. .
จุดเด่นของแนวคิดในการสร้างสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ก็คือ แม้จะสร้างถวายแด่
สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทว่าแท้จริง ประชาชนทุกหมู่ต่างหากที่ได้รับประโยชน์
ในการใช้เป็นพื้นที่สาธารณะ สร้างความสดชื่นสบายตา เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ โดยน้อมนำ�
พระราชกระแสรับสั่งของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีว่า “สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์
ต้องจัดให้ร่มรื่น ร่มเย็นและสวยงาม รักษาธรรมชาติไว้ ไม่ต้องให้ใหญ่โตมากนัก ให้ประชาชน
เข้าไปใช้ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น” เป็นแนวทางในการดำ�เนินงาน
ที่มาของภาพ : http://www.srinagarindrapark.org
ในการระดมทนุ ส�ำ หรบั ด�ำ เนนิ การสรา้ งสวนนัน้ สมเดจ็ พระเจา้ พีน่ างเธอ เจา้ ฟา้ กลั ยาณวิ ฒั นา
กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ทรงพระกรุณาพระราชทานรายได้จากการขายหนังสือพระนิพนธ์
เรื่องแม่เล่าให้ฟัง จำ�นวน ๑๐ ล้านบาท เป็นทุนเริ่มแรก จากนั้นทุก ๆ ปี รัฐบาลในสมัยต่อมา
จึงจัดสรรงบประมาณสนับสนุน อีกทั้งยังได้เงินจากประชาชนใน ๑๒ จังหวัดที่ตั้งของสวน
และประชาชนทั่วประเทศร่วมบริจาคสมทบอีกด้วย
ท่านผู้หญิงสุมาลีซึ่งดำ�รงตำ�แหน่งนายกมูลนิธิสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์เคยเล่าไว้ถึง
การท�ำ งานในครัง้ นัน้ วา่ จดุ เดน่ ของ “สวนสมเดจ็ ฯ” ทกุ แหง่ คอื คณะกรรมการจะคดั เลอื กจากท�ำ เล
ที่แต่ละจังหวัดส่งเข้ามา ซึ่งแต่ละแห่งจะมีความงดงามตามธรรมชาติของภูมิทัศน์ดั้งเดิมแตกต่างกัน
ตามสภาพแวดล้อมและภูมิศาสตร์ของท้องถิ่น ไม่ได้ตกแต่งขึ้นใหม่ จึงไม่ต้องใช้เงินมาก
ในการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง
คุณอารีย์ วงศ์อารยะ ประธานกรรมการมูลนิธิ เล่าถึงการทำ�งานกับท่านผู้หญิงสุมาลีว่า
“ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช ได้รับโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ดำ�รงตำ�แหน่งนายกมูลนิธิ
สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี มาตั้งแต่
เดือนสิงหาคม พ.ศ. ๒๕๓๑ ซึ่งตลอดเวลาที่ท่านดำ�รงตำ�แหน่งอันสำ�คัญยิ่งดังกล่าว จวบจนวาระ
สุดท้ายแห่งชีวิต ท่านได้ให้ความสำ�คัญ และเป็นผู้นำ�ในการบริหารมูลนิธิด้วยความมุ่งมั่น ทุ่มเท...
. 53 .
. .
...กรรมการบริหารมูลนิธิฯ ทุกคน มีความรัก เคารพ และภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ที่มีท่าน
มาเป็นผู้นำ�ในการบริหารงานของมูลนิธิฯ โดยท่านได้นำ�ความรู้และประสบการณ์ในการเป็นผู้นำ�
ทำ�งานเพื่อส่วนรวมตลอดชีวิตของท่านที่อุทิศให้สังคมและประเทศชาติมากมาย มาใช้กับ
การบริหารงาน ส่งผลให้งานของมูลนิธิฯ และสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ทุกแห่ง มีความสวยงาม
เจรญิ รดุ หนา้ ตลอดเวลาทีผ่ า่ นมา ยงั ประโยชนต์ อ่ พีน่ อ้ งประชาชนผูใ้ ชบ้ รกิ ารตามพระประสงคท์ ีต่ ัง้ ไว้
โดยในการประชุมของมูลนิธิฯ ทุกครั้ง ท่านได้กรุณาเข้าร่วมประชุมอย่างสมํ่าเสมอ แม้ช่วงหลัง
ที่สุขภาพร่างกายของท่านจะเริ่มอ่อนล้าลงมากแล้วก็ตาม”
วิธีการทำ�งานของท่านผู้หญิงสุมาลีสร้างความประทับใจให้ผู้ร่วมงานทุกคน เช่นเดียวกับ
การดำ�เนินงานที่สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ ซึ่งท่านผู้หญิงสุมาลีเป็นกรรมการในคณะอำ�นวยการ
จัดสร้าง และเป็นประธานคณะอนุกรรมการหาทุนในเวลานั้น คุณภัทราดา ยมนาค ซึ่งขณะนั้น
เป็นข้าราชการกรมการศึกษานอกโรงเรียนและได้รับมอบหมายให้ช่วยงานเป็นผู้ช่วยเลขานุการ
คณะอนกุ รรมการหาทุนเล่าว่า เป็นโอกาสดที ีไ่ ดเ้ รยี นรูว้ ธิ กี ารท�ำ งานของท่านผู้หญิง การท�ำ งานยาก
ให้ง่ายขึ้นโดยใช้ศาสตร์และศิลป์ชั้นสุดยอด “ท่านรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นอย่างเปิดกว้าง
แต่สามารถปรับให้เป็นไปได้ ท่านจึงรับข้อเสนอในการจัดพิมพ์หนังสือแม่เล่าให้ฟัง พระนิพนธ์
ในสมเดจ็ ฯ เจา้ ฟา้ กลั ยาณวิ ฒั นา (พระยศในขณะนัน้ ) จากปกแขง็ ๓๐๐ บาท เปน็ ปกออ่ น ๓๐ บาท
ถึง ๕๐๐,๐๐๐ เล่ม และภายหลังได้พิมพ์หนังสือเวลาเป็นของมีค่า ขายปกอ่อน ๕๐ บาท
อีก ๕๐,๐๐๐ เล่ม เพื่อให้หนังสือได้กระจายได้กว้างขวางด้วยราคาย่อมเยาลง ถ้าดูแบบผิวเผิน
ก็จะธรรมดา ๆ แต่จำ�นวน ๕๐๐,๐๐๐ เล่ม ในความจริงนั้นมากมายมหาศาล แต่ท่านได้ชี้ช่องทาง
และนำ�พาให้ขายหนังสือได้จนหมด ได้เงินมาเป็นทุนส่วนหนึ่งในการจัดสร้างสวนสมเด็จฯ ๑๒ แห่ง
ใน ๑๒ เขตการศึกษาทั่วประเทศ”
. 54 .
. .
คุณเมตตา อุทกะพันธุ์ ประธานกรรมการ บริษัท อมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์ พับลิชชิ่ง จำ�กัด
(มหาชน) ซึ่งจัดพิมพ์หนังสือแม่เล่าให้ฟัง ได้ถ่ายทอดประสบการณ์ที่ได้ร่วมงานกับท่านผู้หญิงสุมาลี
วา่ “นอกเหนอื จากความชว่ ยเหลอื ทีท่ า่ นไดใ้ หพ้ วกเราอยา่ งเตม็ ใจแลว้ สิง่ ส�ำ คญั ทีด่ ฉิ นั และครอบครวั
ได้เรียนรู้จากท่าน คือ ท่านเป็นผู้ใหญ่ที่มีเมตตา ให้เกียรติและให้ความเกรงใจผู้ร่วมทำ�งานทุกคน
คุณชูเกียรติมักจะสอนดิฉันและลูก ๆ เสมอให้ดูวิธีทำ�งานของท่านผู้หญิงเป็นตัวอย่าง โดยเฉพาะ
ความละเอียดประณีต และความไม่ฟุ่มเฟือยในทุก ๆ เรื่องที่ทำ� อีกทั้งท่านยังเป็นนักการตลาด
ชั้นยอด ใช้เงินอย่างมัธยัสถ์ แต่ได้ผลเกินค่า ดิฉันสังเกตได้ทุกครั้งที่ร่วมทำ�งานการกุศลกับท่าน
ทำ�ให้พวกเรานำ�วิธีคิดของท่านมาบริหารธุรกิจของบริษัทฯ ด้วย”
อีกหนึ่งมูลนิธิที่ท่านผู้หญิงสุมาลีเคยเป็นประธานกรรมการบริหารมูลนิธิและที่ปรึกษา คือ
มูลนิธิกองทุนการกุศลสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ในพระราชูปถัมภ์
สมเดจ็ พระศรนี ครนิ ทราบรมราชชนนี สมเดจ็ ยา่ ของชาวไทย ทรงหว่ งใยและสนพระราชหฤทยั
ในทุกข์สุขของประชาชนทุกคน อีกทั้งมีพระมหากรุณาธิคุณต่อคนไทยในการทรงงานเพื่ออนุเคราะห์
และช่วยเหลือผู้คนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีในมิติต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านสาธารณสุข
สมเด็จย่ามีพระสหายชาวต่างชาติซึ่งสนิทสนมคุ้นเคยกันตั้งแต่เมื่อครั้งทรงศึกษาอยู่ที่
สหรฐั อเมรกิ า คอื ทา่ นผูห้ ญงิ เบต็ ตี้ ดเู มน ซึง่ ไดจ้ ดั ตัง้ องคก์ รการกศุ ลในสหรฐั อเมรกิ า ชว่ ยระดมทนุ
ถวายแดส่ มเดจ็ พระศรนี ครนิ ทราบรมราชชนนเี พือ่ การจดั สรา้ งโรงเรยี นในชมุ ชนทางภาคเหนอื ของไทย
จากนั้นเมื่อวันที่ ๑๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๒๓ จึงก่อตั้งมูลนิธิกองทุนการกุศลสมเด็จพระศรีนครินทรา-
บรมราชชนนีฯ และมอบเงินส่วนที่เหลือจากองค์กรการกุศลของท่านก่อนปิดตัวให้แก่มูลนิธิ
เป้าหมายในการดำ�เนินงานของมูลนิธิกองทุนการกุศลสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีฯ
คือการสืบสานพระราชปณิธานของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทั้งด้านอาชีพการพยาบาล
และสาธารณสขุ พรอ้ มเผยแพรพ่ ระเกยี รตคิ ณุ และพระราชกรณยี กจิ โดยภารกจิ ทีส่ �ำ คญั ประการหนึง่
ของมูลนิธิ คือ การระดมทุนเพื่อจัดสรรสำ�หรับมอบเป็นทุนการศึกษาแก่นักศึกษาพยาบาลจาก
วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ๓๐ แห่งทั่วประเทศ สังกัดสถาบันพระบรมราชชนก กระทรวง
สาธารณสุข รวมถึงวิทยาลัยพยาบาลของรัฐอีกหลายแห่ง และสนับสนุนช่วยเหลือองค์กรอื่น ๆ
ที่อยู่ในพระอุปถัมภ์ของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
ด้วยความเสียสละทั้งแรงกายแรงใจ อุทิศเวลาให้แก่การทำ�งานเพื่อมูลนิธิ ท่านผู้หญิงสุมาลี
ได้ดำ�เนินงานจนมูลนิธิสามารถระดมเงินทุนเพื่อนำ�ไปใช้ได้ตามวัตถุประสงค์ ส่งเสริมสนับสนุน
การศึกษาแก่นกั เรียน อีกทัง้ ยงั เปน็ แรงบันดาลใจในการด�ำ เนินรอยตามพระราชปณธิ านของสมเด็จย่า
การทำ�งานของท่านผู้หญิงสุมาลีเป็นที่ประทับใจของ ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ ประธานกรรมการบริหาร
มูลนิธิกองทุนการกุศลสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีในพระราชูปถัมภ์ ซึ่งได้ร่วมงานกับ
ท่านผู้หญิงสุมาลีเป็นเวลายาวนานกว่า ๒๐ ปี เล่าว่าประทับใจในท่านผู้หญิงสุมาลีตั้งแต่ครั้งแรก
. 55 .
. .
ทีเ่ ขา้ ประชมุ ซึง่ เหน็ วา่ ทา่ นผูห้ ญงิ ด�ำ เนนิ การประชมุ ตามขัน้ ตอนไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง กระชบั ตรงประเดน็
ใส่ใจรายละเอียดและมีความเป็นมืออาชีพ “ตลอดช่วงเวลาที่ได้ร่วมทำ�งานกับท่าน ผมมี
ความประทับใจในความสามารถและจริยวัตรอันงดงามของท่านเป็นอย่างยิ่ง ท่านผู้หญิงสุมาลีเป็น
สุภาพสตรีที่มีความสง่างามในทุก ๆ ด้าน มีทั้งวาจาที่ไพเราะและมิตรไมตรีที่พร้อมมอบให้กับทุกคน
ท่านได้ให้ความเมตตาแก่ผมมาโดยตลอด ให้ทั้งคำ�แนะนำ�ที่มีประโยชน์ในการทำ�งานและแนวทาง
ในการดำ�เนินชีวิตอย่างมีคุณค่าเพื่อทำ�ประโยชน์และช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส ท่านเป็นเสมือนครู
ที่ประเสริฐ มีจิตใจสูงส่ง สอนและถ่ายทอดความรู้ให้กับผู้ร่วมงานทุกคนอย่างเต็มใจ”
นอกจากนี้ อีกหนึ่งมูลนิธิที่ท่านผู้หญิงสุมาลีอุทิศตนทำ�งานอย่างสุดความสามารถ คือ
มูลนิธิราชประชาสมาสัยในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งมีภารกิจที่ท้าทายอย่างสำ�คัญ เป็นภารกิจ
ด้านสาธารณสุขซึ่งแต่ละยุคสมัย ต่างมี “โจทย์” ที่ท้าทายแตกต่างกันไป ดังเช่นยุคปัจจุบันที่ปัญหา
โรคโควิด ๑๙ เป็นโจทย์สำ�คัญ ส่วนในอดีตที่การแพทย์ยังไม่เจริญก้าวหน้า ความเจ็บไข้ได้ป่วย
ของประชาชนหลายโรคหลายอาการซึ่งปัจจุบันห่างหายไปจากการรับรู้ของผู้คนด้วยมีวิธีรักษาที่ดี
ขึ้นแล้ว แต่ในอดีตนั้นคือโจทย์ใหญ่ที่วงการสาธารณสุขต้องพยายามพิชิต หนึ่งในนั้นคือ โรคเรื้อน
แน่นอนว่าความยากและท้าทายของงานนี้คือการรักษาอาการป่วยไข้ และสร้างเสริม
ประสิทธิภาพในการดูแลรักษาผู้คน ทว่า มิติของการรักษาอาการทางกายที่ไม่ง่าย ก็ยังไม่ยาก
เท่ากับการรักษามีอคติที่คนทั่วไปมีต่อผู้ป่วย เพราะโรคเรื้อนเป็นโรคติดต่อที่สังคมรังเกียจ ด้วย
เข้าใจผิดคิดว่าเป็นแล้วรักษาไม่หาย แต่แท้จริงแล้วหากได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ผู้ป่วยก็จะ
หายและสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ
ในประเทศไทยเคยมีผู้ป่วยด้วยโรคเรื้อนจำ�นวนไม่น้อยในทุกภาคของประเทศ พระบาท-
สมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรทรงห่วงใยผู้ป่วย
จึงพระราชทานพระราชทรัพย์ให้กระทรวงสาธารณสุขจัดตั้งสถาบันราชประชาสมาสัยและมูลนิธิ
ราชประชาสมาสัยในพระบรมราชูปถัมภ์ขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๓ และพระราชทานพระราชทรัพย์
ให้มูลนิธิจัดตั้งโรงเรียนราชประชาสมาสัยในพระบรมราชูปถัมภ์ใน พ.ศ. ๒๕๐๗
. 56 .
. .
