The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by รัญชิดา บัวแย้ม, 2023-09-07 05:07:20

เคมี ม.6 เทอม 1

เคมี ม.6 เทอม 1

นางสาวรัญชิดา บัวแย้ม ต าแหน่ง ครูผู้ช่วย โรงเรียนศรีรักษ์ราษฎร์บ ารุง องค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี ม.6 แผนการจัดการเรียนรู้ ว33226 เคมี 6 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี


1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เคมีอินทรีย์ เวลา 40 ชั่วโมง 1. ผลการเรียนรู้ เข้าใจโครงสร้างอะตอม การจัดเรียงธาตุในตารางธาตุ สมบัติของธาตุ พันธะเคมีและสมบัติของสาร แก๊สและสมบัติของแก๊ส ประเภทและสมบัติของสารประกอบอินทรีย์และพอลิเมอร์ รวมทั้งการนำความรู้ไป ใช้ประโยชน์ 1. สืบค้นข้อมูลและนำเสนอตัวอย่างสารประกอบอินทรีย์ที่มีพันธะเดี่ยว พันธะคู่ หรือพันธะสามที่ พบในชีวิตประจำวัน 2. เขียนสูตรโครงสร้างลิวอิส สูตรโครงสร้างแบบย่อและสูตรโครงสร้างแบบเส้นของสารประกอบ อินทรีย์ 3. วิเคราะห์โครงสร้าง และระบุประเภทของสารประกอบอินทรีย์จากหมู่ฟังก์ชัน 4. เขียนสูตรโครงสร้างและเรียกชื่อสารประกอบอินทรีย์ประเภทต่างๆ ที่มีหมู่ฟังก์ชันไม่เกิน 1 หมู่ ตามระบบ IUPAC 5. เขียนไอโซเมอร์โครงสร้างของสารประกอบอินทรีย์ประเภทต่างๆ 6. วิเคราะห์ และเปรียบเทียบจุดเดือดและการละลายในน้ำของสารประกอบอินทรีย์ที่มีหมู่ฟังก์ชัน ขนาดโมเลกุล หรือโครงสร้างต่างกัน 7. ระบุประเภทของสารประกอบไฮโดรคาร์บอนและเขียนผลิตภัณฑ์จากปฏิกิริยาการเผาไหม้ ปฏิกิริยากับโบรมีน หรือปฏิกิริยากับโพแทสเซียมเปอร์แมงกาเนต 8. เขียนสมการเคมีและอธิบายการเกิดปฏิกิริยาเอสเทอริฟิเคชัน ปฏิกิริยาการสังเคราะห์เอไมด์ ปฏิกิริยาไฮโดรลิซิส และปฏิกิริยาสะปอนนิฟิเคชัน 9. ทดสอบปฏิกิริยาเอสเทอริฟิเคชัน ปฏิกิริยาไฮโดรลิซิส และปฏิกิริยาสะปอนนิฟิเคชัน 10. สืบค้นข้อมูล และนำเสนอตัวอย่างการนำสารประกอบอินทรีย์ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน และอุตสาหกรรม 2. สาระการเรียนรู้ 2.1 สาระการเรียนรู้เพิ่มเติม 1) สารประกอบอินทรีย์เป็นสารประกอบของคาร์บอนส่วนใหญ่พบในสิ่งมีชีวิต มีโครงสร้าง หลากหลายและแบ่งได้หลายประเภท เนื่องจากธาตุคาร์บอนสามารถเกิดพันธะโคเวเลนต์กับธาตุคาร์บอน


2 ด้วยพันธะเดี่ยว พันธะคู่ พันธะสาม นอกจากนี้ยังสามารถเกิดพันธะโคเวเลนต์กับธาตุอื่น ๆ ได้อีกด้วย และ มีการนำสารประกอบอินทรีย์ไปใช้ประโยชน์อย่างหลากหลาย 2) โครงสร้างของสารประกอบอินทรีย์แสดงได้ด้วยสูตรโครงสร้างลิวอิส สูตรโครงสร้างแบบย่อหรือ สูตรโครงสร้างแบบเส้น 3) สารประกอบอินทรีย์มีหลายประเภท การพิจารณาประเภทของสารประกอบอินทรีย์อาจใช้หมู่ ฟังก์ชันเป็นเกณฑ์ได้เป็นแอลเคน แอลคีน แอลไคน์อะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน แอลกอฮอล์ อีเทอร์ เอมีน แอลดีไฮด์ คีโตน กรดคาร์บอกซิลิก เอสเทอร์ เอไมด์ 4) การเรียกชื่อสารประกอบอินทรีย์ประเภทแอลเคน แอลคีน แอลไคน์ แอลกอฮอล์ อีเทอร์ เอมีน แอลดีไฮด์ คีโตน กรดคาร์บอกซิลิก เอสเทอร์และเอไมด์ จะเรียกตามระบบ IUPAC หรืออาจเรียกโดยใช้ ชื่อสามัญ 5) ปรากฏการณ์ที่สารมีสูตรโมเลกุลเหมือนกันแต่มีสมบัติแตกต่างกัน เรียกว่า ไอโซเมอริซึม และเรียก สารแต่ละชนิดว่า ไอโซเมอร์ ไอโซเมอร์ที่มีสูตรโมเลกุลเหมือนกันแต่มีสูตรโครงสร้างต่างกัน เรียกว่า ไอโซเมอร์โครงสร้าง 6) สารประกอบอินทรีย์ที่มีหมู่ฟังก์ชัน ขนาดโมเลกุลหรือโครงสร้างของสารต่างกันจะมีจุดเดือดและ การละลายในน้ำต่างกัน สำหรับการละลายของสารพิจารณาได้จากความมีขั้วของตัวละลายและตัวทำ ละลาย โดยสารสามารถละลายได้ในตัวทำละลายที่มีขั้วใกล้เคียงกัน 7) สารประกอบอินทรีย์ประเภทแอลเคน แอลคีน แอลไคน์ อะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน เป็น สารประกอบไฮโดรคาร์บอน ซึ่งเมื่อเกิดปฏิกิริยาการเผาไหม้ ปฏิกิริยากับโบรมีนและปฏิกิริยากับ โพแทสเซียมเปอร์แมงกาเนต จะให้ผลของปฏิกิริยาต่างกัน จึงสามารถใช้เป็นเกณฑ์ในการจำแนกประเภท ของสารประกอบไฮโดรคาร์บอนได้ 8) กรดคาร์บอกซิลิกทำปฏิกิริยากับแอลกอฮอล์ได้เป็นเอสเทอร์ เรียกว่า ปฏิกิริยาเอสเทอริฟิเคชัน กรดคาร์บอกซิลิกทำปฏิกิริยากับเอมีนเกิดเป็นเอไมด์ เอสเทอร์และเอไมด์สามารถเกิดปฏิกิริยาไฮโดรลิซิส ปฏิกิริยาไฮโดรลิซิสของเอสเทอร์ในเบสแอลคาไล เรียกว่า ปฏิกิริยาสะปอนนิฟิเคชัน 9) สารประกอบอินทรีย์สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้มากมายในชีวิตประจำวัน รวมทั้งนำไปใช้เป็น สารตั้งต้นและตัวทำละลายในอุตสาหกรรมด้านต่าง ๆ เช่น อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงและพลังงานอุตสาหกรรม อาหารและยา อุตสาหกรรมเกษตร


3 2.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น (พิจารณาตามหลักสูตรสถานศึกษา) 3. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด สารประกอบอินทรีย์ คือ สารประกอบที่มีธาตุคาร์บอนเป็นองค์ประกอบ ส่วนใหญ่พบในสิ่งมีชีวิต มี โครงสร้างหลากหลายและแบ่งได้หลายประเภท เนื่องจากธาตุคาร์บอนสามารถเกิดพันธะโคเวเลนต์กับธาตุ คาร์บอนด้วยพันธะเดี่ยว พันธะคู่ พันธะสาม และยังสามารถเกิดพันธะโคเวเลนต์กับธาตุอื่น ๆ ได้ เช่น ไนโตรเจน ออกซิเจน กำมะถัน ฟอสฟอรัส การเขียนสูตรของสารประกอบอินทรีย์ อาจเขียนเป็นสูตร โมเลกุล สูตรโครงสร้างลิวอิส สูตรโครงสร้างแบบย่อ และสูตรโครงสร้างแบบเส้นและมุม สารประกอบอินทรีย์ มีหมู่อะตอมที่ทำหน้าที่แสดงสมบัติของสารประกอบนั้น ๆ ทำให้สามารถจัด สารประกอบอินทรีย์ตามสมบัติของหมู่อะตอมที่ทำหน้าที่แสดงสมบัติเรียกว่า หมู่ฟังก์ชัน เช่น โมเลกุล ของสารอินทรีย์ใดมีหมู่ -OH จัดเป็นสารประกอบแอลกอฮอล์ ไอโซเมอริซึม เป็นปรากฏการณ์ที่ สารประกอบอินทรีย์มีสูตรโมเลกุลเหมือนกัน แต่มีสูตรโครงสร้างต่างกัน และสารที่มีสูตรโมเลกุลเหมือนกัน แต่สูตรโครงสร้างแตกต่างกัน เรียกว่า ไอโซเมอร์ สารประกอบไฮโดรคาร์บอน คือ สารประกอบอินทรีย์ที่มีเฉพาะธาตุคาร์บอนและธาตุไฮโดรเจนเป็น องค์ประกอบ แบ่งได้ 4 ประเภท คือ สารประกอบแอลเคน สารประกอบแอลคีน สารประกอบแอลไคน์ และอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน เมื่อสารประกอบไฮโดรคาร์บอนแต่ละประเภทเกิดปฏิกิริยาการเผาไหม้ ปฏิกิริยากับโบรมีน ปฏิกิริยากับโพแทสเซียมเปอร์แมงกาเนต จะให้ผลที่แตกต่างกัน ใช้เป็นเกณฑ์ในการ จำแนกประเภทของสารประกอบไฮโดรคาร์บอนได้ สารประกอบแอลเคนเป็นสารประกอบไฮโดรคาร์บอนประเภทอิ่มตัว มีสูตรทั่วไปคือ CnH2n+2 เรียกชื่อ ได้ตามระบบ IUPAC หรืออาจจะเรียกชื่อโดยระบบชื่อสามัญ ส่วนสารประกอบแอลคีนเป็นสารประกอบ ไฮโดรคาร์บอนประเภทไม่อิ่มตัว มีสูตรทั่วไปคือ CnH2n เรียกชื่อตามระบบ IUPAC ได้โดยใช้หลักการ เดียวกับแอลเคน แอลเคนและแอลคีนจะมีสมบัติและการเกิดปฏิกิริยาที่แตกต่างกัน เช่น แอลเคน เกิดปฏิกิริยาการเผาไหม้ได้ดีกว่าแอลคีน สารประกอบแอลไคน์เป็นสารประกอบไฮโดรคาร์บอนประเภทไม่อิ่มตัว มีสูตรทั่วไปคือ CnH2n-2 เรียกชื่อได้ตามระบบ IUPAC ส่วนสารประกอบอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอนเป็นสารประกอบ ไฮโดรคาร์บอนที่มีวงเบนซีน (C6H6 ) เป็นองค์ประกอบ แอลกอฮอล์ ฟีนอล และอีเทอร์ เป็นสารประกอบอินทรีย์ที่มีธาตุคาร์บอน ธาตุไฮโดรเจนและธาตุ ออกซิเจนเป็นองค์ประกอบ แอลกอฮอล์และฟีนอลมีหมู่ไฮดรอกซิลเป็นหมู่ฟังก์ชัน อีเทอร์มีหมู่ออกซีเป็น หมู่ฟังก์ชัน และเป็นไอโซเมอร์กับแอลกอฮอล์และฟีนอล โดยที่อีเทอร์จะมีจุดเดือดต่ำกว่าแอลกอฮอล์ เนื่องจากโมเลกุลของอีเทอร์ไม่สามารถเกิดพันธะไฮโดรเจนได้เหมือนกับแอลกอฮอล์ สารประกอบแอลดีไฮด์ เป็นสารประกอบอินทรีย์ที่มีหมู่คาร์บอกซาลดีไฮด์เป็นหมู่ฟังก์ชัน ส่วน สารประกอบคีโตนเป็นสารประกอบอินทรีย์ที่มีหมู่คาร์บอนิลเป็นหมู่ฟังก์ชัน โดยคีโตนจะมีจุดเดือดมากกว่า แอลดีไฮด์


