คมู่ อื ครู
Teacher Script
เทคโนโลยี
ป. 3(วทิ ยำกำรค�ำนวณ)
ชัน้ ประถมศึกษาปท่ี 3
กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560)
ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน พทุ ธศักราช 2551
ผูเ้ รียบเรยี งหนงั สือเรียน ผตู้ รวจหนงั สือเรยี น บรรณาธกิ ารหนังสอื เรยี น
นายอาทร นกแก้ว ดร.จารมุ น หนูคง นายณัฐภัทร แก้วรัตนภทั ร์
นายเอิญ สุริยะฉาย
นายเบญยามิน วงษ์ประเสรฐิ
นายเอกพิศิษฏ์ อตุ รา
ผเู้ รียบเรียงค่มู อื ครู บรรณาธิการคู่มือครู
นายเอกพิศษิ ฏ ์ อตุ รา นางสาวกลุ กันยา เมฆอรณุ
พิมพครงั้ ที่ 1
สงวนลิขสทิ ธ์ติ ามพระราชบัญญตั ิ
รหัสสนิ คา 1348043
ค�ำแนะน�ำกำรใช้
คู่มือครูรายวิชาพื�นฐาน เทคโนโลยี (วิทยาการค�านวณ) ป.3
จัดท�าข้ึนเพ่ือให้ครูผู้สอนใช้เป็นแนวทางวางแผนการจัดการเรียนการ
สอน เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและประกันคุณภาพผู้เรียน
ตามนโยบายของสา� นักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐาน (สพฐ.)
Chapter Overview นาํ นํา สอน โซน 1สรปุ ประเมนิ
โครงสรา้ งแผนและแนวทางการประเมนิ ผู้เรยี น ขน้ั นาํ 1 ÍÅÑ ¡ÍÃ·Ô ÁÖ˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹÷ŒÙ Õè
ประจ�าหนว่ ยการเรียนรู้ ¡ºÑ ¡ÒÃá¡»Œ Þ˜ ËÒ
3. ครูใหนักเรียนสงตัวแทน 1-2 คน ออกมา
Chapter Concept Overview ยืนหนาหองเรียน จากนั้นใหเพ่ือนชวยกัน ตัวชี้วัด
บอกคําท่ีจําไดใหตัวแทนจดลงบนกระดาน
สรปุ สาระส�าคญั ประจ�าหนว่ ยการเรียนรู้ ครตู รวจสอบความถกู ตอ ง ว 4.2 ป. 3/1 แสดงอัลกอริทึมในการทา� งานหรอื การแก้ปญหา
อยา งงา ยโดยใชภ้ าพ สญั ลกั ษณ หรือขอ้ ความ
โซน 1 ชว่ ยครจู ัด ขน้ั สอน
กำรเรยี นกำรสอน 1. ครูถามคําถามประจําหนวยการเรียนรูจาก
แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้แก่ผู้สอน หนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน เทคโนโลยี
โดยแนะนา� ขนั้ ตอนการสอน และการจดั กจิ กรรมอยา่ งละเอียด (วิทยาการคํานวณ) ป.3 หนวยการเรียนรูท่ี
เพ่อื ใหน้ ักเรยี นบรรลผุ ลสมั ฤทธ์ติ ามตวั ชีว้ ัด 1 อลั กอริทมึ กับการแกป ญหา วา วนั นี้ต่นื สาย
แลวจะไปโรงเรียนดวยวิธีใดจึงจะไปทันเวลา
น�ำ สอน สรปุ ประเมนิ เขาสอบ จากน้ันครูสนทนากับนักเรียนวา
ปญหาเหลานี้สามารถแกปญหาเบื้องตน
ไดโดยมีขั้นตอนในการแกปญหา ดังน้ี
การพิจารณาและกําหนดรายละเอียดของ
ปญหา การวางแผนและออกแบบวิธีการ
แกป ญ หา การลงมอื แกป ญ หาตามแผนทวี่ างไว
และการตรวจสอบผลการแกปญหา
แนวตอบ คาํ ถามประจาํ หนว ยการเรยี นรู Çѹ¹Õéµè×¹ÊÒÂ
ตองพิจารณาวิธีการเดินทางไปโรงเรียนวา áÅÇŒ ¨Ðä»âçàÃÂÕ ¹´ŒÇÂÇ¸Ô Õ ã´
มีวิธีใดบาง เชน การเดินไปโรงเรียน การปน ¶Ö§¨Ð价ѹàÇÅÒࢌÒÊͺ
จักรยานไปโรงเรียน เดินทางดวยรถโดยสารของ
โรงเรียน หรือใหผูปกครองไปสงที่โรงเรียนดวย 2 2
รถจักรยานยนตหรือรถยนต ซึ่งถาจะไปโรงเรียน
ใหทันเวลาเขาสอบจะตองเลือกวิธีการท่ีไปถึง ภาพจาก หนังสือเรียน หนา้
โรงเรียนใหเร็วท่ีสุดซ่ึงอาจจะใหผูปกครองไปสงท่ี
โรงเรียนดวยรถจักรยานยนตเพราะในเวลาที่เรงรีบ
รถจักรยานยนตจะเปนพาหนะท่ีขับข่ีถึงจุดหมาย
ไดร วดเรว็ ท่สี ุด
เกร็ดแนะครู
การเรยี นการสอนเรอ่ื ง อลั กอรทิ มึ กบั การแกป ญ หา ครคู วรเนน การสอนโดย
อธิบายถึงลําดับขั้นตอน กระบวนการคิด การฝกใชวิธีในการแกปญหาในชีวิต
ประจาํ วนั ฝก ใหน กั เรยี นแสดงขน้ั ตอนวธิ แี กป ญ หาโดยการเขยี นบอกเลา การวาด
ภาพ และการใชสญั ลักษณได ซ่งึ จะฝกใหนกั เรยี นคดิ แกป ญหาจากสถานการณ
จําลองท่คี รสู รา งขนึ้ และมีสว นรวมจากการคดิ วเิ คราะหเ พอ่ื แกป ญหาและตอบ
คําถามจากสถานการณด ังกลาว
โซน 3
โซน 2
T6
โซน 2 ช่วยครูเตรยี มสอน สื่อ Digital
ประกอบดว้ ยองคป์ ระกอบต่าง ๆ ทเ่ี ป็นประโยชน ์ เพอื่ การแนะนา� แหลง่ คน้ ควา้ จากสื่อ Digital ตา่ ง ๆ
ช่วยลดภาระในการสอนของครผู สู้ อน
แนวทางการวดั และประเมินผล
เกรด็ แนะครู
การเสนอแนะแนวทางในการวดั และประเมนิ ผลนกั เรยี นทสี่ อดคลอ้ ง
ความรเู้ สรมิ สา� หรบั คร ู ขอ้ เสนอแนะ ขอ้ สงั เกต แนวทางการจดั กับแผนการสอน
กิจกรรม เพ่ือประโยชน์ในการจดั การเรียนการสอน
นักเรียนควรรู
ความรเู้ พมิ่ เตมิ จากเนอื้ หา เพอื่ ใหค้ รนู า� ไปใชอ้ ธบิ ายใหน้ กั เรยี น
โดยใช้หนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน เทคโนโลยี (วิทยาการคํานวณ) ป.3 และแบบฝกหัดรายวิชาพ้ืนฐาน เทคโนโลยี
(วิทยาการคํานวณ) ป.3 ของบรษิ ทั อักษรเจรญิ ทศั น ์ อจท. จ�ากัด เป็นสอ่ื หลัก (Core Material) ประกอบการสอนและการ
จัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้ และตัวช้ีวัดของกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลย ี
(ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 โดยคมู่ อื ครมู อี งคป์ ระกอบทงี่ า่ ย
ตอ่ การใชง้ าน ดงั นี้
โซน 1 นาํ สอน สรปุ ประเมนิ โซน 3 ชว่ ยครเู ตรียมนักเรยี น
ส่งิ แรก 1. ¡ÒÃá¡»Œ Þ˜ ËÒ㹪ÇÕ µÔ »ÃШÒí Ç¹Ñ ขน้ั สอน ประกอบด้วยแนวทางการจัดกิจกรรมและเสนอแนะ
ท่คี วรทาํ แนวขอ้ สอบ เพ่ืออา� นวยความสะดวกให้แก่ครผู ู้สอน
เม่อื พบกับ ในชีวิตประจ�าวันของนักเรียน มักพบกับ 2. ครูถามคําถามสําคัญประจําหัวขอกับนักเรียน
ปญหาคืออะไร สถานการณห รอื เหตกุ ารณต า ง ๆ ทเี่ ปน ปญ หา เชน วา ส่ิงแรกที่ควรทําเมื่อพบกับปญหาคืออะไร กิจกรรม 21st Century Skills
จากน้ันใหนักเรยี นชว ยกันตอบคาํ ถาม
ปญ หาดา้ นการเรยี น ปญ หาดา้ นการเดนิ ทาง ปญ หาการนอนตน่ื สาย กิจกรรมท่ีให้นักเรียนได้ประยุกต์ใช้ความรู้มาสร้างชิ้นงาน
ปญหาด้านสขุ ภาพรา งกาย ปญหาการติดเกม ซ่งึ เม่ือพบกับปญ หา 3. ครอู ธบิ ายเรอ่ื ง การแกป ญ หาในชวี ติ ประจาํ วนั หรอื ทา� กจิ กรรมรวบยอด เพอ่ื ใหเ้ กดิ คณุ ลกั ษณะทรี่ ะบใุ นทกั ษะ
แล้ว นักเรียนแตละคนจะมีวิธีการและขั้นตอนในการแก้ปญหาที่ วา การแกปญหาเปนการนําขั้นตอนตางๆ แหง่ ศตวรรษที ่ 21
แตกตางกันไป ตามความรู้ ความสามารถ และประสบการณของ มาใชเพื่อใหไดผลลัพธตามท่ีตองการ โดย
แตละคน โดยแตละวิธีการที่ใช้ในการแก้ปญหาอาจให้ผลลัพธท่ี อาศัยขั้นตอนในการแกปญหาท้ัง 4 ข้ันตอน ขอ สอบเนนการคิด
เหมือนหรือแตกตางกนั ดังนี้ การพิจารณาและกําหนดรายละเอียด
ของปญหา การวางแผนและออกแบบวิธีการ ตัวอย่างข้อสอบท่ีมุ่งเน้นการคิด มีทั้งปรนัย-อัตนัย พร้อม
แกปญหา การลงมือแกปญหาตามแผนที่ เฉลยอยา่ งละเอียด
วางไว และการตรวจสอบผลการแกปญหา
กิจกรรมทาทาย
1.1 การแกป ญหาเบ้ืองตน
การแกป ญ หา คอื การนา� ขนั้ ตอนและวธิ กี ารตา ง ๆ มาใชเ้ พอ่ื ให้ เสนอแนะแนวทางการจดั กจิ กรรม เพอ่ื ตอ่ ยอดสา� หรบั นกั เรยี น
ท่ีเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วและต้องการท้าทายความสามารถใน
ไดผ้ ลลพั ธต ามทตี่ อ้ งการ โดยขน้ั ตอนท่ีใช้ในการแกป้ ญ หา ประกอบ ระดบั ทสี่ งู ขนึ้
ด้วย 4 ขน้ั ตอน ดงั นี้
กจิ กรรมสรา งเสรมิ
¢éѹµÍ¹¡ÒÃá¡»Œ Þ˜ ËÒ
เสนอแนะแนวทางการจดั กจิ กรรมซอ่ มเสรมิ สา� หรบั นกั เรยี นที่
1 2 แนวตอบ คําถามสําคญั ประจําหวั ขอ ควรได้รบั การพัฒนาการเรียนรู้
การพิจารณาและกําหนดรายละเอียดของ
พจิ ารณาและกา� หนด วางแผนและออกแบบ
รายละเอยี ดของปญ หา วธิ ีการแกป้ ญ หา ปญ หา
เปนการทําความเขาใจกับปญหา
แลวแยกขอมูลท่ีไดวา ปญหาน้ันคือ เปนการวางแผนในการแกปญหา
อะไร เง่ือนไขของปญหาคืออะไร อยา งละเอียด
และส่งิ ท่ตี องการคอื อะไร
3
ภาพจาก หนังสอื เรียน หนา้ 3
ขอสอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู
พจิ ารณาขอความทีก่ าํ หนดให ขอใดเรยี งลําดบั ขน้ั ตอนการแก ครูอธิบายเร่ือง การแกปญหา ใหนักเรียนฟงวา เปนการนําข้ันตอนและ
ปญหาไดถ กู ตอ ง วิธีการตางๆ มาใชเพ่ือใหไดผลลัพธตามท่ีตองการ แลวครูจําลองสถานการณ
1. พจิ ารณาและกําหนดรายละเอยี ดของปญหา ใหนักเรียนชวยกันแกปญหาวา เมื่อนักเรียนมีอาการปวยเปนหวัดบอยใน
2. วางแผนและออกแบบวธิ กี ารแกปญ หา ชว งหนา ฝน นกั เรียนจะมีวิธีในการปองกนั อาการหวัดนไ้ี ดอยางไรบา ง จากนน้ั
3. ตรวจสอบผลการแกปญหา ใหนักเรียนคิดวิเคราะหเพ่ือหาคําตอบ และครูสุมนักเรียนขึ้นมา 3-4 คน
4. วางแผนและออกแบบวิธีการแกป ญ หา เพอื่ ตอบคาํ ถามนี้
โซน 31. 1. 2. 3. 4. 2. 1. 3. 4. 2.
4. 1. 2. 4. 3. โซน 2
3. 1. 4. 2. 3.
(วิเคราะหค ําตอบ ขน้ั ตอนการแกป ญ หาทถ่ี กู ตอ งสามารถเรยี งได
ดังน้ี พิจารณาและกําหนดรายละเอียดของปญหา>วางแผนและ
ออกแบบวิธีการแกปญหา>ลงมือแกปญหาตามแผนท่ีวางไว>
ตรวจสอบผลการแกปญ หา ดังนั้น ตอบขอ 1.)
T7
ความรูเ สริม
อธิบายความรูเ้ พมิ่ เตมิ ท่ีเกยี่ วข้องกับบทเรียน
ค�ำอธิบายรายวิชา
เทคโนโลยี (วิทยาการคำ� นวณ) กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เวลาเรียน 20 ชวั่ โมง / ปี
ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 3
ศกึ ษาเกย่ี วกบั การใชอ้ ลั กอรทิ มึ ในการแกป้ ญั หา โดยมกี ารใชแ้ นวคดิ เชงิ คำ� นวณเขา้ มาชว่ ยในการแกป้ ญั หา ศกึ ษาการ
เขยี นโปรแกรมอยา่ งงา่ ย การตรวจสอบขอ้ ผดิ พลาดของโปรแกรมซงึ่ เรยี นรไู้ ดจ้ ากเวบ็ ไซต์ Code.org ศกึ ษาการสบื คน้ ขอ้ มลู จาก
อนิ เทอรเ์ นต็ การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภยั การรวบรวม ประมวลผล นำ� เสนอขอ้ มลู และศกึ ษาการใชง้ านซอฟตแ์ วร์
ตา่ ง ๆ เพอ่ื นำ� มาประยกุ ตใ์ ชใ้ นการพฒั นางานใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพ
โดยอาศัยั กระบวนการเรียี นรู้�โดยใช้เ้ ทคนิคิ ตามแนวคิดิ เชิงิ คำำ�นวณ (Computational Thinking Process) วัฏั จักั รการ
เรียี นรู้�แบบสืบื เสาะหาความรู้� (5Es Instructional Model) วิธิ ีกี ารสอนโดยเน้น้ การเรียี นรู้�แบบร่ว่ มมือื (Collaborative Learning)
วิธิ ีกี ารสอนโดยการแสดงบทบาทสมมติิ (Role Playing) และวิธิ ีกี ารสอนแบบสาธิติ (Demonstration) เพื่�อเน้น้ ให้ผู้้�เรียี นได้ล้ งมือื
ปฏิบิ ัตั ิิ ฝึกึ ทักั ษะการคิดิ เผชิญิ สถานการณ์ก์ ารแก้ป้ ัญั หา วางแผนการเรียี นรู้� ตรวจสอบการเรียี นรู้� และสร้า้ งองค์ค์ วามรู้�ใหม่ด่ ้ว้ ย
ตนเองผ่า่ นกระบวนการคิดิ และปฏิบิ ัตั ิิ โดยใช้ก้ ระบวนการทางเทคโนโลยีแี ละวิทิ ยาการคำำ�นวณ
เพอื่ ใหผ้ เู้ รยี นมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจ มที กั ษะการคดิ เชงิ คำ� นวณ การคดิ วเิ คราะห์ แกป้ ญั หาเปน็ ขน้ั ตอนและเปน็ ระบบ
มที กั ษะในการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ รกั ษาขอ้ มลู สว่ นตวั และการสอื่ สารเบอื้ งตน้ ในการแกป้ ญั หาทพ่ี บในชวี ติ จรงิ ไดอ้ ยา่ ง
มีปี ระสิทิ ธิภิ าพ ตลอดจนนำำ�ความรู้�ความเข้า้ ใจในวิชิ าวิทิ ยาการคำำ�นวน และนำำ�เทคโนโลยีใี หม่ท่ี่�เกิดิ ขึ้�นไปใช้ใ้ ห้เ้ กิดิ ประโยชน์ต์ ่อ่
สังั คมและการดำำ�รงชีวี ิติ จนสามารถพัฒั นากระบวนการคิดิ และจินิ ตนาการ ความสามารถในการแก้ป้ ัญั หา การจัดั การทักั ษะใน
การสื่�อสาร ความสามารถในการตัดั สินิ ใจ และเป็น็ ผู้�ที่�มีจิติ วิทิ ยาศาสตร์ ์ มีคี ุณุ ธรรม จริยิ ธรรม และค่า่ นิยิ มในการใช้ว้ ิทิ ยาศาสตร์์
และเทคโนโลยีอี ย่า่ งสร้า้ งสรรค์์
ตัวั ชี้ว� ัดั
ว 4.2 ป.3/1 แสดงอััลกอริทิ ึึมในการทำำ�งานหรืือการแก้้ปััญหาอย่่างง่า่ ยโดยใช้้ภาพ สััญลัักษณ์์ หรืือข้อ้ ความ
ว 4.2 ป.3/2 เขีียนโปรแกรมอย่า่ งง่่ายโดยใช้้ซอฟต์์แวร์์หรืือสื่�อ และตรวจหาข้้อผิิดพลาดของโปรแกรม
ว 4.2 ป.3/3 ใช้อินเทอร์เนต็ ค้นหาความรู้
ว 4.2 ป.3/4 รวบรวม ประมวลผล และนำ� เสนอขอ้ มลู โดยใช้ซอฟต์แวรต์ ามวัตถปุ ระสงค์
ว 4.2 ป.3/5 ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย ปฏบิ ตั ิตามขอ้ ตกลงในการใชอ้ ินเทอรเ์ น็ต
รวม 5 ตัวชีว้ ดั
Pedagogy
ค่มู ือครรู ายวชิ าพื้นฐาน
เ ทค โนโลยี (วทิ ยำกำรคำ� นวณ) ป.3 จดั ท�าขน้ึ เพอื่ ใหค้ รผู สู้ อนนา� ไปใชเ้ ปน็ แนวทางวางแผนการสอน เพอื่ พฒั นา
ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี นของผู้เรยี น โดยผ้สู อนสามารถวางแผนการจดั การเรียนรปู้ ระกอบการใช้หนังสือเรียน รายวิชาพ้นื ฐาน เทคโนโลย ี
(วทิ ยาการค�านวณ) ชน้ั ประถมศึกษาปท ่ี 3 (ฉบับอนุญาต) ท่ที างบริษทั อกั ษรเจริญทศั น์ อจท. จา� กัดจดั พมิ พ์จ�าหนา่ ย เพื่อให้สอดคลอ้ ง
กบั มาตรฐานการเรยี นรู้และตวั ช้วี ดั กลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลาง
การศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พ.ศ. 2551 โดยออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ (Instructional Design) สอดคล้องตามรูปแบบการเรียนรู้ท่ีส�าคัญ
5 รูปแบบ คือ เทคนิคตามแนวคิดเชิงคา� นวณ (Computational Thinking Process) วัฏจักรการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความร ู้
(5Es Instructional Model) วิธีการสอนโดยเนน้ การเรียนรู้แบบร่วมมอื (Collaborative Learning) วธิ ีการสอนโดยการแสดงบทบาทสมมต ิ
(Role Playing) และวธิ ีการสอนแบบสาธิต (Demonstration) โดยมีรายละเอยี ด ดังน�้
รปู แบบกำรสอนแบบสบื เสำะหำควำมรู้ (5Es Instructional Model)
ด้วยจุดประสงค์ของการจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ เพ่ือช่วย กรEะeตnnggุนaคg1วeาmมeสnนt ใจ
ให้ผู้เรียนได้พัฒนาวิธีคิด ท้ังความคิดเป็นเหตุเป็นผล คิดสร้างสรรค ์ สา� รวeExจpแlลorะaคtนioหnา
คิดวิเคราะห์ วิจารณ์ มีทักษะส�าคัญในการค้นคว้าหาความรู้ และมี Elaขยาย
ความสามารถในการแกป้ ัญหาอยา่ งเปน็ ระบบ ผูจ้ ดั ท�าจงึ ไดเ้ ลือกใช้
ตeEvรaวluจaสtiอoบnผล
รปู แบบการสอนแบบสบื เสาะหาความร ู้ (5Es Instructional Model) าม รูtion
ซึ่งเป็นข้ันตอนการเรียนรู้ท่ีมุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้มีโอกาสสร้าง 52
องคค์ วามรดู้ ว้ ยตนเองผา่ นกระบวนการคดิ และการลงมอื ทา� โดยใช้
5Es
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์เป็นเครื่องมือส�าคัญเพื่อการพัฒนา ควาbมoเrขa4าtioใจn Exอ3pธlaิบnาaยคว
ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และทักษะการเรียนรู้แห่ง
ศตวรรษท ี่ 21
วิธสี อน (Teaching Method)
ผจู้ ดั ทา� เลอื กใชว้ ธิ สี อนทหี่ ลากหลาย เชน่ การทดลอง การสาธติ การอภปิ รายกลมุ่ ยอ่ ย เปน็ ตน้ เพอ่ื สง่ เสรมิ การเรยี นรู้
รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) ให้เกิดประสิทธิภาพมากท่ีสุด ซ่ึงจะเน้นใช้วิธีสอน
โดยใช้การทดลองมากเป็นพิเศษ เน่ืองจากเป็นวิธีสอนท่ีมุ่งพัฒนาให้ผู้เรียนเกิดองค์ความรู้จากประสบการณ์ตรงโดย
การคิดและการลงมือท�าด้วยตนเอง อันจะช่วยให้ผเู้ รยี นมคี วามร้แู ละเกิดทักษะกระบวนทางการวทิ ยาศาสตร์ท่คี งทน
เทคนคิ กำรสอน (Teaching Technique)
ผจู้ ดั ทา� เลอื กใชเ้ ทคนคิ การสอนทห่ี ลากหลายและเหมาะสมกบั เรอื่ งทเี่ รยี น เพอื่ สง่ เสรมิ วธิ สี อนใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพมากขน้ึ
เชน่ การใช้คา� ถาม การเล่นเกม การยกตวั อย่าง เปน็ ตน้ ซงึ่ เทคนคิ การสอนต่าง ๆ จะชว่ ยใหผ้ ู้เรียนเกดิ การเรยี นร้อู ยา่ งมี
ความสขุ ในขณะทเ่ี รียนและสามารถปฏบิ ัตกิ ิจกรรมไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ รวมท้งั ได้พัฒนาทกั ษะในศตวรรษท ี่ 21 อีกด้วย
รูปแบบการสอนแบบกระบวนการคิดเชงิ คำ�นวณ (Computational Thinking Process)
เลอื กใชก้ ระบวนการคดิ เชงิ คำ� นวณ เนอื่ งจากเปน็ กระบวนการเรยี นรทู้ ใี่ หผ้ เู้ รยี นใชท้ กั ษะมงุ่ เนน้ การคดิ เชงิ ตรรกะมากขนึ้
ซง่ึ ผูเ้ รยี นจะสามารถอธิบายการคดิ เชงิ ค�ำนวณอย่างเปน็ ระบบ หรอื เปน็ การแก้ปญั หาอย่างเปน็ ล�ำดบั ขั้นตอน โดยการเขา้ ใจ
ปญั หาและวธิ กี ารในการแกป้ ญั หาอยา่ งเปน็ ระบบ เพอื่ ใหไ้ ดม้ าซงึ่ วธิ กี ารแกป้ ญั หาทที่ งั้ มนษุ ยแ์ ละคอมพวิ เตอรส์ ามารถเขา้ ใจ
รว่ มกันได้ ซ่ึงประกอบการใช้ทักษะยอ่ ย 4 ทกั ษะ ดงั นี้
1 แนวคิดการแยกย่อย (Decomposition) 2 แนวคดิ การจดจำ� รูปแบบ (Pattern Recognition)
แนวคิดการแยกย่อยน้ีเป็นการแตกปัญหาใหญ่ให้เป็น แนวคิดการจดจ�ำรูปแบบเป็นการก�ำหนดแบบแผนจาก
ปญั หายอ่ ยทม่ี ขี นาดเลก็ เพ่อื ให้สามารถจดั การไดง้ ่ายข้นึ ปญั หายอ่ ย ๆ จากปญั หาทมี่ รี ปู แบบทหี่ ลากหลาย โดยปญั หา
ตา่ ง ๆ มกั มคี วามคลา้ ยคลงึ กนั กลา่ วคอื เพอื่ ดคู วามเหมอื น
ความแตกต่างของรูปแบบการเปล่ียนแปลง ท�ำให้ทราบ
แนวโนม้ เพอื่ ท�ำนายผลลัพธ์ขา้ งหน้าได้
3 แนวคิดเชิงนามธรรม (Abstraction) 4 แนวคิดการออกแบบข้ันตอน (Algorithm Design)
แนวคิดเชิงนามธรรม เพื่อหาแนวคิดรวบยอดของแต่ละ แนวคิดการออกแบบข้ันตอนในการแก้ปัญหาเป็นการ
ปัญหาย่อย เป็นการมุ่งเน้นความส�ำคัญของปัญหาโดย ออกแบบข้ันตอนการแก้ปัญหาด้วยการคิดเชิงอัลกอริทึม
ไม่สนใจรายละเอียดท่ีไม่จ�ำเป็น เพื่อให้สามารถเข้าใจ เป็นความคิดพ้ืนฐานในการสร้างชุดของล�ำดับข้ันตอน
ถึงแก่นแท้ของปัญหา ทักษะน้ีเทียบเท่ากับการคิด วิธีง่าย ๆ ท่ีทุกคนสามารถน�ำไปใช้ในการแก้ปัญหาที่มี
สังเคราะห์ จนไดม้ าซง่ึ แบบจำ� ลอง เชน่ แบบจำ� ลองทาง ลักษณะแบบเดียวกันได้ ท�ำให้ทราบว่าต้องท�ำข้ันตอนใด
คณิตศาสตร์ในรปู ของสมการหรือสูตร กอ่ นหรือหลงั
วธิ ีการสอนแบบสาธิต (Demonstration)
เลือกใช้วิธีการสอนโดยใช้การสาธิต (Demonstration) เนื่องจากเป็นกระบวนการที่ผู้สอนใช้ในการช่วยให้ผู้เรียน
เกิดการเรยี นร้ตู ามวตั ถุประสงคท์ ี่ก�ำหนด โดยการแสดงหรือทำ� สง่ิ ทตี่ ้องการให้ผ้เู รียนได้เรียนรู้ สงั เกต แลว้ ใหผ้ ูเ้ รยี นซกั ถาม
อภปิ ราย และสรุปการเรียนรทู้ ่ีไดจ้ ากการสงั เกตการสาธิต
วิธีการสอนโดยใช้การสาธิตเปน็ วธิ กี ารที่มุง่ ช่วยใหผ้ ูเ้ รยี นทั้งชัน้ ได้เห็นการปฏิบัติจรงิ ด้วยตาตนเอง ท�ำใหเ้ กดิ ความรู้
ความเขา้ ใจในเรอื่ งหรือการปฏบิ ัตนิ น้ั ชัดเจนข้ึน ซงึ่ กระบวนการของวธิ กี ารสอนโดยใชก้ ารสาธติ มี 4 ขั้นตอน ดงั นี้
4
1 2 3 การอภิปรายสรุปการเรียนรู้
การเตรียมการ การจดั เตรยี ม กอ่ นการสาธิต ผสู้ อนควรให้ การสาธติ ผสู้ อนควรสาธติ เปิดโอกาสให้ผู้เรียนซักถาม
เพอื่ ใหก้ ารเรยี นรเู้ ปน็ ไปอยา่ ง ความรเู้ กยี่ วกบั เรอื่ งทจี่ ะสาธติ อยา่ งมลี ำ� ดบั ขนั้ ตอน ใชเ้ วลา ผู้เรียนรายงานส่ิงที่ได้สังเกต
สะดวกและราบรน่ื ไมว่ า่ จะเปน็ อยา่ งเพยี งพอทจ่ี ะทำ� ใหผ้ เู้ รยี น อยา่ งเหมาะสม ไมเ่ รว็ เกนิ ไป เห็นแลกเปลี่ยนกันอภิปราย
ผสู้ อน วสั ดุ อปุ กรณ์ เครอ่ื งมอื เกดิ ความเขา้ ใจสง่ิ ทส่ี าธติ ไดด้ ี ขณะสาธิตอาจใช้แผนภูมิ แลกเปลย่ี นความรู้ ความคดิ
และสถานทท่ี จี่ ะใชใ้ นการสาธติ โดยอาจใชว้ ธิ กี ารบรรยายหรอื กระดานดำ� หรอื แผน่ ใสประกอบ ท่ีแต่ละคนได้รับจากการ
และจัดวางไว้อย่างเหมาะสม ใชส้ อ่ื เชน่ วดี ทิ ศั น์ และควรเปิดโอกาสให้ผู้เรียน สาธิตของครูและร่วมกันสรุป
สะดวกแกก่ ารใช้ ซกั ถาม หรอื ซกั ถามผเู้ รยี น การเรยี นรทู้ ไี่ ดร้ บั
เปน็ ระยะ ๆ เพอื่ กระตนุ้ ความ
คดิ และความสนใจของผเู้ รยี น
และบางกรณอี าจจะใหผ้ เู้ รยี น
บางคนมาชว่ ยในการสาธติ
วธิ กี ำรสอนโดยใชก้ ำรแสดงบทบำทสมมติ (Role Playing)
เลือกใชว้ ิธีการสอนโดยใชก้ ารแสดงบทบาทสมมต ิ (Role Playing) เนอื่ งจากเป็นกระบวนการทีผ่ สู้ อนช่วยใหผ้ ู้เรยี น
เกิดการเรียนรู้ตามวัตถุประสงค์ท่ีก�าหนด โดยการให้ผู้เรียนสวมบทบาทในสถานการณ์ซ่ึงมีความใกล้เคียงกับความเป็นจริง
และแสดงออกตามความรู้สึกนึกคิดของตน และน�าเอาการแสดงออกของผู้แสดง ท้ังทางด้านความรู้ ความคิด ความรู้สึก
