www.kalyanamitra.org
"รักโนฅัวฅน"
โดย พระมหาสมชาย ฐานว,ฑโฒ
www.kalyanamitra.org
Jl.oovvee WyselJ"รักโนฅวฅน"
พระมหาสมซาย ฐานวุทโฒ
บรรณารการอ้านวยการ ะ พระมหาวิเชืยร นาถกโร
บรรณาธิการบริหาร ะ จรรยาพร เจริญไทย
กองบรรณาธิการ ะ พระทีฆายุ ถาวรจิดโต,พระจิรเชฏฐ์ เซฎรว่โส,
พงพ์สุวัฒน์ รัตตะคุ
ออกแบบสืลปกรรม : กุลรดา เอกบุตร
พิสูจน์อักษร ะ กองบรรณาธิการบุลนิธิธรรมะคุ้มครองโลก
อัดพิมพิโดย ะ มูลนิธิธรรมะคุ้มครองโลก
18/19^ หมู่ 6 ตำ บลคลองลาม อำ เภอคลองหลวง
อังหวัดปทุมธานี 12120
ลิขสิทธึ๋ : www.dhammaforworld.com
พิมพ์ครั้งที่ 1 dhammaforworld@§maiLcom
จำ นวน ะ มูลนิธิธรรมะคุ้มครองโลก
พิมพ์ที่ ะ อำ เภอคลองหลวง อังหวัดปทุมธานี
เมษายน 2558
8,000 เล่ม
บริษัท เอลพี เพลท จำ กัด
ข้อมูลทางบรรณานุกรม
พระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ.
Love myself"รักใบตัวตน".- ปทุมธานี:มูลนิธิธรรมะคุ้มครองโลก, 2558.
136 หน้า.
1. ธรรมะกับฃีวตประจำวัน. I. ขื่อเรื่อง.
294.3111
ISBN 978-616-7803-06-7
www.kalyanamitra.org
m
Dhamma for the World
มูลนิธิธรรมะคุ้มครองโลก
ส'ื ทฟ้คม3/ฟN(I iZ/yฟ้/}ฝ็"?V/)]rฮ่1«"
www.kalyanamitra.org
บทบ33โนา§ทๆ3
J^ove fTlyself "รักในฅัจฅน" ซี้ให้เห็นถึงสาระ
เนื้อหาเกี่ยวกับความแตกต่างของฃๆยหญิงตั้งแต่ราทเหง้าของ
ความเป็นมนุษย์ ส่งให้กัลยาณมิตรนักอ่านทุกท่านดำเนินชีวิต
ด้วยความเข้าใจธรรมฃาติของมนุษย์ ปรับทัศนคติ และดูแล
รักษาใจของตนเองรวมตั้งใจของผู้อื่นด้วยศๆามรัท ใข้หลัก
ธรรมรับมือกับความคิดลบ ควบคุมอารมณ์ร้าย ๆ และรัก
ตนเองเป็น เปลี่ยนตนเองใหมให้คนรอบข้างต่างหลงรักคุณ
ใช้ข้อคิดทางธรรมคํ้าจุนความรักทางใลก เริ่มด้นที่
รักในตัวตนของตนเอง เมื่อเรารักตนเองเป็น จัดสรรตนเองได้
ความรักจะถูกส่งต่อให้ผู้อื่นอย่างไม่มืเงื่อ■นไข แลัวความรัก
จากผู้อื่นจะถูกส่งต่อย้อนกลับมาที่ตัวเราไนที่สุด ความรักที่
เกิดจากความเช้าใจสร้างความสว่างไนตัวเรา ให้เราเป็นที่รัก
ของคนรอบข้างอย่างที่ไม่ด้องเอ่ยปากร้องขอ ไห้พระทุทธ
ศาสนานำทางและสอนให้คุณ "รักเป็น"
บรรณาธิการ
www.kalyanamitra.org
นทนา
ก่อนอื่นเราต้องรักตนเองให้เป็'นคือ มองเห็นตนเอง
รู้จักตนเองให้ชัด ตระหนักในคุณค่าของตนเองก่อน เราถึงจะ
เข้าใจคนอื่น อยู่ร่วมกับคนอื่นใต้ดีและเป็นที่รัก
พระสัมมาส้มพุทธเจ้าทรงให้หลักการ "รู้จักตนเอง"
ไว้อย่างกระจ่างแจ้งแต้ว หนังสือ HOW TO เล่มใดในโลกก
ไม่ใต้ให้ความกระจ่างครอบคลุมเท่า เพียงเราทำความเข้าใจ
และนำไปปฏิบัติจริง มีตัวอย่างบุคคลตั้งแต่ลมัยพุทธกาล
เป็นต้นมา ที่ไต้นำหลักธรรมคำสอนมาปฏิบัติจนประลบควาน
สำ เร็จในชีวิต
ในหนังสือเล่มนี้ อาตมภาพไต้แจกแจงความต่างของ
เพศตั้งแต่ต้นกำเนิดซายหญิง เพื่อให้เราเข้าใจธรรมซาติของ
มนษย์ตั้งแต่แรกเริ่ม เพื่อจะไต้ "รู้เรา รู้เซา" อย่างซัด ๆ
เข้าใจว่าทำไมชายถึงต่างจิตหญิงถึงต่างใอ และเราจะปรับตัว
อย่างไรให้อยู่ร่วมกันไต้ดี พร้อมที่จะรักตนเองอย่างทีตนเอง
เป็น พร้อมที่จะมอบความรักและไต้รับความรัก เป็นทัง
กัลยาณมิตรที่ดีให้แก่ผู้อื่น และมีกัลยาณมิตรที่ดีอยู่รอบ ๆ ตัว
โดยไม่หลงอยู่ในวังวนของโลกดีจิทัล
ธานจุฑุโฒ ภิกฃ
www.kalyanamitra.org
อๆรน[Q
3nauiaanJu...ua!Jtiiuauiaala <9
e "มองตนเอง" เพื่อพัฒนาตนเองไปส่ความสำเร็จ
10ข้อ เพิ่มเติมความเชื่อมั่นและตระหนักในคุณค่าของตนเอง
^ "รู้เรา" ชนะตั้งแต่ยังโม่เริ่มรบ
@ หลักการ "รู้จักตนเอง" ของพระลัมมาลัมพุทธเจ้า
@ ดร.อามเพฑกร บุคคลสำคัญที่มีหลักการ "รู้จักตนเอง"
บๆอdiปีvcL.jirunchuhj
® กำ เนิดขายหญิงในทางพระพุทธศาสนา
@ การแบ่งเพศภาวะในภพภูมิอื่น
© ทำไมยุคสมัยนี๋ไม่มีการบวฃผ้หณิง
® เหตุใดชายหญิงจึงมีอุปนิลัยแตกต่างกัน
® วิบากกรรมส่งผลกลายเป็นหญิง
www.kalyanamitra.org
ปริUijFI...I'Millปีเรเๆริท 67
@ กำ จัด "5 นิสัย" ที่ทำ ให้คนรอบข้างถอยหนี
® 8 เทคนิค สร้างให้เราเป็นคนน่ารัก
เปลี่ยนตนเองใหม่ให้ใคร ๆ ก็รัก
sniirLJufBfialitm
^ ดิจิทัลดีท็อกซ์ ถอนพิษจากอาการติดดิจิฟ้ล
^ 7 เทคนิค ม่งลู่โปรแกรมติจิทัลดีท็อกซ์
เจาะลีกพิษร้ายในโลกติจิทัล
www.kalyanamitra.org
www.kalyanamitra.org
inaUiauifJu...
