The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ชุดการสังคายนาภูมิปัญญาการนวดไทย ๔ คำอธิบายคัมภีร์แผนนวดเล่ม ๑-๒ ในตำราเวชศาสตร์ฉบับหลวง รัชกาลที่ ๕ เล่ม ๒

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by จักรวาลพระเวทย์, 2023-11-06 08:36:36

ชุดการสังคายนาภูมิปัญญาการนวดไทย ๔ คำอธิบายคัมภีร์แผนนวดเล่ม ๑-๒ ในตำราเวชศาสตร์ฉบับหลวง รัชกาลที่ ๕ เล่ม ๒

ชุดการสังคายนาภูมิปัญญาการนวดไทย ๔ คำอธิบายคัมภีร์แผนนวดเล่ม ๑-๒ ในตำราเวชศาสตร์ฉบับหลวง รัชกาลที่ ๕ เล่ม ๒

40 ชุดการสังคายนาภูมิปัญญาการนวดไทย: ๔ หน้าปลายที่ ๔๒ ชื่อสูญทกลาแล ฯ แลลมอันชื่อว่าบิ์งคลาเมื่อแรกบังเกิดจับนั้นให้หน้าตา แดง ขึ้นทั่วตัวมักจับในวัน พฤหัศบดีนั้นเปนอาทิแล ฯ ลมอันชื่อสุมนา นั้นชื่อว่าลมดานตคุณก็ว่าลมชื่อมหาอัศดมก็ว่า มักจับในวันอาทิตยเปน อาทิแล ฯ ลมอันชื่อว่ากาลทารีนั้น ๔ เส้น ถ้าจับให้เยนเปนเหนบไป ะ เหตุว่ากินของผิดส�ำแลงนักมักกินของอันแสลงนัก เปนต้นว่าขนมจีนแล เข้าเหนียวหนักมักจับในวัน หน้าปลายที่ ๔๓ อาทิตย์แล ฯ ลมอันชื่อว่าสหัศรังสี มักเกิดลมอัคนิวาตคุณ เหตุว่ามัก กินของเปนต้นว่าหวาน แลมันนักจึ่งบังเกิดลมจ�ำพวกนี้ มักจับจับในวัน ศุกรนั้นแล ๚ ลมอันชื่อว่าฆานทารีนั้น ะ มักเกิดลมปัตฆาฎนัก เหตุ ว่ามักกินมพร้าวนักมักจับในวันอังคารแล ๚ ลมหนึ่งชื่อจันทกสังฆเพราะ ด้วยอาบน�้ำนักมักจับในวันพุธนั้นแล ๚ ลมอันชื่อว่ากุขุงนั้น เหตุเพื่อ กินของอันมันในวัน หน้าปลายที่ ๔๔ อาทิตย์นักมักให้เจบท้องแล ฯ ลมอันชื่อว่าสังขินั้น มักให้เสียดสีค่าง สุดทั้ง ๒ ข้างนั้น ย่อมเกิดราทธยักษวาโย ถ้าจะเกิด ๆ ในองคชาต นั้นเปนเพื่อกามราคนั้นหน่วงเอน ถ้าสัตรีเปนเพื่อโลหิตก็ดีเอนในมดลูก นั้นวิการ ให้เจบเกี่ยวไปเอาสีค่างสุดแล่นไปเอาท้องแล้วๆ รั้งไปเอาเข่า ทั้ง ๒ ข้าง ให้นวดแต่ล�ำลึงเอนจึ่งคลายแล ฯ ลมอันชื่อสรรนิบาตนั้น ให้เจบศีศะเปนก�ำลังนัก หน้าปลายที่ ๔๕ ให้แก้รากขวันแล้วให้แก้เกียวคอทั้ง ๒ ให้แก้เถาหลังทั้ง ๒ ให้แก้เถา ราวคางทั้ง ๒ คลายแล ะ ๏ ลมจ�ำพวกหนึ่งชื่อว่าคัพภาหะ เมื่อจับ นั้นออกสองหูตึงมิได้ยินศับทส�ำเนียง ให้แก้บนหูซ้ายนั้น ถ้าลมย่อมจับ ให้นอนไซ้ชื่อว่าธารตรณ ให้แก้บนหูขวาคลายแล ฯ ลมอันหนึ่งมักจับ แลไอมิออกนั้นชื่อว่าลมราทยักษย่อมกลายแปรไป ให้แก้เส้นเกลียวคอ ทั้ง ๒ ข้างแลก�ำด้นบั้นเอวแลท้อง


คำ�อธิบายคัมภีร์แผนนวด เล่ม ๑-๒ ในตำ�ราเวชศาสตร์ฉบับหลวง รัชกาลที่ ๕ เล่ม ๒ 41 หน้าปลายที่ ๔๖ ต่อชายโครงแล ฯ ลมอันหนึ่งมักจับไหล่ตายข้างซ้ายนั้นก็ดี ถ้าซ้ายชื่อ ปัตฆาฎราทยักษ์ ถ้าขวาชื่อชิวหาสดมแลให้แก้ต้นแขนแลเถาบ่าทั้ง ๒ เหมือนกันแลราวข้างทั้ง ๒ ข้าง ถ้าสอกซ้ายก็ดี ขวาก็ดีตายให้แก้สอก ทั้ง ๒ ข้างคลายแล ฯ ลมอรรตพฤกจับนั้น ให้ยอกสบักซ้ายก็ดีขวาก็ ดี ให้แก้ข้อแม่มือแม่เท้าคลายแล ฯ ลมสรรนิบาตจ�ำพวกหนึ่ง ให้จับไข้ ตัวร้อนนักให้แก้เกลียวมือ หน้าปลายที่ ๔๗ แลหลังมือต่อกันทั้ง ๒ ข้าง ถ้าแลให้เจบทั่วสารพางค์ แลให้ท้องแขง เปนดานให้แก้รอบสดือ ชื่อว่า ลมอันตคุณก็ว่า ถ้าแลให้เสียดเข่าชื่อว่า ลมจะโปงสะคริวก็ว่า ถ้าลมกล่อนให้แก้ตาเท้าทั้ง ๒ ข้าง ถ้าลม อรรตพฤกให้แก้ส้นเท้าทั้ง ๒ ต้นเท้าทั้ง ๒ ต่อริมเกือกทั้ง ๒ ข้าง คลายแล ๚ อันนี้บอกแผนหงายแล ๚ ลมอันชื่อว่าราทยักษนั้นจับให้ คอแขง ให้แก้ต้นคอแลสองเกลียวคอจง หน้าปลายที่ ๔๘ ได้แล ชื่อว่าราทยักษก็ว่าชิวหาสดมก็ว่า ให้เจรจามิได้ย่อมมักให้เจบ สบักแลหัวผานสบักทั้ง ๒ ข้างนั้น ชื่อว่าลมปัตฆาฏก็ว่าผู้นั้นมักนั่งนัก ลุกนั่งมิได้ก็ดี ให้แก้ส้นเท้าทั้ง ๒ แลแก้เส้นแถวหลังทั้ง ๒ แลแก้เส้น บั้นเอวทั้ง ๒ ข้าง ชื่อว่าลมแถกกลออมนั้น ให้แก้หัวเหน่าแลท้อง ะ แลรอบสดือ แลบั้นเอวแลสันหลังนั้นคลายแล ฯ ลมเนตนั้น ครั้นจับ ให้บิดตัวดังพิศม์งูนั้น หน้าปลายที่ ๔๙ ให้แก้หน้าแลหลังขาทั้ง ๒ ข้างคลายแล ฯ ลมสะคริวจ�ำพวกหนึ่งเล่า ให้จับแขนนั้นก็ดีเท้านั้นก็ดี ให้แก้สันน่าแค่งทั้ง ๒ จงได้คลายแล ฯ ถ้าแลไข้ให้หยากน�้ำนัก ะ เหตุว่าให้ร้อนพายในนักจึ่งกระหายน�้ำ ชื่อว่า ลมสรรนิบาตก็ว่า ลมปัตฆาฎนั้นก็ว่าให้แก้เส้นจักษุ ทั้ง ๒ แลแก้ส้น เท้าทั้ง ๒ แลตาเท้าทั้ง ๒ ข้างจงได้คลายแล ฯ อนึ่งลมอรรตพฤกมี ลักขณ