และพฤติกรรมทีส่ งั เกตมาเปน็ ข้อมูลในการอภิปราย เพื่อใหผ้ เู้ รียนเกิดการเรยี นรตู้ ามวตั ถปุ ระสงค์
วิธกี ารสอนโดยใชก้ ารแสดงบทบาทสมมติ เปน็ วิธกี ารท่ีม่งุ เน้นให้ผู้เรยี นไดเ้ รียนรกู้ ารเอาใจเขามาใส่ใจเรา เกิดความ
เขา้ ใจในความรสู้ กึ และพฤตกิ รรมทง้ั ของตนเองและผอู้ นื่ หรอื เกดิ ความเขา้ ใจในเรอ่ื งตา่ ง ๆ เกย่ี วกบั บทบาทสมมตทิ ต่ี นแสดง
ซึง่ การแสดงบทบาทสมมติให้มีประสทิ ธิภาพประกอบไปด้วย 6 ข้นั ตอน ดงั น้ี
12 3 45 6
การเตรียมการ การเร่�มบทเรย� น การเลือกผูแ สดง การเตร�ยม การแสดง การวเิ คราะหอภปิ ราย
เปน็ การกา� หนด ผู้สอนสามารถ ควรเลอื กผแู้ สดงใหเ้ หมาะสม ผสู งั เกตการณ เมอ่ื ผสู้ อนใหเ้ รมิ่ การ ผลการแสดง
วตั ถปุ ระสงคเ์ ฉพาะให้ กระตุ้นความสนใจ กับบทบาท เพอ่ื ชว่ ยให้ ผู้สอนควรเตรียม แสดงและสงั เกตการ เปน็ ขนั้ ตอนทชี่ ว่ ยใหผ้ เู้รยี น
ชดั เจน และ ของผเู้ รยี นไดห้ ลาย การแสดงเปน็ ไปอยา่ ง ผู้รับชมและ แสดงอยา่ งใกลช้ ดิ เกดิ การเรยี นรูท้ ่ีชัดเจน
สรา้ งสถานการณ์ วิธี เช่น ราบรื่นตามวัตถุประสงค์ได้ ท�าความเข้าใจกับ ไมค่ วรมกี ารขดั การ ตามวตั ถุประสงค์
และบทบาทสมมติ โยงประสบการณ์ อยา่ งรวดเรว็ หรือเลอื ก ผูช้ มวา่ การแสดง แสดงกลางคนั นอกจาก โดยใหผ้ เู้ รยี นอภปิ ราย
ทจี่ ะชว่ ยสนอง ใกล้ตวั ผู้เรียน ผ้แู สดงท่มี ลี ักษณะตรงกัน บทบาทสมมติ กรณที ม่ี ปี ญั หาเมอื่ ความรูป้ ระเดน็ ตา่ ง ๆ
วตั ถปุ ระสงคน์ น้ั หรือประสบการณ์ ขา้ มกับบทบาทท่ีกา� หนดให้ จัดข้นึ มใิ ช่มงุ่ การแสดงออกนอกทาง ท่ีได้จากการสงั เกต
โดยสถานการณแ์ ละ ทีผ่ ้เู รียนได้รบั จาก เพอื่ ช่วยใหผ้ เู้ รียนคนนนั้ ได้ ท่ีความสนุก ผสู้ อนอาจจา� เปน็ ตอ้ ง การแสดง กรณที ี่การ
บทบาทสมมติ การเรยี นครง้ั กอ่ น รบั ประสบการณใ์ หม่ แต่ม่งุ ที่จะใหเ้ กดิ ใหค้ า� แนะนา� บา้ ง อภปิ รายเป็นไปอย่างมี
ทกี่ า� หนดขนึ้ ควรมี กอ่ นเข้าสู่เรอ่ื งท่จี ะ ได้ทดลองแสดงพฤติกรรม การเรยี นรู้ เมอ่ื การแสดงดา� เนนิ ไป ประสิทธิภาพ ผู้เรียน
ความใกลเ้ คยี งกบั ศึกษา ใหม ่ ๆ และเกิดความเข้าใจ เปน็ ส�าคัญ พอสมควรแลว้ ผสู้ อน เสนอแนะแนวคิดและ
ความเปน็ จรงิ ในความรู้สึกและพฤติกรรม ควรตดั บทยตุ กิ ารแสดง แนวทางอื่น ๆ เพ่ิมเติม
ของผู้ท่มี ลี ักษณะแตกต่างไป ไมค่ วรใหก้ ารแสดง ทแี่ ตกต่างไปจากเดิม
จากตน ยดื ยาว เยน่ิ เยอ้
จะทา� ใหผ้ ชู้ มเกดิ
ความเบอ่ื หนา่ ย
วธิ ีกำรสอนโดยเนน้ กำรเรียนรู้แบบรว่ มมอื (Collaborative Learning)
เลือกใช้วธิ กี ารสอนโดยเนน้ การเรยี นรู้แบบรว่ มมอื (Collaborative Learning) เนอ่ื งจากเป็นกระบวนการท่ีใหผ้ ู้เรียน
เรียนรู้เป็นกลุ่มย่อย โดยมีสมาชิกกลุม่ ทีม่ ีความสามารถแตกตา่ งกนั ประมาณ 3-6 คน ช่วยกนั เรียนรู้เพื่อไปสูเ่ ปา หมายของ
กลุม่ ซึ่งมีองคป์ ระกอบของการเรียนรแู้ บบร่วมมือ 5 ประการ ดังน้ี
12345
การพงึ่ พา การปรก� ษาหาร�อ ความรบั ผดิ ชอบ การใชท กั ษะการ การวเิ คราะห
และเกอ้ื กูลกัน กนั อย่างใกลช ด� ที่ตรวจสอบไดของ ปฏิสมั พนั ธร ะหวา่ ง กระบวนการกลุ่ม
(face-to-face สมาชกิ แต่ละคน บุคคลและทักษะการ
(positive ทา� งานกลมุ่ ย่อย (group
interdependence) promotive (individual processing)
interaction) accountability) (interpersonal
and small- group
skills)
Teacher Guide Overview
เทคโนโลยี (วิทยาการค�ำนวณ) ป.3
หนว่ ย ตวั ชวี้ ดั ทกั ษะทไ่ี ด้ เวลาที่ การประเมนิ ส่อื ทใี่ ช้
การเรียนรู้ ใช้
1 - แ สดงอััลกอริิทึึมในการ - ทักั ษะการคิิดอย่่างมีี - ตรวจแบบทดสอบหลงั เรยี น - หนงั สอื เรียนรายวชิ าพื้นฐาน
ทำำ�งาน หรืือการแก้ป้ ัญั หา วิิจารณญาณ - ตรวจใบงาน (วทิ ยาการค�ำนวณ) ป.3
อัลกอรทิ ึมกบั อย่า่ งง่า่ ยโดยใช้้ภาพ - ตรวจแบบฝึกหดั - แบบฝกึ หัดรายวชิ าพื้นฐาน
การแก้ปญั หา สัญั ลัักษณ์์ หรือื ข้อ้ ความ - ทักั ษะการสื่�อสาร 3 - ตรวจชน้ิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) (วิทยาการคำ� นวณ) ป.3
- ทักษะการท�ำงานรว่ มกัน - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน - แบบทดสอบก่อนเรียน
(ว 4.2 ป.3/1) - ทักษะความคดิ สรา้ งสรรค์ ชว่ั โมง - ส งั เกตพฤติกรรมการท�ำงาน - แบบทดสอบหลังเรียน
รายบคุ คล - ใบงาน
- สังเกตพฤตกิ รรมการท�ำงานกลมุ่ - ชิน้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)
- สงั เกตคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
2 - เ ขยี นโปรแกรมอยา่ งงา่ ย - ทักษะการคดิ อย่างม ี - ตรวจแบบทดสอบหลงั เรียน - หนังสอื เรียนรายวิชาพน้ื ฐาน
โดยใชซ้ อฟต์แวร์หรือสอ่ื วจิ ารณญาณ - ตรวจใบงาน (วทิ ยาการค�ำนวณ) ป.3
การเขียน และตรวจหาข้้อผิดิ พลาด - ตรวจแบบฝกึ หดั - แ บบฝกึ หดั รายวิชาพื้นฐาน
โปรแกรม ของโปรแกรม - ทักษะการสื่อสาร 8 - ต รวจชิน้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) (วิทยาการค�ำนวณ) ป.3
อยา่ งงา่ ย - ทักษะการทำ� งานร่วมกนั - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน - แบบทดสอบก่อนเรยี น
(ว 4.2 ป.3/2) - สังเกตพฤตกิ รรมการท�ำงาน - แบบทดสอบหลังเรียน
ชวั่ โมง
รายบุคคล - ใบงาน
- สังเกตพฤติกรรมการท�ำงานกลุ่ม - ชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด)
- สังเกตคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
3 - ใช้อ้ ิินเทอร์์เน็็ตค้้นหา - ท ักษะการคดิ อย่างม ี - ตรวจแบบทดสอบหลังเรยี น - ห นงั สือเรียนรายวชิ าพน้ื ฐาน
ความรู้� วิจารณญาณ - ตรวจแบบฝกึ หัด (วิทยาการค�ำนวณ) ป.3
อินเทอรเ์ นต็ 2 - ตรวจชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) - แบบฝึกหดั รายวิชาพ้ืนฐาน
และเทคโนโลยี (ว 4.2 ป.3/3) - ทักษะการสื่อสาร - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน (วิทยาการค�ำนวณ) ป.3
- ใ ชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ - ทักษะการทำ� งานรว่ มกัน ชวั่ โมง - ส ังเกตพฤติกรรมการท�ำงาน - แบบทดสอบกอ่ นเรยี น
สารสนเทศ
อยา่ งปลอดภยั รายบุคคล - แบบทดสอบหลงั เรียน
ปฏิิบััติติ ามข้อ้ ตกลง - สังเกตพฤตกิ รรมการท�ำงานกลุม่ - ชน้ิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)
ในการใช้อ้ ิินเทอร์์เน็ต็ - สงั เกตคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์
(ว 4.2 ป.3/5)
4 - รวบรวม ประมวลผล - ท กั ษะการคิดอยา่ งม ี - ตรวจแบบทดสอบหลังเรยี น - ห นังสือเรียนรายวชิ าพนื้ ฐาน
และนำำ�เสนอข้อ้ มูลู วจิ ารณญาณ - ตรวจใบงาน (วิทยาการค�ำนวณ) ป.3
การรวบรวม โดยใช้ซ้ อฟต์์แวร์ ์ - ตรวจแบบฝกึ หดั - แ บบฝกึ หดั รายวชิ าพื้นฐาน
ประมวลผล ตามวัตั ถุุประสงค์์ - ทกั ษะการสื่อสาร 3 - ต รวจชนิ้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) (วทิ ยาการคำ� นวณ) ป.3
และนำ�เสนอ - ทักษะการทำ� งานรว่ มกัน - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน - แบบทดสอบกอ่ นเรยี น
(ว 4.2 ป.3/4) - ทกั ษะความคดิ สร้างสรรค์ ชั่วโมง - สงั เกตพฤตกิ รรมการท�ำงาน - แบบทดสอบหลังเรียน
ขอ้ มูล
รายบคุ คล - ใบงาน
- สังเกตพฤติกรรมการท�ำงานกลมุ่ - ช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด)
- สังเกตคุณลักษณะอนั พึงประสงค์
5 - ร วบรวม ประมวลผล - ทักษะการส่ือสาร - ตรวจแบบทดสอบหลงั เรยี น - ห นงั สอื เรยี นรายวชิ าพื้นฐาน
และนำำ�เสนอข้อ้ มูลู - ทักษะการทำ� งาน - ตรวจใบงาน (วิทยาการค�ำนวณ) ป.3
การใช้งาน โดยใช้ซ้ อฟต์แ์ วร์ ์ - ตรวจแบบฝึกหดั - แบบฝึกหัดรายวชิ าพืน้ ฐาน
ซอฟต์แวร์ ตามวัตั ถุปุ ระสงค์์ ร่วมกนั 3 - ต รวจชนิ้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) (วทิ ยาการค�ำนวณ) ป.3
(ว 4.2 ป.3/4) ช่วั โมง - ประเมนิ การน�ำเสนอผลงาน - แบบทดสอบก่อนเรียน
- ส งั เกตพฤติกรรมการท�ำงาน - แบบทดสอบหลังเรยี น
รายบคุ คล - ใบงาน
- สังเกตพฤตกิ รรมการท�ำงานกลุ่ม - ชน้ิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)
- สังเกตคุณลักษณะอันพึงประสงค์
*สอบปลายภาค 1 ช่วั โมง
สำรบัญ
Chapter Title Chapter Chapter Teacher
Concept Overview Script
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 อลั กอรทิ มึ กบั กำรแก้ปญหำ Overview
T3 T4-T41
• การแก้ปญหาในชวี ิตประจ�าวนั T2 T4-T17
• การแสดงอลั กอริทึม T43 T18-T27
• ตัวอยา่ งการแก้ปญหาเกมเตตริส T42 T83 T28-T34
ท้ายหนว่ ยการเรยี นรู้ท ่ี 1 T82 T111 T35-T41
หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 2 กำรเขียนโปรแกรมอย่ำงงำ่ ย T110 T141 T44-T81
• การเขยี นโปรแกรมสงั่ ให้ตัวละครทา� งาน T140 T44-T63
• การตรวจสอบขอ้ ผดิ พลาดของโปรแกรม T64-T75
ทา้ ยหนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 T76-T81
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 อินเทอรเนต็ และเทคโนโลยี T84-T109
สำรสนเทศ
T84-T95
• อินเทอรเ์ นต็ T96-T104
• เทคโนโลยีสารสนเทศ T105-T109
ทา้ ยหน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 3
T112-T139
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 4 กำรรวบรวม ประมวลผล
และนำ� เสนอขอ้ มลู T112-T122
T123-T127
• การรวบรวมขอ้ มูล T128-T133
• การประมวลผลขอ้ มูล T134-T139
• การนา� เสนอขอ้ มลู
ท้ายหนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ ี 4 T142-T183
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 5 กำรใชง้ ำนซอฟตแวร T142-T177
T178-T183
• ซอฟตแ์ วร์เบ�อื งต้น
ท้ายหนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 5 T184
บรรณำนุกรม
Chapter Concept Overview
หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 1
การแกป ญ หาในชวี ิตประจาํ วนั
ในชีวิตประจ�าวันมักจะพบกับสถานการณ์หรือเหตุการณ์ต่าง ๆ ท่ีเป็นปัญหา เช่น ปัญหาด้านการเรียน ปัญหาด้านการเดินทาง
ปัญหาการนอนต่ืนสาย ปัญหาด้านสุขภาพร่างกาย ซึ�งเมื่อพบกับปัญหาแต่ละปัญหาแล้วนั้นแต่ละคนจะมีวิธีการและขั้นตอนในการแก้ไข
ปัญหาท่ีแตกตา่ งกันออกไปตามประสบการณ์ ความรู ้ และความสามารถของแตล่ ะคน
การแก้ปัญหาเบ้ืองต้น เป็นการน�าข้ันตอนและวิธีการต่าง ๆ มาใช้เพ่ือให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ โดยข้ันตอนท่ีใช้ในการแก้ปัญหา
ประกอบด้วย 4 ข้ันตอน ดังน้ี
1. พ ิจารณาและก�าหนดรายละเอียดของปญหา เป็นการทา� ความเข้าใจ
กบั ปญั หาแลว้ แยกขอ้ มลู ทไ่ี ดว้ า่ ปญั หานนั้ คอื อะไร เงอ่ื นไขของปญั หา
คืออะไร และสิ�งท่ตี อ้ งการคอื อะไร
2. วางแผนและออกแบบวิธีการแก้ปญ หา เปน็ การวางแผนเพื่อแกป้ ัญหา
อยา่ งละเอยี ด
3. ล งมอื แกป้ ญ หาตามแผนทวี่ างไว ้ เปน็ การลงมอื แกป้ ญั หาตามแนวทาง
ท่ไี ดว้ างแผนไว้ และระหวา่ งดา� เนินการแกป้ ัญหา ถ้าเห็นแนวทางอ่นื
ทีด่ กี วา่ กส็ ามารถปรบั เปลย่ี นได้
4. ต รวจสอบผลการแก้ปญ หา เปน็ การตรวจสอบว่า ผลลพั ธท์ ่ีได้ตรงกับ
ที่ต้องการหรอื ไม่
การแสดงอัลกอริทึม
ขั้นตอนวิธี เป็นกระบวนการแก้ปัญหาที่สามารถอธิบายออกมาเป็นขั้นตอนท่ีชัดเจน เช่น การน�าเข้าข้อมูลแล้วได้ผลลัพธ์อย่างไร
ซ่ึงท�าไดโ้ ดยการเขียนบอกเล่า การวาดภาพ หรอื การใชส้ ัญลักษณ์
• การแสดงขั้นตอนวธิ กี ารแก้ปญ หาโดยการเขยี นบอกเลา คือ การใช้ข้อความท่ีเป็นภาษาพูดในการอธบิ ายล�าดบั ข้นั ตอนของวธิ กี าร
แกป้ ัญหา
• ก ารแสดงขน้ั ตอนวธิ กี ารแกป้ ญ หาโดยการวาดภาพ คอื การใชร้ ปู ภาพอธบิ ายขน้ั ตอนวธิ กี ารแกป้ ญั หา ทา� ใหส้ ามารถเหน็ ลา� ดบั ของ
ข้นั ตอนวธิ ีการทา� งานได้ชดั เจนกวา่ การแสดงขัน้ ตอนวธิ ีโดยการเขยี นบอกเลา่
• การแสดงข้ันตอนวิธีแก้ปญหาโดยใช้สัญลักษณ์หรือผังงาน คือ การใช้สัญลักษณ์อธิบายข้ันตอนวิธีการแก้ปัญหา เมื่อปัญหาที่
ต้องการแก้ไขมีความซับซอ้ นมากขนึ้ ความยงุ่ ยากในการเขียนอธบิ ายขน้ั ตอนวิธกี ารแก้ปญั หามีมากขึน้ ด้วย การเขียนผังงานจะ
ท�าให้สามารถอธิบายขนั้ ตอนวธิ ีการทา� งานได้สะดวกยิ่งข้นึ
ตัวอยางการแกป ญหาเกมเตตริส 2 3 4
1 7
เตตรสิ (Tetris)
5
เป็นเกมแก้ปัญหาจัดเรียงตัวบล็อกท่ีหล่นลงมา แล้วจัดเรียง 6
ให้เป็นแถว ซึ�งในปัจจุบันเกมเตตริสเป็นหนึ�งในเกมที่มีการน�ามา
เลน่ ผา่ นเครอื่ งเลน่ วดิ โี อเกม เครอ่ื งเลน่ เกมแบบพกพา คอมพวิ เตอร์
และโทรศพั ท์มอื ถอื
T2
Chapter Overview
แผนการจดั สื่อการเรย� นรู จ�ดประสงค วธ� ส� อน ประเมนิ ทักษะท่ีได คณุ ลักษณะ
การเรย� นรู อันพงึ ประสงค
แผนฯ ที่ 1 - แบบทดสอบกอ่ นเรียน 1. อ ธบิ ายขัน้ ตอนการแก้ - วิธกี ารสอนแบบ - ตรวจแบบฝกหัด - ทักษะการสือ่ สาร - มวี นิ ยั
การแกปญหาใน - หนังสอื เรียนรายวชิ า ปัญหาโดยใช้แนวคดิ กระบวนการกลุ่ม - ตรวจใบงาน - ทักษะการท�างาน - ใฝ่เรยี นรู้
ชีวติ ประจาํ วนั พน้ื ฐาน เทคโนโลยี เชงิ ค�านวณได้ (K) (Group Process) - ส ังเกตพฤตกิ รรม รว่ มกัน - มุ่งมั่นใน
1 (วิทยาการค�านวณ) ป.3 2. แ ก้ปญั หาโดยใชแ้ นวคดิ - เทคนคิ ตามแนวคิด การท�างาน - ทักษะการคิด การทา� งาน
- แ บบฝกหัดรายวิชา เชงิ คา� นวณได้ (P) เชิงคา� นวณ รายบคุ คล สร้างสรรค์
ช่วั โมง พน้ื ฐาน เทคโนโลย ี 3. ป ระยุกตใ์ ช้แนวคิดเชงิ - สงั เกตพฤติกรรม
(วทิ ยาการค�านวณ) ป.3 คา� นวณแก้ปญั หาที่พบ การท�างานกลมุ่
- ใบงานท ่ี 1.1.1 เรอื่ ง ในชีวติ ประจ�าวนั ได ้ (A) - สังเกตคุณลกั ษณะ
การแก้ปัญหาโดยใช้ อนั พงึ ประสงค์
แนวคดิ เชงิ ค�านวณ
แผนฯ ที่ 2 - หนงั สอื เรยี นรายวิชา 1. เ ขา้ ใจขัน้ ตอนการแสดง - วธิ กี ารสอนแบบ - ตรวจแบบฝก หดั - ทกั ษะการสื่อสาร - มีวินยั
การแสดง พื้นฐาน เทคโนโลยี อัลกอรทิ ึมในการทา� งาน กระบวนการกลมุ่ - ตรวจใบงาน - ทักษะการท�างาน - ใฝเ่ รียนรู้
อัลกอรทิ ึม (วทิ ยาการค�านวณ) ป.3 และการแก้ปญั หาได้ (K) (Group Process) - สงั เกตพฤติกรรม ร่วมกนั - ม่งุ มั่นใน
- แบบฝกหดั รายวชิ า 2. แสดงอลั กอรทิ ึมในการ - เทคนิคตามแนวคิด การทา� งาน - ทักษะการคดิ การทา� งาน
1 พน้ื ฐาน เทคโนโลย ี ทา� งานและการแกป้ ญั หา เชิงค�านวณ รายบุคคล สร้างสรรค์
(วทิ ยาการค�านวณ) ป.3 ได้ (P) - สังเกตพฤตกิ รรม
ชว่ั โมง - ใบงานท่ ี 1.2.1 เรอ่ื ง 3. เ ห็นประโยชนข์ องการ การทา� งานกลุ่ม
การแสดงอัลกอริทมึ แสดงอัลกอรทิ ึมในการ - ส งั เกตคุณลกั ษณะ
ทา� งานและการแกป้ ญั หา อันพงึ ประสงค์
(A)
แผนฯ ที่ 3 - หนงั สือเรียนรายวิชา 1. เขา้ ใจรปู แบบการแก้ - วิธีการสอนแบบ - ตรวจแบบฝก หดั - ท กั ษะการคิด - มีวินัย
ตวั อยาง พื้นฐาน เทคโนโลย ี ปัญหา (K) กระบวนการกลุ่ม - ตรวจช้นิ งาน/ภาระ อย่างมี - ใฝเ่ รยี นรู้
การแกป ญหา (วทิ ยาการคา� นวณ) ป.3 2. แสดงขนั้ ตอนการแก้ (Group Process) งาน (รวบยอด) วจิ ารณญาณ - มงุ่ มน่ั ใน
เกมเตตรสิ - แ บบฝกหัดรายวชิ า ปญั หาได้ (P) - เทคนิคตามแนวคิด - ตรวจแบบทดสอบ - ทกั ษะการส่อื สาร การท�างาน
พน้ื ฐาน เทคโนโลย ี 3. ประยกุ ต์ใช้กบั การแก้ เชิงคา� นวณ หลงั เรียน - ทักษะการทา� งาน
1 (วทิ ยาการค�านวณ) ป.3 ปัญหาในชีวติ ประจ�าวนั - สงั เกตพฤติกรรม ร่วมกัน
- ชิน้ งาน/ภาระงาน ได ้ (A) การท�างาน - ทักษะการคดิ
ชั่วโมง
(รวบยอด) รายบุคคล สรา้ งสรรค์
- แบบทดสอบหลังเรียน - สงั เกตพฤติกรรม
การท�างานกลุ่ม
- สงั เกตคุณลักษณะ
อนั พึงประสงค์
T3
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 1 1เวลา ชั่วโมง
การแก้ปัญหาในชวี ติ ประจำ� วนั
1. มาตรฐาน/ตัวชว้ี ัด
ตัวชี้วัด
ว 4.2 ป.3/1 แสดงอลั กอรทิ ึมในการท�ำงานหรอื แกป้ ญั หาอย่างง่ายโดยใชภ้ าพ สัญลกั ษณ์ หรือข้อความ
2. จุดประสงค์การเรยี นรู้
1. อธบิ ายขัน้ ตอนการแกป้ ญั หาโดยใช้แนวคดิ เชงิ ค�ำนวณได้ (K)
2. แก้ปญั หาโดยใช้แนวคดิ เชิงค�ำนวณได้ (P)
3. ประยุกตใ์ ช้แนวคิดเชิงค�ำนวณแกป้ ญั หาทพี่ บในชีวิตประจำ� วนั ได้ (A)
3. สาระการเรียนรู้
อลั กอรทิ ึมเป็นขัน้ ตอนทใ่ี ชใ้ นการแกป้ ญั หา
4. สาระสำ� คัญ/ความคดิ รวบยอด
การแก้ปัญหา คือ การน�ำขั้นตอนและวิธีการต่าง ๆ มาใช้เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการโดยใช้แนวคิดเชิงค�ำนวณ
ซึ่งเป็นกระบวนการแก้ปัญหาโดยใช้เหตุผลเชิงตรรกะหรือวิธีอื่น ๆ เช่น การจัดล�ำดับ การวิเคราะห์ข้อมูล การสร้างสรรค์
วธิ ีการแก้ปญั หาทีละขน้ั ตอน เรียกว่า อลั กอริทึม (Algorithm)
5. สมรรถนะสำ� คญั ของผู้เรียนและคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์
สมรรถนะสำ� คัญของผเู้ รียน ทกั ษะ 4Cs คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
1. ความสามารถในการส่ือสาร 1. ทกั ษะการคิดอยา่ งมวี จิ ารณญาณ 1. มวี ินยั
2. ความสามารถในการคิด (Critical Thinking) 2. ใฝ่เรียนรู้
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 2. ทักษะการทำ� งานร่วมกนั 3. มุ่งมัน่ ในการท�ำงาน
(Collaboration Skill)
3. ทักษะการส่ือสาร
(Communication Skill)
4. ทักษะความคดิ สรา้ งสรรค์
(Creative Thinking)
6. กิจกรรมการเรียนรู้
แนวคิด/รูปแบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : วิธีการสอนแบบกระบวนการกลุ่ม (Group Process) และเทคนิค
ตามแนวคิดเชิงคำ� นวณ
T4
นา� น�า สอน สรปุ ประเมนิ
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 อลั กอรทิ มึ กับการแก้ปัญหา ขน้ั นาํ
แบบทดสอบกอ่ นเรยี น 1. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบกอนเรียน เรื่อง
อัลกอริทึมกับการแกปญหา เพื่อเปนการ
หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 1 ทบทวนความรู และวัดพ้ืนฐานความรูกอนที่
จะเร่มิ เรยี นเนื้อหาใหม
คาชแ้ี จง : ใหน้ ักเรยี นเลือกคาตอบที่ถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว
2. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรม โดยครูจะบอกคํา
1. เม่ือเกดิ ปัญหาเราควรปฏิบตั อิ ย่างไร 6. ขอ้ ใดไม่ใช่การแสดงอัลกอริทึม (Algorithm) ท้ังหมด 25 คาํ ใหน กั เรียนฟง ซ่ึงมเี งื่อนไขวา
ก. หนปี ญั หาไมส่ นใจ ก. การแสดงข้ันตอนวิธีการแกป้ ญั หาโดยการบอกเลา่ จะตอ งจาํ คําใหไดม ากทสี่ ดุ
ข. หาวธิ ีการแก้ปัญหา ข. การแสดงข้ันตอนวธิ กี ารแกป้ ญั หาโดยการวาดภาพ
ค. หาทย่ี ึดเหนยี่ วจิตใจ ค. การแกป้ ญั หาโดยการบอกผลลพั ธท์ ี่ตอ้ งการโดยไม่
ต้องบอกข้นั ตอนเพอ่ื ความรวดเร็ว
2. ข้อใดเรยี งลาดับขน้ั ตอนการแกป้ ัญหาได้ถกู ต้อง
ก. พจิ ารณาปญั หาและกาหนดรายละเอยี ดของ 7. จากข้อมูลดา้ นล่างเป็นการแสดงอัลกอรทิ มึ แบบใด
ปญั หา > วางแผนและออกแบบวิธแี กป้ ัญหา >
ลงมือแกป้ ญั หาตามแผนท่ีวางไว้ ก. การแสดงข้ันตอนวธิ กี ารแกป้ ัญหาโดยการวาดภาพ
ข. พจิ ารณาปญั หาและกาหนดรายละเอยี ดของ ข. การแสดงข้นั ตอนวิธกี ารแกป้ ัญหาโดยการนาเสนอ
ปญั หา > ลงมือแกป้ ญั หาตามแผนทวี่ างไว้ > ค. การแสดงขนั้ ตอนวิธีการแกป้ ญั หาโดยการใชส้ ัญลกั ษณ์
ตรวจสอบผลการแกป้ ญั หา > วางแผนและ 8. สัญลักษณน์ ้มี ีความหมายตรงตามข้อใด
ออกแบบวธิ ีแกป้ ญั หา
ค. พิจารณาปญั หาและกาหนดรายละเอยี ดของ ก. การทางานหรอื การประมวลผล
ปัญหา > วางแผนและออกแบบวิธแี ก้ปัญหา > ข. การตดั สนิ ใจหรือการตรวจสอบเงอื่ นไข
ลงมอื แกป้ ญั หาตามแผนที่วางไว้ > ตรวจสอบ ค. ทิศทางขอ้ มูลหรือเส้นทางการทางาน
ผลการแกป้ ญั หา 9. เมื่อตอ้ งการใหต้ ัวละครเคล่ือนทคี่ วรเลือกบล็อกคาสั่งใด
3. แมใ่ ห้เงินแบมไปโรงเรยี นจานวน 100 บาทให้ใช้ ก. ก. ข. ค.
