The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ภาษาญี่ปุ่นเบื้องต้น รวมเนื้อหาจำเป็นพื้นฐานของภาษาญี่ปุ่น การทักทาย การนับเลข การผันคำกริยา การใช้คำคุณศัพท์และอื่นๆอีกมากมาย

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by nuipreecha2519, 2023-07-04 00:25:54

ภาษาญี่ปุ่นเบื้องต้น

ภาษาญี่ปุ่นเบื้องต้น รวมเนื้อหาจำเป็นพื้นฐานของภาษาญี่ปุ่น การทักทาย การนับเลข การผันคำกริยา การใช้คำคุณศัพท์และอื่นๆอีกมากมาย

การนับเลข และบอกวันเวลา มาเรียนการนับเลขภาษาญี่ปุ่น ปุ่ กันต่อนะครับ หากท่านอยากฝึกฟังเสียงการนับเลข ก็สามารถ เข้าไปชมในยูทูปของผู้จัดทำ ได้ตามลิงค์ข้างล่างนี้นะครับ https://youtu.be/GfaqeCqIJ1Y และฝากรับชมและกดติดตามในช่องยูทูปนี้ด้วยนะครับ ในช่องของ nui preecha นั้น นอกจากจะมีคลิปการสอน ภาษาญี่ปุ่น ปุ่ แล้ว ยังมีคลิปอื่นๆ เช่น การดูแลสุขภาพ การ เล่นกีต้าร์ และการท่องเที่ยวฝากท่านผู้อ่านรับชมและกด ติดตามด้วยนะครับ ก่อนที่จะเริ่มเรียนนับเลขกัน อยากให้ท่านผู้อ่านทำ ใจก่อน นะครับ เพราะว่าการนับเลขภาษาญี่ปุ่น ปุ่ นั้น ค่อนข้างสลับ ซับซ้อน ไม่ได้เหมือนภาษาไทยที่อ่านได้แค่แบบเดียว แต่ในภาษาญี่ปุ่น ปุ่ เลขบ้างตัวอ่านได้ 2-3 แบบก็มี เช่นเลขหลักหน่วย 1 ถึง 10 ก็นับแบบหนึ่ง พอเปลี่ยนเป็นเลขที่บอกวันที่ก็จะนับอีกแบบหนึ่ง ซึ่งต้องฝึกจำ เอาและฝึกใช้บ่อยๆจึงจะจำ ได้ และการนับเลขธรรมดากับการนับบอกจำ นวนสิ่งของ ก็ต่างกันออกไปอีก จะพูดออกเสียงอีกแบบ ต้องทบทวน บ่อยๆ จึงจะจำ ได้นะครับ 95


บทที่ 8 การนับเลข มาเริ่มเรียนการนับเลขกันเลยนะครับ การนับเลขภาษาญี่ปุ่น ปุ่ การนับเลข 0-10 0 ゼロ、れい อ่านว่า เซโระ zero , เร rei 1 いち อ่านว่า อิ-จิ ichi 2 に อ่านว่า นิ ni 3 さん อ่านว่า ซัง san 4 よん、よ、よっ。。、し อ่านว่า ย่ง , โย, หย๊ก.., หรือ จะออกเสียงเป็น ยค ก็ได้นะครับ, ชิ yon , yo, yok.., shi 5 ご อ่านว่า โก๊ะ go 6 ろく อ่านว่า โหล่-กุ๊ roku 7 なな、しち อ่านว่า น๊า น๊-หน่า, ชิจิ nana , shichi 8 はち อ่านว่า ฮา-จิ hachi 9 きゅう、く อ่านว่า คิว kyu, คึ ku 10 じゅう อ่านว่า จู Juu หมายเหตุ การนับ เลข 0 เลข 9 และ เลข 7 นั้น นับได้ 2 แบบ ส่วน เลข 4 นั้น นับได้ 4 แบบ เลข 0 จะนับออกเสียงเป็น zero หรือ rei ก็ได้ ตามแต่ถนัด เลข 4 ในการนับออกเสียงนั้น พูดได้ 4 แบบ ปกติโดยทั่วไปจะออกเสียง เป็น yon แต่ถ้านำ ไปใช้บอกเวลา หรือ บอกจำ นวนคน จะออก เสียงเป็น yo แทน yon 96


และหากจะบอกเลขที่เป็นจำ นวนเศษส่วน เช่น 1/4 ก็จะออกเสียงเป็น shi แทน yon ลองมาดูตัวอย่างกันก่อนนะครับ 1/4 = しぶんのいちชิบึงโนะอิจิ = เศษ1ส่วน4 4がつ = しがつ ชิกัสสึ = เดือนเมษายน 4 ばん = よんばん ย่ง บัง = เบอร์ 4 14⽇ = じゅうよっか จูหย๊กคะ = วันที่ 14 4じ = よじ โย จิ = 4 โมง 4にん = よにん โย นิน = 4 คน เลข 7 ปกติจะออกเสียงเป็น น๊า น๊-หน่า nana แต่ถ้านำ ไปใช้กับ เวลา วัน เดือน ส่วนมากจะออกเสียงเป็น しち ชิจิ shichi ส่วนถ้าเกี่ยวกับ ปีจะออกเสียงเป็น nana しちがつ = ชิจิกัสสึ = เดือนกรกฎาคม และถ้าเป็นการนับเลขจาก 1 ถึง 10 น้อ น้ ยไปหามาก จะออก เสียงเป็น しち ชิจิ shichi แต่ถ้านับถอยหลังจาก มากไปหาน้อ น้ ยจะออกเสียงเป็น nana ลองดูตัวอย่างกันนะครับ เลข 7 7ばん = ななばん น๊า น๊ หน่า บัง = เบอร์ 7 17にち = じゅうしちにち จือชิจินิจิ = วันที่ 17 7がつ = しちがつ ชิจิกัสสึ = เดือนกรกฎาคม 7じ = しちじชิจิจิ = เวลา 7 นาฬิกา , 7 โมง 1、2、3、4、5、6ー》 しち、8、9、10 10、9、8ー》なな、6、5、4、3、2、1 7歳 = ななさいน๊า น๊ หน่า ไส = อายุ 7 ปี 97


