บทที่ 6 คำ กริยา การแบ่งกลุ่มคำ กริยาและการผันคำ กริยา ในภาษาญี่ปุ่น ปุ่ ไม่เหมือนภาษาไทย คือเขาจะมีการแบ่งกลุ่ม คำ กริยาเป็น 3 กลุ่ม แต่ภาษาไทยเรา คำ กริยาก็คือคำ กริยา ภาษาไทยเราไม่ได้แบ่งกลุ่ม ซึ่งในการแบ่งกลุ่มคำ กริยา ญี่ปุ่น ปุ่ เป็นเรื่องต้องฝึกท่องจำ ให้ได้ เพราะมิฉะนั้นเวลา จะใช้งานใช้พูดจะพูดไม่ถูกต้อง ถึงคนญี่ปุ่น ปุ่ อาจจะฟัง เข้าใจแต่มันก็จะดูตลกๆขำ ๆ แต่หากเราอยากใช้ให้ถูก ต้อง เพื่อการสื่อสารจะได้ไม่ผิดผลาดก็ต้องฝึกจำ กลุ่ม ต่างๆให้ได้ โดยเฉพาะใครอยากทำ งานเป็นล่ามญี่ปุ่น ปุ่ หรือจะเตรียมตัวเพื่อไปสอบวัดระดับความรู้จำ เป็นต้องจำ ให้ได้ หากเก่งภาษาญี่ปุ่น ปุ่ ตั้งแต่อายุยังน้อ น้ ยจะได้เปรียบ มากๆ โดยเฉพาะถ้าอยู่ในช่วงมัธยมปลาย หากสอบผ่าน วัดระดับ N3 ก็จะมีโอกาสได้สิทธิเสนอชื่อชิงทุนการศึกษา เรียนต่อฟรีระดับมหาวิทาลัยที่ประเทศญี่ปุ่น ปุ่ ซึ่งผู้ที่สนใจ ต้องมั่นเข้าไปเช็คที่เวปไซด์สถานทูตญี่ปุ่น ปุ่ ประจำ ประเทศ ไทย เขาจัดให้ทุนทุกปี เรียนฟรีจบมามีงานทำ ได้เรียนรู้วัฒ ธรรมต่างๆจากเจ้าของประเทศโดยตรง โอกาสก้าวหน้า น้ ในอนาคตก็จะดีตามๆมา ซึ่งมันจำ ได้ไม่ยากและไม่ง่ายจนเกินไป ลองมาดูกันเลยนะครับ ก่อนอื่นนั้นเพื่อจะได้เห็นภาพจะปูพื้นฐานเปรียบเทียบ ระหว่างคำ กริยาไทยกับคำ กริยาญี่ปุ่น ปุ่ ให้ท่านผู้อ่าน ได้เข้าใจคร่าวๆก่อน ในคำ กริยาไทย เช่น คำ ว่า กิน พอเราจะทำ เป็นรูปบอกเล่าในอดีตเราก็แค่เติม คำ ว่า แล้ว เข้าไป แต่ในภาษาญี่ปุ่น ปุ่ เขาจะทำ การเปลี่ยนส่วนท้าย ส่วน ที่เป็นหางคำ ยกตัวอย่าง เปลี่ยนเทียบกับคำ ว่า กิน หากจะ เปลี่ยนเป็น อดีต เขาก็จะเปลี่ยน ตรงหางคำ เป็นตัวอื่น กิน กิ อาจจะเปลี่ยน เป็น กิณ กิ เป็นต้น 45
จะสังเกตุจากรูปคำ กริยาที่เป็นรูป/เสียง มัส masu บทที่ 6 คำ กริยา การแบ่งกลุ่มคำ กริยาและการผันคำ กริยา กิน กิ อาจจะเปลี่ยน เป็น กิณ กิ เป็นต้น ซึ่ง ถ้ารูปรูปประโยค แล้วก็จะรู้ว่าเป็นการบอกเล่าเรื่องของอดีตหรือเรื่องที่ได้ทำ เสร็จแล้ว และคำ กริยาญี่ปุ่น ปุ่ ตรงส่วนท้าย หรือ ส่วนหางนั้น แต่ละกลุ่มจะสามารถเปลี่ยนเป็นรูปแบบได้หลายรูปแบบ เช่น เปลี่ยนเสียงท้ายเป็นเสียง/รูป มัส masu ます หรือเปลี่ยนเสียงท้ายเป็นรูปพจนานุก นุ รม เป็นเสียง รึ ru る เปลี่ยนเสียงท้ายเป็น เต๊ะ te て หรือ ต๊ะ ta た เป็นต้น ซึ่งจะอธิบายต่อจากนี้ไป คำ กริยากลุ่มที่ 1 1. ます ที่มีหมวดเสียงสระ อิ ก่อนหน้า น้ มัส ตัวอย่าง เช่น คำ ว่า のみます nomi masu อ่านว่า โนมิ มัส แปลว่า ดื่ม 2.และจำ นวนคำ ที่เหลือจากการตัด เสียง มัส masu ます ออกไปแล้วจะเหลือคำ 2 คำ ขึ้นไป เช่น のみます nomi masu の み ます 1 , 2 ตัดออก いきます iki masu แปลว่า ไป い き ます 46
บทที่ 6 คำ กริยา การแบ่งกลุ่มคำ กริยาและการผันคำ กริยา มาดูตัวอย่างคำ ริยา กลุ่มที่ 1 เพิ่มเติมนะครับ かいます ka i masu แปลว่า ซื้อ まちます ma chi masu แปลว่า รอ かえります ka e ri masu แปลว่า กลับบ้าน しにます shi ni masu แปลว่า ตาย あそびます a so bi masu แปลว่า เล่น よみます yo mi masu แปลว่า อ่าน およぎます o yo gi masu แปลว่า ว่ายน้ำ はなします ha na shi masu แปลว่า พูดคุย いきます ไป i ki masu แปลว่า ไป จะสังเกตุเห็นได้ว่า พอตัดเสียงมัส masu ます ออกไปแล้ว จะเหลือคำ เกิน 2 คำ ขึ้นไป และเสียงท้ายของ คำ นั้นก็จะเป็นเสียงหมวด สระ อิ ท่านผู้อ่าน อ่านมาถึงตรงนี้แล้วคงคืดว่า คำ กริยาใดๆ ก็ตามที่มีคุณสมบัติตรงตามนี้จะเป็น กริยากลุ่มที่ 1 เสมอ ไป ซึ่งทางผู้จัดทำ ต้องขอบอกว่า ยังไม่จบครับ คำ กริยาที่ ลงท้ายด้วยเสียง อิ ตัดเสียงมัส ます masu ออกแล้ว เหลือคำ 1 คำ ก็มี เกิน 2 คำ ขึ้นไปก็มีนั้น บางคำ ก็จัดเป็น คำ กริยากลุ่มที่ 2 ซึ่งมีไม่กี่ตัวครับ คือ เขามีข้ มี ข้ อยกเว้นในคำ กริยาข้างล่างต่อไปนี้ให้จัดอยู่ใน คำ กริยากลุ่มที่ 2 ซึ่งมี ทั้งหมด 10 ได้แก่ 1.おきます = ตื่นนอน 6.おります = ลงรถ 2.いきます = มี,ใช้ชีวิต 7.かります= ยืม 3.います = อยู่,มี (ใช้กับสิ่งมีชีวิต) มีอยู่ 8.みます=ดู 4.あびます = อาบน้ำ 9.できます=สามารถ,ทำ ได้ 5.きます = สวมใส่ 10.おちます= ตกหล่น 47
บทที่ 6 ต่อมามาดูวิธีการใช้คำ กริยาในรูปแบบต่างๆ ตามกาลเวลา กันนะครับ ตัวอย่างคำ ริยา กลุ่มที่ 1 ที่เป็นรูป masu ます かいます ka i masu แปลว่า ซื้อ まちます ma chi masu แปลว่า รอ かえります ka e ri masu แปลว่า กลับบ้าน しにます shi ni masu แปลว่า ตาย あそびます a so bi masu แปลว่า เล่น よみます yo mi masu แปลว่า อ่าน およぎます o yo gi masu แปลว่า ว่ายน้ำ はなします ha na shi masu แปลว่า พูดคุย いきます ไป i ki masu แปลว่า ไป ในรูปมัส masu ますนี้ จะใช้บอกคุยเรื่องราวที่เป็น เหตุการณ์ปัณ์ ปั จจุบันและเรื่องราวเหตุการณ์ใณ์ นอนาคต เช่น วันนี้ไปซื้อของตอนเที่ยง หรือ พรุ่งนี้จะไปเล่นที่สวน สาธารณะ เป็นต้น โดยสามารถเอารูปกริยามัสนี้ไปใช้ได้ เลย ดังตัวอย่าง ต่อไปนี้ きょうはバナナをかいます แปลว่าวันนี้จะซื้อกล้วย きょう kyou แปลว่า วันนี้ は wa ออกเสียงว่า วะ เป็นคำ ช่วย ใช้เขียนต่อจากประธาน ในประโยค หรือ ใช้เขียนต่อ หัวเรื่องในประโยค バナナ banana แปลว่า กล้วย เขียนด้วยตัว คะตะคะนะ สาเหตุเพราะ กล้วย ที่ญี่ปุ่น ปุ่ ปลูกเองไม่ได้ อากาศมันหนาว จึงต้องนำ เข้าจากประเทศอื่น อะไรที่เป็นของจากต่างชาติ ที่ประเทศตนไม่มีก็มักจะเขียนด้วยตัว คะตะคะนะ を wo, o ออกเสียงได้ทั้ง โว๊ะ หรือ โอ๊ะ ใส่หลังคำ ที่เป็น กรรมในประโยค かいます kaimasu แปลว่า ซื้อ 48