ภายใน 5 วัน แบมมีการคานวณการใชเ้ งิน 100 บาท
วา่ จะต้องใชเ้ งนิ วันละ 20 บาท ขอ้ ความทข่ี ดี เสน้ ใต้ 10. การแก้ปัญหาเกมเตตริส บลอ็ กในการต่อตวั ต่อไปควรเป็น
คือข้นั ใดในขนั้ ตอนการแกป้ ญั หา รปู แบบใด ถงึ จะสมบรู ณ์
ก. ตรวจสอบผลการแก้ปญั หา
ข. วางแผนและออกแบบวิธีแก้ปญั หา ก. ข. ค.
ค. พจิ ารณาปัญหาและกาหนดรายละเอยี ดของปัญหา
6. ค 7. ค 8. ข 9. ค 10. ค
4. ข้อใดไม่ใช่การแกป้ ญั หาโดยใช้แนวคิดเชิงคานวณ
ก. ขอ้ มลู จาเพาะ (Specifiction)
ข. การหาส่วนสาคญั ของปญั หา (Abstraction)
ค. การแสดงข้ันตอนการแก้ปญั หา (Algorithm)
5. เจนพบปัญหาคอมพิวเตอร์ตั้งโตะ๊ ไม่ตดิ จึงพจิ ารณาปญั หา
โดยดูในแต่ละองคป์ ระกอบตา่ ง ๆ ดังนี้ การเปดิ เครอื่ งแล้ว
หรอื ไม่การเสยี บปลั๊กแลว้ หรอื ไมห่ รอื PC ทางานหรือไม่จาก
สถานการณด์ งั กล่าว เจนมีการใชแ้ นวคดิ เชงิ คานวณแบบใด
ก. การหาสว่ นสาคญั ของปัญหา (Abstraction)
ข. การแสดงขน้ั ตอนการแกป้ ญั หา (Algorithm)
ค. การแบง่ แยกส่วนของปัญหา (Decomposition)
เฉลย
1. ข 2. ค 3. ข 4. ก 5. ค
เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ)
ภาพจาก
แผนการสอน ที่ 1
หนว่ ยที่ 1
ขอสอบเนน การคดิ
บุคคลใดแกปญ หาตามขนั้ ตอนไดถ กู ตอ ง
1. ฝนลงมือแกปญหาทงั้ ที่ยงั ไมไดว างแผน
2. น้าํ พิจารณาสาเหตขุ องปญ หาโดยไมสนใจปญหาท่ีเกดิ ข้ึน
3. มะนาวไมต รวจสอบปญหาหลงั การแกปญหาเพราะ
เสียเวลา
4. ปลาพจิ ารณาปญหาและกาํ หนดวธิ กี ารกอนการวางแผน
แกปญหา
(วิเคราะหค ําตอบ ปลาพจิ ารณาปญ หาและกําหนดวธิ กี ารกอ นการ
วางแผนแกป ญหา เปนการแกปญ หาตามข้นั ตอนทถ่ี ูกตอง เพราะ
มีการพิจารณาปญหา และกําหนดวธิ ีการแกไขปญหานนั้ ๆ ดังน้นั
ตอบขอ 4.)
T5
นา� นา� สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ นาํ 1 ÍÅÑ ¡ÍÃ·Ô ÁÖ˹Nj ¡ÒÃàÃÕ¹÷ŒÙ Õè
¡ºÑ ¡ÒÃá¡»Œ Þ˜ ËÒ
3. ครูใหนักเรียนสงตัวแทน 1-2 คน ออกมา
ยืนหนาหองเรียน จากนั้นใหเพ่ือนชวยกัน ตวั ชีว้ ัด
บอกคําท่ีจําไดใหตัวแทนจดลงบนกระดาน
ครูตรวจสอบความถกู ตอง ว 4.2 ป. 3/1 แสดงอัลกอริทมึ ในการท�างานหรือการแกป้ ญ หา
อยางงายโดยใชภ้ าพ สญั ลกั ษณ หรือขอ้ ความ
ขน้ั สอน
1. ครูถามคําถามประจําหนวยการเรียนรูจาก
หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน เทคโนโลยี
(วิทยาการคํานวณ) ป.3 หนวยการเรียนรูท่ี
1 อัลกอรทิ ึมกับการแกปญ หา วาวันน้ตี ื่นสาย
แลวจะไปโรงเรียนดวยวิธีใดจึงจะไปทันเวลา
เขาสอบ จากนั้นครูสนทนากับนักเรียนวา
ปญหาเหลานี้สามารถแกปญหาเบ้ืองตน
ไดโดยมีข้ันตอนในการแกปญหา ดังน้ี
การพิจารณาและกําหนดรายละเอียดของ
ปญหา การวางแผนและออกแบบวิธีการ
แกป ญ หา การลงมอื แกป ญ หาตามแผนทวี่ างไว
และการตรวจสอบผลการแกป ญ หา
แนวตอบ คาํ ถามประจาํ หนว ยการเรยี นรู Ç¹Ñ ¹éµÕ ¹×è ÊÒÂ
áÅÇŒ ¨Ðä»âçàÃÕ¹´ŒÇÂÇÔ¸Õ ã´
ตองพิจารณาวิธีการเดินทางไปโรงเรียนวา
มีวิธีใดบาง เชน การเดินไปโรงเรียน การปน ¶§Ö ¨Ð价ѹàÇÅÒà¢ÒŒ Êͺ
จักรยานไปโรงเรียน เดินทางดวยรถโดยสารของ
โรงเรียน หรือใหผูปกครองไปสงที่โรงเรียนดวย 2 2
รถจักรยานยนตหรือรถยนต ซึ่งถาจะไปโรงเรียน
ใหทันเวลาเขาสอบจะตองเลือกวิธีการที่ไปถึง ภาพจาก หนังสือเรียน หนา
โรงเรียนใหเร็วท่ีสุดซึ่งอาจจะใหผูปกครองไปสงท่ี
โรงเรียนดวยรถจักรยานยนตเพราะในเวลาที่เรงรีบ
รถจักรยานยนตจะเปนพาหนะท่ีขับขี่ถึงจุดหมาย
ไดร วดเรว็ ทีส่ ุด
เกร็ดแนะครู
การเรยี นการสอนเรอ่ื ง อลั กอรทิ มึ กบั การแกป ญ หา ครคู วรเนน การสอนโดย
อธิบายถึงลําดับขั้นตอน กระบวนการคิด การฝกใชวิธีในการแกปญหาในชีวิต
ประจาํ วนั ฝก ใหน กั เรยี นแสดงขนั้ ตอนวธิ แี กป ญ หาโดยการเขยี นบอกเลา การวาด
ภาพ และการใชส ญั ลักษณไ ด ซ่ึงจะฝก ใหนกั เรียนคดิ แกปญ หาจากสถานการณ
จําลองที่ครูสรางขึ้น และมีสวนรว มจากการคดิ วเิ คราะหเ พ่ือแกปญ หาและตอบ
คาํ ถามจากสถานการณดังกลา ว
T6
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
ส่งิ แรก 1. ¡ÒÃá¡»Œ Þ˜ ËÒ㹪ÇÕ µÔ »ÃШÒí Ç¹Ñ ขน้ั สอน
ท่ีควรทาํ
เมอ่ื พบกับ ในชีวิตประจ�าวันของนักเรียน มักพบกับ 2. ครูถามคําถามสําคัญประจําหัวขอกับนักเรียน
ปญหาคอื อะไร สถานการณห รอื เหตกุ ารณต า ง ๆ ทเ่ี ปน ปญ หา เชน วา สิ่งแรกที่ควรทําเม่ือพบกับปญหาคืออะไร
จากนั้นใหนกั เรยี นชว ยกนั ตอบคาํ ถาม
ปญ หาดา้ นการเรยี น ปญ หาดา้ นการเดนิ ทาง ปญ หาการนอนตน่ื สาย
ปญ หาดา้ นสขุ ภาพรางกาย ปญหาการติดเกม ซงึ่ เม่ือพบกับปญหา 3. ครอู ธบิ ายเรอื่ ง การแกป ญ หาในชวี ติ ประจาํ วนั
แล้ว นักเรียนแตละคนจะมีวิธีการและข้ันตอนในการแก้ปญหาที่ วา การแกปญหาเปนการนําข้ันตอนตางๆ
แตกตางกันไป ตามความรู้ ความสามารถ และประสบการณของ มาใชเพื่อใหไดผลลัพธตามท่ีตองการ โดย
แตละคน โดยแตละวิธีการท่ีใช้ในการแก้ปญหาอาจให้ผลลัพธท่ี อาศัยขั้นตอนในการแกปญหาทั้ง 4 ข้ันตอน
เหมอื นหรอื แตกตา งกัน ดังนี้ การพิจารณาและกําหนดรายละเอียด
ของปญหา การวางแผนและออกแบบวิธีการ
แกปญหา การลงมือแกปญหาตามแผนที่
วางไว และการตรวจสอบผลการแกป ญหา
1.1 การแกป ญหาเบ้ืองตน
การแกป ญ หา คอื การนา� ขนั้ ตอนและวธิ กี ารตา ง ๆ มาใชเ้ พอื่ ให้
ไดผ้ ลลพั ธต ามทตี่ อ้ งการ โดยขน้ั ตอนท่ีใช้ในการแกป้ ญ หา ประกอบ
ดว้ ย 4 ข้นั ตอน ดังนี้
¢éѹµÍ¹¡ÒÃᡌ»˜ÞËÒ
1 2 แนวตอบ คําถามสําคญั ประจําหัวขอ
พิจารณาและกา� หนด วางแผนและออกแบบ การพิจารณาและกําหนดรายละเอียดของ
รายละเอยี ดของปญหา วิธีการแก้ปญ หา ปญ หา
เปนการทําความเขาใจกับปญหา
แลวแยกขอมูลที่ไดวา ปญหาน้ันคือ เปนการวางแผนในการแกปญหา
อะไร เงื่อนไขของปญหาคืออะไร อยา งละเอียด
และสิง่ ที่ตอ งการคอื อะไร
3
ภาพจาก หนังสอื เรียน หนา 3
ขอ สอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู
พิจารณาขอ ความท่กี ําหนดให ขอ ใดเรยี งลําดบั ขน้ั ตอนการแก ครูอธิบายเร่ือง การแกปญหา ใหนักเรียนฟงวา เปนการนําข้ันตอนและ
ปญหาไดถูกตอง วิธีการตางๆ มาใชเพ่ือใหไดผลลัพธตามท่ีตองการ แลวครูจําลองสถานการณ
1. พจิ ารณาและกําหนดรายละเอยี ดของปญ หา ใหนักเรียนชวยกันแกปญหาวา เม่ือนักเรียนมีอาการปวยเปนหวัดบอยใน
2. วางแผนและออกแบบวธิ กี ารแกปญหา ชวงฤดูฝน นักเรียนจะมีวิธีในการปองกันอาการหวัดน้ีไดอยางไรบาง จากน้ัน
3. ตรวจสอบผลการแกป ญ หา ใหนักเรียนคิดวิเคราะหเพ่ือหาคําตอบ และครูสุมนักเรียนข้ึนมา 3-4 คน
4. ลงมือแกป ญหาตามแผนที่วางไว เพือ่ ตอบคาํ ถามน้ี
1. 1. 2. 3. 4. 2. 1. 3. 4. 2.
3. 1. 4. 2. 3. 4. 1. 2. 4. 3.
(วเิ คราะหคาํ ตอบ ขนั้ ตอนการแกป ญ หาทถ่ี กู ตอ งสามารถเรยี งได
ดังนี้ พิจารณาและกําหนดรายละเอียดของปญหา>วางแผนและ
ออกแบบวิธีการแกปญหา>ลงมือแกปญหาตามแผนที่วางไว>
ตรวจสอบผลการแกป ญหา ดงั นั้น ตอบขอ 4.)
T7
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน 3 4
4. ครูยกสถานการณตัวอยางใหนักเรียนฟง ลงมอื แก้ปญ หา ตรวจสอบผลการแก้ปญ หา
วา บอลไมตั้งใจเรียนจนทําใหไดคะแนน ตามแผนท่ีวางไว้ เปนการตรวจสอบวา ผลลัพธที่ได
วิชาภาษาอังกฤษนอยมาก ครูจะใหนักเรียน เปน การลงมอื แกป ญ หาตามแนวทางที่ ตรงกบั ทต่ี อ งการหรือไม
ชวยกันแกปญหาโดยใชขั้นตอนการแกปญหา ไดว างแผนไว และระหวา งดาํ เนนิ การ
เบื้องตนทั้ง 4 ขั้นตอน และบันทึกผลท่ีได แกปญหา ถาเห็นแนวทางอื่นที่ดีกวา
ลงในสมุดประจาํ ตวั กส็ ามารถปรบั เปลย่ี นได
5. ครูถามคําถามกับนักเรียนภายในช้ันเรียน
วา นักเรียนคิดวาขั้นตอนใดในการแกปญหา
เบอื้ งตน มคี วามสาํ คญั ทส่ี ดุ เพราะอะไร จากนนั้
ครขู ออาสาสมัครออกมาตอบคําถามนี้
สถานการณ์ตัวอย่าง
บอลไมตั้งใจเรียนจนท�าให้ได้คะแนนในวิชาภาษา
องั กฤษนอ้ ยมาก เพราะมีเน้ือหาคอนข้างยากและไมใช
วิชาท่ีตนเองถนัด จะมีวิธีในการแก้ปญหาให้บอลสอบ
ผานวิชาน้ไี ด้อยา งไร
สอบตก
4 4
ภาพจาก หนังสือเรียน หนา
เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคดิ
ครูอธิบายขั้นตอนการแกปญหาใหนักเรียนฟงวา สามารถแบงออกเปน 4 หากนักเรียนลืมนําสมุดการบานวิชาคณิตศาสตรกลับมา
ขั้นตอน ดงั น้ี นักเรียนจะมีวิธีแกปญหาอยางไร จากประโยคขางตน ขอใดคือ
ขน้ั ตอนการพจิ ารณาและกําหนดรายละเอียดของปญหา
• พจิ ารณาและกําหนดรายละเอยี ดของปญหา เปน การทาํ ความเขา ใจกับ
ปญหาแลวแยกขอมูลท่ีไดวา ปญหานั้นคืออะไร เง่ือนไขของปญหาคือ 1. นักเรยี นทําการบานเสร็จแลว
อะไร และสงิ่ ท่ตี องการคืออะไร 2. นักเรยี นลืมนําสมดุ การบา นกลบั มา
3. นกั เรียนจะไปทําการบา นทีโ่ รงเรยี น
• วางแผนและออกแบบวิธีการแกปญ หา เปน การวางแผนในการแกป ญหา 4. นกั เรยี นทาํ การบานและนําสมุดมาโรงเรยี น
อยา งละเอยี ด
(วเิ คราะหค ําตอบ นักเรียนลืมนาํ สมุดการบานวิชาคณิตศาสตร
• ลงมือแกปญ หาตามแผนทีว่ างไว เปนการลงมอื แกป ญหาตามแนวทางท่ี กลบั มา ซง่ึ เปน ขนั้ ตอนพจิ ารณาและกาํ หนดรายละเอยี ดของปญ หา
ไดวางแผนไว และระหวางดําเนนิ การแกปญหา เพราะนักเรยี นทําความเขา ใจกบั ปญ หา และสามารถอธบิ ายไดวา
ปญ หา คอื ลมื นาํ สมดุ การบา นวชิ าคณติ ศาสตรก ลบั มา ดงั นน้ั ตอบ
• ตรวจสอบผลการแกปญหา เปนการตรวจสอบวา ผลลัพธที่ไดตรงกับ ขอ 2.)
ความตอ งการหรอื ไม
T8
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
¢Ñ鹵͹¡ÒÃá¡»Œ Þ˜ ËÒ 2 วางแผนและออกแบบ ขนั้ สอน
1 พิจารณาและก�าหนด วิธกี ารแกป้ ญหา 6. ค รู อ ธิ บ า ย ข้ั น ต อ น ก า ร แ ก ป ญ ห า จ า ก
- บอลตอ งตัง้ ใจเรยี นวิชา สถานการณต ัวอยา ง เรื่อง บอลไมตั้งใจเรียน
รายละเอยี ดของปญหา ใหนักเรียนฟง โดยมีข้ันตอนท่ีใชในการแก
ปญหา คอื สอบตก ภาษาอังกฤษมากย่ิงข้นึ ปญหานี้ท้ังหมด 4 ข้ันตอน เม่ือครูอธิบาย
วชิ าภาษาอังกฤษ - ถา มีขอ สงสัยตอ งซกั ถาม ข้ันตอนการแกปญหาเสร็จเรียบรอยแลว
สิ่งทตี่ อ้ งการ คือ ครูถามนักเรียนวา หากนักเรียนคนใดมี
ตอ งสอบผานวชิ า คุณครหู รอื เพื่อนใหเ ขา ใจ ขอสงสัยใหยกมือสอบถามครู
- ขยันอานหนงั สือ
ภาษาอังกฤษ 7. ครเู ปด โอกาสใหนักเรียนศึกษาเพมิ่ เตมิ ไดจาก
ภาษาอังกฤษ การสแกน QR Code เรื่อง ตัวอยางการแก
3 ลงมอื แก้ปญหา เพิ่มเติม ปญหาเบื้องตนในชีวิตประจําวัน เพื่อศึกษา
เนือ้ หาเพิ่มเตมิ ใหเ ขาใจมากยิง่ ข้นึ
ตามแผนทวี่ างไว้
ตั้งใจเรยี น อานหนังสือเพม่ิ เติม
ทบทวนบทเรยี นกบั เพ่ือน
4 ตรวจสอบผล เม่ือบอลต้ังใจเรียนในคาบเรียนวิชาภาษา
องั กฤษ ทบทวนบทเรยี นกบั เพอ่ื น และอา น
การแกป้ ญหา หนังสือภาษาอังกฤษเพ่ิมเติมแลว จะทําให
บอลสอบผา นวชิ าภาษาองั กฤษอยา งแนน อน
English Test
ภาพท่ี 1.1 ขน้ั ตอนการแกป้ ญหา
ตวั อยา งการแกปญ หาเบอ้ื งตน ในชีวิตประจาํ วนั 5
ภาพจาก หนงั สือเรียน หนา 5
ขอสอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู
ขอใดคือปจจัยหลักที่ทําใหการวางแผนในการแกปญหาของ ครอู ธิบายขน้ั ตอนการแกป ญ หาใหนกั เรยี นฟง และยกตวั อยา งปญ หา โดย
แตล ะบคุ คลมีความแตกตางกัน มีสถานการณวา กลาเลนเกมทุกวันจนทําใหมีพฤติกรรมสมาธิส้ัน ซึ่งสงผลตอ
การเรียนหนังสือ เพราะไมสามารถจดจอกับการเรียนหนังสือไดนาน จนทําให
1. อาชพี กลาไมเขาใจเน้ือหาที่ครูสอน ถานักเรียนเปนกลาจะมีข้ันตอนการแกปญหา
2. การทํางาน จากสถานการณน้ีอยางไรเพื่อทําใหเขาใจในบทเรียนมากขึ้น จากน้ันครูให
3. ตําแหนง งาน นักเรียนชวยกันวเิ คราะห และสุมนกั เรียน 3-4 คน ตอบคาํ ถามน้ี
4. ความรแู ละประสบการณ
(วิเคราะหคาํ ตอบ ปจ จยั หลกั ทท่ี าํ ใหก ารวางแผนในการแกป ญ หา
ของแตละบุคคลมีความแตกตา งกนั คอื ความรูแ ละประสบการณ
ของแตละบุคคลที่ไดรับมาจากการดําเนินชีวิต และระดับความรู
ทมี่ คี วามแตกตางกันของแตล ะบคุ คล ดงั นั้น ตอบขอ 4.)
T9
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน ¡¨Ô ¡ÃÃÁ
½¡ƒ ·Ñ¡ÉÐ
8. ใหนักเรียนแตละคนทํากิจกรรมฝกทักษะ ใหน กั เรยี นรว มกนั วเิ คราะหส ถานการณท กี่ าํ หนดให แลว อธบิ ายวธิ กี าร
โดยใหนักเรียนรวมกันวิเคราะหสถานการณ แกป ญ หาตามขน้ั ตอนทใ่ี ชในการแกป ญ หา โดยเขยี นคาํ ตอบลงในสมดุ
ท่ีกําหนดให แลวอธิบายวิธีการแกปญหา
ตามข้ันตอนท่ีใชในการแกปญหา โดยเขียน สถานการณท ่ี 1
คําตอบท่ไี ดล งในสมดุ ประจาํ ตวั
9. ครูถามคําถามกับนักเรียนในชั้นเรียนวา
ถานักเรียนพบเจอกับสถานการณนี้ นักเรียน
จะมีวิธีการ หรือขั้นตอนที่ใชในการแกปญหา
เบ้ืองตนอยางไรบาง จากนั้นครูอาจจะขอ
อาสาสมคั รมาตอบคาํ ถามน้ี
ภาพที่ 1.2 ภาพประกอบกจิ กรรมฝก ทกั ษะ
ขนั้ ตอนการแก้ปญหา
1. พิจารณาและกําหนดรายละเอียดของปญหา
......................................................................................................................................................................................................................................
2. วางแผนและออกแบบวธิ กี ารแกป ญหา
......................................................................................................................................................................................................................................
3. ลงมอื แกป ญ หาตามแผนทวี่ างไว บนั ทกึ ลงในสมุด......................................................................................................................................................................................................................................
4. ตรวจสอบผลการแกป ญหา
......................................................................................................................................................................................................................................
6 6
ภาพจาก หนังสือเรียน หนา
เกร็ดแนะครู กิจกรรม ทาทาย
ครยู กตวั อยา งสถานการณเ พ่อื ใหนกั เรยี นชว ยกนั แกป ญ หาวา ตาลชอบกนิ ครใู หนกั เรยี นแบงกลมุ กลมุ ละ 4-5 คน ใหแตละกลมุ เลอื ก
ขนมหวานทุกวัน ทําใหตาลปวดฟนและฟนผุ ถานักเรียนเปนตาลจะแกปญหา สถานการณที่ครกู าํ หนดให และเขียนขั้นตอนการแกป ญ หาทั้ง 4
นี้อยางไร เพ่ือทาํ ใหฟนกลับมาแข็งแรง ครูขออาสาสมัครในการตอบคําถาม ข้ันตอน ลงในกระดาษ A4 พรอมตกแตง ใหสวยงาม จากนั้นออก
จากสถานการณนี้ จากนั้นครูสุมนักเรียน 4-5 คน ยกตัวอยางปญหาที่พบใน มานาํ เสนอหนา ช้ันเรียน โดยสถานการณท ่ีครูกําหนดให มีดงั นี้
ชวี ติ ประจาํ วันและชวยกนั หาทางแกไ ขปญหาเหลา น้ัน
• สอบตกวชิ าคณิตศาสตร
• อานหนงั สือสอบไมท ันกอนสอบ
• จําคําศัพทวชิ าภาษาอังกฤษไมไ ด
• ใสเครือ่ งแตง กายผิดวันมาโรงเรยี น
• ลืมทาํ การบา นสงครใู นวันรุงขึ้น
T10
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
สถานการณท่ี 2 ขน้ั สอน
โรงอาหาร โรงอาหาร 10. ครใู หน กั เรียนพจิ ารณาสถานการณท ี่ 2 เร่อื ง
เสน ทางการเดนิ ทางไปโรงอาหาร ถา นกั เรยี น
เปนคนในภาพ นักเรียนจะแกปญหานี้
โดยใชข้ันตอนการแกปญหาท้ัง 4 ขั้นตอน
ไดอยางไรบาง แลวครูใหนักเรียนบันทึกผล
ท่ไี ดล งในสมดุ ประจําตัว
โรงอาหาร โรงอาหาร
ภาพท่ี 1.3 ภาพประกอบกจิ กรรมฝกทกั ษะ
ขัน้ ตอนการแก้ปญ หา
1. พิจารณาและกาํ หนดรายละเอยี ดของปญ หา
......................................................................................................................................................................................................................................
2. วางแผนและออกแบบวธิ กี ารแกป ญหา
......................................................................................................................................................................................................................................
3. ลงมอื แกปญหาตามแผนทวี่ างไว บนั ทกึ ลงในสมุด......................................................................................................................................................................................................................................
4. ตรวจสอบผลการแกป ญหา
......................................................................................................................................................................................................................................
ทกั ษะการเรยี นรูในศตวรรษที่ 21 2. ทักษะการคดิ เชิงคา� นวณ 7
1. ทกั ษะการแกป้ ญ หา
3. ทกั ษะการส่อื สาร
ภาพจาก หนังสือเรยี น หนา 7
ขอ สอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู
ข้ันตอนในขอใดของกระบวนการแกปญหาชวยใหสามารถแก ครูจําลองสถานการณใหนักเรียนฟงวา เม่ือนักเรียนตองเดินทางไปเรียน
ปญ หาไดตรงประเดน็ พิเศษ แตพบวาเสนทางที่ไปทุกวันมีการทําถนนใหม นักเรียนจะมีวิธีในการ
เดนิ ทางไปเรยี นพเิ ศษอยา งไรบา ง เพอื่ ไปเรยี นไดท นั เวลา ใหน กั เรยี นชว ยกนั คดิ
1. ตรวจสอบผลการแกปญหา วเิ คราะหเ พอื่ หาคาํ ตอบนี้ จากนนั้ ครสู มุ นกั เรยี นจาํ นวน 3-4 คน ใหต อบคาํ ถามน้ี
2. ลงมือแกป ญ หาตามแผนท่วี างไว
3. วางแผนและออกแบบวิธีการแกปญหา
4. พิจารณาและกําหนดรายละเอียดของปญหา
(วเิ คราะหคาํ ตอบ ลงมอื แกป ญ หาตามแผนทวี่ างไวจ ะเปน ขน้ั ตอน
การปฏิบัติของกระบวนการแกปญหาท่ีชวยใหสามารถแกปญหา
ไดต รงประเด็นของปญหาน้นั ๆ ดังนน้ั ตอบขอ 2.)
