกรุงเทพมหานคร เป็นศูนย์กลางทาง
เศรษฐกจิ การค้า การลงทุน การเงนิ การศกึ ษา การสาธารณสุข การวิจยั การคมนาคม และการอตุ สาหกรรมของภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นที่ตั้งของฐานก�ำลังรบหลักของกองทัพบก และกองทัพอากาศ รวมทั้งเป็นเมืองหลากหลาย
กิจกรรมทางการท่องเทีย่ ว มสี ง่ิ อำ� นวยความสะดวกทมี่ ีความพรอ้ มในทกุ ๆ ด้าน เส้นทางการท่องเทย่ี วสามารถเชื่อมโยง
ไปสู่พ้ืนท่ีต่าง ๆ ท่ัวประเทศอย่างสะดวก โดยเฉพาะอย่างยิ่งมรดกทางศิลปะและวัฒนธรรมของจังหวัด เป็นประจักษ์
พยานส�ำคัญและบ่งบอกถึงความเป็นเมืองแห่งศิลปะอย่างแท้จริง รวมทั้งเป็นที่รู้จักของคนไทยท่ัวทุกภูมิภาคและเป็นที่
กล่าวขวญั ถึงในหมู่นานาชาติ



13 โคราช เมืองศลิ ปะ

มรดกศลิ ปะและวัฒนธรรม

ในพ้ืนท่ีของจังหวัดนครราชสีมาปัจจุบัน พบร่องรอยสิ่งมีชีวิตในยุคโบราณ
จ�ำนวนมาก ที่รู้จักและน่าสนใจคือ ฟอสซิลหรือซากดึกด�ำบรรพ์ของพืชและสัตว์ คือ
ไม้กลายเป็นหิน (Petrified wood) ฟอสซิลของไดโนเสาร์และฟอสซิลช้างโบราณ
อายุหลายล้านปีมาแล้ว ท�ำให้จังหวัดนครราชสีมามีพิพิธภัณฑ์เป็นที่เก็บรักษาและ
จัดแสดงซากดึกด�ำบรรพ์ไว้เป็นทั้งแหล่งเรียนรู้และแหล่งท่องเท่ียวที่ส�ำคัญอีกด้วย
ส่วนร่องรอยของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ยุคแรก ๆ หรือยุคหินที่เร่ร่อน หาของป่า
ล่าสัตว์เป็นอาหารนั้น มีรายงานการพบเครื่องมือหินกะเทาะสมัยหินเก่าที่ท�ำจากไม้
กลายเป็นหินในพื้นท่ีอ�ำเภอสูงเนิน อายุประมาณ ๑๐,๐๐๐ ปีมาแล้ว กระท่ังเม่ือเข้าสู่
สมัยหินใหม่ เร่ิมรู้จักการเพาะปลูก เลี้ยงสัตว์ ใช้เครื่องมือหินแบบใหม่ที่ขัดฝนผิวและ
ขอบคมให้เรียบ ปั้นหม้อดินขึ้นใช้ และต้ังบ้านเรือนเป็นหลักแหล่งใกล้แหล่งน้�ำ ซ่ึงใกล้
แมน่ ้�ำมลู และลำ� น้�ำสาขา เมือ่ ประมาณ ๓,๐๐๐ – ๓,๗๐๐ ปมี าแล้ว ในบางพื้นทพ่ี บวา่
มกี ารอยอู่ าศยั และเปน็ ทฝ่ี งั ศพตอ่ เนอื่ งมาจนถงึ ชว่ งเวลาทร่ี จู้ กั ใชโ้ ลหะทเ่ี รยี กวา่ สมยั สำ� รดิ
และสมัยเหล็ก หรอื เมอื่ ประมาณ ๑,๕๐๐ - ๓,๐๐๐ ปมี าแลว้ ซึ่งพบแหล่งโบราณคดที ี่
ส�ำคัญเป็นท่ีรู้จักในแวดวงวิชาการโบราณคดีท้ังในประเทศไทย และปรากฏอยู่บนแผนที่
แหล่งโบราณคดีสำ� คญั ของภูมภิ าคเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ และของโลก

14

โคราช เ ืมอง ิศลปะ

ย้อนยุคกอ่ นประวัตศิ าสตร์

กับแหลง่ โบราณคดีระดบั โลก

ท่ี บา้ นโนนวัด

แหล่งโบราณคดีท่ีมีช่ือเสียงในระดับโลก ภาชนะรปู ทรงปากแตร
ต้งั อยูท่ ี่บา้ นโนนวดั ตำ� บลพลสงคราม อำ� เภอโนนสูง อนั เป็นเอกลักษณ์ของยคุ ส�ำรดิ
เปน็ การขดุ คน้ ทางโบราณคดที ใ่ี หญท่ ส่ี ดุ และยาวนาน บริเวณลมุ่ นำ้� มูลตอนบน
ท่ีสุดอีกครั้งหน่ึงที่เคยด�ำเนินการมาในประเทศไทย
เมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๓ - ๒๕๔๗ พบความต่อเนื่อง
ของชนั้ วัฒนธรรมต้งั แต่สมยั หินใหม่ สมยั สำ� รดิ และ
สมยั เหลก็ เมื่อประมาณ ๑,๕๐๐ - ๓,๗๐๐ ปีมาแล้ว
คนในสมยั นน้ั ด�ำรงชีวิตแบบเกษตรกร เพาะปลกู ขา้ ว
เล้ียงสัตว์ แบ่งหน้าท่ีตามความถนัด เช่น ช่างปั้น
ภาชนะดินเผา ช่างท�ำเครื่องโลหะ ท�ำเครื่องประดับ
ช่างทอผ้า และมีหลักฐานการอยู่อาศัยต่อเน่ือง
เร่อื ยมากระทง่ั ยคุ ปัจจุบัน

ภาชนะดนิ เผา
ลายเขียนสบี นพน้ื สแี ดงท่ีโดดเดน่
เป็นเอกลักษณท์ างศลิ ปะ

15

โคราช เ ืมอง ิศลปะ16

หม้อดนิ เผาปากแตร เมอื่ ๒,๐๐๐ ปี

ภาพจำ� ของแหลง่ โบราณคดี

บ้านปราสาท

เม่ือ พ.ศ. ๒๕๒๖ มีการสำ� รวจและขดุ คน้ ในหมู่บ้าน อาคารพพิ ิธภณั ฑ์ จดั แสดงโบราณวัตถุ
ปราสาทหรือบ้านปราสาทใต้ หมู่ที่ ๗ ต�ำบลธารปราสาท เคร่อื งมอื เครอ่ื งใช้ และวิถชี ีวติ ชาวบา้ น
อ�ำเภอโนนสูง พบโครงกระดูกมนุษย์บางโครงสวมเคร่ือง แหล่งเรียนรู้และแหลง่ ท่องเท่ยี ว
ประดบั ลกู ปดั แกว้ หนิ กำ� ไลเปลอื กหอย และพบภาชนะดนิ เผา ทางวฒั นธรรมที่ส�ำคัญ
แวดินเผา หินดุ ลูกกระสุนดินเผาฝังเป็นเคร่ืองอุทิศให้กับ
ผู้ตาย คนโบราณที่บ้านปราสาทจัดอยู่ในสังคมเกษตรกรรม
สมัยหินใหม่ต่อเนื่องมาถึงสมัยส�ำริดและเหล็กในช่วงโลหะ
ตอนปลาย อายุประมาณ ๑,๕๐๐ - ๒,๕๐๐ ปี และต่อมา
มรี อ่ งรอยการอยอู่ าศยั ของชมุ ชนวฒั นธรรมทวารวดี วฒั นธรรม
เขมร และชมุ ชนในปจั จบุ นั ตอ่ เนอื่ งมาเป็นล�ำดบั

