The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

สมุนไพรในรั้ววัด รวบรวมพืชผักสมุนไพรที่ได้รวบรวม ของดี คิลานเภัช ในการดูแลสุขภาพของพระภิกษุ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการดูแลร่างกาย ตอนอาพาธของพระภิกษุ สามเณร ภายในวัด โรงพยาบาล ยาที่อยุ่ใกล้ตัวนำมาปรับใช้รักษาได้ง่าย ราคาถูก และรักษาโรคได้จริง ทันท่วงที

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

สมุนไพรในรั้ววัด

สมุนไพรในรั้ววัด รวบรวมพืชผักสมุนไพรที่ได้รวบรวม ของดี คิลานเภัช ในการดูแลสุขภาพของพระภิกษุ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการดูแลร่างกาย ตอนอาพาธของพระภิกษุ สามเณร ภายในวัด โรงพยาบาล ยาที่อยุ่ใกล้ตัวนำมาปรับใช้รักษาได้ง่าย ราคาถูก และรักษาโรคได้จริง ทันท่วงที

ลำเจียก ( Pandanus odoraissimus )

ชอ่ื วิทยาศาสตร์ Pandanus odoraissimus
วงศ์ PANDANACEAE
ช่ืออ่ืน ลำจวน รัญจวน, ปะหนนั ดอกกาบ
ลักษณะทวั่ ไป ต้น : เปน็ พรรณไมพ้ มุ่ อย่ใู นประเภทเดียวกบั ตน้ เตย ลักษณะของลำต้นจะ
แตกเปน็ กอใหญ่ มลี ำตน้ สงู ประมาณ ๔-๖ เมตร บรเิ วณโคนตน้ จะมรี ากอากาศโผลอ่ อกมาใบ
มสี เี ขียว ลกั ษณะคล้ายกับใบสบั ปะรด คอื จะใหญ่ ยาวและหนา ขอบใบเป็นจัก มหี นามแหลม
ใตท้ ้องใบมีแกนกลางดอก : จะโผล่ออกมาจากกลางลำต้นพอดี ซ่งึ ดอกนี้จะเร่ิมบาน ในเวลาตอน
เยน็ และมกี ลน่ิ หอมฉุน
ส่วนที่ใช้ ราก
สรรพคณุ ราก ของลำเจียกมีรสเย็นและหวานเลก็ น้อย นำมาปรุงเป็นยาแก้พิษเสมหะ พิษไข้
พิษเลอื ด ขบั ปสั สาวะ และรากอากาศที่โผล่ออกมาจากโคนตน้ น้นั ปรงุ เปน็ ยาแก้หนองใน แก้นิ่ว
แกร้ ะดูขาวมกี ล่นิ เหมน็ แกป้ ัสสาวะพกิ าร แกเ้ บาหวาน
อนื่ ๆ เป็นพรรณไมใ้ นวรรณคดีไทยที่กลา่ วไว้ ซ่ึงมีในเร่อื งนริ าศธารทองแดง อิเหนา ดาหลัง
รามเกียรติ์ สมทุ รโฆษคำฉนั ท์

๑๘๖

กระวาน กระวาน (Amomum krervanh Pierre., A. cardamomun Linn.)

๑๘๗

กระวาน (Amomum krervanh Pierre., A. cardamomun Linn.)

ชื่อวทิ ยาศาสตร์ Amomum krervanh Pierre., A. cardamomun Linn
วงศ์ ZINGIBERACEAE
ลักษณะทวั่ ไป เปน็ พชื ล้มลุกจำพวกเหง้า สงู ประมาณ ๓ เมตร ใบรูปหอกกวา้ ง ดอกออกจากเหง้า
เป็นช่อทรงพ่มุ สีเหลือง ผลกลมสขี าวนวลสีนำ้ ตาลออ่ น หรือ สีแดง ภายในมีเมล็ดสีนำ้ ตาลไหม้
ติดกนั เป็นกลุ่มกอ้ นผลจะอย่ตู ิดกับก้านรวมกนั เป็นช่อกระวานมีหลายพันธุ์สว่ นมากหมอนยิ มใช้
กระวานแดง หรือเรยี กวา่ กระวานดำ มีเน้ือมาก เรยี กวา่ กระวานโพธสิ ัตว์ ซึ่งสมัยกอ่ นนำเขา้ มา
จากเมอื งโพธสิ ัตวป์ ระเทศเขมร ทางภาคตะวนั ออกของไทยก็มีปลูกกนั บา้ ง มฤี ทธ์แิ รงกวา่ ชนิดอื่น
นยิ มใช้ทำยาผง สว่ นยาตม้ นยิ มใชก้ ระวานขาวซ่ึงปลกู มากทจ่ี ังหวดั จนั ทบุรี, ตราด, กาญจนบุร,ี
อทุ ยั ธานี เกดิ ตามป่าดงดิบเขาสูง เช่น จนั ทบรุ ี, ประจวบคีรขี ันธ,์ เขาใหญ่ เปน็ ตน้ ขยายพนั ธด์ุ ว้ ย
เมล็ดและแยกหนอ่
สรรพคุณ ใบ รสเผ็ดรอ้ นหอม ขับลมใหผ้ ายเรอ ขบั เสมหะ แกไ้ ขเ้ ซ่อื งซึม แกร้ ำมะนาด แก้ลม
ใหป้ ิดธาตุ ใหค้ วามอบอุน่ นำมากลั่นได้การบรู ใบกระวาน ทีใ่ ชใ้ นตำรบั ยาและใชใ้ นเครื่องเทศ
น้ัน ไมใ่ ช่ใบของตน้ กระวานนี้ แตเ่ ปน็ ใบของตน้ เทพธาโร ซงึ่ มีกล่ินหอมรอ้ น มสี รรพคณุ ขบั ลม
บำรงุ ธาตดุ อก รสเผ็ดรอ้ น แก้เจ็บตา ตาแฉะ ตามัวลูก รสเผ็ดรอ้ นหอม ขบั เสมหะ ขับโลหิต
ขับลม บำรงุ ธาตุ กระจายเลือดและลมให้ซา่ น ปรงุ ร่วมกับยาถา่ ยอ่ืนๆป้องกันไม่ใหจ้ ุกเสยี ดและ
ไซ้ท้อง

๑๘๘

ตบั เต่านอ้ ย ตับเตา่ น้อย (Polyalthia debilis (Pierre) Finet & Gagnep.)

๑๘๙

ตับเตา่ น้อย (Polyalthia debilis (Pierre) Finet & Gagnep.)