ราชประชาสมาสัย มงคลนามอันหมายถึง พระมหากษัตริย์และประชาชนย่อมพึ่งพา
ช่วยเหลือกันและกัน สะท้อนให้เห็นถึงการพระราชทานความช่วยเหลือผู้ป่วยและครอบครัว โดย
สถาบัน มูลนิธิ และโรงเรียน นับเป็นสามเสาหลักของการช่วยเหลือที่ครอบคลุม ทั้งการพัฒนา
บุคลากรทางการแพทย์ที่มาดูแลรักษาผู้ป่วย ขณะเดียวกัน การช่วยเหลือนั้นต่อยอดไปสู่ครอบครัว
ของผู้ป่วยซึ่งมักถูกรังเกียจไปด้วย จึงนำ�มาสู่การพัฒนาโรงเรียนต้นแบบให้แก่บุตรของผู้ป่วย
ด้วยโรคเรื้อนที่เรียนร่วมกับนักเรียนทั่วไปได้ และขยายโครงการควบคุมโรคเรื้อนไปทั่วประเทศ
จนกระทั่งในที่สุด ใน พ.ศ. ๒๕๓๗ อัตราผู้ป่วยลดลงเหลือตํ่ากว่า ๑ คนต่อประชากร ๑ หมื่นคน
และเป็นที่น่าภูมิใจอย่างยิ่งที่ประเทศไทยสามารถปราบโรคนี้เป็นผลสำ�เร็จ โดยมีอัตราผู้ป่วยใหม่
ที่พกิ ารชัดเจนตํ่ากว่า ๑ คนตอ่ ประชากร ๑ ล้านคน ใน พ.ศ. ๒๕๕๔ กอ่ นเป้าหมาย พ.ศ. ๒๕๖๓
ขององค์การอนามัยโลก
ท่านผู้หญิงสุมาลีได้ก้าวเข้ามาเป็นกำ�ลังสำ�คัญในการดำ�เนินการมูลนิธินี้ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๐๖
ในฐานะคณะกรรมการบริหารจนกระทั่งดำ�รงตำ�แหน่งประธานมูลนิธิและประธานกิตติมศักดิ์
หนึ่งในภารกิจสำ�คัญของท่านคือ การประชาสัมพันธ์เผยแพร่และส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับโรคเรื้อน
ให้คนทั่วไปเข้าใจถึงลักษณะเเละการติดต่อของโรคอย่างถูกต้องมากขึ้น ว่าเป็นโรคที่รักษาหาย
และป้องกันการตดิ ตอ่ ได้ ที่ส�ำ คญั คือ คนเปน็ โรคเรือ้ นควรได้รบั การยอมรบั และชว่ ยเหลอื ตามสมควร
เพื่อให้เขาพึ่งตัวเองได้
. 57 .
. .
ศาสตราจารย์ นายแพทย์ธีระ รามสูต ประธานมูลนิธิ เล่าว่า “ตลอดระยะเวลาอันยาวนาน
ที่ผมได้มีโอกาสทำ�งานใกล้ชิดกับท่านผู้หญิงสุมาลี ในมูลนิธิราชประชาสมาสัยฯ ท่านได้ให้
ความเมตตา เอ็นดู ช่วยอบรม สอน แนะนำ�งานของมูลนิธิและงานสังคมสงเคราะห์ รวมทั้ง
ประสบการณ์งานด้านมูลนิธิ สมาคม องค์กรสาธารณกุศลต่าง ๆ ของท่านที่หลากหลายมากมาย
จึงเป็นความรู้และประสบการณ์ตรงที่ทรงคุณค่าและไม่สามารถเรียนรู้ได้จากที่ใดได้ ช่วยให้ผม
หลังเกษียณอายุราชการใน พ.ศ. ๒๕๓๕ ได้นำ�ไปประยุกต์ใช้ในการรับเชิญให้ไปช่วยจัดตั้งมูลนิธิ
หรือสมาคมสาธารณกุศลใหม่ ๆ และช่วยเป็นประธาน นายกสมาคม หลายแห่งจนถึงปัจจุบัน
ทา่ นผูห้ ญงิ สมุ าลจี งึ เปน็ จติ อาสาสาธารณะ และนกั สงั คมสงเคราะหม์ อื อาชพี และเปน็ ผูน้ �ำ สตรี
ระดับชาติและนานาชาติที่โดดเด่น ผู้มีเมตตาธรรมอันสูงส่ง ผู้อุทิศตนเพื่อช่วยเหลือผู้ยากไร้
ด้อยโอกาส และองค์กรสาธารณกุศลต่าง ๆ เพื่อสังคมและมวลมนุษยชาติอย่างต่อเนื่อง
เป็นที่ประจักษ์”
การทำ�งานเผยแพร่นี้ต้องใช้กุศโลบายและความพยายามอย่างต่อเนื่อง กว่าที่ผลงานรักษา
ทัศนคติของผู้คนจะประสบความสำ�เร็จ หากด้วยมีพลังความทุ่มเทที่จะทำ�งานให้บรรลุเป้าหมาย
และมุ่งมั่นสนองพระมหากรุณาธิคุณเป็นแรงผลักดัน ทำ�ให้ในที่สุด งานที่บากบั่นจึงประสบ
ผลสำ�เร็จเป็นที่ภาคภูมิใจ
. 58 .
. .
ชัดเจนในเป้าหมาย
ในฐานะภริยานายแพทย์ผู้เป็นผู้อำ�นวยการโรงพยาบาลศิริราช และอดีตอธิการบดี
มหาวิทยาลัยมหิดล ท่านผู้หญิงสุมาลีจึงเข้าร่วมสนับสนุนกิจกรรมต่าง ๆ ขององค์กร โดยเฉพาะ
ในงานที่ถนัดนั่นคือการหาทุน ซึ่งศิริราชพยาบาล โรงเรียนแพทย์ชั้นนำ�และโรงพยาบาลใหญ่ระดับ
ประเทศ มีผู้ป่วยที่รอรับความช่วยเหลือจำ�นวนมาก มีโครงสร้างพื้นฐานที่ต้องพัฒนาปรับปรุง
เพื่อรองรับการใช้งาน มีบุคลากรที่ต้องพัฒนาฝีมือให้ก้าวทันเทคโนโลยีการแพทย์สมัยใหม่ ฯลฯ
หลากหลายองค์ประกอบที่จำ�เป็นอย่างยิ่งว่าจะต้องมีปัจจัยเงินทุนสนับสนุนให้ทำ�งานได้อย่างราบรื่น
รวดเร็ว ด้วยประสบการณ์ ความสามารถ และความคุ้นเคยกับองค์กร จึงไม่แปลกอะไรที่เมื่อมี
งานใหญ่ คือการระดมทุนเพื่อซ่อมแซมตึก ๗๒ ปี ศาสตราจารย์ นายแพทย์กษาน จะขอ
ความช่วยเหลือจากท่านผู้หญิงสุมาลีซึ่งสามารถยิ่งในด้านนี้ และนับเป็นการทำ�งานร่วมกันเป็น
ครั้งแรกกับศิริราชพยาบาล หลังจากนั้น ท่านผู้หญิงก็เข้ามาช่วยสนับสนุนงานที่ศิริราชพยาบาล
มาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการหาทุนของศิริราชมูลนิธิ
การทำ�งานในทุกโครงการ ท่านผู้หญิงสุมาลีมีเป้าหมายที่ชัดเจนอันจะนำ�มาซึ่งแผน
การด�ำ เนนิ งานทีช่ ดั เจน ตวั อยา่ งเชน่ ในดา้ นการหาทนุ เพือ่ สรา้ งหรอื ซอ่ มอาคารในโรงพยาบาลศริ ริ าช
แม้จะวางเป้าหมายเป็นจำ�นวนเงินที่จะได้มา หากแต่จุดมุ่งหมายที่แท้จริงที่เหนือไปกว่านั้นก็คือ
ประโยชน์ที่จะบังเกิดแก่ผู้คนนับร้อยนับพันซึ่งจะได้ใช้อาคารนั้น
. 59 .
. .
ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาธร ซึ่งมีโอกาสได้ทำ�งาน
ร่วมกับท่านผู้หญิงเล่าว่า เมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๖ มีโอกาสร่วมทำ�งานกับท่านผู้หญิงในการรณรงค์หาทุน
บำ�รุงอาคารเฉลิมพระเกียรติ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เพื่อจัดหาครุภัณฑ์ประจำ�อาคาร
ครุภัณฑ์ทางการแพทย์เพื่อการเรียนการสอน การบริการรักษาพยาบาล การพัฒนาเป็นหอผู้ป่วย
สามัญ หอผู้ป่วยพิเศษ และสำ�คัญที่สุดเพื่อเป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร
มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และพระบรมวงศานุวงค์เมื่อยามประชวรในชั้นที่ ๑๖
โดยสมเดจ็ พระกนษิ ฐาธริ าชเจา้ กรมสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ทรงพระกรณุ า
รบั เปน็ ประธานกรรมการอ�ำ นวยการจดั หาทนุ และทา่ นผหู้ ญงิ สมุ าลี จาตกิ วนชิ รบั เปน็ ประธานจดั หาทนุ
โดยใช้ชื่อโครงการ “ร้อยใจไทยเฉลิมพระเกียรติ” โครงการนี้ประสบความสำ�เร็จอย่างงดงาม
ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล เล่าว่า “ประสบการณ์เรียนรู้จากงานครั้งนี้
คือได้รับรู้ถึงความมหัศจรรย์ของสุภาพสตรีท่านหนึ่งที่ทำ�งานอย่างมีเป้าหมายและมีแผนดำ�เนินงาน
ทีช่ ดั เจน ดว้ ยความนุม่ นวล เอือ้ อาทร แตร่ อบคอบ มัน่ คงแนว่ แน่ ดว้ ยบคุ ลกิ ภาพเชน่ นีท้ า่ นจงึ ไดร้ บั
ความร่วมมือจากทุกภาคส่วนจนบรรลุความสำ�เร็จ ดังนั้นไม่ประหลาดใจเลยที่ท่านผู้หญิงเป็น
ผู้บุกเบิกและสร้างตำ�นานบทบาทสตรีไทยในสังคมไทยและในเวทีโลก ทั้งยังทำ�งานเพื่อการกุศล
ชว่ ยงานมลู นธิ ติ า่ ง ๆ ด�ำ รงต�ำ แหนง่ ส�ำ คญั ในองคก์ รภาครฐั และเอกชนทัง้ ในระดบั ชาตแิ ละนานาชาติ
มาโดยตลอด”
. 60 .
. .
จากการช่วยสนับสนุนงานของศิริราชมูลนิธิ ยังมีงานที่เกี่ยวข้องกับการสาธารณสุขอีกหลาย
องค์กรที่ท่านผู้หญิงสุมาลีได้เข้าไปร่วมทำ�งาน ดังเช่นที่มูลนิธิหัวใจแห่งประเทศไทยในพระบรม-
ราชูปถัมภ์ อันสืบเนื่องมาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจร่วมกันก่อตั้งสมาคมแพทย์โรคหัวใจ
แหง่ ประเทศไทยในพระบรมราชปู ถมั ภ์ ขึน้ เมือ่ พ.ศ. ๒๕๑๐ เพือ่ เปน็ ศนู ยก์ ลางการพบปะแลกเปลีย่ น
ความรู้กันในหมู่แพทย์เฉพาะทางด้านนี้ และหลังจากนั้นใน พ.ศ. ๒๕๒๔ ก็เห็นควรว่าควรก่อตั้ง
มลู นิธหิ วั ใจแหง่ ประเทศไทยเพื่อหาทนุ ส�ำ หรับผูป้ ่วยโรคหัวใจทีย่ ากจน และขยายการช่วยเหลือผูป้ ว่ ย
ได้กว้างขวาง พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
มพี ระมหากรณุ าธคิ ณุ ใหม้ ลู นธิ อิ ยูใ่ นพระบรมราชปู ถมั ภ์ และสมเดจ็ พระกนษิ ฐาธริ าชเจา้ กรมสมเดจ็ -
พระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงรับเป็นประธานกรรมการบริหารมูลนิธิตั้งแต่
เริ่มก่อตั้ง
ด้วยเหตุประการหนึ่งคือมูลนิธินี้มีศาสตราจารย์ นายแพทย์กษาน จาติกวนิช เป็นรอง
ประธาน คนที่ ๑ ดงั นัน้ ทา่ นผูห้ ญงิ สมุ าลจี งึ ไดเ้ ขา้ มาสนบั สนนุ การด�ำ เนนิ งานของมลู นธิ ิ การด�ำ เนนิ
กิจกรรมโครงการต่าง ๆ และยังสานต่อภารกิจต่อเนื่องมาตั้งแต่เป็นรองประธาน คนที่ ๒ จนเลื่อน
ตำ�แหน่งเป็นรองประธาน คนที่ ๑ และเป็นที่ปรึกษาในที่สุด ท่านผู้หญิงสุมาลีให้ข้อคิดเห็นที่เป็น
ประโยชน์แก่คณะทำ�งาน เมื่อการทำ�งานมีอุปสรรค ก็ช่วยเหลือแก้ไขให้ผ่านพ้นไปได้
. 61 .
. .
มูลนิธิมีกิจกรรมหลัก คือ ให้ความรู้เรื่องโรคหัวใจ การดูแลรักษา รวมถึงการฟื้นตัว
หลังการรักษา และช่วยเหลือผู้ที่หัวใจหยุดเต้นกะทันหัน ช่วยเหลือให้ทุนผ่าตัดหัวใจแก่ผู้ป่วยยากไร้
โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในท้องถิ่นทุรกันดาร การออกหน่วยแพทย์ที่ต่างจังหวัดเพื่อตรวจผู้ป่วยและให้
คำ�แนะนำ�แก่แพทย์ท้องถิ่น รวมถึงศาสตราจารย์ นายแพทย์ปริญญา สากิยลักษณ์ เล่าถึงเรื่องนี้ว่า
“ทา่ นผูห้ ญงิ สมุ าลไี ดร้ ว่ มไปกบั หนว่ ยแพทยอ์ าสาเพือ่ สงั เกตการณก์ ารปฏบิ ตั งิ านของแพทย์ และไดใ้ ห้
คำ�แนะนำ�ที่เป็นประโยชน์ต่อกิจกรรมสาธารณะนี้อย่างต่อเนื่อง ต่อมาเมื่อท่านผู้หญิงสุมาลีเลื่อน
ต�ำ แหนง่ ขึน้ เปน็ รองประธานของมลู นธิ หิ วั ใจฯ คนที่ ๑ ผมไดร้ บั การแตง่ ตัง้ เปน็ รองประธาน คนที่ ๒
ก็ได้ทำ�งานร่วมกับท่านผู้หญิงมาโดยตลอด รวมถึงการติดต่อร่วมมือกับมูลนิธิและสมาคมแพทย์
ที่ดำ�เนินการในลักษณะเดียวกันจากในประเทศและต่างประเทศ เราได้เดินทางไปต่างจังหวัด
และต่างประเทศด้วยกันหลายครั้งเพื่อปฏิบัติงานตามโครงการของมูลนิธิหัวใจฯ ได้ซึมซับอัธยาศัย
จากท่านผู้หญิงที่มีความกรุณา มีความจริงใจช่วยเหลือมูลนิธิอย่างเต็มความสามารถ เสมือนหนึ่งว่า
ท่านได้รับการส่งต่องานนี้จากท่านอาจารย์กษาน จาติกวนิช สามีซึ่งล่วงลับไปก่อนหน้านี้ งานของ
มลู นธิ ไิ ดด้ �ำ เนนิ มาอยา่ งราบรนื่ จนถงึ ปจั จบุ นั เมอื่ ครบวาระ ผมไดร้ บั เลอื่ นใหเ้ ปน็ รองประธาน คนที่ ๑
โดยมีคณุ วลั ลภ เจยี รวนนท์ เปน็ รองประธาน คนที่ ๒ ทา่ นผูห้ ญงิ ก็ยังมาช่วยงานในฐานะที่ปรกึ ษา
และเสนอให้ความช่วยเหลือต่าง ๆ เท่าที่ท่านจะกรุณาได้ ท่านผู้หญิงก็ได้ทำ�สิ่งที่เป็นประโยชน์
ต่อมูลนิธิ ต่อวงการแพทย์โรคหัวใจ และประชาชนคนไทยที่เป็นโรคหัวใจอย่างมากมาย”
. 62 .
. .
