51 (แนวตอบ เมื่อเปรียบเทียบโครงสร้างของสารประกอบ ก. กับโครงสร้างของสารประกอบแอลเคน พบว่า มีโครงสร้างที่แตกต่างกัน สารประกอบ ก. ประกอบด้วยพันธะคู่ แต่สารประกอบ แอลเคนประกอบด้วยพันธะเดี่ยว สารทั้งสองมีจำนวนอะตอมของคาร์บอนเท่ากัน แต่ มีจำนวนอะตอมของไฮโดรเจนต่างกัน) 16.ครูอธิบายว่า สารประกอบไฮโดรคาร์บอนที่มีพันธะคู่ เรียกว่า สารประกอบแอลคีน ครูถามนักเรียนต่อว่า แล้วสูตรทั่วไปของสารประกอบแอลเคนและสารประกอบแอลคีน แตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร (แนวตอบ ในโมเลกุลของสารประกอบแอลเคนจะมีพันธะเดี่ยวอยู่ระหว่างอะตอมคาร์บอน มีสูตรทั่วไป คือ CnH2n+2 แต่ในโมเลกุลของสารประกอบแอลคีนจะมีพันธะคู่ระหว่างอะตอมคาร์บอน ดังนั้น สารประกอบแอลคีนจะมีจำนวนไฮโดรเจนน้อยกว่า จะได้สูตรทั่วไปคือ CnH2n) 17.นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับปฏิกิริยาของสารประกอบแอลคีน จากหนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี เคมี ม.6 เล่ม 1 18.นักเรียนสืบค้นเกี่ยวกับปฏิกิริยาของสารประกอบแอลคีนจากแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น ห้องสมุด อินเทอร์เน็ต 19.ครูให้นักเรียนทำใบงานที่ 1.5 สารประกอบแอลคีน 20.ครูอธิบายเพิ่มเติมว่า สารประกอบแอลคีนบางชนิดจะมีสูตรโครงสร้างเหมือนกัน แต่มีสมบัติทางกายภาพ และทางเคมีต่างกัน เนื่องจากการจัดเรียงตัวในลักษณะ 3 มิติ ของอะตอมหรือหมู่อะตอมในแต่ละด้านของ พันธะแตกต่างกัน จัดเป็นไอโซเมอร์ชนิดหนึ่ง เรียกว่า ไอโซเมอร์เรขาคณิต เข้าใจ (Understanding) 21.นักเรียนร่วมกันสำรวจและยกตัวอย่างสารประกอบไฮโดรคาร์บอนประเภทแอลเคนและแอลคีนที่พบได้ใน ชีวิตประจำวัน และยกตัวอย่างปฏิกิริยาในชีวิตประจำวันที่เกี่ยวข้องกับสารประกอบไฮโดรคาร์บอน ประเภทแอลเคนและแอลคีน แล้วจัดทำในรูปแบบหนังสือเล่มเล็ก 22.นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5 – 6 คน แล้วให้นักเรียนเล่นเกม โดยที่ครูเตรียมบัตรคำแสดงโครงสร้างของ สารประกอบแอลเคนและแอลคีน แล้วให้แต่ละกลุ่มเรียกชื่อสารประกอบที่สุ่มจับได้กลุ่มไหนตอบได้ ถูกต้องมากที่สุด ภายในเวลาที่กำหนด จะได้รับคะแนนพิเศษ 23.นักเรียนทำแบบฝึกหัดในแบบฝึกหัดเคมี ม.6 เล่ม 1 ลงมือทำ (Doing) 24.ครูเตรียมตัวอย่างชื่อสารประกอบไฮโดรคาร์บอน แล้วให้นักเรียนจับคู่กับเพื่อนที่นั่งข้างกัน ให้แต่ละคู่ ออกมาจับสลากชื่อสารเคมีที่ครูเตรียมไว้คู่ละ 1 ชื่อ แล้วนำไปวิเคราะห์ว่าสารที่ได้เป็นสารประกอบ ชั่วโมงที่ 4
52 ไฮโดรคาร์บอนประเภทแอลเคนหรือแอลคีน แล้วนำไปสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมว่า สารประกอบไฮโดรคาร์บอน ที่ได้มีสมบัติอย่างไร นำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างไร ถ้าหากเป็นสารประกอบแอลคีนให้สืบค้นเพิ่มเติมว่า มี ไอโซเมอร์แบบเรขาคณิตหรือไม่ โดยทำการสืบค้นจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ เช่น อินเทอร์เน็ต หนังสือใน ห้องสมุด แล้วนำข้อมูลที่ได้จัดทำในรูปแบบที่น่าสนใจ เช่น โปสเตอร์ อินโฟกราฟิก แล้วนำเสนอผลการ สืบค้นหน้าชั้นเรียน 1. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้เกี่ยวกับสารประกอบแอลเคนและแอลคีน เพื่อให้ได้ข้อสรุป ดังนี้ สารประกอบแอลเคน เป็นสารประกอบไฮโดรคาร์บอนอิ่มตัว มีโครงสร้างเป็นได้ทั้งโซ่ตรงและโซ่กิ่ง โดยแอลเคนโซ่เปิดจะมีสูตรทั่วไปเป็น CnH2n+2 ส่วนแอลเคนโซ่ปิดจะมีสูตรทั่วไปเป็น CnH2n (เมื่อ n เป็น จำนวนคาร์บอนอะตอมในโมเลกุล) สารประกอบแอลคีน เป็นสารประกอบไฮโดรคาร์บอนอิ่มตัว ภายในโมเลกุลจะมีพันธะคู่ระหว่าง อะตอมของคาร์บอนอย่างน้อย 1 พันธะ โดยแอลคีนโซ่เปิดจะมีสูตรทั่วไปเป็น CnH2n ส่วนแอลคีนโซ่ปิดจะมี สูตรทั่วไปเป็น CnH2n-2 (เมื่อ n เป็นจำนวนคาร์บอนอะตอมในโมเลกุล 2. นักเรียนแต่ละคนนำข้อสรุปที่ได้ มาเขียนเรียบเรียงเป็นองค์ความรู้ของตนเอง พร้อมยกตัวอย่างประกอบ องค์ความรู้นั้น 1. ครูประเมินความรู้เรื่องสารประกอบแอลเคนและแอลคีน โดยสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม การทำ แบบฝึกหัด และการทำใบงานเรื่องสารประกอบแอลเคน และสารประกอบ แอลคีน 2. ครูประเมินทักษะและกระบวนการ โดยการสังเกตพฤติกรรมรายบุคคล พฤติกรรมการทำงานกลุ่มจากการ ทำกิจกรรมสืบค้นเพิ่มเติมเกี่ยวกับสารประกอบไฮโดรคาร์บอนประเภทแอลเคนและแอลคีนใน ชีวิตประจำวัน 3. ครูประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในการตั้งใจเรียนรู้และแสวงหาความรู้โดยการสังเกตพฤติกรรมของ นักเรียน 7. การวัดและประเมินผล รายการวัด วิธีวัด เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน 7.1 ประเมินระหว่าง การจัดกิจกรรม การเรียนรู้ - ตรวจใบงานที่ 1.4 - ใบงานที่ 1.4 - ร้อยละ 60 ขั้นสรุป ขั้นประเมิน
53 รายการวัด วิธีวัด เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน 1) สารประกอบ ไฮโดรคาร์บอน ประเภทแอลเคนและ แอลคีน - ตรวจใบงานที่ 1.5 - ตรวจหนังสือเล่มเล็ก - ตรวจแบบฝึกหัด - ใบงานที่ 1.5 - แบบประเมินหนังสือ เล่มเล็ก - แบบฝึกหัด ผ่านเกณฑ์ - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ - ระดับคุณภาพดี ผ่านเกณฑ์ - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 2) พฤติกรรม การทำงาน รายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล - แบบสังเกต พฤติกรรม การทำงานรายบุคคล - ระดับคุณภาพดี ผ่านเกณฑ์ 3) พฤติกรรม การทำงานกลุ่ม - สังเกตพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม - แบบสังเกต พฤติกรรม การทำงานกลุ่ม - ระดับคุณภาพดี ผ่านเกณฑ์ 4) คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - สังเกตการตั้งใจ เรียนรู้และแสวงหา ความรู้ - แบบประเมิน คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ระดับคุณภาพดี ผ่านเกณฑ์ 8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เคมี ม.6 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เคมี อินทรีย์ 2) แบบฝึกหัดรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เคมี ม.6 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เคมี อินทรีย์ 3) ใบงานที่ 1.4 เรื่อง สารประกอบแอลเคน 4) ใบงานที่ 1.5 เรื่อง สารประกอบแอลคีน 5) PowerPoint เรื่อง สารประกอบอินทรีย์ 8.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องเรียน 2) ห้องสมุด 3) แหล่งข้อมูลสารสนเทศ
54 ใบงานที่ 1.4 เรื่อง สารประกอบแอลเคน คำชี้แจง : ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้ 1. X และ Y เป็นสารประกอบไฮโดรคาร์บอน เมื่อสาร X และ Y ทำปฏิกิริยากับออกซิเจนจะ เกิดปฏิกิริยาดังสมการ 2X + 19O2 → 12CO2 + 14H2O Y + 5O2 → 3CO2 + 4H2O 2. จงเรียงลำดับจุดเดือดของสารประกอบแอลเคนต่อไปนี้ จากมากไปน้อย ก. ข. ค. ง. 1.1 สาร X และ Y มีสูตรโมเลกุลอย่างไร …………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………… ……………………………… 1.2 เรียกชื่อสาร X และ Y ตามระบบ IUPAC …………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………… ……………………………… 1.3 ถ้าสาร X ทำปฏิกิริยากับสารละลายโบรมีนในที่ที่มีแสงสว่าง จะเกิดปฏิกิริยาชนิดใด จงเขียนสมการ แสดงปฏิกิริยาที่เกิดขึ้น ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
55 เฉลย ใบงานที่ 1.4 เรื่อง สารประกอบแอลเคน คำชี้แจง : ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้ 1. X และ Y เป็นสารประกอบไฮโดรคาร์บอน เมื่อสาร X และ Y ทำปฏิกิริยากับออกซิเจนจะ เกิดปฏิกิริยาดังสมการ 2X + 19O2 → 12CO2 + 14H2O Y + 5O2 → 3CO2 + 4H2O 2. จงเรียงลำดับจุดเดือดของสารประกอบแอลเคนต่อไปนี้ จากมากไปน้อย ก. ข. ค. ง. 1.1 สาร X และ Y มีสูตรโมเลกุลอย่างไร ………………………………………………………………… ………………………………………………………………… ………………………………………………………………… ………………………………………………………………… ………………………………………………………………… ………………………………………………………………… ………………………………………………………………… ………………………………………………………………… ………………………………………………………………… ………………………………………………… 1.2 เรียกชื่อสาร X และ Y ตามระบบ IUPAC ………………………………………………………………… ………………………………………………………………… ………………………………………………………………… ………………………………………………………………… ………………………………………………………………… ………………………………………………………………… ………………………………………………………………… ………………………………………………………………… ………………………………………………………………… ………………………………………………… 1.3 ถ้าสาร X ทำปฏิกิริยากับสารละลายโบรมีนในที่ที่มีแสงสว่าง จะเกิดปฏิกิริยาชนิดใด จงเขียนสมการ แสดงปฏิกิริยาที่เกิดขึ้น ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………….. สาร X มีสูตรโมเลกุลเป็น C6H14 สาร Y มีสูตรโมเลกุลเป็น C3H8 สาร X เรียกชื่อได้ว่า เฮกเซน สาร Y เรียกชื่อได้ว่า โพรเพน เมื่อสาร X ทำปฏิกิริยากับสารละลายโบรมีนในที่ที่มีแสงสว่าง จะเกิดปฏิกิริยาการแทนที่ หรือ ปฏิกิริยาโบรมิเนชัน เขียนสมการแสดงการเกิดปฏิกิริยาได้ ดังนี้ C6H14 + Br2 → C6H13Br + HBr สามารถเรียงลำดับจุดเดือดของสารประกอบแอลเคน จากมากไปน้อย ได้ดังนี้ ค. > ง. > ก. > ข.
