Chapter Concept Overview
หนวยการเรียนรทู้ ี่ 2
การเขียนโปรแกรมส่งั ใหต ัวละครทํางาน
เป็นกระบวนการน�าส่ิงที่ได้ออกแบบไว้ในข้ันตอนการแก้ปัญหามาเขียนด้วยค�าสั่งภาษาคอมพิวเตอร์ ซ่ึงเม่ือนักเรียนออกแบบ
ขนั้ ตอนการแกป้ ญั หาไดต้ ามตอ้ งการแลว้ กระบวนการตอ่ ไป คอื การเขยี นโปรแกรมคอมพวิ เตอร ์ เพอื่ สง่ั ใหค้ อมพวิ เตอรท์ า� งานตามขน้ั ตอน
ดงั กลา่ ว และควรเขียนในรปู แบบทีง่ า่ ย เพอื่ ใหผ้ อู้ นื่ สามารถเขา้ ใจได้
การเขยี นโปรแกรม หมายถึง การเขยี นชดุ คา� ส่ังด้วยภาษาคอมพวิ เตอร ์ เพื่อแสดงล�าดบั ขัน้ ตอนใหค้ อมพิวเตอร์หรือตัวละครทา� งาน
ตามทีไ่ ด้ออกแบบไว ้ โดยการเขยี นโปรแกรมควรมลี า� ดบั การเขยี นทเี่ รียงลา� ดบั กันอยา่ งชดั เจน เพอื่ ใหค้ อมพิวเตอร์หรือตวั ละครท�างานตาม
ท่ีสง่ั และตามเง่ือนไขท่กี �าหนดไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง โดยเรามักเรยี กขน้ั ตอนการเขียนโปรแกรมวา่ การลงรหัส ซ่งึ มขี ้ันตอน ดงั น้ี
การออกแบบขน้ั ตอนวิธี การเขยี นโปรแกรม การตรวจสอบผลลพั ธ์
(โโCปคดรoแmแกบpรกบuมาtไaรมหtฝiใoรกชnือเคaฝขอlกยี มนกTพาhโปรiิวnเรเkขhตแtimยีnอกlgนรร)โมไคดนใhด นtโ้นัmจดกl ายากเกรปเhแาวtนmกร็บlกใป ไชาซญรบตฝหัตทก ารี่มใคชหีซําแ Cสล่งึ SนSส่ัักงวแาส<<ค/bมสbตูoo<ดิ<ddาด/รdyd<yC<เi>รv/>ipกงSvชp>>S>ถ>กางิ ฝ<ร<าค/bbฝกoรoํา<<dCd/เdกเyนd<y<Si>ขขv/>ipSvกp>>ว>>ียีย<า<ณ/นนbbรoo<<dd/dyd<y<i>v/>ipvp>>>>
เขยี นโคด เชน Code.org
การเขียนโปรแกรมส่ังใหตัวละครทํางานในโปรแกรม Code
.org ตองใชรูปแบบกลองคําส่ังหรือกลองเครื่องมือในการเขียน
โปรแกรม ดังนี้
ในการฝกเขียนโปรแกรม เป็นการฝกใช้แนวคิดเชิงคา� นวณ (Com- ¡ÅÍ‹ §¤Òí ÊÑè§
putational Thinking) ในการแกป้ ญั หา ซง่ึ สามารถฝก เขยี นโคด้ แบบไม่ใช้ เดินไปข้างหน้า หันไปทางซา้ ย หนั ไปทางขวา
คอมพิวเตอร์ได้โดยการใช้บัตรค�าส่ังแสดงการเขียนโปรแกรมหรือฝกการ 1 คร้งั 1 คร้ัง 1 ครงั้
เขียนโค้ดจากเว็บไซต์ที่มีหลักสูตรการฝกการเขียนโค้ด เช่น Code.org
และมรี ูปแบบของกลอ่ งค�าสงั่ ในการเขยี นโปรแกรม ดังน้ี
â»Ãá¡ÃÁ¤Òí ÊÑè§áÅТŒÍ¼´Ô ¾ÅÒ´·àÕè ¡´Ô ¢é¹Ö
เม่อื คลกิ ททีบ่ �าลซา้�็อตทกาี่กคมา�จาํ ห�าสนนงั่ ดวตนารมอรบปู ทาํ ใหซ ทอ�ามซบ�า้เงจเ้ี ดอื่นนนิกไทวขา่ าทจงี่กะไเา� ปปหนไนมไดปถ ตึงาดมอกทานตะวัน
จึงทําใหเกดิ ขอผดิ พลาดของโปรแกรม เพราะซอมบี้
เดินทางไปเก็บดอกทานตะวนั ไมสาํ เร็จ คําแนะนําเมอื่
การตรวจสอบขอ ผิดพลาดของโปรแกรม
เกดิ ขอ ผดิ พลาด
28
เมื่อเขยี นโปรแกรมคอมพิวเตอรเ์ รียบร้อยแล้ว จะตอ้ งทา� การตรวจสอบโปรแกรมวา่ หากโปรแกรมไมส่ ามารถท�างานตามที่ตอ้ งการได้
ให้กลับไปแก้ไขโปรแกรมและทดสอบใหม ่ ท�าจนกว่าจะได้ผลลัพธต์ รงตามความตอ้ งการ ซ่ึงการเขยี นโปรแกรมใหค้ อมพิวเตอร์ทา� งานตาม
ข้ันตอนท่ีได้ออกแบบไว้นั้น บางครั้งอาจจะเกิดปัญหาขึ้นได้ ซึ่งปัญหาที่เกิดข้ึนจากการเขียนโปรแกรมในแต่ละขั้นตอนของค�าส่ังนั้น
จะเรียกว่า ข้อผิดพลาด (Bug) ส่วนการตรวจสอบข้อผดิ พลาดและแก้ไขขอ้ ผิดพลาดท่เี กดิ ขึ้นนน้ั จะเรยี กวา่ การแก้ไขจุดบกพรอ่ ง (Debug)
â»Ãá¡ÃÁ¤Òí Êѧè áÅТŒÍ¼Ô´¾ÅÒ´·àèÕ ¡´Ô ¢¹Öé ¡ÒõÃǨÊͺ¢ŒÍ¼´Ô ¾ÅÒ´·Õàè ¡Ô´¢Ö¹é
เมื่อคลิกท่บี ล็อกคําส่ังตามรปู ทาํ ใหซ อมบเี้ ดนิ ทางไปไมถงึ ดอกทานตะวัน เม่อื พิจารณา
จงึ ทาํ ใหเ กิดขอ ผดิ พลาดของโปรแกรม เพราะซอมบี้ ขอ ผิดพลาดจึงพบวา
เดินทางไปเก็บดอกทานตะวนั ไมส าํ เรจ็ คําแนะนําเม่อื ในสวนท่ผี ิดพลาด
เกิดขึ้นจากเสน ทาง
เกดิ ขอ ผดิ พลาด การเดนิ ของซอมบี้
จึงสามารถเขยี น
โปรแกรมใหมได
ดงั นี้
T42 ¡ÒõÃǨÊͺ¢ÍŒ ¼´Ô ¾ÅÒ´·àèÕ ¡Ô´¢Öé¹ 39
Chapter Overview
แผนการจัด สือ่ การเร�ยนรู จ�ดประสงค วธ� ส� อน ประเมนิ ทกั ษะที่ได คุณลักษณะ
การเรย� นรู อนั พงึ ประสงค
แผนฯ ท่ี 1
การเขียน - แบบทดสอบกอ่ นเรียน 1. อธิบายขัน้ ตอนการเขียน - ว ธิ กี ารสอนแบบสาธติ - ตรวจแบบฝก หัด - ทกั ษะการคดิ - มวี นิ ัย
โปรแกรมส่ังให - หนงั สอื เรียนรายวชิ า โปรแกรมและการเขยี น - วิธีการสอนแบบ - ตรวจใบงาน อยา่ งมี - ใฝ่เรยี นรู้
ตัวละครทํางาน พน้ื ฐาน เทคโนโลยี โปรแกรมแบบวนซ�า้ สืบเสาะหาความร ู้ - ส งั เกตพฤติกรรม วจิ ารณญาณ - มุ่งมน่ั ใน
(วทิ ยาการค�านวณ) ป.3 ส่งั ให้ตวั ละครทา� งานใน (5Es Instructional การทา� งาน - ท กั ษะการสือ่ สาร การทา� งาน
4 - แบบฝก หดั รายวชิ า สถานการณ์ท่กี �าหนดได้ Model) รายบคุ คล - ท กั ษะการทา� งาน
พนื้ ฐาน เทคโนโลยี (K) - ส งั เกตพฤตกิ รรม รว่ มกนั
ช่ัวโมง (วิทยาการค�านวณ) ป.3 2. แ สดงข้ันตอนการเขียน การทา� งานกลมุ่
- ใ บงานท่ ี 2.1.1 เรื่อง โปรแกรมสง่ั ใหต้ วั ละคร - สังเกตคณุ ลกั ษณะ
เขียนคา� ส่งั ขน้ั ตอนการ ทา� งานซา้� ไมส่ น้ิ สดุ ได ้ (P) อนั พึงประสงค์
นับเหรียญ 3. เห็นประโยชนข์ องการใช้
คา� ส่งั ลูปในการท�างาน
แบบวนซ�้า (A)
แผนฯ ที่ 2 - ห นังสือเรยี นรายวชิ า 1. ต รวจสอบขอ้ ผิดพลาด - วิธีการสอนแบบสาธติ - ตรวจแบบฝก หดั - ทักษะการคิด - ม วี ินัย
การตรวจสอบ พน้ื ฐาน เทคโนโลย ี ของโปรแกรมได้ (K) - ว ธิ ีการสอนแบบ - ตรวจช้ินงาน/ภาระ อยา่ งมี - ใฝ่เรยี นรู้
ขอ ผดิ พลาดของ (วทิ ยาการคา� นวณ) ป.3 2. แ ก้ไขข้อผิดพลาดจาก สบื เสาะหาความรู้ งาน (รวบยอด) วิจารณญาณ - มุ่งม่ันใน
โปรแกรม - แ บบฝก หดั รายวิชา การเขยี นโปรแกรมได ้ (5Es Instructional - ตรวจแบบทดสอบ - ทกั ษะการสอื่ สาร การท�างาน
4 พื้นฐาน เทคโนโลย ี (P) Model) หลังเรยี น - ท กั ษะการท�างาน
(วิทยาการคา� นวณ) ป.3 3. น �าความร้แู ละประโยชน์ - ส ังเกตพฤตกิ รรม ร่วมกัน
ช่วั โมง - ช้นิ งาน/ภาระงาน ทไี่ ดร้ ับเรอื่ ง การตรวจ การทา� งาน
(รวบยอด) สอบขอ้ ผิดพลาดของ รายบคุ คล
- แบบทดสอบหลังเรยี น โปรแกรมมาประยุกตใ์ ช้ - ส ังเกตพฤตกิ รรม
ในชีวติ ประจ�าวนั ได้ (A) การทา� งานกลุ่ม
- ส งั เกตคณุ ลกั ษณะ
อนั พงึ ประสงค ์
T43
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 1 4เวลา ช่ัวโมง
การเขียนโปรแกรมสั่งให้ตัวละครทำ� งาน
1. มาตรฐาน/ตวั ชี้วัด
ตัวชีว้ ัด
ป.3/2 เขียนโปรแกรมอยา่ งง่าย โดยใชซ้ อฟต์แวร์หรือสื่อ และตรวจหาข้อผิดพลาดของโปรแกรม
2. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. อธบิ ายขน้ั ตอนการเขียนโปรแกรมแบบวนซ้�ำสัง่ ให้ตวั ละครทำ� งานในสถานการณ์ที่ก�ำหนดได้ (K)
2. แสดงข้นั ตอนการเขยี นโปรแกรมสง่ั ให้ตัวละครท�ำงานซ้�ำไม่ส้ินสุดได้ (P)
3. เห็นประโยชน์ของการใชค้ ำ� สง่ั ลปู ในการทำ� งานแบบวนซำ้� (A)
3. สาระการเรียนรู้
- การเขยี นโปรแกรมเปน็ การสรา้ งล�ำดบั ของค�ำส่ังใหค้ อมพิวเตอร์ท�ำงาน
- ตัวอย่างโปรแกรม เช่น เขียนโปรแกรมทส่ี ่งั ใหต้ วั ละครทำ� งานซ้�ำไมส่ นิ้ สดุ
- ซ อฟต์แวร์หรือสอ่ื ท่ใี ช้ในการเขียนโปรแกรม เช่น ใช้บตั รคำ� ส่ังแสดงการเขยี นโปรแกรม Code.org
4. สาระสำ� คญั /ความคิดรวบยอด
การเขยี นโปรแกรม หมายถงึ การเขยี นชดุ คำ� สง่ั ดว้ ยภาษาทางคอมพวิ เตอร์ เพอื่ แสดงลำ� ดบั ขน้ั ตอนใหค้ อมพวิ เตอร์ โดย
การเขียนโปรแกรม ควรมีล�ำดบั การเขยี นทเ่ี รยี งล�ำดับชัดเจน เพ่อื ใหค้ อมพิวเตอร์ทำ� งานตามที่สงั่ และตามเง่อื นไขท่ีกำ� หนด
ได้อยา่ งถกู ตอ้ ง โดยมักเรียกขั้นตอนการเขียนโปรแกรมวา่ การโคด้ ด้งิ (Coding)
การเขีียนโปรแกรมสั่�งให้ต้ ััวละครทำำ�งานซ้ำำ��ไม่่สิ้�นสุุด โดยทั่�วไปการทำำ�งานของโปรแกรมคอมพิวิ เตอร์์จะทำำ�งานเรียี งตาม
ลำำ�ดัับตั้�งแต่่คำำ�สั่่�งแรกไปถึึงคำำ�สั่่�งสุุดท้้าย แต่่สามารถให้้คอมพิิวเตอร์์ทำำ�งานซ้ำำ�� ๆ ที่่�ชุุดคำำ�สั่่�งใดได้้ โดยใช้้คำำ�สั่่�งควบคุุมให้้
ทำำ�งานซ้ำำ�� เรียี กว่า่ คำำ�สั่่�งลููป (Loop)
5. สมรรถนะส�ำคัญของผูเ้ รียนและคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
สมรรถนะสำ� คัญของผ้เู รียน ทักษะ 4Cs คุณลักษณะอันพึงประสงค์
1. ความสามารถในการส่ือสาร 1. ทักษะการคิดอย่างมวี ิจารณญาณ 1. มีวนิ ยั
2. ความสามารถในการคดิ (Critical Thinking) 2. ใฝเ่ รยี นรู้
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 2. ทกั ษะการทำ� งานร่วมกัน 3. ม่งุ มน่ั ในการท�ำงาน
(Collaboration Skill)
3. ทักษะการสอ่ื สาร
(Communication Skill)
4. ทักษะความคิดสรา้ งสรรค์
(Creative Thinking)
6. กิจกรรมการเรียนรู้
แนวคิด/รูปแบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : วิธีการสอนแบบสาธิต และวิธีการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es
Instructional Model)
T44
นา� นา� สอน สรปุ ประเมนิ
หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 2 การเขียนโปรแกรมอย่างง่าย ขน้ั นาํ
แบบทดสอบกอ่ นเรยี น 1. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบกอนเรียน เร่ือง
การเขียนโปรแกรมอยางงาย เพื่อเปนการ
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 ทบทวนความรู และวัดพื้นฐานความรูกอนท่ี
จะเริม่ เรยี นเน้ือหาใหมใหกบั นกั เรียน
คาชแ้ี จง : ให้นักเรยี นเลือกคาตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว
1. การเขียนโปรแกรมคาสัง่ ลูป ตอ้ งการให้โปรแกรมทาอะไร 7. จากคาตอบในขอ้ 6. โปรแกรมทถ่ี ูกตอ้ งตรงกบั ข้อใด
ก. ทางานซา ก. เดนิ ไปขา้ งหนา้ 2 ครงั หันขวา แลว้ เดนิ ไปขา้ งหน้า
ข. เรมิ่ ทางาน 4 ครงั
ค. ทางานเพยี งครงั เดยี ว ข. เดนิ ไปข้างหน้า 1 ครงั แล้วหันขวา ทาแบบนี 7 ครัง
ค. เดนิ ไปข้างหน้า หนั ขวา 2 ครัง จากนันเดินไป
2. ข้อใดเป็นกิจกรรมทไี่ มเ่ หมาะสมในการใช้คาส่งั การทางาน ข้างหน้า 4 ครงั
วนซา
ก. การนบั จานวนนักเรียน จานวน 100 คน 8. จากภาพคาสัง่ โปรแกรม สามารถเขยี นคาส่ังแบบวนซาได้ตามข้อใด
ข. การวาดภาพววิ ธรรมชาติ จานวน 5 สถานที่
ค. การชงกาแฟสูตรหวานนอ้ ยจานวน 50 แก้ว ก. ข. ค.
3. ถา้ หากต้องการเขียนโปรแกรมสาหรับปลูกต้นไม้ แต่ 9. จากคาตอบในข้อ 8. ข้อใดกลา่ วถูกตอ้ งเก่ยี วกับคาส่งั ในโปรแกรม
ผลลัพธ์ไม่ถกู ต้องตามทีต่ ้องการ ข้อผดิ พลาดนีเรยี กวา่ อะไร ก. ซอมบเี ดินไปข้างหน้า 3 ครงั
ก. บ๊ัก (bug) ข. ซอมบีเดนิ ไปข้างหน้า 5 ครงั
ข. ลูป (loop) ค. ซอมบีเดินไปขา้ งหนา้ 6 ครัง และหนั ขวา 2 ครัง
ค. ดบี ๊กั (debug)
10. ข้อใดอธบิ ายความหมายของคาสัง่ และ
4. ข้อใดเรียงลาดับการต้มไข่ไดถ้ กู ตอ้ งท่ีสุด
ก. ปลอกเปลือกไข่ ตม้ นาใหเ้ ดอื ด นาไขล่ งไปต้ม ไดถ้ กู ตอ้ งทีส่ ดุ
ลา้ งเปลอื กไข่
ข. ล้างเปลือกไข่ ต้มนาใหเ้ ดอื ด นาไข่ลงไปต้ม
ปลอกเปลอื กไข่
ค. นาไข่ลงไปตม้ ต้มนาให้เดือด ล้างเปลือกไข่
ปลอกเปลอื กไข่
5. จากภาพถา้ ตอ้ งการให้นกแดงเดนิ ทางไปหาหมเู ขียวไดส้ าเรจ็
ต้องใชค้ าส่งั ใด
ก. ข. ค. ก. เดินไปข้างหน้า 99 ครัง และเดินไปข้างหน้าเรื่อย ๆ
6. จากภาพคาส่ังโปรแกรม สามารถเขยี นคาส่งั แบบวนซาได้ ไมส่ ินสุด
ตามข้อใด ข. เดินไปข้างหน้า 99 ครัง และเดินไปข้างหน้าจนกว่า
จะถึงดอกทานตะวัน
ค. เดินไปขา้ งหน้ามากกวา่ 99 ครัง และเดินไปข้างหน้า
เร่ือย ๆ ไมส่ นิ สุด
ก. ข. ค.
เฉลย
1. ก 2. ข 3. ก 4. ข 5. ค 6. ข 7. ก 8. ก 9. ข 10. ข
เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ)
ภาพจาก
แผนการสอน ท่ี 1
หนว ยที่ 12
ขอสอบเนน การคิด
การเขียนโปรแกรมมคี วามหมายวาอยางไร
(วิเคราะหค ําตอบ การเขยี นโปรแกรม หมายถงึ การเขยี นชดุ คาํ สง่ั
ดวยภาษาคอมพิวเตอร เพ่ือแสดงลําดับขั้นตอนใหคอมพิวเตอร
หรือตัวละครทํางานตามที่ไดออกแบบไว โดยการเขียนโปรแกรม
ควรมีการเขียนเรียงลําดับที่ชัดเจน เพ่ือใหคอมพิวเตอร หรือตัว
ละครทํางานตามท่ีส่ังและตามเง่ือนไขท่ีกําหนดไดอยางถูกตอง
โดยมักเรยี กขัน้ ตอนการเขยี นโปรแกรมนี้วา การโคดด้ิง)
T45
นา� น�า สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ นาํ 2 ¡ÒÃà¢Õ¹â»Ãá¡ÃÁ˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹÷ŒÙ èÕ ตวั ชวี้ ดั ว 4.2 ป.3/2
2. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมลองทําดู ในแบบ ลองทาํ ดู ÍÂÒ‹ §§‹ÒÂ 1 234
ฝก หัดรายวิชาพ้ืนฐาน เทคโนโลยี (วทิ ยาการ
คํานวณ) ป.3 หนวยการเรยี นรูที่ 2 การเขยี น 1
โปรแกรมอยางงาย หนา 18 เพื่อเปนการ 2
ทบทวนความรเู ดิมกอนเขาสูบทเรยี น
3. ครูถามคําถามกระตุนความคิดกับนักเรียนวา
นักเรียนรูจักโปรแกรมใดบางที่ใชในการเขียน
โปรแกรมสั่งใหตวั ละครทํางานตามคําสั่ง และ
ใหน กั เรยี นภายในชน้ั เรยี นชว ยกนั วเิ คราะหเ พอื่
หาคําตอบน้ี
1 2 3 4 แถว(R) 3
1 2 3 4 4เฉฉบลับย คอลมั น (C)
ชิปทําหนาท่ีควบคุมการเปดหลอดไฟ ถาตองการเปดหลอดไฟ
ตามภาพ ตองใชค าํ ส่งั อยางไร วง ลอมรอบหนา คาํ ส่งั ที่ถูกตอ ง
เงือ่ นไข ไฟจะตดิ ในชอ งทต่ี ดั กนั
A คาํ สงั่ เปด ไฟ B คาํ สั่งเปด ไฟ
1. ชอ ง 3C และชอ ง 2R 1. ชอ ง 3C และชอง 2R
2. ชอ ง 2C และชอง 3R 2. ชอง 3C และชอ ง 3R
3. ชอ ง 3C และชอง 2R 3. ชอง 2C และชอง 4R
4. ชอ ง 2C และชอ ง 4R 4. ชอง 3C และชอ ง 4R
5. ชอ ง 1C และชอ ง 4R 5. ชอง 4C และชอง 4R
18
ภาพจาก
แบบฝกหดั
หน้าท1ี่ 48
เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคดิ
ครใู หน กั เรยี นเปด แบบฝก หดั รายวชิ าพน้ื ฐาน เทคโนโลยี (วทิ ยาการคาํ นวณ) การเขียนโปรแกรมคําสง่ั ลูป ตอ งการใหโปรแกรมทําอะไร
ป.3 หนว ยการเรยี นรูที่ 2 เรื่อง การเขียนโปรแกรมอยา งงา ย โดยใหนักเรียนทํา 1. ทาํ งานซ้าํ
กจิ กรรมลองทาํ ดู เมอ่ื นกั เรียนทํากจิ กรรมเสร็จเรยี บรอ ยแลว ครูขออาสาสมัคร 2. เรมิ่ ทํางาน
ออกมาทํากิจกรรมนี้หนาชั้นเรียน จากน้ันครูถามคําถามกระตุนการเรียนกับ 3. หยุดทาํ งาน
นักเรียนวา นักเรยี นมีวธิ คี ิดอยางไรบางทีท่ ําใหหลอดไฟเปดทุกดวงตามเงือ่ นไข 4. ทาํ งานเพยี งครั้งเดียว
ได และสมุ นกั เรียนข้ึนมาตอบคําถามน้ี
(วิเคราะหคําตอบ การเขียนโปรแกรมส่ังใหตัวละครทํางานซ้ํา
สามารถใชก ลอ งคาํ สง่ั ทาํ งานซา้ํ เพอ่ื เขยี นโปรแกรมโดยระบจุ าํ นวน
ครั้งได ซงึ่ คําสัง่ ใหท าํ งานซํา้ เรียกวา คําสง่ั ลูป ดังน้ัน ตอบขอ 1.)
T46
นา� นา� สอน สรปุ ประเมนิ
ËนÇ่ ยการเรียนรŒ·Ù èี ขนั้ นาํ
2 ¡Òรà¢ÂÕ ¹âปรá¡รÁÍÂÒ‹ §§Ò‹  4. ครูนํานักเรียนสนทนาทบทวนความรูเรื่อง
การเขียนคําส่ังใหโปรแกรมทํางานอยางเปน
ตวั ชี้วดั ลาํ ดบั ข้นั ตอน โดยเปด วีดิทัศนต ามลิงคทีแ่ นบ
มาใหน กั เรยี นดู https://www.youtube.com/
ว 4.2 ป. 3/2 เขียนโปรแกรมอยางงาย โดยใชซอฟตแวร watch?v=cDA3_5982h8 และใหนักเรียน
หรอื สอื่ และตรวจหาขอ ผดิ พลาดของโปรแกรม รวมกันสรุปความรูท่ีไดจากวีดิทัศนนี้วา ใน
การท่ีจะเขียนคําส่ังใหคอมพิวเตอรทํางานได
นั้น จําเปนท่ีจะตองเขียนลําดับข้ันตอนการ
ทาํ งาน หรืออลั กอรทิ มึ ออกมาใหช ัดเจน เพอ่ื
ลดปญหาหรือการทํางานท่ีผิดพลาด และ
อัลกอริทึมท่ีดีควรมีลําดับข้ันตอนการทํางาน
ท้งั กอ นและหลงั ท่ชี ดั เจน
5. ครูถามคําถามประจําหนวยการเรียนรู จาก
หนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน เทคโนโลยี
(วิทยาการคํานวณ) ป.3 หนวยการเรยี นรทู ี่ 2
เรอ่ื ง การเขยี นโปรแกรมอยา งงา ย วา การเขยี น
โปรแกรมมีประโยชนในชีวิตประจําวันอยางไร
บาง จากน้ันใหนักเรียนชวยกันวิเคราะหและ
ตอบคําถามน้ี
¡ÒÃà¢Õ¹â»Ãá¡ÃÁÁ»Õ ÃÐ⪹ แนวตอบ คําถามประจาํ หนว ยการเรยี นรู
ãนªÇี µÔ ปรШíาÇÑน
อย่างäรºŒาง การเขยี นโปรแกรมชว ยใหน กั เรยี นคดิ วเิ คราะห
สถานการณปญหาตาง ๆ โดยการแยกยอยคําสั่ง
26 โปรแกรมออกเปน คาํ สัง่ ยอย ๆ และสามารถเขียน
โปรแกรมไดอยางถูกตอง ทําใหการแกปญหานั้น
ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 26 สาํ เรจ็ ซง่ึ การเขยี นโปรแกรมทาํ ใหน กั เรยี นสามารถ
นาํ ความรไู ปประยกุ ตใ ช เพอื่ แกป ญ หาทางดา นการ
เรียนหรือปญหาในชีวติ ประจาํ วนั ไดอ ยา งถูกตอ ง
ขอ สอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู
โปรแกรมเมอรม คี วามหมายตรงกบั ขอ ใด การเรียนการสอนเรื่อง การเขียนโปรแกรมอยางงาย ครูควรเนนการสอน
1. นกั ออกแบบระบบงานของโปรแกรมคอมพวิ เตอร โดยอธิบายเก่ียวกับการเขียนโปรแกรม หรือชุดคําส่ังดวยภาษาคอมพิวเตอร
2. ชุดคาํ สั่งที่เขียนข้ึนเพ่ือส่ังใหคอมพิวเตอรทาํ งานตามที่ เพื่อแสดงลําดับข้ันตอนใหคอมพิวเตอร หรือตัวละครทํางานตามที่ไดออกแบบ
ตอ งการ ไว โดยการเขียนโปรแกรมควรมีการเขียนที่เรียงลําดับข้ันตอนกันอยางชัดเจน
3. นกั เขยี นโปรแกรมหรอื ชดุ คาํ สง่ั เพอื่ สงั่ ใหค อมพวิ เตอรท าํ งาน เพื่อใหทํางานตามคําสั่งและตามเง่ือนไขท่ีกําหนดไดอยางถูกตอง และครูสอน
ตามทตี่ องการ เก่ียวกบั การเขยี นโปรแกรมจากเวบ็ Code.org ซึ่งเปนการเขยี นโปรแกรมสั่งให
4. การเขยี นชดุ คาํ สงั่ ดว ยภาษาคอมพวิ เตอร เพอื่ ใหค อมพวิ เตอร ตวั ละครทาํ งานตามทต่ี อ งการโดยใชร ปู แบบของบลอ็ กคาํ สงั่ หรอื กลอ งเครอ่ื งมอื
ทาํ งานตามโปรแกรม ในการเขียนโปรแกรม
(วเิ คราะหค ําตอบ โปรแกรมเมอร คอื นักเขียนโปรแกรมหรือชุด
คําส่ังเพื่อส่ังใหคอมพิวเตอรทาํ งานตามที่ตองการและรวมไปถึง
การวิเคราะห ปรับปรุงขอมูลใหดีขึ้น เพื่อที่จะไดโปรแกรมตามท่ี
ตองการ ดงั น้ัน ตอบขอ 3.)