เปลี่ยนจากคำ ว่า ますmasu เป็นคำ ว่า บทที่ 6 ต่อมามาดูวิธีการใช้คำ กริยาในรูปแบบต่างๆ ตามกาลเวลา มาดูประโยคตัวอย่างเพิ่มนะครับกันนะครับ あしたこうえんにいきます แปลว่า พรุ่งนี้จะไปสวนสาธารณะ あした ashita แปลว่า พรุ่งนี้ こうえん kou en แปลว่า สวนสาธารณะ に ni เป็นคำ ช่วย แสดง จุดหมายที่จะไป いきます ikimasu แปลว่า ไป ต่อมาหากเราอยากจะบอกเรื่องที่เกิดในอดีตที่ผ่านมาแล้ว เราก็ต้องมาเปลี่ยนคำ ท้ายของคำ กริยา โดยจะมีวิธีการ เปลี่ย ลี่ นอยู่ 2 วิธี คือ 1. ました mashita เช่น เมื่อวานไปสวนสาธารณะ ก็จะเขียนเป็น ดังนี้ きのうこうえんにいきました きのう แปลว่า เมื่อวาน สังเกตุดู いきます จะเปลี่ยน いきました หากสักเตุดูจะพบว่าการที่เปลี่ยนคำ กริยาเป็นรูปอดีตกาล นั้น จำ นวนคำ มันยาวขึ้น ต่อมาจึงได้มีการดัดแปลงเปลี่ยน วิธีการผันคำ กริยา หรือเปลี่ยนคำ กริยา ให้เป็นรูปอดีตที่สั้นลงจากเดิมที่เป็นรูป ました mashita มาเป็นรูปอื่นๆ ซึ่งจะอธิบายต่อในหน้า น้ ถัดไป นะครับ คือจะได้รูปคำ กริยาที่เป็นรูปอดีตกาลที่ผันคำ แล้ว สั้นลงกว่าเดิม แบ่งตาม เสียงท้าย ได้ 6 รูปแบบ ดังที่จะกล่าวในหน้า น้ ถัดไปนะครับ 49
ต่อมามาดูวิธีการใช้คำ กริยาในรูปแบบต่างๆ ตามกาลเวลา เปลี่ย ลี่ นอยู่ 2 วิธี คือ 1.เปลี่ยนจากคำ ว่า ますmasu เป็นคำ ว่า ました mashita 2.เปลี่ยนเสียงท้ายหมวดเสียง อิ รูป ます masu นำ มาจัดกลุ่มใหม่ 6 กลุ่ม แล้วเปลี่ยนเป็นคำ ใหม่ดังนี้ ดังนี้ ตัวอย่าง คำ กริยากลุ่มที่ 1 ที่นำ มาจัดกลุ่มใหม่ 6 กลุ่ม หน้า น้ นี้ สำ คัญมากๆ ต้องพยายามอ่านทบทวนบ่อยๆ 1. あ い ます aimasu = พบ ま ち ます machimasu = รอ と り ます torimasu = เอา, ถ่ายรูป 。。った 2.や す み ます yasumimasu = หยุด,พัก あ そ び ます asobimasu = เล่น 。。んだ、 3.は な し ます hanashimasu = พูดคุย 。。した 4.き き ます kikimasu = ถาม,ฟัง,มีผล,ส่งผล 。。いた 5.お よ ぎ ます oyogimasu = ว่ายน้ำ 。。いだ 6.い き ます ikimasu = ไป 。。った 50
1. あった atta = พบแล้ว まった matta = รอแล้ว とった totta = เอาแล้ว, ถ่ายรูปแล้ว 2.やすんだ yasunda = หยุดแล้ว,พักแล้ว あそんだ asonda = เล่นแล้ว 3.はなした hanashita = พูดคุยแล้ว 4. きいた kiita = ถาม,ฟัง,มีผล,ส่งผลแล้ว 5.およいだ oyoida = ว่ายน้ำ แล้ว 6.いった itta = ไปแล้ว ข้อควรจำ คำ ว่า ไป いきます ikimasu กับคำ ว่าฟัง,ถาม ききますkikimasu แม้ว่า จะเป็นเสียงท้ายจะเป็นเสียง き ki เหมือนกันก็จริง แต่เวลาผันเป็นรูปคำ อดีตกาลแบบสั้นจะต่างกัน คือ เฉพาะคำ ว่า いきます เพียงคำ เดียวเท่านั้น ที่ผันให้เป็น いった ซึ่งแปลว่า ไปแล้ว ส่วนคำ ที่ลงท้ายด้วยเสียง き ให้ผันเป็นรูป 。。いた เช่น ききます -> きいた แปลว่า ฟังแล้ว,ถามแล้ว かきます -> かいた แปลว่า เขียนแล้ว はたらきます -> はたらいた แปลว่า ทำ งานแล้ว はきます-> はいた คำ นี้มีหลายความหมาย แปลว่า สวมใส่กาง,กระโปรง และแปลว่า กวดพื้น และแปลว่า สำ ลักออกมา หรือ อ๊วกออกมา ก็ได้ จะสังเกตุเห็นได้ว่า กลุ่มคำ กริยา กลุ่มที่ 1 นั้นผันเป็นรูป อดีตกาลคำ สั้นๆ ลง แบ่งได้เป็น 6 กลุ่ม ขอให้ ท่านผู้อ่านกลับไปอ่านทบทวนอีกครั้ง ดูให้ดี ว่ากลุ่ม คำ ลงท้ายเป็นแบบไหนผันคำ แล้วเป็นคำ ไหน ดูในหน้า น้ ก่อนหน้า น้ นี้ 51
1. あった atta = พบแล้ว まった matta = รอแล้ว とった totta = เอาแล้ว, ถ่ายรูปแล้ว 2.やすんだ yasunda = หยุดแล้ว,พักแล้ว あそんだ asonda = เล่นแล้ว 3.はなした hanashita = พูดคุยแล้ว 4. きいた kiita = ถาม,ฟัง,มีผล,ส่งผลแล้ว 5.およいだ oyoida = ว่ายน้ำ แล้ว 6.いった itta = ไปแล้ว ต่อมาเรามาฝึกการใช้คำ กริยากลุ่มที่ 1 ให้เป็นประโยค เชิญชวน หรือขอร้องให้คู่สนทนาปฏิบัติที่เราขอ เช่น กรุณารอสักครู่ , กรุณานั่ง, เชิญดื่มได้เลย เป็นต้น หลักง่ายๆ ทำ เหมือนผันคำ กริยาให้เป็นรูปอดีตกาล เพียงเสียงท้ายที่เป็น た、だ นั้นให้เปลี่ยนเป็น て、で แล้วเติมคำ ว่า ください kudasai เข้าไป ก็จะกลายเป็นคำ เชิญชวนหรือข้อร้องแล้ว นะครับ ลองมาดูอย่างกันเลยนะครับ 1. あった -> あって ください= เชิญพบได้ครับ/ค่ะ まった -> まって ください = กรุณารอ とった -> とって ください= กรุณาหยิบเอา,กรุณา ถ่ายรูปได้เลยครับ/ค่ะ การใช้รูปกริยา 。。て+ください นั้นใช้กันเยอะมากใน การสนทนาต่างๆ ในขีวิตปีะจำ วัน ขอให้ท่านพยายามอ่าน ทบทวนในหน้า น้ ก่อนนี้อีกครั้ง พยายามจำ การแยกที่เป็นกลุ่ม ย่อย 6 กลุ่ม หรือ 6 รูปแบบนั้นด้วย สังเกตุคำ ที่อยู่ในลูกศร เอาเพราะผู้จัดทำ ได้ทำ กลุ่มคำ ไว้ให้แล้ว 。。て ください = กรุณา.... 52
ต่อมาเรามาฝึกการใช้คำ กริยากลุ่มที่ 1 ให้เป็นประโยค บอกว่า เคยทำ สิ่งต่างๆ หรือเคยมีประสบการณ์ นั้นมาแล้ว เช่น เคยไปญี่ปุ่น ปุ่ แล้ว , เคยปีนภูเขาฟูจิมาแล้ว โดยเราจะผันคำ กริยากลุ่มที่ 1 ให้เป็นรูปแบบอดีตกาล ให้เป็นรูปคำ สั้นๆ ตามตัวอย่างคำ ที่อยู่ข้างบนนั้น แล้วเติมคำ ว่า + ことがあります 。。た/だ+ことがあります = เคย..... แล้ว 1. あった -> あったことがあります = เคยพบแล้ว まった -> まったことがります = เคยรอแล้ว とった -> とったことがあります = เคยเอาแล้ว เคยถ่ายรูปแล้ว いったことがあります= เคยไปแล้ว รูปกริยาที่ผันเป็นรูปた/だ ต่อไปนี้เรียกแบบย่อๆ ว่ารูป ก.1た แทนนะครับจะได้จำ ง่ายๆ รูป ก.1 た ในที่นี้ ก.1 ก็จะหมาย ถึง กริยากลุ่มที่ 1 และคำ ที่มาต่อท้ายนั้น ก็สามารถนำ ไปใช้กับ กริยากลุ่มที่ 2 และ 3 ได้เช่นกัน เพียงแต่ในตอนนี้ยังไม่ได้ อธิบายการแบ่งกลุ่มของคำ กริยา 2 และ 3 ขอให้ดูลักษณะ คำ ที่จะมาต่อท้ายกริยาก่อน ว่าเป็นคำ อะไรบ้าง ใช้บอกอะไร คำ อื่นๆ มาต่อได้ท้ายกับ ก.1 た แล้วก็จะเกิดประโยคใหม่ๆ ขึ้นมา เช่น เอา ก.1 た + ばかり = พึ่งจะ.... เช่น あったばかり attabakari = พึ่งจะพบเห็น หรือ ついたばかり tsuitabakari = พึ่งจะมาถึง เป็นต้น つく->つきます= tsuku, tsukimasu = มาถึง เปลี่ยนตัว き、ki ให้เป็น いた ita แปลว่า ถึงแล้ว แต่ถ้าหากเราผันกริยาให้เป็นรูป て te แล้วนำ คำ ว่า ばかり bakari มาต่อท้าย ความหมายนั้นจะเป็นเป็นอีกเรื่องเลย ถ้า คำ กริยา กลุ่ม 1,2,3 + てばかり จะหมายความว่า เอาแต่ทำ สิ่งๆนั้นอย่างเดียวไม่ทำ อย่างอื่นเลย เช่น กินอย่าง เดียว ไม่คิดจะทำ งานเลย หรือ นอนอย่างเดียว 53
