The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

016.Love myself รักในตัวตน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

016.Love myself รักในตัวตน

016.Love myself รักในตัวตน

50

พอได้มาเกิดเป็นมนุษย์ในช่วงแรก ๆ ก็จะเกิดเป็น
ผู้หญิงบ้าง เป็นเพศที่สามบ้าง เป็นเพศที่แปลก ๆ กันไป
จนกระทั่งวิบากกรรมค่อย ๆ เบาบางลง แต่ถ้าเกิดเป็น
ผู้หญิงแล้วมีศีล 5 บริบูรณ์ พอมีครอบครัวก็มีใจซื่อสัตย์

จงรักต่อสามี ไม่คิดนอกใจเป็นอื่น ความประพฤติดีหมด
อย่างนี้เได้เลยว่านี่ชาติสุดท้ายแล้ว ชาติหบ้าจะได้เกิดเป็น

ผู้ชายแล้ว

หรือถ้าใครรักษาศีล 8 ตลอดชีวิต ตั้งใจประพฤติ
พรหมจรรย์แล้ว ก็มั่นใจได้เลยว่านั่นคือชาติสุดท้าย ชาติต่อ

ไปจะได้เกิดเป็นผุ้ชาย

www.kalyanamitra.org

5/

เพราะฉะนั้น ผู้ชายทุกคนเคยเกิดเป็นผู้หญิงมาก่อน
ผู้หญิงทุกคนก็เคยเกิดเป็นผู้ขายม'ไก่อม ผู้ชายก็คืออดีต

ผู้หญิง ผู้หญิงก็คืออดีตผู้ชาย วนไปเวียนมาอย่างนี้ อยู่ที่ว่า

ใครจะประมาทหรือไม่ประมาทเท่านั้นเอง ถ้าประมาทพลาด
พลั้งทำผิดศีล ก็มีสิทธิ้แย'ได้เหมือนกัน

บางคนบอกว่า พระอาจารย์บอกช้าไปหน่อย โยม

เสร็จแน่นอน ควรจะทำอย่างไรต่อไปดี ก็ใหใช้สูตรของ
พระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย พระเทพญาณมหามุนี (วิ.)

คือ "อคตที่ผิดพถาดลมใหหมด" อย่าไปนึกถึงมันอีก ลบ
ออกจากความทรงจำของเราเลย ไม่ไปคิดทบทวน และใน

ขณะเดียวกันเราก็ไม่ทำบาปทำกรรมใหม่เพิ่มอีกอย่างเด็ดขาด
จากนี้ไปตั้งใจทำให้ดีเป็นพิเคษ ถ้าผู้ขายออกบวขได้

ยิ่งดี ฝ่ายหญิงให้ตั้งใจประพฤติพรหมจรรย์รักษาคืล 8 ถ้า

เอาจรืงไม่มืคำว่าสายเกินไป

ถ้าเราเคยพลาดพลั้ง เหมือนเราเคยเติมเกลือเอาไว้
ในแถ้ว เราก็ต้องคอยเติมนํ้าจืดฃนีดที่ว่าเติมนั้าเป็นล้านคิว
เหมือนเปิดเขื่อนเลย ไม่ใช่เติมเพียงแก้วสองแก้วแล้วพอ ถ้า

ทำ ไต้อย่างนี้ไม่นานเกลือก็หมดฤทขื่ เราก็จะสามารถเอาขนะ

วิบากกรรมนั้นได้ และไต้เกิดเป็นชายสมความปรารถนา

www.kalyanamitra.org

52

ผู้หญิงอาจจะรู้สีกน้อยใจว่าทำไมตนเองเสียเปรียบ
รู้สิกเหมือนเราด้อยกว่าผู้ชาย ให้เราเข้าใจว่านี่เป็นประเด็น
ในเรื่อง ''ศีลกาเม"' เท่านี่น แต่ศีลไม่ได้มีเพียงข้อเดียว ยัง
มีศีลข้ออื่น ๆ อีกหลายข้อ ส่วนกรรมก็ยังมีกรรมอย่างอื่น

อีกหลายอย่างเซ่นกัน

ผู้หญิงที่แม้จะเคยบกพร่องเรื่องศีลกาเมทำให้วิบาก-

กรรมนั้นตามมาส่งผล แต่ว่าเรื่องอื่น ๆ อาจจะดีกว่าผู้ชาย

ตั้งมากมาย เราอย่าไปมองแค'ประเด็นเดียว ให้มองภาพรวม

ทั้งหมด แล้วผู้ชายก็อย่ามัวคิดว่าตนเองแน่ ให้เราลองดูว่า
ภพชาติป้จจุบันผู้ชายดื่มเหล้ากันมากขึ้น ส่วนผู้หญิงเข้าวัด

กันมากกว่า ไปๆ มา ๆ ผู้ชายจะแย่กว่าเสียอีก

เพราะฉะนั้น โดยภาพรวมแล้วผู้หญิงผู้ชายไม่ได้

เปรียบเสียเปรียบกันเท่าไร แต่ถ้าเฉพาะเรื่องที่มาที่ไปชอง

เพศก็เกิดเพราะเหตุกาเมนี้เอง

ทๆ3นนง!ฬหโทขะ'เ unijurjUDU

ภพภูมิอื่น ๆ เซ่น นรก สวรรค์ พรหม แม้กระทั่ง
พระนิพพาน มีการแน่งเพศภาวะหรือไม่ อธิบายได้ด้งนี้ ภูมิ

ทั้งหมดมี 31 ภูมิ แน่งเป็นภพ 3 ภพ ได้แก'

www.kalyanamitra.org

53

, -fiffIW

กา พ

กามภพคือ ภพที่ยังข้องเกี่ยวด้วยกาม มีทั้งหมด 11

ภูมิ ได้แก่ ■'มนษย" ซึ่งอยู่ตรงกลางบนโลกของเรา ด้าน
ล่างจากโลกมนุษย์ยังมีอีก 4 ภูมิ ที่ใกล้ ๆ ตัวเราก็คือ

"สัดวเดรัจฉาน" เช่น หมู หมา กา ไก่ เป็นด้น ถัดออก
ไปเป็น "เปรต" ถัดไปอีกคือ "อสุรกาย" แล้วถัดลงไปอีก
ก็คือ ••นรก" ตังนั้น ลัตว์เดรัจฉาน เปรต อสุรกาย นรก
และโลกมนุษย์รวมถันเป็น 5 ภูมิ

www.kalyanamitra.org

54

ส่วนสวรรค์ 6 ชั้น ได้แก่ สวรรค์ชั้นที่ 1 คือ "ชุทดุ-

มหาราชิกา" สวรรค์ชั้นที่ 2 คือ "ดาวดีงส์" สวรรค์ชั้น
ที่ 3 คือ '■ยามา" สวรรค์ชั้นที่ 4 คือ "ดสืด'- สวรรค์
ชั้นที่ 5 คือ "นิมมานรดี" และสวรรค์ชั้นที่ 6 คือ "ปร

นมมตวสวตต" ด้งนั้น 5 ภูมิ บวกกับสวรรค์ 6 ชั้น รวม

กันเป็น 11 ภูมิ

ทั้ง 11 ภูมิ นี้เรารวมเรยกว่า "กามภพ" ซึ่งยังข้อง
เกียวกับกาม เพราะQะนัน ทั้ง 11 ภูมิ นี้มิเพศขายหญิง

สัตว์ก็มีเพศขายหญิง คนก็มีเพศขายหญิง เทวดานางฟ็าก็มี

เพศชายหญิงเหมือนกัน

รูฝภพ

รูปภพเป็นที่อยู่ของ "รูปพรหม" มีทั้งหมด 16 ชั้น
ในรูปภพประพฤติเยี่ยงพรหม ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องเพศแล้ว

ละจากสิ่งนี้ไปแล้ว โดยพรหมมีลักษณะของเพศขาย

www.kalyanamitra.org

55

อรูปภyi

อรูปภพเป็นที่อยู่ของ "อรูปพรหม" ที่สูงขึ้นไปอีก

มีทั้งหมด 4 ขึ้น ไม่ยุ่งเกี่ยวกับกามแล้วเข่นเดียวก้ม ไดย

อรูปพรหมมีลักษณะของเพด'ชาย

ถ้าสงขึ้นไปอีกเป็น"พระนพพาน"ซีงมีแต่ธรรมกาย
ของพระสัมมาลัมพทธเจ้า พระป็จเจกพุหธเจ้า และพระ
อรหันต์เจ้าทั้งหลายเรียงรายลว่างไสว โดยเป็นเพดขายตาม