T47
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ สอน 1.มกี ิจกรรม ¡Òรà¢Õ¹âปรá¡รÁสè§Ñ ãËŒ
µัÇÅะคร·�า§า¹
สาํ รวจคน หา อะไรบา งในชีวิต
ประจาํ วนั ทีเ่ รา
1. ครูกระตุนความสนใจของนักเรียน โดยใช ตอ งทาํ ซํ้า ๆ
คําถามสําคัญประจําหัวขอจากหนังสือเรียน การเขียนโปรแกรมสั่งใหตัวละครทํางาน
หนา 27 วา มกี จิ กรรมอะไรบา งในชวี ติ ประจาํ วนั เปนกระบวนการนําสิ่งที่ไดออกแบบไว ในข้ันการ
ท่ีเราตองทําซํ้าๆ จากน้ันใหนักเรียนรวมกัน แสดงขน้ั ตอนวธิ แี กป ญ หามาเขยี นดว ยคาํ สงั่ ภาษาคอมพวิ เตอร เมอื่
วิเคราะหเพอ่ื หาคาํ ตอบ นักเรียนออกแบบข้ันตอนวิธีแกปญหาไดตามตองการแลว ข้ันตอน
ตอไป คือ การเขียนโปรแกรมเพื่อส่ังใหคอมพิวเตอรทํางานตาม
2. ครูนํานักเรียนศึกษาเน้ือหา เรื่อง การเขียน เขขั้นา ตใจอไนดด กังากรลใชาวภ าซษึ่งาคควอรมเขพียวิ นเตใอนรร1น ูปนั้ แบขบนึ้ ทอยี่งกูายบั เคพวื่อามใหถผนูอดั ่ืนแสลาะมควาารมถ
โปรแกรมสั่งใหตัวละครทํางาน โดยอธิบาย ชาํ นาญของแตละบคุ คล
ใหนักเรียนฟงวา การเขียนโปรแกรมส่ังให
ตัวละครทํางานเปนกระบวนการนําส่ิงที่ได 1.1 การเขยี นโปรแกรม การออกแบบ
ออกแบบไวมาแกปญหาดวยการเขียนคําสั่ง ขน้ั ตอนวธิ ี
ภาษาคอมพิวเตอร ซ่ึงเม่ือออกแบบข้ันตอน การเขียนโปรแกรม หมายถึง การ
วิธีแกปญหาเรียบรอยแลว ข้ันตอนตอไป คือ เขยี นชดุ คาํ สงั่ ดว ยภาษาคอมพวิ เตอร เพอ่ื การเขียน
การเขียนโปรแกรมเพ่ือสั่งใหคอมพิวเตอร แสดงลําดับขั้นตอนใหคอมพิวเตอรหรือ โปรแกรม
ทํางานตามที่ตองการ ตวั ละครทาํ งานตามทีไ่ ดออกแบบไว โดย
การเขียนโปรแกรมควรมีการเขียนท่ีเรยี ง การตรวจสอบ
แนวตอบ คาํ ถามสาํ คญั ประจาํ หวั ขอ ลาํ ดบั กนั อยา งชดั เจน เพอื่ ใหค อมพวิ เตอร ผลลัพธ์
หรือตัวละครทํางานตามท่ีสั่งและตาม
ในชีวิตประจําวันมีพฤติกรรมที่เก่ียวของกับ เงอื่ นไขท่กี ําหนดไดอ ยา งถกู ตอง โดยเรา <HTML> <DIV>
การทาํ งานซาํ้ หลายรปู แบบ เชน การทาํ งานซา้ํ แบบ มักเรียกขั้นตอนการเขียนโปรแกรมนี้วา
มีท่สี ้นิ สดุ และการทํางานซํ้าแบบไมสน้ิ สุด เชน การ การโคด ดิ้ง (Coding) <PHP> <DIV>
เดินทางไปโรงเรียน การรับประทานอาหาร การ
แปรงฟน และการอาบนา้ํ โดยใชขนั 27
ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 27
เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคิด
ครูควรใชคําถามเพ่ือทบทวนความรูของนักเรียนวา นักเรียนเคยเขียน การเรียนรูเกี่ยวกับการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอรมีประโยชน
โปรแกรมโดยใช Code.org หรือไม จากนั้นครูยกตัวอยางสถานการณใน อยา งไร
ชีวิตประจําวันที่อาศัยหลักการเขียนโปรแกรมในการแกปญหาจากงายไปยาก
และใหน กั เรยี นรวมกนั ตอบคําถาม (วิเคราะหค ําตอบ เรยี นรเู กยี่ วกบั โปรแกรมคอมพวิ เตอร นกั เรยี น
จะไดฝกความคิดสรางสรรค การคิดวิเคราะห การแกปญหา
นักเรียนควรรู อยางเปนข้ันตอน และการคิดเชิงคํานวณ อีกท้ังนักเรียนยังได
การคดิ อยางเปนเหตเุ ปน ผลอีกดวย)
1 ภาษาคอมพิวเตอร คือ ภาษาตางๆ ที่ผูใชงานใชในการเขียนโปรแกรม
คําสงั่ และเปน ภาษาทใ่ี ชเ ปน สอื่ กลางเพอ่ื สอ่ื สารระหวา งผใู ชง านกบั คอมพวิ เตอร
แตค อมพวิ เตอรเ ปน อปุ กรณอ เิ ลก็ ทรอนกิ สท ม่ี เี ฉพาะวงจรการเปด -ปด ทาํ ใหอ า น
คาํ สง่ั ทใ่ี ชเ ลขฐานสองเทา นน้ั ซงึ่ เรยี กภาษานวี้ า ภาษาเครอื่ ง ดงั นน้ั ภาษาทผ่ี ใู ชง าน
เขยี นคาํ สงั่ ขน้ึ นนั้ จงึ ตอ งใชต วั แปลภาษาจากภาษาคอมพวิ เตอรเ ปน ภาษาเครอ่ื ง
เพ่ือใหค อมพิวเตอรเขาใจคําสงั่ ไดอ ยา งถกู ตอ ง
T48
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
การฝกเขยี นโปรแกรมนั้น เปนการฝก ใชแนวคดิ เชงิ คาํ นวณ1 ขนั้ สอน
(Computational Thinking) ในการแกปญหา ซ่งึ สามารถฝก เขียน
โคดแบบไมใชคอมพิวเตอรไดโดยการใชบัตรคําสั่งแสดงการเขียน สาํ รวจคน หา
โปรแกรม หรือฝก การเขียนโคดจากเว็บไซตท่มี ีหลักสตู รการฝกการ
เขยี นโคด เชน Code.org 3. ครูอธิบายเนื้อหาใหนักเรียนฟงวา การเขียน
โปรแกรมเปนการเขียนชุดคําสั่งดวยภาษา
การเขยี นโปรแกรมสงั่ ใหต วั ละครทาํ งานตามตอ งการในโปรแกรม คอมพิวเตอร เพ่ือแสดงลําดับขั้นตอนให
Code.org ตอ งใชร ปู แบบกลอ งคาํ สง่ั หรอื กลอ งเครอ่ื งมอื ในการเขยี น คอมพิวเตอรหรือตัวละครทํางานตามที่
โปรแกรม ดงั น้ี ออกแบบไว เรียกขั้นตอนการเขียนโปรแกรม
นวี้ า การโคดดง้ิ (Coding) และการฝก เขียน
¡ÅÍ‹ §¤Òí ʧÑè โปรแกรมสั่งใหตัวละครทํางานจะตองนํา
แนวคดิ เชงิ คาํ นวณเขา มาชว ยในการแกป ญ หา
นด้ี วย
4. ครูอธิบายกลองคําส่ังจากโปรแกรม Code.
org กับนกั เรียนวา มกี ลองโปรแกรมอะไรบา ง
และมีความหมายวาอยางไร จากนั้นครูสุม
นักเรียนออกมาอธิบายวา แตละกลองคําสั่งมี
ความหมายวา อยางไรบา ง
เดนิ ไปขา้ งหนา้ หันไปทางซ้าย หนั ไปทางขวา
1 ครัง้ 1 ครง้ั 1 ครงั้
ทา� ซ�า้ ตามจ�านวนรอบ ท�าซ้า� จนกวา่ จะเปนไปตาม
ท่ีก�าหนด เงื่อนไขทก่ี า� หนด
28
ภาพจาก หนงั สอื เรยี น หนา 28
ขอสอบเนน การคิด นักเรียนควรรู
จากสถานการณท กี่ าํ หนดใหจ ะพานกสแี ดง 1 แนวคิดเชงิ คาํ นวณ คือ การคิดอยางเปนระบบที่มุงเนน การคิดเชงิ ตรรกะ
ไปหาหมสู เี ขยี ว ควรเลอื กบลอ็ กคําสงั่ ในขอ ใด และกระบวนการแกปญ หาทีละขน้ั ตอน หรือท่ีเรียกวา อลั กอรทิ มึ (Algorithm)
โดยมี 4 เสาหลัก ไดแ ก
1. 2.
1. แนวคดิ การแยกยอ ย (Decomposition) ทเ่ี ปน การแตกปญหาออกเปน
3. 4. สวนยอ ยๆ เพื่อใหจ ดั การปญ หาไดงา ยขน้ึ
(วเิ คราะหคาํ ตอบ จากสถานการณท่ีกําหนดใหมีการเคล่ือนไหว 2. แนวคดิ การจดจาํ รปู แบบ (Pattern Recognition) เปน การจดจาํ รปู แบบ
3 ครงั้ เพอ่ื พานกสแี ดงไปหาหมสู เี ขยี ว ดงั นี้ เดนิ ไปทางขวา เดนิ ขนึ้ เพ่ือดูความเหมือนหรือความตางของรูปแบบ ทําใหทราบแนวโนมเพื่อทํานาย
และเดนิ ไปทางขวา ดังนัน้ ตอบขอ 3.) ไปขา งหนา ได
3. แนวคิดเชิงนามธรรม (Abstraction) เปนทักษะสําคัญท่ีมุงเนน
ความสําคญั ของปญหาโดยไมสนใจรายละเอยี ดทไี่ มจาํ เปน
4. แนวคิดการออกแบบข้ันตอน (Algorithm Design) เปนการออกแบบ
ข้ันตอนในการแกป ญ หา ทาํ ใหท ราบวาจะตอ งทําอะไรกอน-หลงั
T49
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ สอน ส¶า¹¡าร³µัÇÍÂา‹ §
สาํ รวจคน หา โปต อ งการสัง่ ให
เจาซอมบ้ีเดินไปเก็บ
5. ครูอธิบายสถานการณตัวอยางใหนักเรียน ดอกทานตะวัน
ฟงวา เม่ือโปตองการสั่งใหซอมบี้ไปเก็บดอก ตอ งสง่ั ใหเ ดนิ ทาง
ทานตะวนั โปจะตอ งใชเสน ทางใดในการเดิน ไปในเสน ทางใด
ทาง จากนนั้ สมุ นกั เรยี นออกมาอธบิ ายขน้ั ตอน
การเขยี นโปรแกรมหนา หอ งเรยี น เมอื่ นกั เรยี น
ศึกษาสถานการณตัวอยางเรียบรอยแลว ครู
อาจจะใหน กั เรยี นเปด เวบ็ ไซต Code.org เพอ่ื
เขา สรู ะบบ แลว เขา ไปทรี่ ายการหลกั สูตร โดย
เลอื กตามความสนใจเพอื่ เปน การฝก ทกั ษะการ
เขียนโปรแกรม
ขÑนé µอนการเขียนโปรแกรม
1 สัง่ ให้ซอมบ้เี ดินไปข้างหนา้ 4 ครง้ั โดยใช้คา� สง่ั ดงั น้ี
29
ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 29
เกร็ดแนะครู กิจกรรม ทาทาย
ครูเปดเว็บไซต Code.org และอธิบายสวนประกอบตางๆ ของเว็บไซต ครใู หน กั เรยี นสรา งสถานการณต วั อยา งขน้ึ มาคนละ1 สถานการณ
เพื่อทบทวนความรูของนักเรียน และยกตัวอยางสถานการณและข้ันตอนการ จากน้ันใหนักเรียนแสดงข้ันตอนการเขียนโปรแกรม โดยบันทึก
เขียนโปรแกรมของสถานการณน้นั ๆ จากงา ยไปยาก โดยเปดโอกาสใหน กั เรียน ผังงานลงในกระดาษที่ครูแจก พรอมตกแตงใหสวยงาม และ
แลกเปลย่ี นความคดิ เหน็ รวมกันภายในช้ันเรยี น จัดเตรียมขอมูลเพื่อนําเสนอตามรูปแบบท่ีนักเรียนคิดวานาสนใจ
อยา งอิสระ
T50
2 ส่ังให้ซอมบหี้ ันไปทางขวา นา� สอน สรปุ ประเมนิ
1 ครง้ั โดยใชค้ �าสั่ง ดังนี้ 3 สงั่ ให้ซอมบี้เดินไปข้างหนา้
5 ครงั้ โดยใชค้ �าสง่ั ดังน้ ี ขน้ั สอน
สาํ รวจคน หา
6. ครูอธิบายขั้นตอนการเขียนโปรแกรมจาก
สถานการณที่แลวใหนักเรียนฟง จากน้ันครู
ใหความรูเพิ่มเติมจากเกร็ดนารูกับนักเรียน
วา เมื่อมีการใชบล็อกคําส่ังแบบเดิมซ้ํากันใน
ลักษณะเรียงตอกัน ควรเปลี่ยนมาใชบล็อก
คําส่ังทํางานซ้ําแทน โดยการกําหนดตัวเลข
ตามจํานวนรอบท่ีทําซ้ํา จะชวยใหการเขียน
โปรแกรมงา ยและสะดวกมากยงิ่ ขนึ้
7. ครูนํานักเรียนรวมกันอภิปรายสรุปความรูที่
ไดจากการจัดกิจกรรม ตัวอยางประเด็นการ
อภิปราย เชน ถาตองการสั่งใหซอมบ้ีเดินไป
ขา งหนา 5 ครง้ั จะตอ งเขยี นคาํ สงั่ อยา งไร และ
สุม นักเรียนตอบคาํ ถามนี้
(แนวตอบ วางคาํ สงั่ ไปขา งหนา จาํ นวน 5 บลอ็ ก)
à¡Ãç´¹Ò‹ ÃŒÙ
เมื่อมีการใชบล็อกคําสั่งแบบเดิมซ้ํากันในลักษณะเรียงตอกัน ควรเปลี่ยน
มาใชบ ลอ็ กคาํ สง่ั ทาํ งานซาํ้ แทน โดยการกาํ หนดตวั เลขตามจาํ นวนรอบทท่ี าํ ซาํ้
จะชวยใหก ารเขยี นโปรแกรมงา ยและสะดวกมากยงิ่ ข้นึ
30
ภาพจาก หนังสอื เรยี น หนา 30
ขอสอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู
จากสถานการณแ ละบลอ็ กคาํ สง่ั ครูอธิบายใหนักเรียนเขาใจถึงการวนซ้ําวา การวนซํ้าเปนการทําคําสั่ง
ทกี่ าํ หนดให จะเขยี นโปรแกรมแบบ แบบเดิมซ้ํากันในลักษณะที่เรียงตอกัน ทําแบบเดิมซ้ําๆ เรื่อยๆ จนกวาจะ
วนซาํ้ ตามบลอ็ กคาํ ส่งั ในขอใด ตรงตามเง่ือนไขท่ีตองการ โดยครูยกตัวอยางใหนักเรียนเขาใจถึงการวนซ้ํา
จากการใชชีวิตประจําวันของนักเรียน เชน การเดินทางไปโรงเรียน การ
1. 2. 3. 4. รบั ประทานอาหาร การแปรงฟน การอาบนาํ้ โดยใชข นั นา้ํ จากนนั้ ครสู มุ นกั เรยี น
ออกมาอธิบายคําส่ังขั้นตอนการเขียนโปรแกรม เพ่ือเปรียบเทียบการเขียน
โปรแกรมแบบปกติและการเขยี นโปรแกรมแบบวนซา้ํ
(วิเคราะหค าํ ตอบ จากสถานการณและบล็อกคําส่ังท่ีกําหนดให T51
มีการใชบล็อกคําสั่งแบบเดิมซ้ํากันในลักษณะท่ีเรียงตอกัน การ
เขยี นโปรแกรมแบบวนซาํ้ ควรใชบ ลอ็ กคาํ สง่ั ทาํ งานซาํ้ และกาํ หนด
จํานวนรอบใหชัดเจน โดยใชบ ลอ็ กคาํ สง่ั ทน่ี อ ยที่สุด ตามคาํ ส่งั นี้
ไปขา งหนา เก็บนํา้ หวาน ไปขา งหนา ผลติ นาํ้ ผึง้ โดยทาํ ซ้ํา 2 คร้งั
ดังนน้ั ตอบขอ 1.)
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน Ẻ½¡ƒ ËÑ´ การเขียนโปรแกรมสงั่ ให คะแนนเต็ม
ตวั ละครทํางาน
สาํ รวจคน หา 35
8. นักเรียนทําแบบฝกหัดรายวิชาพื้นฐาน 1. ถา โปเ ดนิ ตามคาํ สง่ั ทก่ี าํ หนดไวด า นลา ง โปจ ะไปหยดุ ทต่ี าํ แหนง ใด
เทคโนโลยี (วิทยาการคํานวณ) ป.3 หนา ใหนักเรียนวงกลมลงในตารางกริดในตําแหนงสุดทายท่ีโปหยุด
19-20 เรือ่ ง การเขียนโปรแกรมสั่งใหตวั ละคร
ทาํ งาน โดยมสี ถานการณว า ถา โปเ ดนิ ตามคาํ สง่ั (5 คะแนน)
ท่ีกําหนดไวดานลาง โปจะหยุดที่ตําแหนงใด
และใหนักเรียนวงกลมลงในตารางกริดใน บัตรคำสงั่
ตําแหนงสุดทายที่โปหยุด จากนั้นครูให
นักเรียนเขียนคําส่ังแสดงเสนทางการเดินทาง ไปทางซา ย ไปทางซาย ขาขงนึ้บน ไปทางซา ย ขาขงึ้นบน ขาขง้ึนบน ไปทางขวา
ของกบไปยังบานใหถูกตอง โดยเลือกใช
คําส่ังท่ีกําหนดให เม่ือนักเรียนทําแบบฝกหัด สถานตี าํ รวจ โรงพยาบาล เฉฉบลบั ย
เสรจ็ เรยี บรอ ย ครสู มุ นกั เรยี นใหอ อกมาอธบิ าย โรงพยาบาล
ขั้นตอนการเขียนโปรแกรมทั้ง 2 กิจกรรม
หนาชน้ั เรียน รา นผลไม
9. ครูและนักเรียนรว มกันสรปุ กิจกรรมเร่อื ง การ 2. เขียนโปรแกรมแสดงเสนทางการเดินทางของกบไปยังบานให
เขียนโปรแกรมส่ังใหตัวละครทํางาน หาก ถกู ตอง โดยเลอื กใชค าํ สั่งท่กี าํ หนดให (5 คะแนน)
นักเรยี นคนใดมีขอสงสยั สามารถสอบถามครู
ไดในคาบเรียน โป คำส่งั ไปขางหนา หันซา ย หันขวา เขา บา น
สนามเดก็ เลน
ตําแหนง สุดทายท่โี ปหยดุ คือ สถานตี ํารวจ……………………………………………………………………………………….. 12
19
เฉฉบลับย หนั ซาย
ไปขา งหนา ไปขางหนา
ไปขางหนา ไปขา งหนา
ไปขา งหนา ไปขา งหนา
หนั ซา ย ไปขางหนา
ไปขางหนา หันซา ย
ไปขางหนา
ไปขา งหนา ไปขางหนา
เขา บาน ไปขางหนา
ไปขา งหนา
20 หนั ขวา
เขาบา น
ภาพจาก
แบบฝกหัด
หนา้ 19-20
เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคดิ
ครูใหนักเรียนทําแบบฝกหัดเพื่อฝกทักษะในการเรียนเรื่อง การเขียน ขอใดเปนกิจกรรมทไี่ มเหมาะสมในการใชคําส่งั การทาํ งาน
โปรแกรมสัง่ ใหต ัวละครทํางาน โดยใหน ักเรยี นพิจาณารูปภาพท่กี าํ หนดให และ แบบวนซํา้
ลองวเิ คราะหว า เมอ่ื โปใ ชเ สน ทางตามบตั รคาํ สง่ั แลว นน้ั จดุ สดุ ทา ยทโ่ี ปจ ะหยดุ อยู
ท่สี ถานทใี่ ด หลงั จากนน้ั ครสู มุ ใหน กั เรยี น 3-4 คน ออกมาอธิบายเสน ทางการ 1. การนับจาํ นวนนักเรยี น จํานวน 100 คน
เดนิ ทางของสถานการณน ้วี า มีเสน ทางการเดินทางอยา งไรบา ง 2. การชงกาแฟสูตรหวานนอย จาํ นวน 50 แกว
3. การวาดภาพวิวธรรมชาติ จาํ นวน 5 สถานท่ี
4. การเขาแถวเคารพธงชาติ เวลา 08.00 น. ทกุ วัน
(วิเคราะหคําตอบ กิจกรรมท่ีไมเหมาะสมในการใชคําส่ัง
การทํางานแบบวนซํ้า คือ การวาดภาพวิวธรรมชาติ จํานวน 5
สถานที่ เพราะเปนการวาดภาพตางสถานที่กัน ไมถือวาเปนการ
ทาํ งานแบบวนซ้าํ ดังน้ัน ตอบขอ 3.)
T52
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 2 การเขียนโปรแกรมอยา่ งง่าย ขน้ั สอน
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 1 การเขยี นโปรแกรมสงั่ ให้ตวั ละครทางาน
อธบิ ายความรู
ใบงานท่ี 2.1.1 เฉลย
เรื่อง เขียนคาส่ังข้ันตอนการนับเหรยี ญ 1. ครูใหนักเรียนทําใบงานท่ี 2.1.1 เรื่อง เขียน
คําสั่งข้นั ตอนการนบั เหรยี ญ ซง่ึ จะใหน กั เรยี น
คาชี้แจง : ให้นักเรียนเขยี นคาส่งั ขนั้ ตอนการนบั เหรยี ญ จากนั้นใหเ้ พื่อนรว่ มชั้นทาตามคาสัง่ ทตี่ นเองเขยี น เขียนคําสั่งขั้นตอนการนับเหรียญ จากน้ันให
เพ่อื เป็นการตรวจคาสั่งวา่ ถูกตอ้ งและชดั เจนหรอื ไม่ เพื่อนรวมช้ันทําตามคําสั่งที่ตนเองเขียน เพ่ือ
เปนการตรวจสอบคําสั่งวาถูกตองและชัดเจน
คาสง่ั ข้นั ตอนการนับเหรยี ญ หรอื ไม จากนนั้ ครสู มุ นกั เรยี นใหอ อกมาอธบิ าย
แนวคิดในการเขียนข้ันตอนจากสถานการณท่ี
....1......เ.ร..่มิ...ต...้น....ม...ีเ..ง..ิน....0....บ...า..ท................................................................................... ................................................. กาํ หนดให
....2......ห...ย..ิบ...เ..ห...ร..ีย...ญ...ส...บิ ...บ...า..ท.....อ..อ...ก...ม..า....แ...ล..ะ...น...ับ...จ..า...น...ว.น...เ..ห...ร..ยี ...ญ...ท...ห่ี...ย...บิ ...อ...อ..ก...ม...า....=....2....เ.ห...ร...ีย..ญ...............................
....3......แ..ป...ล...ง..ค...า่ ..จ...า..น...ว..น...เ.ง..ิน.....1..0.....+..1...0....=....2...0....บ...า..ท.....จ..า..ก...น...ั้น...เ.ข...ีย...น...จ..า..น...ว...น..เ..ง..ิน...ไ.ว..้..2..0....บ...า...ท................................. 2. ครชู ใี้ หน กั เรยี นเหน็ วา เมอื่ มกี ารใชบ ลอ็ กคาํ สง่ั
....4......ห...ย..บิ...เ..ห...ร..ีย...ญ...ห...า้..บ...า...ท....อ...อ...ก..ม...า....แ..ล...ะ...น...ับ..จ...า..น...ว..น...เ..ห...ร..ีย...ญ...ท...ห่ี...ย...ิบ...อ...อ..ก...ม...า...=....3...เ.ห...ร..ีย...ญ................................. แบบเดิมซํ้ากันในลักษณะเรียงตอกัน ควร
....5......แ..ป...ล...ง..ค...า่ ..จ...า..น...ว..น...เ.ง..นิ.....5..+...5...+...5....=....1...5...บ...า...ท....จ...า..ก...น..ั้น...เ..ข..ีย...น...จ...า..น...ว..น...เ.ง..ิน...ไ..ว..้..1..5....บ...า...ท.................................. เปลี่ยนมาใชบล็อกคําสั่งทํางานซ้ําแทน โดย
....6......ห...ย..ิบ...เ..ห...ร..ีย...ญ...ส...อ...ง..บ...า..ท....อ...อ...ก..ม...า....แ...ล..ะ...น...บั ...จ..า..น...ว...น...เ.ห...ร..ีย...ญ....ท..่ีห...ย...บิ...อ...อ..ก...ม...า...=....2.....เ.ห...ร..ีย...ญ............................. การกําหนดตัวเลขตามจํานวนรอบที่ทําซํ้าจะ
....7......แ..ป...ล...ง..ค...่า..จ...า..น...ว..น...เ.ง..นิ.....2..+...2....=.....4....บ...า..ท....จ...า..ก...น...้นั ...เ.ข...ยี..น...จ...า..น...ว..น...เ..ง..นิ ...ไ.ว...้ .4....บ...า..ท............................................. ชว ยใหก ารเขยี นโปรแกรมงา ยและสะดวกมาก
....8......ห...ย..ิบ...เ..ห...ร..ีย...ญ...บ...า..ท.....อ...อ..ก...ม...า....แ..ล...ะ..น...บั ...จ...า..น...ว..น...เ.ห...ร...ีย..ญ....ท...่ีห...ย..ิบ...อ...อ...ก..ม...า....=....4....เ..ห...ร..ยี ...ญ.................................... ยง่ิ ขึน้
....9......แ..ป...ล...ง..ค...า่ ..จ...า..น...ว..น...เ.ง..ิน.....1..+...1...+...1..+...1....=.....4....บ...า..ท....จ...า..ก...น...้ัน...เ.ข...ีย..น...จ...า..น...ว..น...เ..ง..ิน..ไ..ว..้ .4....บ...า...ท..................................
....1..0......น...า..จ...า..น...ว..น...ท...เ่ี..ข..ีย...น...ไ..ว..ม้ ...า..ร..ว...ม..ก...ัน......2...0..+...1...5..+...4..+...4....=.....4..3....บ...า...ท................ .................................................
.......................................................................................................................................................................... ....
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
.............................................................................................................................................................. ................
เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ)
ภาพจาก
แผนการสอน ท่ี 1
หนวยที่ 12
ขอสอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู
เม่อื นกั เรยี นตองการฝกเขียนโปรแกรมอยางงา ยจะสามารถ
ฝก เขยี นผานโปรแกรมใด ครูใหนักเรียนทําใบงานท่ี 2.1.1 เรื่อง เขียนคําส่ังขั้นตอนการนับเหรียญ
1. Paint 2. Google โดยใหนกั เรยี นทาํ ใบงานน้เี พื่อฝก ทักษะการคดิ และสามารถเขียนคาํ ส่ังการนับ
3. Code.org 4. Photoshop เหรียญไดถูกตอง ครูสุมนักเรียนออกมาอธิบายขั้นตอนในการเขียนคําสั่งการ
(วิเคราะหค าํ ตอบ โปรแกรม Code.org เปนโปรแกรมทีใ่ ชเ ขียน นับเหรียญหนาชั้นเรียน จากนั้นครูถามคําถามเพื่อกระตุนความคิดกับนักเรียน
ส่ังใหตัวละครทาํ งานตามตองการ และมีรูปแบบเปนกลองคําส่ัง วา การฝก เขียนขนั้ ตอนตางๆ มีประโยชนอ ยางไรบา งกับชวี ิตประจาํ วัน
หรือบล็อกคําส่ังท่ีสามารถใชในการเขียนโปรแกรมสั่งใหตัวละคร
ทํางานตามทีต่ องการได ดงั น้ัน ตอบขอ 3.)
T53
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน จากขน้ั ตอนการเขยี นโปรแกรมขา งตน จะเหน็ วา มกี ารทาํ งาน
ซํ้ากนั เกิดข้นึ ดังน้นั จงึ ควรเปลีย่ นมาใชบล็อกคําส่งั ทาํ งานซา้ํ แทน
อธบิ ายความรู ดังนี้
3. ครูอธิบายเพิ่มเติมจากขั้นตอนการเขียน 1 ส่ังให้ซอมบเ้ี ดินไป
โปรแกรมตามสถานการณท่ีกําหนดกอนหนา ข้างหน้า 4 คร้งั
นี้วามีการทํางานซ้ํากันเกิดขึ้น จึงควรเปลี่ยน โดยใช้ค�าสัง่ ใหม่ ได ้
มาใชบ ลอ็ กคาํ สงั่ ทาํ งานซา้ํ แทน เพอ่ื จะชว ยยน ดงั น้ี
ระยะเวลาในการเขยี นโปรแกรมใหไ วมากขึน้ 2 ส่ังใหซ้ อมบี้หนั ไป
ทางขวา 1 ครงั้
4. ครูช้ใี หน ักเรียนเห็นวา การวางบัตรคาํ สัง่ แบบ โดยใช้คา� สง่ั ใหม่ ได ้
ไหนถูกตอง จากน้ันครูอธิบายใหนักเรียนฟง ดังน้ี
วา สามารถตรวจคาํ ตอบไดอ กี วธิ หี นงึ่ โดยลอง
ทําการเขียนโปรแกรมจากโปรแกรม Code.
org เพื่อเปนการฝกทักษะและเพ่ิมความ
ชาํ นาญในการฝก เขยี นโปรแกรมอยางงา ย
3 ส่ังใหซ้ อมบี้เดินไป
ขา้ งหน้า 5 ครั้ง
โดยใช้คา� สัง่ ใหม่ ได้
ดังน้ี
ภาพท่ี 2.1 ตัวอยา งการเขียนคําสงั่ โดยใชบ ล็อกคําสั่งทํางานซํา้ 31
ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 31
เกร็ดแนะครู กจิ กรรม ทา ทาย
ครูอธิบายถึงขอดีของการใชบล็อกคําส่ังทํางานซ้ําวา การใชบล็อกคําส่ัง ใหนักเรียนสรางสถานการณข้ึนมาคนละ 1 สถานการณ
ทํางานซ้ําจะชวยลดระยะเวลาในการเขียนโปรแกรมใหส้ันลง ประหยัดเวลา จากน้ันใหนักเรียนเขียนโปรแกรมในลักษณะที่เรียงตอกัน
ในการทํางานมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังชวยลดความผิดพลาดท่ีอาจเกิดจากการ แลวเปลี่ยนบล็อกคําส่ังแบบปกติเปนบล็อกคําสั่งแบบทํางานซํ้า
เขียนโปรแกรมในลักษณะท่ีเรียงตอกัน จากนั้นครูยกตัวอยางการเขียนคําส่ัง โดยบันทึกผังงานลงในกระดาษที่ครูแจกพรอมตกแตงใหสวยงาม
โดยใชบล็อกคําส่ังทํางานซํ้า เพื่อใหนักเรียนเห็นถึงความแตกตางระหวาง และจัดเตรียมขอมูลเพ่ือนําเสนอตามรูปแบบท่ีนักเรียนคิดวา
การเขียนโปรแกรมในลักษณะท่ีเรียงตอกันกับการเขียนโปรแกรมโดยใชบล็อก นาสนใจอยางอิสระ
คาํ ส่งั ทํางานซาํ้ เพื่อใหนักเรียนเขา ใจมากย่ิงขึน้
T54
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
¡Ô¨¡รรÁ ขน้ั สอน
½ƒ¡·ั¡Éะ
1. ใหน กั เรยี นหาเสน ทางจากบา นไปโรงพยาบาล และจากสวนสาธารณะ อธบิ ายความรู
ไปสถานตี าํ รวจ แลว เขยี นคาํ สง่ั แสดงเสน ทางการเดนิ ทางใหถ กู ตอ ง
โดยบันทกึ คําตอบลงในสมุด 5. นักเรียนทํากิจกรรมฝกทักษะในหนังสือเรียน
หนา 32 ขอ 1 โดยใหนกั เรยี นหาเสนทางจาก
ก�าหนดให้ เท่ากับระยะทาง 1 หน่วย บา นไปโรงพยาบาล และจากสวนสาธารณะไป
ยังสถานีตํารวจ จากนั้นใหน ักเรยี นเขยี นคาํ สงั่
แสดงเสน ทางการเดนิ ทางใหถ กู ตอ ง และคาํ นงึ
ถึงเงื่อนไขที่กําหนดใหในการเขียนโปรแกรม
นี้ดวย เม่ือนักเรียนทํากิจกรรมเสร็จ ครูสุม
นกั เรียนใหอ อกมาเขยี นหนาชัน้ เรยี น
สถานตี ํารวจ บาน
บนั ทึกลงในสมดุ
โรงพยาบาล สวนสาธารณะ
บ้านอยู่ห่างจากโรงพยาบาล .................. หน่วย
สวนสาธารณะอยู่ห่างจากสถานีต�ารวจ .................. หน่วย
ทกั ษะการเรียนรูในศตวรรษที่ 21 2. ทักษะการคิดเชงิ คาํ นวณ
ภาพจาก หนงั สอื เรยี น หนา 32
32 1. ทักษะการแกปญหา
กิจกรรม 21st Century Skills เกร็ดแนะครู
1. ใหนกั เรียนแบงกลุมตามความสมคั รใจ กลุมละ 4-5 คน ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมฝกทักษะ โดยใหนักเรียนหาเสนทางจากบานไป
2. สมาชกิ แตล ะกลุมรวมกนั สรางเกมการหาเสนทางข้ึน โรงพยาบาล และจากสวนสาธารณะไปสถานตี าํ รวจ แลว เขยี นคาํ สงั่ แสดงเสน ทาง
การเดินทางใหถูกตองโดยบันทึกคําตอบลงในสมุด และเม่ือนักเรียนทําเสร็จ
กลมุ ละ 1 เกม เรียบรอยแลว ครูควรตรวจสอบความถูกตอง พรอมใหคําแนะนําเพิ่มเติมแก
3. ระดมความคิดเหน็ เพอื่ กาํ หนดเสนทางพรอ มตัวละคร นักเรยี นเก่ียวกบั เทคนคิ ในการหาเสน ทางใหร วดเรว็ ยง่ิ ข้ึน
4. รวมกันทดลองเลน เกมทีส่ รา งข้ึนพรอมเฉลยการหาเสน ทาง
5. จัดเตรียมขอมลู เพ่อื นํามาเสนอตามรูปแบบทนี่ ักเรียนคิดวา
นา สนใจอยา งอิสระ
6. นําเสนอผลงานหนาช้ันเรียน โดยใชวิธีการส่ือสารที่ทําใหผูอ่ืน
เขา ใจไดงาย
T55
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน 2. ใหน ักเรยี นเขียนโปรแกรมสั่งใหนกแดงเดินทางไปหาหมูเขยี ว
โดยบันทกึ บล็อกคาํ สงั่ ลงในสมุด
อธบิ ายความรู
บล็อกค�าส่ังที่เขียนเพ่ือสั่งให้นกแดงเดินทาง
6. นักเรียนทํากิจกรรมฝกทักษะในหนังสือเรียน ไปหาหมูเขียวได้ ดังนี้
หนา 33 ขอ 2 โดยใหเขียนโปรแกรมส่ังให
นกแดงเดนิ ทางไปหาหมเู ขยี ว จากนน้ั ใหบ นั ทกึ บลอ็ กคําสัง่ โปรแกรม
บลอ็ กคําสั่งลงในสมุด
7. ครูและนักเรียนรวมกันสรุป เร่ือง การเขียน
โปรแกรมวา เปนการเขียนชุดคําส่ังดวย
ภาษาคอมพิวเตอร เพื่อแสดงลําดับขั้นตอน
ใหคอมพิวเตอรหรือตัวละครทํางานตามที่ได
ออกแบบไว โดยในการเขียนโปรแกรมแตละ
โปรแกรมนั้นจะตองมีการเขียนเรียงลําดับกัน
อยางชัดเจน เพื่อใหคอมพิวเตอรทํางานตาม
ลาํ ดบั ข้ันตอนไดอ ยางถกู ตอ ง
บันทกึ ลงในสมดุ
ทกั ษะการเรียนรูในศตวรรษท่ี 21 2. ทักษะการคิดเชงิ คาํ นวณ 33
1. ทักษะการแกปญ หา
ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 33
เกร็ดแนะครู กิจกรรม ทา ทาย
ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมฝกทักษะ โดยใหนักเรียนเขียนโปรแกรมส่ังให ใหนักเรียนสรางสถานการณขึ้นมาคนละ 1 สถานการณ
นกแดงเดินทางไปหาหมูเขียวโดยบันทึกคําตอบลงในสมุด และเมื่อนักเรียน และเขียนโปรแกรมโดยใชบล็อกคําส่ังใน Code.org จากนั้น
ทําเสร็จเรียบรอยแลว ครูควรตรวจสอบความถูกตอง พรอมใหคาํ แนะนาํ เพ่ิม ตรวจสอบผลงานของตนเองวา มคี วามถกู ตอ งตรงกบั ความตอ งการ
เติมแกนกั เรียนเก่ยี วกบั การเขียนบล็อกคาํ สัง่ จากนั้นครูทบทวน เรือ่ ง การเขียน หรือไม โดยครูจะใหความชวยเหลือและคําแนะนําอยางใกลชิด
โปรแกรมกับนักเรียนวา การเขียนโปรแกรมเปนการเขียนชุดคาํ ส่ังดวยภาษา จากน้ันใหนักเรียนบันทึกผลงานลงในกระดาษที่ครูแจกพรอม
คอมพวิ เตอร เพอ่ื แสดงลําดบั ขนั้ ตอนใหค อมพวิ เตอรท ํางานตามทไี่ ดอ อกแบบไว ตกแตงใหสวยงาม และจัดเตรียมขอมูลเพ่ือนําเสนอตามรูปแบบ
ทนี่ ักเรยี นคิดวานา สนใจอยางอสิ ระ
T56
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
1.2 ตัวอยางการเขียนโปรแกรมส่งั ใหต ัวละครทาํ งานซํา้ ขน้ั สอน
ไมส ้นิ สดุ
อธบิ ายความรู
ในชวี ติ ประจาํ วนั จะเกย่ี วขอ งกบั การทาํ งานซา้ํ ในหลายรปู แบบ
เชน การเดิน การรบั ประทานอาหาร การนอน การเรยี น ซึ่งการ 8. ครูนํานักเรียนสนทนาทบทวนความรูเดิม
ทาํ งานแบบนเ้ี รยี กวา การทาํ ซา้ํ ซง่ึ สามารถทาํ ซา้ํ จนกวา จะตรงตาม ในเร่ือง การเขียนโปรแกรม จากคาบเรียนท่ี
เงอ่ื นไขที่ตอ งการ หรอื ทาํ งานซํ้าไมส ิ้นสุด ผา นมา
ภาพท่ี 2.2 กิจวัตรในตอนเชา ของปู 9. ครูนํานักเรียนศึกษาเนื้อหาเรื่อง ตัวอยาง
การเขียนโปรแกรมส่ังใหตัวละครทํางานซํ้า
โดยทว่ั ไปการทาํ งานของโปรแกรมคอมพวิ เตอรจ ะทาํ งานเรยี ง ไมส้ินสุด โดยใหนักเรียนรวมกันยกตัวอยาง
ตามลาํ ดบั ตง้ั แตค าํ สงั่ แรกจนไปถงึ คาํ สง่ั สดุ ทา ย แตเ ราสามารถให การทํางานซ้ําในชีวิตประจําวัน และถาม
คอมพิวเตอรทํางานซํ้าท่ีชุดคําสั่งใดก็ได โดยใชคําสั่งใหทํางานซ้ํา คาํ ถามทา ทายการคดิ ขนั้ สงู กบั นกั เรยี นวา เมอื่
ซงึ่ บางครง้ั จะเรยี กวา คาํ สง่ั ลปู (Loop) โปรแกรมที่เขียนคําส่ังเกิดขอผิดพลาด ทําให
การส่ังงานไมเปนไปตามที่ตองการ นักเรียน
มีวิธีในการแกปญหาน้ีอยางไร จากน้ันให
นกั เรยี นชว ยกนั คดิ วเิ คราะหเ พอื่ ใชใ นการตอบ
คําถามน้ี
(แนวตอบ เมอื่ โปรแกรมที่เขยี นคาํ สงั่ เกิดขอ ผดิ
พลาดทาํ ใหก ารสงั่ งานไมเ ปน ไปตามทตี่ อ งการ
ผูใชงานควรตรวจสอบบล็อกคําส่ังทีละบล็อก
เพื่อทบทวนการเขียนคําสั่งของตนเองและ
แกไขใหถูกตอง หลังจากแกไขขอผิดพลาด
แลวควรตรวจสอบการทํางานของบล็อกคําสั่ง
อีกคร้ัง เพ่ือใหโปรแกรมท่ีเขียนคําสั่งเปนไป
ตามความตอ งการ)
¤Ò¶ÒÁ·ŒÒ·Ò¡ÒäԴ¢é¹Ñ ÊÙ§
เม่ือโปรแกรมท่ีเขียนคําส่ังเกิดขอผิดพลาด ทําใหการส่ังงาน
ไมเ ปน ไปตามทตี่ อ งการ นกั เรยี นมวี ธิ ใี นการแกป ญ หานอี้ ยา งไร
34
ภาพจาก หนงั สอื เรยี น หนา 34
ขอสอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู
จากบล็อกคําสั่งท่ีกําหนดใหจะเขียนโปรแกรมแบบวนซํ้าตาม ครยู กตวั อยา งสถานการณก ารทาํ งานซาํ้ ทเี่ กดิ ขน้ึ ในชวี ติ ประจาํ วนั ซง่ึ มกี าร
บลอ็ กคาํ ส่งั ในขอ ใด ทาํ ซาํ้ จนกวา จะตรงตามเงอื่ นไขทตี่ อ งการ หรอื ทาํ งานซา้ํ ไมส น้ิ สดุ เชน ครสู ง่ั ให
นกั เรยี นวิ่งรอบสนาม 3 รอบ เมือ่ นักเรยี นวงิ่ ครบตามจํานวนนักเรียนก็หยุดวิง่
1. 2. หรือการทํางานของตูเย็นท่ีมีระบบใหความเย็นอยางตอเน่ืองแบบวนซ้ําเร่ือยๆ
จนกวาจะถอดปลั๊กใหหยดุ การทํางานการวนซํ้าน้นั จงึ สิ้นสุดลง
3. 4.
(วเิ คราะหคําตอบ จากบล็อกคําสั่งที่กําหนดใหมีการใชบล็อก
คําส่ังแบบเดิมซ้ํากันในลักษณะที่เรียงตอกัน โดยมีขั้นตอน คือ
เดนิ ลงกับเลีย้ วขวา 3 รอบ ดงั นนั้ ตอบขอ 4.)
T57
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน ส¶า¹¡าร³µ ัÇÍÂา‹ §
อธบิ ายความรู ปูตองการใชบ ล็อกคาํ ส่ัง
ทาํ ซํ้าเพือ่ พาเจาซอมบ้ี
10. ครูใหนักเรียนศึกษาสถานการณตัวอยาง ไปยงั ดอกทานตะวัน
ซ่ึงมีสถานการณวา ปตู องการใชบลอ็ กคําสัง่ ปูควรใชเสนทางใด
ทาํ ซาํ้ เพื่อพาเจาซอมบ้ีไปยังดอกทานตะวัน
ปคู วรใชเสนทางใด จากน้ันลองใหน กั เรยี นดู ขÑนé µอนการเขยี นโปรแกรม
ภาพ คดิ วิเคราะห และเขียนเสนทางที่คิดวา
ซอมบเี้ ดนิ แลว ภารกจิ จะสาํ เรจ็ ลงในกระดาษ ซอมบเี้ ดนิ ไปขา้ งหนา้ ซา�้ ไปเรอื่ ย ๆ แบบไมม่ ที สี่ นิ้ สดุ จนกวา่ จะเจอดอกทานตะวนั
ที่ครูแจกให จึงจะหยุดเดนิ
11. ครูอธิบายข้ันตอนการเขียนโปรแกรมเพื่อ
ใหซอมบ้ีทําภารกิจสําเร็จ ซึ่งจะส่ังใหซอมบี้
เดนิ ไปขางหนา ซา้ํ กันเร่ือย ๆ แบบไมส ิน้ สดุ
จนกวา จะไปถงึ ดอกทานตะวนั จงึ จะหยดุ เดนิ
โดยใชคําส่งั ตามรปู ภาพในหนังสือเรียน
12. ครนู าํ นกั เรยี นรว มกนั อภปิ รายสรปุ ความรทู ไี่ ด
จากการทํากิจกรรม ตัวอยางประเด็น
การอภปิ ราย เชน คําสงั่ ลปู คอื อะไร
(แนวตอบ คาํ สั่งท่ีควบคมุ ใหทํางานซาํ้ ในสวน
ทก่ี ําหนดไว)
ภาพที่ 2.3 บลอ็ กคาํ สั่งใหซ อมบเี้ ดนิ ไปหาดอกทานตะวันแบบทาํ งานซา้ํ ไมมีทีส่ ้นิ สดุ 35
ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 35
เกร็ดแนะครู กิจกรรม 21st Century Skills
ครูอธิบายใหนักเรียนเขาใจเก่ียวกับสถานการณและข้ันตอนการเขียน 1. ใหนกั เรียนแบง กลมุ ตามความสมคั รใจ กลุมละ 4-5 คน
โปรแกรมเพื่อพาเจาซอมบี้ไปยังดอกทานตะวัน จากนั้นครูเลนเกมกับนักเรียน 2. แตละกลุมรวมกันสรางสถานการณการทํางานแบบไมส้ินสุด
ในช้ันเรียน โดยครูยกบัตรภาพสถานการณและใหนักเรียนออกมาวาด
บล็อกคําสั่งแสดงขั้นตอนการเขียนโปรแกรมหนาช้ันเรียนพรอมอธิบาย กลมุ ละ 1 สถานการณ
โดยครคู อยใหคําแนะนําตามความเหมาะสม 3. ระดมความคิดเห็นเพ่ือแสดงขน้ั ตอนการเขยี นโปรแกรม
4. จัดเตรียมขอมูลเพื่อนํามาเสนอตามรูปแบบท่ีนักเรียนคิดวา
นา สนใจอยา งอสิ ระ
5. นําเสนอผลงานหนาช้ันเรียนโดยใชวิธีการสื่อสารที่ทําใหผูอื่น
เขาใจไดง าย
T58
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
3. เขยี นโปรแกรมใหเ พนกวนิ ปลกู ตน ไมใ หค รบทกุ หลมุ โดยเลอื กใช ขนั้ สอน
คําสงั่ ทีก่ ําหนดให (5 คะแนน)
อธบิ ายความรู
คำสั่ง ไปขางหนา หันขวา ทําซํ้า ครงั้
หันซา ย ปลกู ตนไม ทํา 13. นกั เรยี นทาํ แบบฝกหัด หนา 21-22 เรอื่ ง การ
เขียนโปรแกรมส่ังใหตัวละครทํางานซํ้าไมมี
เขียนโปรแกรม เขยี นโปรแกรม เฉฉบลบั ย ส้ินสุด โดยใหนักเรียนเขียนโปรแกรมคําส่ัง
โดยใชคําสัง่ ทําซ้าํ ใหเพนกวินปลูกตนไมใหครบทุกหลุม โดย
ไปขางหนา เลอื กใชค าํ สง่ั ทกี่ าํ หนดให จากนนั้ ใหน กั เรยี น
ปลูกตน ไม ทําซ้ํา 6 ครงั้ เขยี นโปรแกรมคาํ สง่ั ใหเ พนกวนิ ถอนตน หญา
ไปขา งหนา ทํา ไปขางหนา ใหครบทุกหลุมและบันทึกคําตอบลงใน
ปลกู ตนไม แบบฝก หดั
ไปขางหนา ปลกู ตนไม
ปลูกตนไม
ไปขา งหนา 4. เขยี นโปรแกรมใหเ พนกวินถอนตนหญาใหครบทุกหลมุ
ปลกู ตน ไม โดยเลือกใชคําส่งั ทกี่ าํ หนดให (5 คะแนน)
ไปขา งหนา คำส่งั ไปขา งหนา หันขวา
ปลูกตน ไม ทาํ ซ้าํ ครง้ั
ไปขางหนา ถอนตน หญา ทํา
ปลกู ตน ไม หนั ซาย
เขียนโปรแกรม
21
ไปขา งหนา
ถอนตน หญา
ไปขา งหนา เขยี นโปรแกรม
ถอนตนหญา โดยใชคาํ สัง่ ทําซ้ํา
เฉฉบลบั ย ไปขางหนา ทําซ้าํ 10 ครง้ั
ถอนตนหญา ทํา ไปขางหนา
ไปขางหนา ถอนตนหญา
ถอนตน หญา
ไปขางหนา
ถอนตนหญา
ไปขางหนา
ถอนตน หญา
ไปขางหนา
ถอนตน หญา
ไปขา งหนา
ถอนตน หญา
ไปขางหนา
ถอนตน หญา
ไปขางหนา
ถอนตนหญา
22
ภาพจาก
แบบฝกหดั
หน้า 21-22
ขอสอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู
ขอใดเรยี งลาํ ดับการตม ไขไ ดถ กู ตอ งที่สดุ ครูใหนักเรียนทาํ แบบฝกหัด โดยใหนักเรียนเขียนโปรแกรมส่ังใหเพนกวิน
1. ปลอกเปลือกไข ตมนํ้าใหเ ดือด นําไขล งไปตม ทําตามคาํ สั่งจากการเขียนโปรแกรมลงในบล็อกเพื่อใหเพนกวินแสดงผลตามที่
ลางเปลือกไข ตอ งการ เมอ่ื นกั เรยี นทาํ กจิ กรรมนเ้ี สรจ็ เรยี บรอ ย ครสู มุ นกั เรยี นใหอ อกมาอธบิ าย
2. ลางเปลือกไข ตมนํ้าใหเ ดือด นําไขลงไปตม ขั้นตอนการทาํ งานของเพนกวินวา จะตองใชบล็อกคําสั่งอะไรบางในการเขียน
ปลอกเปลอื กไข คําส่ังนี้ จากนั้นครูถามนักเรียนภายในช้ันเรียนวา นักเรียนไดประโยชนจาก
3. นาํ ไขลงไปตม ตม นํา้ ใหเ ดอื ด ลา งเปลอื กไข การทาํ กิจกรรมนีอ้ ยา งไรบา ง
ปลอกเปลอื กไข
4. ปลอกเปลือกไข นําไขล งไปตม ตมนํา้ ใหเ ดือด T59
ลา งเปลอื กไข
(วเิ คราะหคําตอบ เรียงลําดับการตมไขไดถูกตองท่ีสุด คือ ลาง
เปลอื กไข ตม นํ้าใหเดอื ด นําไขลงไปตม ปลอกเปลอื กไข ดงั นั้น
ตอบขอ 2.)
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน ¡¨Ô ¡รรÁ
½ƒ¡·ั¡Éะ
ขยายความเขา ใจ ใหนักเรียนเขียนคําสั่ง เพ่ือพาซอมบี้เดินทางไปยังดอกทานตะวัน
โดยเลือกใชบล็อกคําส่ังท่ีกําหนดให บันทึกบล็อกคําส่ังท่ีเขียนได
1. นักเรียนทํากิจกรรมฝกทักษะในหนังสือเรียน ลงในสมดุ
หนา 36 โดยใหนักเรียนเขียนคําสั่ง เพื่อพา
ซอมบ้ีเดินทางไปยังดอกทานตะวัน และให บล็อก
เลอื กใชบ ลอ็ กคาํ สงั่ ทกี่ าํ หนดให จากนน้ั บนั ทกึ ค�าสั่ง
บล็อกคําส่ังทไ่ี ดลงในสมดุ
2. ครสู มุ นกั เรียน 3-5 คน ออกมาอธบิ ายแนวคิด
ในการเขียนคาํ สั่ง เพ่อื พาซอมบีเ้ ดินทางไปยัง
ดอกทานตะวนั จากกิจกรรมฝกทักษะ
3. ครูนํานักเรียนรวมกันอภิปรายสรุปความรูท่ี
ไดจากการจัดกิจกรรม เชน ใหนักเรียนยก
ตัวอยา งเง่อื นไขท่ีพบเห็นในชีวิตประจําวัน
(แนวตอบ เงื่อนไขในการเลนเกม เชน เลนเกม
ไมเ กินวนั ละ 5 นาที จะไดรับเพชร จํานวน 10
เมด็ , เงอ่ื นไขในการเขา ใชง าน Facebook ตอ ง
มอี ายไุ มต ่ํากวา 13 ป)
ทักษะการเรยี นรูในศตวรรษท่ี 21
1. ทักษะการคดิ วเิ คราะห 2. ทักษะการคิดเชิงคํานวณ
36 3. ทักษะการแกปญหา
ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 36
เกร็ดแนะครู กิจกรรม 21st Century Skills
ครูใหนักเรียนทาํ กิจกรรมฝกทักษะในหนังสือเรียน โดยใหนักเรียนทาํ 1. ใหนักเรยี นแบง กลุม ตามความสมคั รใจ กลุม ละ 4-5 คน
กิจกรรมฝกทักษะตามคําส่ังที่กําหนดให เม่ือนักเรียนทาํ เสร็จเรียบรอย ครูจะ 2. แตละกลุมรวมกันสรางสถานการณการทํางานแบบวนซํ้า
สมุ ใหออกมาตอบคําถามหนา ชน้ั เรยี น โดยมีคาํ ถาม ดังนี้
กลมุ ละ 1 สถานการณ
- เมอื่ นกั เรยี นใชบ ลอ็ กคําสั่งท่ไี มถกู ตอง นกั เรียนจะแกปญ หานอ้ี ยา งไร 3. ระดมความคิดเห็นเพ่ือประดิษฐเสนทางและบล็อกคําสั่งตาม
- นกั เรยี นมวี ิธีในการตรวจสอบบลอ็ กคาํ สัง่ ทีเ่ กิดขอผิดพลาดอยางไรบา ง
สถานการณ
4. ตรวจสอบความถูกตองของเสนทางและบล็อกคําสั่งที่ประดิษฐ
ขึน้ วา ตรงตามความตองการหรอื ไม
5. จดั เตรยี มขอ มลู เพอ่ื นาํ เสนอตามรปู แบบทน่ี กั เรยี นคดิ วา นา สนใจ
อยางอิสระ
6. นําเสนอผลงานหนาช้ันเรียน โดยใชวิธีการสื่อสารที่ทําใหผูอ่ืน
เขาใจไดง าย
T60
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
5. เขียนโปรแกรมใหนักบินอวกาศเดินทางไปที่ดาวเคราะหและ ขนั้ สอน
หลกี เลยี่ งอกุ กาบาต โดยเลอื กใชค าํ สง่ั ทกี่ าํ หนดใหส น้ั ทสี่ ดุ (10คะแนน)
ขยายความเขา ใจ
คำสง่ั หนั ขวา ทาํ ซํ้า คร้ัง
ไปขางหนา หนั ซา ย ทาํ 4. นักเรียนทําแบบฝกหัด หนา 23-24 โดยให
นักเรียนเขียนโปรแกรมใหนักบินอวกาศเดิน
1 ทางไปที่ดาวเคราะหและหลีกเล่ียงอุกกาบาต
โดยเลือกใชคําส่ังท่ีกําหนดใหสั้นที่สุด เม่ือ
เฉฉบลบั ย นักเรียนทํากิจกรรมน้ีเสร็จเรียบรอย ครูสุม
นักเรียนใหออกมาอธิบายการเขียนคําสั่งการ
ทํางานของโปรแกรม พรอมกับชวยกันสรุป
ความรูท ีไ่ ดจ ากการทํากิจกรรมนี้
เขียนโปรแกรม คำสั่ง หนั ขวา ทําซาํ้ จนกวา (Repeat until)
ไปขางหนา หนั ซาย ทํา (do)
ทําซ้าํ 3 ครง้ั
ทํา หันขวา 2
ไปขา งหนา
ไปขา งหนา
23
เฉฉบลบั ย
เขียนโปรแกรม
ทําซ้ําจนกวา (Repeat until)
ทํา (do) หนั ขวา
ไปขางหนา
หนั ซาย
ไปขางหนา
24
ภาพจาก
แบบฝก หดั
หน้า 23-24
ขอ สอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู
จากภาพถาตองการใหนกแดงเดินทางไป ครูใหนักเรียนทําแบบฝกหัดหนา 23-24 โดยนําบล็อกคําสั่งท่ีกําหนดให
หาหมเู ขยี วไดสําเร็จตอ งใชคาํ สั่งใด มาเขียนคําสั่งการทํางานเพ่ือใหโปรแกรมทํางานตามคําส่ังไดอยางถูกตอง
จากนั้นครอู าจจะใหน ักเรยี นทํากิจกรรมในเวบ็ ไซต Code.org โดยการเลน เกม
1. 2. จาก https://studio.code.org/s/course2/stage/6/puzzle/1 ตามลงิ กท แ่ี นบมา
เพอ่ื เปนการฝกทักษะการเขียนโปรแกรมใหถกู ตอ ง
3. 4.
