196 ขั้นอภิปรายและลงข้อสรุป (Explain) 10 นาที 1. เมื่อนักเรียนทำกิจกรรมตามใบงานเสร็จ ให้ตัวแทนนักเรียนออกมารายงานผลการ ค้นพบหน้าชั้นเรียนด้วยวาจา จำนวน 2 คน ตามความสมัครใจ 2. เมื่อนักเรียนรายงานเสร็จแล้ว ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลการวิเคราะห์และลง ข้อสรุปหากผู้เรียนมีผลการวิเคราะห์และลงข้อสรุป ขัดแย้งกับผลอภิปราย ให้ดำเนินแก้ไขผล ดังกล่าวในใบงานของตนเองให้ถูกต้อง 3. ครูและนักเรียนอภิปรายร่วมกันเพื่อสรุปผลการเรียนรู้ตามสาระสำคัญ ด้วยคำถามดังนี้ - ครูถามนักเรียนว่า เพราะเหตุใด นกฟินซ์บนหมู่เกาะกาลาปากอสจึงมีจะงอยปากที่ แตกต่างกัน (แนวตอบ แต่เดิมนกจาบกลุ่มแรกที่เข้ามาอาศัยในบริเวณนี้อาจไม่ได้มีลักษณะที่หลากหลาย แต่ เมื่อประชากรนกจาบเพิ่มมากขึ้น ทำให้อาหารขาดแคลน และประชากรนกจาบส่วนน้อยที่มีจะงอย ปากแตกต่างไปที่สามารถกินอาหารอื่นแทนได้ จึงสามารถสืบพันธุ์เพิ่มจำนวนประชากรได้มากขึ้น ส่งผลต่อประชากรของนกจาบให้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งจากกระบวนการนี้ทำ ให้นกจาบมีจะงอยปากหลายแบบดังที่เห็นในปัจจุบัน) - ครูถามนักเรียนว่า แนวคิดการคัดเลือกโดยธรรมชาติสามารถนำมาอธิบายลักษณะ คอยาวของยีราฟได้อย่างไร (แนวตอบ บรรพบุรุษของยีราฟมีทั้งพวกคอสั้นและคอยาว พวกยีราฟที่คอยาวสามารถกินยอดไม้ได้ ทั้งยอดไม้พุ่มเตี้ยและยอดไม้บนต้นไม้สูง ในขณะที่พวกที่มีคอสั้นจะสามารถกินได้เฉพาะยอดไม้พุ่ม เตี้ยเท่านั้น ดังนั้น ยีราฟที่มีคอยาวจะสามารถดำรงชีวิตและมีลูกได้มากกว่าพวกคอสั้น ทำให้ยีราฟ คอยาวเพิ่มจำนวนได้มากขึ้นในรุ่นต่อ ๆ มา จนในปัจจุบันมีเฉพาะยีราฟคอยาวเท่านั้น) ขั้นประเมิน (Evaluation) 10 นาที 1. ให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดท้ายบทที่ 7 2. ครูประเมินจากการสังเกตการตอบคำถาม การร่วมกันทำผลงาน และการนำเสนอ ผลงาน โดยการใช้แบบประเมินทักษะด้านกระบวนการวิทยาศาสตร์ ทักษะกระบวนการ และ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพื่อใช้เป็นหลักฐานแสดงการวัดและประเมินผล 3. ครูตรวจผลงานจากการทำใบงานหรือแบบฝึกหัด 10. แหล่งเรียนรู้ / สื่อการสอน / วัสดุอุปกรณ์ /เอกสารประกอบการเรียน 10.1 หนังสือเรียนชีววิทยาเพิ่มเติม เล่ม 2 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 10.2 Power point เรื่อง วิวัฒนาการของลามาร์ก
197 12. เครื่องมือและวิธีการวัดผลประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ (ระบุให้ครบทุกจุดประสงค์ KPA) วิธีการวัดผล ประเมินผล เครื่องมือวัดผล ประเมินผล เกณฑ์การผ่านแต่ละ จุดประสงค์การ เรียนรู้ 1. K สามารถอธิบายวิวัฒนาการของ ลามาร์ก ตอบคำถาม ในสมุด แบบประเมิน ชิ้นงาน เกณฑ์ดีขึ้นไป 2. P สามารถสืบค้นการค้นข้อมูล เกี่ยวกับวิวัฒนาการของลา มาร์ก ตอบคำถาม ในสมุด แบบประเมิน ชิ้นงาน เกณฑ์ดีขึ้นไป 3. A 3.1 มีวินัย การสังเกต แบบประเมิน พฤติกรรม 3.2 ใฝ่เรียนรู้ เกณฑ์ดีขึ้นไป 3.3 มุ่งมั่นการทำงาน
198 แบบประเมินชิ้นงาน ประเด็นที่ ประเมิน ระดับคุณภาพ ดีมาก ดี พอใช้ ผลงานมีความ ถูกต้องสมบูรณ เนื้อหาสาระของ ผลงานถูกต้องครบถ้วน เนื้อหาสาระของผลงาน ถูกต้องเป็นส่วนใหญ่ เนื้อหาสาระของผลงาน ถูกต้องเป็นบางประเด็น ผลงานมีความคิด สร้างสรรค์ ผลงานแสดงออกถึง ความคิดสร้างสรรค์ แปลกใหม่ และเป็น ระบบ ผลงานมีแนวคิดแปลก ใหม่แต่ยังไม่เป็นระบบ ผลงานมีความน่าสนใจ แต่ยังไม่มีแนวคิดแปลก ใหม่ 5. ผลงานเสร็จ ตามเวลาที่กำหนด ส่งผลงานตามเวลา ที่กำหนด ส่งผลงานช้ากว่าเวลา ที่กำหนด 1-2 วัน ส่งผลงานช้ากว่าเวลา ที่กำหนด 3-5 วัน แบบประเมินพฤติกรรม วิธีการให้คะแนน ตรวจให้คะแนนตามเกณฑ์โดยกำหนดน้ำหนักของตัวเลือกในช่องต่าง ๆ เป็น 4 3 2 และ 1 ข้อความที่มีความหมายเป็นทางบวก กำหนดให้คะแนนแต่ละข้อความดังนี้ ระดับพฤติกรรมการแสดงออก คะแนน มาก 4 ปานกลาง 3 น้อย 2 ไม่มีการแสดงออก 1
199 10. บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้
200 ความเห็นของครูพี่เลี้ยง 1. องค์ประกอบของแผนการจัดการเรียนรู้ ☐ ครบถ้วนและถูกต้อง ☐ ยังไม่ครบถ้วนหรือไม่ถูกต้อง ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 2. ควรสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้กับหลักสูตรสถานศึกษา ☐ สอดคล้อง ☐ ยังไม่สอดคล้อง ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 3. รูปแบบของการจัดการเรียนรู้ ☐ เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ☐ ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 4. สื่อการเรียนรู้ ☐ เหมาะสมกับรูปแบบการจัดการเรียนรู้ ☐ ยังไม่เหมาะสม ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 5. รูปแบบของการจัดการเรียนรู้ ☐ ครอบคลุมจุดประสงค์การเรียนรู้ ☐ ยังไม่ครอบคลุมจุดประสงค์การเรียนรู้ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 6. ข้อเสนอแนะอื่นๆ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ....................................................... (นางสาวอุบลรรณ เลี้ยวอุดมชัย) ครูพี่เลี้ยง แผนการจัดการเรียนรู้นี้สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้เห็นสมควร ให้ใช้จัดการเรียนรู้ให้แก่นักเรียน
201 ความเห็นของหัวหน้าสถานศึกษา/ผู้ที่ได้รับมอบหมาย 1. องค์ประกอบของแผนการจัดการเรียนรู้ ☐ ครบถ้วนและถูกต้อง ☐ ยังไม่ครบถ้วนหรือไม่ถูกต้อง ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 2. ควรสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้กับหลักสูตรสถานศึกษา ☐ สอดคล้อง ☐ ยังไม่สอดคล้อง ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 3. รูปแบบของการจัดการเรียนรู้ ☐ เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ☐ ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 4. สื่อการเรียนรู้ ☐ เหมาะสมกับรูปแบบการจัดการเรียนรู้ ☐ ยังไม่เหมาะสม ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 5. รูปแบบของการจัดการเรียนรู้ ☐ ครอบคลุมจุดประสงค์การเรียนรู้ ☐ ยังไม่ครอบคลุมจุดประสงค์การเรียนรู้ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 6. ข้อเสนอแนะอื่นๆ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ....................................................... (นายบุญเลี้ยง จอดนอก) หัวหน้าสถานศึกษา/ผู้ที่ได้รับมอบหมาย แผนการจัดการเรียนรู้นี้สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้เห็นสมควร ให้ใช้จัดการเรียนรู้ให้แก่นักเรียน