ผู้น�ำที่เข้มแข็ง
นอกจากการมเี ปา้ หมายและแผนการท�ำ งานแลว้ การเปน็ ผูน้ �ำ ทีก่ ลา้ ท�ำ กลา้ รเิ ริม่ ความมัน่ คง
ในหลักคิดหลักการ รวมถึงกุศลโลบายอันชาญฉลาดในการประสานงาน เชื่อมร้อยผู้คนที่แตกต่าง
หลากหลายให้มาทำ�งานร่วมกันเพื่อความสำ�เร็จตามเป้าหมาย คือคุณสมบัติของท่านผู้หญิงสุมาลี
เป็นที่ประจักษ์ โดยเฉพาะงานสังคมสงเคราะห์ด้านสตรี
ในอดตี การยอมรบั สถานะ และความสามารถของผูห้ ญงิ ยงั ไมม่ ากนกั ดงั นัน้ ในประวตั ศิ าสตร์
อันยาวนานของมนุษยชาติ เราจึงเห็นเรื่องราวการต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิ ความเสมอภาค
ความยุติธรรม ตลอดจนการพัฒนาแก่ผู้หญิงอยู่เสมอผ่านการแสดงออกหลากหลายรูปแบบทั้งใน
ระดบั ปจั เจกและระดบั กลุม่ คน การรวมตวั ผนกึ พลงั ของผูห้ ญงิ เพือ่ ท�ำ ประโยชนแ์ กส่ ว่ นรวม เปน็ หนึง่
ในกุศโลบายที่เผยให้เห็นถึงศักยภาพอันเปี่ยมล้นของผู้หญิง ซึ่งมีความแตกต่างกัน แต่เมื่อได้มา
รวมตัวกันทำ�กิจกรรม ก็สามารถสร้างสรรค์สิ่งที่ดีงาม สร้างการเปลี่ยนแปลง หรือแม้แต่สร้าง
สันติภาพแก่โลกได้ในที่สุด
สำ�หรับประเทศไทย หากนึกวลีคุ้นเคยที่เอ่ยถึงผู้หญิง เช่น ช้างเท้าหลัง อยู่เหย้าเฝ้าเรือน
ดอกไม้ริมทาง ฯลฯ คงจะทำ�ให้มองเห็นราง ๆ ถึงสถานภาพของผู้หญิงไทยในอดีตอยู่พอสมควร
ว่าผู้หญิงมักถูกจัดลำ�ดับให้อยู่รองจากบุรุษหรือสถานะที่ไม่เท่าเทียม ดังนั้นการที่ผู้หญิงจะได้รับ
การยอมรับในศักยภาพอันมีอยู่ไม่น้อยกว่าเพศใดจึงไม่ง่ายนัก แต่ด้วยการบุกเบิกทำ�งานของ
กลุ่มพัฒนาสตรีหลายกลุ่ม ช่วยเปลี่ยนความคิดของสังคม แม้จะต้องใช้เวลาก็ตาม
. 63 .
. .
ท่านผู้หญิงสุมาลีตระหนักดีถึงศักยภาพและความสามารถของสตรี และมีจุดยืน
ในการสนับสนุนให้มีความเท่าเทียมในเรื่องนี้ ครั้งหนึ่งท่านได้แสดงออกอย่างชัดเจนถึงเรื่องนี้
โดยการสนบั สนนุ สภุ าพสตรี ทา่ นหนึง่ คอื คณุ อรนชุ โอสถานเุ คราะห์ ใหด้ �ำ รงต�ำ แหนง่ ส�ำ คญั ในองคก์ ร
คุณอรนุชเล่าถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า “วันแรกที่ดิฉันได้พบท่านที่บ้านก็เมื่อดิฉันได้ขออนุญาต
ไปกราบขอบพระคุณที่ท่านกรุณาให้ความเมตตาสนับสนุนดิฉันให้ได้รับความเป็นธรรมในการแต่งตั้ง
เลื่อนระดับตำ�แหน่งให้สูงขึ้นที่กระทรวงพาณิชย์ ดิฉันรู้สึกตกใจมากที่ท่านผู้หญิงซึ่งเป็นที่เคารพ
ยกย่องในสังคมทั่วไปจะตัดสินใจเป็นผู้นำ�ในการแสดงความไม่พอใจอย่างเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยว
ทั้ง ๆ ที่ดิฉันและท่านไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
แม้ว่าเหตุการณ์ในครั้งนั้นจะไม่สำ�เร็จสมความตั้งใจของท่านผู้หญิงและคณะรวมถึงสุภาพสตรี
จากองค์กรต่าง ๆ ที่เรียกร้องความเป็นธรรม แต่ผลแห่งการแสดงออก ได้มีส่วนทำ�ให้การแต่งตั้ง
ข้าราชการเพื่อเลื่อนระดับให้สูงขึ้นในระยะหลัง ต้องพินิจพิจารณาถึงความเท่าเทียมระหว่าง
หญิงและชายเป็นประเด็นสำ�คัญอีกประเด็นหนึ่งด้วย เราจึงได้เห็นว่าในปัจจุบันมีข้าราชการสตรี
ที่ดำ�รงตำ�แหน่งผู้บริหารระดับสูงมีจำ�นวนเพิ่มขึ้นเป็นลำ�ดับ และนี่อาจถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่ง
ของความพยายามที่เด็ดเดี่ยวของท่านผู้หญิงและคณะสุภาพสตรีจากองค์กรต่าง ๆ ที่ร่วมแสดงออก
ในครั้งนั้น
ส่วนตัวดิฉันเองถึงแม้จะไม่ได้รับตำ�แหน่ง แต่ก็ได้รับอานิสงส์จากการจุดประกายเรียกร้อง
ความเป็นธรรมอย่างจริงจัง ทำ�ให้ดิฉันได้รับความเมตตา ความเห็นอกเห็นใจจากผู้ใหญ่ในวงราชการ
และวงการธุรกิจหลายท่าน เป็นกำ�ลังใจอันสำ�คัญให้แก่ดิฉัน ทั้งนี้ ดิฉันถือว่าเป็นพระคุณอันยิ่งใหญ่
ที่ได้รับจากท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช ซึ่งดิฉันไม่มีวันลืม”
. 64 .
. .
ดว้ ยมมุ มองทีช่ ดั เจน กลา้ คดิ กลา้ ท�ำ รเิ ริม่ และเปน็ ผูบ้ กุ เบกิ เชน่ นี้ ทา่ นผูห้ ญงิ สมุ าลจี งึ เขา้ รว่ ม
ทำ�งานในองค์กรเกี่ยวกับสตรีหลายองค์กร เช่น สภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์
ที่มีวัตถุประสงค์ประการหนึ่งในการทำ�งานคือเพื่อเสริมสร้างบทบาทและสิทธิสตรีให้ได้รับ
ความเสมอภาคระหว่างหญิงชายอย่างเท่าเทียมกัน เสริมสร้างศักยภาพทางด้านอาชีพ รายได้
คุณภาพชีวิต เพื่อให้สตรีไทยมีบทบาทเสริมสร้างความมั่นคงทางด้านเศรษฐกิจ และสังคมแก่
ประเทศชาติ รวมทั้งมีฐานะเป็นเสมือนแม่ข่ายขององค์กรสตรีต่าง ๆ ทำ�หน้าที่สนับสนุน
ความเข้มแข็งและการมีส่วนร่วมขององค์กรสมาชิกสตรีทั่วประเทศ ให้เกิดความสามัคคี
ช่วยเหลือแบ่งปันในสตรีทุกกลุ่ม ทุกอาชีพ
ท่านผู้หญิงสุมาลีได้ร่วมงานในสภาสตรีแห่งชาติฯ จนกระทั่งดำ�รงตำ�แหน่งประธานสภาสตรี
แห่งชาติเป็นลำ�ดับที่ ๑๐ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๐ - ๒๕๒๒ ท่านสร้างผลงานสำ�คัญไว้มากมาย อาทิ
เปิดสถานพัฒนาเด็กแห่งแรกของสภาสตรีแห่งชาติฯ ที่วัดดาวดึงษาราม บางยี่ขัน เป็นสถานพัฒนา
ตัวอย่างเพื่อสนับสนุนนโยบายสหประชาชาติที่เตรียมประกาศให้เป็นปีเด็กสากล พ.ศ. ๒๕๒๒
ตั้งโครงการพัฒนาเด็กเล็ก ริเริ่มงานหัตถศิลป์ไทย ตามโครงการส่งเสริมศิลปหัตถกรรมพื้นบ้าน
จัดตั้งศูนย์หัตถกรรมพื้นบ้านในบริเวณบ้านมนังคศิลาร่วมกับกรมการพัฒนาชุมชน เป็นต้น
อีกหนึ่งผลงานที่โดดเด่นของท่านผู้หญิงสุมาลีระหว่างดำ�รงตำ�แหน่งประธานสภาสตรี
แห่งชาติฯ คือ การเชื่อมความสัมพันธ์กับองค์กรสตรีในประเทศต่าง ๆ เช่น การนำ�คณะผู้แทน
เยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๒ และได้จัดทำ�บันทึกการเยือนในครั้งนั้น
อย่างละเอียด ซึ่งยังเป็นที่กล่าวขวัญถึงจนทุกวันนี้
สแกนเพื่ออ่านบันทึกการเยือน
สาธารณรัฐประชาชนจีน
ของคณะผู้แทนสภาสตรีแห่งชาติ
ในพระบรมราชินูปถัมภ์
. 65 .
. .
ดร.วนั ดี กญุ ชรยาคง จลุ เจรญิ ประธานสภาสมาคมสตรแี หง่ ชาตฯิ สมยั ที่ ๒๕ - ๒๖ กลา่ ววา่
“ทา่ นผูห้ ญงิ สมุ าลี จาตกิ วนชิ ประธานสภาสมาคมสตรแี หง่ ชาตฯิ สมยั ที่ ๑๐ พ.ศ. ๒๕๒๐ - ๒๕๒๒
ผู้มีคุณูปการต่อสภาสมาคมสตรีแห่งชาติฯ และองค์กรสมาชิกสตรีในหลากหลายด้าน และเป็น
ผู้บุกเบิกและสร้างตำ�นานบทบาทสตรีไทยในเวทีสากลและสังคมไทยอันเป็นแบบอย่างแห่งกุลสตรี
ที่เพียบพร้อมด้วยความรู้ความสามารถ สมบูรณ์พร้อม”
ผลงานด้านสตรีที่โดดเด่นและได้รับการกล่าวขวัญอยู่เสมอ คือ งานที่สมาคมสตรีภาคพื้น
แปซิฟิกและเอเชียอาคเนย์ระหว่างประเทศ (The PAN Pacific and Southeast Asia
Women’s Association International ชื่อยอ่ วา่ PPSEAWA International หรอื เรียกสั้น ๆ
ว่า “แพนสากล”) สมาคมนี้เป็นองค์กรสตรีที่เก่าแก่ที่เกิดขึ้นจากการรวมตัวกันของคณะสตรีอาวุโส
ที่เกาะโฮโนลูลู ในรัฐฮาวาย ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๗๑ มีจุดประสงค์เพื่อรวมสตรีจากประเทศต่าง ๆ
ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและเอเชียอาคเนย์ซึ่งมีความแตกต่างกันทั้งประสบการณ์ชีวิตและวัฒนธรรม
มารว่ มกนั บ�ำ เพญ็ ประโยชนต์ อ่ สว่ นรวม เพือ่ กอ่ เกดิ มติ รไมตรี ความสมคั รสมานสามคั คี อนั จะน�ำ ไปสู่
การสร้างสันติภาพแก่โลกในที่สุด ภายหลังองค์การสหประชาชาติได้รับสมาคม PPSEAWA
International เข้าร่วมในประเภทองค์การเอกชน มีฐานะให้คำ�ปรึกษาแก่คณะมนตรีเศรษฐกิจ
และสังคมแห่งสหประชาชาติ
ต่อมา PPSEAWA International ได้เชิญชวนประเทศไทยให้จัดตั้งสมาคมขึ้นเพื่อเข้าร่วม
เป็นสมาชิก ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่มาของการก่อตั้งสมาคมสตรีภาคพื้นแปซิฟิกและเอเชียอาคเนย์
แห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์ (Pan Pacific and Southeast Asia Women's
Association of Thailand Under the Royal Patronage of Her Majesty the Queen)
ชื่อย่อว่า “สปอท.” โดยหม่อมพร้อยสุพิณ วรวรรณ ชายาในพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิป
พงศ์ประพันธ์ ผู้ทรงดำ�รงตำ�แหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในเวลานั้น ได้ชักชวน
สตรไี ทยจากหลากหลายกลุม่ มาหารอื รว่ มกนั กอ่ นจดทะเบยี นตัง้ เปน็ สมาคมขึน้ เมือ่ วนั ที่ ๒๑ ตลุ าคม
พ.ศ. ๒๕๐๒ และท่านผู้หญิงสุมาลีได้เข้าร่วมเป็นกำ�ลังสำ�คัญยิ่ง ทั้งยังได้รับเลือกเป็นนายกสมาคม
ถึง ๓ วาระ ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๒๒ - ๒๕๒๘
. 66 .
. .
ท่านผู้หญิงวิวรรณ วรวรรณ เศรษฐบุตร รำ�ลึกถึงการทำ�งานร่วมกับท่านผู้หญิงสุมาลีว่า
“ตลอดระยะเวลาทีเ่ ขา้ มารบั ต�ำ แหนง่ นายกสมาคม สปอท. พีอ่ อ๊ ดคอื ความภาคภมู ใิ จของเรา พีอ่ อ๊ ด
ไดร้ บั เลอื กใหด้ �ำ รงต�ำ แหนง่ ประธานสมาคมสตรีภาคพืน้ แปซิฟกิ และเอเชยี อาคเนยร์ ะหวา่ งประเทศถงึ
๒ วาระติดต่อกันเป็นเวลาถึง ๗ ปี นำ�ความปีติยินดีมาสู่สมาชิก สปอท. และเป็นเกียรติอย่างยิ่ง
ของสมาคมเรา
ในสมัยที่พี่อ๊อดเป็นประธานแพนสากล (คำ�ย่อของสมาคมสตรีภาคพื้นแปฃิฟิกและเอเชีย
อาคเนย์ระหว่างประเทศ) พี่อ๊อดได้เดินทางไปเยี่ยมเยียนประเทศสมาชิกเกือบทุกประเทศ พี่อ๊อด
ได้ส่งเสริมและให้ความสำ�คัญกับงานของสมาคมในทุกประเทศสมาชิกจนเป็นที่ยอมรับกันว่า พี่อ๊อด
ได้นำ�ความเจริญรุ่งเรืองมาสู่สมาคมแพนสากลและสมาคม สปอท. ของเรา
พี่อ๊อดได้เป็นผู้บุกเบิกในการนำ�สมาคมไปสู่บทบาทสำ�คัญในงานระดับองค์การระหว่าง
ประเทศ และดำ�เนินการให้สมาคม สปอท. ได้รับการรับรองจากองค์การสหประชาชาติให้มี
สถานภาพเป็นที่ปรึกษาพิเศษของคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งองค์การสหประชาชาติ
ในด้านงาน สปอท. ภายในประเทศพี่อ๊อดได้วางรากฐานการทำ�งานให้กับสมาคม ด้วยวิสัยทัศน์
อันกว้างไกลในการพัฒนาสังคม ทั้งการพัฒนาเด็กเล็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ตลอดจนงานพัฒนา
อื่น ๆ ซึ่งคณะกรรมการ สปอท. ได้นำ�มาปฏิบัติต่อ ๆ กันมา นำ�ความเจริญก้าวหน้ามาสู่สมาคม
จวบจนปัจจุบัน ทั้งในระดับชุมชนและระดับนานาชาติ”
. 67 .
. .
ขณะเดยี วกนั คณุ จริ ายุ อศิ รางกรู ณ อยธุ ยา องคมนตรี เลา่ ถงึ การท�ำ งานของทา่ นผหู้ ญงิ สมุ าลวี า่
“สมาคมสตรีภาคพื้นแปซิฟิกและเอเชียอาคเนย์ ที่ท่านผู้หญิงสุมาลีกรุณารับมาเป็นกรรมการ
ในขณะที่คุณแม่ของผมเป็นนายกสมาคม สมาคมนี้จัดกิจกรรมเพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่าง
สุภาพสตรีชาวไทยกับสุภาพสตรีต่างประเทศที่มาพำ�นักในประเทศไทย เช่น ภริยาเอกอัครราชทูต
ของประเทศในภาคพื้นแปซิฟิกและเอเชียอาคเนย์ เป็นต้น
คุณแม่ของผมก็ได้เล่าให้ผมฟังว่า ท่านผู้หญิงสุมาลีเป็นกรรมการที่มีบทบาทสำ�คัญมาก
ในองคก์ รนี้ เพราะเปน็ ผทู้ มี่ คี วามสามารถและมอี ธั ยาศยั ดเี ยยี่ ม ตอ่ มา ผมกไ็ ดร้ บั ทราบวา่ ในการประชมุ
ระดับโลกว่าด้วยเรื่องสตรี ณ กรุงปักกิ่ง เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๘ องค์การสหประชาชาติก็ได้เชิญ
ให้ท่านผู้หญิงสุมาลีมาเป็นผู้ประสานงานภาคเอกชนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งปฏิบัติภารกิจ
ได้อย่างดีเยี่ยมและได้รับการยกย่องจากที่ประชุมจนได้รับมอบหมายให้เป็นผู้แทนองค์กรเอกชนสตรี
ประจำ�คณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งเอเชียและแปซิฟิก (ESCAP) ในเวลาต่อมา”
นอกจากการประชุมที่ปักกิ่งดังที่คุณจิรายุเล่าแล้ว ในช่วงเวลาที่ท่านผู้หญิงดำ�รงตำ�แหน่ง
ยังมีการประชุมของแพนสากลอีกครั้งหนึ่งซึ่งเป็นที่จดจำ�คือการประชุมแพนสากลครั้งที่ ๑๘
ณ สวนสามพราน จังหวัดนครปฐม เมื่อวันที่ ๔ - ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๓ โดยมีสมาชิก
. 68 .
