The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เล่มแผนการจัดการเรียนรู้ วิชาชีววิทยา เทอม2 นายกฤษณวงศ์ รอบรู้ 63040111101

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by , 2024-01-22 22:15:14

เล่มแผนการจัดการเรียนรู้ วิชาชีววิทยา เทอม2

เล่มแผนการจัดการเรียนรู้ วิชาชีววิทยา เทอม2 นายกฤษณวงศ์ รอบรู้ 63040111101

46 แบบประเมินทักษะการปฏิบัติการ ทักษะปฏิบัติการ ระดับคุณภาพ ดีมาก ดี พอใช้ การเลือกใช้ อุปกรณ์/ เครื่องมือในการ ทดลอง เลือกใช้อุปกรณ์/ เครื่องมือในการ ทดลองหรือปฏิบัติการ ได้เหมาะสมกับงาน เลือกใช้อุปกรณ์/ เครื่องมือในการทดลอง หรือปฏิบัติการได้ถูกต้อง แต่ไม่เหมาะสมกับงาน เลือกใช้อุปกรณ์/ เครื่องมือในการทดลอง หรือปฏิบัติการไม่ถูกต้อง การใช้อุปกรณ์/ เครื่องมือในการ ทดลอง ใช้อุปกรณ์/เครื่องมือ ในการทดลองได้อย่าง คล่องแคล่วและถูกต้อง ตามหลักการปฏิบัติ ใช้อุปกรณ์/เครื่องมือใน การทดลองได้ถูกต้อง ตามหลักการปฏิบัติแต่ ไม่คล่องแคล่ว ใช้อุปกรณ์/เครื่องมือใน การทดลองไม่ถูกต้อง การทดลอง/ ปฏิบัติตามแผนที่ กำหนด ทดลองตามวิธีการและ ขั้นตอนที่กำหนดไว้ อย่างถูกต้อง มีการ ปรับปรุงแก้ไขเป็น ระยะ ทดลองตามวิธีการและ ขั้นตอนที่กำหนดไว้มี การปรับปรุงแก้ไขบ้าง ทดลองตามวิธีการและ ขั้นตอนที่กำหนดไว้หรือ ดำเนินการข้ามที่กำหนด ไว้ไม่มีการปรับปรุงแก้ไข แบบประเมินพฤติกรรม วิธีการให้คะแนน ตรวจให้คะแนนตามเกณฑ์โดยกำหนดน้ำหนักของตัวเลือกในช่องต่าง ๆ เป็น 4 3 2 และ 1 ข้อความที่มีความหมายเป็นทางบวก กำหนดให้คะแนนแต่ละข้อความดังนี้ ระดับพฤติกรรมการแสดงออก คะแนน มาก 4 ปานกลาง 3 น้อย 2 ไม่มีการแสดงออก 1


47 10. บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้


48 ความเห็นของหัวหน้าสถานศึกษา/ผู้ที่ได้รับมอบหมายความเห็นของครูพี่เลี้ยง 1. องค์ประกอบของแผนการจัดการเรียนรู้ ☐ ครบถ้วนและถูกต้อง ☐ ยังไม่ครบถ้วนหรือไม่ถูกต้อง ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 2. ควรสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้กับหลักสูตรสถานศึกษา ☐ สอดคล้อง ☐ ยังไม่สอดคล้อง ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 3. รูปแบบของการจัดการเรียนรู้ ☐ เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ☐ ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 4. สื่อการเรียนรู้ ☐ เหมาะสมกับรูปแบบการจัดการเรียนรู้ ☐ ยังไม่เหมาะสม ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 5. รูปแบบของการจัดการเรียนรู้ ☐ ครอบคลุมจุดประสงค์การเรียนรู้ ☐ ยังไม่ครอบคลุมจุดประสงค์การเรียนรู้ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 6. ข้อเสนอแนะอื่นๆ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ....................................................... (นางสาวอุบลรรณ เลี้ยวอุดมชัย) ครูพี่เลี้ยง แผนการจัดการเรียนรู้นี้สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้เห็นสมควร ให้ใช้จัดการเรียนรู้ให้แก่นักเรียน


49 ความเห็นของหัวหน้าสถานศึกษา/ผู้ที่ได้รับมอบหมาย 1. องค์ประกอบของแผนการจัดการเรียนรู้ ☐ ครบถ้วนและถูกต้อง ☐ ยังไม่ครบถ้วนหรือไม่ถูกต้อง ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 2. ควรสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้กับหลักสูตรสถานศึกษา ☐ สอดคล้อง ☐ ยังไม่สอดคล้อง ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 3. รูปแบบของการจัดการเรียนรู้ ☐ เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ☐ ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 4. สื่อการเรียนรู้ ☐ เหมาะสมกับรูปแบบการจัดการเรียนรู้ ☐ ยังไม่เหมาะสม ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 5. รูปแบบของการจัดการเรียนรู้ ☐ ครอบคลุมจุดประสงค์การเรียนรู้ ☐ ยังไม่ครอบคลุมจุดประสงค์การเรียนรู้ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 6. ข้อเสนอแนะอื่นๆ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ....................................................... (นายบุญเลี้ยง จอดนอก) หัวหน้าสถานศึกษา/ผู้ที่ได้รับมอบหมาย แผนการจัดการเรียนรู้นี้สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้เห็นสมควร ให้ใช้จัดการเรียนรู้ให้แก่นักเรียน


50 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 วิชา ชีววิทยา 1 รหัสวิชา ว31241 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 เรื่อง การจำลองดีเอ็นเอ จำนวน 2 ชั่วโมง ครูผู้สอน นายกฤษณวงศ์ รอบรู้ ************************************************************************* 1. ผลการเรียนรู้ (รายวิชาเพิ่มเติม) อธิบายและระบุขั้นตอนในกระบวนการสังเคราะห์โปรตีนและหน้าที่ของ DNA และ RNA แต่ ละชนิดในกระบวนการสังเคราะห์ โปรตีน 2. สาระสำคัญ การสังเคราะห์ DNA เป็นการจำลองตัวเองของ DNA ที่เริ่มจากการทำลายพันธะไฮโดรเจน ทำให้เกิดการคลายเกลียวและแยกออกจากกัน ซึ่งแต่ละสายจะทำหน้าที่เป็นสายแม่แบบ (DNA template) โดยแบ่งเป็นสายนำ (leading strand) ที่มีการสังเคราะห์จากปลาย 5’ ไปยังปลาย 3’ และสายตาม (lagging strand) ที่มีการสังเคราะห์ DNA สายสั้น ๆ จากปลาย 3’ ไปยังปลาย 5’ ที่เรียกว่า ชิ้นส่วนโอคาซากิ (Okazaki fragment) แล้วจึงต่อเชื่อมกันด้วยเอนไซม์ดีเอ็นเอไลเกส การควบคุมลักษณะทางพันธุกรรมของดีเอ็นเอ เนื่องจากลำดับนิวคลีโอไทด์บางช่วงบนสาย DNA จะทำหน้าที่เป็นยีน ซึ่งจะกำหนดชนิดกรดอะมิโนที่ใช้สังเคราะห์โปรตีน และหากยีนมีความ ผิดปกติจะส่งผลต่อการสังเคราะห์โปรตีนทำให้เกิดความผิดปกติที่แสดงออกมาทางลักษณะฟีโนไทป์ เช่น สภาวะผิวเผือก โรคโลหิตจางแบบเม็ดเลือดแดงรูปเคียว 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 สามารถอธิบายเกี่ยวกับการการจำลองดีเอ็นเอได้ (K) 3.2 สามารถสืบค้นการค้นข้อมูลการจำลองดีเอ็นเอ (P) 3.3 มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ มุ่งมั่นในการทำงาน (A) 4. สาระการเรียนรู้ ยีน คือ สาย DNA บางช่วงที่ควบคุมลักษณะทางพันธุกรรมได้ โดยยีนกำหนดลำดับกรด อะมิโนของโปรตีนซึ่งทำหน้าที่เป็นโครงสร้าง เอนไซม์ และอื่นๆ มีผลทำให้เซลล์และสิ่งมีชีวิตปรากฏ ลักษณะต่างๆ ได้ DNA จำลองตัวเองได้โดยใช้สายหนึ่งเป็นแม่แบบและสร้างอีกสายขึ้นมาใหม่ ซึ่งจะมี โครงสร้างและลำดับนิวคลีโอไทด์เหมือนเดิม DNA ควบคุมลักษณะทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตได้ โดยการสร้าง RNA 3 ประเภท คือ mRNA tRNA และ rRNA ซึ่งร่วมกันทำหน้าที่ในกระบวนการสังเคราะห์โปรตีน


51 RNA เป็นพอลิเมอร์ของนิวคลีโอไทด์สายเดี่ยว แต่ละนิวคลีโอไทด์ประกอบด้วยน้ำตาลไรโบส หมู่ฟอสเฟต และไนโตรจีนัสเบส คือ A U C และ G 5. ทักษะกระบวนการคิด 5.1 การสังเกต 5.2 การวัด 5.3 การจำแนกประเภท 5.4 การลงความเห็นจากข้อมูล 5.5 การตีความหมายข้อมูลและลงข้อมูลสรุป 6. สมรรถนะผู้เรียน 6.1 ความสามารถในการสื่อสาร 6.2 ความสามารถในการคิด 1) ทักษะการสังเกต 2) ทักษะการสำรวจค้นหา 3) ทักษะการรวบรวมข้อมูล 4) ทักษะการหาแบบแผน 5) ทักษะการประยุกต์ใช้ความรู้ 6.3 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 7. การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน วิธีสอนโดยการจัดการเรียนการสอน: วัฏจักรการเรียนรู้แบบ 7E ร่วมกับเทคนิคการใช้เกมส์ ขั้นตรวจสอบความรู้เดิม 1.1 นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียนเรื่อง สมบัติของสารพันธุกรรม 1.2 ทบทวนความรู้เดิมเรื่อง ความสัมพันธ์ของโครโมโซมและ DNA โดยใช้ชุดคำถามข้อ คำถามหลักประกอบด้วย - DNA มีความสำคัญต่อสิ่งมีชีวิตอย่างไร (แนวตอบ DNA เป็นสารพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิต ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมลักษณะต่าง ๆ และทำให้เกิดการถ่ายทอดลักษณะจากรุ่นพ่อแม่ไปสู่รุ่นลูก) - เพราะเหตุใด DNA จึงมีคุณสมบัติเป็นสารพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิต (แนวตอบ เนื่องจาก DNA สามารถเพิ่มจำนวนได้ มียีนที่สามารถควบคุมการทำงาน ต่าง ๆ ของเซลล์ และสามารถเกิดการแปรผันของยีน ซึ่งทำให้มีลักษณะแตกต่างจากลักษณะ เดิมได้ ซึ่งคุณสมบัติต่าง ๆ เหล่านี้แสดงให้เห็นว่า DNA เป็นสารพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิต)