ภาชนะดินเผา
ที่พบเป็นจ�ำนวนมากในหลมุ ฝังศพ
มักเป็นทรงพานและหม้อทรงปากแตรเคลือบนำ�้ โคลนสีแดง
เป็นที่รูจ้ กั วา่ รูปทรงในลักษณะน้คี อื ภาชนะดินเผาแบบบา้ นปราสาท
ซึง่ ทำ� ข้ึนอย่างมศี ิลปะ เป็นวฒั นธรรมเฉพาะที่พบในล่มุ แมน่ ้ำ� มูลตอนบน
เขตอีสานใต้ (อีสานล่าง) แถบจังหวดั นครราชสีมา

17

หลมุ ขดุ คน้ ทเี่ ก็บรักษาสภาพเดิม
และสรา้ งอาคารคลุมหลมุ ไว้

โคราช เ ืมอง ิศลปะ18

ภาพวาดคนเล้ียงสุนขั ไวล้ ่าสัตว์

ตงั้ แตย่ ุค ๓,๐๐๐ ปี ดไู ด้ท่ี

เขาจันทน์งาม ทน่ี ท่ี ี่เดียว

จังหวัดนครราชสีมาพบภาพเขียนยุค ชายแตง่ กายสวมผ้านงุ่ ส้นั ชกั ชายพก
ก่อนประวัติศาสตร์ที่ส�ำคัญและมีช่ือเสียงที่สุด อาจเปน็ นายพรานก�ำลงั ยิงธนมู องเห็นหวั ลูกธนู
แหง่ หนงึ่ ของประเทศ ในบรเิ วณวดั เลศิ สวสั ดหิ์ รอื พุง่ ออกไปขา้ งหนา้ ใกลก้ นั นน้ั มรี ปู สตั ว์เล้ียง
วัดเขาจันทน์งาม กิโลเมตรท่ี ๕๘ ถนนมิตรภาพ คือสนุ ัขตวั ผกู้ �ำลังมองตามลกู ธนูไป
ตำ� บลลาดบวั ขาว อำ� เภอสคี ว้ิ ภาพทงั้ หมดเขยี น นา่ จะเป็นหลักฐานการลา่ สัตวร์ ่วมกันระหว่าง
แบบระบายสที ึบ (silhouette) เขียนดว้ ยสแี ดง คนกบั สุนขั ทเี่ กา่ แกท่ ี่สุดในประเทศไทย
มภี าพคนภาพสตั ว์และภาพสญั ลกั ษณต์ า่ งๆทงั้ ที่
สมบรู ณแ์ ละไมช่ ดั เจน คนโบราณเหลา่ นใี้ ชเ้ พงิ ผา
ท่ีน่ีเป็นท่ีพักพิงช่ัวคราวหรือเป็นพื้นท่ีเก่ียวกับ
การท�ำพิธีกรรม และเขียนภาพเพ่ือบันทึกหรือ
ถ่ายทอดวถิ ีชีวติ เม่ือประมาณ ๓,๐๐๐ - ๔,๐๐๐
ปีมาแล้ว ซ่ึงภาพเขียนเหล่านี้ถือได้ว่าเป็นงาน
ศลิ ปะช่วงแรก ๆ ของมนษุ ย์ดว้ ย

ชายก�ำลงั ถือไมเ้ ทา้
อาจหมายถงึ คนชรา
หรือผ้นู ำ� ทางความเชื่อของกลุม่
หรอื หมอผี

ภาพเดน่ เปน็ ภาพกลุม่ ชายและหญิงมีทง้ั ผู้ใหญ่และเดก็ รวม ๑๔ คน
แสดงกล้ามเน้อื ทน่ี ่อง แขน ออกท่าทางเคลือ่ นไหวไปในทศิ ทางเดียวกนั

19

โคราช เ ืมอง ิศลปะ20

เมื่อกา้ วเข้าสยู่ คุ ประวตั ิศาสตร์

พัฒนาการของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์เข้าสู่ยุคประวัติศาสตร์แรกเร่ิม
ในจงั หวดั นครราชสีมา คล้าย ๆ กบั พัฒนาการในหลาย ๆ พ้ืนทีข่ องประเทศไทย คือ เมอื่
เรมิ่ มกี ารตดิ ตอ่ แลกเปลย่ี น คา้ ขายกบั ชมุ ชนทม่ี พี น้ื ฐานวฒั นธรรมทางศาสนา การปกครอง
การใชอ้ ักษร การใชภ้ าษา ซึ่งเป็นทีร่ ู้จกั กนั ในทางวชิ าการวา่ เมอ่ื ประมาณพทุ ธศตวรรษที่
๑๒ - ๑๔ หรือประมาณ ๑,๒๐๐ - ๑,๔๐๐ ปีมาแลว้ ปรากฏวัฒนธรรมในสมยั ทวารวดี
ซึ่งรุ่งเรืองอยู่ในภาคกลางแถบเมืองนครปฐม สุพรรณบุรี ราชบุรี ลพบุรี ได้แพร่เข้ามา
ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ผ่านพื้นท่ีจังหวัดนครราชสีมา ร่องรอยส�ำคัญในวัฒนธรรม
สมัยทวารวดี ในจงั หวัดนครราชสมี า คือ เมืองเสมา เมืองโบราณขนาดใหญม่ คี นู �ำ้ คนั ดิน
ล้อมรอบ รูปคล้ายหอยสังข์และยังมีร่องรอยของการขยายคูน�้ำคันดินออกไปจนเกือบ
เป็นวงกลม เพ่ือขยายพ้ืนท่ีภายในเมืองอันเป็นลักษณะพัฒนาการของเมืองสมัยทวารวดี
ต่อมาจึงพบร่องรอยของวัฒนธรรมเขมรท่ีแผ่อิทธิพลเข้ามาเหนือวัฒนธรรมทวารวดี
ในอสี าน ดงั ทภี่ ายหลงั คน้ พบจารกึ ภาษาสนั สกฤตในวฒั นธรรมเขมร กำ� หนดอายปุ ระมาณ
พทุ ธศตวรรษที่ ๑๕ ปรากฏชอ่ื ของพระราชาผคู้ รองเมอื ง “ศรจี นาศะ” ซงึ่ เปน็ ดนิ แดนหนงึ่
ท่ีกษตั รยิ เ์ ขมรมอี ำ� นาจปกครอง แต่อยู่นอกเขตกัมพุเทศ (กมั พชู า) สันนษิ ฐานวา่ หมายถงึ
เมืองเสมา เม่ือได้รับวฒั นธรรมเขมรซึ่งเขา้ มาแทนท่วี ัฒนธรรมทวารวดี