4 กรดคาร์บอกซิลิกเป็นสารประกอบอินทรีย์ที่มีหมู่คาร์บอกซิลเป็นหมู่ฟังก์ชัน ส่วนเอสเทอร์เป็น อนุพันธ์ของกรดคาร์บอกซิลิกเกิดจากหมู่แทนที่ด้วยหมู่แอลคอกซี โดยกรดคาร์บอกซิลิกจะมีจุดเดือดสูง กว่าแอลกอฮอล์ แอลดีไฮด์ และคีโตน เอมีนเป็นสารประกอบอินทรีย์ที่เกิดจากหมู่แอลคิลหรือหมู่แอริลเข้าแทนที่ไฮโดรเจนในโมเลกุล แอมโมเนีย มีหมู่ฟังก์ชันคือหมู่อะมิโน เอมีนแบ่งเป็น 3 ชนิด คือ เอมีนปฐมภูมิ เอมีนทุติยภูมิ เอมีนตติยภูมิ สารประกอบเอไมด์เป็นสารประกอบอินทรีย์ที่ประกอบด้วยธาตุคาร์บอน ไฮโดรเจน ออกซิเจนและ ไนโตรเจน เกิดจากหมู่อะมิโนเข้าไปแทนที่หมู่คาร์บอกซิลในกรดคาร์บอกซิลิก ดังนั้นเอไมด์จึงจัดเป็น อนุพันธ์ของกรดคาร์บอกซิลิก เอไมด์แบ่งได้ 3 ชนิด คือ เอไมด์ปฐมภูมิ เอไมด์ทุติยภูมิ เอไมด์ตติยภูมิ สารประกอบอินทรีย์สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้มากมาย เช่น แก๊สปิโตรเลียม นำไปใช้เป็น เชื้อเพลิง ทำแก๊สหุงต้ม น้ำมันเบนซิน นำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงในยานยนต์ แก๊สธรรมชาติก็ถูกนำไปใช้เป็น เชื้อเพลิงสำหรับยานยนต์ และสารประกอบไฮโดรคาร์บอนที่ได้จากการกลั่นน้ำมันดิบยังนำไปเป็นวัตถุดิบ ในการผลิตมอนอเมอร์หรือพอลิเมอร์ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี 4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียนและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 1) ทักษะการสังเกต 2) ทักษะการสำรวจค้นหา 3) ทักษะการวิเคราะห์ 4) ทักษะการทดลอง 5) ทักษะการลงความเห็นจากข้อมูล 6) ทักษะการตีความหมายและลงข้อสรุป 3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทำงาน 5. ชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) ผังมโนทัศน์ เรื่อง ไอโซเมอริซึมและหมู่ฟังก์ชัน รายงานการทดลอง เรื่อง สมบัติบางประการของเอทานอลและกรดแอซีติก ผังมโนทัศน์ เรื่อง สมบัติบางประการของสารประกอบไฮโดรคาร์บอน รายงานการทดลอง เรื่อง สมบัติบางประการของสารประกอบไฮโดรคาร์บอน ผังมโนทัศน์ เรื่อง แอลไคน์และอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน ผังมโนทัศน์ เรื่อง แอลกอฮอล์ ฟีนอล และอีเทอร์


5 ผังมโนทัศน์ เรื่อง แอลดีไฮด์และคีโตน รายงานการทดลอง เรื่อง ปฏิกิริยาระหว่างกรดคาร์บอกซิลิกและแอลกอฮอล์ รายงานการทดลอง เรื่อง ปฏิกิริยาของเอสเทอร์ ผังมโนทัศน์ เรื่อง กรดคาร์บอกซิลิกและเอสเทอร์ ผังมโนทัศน์ เรื่อง เอมีน ผังมโนทัศน์ เรื่อง เอไมด์ แบบจำลอง เรื่อง ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากกระบวนการกลั่นลำดับส่วนน้ำมันดิบ 6. การวัดและการประเมินผล รายการวัด วิธีวัด เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน 6.1 การประเมิน ชิ้นงาน/ภาระ งาน (รวบยอด) - ผังมโนทัศน์ เรื่อง ไอโซเมอริ ซึมและหมู่ฟังก์ชัน - รายงานการทดลอง เรื่อง สมบัติบางประการของเอทา นอลและ กรดแอซีติก - ผังมโนทัศน์ เรื่อง สมบัติบาง ประการของสารประกอบ ไฮโดรคาร์บอน - รายงานการทดลอง เรื่อง สมบัติบางประการของ สารประกอบไฮโดรคาร์บอน - ผังมโนทัศน์ เรื่อง แอลไคน์ และอะโรมาติก ไฮโดรคาร์บอน - ผังมโนทัศน์ เรื่อง แอลกอฮอล์ ฟีนอล และอีเทอร์ - ผังมโนทัศน์ เรื่อง แอลดีไฮด์ และคีโตน - รายงานการทดลอง เรื่อง ปฏิกิริยาระหว่างกรดคาร์บอก ซิลิกและแอลกอฮอล์ - แบบประเมินชิ้นงาน/ ภาระงาน - แบบประเมินการ ปฏิบัติการ - แบบประเมินชิ้นงาน/ ภาระงาน - แบบประเมินการ ปฏิบัติการ - แบบประเมินชิ้นงาน/ ภาระงาน - แบบประเมินชิ้นงาน/ ภาระงาน - แบบประเมินชิ้นงาน/ ภาระงาน - แบบประเมินการ ปฏิบัติการ - แบบประเมินการ ปฏิบัติการ - ระดับคุณภาพดี ผ่านเกณฑ์ - ระดับคุณภาพดี ผ่านเกณฑ์ - ระดับคุณภาพดี ผ่านเกณฑ์ - ระดับคุณภาพดี ผ่านเกณฑ์ - ระดับคุณภาพดี ผ่านเกณฑ์ - ระดับคุณภาพดี ผ่านเกณฑ์ - ระดับคุณภาพดี ผ่านเกณฑ์ - ระดับคุณภาพดี ผ่านเกณฑ์ - ระดับคุณภาพดี ผ่านเกณฑ์


6 รายการวัด วิธีวัด เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน - รายงานการทดลอง เรื่อง ปฏิกิริยาของเอสเทอร์ - ผังมโนทัศน์ เรื่อง กรดคาร์ บอกซิลิกและเอสเทอร์ - ผังมโนทัศน์ เรื่อง เอมีน - ผังมโนทัศน์ เรื่อง เอไมด์ - แบบจำลอง เรื่อง ผลิตภัณฑ์ที่ ได้จากกระบวนการกลั่นลำดับ ส่วนน้ำมันดิบ - แบบประเมินชิ้นงาน/ ภาระงาน - แบบประเมินชิ้นงาน/ ภาระงาน - แบบประเมินชิ้นงาน/ ภาระงาน - แบบประเมินชิ้นงาน/ ภาระงาน - ระดับคุณภาพดี ผ่านเกณฑ์ - ระดับคุณภาพดี ผ่านเกณฑ์ - ระดับคุณภาพดี ผ่านเกณฑ์ - ระดับคุณภาพดี ผ่านเกณฑ์ 6.2 การประเมิน ก่อนเรียน - แบบทดสอบ ก่อนเรียน หน่วย การเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง เคมีอินทรีย์ - ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน - แบบทดสอบก่อน เรียน - ประเมินตาม สภาพ จริง 6.3 การประเมิน ระหว่างการจัด กิจกรรม 1) สารประกอบ อินทรีย์ - ตรวจใบงานที่ 1.1 - ตรวจใบงานที่ 1.2 - ตรวจแบบฝึกหัด - ใบงานที่ 1.1 - ใบงานที่ 1.2 - แบบฝึกหัด - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 2) ไอโซเมอริซึมและหมู่ ฟังก์ชัน - ตรวจใบงานที่ 1.3 - ตรวจแบบฝึกหัด - ใบงานที่ 1.3 - แบบฝึกหัด - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์


7 รายการวัด วิธีวัด เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน 3) สมบัติบาง ประการของ สารประกอบ ไฮโดรคาร์- บอน - ตรวจแบบฝึกหัด - แบบฝึกหัด - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 4) แอลเคนและ แอลคีน - ตรวจใบงานที่ 1.4 - ตรวจใบงานที่ 1.5 - ตรวจแบบฝึกหัด - ใบงานที่ 1.4 - ใบงานที่ 1.5 - แบบฝึกหัด - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 5) แอลไคน์ และอะโร มาติกไฮโดร คาร์บอน - ตรวจ Topic Questions - ตรวจแบบฝึกหัด - สมุดบันทึกของ นักเรียน - แบบฝึกหัด - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 6) แอลกอฮอล์ ฟีนอล และ อีเทอร์ - ตรวจใบงานที่ 1.6 - ตรวจแบบฝึกหัด - ใบงานที่ 1.6 - แบบฝึกหัด - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 7) แอลดีไฮด์ และคีโตน - ตรวจใบงานที่ 1.7 - ตรวจแบบฝึกหัด - ใบงานที่ 1.7 - แบบฝึกหัด - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 8) กรด คาร์บอกซิลิก และเอสเทอร์ - ตรวจใบงานที่ 1.8 - ตรวจ Topic Questions - ตรวจแบบฝึกหัด - ใบงานที่ 1.8 - สมุดบันทึกของ นักเรียน - แบบฝึกหัด - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 9) เอมีน - ตรวจใบงานที่ 1.9 - ใบงานที่ 1.9 - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์


8 รายการวัด วิธีวัด เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน - ตรวจ Topic Questions - ตรวจแบบฝึกหัด - สมุดบันทึกของ นักเรียน - แบบฝึกหัด - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 10) เอไมด์ - ตรวจใบงานที่ 1.10 - ตรวจ Topic Questions - ตรวจแบบฝึกหัด - ใบงานที่ 1.10 - สมุดบันทึกของ นักเรียน - แบบฝึกหัด - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 11) การใช้ ประโยชน์ของ สารประกอบ อินทรีย์ - ตรวจใบงานที่ 1.11 - ตรวจ Topic Questions - ตรวจแบบฝึกหัด - ใบงานที่ 1.11 - สมุดบันทึกของ นักเรียน - แบบฝึกหัด - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 8) การนำเสนอ ผลงาน - ประเมินการนำเสนอผลงาน - แบบประเมิน การนำเสนอผลงาน ระดับคุณภาพดี ผ่านเกณฑ์ 9) พฤติกรรม การทำงาน รายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล - แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล ระดับคุณภาพดี ผ่านเกณฑ์ 10) พฤติกรรม การทำงาน กลุ่ม - สังเกตพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม - แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม ระดับคุณภาพดี ผ่านเกณฑ์ 11) คุณลักษณะ อันพึง ประสงค์ - สังเกตความมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่น ในการ ทำงาน - แบบประเมิน คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ ระดับคุณภาพดี ผ่านเกณฑ์ 6.4 การประเมิน หลังเรียน - ตรวจ Test for U - ร้อยละ 60


9 รายการวัด วิธีวัด เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน 1) Test for U ห น ่ ว ย การเรียนรู้ ที่ 2 - สมุดบันทึกของ นักเรียน ผ่านเกณฑ์ 2) แบบ ท ด ส อ บ หลังเรียน หน่วย การเรียนรู้ ที่ 1 เรื่อง เคมีอินทรีย์ - ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน - แบบทดสอบหลัง เรียน - ประเมินตาม สภาพจริง 7. กิจกรรมการเรียนรู้ • แผนฯ ที่ 1 : พันธะและการเขียนสูตรโครงสร้างของสารประกอบอินทรีย์ วิธีสอนแบบเน้นมโนทัศน์ (Concept-Based Instruction) เวลา 3 ชั่วโมง • แผนฯ ที่ 2 : ไอโซเมอร์และหมู่ฟังก์ชัน วิธีสอนแบบนิรนัย (Deductive Method) เวลา 5 ชั่วโมง • แผนฯ ที่ 3 : สมบัติบางประการของสารประกอบไฮโดรคาร์บอน วิธีสอนแบบอุปนัย (Inductive Method) เวลา 2 ชั่วโมง • แผนฯ ที่ 4 : สารประกอบแอลเคนและสารประกอบแอลคีน วิธีสอนแบบเน้นมโนทัศน์ (Concept-Based Instruction) เวลา 4 ชั่วโมง • แผนฯ ที่ 5 : สารประกอบแอลไคน์และอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน วิธีสอนแบบเน้นมโนทัศน์ (Concept-Based Instruction) เวลา 4 ชั่วโมง • แผนฯ ที่ 6 : แอลกอฮอล์ ฟีนอล และอีเทอร์ วิธีสอน 5Es Instructional Model เวลา 4 ชั่วโมง • แผนฯ ที่ 7 : แอลดีไฮด์และคีโตน วิธีสอน 5Es Instructional Model เวลา 4 ชั่วโมง • แผนฯ ที่ 8 : กรดคาร์บอกซิลิกและเอสเทอร์ วิธีสอน 5Es Instructional Model เวลา 6 ชั่วโมง • แผนฯ ที่ 9 : เอมีน