เลข 9 ปกติแล้วจะออกเสียงเป็น きゅうคิว kyuu แต่ถ้านำ ไป ใช้บอกเวลา วัน เดือน จะออเสียงเป็น く คึ ku 9ばん = きゅうばん คิวบัง kyuu ban = เบอร์ 9 9にん= きゅうにん คิวนิน = 9 คน 19さい = じゅうきゅうさい จูคิวไซ juu kyuu sai = อายุ 19 ปี 900 = きゅうひゃくคิวเฮี๊ย ฮี๊ ะคุ kyuu hyaku = เก้าร้อย 9じ = くじ คึจิ kuji = 9 โมง 19にち = じゅうくにち จูคึนิจิ juukunichi = วันที่ 19 9がつ = くがつ คึกัสสุ kugatsu = เดือนกันยายน 98


99


8,000 100


101


การบวก たしざん ทะชิซัง การลบ ひきざん ฮิคิซัง การคูณ かけざん คะเคซัง การหาร わりざん วะริซั ริซั ง เลขทศนิยม しょうすう โชว์ซื ว์ ซื อ เลขเศษส่วน ぶんすう บึงซือ การคำ นวณ けいさん เคซัง keisan 102


การคำ นวณ けいさん เคซัง keisan 103


การนับสิ่ง หรือ รื บอกจำ นวนสิ่งของ 。。だい = คัน, เครื่อ รื่ ง เช่น รถยนต์, เครื่อ รื่ งจักร 1 = いちだい 2 = にだい 3 = さんだい 4 = よんだい 5 = ごだい 6 = ろくだい 7 = ななだい 8 = はちだい 9 = きゅうだい 10 = じゅうだい คำ ถาม : กี่คัน, กี่เครื่อ รื่ ง = なんだい อธิบายเพิ่มเติม 1 ก็จะหมายถึง 1 คัน, เครื่อ รื่ ง ในการตั้ง ตั้ คำ ถาม ถ้าจะให้สุภาพมากขึ้นก็เติม ですか เข้าไปนะครับ ผู้เขียนจะทำ แบบ 104


。。さつ = เล่ม เช่น หนังสือ, สมุด 1 = いっさつ 2 = にさつ 3 = さんさつ 4 = よんさつ 5 = ごさつ 6 = ろくさつ 7 = ななさつ 8 = はっさつ 9 = きゅうさつ 10 = じゅっさつ หรือ รื じっさつ คำ ถาม : กี่เล่ม なんさつ 。。ちゃく = ตัว,ชุด เช่น เสื้อผ้า 1 = いっちゃく 2 = にちゃく 3 = さんちゃく 4 = よんちゃく 5 = ごちゃく 6 = ろくちゃく 7 = ななちゃく 8 = はっちゃく 9 = きゅうちゃく 10 = じゅっちゃくหรือ รืじっちゃく คำ ถาม : なんちゃく 105


。。さい = ปี (อายุ) 1 = いっさい 2 = にさい 3 = さんさい 4 = よんさい 5 = ごさい 6 = ろくさい 8 = ななさい 9 = はっさい หรือ รื きゅうさい 10 = じゅっさい หรือ รื じっさい คำ ถาม : なんさい หรือ รื おいくつですか ถ้าจะบอกว่า ว่ อายุ 20 ปี จะพูดได้ 2 แบบ คือ にじゅうさい หรือ รื はたち ก็ได้ 。。ばん = ลำ ดับที่ 1 = いちばん 2 = にばん 3 = さんぱん 4 = よんばん 5 = ごばん 6 = ろくばん 7 = ななぱん 8 = はちばん 9 = きゅうばん 10 = じゅうばん คำ ถาม : なんばん 106


。。まい = แผ่น สิ่งของที่แบน และบาง 1= いちまい 2 = にまい 3 = さんまい 4 = よんまい 5 = ごまい 6 = ろくまい 7 = ななまい 8 = はちまい 9 = きゅうまい 10 = じゅうまい, คำ ถาม : なんまい 。。そく= คู่ เช่น รองเท้า, ถุงเท้า 1 = いっそく 2 = にそく 3 = さんぞく 4 = よんそく 5 = ごそく 6 = ろくそく 7 = ななそく 8 = はっそく 9 = きゅうそく 10 = じゅっそくหรือ รื じゅそく คำ ถาม : なんぞく 107


การนับสิ่งของที่เป็น ป็ อัน, ลูก, ชิ้น 1 = ひとつ 2 = ふたつ 3 = みっつ 4 = よっつ 5 = いつつ 6 = むっつ 7 = ななつ 8 = やっつ 9 = ここのつ 10 = とお คำ ถาม : いくつ 。。こ= ก้อน,ของขนาดเล็กๆ เช่น ยางลบ, ลูกอม 1 = いっこ 2 = にこ 3 = さんこ 4 = よんこ 5 = ごこ 6 =ろっこ 7 = ななこ 8 = はっこ 9 = きゅうこ 10 = じゅっこ หรือ รื じっこ คำ ถาม : なんこ 108


。。かい (回) = จำ นวน ครั้งที่ 1 = いっかい 2 = にかい 3 = さんかい 4 = よんかい 5 = ごかい 6 = ろっかい 7 = ななかい 8 = はっかい 9 = きゅうかい 10 = じゅっかい หรือ รื じっかい คำ ถาม : なんかい 。。かい (階) = ชั้น ชั้ ของอาคาร 1 = いっかい 2 = にかい 3 = さんがい 4 = よんかい 5 = ごかい 6 = ろっかい 7 = ななかい 8 = はっかい 9 = きゅうかい, 10 = じゅっかいหรือ รืじっかい คำ ถาม : なんかい 109


。。にん = คน 1 = ひとり 2 = ふたり 3 = さんにん 4 = よにん 5 = ごにん 6 = ろくにん 7 = ななにん หรือ รื しちにん 8 = はちにん 9 = きゅうにん 10 = じゅうにん คำ ถาม : なんにん 。。ひき = ตัว เช่น สัตว์ต่ ว์ ต่ างๆ หมา, ปลา, ไก่ 1 = いっぴき 2 = にひき 3 = さんびき 4 = よんひき 5 = ごひき 6 = ろっぴき 7 = ななひき 8 = はっぴき 9 = きゅうひき 10 = じゅっぴき หรือ รื じっぴき คำ ถาม : なんびき 110


。。けん = หลัง ใช้นับจำ นวนบ้าน 1 = いっけん 2 = にけん 3 = さんげん 4 = よんけん 5 = ごけん 6 = ろっけん 7 = ななけん 8 = はっけん 9 = きゅうけん 10 = じゅつけん หรือ รื じっけん、 คำ ถาม : なんげん 111


