The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หนังสืออนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช
เป็นการสรุปเนื้อหาจากทั้ง ๓ เล่มก่อนหน้า พร้อมทั้งข้อเขียนพิเศษ โดยคุณหญิงกษมาวรวรรณ ณ อยุธยา ได้ร้อยเรียงเรื่องราวและคำบอกเล่า ชองลูก หลาน เหลน ตลอดจนญาติพี่น้อง และผู้ที่รักเสมือนญาติ เพื่อเป็นแบบอย่างในการใช้ชีวิต เป็นความทรงจำของพวกเราที่ยังอยู่ข้างหลังตลอดไป

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by asanong911, 2022-08-25 06:04:17

แสงแห่งดาวฤกษ์-ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช

หนังสืออนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช
เป็นการสรุปเนื้อหาจากทั้ง ๓ เล่มก่อนหน้า พร้อมทั้งข้อเขียนพิเศษ โดยคุณหญิงกษมาวรวรรณ ณ อยุธยา ได้ร้อยเรียงเรื่องราวและคำบอกเล่า ชองลูก หลาน เหลน ตลอดจนญาติพี่น้อง และผู้ที่รักเสมือนญาติ เพื่อเป็นแบบอย่างในการใช้ชีวิต เป็นความทรงจำของพวกเราที่ยังอยู่ข้างหลังตลอดไป

ท่ีระลึกงานพระราชทานเพลิงศพ
ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช

ที่ระลึกงานพระราชทานเพลิงศพ
ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช
๒๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๕



“เราจะต้องช่วยเหลือผู้อื่นก่อนที่จะช่วยตัวเราเอง”

ทา่ นผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช



สารบัญ

คำ�นำ� ๖
วัยเยาว์ ๙
• พี่คนโต ๑๖
• ลำ�ธารเล็ก ๆ ๒๒
• กลุ่มแมลงปอ ๒๖
ครอบครัว ๓๑
• คู่ชีวิต ๓๒
• ผู้แสดงโลกแก่ลูก ๓๔
• ความหลังที่ศรีถนอม ๓๘
ดีใจที่เป็นประโยชน์ ๔๑
• นักธุรกิจหญิง ๔๒
• งานสังคม ๔๖
• ด้วยพลังใจและความมุ่งมั่น ๕๐
• ชัดเจนในเป้าหมาย ๕๙
• ผู้นำ�ที่เข้มแข็ง ๖๓
• คิดกว้าง มองการณ์ไกล ๗๔
• เกียรติยศปรากฏแก่ตน ๘๒
แสงแห่งดาวฤกษ์ ๘๕
• บ้านศูนย์รวมแห่งความรักและความผูกพัน ๘๗
• ธุรกิจบนพื้นฐานของความไว้เนื้อเชื่อใจ ๑๐๖
• ชีวิตที่เปี่ยมด้วยพลังศรัทธา ๑๑๒
• ผู้สูงวัยในฝัน ๑๒๐
• Soft Power สไตล์ท่านผู้หญิงสุมาลี ๑๓๔
• เชื่อใจ ไว้วางใจคุณหมอ ๑๔๕
ด้วยความคิดถึง ๑๕๑
คำ�ขอบคุณ ๒๐๐
คณะผู้จัดทำ� ๒๐๐

. .

ค�ำน�ำ

ชีวิตของท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช เปรียบเสมือนตำ�นานที่มีเรื่องราวหลากหลายรส
เป็นบทเรียนทั้งในเชิงประวัติศาสตร์ แบบอย่างการพัฒนาชีวิต และแรงบันดาลใจสำ�หรับผู้คน
มากมาย ตลอดชีวิตของท่านจึงได้มีการจัดทำ�หนังสือเล่าเรื่องราวเหล่านี้ไว้พอสมควร ได้แก่

เพียงหนึ่งทะเลชีวิต จัดทำ�ขึ้นเมื่อท่านผู้หญิงสุมาลี อายุครบ ๕ รอบ ประมวลเรื่องราว
ที่มาจากคำ�บอกเล่าของท่านเป็นส่วนใหญ่

สรอ้ ยสมุ าลี จดั ท�ำ ขึน้ เมือ่ อายคุ รบ ๖ รอบ จากขอ้ เขยี นของญาตสิ นทิ มติ รสหายทีไ่ ดร้ ว่ มงาน
ร่วมชีวิตกับท่าน

ดอกไมง้ ามนามสมุ าลี จดั ท�ำ เมือ่ ทา่ นอายคุ รบ ๗ รอบ จากบทสมั ภาษณข์ องทา่ นผูห้ ญงิ สมุ าล ี
และญาติมิตรเพื่อถอดบทเรียนหลังเข้าสู่วัยสูงอายุ

ลา่ สดุ ไดม้ กี ารจดั ท�ำ วดี ทิ ศั นช์ ดุ มิง่ ขวญั กลั ยาณี ๙๐ ปี สมุ าลี จาตกิ วนชิ โดยเชญิ ผูท้ ีท่ า่ นรกั
และผกู พันในแต่ละช่วงของชวี ติ มารำ�ลกึ ถึงความหลงั รว่ มกัน ซึ่งแม้จะไมไ่ ด้นำ�เสนอสู่สายตาตามวาระ
ที่ตั้งใจไว้ แต่มีภาพและบทสัมภาษณ์ที่ได้คัดสรรมานำ�เสนอในหนังสือที่ระลึกงานพระราชทาน
เพลิงศพของท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช

สำ�หรับหนังสือแสงแห่งดาวฤกษ์ อันเป็นชื่อซึ่งนำ�มาจากตอนหนึ่งของเล่ม คือ การประมวล
เนื้อหาจากหนังสือทั้ง ๓ เล่ม และวีดิทัศน์ดังกล่าวไว้โดยสังเขป รวมทั้งมีข้อเขียนพิเศษคือ
แสงแห่งดาวฤกษ์ ซึ่งคุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา ได้ร้อยเรียงเรื่องราวและคำ�บอกเล่า
ของลูก หลาน เหลน ตลอดจนญาติพี่น้องและผู้ที่รักเสมือนญาติ

การจากลานำ�มาซึ่งความอาวรณ์ แต่งาน คำ�สอน รวมถึงการเป็นแบบอย่างในการใช้ชีวิต
ของท่านผูห้ ญิงสมุ าลี ยังคงอยูใ่ นชีวติ ของผูค้ นทีไ่ ด้รับผลจากงานนั้น ทั้งทีเ่ ปน็ รปู ธรรมและนามธรรม
มิได้มลายหายไปจากความทรงจำ�ของพวกเราที่อยู่ข้างหลัง

. 6 .

. .

สามารถสแกนเพื่ออ่านหนังสือทั้งสามเล่มและชมวีดิทัศน์ได้ที่นี่
เพียงหนึ่งทะเลชีวิต
สร้อยสุมาลี
ดอกไม้งามนามสุมาลี

มิ่งขวัญกัลยาณี ๙๐ ปี
สุมาลี จาติกวนิช

. 7 .

. .

. 8 .

. .

วัยเยาว์

“ในวยั เด็ก ๆ โดยมากกจ็ ะไมไ่ ด้คาดฝนั ว่าจะเป็นอะไร
แต่ตลอดเวลาจะคดิ วา่ อยา่ งน้อยเราตอ้ งทำ� ใหด้ ีทสี่ ุด

เทา่ ทจี่ ะท�ำได้ ณ เวลานี้”

ทา่ นผหู้ ญงิ สมุ าลี จาตกิ วนิช

. 9 .

. .

สายสกุล

“ยุกตะเสวี”

. 10 .

สายสกุล
นายอากรเส็ง

ฮวด พระยาทิพมณเฑียร (เทยี ม) ขนุ วเิ ศษสมบตั ิ หม่อมน้อย หมอ่ มเฮียะ หมอ่ มซ่วน
สมรสกบั เจยี ม ใน ใน ใน
ขา้ ในพระองคส์ มเด็จพระศรีพชั รินทรา กรมหมน่ื มหศิ รราชหฤทัย กรมหมื่นมหิศรราชหฤทยั กรมหม่นื มหศิ รราชหฤทยั
พระบรมราชชนนีพนั ปหี ลวง ในรัชกาลท่ี ๖ แข ทนั ตานนท์ ธิดาพระยาพชิ ัยมนตรี (ตา่ ย)
เม่อื วนั ที่ ๕ กันยายน พ.ศ. ๒๔๕๖ พระวรวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จา้ วิวฒั นไชย สมรสกบั คุณกล่ิน
พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจ้าอยู่หัว ทรงเสกสมรสกับ
ทรงพระกรณุ าโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม เล็ก เจรญิ จรญู ถนอม สมสนทิ ย
หม่อมราชวงศ์ชวลติ สนทิ วงศ์ หม่อมเจา้ พัฒน์คนนา กติ ยิ ากร สมรสกบั (คณุ หญงิ ยุกตเสววี ิวฒั น์) สมร
พระราชทานนามสกุล “ยกุ ตะเสว”ี เอิบ นุตสาระ สมรสกับ
รองอำ�มาตย์เอกหลวง ประทีป พ
คงศักด์ิ ยกุ ตะเสวี อรสา ยกุ ตะเสวี
สมรสกบั หมอ่ มราชวงศ์ไชยวฒั น์ หม่อมราชวงศ์พฒั นไชย หมอ่ มราชวงศก์ ติ วิ ฒั นา อุไรวรรณ วิจิตร บณั ฑติ ยกุ ตเสวีววิ ัฒน์
สมรสกับ สมรสกบั สมรสกับ
สมจิตร ยุกตะเสวี วบิ ูลย์ อินทรยี งค์ จันทมิ า เทพหัสดนิ ณ อยุธยา อรพิน สทุ ธะพินธุ

ณัฐวชิ ญ เปรมาสวสั ด์ิ ปณุ ฑริกา ยกุ ตะเสวี วิริยาภรณ์ อภชิ าติ กาญจนาวรรณ อภิชยั เพียงฤทยั บญุ ฑรกิ ดวงแกว้ พ
สมร
ณัจจนนั ท์ ประสพอารยา ปณั ณฑัต ประสพอารยา สมรสกับ สมรสกับ สมรสกบั สมรสกับ
เพิ่มศกั ดิ์ อํา่ พนั ธ์ุ วรัมไพ อาํ่ พนั ธุ์ ณรงค์ พรหมลักขโณ พชั ราภรณ์ ศิลาพันธุ์ รองศาสตราจารย์ส

เคน ยุกตะเสวี กนั ต์ ยกุ ตะเสวี วรพชั ร์ วรดา วรยิ า ธรี ์ กญั จน์ ภณปภสั (ดวงใจ) เอกะหิตานนท์
โอลเิ วอร์ ยุกตะเสวี เจสสกิ า ยกุ ตะเสวี จูดด ยุกตะเสวี สมรสกบั สมรสกบั
กสิณ สมุ าลยาภรณ์
รัชนา คณุ ปู การ

วาคณิ สุมาลยาภรณ์ พิพพาริณ พรหมลักขโณ พพิ พริ ณิ พรหมลกั ขโณ อารยา (หนูให

หม่อมเจ้าไชหยญนั ิงตส์ ุภาภรณ์ หม่อมเจ้าไหชญยนัิงภตริ์ มย์สงวน หมอ่ มเจ้าหญไชงิ ยปนั รตะ์ มวญทรพั ย์ ทา่ นผ้หู ญิงสมุ าลี (ยุกตะเสวี) จาติกวนชิ
สมรสกบั
หม่อมเจา้ ตระหนักนิธผิ ล ไชยันต์ หม่อมเจา้ หญงิ วมิ ลอรรถ ไชยันต์ สริ ิโสภิน ยุกตะเสวี สมพศิ ส
ทรงเสกสมรสกบั ศาสตราจารย์ นายแพทย์กษาน จาตกิ วนชิ ศริ ิวงศ์ ยกุ ต
คุณหญงิ กษมา
หม่อมเจ้าหญงิ ประโลมจติ ร จติ รพงศ์ สมรสกับ

หม่อมราชวงศ์ทวี หมอ่ มราชวงศ์วสิ าขา หมอ่ มราชวงศย์ ่งิ วรรณ หม่อมราชวงศ์สาฎก หมอ่ มราชวงศ์ชาญวฒุ ิ วรวรรณ
(โอรสของหม่อมเจ้าโวฒยากร กับหม่อมจิตรา วรวรรณ ณ อยธุ ยา)

หมอ่ มหลวงวรตุ ม์ วรวรรณ ทันตแพทยห์ ญงิ ธฤษวร
สมรสกับ

นิศากร บณั ฑรวรรณ

นภกร วรวรรณ ณ อยุธยา กฤดา วรวรรณ ณ อยุธยา วรี นิ ทร์ วรวรรณ ณ อยธุ ยา

ล “ยุกตะเสวี”
ง แซ่ตัน - นางเทศ

พระราชวติ รพายพั เทศ หรีด
สมรสกับ สมรสกับ
ศิริ จารเุ หติ
ยกุ ตะเสวี ร้อยโท จินต์ เกรกิ ไกร ยกุ ตะเสวี มบี ุตรธิดา
รสกับ สมรสกบั สมรสกับ เกดิ จาก เขยี วหวาน นติ ยา ยุกตะเสวี
พยัคฆาภรณ์ ลาวัลย์ พันธุฟ์ ัก ไกรเกริก ยกุ ตะเสวี สมรสกบั
เฉลย วิโรจนเ์ พชร
กัลยาณี กลศวรรณ สมรสกบั วิมล เศวตวงศ์สกลุ
ทองใบ บศุ รา ยุกตะเสวี