ลักษณะมหาบุรูษของพระลัมมาล้มพุพร^'จ้'^'ตั"^มัม

รวมทั้งหมด ได้แก่ กามภพ 11 ภูมิ รูปภพทอยู่

ของรูปพรหม 16 ภูมิ อรูปภพทีอยู่ของอรูปพรหม 4 ภูม
รวมทั้งหมด 31 ภูมิ

เพราะฉะนั้น ■'ภพ 3 ภูมิ 31" คอ โครงสร้างของ
จักรวาลวิทยาของเราไนป็จจุบัน ทีสูงกว่าบันคอ '■นิพพาน

ล่างดิ่งลงไปคือ "โลกันต์" ซึ่งเป็นที่อยู่ของผู้ที่เป็นมิจฉาทิฐิ

แบบสุด ๆ

สรุปว่าใน "กามภพ" มีเพศและมีเรื่องของกามมา

เกี่ยวข้อง ส่วนภพภูมิที่เหลือบันไม่ยุ่งเกียวกันเรย■^ขย รน

แล้ว

www.kalyanamitra.org

56

rhlu^fiสนยนเนนีทๆขนวijf4หญีปี
ที่มาของภิกษุณีเกิดจากพระนางปขาบสืโคตฎ

เป็นน้องของพระนางสิริมหามายๆ พระราขมารดาของเจ้า

ชายสิทธัตถะนั่นเอง หลังเจ้าชายสิทธัตถะทรงประสูสิไ.ด้ 7

วัน พระราชมารดาเสดจสวรรคต ผู้ที่เลียงเจ้าขายสิทฐัตถะ

มาก็คือพระนางปขาบดีโคตมี

ภายหลังเมือพระสัมมาลัมพุทธเจ้าตรัสรู้รรรม พระนาง

ปซาบดีโคตมืปรารถนาจะออกบวขมาก แสดงเจตจำนงด้วย

ความตังใจจริง โดยการเดินเท้าบุ่งห่มด้วยผ้ากาสายะ พร้อม
ขบวนของนางสนมกำน้สที่เป็นบริวาร 500 คน ตามพระ

สัมมาส้มพุทธเจ้าไปไกล

www.kalyanamitra.org

57

แรกเริ่มพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังไม'อนุญาต เพราะ

พระองค์ทราบว่าผู้หญิงมีฃ้อจำกัดกว่าผู้ชายมากมาย ชีวิต
นักบวชต้องอยู่กลางป่า ถ้าผู้หญิงไปอยู่ป่าแล้วเกิดไปเจอ
โจรผู้ร้ายเช้ามารังแกจะทำอย่างไร มีโอกาสจะเกิดเหตุร้าย

ไต้มาก

ต้องยอมรับว่าโดยธรรมชาติอารมณ์ของผู้หญิงจะขึ้น

ลงง่ายกว่าผู้ชาย ถ้าเป็นนักบวชแล้วไม่สบายเหมือนอยู่บ้าน

จึงมีโอกาสเกิดความขัดแยังกันไต้มากกว่าผู้ชาย มีเหตุที่จะ
ส่งผลกระเทือนโดยภาพรวม พระองค์จึงไม่อนุญาตในเบื้องต้น

พระนางปชาบดีโคตมีแสดงความตั้งใจจริงอย่าง

ยิ่งยวด แล้วขอให้พระอานนทํที่เป็นพุทธอุปัฏฐาก ช่วยพูล

ขอพระสัมมาล้มพุทธเจ้าด้วย สุดท้ายพระสัมมาล้มพุทธเจ้า
จึงทรงอนุญาต โดยให้ถือ "ครุธรรม 8 ประการ" เช่น
เมื่อบวชเป็นภิกษณีแล้ว แม้บวชมาแล้วถืง 100 พรรษา

หากเจอภิกษุที่เพิ่งบวชใหม่ก็ต้องให้ความเคารพ และภิกษุณี

ห้ามบริภาษภิกษุ เป็นต้น

www.kalyanamitra.org

พระนางปซาบดีโคตมีไม'ปฏิเสธ เพราะนางเป็นหญิง

ที่มีใจเด็ด ที่ว่าผู้หญิงมีอารมณ์ขึ้นลงง่ายกว่าผู้ชายเป็นเพียง

ภาพรวม แต่ถ้าเจาะจงเฉพาะคนโดยยกตัวอย่างหญิงเหล็ก
มาร์กาเรต แทตเซอร์ (Margaret Thatcher) อดีตนายก
รัฐมนตรแห่งสหราซอาณาจักร และผู้นำพรรคอนุรักษนิยม

ที่ตบโต๊ะทีเดียวผู้ชายยังยอมหมด ผู้หญิงที่มีลักษณะดีเยี่ยม
ก็มี ผู้ชายที่หวือหวาอารมณ์ขึ้นลงง่ายก็มี

พระลัมมาลัมพทธเจัาทรงมองภาพรวมก่อน เพราะ-

ฉะนั้น เบื้องต้นจึงไม่ทรงอนุญาตให้ผู้หญิงบวช แต่พอมีคน
ตั้งใจจริงและรับกฎเกณฑ์อย่างบื้ใต้ พระองค์จึงทรงอนุญาต

โดยมีเกณฑ์ข้อหนึ่งว่า '■ภิกษุณ์จะต้องบจชในลงฑ์ 2 ฝืง"

กรณีบวชพระภิกษุ ให้พระ 10 รูปขึ้นไป ประชุม

กันในโบสถ็โดยมีพระอุป้ฃฌายั พระอาจารย์ 2 รูป เรียก
ว่า "พระกรรมวาจาจารย์" กับ "พระอนุสาวนาจารย์"

ถ้าตั้งหมดมีมติอนุญาตเป็นเอกฉันท์ก็สามารถบวชไต้ แต่ถ้า
เป็นภิกษุณีต้องบวชในสงฆ์ 2 ส์ง คือ บวชจากในฝังภิกษุ

ด้วย แล้วบวชในฝังภิกษุณีด้วยถึงจะบวชเป็นภิกษุณีไต้

www.kalyanamitra.org

5^

ส่วนภิกษุณีจากฝ่ายมหายานนั้น ไม่สามารถบวชให้

กับภิกษุณีเถรวาทได้ เพราะรักษาพระวินัยไม่เหมือนกัน เรียกว่า
เป็นนานาสังวาส ทำ สังฆกรรม เซ่น ให้การอุปสมบทร่วม

กันไม่ได้

ต่อมาหลังพุทธกาลราว ๆ 4 - 500 ปี วงศ์ของ

ภิกษุณีหมดลง ไม่มีภิกษุณีในโลกนี้หลงเหลืออยู่เลย พอเป็น

อย่างนี้แล้วจึงบวชไม่ได้ เพราะมีแต่พระภิกษุไม่สามารถบวช

สงฆ์ 2 ฝืงได้ ภิกษุณีวงศ์ก็ขาดมาตอนนั้นนั่นเอง

wqTa iJlJeT&JinrjthiJrru y

ปิจจัยที่ทำให้เพศชายและเพศหญิงมีอุปนิสัยที่ต่างกัน
เซ่น ผู้ชายมักจะชอบภาวะผู้นำ ส่วนผู้หญิงมักจะรักสวยรัก

งามนั้น มีสาเหตุหลัก 2 ประการ ดังนี้

www.kalyanamitra.org

60

ประการที่ 1 ความต่างของศรระ

สรีระชายหญิงนั้นแตกต่างกัน ดังนั้น โครงสร้าง

ชองร่างกายจึงมีความแตกต่างกัน มีมีอ เท้า ตา หู จมูก
ที่เหมีอนกัน แต่มีลักษณะฮอร้โมนไม่เหมีอนกัน อวัยวะใน
การสืบพันธุต่างกัน ลักษณะโครงสร้างสมอง โครงสร้าง