202 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 22 กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 วิชา ชีววิทยา 1 รหัสวิชา ว31241 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 เรื่อง วิวัฒนาการของดาร์วิน จำนวน 3 ชั่วโมง ครูผู้สอน นายกฤษณวงศ์ รอบรู้ ************************************************************************* 1.ผลการเรียนรู้ (รายวิชาเพิ่มเติม) อธิบายและเปรียบเทียบแนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตของฌอง ลามาร์ก และทฤษฎี เกี่ยวกับวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตของชาลส์ ดาร์วิน 2. สาระสำคัญ แนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการของดาร์วิน ผู้ได้รับยกย่องว่าเป็นบิดาแห่งการศึกษาวิวัฒนาการ ของสิ่งมีชีวิต โดยเสนอเป็นทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ (theory of natural selection) โดยมี ใจความสำคัญ - การคัดเลือกโดยธรรมชาติทำให้สิ่งมีชีวิตแต่ละตัวมีความสามารถในการอยู่รอด และให้กำเนิด ลูกหลานได้แตกต่างกัน - การคัดเลือกโดยธรรมชาติเกิดขึ้นจากปฏิสัมพันธ์ระหว่างสิ่งแวดล้อมที่ประชากรอาศัยอยู่กับ ลักษณะความแปรผันทางพันธุกรรมของสมาชิกในประชากร - ผลจากการคัดเลือกโดยธรรมชาติทำให้ประชากรมีการปรับตัวให้เหมาะสมเพื่อสามารถ ดำรงชีวิตในสภาพแวดล้อมนั้นได้ 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 สามารถอธิบายแนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการของดาร์วินได้ (K) 3.2 สามารถสืบค้นการค้นข้อมูลแนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการของดาร์วิน (P) 3.3 มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ มุ่งมั่นในการทำงาน (A) 4. ทักษะกระบวนการคิด 4.1 การสังเกต 4.2 การลงความเห็นจากข้อมูล 4.3 การตีความหมายข้อมูลและลงข้อมูลสรุป 5. สาระการเรียนรู้ - วิวัฒนาการของดาร์วิน 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 6.1 มีวินัย
203 6.2 ใฝ่เรียนรู้ 6.3 มุ่งมั่นในการทำงาน 7. การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน (วิธีสอนโดยการจัดการเรียนการสอน: กระบวนการสืบเสาะหาความรู้แบบ 5E) ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) 5 นาที 1. ทบทวนความรู้เดิมเรื่อง ทฤษฎีวิวัฒนาการของลามาร์ก โดยใช้ชุดคำถามข้อคำถามหลัก ประกอบด้วย 1.1 ลักษณะคอและขายาวของยีราฟเกิดขึ้นได้อย่างไร (แนวตอบ ลามาร์ก อธิบายว่า ในอดีตยีราฟมีคอและขาสั้น ซึ่งจะกินใบอ่อนบริเวณด้านล่างของ ต้นไม้ เป็นอาหาร แต่เมื่อใบอ่อนบริเวณด้านล่างหมด จึงต้องยืดคอและเขย่งขาเพื่อกินใบอ่อนที่อยู่ ด้านบน จึงทำให้ยีราฟมีคอและขายาว และสามารถถ่ายทอดลักษณะเหล่านี้ไปยังรุ่นลูกหลานได้) ขั้นสำรวจและค้นหา (Explore) 20 นาที 1. แจกใบงาน เรื่อง วิวัฒนาการของดาร์วิน ให้กับนักเรียน 2. ครูให้นักเรียนศึกษา แนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการของดาร์วิน ซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ ได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาของการศึกษาวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต โดยการศึกษาความหลากหลาย ของสิ่งมีชีวิตบนหมู่เกาะกาลาปากอส เช่น นกฟินซ์ 3. ให้นักเรียนจัดกระทำข้อมูลเกี่ยวกับวิวัฒนาการของดาร์วินลงในใบงาน 4. ขณะที่นักเรียนกำลังทำกิจกรรม ครูจะใช้แบบสังเกตบันทึกการทำกิจกรรม ดูคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียน แบบสังเกตจะใช้เป็นหลักฐานแสดงการวัดและการ ประเมินผล ขั้นอภิปรายและลงข้อสรุป (Explain) 10 นาที 1. เมื่อนักเรียนทำกิจกรรมตามใบงานเสร็จ ให้ตัวแทนนักเรียนออกมารายงานผลการ ค้นพบหน้าชั้นเรียนด้วยวาจา จำนวน 2 คน ตามความสมัครใจ 2. เมื่อนักเรียนรายงานเสร็จแล้ว ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลการวิเคราะห์และลง ข้อสรุปหากผู้เรียนมีผลการวิเคราะห์และลงข้อสรุป ขัดแย้งกับผลอภิปราย ให้ดำเนินแก้ไขผล ดังกล่าวในใบงานของตนเองให้ถูกต้อง 3. ครูและนักเรียนอภิปรายร่วมกันเพื่อสรุปผลการเรียนรู้ตามสาระสำคัญ ด้วยคำถามดังนี้ - เพราะเหตุใด นกฟินซ์บนหมู่เกาะกาลาปากอสจึงมีจะงอยปากที่แตกต่างกัน (แนวตอบ แต่เดิมนกจาบกลุ่มแรกที่เข้ามาอาศัยในบริเวณนี้อาจไม่ได้มีลักษณะที่หลากหลาย แต่เมื่อประชากรนกจาบเพิ่มมากขึ้น ทำให้อาหารขาดแคลน และประชากรนกจาบส่วนน้อยที่มี
204 จะงอยปากแตกต่างไปที่สามารถกินอาหารอื่นแทนได้ จึงสามารถสืบพันธุ์เพิ่มจำนวนประชากรได้ มากขึ้น ส่งผลต่อประชากรของนกจาบให้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งจาก กระบวนการนี้ทำให้นกจาบมีจะงอยปากหลายแบบดังที่เห็นในปัจจุบัน) -แนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการของลามาร์กกับแนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการของดาร์วิน แตกต่างกันหรือไม่อย่างไร (แนวตอบ แนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการของลามาร์กและดาร์วินเหมือนกัน คือ สภาพแวดล้อมเป็น แรงผลักดันทำให้สิ่งมีชีวิตเกิดวิวัฒนาการ โดยปรับตัวให้มีลักษณะที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมเพื่อ การอยู่รอด แต่แนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการของลามาร์กนั้น การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับสิ่งมีชีวิตเป็น ผลจากการใช้หรือไม่ใช้อวัยวะหรือโครงสร้างนั้นที่สามารถถ่ายทอดไปยังรุ่นต่อไปได้ ส่วนแนวคิดของ ดาร์วิน ลักษณะของสิ่งมีชีวิตที่ถ่ายทอดไปยังรุ่นต่อไปเป็นลักษณะที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมที่ สิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่) ขั้นประเมิน (Evaluation) 10 นาที 1. ให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดท้ายบทที่ 7 2. ครูประเมินจากการสังเกตการตอบคำถาม การร่วมกันทำผลงาน และการนำเสนอ ผลงาน โดยการใช้แบบประเมินทักษะด้านกระบวนการวิทยาศาสตร์ ทักษะกระบวนการ และ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพื่อใช้เป็นหลักฐานแสดงการวัดและประเมินผล 3. ครูตรวจผลงานจากการทำใบงานหรือแบบฝึกหัด 8. แหล่งเรียนรู้ / สื่อการสอน / วัสดุอุปกรณ์ /เอกสารประกอบการเรียน 10.1 หนังสือเรียนชีววิทยาเพิ่มเติม เล่ม 2 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 10.2 Power point เรื่อง วิวัฒนาการของดาร์วิน
205 9. เครื่องมือและวิธีการวัดผลประเมินผล แบบประเมินชิ้นงาน ประเด็นที่ ประเมิน ระดับคุณภาพ ดีมาก ดี พอใช้ ผลงานมีความ ถูกต้องสมบูรณ เนื้อหาสาระของ ผลงานถูกต้องครบถ้วน เนื้อหาสาระของผลงาน ถูกต้องเป็นส่วนใหญ่ เนื้อหาสาระของผลงาน ถูกต้องเป็นบางประเด็น ผลงานมีความคิด สร้างสรรค์ ผลงานแสดงออกถึง ความคิดสร้างสรรค์ แปลกใหม่ และเป็น ระบบ ผลงานมีแนวคิดแปลก ใหม่แต่ยังไม่เป็นระบบ ผลงานมีความน่าสนใจ แต่ยังไม่มีแนวคิดแปลก ใหม่ 5. ผลงานเสร็จ ตามเวลาที่กำหนด ส่งผลงานตามเวลา ที่กำหนด ส่งผลงานช้ากว่าเวลา ที่กำหนด 1-2 วัน ส่งผลงานช้ากว่าเวลา ที่กำหนด 3-5 วัน จุดประสงค์การเรียนรู้ (ระบุให้ครบทุกจุดประสงค์ KPA) วิธีการวัดผล ประเมินผล เครื่องมือวัดผล ประเมินผล เกณฑ์การผ่านแต่ละ จุดประสงค์การ เรียนรู้ 1. K สามารถอธิบายวิวัฒนาการของ ดาร์วิน ตอบคำถามใน ใบงาน แบบประเมิน ชิ้นงาน เกณฑ์ดีขึ้นไป 2. P สามารถสืบค้นการค้นข้อมูล เกี่ยวกับวิวัฒนาการของดาร์วิน ตรวจการ สืบค้นการค้นข้อมูล แบบประเมิน ชิ้นงาน เกณฑ์ดีขึ้นไป 3. A 3.1 มีวินัย การสังเกต แบบประเมิน พฤติกรรม 3.2 ใฝ่เรียนรู้ เกณฑ์ดีขึ้นไป 3.3 มุ่งมั่นการทำงาน
206 แบบประเมินพฤติกรรม วิธีการให้คะแนน ตรวจให้คะแนนตามเกณฑ์โดยกำหนดน้ำหนักของตัวเลือกในช่องต่าง ๆ เป็น 4 3 2 และ 1 ข้อความที่มีความหมายเป็นทางบวก กำหนดให้คะแนนแต่ละข้อความดังนี้ ระดับพฤติกรรมการแสดงออก คะแนน มาก 4 ปานกลาง 3 น้อย 2 ไม่มีการแสดงออก 1
207 10. บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้