。。はい= ใบ เช่น ภาชนะ แก้ว, ถ้วยกาแฟ, จาน 1 = いっぱい 2 = にはい 3 = さんぱい 4 = よんはい 5 = ごはい 6 = ろっぱい 7 = ななはい 8 = はっぱい 9 = きゅうはい 10 = じゅっぱい หรือ รืじっぱい คำ ถาม : なんばい 。。ほん = แท่ง, เรีย รี ว เช่น กล้วย ดินสอ ขวด 1 = いっぽん 2 = にほん 3 = さんぼん 4 = よんほん 5 = ごほん 6 =ろっぽん 7 = ななほん 8 = はっぽん 9 = きゅうほん, 10 = じゅっぽん หรือ รื じっぽん คำ ถาม : なんぼん 112


บทที่ 9 การบอกวันเดือนปีและเวลา เริ่มจากบทนี้ไป ผู้เขียนจะลดการเขียนตัวอักษร โรมาจิ Romaji ลงแล้วนะครับ ท่านต้องฝึกอ่านตัวอักษร ญี่ปุ่น ปุ่ จริงๆแล้วนะครับ เพื่อพัฒนาการจำ และจะได้ชิน กับตัวอักษรทั้งฮิราคะนะ,คะตะคะนะและคันจิซึ่งท่าน จะอ่านได้เองจำ ได้เองโดยอัตโนมัติ การบอก เวลา ตอนนี้ いま・今 เวลา じ・時 ชั่วโมง じかん・時間 นาที ふん・分 วินาที びょう• 秒 นาฬิกา とけい・時計、 タイマー เวลาถูกต้อง せいかく•正確 เข็มนาฬิกา はり•針 ตอนนี้กี่โมงแล้ว, ตอนนี้เวลาเท่าไร いま、 なんじですか? 今、何時ですか? ใช้เวลากี่ชั่วโมง なんじかんかかりますか? ใช้เวลากี่นาที なんぷんかかりますか? เช้านี้ けさ・今朝 เย็นนี้ こんばん今晩 113


114


115


116


117


การบอก วัน เดือน ปี ⽇曜⽇ にちようび nichiyoubi นิจิโย่บิ = วันอาทิตย์ ⽉曜⽇ げつようび getsuyoubi เกะทสึโย่บิ = วันจันทร์ ⽕曜⽇ かようび kayoubi ขะโย่บิ = วันอังคาร ⽔曜⽇ すいようびsuiyoubi ซุยโย่บิ = วันพุธ ⽊曜⽇ もくようび mokuyoubi โมะคุโย่บิ = วันพฤหัสบดี ⾦曜⽇ きんようび kinyoubi คิงโย่บิ = วันศุกร์ ⼟曜⽇ どようび doyoubi โดะโย่บิ = วันเสาร์ คำ ว่าเดือนในภาษาญี่ปุ่น ปุ่ จะออกเสียง 2 แบบ กล่าวคือ แบบแรก หากจะบอกเดือนตามปฏิทิน เช่น เดือนมกราคม เดือนกุมภาพันธ์ ภาษาญี่ปุ่น ปุ่ จะออกเสียง ว่าอิชิกั ชิ กั สสึ นิกัสสี หรือ จะออกเสียงเป็น อิจิกะทสึ หรือ นิกะทสึ ก็ได้ กัสสึ หรือ กะทสึ ออกเสียงคล้ายๆกัน แบบที่ 2 คือ การบอกเดือนที่เป็นช่วงระยะเวลา เช่น เดือนนี้ หรือ เดือนหน้า น้ เป็นต้น คำ ว่าเดือนในกลุ่มนี้ จะออกเสียงเป็น เกะทสึ เช่น เดือนนี้ = こんげつ kongetsu คองเกะทสึ เดือนหน้า น้ = らいげつ raigetsu รัยเกะทสึ เป็นต้น ในส่วนของการบอกวันที่ ตัวเลขตามปฎิทิน จากวันที่ 1 ถึง วันที่ 10 นั้นจะมีการเสียงแบบพิเศษ ขอให้ดูในตารางหน้า น้ ถัดไปนะครับ และวันที่ 14 และ 24 จะออกเสียงเป็น จูยคคะ และ นิจูยคคะ และวันที่ 20 จะออกเสียงเป็น ฮะทสึคะ ขอให้ระวัง 3 วันนี้ด้วยนะ ครับเวลาออกเสียง มันไม่ได้ออกเสียงอ่านตรงๆ เหมือนวันอื่นๆ 118


วันที่ ตามปฏิทิน 119


วันที่ ตามปฏิทิน 120


วันที่ ตามปฏิทิน 121


เดือนตามปฏิทิน 122


คำ เกี่ยวกับวันที่ทั่วไป วัน : ⽇ (hi)(ฮิ) แต่ละวัน : ⽇々 (hibi) (ฮิบิ) สัปดาห์ : 週間 (shuukan) (ชูคัง) สุดสัปดาห์ : 週末 (shuumatsu) (ชูมัทสึ) เดือน : ⽉ (getsu) (เกะทสึ) ปี : 年 (toshi, nen) (โทะชิ, เน็น น็ ) คำ เกี่ยวกับปัจจุบัน อดีต และอนาคต 先 (sen หรือ saki)(เซ็น หรือ ซากิ) หมายถึง “ก่อน, ก่อน หน้า น้”今 (ima หรือ kon)(อิมะ หรือ คง) หมายถึง “ตอนนี้” หรือ “ปัจจุบัน”来 (rai)(รัย) หมายถึง “กำ ลังมา”後 (ato หรือ go)(อะโตะ หรือ โกะ) หมายถึง “ภายหลัง”前 (mae) (มาเอะ) หมายถึง “ก่อนหน้า น้” วันนี้ : 今⽇ (kyou)(เคียว) พรุ่งนี้ : 明⽇ (ashita)(อชิตะ)、あす(asu) (อะสึ) พรุ่งนี้เช้า 明朝 (myouchou)(เมียวโจว์) วันถัดมา : 翌⽇ (yokujitsu)(โยคุจิทสึ) วันนั้น : 当⽇ (toujitsu)(โทจิทสึ) เมื่อวานนี้ : 昨⽇ (kinou)(คิโน) เมื่อวานซืน : ⼀昨⽇ (ototoi)(โอะโตะโตอิ) วันมะรืน : 明後⽇ (asatte)(อะซัทเตะ) ทุกวัน : 毎⽇ (mainichi)(มันนิชิ) สามวันที่แล้ว : 三⽇前 (mikkamae)(มิกกะมาเอะ)วั นก่อน : 先の⽇ (saki no hi)(ซากิ โนะ ฮิ) หรือ 先⽇ (senjitsu)(เซ็นจิทสึ) 123