นองเหีนทน!อ]j'la
"ความเชื่อมั่น" หรือ "ความ
มั่นใจในตนเอง" เป็นคุณสมบัติหนึ่งที่ผู้
ประสบความสำเร็จมีกันทุกคน ลองคิดดู
ง่าย ๆ ถ้าเราดูถูกตนเอง มัวแต่คิดว่า "ฉัน
ไม่สวย... ฉันไม่รวย... ฉันไม่ฉลาด... ฉัน
ไร้ความสามารถ..." แล้วเราจะประสบความ
สำ เร็จได้อย่างไร
อีกมุมหนึ่ง คนที่หลงตนเอง มั่นใจ
ในตนเองมากว่าตัวเองหล่อ สวย รวย ฉลาด
แ๓เที่ยวไปดูถูกคนอื่น คนเหล่านี้จะทำงาน
เป็นทีมได้อย่างไร เขาจะประสบความสำเร็จ
ได้อย่างไร
www.kalyanamitra.org
พ
พ คววliฟฯill/
ก่อนที่จะเข้าใจ '■การมองตนเอง"* เราลองมาดู
คุณสม•บตของความเชื่อมั่นในตนเองที่แท้จริงก่อนว่าคุณสมบ้ติ
ของผู้ที่เชื่อมั่นในตนเองที่แท้จริงนั้นเป็นอย่างไร ชื่งในแง่
ของ Self - Esteem มี 3 องค์ประกอบด้วยกันคือ (1)
ความตระหนักในคุณค่าของตนเอง เรียกว่า Self-Respect
(2) ความเชื่อมั่นในความสามารถของตนเอง เรียกว่า Self -
Efficacy และ (3) ภาพแห่งตน เรียกว่า Self - Image
www.kalyanamitra.org
ห
เ^ ควพอฃะท!}ทไนตฌฅ'เรamwrn
ความตระหนักในคุณค่าของตนเอง(Self- Respect)
สือ ความตระหนักในศักดศรีของตนเองว่า ตนมีคุณค่าเท่า
เทียมกับผู้อื่น มีสิหธี้ มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จและ
ได้รับความสุข ได้รับความสมหวังเหมือนกับคนอื่น ๆ ใน
สังคม และรู้สึกว่าชีวิตของตนเองมีคุณค่า ควรจะปกป้อง
รักษาชีวิต•ของเรา ดูแลชีวิตของเราให้ดี และชีวิตของเรา
สมควรที่จะอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข
พ
ความเชื่อมั่นในความสามารถของตนเอง (Self -
Efficacy) คือ ความสามารถในการคิด การเข้าใจ และ
ตัดสินใจที่จะแก้ไขป้ญหาต่าง ๆ มีความสามารถในการที่จะ
เผชิญอุปสรรคต่าง ๆ นานา ที่ถาโถมเข้ามาในชีวิต และเชื่อมั่น
ว่าตนเองมีความรู้ความสามารถ เพียงพอที่จะแก้ไขปัญหา
ต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถพึ่งพาตนเองได้
www.kalyanamitra.org
ใ2
mMuHwy
ภาพแห่งตน (Self-Image) คือ มุมมองที่เรามองว่า
ตนเองเป็นใคร มีทัศนคติอย่างไร มีสถานภาพใดในสังคม
ซึ่งภาพแห่งตนจะถูกสร้างจากกิจวัตรประจำวัน หรือหน้าที่
การงานของเราว่า เรามีบทบาทอย่างไรในสังคม เรามอง
ตนเองว่าเป็นบุคคลอย่างไร ยืนอยู่ที่ใดในสังคมนั้น ๆ
โดยสรุป คนที่จะประสบความสำเร็จและมองตนเอง
ได้อย่างถูกต้อง จะต้องตระหนักในคุณค่าของตนเอง เชื่อมั่น
ในความสามารถของตนเอง และมีภาพแห่งตนที่ถูกต้อง ซึ่ง
เรามีวิธีสังเกตว่าคนที่มีคุณสมบัติครบทั้ง 3 ข้อ ที่กล่าวมา
แล้วนี้ หรือที่เรืยกว่ามี Self - Esteem สูงนั้นเขาเป็น
อย่างไรกัน
เนื่องจากคนที่มี Self - Esteem สูง หรือมีความ
ตระหนักในคุณค่าของตนเอง และมั่นใจในความสามารถ
ของตนเอง คุณสมบัติเหล่านี้จะทำให้เขามีความรับผิดชอบ
ค่อนข้างสูง มีความซื่อสัตย์ มีความเคารพตนเองและเคารพ
ในสิ่งที่ตนเองทำ เซื่อมั่นว่าสิ่งที่ตนเองทำนั้นเป็นประโยชน์
www.kalyanamitra.org
ต่อส่วนรวม และมักจะมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค มีความ
มุ่งมํ่นที่จะแก้ไขปิญหาต่าง ๆ อย่างไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค
ด้วยอุปนิสัยเหล่านี้จะทำให้เขาเป็นคนรักตนเอง และคน
รอบข้างก็รักเขาด้วยเข่นเดียวกัน
ในขณะเดียวกันก็มีคนบางพวกที่คิดว่าตนเองไม่มีความ
สามารถ และดูถูกตนเอง เราแนใจได้ว่าคนเหล่านี้มี Self -
Esteem ตํ่า แต่ยังมีบางคนที่หลงตนเอง ซื่งจริง ๆ เขา
อาจจะเป็นคนที่มีความสามารถดีแต่เขามักกดคนอื่นและลูถูก
คนอื่น ซึ่งบางคเงอาจจะเกิดจากภาวะ Self - Esteem ตํ่า
หรือเขาแสดงออกเพื่อเป็นการปกป้องปมด้อยของตนเอง จึง
พยายามจะกดคนอื่นเพื่อให้รู้สิกว่าคนอื่นนั้นตํ่ากว่าตน
www.kalyanamitra.org
14
einyjnftfvDoi *z>efe«5/Ve" Tie mmn
ๅ im^taenffyท่
(nitscvDJivmiVffivnof'i (ง้^ทแทตตพ
ตoofiuti imvo'^'ievTi รevonwa
oenmnvi^iiiiie^Dnen
ภ/)พ้ฟ้ IvTimffufmie^vi
www.kalyanamitra.org
is
i พ0อ1ฬนiciunaiui'^อนบรอ่^นขะหน'nTufjfUfh
!iQijaU!Q\j
เรารู้แล้วว่า Self - Esteem หรือความเขื่อมั่น และ
ตระหนักในคุณค่าของตนเองนั้นสำคัญอย่างไร มาถึงวิธีการ
แล้วว่า ควรปฏิบัติอย่างไรถึงจะทำให้เราเป็นคนมี Self -