10 วิธีสอนแบบนิรนัย (Deductive Method) เวลา 2 ชั่วโมง • แผนฯ ที่ 10 : เอไมด์ วิธีสอน 5Es Instructional Model เวลา 2 ชั่วโมง • แผนฯ ที่ 11 : การใช้ประโยชน์ของสารประกอบอินทรีย์ วิธีสอนแบบเน้นมโนทัศน์ (Concept-Based Instruction) เวลา 4 ชั่วโมง (รวมเวลา 40 ชั่วโมง) 8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียน รายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เคมี ม.6 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เคมีอินทรีย์ 2) หนังสือแบบฝึกหัด รายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เคมี ม.6 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ ที่ 1 เคมีอินทรีย์ 3) แบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เคมีอินทรีย์ 4) แบบทดสอบหลังเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เคมีอินทรียื 5) ใบงานที่ 1.1 เรื่อง สูตรโครงสร้างของสารประกอบอินทรีย์ 6) ใบงานที่ 1.2 เรื่อง การเขียนสูตรโครงสร้างของสารประกอบอินทรีย์ 7) ใบงานที่ 1.3 เรื่อง หมู่ฟังก์ชัน 8) ใบงานที่ 1.4 เรื่อง สารประกอบแอลเคน 9) ใบงานที่ 1.5 เรื่อง สารประกอบแอลคีน 10) ใบงานที่ 1.6 เรื่อง แอลกอฮอล์ ฟีนอล และอีเทอร์ 11) ใบงานที่ 1.7 เรื่อง แอลดีไฮด์และคีโตน 12) ใบงานที่ 1.8 เรื่อง กรดคาร์บอกซิลิกและเอสเทอร์ 13) ใบงานที่ 1.9 เรื่อง เอมีน 14) ใบงานที่ 1.10 เรื่อง เอไมด์ 15) ใบงานที่ 1.11 เรื่อง การใช้ประโยชน์ของสารประกอบอินทรีย์ 16) PowerPoint เรื่อง สารประกอบอินทรีย์ 8.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องสมุด 2) ห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ 3) แหล่งข้อมูลสารสนเทศ


11 แบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่1 คำชี้แจง : ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว 1. สารในข้อใดไม่ใช่สารประกอบอินทรีย์ 1. เพชร 2. น้ำตาล 3. น้ำส้มสายชู 4. น้ำยาล้างเล็บ 5. แอลกอฮอล์ล้างแผล 2. สารประกอบประเภทใดที่มีพันธะระหว่างคาร์บอนเป็น พันธะเดี่ยวทั้งหมด 1. แอลคีน 2. แอลเคน 3. แอลไคน์ 4. ไซโคลแอลคีน 5. อะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน 3. ข้อใดคือหมู่ฟังก์ชันของสารประกอบแอลกอฮอล์ 1. แอลคอกซี 2. ไฮดรอกซิล 3. คาร์บอกซิล 4. คาร์บอกซาลดี ไฮด์ 5. แอลคอกซีคาร์บอนิล 4. สาร CH3CH2NH2 ประกอบด้วยหมู่ฟังก์ชันใด 1. เอไมด์ 2. อะมิโน 3. คาร์บอนิล 4. คาร์บอกซิล 5. คาร์บอกซาลดีไฮด์ 5. สารประกอบแอลเคน เมื่อมีจำนวนอะตอมของคาร์บอน เพิ่มขึ้น จะส่งผลต่อจุดเดือดและจุดหลอมเหลวอย่างไร 1. จุดเดือดและจุดหลอมเหลวสูงขึ้น 2. จุดเดือดและจุดหลอมเหลวลดลง 3. จุดเดือดสูงขึ้น จุดหลอมเหลวลดลง 4. จุดเดือดลดลง จุดหลอมเหลวสูงขึ้น 5. จุดเดือดและจุดหลอมเหลวมีค่าเท่าเดิม 6. จากปฏิกิริยาดังภาพ คือ ปฏิกิริยาใด 1. แฮโลจีเนชัน 2. ไฮโดรจีเนชัน 3. ไฮเดรชัน 4. ไฮโดรแฮโลจีเนชัน 5. ออกซิเดชัน 7. ข้อใดเรียกชื่อสารต่อไปนี้ได้ถูกต้อง 1. 5–ไดเมทิล–2-เฮกซีน 2. 2–ไดเมทิล–4–เฮกซีน 3. 5,5–ไดเมทิล–2-เฮกซีน 4. 2,2–ไดเมทิล–5–เฮกซีน 5. 2,2–ไดเมทิล–4–เฮกซีน 8. ข้อใดคือโครงสร้างของสาร 4–เมทิล–2–เพนไทน์ 1. 2. 3. 4. 5. กำหนดสารประกอบอินทรีย์ต่อไปนี้ สำหรับคำถามข้อ 9. และข้อ 10. ก. ข. ค. ง. 9. สารประกอบอินทรีย์ใดมีจุดเดือดสูงสุด 1. ข้อ ก. 2. ข้อ ข. 3. ข้อ ค. 4. ข้อ ง. 5. ข้อ ก. และข้อ ข. 10. สารประกอบในข้อ ข. เรียกชื่อได้อย่างไร 1. เอทานอล 2. เอทานาล 3. บิวทาโนน 4. โพรพาโนน 5. 2-เพนทาโนน เฉลย 1.1 2. 2 3. 2 4.2 5.1 6.2 7.3 8. 1 9. 1 10. 4


12 แบบทดสอบหลังเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่1 คำชี้แจง : ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว 1. สารประกอบประเภทใดที่มีพันธะระหว่างคาร์บอนเป็น พันธะเดี่ยวทั้งหมด 1. แอลคีน 2. แอลเคน 3. แอลไคน์ 4. ไซโคลแอลคีน 5. อะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน 2. สารในข้อใดไม่ใช่สารประกอบอินทรีย์ 1. เพชร 2. น้ำตาล 3. น้ำส้มสายชู 4. น้ำยาล้างเล็บ 5. แอลกอฮอล์ล้างแผล 3. สาร CH3CH2NH2 ประกอบด้วยหมู่ฟังก์ชันใด 1. เอไมด์ 2. อะมิโน 3. คาร์บอนิล 4. คาร์บอกซิล 5. คาร์บอกซาลดีไฮด์ 4. สารประกอบแอลเคน เมื่อมีจำนวนอะตอมของคาร์บอน เพิ่มขึ้น จะส่งผลต่อจุดเดือดและจุดหลอมเหลวอย่างไร 1. จุดเดือดและจุดหลอมเหลวสูงขึ้น 2. จุดเดือดและจุดหลอมเหลวลดลง 3. จุดเดือดสูงขึ้น จุดหลอมเหลวลดลง 4. จุดเดือดลดลง จุดหลอมเหลวสูงขึ้น 5. จุดเดือดและจุดหลอมเหลวมีค่าเท่าเดิม กำหนดสารประกอบอินทรีย์ต่อไปนี้ สำหรับคำถามข้อ 5. และข้อ 6. ก. ข. ค. ง. 5. สารประกอบอินทรีย์ใดมีจุดเดือดสูงสุด 1. ข้อ ก. 2. ข้อ ข. 3. ข้อ ค. 4. ข้อ ง. 5. ข้อ ก. และข้อ ข. 6. สารประกอบในข้อ ข. เรียกชื่อได้อย่างไร 1. เอทานอล 2. เอทานาล 3. บิวทาโนน 4. โพรพาโนน 5. 2-เพนทาโนน 7. ข้อใดเรียกชื่อสารต่อไปนี้ได้ถูกต้อง 1. 5–ไดเมทิล–2-เฮกซีน 2. 2–ไดเมทิล–4–เฮกซีน 3. 5,5– ไดเมทิล–2-เฮกซีน 4. 2,2–ไดเมทิล–5–เฮกซีน 5. 2,2–ไดเมทิล–4–เฮกซีน 8. ข้อใดคือโครงสร้างของสาร 4–เมทิล–2–เพนไทน์ 1. 2. 3. 4. 5. 9. ข้อใดคือหมู่ฟังก์ชันของสารประกอบแอลกอฮอล์ 1. แอลคอกซี 2. ไฮดรอกซิล 3. คาร์บอกซิล 4. คาร์บอกซาลดี ไฮด์ 5. แอลคอกซีคาร์บอนิล 10.จากปฏิกิริยาดังภาพ คือ ปฏิกิริยาใด 1. แฮโลจีเนชัน 2. ไฮโดรจีเนชัน 3. ไฮเดรชัน 4. ไฮโดรแฮโลจีเนชัน 5. ออกซิเดชัน เฉลย 1.2 2. 1 3. 2 4.1 5.1 6.4 7.3 8. 1 9. 2 10. 2


13 แบบประเมินการปฏิบัติการ แผนฯ ที่ 2, 3 และ 8 คำชี้แจง : ให้ผู้สอนประเมินการปฏิบัติการของนักเรียนตามรายการที่กำหนด แล้วขีด ✓ ลงในช่องที่ตรงกับ ระดับคะแนน ลำดับที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน 4 3 2 1 1 การออกแบบการทดลอง 2 การดำเนินการทดลอง 3 การนำเสนอ รวม ลงชื่อ ................................................... ผู้ประเมิน ................./................/...............


14 เกณฑ์การประเมินการปฏิบัติการ ประเด็นที่ ประเมิน ระดับคะแนน 4 3 2 1 1. การออกแบบ การทดลอง เข้าใจปัญหาตั้งสมมติฐาน ได้สอดคล้องกับปัญหา ออกแบบการทดลองและ ใช้เทคนิควิธีถูกต้อง แสดงถึงความคิดริเริ่ม เข้าใจปัญหาตั้งสมมติฐาน ได้ถูกต้อง ออกแบบการ ทดลองและใช้เทคนิควิธี ถูกต้อง เข้าใจปัญหาตั้งสมมติฐาน ได้ถูกต้อง ออกแบบการ ทดลองและใช้เทคนิควิธี ยังไม่ถูกต้อง เข้าใจปัญหาตั้งสมมติฐาน ได้ถูกต้อง ต้องอาศัยการ แนะนำในการออกแบบ การทดลอง 2. การ ดำเนินการ ทดลอง การดำเนินการทดลอง มีขั้นตอนครบถ้วนถูกต้อง มีการทำซ้ำ และการเก็บ ข้อมูลได้ละเอียดรอบคอบ ครบถ้วนตามที่ต้องการ การดำเนินการทดลอง มีขั้นตอนครบถ้วนถูกต้อง แต่ไม่มีการทำซ้ำ และการ เก็บข้อมูลได้ครบถ้วน ตามที่ต้องการ การดำเนินการทดลอง มีขั้นตอนถูกต้องเป็นส่วน ใหญ่และการเก็บข้อมูล ได้ครบถ้วนตามที่ต้องการ การดำเนินการทดลอง ไม่ถูกต้องเป็นส่วนใหญ่ และการเก็บข้อมูล ไม่ครบถ้วน 3. การนำเสนอ เหมาะสมกับลักษณะของ ข้อมูล แสดงถึงความคิด สร้างสรรค์ในการนำเสนอ วิเคราะห์ข้อมูลได้ ครบถ้วนเหมาะสม สรุปผลการทดลองถูกต้อง มีการนำเหตุผลและ ความรู้มาอ้างอิง ประกอบการสรุป นำเสนอข้อมูลถูกต้อง ครบถ้วน วิเคราะห์ข้อมูล ได้ครบถ้วน สรุปผลการ ทดลองถูกต้อง มีการนำ เหตุผลและความรู้มา อ้างอิงประกอบการ สรุปผลการทดลอง นำเสนอข้อมูลถูกต้อง วิเคราะห์ข้อมูลได้ครบถ้วน นำเสนอผลการทดลอง ถูกต้อง นำเสนอข้อมูลถูกต้อง วิเคราะห์ข้อมูล ไม่ครบถ้วน สรุปผลการ ทดลองไม่ถูกต้อง เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 11-12 ดีมาก 9-10 ดี 6-8 พอใช้ ต่ำกว่า 6 ปรับปรุง


15 แบบประเมินชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) แผนฯ ที่ 2-3 และ 5-10 แบบประเมินผังมโนทัศน์/แผ่นพับ คำชี้แจง : ให้ผู้สอนประเมินชิ้นงาน/ภาระงานของนักเรียนตามรายการที่กำหนด แล้วขีด ✓ ลงในช่องที่ตรง กับระดับคะแนน ลำดับที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน 4 3 2 1 1 ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ 2 ความถูกต้องของเนื้อหา 3 ความคิดสร้างสรรค์ 4 ความตรงต่อเวลา รวม ลงชื่อ ................................................... ผู้ประเมิน ................./................../.................. เกณฑ์การประเมินผังมโนทัศน์/แผ่นพับ ประเด็นที่ประเมิน ระดับคะแนน 4 3 2 1 1. ความ สอดคล้องกับ จุดประสงค์ ผลงานสอดคล้องกับ จุดประสงค์ทุกประเด็น ผลงานสอดคล้องกับ จุดประสงค์เป็นส่วน ใหญ่ ผลงานสอดคล้องกับ จุดประสงค์บางประเด็น ผลงานไม่สอดคล้องกับ จุดประสงค์ 2. ความถูกต้อง ของเนื้อหา เนื้อหาสาระของผลงาน ถูกต้องครบถ้วน เนื้อหาสาระของผลงาน ถูกต้องเป็นส่วนใหญ่ เนื้อหาสาระของผลงาน ถูกต้องบางประเด็น เนื้อหาสาระของผลงาน ไม่ถูกต้องเป็นส่วนใหญ่ 3. ความคิด สร้างสรรค์ ผลงานแสดงถึงความคิด สร้างสรรค์ แปลกใหม่ และเป็นระบบ ผลงานแสดงถึงความคิด สร้างสรรค์ แปลกใหม่ แต่ยังไม่เป็นระบบ ผลงานมีความน่าสนใจ แต่ยังไม่มีแนวคิดแปลก ใหม่ ผลงานไม่มีความ น่าสนใจ และไม่แสดง ถึงแนวคิดแปลกใหม่ 4. ความตรงต่อ เวลา ส่งชิ้นงานภายในเวลาที่ กำหนด ส่งชิ้นงานช้ากว่าเวลาที่ กำหนด 1 วัน ส่งชิ้นงานช้ากว่าเวลาที่ กำหนด 2 วัน ส่งชิ้นงานช้ากว่าเวลาที่ กำหนด 3 วันขึ้นไป เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 14-16 ดีมาก 11-13 ดี 8-10 พอใช้ ต่ำกว่า 8 ปรับปรุง