สัปดาห์นี้ : 今週 (konshuu)(คนชู) สัปดาห์ที่แล้ว : 先週 (senshuu)(เซ็นชู) สัปดาห์หน้า น้ : 来週 (raishuu)(รัยชู) อีกสองสัปดาห์ถัดไป : 再来週 (saraishuu)(ซารัยชู) ทุกสัปดาห์ : 毎週 (maishuu)(มัยชู) ทุกสุดสัปดาห์ : 毎週末 (maishuumatsu) หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป : ⼀週間前 (isshuukan mae) (อิสชูคัง มาเอะ) สามสัปดาห์ต่อมา : 三週間後 (sanshuukan go) เดือนนี้ : 今⽉ (kongetsu)(คองเกะทสึ) เดือนที่แล้ว : 先⽉ (sengetsu)(เซ็นเกะทสึ) เดือนหน้า น้ : 来⽉ (raigetsu)(รัยเกะทสึ) ทุกเดือน : 毎⽉ (maitsuki)(มัยสึกิ) สองสามเดือน : 数ヶ⽉ (suukagetsu)(ซูคะเกะทสึ) ปลายเดือน : ⽉末 (getsumatsu)(เกะทสึมัทสึ) สองเดือนที่แล้ว : ⼆ヶ⽉前 (nikagetsu mae) สองสามเดือนต่อมา : 数ヶ⽉後 (suukagetsu go) (ซูคะเกะทสึ โกะ) สัปดาห์ : (มัยชูมัทสึ) (ซังชูคัง โกะ) เดือน : (นิคะเกะทสึ มาเอะ) ตัว つ tsu นี้จะออกเสียงเป็น ทสึ ก็ได้ หรือจะออกเสียงเป็น ทซึ ก็ได้นะครับ เพราะสำ เนียง ภาษาญี่ปุ่น ปุ่ มาเขียนเป็นภาษาไทยมันจะออกเสียงตรงๆ เป๊ะ ป๊ ๆ ไม่ได้ ต้องหัดฟังบ่อยๆ จึงจะจับเสียงได้นะครับ 124


ปีนี้ : 今年 (kotoshi)(โคะโตะชิ) ปีที่แล้ว : 去年 (kyonen)(เคียวเน็น น็ ) ปีหน้า น้ : 来年 (rainen)(รัยเน็น น็ ) สองปีที่แล้ว : ⼀昨年 (ototoshi)(โอะโตะโตะชิ) สองปีต่อมา : 再来年 (sarainen)(ซารัยเน็น น็ ) ทุกปี : 毎年 (maitoshi)(มัยโตะชิ) ไม่กี่ปีก่อนหน้า น้ / สองสามปีผ่านไป : 数年前 ไม่กี่ปีต่อมา : 数年後 (suunen go)(ซูเน็น น็ โกะ) ปี : (suunen mae)(ซูเน็น น็ มาเอะ) ส่วน หน่วยของอายุ จะพูดว่า さい (sai) (ซัย) แปลว่า ปี เช่น 15 ปี ก็จะพูดว่า じゅうごさい มาฝึกตั้งคำ ถามเกี่ยวกับวันเวลากันนะครับ 1.ตอนนี้กี่โมงครับ いまなんじですか。 ima nan ji desu ka ตอบ 9 โมง = くじです。ku ji desu 2.วันนี้เป็นวันอะไรครับ きょうはなんようびですか。 kyou wa nan youbi desu ka ตอบ วันจันทร์ = げつようび getsuyoubi 3.วันนี้เป็นวันที่เท่าไรครับ きょうはなんにちですか。 kyou wa nan nichi desu ka ตอบ วันที่ 1 = ついたち tsuitachi 4.พัสดุจะถึงประมาณเมื่อไรครับ にもつはいつごろとどきますか。 nimotsu wa itsu goro todokimasu ka ตอบ ประมาณอาทิตย์หน้า น้ = らいしゅうくらいとどきます。 raishuu kurai todokimasu 125


5.มาถึงเมืองไทยเมื่อไรครับ タイにいつつきましたか。 tai ni itsu tsukimashita ka ตอบ เมื่อปีที่แล้ว = きょねんです kyonen desu 6.อยู่ที่ไทยมากี่ปีแล้วครับ タイにどのぐらいすんでいますか。 tai ni dono gurai sundeimasu ka ตอบ 10 ปี แล้วครับ = じゅうねんぐらいすんでいます juu nen gurai sundeimasu คำ ว่า くらう kurai , ぐらい gurai แปลว่า คราวๆ โดยประมาณ อีกคำ คือ ごろ goro แปลว่า ประมาณ เช่นกัน แต่ใช้กับ ระยะเวลาสั้นๆ หน่วยเป็น ชั่วโมงเท่านั้น ถ้าหน่วยเป็นปีๆ จะ ใช้ kurai หรือ gurai 7.จากโรงแรมไปถึงสนามบินใช้เวลาเท่าไรครับ ホテルからくうこうまでなんじかんかかりますか hoteru kara kuukou made nan jikan kakarimasu ka ตอบ 1 ชั่วโมง = いちじかんです 8.จะกลับญี่ปุ่น ปุ่ เมื่อไรครับ いつにほんへかえりますか itsu nihon e kaerimasu ka ตอบ วันพรุ่งนี้ครับ = あしたです ashita desu いつ itsu อิทซึ แปลว่า เมื่อไร และคำ ว่า いくつ ikutsu อิคึทสึ แปลว่า เท่าไร あなたはおいくつですか anata wa o ikutsu desu ka คุณอายุเท่าไรแล้วครับ ตอบ 15 ปี = じゅうごさいです juu go sai desu 126


ที่ผ่านมานั้นเราได้เรียนรู้การตั้งคำ ถามเกี่ยวกับเวลาคราวๆ ไปแล้วนะครับ แต่ในบทถัดไปนี้ จะสอนเกี่ยวกับการตั้ง คำ ถามโดยตรง และขอให้ท่านผู้อ่าน พยายามหาเวลาอ่าน ทบทวนบทที่ผ่านๆมาด้วยนะครับ ไม่งั้นจะได้หน้า น้ ลืมหลัง คนเราไม่ได้เก่งภาษาญี่ปุ่น ปุ่ ภายในวันเดียวมันต้องอาศัยฝึก บ่อยๆ อ่านซ้ำ ๆ ใช้ซ้ำ ๆ สมองเราจึงจะจำ ได้ครับ 127