Esteem สูง
ขอท 1 finรจจขวัญแคะกำลังhของฅณอง
ถ้าเราทำอะไรผดพลาด ให้หันกลับมามองตนเอง แล้ว
ตรวจสอบข้อบกพร่องต่าง ๆ ที่เราได้ทำไป สำ รวจขวัญและ
กำ ลังใจของเราว่ายังมีอยู่หรือไม่ เรายังพร้อมที่จะเผชิญหน้า
กับปัญหาต่อไปในชีวิตหรือไม่
ข้อท 2 ลัารจ'?ลักยภาmองคนIอง
หมั่นสำรวจตนเองเป็นครั้งคราว หรืออย่างน้อยสัปดาห์
ละ 1 ครั้ง แล้วดูว่าตัวเราพัฒนาไปเพียงใดแล้ว ใข้เวลาในแต่
ละวันอย่างเป็นประโยซน้แล้วหรือไม่ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นให้เรามอง
ที่ตนเอง และหมั่นสำรวจตนเองก่อนเป็นอันดับแรก
www.kalyanamitra.org
ใ6
iefi 3 ฅรวจศอนข้จบทร่องของฅนtoง
ถ้ามีคนชื่นขมเราหรือนินทาว่าร้ายติเตียนเรา ก็ฃอให้
เราหันกลับมามองตนเองก่อน โดยสำรวจข้อบกพร่องต่าง ๆ
ทั้งอุปนิสัยที่ตีและไมดของตนเอง โดยอาจจะทำเป็นตาราง
และแบ่งเป็นซ่อง ๆ เขียนถึงลักษณะบุคลิกภาพ รวมทั้งลักษณะ
นิสัยที่ตีและไม่ตีฃองเรา สำ รวจลิงเหล่านั้นแล้วนำมาบ่ร้บบ่รุง
ข้อพ 4 1คก(ปร่ยบ(ทยบฅพองทับผู้อื่น
เลิกเปรียบเทียบตนเองกับผ้อื่น ตองยอมรับว่าแต่ละ
คนมีความหลากหลาย มีความรู้ความลามารถไม่เหมือนกัน
ชีวิตเราจะสมบูรณ์ 100% อย่างไรก็คงไม่เท่ากับผู้อื่น ดังนั้น
อย่าไปคอยเปรียบเทียบตัวเรากับผู้อื่น มีแต่จะทำให้เรากังวลใจ
ขอที่ 5 สุขภาเงกายhต้องสนบูรณ์
ในการที่จะสร้าง Self - Esteem ให้กับตนเอง และ
สร้างความเชื่อมั่นให้กับตนเอง สุขภาพกายและสุขภาพใจ
ของเราตองสมบูรณ์ด้วย สิ่งใดที่ไม่เป็นประโยขน์ต่อสุขภาพ
ของเราก็ด้องละไว้ เข่น การดื่มสุรา หรือการสูบบุหรี่ที่ควรงด
www.kalyanamitra.org
ใ7
ขอท 6 มรู้คจานศามาร0
ควรหาความรู้ใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มพูนความรู้ความสามารถ
ให้แก'ตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือ การฟังบรรยาย
หรือการเข้าฟังสัมมนาต่าง ๆ เพื่อเพิ่มมุมมองด้านต่าง ๆ ในขีวิต
ของเรา
ข้อท 7 ?^ารจจมุมมองของคนเนฅรอบคร้จ
เรื่องความสัมพันธ์ของสมาซิกในตรอบสรัาถ็สำสัญ
เราอาจจะสำรวจความคิดเห็นของคนในกรอบกรัาว่า'>'^'!ร^,^
มองต่อเราอย่างไร เพื่อจะได้นำมาปรับปรุงความสัมพันธ์ของ
เรากับสมาซิกในครอบครัว โดยเราอาจจะตั้งจุดประสงด้ไรั
สำ หรับตนเองว่า เราสามารถเป็นที่พื่งให้กับครอบครัวของเรา
ได้ในอนาคตหรือไม่อย่างไร ซึ่งคนใกล้ซิดจะเป็นกระจกทีดี
ที่สุดสำหรับเรา
ข้อห ร ม1จคา!ข้กับฅณอง
ด้องหาเวลาให้กับตนเองในแต่ละวันอย่างนัอย 1
ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็นตอนเข้าหรืออ่อนนอนเพื่อพัฒนาตนเอง
เซ่น การนั่งสมาธิ หรือการอ่านหนังสือที่เกี่ยวกับการพัฒนา
ตนเอง ฟังขีดีที่เป็นหลักสูตรเกี่ยวกับการพัฒนาคักยภาพ
ของตนเองให้ไปสู่ความสำเร็จ
www.kalyanamitra.org
ข้อท 9 1ม่คูถูกฅพอง
ที่สำ คัญคือ อย่าดูถูกตนเองว่า "ทำไม่ได้" อย่าลูถูก
ตนเองว่า "ไม่มืความเความสามารถเพียงพอ" เพราะ
ถ้าเราดูถูกตนเอง เรากีจะไปไม่พ้นก้าวแรกคือ ไม่สามารถ
ดำ เนินไปสู่ความสำเร็จได้
ข้อห 10 มองหานคคคฅันแบบ
เราควรจะหาต้นแบบของชีวิตให้ตนเองที่ภาษาอังกฤษ
เรียกว่า Role Model ฃี่งจะเป็นต้นแบบในการดำเนินชีวิต
ของเรา เพื่อให้เราก้าวไปสู่ความสำเร็จเหมือนกับคนที่เรา
เลือกไว้ และต้นแบบที่ดีที่สุดคือ "พระสัมมาสัมพุทรเจ้า"
www.kalyanamitra.org
i Ijusaniid^aluisusu f
มองตนเองแล้วสำรวจตนเองให้พบว่าเราเป็นค*นอย่างไร
ความรู้ความสามารถและจุดอ่อนจุดแข็ง'iiองเราเป็นอย่างใร
ซนวู กล่าวไว้ว่า "รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งฃบะร้อย
ครั้ง" คนส่วนใหญ่มักจะไปมุ่งว่าเราจะต้อง "แขา" ให้ไต้
เพราะคิดว่าตนเองรู้จักตนเองดีพอแล้ว แต'ความจริงจุดเริ่มต้น
ที่สำ คัญดือ การรู้จักตนเองให้ขัด ๆ จริง ๆ ถ่อน ไมใซ่รู้แนบ
เข้าขัางตนเอง พอเรารู้ขัดแล้วจะเกิดข้อดีอย่างน้อย 2 ข้อ ดือ
jnunuarnulurns'Iriiuiauioii
ไม่ใฃ่พอรู้จักตนเองแล้วก็ปล่อยให้ตนเองเป็นแบบเดิม
ไปเรื่อย ๆ ดือ พอเราเห็นจุดอ่อนจุดแข็งของตนเองขัดแล้ว
ก็ควรเสริมจุดแข็งและแกจุดอ่อน แล้วข้อดีในตนเองก็จะมี
มากขี้นเรื่อย ๆ
www.kalyanamitra.org
20
lOuFiun^friFiU