208 ความเห็นของครูพี่เลี้ยง 1. องค์ประกอบของแผนการจัดการเรียนรู้ ☐ ครบถ้วนและถูกต้อง ☐ ยังไม่ครบถ้วนหรือไม่ถูกต้อง ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 2. ควรสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้กับหลักสูตรสถานศึกษา ☐ สอดคล้อง ☐ ยังไม่สอดคล้อง ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 3. รูปแบบของการจัดการเรียนรู้ ☐ เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ☐ ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 4. สื่อการเรียนรู้ ☐ เหมาะสมกับรูปแบบการจัดการเรียนรู้ ☐ ยังไม่เหมาะสม ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 5. รูปแบบของการจัดการเรียนรู้ ☐ ครอบคลุมจุดประสงค์การเรียนรู้ ☐ ยังไม่ครอบคลุมจุดประสงค์การเรียนรู้ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 6. ข้อเสนอแนะอื่นๆ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ....................................................... (นางสาวอุบลรรณ เลี้ยวอุดมชัย) ครูพี่เลี้ยง แผนการจัดการเรียนรู้นี้สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้เห็นสมควร ให้ใช้จัดการเรียนรู้ให้แก่นักเรียน
209 ความเห็นของหัวหน้าสถานศึกษา/ผู้ที่ได้รับมอบหมาย 1. องค์ประกอบของแผนการจัดการเรียนรู้ ☐ ครบถ้วนและถูกต้อง ☐ ยังไม่ครบถ้วนหรือไม่ถูกต้อง ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 2. ควรสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้กับหลักสูตรสถานศึกษา ☐ สอดคล้อง ☐ ยังไม่สอดคล้อง ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 3. รูปแบบของการจัดการเรียนรู้ ☐ เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ☐ ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 4. สื่อการเรียนรู้ ☐ เหมาะสมกับรูปแบบการจัดการเรียนรู้ ☐ ยังไม่เหมาะสม ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 5. รูปแบบของการจัดการเรียนรู้ ☐ ครอบคลุมจุดประสงค์การเรียนรู้ ☐ ยังไม่ครอบคลุมจุดประสงค์การเรียนรู้ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 6. ข้อเสนอแนะอื่นๆ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ....................................................... (นายบุญเลี้ยง จอดนอก) หัวหน้าสถานศึกษา/ผู้ที่ได้รับมอบหมาย แผนการจัดการเรียนรู้นี้สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้เห็นสมควร ให้ใช้จัดการเรียนรู้ให้แก่นักเรียน
210 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 23 กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 วิชา ชีววิทยา 1 รหัสวิชา ว31241 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 เรื่อง ความถี่ของแอลลีลและจีโนไทป์ จำนวน 3 ชั่วโมง ครูผู้สอน นายกฤษณวงศ์ รอบรู้ ************************************************************************* 1.ผลการเรียนรู้ (รายวิชาเพิ่มเติม) ระบุสาระสำคัญและอธิบายเงื่อนไขของภาวะสมดุลของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก ปัจจัยที่ทำให้เกิดการ เปลี่ยนแปลงความถี่ของแอลลีลในประชากร พร้อมทั้งคำนวณหาความถี่ของแอลลีลและจีโนไทป์ของ ประชากรโดยใช้หลักของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก 2. สาระสำคัญ พันธุศาสตร์ประชากร เป็นการศึกษาการเปลี่ยนแปลงความถี่ของยีนหรือความถี่ของแอลลีลที่เป็น องค์ประกอบทางพันธุกรรมของประชากร ซึ่งมีผลต่อการเกิดวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต การหาความถี่ของแอลลีลในประชากร เป็นการหาปริมาณของแอลลีลชนิดต่าง ๆ เมื่อคิด เป็นสัดส่วนของจำนวนแอลลีลทั้งหมดของยีนตำแหน่งเดียวกันในประชากร มีสูตร ดังนี้ 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 สามารถคำนวณหาความถี่ของแอลลีลในประชากรได้ (K) 3.2 สามารถสืบค้นการค้นข้อมูลการหาความถี่ของแอลลีล และความถี่ของจีโนไทป์ในกลุ่ม ประชากร (P) 3.3 มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ มุ่งมั่นในการทำงาน (A) 4. ทักษะกระบวนการคิด 4.1 การสังเกต 4.2 การลงความเห็นจากข้อมูล 4.3 การตีความหมายข้อมูลและลงข้อมูลสรุป 5. สาระการเรียนรู้ - ความถี่ของแอลลีลและจีโนไทป์ 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 6.1 มีวินัย 6.2 ใฝ่เรียนรู้
211 6.3 มุ่งมั่นในการทำงาน 7. การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน (วิธีสอนโดยการจัดการเรียนการสอน: กระบวนการสืบเสาะหาความรู้แบบ 5E) ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) 5 นาที 1. ทบทวนความรู้เดิมเรื่อง ทฤษฎีวิวัฒนาการของลามาร์ก โดยใช้ชุดคำถามข้อคำถามหลัก ประกอบด้วย 1.1 แนวคิดของชาลส์ ดาร์วิน สนับสนุนการเกิดวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตอย่างไร (แนวตอบ แนวคิดการคัดเลือกโดยธรรมชาติของชาลส์ ดาร์วิน กล่าวว่า สิ่งมีชีวิตที่ถูกคัดเลือกให้อยู่ ในสิ่งแวดล้อมจะอาศัยการปรับเปลี่ยนสรีระ พฤติกรรม และรูปแบบการดำรงชีวิต ซึ่งการ ปรับเปลี่ยนของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้มีผลทำให้สิ่งมีชีวิตเกิดวิวัฒนาการ) ขั้นสำรวจและค้นหา (Explore) 20 นาที 1. แจกใบงาน เรื่อง ความถี่ของแอลลีลและจีโนไทป์ ให้กับนักเรียน 2. ครูอธิบายให้นักเรียนฟังว่า จากแนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการของชาลส์ ดาร์วิน และ แนวคิดเกี่ยวกับการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมของเมนเดล จึงถูกนำมาใช้อธิบายเรื่องพันธุ ศาสตร์ประชากร 3. ครูอธิบายให้นักเรียนฟังว่า พันธุศาสตร์ประชากรเป็นการศึกษาเกี่ยวกับการ เปลี่ยนแปลงความถี่ของยีนและแอลลีล และการเปลี่ยนแปลงความถี่ของจีโนไทป์ในยีนพูลของ ประชากร รวมทั้งปัจจัยที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงความถี่ของแอลลีล ซึ่งทำให้สิ่งมีชีวิตเกิด วิวัฒนาการ 4. ให้นักเรียนจัดกระทำข้อมูลเกี่ยวกับความถี่ของแอลลีลและจีโนไทป์ลงในใบงาน 5. ขณะที่นักเรียนกำลังทำกิจกรรม ครูจะใช้แบบสังเกตบันทึกการทำกิจกรรม ดู คุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียน แบบสังเกตจะใช้เป็นหลักฐานแสดงการวัดและการ ประเมินผล ขั้นอภิปรายและลงข้อสรุป (Explain) 10 นาที 1. เมื่อนักเรียนทำกิจกรรมตามใบงานเสร็จ ให้ตัวแทนนักเรียนออกมารายงานผลการ ค้นพบหน้าชั้นเรียนด้วยวาจา จำนวน 2 คน ตามความสมัครใจ 2. เมื่อนักเรียนรายงานเสร็จแล้ว ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลการวิเคราะห์และลง ข้อสรุปหากผู้เรียนมีผลการวิเคราะห์และลงข้อสรุป ขัดแย้งกับผลอภิปราย ให้ดำเนินแก้ไขผล ดังกล่าวในใบงานของตนเองให้ถูกต้อง 3. ครูและนักเรียนอภิปรายร่วมกันเพื่อสรุปผลการเรียนรู้ตามสาระสำคัญ ด้วยคำถามดังนี้
