The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คู่มือครูวิชาวิทยาการคำนวณ ป.3

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by my.jantana, 2020-08-21 04:36:58

คู่มือครูวิชาวิทยาการคำนวณ ป.3

คู่มือครูวิชาวิทยาการคำนวณ ป.3

Chapter Concept Overview

หนวยการเรียนรทู้ ี่ 2

การเขียนโปรแกรมส่งั ใหต ัวละครทํางาน

เป็นกระบวนการน�าส่ิงที่ได้ออกแบบไว้ในข้ันตอนการแก้ปัญหามาเขียนด้วยค�าสั่งภาษาคอมพิวเตอร์ ซ่ึงเม่ือนักเรียนออกแบบ
ขนั้ ตอนการแกป้ ญั หาไดต้ ามตอ้ งการแลว้ กระบวนการตอ่ ไป คอื การเขยี นโปรแกรมคอมพวิ เตอร ์ เพอื่ สง่ั ใหค้ อมพวิ เตอรท์ า� งานตามขน้ั ตอน
ดงั กลา่ ว และควรเขียนในรปู แบบทีง่ า่ ย เพอื่ ใหผ้ อู้ นื่ สามารถเขา้ ใจได้
การเขยี นโปรแกรม หมายถึง การเขยี นชดุ คา� ส่ังด้วยภาษาคอมพวิ เตอร ์ เพื่อแสดงล�าดบั ขัน้ ตอนใหค้ อมพิวเตอร์หรือตัวละครทา� งาน
ตามทีไ่ ด้ออกแบบไว ้ โดยการเขยี นโปรแกรมควรมลี า� ดบั การเขยี นทเี่ รียงลา� ดบั กันอยา่ งชดั เจน เพอื่ ใหค้ อมพิวเตอร์หรือตวั ละครท�างานตาม
ท่ีสง่ั และตามเง่ือนไขท่กี �าหนดไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง โดยเรามักเรยี กขน้ั ตอนการเขียนโปรแกรมวา่ การลงรหัส ซ่งึ มขี ้ันตอน ดงั น้ี

การออกแบบขน้ั ตอนวิธี การเขยี นโปรแกรม การตรวจสอบผลลพั ธ์

(โโCปคดรoแmแกบpรกบuมาtไaรมหtฝiใoรกชnือเคaฝขอlกยี มนกTพาhโปรiิวnเรเkขhตแtimยีnอกlgนรร)โมไคดนใhด นtโ้นัmจดกl ายากเกรปเhแาวtนmกร็บlกใป ไชาซญรบตฝหัตทก ารี่มใคชหีซําแ Cสล่งึ SนSส่ัักงวแาส<<ค/bมสbตูoo<ดิ<ddาด/รdyd<yC<เi>รv/>ipกงSvชp>>S>ถ>กางิ ฝ<ร<าค/bbฝกoรoํา<<dCd/เdกเyนd<y<Si>ขขv/>ipSvกp>>ว>>ียีย<า<ณ/นนbbรoo<<dd/dyd<y<i>v/>ipvp>>>>
เขยี นโคด เชน Code.org

การเขียนโปรแกรมส่ังใหตัวละครทํางานในโปรแกรม Code
.org ตองใชรูปแบบกลองคําส่ังหรือกลองเครื่องมือในการเขียน
โปรแกรม ดังนี้

ในการฝกเขียนโปรแกรม เป็นการฝกใช้แนวคิดเชิงคา� นวณ (Com- ¡ÅÍ‹ §¤Òí ÊÑè§

putational Thinking) ในการแกป้ ญั หา ซง่ึ สามารถฝก เขยี นโคด้ แบบไม่ใช้ เดินไปข้างหน้า  หันไปทางซา้ ย หนั ไปทางขวา 
คอมพิวเตอร์ได้โดยการใช้บัตรค�าส่ังแสดงการเขียนโปรแกรมหรือฝกการ 1 คร้งั 1 คร้ัง 1 ครงั้

เขียนโค้ดจากเว็บไซต์ที่มีหลักสูตรการฝกการเขียนโค้ด เช่น Code.org
และมรี ูปแบบของกลอ่ งค�าสงั่ ในการเขยี นโปรแกรม ดังน้ี
â»Ãá¡ÃÁ¤Òí ÊÑè§áÅТŒÍ¼´Ô ¾ÅÒ´·àÕè ¡´Ô ¢é¹Ö

เม่อื คลกิ ททีบ่ �าลซา้�็อตทกาี่กคมา�จาํ ห�าสนนงั่ ดวตนารมอรบปู ทาํ ใหซ ทอ�ามซบ�า้เงจเ้ี ดอื่นนนิกไทวขา่ าทจงี่กะไเา� ปปหนไนมไดปถ ตึงาดมอกทานตะวัน
จึงทําใหเกดิ ขอผดิ พลาดของโปรแกรม เพราะซอมบี้
เดินทางไปเก็บดอกทานตะวนั ไมสาํ เร็จ คําแนะนําเมอื่
การตรวจสอบขอ ผิดพลาดของโปรแกรม
เกดิ ขอ ผดิ พลาด
28

เมื่อเขยี นโปรแกรมคอมพิวเตอรเ์ รียบร้อยแล้ว จะตอ้ งทา� การตรวจสอบโปรแกรมวา่ หากโปรแกรมไมส่ ามารถท�างานตามที่ตอ้ งการได้
ให้กลับไปแก้ไขโปรแกรมและทดสอบใหม ่ ท�าจนกว่าจะได้ผลลัพธต์ รงตามความตอ้ งการ ซ่ึงการเขยี นโปรแกรมใหค้ อมพิวเตอร์ทา� งานตาม
ข้ันตอนท่ีได้ออกแบบไว้นั้น บางครั้งอาจจะเกิดปัญหาขึ้นได้ ซึ่งปัญหาที่เกิดข้ึนจากการเขียนโปรแกรมในแต่ละขั้นตอนของค�าส่ังนั้น
จะเรียกว่า ข้อผิดพลาด (Bug) ส่วนการตรวจสอบข้อผดิ พลาดและแก้ไขขอ้ ผิดพลาดท่เี กดิ ขึ้นนน้ั จะเรยี กวา่ การแก้ไขจุดบกพรอ่ ง (Debug)

â»Ãá¡ÃÁ¤Òí Êѧè áÅТŒÍ¼Ô´¾ÅÒ´·àèÕ ¡´Ô ¢¹Öé ¡ÒõÃǨÊͺ¢ŒÍ¼´Ô ¾ÅÒ´·Õàè ¡Ô´¢Ö¹é

เมื่อคลิกท่บี ล็อกคําส่ังตามรปู ทาํ ใหซ อมบเี้ ดนิ ทางไปไมถงึ ดอกทานตะวัน เม่อื พิจารณา
จงึ ทาํ ใหเ กิดขอ ผดิ พลาดของโปรแกรม เพราะซอมบี้ ขอ ผิดพลาดจึงพบวา
เดินทางไปเก็บดอกทานตะวนั ไมส าํ เรจ็ คําแนะนําเม่อื ในสวนท่ผี ิดพลาด
เกิดขึ้นจากเสน ทาง
เกดิ ขอ ผดิ พลาด การเดนิ ของซอมบี้
จึงสามารถเขยี น
โปรแกรมใหมได

ดงั นี้

T42 ¡ÒõÃǨÊͺ¢ÍŒ ¼´Ô ¾ÅÒ´·àèÕ ¡Ô´¢Öé¹ 39

Chapter Overview

แผนการจัด สือ่ การเร�ยนรู จ�ดประสงค วธ� ส� อน ประเมนิ ทกั ษะที่ได คุณลักษณะ
การเรย� นรู อนั พงึ ประสงค
แผนฯ ท่ี 1
การเขียน - แบบทดสอบกอ่ นเรียน 1. อธิบายขัน้ ตอนการเขียน - ว ธิ กี ารสอนแบบสาธติ - ตรวจแบบฝก หัด - ทกั ษะการคดิ - มวี นิ ัย
โปรแกรมส่ังให - หนงั สอื เรียนรายวชิ า โปรแกรมและการเขยี น - วิธีการสอนแบบ - ตรวจใบงาน อยา่ งมี - ใฝ่เรยี นรู้
ตัวละครทํางาน พน้ื ฐาน เทคโนโลยี โปรแกรมแบบวนซ�า้ สืบเสาะหาความร ู้ - ส งั เกตพฤติกรรม วจิ ารณญาณ - มุ่งมน่ั ใน
(วทิ ยาการค�านวณ) ป.3 ส่งั ให้ตวั ละครทา� งานใน (5Es Instructional การทา� งาน - ท กั ษะการสือ่ สาร การทา� งาน
4 - แบบฝก หดั รายวชิ า สถานการณ์ท่กี �าหนดได้ Model) รายบคุ คล - ท กั ษะการทา� งาน
พนื้ ฐาน เทคโนโลยี (K) - ส งั เกตพฤตกิ รรม รว่ มกนั
ช่ัวโมง (วิทยาการค�านวณ) ป.3 2. แ สดงข้ันตอนการเขียน การทา� งานกลมุ่

- ใ บงานท่ ี 2.1.1 เรื่อง โปรแกรมสง่ั ใหต้ วั ละคร - สังเกตคณุ ลกั ษณะ
เขียนคา� ส่งั ขน้ั ตอนการ ทา� งานซา้� ไมส่ น้ิ สดุ ได ้ (P) อนั พึงประสงค์
นับเหรียญ 3. เห็นประโยชนข์ องการใช้
คา� ส่งั ลูปในการท�างาน
แบบวนซ�้า (A)

แผนฯ ที่ 2 - ห นังสือเรยี นรายวชิ า 1. ต รวจสอบขอ้ ผิดพลาด - วิธีการสอนแบบสาธติ - ตรวจแบบฝก หดั - ทักษะการคิด - ม วี ินัย
การตรวจสอบ พน้ื ฐาน เทคโนโลย ี ของโปรแกรมได้ (K) - ว ธิ ีการสอนแบบ - ตรวจช้ินงาน/ภาระ อยา่ งมี - ใฝ่เรยี นรู้
ขอ ผดิ พลาดของ (วทิ ยาการคา� นวณ) ป.3 2. แ ก้ไขข้อผิดพลาดจาก สบื เสาะหาความรู้ งาน (รวบยอด) วิจารณญาณ - มุ่งม่ันใน
โปรแกรม - แ บบฝก หดั รายวิชา การเขยี นโปรแกรมได ้ (5Es Instructional - ตรวจแบบทดสอบ - ทกั ษะการสอื่ สาร การท�างาน

4 พื้นฐาน เทคโนโลย ี (P) Model) หลังเรยี น - ท กั ษะการท�างาน
(วิทยาการคา� นวณ) ป.3 3. น �าความร้แู ละประโยชน์ - ส ังเกตพฤตกิ รรม ร่วมกัน
ช่วั โมง - ช้นิ งาน/ภาระงาน ทไี่ ดร้ ับเรอื่ ง การตรวจ การทา� งาน
(รวบยอด) สอบขอ้ ผิดพลาดของ รายบคุ คล
- แบบทดสอบหลังเรยี น โปรแกรมมาประยุกตใ์ ช้ - ส ังเกตพฤตกิ รรม
ในชีวติ ประจ�าวนั ได้ (A) การทา� งานกลุ่ม
- ส งั เกตคณุ ลกั ษณะ
อนั พงึ ประสงค ์

T43

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 1 4เวลา ช่ัวโมง

การเขียนโปรแกรมสั่งให้ตัวละครทำ� งาน

1. มาตรฐาน/ตวั ชี้วัด

ตัวชีว้ ัด
ป.3/2 เขียนโปรแกรมอยา่ งง่าย โดยใชซ้ อฟต์แวร์หรือสื่อ และตรวจหาข้อผิดพลาดของโปรแกรม

2. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

1. อธบิ ายขน้ั ตอนการเขียนโปรแกรมแบบวนซ้�ำสัง่ ให้ตวั ละครทำ� งานในสถานการณ์ที่ก�ำหนดได้ (K)
2. แสดงข้นั ตอนการเขยี นโปรแกรมสง่ั ให้ตัวละครท�ำงานซ้�ำไม่ส้ินสุดได้ (P)
3. เห็นประโยชน์ของการใชค้ ำ� สง่ั ลปู ในการทำ� งานแบบวนซำ้� (A)

3. สาระการเรียนรู้

- การเขยี นโปรแกรมเปน็ การสรา้ งล�ำดบั ของค�ำส่ังใหค้ อมพิวเตอร์ท�ำงาน
- ตัวอย่างโปรแกรม เช่น เขียนโปรแกรมทส่ี ่งั ใหต้ วั ละครทำ� งานซ้�ำไมส่ นิ้ สดุ
- ซ อฟต์แวร์หรือสอ่ื ท่ใี ช้ในการเขียนโปรแกรม เช่น ใช้บตั รคำ� ส่ังแสดงการเขยี นโปรแกรม Code.org

4. สาระสำ� คญั /ความคิดรวบยอด

การเขยี นโปรแกรม หมายถงึ การเขยี นชดุ คำ� สง่ั ดว้ ยภาษาทางคอมพวิ เตอร์ เพอื่ แสดงลำ� ดบั ขน้ั ตอนใหค้ อมพวิ เตอร์ โดย
การเขียนโปรแกรม ควรมีล�ำดบั การเขยี นทเ่ี รยี งล�ำดับชัดเจน เพ่อื ใหค้ อมพิวเตอร์ทำ� งานตามที่สงั่ และตามเง่อื นไขท่ีกำ� หนด
ได้อยา่ งถกู ตอ้ ง โดยมักเรียกขั้นตอนการเขียนโปรแกรมวา่ การโคด้ ด้งิ (Coding)
การเขีียนโปรแกรมสั่�งให้ต้ ััวละครทำำ�งานซ้ำำ��ไม่่สิ้�นสุุด โดยทั่�วไปการทำำ�งานของโปรแกรมคอมพิวิ เตอร์์จะทำำ�งานเรียี งตาม
ลำำ�ดัับตั้�งแต่่คำำ�สั่่�งแรกไปถึึงคำำ�สั่่�งสุุดท้้าย แต่่สามารถให้้คอมพิิวเตอร์์ทำำ�งานซ้ำำ�� ๆ ที่่�ชุุดคำำ�สั่่�งใดได้้ โดยใช้้คำำ�สั่่�งควบคุุมให้้
ทำำ�งานซ้ำำ�� เรียี กว่า่ คำำ�สั่่�งลููป (Loop)

5. สมรรถนะส�ำคัญของผูเ้ รียนและคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์

สมรรถนะสำ� คัญของผ้เู รียน ทักษะ 4Cs คุณลักษณะอันพึงประสงค์

1. ความสามารถในการส่ือสาร 1. ทักษะการคิดอย่างมวี ิจารณญาณ 1. มีวนิ ยั
2. ความสามารถในการคดิ (Critical Thinking) 2. ใฝเ่ รยี นรู้
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 2. ทกั ษะการทำ� งานร่วมกัน 3. ม่งุ มน่ั ในการท�ำงาน
(Collaboration Skill)
3. ทักษะการสอ่ื สาร
(Communication Skill)
4. ทักษะความคิดสรา้ งสรรค์
(Creative Thinking)

6. กิจกรรมการเรียนรู้

แนวคิด/รูปแบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : วิธีการสอนแบบสาธิต และวิธีการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es
Instructional Model)

T44

นา� นา� สอน สรปุ ประเมนิ

หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 2 การเขียนโปรแกรมอย่างง่าย ขน้ั นาํ

แบบทดสอบกอ่ นเรยี น 1. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบกอนเรียน เร่ือง
การเขียนโปรแกรมอยางงาย เพื่อเปนการ
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 ทบทวนความรู และวัดพื้นฐานความรูกอนท่ี
จะเริม่ เรยี นเน้ือหาใหมใหกบั นกั เรียน
คาชแ้ี จง : ให้นักเรยี นเลือกคาตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว

1. การเขียนโปรแกรมคาสัง่ ลูป ตอ้ งการให้โปรแกรมทาอะไร 7. จากคาตอบในขอ้ 6. โปรแกรมทถ่ี ูกตอ้ งตรงกบั ข้อใด
ก. ทางานซา ก. เดนิ ไปขา้ งหนา้ 2 ครงั หันขวา แลว้ เดนิ ไปขา้ งหน้า
ข. เรมิ่ ทางาน 4 ครงั
ค. ทางานเพยี งครงั เดยี ว ข. เดนิ ไปข้างหน้า 1 ครงั แล้วหันขวา ทาแบบนี 7 ครัง
ค. เดนิ ไปข้างหน้า หนั ขวา 2 ครัง จากนันเดินไป
2. ข้อใดเป็นกิจกรรมทไี่ มเ่ หมาะสมในการใช้คาส่งั การทางาน ข้างหน้า 4 ครงั
วนซา
ก. การนบั จานวนนักเรียน จานวน 100 คน 8. จากภาพคาสัง่ โปรแกรม สามารถเขยี นคาส่ังแบบวนซาได้ตามข้อใด
ข. การวาดภาพววิ ธรรมชาติ จานวน 5 สถานที่
ค. การชงกาแฟสูตรหวานนอ้ ยจานวน 50 แก้ว ก. ข. ค.

3. ถา้ หากต้องการเขียนโปรแกรมสาหรับปลูกต้นไม้ แต่ 9. จากคาตอบในข้อ 8. ข้อใดกลา่ วถูกตอ้ งเก่ยี วกับคาส่งั ในโปรแกรม
ผลลัพธ์ไม่ถกู ต้องตามทีต่ ้องการ ข้อผดิ พลาดนีเรยี กวา่ อะไร ก. ซอมบเี ดินไปข้างหน้า 3 ครงั
ก. บ๊ัก (bug) ข. ซอมบีเดนิ ไปข้างหน้า 5 ครงั
ข. ลูป (loop) ค. ซอมบีเดินไปขา้ งหนา้ 6 ครัง และหนั ขวา 2 ครัง
ค. ดบี ๊กั (debug)
10. ข้อใดอธบิ ายความหมายของคาสัง่ และ
4. ข้อใดเรียงลาดับการต้มไข่ไดถ้ กู ตอ้ งท่ีสุด
ก. ปลอกเปลือกไข่ ตม้ นาใหเ้ ดอื ด นาไขล่ งไปต้ม ไดถ้ กู ตอ้ งทีส่ ดุ
ลา้ งเปลอื กไข่
ข. ล้างเปลือกไข่ ต้มนาใหเ้ ดอื ด นาไข่ลงไปต้ม
ปลอกเปลอื กไข่
ค. นาไข่ลงไปตม้ ต้มนาให้เดือด ล้างเปลือกไข่
ปลอกเปลอื กไข่

5. จากภาพถา้ ตอ้ งการให้นกแดงเดนิ ทางไปหาหมเู ขียวไดส้ าเรจ็
ต้องใชค้ าส่งั ใด

ก. ข. ค. ก. เดินไปข้างหน้า 99 ครัง และเดินไปข้างหน้าเรื่อย ๆ
6. จากภาพคาส่ังโปรแกรม สามารถเขยี นคาส่งั แบบวนซาได้ ไมส่ ินสุด

ตามข้อใด ข. เดินไปข้างหน้า 99 ครัง และเดินไปข้างหน้าจนกว่า
จะถึงดอกทานตะวัน

ค. เดินไปขา้ งหน้ามากกวา่ 99 ครัง และเดินไปข้างหน้า
เร่ือย ๆ ไมส่ นิ สุด

ก. ข. ค.

เฉลย

1. ก 2. ข 3. ก 4. ข 5. ค 6. ข 7. ก 8. ก 9. ข 10. ข

เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ)

ภาพจาก

แผนการสอน ท่ี 1

หนว ยที่ 12

ขอสอบเนน การคิด

การเขียนโปรแกรมมคี วามหมายวาอยางไร

(วิเคราะหค ําตอบ การเขยี นโปรแกรม หมายถงึ การเขยี นชดุ คาํ สง่ั
ดวยภาษาคอมพิวเตอร เพ่ือแสดงลําดับขั้นตอนใหคอมพิวเตอร
หรือตัวละครทํางานตามที่ไดออกแบบไว โดยการเขียนโปรแกรม
ควรมีการเขียนเรียงลําดับที่ชัดเจน เพ่ือใหคอมพิวเตอร หรือตัว
ละครทํางานตามท่ีส่ังและตามเง่ือนไขท่ีกําหนดไดอยางถูกตอง
โดยมักเรยี กขัน้ ตอนการเขยี นโปรแกรมนี้วา การโคดด้ิง)

T45

นา� น�า สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ นาํ 2 ¡ÒÃà¢Õ¹â»Ãá¡ÃÁ˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹÷ŒÙ èÕ ตวั ชวี้ ดั ว 4.2 ป.3/2

2. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมลองทําดู ในแบบ ลองทาํ ดู ÍÂÒ‹ §§‹ÒÂ 1 234
ฝก หัดรายวิชาพ้ืนฐาน เทคโนโลยี (วทิ ยาการ
คํานวณ) ป.3 หนวยการเรยี นรูที่ 2 การเขยี น 1
โปรแกรมอยางงาย หนา 18 เพื่อเปนการ 2
ทบทวนความรเู ดิมกอนเขาสูบทเรยี น

3. ครูถามคําถามกระตุนความคิดกับนักเรียนวา
นักเรียนรูจักโปรแกรมใดบางที่ใชในการเขียน
โปรแกรมสั่งใหตวั ละครทํางานตามคําสั่ง และ
ใหน กั เรยี นภายในชน้ั เรยี นชว ยกนั วเิ คราะหเ พอื่
หาคําตอบน้ี

1 2 3 4 แถว(R) 3

1 2 3 4 4เฉฉบลับย คอลมั น (C)

ชิปทําหนาท่ีควบคุมการเปดหลอดไฟ ถาตองการเปดหลอดไฟ
ตามภาพ ตองใชค าํ ส่งั อยางไร วง ลอมรอบหนา คาํ ส่งั ที่ถูกตอ ง

เงือ่ นไข ไฟจะตดิ ในชอ งทต่ี ดั กนั

A คาํ สงั่ เปด ไฟ B คาํ สั่งเปด ไฟ
1. ชอ ง 3C และชอ ง 2R 1. ชอ ง 3C และชอง 2R
2. ชอ ง 2C และชอง 3R 2. ชอง 3C และชอ ง 3R
3. ชอ ง 3C และชอง 2R 3. ชอง 2C และชอง 4R
4. ชอ ง 2C และชอ ง 4R 4. ชอง 3C และชอ ง 4R
5. ชอ ง 1C และชอ ง 4R 5. ชอง 4C และชอง 4R

18

ภาพจาก

แบบฝกหดั
หน้าท1ี่ 48

เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคดิ

ครใู หน กั เรยี นเปด แบบฝก หดั รายวชิ าพน้ื ฐาน เทคโนโลยี (วทิ ยาการคาํ นวณ) การเขียนโปรแกรมคําสง่ั ลูป ตอ งการใหโปรแกรมทําอะไร
ป.3 หนว ยการเรยี นรูที่ 2 เรื่อง การเขียนโปรแกรมอยา งงา ย โดยใหนักเรียนทํา 1. ทาํ งานซ้าํ
กจิ กรรมลองทาํ ดู เมอ่ื นกั เรียนทํากจิ กรรมเสร็จเรยี บรอ ยแลว ครูขออาสาสมัคร 2. เรมิ่ ทํางาน
ออกมาทํากิจกรรมนี้หนาชั้นเรียน จากน้ันครูถามคําถามกระตุนการเรียนกับ 3. หยุดทาํ งาน
นักเรียนวา นักเรยี นมีวธิ คี ิดอยางไรบางทีท่ ําใหหลอดไฟเปดทุกดวงตามเงือ่ นไข 4. ทาํ งานเพยี งครั้งเดียว
ได และสมุ นกั เรียนข้ึนมาตอบคําถามน้ี
(วิเคราะหคําตอบ การเขียนโปรแกรมส่ังใหตัวละครทํางานซ้ํา
สามารถใชก ลอ งคาํ สง่ั ทาํ งานซา้ํ เพอ่ื เขยี นโปรแกรมโดยระบจุ าํ นวน
ครั้งได ซงึ่ คําสัง่ ใหท าํ งานซํา้ เรียกวา คําสง่ั ลูป ดังน้ัน ตอบขอ 1.)

T46

นา� นา� สอน สรปุ ประเมนิ

ËนÇ่ ยการเรียนรŒ·Ù èี ขนั้ นาํ

2 ¡Òรà¢ÂÕ ¹âปรá¡รÁÍÂÒ‹ §§Ò‹  4. ครูนํานักเรียนสนทนาทบทวนความรูเรื่อง
การเขียนคําส่ังใหโปรแกรมทํางานอยางเปน
ตวั ชี้วดั ลาํ ดบั ข้นั ตอน โดยเปด วีดิทัศนต ามลิงคทีแ่ นบ
มาใหน กั เรยี นดู https://www.youtube.com/
ว 4.2 ป. 3/2 เขียนโปรแกรมอยางงาย โดยใชซอฟตแวร watch?v=cDA3_5982h8 และใหนักเรียน
หรอื สอื่ และตรวจหาขอ ผดิ พลาดของโปรแกรม รวมกันสรุปความรูท่ีไดจากวีดิทัศนนี้วา ใน
การท่ีจะเขียนคําส่ังใหคอมพิวเตอรทํางานได
นั้น จําเปนท่ีจะตองเขียนลําดับข้ันตอนการ
ทาํ งาน หรืออลั กอรทิ มึ ออกมาใหช ัดเจน เพอ่ื
ลดปญหาหรือการทํางานท่ีผิดพลาด และ
อัลกอริทึมท่ีดีควรมีลําดับข้ันตอนการทํางาน
ท้งั กอ นและหลงั ท่ชี ดั เจน

5. ครูถามคําถามประจําหนวยการเรียนรู จาก
หนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน เทคโนโลยี
(วิทยาการคํานวณ) ป.3 หนวยการเรยี นรทู ี่ 2
เรอ่ื ง การเขยี นโปรแกรมอยา งงา ย วา การเขยี น
โปรแกรมมีประโยชนในชีวิตประจําวันอยางไร
บาง จากน้ันใหนักเรียนชวยกันวิเคราะหและ
ตอบคําถามน้ี

¡ÒÃà¢Õ¹â»Ãá¡ÃÁÁ»Õ ÃÐ⪹ แนวตอบ คําถามประจาํ หนว ยการเรยี นรู
ãนªÇี µÔ ปรШíาÇÑน
อย่างäรºŒาง การเขยี นโปรแกรมชว ยใหน กั เรยี นคดิ วเิ คราะห
สถานการณปญหาตาง ๆ โดยการแยกยอยคําสั่ง
26 โปรแกรมออกเปน คาํ สัง่ ยอย ๆ และสามารถเขียน
โปรแกรมไดอยางถูกตอง ทําใหการแกปญหานั้น
ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 26 สาํ เรจ็ ซง่ึ การเขยี นโปรแกรมทาํ ใหน กั เรยี นสามารถ
นาํ ความรไู ปประยกุ ตใ ช เพอื่ แกป ญ หาทางดา นการ
เรียนหรือปญหาในชีวติ ประจาํ วนั ไดอ ยา งถูกตอ ง

ขอ สอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู

โปรแกรมเมอรม คี วามหมายตรงกบั ขอ ใด การเรียนการสอนเรื่อง การเขียนโปรแกรมอยางงาย ครูควรเนนการสอน
1. นกั ออกแบบระบบงานของโปรแกรมคอมพวิ เตอร โดยอธิบายเก่ียวกับการเขียนโปรแกรม หรือชุดคําส่ังดวยภาษาคอมพิวเตอร
2. ชุดคาํ สั่งที่เขียนข้ึนเพ่ือส่ังใหคอมพิวเตอรทาํ งานตามที่ เพื่อแสดงลําดับข้ันตอนใหคอมพิวเตอร หรือตัวละครทํางานตามที่ไดออกแบบ
ตอ งการ ไว โดยการเขียนโปรแกรมควรมีการเขียนที่เรียงลําดับข้ันตอนกันอยางชัดเจน
3. นกั เขยี นโปรแกรมหรอื ชดุ คาํ สง่ั เพอื่ สงั่ ใหค อมพวิ เตอรท าํ งาน เพื่อใหทํางานตามคําสั่งและตามเง่ือนไขท่ีกําหนดไดอยางถูกตอง และครูสอน
ตามทตี่ องการ เก่ียวกบั การเขยี นโปรแกรมจากเวบ็ Code.org ซึ่งเปนการเขยี นโปรแกรมสั่งให
4. การเขยี นชดุ คาํ สงั่ ดว ยภาษาคอมพวิ เตอร เพอื่ ใหค อมพวิ เตอร ตวั ละครทาํ งานตามทต่ี อ งการโดยใชร ปู แบบของบลอ็ กคาํ สงั่ หรอื กลอ งเครอ่ื งมอื
ทาํ งานตามโปรแกรม ในการเขียนโปรแกรม

(วเิ คราะหค ําตอบ โปรแกรมเมอร คอื นักเขียนโปรแกรมหรือชุด
คําส่ังเพื่อส่ังใหคอมพิวเตอรทาํ งานตามที่ตองการและรวมไปถึง
การวิเคราะห ปรับปรุงขอมูลใหดีขึ้น เพื่อที่จะไดโปรแกรมตามท่ี
ตองการ ดงั น้ัน ตอบขอ 3.)