56 ใบงานที่ 1.5 เรื่อง สารประกอบแอลคีน คำชี้แจง : ให้นักเรียนเขียนแผนผังความคิดเกี่ยวกับสารประกอบแอลคีนและสูตรโครงสร้างที่พบได้ใน ชีวิตประจำวันพร้อมทั้งการนำไปใช้ประโยชน์ แอลคีน ในชีวิตประจำวัน
57 ใบงานที่ 1.5 เฉลย เรื่อง สารประกอบแอลคีน คำชี้แจง : ให้นักเรียนเขียนแผนผังความคิดเกี่ยวกับสารประกอบแอลคีนและสูตรโครงสร้างที่พบได้ใน ชีวิตประจำวันพร้อมทั้งการนำไปใช้ประโยชน์ แอลคีน ในชีวิตประจำวัน อีทีน หรือเอทิลีน (C2H4 ) - เป็นสารตั้งต้นในการผลิต พอลิเมอร์ - เป็นแก๊สที่ได้จากการบ่มผลไม้ คำตอบขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของครูผู้สอน
58 บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ 1. ผลการจัดการเรียนรู้ ด้านความรู้(K) : ทักษะ/กระบวนการ (P) : ด้านคุณลักษณะ (A) : 2. ปัญหา/สาเหตุ (บุคคล/อาการ/สาเหตุ) 3. แนวทางแก้ไข (วิธีการ/ผลลัพธ์) วิธีการแก้ ผลลัพธ์ ลงชื่อ……………………………………………………ครูผู้สอน (นางสาวรัญชิดา บัวแย้ม ) ตำแหน่ง ครูผู้ช่วย
59 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา เคมี 6 (ว33225) หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เคมีอินทรีย์ เวลา 40 ชั่วโมง เรื่อง แอลไคน์และอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน เวลา 4 ชั่วโมง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ผู้สอน นางสาวรัญชิดา บัวแย้ม สอนวันที่ เดือน พ.ศ 1. ผลการเรียนรู้ 4. เขียนสูตรโครงสร้างและเรียกชื่อสารประกอบอินทรีย์ประเภทต่าง ๆ ที่มีหมู่ฟังก์ชันไม่เกิน 1 หมู่ตาม ระบบ IUPAC 6. วิเคราะห์และเปรียบเทียบจุดเดือดและการละลายในน้ำของสารประกอบอินทรีย์ที่มีหมู่ฟังก์ชัน ขนาด โมเลกุล หรือโครงสร้างต่างกัน 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายสมบัติของแอลไคน์และอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอนได้ (K) 2. เปรียบเทียบจุดเดือด การละลายน้ำของสารประกอบแอลไคน์และอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอนได้ (K) 3. เขียนสูตรโครงสร้างและเรียกชื่อสารประกอบแอลไคน์และอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอนได้ (P) 4. ตั้งใจเรียนรู้และแสวงหาความรู้ (A) 3. สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้เพิ่มเติม สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น - การเรียกชื่อสารประกอบอินทรีย์ประเภท แอลเคน แอลคีน แอลไคน์ แอลกอฮอล์ อีเทอร์ เอมีน แอลดีไฮด์ คีโตน กรดคาร์บอกซิลิก เอสเทอร์และเอไมด์ จะเรียกตามระบบ IUPAC หรืออาจเรียกโดยใช้ชื่อสามัญ - สารประกอบอินทรีย์ที่มีหมู่ฟังก์ชัน ขนาดโมเลกุล หรือโครงสร้างของสารต่างกันจะมีจุดเดือดและ การละลายในน้ำต่างกัน สำหรับการละลายของ สารพิจารณาได้จากความมีขั้วของตัวละลายและ ตัวทำละลาย โดยสารสามารถละลายได้ในตัวทำ ละลายที่มีขั้วใกล้เคียงกัน พิจารณาตามหลักสูตรของสถานศึกษา
60 4. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด สารประกอบแอลไคน์เป็นสารประกอบไฮโดรคาร์บอนประเภทไม่อิ่มตัว มีสูตรทั่วไปคือ CnH2n-2 เรียกชื่อได้ตามระบบ IUPAC ส่วนสารประกอบอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอนเป็นสารประกอบ ไฮโดรคาร์บอนที่มีวงเบนซีน (C6H6 ) เป็นองค์ประกอบ 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียนและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 1) ทักษะการสังเกต 2) ทักษะสำรวจค้นหา 3) ทักษะการลงความเห็นจากข้อมูล 4) ทักษะการตีความหมายข้อมูลและการลงข้อสรุป 3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทำงาน 6. กิจกรรมการเรียนรู้ แนวคิด/รูปแบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : แบบเน้นมโนทัศน์ (Concept Based Teaching) การใช้ความรู้เดิม เชื่อมโยงความรู้ใหม่ (Prior Knowledge) 1. ครูทบทวนความรู้เดิมเกี่ยวกับสารประกอบแอลเคนและสารประกอบแอลคีนว่า สารประกอบแอลเคน เป็น สารประกอบไฮโดรคาร์บอนชนิดอิ่มตัว เนื่องจากคาร์บอนแต่ละอะตอมจะเกิดพันธะเดี่ยวกับคาร์บอน อะตอมอื่น และไฮโดรเจนอะตอมจนครบทั้ง 4 พันธะ ส่วนสารประกอบแอลคีน เป็นสารประกอบ ไฮโดรคาร์บอนชนิดไม่อิ่มตัว เนื่องจากมีพันธะคู่ระหว่างคาร์บอนอะตอม 2. ครูถามนักเรียนว่า สารประกอบไฮโดรคาร์บอนที่มีพันธะสาม จะมีลักษณะอย่างไร (แนวตอบ สารประกอบไฮโดรคาร์บอนที่มีพันธะสาม จะมีพันธะสามระหว่างคาร์บอนอะตอม) 3. ครูอธิบายเพิ่มเติมว่าสารประกอบไฮโดรคาร์บอนที่มีพันธะสาม จะเรียกว่า สารประกอบแอลไคน์ เป็น สารประกอบไฮโดรคาร์บอนประเภทไม่อิ่มตัว ขั้นนำ ชั่วโมงที่ 1
61 รู้ (Knowing) 1. ครูนำอภิปรายเกี่ยวกับสารประกอบแอลไคน์โดยใช้ PowerPoint เรื่อง สารประกอบอินทรีย์และ หนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เคมี ม.6 เล่ม 1 2. นักเรียนสืบค้นเกี่ยวกับปฏิกิริยาของสารประกอบแอลไคน์แล้วสรุปความรู้ออกมาในรูปแบบของผังมโนทัศน์ พร้อมทั้งวิเคราะห์ว่าปฏิกิริยาของสารประกอบแอลไคน์ เกี่ยวข้องกับสารประกอบแอลเคนและ สารประกอบแอลคีนหรือไม่ อย่างไร 3. นักเรียนศึกษาหลักเกณฑ์ในการเรียกชื่อสารประกอบแอลไคน์ตามระบบ IUPAC จากนั้นอภิปรายร่วมกัน เกี่ยวกับการเรียกชื่อสารประกอบแอลไคน์ 4. นักเรียนเรียกชื่อสารประกอบแอลไคน์ตามระบบ IUPAC จากตัวอย่างสูตรโครงสร้างในหนังสือเรียน รายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เคมี ม.6 เล่ม 1 หน้า 40-41 5. ให้นักเรียนสรุปความรู้เกี่ยวกับการเรียกชื่อสารประกอบแอลไคน์ตามระบบ IUPAC แล้วให้นักเรียนทำ แบบฝึกหัดในแบบฝึกหัดรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เคมี ม.6 เล่ม 1 6. ครูเตรียมบัตรคำสารประกอบแอลไคน์จำนวน 10 ใบ แล้วสุ่มนักเรียนออกมาอ่านชื่อสารประกอบแอลไคน์ 7. ครูอธิบายเพิ่มเติมว่า นอกจากสารประกอบไฮโดรคาร์บอนทั้ง 3 ประเภท ยังมีสารประกอบไฮโดรคาร์บอน อีกหนึ่งประเภท เรียกว่า อะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน เป็นสารประกอบไฮโดรคาร์บอนที่มีเบนซีนเป็น องค์ประกอบ 8. นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับสมบัติและปฏิกิริยาของอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอนจากหนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เคมี ม.6 เล่ม 1 และสืบค้นเพิ่มเติมจากแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น ห้องสมุด อินเทอร์เน็ต เข้าใจ (Understanding) 9. นักเรียนแบ่งกลุ่มเป็น 4 กลุ่ม แต่ละกลุ่มจับสลากเลือกประเภทของสารประกอบไฮโดรคาร์บอน แล้วสืบค้น และรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสารประกอบไฮโดรคาร์บอนที่จับสลากได้จากหนังสือเรียน อินเทอร์เน็ต ตาม หัวข้อต่อไปนี้ - ลักษณะของสารประกอบ - สมบัติของสารประกอบ - การเรียกชื่อ - การเกิดปฏิกิริยา ขั้นสอน ชั่วโมงที่ 2-3
62 10.ให้แต่ละกลุ่มนำข้อมูลเกี่ยวกับสารประกอบอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอนที่ได้จากการสืบค้นมาอภิปรายร่วมกัน และเปรียบเทียบสมบัติต่าง ๆ ของสารประกอบอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน พร้อมทั้งออกแบบการนำเสนอ ข้อมูลในรูปแบบที่น่าสนใจ เช่น คลิปวิดีโอสั้น อินโฟกราฟิก ขั้นลงมือทำ (Doing) 11.หลังจากที่นักเรียนได้ศึกษาเกี่ยวกับสารประกอบไฮโดรคาร์บอนประเภทต่าง ๆ มาแล้ว ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5-6 คน แล้วสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับสารประกอบไฮโดรคาร์บอนในชีวิตประจำวัน เช่น มีเทน มีสูตร เคมี คือ CH4 เป็นสารประกอบไฮโดรคาร์บอนประเภทแอลเคน เป็นองค์ประกอบส่วนใหญ่ของแก๊ส ธรรมชาติ เป็นแก๊สไม่มีสี ติดไฟได้ นำมาใช้เป็นเชื้อเพลิง สามารถพบแก๊สมีเทนได้ในชั้นถ่านหิน เกิดจาก การสะสมแก๊สในช่องว่างของถ่านหิน หรืออาจได้จากการหมักมูลสัตว์ ให้นักเรียนนำข้อมูลที่ได้มาออกแบบ แล้วนำเสนอในรูปแบบของโปสเตอร์ แล้วนำไปติดบริเวณโรงเรียน เพื่อเป็นการเผยแพร่ความรู้ 1. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้เกี่ยวกับแอลไคน์และอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอนเพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ตรงกัน 2. นักเรียนแต่ละคนนำข้อสรุปที่ได้ มาเขียนเรียบเรียงเป็นองค์ความรู้ของตนเองพร้อมยกตัวอย่างประกอบ องค์ความรู้นั้นในรูปแบบของผังมโนทัศน์ 3. นักเรียนตอบคำถาม Topic Questions ในหนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เคมี ม.6 เล่ม 1 โดยการทำลงในสมุดบันทึกของนักเรียน 4. นักเรียนทำแบบฝึกหัดในแบบฝึกหัดรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เคมี ม.6 เล่ม 1 1. ครูประเมินความรู้เรื่อง สารประกอบแอลไคน์และอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน โดยสังเกตพฤติกรรมการตอบ คำถามและการทำแบบฝึกหัด 2. ครูประเมินทักษะและกระบวนการ โดยการสังเกตพฤติกรรมรายบุคคล พฤติกรรมการทำงานกลุ่มจากการ ทำกิจกรรมสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับสารประกอบไฮโดรคาร์บอนที่พบในชีวิตประจำวัน 3. ครูประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในการตั้งใจเรียนรู้และแสวงหาความรู้โดยการสังเกตพฤติกรรมของ นักเรียน ขั้นสรุป ขั้นประเมิน ชั่วโมงที่ 4