212 - ประชากรคืออะไร (แนวตอบ ประชากร หมายถึง กลุ่มของสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่รวมกันในบริเวณเดียวกันและช่วงเวลา เดียวกัน ซึ่งสมาชิกในประชากรของสิ่งมีชีวิตต้องสามารถสืบพันธุ์กันได้) -ยีนพูลหมายถึงอะไร (แนวตอบ ยีนพูล หมายถึงยีนทั้งหมดที่มีอยู่ในประชากรในช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่งประกอบด้วยแอลลีลทุก แอลลีลของสมาชิกทุกตัวในประชากร ขั้นประเมิน (Evaluation) 10 นาที 1. ให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดท้ายบทที่ 7 2. ครูประเมินจากการสังเกตการตอบคำถาม การร่วมกันทำผลงาน และการนำเสนอ ผลงาน โดยการใช้แบบประเมินทักษะด้านกระบวนการวิทยาศาสตร์ ทักษะกระบวนการ และ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพื่อใช้เป็นหลักฐานแสดงการวัดและประเมินผล 3. ครูตรวจผลงานจากการทำใบงานหรือแบบฝึกหัด 8. แหล่งเรียนรู้ / สื่อการสอน / วัสดุอุปกรณ์ /เอกสารประกอบการเรียน 10.1 หนังสือเรียนชีววิทยาเพิ่มเติม เล่ม 2 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 10.2 Power point เรื่อง ความถี่ของแอลลีลและจีโนไทป์ 9. เครื่องมือและวิธีการวัดผลประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ (ระบุให้ครบทุกจุดประสงค์ KPA) วิธีการวัดผล ประเมินผล เครื่องมือวัดผล ประเมินผล เกณฑ์การผ่านแต่ละ จุดประสงค์การ เรียนรู้ 1. K สามารถคำนวณหาความถี่ของ แอลลีลในประชากรได้ ตอบคำถามใน ใบงาน แบบประเมิน ชิ้นงาน เกณฑ์ดีขึ้นไป 2. P สามารถสืบค้นการค้นข้อมูล การหาความถี่ของแอลลีล และ ความถี่ของจีโนไทป์ในกลุ่ม ประชากร ตรวจการ สืบค้นการค้นข้อมูล แบบประเมิน ชิ้นงาน เกณฑ์ดีขึ้นไป 3. A 3.1 มีวินัย การสังเกต แบบประเมิน พฤติกรรม 3.2 ใฝ่เรียนรู้ เกณฑ์ดีขึ้นไป 3.3 มุ่งมั่นการทำงาน
213 แบบประเมินพฤติกรรม วิธีการให้คะแนน ตรวจให้คะแนนตามเกณฑ์โดยกำหนดน้ำหนักของตัวเลือกในช่องต่าง ๆ เป็น 4 3 2 และ 1 ข้อความที่มีความหมายเป็นทางบวก กำหนดให้คะแนนแต่ละข้อความดังนี้ ระดับพฤติกรรมการแสดงออก คะแนน มาก 4 ปานกลาง 3 น้อย 2 ไม่มีการแสดงออก 1 แบบประเมินชิ้นงาน ประเด็นที่ ประเมิน ระดับคุณภาพ ดีมาก ดี พอใช้ ผลงานมีความ ถูกต้องสมบูรณ เนื้อหาสาระของ ผลงานถูกต้องครบถ้วน เนื้อหาสาระของผลงาน ถูกต้องเป็นส่วนใหญ่ เนื้อหาสาระของผลงาน ถูกต้องเป็นบางประเด็น ผลงานมีความคิด สร้างสรรค์ ผลงานแสดงออกถึง ความคิดสร้างสรรค์ แปลกใหม่ และเป็น ระบบ ผลงานมีแนวคิดแปลก ใหม่แต่ยังไม่เป็นระบบ ผลงานมีความน่าสนใจ แต่ยังไม่มีแนวคิดแปลก ใหม่ 5. ผลงานเสร็จ ตามเวลาที่กำหนด ส่งผลงานตามเวลา ที่กำหนด ส่งผลงานช้ากว่าเวลา ที่กำหนด 1-2 วัน ส่งผลงานช้ากว่าเวลา ที่กำหนด 3-5 วัน
214 10. บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้
215 ความเห็นของครูพี่เลี้ยง 1. องค์ประกอบของแผนการจัดการเรียนรู้ ☐ ครบถ้วนและถูกต้อง ☐ ยังไม่ครบถ้วนหรือไม่ถูกต้อง ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 2. ควรสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้กับหลักสูตรสถานศึกษา ☐ สอดคล้อง ☐ ยังไม่สอดคล้อง ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 3. รูปแบบของการจัดการเรียนรู้ ☐ เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ☐ ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 4. สื่อการเรียนรู้ ☐ เหมาะสมกับรูปแบบการจัดการเรียนรู้ ☐ ยังไม่เหมาะสม ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 5. รูปแบบของการจัดการเรียนรู้ ☐ ครอบคลุมจุดประสงค์การเรียนรู้ ☐ ยังไม่ครอบคลุมจุดประสงค์การเรียนรู้ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 6. ข้อเสนอแนะอื่นๆ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ....................................................... (นางสาวอุบลรรณ เลี้ยวอุดมชัย) ครูพี่เลี้ยง แผนการจัดการเรียนรู้นี้สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้เห็นสมควร ให้ใช้จัดการเรียนรู้ให้แก่นักเรียน
216 ความเห็นของหัวหน้าสถานศึกษา/ผู้ที่ได้รับมอบหมาย 1. องค์ประกอบของแผนการจัดการเรียนรู้ ☐ ครบถ้วนและถูกต้อง ☐ ยังไม่ครบถ้วนหรือไม่ถูกต้อง ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 2. ควรสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้กับหลักสูตรสถานศึกษา ☐ สอดคล้อง ☐ ยังไม่สอดคล้อง ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 3. รูปแบบของการจัดการเรียนรู้ ☐ เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ☐ ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 4. สื่อการเรียนรู้ ☐ เหมาะสมกับรูปแบบการจัดการเรียนรู้ ☐ ยังไม่เหมาะสม ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 5. รูปแบบของการจัดการเรียนรู้ ☐ ครอบคลุมจุดประสงค์การเรียนรู้ ☐ ยังไม่ครอบคลุมจุดประสงค์การเรียนรู้ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 6. ข้อเสนอแนะอื่นๆ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ....................................................... (นายบุญเลี้ยง จอดนอก) หัวหน้าสถานศึกษา/ผู้ที่ได้รับมอบหมาย แผนการจัดการเรียนรู้นี้สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้เห็นสมควร ให้ใช้จัดการเรียนรู้ให้แก่นักเรียน
217 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 24 กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 วิชา ชีววิทยา 1 รหัสวิชา ว31241 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 เรื่อง ปัจจัยที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงความถี่ของแอลลีล จำนวน 3 ชั่วโมง ครูผู้สอน นายกฤษณวงศ์ รอบรู้ ************************************************************************* 1.ผลการเรียนรู้ (รายวิชาเพิ่มเติม) ระบุสาระสำคัญและอธิบายเงื่อนไขของภาวะสมดุลของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก ปัจจัยที่ทำให้เกิดการ เปลี่ยนแปลงความถี่ของแอลลีลในประชากร พร้อมทั้งคำนวณหาความถี่ของแอลลีลและจีโนไทป์ของ ประชากรโดยใช้หลักของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก 2. สาระสำคัญ ปัจจัยที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงความถี่ของแอลลีล ซึ่งมีผลทำให้สิ่งมีชีวิตเกิดวิวัฒนาการ มีดังนี้ - การเปลี่ยนแปลงความถี่แบบไม่เจาะจง - การถ่ายเทเคลื่อนย้าย - การเลือกคู่ผสมพันธุ์ - มิวเทชัน - การคัดเลือกโดยธรรมชาติ 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 สามารถอธิบายเกี่ยวกับปัจจัยที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงความถี่ของแอลลีล (K) 3.2 สามารถสืบค้นการค้นข้อมูลปัจจัยที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงความถี่ของแอลลีล (P) 3.3 มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ มุ่งมั่นในการทำงาน (A) 4. ทักษะกระบวนการคิด 4.1 การสังเกต 4.2 การลงความเห็นจากข้อมูล 4.3 การตีความหมายข้อมูลและลงข้อมูลสรุป 5. สาระการเรียนรู้ - ปัจจัยที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงความถี่ของแอลลีล 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 6.1 มีวินัย 6.2 ใฝ่เรียนรู้ 6.3 มุ่งมั่นในการทำงาน