พอเรารู้จักตนเองได้ชัด ๆ เวลามองคนอื่นก็จะเห็น
คนอื่นชัดเหมือนกัน เพราะมนุษย์มืกิเลส 3 ตัว เหมือน ๆ กัน
คือ โลภ โกรธ หลง เรารู้จักตนเองชัดเมื่อใด เราก็สามารถ
มองคนอื่นทะลุปรุโปร่งได้1ม่ยากเกินไป
Fimrm wmimะสันนๆWmijmiiii
การทีเราจะเห็นตนเองได้ชัด ๆ นั้น พระส้มมา-
สมพทธเจ้าให้หลักในการรู้จักตนเอง โดยดูที่องค์ประกอบ
5 อย่าง ตังนี้
องค์'ประกอบชัอที่ 1 ศรัทรา
"ศรัทธา" คือ องค์ประกอบแรก โดยให้เราตรวจสอบ
ตนเองก่อนเลยว่า เราเป็นคนที่มืความมุ่งมั่นตั้งใจ ปรารถนา
จะเป็นอะไรทั้ง "ทางโลก" และ "ทางธรรม"
www.kalyanamitra.org
ศรัทธาทางธรรมคือ ตรวจสอบตัวเองว่าเรามีศรัทธา
ความเชื่อเรื่องบุญ บาป นรก สวรรค์ การทำความดี และมี
ความเชื่อมั่นในพระรัตนตรัยมากน้อยขนาดไหน
ส่วนศรัทธาทางโลก ในแง่ของการทำงาน ก็ให้ตรวจ
สอบตนเองว่า เรามีศรัทธา มีความบุ่งมั่นตั้งใจ และวางเป้าหมาย
ชีวิตไว้อย่างไร
ยกตัวอย่าง บิล เกตส์ มี เป้าหมายชัดเจนว่าต้อง
เป็นเจ้าของบริษัทซอฟต์แวร์ที่เปลี่ยนโลกไต้ เขาไม'ไต้วาง
เป้าหมายว่าตนเองจะเป็นโปรแกรมเมอร์ เพราะใครที่วาง
เป้าหมายตนเองว่าจะเป็นโปรแกรมเมอร์เก่ง ๆ ก็ต้องเป็น
ลูกจ้างบริษัทซอฟต์แวร์ใหญ่ ๆ แต่ บิล เกตส์ มองว่า
ตนเองจะต้องเป็นเจ้าของบริษัทซอฟต์แวร์ ซึ่งเขามั่นใจว่า
บริษัทซอฟต์แวร์จะเปลี่ยนโลกไต้ ตั้งแต่ในยุคที่อุตสาหกรรม
คอมพิวเตอร์ให้ความสำคัญกับฮาร์ดแวร์โดยมีบริษัท IBM
เป็นผู้น้า
www.kalyanamitra.org
22
เมื่อ บิล เกตส์ ต้องการเปลี่ยนโลก ซึ่งจะเปลี่ยนโลก
ไต้ก็ต้องเป็นเจ้าของบริษัทซอฟต์แวร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลท และ
รวมโปรแกรมเมอร์เก่ง ๆ เข้ามาสร้างนวัตกรรมที่เปลี่ยนวิถี
ชีวิตของคนในโลก เหล่านี้คือศรัทธาของ บิล เกตส์
บิล เกตส์ มีภาพในใจตนเองที่ฃัดเจน พอภาพนั้น
ซัด เขาก็ทุ่มเทลงมือทำมันอย่างเต็มที่ นี่เองคือ "ศรัทธา"
เราต้องสำรวจก่อนว่า จริง ๆ แล้วเรามีเบิาหมายชีวิตอย่างไร
ปรารถนาจะเป็นอะไร อยากจะทำอะไร มองภาพเหล่านี้[ห้
ซัดเจน
ประโยชน์ของการรู้จักตนเองคือ นอกจากเราจะเห็น
ตนเองซัดแล้ว เรายังจะเห็นแนวทางการพัฒนาด้วยว่า เรา
ควรจะพัฒนาตนเองอย่างไรต่อไปในอนาคต
www.kalyanamitra.org
23
องคประกอบข้อท 2
"สืล" ในแง่ทางธรรมคือ คืล 5 และคืล 8 ส่วนในแง่
ของการทำงานคือ วินัยในตนเอง เซ่น ถ้าเราตังเฟ้าหมายไว้
สูง แต้ว'านอนเอ้อระเหยลอยชาย ไร้วินัย มันก็กลายเป็น
เฟ้าหมายที่เพ้อฝืน เป็นเฟ้าหมายเลือนลอย เมือเราฝืนไกลก
ต้องไปให้ถึงด้วย ซึ่งต้องอาด้ยการมืวินัยในตนเอง
องค์ประกอบข้อท 3 ศฅะ
"สุตะ" ได้แก่ มีเป้าหมาย มีวินัยในตนเอง มีความ
ทุ่มเท และขยันหมั่นเพียร ที่สำ คัญต้องมีความ!ด้วยจะได้1ม่
"ขยับแต่โง่" ถ้าขยันแตโง่ทำอะไรมันก็ไม่สำเร็จ ต้องขยัน
และมีความ!ด้วย ฉลาดและ!ทิศทางการเดินที่ชัดเจน
เราควรสำรวจตนเองว่า มีความ!มากน้อยขนาดไหน
ความ!ใดยังไม่พอก็ให้ด้นคว้าเพิ่มเดิมความ!ให้มาคอว่างาน
ที่ต้องทำ ส่วนที่เพิ่มเดิมมานี้เองที่จะทำให้เราถ้าวไปข้างหน้า
ทั้ง!ลึกในงานที่ทำ !รอบเรื่องอื่น ๆ ที่อาจจะไม่เกยวข้อง
กับงานที่ทำโดยตรง แต่มีความเกี่ยวโยงกัน ซืงเราควรมีความ
รอบ!แนวกว้างด้วย สมัยนี้ความ!จะต้องเป็นคัก"ษณะ
บูรณาการถึงจะประสบความสำเร็จได้ดี
www.kalyanamitra.org
24
อ-งค์^เ/ร^กอนช้อพ 4 จาคะ
"จาคะ" ได้แก่ การรู้จักเสียสละ รู้จักแบ่งปีนสิงของ
ทa]สaาคญคือการ "สละอารมณ์" เซ่น อารมณ์บูด อารมณ์
หงุดหงิด อารมณ์ที่ไม่ได้ดั่งใจ อารมณ์เซ็ง ๆ ทั้งหลายเคลียร์
ไปจากใจให้หมด
ในชีวิตจริงเราทุกคนด้องเจอเรื่องที่ไม่ได้ดั่งใจมๅทมๅย
เต็มไปหมด ไม่เฉพาะสามัญชนคนธรรมดา แม้แต่เศรษฐีที่
รํ่ารวยเป็นหมื่นล้านแสนล้าน ก็ด้องเจอเรื่องไม่ถูกใจมากมาย
กว่าเราเสียอีก
ปีญหาที่เราเจอนนเราอาจจะรู้สีกว่า ล้าเรามีเงินทอง
มาก ๆ เราจะสามารถแล้ไขมันได้ง่าย ๆ แต่จริง ๆ แล้ว
เศรษฐีอาจจะไม่ได้เจอปัญหาแบบเสียวกับที่เราเจฐ แต่เขา
อาจจะเจอปัญหาอื่น ๆ ที่ใหญ่กว่านั้น
www.kalyanamitra.org
25
สมัยก่อน พระราชาปกครองบ้านเมืองก็มีเรื่องไม่ได้
ดั่งใจมากมาย ผู้นำ ประเทศก็ยังมืปัญหาที่ไม่ได้ดั่งใจเช่นกัน