พลต�ำ รวจตรี จิรยุส ยุกตะเสวี กฤษณวดี รัชนีพรรณ เกียรตกิ ้อง ก้องเกียรติ
สมรสกบั

ววิ รรณ ฟงุ้ ลัดดา

พยัคฆาภรณ์ ปภาดา รดายสุ พันต�ำ รวจโท นิติธร สมบตั ิ ถนอม ผ่องฉวี
รสกบั สมรสกบั
สุธี เอกะหิตานนท์
พิชญ์ พลอยเล่อื มแสง

ธีรเดช (เอกะหติ านนท)์ พยคั ฆาภรณ์ ศรวี สุรพชิ ญ์
สมรสกับ

สุดารตั น์ เมธีธรรมนาถ

หญ่) พยคั ฆาภรณ์ อารียา (หนเู ลก็ ) พยคั ฆาภรณ์ หลวงยุกตเสวีวัฒน์ (สริ ะ ยุกตะเสว)ี
สมรสกับ

คุณหญงิ ยกุ ตเสววี ฒั น์ (ถนอม ยุกตะเสวี)

พลตรี สเุ มธ ยกุ ตะเสวี ร้อยโท สุเทพ ยกุ ตะเสวี สุนทรี ยกุ ตะเสวี ตยางคานนท์ สพุ ัฒนา ยุกตะเสวี อาทรไผท
สมรสกบั สมรสกับ สมรสกับ สมรสกับ

สัมฤทธ์ิ ใจสมาน ธรรมสโรช วลั ลี พหลโยธนิ ธีระ ตยางคานนท์ พลต�ำ รวจตรี อังกรู อาทรไผท

ตะเสวี สิรวิ รรณ (ยุกตะเสว)ี ลิม้ มณีวิจติ ร พนั โท สริ เทพ ยกุ ตะเสวี วริ เทพ ยุกตะเสวี วิภวา พหลโยธนิ ยกุ ตะเสวี สุดถนอม อาทรไผท อษั ฎา อาทรไผท
สมรสกับ สมรสกับ สมรสกบั
วรกมล ยุกตะเสวี สริ เดช ยุกตะเสวี วรฤทธ์ิ ยุกตะเสวี ชญั ญ พหลโยธนิ ยุกตะเสวี พมิ ชยาภา พหลโยธนิ พหลพลพยุห พหลโยธนิ
สถติ ย์ ล้มิ มณีวจิ ิตร อปุ พร กรรณสูต พรพสิ ุทธ์ิ วิเศษพุทธศาสน์
รรณ ลิม้ มณีวิจิตร สถริ พร ลิ้มมณีวจิ ติ ร อนิ ท์ ลิ้มมณีวจิ ิตร
หยา่ กับ สมรสกบั อญั จิฎา กรรณสูต ภทั รณิ ี กรรณสตู อคิรา อาทรไผท
พิมพ์ จารเุ ศรนี ปาริชธารณ์ นันทนเศรษฐ์

จุฑญาดา ยุกตะเสวี พิชญเทพ ยุกตะเสวี จุฑชญานนิ ท์ ยุกตะเสวี พชิ ญกฤษฎิ์ ยุกตะเสวี

. .

พี่คนโต

ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช สกุลเดิม ยุกตะเสวี เป็นบุตรีคนโตของหลวงยุกตเสวีวิวัฒน์
(สิระ ยุกตะเสวี) และคุณหญิงยุกตเสวีวิวัฒน์ (ถนอมศรี ยุกตะเสวี) เกิดเมื่อวันที่ ๖ มิถุนายน
พ.ศ. ๒๔๗๔ มีน้องชายและน้องสาวอีกรวม ๔ คน คือ

พลตรี สุเมธ ยุกตะเสวี
ร้อยโท สุเทพ ยุกตะเสวี
คุณสุนทรี ตยางคานนท์
และคุณสุพัฒนา อาทรไผท

. 16 .

. .

เมื่อแรกเกิด ท่านผู้หญิงสุมาลีได้ชื่อเล่นว่า ปื๊ด เนื่องด้วยผิวพรรณที่ละม้ายไปทางคุณปู่ซึ่งมี
เชื้อสายแขก ต่อมาภายหลังจึงเปลี่ยนเป็น อ๊อด ท่านผู้หญิงเติบโตขึ้นในครอบครัวที่คุณพ่อ
คอื หลวงยกุ ตเสววี วิ ฒั นร์ บั ราชการอยูท่ ีก่ รมรถไฟหลวง ในต�ำ แหนง่ วศิ วกรกองกอ่ สรา้ ง และคณุ หญงิ
ยุกตเสวีวิวัฒน์เป็นแม่บ้าน ต่อมาหลวงยุกตเสวีวิวัฒน์เปิดสำ�นักงานยุกตะเสวีการช่าง รับปรึกษา
งานช่าง งานออกแบบคำ�นวณอาคารและสิ่งก่อสร้างใหญ่ ๆ โดยมีคุณแม่ทำ�หน้าที่ผู้จัดการ
และสมุห์บัญชี ช่วยกันสร้างครอบครัวให้เป็นปึกแผ่นมั่นคง และอบรมเลี้ยงดูลูก ๆ ทั้งห้า
ด้วยความรักความอบอุ่น พร้อมปลูกฝังความมีระเบียบวินัย ความละเอียด รอบคอบ อันเป็น
คุณลักษณะที่สำ�คัญของทั้งสองท่าน

. 17 .

. .

ครั้งหนึ่งท่านผู้หญิงเคยเล่าถึงเรื่องนี้ไว้ในหนังสือที่ระลึกเนื่องในวาระอายุครบ ๘๔ ปี คือ
ดอกไม้งามนามสุมาลี ว่า “คุณพ่อคุณแม่ของดิฉันเป็นคนเจ้าระเบียบ ไม่ว่าจะเดินเหินนั่งนอน
หรอื รบั ประทานอาหารกจ็ ะสอนใหเ้ รยี บรอ้ ย ดฉิ นั ไดเ้ ลอื ดละเอยี ดมาจากคณุ พอ่ เพราะทา่ นละเอยี ดมาก
ด้วยความที่เป็นวิศวกรซึ่งท่านบอกว่าไม่มีสิทธิ์ผิดพลาด เนื่องจากมีชีวิตคนจำ�นวนมากที่ขึ้นอยู่กับ
ความเอาใจใส่หรือว่าความสะเพร่าของเรา สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ทำ�ให้ดิฉันมีนิสัยเป็นระเบียบเรียบร้อย
ขึน้ มาเอง เพราะวา่ ไดร้ ูไ้ ดเ้ หน็ แลว้ ทา่ นกน็ �ำ ระบบนีม้ าใชใ้ นบา้ น คณุ พอ่ ใหค้ ณุ แมเ่ ขยี นเปน็ ต�ำ ราเลย
เช่น เครื่องแก้วจะทำ�ความสะอาดอย่างไร เพราะคนที่มาช่วยงานเราเขาไม่รู้ เราบอกเธอ
เอาขวดเจียระไนนี้ไปล้างก็อาจจะทำ�แตก หรือไม่สะอาด คุณแม่ก็จะบอกให้ดิฉันเขียน จะได้รู้
และจำ�ได้ เพราะดิฉันเป็นลูกสาวคนโต ต้องรับผิดชอบทำ�ความสะอาดทุกอย่างในบ้าน คุณพ่อ
บอกเราจะเป็นนายได้เราต้องทำ�เป็น”

ในฐานะพี่คนโต ทั้งน้องชายและน้องสาวต่างเอ่ยเป็นเสียงเดียวกันว่า ท่านผู้หญิงสุมาลี
เป็นพี่อ๊อดที่รักและห่วงใยน้อง ๆ มาก อีกทั้งคุณพ่อและคุณแม่ไว้วางใจมอบหมายให้ดูแลน้อง
จนบางครั้งสามารถทำ�หน้าที่แทนคุณแม่ได้ โดยเฉพาะน้องคนสุดท้องคือคุณสุพัฒนา อาทรไผท
ซึง่ อายหุ า่ งกนั ถงึ ๑๐ ปนี ัน้ มที า่ นผูห้ ญงิ สมุ าลเี ปน็ ทัง้ พีแ่ ละแม ่ ชว่ ยดแู ลตัง้ แตย่ งั แบเบาะในขณะที่
คุณแม่ต้องดูแลลูกคนอื่น ๆ โดยเรื่องที่ถูกนำ�มาเล่ากันในครอบครัวอยู่บ่อยครั้งคือเรื่องราว
สมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ ท่านผู้หญิงมีหน้าที่นำ�คุณสุพัฒนาซึ่งเพิ่งเกิดใส่ตะกร้าหิ้วลงหลุมหลบภัย
ที่บ้านซึ่งเป็นอุโมงค์ที่สร้างไว้ชั้นใต้ดินทุกครั้งที่สัญญาณเตือนภัยดังขึ้น

นอกจากดูแลใส่ใจเรื่องความเป็นอยู่แล้ว ท่านผู้หญิงก็เป็นพี่ที่คอยสอน แนะนำ� รวมถึง
ให้กำ�ลังใจน้องทุกคนเสมอมาจนกระทั่งเติบโต ยามใดที่น้อง ๆ มีปัญหาเดือดร้อนก็จะปกป้อง
และชว่ ยเหลอื ทนั ท ี รวมทัง้ ยงั อบรมบม่ นสิ ยั และความประพฤตติ า่ ง ๆ เชน่ การรบั ผดิ ชอบดแู ลบา้ น
และสิ่งของรอบตัวใหม้ รี ะเบยี บเรียบรอ้ ย ประณีต งดงาม เสมอจนกลายเป็นอปุ นิสัยตดิ ตัวจนกระทัง่
เติบโตเป็นผู้ใหญ่

ในหนังสือสร้อยสุมาลี ซึ่งเป็นหนังสือที่ระลึกเนื่องในโอกาสท่านผู้หญิงสุมาลีมีอายุ ๖ รอบ
มีข้อความที่น้องชายคนที่ ๒ ผู้ล่วงลับ ร้อยโท สุเทพ ยุกตะเสวี เขียนไว้ถึงตัวอย่างที่ทำ�ให้เห็นถึง
การเป็นที่พึ่งของน้อง ๆ ว่า หลวงยุกตเสวีวิวัฒน์เคยขอให้เถ้าแก่ลิ่มคุณหาครูมาสอนภาษาจีน
แต่เมื่อถึงวันนัดไม่ได้ไปเรียน แต่แวะไปหาท่านผู้หญิงสุมาลีและไปดูหนังด้วยกัน โดยท่านผู้หญิง
แนะนำ�ให้บอกคุณพ่อตามความเป็นจริง “เมื่อกลับมาถึงบ้าน ปรากฏว่าเถ้าแก่ลิ่มคุณและครูสอน
ภาษาจีนรออยู่นานจนใกล้จะกลับ เมื่อผมสารภาพความจริงกับคุณพ่อ แปลกใจที่ท่านไม่ได้ว่าอะไร
ทัง้ ๆ ทีผ่ มเตรยี มใจรบั การลงโทษไวพ้ รอ้ มแลว้ นบั แตน่ ัน้ มา ผมกต็ ระหนกั วา่ พีอ่ อ๊ ดมบี ารมที ีจ่ ะชว่ ย
ปกป้องน้อง ๆ ได้เป็นอย่างดี”

เมื่อท่านผู้หญิงสุมาลีอายุได้ ๗ ปี ครอบครัวยุกตะเสวีย้ายบ้านจากสามเสนมาอยู่ที่ถนน
สุขุมวิท ซอย ๘ หรือซอยปรีดา ซึ่งในเวลานั้นบริเวณดังกล่าวยังเป็นพื้นที่ทุ่งนาโล่งกว้าง รู้จักกัน

. 18 .

. .

ในนามทุ่งบางกะปิ หลวงยุกตเสวีวิวัฒน์ได้ปลูกสร้างตึกสองชั้นแบบสเปน ใต้ตึกมีอุโมงค์หลบภัย
ทรงกระบอกสรา้ งดว้ ยคอนกรตี หนาทนทานตอ่ ระเบดิ มเี นือ้ ทีก่ วา้ งพอทีจ่ ะจคุ นไดป้ ระมาณ ๒๐ คน
และมีทางเดินลอดตึกไปยังทางออกริมรั้วหลังบ้านได้ บ้านนี้สร้างเสร็จเมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๑ ซึ่ง
ในเวลานั้นคงไม่มีใครคาดคิดว่าอุโมงค์ดังกล่าวจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในอีกไม่กี่ปีต่อมา

เมื่อย้ายบ้านมาอยู่ที่ซอยปรีดา ท่านผู้หญิงสุมาลีจึงต้องย้ายมาเรียนที่โรงเรียนไม่ไกลบ้านนัก
คือโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำ� และเป็นสถานที่อบรมทั้งวิชาความรู้ ตลอดจน
ปลูกฝังอุปนิสัยดีงามหลายประการประดับชีวิต แม้จะต้องย้ายไปใช้ชีวิตอยู่ที่โรงเรียนประจำ�
เป็นส่วนใหญ่และกลับบ้านเพียงเดือนละครั้ง บ้านที่ซอยปรีดานี้ก็มีความทรงจำ�ที่สำ�คัญหลายเรื่อง
สำ�หรับท่านผู้หญิงและสมาชิกในครอบครัวทุกคน หนึ่งในนั้นคือชีวิตช่วงสงคราม

เดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๔ สงครามโลกครั้งที่สอง หรือที่เรียกว่าสงครามมหาเอเชียบูรพา
ได้ขยายเข้าสู่ประเทศไทย กองทัพญี่ปุ่นได้ยกพลขึ้นบกในพื้นที่หลายแห่ง ทั้งภาคใต้ ปราจีนบุรี
สมุทรปราการ เข้าสู่กรุงเทพมหานคร และเข้ายึดสถานที่หลายแห่งเพื่อใช้เป็นที่พำ�นักของทหาร
หนึ่งในนั้นคือโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย ทั้งครูและนักเรียนถูกสั่งให้อพยพออก ในขณะที่อาจารย์
ซึ่งเป็นมิชชันนารีชาวอเมริกันถูกจับกุมตัวไปหลายท่าน ในระยะแรกนักเรียนต้องไปอาศัยเรียน
ทีโ่ รงเรยี นภาณทุ ตั ยา่ นวงั บรู พาภริ มย ์ กอ่ นจะยา้ ยไปเปดิ สอน ณ ทีต่ ัง้ เดมิ ของโรงเรยี นยูห่ มิน่ กงสวย
ถนนสุรวงศ์

. 19 .