T11
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ สอน 1.2 การแกป ญหาโดยใชแ นวคดิ เชิงคํานวณ
11. ครูอธิบายเร่ือง การแกปญหาโดยใชแนวคิด แนวคดิ เชงิ คาํ นวณ (Computational Thinking) เปน กระบวนการ
เชิงคํานวณวา แนวคิดเชิงคํานวณเปน แก้ปญหาโดยใช้เหตุผลเชิงตรรกะหรือวิธีอ่ืน ๆ เชน การจัดล�าดับ
กระบวนการแกปญหาโดยใชเหตุผลเชิง เชิงตรรกศาสตร การวิเคราะหข้อมูล การสร้างสรรควิธีแก้ปญหา
ตรรกะหรือวิธีอื่นๆ โดยจะประกอบไปดวย ไปทีละขั้นทีละตอน หรือเรียกวา อัลกอริทึม การแก้ปญหาโดยใช้
แนวคิดเชิงคํานวณ 4 แนวคิดยอย ดังนี้ แนวคิดเชงิ ค�านวณประกอบด้วย 4 แนวคดิ ยอ ย ดังน้ี
การแบงแยกสวนของปญหา การหารูปแบบ
ของปญหา การหาสวนสําคัญของปญหา 1 การแบง่ แยกส่วนของปญหา 2 การหารปู แบบของปญ หา
และการแสดงขัน้ ตอนการแกป ญ หา
(Decomposition) (Pattern Recognition)
12. ครูอธิบายแตละแนวคิดยอยของแนวคิดเชิง
คํานวณวา มีความหมาย และความสําคัญ เปนกระบวนการแบงปญหาออกเปน เปนกระบวนการหาความสัมพนั ธ
อยางไรบาง พรอมยกตัวอยางสถานการณ สว นยอ ย ๆ ของปญหา โดยการ
ที่สามารถนําแนวคิดเชิงคํานวณไปชวย เพ่ือใหง า ยตอ เปรียบเทยี บหรือ
ในการแกปญหาใหนกั เรียนฟง การแกปญ หา จดั เรียงลาํ ดับ
3 การหาส่วนส�าคญั ของปญหา 4 การแสดงขัน้ ตอนการแก้ปญหา
(Abstraction) (Algorithm)
เปนการหาสาระสําคัญหรือคําที่สําคัญ
ของการ เปนการแสดงข้ันตอนการวางแผนการ
แกปญ หา แกปญหา ซ่ึงสามารถ 1
ทําไดโดยการ
เขียนบอกเลา
การวาดภาพ หรอื 2
การใชส ญั ลกั ษณ 3
8 8
ภาพจาก หนังสือเรียน หนา
เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคดิ
ครูอธิบายเร่ือง การแกปญหาโดยใชแนวคิดเชิงคํานวณวา เปนกระบวน การหาความสัมพันธของปญหาท่ีเกิดข้ึนจัดอยูในแนวคิดยอย
การแกปญ หา เชน การจัดลาํ ดับเชิงตรรกศาสตร การวิเคราะหขอมลู และการ ขอ ใดของแนวคดิ เชิงคาํ นวณ
สรางสรรคว ิธแี กป ญหาไปทีละขั้นตอน แบงไดเ ปน 4 แนวคิดยอ ย ดงั นี้
1. การหารูปแบบของปญหา
• การแบง แยกสว นของปญหา (Decomposition) เปน การยอยปญ หาหรือ 2. การแบง แยกสว นของปญ หา
ระบบทซี่ บั ซอ นออกเปน สว นเลก็ ๆ เพอ่ื ใหง า ยตอ การจดั การและแกป ญ หา 3. การหาสว นสําคญั ของปญ หา
4. การแสดงขน้ั ตอนการแกปญหา
• การหารูปแบบของปญหา (Pattern Recognition) เปนการหาความ
สมั พนั ธของปญ หาโดยเปรียบเทียบหรอื จดั เรยี งลําดบั (วิเคราะหคาํ ตอบ การหารูปแบบของปญหาเปนกระบวนการหา
ความสัมพันธของปญหา โดยการเปรียบเทียบหรือจัดเรียงลําดับ
• การหาสวนสําคัญของปญหา (Abstraction) เปนการมุงความคิดไปที่ ดงั นัน้ ตอบขอ 1.)
ขอ มลู สาํ คญั และคดั กรองสวนท่ไี มเกี่ยวของออกไป เพอ่ื ใหจ ดจอ เฉพาะ
สง่ิ ท่ีตองการจะทาํ
• การแสดงข้ันตอนการแกปญหา (Algorithm) เปนการพัฒนาแนวทาง
แกปญหาอยางเปนขั้นเปนตอน หรือสรางหลักเกณฑข้ึนมาเพ่ือดําเนิน
การตามทลี ะขนั้ ตอนในการแกปญ หา
T12
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
สถานการณต์ ัวอย่าง ขน้ั สอน
ในกจิ กรรมชมรม ปอู ยชู มรมหอ้ งสมดุ ซงึ่ วนั นป้ี ไู ดร้ บั 13. ครูอธิบายสถานการณตัวอยาง เร่ือง การ
มอบหมายให้จัดเก็บหนังสือเข้าชั้นวางหนังสือตามล�าดับ จัดเก็บหนังสือตามลําดับความสูง โดยใช
ความสูง แนวคิดเชิงคํานวณเพ่ือแกปญหา ซ่ึงครูถาม
คาํ ถามกบั นกั เรยี นวา จากแนวคดิ เชงิ คาํ นวณ
ข้ันตอนใดมคี วามหมายวา เปนกระบวนการ
แบงปญหายอยออกเปนสวนๆ เพ่ือใหงาย
ตอการแกปญหา และสุมนักเรียน 3-4 คน
ออกมาตอบคําถามนี้
9
ภาพจาก หนงั สอื เรยี น หนา 9
ขอ สอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู
ตนวาดภาพขั้นตอนการปลูกตนไมจัดอยูในหัวขอยอยใดของ ครูยกตัวอยางสถานการณใหนักเรียนฟงวา ในโรงเรียนมีขยะจํานวนมาก
แนวคดิ เชงิ คาํ นวน ซ่ึงนักเรียนแตละคนทิ้งขยะไมถูกตองกับถังขยะแตละสี นักเรียนจะมีวิธีชวย
ใหคนในโรงเรียนทิ้งขยะลงถังใหถูกตองไดอยางไรบาง เพ่ือใหขยะเหลานั้น
1. การหารปู แบบของปญหา หมดไปจากโรงเรียน จากน้ันครูสุมนักเรียนภายในชั้นเรียนจํานวน 4-5 คน
2. การแบงแยกสวนของปญหา เพ่อื ออกมาตอบคาํ ถามนี้
3. การหาสวนสาํ คัญของปญ หา
4. การแสดงข้นั ตอนการแกป ญหา
(วเิ คราะหคําตอบ ตนวาดภาพขั้นตอนการปลูกตนไมเปนการ
แสดงขนั้ ตอนการแกป ญ หา ซงึ่ สามารถทาํ ไดโ ดยการเขยี นบอกเลา
การวาดภาพ หรือการใชสัญลักษณ ดังนั้น ตอบขอ 4.)
T13
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน ¢Ñ鹵͹¡ÒÃá¡»Œ Þ˜ ËÒ 2
14. ครูอธิบายข้ันตอนการแกปญหาโดยใช 1 การหารูปแบบของปญหา
แนวคดิ เชงิ คาํ นวณใหน ักเรียนฟง จากนนั้ ครู
ถามคําถามกับนักเรียนวา นักเรียนมีวิธีการ การแบ่งแยกส่วนของปญหา คา� ตอบของปญ หายอ่ ยที่ 1 คอื
แกปญหาอยางไร เพ่ือจัดเก็บหนังสือเขาชั้น หนังสือเลมท่ีมีความสูงมาก
โดยวางเรียงตามลําดับความสูงได และสุม ปญหาย่อยที่ 1 หนงั สือเลม ใด ที่สดุ
นกั เรยี นออกมาอธบิ ายขนั้ ตอนการแกป ญ หา ในกองที่ควรจดั เรียงเขา บน คา� ตอบของปญ หายอ่ ยท่ี 2 คอื
หนาช้ันเรียน ช้ันวางหนงั สือเปนเลม แรก หนังสือเลมท่ีมีความสูงมาก
ปญ หาย่อยที่ 2 หนงั สอื เลมใด ทส่ี ดุ ทเ่ี หลืออยใู นกอง
15. ครกู าํ หนดสถานการณเ พอ่ื ใหน กั เรยี นภายใน ทเี่ หลอื ในกอง ควรนาํ ไปจดั เขา
ช้ันเรียนชวยกันแกปญหาวา หากนักเรียน ช้นั วางหนังสอื เปนลาํ ดบั ถัดไป
ตองการเก็บรองเทาซึ่งมีท้ังรองเทาสนสูง
รองเทาผาใบ และรองเทาแตะใสเขาชั้นวาง
รองเทา โดยเรียงตามสี นักเรยี นจะมวี ธิ ีการ
แกป ญหานอี้ ยางไรบา ง
3 การหาส่วนสา� คญั ของปญ หา
จัดหนังสอื โดยเรยี งตามลาํ ดบั ความสูง
4
การแสดงข้นั ตอนการแกป้ ญหา
ขนั้ ตอนที่ 1 เลือกหนังสอื เลม ทีม่ ีความสูง
มากท่สี ุดในกองหนังสอื
ขัน้ ตอนที่ 2 นาํ หนงั สอื ทเ่ี ลอื กจาก
ขน้ั ตอนท่ี 1 จัดเก็บบนช้นั วางหนงั สอื
ขน้ั ตอนที่ 3 ใหทาํ ซา้ํ ตามขั้นตอนที่ 1 และ
ขนั้ ตอนท่ี 2 จนไมม หี นังสือเหลอื อยูในกอง
ภาพท่ี 1.4 ขน้ั ตอนการแกป้ ญ หาโดยใช้แนวคดิ เชงิ คา� นวณ
10
ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 10
เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคดิ
ครูอธิบายข้ันตอนการแกปญหาของสถานการณตัวอยางโดยมีสถานการณ ขอใดใหความหมายของคาํ วา ข้ันตอนวิธี ไดถกู ตอง
วา ปูอยูชมรมหองสมุด ซ่ึงวันน้ีปูไดรับมอบหมายใหจัดเก็บหนังสือเขาช้ันโดย 1. ทาํ ความเขาใจกบั ปญหาที่เกดิ ขนึ้
วางหนังสือเรยี งตามความสงู ซ่งึ ปจู ะใชข ้นั ตอนการแกปญหาโดยใชแ นวคดิ เชิง 2. หาวธิ ีการท่ถี กู ตองในการแกป ญหา
คํานวณ ดังนี้ การแบงแยกสวนของปญหา การหารูปแบบของปญหา การหา 3. ทดลองการแกปญหาอยางสมเหตสุ มผล
สวนสําคัญของปญหา และการแสดงข้ันตอนการแกปญหา ซึ่งเมื่อปูทําตาม 4. กระบวนการแกปญ หาอยางเปนข้นั ตอนและชัดเจน
ขน้ั ตอนนแี้ ลว ปจู ะสามารถแกป ญ หาไดโ ดยเลอื กหนงั สอื เลม ทมี่ คี วามสงู มากทส่ี ดุ
ในกองหนงั สอื และนาํ หนังสือทเ่ี ลือกจากขัน้ ตอนท่ี 1 จัดเกบ็ บนชนั้ วางหนังสือ (วเิ คราะหค าํ ตอบ ขน้ั ตอนวธิ ี หมายถงึ กระบวนการแกป ญ หาทม่ี ี
จากนนั้ ใหท าํ ซา้ํ ตามขนั้ ตอนท่ี 1 และขน้ั ตอนท่ี 2 จนไมม หี นงั สอื เหลอื อยใู นกอง ลาํ ดบั หรือวธิ ีการในการแกไขปญ หาอยา งเปนขน้ั ตอนและชดั เจน
เชน การกําหนดข้นั ตอนเพื่อแกป ญ หาการจัดเรยี งเอกสารในแฟม
ขอมูล ดังนน้ั ตอบขอ 4.)
T14
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
¡¨Ô ¡ÃÃÁ ขนั้ สอน
½ƒ¡·Ñ¡ÉÐ
ใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละ 5 คน แลวชวยกันแกปญหาจาก 16. ใหนักเรียนแตละคนทํากิจกรรมฝกทักษะ
สถานการณท กี่ าํ หนดให โดยใชแ นวคดิ เชงิ คาํ นวณ บนั ทกึ คาํ ตอบลงในสมดุ โดยใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละ 5 คน
แลวชวยกันแกปญหาจากสถานการณท่ี
สถานการณท ี่ 1 กําหนดให โดยใชแนวคิดเชิงคํานวณ ซึ่งมี
สถานการณวา มะลิจะปนจักรยานเพ่ือ
มะลิจะปน จักรยานเพื่อออกก�าลังกาย ออกกําลังกายในทุกๆ เชา แตวันน้ีไม
ในทุก ๆ เชา้ แตว ันน้ไี มส ามารถน�าจกั รยาน สามารถนาํ จกั รยานออกไปปน ได ซงึ่ ปญ หานี้
ออกไปปน ได้ ซ่ึงปญหานี้อาจจะมาจาก อาจจะมาจาก 2 สาเหตุ คอื จกั รยานยางแบน
2 สาเหตุ คือ จกั รยานยางแบนหรอื หรือจกั รยานโซห ลุด เขียนคาํ ตอบท่ีไดลงใน
จักรยานโซหลดุ สมุดประจําตวั
1. การแบงแยกสวนของปญ หา
.....................................................................................................................................................................................................................................
2. การหารูปแบบของปญ หา
.....................................................................................................................................................................................................................................
34.. กกาารรหแสาสดวงนข้นั สตาํ คอัญนกขอางรปแกญปหญา หา บนั ทกึ ลงในสมดุ.....................................................................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................................................................
ทกั ษะการเรียนรูในศตวรรษท่ี 21 2. ทักษะการส่อื สาร 11
1. ทักษะการคิดวเิ คราะห
3. ทักษะการท�างานเปน ทมี
ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 11
กิจกรรม 21st Century Skills เกร็ดแนะครู
1. ใหนักเรียนแบงกลมุ ตามความสมัครใจ กลุม ละ 4-5 คน ครูและนักเรียนรวมกันทํากิจกรรมฝกทักษะ และรวมกันวิเคราะหวา
2. ใหนกั เรยี นรวมกันคดิ สถานการณใ กลต ัวทพ่ี บในชีวิตประจําวนั จากสถานการณท่ีกําหนดให หรือครูอาจจะหากิจกรรมเพ่ิมเติมใหนักเรียน
ไดฝกการแสดงข้ันตอนการแกปญหาดวยแนวคิดเชิงคํานวณ โดยมีโจทย
จากนนั้ ใหน กั เรยี นใชว ธิ กี ารแกป ญ หาโดยใชแ นวคดิ เชงิ คาํ นวณ ใหนักเรียนไดเลือกตามความตองการ เมื่อนักเรียนทําเสร็จ ครูจะสุมนักเรียน
ในการแกป ญหาจากสถานการณท่กี าํ หนดให 5-6 คน มาอธิบายวธิ ีการแกปญหาตามข้ันตอนของแนวคิดเชงิ คํานวณน้ี
3. สมาชกิ ในกลมุ รว มกนั หาขอ มลู และจดั เตรยี มขอ มลู เพอื่ นาํ เสนอ
ตามรปู แบบท่นี ักเรยี นคดิ วา นาสนใจอยางอิสระ
4. นําเสนอผลงานหนาช้ันเรียนโดยใชวิธีการส่ือสารที่ทําใหผูอื่น
เขา ใจไดง าย
T15
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 1 อลั กอรทิ ึมกับการแกป้ ัญหา เฉลย
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 1 การแกป้ ัญหาในชีวิตประจาวัน
17. ครูใหนักเรียนทําใบงานที่ 1.1.1 เร่ือง การ
แกปญหาโดยใชแนวคิดเชิงคํานวณ ซึ่งมี ใบงานท่ี 1.1.1
สถานการณวา นุกนิกกําลังหอของขวัญให เรอ่ื ง การแก้ปญั หาโดยใชแ้ นวคดิ เชงิ คานวณ
เพื่อน 10 คนโดยของขวัญเปน ตกุ ตาเซรามิก
แบบเดียวกันทั้งหมด หลังจากท่ีหอเสร็จพบ สถานการณ์ท่ี 1 นุกนิกกาลังห่อของขวัญใหเ้ พื่อน 10 คนโดยของขวญั เป็นตุ๊กตาเซรามิกแบบเดยี วกันท้งั หมด
วา สรอ ยที่คอไดห ลนหายไป แตไ มรูวาหาย หลังจากทีห่ อ่ เสรจ็ พบวา่ สรอ้ ยทีค่ อได้หล่นหายไป แตไ่ ม่รวู้ า่ หายไปไหน นักเรียนช่วยนกุ นิก
ไปไหน นักเรียนจะชวยนุกนิกแกปญหาโดย แกป้ ัญหาโดยใชแ้ นวคิดเชิงคานวณอย่างไร
ใชแ นวคดิ เชงิ คาํ นวณไดอ ยา งไร
ใหน้ ักเรียนชว่ ยกนั แกป้ ัญหาจากสถานการณ์ทีก่ าหนดให้ โดยใช้แนวคิดเชิงคานวณ
18. ครูใหนักเรียนนําใบงานที่ทําเสร็จแลวสลับ 1. นกั เรยี นคดิ วา่ สรอ้ ยของนุกนิกทหี่ ายไปนัน้ เราสามารถสันนษิ ฐานอย่างไรไดบ้ ้าง (Decomposition)
กบั เพือ่ น เพ่ือใหเ พือ่ นดวู ธิ กี ารแกปญหาโดย
ใชแนวคิดเชิงคํานวณวาเห็นดวยกับวิธีการ 1.1 ตกอยู่ทีพ่ น้ื เพราะ…………………………………………………………………………….
แกปญหาหรือไม ถาไมเห็นดวยใหเพ่ือน 1.2 ลมื ใสม่ า เพราะ………………………………………………………………………..….
บันทึกความคิดเห็นตรงขอเสนอแนะลงใน 1.3 หล่นอย่ใู นกล่องของขวญั เพราะ……………………………………………………….
ใบงาน
2. จากการสันนิษฐานของขอ้ 1 นักเรียนคิดวา่ สรอ้ ยหายไปอยู่ทีไ่ หน เพราะอะไร (Pattern Recognition)
1.1 กลอ่ งสีแดง เพราะ…………………………………………………………………………
1.2 กลอ่ งสเี หลือง เพราะ……………………………………………………………..……...
1.3 กล่องสฟี ้า เพราะ……………………………………………………………….………..
3. จากข้อ 2 ถ้าสรอ้ ยหล่นอยูใ่ นกลอ่ งของขวญั เราจะรู้ไดอ้ ย่างไรวา่ อยู่ในกลอ่ งไหน (Abstraction)
4. ใหน้ กั เรยี นแสดงขั้นตอนการหาสรอ้ ยทีห่ ายไป (Algorithm Design)
เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ)
ภาพจาก
แผนการสอน ท่ี 1
หน่วยที่ 1
เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคดิ
ครูใหน ักเรยี นแตล ะคนทาํ ใบงานท่ี 1.1.1 เรอื่ ง การแกปญหาโดยใชแ นวคิด การใชกระบวนการแกปญหามปี ระโยชนอยา งไร
เชิงคํานวณ ซ่ึงใหนักเรียนแตละคนพิจารณาสถานการณท่ีกําหนดให จากน้ัน 1. สามารถแกป ญ หาไดอยางเปน ระบบ
นําขอมูลท่ีไดมาตอบคําถาม และครูจะใหนักเรียนนําใบงานมาสงในช่ัวโมง 2. สามารถแกปญหาดวยตนเองไดทุกปญหา
ถัดไป จากนั้นครูอธิบายการใชแนวคิดเชิงคํานวณเพ่ือเปนการทบทวนความรู 3. สามารถวางแผนการแกปญ หาทกุ อยางได
กอนการทําใบงานใหนักเรียนฟงวา แนวคิดเชิงคํานวณเปนกระบวนการแก 4. สามารถสรา งเงอ่ื นไขในการแกป ญ หาของตนเองได
ปญ หาโดยใชเ หตผุ ลเชงิ ตรรกะ หรอื วธิ อี น่ื ๆ เชน การจดั ลาํ ดบั เชงิ ตรรกะศาสตร
การวเิ คราะหขอมลู การสรางสรรควิธีการแกป ญหาไปทีละขัน้ ตอน หรอื เรยี กวา (วเิ คราะหคาํ ตอบ กระบวนการแกปญหา สามารถนาํ มาใชแก
อลั กอรทิ ึม ปญหาไดอยางเปนระบบ เพื่องายตอการวางแผนตามข้ันตอน
การแกปญ หาเบื้องตน ทงั้ 4 ข้ันตอนได ดงั นนั้ ตอบขอ 1.)
T16
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
1 ÍÅÑ ¡ÍÃ·Ô ÖÁ¡ºÑ˹Nj ¡ÒÃàÃÕ¹÷ŒÙ Õè ตัวชว้ี ัด ว 4.2 ป.3/1 คะแนนเต็ม ขน้ั สรปุ
¡ÒÃᡌ»˜ÞËÒ 20
Ẻ½¡ƒ ËÑ´ การแกป ญหาในชีวติ ประจาํ วนั 1. ครูใหนักเรียนทําแบบฝกหัด หนา 2 ใน
แบบฝกหัดรายวิชาพื้นฐาน เทคโนโลยี
เพอ่ื น ๆ มาเทยี่ วบา นกอ็ ต คณุ แมท ําอาหารให 3 อยาง ดังนี้ (วิทยาการคํานวณ) ป.3 โดยมีสถานการณ
วา ถานักเรียนพบวาเสนทางท่ีนักเรียนใช
ลองทาํ ดู ก็อตลืมบอกคุณแมวาเพ่ือน เดินทางไปโรงเรียนเปนประจําไมสามารถเดิน
ทั้ง 3 คน มเี งอื่ นไข ดังนี้ ทางได เพราะมีการซอมแซมถนน นักเรียนมี
ถา นกั เรยี นพบวา เสน ทางทน่ี กั เรยี นใชเ ดนิ ทางไปโรงเรยี นเปน ประจาํ ÅÒºËÁÙ 1. กติ : แพอ าหารทะเล เจบ็ คอ วิธีการแกปญหาอยางไร และบันทึกคําตอบ
ลงในแบบฝก หัด
ไมส ามารถเดนิ ทางได เพราะมีการซอ มแซมถนน นกั เรยี นมีวธิ ีการ งดรบั ประทานของทอด
µŒÁÂíÒ¡§ØŒ 2. ปอง : แพกงุ 2. ครใู หน กั เรยี นทาํ แบบฝก หดั หนา 3-4 เรอ่ื งการ
แกป ญหาอยางไร (แนวคาํ ตอบ) ä¡·‹ Í´ 3. โอม : ไมร บั ประทานหมู แกป ญ หาในชวี ติ ประจาํ วนั โดยใหน กั เรยี นตอบ
คาํ ถามที่กําหนดใหถ กู ตอง และบันทกึ คาํ ตอบ
1. ใหนักเรียนแกปญหาการเลือกอาหารใหเพ่ือนคนละ 1 อยาง ลงในแบบฝกหัด
ควรเลือกอยางไรใหเหมาะสม และมีขั้นตอนการแกปญหา
เฉฉบลบั ย อยา งไร (10 คะแนน) (แนวคาํ ตอบ)
เฉฉบลับย
1) พจิ ารณาและกาํ หนดรายละเอียดของปญ หา
…………ต…ร……ว…จ…ส……อ…บ……เ…ส……น…ท……า…ง…อ……่ืน……ท…ี่ส……า…ม……า…ร…ถ……เด……ิน……ท…า……ง…แ…ท……น……ไ…ด… …แ……ล…ว……เป……ล…่ี…ย…น……เส……น……ท….า.…ง… ขน้ั ประเมนิ
ก……า…ร……เ…ด…ิน……ท……า…ง…ไ…ป……โ…ร…ง……เ…ร…ีย…น……ช…่ั…ว…ค…ร……า…ว……ห……า…ก……เ…ส…น……ท……า…ง…น……้ัน……ใ…ช……เว……ล…า…น……า…น……ก……ว…า…ป……ก..…ต…ิ …ป…ญ……ห……า……ค…ือ………เพ……่ือ…น……แ…ต……ล…ะ…ค……น……ม…ีเ…ง…่ือ…น……ไ…ข…ก……า…ร…ร…ับ……ป…ร……ะ…ท…า…น……ท……่ีต…า…ง……ก…ัน………ส……่ิง…ท.. ่ี
ควรเผือ่ เวลาในการเดนิ ทาง………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…… …ต…อ…ง……ก…า…ร………ค…อื………เล……อื …ก……อ…า…ห……า…ร…ใ…ห……เ พ……อื่ …น……ค…น……ล……ะ……1……อ…ย……า…ง……ต……า…ม…เ…ง…ือ่ …น……ไ…ข………….. ตารางการวัดและประเมนิ ผล
วธิ กี าร เคร่ืองมอื เกณฑก ารประเมิน
2 2) วางแผนและออกแบบการแกปญหา
ตรวจแบบทดสอบ แบบทดสอบ ประเมนิ ตามสภาพจริง
…ก…ติ …แ……พ…อ …า…ห……า…ร…ท……ะเ…ล……แ…ล…ะ…ง…ด……ข…อ…ง…ท……อ…ด……จ……งึ …ม…ที ……า…ง…เล……อื …ก……1……อ…ย…า…ง………ค…อื ……ล……า…บ…ห……ม…ู .. กอนเรียน กอ นเรยี น
…ป…อ …ง……แ…พ…ก……งุ ……ม…ีท……า…ง…เ…ล…อื……ก……ค……อื ……ล……า…บ…ห……ม…ูแ…ล……ะ…ไ…ก…ท ……อ…ด……แ……ต…ก……ิต…เ…ล…ือ……ก…ล……า…บ…ห……ม…ู ..
…ป…อ …ง…จ……งึ …ต…อ…ง……เล……อื …ก…ไ…ก……ท …อ…ด………โ…อ…ม…ไ…ม…ร……บั …ป……ร…ะ…ท…า…น……ห…ม……ู ม……ที …า…ง…เ…ล…อื……ก…2……อ……ย…า …ง……ค……อื ..
…ต…ม …ย……าํ …ก…งุ…แ……ล…ะ…ไ…ก……ท…อ……ด……แ…ต……โ…อ…ม…เ…ล…ือ……ก…ไ…ก……ท…อ……ด……ป……อ …ง…จ……งึ …ต…อ……ง…เ…ล…ือ…ก……ต…ม……ย…ํา…ก……ุง..
3) ลงมือแกป ญหาตามแผนท่ีวางไว
…เล……อื …ก……ล…า…บ……ห…ม……ูให……ก ……ติ ……เ…ล…ือ……ก…ไ…ก……ท…อ……ด…ใ…ห……ป…อ …ง………แ…ล…ะ…เ…ล……ือ…ก…ต……ม …ย……าํ …ก…งุ …ใ…ห……โ …อ…ม……..
4) ตรวจสอบผลการแกป ญหา
…ต…ร…ว…จ……ส…อ……บ…ว…า…เ…พ……ื่อ…น……แ…ต…ล……ะ…ค…น……ไ…ด……อ …า…ห……า…ร…ต…า…ม……เง……่อื …น……ไ…ข……………………………………………..
3
2. ใหนักเรียนลากเสนทางเช่ือมโยงสัตวชนิดเดียวกัน โดยหาม
ลากเสนทับกันและหา มตดั กับเสนทางอืน่ (10 คะแนน) (แนวคาํ ตอบ)
1) การแบง แยกสวนของปญหา
(Decomposition)
…ส…ัต……ว…แ …ต……ล …ะ…ช…น……ดิ ……(…เ…ต…า……ท…อ…ง………น…ก………จ…งิ…โ…จ…..
ตรวจแบบฝก หดั แบบฝก หดั รอ ยละ 60 ผา นเกณฑ
…ก…ร…ะ…ต……า …ย…)……ไ…ป…เ…ส…น ……ท…า…ง…ใ…ด……ได……บ …า…ง………………….
2) การหารูปแบบของปญ หา
(Pattern Recognition)
…ก…า…ร……เห……็น…ร……ปู …แ…บ……บ……ข…อ…ง…ก……า…ร…ล……า…ก…เ…ส…น……ใ…น…. ตรวจใบงาน ใบงาน รอยละ 60 ผานเกณฑ
…แ…ต……ล…ะ…ค……ร…้ัง……ว…า…ต……อ…ง…ไ…ม……ท…ับ……ห……ร…ือ……ต…ัด……ก…ับ…..
เสน ทางอืน่……………………………………………………………………………………….. ประเมนิ การนาํ เสนอ แบบประเมนิ ระดบั คุณภาพ 2
ผลงาน การนาํ เสนอ ผานเกณฑ
3) กจับารคหูสาัตสววชนนิดสเําดคียญั วกขันอโงดปยญลาหกาเส(นAทbาsงtเrชa่ือcมtโioยnง)กันและไมใหซ้ํากับเฉฉบลับย ผลงาน
..................................................................................................................................................................................................................................
เสนทางเชื่อมโยงสตั วช นดิ อืน่ ๆ..................................................................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................................................................. สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกต ระดบั คุณภาพ 2
การทาํ งาน พฤตกิ รรม ผา นเกณฑ
4) การแสดงข้ันตอนการแกป ญหา (Algorithm) รายบคุ คล
ขนั้ ตอนที่ 1 จับคสู ตั วชนิดเดยี วกนั เชน เตาทองแถวท่ี 1 และ 5..................................................................................................................................................................................................................................
ขัน้ ตอนที่ 2 ลากเสนทางเชื่อมโยงระหวา งสัตวช นดิ เดียวกัน..................................................................................................................................................................................................................................
โดยไมซ ้ํากบั เสน ทางอ่นื ๆ..................................................................................................................................................................................................................................
ขน้ั ตอนท่ี 3 ทําซ้ําตามขั้นตอนที่ 1 และ 2 จนเชอ่ื มโยงสตั วช นดิ..................................................................................................................................................................................................................................
เดียวกันไดค รบ..................................................................................................................................................................................................................................