ชื่อวทิ ยาศาสตร์ Polyalthia debilis (Pierre) Finet & Gagnep.
วงศ์ ANNONACEAE
ช่ืออืน่ กนั ครก (ชย)
ลักษณะท่ัวไป เปน็ ไม้พุ่มขนาดเล็ก สูง ๑-๒ ฟตุ กงิ่ อ่อนมีขนละเอยี ดสนี ้ำตาล ใบเดี่ยว
รูปไขก่ ลบั แกมขอบขนาน ปลายมนโคนสอบเรยี ว ยาวประมาณ ๕-๑๐ ซม. ดอกเด่ยี วเลก็ ๆ
กลบี รูปสามเหลี่ยมอวบหนา สเี หลอื งอมเขยี ว ออกตามง่ามใบ ผลกลมและกลมยาวคอด
เมลด็ สีดำ รับประทานได้ เปลือกรากสีดำบาง ขึน้ ตามปา่ โปร่ง
สรรพคุณ ราก รสเยน็ แกต้ วั ร้อน ดบั พษิ ไขท้ ้ังปวง ดับพิษตานซาง แก้วณั โรค ต้มดมื่ แก้ปวดท้อง
บำรุงตบั แกต้ ับอกั เสบ ดีซา่ นตับพกิ าร บรรเทาอาการจุกเสยี ดแน่นท้อง มกั ใช้คกู่ บั ตับเตา่ ใหญ่
รักษาเบาหวานและโรคตับอกั เสบ

๑๙๐

โกฐเชยี ง โกฐเชยี ง (Livisticum officnale Koch.)

๑๙๑

โกฐเชียง (Livisticum officnale Koch.)

ชื่อวิทยาศาสตร์ Betula alnoides Buch Ham
ชือ่ จีน ตงั กุย
วงศ์ UMBELLIFERCEAE
ลกั ษณะท่วั ไป เป็นรากไม้ พวกโสม สนี ำ้ ตาลเหลอื ง นำเขา้ จากประเทศจนี
สรรพคณุ ราก รสหวานสขุ ุม แก้ไข้ แก้สะอึก แก้ไอบำรุงเลือด โบราณใช้รกั ษาอาการตกเลอื ด
รักษาอาการหาวเรอจกุ แนน่ เสยี ดแทงราวนมทง้ั สองขา้ ง บำรงุ กำลงั เข้าตำรับยารักษามะเรง็
คุตทะราด โกฐเชียงบำรุงเลือด รักษามดลกู ให้ตงึ อยูเ่ สมอ โบราณทา่ นเป็นยาสำหรับสตรหี รือ
โสมผหู้ ญิง
หมายเหต*ุ สว่ นหวั ใหญเ่ รียกว่าตังกยุ สว่ นรากฝอยเรียกวา่ โกฐเชยี ง

๑๙๒

กระชาย กระชาย (Boesenbergia pandurata ( Roxb.)Schltr )

๑๙๓

กระชาย (Boesenbergia pandurata ( Roxb.)Schltr )

ชื่อวทิ ยาศาสตร์ Boesenbergia pandurata ( Roxb.)Schltr
ช่ือทอ้ งถิ่น กะแอน , ระแอน (ภาคเหนอื ) ขงิ ทราย ( มหาสารคาม) วา่ นพระอาทิตย์(กรงุ เทพ)
จ๊ีปู ,ซฟี ู (ฉาน - แมฮ่ อ่ งสอน) เป๊าซอเร้าะ , เป๊าะสี่ (กระเหรียง - แมฮ่ ่องสอน )
วงศ์ ZINGIBERACEAE
ลกั ษณะของพืช กระชายเป็นไม้ลม้ ลกุ สงู ราว ๑ - ๒ ศอก มลี ำตน้ ใต้ดนิ เรยี กว่า “ เหง้า “ รู
ปททรงกระบอกปลายแหลมจำนวนมาก รวมติดอยู่เป็นกระจกุ เนอื้ ในสเี หลอื ง มกี ล่ินเฉพาะ
เนือ้ ในละเอยี ด กาบในสแี ดงเร่อื ใบใหญ่ยาวรปี ลายแหลม ดอกเปน็ ชอ่ สขี าวอมชมพู การปลกู ใช้
เหง้าหรือหัวกระชายปลูก กระชายชอบดินรว่ นปนทราย ไมช่ อบดนิ แฉะ เวลาปลูกควรยกรอ่ งหรือ
ปลูกใตร้ ม่ เงาของใบไมใ้ หญ่ โดยนำ หวั กระชายทเ่ี ตรยี มไว้ตัดใบทงิ้ และเหลือรากไว้เพียง ๒ ราก
ปลูกลงหลมุ และกลบดว้ ยปุย๋ คอกพอมดิ ตน้ คลุมด้วยฟางรดน้ำให้ชมุ่ ฤดูท่ีปลกู คือปลายฤดูแล้ง
ความชุม่ ช้ืนตอ้ งการแคน่ ้ำฝนก็เพียงพอ กระชายเปน็ เคร่อื งเทศ ทีป่ ลูกกัน ตามบ้าน เรือนท่วั ไป
ส่วนทใี่ ชเ้ ป็นยา เหงา้ ใต้ดนิ
สรรพคณุ รสเผด็ รอ้ นขมแกป้ วดมวนในทอ้ งแกท้ อ้ งอดึ เฟอ้ และบำรงุ กำลงั ขอ้ มลู ทางวทิ ยาศาสตร์
ในเหงา้ กระชายมสี ารสำคัญคือ นำ้ มนั หอมระเหย ( Essential oil ) น้ำมันหอมละเหยจากเหง้า
กระชายมีสรรพคุณรักษาอาการหาวเรอ จุกเสยี ดแนน่ ท้องได้ดี

๑๙๔

สบั ปะรด สับปะรด (Ananus comosus Merr.)

๑๙๕

สับปะรด (Ananus comosus Merr.)

ชอื่ วทิ ยาศาสตร์ Ananus comosus Merr.
วงศ์ BROMELIACEAE
ชื่อท้องถิ่น มะขะนดั มะนดั (ภาคเหนอื ) บ่อนัด (เชยี งใหม่) ขนุนทอง ย่านดั ยานดั (ภาคใต้)
หมากนัด (ภาคอสี าน)
ลักษณะ สบั ปะรดเปน็ พชื ลม้ ลุกหลายปี ลำต้นส้นั และแข็ง ใบออกสลบั โดยรอบต้น ในเรียวยาว
ปลายแหลม ดอกออกเปน็ ชอ่ สี ช่อดอกมีก้านยาว ผลรูปร่างเป็นรปู ไขห่ รอื ทรง กระบอก
ส่วนทใี่ ชเ้ ป็นยา เหงา้ ทง้ั สดและแหง้
สรพรคณุ รสหวานเย็น ขบั ปัสสาวะ แกป้ สั สาวะขดั ขบั นิว่ บำรงุ เลอื ด บำรุงไต
เขา้ ตำรับยารกั ษามะเรง็ ในกระอาหารแก้เบาหวาน ขับน้ำนอกลำไส้ แกบ้ วม

๑๙๖

พลคู าว พลคู าว (Houttuynia cordata Thunb)

๑๙๗

พลคู าว (Houttuynia cordata Thunb)