T47

นา� สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ สอน 1.มกี ิจกรรม ¡Òรà¢Õ¹âปรá¡รÁสè§Ñ ãËŒ
µัÇÅะคร·�า§า¹
สาํ รวจคน หา อะไรบา งในชีวิต
ประจาํ วนั ทีเ่ รา
1. ครูกระตุนความสนใจของนักเรียน โดยใช ตอ งทาํ ซํ้า ๆ
คําถามสําคัญประจําหัวขอจากหนังสือเรียน การเขียนโปรแกรมสั่งใหตัวละครทํางาน
หนา 27 วา มกี จิ กรรมอะไรบา งในชวี ติ ประจาํ วนั เปนกระบวนการนําสิ่งที่ไดออกแบบไว ในข้ันการ
ท่ีเราตองทําซํ้าๆ จากน้ันใหนักเรียนรวมกัน แสดงขน้ั ตอนวธิ แี กป ญ หามาเขยี นดว ยคาํ สงั่ ภาษาคอมพวิ เตอร เมอื่
วิเคราะหเพอ่ื หาคาํ ตอบ นักเรียนออกแบบข้ันตอนวิธีแกปญหาไดตามตองการแลว ข้ันตอน
ตอไป คือ การเขียนโปรแกรมเพื่อส่ังใหคอมพิวเตอรทํางานตาม
2. ครูนํานักเรียนศึกษาเน้ือหา เรื่อง การเขียน เขขั้นา ตใจอไนดด กังากรลใชาวภ าซษึ่งาคควอรมเขพียวิ นเตใอนรร1น ูปนั้ แบขบนึ้ ทอยี่งกูายบั เคพวื่อามใหถผนูอดั ่ืนแสลาะมควาารมถ
โปรแกรมสั่งใหตัวละครทํางาน โดยอธิบาย ชาํ นาญของแตละบคุ คล
ใหนักเรียนฟงวา การเขียนโปรแกรมส่ังให
ตัวละครทํางานเปนกระบวนการนําส่ิงที่ได 1.1 การเขยี นโปรแกรม การออกแบบ
ออกแบบไวมาแกปญหาดวยการเขียนคําสั่ง ขน้ั ตอนวธิ ี
ภาษาคอมพิวเตอร ซ่ึงเม่ือออกแบบข้ันตอน การเขียนโปรแกรม หมายถึง การ
วิธีแกปญหาเรียบรอยแลว ข้ันตอนตอไป คือ เขยี นชดุ คาํ สงั่ ดว ยภาษาคอมพวิ เตอร เพอ่ื การเขียน
การเขียนโปรแกรมเพ่ือสั่งใหคอมพิวเตอร แสดงลําดับขั้นตอนใหคอมพิวเตอรหรือ โปรแกรม
ทํางานตามที่ตองการ ตวั ละครทาํ งานตามทีไ่ ดออกแบบไว โดย
การเขียนโปรแกรมควรมีการเขียนท่ีเรยี ง การตรวจสอบ
แนวตอบ คาํ ถามสาํ คญั ประจาํ หวั ขอ ลาํ ดบั กนั อยา งชดั เจน เพอื่ ใหค อมพวิ เตอร ผลลัพธ์
หรือตัวละครทํางานตามท่ีสั่งและตาม
ในชีวิตประจําวันมีพฤติกรรมที่เก่ียวของกับ เงอื่ นไขท่กี ําหนดไดอ ยา งถกู ตอง โดยเรา <HTML> <DIV>
การทาํ งานซาํ้ หลายรปู แบบ เชน การทาํ งานซา้ํ แบบ มักเรียกขั้นตอนการเขียนโปรแกรมนี้วา
มีท่สี ้นิ สดุ และการทํางานซํ้าแบบไมสน้ิ สุด เชน การ การโคด ดิ้ง (Coding) <PHP> <DIV>
เดินทางไปโรงเรียน การรับประทานอาหาร การ
แปรงฟน และการอาบนา้ํ โดยใชขนั 27

ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 27

เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคิด

ครูควรใชคําถามเพ่ือทบทวนความรูของนักเรียนวา นักเรียนเคยเขียน การเรียนรูเกี่ยวกับการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอรมีประโยชน
โปรแกรมโดยใช Code.org หรือไม จากนั้นครูยกตัวอยางสถานการณใน อยา งไร
ชีวิตประจําวันที่อาศัยหลักการเขียนโปรแกรมในการแกปญหาจากงายไปยาก
และใหน กั เรยี นรวมกนั ตอบคําถาม (วิเคราะหค ําตอบ เรยี นรเู กยี่ วกบั โปรแกรมคอมพวิ เตอร นกั เรยี น
จะไดฝกความคิดสรางสรรค การคิดวิเคราะห การแกปญหา
นักเรียนควรรู อยางเปนข้ันตอน และการคิดเชิงคํานวณ อีกท้ังนักเรียนยังได
การคดิ อยางเปนเหตเุ ปน ผลอีกดวย)
1 ภาษาคอมพิวเตอร คือ ภาษาตางๆ ที่ผูใชงานใชในการเขียนโปรแกรม
คําสงั่ และเปน ภาษาทใ่ี ชเ ปน สอื่ กลางเพอ่ื สอ่ื สารระหวา งผใู ชง านกบั คอมพวิ เตอร
แตค อมพวิ เตอรเ ปน อปุ กรณอ เิ ลก็ ทรอนกิ สท ม่ี เี ฉพาะวงจรการเปด -ปด ทาํ ใหอ า น
คาํ สง่ั ทใ่ี ชเ ลขฐานสองเทา นน้ั ซงึ่ เรยี กภาษานวี้ า ภาษาเครอื่ ง ดงั นน้ั ภาษาทผ่ี ใู ชง าน
เขยี นคาํ สงั่ ขน้ึ นนั้ จงึ ตอ งใชต วั แปลภาษาจากภาษาคอมพวิ เตอรเ ปน ภาษาเครอ่ื ง
เพ่ือใหค อมพิวเตอรเขาใจคําสงั่ ไดอ ยา งถกู ตอ ง

T48

นา� สอน สรปุ ประเมนิ

การฝกเขยี นโปรแกรมนั้น เปนการฝก ใชแนวคดิ เชงิ คาํ นวณ1 ขนั้ สอน
(Computational Thinking) ในการแกปญหา ซ่งึ สามารถฝก เขียน
โคดแบบไมใชคอมพิวเตอรไดโดยการใชบัตรคําสั่งแสดงการเขียน สาํ รวจคน หา
โปรแกรม หรือฝก การเขียนโคดจากเว็บไซตท่มี ีหลักสตู รการฝกการ
เขยี นโคด เชน Code.org 3. ครูอธิบายเนื้อหาใหนักเรียนฟงวา การเขียน
โปรแกรมเปนการเขียนชุดคําสั่งดวยภาษา
การเขยี นโปรแกรมสงั่ ใหต วั ละครทาํ งานตามตอ งการในโปรแกรม คอมพิวเตอร เพ่ือแสดงลําดับขั้นตอนให
Code.org ตอ งใชร ปู แบบกลอ งคาํ สง่ั หรอื กลอ งเครอ่ื งมอื ในการเขยี น คอมพิวเตอรหรือตัวละครทํางานตามที่
โปรแกรม ดงั น้ี ออกแบบไว เรียกขั้นตอนการเขียนโปรแกรม
นวี้ า การโคดดง้ิ (Coding) และการฝก เขียน
¡ÅÍ‹ §¤Òí ʧÑè โปรแกรมสั่งใหตัวละครทํางานจะตองนํา
แนวคดิ เชงิ คาํ นวณเขา มาชว ยในการแกป ญ หา
นด้ี วย

4. ครูอธิบายกลองคําส่ังจากโปรแกรม Code.
org กับนกั เรียนวา มกี ลองโปรแกรมอะไรบา ง
และมีความหมายวาอยางไร จากนั้นครูสุม
นักเรียนออกมาอธิบายวา แตละกลองคําสั่งมี
ความหมายวา อยางไรบา ง

เดนิ ไปขา้ งหนา้   หันไปทางซ้าย หนั ไปทางขวา 
1 ครัง้ 1 ครง้ั 1 ครงั้

ทา� ซ�า้ ตามจ�านวนรอบ ท�าซ้า� จนกวา่ จะเปนไปตาม
ท่ีก�าหนด เงื่อนไขทก่ี า� หนด

28

ภาพจาก หนงั สอื เรยี น หนา 28

ขอสอบเนน การคิด นักเรียนควรรู

จากสถานการณท กี่ าํ หนดใหจ ะพานกสแี ดง 1 แนวคิดเชงิ คาํ นวณ คือ การคิดอยางเปนระบบที่มุงเนน การคิดเชงิ ตรรกะ
ไปหาหมสู เี ขยี ว ควรเลอื กบลอ็ กคําสงั่ ในขอ ใด และกระบวนการแกปญ หาทีละขน้ั ตอน หรือท่ีเรียกวา อลั กอรทิ มึ (Algorithm)
โดยมี 4 เสาหลัก ไดแ ก
1. 2.
1. แนวคดิ การแยกยอ ย (Decomposition) ทเ่ี ปน การแตกปญหาออกเปน
3. 4. สวนยอ ยๆ เพื่อใหจ ดั การปญ หาไดงา ยขน้ึ

(วเิ คราะหคาํ ตอบ จากสถานการณท่ีกําหนดใหมีการเคล่ือนไหว 2. แนวคดิ การจดจาํ รปู แบบ (Pattern Recognition) เปน การจดจาํ รปู แบบ
3 ครงั้ เพอ่ื พานกสแี ดงไปหาหมสู เี ขยี ว ดงั นี้ เดนิ ไปทางขวา เดนิ ขนึ้ เพ่ือดูความเหมือนหรือความตางของรูปแบบ ทําใหทราบแนวโนมเพื่อทํานาย
และเดนิ ไปทางขวา ดังนัน้ ตอบขอ 3.) ไปขา งหนา ได

3. แนวคิดเชิงนามธรรม (Abstraction) เปนทักษะสําคัญท่ีมุงเนน
ความสําคญั ของปญหาโดยไมสนใจรายละเอยี ดทไี่ มจาํ เปน

4. แนวคิดการออกแบบข้ันตอน (Algorithm Design) เปนการออกแบบ
ข้ันตอนในการแกป ญ หา ทาํ ใหท ราบวาจะตอ งทําอะไรกอน-หลงั

T49

นา� สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ สอน ส¶า¹¡าร³µัÇÍÂา‹ §

สาํ รวจคน หา โปต อ งการสัง่ ให
เจาซอมบ้ีเดินไปเก็บ
5. ครูอธิบายสถานการณตัวอยางใหนักเรียน ดอกทานตะวัน
ฟงวา เม่ือโปตองการสั่งใหซอมบี้ไปเก็บดอก ตอ งสง่ั ใหเ ดนิ ทาง
ทานตะวนั โปจะตอ งใชเสน ทางใดในการเดิน ไปในเสน ทางใด
ทาง จากนนั้ สมุ นกั เรยี นออกมาอธบิ ายขน้ั ตอน
การเขยี นโปรแกรมหนา หอ งเรยี น เมอื่ นกั เรยี น
ศึกษาสถานการณตัวอยางเรียบรอยแลว ครู
อาจจะใหน กั เรยี นเปด เวบ็ ไซต Code.org เพอ่ื
เขา สรู ะบบ แลว เขา ไปทรี่ ายการหลกั สูตร โดย
เลอื กตามความสนใจเพอื่ เปน การฝก ทกั ษะการ
เขียนโปรแกรม

ขÑนé µอนการเขียนโปรแกรม

1 สัง่ ให้ซอมบ้เี ดินไปข้างหนา้  4 ครง้ั  โดยใช้คา� สง่ั  ดงั น้ี

29

ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 29

เกร็ดแนะครู กิจกรรม ทาทาย

ครูเปดเว็บไซต Code.org และอธิบายสวนประกอบตางๆ ของเว็บไซต ครใู หน กั เรยี นสรา งสถานการณต วั อยา งขน้ึ มาคนละ1 สถานการณ
เพื่อทบทวนความรูของนักเรียน และยกตัวอยางสถานการณและข้ันตอนการ จากน้ันใหนักเรียนแสดงข้ันตอนการเขียนโปรแกรม โดยบันทึก
เขียนโปรแกรมของสถานการณน้นั ๆ จากงา ยไปยาก โดยเปดโอกาสใหน กั เรียน ผังงานลงในกระดาษที่ครูแจก พรอมตกแตงใหสวยงาม และ
แลกเปลย่ี นความคดิ เหน็ รวมกันภายในช้ันเรยี น จัดเตรียมขอมูลเพื่อนําเสนอตามรูปแบบท่ีนักเรียนคิดวานาสนใจ
อยา งอิสระ

T50

2 ส่ังให้ซอมบหี้ ันไปทางขวา นา� สอน สรปุ ประเมนิ
  1 ครง้ั  โดยใชค้ �าสั่ง ดังนี้ 3 สงั่ ให้ซอมบี้เดินไปข้างหนา้  
  5 ครงั้  โดยใชค้ �าสง่ั  ดังน้ ี ขน้ั สอน

สาํ รวจคน หา

6. ครูอธิบายขั้นตอนการเขียนโปรแกรมจาก
สถานการณที่แลวใหนักเรียนฟง จากน้ันครู
ใหความรูเพิ่มเติมจากเกร็ดนารูกับนักเรียน
วา เมื่อมีการใชบล็อกคําส่ังแบบเดิมซ้ํากันใน
ลักษณะเรียงตอกัน ควรเปลี่ยนมาใชบล็อก
คําส่ังทํางานซ้ําแทน โดยการกําหนดตัวเลข
ตามจํานวนรอบท่ีทําซ้ํา จะชวยใหการเขียน
โปรแกรมงา ยและสะดวกมากยงิ่ ขนึ้

7. ครูนํานักเรียนรวมกันอภิปรายสรุปความรูที่
ไดจากการจัดกิจกรรม ตัวอยางประเด็นการ
อภิปราย เชน ถาตองการสั่งใหซอมบ้ีเดินไป
ขา งหนา 5 ครง้ั จะตอ งเขยี นคาํ สงั่ อยา งไร และ
สุม นักเรียนตอบคาํ ถามนี้
(แนวตอบ วางคาํ สงั่ ไปขา งหนา จาํ นวน 5 บลอ็ ก)

à¡Ãç´¹Ò‹ ÃŒÙ

เมื่อมีการใชบล็อกคําสั่งแบบเดิมซ้ํากันในลักษณะเรียงตอกัน ควรเปลี่ยน
มาใชบ ลอ็ กคาํ สง่ั ทาํ งานซาํ้ แทน โดยการกาํ หนดตวั เลขตามจาํ นวนรอบทท่ี าํ ซาํ้
จะชวยใหก ารเขยี นโปรแกรมงา ยและสะดวกมากยงิ่ ข้นึ

30

ภาพจาก หนังสอื เรยี น หนา 30

ขอสอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู

จากสถานการณแ ละบลอ็ กคาํ สง่ั ครูอธิบายใหนักเรียนเขาใจถึงการวนซ้ําวา การวนซํ้าเปนการทําคําสั่ง
ทกี่ าํ หนดให จะเขยี นโปรแกรมแบบ แบบเดิมซ้ํากันในลักษณะที่เรียงตอกัน ทําแบบเดิมซ้ําๆ เรื่อยๆ จนกวาจะ
วนซาํ้ ตามบลอ็ กคาํ ส่งั ในขอใด ตรงตามเง่ือนไขท่ีตองการ โดยครูยกตัวอยางใหนักเรียนเขาใจถึงการวนซ้ํา
จากการใชชีวิตประจําวันของนักเรียน เชน การเดินทางไปโรงเรียน การ
1. 2. 3. 4. รบั ประทานอาหาร การแปรงฟน การอาบนาํ้ โดยใชข นั นา้ํ จากนนั้ ครสู มุ นกั เรยี น
ออกมาอธิบายคําส่ังขั้นตอนการเขียนโปรแกรม เพ่ือเปรียบเทียบการเขียน
โปรแกรมแบบปกติและการเขยี นโปรแกรมแบบวนซา้ํ

(วิเคราะหค าํ ตอบ จากสถานการณและบล็อกคําส่ังท่ีกําหนดให T51
มีการใชบล็อกคําสั่งแบบเดิมซ้ํากันในลักษณะท่ีเรียงตอกัน การ
เขยี นโปรแกรมแบบวนซาํ้ ควรใชบ ลอ็ กคาํ สง่ั ทาํ งานซาํ้ และกาํ หนด
จํานวนรอบใหชัดเจน โดยใชบ ลอ็ กคาํ สง่ั ทน่ี อ ยที่สุด ตามคาํ ส่งั นี้
ไปขา งหนา เก็บนํา้ หวาน ไปขา งหนา ผลติ นาํ้ ผึง้ โดยทาํ ซ้ํา 2 คร้งั
ดังนน้ั ตอบขอ 1.)

นา� สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั สอน Ẻ½¡ƒ ËÑ´ การเขียนโปรแกรมสงั่ ให คะแนนเต็ม
ตวั ละครทํางาน
สาํ รวจคน หา 35

8. นักเรียนทําแบบฝกหัดรายวิชาพื้นฐาน 1. ถา โปเ ดนิ ตามคาํ สง่ั ทก่ี าํ หนดไวด า นลา ง โปจ ะไปหยดุ ทต่ี าํ แหนง ใด
เทคโนโลยี (วิทยาการคํานวณ) ป.3 หนา ใหนักเรียนวงกลมลงในตารางกริดในตําแหนงสุดทายท่ีโปหยุด
19-20 เรือ่ ง การเขียนโปรแกรมสั่งใหตวั ละคร
ทาํ งาน โดยมสี ถานการณว า ถา โปเ ดนิ ตามคาํ สง่ั (5 คะแนน)
ท่ีกําหนดไวดานลาง โปจะหยุดที่ตําแหนงใด
และใหนักเรียนวงกลมลงในตารางกริดใน บัตรคำสงั่
ตําแหนงสุดทายที่โปหยุด จากนั้นครูให
นักเรียนเขียนคําส่ังแสดงเสนทางการเดินทาง ไปทางซา ย ไปทางซาย ขาขงนึ้บน ไปทางซา ย ขาขงึ้นบน ขาขง้ึนบน ไปทางขวา
ของกบไปยังบานใหถูกตอง โดยเลือกใช
คําส่ังท่ีกําหนดให เม่ือนักเรียนทําแบบฝกหัด สถานตี าํ รวจ โรงพยาบาล เฉฉบลบั ย
เสรจ็ เรยี บรอ ย ครสู มุ นกั เรยี นใหอ อกมาอธบิ าย โรงพยาบาล
ขั้นตอนการเขียนโปรแกรมทั้ง 2 กิจกรรม
หนาชน้ั เรียน รา นผลไม

9. ครูและนักเรียนรว มกันสรปุ กิจกรรมเร่อื ง การ 2. เขียนโปรแกรมแสดงเสนทางการเดินทางของกบไปยังบานให
เขียนโปรแกรมส่ังใหตัวละครทํางาน หาก ถกู ตอง โดยเลอื กใชค าํ สั่งท่กี าํ หนดให (5 คะแนน)
นักเรยี นคนใดมีขอสงสยั สามารถสอบถามครู
ไดในคาบเรียน โป คำส่งั ไปขางหนา หันซา ย หันขวา เขา บา น

สนามเดก็ เลน

ตําแหนง สุดทายท่โี ปหยดุ คือ สถานตี ํารวจ……………………………………………………………………………………….. 12

19

เฉฉบลับย หนั ซาย

ไปขา งหนา ไปขางหนา
ไปขางหนา ไปขา งหนา
ไปขา งหนา ไปขา งหนา
หนั ซา ย ไปขางหนา
ไปขางหนา หันซา ย
ไปขางหนา
ไปขา งหนา ไปขางหนา
เขา บาน ไปขางหนา
ไปขา งหนา
20 หนั ขวา
เขาบา น

ภาพจาก

แบบฝกหัด
หนา้ 19-20

เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคดิ

ครูใหนักเรียนทําแบบฝกหัดเพื่อฝกทักษะในการเรียนเรื่อง การเขียน ขอใดเปนกิจกรรมทไี่ มเหมาะสมในการใชคําส่งั การทาํ งาน
โปรแกรมสัง่ ใหต ัวละครทํางาน โดยใหน ักเรยี นพิจาณารูปภาพท่กี าํ หนดให และ แบบวนซํา้
ลองวเิ คราะหว า เมอ่ื โปใ ชเ สน ทางตามบตั รคาํ สง่ั แลว นน้ั จดุ สดุ ทา ยทโ่ี ปจ ะหยดุ อยู
ท่สี ถานทใี่ ด หลงั จากนน้ั ครสู มุ ใหน กั เรยี น 3-4 คน ออกมาอธิบายเสน ทางการ 1. การนับจาํ นวนนักเรยี น จํานวน 100 คน
เดนิ ทางของสถานการณน ้วี า มีเสน ทางการเดินทางอยา งไรบา ง 2. การชงกาแฟสูตรหวานนอย จาํ นวน 50 แกว
3. การวาดภาพวิวธรรมชาติ จาํ นวน 5 สถานท่ี
4. การเขาแถวเคารพธงชาติ เวลา 08.00 น. ทกุ วัน
(วิเคราะหคําตอบ กิจกรรมท่ีไมเหมาะสมในการใชคําส่ัง
การทํางานแบบวนซํ้า คือ การวาดภาพวิวธรรมชาติ จํานวน 5
สถานที่ เพราะเปนการวาดภาพตางสถานที่กัน ไมถือวาเปนการ
ทาํ งานแบบวนซ้าํ ดังน้ัน ตอบขอ 3.)

T52

นา� สอน สรปุ ประเมนิ

หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 2 การเขียนโปรแกรมอยา่ งง่าย ขน้ั สอน
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 1 การเขยี นโปรแกรมสงั่ ให้ตวั ละครทางาน
อธบิ ายความรู
ใบงานท่ี 2.1.1 เฉลย
เรื่อง เขียนคาส่ังข้ันตอนการนับเหรยี ญ 1. ครูใหนักเรียนทําใบงานท่ี 2.1.1 เรื่อง เขียน
คําสั่งข้นั ตอนการนบั เหรยี ญ ซง่ึ จะใหน กั เรยี น
คาชี้แจง : ให้นักเรียนเขยี นคาส่งั ขนั้ ตอนการนบั เหรยี ญ จากนั้นใหเ้ พื่อนรว่ มชั้นทาตามคาสัง่ ทตี่ นเองเขยี น เขียนคําสั่งขั้นตอนการนับเหรียญ จากน้ันให
เพ่อื เป็นการตรวจคาสั่งวา่ ถูกตอ้ งและชดั เจนหรอื ไม่ เพื่อนรวมช้ันทําตามคําสั่งที่ตนเองเขียน เพ่ือ
เปนการตรวจสอบคําสั่งวาถูกตองและชัดเจน
คาสง่ั ข้นั ตอนการนับเหรยี ญ หรอื ไม จากนนั้ ครสู มุ นกั เรยี นใหอ อกมาอธบิ าย
แนวคิดในการเขียนข้ันตอนจากสถานการณท่ี
....1......เ.ร..่มิ...ต...้น....ม...ีเ..ง..ิน....0....บ...า..ท................................................................................... ................................................. กาํ หนดให
....2......ห...ย..ิบ...เ..ห...ร..ีย...ญ...ส...บิ ...บ...า..ท.....อ..อ...ก...ม..า....แ...ล..ะ...น...ับ...จ..า...น...ว.น...เ..ห...ร..ยี ...ญ...ท...ห่ี...ย...บิ ...อ...อ..ก...ม...า....=....2....เ.ห...ร...ีย..ญ...............................
....3......แ..ป...ล...ง..ค...า่ ..จ...า..น...ว..น...เ.ง..ิน.....1..0.....+..1...0....=....2...0....บ...า..ท.....จ..า..ก...น...ั้น...เ.ข...ีย...น...จ..า..น...ว...น..เ..ง..ิน...ไ.ว..้..2..0....บ...า...ท................................. 2. ครชู ใี้ หน กั เรยี นเหน็ วา เมอื่ มกี ารใชบ ลอ็ กคาํ สง่ั
....4......ห...ย..บิ...เ..ห...ร..ีย...ญ...ห...า้..บ...า...ท....อ...อ...ก..ม...า....แ..ล...ะ...น...ับ..จ...า..น...ว..น...เ..ห...ร..ีย...ญ...ท...ห่ี...ย...ิบ...อ...อ..ก...ม...า...=....3...เ.ห...ร..ีย...ญ................................. แบบเดิมซํ้ากันในลักษณะเรียงตอกัน ควร
....5......แ..ป...ล...ง..ค...า่ ..จ...า..น...ว..น...เ.ง..นิ.....5..+...5...+...5....=....1...5...บ...า...ท....จ...า..ก...น..ั้น...เ..ข..ีย...น...จ...า..น...ว..น...เ.ง..ิน...ไ..ว..้..1..5....บ...า...ท.................................. เปลี่ยนมาใชบล็อกคําสั่งทํางานซ้ําแทน โดย
....6......ห...ย..ิบ...เ..ห...ร..ีย...ญ...ส...อ...ง..บ...า..ท....อ...อ...ก..ม...า....แ...ล..ะ...น...บั ...จ..า..น...ว...น...เ.ห...ร..ีย...ญ....ท..่ีห...ย...บิ...อ...อ..ก...ม...า...=....2.....เ.ห...ร..ีย...ญ............................. การกําหนดตัวเลขตามจํานวนรอบที่ทําซํ้าจะ
....7......แ..ป...ล...ง..ค...่า..จ...า..น...ว..น...เ.ง..นิ.....2..+...2....=.....4....บ...า..ท....จ...า..ก...น...้นั ...เ.ข...ยี..น...จ...า..น...ว..น...เ..ง..นิ ...ไ.ว...้ .4....บ...า..ท............................................. ชว ยใหก ารเขยี นโปรแกรมงา ยและสะดวกมาก
....8......ห...ย..ิบ...เ..ห...ร..ีย...ญ...บ...า..ท.....อ...อ..ก...ม...า....แ..ล...ะ..น...บั ...จ...า..น...ว..น...เ.ห...ร...ีย..ญ....ท...่ีห...ย..ิบ...อ...อ...ก..ม...า....=....4....เ..ห...ร..ยี ...ญ.................................... ยง่ิ ขึน้
....9......แ..ป...ล...ง..ค...า่ ..จ...า..น...ว..น...เ.ง..ิน.....1..+...1...+...1..+...1....=.....4....บ...า..ท....จ...า..ก...น...้ัน...เ.ข...ีย..น...จ...า..น...ว..น...เ..ง..ิน..ไ..ว..้ .4....บ...า...ท..................................
....1..0......น...า..จ...า..น...ว..น...ท...เ่ี..ข..ีย...น...ไ..ว..ม้ ...า..ร..ว...ม..ก...ัน......2...0..+...1...5..+...4..+...4....=.....4..3....บ...า...ท................ .................................................

.......................................................................................................................................................................... ....

............................................................................................................................. .................................................

............................................................................................................................. .................................................

.............................................................................................................................................................. ................

เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ)

ภาพจาก

แผนการสอน ท่ี 1

หนวยที่ 12

ขอสอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู
เม่อื นกั เรยี นตองการฝกเขียนโปรแกรมอยางงา ยจะสามารถ
ฝก เขยี นผานโปรแกรมใด ครูใหนักเรียนทําใบงานท่ี 2.1.1 เรื่อง เขียนคําส่ังขั้นตอนการนับเหรียญ
1. Paint 2. Google โดยใหนกั เรยี นทาํ ใบงานน้เี พื่อฝก ทักษะการคดิ และสามารถเขียนคาํ ส่ังการนับ
3. Code.org 4. Photoshop เหรียญไดถูกตอง ครูสุมนักเรียนออกมาอธิบายขั้นตอนในการเขียนคําสั่งการ
(วิเคราะหค าํ ตอบ โปรแกรม Code.org เปนโปรแกรมทีใ่ ชเ ขียน นับเหรียญหนาชั้นเรียน จากนั้นครูถามคําถามเพื่อกระตุนความคิดกับนักเรียน
ส่ังใหตัวละครทาํ งานตามตองการ และมีรูปแบบเปนกลองคําส่ัง วา การฝก เขียนขนั้ ตอนตางๆ มีประโยชนอ ยางไรบา งกับชวี ิตประจาํ วัน

หรือบล็อกคําส่ังท่ีสามารถใชในการเขียนโปรแกรมสั่งใหตัวละคร
ทํางานตามทีต่ องการได ดงั น้ัน ตอบขอ 3.)

T53

นา� สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั สอน จากขน้ั ตอนการเขยี นโปรแกรมขา งตน จะเหน็ วา มกี ารทาํ งาน
ซํ้ากนั เกิดข้นึ ดังน้นั จงึ ควรเปลีย่ นมาใชบล็อกคําส่งั ทาํ งานซา้ํ แทน
อธบิ ายความรู ดังนี้

3. ครูอธิบายเพิ่มเติมจากขั้นตอนการเขียน 1 ส่ังให้ซอมบเ้ี ดินไป
โปรแกรมตามสถานการณท่ีกําหนดกอนหนา   ข้างหน้า 4 คร้งั
นี้วามีการทํางานซ้ํากันเกิดขึ้น จึงควรเปลี่ยน   โดยใช้ค�าสัง่ ใหม่ ได ้
มาใชบ ลอ็ กคาํ สงั่ ทาํ งานซา้ํ แทน เพอ่ื จะชว ยยน   ดงั น้ี
ระยะเวลาในการเขยี นโปรแกรมใหไ วมากขึน้ 2 ส่ังใหซ้ อมบี้หนั ไป 
  ทางขวา 1 ครงั้   
4. ครูช้ใี หน ักเรียนเห็นวา การวางบัตรคาํ สัง่ แบบ   โดยใช้คา� สง่ั ใหม่ ได ้
ไหนถูกตอง จากน้ันครูอธิบายใหนักเรียนฟง   ดังน้ี
วา สามารถตรวจคาํ ตอบไดอ กี วธิ หี นงึ่ โดยลอง
ทําการเขียนโปรแกรมจากโปรแกรม Code.
org เพื่อเปนการฝกทักษะและเพ่ิมความ
ชาํ นาญในการฝก เขยี นโปรแกรมอยางงา ย

3 ส่ังใหซ้ อมบี้เดินไป 
  ขา้ งหน้า 5 ครั้ง
  โดยใช้คา� สัง่ ใหม่ ได้ 
  ดังน้ี

ภาพท่ี 2.1 ตัวอยา งการเขียนคําสงั่ โดยใชบ ล็อกคําสั่งทํางานซํา้ 31

ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 31

เกร็ดแนะครู กจิ กรรม ทา ทาย

ครูอธิบายถึงขอดีของการใชบล็อกคําส่ังทํางานซ้ําวา การใชบล็อกคําส่ัง ใหนักเรียนสรางสถานการณข้ึนมาคนละ 1 สถานการณ
ทํางานซ้ําจะชวยลดระยะเวลาในการเขียนโปรแกรมใหส้ันลง ประหยัดเวลา จากน้ันใหนักเรียนเขียนโปรแกรมในลักษณะที่เรียงตอกัน
ในการทํางานมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังชวยลดความผิดพลาดท่ีอาจเกิดจากการ แลวเปลี่ยนบล็อกคําส่ังแบบปกติเปนบล็อกคําสั่งแบบทํางานซํ้า
เขียนโปรแกรมในลักษณะท่ีเรียงตอกัน จากนั้นครูยกตัวอยางการเขียนคําส่ัง โดยบันทึกผังงานลงในกระดาษที่ครูแจกพรอมตกแตงใหสวยงาม
โดยใชบล็อกคําส่ังทํางานซํ้า เพื่อใหนักเรียนเห็นถึงความแตกตางระหวาง และจัดเตรียมขอมูลเพ่ือนําเสนอตามรูปแบบท่ีนักเรียนคิดวา
การเขียนโปรแกรมในลักษณะท่ีเรียงตอกันกับการเขียนโปรแกรมโดยใชบล็อก นาสนใจอยางอิสระ
คาํ ส่งั ทํางานซาํ้ เพื่อใหนักเรียนเขา ใจมากย่ิงขึน้

T54

นา� สอน สรปุ ประเมนิ

¡Ô¨¡รรÁ ขน้ั สอน
½ƒ¡·ั¡Éะ
1. ใหน กั เรยี นหาเสน ทางจากบา นไปโรงพยาบาล และจากสวนสาธารณะ อธบิ ายความรู
ไปสถานตี าํ รวจ แลว เขยี นคาํ สง่ั แสดงเสน ทางการเดนิ ทางใหถ กู ตอ ง
โดยบันทกึ คําตอบลงในสมุด 5. นักเรียนทํากิจกรรมฝกทักษะในหนังสือเรียน
หนา 32 ขอ 1 โดยใหนกั เรยี นหาเสนทางจาก
ก�าหนดให้   เท่ากับระยะทาง 1 หน่วย บา นไปโรงพยาบาล และจากสวนสาธารณะไป
ยังสถานีตํารวจ จากนั้นใหน ักเรยี นเขยี นคาํ สงั่
แสดงเสน ทางการเดนิ ทางใหถ กู ตอ ง และคาํ นงึ
ถึงเงื่อนไขที่กําหนดใหในการเขียนโปรแกรม
นี้ดวย เม่ือนักเรียนทํากิจกรรมเสร็จ ครูสุม
นกั เรียนใหอ อกมาเขยี นหนาชัน้ เรยี น

สถานตี ํารวจ บาน

บนั ทึกลงในสมดุ

โรงพยาบาล สวนสาธารณะ

บ้านอยู่ห่างจากโรงพยาบาล .................. หน่วย
สวนสาธารณะอยู่ห่างจากสถานีต�ารวจ .................. หน่วย

ทกั ษะการเรียนรูในศตวรรษที่ 21 2. ทักษะการคิดเชงิ คาํ นวณ
ภาพจาก หนงั สอื เรยี น หนา 32
32 1. ทักษะการแกปญหา

กิจกรรม 21st Century Skills เกร็ดแนะครู

1. ใหนกั เรียนแบงกลุมตามความสมคั รใจ กลุมละ 4-5 คน ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมฝกทักษะ โดยใหนักเรียนหาเสนทางจากบานไป
2. สมาชกิ แตล ะกลุมรวมกนั สรางเกมการหาเสนทางข้ึน โรงพยาบาล และจากสวนสาธารณะไปสถานตี าํ รวจ แลว เขยี นคาํ สงั่ แสดงเสน ทาง
การเดินทางใหถูกตองโดยบันทึกคําตอบลงในสมุด และเม่ือนักเรียนทําเสร็จ
กลมุ ละ 1 เกม เรียบรอยแลว ครูควรตรวจสอบความถูกตอง พรอมใหคําแนะนําเพิ่มเติมแก
3. ระดมความคิดเหน็ เพอื่ กาํ หนดเสนทางพรอ มตัวละคร นักเรยี นเก่ียวกบั เทคนคิ ในการหาเสน ทางใหร วดเรว็ ยง่ิ ข้ึน
4. รวมกันทดลองเลน เกมทีส่ รา งข้ึนพรอมเฉลยการหาเสน ทาง
5. จัดเตรียมขอมลู เพ่อื นํามาเสนอตามรูปแบบทนี่ ักเรียนคิดวา

นา สนใจอยา งอิสระ
6. นําเสนอผลงานหนาช้ันเรียน โดยใชวิธีการส่ือสารที่ทําใหผูอ่ืน

เขา ใจไดงาย

T55

นา� สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั สอน 2. ใหน ักเรยี นเขียนโปรแกรมสั่งใหนกแดงเดินทางไปหาหมูเขยี ว
โดยบันทกึ บล็อกคาํ สงั่ ลงในสมุด
อธบิ ายความรู
บล็อกค�าส่ังที่เขียนเพ่ือสั่งให้นกแดงเดินทาง
6. นักเรียนทํากิจกรรมฝกทักษะในหนังสือเรียน ไปหาหมูเขียวได้ ดังนี้
หนา 33 ขอ 2 โดยใหเขียนโปรแกรมส่ังให
นกแดงเดนิ ทางไปหาหมเู ขยี ว จากนน้ั ใหบ นั ทกึ บลอ็ กคําสัง่ โปรแกรม
บลอ็ กคําสั่งลงในสมุด

7. ครูและนักเรียนรวมกันสรุป เร่ือง การเขียน
โปรแกรมวา เปนการเขียนชุดคําส่ังดวย
ภาษาคอมพิวเตอร เพื่อแสดงลําดับขั้นตอน
ใหคอมพิวเตอรหรือตัวละครทํางานตามที่ได
ออกแบบไว โดยในการเขียนโปรแกรมแตละ
โปรแกรมนั้นจะตองมีการเขียนเรียงลําดับกัน
อยางชัดเจน เพื่อใหคอมพิวเตอรทํางานตาม
ลาํ ดบั ข้ันตอนไดอ ยางถกู ตอ ง

บันทกึ ลงในสมดุ

ทกั ษะการเรียนรูในศตวรรษท่ี 21 2. ทักษะการคิดเชงิ คาํ นวณ 33
1. ทักษะการแกปญ หา
ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 33

เกร็ดแนะครู กิจกรรม ทา ทาย

ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมฝกทักษะ โดยใหนักเรียนเขียนโปรแกรมส่ังให ใหนักเรียนสรางสถานการณขึ้นมาคนละ 1 สถานการณ
นกแดงเดินทางไปหาหมูเขียวโดยบันทึกคําตอบลงในสมุด และเมื่อนักเรียน และเขียนโปรแกรมโดยใชบล็อกคําส่ังใน Code.org จากนั้น
ทําเสร็จเรียบรอยแลว ครูควรตรวจสอบความถูกตอง พรอมใหคาํ แนะนาํ เพ่ิม ตรวจสอบผลงานของตนเองวา มคี วามถกู ตอ งตรงกบั ความตอ งการ
เติมแกนกั เรียนเก่ยี วกบั การเขียนบล็อกคาํ สัง่ จากนั้นครูทบทวน เรือ่ ง การเขียน หรือไม โดยครูจะใหความชวยเหลือและคําแนะนําอยางใกลชิด
โปรแกรมกับนักเรียนวา การเขียนโปรแกรมเปนการเขียนชุดคาํ ส่ังดวยภาษา จากน้ันใหนักเรียนบันทึกผลงานลงในกระดาษที่ครูแจกพรอม
คอมพวิ เตอร เพอ่ื แสดงลําดบั ขนั้ ตอนใหค อมพวิ เตอรท ํางานตามทไี่ ดอ อกแบบไว ตกแตงใหสวยงาม และจัดเตรียมขอมูลเพ่ือนําเสนอตามรูปแบบ
ทนี่ ักเรยี นคิดวานา สนใจอยางอสิ ระ

T56

นา� สอน สรปุ ประเมนิ

1.2 ตัวอยางการเขียนโปรแกรมส่งั ใหต ัวละครทาํ งานซํา้ ขน้ั สอน
ไมส ้นิ สดุ
อธบิ ายความรู
ในชวี ติ ประจาํ วนั จะเกย่ี วขอ งกบั การทาํ งานซา้ํ ในหลายรปู แบบ
เชน การเดิน การรบั ประทานอาหาร การนอน การเรยี น ซึ่งการ 8. ครูนํานักเรียนสนทนาทบทวนความรูเดิม
ทาํ งานแบบนเ้ี รยี กวา การทาํ ซา้ํ ซง่ึ สามารถทาํ ซา้ํ จนกวา จะตรงตาม ในเร่ือง การเขียนโปรแกรม จากคาบเรียนท่ี
เงอ่ื นไขที่ตอ งการ หรอื ทาํ งานซํ้าไมส ิ้นสุด ผา นมา

ภาพท่ี 2.2 กิจวัตรในตอนเชา ของปู 9. ครูนํานักเรียนศึกษาเนื้อหาเรื่อง ตัวอยาง
การเขียนโปรแกรมส่ังใหตัวละครทํางานซํ้า
โดยทว่ั ไปการทาํ งานของโปรแกรมคอมพวิ เตอรจ ะทาํ งานเรยี ง ไมส้ินสุด โดยใหนักเรียนรวมกันยกตัวอยาง
ตามลาํ ดบั ตง้ั แตค าํ สงั่ แรกจนไปถงึ คาํ สง่ั สดุ ทา ย แตเ ราสามารถให การทํางานซ้ําในชีวิตประจําวัน และถาม
คอมพิวเตอรทํางานซํ้าท่ีชุดคําสั่งใดก็ได โดยใชคําสั่งใหทํางานซ้ํา คาํ ถามทา ทายการคดิ ขนั้ สงู กบั นกั เรยี นวา เมอื่
ซงึ่ บางครง้ั จะเรยี กวา คาํ สง่ั ลปู (Loop) โปรแกรมที่เขียนคําส่ังเกิดขอผิดพลาด ทําให
การส่ังงานไมเปนไปตามที่ตองการ นักเรียน
มีวิธีในการแกปญหาน้ีอยางไร จากน้ันให
นกั เรยี นชว ยกนั คดิ วเิ คราะหเ พอื่ ใชใ นการตอบ
คําถามน้ี
(แนวตอบ เมอื่ โปรแกรมที่เขยี นคาํ สงั่ เกิดขอ ผดิ
พลาดทาํ ใหก ารสงั่ งานไมเ ปน ไปตามทตี่ อ งการ
ผูใชงานควรตรวจสอบบล็อกคําส่ังทีละบล็อก
เพื่อทบทวนการเขียนคําสั่งของตนเองและ
แกไขใหถูกตอง หลังจากแกไขขอผิดพลาด
แลวควรตรวจสอบการทํางานของบล็อกคําสั่ง
อีกคร้ัง เพ่ือใหโปรแกรมท่ีเขียนคําสั่งเปนไป
ตามความตอ งการ)

¤Ò¶ÒÁ·ŒÒ·Ò¡ÒäԴ¢é¹Ñ ÊÙ§
เม่ือโปรแกรมท่ีเขียนคําส่ังเกิดขอผิดพลาด ทําใหการส่ังงาน
ไมเ ปน ไปตามทตี่ อ งการ นกั เรยี นมวี ธิ ใี นการแกป ญ หานอี้ ยา งไร

34

ภาพจาก หนงั สอื เรยี น หนา 34

ขอสอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู

จากบล็อกคําสั่งท่ีกําหนดใหจะเขียนโปรแกรมแบบวนซํ้าตาม ครยู กตวั อยา งสถานการณก ารทาํ งานซาํ้ ทเี่ กดิ ขน้ึ ในชวี ติ ประจาํ วนั ซง่ึ มกี าร
บลอ็ กคาํ ส่งั ในขอ ใด ทาํ ซาํ้ จนกวา จะตรงตามเงอื่ นไขทตี่ อ งการ หรอื ทาํ งานซา้ํ ไมส น้ิ สดุ เชน ครสู ง่ั ให
นกั เรยี นวิ่งรอบสนาม 3 รอบ เมือ่ นักเรยี นวงิ่ ครบตามจํานวนนักเรียนก็หยุดวิง่
1. 2. หรือการทํางานของตูเย็นท่ีมีระบบใหความเย็นอยางตอเน่ืองแบบวนซ้ําเร่ือยๆ
จนกวาจะถอดปลั๊กใหหยดุ การทํางานการวนซํ้าน้นั จงึ สิ้นสุดลง
3. 4.

(วเิ คราะหคําตอบ จากบล็อกคําสั่งที่กําหนดใหมีการใชบล็อก
คําส่ังแบบเดิมซ้ํากันในลักษณะที่เรียงตอกัน โดยมีขั้นตอน คือ
เดนิ ลงกับเลีย้ วขวา 3 รอบ ดงั นนั้ ตอบขอ 4.)

T57

นา� สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั สอน ส¶า¹¡าร³µ ัÇÍÂา‹ §

อธบิ ายความรู ปูตองการใชบ ล็อกคาํ ส่ัง
ทาํ ซํ้าเพือ่ พาเจาซอมบ้ี
10. ครูใหนักเรียนศึกษาสถานการณตัวอยาง ไปยงั ดอกทานตะวัน
ซ่ึงมีสถานการณวา ปตู องการใชบลอ็ กคําสัง่ ปูควรใชเสนทางใด
ทาํ ซาํ้ เพื่อพาเจาซอมบ้ีไปยังดอกทานตะวัน
ปคู วรใชเสนทางใด จากน้ันลองใหน กั เรยี นดู ขÑนé µอนการเขยี นโปรแกรม
ภาพ คดิ วิเคราะห และเขียนเสนทางที่คิดวา
ซอมบเี้ ดนิ แลว ภารกจิ จะสาํ เรจ็ ลงในกระดาษ ซอมบเี้ ดนิ ไปขา้ งหนา้ ซา�้ ไปเรอื่ ย ๆ แบบไมม่ ที สี่ นิ้ สดุ จนกวา่ จะเจอดอกทานตะวนั
ที่ครูแจกให จึงจะหยุดเดนิ

11. ครูอธิบายข้ันตอนการเขียนโปรแกรมเพื่อ
ใหซอมบ้ีทําภารกิจสําเร็จ ซึ่งจะส่ังใหซอมบี้
เดนิ ไปขางหนา ซา้ํ กันเร่ือย ๆ แบบไมส ิน้ สดุ
จนกวา จะไปถงึ ดอกทานตะวนั จงึ จะหยดุ เดนิ
โดยใชคําส่งั ตามรปู ภาพในหนังสือเรียน

12. ครนู าํ นกั เรยี นรว มกนั อภปิ รายสรปุ ความรทู ไี่ ด
จากการทํากิจกรรม ตัวอยางประเด็น
การอภปิ ราย เชน คําสงั่ ลปู คอื อะไร
(แนวตอบ คาํ สั่งท่ีควบคมุ ใหทํางานซาํ้ ในสวน
ทก่ี ําหนดไว)

ภาพที่ 2.3 บลอ็ กคาํ สั่งใหซ อมบเี้ ดนิ ไปหาดอกทานตะวันแบบทาํ งานซา้ํ ไมมีทีส่ ้นิ สดุ 35

ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 35

เกร็ดแนะครู กิจกรรม 21st Century Skills

ครูอธิบายใหนักเรียนเขาใจเก่ียวกับสถานการณและข้ันตอนการเขียน 1. ใหนกั เรียนแบง กลมุ ตามความสมคั รใจ กลุมละ 4-5 คน
โปรแกรมเพื่อพาเจาซอมบี้ไปยังดอกทานตะวัน จากนั้นครูเลนเกมกับนักเรียน 2. แตละกลุมรวมกันสรางสถานการณการทํางานแบบไมส้ินสุด
ในช้ันเรียน โดยครูยกบัตรภาพสถานการณและใหนักเรียนออกมาวาด
บล็อกคําสั่งแสดงขั้นตอนการเขียนโปรแกรมหนาช้ันเรียนพรอมอธิบาย กลมุ ละ 1 สถานการณ
โดยครคู อยใหคําแนะนําตามความเหมาะสม 3. ระดมความคิดเห็นเพ่ือแสดงขน้ั ตอนการเขยี นโปรแกรม
4. จัดเตรียมขอมูลเพื่อนํามาเสนอตามรูปแบบท่ีนักเรียนคิดวา

นา สนใจอยา งอสิ ระ
5. นําเสนอผลงานหนาช้ันเรียนโดยใชวิธีการสื่อสารที่ทําใหผูอื่น

เขาใจไดง าย

T58

นา� สอน สรปุ ประเมนิ

3. เขยี นโปรแกรมใหเ พนกวนิ ปลกู ตน ไมใ หค รบทกุ หลมุ โดยเลอื กใช ขนั้ สอน
คําสงั่ ทีก่ ําหนดให (5 คะแนน)
อธบิ ายความรู
คำสั่ง ไปขางหนา หันขวา ทําซํ้า ครงั้
หันซา ย ปลกู ตนไม ทํา 13. นกั เรยี นทาํ แบบฝกหัด หนา 21-22 เรอื่ ง การ
เขียนโปรแกรมส่ังใหตัวละครทํางานซํ้าไมมี
เขียนโปรแกรม เขยี นโปรแกรม เฉฉบลบั ย ส้ินสุด โดยใหนักเรียนเขียนโปรแกรมคําส่ัง
โดยใชคําสัง่ ทําซ้าํ ใหเพนกวินปลูกตนไมใหครบทุกหลุม โดย
ไปขางหนา เลอื กใชค าํ สง่ั ทกี่ าํ หนดให จากนนั้ ใหน กั เรยี น
ปลูกตน ไม ทําซ้ํา 6 ครงั้ เขยี นโปรแกรมคาํ สง่ั ใหเ พนกวนิ ถอนตน หญา
ไปขา งหนา ทํา ไปขางหนา ใหครบทุกหลุมและบันทึกคําตอบลงใน
ปลกู ตนไม แบบฝก หดั
ไปขางหนา ปลกู ตนไม
ปลูกตนไม
ไปขา งหนา 4. เขยี นโปรแกรมใหเ พนกวินถอนตนหญาใหครบทุกหลมุ
ปลกู ตน ไม โดยเลือกใชคําส่งั ทกี่ าํ หนดให (5 คะแนน)
ไปขา งหนา คำส่งั ไปขา งหนา หันขวา
ปลูกตน ไม ทาํ ซ้าํ ครง้ั
ไปขางหนา ถอนตน หญา ทํา
ปลกู ตน ไม หนั ซาย

เขียนโปรแกรม

21

ไปขา งหนา
ถอนตน หญา

ไปขา งหนา เขยี นโปรแกรม
ถอนตนหญา โดยใชคาํ สัง่ ทําซ้ํา

เฉฉบลบั ย ไปขางหนา ทําซ้าํ 10 ครง้ั
ถอนตนหญา ทํา ไปขางหนา

ไปขางหนา ถอนตนหญา
ถอนตน หญา

ไปขางหนา
ถอนตนหญา

ไปขางหนา
ถอนตน หญา

ไปขางหนา
ถอนตน หญา

ไปขา งหนา
ถอนตน หญา

ไปขางหนา
ถอนตน หญา

ไปขางหนา
ถอนตนหญา

22

ภาพจาก

แบบฝกหดั
หน้า 21-22

ขอสอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู

ขอใดเรยี งลาํ ดับการตม ไขไ ดถ กู ตอ งที่สดุ ครูใหนักเรียนทาํ แบบฝกหัด โดยใหนักเรียนเขียนโปรแกรมส่ังใหเพนกวิน
1. ปลอกเปลือกไข ตมนํ้าใหเ ดือด นําไขล งไปตม ทําตามคาํ สั่งจากการเขียนโปรแกรมลงในบล็อกเพื่อใหเพนกวินแสดงผลตามที่
ลางเปลือกไข ตอ งการ เมอ่ื นกั เรยี นทาํ กจิ กรรมนเ้ี สรจ็ เรยี บรอ ย ครสู มุ นกั เรยี นใหอ อกมาอธบิ าย
2. ลางเปลือกไข ตมนํ้าใหเ ดือด นําไขลงไปตม ขั้นตอนการทาํ งานของเพนกวินวา จะตองใชบล็อกคําสั่งอะไรบางในการเขียน
ปลอกเปลอื กไข คําส่ังนี้ จากนั้นครูถามนักเรียนภายในช้ันเรียนวา นักเรียนไดประโยชนจาก
3. นาํ ไขลงไปตม ตม นํา้ ใหเ ดอื ด ลา งเปลอื กไข การทาํ กิจกรรมนีอ้ ยา งไรบา ง
ปลอกเปลอื กไข
4. ปลอกเปลือกไข นําไขล งไปตม ตมนํา้ ใหเ ดือด T59
ลา งเปลอื กไข

(วเิ คราะหคําตอบ เรียงลําดับการตมไขไดถูกตองท่ีสุด คือ ลาง
เปลอื กไข ตม นํ้าใหเดอื ด นําไขลงไปตม ปลอกเปลอื กไข ดงั นั้น
ตอบขอ 2.)

นา� สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั สอน ¡¨Ô ¡รรÁ
½ƒ¡·ั¡Éะ
ขยายความเขา ใจ ใหนักเรียนเขียนคําสั่ง เพ่ือพาซอมบี้เดินทางไปยังดอกทานตะวัน
โดยเลือกใชบล็อกคําส่ังท่ีกําหนดให บันทึกบล็อกคําส่ังท่ีเขียนได
1. นักเรียนทํากิจกรรมฝกทักษะในหนังสือเรียน ลงในสมดุ
หนา 36 โดยใหนักเรียนเขียนคําสั่ง เพื่อพา
ซอมบ้ีเดินทางไปยังดอกทานตะวัน และให บล็อก
เลอื กใชบ ลอ็ กคาํ สงั่ ทกี่ าํ หนดให จากนน้ั บนั ทกึ ค�าสั่ง
บล็อกคําส่ังทไ่ี ดลงในสมดุ

2. ครสู มุ นกั เรียน 3-5 คน ออกมาอธบิ ายแนวคิด
ในการเขียนคาํ สั่ง เพ่อื พาซอมบีเ้ ดินทางไปยัง
ดอกทานตะวนั จากกิจกรรมฝกทักษะ

3. ครูนํานักเรียนรวมกันอภิปรายสรุปความรูท่ี
ไดจากการจัดกิจกรรม เชน ใหนักเรียนยก
ตัวอยา งเง่อื นไขท่ีพบเห็นในชีวิตประจําวัน
(แนวตอบ เงื่อนไขในการเลนเกม เชน เลนเกม
ไมเ กินวนั ละ 5 นาที จะไดรับเพชร จํานวน 10
เมด็ , เงอ่ื นไขในการเขา ใชง าน Facebook ตอ ง
มอี ายไุ มต ่ํากวา 13 ป)

ทักษะการเรยี นรูในศตวรรษท่ี 21
1. ทักษะการคดิ วเิ คราะห 2. ทักษะการคิดเชิงคํานวณ
36 3. ทักษะการแกปญหา

ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 36

เกร็ดแนะครู กิจกรรม 21st Century Skills

ครูใหนักเรียนทาํ กิจกรรมฝกทักษะในหนังสือเรียน โดยใหนักเรียนทาํ 1. ใหนักเรยี นแบง กลุม ตามความสมคั รใจ กลุม ละ 4-5 คน
กิจกรรมฝกทักษะตามคําส่ังที่กําหนดให เม่ือนักเรียนทาํ เสร็จเรียบรอย ครูจะ 2. แตละกลุมรวมกันสรางสถานการณการทํางานแบบวนซํ้า
สมุ ใหออกมาตอบคําถามหนา ชน้ั เรยี น โดยมีคาํ ถาม ดังนี้
กลมุ ละ 1 สถานการณ
- เมอื่ นกั เรยี นใชบ ลอ็ กคําสั่งท่ไี มถกู ตอง นกั เรียนจะแกปญ หานอ้ี ยา งไร 3. ระดมความคิดเห็นเพ่ือประดิษฐเสนทางและบล็อกคําสั่งตาม
- นกั เรยี นมวี ิธีในการตรวจสอบบลอ็ กคาํ สัง่ ทีเ่ กิดขอผิดพลาดอยางไรบา ง
สถานการณ
4. ตรวจสอบความถูกตองของเสนทางและบล็อกคําสั่งที่ประดิษฐ

ขึน้ วา ตรงตามความตองการหรอื ไม
5. จดั เตรยี มขอ มลู เพอ่ื นาํ เสนอตามรปู แบบทน่ี กั เรยี นคดิ วา นา สนใจ

อยางอิสระ
6. นําเสนอผลงานหนาช้ันเรียน โดยใชวิธีการสื่อสารที่ทําใหผูอ่ืน

เขาใจไดง าย

T60

นา� สอน สรปุ ประเมนิ

5. เขียนโปรแกรมใหนักบินอวกาศเดินทางไปที่ดาวเคราะหและ ขนั้ สอน
หลกี เลยี่ งอกุ กาบาต โดยเลอื กใชค าํ สง่ั ทกี่ าํ หนดใหส น้ั ทสี่ ดุ (10คะแนน)
ขยายความเขา ใจ
คำสง่ั หนั ขวา ทาํ ซํ้า คร้ัง
ไปขางหนา หนั ซา ย ทาํ 4. นักเรียนทําแบบฝกหัด หนา 23-24 โดยให
นักเรียนเขียนโปรแกรมใหนักบินอวกาศเดิน
1 ทางไปที่ดาวเคราะหและหลีกเล่ียงอุกกาบาต
โดยเลือกใชคําส่ังท่ีกําหนดใหสั้นที่สุด เม่ือ
เฉฉบลบั ย นักเรียนทํากิจกรรมน้ีเสร็จเรียบรอย ครูสุม
นักเรียนใหออกมาอธิบายการเขียนคําสั่งการ
ทํางานของโปรแกรม พรอมกับชวยกันสรุป
ความรูท ีไ่ ดจ ากการทํากิจกรรมนี้

เขียนโปรแกรม คำสั่ง หนั ขวา ทําซาํ้ จนกวา (Repeat until)
ไปขางหนา หนั ซาย ทํา (do)
ทําซ้าํ 3 ครง้ั
ทํา หันขวา 2

ไปขา งหนา
ไปขา งหนา

23

เฉฉบลบั ย

เขียนโปรแกรม

ทําซ้ําจนกวา (Repeat until)
ทํา (do) หนั ขวา

ไปขางหนา
หนั ซาย
ไปขางหนา

24

ภาพจาก

แบบฝก หดั
หน้า 23-24

ขอ สอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู

จากภาพถาตองการใหนกแดงเดินทางไป ครูใหนักเรียนทําแบบฝกหัดหนา 23-24 โดยนําบล็อกคําสั่งท่ีกําหนดให
หาหมเู ขยี วไดสําเร็จตอ งใชคาํ สั่งใด มาเขียนคําสั่งการทํางานเพ่ือใหโปรแกรมทํางานตามคําส่ังไดอยางถูกตอง
จากนั้นครอู าจจะใหน ักเรยี นทํากิจกรรมในเวบ็ ไซต Code.org โดยการเลน เกม
1. 2. จาก https://studio.code.org/s/course2/stage/6/puzzle/1 ตามลงิ กท แ่ี นบมา
เพอ่ื เปนการฝกทักษะการเขียนโปรแกรมใหถกู ตอ ง
3. 4.