42 ชุดการสังคายนาภูมิปัญญาการนวดไทย: ๔ หน้าปลายที่ ๕๐ สี่จ�ำพวก จ�ำพวกหนึ่งนั้นเปนเพื่อปถวีธาตุให้ท้องแขงเปนดานหยิกมิเจบ ถ้าแลเปนเพื่อวาโยธาตุนั้น เพราะเหตุเพื่อโลหิตแลน�้ำเหลือง ถ้าแลเปน เพื่อเตโชธาตุ เหตุว่าไฟธาตุนั้นหย่อนให้หน้า แลจักษุแดงก�่ำ ถ้าแลเปน เพื่ออาโปธาตุนั้น ให้เยนเมื่อยขบทั่วตัวแลเจบท้องนัก ะ ประการหนึ่ง ว่านอนด้วยสัตรีแล้ว แลกลั้นกามราคไว้ให้นานตกแล ฯ ผิแลเปนเพื่อ ปถวีธาตุ์ หน้าปลายที่ ๕๑ แลวาโยธาตุ์ มักให้บังเกิดลมอ�ำมพาธิราทยักษชิวหาสดมดานตคุณ แลให้ จบเล่ม เจ็บแต่ใจเท้าแลใจ มือทั้ง ๒ แลให้ กลัดอกกลัดใจ เปนเหตุว่าลม ปัตฆาฏนั้นจับเส้นสันในเปนเค้ามูล ะ แก่ลมทั้ง ๔ จ�ำพวกนี้เมื่อแรก จับนั้นให้มึนตึงก่อน ให้แก้จักษุและรากขวันแลริมผมข้างหลัง แลสะบัก ทั้ง ๒ ข้าง แลเส้นใต้โครงสุดสันหลังทั้ง ๒ ข้างคลายแล ๚ะ๛ ๒. คัมภีร์แผนนวด เล่ม ๒ หน้าต้นที่๑ ถึง หน้าปลายที่ ๔๙ หน้าต้นที่ ๑ ๏ ศุภมัศดุ ลุศักราช ๑๒๓๓ อัศวสัมพัจฉรกติกมาศ ศุกรปักษจตุด ถดิถี ครุวารบริจเฉทกาลก�ำหนด พระบาทสมเดจพระปรมินทรมหา จุฬาลงกรณ์ บดินทร เทพยมหามงกุฎ บุรุศยรัตนราชรวิวงษวรุตมพงษ บริพัต วรขัติยราชนิกโรดม จาตุ รันตบรมมหาจักรพรรติราชสังกาศ บรมธรรมิกมหาราชาธิราชบรมนารถบพิตรพระเจ้าอยู่หัว หน้าต้นที่ ๒ เสดจเถลิงถวัลยราชบรมราชาภิเศก ผ่านพิภพกรุงเทพมหานคร อมร รัตนโกสินทร มหินทรายุทธยา มหาดิลกภพนพรัตนราชธานีบุรีรมย์ อุดมราชนิเวศนมหาสฐ์าน ะ เสดจออกณพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย มไหศวริยพิมาน โดยสฐ์านอุตราภิมุข พร้อมด้วย พระบรมราชวงษานุวงษ แลข้าทูลอองธุลีพระบาทผู้ ใหญ่ น้อย เฝ้าเบื้องบาทบงกชมาศ


คำ�อธิบายคัมภีร์แผนนวด เล่ม ๑-๒ ในตำ�ราเวชศาสตร์ฉบับหลวง รัชกาลที่ ๕ เล่ม ๒ 43 หน้าต้นที่ ๓ จึ่งพระบาทสมเดจบรมนารถบพิตรพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการมารพระบัณฑูรสุร สิงหนาทด�ำรัศสั่ง พระเจ้าราชวรวงษเธอกรมหมื่นภูบดีราชหฤทัย จางวางกรมแพทยา พระเจ้าราชวรวงษเธอกรมหมื่นอักษรสาสน์โสภณ จางวางกรม อาลักษณ อักษรพิมพ์ ว่าต�ำรับคัมภีร์แพทยส�ำรับรักษาโรคต่างๆ เปนคุณเปนประโยชนเปน อันมาก แล หน้าต้นที่ ๔ ต�ำรับแพทยซึ่งสร้างขึ้นไว้ใช้สอยสืบกันมานั้นสูญหายไปเสียบ้าง ที่ยังมี อยู่ก็วิปลาศ คลาดเคลื่อนไปบ้าง ให้กรมหมื่นภูบดีราชหฤทัย จัดหา รวบรวมฉบับคัมภีร์แพทย์ ทั้งสิ้น มาช�ำระสอบสวนให้ถูกถ้วนดีแล้ว ส่ง มาให้กรมหมื่นอักษรสาสน์โสภณสร้างขึ้น เพื่อเปนส่วนพระราชกุศลเปน ที่เฉลิมพระเกียรติยศ แลส�ำรับแผ่นดินสืบไป ะ หน้าต้นที่ ๕ ข้าพระพุทธเจ้า ได้ช�ำระตรวจคัมภีร์ ถูกถ้วนดีแล้ว ส่งมอบมาให้กรม อาลักษ(ณ์) ข้าพระพุทธเจ้าพระเจ้าราชวรวงษเธอกรมหมื่นอักษร หน้าต้นที่ ๖ สาสน์โสภณ แลหลวงสารประเสริฐ ได้ช�ำระตรวจอักษรถูกต้องแล้ว ข้าพระพุทธเจ้าขุนนิมิตอักษร เขียนอักษรไทยเส้นทอง ชุบอักษรไทยเส้นหรดาล ทูลเกล้า ฯ ถวายข้าพระพุทธเจ้า ได้สอบทานถูกต้องแล้ว ๚ะ๛ หน้าต้นที่ ๗ ๏ แลพรรณ(พรรณนา)ลมมาดังนี้ไซ้ พึงให้แพทยประกอบยาตามโรค ตามธาตุทั้ง ๔ ดังกล่าวมา นี้แล โรคพยาธิอันบังเกิดนั้นก็จะร�ำงับดับ หายเที่ยงแท้ เท่าเว้นไว้แต่ว่ามีก�ำม์แต่ก่อนโพ้น จึ่งจะมิได้ถอยหาย แลจะถึงซึ่งกาลกิริยาเปนอันเที่ยงแท้แล ฯ กายแห่งเราท่านทั้งปวงนี้ สมเดจพระสรรเพชพุทธเจ้าตรัสธรรมเทศนาว่ายาว ๐ ๑ ๐ ๐ กว้าง ๑ ๐ ๐ หนา ๐ ๑ ๐ นี้มิเที่ยงแท้ย่อม หน้าต้นที่ ๘ แปรปรวนไปมาเปนทุกขังเปนอนิจจังอนัตตา หาแก่นสารมิได้ทุกตัวทุก ตนมีแต่อาการ ๓๒ ประการตั้งแต่เกษาเปนอาทิ เกษาอยู่ในศีศะ ทั้งปวงได้ ๕๖๐๐๐๐๐ เส้น ขนทั่วสารพางค์ ได้ ๙๖๐๐๐๐๐ เส้น


44 ชุดการสังคายนาภูมิปัญญาการนวดไทย: ๔ เลบทั้งปวงได้ ๒๐ ฟันทั้งหลายได้ ๓๒ บางคนได้ ๓๕ บาง คนได้ ๓๖ บางคนได้ ๓๗ บางคนได้ ๓๘ ถ้าผู้มีบุญมีสมภารดังองค์สมเดจ พระพุทธ หน้าต้นที่ ๙ เจ้าจึ่งมีฟันถ้วน ๔๐ ทัศแล ฯ อนึ่งหนังอันหุ้มทั่วสารพางค์นั้น ถ้าแล ว่าจะเลิก ออกจะปั้นเข้าให้กลมเท่าผลพุททราแล ฯ เนื้อทั่วสารพางค์ ตัวนั้นได้ ๓๐๐ ก้อนแล ๚ ๏ อันว่าเอนใหญ่ได้ ๙๐๐ เอนน้อยได้ ๙๐๐ เส้นแล ฯ อันว่ากระดูกทั้งตัวได้ ๓๐๐ ท่อนแล ๚ อันว่าสมอง อยู่ในกระดูกนั้นแล ฯ อันว่าม้ามนั้นมีสัณฐ์านดังผลมะม่วง ๒ ผล หน้าต้นที่ ๑๐ ติดขั้วเดียวกันนั้นแล ฯ ม้ามนั้นคาบหัวใจอยู่แล ฯ อันว่าหัวใจนั้นมี สัณฐ์านดังดอกบุนนาค ก็ว่าดอกบัวตูมก็ว่า อันบุทคนลอกกลีบเสีย ๒ กลีบ ๓ กลีบนั้นแลเอาปลายลงเบื้องต�่ำ อยู่ในกลางอกนั้น อันว่า หัวใจบุทคนผู้มีปัญญานั้นปลายหัวใจแย้มสน่อย อันว่าบุทคนมีปัญญา ชั่วถ่อยเขลานั้นตูมอยู่ดังดอกบัวตูมนั้นแล ฯ อันว่าบุทคนผู้มีปัญญานั้น ชายตับนั้นแฉกเปน ๒ ๓ กลีบ หน้าต้นที่ ๑๑ บ้างชายตับนั้นบางอ่อนอยู่ อันว่าบุทคนปัญญาเขลานั้นชายตับกลีบเดียว แลเหมือนแว่นน่าใหญ่ ชายตับนั้นดุจดังฝักเพกาแล ศีตับนั้นหม่นอยู่แล แลตับนั้นในโครงอกชูหัวใจอยู่เบื้องขวา แล ฯ อันว่าพังผืดมี ๒ จ�ำพวก พังผืดจ�ำพวกหนึ่งนั้นหุ้มตับปอดแลม้ามอยู่แล พังผืดจ�ำพวกหนึ่งนั้น แทรกอยู่ในหว่างกลีบเนื้อทั้ง ๓๐ ชิ้นนั้นแล ฯ อันว่าพุงนั้นมีสัณฐ์าน ๒ อัน หน้าต้นที่ ๑๒ คือกะเภาะมูตรคูธ ๑ แลกะเภาะคูธนั้นมีสัณฐ์านดุจดังลิ้นลูกโคยาว ประมาณ ๘ องคุลีติดไส้ใหญ่ไกลตับแลดีอยู่ข้างซ้าย แลกะเภาะมูตร นั้นอยู่ข้างขวามีสัณฐ์านประดุจดังเอาผึ่งคว�่ำไว้นั้นแล ฯ ๏ อันว่าปอด นั้นมีสัณฐ์านดังชิ้นเนื้อมีกลีบได้ ๓๒ กลีบ แขวนอยู่มีสัณฐ์านดังกลออม น�้ำเผยผ์า เสีย ศีแดงดังผลมะเดื่อสุก แลปกตับเบื้องซ้ายนั้นเบื้องขวา นั้นแล ฯ อันว่าใส้ใหญ่นั้นถ้าผู้