กล้ามเนื้อ และกระดูกก็มีความแตกต่างกันด้วย

สมองของผู้ชายจะโตกว่าผู้หญิง หนักกว่าประมาณ

1 ขีดโดยเฉลี่ย แต่ไม่ได้หมายความว่าผู้ชายจะฉลาดกว่า

ผู้หญิง เพราะสมองชองผู้หญิงในส่วนที่ประสานซีกขวากับ

ซีกซ้ายนั้นใหญ่กว่าผู้ชาย ทำ ให้สมองโดยรวมเล็กกว่าก็จริง

แต่ทำงานประสานกันได้คล่องแคส่วกว่า

ผู้ชายใซ้สมองซีกเดียว ส่วนผู้หญิงใช้สมองทั้งสอง
ซีก จึงส่งผลให้ผู้หญิงส่วนใหญ่เรียนรู้เรื่องภาษาและดนตรี
ได้ดี ผู้ชายจะถนัดเรื่องการคำนวณ หรือการคิดแบบตรรกะ
(Logic)ในขณะที่ผู้หญิงจะจับอารมณ์ความรู้สึกได้ดี (Sense)

ทั้งหมดนื้คือความแตกต่างที่เกิดขึ้นจากสรีระร่างกาย

www.kalyanamitra.org

6t

ประการห 2 การmยงคู

อี กส่วนหนึ่งที่ทำให้ผู้หญิงกับผู้ชายมีนิสัยต่างกัน

เกิดจากการเลี้ยงดู ถ้าเป็นลูกสาว พ่อแมกจะเลี้ยงแบบหนึ่ง
ลูกชายก็จะเลี้ยงอีกแบบหนึ่ง การเลี้ยงดูจึงส่งผลต่อนิสัยเด็ก

บางครอบครัวอยากได้ลูกสาว ก็เอาลูกชายมาแต่ง

ตัวเป็นเด็กผู้หญิงก็มี จับใส่ชุดกระโปรงบ้าง เลี้ยงดูแบบเด็ก
ผู้หญิงบ้าง พอลูกชายโตชื้นมาบางทีก็มีลักษณะบางอย่างที่
แปลกไปได้เหมือนกัน ดังนั้น จึงชื้นอยู่กับทั้งความต่างของ
สรีระและการเลี้ยงดูด้วย ทั้งสองอย่างนี้ประกอบกัน

www.kalyanamitra.org

62

3นาทก35น m พอทนายiปีน}■ทนน^-

พทธกาลมีขายคนหนึ่งแต่งงานมีภรรยามีลูกแล้ว
วันหนึ่งเขาเห็นพระมหากัจจายนะ {พระล้งกัจจายน์) เดินอยู่
ก็นีกชื่นขมว่า พระภิกษุรูปนี้ผิวงามจริง ๆ ล้าภรรยาเรา
ผิวงามอย่างนี้คงสุดยอดเลย พอเผลอไปคิดล่วงละเมิด
ต่อพระอรหันต์ผู้มีคุณธรรมสูง ปรากฏว่าร่างกายเขาเปลี่ยน

เป็นผู้หญิงไปทันที

เกิดมาเป็นผู้ขายแล้วจู่ ๆ วันหนึ่งกลายเป็นผู้หญิง

ก็ตกใจ อับอายจนไม่กล้ากลับบ้าน เขาจึงหนีไปอาศัยอีก

เมืองหนึ่งจนไดแต่งงานมีสามีและลูก
วันหนึ่งไดไปพบเพื่อนเก่า จึงเล่าเหตุการณ์ทั้งหมด

ให้เพื่อนทัง เพื่อนแนะนำให้ไปขอขมาพระมหากัจจายนะ

เมื่อขอขมาเสร็จเรียบร้อยเขาจึงกลับเป็นผู้ขายเหมือนเดิม
ลองคิดดูว่าในซาติเดียวกันได้เป็นทั้งพ่อทั้งแม่ มีทั้งภรรยา
ทั้งสามีคงปวดหัวน่าลู

www.kalyanamitra.org

63

Mพ?V

เพราะฉะนั้น เรื่องของกรรมเป็นเรื่องที่ซับซ้อน ผู้คน

หมื่นแสนก็มีเหตุให้เกิดวิบากกรรมแปลก ๆ เหล่านี้ขึ้นมาได้

แต่หัวใจในการแกิใขคือให้เรารักษาศีลให้ดี แล้วตั้งใจประพฤติ
ปฏิบัติธรรม สุดห้ายทุกอย่างจะเข้าสู่จุดที่พอดี และสมดุล

อย่างที่ควรเป็น

ฝ่ ายหญิงก็อย่าน้อยเนี้อตํ่าใจไปเลยว่า ตนเองจะ
เสียเปรียบผู้ชายทุกอย่าง เพราะพอเราดูในภาวะความเป็น

จริงแล้วจะพบว่า ^■ในดีมีเสีย ใบเสียมดี'" คือ เราอาจจะ

รู้สึกว่าเกิดเป็นผู้ชายนั้นได้เปรียบ พ่อแม่ไม่ด้องเป็นห่วง

อะไรมาก ลูกชายจึงออกไปสนุกสนานนอกบ้านได้ง่าย ๆ

www.kalyanamitra.org

64

ดังนัน ผู้ชายถึงติดเหล้า ติดบุหร ติดยาเสพติด เกเร
มากกว่าผู้หญิงเพราะพ'อแม่ปล่อยปละละเลย พ่อแม่รู้สึกว่า
ลูกผู้ชายไม่น่าห่วง ส่วนลูกหญิงพ่อแม่ล่วนใหญ่จะเป็นห่วง

มากเป็นพิเศษ ต้องคอยอบรมดูแลอย่างใกล้ชิดเพราะผู้หญิง

นั้นพลาดไม่ไต้เลย
โบราณว่า "หญิงข้าวเปลือก ขายข้าวสาร" ข้าวสาร

ใส่ดินลงไปแล้วไม่เติบโต แต่ข้าวเปลือกใส่ดินลงไปแล้วเจริญ

งอกงามคือ ถ้าเผลอไปมีอะไรกัน ผู้หญิงก็ท้องป่องขึ้นมาไต้

นั้นเอง

ดังนั้น พ่อแม่จีงต้องดูแลลูกผู้หญิงเป็นพิเศษ ผู้หญิง

จึงต้องรักนวลสงวนตัว กลับกลายเป็นว่าผู้หญิงมีนิสัยดี
มากกว่าผู้ชาย และประสบความสำเร็จในการเรียน พอ
ฟ้จจุบันผู้หญิงทำงานไต้เหมือนกับผู้ชาย ผู้หญิงก็ทำงาน

ไต้ดีไม่แพ้ผุ้ชายเลย

www.kalyanamitra.org

65

■'ในสิมีเสิย ในเสียมีดี" เราเกิดมาเป็นอะไรก็

ให้ยอมรับในสิ่งนั้น แล้วตั้งใจห้าเพศภาวะ*ฃองเราให้เกิด

ประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์สูงสุด หมั่นห้าแต่กรรมดี

เท่านั้น แล้วภพต่อไปก็จะดีขึ้น พอปรารถนาจะเป็นเพศชาย
ก็จะได้เป็นเพศชายสมใจนึก แม้ชาติปัจจุบันเราก็จะประสบ
ความสุขและความสำเร็จในชีวิต

สรุปว่าทั้งเพศชายและเพศหญิงมีความเหมือนและ
แตกต่างกันบางประการ เพศชายจะมีความคิดที่เป็นเหตุ

เป็นผล แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือ "มีโอกาสไต้บวช"

ดังนั้น คุณผู้ชายตองรักษาสิทธี้และเพศสภาวะของ

ตนเองเอาไว้ด้วยการห้าความดี ละเว้นความชั่ว และห้า

จิตใจให้ผ่องใสอยู่เสมอ
ส่วนผู้หญิงก็ไม่ต้องม้อยใจใป เพราะเราก็มีฃ้อดีมาก

อาทิ สมองทั้งสองซีกของผู้หญิงห้างานประสานกันได้ดี ส่งผล

ให้มีความโดดเด่นทั้งในเรื่องของภาษาและอารมณ์ เป็นต้น

www.kalyanamitra.org

www.kalyanamitra.org

iMนafi...

miTJufls.