(วเิ คราะหค าํ ตอบ จากภาพถาตองการใหนกแดงเดินทางไปหา
หมูเขียวไดสําเร็จตองใชคําส่ังขอท่ี 1 เพราะนกแดงตองเดินไป
ขางหนา 5 คร้ัง เพอ่ื ไปใหถ ึงหมูเขยี วพอดี ดงั นนั้ ตอบขอ 1.)

T61

นา� สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั สอน 6. เขยี นโปรแกรมใหโ ปเดนิ ไปท่ีเรอื โดยเลือกใชคาํ ส่ังทก่ี าํ หนด
ใหส น้ั ทส่ี ดุ (5 คะแนน)
ขยายความเขา ใจ
คำสั่ง ไปขา งหนา
5. นกั เรยี นทาํ แบบฝก หดั หนา 25 โดยใหน กั เรยี น
เขียนโปรแกรมใหโปเดินไปที่เรือ และเลือก หนั ซา ย
ใชคําส่ังใหสั้นท่ีสุด เม่ือทํากิจกรรมนี้เสร็จ หันขวา
ครูสุมนักเรียนใหออกมาอธิบายการเขียน
คําส่ังการทํางานของโปรแกรม จากนั้น ทําซาํ้ จนกวา (Repeat until)
ครูถามคําถามทายกิจกรรมกับนักเรียนวา
เมอ่ื โปรแกรมเกิดขอผิดพลาด นกั เรียนจะมวี ธิ ี ทาํ (do)
แกปญ หาน้ีอยางไร

เขยี นโปรแกรม เฉฉบลบั ย

ทําซ้าํ จนกวา (Repeat until)

ทาํ (do) หันขวา

ไปขางหนา
ไปขางหนา
ไปขา งหนา

เกณฑก ารใหคะแนน รายการประเมิน คะแนนตอขอยอ ย คะแนนรายขอ เกณฑการตัดสิน

1. เลอื กตําแหนงทต่ี วั ละครหยดุ ทาํ งานได 2.5 5 •21 คะแนนขน้ึ ไป = ผา น
2. เขียนโปรแกรมตามสถานการณท ีก่ าํ หนดได (2 ขอยอ ย) 5 5 •ต่ํากวา 21 คะแนน = ปรับปรุง
3.- 4. เขียนโปรแกรมตามสถานการณที่กาํ หนดได 5
5. เขียนโปรแกรมใหทํางานซา้ํ ตามเงอื่ นไขได (2 ขอ ยอ ย) 10
6. เขยี นโปรแกรมใหท ํางานซา้ํ ตามเงื่อนไขได 5

คะแนนเต็ม 35 25

ภาพจาก

แบบฝก หัด
หนา้ ท2ี่ 45

เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคดิ

ครใู หน กั เรียนทํากจิ กรรมในแบบฝกหดั หนา 25 ครทู บทวนความรทู ีเ่ รียน จากภาพถาตองการใหผ้ึงเดินทางไปเก็บ
มากบั นกั เรยี น โดยอาจจะถามคาํ ถามแลว ใหน กั เรยี นภายในชนั้ เรยี นชว ยกนั ตอบ ดอกไมตามเง่ือนไขไดสําเรจ็ ตองใชคําส่ังใด
ซึง่ มตี วั อยา งคาํ ถาม ดงั นี้
1. 2. 3. 4.
• การเขยี นโปรแกรมคืออะไร
• นกั เรียนสามารถฝก เขียนโปรแกรมผานเวบ็ ไซตใ ดไดบ าง (วิเคราะหคําตอบ ถา ตอ งการใหผ ้ึงเดินทางตามเงื่อนไขไดสาํ เร็จ
• การเขียนโปรแกรมสามารถนําไปใชกบั ชีวิตประจําวันไดอ ยางไร จะตองใชคําสั่งขอที่ 2. เพราะผ้ึงจะตองเดินไปขางหนาท้ังหมด
• การฝก เขยี นโปรแกรม Code.org มปี ระโยชนตอ นกั เรียนอยา งไรบาง 5 ครง้ั เกบ็ ดอกไม 1 ครั้ง จากนั้นหันขวา เดินไปขา งหนา และ
• เมื่อนักเรียนไมสามารถเขียนโปรแกรมใหตัวละครทํางานตามคําสั่งได เก็บนา้ํ หวานอีก 3 ครั้ง ดังน้นั ตอบขอ 2.)

จะมวี ธิ ีแกป ญหานี้อยา งไร

T62

นา� สอน สรุป ประเมิน

¡Ô¨¡ÃÃÁ½ƒ¡·Ñ¡ÉзÕè 1 Creating ไดคะแนน คะแนนเต็ม ขนั้ สอน
คดั แยกสเี สอ้ื ผา Evaluating
Analyzing 10 ขยายความเขา ใจ
Applying
Understanding 6. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมฝกทักษะท่ี 1 เรื่อง
Remembering คัดแยกสีเสื้อผา โดยใหพิจารณาสถานการณ
วา ปูอาสาชวยคุณแมคัดแยกสีเส้ือผา โดย
ปูอาสาชวยคณุ แมคัดแยกสเี สอื้ ผา โดยจะเขยี นคําสง่ั คดั แยกเส้อื ผา จะเขียนคําส่ังคัดแยกเสื้อผาจํานวน 30 ช้ิน
จํานวน 30 ชิ้น โดยแยกเปน ผา สขี าว ผา สีดํา และผาสี ใหนกั เรียน โดยแยกเปนผาสีขาว ผาสีดํา และผาสี ให
ชวยปเู ขยี นคําสัง่ คดั แยกเส้อื ผา ในรปู แบบแผนผงั (แนวคําตอบ) นักเรียนชวยปูเขียนคําสั่งคัดแยกเสื้อผาในรูป
แบบแผนผงั
เริ่มตน

หยิบเสือ้ ผาท่จี ะซกั ขนั้ สรปุ

เสอ้ื ผา สีขาวหรอื ไม ใช นําไปใสต ะกรา ท่ี 1 เฉฉบลับย ตรวจสอบผล
ใช นําไปใสตะกรา ท่ี 2
ไมใช ครูนํานักเรียนรวมกันอภิปรายสรุปความรูท่ี
ไดจากการจัดกิจกรรม เชน ใหนักเรียนชวยยก
เส้ือผา สดี าํ หรือไม ตัวอยางถึงเหตุการณท่ีพบเจอในชีวิตประจําวันที่
ไมใ ช จะนํามาเขยี นโปรแกรมเพื่อแกไ ขปญ หา

นาํ ไปใสตะกราท่ี 3 ขนั้ ประเมนิ

ตรวจสอบผล

ตารางการวดั และประเมนิ ผล

ไมใช เส้ือผาครบ วธิ กี าร เคร่ืองมอื เกณฑการประเมิน

30 ตวั หรอื ไม ตรวจแบบทดสอบ แบบทดสอบ ประเมินตามสภาพ
กอ นเรยี น กอ นเรยี น จริง
ใช
ตรวจแบบฝก หดั แบบฝก หัด รอ ยละ 60 ผานเกณฑ
ส้ินสดุ

เกณฑก ารใหคะแนน คะแนนตอ ขอ ยอ ย คะแนนรายขอ เกณฑการตดั สนิ ตรวจใบงาน ใบงาน รอยละ 60 ผา นเกณฑ
รายการประเมิน

เขยี นแผนผงั โดยใชส ญั ลกั ษณไดถ กู ตอ ง และสามารถแกป ญ หา 10 •6 คะแนนขึน้ ไป = ผา น ประเมนิ การนาํ เสนอ แบบประเมนิ ระดบั คุณภาพ 2
ตามสถานการณท่ีกําหนด 10 •ตํ่ากวา 6 คะแนน = ปรับปรงุ ผลงาน การนาํ เสนอ ผา นเกณฑ
ผลงาน
คะแนนเต็ม

ทักษะการเรยี นรใู นศตวรรษที่ 21

1. ทักษะการคิดวิเคราะห 2. ทักษะการคดิ เชิงคาํ นวณ 29 สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกต ระดบั คุณภาพ 2
3. ทกั ษะการแกปญหา การทาํ งาน พฤตกิ รรม ผา นเกณฑ
รายบคุ คล
ภาพจาก
สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกต ระดับคุณภาพ 2
แบบฝก หัด การทาํ งานกลมุ พฤตกิ รรม ผานเกณฑ
หนา้ ท2่ี 49

กิจกรรม ทาทาย แนวทางการวัดและประเมินผล

ใหนักเรียนทํากิจกรรมผ้ึง โดยเขียนโปรแกรมใหผึ้งทําตาม ครูสามารถประเมินการนําเสนอผลงาน และสังเกตพฤติกรรมการทํางาน
เงอื่ นไขทกี่ าํ หนดใหส าํ เรจ็ โดยเขา โปรแกรม Code.org จากนนั้ เขา รายบคุ คลและการทาํ งานกลมุ ของนกั เรยี น โดยศกึ ษาเกณฑก ารวดั และประเมนิ
ลงิ กท กี่ าํ หนดให https://studio.code.org/s/course2/stage/13/ ผล จากแบบประเมนิ การนําเสนอผลงาน แบบสังเกตพฤติกรรมการทาํ งานราย
puzzle/1 ครใู หเ วลาเลนเกมเปนเวลา 20 นาที นักเรยี นคนใดทํา บคุ คล และแบบสังเกตพฤติกรรมการทาํ งานกลมุ ทแี่ นบมาทา ยแผนการจดั การ
จบทุกดา นกอ นจะเปน ผชู นะ และไดร บั ของรางวัลจากครู จากน้นั เรยี นรทู ี่ 1 หนว ยการเรียนรูที่ 2
ครูและนกั เรียนรว มกนั สรุปความรทู ไ่ี ดจ ากการเลนเกมนี้
แบบประเมินการนาเสนอผลงาน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม

คาช้แี จง:ใหผ้ ้สู อนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขีด ลงในช่องท่ี คาชีแ้ จง : ให้ผสู้ อนสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในชอ่ งท่ี คาชี้แจง : ใหผ้ ู้สอนสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ลงในช่องท่ี
ตรงกับระดับคะแนน ตรงกับระดับคะแนน ตรงกับระดับคะแนน

ลาดับท่ี รายการประเมิน ระดับคะแนน 1 ลาดับที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน 1 ลาดับท่ี ชือ่ –สกลุ การแสดง การยอมรบั การทางาน ความมนี า้ ใจ การมี รวม
32  32  ของนกั เรียน ความคดิ เหน็ ฟังคนอน่ื ตามที่ได้รบั ส่วนรว่ มใน 15
    มอบหมาย การปรับปรงุ คะแนน
 1 การแสดงความคดิ เห็น  ผลงานกลมุ่
1 ความถกู ต้องของเนอื้ หา   2 การยอมรับฟังความคดิ เหน็ ของผู้อ่ืน  
2 ความคิดสร้างสรรค์  3 การทางานตามหน้าที่ทไี่ ด้รบั มอบหมาย  321321321321321
3 วิธีการนาเสนอผลงาน  4 ความมนี าใจ 
4 การนาไปใชป้ ระโยชน์ 5 การตรงต่อเวลา
5 การตรงต่อเวลา  

 

รวม รวม

ลงชอื่ ...................................................ผ้ปู ระเมิน ลงชื่อ...................................................ผ้ปู ระเมนิ
............/................./................... ............/.................../................

เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ลงชือ่ ...................................................ผปู้ ระเมิน
ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณช์ ัดเจน ให้ 2 คะแนน ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 2 คะแนน ............./.................../...............
ให้ 1 คะแนน ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินเปน็ ส่วนใหญ่ ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครงั เกณฑก์ ารให้คะแนน
ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ บางส่วน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ
ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบางครัง ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครง้ั
ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง
เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ เกณฑ์การตดั สินคุณภาพ ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน
ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ให้ 1 คะแนน

14–15 ดีมาก 14–15 ดมี าก เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ

11–13 ดี 11–13 ดี ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ
14–15 ดมี าก
8–10 พอใช้ 8–10 พอใช้ 11–13 ดี

ตา่ กวา่ 8 ปรับปรงุ ตา่ กวา่ 8 ปรบั ปรุง 8–10 พอใช้

ต่ากว่า 8 ปรบั ปรุง

T63

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 4เวลา ช่ัวโมง

การตรวจสอบข้อผดิ พลาดของโปรแกรม

1. มาตรฐาน/ตัวชี้วดั

ตัวชีว้ ัด

ป.3/2 เขียนโปรแกรมอย่างงา่ ย โดยใชซ้ อฟต์แวรห์ รือส่ือ และตรวจหาขอ้ ผดิ พลาดของโปรแกรม

2. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้

1. ตรวจสอบขอ้ ผิดพลาดของโปรแกรมได้ (K)
2. แกไ้ ขขอ้ ผิดพลาดจากการเขียนโปรแกรมได้ (P)
3. นำ� ความรู้และประโยชน์ทไ่ี ดร้ บั เรอ่ื ง การตรวจสอบข้อผิดพลาดของโปรแกรมมาประยกุ ต์ใชใ้ นชวี ิตประจ�ำวนั ได้ (A)

3. สาระการเรยี นรู้

- การตรวจหาข้อผิดพลาดท�ำได้โดยตรวจสอบค�ำส่ังที่แจ้งข้อผิดพลาด หรือหากผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่ต้องการให้

ตรวจสอบการท�ำงานทลี ะค�ำสัง่
- ซอฟต์แวร์หรอื ส่อื ทใ่ี ช้ในการเขยี นโปรแกรม เช่น ใช้บตั รคำ� สัง่ แสดงการเขยี นโปรแกรม Code.org

4. สาระสำ� คญั /ความคิดรวบยอด

การเขยี นโปรแกรมใหค้ อมพวิ เตอรท์ ำ� งานตามขน้ั ตอนทไ่ี ดอ้ อกแบบไวน้ น้ั บางครงั้ จะเกดิ ปญั หาซงึ่ ปญั หาทเี่ กดิ ขนึ้ จากการ
เขยี นโปรแกรมในแตล่ ะขน้ั ตอนของคำ� สงั่ นนั้ เรยี กวา่ ขอ้ ผดิ พลาด (Bug) สว่ นการตรวจสอบขอ้ ผดิ พลาดและแกไ้ ขขอ้ ผดิ พลาด
ทเ่ี กดิ ขน้ึ นนั้ จะเรยี กวา่ การแกไ้ ขจดุ บกพรอ่ ง (Debug) คำ� สง่ั จะแจง้ เตอื นขอ้ ผดิ พลาดทเี่ กดิ ขน้ึ เพอื่ ใหม้ กี ารทบทวนแกไ้ ข

ขอ้ ผดิ พลาดนน้ั พรอ้ มทงั้ แนะนำ� วธิ กี ารแกไ้ ขกอ่ นทจี่ ะดำ� เนนิ การตอ่ ไป

5. สมรรถนะสำ� คัญของผ้เู รยี นและคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์

สมรรถนะสำ� คญั ของผเู้ รียน ทกั ษะ 4Cs คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์

1. ความสามารถในการส่อื สาร 1. ทักษะการคิดอย่างมีวจิ ารณญาณ 1. มีวนิ ัย
2. ความสามารถในการคิด (Critical Thinking) 2. ใฝเ่ รียนรู้
3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 2. ทักษะการทำ� งานรว่ มกนั 3. มุ่งมน่ั ในการท�ำงาน
(Collaboration Skill)
3. ทักษะการสอ่ื สาร
(Communication Skill)
4. ทักษะความคดิ สร้างสรรค์
(Creative Thinking)

6. กจิ กรรมการเรียนรู้

แนวคิด/รูปแบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : วิธีการสอนแบบสาธิต และวิธีการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es
Instructional Model)

T64

นา� นา� สอน สรปุ ประเมนิ

เพราะเหตุใด 2. ¡ÒรµรǨสͺ¢ŒÍ¼´Ô ¾ÅÒ´¢Í§ ขน้ั นาํ
จึงตองมีการ
ตรวจสอบ âปรá¡รÁ 1. ครูกระตุนความสนใจของนักเรียน โดยใช
ขอ ผิดพลาด คําถามสําคัญประจําหัวขอจากหนังสือเรียน
ของโปรแกรม เม่ือเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอรเรียบรอย วา เพราะเหตุใด จึงตองมีการตรวจสอบขอ
แลว จะตอ งทาํ การตรวจสอบโปรแกรมวา ทาํ งานได ผิดพลาดของโปรแกรม จากนั้นใหนักเรียน
ผลลพั ธต รงตามความตอ งการหรอื ไม หากโปรแกรม รวมกนั วเิ คราะหเ พอ่ื หาคําตอบของคําถามน้ี
ไมส ามารถทาํ งานตามทต่ี อ งการไดใหก ลบั ไปแกไขและทดสอบใหม
ทําจนกวา จะไดผ ลลพั ธตรงตามความตองการ 2. ครูกลาวเพื่อเช่ือมโยงเขาสูบทเรียนวา ในการ
การเขียนโปรแกรมใหคอมพิวเตอรทํางานตามข้ันตอนที่ได เขียนโปรแกรม เขียนคําสั่งใหโปรแกรม หรือ
ออกแบบไวนน้ั บางครงั้ อาจจะเกดิ ปญหาขึน้ ได ซึง่ ปญหาทเี่ กดิ ขนึ้ คอมพิวเตอรทํางานน้ัน บางครั้งอาจจะพบ
จากการเขียนโปรแกรมในแตละข้ันตอนของคําส่ังนั้นจะเรียกวา กับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นได เชน ผูเขียน
ขอ ผดิ พลาด (Bug) สว นการตรวจสอบขอ ผดิ พลาดและทาํ การแกไข โปรแกรมอาจจะตั้งใจเขียนโปรแกรมไวแบบ
นี้ แตโปรแกรมท่ีแสดงออกมา หรือผลลัพธ
ไมเปนไปอยางที่คิดไว สิ่งท่ีเกิดข้ึนน้ีเรียกวา
ขอผิดพลาด จากนั้นทําการตรวจสอบขอ
ผิดพลาด และทําการแกไขขอผิดพลาดที่
เกดิ ข้นึ จะเรียกวา การแกไ ขขอ บกพรองใหม
ไปพรอมกัน

ขอผดิ พลาดที่เกิดขนึ้ นนั้ จะเรยี กวา การแกไขจุดบกพรอง (Debug)

ภาพท่ี 2.4 การเขยี นโปรแกรมจาํ เปน ตอ งตรวจสอบขอ ผดิ พลาดของโปรแกรมทกุ ครงั้ 37 แนวตอบ คาํ ถามสาํ คญั ประจําหัวขอ

ภาพจาก หนังสอื เรยี น หนา 37 การตรวจสอบขอผิดพลาดของโปรแกรม
เปนการตรวจสอบวาผลลัพธตรงกับความตองการ
หรือไม ถาหากเกิดขอผิดพลาดของโปรแกรมหรือ
โปรแกรมไมสามารถทํางานไดตรงตามท่ีตองการ
จะไดกลับไปแกไขและทดสอบใหมจนกวาจะได
ผลลัพธตรงตามความตองการ เพื่อปองกันขอผิด
พลาดจากการทํางานของโปรแกรมท่ีอาจเกิดขึ้น

ขอสอบเนน การคดิ ส่ือ Digital

จากสถานการณและบล็อกคําสั่ง ครใู หน กั เรยี นศกึ ษาเนอื้ หาเพมิ่ เตมิ เกย่ี วกบั การแกไ ขจดุ บกพรอ งในเวบ็ ไซต
ทกี่ าํ หนดให สว นใดทที่ าํ ใหโ ปรแกรม Code.org จากคลิปวิดีโอใน YouTube เร่ือง Debugging with the Step
คาํ ส่ังเกิดขอ ผิดพลาด (Bug) Button (Course A-B) ตามลิงกท่ีแนบมา https://www.youtube.com/
watch?v=AtbqIF4gOb8

1. 2.

3. 4.
(วเิ คราะหค ําตอบ จากสถานการณและบล็อกคําสั่งที่กําหนดให
โปรแกรมคําส่ังท่ที าํ ใหผ้งึ เกบ็ น้าํ หวานไดค รบ คือ ไปขางหนาเก็บ
นาํ้ หวาน หนั ขวา ไปขา งหนา หนั ซา ย ไปขา งหนา และเกบ็ นาํ้ หวาน
ดังนน้ั ตอบขอ 1.)

T65

นา� สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ สอน 2.1 การตรวจสอบคาํ สั่งข้ันตอนการทํางานของโปรแกรม

สาํ รวจคน หา เมอื่ เขยี นโปรแกรมคาํ สง่ั เรยี บรอ ยแลว แตผ ลลพั ธท ่ีไดไมเ ปน ไป
ตามทตี่ อ งการ หรอื ทเ่ี รยี กวา มขี อ ผดิ พลาดเกดิ ขนึ้ คาํ สง่ั จะแจง เตอื น
1. ครูอธิบายเน้ือหา เร่ือง การตรวจสอบคําส่ัง ขอ ผดิ พลาดทเ่ี กดิ ขนึ้ เพอื่ ใหม กี ารทบทวนและแกไขขอ ผดิ พลาดนนั้
ข้ันตอนการทํางานของโปรแกรมในหนังสือ พรอมทั้งแนะนําวธิ กี ารแกไขกอ นทจี่ ะดําเนนิ การตอไป
เรียน หนา 38 โดยครูอธิบายสถานการณ
ตัวอยาง โดยจะมีสถานการณตัวอยางวา โป ส¶า¹¡าร³µัÇÍÂา‹ §
ตองการเขียนโปรแกรมคําส่ังเพื่อใหซอมบี้
เดินทางไปเก็บดอกทานตะวัน แตโปรแกรมท่ี โปตองการเขียนโปรแกรมคําสั่งเพื่อใหซอมบ้ีเดินทางไปเก็บ
เขยี นไมส ามารถทาํ จนสาํ เรจ็ ได จะมวี ธิ ใี นการ ดอกทานตะวนั แตโ ปรแกรมทเ่ี ขียนไมส ามารถทํางานจนสําเรจ็ ได
แกปญหาน้ีอยางไร จากนั้นครูเปดโอกาสให จะมวี ธิ ีในการแกปญ หานีอ้ ยางไร
นกั เรียนซกั ถามขอสงสัยไดอ ยา งอสิ ระ

2. ครถู ามคาํ ถามกบั นกั เรียนวา เมื่อนกั เรยี นเปน
โปจ ะมวี ธิ ใี นการแกป ญ หานอี้ ยา งไร จากนนั้ ครู
สมุ นักเรียนข้นึ มาตอบคาํ ถาม

38

ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 38

เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคดิ

ครูใหนักเรียนสังเกตภาพสถานการณตัวอยางจากหนังสือเรียน จากน้ัน การตรวจสอบคําสั่งข้ันตอนการทํางานของโปรแกรมสงผลตอ
ครูสุมนักเรียนออกมาเขียนโปรแกรมคําสั่งลงบนกระดานพรอมอธิบาย การเขยี นโปรแกรมอยา งไร
กระบวนการทํางานของโปรแกรมและเปดโอกาสใหเพื่อนรวมช้ันเรียนรวมกัน
ตรวจสอบคําส่ังขั้นตอนการทํางานของโปรแกรม โดยครูคอยใหคําแนะนําตาม (วิเคราะหค าํ ตอบ การตรวจสอบคําสั่งข้ันตอนการทํางานของ
ความเหมาะสม โปรแกรม เปนการตรวจสอบวาโปรแกรมคําส่ังท่ีเขียนข้ึนน้ัน
ไดผลลัพธตรงกับความตองการหรือไม เพื่อเปนการทบทวน
และหาขอผิดพลาดของการเขียนโปรแกรม รวมถึงปรับปรุงแกไข
ขอผิดพลาดนั้นใหถูกตอง จะทําใหการเขียนโปรแกรมมี
ประสิทธภิ าพมากย่ิงข้นึ )

T66

นา� สอน สรปุ ประเมนิ

â»Ãá¡ÃÁ¤Òí ÊèѧáÅТ͌ ¼´Ô ¾ÅÒ´·àÕè ¡Ô´¢éÖ¹ ขน้ั สอน

เมื่อคลกิ ท่บี ลอ็ กคา� สง่ั ตามรปู  ทา� ใหซ้ อมบเ้ี ดนิ ทางไปไมถ่ ึงดอกทานตะวนั   สาํ รวจคน หา
จงึ ทา� ให้เกิดขอ้ ผิดพลาดของโปรแกรม เพราะซอมบี้
เดนิ ทางไปเก็บดอกทานตะวนั ไมส่ �าเร็จ ค�าแนะน�าเม่อื 3. ครูแจกบัตรคําส่ังการเขียนโปรแกรมเพื่อแก
ปญหาใหนักเรียนคนละ 1 คําสั่ง แลวให
เกดิ ข้อผิดพลาด นักเรียนตรวจสอบโปรแกรมคําส่ังเพ่ือหาขอ
ผดิ พลาดทเ่ี กดิ ขนึ้ วา ควรจะใชบ ตั รคาํ สง่ั ใดใน
การแกป ญ หาเพอ่ื พาซอมบเ้ี ดนิ ทางไปเกบ็ ดอก
ทานตะวนั ไดสาํ เรจ็

4. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปเก่ียวกับการเขียน
โปรแกรมคําสั่งที่เกิดขอผิดพลาดวาเกิดข้ึนได
อยา งไร และมวี ธิ ใี นการตรวจสอบขอ ผดิ พลาด
เพอ่ื หาวธิ ใี นการแกป ญ หาอยา งไร

¡ÒõÃǨÊͺ¢ÍŒ ¼Ô´¾ÅÒ´·èàÕ ¡´Ô ¢¹Öé

เม่ือพจิ ารณา
ข้อผดิ พลาดจึงพบวา่
ในส่วนที่ผดิ พลาด
เกดิ ข้ึนจากเสน้ ทาง
การเดนิ ของซอมบ้ี 
จึงสามารถเขยี น
โปรแกรมใหม ่ได ้

ดงั นี้

ภาพท่ี 2.5 ขัน้ ตอนการตรวจสอบคาํ สั่งขั้นตอนการทํางานของโปรแกรม

39

ภาพจาก หนังสือเรยี น หนา 39

ขอ สอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู

ปูตรวจพบวา ผลลัพธของโปรแกรมที่เขียนขึ้นไมตรงตาม ครูใหนักเรียนสังเกตภาพการตรวจสอบขอผิดพลาดที่เกิดขึ้นในการ
ที่ตอ งการ ปคู วรดาํ เนนิ การแกไ ขอยา งไร ทํางานของโปรแกรม โดยครูสุมนักเรียนออกมาอธิบายแนวทางการตรวจสอบ
ขอผิดพลาดที่เกิดขึ้นและแนวทางการแกไขขอ ผดิ พลาด จากนน้ั ครจู ัดกิจกรรม
1. ตรวจสอบผลลัพธก ารทาํ งานของโปรแกรม ภายในหองเรียน โดยใหน ักเรยี นแบง กลุม กลุมละ 4-5 คน แลวใหแตล ะกลุม
2. วางแผนการเขียนคําสงั่ ควบคมุ การทํางานใหม พจิ ารณาภาพสถานการณใ หล ะเอยี ด พรอ มตอ บลอ็ กคาํ สงั่ ของโปรแกรมใหส าํ เรจ็
3. ตรวจสอบขอผดิ พลาดของโปรแกรมจากการแจงเตือน ตามระยะเวลาท่กี าํ หนด
4. ลงมือแกไขคําสง่ั ของโปรแกรมท่ีผดิ พลาดใหสมบูรณม าก

ยง่ิ ขึน้

(วเิ คราะหคําตอบ เมอื่ เขยี นคําสงั่ ควบคมุ การทาํ งานของโปรแกรม
แลวพบวาผลลัพธของโปรแกรมไมตรงตามที่ตองการ ผูใชงาน
ควรตรวจสอบขอผิดพลาดของโปรแกรมจากการแจงเตือนเพ่ือให
ทราบตาํ แหนง ทแี่ นช ดั จากนนั้ ดําเนนิ การแกไ ขใหเ รยี บรอ ยเพอื่ ให
โปรแกรมที่เขียนสมบรู ณมากยิ่งขึ้น ดังนนั้ ตอบขอ 3.)