218 7. การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน (วิธีสอนโดยการจัดการเรียนการสอน: กระบวนการสืบเสาะหาความรู้แบบ 5E) ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) 5 นาที 1. ทบทวนความรู้เดิมเรื่อง พันธุศาสตร์ประชากร โดยใช้ชุดคำถามข้อคำถามหลักประกอบด้วย 1.1 ประชากรคืออะไร (แนวตอบ ประชากร หมายถึง กลุ่มของสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่รวมกันในบริเวณเดียวกันและช่วงเวลา เดียวกัน ซึ่งสมาชิกในประชากรของสิ่งมีชีวิตต้องสามารถสืบพันธุ์กันได้) 1.2 ยีนพูลหมายถึงอะไร (แนวตอบ ยีนพูล หมายถึงยีนทั้งหมดที่มีอยู่ในประชากรในช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่งประกอบด้วยแอลลีล ทุกแอลลีลของสมาชิกทุกตัวในประชากร) ขั้นสำรวจและค้นหา (Explore) 20 นาที 1. แจกใบงาน เรื่อง ปัจจัยที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงความถี่ของแอลลีล ให้กับนักเรียน 2. ครูอธิบายให้นักเรียนฟังว่า ในธรรมชาติไม่สามารถควบคุมเงื่อนไขต่าง ๆ ที่ทำให้ ประชากรสิ่งมีชีวิตอยู่ในภาวะของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์กได้ เนื่องจากมีปัจจัยบางประการเข้ามาเกี่ยวข้อง การเปลี่ยนแปลงความถี่ยีนอย่างไม่เจาะจง ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 สถาณการณ์ ได้แก่ ผลกระทบจากผู้ก่อตั้ง และปรากฏการณ์คอขวด 3. ให้นักเรียนจัดกระทำข้อมูลเกี่ยวกับปัจจัยที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงความถี่ของ แอลลีล ลงในใบงาน 4. ขณะที่นักเรียนกำลังทำกิจกรรม ครูจะใช้แบบสังเกตบันทึกการทำกิจกรรม ดูคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียน แบบสังเกตจะใช้เป็นหลักฐานแสดงการวัดและการ ประเมินผล ขั้นอภิปรายและลงข้อสรุป (Explain) 10 นาที 1. เมื่อนักเรียนทำกิจกรรมตามใบงานเสร็จ ให้ตัวแทนนักเรียนออกมารายงานผลการ ค้นพบหน้าชั้นเรียนด้วยวาจา จำนวน 2 คน ตามความสมัครใจ 2. เมื่อนักเรียนรายงานเสร็จแล้ว ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลการวิเคราะห์และลง ข้อสรุปหากผู้เรียนมีผลการวิเคราะห์และลงข้อสรุป ขัดแย้งกับผลอภิปราย ให้ดำเนินแก้ไขผล ดังกล่าวในใบงานของตนเองให้ถูกต้อง 3. ครูและนักเรียนอภิปรายร่วมกันเพื่อสรุปผลการเรียนรู้ตามสาระสำคัญ ด้วยคำถามดังนี้ - การถ่ายเทเคลื่อนย้ายยีนมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงความถี่แอลลีล อย่างไร
219 (แนวตอบ การถ่ายเทเคลื่อนย้ายยีน ทำให้แอลลีลของกลุ่มประชากร 2 กลุ่ม มีบางแอลลีลเพิ่มขึ้น และบางแอลลีลลดลง ซึ่งทำให้ประชากร 2 กลุ่มมความถี่ของแอลลีลใกล้เคียงกันจนเหมือนเป็น ประชากรกลุ่มเดียวกัน) - การคัดเลือกโดยธรรมชาติมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงความถี่ของแอลลีล อย่างไร (แนวตอบ การคัดเลือกโดยธรรมชาติ เป็นการคัดเลือกสิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะเหมาะสมกับสิ่งแวดล้อม ให้สามารถดำรงชีวิต และสืบพันธุ์ให้ประชากรรุ่นต่อไปได้ ส่วนสิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะไม่เหมาะสมกับ สิ่งแวดล้อมจะถูกคัดทิ้งและลดจำนวนลง ซึ่งมีผลทำให้บางแอลลีลเพิ่มขึ้น บางแอลลีลลดลง และ บางแอลลีลอาจให้ไปจากกลุ่มประชากร) - การเกิดมิวเทชันแตกต่างจากการคัดเลือกโดยธรรมชาติอย่างไร (แนวตอบ มิวเทชันเป็นการสร้างลักษณะทางพันธุกรรมขึ้นมาใหม่ในกลุ่มประชากร ซึ่งอาจเป็น ลักษณะที่ดีหรือไม่ดีในกลุ่มประชากรนั้น ๆ และการคัดเลือกโดยธรรมชาติไม่ได้สร้างลักษณะทาง พันธุกรรมขึ้นมาใหม่ แต่จะคัดเลือกลักษณะทางพันธุกรรมที่มีอยู่ในประชากรที่มีลักษณะเหมาะสมกับ สภาพแวดล้อมที่สิ่งมีชีวิตนั้นอาศัยอยู่) ขั้นประเมิน (Evaluation) 10 นาที 1. ให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดท้ายบทที่ 7 2. ครูประเมินจากการสังเกตการตอบคำถาม การร่วมกันทำผลงาน และการนำเสนอ ผลงาน โดยการใช้แบบประเมินทักษะด้านกระบวนการวิทยาศาสตร์ ทักษะกระบวนการ และ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพื่อใช้เป็นหลักฐานแสดงการวัดและประเมินผล 3. ครูตรวจผลงานจากการทำแบบฝึกหัด 10. แหล่งเรียนรู้ / สื่อการสอน / วัสดุอุปกรณ์ /เอกสารประกอบการเรียน 10.1 หนังสือเรียนชีววิทยาเพิ่มเติม เล่ม 2 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 10.2 Power point เรื่อง ปัจจัยที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงความถี่ของแอลลีล
220 12. เครื่องมือและวิธีการวัดผลประเมินผล แบบประเมินพฤติกรรม วิธีการให้คะแนน ตรวจให้คะแนนตามเกณฑ์โดยกำหนดน้ำหนักของตัวเลือกในช่องต่าง ๆ เป็น 4 3 2 และ 1 ข้อความที่มีความหมายเป็นทางบวก กำหนดให้คะแนนแต่ละข้อความดังนี้ ระดับพฤติกรรมการแสดงออก คะแนน มาก 4 ปานกลาง 3 น้อย 2 ไม่มีการแสดงออก 1 จุดประสงค์การเรียนรู้ (ระบุให้ครบทุกจุดประสงค์ KPA) วิธีการวัดผล ประเมินผล เครื่องมือวัดผล ประเมินผล เกณฑ์การผ่านแต่ละ จุดประสงค์การ เรียนรู้ 1. K สามารถอธิบายเกี่ยวกับปัจจัยที่ทำ ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงความถี่ของ แอลลีล ตอบคำถามใน ใบงาน แบบประเมิน ชิ้นงาน เกณฑ์ดีขึ้นไป 2. P สามารถสืบค้นการค้นข้อมูลปัจจัยที่ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงความถี่ของ แอลลีล ตรวจการ สืบค้นการค้น ข้อมูล แบบประเมิน ชิ้นงาน เกณฑ์ดีขึ้นไป 3. A 3.1 มีวินัย การสังเกต แบบประเมิน พฤติกรรม 3.2 ใฝ่เรียนรู้ เกณฑ์ดีขึ้นไป 3.3 มุ่งมั่นการทำงาน
221 แบบประเมินชิ้นงาน ประเด็นที่ ประเมิน ระดับคุณภาพ ดีมาก ดี พอใช้ ผลงานมีความ ถูกต้องสมบูรณ เนื้อหาสาระของ ผลงานถูกต้องครบถ้วน เนื้อหาสาระของผลงาน ถูกต้องเป็นส่วนใหญ่ เนื้อหาสาระของผลงาน ถูกต้องเป็นบางประเด็น ผลงานมีความคิด สร้างสรรค์ ผลงานแสดงออกถึง ความคิดสร้างสรรค์ แปลกใหม่ และเป็น ระบบ ผลงานมีแนวคิดแปลก ใหม่แต่ยังไม่เป็นระบบ ผลงานมีความน่าสนใจ แต่ยังไม่มีแนวคิดแปลก ใหม่ 5. ผลงานเสร็จ ตามเวลาที่กำหนด ส่งผลงานตามเวลา ที่กำหนด ส่งผลงานช้ากว่าเวลา ที่กำหนด 1-2 วัน ส่งผลงานช้ากว่าเวลา ที่กำหนด 3-5 วัน
222 10. บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้
223 ความเห็นของครูพี่เลี้ยง 1. องค์ประกอบของแผนการจัดการเรียนรู้ ☐ ครบถ้วนและถูกต้อง ☐ ยังไม่ครบถ้วนหรือไม่ถูกต้อง ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 2. ควรสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้กับหลักสูตรสถานศึกษา ☐ สอดคล้อง ☐ ยังไม่สอดคล้อง ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 3. รูปแบบของการจัดการเรียนรู้ ☐ เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ☐ ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 4. สื่อการเรียนรู้ ☐ เหมาะสมกับรูปแบบการจัดการเรียนรู้ ☐ ยังไม่เหมาะสม ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 5. รูปแบบของการจัดการเรียนรู้ ☐ ครอบคลุมจุดประสงค์การเรียนรู้ ☐ ยังไม่ครอบคลุมจุดประสงค์การเรียนรู้ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 6. ข้อเสนอแนะอื่นๆ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ....................................................... (นางสาวอุบลรรณ เลี้ยวอุดมชัย) ครูพี่เลี้ยง แผนการจัดการเรียนรู้นี้สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้เห็นสมควร ให้ใช้จัดการเรียนรู้ให้แก่นักเรียน
224 ความเห็นของหัวหน้าสถานศึกษา/ผู้ที่ได้รับมอบหมาย 1. องค์ประกอบของแผนการจัดการเรียนรู้ ☐ ครบถ้วนและถูกต้อง ☐ ยังไม่ครบถ้วนหรือไม่ถูกต้อง ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 2. ควรสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้กับหลักสูตรสถานศึกษา ☐ สอดคล้อง ☐ ยังไม่สอดคล้อง ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 3. รูปแบบของการจัดการเรียนรู้ ☐ เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ☐ ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 4. สื่อการเรียนรู้ ☐ เหมาะสมกับรูปแบบการจัดการเรียนรู้ ☐ ยังไม่เหมาะสม ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 5. รูปแบบของการจัดการเรียนรู้ ☐ ครอบคลุมจุดประสงค์การเรียนรู้ ☐ ยังไม่ครอบคลุมจุดประสงค์การเรียนรู้ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 6. ข้อเสนอแนะอื่นๆ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ....................................................... (นายบุญเลี้ยง จอดนอก) หัวหน้าสถานศึกษา/ผู้ที่ได้รับมอบหมาย แผนการจัดการเรียนรู้นี้สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้เห็นสมควร ให้ใช้จัดการเรียนรู้ให้แก่นักเรียน