. .

พ.ศ. ๒๔๘๕ เริ่มมีการทิ้งระเบิดโจมตีจากฝ่ายพันธมิตรและทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
โรงเรียนต้องปิดเรียนบ่อยครั้ง ชาวกรุงเทพฯ บางครอบครัวที่มีลู่ทางก็อพยพหลบภัยสงครามไปอยู่
ตา่ งจงั หวดั แตก่ ม็ คี นอกี จ�ำ นวนมากทีย่ งั ตอ้ งอาศยั อยูใ่ นกรงุ เทพฯ เหมอื นเดมิ หลวงยกุ ตเสววี วิ ฒั น์
ซึ่งเป็นนายช่างวิศวกรเชี่ยวชาญการออกแบบสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ได้นำ�แบบก่อสร้างหลุมหลบภัย
ทางอากาศที่สามารถทำ�ได้ง่าย รวดเร็ว และประหยัด ซึ่งเคยออกแบบไว้มอบให้แก่ทางการเพื่อสร้าง
หลุมหลบภัยสาธารณะตามสถานที่ต่าง ๆ อันเป็นพื้นที่เป้าหมายการโจมตีของฝ่ายพันธมิตร เพื่อให้
ประชาชนได้อาศัยหลบภัย

ขณะเดียวกัน แม้บ้านในซอยปรีดาจะอยู่ห่างจากบริเวณที่เป็นจุดยุทธศาสตร์สำ�คัญ
แต่ครอบครัวยุกตะเสวีก็ได้ใช้อุโมงค์ใต้ตึกที่ทำ�ไว้ตั้งแต่แรกสร้างบ้านเป็นที่หลบภัยที่ดีเยี่ยม ดังนั้น
ในทุก ๆ คํ่าคืนที่สัญญาณเตือนภัยหรือที่เรียกกันทั่วไปว่า หวอ ดังขึ้น เพื่อนบ้าน ญาติพี่น้อง
และมิตรสหายที่ไม่ได้ออกไปอยู่ต่างจังหวัดจึงพากันมาหลบภัยที่อุโมงค์บ้านท่านผู้หญิงสุมาลี
บ้านซอยปรีดาจึงกลายเป็นที่ชุมนุมผู้ลี้ภัยทางอากาศอยู่เป็นนิจ

คุณดวงแก้ว เอกะหิตานนท์ ญาติสนิทซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่อพยพแบบชั่วคราวไปอยู่บ้าน
ซอยปรีดาในช่วงสงครามโลก เคยเล่าไว้ในหนังสือสร้อยสุมาลี ว่า “คุณพ่อคุณแม่และน้องดวง
ก็อพยพกับเขาเหมือนกัน คือไปอยู่บ้านคุณอ๊อด โดยตอนเย็น คุณพ่อคุณแม่ก็จะเก็บสิ่งของจำ�เป็น
ใส่รถแล้วขับไปบ้านคุณลุงหลวงยุกตเสวีวิวัฒน์และคุณป้า (คุณหญิงถนอมศรี ยุกตะเสวี) ซึ่งเป็น
คุณพ่อคุณแม่ของคุณพี่อ๊อดที่ซอยปรีดา เช้าขึ้นมาก็กลับมาบ้านสามภูมิ พอชินกับกิจวัตรนี้เข้า
ก็เกิดมีกิจกรรม “รำ�วง” ขึ้นตามสมัยนิยมของท่านผู้นำ� จอมพล ป. พิบูลสงคราม ทุกหัวคํ่าทุกคน

จะหัดรำ�วงกับคุณครูนาฏศิลป์จากศิลปากร
และมีญาติสนิทมิตรสหายของคุณลุงคุณป้า
ตลอดจนเพื่อนบ้านชาวบางกะปิมาสมทบด้วย
ท�ำ ใหค้ รึกครืน้ คลายกังวลกับลูกระเบิดไดช้ ัว่ คราว
ตอนดึก พอ “หวอ” มา พวกเราก็วิ่งลง “หลุม
หลบภัย” ซึ่งคุณลุงสร้างไว้ตั้งแต่ตอนเริ่ม
ปลูกบ้าน ระหว่างนั้นก็ได้ยินเสียงระเบิด
ดังเป็นระยะ พอ “หวอ” ปลอดภัยดังขึ้น
พวกเราก็กลับขึ้นไปนอนใหม่ บางคืนได้วิ่งลง
หลุมหลบภัยมากกว่า ๑ ครั้ง”

กจิ กรรมร�ำ วงทีค่ ณุ ดวงแกว้ เอย่ ถงึ นัน้ คอื
ความเปลี่ยนแปลงด้านวัฒนธรรมขึ้นขนานใหญ่
ด้วยผู้บริหารประเทศในเวลานั้นคือ จอมพล
ป. พิบูลสงครามได้กําหนดเกณฑ์บางประการ

. 20 .

. .

ให้แก่ประชาชนปฏิบัติ เช่น การสวมหมวก สวมรองเท้า และการใช้ภาษา รวมทั้งเกิดกิจกรรม
สันทนาการเพื่อบำ�รุงขวัญและลดความเครียดและความวิตกกังวลจากภัยสงคราม นั่นก็คือการรำ�วง
ซึ่งคนกรุงเทพฯ ที่หนีสงครามไปอยู่ต่างจังหวัด เห็นวิถีวัฒนธรรมท้องถิ่นคือการรำ�โทนของชาวบ้าน
จึงนำ�มาดัดแปลง ผสมผสานศาสตร์ของนาฏศิลป์ให้งดงามและเป็นแบบแผนขึ้น และจัดกิจกรรม
รำ�วงอย่างแพร่หลายทั้งตามบ้าน สำ�นักงาน หรือแม้แต่ในทำ�เนียบรัฐบาล

หลวงยุกตเสวีวิวัฒน์ก็ได้เป็นเจ้าภาพจัดกิจกรรมรำ�วงขึ้นที่บ้านอยู่เนือง ๆ เช่นกัน โดย
เชื้อเชิญญาติมิตรและคนบ้านใกล้เรือนเคียงมาร่วมสังสรรค์และรำ�วง ดังนั้นทุกคํ่าวันเสาร์อาทิตย์
ที่บ้าน ณ ซอยปรีดา จึงมีบรรยากาศรื่นเริงและผ่อนคลายขึ้น และท่านผู้หญิงสุมาลีก็เป็นจุดเด่น
ของงาน ทุกครั้งที่ออกไปรำ�ก็จะมีผู้ร้องเพลงรำ�วงที่แต่งเนื้อร้องขึ้นมาให้โดยเฉพาะ ความว่า
“แขนอ่อนยิ่งฟ้อนยิ่งงาม เชิญมารำ�เถอะนะสุมาลี สุมาลีศรีสง่า นางฟ้าถนนปรีดา”

สแกนเพื่อชมวีดิทัศน์บทสัมภาษณ์ .
คุณดวงแก้ว เอกะหิตานนท์ คุณอุไรวรรณ อินทรียงค์ และคุณสุนทรี ตยางคานนท์
. 21

. .

ล�ำธารเล็ก ๆ
“ ลำ�ธารเล็กเล็กพูดว่า โอจงให้ โอจงให้
ลำ�ธารเล็กเล็กพูดว่า โอจงให้ จงให้เสมอ
ฉันรู้ ฉันเล็ก แต่ฉันไปสู่ที่ใด ฉันทำ�ทุ่งนาเขียวชอุ่ม
เราจะให้ด้วยใจยินดี เราจะให้ด้วยใจยินดี
ยินดี ยินดี ยินดีให้ ยินดีให้ทุกวัน”

บางส่วนของเนื้อเพลงลำ�ธารเล็ก ๆ

. 22 .

. .

โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัยเป็นสถานศึกษาของท่านผู้หญิงสุมาลีในวัยเยาว์ ตั้งแต่ชั้นประถม
ปีที่ ๔ ถึงมัธยมปีที่ ๖ ซึ่งชีวิตของนักเรียนวัฒนาฯ ในครั้งนั้นยังใกล้ชิดกับธรรมชาติมาก พื้นที่
โดยรอบยงั เปน็ ทุง่ นา บรเิ วณโรงเรยี นรม่ รืน่ ดว้ ยตน้ ไมจ้ �ำ นวนมาก มคี นู ํา้ รอบและยงั มรี ัว้ มะขามเทศ
ล้อม

วัฒนาวิทยาลัยเป็นทั้งโรงเรียนที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ บ่มเพาะมารยาท ฝึกฝนวินัย
การตรงต่อเวลา ปูพื้นฐานการเป็นผู้นำ� สร้างทักษะพื้นฐานการแสดงออก การพูด มารยาทไทย
ในโรงเรียนฝรั่ง กล่าวได้ว่าโรงเรียนได้บ่มเพาะตัวตนให้แก่นักเรียน และค่อย ๆ ปรากฏชัดเจน
มากขึ้นเมื่อเติบใหญ่

“นิสยั ของดฉิ ันจะวางอะไรต้องมีเหลีย่ มมมี มุ ทัง้ นัน้ ” ท่านผู้หญงิ สมุ าลเี คยเล่าไว้ในดอกไม้งาม
นามสุมาลี หนังสือที่ระลึกเนื่องในโอกาสอายุครบ ๘๔ ปี “ถ้าใครมาขยับหรือมาเช็ดฝุ่นละอองแล้ว
ไมค่ นื ทีเ่ ดมิ ดฉิ นั จะรูท้ นั ที เพราะอยูโ่ รงเรยี นประจ�ำ ฝกึ ระเบยี บวนิ ยั มา รองเทา้ นีต่ อ้ งเรยี ง สมมตวิ า่
วางไม่เท่ากัน ครูก็จะบอก มาจัดรองเท้าใหม่ ฉะนั้นก็จะเป็นนิสัยของเราที่ต้องวางให้เท่ากัน
ใครวางเก ๆ ไม่ได้ เดี๋ยวครูมาตรวจ ถ้าพบว่าเบี้ยวก็จะทำ�โทษ แต่ไม่ใช่การตี หรืออ้าปาก
กางไม้บรรทัด แต่จะให้ไปทำ�งาน ไปเขียน หรือช่วยยกโต๊ะ ทำ�จานตกแตกก็ให้ไปช่วยล้างจาน”

บรรยากาศการเรยี นทีโ่ รงเรยี นประจ�ำ เชน่ วฒั นาวทิ ยาลยั ในยคุ นัน้ ฝกึ ฝนใหน้ กั เรยี นทีไ่ กลบา้ น
ไกลจากการประคบประหงมจากครอบครัวได้ฝึกหัดดูแลตัวเองตั้งแต่ตื่นนอนจนถึงเข้านอนอย่าง
เป็นระเบียบเรียบร้อย โดยทำ�กิจกรรมต่าง ๆ ตามตารางเวลาที่กำ�หนด ตั้งแต่ตื่นนอนหกโมงเช้า
เก็บที่นอน เข้าแถวไปอาบนํ้าและจัดการธุระส่วนตัวก่อนเข้าเรียน ซึ่งทั้งหมดเป็นกิจวัตรที่ติดตัว
ทุกคนเรื่อยมาแม้จะพ้นวัยเรียนแล้วก็ตาม

. 23 .

. .