ก่อนที่จะหัดตั้งคำ ถาม ขอให้ท่านกลับไปอ่านคำ สรรพนาม ในบทที่ 4 อีกครั้งก่อนก็จะดีมากๆ เพราะ เราจะได้รู้และ ทบทวนคำ สรรพนามบุรุษที่ 2 และ 3 อีกรอบก่อน เช่น คำ ว่า เธอ, เขา, หล่อน เป็นต้น มันจะเป็นประโยชน์ใน์ นการตั้ง คำ ถาม ในการตั้งคำ ถามส่วนใหญ่แล้วคำ ลงท้ายมักจะลงเสียงด้วย ตัว か ka ออกเสียงค่อนข้างสูง ออกเสียงว่า ก๊ะ แม้จะอยู่ในหมวดเสียง คะก็จริง แต่เวลาตั้งเป็นประโยค คำ ถามคำ สุดท้ายจะเปล่งเสียงสูงขึ้น จึง ออกเสียงว่า ก๊ะ ไม่ใช่ คะ นะครับ ออกเสียงว่า ก๊ะ ตัวอย่าง เช่น だれですか dare desu ka ดาเระ เดสก๊ะ แปลว่า เป็นใครหรือ ครับ/คะ และนอกจากนี้คนญี่ปุ่น ปุ่ หากคนที่สนิทสนมคุยกัน หรือ ถาม กัน ก็มักจะใช้คำ กริยารูปพจนานุก นุ รม หรือ รูป Dic Form แล้วเติม の เข้าไปในตอนท้ายของประโยค และจะออก เสียงสูงเป็น โน๊ะ น๊ ซึ่งก็จะกลายเป็นคำ ถามทันที หรือ บางทีก็จะใส่ のか เข้าไปปิดท้ายประโยค ตัวอย่างเช่น のむの nomu no โนมึ น๊ะ น๊ แปลว่า ดื่มไหม หรือ いくの iku no อิคึ โน๊ะ น๊ แปลว่า ไปไหม ส่วนมากจะเป็นผู้อาวุโสกว่าคุยหรือถามลูกน้อ น้ ง แต่โดยทั่วๆไปแล้ว ใช้รูปประโยค 。。。ですか desu ka เดสก๊ะ หรือ 。。ますか masu ka มัสก๊ะ ก็จะสุภาพกว่า ตัวอย่าง เช่น 1.あのひとはだれですか。 anohito wa dare desu ka คนโน้น น้ คือใครครับ 128


บทที่ 10 การตั้งคำ ถาม ก่อนอื่นให้เรานึกคำ ถามเป็นภาษาไทยก่อน ที่เกี่ยวกับ คำ ถามก็จะมี ดังนี้ คือ 1.ใคร だれ dare ดาเระ / 誰 (ตัวคันจิ) 2.อะไร なに nani นานิ 、なん nan นัน / 何 3.ที่ไหน どこ doko โดโก๋ะ 4.อย่างไร どんな donna โด้นนะ、 どのように donoyouni โดโนะโยนิ 5.ทำ ไม どうして doushite โดชิเตะ 、なぜ นะเซะ 6.เมื่อไร いつ itsu อิทซึ 7.เท่าไร いくつ ikutsu อิคุทซึ การตั้งคำ ถามแบบคราวๆ จะมีดังนี้นะครับ ใครหรือครับ だれですか? เป็นของใครครับ だれのですか? อันไหน どちらのですか? อะไรหรือครับ なんですか? ที่ไหนครับ どこですか? เป็นอย่างไรครับ どうですか? เป็น (สิ่งของ, คน) แบบไหน どんな..........ですか? ทำ อย่างไร เรื่องราว,สิ่งของ どうやってですか? เมื่อไรครับ いつですか? ทำ ไมครับ どうしてですか?、なぜ? มีจำ นวนเท่าไรครับ いくつですか? ราคาเท่าไร いくらですか? เอาประมาณแค่ไหน どのぐらいですか? 129


คำ ศัพท์เพิ่มเติม ใครก็ได้ だれでもいい ใครสักคน だれか ทุกเวลา いつも บางเวลา ときどき สักครั้ง いつか ที่ไหนก็ได้ どこでもいい สักที่หนึ่ง どこか อะไรก็ได้ なんでもいい ที่ท่านได้อ่านมานั้นคือประโยคคำ ถามแบบทั่วๆไป คราวๆ ต่อมาเราจะมาเริ่มเรียนรู้การตั้งคำ ถามแบบต่างๆ ที่มีราย ละเอียดเพิ่มมากขึ้นกันนะครับ อย่างเช่น การตั้งคำ ถามว่า ใคร だれ (ดาเระ) dare นั้น มีวิธีการถามต่างๆ ดัง ตัวอย่างต่อไปนี้ และที่สำ คัญคือมันจะมีคำ ช่วยมาเกี่ยวข้อง ด้วย เช่น か、が、に、を、と และอื่นๆ ซึ่งจะอธิบายตามประโยคที่จะแสดงดังต่อจากนี้ไปนะครับ 130


ใครหรือครับ, เป็นใครครับ การตั้งคำ ถาม だれ ดาเระ dare = ใคร ? 1.ใคร ในภาษาญี่ปุ่น ปุ่ จะพูดว่า だれ dare (ดาเระ) ส่วนตัวอักษรคันจิ จะเป็น แบบนี้ 誰 คำ ว่า ใคร หมายถึงคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเรา ไม่ใช่คนที่เรารู้จัก มักคุ้น หรือ บางครั้งก็หมายถึง คนที่เราอยากรู้จัก เป็นต้น ในการใช้พูดในรูปประโยคต่างๆนั้นจะมีคำ มี คำช่วยเข้ามา เกี่ยวข้อง เข้ามาต่อท้าย หลายแบบเยอะมากๆ (か、が、に、を、と) เช่น เขาเป็นใคร หรือ ใครสักคน หรือ ใครคนไหน เป็นต้น และนอกจากนี้ ยังมีอีกคำ ที่ใช้เรียกว่าใคร ที่จะสุภาพมากยิ่ง ขึ้น แต่คนญี่ปุ่น ปุ่ เองก็ไม่ค่อยจะได้ใช้กันสักเท่าไรนัก นอกจากจะคุยกับลูกค้า หรือ แขกผู้มีเกียรติสูงๆ เท่านั้น สาเหตุเพราะคำ มันยาวและฟุ่ม ฟุ่ เฟือย คำ ๆนั้นคือ どなた donata หรือ อีกคำ คือ どちらさま dochira sama ในความเป็นจริงใช้คำ ว่า だれ dare ก็เพียง พอแล้วนะครับ เรามาเริ่มกันเลยนะครับ ซึ่งจากบทนี้ ไปจะไม่ได้เขียนตัวอ่านโรมาจิ หรือ ตัวอ่านไทยกำ กับแล้ว นะครับ ต้องฝึกจำ ตัวฮิราคะนะและคะตะคะนะแล้วนะครับ 1. だれですか หากเราอยากจะระบุให้ชัดเจนว่า ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร เราก็ใส่คำ สรรพนามบุรุษที่ 3 เข้าไป เช่น かれはだれですか かれ แปลว่า เขา は เป็นคำ ช่วย ออกเสียงว่า วะ だれですか เป็นคำ ถาม แปลว่า เป็นใคร 131