ด้งนั้น พอเราเจอเรื่องไม่ได้ดั่งใจแล้วอย่าปล่อยให้อารมณ์บูด
อารมณ์หงดหงิด ฟังซ่าน เซ็ง เครึยด หรือเบื่อหน่ายหมักหมม
อยู่ในใจของเรา ต้องสละอารมณ์ออกไปจากใจให้ได้
องคบระกอซข้อfi 5 บ'ญญาบฎ๊ภาณ
"ปัญญาปฏิภาณ" คือ ฉลาดนำความรู้มาใช้ นำ
ศักยภาพของตนเองออกมาใช้ "สุตะ" คือ หมั่นขวนขวาย
หาความรู้ แต่ "ปัญญาปฏิภาณ" คือ ฉลาดนำความรู้ที่มี
มาเชื่อมโยงกัน และมีไหวพริบในการแกัไฃปีญหาต่าง ๆ ที่
เกิดขึ้น
คนมืความรู้ดี เรียนจบเกิยรตินิยมอันดับ 1 เหรียญ
ทอง พอทำงานจริงก็ยังไม่แน่ว่าจะประสบความสำเร็จ แต่
คนที่มีปัญญาบางคน อาจจะเรียนหนังสือจบแค่ขั้นประถม
หรือมัธยม แต่เขาสามารถบริหารธุรกิจจนประสบความสำเร็จ
ได้เพราะว่าเขามีปัญญาปฏิภาณดี
www.kalyanamitra.org
26
เราตองตรวจสอบตนเองตรงจุดนี้ด้วย อย่ามัวหลง
ตนเองว'าฉ'นเรียนสูง ฉันจบปริญญาโท ฉันจบปริญญาเอก
ฉันเรียนได้เกียรตินิยม ถ้าหลงตนเองเมื่อใดป้ญญาจะถูกปิด
กั้นทันที เพราะสิ่งเหล่านี้ยังเป็นแค'ความรู้ จะพสูจน์ว่าเรา
เก่งจริงต้องนำฟ้ญญามาใช้ใหใด้ด้วย โดยการนำความรู้
ประกอบเข้ากับปิญญา แล้วทำงานจนกระทั่งประสบความ
สำ เร็จ
05.อาน1พ1ทข 1^ฅฅยย่ๆฅโ11ทนหอีกทาข^^ :
ก่นน!ยif
ดร.อามเพฑกร (Dr.B.RAmbedkar) จากประเทศ
อินเดีย เป็นบุคคลสำคัญที่มีบทบาทในการฟ้นฟูพระพุทธ
ศาสนากลับมาสู่อินเดีย
www.kalyanamitra.org
27
หลังจากที่กองทัพมสลิมบุกเข้าอินเดีย แลัวประกาศ
ว่าใครตัดคอพระสงฆ์มาใดีใทัน่ามาขึ้นเงินรางวัลได้เลย พระ
ทุกรูปที่หัวเกลี้ยง ๆ โล้น ๆ มีค่าหัวหมด ผ่านไป 7 วัน
พระสงฆ์หมดไปจากอินเดีย ไม่หนีก็ด้องสึกเพราะอยู่ไม่ได้
อยู่ตัองตายแน่ ๆ
พอพระสงฆ์หมดไปจากอินเดีย พระพุทธศาสนาก็
หมดไปด้วย จนกระทั่งในประเทศอินเดียแทบไม่มีซาวพุทธ
หลงเหลืออยู่เลย
ดร.อามเพฑกร เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2434 ในวรรณะ
จัณฑาลคือ เกิดนอกวรรณะนั่นเอง ในอินเดียมี 4 วรรณะ
ใหญ่คือ พราหมณ์ กษัตริย์ แพศย์ และศูทร ล้าใคร
แต่งงานล้นข้ามวรรณะ หรือทำผิดพลาดขึ้นมาจะถูกเรียกว่า
"จัณฑาล" ทันที ซึ่งถือว่าเป็นคนขั้นตํ่าที่สุดในสังคม
ดร.อามเพฑกร เกิดมาในวรรณะจัณฑาล และยังเป็น
ลูกคนสุดทัองในจำนวนพี่น้องทั้งหมด 14 คน อาศัยที่พ่อแม่
ของ ดร.อามเพฑกร รักลูกมาก จีงพยาย้ามให้เขาได้เข้าเรียน
หนังสือที่โรงเรียน แต่ ดร.อามเพฑกร ก็ต้องเจอเพื่อน ๆ ที่
โรงเรียนดูถูกเพราะว่าเขาเป็นจัณฑาล
www.kalyanamitra.org
2^
คนอินเดียสมัยก"อนเซื่อวา ถ้าใครเผลอมองคน
วรรณะจัณฑาลเข้าต้องเอานํ้าถ้างตาทันที และไมไข้ข้าว
ของร่วมกันกับคนจัณฑาล เพราะถือว่าเป็นเสนียดจัญไร
หากใครมีโอกาสได้ไปประเทศอินเดีย ก็ไม่ต้อง
แปลกใจที่เห็นว่าร้านอาหารหรือร้านกาแฟทั่วไปเขาไม่ถ้าง
จานหรือแก้วกาแฟที่ใข้แถ้ว แต่เขาเตรียมผนังที่เป็นแผ่น
หินไร้สำหร้บโยนแก้วกาแฟใส่เพื่อให้มันแตก
เมื่อแก้วที่ใข้แถ้วทุกใบแตก ก็หมายความว่าแก้ว
ที่ทุก ๆ คนใข้จะเป็นแก้วใบใหม่ที่เพื่งใข้ครั้งแรกเสมอ
เพราะเขากลัวว่าถ้าเป็นแก้วที่ใข้แถ้ว คนที่ใข้ก่อนเขาอาจ
จะเป็นคนจัณฑาล ไม่ว่าจะเอาแก้วไปล้างอย่างไร เสนียดก็
ยังติดแก้ว พอตนเองมาดื่มแก้วต่อจากเขา เสนียดจะเข้าตัว
ร้านทั่วไปจีงตัองมีที่ให้ลูกค้าขร้างแก้ว
www.kalyanamitra.org
29
ดังนั้น แก้วที่ใฃ้ในร้านจึงเป็นแก้วแบบหยาบ ๆ
เพราะใข้ครังเดียวแล้วขว้างทิ้ง พอมีความถือเนื้อถือดัๆ
ขนาดนั้นอะไรมันก็แย่ไปหมด
เราเรียนหนังสือ เพื่อนในห้องเรียนก็เป็นเพื่อนกัน
หมดใฃ่ไหม แต่ ดร.อามเพฑกร ไม'ใช่เลย เขาถูกเพื่อนใน
ห้องเรียนดูถูก นักเรียนคนอื่น ๆ ได้นั่งเรียนบนโดัะเก้าอี้
ที่จัดเตรียมไว้ แต่ ดร.อามเพฑกร ดัองปูกระสอบนั่งเรียนกับ
พื้นห้อง
ถามว้า ถ้าเป็นตัวเราที่ด้องไปโรงเรียนแล้วเจอ
เหตุการฟ'แบบนื้ เราจะยังอยากไปเรียนหนังสือหรือไม'
หากโดนลูถูกขนาดนี้ เราจะคิดเลิกไปโรงเรียนหรือไม่
'จ^mง^ fพ5")"
www.kalyanamitra.org
30
ไม่ว่าจะถูกดูถูกเหยียดหยามและลำ'บากแค่ไหน
ดร.อามเพฑกร ก็ไม่ท้อ เพราะเขามี "สืล" คือ มีวิ'นัยไน
ตนเองเต็มที่ ตั้งอกตั้งใจเรียน ลำ บากเท่าใดก็สู1ม'ถอย
■'สุตะ" คือ ความรู้ ดร.อามเพฑกร ตั้งใจจะกอบโกย
ความรู้จากครูบาอาจารย์ใ'ท้ได้มากที่ลุด เด็กทีมาจาก