63 7. การวัดและประเมินผล รายการวัด วิธีวัด เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน 7.2 ประเมินระหว่าง การจัดกิจกรรม การเรียนรู้ 1) แอลไคน์และ อะโรมาติก ไฮโดรคาร์บอน - ตรวจผังมโนทัศน์ - ตรวจ Topic Questions - ตรวจแบบฝึกหัด - แบบประเมิน ผังมโนทัศน์ - สมุดบันทึกของ นักเรียน - แบบฝึกหัด - ระดับคุณภาพดี ผ่านเกณฑ์ - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 2) พฤติกรรม การทำงาน รายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล - แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล - ระดับคุณภาพดี ผ่านเกณฑ์ 3) พฤติกรรม การทำงานกลุ่ม - สังเกตพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม - แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม - ระดับคุณภาพดี ผ่านเกณฑ์ 4) คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - สังเกตการตั้งใจ เรียนรู้ และแสวงหา ความรู้ - แบบประเมิน คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ระดับคุณภาพดี ผ่านเกณฑ์ 8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เคมี ม.6 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เคมี อินทรีย์ 2) แบบฝึกหัดรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เคมี ม.6 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เคมี อินทรีย์ 3) PowerPoint เรื่อง สารประกอบอินทรีย์ 8.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องเรียน 2) ห้องสมุด 3) แหล่งข้อมูลสารสนเทศ
64 บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ 1. ผลการจัดการเรียนรู้ ด้านความรู้(K) : ทักษะ/กระบวนการ (P) : ด้านคุณลักษณะ (A) : 2. ปัญหา/สาเหตุ (บุคคล/อาการ/สาเหตุ) 3. แนวทางแก้ไข (วิธีการ/ผลลัพธ์) วิธีการแก้ ผลลัพธ์ ลงชื่อ……………………………………………………ครูผู้สอน (นางสาวรัญชิดา บัวแย้ม ) ตำแหน่ง ครูผู้ช่วย
65 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา เคมี 6 (ว33225) หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เคมีอินทรีย์ เวลา 40 ชั่วโมง เรื่อง แอลกอฮอล์ ฟีนอล และอีเทอร์ เวลา 4 ชั่วโมง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ผู้สอน นางสาวรัญชิดา บัวแย้ม สอนวันที่ เดือน พ.ศ 1. ผลการเรียนรู้ 4. เขียนสูตรโครงสร้างและเรียกชื่อสารประกอบอินทรีย์ประเภทต่าง ๆ ที่มีหมู่ฟังก์ชันไม่เกิน 1 หมู่ตาม ระบบ IUPAC 6. วิเคราะห์และเปรียบเทียบจุดเดือดและการละลายในน้ำของสารประกอบอินทรีย์ที่มีหมู่ฟังก์ชัน ขนาด โมเลกุล หรือโครงสร้างต่างกัน 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายสมบัติของแอลกอฮอล์ ฟีนอล และอีเทอร์ได้ (K) 2. เปรียบเทียบจุดเดือด การละลายน้ำของแอลกอฮอล์ ฟีนอล และอีเทอร์ได้ (K) 3. เขียนสูตรโครงสร้างและเรียกชื่อแอลกอฮอล์ ฟีนอล และอีเทอร์ได้ (P) 4. ตั้งใจเรียนรู้และแสวงหาความรู้ (A) 3. สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้เพิ่มเติม สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น - การเรียกชื่อสารประกอบอินทรีย์ประเภท แอลเคน แอลคีน แอลไคน์ แอลกอฮอล์ อีเทอร์ เอมีน แอลดีไฮด์ คีโตน กรดคาร์บอกซิลิก เอส เทอร์ และเอไมด์ จะเรียกตามระบบ IUPAC หรือ อาจเรียกโดยใช้ชื่อสามัญ - สารประกอบอินทรีย์ที่มีหมู่ฟังก์ชัน ขนาดโมเลกุล หรือโครงสร้างของสารต่างกันจะมีจุดเดือดและ การละลายในน้ำต่างกัน สำหรับการละลายของ สารพิจารณาได้จากความมีขั้วของตัวละลายและ ตัวทำละลาย โดยสารสามารถละลายได้ในตัวทำ ละลายที่มีขั้วใกล้เคียงกัน พิจารณาตามหลักสูตรของสถานศึกษา
66 4. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด แอลกอฮอล์ ฟีนอล และอีเทอร์ เป็นสารประกอบอินทรีย์ที่มีธาตุคาร์บอน ธาตุไฮโดรเจนและธาตุ ออกซิเจนเป็นองค์ประกอบ แอลกอฮอล์และฟีนอลมีหมู่ไฮดรอกซิลเป็นหมู่ฟังก์ชัน อีเทอร์มีหมู่ออกซีเป็น หมู่ฟังก์ชัน และเป็นไอโซเมอร์กับแอลกอฮอล์และฟีนอล โดยที่อีเทอร์จะมีจุดเดือดต่ำกว่าแอลกอฮอล์ เนื่องจากโมเลกุลของอีเทอร์ไม่สามารถเกิดพันธะไฮโดรเจนได้เหมือนกับแอลกอฮอล์ 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียนและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 1) ทักษะการสังเกต 2) ทักษะสำรวจค้นหา 3) ทักษะการลงความเห็นจากข้อมูล 4) ทักษะการตีความหมายข้อมูลและการลง ข้อสรุป 3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทำงาน 6. กิจกรรมการเรียนรู้ แนวคิด/รูปแบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : 5Es Instructional Model กระตุ้นความสนใจ (Engage) 1. นักเรียนทบทวนความรู้เดิมของนักเรียนเกี่ยวกับสารประกอบไฮโดรคาร์บอนว่า สารประกอบ ไฮโดรคาร์บอนคืออะไร แบ่งได้กี่ชนิด (แนวตอบ สารประกอบไฮโดรคาร์บอน คือสารประกอบอินทรีย์ที่ประกอบด้วยธาตุคาร์บอนและธาตุ ไฮโดรเจน แบ่งออกได้ 4 ชนิด คือ แอลเคน แอลคีน แอลไคน์ และอะโรมาติก ไฮโดรคาร์บอน) 2. ถามคำถามเพื่อกระตุ้นความสนใจของนักเรียนว่า นอกจากสารประกอบไฮโดรคาร์บอน ยังมีสารประกอบ อินทรีย์อื่นอีกหรือไม่ อย่างไร ขั้นนำ ชั่วโมงที่ 1
67 (แนวตอบ นอกจากสารประกอบไฮโดรคาร์บอน ยังมีสารประกอบอินทรีย์ที่มีธาตุคาร์บอน ธาตุ ไฮโดรเจนและธาตุออกซิเจนเป็นองค์ประกอบ ซึ่งสารประกอบดังกล่าวมีโครงสร้างโมเลกุลที่ มีหมู่ฟังก์ชันแตกต่างกันจึงทำให้เกิดสารประกอบอินทรีย์หลายชนิด เช่น แอลกอฮอล์ ฟีนอล อีเทอร์ แอลดีไฮด์ คีโตน กรดคาร์บอกซิลิก เอสเทอร์) 3. ครูเตรียมภาพโครงสร้างของสาร แล้วให้นักเรียนพิจารณาว่าสารดังกล่าวแตกต่างจากสารประกอบ ไฮโดรคาร์บอนอย่างไร (แนวตอบ สารตัวอย่างมีธาตุคาร์บอน ธาตุไฮโดรเจน และธาตุออกซิเจนเป็นองค์ประกอบ ซึ่งแตกต่าง จากสารประกอบไฮโดรคาร์บอนที่มีเพียงธาตุคาร์บอนและธาตุไฮโดรเจนเป็นองค์ประกอบ ดังนั้นสารตัวอย่างและสารประกอบไฮโดรคาร์บอนจะมีสมบัติที่แตกต่างกัน) 4. เมื่อนักเรียนพิจารณาสารประกอบตัวอย่างแล้ว ถามคำถาม Key Question จากหนังสือเรียน รายวิชา เพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เคมี ม.6 เล่ม 1 กับนักเรียนว่า สารประกอบอินทรีย์ที่มีธาตุออกซิเจน เป็นองค์ประกอบแต่ละชนิดแตกต่างกันอย่างไร (แนวตอบ สารประกอบอินทรีย์ที่มีธาตุออกซิเจนเป็นองค์ประกอบแต่ละชนิด จะมีหมู่ฟังก์ชันที่แตกต่าง กันจึงทำให้สารแต่ละชนิดมีจุดเดือด การละลายน้ำ และการเกิดปฏิกิริยาที่แตกต่างกัน) สำรวจค้นหา (Explore) 1. นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับสมบัติทางกายภาพของแอลกอฮอล์ ฟีนอล และอีเทอร์ และการเรียกชื่อตามระบบ IUPAC ในหนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เคมี ม.6 เล่ม 1 2. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5-6 คน แล้วให้แต่ละกลุ่มทำกิจกรรมจับคู่โครงสร้างของสารกับชื่อตามระบบ IUPAC พร้อมทั้งบอกสมบัติของสาร 3. นักเรียนตอบคำถาม Concept Question ว่า สารประกอบแอลกอฮอล์ต่อไปนี้มีชื่อเรียกตามระบบ IUPAC ว่าอย่างไร (แนวตอบ 5-โบรโม-2-คลอโร-1-ไซโคลเพนทานอล) ขั้นสอน ชั่วโมงที่ 2-3
68 อธิบายความรู้(Explain) 4. นักเรียนกลุ่มเดิมนำความรู้ที่ได้จากการศึกษาในหนังสือเรียน จากการทำกิจกรรม มาเรียบเรียงเป็นองค์ ความรู้ของตนเอง แล้วเขียนเป็นแผนผังความคิดลงในกระดาษฟลิปชาร์ต แล้วนำเสนอหน้าชั้นเรียน พร้อม ทั้งให้เพื่อนตั้งคำถาม และกลุ่มที่นำเสนอเป็นผู้ตอบคำถาม ขยายความเข้าใจ (Elaborate) 5. ให้นักเรียนจับคู่กับเพื่อนที่นั่งข้างกัน ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับแอลกอฮอล์ ฟีนอล และอีเทอร์ แล้วร่วมกัน ตอบคำถามว่า แอลกอฮอล์ ฟีนอล อีเทอร์ มีความสัมพันธ์กันอย่างไร 6. นักเรียนทำใบงานที่ 1.6 เรื่อง แอลกอฮอล์ ฟีนอล และอีเทอร์ 7. นักเรียนทำแบบฝึกหัดในแบบฝึกหัดรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เคมี ม.6 เล่ม 1 ตรวจสอบผล (Evaluate) นักเรียนสรุปความรู้เรื่องแอลกอฮอล์ ฟีนอล และอีเทอร์ ในรูปแบบของผังมโนทัศน์ ลงกระดาษ A4 ส่ง ครูผู้สอน 1. ครูประเมินความรู้เรื่องพันธะและการเขียนสูตรโครงสร้างของสารประกอบอินทรีย์ โดยสังเกตพฤติกรรม การตอบคำถาม การทำแบบฝึกหัด และการทำใบงานเรื่อง แอลกอฮอล์ ฟีนอล และอีเทอร์ 2. ครูประเมินทักษะและกระบวนการ โดยการสังเกตพฤติกรรมรายบุคคล พฤติกรรมการทำงานกลุ่มจากการ ทำกิจกรรมจับคู่โครงสร้างของสารกับชื่อตามระบบ IUPAC พร้อมทั้งบอกสมบัติของสาร 3. ครูประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในการตั้งใจเรียนรู้และแสวงหาความรู้โดยการสังเกตพฤติกรรมของ นักเรียน ขั้นประเมิน ขั้นสรุป ชั่วโมงที่ 4