โคราช เ ืมอง ิศลปะ22

พระนอนใหญ่ท่สี ุด

ในสมยั ทวารวดี

ที่ วดั ธรรมจักรเสมาราม

พระนอนสรา้ งลอยตวั สมยั ทวารวดีแห่งเดียว
ขนาดใหญท่ ี่สุดท่ีพบในประเทศไทย

พระพุทธรูปไสยาสน์หรือพระนอน เป็นหลักฐานส�ำคัญท่ีแสดงถึงวัฒนธรรม
ทวารวดี แถบเมืองเสมา ในจงั หวดั นครราชสีมา องค์พระประดษิ ฐานอยู่ภายในศาลาโถง
ซ่ึงสร้างข้ึนในสมัยปัจจุบันอยู่ภายในวัดธรรมจักรเสมาราม บ้านคลองขวาง ต�ำบลเสมา
อ�ำเภอสูงเนิน สร้างด้วยหินทรายแดงขนาดใหญ่หลาย ๆ ก้อนประกอบกันข้ึนตามแนว
ทศิ เหนือทิศใต้ มกี ารซ่อมบรู ณะเพิ่มเตมิ บางส่วน มีความยาว ๑๓.๓๐ เมตร สงู ๒.๘๐
เมตร พระเศยี รอยทู่ างทิศใต้ หนั หนา้ ไปทางทศิ ตะวนั ออก เค้าพระพักตร์ค่อนข้างเหล่ียม
แต่รายละเอียดช�ำรุดแตกหายไป ขมวดพระเกศาใหญ่กลม ริมพระโอษฐ์หนาแบบ
ศิลปะทวารวดีในเขตอีสาน และในบริเวณวัดธรรมจักรเสมารามยังพบธรรมจักรศิลา
อนั นา่ จะเป็นทม่ี าของชอื่ วดั ดังกล่าว

ธรรมจกั รหินทราย

ดา้ นหลงั ศาลาโถงมีซากฐานอาคารรปู ๘ เหลีย่ ม
กอ่ ด้วยอิฐ อายปุ ระมาณพทุ ธศตวรรษท่ี ๑๔

ซึ่งอายขุ องพระนอนนา่ จะอยใู่ นระยะเวลาเดียวกัน

23

โคราช เ ืมอง ิศลปะ24

ที่ ปราสาทเมยำ�่ือยอ้ งนอแดตี ขโครกาช

ทอี่ ำ� เภอสงู เนนิ มโี บราณสถานทไี่ ดร้ บั การบรู ณะแลว้ แหง่ หนง่ึ ตงั้ อยทู่ บี่ า้ นกกกอก
ต�ำบลโคราช เดิมลักษณะเป็นปราสาท ๓ หลัง ก่อด้วยหินทรายและอิฐต้ังอยู่บนฐาน
เดียวกัน จารึกและหลักฐานท่ีพบก�ำหนดได้ว่า ปราสาทเมืองแขกเป็นศาสนสถานฮินดู
ตามแบบวฒั นธรรมเขมร สรา้ งขน้ึ ในราวพทุ ธศตวรรษท่ี ๑๖ โดยมหี ลกั ฐานจากการบรู ณะ
ที่ท�ำให้พบโบราณวัตถุส�ำคัญหลายช้ิน อายุตรงกับศิลปะเขมร สมัยบันทายศรี (พ.ศ.
๑๕๑๐ - ๑๕๕๐) นอกจากนีย้ ังพบศลิ าจารึก ๓ หลัก ทถ่ี กู นำ� มาใช้เปน็ หินก่อสร้างฐาน
ประตูซุ้มชัน้ นอก ระบุศักราช พ.ศ. ๑๕๑๔ และ พ.ศ. ๑๕๑๗ โบราณวัตถบุ างชน้ิ ถูกนำ� ไป
จัดแสดงเปน็ โบราณวตั ถุชน้ิ เยยี่ มอยู่ ณ พพิ ธิ ภณั ฑสถานแห่งชาติ พิมาย
ปราสาทเมืองแขกแม้ว่าจะช�ำรุดหักพังเสียมากเหลือเพียงส่วนฐาน แต่ยังได้
ช่ือว่าเป็นโบราณสถานที่มีความงดงาม บรรยากาศน่าเท่ียวชม รวมท้ังยังเป็นแหล่ง
ท่องเที่ยวส�ำคัญของจังหวัด และมีพ้ืนที่หน้าปราสาทเป็นลานโล่ง ในช่วงเดือนมีนาคม
ของทกุ ปไี ดใ้ ชเ้ ปน็ ทจ่ี ดั งานประเพณี “กินเขา่ คำ่� ” ชมการแสดง แสง สี เสยี งในยามค่�ำคืน
เลา่ เร่อื งในอดตี ทม่ี โี บราณสถานเป็นฉากหลัง

อีกดา้ นหนงึ่ ของปราสาท
ยงั คงเห็นหนา้ บันสลกั ภาพ
นารายณ์บรรทมสนิ ธ์ุ

ปราสาท ๓ หลงั มองผา่ นจากแนวก�ำแพงและโคปรุ ะชั้นนอก

โคราช เ ืมอง ิศลปะ26

ปราสาทโนนกู่

อีกหน่ึงศาสนสถานฮนิ ดูบูชาพระศิวะ
บนเขาไกรลาส

โบราณสถานที่ส�ำคัญอีกแห่งหนึ่งในวัฒนธรรมเขมร ซ่ึงเป็นสมัยเดียวกับ
ปราสาทเมืองแขกที่ตั้งอยู่ใกล้กัน ลักษณะเป็นปราสาทขนาดเล็กหลังเดี่ยวตั้งอยู่บนฐาน
ด้านหน้าทั้งสองข้างมีบรรณาลัยสองหลัง ล้อมรอบด้วยก�ำแพงแก้วที่มีซุ้มประตูเข้าออก
ด้านทิศตะวันออกและทิศตะวันตก จากแผนผังสิ่งก่อสร้างและลักษณะชิ้นส่วน
สถาปัตยกรรมที่ยังหลงเหลือ เช่น รูปโคนนทิ พาหนะพระอิศวร ท�ำให้สันนิษฐานว่า
เทวาลัยแห่งนีส้ รา้ งในลัทธไิ ศวนิกาย อายุประมาณพุทธศตวรรษท่ี ๑๕ เปรยี บเทยี บไดก้ ับ
ศิลปะเขมร แบบเกาะแกรท์ ี่พบในกัมพูชา

27

เทวาลยั สรา้ งเพ่อื บูชาพระศวิ ะหรือพระอศิ วร การสรา้ งฐานสูงเชน่ น้เี ชอื่ ว่า
เป็นการจ�ำลองเขาไกรลาสอันเปน็ ที่สถิตของพระศิวะ

โคราช เ ืมอง ิศลปะ28

ปราสาทพิมาย

ศาสนสถานศลิ ปะเขมรโบราณ
ท่ใี หญท่ ส่ี ดุ ในประเทศไทย

ปราสาทพิมาย เป็นชื่อท่ีเรียกกันในชั้นหลัง ตามเค้าชื่อเมือง พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธิเบศร
“วมิ ายะปรุ ะ” ซง่ึ เปน็ คำ� ทปี่ รากฏในจารกึ ทก่ี รอบประตรู ะเบยี งคดของปราสาท มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร
สรา้ งขน้ึ เมอื่ พทุ ธศตวรรษที่ ๑๖ ในหว้ งเวลานน้ั วมิ ายะปรุ ะถอื เปน็ เมอื งสำ� คญั และสมเด็จพระนางเจ้าสิรกิ ิติ์ พระบรมราชินนี าถ
เมืองหนง่ึ มีเส้นทางโบราณเช่ือมตอ่ ตรงมาจากเมืองพระนครในกัมพูชา โดยมี พระบรมราชชนนพี ันปีหลวง เสดจ็ พระราชด�ำเนนิ
ปราสาทพมิ ายเปน็ เทวสถานศนู ยก์ ลางของเมอื งและตวั ปราสาทหนั หนา้ ไปทาง ไปทอดพระเนตรปราสาทพิมาย
ทิศใต้อันเป็นทิศที่ต้ังของเมืองพระนคร กระท่ังในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ เมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๔๙๘
ในพุทธศตวรรษที่ ๑๘ ได้เปลี่ยนเป็นศาสนสถานในพทุ ธศาสนาแบบมหายาน
ปัจจุบันปราสาทพิมายเป็นโบราณสถานส�ำคัญกลางตัวเมืองพิมาย และเป็น
เอกลักษณ์ของสิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่และงดงามมาตั้งแต่ในอดีต โบราณวัตถุ
ชน้ิ สำ� คญั ทไ่ี ดจ้ ากการบรู ณะนำ� ไปจดั แสดง ณ พพิ ธิ ภณั ฑสถานแหง่ ชาติ พมิ าย