16 แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล คำชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ลำดับที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน 3 2 1 1 การแสดงความคิดเห็น 2 การยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น 3 การทำงานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย 4 ความมีน้ำใจ 5 การตรงต่อเวลา รวม ลงชื่อ ................................................... ผู้ประเมิน ............/.................../................ เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 14–15 ดีมาก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่ำกว่า 8 ปรับปรุง


17 แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม คำชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ลำดับที่ ชื่อ–สกุล ของนักเรียน การแสดง ความ คิดเห็น การยอมรับ ฟังคนอื่น การทำงาน ตามที่ได้รับ มอบหมาย ความมี น้ำใจ การมี ส่วนร่วมใน การ ปรับปรุง ผลงานกลุ่ม รวม 15 คะแนน 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 ลงชื่อ ................................................... ผู้ประเมิน ............./.................../............... เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 14–15 ดีมาก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่ำกว่า 8 ปรับปรุง


18 แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คำชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ด้าน รายการประเมิน ระดับคะแนน 3 2 1 1. รักชาติ ศาสน์กษัตริย์ 1.1 ยืนตรงเคารพธงชาติ และร้องเพลงชาติได้ 1.2 เข้าร่วมกิจกรรมที่สร้างความสามัคคีปรองดอง และเป็นประโยชน์ ต่อโรงเรียน 1.3 เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาที่ตนนับถือ ปฏิบัติตามหลักศาสนา 1.4 เข้าร่วมกิจกรรมที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ตามที่โรงเรียนจัดขึ้น 2. ซื่อสัตย์ สุจริต 2.1 ให้ข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นจริง 2.2 ปฏิบัติในสิ่งที่ถูกต้อง 3. มีวินัย รับผิดชอบ 3.1 ปฏิบัติตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคับของครอบครัว มีความตรงต่อเวลาในการปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน 4. ใฝ่เรียนรู้ 4.1 รู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ และนำไปปฏิบัติได้ 4.2 รู้จักจัดสรรเวลาให้เหมาะสม 4.3 เชื่อฟังคำสั่งสอนของบิดา-มารดา โดยไม่โต้แย้ง 4.4 ตั้งใจเรียน 5. อยู่อย่างพอเพียง 5.1 ใช้ทรัพย์สินและสิ่งของของโรงเรียนอย่างประหยัด 5.2 ใช้อุปกรณ์การเรียนอย่างประหยัดและรู้คุณค่า 5.3 ใช้จ่ายอย่างประหยัดและมีการเก็บออมเงิน 6. มุ่งมั่นในการทำงาน 6.1 มีความตั้งใจและพยายามในการทำงานที่ได้รับมอบหมาย 6.2 มีความอดทนและไม่ท้อแท้ต่ออุปสรรคเพื่อให้งานสำเร็จ 7. รักความเป็นไทย 7.1 มีจิตสำนึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย 7.2 เห็นคุณค่าและปฏิบัติตนตามวัฒนธรรมไทย 8. มีจิตสาธารณะ 8.1 รู้จักช่วยพ่อแม่ ผู้ปกครอง และครูทำงาน 8.2 รู้จักการดูแลรักษาทรัพย์สมบัติและสิ่งแวดล้อมของห้องเรียนและโรงเรียน ลงชื่อ .................................................. ผู้ประเมิน ............/.................../................ เกณฑ์การให้คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ พฤติกรรมที่ปฏิบัติชัดเจนและสม่ำเสมอ ให้ 3 คะแนน พฤติกรรมที่ปฏิบัติชัดเจนและบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน พฤติกรรมที่ปฏิบัติบางครั้ง ให้ 1 คะแนน ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 51–60 ดีมาก 41–50 ดี 30–40 พอใช้ ต่ำกว่า 30 ปรับปรุง


19 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา เคมี 6 (ว33225) หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เคมีอินทรีย์ เวลา 40 ชั่วโมง เรื่อง พันธะและการเขียนสูตรโครงสร้างของสารประกอบอินทรีย์ เวลา 3 ชั่วโมง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ผู้สอน นางสาวรัญชิดา บัวแย้ม สอนวันที่ เดือน พ.ศ 1. ผลการเรียนรู้ 1. สืบค้นข้อมูลและนำเสนอตัวอย่างสารประกอบอินทรีย์ที่มีพันธะเดี่ยว พันธะคู่ หรือพันธะสาม ที่พบใน ชีวิตประจำวัน 2. เขียนสูตรโครงสร้างลิวอิส สูตรโครงสร้างแบบย่อ และสูตรโครงสร้างแบบเส้นของสารประกอบอินทรีย์ 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายการเกิดพันธะของคาร์บอนและธาตุชนิดอื่นได้ (K) 2. เขียนสูตรโครงสร้างลิวอิส สูตรโครงสร้างแบบย่อ และสูตรโครงสร้างแบบเส้นของสารประกอบอินทรีย์ได้ (P) 3. ตั้งใจเรียนรู้และแสวงหาความรู้ (A) 3. สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้เพิ่มเติม สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น - สารประกอบอินทรีย์เป็นสารประกอบของ คาร์บอน ส่วนใหญ่พบในสิ่งมีชีวิต มีโครงสร้าง หลากหลายและแบ่งได้หลายประเภท เนื่องจาก ธาตุคาร์บอนสามารถเกิดพันธะโคเวเลนต์กับธาตุ คาร์บอนด้วยพันธะเดี่ยว พันธะคู่ พันธะสาม นอกจากนี้ยังสามารถเกิดพันธะโคเวเลนต์กับธาตุ อื่น ๆ ได้อีกด้วย และมีการนำสารประกอบอินทรีย์ ไปใช้ประโยชน์อย่างหลากหลาย - โครงสร้างของสารประกอบอินทรีย์แสดงได้ด้วย สูตรโครงสร้างลิวอิส สูตรโครงสร้างแบบย่อหรือ สูตรโครงสร้างแบบเส้น พิจารณาตามหลักสูตรของสถานศึกษา


20 4. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด สารประกอบอินทรีย์ คือ สารประกอบที่มีธาตุคาร์บอนเป็นองค์ประกอบ ส่วนใหญ่พบในสิ่งมีชีวิต มี โครงสร้างหลากหลายและแบ่งได้หลายประเภท เนื่องจากธาตุคาร์บอนสามารถเกิดพันธะโคเวเลนต์กับธาตุ คาร์บอนด้วยพันธะเดี่ยว พันธะคู่ พันธะสาม และยังสามารถเกิดพันธะโคเวเลนต์กับธาตุอื่น ๆ ได้ เช่น ไนโตรเจน ออกซิเจน กำมะถัน ฟอสฟอรัส การเขียนสูตรของสารประกอบอินทรีย์ อาจเขียนเป็นสูตรโมเลกุล สูตรโครงสร้างลิวอิส สูตร โครงสร้างแบบย่อ และสูตรโครงสร้างแบบเส้นและมุม 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียนและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 1) ทักษะการสังเกต 2) ทักษะการสำรวจค้นหา 3) ทักษะการวิเคราะห์ 4) ทักษะการลงความเห็นจากข้อมูล 5) ทักษะการตีความหมายและลงข้อสรุป 3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทำงาน 6. กิจกรรมการเรียนรู้ แนวคิด/รูปแบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : แบบเน้นมโนทัศน์ (Concept Based Teaching) การใช้ความรู้เดิม เชื่อมโยงความรู้ใหม่ (Prior Knowledge) 1. นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เคมีอินทรีย์ 2. นักเรียนทำ Check For Understanding จากหนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เคมี ม.6 เล่ม 1 เพื่อตรวจสอบความเข้าใจของตนเองก่อนเรียน 3. ครูทบทวนความรู้เดิมของนักเรียน โดยให้นักเรียนจับคู่รูปภาพของธาตุที่สามารถสร้างพันธะโคเวเลนต์ได้ และนำรูปภาพไปติดบนกระดาน พร้อมทั้งบอกว่าเกิดพันธะเดี่ยว พันธะคู่ หรือพันธะสาม ขั้นนำ ชั่วโมงที่ 1


21 4. ครูถามคำถามต่อว่า นักเรียนคิดว่า สารประกอบอินทรีย์เกี่ยวข้องกับการสร้างพันธะของธาตุคาร์บอน อย่างไร (แนวตอบ สารประกอบอินทรีย์ เป็นสารประกอบที่มีธาตุคาร์บอนเป็นองค์ประกอบ และธาตุคาร์บอน สามารถเกิดพันธะโคเวเลนต์ได้กับธาตุคาร์บอนหรือธาตุอื่น ๆ เช่น ธาตุไฮโดรเจน ธาตุไนโตรเจน) 5. ครูถามคำถาม Big Question เพื่อกระตุ้นความสนใจของนักเรียนว่า น้ำส้มสายชูแท้กับน้ำส้มชายชูปลอม แตกต่างกันอย่างไร (แนวตอบ น้ำส้มสายชูแท้มีกรดแอซีติก (CH3COOH) เป็นองค์ประกอบ ซึ่งกรดแอซีติกจัดเป็น สารประกอบอินทรีย์ ประเภทกรดคาร์บอกซิลิก เนื่องจากประกอบด้วยธาตุคาร์บอน ธาตุ ไฮโดรเจน และธาตุออกซิเจน ส่วนน้ำส้มสายชูปลอมจะมีกรดซัลฟิวริก (H2SO4 ) หรือกรด ไฮโดรคลอริก (HCl) เป็นองค์ประกอบ ซึ่งกรดซัลฟิวริกและกรดไฮโดรคลอริกจัดเป็น สารประกอบอนินทรีย์ เนื่องจากกรดซัลฟิวริกประกอบด้วยธาตุไฮโดรเจน ธาตุออกซิเจน และกำมะถัน ส่วนกรดไฮโดรคลอริกประกอบด้วยธาตุไฮโดรเจนและธาตุคลอรีน) 6. ถามคำถาม Key Question จากหนังสือเรียนเคมี ม.6 เล่ม 1 เพื่อนำเข้าสู่บทเรียนว่า สารประกอบ อินทรีย์คืออะไร และสิ่งใดใช้ระบุประเภทของสารประกอบอินทรีย์ (แนวตอบ สารประกอบอินทรีย์ คือ สารประกอบที่มีธาตุคาร์บอนเป็นองค์ประกอบหลัก และประเภท ของสารประกอบอินทรีย์ระบุได้จากหมู่ฟังก์ชัน เช่น หมู่ฟังก์ชันไฮดรอกซิล (-OH) เป็น ประเภทของสารประกอบแอลกอฮอล์) รู้(Knowing) 1. ครูเตรียมรูปภาพสารเคมีต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน ทั้งที่เป็นสารประกอบอินทรีย์และสารประกอบอนินทรีย์ เช่น แอลกอฮอล์ล้างแผล น้ำส้มสายชู น้ำยาล้างห้องน้ำ สบู่ น้ำมันพืช เกลือแกง ด่างทับทิม แล้วให้นักเรียน ระบุว่า สารใดเป็นสารประกอบอินทรีย์ และสารใดเป็นสารประกอบอนินทรีย์ 2. เมื่อนักเรียนสามารถระบุได้ว่าสารประกอบอินทรีย์มีลักษณะอย่างไร ครูให้นักเรียนดูรูปภาพโครงสร้างของ สารประกอบอินทรีย์แต่ละประเภท แล้วให้นักเรียนศึกษาความแตกต่างของโครงสร้างของสารประกอบ อินทรีย์จากหนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เคมี ม.6 เล่ม 1 หรือจาก PowerPoint เรื่อง สารประกอบอินทรีย์ 3. นักเรียนร่วมกันวิเคราะห์และสรุปความแตกต่างของโครงสร้างของสารประกอบอินทรีย์แต่ละประเภท ขั้นสอน ชั่วโมงที่ 2