. .
จาก ๒๔ ประเทศ ส่งผู้แทนเข้าร่วมประชุม ๓๕๐ คน สมเด็จพระราชินีแห่งตองกา เสด็จฯ
ไปทรงแสดงปาฐกถาในพิธีเปิดประชุมและประทับร่วมการประชุมโดยตลอดจนการประชุมเสร็จสิ้น
คุณชวาลี โอสถานุเคราะห์ นายกสมาคมสตรีภาคพื้นแปซิฟิกและเอเชียอาคเนย์แห่ง
ประเทศไทย เล่าถึงเหตุการณ์นี้ว่า “เหนือสิ่งอื่นใดผู้เข้าร่วมประชุมทุกคนได้รับพระมหากรุณาธิคุณ
จากสมเดจ็ พระนางเจา้ สริ กิ ติ ิ์ พระบรมราชนิ นี าถ พระบรมราชชนนพี นั ปหี ลวง องคอ์ ปุ ถมั ภข์ องสมาคม
โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช นำ�คณะเข้าเฝ้าฯ ณ ท้องพระโรง
พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ในการนี้ ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช ประธาน
สมาคมสตรีภาคพื้นแปซิฟิกและเอเชียอาคเนย์ระหว่างประเทศ กราบบังคมทูลถวายรายงาน
แ ล ะ นำ � ค ณ ะ ม น ต รี ข อ ง ส ม า ค ม แ พ น ส า ก ล ทู ล เ ก ล้ า ทู ล ก ร ะ ห ม่ อ ม ถ ว า ย ส ร้ อ ย บุ ป ผ ช า ติ
สัญลักษณ์แห่งไมตรีและความจงรักภักดีของชาวเอเชียและแปซิฟิก พร้อมทั้งพระราชทาน
พระบรมราชานุญาตให้เข้าชมนิทรรศการศิลปาชีพส่วนพระองค์ และพระราชทานเลี้ยงนํ้าชา
ในบรรยากาศที่งามสง่าอบอุ่นด้วยมิตรไมตรี ในวันต่อมายังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม
พระราชทานเลี้ยงอาหารกลางวัน และให้ชมงานศิลปาชีพในพระตำ�หนักจิตรลดารโหฐาน
พระราชวังดุสิตอีกด้วย”
. 69 .
. .
ในหนังสือสรอ้ ยสมุ าลี หม่อมหลวงถวัลย์วดี เตวิทย์ ผู้รว่ มงานที่ สปอท. เล่าความประทบั ใจ
ที่มีจากการได้ร่วมงานกับท่านผู้หญิงสุมาลีไว้ตอนหนึ่งว่า “เราก็เป็นลูกน้องคุณหญิงและต่อมาคือ
ท่านผู้หญิงสุมาลี ซึ่งขณะนั้นเป็นนายกสมาคมสตรีภาคพื้นแปซิฟิกฯ (สมาคมแพนฯ) หรือ สปอท.
เราชอบดูเวลาท่านผู้หญิงทำ�หน้าที่ประธานในที่ประชุม เสียงเพราะเหมือนระฆังเงิน ลีลาการพูด
เป็นจังหวะจะโคน การวางตัวที่เหมาะสมไม่มากไม่น้อยไป เราในฐานะลูกน้องได้เรียนรู้มากมาย
สมาคมฯ เจรญิ กา้ วหนา้ มากในยคุ นัน้ ไดร้ บั ความรว่ มมอื จากหลายวงการ มกี จิ กรรมตา่ ง ๆ มากมาย
มีการติดต่อใกล้ชิดกับต่างประเทศ สมาคมสตรีภาคพื้นแปซิฟิกและเอเชียอาคเนย์นานาชาติ”
ท่ามกลางการประสานงานเพื่อให้การจัดการประชุมแต่ละครั้งดำ�เนินไปอย่างราบรื่น
เบื้องหลังคือการดูแลทุกรายละเอียดของท่านผู้หญิงและคณะทำ�งาน เพื่อให้งานประสบความสำ�เร็จ
และสมบูรณ์แบบมากที่สุด ทำ�ให้ผู้ทำ�งานทุกคนได้รับประสบการณ์ที่ยิ่งกว่าคำ�ว่าประทับใจ
ส่วนในการประชุมที่นครปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๓๘
ซึ่งคุณจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา กล่าวถึงนั้น ก็เป็นอีกหนึ่งการประชุมระดับโลกว่าด้วยเรื่องสตรี
ซึ่งผู้หญิงไทยจากทั้งภาครัฐและองค์กรเอกชนหรือเอ็นจีโอ จะได้เข้าร่วมประชุมร่วมกับสตรีจาก
นานาประเทศทั่วโลกนับหมื่นคน ที่สำ�คัญคือการประชุมครั้งนี้มีสุภาพสตรีชาวไทยที่ได้รับหน้าที่
ในตำ�แหน่งสำ�คัญถึง ๒ ท่าน คือ คุณหญิงสุพัตรา มาศดิตถ์ ดำ�รงตำ�แหน่งประธานคณะกรรมการ
. 70 .
. .
จัดการประชุมภาคเอกชน และท่านผู้หญิงสุมาลีดำ�รงตำ�แหน่งประธานประสานงานภาคเอกชน
ภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ซึ่งรองศาสตราจารย์ ดร.ภาวดี ทองอุไทย ผู้เข้ามาทำ�งานร่วมกับ
ท่านผู้หญิง และสนับสนุนในส่วนวิชาการเคยเล่าไว้ในหนังสือสร้อยสุมาลีว่า ค่อนข้างเป็นภารกิจ
ที่หนักหนาสาหัส “จนทุกวันนี้ดิฉันก็ยังนึกไม่ออกว่าจะมีคนทำ�งานนั้นได้ดีแม้สักครึ่งหนึ่งของท่าน
หน้าที่ดังกล่าวทำ�ให้ท่านต้องรับมอบความสับสนวุ่นวายนับไม่ถ้วน ต้องคิดค้นกลยุทธ์นานัปการมาใช้
เพื่อไกล่เกลี่ยข้อขัดแย้งของกลุ่มต่าง ๆ จาก ๕๐ ประเทศ เพื่อที่จะได้มีข้อตกลงร่วมไปเสนอต่อ
ที่ประชุมของภาครัฐบาล”
กอ่ นทีจ่ ะถงึ วาระการประชมุ ดงั กลา่ ว ใน พ.ศ. ๒๕๓๘ จะมกี ารรวมตวั กนั เปน็ กลุม่ ยอ่ ยในนาม
คณะทำ�งาน Asia and Pacific Working Group (APWG) เพื่อระดมความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ
และข้อเรียกร้องต่าง ๆ เพื่อจะนำ�ไปเสนอต่อที่ประชุม ซึ่งกว่าจะรวบรวมข้อสรุปได้ลงตัวก็ต้องผ่าน
การขับเคี่ยวกันอย่างหนัก ท่านผู้หญิงสุมาลีสามารถใช้ความนุ่มนวลแต่เข้มแข็ง อันเป็นคุณสมบัติ
ที่เลียนแบบได้ยากของท่าน ประสานให้ทุกอย่างผ่านพ้นได้อย่างดี และยิ่งกว่านั้น ท่านผู้หญิง
สุมาลีในฐานะประธานของเอ็นจีโอภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกก็มีกลยุทธ์ดึงดูดความสนใจที่เปี่ยมด้วย
ความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งรองศาสตราจารย์ ดร.ภาวดี ทองอุไทย เล่าถึงเหตุการณ์ในเวลานั้น
ได้อย่างเห็นภาพว่า “ขอยกตัวอย่าง กลเม็ดของท่านผู้หญิงในการประชุมระดับรัฐมนตรีเอเชีย
แปซิฟิก ซึ่งภาคองค์กรเอกชนมีการจัดประชุมคู่ขนาน และได้เข้าเสนอข้อสรุปต่อที่ประชุมภาครัฐ
ตัวแทนจากแต่ละประเทศก็มุ่งจะเดินหน้าแก้ปัญหาเร่งด่วนของเขา เช่น กลุ่มที่ต่อต้านความรุนแรง
ต่อสตรีก็คิดว่าต้องมาก่อนเรื่องเศรษฐกิจ อีกกลุ่มยํ้าแต่ว่า ต้องเริ่มจากแก้ไขความยากจน ไม่เช่นนั้น
จะส่งเสริมการศึกษา ฯลฯ ได้อย่างไร ท่านผู้หญิงใช้ทักษะชาญฉลาด ประนีประนอม ให้เปิดใจ
รับฟังกันและกัน
. 71 .
. .
ลองนึกภาพการประชุมผู้นำ�ภาครัฐ แทบทุกครั้งจะเห็นกลุ่มประท้วงยืนถือป้ายตะโกน
เรยี กรอ้ งความสนใจ แนน่ อนวา่ นัน่ ไมใ่ ชแ่ นวนยิ มของทา่ นผูห้ ญงิ หากใชว้ ธิ แี บบนัน้ เมือ่ คนส�ำ คญั
ทงั้ หลายมาถงึ และลงจากรถแลว้ เขากจ็ ะรบี เดนิ หนี ทา่ นแนะพวกเราใหใ้ ชค้ วามสวยงามดงึ ความสนใจ
มีตัวแทนแต่งชุดประจำ�ชาติคาดสายสะพายแบบประกวดนางงาม เขียนหัวข้อสำ�คัญต่าง ๆ ดังนั้น
คนื กอ่ นวนั งานเราจงึ ไมเ่ ครยี ดกนั สกั นดิ มแี ตเ่ สยี งหวั เราะเฮฮา ชว่ ยกนั นัง่ เยบ็ สายสะพาย วนั รุง่ ขึน้
ตวั แทนของเรากไ็ ปยนื เขา้ แถวตอ้ นรบั ไมม่ ใี ครมาไล่ มแี ตม่ องดอู ยา่ งทึง่ วา่ เกดิ อะไรขึน้ พอเมือ่ ผูแ้ ทน
ภาครัฐจาก ๕๐ กว่าประเทศเดินเข้ามาเห็นพวกเรา ก็ล้วนแต่ยิ้มอย่างอารมณ์ดี เข้ามาทักทาย
อ่านป้าย พยักหน้าทำ�ท่าว่าเข้าใจ”
ภายหลังจากการประชุมสหประชาชาติที่นครปักกิ่ง ได้มีการประกาศปฏิญญาร่วมกัน
และมกี ารลงนามในปฏญิ ญาปกั กงิ่ และแผนปฏบิ ตั กิ ารปกั กงิ่ ๑๙๙๕ ซงึ่ ระบปุ ระเดน็ ทนี่ า่ หว่ งใยเปน็ พเิ ศษ
ที่เป็นอุปสรรคต่อความเสมอภาคระหว่างหญิงชายและการเสริมพลังให้สตรี ปฏิญญานี้เป็นเสมือน
พันธสัญญาที่ให้ไว้กับประชาคมโลกว่าจะมีการดำ�เนินการต่อไป ด้วยเหตุนี้จึงได้มีคณะทำ�งานหนึ่ง
ที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อติดตามการทำ�งานของภาครัฐและเอกชน ซึ่งผู้ที่เป็นแกนนำ�ในการจัดตั้งคณะทำ�งานนี้
ภายใต้ชื่อ คณะทำ�งานติดตามการพัฒนาสตรีในประเทศไทย (ตพส. ไทย) หรือในชื่อภาษาอังกฤษ
ว่า Thai Women Watch ก็คือ ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช
จากเป้าหมายเริ่มแรกคือติดตามความคืบหน้าในการทำ�งานตามประเด็นต่าง ๆ ที่ไทยร่วม
ลงนามไว้ ภายหลัง ตพส. ไทย ก็ขยายขอบเขตของงานกว้างขึ้นครอบคลุมถึงอนุสัญญาอื่น ๆ
และมิติต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับผู้หญิง และในที่สุดก็จดทะเบียนก่อตั้งเป็นสมาคมติดตามการพัฒนา
สตรีในประเทศไทย (ตพส. ไทย) ดำ�เนินการขับเคลื่อนเพื่อการพัฒนาผู้หญิงไทยมาจนถึงปัจจุบัน
ด้วยความทุ่มเทให้การทำ�งานเพื่อผลักดันการพัฒนาและยกระดับสถานภาพของสตรีมา
อยา่ งตอ่ เนอื่ งยาวนานของทา่ นผหู้ ญงิ สมุ าลนี นั้ เปน็ แรงบนั ดาลใจใหค้ นท�ำ งานรนุ่ ตอ่ ไปไดด้ �ำ เนนิ รอยตาม
คณุ หญงิ ทพิ าวดี เมฆสวรรค์ ผูร้ บั หนา้ ทีน่ ายกสมาคม ตพส. ไทย สบื ตอ่ จากทา่ นผูห้ ญงิ สมุ าลกี ลา่ ววา่
“ดฉิ นั มัน่ ใจวา่ ชาว ตพส. ไทย รวมทัง้ สตรอี ืน่ ๆ ทีไ่ ดร้ ูจ้ กั และท�ำ งานกบั ทา่ นกค็ งรูส้ กึ อยา่ งเดยี วกบั
. 72 .
. .
ดฉิ นั ทา่ นเปน็ ตวั อยา่ งของสตรผี ูก้ ลา้ เกง่ และแกรง่ ทา่ นมฐี านะ และความพรอ้ มเกอื บทกุ อยา่ งทีจ่ ะ
ดำ�รงชีวิตได้อย่างสบาย ๆ ในยุคที่สตรีส่วนใหญ่ยังคงมีบทบาทเฉพาะภายในครอบครัวเป็นหลัก
แตท่ ่านผู้หญิงสมุ าลไี ด้เลอื กทีจ่ ะมบี ทบาทภายนอกครอบครัว เพื่อแสดงความเปน็ ตัวตนของทา่ นด้วย
ท่านผู้หญิงสุมาลีประกอบธุรกิจส่วนตัว และอุทิศเวลาทำ�งานเพื่อสังคมควบคู่กันด้วย ท่านจึงเป็น
สตรีผู้กล้าคนหนึ่ง กล้าแตกต่าง กล้าเปลี่ยนแปลง กล้าเผชิญสิ่งใหม่ ๆ กล้าต่อสู้และยืนหยัด
ในความเชอื่ ของทา่ นวา่ มนษุ ยเ์ ทา่ เทยี มกนั ในความเปน็ คน หญงิ และชายมคี วามสามารถทเี่ ทา่ เทยี มกนั
ท่านไม่ย่อท้อแม้จะพบอุปสรรคและบางเรื่องยังไม่ประสบความสำ�เร็จ ท่านจะเป็นดวงประทีป
ให้พวกเราเดินต่อไป เพื่อบรรลุเป้าหมายแห่งสังคมเสมอภาคชายหญิง”
การบุกเบิกของท่านผู้หญิงสุมาลีตลอดจนสุภาพสตรีผู้อุทิศตนทำ�งานในองค์กรต่าง ๆ ในอดีต
เปน็ คณุ ปู การอยา่ งส�ำ คญั ตอ่ การพฒั นาและยกระดบั สถานภาพสตรี และยงั คงตอ้ งการการด�ำ เนนิ งาน
อย่างต่อเนื่องจากคนรุ่นต่อมา เพื่อพิสูจน์ศักยภาพของสตรีและสร้างการเปลี่ยนแปลงได้สำ�เร็จ
. 73 .
. .