คำ�อธิบายคัมภีร์แผนนวด เล่ม ๑-๒ ในตำ�ราเวชศาสตร์ฉบับหลวง รัชกาลที่ ๕ เล่ม ๒ 45 หน้าต้นที่ ๑๓ ชายยาวถึง ๓๒ ศอก ถ้าผู้หญิง ๒๘ สอก มีสัณฐ์านประดุจดังงูอัน คนตัดศีศะตัดหางแล้ว แลขดไว้ในอ่าง แลหัวไส้เบื้องบนอยู่ต่อล�ำฅอ หัวไส้เบื้องต�่ำนั้นอยู่ต่อทวารหนัก แลมี ขดได้ ๒๑ ขดอยู่ในโครงอก นั้น ฯ อันว่าไส้น้อยนั้นเกี่ยวพันไส้ใหญ่อยู่แลยาวดังกันแล ฯ ๏ อันว่า อาหารใหม่อันท�ำเปนค�ำแลเคี้ยวด้วยฟันนั้น ย่อมแหลกปนกับเสมหะแล เขละ หน้าต้นที่ ๑๔ กลืนเข้าไปนั้นพึงเกลียดยิ่งนัก ฯ อันว่าอาหารเก่านั้นตกเข้าไปอยู่ใน กะเภาะคูธประมาณ ๘ องคุลีกว้างประมาณองคุลีหนึ่ง ประดุจดัง ดินแดงยัดใส่ในปล้องไม้ไผ่เปนอันเบา ในขุมอาจมเน่านั้นแล ๏ อันว่า ดีอยู่ในฝักห้อยอยู่ในใต้ตับนั้น แลแทรกตับอยู่ชื่อว่าภัทธบิ์ตะตีประการ ๑ ชื่อ ภัทธบิ์ต นั้นทราบอยู่ทั่วทั้งตัวแล อันว่าเสมหอยู่ในไส้ประมาณ แต่สักบาตหนึ่งแล ฯ อันว่าหนองนั้นจะมี หน้าต้นที่ ๑๕ อยู่ทุกเมื่อหามิได้ เมื่อไรต่อเปนแผลบาดเจบแลผิ์พุพองหนองนั้นจึ่ง บังเกิดแล ฯ อันว่าโลหิตนั้นอยู่ในกายประมาณได้ ๑๐ ทนานแล ฯ อันว่าเหื่ออยู่ทั่วตัวไหลอยู่ทั่วสารพางค์กายทุกขุมขนนั้นแล ๏ อันว่ามัน ค่นนั้นมีอยู่หว่างกลีบเนื้อทั้ง ๓๐๐ ชิ้นนั้นแล ฯ อันว่าน�้ำจักษุนั้นมิได้มี อยู่ทุกเมื่อ ต่อเมื่อใดมีทุกขโศกเจบปวดจึ่งมีน�้ำจักษุแล ฯ อันว่ามันเหลว นั้นดังน�้ำมันงาอันไสทราบอยู่จมูกและ หน้าต้นที่ ๑๖ จะงอยผิ์บ์าก แลหน้าผากย่อมไหลทราบออกมาแล ฯ อันว่าน�้ำเขละ นั้นอยู่ในปุ่มแก้มทั้ง ๒ ข้าง ต่ออาหารตกถึงท่ามกลางลิ้น ก็ไหลออก มารับเอาอาหารนั้นแล ย่อมมีอยู่ทุกรูปทุกนามทั้ง หญิงทั้งชาย อันเกิด มาจะได้เว้นตัวคนนั้นหามิได้มีเหมือนกันแล ข้าพเจ้าเขียนแล้วณวัน ๑๓ ๔ ๑๒ ค�่ำบิ์รกาเอกศก ฯ ข้า ฯ นายทองอยู่เขียนไว้ ขอให้ได้กุศล ส่วนบุญ ฯ ข้า ฯ ผู้เขียนกึ่งหนึ่งเถิด หน้าต้นที่ ๑๗ อย่าให้มีโรคสิ่งใดสิ่งหนึ่งแก้ ฯ ข้า ฯ นั้นเลย ขอให้เปนผาศุกทุกๆ ชาติ ดับชาติทุกขชราทุกขมรณทุกขในพายภาคน่า นิพพานปัจจโยโหตุเม ๚


46 ชุดการสังคายนาภูมิปัญญาการนวดไทย: ๔ เสรจแล้วเท่านี้ ๚ะ ๏ ปริพาชิกกัศสปแลสุยามเทพบุตทั้งหลาย แลฤๅษี ทั้งพันก็ชวนกันไปถึงเขาไกรลาศนมัศการ กับบาทพระอิศวรผู้เปนเจ้า จึ่งว่าแก่เทพดาแลฤๅษีทั้งพัน ว่าท่านมานี่ประสงค์ด้วยสิ่งอันใด หน้าต้นที่ ๑๘ ฝ่ายฤๅษีแลเทพดาจึ่งกราบทูลว่าดังนี้ ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงพระคุณอัน ประเสริฐ ท่านจง เอนดูแก่หญิงชายทั้งหลายอันเกิดมาในโลกย์ ประกอบ ไปด้วยโรคาพาธิมารันท�ำย�่ำยี มิทัน แก่ก็มาถึงมรณ ขอพระองค์จงทรง พระกรุณา เอนดูฝูงสัตวโลกทั้งหลายอันเปนพยาธิหนักหนา จึ่งสมเด็จ พระอิศวรผู้เปนเจ้า จึ่งมีเทวบัญชาว่าดูกรเชาเจ้าทั้งหลาย อันว่าฝูง สัตวโลกย หน้าต้นที่ ๑๙ ทั้งหลาย เมื่อแต่แรกจะปฏิสนธิแลประสูตรออกมาจากอุทร แลลมกรรม มัชวาตพัดเอาเท้า ขึ้นเอาศีรษะลง เมื่อมันออกทบลงมันให้ฅอนั้นรทด เอนฅอนั้นหัก เมื่ออยู่นานมามันก็ให้เปน ลูกหนูแล้วมันแปรเปนคันทมา ลา ผิ์นั้นขึ้นข้างขวาชื่อคันทสูตร เมื่อยืดมามันแก่เปนสังกตัม แต่เมื่อเปน ลูกหนูให้เอายาทั้งนี้ทาเอาปูนขาว ๑ ศีศะขมิ้นอ้อย ๑ รากมูลกาแดง ๑ หน้าต้นที่ ๒๐ รากมะนาว ๑ น�้ำส้มสุรา ๑ ยาทั้งนี้เอามาคุลิการกันทา(กัน)ลูกหนูหาย มามากแล้ว ฯ ผิจะใคร่รู้คดีผิ์คันทมาลานี้มีชื่อ ๗ ประการแล ฯ อนึ่งคัน ทมาลาบันจบเอารากขวัน อนึ่งคันทณุรุดเกิดในฅอ อนึ่งชื่อคันธชารต มันเกิดในกลางฅอซ้าย อนึ่งชื่อขันทาสอรพิดนั้นมันเกิดให้พ์างตาข้างซ้าย อนึ่งชื่อขันทามรชิตมันเกิดในต้นหูข้างซ้าย อนึ่งชื่อคันทาพดทสอนมัน เกิดแต่ฅอข้างซ้าย ะ หน้าต้นที่ ๒๑ อนึ่งชื่อสาคันทามอระเบญจา มันเกิดในบังหึงข้างซ้ายเท่าทั้งนี้ย่อมมีชื่อ ต่างๆ กันดังกล่าวมาแต่หลังนั้น ๏ ผิจะท�ำยาผิ์ชื่อคันทมาลาให้เอาชุม เหด ๑ ชาลี ๑ ฟัก ๑ โคกกะออม ๑ ใบชิงชี่ ๑ ยา ๕ สิ่งนี้หุงน�้ำมันกิน แลเอากากนั้นพอกแล ฯ ผิจะยาผิ์ชื่อคันทาณุรุตเอาใบสะแก ๑ เต่าเกียด ๑ เพกา ๑ หุงน�้ำมันกินเอาแต่กากพอกแล ฯ ผิจะยาผิ์ชื่อขันธชารด เอา สมี ๑ โสน ๑ ตับเต่า ๑ ลับ