52 ขั้นกระตุ้นความสนใจ ครูเปิดวีดีทัศน์เรื่อง โครโมโซมของสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิด ให้นักเรียนสังเกตโดยใช้คำถามดังนี้ - การที่ DNA ของรุ่นลูกจะเหมือนกับ DNAในรุ่นพ่อแม่นั้นจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ขั้นสำรวจและค้นหา 3.1 แบ่งนักเรียนออกเป็น 4 กลุ่ม จำแนกเป็น เก่ง ปานกลาง อ่อน 3.2 แจกใบความรู้ เรื่อง การจำลองดีเอ็นเอ 3.3 แจกใบกิจกรรม เรื่อง การจำลองดีเอ็นเอ ซึ่งประกอบด้วยการบันทึกผลจากการรวบรวม ข้อมูลตามแหล่งวิทยาการต่างๆ ให้กับนักเรียนแต่ละกลุ่ม 3.4 ครูมอบหมายให้นักเรียนทำการสืบค้นข้อมูลจากแหล่งวิทยาการต่างๆเกี่ยวกับสิ่งที่ จำเป็นต้องใช้ในการสังเคราะห์ DNA ขั้นตอนการสังเคราะห์ DNA และลำดับเบสของ DNA ในแต่ละ โมเลกุล 3.5 ครูร่วมอภิปรายกับนักเรียนเกี่ยวกับกระบวนการจำลองดีเอ็นเอ ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป 4.1 เมื่อนักเรียนทำกิจกรรมเสร็จ ให้ตัวแทนนักเรียนออกมารายงานผลการค้นพบหน้าชั้น เรียนด้วยวาจาจำนวน 2 กลุ่ม ตามความสมัครใจ 4.2 เมื่อรายงานเสร็จ ครู นักเรียนและกลุ่มผู้รายงานร่วมกันอภิปรายผลการวิเคราะห์ และลงข้อสรุปผลการทำกิจกรรม หากพบว่านักเรียนกลุ่มอื่นมีผลการวิเคราะห์ลงสรุปขัดแย้งกับผล การอภิปราย ให้ดำเนินการแก้ไขผลดังกล่าวในใบกิจกรรมของตนเองให้ถูกต้อง ขั้นขยายความรู้ ครูอธิบายเพิ่มเติม และเปิดโอกาสให้นักเรียนซักถามในประเด็นที่สงสัย จากนั้นครูตั้งคำถาม ดังนี้ - เอนไซม์ดีเอ็นเอพอลิเมอเรสมีบทบาทในการสังเคราะห์ DNA อย่างไร (แนวตอบ เอนไซม์ดีเอ็นเอพอลิเมอเรสทำหน้าที่เติมเบสตัวใหม่ที่เป็นเบสคู่สมกับ DNA แม่แบบ) - การจำลองแบบกึ่งอนุรักษ์ มีลักษณะอย่างไร (แนวตอบ การจำลองแบบกึ่งอนุรักษ์เป็นการจำลอง DNA โดยที่ DNA สายใหม่ที่เกิดขึ้น จะ ประกอบด้วย DNA สายใหม่ 1 สาย และ DNA สายเก่าอีก 1 สาย) จากนั้นให้นักเรียนสืบค้นการสังเคราะห์ DNAจากการศึกษาของนักวิทยาศาสตร์ แล้ว ร่วมกันอภิปรายและสรุปเกี่ยวกับการสังเคราะห์ DNA สายใหม่2สาย ขั้นประเมินผล 6.1 การประเมินผลโดยให้นักเรียนเล่นเกมส์บิงโก โดยครูแจกใบความรู้เกี่ยวกับบิงโกการ จำลองดีเอ็นเอ ซึ่งประกอบด้วย กติกาการเล่นบิงโก ให้กับนักเรียน


53 6.2 ครูชี้แจงเกี่ยวกับวิธีการเล่นบิงโกการจำลองดีเอ็นเอพร้อมแจกอุปกรณ์การเล่นให้กับ นักเรียน ขั้นนำความรู้ไปใช้ โดยการสุ่มรายชื่อ จำนวน 2 คน ให้นักเรียนระดมความคิดเรื่องแนวทางการนำผลการ รวบรวมข้อมูลไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน ออกมานำเสนอหน้าชั้นเรียน 8. แหล่งเรียนรู้ / สื่อการสอน / วัสดุอุปกรณ์ /เอกสารประกอบการเรียน 9.1 หนังสือเรียนชีววิทยาเพิ่มเติม เล่ม 2 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 9.2 Power point เรื่อง การจำลองดีเอ็นเอ 9.2 ใบความรู้เรื่อง กติกาการเล่นบิงโกการจำลองดีเอ็นเอ 9. เครื่องมือและวิธีการวัดผลประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ (ระบุให้ครบทุกจุดประสงค์ KPA) วิธีการวัดผล ประเมินผล เครื่องมือวัดผล ประเมินผล เกณฑ์การผ่านแต่ละ จุดประสงค์การ เรียนรู้ 1. K สามารถอธิบายรูปร่าง ลักษณะ และจำนวนโครโมโซมได้ ตอบคำถามใน ใบงาน แบบประเมิน ชิ้นงาน ผ่านเกณฑ์ ดี ขึ้นไป 2. P สามารถวาดภาพรูปร่าง ลักษณะ และส่วนประกอบของ โครโมโซมได้ ภาพวาด แบบประเมิน ทักษะการ ปฏิบัติการ ผ่านเกณฑ์ ดี ขึ้นไป 3. A 3.1 มีวินัย การสังเกต แบบประเมิน พฤติกรรม ระดับคุณภาพ ดี ขึ้นไป 3.2 ใฝ่เรียนรู้ 3.3 มุ่งมั่นการทำงาน


54 แบบประเมินชิ้นงาน ประเด็นที่ ประเมิน ระดับคุณภาพ ดีมาก ดี พอใช้ ผลงานมีความ ถูกต้องสมบูรณ เนื้อหาสาระของ ผลงานถูกต้องครบถ้วน เนื้อหาสาระของผลงาน ถูกต้องเป็นส่วนใหญ่ เนื้อหาสาระของผลงาน ถูกต้องเป็นบางประเด็น ผลงานมีความคิด สร้างสรรค์ ผลงานแสดงออกถึง ความคิดสร้างสรรค์ แปลกใหม่ และเป็น ระบบ ผลงานมีแนวคิดแปลก ใหม่แต่ยังไม่เป็นระบบ ผลงานมีความน่าสนใจ แต่ยังไม่มีแนวคิดแปลก ใหม่ 5. ผลงานเสร็จ ตามเวลาที่กำหนด ส่งผลงานตามเวลา ที่กำหนด ส่งผลงานช้ากว่าเวลา ที่กำหนด 1-2 วัน ส่งผลงานช้ากว่าเวลา ที่กำหนด 3-5 วัน แบบประเมินทักษะการปฏิบัติการ ทักษะปฏิบัติการ ระดับคุณภาพ ดีมาก ดี พอใช้ การเลือกใช้ อุปกรณ์/เครื่องมือ ในการทดลอง เลือกใช้อุปกรณ์/เครื่องมือ ในการทดลองหรือ ปฏิบัติการได้เหมาะสมกับ งาน เลือกใช้อุปกรณ์/เครื่องมือ ในการทดลองหรือ ปฏิบัติการได้ถูกต้องแต่ไม่ เหมาะสมกับงาน เลือกใช้อุปกรณ์/เครื่องมือ ในการทดลองหรือ ปฏิบัติการไม่ถูกต้อง การใช้อุปกรณ์/ เครื่องมือในการ ทดลอง ใช้อุปกรณ์/เครื่องมือใน การทดลองได้อย่าง คล่องแคล่วและถูกต้อง ตามหลักการปฏิบัติ ใช้อุปกรณ์/เครื่องมือในการ ทดลองได้ถูกต้องตาม หลักการปฏิบัติแต่ไม่ คล่องแคล่ว ใช้อุปกรณ์/เครื่องมือในการ ทดลองไม่ถูกต้อง การทดลอง/ปฏิบัติ ตามแผนที่กำหนด ทดลองตามวิธีการและ ขั้นตอนที่กำหนดไว้อย่าง ถูกต้อง มีการปรับปรุง แก้ไขเป็นระยะ ทดลองตามวิธีการและ ขั้นตอนที่กำหนดไว้มีการ ปรับปรุงแก้ไขบ้าง ทดลองตามวิธีการและ ขั้นตอนที่กำหนดไว้หรือ ดำเนินการข้ามที่กำหนดไว้ ไม่มีการปรับปรุงแก้ไข


55 แบบประเมินพฤติกรรม วิธีการให้คะแนน ตรวจให้คะแนนตามเกณฑ์โดยกำหนดน้ำหนักของตัวเลือกในช่องต่าง ๆ เป็น 4 3 2 และ 1 ข้อความที่มีความหมายเป็นทางบวก กำหนดให้คะแนนแต่ละข้อความดังนี้ ระดับพฤติกรรมการแสดงออก คะแนน มาก 4 ปานกลาง 3 น้อย 2 ไม่มีการแสดงออก 1


56 10. บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้


57 ความเห็นของครูพี่เลี้ยง 1. องค์ประกอบของแผนการจัดการเรียนรู้ ☐ ครบถ้วนและถูกต้อง ☐ ยังไม่ครบถ้วนหรือไม่ถูกต้อง ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 2. ควรสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้กับหลักสูตรสถานศึกษา ☐ สอดคล้อง ☐ ยังไม่สอดคล้อง ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 3. รูปแบบของการจัดการเรียนรู้ ☐ เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ☐ ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 4. สื่อการเรียนรู้ ☐ เหมาะสมกับรูปแบบการจัดการเรียนรู้ ☐ ยังไม่เหมาะสม ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 5. รูปแบบของการจัดการเรียนรู้ ☐ ครอบคลุมจุดประสงค์การเรียนรู้ ☐ ยังไม่ครอบคลุมจุดประสงค์การเรียนรู้ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 6. ข้อเสนอแนะอื่นๆ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ....................................................... (นางสาวอุบลรรณ เลี้ยวอุดมชัย) ครูพี่เลี้ยง แผนการจัดการเรียนรู้นี้สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้เห็นสมควร ให้ใช้จัดการเรียนรู้ให้แก่นักเรียน


58 ความเห็นของหัวหน้าสถานศึกษา/ผู้ที่ได้รับมอบหมาย 1. องค์ประกอบของแผนการจัดการเรียนรู้ ☐ ครบถ้วนและถูกต้อง ☐ ยังไม่ครบถ้วนหรือไม่ถูกต้อง ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 2. ควรสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้กับหลักสูตรสถานศึกษา ☐ สอดคล้อง ☐ ยังไม่สอดคล้อง ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 3. รูปแบบของการจัดการเรียนรู้ ☐ เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ☐ ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 4. สื่อการเรียนรู้ ☐ เหมาะสมกับรูปแบบการจัดการเรียนรู้ ☐ ยังไม่เหมาะสม ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 5. รูปแบบของการจัดการเรียนรู้ ☐ ครอบคลุมจุดประสงค์การเรียนรู้ ☐ ยังไม่ครอบคลุมจุดประสงค์การเรียนรู้ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 6. ข้อเสนอแนะอื่นๆ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ....................................................... (นายบุญเลี้ยง จอดนอก) หัวหน้าสถานศึกษา/ผู้ที่ได้รับมอบหมาย แผนการจัดการเรียนรู้นี้สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้เห็นสมควร ให้ใช้จัดการเรียนรู้ให้แก่นักเรียน


59 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 วิชา ชีววิทยา 1 รหัสวิชา ว31241 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 เรื่อง การแปลรหัส จำนวน 2 ชั่วโมง ครูผู้สอน นายกฤษณวงศ์ รอบรู้ ************************************************************************* 1. ผลการเรียนรู้ (รายวิชาเพิ่มเติม) อธิบายและระบุขั้นตอนในกระบวนการสังเคราะห์โปรตีนและหน้าที่ของ DNA และ RNA แต่ละชนิดในกระบวนการสังเคราะห์ โปรตีน 2. สาระสำคัญ การแปลรหัส (translation) เป็นการสังเคราะห์สายพอลิเพปไทด์จาก mRNA แบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอน ประกอบด้วยกระบวนการเริ่มต้นที่มีการนำแอนติโคดอนของกรดกรดอะมิโนเมไทโอนีนซึ่ง เป็นกรดอะมิโนตัวแรกมาเริ่มต้นการสังเคราะห์โปรตีนโดยนำมาเชื่อมต่อกับโคดอนของ mRNA กระบวนการต่อสายยาวที่มีการนำแอนติโคดอนของกรดอะมิโนลำดับถัดไปมาต่อเชื่อมกับกรดอะมิโน เมไทโอนีน และต่อกันเป็นสายยาว ซึ่งจะมีการสร้างพันธะเพปไทด์ระหว่างกรดอะมิโนที่อยู่ติดกัน และ กระบวนการสิ้นสุด ซึ่งจะสิ้นสุดการแปลรหัสเนื่องจากมีการต่อสายยาวของกรดอะมิโนจนถึงโคดอนที่ เป็นรหัสหยุด 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 สามารถอธิบายกระบวนการสังเคราะห์สายพอลิเพปไทด์ได้ (K) 3.2 สามารถสืบค้นการค้นข้อมูลการแปลรหัส (P) 3.3 มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ มุ่งมั่นในการทำงาน (A) 4. สาระการเรียนรู้ - การแปลรหัส - การสังเคราะห์โปรตีน 5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 6.1 มีวินัย 6.2 ใฝ่เรียนรู้ 6.3 มุ่งมั่นในการทำงาน 6. สมรรถนะผู้เรียน 7.1 ความสามารถในการคิด 7.2 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต


60 7. การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน (วิธีสอนโดยการจัดการเรียนการสอน: วัฏจักรการเรียนรู้แบบ 7E ร่วมกับเทคนิคการใช้เกมส์) 1. ขั้นตรวจสอบความรู้เดิม ทบทวนความรู้เดิมเรื่อง การสังเคราะห์ mRNA โดยใช้ชุดคำถามข้อคำถามหลัก ประกอบด้วย - การสังเคราะห์ mRNA มีขั้นตอนอย่างไร - กระบวนการสังเคราะห์ mRNA จาก DNA แม่พิมพ์เรียกว่ากระบวนการอะไร 2. ขั้นเร้าความสนใจ ครูนำเสนอภาพโครงสร้างของ DNA ในหนังสือเรียน ให้นักเรียนสังเกตโดยใช้คำถาม ดังนี้ 2.1 จากภาพส่วนใดของ DNA ที่เก็บข้อมูลทางพันธุกรรมและถ่ายทอดให้ mRNA ซึ่ง ไปกำหนดกรดอะมิโน 20 ชนิด ในกระบวนการสังเคราะห์โปรตีน (ลำดับนิวคลีโอไทด์ของ DNA เป็นข้อมูลทางพันธุกรรมที่ถอดรหัสให้mRNA) 3. ขั้นสำรวจและค้นหา 3.1 แบ่งนักเรียนออกเป็น 4 กลุ่ม จำแนกเป็น เก่ง ปานกลาง อ่อน 3.2 แจกใบความรู้ กรอบแนวคิดการสำรวจ เรื่อง การแปลรหัสพันธุกรรม 3.3 แจกใบกิจกรรม เรื่อง การแปลรหัสพันธุกรรม ซึ่งประกอบด้วยการบันทึกผลจาก การรวบรวมข้อมูลตามแหล่งวิทยาการต่างๆ ให้กับนักเรียนแต่ละกลุ่ม 3.4 ครูมอบหมายให้นักเรียนทำการสืบค้นข้อมูลจากแหล่งวิทยาการต่างๆเกี่ยวกับ กระบวนการสังเคราะห์โปรตีนที่ไรโบโซม 3.5 ครูร่วมอภิปรายกับนักเรียนเกี่ยวกับรหัสพันธุกรรม และกระบวนการแปลรหัส 4. ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป 4.1 เมื่อนักเรียนแต่ละกลุ่มทำการสืบค้นข้อมูลจากแหล่งวิทยาการเสร็จ ให้ตัวแทน นักเรียนออกมารายงานผลการค้นพบหน้าชั้นเรียนจำนวน 2 กลุ่ม 4.2 เมื่อรายงานเสร็จ ครู นักเรียนและกลุ่มผู้รายงานร่วมกันอภิปรายผลการวิเคราะห์ และลงข้อสรุปผลการทำกิจกรรม หากพบว่านักเรียนกลุ่มอื่นมีผลการวิเคราะห์ลงสรุปขัดแย้งกับผล การอภิปราย ให้ดำเนินการแก้ไขผลดังกล่าวในใบกิจกรรมของตนเองให้ถูกต้อง นักเรียนควรสรุปได้ว่ารหัสพันธุกรรมที่กำหนดกรดอะมิโน 20 ชนิด มีเพียง 61 รหัส เท่านั้นที่จะกำหนดรหัสกรดอะมิโนในกระบวนการสังเคราะห์โปรตีน กรดอะมิโนบางชนิดที่กำหนด โดยรหัสพันธุกรรมเพียง 1 รหัส เช่น เมไทโอนีน (Met) กรดอะมิโนบางชนิดกำหนดโดยรหัส


61 พันธุกรรม 2 รหัส เช่น ฮีสทีดีน กำหนดโดย 3 รหัสเช่น ไอโซลิวซีน และกำหนดโดย 4 รหัสเช่น วาลีน ส่วนรหัสพันธุกรรมอีก 3 รหัส ได้แก่ UAA UAG UGA จะไม่กำหนดกรดอะมิโน หรือ เรียกว่ารหัสหยุด (stop codon) 5. ขั้นขยายความรู้ ครูอภิปรายเพิ่มเติมว่ารหัสพันธุกรรม 1 รหัส เรียกว่า โคดอน(codon) จะกำหนด กรดอะมิโน 1 ชนิด และลำดับเบส 3 โมเลกุลของ tRNA ที่เข้าคู่กับโคดอน เรียกว่า แอนติโคดอน (anticodon) 6. ขั้นประเมินผล 6.1 การประเมินผลโดยให้นักเรียนเล่นเกมส์โดมิโน Translation โดยครูแจกใบความรู้ เกี่ยวกับ เกมส์โดมิโน ซึ่งประกอบด้วย กติกาการเล่นเกมส์โดมิโน ให้กับนักเรียน 6.2 ครูชี้แจงเกี่ยวกับวิธีการเล่นเกมส์โดมิโน Translation พร้อมแจกอุปกรณ์การเล่น ให้กับนักเรียน 6.3 เมื่อเล่นเกมส์ครูใช้คำถามกับนักเรียนโดยคำถามประกอบด้วย - จากรหัสพันธุกรรมในตาราง มีกี่รหัสที่ทำหน้าที่กำหนดชนิดของกรดอะมิโน (แนวตอบ มีรหัสพันธุกรรม 61 รหัส ที่กำหนดชนิดของกรดอะมิโน โดยรหัสพันธุกรรมอีก 3 รหัส จะทำหน้าที่เป็นรหัสหยุด ได้แก่ UAA UAG และ UGA) - กรดอะมิโนตัวแรกของสายพอลิเพปไทด์จะเป็นชนิดเมไทโอนีนเสมอไปหรือไม่ อย่างไร (แนวตอบ เนื่องจากรหัสพันธุกรรมเริ่มต้นของการแปลรหัสจะเป็น AUG เสมอ จึงทำให้ กรดอะมิโน ตัวแรกในสายพอลิเพปไทด์จะเป็นเมไทโอนีนเสมอ) - นิวคลีโอไทด์ของ RNA มี 4 ชนิด ได้แก่ A U G และ C แต่กรดอะมิโนที่เป็น องค์ประกอบของโปรตีนมี 20 ชนิด นักเรียนคิดว่า กรดอะมิโน 1 ตัว ประกอบด้วยนิวคลีโอไทด์ จำนวนเท่าใด


62 (แนวตอบ 3 นิวคลีโอไทด์ เนื่องจากหากรหัสพันธุกรรม 1 รหัส ประกอบด้วย 1 นิวคลีโอ ไทด์ จะได้ 4 (41) รหัส ซึ่งไม่เพียงพอต่อจำนวนกรดอะมิโนทั้งหมด และหากรหัสพันธุกรรม 1 รหัส ประกอบด้วย 2 นิวคลีโอไทด์ จะได้ 16 (42) รหัส ซึ่งไม่เพียงพอต่อจำนวนกรดอะมิโนทั้งหมด แต่ หากรหัสพันธุกรรม 1 รหัส ประกอบด้วย 3 นิวคลีโอไทด์ จะได้ 64 (43) รหัส ซึ่งเพียงพอต่อจำนวน กรดอะมิโนทั้งหมด) - tRNA และ rRNA มีส่วนช่วยในการแปลรหัส อย่างไร (แนวตอบ tRNA ทำหน้าที่นำกรดอะมิโนที่เชื่อมต่ออยู่กับแอนติโคดอนมาเค้าคู่กับโคดอนของ mRNA ส่วน rRNA ทำหน้าที่ช่วยการจับกันของแอนติโคดอนของ tRNA กับโคดอนของ mRNA) 7. ขั้นนำความรู้ไปใช้ โดยการสุ่มรายชื่อ จำนวน 2 คน ให้นักเรียนระดมความคิดเรื่องแนวทางการนำผลการ รวบรวมข้อมูลไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน ออกมานำเสนอหน้าชั้นเรียน 8. แหล่งเรียนรู้ / สื่อการสอน / วัสดุอุปกรณ์ /เอกสารประกอบการเรียน 10.1 หนังสือเรียนชีววิทยาเพิ่มเติม เล่ม 2 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 10.2 Power point เรื่อง การถอดรหัส 10.3 ใบความรู้เรื่อง กติกาการเล่นเกมส์โดมิโน Translation 9. เครื่องมือและวิธีการวัดผลประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ (ระบุให้ครบทุกจุดประสงค์ KPA) วิธีการวัดผล ประเมินผล เครื่องมือวัดผล ประเมินผล เกณฑ์การผ่านแต่ละ จุดประสงค์การ เรียนรู้ 1. K สามารถอธิบายรูปร่าง ลักษณะ และจำนวนโครโมโซมได้ ตอบคำถามใน ใบงาน แบบประเมิน ชิ้นงาน ผ่านเกณฑ์ ดี ขึ้นไป 2. P สามารถวาดภาพรูปร่าง ลักษณะ และส่วนประกอบของ โครโมโซมได้ ภาพวาด แบบประเมิน ทักษะการ ปฏิบัติการ ผ่านเกณฑ์ ดี ขึ้นไป 3. A 3.1 มีวินัย การสังเกต แบบประเมิน พฤติกรรม ระดับคุณภาพ ดี ขึ้นไป 3.2 ใฝ่เรียนรู้ 3.3 มุ่งมั่นการทำงาน


63 แบบประเมินชิ้นงาน ประเด็นที่ ประเมิน ระดับคุณภาพ ดีมาก ดี พอใช้ ผลงานมีความ ถูกต้องสมบูรณ เนื้อหาสาระของ ผลงานถูกต้องครบถ้วน เนื้อหาสาระของผลงาน ถูกต้องเป็นส่วนใหญ่ เนื้อหาสาระของผลงาน ถูกต้องเป็นบางประเด็น ผลงานมีความคิด สร้างสรรค์ ผลงานแสดงออกถึง ความคิดสร้างสรรค์ แปลกใหม่ และเป็น ระบบ ผลงานมีแนวคิดแปลก ใหม่แต่ยังไม่เป็นระบบ ผลงานมีความน่าสนใจ แต่ยังไม่มีแนวคิดแปลก ใหม่ 5. ผลงานเสร็จ ตาม เวลาที่กำหนด ส่งผลงานตามเวลา ที่กำหนด ส่งผลงานช้ากว่าเวลา ที่กำหนด 1-2 วัน ส่งผลงานช้ากว่าเวลา ที่กำหนด 3-5 วัน แบบประเมินทักษะการปฏิบัติการ ทักษะปฏิบัติการ ระดับคุณภาพ ดีมาก ดี พอใช้ การเลือกใช้ อุปกรณ์/เครื่องมือ ในการทดลอง เลือกใช้อุปกรณ์/เครื่องมือ ในการทดลองหรือ ปฏิบัติการได้เหมาะสมกับ งาน เลือกใช้อุปกรณ์/เครื่องมือ ในการทดลองหรือ ปฏิบัติการได้ถูกต้องแต่ไม่ เหมาะสมกับงาน เลือกใช้อุปกรณ์/เครื่องมือ ในการทดลองหรือ ปฏิบัติการไม่ถูกต้อง การใช้อุปกรณ์/ เครื่องมือในการ ทดลอง ใช้อุปกรณ์/เครื่องมือใน การทดลองได้อย่าง คล่องแคล่วและถูกต้อง ตามหลักการปฏิบัติ ใช้อุปกรณ์/เครื่องมือในการ ทดลองได้ถูกต้องตาม หลักการปฏิบัติแต่ไม่ คล่องแคล่ว ใช้อุปกรณ์/เครื่องมือในการ ทดลองไม่ถูกต้อง การทดลอง/ปฏิบัติ ตามแผนที่กำหนด ทดลองตามวิธีการและ ขั้นตอนที่กำหนดไว้อย่าง ถูกต้อง มีการปรับปรุง แก้ไขเป็นระยะ ทดลองตามวิธีการและ ขั้นตอนที่กำหนดไว้มีการ ปรับปรุงแก้ไขบ้าง ทดลองตามวิธีการและ ขั้นตอนที่กำหนดไว้หรือ ดำเนินการข้ามที่กำหนดไว้ ไม่มีการปรับปรุงแก้ไข


