The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คู่มือฝึกอบรมโครงการพัฒนาหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง ในกิจกรรมที่ 1 สร้างและพัฒนากลไกการขับเคลื่อนในระดับพื้นที่ กิจกรรมที่ 1.1 อบรมแกนนำขับเคลื่อน
หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง ฝึกอบรมการพัฒนาวิถีชีวิตสู่ระบบเศรษฐกิจพอเพียง (ภาคทฤษฎีและปฏิบัติ)
สถาบันการพัฒนาชุมชน
2565

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kmcddt1, 2022-06-09 23:43:54

คู่มืออบรมแกนนำหมู่บ้านศพพ.(แบบออนไลน์)

คู่มือฝึกอบรมโครงการพัฒนาหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง ในกิจกรรมที่ 1 สร้างและพัฒนากลไกการขับเคลื่อนในระดับพื้นที่ กิจกรรมที่ 1.1 อบรมแกนนำขับเคลื่อน
หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง ฝึกอบรมการพัฒนาวิถีชีวิตสู่ระบบเศรษฐกิจพอเพียง (ภาคทฤษฎีและปฏิบัติ)
สถาบันการพัฒนาชุมชน
2565

143

เพราะของกินมีทกุ ชนิด เรม่ ิ จากการปลกู พืชผักทเ่ี ป็นอาหารในชวี ติ ประจาวันเพอื่ ลดรายจา่ ย อย่างทพ่ี ่อ
เล่ยี มบอกไว้วา่ “ปลูกทกุ อย่างทก่ี ิน กินทุกอย่างทปี่ ลูกส่วนของใช้ เชน่ สบู่ แชมพู น้ายาลา้ งจาน หรอื
น้ายาซกั ผ้า ก็ทาใชเ้ อง จากนั้นก็ทาเกษตรผสมผสาน ตามศาสตรพ์ ระราชา ทเ่ี น้นเรอ่ ื งการพ่งึ พาตัวเอง
เปน็ หลกั เม่ือเหลอื กินก็แบง่ ปนั เหลือจากแบ่งปนั ก็ขาย จนมีชาวบา้ นมาขอซอ้ื ผลผลิตและพืชผักต่าง ๆ
จากนั้นอีก 6 ปี ก็สามารถใชห้ นี้ก้อนสุดทา้ ยได้หมด

สาคัญกวา่ นั้น เม่ือเปน็ ปา่ ทาให้ไม่ต้องซอ้ื ปุย๋ เพราะเศษวัชพืชหรอื ใบไม้ต่าง ๆ เปน็ ปุย๋ ได้
ทง้ั หมดน่ีคือศาสตรพ์ ระราชา และไม่ได้นาองค์ความรูม้ าใชอ้ ยา่ งเดียว แต่มีพระบรมฉายาลักษณ์ของ
พระองค์อยู่บนหัวนอน และห้อยคอไว้ตลอดเวลา เพ่อื ระลกึ ถึงพระองค์ และเปน็ คติเตือนใจ ทพ่ี ระองค์
ทาให้เราหลุดพน้ จากความทกุ ข์ และความยากจน

ส่วนการถ่ายทอดองค์ความรู้ ได้ชกั ชวนญาติพ่ีน้องมาทาแบบเรา และนาพาปฏิบตั ิจรงิ จากน้ัน
ก็มีคนทสี่ นใจมาศึกษาเรอ่ ื ย ๆ ประมาณ 5-6 พันคนต่อปี โดยมาไกลสุดจากประเทศแคนาดา

“แรกๆ คนไม่ค่อยเชอื่ ว่าการไม่มีเงนิ ใช้ แล้วจะมีอาหารกินครบ 3 มื้อ ได้อยา่ งไร ก็พามาปฏิบัติ
จรงิ เชน่ เรามีข้าว อยากกินปลา เราก็มีปลาในบ่อ อยากกินต้มยา หรอื แกงใส่อะไร ก็ไปหาในสวน แล้ว
สุดทา้ ยก็ไม่มีใครได้ไปจา่ ยตลาด แต่มีกินครบทกุ มื้อ”

ปจั จุบันสวนกลายเปน็ ปา่ ใชช้ วี ติ อย่างเรยี บงา่ ยกับครอบครวั โดยมีประชาชนและผู้สนใจด้าน
เกษตรทวั่ ประเทศ มาศึกษาเรยี นรู้ และพรอ้ มถ่ายทอดวชิ าต่าง ๆ ให้กับคนทว่ั ไป เพ่ือสานต่อหลกั
ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง และศาสตรพ์ ระราชา เพ่ือให้อยู่กับลูกหลานไปนานเทา่ นาน

ดังน้ันวนั น้ี เลยี่ ม บุตรจนั ทา จงึ ถือเปน็ ปราชญ์เดินดินทค่ี นทว่ั ประเทศรจู้ กั และบ้านนาอีสาน
แหลง่ พักพิงของครอบครวั ได้กลายเปน็ พืน้ ทศี่ ึกษาดูงานของหลายหน่วยงาน รวมถึงโครงการรกั ษ์ปา่
สรา้ งคน 84 ตาบล วถิ ีพอเพยี ง ทม่ี ีพ่นี ้องหลายตาบลได้ไปแวะเยยี่ มเยอื นพอ่ เล่ยี ม และแม่ตุ๋ย
(ภรรยา) เพือ่ นาประสบการณ์ทล่ี ม้ เหลวจากการทาเกษตรกรรมเชงิ เดี่ยว มาเปน็ แรงบนั ดาลใจให้ผู้ที่
ได้รบั ฟังประสบการณ์ชวี ติ ของพอ่ เลยี่ ม บุตรจนั ทา ได้หันมาดาเนินชวี ติ ตามแนวทางปรชั ญาเศรษฐกิจ
พอเพยี งเพ่อื ความย่ังยนื ของสังคมไทยสืบไป

ปลดหน้ีด้วยศาสตรพ์ ระราชา | คนรกั ษ์ปา่

144

3. สรปุ กิจกรรม “เอาม้ือสามัคคี”

วทิ ยากรผู้สอน : ทมี วทิ ยากรเครอื ข่ายกสิกรรมธรรมชาติ

วัตถุประสงค์ : 1) เพ่ือให้ผ้เู ขา้ อบรมได้เรยี นรหู้ ลกั กสิกรรมธรรมชาติโดยการลงมือปฏิบตั ิในพื้นทจี่ รงิ

2) เพ่ือให้ผู้เขา้ อบรมได้เรยี นรกู้ ารทางานเปน็ ทมี และการวางแผนการทางานก่อน

ลงมือปฏิบัติ

เวลาสอน 13.00 – 16.00 น. จานวน ๓ ชว่ั โมง

รูปแบบการสอน : การแบง่ กลุ่มและการลงมือปฏิบตั ิในพื้นทที่ ก่ี าหนด

ขอบเขตเนื้อหาวชิ าทส่ี อน :
หลกั จากทผ่ี ู้เขา้ รว่ มอบรมได้เรยี นรเู้ รอ่ ื ง หลกั กสิกรรมธรรมชาติ ขน้ั ตอนการลงแปลงตามหลัก

กสิกรรม 10 ข้ันตอน รวมไปถึงความรทู้ ไ่ี ด้รบั จากวชิ าการการออกแบบพ้นื ทตี่ ามภูมิสังคม และกิจกรรม
Work Shop การจดั การพื้นท่ี ฯ ในกิจกรรมน้ีจงึ เปน็ มอบหมายให้แต่ละกล่มุ ประมวลความรทู้ ไี่ ด้จาก
การอบรมทง้ั 3 วัน มาจดั การพน้ื ทท่ี ่กี ลุ่มตนเองได้รบั ผิดชอบ โดยทแี่ ต่ละกลุ่มจะต้องประชุมวาง
แผนการทางาน ตาม 10 ขนั้ การลงแปลง หลังจากนั้นแต่ละกลมุ่ ก็ลงมือปฏิบัติตามแผนทวี่ างไวภ้ ายใน
ระยะเวลา 2.30 ชว่ั โมง แต่ละสีจะมีพเ่ี ลี้ยงจากเครอื ขา่ ยกสิกรรมธรรมชาติเปน็ ครูพาทา และเปน็ ที่
ปรกึ ษาให้กล่มุ ตลอดระยะเวลาทล่ี งแปลง เมื่อดาเนินการครบตามระยะเวลาทกี่ าหนดแล้วจะมี
คณะกรรมการซงึ่ เปน็ ตัวแทนกลุ่มละ 1 คน รว่ มกับครพู าทา เปน็ ผู้ตรวจแปลงและให้คะแนนตามแบบ
ทเี่ ตรยี มไว้

เอาม้ือสามัคคี โคกหนองนาโมเดล



1
2

3

4

5

6) ในลำดับต่อไปขอเรยี นเชญิ ผเู้ ข้ำ
รบั กำรฝึกอบรมแถวที่ 1 ถวำยคำปณิธำน
เรยี งลำดับแถวไปจนครบ..................

การพฒั นาหมูบ านเศรษฐกิจพอเพยี ง
เพอ่ื สรางความสขุ ใหช มุ ชน

สาํ นักเสริมสรา งความเขม แขง็ ชมุ ชน
กรมการพัฒนาชุมชน

คานา

กระทรวงมหาดไทย มอบหมายให้กรมการพัฒนาชุมชน ได้น้อมนาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ
พอเพียง มาเป็นหลักในการพัฒนาหมู่บ้านและชุมชน ต้ังแต่ปี 2549 ซ่ึงสอดคล้องกับภารกิจหลักของ
กรมการพัฒนาชุมชนคือ การส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้และการมีส่วนร่วมของประชาชนผ่าน
กระบวนการสร้างและพัฒนาผู้นาชุมชนและได้ยกระดับการพัฒนาหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง พัฒนาเป็น
หมบู่ ้านเศรษฐกิจพอเพียงตน้ แบบ ตัง้ แตป่ ี 2552 ถึงปัจจบุ นั และปงี บประมาณ พ.ศ. 22556652 กับการก้าว
ย่างเขา้ สปู่ ที ่ี 6507 ของการก่อตงั้ กรมการพัฒนาชุมชน ได้ให้ความสาคัญกับการสานต่อการทางานเคียงข้าง
ประชาชน ดว้ ยการนอ้ มนาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปสร้างภูมิคุ้มกันให้ประชาชนในการดาเนิน
ชีวิตด้วยความพอประมาณ ความมีเหตุผล ความมีภูมิคุ้มกัน และใช้ความรู้ คู่คุณธรรมในการดาเนินชีวิต
สง่ เสริมให้ชมุ ชนเขม้ แขง็ พึ่งตนเอง จึงไดว้ างยุทธศาสตร์หลักทม่ี ่งุ เนน้ ไปทีเ่ รื่องการสร้างชุมชนแห่งความสุข
(Community Happiness) โดยเน้นการขับเคล่ือนด้วยการบูรณาการในระดับพื้นท่ี (Area-Based)
ยึดหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงเป็นเปูาหมายในการบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วนท่ีเกี่ยวข้อง
เพ่อื ทาใหช้ มุ ชนเขม้ แขง็ มคี วามม่ันคง ม่งั คงั่ ยั่งยนื ตามเปูาหมายยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี

เอกสาร “การพัฒนาหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อสร้างความสุขให้ชุมชน ” เล่มน้ี
ได้เสนอหลักการ สาระสาคัญของการดาเนินงานตามแนวคิดและการประยุกต์ใช้ปรัชญาของเศรษฐกิจ
พอเพียง ในการพัฒนาหมูบ่ ้านทกี่ รมการพัฒนาชุมชนได้ส่งเสริมสนับสนุน เพื่อให้เจ้าหน้าที่จังหวัด อาเภอ
และผู้สนใจได้นาไปปรับใช้ในการพัฒนาหมู่บ้านให้เป็น “หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง” ท่ีมีเปูาหมาย
ใหป้ ระชาชนในหมู่บา้ นมีวถิ ชี วี ติ แบบพอเพยี งและมีความสุขต่อไป

สานักเสรมิ สรา้ งความเขม้ แขง็ ชมุ ชน
กรมการพัฒนาชมุ ชน
มีนาคม 2562

การพัฒนาหมู่บ้านเศรษฐกจิ พอเพียง เพอ่ื สรา้ งความสุขให้ชมุ ชน 2

สารบัญ หน้า

คานา 4
สารบญั ๔
บทท่ี ๑ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ๖

๑. ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ๘
๒. กรอบแนวคดิ ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ๙
๓. การประยุกต์ใช้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ๑๑
๔. ระดบั ของปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ๑๒
๕. รปู แบบการดาเนนิ ชวี ติ ตามหลกั เศรษฐกจิ พอเพียง ๑๒
๖. จากแนวคดิ สภู่ าคปฏบิ ัติเส้นทาง “เศรษฐกจิ พอเพยี ง” ๑๗
บทท่ี 2 การส่งเสริมและพัฒนาหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพยี ง
๑. การก่อเกิดการพัฒนาหมูบ่ ้านเศรษฐกิจพอเพียง ปี ๒๕๔๙ – ๒๕๕๑ ๓๒
๒. การยกระดบั การพฒั นาหมบู่ ้านเศรษฐกจิ พอเพียงสู่ความเป็นต้นแบบ
๓๘
ปี 25๕๒ – ๒๕๖๐ ๔๑
๓. การประเมินความ “อยเู่ ย็น เป็นสุข” ๔๑
๔๒
หรือความสขุ มวลรวมของหมู่บา้ น/ชมุ ชน ๔๖
๔๖
บทท่ี 3 การพฒั นาหมูบ่ ้านเศรษฐกจิ พอเพียง เพื่อสร้างความสขุ ใหช้ ุมชน ๔9
๑. ดาเนินการประเมนิ ผลหมู่บา้ น
๒. สร้างแกนนาหม่บู า้ นเศรษฐกจิ พอเพียง
๓. ขยายผลหมบู่ ้านเศรษฐกจิ พอเพียง
๔. ประเมนิ ผลหมบู่ ้านและการจดั ทาทะเบยี นข้อมลู หมบู่ ้าน
5. รกั ษาและพัฒนาคุณภาพความเปน็ หมบู่ า้ นเศรษฐกิจพอเพยี งต้นแบบ

บรรณานกุ รม

การพัฒนาหมูบ่ ้านเศรษฐกจิ พอเพยี ง เพ่อื สร้างความสุขใหช้ มุ ชน 3

บทที่ 1

ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง

๑. ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง
เศรษฐกิจพอเพียงเป็นหนึ่งในแนวพระราชดาริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ท่ีได้พระราชทาน

เป็นปรัชญาในการดารงชีวิตที่ยึดหลักความพอเหมาะพอดี มีเหตุมีผลและความไม่ประมาท
ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงถือปฏิบัติด้วยพระองค์เองทาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ดารงชีวิตเป็น
แบบอยา่ งได้อย่างสมบูรณ์ อีกท้ังได้พระราชทานพระราชดาริให้แก่คนไทยนาไปปฏิบัติตั้งแต่ปี 2517 ดัง
พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 18
กรกฎาคม 2517 ความตอนหน่ึงว่า

“...การพัฒนาประเทศจาเป็นต้องทาตามลาดับขั้น ต้องสร้างพ้ืนฐานคือ ความพอมีพอกิน พอใช้
ของประชาชนส่วนใหญ่เป็นเบ้ืองต้นก่อนโดยใช้วิธีการ และใช้อุปกรณ์ที่ประหยัดแต่ถูกต้องตามหลักวิชา
เม่ือได้พ้ืนฐานม่ันคงพร้อมพอควรและปฏิบัติได้แล้วจึงค่อยสร้างค่อยเสริมความเจริญและฐานะเศรษฐกิจ
ข้นั ทสี่ ูงขึ้นโดยลาดับต่อไป หากมุ่งแต่จะทุ่มเทสร้างความเจริญยกเศรษฐกิจข้ึนให้รวดเร็วแต่ประการเดียว
โดยไม่ให้แผนปฏิบัติการสัมพันธ์กับสภาวะของประเทศและของประชาชนโดยสอดคล้องด้วย ก็จะเกิด
ความไม่สมดุลในเรื่องต่าง ๆ ขึ้น ซ่ึงอาจกลายเป็นความยุ่งยาก ล้มเหลวได้ในท่ีสุด ดังเห็นได้ท่ี
อารยประเทศหลายประเทศกาลงั ประสบปัญหาทางเศรษฐกจิ อยา่ งรุนแรงอย่ใู นเวลานี้...”

และเมื่อคราวเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ ปี 2540 ได้เห็นประโยชน์อย่างชัดเจนขึ้นเมื่อวิกฤติเศรษฐกิจ
ของสังคมไทยท่ีสะสมต่อเน่ืองหลายปี ความฟูุงเฟูอจากภาวะเศรษฐกิจต้ังแต่ปี 2530
เป็นต้นมา ทาให้สังคมไทยขาดจิตสานึกของความพอดีและพอเพียง มีการจับจ่ายใช้สอยอย่างฟุมเฟือยท้ัง
ในภาครัฐ เอกชน และประชาชน การดาเนินงานด้านต่าง ๆ ต้ังอยู่บนพื้นฐานของความ
ไม่ระมัดระวงั ขาดความประหยัด และขาดสตทิ ่ีจะปฏิบตั งิ านและดาเนนิ ชวี ติ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงใช้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อเป็นแนวทางการแก้ไขให้
รอดพ้น และสามารถดารงอยู่ได้อย่างมั่นคงและย่ังยืนภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์รวมท้ัง
ความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ท่ีเกิดข้ึนอย่างต่อเนื่อง ทรงเห็นความสาคัญของความ“พออยู่พอกิน”
ซึ่งมีผลต่อราษฎรและประเทศชาติ ท่ีสาคัญคือเป็นแบบอย่างที่ดีให้คนไทยดาเนินชีวิตบนทางสายกลาง
มีความขยันหมั่นเพียรในการประกอบสัมมาชีพ รู้จักใช้ทรัพยากรท่ีมีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
รจู้ กั ประมาณตน และดารงชีวิตอย่างรู้จกั “คิด อยู่ ใช้ กิน อย่างพอเพยี ง”

พระราชดารสั ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เรื่อง เศรษฐกิจพอเพียงซ่ึงประมวลและกล่ันกรอง
จากพระราชดาริที่พระราชทานในโอกาสต่าง ๆ รวมท้ังพระราชดารัสอ่ืน ๆ ท่ีเก่ียวข้อง โดยได้รับ
พระราชทานพระบรมราชานญุ าตใหน้ าไปเผยแพร่ เมื่อวนั ที่ 21 พฤศจิกายน 2542 เพอ่ื เป็นแนวทางการ
ปฏิบัตขิ องทกุ ฝุายและประชาชนโดยท่วั ไป ดังน้ี

“...เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาชี้ถึงแนวการดารงอยู่และปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับ
ต้งั แต่ระดับครอบครัว ระดับชมุ ชน จนถงึ ระดับรฐั ท้ังในการพัฒนาและบริหารประเทศให้ดาเนินไปในทาง
สายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจ เพ่ือให้ก้าวทันต่อโลกยุค โลกาภิวัตน์ ความพอเพียง หมายถึง
ความพอประมาณ ความมเี หตผุ ล รวมถึงความจาเป็นท่ีจะต้องมีระบบภูมิคุ้มกันในตัวท่ีดีพอสมควรต่อการ

การพฒั นาหมูบ่ ้านเศรษฐกจิ พอเพยี ง เพ่ือสร้างความสขุ ให้ชมุ ชน 4

มผี ลกระทบใด ๆ อนั เกิดจากการเปลย่ี นแปลงท้ังภายนอกและภายใน ท้งั นจ้ี ะตอ้ งอาศัยความรอบรู้ ความ
รอบคอบ และความระมดั ระวังอยา่ งยงิ่ ในการนาวชิ าการตา่ ง ๆ มาใชใ้ นการวางแผนและการดาเนินการ

“...เศรษฐกิจพอเพยี ง เป็นปรัชญาช้ถี ึงแนวการดารงอยู่และปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับ

ตั้งแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับรัฐ ทั้งในการพัฒนาและบริหารประเทศให้ดาเนินไปใน

ทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อให้ก้าวทันต่อโลกยุคโลกาภิวัตน์ ความพอเพียง

หมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึงความจาเป็นท่ีจะต้องมีระบบภูมิคุ้มกันในตัวท่ีดี

พอสมควรตอ่ การมีผลกระทบใด ๆ อันเกิดจากการเปล่ียนแปลงทั้งภายนอกและภายใน ทั้งนี้จะต้องอาศัย

ความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมัดระวังอย่างยิ่ง ในการนาวิชาการต่าง ๆ มาใช้ในการวางแผน

และการดาเนนิ การทุกข้ันตอน และขณะเดียวกันจะต้องเสริมสร้างพ้ืนฐานจิตใจของคนในชาติ โดยเฉพาะ

เจ้าหนา้ ที่ของรัฐ นักทฤษฎีและนกั ธรุ กิจ ในทุกระดับ ใหม้ ีสานึกในคุณธรรม ความซื่อสัตย์สุจริต และให้มี

ความรอบรู้ที่เหมาะสม ดาเนินชีวิตด้วยความอดทน ความเพียร มีสติ ปัญญา และความรอบคอบ เพื่อให้

สมดุลและพร้อมต่อการรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง ทั้งด้านวัตถุ สังคม

สงิ่ แวดลอ้ ม และวฒั นธรรม จากโลกภายนอก ได้เปน็ อยา่ งดี ”

ความหมายปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
ความหมายของเศรษฐกิจพอเพียง “...คาว่าพอเพียง มีความหมายกว้างออกไปอีก ไม่ได้หมายถึง

การมีพอสาหรับใช้ของตัวเอง มีความหมายว่า “พอมีพอกิน”...วันนั้น ได้พูดถึงว่าเรา ควรจะปฏิบัติให้
พอมีพอกิน พอมีนี้ก็แปลว่าเศรษฐกิจพอเพียงนั้นเอง ถ้าแต่ละคนมี พอมีพอกิน ก็ใช้ได้ ย่ิงถ้าประเทศมี
พอมีพอกินก็ยิ่งดีพอเพียงหมายความว่ามีกินมี อยู่ไม่ฟุมเฟือย ไม่หรูหราก็ได้แต่ว่าพอเพียงก็คือพอเท่า
น้ันเอง คนเราถา้ พอใน ความตอ้ งการมนั กจ็ ะมคี วามโลภนอ้ ย กจ็ ะเบยี ดเบยี นคนอื่นน้อย พอเพียงน้ีอาจจะ
มมี าก อาจจะมขี องหรหู รากไ็ ด้แตว่ ่าตอ้ งไมเ่ บยี ดเบียนคนอ่ืน ต้องให้พอประมาณ พูดจาก็พอเพียง ทาอะไร
ก็พอเพียง ปฏิบัติตนก็พอเพียง ฉะน้ันความพอเพียงนี้ก็ แปลว่าความพอประมาณและความมีเหตุผล...”
พระราชดารสั ของพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ ัว เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม พ.ศ.2541
ณ พระตาหนักจิตรลดารโหฐาน (กรมการปกครอง, 2542: 1) จากกระแส พระราชดาริเศรษฐกิจ
พอเพยี ง ก่อให้ เกดิ การระดมความคิดในวงกวา้ งจากทุกฝาุ ย อาทิ นักวิชาการข้าราชการ ปราชญ์นักคิดท้ัง
ระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ ทั้งภาครัฐและเอกชน โดยน้อมนาเอากระแสพระราชดาริมาปฏิบัติและ
วธิ กี ารทจ่ี ะผลักดันใหบ้ งั เกิดผลสาเร็จ

สานักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (2550: 31) ได้กล่าวถึงความหมาย ของปรัชญา
เศรษฐกิจพอเพียงไว้ว่า ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรัชญาที่ชี้ถึงแนวการดารงอยู่ และปฏิบัติตนของ
ประชาชนในทุกระดับต้ังแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชนจนถึงระดับรัฐ ทั้งในการ พัฒนาและบริหาร
ประเทศให้ดาเนินไปในทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจเพ่ือให้ ก้าวทันต่อยุคโลกาภิวัตน์
ความพอเพียงหมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึงความ จาเป็นที่ต้องมีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี
พอสมควรต่อการมีผลกระทบใด ๆ อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงท้ัง ภายนอกและภายใน ทั้งนี้ จะต้อง
อาศัยความรอบรู้ ความรอบคอบและความระมัดระวังอย่างย่ิงใน การนาวิชาการต่าง ๆ มาใช้ในการ
วางแผนและการดาเนินงานทุกขั้นตอน และขณะเดียวกันจะต้องเสริมสร้างพื้นฐานจิตใจของคนในชาติ
โดยเฉพาะเจา้ หนา้ ท่ีของรัฐ นักทฤษฎี และนักธุรกิจในทุกระดับให้มีสานึกในคุณธรรม ความซ่ือสัตย์สุจริต
และให้มีความรู้ท่ีเหมาะสม ดาเนินชีวิตด้วยความ อดทน ความเพียร มีสติปัญญาและความรอบคอบ

การพัฒนาหมบู่ า้ นเศรษฐกจิ พอเพียง เพือ่ สร้างความสขุ ให้ชมุ ชน 5

เพื่อให้สมดุลและพร้อมต่อการรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและกว้างขวางท้ังด้านวัตถุ สังคม
สิ่งแวดล้อม และวฒั นธรรมจากโลก ภายนอกไดเ้ ปน็ อย่างดี

สรุปได้ว่า เศรษฐกิจพอเพียง หมายถึง ความรอบคอบ รอบรู้และความระมัดระวัง ในการ
ดาเนินงานหรือประกอบกิจการงานใด ๆ มีความเพียงพอ พออยู่ พอกินในการดารงชีวิต ทั้งในระดับ
ครอบครัว ชุมชนและมีความเข้มแข็ง มีวิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่สอดคล้องกับหลักธรรมคาสอนในศาสนา
เพ่ือสังคมท่ีสงบสุข กินดอี ยดู่ ีและสามารถพ่ึงพาตนเองได้อย่างย่ังยนื