รูปเหมอื นของพระเจา้ ชัยวรมันท่ี ๗
พบในปรางค์พรหมทัต ใกลป้ รางคป์ ระธาน
ปจั จบุ นั จดั แสดงเป็นโบราณวตั ถชุ นิ้ ส�ำคัญ
ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พิมาย

ปราสาทพมิ าย มีแผนผังท่ีเป็นระเบียบงดงาม กอ่ นถงึ ปรางคป์ ระธาน มีสะพานนาคราช ท่เี ปน็ จดุ เชื่อมโลกมนษุ ยก์ ับสวรรค์
และยงั มหี ินสลกั รปู สิงห์ตง้ั อยทู่ ี่เชงิ บันไดเพือ่ ป้องกันสง่ิ ชว่ั ร้าย

ปราสาทพมิ าย ตั้งตามชื่อของ “วมิ ายะปรุ ะ” เมอื งของผปู้ ราศจากมายา

โคราช เ ืมอง ิศลปะ30

ปราสาทพนมวัน

จากเทวาลัยเปลย่ี นเปน็ ศาสนสถาน
ประจ�ำอโรคยาศาลา

สถาปตั ยกรรมโบราณศลิ ปะเขมรในประเทศไทยอกี แหง่ หนง่ึ ทนี่ า่ แวะเวยี นไปชม
ต้ังอยู่ท่ีบ้านมะค่า ต�ำบลบ้านโพธิ์ มีการสร้างทับซ้อนเพิ่มเติมหลายสมัย โดยแรกสร้าง
ปราสาทอิฐ ๙ หลัง เม่ือประมาณพุทธศตวรรษท่ี ๑๕ เพื่อเป็นเทวสถานในศาสนาฮินดู
ลทั ธิไศวนิกาย บชู าพระศวิ ะเป็นใหญ่ คร้นั ในพทุ ธศตวรรษท่ี ๑๘ พระเจา้ ชัยวรมนั ที่ ๗
แห่งกมั พูชา ทรงเปล่ียนมานับถอื พทุ ธศาสนาแบบมหายาน ปราสาทพนมวันจึงถกู เปลี่ยน
เปน็ ศาสนสถานประจำ� อโรคยาศาลาหรอื อโรคยศาลา ซง่ึ หมายถงึ โรงพยาบาล อนั หมายถงึ การ
ดแู ลประชาชนใหอ้ ยดู่ มี สี ขุ ปราศจากโรคภยั ตอ่ มาในชว่ งสมยั อยธุ ยาถงึ รตั นโกสนิ ทรจ์ งึ ใชเ้ ปน็
ส�ำนกั สงฆแ์ ละวัดในพุทธศาสนาแบบเถรวาท

การบรู ณะปราสาทพนมวันท�ำดว้ ยวธิ ีอนสั ตโิ ลซสิ (Anastylosis) คือ
ทำ� แผนผงั รือ้ หนิ ทท่ี ับกนั ออก แลว้ ประกอบใหเ้ ข้าต�ำแหนง่ เดมิ โดยเฉพาะปรางคป์ ระธาน
ทใี ช้หนิ ทรายสขี าวทีส่ ะกัดข้นึ ใหม่แทนชิน้ ส่วนหินเดมิ ทส่ี ูญหายหรือหกั พงั ไป
โดยเป็นไปตามหลกั วชิ าการ

31

ปราสาทพนมวันนบั เป็นศาสนสถานประจ�ำอโรคยาศาลาที่ใหญท่ ี่สดุ เทา่ ที่พบในพื้นท่จี ังหวดั นครราชสมี า

โคราช เ ืมอง ิศลปะ32

โคราชในสมยั อยุธยาถงึ รตั นโกสนิ ทร์

เม่ือส้ินรัชกาลพระเจ้าชัยวรมันท่ี ๗ แห่งกัมพูชาประมาณกลางพุทธศตวรรษท่ี
๑๘ อิทธิพลทางการเมืองการปกครองของเขมรในอีสานเร่ิมหมดอ�ำนาจลง อ�ำนาจของ
กษตั รยิ จ์ ากลา้ นชา้ งไดแ้ ผข่ ยายไปทว่ั ๒ ฝง่ั ลำ� นำ�้ โขง ในเอกสารฝรง่ั เศสสมยั อยธุ ยาระบวุ า่
เขตแดนเมอื งนครราชสมี าตดิ กบั พรมแดนลาวในสมยั อยธุ ยา เมอื งนครราชสมี ามฐี านะเปน็
เมืองพระยามหานครช้ันโท ปรากฏในกฎมณเฑียรบาลสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ
ข้ึนต่อสมุหนายกผู้ปกครองหัวเมืองฝ่ายเหนือ และเป็นหัวเมืองส�ำคัญของกรุงศรีอยุธยา
มาโดยตลอด จนกระทัง่ สมเดจ็ พระนารายณ์มหาราช โปรดใหย้ า้ ยเมอื งจากบรเิ วณอ�ำเภอ
สงู เนนิ มาต้ังในทปี่ จั จุบนั ขนานนามเมอื งใหมว่ า่ “นครราชสมี า” ทง้ั โปรดให้ขุนนางผู้ใหญ่
ไปปกครองเมอื ง นครราชสมี าไดข้ ยายตวั เปน็ เมอื งสำ� คญั ทางการคา้ ของอยธุ ยา คมุ การคา้
บรเิ วณภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ซง่ึ เชอื่ มตอ่ ไปยงั ลาวและกมั พชู าได้ และยงั คงเปน็ หวั เมอื ง
ส�ำคัญตลอดมาจนกระทั่งเสียกรุงศรีอยุธยาแก่พม่า ครั้งที่ ๒ แม้เข้าสู่สมัยรัตนโกสินทร์
นครราชสีมายังคงสถานะความส�ำคัญทางภูมิรัฐศาสตร์ การทหาร การปกครอง และ
เศรษฐกิจเช่นเดิม พระมหากษัตริย์แห่งพระบรมราชวงศ์จักรีทุกพระองค์ ทรงให้ความ
ส�ำคัญกับเมืองนครราชสีมาท�ำให้มีความเข้มแข็งทางอ�ำนาจทางการเมือง ควบคุมดูแล
หวั เมอื งในภาคอสี านและลาวชน้ั นอกรวมทงั้ เมอื งประเทศราช นอกจากนนั้ ยงั ไดพ้ ฒั นาเมอื ง
ในดา้ นตา่ ง ๆ วางรากฐานใหเ้ ขา้ สสู่ มยั ใหม่ ปรบั ปรงุ การบรหิ ารการปกครอง การคมนาคม
และอนื่ ๆ อยา่ งตอ่ เนอื่ งตราบจนปจั จบุ นั จนไดช้ อื่ วา่ เปน็ ประตสู อู่ สี าน ทเ่ี ชอ่ื มโยงความเจรญิ
ผู้คนและวัฒนธรรมจากภาคกลางและภาคอีสานเข้าด้วยกัน มรดกศิลปวัฒนธรรมส�ำคัญ
ในชว่ งเวลาดงั กลา่ ว เชน่