คำ กริยาที่ผันเป็นรูป て te แล้วนำ คำ ว่า ばかり bakari คำ กริยา กลุ่ม 1,2,3 + てばかり จะหมายความว่า เอาแต่ทำ สิ่งๆนั้นอย่างเดียวไม่ทำ อย่างอื่นเลย ลองมาดูตัวอย่างอีกนะครับ เช่น คำ ว่า たべる taberu / たべます tabemasu แปลว่า กิน เป็นคำ กริยากลุ่มที่ 2 ให้เป็นรูป te て โดยการตัด masu ます ออกไป แล้วใส้ て แทน ก็จะกลายเป็น たべて แล้วเอาคำ ว่า bakari มาต่อท้าย たべたばかり tabate bakari ก็จะแปลว่า เอาแต่กินอย่างเดียว แต่ถ้าเราเขียนเป็น tabeta bakari たべたばかり นั้นจะแปลว่า พึ่งจะกินเมื่อกี้นี้เอง ต้องระวังการใช้ด้วยนะครับ ว่าเป็น รูป てte หรือรูป た ta เราได้เรียนรู้คำ กริยากลุ่มที่ 1 ไปแล้วนะครับ ขอให้ท่านผู้อ่าน กลับไปอ่านทบทวนด้วยนะครับ ในหน้า น้ ถัดไป จะพูดถึง กริยา กลุ่มที่ 2 ของภาษาญี่ปุ่น ปุ่ นะครับ 54
ゆ มาต่อกันที่ คำ กริยากลุ่มที่ 2 กันนะครับ คำ กริยาญี่ปุ่น ปุ่ แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม เราได้เรียนรู้การแบ่งคำ กริยากลุ่มที่ 1 ไปแล้ว ต่อมา มาดูคำ กริยากลุ่มที่ 2 กัน นะครับ ว่า สังเกตุยังไง เพราะเวลาผันคำ กริยาเป็น た ta หรือ て te จะได้ผันได้ถูกต้อง ในคำ กริยากลุ่มที่ 2 นั้น มีจุดสังเกตุคือว่า คำ เสียงท้ายส่วน ใหญ่ในรูป มัส masu ます นั้นเสียงส่วนมาก 90% จะ ออกเสียงในหมวดเสียง เอะ え e เดี่ยวจะยกตัวอย่างคำ กริยา ให้ดูนะครับ เช่น tabemasu たべます แปลว่า กิน หรือ nomemasu のめます แปลว่า ดื่ม ลองดูตารางพยัญชนะประกอบนะครับ no me masu の め ます แปลว่า ดื่ม no se masu の せ ます แปลว่า ยกของขึ้นวาง 55
ゆ คำ กริยากลุ่มที่ 2 มาดูตัวอย่างอีกนะครับ ねます nemasu แปลว่า นอน へます hemasu แปลว่า ผ่านไป たべます tabemasu แปลว่า กิน のべます nobemasu แปลว่า กล่าวออกมา, ยื่นออกมาก ส่วนมากเสียงก่อนหน้า น้ ます masu นั้นจะเป็นเสียงหมวด เอะ え e แต่อย่าพึ่งคิดว่า เสียงที่ต่างจาก え e จะไม่ใช่กริยากลุ่มที่ 2 นะครับ มันยังมีคำ กริยาบางคำ ที่ ไม่ได้ออกเสียง เอะ แต่ก็จัดอยู่ในกลุ่มกริยากลุ่มที่ 2 ก็มี นะครับ ดังนั้นก็ต้องจำ เป็นต้องดูและจำ คำ ศัพท์นั้นบ่อยนะ ครับ ตัวอย่าง คำ กริยากลุ่มที่ 2 ที่ไม่ได้มีเสียงท้ายเป็น え e เช่น みます mimasu แปลว่า ดู おきます okimasu แปลว่า ตื่น 56
คำ กริยากลุ่มที่ 2 มาดูตัวอย่าง คำ กริยากลุ่มที่ 2 ที่ไม่ได้มีเสียงท้ายเป็น え e กันต่อนะครับ みます mimasu แปลว่า ดู おきます okimasu แปลว่า ตื่น おります orimasu = ลงรถ いきます ikimasu = มี, ใช้ชีวิต ります karimasu = ยืม います imasu = อยู่,มี (ใช้กับสิ่งมีชีวิต) あびます abimasu = อาบน้ำ できます dekimasu = สามารถ,ทำ ได้ きます kimasu = สวมใส่ おちます ochimasu = ตกหล่น พยายามจดจำ ให้ได้นะครับ อย่าสับสนนะครับ กลุ่มคำ กริยานี้อยู่กลุ่มที่ 2 นะครับ ไม่ใช้กลุ่มที่ 1 ต่อมาเราจะมาเรียนรู้วิธีการผันกริยา เป็นรูป た ta และรูป て te กันนะครับ ขอบอกเล ยว่าการผันจะง่ายกว่าการผันกริยากลุ่มที่ 1 ใช้หลักการ ง่ายๆ คือ ตัด ます masu ออกไปแล้วแทนที่ด้วย た ta, て te ได้ทันทีเลย มาดูอย่างกันครับ เช่น たべます tabemasu ー> たべた / たべて みます ー> みた / みて おきます ー> おきた / おきて เราก็สามารถมาคำ ท้ายต่างๆ ที่เคยได้เรียนมาต่อท้ายเพื่อ สร้างประโยคต่างๆได้ เช่นเดียวกับกริยากลุ่มที่ 1 เช่น +てください = กรุณา... + たことがあります = เคย..... แล้ว + たばかり = พึ่งจะ..... +てばかり = เอาแต่...... เป็นต้น 57
ตัวอย่างการผันกริยากลุ่มที่ 2 ในประโยคต่างๆ +てください = กรุณา... +たことがあります = เคย..... แล้ว +たばかり = พึ่งจะ..... +てばかり = เอาแต่...... เช่น みてください กรุณาดู たべてください กรุณาทาน หรือ เชิญรับประทาน みたことがあります เคยดูแล้ว たべたことがあります เคยกินแล้ว たべたばかり พึ่งจะทาน たべてばかり กินอย่างเดียว จะเห็นว่าการผันคำ กริยาของกลุ่มที่ 2 นั้นง่าย ไม่ยุ่งยาก เหมือนกลุ่มที่ 1 ซึ่งมีทั้ง 。。んた、。。んて、 。。んだ、。。んで、。。いた、。。った 、。。って แค่ตัด ます masu ออกแล้วเติม たta, てte ได้เลย คำ ท้ายที่จะมาเชื่อมต่อกับคำ กริยานั้น ยังมีอีกเยอะ ผันคำ กริยาแล้วเอาไว้ใช้การพูดแบบเป็นกันเอง พูด เป็นคำ สั่ง หรือพูดแบบเป็นฝ่า ฝ่ ยโดยกระทำ หรือถูกกระทำ ที่เราได้เรียนไปคือรูป รูปแบบ ます masu แบบ て te, た ta นอกจากนี้ยังมีรูปอื่นๆ เช่น รูป แบบ Dictionary หรือเรียกอีกอย่างว่ารูปแบบคำ กริยาพจนานุก นุ รม หรือบางทีก็เรียกว่ารูปรากคำ ศัพท์ ซึ่งก็จะยังไม่พูดในบทนี้ เอาให้รู้แค่ว่า กริยากลุ่มที่ 1,2,3 มี อะไรบ้างสังเกตุยังไงบ้าง ในส่วนคำ รกิยาที่ 2 จะจบเพียง เท่านี้ก่อน จะต่อกันที่ กริยากลุ่มสุดท้าย คือ กริยากลุ่มที่ 3 ไปดูกันในหน้า น้ ถัดไปเลยะครับ 58
きます kimasu แปลว่า มา します shimasu แปลว่า ทำ กริยากลุ่มที่ 3 (กลุ่มพิเศษ) คำ กริยาในกลุ่มนี้จะมีเพียงแค่ 2 คำ เท่านั้น คือ 1. 2. ในบทนี้จะขออธิบายเพิ่มเกี่ยวกับรูปแบบคำ กริยาสักนิด หนึ่งนะครับ คำ กริยาในภาษาญี่ปุ่น ปุ่ จะมีคำ กริยาที่มี รูปแบบเป็นคำ รากศัพท์ หรือ เรียกอีกชื่อว่า รูปพจนานุก นุ รม หรือ เรียกอีกชื่อว่า รูป Dictionary หรือเรียกอีกรูปว่า รูปเสียงหมวด อึ う u ซึ่งส่วนมากมักเรียกว่ารูป Dic. Form ซึ่งในหมวดเสียงนี้ส่วนมากจะใช้พูดคุยแบบเป็นกันเองระหว่าง เพื่อน หรือ ระหว่างหัวหน้า น้ คุยกับลูกน้อ น้ ง หรือไม่ก็ใช้เป็นคำ บรรยายลำ ดับเหตุการ์ต่างๆ หรือ ไม่ก็ใช้เป็นคำ สั่งห้ามต่างๆ รากศัพท์ของคำ ว่า きます kimasu คือ くる kuru แปลว่า มา และรากศัพท์ของคำ ว่า します shimasu คือ する suru ให้ลองดูหมวดเสียง う ตามตารางข้างล่างนี้นะครับ のむ のみます たべる たべます くる きます เหตุที่บอกว่าเป็นกลุ่มคำ กริยาพิเศษก็ เพราะว่า หากเปรียบเทียบกับกลุ่มคำ กริยาแบบที่ 1 และ 2 ที่ผ่านมาแล้วนั้น กริยากลุ่มที่ 3 จะแตกต่างตรงที่ รูป Dic. รากศัพท์เริ่มต้น ซึ่งจะเปรียบเทียบกับ กลุ่มอื่นๆ ใน ข้อความข้างล่างนี้ นะครับ กลุ่ม.ที่ รูป Dict รูปมัส ます 1. 2. 3. 3. する します จะสังเกตุเห็นได้ว่า ส่วนหัวของ กริย ก.3 นั้น เวลามาเขียนเป็นรูป ます แล้ว ส่วนหัวนั้นเปลี่ยนไป แต่กริยา ก.2,3 นั้นส่วนหัวยังคงเป็นคำ เดิมอยู่ 59