๒. กรอบแนวคิดปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
กรอบแนวคดิ ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง อยู่ภายใต้กรอบแนวคดิ “3 ห่วง 2 เง่ือนไข” กล่าวคือ 3

หว่ ง ประกอบไปดว้ ย ความพอประมาณ ความมีเหตุมผี ล และการมีภมู คิ มุ้ กันที่ดใี นตัว โดยที่ท้ังหมดน้ันอยู่
ภายใต้ 2 เงอ่ื นไข คอื การมคี วามรูแ้ ละคุณธรรม สามารถดาเนินกิจกรรมด้านต่าง ๆ อย่างสมดุล สามารถ
จาแนกได้ ดงั นี้

แผนภาพแสดงกรอบแนวคิดปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง
แหล่งทม่ี า: สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร.์ ศูนย์ศกึ ษาเศรษฐกิจพอเพยี ง, 2551: ข

๓. การประยุกตใ์ ชป้ รัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
ณัฏฐพงศ์ ทองภักดี (2550: 11) กล่าวถึง การประยุกต์ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

กบั พฤตกิ รรมของบคุ คลวา่ พฤตกิ รรมอย่างเดยี วกนั ถา้ ทาภายใต้เงอ่ื นไขเดยี วกนั อาจมีความพอเพียง แต่ถ้า
ทาภายใต้อีกเง่ือนไขที่แตกต่างกันอาจไม่เพียงพอ การจะทาความเข้าใจจึงไม่ สามารถประเมินเพียงการ
มองพฤติกรรมปลายทางได้ แต่ควรมองถึงปลายทางที่ตัดสินใจภายใต้ เงื่อนไขและในสภาพแวดล้อม
ในขณะนั้น ด้วยว่าเป็นตามองค์ประกอบของความพอเพียงหรือไม่ พฤติกรรมนั้นมีความเส่ียงเพียงใด
และสามารถนาไปสู่การพัฒนาท่ีมั่นคงหรือยั่งยืนหรือไม่ ดังนั้น การนาหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงจึงมี
ประเด็นท่นี ่าสนใจ ดงั นี้

ความเข้าใจผิดคิดวา่ เศรษฐกจิ พอเพียงเป็นเรื่องของภาคเกษตรเท่านั้น ปรัชญาน้ี ไม่สามารถใช้ได้
กับการบริหารในภาคอื่น ๆ เช่น ภาคธุรกิจเอกชน ภาครัฐวิสาหกิจ เหตุท่ีคนจานวน มากคิดว่าเศรษฐกิจ

การพฒั นาหมบู่ า้ นเศรษฐกิจพอเพียง เพอ่ื สรา้ งความสุขใหช้ มุ ชน 6

พอเพียงเป็นเรื่องของภาคเกษตรก็เน่ืองจากว่าความสนใจในการประยุกต์ใช้ ในระยะแรกได้เร่ิมต้นอย่าง
จรงิ จงั ในภาคเกษตรกรรมก่อน เน่อื งจากภาคเกษตรยังขาด ความสามารถในการพัฒนา และขาดหลักการ
บริหารอย่างสูง นอกจากนี้ ภาคเกษตรยังเป็นภาคท่ี สาคัญต่อการพัฒนาประเทศด้วย เม่ือเป็นเช่นนี้คน
ส่วนใหญ่จึงเข้าใจว่า เศรษฐกิจพอเพียงไม่มี ความเก่ียวข้องกับสังคมเมืองหรือภาคการเกษตรที่อาศัย
เทคโนโลยีช้ันสูง แท้จริงแล้วการมี พฤติกรรมตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงสามารถนาไปใช้ในการ
พัฒนาและบริหารในทุกภาค ส่วนและทุกสาขาอาชีพได้เป็นอย่างดี ไม่จาเป็นจะต้องเป็นในภาค
เกษตรกรรมเทา่ นัน้

คณะอนุกรรมการขับเคล่ือนเศรษฐกิจพอเพียง สานักงานคณะกรรมการพัฒนา เศรษฐกิจและ
สังคมแห่งชาติ (2548:40–41) กล่าวว่า เราสามารถนาปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ไปประยุกต์ใช้
ในระดบั ปัจเจกบุคคล ชมุ ชนและระดับรฐั ได้ดงั นี้

1) ในระดับปจั เจกบคุ คลและครอบครัว คอื การท่ีสมาชิกในครอบครัวใช้ชีวิตบน พื้นฐานของการ
รู้ จกั ตนเอง สามารถพงึ่ ตนเองไดแ้ ละดาเนินชวี ิตอย่างพอกนิ พอใช้ โดยไม่ เบียดเบียนผู้อ่ืน ทาให้เกิดความ
พอใจในการดาเนินชีวิตอย่างพอเพียง พยายามพัฒนาตนเอง อย่างต่อเน่ือง เพื่อให้สามารถอยู่อย่าง
พอเพียงไดใ้ นทุกสถานการณ์

2) ความพึงพอใจในระดับชุมชน เกิดข้ึนเมื่อสมาชิกมีระดับความเพียงพอในระดับ ครอบครัว
เป็นพื้นฐานแล้ว สมาชิกสามารถนาหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาขยายผลในทาง ปฏิบัติไปสู่ระดับ
ชุมชนได้รวมกลุ่มเพ่ือส่วนรวม โดยอาศัยภูมิปัญญาชาวบ้านและความสามารถที่ ตนมีอยู่ เป็นพื้นฐาน
ประกอบการดาเนินชีวิตที่มีความช่วยเหลือแบ่งปันกัน จนเป็นพ้ืนฐานให้เกิด การรวมกลุ่มในสังคมสร้าง
เป็นเครือข่ายเช่ือมโยงระหว่างกันต่อไป ซึ่งจะนาไปสู่ความเป็นอยู่ที่ พอเพียงของชุมชนโดยรวมในการ
ดาเนนิ ชวี ิตท่ีสมดุลอย่างแทจ้ รงิ

3) ความพอเพียงในระดับรัฐหรือระดับประเทศเป็นเศรษฐกิจแบบก้าวหน้า เกิดข้ึนจากกา
รวมกลุ่มของชุมชนหลายๆแห่งท่ีมีความพอเพียง มาร่วมแลกเปล่ียนความรู้ และ ประสบการณ์ตลอดจน
ร่วมมือพัฒนาตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อสร้างเป็นเครือข่าย เช่ือมโยงระหว่างชุมชน ด้วย
หลักการแบ่งปันและช่วยเหลือซ่ึงกันและกัน จนเกิดเป็นสังคมแห่ง ความพอเพียงในท่ีสุด รู้แจ้งเห็นจริง
ด้วยเหตุผลท่ีว่า พื้นฐานของประเทศเป็นอย่างไร ก็สามารถวาง นโยบาย และกลยุทธ์การพัฒนา
ความก้าวหน้าได้โดยไม่คิดว่าการพัฒนาไม่ยั่งยืน ดังน้ันการนา หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปประยุกต์
ให้ได้ผลในการดาเนินชีวิต จาเป็นต้องเร่ิมจากการมี ความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องว่า เศรษฐกิจพอเพียง
หมายถึงอะไร และมีหลักการสาคัญอะไรบ้างที่ จะนาไปเป็นแนวทางในการปฏิบัติ ตลอดจนเห็นถึง
ประโยชน์จากการนาหลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงไปประยุกต์ใช้จึงจะเกิดความสนใจที่จะทดลองนาหลัก
ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี งมาใช้ใน การดาเนนิ ชวี ิต สรุปไดว้ ่า ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทางในการ
พัฒนาท่ีนาไปสู่การพ่ึงตนเอง โดยอาศัยความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุ้มกันที่ดี บนหลัก
ความรู้และ หลักคณุ ธรรม เพอ่ื นาไปสกู่ ารพฒั นาที่สมดุลอยา่ งยัง่ ยืน

การพฒั นาหมู่บา้ นเศรษฐกิจพอเพียง เพอื่ สร้างความสุขให้ชมุ ชน 7

๔. ระดบั ของปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง
พิพัฒน์ ยอดพฤติการ (2550: 83–91) อธิบายถึงระดับของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงดังนี้

เศรษฐกิจพอเพียงในระดับท่ีเลี้ยงตนเองบนพ้ืนฐานของความประหยัดและการลด ค่าใช้จ่ายท่ีไม่จาเป็น
เรียกว่า เศรษฐกิจพอเพียงแบบพ้ืนฐาน เศรษฐกิจพอเพียงในระดับท่ีมีการ รวมตัวกันเพ่ือร่วมกัน
ดาเนินงานมีการสร้างเครือข่ายโดยประสานความร่วมมือกับภายนอก เรียกว่า เศรษฐกิจพอเพียงแบบ
ก้าวหนา้ ดงั นั้นเศรษฐกิจพอเพียงสามารถจาแนกไดเ้ ปน็ 3 ระดับ ดงั ต่อไปนี้

แผนภาพแสดงระดับของปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง
แหลง่ ทม่ี า: พิพัฒน์ยอดพฤติการ, 2550: 85

1) เศรษฐกิจพอเพียงระดับท่ีหน่ึง (Dependent) เป็นเศรษฐกิจพอเพียงแบบพื้นฐานท่ีเน้นความ
พอเพียงในระดับบุคคลและครอบครัว มีลักษณะที่สามารถพ่ึงพาตนเอง สามารถสนองความ
ต้องการขั้นพื้นฐานได้เช่น ความต้องการในปัจจัยสี่ของตนเองและครอบครัว มีการช่วยเหลือเก้ือกูลซ่ึงกัน
และกัน มีความสามัคคีกลมเกลียว และมีความพอเพียงในการดาเนินชีวิตด้วยการประหยัดการลด
ค่าใชจ้ า่ ยที่ไม่จาเปน็ ลง จนสามารถดารงชีวิตอย่ไู ด้อยา่ งมีความสขุ ทงั้ ทางดา้ นรา่ งกายและดา้ นจติ ใจ

2) เศรษฐกิจพอเพียงระดับท่ีสอง (Independent) เป็นเศรษฐกิจพอเพียงแบบ ก้าวหน้าที่เน้น
ความพอเพียงในระดับกลุ่มหรือองค์กร คือเม่ือบุคคลหรือครอบครัวมีความพอเพียง ในระดับท่ีหน่ึงแล้ว
ก็จะรวมพลังกันในรูปกลุ่มหรือสหกรณ์เพ่ือร่วมกันดาเนินงานในด้านต่าง ๆ ทั้ง ด้านการผลิต การตลาด
ความเป็นอยู่ สวัสดิการ การศึกษา สังคมและศาสนา โดยได้รับความ ร่วมมือจากหน่วยงานต่าง ๆ
ท่ีเกีย่ วขอ้ งท้งั หนว่ ยราชการ มูลนธิ แิ ละเอกชน

3) เศรษฐกิจพอเพียงระดับท่ีสาม (Inter–dependent) เป็นเศรษฐกิจพอเพียง แบบก้าวหน้าท่ี
เน้นความพอเพียงในระดับเครือข่าย คือ เม่ือกลุ่มหรือองค์กรมีความพอเพียงใน ระดับที่สองแล้วก็จะ
ร่วมมือกับหน่วยงานภายนอกเพ่ือสร้างเครือข่าย มีการติดต่อร่วมมือกับ ธนาคารและบริษัทต่างๆ ท้ังใน
ด้านการลงทุน ด้านการผลิต ด้านการตลาด ด้านการจาหน่าย ด้านการบริหารจัดการเพ่ือการขยาย

การพัฒนาหมบู่ ้านเศรษฐกจิ พอเพยี ง เพื่อสรา้ งความสุขให้ชมุ ชน 8

กจิ กรรมทางเศรษฐกจิ ทห่ี ลากหลาย ตลอดจนการพัฒนาคุณภาพ ชีวิตทั้งในด้านสวัสดิการการศึกษา ด้าน
สังคมและศาสนาให้ได้รับประโยชน์ด้วยกันทุกฝุาย การจาแนกปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงข้างต้น แสดงให้
เห็นถึงการพัฒนาที่เร่ิมต้น จากหลักของการพ่ึงตนเอง โดยเปลี่ยนจากการพ่ึงพาตนเองไม่ได้หรือต้องคอย
อาศยั ผอู้ นื่ อยู่ ตลอดเวลาเป็นการพัฒนาตนเองให้มีความเข้มแข็ง เป็นอิสระแล้วจึงค่อยๆพัฒนาข้ึนมาเป็น
การ แลกเปล่ียน การรวมกลุ่มช่วยเหลือกันจนนาไปสู่การพึ่งพิงช่วยเหลือกัน และสงเคราะห์เกื้อกูล
ร่วมมอื กัน

๕. รปู แบบการดาเนนิ ชวี ิตตามหลกั เศรษฐกิจพอเพยี ง
ประชาชนทุกคนสามารถนาหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวทางปฏิบัติในการดาเนินชีวิตได้

สามารถจาแนกระดับกลุ่มทน่ี าแนวทางไปปฏิบัตไิ ด้ ดงั น้ี
สานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติกลุ่มพัฒนากรอบ แนวคิดทาง

ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (2546 : 138-139) โดยคณะทางานโครงการ
ประยกุ ต์ใช้ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง ไดส้ รปุ สังคมวิเคราะห์ผลการสัมมนาจากการระดม สมองผู้นาชุมชน
จากทุกภาคของประเทศไทยที่ร่วมกันทบทวนถึงกิจกรรมต่าง ๆ ในการดาเนินชีวิต ประจาวัน พบว่า
มคี วามสอดคล้องกบั หลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง แบ่งเปน็ 3 ระดบั คือ

1) ระดับจิตสานึก เกิดจากการท่ีสมาชิกในชุมชนแต่ละคนตระหนักถึงความสุข และความพอใจ
ในการใช้ชีวิตอย่างพอดี และความรู้สึกถึงความพอเพียง คือ ดาเนินชีวิตอย่างสมถะ ประกอบสัมมาอาชีพ
เลี้ยงตนเองได้อย่างถูกต้อง ท้ังน้ี แม้ว่าระดับความพอเพียงของสมาชิกแต่ละคน จะไม่เท่าเทียมกัน
แต่สมาชกิ ทุกคนดาเนินชวี ิตตามหลักเศรษฐกจิ พอเพยี ง โดยยึดหลัก 3 ประการ ร่วมกัน ได้แก่ การใช้ชีวิต
บนพนื้ ฐานของการรจู้ กั ตนเอง การคิดพง่ึ พาตนเองและพึ่งพาซ่ึงกนั และกัน และการใช้ชวี ติ อยา่ งพอเพยี ง

2) ระดับปฏิบัติ ผู้นาชุมชนแต่ละพื้นที่ได้นาหลักการเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ใน ระดับปฏิบัติ
โดยแบ่งได้ 4 ขั้น ไดแ้ ก่

2.1) การพ่ึงตนเองได้ คือ ต้องพยายามพึ่งตนเองให้ได้ในระดับครอบครัวก่อน ให้แต่ละ
ครอบครัวมกี ารบรหิ ารจดั การอยา่ งพอดี

2.2) การอยู่อยา่ งพอเพียง คอื การดาเนนิ ชีวิตโดยยึดหลกั ทางสายกลาง ให้ ตนเองอยู่ได้
อยา่ งสมดลุ มคี วามสขุ ท่แี ทจ้ รงิ โดยไม่ให้รู้สึกขาดแคลนจนต้องเบียดเบียนตนเอง หรือ ดาเนินชีวิตอย่าเกิน
พอดจี นตอ้ งไปเบียดเบียนส่งิ แวดล้อม

2.3) การอยู่ร่วมกันอย่างเอื้ออาทร คือ การรู้ จักให้และรู้จักแบ่งปัน ซึ่งจะทาให้
เกดิ วฒั นธรรมทดี่ ี อกี ทงั้ เปน็ การช่วยลดความเห็นแก่ตวั และสร้างความพอเพยี งใหเ้ กิดขึ้นในจิตใจ

2.4) การอยู่ดีย่ิงขึ้นด้วยการเรียนรู้ คือ ต้องรู้จักพัฒนาตนเอง โดยการเรียนรู้ จาก
ธรรมชาติและประสบการณ์ เพ่อื ใหเ้ กดิ การระมัดระวังในการกระทาใดๆ ต่อไป

3) ระดับปฏิเวธ (ผลท่ีเกิดจากการปฏิบัติ) คือ การวัดผลจากการปฏิบัติตามหลักการ ข้างต้น
กลา่ วคอื สมาชิกในแตล่ ะชุมชนไดพ้ ัฒนาชวี ติ ของตนเองใหด้ ีข้นึ โดยเร่ิมจากการพัฒนา จิตใจ ให้เกิดความ
พอเพียงในทุกระดับของการดาเนินชีวิต ท้ังในระดับครอบครัว ชุมชน และสังคม ระดับการศึกษา
ขนาดของครัวเรือน การเป็นสมาชิกกลุ่มทางสังคม รายได้ รายจ่าย การถือครอง ที่ดิน รวมถึงการได้รับ
ข่าวสารเก่ียวกับทฤษฎีใหม่ ยกเว้น หนี้สินเท่าน้ัน ท่ีไม่มีความสัมพันธ์กับการ เลือกดาเนินชีวิตตาม
แนวพระราชดารทิ ฤษฎีใหม่

การพัฒนาหมบู่ ้านเศรษฐกิจพอเพยี ง เพอ่ื สร้างความสขุ ใหช้ มุ ชน 9

สุเมธ ตันติเวชกุล (2549 :117 –118) ได้แบ่งระดับของบุคคลในสังคมในเรื่องการ ประยุกต์
แนวทางเศรษฐกจิ พอเพียงมาใช้ปฏบิ ัติ แบ่งได้ 2 ระดับ ดงั นี้

1) ระดับบุคคลและครอบครัว เริ่มต้นจากการเสริมสร้างคนให้ มีการเรียนรู้ วิชาการและทักษะ
ต่าง ๆ ท่จี าเป็น เพือ่ ใหส้ ามารถรเู้ ทา่ ทันการเปลย่ี นแปลงในดา้ นต่าง ๆ พร้อมทั้ง เสริมสร้างคุณธรรม จนมี
ความเข้าใจและตระหนักถึงคุณค่าของการร่วมกันของคนในสังคม และ อยู่ร่วมกับระบบนิเวศวิทยาอย่าง
สมดุล เพ่ือจะได้ละเว้นต่อการประพฤติผิดมิชอบ ไม่ตระหน่ี เป็นผู้ให้ เกื้อกูล แบ่งปัน มีสติยั้งคิดพิจารณา
อย่างรอบคอบ ก่อนที่จะตัดสินใจ หรือกระทาการใด ๆ จนกระทั่งเกิดเป็นภูมิคุ้มกันที่ดีในการดารงชีวิต
โดยสามารถคิดและกระทาบนพื้นฐานของความมีเหตุมีผล พอเหมาะ พอประมาณกับสถานภาพ บทบาท
และหน้าท่ีของแต่ละบุคคล ในแต่ละ สถานการณ์ แล้วเพียรฝึกปฏิบัติเช่นน้ี จนสามารถพึ่งตนเองได้ และ
เปน็ ทพ่ี ง่ึ ของผู้อน่ื ไดใ้ นที่สุด

2) ระดบั ชมุ ชน ประกอบด้วย บุคคล ครอบครวั ทมี่ คี วามพอเพียงแล้ว ทใี่ ฝหุ า ความก้าวหน้าบน
พืน้ ฐานของความพอเพยี ง คือ มีความรู้ และคุณธรรม เปน็ กรอบในการดาเนินชีวิตจนสามารถพึ่งตนเองได้
บุคคลเหล่าน้ี รวมกลุ่มกันทากิจกรรมต่าง ๆ ท่ีสอดคล้องเหมาะสม กับสถานภาพ ภูมิสังคมของแต่ละ
ชุมชน โดยพยายามใช้ทรัพยากรต่าง ๆ ที่มีอยู่ในชุนชนให้เกิด ประโยชน์สูงสุด ผ่านการร่วมแรง ร่วมใจ
ร่วมคิด ร่วมทา แลกเปลี่ยนเรียนรู้ กับบุคคลหลาย สถานภาพ ในส่งิ ทจี่ ะสร้างประโยชนส์ ขุ ของคนส่วนรวม
และความก้าวหน้าของชุมชน อย่างมี เหตุผล โดยอาศัยสติ ปัญญา ความสามารถของทุกฝุายที่เก่ียวข้อง
และบนพื้นฐานของความ ซื่อสัตย์สุจริต อดกล้ันต่อการกระทบกระทั่ง ขยันหม่ันเพียร และมีความ
เอื้อเฟือ้ เผือ่ แผ่ ชว่ ยเหลือ แบ่งปันกันระหว่างสมาชิกในชุมชน จนนาไปสู่ความสามัคคีของคนในชุมชน ซึ่ง
เปน็ ภมู คิ มุ้ กนั ที่ดี ของชมุ ชน จนนาไปสู่การพัฒนาของชุมชนที่สมดุลและพร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลงต่าง
ๆ จนกระทั่ง สามารถพัฒนาไปส่เู ครอื ขา่ ยระหวา่ งชุมชนตา่ ง

สานกั งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (2549:192) ได้ กล่าวว่า ไม่ใช่
เฉพาะในหมู่คนจนหรือเกษตรกร โดยต้อง “ระเบิดจากข้างใน” คือ การเกิดจิตสานึก มีความศรัทธา
เชื่อมัน่ เห็นคณุ ค่า และนาไปปฏบิ ตั ิดว้ ยตนเอง แล้วจึงขยายไปสคู่ รอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติ
ต่อไป ทังน้ี จาแนกเปน็ 3 กลมุ่ ใหญ่ ๆ คอื

1) ความพอเพียงระดับบุคคลและครอบครัว มุ่งเน้นให้บุคคลและครอบครัว อยู่ร่วมกันอย่างมี
ความสุขทั้งทางกายและทางใจ พ่ึงพาตนเองอย่างเต็มความสามารถ ไม่ทาอะไร เกินตัวดาเนินชีวิตโดยไม่
เบียดเบียนตนเองและผู้ อื่นรวมท้ังใฝุรู้ และมีการพัฒนาตนเอง อย่างต่อเนื่องเพ่ือความม่ันคงในอนาคต
และเป็นท่ีพึ่งให้ผู้อ่ืนได้ในท่ีสุด เช่น หาปัจจัยส่ีมา เล้ียงตนเองและครอบครัวจากการประกอบสัมมาชีพ
รู้ข้อมูลรายรับ – รายจ่าย ประหยัด และไม่ตระหนี่ ลด ละ เลิก อบายมุข สอนให้เด็กรู้จักคุณค่า รู้จักใช้
และร้จู ักออมเงินและสิ่งของเคร่ืองใช้ ดูแล รักษาสุขภาพ มีการแบ่งปันภายในครอบครัว ชุมชนและสังคม
รอบข้าง รวมถึงการรักษาวัฒนธรรม ประเพณี และการอยู่ร่วมกับทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมได้
อยา่ งเหมาะสม

2) ความพอเพยี งระดับชมุ ชน คนในชุมชนมกี ารรวมกล่มุ กันทาประโยชน์ เพื่อส่วนรวม ช่วยเหลือ
เกื้อกูลกันภายในชุมชนบนหลักของความรู้ รัก สามัคคีสร้างเป็นเครือข่าย เช่ือมโยงกันในชุมชนและนอก
ชุมชน ท้ังด้านเศรษฐกิจ สังคม ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม เช่น การรวมกลุ่มอาชีพ องค์กร
การเงิน สวัสดิการชุมชน การช่วยเหลือดูแลรักษาความสงบ ความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อย
รวมท้ังการใช้ภูมิปัญญาท้องถ่ินและทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมในชุมชนมาสร้างประโยชน์ได้
อยา่ งเหมาะสม เพื่อสร้างเสรมิ ชมุ ชนให้มคี วาม เข้มแขง็ และมีความเปน็ อยทู่ พ่ี อเพียง

การพัฒนาหมบู่ ้านเศรษฐกจิ พอเพยี ง เพ่ือสรา้ งความสขุ ใหช้ มุ ชน 10

3) ความพอเพียงระดับประเทศ เป็นการบริหารจัดการประเทศ โดยเริ่มจากการ วางรากฐานให้
ประชาชนส่วนใหญ่อยู่อย่างพอมีพอกิน และพ่ึงตนเองได้ มีความรู้และคุณธรรมใน การดาเนินชีวิต มีการ
รวมกลุ่มของชมุ ชนหลาย ๆ แหง่ เพ่ือแลกเปลี่ยนความรู้ สืบทอดภูมปิ ัญญา และรว่ มกันพัฒนาตามแนวทาง
เศรษฐกิจพอเพียงอย่างรู้ รัก สามัคคี เสริมสร้างเครือข่ายเชื่อมโยง ระหว่างชุมชนให้เกิดเป็นสังคมแห่ง
ความพอเพยี งในท่ีสุด

๖. จากแนวคิดสภู่ าคปฏบิ ตั ิเส้นทาง “เศรษฐกิจพอเพียง”
พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงมีพระราชดารสั เรอื่ งความพอมีพอกิน ซึ่งถือเป็นรากฐานสาคัญ

ของ “เศรษฐกิจพอเพียง” แม้จะมีการพูดถึงถึงแนวคิดที่ว่าอย่างกว้างขวางใน 31 ปี แต่หลังการนามา
ประยุกต์ใช้ แผนทานุบารุงส่งเสริมศาสนาและจริยธรรมแห่งชาติที่จัดทาโดยคณะอนุกรรมการส่งเสริม
ศาสนาและจริยธรรม ในคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติได้ สนับสนุนให้ประชาชนใช้หลักเศรษฐกิจ
พอเพียง ดงั นี้ (สานักงานสภาสถาบันราชภฎั , 2544)