ชื่อวทิ ยาศาสตร์ Betula alnoides Buch Ham
ชิ่อื ท้องถ่นิ ผักคาวตอง หรือกา้ นตอง
ลักษณะทว่ั ไป เป็นรากไม้ พวกโสม สีนำ้ ตาลเหลือง
สรรพคณุ
- รักษาโรคมะเรง็ โดยเฉพาะเก่ยี วกบั มะเร็งปอด มะเรง็ ต่อมไทรอยด์ มะเรง็ ปากมดลกู
- เนือ้ งอกในสมอง
- ริดสดี วงทวาร โดยไม่ตอ้ งผา่ ตดั
- โรคกามโรค
- โรคผิวหนัง
- ทางเดินปสั สาวะอกั เสบ
- เพิม่ การแบง่ ตัวของเซลลเ์ ม็ดเลือดขาว รักษาอาการอกั เสบต่าง ๆ เช่น ฝีอกั เสบ ปอดอกั เสบ
หลอดลมอกั เสบ ตาอักเสบ ตับอกั เสบ ไตอกั เสบ
- เยอื่ หมุ้ สมองอกั เสบท่ีเกิดจากเช้อื รา หชู นั้ กลางอักเสบ
พลคู าวมสี รรพคุณต้านการอกั เสบ เปน็ พืชสมุนไพรทีน่ า่ จับตามองด้านธรุ กิจ และกำลังมาแรงใน
ด้านการตลาด ท่านใดสนใจลองศึกษาข้อมูลและทดลองปลกู ดคู รับ

๑๙๘

วา่ นมหาเมฆ วา่ นมหาเมฆ (Curcuma aeruginosa Roxb. )

๑๙๙

วา่ นมหาเมฆ (Curcuma aeruginosa Roxb. )

ชอื่ วทิ ยาศาสตร์ Curcuma aeruginosa Roxb
ชือ่ อนื่ อาวแดง, กระเจียวแดง ,ขม้ินดำ
วงศ์ ZINGIBERACEAE
ลกั ษณะทางพฤกศาสตร์ เปน็ พชื ตระกูลเดยี วกบั ขงิ -ข่า มหี ัวหรือเหงา้ อยูใ่ ตด้ ิน
หวั มีกล่ินคล้ายขิง-ขา่ ใบรูปหอก ใบจะโผล่ข้ึนมาในช่วงฤดูฝนหลังจากที่ดอกเร่มิ เหยี่ วเฉา และใ
บจะเร่มิ เห่ียวเฉาช่วงตน้ ฤดูหนาว ลักษณะดอก : จะออกดอกระหวา่ งเดือนเมษายน - พฤษภาคม
ออกเปน็ ช่อจากใจกลางต้น ชอ่ ดอกสูง ๑๒ - ๑๘ เซนตเิ มตร ท้ังนี้ขึ้นอยูก่ บั อายุของตน้ ถ้าอายมุ
ากเหงา้ จะมีขนาดใหญ่ช่อดอกก็จะใหญ่ตามไปด้วย ดอกมใี บประดับรูปกรวยเรยี งซ้อนกนั ปลาย
ช่อดอกมีสชี มภถู งึ แดงเขม้ โคนช่อดอกมสี เี ขยี วออ่ นถงึ เขียว อกี ทงั้ ยงั มดี อกเปน็ หลอดรูปกรวยข
นาดเล็กสเี หลอื งบรเิ วณใบประดับโคนช่อดอก
สรรพคณุ เหง้า – ใชเ้ ป็นยาบบี มดลูก ทำใหม้ ดลูกเข้าอูเ่ ร็วขน้ึ มดลูกคลายความอกั เสบ

เปน็ ยาถา่ ย วา่ นมหาเมฆมสี รรพคุณดดี ้านการรักษาโรครดิ สีดวงลำไส้ขับลม
ให้ผายเรอ เปน็ วา่ นทีน่ ิยมใชม้ าแต่โบราณ มสี รรพคณุ ทางยาทีเ่ ห็นผลประจกั ษแ์ จ้งแล้วจนอดตี
ถึงปัจจุบัน

๒๐๐

กำแพงเจด็ ชั้น กำแพงเจ็ดช้ัน (Salacia chinensis Linn)

๒๐๑

กำแพงเจ็ดชนั้ (Salacia chinensis Linn)

ชอ่ื วิทยาศาสตร์ Salacia chinensis Linn.
ชอ่ื วงศ์ CELASTRACERE
ช่อื อ่นื ตะลมุ นก ตาไก้ น้ำนอง มะต่อมไก่ ลุ่มนก
ลกั ษณะ เปน็ ไม้เถายืนต้นขนาดใหญ่ เนอื้ ไม้สีแดงเรื่อ ๆ มเี สน้ วงสดี ำ ซอ้ นกนั ๗-๙ ช้นั เรียกว่า
วงปี ใบเด่ยี วรปู หอกปลายและโคลนใบแหลม เกิดตามป่าเบญจพรรณและป่าละเมาะท่วั ทุกภาค
ขยายพันธุด์ ว้ ยเมล็ด
สรรพคณุ เป็นยาระบายสำหรับผ้ทู ้องอดื แกก้ ษยั เถาดานในทอ้ ง ราก ต้มด่มื รักษาเบาหวา
นปรับระบบความดนั ทำให้แผลเบาหวานแหง้ แกไ้ ขขอ้ พกิ าร เข้าข้อ แกป้ ระดง ขับผายลม
ฟอกและขบั โลหิตระดู
วธิ ีใชต้ ามภูมิปัญาทอ้ งถิ่น ตม้ กบั ตวั ยาอนื่ ได้แก่ เถาวัลย์เปรียง นำสมนุ ไพรท้งั ๒ อย่าง
นำมาอย่างละ ๓ ช้นิ มัดรวมกันแล้วตม้ ดื่ม เช้า-เยน็ แก้กระษยั เส้นเอ็นตึง

๒๐๒

ฝาง ฝาง (Caesalpinia sappan L. )

๒๐๓

ฝาง (Caesalpinia sappan L. )