64 แบบประเมินพฤติกรรม วิธีการให้คะแนน ตรวจให้คะแนนตามเกณฑ์โดยกำหนดน้ำหนักของตัวเลือกในช่องต่าง ๆ เป็น 4 3 2 และ 1 ข้อความที่มีความหมายเป็นทางบวก กำหนดให้คะแนนแต่ละข้อความดังนี้ ระดับพฤติกรรมการแสดงออก คะแนน มาก 4 ปานกลาง 3 น้อย 2 ไม่มีการแสดงออก 1


65 10. บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้


66 ความเห็นของครูพี่เลี้ยง 1. องค์ประกอบของแผนการจัดการเรียนรู้ ☐ ครบถ้วนและถูกต้อง ☐ ยังไม่ครบถ้วนหรือไม่ถูกต้อง ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 2. ควรสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้กับหลักสูตรสถานศึกษา ☐ สอดคล้อง ☐ ยังไม่สอดคล้อง ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 3. รูปแบบของการจัดการเรียนรู้ ☐ เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ☐ ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 4. สื่อการเรียนรู้ ☐ เหมาะสมกับรูปแบบการจัดการเรียนรู้ ☐ ยังไม่เหมาะสม ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 5. รูปแบบของการจัดการเรียนรู้ ☐ ครอบคลุมจุดประสงค์การเรียนรู้ ☐ ยังไม่ครอบคลุมจุดประสงค์การเรียนรู้ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 6. ข้อเสนอแนะอื่นๆ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ....................................................... (นางสาวอุบลรรณ เลี้ยวอุดมชัย) ครูพี่เลี้ยง แผนการจัดการเรียนรู้นี้สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้เห็นสมควร ให้ใช้จัดการเรียนรู้ให้แก่นักเรียน


67 ความเห็นของหัวหน้าสถานศึกษา/ผู้ที่ได้รับมอบหมาย 1. องค์ประกอบของแผนการจัดการเรียนรู้ ☐ ครบถ้วนและถูกต้อง ☐ ยังไม่ครบถ้วนหรือไม่ถูกต้อง ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 2. ควรสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้กับหลักสูตรสถานศึกษา ☐ สอดคล้อง ☐ ยังไม่สอดคล้อง ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 3. รูปแบบของการจัดการเรียนรู้ ☐ เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ☐ ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 4. สื่อการเรียนรู้ ☐ เหมาะสมกับรูปแบบการจัดการเรียนรู้ ☐ ยังไม่เหมาะสม ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 5. รูปแบบของการจัดการเรียนรู้ ☐ ครอบคลุมจุดประสงค์การเรียนรู้ ☐ ยังไม่ครอบคลุมจุดประสงค์การเรียนรู้ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 6. ข้อเสนอแนะอื่นๆ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ....................................................... (นายบุญเลี้ยง จอดนอก) หัวหน้าสถานศึกษา/ผู้ที่ได้รับมอบหมาย แผนการจัดการเรียนรู้นี้สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้เห็นสมควร ให้ใช้จัดการเรียนรู้ให้แก่นักเรียน


68 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 7 กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 วิชา ชีววิทยา 1 รหัสวิชา ว31241 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 เรื่อง มิวเทชันระดับยีน จำนวน 2 ชั่วโมง ครูผู้สอน นายกฤษณวงศ์ รอบรู้ 1. มาตรฐานการเรียนรู้ ว 4.2 เข้าใจการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การถ่ายทอดยีนบนโครโมโซม สมบัติและหน้าที่ของสารพันธุกรรม การเกิดมิวเทชัน เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ หลักฐาน ข้อมูล และ แนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต ภาวะสมดุลของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก การเกิดสปีชีส์ใหม่ ความ หลากหลายทางชีวภาพ กำเนิดของสิ่งมีชีวิต ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต และอนุกรมวิธานรวมทั้ง นำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ผลการเรียนรู้ (รายวิชาเพิ่มเติม) สืบค้นข้อมูล และอธิบายการเกิดมิวเทชันระดับยีนและระดับโครโมโซม สาเหตุการเกิดมิวเท ชัน รวมทั้งยกตัวอย่างโรคและกลุ่มอาการที่เป็นผลของการเกิดมิวเทชัน 2. สาระสำคัญ การกลาย (mutation) หมายถึง การเปลี่ยนแปลงสภาพของสิ่งมีชีวิตที่ทำให้เกิดความ แตกต่างจากสิ่งมีชีวิตรุ่นพ่อแม่ 1. การกลายระดับยีน (gene mutation) เป็นการเปลี่ยนแปลงในระดับนิวคลีโอไทด์ แบ่ง ออกเป็น - การแทนที่คู่เบส (base-pair substitution) เป็นการแทนที่คู่ของนิวคลีโอไทด์ แบ่ง ออกเป็นการกลายแบบเงียบ (silent mutation) การเปลี่ยนแปลงของลำดับนิวคลีโอไทด์ แต่ถอดรหัส เป็นกรดอะมิโนชนิดเดิม การกลายแบบเปลี่ยนรหัส (missense mutation) การเปลี่ยนแปลงของ ลำดับนิวคลีโอไทด์ที่ทำให้เกิดการแปลรหัสเป็นกรดอะมิโนชนิดอื่น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อโปรตีน เช่นกัน การกลายเป็นรหัสหยุด (nonsense mutation) การเปลี่ยนแปลงของลำดับนิวคลีโอไทด์ที่ทำ ให้เกิดการถอดรหัสเป็นรหัสหยุด ทำให้สายพอลิเพปไทด์สั้นกว่าปกติ และทำให้โปรตีนไม่สามารถทำ หน้าที่ได้ - การเพิ่มขึ้นหรือขาดหายของนิวคลีโอไทด์ (insertion and deletion of nucleotide) ทำให้มีการจัดกลุ่มโคดอนไม่เหมือนเดิม จึงส่งผลต่อการแปลรหัสและถอดรหัส การกลายแบบนี้ เรียกว่า การกลายแบบเลื่อนกรอบ (frameshift mutation)


69 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 สามารถอธิบายเกี่ยวกับมิวเทชันระดับยีน (K) 3.2 สามารถสืบค้นการค้นข้อมูลมิวเทชันระดับยีน (P) 3.3 มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ มุ่งมั่นในการทำงาน (A) 4. สาระการเรียนรู้ - มิวเทชันระดับยีน 5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 6.1 มีวินัย 6.2 ใฝ่เรียนรู้ 6. สมรรถนะผู้เรียน 7.1 ความสามารถในการคิด 7.2 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 7. การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน (วิธีสอนโดยการจัดการเรียนการสอน: กระบวนการสืบเสาะหาความรู้แบบ 5E) ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) 5 นาที 1. ทบทวนความรู้เดิมเรื่อง ลักษณะผิวเผือกของมนุษย์ โดยใช้ชุดคำถามข้อคำถามหลัก ประกอบด้วย - ลักษณะผิวเผือกเกิดจากสาเหตุใด (แนวตอบ ลักษณะผิวเผือกของมนุษย์เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของรหัสพันธุกรรม ซึ่งเป็น ลำดับเบสของนิวคลีโอไทด์บนสายดีเอ็นเอที่มีผลต่อการสังเคราะห์โปรตีนต่าง ๆ เมื่อรหัสพันธุกรรม ผิดปกติจะส่งผลต่อการสังเคราะห์โปรตีนที่ผิดปกติ ทำให้โปรตีนทำงานผิดปกติหรือไม่สามารถ ทำงานได้ จึงแสดงลักษณะที่แตกต่างจากปกติออกมา) - รหัสพันธุกรรมมีผลต่อการแสดงลักษณะต่าง ๆ ของสิ่งมีชีวิตอย่างไร (แนวตอบ รหัสพันธุกรรมเป็นลำดับเบสของนิวคลีโอไทด์บนสายดีเอ็นเอที่มีผลต่อการ สังเคราะห์โปรตีน ซึ่งโปรตีนเหล่านี้จะมีบทบาทและหน้าที่ในการแสดงออกของลักษณะต่าง ๆ ของ สิ่งมีชีวิต) ขั้นสำรวจและค้นหา (Explore) 20 นาที 1. แจกใบงาน เรื่อง มิวเทชันระดับยีน ให้กับนักเรียน 2. ครูให้นักเรียนศึกษา มิวเทชันระดับยีน


70 การกลายในสิ่งมีชีวิต แบ่งออกเป็น 2 ระดับ ได้แก่ การกลายระดับยีน และการกลายระดับ โครโมโซม การกลายระดับยีนจากการแท่นที่คู่เบส ซึ่งการกลายประเภทนี้อาจไม่ส่งผลกระทบหรือ อาจส่งผลกระทบต่อสายพอลิเพปไทด์ก็ได้ขึ้นอยู่กับประเภทของการแท่นที่คู่เบส และตัวอย่างลำดับ นิวคลีโอไทด์ที่มีการกลายแบบการแทนที่คู่เบสทั้ง 3 รูปแบบ การกลายระดับยีนจากการแทนที่คู่เบสมีหลายรุปแบบ บางรูปแบบก็ไม่ส่งผลกระทบต่อ ลำดับนิวคลีโอไทด์ คือ การกลายแบบเงียบ เนื่องจากจะมีการแปลรหัสเป็นกรดอะมิโนชนิดเดิม แต่ การกลายแบบเปลี่ยนรหัสและการกลายเป็นรหัสหยุดจะส่งผลกระทบต่อสายพอลิเพปไทด์ที่ได้ เสมอ เนื่องจากจะแปลรหัสเป็นกรดอะมิโนชนิดอื่นหรือเป็นรหัสหยุดการสังเคราะห์ การกลายระดับยีนจากการเพิ่มขึ้นหรือขาดหายของนิวคลีโอไทด์จะส่งผลกระทบต่อ สิ่งมีชีวิตเสมอ เนื่องจากจะมีการจัดกลุ่มของรหัสพันธุกรรมใหม่ ทำให้การถอดรหัสและแปลรหัส แตกต่างจากเดิม ซึ่งการกลายรูปแบบนี้จะส่งผลที่ร้ายแรงกว่าการกลายจากการแทนที่คู่เบส 3. ให้นักเรียนจัดกระทำข้อมูลเกี่ยวกับมิวเทชันระดับยีนลงในใบงาน 4. ขณะที่นักเรียนกำลังทำกิจกรรม ครูจะใช้แบบสังเกตบันทึกการทำกิจกรรม ดู คุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียน แบบสังเกตจะใช้เป็นหลักฐานแสดงการวัดและการ ประเมินผล ขั้นอภิปรายและลงข้อสรุป (Explain) 10 นาที 1. เมื่อนักเรียนทำกิจกรรมตามใบงานเสร็จ ให้ตัวแทนนักเรียนออกมารายงานผลการ ค้นพบหน้าชั้นเรียนด้วยวาจา จำนวน 2 คน ตามความสมัครใจ 2. เมื่อนักเรียนรายงานเสร็จแล้ว ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลการวิเคราะห์และลง ข้อสรุปหากผู้เรียนมีผลการวิเคราะห์และลงข้อสรุป ขัดแย้งกับผลอภิปราย ให้ดำเนินแก้ไขผล ดังกล่าวในใบงานของตนเองให้ถูกต้อง 3. ครูและนักเรียนอภิปรายร่วมกันเพื่อสรุปผลการเรียนรู้ตามสาระสำคัญ ด้วยคำถามดังนี้ - การกลายระดับยีนจากการแทนที่คู่เบสจะส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตเสมอไปหรือไม่ (แนวตอบ การกลายระดับยีนจากการแทนที่คู่เบสอาจส่งไม่ส่งผลกระทบต่อลักษณะของสิ่งมีชีวิต เสมอไปเนื่องจากหากมีการแทนที่คู่เบส แต่สามารถถอดรหัสและแปลรหัสเป็นกรดอะมิโนชนิดเดิม จะไม่มีผลต่อการกลายระดับยีน) - โรคโลหิตจางจากเม็ดเลือดแดงรูปเคียวเกิดจากการแทนที่คู่เบสประเภทใด และมีผลต่อ สิ่งมีชีวิตอย่างไร (แนวตอบ การกลายแบบเปลี่ยนรหัส จาก 3’-CTC-5’ เป็น 3’-CAC-5’ ซึ่งจากเดิมถอดรหัสและ แปลรหัสเป็นกรดอะมิโนชนิดกรดกลูตามิก แต่ลำดับเบสใหม่ทำให้ถอดรหัสและแปลรหัสเป็น