1) ส่งเสริมให้ประชาชนใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียงในการดาเนินชีวิตและการปฏิบัติตน ตั้งแต่
ระดบั บุคคล ครอบครัว ชุมชน จนถึงระดับชาติ ความพอเพียง หมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล
เศรษฐกิจพอเพยี งและชีวติ ทพ่ี อเพียงเกิดไดเ้ พราะใจท่พี อเพยี ง

2) เศรษฐกิจพอเพียงระดับบุคคล คือ ความสามารถในการดารงชีวิตได้อย่างไม่ เดือดร้อน
กาหนดความเป็นอยู่อย่างประมาณตน ตามฐานะ ตามอัตภาพ ที่สาคัญ คือ ไม่หลงใหลไปตามกระแสของ
วตั ถนุ ิยม มีอิสรภาพ เสรีภาพ ไมพ่ ันธนาการอยูก่ ับสิง่ ใด

3) เศรษฐกิจพอเพยี งระดบั ครอบครวั คือ การพอมี พอกนิ ไม่ฟุมเฟอื ย ไม่ฝดื เคืองนกั
4) เศรษฐกิจพอเพียงระดับชุมชน คือ การท่ีชุมชนมีความเข้มแข็ง สามารถพ่ึงตนเองได้
ประชาชนมีการรวมกลุ่มในด้านเศรษฐกิจ เช่น สหกรณ์ กลุ่มสัจจะออมทรัพย์ กลุ่มอาชีพต่างๆ มีการ
พัฒนาชมุ ชนอย่างสมดุล และผสมผสานท้ังทางดา้ นสงั คม ด้านเศรษฐกจิ และดา้ นจิตใจ
5) เศรษฐกิจพอเพียงระดับชาติ จะต้องมีการพัฒนาและบริหารประเทศให้ดาเนินไปในทางสาย
กลาง จะตอ้ งเสริมสรา้ งพ้นื ฐานจติ ใจของคนในชาติ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐ นักทฤษฎีและนักธุรกิจทุก
ระดับให้มีจิตสานึกในความซ่ือสัตย์ สุจริต และให้มีความรอบรู้ที่เหมาะสม ดาเนินชีวิตด้วยความอดทน
ความเพียร มีสติปัญญา ความรอบคอบ เพื่อให้สมดุลและพร้อมต่อการรองรับการเปล่ียนแปลงอย่าง
รวดเร็ว และกวา้ งขวางทั้งดา้ นวัตถแุ ละวัฒนธรรมจากโลกภายนอกได้เป็นอย่างดี
6) ใช้ศาสนธรรมสนับสนุนเศรษฐกิจพอเพียง เพ่ือสร้างระบบภูมิคุ้มกันในตัวดีพอสมควร ต่อการ
มีผลกระทบใดๆ อันเกิดจากการเปล่ียนแปลงทั้งภายนอกและภายใน โดยเป็นผู้มีสติม่ันคงและปัญญาท่ี
เฉยี บแหลมอยู่เสมอ เพือ่ ให้เป็นผไู้ มป่ ระมาทในทีท่ ้งั ปวง
7) ส่งเสริมเกษตรตามทฤษฎีใหม่ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยการแบ่งใช้ที่ดิน
อย่างจากัด หรือแบง่ เปน็ สดั ส่วน เพือ่ ใชข้ ุดสระเก็บกกั น้า ปลกู ขา้ ว ปลูกผกั ผลไม้ ไม้ยืนตน้ เป็นตน้
8) ส่งเสริมให้ประชาชนมีรายได้เพ่ิมขึ้น และรายจ่ายน้อยลง การเพ่ิมรายได้อาจทาได้
โดยการส่งเสรมิ อาชีพหลกั อาชีพรอง อาชีพเสริม โดยการใช้เทคโนโลยีพื้นฐานหรือเทคโนโลยีท่ีเหมาะสม
การลดรายจ่าย อาจทาไดโ้ ดยการลด ละ เลกิ อบายมขุ

การพฒั นาหมูบ่ ้านเศรษฐกิจพอเพยี ง เพื่อสร้างความสขุ ใหช้ มุ ชน 11

บทท่ี 2

การสง่ เสรมิ และพฒั นาหมู่บ้านเศรษฐกจิ พอเพียง

๑. การกอ่ เกิดการพัฒนาหมบู่ า้ นเศรษฐกิจพอเพยี ง ปี 2549 - 2551

จากภารกิจกรมการพัฒนาชุมชน ตามกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการมหาดไทย กรมการพัฒนา
ชุมชนมีภารกิจเก่ียวกับการส่งเสริมการเรียนรู้และการมีส่วนร่วมของประชาชน ส่งเสริมและพัฒนา
เศรษฐกจิ ฐานรากให้มีความมัน่ คงและมเี สถียรภาพ โดยสนับสนนุ ใหม้ ีการจัดทาและใชป้ ระโยชน์จากข้อมูล
สารสนเทศ ศึกษาวิเคราะห์ วิจัย จัดทายุทธศาสตร์ชุมชน ตลอดจนการฝึกอบรมและพัฒนาบุคลากรท่ี
เก่ียวข้อง ในการพัฒนาชุมชน ได้กาหนดหน้าท่ี ประการหนึ่งในการพัฒนาระบบและกลไกในการส่งเสริม
กระบวนการเรียนรู้ การจัดการความรู้ การอาชีพ การออมและการบริหารจัดการเงินทุนของชุมชนเพ่ือ
เสริมสร้างขีดความสามารถของชุมชน ผู้นาชุมชน องค์การชุมชนและเครือข่ายองค์การชุมชน บริหาร
จัดการใหช้ ุมชนเข้มแข็งอย่างยั่งยนื

จากภารกิจข้างต้น กระทรวงมหาดไทยจึงไว้วางใจมอบหมายภารกิจให้กรมการพัฒนาชุมชน
เป็นหน่วยงานหลักในการขับเคล่ือนปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เน่ืองจากกระบวนการพัฒนาชุมชน มี
ความสอดคล้องกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง คือปฏิบัติงานตามหลัก ความพอประมาณ ความมี
เหตุผล สรา้ งภมู ิคุ้มกนั ท่ดี ี ด้วยการใช้ความรู้ ความชอบธรรมและคุณธรรม ทาให้ชุมชนพ่ึงตนเองบนความ
พอเพียง โดยบูรณาการการทางานร่วมกันในทุกกรมและรัฐวิสาหกิจ โดยเฉพาะ กรมการปกครอง และ
กรมสง่ เสริมการปกครองท้องถิ่น

กรอบแนวคิดในการขับเคล่ือนปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง
จากภารกจิ ของกรมฯ และภารกิจทไี่ ดร้ ับมอบหมายจากกระทรวงมหาดไทย กรมฯ จึงได้น้อมนา

หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มาขยายผลในกระบวนการทางาน โดยยึดเป็นแนวทางการในดาเนิน
ตามภารกิจเก่ียวกับการส่งเสริมการเรียนรู้และการมีส่วนร่วมของประชาชน ส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐกิจ
ฐานรากให้มีความม่ันคงและมีเสถียรภาพ กรมการพัฒนาชุมชนจึงเร่ิมดาเนินการพัฒนาหมู่บ้าน
ทั่วประเทศ จานวน 74,435 หมู่บ้าน (ข้อมูลจานวนหมู่บ้าน ตามประกาศกรมการปกครอง
กระทรวงมหาดไทย พ.ศ.2549) โดยส่งเสริมให้หมู่บ้าน/ชุมชนเดินตามรอยเท้าพ่อสู่วิถีชีวิตเศรษฐกิจ
พอเพียงด้วยหลักการมีส่วนร่วม เปิดโอกาสให้ประชาชนในหมู่บ้าน/ชุมชน เป็นผู้ดาเนินการพัฒนาเพ่ือ
ตนเอง ซ่ึงเป็นกิจกรรมท่ีส่งเสริมประชาธิปไตยในชุมชน และสอดคล้องตามแนวคิดประชาชนเป็น
ศูนย์กลางผ่านการเรียนรู้ด้วยการปฏิบัติจริง โดยมีรูปธรรมของความพอเพียงตามเกณฑ์ 6 ด้าน 1)
การลดรายจ่าย 2) การเพิ่มรายได้ 3) การออม 4) การเรียนรู้ 5) การอนุรักษ์ส่ิงแวดล้อมและใช้
ทรพั ยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน และ 6) ดา้ นการเอ้ืออารตี ่อกนั ซ่ึงมีรายละเอยี ดตามตารางดังน้ี

การพัฒนาหมู่บา้ นเศรษฐกจิ พอเพยี ง เพื่อสร้างความสขุ ใหช้ มุ ชน 12

ตารางแสดงแบบประเมนิ และแบบรายงานผลตัวชว้ี ดั การน้อมนาปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง
ในการดาเนนิ วิถีชีวติ ของชุมชน 6 ดา้ น 12 ตัวชี้วดั (6x2)

ระดับคะแนน คะแนน

ตัวชี้วัด 12 3 ที่ได้

1. ด้านการลดรายจา่ ย  50 % ของ คร. 51 – 75 % ของคร. >75 % ของคร.ทัง้ หมด
1.1 ครัวเรอื นทาสวนครวั ท้ังหมด ทงั้ หมด >75 % ของคร.ทง้ั หมด
1.2 ครัวเรือนปลอด
อบายมขุ  50 % ของคร. 51-75 % ของคร.
ท้ังหมด ทง้ั หมด
2. ด้านการเพมิ่ รายได้
2.1 ครัวเรือนมอี าชพี เสรมิ  20 % ของคร. 21-30 % ของคร.ท้ังหมด >30 % ของคร.ทั้งหมด
2.2 ครัวเรอื นใช้เทคโนโลยี ทงั้ หมด 31-50 % ของคร.ทง้ั หมด >50 % ของคร.ทงั้ หมด
ท่เี หมาะสม
 30% ของคร.
3. ดา้ นการประหยดั ท้งั หมด
3.1 ครวั เรอื น
มีการออมทรัพย์  50 %ของคร. 51-75 % ของคร. >75 % ของคร.ทั้งหมด
3.2 ชุมชนมีกลุม่ ท้ังหมด ทงั้ หมด
ออมทรพั ย์
มี 1 กลมุ่ 2 กลุ่มและเชอ่ื มโยงเปน็
4. ดา้ นการเรยี นรู้ มี 1 กลุม่ และมีกจิ กรรม เครอื ขา่ ย
4.1 ชุมชนมีการสืบทอด เพ่อื หมู่บ้าน
และใชภ้ มู ปิ ญั ญาท้องถน่ิ
4.2 ครัวเรือนมีการเรยี นรู้ มีภมู ปิ ญั ญาท้องถน่ิ มีกจิ กรรมสืบทอดและใช้ภูมิ มกี จิ กรรมสบื ทอดและใช้
ปรชั ญาเศรษฐกิจ อยา่ งนอ้ ย 1 เรื่อง ปญั ญาทอ้ งถน่ิ 1 อย่าง ภมู ิปญั ญาท้องถิ่น 2
พอเพียงในชีวิตประจาวนั อย่าง
มีกจิ กรรมเรยี นรู้ 1 มีศนู ย์เรยี นรู้และการจัด
กิจกรรม กิจกรรม มีเครอื ขา่ ยเรยี นรู้กบั
ชุมชนอื่น

การพฒั นาหมูบ่ า้ นเศรษฐกจิ พอเพียง เพอื่ สรา้ งความสขุ ให้ชมุ ชน 13

ระดบั คะแนน คะแนน
ท่ีได้
ตัวช้วี ดั 1 2 3

5. ด้านการอนรุ กั ษ์  50 % ของคร.ทง้ั หมด 51-75 % ของคร.ทั้งหมด > 75 % ของคร.ทงั้ หมด
ส่ิงแวดลอ้ มและใช้
ทรพั ยากรธรรมชาตอิ ย่าง
ยงั่ ยืน

5.1 ชมุ ชนใชว้ ตั ถุดบิ อยา่ ง
ยงั่ ยืนในการประกอบ
อาชีพ

5.2 ชมุ ชนปลกู ตน้ ไมใ้ ห้ มีการปลูกตน้ ไม้ ปลี ะ 1 มกี ิจกรรมการ ปลูกต้นไม้ มีกิจกรรมการปลูกต้นไม้
ร่มรนื่ เปน็ หมบู่ ้าน ครั้ง และดแู ลรกั ษา
นา่ อยู่ ปลี ะ 2-3 คร้งั มากกว่า 3 ครัง้ ขึน้ ไป

6. ด้านการเออื้ อารีต่อกนั

6.1 ชมุ ชนมกี ารดแู ล  50 % ของคนจน/ดอ้ ย 51-75 % ของคนจน/ > 75 % ของคนจน/
ช่วยเหลือคนจน โอกาส /ประสบปญั หา ด้อยโอกาส /ประสบปัญหา ด้อยโอกาส /ประสบ
คนดอ้ ยโอกาส และ ปญั หา
คนประสบปัญหา

6.2 ชมุ ชน “รรู้ กั สามคั ค”ี มีกจิ กรรมการแกป้ ญั หา มีกิจกรรมการแก้ปญั หา มกี ิจกรรมการแกป้ ญั หา
ร่วมกนั 1 กิจกรรม
รว่ มกัน 2 กิจกรรม รว่ มกัน 3 กิจกรรมขนึ้ ไป

รวมคะแนน

หมายเหตุ : 1. มท.สนบั สนุนเกษตรทฤษฎใี หม่ ใหเ้ ปน็ แนวทางส่เู ศรษฐกิจพอเพียงสาหรับเกษตรกร
2. จังหวดั สามารถพจิ ารณาดาเนนิ การใหม้ ีการเพ่มิ ตวั ชวี้ ดั ได้ตามความเหมาะสมของแต่ละพน้ื ท่ี

การพัฒนาหม่บู า้ นเศรษฐกจิ พอเพียง เพื่อสร้างความสุขให้ชมุ ชน 14

คาอธิบายตวั ช้ีวดั 6 ดา้ น 12 ตวั ชีว้ ัด
หมูบ่ า้ นท่ียึดถอื ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี งเป็นรากฐานของชีวติ

ตวั ช้ีวัด คาอธบิ าย

1. ด้านการลดรายจา่ ย

1.1 ครัวเรอื นทาสวนครวั 1.1 ครัวเรอื นใช้พื้นทวี่ ่างบรเิ วณบ้านหรือ ใช้กระถาง/ภาชนะ

ที่ทิง้ แลว้ ในการปลูกผักไว้กนิ เองในครอบครวั รวมทงั้

การปลูกผกั แบบแขวน ในกรณีพ้นื ทท่ี ี่ไม่สามารถปลกู ผกั ได้

อาจมกี ิจกรรมอ่ืนท่ีทดแทนกันได้ เช่นพน้ื ทีช่ าวเล มีการหา

ปลากินเองเป็นต้น

1.2 ครัวเรอื นปลอดอบายมุข 1.2 สมาชิกทกุ คนในครัวเรือน ไมเ่ สพสง่ิ เสพตดิ ไมเ่ ล่นการ

พนนั ประพฤติตนอยู่ในศีลธรรมอันดี

2. ด้านการเพม่ิ รายได้

2.1 ครัวเรือนมอี าชพี เสริม 2.1 ครวั เรือนมีอาชพี อื่นนอกจากอาชีพหลักทที่ าประจา

ทาให้ครวั เรือนมรี ายไดเ้ พิ่มขน้ึ

2.2 ครัวเรอื นใช้เทคโนโลยี

ทเ่ี หมาะสม 2.2 ครัวเรอื นมีการใชอ้ ปุ กรณ์ เครอ่ื งมอื ในการประกอบ อาชีพ หรือ

สิ่งอานวยความสะดวกในครวั เรอื นทเ่ี หมาะสมกบั สภาพท้องถ่ิน

ทาให้เกิดความคุ้มค่าและประหยดั เชน่ การใชป้ ๋ยุ ชวี ภาพใน

การเพาะปลูกและไดผ้ ลผลติ ค้มุ คา่ การปลกู ผกั ปลอดสารพษิ

การใช้พลังงาน ทดแทน ฯลฯ

3. ด้านการประหยดั

3.1 ครวั เรอื นมีการออมทรัพย์ 3.1 สมาชกิ ในครัวเรอื นมกี ารฝากเงนิ ไว้กบั ธนาคาร/สถาบัน

การเงนิ /กลุ่มออมทรพั ย์ฯ/หรือกล่มุ อื่นๆท่ีมีการรับฝากเงนิ

กับสมาชิก

3.2 ชมุ ชนมกี ล่มุ ออมทรพั ย์ฯ 3.2 กลมุ่ ออมทรพั ยเ์ พ่อื การผลติ หรือกลมุ่ ออมทรพั ย์อ่ืนท่ีมี

ลกั ษณะคลา้ ยกัน เชน่ กลมุ่ สจั จะออมทรัพย์ /

กลมุ่ ออมทรัพยส์ ตรี/ กลมุ่ ออมทรัพย์ของกลุ่มอาชีพต่างๆ

เปน็ ตน้

- มีการเชือ่ มโยงเครอื ข่าย - การเชอ่ื มโยงกลุ่ม/องค์กรต่างๆในพ้นื ทีห่ รอื พ้นื ที่อ่ืน

4. ด้านการเรยี นรู้

4.1 ชมุ ชนมกี ารสบื ทอด 4.1 ชุมชนมกี ารบันทึกภมู ปิ ัญญาในรปู แบบต่างๆ

และใช้ภมู ิปญั ญาท้องถ่นิ มีการถ่ายทอดและนาไปใชป้ ระโยชน์อย่างกวา้ งขวาง

4.2 ครัวเรอื นมกี ารเรียนรู้ 4.2 คนในครัวเรือนมีการพดู คยุ

ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง แลกเปลยี่ นความคดิ เห็นจดั เวทกี ารเรยี นรู้

ในชวี ติ ประจาวัน หรือกจิ กรรมทกี่ อ่ ให้เกิดการเรยี นรู้นาไปสู่

ความเข้าใจในการดารงชีวิตตามปรชั ญา

ของเศรษฐกจิ พอเพียง

การพฒั นาหม่บู า้ นเศรษฐกจิ พอเพียง เพ่ือสร้างความสุขให้ชมุ ชน 15

5. ดา้ นการอนรุ ักษส์ งิ่ แวดล้อมและใชท้ รัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน

5.1 ชมุ ชนใช้วตั ถุดิบอย่าง

ยั่งยืนในการประกอบอาชพี 5.1 ชมุ ชนมีการใชว้ สั ดหุ รือทรัพยากรท่ีมีอยู่ในชุมชนอย่างค้มุ คา่

และประหยัดในการประกอบอาชีพ โดยมกี ารวางแผน

จดั หาทรพั ยากรทดแทน ควบคกู่ ับการอนรุ ักษ์ เชน่ การปลกู

พชื /เลีย้ งสัตวท์ ดแทน การดูแลรักษาแหลง่ น้า ปาุ ไม้

และส่งิ แวดล้อม เปน็ ตน้

5.2 ชมุ ชนปลกู ต้นไม้ให้รม่ รื่น

เป็นหมู่บา้ นน่าอยู่ 5.2 ชมุ ชนสง่ เสรมิ ให้มีการปลูกต้นไมบ้ ริเวณที่สาธารณะ

ถนนในหมบู่ ้าน บริเวณบ้าน หรอื ทีว่ า่ งในหมู่บ้าน ฯลฯ

และมกี ารดูแลรกั ษาอย่างตอ่ เนื่อง

6. ด้านการเอ้อื อารตี ่อกนั

6.1 ชมุ ชนมกี ารดูแลช่วยเหลอื

คนจนคนดอ้ ยโอกาสและ

คนประสบปัญหา 6.1 ชมุ ชนมีการจดั สวสั ดกิ ารสาหรบั คนจน คนด้อยโอกาส และ

คนประสบปัญหา เชน่ การจดั ให้มีกองทนุ ประกอบอาชพี

กองทุนสงเคราะห์ ตา่ ง ๆ การจัดสรรเงินกาไรจากกองทุน

ชุมชนเพ่ือเปน็ สวสั ดิการ การจดั ตั้งศูนยส์ งเคราะหร์ าษฎร

ประจาหมูบ่ า้ น ตลอดจนมกี ารชว่ ยเหลอื เกื้อกูลกัน

ในรูปแบบอ่ืนๆ ทีม่ ใิ ชเ่ ก่ียวกบั การเงิน เป็นต้น

6.2 ชมุ ชน"ร้รู กั สามัคคี" 6.2 ชุมชนมีการมีการจดั ทาแผนชุมชนและนาแผนไปสู่

การปฏิบัตเิ พือ่ การแก้ไขปัญหาชมุ ชนร่วมกัน

 ค่าคะแนนผา่ นเกณฑ์การประเมนิ 
ต้องไดค้ ะแนนไมน่ อ้ ยกว่า ร้อยละ 50 และตอ้ งไดค้ ะแนนครบทุกดา้ น

การพฒั นาหมู่บา้ นเศรษฐกจิ พอเพียง เพ่อื สร้างความสขุ ใหช้ มุ ชน 16

ผลการดาเนินงานปรากฏว่า ประสบความสาเร็จในระดับที่น่าพอใจ โดยในปี 2551 มีหมู่บ้าน
ผ่านเกณฑ์ตวั ชีว้ ัด 58,537 หมูบ่ ้าน

แผนภาพแสดงผลการดาเนินงานประเมนิ หมู่บา้ นตามตัวชีว้ ัด 6x2

๒. การยกระดับการพัฒนาหมูบ่ ้านเศรษฐกจิ พอเพียง ส่คู วามเป็นต้นแบบ ปี 2552 - 2560

ตอ่ มากรมการพัฒนาชมุ ชน ได้ขยายผลการทางานส่คู วามย่ังยนื โดยทาหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง
ใหเ้ ปน็ ตน้ แบบ มีศักยภาพ 4 ด้าน 23 ตวั ชว้ี ัด ตามแผนภาพดังนี้

แผนภาพแสดงตวั ชี้วัดหมู่บา้ นเศรษฐกจิ พอเพยี งตน้ แบบ
การพัฒนาหมบู่ ้านเศรษฐกิจพอเพยี ง เพ่อื สรา้ งความสุขให้ชมุ ชน 17

ดา้ นจติ ใจและสงั คม (สามัคคี มขี ้อตกลงของหมู่บ้าน มกี องทุน ยึดหลักประชาธปิ ไตย
มีคุณธรรม/จริยธรรม ชมุ ชนปลอดอบายมขุ )

ดา้ นเศรษฐกจิ (จัดทาบัญชีครัวเรือน ลดรายจา่ ย สร้างรายได้ รวมกลุ่มพฒั นาอาชพี การ
ออม มกี ลุ่มในรูปแบบวสิ าหกิจชุมชน)

ด้านการเรียนรู้ (มแี ละใชข้ อ้ มลู ชมุ ชน ใชภ้ ูมปิ ัญญาท้องถนิ่ สร้างคุณค่า มีศูนย์เรยี นรู้ ใช้
เทคโนโลยีท่เี หมาะสมกับหม่บู ้าน สรา้ งเครือข่ายการพฒั นา)

ด้านทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดล้อม (มีจติ สานึกในการอนรุ ักษ์ฯ มีกลุ่ม / องคก์ รด้าน
สิง่ แวดลอ้ ม มีการใชพ้ ลังงานทดแทนและการสรา้ งมลู คา่ เพ่ิมจากทรัพยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ ม)

แบ่งศักยภาพการพฒั นาหม่บู ้าน เปน็ 3 ระดบั คือ
ระดับ “พออยู่ พอกิน” เปน็ ตน้ แบบในการใช้ชีวิตพงึ่ ตนเอง เน้นการปฏิบัติทากิน ทาใช้ใน
ครวั เรอื น เพ่ือลดรายจา่ ย เพิ่มรายไดแ้ ละมีการออม
ระดับ “อยู่ดี กินดี” เป็นต้นแบบในการบริหารจัดการพัฒนาในรูปกลุ่ม การพัฒนารายได้
ดว้ ยระบบกลุม่ เพื่อเพม่ิ รายไดแ้ ละขยายโอกาสคนในชุมชน
ระดับ “มั่งมี ศรีสุข” เป็นต้นแบบการบริหารการพัฒนาในรูปแบบองค์กรเครือข่าย เพ่ือใช้
ศักยภาพในการดาเนินการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน เพื่อขยายโอกาสในการประกอบอาชีพ
และส่งเสรมิ การจดั สวสั ดิการให้กับคนในหมู่บ้านชมุ ชน
***ทัง้ 3 ระดับน้ี สามารถพัฒนาไปได้ท้ังในระดับของตนเอง หรือพัฒนาเป็นระดับ หรือเป็น
ข้ันตอนต่อกันไป

2.1 กลไกในการขบั เคลือ่ นการพฒั นาหมู่บา้ นเศรษฐกจิ พอเพยี ง
เพ่ือให้การขับเคลื่อนปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม และ

มีประสิทธิภาพสูงสุด กระทรวงมหาดไทยจึงมีคาสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคล่ือนปรัชญาของเศรษฐกิจ
พอเพยี ง กระทรวงมหาดไทย ดังน้ี

1) คาสั่งกระทรวงมหาดไทย ท่ี 525/2551 ลงวันที่ 11 พฤศจิกายน 2551 เรื่อง
คณะกรรมการอานวยการขับเคลื่อนปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง กระทรวงมหาดไทย โดยมี
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่ปรึกษา ปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นประธานกรรมการ อธิบดี
กรมการพัฒนาชมุ ชนเป็นกรรมการ

2) คาส่ังกระทรวงมหาดไทย ที่ 64/2552 ลงวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2552 เรื่อง แต่งต้ัง
คณะทางานสนับสนุนการพัฒนาหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง กระทรวงมหาดไทย โดยมี รองปลัดกระทรวง
มหาดไทย(หวั หน้ากลุ่มภารกจิ ด้านพัฒนาชุมชนและส่งเสริมการปกครองท้องถ่ิน) เป็นหัวหน้าคณะทางาน
ผ้อู านวยการสานกั เสริมสร้างความเข้มแขง็ ชมุ ชน กรมการพฒั นาชุมชน เป็นเลขานุการ