ผ้าทพิ ย์ที่ฐานชกุ ชีพระประธาน “หลวงพ่อใหญ”่



โคราช เ ืมอง ิศลปะ34

ไหวพ้ ระศักดิส์ ิทธิ์ “หลวงพอ่ ใหญ”่

วดั พระนารายณม์ หาราช

หลวงพอ่ ใหญ่ พระพุทธรูปปางมารวชิ ยั
ประทบั ขัดสมาธริ าบ บนฐานบัวภายในซุ้มเรอื นแกว้
ตามแบบพระพุทธชินราช เปน็ พระประธานในพระวิหาร

วัดพระนารายณ์มหาราช เป็นสถานท่ีหนึ่งที่เป็นแหล่งท่องเท่ียวเชิงพุทธ ด้าน
สถาปตั ยกรรมและจติ รกรรม รวมทงั้ การศกึ ษาทางดา้ นประวตั ศิ าสตร์ ศลิ ปะ และโบราณคดี
ของจังหวัด ด้วยเหตุที่วัดตั้งอยู่กลางตัวเมืองนครราชสีมา ถนนจอมพล ต�ำบลในเมือง
อำ� เภอเมอื งนครราชสมี า จงึ เรยี กกนั วา่ “วดั กลาง” หรอื “วดั กลางนคร” ตามประวตั กิ ลา่ ววา่
เป็นวัดเก่าที่สร้างมาต้ังแต่สมัยอยุธยา ครั้งที่สมเด็จพระนารายณ์มหาราชโปรดเกล้าฯ
ใหส้ รา้ งเมือง จึงเป็นวัดเก่าแก่คบู่ ้านคู่เมอื งมาช้านาน
วดั พระนารายณม์ หาราช เปน็ ศนู ยร์ วมจติ ใจของพทุ ธศาสนกิ ชนและเปน็ สถานท่ี
ประกอบพธิ กี รรมทางพทุ ธศาสนาและพธิ สี ำ� คญั ของบา้ นเมอื ง เชน่ เปน็ สถานทปี่ ระกอบพธิ ี
ถือน้�ำพิพัฒน์สัตยาของข้าราชการในจังหวัด เป็นสถานที่ท�ำน�้ำอภิเษกในงานพระราชพิธี
บรมราชาภิเษกในรัชกาลต่าง ๆ จนถึงรัชกาลปัจจุบัน เคยเป็นที่ต้ังเจดีย์บรรจุอัฐิของ
ทา้ วสรุ นารี จนถึง พ.ศ. ๒๔๗๗ จึงไดย้ า้ ยไปประดษิ ฐานท่อี นุสาวรยี ์ทา้ วสรุ นารจี นทกุ วนั น้ี
ภายในวัดมีศาสนสถานและพระพุทธรูปงดงาม ศักด์ิสิทธ์ิ เป็นท่ีเลื่อมใสศรัทธาของ
พทุ ธศาสนกิ ชน โดยเฉพาะ “พระพทุ ธทศพลญาณประทานบารม”ี หรอื ทชี่ าวบา้ นเรยี กวา่
“หลวงพ่อใหญ่” พระประธานในพระวิหาร ท่ีพุทธศาสนิกชนชาวจังหวัดนครราชสีมา
และจงั หวดั ใกล้เคียงพากันมากราบไหว้อธิษฐานขอพรไมข่ าดสาย

พระวิหาร ตั้งบนฐานไพที

พระอุโบสถ ตัง้ อยบู่ นเกาะกลางสระน้�ำ
ด้านทิศตะวนั ออกของวดั

โคราช เ ืมอง ิศลปะ36

ฮูปแตม้ วัดหน้าพระธาตุ

จิตรกรรมฝาผนงั

ทีผ่ สมผสานระหว่างชา่ งพน้ื บา้ นและช่างหลวง

วัดหน้าพระธาตุ หรือท่ีชาวบ้านเรียก อโุ บสถเก่าและพระธาตุเจดยี ์
กันว่า วัดตะคุ เป็นวัดส�ำคัญเก่าแก่อีกแห่งหน่ึง
ในจังหวัดนครราชสีมา สันนิษฐานว่าสร้างใน
สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น มีสิ่งส�ำคัญในวัดที่
แสดงถึงความเป็นศิลปะอย่างโดดเด่น ได้แก่
สิม (อุโบสถหลังเก่า) พระธาตุเจดีย์ ลักษณะ
ศลิ ปกรรมแบบลาว และหอไตรกลางนำ�้ รปู แบบ
สถาปัตยกรรมพ้ืนถ่ิน จัดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิง
พุทธด้านสถาปัตยกรรมและจิตรกรรม ตลอดจน
เป็นแหล่งศึกษาด้านประวัติศาสตร์ ศิลปะและ
โบราณคดี

ลักษณะของสมิ หรืออโุ บสถ (หลังเกา่ ) ฐานมีลกั ษณะแอ่นโคง้ เรียกวา่ ตกทอ้ ง
ส�ำเภาหรือท้องช้าง ซึ่งเป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมที่ช่างนิยมท�ำในสมัยอยุธยาตอนปลาย
และต้นรัตนโกสินทร์ หลังคาไม่มีช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ เป็น “ศิลปะพระราชนิยม”
ในรชั กาลที่ ๓ ทส่ี ำ� คญั คอื จติ รกรรมฝาผนงั หรอื ทเี่ รยี กวา่ ฮปู แตม้ ทง้ั ภายนอกและภายใน
สันนิษฐานว่าเขียนในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ ซ่ึงเป็นกลุ่มช่างท่ีได้อิทธิพลจากช่างหลวง
กรุงเทพฯ หรอื ทีไ่ ดร้ บั การฝึกฝนจากช่างหลวง ลกั ษณะภาพจงึ เป็นลกั ษณะคลา้ ยกับภาพ
จิตรกรรมฝาผนังแบบประเพณีนิยมผสมผสานกับเน้ือหาสาระและเทคนิควิธีการของ
พน้ื บ้าน ใชเ้ ทคนิคการวาดแบบสีฝ่นุ เป็นภาพแสดงเร่ืองราวต่าง ๆ เช่น ภาพชาดกตอน
ตา่ ง ๆ ภาพพระบฏ (พระพุทธเจ้าประทับยืน) ภาพพธิ ศี พหรืออสุภกรรมฐาน พระมาลยั
นอกจากนั้นยังแทรกภาพชวี ิตประจ�ำวันของชาวบา้ นในสมัยน้ันด้วย เชน่ การทำ� นา การ
หาปลา การชนไก่ การคา้ ขาย เปน็ ต้น ภายนอกเปน็ ภาพจฬุ ามณเี จดยี ์ ดาวดงึ ส์ และเนมิ
ราชชาดก ปจั จุบันลบเลอื นไปมากแล้ว เหลอื เพยี งบางสว่ นทีเ่ หนือประตทู างเข้าด้านหน้า
จึงเปน็ แหลง่ เรียนรศู้ ิลปะแบบไทยประเพณที ีค่ วรไปชมอยา่ งยิ่ง