71 กรดอะมิโนชนิดวาลีน และจะมีผลต่อลักษณะของเซลล์เม็ดเลือดแดงซึ่งจะมีลักษณะเป็นรูปเคียว ทำให้ความสามารถ ในการลำเลียงแก๊สออกซิเจนไปเลียงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายลดลง) - การกลายระดับยีนจากการแทนที่คู่เบส และจากการเพิ่มขึ้นหรือขาดหายของนิวคลี-โอ ไทด์ การกลายแบบใดมีผลร้ายแรงต่อสิ่งมีชีวิตมากกว่ากัน เพราะเหตุใด (แนวตอบ การกลายระดับยีนจากการเพิ่มขึ้นหรือขาดหายของนิวคลีโอไทด์จะมีผลร้ายแรงกว่า เนื่องจากการจัดกลุ่มใหม่ของโคดอนจะส่งผลต่อพอลิเพปไทด์ที่ถูกสังเคราะห์ขึ้น แต่การแทนที่คู่ เบส อาจจะส่งผลหรือไม่ส่งผลต่อพอลิเพปไทด์ขึ้นอย่กับรูปแบบการกลายแต่ละประเภท) ขั้นประเมิน (Evaluation) 10 นาที 1. ให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดท้ายบทที่ 7 2. ครูประเมินจากการสังเกตการตอบคำถาม การร่วมกันทำผลงาน และการนำเสนอ ผลงาน โดยการใช้แบบประเมินทักษะด้านกระบวนการวิทยาศาสตร์ ทักษะกระบวนการ และ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพื่อใช้เป็นหลักฐานแสดงการวัดและประเมินผล 3. ครูตรวจผลงานจากการทำใบงานหรือแบบฝึกหัด 8. แหล่งเรียนรู้ / สื่อการสอน / วัสดุอุปกรณ์ /เอกสารประกอบการเรียน 10.1 หนังสือเรียนชีววิทยาเพิ่มเติม เล่ม 2 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 7 10.2 Power point เรื่อง มิวเทชันระดับยีน 9. เครื่องมือและวิธีการวัดผลประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ (ระบุให้ครบทุกจุดประสงค์ KPA) วิธีการวัดผล ประเมินผล เครื่องมือวัดผล ประเมินผล เกณฑ์การผ่านแต่ละ จุดประสงค์การ เรียนรู้ 1. K สามารถอธิบายรูปร่าง ลักษณะ และจำนวนโครโมโซมได้ ตอบคำถามใน ใบงาน แบบประเมิน ชิ้นงาน ผ่านเกณฑ์ ดี ขึ้นไป 2. P สามารถวาดภาพรูปร่าง ลักษณะ และส่วนประกอบของ โครโมโซมได้ ภาพวาด แบบประเมิน ทักษะการ ปฏิบัติการ ผ่านเกณฑ์ ดี ขึ้นไป 3. A 3.1 มีวินัย การสังเกต แบบประเมิน พฤติกรรม ระดับคุณภาพ ดี ขึ้นไป 3.2 ใฝ่เรียนรู้ 3.3 มุ่งมั่นการทำงาน


72 แบบประเมินชิ้นงาน ประเด็นที่ ประเมิน ระดับคุณภาพ ดีมาก ดี พอใช้ ผลงานมีความ ถูกต้องสมบูรณ เนื้อหาสาระของ ผลงานถูกต้องครบถ้วน เนื้อหาสาระของผลงาน ถูกต้องเป็นส่วนใหญ่ เนื้อหาสาระของผลงาน ถูกต้องเป็นบางประเด็น ผลงานมีความคิด สร้างสรรค์ ผลงานแสดงออกถึง ความคิดสร้างสรรค์ แปลกใหม่ และเป็น ระบบ ผลงานมีแนวคิดแปลก ใหม่แต่ยังไม่เป็นระบบ ผลงานมีความน่าสนใจ แต่ยังไม่มีแนวคิดแปลก ใหม่ 5. ผลงานเสร็จ ตามเวลาที่กำหนด ส่งผลงานตามเวลา ที่กำหนด ส่งผลงานช้ากว่าเวลา ที่กำหนด 1-2 วัน ส่งผลงานช้ากว่าเวลา ที่กำหนด 3-5 วัน แบบประเมินทักษะการปฏิบัติการ ทักษะปฏิบัติการ ระดับคุณภาพ ดีมาก ดี พอใช้ การเลือกใช้ อุปกรณ์/เครื่องมือ ในการทดลอง เลือกใช้อุปกรณ์/เครื่องมือ ในการทดลองหรือ ปฏิบัติการได้เหมาะสมกับ งาน เลือกใช้อุปกรณ์/เครื่องมือ ในการทดลองหรือ ปฏิบัติการได้ถูกต้องแต่ไม่ เหมาะสมกับงาน เลือกใช้อุปกรณ์/เครื่องมือ ในการทดลองหรือ ปฏิบัติการไม่ถูกต้อง การใช้อุปกรณ์/ เครื่องมือในการ ทดลอง ใช้อุปกรณ์/เครื่องมือใน การทดลองได้อย่าง คล่องแคล่วและถูกต้อง ตามหลักการปฏิบัติ ใช้อุปกรณ์/เครื่องมือในการ ทดลองได้ถูกต้องตาม หลักการปฏิบัติแต่ไม่ คล่องแคล่ว ใช้อุปกรณ์/เครื่องมือในการ ทดลองไม่ถูกต้อง การทดลอง/ปฏิบัติ ตามแผนที่กำหนด ทดลองตามวิธีการและ ขั้นตอนที่กำหนดไว้อย่าง ถูกต้อง มีการปรับปรุง แก้ไขเป็นระยะ ทดลองตามวิธีการและ ขั้นตอนที่กำหนดไว้มีการ ปรับปรุงแก้ไขบ้าง ทดลองตามวิธีการและ ขั้นตอนที่กำหนดไว้หรือ ดำเนินการข้ามที่กำหนดไว้ ไม่มีการปรับปรุงแก้ไข


73 แบบประเมินพฤติกรรม วิธีการให้คะแนน ตรวจให้คะแนนตามเกณฑ์โดยกำหนดน้ำหนักของตัวเลือกในช่องต่าง ๆ เป็น 4 3 2 และ 1 ข้อความที่มีความหมายเป็นทางบวก กำหนดให้คะแนนแต่ละข้อความดังนี้ ระดับพฤติกรรมการแสดงออก คะแนน มาก 4 ปานกลาง 3 น้อย 2 ไม่มีการแสดงออก 1


74 10. บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้


75 ความเห็นของครูพี่เลี้ยง 1. องค์ประกอบของแผนการจัดการเรียนรู้ ☐ ครบถ้วนและถูกต้อง ☐ ยังไม่ครบถ้วนหรือไม่ถูกต้อง ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 2. ควรสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้กับหลักสูตรสถานศึกษา ☐ สอดคล้อง ☐ ยังไม่สอดคล้อง ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 3. รูปแบบของการจัดการเรียนรู้ ☐ เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ☐ ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 4. สื่อการเรียนรู้ ☐ เหมาะสมกับรูปแบบการจัดการเรียนรู้ ☐ ยังไม่เหมาะสม ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 5. รูปแบบของการจัดการเรียนรู้ ☐ ครอบคลุมจุดประสงค์การเรียนรู้ ☐ ยังไม่ครอบคลุมจุดประสงค์การเรียนรู้ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 6. ข้อเสนอแนะอื่นๆ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ....................................................... (นางสาวอุบลรรณ เลี้ยวอุดมชัย) ครูพี่เลี้ยง แผนการจัดการเรียนรู้นี้สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้เห็นสมควร ให้ใช้จัดการเรียนรู้ให้แก่นักเรียน


76 ความเห็นของหัวหน้าสถานศึกษา/ผู้ที่ได้รับมอบหมาย 1. องค์ประกอบของแผนการจัดการเรียนรู้ ☐ ครบถ้วนและถูกต้อง ☐ ยังไม่ครบถ้วนหรือไม่ถูกต้อง ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 2. ควรสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้กับหลักสูตรสถานศึกษา ☐ สอดคล้อง ☐ ยังไม่สอดคล้อง ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 3. รูปแบบของการจัดการเรียนรู้ ☐ เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ☐ ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 4. สื่อการเรียนรู้ ☐ เหมาะสมกับรูปแบบการจัดการเรียนรู้ ☐ ยังไม่เหมาะสม ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 5. รูปแบบของการจัดการเรียนรู้ ☐ ครอบคลุมจุดประสงค์การเรียนรู้ ☐ ยังไม่ครอบคลุมจุดประสงค์การเรียนรู้ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 6. ข้อเสนอแนะอื่นๆ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ....................................................... (นายบุญเลี้ยง จอดนอก) หัวหน้าสถานศึกษา/ผู้ที่ได้รับมอบหมาย แผนการจัดการเรียนรู้นี้สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้เห็นสมควร ให้ใช้จัดการเรียนรู้ให้แก่นักเรียน