3) คณะกรรมการขับเคล่ือนปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงระดับจังหวัด ประกอบด้วย
ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธาน รองผู้ว่าราชการจังหวัด ปลัดจังหวัด และนายกองค์การบริหารส่วน
จงั หวดั เป็นรองประธาน ผู้บังคับการจังหวัดทหารบก ผู้บังคับการตารวจภูธรจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ
จงั หวดั ที่ประธานกรรมการมอบหมาย นายอาเภอทุกอาเภอ ผู้บริหารสถานศึกษาตามที่ประธานกรรมการ
เห็นสมควรแต่งต้ัง ผู้ทรงคุณวุฒิท่ีประธานกรรมการเห็นสมควรแต่งตั้งและจ่าจังหวัด เป็นกรรมการและมี
พัฒนาการจงั หวัด เปน็ กรรมการและเลขานกุ าร

4) คณะกรรมการขับเคลื่อนปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงระดับอาเภอ ประกอบด้วย
นายอาเภอเป็นประธานกรรมการ ปลัดอาเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง และนายกเทศมนตรี

การพัฒนาหมู่บ้านเศรษฐกจิ พอเพยี ง เพื่อสรา้ งความสขุ ให้ชมุ ชน 18

นคร/เมือง เป็นรองประธาน หัวหน้าส่วนราชการประจาอาเภอท่ีประธานกรรมการเห็นสมควรแต่งตั้ง
นายกองคก์ ารบริหารส่วนตาบล ทกุ ตาบล กานันทกุ ตาบล นายกเทศมนตรตี าบลทกุ แห่ง เป็นกรรมการ และมี
พัฒนาการอาเภอ เป็นกรรมการและเลขานกุ าร

5) ชุดปฏิบัติการขับเคลื่อนฯ ระดับตาบล/หมู่บ้าน ประกอบด้วย ปลัดอาเภอเป็น
ที่ปรึกษา มีพัฒนากรเป็นหัวหน้าชุด อาสาพัฒนาชุมชน และผู้นากลุ่มองค์กร/องค์กรในชุมชน
เป็นชดุ ปฏบิ ัตกิ าร

2.2 หนว่ ยงานภาคีการขบั เคล่อื นการพฒั นาหมู่บา้ นเศรษฐกิจพอเพยี ง
 ครม. มีมติเม่ือวันที่ 20 พฤศจิกายน 2550 เห็นชอบให้ทุกหน่วยงานท่ีมีส่วนเกี่ยวข้อง
ในการพัฒนาชนบท ร่วมกันเป็นภาคี และให้การสนับสนุนการขับเคลื่อน ”
ระเบยี บวาระแหง่ ชมุ ชน”

 กา ร ล ง น าม บั น ทึ ก ค วา ม ร่ ว ม มื อเ พ่ื อ ขั บ เค ล่ื อ น ร ะ เบี ย บ แ ห่ ง วา ร ะ ชุ ม ช น
จานวน 21 หน่วยงาน

ซึ่งมีโครงการร่วมกนั ในการสง่ เสรมิ และสนบั สนนุ ให้ชุมชนดาเนินการ คือ
1. จดั ทาและยกระดบั แผนชมุ ชนให้มีคุณภาพ
2. ขยายผลการขบั เคลือ่ นปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
3. ศูนยก์ ารเรยี นรชู้ ุมชนเปน็ เครือ่ งมอื ให้ประชาชนเกดิ การเรยี นรู้และมสี ่วนรว่ ม

หน่วยงานท่ีร่วมมือ มีดังน้ี ระหว่าง สานักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย กรมการพัฒนา
ชุมชน กรมการปกครอง กรมส่งเสริมการปกครองท้องถ่ิน กรมท่ีดิน กรมโยธาธิการและผังเมือง กรม
ปูองกันและบรรเทาสาธารณภัย กับ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กรมส่งเสริมการเกษตร กรม
สนับสนุนบริการสุขภาพ สานักบริหารการศึกษานอกโรงเรียน ธนาคารเพ่ือการเกษตรและสหกรณ์
การเกษตร สานักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย สานักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ สถาบัน
พัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) สมาคมผู้นาอาสาพัฒนาชุมชนไทย สมาคมผู้นาสตรีพัฒนาชุมชน
ไทย สมาคมกานันผู้ใหญ่บ้านแห่งประเทศไทย สมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย สมาคม
สันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย และสมาคมองคก์ ารบริหารส่วนตาบล

ในปงี บประมาณ พ.ศ. 2560 รัฐบาลให้ความสาคัญกับการน้อมนาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ
พอเพียงมาเป็นแนวทางในการพัฒนาประเทศ กระทรวงมหาดไทย จึงได้กาหนดกลไกในการขับเคล่ือน
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม และมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยการแต่งตั้ง
คณะกรรมการบริหารศูนย์อานวยการขจัดความยากจนและพัฒนาชนบทตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ
พอเพียง กระทรวงมหาดไทย (ศจพ.มท.) ตามคาส่ังกระทรวงมหาดไทย ท่ี 310 / 2560 ลงวันท่ี 9
มีนาคม 2560 โดยมี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
เป็นท่ีปรึกษา ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้อานวยการศูนย์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน และที่ปรึกษา
ด้านการปกครอง สานักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นกรรมการและเลขานุการร่วม เพื่อให้ ศจพ.มท.
เปน็ กลไกขับเคลอ่ื นในระดบั ประเทศ

ในระดับจังหวัด ให้มีคณะกรรมการบริหารศูนย์อานวยการปฏิบัติการขจัดความยากจนและ
พัฒนาชนบทตามปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงจงั หวดั (ศจพ.จ.)

การพัฒนาหมบู่ ้านเศรษฐกจิ พอเพยี ง เพ่อื สรา้ งความสขุ ให้ชมุ ชน 19

ในระดับอาเภอ ให้มีคณะกรรมการบริหารศูนย์อานวยการปฏิบัติการขจัดความยากจนและ
พัฒนาชนบทตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งอาเภอ (ศจพ.อ.)

ในระดบั ตาบล ให้มที มี ตาบล
ในระดับหม่บู า้ น ใหค้ ณะกรรมการหมบู่ า้ น (กม.) หรือคณะกรรมการหมู่บ้าน อพป. เปน็ กลไกใน
การขบั เคล่ือนการดาเนนิ งาน
2.3 การดาเนินงานพัฒนาหมู่บา้ นเศรษฐกิจพอเพียงตน้ แบบ
๒.๓.1 กาหนดบทบาทภารกจิ ของกลไกขับเคลอ่ื นในระดับพ้นื ที่

1) คณะกรรมการหมู่บ้าน พร้อมด้วย พัฒนากร อาสาสมัคร ดาเนินการกระตุ้นความคิด
ร่วมหาทางออกในการแก้ไขปัญหาของครัวเรือนและชุมชนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ด้วย
ตัวชี้วัด 6x2 นาหมู่บ้านท่ีผ่านเกณฑ์ตัวช้ีวัด 6x2 คือมีคะแนนรวมเกิน 18 คะแนน มาทาการประเมิน
ดว้ ยเกณฑป์ ระเมิน 4 ด้าน 23 ตัวชว้ี ดั เพ่อื จดั ระดบั หมูบ่ ้านเปน็ 3 ระดับ คือ “พออยู่ พอกิน” “อยู่ดี กิน
ด”ี และ “มั่งมี ศรีสขุ ”

นาหมู่บ้านที่ผ่านการจัดระดับ และมีความพร้อม มาดาเนินการ ส่งเสริมการพัฒนา ด้วยการสร้างความรู้
ความสามารถของแกนนาชุมชน ในการขับเคล่ือนการพัฒนาหมู่บ้าน สร้างความรู้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจ
พอเพียงให้กับครอบครัวพัฒนา พัฒนาทักษะการดารงชีวิตและขับเคล่ือนกิจกรรมการพัฒนาชุมชนโดย
ชุมชนเอง

2) คณะทางานระดับตาบล อาเภอ จังหวัด ประเมินผลการพฒั นา รับรองและใหจ้ งั หวดั ประกาศ
เป็นหมู่บ้านเศรษฐกจิ พอเพยี งต้นแบบ

การพัฒนาหมบู่ ้านเศรษฐกจิ พอเพยี ง เพ่อื สร้างความสุขให้ชมุ ชน 20

๒.๓.๒ Road map การพัฒนาหมบู่ า้ นเศรษฐกจิ พอเพยี งต้นแบบ
Road map

X

แผนภาพแสดง Road map การพฒั นาหม่บู ้านเศรษฐกจิ พอเพียง
การพัฒนาหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง คือ การจัดการพัฒนาหมู่บ้านหรือชุมชน ประชาชนให้มีวิถี
ชีวิตเศรษฐกิจพอเพียงและอยู่ดีมีสุข ด้วยการน้อมนาปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัว มาเป็นแนวทางในการดาเนินงาน โดยเน้นประชาชนเป็นศูนย์กลางการพัฒนาในการ
เสริมสร้างชมุ ชนใหเ้ ขม้ แข็ง

การพฒั นาหมบู่ ้านเศรษฐกิจพอเพยี ง เพ่อื สร้างความสขุ ใหช้ มุ ชน 21

การพัฒนาชนบทโดยนาแนวทางการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดาริมาใช้ เพื่อเป็นตัว
แบบหรือแนวทางให้กับหน่วยงาน หมู่บ้านหรือชุมชน ประชาชน นาไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับการ
ดาเนินงานในพื้นที่ ด้วยการประสานพลังระหว่างภาคีการพัฒนาในระดับต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น
หน่วยงานราชการ ปราชญ์ชาวบ้าน องค์กรพัฒนาเอกชน เอกชน สถาบันการศึกษาและประชาชนใน
พ้ืนท่ี ซ่ึงเกิดด้วยแนวคิดการบูรณาการในด้านต่างๆ นาไปสู่กระบวนการเรียนรู้ เพื่อช่วยเหลือตนเอง
และพึ่งตนเองได้

ข้ันตอนการดาเนนิ การ
การดาเนนิ การจดั เป็น 4 ข้นั ประกอบดว้ ย

ข้ันที่ 1. การประเมินและการแยกประเภทหมบู่ ้านหรอื ชุมชน
1) การพัฒนาหมู่บ้านจะดาเนินในหมู่บ้านตามประกาศของกระทรวงมหาดไทย ใช้ฐานข้อมูล

กรมการปกครอง พ.ศ. 2549 จานวน 74,435 หมู่บ้าน ตามสภาพภูมิสังคมของแต่ละหมู่บ้าน
โดยการประสานพลังการพัฒนาจากภายในชุมชน (Outside-in) โดยกระบวนการแผนชุมชน และ
พลังการสง่ เสรมิ สนบั สนุน ของหน่วยงานจากภายนอก ในการจัดกิจกรรมเพื่อสร้างการเรียนรู้และพัฒนา
ทักษะชวี ติ ของชมุ ชน

2) ส่งเสริมหมู่บ้านหรือชุมชน ให้มีวิถีชีวิตเศรษฐกิจพอเพียง ด้วยหลักการการมีส่วนร่วม เปิด
โอกาสให้ประชาชนในหมู่บ้านหรือชุมชนเป็นผู้ดาเนินการพัฒนาเพ่ือตนเอง ตามแนวคิดประชาชนเป็น
ศูนย์กลางด้วยการเรียนรู้ด้วยการปฏิบัติจริง โดยมีเปูาหมายการพัฒนา ตามเกณฑ์ ประเมิน
6 ด้าน 12 ตัวช้ีวัด โดยมีพัฒนากร อาสาสมัคร ผู้นาชุมชน ร่วมเป็นชุดปฏิบัติการขับเคล่ือนร่วมกับภาคี
การพฒั นา ทาให้มหี มู่บา้ นทีผ่ ่านเกณฑ์ตวั ชวี้ ดั

3) ส่งเสริมหมู่บ้านหรือชุมชนเพ่ือยกระดับเป็นแหล่งเรียนรู้ ในหมู่บ้านที่มีการดาเนินการ
ขับเคลื่อนปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงผ่านเกณฑ์ 6 ด้าน 12 ตัวชี้วัดแล้ว ให้มีกิจกรรมแลกเปล่ียน
เรยี นรู้ เพิ่มความสามารถของครอบครัวทดี่ าเนินการให้สามารถถา่ ยทอดความรู้ ประสบการณ์ กาหนดเป็น
จุดเรยี นรใู้ นหมู่บ้าน และทาให้ชมุ ชนเปน็ แหล่งเรยี นรูด้ ้วยการมีการจัดตั้งศูนย์เรียนรู้ชุมชนเพ่ือจัดกิจกรรม
ให้การเรียนรู้ร่วมกันของคนในหมู่บ้านหรือชุมชน และให้การเรียนรู้แก่ผู้สนใจจากภายนอกชุมชนซึ่งได้
ดาเนินการส่งเสรมิ ให้หม่บู า้ นเปน็ แหล่งเรยี นรู้ได้

4) การดาเนินการส่งเสริมการขับเคล่ือนปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง คานึงถึง อัตลักษณ์และ
ภมู ิสงั คมของแต่ละชมุ ชน เพอ่ื การใช้วิธกี ารในการส่งเสริมที่แตกต่างกัน ระหว่างในหมู่บ้านหรือชุมชนท่ัวๆ
ไป กบั หม่บู ้านหรือชมุ ชน ในพืน้ ทห่ี า่ งไกลและกันดาร ที่ใช้ในแนวทางการประกวดผลงานตามปรัชญาของ
เศรษฐกิจพอเพียงของสานักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดาริ
(กปร.) เป็นหมู่บ้านมีลักษณะเป็นพื้นท่ีสูงเป็นท่ีอยู่ของชาวเขา ชนกลุ่มน้อย พ้ืนท่ีพัฒนาเพ่ือความม่ันคง
ตามแนวชายแดน พ้ืนท่ีท่ีเส้นทางการคมนาคมยากลาบากห่างไกล เสี่ยงภัยมีโรคภัยไข้เจ็บชุกชุม มีความ
เป็นอยู่ยากลาบาก ดังนั้น เพื่อให้เกิดผลในทางปฏิบัติผู้ทาหน้าท่ีส่งเสริมการพัฒนาจึงต้องพิจารณาและ
ศึกษาสภาพชุมชนเพื่อเตรียมความพร้อมให้เข้าใจ เพ่ือเลือกวิธีการเข้าถึง เพื่อการพัฒนาที่สัมฤทธ์ิผล

การพฒั นาหมู่บ้านเศรษฐกจิ พอเพียง เพือ่ สรา้ งความสขุ ให้ชมุ ชน 22

ขั้นที่ 2 การคัดเลือกหมู่บ้านหรือชุมชน เป็นพื้นที่เป้าหมายในการพัฒนาเป็นหมู่บ้านพัฒนา
ตามแนวคดิ เศรษฐกจิ พอเพยี งต้นแบบ
1) การประเมินหมู่บ้าน/ชุมชน ที่มีวิถีชีวิตตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 6 ด้านแล้ว

สานักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดจะทาการประเมินหมู่บ้านหรือชุมชน เพื่อแยกระดับหมู่บ้านตามแนวคิด
เศรษฐกจิ พอเพียง โดยใชเ้ กณฑช์ ีว้ ัดของกระทรวงมหาดไทย 4 ดา้ น 23 ตัวชี้วดั เปน็ เกณฑ์ในการประเมิน
และพิจารณาแยกประเภท จัดระดับหมู่บ้าน โดยมุ่งเน้นให้เสนอหมู่บ้านที่ผ่านเกณฑ์จริงๆ เน้นในเชิง
คุณภาพ ไมเ่ น้นปรมิ าณ

2) สานกั งานพฒั นาชมุ ชนจงั หวัดจัดทาบญั ชีหมู่บา้ นเปูาหมาย โดยการนาผลการประเมินหมู่บ้าน
มาจัดประเภทของแต่ละหมู่บ้าน เป็นหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงขั้นพื้นฐาน คือหมู่บ้านท่ีผ่านเกณฑ์ เป็น
หมบู่ า้ น ระดบั “พออยู่ พอกิน” และข้นั ก้าวหน้า คือหมู่บ้านที่ผ่านเกณฑ์เป็นหมู่บ้าน ระดับ “อยู่ดี กินดี”
และระดับ “ม่ังมี ศรีสุข” ซึ่งทั้ง 3 ระดับระดับนี้สามารถพัฒนาไปได้ เฉพาะระดับของตนเอง
ไม่จาเป็นตอ้ งพฒั นาเป็นลาดบั หรอื ขั้นตอนต่อกันไป

3) การตรวจสอบผลการประเมินหมู่บ้านและชุมชน และจัดเรียงลาดับ เพื่อกาหนดหมู่บ้าน
เปูาหมาย โดยสานักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดนาเสนอผลการประเมินให้ศูนย์อานวยการปฏิบัติการขจัด
ความยากจนและพัฒนาชนบทตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงจังหวัด (ศจพ.จ.) พิจารณาตรวจสอบ
และจัดลาดับหมู่บ้านเป็นหมู่บ้านพัฒนาตามแนวคิดปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในแต่ละระดับของ
จังหวัด พร้อมท้งั กาหนดหมบู่ า้ นเปาู หมายในการพัฒนาใหเ้ ป็นหมู่บา้ นต้นแบบของจังหวดั

ข้ันท่ี 3 การพัฒนาขยายผลวถิ ีชีวติ ประชาชนตามแนวคิดปรชั ญาของเศรษฐกิจพอพยี ง
เม่ือกาหนดหมู่บ้านเปูาหมายในแต่ละระดับ ของจังหวัดแล้วเพื่อให้เกิดการพัฒนาให้เป็นหมู่บ้าน

พัฒนาตามแนวคิดปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบ จึงต้องมีกิจกรรมเพ่ือเพ่ิมความสามารถของ
ประชาชน และศกั ยภาพของชมุ ชน คือ

1) การเพ่ิมศักยภาพ ของแกนนาชุมชน ให้มีความสามารถในการขับเคลื่อนการพัฒนาหมู่บ้าน
หรือชุมชนได้ด้วยชุมชนเอง โดยให้ศูนย์ช่วยเหลือทางวิชาการพัฒนาชุมชนเขต เป็นผู้รับผิดชอบฝึกอบรม
สรา้ งแกนนาการพฒั นาหมบู่ ้านซ่งึ เปน็ ตวั แทนจากหมูบ่ า้ นเปาู หมาย

2) การพัฒนาหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง ตามเปูาหมายในการเป็นหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง
ต้นแบบ แยกเป็นหมู่บ้านระดับ “พออยู่ พอกิน” หมู่บ้านระดับ “อยู่ดี กินดี” และหมู่บ้าน ระดับ มั่งมี
ศรสี ุข” บา้ นมงุ่ หมายใหป้ ระชาชนในหมูบ่ ้านน้อมนาแนวคดิ ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงไปใช้เป็นวิถีชีวิต
ของชุมชน จงั หวัดจะจัดกจิ กรรมเพอ่ื

- สร้างการเรียนรู้ของประชาชนและเกิดการยอมรับปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ใน
ชีวิตประจาวัน

- กิจกรรมเพิ่มทักษะการประกอบกิจกรรมการดารงชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียงในครัวเรือน
ทักษะการบริหารจัดการกิจกรรมกลุ่ม ทักษะการบริการจัดการเครือข่ายเพื่อการพัฒนา ทั้งนี้
ให้เป็นไปตามพนื้ ฐานของหม่บู า้ นและระดับหมู่บ้านเปูาหมาย พร้อมท้ังมกี ารจัดการความรู้เพือ่ ค้นหา

- กิจกรรมเพิ่มทักษะการบริหารจัดการชุมชน เป็นการทบทวน ปรับประยุกต์ข้ันตอน รูปแบบ
การพัฒนาหมู่บ้านเพื่อสร้างความยั่งยืนของการพัฒนา หรือกิจกรรมสร้างการเรียนรู้วิถีประชาธิปไตย
กจิ กรรมสรา้ งความรัก ความเข้าใจ ความสมานฉันท์ สามัคคใี นหมู่บ้าน

- สรุปผลการเรียนรู้จากการปฏิบัติ เป็นการเรียนรู้จากประสบการณ์ เพื่อนาองค์ความรู้ ภูมิปัญญา
ไปจัดให้เป็นแหล่งเรียนรู้ และกิจกรรมในศูนย์เรียนรู้ของชุมชนเพื่อขยายผลสู่หมู่บ้าน ชุมชนอื่นๆ ต่อไป

การพัฒนาหมูบ่ า้ นเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อสร้างความสุขให้ชมุ ชน 23

รวมทั้ง การประเมินความ “อยู่เย็นเป็นสุข” หรือความสุขมวลรวมของชุมชน (Gross Village Happiness :
GVH) เพอื่ ทราบผลกระทบของการพฒั นาของหม่บู ้านวา่ มีระดับความสุขระดบั ใด

ขน้ั ท่ี 4 การยกยอ่ งและเชดิ ชเู กยี รติ
1) การประกาศหมบู่ า้ นเศรษฐกิจพอเพยี งต้นแบบ ด้วยคณะกรรมการประเมินผลหลังการพัฒนา

หมู่บ้าน ด้วยเกณฑ์การประเมินผลหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบของกระทรวงมหาดไทย (พิจารณา
เกณฑ์การเป็นหมู่บ้านต้นแบบเพิ่มเพ่ือให้เห็นเด่นชัด เช่น ความย่ังยืนของผลการพัฒนา ความสามารถใน
การบริหารจัดการชุมชน ความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ของหมู่บ้าน เป็นต้น ท้ังนี้ จังหวัดสามารถ
เพ่ิมเติมตัวชี้วัดได้เพ่ือความเหมาะสมของพ้ืนท่ีเพื่อแยกหมู่บ้านต้นแบบให้เห็นโดดเด่นต่างจากหมู่บ้าน
ทว่ั ไป) ตรวจสอบและประกาศความสาเรจ็ ของการเปน็ หมู่บ้านเศรษฐกจิ พอเพียงต้นแบบ

2) สนับสนุนให้เข้าสู้กระบวนการ การประกวดผลงานตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
ของสานักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดาริ (กปร.)
เพ่ือรับรางวัลถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยการสนับสนุนให้บุคคล/ ชุมชุน
เขา้ สู่กระบวนการประกวดดงั กล่าว

3) หมู่บ้านหรือชุมชนดาเนินการขับเคล่ือนการพัฒนาต่อเน่ืองเพื่อให้หมู่บ้านหรือชุมชน และ
ประชาชนมีวิถีชีวิตเศรษฐกิจพอพียงอย่างมีความสุข ด้วยการดาเนินกิจกรรมประจาวันอย่างพอเพียง ที่มี
พฤติกรรมของชุมชนประกอบดว้ ย

- มีความพอประมาณ หมายถึงความพอเหมาะต่อความจาเป็นที่ไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกินไป
โดยไม่เบยี ดเบยี นตนเองและผู้อืน่

- ยึดหลักความมีเหตุผล หมายถึงการตัดสินใจเกี่ยวกับระดับของความพอเพียงน้ันจะต้องเป็นไป
อย่างมีเหตุมีผล โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยท่ีเกี่ยวข้องตลอดจนคานึงถึงผลท่ีคาดวาจะเกิดขึ้นจากการ
กระทานนั้ ๆ อย่างรอบคอบ

- มีหลักการมีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและการ
เปล่ียนแปลงด้านต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นโดยคานึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ต่างๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น
ในอนาคต

- ด้วยเงื่อนไขความรู้ ท่ีประกอบด้วย ความรอบรู้เกี่ยวกับวิชาการต่างๆ ท่ีเก่ียวข้องอย่างรอบคอบ
ทีจ่ ะนาความรู้เหลา่ นน้ั มาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน เพอื่ ประกอบการวางแผนและความระมัดระวงั ในขั้นปฏิบตั ิ

- พ ร้ อ ม ทั้ ง เ งื่ อ น ไ ข คุ ณ ธ ร ร ม ที่ จ ะ ต้ อ ง เ ส ริ ม ส ร้ า ง ใ ห้ เ กิ ด ขึ้ น ป ร ะ ก อ บ ด้ ว ย
มีความตระหนักในคุณธรรม และมีความอดทน มีความเพียร ใช้สติปัญญาในการดาเนินชีวิต
อาศัยกระบวนการจากความสัมพันธ์ของประชาชนในการพัฒนา ต่อยอดภูมิปัญญาและวัฒนธรรมของ
ท้องถ่ิน ให้เป็นหมู่บ้านหรือชุมชนท่ีเข้มแข็งพ่ึงตนเองได้ และพร้อมท่ีจะเป็นแหล่งวิชาการให้การเรียนรู้
เพ่ือการพัฒนาให้กบั หมูบ่ ้านหรอื ชุมชนอนื่ ๆ ต่อไป

๒.๓.๓ กระบวนการพฒั นาหมูบ่ า้ นเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบ
กรมการพัฒนาชุมชนได้น้อมนาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นหลักในการพัฒนา

หมู่บา้ น มีเปูาหมายเพอ่ื ให้สังคมของหม่บู า้ น “อยูเ่ ย็น เปน็ สุข” ซ่ึงสอดคลอ้ งกบั หลกั การพัฒนาชุมชน คือ
การส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้และสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน ในการขับเคล่ือน
กระบวนการพัฒนาหมู่บ้านทั้งระบบอย่างต่อเน่ือง เพ่ือให้หมู่บ้านเป็นชุมชนที่เข้มแข็ง เศรษฐกิจฐานราก
มัน่ คง สามารถพ่ึงตนเองได้อย่างย่ังยืน โดยใช้กลไกของผู้นาชุมชนในการขับเคล่ือน ไม่ได้เลือกดาเนินการ