(วเิ คราะหค าํ ตอบ จากภาพถาตองการใหนกแดงเดินทางไปหา
หมูเขียวไดสําเร็จตองใชคําส่ังขอท่ี 1 เพราะนกแดงตองเดินไป
ขางหนา 5 คร้ัง เพอ่ื ไปใหถ ึงหมูเขยี วพอดี ดงั นนั้ ตอบขอ 1.)
T61
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน 6. เขยี นโปรแกรมใหโ ปเดนิ ไปท่ีเรอื โดยเลือกใชคาํ ส่ังทก่ี าํ หนด
ใหส น้ั ทส่ี ดุ (5 คะแนน)
ขยายความเขา ใจ
คำสั่ง ไปขา งหนา
5. นกั เรยี นทาํ แบบฝก หดั หนา 25 โดยใหน กั เรยี น
เขียนโปรแกรมใหโปเดินไปที่เรือ และเลือก หนั ซา ย
ใชคําส่ังใหสั้นท่ีสุด เม่ือทํากิจกรรมนี้เสร็จ หันขวา
ครูสุมนักเรียนใหออกมาอธิบายการเขียน
คําส่ังการทํางานของโปรแกรม จากนั้น ทําซาํ้ จนกวา (Repeat until)
ครูถามคําถามทายกิจกรรมกับนักเรียนวา
เมอ่ื โปรแกรมเกิดขอผิดพลาด นกั เรียนจะมวี ธิ ี ทาํ (do)
แกปญ หาน้ีอยางไร
เขยี นโปรแกรม เฉฉบลบั ย
ทําซ้าํ จนกวา (Repeat until)
ทาํ (do) หันขวา
ไปขางหนา
ไปขางหนา
ไปขา งหนา
เกณฑก ารใหคะแนน รายการประเมิน คะแนนตอขอยอ ย คะแนนรายขอ เกณฑการตัดสิน
1. เลอื กตําแหนงทต่ี วั ละครหยดุ ทาํ งานได 2.5 5 •21 คะแนนขน้ึ ไป = ผา น
2. เขียนโปรแกรมตามสถานการณท ีก่ าํ หนดได (2 ขอยอ ย) 5 5 •ต่ํากวา 21 คะแนน = ปรับปรุง
3.- 4. เขียนโปรแกรมตามสถานการณที่กาํ หนดได 5
5. เขียนโปรแกรมใหทํางานซา้ํ ตามเงอื่ นไขได (2 ขอ ยอ ย) 10
6. เขยี นโปรแกรมใหท ํางานซา้ํ ตามเงื่อนไขได 5
คะแนนเต็ม 35 25
ภาพจาก
แบบฝก หัด
หนา้ ท2ี่ 45
เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคดิ
ครใู หน กั เรียนทํากจิ กรรมในแบบฝกหดั หนา 25 ครทู บทวนความรทู ีเ่ รียน จากภาพถาตองการใหผ้ึงเดินทางไปเก็บ
มากบั นกั เรยี น โดยอาจจะถามคาํ ถามแลว ใหน กั เรยี นภายในชนั้ เรยี นชว ยกนั ตอบ ดอกไมตามเง่ือนไขไดสําเรจ็ ตองใชคําส่ังใด
ซึง่ มตี วั อยา งคาํ ถาม ดงั นี้
1. 2. 3. 4.
• การเขยี นโปรแกรมคืออะไร
• นกั เรียนสามารถฝก เขียนโปรแกรมผานเวบ็ ไซตใ ดไดบ าง (วิเคราะหคําตอบ ถา ตอ งการใหผ ้ึงเดินทางตามเงื่อนไขไดสาํ เร็จ
• การเขียนโปรแกรมสามารถนําไปใชกบั ชีวิตประจําวันไดอ ยางไร จะตองใชคําสั่งขอที่ 2. เพราะผ้ึงจะตองเดินไปขางหนาท้ังหมด
• การฝก เขยี นโปรแกรม Code.org มปี ระโยชนตอ นกั เรียนอยา งไรบาง 5 ครง้ั เกบ็ ดอกไม 1 ครั้ง จากนั้นหันขวา เดินไปขา งหนา และ
• เมื่อนักเรียนไมสามารถเขียนโปรแกรมใหตัวละครทํางานตามคําสั่งได เก็บนา้ํ หวานอีก 3 ครั้ง ดังน้นั ตอบขอ 2.)
จะมวี ธิ ีแกป ญหานี้อยา งไร
T62
นา� สอน สรุป ประเมิน
¡Ô¨¡ÃÃÁ½ƒ¡·Ñ¡ÉзÕè 1 Creating ไดคะแนน คะแนนเต็ม ขนั้ สอน
คดั แยกสเี สอ้ื ผา Evaluating
Analyzing 10 ขยายความเขา ใจ
Applying
Understanding 6. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมฝกทักษะท่ี 1 เรื่อง
Remembering คัดแยกสีเสื้อผา โดยใหพิจารณาสถานการณ
วา ปูอาสาชวยคุณแมคัดแยกสีเส้ือผา โดย
ปูอาสาชวยคณุ แมคัดแยกสเี สอื้ ผา โดยจะเขยี นคําสง่ั คดั แยกเส้อื ผา จะเขียนคําส่ังคัดแยกเสื้อผาจํานวน 30 ช้ิน
จํานวน 30 ชิ้น โดยแยกเปน ผา สขี าว ผา สีดํา และผาสี ใหนกั เรียน โดยแยกเปนผาสีขาว ผาสีดํา และผาสี ให
ชวยปเู ขยี นคําสัง่ คดั แยกเส้อื ผา ในรปู แบบแผนผงั (แนวคําตอบ) นักเรียนชวยปูเขียนคําสั่งคัดแยกเสื้อผาในรูป
แบบแผนผงั
เริ่มตน
หยิบเสือ้ ผาท่จี ะซกั ขนั้ สรปุ
เสอ้ื ผา สีขาวหรอื ไม ใช นําไปใสต ะกรา ท่ี 1 เฉฉบลับย ตรวจสอบผล
ใช นําไปใสตะกรา ท่ี 2
ไมใช ครูนํานักเรียนรวมกันอภิปรายสรุปความรูท่ี
ไดจากการจัดกิจกรรม เชน ใหนักเรียนชวยยก
เส้ือผา สดี าํ หรือไม ตัวอยางถึงเหตุการณท่ีพบเจอในชีวิตประจําวันที่
ไมใ ช จะนํามาเขยี นโปรแกรมเพื่อแกไ ขปญ หา
นาํ ไปใสตะกราท่ี 3 ขนั้ ประเมนิ
ตรวจสอบผล
ตารางการวดั และประเมนิ ผล
ไมใช เส้ือผาครบ วธิ กี าร เคร่ืองมอื เกณฑการประเมิน
30 ตวั หรอื ไม ตรวจแบบทดสอบ แบบทดสอบ ประเมินตามสภาพ
กอ นเรยี น กอ นเรยี น จริง
ใช
ตรวจแบบฝก หดั แบบฝก หัด รอ ยละ 60 ผานเกณฑ
ส้ินสดุ
เกณฑก ารใหคะแนน คะแนนตอ ขอ ยอ ย คะแนนรายขอ เกณฑการตดั สนิ ตรวจใบงาน ใบงาน รอยละ 60 ผา นเกณฑ
รายการประเมิน
เขยี นแผนผงั โดยใชส ญั ลกั ษณไดถ กู ตอ ง และสามารถแกป ญ หา 10 •6 คะแนนขึน้ ไป = ผา น ประเมนิ การนาํ เสนอ แบบประเมนิ ระดบั คุณภาพ 2
ตามสถานการณท่ีกําหนด 10 •ตํ่ากวา 6 คะแนน = ปรับปรงุ ผลงาน การนาํ เสนอ ผา นเกณฑ
ผลงาน
คะแนนเต็ม
ทักษะการเรยี นรใู นศตวรรษที่ 21
1. ทักษะการคิดวิเคราะห 2. ทักษะการคดิ เชิงคาํ นวณ 29 สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกต ระดบั คุณภาพ 2
3. ทกั ษะการแกปญหา การทาํ งาน พฤตกิ รรม ผา นเกณฑ
รายบคุ คล
ภาพจาก
สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกต ระดับคุณภาพ 2
แบบฝก หัด การทาํ งานกลมุ พฤตกิ รรม ผานเกณฑ
หนา้ ท2่ี 49
กิจกรรม ทาทาย แนวทางการวัดและประเมินผล
ใหนักเรียนทํากิจกรรมผ้ึง โดยเขียนโปรแกรมใหผึ้งทําตาม ครูสามารถประเมินการนําเสนอผลงาน และสังเกตพฤติกรรมการทํางาน
เงอื่ นไขทกี่ าํ หนดใหส าํ เรจ็ โดยเขา โปรแกรม Code.org จากนนั้ เขา รายบคุ คลและการทาํ งานกลมุ ของนกั เรยี น โดยศกึ ษาเกณฑก ารวดั และประเมนิ
ลงิ กท กี่ าํ หนดให https://studio.code.org/s/course2/stage/13/ ผล จากแบบประเมนิ การนําเสนอผลงาน แบบสังเกตพฤติกรรมการทาํ งานราย
puzzle/1 ครใู หเ วลาเลนเกมเปนเวลา 20 นาที นักเรยี นคนใดทํา บคุ คล และแบบสังเกตพฤติกรรมการทาํ งานกลมุ ทแี่ นบมาทา ยแผนการจดั การ
จบทุกดา นกอ นจะเปน ผชู นะ และไดร บั ของรางวัลจากครู จากน้นั เรยี นรทู ี่ 1 หนว ยการเรียนรูที่ 2
ครูและนกั เรียนรว มกนั สรุปความรทู ไ่ี ดจ ากการเลนเกมนี้
แบบประเมินการนาเสนอผลงาน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม
คาช้แี จง:ใหผ้ ้สู อนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขีด ลงในช่องท่ี คาชีแ้ จง : ให้ผสู้ อนสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในชอ่ งท่ี คาชี้แจง : ใหผ้ ู้สอนสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ลงในช่องท่ี
ตรงกับระดับคะแนน ตรงกับระดับคะแนน ตรงกับระดับคะแนน
ลาดับท่ี รายการประเมิน ระดับคะแนน 1 ลาดับที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน 1 ลาดับท่ี ชือ่ –สกลุ การแสดง การยอมรบั การทางาน ความมนี า้ ใจ การมี รวม
32 32 ของนกั เรียน ความคดิ เหน็ ฟังคนอน่ื ตามที่ได้รบั ส่วนรว่ มใน 15
มอบหมาย การปรับปรงุ คะแนน
1 การแสดงความคดิ เห็น ผลงานกลมุ่
1 ความถกู ต้องของเนอื้ หา 2 การยอมรับฟังความคดิ เหน็ ของผู้อ่ืน
2 ความคิดสร้างสรรค์ 3 การทางานตามหน้าที่ทไี่ ด้รบั มอบหมาย 321321321321321
3 วิธีการนาเสนอผลงาน 4 ความมนี าใจ
4 การนาไปใชป้ ระโยชน์ 5 การตรงต่อเวลา
5 การตรงต่อเวลา
รวม รวม
ลงชอื่ ...................................................ผ้ปู ระเมิน ลงชื่อ...................................................ผ้ปู ระเมนิ
............/................./................... ............/.................../................
เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ลงชือ่ ...................................................ผปู้ ระเมิน
ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณช์ ัดเจน ให้ 2 คะแนน ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 2 คะแนน ............./.................../...............
ให้ 1 คะแนน ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินเปน็ ส่วนใหญ่ ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครงั เกณฑก์ ารให้คะแนน
ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ บางส่วน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ
ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบางครัง ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครง้ั
ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง
เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ เกณฑ์การตดั สินคุณภาพ ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน
ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ให้ 1 คะแนน
14–15 ดีมาก 14–15 ดมี าก เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ
11–13 ดี 11–13 ดี ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ
14–15 ดมี าก
8–10 พอใช้ 8–10 พอใช้ 11–13 ดี
ตา่ กวา่ 8 ปรับปรงุ ตา่ กวา่ 8 ปรบั ปรุง 8–10 พอใช้
ต่ากว่า 8 ปรบั ปรุง
T63
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 4เวลา ช่ัวโมง
การตรวจสอบข้อผดิ พลาดของโปรแกรม
1. มาตรฐาน/ตัวชี้วดั
ตัวชีว้ ัด
ป.3/2 เขียนโปรแกรมอย่างงา่ ย โดยใชซ้ อฟต์แวรห์ รือส่ือ และตรวจหาขอ้ ผดิ พลาดของโปรแกรม
2. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
1. ตรวจสอบขอ้ ผิดพลาดของโปรแกรมได้ (K)
2. แกไ้ ขขอ้ ผิดพลาดจากการเขียนโปรแกรมได้ (P)
3. นำ� ความรู้และประโยชน์ทไ่ี ดร้ บั เรอ่ื ง การตรวจสอบข้อผิดพลาดของโปรแกรมมาประยกุ ต์ใชใ้ นชวี ิตประจ�ำวนั ได้ (A)
3. สาระการเรยี นรู้
- การตรวจหาข้อผิดพลาดท�ำได้โดยตรวจสอบค�ำส่ังที่แจ้งข้อผิดพลาด หรือหากผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่ต้องการให้
ตรวจสอบการท�ำงานทลี ะค�ำสัง่
- ซอฟต์แวร์หรอื ส่อื ทใ่ี ช้ในการเขยี นโปรแกรม เช่น ใช้บตั รคำ� สัง่ แสดงการเขยี นโปรแกรม Code.org
4. สาระสำ� คญั /ความคิดรวบยอด
การเขยี นโปรแกรมใหค้ อมพวิ เตอรท์ ำ� งานตามขน้ั ตอนทไ่ี ดอ้ อกแบบไวน้ น้ั บางครงั้ จะเกดิ ปญั หาซงึ่ ปญั หาทเี่ กดิ ขนึ้ จากการ
เขยี นโปรแกรมในแตล่ ะขน้ั ตอนของคำ� สงั่ นนั้ เรยี กวา่ ขอ้ ผดิ พลาด (Bug) สว่ นการตรวจสอบขอ้ ผดิ พลาดและแกไ้ ขขอ้ ผดิ พลาด
ทเ่ี กดิ ขน้ึ นนั้ จะเรยี กวา่ การแกไ้ ขจดุ บกพรอ่ ง (Debug) คำ� สง่ั จะแจง้ เตอื นขอ้ ผดิ พลาดทเี่ กดิ ขน้ึ เพอื่ ใหม้ กี ารทบทวนแกไ้ ข
ขอ้ ผดิ พลาดนน้ั พรอ้ มทงั้ แนะนำ� วธิ กี ารแกไ้ ขกอ่ นทจี่ ะดำ� เนนิ การตอ่ ไป
5. สมรรถนะสำ� คัญของผ้เู รยี นและคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
สมรรถนะสำ� คญั ของผเู้ รียน ทกั ษะ 4Cs คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1. ความสามารถในการส่อื สาร 1. ทักษะการคิดอย่างมีวจิ ารณญาณ 1. มีวนิ ัย
2. ความสามารถในการคิด (Critical Thinking) 2. ใฝเ่ รียนรู้
3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 2. ทักษะการทำ� งานรว่ มกนั 3. มุ่งมน่ั ในการท�ำงาน
(Collaboration Skill)
3. ทักษะการสอ่ื สาร
(Communication Skill)
4. ทักษะความคดิ สร้างสรรค์
(Creative Thinking)
6. กจิ กรรมการเรียนรู้
แนวคิด/รูปแบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : วิธีการสอนแบบสาธิต และวิธีการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es
Instructional Model)
T64
นา� นา� สอน สรปุ ประเมนิ
เพราะเหตุใด 2. ¡ÒรµรǨสͺ¢ŒÍ¼´Ô ¾ÅÒ´¢Í§ ขน้ั นาํ
จึงตองมีการ
ตรวจสอบ âปรá¡รÁ 1. ครูกระตุนความสนใจของนักเรียน โดยใช
ขอ ผิดพลาด คําถามสําคัญประจําหัวขอจากหนังสือเรียน
ของโปรแกรม เม่ือเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอรเรียบรอย วา เพราะเหตุใด จึงตองมีการตรวจสอบขอ
แลว จะตอ งทาํ การตรวจสอบโปรแกรมวา ทาํ งานได ผิดพลาดของโปรแกรม จากนั้นใหนักเรียน
ผลลพั ธต รงตามความตอ งการหรอื ไม หากโปรแกรม รวมกนั วเิ คราะหเ พอ่ื หาคําตอบของคําถามน้ี
ไมส ามารถทาํ งานตามทต่ี อ งการไดใหก ลบั ไปแกไขและทดสอบใหม
ทําจนกวา จะไดผ ลลพั ธตรงตามความตองการ 2. ครูกลาวเพื่อเช่ือมโยงเขาสูบทเรียนวา ในการ
การเขียนโปรแกรมใหคอมพิวเตอรทํางานตามข้ันตอนที่ได เขียนโปรแกรม เขียนคําสั่งใหโปรแกรม หรือ
ออกแบบไวนน้ั บางครงั้ อาจจะเกดิ ปญหาขึน้ ได ซึง่ ปญหาทเี่ กดิ ขนึ้ คอมพิวเตอรทํางานน้ัน บางครั้งอาจจะพบ
จากการเขียนโปรแกรมในแตละข้ันตอนของคําส่ังนั้นจะเรียกวา กับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นได เชน ผูเขียน
ขอ ผดิ พลาด (Bug) สว นการตรวจสอบขอ ผดิ พลาดและทาํ การแกไข โปรแกรมอาจจะตั้งใจเขียนโปรแกรมไวแบบ
นี้ แตโปรแกรมท่ีแสดงออกมา หรือผลลัพธ
ไมเปนไปอยางที่คิดไว สิ่งท่ีเกิดข้ึนน้ีเรียกวา
ขอผิดพลาด จากนั้นทําการตรวจสอบขอ
ผิดพลาด และทําการแกไขขอผิดพลาดที่
เกดิ ข้นึ จะเรียกวา การแกไ ขขอ บกพรองใหม
ไปพรอมกัน
ขอผดิ พลาดที่เกิดขนึ้ นนั้ จะเรยี กวา การแกไขจุดบกพรอง (Debug)
ภาพท่ี 2.4 การเขยี นโปรแกรมจาํ เปน ตอ งตรวจสอบขอ ผดิ พลาดของโปรแกรมทกุ ครงั้ 37 แนวตอบ คาํ ถามสาํ คญั ประจําหัวขอ
ภาพจาก หนังสอื เรยี น หนา 37 การตรวจสอบขอผิดพลาดของโปรแกรม
เปนการตรวจสอบวาผลลัพธตรงกับความตองการ
หรือไม ถาหากเกิดขอผิดพลาดของโปรแกรมหรือ
โปรแกรมไมสามารถทํางานไดตรงตามท่ีตองการ
จะไดกลับไปแกไขและทดสอบใหมจนกวาจะได
ผลลัพธตรงตามความตองการ เพื่อปองกันขอผิด
พลาดจากการทํางานของโปรแกรมท่ีอาจเกิดขึ้น
ขอสอบเนน การคดิ ส่ือ Digital
จากสถานการณและบล็อกคําสั่ง ครใู หน กั เรยี นศกึ ษาเนอื้ หาเพมิ่ เตมิ เกย่ี วกบั การแกไ ขจดุ บกพรอ งในเวบ็ ไซต
ทกี่ าํ หนดให สว นใดทที่ าํ ใหโ ปรแกรม Code.org จากคลิปวิดีโอใน YouTube เร่ือง Debugging with the Step
คาํ ส่ังเกิดขอ ผิดพลาด (Bug) Button (Course A-B) ตามลิงกท่ีแนบมา https://www.youtube.com/
watch?v=AtbqIF4gOb8
1. 2.
3. 4.
(วเิ คราะหค ําตอบ จากสถานการณและบล็อกคําสั่งที่กําหนดให
โปรแกรมคําส่ังท่ที าํ ใหผ้งึ เกบ็ น้าํ หวานไดค รบ คือ ไปขางหนาเก็บ
นาํ้ หวาน หนั ขวา ไปขา งหนา หนั ซา ย ไปขา งหนา และเกบ็ นาํ้ หวาน
ดังนน้ั ตอบขอ 1.)
T65
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ สอน 2.1 การตรวจสอบคาํ สั่งข้ันตอนการทํางานของโปรแกรม
สาํ รวจคน หา เมอื่ เขยี นโปรแกรมคาํ สง่ั เรยี บรอ ยแลว แตผ ลลพั ธท ่ีไดไมเ ปน ไป
ตามทตี่ อ งการ หรอื ทเ่ี รยี กวา มขี อ ผดิ พลาดเกดิ ขนึ้ คาํ สง่ั จะแจง เตอื น
1. ครูอธิบายเน้ือหา เร่ือง การตรวจสอบคําส่ัง ขอ ผดิ พลาดทเ่ี กดิ ขนึ้ เพอื่ ใหม กี ารทบทวนและแกไขขอ ผดิ พลาดนนั้
ข้ันตอนการทํางานของโปรแกรมในหนังสือ พรอมทั้งแนะนําวธิ กี ารแกไขกอ นทจี่ ะดําเนนิ การตอไป
เรียน หนา 38 โดยครูอธิบายสถานการณ
ตัวอยาง โดยจะมีสถานการณตัวอยางวา โป ส¶า¹¡าร³µัÇÍÂา‹ §
ตองการเขียนโปรแกรมคําส่ังเพื่อใหซอมบี้
เดินทางไปเก็บดอกทานตะวัน แตโปรแกรมท่ี โปตองการเขียนโปรแกรมคําสั่งเพื่อใหซอมบ้ีเดินทางไปเก็บ
เขยี นไมส ามารถทาํ จนสาํ เรจ็ ได จะมวี ธิ ใี นการ ดอกทานตะวนั แตโ ปรแกรมทเ่ี ขียนไมส ามารถทํางานจนสําเรจ็ ได
แกปญหาน้ีอยางไร จากนั้นครูเปดโอกาสให จะมวี ธิ ีในการแกปญ หานีอ้ ยางไร
นกั เรียนซกั ถามขอสงสัยไดอ ยา งอสิ ระ
2. ครถู ามคาํ ถามกบั นกั เรียนวา เมื่อนกั เรยี นเปน
โปจ ะมวี ธิ ใี นการแกป ญ หานอี้ ยา งไร จากนนั้ ครู
สมุ นักเรียนข้นึ มาตอบคาํ ถาม
38
ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 38
เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคดิ
ครูใหนักเรียนสังเกตภาพสถานการณตัวอยางจากหนังสือเรียน จากน้ัน การตรวจสอบคําสั่งข้ันตอนการทํางานของโปรแกรมสงผลตอ
ครูสุมนักเรียนออกมาเขียนโปรแกรมคําสั่งลงบนกระดานพรอมอธิบาย การเขยี นโปรแกรมอยา งไร
กระบวนการทํางานของโปรแกรมและเปดโอกาสใหเพื่อนรวมช้ันเรียนรวมกัน
ตรวจสอบคําส่ังขั้นตอนการทํางานของโปรแกรม โดยครูคอยใหคําแนะนําตาม (วิเคราะหค าํ ตอบ การตรวจสอบคําสั่งข้ันตอนการทํางานของ
ความเหมาะสม โปรแกรม เปนการตรวจสอบวาโปรแกรมคําส่ังท่ีเขียนข้ึนน้ัน
ไดผลลัพธตรงกับความตองการหรือไม เพื่อเปนการทบทวน
และหาขอผิดพลาดของการเขียนโปรแกรม รวมถึงปรับปรุงแกไข
ขอผิดพลาดนั้นใหถูกตอง จะทําใหการเขียนโปรแกรมมี
ประสิทธภิ าพมากย่ิงข้นึ )
T66
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
â»Ãá¡ÃÁ¤Òí ÊèѧáÅТ͌ ¼´Ô ¾ÅÒ´·àÕè ¡Ô´¢éÖ¹ ขน้ั สอน
เมื่อคลกิ ท่บี ลอ็ กคา� สง่ั ตามรปู ทา� ใหซ้ อมบเ้ี ดนิ ทางไปไมถ่ ึงดอกทานตะวนั สาํ รวจคน หา
จงึ ทา� ให้เกิดขอ้ ผิดพลาดของโปรแกรม เพราะซอมบี้
เดนิ ทางไปเก็บดอกทานตะวนั ไมส่ �าเร็จ ค�าแนะน�าเม่อื 3. ครูแจกบัตรคําส่ังการเขียนโปรแกรมเพื่อแก
ปญหาใหนักเรียนคนละ 1 คําสั่ง แลวให
เกดิ ข้อผิดพลาด นักเรียนตรวจสอบโปรแกรมคําส่ังเพ่ือหาขอ
ผดิ พลาดทเ่ี กดิ ขนึ้ วา ควรจะใชบ ตั รคาํ สง่ั ใดใน
การแกป ญ หาเพอ่ื พาซอมบเ้ี ดนิ ทางไปเกบ็ ดอก
ทานตะวนั ไดสาํ เรจ็
4. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปเก่ียวกับการเขียน
โปรแกรมคําสั่งที่เกิดขอผิดพลาดวาเกิดข้ึนได
อยา งไร และมวี ธิ ใี นการตรวจสอบขอ ผดิ พลาด
เพอ่ื หาวธิ ใี นการแกป ญ หาอยา งไร
¡ÒõÃǨÊͺ¢ÍŒ ¼Ô´¾ÅÒ´·èàÕ ¡´Ô ¢¹Öé
เม่ือพจิ ารณา
ข้อผดิ พลาดจึงพบวา่
ในส่วนที่ผดิ พลาด
เกดิ ข้ึนจากเสน้ ทาง
การเดนิ ของซอมบ้ี
จึงสามารถเขยี น
โปรแกรมใหม ่ได ้
ดงั นี้
ภาพท่ี 2.5 ขัน้ ตอนการตรวจสอบคาํ สั่งขั้นตอนการทํางานของโปรแกรม
39
ภาพจาก หนังสือเรยี น หนา 39
ขอ สอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู
ปูตรวจพบวา ผลลัพธของโปรแกรมที่เขียนขึ้นไมตรงตาม ครูใหนักเรียนสังเกตภาพการตรวจสอบขอผิดพลาดที่เกิดขึ้นในการ
ที่ตอ งการ ปคู วรดาํ เนนิ การแกไ ขอยา งไร ทํางานของโปรแกรม โดยครูสุมนักเรียนออกมาอธิบายแนวทางการตรวจสอบ
ขอผิดพลาดที่เกิดขึ้นและแนวทางการแกไขขอ ผดิ พลาด จากนน้ั ครจู ัดกิจกรรม
1. ตรวจสอบผลลัพธก ารทาํ งานของโปรแกรม ภายในหองเรียน โดยใหน ักเรยี นแบง กลุม กลุมละ 4-5 คน แลวใหแตล ะกลุม
2. วางแผนการเขียนคําสงั่ ควบคมุ การทํางานใหม พจิ ารณาภาพสถานการณใ หล ะเอยี ด พรอ มตอ บลอ็ กคาํ สงั่ ของโปรแกรมใหส าํ เรจ็
3. ตรวจสอบขอผดิ พลาดของโปรแกรมจากการแจงเตือน ตามระยะเวลาท่กี าํ หนด
4. ลงมือแกไขคําสง่ั ของโปรแกรมท่ีผดิ พลาดใหสมบูรณม าก
ยง่ิ ขึน้
(วเิ คราะหคําตอบ เมอื่ เขยี นคําสงั่ ควบคมุ การทาํ งานของโปรแกรม
แลวพบวาผลลัพธของโปรแกรมไมตรงตามที่ตองการ ผูใชงาน
ควรตรวจสอบขอผิดพลาดของโปรแกรมจากการแจงเตือนเพ่ือให
ทราบตาํ แหนง ทแี่ นช ดั จากนนั้ ดําเนนิ การแกไ ขใหเ รยี บรอ ยเพอื่ ให
โปรแกรมที่เขียนสมบรู ณมากยิ่งขึ้น ดังนนั้ ตอบขอ 3.)