มาดูอีกตัวอย่างกันนะครับ 2.かのじょはだれですか かのじょ แปลว่า ผู้หญิงคนนั้น หรือ หล่อน หล่อนเป็นใคร ถ้าแทบภาษาอังกฤษก็จะตรงกับคำ ว่า She 3.だれがかのじょをてつだうつもりですか มีใครจะเป็นคนตั้งใจที่จะช่วยเหลือหล่อนไหม ในประโยคนี้ だれが ตัวอักษร が คือ คำ ช่วย หมายถึงว่า คำ ที่อยู่ข้างหน้า น้ が นั้น จะเป็นคน หรือใครคน นั้น ที่จะเป็นผู้กระทำ หรือ แสดงให้เห็นในประโยคว่าเป็น ประธานในปะโยค かのじょ แปลว่า หล่อน แล้วเติมคำ ว่า を ออกเสียงได้ทั้ง โว๊ะ และ โอ๊ะ ซึ่งแสดงให้รู้ว่าคำ ที่อยู่ข้างนั้นจะเป็นกรรมในประโยค หรือ จะหมายถึงผู้ที่ถูกระทำ ในที่นี้จะหมายถึงผู้ที่ถูกช่วย เหลือ หรือ ได้รับการช่วยเหลือ てつだう แปลว่า ช่วยเหลือ เป็นคำ กริยากลุ่มที่ 1 รูป Dic Form แล้วตามด้วย คำ ว่า つもりです ซึ่งแปลว่า ตั้งใจที่จะ... กริยารูป Dic Form + つもりです จะ แปลว่า ตั้งใจที่จะ..... ในที่นี้จะ แปลว่า ตั้งใจช่วยเหลือ 4.だれがきみにきいた ใครเป็นคนถามเธอหรือ คำ ว่า きみ แปลว่า เธอ (สรรพนามบุรุษที่ 2) ส่วนมากจะเรียกหรือพูดคุยกันแบบเป็นกันเอง เช่น เพื่อน คุยกับเพื่อน หรือ หัวหน้า น้ คุยกับลูกน้อ น้ ง に ในที่นี้ทำ หน้า น้ ที่คล้ายๆกับ を เป็นคำ ช่วย แสดงให้ รู้ว่าเป็นผู้ถูกถาม คำ ว่า きいた มาจากคำ ว่า きく แปลว่า สอบถาม ผันให้เป็นรูป อดีต จึงกลายเป็น きいた 132


きく แปลว่า ถาม หรือ สอบถาม เป็น คำ กริยารูป Dic Form เป็นคำ กริยากลุ่มที่ 1 หากจะเปลี่ยนเป็นรุปอดีตก็จะ เปลี่ยน ตัว く เป็น いた ให้ท่านลองไปอ่านทบทวนใน บที่ 6 การแบ่งกลุ่มคำ กริยและการผันคำ กริยานะครับ 聞くจึงกลายเป็น きいた แปลว่าถามแล้ว และสังเกตุว่าผู้ถามนั้นไม่ได้ใส่ตัว か เข้าไปมีการละ ไว้ไม่ได้ใส่เข้า แล่ว่าเสียงพูดนั้นจะเป็นเสียงสูงขึ้นกว่าปกติ だれがきみにきいた จึงแปลว่า ใครเป็นคนถามเธอหรือ ซึ่งในการสนทนาในชีวิตประจำ วันของคนญี่ปุ่น ปุ่ นั้น มักจะใช้คำ ถามแบบธรรมดา ไม่ค่อยจะใช้คำ สุภาพเท่าไร นัก หรือบางที่ก็จะเติม の เข้าไปด้วย เช่น だれがきみにきいたの ก็จะเป็นประโยคคำ ถามได้เช่นกัน ให้พยายามฟังเสียงท้าย ถ้าเขาออกเสียงท้ายสูงส่วนมากมักจะเป็นคำ ถาม ไม่จำ เป็น ต้องใส่ か หรือ ですか เสมอไป มาดูคำ ที่ฟังดูคล้ายๆ แต่ความหมายไม่คล้ายกันนะครับ เมื่อกี้เราได้เรียนคำ ว่า だれが dare ga ออกเสียง เป็น ดาเระงะ ต่อมา มาเรียนคำ ว่า だれか dare ka ออกเสียงเป็นกะ จะหมายถึง ใครสักคน หรือ ใครคนใดคนหนึ่ง จะใช้เ ช้ป็น ประโยคบอกเล่า เช่น มีใครรอของข้างนอก ก็จะพูดว่า だれかそとにいます だれか แปลว่า ใครคนหนึ่ง, ใครสักคน ,ใครก็ไม่รู้ そと แปลว่า ข้างนอก に เป็นคำ ช่วย บอกตำ แหน่งที่อยู่ของสิ่งของ そとに จึงหมายถึง ที่ข้างนอก います แปลว่า อยู่ ใช้กับสิ่งมีชีวิต ถ้าแต่งเป็นประโยคคำ ถาม ก็แต่งได้ เช่น だれかにきいてみて = ลองถามใครสักคนดู 133


5.だれといきますか。 แปลว่า ไปกับใคร だれと แปลว่า กับใคร と เป็นคำ ช่วย ในที่นี้ แปลว่า กับ จริงๆ แล้ว คำ ช่วย と นี้ แปลได้หลายอย่าง แปลว่า และ ก็ได้ เช่น คนและหมา ひとといぬ いきます แปลว่า ไป เป็นคำ กริยา กลุ่มที่ 1 รูป ます คำ ว่า かใส่ต่อท้ายกริยารูป ます ประโยคนั้่นๆ ก็จะ กลายเป็นคำ ถาม 6.だれときますか มากับใคร 7.だれしますか / だれとしている ทำ กับใคร 8.だれとのみますか ดื่มกับใคร 9.だれとたべますか ทานกับใคร 10.だれにあったのですか พบเจอใครหรือครับ に เป็นคำ ช่วย ในที่นี้แสดงเป็นกรรม เหมือนกับ を あった แปลว่า พบเห็น, พบเจอ เป็นกริยารูปอดีต ของ あいます のですか จะเติมต่อจากคำ กริยาที่เป็นรูปอดีต,รูปて หรือจะเติมต่อจากคำ กริยารูป Dic Form ก็ได้ เพื่อสร้าง เป็นคำ ถาม 134