เกณฑการใหคะแนน รายการประเมิน คะแนนตอขอ ยอย คะแนนรายขอ เกณฑการตัดสิน สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกต ระดับคณุ ภาพ 2
การทาํ งานกลมุ พฤตกิ รรม ผานเกณฑ
1. บอกขนั้ ตอนการแกป ญหาได (4 ขอยอ ย) 2.5 10 •12 คะแนนข้นึ ไป = ผา น
2. บอกการแกป ญ หาโดยใชแ นวคดิ เชงิ คาํ นวณได(4 ขอ ยอ ย) 2.5 10 •ต่าํ กวา 12 คะแนน = ปรับปรงุ
20
คะแนนเตม็
4
ภาพจาก
แบบฝก หดั
จาก แบบฝกหัด หนา 4 หน้า 2-4
ขอสอบเนน การคดิ แนวทางการวัดและประเมินผล
บุคคลใดตอไปน้ีไมไดปฏิบัติตามหลักการเบื้องตนของ ครสู ามารถประเมนิ การนาํ เสนอผลงาน และสงั เกตพฤตกิ รรมการทาํ งานราย
กระบวนการแกปญ หา บุคคลและการทาํ งานกลุมของนักเรียน โดยศึกษาเกณฑก ารวัดและประเมินผล
จากแบบประเมนิ การนาํ เสนอผลงาน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทาํ งานรายบคุ คล
1. ตน พจิ ารณาถึงสาเหตทุ ี่ตนเองมาโรงเรยี นสาย และแบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทาํ งานกลมุ ทแ่ี นบมาทา ยแผนการจดั การเรยี นรทู ่ี 1
2. ตาลแกป ญ หาเร่ืองนอนตนื่ สาย โดยเขา นอนเรว็ ข้ึนกวา เดมิ หนว ยการเรยี นรูท ี่ 1
3. เตยแตง กายเหมอื นเดิมแมถ กู ครเู ตอื นวา แตง กาย
แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกล่มุ
ไมเ รียบรอ ย
4. ตกิ๊ วางแผนแกป ญหาเรื่องการใชจา ยของตนเอง คาชีแ้ จง:ใหผ้ ู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องท่ี คาชีแ้ จง : ใหผ้ ู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ลงในชอ่ งท่ี คาชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องที่
ตรงกบั ระดับคะแนน ตรงกับระดับคะแนน ตรงกับระดับคะแนน
โดยการลดรายจายท่ไี มจําเปน
ลาดับที่ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 1 ลาดบั ท่ี รายการประเมนิ ระดับคะแนน 1 ลาดับที่ ช่อื –สกลุ การแสดง การยอมรับ การทางาน ความมีนา้ ใจ การมี รวม
(วิเคราะหค าํ ตอบ เตยไมไดปฏิบัติตามหลักการเบ้ืองตนของ 32 32 ของนักเรยี น ความคิดเหน็ ฟังคนอ่ืน ตามท่ีไดร้ ับ ส่วนรว่ มใน 15
กระบวนการแกป ญ หา เพราะยงั แตง กายเหมอื นเดมิ แมถ กู ครเู ตอื น มอบหมาย การปรับปรงุ คะแนน
วาแตงกายไมเรียบรอย ดงั นัน้ ตอบขอ 3.) 1 การแสดงความคิดเห็น ผลงานกล่มุ
1 ความถกู ตอ้ งของเนือ้ หา 2 การยอมรับฟงั ความคิดเหน็ ของผอู้ ื่น
2 ความคดิ สรา้ งสรรค์ 3 การทางานตามหนา้ ท่ีทไี่ ด้รับมอบหมาย 321321321321321
3 วิธีการนาเสนอผลงาน 4 ความมนี าใจ
4 การนาไปใช้ประโยชน์ 5 การตรงต่อเวลา
5 การตรงต่อเวลา
รวม
รวม
ลงชอื่ ...................................................ผู้ประเมนิ ลงชอ่ื ...................................................ผู้ประเมนิ
............/................./................... ............/.................../................
เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ลงชือ่ ...................................................ผูป้ ระเมิน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ สมบรู ณช์ ัดเจน ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 2 คะแนน ............./.................../...............
ให้ 1 คะแนน ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินเปน็ ส่วนใหญ่ ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครัง เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ
ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบางครัง ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครงั้
ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง
เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ เกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพ ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน
ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ ให้ 1 คะแนน
14–15 ดมี าก 14–15 ดีมาก เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ
11–13 ดี 11–13 ดี ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
14–15 ดีมาก
8–10 พอใช้ 8–10 พอใช้ 11–13 ดี
ต่ากว่า 8 ปรับปรงุ ตา่ กว่า 8 ปรับปรงุ 8–10 พอใช้
ต่ากว่า 8 ปรบั ปรงุ
T17
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 1เวลา ชั่วโมง
การแสดงอัลกอรทิ มึ
1. มาตรฐาน/ตัวชว้ี ัด
ตัวชว้ี ดั
ว 4.2 ป.3/1 แสดงอัลกอรทิ มึ ในการท�ำงานหรอื แกป้ ญั หาอย่างงา่ ยโดยใช้ภาพ สัญลกั ษณ์ หรอื ข้อความ
2. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. เขา้ ใจขน้ั ตอนการแสดงอลั กอรทิ มึ ในการทำ� งานและการแก้ปญั หาได้ (K)
2. แสดงอลั กอริทึมในการท�ำงานและการแกป้ ญั หาได้ (P)
3. เห็นประโยชน์ของการแสดงอัลกอริทึมในการท�ำงานและการแก้ปัญหา (A)
3. สาระการเรียนรู้
การแสดงอลั กอริทมึ ท�ำไดโ้ ดยการเขียนบอกเลา่ วาดภาพ หรอื ใช้สญั ลักษณ์
4. สาระส�ำคญั /ความคดิ รวบยอด
การแสดงอัลกอริทึม (Algorithm) เป็นกระบวนการแก้ปัญหาที่สามารถอธิบายออกมาเป็นขั้นตอนท่ีชัดเจน เช่น
การนำ� เขา้ ขอ้ มลู แล้วจะได้ผลลพั ธ์อยา่ งไร ซึ่งทำ� ไดโ้ ดยการเขยี นบอกเล่า การวาดภาพ หรือการใช้สัญลักษณ์
5. สมรรถนะสำ� คัญของผ้เู รียนและคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์
สมรรถนะสำ� คัญของผเู้ รยี น ทกั ษะ 4Cs คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 1. ทักษะการคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณ 1. มีวินัย
2. ความสามารถในการคดิ (Critical Thinking) 2. ใฝเ่ รียนรู้
3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 2. ทักษะการทำ� งานรว่ มกัน 3. มุ่งมั่นในการท�ำงาน
(Collaboration Skill)
3. ทักษะการสือ่ สาร
(Communication Skill)
4. ทักษะความคิดสร้างสรรค์
(Creative Thinking)
6. กิจกรรมการเรยี นรู้
แนวคิด/รูปแบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : วิธีการสอนแบบกระบวนการกลุ่ม (Group Process) และเทคนิค
ตามแนวคดิ เชิงคำ� นวณ
T18
นา� น�า สอน สรปุ ประเมนิ
2.อัลกอริทึม การáส´งอัÅกอร·Ô ÁÖ ขน้ั นาํ
มคี วามสําคญั กับ 1. ครูถามคําถามสําคัญประจําหัวขอกับนักเรียน
การแกปญ หา วา อัลกอริทึมมีความสําคัญกับการแกปญหา
อยางไร ขัน้ ตอนวธิ ี (Algorithm) เปน กระบวนการ อยางไร จากนั้นใหนักเรียนชวยกันวิเคราะห
แกป้ ญ หาทสี่ ามารถอธบิ ายออกมาเปน ขน้ั เปน ตอน และหาคําตอบของคาํ ถามน้ี
ทชี่ ัดเจน เชน การนา� เข้าขอ้ มูล แล้วจะได้ผลลัพธอ ยางไร ซงึ่ ท�าได้
โดยการเขยี นบอกเลา การวาดภาพ หรอื การใชส้ ัญลักษณ 2. ครสู มุ นักเรยี นข้นึ มาตอบคําถามสาํ คัญประจํา
หัวขอ จากน้ันครูอธิบายการแสดงอัลกอริทึม
1. การแสดงขั้นตอนวิธีแกปญหาโดยการเขียน ใหนักเรียนฟงวา ขั้นตอนวิธีเปนกระบวนการ
แกป ญ หาทส่ี ามารถอธบิ ายออกมาเปน ขนั้ ตอน
บอกเลา ที่ชัดเจน และทําไดโดยการเขียนบอกเลา
คือ การใช้ข้อความที่เปนภาษาพูดในการอธิบาย การวาดภาพ หรอื การใชส ัญลกั ษณ
ลา� ดบั ขนั้ ตอนวธิ กี ารแก้ปญหา
ขน้ั สอน
สถานการณต์ วั อยา่ ง
1. ครอู ธบิ ายเรอื่ ง การแสดงอลั กอรทิ มึ ใหน กั เรยี น
โป้เขยี นอธิบายลา� ดับขน้ั ตอนการเลอื กซ้ือสม้ 1 กโิ ลกรัม ฟงวา ข้ันตอนวิธีเปนกระบวนการแกปญหา
ท่ีสามารถอธิบายออกมาเปนข้ันตอนที่ชัดเจน
จากน้ันครูอธิบายเร่ือง การแสดงขั้นตอน
วิธีแกปญหาโดยการเขียนบอกเลาใหฟงวา
เปนการใชขอความที่เปนภาษาพูดในการ
อธิบายลาํ ดบั ข้นั ตอนวธิ กี ารแกปญหา
1. หยิบถงุ พลาสติก
2. หยบิ สม้ ใสถ่ งุ พลาสตกิ
3. น�าสม้ ช่ังบนเคร่อื งชั่ง
4. ตรวจสอบเง่อื นไขการเลอื กซื้อสม้
(เลอื กส้มให้ได้ 1 กิโลกรัม)
1) ถ้านอ้ ยกวา่ ให้หยิบสม้ เพิม่
2) ถา้ มากกว่า ใหห้ ยิบสม้ ออก
3) เท่ากบั ให้หยดุ หยิบส้ม
5. จา่ ยเงินให้กับคนขาย
แนวตอบ คาํ ถามสําคัญประจําหัวขอ
12 อลั กอรทิ มึ เปน กระบวนการแกป ญ หาทส่ี ามารถ
ภาพจาก หนงั สอื เรียน หนา 12 อธิบายออกมาเปน ข้นั ตอนที่ชัดเจน
ขอ สอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู
การแสดงขั้นตอนการแกปญหาดวยวิธีใด ทําใหสามารถเห็น ครอู ธบิ ายเรอื่ ง การแสดงอลั กอรทิ มึ ใหน กั เรยี นฟง วา ขนั้ ตอนวธิ ี (Algorithm)
ภาพของขนั้ ตอนการทํางานชัดเจนที่สดุ เปนกระบวนการแกปญหาที่สามารถอธิบายออกมาเปนขั้นเปนตอนที่ชัดเจน
เชน การนําเขาขอมูลแลวจะไดผลลัพธอยางไร ซ่ึงสามารถทําไดดวยวิธีการ
1. การวาดภาพ เขียนบอกเลา การวาดภาพ หรือการใชสัญลักษณ โดยครูอาจจะถามคําถาม
2. การเขยี นผังงาน กับนักเรียนวา นักเรียนรูหรือไมวา การแสดงขั้นตอนการแกปญหาแตละวิธี
3. การเขยี นโปรแกรม มีความเหมือนหรือความแตกตางกันอยางไรบาง จากนั้นสุมนักเรียน 2-3 คน
4. การเขียนเรยี งความ เพ่ือตอบคําถามนี้
(วิเคราะหคาํ ตอบ การแสดงขั้นตอนการแกปญหาดวยวิธีการ
วาดภาพ ทําใหสามารถเห็นภาพของข้ันตอนการทํางานชัดเจน
ทีส่ ดุ เพราะเหน็ เปนรปู วาดที่ชัดเจนและส่อื ถงึ ข้ันตอนการทาํ งาน
ไดด ีทส่ี ดุ ดงั นัน้ ตอบขอ 1.)
T19
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน 2. การแสดงขนั้ ตอนวธิ แี กป ญ หาโดยการวาดภาพ
2. ครูอธิบายการแสดงขั้นตอนวิธีแกปญหาโดย คอื การใชร้ ปู ภาพอธบิ ายขน้ั ตอนวธิ กี ารแกป้ ญ หา
การวาดภาพใหนักเรียนฟงวา เปนการใช ทา� ใหส้ ามารถเหน็ ลา� ดบั ของขนั้ ตอนวธิ กี ารทา� งาน
รูปภาพอธิบายข้ันตอนการแกปญหา ซึ่งจะ ได้ชัดเจนกวาการแสดงขั้นตอนวิธีโดยการเขียน
ทําใหเห็นลําดับขั้นตอนการทํางานไดชัดเจน บอกเลา
กวาการแสดงข้ันตอนโดยการเขียนบอกเลา สถานการณต์ วั อย่าง
จากน้ันใหนักเรียนศึกษาสถานการณตัวอยาง
เร่ือง การชั่งสม โดยจะเปนการวาดภาพเพ่ือ โปว้ าดภาพแสดงลา� ดบั ขน้ั ตอนการเลอื กซอ้ื สม้ 1 กโิ ลกรมั
แสดงวธิ กี ารแกป ญ หา ทาํ ใหม องเหน็ ปญ หาได
ชดั เจนมากขนึ้ 167
258
34
ภาพท่ี 1.5 การแสดงขนั้ ตอนวิธีแก้ปญหาโดยการวาดภาพ 13
ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 13
เกร็ดแนะครู กจิ กรรม สรางเสริม
ครูจัดทําบัตรขอความท่ีเขียนแสดงข้ันตอนและบัตรภาพท่ีแสดงข้ันตอน ครูอาจจะใหน กั เรียนทาํ กจิ กรรมเพ่ิมเติม โดยการใหน ักเรียน
การเลือกซื้อสม แลวใหนักเรียนจับคูบัตรภาพกับบัตรขอความท่ีแสดงข้ันตอน วาดภาพสถานการณแสดงข้ันตอนการแกปญหาตางๆ ตามที่ครู
การเลือกซื้อสมและตรวจสอบลําดับการเลือกซื้อสมอีกคร้ังวาถูกตองหรือไม กําหนดให และครูอาจจะสุมนักเรียนออกมานําเสนอผลงานการ
เพ่ือใหนักเรียนเขาใจเนื้อหาในหัวขอการวาดภาพแสดงลําดับขั้นตอนการ วาดภาพแสดงขนั้ ตอนการแกป ญ หาหนา ชนั้ เรยี น โดยสถานการณ
แกป ญ หา โดยครอู าจจะคอยชว ยใหคําแนะนํากับนกั เรียน ท่คี รกู าํ หนดให มีดงั นี้
• การลา งจาน
• การแตง ตวั ไปโรงเรยี น
• การเลือกซื้ออุปกรณก ารเรยี น
• การพบั กระดาษเปนรูปทรงตางๆ
• การตอจกิ ซอวใหเ ปนรปู สตั ว
T20
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
ห3ร.อื ผกงั างราแนส1(ดFงloขwน้ั cตhอaนrtว)ธิ คแี อื กกป าญ รหใชาส้โดญั ยลใกัชษส ณญั อลธกั บิษาณย ขนั้ สอน
ขั้นตอนวิธีการแกป้ ญ หา เมอื่ ปญ หาทตี่ อ้ งการแก้ไข 3. ครใู หน กั เรยี นศกึ ษาสญั ลกั ษณท ใ่ี ชใ นการเขยี น
มีความซับซ้อนมากข้ึน ความยุงยากในการเขียน ผังงาน ซ่ึงมีหลายสัญลักษณ โดยสัญลักษณ
อธิบายขั้นตอนวิธีการแก้ปญหากจ็ ะมีมากข้ึนด้วย แตละชนิดจะมีความหมายในการใชงานที่
การใชผ้ งั งานจะทา� ใหส้ ามารถอธบิ ายขน้ั ตอนวธิ กี าร แตกตางกัน สามารถอธิบายสัญลักษณตางๆ
ทา� งานไดส้ ะดวกยิง่ ข้ึน ไดตามหนังสือเรียน หนา 14 เม่ือครูอธิบาย
สัญลักษณตางๆ เหลานี้เสร็จเรียบรอยแลว
ครูสุมนักเรียนขึ้นมาอธิบายความหมายและ
ชือ่ ของสญั ลักษณนั้นๆ หนาชนั้ เรียน
สัญลักษณในการเขยี นผงั งาน มหี ลายสญั ลกั ษณ โดยสัญลกั ษณ
แต่ละชนดิ จะมคี วามหมายในการใชง้ านทแี่ ตกตา่ งกัน สามารถอธบิ าย
สัญลกั ษณต่าง ๆ ได้ ดงั น้ี
สัญลกั ษณ ช่ือสญั ลักษณ ค�าอธบิ าย
Start/End เร่มิ ตน้ หรอื สิ้นสุด
การทา� งาน
Decision การตัดสนิ ใจหรอื
การตรวจสอบเงอ่ื นไข
Process การทา� งาน
Flow Line หรอื การประมวลผล
ทศิ ทางข้อมูล
หรือเส้นทางการทา� งาน
Connector จดุ เชอื่ มตอ่
14
ภาพจาก หนงั สือเรียน หนา 14
ขอสอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู
การเขยี นผงั งาน (Flowchart) ที่ดีจะตอ งมีคุณสมบัตติ รงกบั ขอใด ครูอธิบายสัญลักษณที่ใชในการเขียนผังงานใหนักเรียนฟงวา การแสดง
1. มีความซบั ซอนในการเขยี น ขนั้ ตอนวธิ แี กป ญ หาโดยใชส ญั ลกั ษณห รอื ผงั งานมสี ญั ลกั ษณท ใี่ ชเ ขยี นอะไรบา ง
2. มีความเชอื่ มโยงของขอมูลท่หี ลากหลาย มีช่ือเรียกและมีคําอธิบายวาอะไร เม่ือนักเรียนทราบถึงเนื้อหาความรูในเร่ืองนี้
3. มีความเปน ระเบียบเรยี บรอย เขา ใจงาย แลว ครจู ะสุมนักเรยี นขน้ึ มาตอบคําถามจากบัตรภาพสญั ลกั ษณวา สัญลักษณ
4. มีการนําขอความตอ เรียงกนั ใหเ กิดความซับซอน ทคี่ รหู ยบิ ข้นึ มามชี ื่อและความหมายวา อยา งไร เพ่ือเปนการทบทวนความรูจ าก
เนอื้ หาที่เรยี นมา
(วเิ คราะหคําตอบ การเขียนผังงานที่ดีจะมีลักษณะสําคัญ คือ
มคี วามเปน ระเบยี บเรยี บรอ ย เขา ใจงา ย เพอื่ สามารถทาํ ใหอ า นและ นักเรียนควรรู
มองภาพออกไดงายอยางเปนระบบ ดังนัน้ ตอบขอ 3.)
1 ผังงาน คือ รูปภาพหรือสัญลักษณที่ใชเขียนแทนขั้นตอน คําอธิบาย
ขอความ หรือคําพูดท่ีใชใ นอัลกอริทึม
T21
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน สถานการณต์ วั อยา่ ง
4. ครูอธิบายการแสดงข้ันตอนการแกปญหาโดย โปเ้ ขยี นผงั งานแสดงลา� ดบั ขนั้ ตอนการเลอื กซอื้ สม้ 1 กโิ ลกรมั
ใชสัญลักษณท่ีเขียนเปนผังงานใหนักเรียน
ฟงวา แตละสัญลักษณมีความหมายและ เรม่ิ ตน้
มคี วามเชอ่ื มโยงกนั อยา งไร จากนน้ั สมุ นกั เรยี น หยบิ ถุงพลาสติก
ใหออกมาอธิบายการเขียนผังงานน้ีหนาชั้น หยิบส้มใสถ่ ุงพลาสติก
เรียนจากสถานการณตัวอยาง โปเ ขยี นผังงาน
แสดงลาํ ดบั ขนั้ ตอนการเลอื กซอ้ื สม 1 กโิ ลกรมั
น�าส้มช่งั บนเคร่อื งช่ัง
น้อยกสว้ม่ามนี 1�า้ หกนิโกัลกรมั ใช่ ใสส่ ม้ เพิ่ม
หรอื ไม่ ใช่ หยิบส้มออก
ไมใ่ ช่
ส้มมนี า้� หนัก
มากกวา่ 1 กิโลกรมั
หรือไม่
ไมใ่ ช่
จ่ายเงนิ ให้กบั คนขาย
ส้นิ สุด 15
ภาพท่ี 1.6 ผงั งานแสดงล�าดับขน้ั ตอนการเลือกซอ้ื ส้ม 1 กิโลกรัม
ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 15
ความรูเสริม ขอ สอบเนน การคดิ
วิธกี ารเขยี นผงั งานท่ดี ี ควรคาํ นึงถึงส่ิงตา งๆ ดงั น้ี จากภาพเปนสญั ลกั ษณแ ทนขอ ใด
1. ใชส ัญลักษณตามทกี่ าํ หนดไว
2. ผงั งานจะตองมจี ุดเริ่มตนและสิ้นสดุ 1. การกระทาํ
3. ใชห วั ลกู ศรแสดงทศิ ทางการไหลของขอ มลู จากบนลงลา งหรอื ซา ยไปขวา 2. จุดเชอ่ื มตอ
4. ไมควรโยงเสนเช่ือมผังงานทอ่ี ยูไกล ควรใชส ญั ลักษณจ ดุ เชอื่ มตอแทน 3. คําอธิบายประกอบ
5. ทุกแผนภาพตองมีลูกศรแสดงทิศทางเขา 1 เสน และออก 1 เสน 4. ทิศทางการทาํ งานของขอ มูล
(วิเคราะหคําตอบ จากภาพเปนภาพของ Flow Line ซ่ึงเปน
โดยไมมกี ารปลอ ยจดุ ใดจุดหน่ึงไว ลูกศรแสดงทิศทางของขอมูล หรือเสนทางการทํางาน ดังน้ัน
6. เขยี นคาํ อธบิ ายการทาํ งานในแตล ะขน้ั ตอนโดยใชข อ ความทส่ี นั้ กะทดั รดั ตอบขอ 4.)
ชัดเจน และเขา ใจไดงา ย
7. ควรหลีกเลย่ี งการโยงเสน ไปมาทําใหเกิดจดุ ตัดมาก เพราะจะทาํ ใหเกิด
ขอผดิ พลาดงา ย ควรใชส ัญลกั ษณเ ชอื่ มจุดตอเน่ืองแทน
T22
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
¡¨Ô ¡ÃÃÁ ขนั้ สอน
½¡ƒ ·¡Ñ ÉÐ
ใหนักเรียนพิจารณาคําสั่งที่กําหนดให จากนั้นพูดคุยแลกเปลี่ยน 5. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมฝกทักษะ เร่ือง
ความคดิ เหน็ กนั ภายในหองเรยี น แลวบนั ทกึ คําตอบลงในสมดุ การแสดงอัลกอรทิ ึม โดยใหนกั เรยี นพิจารณา
คาํ สง่ั ทก่ี าํ หนดให ซง่ึ มสี ถานการณว า ปแู ละโป
1. ปแู ละโปจ้ ะตอ้ งชว ยคณุ แมซ อื้ สนิ คา้ ตา ง ๆ ภายในรา้ นสะดวกซอ้ื จะตอ งชวยคุณแมซ อ้ื สินคาตางๆ ภายในราน
สะดวกซื้อ ใหนักเรียนเขียนขั้นตอนวิธีการ
เลือกซื้อสินคาโดยการเขียนบอกเลา จากนั้น
พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันภายในหอง
และบนั ทกึ คาํ ตอบทไ่ี ดล งในสมดุ ประจาํ ตวั แลว
นาํ มาสงครูในช่ัวโมงถดั ไป
ใหนักเรียนเขียนข้ันตอนวิธีการเลือกซื้อ
สินคา โดยการเขยี นบอกเลา
บนั ทึกลงในสมุด...................................................................................................................
...................................................................................................................
16
ภาพจาก หนงั สือเรียน หนา 16
กิจกรรม 21st Century Skills เกร็ดแนะครู
1. ใหน ักเรยี นแบงกลุมตามความสมัครใจ กลุม ละ 4-5 คน ครูและนักเรียนรวมกันทํากิจกรรมฝกทักษะ ครูอาจจะหากิจกรรม
2. ใหนักเรียนคนหาขอมูลในหนังสือเรียน หรืออินเทอรเน็ต เพ่ิมเติมนอกเหนือจากใบงานใหนักเรียนไดฝกการแสดงขั้นตอนการแกปญหา
ดว ยการเขยี นบอกเลา การวาดภาพ และการใชส ญั ลกั ษณ โดยใหน กั เรยี นแบง กลมุ
เกย่ี วกบั สญั ลกั ษณท ใี่ ชใ นการเขยี นผงั งานวา แตล ะสญั ลกั ษณม ี กลุมละ 4-5 คน และมีโจทยใหนักเรยี นไดเลือกตามความตองการ เมื่อนกั เรยี น
ความหมายวาอยางไร และใชทาํ อะไร ทําเสร็จแลวครูจะใหตัวแทนกลุมออกมาอธิบายวิธีแกปญหาดวยการเขียน
3. สมาชิกในกลุมรวมกันหาขอมูล และจัดเตรียมขอมูล แลว บอกเลา การวาดภาพ และการใชสญั ลักษณ
เขยี นลงในกระดาษท่คี รแู จกให พรอ มกบั ตกแตง ใหส วยงาม
4. นําเสนอผลงานหนาช้ันเรียนโดยใชวิธีการส่ือสารที่ทําใหผูอื่น
เขา ใจไดง า ย
T23
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน 2. ให้นักเรียนใสห มายเลข 1-6 ลงใน แตละภาพเพื่อแสดงขั้นตอน
วธิ ีการเลือกซื้อสนิ คา้ ในร้านขายสินคา้
6. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมฝกทักษะ โดยให
นักเรียนใสหมายเลข 1-6 ลงในวงกลมของ 12
แตละภาพ เพ่ือแสดงข้ันตอนวิธีการเลือกซื้อ
สินคาในรา นขายสนิ คา จากน้นั ครสู มุ นกั เรยี น
ใหอ อกมานาํ เสนอผลงานหนาชนั้ เรยี น
3 4
บนั ทึกลงในสมุด
02 SUPER
6
5 MARKET
17
ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 17
ความรูเสริม ขอสอบเนน การคดิ
ประเภทของผงั งาน โดยทั่วไปผังงานคอมพิวเตอรแ บง เปน 2 ประเภทใหญ ขอใดใหความหมายของผังงานไดถูกตอง
1. ผังงานระบบ (System Flowchart) เปนผังงานที่แสดงถึงขั้นตอน 1. ภาพถายแสดงคา ของการคาํ นวณขอ มลู
2. แผนภาพแสดงลําดับข้นั ตอนการทาํ งาน
การทํางานภายในระบบหนึ่ง เพื่อใหเห็นโครงสรางโดยรวมของระบบ 3. แผนภูมแิ สดงขอมลู จากการเขยี นโปรแกรม
ซ่ึงจะแสดงถงึ ความเกี่ยวของของสวนทสี่ าํ คัญตา งๆ ในระบบนน้ั 4. กราฟแสดงคาของขอมูลทางโปรแกรมคอมพิวเตอร
2. ผงั งานโปรแกรม (Program Flowchart) เปนผังงานท่แี สดงถึงขั้นตอน
ของคําสั่งที่ใชในโปรแกรม ผังงานนี้อาจสรางจากผังงานระบบ (วิเคราะหค ําตอบ ผังงาน หมายถึง แผนภาพซึ่งแสดงลําดับ
โดยผูเขียนผังงานจะดึงเอาแตละจุดที่เก่ียวของกับการทํางานของ ขน้ั ตอนการทํางาน โดยแตล ะขนั้ ตอนจะถกู แสดงโดยใชส ญั ลกั ษณ
เคร่ืองคอมพิวเตอรที่ปรากฏในผังงานระบบมาเขียนใหทราบวาถาจะ ซึ่งมีความหมายบงบอกวา ขั้นตอนน้ันๆ มีลักษณะการทาํ งาน
ใชคอมพิวเตอรทํางานควรที่จะมีขั้นตอนของคําส่ังอยางไรบาง เพ่ือให อยา งไร เพอ่ื ทาํ ใหเ ขา ใจระบบของการทาํ งานนน้ั ดงั นน้ั ตอบขอ 2.)
ไดผลลพั ธต ามที่ตอ งการ และนาํ มาเขยี นโปรแกรมคอมพวิ เตอรต อไป
T24
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
3. ใหน้ กั เรยี นเขยี นผงั งานแสดงลา� ดบั ขนั้ ตอนการเลอื กซอ้ื สนิ คา้ จากขอ้ 2. ขน้ั สอน
เริม่ ตน้ 7. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมฝกทักษะ โดยให
นักเรียนเขียนผังงานแสดงลําดับข้ันตอนการ
เลือกซ้ือสินคาจากขอ 2 เม่ือทําเสร็จแลวครู
ขออาสาสมัครนักเรียนออกมาเขียนผังงานลง
บนกระดานดําประมาณ 2-3 คน เมื่อเขียน
เสรจ็ ใหครูและนกั เรียนรวมกันสรปุ เน้ือหาของ
การเขยี นผงั งานน้ี
บันทึกลงในสมดุ
สน้ิ สุด
ทักษะการเรียนรูในศตวรรษที่ 21 2. ทักษะการคดิ เชงิ ค�านวณ
18 1. ทักษะการแก้ปญ หา
ภาพจาก หนงั สือเรียน หนา 18
ขอสอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู
การจําลองความคดิ เปนสญั ลักษณห รอื ผงั งาน มชี อ่ื เรยี กวาอะไร ครใู หน กั เรยี นทาํ กจิ กรรมฝก ทกั ษะ โดยใหน กั เรยี นเขยี นผงั งานแสดงลาํ ดบั
1. การเขยี น Software ข้ันตอนการเลือกซ้ือสินคาลงในสมุดประจําตัว จากน้ันครูใหเขียนข้ันตอน
2. การเขียน Flowchart การไปโรงเรียนในรูปของผังงาน และใชลูกศรแสดงเสนทางการแกปญหาให
3. การเขยี น Dictionary ถูกตอง เม่ือนักเรียนเขียนเสร็จ ครูจะใหตัวแทนนักเรียนออกมาอธิบายผังงาน
4. การเขียน Applications ทตี่ นเองเขยี นหนา ชั้นเรียน และชว ยกนั สรุปการเขยี นผงั งานนี้
(วิเคราะหค ําตอบ การจาํ ลองความคิดเปนสัญลักษณหรือผัง
งานมชี ่ือเรียกวา การเขียน Flowchart ซึง่ ประโยชนใ นการเขยี น
Flowchart เชน ชว ยอธบิ ายลําดบั ขนั้ ตอนการทํางานของโปรแกรม
และสามารถตรวจสอบขอผิดพลาดของโปรแกรมไดงาย ดังน้ัน
ตอบขอ 2.)