จติ รกรรมที่ผนงั ด้านนอก 37

จิตรกรรมภายในอุโบสถ

จติ รกรรมภายในอโุ บสถแสดงวถิ ีชีวิตชาวบ้าน

โคราช เ ืมอง ิศลปะ38

อนุสาวรยี ท์ า้ วสุรนารี

วีรสตรสี ำ� คัญ

ในประวตั ศิ าสตร์ไทยและทุง่ สมั ฤทธ์ิ

สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงวีรกรรมและคุณงามความดีของวีรสตรี
ส�ำคัญในประวัติศาสตร์ไทย และเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวจังหวัด
นครราชสมี าทกุ คนจวบจนปจั จบุ นั ทกุ ครง้ั ทม่ี ผี เู้ ดนิ ทางมาเยอื นจงั หวดั
นครราชสมี ามกั มาเคารพสกั การะ อธษิ ฐานขอพรและบนบานศาลกลา่ ว
เพ่ือความเปน็ สิรมิ งคลแก่ตนเองและครอบครัว

อนสุ าวรยี ์ หลอ่ ดว้ ยโลหะทองแดงรมดำ� ในอริ ยิ าบถยนื ขนาด พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธิเบศร
ใหญ่กว่าคนจริงเล็กน้อย สูงประมาณ ๒ เมตร หนัก ๓๒๕ กิโลกรัม มหาภูมิพลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
ผมทรงดอกกระทมุ่ แตง่ กายดว้ ยเครอื่ งยศพระราชทาน คอื นงุ่ ผา้ กรองทอง และสมเดจ็ พระนางเจา้ สริ ิกติ ิ์ พระบรมราชนิ นี าถ
มีลายเชิง เส้ือกรองทอง ห่มด้วยสไบกรองทอง มีตะกรุดพิสมรมงคล พระบรมราชชนนพี ันปีหลวง
สามสายทบั สไบ สวมตุ้มหู อยู่ในลักษณะมือขวากมุ ดาบสอดอยู่ในฝัก ทรงวางพวงมาลา ณ อนสุ าวรีย์
ช้ีลงดิน มือซ้ายท้าวสะเอว หันหน้าไปทางทิศตะวันตกซ่ึงเป็นท่ีต้ัง เม่ือวันที่ ๒๐ กมุ ภาพันธ์ ๒๕๐๗

ของกรงุ เทพมหานคร ภายในบรรจอุ ฐั ขิ องท้าวสุรนารี ประดษิ ฐานอยู่
บนไพทีสเ่ี หล่ียมยอ่ มมุ ไมส้ ิบสองสูง ๒.๕๐ เมตร พระยาก�ำธรพายพั ทศิ (ดสิ อนิ ทรโสฬส)
ข้าหลวงประจ�ำจังหวัดนครราชสมี า และนายพันเอก พระเรงิ รุกปัจจามิตร (ทอง รกั สงบ)
ผู้บังคับการมณฑลทหารบกท่ี ๓ พร้อมท้ังข้าราชการและประชาชนชาวนครราชสีมา
ได้ร่วมกันสร้างขึ้นเม่ือ พ.ศ. ๒๔๗๖ แล้วเสร็จเม่ือวันที่ ๑๕ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๗
ออกแบบโดยศาสตราจารย์ ศิลป์ พีระศรี ร่วมกับพระเทวาภนิ มิ มติ (ฉาย เทียมศิลปช์ ัย)
ด้วยนามของท่าน จังหวัดนครราชสีมาจึงมีชื่อเรียกกันอีกอย่างหน่ึงว่า เมืองย่าโม และ
ชาวนครราชสมี ามกั เรยี กตนเองต่อกนั มาวา่ ลกู หลานย่าโม

พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ จงั หวดั นครราชสมี าไดจ้ ดั งาน “กินเขา่ คำ่� ร�ำบูชา สกั การะ
ทา้ วสรุ นาร”ี ฉลองครบรอบสถาปนาทา้ วสรุ นารี ๑๙๐ ปี เพอ่ื นอ้ มรำ� ลกึ วรี กรรมอนั กลา้ หาญ
ด้วยการฉายภาพยนตร์บนฉากก�ำแพงเก่า เล่าเรื่องราวความเป็นมาของโคราชจากอดีต
ถึงปัจจุบัน ร�ำสดุดีวีรสตรี สีสันอารยธรรมเมืองโคราชท่ามกลางบรรยากาศน่ังล้อมวง
รับประทานอาหารคำ่� ซึ่งเป็นอาหารพ้นื เมืองโคราชหลากหลายเมนู

39

งานกนิ เข่าค่�ำ ฉลอง ๑๙๐ ปี ทา้ วสรุ นารี

โคราช เ ืมอง ิศลปะ40

เรือนโคราช 

เอกลักษณส์ ถาปตั ยกรรมพน้ื ถ่ิน

เรอื นโคราช คอื เรอื นไทยโบราณแบบหนง่ึ ทม่ี รี ปู แบบผสมผสานระหวา่ งเรอื นไทย
ภาคกลางกบั เรอื นไทยภาคอสี าน ใชว้ สั ดใุ นทอ้ งถน่ิ เมอ่ื เวลาผา่ นไป ฝมี อื ชา่ งไดเ้ ปลยี่ นแปลง
ตามความคดิ ความอา่ นของชา่ งทอ้ งถน่ิ จนคลค่ี ลายในรปู แบบและรายละเอยี ดบางสว่ นเปน็
เอกลกั ษณ์เฉพาะถิน่ ซึง่ ปจั จุบันเหลืออยู่เพียงไมก่ ห่ี ลัง
เรอื นโคราช เปน็ เรอื นไมช้ ้นั เดียว ยกพื้นสงู ใตถ้ ุนโล่ง หลังคาจั่วทรงสูง มปี ้นั ลม
และการตกแต่งหน้าจ่ัวเป็นลวดลาย การเข้าไม้และการแกะสลัก มีกรรมวิธีการก่อสร้าง
โดยใช้ระบบส�ำเร็จรูปโครงสร้างระบบเสาคาน ตัวเรือนแบ่งพ้ืนที่เป็น ๔ ส่วน คือ
เรือนนอน (ในเรือน) เป็นระดับสูงสุด ถัดลงมาเป็นส่วนระเบียงมีหลังคาคลุม นอกชาน
เป็นส่วนต่�ำสุด ไม่มีหลังคาคลุม และครัว ฝาเรือนมี ๒ ลักษณะ คือ ฝาปรือ เป็นฝา
ที่ช่างพ้ืนบ้านน�ำต้นปรือหรือ
ตน้ แวง (อีสานเรียกวา่ กกผือ)
ซง่ึ เปน็ หญา้ ชนดิ หนง่ึ มาสอดใส่
เบียดกันแน่น จนไม่มีช่องลม
หรือฝนซึมเข้าได้แล้วประกับ
ด้วยไม้ไผ่ผ่าเสี้ยวรมไฟทารัก
จนด�ำเพื่อกันมอดและแมลง
ท้ังด้านนอกและด้านใน (ชาว
บ้านเรียก เซงดำ� ) ปลายไม้ไผ่
สอดเข้าไปในเคร่าต้ังไม้จริงวางห่างกัน โดยเซาะร่องให้โค้งรับกับรูปร่างของไม้ไผ่ทั้ง
๒ ท่อน ซ่ึงหนีบต้นปรือไว้อย่างแน่นหนา และฝาอีกลักษณะหนึ่ง คือ ฝาไม้กระดาน
ซึ่งเป็นฝาที่ใช้เคร่าตั้งด้านในตีฝากระดานทางนอนและตีไม้ทับเกล็ดด้านนอกเป็นช่อง
จังหวะคล้ายกับฝาปรือกรุเซงด�ำ ตัวเรือนนิยมวางตามตะวัน คือหันด้านยาวของหลังคา
ทางทิศตะวนั ตก - ตะวันออก ให้ตวั เรือนนอนหัวลงทางด้านทิศใตเ้ พอ่ื รับลม
กระทรวงวัฒนธรรม ได้ประกาศข้ึนบญั ชี “เรอื นโคราช” ท่ีมอี ายุเรอื นระหวา่ ง
๖๐ - ๑๖๐ ปี จำ� นวน ๔๗ หลัง ในพื้นท ี่ ๑๐ อำ� เภอของจังหวัดนครราชสมี า เป็นมรดก
ภมู ปิ ญั ญาทางวฒั นธรรมของชาติ ประจำ� ปี ๒๕๖๑ ไดแ้ ก่ อำ� เภอเมอื งนครราชสมี า อำ� เภอ
ปักธงชัย อำ� เภอขามทะเลสอ อำ� เภอโชคชยั อำ� เภอเฉลิมพระเกียรติ อำ� เภอสงู เนนิ อ�ำเภอ
ด่านขนุ ทด อ�ำเภอโนนสูง อำ� เภอโนนไทย และอ�ำเภอคง