ชื่อวทิ ยาศาสตร์ Caesalpinia sappan L.
ชือ่ วงศ์ LEGUMINOSAECEAE - CAESALPINIOIDEAECEAE
ช่อื สามัญ Sappan - wood, Indian red - wood Brazilwood.
ชื่ออ่ืน ฝางแดง ฝางเลือด ฝางสม้ หนามโคง้
สรรพคุณ แกน่ บำรุงโลหิตสตรี แก้ปอดพิการขับหนอง แก้คดุ ทะราด ทำให้โลหติ เยน็
แก้โลหิตออกทางทวารหนกั และทวารเบา แก้เลอื ดกำเดา แก้โรคท้องร่วง แก้ไขส้ ำปะชวร แก้ไอ
รกั ษาโรคผิวหนงั บางชนดิ แกธ้ าตุพกิ าร แกร้ อ้ นแกเ้ สมหะ รักษามะเร็งเพลิง คมุ กำเนิด แก้ไข้
แก้สะอกึ แก้หอบ แกช้ ้ำ ฟอกโลหิต
เน้อื ไม้ แก้ท้องเสีย แกบ้ ดิ ทำใหป้ ระจำเดอื นมาตามปกติ แก้ไข้ รกั ษาโรคทัว่ ไป เชน่
โรคเกิดจากเสมหะ เปน็ ยาขับระดูอยา่ งแรง แก้เลือดตกหนัก
ไม่ระบสุ ่วนทใ่ี ช้ ขับหนอง รกั ษาอาโปธาตไุ มใ่ หร้ ้อน บำรุงโลหติ แกป้ อดพกิ าร แก้ลม
แก้เสมหะ แก้ดพี กิ าร ขบั เลือด แกค้ ดุ ทะราด แก้มตุ กติ ระดูขาว แก้คดุ ทะราด แก้ธาตพุ ิการ
แก้รอ้ น แก้โลหติ ตกทางทวารหนักและทวารเบา โบราณใชเ้ ป็นยาบำรุงเลอื ด ฟอกเลอื ด นำ้ ต้
มฝางเขม้ ข้นจะมีสแี ดง เหมอื นเลือดของคนเราสแี ดง เปน็ ตัวแทนของเลอื ดและนำ้ ในร่างกาย
ไดร้ บั บาดเจบ็ หรอื ฟกช้ำ หมอยาโบราณนิยมใหต้ ม้ ฝางดม่ื

๒๐๔

ชา้ งนา้ ว ช้างนา้ ว (Ficus pubigera Wall)

๒๐๕

ช้างนา้ ว (Ficus pubigera Wall)

ช่อื วทิ ยาศาสตร์ Ficus pubigera Wall
ชอื่ วงศ์ MORACEAE
ชอ่ื สามญั Ochna integerriima Merr.
ชอื่ อ่ืน ชา้ งโนม้ กะแจะ กำลังช้าง
ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ ไม้ยนื ตน้ ผลดั ใบ สูง ๓-๘ เมตร ตามปลายก่งิ มีกาบห้มุ ตาแข็งและ
แหลม ใบ เดย่ี ว เรยี งสลับ แผ่นใบรูปขอบขนานหรือรปู ไขก่ ลบั หรือรูปใบหอกกลับ กว้าง ๔- ๗
เซนติเมตร ยาว ๘-๒๐ เซนติเมตร ปลายเรียวแหลมโคนมนขอบใบจักถี่ ออกเป็นช่อสั้นตามกิ่ง
กลีบดอก ๕ กลีบ สเี หลือง ปลายกลีบมน ส่วนโคนเรยี วเลก็ เม่ือบานเส้นผ่านศูนย์กลางป
ระมาณ ๓-๔ เซนตเิ มตร ผล กลม เมือ่ สุกสีดำ เสน้ ผา่ นศูนยก์ ลางประมาณ ๑ เซนติเมตร
ติดอยูบ่ นฐานรองดอกสแี ดง เกสรตัวผู้รวมกันเป็นกระจกุ กลางดอก
สรรพคณุ ราก - ขบั พยาธิ แก้น้ำเหลอื งเสีย เนอ้ื ไมร้ สมันตดิ หอม บำรงุ โลหิต บำรุงกำลงั
แก้ไขข้อเสือ่ ม รักษาเส้นเอน็ อกั เสบ รสมันในตำราวรโยคศาล แกเ้ สน้ เอน็ พกิ าร แก้อักเสบ ยาตำ
รับรกั ษาเส้นตึงใหท้ า่ นเอาชา้ งนา้ ว ๒๕ กรมั ฝาง ๒๕ กรัม เถาวัลย์เปรียง ๒๕ กรมั เถาเอน็ ออ่ น
๒๕ กรัม ชะเอมเทศ ๒๕ กรมั ต้มดืม่ รักษาอาการอกั เสบของเสน้ เอ็นและกล้ามเนื้อแก้ปวดเมอื่ ย
เคลด็ ขัดยอกมสี รรพคณุ ดี

๒๐๖

แสมสาร แสมสาร (Senna garrettiana (Craib) Irwin&Barneb)

๒๐๗

แสมสาร (Senna garrettiana (Craib) Irwin&Barneb)

ช่อื วทิ ยาศาสตร์ Senna garrettiana (Craib) Irwin&Barneb
วงศ์ CAESALPINIACEAE
ชอื่ พ้อง Cassia garrettiana
ชื่ออนื่ กราบัด กะบัด ขเ้ี หล็กคนั ชง่ั ขเ้ี หล็กโคก ข้เี หล็กแพะ ขเ้ี หล็กป่า ขีเ้ หล็กสาร ไงซาน
สรรพคุณ ราก ฟอกโลหติ

ใบ ขับพยาธิ เป็นยาถ่าย รักษางูสวดั บำบัดโรคมะเร็งเม็ดเลอื ดขาว รกั ษาแผลสด
และแผลแห้ง

ดอก เป็นยาถ่าย ขับพยาธิ รกั ษางสู วดั บำบัดโรคมะเร็งเม็ดเลอื ดขาว
แก่น แก้ลม แกป้ สั สาวะพกิ าร แกง้ สู วัด บำบัดโรคมะเรงเม็ดเลือดขาว ขับพยาธิ
ขับเสมหะ แก้ลมในกระดูก ถา่ ยโลหิต ถ่ายโลหิตระดู ถา่ ยเสมหะ แกก้ ระษยั ทำให้เส้นหย่อน
เปน็ ยาระบาย
ไม่ระบุส่วนทีใ่ ช้ เป็นยาระบาย ลดอณุ หภมู ขิ องร่างกาย แกโ้ ลหิต แก้กำเดา
แก้เสมหะ เจรญิ ไฟธาตุ แกโ้ ลหติ ระดูเสีย บำรงุ โลหติ แกก้ ระษยั ขบั ปัสสาวะ แก้ไตพกิ าร
ดบั พษิ โลหิต

๒๐๘

หญา้ ใตใ้ บ หญา้ ใตใ้ บ(Calathea picturata., Calathea roseo-picta.)

๒๐๙

หญา้ ใต้ใบ(Calathea picturata., Calathea roseo-picta.)