22 เข้าใจ (Understanding) 4. นักเรียนร่วมกันสำรวจและยกตัวอย่างสารประกอบอินทรีย์ที่มีพันธะเดี่ยว พันธะคู่ และพันธะสาม ที่พบใน ชีวิตประจำวัน และบอกสูตรโครงสร้างแบบลิวอิส สูตรโครงสร้างแบบย่อ และสูตรโครงสร้างแบบเส้นและ มุม 5. ถามคำถามว่า C6H14 สามารถเขียนสูตรโครงสร้างลิวอิส สูตรโครงสร้างแบบย่อ สูตรโครงสร้างแบบเส้น และมุม ได้อย่างไร (แนวตอบ สูตรโครงสร้างลิวอิสเป็น ดังนี้ สูตรโครงสร้างแบบย่อเป็น ดังนี้ CH3 (CH2 )4CH3 สูตรโครงสร้างแบบเส้นและมุมเป็น ดังนี้ 6. นักเรียนกลุ่มเดิมร่วมกันทำกิจกรรม Extra Activity เรื่อง การจัดเรียงโครงสร้างของสารประกอบอินทรีย์ โดยศึกษาวิธีการทำกิจกรรมในหนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เคมี ม.6 เล่ม 1 หน้า 9 แล้วให้นักเรียนสุ่มจับสลากสารประกอบอินทรีย์ขึ้นมาคนละ 2 ชนิด แล้วให้นักเรียนบอกสูตร โครงสร้างแบบย่อ สูตรโครงสร้างลิวอิส สูตรโครงสร้างแบบเส้นและมุม พร้อมทั้งต่อแบบจำลองโมเลกุล 3 มิติ แล้วบันทึกลงในใบงานที่ 1.1 เรื่อง สูตรโครงสร้างของสารประกอบอินทรีย์ 7. นักเรียนตรวจสอบความถูกต้องของการทำกิจกรรมผ่านการใช้ QR Code เรื่อง สูตรโครงสร้างของ สารประกอบอินทรีย์ 8. นักเรียนทำใบงานที่ 1.2 เรื่อง การเขียนสูตรโครงสร้างของสารประกอบอินทรีย์ 9. นักเรียนทำแบบฝึกหัดในแบบฝึกหัดรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เคมี ม.6 เล่ม 1 ลงมือทำ (Doing) 10. นักเรียนจับคู่กับเพื่อนที่นั่งข้างกัน แล้วสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับสารประกอบอินทรีย์ที่พบในชีวิตประจำวันจาก แหล่งข้อมูลต่าง ๆ เช่น อินเทอร์เน็ต หนังสือในห้องสมุด พร้อมทั้งเขียนสูตรโครงสร้างของสารประกอบ อินทรีย์ จากหัวข้อที่กำหนดให้คู่ละ 2 หัวข้อ แล้วนำเสนอผลการสืบค้นหน้าชั้นเรียน โดยครูกำหนดหัวข้อ ดังนี้ - สารประกอบอินทรีย์ที่พบในบ้านเรือน - สารประกอบอินทรีย์ที่พบในโรงเรียน - สารประกอบอินทรีย์ที่พบในการเกษตร


23 1. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้ เพื่อให้ได้ข้อสรุป ดังนี้ สารประกอบอินทรีย์ ส่วนใหญ่เป็นสารโคเวเลนต์ที่มีธาตุคาร์บอนและธาตุไฮโดรเจนเป็น องค์ประกอบหลัก โดยธาตุคาร์บอนสามารถสร้างพันธะเดี่ยว พันธะคู่ พันธะสามกับธาตุคาร์บอน และ สามารถสร้างพันธะโคเวเลนต์กับธาตุชนิดอื่น ๆ ได้ เช่น ธาตุไนโตรเจน ธาตุออกซิเจน และโครงสร้างของ สารประกอบอินทรีย์ยังแสดงการจัดเรียงอะตอมได้โดยการเขียนสูตรโครงสร้างลิวอิส สูตรโครงสร้างแบบย่อ สูตรโครงสร้างแบบเส้นและมุม 2. นักเรียนแต่ละคนนำข้อสรุปที่ได้ มาเขียนเรียบเรียงเป็นองค์ความรู้ของตนเองพร้อมยกตัวอย่างประกอบ องค์ความรู้นั้น 1. ครูประเมินความรู้เรื่องพันธะและการเขียนสูตรโครงสร้างของสารประกอบอินทรีย์ โดยสังเกตพฤติกรรม การตอบคำถาม การทำแบบฝึกหัด และการทำใบงานเรื่อง สูตรโครงสร้างของสารประกอบอินทรีย์และการ เขียนสูตรโครงสร้างของสารประกอบอินทรีย์ 2. ครูประเมินทักษะและกระบวนการ โดยการสังเกตพฤติกรรมรายบุคคล พฤติกรรมการทำงานกลุ่มจากการ ทำกิจกรรมเรื่อง การจัดเรียงโครงสร้างของสารประกอบอินทรีย์ โดยใช้แบบจำลองโมเลกุล 3 มิติ และ กิจกรรมสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับสารประกอบอินทรีย์ที่พบในชีวิตประจำวัน 3. ครูประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในการตั้งใจเรียนรู้และแสวงหาความรู้โดยการสังเกตพฤติกรรมของ นักเรียน 7. การวัดและประเมินผล รายการวัด วิธีวัด เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน 7.1 การประเมินก่อน เรียน - แบบทดสอบก่อน เรียน หน่วยการ เรียนรู้ที่ 1 - ตรวจแบบทดสอบก่อน เรียน - แบบทดสอบ ก่อนเรียน - ประเมินตามสภาพ จริง 7.2 ประเมินระหว่าง การจัดกิจกรรม การเรียนรู้ - ตรวจใบงานที่ 1.1 - ใบงานที่ 1.1 - ร้อยละ 60 ขั้นสรุป ขั้นประเมิน ชั่วโมงที่ 3


24 รายการวัด วิธีวัด เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน 1) พันธะของ คาร์บอนและการ เขียนสูตร โครงสร้างของ สารประกอบ อินทรีย์ - ตรวจใบงานที่ 1.2 - ตรวจแบบฝึกหัด - ใบงานที่ 1.2 - แบบฝึกหัด ผ่านเกณฑ์ - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 2) พฤติกรรม การทำงาน รายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล - แบบสังเกต พฤติกรรมการ ทำงานรายบุคคล - ระดับคุณภาพดี ผ่านเกณฑ์ 3) พฤติกรรม การทำงานกลุ่ม - สังเกตพฤติกรรมการ ทำงานกลุ่ม - แบบสังเกต พฤติกรรมการ ทำงานกลุ่ม - ระดับคุณภาพดี ผ่านเกณฑ์ 4) คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - สังเกตการตั้งใจเรียนรู้และ แสวงหาความรู้ - แบบประเมิน คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ระดับคุณภาพดี ผ่านเกณฑ์ 8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เคมี ม.6 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เคมีอินทรีย์ 2) แบบฝึกหัดรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เคมี ม.6 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เคมี อินทรีย์ 3) แบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เคมีอินทรีย์ 4) ใบงานที่ 1.1 เรื่อง สูตรโครงสร้างของสารประกอบอินทรีย์ 5) ใบงานที่ 1.2 เรื่อง การเขียนสูตรโครงสร้างของสารประกอบอินทรีย์ 6) PowerPoint เรื่อง สารประกอบอินทรีย์ 7) QR Code เรื่อง สูตรโครงสร้างของสารประกอบอินทรีย์ 8) แบบจำลองโมเลกุล 3 มิติ 8.2 แหล่งการเรียนรู้


25 1) ห้องเรียน 2) ห้องสมุด 3) แหล่งข้อมูลสารสนเทศ ใบงานที่ 1.1 เรื่อง สูตรโครงสร้างของสารประกอบอินทรีย์ คำชี้แจง : ให้นักเรียนเขียนสูตรโครงสร้างลิวอิส สูตรโครงสร้างแบบย่อ และสูตรโครงสร้างแบบเส้น และมุม ของสารประกอบอินทรีย์ที่จับสลากได้พร้อมทั้งต่อแบบจำลองโมเลกุล 3 มิติ แล้วส่งครูผู้สอน สูตรโครงสร้างลิวอิส สูตรโครงสร้างแบบย่อ สูตรโครงสร้าง แบบเส้นและมุม โครงสร้างแบบ 3 มิติ สูตรโครงสร้างลิวอิส สูตรโครงสร้างแบบย่อ สูตรโครงสร้าง แบบเส้นและมุม โครงสร้างแบบ 3 มิติ


26 ใบงานที่ 1.2 เรื่อง การเขียนสูตรโครงสร้างของสารประกอบอินทรีย์ คำชี้แจง : จงเขียนสูตรโครงสร้างแบบลิวอิส สูตรโครงสร้างแบบย่อ และสูตรโครงสร้างแบบเส้นและมุม ของสารประกอบอินทรีย์ต่อไปนี้ สูตรโครงสร้างลิวอิส สูตรโครงสร้างแบบย่อ สูตรโครงสร้างแบบเส้นและมุม CH3CH2OCH2CH3 (CH3 )2CHCH2CH=CH2 CH3 (CH2 )3NH(CH2 )2CH=CH2


27 เฉลย ใบงานที่ 1.1 เรื่อง สูตรโครงสร้างของสารประกอบอินทรีย์ คำชี้แจง : ให้นักเรียนเขียนสูตรโครงสร้างลิวอิส สูตรโครงสร้างแบบย่อ และสูตรโครงสร้างแบบเส้น และมุม ของสารประกอบอินทรีย์ที่จับสลากได้พร้อมทั้งต่อแบบจำลองโมเลกุล 3 มิติ แล้วส่งครูผู้สอน (ตัวอย่างการบันทึก) C2H5OH สูตรโครงสร้างแบบย่อ CH3CH2OH สูตรโครงสร้างลิวอิส สูตรโครงสร้าง โครงสร้างแบบ 3 มิติ แบบเส้นและมุม CH3COOH สูตรโครงสร้างแบบย่อ CH3COOH สูตรโครงสร้างลิวอิส สูตรโครงสร้าง โครงสร้างแบบ 3 มิติ แบบเส้นและมุม


28 ใบงานที่ 1.2 เฉลย เรื่อง การเขียนสูตรโครงสร้างของสารประกอบอินทรีย์ คำชี้แจง : จงเขียนสูตรโครงสร้างแบบลิวอิส สูตรโครงสร้างแบบย่อ และสูตรโครงสร้างแบบเส้นและมุม ของสารประกอบอินทรีย์ต่อไปนี้ สูตรโครงสร้างลิวอิส สูตรโครงสร้างแบบย่อ สูตรโครงสร้างแบบเส้นและมุม CH3CH2OCH2CH3 (CH3 )2CHCH2CH=CH2 (CH3 )4C CH3CH2C(CH3 )2CH(CH3 )CH2CH=CH2 CH3 (CH2 )3NH(CH2 )2CH=CH2


29 บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ 1. ผลการจัดการเรียนรู้ ด้านความรู้(K) : ทักษะ/กระบวนการ (P) : ด้านคุณลักษณะ (A) : 2. ปัญหา/สาเหตุ (บุคคล/อาการ/สาเหตุ) 3. แนวทางแก้ไข (วิธีการ/ผลลัพธ์) วิธีการแก้ ผลลัพธ์ ลงชื่อ……………………………………………………ครูผู้สอน (นางสาวรัญชิดา บัวแย้ม ) ตำแหน่ง ครูผู้ช่วย


31 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา เคมี 6 (ว33225) หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เคมีอินทรีย์ เวลา 40 ชั่วโมง เรื่อง ไอโซเมอร์และหมู่ฟังก์ชัน เวลา 5 ชั่วโมง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ผู้สอน นางสาวรัญชิดา บัวแย้ม สอนวันที่ เดือน พ.ศ 1. ผลการเรียนรู้ 3. วิเคราะห์โครงสร้าง และระบุประเภทของสารประกอบอินทรีย์จากหมู่ฟังก์ชัน 5. เขียนไอโซเมอร์โครงสร้างของสารประกอบอินทรีย์ประเภทต่าง ๆ 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. บอกประเภทของสารประกอบอินทรีย์โดยใช้หมู่ฟังก์ชันเป็นเกณฑ์ได้(K) 2. เขียนไอโซเมอร์โครงสร้างของสารประกอบอินทรีย์ได้ (P) 3. ตั้งใจเรียนรู้และแสวงหาความรู้ (A) 3. สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้เพิ่มเติม สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น - สารประกอบอินทรีย์มีหลายประเภท การพิจารณา ประเภทของสารประกอบอินทรีย์อาจใช้หมู่ฟังก์ชัน เป็นเกณฑ์ได้เป็นแอลเคน แอลคีน แอลไคน์ อะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน แอลกอฮอล์ อีเทอร์ เอมีน แอลดีไฮด์ คีโตน กรดคาร์บอกซิลิก เอสเทอร์ เอไมด์ - ปรากฏการณ์ที่สารมีสูตรโมเลกุลเหมือนกันแต่มี สมบัติแตกต่างกัน เรียกว่า ไอโซเมอริซึม และเรียก สารแต่ละชนิดว่า ไอโซเมอร์ ไอโซเมอร์ที่มีสูตร โมเลกุลเหมือนกันแต่มีสูตรโครงสร้างต่างกันเรียกว่า ไอโซเมอร์โครงสร้าง พิจารณาตามหลักสูตรของสถานศึกษา 4. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด สารประกอบอินทรีย์ มีหมู่อะตอมที่ทำหน้าที่แสดงสมบัติของสารประกอบนั้น ๆ ทำให้สามารถจัด สารประกอบอินทรีย์ตามสมบัติของหมู่อะตอมที่ทำหน้าที่แสดงสมบัติเรียกว่า หมู่ฟังก์ชัน เช่น โมเลกุล ของสารอินทรีย์ใดมีหมู่ - OH จัดเป็นสารประกอบแอลกอฮอล์