T67

นา� สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั สอน ¡Ô¨¡ÃÃÁ½¡ƒ ·¡Ñ ÉзèÕ 2 Creating ไดคะแนน คะแนนเตม็
Evaluating
อธบิ ายความรู วาดภาพตามคําส่ัง Analyzing 10
Applying
1. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมฝกทักษะที่ 2 เร่ือง Understanding
วาดภาพตามคาํ สง่ั ในแบบฝก หดั หนา 30-31 Remembering
โดยใหอานคําสั่งตอไปนี้ แลววาดภาพตาม
คําสั่งลงในกรอบดานลาง โดยนักเรียนไม อานคาํ สงั่ ตอ ไปนี้ แลววาดภาพตามคําส่งั ลงในกรอบดานลา ง
สามารถสอบถามรายละเอยี ดเพมิ่ เตมิ ได จากนนั้ โดยนกั เรยี นไมส ามารถถามรายละเอียดเพ่ิมเตมิ ได (แนวคาํ ตอบ)
ใหนักเรียนนําภาพที่วาดไดมาเปรียบเทียบกับ
ภาพตนฉบับในหนานี้วา มีความเหมือนหรือ เรม่ิ ตน
แตกตา งกนั อยา งไร ถา ไมเ หมอื นจะแกไ ขคาํ สง่ั
อยางไรใหสามารถวาดภาพออกมาไดเหมือน วาดวงกลมขนาด 4 ซม.
ภาพตน ฉบบั ที่กําหนดให
วาดปากเปน วงรีขนาด 1 ซม. 2 รปู ประกบกนั
บริเวณเหนอื จดุ กงึ่ กลางของวงกลม

วาดรูปสามเหลย่ี มเปนตาหางกนั 1.5 ซม.
เฉฉบลับย ขีดเสนเหมือนตวั แอลเปนขาซายและตวั แอลกลบั ดาน

เปน ขาขวาหา งกนั 1.5 ซม.

เตมิ ปก ดวยครึ่งวงกลมทง้ั 2 ขาง บริเวณกลางวงกลม

สิ้นสุด

วาดภาพ

โดขย้นึ ใอหยอ กู ยบัูในภดาพุลวยาพดนิ ขอจิ งขนองกั คเรรยีผู นสู อน นาํ ภาพทนี่ กั เรยี นวาดแลว มาเปรยี บเทยี บกบั ภาพตนฉบบั
ภาพตนฉบบั วา เหมือนกนั ทกุ จุดหรือไม ถา
30 ไมเหมือนกัน จะแกไขคําสั่งอยางไรใหวาด
ไดเหมอื นภาพตนฉบับ

เขียนคําสง่ั ใหม เรมิ่ ตน

วาดวงกลมขนาดเสนผานศูนยกลาง 4 ซม.

วาดปากเปนวงรขี นาด 1 ซม. 2 รปู ประกบกนั เฉฉบลับย
บริเวณเหนอื จดุ ศูนยก ลางของวงกลม

วาดรูปสามเหล่ียมขนาดเล็กเปนตา 2 จุด หา งกนั 1.5 ซม.

ขดี เสน เหมือนตวั แอล (L) เปน ขาขวาของภาพและตัวแอล
กลับดาน )L( เปน ขาซา ยของภาพหา งกัน 1.5 ซม.

เตมิ ปก ดวยคร่ึงวงกลมนอกวงกลมใหญทั้ง 2 ขา ง
ชว งกึง่ กลางของวงกลม
สน้ิ สดุ

เกณฑก ารใหคะแนน รายการประเมนิ คะแนนตอ ขอยอย คะแนนรายขอ เกณฑก ารตดั สนิ
•6 คะแนนข้ึนไป = ผา น
แกไ ขคําสั่งใหท าํ งานตามเงอ่ื นไขได 10 •ตํา่ กวา 6 คะแนน = ปรบั ปรุง
10
คะแนนเต็ม
ทักษะการเรยี นรใู นศตวรรษที่ 21 2. ทักษะการคิดเชงิ คาํ นวณ 31
1. ทักษะการคิดวเิ คราะห
3. ทกั ษะการแกปญ หา

ภาพจาก

แบบฝก หดั
หนา้ 30-31

เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคดิ

ครใู หน กั เรยี นทาํ แบบฝก หดั ในกจิ กรรมที่ 2 เรอื่ ง วาดภาพตามคาํ สงั่ โดยให การทดสอบโปรแกรมมีความสําคญั อยางไร
นกั เรยี นสงั เกตผงั งานและวาดภาพตามลาํ ดบั เมอ่ื นกั เรยี นทาํ เสรจ็ เรยี บรอ ยแลว 1. เพื่อตรวจสอบวาผใู ชม ีความพงึ พอใจมากนอ ยเพยี งใด
ครจู ะถามคาํ ถามกบั นกั เรยี นวา รปู ทวี่ าดไดจ ากคาํ สง่ั ทก่ี าํ หนดใหเ ปน ภาพอะไร 2. เพอ่ื ตรวจสอบความสมบูรณของฟง กชันการทํางานตาง ๆ
จากนนั้ ครกู าํ หนดสถานการณข น้ึ มา แลว ใหน กั เรยี นวาดภาพตามสถานการณน น้ั 3. เพอื่ หาวธิ ีการเขยี นโปรแกรมที่มคี วามซบั ซอ นนอ ยกวาเดมิ
พรอ มอธิบายกบั ครูวา ภาพที่ไดเ ปน ภาพอะไร 4. เพอ่ื ตรวจสอบและแกป ญหาการทํางานผดิ พลาดของ
โปรแกรม

(วเิ คราะหค าํ ตอบ การทดสอบโปรแกรมมีความสําคัญ คือ เพ่ือ
ตรวจสอบและแกป ญ หาการทาํ งานผดิ พลาดของโปรแกรม ดงั นน้ั
ตอบขอ 4.)

T68

นา� สอน สรปุ ประเมนิ

Ẻ½¡ƒ Ë´Ñ การตรวจสอบขอผิดพลาด คะแนนเต็ม ขนั้ สอน
ของโปรแกรม
15 อธบิ ายความรู

1. หมีตองการไปเก็บรงั ผึ้งและหลกี เลี่ยงผึง้ ทีจ่ ะตอย ใหต รวจสอบ 2. นักเรียนทําแบบฝกหัด เรื่อง การตรวจสอบ
โปรแกรมทก่ี าํ หนด ถา พบขอ ผดิ พลาดใหแ กไ ขใหถ กู ตอ ง (5 คะแนน) ขอผิดพลาดของโปรแกรม หนา 26-27 โดย
โปรแกรมที่แกไขแลว ใหนักเรียนอานสถานการณที่กําหนดวา หมี
ตองการไปเก็บรังผึ้ง และหลีกเลี่ยงผ้ึงที่จะ
หนั ขวา ตอ ย ใหต รวจสอบโปรแกรมทกี่ าํ หนด ถา พบขอ
ผิดพลาดใหแกไขใหถูกตอง เม่ือนักเรียน
ไปขางหนา ทําเสร็จเรียบรอยแลวครูสุมนักเรียนใหออกมา
นาํ เสนอหนา ช้นั เรยี น
หนั ซาย

เฉฉบลับย ไปขางหนา

26 หันขวา

ไปขางหนา

โปรแกรมทีก่ ําหนด ไปขางหนา
หนั ขวา

หนั ขวา ไปขา งหนา 2. หมีเดินตามโปรแกรมที่กําหนดเพื่อไปเก็บรังผ้ึงและหลีกเลี่ยง
ไปขา งหนา หันซาย ผง้ึ ที่จะตอย แตหมไี มส ามารถไปถึงเปา หมายได ใหตรวจสอบ
หนั ขวา โปรแกรมและแกไขขอผดิ พลาดใหถ กู ตอง (5 คะแนน)
ไปขา งหนา ไปขางหนา โปรแกรมทกี่ าํ หนด
เกบ็ น้ําผึ้ง

หนั ขวา

ไปขา งหนา

ไปขางหนา

ไปขา งหนา

หันซา ย โปรแกรมมีขอ ผดิ พลาดหรอื ไม
✓ มี ไมม ี
หันซา ย
ไปขา งหนา
เกบ็ น้าํ ผึง้

ทาํ ซํ้า 3 ครง้ั
ทาํ หันซา ย

ทาํ ซาํ้ 2 ครง้ั
ทาํ ไปขางหนา

เฉฉบลบั ย

โปรแกรมทแ่ี กไ ขแลว

ทาํ ซ้ํา 3 ครง้ั
ทํา หนั ขวา

ทาํ ซา้ํ 3 ครงั้
ทํา ไปขางหนา

27

ภาพจาก

แบบฝก หดั
หน้า 26-27

ขอ สอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู

จากภาพ ขอใดอธบิ ายการทาํ งานไดถ กู ตองทส่ี ุด หลังจากนักเรียนทําแบบฝกหัดเสร็จเรียบรอยแลว ครูอาจจะเปดเว็บไซต
1. เดินไปขา งหนา 4 ครั้ง หันขวา 3 ครง้ั Code.org แลว นาํ บลอ็ กคาํ สงั่ ในโปรแกรมมาวางตอ กนั แลว สมุ ตวั แทนนกั เรยี น
2. เดินไปขางหนา 4 ครัง้ หนั ซา ย 3 ครั้ง หรอื ใหน กั เรยี นในชน้ั เรยี นชว ยกนั อธบิ ายการทาํ งานของบลอ็ กคาํ สงั่ ทคี่ รเู ขยี นขน้ึ
3. เดินไปขางหนา 2 ครง้ั เกบ็ ดอกไม 3 ครง้ั ถามีนักเรียนคนใดตอบผิด หรือไมเขาใจการทํางานน้ัน ใหครูอธิบายขั้นตอน
4. เดนิ ไปขา งหนา 5 ครง้ั เกบ็ นาํ้ หวาน 3 ครงั้ การทาํ งานใหนกั เรยี นฟง ทีละข้นั ตอน

(วเิ คราะหคําตอบ จากภาพทกี่ าํ หนดให สามารถเขยี นอธบิ ายการ
ทํางานไดว า เปน การเขยี นคาํ สงั่ โปรแกรมใหเ ดนิ ไปขา งหนา 5 ครง้ั
และเกบ็ น้าํ หวาน 3 ครัง้ ดงั นัน้ ตอบขอ 4.)

T69

นา� สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ สอน ¡¨Ô ¡รรÁ
½ƒ¡·ั¡Éะ
อธบิ ายความรู
ใหนักเรียนพิจารณาโปรแกรมตอไปน้ี เพ่ือพาซอมบี้เดินทางไปยัง
3. นักเรียนทํากิจกรรมฝกทักษะในหนังสือเรียน ดอกทานตะวันวา มีขอผิดพลาดหรือไม ถาพบขอผิดพลาด ใหแกไข
หนา 40 โดยใหนกั เรยี นพิจารณาโปรแกรมตอ ขอ ผดิ พลาดใหถ ูกตอง โดยเขียนบลอ็ กคําสั่งท่ถี ูกตอ งลงในสมุด
ไปน้ี เพอ่ื พาซอมบเี้ ดนิ ทางไปยงั ดอกทานตะวนั
วาเกิดขอผิดพลาดหรือไม ถาพบขอผิดพลาด 1. บลอ็ กคาํ สงั่ โปรแกรม
ใหแกไขใหถูกตอง โดยเขียนบล็อกคําส่ังที่
ถกู ตอ งลงในสมดุ

4. ครูสรุปความรู เรื่อง การตรวจสอบคําสั่ง
ขั้นตอนการทํางานของโปรแกรม และอาจ
เพิ่มเติมใหนักเรียนเขียนโปรแกรมอยางงาย
จากเว็บไซต Code.org เพ่ือเปนการฝกฝน
การเขยี นโปรแกรมอยา งงาย

2. บล็อกคาํ สั่ง โปรแกรม

ทักษะการเรยี นรูในศตวรรษท่ี 21 2. ทักษะการคดิ เชงิ คาํ นวณ

40 1. ทักษะการแกปญหา

ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 40

เกร็ดแนะครู กิจกรรม 21st Century Skills

ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมฝกทักษะ โดยใหนักเรียนพิจารณาโปรแกรมท่ี 1. ใหน ักเรียนแบงกลมุ ตามความสมัครใจ กลุมละ 4-5 คน
กําหนดให เพื่อพาซอมบี้เดินทางไปยังดอกทานตะวัน และตรวจสอบวามีขอ 2. ตัวแทนกลุมออกมารับโปรแกรมและคําสั่งท่ีเกิดขอผิดพลาด
ผิดพลาดหรือไม ถาพบขอผิดพลาดใหแกไขขอผิดพลาดใหถูกตอง โดยเขียน
บล็อกคําสั่งที่ถูกตองลงในสมุด และเมื่อนักเรียนทําเสร็จเรียบรอยแลว ครูควร กลมุ ละ 1 โปรแกรม โดยแตล ะกลมุ จะตอ งไดโ จทยท แี่ ตกตา งกนั
ตรวจสอบความถูกตอง พรอมใหคําแนะนําเพ่ิมเติมแกนักเรียนเก่ียวกับการ 3. ระดมความคิดเห็นเพื่อเขียนคําส่ังควบคุมโปรแกรมใหมให
เขียนบล็อกคาํ สัง่
ถกู ตอง
4. ตรวจสอบความถกู ตอ งของคาํ สงั่ ควบคมุ โปรแกรมใหมท เ่ี ขยี นขน้ึ

หากพบขอ ผดิ พลาดใหแกไขใหถูกตอ ง
5. รวมกันจัดเตรียมขอมูลเพื่อนําเสนอตามรูปแบบที่นักเรียน

คดิ วา นา สนใจอยา งอสิ ระ
6. นําเสนอผลงานหนาช้ันเรียน โดยใชวิธีการส่ือสารที่ทําใหผูอื่น

เขาใจไดง า ย

T70

นา� สอน สรปุ ประเมนิ

3. ผ้ึงตองเก็บนํ้าหวานเม่ือพบดอกไมและผลิตน้ําผ้ึงเม่ือพบรังผึ้ง ขน้ั สอน
ใหตรวจสอบโปรแกรมท่ีกําหนด ถาพบขอผิดพลาดใหแกไขให
ถกู ตอง (5 คะแนน) อธบิ ายความรู
โปรแกรมที่แกไ ขแลว
5. ครใู หน ักเรยี นทําแบบฝก หดั หนา 28 โดยให
ทําซาํ้ 5 ครงั้ นักเรียนพิจารณาสถานการณท่ีกําหนดใหวา
ทํา ไปขางหนา ผึ้งตองเก็บนํ้าหนาวเม่ือพบดอกไมและผลิต
นํ้าผ้ึงเม่ือพบรังผึ้ง ใหตรวจสอบโปรแกรม
เกบ็ นํ้าหวาน ที่กําหนด ถาพบขอผิดพลาดใหแกไขให
หันซา ย ถูกตอง เมื่อนักเรียนทํากิจกรรมน้ีเสร็จ ครู
จะสุมนักเรียนใหออกมาอธิบายข้ันตอนการ
ไปขางหนา ทาํ บนกระดานดาํ
ผลิตนํ้าผึง้
หนั ขวา 6. ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั สรปุ ความรทู ไี่ ดจ ากการ
ทํากิจกรรมนี้ หากนักเรียนคนใดมีขอสงสัย
สามารถสอบถามครูไดท นั ทภี ายในคาบเรยี น

เฉฉบลับย โปรแกรมที่กําหนด

ทําซ้ํา 5 ครงั้ โปรแกรมมีขอผิดพลาดหรอื ไม
ทํา ไปขา งหนา ✓ มี ไมม ี

เก็บนา้ํ หวาน
หันขวา

ไปขางหนา

ผลติ น้ําผึง้
หนั ซา ย

เกณฑการใหคะแนน รายการประเมนิ คะแนนตอขอ ยอ ย คะแนนรายขอ เกณฑก ารตัดสิน
1.- 3. แกไขโปรแกรมที่ผดิ พลาดไดถกู ตอ ง 5 •9 คะแนนขึ้นไป = ผา น
15 •ต่าํ กวา 9 คะแนน = ปรับปรงุ
คะแนนเตม็
ภาพจาก
28
แบบฝก หัด
หน้าท2ี่ 48

ขอ สอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู

จากภาพถา ตอ งการใหน กแดงเดนิ ทางไปหา ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมในแบบฝกหัด โดยใหนักเรียนดูภาพและคําส่ังที่
หมเู ขียวตามเง่อื นไขไดสาํ เรจ็ ตองใชค าํ สงั่ ใด กาํ หนดใหวาคาํ สงั่ ท่กี าํ หนดใหมขี อ ผดิ พลาดตรงสว นไหน และนกั เรยี นจะแกไข
ใหถูกตองไดอยางไร จากน้ันครูสุมนักเรียนใหออกมาอธิบายขั้นตอนการทํา
1. 2. กิจกรรมนี้ เมื่อนักเรียนทํากิจกรรมน้ีเสร็จเรียบรอยแลวใหนักเรียนทํากิจกรรม
ในโปรแกรม Code.org เพอ่ื ใหน ักเรียนสามารถฝก ทักษะการเรยี นรูนี้

3. 4.

(วเิ คราะหคําตอบ จะตองใชคําส่ังขอท่ี 1. เพราะนกแดงจะตอง T71
เดินไปขา งหนา ทั้งหมด 4 ครั้ง จากนั้นจะหันขวา และเดนิ ตอไป
ขา งหนา ทั้งหมด 5 ครั้ง จะถึงหมูเขียวไดส ําเรจ็ ดังน้นั ตอบขอ 1.)

นา� สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ สอน 2.2 การนาํ แนวคดิ เชงิ คาํ นวณมาใชในการตรวจสอบขอ ผดิ พลาด1

อธบิ ายความรู การตรวจสอบการทํางานทีละคําสั่ง มีลักษณะการทํางาน
โดยการนําแนวคิดเชิงคํานวณ เร่ืองการแบงแยกสวนของปญหา
7. ครูนํานักเรียนสนทนาทบทวนความรูเดิมใน (Decomposition) ซง่ึ เปน กระบวนการแบงแยกปญหาออกเปนสวน
เร่ือง การตรวจสอบคําส่ังข้ันตอนการทํางาน ยอย ๆ หรือการแยกคําสั่งออกเปนคําส่ังยอย ๆ ทีละคําสั่ง เพ่ือให
ของโปรแกรมในคาบทผี่ า นมา ทราบขอ ผดิ พลาดของปญ หาทเี่ กดิ ขน้ึ และงา ยตอ การแกป ญ หานน้ั ๆ

8. ครอู ธบิ ายใหน กั เรยี นฟง เกยี่ วกบั การนาํ แนวคดิ ส¶า¹¡าร³µ ัÇÍ‹า§
เชงิ คาํ นวณมาใชใ นการตรวจสอบขอ ผดิ พลาด
วา เปนการตรวจสอบการทํางานทีละคําส่ัง ปูตองการเขยี นโปรแกรมคาํ สงั่
มีลักษณะการทํางานโดยการนําแนวคิดเชิง เพื่อใหซ อมบี้เดนิ ทางไปเกบ็
คํานวณ เรอ่ื ง การแบง แยกสวนของปญหา ซึ่ง ดอกทานตะวนั แตโ ปรแกรม
เปนกระบวนการแยกยอยของปญหาออกเปน ท่ีปูเขยี นเกิดขอ ผดิ พลาด
สวนๆ ทีละคาํ สั่ง เพ่ือใหง ายตอ การแกป ญหา จะมีวิธีในการแกป ญหาน้ี
นนั้ รวมถงึ สถานการณต วั อยา งทต่ี อ งการแกไ ข อยา งไร
ขอ ผิดพลาดที่เกดิ ขึน้ จากการเขยี นโปรแกรม

â»Ãá¡ÃÁ¤Òí Êè§Ñ áÅТ͌ ¼´Ô ¾ÅÒ´
·àèÕ ¡´Ô ¢Ö¹é

41

ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 41

นักเรียนควรรู กจิ กรรม สรางเสริม

1 ตรวจสอบขอผิดพลาด คือ การกระทําหลังจากที่ผูใชงานเขียนโปรแกรม ใหนักเรียนสืบคนการเขียนโปรแกรมที่เกิดขอผิดพลาดจาก
เสร็จส้ินแลว โดยตรวจสอบวา มีขอผิดพลาดเกิดข้ึนจากการเขียนโปรแกรม อินเทอรเน็ต จากนั้นใหนักเรียนแกไขขอผิดพลาดท่ีเกิดขึ้น
หรือไม โดยทั่วไปจะมีการตรวจสอบขอผิดพลาดของโปรแกรมอยู 2 วิธี คือ ใหถูกตอง โดยบันทึกลงในกระดาษท่ีครูแจกพรอมตกแตงให
การตรวจสอบดว ยตนเอง เปน วธิ ีการตรวจสอบการเขียนโปรแกรมทีละขัน้ ตอน สวยงาม และจัดเตรียมขอมูลเพ่ือนําเสนอตามรูปแบบท่ีนักเรียน
วาไดผลลัพธตรงตามความตองการหรือไม และวิธีการตรวจสอบดวยการแปล คิดวา นา สนใจอยางอิสระ
ภาษา ซ่ึงเปน การแปลคาํ ส่ังโปรแกรมเขา สเู คร่ืองคอมพวิ เตอรผ า นตวั แปลภาษา
ทีเ่ รียกวา คอมไพเลอร (Compiler) หรืออนิ เทอรพ รเี ตอร (Interpreter) ซึง่ ถา
มีขอผดิ พลาดใดๆ เคร่อื งคอมพิวเตอรจ ะแจง ขอผิดพลาดใหทราบทางหนาจอ

T72

นา� สอน สรปุ ประเมนิ

¡ÒõÃǨÊͺ¢ÍŒ ¼´Ô ¾ÅÒ´¢Í§¤Òí ÊÑè§ ขนั้ สอน

โดยการแยกค�าส่ังออกเปนค�าส่ังย่อย ๆ ทีละค�าส่ัง เพ่ือให้ทราบข้อผิดพลาด อธบิ ายความรู
ของปญั หาท่ีเกดิ ขน้ึ  ดงั ตอ่ ไปนี้
9. ครูสุมนักเรียนออกมาอธิบายข้ันตอนการ
โปรแกรมท่ีผดิ พลาด โปรแกรมทแี่ กไ้ ขแลว้ ตรวจสอบการทํางานทีละคําสั่ง และอธิบาย
โปรแกรมทผ่ี ดิ พลาดกบั โปรแกรมทแ่ี กไ ขแลว
ใหถ ูกตองวามีการแกไขอยา งไรบาง

10. ครเู ปด โอกาสใหน กั เรยี นศกึ ษาเพม่ิ เตมิ ไดจ าก
การสแกน QR Code เรอ่ื ง การตรวจสอบ
ขอ ผดิ พลาดของโปรแกรม เพื่อศึกษาเน้ือหา
เพ่มิ เตมิ ใหเ ขา ใจมากย่ิงข้ึน

1

2

1 ส่ังใหซอมบี้หันขวา จากนั้นใชคําส่ังสั่งใหซอมบี้ทํางานซ้ําทั้งหมด
3 คร้ัง คือ เดินไปขางหนาซ้ํากัน 3 ครั้ง แตเมื่อพิจารณาแลวซอมบี้
จะตองเดินไปขางหนาท้ังหมด 2 คร้ังเทาน้ัน
2 ส่ังใหซอมบ้ีหันซ้าย จากน้ันใชคําส่ังส่ังใหซอมบ้ีทํางานซํ้าทั้งหมด
2 ครั้ง คือ เดินไปขางหนาซํ้ากัน 2 ครั้ง แตเมื่อพิจารณาแลวซอมบ้ี
จะเดินไปทิศทางตรงขามกับท่ีดอกทานตะวันอยู ดังน้ัน จึงตองใช
คําสั่งหันขวา และใชคําส่ังทํางานซ้ําเหมือนเดิม

ภาพที่ 2.6 ขนั้ ตอนการตรวจสอบการทาํ งานทลี ะคาํ สง่ั

42 การตรวจสอบขอ ผดิ พลาดของโปรแกรม

ภาพจาก หนงั สือเรียน หนา 42

กจิ กรรม ทา ทาย เกร็ดแนะครู

ครูมอบหมายโปรแกรมคําส่ังที่เกิดขอผิดพลาดใหนักเรียน ครใู หน กั เรยี นศกึ ษาขน้ั ตอนการตรวจสอบขอ ผดิ พลาดของคาํ สง่ั ทลี ะขน้ั ตอน
โดยแตละคนจะไดโปรแกรมคําสั่งท่ีไมซ้ํากัน จากนั้นใหนักเรียน จากนั้นใหนักเรียนสแกน QR Code เร่ือง การตรวจสอบขอผิดพลาดของ
ตรวจสอบขอผิดพลาดของโปรแกรมคําสั่งที่ไดรับมอบหมาย โดย โปรแกรม โดยครูสุมนักเรียนออกมาอธิบายแนวคิดการตรวจหาขอผิดพลาด
ใหบันทึกคําตอบที่ไดลงในกระดาษที่ครูแจกพรอมตกแตงให ของคําส่ังหนาชั้นเรียนเพื่อตรวจสอบความเขาใจ พรอมใหคําแนะนําเพ่ิมเติม
สวยงาม และออกมานําเสนอผลงานตามรูปแบบท่ีนักเรียนคิดวา แกน ักเรยี นตามความเหมาะสม
นาสนใจอยา งอสิ ระ

T73

นา� สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั สอน ¡¨Ô ¡ÃÃÁ½ƒ¡·Ñ¡ÉзÕè 3 Creating ไดคะแนน คะแนนเตม็
แกไ ขอยางไรดี Evaluating
อธบิ ายความรู Analyzing 10
Applying
11. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมฝกทักษะที่ 3 Understanding
เร่ือง แกไขอยางไรดี หนา 32-33 โดยให Remembering
พิจารณาสถานการณท กี่ าํ หนดใหว า เพ่อื นๆ
ของโปและปูแตละคนกําลังเกิดปญหาจาก เพื่อน ๆ ของโปและปูแตละคนกําลังเกิดปญหาจากการทํางานตาม
การทํางานตามคําสั่ง ใหนักเรียนอานคําส่ัง คําส่ัง ใหน กั เรียนอานคําส่งั ตอไปนี้ แลว ชว ยแกไ ขคาํ สง่ั ใหถูกตอง
ตอไปน้ี แลวชวยกันแกไขคําสั่งใหถูกตอง
จากนนั้ เมอื่ นกั เรยี นทาํ กจิ กรรมเสรจ็ เรยี บรอ ย 1. ตอ งการจัดโตะ อาหารใหถ กู ตองและเรยี บรอย
ครูจะขออาสาสมัครข้ึนมาเขียนคําสั่งที่
ถกู ตอ งลงบนกระดาน คําสงั่ จดั โตะอาหาร เขยี นคําส่ังใหม

12. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูที่ไดจาก เริ่มตน เรม่ิ ตน
กิจกรรมนี้ หากนักเรียนคนใดมีขอสงสัย
สามารถสอบถามครไู ดท นั ทภี ายในคาบเรยี น จดั ชดุ จานวางบนโตะ ปูผาคลมุ โตะ
เฉฉบลับย จัดชุดชอ นวางบนโตะ จดั ชุดจานวางบนโตะ

ปผู าคลมุ โตะ จดั ชดุ ชอ นวางบนโตะ

นาํ อาหารวางบนโตะ นําอาหารวางบนโตะ
สิ้นสดุ สน้ิ สุด

32 2. ตอ งการสระผมใหส ะอาด เขียนคาํ สัง่ ใหม
คําสั่งสระผม
เรมิ่ ตน เฉฉบลบั ย
เริ่มตน ราดนํ้าใหท ่ัวศรี ษะ
บบี แชมพลู งบนฝามอื บบี แชมพลู งบนฝา มอื
ถูแชมพูใหท วั่ ศรี ษะ ถูแชมพใู หท ัว่ ศรี ษะ
ราดนา้ํ ใหท ว่ั ศีรษะ ลา งผมดว ยนํ้าสะอาด

เช็ดผมใหแหง ไมใช ผมสะอาด

ไมใ ช ผมสะอาด เชด็ ผมใหแ หง
ใช
ใช
ส้ินสุด สิ้นสดุ

เกณฑก ารใหค ะแนน รายการประเมิน คะแนนตอขอยอย คะแนนรายขอ เกณฑก ารตดั สิน
•6 คะแนนข้ึนไป = ผาน
แกไ ขคาํ สง่ั ท่ผี ดิ พลาดไดถูกตอง (2 ขอ ยอ ย) 5 10 •ต่ํากวา 6 คะแนน = ปรบั ปรุง
10
คะแนนเต็ม
ทักษะการเรียนรูในศตวรรษที่ 21 2. ทกั ษะการคิดเชิงคาํ นวณ 33
1. ทกั ษะการคิดวิเคราะห
3. ทกั ษะการแกปญ หา

ภาพจาก

แบบฝกหัด
หนา้ 32-33

เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคดิ

ครใู หน กั เรยี นทาํ กจิ กรรมฝก ทกั ษะท่ี 3 เรอื่ ง แกไ ขอยา งไรดี โดยใหน กั เรยี น ขอใดคอื ประโยชนของการเขยี นคําสง่ั โปรแกรมแบบวนซา้ํ
อานคําส่ังโปรแกรมที่กําหนดให และชวยกันตรวจสอบและเขียนแกไขใหคําสั่ง 1. งา ยตอการแกไ ขครั้งตอ ไป
ในโปรแกรมน้ีถูกตอง เม่ือนักเรียนทํากิจกรรมเสร็จเรียบรอยแลว ครูจะสุม 2. คอมพิวเตอรอา นโปรแกรมไดงาย
นกั เรยี นออกมาเขียนอธบิ ายขอมูลทไี่ ดห นาชน้ั เรยี น และใหน กั เรียนชวยอธบิ าย 3. ไมตอ งเขียนคาํ สั่งซ้าํ กันหลายรอบ
วาจุดท่แี กไ ขมีอะไรบาง เพราะอะไรจงึ ตอ งมกี ารแกไขจุดน้ี 4. ชวยใหเขา ใจการเขียนคําส่ังมากข้ึน

(วิเคราะหคําตอบ การเขยี นโปรแกรมคําสงั่ แบบวนซ้ํา ชว ยใหก าร
เขียนโปรแกรมงายและสะดวกข้ึน โดยไมตองเขียนคาํ สั่งซํา้ กัน
หลายรอบ ดงั นน้ั ตอบขอ 3.)

T74

นา� สอน สรปุ ประเมนิ

¡¨Ô ¡รรÁ ขนั้ สอน
½¡ƒ ·¡ั Éะ
ขยายความเขา ใจ
ใหนักเรียนตรวจสอบ บลอ็ กคาํ ส่ัง โปรแกรม
ขอผิดพลาดของคําส่ังที่ 1. นักเรียนทํากิจกรรมฝกทักษะในหนังสือเรียน
กําหนดให โดยการแยก หนา 43 โดยใหน กั เรยี นตรวจสอบขอ ผดิ พลาด
คาํ สงั่ ออกเปน คาํ สง่ั ยอ ย ๆ ของคาํ สง่ั ทกี่ าํ หนดให โดยการแยกคาํ สงั่ ยอ ยๆ
ทลี ะคาํ สงั่ แลว แกไขคาํ สง่ั ทลี ะคําสง่ั แลวแกไขคําสั่งใหถูกตอง
ใหถูกตอง จากนั้นพูดคุย
แลกเปลี่ยนความคิดเห็น 2. ครูใหน ักเรียนตรวจสอบตนเอง ซ่งึ เปน คาํ ถาม
กนั ภายในหองเรียน เพื่อใหผูเรียนตรวจสอบระดับความสามารถ
ของตนเองเปนการทบทวนความรูในเน้ือหา
เดิมที่เรียนมาวา มีความเขาใจในเนื้อหามาก
นอ ยเพียงใด

ภาพท่ี 2.7 ภาพประกอบกิจกรรมฝกทักษะ

ทกั ษะการเรียนรูในศตวรรษท่ี 21 2. ทกั ษะการสอื่ สาร
1. ทักษะการแกป ญหา สรปุ ความรป้Ù ระจา� หนว่ ยท่ี 2
3. ทกั ษะการคิดเชงิ คาํ นวณ

µÃǨÊͺµ¹àͧ

หลงั จากเรยี นจบหนว ยนแ้ี ลว ใหบ อกสญั ลกั ษณท ตี่ รงกบั ระดบั ความสามารถของตนเอง

รายการ เกณฑ

ดี พอใช ควรปรับปรุง

1. นักเรยี นสามารถเขียนโปรแกรมใหทาํ งาน 43
ตามความตองการได

2. นกั เรยี นสามารถทาํ นายผลลพั ธข องโปรแกรมได
3. นกั เรยี นมีความรู ความเขา ใจวิธีการ

ตรวจสอบขอผิดพลาดของโปรแกรม

ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 43

กิจกรรม 21st Century Skills เกร็ดแนะครู

1. ใหน กั เรยี นแบงกลมุ ตามความสมคั รใจ กลุมละ 4-5 คน ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมฝกทักษะ โดยใหนักเรียนตรวจสอบขอผิดพลาด
2. ครูนําแบบจําลองสถานการณและบล็อกคําสั่งท่ีประดิษฐขึ้นมา ของคําสั่งที่กําหนดให โดยการแยกคําสั่งออกเปนคําสั่งยอยๆ ทีละคําสั่ง
แลวแกไขคําสั่งใหถูกตอง จากนั้นพูดคุยแลกเปล่ียนความคิดเห็นกันภายใน
แจกใหน กั เรยี นแตล ะกลมุ โดยแตล ะกลมุ จะไดโ จทยท แ่ี ตกตา งกนั หอ งเรียน และเมอื่ นกั เรียนทําเสร็จเรียบรอ ยแลว ครคู วรตรวจสอบความถูกตอง
3. สมาชกิ แตล ะกลมุ ระดมความคดิ เหน็ เพอ่ื ตอ บลอ็ กคาํ สง่ั ใหถ กู ตอ ง ของเนื้อหา พรอ มใหค าํ แนะนําเพิ่มเติมแกน กั เรยี นตามความเหมาะสม
4. เมื่อทําเสร็จแลวใหตรวจสอบความถูกตองของบล็อกคําส่ัง

และตรวจสอบขอ ผดิ พลาดของคาํ สงั่ โดยการแยกคาํ สง่ั ออกเปน
คาํ สั่งยอยๆ ทีละคาํ สั่ง
5. จากนนั้ จดั เตรยี มขอ มลู เพอ่ื นาํ เสนอตามรปู แบบทนี่ กั เรยี นคดิ วา
นาสนใจอยางอิสระ
6. นําเสนอผลงานหนาช้ันเรียน โดยใชวิธีการส่ือสารท่ีทําใหผูอื่น
เขา ใจไดง า ย

T75

นา� สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ สรปุ สรปุ สาระส�าคัญ การเขียนโปรแกรมสั่ง
ใหต้ ัวละครท�างานซ้า� ไมส่ ้นิ สุด
ตรวจสอบผล การเขยี นโปรแกรม
สามารถใหค้ อมพวิ เตอรท์ า� งานซา้�  ๆ ที่
1. ครนู าํ นกั เรียนรวมกันอภิปรายสรปุ ความรูทไี่ ด คอื การเขยี นชดุ คา� สง่ั ดว้ ยภาษา ชดุ คา� สงั่ ใดกไ็ ด้ โดยใชค้ า� สงั่ ทา� งานซา้�  
จากการเรียน เร่ือง การเขียนโปรแกรมอยาง คอมพิวเตอร์ เพ่ือแสดงล�าดับ ซ่ึงบางครงั้ จะเรยี กว่า ค�าส่งั ลปู
งา ยจากผงั งานสรปุ สาระสาํ คญั ในหนงั สอื เรยี น ขน้ั ตอนให้คอมพวิ เตอรท์ �างาน
หนา 44 และครูถามคําถามกับนักเรียนเพื่อ
เปน การทบทวนความรวู า เมอื่ เกดิ ขอ ผดิ พลาด
จากการเขยี นโปรแกรม จะมวี ธิ ใี นการแกไ ขขอ
ผิดพลาดน้ีอยางไร

การเขยี นโปรแกรม
สง่ั ใหต้ ัวละครท�างาน

การเขียนโปรแกรม
อยา่ งงา่ ย

การตรวจสอบ
ข้อผดิ พลาดของโปรแกรม

การตรวจสอบค�าสง่ั ขั้นตอน การน�าแนวคิดเชิงค�านวณ
การท�างานของโปรแกรม มาใชใ้ นการตรวจสอบ
ขอ้ ผดิ พลาด
ค�าส่ังจะแจ้งเตือนข้อผิดพลาดท่ี
เกิดข้ึน เพ่ือให้มีการทบทวนและ การน�าแนวคิดเชิงค�านวณ เร่ือง
แก้ ไขข้อผิดพลาดน้ัน พร้อมท้ัง การแบง่ แยกสว่ นของปญั หา มาใชใ้ น
แนะน�าวธิ ีการแก้ไข การตรวจสอบการท�างานทลี ะค�าส่ัง

44

ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 44

เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคดิ

ครอู าจสมุ ตัวแทนนกั เรยี น หรอื หานักเรยี นทม่ี ีความสมคั รใจออกมาพดู ถงึ การเขยี นคําสัง่ โปรแกรมแบบวนซาํ้ มีประโยชนอยา งไร
เนอื้ หาสาระทีไ่ ดเ รยี นในหนว ยการเรียนรทู ่ี 2 เรอ่ื ง การเขยี นโปรแกรมอยา งงา ย 1. ชว ยใหเขาใจการเขียนคาํ สั่งมากยง่ิ ขึน้
โดยอาจจะสมุ ออกมาทง้ั หมด 4 คน แลว ใหน กั เรยี นพดู สรปุ คนละหวั ขอ ซง่ึ ไดแ ก 2. ทาํ ใหงา ยตอการแกไขคําสง่ั ในครัง้ ตอ ไป
การเขียนโปรแกรม การเขียนโปรแกรมสั่งใหตัวละครทํางานซํ้าไมสิ้นสุด การ 3. ประหยดั เวลาในการเขียนคําส่ังซํ้ากันหลายรอบ
ตรวจสอบคาํ สงั่ ขน้ั ตอนการทาํ งานของโปรแกรม และการนาํ แนวคดิ เชงิ คาํ นวณ 4. ทาํ ใหค อมพวิ เตอรอา นคาํ สัง่ ทผ่ี ใู ชง านเขยี นข้นึ ไดง า ย
มาใชในการตรวจสอบขอ ผิดพลาด
(วเิ คราะหค าํ ตอบ การเขียนโปรแกรมแบบวนซ้ํา ชวยใหการ
เขียนโปรแกรมในคร้ังน้ันงายและสะดวกมากยิ่งขึ้น โดยไมตอง
เขียนคําสั่งซํ้ากันหลายรอบ ทําใหประหยัดเวลาในการเขียน
โปรแกรม ดังน้ัน ตอบขอ 3.)

T76

นา� สอน สรุป ประเมนิ

กิจกรรม ขน้ั สรปุ
เสริมสรางการเรียนรู
ตรวจสอบผล
ใหนักเรียนพิจารณาภาพที่กําหนดให จากน้ันหาเสนทางพาโปและ
ปูเดินทางกลับบาน แลวเขียนโปรแกรมคําสั่งแสดงเสนทางและ 2. นักเรียนทํากิจกรรมเสริมสรางการเรียนรูใน
ตรวจสอบวา โปรแกรมมขี อ ผิดพลาดเกดิ ข้ึนหรือไม โดยบนั ทึกคําตอบ หนงั สอื เรียน หนา 45 โดยใหน ักเรยี นพจิ ารณา
ลงในสมุด ภาพทก่ี าํ หนดให จากนนั้ หาเสน ทางพาโปแ ละ
ปูเดินทางกลับบาน แลวเขียนโปรแกรมคําส่ัง
แสดงเสนทางและตรวจสอบวา โปรแกรม
มขี อ ผดิ พลาดเกดิ ขน้ึ หรอื ไม โดยบนั ทกึ คาํ ตอบ
ท่ีไดลงในสมุด และครูสุมนักเรียนใหออกมา
อธิบายการเขียนโปรแกรมคําส่งั นี้

รานไอศกรมี บา น รา นเคก

โรงภาพยนตร

รา นขายผลไม บันทกึ ลงในสมุด

โรงแรม

โรงเรยี น

สนามเด็กเลน

45

ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 45

ขอ สอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู

ชุดคําส่ังควบคุมการทํางานที่เขียนขึ้น เพื่อสั่งใหคอมพิวเตอร ครใู หน กั เรยี นทาํ กจิ กรรมเสรมิ สรา งการเรยี นรู โดยใหพ จิ าณาภาพทก่ี าํ หนด
ทาํ งานตามท่ีตอ งการ เรยี กวาอะไร ให และเขยี นเสนทางการเดินทางพาโปแ ละปกู ลับบานไดอ ยางถกู ตอ ง จากนน้ั
บันทึกผลท่ีไดลงในสมุด เม่ือนักเรียนทํากิจกรรมน้ีเสร็จเรียบรอยแลว ครูสุม
1. ผเู ขยี นโปรแกรม นักเรียนใหออกมาอธิบายเสนทางท่ีเขียนไวใหเพ่ือนในหองเรียนฟง จากน้ัน
2. การเขยี นโปรแกรม ครูและนกั เรียนรว มกันสรุปความรทู ี่ไดจากการทํากิจกรรมนี้
3. นักพัฒนาโปรแกรม
4. โปรแกรมคอมพิวเตอร

(วเิ คราะหค าํ ตอบ โปรแกรมคอมพิวเตอร คือ ชุดคาํ สั่งควบคุม
การทาํ งานที่เขียนขึ้นเพ่ือส่ังใหคอมพิวเตอรทํางานตามท่ีตองการ
โดยใชภาษาคอมพิวเตอรภาษาใดภาษาหนงึ่ เชน ภาษาซี ภาษา
ปาสคาล ภาษาโคบอล หรือภาษาอ่ืนๆ ในการเขียนโปรแกรม
ดังนน้ั ตอบขอ 4.)

T77

นา� สอน สรุป ประเมนิ

ขนั้ สรปุ หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 2 การเขยี นโปรแกรมอยา่ งงา่ ย
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 2 การตรวจสอบขอ้ ผิดพลาดของโปรแกรม
ตรวจสอบผล
ชน้ิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) เฉลย
3. ครูใหน ักเรียนทาํ ช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด) เรอ่ื ง โปรแกรมของฉัน
เร่ือง โปรแกรมของฉัน ซึ่งนักเรียนจะตอง
ออกแบบคําส่ังเพ่อื ใหโ ปรแกรมทาํ งาน โดยนาํ คาชแ้ี จง : ออกแบบคาส่งั ให้โปรแกรมทางาน โดยนาความรู้มาประยกุ ตใ์ ชใ้ นใหค้ รบถว้ น จากนน้ั แลกเปลย่ี น
ความรมู าประยุกตใชใหค รบถว น จากนนั้ แลก กบั เพ่ือนเพ่ือเป็นการตรวจสอบหาขอ้ ผิดพลาดของคาส่ัง และนากลบั มาทาการแก้ไขคาสง่ั ให้สมบรู ณ์
เปลี่ยนความรูจากการทําชิ้นงาน/ภาระงาน
(รวบยอด) นี้กับเพ่ือนเพ่ือตรวจสอบหาขอผิด ปัญหาที่พบเจอและอยากแก้ไข
พลาดของคําสั่ง และนํากลับมาแกไขเพ่ือให .........................................ค..า..ต...อ..บ...ข..อ..ง..น...กั ..เ..ร..ยี ..น..ข...้ึน..อ...ย..ู่ก...บั ..ด...ลุ ..ย..พ...ิน...ิจ..ข..อ...ง..ค..ร..ผู..ูส้...อ..น..... ..........................................
คําส่ังท่ไี ดสมบรู ณแ ละถกู ตอ งที่สุด .......................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..........................................
4. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูจากการทํา ............................................................................................................................. ..........................................
ช้นิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) เรอื่ ง โปรแกรม .......................................................................................................................................................................
ของฉนั หากนักเรียนคนใดมีขอสงสยั สามารถ ............................................................................................................................. ..........................................
สอบถามครูไดท นั ทีภายในคาบเรียน ...................................................................................................................................................................... .

ชอื่ โปรแกรม.......................................................................................................................................................... หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 การเขียนโปรแกรมอย่างง่าย
โปรแกรมทาอะไรได้บ้าง....................................................................................................................................... แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 2 การตรวจสอบขอ้ ผดิ พลาดของโปรแกรม
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. เขยี นแผนผังคาส่ังให้โปรแกรมทางานลงในน้ี
เร่มิ ตน้
เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ)
คาตอบของนกั เรยี นขน้ึ อยู่กับดลุ ยพินิจของครผู ู้สอน

สนิ้ สุด

คาสง่ั มขี ้อผิดพลาดหรือไม่ ไมม่ ี มี
แก้ไข
เขยี นคาสั่งท่ผี ิดพลาด / แก้ไข ลงในน้ี
คาสั่งท่ีผิดพลาด

เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ)

ภาพจาก

แผนการสอน ที่ 12

หนวยท่ี 21

เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคดิ

ครูใหนกั เรียนทําชิน้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) เร่ือง โปรแกรมของฉนั ซ่งึ ใครปฏบิ ตั ิตนถกู ตองในการเขียนโปรแกรม
ครูสามารถทบทวนความรูเดิมจากที่เรียนมาใหนกั เรียนฟง เพอ่ื ใหนกั เรยี นเขาใจ 1. แกว ตรวจสอบขอ ผิดพลาดของโปรแกรมอยเู สมอ
มากย่งิ ข้นึ จากน้ันใหน ักเรียนออกแบบคาํ ส่งั ใหโ ปรแกรมทาํ งาน และตรวจสอบ 2. กอยไมออกแบบโปรแกรมกอ นการเขยี นโปรแกรมจรงิ
หาขอ ผดิ พลาดของคาํ สง่ั นน้ั เพอื่ กลบั มาปรบั ปรงุ ใหโ ปรแกรมทาํ งานสมบรู ณม าก 3. แกม ไมทดสอบโปรแกรมหลงั จากทเ่ี ขียนโปรแกรมเสรจ็
ยงิ่ ข้นึ 4. กง่ิ ไมเคยปรบั ปรุงโปรแกรมหลังจากทที่ าํ การทดสอบระบบ

(วิเคราะหค าํ ตอบ จากตัวเลือกท่ีกําหนดใหจะเห็นไดวา ผูที่
ปฏบิ ัติตนถกู ตองในการเขยี นโปรแกรม คือ แกวตรวจสอบขอ ผดิ
พลาดของโปรแกรมอยูเสมอ เพราะวาการตรวจสอบขอผิดพลาด
เปนส่ิงสําคัญในการเขียนโปรแกรม เพ่ือใหสามารถวิเคราะหได
วาโปรแกรมมีสว นใดที่ผดิ พลาด จะไดรีบปรับปรงุ ไดทนั ที ดงั น้นั
ตอบขอ 1.)

T78

นา� สอน สรปุ ประเมนิ

แบบทดสอบ ไดคะแนน คะแนนเตม็ 4. จากภาพ เขยี นคําสัง่ แบบวนซํา้ ไดต ามขอใด ขนั้ สรปุ
»ÃШíÒ˹Nj ¡ÒÃàÃÕ¹÷ٌ Õè 2 ไปขางหนา
10 ไปขางหนา ตรวจสอบผล
หันขวา
µÍ¹·Õè 1 ก. ข. 5. ครใู หน กั เรยี นทาํ แบบทดสอบประจาํ หนว ยการ
ไปขา งหนา ทาํ ซํ้า 2 ครง้ั ทาํ ซ้ํา 2 ครงั้ เรยี นรูท ี่ 2 ตอนท่ี 1 เรือ่ ง การเขียนโปรแกรม
ǧ ÅŒÍÁÃͺµÇÑ Í¡Ñ Éà ¡. ¢. ¤. ËÃ×Í §. ˹Ҍ ¤Òí µÍº·èÕ¶¡Ù µÍŒ § ไปขางหนา ทํา ไปขางหนา ทํา ไปขา งหนา อยา งงา ย จาํ นวน 10 ขอ เพอื่ เปน การวดั ความรู
ไปขา งหนา หนั ขวา จากเนอ้ื หาทเ่ี รยี นมาและกจิ กรรมทท่ี าํ จากนน้ั
1. คําสงั่ ในขอ ใดแสดงการลางผักไดถกู ตอง ไปขา งหนา ทําซ้าํ 4 ครง้ั ทําซา้ํ 4 ครงั้ ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั สรปุ ความรทู ไี่ ดจ ากการ
ก. เทนา้ํ ใสช าม แชผ กั ผสมนา้ํ สม สายชกู บั นา้ํ ลา งผกั ทํา หนั ขวา ทํา ไปขา งหนา ทาํ แบบทดสอบ และครถู ามคาํ ถามเพอ่ื ทบทวน
ข. ผสมนาํ้ สม สายชูกบั น้ํา แชผัก ลางผกั เทน้าํ ใสช าม ความรเู ดมิ กบั นกั เรยี นวา การตรวจสอบขอ ผดิ
ค. เทนํ้าใสช าม ผสมนา้ํ สมสายชกู บั นา้ํ แชผ ัก ลา งผกั ไปขางหนา พลาดจากการเขยี นโปรแกรมสามารถนาํ ไปใช
ง. ผสมนาํ้ สม สายชกู บั นํ้า เทนํ้าใสช าม ลางผัก แชผัก ในชีวิตประจําวันไดอยางไรบาง ใหนักเรียน
ค. ง. ภายในช้ันเรียนชวยกนั หาคําตอบ
2. จากภาพ ถา ตอ งการใหเ จา ซอมบี้ ทําซํ้า 2 ครงั้ ทําซํา้ 2 ครง้ั
เฉฉบลับย ไปเก็บดอกทานตะวัน ควรเลือก ทาํ ไปขา งหนา ทาํ ไปขา งหนา
หันขวา หันขวา
เขยี นคําสั่งตามขอใด
ทาํ ซา้ํ 4 ครงั้ ทําซํา้ 4 ครงั้
ทาํ ไปขางหนา ทาํ ไปขา งหนา

หนั ขวา

5. จากคําตอบในขอ 4. หากเพ่ิมคําสั่งตอไปน้ีตอจากคําส่ังเดิม
ขอใดถูกตอ ง
ก. ส่งั หันขวาทัง้ หมด 4 คร้ัง
ทําซํา้ 3 ครง้ั ข. สง่ั หันขวาท้งั หมด 5 คร้งั เฉฉบลบั ย
ทาํ หนั ขวา

ไปขา งหนา ค. ส่ังไปขา งหนาท้ังหมด 6 ครั้ง
ง. สง่ั ไปขา งหนา ทัง้ หมด 7 คร้ัง
ก. ข. ค. ง.
ไปขา งหนา ไปขางหนา ไปขางหนา ไปขา งหนา 6. คําสั่ง ทําซา้ํ 99 ครง้ั และ ทําซา้ํ จนกวา (Repeat until) ตรงกบั ขอใด
หันขวา หนั ซา ย หนั ซาย หนั ขวา ทาํ ไปขา งหนา ทํา (do) ไปขา งหนา

ไปขางหนา ไปขางหนา ไปขางหนา ไปขางหนา
หันซาย หนั ขวา
ไปขางหนา ไปขางหนา ไปขางหนา ไปขางหนา
ไปขา งหนา ไปขา งหนา
หันขวา หันซา ย ก. ไปขา งหนา 99 ครง้ั และไปขา งหนา เรอ่ื ย ๆ ไมส น้ิ สดุ
ไปขา งหนา ไปขา งหนา ข. ไปขางหนา มากกวา 99 คร้งั และไปขา งหนา เร่ือย ๆ
ไปขา งหนา ค. ไปขา งหนา 99 ครง้ั และไปขางหนาจนกวาจะถึงดอกไม
ง. ไปขา งหนามากกวา 99 ครั้ง และไปขา งหนาจนกวา
3. กจิ กรรมในขอ ใดไมเ หมาะสมกบั การใชค าํ สงั่ ลปู (Loop)
ก. นบั คนจาํ นวน 100 คน ข. ชงกาแฟจํานวน 50 แกว จะถึงดอกไม
ค. วาดภาพสถานที่ 5 แหง ง. เขา แถวเวลา 08.00 น. ทุกวัน

34 35

7. ภาพใดทีส่ ามารถใชคําสง่ั แบบวนซํ้าในการวาดได
AB C

ก. A และ B ข. A และ C
ค. B และ C ง. A B และ C

8. ดีนเขียนโปรแกรมจับเวลา แตเม่ือทดสอบแลว โปรแกรมจับ
เวลาไมได ดีนตรวจสอบพบวาเรียงลําดับคําส่ังผิด จึงแกไข
คาํ สัง่ ขอ ใดเปน Bug
ก. เขยี นโปรแกรมจับเวลา ข. โปรแกรมจบั เวลาไมไ ด
ค. เรียงลาํ ดับของคาํ สง่ั ผดิ ง. ตรวจสอบและแกไ ขคําสัง่

เฉฉบลบั ย จากภาพ ใชต อบคําถามขอ 9. - 10.