การพัฒนาหมู่บ้านเศรษฐกจิ พอเพียง เพอ่ื สร้างความสขุ ให้ชมุ ชน 24

เฉพาะกจิ กรรมหรือเฉพาะกลุ่มบุคคล และใช้แผนชมุ ชน ในการบรู ณาการพื้นท่ีดาเนินการและงบประมาณ
ไมส่ ามารถดาเนินงานให้เกดิ ผลสาเรจ็ ไดด้ ว้ ยหน่วยงานเดียวโดยลาพัง การดาเนินงานจึงเป็นการขับเคลื่อน
ในรปู แบบคณะกรรมการ ในทกุ ระดับ

การจัดกิจกรรมในหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบ จึงมีขั้นตอนที่เริ่มจากการพัฒนา ส่งเสริม
สนับสนุน บทบาทของผู้นาให้เปน็ แกนนาหรือหัวเร่ียวหัวแรงหลัก ในการนาประชาชนในหมู่บ้านให้ลุกขึ้น
ทากิจกรรมเพื่อจัดการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น หรืออาจจะเกิดข้ึนในอนาคต ส่งเสริมให้ผู้นาจัดกระบวนการ
ทาแผนชมุ ชน สรา้ งกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการคิด ตัดสินใจ กาหนดเปูาหมายการทางาน
โดยคนในชุมชนเอง ผลักดัน สร้างความรับผิดชอบให้เกิดกับบุคคลในชุมชนในการดาเนินการ บริหาร
จัดการในกิจกรรมตามแผนงานการพัฒนา ซึ่งสามารถบูรณาการกิจกรรมต่างๆ จากทุกหน่วยงาน โดยมี
แผนชุมชนเป็นเคร่ืองกากับการพัฒนา เม่ือได้ดาเนินการมีประสบการณ์ มีความรู้ จัดทาเป็นชุดความรู้
มีหลักสูตรสาหรับการถ่ายทอดความรู้ จัดเป็นแหล่งเรียนรู้ หรือศูนย์เรียนรู้ชุมชน เพ่ือการขยายผลใน
ฐานะหมู่บ้านต้นแบบต่อไป ซึ่งผลการจัดโครงการต่างๆ นอกจากจะจัดข้ึนเพื่อปูองกัน แก้ปัญหา อนุรักษ์
เพิ่มมูลค่าให้กับชุมชนแล้ว ยังสามารถสร้างภาวะผู้นา เสริมทักษะการจัดการและพัฒนากลุ่มต่าง ๆ
ในชุมชนใหเ้ ข้มแข็งยิ่งขึ้น เสรมิ สร้างเครอื ขา่ ยของภาคประชาชน มีการแลกเปล่ียนทรัพยากรจากภายนอก
ซ่ึงสามารถสร้างความสัมพันธ์เป็นเครือข่ายระหว่างกันทั้งกับหน่วยงาน กับองค์กร กับหมู่บ้านอ่ืน ๆ
ในลักษณะพ่ีสอนน้อง รวมท้ังใช้การถอดบทเรียนการพัฒนาและการประเมินตามเกณฑ์เครื่ องมือ
เพ่ือวางแผนและหมุนวนการพัฒนาไปอย่างไม่สิ้นสุด โดยสรุปเป็นรูปแบบจาลองกระบวนการพัฒนาได้
ทัง้ หมด 5 ข้นั ตอนหลัก ดังนี้

OTOP 2 - 4
- 5
1
-x

- GVH

-

-
-

แผนภาพแสดงกระบวนการพัฒนาหมบู่ า้ นเศรษฐกจิ พอเพียงต้นแบบ

หมูบ่ า้ นเศรษฐกิจพอเพียงขยายผลใหม่ ท่ียงั ไม่ผา่ นกระบวนการขับเคลื่อนการพัฒนาด้วยหลักปรัชญาของ
เศรษฐกิจพอเพียง ต้องเริ่มต้นจากขั้นตอนท่ี ๑ ถึงขั้นตอนที่ ๕ ด้วยระยะเวลาดาเนินการใน
รอบหนง่ึ ปงี บประมาณ สาหรับหมู่บา้ นทผ่ี ่านการพฒั นามาแลว้ เป็นกระบวนการทบทวนและขับเคล่ือนการพัฒนา
ใหเ้ กิดความต่อเนอ่ื ง โดยจดั เวทเี พ่ือดาเนนิ การในขั้นตอนท่ี ๓ ทั้งนี้ ถา้ หมบู่ ้านได้รบั งบประมาณจากหน่วยงานภาคี
การพั ฒนา หรื ออยู่ ในแผนของชุ มชน ที่ คิ ดร่ วมกั นว่ าต้ องด าเนิ นการจากขั้ นตอนที่ ๑

การพฒั นาหมูบ่ ้านเศรษฐกจิ พอเพยี ง เพ่อื สร้างความสุขให้ชมุ ชน 25

ก็สามารถดาเนินการได้ โดยการเพิ่มจานวนแกนนาหมู่บ้าน การเพิ่มจานวนครัวเรือนต้นแบบ การเพ่ิมทักษะและ
สง่ เสรมิ การบริหารจดั การชมุ ชน เป็นต้น
2.๔ แนวทางและขนั้ ตอนการประเมินหมู่บ้านเศรษฐกจิ พอเพยี งตน้ แบบ

X

- --




แผนภาพแสดงกระบวนการประเมินหมบู่ า้ นเศรษฐกจิ พอเพยี งตน้ แบบ
2.๔.1 กลไกบริหารการประเมนิ หมู่บ้านเศรษฐกจิ พอเพยี ง

กลไกในกระบวนการประเมนิ หมบู่ า้ นในแต่ละระดับ ตั้งแต่หมู่บ้าน ตาบล อาเภอ จังหวัด อาจ
ใช้ศูนย์ปฏิบัติการขจัดความยากจนและพัฒนาชนบทตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ในระดับจังหวัด
อาเภอ ตาบล หมบู่ ้าน หรือตามทีแ่ ต่ละจงั หวัดพิจารณาดาเนินการแต่งตัง้

2.๔.2 การเตรยี มความพรอ้ มก่อนการประเมนิ หมบู่ า้ น
1) กรมฯ จัดทาคู่มือ คาอธิบายตัวชี้วัด วิธีการ ขั้นตอน การประเมิน
2) การสร้างความเข้าใจแก่ผู้ประเมินในทุกระดับ จังหวัด อาเภอ
๓) จังหวัดจัดทาแผนปฏิบัติการ เพ่ือให้การส่งเสริม สนับสนุนการประเมินหมู่บ้านฯ ติดตาม

ตรวจสอบรับรอง
4) คณะทางานระดับ อาเภอ ระดับตาบล ระดับหมู่บ้าน ดาเนินการตามแผนปฏิบัติการของ

จงั หวดั

การพฒั นาหมบู่ า้ นเศรษฐกจิ พอเพียง เพ่อื สร้างความสขุ ให้ชมุ ชน 26

5) ห้วงระยะเวลาของการประเมนิ ให้ประเมินผลการดาเนินงานของหมู่บา้ น ดงั นี้
- ประเมนิ เบ้ืองต้นเพ่ือจัดระดับหมบู่ ้านเปน็ 3 ระดับ ประมาณเดือน เมษายน – พฤษภาคม
- ส่งเสริมการพัฒนาหมู่บ้าน ดาเนินการพัฒนาหมู่บ้าน ส่งเสริม สนับสนุน ติดตาม

หม่บู า้ นเปูาหมาย ประมาณเดือน มิถนุ ายน – กรกฎาคม
- ประเมินหมู่บ้านเพื่อเป็นหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบ ดาเนินการตรวจสอบ/

รบั รองและประกาศผลเปน็ หมบู่ ้านต้นแบบ ประมาณวนั ท่ี 1 – 15 สงิ หาคม
สาหรับในปีต่อไปให้ดาเนินการประเมินหมบู่ ้านตามห้วงเวลาของการจัดเก็บขอ้ มูล จปฐ.

2.๔.3 การประเมินหมูบ่ า้ นและการจดั ทาทะเบยี นขอ้ มูลหมู่บา้ น
1) ระดับหมู่บ้าน คณะกรรมการหมู่บ้าน ผู้นาชุมชน สมาชิกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใน

หมบู่ ้าน ผทู้ รงคณุ วฒุ ิ รว่ มเวทีประชาคมในการใหข้ ้อมูลตามแบบประเมนิ หมู่บา้ นฯ
2) ระดับตาบล คณะทางานฯ ผู้ดาเนินการจัดเก็บข้อมูลการประเมินหมู่บ้านฯ บันทึกข้อมูล

การพัฒนาของหมู่บ้าน โดยใช้เวทีประชาคม เพื่อให้ผู้บริหารท้องถิ่น กานัน ผู้ใหญ่บ้าน ตรวจสอบ ยืนยัน
ความครบถ้วน ถูกตอ้ งข้อมูลของหมบู่ ้านฯ

3) ระดับอาเภอ คณะทางานฯ พิจารณาตรวจสอบการประเมินหมู่บ้านของแต่ละตาบล และ
จัดทาทะเบยี นขอ้ มูลหมบู่ ้านฯ สง่ จงั หวัด

4) ระดับจังหวัด รวบรวมทะเบียนข้อมูลหมู่บ้านฯที่อาเภอประเมินแล้วเป็นระดับ 3 ระดับส่ง
ข้อมลู ให้กรมการพัฒนาชุมชน

2.๔.4 การสง่ เสรมิ พฒั นาหมู่บา้ น
1) หมู่บา้ น ดาเนินการพัฒนาหมู่บ้าน ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เรียนรู้ด้วยการ

ปฏบิ ัตจิ ริง โดยมเี ปาู หมายการพัฒนาตามเกณฑ์ประเมนิ 6 ด้าน 12 ตวั ชวี้ ัด
2) ตาบล ให้การสนับสนุนประสานพลังการพัฒนาภายในชุมชน จากภายในชุมชน และ

ภายนอกชมุ ชน
3) อาเภอ ดาเนินการส่งเสริม สนับสนุน กระบวนการเรียนรู้ และประสานการพัฒนากับ

หนว่ ยงาน
๔) จังหวดั สนับสนุนประสานการพัฒนากับหน่วยงาน และติดตามการพัฒนาหมบู่ ้าน

2.๔.5 การประกาศหมูบ่ า้ นเศรษฐกิจพอเพยี งต้นแบบ
1) ระดับอาเภอพิจารณาคัดเลือกหมู่บ้านเพ่ือเป็นต้นแบบ (ในกรณีท่ีหมู่บ้านมีผลคะแนนการ

ประเมินตามตัวช้ีวัดเท่ากัน อาจพิจารณาเพ่ิมเติมจากระบบการบริหารจัดการชุมชน ศักยภาพของการเป็นแหล่ง
เรียนรู้ และความยั่งยืน หรือเหตุผลประการอื่นๆ เป็นองค์ประกอบเพิ่มเติม) และจัดทาทะเบียนข้อมูลหมู่บ้านฯ
สง่ จงั หวดั

2) ระดับจังหวัด ตรวจสอบ รับรองหมู่บ้าน และประกาศเป็นหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง
ตน้ แบบ ส่งผลใหก้ รมการพฒั นาชุมชน

3) กรมการพฒั นาชุมชน รวบรวม สรุปผลของแตล่ ะจังหวัดเปน็ ภาพรวมของประเทศ นาเสนอ
ปลดั กระทรวงมหาดไทยเพ่ือทราบและเผยแพร่ข้อมูลเพ่ือใช้ประโยชนต์ อ่ ไป

การพัฒนาหมู่บา้ นเศรษฐกจิ พอเพยี ง เพ่อื สร้างความสุขใหช้ มุ ชน 27

2.๔.6 การประกาศเป็นหมบู่ ้านเศรษฐกิจพอเพยี งต้นแบบ ระยะเวลา 2 ปี
- จังหวดั ดาเนนิ การประกาศเปน็ หมบู่ า้ นเศรษฐกิจพอเพยี งตน้ แบบ
- ระยะเวลาการเป็นหมู่บา้ นเศรษฐกิจพอเพียงตน้ แบบมรี ะยะเวลา 2 ปี หลังจากการประกาศ

2.๔.7 พ้นื ทีส่ าหรบั การประเมนิ
ดาเนนิ การประเมินในหมู่บา้ นวิถชี วี ติ ตามปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง ตามเกณฑ์ชว้ี ดั 6 ด้าน

12 ตัวชีว้ ดั (ตัวช้ีวดั 6 X 2) เป็นเบื้องตน้ พรอ้ มทัง้ มีกจิ กรรมแลกเปลีย่ นเรียนรู้เพื่อยกระดับศักยภาพ
ใหม้ ีความสามารถเปน็ แหล่งเรยี นร้ปู รชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง หมู่บ้านใดมคี ณุ สมบตั ิทั้ง 2 ประการน้ี
จึงจัดให้มีการประเมนิ เพ่ือจัดระดับ

2.๔.8 วิธกี ารกรอกข้อมลู ในแบบประเมิน
1) ผเู้ ก่ียวข้องในทุกระดับศกึ ษาคมู่ อื แนวทาง
2) สร้างความเขา้ ใจแก่ผปู้ ระเมนิ ในระดบั จังหวดั อาเภอ ตาบล หมู่บา้ น
3) ดาเนินการกรอกข้อมลู ในแบบประเมิน เรม่ิ จากกรอกรายละเอยี ดหนา้ แรกให้ครบ

ทกุ ข้อความ ดาเนินการประเมนิ ให้ครบทัง้ 4 ด้าน ๒๓ ตัวชว้ี ัด ข้อใดทผ่ี า่ นการประเมินแลว้ ให้ทา
เคร่อื งหมาย ลงในชอ่ ง 

4) คาอธิบายตัวชว้ี ัด 23 ตวั ช้ีวดั (เอกสารแนบทา้ ย)
เมื่อดาเนินการประเมินจนครบ 23 ข้อแล้ว หลังจากนั้นให้ตรวจสอบข้อมูลตัวชี้วัดที่ผ่าน

และตัวชว้ี ัดหลกั เพื่อจัดระดับหมบู่ า้ นเศรษฐกจิ พอเพียงเป็น 3 ระดับ ดงั น้ี

2.๔.9 เกณฑ์การจัดระดับหมูบ่ า้ น
ระดบั พออยู่ พอกนิ หมายถงึ หมู่บ้านที่มีผลการดาเนินงานอยู่ในระดับพออยู่ พอกิน เง่ือนไข

คอื ดาเนินการครบท้งั 2 ขอ้
1) มีตัวชีว้ ัดผา่ นจานวน 10- 16 ตัวชีว้ ดั
2) และต้องผ่านตัวชี้วดั หลักจานวน 10 ตัวชว้ี ัด
(ไดแ้ กต่ วั ช้ีวดั เฉพาะเครื่องหมาย  ในขอ้ 1,2,4,8,10,13,16,17,20,21)
ระดับอยู่ดี กินดี หมายถึง หมู่บ้านท่ีมีผลการดาเนินงานอยู่ในระดับอยู่ดี กินดี เง่ือนไข คือ

ดาเนนิ การครบทง้ั 2 ข้อ
1) มตี ัวช้วี ัดผ่าน 17-22 ตัวชว้ี ัด
2) และต้องผ่านตัวชี้วัดหลัก 17 ตัวช้ีวัด (ได้แก่ตัวชี้วัดที่มีเครื่องหมาย  และ

ในข้อ 1,2,3,4,5,8,9,10,11,1314,16,17,19,20,21,22)

ระดบั ม่งั มี ศรสี ขุ หมายถึง หมู่บา้ นท่มี ีผลการดาเนินงานอยใู่ นระดับมั่งมี ศรสี ขุ ต้องผ่านการ
ประเมินครบ 4 ดา้ น 23 ตัวชีว้ ดั

หากหมู่บ้านใดไม่สามารถจัดระดับได้ จะอยู่ในระดับผ่านเกณฑ์ 6 X 2 เป็นหมู่บ้านท่ีมีวิถี
ชีวิตตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

เม่ือดาเนินการจัดระดับหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงแล้ว ให้คณะกรรมการหมู่บ้าน/ผู้นาชุมชน
ลงนามรับรอง และให้ผู้ร่วมประเมินหมู่บ้าน (ศจพ.ตาบล) ลงนามรับรอง เพื่อส่งผลการประเมินให้อาเภอ
และจงั หวัดดาเนินการตามกระบวนการประเมินต่อไป

การพฒั นาหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง เพ่อื สร้างความสขุ ให้ชมุ ชน 28

ตารางแสดงตวั ชีว้ ดั สาหรบั การประเมนิ หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพยี งต้นแบบ

ตัวชีว้ ัดที่ เกณฑ์การประเมนิ หนว่ ยการประเมิน ผลการประเมนิ
1. หมบู่ ้าน/ชมุ ชน ผ่าน 2 ข้อ
1. ดา้ นจติ ใจและสังคม ประกอบด้วย 7 ตวั ช้ีวดั 2. ครวั เรือน ไม่ผา่ น

1. มีความสามัคคีและ 1. หมูบ่ ้าน/ชุมชนมกี ารประชุม/ จดั เวทีประชาคมอย่าง 1.ครวั เรือน ผ่าน 2 ขอ้
2.หมู่บ้าน/ชุมชน ไม่ผ่าน
คว า ม ร่ ว ม มื อ ข อ ง ค น ใ น น้อย 12 ครั้ง ต่อปี 1. หม่บู า้ น/ชุมชน ผา่ น 2 ข้อ
2.คนในหมู่บ้าน/ชุมชนมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆของ 2. หมู่บา้ น/ชุมชน ไมผ่ ่าน
หมู่บ้าน

1.1 การประชุม/จัดเวทีประชาคม หม่บู า้ นโดยพจิ ารณาจากการผ่านเกณฑ์ (ผ่านท้งั 2ขอ้ )

เพ่อื แก้ไขปญั หาหรือเพอื่ การพฒั นา * คนในครวั เรอื น อยา่ งน้อย 1 คน เป็นสมาชกิ กลุ่มหรอื

1.2 คนในหมูบ่ ้าน/ชุมชนมี คนในแตล่ ะครัวเรอื น อยา่ งน้อย 1 คน ท่ีเป็นสมาชกิ กลมุ่

สว่ นร่วมในกจิ กรรมต่างๆ สมาชิกกองทุนหมู่บา้ น หรือกองทนุ เฉพาะกจิ หรือสมาชกิ

ของหมบู่ ้าน องคก์ รประชาชนทจ่ี ัดตั้งข้นึ ในหมบู่ า้ นตาบลน้ี อยา่ งใด

อยา่ งหน่ึงหรอื หลายอยา่ ง รอ้ ยละ 95 ของครวั เรือน

ท้งั หมด ในหมู่บ้าน ชุมชน

* คนในครัวเรอื นอยา่ งนอ้ ย 1 คน เคยร่วมทากจิ กรรม

สาธารณะดา้ นตา่ ง ๆ ของหมู่บา้ น/ชมุ ชน หรือ ในรอบปีท่ี

ผา่ นมา คนในแต่ละครัวเรอื น อยา่ งน้อย 1 คน ไดเ้ คยเขา้

ร่วมทากิจกรรมสาธารณะของหม่บู า้ น โดยการออกแรงงาน

เงนิ หรือวสั ดอุ ปุ กรณต์ า่ งๆ เช่น สรา้ ง/ซอ่ มแซมถนน ลอก

คลอง การกาจดั ขยะมลู ฝอยและนา้ เสีย แปรรูปผลผลติ

เปน็ ต้น อย่างใดอยา่ งหน่ึงหรือหลายอยา่ ง ครบทุกครัวเรอื น

ในหมบู่ ้าน ชุมชน

 2. มีขอ้ ปฏิบตั ิของหมบู่ า้ น 1 หมู่บ้าน/ชุมชน มีการจัดทาข้อปฏิบัติตามกฎ

มีข้อตกลงร่วมกันเพ่ือให้ คนใน ระเบียบ เป็นลายลักษณ์อักษร หรือจารีต วัฒนธรรม

หมู่บา้ น/ชุมชนตอ้ งปฏบิ ตั ิ ประเพณี ท่ีถ่ายทอดสืบต่อ กันมา ที่ก่อให้เกิดความสงบ

ควรปฏิบัติและ/หรือข้อห้ามปฏิบัติ ของคนในหมบู่ า้ น/ชุมชน
ซ่ึงสอดคล้องกับค่านิยม วัฒนธรรม 2. คนในหมู่บ้าน/ชุมชน ร้อยละ 70 ปฏิบัติตามข้อ

ประเพณเี พื่อใหเ้ กดิ ความสงบสุข ปฏบิ ตั ขิ องหมูบ่ ้าน

 3. มีกองทุนในรูปแบบ 1. หมู่บ้าน/ชุมชนมีกองทุนในรูปแบบสวัสดิการ อย่าง

สวสั ดกิ ารแกส่ มาชิก น้อย 1 กองทุนและสมาชิกในชุมชนมีโอกาสได้รับบริการจาก

1. หมู่บ้านมีกองทุนสวัสดิการแก่ กองทุนครบทกุ คน
2. คนยากจน ดอ้ ยโอกาส และคนทป่ี ระสบปัญหาได้รับ
สมาชิกในชมุ ชน

2. มีการจัดสวัสดิการภายใน การช่วยเหลอื จากกองทุนสวัสดกิ าร อยา่ งนอ้ ยรอ้ ยละ 50

หม่บู า้ น/ชมุ ชนทยี่ ากจน

ด้อยโอกาสและคนทปี่ ระสบปญั หา

 4.ยึดม่ั นในห ลักกา ร 1. คนในหมู่บ้าน/ชุมชน ท่ีมีสิทธิเลือกต้ังและอาศัยอยู่ 1. หมบู่ ้าน/ชมุ ชน ผา่ น 2 ข้อ
จริง ไปใช้สิทธิเลือกตั้งคร้ังหลังสุด ไม่น้อยกว่า ร้อยละ 90 2. หมู่บา้ น/ชุมชน ไมผ่ า่ น
ประชาธิปไตย ของคนท่ีมสี ิทธิเลอื กตัง้ และอาศยั อยจู่ ริง
คนในหมู่บ้าน/ชุมชนมีความต่ืนตัว 2. การจัดเวทีประชาคม มีตัวแทนคนในครัวเรือนเข้า 1. หมบู่ า้ น/ชมุ ชน ผา่ น 3 ข้อ
และรู้จักรักษาสิทธิหน้าท่ี และ รว่ มเวทรี ้อยละ 70 ของครัวเรือนในหมบู่ ้าน/ชุมชน 2. หมบู่ ้าน/ชมุ ชน ไม่ผา่ น
เสรีภาพทางการเมืองและในฐานะ 3. หมบู่ า้ น/ชมุ ชน
พลเมืองของประเทศ 1. คนในหมู่บ้าน/ชุมชนปฏิบัติศาสนากิจอย่างใดอย่าง 4. ครัวเรอื น
5. มคี ณุ ธรรม/จรยิ ธรรม หน่งึ รว่ มกนั (ท้งั หมู่บา้ น) อย่างนอ้ ยปีละ 3-4 คร้ัง 5. หมบู่ า้ น/ชมุ ชน
2. คนในหมู่บ้าน/ชุมชนปฏิบัติตามวัฒนธรรมประเพณี
หมู่บ้าน/ชุมชนยึดม่ันในคุณธรรม/ และมารยาทไทย
จรยิ ธรรมอันดีงาม ซ่ึงคนในหมู่บ้าน/ 3. มีกิจกรรมประกาศเกียรติคุณบุคคลที่มีคุณธรรม
ชุมชนประพฤตติ นและปฏิบัติร่วมกัน จริยธรรมเปน็ แบบอย่างที่ดตี ่อคนในหมู่บา้ น
ในการดารงชวี ติ 4. มกี ารแบง่ ปัน ชว่ ยเหลอื เกือ้ กลู ยกย่องใหเ้ กยี รติ
5. หมูบ่ ้าน/ชมุ ชน สามารถจดั การความขดั แย้งได้