คำ�อธิบายคัมภีร์แผนนวด เล่ม ๑-๒ ในตำ�ราเวชศาสตร์ฉบับหลวง รัชกาลที่ ๕ เล่ม ๒ 47 หน้าต้นที่ ๒๒ แล ๑ ต�ำลึงตัวผู้ ๑ หุงเปนน�้ำมันกินเอากากพอกแล ฯ ผิจะยาผิ์ชื่อ คันทสอรพิด เอายอดหมาก ๑ ใบเสนียด ๑ พุงแก ๑ หุงเปนน�้ำมันกิน เอากากพอกแล ฯ ผิจะยาผิ์ชื่อคันทามอรชิต เอาบรเพช ๑ หมากฝ่อ ๑ เปลือกเพกา ๑ เปลือกมะต้อง ๑ หุงเปนน�้ำมันกินเอากากพอกแล ฯ ผิจะยาผิ์ชื่อคันทานิกรม เอาใบสวาด ๑ บวบขม ๑ ลอองพระกฤษ ๑ แสงพระงาม ๑ อ้ายเหนียว ๑ หุงเปนน�้ำ หน้าต้นที่ ๒๓ มันกินเอากากพอกแล ฯ ผิจะยาผิ์ชื่อสาคันทารนเบญจา เอาใบพลูแก่ ๑ ตับเต่า ๑ ผักเสี้ยน ๑ กรอบแกรบ ๑ ต�ำลึงตัวผู้ ๑ หุงเปนน�้ำมันกินเอา กากยาพอกแล ฯ ผิจะยาผิ์ชื่อคัณทาพดสอน เอาบรเพช ๑ อังกาบ ๑ ขาเรือน ๑ ยุงปัดฤๅษี ๑ หญ้ากองกอย ๑ หุงเปนน�้ำมันกินกากพอกแล ๏ อนึ่งเปนยาประกอบให้พอกผิ์ทั้งปวง เอาหญ้าแพรก ๑ ค้อนหมา ๑ เอาทองเหลือง ๑ หนังวัว หน้าต้นที่ ๒๔ แดง ๑ หนังแรด ๑ ยา ๕ สิ่งนี้เผาด้วยกันละลายด้วยน�้ำมันหมูเถื่อน แลพอกบนศีศะผิ์นั้นแล้ว จงเอาส้มป่อยบดให้ละเอียดพอกรอบนอก นั้นแล ฯ ผิจะหุงน�้ำมันทาผิ์ให้เอาล�ำโพง ๑ ใบรัก ๑ ใบเรียน ๑ กะหนาก ๑ พิศม์งูงอด ๑ เจตมูลดอกแดง ๑ ใบคนที สอ ๑ เขมา ๑ บรเพช ทั้ง ๒ ดอกจันทน์ ๑ กระวาน ๑ กานพลู ๑ เทียนด�ำ ๑ เทียนขาว ๑ ผลกราย ๑ ยาด�ำ ๑ ภิมเสน ๑ การบูร ๑ เกลือก�ำมือหนึ่ง หน้าต้นที่ ๒๕ น�้ำมันนี้ชื่อโมหิโถประกอบผิ์ทั้งปวงแต่ขึ้นข้างซ้ายนั้นแล ฯ ผิจะใคร่ รู้ชื่อผิ์อันขึ้นข้างขวานั้นชื่อคัณทสูตร อนึ่งย่อมเกิดขึ้นรากขวันนั้นชื่อ คัณฑสูญ ผิ์อันเกิดในต้นฅอชื่อคัณฑสอน ผิ์อันเกิดในล�ำฅอชื่อคัณฑสี ผิ์อันเกิดในหูชื่อคัณฑสรร ผิ์อันเกิดในต้นคางชื่อคันธนู ผิ์อันเกิดในข้าง ฅอชื่อคัณฑมัน ผิ์อันเกิดในบังหึงชื่อคัณฑเศียร ผิ์อันขึ้นทนต์ขวาเท่านี้แล ๚ ผิจะหุงน�้ำมันอันชื่อคัณฑสูญ หน้าต้นที่ ๒๖ เอาเถาต�ำลึงตัวผู้ ๑ เถาน�้ำเต้านมนาง ๑ ต้นตับเต่า ๑ สายติ่ง ๑ เสมอ ภาคหุงเปนน�้ำมันกินเอากากพอกแล ฯ ผิจะแก้ผิ์คัณฑสอน เอาใบพลูแก่


48 ชุดการสังคายนาภูมิปัญญาการนวดไทย: ๔ ๑ ใบมะเดื่อหลวง ๑ ใบจิงจ้อ ๑ หุงเปนน�้ำมันกินหายแล ฯ ถ้าจะแก้ ผิ์คัณฑสี เอาถั่วแระ ๑ ถั่วภู ๑ รากขนุนส�ำมะลอ ๑ ทองหลางใบมน ๑ หุงน�้ำมันกินหายแล ฯ ถ้าจะแก้คัณฑสรร เอาถั่วแระ ๑ เถาต�ำลึงตัวเมีย ๑ ใบไผ่ ๑ หุงเปน หน้าต้นที่ ๒๗ น�้ำมันกินหายแล ฯ ถ้าจะแก้คันธนู เอาตับเต่าหลวง ๑ หน่อกล้วยตีบ ๑ เอื้องหลวง ๑ เอื้องน�้ำ ๑ สลอดน�้ำ ๑ หุงเปนน�้ำมันกินหายแล ฯ แก้ คัณฑมอร เอาขมิ้น ๑ ผักเสี้ยนกิน ๑ ผักแหว้น ๑ ต�ำลึงตัวผู้ ๑ ใบพลูแก ๑ หุงเปนน�้ำมันกินหายแล ฯ ถ้าจะหุงน�้ำมันขนานใดไซ้ ให้เอาต�ำรานี้ด้วย เนียรภูสี ๑ ดีงูเหลือม ๑ ดีงูตะบองพล�ำ ๑ ไว้ส�ำหรับประจ�ำน�้ำมัน ทุกขนานแล ฯ หน้าต้นที่ ๒๘ ถ้ามิชอบเอาน�้ำมันนี้เปนพ่อน�้ำมันทั้งปวง ท่านให้เอาใบสมี ๑ ใบสวาด ๑ ใบพุดทรา ๑ ใบสะอม ๑ แทงทวย ๑ ซ้องแมว ๑ กุ่มทั้ง ๒ อ้ายเหนียว ๑ หน่ออ้อย ๑ พรมคดทั้ง ๒ ขมิ้น ๑ ขัดมอน ๑ พันงู ๑ ใบท้าวยายม่อม ๑ จอกหูหลง ๑ กองกะเพือ ๑ กทุงลาย ๑ ไคร้หางนาค ๑ มเดื่อหลวง ๑ ใบเขม ๑ สกดบาดาล ๑ พนมสวรรค์ ๑ จิงจ้อ ๑ กถิน ๑ หน้าต้นที่ ๒๙ พิมาน ๑ สเดา ๑ คอ้นกลอง ๑ พุงแก ๑ ยาทั้งนี้เอาเท่ากันหุงเปนน�้ำมัน เบญกานี ๑ ยาด�ำ ๑ เนียรภูสี ๑ สังกรนี ๑ ยาฝิ่น ๑ ดีงูเหลือม ๑ ดีงู กะบองพล�ำ ๑ ดีเหี้ย ๑ ดีวัว ๑ ดีหมูเถื่อน ๑ สานส้ม ๑ หุงเปนน�้ำมัน ประกอบผิ์ทั้งปวงนั้นหายแล ฯ แม้นขึ้น ข้างซ้ายก็ดีขวาก็ดีขึ้นแห่งใด ๆ ก็ดี ให้เอาน�้ำมันทิพโสฬศหุงให้กินเถิดเปนยาประกอบผิ์ทั้งปวงหายแล หน้าต้นที่ ๓๐ ชื่อว่าปถมสูตรนี้จบเท่านี้ ๚ ทีนั้นพระฤๅษีปริพาทิกัศยป แลสุยามเทพ บุตรทั้งหลายจึ่งทูลว่า เหตุฉันใด มนุษทั้งหลายมาบังเกิดผิ์เหือดเลือด ลมแลมิทันแก่ก็ตาย ขอพระองค์จงทรงพระ กรุณาแก่มนุษยทั้งหลายนี้ เถิด ๚ จึ่งพระอิศวรผู้เปนเจ้าจึ่งมีเทพบัญชาตรัสดังนี้ ฯ ๏ ดูกรเชาเจ้า ทั้งหลายเราจะเลงแลดูซึ่งธาตุทั้ง ๔ คือเลือดแลลมแลน�้ำแลไฟ แลธาตุ ทั้ง ๔