11.だれにみさせてのですか จะให้ใครดูหรือครับ に เป็นคำ ช่วย แสดงถึงบุคคลที่จะถูกให้ดู みさせて แปลว่า ให้ดู เป็นการผันรูปคำ กริยา ให้เป็นเป็นรูป ให้กระทำ みる แปลว่า ดู เป็นคำ กริยากลุ่มที่ 2 ให้ท่านลองไปทบทวนการผันคำ กริยาที่ผู้เขียนได้ทำ เป็น ตารางสรุปไว้ในบทที่ 6 อีกรอบนะครับจะได้เข้าใจยิ่งขึ้น 12.だれをさがしていますか กำ ลังมองหา หรือ ค้นหาใครหรือครับ を เป็นคำ ช่วย แสดงให้รู้ว่า คำ ข้างหน้า น้ นั้นคือกรรม さがしている แปลว่า กำ ลังค้นหา ในประโยคนี้ ทำ เป็นรูป ます さがしています แล้วเติม か จึงกลายเป็นคำ ถาม さがしていますか จึงแปลว่า กำ ลังหาอะไร กำ ลังหาใคร 13.だれの แปลว่า ของใคร ตัวอย่าง แบบเต็มๆ だれのかばんですか กระเป๋า ป๋ใครครับ かばん แปลว่า กระเป๋า ป๋ だれのほんですか หนังสือใครครับ ほん แปลว่า หนังสือ คือหลัง の ให้เติม คำ ที่เป็นสิ่งของเครื่องใช้ เช่น ปากกา , รถยนต์ เป็นต้น 135


14.だれでも แปลว่า ใครก็.ก็.. だれでもしっている ใครก็รู้ しっている แปลว่า รู้ だれでもいいからたすけて จะเป็นใครก็ได้ขอให้ช่วยหน่อย いいから แปลรวมๆ ว่า ก็ดี ก็ได้ たすけて แปลว่า ช่วยเหลือ จะสังเกตุได้ว่าจะเป็นกริยารูป て ใช้พูดขอร้องแบบสั้นๆ 15.だれよりแปลว่า มากกว่าใครๆ だれよりもきみにあいたい อยากพบเธอมากกว่าใครๆ きみ แปลว่า เธอ หรือ คุณ に เป็นคำ ช่วย ทำ หน้า น้ ที่คล้ายกับ を แสดงให้รู้ว่าคำ ที่ อยู่ข้างหน้า น้ に นั้นคือคนที่อยากจะพบ 16.だれしも แปลว่า ใครๆก็ต้ ก็ ต้ อง だれしもそうおもうだろ ใครๆก็ต้องคิดเช่นนั้น そう แปลว่า อย่างนั้น おもう แปลว่า คิด だろ แปลรวมๆว่า เป็นการคาดการ เช่น ..กระมั่ง หรือ คง...กระมั่ง ในที่จึง แปลว่า เช่นนั้น จะดูเข้าใจง่ายกว่า 136


2.อะไร なに nani นานิ 、なん nan นัน / 何 ตัวอย่าง เช่น これはなんですか kore wa nan desu ka นี่ คือ อะไรครับ หรือ これはなに นี่คืออะไรหรือ ส่วนมากจะใช้พูดคุยระหว่างเพื่อน 3.ที่ไหน どこ doko โดโก๋ะ トイレはどこですか toire wa doko desu ka トイレ แปลว่า ห้องน้ำ มาจากภาษาอังกฤษ Toilet 4.อย่างไร, เป็นแบบไหน, ชนิดไหน どんな donna โด้นนะ ตัวอย่าง เช่น どんながっこうですか เป็นโรงเรียนแบบไหน がっこう แปลว่า โรงเรียน さとさんはどんなのひとですか sato san wa donna no hito desu ka คุณซาโต้เป็นคนแบบไหนครับ ซึ่งเราอาจจะตอบกลับไปว่า เป็นคนใจดี しんせつなひとです shinsetsu na hito desu 137


どのように dono youni โดโนะโยนิ แปลว่า ทำ อย่างไร, ยังไง ตัวอย่าง เช่น どのようにへんじをかいたらいいかわからない dono youni heji wo kaitara ii ka wakaranai แปลว่า ไม่รู้จะเขียนตอบกลับยังไงดี へんじ แปลว่า คำ ตอบ หรือ ตอบกลับ かいた มากจาก かく แปลว่า เขียน ถ้าเป็นรูป ます ก็จะเขียนแบบนี้ かきます ในประโยคนี้ได้ทำ การผันเป็น รูปสมมุติ โดยการผันเป็นรูปอดีตแล้วตามด้วย ら かいた + ら = かいたら แปลว่า ถ้าเขียน いいか แปลรวบๆว่า ยังไงดีนะ, ทำ ยังไงดีนะ わからない มากจาก わかりませn แปลว่า ไม่รู้ ไม่ เข้าใจ คือ ไม่รู้ว่าจะทำ ยังไงดี มาดูอีกตัวอย่างหนึ่งนะครับ どのようにがっこうにおくれない donoyouni gakko ni okurenai จะทำ ยังไงถึงจะไปโรงเรียนไม่สาย がっこう = โรงเรียน に = เป็นคำ ช่วยบอกสถานที่ที่เราจะไป おくれない = ไม่สาย, ทันเวลา แต่ถ้าสาย หรือ ไปสายจะพูดว่า = おくれます、 おくれる 5.ทำ ไม どうして doushite โดชิเตะ 、なぜ นะเซะ どうしてがっこうにおくれたか doushite gakkou ni okureta ka แปลว่า ทำ ไมถึงมาโรงเรียนสาย หรือจะถามว่า なぜがっこうにおくれた แบบนี้ก็ได้ ไม่ต้องเติม か ก็ได้ แต่จะใช้พูดกับเพื่อนๆ หรือคนระดับเดียวกันเท่านั่้น 138