คนบางคนไม่ได้หล่อ ไม่ได้สวย แต่
ทำ ไมคนรอบข้างต่างก็นิยมซมขอบ ทำ อะไร

ก็ลูดีไปหมด แต่เชื่อหรือไม่ว่าเราก็สามารถ

เป็นแบบนั้นได้ ถ้าเราปรับเปลี่ยนตนเอง

การเป็นที่รักเป็นเรื่องสำคัญ เพราะ

คนที่ประสบความสำเร็จคือคนที่เป็นที่รัก

มากกว่าเป็นที่ซัง จริง ๆ แล้วการเป็นที่รัก

หรือไม่นั้นขึ้นอยู่ที่ตัวเรา ไม่ได้อยู่ที่คนอื่น
เพราะคนอื่นจะรักเราหรือว่าไม่ถูกใจเรานั้น

จริง ๆ แล้วมันเป็นภาพกระจกเงาที่ตัวเรา

สะท้อนไปให้คนอื่นมองเห็นนั่นเอง

www.kalyanamitra.org

6^

มีหลายเรื่องราวด้วยกันที่ทุกคนในโลกนี้ต้องประสบ

พบเจอเหมีอน ๆ กันหมด แล้วเราจะจัดการกับเรื่องราว
เหล่านั้นอย่างไร โดยไมให้เกิดอารมณ์ร้าย ๆ จนทำไห้คน

รอบข้างถอยหนี

ความโกรธเป็นความพลุ่งพล่านที่เกิดขึ้นเวลาเรา
ไม่สบายไจ หรือเวลาที่เรามีเรื่องหงุดหงิดไม่พอไจ ซึ่ง
สถานการณ์ไนโลกปัจจุบันคงจะมีเรื่องน่าหงุดหงิดเกิดขึ้น

มากมาย

จริง ๆ แล้วไม่มีไครอยากอยู่ไกล้คนที่โกรธง่าย และ
โมโหฉุนเฉียวบ่อยครั้ง เพราะฉะนั้น ก่อนอื่นเราต้องทำความ

เข้าไจว่า ความโกรธเกิดไต้กับคน สัตว์ และสิงของ ดังนั้น
ถ้าความโกรธเกิดกับสิ่งของก็ไม่มีอะไรมาก จับมันเขวี้ยงทิ้ง

ก็อาจจะจบแล้ว... แต่ถ้าความโกรธเกิดขึ้นกับบุคคลล่ะ?
การที่เราจะโกรธไคร เราต้องคิดดูไห้ดีว่าเราโกรธเขา

ทำ ไม ถ้าเรามองอย่างเข้าไจก็เป็นไปไต้เหมือนกันว่าเขาอาจ

จะไม่ร้ต้ว เรืยกว่าสิ่งที่เขาทำนั้นทำไห้เราโกรธโดยที่เขาอาจ

ไม่ร้ตัว ก็ไห้เราทำความเข้าไจตรงจุดนี้ก่อน

www.kalyanamitra.org

69

อว5ฆ/'ป้อฮวภ
นอกจากความโกรธจะทำให้คนเ.ราไม่น่'ไรักแล้ว
"ความโลภ" ก็ทำ ให้คนรอบข้างไม่กล้าเข้าใกล้ด้วย ความ

โลภหรือความอยากได้จนเกินเหตุจะทำให้คบอืบ ๆ หลีกหนี

เราไปเลย

ความไม่น่ารักที่เกิดขึ้นจากความโลภหรือความอยาก

นั้นมี 2 รูปแบบ รูปแบบแรกคือ ถ้าเราอยากได้อะไรแล้วมี

เงินเราก็ขึ้อ แต่ถ้าเราไม่มีเงินขึ้อแล้วเรายังอยากได้ อย่างน

เป็นทั้งฟ้ญหาของเราและเป็นนั้งป้ญหาของผู้อื่นด้วยคือ เกิค

ความอยากซึ่งอาจจะก่อให้เกิดการกระทำเทํอที่จะให้ใด้มว
เซ่น ไปเบียดเบียนเอาทรัพย์ของคนอื่นเขามา เป็นด้น ถ้า
ทำ อย่างนี้แล้วความไว้วางใจของเราก็หมดไปด้วย

www.kalyanamitra.org

70

คนอีกกลุ่มหนึ่งคือ คนที่มีกินมีใซ้แต่ว่ายังอยากได้โน่น

อยากได้'นึ่ เกิดเป็นการสะสมข้าวของ เราต้องแยกระหว่าง

ความจำเป็นกับความต้องการให้ออก บางอย่างมีความจำเป็น
ต้องไข้ เซ่น เราจำเป็นต้องมีกระเป๋าเพื่อใซ่ใส่ของ แต่ถ้า

เราสะสมกระเป๋า ซื้อมันมาเรื่อย ๆ จนมีมากถึง 300 ใบ

นึ่คือเกินความจำเป็นแล้ว เพียงเราแยกแยะให้ออกว่าอะไร

จำ เป็น หรืออะไรเป็นเพียงความอยาก

inmnNOs^diuoid/^iปีH
ฒปี)Vต้อน)(แอ(เ

www.kalyanamitra.org

7t

ถ้าความอยากได้ทำให้เราเป็นทุกข์ เราควรทำอย่างไร

ให้ตนเองรู้สึกปล่อยวางอย่างพอเพียง เมื่อเรามองเห็นซัดเจน
ว่า ทุกอย่างไม่ได้มีดวามเที่ยงแห้ยั่งยืนและไม่แน่นอน เข์น

โทรศัพท์มีอถือหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิลล์ด่'ไง ๆ ผ่านไป

2 - 3 เดือน ก็ตกรุ่น เราควรซื้อหามาเพื่อประโยชน์ใซัสอย

เมื่อถึงเวลาที่ใซัจนพังแล้วค่อยหาใหม่ แต่ถ้าเราไปติดตาม
มันจนเกิดเป็นการสะสม ถามว่าจำเป็นไหม แน่นอนว่า
ไม่จำเป็น ด้องตระหนักให้ดืว่าอะไรจำเป็น และอะไรเป็น

เพียงความต้องการ

^ mBuMnO^

ส่วนอีกอารมณ์หนึ่งที่ทำให้คนอื่นรู้สึกอยาลเตินพนี
จากเราไปก็คือความหดหู่ การเป็นคนหดหู่เชืองซึม เหงาหงอย
ท้อแท้นั้น คนที่อยู่ใกล้จะรู้สึกว่าพลังของเขาหมดไปด้าย เรา
ต้องลองหันกลับมามองตนเอง ซึ่งแน่นอนว่าทุกคนเคยเหงา
ทุกคนเคยรู้สึกว้าเหว่ รู้สึกซึมเศร้า รู้สึกวาตนเองอยู่คนเดียว

ในโลก ใคร ๆ ก็เคยตกอยู่ในอารมณ์นี้ด้วยกันทั้งนั้น

www.kalyanamitra.org

72

ถ้าเรามาเจาะลีกแล้วจะพบว่า จริง ๆ แล้วเราอาจ
จะขาดทีปริก'ษาทีดีในเรืองนัน ๆ จึงเหมือนกบว่าพอเรา
ประสบเหตุการณ์อะไรแล้ว เราต้องฝ่าฟ้นด้วยตนเอง บาก

หน้าไปหาใคร'สูดกับใครก็ได้คำปริกษาที่ไม่ถูกใจ หรือทำให้
เรายิ่งเศร้าไปกันใหญ่ ยิ่งทำให้คุณค่าในตนเองลดลงไปอีก
เราจึงมืความรู'สึกเหมือนกับว่าต้องต่อสู้ด้วยตบเอง

เพราะฉะนั้น อาการเหงาซึมเศร้า■ศี่เกิดขึ้นนั้บก็เป็น

ไปได้ว่า เราอาจจะยังไม่เจอที่ปรืก'ษาที่ดี แต่ถ้าเรายังหา'อี่

ปริกษา'อี่ดีไม'ได้ ให้ลองมาดูสึว่าที่ปริก'บาดี ๆ อาจจะไม่ใข่

www.kalyanamitra.org

73

บุคคลเสมอไปก็ได้ เข่น ลองกลับไปหาหนังสือธรรมะดี ๆ

มาอ่าน เราอาจจะได้ความคิดใหม่ ๆ หรือได้กัลยาณมิตร
เพิ่มขึ้นก็ได้ หรือเราอาจจะไปนั่งสมาธิเพื่อให้จิตสงบลง แล้ว
กลับไปค้นคว้าหาหนังสือธรรมะอ่านอีกลักรอ'บ ก็อาจจะ
ทำ ให้เรามองอารมณ์ตนเองออก อาจจะหลุดพ้นจากความ

เหงาหงอยซึมเศร้าต่าง ๆ แล้วสร้างกำลังใจขึ้นมาใหม่ได้
ผู้ที่ประสบความสำเร็จล้วนผ่านจุดที่ล้มเหลวมาแล้ว