คำ�อธิบายคัมภีร์แผนนวด เล่ม ๑-๒ ในตำ�ราเวชศาสตร์ฉบับหลวง รัชกาลที่ ๕ เล่ม ๒ 49 หน้าต้นที่ ๓๑ เมื่อประชุมกันอยู่นั้นก็ให้สบายอยู่ แลรูปกายมิได้เปนอันตรายอยู่แล ๚ แต่นี้จะพรรณลม อันเกิดแก่ชนทั้งหลายมี ๓๒ จ�ำพวก ผิจะใคร่รู้แท้โดย ฎีกาให้แจ้งดังนั้น อันว่าลม อันหนึ่งชื่อองคุลิวาตนั้นเกิดในนิ้วเท้าข้างขวา ฯ อนึ่งชื่อบาทาวาตนั้นเกิดฝ่าตีน ๚ อนึ่งชื่อ ชงควาตนั้นเกิดในน่าแค่ง แล ฯ อนึ่งชื่ออุรุตวาตนั้นเกิดต้นขาแล ฯ อนึ่งชื่อกัตติกังวาตนั้นเกิด หน้าต้นที่ ๓๒ ในสเอวแล ฯ อนึ่งชื่ออุทรวาตนั้นเกิดแต่ในท้องแล ฯ อนึ่งชื่อบิ์ตติวาต นั้นเกิดในดี ฯ อนึ่งชื่อนาภีวาตนั้นเกิดในสดือ ๚ อนึ่งชื่อคุณวาตนั้นเกิด ในนม ฯ อนึ่งชื่อหทัยวาตนั้นเกิดหัวใจแล อนึ่งชื่อกัจฉวาตนั้นเกิดในรักแร้ ฯ อนึ่งชื่ออังษวาตนั้นเกิดในบ่าแล ฯ อนึ่งชื่อกัณฐวาตนั้นเกิด ในล�ำฅอ ต่อแล ฯ อนึ่งชื่อพาหวาตนั้นเกิดแต่ในล�ำแขน ฯ อนึ่งชื่อกรวาตนั้นเกิด ในข้อสอก ฯ หน้าต้นที่ ๓๓ อนึ่งชื่อหัตถวาตนั้นเกิดในข้อมือ ฯ อนึ่งชื่อโสตวาตนั้นเกิดในโสตรแล ฯ อนึ่งชื่อกรรณวาต เกิดในใบโสตร ฯ อนึ่งชื่อนาสิกวาตนั้นเกิดในจมูกแล ฯ อนึ่งชื่อหณุกวาตบังเกิดในคาง ฯ อนึ่งชื่อโอฐวาตนั้นเกิดในบ์าก ฯ อนึ่งชื่อจักขุวาตนั้นเกิดในจักษุ ฯ อนึ่งชื่อสิรวาตนั้นเกิดในศีศะ ฯ อนึ่ง ชื่อปกังษวาตนั้นเกิดในน่าผากข้างขวาตกลงมาถึงหมวกโสตรแล ฯ อนึ่ง ชื่อรัตปกังษวาต หน้าต้นที่ ๓๔ เกิดแต่หมวกโสตรข้างขวาลงมาจนถึงก�ำด้นแล ฯ อนึ่งชื่อบิ์ศวาตนั้นเกิด แต่ใต้ลิ้นมาจนศีศะแต่ข้างขวาแล ฯ อนึ่งชื่อราทยักษบังเกิดให้โสตรตึง จักษุเหลือง บ์ากเบี้ยวแต่เบื้องขวาแล ฯ อนึ่งชื่อลมบาทเสี้ยนหทยะวาต นั้น เกิดแต่เท้าก็ให้เท้าสั่นมาจนค่างแลหลังแล้วก็ให้สลักเอาศีศะ แล้วก็ ให้รากลมนี้ ยายากนักหนาแล ฯ อนึ่งบาทอุทรวาตนั้นเกิดขึ้นมาแต่เท้า จนท้อง ครั้นนาน หน้าต้นที่ ๓๕ มาตายแต่ท้องขึ้นมาจนศีศะแล ฯ อนึ่งชื่อเนตรวาตนั้นเกิดแต่เท้าขึ้นมา จนเข่า แล้วแล่นขึ้น มาถึงสันหลังแล้วแล่นมาถึงต้นฅอ แล้วแล่นมาจับ จักษุ แล้วชักจนมืองอเท้างอแล ครั้นแล ยืดมาก็ให้ตายทั้งตัวแล ฯ อนึ่ง


50 ชุดการสังคายนาภูมิปัญญาการนวดไทย: ๔ ชื่อลมรัตมณฑล เกิดแต่น่าผากข้างขวาเวียนไปก�ำด้น แล้วก็เวียนไป ประจบกัน แล้วก็ให้ร้อนออกจากโสตรจากจมูกจากจักษุแลบ์าก จึ่งลง มาจับทั่วสารพางค์ หน้าต้นที่ ๓๖ ตัวให้เจบดังปลาดุกยอกแต่ก�ำเนิดข้างขวา ๓๒ จ�ำพวกเท่านี้แล ฯ ผิจะ ยาลมลองสุลิวาตนั้นมัน ให้เจบแต่นิ้วเท้าจึ่งแล่นมาจับเอาต้นฅอ ครานั้น มันให้รากลมอยู่แล ฯ ผิจะยาไซ้ให้เอาพริกทนาน ๑ ขิงทนาน ๑ กเทียมทนาน ๑ ข่าทนาน ๑ ผักแพวแดงทนาน ๑ ยาทั้งนี้ใส่ในม่อแกง ทองแดงจึ่งเอาน�้ำมันใส่ลงที่ยานั้นแล้วเอายานี้ปรุง ผลจันทน์ ๑ กระวาน ๑ กานพลู ๑ เทียนด�ำ ๑ เทียนขาว ๑ หน้าต้นที่ ๓๗ การบูน ๑ น�้ำมันนี้ชื่อสุริยาทิกรแล ฯ ผิจะยาลมชื่อบาทาวาตนั้นจับเท้า ข้างขวาให้โตเท่ากะดองเต่า เมื่อแรกมันให้คันที่หลังแล้วให้เจบจมูก เมื่อ กินยามิชอบมันแล่นมาทั้งน่าแค่งนั้น ผิจะยาไซ้ให้ เอากุ่มน�้ำ ๑ กุ่มบก ๑ สายตะพดแม่หม้าย ๑ ช้าเลือด ๑ บวบขม ๑ น�้ำนมราชสีห์ ๑ ใบหนาด ๑ ใบคนทีสอ ๑ หุงเปนน�้ำมันปรุงด้วยยานี้ ผลจันทน์ ๑ กระวาน ๑ กานพลู ๑ หน้าต้นที่ ๓๘ เทียนด�ำ ๑ เทียนขาว ๑ เกลือสินเทาว์ ๑ น�้ำมันนี้ชื่อศรนารายณ์แล ฯ ผิจะยาไซ้เอาผักเสี้ยนผี ๑ หญ้าไซ ๑ ผักไห่ ๑ ส้มกบ ๑ เพกา ๑ กทกรก ๑ ฟัก ๑ ผักแพวแดง ๑ เท่ายาทั้งหลายหุงเปนน�้ำมัน ยาปรุง เอาผลจันทน์ ๑ กระวาน ๑ กานพลู ๑ ดีปลี ๑ เทียนด�ำ ๑ เทียนขาว ๑ น�้ำมันชื่อสุรามฤทธิแล ฯ ลมชื่ออุรุษาวาตนั้นให้เจบกระดูกขา มันให้แล่น จับเอาหัวเหน่า หน้าต้นที่ ๓๙ ผิจะยาไซ้ให้เอาเอื้องเพชม้า ๑ ขอบชนาง ๑ ผักขวง ๑ คานชาย ๑ สเดา ๑ พิลังกาษา ๑ ผักคราด ๑ ผักโหมหิน ๑ กุ่มน�้ำเท่ายาทั้งหลาย หุงเปนน�้ำมัน ยาปรุงเอาผลจันทน์ ๑ ดอกจันทน์ ๑ กระวาน ๑ กานพลู ๑ ดีปลี เทียนด�ำ เทียนขาว น�้ำมันนี้ชื่อฤทธิพระรามแล ฯ ผิจะยาลมชื่อ กฏิกวาตนั้นเกิดในสเอวข้างขวา แล้วมันแล่นไปข้างซ้ายประดุจดังเขา เสียบ แล้ว