T67
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน ¡Ô¨¡ÃÃÁ½¡ƒ ·¡Ñ ÉзèÕ 2 Creating ไดคะแนน คะแนนเตม็
Evaluating
อธบิ ายความรู วาดภาพตามคําส่ัง Analyzing 10
Applying
1. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมฝกทักษะที่ 2 เร่ือง Understanding
วาดภาพตามคาํ สง่ั ในแบบฝก หดั หนา 30-31 Remembering
โดยใหอานคําสั่งตอไปนี้ แลววาดภาพตาม
คําสั่งลงในกรอบดานลาง โดยนักเรียนไม อานคาํ สงั่ ตอ ไปนี้ แลววาดภาพตามคําส่งั ลงในกรอบดานลา ง
สามารถสอบถามรายละเอยี ดเพมิ่ เตมิ ได จากนนั้ โดยนกั เรยี นไมส ามารถถามรายละเอียดเพ่ิมเตมิ ได (แนวคาํ ตอบ)
ใหนักเรียนนําภาพที่วาดไดมาเปรียบเทียบกับ
ภาพตนฉบับในหนานี้วา มีความเหมือนหรือ เรม่ิ ตน
แตกตา งกนั อยา งไร ถา ไมเ หมอื นจะแกไ ขคาํ สง่ั
อยางไรใหสามารถวาดภาพออกมาไดเหมือน วาดวงกลมขนาด 4 ซม.
ภาพตน ฉบบั ที่กําหนดให
วาดปากเปน วงรีขนาด 1 ซม. 2 รปู ประกบกนั
บริเวณเหนอื จดุ กงึ่ กลางของวงกลม
วาดรูปสามเหลย่ี มเปนตาหางกนั 1.5 ซม.
เฉฉบลับย ขีดเสนเหมือนตวั แอลเปนขาซายและตวั แอลกลบั ดาน
เปน ขาขวาหา งกนั 1.5 ซม.
เตมิ ปก ดวยครึ่งวงกลมทง้ั 2 ขาง บริเวณกลางวงกลม
สิ้นสุด
วาดภาพ
โดขย้นึ ใอหยอ กู ยบัูในภดาพุลวยาพดนิ ขอจิ งขนองกั คเรรยีผู นสู อน นาํ ภาพทนี่ กั เรยี นวาดแลว มาเปรยี บเทยี บกบั ภาพตนฉบบั
ภาพตนฉบบั วา เหมือนกนั ทกุ จุดหรือไม ถา
30 ไมเหมือนกัน จะแกไขคําสั่งอยางไรใหวาด
ไดเหมอื นภาพตนฉบับ
เขียนคําสง่ั ใหม เรมิ่ ตน
วาดวงกลมขนาดเสนผานศูนยกลาง 4 ซม.
วาดปากเปนวงรขี นาด 1 ซม. 2 รปู ประกบกนั เฉฉบลับย
บริเวณเหนอื จดุ ศูนยก ลางของวงกลม
วาดรูปสามเหล่ียมขนาดเล็กเปนตา 2 จุด หา งกนั 1.5 ซม.
ขดี เสน เหมือนตวั แอล (L) เปน ขาขวาของภาพและตัวแอล
กลับดาน )L( เปน ขาซา ยของภาพหา งกัน 1.5 ซม.
เตมิ ปก ดวยคร่ึงวงกลมนอกวงกลมใหญทั้ง 2 ขา ง
ชว งกึง่ กลางของวงกลม
สน้ิ สดุ
เกณฑก ารใหคะแนน รายการประเมนิ คะแนนตอ ขอยอย คะแนนรายขอ เกณฑก ารตดั สนิ
•6 คะแนนข้ึนไป = ผา น
แกไ ขคําสั่งใหท าํ งานตามเงอ่ื นไขได 10 •ตํา่ กวา 6 คะแนน = ปรบั ปรุง
10
คะแนนเต็ม
ทักษะการเรยี นรใู นศตวรรษที่ 21 2. ทักษะการคิดเชงิ คาํ นวณ 31
1. ทักษะการคิดวเิ คราะห
3. ทกั ษะการแกปญ หา
ภาพจาก
แบบฝก หดั
หนา้ 30-31
เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคดิ
ครใู หน กั เรยี นทาํ แบบฝก หดั ในกจิ กรรมที่ 2 เรอื่ ง วาดภาพตามคาํ สงั่ โดยให การทดสอบโปรแกรมมีความสําคญั อยางไร
นกั เรยี นสงั เกตผงั งานและวาดภาพตามลาํ ดบั เมอ่ื นกั เรยี นทาํ เสรจ็ เรยี บรอ ยแลว 1. เพื่อตรวจสอบวาผใู ชม ีความพงึ พอใจมากนอ ยเพยี งใด
ครจู ะถามคาํ ถามกบั นกั เรยี นวา รปู ทวี่ าดไดจ ากคาํ สง่ั ทก่ี าํ หนดใหเ ปน ภาพอะไร 2. เพอ่ื ตรวจสอบความสมบูรณของฟง กชันการทํางานตาง ๆ
จากนนั้ ครกู าํ หนดสถานการณข น้ึ มา แลว ใหน กั เรยี นวาดภาพตามสถานการณน น้ั 3. เพอื่ หาวธิ ีการเขยี นโปรแกรมที่มคี วามซบั ซอ นนอ ยกวาเดมิ
พรอ มอธิบายกบั ครูวา ภาพที่ไดเ ปน ภาพอะไร 4. เพอ่ื ตรวจสอบและแกป ญหาการทํางานผดิ พลาดของ
โปรแกรม
(วเิ คราะหค าํ ตอบ การทดสอบโปรแกรมมีความสําคัญ คือ เพ่ือ
ตรวจสอบและแกป ญ หาการทาํ งานผดิ พลาดของโปรแกรม ดงั นน้ั
ตอบขอ 4.)
T68
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
Ẻ½¡ƒ Ë´Ñ การตรวจสอบขอผิดพลาด คะแนนเต็ม ขนั้ สอน
ของโปรแกรม
15 อธบิ ายความรู
1. หมีตองการไปเก็บรงั ผึ้งและหลกี เลี่ยงผึง้ ทีจ่ ะตอย ใหต รวจสอบ 2. นักเรียนทําแบบฝกหัด เรื่อง การตรวจสอบ
โปรแกรมทก่ี าํ หนด ถา พบขอ ผดิ พลาดใหแ กไ ขใหถ กู ตอ ง (5 คะแนน) ขอผิดพลาดของโปรแกรม หนา 26-27 โดย
โปรแกรมที่แกไขแลว ใหนักเรียนอานสถานการณที่กําหนดวา หมี
ตองการไปเก็บรังผึ้ง และหลีกเลี่ยงผ้ึงที่จะ
หนั ขวา ตอ ย ใหต รวจสอบโปรแกรมทกี่ าํ หนด ถา พบขอ
ผิดพลาดใหแกไขใหถูกตอง เม่ือนักเรียน
ไปขางหนา ทําเสร็จเรียบรอยแลวครูสุมนักเรียนใหออกมา
นาํ เสนอหนา ช้นั เรยี น
หนั ซาย
เฉฉบลับย ไปขางหนา
26 หันขวา
ไปขางหนา
โปรแกรมทีก่ ําหนด ไปขางหนา
หนั ขวา
หนั ขวา ไปขา งหนา 2. หมีเดินตามโปรแกรมที่กําหนดเพื่อไปเก็บรังผ้ึงและหลีกเลี่ยง
ไปขา งหนา หันซาย ผง้ึ ที่จะตอย แตหมไี มส ามารถไปถึงเปา หมายได ใหตรวจสอบ
หนั ขวา โปรแกรมและแกไขขอผดิ พลาดใหถ กู ตอง (5 คะแนน)
ไปขา งหนา ไปขางหนา โปรแกรมทกี่ าํ หนด
เกบ็ น้ําผึ้ง
หนั ขวา
ไปขา งหนา
ไปขางหนา
ไปขา งหนา
หันซา ย โปรแกรมมีขอ ผดิ พลาดหรอื ไม
✓ มี ไมม ี
หันซา ย
ไปขา งหนา
เกบ็ น้าํ ผึง้
ทาํ ซํ้า 3 ครง้ั
ทาํ หันซา ย
ทาํ ซาํ้ 2 ครง้ั
ทาํ ไปขางหนา
เฉฉบลบั ย
โปรแกรมทแ่ี กไ ขแลว
ทาํ ซ้ํา 3 ครง้ั
ทํา หนั ขวา
ทาํ ซา้ํ 3 ครงั้
ทํา ไปขางหนา
27
ภาพจาก
แบบฝก หดั
หน้า 26-27
ขอ สอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู
จากภาพ ขอใดอธบิ ายการทาํ งานไดถ กู ตองทส่ี ุด หลังจากนักเรียนทําแบบฝกหัดเสร็จเรียบรอยแลว ครูอาจจะเปดเว็บไซต
1. เดินไปขา งหนา 4 ครั้ง หันขวา 3 ครง้ั Code.org แลว นาํ บลอ็ กคาํ สงั่ ในโปรแกรมมาวางตอ กนั แลว สมุ ตวั แทนนกั เรยี น
2. เดินไปขางหนา 4 ครัง้ หนั ซา ย 3 ครั้ง หรอื ใหน กั เรยี นในชน้ั เรยี นชว ยกนั อธบิ ายการทาํ งานของบลอ็ กคาํ สงั่ ทคี่ รเู ขยี นขน้ึ
3. เดินไปขางหนา 2 ครง้ั เกบ็ ดอกไม 3 ครง้ั ถามีนักเรียนคนใดตอบผิด หรือไมเขาใจการทํางานน้ัน ใหครูอธิบายขั้นตอน
4. เดนิ ไปขา งหนา 5 ครง้ั เกบ็ นาํ้ หวาน 3 ครงั้ การทาํ งานใหนกั เรยี นฟง ทีละข้นั ตอน
(วเิ คราะหคําตอบ จากภาพทกี่ าํ หนดให สามารถเขยี นอธบิ ายการ
ทํางานไดว า เปน การเขยี นคาํ สงั่ โปรแกรมใหเ ดนิ ไปขา งหนา 5 ครง้ั
และเกบ็ น้าํ หวาน 3 ครัง้ ดงั นัน้ ตอบขอ 4.)
T69
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ สอน ¡¨Ô ¡รรÁ
½ƒ¡·ั¡Éะ
อธบิ ายความรู
ใหนักเรียนพิจารณาโปรแกรมตอไปน้ี เพ่ือพาซอมบี้เดินทางไปยัง
3. นักเรียนทํากิจกรรมฝกทักษะในหนังสือเรียน ดอกทานตะวันวา มีขอผิดพลาดหรือไม ถาพบขอผิดพลาด ใหแกไข
หนา 40 โดยใหนกั เรยี นพิจารณาโปรแกรมตอ ขอ ผดิ พลาดใหถ ูกตอง โดยเขียนบลอ็ กคําสั่งท่ถี ูกตอ งลงในสมุด
ไปน้ี เพอ่ื พาซอมบเี้ ดนิ ทางไปยงั ดอกทานตะวนั
วาเกิดขอผิดพลาดหรือไม ถาพบขอผิดพลาด 1. บลอ็ กคาํ สงั่ โปรแกรม
ใหแกไขใหถูกตอง โดยเขียนบล็อกคําส่ังที่
ถกู ตอ งลงในสมดุ
4. ครูสรุปความรู เรื่อง การตรวจสอบคําสั่ง
ขั้นตอนการทํางานของโปรแกรม และอาจ
เพิ่มเติมใหนักเรียนเขียนโปรแกรมอยางงาย
จากเว็บไซต Code.org เพ่ือเปนการฝกฝน
การเขยี นโปรแกรมอยา งงาย
2. บล็อกคาํ สั่ง โปรแกรม
ทักษะการเรยี นรูในศตวรรษท่ี 21 2. ทักษะการคดิ เชงิ คาํ นวณ
40 1. ทักษะการแกปญหา
ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 40
เกร็ดแนะครู กิจกรรม 21st Century Skills
ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมฝกทักษะ โดยใหนักเรียนพิจารณาโปรแกรมท่ี 1. ใหน ักเรียนแบงกลมุ ตามความสมัครใจ กลุมละ 4-5 คน
กําหนดให เพื่อพาซอมบี้เดินทางไปยังดอกทานตะวัน และตรวจสอบวามีขอ 2. ตัวแทนกลุมออกมารับโปรแกรมและคําสั่งท่ีเกิดขอผิดพลาด
ผิดพลาดหรือไม ถาพบขอผิดพลาดใหแกไขขอผิดพลาดใหถูกตอง โดยเขียน
บล็อกคําสั่งที่ถูกตองลงในสมุด และเมื่อนักเรียนทําเสร็จเรียบรอยแลว ครูควร กลมุ ละ 1 โปรแกรม โดยแตล ะกลมุ จะตอ งไดโ จทยท แี่ ตกตา งกนั
ตรวจสอบความถูกตอง พรอมใหคําแนะนําเพ่ิมเติมแกนักเรียนเก่ียวกับการ 3. ระดมความคิดเห็นเพื่อเขียนคําส่ังควบคุมโปรแกรมใหมให
เขียนบล็อกคาํ สัง่
ถกู ตอง
4. ตรวจสอบความถกู ตอ งของคาํ สงั่ ควบคมุ โปรแกรมใหมท เ่ี ขยี นขน้ึ
หากพบขอ ผดิ พลาดใหแกไขใหถูกตอ ง
5. รวมกันจัดเตรียมขอมูลเพื่อนําเสนอตามรูปแบบที่นักเรียน
คดิ วา นา สนใจอยา งอสิ ระ
6. นําเสนอผลงานหนาช้ันเรียน โดยใชวิธีการส่ือสารที่ทําใหผูอื่น
เขาใจไดง า ย
T70
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
3. ผ้ึงตองเก็บนํ้าหวานเม่ือพบดอกไมและผลิตน้ําผ้ึงเม่ือพบรังผึ้ง ขน้ั สอน
ใหตรวจสอบโปรแกรมท่ีกําหนด ถาพบขอผิดพลาดใหแกไขให
ถกู ตอง (5 คะแนน) อธบิ ายความรู
โปรแกรมที่แกไ ขแลว
5. ครใู หน ักเรยี นทําแบบฝก หดั หนา 28 โดยให
ทําซาํ้ 5 ครงั้ นักเรียนพิจารณาสถานการณท่ีกําหนดใหวา
ทํา ไปขางหนา ผึ้งตองเก็บนํ้าหนาวเม่ือพบดอกไมและผลิต
นํ้าผ้ึงเม่ือพบรังผึ้ง ใหตรวจสอบโปรแกรม
เกบ็ นํ้าหวาน ที่กําหนด ถาพบขอผิดพลาดใหแกไขให
หันซา ย ถูกตอง เมื่อนักเรียนทํากิจกรรมน้ีเสร็จ ครู
จะสุมนักเรียนใหออกมาอธิบายข้ันตอนการ
ไปขางหนา ทาํ บนกระดานดาํ
ผลิตนํ้าผึง้
หนั ขวา 6. ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั สรปุ ความรทู ไี่ ดจ ากการ
ทํากิจกรรมนี้ หากนักเรียนคนใดมีขอสงสัย
สามารถสอบถามครูไดท นั ทภี ายในคาบเรยี น
เฉฉบลับย โปรแกรมที่กําหนด
ทําซ้ํา 5 ครงั้ โปรแกรมมีขอผิดพลาดหรอื ไม
ทํา ไปขา งหนา ✓ มี ไมม ี
เก็บนา้ํ หวาน
หันขวา
ไปขางหนา
ผลติ น้ําผึง้
หนั ซา ย
เกณฑการใหคะแนน รายการประเมนิ คะแนนตอขอ ยอ ย คะแนนรายขอ เกณฑก ารตัดสิน
1.- 3. แกไขโปรแกรมที่ผดิ พลาดไดถกู ตอ ง 5 •9 คะแนนขึ้นไป = ผา น
15 •ต่าํ กวา 9 คะแนน = ปรับปรงุ
คะแนนเตม็
ภาพจาก
28
แบบฝก หัด
หน้าท2ี่ 48
ขอ สอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู
จากภาพถา ตอ งการใหน กแดงเดนิ ทางไปหา ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมในแบบฝกหัด โดยใหนักเรียนดูภาพและคําส่ังที่
หมเู ขียวตามเง่อื นไขไดสาํ เรจ็ ตองใชค าํ สงั่ ใด กาํ หนดใหวาคาํ สงั่ ท่กี าํ หนดใหมขี อ ผดิ พลาดตรงสว นไหน และนกั เรยี นจะแกไข
ใหถูกตองไดอยางไร จากน้ันครูสุมนักเรียนใหออกมาอธิบายขั้นตอนการทํา
1. 2. กิจกรรมนี้ เมื่อนักเรียนทํากิจกรรมน้ีเสร็จเรียบรอยแลวใหนักเรียนทํากิจกรรม
ในโปรแกรม Code.org เพอ่ื ใหน ักเรียนสามารถฝก ทักษะการเรยี นรูนี้
3. 4.
(วเิ คราะหคําตอบ จะตองใชคําส่ังขอท่ี 1. เพราะนกแดงจะตอง T71
เดินไปขา งหนา ทั้งหมด 4 ครั้ง จากนั้นจะหันขวา และเดนิ ตอไป
ขา งหนา ทั้งหมด 5 ครั้ง จะถึงหมูเขียวไดส ําเรจ็ ดังน้นั ตอบขอ 1.)
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ สอน 2.2 การนาํ แนวคดิ เชงิ คาํ นวณมาใชในการตรวจสอบขอ ผดิ พลาด1
อธบิ ายความรู การตรวจสอบการทํางานทีละคําสั่ง มีลักษณะการทํางาน
โดยการนําแนวคิดเชิงคํานวณ เร่ืองการแบงแยกสวนของปญหา
7. ครูนํานักเรียนสนทนาทบทวนความรูเดิมใน (Decomposition) ซง่ึ เปน กระบวนการแบงแยกปญหาออกเปนสวน
เร่ือง การตรวจสอบคําส่ังข้ันตอนการทํางาน ยอย ๆ หรือการแยกคําสั่งออกเปนคําส่ังยอย ๆ ทีละคําสั่ง เพ่ือให
ของโปรแกรมในคาบทผี่ า นมา ทราบขอ ผดิ พลาดของปญ หาทเี่ กดิ ขน้ึ และงา ยตอ การแกป ญ หานน้ั ๆ
8. ครอู ธบิ ายใหน กั เรยี นฟง เกยี่ วกบั การนาํ แนวคดิ ส¶า¹¡าร³µ ัÇÍ‹า§
เชงิ คาํ นวณมาใชใ นการตรวจสอบขอ ผดิ พลาด
วา เปนการตรวจสอบการทํางานทีละคําส่ัง ปูตองการเขยี นโปรแกรมคาํ สงั่
มีลักษณะการทํางานโดยการนําแนวคิดเชิง เพื่อใหซ อมบี้เดนิ ทางไปเกบ็
คํานวณ เรอ่ื ง การแบง แยกสวนของปญหา ซึ่ง ดอกทานตะวนั แตโ ปรแกรม
เปนกระบวนการแยกยอยของปญหาออกเปน ท่ีปูเขยี นเกิดขอ ผดิ พลาด
สวนๆ ทีละคาํ สั่ง เพ่ือใหง ายตอ การแกป ญหา จะมีวิธีในการแกป ญหาน้ี
นนั้ รวมถงึ สถานการณต วั อยา งทต่ี อ งการแกไ ข อยา งไร
ขอ ผิดพลาดที่เกดิ ขึน้ จากการเขยี นโปรแกรม
â»Ãá¡ÃÁ¤Òí Êè§Ñ áÅТ͌ ¼´Ô ¾ÅÒ´
·àèÕ ¡´Ô ¢Ö¹é
41
ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 41
นักเรียนควรรู กจิ กรรม สรางเสริม
1 ตรวจสอบขอผิดพลาด คือ การกระทําหลังจากที่ผูใชงานเขียนโปรแกรม ใหนักเรียนสืบคนการเขียนโปรแกรมที่เกิดขอผิดพลาดจาก
เสร็จส้ินแลว โดยตรวจสอบวา มีขอผิดพลาดเกิดข้ึนจากการเขียนโปรแกรม อินเทอรเน็ต จากนั้นใหนักเรียนแกไขขอผิดพลาดท่ีเกิดขึ้น
หรือไม โดยทั่วไปจะมีการตรวจสอบขอผิดพลาดของโปรแกรมอยู 2 วิธี คือ ใหถูกตอง โดยบันทึกลงในกระดาษท่ีครูแจกพรอมตกแตงให
การตรวจสอบดว ยตนเอง เปน วธิ ีการตรวจสอบการเขียนโปรแกรมทีละขัน้ ตอน สวยงาม และจัดเตรียมขอมูลเพ่ือนําเสนอตามรูปแบบท่ีนักเรียน
วาไดผลลัพธตรงตามความตองการหรือไม และวิธีการตรวจสอบดวยการแปล คิดวา นา สนใจอยางอิสระ
ภาษา ซ่ึงเปน การแปลคาํ ส่ังโปรแกรมเขา สเู คร่ืองคอมพวิ เตอรผ า นตวั แปลภาษา
ทีเ่ รียกวา คอมไพเลอร (Compiler) หรืออนิ เทอรพ รเี ตอร (Interpreter) ซึง่ ถา
มีขอผดิ พลาดใดๆ เคร่อื งคอมพิวเตอรจ ะแจง ขอผิดพลาดใหทราบทางหนาจอ
T72
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
¡ÒõÃǨÊͺ¢ÍŒ ¼´Ô ¾ÅÒ´¢Í§¤Òí ÊÑè§ ขนั้ สอน
โดยการแยกค�าส่ังออกเปนค�าส่ังย่อย ๆ ทีละค�าส่ัง เพ่ือให้ทราบข้อผิดพลาด อธบิ ายความรู
ของปญั หาท่ีเกดิ ขน้ึ ดงั ตอ่ ไปนี้
9. ครูสุมนักเรียนออกมาอธิบายข้ันตอนการ
โปรแกรมท่ีผดิ พลาด โปรแกรมทแี่ กไ้ ขแลว้ ตรวจสอบการทํางานทีละคําสั่ง และอธิบาย
โปรแกรมทผ่ี ดิ พลาดกบั โปรแกรมทแ่ี กไ ขแลว
ใหถ ูกตองวามีการแกไขอยา งไรบาง
10. ครเู ปด โอกาสใหน กั เรยี นศกึ ษาเพม่ิ เตมิ ไดจ าก
การสแกน QR Code เรอ่ื ง การตรวจสอบ
ขอ ผดิ พลาดของโปรแกรม เพื่อศึกษาเน้ือหา
เพ่มิ เตมิ ใหเ ขา ใจมากย่ิงข้ึน
1
2
1 ส่ังใหซอมบี้หันขวา จากนั้นใชคําส่ังสั่งใหซอมบี้ทํางานซ้ําทั้งหมด
3 คร้ัง คือ เดินไปขางหนาซ้ํากัน 3 ครั้ง แตเมื่อพิจารณาแลวซอมบี้
จะตองเดินไปขางหนาท้ังหมด 2 คร้ังเทาน้ัน
2 ส่ังใหซอมบ้ีหันซ้าย จากน้ันใชคําส่ังส่ังใหซอมบ้ีทํางานซํ้าทั้งหมด
2 ครั้ง คือ เดินไปขางหนาซํ้ากัน 2 ครั้ง แตเมื่อพิจารณาแลวซอมบ้ี
จะเดินไปทิศทางตรงขามกับท่ีดอกทานตะวันอยู ดังน้ัน จึงตองใช
คําสั่งหันขวา และใชคําส่ังทํางานซ้ําเหมือนเดิม
ภาพที่ 2.6 ขนั้ ตอนการตรวจสอบการทาํ งานทลี ะคาํ สง่ั
42 การตรวจสอบขอ ผดิ พลาดของโปรแกรม
ภาพจาก หนงั สือเรียน หนา 42
กจิ กรรม ทา ทาย เกร็ดแนะครู
ครูมอบหมายโปรแกรมคําส่ังที่เกิดขอผิดพลาดใหนักเรียน ครใู หน กั เรยี นศกึ ษาขน้ั ตอนการตรวจสอบขอ ผดิ พลาดของคาํ สง่ั ทลี ะขน้ั ตอน
โดยแตละคนจะไดโปรแกรมคําสั่งท่ีไมซ้ํากัน จากนั้นใหนักเรียน จากนั้นใหนักเรียนสแกน QR Code เร่ือง การตรวจสอบขอผิดพลาดของ
ตรวจสอบขอผิดพลาดของโปรแกรมคําสั่งที่ไดรับมอบหมาย โดย โปรแกรม โดยครูสุมนักเรียนออกมาอธิบายแนวคิดการตรวจหาขอผิดพลาด
ใหบันทึกคําตอบที่ไดลงในกระดาษที่ครูแจกพรอมตกแตงให ของคําส่ังหนาชั้นเรียนเพื่อตรวจสอบความเขาใจ พรอมใหคําแนะนําเพ่ิมเติม
สวยงาม และออกมานําเสนอผลงานตามรูปแบบท่ีนักเรียนคิดวา แกน ักเรยี นตามความเหมาะสม
นาสนใจอยา งอสิ ระ
T73
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน ¡¨Ô ¡ÃÃÁ½ƒ¡·Ñ¡ÉзÕè 3 Creating ไดคะแนน คะแนนเตม็
แกไ ขอยางไรดี Evaluating
อธบิ ายความรู Analyzing 10
Applying
11. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมฝกทักษะที่ 3 Understanding
เร่ือง แกไขอยางไรดี หนา 32-33 โดยให Remembering
พิจารณาสถานการณท กี่ าํ หนดใหว า เพ่อื นๆ
ของโปและปูแตละคนกําลังเกิดปญหาจาก เพื่อน ๆ ของโปและปูแตละคนกําลังเกิดปญหาจากการทํางานตาม
การทํางานตามคําสั่ง ใหนักเรียนอานคําส่ัง คําส่ัง ใหน กั เรียนอานคําส่งั ตอไปนี้ แลว ชว ยแกไ ขคาํ สง่ั ใหถูกตอง
ตอไปน้ี แลวชวยกันแกไขคําสั่งใหถูกตอง
จากนนั้ เมอื่ นกั เรยี นทาํ กจิ กรรมเสรจ็ เรยี บรอ ย 1. ตอ งการจัดโตะ อาหารใหถ กู ตองและเรยี บรอย
ครูจะขออาสาสมัครข้ึนมาเขียนคําสั่งที่
ถกู ตอ งลงบนกระดาน คําสงั่ จดั โตะอาหาร เขยี นคําส่ังใหม
12. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูที่ไดจาก เริ่มตน เรม่ิ ตน
กิจกรรมนี้ หากนักเรียนคนใดมีขอสงสัย
สามารถสอบถามครไู ดท นั ทภี ายในคาบเรยี น จดั ชดุ จานวางบนโตะ ปูผาคลมุ โตะ
เฉฉบลับย จัดชุดชอ นวางบนโตะ จดั ชุดจานวางบนโตะ
ปผู าคลมุ โตะ จดั ชดุ ชอ นวางบนโตะ
นาํ อาหารวางบนโตะ นําอาหารวางบนโตะ
สิ้นสดุ สน้ิ สุด
32 2. ตอ งการสระผมใหส ะอาด เขียนคาํ สัง่ ใหม
คําสั่งสระผม
เรมิ่ ตน เฉฉบลบั ย
เริ่มตน ราดนํ้าใหท ่ัวศรี ษะ
บบี แชมพลู งบนฝามอื บบี แชมพลู งบนฝา มอื
ถูแชมพูใหท วั่ ศรี ษะ ถูแชมพใู หท ัว่ ศรี ษะ
ราดนา้ํ ใหท ว่ั ศีรษะ ลา งผมดว ยนํ้าสะอาด
เช็ดผมใหแหง ไมใช ผมสะอาด
ไมใ ช ผมสะอาด เชด็ ผมใหแ หง
ใช
ใช
ส้ินสุด สิ้นสดุ
เกณฑก ารใหค ะแนน รายการประเมิน คะแนนตอขอยอย คะแนนรายขอ เกณฑก ารตดั สิน
•6 คะแนนข้ึนไป = ผาน
แกไ ขคาํ สง่ั ท่ผี ดิ พลาดไดถูกตอง (2 ขอ ยอ ย) 5 10 •ต่ํากวา 6 คะแนน = ปรบั ปรุง
10
คะแนนเต็ม
ทักษะการเรียนรูในศตวรรษที่ 21 2. ทกั ษะการคิดเชิงคาํ นวณ 33
1. ทกั ษะการคิดวิเคราะห
3. ทกั ษะการแกปญ หา
ภาพจาก
แบบฝกหัด
หนา้ 32-33
เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคดิ
ครใู หน กั เรยี นทาํ กจิ กรรมฝก ทกั ษะท่ี 3 เรอื่ ง แกไ ขอยา งไรดี โดยใหน กั เรยี น ขอใดคอื ประโยชนของการเขยี นคําสง่ั โปรแกรมแบบวนซา้ํ
อานคําส่ังโปรแกรมที่กําหนดให และชวยกันตรวจสอบและเขียนแกไขใหคําสั่ง 1. งา ยตอการแกไ ขครั้งตอ ไป
ในโปรแกรมน้ีถูกตอง เม่ือนักเรียนทํากิจกรรมเสร็จเรียบรอยแลว ครูจะสุม 2. คอมพิวเตอรอา นโปรแกรมไดงาย
นกั เรยี นออกมาเขียนอธบิ ายขอมูลทไี่ ดห นาชน้ั เรยี น และใหน กั เรียนชวยอธบิ าย 3. ไมตอ งเขียนคาํ สั่งซ้าํ กันหลายรอบ
วาจุดท่แี กไ ขมีอะไรบาง เพราะอะไรจงึ ตอ งมกี ารแกไขจุดน้ี 4. ชวยใหเขา ใจการเขียนคําส่ังมากข้ึน
(วิเคราะหคําตอบ การเขยี นโปรแกรมคําสงั่ แบบวนซ้ํา ชว ยใหก าร
เขียนโปรแกรมงายและสะดวกข้ึน โดยไมตองเขียนคาํ สั่งซํา้ กัน
หลายรอบ ดงั นน้ั ตอบขอ 3.)