69 7. การวัดและประเมินผล รายการวัด วิธีวัด เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน 7.1 ประเมินระหว่าง การจัดกิจกรรม การเรียนรู้ 1) แอลกอฮอล์ อีเทอร์ และฟีนอล - ตรวจใบงานที่ 1.6 - ตรวจผังมโนทัศน์ - ตรวจแบบฝึกหัด - ใบงานที่ 1.6 - แบบประเมิน ผังมโนทัศน์ - แบบฝึกหัด - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ - ระดับคุณภาพดี ผ่านเกณฑ์ - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 2) พฤติกรรม การทำงาน รายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล - แบบสังเกต พฤติกรรม การทำงานรายบุคคล - ระดับคุณภาพดี ผ่านเกณฑ์ 3) พฤติกรรม การทำงานกลุ่ม - สังเกตพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม - แบบสังเกต พฤติกรรม การทำงานกลุ่ม - ระดับคุณภาพดี ผ่านเกณฑ์ 4) คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - สังเกตการตั้งใจ เรียนรู้และแสวงหา ความรู้ - แบบประเมิน คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ระดับคุณภาพดี ผ่านเกณฑ์ 8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เคมี ม.6 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เคมีอินทรีย์ 2) แบบฝึกหัดรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เคมี ม.6 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เคมีอินทรีย์ 3) ใบงานที่ 1.6 เรื่อง แอลกอฮอล์ ฟีนอล และอีเทอร์ 4) PowerPoint เรื่อง สารประกอบอินทรีย์ 8.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องเรียน 2) ห้องสมุด
70 3) แหล่งข้อมูลสารสนเทศ ใบงานที่ 1.6 เรื่อง แอลกอฮอล์ ฟีนอล และอีเทอร์ คำชี้แจง : ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้ 1. จงระบุว่าสารต่อไปนี้ เป็นสารประกอบแอลกอฮอล์ ฟีนอล หรืออีเทอร์ 2. จงเติมปฏิกิริยาต่อไปนี้ให้สมบูรณ์ 2.1 2.2 2.3 C2H5OH + + ความร้อน C2H5OH + NaHCO3 CH3CH2CH2OH + Na ………………………………………………………… ………………………………………………………… ………………………………………………………… ………………………………………………………… ………………………………………………………… …………………………………………………………
71 ใบงานที่ 1.6 เฉลย เรื่อง สูตรโครงสร้างของสารประกอบอินทรีย์ คำชี้แจง : ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้ 1. จงระบุว่าสารต่อไปนี้ เป็นสารประกอบแอลกอฮอล์ ฟีนอล หรืออีเทอร์ 2. จงเติมปฏิกิริยาต่อไปนี้ให้สมบูรณ์ 2.1 2.2 2.3 แอลกอฮอล์ ฟีนอล แอลกอฮอล์ อีเทอร์ ฟีนอล อีเทอร์ C2H5OH + 3O + ความร้อน 2 2CO2 + 3H2O C2H5OH + NaHCO3 ไม่เกิดปฏิกิริยา CH3CH2CH2OH + Na CH3CH2CH2ONa + 1 2 H2 ………………………………………………………… ………………………………………………………… ………………………………………………………… ………………………………………………………… ………………………………………………………… …………………………………………………………
72 บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ 1. ผลการจัดการเรียนรู้ ด้านความรู้(K) : ทักษะ/กระบวนการ (P) : ด้านคุณลักษณะ (A) : 2. ปัญหา/สาเหตุ (บุคคล/อาการ/สาเหตุ) 3. แนวทางแก้ไข (วิธีการ/ผลลัพธ์) วิธีการแก้ ผลลัพธ์ ลงชื่อ……………………………………………………ครูผู้สอน (นางสาวรัญชิดา บัวแย้ม ) ตำแหน่ง ครูผู้ช่วย
73 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 7 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา เคมี 6 (ว33225) หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เคมีอินทรีย์ เวลา 40 ชั่วโมง เรื่อง แอลดีไฮด์และคีโตน เวลา 4 ชั่วโมง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ผู้สอน นางสาวรัญชิดา บัวแย้ม สอนวันที่ เดือน พ.ศ 1. ผลการเรียนรู้ 4. เขียนสูตรโครงสร้างและเรียกชื่อสารประกอบอินทรีย์ประเภทต่าง ๆ ที่มีหมู่ฟังก์ชันไม่เกิน 1 หมู่ตาม ระบบ IUPAC 6. วิเคราะห์และเปรียบเทียบจุดเดือดและการละลายในน้ำของสารประกอบอินทรีย์ที่มีหมู่ฟังก์ชัน ขนาด โมเลกุล หรือโครงสร้างต่างกัน 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายสมบัติของแอลดีไฮด์และคีโตนได้ (K) 2. เปรียบเทียบจุดเดือด การละลายน้ำของแอลดีไฮด์และคีโตนได้ (K) 3. เขียนสูตรโครงสร้างและเรียกชื่อแอลดีไฮด์และคีโตนได้(P) 4. ตั้งใจเรียนรู้และแสวงหาความรู้ (A) 3. สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้เพิ่มเติม สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น - การเรียกชื่อสารประกอบอินทรีย์ประเภท แอลเคน แอลคีน แอลไคน์ แอลกอฮอล์ อีเทอร์ เอมีน แอลดีไฮด์ คีโตน กรดคาร์บอกซิลิก เอส เทอร์ และเอไมด์ จะเรียกตามระบบ IUPAC หรือ อาจเรียกโดยใช้ชื่อสามัญ - สารประกอบอินทรีย์ที่มีหมู่ฟังก์ชัน ขนาดโมเลกุล หรือโครงสร้างของสารต่างกันจะมีจุดเดือดและ การละลายในน้ำต่างกัน สำหรับการละลายของ สารพิจารณาได้จากความมีขั้วของตัวละลายและ ตัวทำละลาย โดยสารสามารถละลายได้ในตัวทำ ละลายที่มีขั้วใกล้เคียงกัน พิจารณาตามหลักสูตรของสถานศึกษา
74 4. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด สารประกอบแอลดีไฮด์ เป็นสารประกอบอินทรีย์ที่มีหมู่คาร์บอกซาลดีไฮด์เป็นหมู่ฟังก์ชัน ส่วน สารประกอบคีโตนเป็นสารประกอบอินทรีย์ที่มีหมู่คาร์บอนิลเป็นหมู่ฟังก์ชัน โดยคีโตนจะมีจุดเดือดมากกว่า แอลดีไฮด์ 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียนและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 1) ทักษะการสังเกต 2) ทักษะสำรวจค้นหา 3) ทักษะการลงความเห็นจากข้อมูล 4) ทักษะการตีความหมายข้อมูลและการลง ข้อสรุป 3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทำงาน 6. กิจกรรมการเรียนรู้ แนวคิด/รูปแบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : 5Es Instructional Model กระตุ้นความสนใจ (Engage) 1. ครูทบทวนความรู้เดิมของนักเรียนเกี่ยวกับสารประกอบอินทรีย์ที่มีธาตุออกซิเจนเป็นองค์ประกอบ 2. ครูให้นักเรียนดูโครงสร้างของสารประกอบต่อไปนี้ แล้วพิจารณาว่า มีโครงสร้างแตกต่างจากโครงสร้างของ แอลกออฮอล์อย่างไร ขั้นนำ ชั่วโมงที่ 1
75 (แนวตอบ ต่างกัน โครงสร้างของแอลกอฮอล์ ออกซิเจนอะตอมจะต่อระหว่างคาร์บอนอะตอมและ ไฮโดรเจนอะตอม ในขณะที่โครงสร้างของสารประกอบตัวอย่าง ออกซิเจนอะตอมจะสร้าง พันธะคู่กับคาร์บอนอะตอม) 3. จากการศึกษาโครงสร้างของสารประกอบที่ครูยกตัวอย่างกับแอลกอฮอล์ ให้นักเรียนพิจารณาว่า สารทั้ง สองชนิดจะมีจุดเดือดแตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร (แนวตอบ ต่างกัน แอลกอฮอล์จะมีจุดเดือดสูงกว่าสารประกอบตัวอย่าง เนื่องจากสารประกอบตัวอย่าง ไม่มีพันธะไฮโดรเจนยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุล แต่แอลกอฮอล์มีพันธะไฮโดรเจนระหว่าง โมเลกุลจึงทำให้มีจุดเดือดสูงกว่า) สำรวจค้นหา (Explore) 1. ครูนำเสนอตัวอย่างของสาร แล้วให้นักเรียนบอกว่าสารใดคือสารประกอบแอลดีไฮด์ 2. เมื่อนักเรียนสามารถบอกได้ว่าสารใดคือสารประกอบแอลดีไฮด์ ครูให้นักเรียนบอกหมู่ฟังก์ชันของแอลดีไฮด์ และร่วมกันสรุปว่าแอลดีไฮด์มีสูตรทั่วไปอย่างไร (แนวตอบ แอลดีไฮด์จะมีหมู่ฟังก์ชัน –CHO เรียกว่า หมู่คาร์บอกซาลดีไฮด์ มีสูตรทั่วไปคือ RCHO) 3. นักเรียนแบ่งกลุ่ม ออกเป็น 5 กลุ่ม แล้วให้แต่ละกลุ่ม จับสลากเลือกสารประกอบแอลดีไฮด์ที่ครูเตรียมไว้ แล้วให้สืบค้นข้อมูลตามหัวข้อต่อไปนี้ - สูตรโครงสร้าง - การเรียกชื่อ - สมบัติทางกายภาพ - ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้น - การนำไปใช้ประโยชน์ พร้อมทั้งออกแบบการนำเสนอข้อมูลในรูปแบบของอินโฟกราฟิก และนำเสนอหน้าชั้นเรียน ขั้นสอน ชั่วโมงที่ 2-3
76 4. ครูยกตัวอย่างโครงสร้างของสารประกอบแอลดีไฮด์ และสารประกอบคีโตน แล้วให้นักเรียนพิจารณาว่า สารประกอบแอลดีไฮด์และสารประกอบคีโตน แตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร (แนวตอบ แอลดีไฮด์และคีโตนมีสูตรโมเลกุลเหมือนกัน แต่มีสูตรโครงสร้างแตกต่างกัน ดังนั้น แอลดีไฮด์และคีโตนที่มีจำนวนอะตอมของคาร์บอนเท่ากันจะเป็นไอโซเมอร์กัน) 5. เมื่อนักเรียนพิจารณาสูตรโครงสร้างของสารประกอบคีโตนแล้ว ครูถามคำถาม H.O.T.S ว่า ให้นักเรียน เขียนสูตรโครงสร้างของสารที่มีสูตรโมเลกุล C3H6O พร้อมทั้งระบุประเภทของสาร (แนวตอบ สารที่ 1 เป็นแอลดีไฮด์ สารที่ 4 เป็นคีโตน สารที่ 2, 3, 5, 7, และ 9 เป็นแอลกอฮอล์ สารที่ 6, 8, 10 และ 11 เป็นอีเทอร์) (1) (2) (3) (4) (5) (6) (7) (8) (9) (10) (11) แอลดีไฮด์ คีโตน