きます kimasu แปลว่า มา します shimasu แปลว่า ทำ กริยากลุ่มที่ 3 (กลุ่มพิเศษ) คำ กริยาในกลุ่มนี้จะมีเพียงแค่ 2 คำ เท่านั้น คือ 1. 2. ต่อมา มาดูการผันกริยาของกลุ่มที่ 3 กันนะครับว่าผันยังไง เพื่อที่จะเอาไปใช้กับคำ ต่อท้ายอื่นๆ หากเราจะบอกเรื่องราวในอดีต โดยใช้กริยากลุ่มที่ 3 จะทำ การผันกริยารูป ます เป็นรูป た ดังนี้นะครับ きます (มา) ー> きた (มาแล้ว) します (ทำ ) ー> した (ทำ แล้ว) โดยให้เราตัด ます ออกก่อน แล้วเปลี่ยนเป็น た ได้เลย หากจะเปลี่ยนเป็นรูป てเพื่อที่จะใช้ในการทำ เป็นประโยค ขอร้อง หรือ เชิญทำ อะไรต่างๆ ก็แค่เปลี่ยน จาก たー>て เท่านั้นเอง ลองมาดูประโยคตัวอย่างกันนะครับ เช่น ごごはおきゃくさんきます gogo wa okyaku san kimasu แปลว่า บ่ายนี้จะมีลูกค้ามา ごご แปลว่า ช่วงบ่าย は เป็นคำ ช่วย ออกเสียงว่า วะ ในกรณีที่เป็นคำ ข่วย おきゃくさん แปลว่า ลูกค้า きます แปลว่า มา ถ้าทำ เป็นรูปประโยคบอกเล่าในอดีตก็จะเป็น きのう(เมื่อวาน)はおきゃくさんきた kino wa okyaku san kita แปลว่า เมื่อวานมีลูกค้ามา 60
กริยากลุ่มที่ 3 (กลุ่มพิเศษ) อีกตัวอย่าง ในการใช้เป็น てください ここにきてください koko ni kite kudasai แปลว่า กรุณามาที่นี่ ここ แปลว่า ที่นี่ に เป็นคำ ช่วย ใช้เกี่ยวกับบอกตำ แหน่ง หรือสถานที่ きて แปลว่ามา เป็นการผันรูปて ください แปลว่า กรุณา หรือ เชิญ มาดูตัวอย่างการใช้คำ กริยา します กันต่อนะครับ べんきょうします benkyou shimasu แปลว่า เรียน(หนังสือ,ศึกษา) ถ้าเราอยากจะบอกว่า เมื่อวานได้มีการเรียน ก็จะเขียนเป็นว่า きのうべんきょうした kino benkyou shita มาดูการใช้รูป て กันต่อเลยนะครับ เช่น เราจะบอกว่า กรุณาเรียนหนังสือ べんきょうしてください benkyou shite kudasai ท่านผู้อ่านได้อ่านและได้รู้จักการแบ่งกลุ่มของคำ กริยาทั้ง 3 กลุ่มไปแล้วนะครับ นั้นคือแค่พื้นฐานของการผันคำ กริยา เท่านั้นเองนะครับ ยังมีการผันแบบอื่นๆ ในหมวดเสียงอื่น ขอให้ท่านผู้อ่าน ดูตารางการผันคำ กริยาทั้ง 3 กลุ่ม ในหน้า น้ ถัดไป ซึ่งได้สรุป ภาพคราวๆ ให้ท่านได้เห็นรูปแบบการใช้ คำ กริยาในรูปประโยคต่างๆ และผู้เขียนจะทยอยอธิบาย ในบทถัดๆไปนะครับ 61
ก หัว ส หาง ความหมาย 1 kak + a nai,nakerebanaranai ไม่..., ต้อง... " a seru ให้... " a reru, rareru ถูก..., สามารถ... kak + i masu,masen,mashou ,ni iku,tari,nagara บอกเล่า,ปฏิเสธ,..กันไหม, ไป.., ..ด้วย..ด้วย " i tai, takunai, kata อยาก..., ไม่อยาก, วิธี.. ka i, n, t ta,da + koto ga arimasu , hou ga ii ...แล้ว, เคย...แล้ว, ...ดีกว่า ka i, n, t te,(te,de)+kudasai, hoshii, mitai, morau, kureru,ageru, sashiageru, iru hito,imasu จากที่.., กรุณ..., ต้องการ..., อยาก ลอง.., ได้รับ..,ได้รับ.., ..ให้, ให้(รูปยกย่อง), คนที่...,กำ ลัง... kak + u to เมื่อ... " u na , mai อย่า/ไม่.....นะ " u toki ตอนที่... " u hito คนที่... " u tsumori ตั้งใจจะ... kak + e ba ถ้า... " e ไม่มีอะไรมาต่อ ...สิ (คำ สั่ง) kak + o ไม่มีอะไรมาต่อ กันเถอะ 62
บทที่ 7 การใช้คำ คุณศัพท์ คำ คุณศัพท์ けいようし keiyoushi ใช้บอกสภาพของสรรพสิ่งต่างๆว่า มีสภาพหรือคุณสมบัติ อย่างไร เช่น ดี ไม่ดี สวย ไม่สวย สูง ต่ำ ดำ เตี้ย ถูก แพง ใช้ขยายคำ นาม คำ สรรพนาม หรือคำ กริยาในภาษาญี่ปุ่น ปุ่ เพื่อที่จะบอกลักษณะเพิ่มเติมของคำ ที่ต้องการขยายว่าเป็น อย่างไร เช่น ภูเขาสูง , อาหารอร่อย , ราคาถูก , กระเป๋า ป๋ใหม่ , คนเยอะ ฯลฯ และยังสามารถนำ ไปใช้ได้อีกมากมาย ขึ้น อยู่กับสถานการณ์ และรูปประโยคที่ต้องการจะสื่อสาร ซึ่งคำ คุณศัพท์ในภาษาญี่ปุ่น ปุ่ นั้นจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้ กลุ่มที่ 1 คือ กลุ่มที่มีเสียงท้ายเป็นเสียง อิ i い ภาษาญี่ปุ่น ปุ่ จะเรียกกลุ่มคำ คุณศัพท์นี้ว่า กลุ่ม I Keiyoushi เช่น たかい takai แปลว่า แพง , สูง ถ้าอ่านออกเสียงก็จะเป็นลักษณะดังนี้ ครับ ทะ คะ อิ แต่เวลาพูดมันจะเร็วและเสียงควบกัน เลยกลายเป็น ทะไค ひくい hikui แปลว่า ต่ำ , เตี้ย เช่นกันกับคำ นี้ ถ้าอ่านตามตัว จะออกเสียงว่า ฮิ คุ อิ แต่เวลาพูดจะกลายเป็น ฮิคุ ฮิ คุ ย จุดสำ คัญในการแบ่งให้ดู ห้ ดู ตัวสะกดท้ายครับ ต้องเป็น い i มาปิดท้าย จึงจะจัดได้ว่าอยู่ในกลุ่มที่ 1 63
คำ คุณศัพท์กลุ่มที่ 2 คือ กลุ่มที่มีเสียงท้ายที่ไม่ใช่เสียง อิ เป็น เสียงซึ่งกลุ่มคำ คุณศัพท์กลุ่มที่ 2 นี้จะเรียกว่า Na Keiyoushi แบบอื่นๆ คำ ว่า ใจดี หรือ โอบอ้อมอารี จะพูดว่า しんせつ shinsetu ซึ่งเวลาจะเอาคำ คุณศัพท์ กลุ่มนี้ไปแต่งประโยค ต้องเอาว่า Na มาต่อท้ายก่อน เช่นจะบอกว่า เป็นคนใจดี ก็จะเขียนว่า しんせつなひと shinsestu na hito(คน) คำ คุณศัพท์รูป な (นะ) เป็นคำ ที่ใช้ขยายคำ นาม คำ สรรพนาม หรือคำ กริยาในภาษาญี่ปุ่น ปุ่ ที่ไม่ได้ลงท้ายด้วย い (อิ) เพื่อที่จะบอกลักษณะเพิ่มเติมของคำ ที่ต้องการ ขยายว่าเป็นอย่างไร ยกเว้นคำ ว่า きれい、ゆうめい、きらい เป็นคำ ยกเว้นที่ลงท้ายด้วย い แต่เป็นคำ คุณศัพท์ในรูป な เช่น คนนี้สวย , สถานที่นี้มีชื่อเสียง , เล่นกีฬาเก่ง , ไม่ ชอบว่ายน้ำ ฯลฯ การวางคำ คุณศัพท์ ในประโยค จะต้องวางคุณศัพท์ไว้หน้า น้ คำ นามที่เราอยากจะขยาย ลักษณะของคำ นามนั้น เช่น เช่น จะบอกว่า ดอกไม้สวย ก็จะเขียน เป็น きれいなはな kirei na hana kirei na แปลว่า สวย เป็นคำ คุณศัพท์ กลุ่มที่ 2 hana แปลว่า ดอกไม้ อีกตัวอย่างนะครับ ภูเขาสูง ก็จะเขียนว่า たかいやま takai yama takai แปลว่า สูง เป็นคำ คุณศัพท์ กลุ่มที่ 1 yama แปลว่า ภูเขา 64