T74
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
¡¨Ô ¡รรÁ ขนั้ สอน
½¡ƒ ·¡ั Éะ
ขยายความเขา ใจ
ใหนักเรียนตรวจสอบ บลอ็ กคาํ ส่ัง โปรแกรม
ขอผิดพลาดของคําส่ังที่ 1. นักเรียนทํากิจกรรมฝกทักษะในหนังสือเรียน
กําหนดให โดยการแยก หนา 43 โดยใหน กั เรยี นตรวจสอบขอ ผดิ พลาด
คาํ สงั่ ออกเปน คาํ สง่ั ยอ ย ๆ ของคาํ สง่ั ทกี่ าํ หนดให โดยการแยกคาํ สงั่ ยอ ยๆ
ทลี ะคาํ สงั่ แลว แกไขคาํ สง่ั ทลี ะคําสง่ั แลวแกไขคําสั่งใหถูกตอง
ใหถูกตอง จากนั้นพูดคุย
แลกเปลี่ยนความคิดเห็น 2. ครูใหน ักเรียนตรวจสอบตนเอง ซ่งึ เปน คาํ ถาม
กนั ภายในหองเรียน เพื่อใหผูเรียนตรวจสอบระดับความสามารถ
ของตนเองเปนการทบทวนความรูในเน้ือหา
เดิมที่เรียนมาวา มีความเขาใจในเนื้อหามาก
นอ ยเพียงใด
ภาพท่ี 2.7 ภาพประกอบกิจกรรมฝกทักษะ
ทกั ษะการเรียนรูในศตวรรษท่ี 21 2. ทกั ษะการสอื่ สาร
1. ทักษะการแกป ญหา สรปุ ความรป้Ù ระจา� หนว่ ยท่ี 2
3. ทกั ษะการคิดเชงิ คาํ นวณ
µÃǨÊͺµ¹àͧ
หลงั จากเรยี นจบหนว ยนแ้ี ลว ใหบ อกสญั ลกั ษณท ตี่ รงกบั ระดบั ความสามารถของตนเอง
รายการ เกณฑ
ดี พอใช ควรปรับปรุง
1. นักเรยี นสามารถเขียนโปรแกรมใหทาํ งาน 43
ตามความตองการได
2. นกั เรยี นสามารถทาํ นายผลลพั ธข องโปรแกรมได
3. นกั เรยี นมีความรู ความเขา ใจวิธีการ
ตรวจสอบขอผิดพลาดของโปรแกรม
ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 43
กิจกรรม 21st Century Skills เกร็ดแนะครู
1. ใหน กั เรยี นแบงกลมุ ตามความสมคั รใจ กลุมละ 4-5 คน ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมฝกทักษะ โดยใหนักเรียนตรวจสอบขอผิดพลาด
2. ครูนําแบบจําลองสถานการณและบล็อกคําสั่งท่ีประดิษฐขึ้นมา ของคําสั่งที่กําหนดให โดยการแยกคําสั่งออกเปนคําสั่งยอยๆ ทีละคําสั่ง
แลวแกไขคําสั่งใหถูกตอง จากนั้นพูดคุยแลกเปล่ียนความคิดเห็นกันภายใน
แจกใหน กั เรยี นแตล ะกลมุ โดยแตล ะกลมุ จะไดโ จทยท แ่ี ตกตา งกนั หอ งเรียน และเมอื่ นกั เรียนทําเสร็จเรียบรอ ยแลว ครคู วรตรวจสอบความถูกตอง
3. สมาชกิ แตล ะกลมุ ระดมความคดิ เหน็ เพอ่ื ตอ บลอ็ กคาํ สง่ั ใหถ กู ตอ ง ของเนื้อหา พรอ มใหค าํ แนะนําเพิ่มเติมแกน กั เรยี นตามความเหมาะสม
4. เมื่อทําเสร็จแลวใหตรวจสอบความถูกตองของบล็อกคําส่ัง
และตรวจสอบขอ ผดิ พลาดของคาํ สงั่ โดยการแยกคาํ สง่ั ออกเปน
คาํ สั่งยอยๆ ทีละคาํ สั่ง
5. จากนนั้ จดั เตรยี มขอ มลู เพอ่ื นาํ เสนอตามรปู แบบทนี่ กั เรยี นคดิ วา
นาสนใจอยางอิสระ
6. นําเสนอผลงานหนาช้ันเรียน โดยใชวิธีการส่ือสารท่ีทําใหผูอื่น
เขา ใจไดง า ย
T75
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ สรปุ สรปุ สาระส�าคัญ การเขียนโปรแกรมสั่ง
ใหต้ ัวละครท�างานซ้า� ไมส่ ้นิ สุด
ตรวจสอบผล การเขยี นโปรแกรม
สามารถใหค้ อมพวิ เตอรท์ า� งานซา้� ๆ ที่
1. ครนู าํ นกั เรียนรวมกันอภิปรายสรปุ ความรูทไี่ ด คอื การเขยี นชดุ คา� สง่ั ดว้ ยภาษา ชดุ คา� สงั่ ใดกไ็ ด้ โดยใชค้ า� สงั่ ทา� งานซา้�
จากการเรียน เร่ือง การเขียนโปรแกรมอยาง คอมพิวเตอร์ เพ่ือแสดงล�าดับ ซ่ึงบางครงั้ จะเรยี กว่า ค�าส่งั ลปู
งา ยจากผงั งานสรปุ สาระสาํ คญั ในหนงั สอื เรยี น ขน้ั ตอนให้คอมพวิ เตอรท์ �างาน
หนา 44 และครูถามคําถามกับนักเรียนเพื่อ
เปน การทบทวนความรวู า เมอื่ เกดิ ขอ ผดิ พลาด
จากการเขยี นโปรแกรม จะมวี ธิ ใี นการแกไ ขขอ
ผิดพลาดน้ีอยางไร
การเขยี นโปรแกรม
สง่ั ใหต้ ัวละครท�างาน
การเขียนโปรแกรม
อยา่ งงา่ ย
การตรวจสอบ
ข้อผดิ พลาดของโปรแกรม
การตรวจสอบค�าสง่ั ขั้นตอน การน�าแนวคิดเชิงค�านวณ
การท�างานของโปรแกรม มาใชใ้ นการตรวจสอบ
ขอ้ ผดิ พลาด
ค�าส่ังจะแจ้งเตือนข้อผิดพลาดท่ี
เกิดข้ึน เพ่ือให้มีการทบทวนและ การน�าแนวคิดเชิงค�านวณ เร่ือง
แก้ ไขข้อผิดพลาดน้ัน พร้อมท้ัง การแบง่ แยกสว่ นของปญั หา มาใชใ้ น
แนะน�าวธิ ีการแก้ไข การตรวจสอบการท�างานทลี ะค�าส่ัง
44
ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 44
เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคดิ
ครอู าจสมุ ตัวแทนนกั เรยี น หรอื หานักเรยี นทม่ี ีความสมคั รใจออกมาพดู ถงึ การเขยี นคําสัง่ โปรแกรมแบบวนซาํ้ มีประโยชนอยา งไร
เนอื้ หาสาระทีไ่ ดเ รยี นในหนว ยการเรียนรทู ่ี 2 เรอ่ื ง การเขยี นโปรแกรมอยา งงา ย 1. ชว ยใหเขาใจการเขียนคาํ สั่งมากยง่ิ ขึน้
โดยอาจจะสมุ ออกมาทง้ั หมด 4 คน แลว ใหน กั เรยี นพดู สรปุ คนละหวั ขอ ซง่ึ ไดแ ก 2. ทาํ ใหงา ยตอการแกไขคําสง่ั ในครัง้ ตอ ไป
การเขียนโปรแกรม การเขียนโปรแกรมสั่งใหตัวละครทํางานซํ้าไมสิ้นสุด การ 3. ประหยดั เวลาในการเขียนคําส่ังซํ้ากันหลายรอบ
ตรวจสอบคาํ สงั่ ขน้ั ตอนการทาํ งานของโปรแกรม และการนาํ แนวคดิ เชงิ คาํ นวณ 4. ทาํ ใหค อมพวิ เตอรอา นคาํ สัง่ ทผ่ี ใู ชง านเขยี นข้นึ ไดง า ย
มาใชในการตรวจสอบขอ ผิดพลาด
(วเิ คราะหค าํ ตอบ การเขียนโปรแกรมแบบวนซ้ํา ชวยใหการ
เขียนโปรแกรมในคร้ังน้ันงายและสะดวกมากยิ่งขึ้น โดยไมตอง
เขียนคําสั่งซํ้ากันหลายรอบ ทําใหประหยัดเวลาในการเขียน
โปรแกรม ดังน้ัน ตอบขอ 3.)
T76
นา� สอน สรุป ประเมนิ
กิจกรรม ขน้ั สรปุ
เสริมสรางการเรียนรู
ตรวจสอบผล
ใหนักเรียนพิจารณาภาพที่กําหนดให จากน้ันหาเสนทางพาโปและ
ปูเดินทางกลับบาน แลวเขียนโปรแกรมคําสั่งแสดงเสนทางและ 2. นักเรียนทํากิจกรรมเสริมสรางการเรียนรูใน
ตรวจสอบวา โปรแกรมมขี อ ผิดพลาดเกดิ ข้ึนหรือไม โดยบนั ทึกคําตอบ หนงั สอื เรียน หนา 45 โดยใหน ักเรยี นพจิ ารณา
ลงในสมุด ภาพทก่ี าํ หนดให จากนนั้ หาเสน ทางพาโปแ ละ
ปูเดินทางกลับบาน แลวเขียนโปรแกรมคําส่ัง
แสดงเสนทางและตรวจสอบวา โปรแกรม
มขี อ ผดิ พลาดเกดิ ขน้ึ หรอื ไม โดยบนั ทกึ คาํ ตอบ
ท่ีไดลงในสมุด และครูสุมนักเรียนใหออกมา
อธิบายการเขียนโปรแกรมคําส่งั นี้
รานไอศกรมี บา น รา นเคก
โรงภาพยนตร
รา นขายผลไม บันทกึ ลงในสมุด
โรงแรม
โรงเรยี น
สนามเด็กเลน
45
ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 45
ขอ สอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู
ชุดคําส่ังควบคุมการทํางานที่เขียนขึ้น เพื่อสั่งใหคอมพิวเตอร ครใู หน กั เรยี นทาํ กจิ กรรมเสรมิ สรา งการเรยี นรู โดยใหพ จิ าณาภาพทก่ี าํ หนด
ทาํ งานตามท่ีตอ งการ เรยี กวาอะไร ให และเขยี นเสนทางการเดินทางพาโปแ ละปกู ลับบานไดอ ยางถกู ตอ ง จากนน้ั
บันทึกผลท่ีไดลงในสมุด เม่ือนักเรียนทํากิจกรรมน้ีเสร็จเรียบรอยแลว ครูสุม
1. ผเู ขยี นโปรแกรม นักเรียนใหออกมาอธิบายเสนทางท่ีเขียนไวใหเพ่ือนในหองเรียนฟง จากน้ัน
2. การเขยี นโปรแกรม ครูและนกั เรียนรว มกันสรุปความรทู ี่ไดจากการทํากิจกรรมนี้
3. นักพัฒนาโปรแกรม
4. โปรแกรมคอมพิวเตอร
(วเิ คราะหค าํ ตอบ โปรแกรมคอมพิวเตอร คือ ชุดคาํ สั่งควบคุม
การทาํ งานที่เขียนขึ้นเพ่ือส่ังใหคอมพิวเตอรทํางานตามท่ีตองการ
โดยใชภาษาคอมพิวเตอรภาษาใดภาษาหนงึ่ เชน ภาษาซี ภาษา
ปาสคาล ภาษาโคบอล หรือภาษาอ่ืนๆ ในการเขียนโปรแกรม
ดังนน้ั ตอบขอ 4.)
T77
นา� สอน สรุป ประเมนิ
ขนั้ สรปุ หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 2 การเขยี นโปรแกรมอยา่ งงา่ ย
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 2 การตรวจสอบขอ้ ผิดพลาดของโปรแกรม
ตรวจสอบผล
ชน้ิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) เฉลย
3. ครูใหน ักเรียนทาํ ช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด) เรอ่ื ง โปรแกรมของฉัน
เร่ือง โปรแกรมของฉัน ซึ่งนักเรียนจะตอง
ออกแบบคําส่ังเพ่อื ใหโ ปรแกรมทาํ งาน โดยนาํ คาชแ้ี จง : ออกแบบคาส่งั ให้โปรแกรมทางาน โดยนาความรู้มาประยกุ ตใ์ ชใ้ นใหค้ รบถว้ น จากนน้ั แลกเปลย่ี น
ความรมู าประยุกตใชใหค รบถว น จากนนั้ แลก กบั เพ่ือนเพ่ือเป็นการตรวจสอบหาขอ้ ผิดพลาดของคาส่ัง และนากลบั มาทาการแก้ไขคาสง่ั ให้สมบรู ณ์
เปลี่ยนความรูจากการทําชิ้นงาน/ภาระงาน
(รวบยอด) นี้กับเพ่ือนเพ่ือตรวจสอบหาขอผิด ปัญหาที่พบเจอและอยากแก้ไข
พลาดของคําสั่ง และนํากลับมาแกไขเพ่ือให .........................................ค..า..ต...อ..บ...ข..อ..ง..น...กั ..เ..ร..ยี ..น..ข...้ึน..อ...ย..ู่ก...บั ..ด...ลุ ..ย..พ...ิน...ิจ..ข..อ...ง..ค..ร..ผู..ูส้...อ..น..... ..........................................
คําส่ังท่ไี ดสมบรู ณแ ละถกู ตอ งที่สุด .......................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..........................................
4. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูจากการทํา ............................................................................................................................. ..........................................
ช้นิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) เรอื่ ง โปรแกรม .......................................................................................................................................................................
ของฉนั หากนักเรียนคนใดมีขอสงสยั สามารถ ............................................................................................................................. ..........................................
สอบถามครูไดท นั ทีภายในคาบเรียน ...................................................................................................................................................................... .
ชอื่ โปรแกรม.......................................................................................................................................................... หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 การเขียนโปรแกรมอย่างง่าย
โปรแกรมทาอะไรได้บ้าง....................................................................................................................................... แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 2 การตรวจสอบขอ้ ผดิ พลาดของโปรแกรม
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. เขยี นแผนผังคาส่ังให้โปรแกรมทางานลงในน้ี
เร่มิ ตน้
เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ)
คาตอบของนกั เรยี นขน้ึ อยู่กับดลุ ยพินิจของครผู ู้สอน
สนิ้ สุด
คาสง่ั มขี ้อผิดพลาดหรือไม่ ไมม่ ี มี
แก้ไข
เขยี นคาสั่งท่ผี ิดพลาด / แก้ไข ลงในน้ี
คาสั่งท่ีผิดพลาด
เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ)
ภาพจาก
แผนการสอน ที่ 12
หนวยท่ี 21
เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคดิ
ครูใหนกั เรียนทําชิน้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) เร่ือง โปรแกรมของฉนั ซ่งึ ใครปฏบิ ตั ิตนถกู ตองในการเขียนโปรแกรม
ครูสามารถทบทวนความรูเดิมจากที่เรียนมาใหนกั เรียนฟง เพอ่ื ใหนกั เรยี นเขาใจ 1. แกว ตรวจสอบขอ ผิดพลาดของโปรแกรมอยเู สมอ
มากย่งิ ข้นึ จากน้ันใหน ักเรียนออกแบบคาํ ส่งั ใหโ ปรแกรมทาํ งาน และตรวจสอบ 2. กอยไมออกแบบโปรแกรมกอ นการเขยี นโปรแกรมจรงิ
หาขอ ผดิ พลาดของคาํ สง่ั นน้ั เพอื่ กลบั มาปรบั ปรงุ ใหโ ปรแกรมทาํ งานสมบรู ณม าก 3. แกม ไมทดสอบโปรแกรมหลงั จากทเ่ี ขียนโปรแกรมเสรจ็
ยงิ่ ข้นึ 4. กง่ิ ไมเคยปรบั ปรุงโปรแกรมหลังจากทที่ าํ การทดสอบระบบ
(วิเคราะหค าํ ตอบ จากตัวเลือกท่ีกําหนดใหจะเห็นไดวา ผูที่
ปฏบิ ัติตนถกู ตองในการเขยี นโปรแกรม คือ แกวตรวจสอบขอ ผดิ
พลาดของโปรแกรมอยูเสมอ เพราะวาการตรวจสอบขอผิดพลาด
เปนส่ิงสําคัญในการเขียนโปรแกรม เพ่ือใหสามารถวิเคราะหได
วาโปรแกรมมีสว นใดที่ผดิ พลาด จะไดรีบปรับปรงุ ไดทนั ที ดงั น้นั
ตอบขอ 1.)
T78
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
แบบทดสอบ ไดคะแนน คะแนนเตม็ 4. จากภาพ เขยี นคําสัง่ แบบวนซํา้ ไดต ามขอใด ขนั้ สรปุ
»ÃШíÒ˹Nj ¡ÒÃàÃÕ¹÷ٌ Õè 2 ไปขางหนา
10 ไปขางหนา ตรวจสอบผล
หันขวา
µÍ¹·Õè 1 ก. ข. 5. ครใู หน กั เรยี นทาํ แบบทดสอบประจาํ หนว ยการ
ไปขา งหนา ทาํ ซํ้า 2 ครง้ั ทาํ ซ้ํา 2 ครงั้ เรยี นรูท ี่ 2 ตอนท่ี 1 เรือ่ ง การเขียนโปรแกรม
ǧ ÅŒÍÁÃͺµÇÑ Í¡Ñ Éà ¡. ¢. ¤. ËÃ×Í §. ˹Ҍ ¤Òí µÍº·èÕ¶¡Ù µÍŒ § ไปขางหนา ทํา ไปขางหนา ทํา ไปขา งหนา อยา งงา ย จาํ นวน 10 ขอ เพอื่ เปน การวดั ความรู
ไปขา งหนา หนั ขวา จากเนอ้ื หาทเ่ี รยี นมาและกจิ กรรมทท่ี าํ จากนน้ั
1. คําสงั่ ในขอ ใดแสดงการลางผักไดถกู ตอง ไปขา งหนา ทําซ้าํ 4 ครง้ั ทําซา้ํ 4 ครงั้ ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั สรปุ ความรทู ไี่ ดจ ากการ
ก. เทนา้ํ ใสช าม แชผ กั ผสมนา้ํ สม สายชกู บั นา้ํ ลา งผกั ทํา หนั ขวา ทํา ไปขา งหนา ทาํ แบบทดสอบ และครถู ามคาํ ถามเพอ่ื ทบทวน
ข. ผสมนาํ้ สม สายชูกบั น้ํา แชผัก ลางผกั เทน้าํ ใสช าม ความรเู ดมิ กบั นกั เรยี นวา การตรวจสอบขอ ผดิ
ค. เทนํ้าใสช าม ผสมนา้ํ สมสายชกู บั นา้ํ แชผ ัก ลา งผกั ไปขางหนา พลาดจากการเขยี นโปรแกรมสามารถนาํ ไปใช
ง. ผสมนาํ้ สม สายชกู บั นํ้า เทนํ้าใสช าม ลางผัก แชผัก ในชีวิตประจําวันไดอยางไรบาง ใหนักเรียน
ค. ง. ภายในช้ันเรียนชวยกนั หาคําตอบ
2. จากภาพ ถา ตอ งการใหเ จา ซอมบี้ ทําซํ้า 2 ครงั้ ทําซํา้ 2 ครง้ั
เฉฉบลับย ไปเก็บดอกทานตะวัน ควรเลือก ทาํ ไปขา งหนา ทาํ ไปขา งหนา
หันขวา หันขวา
เขยี นคําสั่งตามขอใด
ทาํ ซา้ํ 4 ครงั้ ทําซํา้ 4 ครงั้
ทาํ ไปขางหนา ทาํ ไปขา งหนา
หนั ขวา
5. จากคําตอบในขอ 4. หากเพ่ิมคําสั่งตอไปน้ีตอจากคําส่ังเดิม
ขอใดถูกตอ ง
ก. ส่งั หันขวาทัง้ หมด 4 คร้ัง
ทําซํา้ 3 ครง้ั ข. สง่ั หันขวาท้งั หมด 5 คร้งั เฉฉบลบั ย
ทาํ หนั ขวา
ไปขา งหนา ค. ส่ังไปขา งหนาท้ังหมด 6 ครั้ง
ง. สง่ั ไปขา งหนา ทัง้ หมด 7 คร้ัง
ก. ข. ค. ง.
ไปขา งหนา ไปขางหนา ไปขางหนา ไปขา งหนา 6. คําสั่ง ทําซา้ํ 99 ครง้ั และ ทําซา้ํ จนกวา (Repeat until) ตรงกบั ขอใด
หันขวา หนั ซา ย หนั ซาย หนั ขวา ทาํ ไปขา งหนา ทํา (do) ไปขา งหนา
ไปขางหนา ไปขางหนา ไปขางหนา ไปขางหนา
หันซาย หนั ขวา
ไปขางหนา ไปขางหนา ไปขางหนา ไปขางหนา
ไปขา งหนา ไปขา งหนา
หันขวา หันซา ย ก. ไปขา งหนา 99 ครง้ั และไปขา งหนา เรอ่ื ย ๆ ไมส น้ิ สดุ
ไปขา งหนา ไปขา งหนา ข. ไปขางหนา มากกวา 99 คร้งั และไปขา งหนา เร่ือย ๆ
ไปขา งหนา ค. ไปขา งหนา 99 ครง้ั และไปขางหนาจนกวาจะถึงดอกไม
ง. ไปขา งหนามากกวา 99 ครั้ง และไปขา งหนาจนกวา
3. กจิ กรรมในขอ ใดไมเ หมาะสมกบั การใชค าํ สงั่ ลปู (Loop)
ก. นบั คนจาํ นวน 100 คน ข. ชงกาแฟจํานวน 50 แกว จะถึงดอกไม
ค. วาดภาพสถานที่ 5 แหง ง. เขา แถวเวลา 08.00 น. ทุกวัน
34 35
7. ภาพใดทีส่ ามารถใชคําสง่ั แบบวนซํ้าในการวาดได
AB C
ก. A และ B ข. A และ C
ค. B และ C ง. A B และ C
8. ดีนเขียนโปรแกรมจับเวลา แตเม่ือทดสอบแลว โปรแกรมจับ
เวลาไมได ดีนตรวจสอบพบวาเรียงลําดับคําส่ังผิด จึงแกไข
คาํ สัง่ ขอ ใดเปน Bug
ก. เขยี นโปรแกรมจับเวลา ข. โปรแกรมจบั เวลาไมไ ด
ค. เรียงลาํ ดับของคาํ สง่ั ผดิ ง. ตรวจสอบและแกไ ขคําสัง่
เฉฉบลบั ย จากภาพ ใชต อบคําถามขอ 9. - 10.
ทาํ ซํา้ 3 ครง้ั
ทํา ทาํ ซา้ํ 3 ครงั้
ทํา เกบ็ นา้ํ หวาน
9. จากภาพ ถา ผง้ึ ทาํ งานตามคาํ สง่ั ทกี่ าํ หนดให จะเกดิ ผลอยา งไร
ก. เกบ็ น้าํ หวานไมค รบ ข. บนิ ไปหาดอกไมไ มได
ค. เก็บนาํ้ หวานเกินกําหนด ง. บนิ ไปเกินจํานวนดอกไม
10. ขอ ใดเปน คําสั่งท่ที ําใหท าํ งานไดถกู ตอ ง
ก. ทําซาํ้ 3 ครง้ั ข. ทาํ ซ้ํา 3 ครงั้ ค. ทาํ ซํ้า 4 ครง้ั ง. ทําซํ้า 4 ครงั้
ทาํ ไปขางหนา ทํา ไปขางหนา ทาํ ทําซํา้ 3 ครง้ั ทาํ ไปขา งหนา
เกบ็ นํ้าหวาน เกบ็ น้ําหวาน ทํา ไปขา งหนา ทําซ้าํ 3 ครงั้
ไปขางหนา ทาํ เกบ็ นาํ้ หวาน
เก็บน้าํ หวาน
เกณฑการใหค ะแนน คะแนนตอ ขอยอย คะแนนรายขอ เกณฑการตดั สนิ
รายการประเมนิ
เลือกคาํ ตอบท่ีถกู ตอ ง (10 ขอ ) 1 10 •6 คะแนนขึน้ ไป = ผา น ภาพจาก
10 •ต่าํ กวา 6 คะแนน = ปรับปรงุ
36 คะแนนเตม็
แบบฝกหดั
จาก แบบฝกหัด หนา 4 หนา้ 34-36
ขอ สอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู
ถาตองการเขียนคําสั่งใหสิงโตเดินไปขางหนา 5 คร้ัง และ ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบในแบบฝกหัดรายวิชาพื้นฐาน เทคโนโลยี
หนั ซาย จะตอ งเขียนคาํ ส่งั โปรแกรมอยางไร (วิทยาการคํานวณ) ป.3 เรือ่ ง การเขยี นโปรแกรมอยา งงา ย เพ่อื ทบทวนความรู
จากเนื้อหาทเี่ รียนมา โดยใหน กั เรยี นทาํ แบบทดสอบปรนัยทงั้ หมด 10 ขอ ใน
1. 2. ตอนที่ 1 ซึ่งหากนักเรียนคนใดมีขอสงสัยสามารถยกมือสอบถามครูไดในคาบ
เรยี นทันที
3. 4.