คำ�อธิบายคัมภีร์แผนนวด เล่ม ๑-๒ ในตำ�ราเวชศาสตร์ฉบับหลวง รัชกาลที่ ๕ เล่ม ๒ 51 หน้าต้นที่ ๔๐ แล่นมาเสียดเอาสันหลังอยู่แล ผิจะยาไซ้ให้เอากระดูกเสือ ๑ กะเทียม ๑ ขิง ๑ ข่า ๑ น�้ำแก้วกงจักรพระราม ๑ ละอองพระกฤษ ๑ ดวงจ�ำยาม ๑ หุงเปนน�้ำมัน ยาปรุงเอาผลจันทน์ ๑ กเทียม ๑ ดอกจันทน์ ๑ กระวาน ๑ กานพลู ๑ เทียนด�ำ ๑ เทียนขาว ๑ ดีปลี ๑ น�้ำมันนี้ชื่อนารายน์แผลง ฤทธิแล ฯ ผิเปนลมนาภีวาตนั้นเกิดในเถาเอนสดือ แล้วมันให้ขดขึ้นมา เอาล�ำฅอ แลเจบ หน้าต้นที่ ๔๑ ดุจดังเอาเกลือใส่ ผิจะยาให้เอาเชือกหนัง ๑ ไม้เท้ายายม่อม ๑ สลัก บาดาล ๑ เถาหมากบ้า ๑ ชาลีรม ๑ ผักเสี้ยน ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ ขมิ้นเครือ ๑ พิลังกาสา ๑ ดองดึง ๑ เชือกเขาไฟ ๑ นมแมว ๑ เชือกเขายอดแดง ๑ เชือกเขายอดขาว ๑ ยาทั้งนี้เอาเสมอภาคหุงเปนน�้ำมัน เอายาปรุงนี้ ผลจันทน์ ๑ ดอกจันทน์ ๑ กระวาน ๑ กานพลู ๑ เทียนด�ำ ๑ เทียนขาว ๑ ดีปลี ๑ หน้าต้นที่ ๔๒ พิมเสน ๑ น�้ำมันนี้ชื่อสนั่นพระพรหมแล ฯ ลมอันหนึ่งชื่ออาตนวาตนั้น เกิดในนมเบื้องขวานั้น มันให้คันนมแล้วมันหลบเข้าไปหัวใจ เจบประดุจ เอาไม้มาเสียบไว้ ผิจะยาให้เอาบรเพช ๑ ถบถาบ ๑ มะรุม ๑ เสนียด ๑ อังกาบ ๑ ขัดมอน ๑ กลอย ๑ มูลกาแดง ๑ พันงู ๑ ไคร้นางนาค ๑ แห้วหมู ๑ เอาเสมอภาคหุงเปนน�้ำมัน ยาปรุงเอาผลจันทน์ ๑ ดอกจันทน์ ๑ กระวาน ๑ กาน หน้าต้นที่ ๔๓ พลู ๑ ดีปลี ๑ กะเทียม ๑ เทียนด�ำ ๑ เทียนขาว ๑ น�้ำมันนี้ชื่อสกลชมพู แล ฯ อนึ่งลมชื่อบิ์ตตวาตนั้นเกิดในดี แลมันแล่นขึ้นไปบนหัวปอดนั้น แล้วมันกลับลงมาเข้าไปในใส้ในพุง มันให้เจบประดุจดังภูตอยู่แล ฯ ผิจะยาให้เอาเถาหญ้านาง ๑ พุงแก ๑ กะทุ่มหลวง ๑ ประยง ๑ มะตูม ๑ ข่อยนา ๑ ส�ำโรง ๑ มงั่ว ๑ มนาว ๑ กุ่มน�้ำ ๑ กุ่มบก ๑ ยาทั้งนี้เอา เสมอภาคหุงเปน (น�้ำมัน) ยาปรุงเอาเกลือ หน้าต้นที่ ๔๔ สินเทาว์ ๑ ผลจันทน์ ๑ ดอกจันทน์ ๑ กระวาน ๑ กานพลู ๑ ดีปลี ๑ เทียนด�ำ ๑ เทียนขาว ๑ ยานี้ชื่อฤๅษีสมแล้ว ฯ ลมอันหนึ่งชื่อหทัยวาต


52 ชุดการสังคายนาภูมิปัญญาการนวดไทย: ๔ มันจับแต่ในหัวใจแล้วแล่นลงไปจับเอาลึงแลมันให้ลึงหดเข้าไปสิ้นทุกที แล ผิจะยาให้เอามันเสือ ๑ เถาหญ้านาง ๑ กันเตรา ๑ สหัศคุณ ๑ พิศม์ งูงอด ๑ ผักเสี้ยนผี ๑ พยายา ๑ กุ่มน�้ำ ๑ กุ่มบก ๑ กะชาย ๑ แฝกหอม ๑ ผลจันทน์ ๑ หน้าต้นที่ ๔๕ ดอกจันทน์ ๑ กระวาน ๑ กานพลู ๑ ผลกราย ๑ เทียนเยาวภานี ๑ ดีปลี ๑ เทียนด�ำ ๑ เทียนขาว ๑ น�้ำมันนี้ชื่อสงสารแล ฯ อนึ่งชื่อลมอัควาตมัน ให้เจบในรากขวันข้างขวา แลมันแล่นมาเอาลิ้นคาบ์ากอยู่แล้วแล่นขึ้นไป จับเอาจักษุ ให้จักษุนั้นแขงอยู่แล เมื่อใดเบาออกมาได้แรงสน่อยแล ถ้าจะยาให้เอาผักบุ้งขัน ๑ พระเพชลูกัน ๑ หิวการ ๑ ผลเคลา ๑ ขมิ้น อ้อย ๑ พิศม์งูงอด ๑ หน้าต้นที่ ๔๖ ใบบัวขม ๑ ข่าลิง ๑ เสงตวา ๑ พรมมิ ๑ ตรด ๑ เชือกเขาไฟ ๑ ยาทั้งนี้ จบหน้าต้น เท่ากันหุงน�้ำมันแล้วเอายานี้ปรุง เอาชราด�ำ ๑ เยาวภานี ๑ หญ้าคา ๑ ผลจันทน์ ๑ ดอกจันทน์ ๑ กระวาน ๑ กานพลู ๑ ดีปลี ๑ เทียนด�ำ ๑ เทียนขาว ๑ เอาเท่ากันสิ่งละ ๑ น�้ำมันทนาน ๑ น�้ำมันชื่อลอองพระ สมุทแล ฯ ลมชื่อกัศวาตมันให้รักแร้ข้างขวามันให้เสียด แล้วแล่นไปรักแร้ ข้างขวา ะ หน้าปลายที่ ๑ มันให้รากลมอยู่แลเจบประดุจผิ์ ผิจะยาเอาใบสมอ ๑ ใบสัก ๑ ใบทอง ๑ ใบอินทนิน ๑ ใบมะม่วงคัน ๑ ชางแก้ว ๑ ใบทราก ๑ ตูดหมู ๑ กถิน ๑ ใบแสงพร้า ๑ ยาทั้งนี้เอาเสมอภาคหุงเปนน�้ำมัน ยาปรุงเกลือ สินเทาว์ ๑ เกลือกะตัง ๑ ผลจันทน์ ๑ ดอกจันทน์ ๑ กระวาน ๑ กานพลู ๑ เทียนด�ำ ๑ เทียนขาว ๑ สิ่งละ ๑ น�้ำมันนี้ชื่อสุดสงสารแล ๚ อนึ่งชื่อ หน้าปลายที่ ๒ ลมอังษวาตมันจับในบ่าข้างขวา มันให้มืองอเข้ามาแล้ว แลมันชักให้เท้า งอเข้ามาเล่ามันให้เจบใช่สามาณ ผิจะยาเอาขิง ๑ กเทียม ๑ ผักแพวทั้ง ๒ ข่า ๑ มรุม ๑ ทองหลาง ๑ บรเพชทั้ง ๒ กะเพรา ๑ แมงลัก ๑ หญ้าไซ ๑ ผักเสี้ยน ๑ หญ้าหนวดแมว ๑ ยาทั้งนี้เอาเท่ากันหุงเปนน�้ำมัน