ตารางคำ คุณศัพท์ กลุ่มที่ 1 (I Keiyoushi) Hiragana คำ อ่าน ความหมาย あつい atsui ร้อน あたたかい atatakai อุ่น さむい samui หนาว つめたい tsumetai เย็น むずかしい muzukashī ยาก やさしい yasashī ง่าย あたらしい atarashī ใหม่ ふるい furui เก่า たかい takai แพง / สูง やすい yasui (ราคา) ถูก おもしろい omoshiroi สนุก นุ / น่าสนใจ たのしい tanoshī สนุก นุ สนาน いい ii ดี わるい warui เลว とおい tōi ไกล ちかい chikai ใกล้ おおい ōi มาก / เยอะ すくない sukunai น้อ น้ ย おいしい oishī อร่อย まずい mazui ไม่อร่อย はやい hayai เร็ว かるい karui เบา あぶない abunai อันตราย ねむい nemui ง่วง いそがしい isogashī (งาน) ยุ่ง , มีธุระมาก 653
คำ คุณศัพท์ กลุ่มที่ 1 (I Keiyoushi) Hiragana คำ อ่าน ความหมาย きびしい kibishī เข้มงวด おおきい ōkī ใหญ่ ちいさい chīsai เล็ก つまらない tsumaranai น่าเบื่อ きたない kitanai สกปรก ひろい hiroi กว้าง せまい semai แคบ からい karai เผ็ด あまい amai หวาน よい yoi ดี คำ คุณศัพท์ กลุ่มที่ 2 (Na Keiyoushi) 「な」形容詞 คือ คำ คุณศัพท์รูป な (นะ) เป็นคำ ที่ ใช้ขยายคำ นาม คำ สรรพนาม หรือคำ กริยาในภาษา ญี่ปุ่น ปุ่ ที่ไม่ได้ลงท้ายด้วย い (อิ) เพื่อที่จะบอกลักษณะ เพิ่มเติมของคำ ที่ต้องการขยายว่าเป็นอย่างไร ยกเว้นคำ ว่า きれい、ゆうめい、きらい เป็นคำ ยกเว้นที่ลงท้ายด้วย い แต่เป็นคำ คุณศัพท์ใน รูป な เช่น คนนี้สวย , สถานที่นี้มีชื่อเสียง , เล่นกีฬา เก่ง , ไม่ชอบว่ายน้ำ ฯลฯ คำ คุณศัพท์ กลุ่มที่ 2 (Na Keiyoushi) Hiragana คำ อ่าน ความหมาย ハンサム hansamu หล่อ きれい kirei สวย / สะอาด しずか shizuka เงียบ / เงียบสงบ にぎやか nigiyaka ครึกครื้น / คึกคัก 66
คำ คุณศัพท์ กลุ่มที่ 2 (Na Keiyoushi) Hiragana คำ อ่าน ความหมาย ゆうめい Yūmē มีชื่อเสียง しんせつ Shinsetsu ใจดี げんき Genki แข็งแรง ひま Hima ว่าง べんり Benri สะดวก ふべん Fuben ไม่สะดวก すてき Suteki ดูดี / ยอดเยี่ยม たいへん Taihen ลำ บาก / แย่ かんたん Kantan ง่าย ๆ / ไม่ซับซ้อน いろいろ Iroiro ต่าง ๆ / หลายอย่าง すき Suki ชอบ きらい Kirai ไม่ชอบ じょうず Jōzu เก่ง へた Heta ไม่เก่ง あんぜん Anzen ปลอดภัย ていねい Tēnē สุภาพ しょうじき Shōjiki ซื่อสัตย์ がんこ Ganko ดื้อ / รั้น はで Hade (สี) ฉูดฉาด じょうぶ Jōbu ทนทาน / แข็งแรง 67
สีต่างๆ ในภาษาญี่ปุ่น ปุ่ หมวดสีต่างๆ (⾊)(iro) = สี 1. ⻘ (あお)(ao) = สีน้ำ เงิน 2. ⾚い(あか)(aka) = สีแดง 3. ⻩⾊(きいろ)(kiiro) = สีเหลือง 4. 紫(むらさき)(murasaki) = สีม่วง 5. 緑⾊(みどり)(midori) = สีเขียว 6. 茶⾊(ちゃいろ)(chairo) = สีน้ำ ตาล 7. 黒(くろ)(kuro) = สีดำ 8. ⽩(しろ)(shiro) = สีขาว 9. グレー (gure) หรือ 灰⾊(はいいろ) (haiiro) = สีเทา 10. ピンク (pinku) = สีชมพู 11. 桃⾊(ももいろ)(momoiro) = สีพีช 12. ベージュ (beju) = สีเนื้อ 13. ゴールド (gorudo) หรือ (きんいろ) (kiniro) = สีทอง 14. オレンジ (orenji) = สีส้ม 15. ⽔⾊(みずいろ)(mizuiro) = สีฟ้า ฟ้ อ่อน 16. ⻩緑(きみどり)(kimiiro) = สีเขียวอ่อน 68
สีขาว しろい 69
การผันคำ คุณศัพท์ 2 คำ ขึ้นไป การผันคำ คุณศัพท์ทั้ง 2 แบบ ให้เป็นรูปประโยค ต่างๆ เช่น ประโยคปฏิเสธ, สมมุติ, ทั้ง... ทั้ง..., ....แต่..., น่าจะ.... เช่น เราอยากจะบอกว่า ถูกและดี หรือ แพงแต่ดี หรือ ถูกแต่ไม่อร่อย หรือ บอกในรูปปฏิเสธว่า ไม่ อร่อย หรือ ไม่สวย รวมถึงจะบอกเหตุการ์ต่างๆ เป็น รูปอดีต เช่น เคยสวย หรือ วันก่อนกินแล้วอร่อย ในภาษาญี่ปุ่น ปุ่ จะผันคำ คุณศัพท์อย่างไร มาเรียนรู้กันเลยครับ และนี้คือ การผันเพียงบางส่วน เท่านั้น เริ่มต้นกันที่คำ คุณศัพท์ い(อิ) I ก่อน ต่อไปนี้จะขอเรียกเป็นคำ ย่อว่า คุณฯ I แทนนะครับ เพราะจะสั้นและง่ายและจะได้เห็นตารางสรุปการ ใช้ในหน้า น้ ถัดไป คุณฯ I ทำ เป็นประโยคบอกเล่า ปัจจุบัน จะเป็นดังนี้ เช่น このりんごはおいしい Kono Ringo ha Oishii แปลว่า แอพเบิ้ลนี้อร่อย ถ้าจะให้ประโยคฟังดูสุภาพมากยิ่งขึ้นก็จะเติมです Desu ออกเสียงว่า เดส เข้าไปปิดท้ายประโยค มันก็เสมือนว่า แอพเบิ้ลนี้อร่อยครับ このりんごはおいしいです Kono Ringo ha Oishishii Desu Kono -> ..นี้ りんご -> แอพเบิ้ล は-> ในที่นี้คือคำ ช่วย ออกเสียงว่า วะให้รู้ว่าคำ ที่อยู่ ข้างหน้า น้ นั้นคือประธานฟรือคือหัวข้อที่จะบอก おいしい -> อร่อย 70
คุณฯ I ทำ เป็นประโยคปฏิเสธในรูปปัจจุบัน ก็จะ เปลี่ยนเสียงท้ายตัวいให้กลายเป็นくない kunai เช่น おいしい -> おいしくない แปลว่า ไม่อร่อย ตัวอย่างรูปประโยค ดังนี้ このりんごはおいしくないです แอพเบิ้ลลูกนี้ไม่อ ม่ ร่อย ต่อมาหากเราบอกหรือพูดเรื่องราวในอดีตและมี คำ คุณศัพท์ในประโยคนั้นๆ จะผันให้เป็นรูปแบบ อย่างไร มาดูกันเลยครับ วิธีทำ คำ คุณฯI ให้รู ห้ รู ปอดีต จะทำ โดยการเปลี่ยน い ให้เป็น かった katta อ่านว่าคัดตะ おいしい -> おいしかった และหากเราอยากจะบอกคำ คุณฯ I ให้เป็นรูปปฏิเสธ ในอดีต เราก็เอาคำ ว่า な na เข้าไปแทรกไว้หน้า น้ かった ก็จะกลายเป็น なかった เช่น おいしかった -> おいしなかった ต่อมาหากเราอยากจะพูดว่าแอพเบิ้ลลูกนี้ ทั้งอร่อยและถูก(ราคา) จะพูดอย่างไรมาดูกันครับ วิธีการ คือ ให้เ ห้ปลี่ยนเสียงท้ายของ คุณฯI ให้เป็นくてออกเสียงว่า Kute คุเตะ แล้วเอาคำ คุณศัพท์อื่นๆมาต่อท้าย おいしい -> おいしくて おいしくてやすい -> ทั้งอร่อยและถูก ถ้าจะให้สุภาพยิ่งขึ้นก็เติมですเข้าไปปิดท้าย ประโยค おいしくてやすいです แปลว่า ทั้งอร่อยและถูก 71
ต่อมาหากเราอยากจะทำ คำ คุณศัพท์い ให้เป็น รูปคำ กริยา เช่น ทำ ให้อร่อย, ทำ ให้ร้อน ก็จะ เปลี่ยนตัว い เป็น くแล้วตามด้วยคำ กริยาที่เรา อยากจะบอก เดี่ยวไปดูตัวอย่างกันนะครับ เช่น おいしい -> おいしく おいしくなる แปลว่า อร่อยขึ้น คำ ว่า なる、なりますแปลว่า กลายเป็น ในที่นี้ จะหมายถึง อร่อยขึ้น มาดูอีกตัวอย่างนะครับ おいしくつくったりょうり แปลว่าอาหารที่ทำ อร่อย つくったนั้นแปลว่า การทำ การสร้าง ในที่นี้แปลว่าทำ อาหาร คำ ว่า りょうり แปลว่า อาหาร หรือ อีกตัวอย่างนะครับ คำ ว่า あつい atsui แปลว่า ร้อน เช่นเราอยากจะบอกว่าย่างให้ร้อน ก็จะเป็นดังนี้ あつくやいた คำ ว่า やいた แปลว่า ปิ้ง,ย่าง ขอให้ท่านดูตารางด้านล่างประกอบเพื่อความเข้าใจ มากขึ้นนะครับ บอก = ประโยคบอกเล่า เสธ = ประโยคปฏิเสธ คุณฯ บอกเรื่องราว ปัจจุบัน บอกเรื่องราว อดีต รูป kute รูป te+ กริยา I บอก เสธ บอก เสธ ..kute ..ku おいしい おいしい おいしく ない おいしか った おいしく なかった おいしく て おいしく あつい あつい あつくな い あつかっ た あつくな かった あつくて あつく 72