ทว่าเหนืออื่นใด ใช่เพียงวิชาความรู้เท่านั้น หัวใจสำ�คัญของการศึกษาของวัฒนาวิทยาลัย
ปรากฏอยู่ในเนื้อเพลง ลำ�ธารเล็ก ๆ นั่นคือการปลูกฝังความคิดจิตใจของนักเรียนให้นึกถึงคนอื่น
ทำ�เพื่อคนอื่นก่อนเสมอ เช่น ในการรับประทานอาหารร่วมกันของนักเรียนต่างชั้น ทุกคนได้เรียนรู้
ที่จะเลื่อนอาหารให้คนอื่นตักก่อน แล้วจึงตักให้ตัวเอง และมีพี่ ๆ ที่โตกว่าคอยดูแลใส่ใจน้อง ๆ
ที่ร่วมโต๊ะให้ทุกอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ในขณะที่น้องเล็กกว่าก็ต้องเคารพเชื่อฟังพี่

อาจารย์วรรณดี คันธวงศ์ อาจารย์โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย ผู้เป็นรุ่นพี่ของท่านผู้หญิงสุมาลี
เลา่ ไวใ้ นวดี ทิ ศั น์ มิง่ ขวญั กลั ยาณี ๙๐ ปี สมุ าลี จาตกิ วนชิ วา่ “จากล�ำ ธารเลก็ ๆ พดู วา่ โอจงให้
โอจงให้ เราจงใหด้ ว้ ยใจยนิ ดี เนือ้ ร้องของล�ำ ธารเลก็ ๆ นีล่ ะ่ เปน็ เหตใุ ห้เราทั้งหลายไมไ่ ดน้ กึ ถึงตวั เอง
นึกถึงเพื่อนที่อยู่นอกโรงเรียน”

และสิ่งนั้นเองที่ท่านผู้หญิงสุมาลีเคยเล่าว่า เป็นพื้นฐานที่ทำ�ให้ก้าวสู่การอุทิศตนทำ�งานสังคม
ในหลายปีต่อมา “โรงเรียนของเรามีธรรมเนียมอย่างหนึ่ง คือ Service Above Self แล้วก็จะต้อง
ปฏิบัติอย่างนั้นจริง ๆ เราจะต้องช่วยเหลือผู้อื่นก่อนที่จะช่วยเหลือตัวเราเอง

โรงเรียนเราติดกับคลองแสนแสบ สมัยนั้นก็เป็นชาวไร่ชาวนา เราก็มีเทศกาลที่ครูพานั่งเรือ
ไปเยี่ยมเขา เอาเสื้อผ้าจากบ้านไปแจก เพื่อให้เห็นว่าคนเรามีฐานะไม่เท่ากัน เราต้องเอื้อเฟื้อ
เผื่อแผ่ จะได้มีนํ้าใจต่อกันและกัน มีการสังสรรค์แลกเปลี่ยน คนที่เขาไม่มีจะไม่มองว่าเศรษฐี
อยู่ฝั่งคลองโน้น เราอยู่ฝั่งคลองนี้เป็นชาวนา ไม่ได้คุยกันเลย ทำ�ให้เกิดไมตรีจิตมิตรภาพของคน
ทีอ่ ยูต่ ดิ กนั แยกกนั แคค่ ลองเทา่ นัน้ แลว้ เขากไ็ ดม้ าดลู ะครทีใ่ นโรงเรยี นดว้ ย ท�ำ ใหเ้ ราไดร้ ูโ้ ลกกวา้ ง
ดว้ ยกนั ทัง้ สองฝา่ ย แตว่ า่ ไมไ่ ดท้ �ำ เปน็ ใหท้ าน ครสิ เตยี นเขาถอื วา่ เสมอกนั ถา้ มากเ็ ปน็ แขก ไปเยีย่ ม
ก็เป็นเพื่อนบ้าน ไม่ใช่เศรษฐีเอาเงินไปแจกหรือเอาของไปเยี่ยมเยียนคนยากจน ไม่ใช่ ต้องบอกว่า
เป็นเพื่อนบ้าน อยู่คนละฝั่งคลอง เราก็เลยได้นิสัยนี้มา จึงมาทำ�งานสังคมสงเคราะห์”

. 24 .

. .

ด้วยเหตุนี้เอง ลำ�ธารเล็ก ๆ ที่ตั้งต้นจากรั้วโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย จึงค่อย ๆ ขยายเป็น
ลำ�นํ้าสายใหญ่ที่หลั่งไหลนํ้าใจไมตรีอันชื่นเย็นแก่เพื่อนมนุษย์ในสังคมวงกว้างในเวลาต่อมา

. 25 .

. .

กลุ่มแมลงปอ
โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัยคือความผูกพันและความทรงจำ�งดงามของท่านผู้หญิงสุมาลี ตั้งแต่
แรกเขา้ เรยี นในชัน้ ประถมจนจบชัน้ มธั ยม ตลอดระยะเวลาหลายปี ทีน่ ีเ่ ปน็ ทัง้ สถานศกึ ษาทีป่ ระสทิ ธิ์
ประสาทวิชาความรู้ ขัดเกลาจิตใจ อบรมบ่มนิสัย ให้ประสบการณ์ชีวิต และที่สำ�คัญคือ
เป็นแหล่งกำ�เนิดมิตรภาพอันงดงามและแน่นแฟ้นยาวนาน ไม่เปลี่ยนแปลง ระหว่างเพื่อนร่วมรุ่น
และพี่น้องต่างชั้นเรียน

. 26 .

. .

แมท้ า่ นผูห้ ญงิ สมุ าลจี ะมอี ายนุ อ้ ยกวา่ เพือ่ นรว่ มชัน้ ถงึ ๒ ป ี เรยี กไดว้ า่ เปน็ นอ้ งเลก็ ทีเ่ พือ่ น ๆ
ตอ้ งชว่ ยกนั เปน็ พีเ่ ลีย้ งคอยดแู ล แตด่ ว้ ยเหตนุ ีเ้ องทีท่ �ำ ใหท้ า่ นผูห้ ญงิ เอาใจใสใ่ นการเรยี นอยา่ งแขง็ ขนั
เพราะเมื่อแรกเข้าโรงเรียนใหม่ยังเรียนไม่ทันเพื่อน ๆ ทว่าด้วยความสามารถ ความมุ่งมั่นใฝ่หา
ความรู้และขยันหมั่นเพียร ภายในเวลาเพียงปีเดียวก็สามารถพิสูจน์ตนเองด้วยผลการเรียนดีมาก
จนเป็นที่ยอมรับว่าเรียนหนังสือเก่ง สอบได้ที่หนึ่งเสมอ

ที่โรงเรียน ท่านผู้หญิงสุมาลีมีกลุ่มเพื่อนสนิทซึ่งต่อมาภายหลังตั้งชื่อว่า กลุ่มแมลงปอ
แต่ต่อมาเรียกติดปากว่า “กลุ่มแมงปอ” มีสมาชิกคือ คุณแสงสุนี ลิ้มพงษ์ คุณประจง สารกิจปรีชา
คุณชูชีพ (เธียรพงษ์) บอยล์ หม่อมหลวงพันธุ์จันทร์ ครุฑะเสน คุณสุนิตย์ ศาตะมาน คุณวงเดือน
ศีตะจิตต์ คุณเกษศรี ตันธุวนิตย์ ซึ่งคบหา ใช้เวลา กิน นอน เรียน เล่น ถูกทำ�โทษ แบ่งขนม ผ่าน
สงครามโลก ฯลฯ มาด้วยกัน ในวีดิทัศน์ มิ่งขวัญกัลยาณี ๙๐ ปี สุมาลี จาติกวนิช เพื่อน ๆ
ในกลุ่มช่วยกันเล่าว่า กลุ่มแมงปอเป็นกลุ่มเด็กดี เด็กเรียบร้อยแต่พูดเยอะ ไม่ค่อยสร้างวีรกรรม
จึงไม่ค่อยถูกทำ�โทษ เช่น ตอนกลางคืนใครแอบออกจากห้องมาที่เฉลียงก็จะถูกทำ�โทษ โดยเฉพาะ
ท่านผู้หญิงสุมาลีไม่เคยถูกทำ�โทษเลย เป็นเด็กดีมาก ส่วนท่านผู้หญิงเล่าถึงตนเองว่า เป็นคนขี้กลัว
เรียนหนังสืออย่างเดียว จึงไม่ค่อยเล่นอะไรอย่างเพื่อน

นอกจากจะเป็นสถานศึกษาแหล่งวิชาความรู้ ปลูกฝังจิตใจที่เอื้ออารีแล้ว โรงเรียนวัฒนา
วิทยาลัยยังฝึกฝนความสามารถอีกด้านหนึ่ง นั่นคือด้านการพูด ซึ่งโดยปกติแล้วอาจจะกล่าวได้ว่า
เอกลักษณ์ประจำ�ตัวของเด็กวัฒนาฯ ก็คือมักจะคุยเก่ง เพราะอยู่โรงเรียนถูกห้ามพูดอยู่เสมอ
แต่สำ�หรับท่านผู้หญิงสุมาลี เป็นที่ประจักษ์ว่าไม่เพียงแต่พูดเก่ง คุยสนุก มีวาทศิลป์ไหวพริบ
ปฏิภาณและอารมณ์ขันในการพูดคุยเรื่องทั่วไปเท่านั้น แต่ยังเก่งกาจในการเจรจา และมี

. 27 .

. .

ความสามารถในด้านนี้อย่างเอกอุ ทั้งในการเจรจาเพื่อการงาน การพูดในที่สาธารณะหรือที่ประชุม
ครั้งหนึ่งท่านผู้หญิงสุมาลีเคยเล่าถึงที่มาของความสามารถในการพูดของท่านว่า “ตอนอยู่โรงเรียน
วัฒนาฯ ต้องนำ�ประชุม เพราะฉะนั้นก็หัดไปโดยไม่รู้ตัว ก่อนที่โรงเรียนจะเปิดแต่ละวัน เราต้อง
เข้าห้องประชุม ต้องนมัสการพระเจ้า แล้วมีผู้นำ�ประชุมเป็นท่อน ๆ ไป คนร้องเพลงก็ต้องขึ้นไป
ร้องเพลง ดิฉันร้องเพลงไม่เอาไหน แต่เป็นคนพูดเก่ง ก็ต้องเปิดประชุม อาจารย์ประจำ�วัน
เปิดก่อนเสร็จแล้วสุมาลี เราก็ต้องเตรียมไปว่าวันนี้เรามีเวลา ๑๕ นาที เราจะนมัสการพระเจ้า
สมมติว่าเป็นในเรื่องความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ก็ต้องยกตัวอย่างเรื่องราวที่พระเยซูท่านทำ�ในเรื่องเอื้อเฟื้อ
เผื่อแผ่ แล้วได้ผลอย่างไรกับตัวท่านเอง ได้ผลอย่างไรกับคนที่เขาได้รับ ได้ผลอย่างไรกับส่วนรวม
ก็ให้เราฝึกฝนที่จะเป็นคนมีนํ้าใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ให้จบภายใน ๑๐ นาที ก็เท่ากับหัดพูด Public
Speaking ไปในตัว เราพูดตลกคนหัวเราะ เราก็รู้แล้วถ้าพูดตรงนี้หยอดสักหน่อย แต่ถ้าเราพูด
แล้วคนแคะหูแคะตา หันหน้าหันหลัง เราก็รู้เองว่าสิ่งที่เราพูดไม่เป็นที่น่าสนใจ หรือยาวเกินไป
ครูก็เตือน พูดจบไม่ลง เรารู้หลักการมาก็หัด”

. 28 .

. .

เรื่องเด็กวัฒนาฯ คุยเก่งจนเป็นที่กล่าวขวัญกันนั้น สำ�หรับท่านผู้หญิงสุมาลี จึงไม่ใช่
การพดู คยุ ธรรมดา แตไ่ ดย้ กระดบั ถงึ ขัน้ มวี าทศลิ ป์ อนั เปน็ ความสามารถเฉพาะตวั ยากจะเลยี นแบบ
และเพื่อน ๆ กลุ่มแมลงปอยังยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า ท่านผู้หญิงสุมาลีนั้น “พูดเก่ง คุยสนุก
มีอารมณ์ขัน ปฏิภาณฉับไว คุณชูชีพ (เธียรพงษ์) บอยล์ ยกตัวอย่างให้ฟังว่า เพื่อน ๆ มักจะ
ประลองฝมี อื แตง่ กลอนกนั สว่ นใหญส่ ะทอ้ นความรูส้ กึ และความโหยหวิ ของนกั เรยี นประจ�ำ วนั หนึง่
คุณชูชีพเริ่มบทกลอนด้วยประโยค พวกเราอยากกินจันอับ ท่านผู้หญิงหยิบชอล์กต่อทันทีว่า
แต่ไม่มีทรัพย์ พร้อมกับผิดกฎโรงเรียน”

เมื่อเรียนจบ เพื่อนกลุ่มนี้ต่างแยกย้ายไปตามเส้นทางชีวิตของตน แต่สายสัมพันธ์ของเพื่อน
ไมเ่ หอื ดหาย จนเมือ่ ภาระครอบครวั คลายลง สมาชกิ กลุม่ แมงปอกย็ งั หวนกลบั มาพบปะเพือ่ รว่ มท�ำ
กิจกรรมต่าง ๆ ด้วยกันอย่างสมํ่าเสมอ เช่น รับประทานอาหาร หรือร่วมช่วยงานการกุศล
ที่ท่านผู้หญิงรับผิดชอบ และยังคงหาเวลาไปมาหาสู่แม้เจริญวัยเข้าสู่วัยคุณย่าคุณยายแล้วก็ตาม
บางครั้งก็จะนัดรวมตัวกันไปทำ�บุญ หรือไปเที่ยวต่างจังหวัดใกล้ ๆ ตลอดจนร่วมเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ
เชน่ ภาษาจนี ในบางนดั หมาย กลุม่ แมงปอจะนดั กนั ใสเ่ สือ้ ทมี ทีม่ เี ขม็ กลดั รปู แมลงปอเปน็ สญั ลกั ษณ์
เป็นที่ชื่นชมของผู้ที่พบเห็น เมื่อถามว่าทำ�ไมจึงคบหาเป็นเพื่อนกันมาได้ยาวนาน ก็ได้รับคำ�ตอบ
ที่เรียกเสียงหัวเราะว่า เป็นโรงเรียนประจำ�ไปไหนไม่ได้ ไม่มีที่ไป ไม่รู้จะไปคบใคร จึงต้องอยู่ด้วยกัน

หลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ สงบ ชีวิตของผู้คนเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ท่านผู้หญิงสุมาลี
กลับเข้าเรียนอีกครั้งและสอบเทียบมัธยมปีที่ ๖ ก่อนจะสอบเข้าเรียนที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นับเป็นการปรับตัวสู่โลกภายนอกที่ต่างจากโรงเรียนประจำ�ซึ่งเป็น
โรงเรียนหญิงล้วน ท่านผู้หญิงสุมาลียังคงรักษาความสามารถในการเรียนอย่างสมํ่าเสมอ จนมี
ผลการเรียนเป็นที่พอใจ และตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะต้องเรียนแพทย์ให้ได้

จากความใฝ่ฝันว่าจะศึกษาต่อด้านแพทยศาสตร์ ทว่าในที่สุด ชีวิตก็มีเหตุให้ต้องเบนสู่
เส้นทางอีกสายหนึ่งอย่างไม่นึกฝัน นั่นคือ เส้นทางของภรรยานายแพทย์

. 29 .