77 อธิบายความรู้(Explain) 6. นักเรียนร่วมกันสำรวจ และยกตัวอย่างสารประกอบแอลดีไฮด์และคีโตนที่มีสูตรโมเลกุลเหมือนกัน พร้อมทั้งบอกประโยชน์ และเปรียบเทียบสมบัติทางกายภาพของสารทั้งสองชนิด เช่น จุดเดือด การละลาย น้ำ การละลายในตัวทำละลายอินทรีย์ สภาพขั้วของสารแต่ละชนิด ขยายความเข้าใจ (Elaborate) 7. ให้นักเรียนจับคู่กับเพื่อนที่นั่งข้างกัน แล้วสลับกันถามคำถาม ตอบคำถามเกี่ยวกับสารประกอบแอลดีไฮด์ และคีโตน 8. นักเรียนทำแบบฝึกหัดในแบบฝึกหัดรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เคมี ม.6 เล่ม 1 ตรวจสอบผล (Evaluate) นักเรียนสรุปความรู้เรื่องสารประกอบแอลดีไฮด์และคีโตนในรูปแบบของผังมโนทัศน์ ลงกระดาษ A4 ส่ง ครูผู้สอน 1. ครูประเมินความรู้เรื่องแอลดีไฮด์และคีโตน โดยสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม การทำแบบฝึกหัด และ การทำใบงาน เรื่องแอลดีไฮด์และคีโตน 2. ครูประเมินทักษะและกระบวนการ โดยการสังเกตพฤติกรรมรายบุคคล พฤติกรรมการทำงานกลุ่มจากการ ทำกิจกรรมสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับสารประกอบแอลดีไฮด์และคีโตน 3. ครูประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในการตั้งใจเรียนรู้และแสวงหาความรู้โดยการสังเกตพฤติกรรมของ นักเรียน 7. การวัดและประเมินผล รายการวัด วิธีวัด เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน 7.1 ประเมินระหว่าง การจัดกิจกรรม การเรียนรู้ 1) แอลดีไฮด์และ คีโตน - ตรวจใบงานที่ 1.7 - ใบงานที่ 1.7 - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ขั้นประเมิน ขั้นสรุป ชั่วโมงที่ 4
78 รายการวัด วิธีวัด เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน - ตรวจผังมโนทัศน์ - ตรวจแบบฝึกหัด - ผังมโนทัศน์ - แบบฝึกหัด - ระดับคุณภาพดี ผ่านเกณฑ์ - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 2) พฤติกรรม การทำงาน รายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล - แบบสังเกต พฤติกรรม การทำงานรายบุคคล - ระดับคุณภาพดี ผ่านเกณฑ์ 3) พฤติกรรม การทำงานกลุ่ม - สังเกตพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม - แบบสังเกต พฤติกรรม การทำงานกลุ่ม - ระดับคุณภาพดี ผ่านเกณฑ์ 4) คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - สังเกตการตั้งใจ เรียนรู้ และแสวงหา ความรู้ - แบบประเมิน คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ระดับคุณภาพดี ผ่านเกณฑ์ 8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เคมี ม.6 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เคมีอินทรีย์ 2) แบบฝึกหัดรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เคมี ม.6 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เคมี อินทรีย์ 3) ใบงานที่ 1.7 เรื่อง แอลดีไฮด์และคีโตน 4) PowerPoint เรื่อง สารประกอบอินทรีย์ 8.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องเรียน 2) ห้องสมุด 3) แหล่งข้อมูลสารสนเทศ
79 ใบงานที่ 1.7 เรื่อง แอลดีไฮด์และคีโตน คำชี้แจง : ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้ 1. เปรียบสมบัติของสารต่อไปนี้ 2. จงเติมสารตั้งต้น หรือผลิตภัณฑ์ในปฏิกิริยาต่อไปนี้ 2.1 2.2 3. จงเขียนสูตรโครงสร้างของสารต่อไปนี้ พร้อมทั้งบอกประโยชน์ เมทานาล โพรพาโนน เฮกเซน 2.1 การละลายน้ำ ............................................................................................................................. ........................... 2.2 จุดเดือด ........................................................................................................................................................ CH3CHO ออกซิเดชัน + O2 2HCHO + 2H2O 600 ๐C Ag ซินนามาลดีไฮด์ แอซีโตน
80 ใบงานที่ 1.7 เฉลย เรื่อง แอลดีไฮด์และคีโตน คำชี้แจง : ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้ 1. เปรียบสมบัติของสารต่อไปนี้ 2. จงเติมสารตั้งต้น หรือผลิตภัณฑ์ในปฏิกิริยาต่อไปนี้ 2.1 2.2 3. จงเขียนสูตรโครงสร้างของสารต่อไปนี้ พร้อมทั้งบอกประโยชน์ เมทานาล โพรพาโนน เฮกเซน 2.1 การละลายน้ำ ............................................................................................................................. ........................... 2.2 จุดเดือด ........................................................................................................................................................ CH3CHO ออกซิเดชัน + O2 2HCHO + 2H2O 600 ๐C Ag ซินนามาลดีไฮด์ แอซีโตน โพรพาโนน > เมทานาล > เฮกเซน เมทานาล > โพรพาโนน > เฮกเซน CH3COOH 2CH3OH ซินนามาลดีไฮด์ พบในเปลือกของอบเชย นำไปใช้แต่งกลิ่นขนมหวาน สบู่ สุรา แอซีโตน นำมาใช้ในอุตสาหกรรมพลาสติก ยา แล็กเกอร์
81 บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ 1. ผลการจัดการเรียนรู้ ด้านความรู้(K) : ทักษะ/กระบวนการ (P) : ด้านคุณลักษณะ (A) : 2. ปัญหา/สาเหตุ (บุคคล/อาการ/สาเหตุ) 3. แนวทางแก้ไข (วิธีการ/ผลลัพธ์) วิธีการแก้ ผลลัพธ์ ลงชื่อ……………………………………………………ครูผู้สอน (นางสาวรัญชิดา บัวแย้ม ) ตำแหน่ง ครูผู้ช่วย
82 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา เคมี 6 (ว33225) หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เคมีอินทรีย์ เวลา 40 ชั่วโมง เรื่อง กรดคาร์บอกซิลิกและเอสเทอร์ เวลา 6 ชั่วโมง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ผู้สอน นางสาวรัญชิดา บัวแย้ม สอนวันที่ เดือน พ.ศ 1. ผลการเรียนรู้ 4. เขียนสูตรโครงสร้างและเรียกชื่อสารประกอบอินทรีย์ประเภทต่าง ๆ ที่มีหมู่ฟังก์ชันไม่เกิน 1 หมู่ตาม ระบบ IUPAC 6. วิเคราะห์และเปรียบเทียบจุดเดือดและการละลายในน้ำของสารประกอบอินทรีย์ที่มีหมู่ฟังก์ชัน ขนาด โมเลกุล หรือโครงสร้างต่างกัน 8. เขียนสมการเคมีและอธิบายการเกิดปฏิกิริยาเอสเทอริฟิเคชัน ปฏิกิริยาการสังเคราะห์เอไมด์ ปฏิกิริยา ไฮโดรลิซิส และปฏิกิริยาสะปอนนิฟิเคชัน 9. ทดสอบปฏิกิริยาเอสเทอริฟิเคชัน ปฏิกิริยาไฮโดรลิซิส และปฏิกิริยาสะปอนนิฟิเคชัน 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายสมบัติของกรดคาร์บอกซิลิกและเอสเทอร์ได้ (K) 2. เปรียบเทียบจุดเดือด การละลายน้ำของกรดคาร์บอกซิลิกและเอสเทอร์ได้ (K) 3. เขียนสูตรโครงสร้างและเรียกชื่อกรดคาร์บอกซิลิกและเอสเทอร์ได้(P) 4. ทำการทดลอง เพื่อศึกษาปฏิกิริยาเอสเทอริฟิเคชัน ปฏิกิริยาไฮโดรลิซิส และปฏิกิริยาสะปอนนิฟิเคชันได้ (P) 5. ตั้งใจเรียนรู้และแสวงหาความรู้ (A) 3. สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้เพิ่มเติม สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น - การเรียกชื่อสารประกอบอินทรีย์ประเภท แอลเคน แอลคีน แอลไคน์ แอลกอฮอล์ อีเทอร์ เอมีน แอลดีไฮด์ คีโตน กรดคาร์บอกซิลิก เอสเทอร์ และ เอไมด์ จะเรียกตามระบบ IUPAC หรืออาจเรียกโดยใช้ ชื่อสามัญ - สารประกอบอินทรีย์ที่มีหมู่ฟังก์ชัน ขนาดโมเลกุลหรือ โครงสร้างของสารต่างกันจะมีจุดเดือดและการละลาย พิจารณาตามหลักสูตรของสถานศึกษา
83 ในน้ำต่างกัน สำหรับการละลายของสารพิจารณาได้จาก ความมีขั้วของตัวละลายและตัวทำละลาย โดยสาร สามารถละลายได้ในตัวทำละลายที่มีขั้วใกล้เคียงกัน 4. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด กรดคาร์บอกซิลิกเป็นสารประกอบอินทรีย์ที่มีหมู่คาร์บอกซิลเป็นหมู่ฟังก์ชัน ส่วนเอสเทอร์เป็น อนุพันธ์ของกรดคาร์บอกซิลิกเกิดจากหมู่แทนที่ด้วยหมู่แอลคอกซี โดยกรดคาร์บอกซิลิกจะมีจุดเดือดสูง กว่าแอลกอฮอล์ แอลดีไฮด์ และคีโตน 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียนและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 1) ทักษะการสังเกต 2) ทักษะสำรวจค้นหา 3) ทักษะการวิเคราะห์ 4) ทักษะการทดลอง 5) ทักษะการลงความเห็นจากข้อมูล 6) ทักษะการตีความหมายข้อมูลและการลง ข้อสรุป 3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทำงาน 6. กิจกรรมการเรียนรู้ แนวคิด/รูปแบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : 5Es Instructional Model กระตุ้นความสนใจ (Engage) 1. ครูทบทวนความรู้เดิมของนักเรียนเกี่ยวกับสารประกอบแอลดีไฮด์และคีโตน ด้วยคำถามที่ว่า - ยกตัวอย่างแอลดีไฮด์ที่นักเรียนรู้จัก และบอกหมู่ฟังก์ชันของแอลดีไฮด์ - ยกตัวอย่างคีโตนที่นักเรียนรู้จัก และบอกหมู่ฟังก์ชันของคีโตน ขั้นนำ ชั่วโมงที่ 1