คำ�อธิบายคัมภีร์แผนนวด เล่ม ๑-๒ ในตำ�ราเวชศาสตร์ฉบับหลวง รัชกาลที่ ๕ เล่ม ๒ 53 ยาปรุงเอาผลจันทน์ ๑ ดอกจันทน์ ๑ กระวาน ๑ กานพลู ๑ ดีปลี ๑ เทียนด�ำ ๑ เทียนขาว ๑ หน้าปลายที่ ๓ น�้ำมันนี้ชื่อภุทธิโยแล ฯ ลมอนึ่งชื่อกะโถวาตมันให้เจบเส้นฅอข้างขวา แล้วมันแล่นมาจับเอาล�ำฅอข้างซ้าย แล้วมันแล่นไปจับเอาสมองศีศะเจบ ร้อนออกมาใช่สามาณ ผิจะยาเอาเชือกเขาไฟ ๑ เชือกเขาคัน ๑ มุงกะต่าย ๑ หญ้าไซ ๑ หางนกพระยาลอ ๑ เชือกเขาด้ายดิบ ๑ ตานหม่อน ๑ ขอบชนาง ๑ มนาวดอกเหลือง ๑ ชิงช้าชาลี ๑ ว่านร่อน ทอง ๑ เถามะกล�่ำ ๑ ต�ำลึงตัวผู้ ๑ ต้น หน้าปลายที่ ๔ ขี้ซ้อน ๑ พิลังกาษา ๑ สเดา ๑ ยาทั้งนี้เอาเสมอภาคหุงเปนน�้ำมันแล้ว ยาปรุงลง เอาเกลือแก้ว ๑ ผลจันทน์ ๑ ดอกจันทน์ ๑ กระวาน ๑ ดีปลี ๑ เทียนด�ำ ๑ เทียนขาว ๑ น�้ำมันนี้ชื่อสว่าง โลกยอ�ำมฤทธิแล ฯ ลมอนึ่ง ชื่อภัคโถวาตมันเกิดให้เจบแสกตัวข้างขวา แล้วก็แล่นจับเอาล�ำฅอข้าง ซ้ายแล้วก็จับสมองศีศะ เจบร้อนออกมาทั่วสารพางค์ใช่สามาณ ผิจะยา ให้เอา หน้าปลายที่ ๕ เชือกเขาไฟ ๑ เชือกเขาคัน ๑ มุงกต่าย ๑ หญ้าไซ ๑ หางนกพระยาลอ ๑ นาวดอกเหลือง ๑ ชิงชาลี ๑ ว่านร่อนทอง ๑ เถามะกล�่ำ ๑ ต�ำลึง ตัวผู้ ๑ ต้นขี้ซ่อน ๑ พิลังกาสา ๑ สเดา ๑ ยาทั้งนี้เอาเสมอภาค หุงเปน น�้ำมันยาปรุงเกลือแก้ว ๑ ผลจันทน์ ๑ ดอกจันทน์ ๑ กระวาน ๑ กานพลู ๑ ดีปลี ๑ เทียนด�ำ ๑ เทียนขาว ๑ น�้ำมันนี้ชื่อสว่างโลกแล ๚ หน้าปลายที่ ๖ ลมอนึ่งชื่อสาหุวาตมันเกิดในต้นแขน ให้เจบประดุจดังว่าไม้มาเสียบไว้ ผิจะยาให้เอากรุงเขมา ๑ น�้ำเต้าขม ๑ ขมิ้น ๑ หีบลม ๑ ล�ำเจียก ๑ แก่น ประดู ๑ ยาทั้งนี้เอาเท่ากันหุงเปนน�้ำมัน แล้วเอายาปรุงลง เอาผลจันทน์ ๑ ดอกจันทน์ ๑ กระวาน ๑ กานพลู ๑ ยานี้ชื่อหณุมาน แผลงฤทธิแล ฯ อนึ่งชื่อลมกอรวาตมันเกิดในข้อสอก ให้เจบในกระดูกข้อสอกประดุจดัง หน้าปลายที่ ๗ เอาไม้เสียบไว้แล ผิจะยาให้เอาทองหลางใบมน ๑ พรมคช ๑ พิศม์ นาคราช ๑ ปู่เจ้าสิบแพน ๑ พญามือเหลก ๑ เฉียงพร้า ๑ พระพรหม


54 ชุดการสังคายนาภูมิปัญญาการนวดไทย: ๔ สีมา ๑ พญาลิงลม ๑ ผ้าห่มสีดา ๑ คัดเค้า ๑ เพกา ๑ ตานหม่อน ๑ พุดซา ๑ แห้วหมู ๑ ชุมเหด ๑ ส้มซ่า ๑ ยาทั้งนี้หุงเปนน�้ำมัน ชื่อ พระเพชเจดองค์แล ฯ ลมอนึ่งชื่อหัศวาตมันเกิดในข้อมือข้างขวา ให้ เจบศีศะแม่มือ หน้าปลายที่ ๘ ประดุจตะขาบขบ ผิจะยาเอาบวบขม ๑ น�้ำเต้าขม ๑ น�้ำนมราชสีห์ ๑ ขมิ้น ๑ อังกาบ ๑ บุนนาค ๑ เชือกเขาน�้ำ ๑ บัวบก ๑ ชีล้อม ๑ ชีลา ๑ เอาเสมอภาคหุงเปนน�้ำมันยาปรุง เอาเกลือแก้ว ๑ ผลจันทน์ ๑ ดอก จันทน์ ๑ กระวาน ๑ กานพลู ๑ ดีปลี ๑ ต�ำเปนผงใส่ในน�้ำมันหุงขึ้นด้วย กัน น�้ำมันนั้นกินเอากากพอกนอกแล ๚ สิทธิการิย ถ้าจะท�ำยาร้อน หน้าปลายที่ ๙ ให้เอาบุก ๒ เจตมูล ๒ ใบกันชาเทศ ๒ ขิงแห้ง ๒ ๑ จิงจ้อ ใหญ่ ๑ ๓ กดาดแดง ๑ อุตพิศ ๑ กลอย ๑ ๓ ดีปลี ๒ ๒ กระวาน ๑ กานพลู ๑ ผลจันทน์ ๑ ดอกจันทน์ ๑ โกฎสอ ๑ ผลกราย ๑ เทียนด�ำ ๑ เทียนขาว ๒ กเทียม ๑ รากตองแตก ๑ สหัศคุณ ๑ ดองดึง ๑ พริก ๑ ๒ โกฎเขมา ๑ ตากให้แห้งต�ำเปนผงละลายน�้ำผึ้งรวงกินบ�ำบัตพยาธิ พันจ�ำพวก ะ หน้าปลายที่ ๑๐ ยานี้ชื่อเพชอาวุธพิเสศนักแล ฯ ขนานหนึ่งให้เอาบุก ๑ กลอย ๑ กดาดแดง ๑ อุตพิศม์ ๑ ขิงแห้ง ๑ จิงจ้อใหญ่ ๑ กันชา ๑ ดองดึง ๑ เจตมูลเพลิง ๑ ดีปลี ๑ กานพลู ๑ เบญจเทียนสิ่งละ ๑ สมุลแวง ๑ ผลจันทน์ ๑ ดอกจันทน์ ๑ โกฎสอ ๑ โกฎเขมา ๑ กระวาน ๑ พริกเทศเท่ายา ทั้งหลาย ลลายน�้ำผึ้งรวงกินเท่าผลมะขามป้อมเช้าค�่ำก็ได้ ดองเล่าไว้กิน ก็ได้ หน้าปลายที่ ๑๑ บ�ำบัดฤษดวง ๑๖ ประการ ยานี้ชื่อนารายน์จักรพิเสศดีนักแล ฯ ต�ำรา ลมจุกก็ดีเสียดก็ดีไอก็ดีเอาผลจันทน์ ๑ ดอกจันทน์ ๑ กระวาน ๑ กานพลู ๑ ดีปลี ๑ เทียนด�ำ ๑ เทียนขาว ๑ พริก


คำ�อธิบายคัมภีร์แผนนวด เล่ม ๑-๒ ในตำ�ราเวชศาสตร์ฉบับหลวง รัชกาลที่ ๕ เล่ม ๒ 55 ทนาน ๑ น�้ำผึ้งทนาน ๑ เจตมูลเพลิง ๑ ต�ำปั้นเอาน�้ำใส่ปั้นสามหน เคี่ยวให้งวดแล้วจึ่งเอาน�้ำผึ้งใส่ลงเคี่ยวให้เปนเหงือกปลาหมอ แล้วเอา ยาผงทั้งหลายใส่ลง หน้าปลายที่ ๑๒ เคี่ยวให้ค่นแต่ภอปั้นได้ กินเท่าผลพุททราถ้าท�ำมากให้ทวีขึ้น ถ้าท�ำน้อย ลดลงตามแต่จะท�ำกินเถิดดีนักเปนยากวนแล ฯ ฝ่ายปริภาทิกสป แลสุยามเทพบุตรทั้งหลายจึ่งทูลถามต่อไป เทวข้าแต่พระองค์จงทรง พระกรุณา มนุษอันเกิดมาแลเปนผี์มีพิศม์เพื่อเหตุดังฤๅ บ์างทีเปนป่วง ลมอันมีพิศม์ต่างๆ เปนเหตุเพื่อดังฤๅพระพุทธเจ้าข้า ขอพระองค์ทรง พระกรุณาโปรด หน้าปลายที่ ๑๓ แก่มนุษทั้งหลายในโลกยนี้เถิด ๚ พระอิศวรผู้เปนเจ้าเธอจี่งมีวาจาว่าดูกร ฝูงเทพบุตรทั้งหลาย เราจะแจงแห่งธาตุทั้ง ๔ นั้นมีเสมอกันอยู่ ก็ให้ สบายในรูปในกายอยู่มิได้เปนอันใดเลย ครั้นบางทีเกิดลมทั้งหลายกล้า ขึ้นมาแรงแล้ว ก็ให้เหื่อนั้นแตกออกมา ให้กลุ้มหน้าตาวิงเวียน ให้ลงให้ รากบ้างลมบางตายมีมาจี่งชื่อว่าป่วงแล ฯ ป่วงนี้มีอยู่ ๑๒ ประการ คือ ป่วงม้า ป่วง หน้าปลายที่ ๑๔ วัว ป่วงควาย ป่วงลิง ป่วงกวาง ป่วงขี้ ป่วงลม ป่วงหมา ป่วงหมู ปวง แรด ป่วง ๑๒ ประการนี้ต่างๆ กันแล ฯ ถ้าให้ทาน�้ำมันต้องตายแล ฯ ป่วงช้าง เอาขี้(มูล)ช้างต้ม ๓ เอา ๑ พริก ๗ ขิง ๗ กเทียม ๗ เกลือ ๗ กินจ�ำเภาะป่วงช้างแล ฯ ป่วงม้า เอามูลม้าต้ม ๓ เอา ๑ พริก ๗ ขิง ๗ กเทียม ๗ เกลือ ๗ เมื่อเปนครางดังเสียงม้าแล ๚ หน้าปลายที่ ๑๕ ๏ ป่วงวัว เอามูลวัวต้ม ๓ เอา ๑ พริก ๗ ขิง ๗ กะเทียม ๗ เกลือ ๗ เมื่อเปนครางดังเสียงวัวแล ฯ ป่วงควาย เอามูลควายต้ม ๓ เอา ๑ พริก ๗ ขิง ๗ กะเทียม ๗ เกลือ ๗ เมื่อเปนร้องดังเสียงควายแล ฯ ป่วงลิงเอาหมากกรอก ๑ หูกะแชง ๑ เท่ากลางใจไฟ ๑ ต้ม ๓ เอา ๑ พริก ๗ ขิง ๗ กเทียม ๗