ชื่ออนื่ ๆ มะขามปอ้ มดิน ไฟเดือนห้า หมากไขห่ ลัง
ชอ่ื สามญั Chamber bitter
ชอ่ื วิทยาศาสตร์ Phyllanthus urinaria L.
วงศ์ EUPHORBIACEAE
ลกั ษณะพฤษศาสตร์ ไมล้ ม้ ลุก สูง ๑๐ - ๘๐ ซม. ใบเปน็ ใบประกอบแบบขนนกช้นั เดยี
ว ปลายค่ี มีใบยอ่ ย ๒๑ - ๓๓ ใบ ใบย่อยรูปขอบขนาน ปลายใบแหลมมีติง่ หนามเลก็ ๆ
โคนใบมน ขนาดประมาณ ๐.๕X๑.๐ ซม. ก้านใบส้ันมากและมหี ใู บสีน้ำตาลอ่อนรปู สามเหล่ียม
ปลายแหลมเกาะตดิ ๒ อนั ดอกแยกเพศ เพศเมียมกั อยู่สว่ นโคน เพศผู้มกั อยูส่ ว่ นปลายกา้ นใบ
ดอกขนาดเลก็ สีขาว เส้นผ่าศนู ยก์ ลางประมาณ ๑ ซม. ผลทรงกลมขนาดประมาณ ๐.๑๕
ซม. สีเขยี วอมน้ำตาลออ่ นผวิ ยน่ เปน็ ตุ่ม เกาะติดอยู่ที่ใต้โคนใบย่อย เม่อื แกจ่ ะแตกเปน็ ๖
พู แตล่ ะพจู ะมี ๑ เมล็ด เมลด็ สีนำ้ ตาลรปู เสย้ี ว ๑/๖ ของทรงกลม ขนาดประมาณ ๐.๑ ซม.
ผวิ ย่นเป็นเส้นลายตามขวางท้งั เมล็ด
สรรพคุณด้านสมนุ ไพร ทง้ั ตน้ แกไ้ ขท้ กุ ชนิด รักษาริดสีดวงทวาร กามโรค ปวดทอ้ งดซี า่ น
ทอ้ งเสยี และบดิ และ ลดความดันโลหติ ใบอ่อน แก้ไอสำหรบั เด็ก ปรุงเป็นยาแก้อกั เสบ
แก้โรคตบั ตัวเหลอื ง ตาเหลอื ง คุมเบาหวานไดด้ ี ตำพอกรกั ษาแผลอกั เสบใหแ้ หง้ เรว็ รักษา
แผลกรายจากโรคเบาหวาน

๒๑๐

ลกู เดอื ย ลูกเดอื ย (Coix lacryma-jobi L. var. mayuen (Rorman.)

๒๑๑

ลกู เดือย (Coix lacryma-jobi L. var. mayuen (Rorman.)

ช่ือวทิ ยาศาสตร์ Coix lacryma-jobi L. var. mayuen (Rorman.) Stapf
วงศ์ GRAMINEAE
ชื่อจีน ออี้ ี่เหริน (จีนกลาง), ออี้ ยี๋ ้งิ (จนี แต้จ๋ิว)
ชอื่ ภาษาอังกฤษ Coix Seed
ชือ่ เครื่องยา Semen Coicis
สรรพคุณตามตำราการแพทย์แผนจนี
ลกู เดอื ย รสจดื อมหวาน เยน็ เล็กนอ้ ย มีฤทธิส์ ลายความชื้น ขบั ปสั สาวะ
ใชเ้ ป็นยาขับปัสสาวะ แกบ้ วมนำ้ ขาบวม มีฤทธเ์ิ สรมิ บำรุงมา้ ม แก้อาการมา้ มพร่อง
ถา่ ยกระปดิ กระปรอย บวมนำ้ ทอ้ งมาน มีฤทธิ์บรรเทาอาการปวดขอ้ ปวดเม่ือยกลา้ มเนอื้
แกป้ วดขอ้ กล้ามเนือ้ บวมตงึ เป็นตะคริว คลายเส้นเอน็ และมฤี ทธ์ริ ะบายความรอ้ น ขบั หนอง
นำ้ เหลอื งเสยี ใช้แก้โรคปอดอกั เสบ ลำไสอ้ ักเสบ ขบั หนอง แผลฝี
สรรพคุณตามตำราการแพทยแ์ ผนไทย
ลูกเดือย รสมนั เยน็ สรรพคุณ แกห้ ลอดลมอกั เสบ แก้ปอดอกั เสบ ขบั ปัสสาวะ
แก้น้ำค่งั ในปอด ใชเ้ ปน็ อาหารบำรงุ กำลงั สำหรับคนฟ้นื ไข้ ลูกเดือยเป็นสดุ ยอดยาบำรงุ
ใช้ตนุ๋ กับขงิ ใส้ำ่ ตาลนิดหนอ่ ย รับประทานบำรงุ ฟื้นไข้

๒๑๒

โดไ่ ม่ร้ลู ม้ โดไ่ มร่ ู้ลม้ (Prickly-leaved elephant’s foot.)

๒๑๓

โดไ่ ม่รู้ล้ม (Prickly-leaved elephant’s foot.)

ชอ่ื สามัญ Prickly-leaved elephant’s foot
ช่อื วทิ ยาศาสตร์ Elephantopus scaber L.
วงศ์ ASTERACEAE
ชอื่ อ่ืน หนาดมีแคลน, หนาดผา, ตะชีโกวะ, หญ้าไก่นกคุ่ม, หนาดผา,ข้ไี ฟนกคุ่ม
สรรพคุณ มรี สขื่น แกป้ ัสสาวะ และบำรุงความกำหนัด มรี สกรอ่ ย จดื ขืน่ เลก็ นอ้ ย รับป
ระทานทำให้เกิดกษัยแตม่ กี ำลัง ทัง้ ต้นต้มรับประทานตา่ งน้ำ แกไ้ ข้จบั ส่นั หรอื ไข้มาเลเรียดี
ใชต้ ม้ รับประทานแก้ไอ สำหรบั สตรีท่ีคลอดบุตรใหมๆ่ บางตำรากลา่ วว่า แกก้ ษัย บำรงุ กำลัง
ขบั ปัสสาวะ แกไ้ ข้ ขับไสเ้ ดือน แกก้ ามโรค แกอ้ กั เสบ ห้ามเลอื ดกำเดา แกด้ ซี า่ น นิ่ว บดิ
เหนบ็ ชา ทอ้ งมาน ฝีฝักบัว
ข้อห้ามใช้ ห้ามใชใ้ นผู้หญงิ ทอ้ ง และผ้ทู อี่ าการกลัวหนาว แขนขาเยน็ ไมก่ ระหายน้ำชอบดืม่ ของ
รอ้ น ปวดทอ้ ง ท้องร่วง ปสั สาวะและปรมิ าณมาก มีชน้ั ฝ้าบนล้ินขาวและหนา ตำรบั ยาบำรงุ กำลงั
แกเ้ ลือดลม ท่านใหเ้ อามะตมู ๑๕ กรัม แฝกหอม ๑๕ กรมั โดไ่ มร่ ู้ลม้ ๑๕ กรมั บอระเพ็ด ๑๕
กรมั พริกไทย ๑๕ กรัม บัวบก ๑๕ กรัม ชะเอมเทศ ๑๕ กรมั บดเป็นผงผสมน้ำผ้งึ ปนั้ เปน็ ลกู
กลอนเทา่ เมลด็ ข้าวโพด รบั ประทานคร้ังละ ๓ เมด็ เช้า-เย็น เปน็ ยาบำรุงอายวุ ฒั นะชงดั นัก

๒๑๔

โปย๊ ก๊กั โปย๊ กก๊ั (Coriandrum sativum Linn.)