84 - แอลดีไฮด์และคีโตนมีสมบัติทางเคมีและสมบัติทางกายภาพ แตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร 2. ครูให้นักเรียนดูโครงสร้างของกรดคาร์บอกซิลิกและเอสเทอร์ แล้วให้อภิปรายว่าโครงสร้างของ กรดคาร์บอกซิลิกและเอสเทอร์แตกต่างจากแอลดีไฮด์และคีโตนอย่างไร (แนวตอบ โครงสร้างของกรดคาร์บอกซิลิกจะประกอบไปด้วยหมู่ฟังก์ชันคาร์บอกซิล (-COOH) เอสเทอร์จะประกอบไปด้วยหมู่ฟังก์ชันแอลคอกซีคาร์บอนิล (-COO-) ส่วนแอลดีไฮด์จะ ประกอบไปด้วยหมู่ฟังก์ชันคาร์บอกซาลดีไฮด์ (-CHO) คีโตนจะประกอบไปด้วยหมู่ฟังก์ชัน คาร์บอนิล (-CO-) จะเห็นว่า หมู่ฟังก์ชันของกรดคาร์บอกซิลิกและเอสเทอร์จะประกอบด้วย ออกซิเจน 2 อะตอม ส่วนหมู่ฟังก์ชันของแอลดีไฮด์และคีโตนจะประกอบด้วยออกซิเจนเพียง 1 อะตอม ) สำรวจค้นหา (Explore) 1. นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับปฏิกิริยาของกรดคาร์บอกซิลิกจากหนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี เคมี ม.6 เล่ม 1 2. ครูกำหนดสูตรเคมีของกรดคาร์บอกซิลิก แล้วให้นักเรียนจับสลาก นำไปเขียนปฏิกิริยาของ กรดคาร์บอกซิลิกกับสารต่าง ๆ พร้อมทั้งอ่านชื่อของสารที่จับสลากได้ 3. นักเรียนศึกษาตัวอย่างของกรดคาร์บอกซิลิกที่พบในธรรมชาติ จากนั้นให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับตัวอย่างของกรดคาร์บอกซิลิกที่พบในธรรมชาติ โดยให้ยกตัวอย่างมาคนละ 1 ชนิด แล้วสรุป ออกมาในรูปแบบของผังมโนทัศน์ 4. นักเรียนจับคู่กับเพื่อนที่นั่งข้างกัน ทำกิจกรรม Extra Activity โดยร่วมกันศึกษาเกี่ยวกับกรดคาร์บอกซิลิก ในชีวิตประจำวัน ทำการสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมได้จากอินเทอร์เน็ต หรือห้องสมุด แล้วบันทึกข้อมูลที่ได้ตาม แบบบันทึกในหนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เคมี ม.6 เล่ม 1 หน้า 65 5. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5-6 คน ทำการทดลอง เรื่อง ปฏิกิริยาระหว่างกรดคาร์บอกซิลิกและแอลกอฮอล์ โดยศึกษาวิธีการทดลองได้ในหนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เคมี ม.6 เล่ม 1 หน้า 66 6. เมื่อทำการทดลองเสร็จแล้ว นักเรียนร่วมกันตอบคำถามท้ายการทดลอง ดังนี้ - จากการทดลองทราบได้อย่างไรว่ามีปฏิกิริยาเคมีเกิดขึ้น และเกิดสารใดเป็นผลิตภัณฑ์ (แนวตอบ จากการทดลอง เมื่อกรดคาร์บอกซิลิกทำปฏิกิริยากับแอลกอฮอล์จะได้สารใหม่ซึ่งมีกลิ่นที่ แตกต่างไปจากสารตั้งต้น แสดงว่ามีปฏิกิริยาเคมีเกิดขึ้น และผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เกิดขึ้น เรียกว่า เอสเทอร์) - จงเขียนสมการแสดงปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นในแต่ละหลอด ขั้นสอน ชั่วโมงที่ 2-3
85 (แนวตอบ หลอดที่ 1 CH3COOH + CH3CH2OH ⇌ CH3COOCH2CH3 + H2O หลอดที่ 2 CH3COOH + CH3CH2CH2CH2CH2OH ⇌ CH3COOCH2CH2CH2CH2CH3 + H2O หลอดที่ 3 + CH3OH ⇌ + H2O หลอดที่ 4 CH3CH2CH2COOH + CH3OH ⇌ CH3CH2CH2COOCH3 + H2O ) 7. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการทดลองและอภิปรายผลการทดลอง โดยให้ได้ข้อสรุปว่า จากการทำกิจกรรมการทดลองปฏิกิริยาระหว่างกรดคาร์บอกซิลิกและแอลกอฮอล์ พบว่า เมื่อนำ กรดคาร์บอกซิลิกมาทำปฏิกิริยากับแอลกอฮอล์ โดยมีกรดซัลฟิวริกเข้มข้นเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา ทำให้ได้สาร ชนิดใหม่ซึ่งมีกลิ่นที่แตกต่างไปจากสารตั้งต้น โดยสารชนิดใหม่ที่เกิดขึ้น เรียกว่า เอสเทอร์ และปฏิกิริยา ระหว่างกรดคาร์บอกซิลิกและแอลกอฮอล์เรียกว่า ปฏิกิริยาเอสเทอริฟิเคชัน 8. นักเรียนกลุ่มเดิมทำการทดลอง เรื่อง ปฏิกิริยาของเอสเทอร์ โดยศึกษาวิธีการทดลองได้ในหนังสือเรียน รายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เคมี ม.6 เล่ม 1 หน้า 68 9. เมื่อทำการทดลองเสร็จแล้ว นักเรียนร่วมกันตอบคำถามท้ายการทดลอง ดังนี้ - ผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้นจากการทดลองคือสารใด (แนวตอบ จากการทดลอง เมื่อนำเอสเทอร์มาทำปฏิกิริยากับน้ำ จะได้กรดคาร์บอกซิลิกและแอลกอฮอล์ เป็นผลิตภัณฑ์) - จงเขียนสมการแสดงปฏิกิริยาที่เกิดขึ้น (แนวตอบ สมการแสดงปฏิกิริยาระหว่างเอสเทอร์กับน้ำ ดังนี้ CH3COOCH2CH3 + H2O ⇌ CH3COOH + CH3CH2OH ) 10.ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการทดลองและอภิปรายผลการทดลอง โดยให้ได้ข้อสรุปร่วมกัน ดังนี้ เมื่อนำ เอสเทอร์มาทำปฏิกิริยากับน้ำ โดยมีกรดซัลฟิวริกเจือจางเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์เป็นกรด คาร์บอกซิลิกและแอลกอฮอล์ พบว่าปฏิกิริยาดังกล่าวเป็นปฏิกิริยาย้อนกลับของปฏิกิริยาเอสเทอริฟิเคชัน เรียกว่า ปฏิกิริยาไฮโดรลิซิส เป็นการแยกสลายเอสเทอร์ด้วยน้ำ 11.นักเรียนศึกษาตัวอย่างกลิ่นของเอสเทอร์ที่ได้จากการสังเคราะห์ ครูเตรียมภาพโครงสร้างของสารตั้งต้นใน การสังเคราะห์กลิ่นเอสเทอร์ แล้วให้นักเรียนจับคู่สารตั้งต้น และผลิตภัณฑ์ที่ได้ H2SO4 H2SO4 H2SO4 H2SO4 H2SO4 ชั่วโมงที่ 4-5
86 อธิบายความรู้(Explain) 12.นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5-6 คน แต่ละกลุ่มร่วมกันสืบค้นเพิ่มเติมเกี่ยวกับกรดคาร์บอกซิลิกและเอสเทอร์ แล้วนำข้อมูลที่ได้มานำเสนอในรูปแบบของแผนผังความคิด แล้วร่วมกันวิเคราะห์ว่า กรดคาร์บอกซิลิกกับ เอสเทอร์มีสมบัติต่างกันหรือไม่ อย่างไร และกรดคาร์บอกซิลิกกับเอสเทอร์ มีความสัมพันธ์กันอย่างไร ขยายความเข้าใจ (Elaborate) 13.ให้นักเรียนจับคู่กับเพื่อนที่นั่งข้างกัน แล้วสลับกันถามคำถาม ตอบคำถามเกี่ยวกับกรดคาร์บอกซิลิกและ เอสเทอร์ 14.นักเรียนทำแบบฝึกหัดในแบบฝึกหัดรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เคมี ม.6 เล่ม 1 ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. นักเรียนสรุปสาระสำคัญของกรดคาร์บอกซิลิกและเอสเทอร์ในรูปแบบของผังมโนทัศน์ ลงกระดาษ A4 ส่ง ครูผู้สอน 2. นักเรียนทำ Topic Questions ในหนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เคมี ม.6 เล่ม 1 หน้า 71 โดยให้ทำลงในสมุดบันทึกของนักเรียน 1. ครูประเมินความรู้เรื่องกรดคาร์บอกซิลิกและเอสเทอร์ โดยสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม การทำ แบบฝึกหัด และการทำใบงานเรื่อง กรดคาร์บอกซิลิกและเอสเทอร์ 2. ครูประเมินทักษะและกระบวนการ โดยการสังเกตพฤติกรรมรายบุคคล พฤติกรรมการทำงานกลุ่มจากการ ทำกิจกรรมสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับสารประกอบกรดคาร์บอกซิลิกและเอสเทอร์ 3. ครูประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในการตั้งใจเรียนรู้และแสวงหาความรู้โดยการสังเกตพฤติกรรมของ นักเรียน ขั้นประเมิน ขั้นสรุป ชั่วโมงที่ 6
87 7. การวัดและประเมินผล รายการวัด วิธีวัด เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน 7.1 ประเมินระหว่าง การจัดกิจกรรม การเรียนรู้ 1) กรดคาร์บอกซิลิก และเอสเทอร์ - ตรวจใบงานที่ 1.8 - ตรวจผังมโนทัศน์ - ตรวจแบบรายงาน การปฏิบัติการ ทดลอง - ตรวจ Topic Questions - ตรวจแบบฝึกหัด - ใบงานที่ 1.8 - แบบประเมิน ผังมโนทัศน์ - แบบประเมินการ ปฏิบัติการทดลอง - สมุดบันทึกของ นักเรียน - แบบฝึกหัด - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ - ระดับคุณภาพดี ผ่านเกณฑ์ - ระดับคุณภาพดี ผ่านเกณฑ์ - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 2) พฤติกรรม การทำงาน รายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล - แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล - ระดับคุณภาพดี ผ่านเกณฑ์ 3) พฤติกรรม การทำงานกลุ่ม - สังเกตพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม - แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม - ระดับคุณภาพดี ผ่านเกณฑ์ 4) คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - สังเกตการตั้งใจ เรียนรู้ และแสวงหา ความรู้ - แบบประเมิน คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ระดับคุณภาพดี ผ่านเกณฑ์ 8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เคมี ม.6 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เคมี อินทรีย์ 2) แบบฝึกหัดรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เคมี ม.6 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เคมี อินทรีย์ 3) ใบงานที่ 1.8 เรื่อง กรดคาร์บอกซิลิกและเอสเทอร์ 4) PowerPoint เรื่อง สารประกอบอินทรีย์
88 8.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องเรียน 2) ห้องสมุด 3) แหล่งข้อมูลสารสนเทศ