ทั้งนั้น ล้าเราล้มเหลวแล้วไม่ลุกฃึนสู้ เกิดความท้อแท้ ก็จะ

ไม่ได้เอดโอกาสให้ซึวิตเราได้ประสบความสำเร็จในวันข้าง'ฬนัว

เหมือนกับการเดินขึ้นบันไดที่ด้องเดินผ่านขึ้นที่ 1 ก่อนเสมอ
เพราะฉะนั้น พอเราเริ่มท้อแท้ สิ่งแรกเลยให1ปหา

ธรรมะดี ๆ อย่าไปปรุงแต่งให้ความทุกข์มันเจริญเติบโตเกิน

เหตุไม่อย่างนั้นชีวิตเราจะจมลงและถูกท้บกมด้วยศวามทุกข์

www.kalyanamitra.org

74

7 mwfij

อีกอารมถ5หนึ่งที่ทำให้คนเราดูไม่ดีเลยคือ อารมณ์
ฟังซ่านวุ่นวายใจ คนรอบข้างจะรู้สีกว่าถ้าคุยกับคนแนบนี้

แล้วไม่เกิดสาระใด ๆ และรู้สีกรำคาญใจ
จริง ๆ แล้วคนที่ฟังซ่านนั้นเป็นเพราะเขาจับหลัก

ไม่ได้ เขาไม่สามารถแยกแยะว่าแก่นของแต่ละเรื่องนั้นเป็น
อย่างไร จงคิดจนเรื่องราวในสมองพันกันไปหมด กลายเป็น

ความคิดฟังซ่าน บางคนก็ชอบตามความฟังซ่านไปเรื่อย ๆ

เรียกว่า "ฟังจนไม่มีที่จะไป"

เพราะฉะนั้น หลักการแก้ไขไม่ให้เราฟังซ่านคือ ให้

เราลองนั้งจับประเด็นว่า ประเด็นของเรื่องนั้น ๆ คืออะไร

ถ้าเรื่องไหนแยกแยะในเซิงการเปรียบเทียบข้อดีข้อเดียได้ ก็
ให้นำมาเขียนใส่ตาราง แล้วดูว่ามีข้อดีข้อเสียอย่างไร ก็จะ
ทำ ให้เรามองเห็นอะไร ๆ ได้ซัดเจนขึ้น

แต่ถ้าเรื่องราวมีความซับซ้อนมากกว่าที่จะแยกว่า

อะไรเป็นข้อดีข้อเสีย เราอาจจะใข้วิธีการทำแผนที่ความคิด

หรือเรียกว่า (Mind Map) ซึ่งจะทำให้เราเห็นกิ่งก้านสาขา

www.kalyanamitra.org

ของความคิดของเราเองขัดเจนขึ้น แล้วเราจะพบว่า ที่จริง
เรื่องราวมันไม่ได้ฟ้งซ่าน แต่เราเองที่จับประเด็นไม่ได้ แล้ว

ทำ มันฟ้งไปเอง

ล้าเราแตกกิ่งก้านสาขาของความคิดอออเราจะรู้เลย
ว่า แต่ละเรื่องราวนั้นมีแนวทางความคิดของตนเองอยู่ มี
หลักการและมีรายละเอียดปลีกย่อยอยู่ เมือผลลัพธ์ต่าง ๆ

แสดงออกมาแล้ว เราก็จะมองภาพของแผนภูมิความคิดนั้น

ได้อย่างแจ่มขัด และแยกแยะออกได้อย่างขัดเจน และล้า

เราคิดได้อย่างนั้นแล้ว เราก็จะปล่อยวางได้ง่ายยิ่งขึ้นด้วย

เพราะฉะนั้น เราควรหัดเขียนแผนที่ความคิด (Mind
Map) เพื่อกำจัดความฟ้งซ่านออกไป

www.kalyanamitra.org

76

อๆรนท/Aw

คนอีกประเภทที่เป็นที่รำคาญของคนรอบข้างคือ คน
ที่ลังเลสงสัยไม่แน่ใจอะไรไปหมด คอยแต่ถามคนโน้นคนนี้

ตลอด มักจะขอให้คนอื่นช่วยตัดสินใจเสมอ

คนแบบนี้มีอยู่มากมายในสังคม โดยเฉพาะคนที่

ยังไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต ก็มักจะมีความลังเลสงสัย
เยอะแยะไปหมด เพราะว่าเขาทำอะไรก็ไม่ประสบความ
สำ เร็จ แล้วก็ยังไม่แน่ใจเลยว่า สิ่งที่ทำไปนั้นจะดีหรือไม่ดี

www.kalyanamitra.org

77

ซึ่งในภาวะนั้นเราอาจจะแยกแยะไ-ม่ออกว่า อะไรดี

อะไรชั่ว อะไรบุญอะไรบาป อะไรถูกอะไรผิด หรืออะไรควร

อะไรไม่ควร

เพราะฉะนั้น บางครั้งเราอาจจะมองคนพาลเป็น
บัณฑิต แล้วเผลอไปคบคนพาล เพราะเราลืมแยกแยะว่า
ลักษณะของคนพาลนั้นเป็นอย่างไร

พระราซภาวนาจารย่ วิ. (หลวงพ่อทัตตซีโว) ท่าน

ให้คำแนะนำอีกอย่างหนึ่งว่า "คิดมากจะยากนาน" เาลา
มีเรื่องอะไร คนที่ลังเลสงสัยมักจะคิดจนไม่ได้ท่า ท่านบอก
ว่าให้ลงมีอท่าไปก่อน แล้วพอเจอป้ญหาอะไรก็ค่อยแก้กัน

ไปทีละเปลาะ

โดยสรุปคือ เราต้องละทิ้ง "5 นิสัย" ที่ท่าให้เรา

ไม่น่ารักในสายตาคนอื่นคือ ความโกรธ ความอยาก ความหดหู่

ความฟังซ่าน และความลังเลสงสัย

www.kalyanamitra.org

7/

Birmufi สราป!t^miTJuf}uuๆ5ท

1ทคนคท 1 vjjHn'ou

มีนักวิจัยเคยทำการสร้างภาพด้วยเรโชแนนซ์แม่เหล็ก

ที่วัดการทำงานของสมอง (Functional MRI) โดยพวกเขา
สแกนสมองขณะที่คนทำกิจกรรมต่าง ๆ เซ่น ตอนทำงๆ■น
ตอนยิ้ม เป็นต้น เขาพบว่า เวลาที่คนเราทานข็อกโกแลต

ฃิ้นหนึ่ง สมองส่วนที่รับความสุขจะสว่างวาบขึ้นมา ปรากฏว่า
เวลาที่คนเรายิ้มนั้นคลื่นของสมองส่วนที่รับความสุขฎนาfๅก'^า

ตอนที่ไต้ทานช็อกโกแลตถึง 2,000 เท่า
แค'เรายิ้มเท่านั้นก็จะกระต้นเซลล์สมองไห้สัมผัลตวง

ส่วนของความสุข แล้วจะเกิดกระแสอย่างหนึ่งในตัวเราออก
มา ทำ ให้เรารู้สึกอบอุ่น คนรอบข้างอยากเข้าใกล้ ตังนั้น

ยิ้มเข้าไร้ ใคร ๆ ก็ต้อนรับคนที่มีรอยยิ้ม

www.kalyanamitra.org

79

เทคนคท 2 เปีดใ'?ฟัง

เปิดใจฟังคนอื่นบ้างว่าเขาอยากจะพูดอะไร รับฟัง
เขาให้จบก่อนที่จะไปตัดสินเขา ถึงแม้ว่าเรื่องบางเรื่องอาจจะ

ฟังแล้วฃัดหู เราก็ไม่ควรพูดขัดหรือพูดสวนกลับทันที อย่างไร
ก็ตามลองทัดรับฟังผู้อื่นจนจบ แล้วผู้ที่เรารับฟังเขาจะรูสิก
ว่าเราให้คุณค่าในตัวเขา ให้เกียรติเขา เขาก็อยากจะพูดคุย

กับเราต่อไป

1ทคนคท 3 คยIรึ่องฒี่ขาอยากฟัง

คุยเรื่องที่เขาอยากฟัง ไม่ใช่คุยเรื่องทีเราอยากพูด
ซึ่งเรื่องที่เราอยากพูดกับเรื่องที่เขาอยากฟังส่วนใหญ่ม้บไม้