. .

. 30 .

. .

ครอบครัว

“ชว่ งอายุ ๑๖ เป็นช่วงทีเ่ ปลยี่ นชวี ติ ดิฉันจากลกู สาวมาเป็นภรยิ า
เมอ่ื ตอนนั้น เราคดิ วา่ นี่เป็นชวี ิตใหม่ของเรา”

ทา่ นผหู้ ญงิ สมุ าลี จาติกวนชิ

. 31 .

. .

คู่ชีวิต

หลังสอบเข้าเรียนต่อที่แผนกวิทยาศาสตร์ที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาแห่งจุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัย และปรับตัวเข้ากับการเรียนได้แล้ว ท่านผู้หญิงสุมาลีสามารถทำ�คะแนนได้ดีเยี่ยม
โดยเฉพาะวิชาคณิตศาสตร์ซึ่งได้คะแนนสูงสุด ทำ�ให้ความใฝ่ฝันที่จะเข้าเรียนแพทยศาสตร์ในลำ�ดับ
ต่อไปชัดเจนขึ้น ท่านเคยเล่าไว้ในการให้สัมภาษณ์นิตยสารสกุลไทย ฉบับที่ ๒๗๖๕ ว่า ตั้งใจว่า
จะเรียนให้สูง จะสอบชิงทุนไปต่างประเทศเช่นเดียวกับคุณพ่อ

แต่การพบกันครั้งแรกระหว่างศัลยแพทย์หนุ่มแห่งโรงพยาบาลศิริราช ซึ่งมีอายุมากกว่า
ทา่ นผูห้ ญงิ สมุ าลถี งึ ๑๙ ป ี น�ำ มาซึง่ ความเปลีย่ นแปลงในเสน้ ทางชวี ติ ไมเ่ ปน็ ดงั ตัง้ ใจไว ้ ทา่ นผูห้ ญงิ
เคยเลา่ ถงึ เรอื่ งนวี้ า่ เหตเุ พราะทา่ นเปน็ ผนื่ คนั ทขี่ า คณุ แมค่ อื คณุ หญงิ ยกุ ตเสววี วิ ฒั นจ์ งึ พาไปหาเพอื่ นรกั
ที่ทำ�งานอยู่ที่แผนกศัลยกรรมโรงพยาบาลศิริราช ทำ�ให้ได้พบกับคุณหมอเจ้าของไข้ชื่อ นายแพทย์
กษาน จาติกวนิช ซึ่งสำ�เร็จการศึกษาจากประเทศอังกฤษ และมีชื่อเสียงโดดเด่นในวงสังคมขณะนั้น

หลงั จากนัน้ แมว้ า่ คนไขข้ องคณุ หมอจะหายดแี ลว้ กต็ าม แตค่ ณุ หมอกษาน หรอื ในเวลาตอ่ มา
คือ ศาสตราจารย์ นายแพทย์กษาน จาติกวนิช อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ก็ยังคงมาเยี่ยมไข้
อย่างสมํ่าเสมอ จนกระทั่งนำ�มาสู่การคบหาและหมั้นหมายในเวลาต่อมา

และด้วยเหตุการณ์ไม่สงบในบ้านเมืองเวลานั้น คุณหมอกษานเกรงว่าการหมั้นจะยืดเวลา
นานออกไป จึงขอท่านผู้หญิงแต่งงาน ท่านผู้หญิงสุมาลีจึงลาออกจากโรงเรียนภายหลังจาก
การสอบกลางปขี องการศกึ ษาปที ี่ ๒ และเริม่ ตน้ ชวี ติ บทใหม ่ เปน็ การเปลีย่ นผา่ นชวี ติ ครัง้ ส�ำ คญั ทีส่ ดุ
ของลูกผู้หญิง จากสกุลหนึ่งสู่อีกสกุลหนึ่ง จากสถานะหนึ่งสู่สถานะใหม่ ในหน้าที่ของภรรยา
นายแพทย์ด้วยวัยเพียง ๑๖ ปี

. 32 .

. .

นอกจากจะตอ้ งปรบั ตวั สูช่ วี ติ ใหมใ่ นการท�ำ หนา้ ทีแ่ มบ่ า้ นแมเ่ รอื น ดแู ลความเปน็ อยูข่ องคูช่ วี ติ
ซึ่งเป็นนายแพทย์ที่อุทิศตนให้แก่งานหนัก ทั้งยังมีอายุที่ห่างกัน ทำ�ให้ท่านผู้หญิงสุมาลีต้องเรียนรู้
อีกหลายเรื่อง ทั้งหน้าที่การงาน อุปนิสัยใจคอ รสนิยม ทัศนคติ ฯลฯ รวมถึงสังคมผู้คน
ในแวดวงของคุณหมอ ซึ่งในเรื่องนี้สร้างความกังวลให้ท่านผู้หญิงสุมาลีไม่น้อย เพราะไม่เพียงด้วย
วยั วฒุ เิ ทา่ นัน้ แตร่ วมถงึ ความรูค้ วามสามารถดา้ นตา่ ง ๆ ทีต่ อ้ งฝกึ ฝน เพือ่ ทีจ่ ะพฒั นาตนเองใหเ้ ปน็
ภรรยาที่ดีของคุณหมอ

ท่านผู้หญิงสุมาลีเคยให้สัมภาษณ์ในนิตยสารสกุลไทย ฉบับที่ ๒๗๖๕ ว่า ในฐานะแพทย์
คณุ หมอกษานท�ำ งานหนกั มากและท�ำ งานตลอดเวลา แตม่ อี ารมณข์ นั และใจด ี ในขณะทีท่ า่ นผูห้ ญงิ
แม้จะแต่งงานเมื่ออายุน้อย แต่พยายามทำ�หน้าที่ของตนให้ดี และมุ่งมั่นพัฒนาตนเองเสมอ
เช่น ฝึกฝนการพูด อ่าน เขียนภาษาต่างประเทศจนสามารถใช้งานได้คล่องแคล่ว ดังนั้นชีวิต
การแต่งงานของท่านจึงนับว่ามีความสุข และอยู่กันมาด้วยดี

หลังจากแต่งงานได้ปีกว่า ครอบครัวเล็ก ๆ ของท่านผู้หญิงสุมาลีและคุณหมอกษานก็ได้
ต้อนรับสมาชิกใหม่ คือ คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา บุตรสาวเพียงคนเดียวของทั้งสองท่าน

. 33 .

. .

ผู้แสดงโลกแก่ลูก
บิดาและมารดาคือผู้แสดงโลกแก่ลูก โดยเฉพาะแม่ ซึ่งเป็นผู้ให้กำ�เนิด เลี้ยงดูอุ้มชูใกล้ชิด
เอาใจใส่ตั้งแต่เล็กจนโต คอยสั่งสอน ปลูกฝังอุปนิสัย เป็นเบ้าหลอมของชีวิตและจิตใจ ชี้แนะแนว
ทางการดำ�เนินชีวิตที่ถูกต้อง และทำ�ให้ลูกได้เห็นและเรียนรู้โลกกว้างใหญ่ เพื่อให้ลูกประคองตน
อยู่ในสังคมอย่างเข้าใจทั้งความทุกข์และความสุข
ท่านผู้หญิงสุมาลีคือแม่ผู้ทำ�หน้าที่นั้นโดยสมบูรณ์

. 34 .

. .

คุณหมอกษานและท่านผู้หญิงสุมาลีต่างเห็นพ้องกันว่า จะมีลูกเพียงคนเดียว ดังนั้นจึงต้อง
อบรมใหม้ คี วามเขม้ แขง็ พึง่ ตนเองได้ ใหก้ ารศกึ ษาอยา่ งดที ีส่ ดุ และสามารถอยูร่ ว่ มกบั ผูอ้ ืน่ ไดอ้ ยา่ งมี
ความสุข ทั้งสองจึงส่งคุณหญิงกษมาไปเรียนที่โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัยตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาจนจบ
มัธยมศึกษาปีที่ ๖ ไม่เพียงเพื่อเรียนรู้ชีวิตที่เป็นระเบียบ งดงาม และมีนํ้าใจแบ่งปันให้กันและกัน
แมไ้ มใ่ ชเ่ ครอื ญาต ิ แตท่ ีส่ �ำ คญั กค็ อื ในฐานะลกู สาวคนเดยี ว การไดใ้ ชช้ วี ติ ทา่ มกลางความหลากหลาย
ที่โรงเรียนประจำ�นั้นจะกล่อมเกลาให้รู้จักปรับตัวเพื่ออยู่ร่วมกับผู้ที่มีความแตกต่างทั้งฐานะ วิถีชีวิต
ทัศนคติ ฯลฯ ได้อย่างเข้าใจ เป็นพื้นฐานต่อการก้าวออกไปสู่โลกกว้างในวันข้างหน้า

แม้นจะเป็นที่ทราบกันดีว่า ท่านผู้หญิงมุ่งมั่นที่จะให้ลูกสาวได้รับการศึกษาและประสบการณ์
เรียนรู้ที่ดีที่สุด แต่ไม่ได้เลี้ยงลูกสาวคนเดียวอย่างตามใจ และไม่ยอมโอนอ่อนผ่อนปรนในเรื่อง
การอยู่โรงเรียนประจำ� หรือการไปเรียนมหาวิทยาลัยที่สหรัฐอเมริกา ทั้งยังจัดประสบการณ์เรียนรู้
ทีห่ ลากหลาย ทัง้ ภาคบงั คบั เชน่ การออกหนว่ ยแพทยเ์ คลือ่ นทีก่ บั คณุ พอ่ ศาสตราจารย์ นายแพทย์
กษาน จาติกวนิช ที่จังหวัดอุดรธานี เมื่ออายุ ๑๖ ปี หรือภาคสมัครใจ เช่น การท่องเที่ยวในแหล่ง
ประวัติศาสตร์อารยธรรม อย่างไรก็ดี การไม่ตามใจของท่านผู้หญิงสุมาลีในเรื่องเรียนดังกล่าว

. 35 .

. .

ได้ผลิดอกออกผลงอกงามในเวลาต่อมา เป็นประสบการณ์ลํ้าค่าแก่คุณหญิงกษมา ช่วยฝึกฝนจิตใจ
ใหม้ คี วามมัน่ ใจในศกั ยภาพของตนทีจ่ ะเผชญิ ปญั หาและเรยี นรูว้ ธิ กี ารปรบั ตวั ซึง่ มปี ระโยชนอ์ ยา่ งยิง่
เมื่อเติบใหญ่และก้าวสู่ชีวิตการทำ�งาน ทำ�ให้สามารถทำ�งานได้ในสภาพที่หลากหลาย

อกี เรือ่ งหนึง่ คอื ทา่ นผูห้ ญงิ สมุ าลจี ะเลีย้ งลกู แบบปลอ่ ยแตใ่ หอ้ ยูใ่ นสายตา เชน่ ถา้ จะมงี านเลีย้ ง
ก็จะไม่ชอบให้ไปงานเลี้ยงที่อื่น แต่ชอบให้มาที่บ้าน ฉะนั้นเพื่อน ๆ ทุกคนของคุณหญิงกษมา
จึงคุ้นเคยกับการมาที่บ้าน หรือถ้าจะต้องไปนอกสถานที่ ท่านผู้หญิงก็จะให้มีรถไปรับเพื่อนของ
คุณหญิงกษมาไปที่ต่าง ๆ เป็นการพยายามที่จะให้โอกาสได้ทำ�สิ่งต่าง ๆ แต่อยู่ในสายตา
หรือแม้กระทั่งเมื่อยามไปศึกษาต่อต่างประเทศ เช่น เมื่อไปเรียนภาษาฝรั่งเศสที่เมืองตูร์ ท่านผู้หญิง
สุมาลีก็ไปอยู่กับคุณหญิงกษมาด้วย เป็นการให้โอกาสที่จะเรียนรู้ แต่ติดตามดูแลใกล้ชิด โดยไม่ให้
รูส้ กึ อดึ อดั ขณะเดยี วกนั เพือ่ น ๆ ของคณุ หญงิ กษมาทกุ คนกช็ อบมาทีบ่ า้ น เพราะไดร้ บั ความเมตตา
เอ็นดูเหมือนลูกหลาน กับทั้งพูดคุยได้อย่างไม่มีช่องว่างระหว่างวัยของท่านผู้หญิงสุมาลี ทำ�ให้ทุกคน
สะดวกใจและรู้สึกใกล้ชิดสนิทสนม