ครอบครัววรรณะสูง ๆ แต่งตัวสวย ๆ ระหว่างที่คุณครู
สอนอาจจะเผลอหลับบ้าง คุยกันบ้าง แต่ ดร.อามเพฑกร
เก็บเกี่ยวความรู้จากคุณครูทุกรายละเอียด เงี่ยหูฟ้งทุก
ถ้อยคำของครูบาอาจารย์ ตั้งใจจด ตั้งใจทบทวนเพื่อใหได้
ความรู้ที่ดีที่สุด
www.kalyanamitra.org
31
"จาคะ" คือ สละอารมณ์ที่ไม'ดีให้หลุดไปจาก
ใจ ใครเขาจะดูถูกอย่างไร ดร.อามเพฑกร ก็ไม่สนใจ ไม่ใซ่
เฉพาะในห้องเรียนเท่านั้นที่เขาต้องโดนดูถูก ช่วงพักดื่มนํ้า
ก็ห้ามจับถูกก๊อกนั้า เขาต้องวานเพื่อนที่พอจะมีนั้าใจช่วย
เปิดก๊อกนั้าให้ แล้วตัวเองก็เอียงคืรษะไปรับนั้า อ้าปากให้นํ้า
เข้าคอ เนื้อตัวห้ามโดนก๊อกโดนท่อโดยเด็ดขาดเพราะคนอื่น
เขาไม่ยอม เขากลัวว่าเสนียดจัญไรจะติดตัว
ถามว่า ถ้าเป็นตัวเราต้องไปอยู่ในโรงเรียนอย่างนื้
คิดว่าเราจะกัดฟ้นทนเรียนต่อไปไหม เราจะรู้สึกหดหู่จน
กระทั่งเลิกเรียนหรีอไม่ แต่ ดร.อามเพฑกร ไม่คิดอย่างนั้น
เขาสละอารมณ์บูด ๆ หลุดไปจากใจ นี่คือ "จาคะ"
ดร.อามเพฑกร ม่งมั่นจะเอาความรู้เพียงอย่างเดียว
เรื่องอื่น ๆ ไม่ใช่ประเด็น ยิ่งเขาเจออย่างนื้ ยิ่งเพื่มความ
ตังใจที่จะ^กฝนตนเองให้ไต้ แล้วมุ่งหาวิธีการนำความรู้ที่มี
มาใช้ประโยชน์ หมั่นขบคิดหาวิธีการที่จะเปลี่ยนแปลงสังคม
อินเดีย โดยคิดว่าเขาจะต้องท่าอย่างไรบ้าง ต้องเปลี่ยนกติกา
www.kalyanamitra.org
บ้านเมืองอย่างไร แล้วเขาก็คิดได้ว่าต้องแก้ไขที่รัฐธรรมนูญ
ก่อน เพราะรัฐธรรมนูญคือกรอบใหญ่ของประเทศ คนทุก
วรรณะต้องเสมอภาคกัน อย่างน้อยโดยกฎหมายสูงสุดของ
ประเทศก่อน ส่วนธรรมเนียมหรือค่านิยมของประขาขนก็
ค่อย ๆ แล้กันไป
พอ ดร.อามเพฑกร เรียนจบมัธยมปลาย พ่อแม่
ไมมักำลังส่งให้เรียนต่อแล้ว แต่ผลการเรียนของเขาดีเยี่ยม
คนวรรณะสูง ๆ ในโรงเรียนยังส์ไม่ได้เลย แล้วโขคดีที่มื
มหาราชาเป็นคนดีมีนํ้าใจ ต้องการส่งเสรีมคนวรรณะดํ่าให้
ได้เรียนสูงขึ้น จึงให้ทุนการดีกษาแก่ ดร.อามเพฑกร ซึ่งมื
ผลการเรียนเป็นอันดับ 1 จึงไต้รับทุนจนเรียนจบปรีญญาตรี
www.kalyanamitra.org
33
คนที่เตรียมตนเองพร้อม พอโอกาสมาถึงจึงจะคว้า
โอกาสนั้นได้ แต่คนที่มัวตัดพ้อโซคซะตาชีวิตของตนเองว่า
ทำ ไมเราต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วไม่ขยันเรียน ถึงคราว
ได้โอกาสเขาให้ทุนก็อด
ดร.อามเพฑกร ทุ่มเทในเงื่อนไขที่เอื้อให้ ถึงคราวมี
คนให้ทุนศึกษาต่อเขาก็ได้รับมัน พอมีผู้มีทรัพย์มีอำนาจและ
เป็นคนดี ต้องการให้ทุนขาวอินเดียไปเรียนต่อต่างประเทศ
ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ในสหรัฐอเมริกา ดร.อามเพฑกร
ก็ได้รับทุนนั้นทันที เพราะเขามีผลการเรียนดีเยี่ยมที'สุดใน
ขณะนั้น
เจ-'mis
www.kalyanamitra.org
34
จากคนที่โดนดูถูกสารพัด กลายเป็นคนที่ได้รับโอกาส
ไปศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็น
มหาวิทยาลัยที่มีซึ่อเสียงของโลกแห่งหนึ่ง ที่นึ่ไม่มีการกดฃี่
ด้วยวรรณะ ทุกคนเสมอภาคกัน ดร.อามเพฑกร เรียน
หนังสีอด้วยความสุข และซึมซับความเสมอภาคว่า เขาจะ
ต้องนำกลับมาสู่ลังคมอินเดียให้ได้
ดร.อามเพฑกร เรียนเนึ่จบ:ปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัย
โคลัมเบีย แล้วกลับมาเป็นอาจารย์สอนมหาวิทยาลัยที่มีซึ่อ
เสียงโต่งดัง เขาไดัรับการยอมรับและเป็นที่รู้จักในวงกว้าง
แต่ก็ยังหาความรู้เพิ่มเติมไ ดจ*I^จ'บนํ^ญญ'ใใ'^ ปริญญา
เอก และได้ปริญญาบัตรมาวาง!รียฺงกันเป็นสิบ ๆ ใบทั้งสาย
วิทย์และสายศึลป็
ดร.อามเพฑกร เป็นที่ยกย่องนับถือว่าเป็นคนฉลาด
จริง มีความรู้ดีจริง สุดท้ายได้รับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรี
กระทรวงยุติธรรม และได้เป็นประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ
ของประเทศอินเดีย เมื่อได้รับเอกราชแล้วบัญญัติลงไป
ซัดเจนว่า คนทุกขั้นวรรณะมีความเสมอภาคกัน ห้ามดูถูก
เหยียดหยามกัน
www.kalyanamitra.org
35
เขาผลักดันจนกฎหมายสูงสุดของประเทศบัญญัติ
ห้ามแบ่งชนชั้นดัวยวรรณะ แล้วนำสัญลักษณ์ทางพระพทธ
ศาสนา คือ '■ตราธรรมจักร" ลงไปในธงชาติอินเดียด้วย
และได้นำตราสิงห์จากหัวสิงห์ที่เป็นห้วเสาหินอโศกที่พระเจ้า
อโศกมหาราช องค์เอกอัครศาสนูปถัมภกในพระพุทธศาสนา