41

โคราช เ ืมอง ิศลปะ42

เรือนโคราชท่ีได้รับการอนุรักษ์เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านสถาปัตยกรรมพ้ืนถิ่น
และวถิ ชี วี ติ ของชาวโคราช ตลอดจนสง่ เสรมิ ใหเ้ ปน็ แหลง่ ทอ่ งเทย่ี วเชงิ วฒั นธรรม ทสี่ ำ� คญั
ได้แก่
เรอื นโคราช มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั นครราชสมี า ตง้ั อยภู่ ายในมหาวทิ ยาลยั ราชภฏั
นครราชสมี า เดมิ เปน็ เรอื นพกั อาศยั ของพอ่ คง โชตนิ อก คหบดขี องอำ� เภอคง สรา้ งขนึ้ เมอ่ื
พ.ศ. ๒๔๔๘ เรอื นแหง่ นถ้ี อื เปน็ เรอื นโคราชทม่ี คี ณุ สมบตั ใิ นเรอ่ื งของภมู สิ ถาปตั ยแ์ ละเรอ่ื ง
การกอ่ สรา้ งที่สะทอ้ นชีวิตของคนโคราชอย่างแท้จรงิ จึงได้ชะลอเรอื นหลงั นีม้ าตง้ั ภายใน
มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั นครราชสมี า เพอื่ เปน็ การเรยี นรทู้ างประวตั ศิ าสตร์ พฒั นาการเรยี นรู้
แบบมีชีวิต สืบทอดภูมิปัญญาด้านสถาปัตยกรรมพื้นถิ่น และวิถีวัฒนธรรมแบบโคราช
อยา่ งเป็นรปู ธรรม รวมท้ังรองรับการจดั กิจกรรมกลางแจ้งได้อยา่ งหลากหลาย โดยเฉพาะ
กิจกรรมทางวัฒนธรรมส�ำคัญของมหาวิทยาลัย เรือนหลังนี้ได้รับรางวัลอนุรักษ์ศิลปะ
สถาปตั ยกรรมดเี ดน่ จากสมาคมสถาปนกิ สยาม ในพระบรมราชปู ถมั ภ์ เมอื่ พ.ศ. ๒๕๖๑
ประเภทอาคารสถาบันและอาคารสาธารณะ

43

โคราช เ ืมอง ิศลปะ44

เรอื นโคราช - เฉลิมวฒั นา ตั้งอยู่ริมถนนราชด�ำเนนิ เย้อื งอนสุ าวรยี ท์ ้าวสุรนารี
บนพ้ืนที่ซึ่งเดิมเคยเป็นโรงหนังเฉลิมวัฒนา (โรงหนังที่เก่าแก่ท่ีสุดแห่งหนึ่งของเมือง)
เรือนหลังนี้ได้สร้างขึ้นโดยน�ำแบบอย่างจากเรือนพ่อคง โชตินอก ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏ
นครราชสีมาน�ำมาสร้างมูลค่าให้กับท่ีดิน และคืนรากเหง้าให้กับชาวนครราชสีมา
จึงน�ำมาสร้าง ณ หนา้ ลานอนสุ าวรียท์ ้าวสรุ นารี จุดประสงคส์ �ำคัญในการจดั ทำ� โครงการ
“เรอื นโคราช - เฉลมิ วฒั นา” นอกจากตอ้ งการใหเ้ ปน็ ทพี่ กั ผอ่ นแกผ่ ทู้ ม่ี าสกั การะอนสุ าวรยี ์
ท้าวสุรนารีแลว้ ผ้ทู ม่ี าเยอื นจงั หวดั นครราชสีมาจะไดส้ มั ผสั กับศิลปวฒั นธรรมของโคราช
ดา้ นตา่ ง ๆ รวมทงั้ ไดร้ บั ความร่มรื่นจากต้นไม้ ซงึ่ จดั เปน็ ปอดของเมืองดว้ ย ผู้มาเยยี่ มชม
จะได้รบั ร้แู ละตระหนกั ในคณุ คา่ ของสถาปัตยกรรมพ้ืนถนิ่ ได้อย่างเต็มที่

45

โคราช เ ืมอง ิศลปะ46

วดั ศาลาลอย

ศลิ ปะร่วมสมัยสู่ศลิ ปกรรมในวัด

วัดศาลาลอย เป็นวัดเก่าแก่ท่ีมีประวัติความเป็นมาบ่งบอกประวัติศาสตร์
ของเมือง และมีความโดดเด่นทางศิลปกรรมร่วมสมัย ตลอดจนเป็นแหล่งรวมความ
ศักดิ์สิทธิ์ไว้ภายในวัด จึงมีผู้คนนิยมมากราบไหว้ ขอพร บนบานศาลกล่าว รูปปั้น และ
เจดีย์บรรจุอัฐิท้าวสุรนารี ณ วัดศาลาลอยแห่งนี้ โดยเชื่อมั่นและศรัทธาว่าสามารถ
ดลบันดาลให้สมหวังได้ เมื่อได้รับความส�ำเร็จดังอธิษฐานแล้วก็มักจะแก้บนด้วย
เพลงโคราช เพราะเช่อื วา่ ท้าวสุรนารีชอบฟงั เพลงโคราช

ตามประวตั กิ ลา่ ววา่ หลงั จากทคี่ ณุ หญงิ โมไดร้ บั ชยั ชนะจากกองทพั ของเจา้ อนวุ งศ์
ขณะยกทพั กลบั เมอื งนครราชสมี า ไดแ้ วะพกั บรเิ วณทา่ ตะโก และสง่ั ใหท้ หารทำ� แพเปน็ รปู
ศาลาเสย่ี งทายลอยไปตามลำ� ตะคอง พรอ้ มตง้ั จติ อธษิ ฐาน หากแพรปู ศาลานลี้ อยไปตดิ อยู่
ณ ที่แห่งใด จะสร้างวัดไว้เป็นอนุสรณ์ ซ่ึงแพได้ลอยไปติดอยู่ริมฝั่งขวาของล�ำตะคอง
ซงึ่ เป็นวดั ร้าง จงึ ได้สร้างอโุ บสถข้ึน คอื วดั ศาลาลอยในปจั จบุ นั