คิดกว้าง มองการณ์ไกล
คณุ สมบตั ขิ องผนู้ �ำ ทเี่ กง่ และมคี วามสามารถเปน็ ทยี่ อมรบั หนงึ่ ในนนั้ คอื คดิ กวา้ ง มองการณไ์ กล
ขณะเดียวกันก็ใส่ใจรายละเอียดของงาน การมอบโอกาสแก่เด็กและเยาวชนให้เติบโตเพื่อเป็นพลัง
ของประเทศชาติในอนาคต คืองานอีกด้านหนึ่งที่ท่านผู้หญิงสุมาลีได้เข้าไปดำ�เนินการในหลายองค์กร
และมอบวสิ ยั ทศั นท์ ีก่ วา้ งไกล ด�ำ เนนิ การสรา้ งความมัน่ คงแกอ่ งคก์ รดงั กลา่ ว ดงั เชน่ ทีม่ ลู นธิ เิ ดก็ โสสะ
แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์
. 74 .
. .
เด็กคืออนาคตของประเทศชาติ อย่างไรก็ดี ยังมีเด็กจำ�นวนไม่น้อยที่ไม่ได้เติบโตขึ้น
อย่างสมบูรณ์พร้อม ด้วยเป็นเด็กกำ�พร้า ขาดครอบครัวและผู้ปกครองให้พักพิง นำ�ไปสู่การขาด
โอกาสอีกหลายสิ่งในชีวิต หากเด็กกลุ่มนี้ได้รับการเกื้อกูลให้เติบโตในสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม และมี
ครอบครัวที่อบอุ่น จะสร้างเสริมประสบการณ์วัยเด็กที่มีความสุข ให้เขาเติบโตขึ้นเป็นสมาชิกที่ดี
ของสังคมได้
ด้วยเหตุนี้ มูลนิธิเด็กโสสะแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ จึงก่อตั้งขึ้นเมื่อ
พ.ศ. ๒๕๑๔ เพอื่ มอบโอกาสทสี่ องในการไดเ้ ปน็ สว่ นหนงึ่ ของครอบครวั และเตบิ โตขนึ้ ทา่ มกลางความรกั
และการดูแลใส่ใจของผู้ปกครอง โดยผู้ก่อตั้งคือ ท่านผู้หญิงสมศรี เจริญรัชต์ภาคย์ ได้รับ
แรงบันดาลใจนำ�แนวคิดของการดำ�เนินงานหมู่บ้านสำ�หรับเด็กที่เรียกว่า SOS Children’s Village
ในประเทศออสเตรยี รเิ ริม่ โดย ดร.เฮอรม์ านน์ กไมเนอร์ (Dr. Hermann Gmeiner) ชาวออสเตรยี
มาเป็นแนวทางในการช่วยเหลือเด็กกำ�พร้าในประเทศไทยให้มีบ้านซึ่งไม่ได้หมายความถึงบ้าน
ทีเ่ ปน็ เพยี งสิง่ กอ่ สรา้ ง แตห่ มายถงึ ครอบครวั ทีม่ คี วามรกั ความอบอุน่ ใจส�ำ หรบั เดก็ ๆ น�ำ มาสูร่ ปู แบบ
ของการจัดหมู่บ้านสำ�หรับเด็กโดยมีหลักการว่าจะทำ�บรรยากาศให้เหมือนบ้านมากที่สุด มีคุณแม่
ประจำ�บ้านดูแลลูก ๆ ในบ้านที่มีประมาณ ๑๐ คนต่อครอบครัว และแต่ละครอบครัวจะมีบ้าน
ของตนเองอยู่รวมกันในหมู่บ้านเด็กโสสะ แต่ละหมู่บ้านจะประกอบด้วยครอบครัวประมาณ
๑๐ - ๑๒ หลัง เด็ก ๆ จะได้รับการเลี้ยงดูตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ และได้รับการศึกษาสูงสุดเท่าที่
ความสามารถของแต่ละคนจะไปถึง เพื่อให้ออกไปประกอบอาชีพเลี้ยงตนเอง และเป็นพลเมือง
คุณภาพที่ช่วยสร้างประโยชน์แก่สังคมได้ต่อไปในอนาคต
หลังจดทะเบียนก่อตั้งมูลนิธิ ในปีต่อมาคือ พ.ศ. ๒๕๑๔ ก็ได้สร้างหมู่บ้านเด็กโสสะ
แหง่ ประเทศไทย บางปู สมทุ รปราการ ขึน้ เปน็ แหง่ แรก โดยไดร้ บั เงนิ สนบั สนนุ จากหมูบ่ า้ นเดก็ โสสะ
สากล (SOS Children Village’s International) และพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเปรมบุรฉัตร
ได้ประทานชื่อ โสสะ ซึ่งเลียนเสียงของเอสโอเอส ซึ่งเป็นชื่อสากลของหมู่บ้านเด็กเอสโอเอส
สากล ต่อมา พ.ศ. ๒๕๑๙ มูลนิธิเด็กโสสะแห่งประเทศไทยฯ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงรับมูลนิธิเด็ก
โสสะฯ อยู่ในพระบรมราชินูปถัมภ์
. 75 .
. .
คณุ หญงิ โรส บรบิ าลบรุ ภี ณั ฑ์ ปจั จบุ นั ด�ำ รงต�ำ แหนง่ ทปี่ รกึ ษามลู นธิ เิ ดก็ โสสะแหง่ ประเทศไทยฯ
เลา่ วา่ “ทา่ นผูห้ ญงิ สมุ าลี จาตกิ วนชิ รว่ มกบั ทา่ นผูห้ ญงิ สมศรี เจรญิ รชั ตภ์ าคย์ กอ่ ตัง้ มลู นธิ เิ ดก็ โสสะ
แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์
ดิฉันเข้ามาเป็นประธานต่อจากท่านผู้หญิงสมศรี เจริญรัชต์ภาคย์ ใน พ.ศ. ๒๕๓๗ เมื่อทาง
มลู นธิ เิ ดก็ โสสะฯ มโี ครงการทีจ่ ะขยายเพิม่ หมูบ่ า้ นเดก็ โสสะฯ ไปยงั จงั หวดั เชยี งราย ทา่ นผูห้ ญงิ สมุ าลี
ท่านเป็นผู้สนับสนุนและทุ่มแรงกาย แรงใจ ให้สำ�เร็จจนเกิดเป็นหมู่บ้านเด็กโสสะ เชียงราย
ท่านผู้หญิงสุมาลีเป็นบุคคลที่ดิฉันเคารพรักและประทับใจอย่างยิ่ง ทุกครั้งที่พวกเราส่ง
ของขวัญไปให้แก่ท่าน ไม่ว่าจะโอกาสใด ๆ ก็ตาม ท่านจะเขียนจดหมายตอบดิฉันและพวกเรา
ด้วยลายมือและคำ�อวยพรของท่านเองกลับมาให้เราอย่างไพเราะ”
ปัจจุบัน พลตำ�รวจโท ดร.นรวัฒน์ เจริญรัชต์ภาคย์ ประธานกรรมการอำ�นวยการ
มูลนิธิ ซึ่งเข้ามาสานต่อภารกิจการบริหารงานมูลนิธิฯ ในฐานะประธานมูลนิธิต่อจากคุณหญิงโรส
บริบาลบุรีภัณฑ์ และมีท่านผู้หญิงสุมาลีคอยให้คำ�แนะนำ�เสมอ “ผมได้ทำ�งานกับท่านในฐานะที่ท่าน
เป็นประธานกรรมการกิตติมศักดิ์ มูลนิธิเด็กโสสะแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ระหว่าง
ที่ผมทำ�งานจิตอาสาให้กับมูลนิธิเด็กโสสะฯ ท่านเป็นผู้มีวิสัยทัศน์ มองการณ์ไกล ให้คำ�ปรึกษา
ในการดูแลเลี้ยงเด็กร่วม ๗๐๐ ชีวิต เป็นอย่างดี เป็นผู้ที่ชี้แนะและให้คำ�แนะนำ�ในปัญหาต่าง ๆ
และให้กำ�ลังใจผมในการทำ�งานตลอดมา ท่านสละเวลาส่วนตัวและทุนทรัพย์ในการดูแลเลี้ยง
เด็กกำ�พร้าอย่างเสมอมา ท่านเป็นเสมือนปูชนียบุคคลที่น่ายกย่องอย่างยิ่ง”
. 76 .
. .
ปัจจุบันมีหมู่บ้านเด็กโสสะใน ๕ จังหวัด ได้แก่ สมุทรปราการ สงขลา หนองคาย เชียงราย
และภูเก็ต ทำ�หน้าที่บ้านที่ล้อมรั้วด้วยความรักแก่เด็ก ๆ ได้เติบโตอย่างอบอุ่นต่อไป
นอกจากการให้ความช่วยเหลือเด็ก ๆ ที่มูลนิธิโสสะแห่งประเทศไทยฯ แล้ว ยังมีงาน
เกี่ยวข้องกับเด็ก ๆ ที่ท่านผู้หญิงสุมาลีได้เข้าไปทำ�งานให้ความช่วยเหลือ หนึ่งในนั้นคือ มูลนิธิ
สงเคราะหเ์ ดก็ ยากจน ซ.ี ซ.ี เอฟ. ในประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภส์ มเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า ฯ
สยามบรมราชกุมารี ที่ท่านผู้หญิงเคยดำ�รงตำ�แหน่งประธานกรรมการบริหาร
มูลนิธิแห่งนี้ถือกำ�เนิดขึ้นจากองค์กร ซี.ซี.เอฟ. สากล ซึ่งมีสำ�นักงานใหญ่อยู่ที่
สหรัฐอเมริกา โดยก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๐ ต่อมา พ.ศ. ๒๕๑๘ จึงจดทะเบียนเป็นมูลนิธิ
โดยได้รับทุนอุดหนุนทั้งหมดจากสหรัฐอเมริกา และเมื่อวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๓๗
สมเดจ็ พระกนษิ ฐาธริ าชเจา้ กรมสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารมี พี ระมหากรณุ า
รับมูลนิธิไว้ในพระราชูปถัมภ์
. 77 .
. .
งานของมูลนิธิคือ การช่วยเหลือเด็กที่ประสบปัญหาต่าง ๆ ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ได้รับ
โอกาสทางการศกึ ษาไมว่ า่ จะเปน็ ในระบบหรอื นอกระบบ สามารถด�ำ รงชวี ติ ไดอ้ ยา่ งมคี วามสขุ รวมทัง้
ช่วยสนับสนุนให้ครอบครัวและชุมชนแวดล้อมสามารถดูแลเด็ก ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
เมื่อท่านผู้หญิงสุมาลีได้เข้ามารับหน้าที่ดูแลมูลนิธิแห่งนี้ ได้สร้างผลงานซึ่งนับว่าเป็น
การเปลี่ยนแปลงอันเป็นรากฐานใหม่ที่สำ�คัญของการดำ�เนินงานของมูลนิธิ นั่นก็คือ จากเดิมที่มูลนิธิ
ต้องพึ่งพาเงินช่วยเหลือจากสหรัฐอเมริกาทั้งหมด ท่านผู้หญิงก็ได้เปลี่ยนมาสู่การระดมทุนซึ่งได้จาก
การรับบริจาคภายในประเทศ จนมีเงินทุนมากพอที่จะจัดสรรเพื่อดูแลเด็กที่ขาดแคลนในด้านต่าง ๆ
ทั้งสุขอนามัย การศึกษา สิ่งแวดล้อม ฯลฯ ผ่านโครงการที่หลากหลาย อาทิ โครงการอาหารเช้า
เพื่อน้อง การจัดค่ายเยาวชนเพื่อพัฒนาศักยภาพ ความเปลี่ยนแปลงนี้นับเป็นการมองการณ์ไกล
เป็นอย่างยิ่งของท่านผู้หญิงสุมาลี
. 78 .
. .
รองศาสตราจารย์ ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ ประธานกรรมการมูลนิธิ ถ่ายทอดเกี่ยวกับ
การดำ�เนินงานอันมีที่มาจากมุมมองอันกว้างไกลของท่านผู้หญิงสุมาลีว่า “ตอนเริ่มต้นเมื่อเกือบ
๕๐ ปีก่อน เรามีเด็กไม่กี่คน และขึ้นมาถึง ๔๒,๐๐๐ คนในปัจจุบัน ท่านผู้หญิงเป็นผู้ริเริ่มให้มี
การรับบริจาคจากผู้ใจบุญของสังคมเราแทนที่จะรับเงินจากมูลนิธิใหญ่ และเราก็ประสบความสำ�เร็จ
เป็นอย่างมาก จนปัจจุบันสามารถยืนอยู่บนขาของเราเองได้อย่างมั่นคง เรามีคณะกรรมการที่เป็น
ที่น่าเชื่อถือของสังคมมาช่วยกันทำ�งานอย่างแข็งขัน เราช่วยเด็กเรื่องอาหารเช้า อาหารกลางวัน
ใหเ้ งนิ ชว่ ยเหลอื เดก็ และมอบขา้ วของสงิ่ จ�ำ เปน็ ตอ่ ชวี ติ และมกี ารอบรม ฝกึ อบรมตา่ ง ๆ ให้ เดก็ เหลา่ นี้
เขยี นจดหมายขอบพระคณุ ผูอ้ ปุ ถมั ภเ์ สมอ เรามกี ารระดมทนุ ทกุ ปซี ึง่ ประสบความส�ำ เรจ็ เพราะไดช้ ือ่
ท่านผู้หญิงเป็นประธานกรรมการ และที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ในเวลาต่อมา เราได้รับความกรุณา
จากผู้มีจิตศรัทธาในการบริจาคจนไม่มีปัญหาในเรื่องการระดมทุน เรามีทีมทำ�งานทั้งส่วนกลาง
และส่วนภูมิภาคที่แข็งขัน และมูลนิธิมีฐานะการเงินมั่นคง”
นอกจากนี้ รองศาสตราจารย์ ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ ยังเคยเขียนเล่าไว้ในหนังสือ
สรอ้ ยสมุ าลี ถงึ ประสบการณใ์ นการท�ำ งานกบั ทา่ นผูห้ ญงิ สมุ าลวี า่ “เหน็ ไดช้ ดั วา่ ทา่ นเปน็ คนจติ ใจงาม
มีความรู้ความสามารถ มีความรอบคอบ ทันเกม ไม่เคยถามว่าถ้าทำ�อย่างนี้อย่างนั้นแล้วท่าน
จะได้อะไร มีเมตตาธรรมแต่เด็ดขาดในเรื่องที่จำ�เป็น ผมสังเกตว่าสิ่งที่ขับเคลื่อนผลักดันให้ท่าน
ไม่หยุดนิ่งนั้นคือความปรารถนาจะทำ�สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อคนอื่น และเมื่อเชื่อมั่นอย่างนี้มาตลอด
ท่านก็คงเห็นว่างานเพื่อสังคมที่ทำ�อยู่เป็นเรื่องปกติธรรมดาเหมือนชีวิตประจำ�วันที่ท่านเคยทำ�มา
ตลอดชีวิต”
. 79 .
. .
ไม่เพียงแต่การวางรากฐานชีวิตแก่เด็กและเยาวชนไทย ในโครงการปลูกรากแก้ว
ศาสนทายาท วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก ยังเป็นงานที่ท่านผู้หญิงสุมาลีอุทิศตนช่วยเหลือ
อย่างเต็มความสามารถ ด้วยความศรัทธาในพระพุทธศาสนา และมองไกลถึงการปลูกรากฐาน
ที่มั่นคงแก่พุทธศาสนาด้วย
โครงการนีม้ แี นวคดิ วา่ การบม่ เพาะเมลด็ พนั ธุค์ วามดงี ามใหง้ อกงามในตวั คน ควรเริม่ ตน้ ตัง้ แต่
ยังเยาว์วัย เมื่อผนวกกับสถานการณ์ในปัจจุบันที่กุลบุตรบวชเรียนในบวรพุทธศาสนาน้อยลงกว่า
อดีต พระภิกษุและสามเณรผู้ทำ�หน้าที่สืบทอดและเผยแผ่พระธรรมคำ�สอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
มีจำ�นวนน้อยลง กองทุนปลูกรากแก้วศาสนทายาทจึงได้ก่อเกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๖ โดยคัดเลือก
เยาวชนจากทั่วประเทศที่เรียนดี ความประพฤติดี มีความตั้งใจบวชในร่มพระพุทธศาสนา และศึกษา
ทั้งด้านปริยัติและปฏิบัติจนแตกฉานและจบเปรียญ ๙ ประโยค โครงการนี้เชิญชวนผู้มีจิตศรัทธา
รับเป็นพ่อแม่อุปถัมภ์ เพื่อสนับสนุนให้พระภิกษุสามเณรได้รับการศึกษาอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะจบ
การศึกษา โดยจัดตั้งเป็นกองทุนเพื่อระดมเงินทุนสนับสนุนการเรียนดังกล่าว
ท่านผู้หญิงสุมาลีในฐานะรองประธานกองทุนปลูกรากแก้วศาสนทายาทได้เข้ามาดูแล
โครงการนี้ด้วยความเอาใจใส่ ทั้งการระดมทุน มอบทุน ติดตามประเมินผล รวมทั้งไปเยี่ยมเยียน
ศาสนทายาทในพื้นที่ต่าง ๆ อย่างสมํ่าเสมอ
เกือบ ๒๐ ปีแล้วที่โครงการปลูกรากแก้วศาสนทายาท วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก
ได้ดำ�เนินการมา และหยั่งรากที่มั่นคงแก่พระพุทธศาสนาในประเทศไทย เพื่อให้เติบโตเป็นร่มเงา
แก่จิตใจของคนไทย และสร้างสังคมที่ร่มเย็นเป็นสุข
. 80 .