การพฒั นาหมูบ่ า้ นเศรษฐกจิ พอเพียง เพื่อสร้างความสขุ ให้ชมุ ชน 29

ตวั ช้ีวัดท่ี เกณฑ์การประเมนิ หน่วยการประเมนิ ผลการประเมิน
6. คนในหมู่บ้าน ชุมชนปลอด 1. หมู่บ้าน/ชุมชนปลอดยาเสพติดในรอบปีท่ีผ่านมา หมู่บา้ น/ชมุ ชน ผ่าน 3 ข้อ
อบายมุข รอ้ ยละ 100 (ต้ อ ง ผ่ า น ข้ อ
คนในหมู่บ้าน/ชุมชนปฏิบัติตนเพ่ือ 2. หมู่บ้าน/ชุมชนมีกระบวนการส่งเสริมการ ลด ละเลิก หม่บู ้าน/ชมุ ชน 1,2 และข้ออ่ืน
ลดละ เลกิ อบายมุข โดยวิธีการต่างๆ อบายมขุ อย่างน้อย 1 กจิ กรรม ในรอบ 1ปีทผ่ี า่ นมา อีก 1 ขอ้ )
หรือไมเ่ กี่ยวขอ้ งกบั อบายมขุ เลย 3. คนในหมูบ่ ้าน/ชมุ ชนไม่ตดิ สุรา ร้อยละ 100 ครวั เรอื น ไมผ่ ่าน
4. คนในหมูบ่ ้าน/ชมุ ชนไม่สูบบุหรี่ ร้อยละ 90 ครวั เรอื น
7. มีความเช่ือม่ันในปรัชญาของ 5. คนในหมู่บา้ น/ชุมชนไม่ตดิ การพนัน ร้อยละ 100 ผา่ น 2 ขอ้
เศรษฐกจิ พอเพยี ง 6. ครอบครัวอบอุ่น ในรอบปีที่ผ่านมา ครัวเรือนน้ีมี 1. ครัวเรือน ไม่ผ่าน
หมู่บ้าน/ชุมชนเรียนรู้ เข้าใจ และ โอกาสอย่พู รอ้ มหน้ากนั มีความเคารพ นับถือซึ่งกันและกัน 2. หมบู่ า้ น/ชุมชน
น า ห ลั ก ก า ร ต า ม ป รั ช ญ า ข อ ง มีการปรึกษาหารือ สมาชิกในครัวเรือนไม่เคยหนีออกจาก  ผา่ น
เ ศ ร ษ ฐ กิ จ พ อ เ พี ย ง ม า ป ฏิ บั ติ เ ป็ น บ้าน คนอยู่คนเดียวมีความสุข ซึ่งมีลักษณะเป็นครอบครัว 1. ครวั เรือน  ไมผ่ ่าน
แนวทางในการดารงชวี ิต อบอ่นุ รอ้ ยละ 100 2. หมบู่ า้ น/ชมุ ชน ผา่ น
2. ด้านเศรษฐกจิ 5 ตวั ชวี้ ัด 1. หมู่บ้าน/ชุมชน นาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 3. ครัวเรอื น ไม่ผ่าน
8.มีการจดั ทาบัญชีครัวเรือน มาจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ อย่างน้อย 6 คร้ัง
คนในครัวเรือนมีการจัดทาบัญชี 2. ครัวเรือนหลักนาปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไป 1. หมู่บา้ น/ชมุ ชน ผา่ น 2 ข้อ
รายรับ –รายจ่าย ของครัวเรือนเป็น ปฏิบัติ อยา่ งน้อย รอ้ ยละ 70 ของครัวเรอื นในหมู่บา้ น 2. หม่บู ้าน/ชมุ ชน ไม่ผา่ น
ประจา
9. มกี จิ กรรมลดรายจ่ายและ มีการจัดทาบัญชีรายรับ-รายจ่ายของครัวเรือนเป็น ผา่ น 2 ขอ้
สรา้ งรายได้ ประจา รอ้ ยละ 50 ของครัวเรอื นในชมุ ชน (ตอ้ งผ่านขอ้ 1)
คนในหมู่บ้านมีการทากิจกรรมเพื่อ ไมผ่ ่าน
ลดรายจ่ายในชีวิตประจาวัน และ ครัวเรือนมีการผลิตและการอุปโภค/บริโภค เพ่ือใช้ใน
สามารถสร้างรายได้เพ่ิมจากกิจกรรม ชีวิตประจาวันรอ้ ยละ 75 ของครัวเรอื นในชมุ ชน ผา่ น 2 ขอ้
ดงั กลา่ วได้ ไม่ผ่าน
10 มีการรวมกลุ่มเอพัฒนา 1. คนในครัวเรือนร่วมเป็นสมาชิกในกลุ่มต่างๆ ใน
อาชีพหลักของหม่บู า้ น หมู่บ้าน/ชุมชน ตามเกณฑ์ (คนในครัวเรือน อย่างน้อย 1
คนในหม่บู า้ นมีการเรยี นรู้ ปรบั ปรงุ คน เปน็ สมาชิกกลุ่มหรือ คนในแต่ละ ครัวเรือน อย่างน้อย
และ พัฒนา กา รป ระ กอ บอ าชีพ 1 คน ท่ีเป็นสมาชิกกลุ่ม สมาชิกกองทุนหมู่บ้าน หรือ
ร่วมกันเป็นกลุ่มทั้งในด้านการผลิต กองทุนเฉพาะกิจ หรือสมาชิกองค์กรประชาชนที่จัดตั้งขึ้น
การตลาด การจัดการ และเงินทุน ในหมู่บ้านตาบลนี้ อย่างใดอย่างหน่ึงหรือหลายอย่าง ร้อย
เพื่อให้ได้ผลผลิตมากขึ้ นและ มี ละ 95 ของครวั เรอื นท้ังหมดในหม่บู ้าน ชมุ ชน)
คณุ ภาพดีข้นึ 2. กลุ่ม/องค์กรในหมู่บ้าน/ชุมชน มีการพัฒนาทักษะ
ด้านการประกอบอาชีพ และมีกระบวนการจัดการองค์
11มี กิ จ ก ร ร ม ก า ร อ อ ม ท่ี ความรู้
หลากหลาย 1. ครัวเรือนมีการเก็บออมเงิน ร้อยละ 80 ของ
หม่บู ้านมกี ารส่งเสรมิ ให้คนในหมู่บ้าน ครวั เรอื นท้งั หมด
เป็นสมาชิกกลุ่มออมทรัพย์ต่างๆ 2. หมู่บ้าน/ชุมชนมีกลุ่มออมทรัพย์ และ/หรือกองทุน
และ/หรือส่งเสริมกลุ่มออมทรัพย์ การเงนิ อืน่ ๆ อยา่ งนอ้ ย จานวน 3 กลุ่ม
ต่างๆ พัฒนารูปแบบการออมเงินให้ 3.ครัวเรือนมกี ารออมเงนิ ท่ใี นรปู แบบอื่น ๆ เช่น ออมวัน
หลากหลาย (กลุ่มออมสัจจะ กองทุน ละ 1 บาท ฯลฯ
หม่บู า้ น เยาวชน)เพอ่ื นาไปลงทุน
12. มี ก า ร ด า เ นิ น ง า น ใ น รู ป แ บ บ 1. หมบู่ า้ น/ชุมชนมีจัดต้ังกลุ่มวิสาหกิจชุมชน หรือกลุ่ม
วิ ส า ห กิ จ ชุ ม ช น ห รื อ ก ลุ่ ม ท่ี มี ก า ร ท่ีมีการดาเนินงานในลักษณะเดียวกับรูปแบบวิสาหกิจ

การพัฒนาหมบู่ ้านเศรษฐกิจพอเพยี ง เพอ่ื สร้างความสขุ ใหช้ มุ ชน 30

ตวั ชว้ี ัดที่ เกณฑก์ ารประเมิน หนว่ ยการประเมิน ผลการประเมนิ

ดาเนินงานในลักษณะเดียวกับ ชุมชนทจี่ ดั ตั้งข้นึ ในหมู่บ้าน/ชมุ ชน อย่างน้อย 1 กลุ่ม หม่บู า้ น/ชุมชน ผ่ า น ทุ ก
2. กลุ่มตามข้อ 1 มีกิจกรรมให้บริการและสร้างรายได้ ข้นั ตอน
รปู แบบวสิ าหกจิ ชมุ ชน 1. หม่บู า้ น/ชมุ ชน ไม่ผ่าน
2. หมู่บา้ น/ชุมชน
หมู่บ้านมกี ารจดั ต้งั และบรหิ าร หรือลดรายจา่ ยแกส่ มาชกิ อย่างน้อย 1 กิจกรรม เน้นการ หมบู่ า้ น/ชมุ ชน ผา่ น 2 ข้อ
ไม่ผา่ น
จัดการกลมุ่ ในรปู แบบวิสาหกิจชุมชน ผลิตเพอื่ การบรโิ ภคอย่างเพยี งพอภายในชุมชน และนาไปสู่ หมูบ่ า้ น/ชุมชน
ผ่ า น ทุ ก
หรือก ลุ่มท่ีมีก า รดาเนินงานใน การแก้ไขปญั หาความยากจน (เช่น โรงสีชุมชนรา้ นคา้ ชุมชน 1. หมูบ่ ้าน/ชุมชน ข้ันตอน
2. ครวั เรือน ไมผ่ า่ น
ลักษณะเดียวกับรูปแบบวิสาหกิจ ป้มั น้ามัน ฯลฯ)
หมู่บา้ น/ชมุ ชน ผ่าน
ชุมชน ไม่ผา่ น

3 ดา้ นการเรยี นรปู้ ระกอบดว้ ย 7 ตัวชวี้ ัด ผา่ น 2 ข้อ
ไม่ผ่าน
13. มขี ้อมูลของชุมชน หมู่บ้าน/ชุมชนมีกระบวนการจดั เกบ็ รวบรวม วเิ คราะห์
ผ่าน
มีกระบวนการจัดเก็บ รวบรวม สังเคราะห์ขอ้ มลู ต่างๆ ของหมู่บ้าน/ชุมชน ครบทุกข้ันตอน ไมผ่ า่ น

วิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ดังน้ี

ของชมุ ชน - มกี ารประชุมเพ่ือสร้างความเข้าใจ ฯ

- จัดเกบ็ โดยอาสาสมคั ร

- บันทกึ /ประมวลผล

- การประชาคม เพอ่ื รบั รองผล

- จัดทาสาเนาขอ้ มลู เก็บไวท้ ีศ่ นู ย์เรียนรขู้ องหมบู่ ้าน/ชุมชน

14. มีการใช้ประโยชน์จาก 1.หมู่บ้าน/ชุมชนมีการนาข้อมูลมาใช้ในการตัดสินใจ

ขอ้ มูลชุมชนและแผนชุมชน เพ่ือการพัฒนาหมู่บ้าน/ชุมชน เช่น การจัดทาแผนชุมชน

ใช้ข้อมูลของหมู่บ้านในกระบวนการ แผนการพัฒนากลมุ่ /องค์กร
จัดทาแผนชุมชน ซ่ึงเป็นแผนท่ีแสดง 2.หมู่บ้าน/ชุมชน สามารถนากิจกรรมในแผนชุมชนไป

ถึงทิศทาง แนวทาง วิธีการแก้ไข ปฏิบัตจิ ริงอยา่ งน้อย ร้อยละ 30 ของแผนชมุ ชน

ปญั หาและพัฒนาหมู่บ้าน

15.มีการค้นหาและใช้ภูมิปัญญา หมู่บา้ น/ชุมชนมกี ระบวนการ สืบค้น รวบรวม จัดหมวดหมู่

ท้องถ่นิ ในการสร้างคณุ ค่า และเรียนรู้จากความรู้หรือภูมิปัญญาดั้งเดิมท่ีมีอยู่ในท้องถิ่น

ห มู่ บ้ า น มี ก ร ะ บ ว น ก า ร สื บ ค้ น และใชป้ ระโยชนเ์ พอ่ื เพมิ่ คณุ คา่ หรอื มลู ค่า

รวบรวม จัดหมวดหมู่ และเรียนรู้ - มีการจดบนั ทึกภูมปิ ญั ญาทอ้ งถ่ิน

จากความรู้หรือภูมิปัญญาด้ังเดิมท่ีมี - มกี ารรวบรวมและแยกหมวดหมู่

อยู่ในท้องถิ่น และใช้ประโยชน์เพ่ือ - มกี ิจกรรมสบื ทอดและถ่ายทอด ภมู ปิ ัญญาทอ้ งถ่นิ

เพิม่ คุณคา่ หรอื มูลคา่ - นาภมู ิปัญญามาประยกุ ตใ์ ช้ในการทากิจกรรม อย่างน้อย

1 กิจกรรม

16.มีการจัดตั้งศูนย์เรียนรู้ใน หมู่บ้าน/ชุมชนมีการจัดสถานที่สาหรับเป็นศูนย์เรียนรู้

ชุมชน และมีการใช้ประโยชน์จากศูนย์เรียนรู้ให้แก่คนในและนอก

หมู่บ้านมีการจัดสถานท่ีสาหรับเป็น หมบู่ า้ น

ศูนย์เรียนรู้ให้คนในและนอกหมู่บ้าน

ได้ค้นคว้าหาความรู้ เรียนรู้ องค์

ค ว า ม รู้ แ ล ะ ใ ช้ ค ว า ม รู้ ใ น ก า ร

ดารงชีวิต

17.มี ก า ร ใ ช้ เ ท ค โ น โ ล ยี ที่ 1. หมู่บ้าน/ชุมชนมีกิจกรรมการเรียนรู้ และถ่ายทอด

เหมาะสมกับศักยภาพของหมู่บ้าน/ เทคโนโลยีและวิทยาการใหม่ๆ โดยคนในชุมชนหรือนอก

ชุมชน ชมุ ชน

1. มีกิจกรรม การเรียนรู้ และ อย่างน้อย จานวน 4 กจิ กรรม
ถ่ายทอดเทคโนโลยีและวิทยาการ 2. คนในหมู่บ้านที่ได้เรียนรู้แล้วนาไปใช้อย่างเหมาะสม

ใหม่ๆ โดยคนในชุมชนหรือนอก และเกิดความคุ้มค่า ไม่น้อยกว่า ร้อยละ 50 ของคนท่ี

ชุมชน เรยี นรู้

2. มีการนาไปใชอ้ ยา่ งเหมาะสม

และเกิดความคมุ้ ค่า

18.มีการสร้างเครือข่ายภาคีการ หม่บู ้าน/ชุมชนมกี ารเช่ือมโยงเครือข่ายการเรียนรู้ระดับ

พัฒนา กลุ่ม/เครือข่าย เพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับหมู่บ้าน/

หมู่บ้านมีกระบวนการเชื่อมโยง ชุมชน หน่วยงาน องคก์ ร สถาบนั การศกึ ษา ฯลฯ

เครือข่ายในระดับกลุ่มและ/หรือ

การพฒั นาหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพยี ง เพ่อื สร้างความสุขใหช้ มุ ชน 31

ตวั ช้ีวัดท่ี เกณฑก์ ารประเมนิ หนว่ ยการประเมนิ ผลการประเมนิ
1. หม่บู า้ น/ชมุ ชน ผ่าน 2 ขอ้
ระดับหมู่บ้านเพ่ือแลกเปลี่ยนเรียนรู้ 2. หมบู่ ้าน/ชมุ ชน ไม่ผา่ น
หม่บู า้ น/ชมุ ชน ผา่ น 2 ขอ้
ข้อมูลข่าวสาร ประสานงานและทา ไม่ผ่าน
1. หมบู่ า้ น/ชุมชน ผ่าน 2 ข้อ
กจิ กรรมตา่ งๆ 2. หมบู่ ้าน/ชุมชน ไมผ่ ่าน

19. มี ก า ร ป ฏิ บั ติ ต า ม 1. หมู่บ้าน/ชุมชน สามารถแก้ไขปัญหาของชุมชนได้ 1. ครวั เรือน ผ่าน 2 ข้อ
2. ครวั เรือน ไมผ่ า่ น
หลกั การของการพ่ึงตนเอง ด้วยตนเอง อย่างนอ้ ย 2 เรอ่ื ง ในรอบปที ่ผี า่ นมา 3. หมบู่ า้ น/ชมุ ชน
2. หมู่บ้าน/ชุมชน มีการจัดทาแผนชุมชนโดย ผ่าน
คนในหมูบ่ า้ น “คิดเปน็ ทาเป็น หมบู่ า้ น/ชมุ ชน ไมผ่ ่าน

แกป้ ญั หาเปน็ ” กระบวนการเรียนรขู้ องชุมชน

4.ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม ประกอบดว้ ย 4 ตัวชวี้ ดั

 20. มจี ิตสานกึ ของการอนุรักษ์ 1. หมู่บ้าน/ชุมชน มีกิจกรรมให้ความรู้ ด้านการ

ทรัพยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดลอ้ ม จดั การทรพั ยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดล้อม
หมู่บา้ นมกี ารสร้างจติ สานกึ ดแู ล 2. หมู่บา้ น/ชุมชน มกี ารวางแผนการอนรุ กั ษ์ ฯ

รักษาทรัพยากรธรรมชาตแิ ละ

ส่งิ แวดลอ้ มในหมู่บา้ น

21.มกี ล่มุ /องค์กรดา้ น 1.หมู่บ้าน/ชุมชน มีการจัดตั้งกลุ่มฯเพ่ือการบริหารจัดการ

ส่ิงแวดล้อม ยึดหลกั การมีส่วนรว่ ม(เช่น กลมุ่ ผู้ใช้นา้ รักษานา้ ฯ)
หมูบ่ า้ นมกี ลุ่ม/องคก์ รท่คี นในหมู่บา้ น 2. หมู่บ้าน/ชุมชน มีการเชื่อมโยงเครือข่ายด้าน

ร่วมกนั ทากจิ กรรมเพอ่ื อนุรกั ษ์ ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม (เช่น การแลกเปลี่ยนเรียนรู้

ทรพั ยากร ธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดล้อม ข้อมลู ขา่ วสาร มกี ารทากิจกรรมรว่ มกัน ฯลฯ)

และเชื่อมโยงเปน็ เครอื ข่าย กับกลมุ่ /

องคก์ รด้านส่งิ แวดลอ้ มอนื่ ๆ

22.มกี ารใชพ้ ลงั งานทดแทน 1.ครัวเรือนมีกิจกรรมส่งเสริมการลดการใช้พลังงาน

ที่สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมของ ร้อยละ 25 ของครัวเรือนในหมู่บ้าน/ชุมชน เช่น การ

ชมุ ชน เปลี่ยนหลอดไฟแบบประหยัด การใช้รถจักรยานแทนการ

หมบู่ า้ นมีกระบวนการส่งเสรมิ ให้คน ใช้รถยนต์ ฯลฯ
2. ครัวเรือน มีการผลิตและใช้พลังงานทดแทน ร้อยละ
ในหม่บู า้ นเรยี นรู้ ทดลอง และ

เลอื กใชพ้ ลังงานทดแทนตา่ งๆ 25 ของครัวเรือนในหมู่บ้าน/ชุมชน (เช่น การทาน้ามัน

ท่ีเหมาะสมสอดคลอ้ งกบั เชื้อเพลิงจากพืช,สัตว์ หรือน้ามันที่ผ่านการใช้งานแล้ว(ไบโอ

สภาพแวดลอ้ มและสภาพเศรษฐกิจ ดเี ซล) การทาแก๊สหงุ ตม้ จากมูลสัตว์ ฯลฯ)
3. หมูบ่ ้าน/ชุมชน มีกิจกรรมเพ่ือการลดการใช้พลังงาน

และมีการผลติ และใช้พลังงานทดแทน ร่วมกัน อย่างน้อยปี

ละ 1 ครั้ง

23. มีการสร้างมูลค่าเพ่ิมจาก หมู่บ้าน/ชุมชน มีกิจกรรมการใช้ประโยชน์จาก

ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม เพื่อให้เกิดรายได้

หมูบ่ ้านมีกระบวนการเรียนรู้พัฒนา และอจยัด่ากงายร่ังกยาืนรใช(เ้ช่น หมู่บ้านท่องเที่ยว หัตถกรรม เชิงเกษตร

ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติแลอะนสุริ่งักแษว์ดแลป้อรมรูปผลิตภัณฑ์ การทาปุ๋ยหมัก การทาน้าส้ม

เพือ่ ใหเ้ กิดรายได้อยา่ งย่ังยนื ควนั ไม้ ฯลฯ)

๓. การประเมนิ ความ “อยเู่ ยน็ เปน็ สขุ ” หรอื ความสุขมวลรวมของหมบู่ า้ น/ชมุ ชน
(Gross Village Happiness : GVH)

แนวทางดาเนินการจดั การประชุมแบบมีส่วนรว่ ม
๓.๑ การเตรยี มการจัดประชุม
๓.1.1 ผู้นาการประชุม หรือวิทยากรกระบวนการ ในการจัดประเมิน ต้องทาความเข้าใจใน

กระบวนการ ข้ันตอนการจัดการประชุม รวมท้ังต้องศึกษารายละเอียด ความหมายของตัวช้ีวัด เตรียม
คาถามที่สามารถสร้างความเข้าใจหรือส่ือสารกับผู้เข้าร่วมประชุมได้ตรง และเหมาะสมสาหรับกลุ่มคนใน
แตล่ ะท้องถ่ิน

การพัฒนาหมบู่ ้านเศรษฐกิจพอเพียง เพือ่ สร้างความสุขให้ชมุ ชน 32

๓.1.2 คณะวิทยากรกระบวนการ ต้องทาความเข้าใจกับทีมงาน สร้างความเข้าใจในขั้นตอน
ประเด็นคาถามและการใช้เคร่ืองมือ แบ่งงานให้ทุกคนในทีมวิทยากรมีบทบาทหน้าที่และสามารถทางาน
แทนกนั ได้ การจดั สถานท่ี ควรจัดเป็นรูปครึ่งวงกลม 1 – 2 แถว ไม่ควรซ้อนกันหลายชั้น เพ่ือให้ผู้เข้าร่วม
ประชุมมีส่วนร่วมมากท่ีสุด และสามารถเคลื่อนไหวได้สะดวก เตรียมวัสดุอุปกรณ์ที่จะใช้งานตาม
กระบวนการท่ีได้ออกแบบไว้ ใหเ้ พียงพอ

๓.1.3 พัฒนากรผู้รับผิดชอบประสานตาบล ต้องมีการเตรียมความพร้อมชุมชนล่วงหน้า
โดยการประชาสัมพันธ์ สร้างความเข้าใจต่อประชาชนในการเข้าร่วมประชุม เตรียมข้อมูล ความเป็นจริง
ของชมุ ชนเพือ่ ร่วมกันตัดสนิ ใจในการประเมนิ หรอื การประสาน คดั เลือกตัวแทนชมุ ชน

๓.1.4 กลุ่มเปูาหมาย ควรเป็นตัวแทนของทุกครัวเรือนในหมู่บ้านหรือตัวแทนของหมู่บ้าน
ซึ่งประกอบด้วย ผู้นาท้องถิ่น ผู้นาท้องที่ ผู้นากลุ่ม (ถือว่าเป็นตัวแทนกลุ่มอาชีพและผู้แทนกลุ่มคน) ผู้นา
คุ้มหรอื กลุ่มบ้าน

๓.2 การจดั การประชมุ
๓.2.1 แนะนาทาความรู้จัก สร้างบรรยากาศของความเป็นกันเอง ระหว่างทีมวิทยากร

กระบวนการกบั ชาวบา้ นทีเ่ ข้าร่วมประชมุ
๓.2.2 ช้ีแจงวัตถุประสงค์ของการประเมินและสร้างความรู้สึกปลอดภัยในการประเมิน

วัตถุประสงค์ของการประเมิน เพ่ือต้องการทราบความรู้สึกของคนในชุมชน ความรู้สึกเป็นสุข ซึ่งเป็น
ความรู้สึก พอใจ สบายใจ สะดวก หมดห่วง ไร้กังวล ต่อสถานการณ์ต่างๆ ในชีวิตของตนเอง ครอบครัว
และชุมชน มากน้อยเพียงใด หลังจากท่ีได้มีการจัดกิจกรรมการพัฒนาต่างๆ ในช่วงเวลา
ที่ผา่ นมา

- การประเมินเป็นการกระทาโดยชุมชนเพื่อผลต่อชุมชนโดยตรง ไม่เกี่ยวข้องกับการ
ประกวด ไม่แขง่ ขนั กับใคร ทาแลว้ ร้ตู วั เองว่าเป็นอยา่ งไร

- การประเมินให้ทราบผลท่ีเป็นการสะท้อนเปูาหมายสุดท้ายของการพัฒนาและพิจารณา
เชื่อมโยงยอ้ นไปถึงวธิ กี ารต่างๆ ท่สี ่งผลต่อการบรรลเุ ปูาหมายความอยู่เย็น เป็นสุข ด้วย

ความสขุ คอื ความสมดุลของความรู้สึก ของประชาชน ที่ได้ทาในสิ่งท่ีต้องการ หรือไม่ทาอะไรที่
ไม่ต้องการ รวมทั้งการ ได้รับในส่ิงท่ีต้องการและไม่ถูกบังคับให้รับสิ่งท่ีไม่ต้องการ ทาให้เกิด รู้สึกพึงพอใจ
สบายกายสบายใจ สะดวก ไม่มีห่วง ไม่กังวล เป็นสภาพปกติของแต่ละคน ซึ่งถือเป็นความรู้สึกที่เป็น
“ความสขุ ” ในขณะท่ีอาการตรงขา้ มจะถอื ว่า เปน็ “ความทกุ ข”์

ท้งั นเ้ี กิดจากความเขา้ ใจในสภาพความเป็นจริงเกิดข้ึน เปน็ ความสุขจากภายใน “จิตที่เป็นกลาง”
การประเมนิ ความสุข จึงเปน็ การนาสถานการณท์ ี่เป็นสาเหตุใหเ้ กิดความสุขของประชาชนในชีวิตประจาวัน
แล้วทาให้เกดิ ความสขุ ใหข้ ึ้นใน “จิตใจของประชาชน”

การประเมินระดับความ“อยู่เย็น เป็นสุข” หรอื ความสุขมวลรวม ของชุมชน ประเมนิ แบบมีส่วน
รว่ ม สามารถวัดความรูส้ กึ เฉพาะ ในชว่ งเวลาการประเมนิ ว่าประชาชนร้สู กึ อย่างไร มคี วามสุขเท่าไหร่ ท้ังน้ี
เพราะมเี หตุการณ์ทเี่ กิดขึ้นและแปลเปล่ียนไปตลอดเวลา

๓.2.3 วิธีการประเมนิ ซึง่ ประกอบด้วย 2 ข้นั ตอน คอื
ขัน้ ตอนท่ี 1 การประเมนิ แต่ละองคป์ ระกอบเปน็ รายตวั ชว้ี ัด
1) ประเมินเป็นรายตัวช้ีวัด วิทยากรกระบวนการจะอธิบายความหมายของตัวชี้วัดแต่ละ

ตวั ในแตล่ ะองคป์ ระกอบให้ทป่ี ระชุมเข้าใจ

การพัฒนาหมูบ่ า้ นเศรษฐกิจพอเพยี ง เพอ่ื สร้างความสุขให้ชมุ ชน 33

2) ท่ีประชุมจะร่วมกันพิจารณาตัวช้ีวัด น้ันๆ ว่ามี สถานการณ์และกิจกรรมอะไร หรือ
พฤติกรรมการปฏิบัติอย่างไร ท่ีทาให้ตัวชี้วัดนั้นเกิดข้ึนจริงแล้วมีความสุข จากน้ันให้ที่ประชุมให้คะแนน
จากสถานการณ์ กิจกรรม พฤติกรรม ต่างๆ ที่เสนอมาว่า ปัจจุบันมีสภาพเป็นอย่างไร ยังสร้างความไม่
สะดวก ไม่สบาย ไม่พอใจ ทาให้เป็นกังวลอยู่หรือไม่ มากหรือน้อย ถ้าเป็นมากแสดงว่ามี ความสุขน้อย
จะตอ้ งใหค้ ะแนนตา่ แตถ่ า้ เป็นไปใน ทิศทางตรงขา้ มก็จะมี ความสุขมาก ตอ้ งให้คะแนนสงู