คำ�บอกเล่าของเพื่อน ๆ ของคุณหญิงกษมาซึ่งคบหามายาวนานตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบัน คือ
อีกหนึ่งคำ�ยืนยันถึงการเลี้ยงดูลูกของท่านผู้หญิงซึ่งเป็นทั้งแม่ ครู และเพื่อนของลูก โดยมุ่งฝึกนิสัย
ให้มีจิตใจโอบอ้อมอารี เมื่อเด็กก็รู้จักทำ�ตนเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น มองโลกในแง่ดี ขณะเดียวกัน
ก็มีระเบียบวินัย ตรงต่อเวลา แม้เมื่อเจริญวัยเป็นผู้ใหญ่ ท่านผู้หญิงสุมาลีก็ยังเป็นเสมือนครูผู้สอน
การใช้ชีวิตให้ใช้ใจนำ�ทางและมีอายุเป็นเพียงตัวเลข ดังเช่นครั้งหนึ่งที่สร้างความชื่นชมแกมทึ่งปน
ตื่นเต้นเมื่อไปท่องเที่ยวกันที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ขณะที่ทุกคนกำ�ลังเดินขึ้นเขา
ท่านผู้หญิงสุมาลีในวัยแปดสิบกลับซ้อนมอเตอร์ไซค์ที่แล่นฉิวนำ�หน้าทุกคนไปอย่างรวดเร็ว

นอกจากนั้น มาตรฐานที่สูงมากในการทำ�งานหรือการดำ�เนินชีวิตเมื่อครั้งยังอายุน้อย แต่เมื่อ
วัยเพิ่มขึ้นท่านผู้หญิงสุมาลีก็มีความสุขในการอยู่ร่วมกับคนอื่นโดยลดมาตรฐานลงและมีความพอใจ
ในสิง่ ทีท่ กุ คนท�ำ รวมทัง้ พดู ในเชงิ ใหก้ �ำ ลงั ใจ เพือ่ ประนปี ระนอมใหท้ กุ คนมคี วามสขุ ดว้ ย อกี ทัง้ ยงั มี
อารมณ์ขัน เมื่อมีเรื่องอะไรไม่เป็นไปตามคาดหวังก็เห็นเป็นเรื่องขำ�ขัน นับเป็นข้อคิดข้อปฏิบัติ
ที่ท่านผู้หญิงสอนทุกคนทางอ้อมและน่าจะเป็นประโยชน์แก่คนที่เข้าสู่วัยชรา

สิ่งที่สัมผัสได้อย่างชัดเจนคือ ความรักระหว่างแม่และลูก โดยท่านผู้หญิงไม่ได้เลี้ยงลูกแบบ
ตามใจ หรือปฏิบัติต่อลูกเหมือนเป็นบุคคลสำ�คัญมากกว่าคนอื่น และไม่เพียงแต่เป็นแม่ของลูก
หากยังเป็นเพื่อนของลูกและเพื่อน ๆ ลูกอีกด้วย ทุกครั้งที่มาบ้าน เพื่อนของลูกทุกคนจะได้
รับการดูแลในสิ่งจำ�เป็นต่าง ๆ ทั้งการกินอยู่เป็นอย่างดี ท่านผู้หญิงสุมาลีทำ�บ้านตุ๊กตาให้
คุณหญิงกษมาเล่น รวมทั้งสร้างสรรค์กิจกรรมไว้ให้ลูกและเพื่อนของลูก เช่น ดูการ์ตูน เล่นสนุก
ฉลองวันเกิด ร้องเพลง บางครั้งต้องฝึกซ้อมการแสดงหรือเต้นระบำ�ก็ไปซ้อมที่บ้านถนนเพชรบุร ี
ด้วยความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อน ๆ ของลูกสาว ดังนั้นเมื่อคุณหญิงกษมาไปศึกษาต่อต่างประเทศ
เพื่อน ๆ ของคุณหญิงก็แวะเวียนมาเยี่ยมเยียนตลอดให้คลายเหงา

. 36 .

. .

นอกจากฝึกฝนปลูกฝังอุปนิสัยและจิตใจให้แข็งแกร่งแล้ว ยังสอนให้ลูกใช้ชีวิตอย่างมี
ความหมาย ท่านผู้หญิงได้ฝึกให้คุณหญิงกษมารู้จักแบ่งปันและเสียสละเพื่อผู้อื่น ด้วยการพาไป
ช่วยงานสังคมสงเคราะห์ที่ท่านผู้หญิงดูแลรับผิดชอบบ่อยครั้ง เช่น ไปช่วยดูแลเด็กพิการ ช่วยจัด
กิจกรรมออกร้านงานการกุศล ช่วยขายตั๋ว เมื่อโรงพยาบาลศิริราชระดมทุนเพื่อสร้างตึก ๗๒ ปี
ได้จัดงานออกร้านหารายได้ คุณหญิงกษมาก็ได้ไปร่วมกิจกรรมทำ�หน้าที่ผู้ขายอย่างสนุกสนาน
หรอื ในบางครัง้ กต็ อ้ งไปแสดงความสามารถ จนเปน็ วถิ ปี กตขิ องทกุ คนในบา้ นวา่ เมือ่ ทา่ นผูห้ ญงิ สมุ าลี
ทำ�งานการกุศล ทุกคนก็เข้าไปร่วมแล้วก็มีโอกาสทำ�สิ่งเหล่านี้ตั้งแต่เด็ก ๆ

นอกจากชักจูงลูกสาวคนเดียวให้ช่วยงานสังคมแล้ว ท่านผู้หญิงสุมาลียังชักชวนเพื่อนลูก
ให้ชว่ ยงานการกศุ ลดว้ ยการใช้ความสามารถหรือความถนัดของตน เชน่ เต้นระบ�ำ ฮาวาย เต้นบลั เลต์
ซึ่งเป็นทั้งการโน้มนำ�ให้รู้จักเสียสละเพื่อประโยชน์แก่คนอื่น ทั้งสอนให้กล้าแสดงออก เรียนรู้การเข้า
สังคมทางอ้อมด้วย เพื่อนวัฒนาฯ ของคุณหญิงกษมาเคยเขียนถึงเรื่องนี้ไว้ในสร้อยสุมาลี หนังสือ
ครบ ๗๒ ปี ของท่านผู้หญิงสุมาลีว่า “แม้กระทั่งเมื่อแดงไปเรียนต่อเมืองนอก ท่านผู้หญิงก็ยัง
กรุณาพวกเราเช่นเดิม การถูกเรียกไปใช้งานการกุศลเล็ก ๆ น้อย ๆ ทำ�ให้เรามีประสบการณ์ที่ดี
ได้เรียนรู้การสมาคมและงานสังคมสงเคราะห์ ปลูกฝังให้เรียนรู้ที่ช่วยเหลือผู้อื่นที่ด้อยโอกาสกว่า...

...ท่านผู้หญิงเป็น “แม่” อีกคนของพวกเราโดยการสั่งสอน ไม่ใช่ด้วยคำ�พูด แต่เป็น
การกระทำ�ให้ดูเป็นตัวอย่าง การกระทำ�ที่เพียบพร้อมด้วยความงดงามทั้งกาย วาจา และใจ
ท่านผู้หญิงเป็น “แม่” ที่พวกเราภูมิใจ เพราะการทำ�คุณงามความดี และเป็นประโยชน์ต่อสังคม”

คุณภาวิไล บุราวาศ เพื่อนวัฒนาฯ ของคุณหญิงกษมา เล่าไว้ในมิ่งขวัญกัลยาณี ๙๐ ปี
สมุ าลี จาตกิ วนชิ วา่ “พวกเราเปน็ นางระบ�ำ ประจ�ำ ตระกลู เพราะสมยั สาว ๆ คณุ แมจ่ ะจดั งานบอ่ ย
ซึ่งกิจกรรมพวกนี้คือต้องมีเด็กบ้างสาวบ้างไปเล่นตามงาน แทบทุกปีเลยที่จะไปเล่นสวนอัมพร”

. 37 .

. .

ความหลังที่ศรีถนอม

สำ�หรับครอบครัวจาติกวนิชและยุกตะเสวี มีความทรงจำ�ร่วมกันหลายต่อหลายเรื่อง
หนึ่งคือการมาร่วมรับประทานอาหารในวันอาทิตย์ ซึ่งดำ�เนินสืบมาตั้งแต่เมื่อครั้งหลังสงครามโลก
สงบ หลวงยุกตเสวีวิวัฒน์และคุณหญิงยุกตเสวีวิวัฒน์ได้เชื้อเชิญญาติมิตรมาพบปะพร้อมหน้า
พร้อมตา และรับประทานอาหารร่วมกันทุกวันอาทิตย์ จนกลายเป็นประเพณีของครอบครัว
และท่านผู้หญิงสุมาลีได้สืบทอดประเพณีนี้เรื่อยมา กับอีกหนึ่งกิจกรรมคือการไปพักผ่อนที่หัวหิน

เมื่อจำ�นวนสมาชิกครอบครัวทั้งลูกและหลานเพิ่มขึ้น หลวงยุกตเสวีวิวัฒน์และคุณหญิง
ยุกตเสวีวิวัฒน์จึงซื้อที่ดินชายทะเลหัวหินและปลูกบ้านพักตากอากาศ ตั้งชื่อว่า ศรีถนอม เพื่อให้
สมาชิกทุกรุ่นของครอบครัวได้ไปใช้เวลาร่วมกันทุกหน้าร้อนเมื่อโรงเรียนปิดภาคเรียนเป็นเวลานาน
นับเดือน ที่บ้านหลังนี้จึงเป็นสถานที่แห่งความทรงจำ� ความหลังวัยเยาว์ของสมาชิกครอบครัว
หลายคน รวมถึงกลุ่มเพื่อนสนิทของคุณหญิงกษมาที่เคยไปร่วมสนุกหรือนอนค้างแรมที่บ้านศรีถนอม
หลายคืน

. 38 .

. .

ท่านผู้หญิงสุมาลีจะคิดหากิจกรรมมาให้น้อง ๆ และลูกหลานเล่นสนุกกันอย่างไม่รู้เบื่อ
ทั้งว่ายนํ้า จับปูลม เล่นขายของ ประกวดการก่อทรายรูปร่างต่าง ๆ หรือจัดประกวดหอย
ที่เก็บมาจากชายหาด เย็บตุ๊กตาไดโนเสาร์ ทำ�ขนม ฯลฯ บางกิจกรรมในช่วงกลางวันนี้จำ�เป็น
ต้องเป็นกิจกรรมในร่ม จึงไม่โดนใจสมาชิกรุ่นเยาว์ที่อยากเล่นนํ้าทั้งวัน แต่ด้วยกุศโลบายของ
ท่านผู้หญิงหากิจกรรมมาให้ทำ�เพื่อไม่ให้เบื่อ และฝึกความอดทน อดใจต่อการทำ�ตามใจอยาก
แทนการออกไปตากแดดกลางวันที่อาจทำ�ให้ไม่สบายได้

คุณสุพัฒนา อาทรไผท เคยเล่าย้อนความหลังนี้ไว้ในสร้อยสุมาลีว่า “ทุกหน้าร้อน
เมื่อโรงเรียนปิดเทอม พวกเราจะยกขบวนกันไปพักผ่อนที่บ้าน “ศรีถนอม” หนองแก หัวหิน
นานนับเดือน เราจะดีใจมากเลยที่พี่อ๊อดและหลานมาอยู่ด้วย เราได้เล่นกันอย่างสนุกสนานทั้งวัน
ยกเว้นการโดนจับให้นอนกลางวันเท่านั้น จะเป็นสิ่งเดียวที่ไม่ชอบเพราะทำ�ให้อดไปเล่นซุกซน
แต่พี่อ๊อดก็มีวิธีทำ�ให้เรารีบกระโดดขึ้นเตียงไปนอนรอเพราะพี่อ๊อดจะมีทั้งนิทานและสารพัดการ์ตูน
ที่สนุกเสียเหลือเกินมาเล่าให้เราเพลิดเพลินด้วยนํ้าเสียงและลีลา เมื่อพี่อ๊อดเล่าจบทุกคนต้องหลับ
มิฉะนั้นจะอดฟังในวันต่อไป ซึ่งเราได้จดจำ�วิธีนี้มาใช้เวลาที่มีลูกของตัวเอง”

การใชเ้ วลาอยูด่ ว้ ยกนั นานนบั เดอื น กระชบั สมั พนั ธภาพของญาตพิ ีน่ อ้ ง ตลอดจนเพือ่ นสนทิ
มิตรสหายให้แน่นแฟ้นขึ้นและเป็นความหลังที่ทุกคนย้อนคิดถึงด้วยความสุข

. 39 .

. .

. 40 .

. .

ดีใจที่เป็นประโยชน์

“เมื่อเราท�ำอะไรต้องทำ� ดีทสี่ ุด” .

ท่านผหู้ ญิงสมุ าลี จาตกิ วนชิ

. 41

. .