T25
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ สอน หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 1 อัลกอริทมึ กบั การแกป้ ัญหา
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 2 การแสดงอัลกอริทึม
8. ครูใหนกั เรยี นจบั คูเ พ่อื ทําใบงานที่ 1.2.1 เร่ือง
การแสดงอัลกอริทึม ซึ่งมีหัวขอการแสดง ใบงานที่ 1.2.1 เฉลย
อลั กอรทิ มึ ดงั นี้ การแสดงขนั้ ตอนวธิ แี กป ญ หา เร่ือง การแสดงอัลกอริทึม
โดยการเขียนบอกเลา การแสดงขั้นตอนวิธี
การแกป ญหาโดยการวาดภาพ และการแสดง การแสดงอลั กอริทึม(Algorithm)เป็นข้นั ตอนวธิ ี เป็นกระบวนการแกป้ ัญหาทส่ี ามารถอธิบายออกมาเป็น
ขั้นตอนวิธีการแกปญหาโดยใชสัญลักษณ
ซ่ึงเม่ือนักเรียนทําใบงานเสร็จ ครูจะสุม ขน้ั ตอนทีช่ ัดเจน การนาเข้าข้อมลู แล้วจะได้ผลลัพธอ์ ยา่ งไร ซึง่ ทาไดโ้ ดยการเขยี นบอกเล่า การวาดภาพ หรือ
นักเรียนใหออกมาอธิบายอัลกอรึทึมของ
ตนเองหนา ชน้ั เรียน การใช้สญั ลักษณ์
คาชีแ้ จง ให้นักเรยี นพิจารณาสถานการณ์แลว้ แสดงอลั กอริทึมออกมาเป็นขั้นตอนดว้ ยวธิ กี าร เขยี นบอกเล่า การ
วาดภาพ และการใช้สัญลักษณ์
สถานการณ์
ในโรงอาหารของโรงเรียนมักพบปัญหา นกั เรียนทานอาหารแล้ววางจานทิง้ ไวบ้ นโต๊ะอาหาร ให้นกั เรียนวางแผน
เพอื่ แก้ปญั หา แสดงขัน้ ตอนการแก้ปญั หาการทานอาหารแลว้ ไมเ่ กบ็ จานจากการบอกเล่า การวาดภาพ และการ
ใชส้ ัญลักษณ์ ใหถ้ ูกต้อง ครบถ้วน (หากทาเสร็จใหต้ รวจสอบวา่ ถูกตอ้ งหรอื ไม่)
การแสดงขัน้ ตอนวธิ แี ก้ปญั หาโดยการบอกเลา่
..1...ซ..อื้ ..อ...า..ห..า..ร........................................................................................................... ......................................
..2...น..า..อ...า.ห...า..ร..ม..า..ร..ับ...ป..ร..ะ...ท..า..น...ท..่โี..ต..๊ะ..................................................................................................................
..3...ร..บั ..ป...ร..ะ..ท...า..น..อ..า..ห...า..ร..เ.ส..ร..จ็...แ..ล..้ว.....................................................................................................................
..4...น..า..ภ...า..ช..น...ะ..ไ.ป...เ.ก..บ็...ท...ี่จ..ดุ ..เ.ก...บ็ ..ภ...า..ช..น...ะ.............................................................................................................
..5...ต..ร..ว..จ..ส...อ..บ...ว..่า..ท..ี่โ..ต..๊ะ..ย..ัง..ม...ีภ..า..ช..น...ะ..อ...ย..หู่ ..ร..ือ...ไ.ม...่ ................................................................................................
............5...1....ถ..า้..ม...ี .ใ.ห...้ก..ล...ับ..ไ..ป..ท...่ีข..อ้....4...............................................................................................................
............5...2....ถ..้า..ไ..ม..่ม...ี ..ส..น้ิ...ส..ุด...ก..า..ร..ท..า..ง..า..น...........................................................................................................
..6....จ..บ...ก..า..ร..ท..า..ง..า..น...........................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................
เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ)
ภาพจาก
แผนการสอน ที่ 12
หน่วยที่ 1
เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคิด
ครูใหนกั เรียนแตละคนทาํ ใบงานเรื่อง การแสดงอัลกอริทมึ ซ่ึงใหนกั เรียน สญั ลกั ษณท ใี่ ชใ นการประมวลผลจะแสดงดว ยสญั ลกั ษณใ นขอ ใด
แตละคนพจิ ารณาสถานการณท ีก่ าํ หนดให จากนั้นนําขอมลู ทไี่ ดม าตอบคําถาม
และครูจะใหนักเรียนนาํ ใบงานมาสงในชั่วโมงถัดไป จากน้ันครูอธิบายการ 1. 2.
แสดงอัลกอริทึมวา เปนกระบวนการแกปญหาท่ีสามารถอธิบายออกมาเปน
ขั้นตอนที่ชัดเจน ซ่ึงทาํ ไดโดยการเขียนบอกเลา การวาดภาพ หรือการใช 3. 4.
สัญลักษณ จากน้ันครูสุมถามนักเรียนวา การแสดงขั้นตอนการแกปญหา
แตล ะวธิ ตี องทําอยางไรบาง
(วเิ คราะหคาํ ตอบ สญั ลกั ษณร ปู นเี้ ปน สญั ลกั ษณท ชี่ ว ยใน
การประมวลผลการทํางานของผังงาน ดงั น้ัน ตอบขอ 1.)
T26
นา� สอน สรุป ประเมนิ
Ẻ½¡ƒ ËÑ´ การแสดงอลั กอริทมึ คะแนนเต็ม 2. จากสถานการณใ นขอ 1. ใหน กั เรยี นแสดงขนั้ ตอนวธิ แี กป ญ หา ขน้ั สรปุ
20 ครูใหนักเรียนทําแบบฝกหัด หนา 5-7 เรื่อง
การแสดงอัลกอริทึม โดยใหนักเรียนพิจารณา
1. ใหน กั เรยี นแสดงขัน้ ตอนวิธแี กป ญ หาโดยการเขยี นบอกเลา โดยการวาดภาพ (5 คะแนน) (แนวคาํ ตอบ) รูปภาพ ซ่ึงมีสถานการณวา นักเรียนชวยขยับ
(แนวคาํ ตอบ) รถสีเทามาจอดตรงชองทางออกสีเขียว จะตอง
(10 คะแนน) ขัน้ ตอนที่ 1 ขัน้ ตอนที่ 2 ขยับรถคันอื่นอยางไร (ขยับรถใหไดจํานวนคัน
นอยครั้งที่สุด) และใหแสดงขั้นตอนวิธีแกปญหา
6 6 6 โดยการเขียนบอกเลา การวาดภาพ และการใช
สญั ลักษณ และบนั ทึกคําตอบลงในแบบฝกหดั
5 5 ทEาXงอIอTก 5
4 4
4 ทEาXงอIอTก
3 3
ทEาXงอIอTก 1 21 32
1 2 เฉฉบลบั ย ขน้ั ตอนท่ี 3 ขัน้ ตอนที่ 4
เฉฉบลบั ย 6 6
5 ทEาXงอIอTก 5
EทาXงอIอTก
จากภาพ ถา ตอ งการขยบั รถสเี ทามาจอดตรงชอ งทางออกสเี ขยี ว 1 432 1 432
จะตอ งขยบั รถคนั อนื่ อยา งไร (ขยบั รถใหไ ดจ าํ นวนคนั นอ ยทส่ี ดุ )
1) แสดงขั้นตอนวธิ แี กป ญ หาโดยการเขียนบอกเลา ขั้นตอนที่ ขั้นตอนท่ี ขนั้ ประเมนิ
1. ถอยรถหมายเลข 1 จาํ นวน 2 ชอง…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. EทาXงอIอTก ทEาXงอIอTก ตารางการวัดและประเมินผล
2. ถอยรถหมายเลข 3 จํานวน 1 ชอง…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. วิธีการ เคร่อื งมอื เกณฑการประเมิน
3. ถอยรถหมายเลข 4 จํานวน 2 ชอ ง…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 6
…4….……ข…ย…บั ……ร…ถ…ส……ีเ…ท…า…ไ…ป……ข…า …ง…ห……น…า…จ……ํา…น……ว…น………3……ช…อ …ง………ถ…ึง……ท…า…ง…อ……อ…ก……………………………….. ตรวจแบบฝก หดั แบบฝกหดั รอ ยละ 60 ผานเกณฑ
2) ขยบั รถทั้งหมดกีค่ นั จงึ จะทาํ ใหรถสีเทาสามารถขยับออกได ตรวจใบงาน ใบงาน รอ ยละ 60 ผานเกณฑ
ขยับรถทง้ั หมด 3 คนั……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
5
3. จากสถานการณในขอ 1. ใหน กั เรยี นแสดงขนั้ ตอนวธิ แี กป ญ หา ประเมนิ การนาํ เสนอ แบบประเมนิ ระดับคุณภาพ 2
โดยใชส ัญลกั ษณ (5 คะแนน) (แนวคาํ ตอบ) ผลงาน การนาํ เสนอ ผา นเกณฑ
ผลงาน
เริ่มตน สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกต ระดบั คณุ ภาพ 2
การทาํ งาน พฤตกิ รรม ผานเกณฑ
ถอยรถหมายเลข 1 รายบคุ คล
จาํ นวน 2 ชอ ง
เฉฉบลบั ย สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกต ระดับคณุ ภาพ 2
ถอยรถหมายเลข 3 การทาํ งานกลมุ พฤตกิ รรม ผานเกณฑ
จํานวน 1 ชอ ง
ถอยรถหมายเลข 4
จาํ นวน 2 ชอง
ขยบั รถสเี ทาไปขางหนา
จาํ นวน 3 ชอ ง ถึงทางออก
สิน้ สดุ
เกณฑก ารใหค ะแนน รายการประเมนิ คะแนนตอ ขอ ยอย คะแนนรายขอ เกณฑก ารตดั สิน
1. แสดงขน้ั ตอนวธิ แี กป ญ หาโดยการเขยี นบอกเลา ได (2 ขอ ยอ ย) 5 10 •12 คะแนนขนึ้ ไป = ผา น
2. แสดงขัน้ ตอนวธิ ีแกปญหาโดยการวาดภาพได 5 •ตํ่ากวา 12 คะแนน = ปรับปรุง
3. แสดงขน้ั ตอนวธิ แี กปญ หาโดยใชสัญลักษณได 5
คะแนนเต็ม 20
7 ภาพจาก
แบบฝกหดั
จาก แบบฝก หดั หนา 4 หนา้ 5-7
ขอสอบเนน การคดิ แนวทางการวัดและประเมินผล
การแสดงขนั้ ตอนการแกป ญ หาสามารถทาํ ไดก่วี ธิ ี อะไรบา ง ครสู ามารถประเมนิ การนาํ เสนอผลงาน และสงั เกตพฤตกิ รรมการทาํ งานราย
1. 1 วิธี คอื การเขยี นบอกเลา บุคคลและการทํางานกลมุ ของนกั เรยี น โดยศกึ ษาเกณฑการวัดและประเมนิ ผล
2. 2 วิธี คือ การเขยี นบอกเลา และการวาดภาพ จากแบบประเมนิ การนาํ เสนอผลงาน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทาํ งานรายบคุ คล
3. 2 วธิ ี คอื การเขียนบอกเลา และการใชสญั ลักษณ และแบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทาํ งานกลมุ ทแี่ นบมาทา ยแผนการจดั การเรยี นรทู ่ี 2
4. 3 วธิ ี คือ การเขียนบอกเลา การวาดภาพ และการใช หนวยการเรียนรูที่ 1
สญั ลักษณ
แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกล่มุ
(วิเคราะหค าํ ตอบ การแสดงข้ันตอนการแกปญหาสามารถทําได
3 วธิ ี คือ การเขยี นบอกเลา การวาดภาพ และการใชสญั ลักษณ คาชี้แจง:ใหผ้ สู้ อนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ลงในช่องที่ คาชี้แจง : ใหผ้ สู้ อนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ลงในชอ่ งท่ี คาช้แี จง : ใหผ้ ูส้ อนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในชอ่ งที่
ดงั นั้น ตอบขอ 4.) ตรงกับระดับคะแนน ตรงกับระดับคะแนน ตรงกับระดับคะแนน
ลาดับที่ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 1 ลาดับท่ี รายการประเมนิ ระดับคะแนน 1 ลาดบั ท่ี ชอ่ื –สกุล การแสดง การยอมรับ การทางาน ความมนี ้าใจ การมี รวม
32 32 ของนักเรียน ความคดิ เห็น ฟังคนอืน่ ตามทไ่ี ด้รบั ส่วนร่วมใน 15
มอบหมาย การปรับปรงุ คะแนน
1 การแสดงความคิดเหน็ ผลงานกลุ่ม
1 ความถกู ต้องของเนอ้ื หา 2 การยอมรับฟงั ความคดิ เหน็ ของผ้อู น่ื
2 ความคิดสรา้ งสรรค์ 3 การทางานตามหนา้ ท่ีที่ได้รับมอบหมาย 321321321321321
3 วธิ ีการนาเสนอผลงาน 4 ความมนี าใจ
4 การนาไปใช้ประโยชน์ 5 การตรงต่อเวลา
5 การตรงต่อเวลา
รวม
รวม
ลงชื่อ...................................................ผูป้ ระเมิน ลงช่อื ...................................................ผปู้ ระเมนิ
............/................./................... ............/.................../................
เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ลงช่ือ...................................................ผูป้ ระเมิน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ สมบูรณ์ชัดเจน ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ ให้ 2 คะแนน ............./.................../...............
ให้ 1 คะแนน ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ เปน็ สว่ นใหญ่ ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครงั เกณฑ์การใหค้ ะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินบางสว่ น ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ
ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบางครัง ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมบ่อยคร้งั
ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤติกรรมบางคร้ัง
เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน
ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ให้ 1 คะแนน
14–15 ดมี าก 14–15 ดมี าก เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ
11–13 ดี 11–13 ดี ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ
14–15 ดมี าก
8–10 พอใช้ 8–10 พอใช้ 11–13 ดี
ตา่ กว่า 8 ปรับปรงุ ต่ากว่า 8 ปรับปรงุ 8–10 พอใช้
ต่ากว่า 8 ปรบั ปรงุ
T27
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 1เวลา ชั่วโมง
ตัวอย่างการแก้ปญั หาเกมเตตรสิ
1. มาตรฐาน/ตวั ชวี้ ดั
ตวั ชวี้ ัด
ว 4.2 ป.3/1 แสดงอัลกอรทิ มึ ในการท�ำงานหรือแกป้ ญั หาอยา่ งงา่ ยโดยใชภ้ าพ สัญลักษณ์ หรอื ขอ้ ความ
2. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
1. เข้าใจรูปแบบการแกป้ ญั หา (K)
2. แสดงขน้ั ตอนการแก้ปญั หาได้ (P)
3. ประยุกต์ใชก้ ับการแก้ปัญหาทพ่ี บในชวี ติ ประจำ� วันได้ (A)
3. สาระการเรียนรู้
ตัวอย่างปญั หา เช่น เกมเศรษฐี เกมบนั ไดงู เกม Tetris เกม OX การเดนิ ไปโรงอาหาร การทำ� ความสะอาด
4. สาระส�ำคัญ/ความคิดรวบยอด
เกมเตตริสเป็นเกมแก้ปัญหาจัดเรียงตัวบล็อกที่หล่นลงมาแล้วจัดให้เป็นแถว และหมุนบล็อกวางในต�ำแหน่งที่วางลงได้
ตามขนั้ ตอนการเลน่ เกม ซึง่ เป็นการนำ� ขั้นตอนและวิธีการมาแกป้ ญั หาต่างๆ เพ่ือใหไ้ ด้ผลลพั ธ์ตามต้องการ
5. สมรรถนะสำ� คญั ของผูเ้ รยี นและคุณลักษณะอันพึงประสงค์
สมรรถนะสำ� คัญของผูเ้ รยี น ทกั ษะ 4Cs คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1. ความสามารถในการส่ือสาร 1. ทักษะการคดิ อย่างมีวิจารณญาณ 1. มวี ินัย
2. ความสามารถในการคดิ (Critical Thinking) 2. ใฝเ่ รียนรู้
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 2. ทกั ษะการทำ� งานร่วมกัน 3. ม่งุ ม่ันในการท�ำงาน
(Collaboration Skill)
3. ทกั ษะการสื่อสาร
(Communication Skill)
4. ทักษะความคิดสรา้ งสรรค์
(Creative Thinking)
6. กิจกรรมการเรียนรู้
แนวคิด/รูปแบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : วิธีการสอนแบบกระบวนการกลุ่ม (Group Process) และเทคนิค
ตามแนวคิดเชิงคำ� นวณ
T28
นา� นา� สอน สรปุ ประเมนิ
เกมเตตริส 3. ตวั อยา่ งการáก»Œ Þ˜ ËาàกÁàตตรสÔ ขน้ั นาํ
(Tetris)
มปี ระโยชนต อ เตตรสิ (Tetris) เปน เกมแก้ปญ หาจัดเรยี ง 1. ครูถามคําถามสําคัญประจําหัวขอกับนักเรียน
ผูเลน อยางไร ตัวบล็อกท่ีหลนลงมา แล้วจัดเรียงให้เปนแถว มี วา เกมเตตริส (Tetris) มีประโยชนตอผูเลน
อยางไร จากนั้นใหนักเรียนชวยกันวิเคราะห
ตน้ กา� เนดิ ใน ค.ศ. 1984 โดยอะเลคเซย ปายติ นอฟ นกั ออกแบบเกม และหาคําตอบของคาํ ถามน้ี
ชาวรัสเซีย เปนผู้ออกแบบเกมนี้ ในปจจุบันเกมเตตริสเปนหนึ่งใน
เกมที่มีการน�ามาเลนผานเคร่ืองเลนวิดีโอเกม เครื่องเลนเกมแบบ 2. ครูสมุ นกั เรยี นขึ้นมาตอบคาํ ถามสาํ คัญประจํา
พกพา คอมพิวเตอร และโทรศพั ทม อื ถือ หวั ขอ จากนนั้ ครอู ธบิ ายตวั อยา งการแกป ญ หา
เกมเตตรสิ ใหน ักเรยี นฟง วา เปนเกมแกป ญ หา
1. รจู กั บลอ็ กคาํ สงั่ เกมเตตรสิ สามารถแบง แยกรปู แบบได้ 7 ลกั ษณะ จัดเรียงตัวบล็อกที่หลนลงมา แลวจัดเรียง
ใหเ ปน แถว
ซง่ึ รปู แบบของบลอ็ กทง้ั 7 จะสามารถหมนุ บลอ็ กได้ เพอ่ื ให้ไดร้ ปู แบบ
ของบลอ็ กทสี่ ามารถนา� มาวางลงในตา� แหนง ทว่ี า งได้ ดงั น้ี ขนั้ สอน
2 1. ครูอธิบายตัวอยางการแกปญหาเกมเตตริส
4 แ ล ะ แ น ะ นํ า ใ ห นั ก เ รี ย น รู จั ก บ ล็ อ ก คํ า สั่ ง
ท้ัง 7 ลักษณะ ซึ่งรูปแบบของบล็อกทั้ง 7
1 จะสามารถหมุนบล็อกได เพ่ือใหไดรูปแบบ
3 ของบล็อกที่สามารถนํามาวางลงในตําแหนง
ทีว่ างได
5
6
7
19 แนวตอบ คําถามสําคัญประจาํ หัวขอ
ภาพจาก หนังสือเรยี น หนา 19 เกมเตตริส มีประโยชนต อผเู ลน คือ ผเู ลนจะ
สามารถใชความคิดในการวิเคราะหการแกปญหา
เกมเตตริสนี้ไดวา ทําอยางไรถึงจะเลนเกมนี้ชนะ
และมีการฝกสังเกตรูปแบบหรือลักษณะของบล็อก
คาํ สง่ั เกมเตตรสิ วามรี ูปรา งลกั ษณะอยางไร
ขอ สอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู
ขอ ใดเปนวิธีการเขียนผังงานทด่ี ี ครูอธิบายเร่ือง ตัวอยางการแกปญหาเกมเตตริสใหนักเรียนฟงวา เกม
1. คําอธิบายในภาพจะยาวหรือสน้ั กไ็ ด เตตริสเปนเกมแกปญหาจัดเรียงตัวบล็อกที่หลนลงมา แลวจัดเรียงใหเปนแถว
2. ไมควรโยงเสนเชอ่ื มผงั งานทอี่ ยูไกลมากๆ ซึ่งในปจจุบันเกมเตตริสเปนหนึ่งในเกมท่ีมีการเลนผานเคร่ืองเลนวิดีโอเกม
3. ทกุ แผนภาพไมต องมลี ูกศรแสดงทศิ ทางเขา -ออก เครือ่ งเลน เกมแบบพกพา คอมพิวเตอร และโทรศัพทม อื ถือ จากนัน้ ครูอธิบาย
4. ใชล กู ศรแสดงทศิ ทางการไหลของขอมูลจากลา งไปบนหรอื ใหน กั เรียนรูจักบลอ็ กคาํ ส่งั เกมเตตรสิ วา มีรปู แบบของบลอ็ กในลักษณะใดบาง
จากขวาไปซา ย
(วเิ คราะหคําตอบ การเขียนผังงานท่ีดี คือ ไมควรโยงเสนเชื่อม
ผังงานท่ีอยูไกลมากๆ ควรใชสัญลักษณจุดเช่ือมตอแทน ดังน้ัน
ตอบขอ 2.)
T29
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน 2. การแสดงขั้นตอนวธิ แี กปญหาเกมเตตริส มลี า� ดบั ข้นั ตอน ดงั นี้
2. ครูอธิบายการแสดงข้ันตอนวิธีแกปญหา 1 การแสดงขั้นตอนวิธีแก้ปญหาโดยการเขียนบอกเล่า จะมีข้ันตอน
เกมเตตรสิ โดยการเขยี นบอกเลา ใหน กั เรยี นฟง
จากน้ันจะสุมถามคําถามกับนักเรียนวา ดังนี้
ลํ า ดั บ ข้ั น ต อ น ก า ร ทํ า ง า น โ ด ย ก า ร เ ขี ย น 1. ดูบล็อกที่กําลังเคลื่อนที่ลงมาวามีรูปแบบของบล็อกก่ีหนวย
บอกเลา ของเกมเตตรสิ เปน อยา งไร ใหน กั เรยี น 2. ดูชองวางท่ีเหลือวามีก่ีหนวย และชองวางอยูบริเวณใดบาง
ลองอธบิ าย 3. เรียงลําดับความสําคัญของบล็อก โดยแถวที่ 1 มีความ
สําคัญมากท่ีสุด จัดบล็อกใหเต็มแถวเพื่อใหแถวนั้นหายไป
4. เมื่อแถวที่ 1 หายไปแลว แถวที่ 2 จะเล่ือนลงมากลายเปน
แถวที่ 1 แทน
5. ดูบล็อกถัดไปวาจะมีรูปแบบใด สามารถวางชองไหนไดบาง
20
ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 20
เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคดิ
ครสู มุ นกั เรยี นออกมาอธบิ ายขนั้ ตอนวธิ แี กป ญ หาเกมเตตรสิ โดยใหน กั เรยี น ขอใดไมใชป ระโยชนของผงั งาน
ออกมาเขียนบอกเลา วา มีขั้นตอนใดบา งทีท่ ําใหเ ลนเกมเตตริสไดส ําเร็จ จากนั้น 1. สามารถเรียนรูแ ละเขาใจไดงา ย
ครถู ามคําถามกบั นกั เรียน โดยมีคําถาม ดงั น้ี 2. ชว ยลาํ ดับขั้นตอนการทํางานไดง า ย ไมสับสน
3. ไมส ามารถตรวจสอบได และแกไขงานไดย าก
- เกมเตตริสจะตองใชการแกป ญหาดวยวิธีใด 4. ชวยใหการดัดแปลง แกไ ข ทาํ ไดอยา งสะดวกและรวดเรว็
- เกมเตตริสสามารถฝกทกั ษะในดานใดไดบา ง
- นักเรียนคิดวา เกมเตตริสสามารถนําไปปรับใชในชีวิตประจําวันได (วเิ คราะหค าํ ตอบ ผังงานมีประโยชน เชน สามารถเรียนรู
และเขาใจผังงานไดงาย ชวยลาํ ดับข้ันตอนการทาํ งานไดงาย
อยางไร ไมสับสน และชวยใหการดัดแปลง แกไข ทาํ ไดอยางสะดวก
รวดเรว็ สว นไมส ามารถตรวจสอบได และแกไ ขงานไดย ากนน้ั ไมใ ช
ประโยชนของผังงาน ดงั นน้ั ตอบขอ 3.)
T30
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
2 การแสดงข้ันตอนวิธีแก้ปญหาโดยการวาดภาพ จะมีข้ันตอน ขน้ั สอน
ดังนี้ 3. ครูอธิบายการแสดงข้ันตอนวิธีแกปญหาเกม
เตตริสโดยการวาดภาพใหนักเรียนฟง ซึ่งครู
12 จะใหนักเรียนลองศึกษาเน้ือหาในหนาน้ี
และครูจะวาดภาพการเลนเกมเตตริสลงบน
กระดานดําหนาช้ันเรียนเพื่อใหนักเรียนมอง
เห็นภาพ จากน้ันสุมนักเรียน 2 คน ชวยกัน
อธิบายความหมายของการแสดงข้ันตอนการ
แกป ญ หาโดยการวาดภาพ
ดบู ลอ็ กที่กา� ลงั เคลื่อนทล่ี งมา ดูชอ่ งว่างทเ่ี หลอื วา่ มกี หี่ นว่ ย
วา่ มรี ปู แบบของบลอ็ กกห่ี น่วย และช่องวา่ งอยูบ่ รเิ วณใดบา้ ง
3 เรียงล�าดับความส�าคัญของบล็อก
โดยแถวที่ 1 มีความส�าคัญมากท่ีสดุ
4 จัดบล็อกให้เต็มแถวเพ่อื ใหแ้ ถวนน้ั
หายไป
5
เม่อื แถวที่ 1 หายไปแลว้ แถวที่ 2 ดูบล็อกถัดไปว่าจะมีรูปแบบใด
จะเลอ่ื นลงมากลายเปน แถวท่ี 1 แทน สามารถวางชอ่ งไหนไดบ้ ้าง
21
ภาพจาก หนงั สอื เรียน หนา 21
ขอสอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู
นักเรียนคิดวา การหารูปแบบของปญหาตางๆ ที่เกิดข้ึน ครูใหนักเรียนดูภาพเกมเตตริสในเร่ือง การแสดงข้ันตอนวิธีแกปญหา
มีประโยชนอยา งไรตอ การแกปญหา โดยการวาดภาพ แลวใหนักเรียนลองอธิบายการแสดงข้ันตอนการแกปญหา
เกมเตตริสนี้วามีขั้นตอนในการแกปญหาอยางไรบางจึงจะทําใหการเลนเกม
1. ชวยใหแ กปญหาไดอยางรวดเรว็ เตตริสสําเร็จ จากน้ันครูถามคําถามกับนักเรียนวา ถานักเรียนเปนคนเลน
2. ชว ยใหแ กป ญ หาไดอยางเปนระบบ เกมเตตริส นักเรยี นจะเลือกใชว ธิ ใี ดในการแสดงข้นั ตอนการแกป ญหา
3. ชว ยใหท ราบสาเหตขุ องการเกิดปญหา
4. ชวยใหนกั เรียนฝก ทกั ษะการแกป ญ หา
(วิเคราะหค าํ ตอบ การหารูปแบบของการแกปญหา มีสวนชวย
ใหการแกปญหาตางๆ ท่ีเกิดขึ้น สามารถแกไขไดงายขึ้นและ
เปน ระบบ ดังน้นั ตอบขอ 2.)