ทาํ ซํา้ 3 ครง้ั
ทํา ทาํ ซา้ํ 3 ครงั้

ทํา เกบ็ นา้ํ หวาน

9. จากภาพ ถา ผง้ึ ทาํ งานตามคาํ สง่ั ทกี่ าํ หนดให จะเกดิ ผลอยา งไร
ก. เกบ็ น้าํ หวานไมค รบ ข. บนิ ไปหาดอกไมไ มได
ค. เก็บนาํ้ หวานเกินกําหนด ง. บนิ ไปเกินจํานวนดอกไม
10. ขอ ใดเปน คําสั่งท่ที ําใหท าํ งานไดถกู ตอ ง
ก. ทําซาํ้ 3 ครง้ั ข. ทาํ ซ้ํา 3 ครงั้ ค. ทาํ ซํ้า 4 ครง้ั ง. ทําซํ้า 4 ครงั้
ทาํ ไปขางหนา ทํา ไปขางหนา ทาํ ทําซํา้ 3 ครง้ั ทาํ ไปขา งหนา
เกบ็ นํ้าหวาน เกบ็ น้ําหวาน ทํา ไปขา งหนา ทําซ้าํ 3 ครงั้
ไปขางหนา ทาํ เกบ็ นาํ้ หวาน
เก็บน้าํ หวาน

เกณฑการใหค ะแนน คะแนนตอ ขอยอย คะแนนรายขอ เกณฑการตดั สนิ
รายการประเมนิ

เลือกคาํ ตอบท่ีถกู ตอ ง (10 ขอ ) 1 10 •6 คะแนนขึน้ ไป = ผา น ภาพจาก
10 •ต่าํ กวา 6 คะแนน = ปรับปรงุ
36 คะแนนเตม็

แบบฝกหดั
จาก แบบฝกหัด หนา 4 หนา้ 34-36

ขอ สอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู

ถาตองการเขียนคําสั่งใหสิงโตเดินไปขางหนา 5 คร้ัง และ ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบในแบบฝกหัดรายวิชาพื้นฐาน เทคโนโลยี
หนั ซาย จะตอ งเขียนคาํ ส่งั โปรแกรมอยางไร (วิทยาการคํานวณ) ป.3 เรือ่ ง การเขยี นโปรแกรมอยา งงา ย เพ่อื ทบทวนความรู
จากเนื้อหาทเี่ รียนมา โดยใหน กั เรยี นทาํ แบบทดสอบปรนัยทงั้ หมด 10 ขอ ใน
1. 2. ตอนที่ 1 ซึ่งหากนักเรียนคนใดมีขอสงสัยสามารถยกมือสอบถามครูไดในคาบ
เรยี นทันที
3. 4.

(วเิ คราะหคาํ ตอบ หากตองการเขียนคําส่ังโปรแกรมใหสิงโตเดิน
ไปขา งหนา 5 ครง้ั และหนั ซา ย ใหใ ชค าํ สงั่ ทาํ ซาํ้ ไปขา งหนา 5 ครงั้
และหนั ซา ย ดงั นน้ั ตอบขอ 2.)

T79

นา� สอน สรุป ประเมนิ

ขน้ั สรปุ µÍ¹·èÕ 2 ไดคะแนน คะแนนเตม็

ตรวจสอบผล วาดภาพตามคาํ สง่ั ลงในชอ งวางที่กําหนดให 10

6. ครใู หน กั เรยี นทําแบบทดสอบประจาํ หนว ยการ 10 10 พิกเซล = 1 เซนตเิ มตร
เรียนรูที่ 2 ตอนที่ 2 โดยใหวาดภาพตามคําส่งั 4
ท่ีกาํ หนดใหวาภาพท่ีไดจะมีลักษณะอยางไร 1
จากน้ันเมื่อนักเรียนทาํ เสร็จเรียบรอย ครูสุม ไปขางหนา 90 องศา
นักเรียน 3-4 คน ออกมาวาดภาพที่ไดจาก หันขวาไป
คาํ ส่ังท่ีกาํ หนดให และชวยกันสรุปความรูที่
ไดจ ากการทาํ กจิ กรรมนี้ ไปขางหนา 1

วาดภาพ

เฉฉบลบั ย

เกณฑก ารใหคะแนน คะแนนตอขอยอย คะแนนรายขอ เกณฑก ารตัดสิน
รายการประเมนิ •6 คะแนนขน้ึ ไป = ผาน
10 •ต่าํ กวา 6 คะแนน = ปรับปรงุ
วาดภาพตามคําสง่ั ท่ีกาํ หนดใหไ ดถกู ตอ ง 10
คะแนนเตม็

ตารางบันทึกคะแนน ประจาํ หนวยการเรยี นรทู ี่ 2

ตวั ช้วี ัด แบบฝก หัด ผลการประเมินคณุ ภาพ รวมคะแนน ระดับคณุ ภาพ
เตม็ ได กจิ กรรม แบบทดสอบ เตม็ ได 4321
ว 4.2 ป.3/2 เตม็ ได เต็ม ได
50 100
30 20

เกณฑก ารตัดสนิ : ชวงคะแนนรอ ยละ 80-100 = 4 70-79 = 3 60-69 = 2 50-59 = 1
หมายเหตุ : นาํ คะแนนเตม็ ของแตล ะตวั ช้วี ัด มาหาคา รอ ยละ เพอ่ื ประเมนิ ระดับคุณภาพ เชน
คะแนนเตม็ 40 ทาํ ได 28 คะแนน ถาคะแนนเต็ม 100 ทําไดรอ ยละ 2408 100 = 70
ดงั น้ัน รอยละ 70 เทยี บไดกับระดับคณุ ภาพ 3 × 37

ภาพจาก

แบบฝก หัด
หน้าท3ี่ 47

เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคดิ

ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบในแบบฝกหัด ตอนท่ี 2 โดยใหนักเรียน ขอ ใดกลา วไมถ กู ตอ งเกีย่ วกบั การตรวจสอบขอ ผิดพลาดของ
พจิ ารณาคาํ สง่ั ทกี่ าํ หนดใหแ ลว วาดภาพออกมาใหส อดคลอ งกบั คาํ สง่ั ทกี่ าํ หนดให โปรแกรม
เมอื่ นกั เรยี นทาํ เสรจ็ แลว ครสู มุ นกั เรยี นออกมาอธบิ ายภาพทวี่ าดไดห นา ชน้ั เรยี น
จากนน้ั ครแู ละนักเรยี นรว มกนั สรุปเน้อื หาความรูเรือ่ ง การเขียนโปรแกรมอยา ง 1. งานสําเร็จตามความตอ งการ
งาย หากนักเรียนคนใดมีขอสงสัย หรือคําถามใหสามารถสอบถามครูในคาบ 2. คําสั่งโปรแกรมมขี อผดิ พลาดนอยลง
เรยี นไดท ันที 3. ทาํ ไดโ ดยการตรวจสอบคาํ สง่ั ทีละคําส่ัง
4. สามารถทําในขนั้ ตอนการวางแผนการทํางาน

(วิเคราะหค ําตอบ จากตวั เลอื กทก่ี ําหนดใหก ลา วถงึ การตรวจสอบ
ขอ ผดิ พลาดของโปรแกรมถกู ทง้ั หมด ยกเวน ขอ ทก่ี ลา ววา ทาํ ไดใ น
ขน้ั ตอนการวางแผนโปรแกรม เนอื่ งจากการตรวจสอบขอ ผดิ พลาด
ของโปรแกรมจะสามารถทําไดหลังจากเขียนคาํ ส่ังโปรแกรมเสร็จ
เรียบรอ ยแลว ดังน้ัน ตอบขอ 4.)

T80

นา� สอน สรปุ ประเมิน

หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 2 การเขยี นโปรแกรมอยา่ งง่าย ขน้ั สรปุ

แบบทดสอบหลังเรียน ตรวจสอบผล

หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 7. ครสู รุปเนือ้ หา เร่ือง การเขียนโปรแกรมอยา ง
งาย ใหนักเรียนฟง พรอมถามคําถามจาก
คาชแ้ี จง: ให้นกั เรียนเลือกคาตอบท่ีถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว เนอ้ื หาเพอ่ื เปน การทบทวนความรขู องนกั เรยี น
กอ นทจ่ี ะทําแบบทดสอบหลังเรียน
1. การเขยี นโปรแกรมคาสัง่ ลปู ตอ้ งการให้โปรแกรมทาอะไร 6. จากภาพคาสั่งโปรแกรม สามารถเขียนคาส่งั แบบวนซาได้
ก. ทางานซา ตามขอ้ ใด 8. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียน
ข. เริม่ ทางาน ก. ข. ค. หนวยการเรียนรทู ่ี 2 เรื่อง การเขียนโปรแกรม
ค. ทางานเพยี งครังเดยี ว อยา งงา ย
2. ข้อใดอธิบายความหมายของคาส่ัง และ

ได้ถกู ต้องทส่ี ดุ 7. จากคาตอบในข้อ 6. โปรแกรมท่ีถกู ต้องตรงกับข้อใด ขน้ั ประเมนิ
ก. เดินไปข้างหน้า 99 ครัง และเดินไปข้างหน้า ก. เดนิ ไปขา้ งหนา้ 2 ครัง หนั ขวา แล้วเดนิ ไปขา้ งหนา้
4 ครัง ตรวจสอบผล
เร่ือย ๆ ไมส่ นิ สดุ ข. เดินไปขา้ งหนา้ 1 ครัง แลว้ หนั ขวา ทาแบบนี 7 ครงั
ข. เดินไปข้างหน้า 99 ครัง และเดินไปข้างหน้า ค. เดินไปข้างหนา้ หันขวา 2 ครัง จากนนั เดินไป ตารางการวัดและประเมนิ ผล
ขา้ งหนา้ 4 ครงั วิธีการ เคร่ืองมอื เกณฑก ารประเมิน
จนกวา่ จะถงึ ดอกทานตะวนั
ค. เดินไปข้างหน้ามากกว่า 99 ครัง และเดินไป 8. จากภาพถา้ ตอ้ งการให้นกแดงเดินทางไปหาหมเู ขยี วได้สาเรจ็ ตรวจแบบฝก หดั แบบฝก หดั รอ ยละ 60 ผา นเกณฑ
ต้องใชค้ าสั่งใด
ขา้ งหน้าเรือ่ ย ๆ ไมส่ ินสดุ ก. ข. ค. ตรวจชน้ิ งาน/ ชิ้นงาน/ ระดบั คุณภาพ 2
3. ถา้ หากต้องการเขยี นโปรแกรมสาหรบั ปลกู ตน้ ไม้ แต่ ภาระงาน (รวบยอด) ภาระงาน ผานเกณฑ
9. จากคาตอบในข้อ 8. ข้อใดกลา่ วถกู ตอ้ งเกีย่ วกบั คาสงั่ ในโปรแกรม
ผลลัพธ์ไมถ่ ูกตอ้ งตามทต่ี อ้ งการ ขอ้ ผิดพลาดนีเรยี กวา่ อะไร ก. ซอมบเี ดนิ ไปขา้ งหนา้ 3 ครงั (รวบยอด)
ก. บ๊ัก (bug) ข. ซอมบีเดินไปขา้ งหนา้ 5 ครงั
ข. ลปู (loop) ค. ซอมบีเดนิ ไปข้างหนา้ 6 ครงั และหนั ขวา 2 ครัง ตรวจแบบทดสอบ แบบทดสอบ รอยละ 60 ผา นเกณฑ
ค. ดบี ั๊ก (debug) หลงั เรยี น หลงั เรยี น
10. ขอ้ ใดเปน็ กิจกรรมทไี่ ม่เหมาะสมในการใช้คาส่ังการทางาน
4. ขอ้ ใดเรียงลาดบั การลา้ งจานได้ถูกต้องที่สดุ วนซา ประเมนิ การนาํ เสนอ แบบประเมนิ ระดบั คุณภาพ 2
ก. เขยี่ เศษอาหาร ลา้ งนาเปลา่ ล้างดว้ ยนายาลา้ งจาน ก. การนับจานวนนักเรียน จานวน 100 คน ผลงาน การนาํ เสนอ ผา นเกณฑ
ข. ลา้ งนาเปล่า ล้างดว้ ยนายาลา้ งจาน เขี่ยเศษอาหาร ข. การวาดภาพวิวธรรมชาติ จานวน 5 สถานที่ ผลงาน
ค. เขีย่ เศษอาหาร ล้างนาเปล่า ลา้ งด้วยนายาล้างจาน ค. การชงกาแฟสตู รหวานนอ้ ยจานวน 50 แก้ว
ลา้ งนาเปลา่ สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกต ระดบั คุณภาพ 2
การทาํ งาน พฤตกิ รรม ผานเกณฑ
5. จากภาพคาสง่ั โปรแกรม สามารถเขยี นคาสงั่ แบบวนซาได้ รายบคุ คล
ตามขอ้ ใด
ก. ข. ค.

เฉลย สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกต ระดบั คุณภาพ 2
การทาํ งานกลมุ พฤตกิ รรม ผา นเกณฑ
1. ก 2. ข 3. ก 4. ค 5. ก 6. ข 7. ก 8. ค 9. ข 10. ข

เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ)

ภาพจาก

แผนการสอน ที่ 1

หนว ยท่ี 12

ขอ สอบเนน การคิด แนวทางการวัดและประเมินผล

ขอ ใดกลา วถงึ ลกั ษณะการเขยี นโปรแกรมแบบวนซา้ํ ไดถ กู ตอ งทส่ี ดุ ครสู ามารถประเมนิ การนาํ เสนอผลงาน และสงั เกตพฤตกิ รรมการทาํ งานราย
1. การเขียนคําสง่ั การทํางานโดยเขยี นเรยี งตามลําดบั บคุ คลและการทาํ งานกลมุ ของนกั เรยี น โดยศกึ ษาเกณฑก ารวดั และประเมนิ ผล
2. การเขียนคาํ สง่ั การทํางานตง้ั แตเริ่มตน จนถึงสิ้นสุด จากแบบประเมนิ การนาํ เสนอผลงาน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทาํ งานรายบคุ คล
3. การเขียนคาํ สั่งการทํางานโดยมที างเลอื กใหเลอื กทํา และแบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทาํ งานกลมุ ทแ่ี นบมาทา ยแผนการจดั การเรยี นรทู ี่
4. การเขยี นคาํ ส่ังการทํางานใหทาํ งานซ้ํากนั หลายรอบ 2 หนว ยการเรยี นรทู ี่ 2

(วิเคราะหค าํ ตอบ การเขียนโปรแกรมแบบวนซ้ํา เปนการเขียน แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่
คําส่ังการทํางานของส่ิงตางๆ ต้ังแตเร่ิมตนจนถึงจุดสิ้นสุด มี
ลักษณะสําคัญ คือ การเขียนคําสั่งใหโปรแกรมทํางานซํ้ากัน คาช้แี จง:ใหผ้ ู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในช่องท่ี คาช้แี จง : ให้ผูส้ อนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ลงในช่องที่ คาชแี้ จง : ใหผ้ ูส้ อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องท่ี
หลายรอบ โดยท่ีจํานวนรอบของการทําซํ้าน้ันผูเขียนจะเปน ตรงกับระดับคะแนน ตรงกบั ระดับคะแนน ตรงกบั ระดับคะแนน
ผกู าํ หนด ซงึ่ สามารถเขยี นคาํ สงั่ ใหม จี าํ นวนรอบการทาํ ซา้ํ ทแ่ี นน อน
ก็ได ดังนนั้ ตอบขอ 4.) ลาดับท่ี รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 1 ลาดับที่ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 1 ลาดับท่ี ชอ่ื –สกุล การแสดง การยอมรับ การทางาน ความมนี ้าใจ การมี รวม
32  32  ของนักเรียน ความคิดเห็น ฟังคนอื่น ตามทีไ่ ด้รบั สว่ นรว่ มใน 15
    มอบหมาย การปรับปรงุ คะแนน
 1 การแสดงความคดิ เหน็  ผลงานกลมุ่
1 ความถกู ต้องของเนอื้ หา   2 การยอมรบั ฟงั ความคดิ เห็นของผู้อืน่  
2 ความคิดสร้างสรรค์  3 การทางานตามหนา้ ที่ทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย  321321321321321
3 วิธกี ารนาเสนอผลงาน  4 ความมนี าใจ 
4 การนาไปใช้ประโยชน์ 5 การตรงต่อเวลา
5 การตรงต่อเวลา  
รวม
 

รวม

ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ลงช่อื ...................................................ผู้ประเมิน
............/................./................... ............/.................../................

เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ลงชอื่ ...................................................ผ้ปู ระเมิน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ สมบูรณช์ ัดเจน ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 2 คะแนน ............./.................../...............
ให้ 1 คะแนน ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมินเปน็ สว่ นใหญ่ ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครัง เกณฑก์ ารให้คะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ บางส่วน ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ
ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครัง ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครั้ง
ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบางครัง้
เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ เกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพ ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน
ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ ให้ 1 คะแนน

14–15 ดมี าก 14–15 ดมี าก เกณฑ์การตดั สนิ คณุ ภาพ

11–13 ดี 11–13 ดี ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ
14–15 ดีมาก
8–10 พอใช้ 8–10 พอใช้ 11–13 ดี

ตา่ กวา่ 8 ปรับปรงุ ต่ากว่า 8 ปรับปรุง 8–10 พอใช้

ต่ากวา่ 8 ปรับปรุง

T81

Chapter Concept Overview

หนว ยการเรยี นรู้ท่ี 3

อินเทอรเ นต็

อินเทอรเ์ น็ตเปน็ เครอื ข่ายคอมพิวเตอรท์ เี่ ชอ่ื มตอ่ กนั และครอบคลุมไปทว่ั โลก ท�าให้การติดต่อสอื่ สารมคี วามสะดวก รวดเรว็ รวมทง้ั
ยังเปน็ แหลง่ ขอ้ มูลความร้ทู ีช่ ่วยในการเรียนการสอนและการด�าเนนิ ชีวติ

การสบื คน้ ขอ้ มลู โดยใชอ้ นิ เทอรเ์ นต็ สามารถทา� ไดโ้ ดยใชบ้ รกิ ารจากเวบ็ ไซตท์ ใ่ี หบ้ รกิ ารสบื คน้ ขอ้ มลู ซงึ่ เวบ็ ไซตจ์ ะเปน็ สอื่ ทแี่ สดงขอ้ มลู
ในรูปแบบของดิจทิ ัล เช่น ข้อความ รูปภาพ เสยี ง วดิ ีโอ ท่มี กี ารเชอ่ื มต่อเนือ้ หาทเี่ กยี่ วขอ้ งกนั ไวห้ ลาย ๆ หน้า ซงึ่ สามารถเขา้ ถึงได้ดว้ ย
โปรแกรมเว็บเบราวเ์ ซอร ์ เช่น กูเกลิ โครม (Google Chrome) ไมโครซอฟตเ์ อดจ ์ (Microsoft Edge) ไฟร์ฟอกซ์ (Firefox) โดยมีชอ่ งระบุ
ทอ่ี ยู่ของเวบ็ ไซตใ์ นเวบ็ เบราวเ์ ซอร ์ ซงึ่ การสบื คน้ ข้อมูลโดยใช้อินเทอร์เนต็ แบง่ เป็น 2 แบบ ดังน้ี
• การสบื คน้ ข้อมูลแบบ Index Directory เปน็ การสืบคน้ ข้อมลู จากหวั ขอ้ ตา่ งๆ ท่ีไดม้ ีการจดั หมวดหมู่ไว้แลว้
• การสืบคน้ ข้อมูลแบบ Search Engine เปน็ การสบื คน้ ข้อมูลโดยใช้บรกิ ารทางอนิ เทอรเ์ นต็ หรอื ท่เี รียกว่า บรกิ าร Search Engine
โดยระบุคา� ค้นเพ่อื สบื ค้นข้อมลู ทีต่ ้องการ

ขอ้ ตกลงในการใชง้ านอินเทอร์เนต็ เปน็ สง่ิ ทต่ี ้องปฏิบัติตาม เพื่อไมใ่ หเ้ กิดความเสียหายตอ่ ตนเองและผอู้ ื่น มดี ังน้ี

สวสั ดีค่ะคุณแม่

มอี ะไรจะ ลกู หนขู ออนุญาต S TA R T
คุณแม…่

ใชภาษาทีส่ ภุ าพและเหมาะสม ไมเผยแพรข อ มลู ที่ไมเหมาะสม เคารพสทิ ธิและขอ มลู สว นตัวของผอู นื่

เทคโนโลยสี ารสนเทศ

เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นการใช้งานเทคโนโลยี เช่น การใช้งานคอมพิวเตอร์เพ่ือด�าเนินการกับข้อมูลในการจัดเก็บ การประมวลผล
การแลกเปลี่ยน หรือการเผยแพรข่ อ้ มูลในรูปแบบตา่ ง ๆ เช่น ขอ้ ความ รูปภาพ เสียง วิดโี อ

การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอยา งปลอดภยั การใชง้ านเทคโนโลยสี ารสนเทศมที ง้ั ประโยชนแ์ ละโทษ จงึ ตอ้ งศกึ ษาเพอ่ื ใหส้ ามารถใชง้ าน
ได้อยา่ งรเู้ ท่าทันและปลอดภัยในสงั คม ซ่งึ การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภัย มดี ังนี้

ไมเ ปดเผยขอ มูลสวนตัว กําหนดรหสั ผา น ออกจากระบบทุกครงั้ หลังใชังาน

ติดตงั้ โปรแกรมปอ งกนั ไวรัส ขอความชว ยเหลอื เม่อื เกดิ ปญ หา

T82

Chapter Overview

แผนการจดั สื่อการเรย� นรู จด� ประสงค ว�ธ�สอน ประเมิน ทกั ษะที่ได คณุ ลักษณะ
การเร�ยนรู อนั พงึ ประสงค
แผนฯ ที่ 1
อินเทอรเนต็ - แบบทดสอบก่อนเรยี น 1. อธบิ ายวิธีการใช้ - ว ธิ กี ารสอนแบบ - ตรวจแบบฝก หดั - ทักษะการคิด - มวี นิ ัย
- ห นงั สือเรียนรายวชิ า อินเทอร์เนต็ ในการ กระบวนการกล่มุ - ส งั เกตพฤติกรรม อยา่ งมี - ใฝเ่ รียนรู้
1 พืน้ ฐาน เทคโนโลย ี คน้ หาความรแู้ ละขอ้ มูล (Group Process) การท�างาน วจิ ารณญาณ - ม ุ่งม่นั ใน
(วิทยาการคา� นวณ) ป.3 ทกี่ า� หนดได ้ (K) - เ ทคนคิ ตามแนวคิด รายบคุ คล - ทกั ษะการสื่อสาร การท�างาน
ชว่ั โมง - แ บบฝก หดั รายวชิ า 2. สืบคน้ ข้อมลู จากการใช้ เชิงค�านวณ - สงั เกตพฤติกรรม - ทกั ษะการท�างาน
พน้ื ฐาน เทคโนโลยี อนิ เทอร์เน็ตได้ (P) การท�างานกลมุ่ ร่วมกนั
(วิทยาการค�านวณ) ป.3 3. ปฏบิ ัติตามข้อตกลงใน - สงั เกตคณุ ลักษณะ
การใช้อนิ เทอร์เนต็ ได ้ อันพึงประสงค์
(A)

แผนฯ ที่ 2 - ห นังสอื เรียนรายวิชา 1. เ ปรยี บเทียบข้อดแี ละ - วธิ ีการสอนแบบ - ตรวจแบบฝก หดั - ทักษะการคิด - มีวนิ ัย
เทคโนโลยี พื้นฐาน เทคโนโลย ี ขอ้ เสยี จากการใช้ กระบวนการกลมุ่ - ตรวจชิ้นงาน/ อยา่ งมี - ใ ฝเ่ รียนรู้
สารสนเทศ (วิทยาการคา� นวณ) ป.3 เทคโนโลยสี ารสนเทศได ้ (Group Process) ภาระงาน วิจารณญาณ - ม ุง่ ม่นั ใน
- แ บบฝกหดั รายวิชา (K) - เทคนคิ ตามแนวคิด (รวบยอด) - ทกั ษะการส่อื สาร การทา� งาน
4 พ้ืนฐาน เทคโนโลยี 2. ใ ช้เทคโนโลยีสารสนเทศ เชงิ ค�านวณ - ตรวจแบบทดสอบ - ท ักษะการท�างาน
(วทิ ยาการคา� นวณ) ป.3 อย่างปลอดภัย และ - วิธีการสอนโดยใช้ หลงั เรียน รว่ มกัน
ชั่วโมง - ชน้ิ งาน/ภาระงาน ปฏิบัติตามข้อตกลงใน การแสดงบทบาท - สงั เกตพฤตกิ รรม

(รวบยอด) การใชเ้ ทคโนโลยี สมมต ิ การทา� งาน
- แบบทดสอบหลงั เรยี น สารสนเทศได ้ (P, A) (Role Playing) รายบุคคล
- สังเกตพฤติกรรม
การทา� งานกลมุ่
- ส ังเกตคณุ ลกั ษณะ
อันพึงประสงค ์

T83

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 1 1เวลา ช่ัวโมง

อินเทอร์เน็ต

1. มาตรฐาน/ตวั ชี้วดั

ตวั ช้ีวดั
ป.3/3 ใช้อินเทอร์เนต็ คน้ หาความรู้
ป.3/5 ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภัย ปฏบิ ัตติ ามข้อตกลงในการใชอ้ ินเทอรเ์ น็ต

2. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้

1. อธิบายวธิ ีการใชอ้ ินเทอรเ์ น็ตในการค้นหาความรแู้ ละขอ้ มูลท่ีกำ� หนดได้ (K)
2. สบื ค้นข้อมูลจากการใชอ้ นิ เทอร์เนต็ ได้ (P)
3. ปฏิบตั ติ ามขอ้ ตกลงในการใช้อินเทอร์เนต็ ได้ (A)

3. สาระการเรียนรู้

- อ ินเทอรเ์ นต็ เปน็ เครือข่ายขนาดใหญ่ช่วยใหก้ ารติดต่อสอ่ื สารท�ำได้สะดวก รวดเรว็ และเป็นแหลง่ ข้อมูลความร้ทู ีช่ ว่ ย
ในการเรียนและการดำ� เนนิ ชีวติ

- เวบ็ เบราวเ์ ซอรเ์ ปน็ โปรแกรมสำ� หรับอ่านเอกสารบนเวบ็ เพจ
- การสืบค้นข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตท�ำได้โดยใช้เว็บไซต์ส�ำหรับสืบค้น และต้องก�ำหนดค�ำค้นท่ีเหมาะสมจึงจะได้ข้อมูล

ตามต้องการ

4. สาระสำ� คญั /ความคิดรวบยอด

อนิ เทอรเ์ นต็ คอื เครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอรท์ เี่ ชอื่ มตอ่ กนั ครอบคลมุ ไปทวั่ โลก และเปน็ แหลง่ ขอ้ มลู ทช่ี ว่ ยในการเรยี นและการ
ด�ำเนินชวี ติ การใช้อินเทอร์เนต็ ในการสืบคน้ ขอ้ มลู จากเวบ็ เบราวเ์ ซอรต์ า่ ง ๆ โดยการใชค้ �ำคน้ หา (Keyword) ที่ตรงประเด็น
กระชบั เพอื่ ให้ได้ผลลัพธ์ทรี่ วดเร็ว ตรงตามความตอ้ งการและยังต้องค�ำนึงถึงขอ้ ตกลงในการใช้อนิ เทอรเ์ น็ต

5. สมรรถนะส�ำคัญของผเู้ รียนและคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์

สมรรถนะสำ� คญั ของผ้เู รยี น ทกั ษะ 4Cs คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์

1. ความสามารถในการสือ่ สาร 1. ทักษะการคิดอย่างมวี จิ ารณญาณ 1. มวี นิ ัย
2. ความสามารถในการคิด (Critical Thinking) 2. ใฝ่เรยี นรู้
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 2. ทักษะการทำ� งานร่วมกัน 3. มุ่งมน่ั ในการท�ำงาน
(Collaboration Skill)
3. ทักษะการสือ่ สาร
(Communication Skill)
4. ทักษะความคดิ สรา้ งสรรค์
(Creative Thinking)

6. กิจกรรมการเรยี นรู้

แนวคดิ /รปู แบบการสอน/วธิ ีการสอน/เทคนิค : วิธกี ารสอนแบบกระบวนการกลุม่ (Group Process) และเทคนิคตาม
แนวคดิ เชงิ ค�ำนวณ

T84

นา� นา� สอน สรปุ ประเมนิ

หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 3 อนิ เทอรเ์ น็ตและเทคโนโลยสี ารสนเทศ ขนั้ นาํ

แบบทดสอบกอ่ นเรยี น 1. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบกอนเรียน เรื่อง
อินเทอรเน็ตและเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อ
หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 3 เปนการทบทวนความรู และวดั พ้ืนฐานความรู
กอนท่จี ะเรมิ่ เรียนเน้อื หาใหม
คาช้แี จง : ให้นกั เรยี นเลือกคาตอบที่ถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว

1. ข้อใดให้ความหมายของอินเทอร์เน็ตไม่ถูกตอ้ ง 6. บคุ คลใดไม่ได้ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
ก. ใช้ในการสบื หาข้อมูลตา่ ง ๆ ก. โบวส์ ง่ ขอ้ ความหาเพ่อื นทางเฟซบุ๊ก
ข. เบนเขยี นรายงานลงในกระดาษสง่ ครู
ข. ทาใหก้ ารสือ่ สารสะดวกรวดเร็ว ค. บวิ โทรเล่าขา่ วท่ฟี งั ตอนเช้าให้โบวฟ์ งั

ค. ใช้ในการตดิ ตอ่ ส่ือสารไดเ้ ทา่ นน้ั 7. ข้อใดใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศต่างจากพวก
2. ข้อใดไมใ่ ช่เวบ็ ไซต์
ก. ส่งขอ้ มลู รายงานใหเ้ พ่ือน
ก. Bing ข. ใช้คอมพวิ เตอร์เล่นเกมตอ่ สู้
ข. Yahoo ค. ครูเปิดคลิปการทางานของรา่ งกายใหน้ ักเรยี นดู
ค. Internet Explorer 8. ข้อใดใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศโดยไม่มคี วามปลอดภัย
3. ข้อใดไมใ่ ช่ประเภทของการสืบค้นข้อมลู โดยใชอ้ ินเทอร์เน็ต ก. ติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรสั
ก. เสยี ง ข. ออกจากระบบทกุ ครั้งหลังใช้งาน
ค. ตั้งรหสั ผา่ น 1234 เพ่อื ป้องกนั การลมื
ข. กลนิ่ 9. ขอ้ ใดไม่ใช่ผลกระทบของการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ
ก. ป่วยจากการตากฝนเพ่อื ไปเรียนวชิ าคอมพวิ เตอร์
ค. รปู ภาพ ข. ถูกหลอกลวงจากข้อความที่ส่งมาทางโทรศัพท์มือถือ
4. การค้นหาใดได้ผลลพั ธท์ ต่ี รงตามความตอ้ งการที่สุด ค. ถูกขโมยข้อมูลจากการเข้าใชง้ านแลว้ ไมอ่ อกจากระบบ
10. การใช้ GPS ในการคน้ หาเสน้ ทางไปโรงพยาบาลเป็นการใช้
ก. ฝนตอ้ งการภาพดอกคณู จึงพมิ พ์คาว่าดอกคนู เทคโนโลยสี ารสนเทศในดา้ นใด
ข. แนนต้องการไปทะเลท่ีจังหวัดกระบ่ี จึงพิมพ์คาว่า ก. ดา้ นการศึกษา
ข. ดา้ นความบันเทิง
ทะเล ค. ด้านการคมนาคม

ค. ปลาต้องการไปเท่ียวใกล้บ้านจึงพิมพ์คาว่า

สถานทท่ี ่องเท่ยี ว
5. ใครไมป่ ฏิบตั ติ ามขอ้ ตกลงการใชอ้ นิ เทอร์เน็ต

ก. จอยใชอ้ ินเทอรเ์ นต็ คน้ หาข้อมลู ทารายงาน

ข. ปลาใชอ้ นิ เทอร์เน็ตส่อื สารกบั เจนใหเ้ ช็คขา่ ว

กอ่ นเผยแพร่

ค. เจนเผยแพรข่ า่ วนา้ ศักดสิ์ ทิ ธ์ชิ ว่ ยคนตาบอดให้

กลบั มามองเหน็

เฉลย

1. ค 2. ข 3. ข 4. ก 5. ค 6. ข 7. ข 8. ค 9. ก 10. ค

เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ)

ภาพจาก

แผนการสอน ท่ี 1

หนวยท่ี 13

ขอสอบเนน การคิด

ขอ ใดใหความหมายของคาํ วา Search Engine ไดถ ูกตอ ง
1. การโอนยา ยขอมลู ในเครอื่ งเเมข า ย
2. บรกิ ารโอนยา ยขอ มลู ในเคร่อื งสว นบุคคล
3. การโอนยายขอมลู จากเคร่อื งสวนบุคคลไปยังเครื่องแมขา ย
4. บริการคน หาขอ มูลโดยนาํ คําสําคญั ไปเปรยี บเทียบกับ
เวบ็ ไซตเ พอ่ื คนหาคําน้ัน
(วเิ คราะหค ําตอบ การสืบคนแบบ Search Engine เปนการ

สืบคนขอ มลู โดยใชบรกิ ารทางอนิ เทอรเ น็ต หรือทเ่ี รียกวา บรกิ าร
Search Engine โดยระบคุ ําคนเพ่อื สบื คนขอมลู ที่ตองการ ดังนนั้
ตอบขอ 4.)