เช่น องค์ประกอบที่ 1.การมีสุขภาวะ ตัวช้ีวัดที่ 1.1 ถ้าท่านมีความรู้ในการสร้างสุขภาพ
ร่างกายให้แข็งแรงไม่เจ็บปุวย มีอายุยืนนาน หมายถึง ประชาชนในหมู่บ้านมีความรู้เข้าใจและปฏิบัติตาม
หลักโภชนาการ ไม่เป็นโรคทงั้ ติดต่อและไม่ตดิ ต่อ มีหลักประกันสุขภาพ มีโอกาสได้รับการรักษาจากแพทย์
พยาบาล อย่างสะดวก

ถามท่ีประชุมว่า “ในหมู่บ้านของเรา มีอะไรท่ีจะยืนยันว่าตัวชี้วัดนี้จะเป็นไปได้จริง” นา
คาตอบทไ่ี ด้มาเปน็ เกณฑพ์ จิ าณา ให้คะแนน โดยคาตอบท่ีได้อาจเปน็

- ได้รับความรกู้ ารดูแลสขุ ภาพจาก อสม. ทกุ เดอื น
- จดั เวทีการเรยี นรเู้ ร่อื งการรักษาสุขภาพในชุมชน เป็นประจา
- รบั ประทานอาหารไรส้ ารพิษจากการปลกู พชื ผกั ไว้กินเอง
- มกี จิ กรรมออกกาลังกายทุกวนั ทุกคน เปน็ ตน้
เมื่อนาเหตุผลจากการทากิจกรรม และการปฏิบัติตน ข้างต้นท่ีให้มาทั้งหมด
มคี วามรู้สกึ อยา่ งไร พอใจ สบายใจ สะดวก หรือว่าเป็นห่วง กังวล อย่างไร ควรได้ค่าคะแนนความสุขเท่าไร
จากคะแนนเต็ม 5 คะแนน (คะแนนความสุขต่าสุดคือ 1 ความสุขสูงสุดคือ 5 คะแนน) วิธีการให้คะแนน
ตามกติกาทไ่ี ดต้ กลงกนั ไว้
3) ท่ีประชุมอาจจะพิจารณาเพ่ิมเติมตัวชี้วัด ท่ีคิดว่าจาเป็นหรือเหมาะสมต่อการใช้งาน
สาหรับหมู่บ้าน/ชุมชน ได้ตามท่ีต้องการ อาจเพ่ิมในองค์ประกอบเดิมหรือเพิ่มองค์ประกอบใหม่ก็ได้ เมื่อ
เพ่มิ เติมแล้วใหใ้ ช้วิธีการประเมิน ให้คะแนนเชน่ เดียวกนั กบั ตัวชวี้ ดั เดิม

4) วิธกี ารใหค้ ะแนน ให้เป็นแนวทางที่ทมี วทิ ยากรเหน็ วา่ เหมาะสมและถนดั ซึ่งทาได้หลายวธิ ี เชน่
4.1) การยกมือให้คะแนนซ่ึงเป็นวิธีท่ีง่าย ใช้วัสดุอุปกรณ์น้อยแต่มีผลเสียคือมักจะให้

คะแนนตามกันหรือมีการควบคุมกากับจากผู้หนึ่งผู้ใดได้ และใช้เวลามากต้องยกมือถึง 5 คร้ังในหนึ่ง
ตวั ช้ีวัด

4.2) การยกปูายด้วยกระดาษสี 5 สีโดยเขียนหมายเลขคะแนนกากับไว้ 1 สี 1 ระดับ
คะแนน เมื่อเวลาให้คะแนนให้ยกพร้อมกัน ทีมงานช่วยกันนับคะแนนว่าแต่ละข้อมีผู้ให้คะแนนใด จานวน
เท่าไหร่ โดยยกปูายคะแนนครั้งเดียวในแต่ละตัวช้ีวัด ไม่เสียเวลาเหมือนการยกมือ ข้อเสียคือต้องเตรียม
อุปกรณม์ ากยิ่งผ้เู ข้ารว่ มประชุมจานวนมากเพราะต้องทาให้เท่ากับจานวนผเู้ ข้าประชุม

4.3) การใชส้ ติกเกอร์หรอื เขม็ หมดุ ปักบนแผน่ ชารท์ เพือ่ ให้คะแนน

การพัฒนาหมู่บา้ นเศรษฐกจิ พอเพียง เพอื่ สรา้ งความสุขใหช้ มุ ชน 34

5) การคดิ คะแนน กรณีให้คะแนนเปน็ รายตัวชวี้ ดั
๕.1) ในการตัดสินใจใหค้ ะแนนของท่ีประชุมในแต่ละตัวชี้วัด หากท่ีประชุมสามารถสร้างการ

แลกเปลย่ี นเหตผุ ลกันใหเ้ กิดการยอมรับในคา่ คะแนนเดียวโดยไม่ต้องออกเสียงลงคะแนนก็จะเป็นฉันทามติ
เดียวกัน แต่จะใชเ้ วลาในการพิจารณาอภปิ ราย แลกเปลีย่ นกนั มาก

๕.2) ในการออกเสียงลงคะแนนด้วยวิธียกมือ ติดสติกเกอร์ หรือปักเข็มหมุด หรือวิธีอื่นๆ ที่
ต้องใชแ้ จงนับความถี่ เพ่อื หาคา่ เฉลี่ยในแตล่ ะตัวช้ีวดั ให้ คานวณโดย ใช้ค่าคะแนน คูณด้วยจานวนคนที่ให้
คะแนน ในคะแนนนน้ั บวกดว้ ยค่าคะแนนอื่นทุกค่า หารด้วยจานวนผู้ให้คะแนนในข้อนั้นเช่น ผู้เข้าประชุม
100 คน มีผู้ใหค้ ะแนนในตวั ชว้ี ดั หนง่ึ ดงั นี้ ผใู้ ห้คะแนน 1 จานวน 10 คน ผูใ้ หค้ ะแนน 2 จานวน 10 คน
ผู้ให้คะแนน 3 จานวน 10 คน ผู้ให้คะแนน 4 จานวน 30 คน ผู้ให้คะแนน 5 จานวน 40 คน การ
คานวณ ดังนี้ (1X10) + (2X10) + (3X10) + (4X30) + (5X40) หารด้วย 100 (จานวนผู้ออกเสียง
ทัง้ หมด) เทา่ กับ 3.8 คือ คา่ คะแนนเฉลย่ี ของตัวชี้วดั นนั้

คะแนน 1 2 3 4 5 รวม

จานวนคน 10 10 10 30 40 100

คิด 1x10=10 2x10=20 3x10=30 4x30=120 5x40=200 380/100=3.8

คะแนน คะแนน

กรณีการคิดคะแนนเป็นรายองค์ประกอบ หากให้ที่ประชุมให้คะแนนคร้ังละองค์ประกอบ

ให้นาค่าคะแนนของทุกตัวช้ีวัดในองค์ประกอบมารวมกัน หารด้วยจานวนตัวชี้วัดในองค์ประกอบ ใช้เป็น

ค่าเฉลี่ยในแต่ละองค์ประกอบน้ัน เช่น องค์ประกอบท่ี 1 การมีสุขภาวะ มีตัวช้ีวัดทั้ง 3 ตัวชี้วัด ใช้คะแนน

ท้งั ตัวชีว้ ดั มารวมกันแลว้ หารดว้ ย 3 เปน็ คะแนนเฉลีย่

6) เครอ่ื งมือในการประเมนิ
แผนผังใยแมงมุม (Spider diagram) เป็นเครื่องมือแสดงผลการให้คะแนนในรูปกราฟเส้น

ในผังวงกลม เสน้ วงกลม 5 วงแสดงระดับคะแนน วงใกลจ้ ุดศนู ยก์ ลางคะแนนต่าสุด (เป็นทุกข์มาก) วงนอก
คะแนนสูงสุด (เป็นสุขมาก) เสน้ ทเี่ ชอื่ มต่อจากจุดกึ่งกลางถงึ ตัวช้ีวดั เพอ่ื แสดงวา่ เป็นตัวชว้ี ดั นั้น และปูองกัน
ความสับสนในการลงคะแนน การลงคะแนนอาจให้ทาเครื่องหมายในช่องว่างเหนือเส้นในแต่ละวงคะแนน
หรอื บนเส้นของตัวช้ีวัดน้ันๆ

การบันทึกคะแนนลงในแผนผังใยแมงมุม คือ ในการลงคะแนนเป็นรายตัวช้ีวัด เมื่อได้
คะแนนท่ีตกลงกันแล้ว ให้นาค่าคะแนนเขียนลงบนเส้นของตัวชี้วัดแต่ละตัว รวมทั้งคะแนนของแต่ละ
องคป์ ระกอบ เช่น กรณีใช้วิธีนับคะแนน ใน (1) (วธิ ีการอ่นื คะแนนอาจมคี ่าเป็นจดุ ทศนิยม) ท่ีองค์ประกอบ
ที่ 1 การมีสุขภาวะ มีตัวช้ีวัด 3 ตัวช้ีวัด ตัวช้ีวัดที่ 1.1 ตัวช้ีวัดที่ 1.2 ตัวช้ีวัดที่ 1.3 ได้คะแนน 4 , 5
และ 4 ตามลาดับ ให้ทาเครื่องหมายตรงจุดตัดกันของเส้นของตัวช้ีวัดกับเส้นคะแนนท่ีได้ เม่ือทา
เคร่ืองหมายครบทุกตวั ชี้วัดแล้ว ใหล้ ากเสน้ จากเครือ่ งหมายจากตัวชี้วัดหน่ึงไปตัวชี้วัดท่ีใกล้กัน ต่อเนื่องจน
ครบ (ดงั ที่แสดงในรูป)

ผลคะแนนสามารถ ใช้เพื่อเปรียบเทียบความเปลี่ยนแปลงในแต่ละช่วงเวลาได้ การใช้
เครื่องมือนี้ เพ่ือให้ผู้เข้าร่วมประชุมรู้สึกเพลิดเพลิน ไม่เป็นทางการนัก สามารถเข้ามามีส่วนร่วมได้แล

การพฒั นาหมบู่ ้านเศรษฐกิจพอเพียง เพ่อื สร้างความสขุ ให้ชมุ ชน 35

สามารถเขา้ ใจ อ่านคา่ ไดเ้ อง เมื่อสรปุ คะแนนแลว้ จะเห็นแนวทางในการดาเนินการ ทั้งท่ีต้องแก้ไขปรับปรุง
เพราะ คะแนนต่า และการพฒั นาเพ่ิม อนุรกั ษส์ บื ทอด เม่อื ได้คะแนนสูงอยแู่ ล้ว

แผนภาพแสดงตัวอยา่ งแผนผังใยแมงมุม (Spider diagram)
ข้ันตอนที่ 2 การประเมนิ ความสุขของหมู่บา้ นรวมทุกตัวชว้ี ดั

การประเมนิ ในข้ันตอนน้ี เป็นไปเพ่ือสรา้ งความม่ันใจในค่าคะแนนอีกครั้ง การประเมินใน
ขั้นตอนนี้ไม่จาเป็นต้องนาค่าคะแนนจากการประเมินในข้ันตอนที่ 1 มาใช้ เพราะเป็นการใช้เคร่ืองมืออีก
ชนิดหนึง่ สาหรบั ใช้สร้างความเชื่อม่นั ในการประเมินและตรวจสอบความถูกต้องของการประเมิน ซ่ึงจะทา
ให้ผู้ประเมินเปรียบเทียบผลว่ามีลักษณะเป็นอย่างไร เช่น ค่าคะแนนในการประเมินเป็นรายตัวชี้วัดโดย
แผนผังใยแมงมุม มีค่าคะแนนสูง แต่ค่าคะแนนในการประเมินรวม โดยปรอทวัดความสุข มีค่าคะแนนต่า
ทาให้เห็นว่า อาจมีปัจจัยบางประการที่ทาให้ค่าคะแนนผกผันกัน เช่น ไม่ได้ตั้งใจ ไม่เข้าใจในความหมาย
ของตัวช้ีวัด ให้คะแนนผิด หรืออื่นๆ ในการประเมินเป็นรายตัวช้ีวัด รวมทั้งอาจมีเรื่องที่ยังห่วง กังวล ไม่
พอใจ ที่ไม่ได้ระบุไว้เป็นตัวชี้วัด ซ่ึงวิทยากรกระบวนการจะต้องซักถามเพ่ือหาเหตุผลเพ่ิมเติม จึงเป็นการ
ตรวจสอบทิศทางว่าเปน็ ไปในทศิ ทางเดยี วกนั หรอื ไม่ มสี าเหตมุ าจากอะไร ต้องเพ่มิ เติมอะไรหรอื ไม่

วิธีการประเมินและการคิดค่าคะแนนความสุขในภาพรวมของชุมชน โดยให้ที่ประชุม
คดิ ถงึ สภาพของชุมชนโดยรวมด้วยตัวชี้วัดทุกตัวที่ได้พูดคุย ทาความเข้าใจกันไปแล้วเป็นแนวทางพิจารณา
ในการให้คะแนน โดยคิดค่าคะแนน จากคะแนนเต็ม 100 คะแนน “ถ้าคะแนน100 คะแนน ความสุขใน
หมบู่ า้ นของเรามเี ท่าไร" หาข้อยุติเป็นตัวเลขคะแนน เช่น ที่ประชุมมีมติ ให้เป็นคะแนน 90 จึงนาไปแสดง
บนปรอทวัดความสุข เพ่ือเปรียบเทียบกับระดับความสุขเป็นการกระตุ้นให้เกิดการคิดแก้ปัญหา ทา
กจิ กรรมไปสูเ่ ปาู หมายใหม่เพ่อื เพมิ่ ค่าคะแนนในการประเมนิ ครั้งต่อไป

เครอ่ื งมือสาหรับการประเมินในขั้นตอนน้ี ใช้ปรอทวัดความสุข เพื่อสร้างแรงจูงใจให้เห็น
เปูาหมายการพัฒนาในการเพ่ิมความสุขมวลรวมของชุมชน โดยคนในชุมชนทั้งหมดเห็นพ้องต้องกัน

การพฒั นาหมูบ่ า้ นเศรษฐกจิ พอเพยี ง เพ่ือสรา้ งความสขุ ใหช้ มุ ชน 36

ใชต้ วั ช้ีวดั ทุกตัวจากขั้นตอนท่ี 1 เป็นเกณฑ์การพิจารณา คะแนนที่ได้ จะเห็นถึงระดับความสุขซึ่งจะแสดงว่ามี
ระดบั ใด เข้าใกล้เปาู หมาย ความ “อยู่เย็น เป็นสขุ ” หรอื ไม่ และต้องทาอะไร อยา่ งไรเพอื่ ใหถ้ ึงเปาู หมายนั้น

90 คะแนน

แผนภาพแสดงปรอทวัดความสขุ

ระดับคะแนน 0-20 คะแนน ระดับน้อยที่สุด (อยู่ร้อน นอนทุกข์) เป็นความรู้สึกท่ีเกิดความ
แร้นแคน้ ในปัจจยั การดาเนินชวี ิตไม่มคี วามสบาย มคี วามกงั วล อยตู่ ลอดเวลา

ระดับคะแนน 21-40 คะแนน ระดับน้อย (อยู่ได้ คลายทุกข์) เป็นความรู้สึกท่ีเกิดจาก
การท่ีสามารถปรับตัวใช้ปัจจัยการดาเนินชีวิต และการจัดการกับสภาพปัญหาท่ีเกิดข้ึนในชุมชนได้บ้าง
ยังมคี วามกงั วลใจ ตอ้ งการรับการช่วยเหลอื จากภายนอก

ระดับคะแนน 41-60 คะแนน ระดับปานกลาง (อยู่อิ่ม นอนอุ่น) เป็นความรู้สึก
ท่ีมีความสามารถในการบริหารจัดการปัจจัยการดาเนินชีวิตให้เหมาะสมกับชุมชน มีความพอใจ สบายใจ
สะดวก ระดับเดยี วกันหรอื เท่าๆ กันกบั ความกังวลเปน็ ห่วง ต่อสถานการณ์ทเ่ี กดิ ข้นึ

ระดับคะแนน 61- 80 คะแนน ระดับมาก (อยู่ดี มีสุข) เป็นความรู้สึกมั่นใจในความสามารถใน
การบริหารจัดการปัจจัยการดาเนินชีวิตให้มีความสุข แก้ไขปัญหาเพื่อลดความห่วงกังวลต่างๆ
ไดม้ าก

ระดับคะแนน 81 -100 คะแนน ระดับมากที่สุด (อยู่เย็น เป็นสุข) เป็นความรู้สึกเชื่อม่ันและ
มั่นใจในความสามารถในการบริหารจัดการปัจจัยการดาเนินชีวิต เพื่อตัดความกังวลต่อสถานการณ์
ทีเ่ กดิ ข้นึ หรืออาจเกดิ ขึน้ ทาให้รสู้ ึกพงึ พอใจ สบายใจมากทส่ี ุดและคงอยูต่ ่อเนอ่ื ง

การประเมินให้ที่ประชุมตัดสินใจเลือกค่าคะแนนกันให้เสร็จก่อน แล้วจึงค่อยเฉลยความหมายในแต่
ละ ระดับก็ทาให้เกิดความรู้สึกมีส่วนร่วมมากขึ้น และไม่เป็นการช้ีนาให้เลือกระดับไปในตัว เช่น
ตกลงเลือกระดับ ความสุขที่ 92 คะแนน ถือว่าเป็นระดับ “อยู่เย็น เป็นสุข” ถามต่ออีกหน่อยได้ไหม
ว่าทาไมไมเ่ ตม็ ร้อย แล้วจะทาอะไรต่อกันดหี ล่ะ พน่ี ้อง…

การพัฒนาหมู่บา้ นเศรษฐกิจพอเพียง เพ่อื สรา้ งความสขุ ให้ชมุ ชน 37

บทท่ี 3
การพฒั นาหม่บู ้านเศรษฐกิจพอเพยี ง เพื่อสร้างความสขุ ให้ชุมชน

ในปี 2563-2565 กรมการพัฒนาชุมชนได้วางยุทธศาสตร์แห่งความสุขของประชาชน มุ่งเน้น
ส่งเสริมสนับสนุนบุคลากรพัฒนาชุมชนต้องขับเคลื่อนชุมชนเข้มแข็งด้วยหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
โดยกาหนดยุทธศาสตร์แห่งความสุขของประชาชน (CDD Happiness Strategy) โดยเน้นย้าความสาคัญ
ว่ากรมการพัฒนาชุมชนมีภารกิจขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลด้านการลดความเหลื่อมล้า ของสังคมและ
สร้างโอกาสเข้าถึงบริการของรัฐ สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
แผนปฏิรูปประเทศ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ทุกระดับสู่แผนปฏิบัติการ ภายใต้วิสัยทัศน์ “เศรษฐกิจ
ฐานรากมั่นคงและชุมชนพ่ึงตนเองได้ ภายในปี 2564”ท้ังนี้ เพ่ือมุ่งสู่เปูาหมาย ครัวเรือนในหมู่บ้าน
เศรษฐกจิ พอเพยี ง 23,589 หมบู่ ้าน มีรายไดเ้ ฉลีย่ สูงกว่าเกณฑ์ความจาเปน็ พ้นื ฐาน (จปฐ.) โดย มีภารกิจ
ภายใต้ 4 ประเด็นยุทธศาสตร์ คือ สร้างสรรค์ชุมชนให้พึ่งตนเองได้ ส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากให้ขยายตัว
เสริมสร้างทุนชุมชนให้มีประสิทธิภาพและมีธรรมาภิบาล และเสริมสร้างองค์กรให้มีสมรรถนะสูง
นอกจากน้ัน จะขับเคลื่อนภารกิจด้วยกลไกการพัฒนาชุมชน ซึ่งภารกิจดังกล่าวทาให้กรมฯ ต้องวางแผน
การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ ให้มีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ทุกระดับ ตลอดถึงนโยบายของรัฐบาลท่ี
สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชน แก้ไขปัญหาและพัฒนาพ้ืนท่ี และเตรียมพร้อมต่อการ
เปล่ียนแปลงในมิติต่าง ๆ โดยจะยึดมั่นในอุดมการณ์ของการพัฒนาชุมชน มีความเข้าใจ สามารถแปลง
นโยบายไปสู่แผนปฏิบัติงาน สามารถขับเคลื่อนภารกิจของกรมการพัฒนาชุมชนให้สอดคล้องกับ
ยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับท่ี 12 และสอดคล้องกับ
การปฏิรูปประเทศ โดยต้งั เปูาเศรษฐกิจฐานรากสมดลุ และชุมชนเข้มแข็งด้วยการน้อมนาหลักปรัชญาของ
เศรษฐกจิ พอเพียงมาดาเนนิ การให้เป็นวิถีชวี ติ

จากหลักการสาคัญของการดาเนินงานขับเคล่ือนการพัฒนาหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงท่ีกล่ าวมา
ข้างต้น สานักเสริมสร้างความเข้มแข็งชุมชน จึงเห็นควรมีการพัฒนาแนวทางการส่งเสริมการพัฒนา
หมบู่ า้ นเศรษฐกิจพอเพียง เพอื่ สร้างความสุขใหช้ มุ ชนอยา่ งแท้จรงิ ด้วยแนวทางการดาเนนิ งาน ดงั น้ี

แนวทางการสง่ เสริมการพัฒนาหมูบ่ ้านเศรษฐกจิ พอเพียง เพือ่ สรา้ งความสุขใหช้ ุมชน
การพัฒนาหมู่บ้านตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง เป็นการจัดกิจกรรมการพัฒนาหมู่บ้าน เพ่ือให้

เกิดระบบบริหารจัดการชุมชน ซึ่งหมายถึง กระบวนการในการทาหน้าต่างๆ ท่ีมุ่งสู่เปูาหมายของชุมชนที่
กาหนดไว้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการใช้ทรัพยากรได้อย่างเฉลียวฉลาดและคุ้มค่า การตัดสินใจได้อย่าง
ถูกต้อง ปฏิบัติการสาเร็จตามแผนที่กาหนดไว้ จากการทางานร่วมกัน โดยใช้บุคคล กลุ่มคน ทรัพยากร
รวมทั้งการออกแบบและรักษาบรรยากาศแวดล้อมในชุมชนให้ทุกคนในชุมชนร่วมกันทางานได้บรรลุ
เปาู หมาย ซงึ่ ประกอบดว้ ยความสัมพันธ์ขององค์ประกอบภายในชุมชน คือ การมีกลุ่มคน หรือองค์กรของ
ชุมชนเป็นผู้รับผิดชอบเคล่ือนไหว ผลักดันกิจกรรมการพัฒนาท้ังปวง โดยจัดให้มีและใช้ระบบข้อมูล
ใช้ขอ้ มลู เปน็ ฐานในการจัดประชุมคิดวิเคราะห์ จัดทาแผนเพ่ือการพัฒนาหมู่บ้าน ดาเนินการกิจกรรมตาม
แผนพัฒนา และบูรณาการเงินทุนทั้งภายในชุมชนและนอกชุมชนเพ่ือสนับสนุนการดาเนินกิจกรรมตาม
แผนที่วางไว้ ซึ่งระบบการทางานเช่นน้ีของชุมชนจะทาให้มีกิจกรรมเกิดข้ึนและมีการเคลื่อนไหว
เปลี่ยนแปลงยกระดบั เพมิ่ ข้นึ ตลอดเวลา

การพฒั นาหมบู่ ้านเศรษฐกิจพอเพียง เพอื่ สรา้ งความสุขใหช้ มุ ชน 38

การพัฒนาตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง จึงเป็นการนาหมู่บ้านท่ีมีความพร้อมมีผลการปฏิบัติที่
สาเร็จชดั เจนอย่แู ลว้ มาเพิ่มเตมิ ความสามารถในการเปน็ ตน้ แบบ สาหรับการขยายผลแนวทางวิธีปฏิบัติใน
การพัฒนาตนเอง ครอบครัว และชุมชน เพี่อใช้เป็นสถานท่ีเรียนรู้สาคัญให้กับหมู่บ้านอ่ืนๆ ท่ียังไม่ได้
เร่ิมต้นในการพัฒนาตามแนวทางปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง การแยกประเภทหมู่บ้านเป็น 3 ระดับ
ประกอบด้วย “พออยู่ พอกิน” “อยู่ดี กินดี” และ “ม่ังมี ศรีสุข” ก็เพ่ือใช้เป็นต้นแบบในเรียนรู้ให้กับ
หมู่บ้านที่มีจุดเร่ิม หรือมีพื้นฐาน สถานการณ์ของหมู่บ้านใกล้เคียงกัน สามารถเรียนรู้ เลียนแบบ ได้โดย
ไม่ตอ้ งใชค้ วามร้คู วามชานาญ ทต่ี ่างกันมากนัก