การผันคำ คุณศัพท์เป็นรูปประโยคต่างๆนั้น มีเยอะ มากยังไม่ได้จบแค่นี้นะครับ ยังมีอีกหลายรูปแบบ เช่น ถึงหนาวก็จะไป หรือ ดูเหมือนจะอร่อย หรือ ถ้าอร่อยก็จะกิน เป็นต้น มาเริ่มต้นกันที่ปที่ ระโยคสมมุติต่างๆ หรือ ประโยคที่ เป็นเงื่อนไข กันเลยครับ เช่น ถ้าอร่อยก็จะกิน โดยให้เปลี่ยนเสียงท้าย แบบที่ 1. เปลี่ยน い เป็น ければ มาดูวิธีทำ กันเลยครับ おいしい ー>おうしければ Oishi i Oishi kereba อร่อย -> ถ้าอร่อย おいしければ たべます Oushikereba Tabemasu แปลว่า ถ้าอร่อยก็จะกิน たべます Tabemasu แปลว่า กิน เป็นคำ กริยากลุ่มที่ 2 ซึ่งในความรู้สึกของรูป ければ kereba นี้ จะแฝงความรู้สึกว่าสิ่งๆนั้นอาจจะไม่เป็นอย่างที่คิด ก็ได้ เช่น จริงๆแล้วอาจจะไม่อร่อย เพราะตนเองก็ยัง ไม่เคยกินมาก่อน คล้ายๆว่าไม่มั่นใจว่าจะกินได้ไหม แบบที่ 2. เติม なら nara เข้าไปต่อท้ายคำ คุณศัพท์ ไม่ต้องเปลี่ยนตัวอิ い I おいしいー> おいしいなら มีความหมายเหมือนกัน แปลว่า ถ้าอร่อย 73
แต่ว่าจะให้ความรู้สึกมั่นใจมากกว่าอันแรกที่เป็น เป็นรูป ければ kereba ขึ้นมาอีกนิดหนึ่ง คล้ายๆ ว่าถ้าได้กินจริงๆแล้วคงจะอร่อย คือ กล้าที่จะกิน หรือมั่นใจในสิ่งนั้นน่าจะเกิดขึ้นได้จริง และแบบที่ 3. เปลี่ยน い เป็น かったら ในรูปแบบนี้ ผู้พูดจะรู้สึกมั่นใจว่าเหตุการณ์นั้ ณ์ นั้ น หรือ คำ คุณศัพท์นั้นๆจะเกิดขึ้นแน่ๆ เช่น อร่อยแนๆ เพราะอาจจะเคยกินมาแล้ว ดูตามตัวอย่างนี้นะครับ おいしい ー> おいしかったら แปลว่า ถ้าอร่อย おいしかったらたべます Oishikattara Tabemasu แปลว่าถ้าอร่อยก็จะกิน นอกจากการใช้คำ คุณศัพท์สร้างเป็นรูปประโยค เงื่อนไขหรือประโยคสมมุติแล้ว ในส่วนของคำ กริยา ก็สามารถสร้างเป็นประโยคเงื่อนไขได้ เช่น ถ้าฝนตก ก็จะไม่ไป เป็นต้น แต่จะไม่อธิบายในบทนี้นะครับ จะ อธิบายในบทท้ายๆ 74
สรุปผันคำ คุณศัพท์ い (I Keiyoushi) ーけれな kereba +なら nara ーかったら kattara (กลุ่มนี้ได้อธิบายไปแล้วนะครับ) = ถ้า .... ความหมายสัญลักษณ์ข ณ์ องเครื่องหมาย -,+ ー คือ ให้ตัด い ออกแล้วเติมคำ ที่ผัน + คือ ให้เติมคำ ที่จะผันเข้าไปต่อท้ายいเลย いー> かろう ーかろう karou ตัด i แล้วเปลี่ยนเป็น karou = ดูเหมือนว่า.... (ใช้เฉพาะผู้ชายเท่านั้น) ตัวอย่างเช่น うつくしい = สวย うつくしい ー> うつくしかろう แปลว่า ดูเหมือนจะสวย หรือ คงจะสวยกระมั่ง ーくない kunai = ไม่... เช่น おいしくない = ไม่อร่อย ーくて kute = ทั้ง...และ... เช่น おいしくてやすいです แปลว่า ทั้งอร่อยและถูก ーくても kutemo = แม้ว่า.... むずかしくてもがんばりたいです แม้ว่ายากแต่ก็อ ก็ ยากพยายาม 75
สรุปผันคำ คุณศัพท์ い (I Keiyoushi) +は wa = อันที่ว่า...นี้, เกี่ยวกับ...นี้, ความ... เช่น おいしいはこれです Oishii wa Koredesu อันที่ว่า อร่อย คืออันนี้ ーかった katta = คำ คุณศัพท์ い รูปอดีต เช่น おおきかった แปลว่า ใหญ่แล้ว หรือ เคยใหญ่มาแล้ว ーかったり kattari = ....บ้าง .....บ้าง เช่น たかかったり、やすかったり แปลว่า แพงบ้าง ถูกบ้าง +です desu = เป็น อยู่ คือ ใช้บอกสถานะ ทำ ให้ ประโยคสุภาพมากขึ้น เช่น あかいです = เป็นสีแดง ーそうです = ดูเหมือนว่าจะ.... เช่น あかそうです แปลว่า ดูเหมือนว่าจะ แดง หรือจะใช้คำ ว่า あかそうだ ก็ได้เหมือนกันแต่ไม่สุภาพเท่า อันแรกที่ลงท้ายด้วย です 76
สรุปผันคำ คุณศัพท์ い (I Keiyoushi) +し shi = ทั้ง.....และ...... เช่น よいしやすい แปลว่า ทั้ง ดี และ ถูก +が ga = .... แต่...... เช่น よいがたかい แปลว่า ดีแต่แพง +けれども(けれど、けど ภาษาพูด) keredomo (keredo, kedo ภาษาพูด) แปลว่า .......แต่ , ..อยู่หรอก แต่ทว่า เช่น やすいけれどもよくない แปลว่า ถูก แต่ ไม่ดี −さ、み sa, mi = ความ... เช่น たかさ แปลว่า ความสูง あつみ แปลว่า ความหนา + の no = อันที่... เช่น あかいの แปลว่า อันที่สีแดง + ので node = เพราะว่า... เช่น やすいのでかいます แปลว่า เพราะว่าถูกจึงซื้อ 77
การผันคำ คุณศัพท์ な Na keiyoushi + です、だ desu,da = ですเติมเพื่อให้ประ โยคนั้นๆ สุภาพขึ้น ส่วน だ จะเป็นประโยคที่ เผ็นกันเอง เช่น คุยกันระหว่างเพื่อน เช่น このはなはきれいです kono hana wa kirei desu แปลว่า ดอกไม้นี้สวยครับ/ค่ะ +だろう 、でしょう darou/deshou = คงจะ..., น่าจะ... เช่น このはなはきれいだろう kono hana wa kirei darou +だった 、でした datta , deshita = เป็น คำ คุณศัพท์รูปอดีต เช่น สวยแล้ว หรือ เคยสวย เป็นต้น = ... แล้ว เช่น きれいだった kirei datta แปลว่า สวยแล้ว , เคยสวย +でない、ではない、 ではありません 、じゃない denai, dewanai, dewaarimasen, janai = แปลว่า ไม่.... ใช้อันไหนก็ได้ แต่ที่สุภาพสุดคือ ではありま せん dewa arimasen 78
การผันคำ คุณศัพท์ な Na keiyoushi เช่น きれいでない、きれいじゃない แปลว่า ไม่สวย ถ้าทำ เป็นรูปอดีต ก็จะเป็น でなかった、 じゃなかった +な na = เป็นอัน,สิ่ง,คนที่ .... เช่น きれいなひと kirei na hito แปลว่า เป็นคนสวย หรือ きれいなはな kirei na hana ดอกไม้ที่สวยงาม +ならば、なら naraba, nara = ถ้า..... เช่น きれいならかいます kirei nara kaimasu แปลว่า ถ้าสวยก็จะซื้อ +とき toki = ตอนที่... เช่น しずかとき shizuka toki แปลว่า ตอนที่เงียบ +ので node = เพราะว่า... เช่น きれいのでかいます kirei node kainasu แปลว่า เพราะสวยจึงซื้อ 79
การผันคำ คุณศัพท์ な Na keiyoushi + になる、にします ni naru, ni shimasu = กลาย,เปลี่ยนเป็น..., ทำ ให้.... เช่น げんきになる genki ni naru = แข็งแรงขึ้น きれいにします kirei ni shimasu = ทำ ให้สะอาด +でも、だが demo, daga =....แต่, แม้ว่า....แต่... เช่น じょうぶでもたかい joubu demo takai = ทนทานแต่แพง ひまだがつまらない =himama daga tsumaranai ว่างแต่น่าเบื่อ じょうずでもせいかくがわるい jouzu demo seikaku ga warui เก่งแต่นิสัยไม่ดี +で de = ...และ... , ...ด้วยความ,อย่าง... เช่น きれいでおとなしい kirei de otonashii สวยและเป็นผู้ใหญ่ ていねいではなします teinei de hanashimasu พูดด้วยความสุขภาพ 80