T85

นา� นา� สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ นาํ 3 Í¹Ô à·ÍÃà ¹µç˹Nj ¡ÒÃàÃչ̷٠èÕ áÅÐ
à·¤â¹âÅÂÊÕ ÒÃʹà·È
2. ครอู ธบิ ายเนอ้ื หาเรอ่ื ง อนิ เทอรเ นต็ ใหน กั เรยี น
ฟงวา อินเทอรเน็ตเปนเครือขายคอมพิวเตอร ตัวช้วี ัด
ท่ีเช่ือมตอกนั ท่วั โลก ทาํ ใหการตดิ ตอ สอื่ สารมี
ความสะดวก รวดเร็วมากขนึ้ และยังสามารถ ว 4.2 ป. 3/3 ใชอ ินเทอรเนต็ คนหาความรู
ใชอินเทอรเน็ตในการคนหาขอมูลตางๆ ท่ี ว 4.2 ป. 3/5 ใชเทคโนโลยสี ารสนเทศอยางปลอดภยั ปฏิบตั ติ ามขอ ตกลงในการใชอินเทอรเ น็ต
ตองการทราบไดอีกดวย จากนั้นครูถาม
คําถามประจําหนวยการเรียนรูกับนักเรียนวา
อินเทอรเน็ตมีสวนชวยใหนักเรียนรูอะไรบาง
จากน้ันใหนักเรียนชวยกันวิเคราะหและหา
คาํ ตอบนี้

แนวตอบ คาํ ถามประจาํ หนว ยการเรยี นรู ÍÔ¹à·ÍÃà ¹çµÁÊÕ Ç‹ ¹ª‹ÇÂ
ã˹Œ Ñ¡àÃÂÕ ¹àÃÂÕ ¹Ã͌٠ÐäúҌ §
อินเทอรเน็ตมีสวนชวยใหนักเรียนไดเรียนรูใน
หลายดา น ยกตวั อยางเชน เปนแหลงความรูข นาด 46
ใหญสําหรับผูเรียน เพื่อใหผูเรียนสามารถศึกษา
และคน หาความรตู ามทต่ี อ งการได หรอื สามารถนาํ ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 46
อนิ เทอรเ นต็ มาชว ยในการจดั กจิ กรรมการเรยี นการ
สอน ซง่ึ จะทาํ ใหผ เู รยี นทอ่ี ยหู า งไกลสามารถคน ควา
หาความรู และตดิ ตอ สอ่ื สารไดอ ยา งสะดวก รวดเรว็
เพอื่ นาํ ไปพฒั นาทกั ษะการคดิ วเิ คราะหแ ละสามารถ
นาํ ไปพฒั นาตอยอดในชวี ติ ประจาํ วันได

เกร็ดแนะครู

การเรียนการสอนเรือ่ ง อินเทอรเ นต็ และเทคโนโลยีสารสนเทศ ครคู วรเนน
การสอนโดยอธิบายเกี่ยวกับอินเทอรเน็ตวา เปนเครือขายคอมพิวเตอรที่เชื่อม
ตอกันและครอบคลุมไปทั่วโลก ทําใหการติดตอสื่อสารมีความสะดวก รวดเร็ว
รวมทงั้ ยงั เปน แหลง ความรทู ชี่ ว ยในการเรยี นการสอนและการดาํ เนนิ ชวี ติ จากนนั้
ใหครูอธิบายเก่ียวกับเทคโนโลยีสารสนเทศวา เปนการใชงานเทคโนโลยี เชน
การใชงานคอมพิวเตอรเพื่อดาํ เนินการกับขอมูลในการจัดเก็บ การประมวลผล
การแลกเปลย่ี น หรอื การเผยแพรขอ มลู ในรปู แบบตา งๆ เชน ขอความ รูปภาพ
เสยี ง วิดีโอ และครูถามคาํ ถามจากการอธิบายเนือ้ หากับนกั เรยี น ดงั น้ี

• อินเทอรเ น็ตคืออะไร มีความสําคัญในชีวติ ประจําวันอยางไร
• การใชเ ทคโนโลยสี ารสนเทศอยา งปลอดภัยตองปฏิบตั ติ นอยา งไรบา ง

T86

นา� สอน สรปุ ประเมนิ

1.นกั เรียนคดิ วา Í¹Ô à·ÍÃà ¹µç ขนั้ สอน

การกาํ หนดคาํ คน 1. ครูถามคําถามสําคัญประจําหัวขอกับนักเรียน
มีผลตอการคน หา วา นักเรียนคิดวา การกําหนดคําคนมีผลตอ
ขอ มลู ทาง อินเทอรเน็ต เปน เครอื ขา ยคอมพวิ เตอรท ี่ การคน หาขอมลู ทางอนิ เทอรเ น็ตอยา งไร
อนิ เทอรเ นต็ เชอ่ื มตอ กนั และครอบคลมุ ไปทว่ั โลก ทาํ ใหก ารตดิ ตอ
อยางไร สือ่ สารมีความสะดวก รวดเร็ว รวมทั้งยังเปนแหลง 2. นักเรียนศึกษาเน้ือหาเรื่อง อินเทอรเน็ต วา
ขอ มลู ความรูทชี่ วยในการเรยี นการสอนและการดาํ เนนิ ชีวติ เปนเครือขายคอมพิวเตอรที่เช่ือมตอกันและ
ครอบคลุมไปท่ัวโลก ทําใหการติดตอสื่อสาร
1.1 การสืบคน ขอ มูลโดยใชอ นิ เทอรเ น็ต มีความสะดวกและรวดเร็ว จากน้ันครูอธิบาย
สามารถทาํ ไดโ ดยใชบ รกิ ารจากเวบ็ ไซต (Website) ทใี่ หบ รกิ าร เร่ือง การสืบคนขอมูลโดยใชอินเทอรเน็ตวา
สามารถทําไดโดยการใชบริการจากเว็บไซตที่
ใหบริการสืบคนขอมูล โดยเว็บไซตจะเปนสื่อ
ทแี่ สดงขอ มูลในรปู แบบของดจิ ิทลั

สืบคนขอมูล โดยเว็บไซตจะเปนสื่อที่แสดงขอมูลในรูปแบบของ
ดิจทิ ลั เชน ขอ ความ รูปภาพ เสียง วดิ โี อ ท่มี กี ารเช่อื มโยงเนือ้ หา
เทว่ีเบ็ กเ่ียบวรขาอวเงซกอันรไ1 ว(WหลebายBๆrowหsนeาr) ซึ่งสามารถเขาถึงไดดวยโปรแกรม
เชน กเู กลิ โครม (Google Chrome)
ไมโครซอฟตเอดจ (Microsoft Edge) ไฟรฟอกซ (Firefox)
โดยจะมชี อ งทร่ี ะบทุ อ่ี ยขู องเวบ็ ไซต (URL Address) ในเวบ็ เบราวเ ซอร

ภาพท่ี 3.1 ตวั อยา งโปรแกรมทใี่ หบ รกิ ารในการคน หาขอ มลู เชน www.google.com www.yahoo.com แนวตอบ คาํ ถามสาํ คัญประจาํ หัวขอ

47 การกาํ หนดคาํ คน มผี ลตอ การคน หาขอ มลู ทาง
อินเทอรเ น็ต โดยจะทาํ ใหไ ดผ ลลพั ธห รอื ขอ มูลตาม
ภาพจาก หนงั สอื เรยี น หนา 47 ท่ตี องการอยางรวดเรว็ และตรงประเด็น

ขอ สอบเนน การคดิ นักเรียนควรรู

อนิ เทอรเ น็ตเกดิ ขึ้นครัง้ แรกในประเทศใด 1 เว็บเบราวเซอร คือ โปรแกรมที่สามารถแปลงภาษาของคอมพิวเตอร
1. จีน (HTML) ใหเปนเว็บเพจที่มนุษยสามารถอานและทําความเขาใจได โดยเว็บ
2. ญีป่ นุ เบราวเซอรจะทําการเปลี่ยนแปลงชุดคําสั่งภาษาของคอมพิวเตอรใหออกมา
3. อังกฤษ ปรากฏทหี่ นา เวบ็ ไซตน น้ั ๆ ซงึ่ เวบ็ เบราวเ ซอรเ กดิ ขน้ึ ครง้ั แรกในโลกจาก เซอรท มิ
4. สหรัฐอเมริกา โมที จอหน เบอรเนิรส ลี (Sir Timothy John Berners-Lee) และเวบ็ เบราวเซอร
ตัวแรกมชี อ่ื วา เวลิ ดไ วดเ วบ็ (World Wide Web เขียนยอวา WWW) ตวั อยาง
(วเิ คราะหค ําตอบ เว็บเบราวเซอรตัวแรกมีชื่อวา เวิลดไวดเว็บ ของเวบ็ เบราวเ ซอรท น่ี ยิ มใชใ นปจ จบุ นั เชน Mozilla Firefox , Google Chrome,
(World Wide Web) ซึ่งในอดตี ยังไมไ ดรบั ความนยิ มเทาทคี่ วรจน Safari
กระทง่ั ศูนยว ิจัยเอ็นซีเอสเอ (NCSA) ของมหาวทิ ยาลัยอลิ ลนิ อยส
เออรแบนา-แชมเปญจน สหรฐั อเมรกิ า ไดทําการคดิ คนและสราง
โปรแกรมเว็บเบราวเซอรใหมที่มีชื่อวา โมเสก (MOSAIC) เปน
โปรแกรมเวบ็ เบราวเ ซอรท ดี่ เู วบ็ เชงิ กราฟก และยงั เปน ทม่ี าของเวบ็
เบราวเ ซอร เนต็ สเคป (Netscape) ดงั นัน้ ตอบขอ 4.)

T87

นา� สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั สอน การสืบคนขอ มูลโดยใชอ ินเทอรเ น็ต แบง เปน 2 แบบ ดังน้ี

3. ครูอธิบายเรื่อง การสืบคนขอมูลโดยใช 1. การสืบคนแบบ เปน การสบื คน ขอ มลู จากหวั ขอ ตา ง ๆ ทไ่ี ด
อินเทอรเน็ต ซึ่งแบงออกเปน 2 แบบ ไดแก
การสืบคนขอมูลแบบ Index Directory Index Directory มีการจัดเปน หมวดหมไู วแลว
เปนการสืบคนขอมูลจากหัวขอตางๆ ท่ีไดมี
การจดั หมวดหมูไวแลว และสบื คนขอ มูลแบบ 2. การสืบคนแบบ เปนการสืบคนขอมูลโดยใชบริการทาง
Search Engine เปนการสืบคนขอ มูลโดยระบุ
คาํ คน เพ่อื สบื คนขอ มูลตามท่ีตองการ Search Engine อนิ เทอรเ นต็ หรอื ทเ่ี รยี กวา บรกิ าร Search
Engine โดยระบคุ ําคน (Keyword) เพือ่ สืบคนขอมูลท่ตี องการ
4. ครใู หน กั เรยี นเขา ใชง านอนิ เทอรเ นต็ โดยสบื คน
ขอมูลท่ีสนใจไดตามความตองการดวยการ
สืบคนขอมูลแบบ Search Engine และนํา
ขอ มลู ทีไ่ ดเขยี นใสล งในกระดาษท่คี รแู จกให

¡ÒÃÊº× ¤Œ¹¢ÍŒ ÁÙÅẺ Search Engine มีขัน้ ตอน ดังน้ี
1. เปด เวบ็ เบราวเ ซอร เชน Google Chrome, Microsoft Edge,

Firefox ซึ่งเปนโปรแกรมทใ่ี ชสําหรบั เขา ถงึ เว็บไซต

48

ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 48

เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคิด

ครอู ธบิ ายเนอ้ื หาเรอ่ื ง การสบื คน ขอ มลู โดยใชอ นิ เทอรเ นต็ ซงึ่ จะถามคาํ ถาม เว็บไซตท่ีใหบ ริการสบื คน ขอมูลบนอนิ เทอรเ นต็ เรียกวา อะไร
กบั นกั เรยี นวา การสบื คน ขอ มลู โดยใชอ นิ เทอรเ นต็ สามารถสบื คน ไดก แ่ี บบ อะไร 1. URL
บาง และสุมนักเรียนข้ึนมาตอบคาํ ถาม เมอื่ นักเรียนตอบคําถามเสรจ็ เรยี บรอย 2. Address
ใหครูสรุปความแตกตางระหวางการสืบคนขอมูลแบบ Index Directory วา 3. Web Board
เปน การสบื คน ขอ มลู จากหวั ขอ ตา งๆ และการสบื คน ขอ มลู แบบ Search Engine 4. Search Engine
วา เปนการสืบคนขอมลู โดยจะตองระบุคําคน เพอ่ื สืบคนขอมูลตามท่ตี องการ (วเิ คราะหคําตอบ การสบื คน แบบ Search Engine เปน การสบื คน

ขอ มลู โดยใชบ รกิ ารทางอนิ เทอรเ นต็ ซงึ่ จะตอ งระบคุ าํ คน เพอ่ื สบื คน
ขอ มูลท่ตี อ งการ ดงั นน้ั ตอบขอ 4.)

T88

นา� สอน สรปุ ประเมนิ

2. การเขาใชงานเวบ็ ไซตที่ใหบ ริการในการสบื คน ขอ มูล เชน ขนั้ สอน
www.google.com, www.bing.com, www.yahoo.com
โดยพิมพลงในชอ งทอ่ี ยเู วบ็ 5. ครูใหนักเรียนสืบคนขอมูลแบบ Search
Engine โดยทําตามข้ันตอนในหนังสือเรียน
3. ระบุคําคนลงในชองคนหาเพื่อคนหาขอมูลที่ตองการ เชน เม่ือนักเรียนอานเน้ือหานี้เสร็จเรียบรอยครู
อาหารไทย แลวคลกิ ที่ จะใหนักเรียนสืบคนตามคําคนท่ีครูกาํ หนด
ให ดังน้ี ดอกไมประจําชาติไทย ประเพณี
สงกรานต วนั ขน้ึ ปใ หม วนั สําคญั ทางพระพทุ ธ-
ศาสนา ไวรสั Covid 19 การปอ งกนั ฝนุ PM 2.5
ซ่ึงมีเง่ือนไขวา นักเรียนสามารถเลือกได
1 หวั ขอ จากท่ีครกู าํ หนด และสบื คน หาขอ มูล
ทําเปน รายงานสงครใู นชว่ั โมงถัดไป

4. คลิกเลอื กขอมูล
ทตี่ องการ

49

ภาพจาก หนงั สอื เรยี น หนา 49

ขอ สอบเนน การคดิ ความรูเสริม

ขอใดอธิบายความหมายของคําวา การสืบคนสารสนเทศ ได คําคน หา (Keyword) คอื คําอธิบายส่งิ ใดส่งิ หน่งึ เพือ่ สบื คน รายละเอียด
ถูกตองทีส่ ดุ ขอมูลผานอนิ เทอรเนต็ บนเว็บ Search Engine ซึง่ ประเภทของคาํ คนหา มีดงั นี้

1. การเขา ถงึ แหลง ขอ มลู ท่ถี กู จดั เก็บอยา งเปน ระบบ • Mass Keyword เปน คาํ คน หาสงิ่ ตา งๆ ทม่ี คี วามเกย่ี วขอ งและสอดคลอ ง
2. การคน ควา ขอ มลู สารสนเทศผา นเครอื ขายอินเทอรเนต็ ในกลุมคําเดยี วกนั
3. การแสวงหาทรัพยากรสารสนเทศท่บี นั ทกึ และเผยแพรไ ว
• Misspelling Keyword เปน คาํ คนหาตางๆ ทมี่ ีการสะกดคลายคลงึ หรือ
ในส่ือตางๆ ผิดเพี้ยนไปจากเดมิ
4. การรวบรวมขอ มูลสารสนเทศ วิเคราะห ออกแบบ และ
• Widely Keyword เปนคาํ คน หาส้ันๆ ทีม่ ีเน้ือหาและความหมายท่ีคอน
บนั ทกึ ลงในสอ่ื รปู แบบตา งๆ ขางกวา ง มีอัตราการคนหาสูง

(วิเคราะหค าํ ตอบ การสืบคนสารสนเทศ เปนการแสวงหา • Niche Keyword เปน คําคน หาเฉพาะเจาะจง เฉพาะกลุม ซ่งึ โดยปกติ
ทรัพยากรสารสนเทศที่บันทึกและเผยแพรไวในส่ือตางๆ ดังน้ัน มักจะพบบอ ยในช่อื เรียกรนุ ของสินคาตางๆ
ตอบขอ 3.)

T89

นา� สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั สอน การสืบคนขอมูลยังสามารถแบงแยกประเภทของการสืบคน
ไดตามลกั ษณะของขอมูลน้นั ๆ เชน รปู ภาพ วดิ โี อ โดยเลือกทแี่ ถบ
6. เมอื่ ครอู ธบิ ายเนอ้ื หาเรอ่ื ง การสบื คน ขอ มลู แบบ เครื่องมอื ในเวบ็ ไซตท ใ่ี หบริการในการสบื คนขอมลู ดงั นี้
Search Engine เสร็จเรียบรอย ครูอธิบาย
ความรูเพิ่มเติมจากเกร็ดนารูใหนักเรียนฟงวา
การใชคาํ คน ท่ีแตกตางกนั จะทาํ ใหไดผ ลลพั ธ
จากการคนหาท่แี ตกตางกัน ดังนัน้ ควรจะใช
คาํ คน ท่ตี รงประเด็น กระชบั เพ่อื ใหไ ดผ ลลพั ธ
ทร่ี วดเรว็ และตรงตามความตองการ

7. ครูใหนักเรียนสืบคนขอมูลแบบ Search
Engine โดยใหสืบคนขอมูลรูปภาพขนมไทย
มาคนละ 1 ชนดิ จากนน้ั ออกมาอธบิ ายชอ่ื และ
ลักษณะของขนมไทยน้นั ๆ

ผลลพั ธจ ากการสืบคน ผลลัพธจากการสืบคน
ขอมูลทเี่ ปน รปู ภาพ ขอ มูลท่เี ปน วดิ ีโอ

ภาพที่ 3.2 การสบื คนตามลักษณะของขอ มลู

à¡Ã´ç ¹‹ÒÃÙŒ

การใชคําคนที่แตกตางกัน จะทําใหไดผลลัพธจากการคนหาที่แตกตางกัน
ดังนนั้ ควรใชค าํ คนท่ตี รงประเดน็ และกระชับ เพื่อใหไดผลลพั ธท่ีรวดเร็วและ
ตรงตามความตอ งการ

50

ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 50

เกร็ดแนะครู กจิ กรรม ทา ทาย

ครอู ธิบายเรอ่ื ง การสืบคน ขอมูลแบบ Search Engine ใหน กั เรยี นฟง เพ่อื ครใู หน กั เรยี นสบื คน ขอ มลู แบบ Search Engine ตามหวั ขอ ทค่ี รู
เปนการทบทวนความรูที่เรียนมาวา เปนการสืบคนขอมูลโดยการระบุคําสําคัญ กําหนด 1 หวั ขอ จากนนั้ ใหน กั เรียนนําขอ มูลตัวอกั ษรและขอมลู
ในการคน หา เพอ่ื ใหไ ดผลลพั ธท ตี่ อ งการ รวดเร็ว และตรงประเดน็ จากนนั้ ครู ภาพท่ีเก่ียวของกับหัวขอที่สนใจ เขียนลงในกระดาษ A4 พรอม
ใหนักเรียนลองปฏิบตั ิจริงโดยการสืบคนขอ มูลตามประเภทของขอมูลนั้นๆ เชน ตกแตง ใหส วยงาม แลว นาํ เสนอหนา ชน้ั เรยี น โดยหวั ขอ ทคี่ รกู าํ หนด
ใหนักเรียนคนหาขอมูลรูปภาพเร่ือง วัฒนธรรมไทย โดยพิจารณาภาพและทํา ให มีดังน้ี
ตามข้นั ตอนที่กาํ หนดให เพ่ือใหไดข อ มลู ตามทต่ี องการ • ขนมไทย • คอมพวิ เตอร
• วนั สงกรานต • รา งกายของฉัน
• การปอ งกันไวรัส Covid 19 • โปรแกรม Code.org
• การปอ งกันฝนุ PM 2.5 • จงั หวดั บานเกิด
• วนั สาํ คญั ทางพระพุทธศาสนา • ขอ ปฏิบตั ิในการใช
อนิ เทอรเนต็

T90

นา� สอน สรปุ ประเมนิ

¡Ô¨¡ÃÃÁ ขน้ั สอน
½¡ƒ ·Ñ¡ÉÐ
1. ใหนักเรียนสืบคนขอมูลจากเว็บไซตที่ใหบริการในการสืบคนขอมูล 8. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมฝกทักษะ โดยให
เชน www.google.com, www.bing.com, www.yahoo.com โดย นักเรียนสืบคนขอมูลจากเว็บไซตที่ใหบริการ
ใชคําคนวา “การปองกันฝุน PM 2.5” แลวเปรียบเทียบผลลัพธ ในการสบื คน ขอ มลู โดยใชค าํ คน วา การปอ งกนั
ทไี่ ดจ ากการสบื คน วา เหมอื นหรอื แตกตา งกนั อยา งไร บนั ทกึ คาํ ตอบ ฝุน PM 2.5 แลว เปรยี บเทียบผลลพั ธท ี่ไดจาก
ลงในสมุด การสืบคน จากนั้นครูใหนักเรียนแบงกลุม
2. ใหนักเรียนสืบคนขอมูลวา นอกจากเว็บไซต www.google.com, กลุมละ 3-5 คน หาคําคนที่ใชในการสืบคน
www.bing.com, www.yahoo.com ยังมีเว็บไซตใดอีกบางท่ีให ขอมูล แลวไดผลลัพธใกลเคียงกับภาพ
บริการในการสืบคน ขอมลู ท่ีกําหนดให และบันทึกคําตอบที่ไดลงใน
3. ใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละ สมุดประจาํ ตวั
3-5 คน หาคาํ คน ทใ่ี ชในการ
สืบคนขอมูลแลวไดผลลัพธ
ใกลเคียงกับภาพท่ีกําหนดให
มากทสี่ ดุ พรอ มอธบิ ายเหตผุ ล

ทกั ษะการเรยี นรูในศตวรรษที่ 21 2. ทกั ษะการทํางานเปน ทีม 51
1. ทกั ษะการคดิ วิเคราะห 4. ทกั ษะการใชค อมพิวเตอร
3. ทักษะการส่ือสาร

ภาพจาก หนังสือเรยี น หนา 51

กิจกรรม 21st Century Skills เกร็ดแนะครู

1. ใหนักเรียนแบงกลมุ ตามความสมคั รใจ กลุมละ 4-5 คน ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั ทาํ กจิ กรรมฝก ทกั ษะ โดยใหน กั เรยี นพจิ ารณาคาํ ถาม
2. ใหนักเรียนรวมกันสืบคนขอมูลจากเว็บไซตที่ใหบริการสืบคน ที่กําหนดใหแตละขอเพื่อตอบคําถามใหถูกตอง จากน้ันครูและนักเรียนรวมกัน
สรปุ ความรทู ไ่ี ดจ ากการทาํ กจิ กรรมฝก ทกั ษะนี้ เมอื่ ทาํ กจิ กรรมฝก ทกั ษะเรยี บรอ ย
ขอมลู ในเรือ่ งทก่ี ลุม ตนเองสนใจ แลว ครสู มุ นกั เรยี นออกมาอธบิ ายคาํ ตอบของแตล ะขอ หนา ชน้ั เรยี น และครถู าม
3. สมาชกิ ในกลมุ รว มกนั หาขอ มลู และจดั เตรยี มขอ มลู เพอ่ื นาํ เสนอ คาํ ถามเพอ่ื ทบทวนการเรยี นรกู บั นกั เรยี นวา การสบื คน ขอ มลู โดยใชอ นิ เทอรเ นต็
มีกปี่ ระเภท อะไรบา ง และมีความเหมือนหรอื แตกตา งกนั อยา งไร
ตามรปู แบบทน่ี ักเรียนคดิ วา นา สนใจอยา งอิสระ
4. นําเสนอผลงานหนาช้ันเรียนโดยใชวิธีการสื่อสารที่ทําใหผูอื่น

เขาใจไดงา ย

T91


Click to View FlipBook Version