ความโดดเด่นอยู่ที่รูปทรงของอุโบสถหลังใหม่ เป็นศิลปะประยุกต์ ใช้กระเบื้อง
ดนิ เผาดา่ นเกวยี นมาประดบั ตกแตง่ พน้ื ของอโุ บสถแบง่ ออกเปน็ ๓ระดบั เรมิ่ จากกำ� แพงแกว้
ท�ำเป็นรูปดอกบัวลดรูป ถัดเข้ามาเป็นเขตพัทธสีมา และช้ันในเป็นอุโบสถทรงยกพ้ืนสูง
ตัวอุโบสถมีมุขย่ืนออกมาเฉพาะด้านหน้า มีช่อฟ้าท่ีลดรูปจนดูคล้ายกับส่วนทวนหัวที่ใช้
บงั คบั ในเรอื สำ� เภา ทผี่ นงั ดา้ นนอกทง้ั หนา้ และหลงั ประดบั ดว้ ยประตมิ ากรรม
ดนิ เผาจากอำ� เภอดา่ นเกวยี น เปน็ พทุ ธประวตั ติ อนสำ� คญั ๒ ตอน ดา้ นหนา้ เปน็
ตอนมารผจญ ด้านหลังเป็นตอนเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ หลังคา
มุงด้วยกระเบื้องดินเผา มีหน้าต่าง ด้านละ ๔ บาน ด้านบนประดับด้วย
กระเบื้องดนิ เผา ส่วนด้านล่างมคี ันทวยรองรบั ประตทู างเขา้ อุโบสถทำ� จาก
ทองแดงรมดำ� เลา่ เรอ่ื งเวสสนั ดรชาดกครบ ๑๓ กณั ฑ ์ พระประธานในอโุ บสถ
เปน็ พระพทุ ธรปู ปางหา้ มสมทุ รสขี าว นามวา่ “พระพทุ ธประพฒั นส์ นุ ทรธรรม
พศิ าล ศาลาลอยพิมาลวรสันตสิ ุขมุนินทร”์

อุโบสถหลังใหม่ของวัดแหง่ น้ี ได้รบั รางวลั ดเี ดน่ ด้านบุกเบกิ อาคาร อโุ บสถเก่า
ทางดา้ นศาสนา จากสมาคมสถาปนกิ สยาม ในพระบรมราชปู ถมั ภ์ และรางวลั และรปู ปน้ั พระยาสุริยเดช
จากมูลนิธิเสฐยี รโกเศศและนาคะประทปี เมอื่ พ.ศ. ๒๕๑๖ จงึ เป็นวดั หน่ึง (ปลัดเมอื งนครราชสีมา)
ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงพุทธด้านสถาปัตยกรรมของจังหวัด และมีผู้มา
เยย่ี มชมวัดและสกั การะสิ่งศกั ด์ิสทิ ธ์ภิ ายในวดั เป็นจ�ำนวนมาก

อโุ บสถหลังใหม่สร้างเม่อื พ.ศ. ๒๕๑๐ แลว้ เสรจ็ พ.ศ. ๒๕๑๗ ดา้ นหลังอโุ บสถหลังใหม่

เจดยี ป์ ระดษิ ฐานรูปปั้นท้าวสุรนารี ประติมากรรมดินเผาด่านเกวียนรองรบั ซุม้ หน้าตา่ งอโุ บสถ

โคราช เ ืมอง ิศลปะ48

มารู้จัก

รกุ ข มรดกของแผน่ ดนิ

ในจงั หวดั นครราชสีมา

พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธเิ บศร มหาภูมพิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
และสมเดจ็ พระนางเจา้ สริ กิ ติ ิ์ พระบรมราชินนี าถ พระบรมราชชนนีพนั ปหี ลวง
เสด็จพระราชด�ำเนินไปยังไทรงามพิมาย เมื่อวนั ท่ี ๓ พฤศจิกายน ๒๔๙๘

ค�ำว่า รุกข หมายถึง ต้นไม้ ซึ่งมีความส�ำคัญต่อวิถีชีวิตของคนไทยมายาวนาน
จังหวัดนครราชสีมามีต้นไม้ที่มีขนาดใหญ่หลายคนโอบรอบ เจริญงอกงามเติบโต มีอายุ
ยนื ยาว จัดเป็นไมท้ รงคุณค่าและเปน็ มรดกทางธรรมชาตหิ ลายแห่ง กระทรวงวฒั นธรรม
ตระหนักในคุณคา่ และความสำ� คญั จงึ ด�ำเนนิ การส�ำรวจ ค้นคว้า และด�ำเนนิ การโครงการ
วัฒนธรรมสู่การท่องเท่ียวต้นไม้ใหญ่ เพื่อสร้างความภาคภูมิใจแก่คนในท้องถิ่น และ
ประกาศให้ตน้ ไมใ้ นจังหวัดนครราชสีมา เปน็ มรดกของแผ่นดนิ จำ� นวน ๔ ตน้ คือ

49 โคราช เมืองศลิ ปะ

ตน้ ไทร จงั หวดั นครราชสมี ามตี น้ ไทรขนาดใหญห่ ลาย
แห่ง แต่ที่จัดว่าเป็นไทรงามอายุนับร้อยปี แผ่ก่ิงก้านปกคลุม
กว้างใหญ่ คือ ไทรงามพิมาย ซ่ึงเป็นนามพระราชทานจาก
สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี
พนั ปหี ลวง ในรชั กาลที่ ๕ พระราชทานไวเ้ มอื่ ครง้ั เสดจ็ ประพาส
เมืองพิมาย เมื่อวันที่ ๒๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๕๔ อยู่ในพื้นที่
โครงการส่งน�้ำและบ�ำรุงรักษาทุ่งสัมฤทธิ์ อ�ำเภอพิมาย มีอายุ
กว่า ๓๕๐ ปี แผ่กิ่งก้านสาขาเจริญเติบโตแตกออกรากเป็น
ต้นใหม่ ทุกล�ำต้น ราก ก่ิงก้านและใบสอดประสานเกี่ยวพัน
เป็นคูหาขนาดใหญ่ ครอบคลุมพ้ืนที่กว่า ๓๕,๐๐๐ ตารางฟุต
เปน็ ความงดงามและความมหศั จรรยท์ างธรรมชาตสิ ดุ พรรณนา
ต้นที่ใหญ่ท่สี ดุ มีขนาดเสน้ รอบวง ๙ เมตร ความสูง ๓๕ เมตร

โคราช เ ืมอง ิศลปะ50

ต้นตะเคียนทองพันปี อายุกว่า ๑,๐๐๐ ปี ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน อ�ำเภอเสิงสาง
ซึ่งกรมป่าไม้ได้ข้ึนบัญชีให้เป็นพันธุ์ไม้ตะเคียนทองท่ีใหญ่ท่ีสุดในประเทศไทย ขนาด ๑๓ คนโอบ
เส้นรอบวงประมาณ ๑๒ เมตร สูงประมาณ ๕๐ เมตร นอกจากน้ยี ังได้รับการจัดอันดับเปน็ ๑ ใน ๑๐
สุดยอดต้นไม้มหัศจรรย์ของไทย จากกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม เม่ือ พ.ศ. ๒๕๖๒
อกี ด้วย


Click to View FlipBook Version