89 ใบงานที่ 1.8 เรื่อง กรดคาร์บอกซิลิกและเอสเทอร์ คำชี้แจง : ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้ 1. เขียนสูตรโครงสร้าง และผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการทำปฏิกิริยา ต่อไปนี้ กรดคาร์บอกซิลิก สูตรโครงสร้าง ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการทำ ปฏิกิริยากับ CH3CH2OH ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการ ทำปฏิกิริยากับโลหะ โซเดียม กรดเมทาโนอิก กรดโพรพาโนอิก กรดบิวทาโนอิก กรดเฮกซาโนอิก 2. เติมสารตั้งต้นและผลิตภัณฑ์ในปฏิกิริยาต่อไปนี้ให้สมบูรณ์ CH3CH2OH (2) CH3COOH (3) H2SO4 (1) H2O (5) CH3COONa (4) CH3CHO CH3COOCH2CH3 NaOH H2O
90 ใบงานที่ 1.8 เฉลย เรื่อง กรดคาร์บอกซิลิกและเอสเทอร์ คำชี้แจง : คำชี้แจง : ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้ 1. เขียนสูตรโครงสร้าง และผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการทำปฏิกิริยา ต่อไปนี้ กรดคาร์บอกซิลิก สูตรโครงสร้าง ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการทำ ปฏิกิริยากับ CH3CH2OH ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการ ทำปฏิกิริยากับโลหะ โซเดียม กรดเมทาโนอิก HCOOH HCOOCH2CH3 HCOONa กรดโพรพาโนอิก CH3CH2COOH CH3CH2COOCH2CH3 CH3CH2COONa กรดบิวทาโนอิก CH3 (CH2 )2COOH CH3 (CH2 )2COOCH2CH3 CH3 (CH2 )2COONa กรดเฮกซาโนอิก CH3 (CH2 )4COOH CH3 (CH2 )4COOCH2CH3 CH3 (CH2 )4COONa 2. เติมสารตั้งต้นและผลิตภัณฑ์ในปฏิกิริยาต่อไปนี้ให้สมบูรณ์ CH3CH2OH (2) CH3COOH (3) H2SO4 (1) H2O (5) CH3COONa (4) (3) (2) (1) CH3CHO CH3COOCH2CH3 NaOH (2) (4) H2O
91 บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ 1. ผลการจัดการเรียนรู้ ด้านความรู้(K) : ทักษะ/กระบวนการ (P) : ด้านคุณลักษณะ (A) : 2. ปัญหา/สาเหตุ (บุคคล/อาการ/สาเหตุ) 3. แนวทางแก้ไข (วิธีการ/ผลลัพธ์) วิธีการแก้ ผลลัพธ์ ลงชื่อ……………………………………………………ครูผู้สอน (นางสาวรัญชิดา บัวแย้ม ) ตำแหน่ง ครูผู้ช่วย
91 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 9 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา เคมี 6 (ว33225) หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เคมีอินทรีย์ เวลา 40 ชั่วโมง เรื่อง เอมีน เวลา 3 ชั่วโมง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ผู้สอน นางสาวรัญชิดา บัวแย้ม สอนวันที่ เดือน พ.ศ 1. ผลการเรียนรู้ 4. เขียนสูตรโครงสร้างและเรียกชื่อสารประกอบอินทรีย์ประเภทต่าง ๆ ที่มีหมู่ฟังก์ชันไม่เกิน 1 หมู่ตาม ระบบ IUPAC 6. วิเคราะห์และเปรียบเทียบจุดเดือดและการละลายในน้ำของสารประกอบอินทรีย์ที่มีหมู่ฟังก์ชัน ขนาด โมเลกุล หรือโครงสร้างต่างกัน 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายสมบัติของเอมีนได้ (K) 2. เปรียบเทียบจุดเดือด การละลายน้ำของเอมีนได้ (P) 3. เขียนสูตรโครงสร้างและเรียกชื่อเอมีนได้ (P) 4. ตั้งใจเรียนรู้และแสวงหาความรู้ (A) 3. สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้เพิ่มเติม สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น - สารประกอบอินทรีย์เป็นสารประกอบของ คาร์บอน ส่วนใหญ่พบในสิ่งมีชีวิต มีโครงสร้าง หลากหลายและแบ่งได้หลายประเภท เนื่องจาก ธาตุคาร์บอนสามารถเกิดพันธะโคเวเลนต์กับธาตุ คาร์บอนด้วยพันธะเดี่ยว พันธะคู่ พันธะสาม นอกจากนี้ยังสามารถเกิดพันธะโคเวเลนต์กับธาตุ อื่น ๆ ได้อีกด้วย และมีการนำสารประกอบ อินทรีย์ไปใช้ประโยชน์อย่างหลากหลาย - โครงสร้างของสารประกอบอินทรีย์แสดงได้ด้วย สูตรโครงสร้างลิวอิส สูตรโครงสร้างแบบย่อหรือ สูตรโครงสร้างแบบเส้น พิจารณาตามหลักสูตรของสถานศึกษา
92 4. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด เอมีนเป็นสารประกอบอินทรีย์ที่เกิดจากหมู่แอลคิลหรือหมู่แอริลเข้าแทนที่ไฮโดรเจนในโมเลกุล แอมโมเนีย มีหมู่ฟังก์ชันคือหมู่อะมิโน เอมีนแบ่งเป็น 3 ชนิด คือ เอมีนปฐมภูมิ เอมีนทุติยภูมิ เอมีนตติยภูมิ 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียนและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 1) ทักษะการสังเกต 2) ทักษะสำรวจค้นหา 3) ทักษะการลงความเห็นจากข้อมูล 4) ทักษะการตีความหมายข้อมูลและการลงข้อสรุป 3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทำงาน 6. กิจกรรมการเรียนรู้ แนวคิด/รูปแบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : แบบนิรนัย (Deductive Method) กำหนดขอบเขตของปัญหา 1. นักเรียนทบทวนความรู้เดิมของนักเรียนเกี่ยวกับสารประกอบอินทรีย์ที่มีธาตุออกซิเจนเป็นองค์ประกอบ 2. ครูถามคำถาม Key Question ว่า สารประกอบเอมีนเกิดขึ้นได้อย่างไร (แนวตอบ สารประกอบเอมีนเกิดจากหมู่แอลคิลหรือหมู่แอริลเข้าแทนที่ไฮโดรเจนโมเลกุลของ แอมโมเนีย (คำตอบอาจขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของครูผู้สอน)) 3. ครูให้นักเรียนดูโครงสร้างของสารประกอบเอมีน แล้วให้บอกว่าสารประกอบเอมีนมีหมู่ฟังก์ชันอะไร และมี เกณฑ์การเรียกชื่อตามระบบ IUPAC อย่างไร ขั้นนำ ชั่วโมงที่ 1
93 แสดงและอธิบายทฤษฎี หลักการ 1. ครูเตรียมโครงสร้างของสารประกอบเอมีน แล้วให้นักเรียนพิจารณาว่าสารประกอบเอมีนทั้ง 3 ชนิดแตกต่าง กันหรือไม่ อย่างไร (แนวตอบ โครงสร้างของเอมีนทั้ง 3 ชนิดมีโครงสร้างที่แตกต่างกัน พบว่า การที่โครงสร้างของเอมีน แตกต่างกัน เกิดจากการเข้าแทนที่ในโมเลกุลของแอมโมเนียอาจเกิดได้มากกว่า 1 อะตอม ทำให้สามารถ แบ่งเอมีนได้ 3 ประเภท คือ - เอมีนปฐมภูมิ เป็นเอมีนที่หมู่แอลคิลหรือหมู่แอริล 1 หมู่ต่อกับไนโตรเจนอะตอม - เอมีนทุติยภูมิ เป็นเอมีนที่มีหมู่แอลคิลหรือหมู่แอริล 2 หมู่ต่อกับไนโตรเจนอะตอม - เอมีนตติยภูมิ เป็นเอมีนที่มีหมู่แอลคิลหรือหมู่แอริล 3 หมู่ต่อกับไนโตรเจนอะตอม) 2. นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับสมบัติทางกายภาพ การเกิดปฏิกิริยาของเอมีนในหนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เคมี ม.6 เล่ม 1 3. ครูถามนักเรียนต่อว่า จากโครงสร้างของสารประกอบเอมีนที่ครูให้นักเรียนศึกษา ให้นักเรียนเปรียบเทียบ จุดเดือดของสารทั้ง 3 ชนิด (แนวตอบ เอมีนปฐมภูมิและเอมีนทุติยภูมิ สามารถเกิดพันธะไฮโดรเจนระหว่างโมเลกุลได้ ทำให้มีจุด เดือดสูงกว่าเอมีนตติยภูมิ แต่เอมีนปฐมภูมิจะเกิดพันธะไฮโดรเจนระหว่างโมเลกุลได้ดีกว่าเอมีนทุติยภูมิ สามารถเรียงลำดับจุดเดือดได้ ดังนี้ เอมีนปฐมภูมิ > เอมีนทุติยภูมิ > เอมีนตติยภูมิ) ขั้นสอน ชั่วโมงที่ 2 (1) (2) (3)
94 ตรวจสอบและสรุป 1. นักเรียนทำใบงานที่ 1.9 เรื่อง เอมีน แล้วออกมานำเสนอผลการทำใบงานหน้าชั้นเรียน 2. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันสรุปความรู้เรื่อง เอมีน ในกระดาษปรู๊ฟ แล้วติดบริเวณห้องเรียน 3. นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษาความรู้ที่เพื่อนติดไว้รอบห้องเรียน 4. นักเรียนแต่ละคน เขียนสรุปความรู้ในรูปแบบของผังมโนทัศน์ลงในกระดาษ A4 ส่งครูผู้สอน ฝึกปฏิบัติ 1. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5-6 คน แล้วร่วมกันสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับเอมีนที่พบในชีวิตประจำวัน โดยสืบค้น ตามหัวข้อต่อไปนี้ - สูตรโครงสร้างของสาร - ปฏิกิริยาการเตรียมเอมีน - การนำไปใช้ประโยชน์ 2. นักเรียนทำแบบฝึกหัดในแบบฝึกหัดรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เคมี ม.6 เล่ม 1 3. นักเรียนตอบคำถาม Topic Questions ในหนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เคมี ม.6 เล่ม 1 หน้า 76 โดยทำลงในสมุดบันทึกของนักเรียน 1. ครูประเมินความรู้เรื่องเอมีน โดยสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม การทำแบบฝึกหัด และการทำใบงาน 2. ครูประเมินทักษะและกระบวนการ โดยการสังเกตพฤติกรรมรายบุคคล พฤติกรรมการทำงานกลุ่มจากการ ทำกิจกรรมสืบค้นเกี่ยวกับเอมีนในชีวิตประจำวัน 3. ครูประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในการตั้งใจเรียนรู้และแสวงหาความรู้โดยการสังเกตพฤติกรรมของ นักเรียน ขั้นสรุป ขั้นประเมิน ชั่วโมงที่ 3