นักธุรกิจหญิง

หากเอ่ยนามของท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช ผู้คนในสังคมไทยมักคุ้นตาและได้ยินจนคุ้นหู
จากบทบาทการทำ�งานด้านสังคมสงเคราะห์ในองค์กรการกุศลต่าง ๆ นับไม่ถ้วน เป็นที่เชื่อมั่น
และนบั ถอื ในความเกง่ กาจดา้ นบรหิ ารจดั การ เจรจา หาทนุ ประสานความรว่ มมอื อดุ หนนุ ประโยชน์
แก่องคก์ ร มูลนธิ ิ และสมาคมต่าง ๆ และถ้าจะนบั จากวนั แรกที่ท่านผูห้ ญงิ สมุ าลีเริ่มตน้ ท�ำ งานจนถึง
วันที่ละวางจากตำ�แหน่งต่าง ๆ ก็เป็นเวลาหลายสิบปี ซึ่งตลอดระยะเวลาอันยาวนานนั้น ผลงาน
ของท่านผู้หญิงไม่เพียงแต่สร้างคุณประโยชน์แก่เพื่อนมนุษย์ เปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คน บุกเบิก
และสรา้ งทางไวใ้ หแ้ กค่ นรนุ่ หลงั ไดด้ �ำ เนนิ รอยตามเทา่ นนั้ แตย่ งั สรา้ งคณุ คา่ แกต่ นเอง อกี ทงั้ คณุ สมบตั ิ
ตลอดจนวิธีการทำ�งานของท่านผู้หญิงสุมาลียังเป็นแบบอย่างแก่ผู้ที่ได้ร่วมงานกับท่านอีกด้วย

ครั้งหนึ่ง ท่านผู้หญิงสุมาลีเคยตอบรับคำ�ชื่นชมของผู้ทำ�งานใกล้ชิดที่กล่าวว่าได้เรียนรู้
วิธีการทำ�งานและการใช้ชีวิตจากท่านว่า ดีใจที่เป็นประโยชน์ ข้อความนี้เองที่อาจเป็นเข็มทิศ
นำ�ใจให้ท่านผู้หญิงสุมาลีดำ�เนินชีวิตอย่างเห็นคุณค่าและความสามารถของตนเองในการทำ�สิ่งต่าง ๆ
มีความภาคภูมิใจและยินดีที่ผลจากการทำ�งานนั้นจะสร้างสรรค์ประโยชน์ให้เกิดขึ้นในทางใดทางหนึ่ง
แก่ผู้อื่น ตลอดจนสังคมและประเทศชาติ ผู้ที่ได้ร่วมงานและผู้ใกล้ชิดต่างประทับใจในความสามารถ
และผลงานของทา่ นผูห้ ญงิ ดงั เชน่ เพือ่ นกระทรวงศกึ ษาธกิ ารของคณุ หญงิ กษมาไดถ้ า่ ยทอดความรูส้ กึ
ผ่านบทกลอน ชื่อ ท่านผู้หญิงสุมาลีในความทรงจำ� ดังนี้

. 42 .

. .

คือ ร่มโพธิ์ร่มไทรอวลไออุ่น
คือ ร่มบุญลูกลูกปลุกปลอบขวัญ
คือ ร่มเชื่อมช่องว่างสร้างสัมพันธ์
คือ ร่มธรรมสำ�คัญทุกวันมา

คือ คนต้นแบบ ทำ�งานด้านสังคม
คือ คนบ่มจิตวิญญาณด้านอาสา
คือ ดอกไม้ที่งามอร่ามตา
คือ นางฟ้าเพื่องานด้านสังคม
คือ คนที่มีจิตใจใสสะอาด
คือ คนวาดอนาคตสวยสดสม
คือ คนที่ใครต่อใครได้ชื่นชม
คือ คนคมความคิดนิจนิรันดร์
คือ คนสร้างเครือข่ายให้กับให้
คือ คนสร้างจิตใจให้สร้างสรรค์
คือ คนที่เห็นงานเป็นสำ�คัญ
คือ คนที่มุ่งมั่นด้านพัฒนา
คือ ผู้นำ�สตรีไทยได้ประจักษ์
คือ ผู้รักวิชาการงานศึกษา
คือ คนที่รับผิดชอบมอบหมายมา
คือ คนที่ไม่เหนื่อยล้ากล้าแกร่งงาน
ขอ คุณพระรัตนตรัยได้เกื้อหนุน
ขอ ผลบุญที่ยิ่งใหญ่แผ่ไพศาล
ขอ ให้แม่มีความสุขทุกวันวาร
ขอ สถิต ณ ทิพย์สถานพิมานพรหม
ประพันธ์โดย วินัย รอดจ่าย
ในนามกลุ่มบอยแบนด์

. 43 .

. .

ภายใต้ภาพลักษณ์ภายนอกคือสุภาพสตรีที่สุภาพอ่อนโยน หากแต่คุณสมบัติภายในจิตใจ
ของท่านผู้หญิงสุมาลีประการหนึ่งคือ ความเป็นผู้นำ�ที่เข้มแข็ง แข็งแกร่ง หลายท่านอาจไม่ทราบว่า
ก่อนหน้านั้น ท่านผู้หญิงสุมาลีเรียนรู้ ฝึกฝน และบ่มเพาะความสามารถของตนด้วยงานด้านธุรกิจ
จากการช่วยดูแลธุรกิจของครอบครัว ซึ่งเปิดบริษัทออกแบบและควบคุมงานก่อสร้าง คือ บริษัท
ยุกตะเสวีการช่าง จำ�กัด โดยมีหลวงยุกตเสวีวิวัฒน์เป็นที่ปรึกษา คุณหญิงยุกตเสวีวิวัฒน์เป็น
ผูจ้ ดั การ ดแู ลงานของบรษิ ทั หลายดา้ น ทัง้ การบรหิ ารงาน การตดิ ตอ่ งาน การควบคมุ งานและอืน่ ๆ
ด้วยภาระงานที่มากขึ้น จึงให้ลูกสาวคนโตมาช่วยแบ่งเบาโดยเป็นผู้ช่วยผู้จัดการ ท่านผู้หญิงสุมาลี
ซึ่งในเวลานั้นคุณหญิงกษมาเติบโตจนเข้าโรงเรียนอนุบาลแล้ว จึงมีเวลาสำ�หรับการเข้าไปช่วยดูแล
ธุรกิจของครอบครัว

“ยุกตะเสวีการช่าง” สร้างผลงานที่สำ�คัญไว้มากมาย เช่น สะพานข้ามแม่นํ้าบางปะกง
อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ อัฒจันทร์สนามศุภชลาสัย รวมถึงงานสุดท้ายคือการก่อสร้างอาคาร
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งเป็นงานขนาดใหญ่ มีอาคารจำ�นวนมาก ใช้เวลา
ในการก่อสร้างนาน ตลอดระยะเวลานั้น ท่านผู้หญิงสุมาลีต้องเดินทางไปส่งมอบงานเกือบทุกเดือน
และนำ�ความทึ่งระคนแปลกใจเป็นอย่างยิ่งแก่ผู้ร่วมงานชาวต่างชาติ ที่ได้พบกับผู้หญิงไทย
ซึ่งในยุคสมัยนั้นหาได้ยากที่จะทำ�งานด้านการก่อสร้าง ยิ่งไปกว่านั้นยังอายุน้อยแต่กลับมีหน้าที่
ความรับผิดชอบยิ่งใหญ่ เนื่องจากเป็นงานสำ�คัญและต้องได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับ

. 44 .

. .

ประสบการณ์ในการดูแลธุรกิจก่อสร้างของครอบครัวเช่นนี้เองที่ส่งผลอย่างสำ�คัญ
ในการบ่มเพาะความเป็นผู้นำ�ที่เข้มแข็ง รวมทั้งนำ�ความรู้ความสามารถจากการทำ�งานในภาคธุรกิจ
มาประยุกต์ใช้เมื่อก้าวเข้าสู่การทำ�งานภาคสังคม โดยองค์กรที่ท่านผู้หญิงสุมาลีเริ่มต้นงานสังคม
สงเคราะหเ์ ปน็ องคก์ รแรก คอื มลู นธิ อิ นเุ คราะหค์ นพกิ าร ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเดจ็ พระศรนี ครนิ ทรา-
บรมราชชนนี

. 45 .

. .

งานสังคม

คุณสมบัติสำ�คัญประการหนึ่งของท่านผู้หญิงสุมาลีคือ สนใจแสวงหาความรู้ต่าง ๆ อย่าง
ไม่หยุดนิ่ง และด้วยคุณสมบัตินี้เองที่นำ�ทางให้ท่านเดินเข้าสู่เส้นทางการทำ�งานสังคมสงเคราะห ์
ดว้ ยหวงั วา่ หลงั จากแตง่ งานและชวี ติ เริม่ ตน้ บทใหมใ่ นฐานะภรรยาและแม ่ นอกจากการเรยี นรูส้ ิง่ ใหม่
เพือ่ ปรบั ตวั ในหนา้ ทีด่ งั กลา่ วแลว้ การตัง้ ใจทีจ่ ะท�ำ งานสงั คมอยา่ งจรงิ จงั เพือ่ ท�ำ ประโยชนแ์ กผ่ ูอ้ ืน่
จะเป็นการเปิดโอกาสให้ตนเองได้เรียนรู้โลกภายนอก และพัฒนาตนจากการทำ�งาน ได้รับ
ประสบการณ์และความรู้จากการทำ�งานนั้น เพื่อให้ทันเหตุการณ์ทันโลกไปพร้อมกัน

ก้าวแรกของการเริ่มต้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๕ คือ การทำ�หน้าที่ประสานความเข้าใจระหว่าง
คนท�ำ งานในฐานะลา่ ม เนือ่ งดว้ ยในเวลานัน้ มสิ ไอลนี เดวดิ สนั ผูเ้ ชีย่ วชาญดา้ นสงั คมสงเคราะหข์ อง
สหประชาชาติชาวออสเตรเลีย ได้เข้ามาประจำ�การในฐานะที่ปรึกษาสังคมสงเคราะห์ทางการแพทย์
อยู่ที่สถานสงเคราะห์แม่และเด็ก ถนนสาทร ซึ่งองค์การยูนิเซฟก่อตั้งขึ้น ด้วยสำ�เนียงการพูดแบบ
ชาวออสเตรเลียซึ่งไม่เป็นที่คุ้นหูคนไทยนักทำ�ให้ฟังยาก จึงเป็นอุปสรรคเมื่อต้องสื่อสารกับคนไข้
หรือผู้ร่วมงาน หม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร นักสังคมสงเคราะห์คนสำ�คัญของไทยซึ่งทำ�งานประสานอยู่
จึงติดต่อชักชวนท่านผู้หญิงสุมาลีให้มาช่วยประสานงานเป็นล่ามสื่อสารระหว่างอาสาสมัครไทย
และที่ปรึกษาต่างชาติ ความรู้ที่ได้รับจากการทำ�งานนี้ทำ�ให้ท่านผู้หญิงสุมาลีเข้าใจถึงหลักพื้นฐาน
ของการทำ�งานสังคมสงเคราะห์ และเป็นพื้นฐานที่ดีต่อการทำ�งานในเวลาต่อมา

. 46 .

. .

ในเวลานั้น สถานสงเคราะห์แม่และเด็กมีงานสำ�คัญงานหนึ่งที่ต้องดำ�เนินการคือให้บริการแก่
เด็กที่เป็นโรคไขสันหลังอักเสบ หรือที่เรียกกันว่า โรคโปลิโอ เด็กเล็ก ๆ ที่อาศัยอยู่กับครอบครัว
ในบริเวณใกล้แม่นํ้าเจ้าพระยาย่านตรอกจันทน์ ยานนาวา บางรัก จนถึงถนนตก มีอาการของโรค
หลายคน สันนิษฐานว่า เชื้อโรคอาจจะแพร่กระจายมากับคนบนเรือสินค้าจากต่างประเทศที่มา
จอดเทียบท่าโกดังสินค้าบริเวณวัดยานนาวา เมื่อเด็ก ๆ ลงไปว่ายนํ้าเล่นในแม่นํ้าหรือลำ�คลอง
ที่เชื่อมต่อมาจากแม่นํ้า จึงติดเชื้อโรคดังกล่าว พ่อแม่ผู้ปกครองจึงพามาหาหมอที่สถานสงเคราะห์
แม่และเด็ก

ในช่วงเวลาใกล้เคียงกันนั้น พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดช
มหาราช บรมนาถบพิตรมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานอ่างธารา
บำ�บัด ซึ่งเป็นอุปกรณ์ใช้ในการบำ�บัดและฟื้นฟูกล้ามเนื้อของผู้ป่วยแก่โรงพยาบาลศิริราช
และโรงพยาบาลพระมงกฎุ เกลา้ สถานสงเคราะหแ์ มแ่ ละเดก็ สาทร จงึ น�ำ เดก็ ๆ ไปรบั การบ�ำ บดั ดว้ ย
อุปกรณ์ดังกล่าวซึ่งต้องทำ�สมํ่าเสมอ อย่างไรก็ตาม บางครั้งผู้ปกครองของเด็กต้องทำ�งานหาเลี้ยง
ครอบครัว ไม่สามารถมาส่งและรับที่โรงพยาบาลได้ทุกวัน นักสังคมสงเคราะห์และอาสาสมัคร
จึงผลดั เวรกันชว่ ยน�ำ เด็ก ๆ ไปรบั การบำ�บัดทีโ่ รงพยาบาลทัง้ สองแห่ง และท่านผูห้ ญิงสมุ าลเี ปน็ หนึ่ง
ในอาสาสมัครที่มาช่วยทำ�หน้าที่นี้

นับเป็นก้าวแรกสู่งานสังคมสงเคราะห์อันนำ�มาสู่ก้าวต่อ ๆ มาที่ต่อเนื่องยาวนาน
หลงั ด�ำ เนนิ การใหค้ วามชว่ ยเหลอื แกผ่ ปู้ ว่ ยไดร้ าว ๒ ป ี พระวรวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จา้ เปรมบรุ ฉตั ร
นายกสโมสรโรตารีกรุงเทพ ในขณะนั้น ทรงเสนอให้ก่อตั้งมูลนิธิขึ้น เพื่อหาทุนช่วย
โรงพยาบาลซึ่งต้องซื้อกายอุปกรณ์ต่าง ๆ เพิ่มเติม จึงเป็นที่มาของมูลนิธิอนุเคราะห์คนพิการ
และสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงรับไว้ในพระราชูปถัมภ์ โดยมีหม่อมงามจิตต์
เป็นประธานมูลนิธิคนแรก และท่านผู้หญิงสุมาลีเป็นเลขานุการกิตติมศักดิ์

. 47 .

. .