32 ไอโซเมอริซึม เป็นปรากฏการณ์ที่สารประกอบอินทรีย์มีสูตรโมเลกุลเหมือนกัน แต่มีสูตรโครงสร้าง ต่างกัน และสารที่มีสูตรโมเลกุลเหมือนกัน แต่สูตรโครงสร้างแตกต่างกัน เรียกว่า ไอโซเมอร์ 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียนและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 1) ทักษะการสังเกต 2) ทักษะการสำรวจค้นหา 3) ทักษะการวิเคราะห์ 4) ทักษะการตีความหมายและลงข้อสรุป 5) ทักษะการลงความเห็นจากข้อมูล 3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทำงาน 6. กิจกรรมการเรียนรู้ แนวคิด/รูปแบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : แบบนิรนัย (Deductive Method) กำหนดขอบเขตของปัญหา 1. ครูเตรียมบัตรภาพแสดงโครงสร้างของน้ำตาลกลูโคส กาแลกโทส และฟรักโทส ให้นักเรียนพิจารณา แล้ว ถามคำถามว่า เพราะเหตุใดน้ำตาลกลูโคส กาแลกโทส ฟรักโทส จึงมีสมบัติที่แตกต่างกัน (แนวตอบ จากโครงสร้างของน้ำตาลกลูโคส กาแลกโทส ฟรักโทส พบว่า น้ำตาลทั้ง 3 ชนิด มีสูตร โมเลกุลเหมือนกัน แต่มีสูตรโครงสร้างที่แตกต่างกัน จึงทำให้มีสมบัติที่ต่างกัน) ชั่วโมงที่ 1 ขั้นนำ กลูโคส (C6H12O6 ) ฟรักโทส (C6H12O6 ) กาแลกโทส (C6H12O6 )


33 2. นักเรียนดูแบบจำลองโมเลกุล 3 มิติ ของสารประกอบ C4H10 ที่สามารถต่อได้ 2 แบบ แล้วพิจารณาว่า เพราะเหตุใดสารประกอบ C4H10 จึงสามารถต่อแบบจำลองโมเลกุล 3 มิติได้ทั้ง 2 แบบ แล้วโครงสร้างทั้ง 2 แบบมีผลต่อสมบัติของสารหรือไม่ แสดงและอธิบายทฤษฎี หลักการ 1. นักเรียนพิจารณาโครงสร้างของสารประกอบต่าง ๆ ว่า สารประกอบนั้นสามารถเขียนโครงสร้างแบบอื่น ๆ ได้หรือไม่ 2. นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับไอโซเมอริซึม จากหนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เคมี ม.6 เล่ม 1 3. ครูถามนักเรียนต่อว่า สารไอโซเมอร์ที่มีโครงสร้างแตกต่างกัน แต่สูตรโมเลกุลเหมือนกัน จะมีสมบัติต่างกัน หรือไม่ และถ้าหากแตกต่างกัน โครงสร้างส่วนใดที่ทำให้สารประกอบนั้นมีสมบัติแตกต่างกัน 4. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5-6 คน ทำการทดลอง เรื่อง สมบัติบางประการของเอทานอลและกรดแอซีติก โดยศึกษาการทำการทดลองได้ในหนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เคมี ม.6 เล่ม 1 หน้า 13 5. นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมารายงานผลการทดลอง นักเรียนร่วมกันอภิปรายผลการทดลอง เพื่อให้ ได้ผลการทดลองที่ถูกต้อง 6. ครูสุ่มนักเรียนออกมาสรุปผลการทดลอง และอภิปรายผลการทดลองหน้าชั้นเรียน โดยควรได้ผลการ ทดลองดังนี้ เอทานอลและกรดแอซีติกมีส่วนโครงสร้างของโมเลกุลที่แตกต่างกัน นั่นคือ เอทานอลมีหมู่ไฮดรอกซิล (-OH) และกรดแอซีติกมีหมู่คาร์บอกซิล ( ) จากการทดลองพบว่า การทดลองที่ 1 เอทานอล ขั้นสอน โครงสร้างของสารประกอบ C4H10 ชั่วโมงที่ 2-4


34 เกิดปฏิกิริยากับโลหะโซเดียม ในขณะที่กรดแอซีติกไม่เกิดปฏิกิริยา แสดงว่าหมู่ไฮดรอกซิล (-OH) ใน โมเลกุลของเอทานอลเป็นส่วนของโครงสร้างที่แสดงสมบัติเฉพาะของเอทานอล ในขณะที่การทดลองที่ 2 กรดแอซีติกเกิดปฏิกิริยากับโซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนต แต่เอทานอลไม่เกิดปฏิกิริยา แสดงว่า หมู่คาร์- บอกซิลเป็นส่วนโครงสร้างที่แสดงสมบัติเฉพาะของกรดแอซีติก 7. ครูให้นักเรียนเล่นเกม จับคู่หมู่ฟังก์ชัน โดยครูเตรียมแผ่นป้ายหมู่ฟังก์ชัน และประเภทของสารประกอบติด บริเวณกระดานดำ แล้วให้นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันเปิดแผ่นป้ายจับคู่หมู่ฟังก์ชัน กลุ่มไหนใช้เวลาน้อย ที่สุด จะได้คะแนนพิเศษ 8. ครูยกตัวอย่างสูตรโมเลกุล C3H8O แล้วให้นักเรียนเขียนไอโซเมอร์ที่เป็นไปได้ (แนวตอบ ไอโซเมอร์ของ C3H8O ได้แก่ 9. ครูสุ่มนักเรียน 4-5 คน ให้ออกมาเขียนไอโซเมอร์ของโมเลกุล C3H8O หน้าชั้นเรียน ตรวจสอบและสรุป 1. นักเรียนทำใบงานที่ 1.3 เรื่อง หมู่ฟังก์ชัน แล้วออกมานำเสนอผลการทำใบงานหน้าชั้นเรียน 2. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันสรุปความรู้เรื่อง ไอโซเมอริซึมและหมู่ฟังก์ชัน ในกระดาษฟลิปชาร์ต แล้วติด บริเวณห้องเรียน 3. นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษาสรุปความรู้ที่เพื่อนติดไว้รอบห้องเรียน 4. นักเรียนแต่ละคนเขียนสรุปความรู้ในรูปแบบของผังมโนทัศน์ลงในกระดาษ A4 ส่งครูผู้สอน ฝึกปฏิบัติ 5. ครูให้นักเรียนรวมกลุ่มกันอีกครั้ง แล้วให้แต่ละกลุ่มร่วมกันตอบคำถาม ดังนี้ C2H6O สามารถเขียนสูตร โครงสร้างได้ 2 แบบ ดังนี้ ขั้นสรุป ชั่วโมงที่ 5 1 2


35 จากโครงสร้างของสาร เป็นสารประกอบชนิดเดียวกันหรือไม่ พร้อมทั้งระบุหมู่ฟังก์ชัน และบอกชนิดของ สารประกอบ (แนวตอบ สารทั้งสองเป็นสารต่างชนิดกัน สูตรโครงสร้างที่ 1 มีหมู่ไฮดรอกซิลเป็นหมู่ฟังก์ชัน จัดเป็น สารประกอบประเภทแอลกอฮอล์ ส่วนสูตรโครงสร้างที่ 2 มีหมู่ออกซีเป็นหมู่ฟังก์ชัน จัดเป็นสารประกอบ ประเภทอีเทอร์) 6. นักเรียนทำใบงานที่ 1.4 เรื่อง ไอโซเมอร์ 7. นักเรียนตอบคำถาม Topic Questions ในหนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เคมี ม.6 เล่ม 1 หน้า 17 โดยทำลงในสมุดบันทึกของนักเรียน 1. ครูประเมินความรู้เรื่องไอโซเมอริซึมและหมู่ฟังก์ชัน โดยสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม การทำ แบบฝึกหัด และการทำใบงานเรื่อง หมู่ฟังก์ชัน 2. ครูประเมินทักษะและกระบวนการ โดยการสังเกตพฤติกรรมรายบุคคล พฤติกรรมการทำงานกลุ่มจากการ ปฏิบัติกิจกรรมการทดลองเรื่อง สมบัติบางประการของเอทานอลและกรดแอซีติก 3. ครูประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในการตั้งใจเรียนรู้และแสวงหาความรู้โดยการสังเกตพฤติกรรมของ นักเรียน 7. การวัดและประเมินผล รายการวัด วิธีวัด เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน 7.1 ประเมินระหว่าง การจัดกิจกรรม การเรียนรู้ 1) ไอโซเมอริซึมและ หมู่ฟังก์ชัน - ตรวจใบงานที่ 1.3 - ตรวจผังมโนทัศน์ - ตรวจ Topic Question - ตรวจแบบฝึกหัด - ใบงานที่ 1.3 - แบบประเมิน ผังมโนทัศน์ - สมุดบันทึกของ นักเรียน - แบบฝึกหัด - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ - ระดับคุณภาพดี ผ่านเกณฑ์ - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ขั้นประเมิน


36 รายการวัด วิธีวัด เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน - ตรวจแบบรายงาน การปฏิบัติการ ทดลอง - แบบประเมินการ ปฏิบัติการทดลอง - ระดับคุณภาพดี ผ่านเกณฑ์ 2) พฤติกรรม การทำงาน รายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล - แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล - ระดับคุณภาพดี ผ่านเกณฑ์ 3) พฤติกรรม การทำงานกลุ่ม - สังเกตพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม - แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม - ระดับคุณภาพดี ผ่านเกณฑ์ 4) คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - สังเกตความมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่น ในการทำงาน - แบบประเมิน คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ระดับคุณภาพดี ผ่านเกณฑ์ 8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เคมี ม.6 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เคมีอินทรีย์ 2) แบบฝึกหัดรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เคมี ม.6 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เคมีอินทรีย์ 3) ใบงานที่ 1.3 เรื่อง หมู่ฟังก์ชัน 4) PowerPoint เรื่อง สารประกอบอินทรีย์ 8.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องเรียน 2) ห้องสมุด 3) แหล่งข้อมูลสารสนเทศ


37 ใบงานที่ 1.3 เรื่อง หมู่ฟังก์ชัน คำชี้แจง : ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้ 1. เติมคำตอบที่ถูกต้องลงในช่องว่าง ตัวอย่างสารประกอบ ชื่อหมู่ฟังก์ชัน ประเภทของสารประกอบ 2. เขียนไอโซเมอร์ที่เป็นไปได้ทั้งหมดของโมเลกุล C4H8


38 เฉลย ใบงานที่ 1.3 เรื่อง หมู่ฟังก์ชัน คำชี้แจง : ให้นักเรียนเติมคำตอบที่ถูกต้องลงในช่องว่าง ตัวอย่างสารประกอบ ชื่อหมู่ฟังก์ชัน ประเภทของสารประกอบ พันธะคู่ แอลคีน แอลคอกซีคาร์บอนิล เอสเทอร์ คาร์บอกซิล คาร์บอกซิลิก คาร์บอนิล คีโตน เอไมด์ เอไมด์ 2. เขียนไอโซเมอร์ที่เป็นไปได้ทั้งหมดของโมเลกุล C4H8


39 บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ 1. ผลการจัดการเรียนรู้ ด้านความรู้(K) : ทักษะ/กระบวนการ (P) : ด้านคุณลักษณะ (A) : 2. ปัญหา/สาเหตุ (บุคคล/อาการ/สาเหตุ) 3. แนวทางแก้ไข (วิธีการ/ผลลัพธ์) วิธีการแก้ ผลลัพธ์ ลงชื่อ……………………………………………………ครูผู้สอน (นางสาวรัญชิดา บัวแย้ม ) ตำแหน่ง ครูผู้ช่วย