77 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 วิชา ชีววิทยา 1 รหัสวิชา ว31241 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 เรื่อง มิวเทชันระดับโครโมโซม จำนวน 2 ชั่วโมง ครูผู้สอน นายกฤษณวงศ์ รอบรู้ 1. ผลการเรียนรู้ (รายวิชาเพิ่มเติม) สืบค้นข้อมูล และอธิบายการเกิดมิวเทชันระดับยีนและระดับโครโมโซม สาเหตุการเกิดมิวเท ชัน รวมทั้งยกตัวอย่างโรคและกลุ่มอาการที่เป็นผลของการเกิดมิวเทชัน 2. สาระสำคัญ การกลายระดับโครโมโซม (chromosome mutation) เป็นมิวเทชันที่เกิดจากการ เปลี่ยนแปลงของโครโมโซมซึ่งจะมีผลต่อยีนจำนวนมาก แบ่งออกเป็น - การเปลี่ยนแปลงรูปร่างของโครโมโซม ทำให้โครโมโซมมีรูปร่างเปลี่ยนแปลง เช่น การขาดหาย (deletion) เป็นการขาดหายของส่วนใดส่วนหนึ่งของแท่งโครโมโซม การเพิ่มซ้ำ (duplication) เป็น การเพิ่มส่วนของโครโมโซมทำให้เกิดความซ้ำซ้อนของยีน อินเวอร์ชัน (inversion) เป็นการสลับชิ้น ส่วนบนแท่งโครโมโซม และการเคลื่อนย้าย (translocation) เป็นการย้ายหรือแลกสลับชิ้นส่วน ระหว่างแท่งโครโมโซม - การเปลี่ยนแปลงจำนวนของโครโมโซม เป็นการเปลี่ยนแปลงจากการเพิ่มหรือลดลงของจำนวน โครโมโซมจากจำนวนปกติ ที่เกิดจากการไม่แยกจากกัน (nondisjunction) ของโครโมโซมระหว่าง การแบ่งเซลล์ 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 สามารถอธิบายเกี่ยวกับมิวเทชันระดับโครโมโซมได้ (K) 3.2 สามารถสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับมิวเทชันระดับโครโมโซมได้ (P) 3.3 มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ มุ่งมั่นในการทำงาน (A) 4. สาระการเรียนรู้ - มิวเทชันเป็นการเปลี่ยนแปลงของลำดับหรือจำนวนนิวคลีโอไทด์ใน DNA ซึ่งอาจนำไปสู่การ เปลี่ยนแปลงโครงสร้างและการทำงานของโปรตีน ซึ่งถ้าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเกิดในเซลล์สืบพันธุ์ จะสามารถถ่ายทอดไปยังรุ่นต่อ ๆ ไปได้ และทำให้เกิดความแปรผันทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตการ เกิดมิวเทชัน มีสาเหตุมาจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น รังสี และสารเคมี - การขาดหายไปหรือเพิ่มขึ้นของนิวคลีโอไทด์และการแทนที่คู่เบส เป็นการเกิดมิวเทชันระดับ ยีน เช่น โรคโลหิตจางชนิดซิกเคิลเซลล์เป็นผลมาจากการแทนที่คู่เบส


78 - การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของโครโมโซม เช่น หายไปหรือเพิ่มขึ้นบางส่วน และการ เปลี่ยนแปลงจำนวนโครโมโซม เช่น การลดลงหรือเพิ่มขึ้นของโครโมโซมบางแท่งหรือทั้งชุด เป็น สาเหตุของการเกิดมิวเทชันระดับโครโมโซม เช่น กลุ่มอาการคริดูชาต์และกลุ่มอาการดาวน์ กลุ่ม อาการเทอร์เนอร์และกลุ่มอาการไคลน์เฟลเตอร์ 5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 6.1 มีวินัย 6.2 ใฝ่เรียนรู้ 6.3 มุ่งมั่นในการทำงาน 6. สมรรถนะผู้เรียน 6.1 ความสามารถในการสื่อสาร 6.2 ความสามารถในการคิด 1) ทักษะการสังเกต 2) การลงความเห็นจากข้อมูล 3) การตีความหมายข้อมูลและลงข้อมูล 6.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 7. การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน กระบวนการที่ใช้สอน : กระบวนการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es) ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) 1. ครูทบทวนความรู้เดิมนักเรียนเกี่ยวกับการกลายในสิ่งมีชีวิต โดยใช้คำถามดังนี้ 1.1 การกลายมีกี่ระดับ อะไรบ้าง (แนวคำตอบ: 2 ระดับ ได้แก่ การกลายระดับยีน และการกลายระดับโครโมโซม) 1.2 การกลายระดับยีนจากการแทนที่คู่เบสจะส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตเสมอไปหรือไม่ (แนวตอบ : การกลายระดับยีนจากการแทนที่คู่เบสอาจส่งไม่ส่งผลกระทบต่อลักษณะของ สิ่งมีชีวิตเสมอไป เนื่องจากหากมีการแทนที่คู่เบส แต่สามารถถอดรหัสและแปลรหัสเป็น กรดอะมิโนชนิดเดิมจะไม่มีผลต่อการกลายระดับยีน) ขั้นสำรวจและค้นหา (Explore) 1. ครูให้นักเรียนสังเกตรูปภาพ 4.29 – 4.30 ในหนังสือเรียนชีววิทยาเพิ่มเติม เล่ม 2 2. ครูแจกใบงาน เรื่อง มิวเทชันระดับโครโมโซม ให้กับนักเรียน 3. ครูให้นักเรียนศึกษาและสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับมิวเทชันระดับโครโมโซม จากแหล่งวิทยาการ ต่างๆ เช่น อินเตอร์เน็ต สไลด์การสอน และหนังสือเรียน


79 ขั้นอภิปรายและลงข้อสรุป (Explain) 1. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปเกี่ยวกับการเกิดมิวเทชันในระดับโครโมโซม เพื่อให้ได้ข้อสรุป ดังนี้ การเกิดมิวเทชันในระดับโครโมโซม 1. การเปลี่ยนแปลงด้านโครงสร้างของโครโมโซม มีสาเหตุมาจากความผิดปกติในการแบ่ง เซลล์แบบไมโอซิส รังสีต่างๆ หรือสารเคมี จึงทำให้เกิดเซลล์สืบพันธุ์ที่ผิดปกติ เกิดขึ้นได้ หลายแบบ เช่น บางส่วนของโครโมโซมขาดหายไป บางส่วนของโครโมโซมเกินมาจากปกติ บางส่วนของโครโมโซมที่ขาดไปกลับมาต่อใหม่แต่ต่อกลับกัน การแลกเปลี่ยนชิ้นส่วน โครโมโซมต่างคู่กันจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของโครโมโซม ทำให้จำนวนของเบสและ ลำดับของเบสเปลี่ยนไปซึ่งทำให้รหัสพันธุกรรมและการสังเคราะห์โปรตีนเปลี่ยนไป มีผลทำ ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของฟีโนไทป์ เกิดโรคต่างๆ เช่น กลุ่มอาการคริดูชาต์ 2. การเปลี่ยนแปลงด้านจำนวนโครโมโซม มีสาเหตุมาจากการแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส ผิดปกติ คือ เกิดปรากฏการณ์นอนดิสจังชัน ซึ่งฮอมอโลกัสโครโมโซมไม่แยกจากกันขณะแบ่ง เซลล์ มีผลทำให้เซลล์สืบพันธุ์มีจำนวนโครโมโซมขาดหรือเกินเป็นแท่ง ซึ่งเกิดขึ้นได้ทั้งออโท โซมและโครโมโซมเพศความผิดปกติที่เกิดกับออโทโซม ทำให้เกิดโรคกลุ่มอาการดาวน์ กลุ่ม อาการเทอร์เนอร์ซินโดรม ฯลฯ นอกจากนี้จำนวนโครโมโซมขาดหรือเกินเป็นชุด เรียกว่า พอ ลิพลอยด์ มักพบในพืชจะมีประโยชน์มาก แต่ถ้าเกิดกับสัตว์ โดยเฉพาะสัตว์เลี้ยงลูกด้วย น้ำนมมักจะเกิดผลเสีย มากกว่าผลดี 2. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลจากการทำกิจกรรม โดยครูใช้คำถามดังนี้ 2.1 นักเรียนสามารถอนุรักษ์ทรัพยากรได้อย่างไร (แนวคำตอบ : ใช้หลักการอนุรักษ์ทรัพยกร 4Rs) 2.2 หลักการ 4Rs มีอะไรบ้าง (แนวตอบ : (ใช้ซ้ำ (reuse) เช่น การนำถุงพลาสติกกลับมา ใช้ใหม่ หรือลดปริมาณการใช้ (reduce) ให้น้อยลง เช่น การใช้ถุงผ้าไปใส่ของแทนการรับถุงพลาสติก การไม่เปิดก็อกน้ำทิ้ง ไว้ในขณะแปรงฟัน การปิดไฟเมื่อไม่จำเป็นต้องใช้ หรือรีไซเคิล (recycle) เช่น การคัดแยก ประเภทขยะเพื่อให้ง่ายต่อการนำไปแปรสภาพเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่) ขั้นขยายความรู้ (Elaborate) นักเรียนศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับแตงโมไร้เมล็ด 4n โดยสรุปลงในสมุดจดบันทึก ขั้นประเมิน (Evaluation) 1. ให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดท้ายบทที่ 4


80 2. ครูประเมินจากการสังเกตการตอบคำถาม การร่วมกันทำผลงาน และการนำเสนอผลงาน โดยการใช้แบบประเมินทักษะด้านกระบวนการวิทยาศาสตร์ ทักษะกระบวนการ และ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพื่อใช้เป็นหลักฐานแสดงการวัดและประเมินผล 3. ครูตรวจผลงานจากการทำใบงานหรือแบบฝึกหัด 8. แหล่งเรียนรู้ / สื่อการสอน / วัสดุอุปกรณ์ /เอกสารประกอบการเรียน 9.1 หนังสือเรียนชีววิทยาเพิ่มเติม เล่ม 2 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 9.2 Power point เรื่อง โครโมโซมและสารพันธุกรรม 9. เครื่องมือและวิธีการวัดผลประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ (ระบุให้ครบทุกจุดประสงค์ KPA) วิธีการวัดผล ประเมินผล เครื่องมือวัดผล ประเมินผล เกณฑ์การผ่านแต่ละ จุดประสงค์การ เรียนรู้ 1. K สามารถอธิบายรูปร่าง ลักษณะ และจำนวนโครโมโซมได้ ตอบคำถามใน ใบงาน แบบประเมิน ชิ้นงาน ผ่านเกณฑ์ ดี ขึ้นไป 2. P สามารถวาดภาพรูปร่าง ลักษณะ และส่วนประกอบของ โครโมโซมได้ ภาพวาด แบบประเมิน ทักษะการ ปฏิบัติการ ผ่านเกณฑ์ ดี ขึ้นไป 3. A 3.1 มีวินัย การสังเกต แบบประเมิน พฤติกรรม ระดับคุณภาพ ดี ขึ้นไป 3.2 ใฝ่เรียนรู้ 3.3 มุ่งมั่นการทำงาน


81 แบบประเมินชิ้นงาน ประเด็นที่ ประเมิน ระดับคุณภาพ ดีมาก ดี พอใช้ ผลงานมีความ ถูกต้องสมบูรณ เนื้อหาสาระของ ผลงานถูกต้องครบถ้วน เนื้อหาสาระของผลงาน ถูกต้องเป็นส่วนใหญ่ เนื้อหาสาระของผลงาน ถูกต้องเป็นบางประเด็น ผลงานมีความคิด สร้างสรรค์ ผลงานแสดงออกถึง ความคิดสร้างสรรค์ แปลกใหม่ และเป็น ระบบ ผลงานมีแนวคิดแปลก ใหม่แต่ยังไม่เป็นระบบ ผลงานมีความน่าสนใจ แต่ยังไม่มีแนวคิดแปลก ใหม่ 5. ผลงานเสร็จ ตามเวลาที่กำหนด ส่งผลงานตามเวลา ที่กำหนด ส่งผลงานช้ากว่าเวลา ที่กำหนด 1-2 วัน ส่งผลงานช้ากว่าเวลา ที่กำหนด 3-5 วัน แบบประเมินทักษะการปฏิบัติการ ทักษะปฏิบัติการ ระดับคุณภาพ ดีมาก ดี พอใช้ การเลือกใช้ อุปกรณ์/เครื่องมือ ในการทดลอง เลือกใช้อุปกรณ์/เครื่องมือ ในการทดลองหรือ ปฏิบัติการได้เหมาะสมกับ งาน เลือกใช้อุปกรณ์/เครื่องมือ ในการทดลองหรือ ปฏิบัติการได้ถูกต้องแต่ไม่ เหมาะสมกับงาน เลือกใช้อุปกรณ์/เครื่องมือ ในการทดลองหรือ ปฏิบัติการไม่ถูกต้อง การใช้อุปกรณ์/ เครื่องมือในการ ทดลอง ใช้อุปกรณ์/เครื่องมือใน การทดลองได้อย่าง คล่องแคล่วและถูกต้อง ตามหลักการปฏิบัติ ใช้อุปกรณ์/เครื่องมือในการ ทดลองได้ถูกต้องตาม หลักการปฏิบัติแต่ไม่ คล่องแคล่ว ใช้อุปกรณ์/เครื่องมือในการ ทดลองไม่ถูกต้อง การทดลอง/ปฏิบัติ ตามแผนที่กำหนด ทดลองตามวิธีการและ ขั้นตอนที่กำหนดไว้อย่าง ถูกต้อง มีการปรับปรุง แก้ไขเป็นระยะ ทดลองตามวิธีการและ ขั้นตอนที่กำหนดไว้มีการ ปรับปรุงแก้ไขบ้าง ทดลองตามวิธีการและ ขั้นตอนที่กำหนดไว้หรือ ดำเนินการข้ามที่กำหนดไว้ ไม่มีการปรับปรุงแก้ไข