มาจัดสร้างเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติอินเดีย
www.kalyanamitra.org
36
เนื่องจากระหว่างที่ ดร.อามเพฑกร สืกษาอยู่ใน
มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย เขาพยายามศึกษาปรัชญาคำสอน
ทั้งหมดแล้วพบว่า คำ สอนของพระสัมมาล้มพุทธเจ้าดีที่สุด
ที่ให้มนุษย์ทุกคนเสมอภาคกัน
ไม่ว่าจะเป็นคนขนขั้นวรรณะใดก็แล้วแต่ เมื่อมา
บวขในพระพุทธศาสนาแล้วถือว่าเท่ากันหมด เกิดใหม่ใน
พระธรรมวินัยของพระบรมศาสดา คนจะสูงตํ่าอยู่ที่ทำตัว
ไม่ได้อยู่ที่การเกิด เกิดในวรรณะสูงแล้วเป็นคนสูงนั้นไม่ใช่
จะสูงจะตํ่าอยู่ที่การประพฤติปฏิบัติของแต่ละคน
ดร.อามเพฑกร ยอมรับนับถือคำสอนของพระพุทธ
ศาสนา แล้วเป็นผู้นำคนซนขั้นวรรณะศูทรและจัณฑาล
ประกาศปฏิญาณตนเป็นพุทธมามกะ นับถือพระพุทธศาสนา
ประขุมใหญ่ครั้งหนื่งพร้อมกัน 5 แสนคน
จากที่ในประเทศอินเดียแทบไม่มีซาวพุทธหลงเหลือ
อยู่เลย กลับมาประกาศปฏิญาณตนเป็นพุทธมามกะ 5 แสน
คนในคราวเดียว ถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความฮือฮามาก
โดย ดร.อามเพฑกร นำ ประกาศ ตังนี้
www.kalyanamitra.org
37
^/)ค๗;?/))ฝ^?)3/
2, กเ^/ฟ้'!??a/สัฐฑ่ พ/?ทร/ พ/?/)g(?/j/?iffjitff?m
5. v1พ/ฟ้'??]3//i£?9)พ/?ร้ร/ร/);ร้%พ??ร"/'?)?ฮ พ)/ พ/?3/#/w
^iimiuudum
www.kalyanamitra.org
3^
ทั้ง 5 แสนคนปฏิญาณตนพร้อมกันในคราวเดียว
เหมือนเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิงใหญ่ ไม่น่าเชื่อว่าฆราวาส
เพียงคนเดียวสามารถเป็นผู้นำคนมาปฏิญาณตนพร้อม ๆ
กันได้ แล้วยังมืคนนับถือพระพทธศาสนาตามมาอีกกว่า 30
ล้านคน
ที่ด้องการซี้ให้เห็นอย่างหนึ่งคือ คนที่เกิดมาในวรรณะ
จัณฑาลอย่ในภาวะตํ่าที่สุด และอยู่ในภาวะที่ถูกกดด้นอย่าง
สุด ๆ แต่เมื่อร้จักมองตนเองและพัฒนาตนเองอย่างจริงจัง
www.kalyanamitra.org
39
ก็สามารถพลิกตนเองขึ้นมาเป็นผู้นำประเทศ เป็นประธาน
การร่างรัฐธรรมนูญ และได้รับการเคารพยกย่องจากคน
ทุกซนฃั้นวรรณะในประเทคได้ นี่คือประโยซนํฃองการมอง
ตนเอง แล้วพัฒนาตนเองอย่างจริงจัง
พวกเราทุกคนถือว่าอยู่ในภาวะที่ดีกว่า ดร.อามเพฑกร
มาก ถ้าเรารู้จักมองตนเองและพัฒนาตนเองจริง ๆ แล้วล่ะก็
ขอให้มั่นใจว่า เราจะสามารถทำสิ่งที่ตนเองปรารถนาสำเร็จ
ได้อย่างแน่นอน
www.kalyanamitra.org
www.kalyanamitra.org
4i
ปีๆยต่ๆ(เจิa.
หญีปีนๆปี'1จ
ความแตกต่างที่มนุษย์มีมาตั้งแต่
เกิดคือ เพศหญิงกับเพคชาย ผู้หญิงหลาย ๆ
คนแอบอิจฉาผู้ชาย เพราะว่าเพศชายนั้น
เป็นเพศที่บริสุทธิ้ เป็นเพศที่ได้โอกาสที่จะ
บรรพชาอุปสมบท แต่จริง ๆ แล้วถ้าไม่มี
ผู้หญิงที่เป็นเพศแม่ ผู้ชายก็ไม่สามารถ
ลืมตาดโลกใบนี้ได้เช่นกัน
www.kalyanamitra.org
42
ว่ากันว่าผู้ชายกล้าหาญ อดทน และมีพละกำลัง ผู้หญิง
ละเอียดอ่อน ใจเย็น และอ่อนโยน ทำ ไมผู้ชายและผู้หญิง
จงต่างกัน และอะไรคือตัวกำหนดให้แตกต่าง เรามาดกันว่า
เพศชายและเพศหญิงนั้น มีความต่างและมีฃ้อดีข้อเสีย
อย่างไรบ้าง
จริง ๆ แล้วเรื่องนี้เกี่ยวพันกับมนุษย์ทั้งหมด เรื่มต้น
ตั้งแต่การเกิด เราเวียนว่ายตายเกิดมานับภพนับชาติไม่ถ้วน
และโลกของเรามีการ "เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วตับไป" นับครั้ง
ไม่ถ้วน เรียกกันว่า "กัป"
โลกเราตั้งแต่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ จนกระทั้งเสื่อมไปด้วย
เหตุต่างๆ"1รอบ" เรียกว่า "1มหากัป" การทำลาย
ชองโลกก็ด้วยเหตุต่าง ๆ เช่น มนุษย์มีกิเลศตระกูลโทละ
แรง ความร้อนจากโทสะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ สุดท้ายพระอาทิตย์
เพิ่มขึ้นเป็น 2 ดวง 4 ดวง จนถง 7 ดวง แล้วสื่งมีชีวีต
ทั้งหมดก็ตายลง เกิดเป็นไฟบรรลัยกัลป้ล้างโลก
www.kalyanamitra.org
43
คนไทยตอนนึ้เทสะทำท่าจะแรง ทำ ท่าว่าจะโกรธกัน
เกลียดกันมากกว่าเติม ผลคือปีนี้ภัยแล้งจะหนัก เพราะฉะนัน
เราจะต้องอยู่ในคืลในธรรมและมีจิตใจที่เมตตา ตินฟ้าอากาศ
ก็จะถูกต้องตามฤดูกาล
"ใจคนมีผลต่อบรรยากาศ" ช่วงไหนมนุษย์แรงด้วย
โทสะ ก็จะเกิดไฟบรรลัยภัลป้ล้างโลก ช่วงไหนมนุษย์แรง
ด้วยโมหะ ก็จะเกิดเป็นลมบรรลัยกัล!)ล้างโลกเป็นเวลานาม
ไม่ใช่แค่วันสองวัน ปีสองปี แต่เป็นล้าน ๆ ปี จนกระทั่ง