225 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 25 กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 วิชา ชีววิทยา 1 รหัสวิชา ว31241 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 เรื่อง กำเนิดสปีชีส์ จำนวน 3 ชั่วโมง ครูผู้สอน นายกฤษณวงศ์ รอบรู้ ************************************************************************* 1.ผลการเรียนรู้ (รายวิชาเพิ่มเติม) สืบค้นข้อมูล อภิปราย และอธิบายกระบวนการเกิดสปีชีส์ใหม่ของสิ่งมีชีวิต 2. สาระสำคัญ สปีชีส์ของสิ่งมีชีวิต มีความหมายแตกต่างกัน แบ่งออกเป็น - สปีชีส์ด้านสัณฐานวิทยา (morphological species concept) หมายถึง สิ่งมีชีวิตที่มี โครงสร้างภายนอกเหมือนกัน หรือมีการทำงานของโครงสร้างภายนอกคล้ายกัน - สปีชีส์ทางด้านชีววิทยา (biological species concept) หมายถึง สิ่งมีชีวิตที่สามารถ ผสมพันธุ์กันได้ในธรรมชาติและให้กำเนิดลูกที่ไม่เป็นหมัน การเกิดสปีชีส์ใหม่จะเกิดขึ้นเมื่อไม่มีการถ่ายเทเคลื่อนย้ายยีนระหว่างประชากร ทำให้ ประชากรทั้งสอง มีโครงสร้างทางพันธุกรรมที่แตกต่างกันและเกิดเป็นสปีชีส์ใหม่ ซึ่งมี 2 แนวทาง 1. การเกิดสปีชีส์ใหม่จากการแบ่งแยกทางภูมิศาสตร์ (allopatric speciation) เป็นการ เกิดสปีชีส์ใหม่โดยมีสิ่งกีดขวางทางธรรมชาติ ทำให้ประชากรดั้งเดิมถูกแบ่งแยกออกเป็น กลุ่มย่อยและไม่มีการถ่ายเทเคลื่อนย้ายยีนระหว่างกัน จากนั้นแต่ละกลุ่มย่อยจะพัฒนา เปลี่ยนแปลงความแตกต่างทางพันธุกรรมตามการคัดเลือกโดยธรรมชาติจนเกิดสปีชีส์ ใหม่ 2. การเกิดสปีชีส์ใหม่ในเขตภูมิศาสตร์เดียวกัน (sympatric speciation) เป็นการเกิดสปี ชีส์ใหม่จากการแบ่งแยกประชากรดั้งเดิมออกเป็นกลุ่มย่อยในเชิงการสืบพันธุ์ เชิง พฤติกรรม หรือเชิงนิเวศวิทยา ซึ่งประชากรกลุ่มย่อยอาจยังคงอยู่ในขอบเขตเดียวกัน แต่ประชากรดังเดิมและประชากรกลุ่มย่อย ไม่สามารถผสมพันธ์กันได้ 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 สามารถอธิบายหลักการเกิดสปีชีส์ใหม่ของสิ่งมีชีวิตได้ (K) 3.2 สามารถสืบค้นการค้นข้อมูลกำเนิดสปีชีส์(P) 3.3 มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ มุ่งมั่นในการทำงาน (A)
226 4. ทักษะกระบวนการคิด 4.1 การสังเกต 4.2 การลงความเห็นจากข้อมูล 4.3 การตีความหมายข้อมูลและลงข้อมูลสรุป 5. สาระการเรียนรู้ - กำเนิดสปีชีส์ 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 6.1 มีวินัย 6.2 ใฝ่เรียนรู้ 6.3 มุ่งมั่นในการทำงาน 7. การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน (วิธีสอนโดยการจัดการเรียนการสอน: กระบวนการสืบเสาะหาความรู้แบบ 5E) ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) 5 นาที 1. ทบทวนความรู้เดิมเรื่อง กำเนิดสปีชีส์ โดยใช้คำถาม“สปีชีส์” หมายความว่าอย่างไร (แนวตอบ สปีชีส์หมายถึง กลุ่มของสิ่งมีชีวิตที่มีโครงสร้าง หน้าที่เหมือนกัน และสามารถ ผสมพันธุ์กันได้โดยที่ลูกที่ไม่เป็นหมัน) 2. ครูนำเสนอภาพนก 2 ชนิด ได้แก่ Sternella neglecta และ Sternella magna ให้นักเรียน สังเกต - นกทั้ง 2 ภาพนี้ เป็นสายพันธุ์เดียวกันหรือไม่ (แนวตอบ นกทั้ง 2 ภาพ เป็นนกต่างสายพันธุ์กัน แต่มีลักษณะรูปร่างที่คล้ายคลึงกัน) ขั้นสำรวจและค้นหา (Explore) 20 นาที 1. แจกใบงาน เรื่อง กำเนิดสปีชีส์ให้กับนักเรียน 2. ครูให้นักเรียนศึกษา กำเนิดสปีชีส์ การเกิดสปีชีส์ใหม่ของสิ่งมีชีวิต จะเกิดขึ้นเมื่อไม่มีการถ่ายเทเคลื่อนย้ายยีนระหว่าง ประชากร ทำให้ประชากรทั้งสองกลุ่มมีโครงสร้างที่แตกต่างกัน และเกิดเป็นสปีชีส์ใหม่ แบ่ง ออกเป็น 2 แนวทาง ได้แก่ การเกิดสปีชีส์ใหม่จากการแบ่งแยกทางภูมิศาสตร์ และการเกิดสปีชีส์ ใหม่ในเขตภูมิศาสตร์เดียวกัน การเกิดสปีชีส์ใหม่จากการแบ่งแยกทางภูมิศาสตร์ ทีเกิดจากมีสิ่งกีดขวางทำให้ประชากร ดั้งเดิมถูกแบ่งแยกออกเป็นกลุ่มย่อย และทำให้ไม่มีการถ่ายเทเคลื่อนย้ายยีนระหว่างกันอีก
227 การเกิดสปีชีส์ใหม่ในเขตภูมิศาสตร์เดียวกัน ที่เกิดจากการแบ่งแยกประชากรดั้งเดิม ออกเป็นกลุ่มย่อยในเชิงการสืบพันธุ์ พฤติกรรม หรือนิเวศวิทยา ซึ่งประชากรยังอาศัยอยู่ในบริเวณ เดียวกัน แต่ไม่สามารถผสมพันธุ์กับสายพันธ์ดังเดิมได้ การกระทำของมนุษย์ก็มีผลทำให้สิ่งมีชีวิตเกิดวิวัฒนาการเป็นสปีชีสืใหม่ได้เช่นกัน เช่น แมลงที่ดื้อสารฆ่าแมลง เชื้อโรคที่ดื้อต่อยาปฏิชีวนะ 3. ให้นักเรียนจัดกระทำข้อมูลเกี่ยวกับหลักการของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก ลงในใบงาน 4. ขณะที่นักเรียนกำลังทำกิจกรรมครูจะใช้แบบสังเกตบันทึกการทำกิจกรรม ดู คุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียน แบบสังเกตจะใช้เป็นหลักฐานแสดงการวัดและการ ประเมินผล ขั้นอภิปรายและลงข้อสรุป (Explain) 10 นาที 1. เมื่อนักเรียนทำกิจกรรมตามใบงานเสร็จให้ตัวแทนนักเรียนออกมารายงานผลการค้นพบ หน้าชั้นเรียนด้วยวาจา จำนวน 2 คน ตามความสมัครใจ 2. เมื่อนักเรียนรายงานเสร็จแล้ว ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลการวิเคราะห์และลง ข้อสรุปหากผู้เรียนมีผลการวิเคราะห์และลงข้อสรุป ขัดแย้งกับผลอภิปราย ให้ดำเนินแก้ไขผล ดังกล่าวในใบงานของตนเองให้ถูกต้อง 3. ครูและนักเรียนอภิปรายร่วมกันเพื่อสรุปผลการเรียนรู้ตามสาระสำคัญ ด้วยคำถามดังนี้ - สปีชีส์ทางด้านสัณฐานวิทยาและและสปีชีส์ทางด้านชีววิทยา แตกต่างกันอย่างไร (แนวตอบ สปีชีส์ทางด้านสัณฐานวิทยา หมายถึง สิ่งมีชีวิตที่มีโครงสร้างภายนอก หรือการทำงาน ของโครงสร้างภายนอกที่คล้ายคลึงกัน แต่สิ่งมีชีวิตไม่สามารถผสมพันธุ์กันได้ แต่สปีชีส์ทางด้าน ชีววิทยา หมายถึง สิ่งมีชีวิตที่สามารถผสมพันธุ์กัน และให้กำเนิดลูกที่ไม่เป็นหมัน ซึ่งนักชีววิทยาใช้ สมบัติของ สปีชีส์ทางด้านชีววิทยาในการจำแนกสปีชีส์ของสิ่งมีชีวิต) - หากประชากรสปีชีส์ใหม่ที่เกิดจากการแบ่งแยกทางภูมิศาสตร์กลับมาเจอกับประชากร ดั้งเดิมจะสามารถผสมพันธุ์กันได้หรือไม่ อย่างไร (แนวตอบ ไม่สามารถผสมพันธุ์กันได้ เพราะยีนพูลของประชากรทั้งสองกลุ่มแตกต่างกัน) - กลไกใดที่ทำให้ประชากรในเขตภูมิศาสตร์เดียวกันไม่สามารถถ่ายเทเคลื่อนย้ายยีน ระหว่างกันได้ (แนวตอบ การเปลี่ยนแปลงจำนวนโครโมโซมของประชากร ทำให้ประชากรมีจำนวนโครโมโซม เปลี่ยนแปลงไปจนไม่สามารถผสมพันธุ์กับประชากรดั้งเดิมได้) ขั้นประเมิน (Evaluation) 10 นาที 1. ให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดท้ายบทที่ 7
228 2. ครูประเมินจากการสังเกตการตอบคำถาม การร่วมกันทำผลงาน และการนำเสนอ ผลงาน โดยการใช้แบบประเมินทักษะด้านกระบวนการวิทยาศาสตร์ ทักษะกระบวนการ และ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพื่อใช้เป็นหลักฐานแสดงการวัดและประเมินผล 3. ครูตรวจผลงานจากการทำใบงานหรือแบบฝึกหัด 8. แหล่งเรียนรู้ / สื่อการสอน / วัสดุอุปกรณ์ /เอกสารประกอบการเรียน 10.1 หนังสือเรียนชีววิทยาเพิ่มเติม เล่ม 2 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 10.2 Power point เรื่อง กำเนิดสปีชีส์ 9. เครื่องมือและวิธีการวัดผลประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ (ระบุให้ครบทุกจุดประสงค์ KPA) วิธีการวัดผล ประเมินผล เครื่องมือวัดผล ประเมินผล เกณฑ์การผ่านแต่ละ จุดประสงค์การ เรียนรู้ 1. K สามารถคำนวณหาความถี่ของ แอลลีลในประชากรได้ ตอบคำถาม ในสมุด แบบประเมิน ชิ้นงาน เกณฑ์ดีขึ้นไป 2. P สามารถสืบค้นการค้นข้อมูล การหาความถี่ของแอลลีล และ ความถี่ของจีโนไทป์ในกลุ่ม ประชากร ตรวจการ สืบค้นการค้นข้อมูล แบบประเมิน ชิ้นงาน เกณฑ์ดีขึ้นไป 3. A 3.1 มีวินัย การสังเกต แบบประเมิน พฤติกรรม 3.2 ใฝ่เรียนรู้ เกณฑ์ดีขึ้นไป 3.3 มุ่งมั่นการทำงาน