82 แบบประเมินพฤติกรรม วิธีการให้คะแนน ตรวจให้คะแนนตามเกณฑ์โดยกำหนดน้ำหนักของตัวเลือกในช่องต่าง ๆ เป็น 4 3 2 และ 1 ข้อความที่มีความหมายเป็นทางบวก กำหนดให้คะแนนแต่ละข้อความดังนี้ ระดับพฤติกรรมการแสดงออก คะแนน มาก 4 ปานกลาง 3 น้อย 2 ไม่มีการแสดงออก 1


83 10. บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้


84 ความเห็นของครูพี่เลี้ยง 1. องค์ประกอบของแผนการจัดการเรียนรู้ ☐ ครบถ้วนและถูกต้อง ☐ ยังไม่ครบถ้วนหรือไม่ถูกต้อง ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 2. ควรสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้กับหลักสูตรสถานศึกษา ☐ สอดคล้อง ☐ ยังไม่สอดคล้อง ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 3. รูปแบบของการจัดการเรียนรู้ ☐ เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ☐ ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 4. สื่อการเรียนรู้ ☐ เหมาะสมกับรูปแบบการจัดการเรียนรู้ ☐ ยังไม่เหมาะสม ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 5. รูปแบบของการจัดการเรียนรู้ ☐ ครอบคลุมจุดประสงค์การเรียนรู้ ☐ ยังไม่ครอบคลุมจุดประสงค์การเรียนรู้ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 6. ข้อเสนอแนะอื่นๆ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ....................................................... (นางสาวอุบลรรณ เลี้ยวอุดมชัย) ครูพี่เลี้ยง แผนการจัดการเรียนรู้นี้สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้เห็นสมควร ให้ใช้จัดการเรียนรู้ให้แก่นักเรียน


85 ความเห็นของหัวหน้าสถานศึกษา/ผู้ที่ได้รับมอบหมาย 1. องค์ประกอบของแผนการจัดการเรียนรู้ ☐ ครบถ้วนและถูกต้อง ☐ ยังไม่ครบถ้วนหรือไม่ถูกต้อง ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 2. ควรสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้กับหลักสูตรสถานศึกษา ☐ สอดคล้อง ☐ ยังไม่สอดคล้อง ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 3. รูปแบบของการจัดการเรียนรู้ ☐ เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ☐ ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 4. สื่อการเรียนรู้ ☐ เหมาะสมกับรูปแบบการจัดการเรียนรู้ ☐ ยังไม่เหมาะสม ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 5. รูปแบบของการจัดการเรียนรู้ ☐ ครอบคลุมจุดประสงค์การเรียนรู้ ☐ ยังไม่ครอบคลุมจุดประสงค์การเรียนรู้ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 6. ข้อเสนอแนะอื่นๆ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ....................................................... (นายบุญเลี้ยง จอดนอก) หัวหน้าสถานศึกษา/ผู้ที่ได้รับมอบหมาย แผนการจัดการเรียนรู้นี้สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้เห็นสมควร ให้ใช้จัดการเรียนรู้ให้แก่นักเรียน


86 แผนการจัดการเรียนรู้ที่9 กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 วิชา ชีววิทยา 1 รหัสวิชา ว31241 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 เรื่อง การศึกษาพันธุกรรมของเมนเดล จำนวน 2 ชั่วโมง ครูผู้สอน นายกฤษณวงศ์ รอบรู้ ************************************************************************* 1. ผลการเรียนรู้ (รายวิชาเพิ่มเติม) สืบค้นข้อมูล อธิบายและสรุปผลการทดลองของเมนเดล 2. สาระสำคัญ เกรเกอร์ โยฮันน์ เมนเดล ทำการทดลองการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมของถั่วลันเตา โดยผสมถั่วลันเตาที่มีลักษณะแตกต่างกัน พบว่า ถั่วลันเตารุ่นลูกจะมีลักษณะเหมือนต้นพ่อหรือต้นแม่ อย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น และเมื่อนำรุ่นลูกมาผสมกันเองจะได้ถั่วลันเตารุ่นหลานที่มีบางต้นลักษณะ เหมือนต้นพ่อ และบางต้นลักษณะเหมือนต้นแม่ การถ่ายทอดลักษณะของถั่วลันเตามียีน (gene) ควบคุม ซึ่งประกอบด้วยแอลลีล (allele) 2 แอลลีล รุ่นลูกจะได้รับแอลลีลจากพ่อและแม่อย่างละหนึ่งแอลลีล แต่ลักษณะที่ปรากฏออกมาจะมี เพียงลักษณะเดียวเท่านั้น เนื่องจากแอลลีลที่ควบคุมลักษณะเด่นจะข่มแอลลีลที่ควบคุมลักษณะด้อย อยู่ โดยเรียกแอลลีลที่ควบคุมลักษณะเด่นว่า แอลลีลเด่น (dominant allele) และเรียกแอลลีลที่ ควบคุมลักษณะด้อยว่า แอลลีลด้อย (recessive allele) และเมื่อให้รุ่นลูกผสมกันเองจะได้รุ่นหลานที่ แสดงทั้งลักษณะเด่นและลักษณะด้อยออกมา ซึ่งมีอัตราส่วนระหว่างลักษณะเด่นต่อลักษณะด้อย เท่ากับ 3 : 1 คู่ของแอลลีลหรือรูปแบบของยีนที่ปรากฏเป็นคู่กัน เรียกว่า จีโนไทป์ (genotype) ส่วนลักษณะที่แสดงออกมา เรียกว่า ฟีโนไทป์ (phenotype) 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 สามารถอธิบาย และสรุปการทดลองการถ่ายทอดลักษณะของถั่วลันเตาได้ (K) 3.2 อธิบายความหมายและยกตัวอย่างของลักษณะเด่น ลักษณะด้อย ยีนเด่น ยีนด้อย แอลลีล โลคัส ฮอมอโลกัสโครโมโซม ฟีโนไทป์ จีโนไทป์ ฮอมอไซกัสจีโนไทป์ เฮเทอโรไซกัสจีโนไทป์ ความเด่น แท้ ความด้อยแท้ได้ (K) 3.3 สามารถสืบค้นการค้นข้อมูลเกี่ยวกับการศึกษาพันธุกรรมของเมนเดลได้ (P) 3.4 มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ มุ่งมั่นในการทำงาน (A) 4. ทักษะกระบวนการคิด 4.1 การสังเกต


87 4.2 การลงความเห็นจากข้อมูล 4.3 การตีความหมายข้อมูลและลงข้อมูลสรุป 5. สาระการเรียนรู้ - การศึกษาพันธุกรรมของเมนเดล 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 6.1 มีวินัย 6.2 ใฝ่เรียนรู้ 6.3 มุ่งมั่นในการทำงาน 7. การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน (วิธีสอนโดยการจัดการเรียนการสอน: กระบวนการสืบเสาะหาความรู้แบบ 5E) ครูให้นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) 5 นาที 1. ทบทวนความรู้เดิมของผู้เรียนเกี่ยวกับ การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม ด้วยการใช้ คำถามชุดคำถาม - เพราะเหตุใด บุคคลในครอบครัวจึงมีลักษณะต่าง ๆ ที่คล้ายคลึงกัน (แนวตอบ มนุษย์จะถ่ายทอดลักษณะต่าง ๆ เช่น สีตา สีผม ความสูง สีผิว ห่อลิ้นได้ ห่อลิ้น ไม่ได้ ผมหยิก ผมเหยียดตรง มีติ่งหู ไม่มีติ่งหู จากบรรพบุรุษสู่ลูกหลาน โดยลูกจะได้รับการ ถ่ายทอดลักษณะจากพ่อและแม่ ซึ่งพ่อก็จะได้รับการถ่ายทอดลักษณะมาจากปู่และย่าอีกที เช่นเดียวกับแม่ก็จะได้รับการถ่ายทอดลักษณะจากตายายเช่นกัน จากการถ่ายทอดลักษณะต่าง ๆ ของแต่ละรุ่น จึงทำให้บุคคลในครอบครัวมีลักษณะต่าง ๆ ที่คล้ายคลึงกัน) - บิดาแห่งวิชาพันธุศาสตร์ คือใคร (แนวตอบ เกรเกอร์ โยฮันน์ เมนเดล) ขั้นสำรวจและค้นหา (Explore) 1.10 นาที 1. แจกใบงาน เรื่อง การศึกษาพันธุกรรมของเมนเดล ให้กับนักเรียน 2. ครูเล่าประวัติคราว ๆ เกี่ยวกับเกรเกอร์ โยฮันน์เมนเดล ก่อนการได้รับเลือกให้เป็นบิดา แห่งวิชาพันธุศาสตร์ให้นักเรียนทราบ 3. ครูนำภาพถั่วลันเตาและคำอธิบายลักษณะของถั่วลันเตามาให้นักเรียนศึกษา แล้วถาม นักเรียนว่า เพราะเหตุใด เมนเดลจึงเลือกถั่วลันเตาเป็นพืชตัวอย่างในการทดลองการถ่ายทอด ลักษณะทางพันธุกรรม