ไม่เพียงช่วยเหลือผู้ป่วยให้ได้รับการบำ�บัดรักษาที่ถูกต้องเท่านั้น มูลนิธิยังมองการณ์ไกล
ถึงการสนับสนุนให้ผู้ป่วยพึ่งตนเองได้ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีในอนาคตด้วยการให้การศึกษา ดังนั้น
นอกจากจะเปิดศูนย์บริการเด็กพิการขึ้นที่ปากเกร็ด เพื่อใช้เป็นที่พักของผู้ป่วยที่เดินทางจาก
ต่างจังหวัดเข้ามารับการรักษาพยาบาลที่กรุงเทพฯ มูลนิธิจึงเปิดโรงเรียนสอนคนพิการขึ้น
อยา่ งเปน็ ทางการเมือ่ พ.ศ. ๒๕๐๔ และขอพระราชทานชือ่ จากองคอ์ ปุ ถมั ภต์ ัง้ เปน็ ชือ่ ของโรงเรยี น คอื
โรงเรียนศรีสังวาลย์ ซึ่งมีแนวคิดสำ�คัญว่า เด็กทุกคนที่นี่ต้องสามารถช่วยตนเองได้ ไม่เป็นภาระ
ของสังคม อย่างน้อยคือประกอบอาชีพเพื่อเลี้ยงตนเองได้

ตลอดระยะเวลาดำ�เนินงานที่ผ่านมาของมูลนิธิอนุเคราะห์คนพิการ ในพระราชูปถัมภ์
สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และโรงเรียนศรีสังวาลย์ ท่านผู้หญิงสุมาลีจะบริหารจัดการ
ให้การสนับสนนุ อีกทัง้ ใหข้ วญั ก�ำ ลังใจและแนวทางในการทำ�งานแกเ่ จ้าหน้าทีท่ กุ ฝา่ ย ทัง้ นี้ เพือ่ ยก
ระดับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย เป็นการสืบสานพระปณิธานของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี

คณุ หญงิ วจิ นั ทรา บนุ นาค ซึง่ รว่ มงานกบั ทา่ นผูห้ ญงิ สมุ าลมี าอยา่ งยาวนานโดยเริม่ ตน้ ทีม่ ลู นธิ ิ
อนเุ คราะหค์ นพกิ ารฯ และทีส่ ภาสตรแี หง่ ชาตฯิ และเปน็ หนึง่ ในสามของ The Three Musketeers
ซึ่งหมายถึงสุภาพสตรี ๓ ท่านที่ผนึกพลังทำ�งานด้านสังคมสงเคราะห์ด้วยกันมากว่า ๕๐ ปี
ไปด้วยกันทุกหนทุกแห่งทั่วประเทศไทย จนรู้ใจกันเป็นอย่างดี ได้แก่ คุณหญิงสารภี นันทาภิวัฒน์
คุณหญิงวิจันทรา บุนนาค และท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช เล่าถึงการทำ�งานกับท่านผู้หญิงสุมาลี
หรือพี่อ๊อดของน้อง ๆ ว่า “ท่านเป็นคนขยัน ความคิดดี และมีระบบการทำ�งานดี จึงทำ�ให้

. 48 .

. .

ผู้ร่วมงานได้พลอยเรียนรู้ไปด้วย ท่านจะเป็นผู้ตื่นก่อน นอนทีหลังเพื่อน เพราะจะใช้เวลานาน
พิถีพิถันในการเตรียมเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายให้งดงามครบถ้วน ไม่ให้มีสิ่งใดขาดตกบกพร่อง
รวมทั้งจัดเตรียมเอกสารต่าง ๆ ที่อาจต้องใช้ในการประชุมอย่างมีระเบียบ เป็นคนช่างอ่าน ถ้าพัก
ในโรงแรมใด ท่านจะอ่านเอกสาร แผ่นพับโฆษณาสารพัดที่เขาวางไว้ให้ในห้อง แล้วนำ�ข้อมูลมา
ถ่ายทอดต่อให้พวกเรารับรู้ด้วย ซึ่งเป็นอุปนิสัยประจำ�ตัวของท่านมาตลอด”

เมื่อเทียบกับการทำ�งานในองค์กรหรือบริษัททั่วไป การเริ่มต้นจากตำ�แหน่งเจ้าหน้าที่
อาสาสมัครสู่ผู้บริหารองค์กรนับเป็นความเจริญก้าวหน้าและประสบความสำ�เร็จอย่างยิ่ง สำ�หรับ
ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช การทำ�งานด้านสังคมสงเคราะห์ของท่านไม่เพียงแต่เติบโตในแนวตั้ง
เท่านั้น แต่ยังขยับขยายสู่องค์กรต่าง ๆ ที่มีความหลากหลายอีกหลายองค์กรอีกด้วย โดยเฉพาะ
อย่างยิ่ง องค์กรที่อยู่ในพระบรมราชานุเคราะห์

. 49 .

. .

ด้วยพลังใจและความมุ่งมั่น

หลกั ของใจในการท�ำ งานสาธารณประโยชนข์ องทา่ นผูห้ ญงิ สมุ าลปี ระการหนึง่ คอื การถวายงาน
แด่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร สมเด็จ-
พระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ตลอดจนพระบรมวงศานุวงศ์
ด้วยความตั้งใจและทุ่มเท ดังที่คุณจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ถ่ายทอดไว้ว่า “เห็นผลงานและ
ความมุ่งมั่นของท่านผู้หญิงสุมาลีมาตลอดด้วยความชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง ตลอดจนได้เห็นถึงความจงรัก
ภักดีที่ท่านผู้หญิงสุมาลีมีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ตลอดเวลาที่ทำ�งานร่วมกันมา ๔๐ กว่าปี”

ผู้นำ�ที่สร้างความเชื่อมั่นให้แก่องค์กร จะต้องมีความมุ่งมั่นตั้งใจ ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค
ซึ่งท่านผู้หญิงสุมาลีมีคุณสมบัตินั้นอยู่เต็มเปี่ยม ที่สำ�คัญยังมีความมุ่งมั่นที่จะทำ�งานสนอง
พระมหากรุณาธิคุณด้วยความจงรักภักดีดังนี้ จึงเป็นพลังสำ�คัญที่ทำ�ให้ท่านผู้หญิงสุมาลีอุทิศตน
ทำ�งานในหลากหลายองค์กรอย่างต่อเนื่องแม้จะสูงวัยแล้วก็ตาม หนึ่งในนั้นคือ มูลนิธิสายใจไทย
ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งถือกำ�เนิดขึ้นจากสถานการณ์บ้านเมืองในอดีต

ราว พ.ศ. ๒๕๐๘ เปน็ ยามทีบ่ า้ นเมอื งของเราตอ้ งเผชญิ กบั สถานการณค์ วามขดั แยง้ ทีเ่ กดิ จาก
ความคิดแตกต่างกันทางการเมืองการปกครองจนถึงขั้นมีการสู้รบในพื้นที่ต่าง ๆ ของประเทศ
ทำ�ให้มีทหาร ตำ�รวจ ตลอดจนราษฎรอาสาสมัครที่ได้รับบาดเจ็บจนทุพพลภาพหรือเสียชีวิตจาก
เหตุดังกล่าวจำ�นวนไม่น้อย พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช
บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
ทรงห่วงใยในผู้ปฏิบัติหน้าที่ป้องกันประเทศ จึงเสด็จพระราชดำ�เนินเยี่ยมเจ้าหน้าที่ผู้เสียสละที่ได้รับ

. 50 .

. .

บาดเจ็บเหล่านี้เสมอ และเมื่อถึงวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า
กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในวันที่ ๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๑๘
ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ โปรดกระหมอ่ มใหเ้ ชญิ ทหาร ต�ำ รวจ และราษฎรอาสาสมคั ร ทีไ่ ดร้ บั บาดเจบ็
จากการปฏิบัติหน้าที่ และพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า โรงพยาบาลตำ�รวจ
โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า และโรงพยาบาลทหารผ่านศึก มารับพระราชทานเลี้ยง
ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พร้อมทั้งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เชิญผู้มีจิตกุศล
เป็นจำ�นวนมากมาร่วมในงานด้วย และมีพระราชปรารภถึงการจัดตั้งมูลนิธิเพื่อดูแลช่วยเหลือ
ในด้านต่าง ๆ ทั้งการรักษาและฟื้นฟูสภาพร่างกาย รวมถึงการสนับสนุนให้ประกอบอาชีพสุจริต
เพื่อเลี้ยงตนเองและครอบครัวได้ จึงพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จำ�นวนหนึ่ง
เป็นทุนเริ่มแรก รวมทั้งรวบรวมทุนทรัพย์ที่มีผู้มีจิตศรัทธาร่วมโดยเสด็จพระราชกุศลในวันนั้น
เป็นที่มาของการก่อตั้งมูลนิธิสายใจไทย ซึ่งทรงรับไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ และทรงพระกรุณา
โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ
สยามบรมราชกุมารี ทรงดำ�รงตำ�แหน่งองค์ประธานมูลนิธิ

ท่านผู้หญิงสุมาลีได้รับการชักชวนจากคุณพูนเพิ่ม ไกรฤกษ์ อดีตเลขาธิการพระราชวัง
ซึ่งดำ�รงตำ�แหน่งรองประธานกรรมการของมูลนิธิอยู่ในเวลานั้นให้มาร่วมงานกับมูลนิธิสายใจไทยฯ
ท่านผู้หญิงเคยเล่าว่าท่านน่าจะเป็นผู้หญิงคนแรกในเวลานั้นที่เข้ามาเป็นอาสาสมัครที่มูลนิธิ โดย
มีหน้าที่ไปเยี่ยมเยียนพร้อมนำ�เงินสงเคราะห์ของมูลนิธิไปมอบให้ทหาร อาสาสมัคร และราษฎร
ที่พิการและมารับการฝึกอาชีพที่บางปูทุกเดือน จนกระทั่งหน่วยฝึกอาชีพที่นี่ปิดดำ�เนินการ
จึงได้รับมอบหมายให้ไปเยี่ยมปลอบขวัญและให้กำ�ลังใจทหารบาดเจ็บที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า
นอกจากนั้น มูลนิธิยังช่วยเหลือในเรื่องค่าครองชีพ ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เช่น ค่าการศึกษาของบุตร
รวมทั้งช่วยจัดหาอวัยวะเทียม เงินกู้เพื่อการประกอบอาชีพ ทั้งยังตั้งศูนย์ฝึกอาชีพงานฝีมือ
หลากหลายประเภท ทั้งงานหนัง งานไม้ งานแก้ว งานผ้า เป็นต้น เพื่อให้สมาชิกได้ฝึกฝนอาชีพ
ในสายงานทีถ่ นดั หรอื สนใจ และสามารถสรา้ งงานฝมี อื ทีง่ ดงามและคณุ ภาพด ี มลู นธิ นิ �ำ ออกจ�ำ หนา่ ย
สร้างรายได้ให้แก่เจ้าของผลงาน ทำ�ให้เลี้ยงชีพ เลี้ยงครอบครัวได้อย่างภาคภูมิใจ

. 51 .

. .

ท่านผู้หญิงสุมาลีทำ�งานที่นี่ยาวนานจนกระทั่งดำ�รงตำ�แหน่งรองประธานมูลนิธิ แม้เมื่อป่วย
และสูงวัยจนต้องลาออกจากตำ�แหน่งในมูลนิธิและองค์กรการกุศลต่าง ๆ แต่มูลนิธิสายใจไทย
ในพระบรมราชูปถัมภ์ก็ยังเป็นหนึ่งในไม่กี่องค์กรที่ท่านยังคงอุทิศตนทำ�งานอย่างต่อเนื่อง

กรรมการมูลนิธิสายใจไทยฯ เยี่ยมผู้ป่วยราชการสนามที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า พ.ศ. ๒๕๓๒

นอกจากมูลนิธิสายใจไทยฯ มูลนิธิสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ ในพระราชูปถัมภ์
สมเดจ็ พระศรนี ครนิ ทราบรมราชชนน ี ก็นบั ไดว้ า่ เปน็ การทำ�งานโดยมีเปา้ หมายเพอ่ื ถวายเป็นราชสักการะ
แด่พระบรมวงศานุวงศ์เป็นที่ตั้ง โดยเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๓ เป็นอีกปีหนึ่งที่เป็นมหามงคลสำ�หรับ
ปวงชนชาวไทย เนือ่ งจากเปน็ ปที ีส่ มเดจ็ พระศรนี ครนิ ทราบรมราชชนนี พระชนมายคุ รบ ๘๐ พรรษา

ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จย่าทรงเกื้อหนุนแก่พสกนิกรไทยมาโดยตลอดเมื่อถึงวาระ
สำ�คัญนี้ คณะรัฐมนตรีจึงมีมติให้กระทรวงศึกษาธิการดำ�เนินการสร้างสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ
สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ใน ๑๒ เขตการศึกษาทั่วประเทศ คือ ที่จังหวัดนนทบุรี
ปัตตานี ชุมพร พังงา กาญจนบุรี พระนครศรีอยุธยา พิจิตร เชียงราย สกลนคร ร้อยเอ็ด
ศรีสะเกษ และฉะเชิงเทรา ภายใต้นามมงคลว่า “สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์” ตามด้วยชื่อจังหวัด
ที่ตั้ง เพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเป็นราชสักการะแด่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี

และนั่นจงึ เปน็ งานส�ำ คญั ในชวี ิตอีกหนึง่ งานที่ท่านผูห้ ญิงสมุ าลีไดม้ สี ่วนผลกั ดนั และด�ำ เนนิ การ
จนประสบผลสำ�เร็จอย่างงดงาม

. 52 .


Click to View FlipBook Version