ตรงกัน การสนทนาถึงล้มเหลว แต่ปีญหาคือเราไม้รัว่าเขา
อยากฟังเรื่องอะไร

เพราะฉะนั้น เราต้องเริ่มต้นด้วยการฟังโดยบอกให้

เขาพูดก่อน แล้วค่อยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน เท่ากับว่า
เราเบี่ยงเบนรูปแบบบทสนทนาให้เป็นบทสนทนวที่เขว^ร้วง

ขึ้นมาเอง ควรเป็นเรื่องที่เขาใส่ใจและอยากคุยกับเรา เช่น

www.kalyanamitra.org

ผู้หญิงมักจะอยากคุยเรื่องการให้ความสำคัญ ในขณะ

ที่ผู้ขายอาจจะอยากเปลี่ยนใปคุยเรื่องอื่นแล้ว ดังนั้น ให้คุณ

ผู้ชายลองฟังที่คุณผู้หญิงพูดบ้าง แล้วพูดตามในประเด็น

นั้น ๆ หรือเข้าใปวิพากษ์วิจารณ์ วิเคราะห้ในประเด็นต่าง ๆ

เพียงเท่านี้ทั้งสองฝ่ายก็พูดตรงคันแล้ว

1)1คนคที่ 4 สร้างบคลกภาHm
เพียงเราดูแลบุคลิกภาพด้านการแต่งทายของตนเองให้
สุภาพ สะอาด หนวดเคราเกลี้ยงเกลา และมีกิริยามารยาท

หมดจดเรียบร้อย ก็จะสร้างความน่ารักน่าเข้าใกล้ใด้ โดยไม่

จำ เป็นจะต้องใข้ฃองประดับหรูหราราคาแพงใด ๆ เลย

www.kalyanamitra.org



(หคนคหี่ ร ฝ็ศมมาคาร':)ะ
สัมมาคารวะเป็นเรื่องของคว!ม''ค'!^ใ'^ ซึงถือว่าเป็น

สมบัติลํ้าค่าของมนุษย์คือ ถ้าเรามีสัมมาคารวะ ก็จะทำให

เราเป็นผู้ที่มีความน่ารัก โดยเฉพาะอย่างยิงกับผู้ที่อ!ๅโสกว่!

หรือกับผู้มีพระคุณ ในขณะเดียวกันเร!โม่ควรเลือกบ่ฏิบัคื
เฉพาะกับผู้มีพระคุณ หรือผู้อาๅโส แต่เราควรให้เกยรติผู้

ที่มีอายุน้อยกว่า รวมทั้งผู้ที่ทำงานอยู่ใต้บังคับบัญข!ของ

เราต้วย

คนทุกคนย่อมบ่รารถนาที่จะโต้รับเกียรติ
ปรารถนาที่จะเป็นนุคคลที่สามารถยินอยู่บบถ้ง^มโติโ^ยโม่
ใครดูถูก เพราะฉะนั้น เราโม่ควรแสดงกีรืยาดูหมินดูแคลน
ผู้อื่น เราอยากโต้รับการยอมรับอย่างโร เราก็ควรทำอย่าง
นั้นต่อผู้อื่นด้วย การที่เราให้เกียรติผู้อื่น เรายิ่งเป็นผู้มีเกียรติ

เกียรติของเราโม่โต้ลดลงเมื่อเร!ให้เกียรติคบอบ''^ย

www.kalyanamitra.org

^2

เทคนคหี่ 6 นาhอาสา

นํ้าใจอาสาคือ การมอบนํ้าใจให้ผู้อื่น ทำ สิ่งต่าง ๆ
โดยไม่คิดหวังสิ่งใดตอบแทน นี้คือความน่ารักที่สุดอย่างหนึ่ง

ถีงแม่'จะเป็นเพียงการมอบสิ่งของ!,ล็กน้อย กำ ลังกายเพียง

เล็กน้อย หรือคำพูดดี ๆ สร้างกำลังใจให้ผู้อื่น เท่านี้ก็มี

คามากมายแล่ว

(หคแคหี่ 7 ให้ความ?fาคัญนก'นู้อน

ให้ความสำคัญกับบุคคลที่เราได้คบหา หรือบุคคลที่
เราพบเจอด้วย เซ่น จดจำชื่อของลูกน้องได้ จำ วันเกิดของ
เพื่อนได้ เห็นหน้ากันก็ทักทายกันและมีคำพูดดี ๆ ให้เขา

เป็นด้น เหล่านี้เป็นสิ่งที่จะทำให้คนรอบข้างเทใจให้เรา

www.kalyanamitra.org

(หกนคท 8 กฅั'ญญ

ความกตัญญเป็นลิ่งที่ทำให้ดไJเรามีค'^'ไ^'น่'ไ^'^ ห้'^

กตัญญต่อพ่อแม่ ญาติพี่น้อง ครูบาอาจารย์ ทุกท่านพี่เคย

ช่วยเหลือเรามาไม่ว่าคนนั้นจะเป็นใคร และสุดห้ายคือการ
ยืดมั่นในคุณธรรมความดีงามแต่เพียงอย่างเคือร

โดยสรุปแล้วถ้าอยากจะเป็นคนน้ารัก ก็ติ'องเพีม
คุณค่าให้ตัวเองด้วยคุณงามครามดี และมองเหนคุณงาม
ความดีของคนอื่นด้วย มีคำ พูดพี่ว่า "ถ้าคุณสามารลรัก

ตนเองในสิ่งพี่ตนเองเป็น คุณก็จะสามารถรักคนสินในสิง

พี่คนอื่นเป็น แล้วความรักจะกล้บมาหาคุณ"

หนไหไฅ่ร ๆ rlln

ไม่ว่าใครก็ด้องการให้ตนเองเป็นพี่รักด้รยกันทั้งนั้น
ไม่ว่าจะไปพี่ไหนถ้าผู้คนรอบข้างรักแคะหอใจเรา เราก็รัสิก
สบายใจ เดิมทีเรามีคนรักขนาดไหน ปีใหม่ก็ปรับเปลี่ยน

www.kalyanamitra.org

^4

ตนเองให้มีคนรักมากขึ้น คนไม่ชอบเราน้อยลง เราน่าจะ

อยู่เป็นglขมากขึ้น แต่หัวใจคือแล้วเราจะทำอย่างไรให้มีคน

รักมากขึ้นล่ะ
หลักเรื่องการทำตัวให้เป็นที่รักไม่มีอะไรเกิน "ลังคห-

วัดลุ 4" ที่พระสัมมาล้มพุทธเจ้าตรัสไว้คือ (1) ทาน (2)

ปียวาจา (3) อัตถจริยา และ (4) สมาน้ตตตา ล้าเราทำได้

แค' 4 ฃ้อนี รับรองว่าเราจะต้องเป็นที่รักชองพุกคนอย่าง

แน่นอน

ไม่ว่าเราจะไปศึกษาหสักการที่ใคร ๆ กล่าวไว้อย่างไร

กแล้วแต่ สุดท้ายกสับมาขมวดจะพบว่า หลักของพระสัมมา-

ล้มพุทธเจ้าครอบคลุม และทันสมัยตลอดกาล เรื่องอื่น ๆ

ที่ไปศึกษาก็ถือเป็นเรื่องเสริม เขาอาจจะเน้นบางแง'บางมุม

เท่านั้น

หากเราจับหลักภาพรวมตามคำสอนของพระสัมมๆ-

ล้มพุทธเจ้าได้แล้ว จะทำให้เราเหมีอนมองเห็นต้นไม้ทั้งด้น

หนังสือบางเล่ม บทความบางบทความ อาจจะขยายตรง

กิ่งไม้ ใบไม้ หรือดอกผลก็แล้วแต่ แต่พอเรามองเห็นด้นไม้
ทั้งด้นแล้ว เขาจะขยายตรงไหนเราก็เข้าใจได้ดีขึ้น

www.kalyanamitra.org

■: -

น^■•■ '■ :

fjfฒml(จ^

นปีพ ๅ หี่พทDimtปีwomtiv

memm%v)wvmvmu

www.kalyanamitra.org

^6

ถ้าเรามองต้นไม้ทั้งต้นไม่ออก แล้วมัวแต่หลงตรงกิ่ง
ใบ ดอก และผลที่มีรายละเอียดมากมายเกินไปจนกระทั้ง
จำ ไม่หมด ให้เราย้อนมาดูหลัก ■'ลังคหวัตถ 4" ดังนี้