การจัดกิจกรรมในหมู่บ้านต้นแบบ จึงมีขั้นตอนที่เร่ิมจากการพัฒนา ส่งเสริม สนับสนุน บทบาท
ของผู้นาให้เป็นแกนนาหรือหัวเรี่ยวหัวแรงหลัก ในการนาประชาชนในหมู่บ้านให้ลุกข้ึนทากิจกรรมเพ่ือ
จัดการแก้ไขปัญหา ท่ีเกิดข้ึนหรืออาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ส่งเสริมให้ผู้นาจัดกระบวนการทาแผนชุมชน
สร้างให้เกิดการมีส่วนร่วมของประชาชนในการคิด ตัดสินใจ กาหนดเปูาหมายการทางานโดยคนในชุมชน
เอง ผลักดนั สร้างความรับผดิ ชอบใหเ้ กดิ กบั บคุ คลในชมุ ชนในการดาเนินการ บริหารจัดการในกิจกรรมตาม
แผนงานการพัฒนา ซ่ึงสามารถบูรณาการกิจกรรมต่างๆ จากทุกหน่วยงาน โดยมีแผนชุมชนเป็นเคร่ือง
กากับการพัฒนา เม่ือได้ดาเนินการมีประสบการณ์ มีความรู้ จัดทาเป็นชุดความรู้ มีหลักสูตรสาหรับการ
ถา่ ยทอดความรู้ จดั เป็นแหล่งเรียนรู้ หรือศูนย์เรียนรู้ เพื่อการขยายผลในฐานหมู่บ้านต้นแบบต่อไป ซึ่งผล
การจัดโครงการต่างๆ นอกจากจะจัดขึ้นเพ่ือปูองกัน แก้ปัญหา อนุรักษ์ เพิ่มมูลค่าให้กับชุมชนแล้ว
ยังสามารถสร้างภาวะผู้นา ทักษะการจัดการ สร้างและพัฒนากลุ่มต่างๆ ในชุมชนให้เข้มแข็งยิ่งข้ึน
ขณะเดียวกันการทางานในหมู่บ้านด้วยคนคณะเดียว กลุ่มเดียวอาจเกิดข้อจากัดในการปฏิบัติ เช่น
ขาดทรัพยากร ความรู้ประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญยังไม่มาก จึงต้องอาศัยจากผู้ที่มีประสบการณ์
ความชานาญหรือแม้กระทั่งการพึ่งพา แลกเปล่ียนทรัพยากรจากภายนอก ซ่ึงสามารถสร้างความสัมพันธ์
เป็นเครือข่ายระหว่างกันท้ังกับหน่วยงาน กับองค์กร กับหมู่บ้านอ่ืนๆ ก็ยิ่งเป็นการยกระดับการทางาน
ทกี่ ว้างออกไป และทางานทีย่ ากและทา้ ทาย เปน็ ประโยชน์มากยงิ่ ขนึ้ ได้ เพราะมกี ารชว่ ยเหลอื เก้ือกูลกัน

การพฒั นาหมู่บา้ นเศรษฐกิจพอเพียง เพอื่ สรา้ งความสขุ ให้ชมุ ชน 39

“” - -“ ”
(Gross Village Happiness,GVH.) - - )
-

- (x, ) -

- -
- -
-
- -
- -
-
-
- -
- -
- -
- -
-
-
- -
- -
- otop -
-

-
-

-: -
- -
-
-:
-: -
-

แผนภาพแสดงระบบการบริหารจดั การเพื่อการพัฒนาหมู่บ้านตามแนวคดิ เศรษฐกจิ พอเพยี ง

การพฒั นาหมู่บา้ นเศรษฐกิจพอเพยี ง เพ่ือสร้างความสขุ ให้ชมุ ชน 40

ข้ันตอนในการส่งเสรมิ และพัฒนาหมบู่ า้ นตามแนวคดิ เศรษฐกิจพอเพียง
วตั ถุประสงค์

1. สร้างกระบวนการพัฒนาชุมชนในหมบู่ า้ นด้วยหลกั “การพ่งึ ตนเอง” ในการแกป้ ญั หาความยากจน
ของประชาชนตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งและ

2. จดั ระบบการบรหิ ารจดั การชุมชนและพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน

วิธีการ/ขน้ั ตอนการดาเนินงาน/เง่ือนไขของกิจกรรม กระบวนการ/ขน้ั ตอน/วธิ ีการทางาน
1. ดาเนินการประเมินผลหมู่บ้านโดยจังหวัด พร้อมจัดทาทะเบียน/บัญชีหมู่บ้าน ท่ีผ่านเกณฑ์ตาม

ตัวช้ีวัดที่กาหนดและเสนอผลการประเมิน ให้ศูนย์อานวยการปฏิบัติการขจัดความยากจนและพัฒนา
ชนบทตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงจังหวัด (ศจพ.จ.) ตรวจสอบ จัดลาดับและกาหนดเป็นหมู่บ้านหรือ
ชุมชนเปูาหมาย 3 ลักษณะดงั นี้ คอื

1.1 ระดับพออยู่ พอกนิ
1.2 ระดับอยดู่ ี กินดี
1.3 ระดบั มง่ั มี ศรสี ขุ

2. สร้างแกนนาหมูบ่ ้านเศรษฐกิจพอเพยี ง
มีเปูาหมายเพื่อให้เกิดผู้นาการพัฒนา (change leader) ทาหน้าที่เป็นผู้นาการเปลี่ยนแปลง

(change agent) อยู่ในชุมชน และสามารถนาการพัฒนาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่สอดคล้องกับบริบท
ของชุมชน สร้างความเปลี่ยนแปลงของชุมชนไปสู่สงิ่ ทีช่ ุมชนตอ้ งการ หรือเปาู หมายทก่ี าหนด

ผู้นาท่ีจะสร้างหรือพัฒนาให้เป็นแกนนาหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง ประกอบไปด้วย
ผู้นาทเี่ ป็นทางการ เชน่ กานนั ผ้ใู หญ่บ้าน ผู้นา อช. /อช. ผู้นาสตรี ผู้นาเยาวชน อาสาสมัครของหน่วยงาน
ต่างๆ หรือผู้นาที่ไม่เป็นทางการแต่มีจิตอาสาท่ีจะเข้ามาร่วมและพร้อมที่จะนาการพัฒนา เช่น ปราชญ์
ชาวบ้าน หรือบุคคลภูมิปัญญาของชุมชนด้านต่างๆ สาหรับหมู่บ้านท่ีเป็นหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง
ต้นแบบแล้ว ควรสนับสนุนให้เยาวชนคนรุ่นใหม่เข้าไปเป็นแกนนาหมู่บ้านให้มากยิ่งขึ้น เพ่ือสืบทอด
กจิ กรรมและกระบวนการพฒั นาให้เกดิ ความต่อเนื่องและยัง่ ยนื

ผู้นาชุมชนหรือแกนนาชุมชน/แกนนาหมู่บ้าน จะได้รับการฝึกอบรมความรู้ และการปรับเปล่ียน
ทัศนคติท่ีมีต่อวิถีชีวิต และฝึกทักษะการเป็นผู้นาให้เหมาะสมร่วมกัน เป็นการสร้างภาวะผู้นา
ด้วยกระบวนการเรียนรู้และกระบวนการกลุ่ม สามารถนาไปเสริมสร้างพลังการเคลื่อนไหวของชุมชน ให้
เกิดขึ้นอย่างต่อเน่ือง หรือตามช่วงโอกาสวิกฤตต่างๆของชุมชน จัดระบบการบริหารจัดการของชุมชน
ไปสู่เปาู หมายทช่ี มุ ชนตอ้ งการ

สานักงานพัฒนาชุมชนจังหวัด เป็นหน่วยจัดทาหลักสูตร และดาเนินการการฝึกอบรมที่จะพัฒนา
แกนนาสาหรับหมู่บ้านขยายผล(บ้านน้อง) ซ่ึงเป็นหมู่บ้านเปูาหมายท่ีจะได้รับงบประมาณจากกรมฯ หรือ
จากหน่วยงานอ่ืนๆ ให้เหมาะสมกับพ้ืนท่ีและความจาเป็นสาหรับจังหวัดนั้นๆ นอกจากนี้สถาบันการ
พัฒนาชมุ ชน กรมการพัฒนาชมุ ชน มหี ลกั สตู รพฒั นา เพม่ิ ทักษะในการเป็นผู้นา นาไปปฏิบัติเป็นต้นแบบ
ในการดาเนินวิถีชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง และร่วมขับเคลื่อนการพัฒนาหมู่บ้าน ให้เป็นหมู่บ้าน
เศรษฐกิจพอเพียง

การพฒั นาหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพยี ง เพอ่ื สร้างความสุขใหช้ มุ ชน 41

วธิ ีการ/ข้นั ตอนการดาเนินงาน/เง่ือนไขของกิจกรรม
2.1 สานักงานพัฒนาชุมชนจังหวัด ดาเนินการเพ่ิมขีดความสามารถแกนนาหมู่บ้านที่มี
คุณสมบัติ มีความพร้อมและต้ังใจจะทางานพัฒนาชุมชน ซึ่งต้องนาความรู้ ความสามารถ ทักษะการจัด
กระบวนการพัฒนาบุคคลผู้ด้อยโอกาส พัฒนากลุ่มและหมู่บ้าน สร้างการมีส่วนร่วมและกระบวนการ
เรยี นรู้ เปน็ กลุ่มผนู้ าในการดาเนินงานการพฒั นาหมู่บ้านเพื่อเป็นหมู่บ้านต้นแบบอย่างยั่งยืน เช่น ผู้นาอช.
กรรมการกลุ่มต่างๆ ในชมุ ชน ผทู้ รงคณุ วฒุ หิ รือผู้นาอ่นื ๆ ตามหลักสตู รฝึกอบรม
2.2 สานักงานพัฒนาชุมชนจังหวัด จัดกิจกรรมติดตาม นิเทศ แกนนาชุมชน ในการดาเนินงาน
โครงการประเมินผลแบบมีสว่ นรว่ ม และช่วยการจดั การความร้ปู ระสบการณ์การทางานแกนนาชุมชนแกน
นาหมู่บา้ นมคี วามรู้ ความเขา้ ใจในการพัฒนาหมบู่ า้ นตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงให้เป็นหมู่บ้าน
เศรษฐกจิ พอเพียงตน้ แบบ

3. ขยายผลหมบู่ า้ นเศรษฐกจิ พอเพียง เพื่อส่งเสริมการใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในการ
พฒั นาหมูบ่ ้านใหม้ ีระบบบรหิ ารจดั การชมุ ชน

วธิ ีการ/ขัน้ ตอนการดาเนินงาน
3.1 จังหวัดพิจารณาดาเนินการในหมู่บ้านที่ได้ดาเนินการประเมินผลและจัดระดับหมู่บ้าน
เศรษฐกิจพอเพียงตามเกณฑ์ของกระทรวงมหาดไทย (23 ตัวช้ีวัด) 3 ลักษณะดังนี้ คือ “พออยู่
พอกิน” (ผ่านเกณฑ์ จานวน 10 - 16 ตัวช้ีวัด) “อยู่ดี กินดี” (ผ่านเกณฑ์ จานวน 17 - 22 ตัวช้ีวัด)
“ม่ังมี ศรีสุข” (ผ่านเกณฑ์ จานวน 23 ตัวช้ีวัด) เลือกหมู่บ้านลักษณะใดก็ได้ ท่ีต้องการพัฒนา
ให้เป็นหมู่บ้านต้นแบบและมีความพร้อมในการบูรณาการกิจกรรมของการพัฒนาของกรมฯ โดยใช้พื้นท่ี
เป็นหลกั
3.2 อาเภอดาเนินการพัฒนาหมู่บ้านตามลักษณะของหมู่บ้าน ด้วยกิจกรรมเพ่ือให้สอดคล้อง
กบั พน้ื ฐานของแต่ละหมู่บ้าน ดังนี้

3.2.1 สง่ เสรมิ ครอบครวั พฒั นาในหมบู่ ้านเศรษฐกิจพอเพียง
กลุม่ เปาู หมาย เป็นผ้แู ทนครอบครวั พฒั นา จานวน 30 ครอบครัว โดยคัดเลอื กครอบครัว
พัฒนาท่ีสมาชิกในครอบครัวมีคุณสมบัติและมีกิจกรรมสมควรเป็นแบบอย่าง และต้องการเข้าร่วม
โครงการฯสามารถขยายผลสคู่ รอบครวั อื่นๆ ดว้ ยการจัดให้เป็นจดุ เรียนรู้ชมุ ชนได้
การคัดเลือกครอบครัวพัฒนามาเป็นต้นแบบและร่วมเป็นแกนหลักในการขับเคล่ือนการ
พัฒนา ดาเนินการโดยแกนนาหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงท่ีผ่านการฝึกอบรมจากจังหวัด หรือหลักสูตรการ
พัฒนาแล้วร่วมกบั เจา้ หนา้ ทห่ี รือนกั พฒั นา จดั เวทปี ระชาคมหมู่บ้านเพ่อื แจ้งแนวทางในการพัฒนาหมู่บ้าน
และคัดเลือกครอบครัวพัฒนาจากครัวเรือนท่ีสมัครใจเข้าร่วมโครงการ ซึ่งในระยะเร่ิมต้น คัดเลือกอย่าง
น้อย 30 ครัวเรือนต่อหมู่บ้าน หรือเฉลี่ยร้อยละ 30 ของครัวเรือนทั้งหมด ให้กระจายไปตามคุ้มต่างๆ
ภายในหมู่บ้าน เม่ือพัฒนาเป็นครอบครัวต้นแบบได้แล้วจะได้ขยายผลสู่ครอบครัวอ่ืนๆในคุ้มบ้านเดียวกัน
ไดท้ ัว่ ทั้งหมู่บ้าน
กรมการพัฒนาชุมชน สนับสนุนงบประมาณสาหรับหมู่บ้านขยายผลในการฝึกอบรม
หรอื จดั เวทีให้การเรียนรู้แก่ครอบครวั พฒั นา เพอื่ ให้เข้าใจหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และสามารถ
นาไปประยุกต์ใชใ้ นการดาเนินชวี ิตประจาวัน และเปน็ ครอบครวั ตน้ แบบในการพัฒนา ด้วยวธิ ีการถ่ายทอด
ความรู้ทีม่ คี วามหลากหลาย ได้แก่ การจัดเวทีในหมู่บ้านและไปศึกษาดูงานท่ีหมู่บ้านพ่ี หรือแหล่งเรียนรู้
ต่างๆ ที่จะสรา้ งความเขา้ ใจให้แก่ครอบครวั พฒั นาได้

การพัฒนาหมบู่ า้ นเศรษฐกิจพอเพยี ง เพ่ือสร้างความสุขให้ชมุ ชน 42

การจดั เวทแี ลกเปลีย่ นเรยี นรขู้ องหมบู่ ้าน เนน้ ให้ครอบครวั พัฒนาเรียนรูด้ ว้ ยตนเอง ด้วย
การฝึกวิเคราะห์ตนเอง จากการทาบัญชีรับ - จ่ายครัวเรือน ซึ่งนาไปสู่การรู้จักตนเองและพ่ึงตนเอง และ
การวางแผนชีวิต เรียนรู้จากเคร่ืองมือการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 6 ด้าน
12 ตัวชี้วัด เพื่อให้ครอบครัวพัฒนามีการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม เชื่อมโยงสู่ระดับชุมชน และเรียนรู้
เครื่องมือเกณฑ์ประเมิน ๔ ด้าน 23 ตัวชี้วัด และ เกณฑ์การประเมินความสุขมวลรวมของหมู่บ้าน
6 องค์ประกอบ 22 ตัวช้ีวัด ซึ่งเป็นเปูาหมายภาพรวมของการพัฒนาหมู่บ้าน รวมท้ังการวางแผนในการ
ไปศึกษาดูงาน

การไปศึกษาดูงานของครอบครัวพัฒนา มีจุดประสงค์เพ่ือให้ประชาชนเห็นของจริงจาก
ผลสาเร็จของการนาปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ในชีวิตประจาวัน การพัฒนากลุ่ม การพัฒนา
หมู่บ้าน และนามาประยุกต์ใช้ในหมู่บ้านของตนเองได้ จึงควรคานึงถึงประโยชน์ที่จะเกิดข้ึนกับ
กลุ่มเปูาหมาย และบริบทของชุมชน เช่น ถ้าต้องการปรับทัศนคติ ต้ังปณิธานและเสริมสร้างพลังใจ
อาจเลือกพื้นท่ีโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดาริ ศูนย์ศึกษาและพัฒนาอันเน่ืองมาจากพระราชดาริ
แต่ถ้าต้องการเรียนรู้การบริหารจัดการชุมชน ฐานเรียนรู้หรือกิจกรรมความสาเร็จของกลุ่มหรือของ
หมู่บ้าน ก็เลือกไปศึกษาจากบ้านพี่ เป็นต้น โดยทีมเจ้าหน้าที่ วิทยากรกระบวนการ และแกนนาหมู่บ้าน
ต้องสร้างการมีสว่ นรว่ มในการตัดสินใจและรบั ผดิ ชอบในการจัดกระบวนการเรียนรรู้ ่วมกัน

เม่ือครอบครัวพัฒนาผ่านการฝึกอบรม การศึกษาดูงานแล้ว จะจัดทาแผนชีวิตของ
ครอบครัวเพ่ือนาไปปฏิบัติตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และช่วยกันวิเคราะห์ในการจัดเก็บ
ข้อมูลเพิ่มเติม เช่น ข้อมูลทางด้านกายภาพ (ดิน น้า ปุา) เพื่อนาไปใช้ในการจัดเวทีประชาคมวิเคราะห์
ชุมชนและทาแผนชุมชนในข้ันต่อไป ให้สอดคล้องกับความจาเป็นตามบริบทของชุมชนและตามศักยภาพ
ของระดับการพัฒนาของ แต่ละหมู่บ้าน ทีมปฏิบัติการระดับอาเภอจะต้องะกาหนดรายละเอียดของ
หลกั สตู รและเน้ือหาให้เกิดประโยชนส์ ูงสุดต่อประชาชนและมคี วามเปน็ ไปได้ในการพฒั นาอยา่ งเหมาะสม

วิธีการ ฝึกอบรมครอบครัวพัฒนาเพื่อสร้างความเข้าใจและการยอมรับปรัชญาของ
เศรษฐกิจ พอเพียง ที่ถูกต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกันท้ังที่เป็นแนวคิดหลักการและแนวทางปฏิบัติ และ
การเตรยี มพร้อม ในการเปน็ วทิ ยากรขยายผลสูค่ รอบครัวอ่นื ใน หมบู่ ้าน และนอกหมบู่ ้าน

• ประชุมเชิงปฏิบัติการ/สัมมนา เป็นผู้แทนครอบครัวพัฒนา ให้การเรียนรู้วิถี
ชวี ติ เศรษฐกจิ พอเพียง ระยะเวลา 1 วัน

• ผู้แทนครอบครัวพัฒนา ศึกษาดูงานประสบการณ์การพัฒนาวิถีชีวิตเศรษฐกิจ
พอเพยี ง จากแหลง่ เรียนรตู้ ้นแบบ ระยะเวลา 2 วัน

3.2.2 การเรียนร้ตู นเองและกาหนดการพัฒนาคณุ ภาพชีวติ
กลุ่มเปูาหมาย เป็นผู้แทนครอบครัวพัฒนาและแกนนาหมู่บ้าน ผู้นาชุมชน ผู้นากลุ่ม
ผู้มีสว่ นเกี่ยวขอ้ งในการจัดทาแผนชุมชน จานวนอย่างน้อย 30 คน ระยะเวลา 1 วัน
วิธีการ จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการผู้แทนครอบครัวพัฒนา แกนนาชุมชน ผู้มีส่วน
เกยี่ วขอ้ ง หรือผรู้ อบรู้ดา้ นต่างๆ เพ่อื สร้างกระบวนการเรียนรู้ ตระหนกั ในสภาพของครอบครัวและหมู่บ้าน
เปน็ จุดเร่ิมในการบริหารจัดการไปสู่เปูาหมายที่เป็นผลสัมฤทธ์ิการพัฒนาท่ีต้องการ ท้ังในระดับครอบครัว
และหมบู่ ้าน

• จัดให้มีการประเมินเพื่อตรวจสภาพของหมู่บ้านตามเกณฑ์ประเมินหมู่บ้าน
เศรษฐกจิ พอเพียงตน้ แบบของกระทรวงมหาดไทย (4 ด้าน 23 ตวั ชี้วัด) เพอ่ื ประเมินสภาพหมูบ่ า้ น

การพฒั นาหมูบ่ ้านเศรษฐกิจพอเพียง เพ่ือสรา้ งความสขุ ใหช้ มุ ชน 43

• จัดให้มีการประเมินความ “อยู่เย็น เป็นสุข”หรือความสุขมวลรวมของ
หมู่บ้าน/ชุมชน (GVH) ก่อนการพัฒนา โดยกรรมการหมู่บ้านร่วมกับคณะทางานระดับตาบล จัดการ
ประเมิน ตามแนวทางการประเมิน ในแบบมีส่วนร่วมและกรอกข้อมูลหมู่บ้าน ตามแบบประเมินหมู่บ้าน
เศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบ (4 ด้าน 23 ตัวชี้วัด) คณะทางานระดับอาเภอรับรองผล การประเมินจัดทา
ทะเบียนหมู่บ้าน คณะทางานระดับจังหวัดรับรองผล จัดทาทะเบียนหมู่บ้าน ซ่ึงจะนาไปใช้เป็นข้อมูลใน
การเปรยี บเทยี บผลกับขอ้ มูลหลังการพฒั นา

• จัดให้มีการวิเคราะห์ข้อมูลของครอบครัว เพ่ือทาแผนชีวิตของครอบครัว
วิเคราะห์ข้อมูล ของชุมชน ข้อมูลทุนชุมชนเพื่อจัดทาใหม่หรือทบทวนปรับแผนพัฒนาหมู่บ้าน ผลที่ได้คือ
แผนพัฒนาครอบครัวและแผนพัฒนาชุมชนที่มีคุณภาพ สาหรับนาไปเป็น เครื่องมือในการกากับ
การบริหารการพฒั นาต่อไป

3.2.3 กจิ กรรมสาธติ การดารงชีวิตแบบพอเพยี ง
กลุ่มเปูาหมาย เป็นผู้แทนครอบครัวพัฒนาและผู้สนใจ ไม่น้อยกว่า 30 คน
ไมต่ า่ กว่า 2 ประเภทๆ ละ 1 วัน
วิธีการ แกนนาหมู่บ้านจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ/สัมมนา/สาธิตกิจกรรมการดารงชีวิต
ตามแนววิถีชีวิตเศรษฐกิจพอเพียง ดาเนินการฝึกปฏิบัติ กิจกรรมเพื่อสร้างทักษะการดารงชีวิตตามแนว
ปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียง ท่ีได้กาหนดในแผนพัฒนาครอบครัว (แผนชีวิต) หรือแผนพัฒนาหมู่บ้าน
โดยฉันทามติของกลุ่มเปูาหมายเท่าน้ัน อาศัยพื้นฐานความรู้ ทุนชุมชน วัฒนธรรมและภูมิปัญญานามาใช้
ในการประดิษฐ์ อนุรักษ์ ปรับปรุง ประยุกต์ใช้สร้างกิจกรรมต่างๆ ซ่ึงชุมชนสามารถออกแบบและสร้าง
กตกิ าในการจัดการ เพอ่ื ให้เกิดการดาเนินการต่อเนื่อง คานึงถึงเปาู หมายผลการพฒั นาที่ยัง่ ยนื ไดเ้ อง
การจัดกิจกรรมสาธิตเพ่ือให้การพัฒนาหมู่บ้าน สามารถดาเนินการได้ โดยคล่องตัว
ไม่มีกรอบจากัดความต้องการ ของชุมชน ด้วยมุ่งหวังให้เกิดการแลกเปลี่ยน เรียนรู้ประสบการณ์ และ
ทักษะ ในการจัดทากิจกรรมเพ่ือการ พ่ึงตนเอง ทากิน ทาใช้ หรือจัดกิจกรรมเพื่อฝึกการทางานร่วมกัน
การบริหาร จัดการในรูปลักษณะกลุ่มหรือ ถ้ามีกลุ่มพร้อมเพ่ิมระดับเป็น การฝึกบริหารจัดการในลักษณะ
เครือข่ายความร่วมมือทุกรูปแบบงบประมาณ ที่ใช้ในลักษณะของการฝึกปฏิบัติจึงถือว่าเป็นจุดเร่ิม
ในการสร้างการมีส่วนรว่ มและขยายกิจกรรมสรา้ งสรรค์ อื่นเพอื่ ความย่ังยืนของการพฒั นาชุมชนด้วย
การจัดกิจกรรมจากพื้นฐานของหมู่บ้านและเปูาหมายการเป็นต้นแบบของหมู่บ้าน
ซ่ึงนอกจาก ผ่านเกณฑ์การประเมิน (4 ด้าน 23 ตัวช้ีวัด) แล้ว ให้พิจารณาถึงความเข้มแข็งอ่ืนๆ เช่น
ระบบบริหารจัดการ ชุมชนท่ีชัดเจน ชุมชนสามารถเป็นแหล่งเรียนรู้ได้จริง เช่น มีจุดเรียนรู้
ศูนยเ์ รียนรู้ มวี ิทยากรถ่ายทอด ฯลฯ ชุมชนมีลักษณะของความเข้มแข็งย่ังยืน เช่น มีผู้นาท่ีสามารถทางาน
ทดแทน มีกลุ่มองค์กรท่ีบริหารตอบสนองความต้องการของสมาชิกได้ท่ัวถึง มีแผนการขยายกิจกรรมเพิ่ม
เป็นตน้
ลักษณะของกจิ กรรมทีด่ าเนนิ ในหมู่บ้าน
“พออยู่ พอกิน”
ผลท่ีต้องการ คือ การดาเนินการเพ่ือสร้างความเข้มแข็งทั้งระบบคิดและกิจกรรมเพ่ือ
การพ่งึ ตนเองใหไ้ ด้
ตัวอย่างกิจกรรม เช่น กิจกรรมเพื่อลดรายจ่าย ส่งเสริมการออม ส่งเสริมการลดการใช้
พลงั งานการใชพ้ ลงั งานทางเลอื กพลังงานทดแทน การปรับปรุงคุณภาพวัสดุเหลือใช้เพ่ือใช้ประโยชน์ การ

การพฒั นาหม่บู า้ นเศรษฐกจิ พอเพียง เพอื่ สรา้ งความสขุ ให้ชมุ ชน 44


Click to View FlipBook Version