T31
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ สอน 3 การแสดงข้ันตอนวิธีแก้ปญหาโดยใช้สัญลักษณ จะมีข้ันตอน
4. ครูอธบิ ายเรอื่ ง การแสดงขัน้ ตอนวิธีแกปญ หา ดังน้ี
โดยใชสัญลักษณ ใหนักเรียนฟง ซึ่งครูจะสุม
นักเรียนใหออกมาเขียนผังงานท่ีแสดงการ เร่ิมตน
ทํางานของเกมเตตริสใหถูกตอง และสุมให ดูบล็อกที่ตกลงมา
นักเรียนอีกคนมาอธิบายสัญลักษณที่ใช และ ดูชองวางที่เหลือ
ขัน้ ตอนการทํางานตา งๆ ท่เี ขียนขน้ึ มา เปลี่ยนรูปรางบล็อกใหมีรูปแบบตามชองวาง
นําบล็อกลงในชองวาง
5. ครถู ามคาํ ถามทา ทายการคดิ ขนั้ สงู กบั นกั เรยี น ไมมีบล็อกเหลืออยูในเกม
วา นักเรียนมีเทคนิคหรือวิธีการใดท่ีใช
เพ่ือแกปญหาเกมเตตริสใหผานในแตละดาน จบการทํางาน
ไดง า ยและรวดเร็ว
(แนวตอบ การแกป ญ หาเกมเตตริสน้นั สามารถ
ใชการแกปญหาโดยการสังเกตและดูบล็อก
ท่ีกําลังเคล่ือนลงมาวา มีรูปแบบหรือลักษณะ
อยางไร จากน้ันใหดูชองวางที่เหลือวามี
เหลืออยูกี่หนวยหรือก่ีชอง เพ่ือจะทําให
บล็อกท่ีตกลงมาสามารถวางไดพอดีกับชอง
ท่ีเหลือนั้น จึงทําใหสามารถเลนเกมน้ีผานได
งายขึน้ )
ภาพที่ 1.7 การแสดงข้ันตอนการแก้ปญหาเกมเตตริส
¤Ò¶ÒÁ·ÒŒ ·Ò¡Òä´Ô ¢é¹Ñ ÊÙ§
นักเรียนมีเทคนิคหรือวิธีการใดท่ีใช้เพื่อแก้ปญหาเกม Tetris
ใหผ้ า นในแตละดานได้งายและรวดเร็ว
22
ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 22
เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคดิ
หลังจากครูใหนักเรียนศึกษาเร่ือง การแสดงขั้นตอนวิธีแกปญหาโดยการ ถานักเรียนลืมนําหนังสือเรียนวิชาเทคโนโลยี (วิทยาการ
เขียนบอกเลาและการวาดภาพแลว จากน้ันครูอธิบายเพิ่มเติมถึงการแสดง คํานวณ) ป.3 มาโรงเรียนควรแกปญหานี้อยางไรจึงจะเหมาะสม
ขั้นตอนวิธีแกปญหาโดยใชสัญลักษณ ซ่ึงเปนการเขียนผังงานที่แสดงการ ทีส่ ุด
แกป ญ หาเกมเตตรสิ วา จะตอ งใชส ญั ลกั ษณอ ยา งไรบา ง จากนน้ั สมุ นกั เรยี น 3 คน
ใหอธบิ ายการทาํ งานของผงั งานน้ี 1. ซือ้ หนงั สือเลม ใหมเพ่มิ อกี 1 เลม
2. บอกครแู ละขอดูกบั เพอ่ื นทีน่ ่ังขางๆ
3. ขออนุญาตครกู ลับไปเอาหนงั สอื ที่บาน
4. ไมเขา หอ งเรยี นเมอ่ื ถึงชว่ั โมงเรียนวิชานี้
(วิเคราะหคําตอบ ถานักเรียนลืมนําหนังสือเรียนวิชาเทคโนโลยี
(วิทยาการคํานวณ) ป.3 มาโรงเรียน ควรแกปญหานี้โดยการ
บอกครแู ละขอดูกับเพอ่ื นทน่ี ง่ั ขา งๆ ดงั นนั้ ตอบขอ 2.)
T32
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
¡¨Ô ¡ÃÃÁ ขน้ั สอน
½ƒ¡·¡Ñ ÉÐ
6. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมฝกทักษะ โดย
ใหน กั เรยี นพจิ ารณารปู แบบของบลอ็ ก ใหนักเรียนพิจารณารูปแบบบล็อกท่ีกําหนด
ท่ีกําหนดให แลวจัดวางบล็อกตอกันให ใหแลวจัดวางบล็อกตอกันใหเปนรูปส่ีเหล่ียม
เปน รปู สเ่ี หลยี่ มผนื ผา โดยใชจ าํ นวนบลอ็ ก ผืนผา โดยใชจํานวนบล็อกทั้งหมด 6 ตัว
ท้ังหมด 6 ตัว ในการตอ บันทึกคําตอบ ในการตอ จากนั้นบันทึกคําตอบท่ีไดลงใน
ลงในสมดุ สมดุ ประจําตวั
ภาพที่ 1.8 ภาพประกอบกจิ กรรมฝก ทกั ษะ 7. นักเรียนตรวจสอบตนเองจากการเรียนเน้ือหา
ในหนว ยการเรยี นรทู ี่ 1 เรอื่ ง อลั กอรทิ มึ กบั การ
ทักษะการเรยี นรูในศตวรรษท่ี 21 แกป ญหา เพื่อทบทวนความรูจ ากท่เี รยี นมา
ทักษะการคดิ เชงิ คา� นวณ
สรปุ ความรปู ระจาํ หนว ยท่ี 1
µÃǨÊͺµ¹àͧ
หลงั จากเรยี นจบหนว ยนแ้ี ลว ใหบ อกสญั ลกั ษณท ต่ี รงกบั ระดบั ความสามารถของตนเอง
รายการ เกณฑ
ดี พอใช ควรปรบั ปรงุ
1. นกั เรียนเขา้ ใจเนอื้ หาอลั กอริทมึ กับการแก้ 23
ปญหา และใชข้ ัน้ ตอนในการแก้ปญ หาได้
2. นักเรียนสามารถแสดงข้ันตอนวิธีแก้ปญหา
โดยการเขียนบอกเลา การวาดภาพ และการ
ใชส้ ัญลักษณได้
3. นักเรียนสามารถน�าแนวคิดเชิงค�านวณมาใช้
ในการแก้ปญหาได้
4. นักเรียนน�าความรู้ไปประยุกตใช้ในการแก้
ปญ หาในชีวติ ประจา� วันได้
ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 33
ขอสอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู
นกั เรยี นควรทําอะไรเปน อันดบั แรกเมอ่ื พบกับปญ หา ครูใหนักเรียนพิจารณารูปแบบของบล็อกท่ีกําหนดให แลวจัดวางบล็อก
1. วางแผนแกป ญ หา ตอกันใหเปนรูปสี่เหล่ียมผืนผา โดยใชจํานวนบล็อกท้ังหมด 6 ตัว ในการตอ
2. ดําเนนิ การแกป ญหา เม่ือนักเรียนทําเสร็จเรียบรอยแลวใหบันทึกขอมูลเหลาน้ันลงในสมุดประจําตัว
3. วเิ คราะหรายละเอยี ดของปญ หา จากน้ันครูอธิบายวิธีการทําแบบประเมินตรวจสอบตนเองใหนักเรียนฟงวา
4. ตรวจสอบและปรับปรงุ วิธีแกป ญหา การทําแบบประเมินตนเองน้ีเปนการตรวจสอบวานักเรียนมีความเขาใจเน้ือหา
มากนอยเพียงใด
(วเิ คราะหค าํ ตอบ สง่ิ แรกทค่ี วรทาํ เมอ่ื พบกบั ปญ หา คอื จะตอ งมี
การวิเคราะหรายละเอียดของปญหาวาเกิดข้ึนจากสาเหตุอะไร
เพราะจะทําใหส ามารถแกปญหาตา งๆ ไดอยา งตรงจุด และเลอื ก
วธิ กี ารแกป ญ หาทถี่ กู ตอ งเหมาะสมกบั ปญ หานน้ั ดงั นน้ั ตอบขอ 3.)
T33
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน Ẻ½ƒ¡ËÑ´ ตัวอยางการแกป ญ หาเกมเตตรสิ คะแนนเตม็
8. ครูใหนักเรียนทําแบบฝกหัด หนา 8 เร่ือง 10
ตวั อยา งการแกป ญ หาเกมเตรสิ โดยใหน กั เรยี น
เลือกบล็อกท่ีกําหนดใหมาตอกันลงในตาราง ใหนักเรียนเลือกบล็อกที่กําหนดให มาตอกันลงในตารางดานลาง
ดานลางใหพอดี โดยสามารถใชบล็อกซํ้า ใหพอดี โดยสามารถใชบ ล็อกซ้าํ ได พรอ มทงั้ บอกขน้ั ตอนแกป ญหา
กันได พรอมท้ังบอกข้ันตอนการแกปญหา (แนวคาํ ตอบ)
จากนนั้ บันทกึ ผลลงในแบบฝกหดั บลอ็ กทกี่ ำหนด
1) พจิ ารณาและกําหนดรายละเอยี ดของปญ หา
ปญหา คอื ตองเลอื กวางบล็อกรูปแบบใดลงในตารางใหพ อดี.................................................................................................................................................................................................................................
2) วางแผนและออกแบบการแกป ญหา
1ด.ูลนักําษบณละอ็ บกลส็อีเหกลแตอื ลงวะาบงลใ็อนกตวําา แสหานมงาลรถางนซาํ ามยาตอ กนั อยา งไรไดบา งเฉฉบลบั ย
.................................................................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................................................................
2. นาํ บลอ็ กสเี ขยี วมาวางตอทางขวาของบลอ็ กสเี หลือง.................................................................................................................................................................................................................................
3. นาํ บล็อกสีนา้ํ เงนิ หมนุ ขวา 2 คร้งั แลว นาํ มาตอดา นบนของ.................................................................................................................................................................................................................................
บล็อกสีเหลืองและบลอ็ กสีเขียวใหลงในตารางพอดี.................................................................................................................................................................................................................................
4. นําบลอ็ กสีมวงวางตอ จากบล็อกสเี ขยี วใหลงชองพอดี.................................................................................................................................................................................................................................
5. นาํ บลอ็ กสมี ว ง หมนุ ซา ย 1 ครงั้ วางในตาํ แหนง ลา งขวาของตาราง.................................................................................................................................................................................................................................
6. นาํ บลอ็ กสีฟา วางในชองตารางท่เี หลอื จะลงชองพอดี.................................................................................................................................................................................................................................
3) ลงมือแกป ญ หาตามแผนทว่ี างไว
ลงมอื แกปญ หาตามที่วางแผนไวตามขอ 2).................................................................................................................................................................................................................................
4) การตรวจสอบปญหา
ตรวจสอบการวางบลอ็ กในตารางวาเต็มพอดหี รอื ไม.................................................................................................................................................................................................................................
เกณฑการใหค ะแนน รายการประเมนิ คะแนนตอ ขอยอย คะแนนรายขอ เกณฑก ารตัดสนิ
แสดงขั้นตอนวธิ ีแกป ญ หาได (4 ขอ ยอย) 2.5 10 •6 คะแนนข้ึนไป = ผาน
10 •ตํา่ กวา 6 คะแนน = ปรบั ปรงุ
คะแนนเตม็
8
ภาพจาก
แบบฝกหดั
หหนนา้ า้ ท8ี่ 4
เกร็ดแนะครู กิจกรรม สรา งเสริม
ครูใหนักเรียนทําแบบฝกหัดเร่ือง ตัวอยางการแกปญหาเกมเตตริส ซึ่งครู ครูใหนักเรียนวาดภาพแสดงขั้นตอนการทําอาหารที่ตนเอง
สามารถอธิบายเพ่ือทบทวนเน้ือหาเดิมกับนักเรียนวา เตตริสเปนเกมแกปญหา ชอบมา 1 อยาง โดยภาพจะตองแสดงขั้นตอนการทําอาหาร
จัดเรยี งตัวบล็อกทีห่ ลนลงมา แลว จัดเรยี งใหเ ปนแถว โดยในปจ จบุ นั เกมเตตรสิ อยางชัดเจนและตกแตงอยางสวยงาม โดยครูอาจจะใหนักเรียน
เปนหนึ่งในเกมท่ีมีการนาํ มาเลนผานเครื่องเลนวิดีโอเกม เคร่ืองเลนเกม คน หาข้ันตอนวธิ ีการทําอาหารจากอนิ เทอรเ น็ต
แบบพกพา คอมพิวเตอร และโทรศัพทมือถือ ซึ่งเกมเตตริสจะเปนเกมที่ชวย
ในการฝกคิดวเิ คราะหอยางเปน ระบบ เพ่ือสามารถแกปญ หาตางๆ ภายในเกม ตวั อยางอาหาร เชน
ไดอ ยา งรวดเร็ว • ไขตม
• ผัดคะนา
• แกงจืดไขน้าํ
• กว ยเตย๋ี วหมู
T34
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
ÊÃ»Ø สารÐสาí ¤Þั ขนั้ สรปุ
คอื การนา� ขนั้ ตอนและ 1. การพจิ ารณาและกา� หนดรายละเอยี ด 1. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปถึงอัลกอริทึม
วธิ กี ารต่าง ๆ มาแก้ปญ หาเพื่อ ของปญ หา กับการแกปญหาวา การแกปญหาเปนการนํา
ให้ได้ผลลัพธต ามทตี่ อ้ งการ ข้ันตอนและวิธีการตางๆ มาแกปญหาเพื่อให
2. การวางแผนและออกแบบวิธีการแก้ปญ หา ไดผ ลลัพธต ามทตี่ องการ ซงึ่ การแกป ญ หานั้น
3. การลงมือแก้ปญ หาตามแผนทว่ี างไว้ มีอยู 4 ขั้นตอน ไดแก การพิจารณาและ
4. การตรวจสอบผลการแก้ปญหา กําหนดรายละเอียดของปญหา การวางแผน
และออกแบบวิธีการแกปญหา การลงมือ
แกป ญหาตามแผนท่ีวางไว และการตรวจสอบ
ผลการแกป ญ หา
การแกป ญหา การแกป ญ หา
มี 4 ขัน้ ตอน
ÍÑÅ¡ÍÃÔ·ÖÁ
¡Ñº¡ÒÃᡌ»Þ˜ ËÒ
แนวคดิ เชงิ คํานวณ การแสดง
มี 4 แนวคดิ ยอ ย อลั กอรทิ ึม
1. การแบ่งแยกส่วนของปญ หา สามารถท�าได้โดยวิธี
2. การหารูปแบบของปญหา การเขียนบอกเลา่ การวาดภาพ
3. การหาส่วนสา� คัญของปญ หา
4. การแสดงขัน้ ตอนการแก้ปญ หา หรือการใชส้ ัญลักษณ
24 ภาพจาก หนังสอื เรียน หนา 24
ขอ สอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู
อลั กอรทิ ึม (Algorithm) หมายถึงอะไร ครูอาจสุมตัวแทนนักเรียน หรือหานักเรียนที่มีความสมัครใจออกมาพูด
1. ลักษณะของปญ หา ความถนัดของผูเขยี นโปรแกรม ถึงเน้ือหาในหนวยการเรียนรูท่ี 1 เร่ือง อัลกอริทึมกับการแกปญหา โดยสุม
2. โครงสรา งแสดงข้นั ตอนการทาํ งานทเ่ี ปน ไปตามลําดับ ออกมาทัง้ หมด 4 คน แลวใหน กั เรียนพูดสรปุ คนละขอ ซง่ึ ไดแ ก การแกป ญหา
กอนหลงั การแกป ญ หามี 4 ขน้ั ตอน แนวคิดเชิงคํานวณ และการแสดงอัลกอรทิ ึม จากนนั้
3. กระบวนการใชภาษาคอมพิวเตอรเ พอ่ื กาํ หนดโครงสราง ครูสรปุ ความรูท่ีไดจ ากการเรียนในหนวยนี้
ของขอมูล
4. การจาํ ลองความคิดเพอ่ื วางแผนข้ันตอนในการแกปญ หา
ทางคอมพวิ เตอร
(วเิ คราะหค ําตอบ อลั กอริทึม (Algorithm) หมายถึง การจําลอง
ความคิดเพื่อวางแผนขั้นตอนในการแกปญหาทางคอมพิวเตอร
อยางเปน ลําดับขัน้ ตอน ดงั น้นั ตอบขอ 4.)
T35
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สรปุ กิจกรรม
เสริมสรางการเรียนรู
2. ครูมอบหมายใหนักเรียนทํากิจกรรมเสริม
สรางการเรียนรู โดยใหนักเรียนพิจารณา ใหน กั เรยี นพจิ ารณาสถานการณท ก่ี าํ หนดให แลว วเิ คราะหถ งึ วธิ กี าร
สถานการณท่ีกําหนดให แลววิเคราะห แกปญหาตามขั้นตอนการแกปญหาเบื้องตน และผลลัพธท่ีไดจากการ
ถึงวิธีการแกปญหาตามข้ันตอนการแกปญหา แกปญหา โดยบนั ทกึ คําตอบลงในสมดุ
เบ้ืองตน และผลลัพธที่ไดจากการแกปญหา
เบื้องตน จากนนั้ บนั ทึกคําตอบทีไ่ ดล งในสมุด 1. กานตองชว ยคุณแมขายอาหาร
ประจําตัว จนไมม เี วลาทาํ การบาน
วธิ ีการแกปญ หาเบือ้ งตน .............................................
.........................................................................................................................
ผลลพั ธจากการแกป ญ หา ...........................................
.........................................................................................................................
2. แกมใชเงินสรุ ุยสรุ า ยในการซอ้ื
สิง่ ของตาง ๆ
วิธีการแกป ญ หาเบอ้ื บงนั ตทนกึ ลงในสมุด.............................................
.........................................................................................................................
ผลลพั ธจากการแกปญ หา ...........................................
.........................................................................................................................
3. แกว ชอบรบั ประทานขนมกอ นรบั ประทาน
ขา วและไมชอบรับประทานผัก
เมือ่ แถวท่ี 1 หายไปแล้วแถวที่ 2 วธิ ีการแกปญหาเบ้ืองตน .............................................
จะเลอ่ื นลงมากลายเปน แถวท่ี 1 แทน
.........................................................................................................................
ผลลพั ธจากการแกป ญ หา ...........................................
.........................................................................................................................
ภาพท่ี 1.9 ภาพประกอบกจิ กรรมเสรมิ สรา้ งการเรยี นรู้
25
ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 25
เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคิด
ครใู หน กั เรยี นทาํ กจิ กรรมเสรมิ สรา งการเรยี นรู โดยใหพ จิ ารณาสถานการณ ขอ ความและสัญลักษณมีความสาํ คญั ตอการแกป ญ หาอยา งไร
ท่ีกําหนดใหแลวตอบคําถามตอไปนี้ใหถูกตองลงในสมุดประจําตัว จากนั้นครู 1. การทาํ งานเปน ระบบมากขนึ้
ใหนักเรียนชวยกันคิดสถานการณเพื่อใหเพ่ือนชวยกันหาวิธีแกปญหาเบ้ืองตน 2. ลดความตอ งการซํ้าซอ นในการทาํ งาน
และสามารถบอกผลลัพธท่ีไดจ ากการแกปญหานี้ 3. ผูเก่ียวของเขาใจปญหาและแกป ญหาไปในแนวทาง
เดยี วกัน
4. ประหยดั เวลา ประหยดั แรงงาน และคาใชจา ยใน
การทาํ งาน
(วิเคราะหค าํ ตอบ ขอความและสัญลักษณมีความสําคัญตอ
การแกปญหา คือ ชวยใหการทํางานเปนระบบมากข้ึน ดังน้ัน
ตอบขอ 1.)
T36
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 อลั กอริทมึ กับการแกป้ ัญหา เฉลย ขนั้ สรปุ
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 3 ตัวอยา่ งการแกป้ ญั หาเกมเตตรสิ
3. ครูใหน กั เรยี นทาํ ช้นิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)
ชน้ิ งาน/ภาระงานรวบยอด เรื่อง บล็อกมหาสนกุ โดยใหนกั เรียนดงึ โจทย
เรือ่ ง บล็อกมหาสนกุ ที่เปนตัวอยางบล็อกนํามาระบายสีใหสวยงาม
และตดั ออกจากกนั จากนนั้ ตอ บลอ็ กทต่ี ดั ออก
ให้นกั เรยี นฉีกส่วนนเ้ี พ่อื ระบายสแี ละตัด แลวใหไดผลลัพธด งั ที่โจทยก ําหนด
(ครูตัดสว่ นน้เี พื่อใหน้ ักเรยี นเปน็ บตั รโจทย์ กลุ่มละ1 รูป)
4. เม่ือบันทึกผลเสร็จเรียบรอยแลวใหนักเรียน
รื้อรูปที่ตอออกจากกันจนดูไมออกวาเปน
รูปอะไร จากน้ันแตละกลุมสลับกัน โดยปด
โจทยไวใหเพ่ือนกลุมอื่นอานขั้นตอนการตอ
บล็อกจากโจทยที่ไดวา ไดผลลัพธตามโจทย
หรือไม ถาไมใหแกไขขั้นตอนที่เขียนไวใน
ช้นิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) ใหถ กู ตอง
5. สรุปชน้ิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) เรอ่ื ง การ
แสดงขนั้ ตอนการตอ บลอ็ กทง้ั 3 วธิ ี โดยสามารถ
ทําไดจากการเลนเกมตางๆ เชน เกมเตตริส
หรือเกมอื่นๆ ตามกิจกรรมที่นักเรียนไดทํา
มาแลว
เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ)
ภาพจาก
แผนการสอน ท่ี 31
หน่วยท่ี 1
ขอสอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู
หลกั การแกปญหาทีถ่ กู ตองตรงกบั ขอ ใด ครใู หน ักเรียนทําชนิ้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) เรือ่ ง บล็อกมหาสนกุ โดย
1. ปญ หาทกุ อยางมีทางแกไข ใหน กั เรยี นเขยี นการแสดงขนั้ ตอนวธิ กี ารแกป ญ หาการตอ บลอ็ กโดยการบอกเลา
2. การแกป ญ หาควรมที ป่ี รกึ ษา การวาดภาพ และการใชส ัญลักษณ จากน้ันครทู บทวนความรูเดิมจากบทเรียน
3. การแกป ญ หาควรใชวิธกี ารลองผิดลองถกู เสมอ เร่อื ง อัลกอรทิ มึ กับการแกป ญหา โดยถามคําถามนักเรียน ดังนี้
4. วิธีแกป ญหาควรปรบั เปล่ียนใหเหมาะสมกับแตละปญ หา
• การแกป ญ หาคืออะไร มกี ี่ข้ันตอนอะไรบา ง
(วิเคราะหคําตอบ หลักการแกปญหาท่ีถูกตอง คือ วิธีแกปญหา • การแกป ญ หาโดยใชแ นวคดิ เชงิ คาํ นวณมแี นวคดิ ยอ ยกขี่ นั้ ตอน อะไรบา ง
ควรปรับเปล่ียนใหเหมาะสมกับแตละปญหา เพราะปญหาแตละ • การแสดงอัลกอรทิ ึมสามารถทาํ ไดกีว่ ธิ ี อะไรบา ง
ปญ หาจะมคี วามแตกตา งกนั ซง่ึ วธิ แี กป ญ หาจะตอ งปรบั เปลยี่ นให
สอดคลอ ง เพือ่ แกไ ขปญ หาเหลา น้นั ไดอ ยางตรงจดุ และเปนระบบ
ดังน้นั ตอบขอ 4.)
T37
นา� สอน สรุป ประเมนิ
ขน้ั สรปุ ¡¨Ô ¡ÃÃÁ½¡ƒ ·¡Ñ ÉзÕè 1 Creating ไดคะแนน คะแนนเต็ม
เกมจบั ผดิ จบั ถกู Evaluating
6. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมฝกทักษะท่ี 1 เร่ือง Analyzing 15
เกมจับผิดจับถกู ในแบบฝกหดั โดยใหน ักเรยี น Applying
พิจารณาภาพที่กําหนดใหและหาสิ่งท่ีไมมีใน Understanding
บัตรโจทยท้งั สี และรูปทรง จากนน้ั ใหน กั เรยี น Remembering
ใชแ นวคดิ เชงิ คาํ นวณมาประยกุ ตใ ชใ นการเลน
เกมจับผิดจับถูก โดยใหเขียนอธิบายออกมา 1. จากภาพทกี่ าํ หนด ใหน กั เรยี นหาสง่ิ ทไ่ี มม ใี นบตั รโจทยท งั้ สี และ
ตามหลกั 4 แนวคดิ ยอ ยของแนวคดิ เชงิ คาํ นวณ รปู ทรง (10 คะแนน) (แนวคําตอบ)
บตั รโจทย คาํ ตอบ คือ
กรวยสนี า้ํ เงิน สนี ํ้าตาล สแี ดง ....................................................
ขน้ั ตอนการแกปญหา เฉฉบลับย
1) พิจารณาและกาํ หนดรายละเอียดของปญ หา
ปญหา คอื หาส่ิงทไี่ มม ใี นบัตรโจทยท ้งั สแี ละรูปทรง................................................................................................................................................................................................................................
2) วางแผนและออกแบบการแกปญหา
ออกแบบตารางตรวจสอบองคประกอบของสีและรปู ทรง เพ่ือหาวา................................................................................................................................................................................................................................
ภาพท่ีกาํ หนดภาพใดไมมีทัง้ สแี ละรปู ทรงตรงกบั บตั รโจทย................................................................................................................................................................................................................................
3) ลงมอื แกปญ หาตามแผนทีว่ างไว
ภาพทกี่ าํ หนด องคประกอบทต่ี รงกบั บตั รโจทย 2. จากขอ 1. ใหเ ขียนแนวคดิ เชงิ คาํ นวณ (5 คะแนน) (แนวคําตอบ)
แปรงสีฟน สี รูปทรง
ตุกตาหมี ✗✓
ปากกา ✓✗
ลวดเสยี บกระดาษ ✓✗
✗✓
กรวย ✗✗
กระเปา ✗✓
4) ตรวจสอบผลการแกปญหา การแบงแยกสวนของปญหา การหารปู แบบของปญหา
(Decomposition) (Pattern Recognition)
…ต…ร…ว…จ……ส…อ……บ…ค……าํ …ต…อ……บ…ว……า …ไ…ม…ม…ที ……งั้ …ส……ีแ…ล…ะ…ร……ูป…ท……ร…ง…ต……ร…ง…ก……บั …บ……ตั …ร……โ…จ…ท……ย… …………………..
ดูวา ภาพสิง่ ของทีก่ ําหนดและ............................................................................................................. การเปรียบเทียบความเหมอื น.............................................................................................................
9 บัตรโจทยม สี แี ละรูปทรงใดบา ง............................................................................................................. ความตางของสีและรูปทรง.............................................................................................................
ของภาพสง่ิ ของทก่ี ําหนดและ.............................................................................................................
............................................................................................................. บตั รโจทย.............................................................................................................
.............................................................................................................
เฉฉบลบั ย การหาสวนสาํ คญั ของปญ หา การแสดงข้นั ตอนการแกปญ หา
(Abstraction) (Algorithm)
หาสงิ่ ทตี่ อ งการ คอื องคป ระกอบ............................................................................................................. แกป ญ หาโดยการเปรยี บเทยี บ.............................................................................................................
ทไ่ี มม ใี นบตั รโจทย คือ ไมมี............................................................................................................. ทีละภาพ ระหวางภาพสง่ิ ของ.............................................................................................................
ทง้ั สีและรปู ทรง โดยตดั ส่ิงท่ี............................................................................................................. ทกี่ าํ หนดกับบัตรโจทยทลี ะ.............................................................................................................
ไมต อ งการออก............................................................................................................. ข้นั ตอน.............................................................................................................
เกณฑก ารใหคะแนน คะแนนตอ ขอยอย คะแนนรายขอ เกณฑก ารตดั สิน
รายการประเมิน 2.5 10 •9 คะแนนข้ึนไป = ผา น
1.25 5 •ต่ํากวา 9 คะแนน = ปรบั ปรุง
1. แสดงข้นั ตอนวิธแี กป ญหาได (4 ขอยอ ย) 15
2. แกป ญ หาโดยใชแนวคดิ เชงิ คาํ นวณได (4 ขอ ยอย)
2. ทกั ษะการคดิ เชิงคาํ นวณ
คะแนนเต็ม
ทกั ษะการเรยี นรใู นศตวรรษท่ี 21
10 1. ทกั ษะการแกป ญ หา
ภาพจาก ขอสอบเนน การคิด
แบบฝก หดั ขอใดเปน การแกป ญ หาการเลอื กซอ้ื สินคา ทีถ่ ูกตอง
หน้า 9-10 1. ตรวจสอบสนิ คา จา ยเงนิ รบั สนิ คา เลือกสนิ คา
2. จายเงนิ รับสินคา เลือกสินคา ตรวจสอบสนิ คา
เกร็ดแนะครู 3. รับสนิ คา จา ยเงิน ตรวจสอบสนิ คา เลอื กสนิ คา
4. เลือกสินคา ตรวจสอบสนิ คา จายเงนิ รับสินคา
ครูใหนักเรียนทาํ กิจกรรมฝกทักษะท่ี 1 เกมจับผิดจับถูก โดยใหนักเรียน
หาส่ิงท่ีไมมีในบัตรโจทยทั้งสีและรูปทรง แลวตอบคาํ ถามใหถูกตอง จากนั้น (วเิ คราะหค าํ ตอบ การแกปญหาการเลือกซื้อสินคาท่ีถูกตองมี
ใหนักเรียนใชแนวคิดเชิงคาํ นวณมาแกปญหาเกมจับผิดภาพนี้ เม่ือนักเรียนทํา ข้ันตอน ดังนี้ เลือกสินคา ตรวจสอบสินคา จายเงิน รับสินคา
กิจกรรมเสร็จเรียบรอยครูจะสุมนักเรียนใหออกมาอธิบายขอมูลท่ีไดเขียนขึ้นมา ดังน้ัน ตอบขอ 4.)