. ท' าน

การที่เราเป็นคนมีนํ้าใจไม่เห็นแก่ตัว ใคร ๆ ก็ขื่นซอน

ถ้าให้เราเลือกคบคน เราจะเลือกคบคนเห็นแก่ไดัหรือคน

มีนํ้าใจ ใคร ๆ ก็เลือกคบคนมีนํ้าใจทั้งนั้น แต่หลุมพราง
ที่มาพร้อม ๆ กับความมีนํ้าใจคือ "ความเสืกเป็นเจ้า'บุญ

นายคุณ" ร้สืกว่าตนเองเหนือกว่าแล้วไปข่มเซา

www.kalyanamitra.org

27

"มนุษย์" แปลว่า "ผู้มีใจสูง" ไมมใครชอบโดนข่ม
ให้ตํ่าลง ถ้าเขาข่วยเหลือเรา มีนํ้าใจเกื้อกูลเรา เราก็ดีใจ
เราก็ชอบใจ แต่ถ้าเมื่อใดที่เขามีอาการข่มเราด้วย เมื่อนั้น

เราจะรู้ลืกไม่ชอบใจทันที ลืงที่เขาได้ข่วยเหลือเราใว้ก•'หมียน

จะหายไปหมดทันทีด้วย

เมื่อด้องการเป็นที่รัก นอกจากจะมีนำใจข่วยเหออ
คนอื่นแล้ว เราจะด้องไม่ไปข่มเขา รู้จักให้เกียรติคนอน

เห็นคุณค่าของคนทุกคนเสมอกัน แม้เราจะข่วยเหลือเขา
เราก็ควรตระหนักคุณค่าในด้วเขาด้วอ ทำ ได้อย่างนีแล้ว
เราก็จะเป็นคนมีเสนห้ ไปไหนใคร ๆ ก็ขื่นขมแบบที่เราไม่

ต้องพยายามยกตนข่มท่าน แต่คนรอบข้างจะยกย่องเวาเอง

แล้วเราจะเป็นที่ยอมรับของทุกคน

การช่วยเหลือคนนั้นด้องมีศิลปะ ถ้าใครมาขอความ
ช่วยเหลือแล้วเราช่วยเขาหมดทุกคนเ'3วก็แย่ แล้วเราจะช่วย

แบบไหนให้พอดีและดีพอโดยไม่ตกหลุมห'3ว'^ ก็คือให้เราช่วย
ในสิ่งที่เขาต้องการ ช่วยในสิ่งที่เขารัองขอ ช่วยในสิงทเป็น
ประโยขนํ ไม่ใช่ช่วยแบบหว่านไปทั่ว ล้าช่วยแบบหนัาใหญ่

ใจโต ตำ นํ้าพริกละลายแม่นำล่ะก็ มีเท่าไรก็หมด มีเท่าไร
ก็ไม่พอ ที่สำ คัญประโยขนํก็เกิดฃึนนัอย

www.kalyanamitra.org

เพราะฉะนั้น การช่วยเหลือคนอื่นนั้นต้องรู้จักกำลัง

ของตนเอง แล้วสืกษาวิธีการในการช่วยเหลือเขาให้!,ทิด

ประโยชน์สูงสุดด้วย. อย่างนี้ถึงจะไม่กระทบตนเองและโม่

กระทบคนอื่นคือ ไม่เดือดร้อนทั้งตนเองและเป็นประใยขน์

ต่อผู้อื่นจริง ๆ ต้วย

ปียจาจา

ปิยวาจาคอ คำ พูดที่ไพเราะ อย่างไรที่เรียกว่าพูด
ไพเราะ ก็ให้ดูง่าย ๆ ว่าพูดแล้วใจผู้ฟังสูงขึ้น ฟังแลว

สบายใจ ฟังแล้วมีความสุขใจนั่นเอง
ไม่ใช่ว่าพูด "ครับผม ๆ" แต่กลับใฃ้วาจานั้นเชือด

เฉือนให้เขาคับแค้นใจ ต้องเป็นวาจาที่ฟังแล้วรื่นหู สบายใจ

ใจผู้ฟังยกสูงถึงจะเรียกว่า "ปิยวาจา"
สมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราชอาจจะใช้สรรพนาม

เรียกกันกู ๆมีง ๆ นี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แต่ประเด็น

สำ คัญคือ การให้เกียรติกัน เมื่อพูดสื่อสารไปแล้ว ผู้รับสาร
ฟังแล้วรู้สืกสบายใจ ใจเขายกสูงขึ้นอย่างนี้ เป็นต้น

www.kalyanamitra.org

มีประเด็นสำคัญที่อยากฝากไว้คือ พอพูดถึงเรื่องปิย-
วาจา คนมักจะนึกถึงแต่เรื่องการพูด แต่ความจริงปิยวาจา
คลุมถึงการสนทนาด้วยคือ พอเราพูดเราด้องฟังด้วย บางคน
พูดเก่ง พูดไม่หยุดจนคนอื่นรำคาญ แต่ถ้าเรารู้จักฟังคือ พอ

คนอื่นพูดก็รับฟังด้วยความตั้งไจ เราก็จะกลายเป็นคนมีเสน่ห์
เท่าที่มีโอกาสพบกับผู้คนในแวดวงต่าง ๆ ที่ประสบ

ความสำเร็จในชีวิต ไม่ว่าจะในแวดวงธุรกิจ หรือแวดวง

การเมีองก็ตามพบว่า ส่วนใหญ่เขาเป็นผู้ฟังที่ดี เวลาคนอื่น

พูดเขาจะตั้งใจฟัง และจับประเด็นเนื้อห้าจริง ๆ ทำ ให้เขา

ได้สาระประโยขนึจากเรื่องนั้น ๆ ด้วย

www.kalyanamitra.org

เขาจะมองออกเลยว่าผู้พูดมีเจตนาอย่างไร ขณะที่
ฟ้งก็มองสีหน้าและแววตาผู้พูด เขาจึงดออกเลยว่าแต่ละคน

ที่มานั้นมีเจตนาอะไร จริงใจแค่ไหน สาระคำพูดมีประใยขน้

ควรแก่การรับฟัง ควรแก่การนำไปปฏิบัติมากน้อยขนาดไหน
แล้วประเมินศักยภาพของผู้พูดออกทำให้ "มองคนออก'"
เพราะฉะนั้น การฟังอย่างตั้งใจให้ประโยชน์มากทีเดียว

เราเองพอพูดออกไปแล้วมีคนฟังอย่างตั้งใจ เราจะ
รัสีกเลยว่าเขาน่ารักและมีเสน่ห้มาก เพราะฉะนั้น อานุภาพ
แห่งการฟังจริง ๆ แล้วไม่ได้น้อยไปกว่าการพูดเลย เราจะ
มีปิยวาจาได้ด้องสื่อสารเป็น พูดให้เป็นและฟังให้เป็นด้วย

อย่างนี้เราก็จะเป็นที่รักได้ไม่ยากเลย

www.kalyanamitra.org



อัฅถจรยา

โดยทั่วไป "อัตถจริยา" แปลความหมายว่า "ทำ

สิงที่เป็นประโยชน์ต่อบุคคลอื่น" แต่ก็มีนัยยะแฝงที่อยาก

ไห'เราทุกคนให้ความสำคัญคือ "เราจะทำประโยชน์ให้คับ
คนอื่นได้ คัวเราต้องเป็นคนมีประโยชน์ก'อน" ตรงนี้ต้อง

นำ หลัก "อิทธิบาท 4" มาเสริมด้วยคือ เราจะเป็นคนที่

มีประโยชน์ มีคักยภาพ และมีความสามารถเราก็ต้องมี
อิทธิบาท 4 คือ "ฉันทะ" มีความเต็มใจทำ "วิริยะ" มีความ

พากเพียรอุตสาหะ "จิตตะ" มีใจจดจ่อ ทำ อะไรใจก็แน่วแป
ไม่วอกแวกฟังซ่าน และ "วินังสา" มีความเข้าใจทำ เหล่านี้

คือการพัฒนาคักยภาพของคัวเราโดยตรง

เพราะฉะนั้น ใครที่คัองการเป็นคนมีเสน่ห์ ก็ต้องเป็น

คนที่มีความรูความสามารถ อย่าว่าแต่อื่นไกล ยกคัวอย่าง

สามีภรรยาจะครองชีวิตคู่อยู่ด้วยคัน ถือว่าใกล้ชิดฝากชีวิต
ไว้แก'คัน จะมีเสน่ห์ผูกนัดใจอีกฝ่ายไต้ดีก็คัองมีความรู้ความ

สามารถ

www.kalyanamitra.org

แห::