อีกคำ หนึ่ง どしましたか doushimashitaka นั้น จะแปลว่า เป็นอะไรมาหรือครับ ส่วนมากคุณหมอมัก จะใช้สอบถามคนไข้ หรือ อีกความหมายหนึ่งก็ยังหมายถึง ว่า เกิดอะไรขึ้นหรือครับ 6.เมื่อไร いつ itsu อิทซึ いつタイにきましたか itsu tai ni kimashita ka แปลว่า มาถึงไทยเมื่อไรหรือครับ きました เป็นรูปอดีตของคำ กริยา きます = มา 7.เท่าไร いくつ ikutsu อิคุทซึ りんごはいくつですか ringo wa ikutsu desu ka มีแอบเบิ้ลกี่ลูก แต่ถ้าจะถามอายุคนจะเติม お เข้าไป おいくつですか o ikutsu desu ka อายุกี่ปีครับ 8. ราคาเท่าไร いくら これはいくらですか kore ha ikura desu ka อันนี้ราคาเท่าไรครับ 139


บทที่ 11 การบอกชื่ออาชีพต่างๆ しょくぎょう (shoku gyou) แปลว่า อาชีพ ตัวคันจิ : ตัวฮิราคะนะ : คำ แปล 会社員 : かいしゃいん : พนักงานบริษัท 公務員 : こうむいん : ข้าราชการ 駅員 : えきいん : พนักงานสถานี(รถไฟ) 銀⾏員 : ぎんこういん : พนักงานธนาคาร 郵便局員 : ゆうびんきょくいん : พนักงานไปรษณีย์ 店員 : てんいん : พนักงานร้านค้า 調理師 : ちょうりし : เชฟ,กุ๊ก 理容師 : りようし : ช่างตัดผม 美容師 : びようし : ช่างทำ ผม 教師 : きょうし : ครู,อาจารย์ 弁護⼠ : べんごし : ทนายความ 研究者 : けんきゅうしゃ: นักวิจัย 医者 : いしゃ : หมอ,แพทย์ 140


看護婦 : かんごふ : นางพยาบาล 看護⼠ : かんごし : นายพยาบาล 運転⼿ : うんてんしゅ : คนขับรถ 警察官 : けいさつかん : ตำ รวจ 外交官 : がいこうかん : นักการทูต 政治家 : せいじか : นักการเมือง 画家 : がか : จิตรกร 作家 :さっか : นักเขียน ⾳楽家 : おんがくか : นักดนตรี 建築家 : けんちくか : สถาปนิก Engineer : エンジニア : วิศวกร Designer : デザイナー : ดีไซเนอร์ 歌⼿ : かしゅ: นักร้อง 俳優 : はいゆう: นักแสดง スポーツせんしゅ: นักกีฬา Freelance : フリーランス : ฟรีแลนซ์ 141


ตัวอย่าง การตั้งคำ ถามเกี่ยวกับอาชีพ ごしょくぎょうはなんですか go shokugyou wa nan desu ka ประกอบอาชีพอะไรหรือครับ ご go ใส่เข้าไป หน้า น้ しょくぎょう เพื่อให้ประโยค สุภาพขึ้น เป็นกลุ่มคำ ยกยอ จะพูดแต่ しょくぎょう ก็ได้แต่มันรู้สึกห้วนๆไป หรือ อีกคำ ถามหนึ่งจะถามแบบนี้ก็ได้ しごとはなんですか shigoto wa nan desu ka ทำ งานอะไรหรือครับ しごと แปลว่า ทำ งาน しょうらいはなにをなりたいですか อนาคตอยากเป็นอะไร しょうらい = อนาคต หรือ มีอีกคำ คือ みらい ก็แปลว่า อนาคตเช่นกัน いしゃにならいたい isha ni naritai อยากเป็นหมอ 142


บทที่ 12 การบอกชื่อสภานที่ต่างๆ บริษัท = かいしゃ ไคฉะ โรงงาน = こうじょう โคโจ นิคมอุตสาหกรรม = こうぎょうだんち โคเกียวดังจิ โรงเรียน = がっこう กั๊กโค มหาวิทยาลัย = だいがく ไดงะกุ ห้างสรรพสินค้า = デパート เดพาโต คลีนิค = クリニック คึรินิคคุ โรงแรม = ホテル โอเตรุ สถานีตำ รวจ = けいさつしょ เคสัสสึโช ศาลากลางจังหวัด = けんちょう เคงโจ ที่ทำ การอำ เภอ = しやくしょ ชิยะคุโช สำ นักงานเทศบาล = くやくしょ คุยะคุโช เรือนจำ = けいむしょ เคมึโว ธนาคาร = ぎんこう กิงโก โรงรับจำ นำ = しちや ชิจิยะ ที่่ทำ การไปรษณีย์ = ゆうびんきょく ยืบิงคิโยะคุ สถานีรถไฟ = えき เอคิ ร้านอาหาร = レストラン เรสึโตรัง ร้านขายของชำ = ざっかしょう、ざっかてん ซัคคะโช, ซัคคะเตง ร้านแผงลอย = やたい ยะไต ตลาดสด = いちば อิจิบะ ร้านตัดผม = とこや โทโคยะ ร้านเสริมสวย = びよういん บิโยอิง(ออกเสียงยาว) โรงพยาบาล = びょういん เบียวอิง(ออกเสียงสั้น) สวนสัตว์ = どうぶつえん โดบึซึเอง สนามกอล์ฟ = ゴルフじょう โกรึฟึโจ ทุ่งนา = たんぼ ทังโบ 143


สวนผัก = はたけ ฮะตะเคะ สนามบิน = くうこう คือโค ท่าเรือ = みなと มินะโต ไซด์งานก่อสร้าง = けんちくげんば เคงจิคุเกงบะ วัด = おてら โอเตระ โบสถ์คริส = きょうかい เคียวไค ศาลเจ้า = じんじゃ จินจา สุสาน = はか ฮะกะ โรงสีข้าว = せいまいじょ เซไมโจ สวนสาธารณะ = こうえん โคเอ็ง สวนสนุก นุ = ゆうえんち ยูเอ็งจิ ป้า ป้ ยรถเมล์ = ばすてい、ばすのりばบัสสึเท,บัสสึโนริบะ ไฟจราจร = しんごう ชินโก ที่จอดรถ = ちゅうしゃじょう จูชะโจ้ว ทางม้าลาย = おうだんほどう โอดังโอโด ทางด่วน = こうそくどうろ โคโซคึโดโร สะพานลอย = ほどうきょう โฮโดเคียว ถนน = みち、どうろ มิจิ, โดโร สี่แยก = こうさてん โคซาเตง สามแยก = T じろ ทีจิโร ทางตัน = いきどまり อิคิโดมาริ ฟุต ฟุ บาท = ほどう โฮโ้ด้ หัวมุม = かど คาโด้ 144


Click to View FlipBook Version