ไม่มีอะไรเหลือเลย
www.kalyanamitra.org
แล้วพอเข้าสู่ภาวะฟ้นฟูก็ต้องใช้เวลาอีกนานมาก
จนกระทั่งโลกมีภาวะพร้อมที่จะให้สิ่งมีฃีวิตอาศัยอยู่ใต้
แล้วปรากฏว่าโลกเราถูกเคี่ยวอย่างหนัก อย่างยุคที่มีไฟ
บรรลัยกัลปล้างโลก โลกก็ถูกเผานานเป็นล้าน ๆปี พอ
ทุกอย่างสงบและค่อย ๆ ฟ้นตัวจนอยู่ในภาวะที่สิ่งมีซีวิต
อยู่ไต้ ปรากฏว่าบนโลกก็มีง้วนดินเต็มไปหมด
'■ง้วนดิน" มีลักษณะคล้ายนํ้าผึ้ง แต่ว่ามีกลิ่นหอม
และมีรสซาติอร่อยยิ่งกว่านํ้าผึ้งแบบเทียบกันไม่ไต้เลยเหมีอ■น
เป็นอาหารทิพย์
www.kalyanamitra.org
45
"อาภัสราพรหม" พรหมที่มีกายสว่างไสว ได้กลิ่น
หอมของง้วนดินก็เหาะลงมานนโลก เมื่อได้ลองขิมก็ติดใจ
เพราะมีรสอร่อย พออาภัสราพรหมได้ทานง้วนดินที่เป็นของ
หยาบมาก ๆ เข้า ปรากฏว่ากายละเอียดของพรหมนั้นหนัก
ขึ้น จึงเหาะไม่ได้ ต้องอยู่บนโลกต่อไป
"พรหมไม่มีเพค" จริง ๆ แล้วพรหมเป็นเพศขาย
ทั้งหมดนั่นเอง พอพรหมอยู่บนโลกทานแต่ง้วนดิน นานวัน
ง้วนดินก็หมดลง จนเกิดเป็นกะบิดินที่มีคุณภาพด้อยลงมา
พอกะบิดินหมดก็เกิดเป็นเครือดินทด้อยลงมายภ เครอดิน
หมดก็เกิดเป็นข้าวสาลี แต่ข้าวสาลียุคต้นกัปนันงอกเอง ไม'
ต้องปลูก มีเม็ดโต ไม'มีเปลือก ไม่ต้องหุง และมีสารอาหาร
ครบล้วน
■ปืจจุบันเราทานข้าวแล้วยังต้องทานโม่รตีนเลรืม
เพราะในข้าวส่วนใหญ่จะเป็นแฟ้ง แต่ในยุคต้นกัปข้าวสาลี
มีสารอาหารครบทกอย่างทั้งโปรตีน คาร์โบไฮเดรต เกลือแร่
วิตามิน และไขมัน
www.kalyanamitra.org
46
ต่อมามนุษย์เริ่มมีกิเลสหนา ต่างคนก็นำข้าวสาลีมา
กักตุนเพราะขี้เกียจออกไปหามาบ่อย ๆ สมัยก่อนพอไปเก็บ
ข้าวสาลีมา รุ่งขี้นมันก็จะงอกขึ้นเองเต็มไปหมดด้วยอำนาจ
ไม่ต้องปลูก แต่พอมนุษย์เกิดความโลภ เริ่มกักตุนด้วยความ
ขี้เกียจ ปรากฏว่าต่อมาข้าวสาลีไม่งอกเองแล้ว มนุษย์จึง
ต้องปลูกเอง
อาหารค่อย ๆ เสื่อมลง คุณภาพตํ่าลงไปเรื่อย ๆ
ผลคือ มนุษย์ต้องมีอวัยวะในการย่อย ต้องมีการขับถ่ายต่าง ๆ
เกิดขืน คราวนืใครทีในอดีตชาติเคยเป็นมนุษย์อยู่แล้ว ได้
ทำ กรรมผิด "ดีลกาเม" เอาไว้ เศษวิบากกรรมก็ส่งผลให้
เกิดเป็น "เพสหญิง" มีอวัยวะขับถ่ายเกิดขึ้น
ใครที่กรรมกาเมเบาบางหน่อยก็จะเกิดเป็นเพคขาย
แต่อย่าคิดว่าเพศชายไม่มีเวรกาเม มีเหมีอนกันแต่เบาบาง
พอเกิดความแตกต่างกันชองเพศชายหญิง มนุษย์ก็เริ่มไม่
อยู่ร่วมกัน ต่างคนต่างอยู่ จึงเกิดการเล็งแลกันขึ้น แล้ว
เกิดความเลีกปิงปังกันขึ้นมา
www.kalyanamitra.org
47
บางคนที่ปีงป็งกันก็ไปประกอ'บเมถุนธรรม ซึ่งในยุค
นั้นคนส่วนใหญ่ไม่ค้น พอเห็นซายหญิงอยู่ร่วมกันก็รูสีกว่า
แปลกประหลาด ทำ อะไรกันพิลึกก็กกือ เขาก็จะโห่ไล่แล้ว
ตำ หนิติฉิน
คนที่ประกอบเมถุนธรรมก็จะอับอายจนต้องหล'บออก
จากหมู่ แล้วไปสร้างห้องหับเพื่อปีดบังไมใ'ต้คนอื่นเห็น เกิด
เป็นบ้านซ่องต่าง ๆ ขึ้นมา แล้วต่อมาค่อย ๆ แพร่หลาย
มากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งเป็นม'นุษย์ที่มีกิเลสมากขืน สภาพ
แวดล้อมก็ค่อย ๆ แย่ลง
www.kalyanamitra.org
พอเริ่มกักตุนก็ต้องไถหว่าน '"'นี่เขดฉัน...บั่นเขตเธอ"
พอทะเลาะกันก็ต้องตั้งใครสักคนขึ้นเป็นกรรมการใหญ่ เลือก
คนที่มีบุคลิกดีและน่าเซื่อถือมาเป็นพระราขา คอยตัดลินคดี
ความและวินิจฉัยให้ทุกคนอยู่ร่วมกันด้วยความผาสุก
เพราะฉะนั้น เพศขายและเพศหญิงมีที่มาที่ใปเกิด
จาก "เวรกาเม" ผู้ขายคือผู้ที่มีเวรกรรมเบาบาง แต่ถ้าผิด
คืลกาเมเข้าก็จะไปเกิดเป็นผู้หญิง แต่ก่อนไปเกิดเป็นหญิง
ก็ตัองไปตกนรกก่อน ไปปีนตันงิ่'วที่มีหนามแหลมคม และ
ไม'ใข่หนามธรรมดา กำ ลังปีน ๆ อยู่มันก็มีหนามใหม่โผล่
ขึ้นมาแทงทะลุอก แถ้วยังมีอีกาปากเหล็กตัวเบ้อเร่อไล่จิก
กินเนื้อ ในขณะที่ข้างล่างมีสุนัขปากเหล็กคอยกระโดดงับ
น่ากลัวมาก ถ้าทำผิดศีลกาเมก็จะต้องเจออย่างนื้
ที่กล่าวมาคือ ■'ยม'เลก" ที่เป็นแค่นรกขุมสัน ๆ
นรกขุมปลายแถว ถ้าลงมหานรกแล้วยิ่งน่ากลัวกว่านื้ แล้ว
พอพ้นจากนรกก็ต้องไปเกิดเป็นเปรตบ้าง เป็นอสุรกายบ้าง
แล้วไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน พอพ้นจากสัตว์เดรัจฉานจึงจะ
ไต้มาเกิดเป็นมนุษย์
www.kalyanamitra.org
49
■ร mdolotn
/ท่ iud'SWifm'^
ทตต่ร้}ป'^^1รท1)(แปี>แ1ท</
www.kalyanamitra.org