40 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา เคมี 6 (ว33225) หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เคมีอินทรีย์ เวลา 40 ชั่วโมง เรื่อง สมบัติบางประการของสารประกอบไฮโดรคาร์บอน เวลา 2 ชั่วโมง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ผู้สอน นางสาวรัญชิดา บัวแย้ม สอนวันที่ เดือน พ.ศ 1. ผลการเรียนรู้ 7. ระบุประเภทของสารประกอบไฮโดรคาร์บอน และเขียนผลิตภัณฑ์จากปฏิกิริยาการเผาไหม้ ปฏิกิริยากับ โบรมีน หรือปฏิกิริยากับโพแทสเซียมเปอร์แมงกาเนต 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. บอกความหมายและจำแนกประเภทของสารประกอบไฮโดรคาร์บอนได้(K) 2. เขียนผลิตภัณฑ์ที่ได้จากปฏิกิริยาการเผาไหม้ ปฏิกิริยากับโบรมีน ปฏิกิริยากับโพแทสเซียมเปอร์แมงกาเนตของสารประกอบไฮโดรคาร์บอนได้(P) 3. รับผิดชอบต่อหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย (A) 3. สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้เพิ่มเติม สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น - สารประกอบอินทรีย์ประเภทแอลเคน แอลคีน แอลไคน์ อะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน เป็น สารประกอบไฮโดรคาร์บอน ซึ่งเมื่อเกิดปฏิกิริยา การเผาไหม้ ปฏิกิริยากับโบรมีนและปฏิกิริยากับ โพแทสเซียมเปอร์แมงกาเนต จะให้ผลของ ปฏิกิริยาต่างกัน จึงสามารถใช้เป็นเกณฑ์ในการ จำแนกประเภทของสารประกอบไฮโดรคาร์บอน ได้ พิจารณาตามหลักสูตรของสถานศึกษา 4. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด สารประกอบไฮโดรคาร์บอน คือ สารประกอบอินทรีย์ที่มีเฉพาะธาตุคาร์บอนและธาตุไฮโดรเจนเป็น องค์ประกอบ แบ่งได้ 4 ประเภท คือ สารประกอบแอลเคน สารประกอบแอลคีน สารประกอบแอลไคน์ และอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน เมื่อสารประกอบไฮโดรคาร์บอนแต่ละประเภทเกิดปฏิกิริยาการเผาไหม้


41 ปฏิกิริยากับโบรมีน ปฏิกิริยากับโพแทสเซียมเปอร์แมงกาเนต จะให้ผลที่แตกต่างกัน ใช้เป็นเกณฑ์ในการ จำแนกประเภทของสารประกอบไฮโดรคาร์บอนได้ 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียนและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 1) ทักษะการสังเกต 2) ทักษะสำรวจค้นหา 3) ทักษะการวิเคราะห์ 4) ทักษะการทดลอง 5) ทักษะการลงความเห็นจากข้อมูล 6) ทักษะการตีความหมายข้อมูลและการลงข้อสรุป 3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทำงาน 6. กิจกรรมการเรียนรู้ แนวคิด/รูปแบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : แบบอุปนัย (Inductive Method) เตรียมการ 1. นักเรียนทบทวนความรู้เดิม สารประกอบอินทรีย์คืออะไร (แนวตอบ สารประกอบอินทรีย์คือ สารประกอบที่มีธาตุคาร์บอนเป็นองค์ประกอบหลัก และอาจมีธาตุ อื่น ๆ เป็นองค์ประกอบ เช่น ธาตุไฮโดรเจน ธาตุออกซิเจน ธาตุไนโตรเจน ) 2. ครูถามนักเรียนว่า ถ้าสารประกอบอินทรีย์ที่มีเฉพาะธาตุคาร์บอนและธาตุไฮโดรเจนเป็นองค์ประกอบ จะเรียกว่าอะไร (แนวตอบ สารประกอบอินทรีย์ที่มีเฉพาะธาตุคาร์บอนและธาตุไฮโดรเจนเป็นองค์ประกอบ จะเรียกว่า สารประกอบไฮโดรคาร์บอน) 3. ถามคำถาม Key Question ว่า ในชีวิตประจำวันเราพบสารประกอบไฮโดรคาร์บอนอะไรบ้าง (แนวตอบ สารประกอบไฮโดรคาร์บอนได้จากการกลั่นน้ำมันดิบ เช่น แก๊สปิโตรเลียม นำไปใช้ในการทำ สารเคมี เชื้อเพลิงแก๊สหุงต้ม) ชั่วโมงที่ 1 ขั้นนำ


42 เสนอตัวอย่าง 1. ครูเตรียมโครงสร้างของสารประกอบ 3 ชนิด ดังนี้ (1) (2) (3) แล้วให้นักเรียนพิจารณาว่า สารประกอบทั้ง 3 ชนิด มีโครงสร้างแตกต่างกันหรือไม่ ถ้าแตกต่าง มีผลต่อ สมบัติของสารหรือไม่ (แนวตอบ สารประกอบทั้ง 3 ชนิด มีโครงสร้างที่แตกต่างกัน ดังนั้น สารประกอบทั้ง 3 ชนิด น่าจะมี สมบัติที่แตกต่างกัน) 2. จากตัวอย่างของสารประกอบ นักเรียนคิดว่า สมบัติใดบ้างของสารประกอบที่แตกต่างกัน (แนวตอบ การละลายน้ำ การเผาไหม้ การทำปฏิกิริยากับสารอื่น ๆ ) เปรียบเทียบ 3. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5-6 คน ทำการทดลอง เรื่อง สมบัติบางประการของสารประกอบไฮโดรคาร์บอน โดยศึกษาวิธีการทดลองได้ในหนังสือเรียนเคมี ม.6 เล่ม 1 หน้า 18 4. นักเรียนแต่ละกลุ่มนำผลการทดลองของกลุ่มตนเอง ไปติดหน้าห้องเรียน แล้วนักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษาผล การทดลองของกลุ่มอื่น ๆ นำมาเปรียบเทียบกับของกลุ่มตนเอง แล้วอภิปรายภายในกลุ่มว่าผลการทดลอง ของตนเองแตกต่างจากกลุ่มอื่นหรือไม่ อย่างไร กฎเกณฑ์ 5. สุ่มนักเรียนออกมาสรุปผลการทดลอง ควรให้ได้ผลการทดลอง ดังนี้ ชนิดของสาร การเปลี่ยนแปลงที่สังเกตได้ การทำปฏิกิริยากับสารละลาย Br2 การละลายในน้ำ การเผาไหม้ ปฏิกิริยากับ สารละลาย KMnO4 ที่สว่าง ที่มืด เฮกเซน แยกเป็น 2 ชั้น เฮกเซนอยู่ชั้นบน เปลวไฟสว่าง ไม่มีเขม่า สารละลาย KMnO4 ไม่ เปลี่ยนสี สีส้มของสารละลาย Br2 จางหายไป และกระดาษลิตมัส เปลี่ยนจากสีน้ำเงิน เป็นสีแดง สารละลาย Br2 มีสีส้มเหมือนเดิม กระดาษลิตมัสไม่ เปลี่ยนสี ขั้นสอน


43 ชนิดของสาร การเปลี่ยนแปลงที่สังเกตได้ การทำปฏิกิริยากับสารละลาย Br2 การละลายในน้ำ การเผาไหม้ ปฏิกิริยากับ สารละลาย KMnO4 ที่สว่าง ที่มืด เฮกซีน แยกเป็น 2 ชั้น เฮกซีนอยู่ชั้นบน เปลวไฟสว่าง มีเขม่าเล็กน้อย สีของ สารละลาย KMnO4 จาง หายไป สีส้มของสารละลาย Br2 จางหายไป แต่ กระดาษลิตมัสไม่ เปลี่ยนสี สีส้มของ สารละลาย Br2 จางหายไป แต่ กระดาษลิตมัสไม่ เปลี่ยนสี เบนซีน แยกเป็น 2 ชั้น เบนซีนอยู่ชั้นบน เปลวไฟสว่าง มีเขม่าเล็กน้อย สารละลาย KMnO4 ไม่ เปลี่ยนสี สารละลาย Br2 มีสี ส้มเหมือนเดิม กระดาษลิตมัสไม่ เปลี่ยนสี สารละลาย Br2 มีสีส้มเหมือนเดิม กระดาษลิตมัสไม่ เปลี่ยนสี 6. นักเรียนร่วมกันอภิปรายผลการทดลอง โดยให้ได้ข้อสรุป ดังนี้ 1. เฮกเซน เฮกซีน และเบนซีนเป็นโมเลกุลไม่มีขั้ว เนื่องจากไม่ละลายน้ำ และมีความหนาแน่นน้อย กว่าน้ำ เพราะแยกตัวอยู่ชั้นบนของน้ำ 2. เฮกเซนเมื่อเผาไหม้แล้วจะไม่มีเขม่า ส่วนเฮกซีนและเบนซีนเมื่อเผาไหม้แล้วจะมีเขม่า 3. เฮกเซนและเบนซีนไม่ทำปฏิกิริยากับสารละลายโพแทสเซียมเปอร์แมงกาเนต ส่วนเฮกซีนสามารถ ทำปฏิกิริยากับสารละลายโพแทสเซียมเปอร์แมงกาเนตได้ 4. เฮกเซนจะทำปฏิกิริยากับสารละลายโบรมีนในคาร์บอนเตตระคลอไรด์ในที่สว่าง แต่ไม่ทำปฏิกิริยา ในที่มืด เฮกซีนจะทำปฏิกิริยากับสารละลายโบรมีนในคาร์บอนเตตระคลอไรด์ได้ทั้งในที่สว่างและที่มืด ส่วน เบนซีนจะไม่ทำปฏิกิริยากับสารละลายโบรมีนในคาร์บอนเตตระคลอไรด์ทั้งในที่สว่างและที่มืด 7. นักเรียนร่วมกันสรุปอีกครั้ง โดยให้มีความเข้าใจตรงกันว่า จากการศึกษาสมบัติบางประการของ สารประกอบไฮโดรคาร์บอน พบว่า สารประกอบไฮโดรคาร์บอนมีทั้งสมบัติที่เหมือนและแตกต่างกัน เนื่องจากสารประกอบไฮโดรคาร์บอนมีทั้งพันธะเดี่ยว พันธะคู่ และพันธะสาม และสารประกอบ ไฮโดรคาร์บอนมีทั้งชนิดอิ่มตัวและไม่อิ่มตัว จึงทำให้สามารถแบ่งสารประกอบไฮโดรคาร์บอนออกได้เป็น 4 ประเภท คือ แอลเคน แอลคีน แอลไคน์ และอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน นำไปใช้ 8. ครูกำหนดสถานการณ์ต่อไปนี้ ให้นักเรียนสืบค้นเกี่ยวกับสมบัติของสารประกอบไฮโดรคาร์บอน และรวบรวมข้อมูลที่ได้จากการ สืบค้น และการทดลอง แล้วพิจารณาว่า สารประกอบต่อไปนี้ควรมีสมบัติอย่างไร ชั่วโมงที่ 2


44 - แก๊สมีเทน เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นลำดับส่วนน้ำมันดิบ ใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิต กระแสไฟฟ้า เป็นเชื้อเพลิงสำหรับยานยนต์ และใช้เป็นสารตั้งต้นในการผลิตเคมีภัณฑ์ต่าง ๆ - อีทีน หรือเอทิลีน ใช้ในการบ่มผลไม้ ใช้เป็นสารตั้งต้นในการผลิตสารอื่น ๆ เช่น พลาสติก พอลิเอทิลีน (แนวตอบ - แก๊สมีเทน เป็นสารประกอบไฮโดรคาร์บอนที่เป็นพันธะเดี่ยว เป็นสารประกอบ ไฮโดรคาร์บอนประเภทอิ่มตัว มีสมบัติคือ ไม่ละลายน้ำ เมื่อเกิดการเผาไหม้แล้วจะไม่มี เขม่าเกิดขึ้น ไม่ทำปฏิกิริยากับสารละลาย KMnO4 เมื่อทำปฏิกิริยากับสารละลาย Br2 ใน ที่สว่าง สีของสารละลาย Br2 จะจางหายไป เมื่อใช้กระดาษลิตมัสทดสอบกระดาษลิตมัสจะ เปลี่ยนจากสีน้ำเงินไปเป็นสีแดง แต่เมื่อทำปฏิกิริยากับ Br2 ในที่มืด สีของสารละลาย Br2 จะ ไม่จางหาย และกระดาษลิตมัสจะไม่เปลี่ยนสี - อีทีน หรือเอทิลีน เป็นสารประกอบไฮโดรคาร์บอนที่เป็นพันธะคู่ เป็นสารประกอบ ไฮโดรคาร์บอนประเภทไม่อิ่มตัว มีสมบัติ คือ ไม่ละลายน้ำ เมื่อเกิดการเผาไหม้แล้วมี เขม่าเล็กน้อย เมื่อทำปฏิกิริยากับสารละลาย KMnO4 สีของสารละลาย KMnO4 จาง หายไป และเมื่อทำปฏิกิริยากับสารละลาย Br2 ในที่สว่างและในที่มืด สีของสารละลาย Br2 จะจางหายไป เมื่อทดสอบกับกระดาษลิตมัส ไม่เกิดการเปลี่ยนสี) 1. นักเรียนสรุปความรู้เรื่อง สมบัติบางประการของสารประกอบไฮโดรคาร์บอน ในรูปแบบของผังมโนทัศน์ลง ในกระดาษ A4 ส่งครูผู้สอน 2. นักเรียนทำแบบฝึกหัดในแบบฝึกหัดรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เคมี ม.6 เล่ม 1 1. ครูประเมินความรู้เรื่อง สมบัติบางประการของสารประกอบไฮโดรคาร์บอน โดยสังเกตพฤติกรรมการตอบ คำถาม 2. ครูประเมินทักษะและกระบวนการ โดยการสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล พฤติกรรมการทำงาน กลุ่ม จากกิจกรรมการทดลอง เรื่อง สมบัติบางประการของสารประกอบไฮโดรคาร์บอน 3. ครูประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในการตั้งใจเรียนรู้และแสวงหาความรู้โดยการสังเกตพฤติกรรมของ นักเรียน ขั้นสรุป ขั้นประเมิน