(วเิ คราะหคาํ ตอบ หากตองการเขียนคําส่ังโปรแกรมใหสิงโตเดิน
ไปขา งหนา 5 ครง้ั และหนั ซา ย ใหใ ชค าํ สงั่ ทาํ ซาํ้ ไปขา งหนา 5 ครงั้
และหนั ซา ย ดงั นน้ั ตอบขอ 2.)
T79
นา� สอน สรุป ประเมนิ
ขน้ั สรปุ µÍ¹·èÕ 2 ไดคะแนน คะแนนเตม็
ตรวจสอบผล วาดภาพตามคาํ สง่ั ลงในชอ งวางที่กําหนดให 10
6. ครใู หน กั เรยี นทําแบบทดสอบประจาํ หนว ยการ 10 10 พิกเซล = 1 เซนตเิ มตร
เรียนรูที่ 2 ตอนที่ 2 โดยใหวาดภาพตามคําส่งั 4
ท่ีกาํ หนดใหวาภาพท่ีไดจะมีลักษณะอยางไร 1
จากน้ันเมื่อนักเรียนทาํ เสร็จเรียบรอย ครูสุม ไปขางหนา 90 องศา
นักเรียน 3-4 คน ออกมาวาดภาพที่ไดจาก หันขวาไป
คาํ ส่ังท่ีกาํ หนดให และชวยกันสรุปความรูที่
ไดจ ากการทาํ กจิ กรรมนี้ ไปขางหนา 1
วาดภาพ
เฉฉบลบั ย
เกณฑก ารใหคะแนน คะแนนตอขอยอย คะแนนรายขอ เกณฑก ารตัดสิน
รายการประเมนิ •6 คะแนนขน้ึ ไป = ผาน
10 •ต่าํ กวา 6 คะแนน = ปรับปรงุ
วาดภาพตามคําสง่ั ท่ีกาํ หนดใหไ ดถกู ตอ ง 10
คะแนนเตม็
ตารางบันทึกคะแนน ประจาํ หนวยการเรยี นรทู ี่ 2
ตวั ช้วี ัด แบบฝก หัด ผลการประเมินคณุ ภาพ รวมคะแนน ระดับคณุ ภาพ
เตม็ ได กจิ กรรม แบบทดสอบ เตม็ ได 4321
ว 4.2 ป.3/2 เตม็ ได เต็ม ได
50 100
30 20
เกณฑก ารตัดสนิ : ชวงคะแนนรอ ยละ 80-100 = 4 70-79 = 3 60-69 = 2 50-59 = 1
หมายเหตุ : นาํ คะแนนเตม็ ของแตล ะตวั ช้วี ัด มาหาคา รอ ยละ เพอ่ื ประเมนิ ระดับคุณภาพ เชน
คะแนนเตม็ 40 ทาํ ได 28 คะแนน ถาคะแนนเต็ม 100 ทําไดรอ ยละ 2408 100 = 70
ดงั น้ัน รอยละ 70 เทยี บไดกับระดับคณุ ภาพ 3 × 37
ภาพจาก
แบบฝก หัด
หน้าท3ี่ 47
เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคดิ
ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบในแบบฝกหัด ตอนท่ี 2 โดยใหนักเรียน ขอ ใดกลา วไมถ กู ตอ งเกีย่ วกบั การตรวจสอบขอ ผิดพลาดของ
พจิ ารณาคาํ สง่ั ทกี่ าํ หนดใหแ ลว วาดภาพออกมาใหส อดคลอ งกบั คาํ สง่ั ทกี่ าํ หนดให โปรแกรม
เมอื่ นกั เรยี นทาํ เสรจ็ แลว ครสู มุ นกั เรยี นออกมาอธบิ ายภาพทวี่ าดไดห นา ชน้ั เรยี น
จากนน้ั ครแู ละนักเรยี นรว มกนั สรุปเน้อื หาความรูเรือ่ ง การเขียนโปรแกรมอยา ง 1. งานสําเร็จตามความตอ งการ
งาย หากนักเรียนคนใดมีขอสงสัย หรือคําถามใหสามารถสอบถามครูในคาบ 2. คําสั่งโปรแกรมมขี อผดิ พลาดนอยลง
เรยี นไดท ันที 3. ทาํ ไดโ ดยการตรวจสอบคาํ สง่ั ทีละคําส่ัง
4. สามารถทําในขนั้ ตอนการวางแผนการทํางาน
(วิเคราะหค ําตอบ จากตวั เลอื กทก่ี ําหนดใหก ลา วถงึ การตรวจสอบ
ขอ ผดิ พลาดของโปรแกรมถกู ทง้ั หมด ยกเวน ขอ ทก่ี ลา ววา ทาํ ไดใ น
ขน้ั ตอนการวางแผนโปรแกรม เนอื่ งจากการตรวจสอบขอ ผดิ พลาด
ของโปรแกรมจะสามารถทําไดหลังจากเขียนคาํ ส่ังโปรแกรมเสร็จ
เรียบรอ ยแลว ดังน้ัน ตอบขอ 4.)
T80
นา� สอน สรปุ ประเมิน
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 2 การเขยี นโปรแกรมอยา่ งง่าย ขน้ั สรปุ
แบบทดสอบหลังเรียน ตรวจสอบผล
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 7. ครสู รุปเนือ้ หา เร่ือง การเขียนโปรแกรมอยา ง
งาย ใหนักเรียนฟง พรอมถามคําถามจาก
คาชแ้ี จง: ให้นกั เรียนเลือกคาตอบท่ีถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว เนอ้ื หาเพอ่ื เปน การทบทวนความรขู องนกั เรยี น
กอ นทจ่ี ะทําแบบทดสอบหลังเรียน
1. การเขยี นโปรแกรมคาสัง่ ลปู ตอ้ งการให้โปรแกรมทาอะไร 6. จากภาพคาสั่งโปรแกรม สามารถเขียนคาส่งั แบบวนซาได้
ก. ทางานซา ตามขอ้ ใด 8. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียน
ข. เริม่ ทางาน ก. ข. ค. หนวยการเรียนรทู ่ี 2 เรื่อง การเขียนโปรแกรม
ค. ทางานเพยี งครังเดยี ว อยา งงา ย
2. ข้อใดอธิบายความหมายของคาส่ัง และ
ได้ถกู ต้องทส่ี ดุ 7. จากคาตอบในข้อ 6. โปรแกรมท่ีถกู ต้องตรงกับข้อใด ขน้ั ประเมนิ
ก. เดินไปข้างหน้า 99 ครัง และเดินไปข้างหน้า ก. เดนิ ไปขา้ งหนา้ 2 ครัง หนั ขวา แล้วเดนิ ไปขา้ งหนา้
4 ครัง ตรวจสอบผล
เร่ือย ๆ ไมส่ นิ สดุ ข. เดินไปขา้ งหนา้ 1 ครัง แลว้ หนั ขวา ทาแบบนี 7 ครงั
ข. เดินไปข้างหน้า 99 ครัง และเดินไปข้างหน้า ค. เดินไปข้างหนา้ หันขวา 2 ครัง จากนนั เดินไป ตารางการวัดและประเมนิ ผล
ขา้ งหนา้ 4 ครงั วิธีการ เคร่ืองมอื เกณฑก ารประเมิน
จนกวา่ จะถงึ ดอกทานตะวนั
ค. เดินไปข้างหน้ามากกว่า 99 ครัง และเดินไป 8. จากภาพถา้ ตอ้ งการให้นกแดงเดินทางไปหาหมเู ขยี วได้สาเรจ็ ตรวจแบบฝก หดั แบบฝก หดั รอ ยละ 60 ผา นเกณฑ
ต้องใชค้ าสั่งใด
ขา้ งหน้าเรือ่ ย ๆ ไมส่ ินสดุ ก. ข. ค. ตรวจชน้ิ งาน/ ชิ้นงาน/ ระดบั คุณภาพ 2
3. ถา้ หากต้องการเขยี นโปรแกรมสาหรบั ปลกู ตน้ ไม้ แต่ ภาระงาน (รวบยอด) ภาระงาน ผานเกณฑ
9. จากคาตอบในข้อ 8. ข้อใดกลา่ วถกู ตอ้ งเกีย่ วกบั คาสงั่ ในโปรแกรม
ผลลัพธ์ไมถ่ ูกตอ้ งตามทต่ี อ้ งการ ขอ้ ผิดพลาดนีเรยี กวา่ อะไร ก. ซอมบเี ดนิ ไปขา้ งหนา้ 3 ครงั (รวบยอด)
ก. บ๊ัก (bug) ข. ซอมบีเดินไปขา้ งหนา้ 5 ครงั
ข. ลปู (loop) ค. ซอมบีเดนิ ไปข้างหนา้ 6 ครงั และหนั ขวา 2 ครัง ตรวจแบบทดสอบ แบบทดสอบ รอยละ 60 ผา นเกณฑ
ค. ดบี ั๊ก (debug) หลงั เรยี น หลงั เรยี น
10. ขอ้ ใดเปน็ กิจกรรมทไี่ ม่เหมาะสมในการใช้คาส่ังการทางาน
4. ขอ้ ใดเรียงลาดบั การลา้ งจานได้ถูกต้องที่สดุ วนซา ประเมนิ การนาํ เสนอ แบบประเมนิ ระดบั คุณภาพ 2
ก. เขยี่ เศษอาหาร ลา้ งนาเปลา่ ล้างดว้ ยนายาลา้ งจาน ก. การนับจานวนนักเรียน จานวน 100 คน ผลงาน การนาํ เสนอ ผา นเกณฑ
ข. ลา้ งนาเปล่า ล้างดว้ ยนายาลา้ งจาน เขี่ยเศษอาหาร ข. การวาดภาพวิวธรรมชาติ จานวน 5 สถานที่ ผลงาน
ค. เขีย่ เศษอาหาร ล้างนาเปล่า ลา้ งด้วยนายาล้างจาน ค. การชงกาแฟสตู รหวานนอ้ ยจานวน 50 แก้ว
ลา้ งนาเปลา่ สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกต ระดบั คุณภาพ 2
การทาํ งาน พฤตกิ รรม ผานเกณฑ
5. จากภาพคาสง่ั โปรแกรม สามารถเขยี นคาสงั่ แบบวนซาได้ รายบคุ คล
ตามขอ้ ใด
ก. ข. ค.
เฉลย สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกต ระดบั คุณภาพ 2
การทาํ งานกลมุ พฤตกิ รรม ผา นเกณฑ
1. ก 2. ข 3. ก 4. ค 5. ก 6. ข 7. ก 8. ค 9. ข 10. ข
เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ)
ภาพจาก
แผนการสอน ที่ 1
หนว ยท่ี 12
ขอ สอบเนน การคิด แนวทางการวัดและประเมินผล
ขอ ใดกลา วถงึ ลกั ษณะการเขยี นโปรแกรมแบบวนซา้ํ ไดถ กู ตอ งทส่ี ดุ ครสู ามารถประเมนิ การนาํ เสนอผลงาน และสงั เกตพฤตกิ รรมการทาํ งานราย
1. การเขียนคําสง่ั การทํางานโดยเขยี นเรยี งตามลําดบั บคุ คลและการทาํ งานกลมุ ของนกั เรยี น โดยศกึ ษาเกณฑก ารวดั และประเมนิ ผล
2. การเขียนคาํ สง่ั การทํางานตง้ั แตเริ่มตน จนถึงสิ้นสุด จากแบบประเมนิ การนาํ เสนอผลงาน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทาํ งานรายบคุ คล
3. การเขียนคาํ สั่งการทํางานโดยมที างเลอื กใหเลอื กทํา และแบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทาํ งานกลมุ ทแ่ี นบมาทา ยแผนการจดั การเรยี นรทู ี่
4. การเขยี นคาํ ส่ังการทํางานใหทาํ งานซ้ํากนั หลายรอบ 2 หนว ยการเรยี นรทู ี่ 2
(วิเคราะหค าํ ตอบ การเขียนโปรแกรมแบบวนซ้ํา เปนการเขียน แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่
คําส่ังการทํางานของส่ิงตางๆ ต้ังแตเร่ิมตนจนถึงจุดสิ้นสุด มี
ลักษณะสําคัญ คือ การเขียนคําสั่งใหโปรแกรมทํางานซํ้ากัน คาช้แี จง:ใหผ้ ู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในช่องท่ี คาช้แี จง : ให้ผูส้ อนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ลงในช่องที่ คาชแี้ จง : ใหผ้ ูส้ อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องท่ี
หลายรอบ โดยท่ีจํานวนรอบของการทําซํ้าน้ันผูเขียนจะเปน ตรงกับระดับคะแนน ตรงกบั ระดับคะแนน ตรงกบั ระดับคะแนน
ผกู าํ หนด ซงึ่ สามารถเขยี นคาํ สงั่ ใหม จี าํ นวนรอบการทาํ ซา้ํ ทแ่ี นน อน
ก็ได ดังนนั้ ตอบขอ 4.) ลาดับท่ี รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 1 ลาดับที่ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 1 ลาดับท่ี ชอ่ื –สกุล การแสดง การยอมรับ การทางาน ความมนี ้าใจ การมี รวม
32 32 ของนักเรียน ความคิดเห็น ฟังคนอื่น ตามทีไ่ ด้รบั สว่ นรว่ มใน 15
มอบหมาย การปรับปรงุ คะแนน
1 การแสดงความคดิ เหน็ ผลงานกลมุ่
1 ความถกู ต้องของเนอื้ หา 2 การยอมรบั ฟงั ความคดิ เห็นของผู้อืน่
2 ความคิดสร้างสรรค์ 3 การทางานตามหนา้ ที่ทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย 321321321321321
3 วิธกี ารนาเสนอผลงาน 4 ความมนี าใจ
4 การนาไปใช้ประโยชน์ 5 การตรงต่อเวลา
5 การตรงต่อเวลา
รวม
รวม
ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ลงช่อื ...................................................ผู้ประเมิน
............/................./................... ............/.................../................
เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ลงชอื่ ...................................................ผ้ปู ระเมิน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ สมบูรณช์ ัดเจน ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 2 คะแนน ............./.................../...............
ให้ 1 คะแนน ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมินเปน็ สว่ นใหญ่ ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครัง เกณฑก์ ารให้คะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ บางส่วน ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ
ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครัง ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครั้ง
ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบางครัง้
เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ เกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพ ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน
ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ ให้ 1 คะแนน
14–15 ดมี าก 14–15 ดมี าก เกณฑ์การตดั สนิ คณุ ภาพ
11–13 ดี 11–13 ดี ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ
14–15 ดีมาก
8–10 พอใช้ 8–10 พอใช้ 11–13 ดี
ตา่ กวา่ 8 ปรับปรงุ ต่ากว่า 8 ปรับปรุง 8–10 พอใช้
ต่ากวา่ 8 ปรับปรุง
T81
Chapter Concept Overview
หนว ยการเรยี นรู้ท่ี 3
อินเทอรเ นต็
อินเทอรเ์ น็ตเปน็ เครอื ข่ายคอมพิวเตอรท์ เี่ ชอ่ื มตอ่ กนั และครอบคลุมไปทว่ั โลก ท�าให้การติดต่อสอื่ สารมคี วามสะดวก รวดเรว็ รวมทง้ั
ยังเปน็ แหลง่ ขอ้ มูลความร้ทู ีช่ ่วยในการเรียนการสอนและการด�าเนนิ ชีวติ
การสบื คน้ ขอ้ มลู โดยใชอ้ นิ เทอรเ์ นต็ สามารถทา� ไดโ้ ดยใชบ้ รกิ ารจากเวบ็ ไซตท์ ใ่ี หบ้ รกิ ารสบื คน้ ขอ้ มลู ซงึ่ เวบ็ ไซตจ์ ะเปน็ สอื่ ทแี่ สดงขอ้ มลู
ในรูปแบบของดิจทิ ัล เช่น ข้อความ รูปภาพ เสยี ง วดิ ีโอ ท่มี กี ารเชอ่ื มต่อเนือ้ หาทเี่ กยี่ วขอ้ งกนั ไวห้ ลาย ๆ หน้า ซงึ่ สามารถเขา้ ถึงได้ดว้ ย
โปรแกรมเว็บเบราวเ์ ซอร ์ เช่น กูเกลิ โครม (Google Chrome) ไมโครซอฟตเ์ อดจ ์ (Microsoft Edge) ไฟร์ฟอกซ์ (Firefox) โดยมีชอ่ งระบุ
ทอ่ี ยู่ของเวบ็ ไซตใ์ นเวบ็ เบราวเ์ ซอร ์ ซงึ่ การสบื คน้ ข้อมูลโดยใช้อินเทอร์เนต็ แบง่ เป็น 2 แบบ ดังน้ี
• การสบื คน้ ข้อมูลแบบ Index Directory เปน็ การสืบคน้ ข้อมลู จากหวั ขอ้ ตา่ งๆ ท่ีไดม้ ีการจดั หมวดหมู่ไว้แลว้
• การสืบคน้ ข้อมูลแบบ Search Engine เปน็ การสบื คน้ ข้อมูลโดยใช้บรกิ ารทางอนิ เทอรเ์ นต็ หรอื ท่เี รียกว่า บรกิ าร Search Engine
โดยระบุคา� ค้นเพ่อื สบื ค้นข้อมลู ทีต่ ้องการ
ขอ้ ตกลงในการใชง้ านอินเทอร์เนต็ เปน็ สง่ิ ทต่ี ้องปฏิบัติตาม เพื่อไมใ่ หเ้ กิดความเสียหายตอ่ ตนเองและผอู้ ื่น มดี ังน้ี
สวสั ดีค่ะคุณแม่
มอี ะไรจะ ลกู หนขู ออนุญาต S TA R T
คุณแม…่
ใชภาษาทีส่ ภุ าพและเหมาะสม ไมเผยแพรข อ มลู ที่ไมเหมาะสม เคารพสทิ ธิและขอ มลู สว นตัวของผอู นื่
เทคโนโลยสี ารสนเทศ
เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นการใช้งานเทคโนโลยี เช่น การใช้งานคอมพิวเตอร์เพ่ือด�าเนินการกับข้อมูลในการจัดเก็บ การประมวลผล
การแลกเปลี่ยน หรือการเผยแพรข่ อ้ มูลในรูปแบบตา่ ง ๆ เช่น ขอ้ ความ รูปภาพ เสียง วิดโี อ
การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอยา งปลอดภยั การใชง้ านเทคโนโลยสี ารสนเทศมที ง้ั ประโยชนแ์ ละโทษ จงึ ตอ้ งศกึ ษาเพอ่ื ใหส้ ามารถใชง้ าน
ได้อยา่ งรเู้ ท่าทันและปลอดภัยในสงั คม ซ่งึ การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภัย มดี ังนี้
ไมเ ปดเผยขอ มูลสวนตัว กําหนดรหสั ผา น ออกจากระบบทุกครงั้ หลังใชังาน
ติดตงั้ โปรแกรมปอ งกนั ไวรัส ขอความชว ยเหลอื เม่อื เกดิ ปญ หา
T82
Chapter Overview
แผนการจดั สื่อการเรย� นรู จด� ประสงค ว�ธ�สอน ประเมิน ทกั ษะที่ได คณุ ลักษณะ
การเร�ยนรู อนั พงึ ประสงค
แผนฯ ที่ 1
อินเทอรเนต็ - แบบทดสอบก่อนเรยี น 1. อธบิ ายวิธีการใช้ - ว ธิ กี ารสอนแบบ - ตรวจแบบฝก หดั - ทักษะการคิด - มวี นิ ัย
- ห นงั สือเรียนรายวชิ า อินเทอร์เนต็ ในการ กระบวนการกล่มุ - ส งั เกตพฤติกรรม อยา่ งมี - ใฝเ่ รียนรู้
1 พืน้ ฐาน เทคโนโลย ี คน้ หาความรแู้ ละขอ้ มูล (Group Process) การท�างาน วจิ ารณญาณ - ม ุ่งม่นั ใน
(วิทยาการคา� นวณ) ป.3 ทกี่ า� หนดได ้ (K) - เ ทคนคิ ตามแนวคิด รายบคุ คล - ทกั ษะการสื่อสาร การท�างาน
ชว่ั โมง - แ บบฝก หดั รายวชิ า 2. สืบคน้ ข้อมลู จากการใช้ เชิงค�านวณ - สงั เกตพฤติกรรม - ทกั ษะการท�างาน
พน้ื ฐาน เทคโนโลยี อนิ เทอร์เน็ตได้ (P) การท�างานกลมุ่ ร่วมกนั
(วิทยาการค�านวณ) ป.3 3. ปฏบิ ัติตามข้อตกลงใน - สงั เกตคณุ ลักษณะ
การใช้อนิ เทอร์เนต็ ได ้ อันพึงประสงค์
(A)
แผนฯ ที่ 2 - ห นังสอื เรียนรายวิชา 1. เ ปรยี บเทียบข้อดแี ละ - วธิ ีการสอนแบบ - ตรวจแบบฝก หดั - ทักษะการคิด - มีวนิ ัย
เทคโนโลยี พื้นฐาน เทคโนโลย ี ขอ้ เสยี จากการใช้ กระบวนการกลมุ่ - ตรวจชิ้นงาน/ อยา่ งมี - ใ ฝเ่ รียนรู้
สารสนเทศ (วิทยาการคา� นวณ) ป.3 เทคโนโลยสี ารสนเทศได ้ (Group Process) ภาระงาน วิจารณญาณ - ม ุง่ ม่นั ใน
- แ บบฝกหดั รายวิชา (K) - เทคนคิ ตามแนวคิด (รวบยอด) - ทกั ษะการส่อื สาร การทา� งาน
4 พ้ืนฐาน เทคโนโลยี 2. ใ ช้เทคโนโลยีสารสนเทศ เชงิ ค�านวณ - ตรวจแบบทดสอบ - ท ักษะการท�างาน
(วทิ ยาการคา� นวณ) ป.3 อย่างปลอดภัย และ - วิธีการสอนโดยใช้ หลงั เรียน รว่ มกัน
ชั่วโมง - ชน้ิ งาน/ภาระงาน ปฏิบัติตามข้อตกลงใน การแสดงบทบาท - สงั เกตพฤตกิ รรม
(รวบยอด) การใชเ้ ทคโนโลยี สมมต ิ การทา� งาน
- แบบทดสอบหลงั เรยี น สารสนเทศได ้ (P, A) (Role Playing) รายบุคคล
- สังเกตพฤติกรรม
การทา� งานกลมุ่
- ส ังเกตคณุ ลกั ษณะ
อันพึงประสงค ์
T83
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 1 1เวลา ช่ัวโมง
อินเทอร์เน็ต
1. มาตรฐาน/ตวั ชี้วดั
ตวั ช้ีวดั
ป.3/3 ใช้อินเทอร์เนต็ คน้ หาความรู้
ป.3/5 ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภัย ปฏบิ ัตติ ามข้อตกลงในการใชอ้ ินเทอรเ์ น็ต
2. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
1. อธิบายวธิ ีการใชอ้ ินเทอรเ์ น็ตในการค้นหาความรแู้ ละขอ้ มูลท่ีกำ� หนดได้ (K)
2. สบื ค้นข้อมูลจากการใชอ้ นิ เทอร์เนต็ ได้ (P)
3. ปฏิบตั ติ ามขอ้ ตกลงในการใช้อินเทอร์เนต็ ได้ (A)
3. สาระการเรียนรู้
- อ ินเทอรเ์ นต็ เปน็ เครือข่ายขนาดใหญ่ช่วยใหก้ ารติดต่อสอ่ื สารท�ำได้สะดวก รวดเรว็ และเป็นแหลง่ ข้อมูลความร้ทู ีช่ ว่ ย
ในการเรียนและการดำ� เนนิ ชีวติ
- เวบ็ เบราวเ์ ซอรเ์ ปน็ โปรแกรมสำ� หรับอ่านเอกสารบนเวบ็ เพจ
- การสืบค้นข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตท�ำได้โดยใช้เว็บไซต์ส�ำหรับสืบค้น และต้องก�ำหนดค�ำค้นท่ีเหมาะสมจึงจะได้ข้อมูล
ตามต้องการ
4. สาระสำ� คญั /ความคิดรวบยอด
อนิ เทอรเ์ นต็ คอื เครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอรท์ เี่ ชอื่ มตอ่ กนั ครอบคลมุ ไปทวั่ โลก และเปน็ แหลง่ ขอ้ มลู ทช่ี ว่ ยในการเรยี นและการ
ด�ำเนินชวี ติ การใช้อินเทอร์เนต็ ในการสืบคน้ ขอ้ มลู จากเวบ็ เบราวเ์ ซอรต์ า่ ง ๆ โดยการใชค้ �ำคน้ หา (Keyword) ที่ตรงประเด็น
กระชบั เพอื่ ให้ได้ผลลัพธ์ทรี่ วดเร็ว ตรงตามความตอ้ งการและยังต้องค�ำนึงถึงขอ้ ตกลงในการใช้อนิ เทอรเ์ น็ต
5. สมรรถนะส�ำคัญของผเู้ รียนและคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
สมรรถนะสำ� คญั ของผ้เู รยี น ทกั ษะ 4Cs คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์
1. ความสามารถในการสือ่ สาร 1. ทักษะการคิดอย่างมวี จิ ารณญาณ 1. มวี นิ ัย
2. ความสามารถในการคิด (Critical Thinking) 2. ใฝ่เรยี นรู้
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 2. ทักษะการทำ� งานร่วมกัน 3. มุ่งมน่ั ในการท�ำงาน
(Collaboration Skill)
3. ทักษะการสือ่ สาร
(Communication Skill)
4. ทักษะความคดิ สรา้ งสรรค์
(Creative Thinking)
6. กิจกรรมการเรยี นรู้
แนวคดิ /รปู แบบการสอน/วธิ ีการสอน/เทคนิค : วิธกี ารสอนแบบกระบวนการกลุม่ (Group Process) และเทคนิคตาม
แนวคดิ เชงิ ค�ำนวณ
T84
นา� นา� สอน สรปุ ประเมนิ
หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 3 อนิ เทอรเ์ น็ตและเทคโนโลยสี ารสนเทศ ขนั้ นาํ
แบบทดสอบกอ่ นเรยี น 1. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบกอนเรียน เรื่อง
อินเทอรเน็ตและเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อ
หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 3 เปนการทบทวนความรู และวดั พ้ืนฐานความรู
กอนท่จี ะเรมิ่ เรียนเน้อื หาใหม
คาช้แี จง : ให้นกั เรยี นเลือกคาตอบที่ถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว
1. ข้อใดให้ความหมายของอินเทอร์เน็ตไม่ถูกตอ้ ง 6. บคุ คลใดไม่ได้ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
ก. ใช้ในการสบื หาข้อมูลตา่ ง ๆ ก. โบวส์ ง่ ขอ้ ความหาเพ่อื นทางเฟซบุ๊ก
ข. เบนเขยี นรายงานลงในกระดาษสง่ ครู
ข. ทาใหก้ ารสือ่ สารสะดวกรวดเร็ว ค. บวิ โทรเล่าขา่ วท่ฟี งั ตอนเช้าให้โบวฟ์ งั
ค. ใช้ในการตดิ ตอ่ ส่ือสารไดเ้ ทา่ นน้ั 7. ข้อใดใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศต่างจากพวก
2. ข้อใดไมใ่ ช่เวบ็ ไซต์
ก. ส่งขอ้ มลู รายงานใหเ้ พ่ือน
ก. Bing ข. ใช้คอมพวิ เตอร์เล่นเกมตอ่ สู้
ข. Yahoo ค. ครูเปิดคลิปการทางานของรา่ งกายใหน้ ักเรยี นดู
ค. Internet Explorer 8. ข้อใดใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศโดยไม่มคี วามปลอดภัย
3. ข้อใดไมใ่ ช่ประเภทของการสืบค้นข้อมลู โดยใชอ้ ินเทอร์เน็ต ก. ติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรสั
ก. เสยี ง ข. ออกจากระบบทกุ ครั้งหลังใช้งาน
ค. ตั้งรหสั ผา่ น 1234 เพ่อื ป้องกนั การลมื
ข. กลนิ่ 9. ขอ้ ใดไม่ใช่ผลกระทบของการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ
ก. ป่วยจากการตากฝนเพ่อื ไปเรียนวชิ าคอมพวิ เตอร์
ค. รปู ภาพ ข. ถูกหลอกลวงจากข้อความที่ส่งมาทางโทรศัพท์มือถือ
4. การค้นหาใดได้ผลลพั ธท์ ต่ี รงตามความตอ้ งการที่สุด ค. ถูกขโมยข้อมูลจากการเข้าใชง้ านแลว้ ไมอ่ อกจากระบบ
10. การใช้ GPS ในการคน้ หาเสน้ ทางไปโรงพยาบาลเป็นการใช้
ก. ฝนตอ้ งการภาพดอกคณู จึงพมิ พ์คาว่าดอกคนู เทคโนโลยสี ารสนเทศในดา้ นใด
ข. แนนต้องการไปทะเลท่ีจังหวัดกระบ่ี จึงพิมพ์คาว่า ก. ดา้ นการศึกษา
ข. ดา้ นความบันเทิง
ทะเล ค. ด้านการคมนาคม
ค. ปลาต้องการไปเท่ียวใกล้บ้านจึงพิมพ์คาว่า
สถานทท่ี ่องเท่ยี ว
5. ใครไมป่ ฏิบตั ติ ามขอ้ ตกลงการใชอ้ นิ เทอร์เน็ต
ก. จอยใชอ้ ินเทอรเ์ นต็ คน้ หาข้อมลู ทารายงาน
ข. ปลาใชอ้ นิ เทอร์เน็ตส่อื สารกบั เจนใหเ้ ช็คขา่ ว
กอ่ นเผยแพร่
ค. เจนเผยแพรข่ า่ วนา้ ศักดสิ์ ทิ ธ์ชิ ว่ ยคนตาบอดให้
กลบั มามองเหน็
เฉลย
1. ค 2. ข 3. ข 4. ก 5. ค 6. ข 7. ข 8. ค 9. ก 10. ค
เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ)
ภาพจาก
แผนการสอน ท่ี 1
หนวยท่ี 13
ขอสอบเนน การคิด
ขอ ใดใหความหมายของคาํ วา Search Engine ไดถ ูกตอ ง
1. การโอนยา ยขอมลู ในเครอื่ งเเมข า ย
2. บรกิ ารโอนยา ยขอ มลู ในเคร่อื งสว นบุคคล
3. การโอนยายขอมลู จากเคร่อื งสวนบุคคลไปยังเครื่องแมขา ย
4. บริการคน หาขอ มูลโดยนาํ คําสําคญั ไปเปรยี บเทียบกับ
เวบ็ ไซตเ พอ่ื คนหาคําน้ัน
(วเิ คราะหค ําตอบ การสืบคนแบบ Search Engine เปนการ
สืบคนขอ มลู โดยใชบรกิ ารทางอนิ เทอรเ น็ต หรือทเ่ี รียกวา บรกิ าร
Search Engine โดยระบคุ ําคนเพ่อื สบื คนขอมลู ที่ตองการ ดังนนั้
ตอบขอ 4.)