๒๑๕

โปย๊ ก๊กั (Coriandrum sativum Linn.)

ชอื่ วทิ ยาศาสตร์ Coriandrum sativum Linn. .
ชือ่ วงศ์ UMBELLIFERAE
ชอ่ื สามญั โปย๊ กัก๊ ,Star aniseed
ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ โปย๊ ก้กั เป็นไมต้ น้ ขนาดเล็ก สงู ๑๘ เมตร ใบรปู ใบหอกกลับถึงรปู รี
แคบ โคนสอบ ปลายใบแคบเป็นแถบยาว ปลายสุดเว้าหรือแหลม ไมผ่ ลดั ใบ ดอกเดี่ยวสีเหลือง
บางครง้ั แต้มสีชมพถู งึ แดง ดอกรปู ทรงกลมแกมรูปถว้ ย กลบี ดอก ๑๐ กลีบ รปู รีกว้าง
ขอบกลบี มีขน และเปน็ กระพ้งุ ก้านดอกยาวไดถ้ งึ ๔ เซนติเมตร ผลเปน็ รูปดาว มี ๕-๑๓ พู
เมลด็ รูปไข่ แตล่ ะพมู ี ๑ เมลด็
สรรพคุณ รสขมหวาน แก้พษิ ตานซาง แก้กระหายน้ำ ขับลมในลำไส้ แกส้ ะอึก แก้ลมวินเวยี น

๒๑๖

พรกิ ไทย พรกิ ไทย (Piper nigrum Linn.)

๒๑๗

พริกไทย (Piper nigrum Linn.)

ช่ือวิทยาศาสตร์ Piper nigrum Linn.
ชอื่ วงศ์ UMBELLIFERAE PIPERACEAE
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ พรกิ ไทยเป็นไมเ้ ถาเน้อื แขง็ รากฝอยออกบริเวณขอ้ เพ่ือใชย้ ึด
เกาะข้อโปง่ นนู ใบเดี่ยวเรียงสลบั ใบรูปไข่ เน้อื ใบแข็ง กว้าง ๕-๘ ซ.ม. ยาว ๘-๑๑ ซ.ม. ดอกช่อ
ออกท่ีซอกใบ ดอกย่อย สมบูรณ์เพศ สีขาวแกมเขยี ว ผลเป็นผลสด กลมจดั เรยี งตัวแนน่ อยบู่ น
แกน่ ผลอ่อนสีเขยี ว สุกมสี แี ดง ส่วนท่ใี ช้เป็นยา ผลแก่จดั แตย่ ังไมส่ กุ นำมาตากแหง้
สรรพคุณ รสเผด็ ร้อนขม แก้ลมและดพี ิการ ขับเสมหะ แกน้ ว่ิ ขบั ผายลม สรรพคณุ รสเผด็ ร้อน
แก้ลม แก้ท้องอดื บำรงุ ธาตุ แก้โรคกระเพาะอาหาร ขับลมใหผ้ ายเรอ ปรงุ เปน็ ยาอายวุ ฒั นะ
หมายเหตุ พรกิ ไทยท่รี อ่ นเปลือก มีเฉพาะเมลด็ สขี าวนวลเรียกวา่ พริกไทยขาวหรือพรกิ ไทย
รอ่ น สว่ นพรกิ ไทยทไี่ มไ่ ด้กระเทาะหรือรอ่ นเน้อื นอกออกเม่ือแห้งเปน็ สีดำเรยี กวา่ พริกไทยดำ

๒๑๘

ชงิ ชี่ ชงิ ช่ี (Capparis micracantha DC.)

๒๑๙

ชง่ิ ช่ี (Capparis micracantha DC.)

ช่ือวิทยาศาสตร์ Capparis micracantha DC.
วงศ์ CAPPARIDACEAE
ชอ่ื อ่ืน ชินช,่ี พญาจอมปลวก,แสมซอ,กนิ ข้,ี จงิ โจ้,กระดาษขาว,ชายชู้
ลักษณะทวั่ ไปเป็นไม้พ่มุ ขนาดย่อมใบเดี่ยวเขียวแขง็ แรงโคนและปลายใบมนรปู เหมอื นลนิ้ กลบี
เดีย่ วกลีบด้านนอก ๒ กลบี สขี าว กลีบตรงกลางปลายแยกออกเป็น ๒ แฉก มีสเี หลืองหรือสีแดง
เกสรตัวผู้เป็นเส้นเล็กสีขาว เหมอื นหนวดแมว ปลกลมขนาดมะนาว เมือ่ สุกสีแดงเนือ้ รสหวานรบั
ประทานได้ เกดิ ตามป่าโปร่ง ปา่ ดงดิบเขา ทว่ั ไป
สรรพคุณ ใบ รสเฝอื่ นเมา แก้โรคผิวหนงั แกไ้ ขฝ้ กี าฬ แก้สนั นบิ าต แกต้ ะคิว
ดอก รสเฝ่อื นเมา แกม้ ะเรง็
ลูก ดิบ รสเข่อื นปรา่ แกโ้ รคในลำคอ
ตน้ รสเขื่อนปร่า แก้โรคในลำคอ
ราก รสขมขืน่ แกโ้ รคท่เี กิดในท้อง ขบั ลม ใก้ซ่านออกมา แก้ไขร้ ้อนภายในทกุ ชนดิ
แก้ไข้เพื่อดแี ละโรหิต ไข้พษิ ไข้กาฬ แกโ้ รคตา
เข้ายาตำรบั เบญจโลกวเิ ชียร ซงึ่ ประกอบด้วย รากคนทา รากชงิ ช่ี รากเทา้ ยายม่อม
รากมะเด่ือชมุ พร รากย่านาง ทุกอยา่ งเสมอภาค(เท่ากนั ) ต้มดื่ม สรรพคณุ กระทงุ้ พษิ ไข้
ดับความรอ้ นของไข้ กระจายความเยน็ รกั ษาอาการร้อนในทเ่ี กิดจากพษิ ไข้ได้ดมี าก

๒๒๐

กนั เกรา กันเกรา (Fagraea fragrans Roxb..)

๒๒๑

กนั เกรา (Fagraea fragrans Roxb..)

ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ Fagraea fragrans Roxb.
วงศ์ GENTIANNACEAE
ชอื่ อน่ื มันปลา (ภาคเหนือ,อสี าน) ตำเสา ทำเสา (ภาคใต้) ตะมะซู ตำมูซู (มลายู-ภาคใต้)
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ไม้ต้น สูง ๑๐-๑๕ เมตร เปลือกต้นเรียบ สนี ้ำตาล พอต้นแก่
จะแตกเป็นร่องลกึ ตามยาว ใบ เป็นใบเด่ยี ว ออกเรียงตรงขา้ มกัน หนาแน่นทีป่ ลายกง่ิ รูปรี
กวา้ ง ๔+๖ ซม. ยาว ๘-๑๒ ซม. ปลายใบและโคนใบแหลม ขอบใบเรียบ แผน่ ใบเรียบ
สีเขยี วเขม้ เปน็ มัน เนอ้ื ใบคอ่ นข้างเหนียว ดอก ออกเป็นช่อตามซอกใบ พอเร่มิ บานเป็นสขี าว
เมื่อบานเตม็ ทเี่ ปน็ สีเหลอื งอมส้ม กลีบดอกโคนเช่ือมตดิ กันเปน็ หลอดส้นั ปลายแยกเปน็ ๕ แฉก
ปลายแฉกแหลม เกสรเพศผยู้ าวตดิ กบั กลบี ดอก เกสรเพศเมยี ยาวมี ๑ อัน ผล รปู ทรงกลม
ผิวเรียบเปน็ มัน ผลออ่ นสีเขยี ว พอสกุ เป็นสีแดง เมลด็ เล็ก สนี ้ำตาลไหม้
สว่ นทใี่ ช้ แกน่
สรรพคุณ แกน่ - รสมนั เฝ่อื น ฝาดขม บำรงุ ไขมนั ในรา่ งกาย บำรงุ ธาตุ เป็นยาอายวุ ฒั นะ
แกไ้ ขจ้ ับสน่ั แกห้ ืดไอ ริดสีดวง ท้องมานลงท้อง มูกเลือด แน่นหนา้ อก บำรงุ ม้าม แกเ้ ลือดพิการ
ขบั ลม ปรุงเป็นยาอายุวฒั นะ บำรงุ กำลัง

๒๒๒

โพกพาย โพกพาย (Pachygone dasycarpa Kurz )

๒๒๓

โพกพาย (Pachygone dasycarpa Kurz )

ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ Pachygone dasycarpa Kurz
วงศ์ MENISPERMACEAE
ชอ่ื อ่นื ยา่ นางหลวง (ชม) ย่านางชา้ ง (อบ) หมากด่ัง (ชย) ย่านางใหญ่ (นม)
ลกั ษณะทั่วไป เปน็ ไม้เถาขนาดใหญเ่ ลอ้ื ยพาดพนั ต้นไมอ้ นื่ เปลอื กเถาสนี วลขรุขระผวิ บางเน้อื
ไมส้ ีขาวออกนวล มีวงสนี ้ำตาล ๘-๙ ชนั้ มคี วามคลา้ ยกำแพงเจด็ ลกั ษณะใบ เหมือนยา่ นาง แต่
ไมเ่ รยี นออกทรงกลมใบแกส่ ีเขียวเข้ม เส้นใบชดั เจน เกดิ ตามปา่ เบญจพรรณและป่าดิบแลง้ ทัว่
ไปขยายพนั ธด์ุ ว้ ยเมลด็ และการปักชำเถา
สรรพคณุ ดบั พษิ ร้อนถอนพิษไข้ แกก้ ระษัยไตพิการ ขับปัสสาวะ แก้บวมตามตวั ใชป้ รงุ เป็นยา
กระษยั เส้นถ่ายพิษโลหิต ใบ ตำพอกฝที ำใหฝ้ ยี ุบฝอ่ เถา รสเฝอ่ื นเบ่ือเยน็
หมายเหตุ ใชป้ รมิ าณมากทำใหอ้ าเจียน จงึ ควรระวงั ในการใช้

๒๒๔

ฝหี มอบ ฝีหมอบ ( Polyalthia cerasoides ( Roxb. ) Benth. ex Bedd.ST )

๒๒๕

ฝหี มอบ ( Polyalthia cerasoides ( Roxb. ) Benth. ex Bedd.ST )

ช่ือวิทยาศาสตร์ Polyalthia cerasoides ( Roxb. ) Benth. ex Bedd.ST
วงศ์ ANNONACEAE
ชอ่ื อนื่ ผหี มอบ กะเจยี น ฝหี มอบ ทรายเดน
ลักษณะ เป็นไม้ยนื ต้นขนาดกลางถึงใหญ่ ลำต้นตงั้ ตรงสงู ใบเดยี่ วรปู หอก ปลายและโคนแหลม
เปลือกตน้ สีนำ้ ตาล เน้อื ไม้อ่อนดอกเดีย่ ว กล่ินรปู ลิ้นสเี ขียวอมเหลอื ง ผลกลมรเี ป็นกลุ่มกลม
หมอผโี บราณใชก้ ่งิ เลก็ ๆ ไลต่ ผี ีทเ่ี ขา้ คน ผีจะหมอบดว้ ยความกลัว เปน็ ตัวยาทใ่ี ชแ้ กใ้ นน้ำเหลือง
แกฝ้ ี ขึ้นตามปา่ โปร่ง ป่าดบิ แลง้ ทว่ั ไป ขยายพันธ์ุดว้ ยเมล็ด
สรรพคณุ ใบ-สด รสเฝื่อนเยน็ ตำพอกฝี แก้ปวด แกอ้ ักเสบ เน้ือไม้ รสขม ตม้ น้ำดื่ม
แก้วณั โรคในลำไส้ วัณโรคในปอด แก้ปวดเมื่อยตามรา่ งกาย ปวดหลัง ปวดเอว แก้ปสั สาวะพิการ
แกก้ ระษยั ไตพกิ าร บำรุงธาตุ เจรญิ อาหาร ฝนกับน้ำปนู ใส ทาเกลอ่ื นหัวฝี เนือ้ ไม้ เขา้ ตำรับยารัก
ษามะเร็งภายใน ซึง่ ตวั ยาประกอบดว้ ย ขันทองพยาบาท ๕๐ กรมั หัวรอ้ ยรู ๕๐ กรมั ทองพันชั่ง
๕๐ กรัม ฝีหมอบ ๕๐ กรมั ฝาง ๕๐ กรัม ข้าวเยน็ เหนอ่ื -ใต้อยา่ งละ ๕๐ กรัม หนอนตายอยาก
๒๕ กรัม หญา้ หนวดแมว ๒๐ กรัม ยาท้ังหมดใส่หมอ้ ใชน้ ้ำ ๓ ลติ ร ต้มเคีย่ วให้เหลอื ๑ ลติ ร
ตัมมื่ วนั ละ ๓ ครัง้ ก่อนอาหาร ๓ เวลา มีสรรพคณุ รกั ษามะเร็งภายใน

๒๒๖

พนั งู พันงู ( Achyranthes bidentata Blume )

๒๒๗

พนั งู (Achyranthes bidentata Blume)

ชอ่ื วิทยาศาสตร์ Achyranthes bidentata Blume
วงศ์ AMARANTHACEAE
ชื่ออนื่ ควยงนู อ้ ย,ควยงู
ลกั ษณะทางพฤกษศ์ าสตร์ เปน็ ไม้ล้มลกุ ขนาดเลก็ ลำตน้ และขนาดคล้ายหญ้าพนั งูขาวใบรปู
ไข่กวา้ ง ปลายและโคลนแหลม ผิวและขอบเรยี บสีเขียว ดอกเป็นกลบี เล็กไมแ่ ข็ง สขี าวแซมแดง
ติดบนกา้ นดอกกลมตงั้ ตรง เลก็ และส้ันกว่าหญา้ พนั งขู าว ยาว ๓-๔ น้ิว เกดิ ตามท่รี กรา้ งว่าง
เปล่าทัว่ ไป
สรรพคุณ รสจืด ขับเหงื่อ ขับปัสสาวะ แก้ไข้ตวั ร้อน เป็นยาประจำธาตุนำ้

๒๒๘

กระแตไตไ่ ม้ กระแตไตไ่ ม้ (Drynaria quercifolia(L.) J. Sm.)