คุณฯ บอกเรื่องราว ปัจจุบัน บอกเรื่องราว อดีต รูป kute รูป te+ I บอก เสธ บอก เสธ ..kute ..ku おいしい おいしい おいしく ない おいしか った おいしく なかった おいしく て おいしく あつい あつい あつくな い あつかっ た あつくな かった あつくて あつく ตารางการผันคำ คุณศัพท์ ทั้ง 2 กลุ่ม คุณฯ บอกเรื่องราว ปัจจุบัน บอกเรื่องราว อดีต รูป de รูป ni+ Na บอก เสธ บอก เสธ ..de ..ni きれい きれいだ, きれいな きれいでは ない きれいだっ た きれいでは なかった きれいで きれいに べんり べんりだ、 べんりな べんりでは ない べんりだっ た べんりでは なかった べんりで べんりに 81
ขอให้ท่านผู้อ่านกลับไปอ่านทบทวนการผันคำ คุณศัพท์ทั้ง 2 แบบอยู่เสมอๆ เพื่อจะได้จำ ได้ และสิ่งที่คนมักจะลืมคือ การผันคำ คุณศัพท์ い I Keiyoyshi คือมักจะสับสน เช่น คำ ว่าสูงขึ้น หรือ แพงขึ้น มักจะลืม บอกเป็น たかくになる ซึ่งคำ ว่า たかいtakai นั้นแปลว่า แพง หรือ สูง เป็นคำ คุณศัพท์ อิ い I ไม่ใช่คำ คุณศัพท์ นะ な na ดังนั้น เวลารูปที่จะบอกว่า กลายเป็น... หรือ เปลี่ยน เป็น.... นั้น ไม่ต้องไปใส่ に ni ให้เปลี่ยน เสียง อิ い I ให้เป็น く ku แล้วเติม なる naru ได้เลย ที่ถูกต้องเป็น たかくなる แปลว่า สูงขึ้น , แพงขึ้น ふくしゅうしてください ทบทวนบทเรีย รี นด้วยนะครับ 82
คำ กริยาวิเศษณ์ เป็นคำ ที่แสดงความรู้สึกหรือบอกสภาพ หรือบอก รายละเอียดของคำ กริยาหรือคำ คุณศัพท์ว่ามี สภาพเป็นเช่นไร เช่น ค่อยๆโตขึ้น หรือ สักครู่ หรือ มากๆ เป็นต้น คำ กริยาวิเศษณ์ใณ์ นภาษา ญี่ปุ่น ปุ่ นั้นมีหลายคำ มากๆ ซึ่งผู้เขียนจะเขียน บอกเฉพาะคำ ที่ใช้บ่อยๆ หรือเจอบ่อยๆในชรวิต ประจำ วันเท่านั้นนะครับ ท่านสามารถศึกษาหาข้อมูล เพิ่มเติมดวยตนเองในหนังสือตำ ราเรียน หรือในอินเตอร์เน็ท น็ ได้ อันนี้ทำ เพื่อเป็นแนวทาง เบื้องต้นเท่านั้น มาลองดูตัวอย่างกันนะครับ เช่น คำ ว่า だんだん dan dan = ค่อยๆ... ทีละนิดๆ... だんだんさむくなりました。 dan dan samuku narimashita แปลว่า ค่อย ๆ หนาวขึ้นแล้ว さむい หนาว คำ คุณศัพท์ อิ−อิ 》 さむくなる ทำ ให้เป็นรูปくแล้วเติมなる จะกลายเป็นว่าทำ ให้ เกิดสภาพหนาวขึ้น และในประโยคนี้เป็นการเล่า เรื่องที่เกิดขึ้นแล้วเป็นรูปอดีตกาล なる จึง เปลี่ยนเป็น らりました แปลว่า กลายเป็น... หรือเปลี่ยนสภาพเป็น .... แล้ว とても totemo = มาก (แสดงความรู้สึก) เช่น おかねがありませんから、 とてもこまっています okane ga arimasen kara totemo komatteimasu แปลว่า เพราะไม่มีเงิน จึงลำ บาก 83
おかね okane = เงิน がga = เป็นเป็นคำ ช่วยให้รู้ว่าคำ ข้างหน้า น้ คือประธาน หรือหัวเรื่อง หรือ เป็นผู้กระทำ ในประโยค とても totemo = มาก เป็นคำ กริยาวิเศษณ์ แสดง ความรู้สึก こまる = ลำ บาก ในประโยคนี้ได้ทำ การผันคำ กริยา กลุ่มที่ 1 ให้เป็นรูปて เพื่อบอกสภาพที่กำ ลังเป็นอยู่ หรือทำ อยู่ こまるー》こまって แล้วเติมいます รูปคำ กริยาที่ผันเป็น 。。ています จะเป็นสำ นวน ที่แสดงถึงสภาพของคำ กริยาว่ากำ ลังทำ สิ่งนั้นๆอยู่ หรือกำ ลังมีสภาพเป็นเช่นนั้นอยู่ เช่น รออยู่ หรือ เขียนอยู่ ยังพังอยู่ เป็นต้น ขอให้ท่านผู้อ่านกลับ ย้อนไปอ่านทบทวนวิธีการผันคำ กริยาทั้ง 3 กลุ่ม ใน บทที่ 6 ให้ดูในตารางการผันคำ กริยารูป て เพื่อให้เกิดความเข้าใจมากยิ่งขึ้นนะครับ หากท่านอยากดูคำ กริยาวิเศษณ์ทั้ ณ์ ทั้ งหมดของภาษา ญี่ปุ่น ปุ่ ผมขอแนะนำ ให้เข้าเวปต่อไปนี้ซึ่งเขาจะ รวบรวมคำ กริยาวิเศษณ์ไณ์ ว้ตามหมวดเสียง あ、 い、う、え、お https://japanese.awaisora.com/adverb-listjapanese/#i แต่เป็นภาษาญี่ปุ่น ปุ่ ล้วนๆไม่ได้แปลเป็นภาษาอื่น ให้ใช้แอพช่วยแปลก็พอเข้าใจได้อยู่นะครับ หากท่าน สนใจก็ลองเข้าไปอ่านศึกษาดูเพิ่มเติมนะครับ มาดูคำ กริยาวิเศษณ์อื่ ณ์ อื่ นๆ กันต่อนะครับ 84
ตัวอย่างคำ กริยาวิเศษณ์ しょうしょう shou shou = สักครู่,แป๊บ ป๊ หนึ่ง เช่น しょうしょう おまちください shou shou o machi kudasai แปลว่า กรุณารอ สักครู่ ครับ おまちください แปลว่า รอ เป็น รูปประโยคสุภาพ โครงสร้าง เป็น お+ คำ กริยาที่ตัด ます ออก + ください ซึ่งจะแปลว่า โปรด,กรุณา...... ครับ/ค่ะ ずっと zutto = นานมาแล้ว, ตลอดระยะเวลา あれはずっとむかしのことです。 are wa zutto mukashi no koto desu あれは แปลว่า เป็นเรื่องที่นานมาแล้วของเมื่อก่อนโน้น น้ あれは are wa แปลว่า โน้น น้ ずっと จะขยายคํานามบอกเวลา むかし むかし mukashi แปลว่า เมื่อก่อน,สมัยก่อน の no เป็นคำ ช่วย แปลว่า ของ แสดงความเป็น เจ้าของ ในที่นี้ หมายถึง เรื่องของเมื่อก่อน ことです koto desu แปลว่า เรื่องราว มาดูคำ กริยาวิเศษณ์ที่ ณ์ ที่ บอกความถี่ของการกระทำ กันนะครับ เช่น มักจะ....เสมอ, ....เป็นประจำ いつも itsumo = มักจะ...เสมอ, ...เป็นประจำ ตัวอย่าง เช่น 1. わたしはいつも6じにおきま す。 ฉันมักจะตื่นนอนตอน 6 โมงเสมอ 85
わたしはいつも6じにおきます。 ฉันมักจะตื่นนอนตอน 6 โมงเสมอ わたし watashi = ฉัน は wa = เป็นคำ ช่วย ให้รู้ว่าข้าง は wa คือประธาน いつも itsumo = เป็นคำ กริยาวิเศษณ์ แปลว่า มักจะ...เสมอ 6じに roku ji ni = หกโมง ในการนับเลขและบอก เวลา วันที่ นั้นจะอธิบายในบทต่อไป こきます okimasu = ตื่นนอน にちようびはいつもなにをしていますか。 nichi youbi wa itsumo nani wo shiteimasu ka วันอาทิตย์มักจะทำ อะไรหรือครับ にちようび = วันอาทิตย์ は = เป็นคำ ช่วย いつも = มักจะ... なにを = อะไรหรือ していますか = ทำ อะไร ถ้าใส่ か ท้ายคำ กริยา รูปมัส ก็จะกลายเป็นประโยคคำ ถามทันที よく yoku = บ่อยๆ せんせいはよくりょこにいきます。 せんせい sensei = ครู, อาจารย์ は wa = คำ ช่วย よく yoku = เป็นคำ กริยาวิเศษณ์ แปลว่า บ่อยๆ 86
りょこ ryoko = เที่ยว にいきます ni ikimasu = ไป การวางคำ กริยาวิเศษณ์นั้ ณ์ นั้ นจะวางไว้หน้า น้ คำ ที่เรา ต้องการขยาย เช่น วางไว้หน้า น้ คำ คุณศัพท์, คำ นาม หรือ คำ กริยา เป็นต้น เช่น とてもいたい totemo itai แปลว่า เจ็บมากๆ いたい itai แปลว่าเจ็บ หรือ ずっとむかし zutto mukashi แปลว่า เมื่อสมัยก่อนนานมาแล้ว หรือ よくつかいます yoku tsukaimasu แปลว่าใช้บ่อยๆ ในรายการคำ กริยาวิเศษณ์ต่ ณ์ ต่ อไปนี้จะ บอกให้รู้เพียง ว่า คำ ๆนั้น แปลว่า อะไร แต่จะไม่ได้แสดงตัวอย่างนะ ครับ ให้ท่านอ่านไว้เป็นแนวทางรายละเอียดลึกๆ ให้ท่านผู้อ่านไปศึกษาเพิ่มเติมได้ในหนังสือหรือสื่อ ต่างๆในอินเตอเน็ท น็ นะครับ 87