. .
จากต้นนํ้าลำ�ธารเล็ก ๆ ที่ได้รับการปลูกฝังเรื่องการให้เมื่อวัยเยาว์ ครั้นเติบโตขึ้นกลายเป็น
ล�ำ นํา้ สายใหญ่ สรา้ งความชืน่ เยน็ แกผ่ ูค้ นในสงั คม ทา่ นผูห้ ญงิ สมุ าลกี ไ็ มล่ มื ทีจ่ ะท�ำ ประโยชนก์ ลบั คนื
แก่โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย แหล่งศึกษาที่อบรมและปลูกฝังปณิธานดังกล่าว เป็นที่มาของการทำ�งาน
สงั คมสงเคราะห ์ ดงั ทีอ่ าจารยว์ นั ดกี ลา่ ววา่ “ทา่ นเปน็ นกั เรยี นเกา่ ทีร่ กั โรงเรยี นมาก ทา่ นผูห้ ญงิ ไมเ่ คย
ปฏิเสธเวลาที่โรงเรียนต้องการอะไร ท่านจะมาทันที แล้วท่านอยู่ข้างนอกท่านพบปะคนเยอะ และมี
ความรู้ทางด้านนอกที่โรงเรียนวัฒนาไม่มี ท่านเอามาแบ่งปันให้เรา”
ท่านผู้หญิงสุมาลีได้สนับสนุนการดำ�เนินงานของสมาคมศิษย์วังหลัง-วัฒนา (สวว.)
อย่างต่อเนื่อง สมาคมนี้ก่อตั้งขึ้นเนื่องจากภายหลังที่โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัยถูกกองทัพญี่ปุ่นยึดครอง
เป็นที่พักของทหารเมื่อสงครามโลกครั้งที่ ๒ หลังสงครามสิ้นสุด ทุกคนกลับมาพบกับสภาพของ
โรงเรียนที่ทรุดโทรมมาก คณะครู นักเรียน และศิษย์เก่าจึงคิดช่วยกันบูรณะโรงเรียนให้กลับสู่
สภาพเดิม จึงจัดตั้งสมาคม เมื่อวันที่ ๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๙ ดำ�เนินการจัดงาน จัดกิจกรรม
ต่าง ๆ เพื่อระดมเงินทุนมาร่วมพัฒนาโรงเรียนในด้านต่าง ๆ เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
ท่านผู้หญิงสุมาลีอุทิศเวลาและความสามารถอย่างเต็มที่เพื่อช่วยเหลืองานของสมาคม
ใน พ.ศ. ๒๕๐๘ - ๒๕๐๙ ก็ได้ดำ�รงตำ�แหน่งนายกสมาคมศิษย์วังหลัง-วัฒนา และยังคงช่วยเหลือ
สมาคมและโรงเรยี นตามวาระโอกาส เพอื่ ตอบแทนแกโ่ รงเรยี นอนั เปน็ ทรี่ กั และผกู พนั ทงั้ เปน็ แบบอยา่ ง
ที่งดงามแก่นักเรียนวัฒนาวิทยาลัยรุ่นหลัง
. 81 .
. .
เกียรติยศปรากฏแก่ตน
ท่านผู้หญิงสุมาลีมักจะกล่าวในหลายวาระว่าท่านระลึกอยู่เสมอว่าเรียนมาน้อย
จึงเป็นเหตุผลส่วนหนึ่งที่ทำ�ให้อุทิศตนทำ�งานเพื่อสังคมมาโดยตลอด
ทำ�ให้ได้รับความรู้ประดับตน ได้เรียนรู้โลกและชีวิตจากการทำ�งาน
ที่เปิดโอกาสให้พบปะบุคคลในแวดวงต่าง ๆ อย่างกว้างขวาง การสั่งสมความรู้
จากประสบการณ์ตรง ผนวกกับความใฝ่รู้และการพัฒนาตนในด้านต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง
สนุกกับการเรียนรู้อย่างไม่มีข้อจำ�กัด ทำ�ให้ท่านได้รับการยอมรับ
และยกย่องจากสถาบันการศึกษาหลายแห่ง เป็นเครื่องยืนยันในความสามารถอันเป็นเลิศ
และสร้างแรงบันดาลให้แก่ผู้คนในสังคม
. 82 .
. .
. 83 .
. .
. 84 .
. .
แสงแห่งดาวฤกษ์
คณุ หญงิ กษมา วรวรรณ ณ อยธุ ยา
. 85 .
. .
แสงแห่งดาวฤกษ์
เป็นความมุ่งหวังต้ังใจของพวกเรา
ผู้เป็นลูก หลาน เหลน และญาติพี่น้อง
ที่ได้ใกล้ชิดและมีโชควาสนาได้อยู่ร่วมบ้านเดียวกัน
มีโอกาสได้รับความรัก ความอบอุ่น ที่ได้หล่อเลี้ยง
ให้ทุกคนเจริญเติบโต ได้เรียนรู้ ได้รับแรงบันดาลใจ
ได้เห็นแบบอย่างในการด�ำรงชีวิตและการแก้ปญั หา
ในทุกแง่มุม จึงร่วมกันบันทึกความทรงจ�ำ
และถอดบทเรียนจากประสบการณ์ที่มีร่วมกับท่าน
และได้ซึมซับรับไปประยุกต์ใช้
ในชีวิตของพวกเราแต่ละคน
. 86 .
. .
บ้านศูนย์รวมแห่งความรักและความผูกพัน
ตลอดชวี ติ ของคณุ แม่ ทา่ นยา้ ยบา้ นหลายครัง้ บา้ นแตล่ ะหลงั มเี อกลกั ษณต์ า่ งกนั แตท่ กุ หลงั
มีจดุ ร่วมทีเ่ ปน็ ศนู ย์รวมจิตใจและแหล่งเรยี นรู้ของสมาชิกในครอบครัว ตลอดจนญาตสิ นิทมิตรสหาย
โดยมีคุณแม่เป็นพลังที่สร้างความมีชีวิตชีวา ความรัก ความสามัคคีให้เกิดขึ้น
เริม่ จากบา้ นซอยปรดี าทีค่ ณุ แมเ่ ตบิ โตมา และไดเ้ หน็ แบบอยา่ งทีค่ ณุ ตา (หลวงยกุ ตเสววี วิ ฒั น์
และคุณยาย (คุณหญิงถนอมศรี) เปิดบ้านให้เป็นที่พักพิงของเครือญาติที่มีภูมิลำ�เนาต่างจังหวัด
ยามสงคราม เพื่อนบ้านได้มาอาศัยหลุมหลบภัยที่คุณตาสร้างขึ้น และยามสงบ บ้านซอยปรีดา
เป็นสถานที่พบปะสังสรรค์ของผู้คนหลากหลายวัยและสาขาอาชีพ โดยเฉพาะเวทีรำ�วงที่รวมดารา
รำ�วงชายหญิง มีคุณแม่ ป้าจี๊ด และน้าดวงเป็นดาวดวงเด่น
. 87 .
. .
ทีบ่ ้านถนนสาทรของคณุ ปู่ พลต�ำ รวจโท พระยาอธิกรณประกาศ คณุ แม่ไดย้ ้ายเข้าไปเปน็
สะใภ้สาวน้อยอายุเพียง ๑๖ ปี คุณแม่มักจะเล่าว่ามีความประหวั่นพรั่นพรึงเป็นที่สุด เวลาไปหา
คณุ ปู ่ ทา่ นกใ็ หไ้ ปชว่ ยคณุ ยา่ (คณุ หญงิ องุน่ จาตกิ วณชิ ) ผูบ้ ญั ชาการท�ำ ครวั ดว้ ยตนเอง ครัน้ เขา้ ไป
ในครัว คุณย่าท่านก็ส่งกลับให้ไปอ่านหนังสือกับคุณปู่ แต่ประสบการณ์ในบ้านสาทรช่วยให้คุณแม่
ได้เรียนรู้วิชาทำ�อาหาร และได้อ่านหนังสือจากคลังของคุณปู่ ทั้งยังได้ฝึกความเป็นระเบียบ
ความตรงตอ่ เวลา การรกั ษากตกิ า และคงเริม่ ไดค้ ดิ เชงิ ธรุ กจิ ดว้ ย เพราะเหน็ คณุ ปูน่ ัง่ เกบ็ คา่ ผา่ นทาง
ในซอยอรรถการประสิทธิ์เพื่อรักษาสิทธิความเป็นเจ้าของด้วย
แต่ในมุมมองของผู้อยู่ใกล้ชิดในขณะนั้น คุณแม่ได้นำ�สีสันและความสดชื่นมาสู่บ้านสาทร
ในหลายมิติ คุณอาน้อย (โกศัลย์ ลํ่าซำ�) เล่าว่า คุณแม่ได้ทำ�ให้บ้านมีชีวิตชีวาด้วยการมาเล่า
ให้คุณย่าฟังในแต่ละวันว่าไปไหนมาบ้าง ได้พบปะกับใครบ้าง เป็นการเชื่อมโยงชีวิตของคุณย่า
กับสังคมภายนอกและชีวิตของคุณพ่อ ลูกชายที่มักไม่ค่อยมีเวลามาพูดคุยด้วย ในขณะที่พี่ฝุ่ย
(อุทัยพันธ์ จาติกวณิช) จำ�ได้ดีว่าจะเดินข้ามคูนํ้ามาให้คุณแม่อ่านการ์ตูนภาษาอังกฤษให้ฟัง
เปน็ ประจ�ำ สว่ นพีเ่ ฝอ่ ว (สนั ตพิ นั ธ์ จาตกิ วณชิ ) ยงั เลก็ มากแตก่ ย็ งั มภี าพประทบั ใจวา่ คณุ แมแ่ ตง่ ตวั
สวยมากและจะไปนั่งทานนํ้าชากับคุณปู่ทุกบ่าย
ที่บ้านซอยแสนสำ�ราญ คุณแม่ได้เป็นแม่บ้านอย่างเต็มภาคภูมิ และได้สร้างบรรยากาศ
ของความรักและความอบอุ่นให้อบอวลทั้งในบ้าน และขจรขจายไปยังเพื่อนบ้านใกล้เคียงที่ยัง
ผูกพันกันข้ามรุ่นถึงลูกหลาน คุณแม่ยังได้สร้างเรือนริมนํ้าให้คุณย่าได้มาอยู่กับพวกเราในช่วง
บั้นปลายชีวิตด้วย
บา้ นเลก็ ๆ ของเราทีซ่ อยแสนส�ำ ราญ
ขึ้นชื่อในการเลี้ยงรับรองผู้มาเยือน ตั้งแต่
เพื่อนในสังคมของคุณพ่อ บรรดาคุณหมอ
และคณาจารย์จากโรงพยาบาลศิริราช ที่มา
ตงั้ วงถกแถลงทางวชิ าการและซอ้ มการแสดง
ชดุ ตา่ ง ๆ รวมทัง้ ลเิ กทีค่ ณุ พอ่ เคยแสดงเปน็
จันทโครบ นักวิชาการสารพัดศาสตร์จาก
ต่างประเทศ ตลอดจนเพื่อน ๆ ลูกจะมา
รวมกลุม่ กนั เปน็ ประจ�ำ เริม่ จากการมางาน
เลี้ยงวันเกิดในบ้านตุ๊กตาจนถึงงานเต้นรำ�
ที่ระเบียงบ้านเมื่อเราเริ่มเป็นหนุ่มสาว
งานหมั้นของหม่อมราชวงศ์ชาญวุฒิ นอ้ งเปา๊ ะ (คณุ สมุ ณั ฑนา โมกขะเวช)
และคุณหญิงกษมา ที่บ้านซอยแสนสำ�ราญ
ได้รับเกียรติจากผู้หลักผู้ใหญ่ผู้เป็นที่เคารพนับถือ ลูกสาวของคุณเกษมและคุณวาณี ลํ่าซำ�
เพื่อนรักของคุณพ่อ เป็นแขกประจำ�
. 88 .
. .
ในงานวันเกิดที่บ้านตุ๊กตาเล่าว่า ประทับใจมาก เคยรบเร้าคุณแม่ให้จัดให้บ้าง แต่ติดขัด
ที่ครอบครัวมีลูกสาว ๖ คน จะต้องจัดเดือนเว้นเดือน
หนู (ภาวิไล บุราวาศ) เพื่อนสนิทคนหนึ่งของดิฉันเล่าว่า
“ไปบ้านแดงตั้งแต่เด็ก ๆ เราหยุดวันพฤหัสบดี ไม่มีอะไรทำ� ที่บ้านแดง คุณแม่หาของ
จัดกิจกรรมเยอะ เพื่อน ๆ จะไปหา ไปเที่ยว ไปเล่น ไปกินข้าวเป็นประจำ� คุณแม่แดงจะเป็น
ทั้งเพื่อน ทั้งแม่และครู ยามใดแดงเกเร จะอย่างโง้นอย่างงี้ ก็จะโดนดุ ไม่ใช่ลูกที่คุณแม่ตามใจ”
ตอ่ มาเมือ่ ลกู สาวแยกครอบครวั และมขี ้อเสนอจากบริษทั อสงั หารมิ ทรพั ยท์ ี่ดี คุณแม่จึงยอม
ขายที่ดินและย้ายไปอยู่บ้านเอกมัย หลานสาวคนเดียวที่ได้ไปอยู่กับคุณแม่ คือ โอ๋ (สิริโสภิน
ยุกตะเสวี) เล่าว่า “ครั้งหนึ่งในชีวิตได้มาอยู่กับคุณป้าที่บ้านเอกมัย เป็นช่วงที่มีความสุขมากที่สุด
คุณป้าให้ความรัก ความเมตตา ปกป้องเสมอมา และเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้ฟัง ทำ�ให้ทราบว่า
คุณป้ามีหลายอย่างที่คล้ายคุณปู่ (หลวงยุกตเสวีวิวัฒน์) เช่น ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ครั้งหนึ่ง
คุณป้าเข้าไปในครัว เจอเตาที่มีคราบนํ้ามันติดเต็มทั้งเตา คุณป้าจึงชวนให้โอ๋มาช่วยกันล้าง
จนสะอาดสวยงาม และสอนว่า ถ้าเราไม่ทำ�แล้วจะบอกให้คนงานทำ�ได้อย่างไร”
ต่อมาเมื่อมีสถานทูตมาขอเช่าบ้านเอกมัย คุณพ่อคุณแม่จึงย้ายไปอยู่กับคุณตาคุณยาย
ที่บ้านยุกตะเสวี และได้อยู่ต่อเนื่องกว่า ๔๐ ปี เป็นครอบครัวขยายเต็มรูปแบบ มีสมาชิกทุกรุ่น
ทุกวัยอาศัยอยู่ร่วมกัน
. 89 .
. .