95 7. การวัดและประเมินผล รายการวัด วิธีวัด เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน 7.1 ประเมินระหว่าง การจัดกิจกรรม การเรียนรู้ 1) เอมีน - ตรวจใบงานที่ 1.9 - ตรวจ Topic Questions - ตรวจแบบฝึกหัด - ใบงานที่ 1.9 - สมุดบันทึกของนักเรียน - แบบฝึกหัด - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 2) พฤติกรรม การทำงาน รายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล - แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล - ระดับคุณภาพดี ผ่านเกณฑ์ 3) พฤติกรรม การทำงานกลุ่ม - สังเกตพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม - แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม - ระดับคุณภาพดี ผ่านเกณฑ์ 4) คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - สังเกตการตั้งใจเรียนรู้ และแสวงหาความรู้ - แบบประเมิน คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ระดับคุณภาพดี ผ่านเกณฑ์ 8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเคมี ม.6 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เคมีอินทรีย์ 2) แบบฝึกหัดรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเคมี ม.6 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เคมีอินทรีย์ 3) ใบงานที่ 1.9 เรื่อง เอมีน 4) PowerPoint เรื่อง สารประกอบอินทรีย์ 8.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องเรียน 2) ห้องสมุด
96 3) แหล่งข้อมูลสารสนเทศ ใบงานที่ 1.9 เรื่อง เอมีน คำชี้แจง : ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้ 1. เรียกชื่อสารเอมีนที่กำหนดให้ต่อไปนี้ สูตรโครงสร้างของเอมีน ชื่อตามระบบสามัญ ชื่อตามระบบ IUPAC CH3NH2 CH3CH2CH2NH2 CH3CH2CH2CH2CH2NH2 CH3CH2CH2CH2CH2CH2NH2 2. อธิบายเกี่ยวกับการละลายน้ำของเอมีน พร้อมทั้งเขียนสมการแสดงการเกิดปฏิกิริยา 3. กำหนดข้อมูลดังต่อไปนี้ สาร สูตรโครงสร้าง จุดเดือด ( ๐C) เอทานามีน CH3CH2NH2 16.5 1-โพรพานามีน CH3CH2CH2NH2 47.2 บิวเทน CH3CH2CH2CH3 -0.5 เอทานอล CH3CH2OH 78.3 ............................................................................................................................. ...................................... ................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ...................................... .................................................................................................................................................... ............... .................................................................................................................... ............................................... 3.1 เปรียบเทียบสารในตารางว่า สารใดมีจุดเดือดสูงที่สุดและต่ำที่สุด พร้อมอธิบายเหตุผล ............................................................................................................................. ...................................... ......................................................................................................................................... .......................... 3.2 เปรียบเทียบสารเอทานามีนและสาร 1-โพรพานามีน ว่าสารใดมีความสามารถในการละลายน้ำได้ดี ..................................................................................................................................... .............................. ..................................................................................................... ..............................................................
97 ใบงานที่ 1.9 เฉลย เรื่อง เอมีน คำชี้แจง : ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้ 1. เรียกชื่อสารเอมีนที่กำหนดให้ต่อไปนี้ สูตรโครงสร้างของเอมีน ชื่อตามระบบสามัญ ชื่อตามระบบ IUPAC CH3NH2 เมทิลามีน เมทานามีน CH3CH2CH2NH2 โพรพิลามีน 1-โพรพานามีน CH3CH2CH2CH2CH2NH2 เพนทิลามีน 1-เพนทานามีน CH3CH2CH2CH2CH2CH2NH2 เฮกซะลามีน 1-เฮกซะนามีน 2. อธิบายเกี่ยวกับการละลายน้ำของเอมีน พร้อมทั้งเขียนสมการแสดงการเกิดปฏิกิริยา 3. กำหนดข้อมูลดังต่อไปนี้ สาร สูตรโครงสร้าง จุดเดือด ( ๐C) เอทานามีน CH3CH2NH2 16.5 1-โพรพานามีน CH3CH2CH2NH2 47.2 บิวเทน CH3CH2CH2CH3 -0.5 เอทานอล CH3CH2OH 78.3 ............................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................................ ....................... ............................................................................................................ ....................................................... ............................................................................................................................. ...................................... ................................................................................................................................................................... 3.1 เปรียบเทียบสารในตารางว่า สารใดมีจุดเดือดสูงที่สุดและต่ำที่สุด พร้อมอธิบายเหตุผล ............................................................................................................................. ...................................... ................................................................................................................................................................... 3.2 เปรียบเทียบสารเอทานามีนและสาร 1-โพรพานามีน ว่าสารใดมีความสามารถในการละลายน้ำได้ดี ............................................................................................................................. ...................................... ................................................................................................................................................................... เมื่อนำเอมีนมาละลายน้ำ จะได้สารละลายที่มีสมบัติเป็นเบส เนื่องจากไนโตรเจนมีอิเล็กตรอน คู่โดดเดี่ยว จึงทำให้รับโปรตอนจากน้ำได้ดี เกิดแอลคิลแอมโมเนียมไอออน และไฮดรอกไซด์ไอออนเป็น ผลิตภัณฑ์ เกิดปฏิกิริยาดังนี้ CH3CH2CH2NH2 + H2O ⇌ [CH3CH2CH2NH3 ] + + OHเอทานอล มีจุดเดือดมากที่สุด บิวเทนมีจุดเดือดต่ำที่สุด สามารถเรียงลำดับจุดเดือดได้ดังนี้ เอทานอล > 1-โพรพานามีน > เอทานามีน > บิวเทน เนื่องจาก แอลกอฮอล์และเอมีนเป็นโมเลกุลมีขั้ว จึงมีแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลมากกว่าแอลเคน ซึ่งเป็นโมเลกุลไม่มีขั้ว เอทานามีน มีความสามารถในการละลายน้ำมากกว่า 1-โพรพานามีน เนื่องจาก เอทานามีนมีขนาด โมเลกุลเล็กกว่า
98 บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ 1. ผลการจัดการเรียนรู้ ด้านความรู้(K) : ทักษะ/กระบวนการ (P) : ด้านคุณลักษณะ (A) : 2. ปัญหา/สาเหตุ (บุคคล/อาการ/สาเหตุ) 3. แนวทางแก้ไข (วิธีการ/ผลลัพธ์) วิธีการแก้ ผลลัพธ์ ลงชื่อ……………………………………………………ครูผู้สอน (นางสาวรัญชิดา บัวแย้ม ) ตำแหน่ง ครูผู้ช่วย
99 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 10 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา เคมี 6 (ว33225) หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เคมีอินทรีย์ เวลา 40 ชั่วโมง เรื่อง เอไมด์ เวลา 2 ชั่วโมง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ผู้สอน นางสาวรัญชิดา บัวแย้ม สอนวันที่ เดือน พ.ศ 1. ผลการเรียนรู้ 4. เขียนสูตรโครงสร้างและเรียกชื่อสารประกอบอินทรีย์ประเภทต่าง ๆ ที่มีหมู่ฟังก์ชันไม่เกิน 1 หมู่ตาม ระบบ IUPAC 6. วิเคราะห์และเปรียบเทียบจุดเดือดและการละลายในน้ำของสารประกอบอินทรีย์ที่มีหมู่ฟังก์ชัน ขนาด โมเลกุล หรือโครงสร้างต่างกัน 8. เขียนสมการเคมีและอธิบายการเกิดปฏิกิริยาเอสเทอริฟิเคชัน ปฏิกิริยาการสังเคราะห์เอไมด์ ปฏิกิริยา ไฮโดรลิซิส และปฏิกิริยาสะปอนนิฟิเคชัน 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายสมบัติของเอไมด์ได้ (K) 2. เปรียบเทียบจุดเดือด การละลายน้ำของเอไมด์ได้(K) 3. เขียนสูตรโครงสร้างและเรียกชื่อเอไมด์ได้(P) 4. เขียนสมการเคมีแสดงปฏิกิริยาเอสเทอริฟิเคชัน ปฏิกิริยาการสังเคราะห์เอไมด์ ปฏิกิริยาไฮโดรลิซิส และ ปฏิกิริยาสะปอนนิฟิเคชันได้ (P) 5. ตั้งใจเรียนรู้และแสวงหาความรู้ (A) 3. สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้เพิ่มเติม สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น - การเรียกชื่อสารประกอบอินทรีย์ประเภท แอลเคน แอลคีน แอลไคน์ แอลกอฮอล์ อีเทอร์ เอมีน แอลดีไฮด์ คีโตน กรดคาร์บอกซิลิก เอสเทอร์ และเอไมด์ จะเรียกตามระบบ IUPAC หรืออาจเรียกโดยใช้ชื่อสามัญ - สารประกอบอินทรีย์ที่มีหมู่ฟังก์ชัน ขนาดโมเลกุล หรือโครงสร้างของสารต่างกันจะมีจุดเดือดและ การละลายในน้ำต่างกัน สำหรับการละลายของ พิจารณาตามหลักสูตรของสถานศึกษา