และครูถามคาํ ถามกบั นกั เรยี นวา นกั เรยี นไดอะไรจากการทํากจิ กรรมนี้
T38
นา� สอน สรุป ประเมนิ
¡Ô¨¡ÃÃÁ½¡ƒ ·Ñ¡ÉзÕè 2 Creating ไดคะแนน คะแนนเต็ม ขน้ั สรปุ
เปน ขน้ั เปน ตอน Evaluating
Analyzing 15 7. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมฝกทักษะท่ี 2 โดย
Applying ใหนักเรียนวาดภาพลงในตารางดานลาง ซ่ึง
Understanding จะเปนรูปอะไรก็ไดตามความสนใจ แตมี
Remembering เง่อื นไขวา จะตองลากเสนตามเสนชองตาราง
เทา นัน้ และตกแตง ใหสวยงาม เมอ่ื นกั เรยี นทาํ
1. ใหน กั เรยี นวาดภาพลงในตารางดา นลา ง ภาพอะไรกไ็ ดต ามความ 2. จากขอ 1. ใหนักเรียนแสดงข้ันตอนการวาดภาพทีละขั้นตอน กิจกรรมนเี้ สร็จเรียบรอย ครูจะสุม ใหนักเรียน
สนใจ โดยมีเงอ่ื นไข คอื ตองวาดภาพดว ยวิธีลากเสนตามเสน โดยการวาดภาพ (5 คะแนน) (แนวคาํ ตอบ) ออกมาอธบิ ายข้นั ตอนการทาํ ทหี่ นาชัน้ เรยี น
ชอ งตารางเทา นนั้ และตกแตงใหสวยงาม (5 คะแนน) (แนวคาํ ตอบ) ขน้ั ตอนที่ 1 ข้นั ตอนท่ี 2
อวโดาธยดิบกภาายราเขพขั้นยีใตนนบอตอนากกรเาาลรงา 1 1
45
ลากเสน ทลี ะจุด ดังน้ี 3............................................................................................................................................................................................................................................................... เฉฉบลบั ย เฉฉบลบั ย ขน้ั ตอนท่ี 3 2
จากจดุ ท่ี 1............................................................................................................................................................................................................................................................... 3 ขัน้ ตอนท่ี 4
1. ลากลง 1 ชอ ง...............................................................................................................................................................................................................................................................
2. ไปทางซา ย 1 ชอง 2............................................................................................................................................................................................................................................................... 4
3. ข้นึ บน 2 ชอง...............................................................................................................................................................................................................................................................
4. ไปทางขวา 1 ชอง............................................................................................................................................................................................................................................................... ขน้ั ตอนท่ี 5 ขน้ั ตอนท่ี 6
5. ลงลา ง 1 ชอง จากจุดที่ 2 จากจดุ ที่ 4...............................................................................................................................................................................................................................................................
6. ไปทางขวา 6 ชอ ง 1. ขึน้ บน 3 ชอ ง 1. ไปทางขวา 1 ชอ ง............................................................................................................................................................................................................................................................... 5
7. ข้ึนบน 1 ชอง 2. ไปทางขวา 4 ชอง 2. ลงลาง 1 ชอง...............................................................................................................................................................................................................................................................
8. ไปทางขวา 1 ชอ ง 3. ลงลาง 3 ชอ ง 3. ไปทางซาย 1 ชอ ง...............................................................................................................................................................................................................................................................
9. ลงลา ง 2 ชอง 4. ไปทางซาย 2 ชอง 4. ข้ึนบน 1 ชอ ง...............................................................................................................................................................................................................................................................
10. ไปทางซา ย 1 ชอง 5. ข้ึนบน 2 ชอ ง...............................................................................................................................................................................................................................................................
11. ขนึ้ บน 1 ชอ ง จากจดุ ท่ี 5...............................................................................................................................................................................................................................................................
12. ลงลา ง 6 ชอ ง จากจดุ ที่ 3 1. ไปทางขวา 1 ชอ ง...............................................................................................................................................................................................................................................................
13. ไปทางซาย 6 ชอง 1. ลงลาง 1 ชอ ง 2. ลงลาง 1 ชอง...............................................................................................................................................................................................................................................................
14. ขึน้ บน 5 ชอ ง 2. ไปทางขวา 2 ชอ ง 3. ไปทางซาย 1 ชอ ง...............................................................................................................................................................................................................................................................
3. ขึ้นบน 1 ชอง 4. ขึ้นบน 1 ชอง...............................................................................................................................................................................................................................................................
11 12
3. วนั นน้ี กั เรยี นมกี ารเรยี นวชิ าใดบา ง ใหน กั เรยี นแสดงลาํ ดบั ขน้ั ตอน
การเรยี นใน 1 วนั โดยใชส ญั ลกั ษณ (5 คะแนน) (แนวคําตอบ)
เรม่ิ ตน
เขา หอ งเรยี น
เรียนวิชาภาษาองั กฤษ
เรียนวิชาภาษาไทย เฉฉบลับย
พักรบั ประทานอาหารกลางวนั
เรยี นวชิ าวทิ ยาศาสตร
เรยี นวชิ าชมุ นุม
สนิ้ สดุ
เกณฑก ารใหคะแนน รายการประเมนิ คะแนนตอ ขอ ยอ ย คะแนนรายขอ เกณฑการตัดสนิ
1. แสดงข้ันตอนวธิ แี กปญ หาโดยการเขยี นบอกเลาได 5 •9 คะแนนขนึ้ ไป = ผา น
2. แสดงข้ันตอนวิธแี กปญ หาโดยการวาดภาพได 5 •ต่าํ กวา 9 คะแนน = ปรับปรุง
3. แสดงข้นั ตอนวิธแี กปญ หาโดยการใชส ญั ลกั ษณได 5
15
คะแนนเตม็
2. ทักษะการคดิ เชงิ คํานวณ 13 ภาพจาก
ทกั ษะการเรยี นรูใ นศตวรรษที่ 21
1. ทกั ษะการแกป ญ หา แบบฝกหัด
จาก แบบฝกหดั หนา 4 หน้า 11-13
กิจกรรม 21st Century Skills เกร็ดแนะครู
1. ใหน กั เรียนแบง กลมุ ตามความสมคั รใจ กลุมละ 3-4 คน ครใู หน กั เรยี นทาํ กจิ กรรมฝก ทกั ษะท่ี 2 โดยใหน กั เรยี นวาดภาพลงในตาราง
2. ใหนักเรียนคนหาขอมูลในหนังสือเรียน หรืออินเทอรเน็ต แตม เี งอื่ นไขวา จะตอ งลากเสน ตามเสน ชอ งตารางเทา นน้ั และตกแตง ใหส วยงาม
จากน้ันใหนักเรียนอธิบายข้ันตอนการวาดภาพ และเขียนผังงานแสดงลําดับ
เก่ยี วกบั สถานการณต าง ๆ เพือ่ ใหนักเรียนแสดงลําดับข้ันตอน ขน้ั ตอนการเรียนใน 1 วัน ครูสอบถามนกั เรียนวา หากนกั เรียนคนใดมขี อสงสยั
การเขียนโดยใชส ัญลกั ษณ ในเน้อื หาที่เรียน สามารถยกมอื สอบถามครูในคาบเรียนไดทันที
3. สมาชกิ ในกลุมรวมกนั หาขอมูล และจัดเตรยี มขอมลู เพอื่ นํามา
เสนอตามรูปแบบทีน่ ักเรียนคิดวา นาสนใจอยางอิสระ
4. นําเสนอผลงานหนาช้ันเรียนโดยใชวิธีการสื่อสารที่ทําใหผูอ่ืน
เขา ใจไดงา ย
T39
นา� สอน สรุป ประเมนิ
ขน้ั สรปุ แบบทดสอบ ไดคะแนน คะแนนเต็ม 4. ตน ทาํ กระตกิ นาํ้ หาย ถา จะแกป ญ หาดว ยแนวคดิ การแบง แยก
»ÃШíÒ˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹÷ŒÙ èÕ 1 สว นของปญ หา ขอ ใดไมจ ดั เปน ปญ หายอ ย
8. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบประจําหนวย 10
การเรียนรูที่ 1 ตอนท่ี 1 จํานวน 10 ขอ
เพื่อเปนการวัดความรูจากเนื้อหาที่เรียนมา µÍ¹·Õè 1 ก. ตนลืมกระตกิ นํ้าไวท ใ่ี ด
และกิจกรรมที่ทํา จากนั้นใหนักเรียนแสดง
ข้ันตอนวิธีการแกปญหาโดยวิธีการตางๆ วา ǧ ÅŒÍÁÃͺµÇÑ Í¡Ñ Éà ¡. ¢. ¤. ËÃ×Í §. ˹Ҍ ¤Òí µÍº·Õ¶è ¡Ù µŒÍ§ ข. ตน ควรเก็บกระติกนาํ้ ไวทใี่ ด
มีขอดีอยางไรบาง และบันทึกผลที่ไดลงใน
แบบฝก หัด 1. ขอใดไมใชป ญ หา ค. ตนใชก ระตกิ นาํ้ ครงั้ ลาสุดเม่ือไร
ก. จิ๊บสอบไมผ าน
ข. โจไมส งการบา น ง. ตนทาํ กระติกนาํ้ หายตั้งแตวันใด
ค. จอยจาํ คําศัพทไมไ ด 5. เอมเปดคอมพวิ เตอรแ ตไ มติด จงึ คดิ วา อาจเปน เพราะอุปกรณ
ระบบไฟฟา ชาํ รดุ ทาํ ใหไ ฟฟา ไมเ ขา เครอ่ื งคอมพวิ เตอร เอมใช
ง. จอมยงั เลนกฬี าไมเ สรจ็ แนวคิดเชงิ คาํ นวณแนวคิดใดแกป ญหา
2. บคุ คลใดแกป ญ หาตามขน้ั ตอนไดถ กู ตอ ง ก. การหาสว นสําคัญของปญหา (Abstraction)
ก. ฝนลงมือแกปญหาโดยไมจ ําเปน ตอ งวางแผน
เฉฉบลับย ข. ปอไมตรวจสอบผลการแกป ญหาเพื่อประหยดั เวลา ข. การแสดงขนั้ ตอนการแกป ญหา (Algorithm) เฉฉบลับย
ค. การแบงแยกสวนของปญ หา (Decomposition)
ค. แดนพิจารณาปญหาและกาํ หนดรายละเอียดของปญหา ง. การหารูปแบบของปญ หา (Pattern Recognition)
กอ นการวางแผนแกป ญ หา
6. ถามีผูปกครองมาถามทางไปโรงอาหาร นักเรียนจะชวยเหลือ
ง. พมิ วางแผนการแกป ญ หากอ นเปน ลาํ ดบั แรก แลว จงึ พจิ ารณา อยางไร จึงจะเปนการแสดงขั้นตอนการแกปญ หาทช่ี ดั เจน
และกําหนดรายละเอียดของปญ หาภายหลัง
ก. แนะนาํ ใหผ ปู กครองสงั เกตปา ยบอกสถานทภ่ี ายในโรงเรยี น
3. การตรวจสอบผลการแกป ญ หาในขนั้ ตอนการแกป ญ หาคอื ขอ ใด ข. วาดแผนทแ่ี สดงสถานทตี่ า ง ๆ ภายในโรงเรยี นอยา งละเอยี ด
ก. ชอ็ ปกําลังซอ มจักรยาน ค. พาผปู กครองไปหาคุณครูเพื่อใหค ุณครูอธิบายทางไป
ข. โชคออกแบบวธิ ซี อ มจักรยาน โรงอาหาร
ค. ชายลองปนจักรยานทีซ่ อมเสร็จแลว ง. บอกใหเ ดนิ ตรงไปถึงตึกสฟี า จะเหน็ โรงอาหารอยูทาง
ง. ชินตรวจหาสาเหตทุ ่ที ําใหปนจักรยานไมไ ด ซายของตึก
14 15
7. µÍ¹·èÕ 2 ไดคะแนน คะแนนเตม็
10
จากภาพ ขอมลู นี้เปนการแสดงอัลกอริทมึ ในรปู แบบใด 1. ใหนักเรียนบอกขอดีของการแสดงขั้นตอนวิธีการแกปญหาแตละ
ก. การบอกเลา ข. การวาดภาพ วธิ กี าร (แนวคําตอบ)
ค. การนําเสนอ ง. การใชส ญั ลักษณ
…1….…ก……า…ร…บ……อ…ก……เล……า …ม…ีข…อ……ด…ี …ค……อื …ก……า…ร..…ใ…ช…ภ…า…ษ……า…พ……ดู …จ…ะ…บ……อ…ก……ร…า…ย……ล…ะ…เ…อ…ยี …ด……ท……่ที …ํา…ใ…ห……เข…า…ใ…จ…..
8. กาํ หนดให กวาดเศษอาหารออกจากภาชนะ เปน ขนั้ ตอนในแผนผงั ไดง า ยข้ึน………………………………………………………………………..…………………………………………………………………………………………………………..
แสดงลาํ ดบั ขนั้ ตอนการลา งจาน ขอ ใดอยถู ดั จากขน้ั ตอนทก่ี าํ หนด …2….…ก……า…ร…ว…า…ด……ภ…า…พ……ม…ีข…อ……ด…ี …ค……อื ……ท…ํา…ใ..…ห…เ…ห……็น…ล……าํ …ด…ับ……ข…ั้น……ต…อ……น…ว…ธิ……ีก…า…ร……ท…าํ …ง…า…น……ไ…ด……ช …ดั …เ…จ…น…..
………ช…ว……ย…ใ…ห…เ…ห…น็……ภ……า…พ…ร……ว…ม…ว…ธิ …ีก……า…ร…แ..…ก…ป……ญ……ห…า…ไ…ด……อ…ย…า……ง…ร…ว…ด……เร……ว็ ………………………………………………..
ก. ยงั มเี ศษอาหารอยูห รอื ไม ข. ลา งดว ยนาํ้ สะอาด 1 ครง้ั …3….…ก……า…ร…ใ…ช…ส……ญั ……ล…ัก……ษ…ณ……ม……ขี …อ…ด……ี …ค…ือ..……ส……า…ม…า…ร…ถ……อ…ธ…ิบ……า…ย…ข…ั้น……ต……อ…น……แ…ล…ะ…ว…ิธ……กี …า…ร……ท…ํา…ง…า…น……..
………ไ…ด……ส …ะ…ด……ว…ก…ย……ิง่ …ข…้ึน………เห……ม…า…ะ…ส……ํา…ห..…ร…บั……ใ…ช…แ …ก……ป…ญ……ห……า…ท…่ีม……คี …ว…า…ม……ซ…บั ……ซ…อ…น………………………………..
เฉฉบลับย ค. ยงั มีเศษอาหาร ง. ลา งดวยนํ้าสะอาด เฉฉบลับย
อยูหรือไม 1 คร้งั 2. ถานักเรียนไปซื้อของท่ีซูเปอรมารเกตท่ีงดแจกถุงพลาสติกและ
นักเรยี นไมม ีถุงผา ใหน ักเรียนใชการแสดงอัลกอรทิ มึ แกป ญหา
9. จากชดุ ขอ มูล ตัวเลขใดหายไป 72 81 90
9 18 27 36 45 54 1. พจิ ารณาจํานวนของทีซ่ อื้ ท้งั หมด………………………………………………………………………..…………………………………………………………………………………………………………..
…2….…ค……ดิ …ว…ธิ……ใี …ส…ข …อ……ง…แ…ท…น……ถ……งุ …ผ…า ……ไ…ด….แ.…ก…… …ใ…ส…ร …ถ……เ…ข…น็ ……ใ…ส…ก……ร…ะ…เ…ป…า………แ…ล…ะ…แ…บ……ง …ก……นั …ถ……อื …ข…อ……ง..
ก. 56 ข. 63 ค. 68 ง. 70 3. ตรวจสอบเง่อื นไขการเลอื กวธิ ีใสของแทนถงุ ผา………………………………………………………………………..…………………………………………………………………………………………………………..
10. จากการแกป ญ หาเกมเตตรสิ ควรหมนุ บลอ็ กทก่ี าํ ลงั ลงมาอยา งไร ………1…)……ถ……า …ข…อ…ง……ท…่ีซ…้อื……ม…จี …ํา……น…ว…น……น……อ..…ย……ใ…ห…ใ…ส……ก …ร……ะ…เป……า…ห…ร……อื …แ…บ……ง…ก……ัน…ถ……ือ…ข…อ……ง……………………..
2) ถาของทซี่ อื้ มจี ํานวนมาก ใหใ สรถเข็น………………………………………………………………………..…………………………………………………………………………………………………………..
ก. หมนุ ขวา 3 คร้งั 4. เม่ือจา ยเงนิ แลว ใสข องตามวธิ ที ่เี ลือก………………………………………………………………………..…………………………………………………………………………………………………………..
ข. หมนุ ขวา 1 ครง้ั
ค. หมุนซาย 1 ครงั้ เกณฑก ารใหค ะแนน คะแนนตอ ขอยอ ย คะแนนรายขอ เกณฑการตัดสนิ
ง. หมนุ ซา ย 2 ครั้ง รายการประเมนิ
1. บอกขอ ดขี องการแสดงขนั้ ตอนวธิ กี ารแกป ญ หาวธิ ตี า งๆ ได 5 •6 คะแนนข้นึ ไป = ผาน
2. บอกการแกปญหาโดยใชการแสดงอัลกอรทิ มึ ได 5 •ตา่ํ กวา 6 คะแนน = ปรบั ปรงุ
10
คะแนนเต็ม
ตารางบันทกึ คะแนน ประจําหนวยการเรยี นรทู ี่ 1
ตัวชว้ี ัด แบบฝกหดั ผลการประเมนิ คณุ ภาพ รวมคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
ว 4.2 ป.3/1 เตม็ ได กิจกรรม แบบทดสอบ เต็ม ได 4321
50 เต็ม ได เตม็ ได 100
เกณฑการใหคะแนน คะแนนตอขอ ยอย คะแนนรายขอ เกณฑก ารตดั สิน 30 20
รายการประเมิน 1 10 •6 คะแนนข้ึนไป = ผา น
10 •ตา่ํ กวา 6 คะแนน = ปรับปรุง เกณฑการตัดสิน : ชว งคะแนนรอยละ 80-100 = 4 70-79 = 3 60-69 = 2 50-59 = 1
เลือกคาํ ตอบท่ถี ูกตอง (10 ขอ ) หมายเหตุ : นาํ คะแนนเตม็ ของแตล ะตวั ชว้ี ดั มาหาคารอยละ เพอ่ื ประเมินระดบั คุณภาพ เชน
คะแนนเตม็ 40 ทําได 28 คะแนน ถา คะแนนเต็ม 100 ทําไดรอยละ 2480 100 = 70
1ภ6 าพจาก คะแนนเตม็ ดังนน้ั รอยละ 70 เทยี บไดก บั ระดบั คณุ ภาพ 3 × 17
แบบฝก หดั
หนา้ 14-17
เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคดิ
ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบ ในแบบฝกหัดรายวิชาพื้นฐาน เทคโนโลยี ขอใดเปน การใชสญั ลกั ษณใ นการแสดงข้นั ตอนการแกป ญหา
(วทิ ยาการคาํ นวณ) ป.3 เพอื่ ทบทวนความรจู ากเนอ้ื หาทเ่ี รยี นมา โดยใหน กั เรยี น 1. ผังงาน
ทาํ แบบทดสอบปรนัยทงั้ หมด 10 ขอ ในตอนท่ี 1 และใหน กั เรียนแสดงขั้นตอน 2. แผนภูมิ
วิธีการแกปญหาโดยวิธีการตางๆ มีขอดีอยางไรบาง ในตอนท่ี 2 จากนั้น 3. ผังความคดิ
ครูสรปุ เน้ือหา เรื่อง อัลกอรทิ มึ กับการแกปญ หา ใหน กั เรียนฟง 4. แผนภาพตน ไม
(วิเคราะหคําตอบ ผังงานเปนการใชสัญลักษณ รูปภาพ และ
ลูกศรท่ีแสดงถึงขั้นตอนการแกปญหาของโปรแกรมทีละขั้นตอน
ดังนนั้ ตอบขอ 1.)
T40
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 อลั กอรทิ ึมกับการแก้ปัญหา ขน้ั สรปุ
แบบทดสอบหลงั เรียน 9. ครูสรุปเนื้อหา เรื่อง อัลกอริทึมกับการ
แกปญหา ใหนักเรียนฟง พรอมถามคําถาม
หนว่ ยการเรียนร้ทู ี 1 จากเน้ือหาเพื่อเปนการทบทวนความรูของ
นกั เรยี นกอ นที่จะทําแบบทดสอบหลงั เรยี น
คาช้ีแจง : ใหน้ ักเรียนเลือกคาตอบท่ีถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว
10. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียน
1. ขอ้ ใดคือปญั หา 6. บุคคลในขอ้ ใดมีการแสดงข้นั ตอนการแกป้ ัญหา (Algorithm) หนวยการเรียนรูท่ี 1 เรื่อง อัลกอริทึมกับ
ก. แก้วลงมอื อา่ นหนังสือ ในการแก้ปัญหาไดอ้ ยา่ งชดั เจน การแกปญหา
ข. เกดสอบผ่านวิชาคณติ ศาสตร์ ก. ก๊ิบอธบิ ายการทอดไข่ว่าให้นาไขล่ งไปในกระทะ
ค. จอยเรยี นไม่เขา้ ใจวชิ าภาษาองั กฤษ ข. ตน้ บอกวิธีการแก้ปญั หาจักรยานพังคอื การนาไปซอ่ ม ขนั้ ประเมนิ
ค. จ๋าบอกทางไปหอ้ งนา้ ใหก้ ับต้นว่า เดินตรงไป 2 เมตร
2. บุคคลใดแก้ปญั หาตามขน้ั ตอนได้ถูกตอ้ ง ให้เลี้ยวซ้าย จากนั้นเดินตรงไปอีก 1 เมตร จะพบ ตารางการวดั และประเมนิ ผล
ก. ฝนลงมือแกป้ ัญหาทง้ั ทย่ี งั ไม่ได้วางแผน ห้องนา้ อยูท่ างขวามอื วธิ ีการ เคร่อื งมือ เกณฑก ารประเมนิ
ข. มะนาวไมต่ รวจสอบปัญหาหลงั การแก้ปญั หา
เพราะเสียเวลา 7. จากภาพข้อมลู นเ้ี ปน็ การแสดงอัลกอริทมึ ในรปู แบบใด ตรวจแบบฝก หดั แบบฝกหัด รอ ยละ 60 ผา นเกณฑ
ค. ปลาพิจารณาปัญหาและกาหนดรายละเอยี ด
ของปญั หาก่อนการวางแผนแก้ปัญหา ก. การแสดงขัน้ ตอนวิธีการแกป้ ัญหาโดยการบอกเล่า ตรวจชนิ้ งาน/ ชน้ิ งาน/ ระดบั คุณภาพ 2
ข. การแสดงข้ันตอนวธิ ีการแกป้ ัญหาโดยการวาดภาพ ภาระงาน (รวบยอด) ภาระงาน ผา นเกณฑ
3. การตรวจสอบผลการแกป้ ญั หาในข้นั ตอนการแก้ปญั หา ค. การแสดงขั้นตอนวธิ กี ารแก้ปัญหาโดยการนาเสนอ
คือขอ้ ใด 8. จากข้อมลู การแสดงอลั กอริทึมขน้ั ตอนใดหายไป (รวบยอด)
ก. ช็อปกาลังซอ่ มจกั รยาน 9 18 27 36 45 54 … 72 81 90
ข. ต้นลองปน่ั จกั รยานท่ซี อ่ มเสรจ็ แล้วว่าปัน่ ได้ไหม ก. 56 ตรวจแบบทดสอบ แบบทดสอบ รอ ยละ 60 ผานเกณฑ
ค. ชินเชค็ จกั รยานวา่ ทาไมป่นั ไมไ่ ด้ปัญหาเกดิ ขึน้ ข. 63 หลงั เรยี น หลงั เรยี น
ที่ตรงไหน ค. 70
4. ขอ้ ใดคอื แนวคดิ เชิงคานวณทั้งหมด 9. เมื่อต้องการใหต้ วั ละครเคลื่อนทีค่ วรเลือกบล็อกคาสัง่ ใด ประเมนิ การนาํ เสนอ แบบประเมนิ ระดบั คณุ ภาพ 2
ก. การแบ่งแยกสว่ นของปัญหา,การสบื คน้ , ผลงาน การนาํ เสนอ ผานเกณฑ
การหาสว่ นสาคัญของปัญหา,การแสดง ก. ข. ค. ผลงาน
ขัน้ ตอนการแก้ปญั หา
ข. การแบง่ แยกส่วนของปัญหา,การหารูปแบบ 10. การแกป้ ญั หาเกมเกมเตตรสิ ให้พิจารณาบล็อกตอ่ ไปนี้ สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกต ระดับคณุ ภาพ 2
ของปัญหา,การหาสว่ นสาคัญของปญั หา, ข้อใดถกู ต้อง การทาํ งาน พฤตกิ รรม ผานเกณฑ
การแสดงข้ันตอนการแกป้ ัญหา รายบคุ คล
ค. การแบง่ แยกสว่ นของปญั หา,กระบวนการ,
การหาส่วนสาคัญของปัญหา,การแสดงข้นั ตอน ก. หมนุ ขวา 1 ครงั้ ข. หมุนซ้าย 1 คร้ัง สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกต ระดบั คณุ ภาพ 2
การแกป้ ญั หา ค. หมุนซ้าย 2 ครั้ง การทาํ งานกลมุ พฤตกิ รรม ผา นเกณฑ
5. เอมพบวา่ คอมพิวเตอรไ์ มต่ ิด ซงึ่ เกิดจากการทีล่ ืมเสยี บ 6. ค 7. ข 8. ข 9. ค 10. ค
ปลกั๊ จากขอ้ ความเอมมกี ารใช้แนวคิดเชิงคานวณใดใน
การแกป้ ัญหา
ก. การหาส่วนสาคญั ของปัญหา
ข. การแสดงขน้ั ตอนการแก้ปัญหา
ค. การแบ่งแยกสว่ นของปญั หา
เฉลย
1. ค 2. ค 3. ข 4. ข 5. ก
เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ)
ภาพจาก
แผนการสอน ที่ 1
หนว่ ยท่ี 1
กิจกรรม 21st Century Skills แนวทางการวัดและประเมินผล
1. ใหนกั เรียนแบง กลุม ตามความสมัครใจ กลมุ ละ 4-5 คน ครสู ามารถประเมนิ การนาํ เสนอผลงาน และสงั เกตพฤตกิ รรมการทาํ งานราย
2. ใหนักเรียนคิดปญ หาหรอื สถานการณ จากนนั้ ใหใชข นั้ ตอนการ บุคคลและการทํางานกลุมของนกั เรียน โดยศกึ ษาเกณฑก ารวัดและประเมนิ ผล
จากแบบประเมนิ การนาํ เสนอผลงาน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทาํ งานรายบคุ คล
แกปญหามาชวยในการแกปญหาจากสถานการณที่กําหนดข้ึน และแบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทาํ งานกลมุ ทแี่ นบมาทา ยแผนการจดั การเรยี นรทู ี่ 3
มาลงในกระดาษ A4 และนาํ มาสงครใู นชวั่ โมงถดั ไป หนว ยการเรียนรทู ี่ 1
3. สมาชกิ ในกลมุ รว มกนั หาขอ มลู และจดั เตรยี มขอ มลู เพอ่ื นาํ เสนอ
ตามรปู แบบทีน่ ักเรยี นคดิ วานา สนใจอยา งอสิ ระ แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลุม่
4. นําเสนอผลงานหนาชั้นเรียนโดยใชวิธีการสื่อสารที่ทําใหผูอื่น
เขาใจไดง าย คาชแี้ จง:ใหผ้ สู้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขีด ลงในช่องท่ี คาชีแ้ จง : ให้ผสู้ อนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ลงในช่องท่ี คาชี้แจง : ใหผ้ สู้ อนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในช่องท่ี
ตรงกบั ระดับคะแนน ตรงกับระดับคะแนน ตรงกับระดับคะแนน
ลาดับท่ี รายการประเมิน ระดับคะแนน 1 ลาดับท่ี รายการประเมิน ระดับคะแนน 1 ลาดับที่ ช่อื –สกุล การแสดง การยอมรับ การทางาน ความมนี า้ ใจ การมี รวม
32 32 ของนกั เรียน ความคดิ เห็น ฟงั คนอน่ื ตามทไี่ ดร้ ับ ส่วนร่วมใน 15
มอบหมาย การปรบั ปรงุ คะแนน
1 การแสดงความคิดเหน็ ผลงานกลุ่ม
1 ความถกู ต้องของเนอ้ื หา 2 การยอมรับฟงั ความคดิ เห็นของผอู้ นื่
2 ความคิดสรา้ งสรรค์ 3 การทางานตามหน้าท่ีทไี่ ดร้ บั มอบหมาย 321321321321321
3 วิธีการนาเสนอผลงาน 4 ความมีนาใจ
4 การนาไปใช้ประโยชน์ 5 การตรงต่อเวลา
5 การตรงต่อเวลา
รวม
รวม
ลงชือ่ ...................................................ผปู้ ระเมนิ ลงชอื่ ...................................................ผปู้ ระเมนิ
............/................./................... ............/.................../................
เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ลงชอ่ื ...................................................ผปู้ ระเมนิ
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ สมบรู ณช์ ัดเจน ให้ 2 คะแนน ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ ให้ 2 คะแนน ............./.................../...............
ให้ 1 คะแนน ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ เปน็ สว่ นใหญ่ ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครงั เกณฑ์การใหค้ ะแนน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ บางส่วน ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ
ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบางครัง ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครัง้
ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางครัง้
เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน
ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ ให้ 1 คะแนน
14–15 ดมี าก 14–15 ดมี าก เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ
11–13 ดี 11–13 ดี ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ
14–15 ดีมาก
8–10 พอใช้ 8–10 พอใช้ 11–13 ดี
ตา่ กวา่ 8 ปรับปรุง ตา่ กวา่ 8 ปรับปรุง 8–10 พอใช้
ต่ากว่า 8 ปรับปรุง
T41