88 (แนวตอบ ถั่วลันเตาเป็นพืชปลูกง่าย เจริญเติบโตเร็ว และให้ลูกหลานจำนวนมาก เป็นพืช ที่มีหลายพันธุ์ และมีลักษณะทางพันธุกรรมที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน อีกทั้งยังมีดอกประเภทดอก สมบูรณ์เพศ ซึ่งสามารถเกิดการผสมพันธุ์ภายในดอกเดียวกันหรือเกิดการผสมข้ามต้นได้) 4. ครูให้นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับการศึกษาพันธุกรรมของเมนเดล 3. ครูร่วมอภิปรายกับนักเรียนเกี่ยวกับการศึกษาพันธุกรรมของเมนเดล 4. ให้นักเรียนจัดกระทำข้อมูลเกี่ยวกับการศึกษาพันธุกรรมของเมนเดลลงในใบงาน 5. ขณะที่นักเรียนกำลังทำกิจกรรม ครูจะใช้แบบสังเกตบันทึกการทำกิจกรรม ดู คุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียน แบบสังเกตจะใช้เป็นหลักฐานแสดงการวัดและการ ประเมินผล ขั้นอภิปรายและลงข้อสรุป (Explain) 10 นาที 1. เมื่อนักเรียนทำกิจกรรมตามใบงานเสร็จ ให้ตัวแทนนักเรียนออกมารายงานผลการ ค้นพบหน้าชั้นเรียนด้วยวาจา จำนวน 2 คน ตามความสมัครใจ 2. เมื่อนักเรียนรายงานเสร็จแล้ว ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลการวิเคราะห์และลง ข้อสรุปหากผู้เรียนมีผลการวิเคราะห์และลงข้อสรุป ขัดแย้งกับผลอภิปราย ให้ดำเนินแก้ไขผล ดังกล่าวในใบงานของตนเองให้ถูกต้อง 3. ครูและนักเรียนอภิปรายร่วมกันเพื่อสรุปผลการเรียนรู้ตามสาระสำคัญ ด้วยคำถามดังนี้ - ทำไมจึงไม่พบลักษณะดอกสีขาวในรุ่นลูก แต่มาพบลักษณะดอกสีขาวในรุ่นหลาน (แนวตอบ ลักษณะดอกสีขาวเป็นลักษณะด้อย จึงถูกลักษณะดอกสีม่วงที่เป็นลักษณะเด่น ข่มให้ไม่มีการแสดงออก แต่เมื่อให้รุ่นลูกผสมกันเอง จะมีการรวมกันของยีนที่ควบคุมลักษณะดอกสี ขาว จึงมีการแสดงลักษณะดอกสีขาวออกมา) - เพราะเหตุใดยีนจำนวนมากจึงบรรจุอยู่บนโครโมโซมเดียวกัน (แนวตอบ โครโมโซมของสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง ๆ จะมีจำนวนจำกัด แต่สิ่งมีชีวิตจะมีลักษณะ ต่าง ๆ เป็นจำนวนร้อยหรือพันลักษณะที่ถูกกำหนดขึ้นด้วยยีน จึงทำให้ยีนที่ควบคุมลักษณะต่าง ๆ จำนวนมากถูกบรรจุอยู่บนโครโมโซมเดียวกัน) ขั้นขยายความรู้ (Elaborate) 5 นาที การศึกษาพันธุศาสตร์ของเมนเดล ซึ่งมีเนื้อหาประกอบด้วย ประวัติของเมนเดล การ เลือกพืชตัวอย่างในการทดลอง หลักการถ่ายทอดลักษณะทางพันุกรรมที่เมนเดลศึกษา และสรุปผล การศึกษาการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมโดยวาจาหน้าชั้นเรียน ขั้นประเมิน (Evaluation) 10 นาที 1. ให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดท้ายบทที่ 4


89 2. ครูประเมินจากการสังเกตการตอบคำถาม การร่วมกันทำผลงาน และการนำเสนอ ผลงาน โดยการใช้แบบประเมินทักษะด้านกระบวนการวิทยาศาสตร์ ทักษะกระบวนการ และ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพื่อใช้เป็นหลักฐานแสดงการวัดและประเมินผล 3. ครูตรวจผลงานจากการทำใบงานหรือแบบฝึกหัด 8. แหล่งเรียนรู้ / สื่อการสอน / วัสดุอุปกรณ์ /เอกสารประกอบการเรียน 10.1 หนังสือเรียนชีววิทยาเพิ่มเติม เล่ม 2 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 10.2 Power point เรื่อง การศึกษาพันธุกรรมของเมนเดล 9. เครื่องมือและวิธีการวัดผลประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ (ระบุให้ครบทุกจุดประสงค์ KPA) วิธีการวัดผล ประเมินผล เครื่องมือวัดผล ประเมินผล เกณฑ์การผ่านแต่ละ จุดประสงค์การ เรียนรู้ 1. K สามารถอธิบายรูปร่าง ลักษณะ และจำนวนโครโมโซมได้ ตอบคำถามใน ใบงาน แบบประเมิน ชิ้นงาน ผ่านเกณฑ์ ดี ขึ้นไป 2. P สามารถวาดภาพรูปร่าง ลักษณะ และส่วนประกอบของ โครโมโซมได้ ภาพวาด แบบประเมิน ทักษะการ ปฏิบัติการ ผ่านเกณฑ์ ดี ขึ้นไป 3. A 3.1 มีวินัย การสังเกต แบบประเมิน พฤติกรรม ระดับคุณภาพ ดี ขึ้นไป 3.2 ใฝ่เรียนรู้ 3.3 มุ่งมั่นการทำงาน


90 แบบประเมินชิ้นงาน ประเด็นที่ ประเมิน ระดับคุณภาพ ดีมาก ดี พอใช้ ผลงานมีความ ถูกต้องสมบูรณ เนื้อหาสาระของ ผลงานถูกต้องครบถ้วน เนื้อหาสาระของผลงาน ถูกต้องเป็นส่วนใหญ่ เนื้อหาสาระของผลงาน ถูกต้องเป็นบางประเด็น ผลงานมีความคิด สร้างสรรค์ ผลงานแสดงออกถึง ความคิดสร้างสรรค์ แปลกใหม่ และเป็น ระบบ ผลงานมีแนวคิดแปลก ใหม่แต่ยังไม่เป็นระบบ ผลงานมีความน่าสนใจ แต่ยังไม่มีแนวคิดแปลก ใหม่ 5. ผลงานเสร็จ ตามเวลาที่กำหนด ส่งผลงานตามเวลา ที่กำหนด ส่งผลงานช้ากว่าเวลา ที่กำหนด 1-2 วัน ส่งผลงานช้ากว่าเวลา ที่กำหนด 3-5 วัน แบบประเมินทักษะการปฏิบัติการ ทักษะปฏิบัติการ ระดับคุณภาพ ดีมาก ดี พอใช้ การเลือกใช้ อุปกรณ์/เครื่องมือ ในการทดลอง เลือกใช้อุปกรณ์/เครื่องมือ ในการทดลองหรือ ปฏิบัติการได้เหมาะสมกับ งาน เลือกใช้อุปกรณ์/เครื่องมือ ในการทดลองหรือ ปฏิบัติการได้ถูกต้องแต่ไม่ เหมาะสมกับงาน เลือกใช้อุปกรณ์/เครื่องมือ ในการทดลองหรือ ปฏิบัติการไม่ถูกต้อง การใช้อุปกรณ์/ เครื่องมือในการ ทดลอง ใช้อุปกรณ์/เครื่องมือใน การทดลองได้อย่าง คล่องแคล่วและถูกต้อง ตามหลักการปฏิบัติ ใช้อุปกรณ์/เครื่องมือในการ ทดลองได้ถูกต้องตาม หลักการปฏิบัติแต่ไม่ คล่องแคล่ว ใช้อุปกรณ์/เครื่องมือในการ ทดลองไม่ถูกต้อง การทดลอง/ปฏิบัติ ตามแผนที่กำหนด ทดลองตามวิธีการและ ขั้นตอนที่กำหนดไว้อย่าง ถูกต้อง มีการปรับปรุง แก้ไขเป็นระยะ ทดลองตามวิธีการและ ขั้นตอนที่กำหนดไว้มีการ ปรับปรุงแก้ไขบ้าง ทดลองตามวิธีการและ ขั้นตอนที่กำหนดไว้หรือ ดำเนินการข้ามที่กำหนดไว้ ไม่มีการปรับปรุงแก้ไข


91 แบบประเมินพฤติกรรม วิธีการให้คะแนน ตรวจให้คะแนนตามเกณฑ์โดยกำหนดน้ำหนักของตัวเลือกในช่องต่าง ๆ เป็น 4 3 2 และ 1 ข้อความที่มีความหมายเป็นทางบวก กำหนดให้คะแนนแต่ละข้อความดังนี้ ระดับพฤติกรรมการแสดงออก คะแนน มาก 4 ปานกลาง 3 น้อย 2 ไม่มีการแสดงออก 1


92 10. บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้


93 ความเห็นของครูพี่เลี้ยง 1. องค์ประกอบของแผนการจัดการเรียนรู้ ☐ ครบถ้วนและถูกต้อง ☐ ยังไม่ครบถ้วนหรือไม่ถูกต้อง ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 2. ควรสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้กับหลักสูตรสถานศึกษา ☐ สอดคล้อง ☐ ยังไม่สอดคล้อง ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 3. รูปแบบของการจัดการเรียนรู้ ☐ เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ☐ ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 4. สื่อการเรียนรู้ ☐ เหมาะสมกับรูปแบบการจัดการเรียนรู้ ☐ ยังไม่เหมาะสม ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 5. รูปแบบของการจัดการเรียนรู้ ☐ ครอบคลุมจุดประสงค์การเรียนรู้ ☐ ยังไม่ครอบคลุมจุดประสงค์การเรียนรู้ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 6. ข้อเสนอแนะอื่นๆ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ....................................................... (นางสาวอุบลรรณ เลี้ยวอุดมชัย) ครูพี่เลี้ยง แผนการจัดการเรียนรู้นี้สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้เห็นสมควร ให้ใช้จัดการเรียนรู้ให้แก่นักเรียน


94 ความเห็นของหัวหน้าสถานศึกษา/ผู้ที่ได้รับมอบหมาย 1. องค์ประกอบของแผนการจัดการเรียนรู้ ☐ ครบถ้วนและถูกต้อง ☐ ยังไม่ครบถ้วนหรือไม่ถูกต้อง ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 2. ควรสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้กับหลักสูตรสถานศึกษา ☐ สอดคล้อง ☐ ยังไม่สอดคล้อง ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 3. รูปแบบของการจัดการเรียนรู้ ☐ เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ☐ ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 4. สื่อการเรียนรู้ ☐ เหมาะสมกับรูปแบบการจัดการเรียนรู้ ☐ ยังไม่เหมาะสม ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 5. รูปแบบของการจัดการเรียนรู้ ☐ ครอบคลุมจุดประสงค์การเรียนรู้ ☐ ยังไม่ครอบคลุมจุดประสงค์การเรียนรู้ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 6. ข้อเสนอแนะอื่นๆ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ....................................................... (นายบุญเลี้ยง จอดนอก) หัวหน้าสถานศึกษา/ผู้ที่ได้รับมอบหมาย แผนการจัดการเรียนรู้นี้สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้เห็นสมควร ให้ใช้จัดการเรียนรู้ให้แก่นักเรียน


95 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 10 กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 วิชา ชีววิทยา 1 รหัสวิชา ว31241 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 เรื่อง กฎการแยก จำนวน 2 ชั่วโมง ครูผู้สอน นายกฤษณวงศ์ รอบรู้ ************************************************************************* 1. ผลการเรียนรู้ (รายวิชาเพิ่มเติม) อธิบายและสรุปกฎแห่งการแยกและกฎแห่งการรวมกลุ่มอย่างอิสระ และนำกฎของเมนเดลนี้ ไปอธิบายการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมและใช้ในการคำนวณโอกาสในการเกิดฟีโนไทป์และจีโน ไทป์แบบต่างๆของรุ่น F1 และ F2 2. สาระสำคัญ กฎแห่งการแยกมีใจความว่า แอลลีลที่อยู่เป็นคู่ จะแยกออกจากกันในระหว่างการสร้างเซลล์ สืบพันธุ์ โดยเซลล์สืบพันธุ์แต่ละเซลล์จะมีเพียงแอลลีลใดแอลลีล หนึ่ง 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ (K P A ) 3.1 สามารถอธิบายกฎการแยกได้ (K) 3.2 ใช้กฎการแยกไปหาโอกาสของการเกิดฟีโนไทป์และจีโนไทป์แบบต่าง ๆ ของรุ่น F1 และ F2 ของการผสมพิจารณาลักษณะเดียวได้ (K) 3.3 สามารถสืบค้นการค้นข้อมูลเกี่ยวกับกฎการแยกได้ (P) 3.4 มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ มุ่งมั่นในการทำงาน (A) 4. ทักษะกระบวนการคิด 4.1 การสังเกต 4.2 การลงความเห็นจากข้อมูล 4.3 การตีความหมายข้อมูลและลงข้อมูลสรุป 5. สาระการเรียนรู้ - กฎการแยก 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 6.1 มีวินัย 6.2 ใฝ่เรียนรู้ 6.3 มุ่งมั่นในการทำงาน


Click to View FlipBook Version