T85
นา� นา� สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ นาํ 3 Í¹Ô à·ÍÃà ¹µç˹Nj ¡ÒÃàÃչ̷٠èÕ áÅÐ
à·¤â¹âÅÂÊÕ ÒÃʹà·È
2. ครอู ธบิ ายเนอ้ื หาเรอ่ื ง อนิ เทอรเ นต็ ใหน กั เรยี น
ฟงวา อินเทอรเน็ตเปนเครือขายคอมพิวเตอร ตัวช้วี ัด
ท่ีเช่ือมตอกนั ท่วั โลก ทาํ ใหการตดิ ตอ สอื่ สารมี
ความสะดวก รวดเร็วมากขนึ้ และยังสามารถ ว 4.2 ป. 3/3 ใชอ ินเทอรเนต็ คนหาความรู
ใชอินเทอรเน็ตในการคนหาขอมูลตางๆ ท่ี ว 4.2 ป. 3/5 ใชเทคโนโลยสี ารสนเทศอยางปลอดภยั ปฏิบตั ติ ามขอ ตกลงในการใชอินเทอรเ น็ต
ตองการทราบไดอีกดวย จากนั้นครูถาม
คําถามประจําหนวยการเรียนรูกับนักเรียนวา
อินเทอรเน็ตมีสวนชวยใหนักเรียนรูอะไรบาง
จากน้ันใหนักเรียนชวยกันวิเคราะหและหา
คาํ ตอบนี้
แนวตอบ คาํ ถามประจาํ หนว ยการเรยี นรู ÍÔ¹à·ÍÃà ¹çµÁÊÕ Ç‹ ¹ª‹ÇÂ
ã˹Œ Ñ¡àÃÂÕ ¹àÃÂÕ ¹Ã͌٠ÐäúҌ §
อินเทอรเน็ตมีสวนชวยใหนักเรียนไดเรียนรูใน
หลายดา น ยกตวั อยางเชน เปนแหลงความรูข นาด 46
ใหญสําหรับผูเรียน เพื่อใหผูเรียนสามารถศึกษา
และคน หาความรตู ามทต่ี อ งการได หรอื สามารถนาํ ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 46
อนิ เทอรเ นต็ มาชว ยในการจดั กจิ กรรมการเรยี นการ
สอน ซง่ึ จะทาํ ใหผ เู รยี นทอ่ี ยหู า งไกลสามารถคน ควา
หาความรู และตดิ ตอ สอ่ื สารไดอ ยา งสะดวก รวดเรว็
เพอื่ นาํ ไปพฒั นาทกั ษะการคดิ วเิ คราะหแ ละสามารถ
นาํ ไปพฒั นาตอยอดในชวี ติ ประจาํ วันได
เกร็ดแนะครู
การเรียนการสอนเรือ่ ง อินเทอรเ นต็ และเทคโนโลยีสารสนเทศ ครคู วรเนน
การสอนโดยอธิบายเกี่ยวกับอินเทอรเน็ตวา เปนเครือขายคอมพิวเตอรที่เชื่อม
ตอกันและครอบคลุมไปทั่วโลก ทําใหการติดตอสื่อสารมีความสะดวก รวดเร็ว
รวมทงั้ ยงั เปน แหลง ความรทู ชี่ ว ยในการเรยี นการสอนและการดาํ เนนิ ชวี ติ จากนนั้
ใหครูอธิบายเก่ียวกับเทคโนโลยีสารสนเทศวา เปนการใชงานเทคโนโลยี เชน
การใชงานคอมพิวเตอรเพื่อดาํ เนินการกับขอมูลในการจัดเก็บ การประมวลผล
การแลกเปลย่ี น หรอื การเผยแพรขอ มลู ในรปู แบบตา งๆ เชน ขอความ รูปภาพ
เสยี ง วิดีโอ และครูถามคาํ ถามจากการอธิบายเนือ้ หากับนกั เรยี น ดงั น้ี
• อินเทอรเ น็ตคืออะไร มีความสําคัญในชีวติ ประจําวันอยางไร
• การใชเ ทคโนโลยสี ารสนเทศอยา งปลอดภัยตองปฏิบตั ติ นอยา งไรบา ง
T86
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
1.นกั เรียนคดิ วา Í¹Ô à·ÍÃà ¹µç ขนั้ สอน
การกาํ หนดคาํ คน 1. ครูถามคําถามสําคัญประจําหัวขอกับนักเรียน
มีผลตอการคน หา วา นักเรียนคิดวา การกําหนดคําคนมีผลตอ
ขอ มลู ทาง อินเทอรเน็ต เปน เครอื ขา ยคอมพวิ เตอรท ี่ การคน หาขอมลู ทางอนิ เทอรเ น็ตอยา งไร
อนิ เทอรเ นต็ เชอ่ื มตอ กนั และครอบคลมุ ไปทว่ั โลก ทาํ ใหก ารตดิ ตอ
อยางไร สือ่ สารมีความสะดวก รวดเร็ว รวมทั้งยังเปนแหลง 2. นักเรียนศึกษาเน้ือหาเรื่อง อินเทอรเน็ต วา
ขอ มลู ความรูทชี่ วยในการเรยี นการสอนและการดาํ เนนิ ชีวติ เปนเครือขายคอมพิวเตอรที่เช่ือมตอกันและ
ครอบคลุมไปท่ัวโลก ทําใหการติดตอสื่อสาร
1.1 การสืบคน ขอ มูลโดยใชอ นิ เทอรเ น็ต มีความสะดวกและรวดเร็ว จากน้ันครูอธิบาย
สามารถทาํ ไดโ ดยใชบ รกิ ารจากเวบ็ ไซต (Website) ทใี่ หบ รกิ าร เร่ือง การสืบคนขอมูลโดยใชอินเทอรเน็ตวา
สามารถทําไดโดยการใชบริการจากเว็บไซตที่
ใหบริการสืบคนขอมูล โดยเว็บไซตจะเปนสื่อ
ทแี่ สดงขอ มูลในรปู แบบของดจิ ิทลั
สืบคนขอมูล โดยเว็บไซตจะเปนสื่อที่แสดงขอมูลในรูปแบบของ
ดิจทิ ลั เชน ขอ ความ รูปภาพ เสียง วดิ โี อ ท่มี กี ารเช่อื มโยงเนือ้ หา
เทว่ีเบ็ กเ่ียบวรขาอวเงซกอันรไ1 ว(WหลebายBๆrowหsนeาr) ซึ่งสามารถเขาถึงไดดวยโปรแกรม
เชน กเู กลิ โครม (Google Chrome)
ไมโครซอฟตเอดจ (Microsoft Edge) ไฟรฟอกซ (Firefox)
โดยจะมชี อ งทร่ี ะบทุ อ่ี ยขู องเวบ็ ไซต (URL Address) ในเวบ็ เบราวเ ซอร
ภาพท่ี 3.1 ตวั อยา งโปรแกรมทใี่ หบ รกิ ารในการคน หาขอ มลู เชน www.google.com www.yahoo.com แนวตอบ คาํ ถามสาํ คัญประจาํ หัวขอ
47 การกาํ หนดคาํ คน มผี ลตอ การคน หาขอ มลู ทาง
อินเทอรเ น็ต โดยจะทาํ ใหไ ดผ ลลพั ธห รอื ขอ มูลตาม
ภาพจาก หนงั สอื เรยี น หนา 47 ท่ตี องการอยางรวดเรว็ และตรงประเด็น
ขอ สอบเนน การคดิ นักเรียนควรรู
อนิ เทอรเ น็ตเกดิ ขึ้นครัง้ แรกในประเทศใด 1 เว็บเบราวเซอร คือ โปรแกรมที่สามารถแปลงภาษาของคอมพิวเตอร
1. จีน (HTML) ใหเปนเว็บเพจที่มนุษยสามารถอานและทําความเขาใจได โดยเว็บ
2. ญีป่ นุ เบราวเซอรจะทําการเปลี่ยนแปลงชุดคําสั่งภาษาของคอมพิวเตอรใหออกมา
3. อังกฤษ ปรากฏทหี่ นา เวบ็ ไซตน น้ั ๆ ซงึ่ เวบ็ เบราวเ ซอรเ กดิ ขน้ึ ครง้ั แรกในโลกจาก เซอรท มิ
4. สหรัฐอเมริกา โมที จอหน เบอรเนิรส ลี (Sir Timothy John Berners-Lee) และเวบ็ เบราวเซอร
ตัวแรกมชี อ่ื วา เวลิ ดไ วดเ วบ็ (World Wide Web เขียนยอวา WWW) ตวั อยาง
(วเิ คราะหค ําตอบ เว็บเบราวเซอรตัวแรกมีชื่อวา เวิลดไวดเว็บ ของเวบ็ เบราวเ ซอรท น่ี ยิ มใชใ นปจ จบุ นั เชน Mozilla Firefox , Google Chrome,
(World Wide Web) ซึ่งในอดตี ยังไมไ ดรบั ความนยิ มเทาทคี่ วรจน Safari
กระทง่ั ศูนยว ิจัยเอ็นซีเอสเอ (NCSA) ของมหาวทิ ยาลัยอลิ ลนิ อยส
เออรแบนา-แชมเปญจน สหรฐั อเมรกิ า ไดทําการคดิ คนและสราง
โปรแกรมเว็บเบราวเซอรใหมที่มีชื่อวา โมเสก (MOSAIC) เปน
โปรแกรมเวบ็ เบราวเ ซอรท ดี่ เู วบ็ เชงิ กราฟก และยงั เปน ทม่ี าของเวบ็
เบราวเ ซอร เนต็ สเคป (Netscape) ดงั นัน้ ตอบขอ 4.)
T87
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน การสืบคนขอ มูลโดยใชอ ินเทอรเ น็ต แบง เปน 2 แบบ ดังน้ี
3. ครูอธิบายเรื่อง การสืบคนขอมูลโดยใช 1. การสืบคนแบบ เปน การสบื คน ขอ มลู จากหวั ขอ ตา ง ๆ ทไ่ี ด
อินเทอรเน็ต ซึ่งแบงออกเปน 2 แบบ ไดแก
การสืบคนขอมูลแบบ Index Directory Index Directory มีการจัดเปน หมวดหมไู วแลว
เปนการสืบคนขอมูลจากหัวขอตางๆ ท่ีไดมี
การจดั หมวดหมูไวแลว และสบื คนขอ มูลแบบ 2. การสืบคนแบบ เปนการสืบคนขอมูลโดยใชบริการทาง
Search Engine เปนการสืบคนขอ มูลโดยระบุ
คาํ คน เพ่อื สบื คนขอ มูลตามท่ีตองการ Search Engine อนิ เทอรเ นต็ หรอื ทเ่ี รยี กวา บรกิ าร Search
Engine โดยระบคุ ําคน (Keyword) เพือ่ สืบคนขอมูลท่ตี องการ
4. ครใู หน กั เรยี นเขา ใชง านอนิ เทอรเ นต็ โดยสบื คน
ขอมูลท่ีสนใจไดตามความตองการดวยการ
สืบคนขอมูลแบบ Search Engine และนํา
ขอ มลู ทีไ่ ดเขยี นใสล งในกระดาษท่คี รแู จกให
¡ÒÃÊº× ¤Œ¹¢ÍŒ ÁÙÅẺ Search Engine มีขัน้ ตอน ดังน้ี
1. เปด เวบ็ เบราวเ ซอร เชน Google Chrome, Microsoft Edge,
Firefox ซึ่งเปนโปรแกรมทใ่ี ชสําหรบั เขา ถงึ เว็บไซต
48
ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 48
เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคิด
ครอู ธบิ ายเนอ้ื หาเรอ่ื ง การสบื คน ขอ มลู โดยใชอ นิ เทอรเ นต็ ซงึ่ จะถามคาํ ถาม เว็บไซตท่ีใหบ ริการสบื คน ขอมูลบนอนิ เทอรเ นต็ เรียกวา อะไร
กบั นกั เรยี นวา การสบื คน ขอ มลู โดยใชอ นิ เทอรเ นต็ สามารถสบื คน ไดก แ่ี บบ อะไร 1. URL
บาง และสุมนักเรียนข้ึนมาตอบคาํ ถาม เมอื่ นักเรียนตอบคําถามเสรจ็ เรยี บรอย 2. Address
ใหครูสรุปความแตกตางระหวางการสืบคนขอมูลแบบ Index Directory วา 3. Web Board
เปน การสบื คน ขอ มลู จากหวั ขอ ตา งๆ และการสบื คน ขอ มลู แบบ Search Engine 4. Search Engine
วา เปนการสืบคนขอมลู โดยจะตองระบุคําคน เพอ่ื สืบคนขอมูลตามท่ตี องการ (วเิ คราะหคําตอบ การสบื คน แบบ Search Engine เปน การสบื คน
ขอ มลู โดยใชบ รกิ ารทางอนิ เทอรเ นต็ ซงึ่ จะตอ งระบคุ าํ คน เพอ่ื สบื คน
ขอ มูลท่ตี อ งการ ดงั นน้ั ตอบขอ 4.)
T88
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
2. การเขาใชงานเวบ็ ไซตที่ใหบ ริการในการสบื คน ขอ มูล เชน ขนั้ สอน
www.google.com, www.bing.com, www.yahoo.com
โดยพิมพลงในชอ งทอ่ี ยเู วบ็ 5. ครูใหนักเรียนสืบคนขอมูลแบบ Search
Engine โดยทําตามข้ันตอนในหนังสือเรียน
3. ระบุคําคนลงในชองคนหาเพื่อคนหาขอมูลที่ตองการ เชน เม่ือนักเรียนอานเน้ือหานี้เสร็จเรียบรอยครู
อาหารไทย แลวคลกิ ที่ จะใหนักเรียนสืบคนตามคําคนท่ีครูกาํ หนด
ให ดังน้ี ดอกไมประจําชาติไทย ประเพณี
สงกรานต วนั ขน้ึ ปใ หม วนั สําคญั ทางพระพทุ ธ-
ศาสนา ไวรสั Covid 19 การปอ งกนั ฝนุ PM 2.5
ซ่ึงมีเง่ือนไขวา นักเรียนสามารถเลือกได
1 หวั ขอ จากท่ีครกู าํ หนด และสบื คน หาขอ มูล
ทําเปน รายงานสงครใู นชว่ั โมงถัดไป
4. คลิกเลอื กขอมูล
ทตี่ องการ
49
ภาพจาก หนงั สอื เรยี น หนา 49
ขอ สอบเนน การคดิ ความรูเสริม
ขอใดอธิบายความหมายของคําวา การสืบคนสารสนเทศ ได คําคน หา (Keyword) คอื คําอธิบายส่งิ ใดส่งิ หน่งึ เพือ่ สบื คน รายละเอียด
ถูกตองทีส่ ดุ ขอมูลผานอนิ เทอรเนต็ บนเว็บ Search Engine ซึง่ ประเภทของคาํ คนหา มีดงั นี้
1. การเขา ถงึ แหลง ขอ มลู ท่ถี กู จดั เก็บอยา งเปน ระบบ • Mass Keyword เปน คาํ คน หาสงิ่ ตา งๆ ทม่ี คี วามเกย่ี วขอ งและสอดคลอ ง
2. การคน ควา ขอ มลู สารสนเทศผา นเครอื ขายอินเทอรเนต็ ในกลุมคําเดยี วกนั
3. การแสวงหาทรัพยากรสารสนเทศท่บี นั ทกึ และเผยแพรไ ว
• Misspelling Keyword เปน คาํ คนหาตางๆ ทมี่ ีการสะกดคลายคลงึ หรือ
ในส่ือตางๆ ผิดเพี้ยนไปจากเดมิ
4. การรวบรวมขอ มูลสารสนเทศ วิเคราะห ออกแบบ และ
• Widely Keyword เปนคาํ คน หาส้ันๆ ทีม่ ีเน้ือหาและความหมายท่ีคอน
บนั ทกึ ลงในสอ่ื รปู แบบตา งๆ ขางกวา ง มีอัตราการคนหาสูง
(วิเคราะหค าํ ตอบ การสืบคนสารสนเทศ เปนการแสวงหา • Niche Keyword เปน คําคน หาเฉพาะเจาะจง เฉพาะกลุม ซ่งึ โดยปกติ
ทรัพยากรสารสนเทศที่บันทึกและเผยแพรไวในส่ือตางๆ ดังน้ัน มักจะพบบอ ยในช่อื เรียกรนุ ของสินคาตางๆ
ตอบขอ 3.)
T89
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน การสืบคนขอมูลยังสามารถแบงแยกประเภทของการสืบคน
ไดตามลกั ษณะของขอมูลน้นั ๆ เชน รปู ภาพ วดิ โี อ โดยเลือกทแี่ ถบ
6. เมอื่ ครอู ธบิ ายเนอ้ื หาเรอ่ื ง การสบื คน ขอ มลู แบบ เครื่องมอื ในเวบ็ ไซตท ใ่ี หบริการในการสบื คนขอมลู ดงั นี้
Search Engine เสร็จเรียบรอย ครูอธิบาย
ความรูเพิ่มเติมจากเกร็ดนารูใหนักเรียนฟงวา
การใชคาํ คน ท่ีแตกตางกนั จะทาํ ใหไดผ ลลพั ธ
จากการคนหาท่แี ตกตางกัน ดังนัน้ ควรจะใช
คาํ คน ท่ตี รงประเด็น กระชบั เพ่อื ใหไ ดผ ลลพั ธ
ทร่ี วดเรว็ และตรงตามความตองการ
7. ครูใหนักเรียนสืบคนขอมูลแบบ Search
Engine โดยใหสืบคนขอมูลรูปภาพขนมไทย
มาคนละ 1 ชนดิ จากนน้ั ออกมาอธบิ ายชอ่ื และ
ลักษณะของขนมไทยน้นั ๆ
ผลลพั ธจ ากการสืบคน ผลลัพธจากการสืบคน
ขอมูลทเี่ ปน รปู ภาพ ขอ มูลท่เี ปน วดิ ีโอ
ภาพที่ 3.2 การสบื คนตามลักษณะของขอ มลู
à¡Ã´ç ¹‹ÒÃÙŒ
การใชคําคนที่แตกตางกัน จะทําใหไดผลลัพธจากการคนหาที่แตกตางกัน
ดังนนั้ ควรใชค าํ คนท่ตี รงประเดน็ และกระชับ เพื่อใหไดผลลพั ธท่ีรวดเร็วและ
ตรงตามความตอ งการ
50
ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 50
เกร็ดแนะครู กจิ กรรม ทา ทาย
ครอู ธิบายเรอ่ื ง การสืบคน ขอมูลแบบ Search Engine ใหน กั เรยี นฟง เพ่อื ครใู หน กั เรยี นสบื คน ขอ มลู แบบ Search Engine ตามหวั ขอ ทค่ี รู
เปนการทบทวนความรูที่เรียนมาวา เปนการสืบคนขอมูลโดยการระบุคําสําคัญ กําหนด 1 หวั ขอ จากนนั้ ใหน กั เรียนนําขอ มูลตัวอกั ษรและขอมลู
ในการคน หา เพอ่ื ใหไ ดผลลพั ธท ตี่ อ งการ รวดเร็ว และตรงประเดน็ จากนนั้ ครู ภาพท่ีเก่ียวของกับหัวขอที่สนใจ เขียนลงในกระดาษ A4 พรอม
ใหนักเรียนลองปฏิบตั ิจริงโดยการสืบคนขอ มูลตามประเภทของขอมูลนั้นๆ เชน ตกแตง ใหส วยงาม แลว นาํ เสนอหนา ชน้ั เรยี น โดยหวั ขอ ทคี่ รกู าํ หนด
ใหนักเรียนคนหาขอมูลรูปภาพเร่ือง วัฒนธรรมไทย โดยพิจารณาภาพและทํา ให มีดังน้ี
ตามข้นั ตอนที่กาํ หนดให เพ่ือใหไดข อ มลู ตามทต่ี องการ • ขนมไทย • คอมพวิ เตอร
• วนั สงกรานต • รา งกายของฉัน
• การปอ งกันไวรัส Covid 19 • โปรแกรม Code.org
• การปอ งกันฝนุ PM 2.5 • จงั หวดั บานเกิด
• วนั สาํ คญั ทางพระพุทธศาสนา • ขอ ปฏิบตั ิในการใช
อนิ เทอรเนต็
T90
นา� สอน สรปุ ประเมนิ
¡Ô¨¡ÃÃÁ ขน้ั สอน
½¡ƒ ·Ñ¡ÉÐ
1. ใหนักเรียนสืบคนขอมูลจากเว็บไซตที่ใหบริการในการสืบคนขอมูล 8. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมฝกทักษะ โดยให
เชน www.google.com, www.bing.com, www.yahoo.com โดย นักเรียนสืบคนขอมูลจากเว็บไซตที่ใหบริการ
ใชคําคนวา “การปองกันฝุน PM 2.5” แลวเปรียบเทียบผลลัพธ ในการสบื คน ขอ มลู โดยใชค าํ คน วา การปอ งกนั
ทไี่ ดจ ากการสบื คน วา เหมอื นหรอื แตกตา งกนั อยา งไร บนั ทกึ คาํ ตอบ ฝุน PM 2.5 แลว เปรยี บเทียบผลลพั ธท ี่ไดจาก
ลงในสมุด การสืบคน จากนั้นครูใหนักเรียนแบงกลุม
2. ใหนักเรียนสืบคนขอมูลวา นอกจากเว็บไซต www.google.com, กลุมละ 3-5 คน หาคําคนที่ใชในการสืบคน
www.bing.com, www.yahoo.com ยังมีเว็บไซตใดอีกบางท่ีให ขอมูล แลวไดผลลัพธใกลเคียงกับภาพ
บริการในการสืบคน ขอมลู ท่ีกําหนดให และบันทึกคําตอบที่ไดลงใน
3. ใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละ สมุดประจาํ ตวั
3-5 คน หาคาํ คน ทใ่ี ชในการ
สืบคนขอมูลแลวไดผลลัพธ
ใกลเคียงกับภาพท่ีกําหนดให
มากทสี่ ดุ พรอ มอธบิ ายเหตผุ ล
ทกั ษะการเรยี นรูในศตวรรษที่ 21 2. ทกั ษะการทํางานเปน ทีม 51
1. ทกั ษะการคดิ วิเคราะห 4. ทกั ษะการใชค อมพิวเตอร
3. ทักษะการส่ือสาร
ภาพจาก หนังสือเรยี น หนา 51
กิจกรรม 21st Century Skills เกร็ดแนะครู
1. ใหนักเรียนแบงกลมุ ตามความสมคั รใจ กลุมละ 4-5 คน ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั ทาํ กจิ กรรมฝก ทกั ษะ โดยใหน กั เรยี นพจิ ารณาคาํ ถาม
2. ใหนักเรียนรวมกันสืบคนขอมูลจากเว็บไซตที่ใหบริการสืบคน ที่กําหนดใหแตละขอเพื่อตอบคําถามใหถูกตอง จากน้ันครูและนักเรียนรวมกัน
สรปุ ความรทู ไ่ี ดจ ากการทาํ กจิ กรรมฝก ทกั ษะนี้ เมอื่ ทาํ กจิ กรรมฝก ทกั ษะเรยี บรอ ย
ขอมลู ในเรือ่ งทก่ี ลุม ตนเองสนใจ แลว ครสู มุ นกั เรยี นออกมาอธบิ ายคาํ ตอบของแตล ะขอ หนา ชน้ั เรยี น และครถู าม
3. สมาชกิ ในกลมุ รว มกนั หาขอ มลู และจดั เตรยี มขอ มลู เพอ่ื นาํ เสนอ คาํ ถามเพอ่ื ทบทวนการเรยี นรกู บั นกั เรยี นวา การสบื คน ขอ มลู โดยใชอ นิ เทอรเ นต็
มีกปี่ ระเภท อะไรบา ง และมีความเหมือนหรอื แตกตา งกนั อยา งไร
ตามรปู แบบทน่ี ักเรียนคดิ วา นา สนใจอยา งอิสระ
4. นําเสนอผลงานหนาช้ันเรียนโดยใชวิธีการสื่อสารที่ทําใหผูอื่น
เขาใจไดงา ย
T91