229 แบบประเมินชิ้นงาน ประเด็นที่ ประเมิน ระดับคุณภาพ ดีมาก ดี พอใช้ ผลงานมีความ ถูกต้องสมบูรณ เนื้อหาสาระของ ผลงานถูกต้องครบถ้วน เนื้อหาสาระของผลงาน ถูกต้องเป็นส่วนใหญ่ เนื้อหาสาระของผลงาน ถูกต้องเป็นบางประเด็น ผลงานมีความคิด สร้างสรรค์ ผลงานแสดงออกถึง ความคิดสร้างสรรค์ แปลกใหม่ และเป็น ระบบ ผลงานมีแนวคิดแปลก ใหม่แต่ยังไม่เป็นระบบ ผลงานมีความน่าสนใจ แต่ยังไม่มีแนวคิดแปลก ใหม่ 5. ผลงานเสร็จ ตามเวลาที่กำหนด ส่งผลงานตามเวลา ที่กำหนด ส่งผลงานช้ากว่าเวลา ที่กำหนด 1-2 วัน ส่งผลงานช้ากว่าเวลา ที่กำหนด 3-5 วัน แบบประเมินพฤติกรรม วิธีการให้คะแนน ตรวจให้คะแนนตามเกณฑ์โดยกำหนดน้ำหนักของตัวเลือกในช่องต่าง ๆ เป็น 4 3 2 และ 1 ข้อความที่มีความหมายเป็นทางบวก กำหนดให้คะแนนแต่ละข้อความดังนี้ ระดับพฤติกรรมการแสดงออก คะแนน มาก 4 ปานกลาง 3 น้อย 2 ไม่มีการแสดงออก 1
230 10. บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้
231 ความเห็นของครูพี่เลี้ยง 1. องค์ประกอบของแผนการจัดการเรียนรู้ ☐ ครบถ้วนและถูกต้อง ☐ ยังไม่ครบถ้วนหรือไม่ถูกต้อง ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 2. ควรสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้กับหลักสูตรสถานศึกษา ☐ สอดคล้อง ☐ ยังไม่สอดคล้อง ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 3. รูปแบบของการจัดการเรียนรู้ ☐ เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ☐ ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 4. สื่อการเรียนรู้ ☐ เหมาะสมกับรูปแบบการจัดการเรียนรู้ ☐ ยังไม่เหมาะสม ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 5. รูปแบบของการจัดการเรียนรู้ ☐ ครอบคลุมจุดประสงค์การเรียนรู้ ☐ ยังไม่ครอบคลุมจุดประสงค์การเรียนรู้ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 6. ข้อเสนอแนะอื่นๆ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ....................................................... (นางสาวอุบลรรณ เลี้ยวอุดมชัย) ครูพี่เลี้ยง แผนการจัดการเรียนรู้นี้สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้เห็นสมควร ให้ใช้จัดการเรียนรู้ให้แก่นักเรียน
232 ความเห็นของหัวหน้าสถานศึกษา/ผู้ที่ได้รับมอบหมาย 1. องค์ประกอบของแผนการจัดการเรียนรู้ ☐ ครบถ้วนและถูกต้อง ☐ ยังไม่ครบถ้วนหรือไม่ถูกต้อง ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 2. ควรสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้กับหลักสูตรสถานศึกษา ☐ สอดคล้อง ☐ ยังไม่สอดคล้อง ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 3. รูปแบบของการจัดการเรียนรู้ ☐ เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ☐ ยังไม่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 4. สื่อการเรียนรู้ ☐ เหมาะสมกับรูปแบบการจัดการเรียนรู้ ☐ ยังไม่เหมาะสม ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 5. รูปแบบของการจัดการเรียนรู้ ☐ ครอบคลุมจุดประสงค์การเรียนรู้ ☐ ยังไม่ครอบคลุมจุดประสงค์การเรียนรู้ควรปรับปรุงและพัฒนาต่อไป 6. ข้อเสนอแนะอื่นๆ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ....................................................... (นายบุญเลี้ยง จอดนอก) หัวหน้าสถานศึกษา/ผู้ที่ได้รับมอบหมาย แผนการจัดการเรียนรู้นี้สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้เห็นสมควร ให้ใช้จัดการเรียนรู้ให้แก่นักเรียน
233 ภาคผนวก
234
ใบงาน บทที่ 4 ม.4 เทอม 2 ชื่อ......................................................... ชั้น .......... เลขที่ ........ โครโมโซม สารพันธุกรรม และ ชีววิทยา
ใบงาน สารพันธุกรรม องค์ประกอบของสารพันธุกรรม โครงสร้างของนิวคลีโอไทด์ประกอบไปด้วย 3 ส่วน คือ ชื่อ..........................................................ชั้น.........เลขที่.......... 1................................................ 2................................................ 3................................................ นิวคลีโอไทด์ (Nucleotide) Nitrogenous Base Purine Pyrimidine โครงสร้าง................. วง ได้แก่ เบส ……………………………. โครงสร้าง................. วง ได้แก่ เบส ……………………………. โครงสร้างเป็นน้้าตาล 5 คาร์บอน องค์ประกอบทั้ง 3 ส่วน ประกอบกันเป็นนิวคลีโอไทด์ DNA RNA น้้าตาล................................................ น้้าตาล................................................ C1 C3 C2 C4 C5 (Deoxy ribonucleic acid) (Ribonucleic acid) OH H OH OH
พอลินิวคลีโอไทด์(Polynucleotide) ***หาก DNA มีสายในลักษณะที่ก้าหนดให้ DNA สายคู่จะมีลักษณะล้าดับเบสเป็นอย่างไร 5’ GATAGCGTAGCGCTCGATAGCTACG 3’ …….…………………………………………………………. DNA สายคู่ของสายแม่แบบ มีล้าดับเบส 10 ตัวแรก อะไรบ้างตามล้าดับ ...................................................................................................................................... S P S P S P S P S P พันธะ................................ พันธะ................................ S P S P S P S P S P ปลาย ..... ปลาย ..... ปลาย ..... ปลาย ..... จงเติมค้าตอบลงในช่องว่าง และเติมเบสพร้อมจับคู่ และใส่พันธุให้ถูกต้อง ..... ..... ..... ..... ..... ..... ..... ..... ..... .....
DNA Replication 3’ T A C G C A T T C A C T A C 5’ A T G C G T A A G T G 1 3 2 จากภาพการจ้าลอง DNA ด้านบน จงตอบค้าถามต่อไปนี้ให้ถูกต้อง 1. หมายเลขใดจะพบเอนไซม์ Ligase …………………………………………………………. 2. หมายเลขใด พบเอนไซม์ Helicase …………………………………………………………. 3. หมายเลขใด คือ Leading strand …………………………………………………………. 4. หมายเลขใด คือ Lagging strand …………………………………………………………. 5. เบส 10 ตัวแรงของสาย Leading strand ประกอบไปด้วยเบสอะไรบ้าง ตามล้าดับ .................................................................................................................................. Transcription และ Translation 3’ CTACTGCATACCCGTAAAGATCGCCGATCCAGATAC 5’ …………………………….……………………………สาย…………….….. สาย…………….….. …………………………….…………………………… กระบวนการ …………….…... กระบวนการ …………….…... สาย………………... จากกระบวนการดังกล่าว ได้กรดอะมิโนทั้งหมด …………ตัว ได้แก่ (ชื่อเต็ม)………………………………. …………………………………………………………………………………………………………… จากล้าดับนิวคลีโอไทด์ของ DNA ก้าหนดให้ ต้าแหน่งที่ขีดเส้นใต้คือบริเวณที่เป็นยีน และให้DNA สายล่าง เป็นแม่แบบส้าหรับการถอดรหัส จงแสดงล้าดับขั้นตอนในการสังเคราะห์โปรตีนในแต่ละล้าดับที่ก้าหนดให้โดยใช้ตารางที่ 4.4 ในหนังสือ หน้าที่ 28 ประกอบการท้ากิจกรรม 5’ GATGACGTATGGGCATTTCTAGCGGCTAGGTCTATG 3’ ชื่อ..........................................................ชั้น.........เลขที่..........