Iiudtifitihowffioi^/ridiuo

แเปี^ต)เฆึป!:fc/lk /

www.kalyanamitra.org

93

ถ้าแม่บ้านเอาแต่แต่งตวสวย ต'อให้หน้าตาดีแต่งาน

บ้านไม่ดูแล บ้านซ่องห้องหอไม่ดูแล ทำ กับข้าวไม่เป็น ไม่
ดูแลครอบครัว ไม่ดูแลลูก ถามว่าถึงจะแต่งตัวสวย ๆ แถ้ว

เสน่ห้ที่มีในตัวจะอยู่ได้นานไหม ตอบได้เลยว่า "ไม่ยั่งยืน"

เซ่นเดียวกัน ถ้าพ่อบ้านแต่งตัวหล่อ ๆ พูดจาดี

เอาใจเก่ง แต่เป็นคนไม่มีความรับผิดชอบต่อครอบครัว ไม่มี

ความสามารถในการทำงาน หาเลี้ยงครอบครัวไม่ได้ ฉาบฉวย
เหมีอนจะดี แถมบางทีไปยุ่งกับอบายมุขด้วย เล่นการพนัน
ด้วย กินเหล้าเที่ยวกลางคืนอีก ถามว่าพ่อบ้านอย่างนี้จะมี

เสน่ห้ในตัวหลงเหลืออยู่นานไหม ก็ตอบได้เลยว่า "ไม่นาน"

เขาจะไม่เป็นที่รักแม้แต่ฃองภรรยาตนเอง เพราะเขาทำให้

ภรรยารู้สึกว่าพึ่งพาไม่ได้
เพราะฉะนั้น คนทุกคนจะอยู่ในสังคมใดก็แล้วแต่

เราจะเป็นที่รักได้ก็ต้องทำตนเองให้เป็นคนมีความรู้ความ
สามารถ ให้เป็นคนมีประโยขน์ การที่เราจะพัฒนาความรู้
ความสามารถให้เป็นคนที่มีประโยขน่ได้ ก็ต้องปรับรูปแบบ

การด้าเนินชีวิตของตนเอง

www.kalyanamitra.org

^4

บางคนมีความรู้สึกว่าอยากจะพัฒนาตนเอง แต่ไม่ได้

ม่งหมายให้เป็นที่รักหรอก แค'อยากจะประสบความสำเร็จ
ในซีวิฅเท่านั้น เรื่องที่คนอื่นจะรักหรือไม่รักนั้นเป็นแค'ประเด็น
รอง ตั้งใจเท่าไรก็ไม'ประสบความสำเร็จสักที เพราะยังไม'ได้

ปรับรูปแบบชีวิตของตนเอง
"การปรับรูปแบบชีวิตคือ การปรับวิถีการดำเนิน

ชีวิต" เริ่มด้นตั้งแต่ปรับสิ่งแวดล้อม ดูแลสิ่งแวดล้อมรอบ
ตัวเราให้ดี เซ่น ห้องที่เราอยู่ด้องสะอาด ปฏิรูปห้องใหม่

ด้วยการจัดข้าวของให้เป็นระเบียบเรียบร้อย สะอาดสะอ้าน

กวาดหยากไย่ถูพื้นให้สะอาดเอี่ยม ผ้าคลุมเตียงผ้าห่มซักให้
สะอาดเรียบร้อย ทุกอย่างที่อยู่รอบตัวเราจัดเก็บให้เข้าที่เข้า

ทาง

ปฏิรูปสิ่งแวดล้อมรอบตัวเริ่มจากห้องนอนของเรา

ห้องนั่งเล่นในบ้านของเรา ไปจนถึงโต๊ะทำงานในที่ทำงาน
ของเรา อะไรที่ไม่ใข้เก็บหมกไว้ 5 บี 10 ปึ จนกองพะเนิน

ก็สะสางให้เรียบร้อย ชีวิตของเราจะได้เป็นระเบียบ

พอปรับสิ่งแวดล้อมเสร็จแล้ว ก็ให้ปรับตารางเวลาที่
เราทำในแต่ละรันให้ลงตัว ทั้งเวลาตื่น เวลาเข้านอน เวลา

ทำ งาน เวลาออกกำสังกาย เวลาพักผ่อน แล้วกัดฟันทำให้

ได้จริง ๆ ติดต่อกันอย่างน้อย 7 รันแรก แล้วรูปแบบชีวิต

เราจะค่อย ๆ เคลื่อนเข้าที่ ล้าทำอย่างนี้ผ่านไป 21 รัน

www.kalyanamitra.org

95

แสัวล่ะก็ จะเริ่มเกิดเป็นการใช้ชีวิตรูปแบบใหม่ เกิดเป็น
นิสัยใหม่ในการดำรงชีวิตของเราเอง ที่มีรูปแบบการดำเนิน

ชีวิตที่ผ่านการใตร่ตรองวางแผนอย่างดีแล้ว
ซึ่งจะทำให้เรากลายเป็นคนกระตือรือร้นในการทำงาน

จากที่เคยเหงาหงอย เฉื่อยซา เซื่องชีม อาการเหล่านี้ก็จะ

หายไป เกิดความกระตือรือร้น เกิดใฟในการทำงาน แล้ว

เราก็จะสามารถพัฒนาศักยภาพของตนเอง สืกษาเรียนรู้สิ่ง
ใหม่ ๆ ได้ตลอดชีวิต กลายเป็นคนที่มีความสามารถและมี
ประโยซน์ แล้วสามารถทำในสิ่งที่เป็นประโยซ'นให้กับผู้คน

รอบช้างได้ เราก็จะกลายเป็นคนที่มี "สัตถจริยา" มีเสน่ห้

และเป็นที่รักของคนอื่น ๆ

www.kalyanamitra.org

%

nmu9\9\m

โดยทั่วไปแปลว่า "วางตนสมํ่าเสมอ วางตนเหมาะ

สม" ในเซิงปฏิบัติคือ ต้องเป็นคนที่เข้าใกล้ได้ง่าย มีความ
เป็นมิตร เข้าหาคนอื่นอย่างนุ่มนวล อ่อนน้อมถ่อมตน ใคร

เข้าใกล้ก็รูสิกสบายใจ ผู้ใหญ่เมตตา ผู้น้อยเคารพรัก

ใครที่ได้อยู่ใกล้ก็รู้สึกสบายใจ เพราะเป็นลักษณะ
สไตล์พบง่าย คุยง่าย แต่ต้องทำอย่างสมํ่าเสมอ อารมณ์
ไม่หวือหวา ไมใฃ่วันนี้พบง่าย พรุ่งนี้หน้ายักษ์ อะไรอย่างนี้

คนก็วางต้วไม่ถูก ปรับใจไม'ทันต้องคอยดูสีหน้า คนรอบ

ข้างก็อึดอัด เสน่ห์ก็ลดลง เราต้องเป็นมิตรอย่างสมํ่าเสมอ
วางตัวเหมาะสมกับฐานะบทบาทของตนเอง จึงจะถือว่า
เป็นคนที่มีสมานัตตตา

www.kalyanamitra.org

97

ไปศีกษาดูเถอะหนังสือ How to ทั้งโลกนี้ ด้าน

การทำตนให้เป็นที่รักนั้น ไม่เกินหลักของพระสัมมาสัม-

พุทธเจ้าทั้ง 4 ข้อนี้หรอก ถ้าเราตั้งใจปรับชีวิตด้วยหสัก

ของทาน ปิยวาจา อัตถจริยา และสมานัตตตาได้แล้ว เรา

ก็จะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่เป็นที่รักของทุกคนได้อย่างแน่นอน

www.kalyanamitra.org

www.kalyanamitra.org

s •••'Cir • ■ไi 1:

V

't ufanama

"ทาใมมเพอน 422 คน แตยัง

เสิกเดยวดาย..." เทคโนโลยีเหมือนดาบ

สองคมที่มืทั้งคุณและโทษในเวลาเดียวกัน

ยกตัวอย่าง การใช้โทรศัพท์มือถือ หรือ

สมาร์ตโฟน (Smartphone) โทรศัพท์
เคลื่อนที่ที่มืความสามารถเพิ่มเติมจาก
โทรศัพท์มือถือทั่วไป

ซี่งถ้าเราใช้เครื่องมือลื่อสารเหล่านี้
เป็น ก็จะสามารถเช้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ได้
อย่างกว้างขวางและรวดเร็วขึ้น

www.kalyanamitra.org


Click to View FlipBook Version