คำ กริยาวิเศษณ์ที่ ณ์ ที่ใช้บ่อยๆ ゆっくり = ค่อยๆ, ช้าๆไม่ต้องรีบเร่ง とても = อย่างมาก , มาก なるべく = เท่าที่จะทำ ได้ たしかに = อย่างแน่นอน, แน่ๆ すぐ = ทันที もっと = ที่สุด, เอาอีก, ต่อไปอีก, เพิ่มอีก たった = เพียงแค่, เท่านี้เอง ずっと = ตลอดที่ผ่านมา, เป็นมายาวนาน まさか masaka = ช่าง..เหลือเกิน, ต้องเป็น....แน่ๆ あいにく = โชคร้าย, แย่ไปหน่อย ぼろぼろ boro boro = กระจุยกระจาย ときどき tokidoki = บางครั้งบางคราว たいてい = ปกติ, ธรรมดา やや = นิดหนึ่ง, สักเล็กน้อ น้ ย さっき = เมื่อสักครู่, เมื่อกี้ だんだん = ค่อยๆ けっして = ไม่....เลย (ใช้กับรูปประโยคปฏิเสธ) ぜひ = แน่นอน, ต้องให้ได้ たまに = ไม่ค่อย, นานๆที, บางครั้ง ひさしぶり = ไม่พบกันนาน , ไม่ได้เจอบ่อยๆ はじめて = แรกเริ่ม, เริ่มต้น もういちど = อีกครั้ง , ทำ อีกครั้ง また = อีกครั้ง まだ = ยัง いっぱい = มากมาย, เยอะ, แน่นหนา, คับคั่ง 88
คำ กริยาวิเศษณ์ที่ ณ์ ที่ใช้บ่อยๆ かならず = อย่างแน่นอน かなり = ค่อนข้าง きちんと = อย่างดี, อย่างเรียบร้อย かわりに = แทนที่ きっと = แน่ๆ, แน่นอน きゅうに = อย่างกระทันหัน, อย่างรีบด่วน ぐうぜんに =โดยบังเอิญ けっきょく = สรุปว่า, ผลสุดท้าย けっこう = พอดี, กำ ลังดี, พอสมควร, พอแล้ว こっそり = แอบๆ, หลบๆซ่อนๆ うっかり = เผลอ, พลั้ง, ไม่ทันระวัง, ประมาท いつか = สักครั้ง, สักวันในอนาคต あとで = ภายหลังจากนี้ あまり = ไม่ค่อยจะ いっしょに = ทำ ด้วยกัน いっしょうけんめい = จะพยายามทำ อย่างสุดๆ いちばん = อันดับ 1 さっそく = ทันทีทันใด さらに = นอกจากนี้, อีกทั้ง しっかり = มั่นคง, หนักแน่น しばらく = สักครู่, ช่วงระยะเวลาหนึ่งที่สั้นๆ じつは = ความจริงคือ , ที่จริง (จิทสึวะ) じぶんで = ด้วยตนเอง じゅうぶん = เหลือเฟือ, เพียงพอ すこし = นิดหน่อย 89
คำ กริยาวิเศษณ์ที่ ณ์ ที่ใช้บ่อยๆ ずいぶん = ช่าง..เหลือเกิน すくなくとも = อย่างน้อ น้ ยที่สุด すべて = ทั้งหมด すっかり = ทั้งหมด, โดยสิ้นเชิง せっか く = อุตส่าห์ せめて = อย่างน้อ น้ ย ぜんぜん= ไม่ (ประโยครูปปฏิเสธ) ぜんぶで = ทั้งหมด それぞれ= แต่ละอัน そろそろ = จวนจะ ,ใกล้ถึวเวลา だいたい = คราวๆ , โดนประมาณ たいへん = สุดๆ , รู้อึดอัด たしかに = แน่นอน, มั่นใจ หากท่านต้องการดูรูปประโยคตัวอย่างการใช้ก็ให้ เข้าไปค้นหาใน Google แล้ว พิมพ์คำ ที่เราอย่างจะรู้ ว่าตัวอย่างการใช้เป็นอย่างไร ก็ให้ พิมพ์คำ ที่ต้องการ ค้นให้เสร็จ แล้วพิมพ์คำ ว่า のれいぶん ปิดท้าย noreibun (ตัวคันจิ の例⽂) noreibun แปลว่า ประโยคตัวอย่าง ยกตัวอย่างเช่น จะค้นหา すべて ก็ให้พิมพ์ すべてのれいぶん แล้วกดค้นหา 90
ระบบมันก็จะค้นหาคำ ดังกล่าวขึ้นมา แล้วท่านก็ลอง กด คลิ๊กเข้าไปดูประโยคตัวอย่างเอานะครับ 91
บทที่ 8 การนับเลข และบอกวันเวลา มาเรียนการนับเลขภาษาญี่ปุ่น ปุ่ กันต่อนะครับ และหากท่านอยากฝึกฟังเสียงการนับเลข ก็สามารถ เข้าไปชมในยูทูปของผู้จัดทำ ได้ตามลิงค์ข้างล่างนี้นะครับ https://youtu.be/GfaqeCqIJ1Y และฝากรับชมและกดติดตามในช่องยูทูปนี้ด้วยนะครับ ในช่องของ nui preecha นั้น นอกจากจะมีคลิปการสอน ภาษาญี่ปุ่น ปุ่ แล้ว ยังมีคลิปอื่นๆ เช่น การดูแลสุขภาพ การ เล่นกีต้าร์ และการท่องเที่ยวฝากท่านผู้อ่านรับชมและกด ติดตามด้วยนะครับ มาเริ่มเรียนการนับเลขกันเลยนะครับ การนับเลขภาษาญี่ปุ่น ปุ่ การนับเลข 1-10 1 いち อ่านว่า อิ-จิ 2 に อ่านว่า นิ 3 さん อ่านว่า ซัง 4 よん อ่านว่า ย่ง 5 ご อ่านว่า โก๊ะ 6 ろく อ่านว่า โหล่-กุ๊ 7 なな อ่านว่าน๊า น๊-หน่า 8 はち อ่านว่า ฮา-จิ 9 きゅう อ่านว่า คิว 10 じゅうอ่านว่า จู 92
ในการเรียนภาษา ไม่ว่าจะเป็นภาษาใดๆก็ตาม ผมอยากให้ ท่านนึกถึงความเป็นจริงตามธรรมชาติของคนเรานะครับ คือ คนเราเกิดมา พูด หรือ อ่าน หรือ สื่อสารกับพ่อแม่รู้เลย ได้ไหม แม่ครับค่ะ ,หนูหิวนมแล้ว คำ ตอบ คือ ไม่ได้ เต็มที่ ก็ร้องไห้ หัวเราะ หรือ ยิ้ม แสดงอาการไปตามอารมณ์ข ณ์ อง กระบวนในร่างกาย มันต้องฝึกฝนเรียนรู้และใช้เวลา คือจะ ให้คุยรู้เรื่องเลย เช่น แม่หนูหิวนมขอดูดนมหน่อย หรือ หนูปวดฉี่แล้วพาหนูไปฉี่หน่อย ซึ่งเป็นไม่ได้แน่นอน แต่ว่า เด็กจะสังเกตุ และศึกษาจากสิ่งแวดล้อม คือการมองเห็น ได้ยิน ได้สัมผัส ซึ่งในเบื้องต้นเด็กจะฝึกการสื่อสารจาก การฟังเสียก่อน จากนั้นก็ค่อยๆ เลียนแบบเสียงแล้วพูด ตาม ได้ฝึกการได้ยินบ่อยๆจนรู้ว่าเสียงแบบนี้หมายถึง เรียกชื่อแม่ เสียงแบบนี้หมายถึงเรียกชื่อพ่อ ได้ยินเสียง แบบนี้หมายถึงกินข้าว แล้วเด็กจะจำ เสียงแล้วหัดพูดหรือ ฝึกพูดตามจนชิน พอเริ่มพูดได้ ผู้ใหญ่ก็ค่อยมาสอนการ อ่านให้เด็ก พอเด็กอ่านออก ในเวลาเดียวกันก็เริ่มให้หัด เขียน จากนั้นก็เริ่มสอนการสื่อสารกัน โต้ตอบกัน สนทนา กัน พอรู้ โครงสร้างของประโยค หรือ ไวยากรณ์ข ณ์ องภาษา นั้นๆ เด็กก็จะค่อยๆเพิ่มคำ ศัพท์ไปเรื่อยๆ จนมีความรู้มาก จนสื่อสารได้เท่ากับผู้ใหญ่ ที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น สรุปว่า การจะเรียนภาษา ทุกๆภาษา นั้น อันดับแรกต้องฝึกฟังก่อนคือจะรู้เรื่องไม่รู้เรื่องก็ฝึกฟัง ไปก่อน พอเราชินหูกับคำ ๆนั้น เราค่อยมาฝึกออกเสียง จากนั้นเรามาหาความหมายของคำ นั้นๆ พอได้ความหมาย ซึ่งในที่นี้หมายถึงคำ ศัพท์นะครับ เราก็มาศึกษาเรียนรู้ โครงสร้างประโยคและไวยากรณ์ว่ ณ์ ว่ า มันเรียงลำ ดับกัน อย่างไร พอเริ่มรู้ก็ค่อยๆเอา คำ หรือ ประโยคนั้นมาผูกหรือ มาแต่ง มาต่อเชื่อมกันให้ยาวขึ้น เพื่อสื่อสารได้มากขึ้น 93
ซึ่งทางผู้เขียนหนังสือก็ได้ทำ ช่องยูทูปไว้สำ หรับให้ท่าน ที่สนใจในภาษาญี่ปุ่น ปุ่ ได้ฝึกฟังที่ละขั้นที่ละตอน ลอง ติดตามรับชมรับฟังกันได้ที่ลิงค์ข้างล่างนี้นะครับ https://youtu.be/GfaqeCqIJ1Y ฝากท่านกดไลค์กดแชร์กดติดตามด้วยนะครับ 94