45 7. การวัดและประเมินผล รายการวัด วิธีวัด เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน 7.1 ประเมินระหว่าง การจัดกิจกรรม การเรียนรู้ 1) สมบัติบาง ประการของ สารประกอบ ไฮโดรคาร์บอน - ตรวจผังมโนทัศน์ - ตรวจแบบรายงาน การปฏิบัติการ ทดลอง - ตรวจแบบฝึกหัด - แบบประเมิน ผังมโนทัศน์ - แบบประเมินการ ปฏิบัติการทดลอง - แบบฝึกหัด - ระดับคุณภาพดี ผ่านเกณฑ์ - ระดับคุณภาพดี ผ่านเกณฑ์ - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 2) พฤติกรรม การทำงาน รายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล - แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล - ระดับคุณภาพดี ผ่านเกณฑ์ 3) พฤติกรรม การทำงานกลุ่ม - สังเกตพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม - แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม - ระดับคุณภาพดี ผ่านเกณฑ์ 4) คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - สังเกตความมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่น ในการทำงาน - แบบประเมิน คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ระดับคุณภาพดี ผ่านเกณฑ์ 8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เคมี ม.6 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เคมี อินทรีย์ 2) แบบฝึกหัดรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เคมี ม.6 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เคมี อินทรีย์ 3) PowerPoint เรื่อง สารประกอบอินทรีย์ 8.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องเรียน 2) ห้องสมุด 3) แหล่งข้อมูลสารสนเทศ


46 บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ 1. ผลการจัดการเรียนรู้ ด้านความรู้(K) : ทักษะ/กระบวนการ (P) : ด้านคุณลักษณะ (A) : 2. ปัญหา/สาเหตุ (บุคคล/อาการ/สาเหตุ) 3. แนวทางแก้ไข (วิธีการ/ผลลัพธ์) วิธีการแก้ ผลลัพธ์ ลงชื่อ……………………………………………………ครูผู้สอน (นางสาวรัญชิดา บัวแย้ม ) ตำแหน่ง ครูผู้ช่วย


47 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา เคมี 6 (ว33225) หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เคมีอินทรีย์ เวลา 40 ชั่วโมง เรื่อง แอลเคนและแอลคีน เวลา 4 ชั่วโมง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ผู้สอน นางสาวรัญชิดา บัวแย้ม สอนวันที่ เดือน พ.ศ 1. ผลการเรียนรู้ 4. เขียนสูตรโครงสร้างและเรียกชื่อสารประกอบอินทรีย์ประเภทต่าง ๆ ที่มีหมู่ฟังก์ชันไม่เกิน 1 หมู่ตาม ระบบ IUPAC 6. วิเคราะห์และเปรียบเทียบจุดเดือดและการละลายในน้ำของสารประกอบอินทรีย์ที่มีหมู่ฟังก์ชัน ขนาด โมเลกุล หรือโครงสร้างต่างกัน 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายสมบัติของสารประกอบแอลเคนและแอลคีนได้ (K) 2. เปรียบเทียบจุดเดือด การละลายน้ำของสารประกอบแอลเคนและสารประกอบแอลคีนได้ (K) 3. เขียนสูตรโครงสร้างและเรียกชื่อสารประกอบแอลเคนและแอลคีนได้ (P) 4. ตั้งใจเรียนรู้และแสวงหาความรู้ (A) 3. สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้เพิ่มเติม สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น - การเรียกชื่อสารประกอบอินทรีย์ประเภท แอลเคน แอลคีน แอลไคน์ แอลกอฮอล์ อีเทอร์ เอมีน แอลดีไฮด์ คีโตน กรดคาร์บอกซิลิก เอสเทอร์และเอไมด์ จะเรียกตามระบบ IUPAC หรืออาจเรียกโดยใช้ชื่อสามัญ - สารประกอบอินทรีย์ที่มีหมู่ฟังก์ชัน ขนาดโมเลกุล หรือโครงสร้างของสารต่างกันจะมีจุดเดือดและ การละลายในน้ำต่างกัน สำหรับการละลายของ สารพิจารณาได้จากความมีขั้วของตัวละลายและ ตัวทำละลาย โดยสารสามารถละลายได้ในตัวทำ ละลายที่มีขั้วใกล้เคียงกัน พิจารณาตามหลักสูตรของสถานศึกษา


48 4. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด สารประกอบแอลเคนเป็นสารประกอบไฮโดรคาร์บอนประเภทอิ่มตัว มีสูตรทั่วไปคือ CnH2n+2 เรียกชื่อ ได้ตามระบบ IUPAC หรืออาจจะเรียกชื่อโดยระบบชื่อสามัญ ส่วนสารประกอบแอลคีนเป็นสารประกอบ ไฮโดรคาร์บอนประเภทไม่อิ่มตัว มีสูตรทั่วไปคือ CnH2n เรียกชื่อตามระบบ IUPAC ได้โดยใช้หลักการ เดียวกับแอลเคน แอลเคนและแอลคีนจะมีสมบัติและการเกิดปฏิกิริยาที่แตกต่างกัน เช่น แอลเคน เกิดปฏิกิริยาการเผาไหม้ได้ดีกว่าแอลคีน 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียนและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 1) ทักษะการสังเกต 2) ทักษะสำรวจค้นหา 3) ทักษะการวิเคราะห์ 4) ทักษะการลงความเห็นจากข้อมูล 5) ทักษะการตีความหมายข้อมูลและการลงข้อสรุป 3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทำงาน 6. กิจกรรมการเรียนรู้ แนวคิด/รูปแบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : แบบเน้นมโนทัศน์ (Concept Based Teaching) การใช้ความรู้เดิม เชื่อมโยงความรู้ใหม่ (Prior Knowledge) 1. นักเรียนทบทวนความรู้เดิมของนักเรียน ด้วยคำถามที่ว่า จากการศึกษาสมบัติบางประการของสารประกอบ ไฮโดรคาร์บอน นักเรียนคิดว่า จากสมบัติที่แตกต่างกันของสารประกอบไฮโดรคาร์บอนสามารถแบ่ง ประเภทของสารประกอบไฮโดรคาร์บอนได้อย่างไร (แนวตอบ จากสมบัติที่แตกต่างกันของสารประกอบไฮโดรคาร์บอนสามารถแบ่งสารประกอบ ไฮโดรคาร์บอนออกเป็น 4 ประเภท คือ แอลเคน แอลคีน แอลไคน์ และอะโรมาติก ไฮโดรคาร์บอน) ขั้นนำ ชั่วโมงที่ 1


49 2. ครูถามคำถามต่อว่า จากสมบัติที่นักเรียนได้ศึกษา นักเรียนคิดว่าสารประกอบไฮโดรคาร์บอนแต่ละประเภท มีสิ่งใดที่แตกต่างกัน (แนวตอบ สารประกอบไฮโดรคาร์บอนมีสูตรโมเลกุล สูตรโครงสร้าง การเรียกชื่อ ปฏิกิริยาต่าง ๆ ที่ แตกต่างกัน) รู้ (Knowing) 1. ครูเตรียมสูตรโมเลกุลและสูตรโครงสร้างของสารประกอบแอลเคน ดังนี้ จากสูตรโมเลกุลและสูตรโครงสร้างของสารประกอบแอลเคน ให้นักเรียนพิจารณาว่าสารประกอบแอลเคน นี้มีอะไรเหมือนหรือแตกต่างกัน อย่างไร (แนวตอบ จากตัวอย่างพบว่าจำนวนอะตอมของคาร์บอนเพิ่มขึ้น จำนวนอะตอมของไฮโดรเจนก็เพิ่มขึ้น ซึ่งเขียนเป็นสูตรทั่วไปได้ดังนี้ CnH2n+2 เมื่อ n เป็นจำนวนคาร์บอนอะตอมในโมเลกุล) 2. เมื่อนักเรียนสามารถระบุได้ว่าสารประกอบแอลเคนมีลักษณะอย่างไร นักเรียนศึกษาสมบัติของแอลเคนและ ปฏิกิริยาของสารประกอบแอลเคนจากหนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เคมี ม.6 เล่ม 1 3. นักเรียนร่วมกันวิเคราะห์และสรุปเกี่ยวกับสมบัติ และปฏิกิริยาของสารประกอบแอลเคน 4. นักเรียนร่วมกันตอบคำถาม H.O.T.S ในหนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเคมี ม.6 เล่ม 1 หน้า 23 ด้วยคำถามที่ว่า สารประกอบแอลเคนที่เป็นไอโซเมอร์กัน สารประกอบที่เป็นโซ่ตรงและ สารประกอบที่เป็นโซ่กิ่ง จะเกิดการเผาไหม้แตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร (แนวตอบ แตกต่างกัน สารประกอบแอลเคนที่มีโครงสร้างเป็นโซ่ตรงจะมีจุดเดือดสูงกว่าสารประกอบ แอลเคนที่มีโครงสร้างเป็นโซ่กิ่ง ดังนั้นสารประกอบแอลเคนที่มีโครงสร้างเป็นกิ่งจะเกิดการ เผาไหม้ได้เร็วกว่าสารประกอบแอลเคนที่มีโครงสร้างเป็นโซ่ตรง) 5. นักเรียนทำใบงานที่ 1.4 เรื่อง สารประกอบแอลเคน 6. นักเรียนทบทวนเกี่ยวกับปฏิกิริยาของสารประกอบแอลเคน ด้วยคำถาม Concept Question ที่ว่า ถ้า สารประกอบ CH3CH2CH3 เกิดปฏิกิริยาแทนที่กับ Br2 มีโอกาสเกิดผลิตภัณฑ์ได้กี่ไอโซเมอร์ (ถ้า Br เข้า แทนที่ H ได้เพียง 1 อะตอม) ขั้นสอน ชั่วโมงที่ 2-3 CH4 C2H6


50 (แนวตอบ 2 ไอโซเมอร์ ได้แก่ CH3CH2CH2Br และ CH3CHCH3 ) 7. เมื่อนักเรียนศึกษาเกี่ยวกับสมบัติและปฏิกิริยาของสารประกอบแอลเคนแล้ว ครูให้นักเรียนลองพิจารณาว่า สารประกอบแอลเคนจะมีหลักการเรียกชื่ออย่างไร 8. ครูอธิบายเกี่ยวกับการเรียกชื่อสารประกอบแอลเคนโดยใช้PowerPoint ประกอบการสอน เรื่อง สารประกอบอินทรีย์ 9. นักเรียนเรียกชื่อสารประกอบแอลเคนตามระบบ IUPAC ที่ประกอบไปด้วยหมู่ฟังก์ชันจากตัวอย่างสูตร โครงสร้างในหนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เคมี เล่ม 1 หน้า 26-27 จากนั้นครู ตรวจสอบความถูกต้องและอธิบายเพิ่มเติม ถ้าหากนักเรียนยังมีข้อสงสัย 10.ครูเตรียมตัวอย่างโครงสร้างของสารประกอบแอลเคน แล้วสุ่มนักเรียนออกมาเรียกชื่อตามระบบ IUPAC 11.ครูถามคำถาม Concept Question ว่า สารประกอบแอลเคนต่อไปนี้ มีชื่อเรียกตามระบบ IUPAC ว่า อย่างไร (แนวตอบ 3-โบรโม-4-คลอโร-7,8-ไดเมทิล-6-ไอโซโพรพิลโนเนน) 12.ครูถามนักเรียนว่า นอกจากสารประกอบแอลเคนโซ่ตรง นักเรียนคิดว่าสารประกอบแอลเคนจะมีโครงสร้าง แบบอื่นได้หรือไม่ (แนวตอบ นอกจากสารประกอบแอลเคนแบบโซ่ตรงหรือโซ่เปิด สารประกอบแอลเคนยังมีโครงสร้าง แบบวง) 13.นักเรียนศึกษาตารางที่ 1.4 ในหนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เคมี ม.6 เล่ม 1 แล้วพิจารณาว่า สารประกอบแอลเคนแบบวง มีโครงสร้างและสมบัติอย่างไร 14.นักเรียนศึกษาปฏิกิริยาของสารประกอบแอลเคนแบบวง จากหนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี เคมี ม.6 เล่ม 1 แล้วยกตัวอย่างการเขียนปฏิกิริยาแต่ละประเภท พร้อมทั้งอ่านชื่อสารประกอบ ที่เป็นผลิตภัณฑ์ 15.ครูให้นักเรียนพิจารณาโครงสร้างของสารต่อไปนี้ แล้วเปรียบเทียบว่าโครงสร้างของสารประกอบ ก. กับโครงสร้างของสารประกอบแอลเคน แตกต่างกัน หรือไม่ อย่างไร สารประกอบแอลเคน สารประกอบ ก. Br


Click to View FlipBook Version