พระราชวรญาณโสภณ (ชุบ เขมงฺกโร) เจ้าอาวาสวัดธาตุทอง ผู้ได้รับนิมนต์มาที่บ้านเสมอมา
ยกย่องว่าบ้านยุกตะเสวี เป็น “มหาวิทยาลัยชีวิต ที่มีหลวงยุกตเสวีวิวัฒน์ คุณหญิงถนอมศรี
คุณหมอกษาน และท่านผู้หญิงสุมาลี เป็นต้นแบบที่มีค่ายิ่งกว่าคำ�สอนใดๆ”
พลตำ�รวจตรี อังกูร อาทรไผท น้องเขยของคุณแม่ยืนยันคำ�กล่าวนี้ “ผมเข้ามาเป็นเครือญาติ
ของท่านเมื่อ ๕๐ ปีก่อน ได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างจากที่นี่ และสามารถนำ�ไปใช้ประกอบ
ในการดำ�รงชีวิตได้จริง อดที่จะกล่าวถึงคุณหญิงยุกตเสวีวิวัฒน์ (มารดาของท่านผู้หญิง ซึ่งก็เป็น
แม่ยายผม) มิได้ ผมนับถือเป็นอาจารย์ใหญ่แห่งบ้านยุกตะเสวีทีเดียว ท่านได้แนะนำ�สิ่งดี ๆ
กับผมตลอดมา ประโยคสั้น ๆ แต่โดนใจ ได้คิด ถือปฏิบัติตลอดมา ต่อมาคุณหญิงแม่ถึงแก่กรรม
พี่อ๊อดฐานะพี่คนโตก็ได้มาดำ�รงตำ�แหน่งประมุขแห่งบ้านยุกตะเสวีสืบแทน
กิจกรรมที่สืบสานต่อเนื่องคือ การพบปะสังสรรค์รับประทานอาหารมื้อคํ่าวันอาทิตย์ มิได้
ขาดเว้น พี่อ๊อดนั่งหัวโต๊ะ น้อง ๆ และลูก ๆ หลาน ๆ รวมทั้งเหลน ๆ ก็มานั่งเรียงต่อเป็น
พระอันดับตามอาวุโส สมาชิกในครอบครัวมากขึ้นจนต้องขยายเป็น ๒ โต๊ะ
พี่อ๊อดฝึกให้รู้จักมรรยาทในการรับประทานอาหาร โดยท่านทำ�เป็นแบบอย่าง (โดยไม่ต้อง
สอน) เช่น นั่งตัวตรง ไม่เท้าโต๊ะ ไม่ตั้งศอก การเคี้ยวอาหาร การใช้ภาชนะอย่างไม่มีเสียง และ
ในช่วงที่ทานอาหารนั้น ท่านยังแฝงวิธีการให้คุ้นเคยต่อการพูดในที่สาธารณะ (เป็นการพูดที่ไม่ได้
มีการเตรียมตัวมาก่อน) แล้วแต่ท่านจะเลือกให้ใครพูด หมุนเวียนเปลี่ยนกันไป (น้อง ๆ สถาบัน
การฝึกพูดทีเดียว)”
เมื่อคุณแม่ได้รับภาระดูแลบ้านยุกตะเสวีต่อเนื่องจากคุณยาย น้า ๆ หลาน ๆ ที่เคย
อยู่ร่วมชายคากับคุณแม่ต่างมีเรื่องเล่าว่า คุณแม่และคุณพ่อมีอิทธิพลต่อชีวิตสมาชิกในบ้านอย่างไร
ทั้งการดูแลคุณตาคุณยายในแต่ละช่วงของชีวิต ความเป็นอยู่ของทุกคนในบ้าน การตัดสินใจ
เรื่องการศึกษาและการเลือกคู่ครอง การกำ�ราบความประพฤติ และกรณีพิพาท แต่เหนืออื่นใด
ได้ทำ�ให้ทุกคนรู้สึกอบอุ่นใจและมีที่พึ่ง
บี (อัษฎา อาทรไผท) นักเขียนและศิลปินประจำ�ตระกูล เล่าได้อย่างสนุกสนานชวนติดตาม
ความตอนหนึ่งว่า “ตั้งแต่สมัยคุณตาคุณยาย ทุกคนต้องมานั่งที่โต๊ะอาหารอย่างพร้อมเพรียงกัน
และลุกเมื่อจบการทานข้าวแล้ว ถ้าลุกก่อนจะโดนดุ ไป ๆ มา ๆ ก็ชิน และทำ�ให้เราได้ฟังผู้ใหญ่
คุยกัน เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ได้ทุกมื้อไป
ครั้นเมื่อมาถึงยุคคุณลุงหมอและคุณป้า ประเพณียังคงเหมือนเดิม แต่ไม่มีใครบังคับ เพราะ
กลายเปน็ วถิ ชี วี ติ ประจ�ำ วนั ทีผ่ มจะมานัง่ ทานขา้ ว ใชเ้ วลาราว ๑ ชัว่ โมงกบั ทา่ นทัง้ สอง ซึง่ ทกุ ๆ คนื
ท่านจะมีเรื่องเล่ามากมาย ทั้งสิ่งที่ไปพบเจอมา และเกร็ดความรู้ ความบันเทิง สาระต่าง ๆ
ตามแต่จะนึกได้ นอกจากจะเล่าอะไรให้ผมฟังแล้ว ท่านทั้งสองยังถามไถ่ถึงตัวผมด้วย ว่าเรียนอะไร
ทำ�อะไรมา และมีความคิดเห็นอย่างไรกับเหตุการณ์ Current Issues ในช่วงนั้น
. 90 .
. .
ผมเองตั้งแต่เด็กก็เป็นคนยียวน จะหาทางตอบให้กวน ๆ หรือไม่ก็ทำ�ให้คุณลุงคุณป้าหัวเราะ
ถา้ ข�ำ ผมถอื วา่ ผมประสบความส�ำ เรจ็ การสนทนาตา่ ง ๆ เลยกลายเปน็ ความเพลดิ เพลนิ ทีผ่ มรอคอย
มือ้ เยน็ แมท้ านกนั เพยี ง ๓ คน แถมทานกบั ผูอ้ าวโุ ส ผมกลบั มคี วามสขุ ทีไ่ ดไ้ ปนัง่ อยูต่ รงนัน้ แมผ้ ม
จะจำ�ไม่ได้ว่าตลอดช่วงเวลา ๓ ปีนั้น เราเสวนาอะไรกันบ้าง แต่ผมมั่นใจว่าหยักสมองของผมได้รับ
พลังความรู้จากคุณลุงและคุณป้าไปมากมายกว่าที่จะไปหาศึกษาที่ไหนได้”
หลานสาว เอนิ (สถริ พร ลิม้ มณวี จิ ติ ร) ผูแ้ กน่ แกว้ ทีส่ ดุ ในบา้ น แตต่ อ่ มาส�ำ เรจ็ ไดเ้ กยี รตนิ ยิ ม
อันดับ ๑ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ฝากความทรงจำ�ไว้ว่า “ตั้งแต่เล็กจนโต เราได้ใช้ชีวิต
ครั้งหนึ่งในบ้านหลังนี้ บ้านที่มีคุณยายเป็นผู้ดูแล เป็นผู้ให้ความอบอุ่นแก่หลาน ๆ และครอบครัว
สำ�หรับเรา คุณยายเป็นผู้ใหญ่ที่ใจดีที่คอยมอบความสุขให้แก่หลาน ๆ หลายครั้งที่คุณยายดุ
และสั่งสอนเวลาเราเล่นซน คลานสนุกใต้โต๊ะทานข้าว เมื่อเติบโตมาจึงได้รับรู้ว่าคุณยาย
เปน็ มากกวา่ นัน้ คณุ ยายเปน็ ที่เคารพรักจากคนมากมาย และคณุ ยายไดอ้ ทุ ศิ ตนเพื่อสงั คมมากมาย
ขนาดไหน”
อีกมุมมองจากเอ๋ย (วิภวา พหลโยธิน ยุกตะเสวี) หลานสาวหลายปริญญาและเลี้ยงลูกได้ดี
ถึง ๓ คน ก็ยังต้องการคุณป้า “....ในวันที่หลานอายุมากขึ้นแล้ว คุณพ่อของหลานได้จากไป
ขณะหลานเสยี ใจรอ้ งไหไ้ มย่ อมหยดุ คณุ ปา้ กย็ งั เปน็ ทีพ่ ึง่ ทางใจในตอนนัน้ ใหห้ ลาน โดยบอกหลานวา่
“ถึงพ่อไม่อยู่แล้ว แต่เรายังมีป้าอยู่ อยากร้องไห้หรืออยากพูดอะไรกับพ่อก็มาหาป้าแทน”
หนุ่มน้อยวัย ๑๕ ปี อคิรา อาทรไผท มีความฝังใจที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับคุณย่าหญิง ดังนี้
“Khun Ya Ying has taught me how powerful family can be, and her compassion
has motivated me to treat others with respect and kindness. She has also taught
me significant details about our family history such as explaining the architecture
and different rooms of the Yuktasevi house. Additionally, she was a motherly figure
and excellent role model for those in my generation, which I am immensely
grateful for.”
เมื่อคุณตาและคุณยายจากไป และน้า ๆ น้อง ๆ หลายครอบครัวได้แยกย้ายไปสร้างบ้าน
ของตนเอง จำ�นวนสมาชิกที่อาศัยในบ้านอาจน้อยลง แต่บ้านยุกตะเสวียังคงความเป็นศูนย์กลาง
ของเครือญาติที่เปี่ยมด้วยชีวิตชีวา สมาชิกในครอบครัวทุกคนสามารถมาจัดกิจกรรมประเพณี
และสังสรรค์ได้ตามความประสงค์
. 91 .
. .
คุณยายนิตยา (แต่เราเรียกคุณน้า) และหนุ่ย (บุศรา ยุกตะเสวี) ญาติสนิทเจ้าของโรงเรียน
อนุบาลเฟื่องฟ้า จะมาเยี่ยมคุณแม่เป็นประจำ� รำ�ลึกถึงบรรยากาศของการพบกันว่า
“ในทุกปีที่เราไปกราบเยี่ยมและขอพรจากท่าน หลังจากเราได้สนทนาพูดคุย และฟังท่านเล่า
เรื่องราวต่าง ๆ ทั้งในอดีต ปัจจุบัน รวมทั้ง Update ชีวิตของเราให้ท่านฟัง ท่านก็จะชวนคุณแม่
ไปเดินชมสวน และทานของว่างที่เตรียมไว้ ซึ่งแน่นอน เกือบจะทุกปีก็จะมีไอศกรีม เป็นเมนูประจำ�
แทบทุกครั้ง ท่านจะคอยเชิญชวนและตักขนมที่เตรียมไว้ให้คุณแม่ตลอด คุณแม่บอกว่า พี่อ๊อด
เป็นคนเก่ง คุยสนุก ใจดี ชอบต้นไม้เหมือนกัน และที่สำ�คัญชอบไอศกรีมเหมือนกัน ทุกครั้ง
ที่คุณแม่และข้าพเจ้าทานไอศกรีม เราจะนึกถึงคุณป้าหญิงเสมอ เมื่อเราเจอไอศกรีมที่อร่อย
และแปลกใหม่ก็อยากให้คุณป้าได้ทานด้วย”
. 92 .
. .
คุณแม่ได้สืบสานงานสังสรรค์ครอบครัววันอาทิตย์อย่างเหนียวแน่น ทั้งยังเพิ่มสีสันด้วย
การจัดงานวาระพิเศษ เช่น งานปีใหม่ งานสงกรานต์ งานลอยกระทง และเมื่อมีหลานเหลนเล็ก ๆ
เพิ่มขึ้น ก็ได้เพิ่มกิจกรรมตามวัยสมาชิก เช่น งานคริสต์มาส งานฮาโลวีน หรือการหาไข่อีสเตอร ์
ทุกงาน ท่านผู้หญิงจะร่วมสนุกในทุกรูปแบบ บรรยากาศความสนุกของงานเหล่านี้เป็นเช่นไร
บี (อัษฎา อาทรไผท) ได้กล่าวไว้ในข้อเขียนดังนี้
. 93 .
. .
. 94 .
. .
“อันที่จริงพวกเรามีนัดเจอกันเป็นปกติทุกวันอาทิตย์เป็นประเพณีมายาวนาน ความพิเศษ
ของงานวันปีใหม่อยู่ที่การแต่งแฟนซีที่จะมีธีมต่างกันไปทุกปี ถือเป็นงานใหญ่ของเรา มักจะมี
แขกพิเศษที่ไม่ใช่ญาติแต่สนิทเหมือนญาติมาด้วย ซึ่งทุก ๆ ท่านก็น่าจะได้ความประทับใจมิรู้ลืม
กลับไป เมื่อเห็นความเอาจริงของพวกเรา แต่งแฟนซีกันเต็มที่อย่างกับจะไปประกวดเวทีใหญ่
แน่นอนว่าไม่ใช่แค่รุ่นหลานเหลน คุณป้าหญิงก็ร่วมแต่งแฟนซีไปกับเราด้วยทุกครั้ง
การแตง่ แฟนซจี ะนา่ ตืน่ เตน้ ไมไ่ ด้ หากไมม่ รี างวลั ฉะนัน้ คณุ ปา้ หญงิ จะมอบรางวลั สาขาตา่ ง ๆ
ให้กับคนที่แต่งกายถูกใจท่านและเครือญาติ โดยส่วนมากทุกคนที่แลดูเห็นว่าตั้งใจเตรียมตัวมา
ก็จะได้รับรางวัลกันไปคนละชิ้น หลายรางวัลคิดชื่อสด ๆ หน้างาน
งานนีจ้ ะจบไมไ่ ดห้ ากไมม่ กี ารกลา่ วค�ำ อวยพร โดยทกุ ๆ ปี คณุ ปา้ จะใหพ้ รพวกเราฟงั แลว้ รูส้ กึ
อิ่มเอมมีพลังใจไว้ต่อสู้โลกอันโหดร้ายต่อไป และจะขาดไม่ได้ที่ช่วงเวลาของการกล่าวนี้ จะเป็น
เวทีซ้อมกล่าวของสมาชิกในครอบครัวท่านอื่น ๆ ด้วย ทั้งที่ออกพูดอย่างคล่องแคล่วและท่านที่ยัง
ไมค่ ลอ่ งนกั กม็ กั มโี อกาสไดอ้ อกมาพดู หนา้ ชัน้ กนั คนละเลก็ ละนอ้ ย ไมว่ า่ จะออกมาพดู อะไร คณุ ปา้
จะปรบมือให้กำ�ลังใจ และสร้างเสียงหัวเราะครื้นเครงให้กับพวกเราเสมอ”
. 95 .
. .
. 96 .
. .
บ้านยุกตะเสวีพร้อมต้อนรับเพื่อนฝูงของลูกหลานทุกรุ่น ต่างเคยพาเพื่อนมารับประทาน
อาหาร ตั้งวงสนทนาทั้งที่มีสาระและสนุกสนานเฮฮา หรือจัดกิจกรรมนานาประเภทที่คุณแม่
พร้อมร่วมสนุกในทุกสถานการณ์ แม้ช่วงที่คุณแม่อายุใกล้เก้าสิบปีแล้ว ก็ยังเต็มใจลงมาร่วมเชียร์
การซ้อมการแสดงของเพื่อนลูก ๆ พร้อมให้กำ�ลังใจ ทั้งยังกล่าวอวยชัยให้พรก่อนงานสังสรรค์
จะเลิกรา
เพื่อน ๆ ของลูกสาวที่เคยมาบ้านยุกตะเสวี มีความทรงจำ�ที่หลากหลาย ดังนี้
ดร.ทองอยู่ แก้วไทรฮะ อดีตรองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ บันทึกความทรงจำ�แทนลูก ๆ
จาก กศน. ไว้ว่า
“ผมยังจำ�ได้ว่าครั้งหนึ่งนานมาแล้ว เรามีงานเลี้ยงฉลองปีใหม่กันที่บ้านยุกตะเสวี วันนั้น
มีแนวคิดให้ผู้ไปร่วมงานแต่งชุดนักเรียนย้อนยุค คุณหญิง ดร.กษมา แต่งชุดนักเรียนมัธยมโรงเรียน
วัฒนาวิทยาลัย และผมแต่งเป็น “แป๊ะฮง” ตัวเอกในกรณีตัวอย่างเรื่องคิดเป็น หาบตะกร้าเต้าฮวย
เดือดพล่านบนเตาอั้งโล่ ร้อนฉ่า เข้าไปร้องขายในห้องโถงบ้านยุกตะเสวี ทุกคนทั้งตกใจ ตื่นเต้น
และขบขัน ส่วนคุณแม่กลับสนุกด้วยโดยไม่ดุไม่ห้ามผมสักคำ� แต่ผมมารู้ภายหลังว่า คุณแม่ก็แอบ
เป็นห่วงผมเหมือนกัน”
อีกมุมมองจาก ดร.เจือจันทร์ จงสถิตอยู่ เพื่อน วปรอ. ๔๐๑๐ ยังจำ�ได้ว่า
“เมื่อมีการกำ�หนดงานประจำ�ปีของรุ่น จะมีการซักซ้อมการแสดงของนักศึกษา ท่านผู้หญิง
ได้เอื้อเฟื้อให้ใช้บ้านยุกตะเสวี และได้มาร่วมดูการฝึกซ้อม ชมเชยให้กำ�ลังใจพวกเรา แถมยัง
เลี้ยงอาหารแก่พวกเรา ท่านนั่งรับประทานอาหารพร้อมพูดคุยอย่างสนุกสนาน อบอุ่น โดยท่านมี
วลีเด็ด ๆ หรือหักมุมที่เรียกเสียงหัวเราะได้อย่างมาก พวกเราบางคนยังตามไม่ทันก็มี
. 97 .