การแทนที่คู่เบส จากสาย DNA แม่แบบที่ก้าหนดให้ จะสามารถสังเคราะห์กรดอะมิโนได้อะไรบ้าง จงแสดงวิธีท้า หากมีการแทนที่จากเบส T และ A ที่ต้าแหน่งที่ 10 และ 19 ในสาย DNA แม่แบบตามล้าดับ จะมีการเปลี่ยนแปลงของสาย polypeptide อย่างไร จงแสดงวิธีท้า 3’ C A T A C C C G T A A A G A T C G C C G A T C C A G 5’ สาย DNA แม่แบบ สาย mRNA สาย Polypeptide ……………………………………………………………… ……………………………………………………………… 3’ ………………….....……..……………………………….. 5’ สาย DNA แม่แบบ สาย mRNA สาย Polypeptide ……………………………………………………………… ……………………………………………………………… สรุป……………………………………………………………………..…………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……....................................................................................................................................... หากมีการเพิ่มขึ้นของเบส T ที่ต้าแหน่งที่ 9 ในสาย DNA จะมีการเปลี่ยนแปลงของสาย polypeptide อย่างไร จงแสดงวิธีท้า 3’ ………………….....……..……………………………….. 5’ สาย DNA แม่แบบ สาย mRNA สาย Polypeptide ……………………………………………………………… ……………………………………………………………… สรุป……………………………………………………………………..…………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……....................................................................................................................................... การเพิ่มขึ้นหรือขาดหายไปของคู่เบส มิวเทชัน
ใบงาน บทที่ 5 ม.4 เทอม 2 ชื่อ......................................................... ชั้น .......... เลขที่ ........ การถ่ายทอด พันธุกรรม ทาง ชีววิทยา ลักษณะ
ใบงาน การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม ชื่อ..........................................................ชั้น.........เลขที่.......... 2.2 หากน าสิ่งมีชีวิตดังกล่าวมาผสมกับสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกันโดยมีจีโนไทป์aaBb จะได้สิ่งมีชีวิตที่ เป็น Heterozygous ทั้ง 2 ลักษณะกี่เปอร์เซ็นต์ 1. จงเติมค าในช่องว่างให้สัมพันธ์กันตามการทดลองของเมนเดล กลีบดอกสีฟ้า x กลีบดอกสีส้ม ..........................รุ่น P ได้กลีบดอกสี....................ทั้งหมด ..........................รุ่น F1 F1 x F1 กลีบดอกสี……….. x กลีบดอกสี………… ได้ต้นที่มีกลีบดอกสี…... จ านวน.......ต้น และกลีบดอกสี……จ านวน.......ต้น ..........................รุ่น F2 **ลักษณะใดเป็นลักษณะเด่น เพราะเหตุใด......................................................................................... 2. ก าหนดให้สิ่งมีชีวิตมีจีโนไทป์ควมคุมลักษณะ 2 ลักษณะ คือ AaBB 2.1 สิ่งมีชีวิตดังกล่าวจะสามารถสร้างเซลล์สืบพันธุ์ได้กี่แบบ อะไรบ้าง จงแสดงวิธีท า
3. น ามีต้นไม้ที่มีลักษณะ สูง มาผสมกับต้นไม้ที่มีลักษณะ สูง (ให้เป็นรุ่น พ่อแม่ “P”) ปรากฏว่า ได้ต้นไม้ที่มี ลักษณะ สูง : เตี้ย อัตราส่วน 3 : 1 (ให้เป็นรุ่น F1) ลักษณะของ จีโนทป์ของต้นไม้รุ่น P มีลักษณะอย่างไร หากน าลูกรุ่น F1 ที่มีลักษณะ สูง ที่มีสัดส่วนของจีโนทป์มากที่สุด ผสมกับลักษณะเตี้ย จะมีลักษณะ สูง : เตี่ย อัตราส่วนเท่าใด และมีจีโนไทป์กี่แบบ อะไรบ้าง จงแสดงวิธีท าเป็นแผนภาพ 4. น าลูกสุนัขที่มีลักษณะสีขาวขนสั้น ผสมกับลูกสุนัขที่มีลักษณะ สีด าขนยาว จะได้ลูกสุนัขที่มีลักษณะใดบ้าง จงแสดงวิธีท า (ก าหนดให้ สุนัขที่มีลักษณะ สีด าขนยาว มีจีโนไทป์แบบ heterozygous ทั้ง 2 ลักษณะ
5. ผู้ชายที่มีลักษณะตาบอดสี แต่งงานกับหญิงที่มีลักษณะตาปกติ แต่พ่อของหญิงคนดังกล่าว เป็นตาบอกสี ลูกของชายหญิงคู่นี้ จะมีสัดส่วนตาปกติ : ตาบอดสี เท่าใด และมีโอกาสที่ลูกสาวของชายหญิงคู่นี้จะเป็น พาหะตาบอดสีหรือไม่ หากมีจะมีโอกาสกี่เปอร์เซ็นต์ 6. จากข้อความต่อไปนี้ จงเติมเครื่องหมาย / หน้าข้อความที่ถูกต้อง และเติมเครื่องหมาย x หน้าข้อความที่ผิด พร้อมแก้ไขให้ถูกต้อง 6.1 ........ลักษณะของสิ่งมีชีวิตที่ถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นถูกควบคุมมโดย ยีน ...................................................................................................................................... 6.2 ........สิ่งมีชีวิตจะมียีนที่ควบคุมลักษณะใดลักษณะหนึ่ง เพียงแค่ 1 คู่ ...................................................................................................................................... 6.3 ........ในลักษณะใดลักษณะหนึ่ง จะมีแอลลีนที่ควบคุมแค่ 2 แอลลีน คือ แอลลีนเด่น และแอลลีนด้อย ...................................................................................................................................... 6.4 ........จากพันธุศาสตร์ของเมนเดล หากแอลลีนเด่นและแอลลีนด้อยอยู่ด้วยกัน จะแสดงออกเพียงลักษณะ ของแอลลีนเด่นเพียงอย่างเดียว ...................................................................................................................................... 6.5 ........ พอลียีน (polygene) เป็นส่วนหนึ่งที่เมนเดลได้กล่าวถึงจากการศึกษาการถ่ายทอดลักษณะ ของถั่วลันเตา ..................................................................................................................................... 6.6........ แอลลีนที่แตกต่างกันอยู่ด้วยกัน และแสดงออกทั้ง 2 ลักษณะเรียกว่า การเด่นร่วม (codominance) ...................................................................................................................................... 6.7 ........ ลักษณะที่ถูกควบคุมด้วยยีนที่อยู่บนโครโมโซมเพศ จะส่งผลให้การแสดงออกในลักษณะนั้น ๆ ในเพศชายและหญิง แสดงออกได้เท่า ๆ กัน ..................................................................................................................................... 6.8 ........ ลูกผู้ชาย จะได้รับโครโมโซม X จากแม่ และได้รับโครโมโซม Y จากพ่อ ส่วนลูกผู้หญิงจะได้รับ โครโมโซม X จากแม่เท่านั้น .....................................................................................................................................
ใบงาน บทที่ 6 ม.4 เทอม 2 ชื่อ......................................................... ชั้น .......... เลขที่ ........ เทคโนโลยี ดีเอ็นเอ ทาง ชีววิทยา
ใบงาน เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ ชื่อ..........................................................ชั้น.........เลขที่.......... 1. ในการเพิ่มจ านวน DNA โดยเทคนิค PCR จะต้องมีประกอบไปด้วยสารอะไรบ้าง แต่ละตัวท าหน้าที่อะไร 2. หากการเพิ่มจ านวน DNA โดยเทคนิค PCR มี DNA เริ่มต้นอยู่ทั้งหมด 10 คู่ ผ่านไป 10 รอบ จะได้ DNA ทั้งหมดกี่คู่ .............4.1 ในเทคนิค Gel Electrophoresis DNA ที่มีชนาดใหญ่ จะวิ่งได้ไกลกว่า DNA ที่มีขนาดเล็ก ............................................................................................................................. ............. 4.2 ในการสร้าง DNA สายผสม จ าเป็นที่จะต้องใช้เอนไซม์ไลเกส เพื่อตัดสาย DNA ให้ได้ปลายที่ ต้องการ ............................................................................................................................. ............. 4.3 DNA ที่ถูกตัดแล้วได้ปลายเหนียว เหมาะกับการเชื่อต่อกับปลายทู่ ของ DNA อีกสาย ............................................................................................................................. ............. 4.4 ในการตัดต่อยีนเข้าไปในสิ่งมีชีวิตชนิดใด ๆ จะส่งผลให้สิ่งมีชีวิตชนิดนั้น ๆ เกิดการแสดงออกของ ยีนที่ถูกตัดต่อเข้าไป ............................................................................................................................. ............. 4.5 หากน าเอนไซม์ตัดจ าเพาะมาตัด DNA ของคน 2 คน แล้วน าไปแยกขนาด จะได้ขนาด และจ านวน ของท่อน DNA เท่ากันในทุก ๆ ท่อน ............................................................................................................................. 4. จากข้อความต่อไปนี้ จงเติมเครื่องหมาย / หน้าข้อความที่ถูกต้อง และเติมเครื่องหมาย x หน้าข้อความที่ ผิดพร้อมแก้ไขให้ถูกต้อง 3. ในการระบุตัวบุคคลโดยใช้เทคโนโลยี DNA สามารถท าได้อย่างไรบ้าง จงอธิบายให้เข้าใจ ......................................................................................................... ................................. ......................................................................................................... ................................. ......................................................................................................... ................................. ......................................................................................................... ................................. ......................................................................................................... ................................. ......................................................................................................... ................................. ......................................................................................................... ................................. ......................................................................................................... ................................. ......................................................................................................... ................................. ......................................................................................................... ................................. ......................................................................................................... ................................. ......................................................................................................... .................................