๒๒๙

กระแตไตไ่ ม้ (Drynaria quercifolia(L.) J. Sm.)

ชอ่ื วิทยาศาสตร์ Drynaria quercifolia(L.) J. Sm
วงศ์ POLYPODIACEAE
ชื่ออ่นื กดู ขาฮอก, กูดออ้ ม, กูดไม้ (เหนือ); กระปรอกวา่ ว (ปข, ปจ); ใบหูช้าง, สะไบนาง (กจ);
หัววา่ ว(ปข); หว่าว (ปน)
ลักษณะ ไมล้ ้มลุกจำพวกเฟิร์น เลอื้ ยเกาะ เหง้าปกคลมุ ดว้ ยเกลด็ สีน้ำตาลเข้ม ใบมีสองชนิด
คือ ใบที่ไมส่ ร้างสปอร์ รูปไข่ ไม่มีก้านใบ กว้างประมาณ ๒๐ ซม. ยาวไดถ้ งึ ๓๒ ซม.
ขอบใบเว้าเปน็ แฉกตนื้ ๆ และใบท่สี รา้ งสปอร์ รปู ขอบขนาน กว้างประมาณ ๕๐ ซม. ยาวไดถ้ ึง
๘๐ ซม. ขอบใบเว้าลกึ เนอื้ ใบเหนียว สีเขียวหมน่ เป็นมนั ก้านใบยาว กลมุ่ อับสปอรก์ ลมหรอื รปู
ขอบขนานเรยี งเปน็ สองแถวอยู่ระหว่างเส้นใบหลกั
สรรพคณุ พน้ื บ้านอีสานใชเ้ หงา้ ๓-๔ เหง้าผสมกับลำตน้ เออื้ งเงนิ ๑ ต้น ต้มน้ำดม่ื ครงั้ ละ ๑
ถ้วยชา วันละ ๒-๓ คร้งั บำรงุ เลอื ดตำรายาไทยใช้ เหงา้ เป็นยาสมานคมุ ธาตุ ขับปัสสาวะ ขบั พยาธิ
แก้ปสั สาวะพกิ าร (อากรปัสสาวะปวด หรือกะปริบกะปรอยหรือขนุ่ ขน้ สีเหลอื งเข้ม หรือมีเลอื ด)
ไตพิการ (โรคเกี่ยวกับทางเดินปสั สาวะ มีปัสสาวะข่นุ ข้น เหลอื ง หรือแดง มกั มอี าการแน่นท้อง
กนิ อาหารไม่ได้) สารสกดั แอลกอฮอล์ไมม่ พี ิษเฉยี บพลัน

๒๓๐

ผกั ปลัง ผกั ปลัง(ฺBasella rubra Linn)

๒๓๑

ผกั ปลงั (Basella rubra Linn)

ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ Basella rubra Linn

วงศ์ BASELLACEAE
ช่ืออ่ืน ผักปลังแดง ผกั ปลงั ขาว ผักปลงั ใหญ่ ผักปั้ง โปแดงฉ้าย
ลกั ษณะ เปน็ ไมเ้ ถา เถากลม เลก็ เรยี บมัน ฉำ่ นำ้ ยาวหลายเมตร ใบเดีย่ วรปู หัวใจ
ออกตามข้อใบหน้าเรยี บมัน เสันใบชดั ผักปลังแดงเถา กา้ นใบ เสน้ ใบ สมี ว่ งแดง แผน่ ใบสีเขยี ว
ผลอ่อน สเี ขยี วเขม้ ผลสุกสดี ำ ดอกสขี าวผลกลม เกดิ ตามทร่ี กรา้ งวา่ งเปล่า ริมน้ำ
สรรพคณุ ใบ รสหวานเอียน ขบั ปสั สาวะ แก้กลาก แก้ผื่นคนั ระบายทอ้ ง แก้บดิ ตำพอก
แกฝ้ ีเนื้อรา้ ย
ดอก รสหวานเอียน แกโ้ รคเรื้อน คน้ั เอาน้ำทา แก้หัวนมแตกเจบ็ ดับพิษ แกพ้ ิาฝดี าษ
ตน้ รสหวานเอยี น แก้โรคดเร้ือน แก้พิษฝีดาษ แก้พิษฝี แก้อกั เสบบวม ตม้ ด่มื แก้
ใส้ต่ิงอกั เสบ แกอ้ ึดอัด แน่นท้องระบายท้อง
ราก รสหวานเอียนแก้มือเท้าด่าง แกร้ งั แค แก้พรรดึก ขับปัสสาวะ ทาถูนวดให้เลอื ดมา
เล้ยี งผวิ หนัง

๒๓๒

ครอบจักรวาล ครอบจักรวาล (Xantonnea parvifolia Craib.)

๒๓๓

ครอบจักรวาล (Xantonnea parvifolia Craib.)

ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ Xantonnea parvifolia Craib
ช่อื วงศ์ RUBIACEAE
ชือ่ อืน่ เจยี งมื่น, เกี๋ยงปืน, เสียงปืน
ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ ไมพ้ ุ่มลำตน้ ต้ังตรง สงู ๑-๒ เมตร ใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม
รปู ขอบขนานหรือรปู ขอบขนานแกมใบหอก กวา้ ง ๑.๕-๒.๕เซนตเิ มตร ยาว ๖-
๑๒เซนตเิ มตร หูใบอยู่ระหวา่ งกา้ นใบ ดอกช่อกระจุก ออกท่ีซอกใบ ดอกยอ่ ยหลายดอก
กลบี ดอกสีขาวแกมเหลือง ขนาดเลก็ เชอ่ื มติดกันเปน็ หลอดสั้นๆ ผลสดรูปเกอื บกลม
มกี ลบี เล้ยี งติดอยู่
สรรพคณุ รากรสเฝื่อนแกไ้ ตพิการ ขับถา่ ยน้ำเหลอื ง รกั ษาโรคเกยี่ วกันทางเดนิ ปสั สาวะ


๒๓๔

ไพล ไพล (Zingiber montanum (Koen.) Theilade.)

๒๓๕


Click to View FlipBook Version