. .
กิจกรรมในช่วงไวรัสโควิดระบาดครั้งแรกที่เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ประเทศจีน ประเทศไทย
ได้จัดการรณรงค์ให้กำ�ลังใจชาวอู่ฮั่น กรรมการรุ่นจึงได้จัดกิจกรรมให้กำ�ลังใจชาวอู่ฮั่น โดยถ่ายทำ�
วีดิโอที่บ้านคุณหญิงแดงเพื่อส่งไปให้สถานทูตจีนในไทย ท่านผู้หญิงได้กรุณาร่วมกิจกรรมนี้ด้วย
เป็นภาพที่น่ารัก ตอนที่พวกเราร้องพร้อมกันว่า อู่ฮั่น สู้สู้ และแสดงภาษากายด้วยการกำ�มือ
ยกขึ้นลง ดูแล้วมีพลังและสื่อสารได้ดีมาก ท่านผู้หญิงก็ร่วมยกมือ ชูกำ�ปั้นขึ้นลง เป็นการส่ง
แรงใจช่วยอู่ฮั่นพร้อมพวกเราด้วย เป็นภาพที่ใครเห็นก็ประทับใจ”
บ้านยุกตะเสวียังเป็นสถานที่จัดประชุมขององค์กรหลายสิบแห่งที่คุณแม่มีบทบาทสำ�คัญ
เล่ากันว่าเมื่อวินหลานชายยังเล็ก จะนั่งบนตักคุณยายผู้เป็นประธานที่ประชุม และเมื่อเห็นว่า
การประชุมเนิ่นนานก็จะประกาศปิดประชุมเสียเอง
น้องหนึ่ง (สุดถนอม อาทรไผท) ผู้สืบสานงานการกุศล งานสังคมสงเคราะห์ในครอบครัว
ได้เล่าถึงสิ่งที่ได้เรียนรู้จากการทำ�งานกับท่านผู้หญิง
“เมื่อเรียนจบกลับมา หนึ่งได้มีโอกาสรับใช้งานต่าง ๆ ของคุณป้า และเรียนรู้หลาย ๆ สิ่ง
จากท่าน หนึ่งในนั้นคือ การพิมพ์รายงานการประชุมและจดหมาย คุณป้าให้ความสำ�คัญมาก
กับเอกสารต่าง ๆ ที่จะส่งออกไปจากท่าน เนื่องจากสมัยก่อนยังไม่มีคอมพิวเตอร์ การพิมพ์งาน
แต่ละครั้งต้องทำ�อย่างรอบคอบระมัดระวัง สมาธิต้องมี เพราะใช้เครื่องพิมพ์ดีด ถ้าพิมพ์ผิด
การจัดหน้าไม่ตรงคือต้องพิมพ์ใหม่ทั้งหมด
อีกเรื่องที่ได้เรียนรู้คือ คุณป้าให้เกียรติกับผู้ร่วมงาน ให้ความสำ�คัญในการทำ�งานร่วมกัน
เพราะทุกท่านมาด้วยจิตอาสา คุณป้าตระหนักถึงการหาจุดแข็งและความสนใจของแต่ละท่าน
เมื่อทราบว่าท่านใดถนัดอะไรก็จะมอบหมายหน้าที่ที่ท่านนั้นถนัดให้รับผิดชอบ ทำ�ให้ทุกคนทำ�งาน
ร่วมกันอย่างมีความสุข
การท�ำ งานของทา่ น ท�ำ เพือ่ ชว่ ยเหลอื ผูอ้ ืน่ จรงิ ๆ เมือ่ ทา่ นเหน็ รอยยิม้ ของผูไ้ ดร้ บั การชว่ ยเหลอื
ก็ทราบว่าท่านสุขใจยิ่ง แม้แต่คนใกล้ตัวท่านก็ไม่ได้มองข้าม และความเมตตานี้ยังได้เผื่อแผ่มายัง
ครอบครัวของหนึ่งด้วย”
ประสบการณ์ในบ้านยุกตะเสวี คงเป็นพื้นฐานสำ�คัญที่ช่วยให้หนึ่งประสบความสำ�เร็จ และมี
เครือข่ายกว้างขวางทั้งในการทำ�งานเพื่อสังคมและธุรกิจ ในตำ�แหน่งนายกสมาคมนักเรียนเก่า
มาแตร์เดอีวทิ ยาลัย ในพระบรมราชูปถมั ภ์ และรองกรรมการผูจ้ ดั การบริษัท มะลิกรุ๊ป 1962 จ�ำ กัด
บ้านยุกตะเสวียังเป็นจุดเช็กอินของเพื่อนครูที่เคยมาสังสรรค์ที่บ้าน หรือพบปะคุณแม่
เมื่อท่านไปต่างจังหวัด หลายคณะเดินทางมาไกล ๆ ช่วงสงกรานต์เพื่อรดนํ้าดำ�หัวและขอพร
เพื่อนครูที่เกษียณอายุไปแล้วและผันตัวไปทำ�สวนยังส่งผลผลิตจากเรือกสวนไร่นามาให้คุณแม่ชิม
เป็นประจำ�
. 98 .
. .
ดร.สมเกียรติ ชอบผล รองอธิบดีกรมกิจการพิเศษ สำ�นักพระราชวัง เพื่อนร่วมงานจาก
กระทรวงศึกษาธิการ จะชวนเพื่อน ๆ ที่เรียกตัวเองว่า กลุ่มบอยแบนด์ แม้นจะมีอายุเกิน ๖๐ ปี
ทุกคนมาเยี่ยมคุณแม่ในโอกาสต่าง ๆ รำ�ลึกถึงคุณแม่ว่า
“ท่านผู้หญิงเป็นผู้อุทิศตนปฏิบัติงานถวายพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพล-
อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และพระราชวงศ์อย่างมิรู้จักเหน็ดเหนื่อย และปฏิบัติงาน
ดา้ นสงั คมสงเคราะหแ์ กห่ นว่ ยงานตา่ ง ๆ ตลอดชวี ติ ของทา่ น ซงึ่ เปน็ การใชช้ วี ติ อยา่ งมคี ณุ คา่ ทสี่ ดุ
ท่านผู้หญิงมีความเมตตา ให้ความสำ�คัญกับคนที่มีความผูกพันกับลูกของท่าน โดยพูดให้ฟัง
ตลอดเวลาว่าพวกเราคือลูกของท่าน เป็นเรื่องที่ประทับใจ และดีต่อใจอย่างเป็นที่สุด”
คุณแม่ยังมี “ลูก” อยู่ทั่วประเทศ เช่น ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.มาลินี อุทธิเสน จาก
มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สรุ นิ ทร์ ทที่ า่ นเรยี กอยา่ งเอน็ ดวู า่ “ลกู สาวสชี มพ”ู ตลอดจนผหู้ ลกั ผใู้ หญท่ เี่ คารพ
คุณแม่เสมือนญาติผู้ใหญ่ เช่น อดีตสมาชิกวุฒิสภา ท่านปริญญา กรวยทอง จะมาเยี่ยมคุณแม่
. 99 .
. .
เป็นประจำ�ทุกปี พร้อมข้าวสารจากแปลงนาที่ภูมิใจเล่าว่าดูแลเอง หรืออดีตผู้อำ�นวยการโรงเรียน
สรุ นารวี ทิ ยา จงั หวดั นครราชสมี า ทา่ นผูอ้ �ำ นวยการ ศลิ ปสทิ ธิ์ ทบั ทมิ ธงไชย ทีช่ ว่ ยขยายการฝกึ อบรม
ครูและนักเรียนให้สามารถทำ�การช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานและนำ�ทีมงานมาทานข้าวที่บ้านยุกตะเสว ี
และที่ Tummy Yummy ของลูกสาว เพื่อช่วยประเมินคุณภาพเป็นระยะ ๆ
หากจะถามว่าอะไรที่ทำ�ให้บ้านยุกตะเสวีเป็นศูนย์รวมของความรักและความผูกพัน
ขา้ มกาลเวลาทีย่ าวนาน คงจะมหี ลายปจั จยั ทัง้ ประวตั ศิ าสตร์ ประสบการณท์ ีเ่ รามรี ว่ มกนั ทัง้ วนั เวลา
แห่งความสุขและความทุกข์ที่ไม่สามารถลบเลือนจากความทรงจำ� บรรยากาศภายในบ้านที่ยังคง
ความสง่างามด้วยฝีมือออกแบบของคุณตา คุณยาย น้าอู๊ด น้าอั้น ที่ยังทำ�ให้ผู้มาเยือน
ทึ่งในความลํ้ายุคและการมองการณ์ไกล การดูแลอย่างประณีตพิถีพิถันของคุณแม่ น้าอี๊ด น้านี๊ด
นา้ องั กรู และหนอ่ งผูท้ ีไ่ ดร้ บั การยกยอ่ งจากคณุ แมว่ า่ “คดิ อะไรไมอ่ อกใหบ้ อกหนอ่ ง” ทีช่ ว่ ยกนั ดแู ล
บำ�รุงรักษาของเดิมที่ตกทอดมา การคัดสรรสิ่งใหม่ ๆ ที่สอดคล้องกับแนวคิดในการออกแบบเดิม
โดยมคี ณุ ชายชาญวฒุ ิ ลกู เขยเปน็ คูค่ ดิ คนส�ำ คญั ทีไ่ ดร้ บั ความไวว้ างใจ หากจะเตมิ สิง่ ใหม่ ๆ เชน่ ลฟิ ต์
ก็ต้องไม่ทำ�ลายภาพลักษณ์เดิม
ระยะต่อมา วิน หลานชายผู้มีบริษัทสถาปนิกของตนเองมาช่วยเสริมความทันสมัยและ
ความแขง็ แรง ปลอดภยั ภายใตก้ ารก�ำ กบั ดแู ลอยา่ งใกลช้ ดิ ของคณุ แม ่ แมแ้ ตต่ น้ ไมป้ ระดษิ ฐก์ ลางบา้ น
คุณแม่ยังกำ�ชับทีมงานของอาจารย์ปัทมารัตน์ที่ชะลอมาให้และช่วยเพิ่มเติมกิ่งใบทุกปี ว่าต้องใส่
สเี ขียวอ่อนแก่ใหเ้ หมือนตน้ จรงิ คณุ แมม่ ีความตื่นเตน้ ดีใจยิ่ง เมือ่ วันหนึง่ นกนอ้ ยหลงเชือ่ เทคนคิ
ของคุณแม่มาทำ�รังบนต้นไม้ประดิษฐ์ของคุณแม่ต้นนี้ จวบจนอายุ ๘๐ กว่าปี คุณแม่ยังเดิน
ตรวจสนามทั้งหน้าบ้านหลังบ้านและริมคลองแสนแสบเพื่อกำ�กับดูแลให้สวยงามอย่างเป็นธรรมชาติ
. 100 .
. .
แต่เคล็ดลับที่เหนือ “เสน่ห์” ของบ้านยุกตะเสวีและบ้านทุกหลัง คือ “เสน่ห์” ของ
ท่านผู้หญิง ไม่ว่าจะเป็นวิธีเชิญชวนให้มา การแต่งกายต้อนรับ การจัดสถานที่นั่งพักและเสิร์ฟ
รับประทานอาหาร ล้วนสะท้อนความยินดีต้อนรับด้วยไมตรีจิต อาหารแม้นไม่หรูหรา ราคาไม่แพง
แต่ผู้มาเยือนจะอิ่มใจด้วยความรู้สึกว่าเจ้าของบ้านได้คัดสรรให้ถูกใจถูกปากและแปลกใหม่
ทั้งยังเสิร์ฟบนโต๊ะอาหารที่จัดอย่างประณีตสวยงาม
ศาสตราจารย์ นายแพทย์ปริญญา สากิยลักษณ์ เล่าว่า “ได้เห็นการเตรียมการและ
การต้อนรับอาคันตุกะของท่านผู้หญิงสุมาลีที่บ้าน ซึ่งเป็นไปอย่างเรียบง่ายแต่ดูสมเกียรติ
กพ็ ยายามทีจ่ ะจ�ำ เอาไวเ้ ปน็ ตวั อยา่ ง รายการเมนอู าหารทา่ นไมจ่ ดั อะไรทีพ่ สิ ดาร แตเ่ ปน็ ของแปลก ๆ
ที่ฝรั่งไม่เคยรับประทาน เป็นอาหารไทยรสชาติไม่เผ็ด ไม่เคยคิดว่าท่านจะจัดเมนูนี้เพื่อเลี้ยงแขก
ตา่ งประเทศ ซึง่ ชอบมาก เชน่ แกงเขยี วหวานขีเ้ หลก็ เนือ้ ยา่ ง” ในขณะทีค่ ณุ ออ๋ ย (ธนพรรณ แกว้ จนั ด)ี
ผู้รับใบอนุญาตโรงเรียนอนุบาลน้องหญิง อำ�เภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี ผู้มีฝีมือ
ทำ�อาหารไม่เป็นรองใครในจังหวัดอุบลราชธานี ประทับใจ “ขนมจีนนํ้าพริก” ที่บ้านยุกตะเสวี
. 101 .
. .
“ความอบอุ่น ความสุขที่เปี่ยมล้นทุกครั้งที่มากราบเยี่ยมคุณแม่ ท่านจะมีของอร่อย ๆ
ไม่ว่าจะเป็นผลไม้ ขนม ไอศกรีม หรือไม่ก็อาหารจานเดียวให้รับประทานทุกครั้ง มีอยู่ครั้งหนึ่ง
(ถ้าจำ�ไม่ผิด ตอนนั้นดิฉันอายุ ๖๖ ปี) คุณแม่เลี้ยงขนมจีนนํ้าพริก วันนั้นตื่นเต้นมาก เครื่องเคียง
มากขนาดนี้หรือ เกิดมาอายุปูนนี้เพิ่งรู้ว่า ดอกเข็มชุบแป้งทอดทานได้ หัวปลีก็ขาวสะอาด
หัน่ เปน็ ฝอยบางมาก ผกั บุง้ กล็ วกกรดี ยาวบางประมาณ ๑ นิว้ มว้ นสวยงาม ถัว่ งอกเดด็ รากขาวนา่ กนิ
พริกแดงแห้งทอด ตามด้วยมะละกอดิบขูดเป็นฝอยราวกับเส้นผม เครื่องเคียงทุกอย่างแสดงถึง
ความประณีตในการทำ� ดิฉันคิดในใจว่าต้องไปฝึกทำ�นํ้าพริกขนมจีนที่อร่อยให้ได้ จะได้ทำ�
เครื่องเคียงอย่างคุณแม่บ้าง”
ด้วยบรรยากาศที่อบอวลด้วยไมตรีจิตและความหลากหลายรสชาติในบ้านยุกตะเสวี ทั้งแขก
ผู้มาเยือนและเจ้าของบ้าน จึงมัก “ติดลม” ไม่เลิกราอยู่เนือง ๆ จนคุณพ่อผู้ถูกขนานนามว่า
“ครใู หญ”่ ตอ้ ง “ตรี ะฆงั ” ใหก้ ลบั บา้ น แมแ้ ตท่ า่ นผูห้ ญงิ ววิ รรณ เศรษฐบตุ ร ผูท้ ีท่ า่ นผูห้ ญงิ รกั นบั ถอื
ยังเล่าว่า เคยอยู่ในกลุ่มที่ถูกตีระฆังให้กลับบ้านมาแล้ว และภาพที่ชินตาทุกคน คือการที่คุณแม่
จวบจนอายุกว่า ๙๐ ปี จะยืนส่งทุกคนหน้าประตูบ้าน “จนลับตา”
ท่านผู้หญิงยืนส่งแขกจนลับตา
หลังงานฉลองปีใหม่ พ.ศ. ๒๕๖๓
. 102 .