56 ชุดการสังคายนาภูมิปัญญาการนวดไทย: ๔ หน้าปลายที่ ๑๖ เกลือ ๗ กินแก้ป่วงลิงแล ๚ อันว่าข้า จักกล่าวบัดนี้ ซึ่งค�ำภีร์อันชื่อว่า โรคนิทานนี้ มีคุณเปนอันมาก อันจะส�ำแดงยาบ�ำบัดพยาธิ ให้แพทย ทั้งหลายเข้าใจ โดยไนยสารโสลกดังนี้แล ฯ ๏ อันว่าแพทยผู้ใดแลมิได้ เรียนซึ่งคัมภีร์โรคนิทานนี้ไซ้ อันว่าแพทยผู้นั้นจะได้เปน หน้าปลายที่ ๑๗ คนรู้นั้นหามิได้ ด้วยมิได้รู้จักลักขณแห่งไข้มีในรดูบิ์เดือนนั้น มักวางยา ให้ผิดไข้นั้น ไข้นั้นมักก�ำเริบหนักยิ่งขึ้นไป อาไศรยเพราะมิได้รู้ในโรค นิทานนี้ ฯ อันว่าแพทยผู้ใดแลได้เรียนซึ่งโรคนิทานนี้แล้ว อันว่าแพทย ผู้นั้นครั้นแลวางยาไซ้ เสมือนให้กินน�้ำอมฤตนั้นแล ฯ ในเดือน ๕ ๗ ๙ สาม เดือนนี้เปนโลษลักขณปถวีธาตุ ไข้ให้ตัว หน้าปลายที่ ๑๘ เหลืองออกนักไคคาวให้เลือกตัวให้จุกเสียดขึ้นด้วยดี ให้เปนคลื่นในท้อง ไข้ดังนี้ให้กิน ยาในรดูนี้เถิด ให้เอากเทียม ๑ ใบสเดา ๑ ใบคนทีสอ ๑ สน ๑ กท�ำเปนจุล ลลายน�้ำร้อนกิน บ�ำบัดโรคเปนเพื่อปถวีธาตุแล ฯ เดือน ๖ ๘ ๑๐ สามเดือนนี้เปนโทษเพื่อเตโชธาตุแล ถ้าไข้มันให้ท้องร้อน ประดุจดังน�้ำต้ม ให้เมื่อยเท้าเมื่อยมือให้ไอ ะ หน้าปลายที่ ๑๙ เปนเหตุไข้เพื่อเตโชธาตุ ให้กินยาในรดูนี้เถิด ให้เอาดีปลี ๑ พริก ๑ ขิง ๑ ว้านเปราะ ๑ แห้วหมู ๑ กระท�ำเปนจุณบ�ำบัดโรค เปนเพื่อเตโชธาตุ ให้วิการแล ฯ เดือน ๑๒ ๒ ๔ สามเดือนนี้เปนโทษเพื่อวาโยธาตุแล ถ้าไข้ให้ ผอมให้ มือ เท้า ประดุจไฟเผาก็ดี เมื่อลุกขึ้นนั่งให้มืดหน้ามัวจักษุ ประดุจ ดังเมาสุรา เปนลักขณแห่งวาโยธาตุ หน้าปลายที่ ๒๐ ถ้าแพทยจะรักษาเอาพริก ๑ เยาวภานี ๑ ผลผักชี ๑ เปลือกมูกมัน ๑ กระท�ำเปนจุณ ลลายน�้ำร้อนกิน บ�ำบัดโรคเพื่อวาโยธาตุแล ฯ เดือน ๕ ๖ ๗ ๓ เดือนนี้ คนเปนไข้ เพราะกินอาหารอันบูดอันเหมน จึ่งบังเกิดเปน โทษเพราะเตโชธาตุ คือให้เยนแลจะลุกนั่ง มิเปนศุข ให้ป่วนอยู่ในท้อง คือหัวใจให้ร้อนกระหนกระหาย ลมแล่นในไส้ให้ไส้นั้นพอง


คำ�อธิบายคัมภีร์แผนนวด เล่ม ๑-๒ ในตำ�ราเวชศาสตร์ฉบับหลวง รัชกาลที่ ๕ เล่ม ๒ 57 หน้าปลายที่ ๒๑ แล้วให้มือ เท้า นั้นสั่นอยู่แล แพทยพึงรู้ว่าเตโชธาตุให้โทษ ให้ประกอบยา ในรดูนี้แก้ เอาผลเอน ๑ โกฎสอ ๑ โกฎพุงปลา ๑ ว่านน�้ำ ๑ ดีปลี ๑ แห้วหมู ๑ เปลือกมูกมัน ๑ ขิงแห้ง ๑ ว่านเปราะ ๑ เอาสค้านเท่ายาทั้ง หลาย ท�ำเปนผงลลายด้วยน�้ำเยน ให้กินบ�ำบัดโรคเปนเพราะเตโชธาตุ แล ๚ เดือน ๘ ๙ ๑๐ สามเดือนนี้ คนเปนไข้เพราะ หน้าปลายที่ ๒๒ กินน�้ำเน่าแลท�ำโทษ จึ่งเกิดพยาธิเพื่อวาโยธาตุ แลไห้ไข้ผอมเหลืองซีด ไปบ้างทีผอมเหลืองบางทีผอมแห้ง บางทีให้แสบริมสีบ์ากนักให้เหมนบ์าก นักแลตัวก็ดี คือไข้ให้หัวใจกระบัดร้อนกระบัดเยนก็ดี คือกินเข้ากินน�้ำ มิได้รู้จักรศให้เหมน คือไข้ให้โสตนั้นเปนโลหิต เปนหนองออกมาแล ให้ เปนไข้จับก็ดีแพทยพึงรู้ด้วยวาโยให้โทษ ถ้าจะแก้ให้ท�ำยา หน้าปลายที่ ๒๓ นี้กิน เอาดีปลี ๑ แฝกหอม ๑ พริก ๑ ว่านเปราะ ๑ แห้วหมู ๑ อ�ำภัน ๑ ยาทั้งนี้เอาเสมอภาคท�ำเปนจุณลลายน�้ำร้อนกิน แก้โรคเปนเพื่อวาโยธาตุ แล ๚ เดือน ๑๑ ๑๒ ๑ สามเดือนนี้ คนเปนไข้เพราะกินอาหารผิดส�ำแลง เปนลักขณแห่งอาโปธาตุแล คนผู้ไข้แลมักโกรธมากนักก็ดี จะใคร่กินของ อันแสลงนั้นก็ดี ให้เกิดโลหิตนัก หน้าปลายที่ ๒๔ ก็ดี ไอนักก็ดีไข้ผอมแห้งไปก็ดี มักให้ เท้า มือ ฟกแลเจบที่ฅอนั้น แลให้ ลงท้องนักแลจะนอนมิหลับ ไข้ให้กายนั้นผอมแห้งลง แพทยพึงรู้ว่าอา โปธาตุให้โทษ ถ้าจะแก้ให้เอายารดูนี้เถิด เอาเจตมูลเพลิง ๑ โกฎก้าน พร้าว ๑ ผลมูกมัน ๑ ขิงแห้ง ๑ ดีปลี ๑ ผลมตูมอ่อน ๑ เสมอภาค ท�ำเปนจุณลลายน�้ำร้อนกินตาม หน้าปลายที่ ๒๕ ก�ำลังแก้โรคเปนเพื่อวาโยธาตุแล ฯ เดือน ๒ ๓ ๔ สามเดือนนี้เปนไข้เพราะ นอนนัก จึ่งเกิดเปนเพื่อสรรนิบาต เปนเพื่อปถวีธาตุให้โทษแล ไข้จะใคร่ กินเข้ากินน�้ำแลกินมิได้เลย คือไข้ให้เกิดก�ำเดาแลเสลดแล ให้จุกเสียด ขึ้นมานัก ะ คือไข้ให้เปนอติสารก็ดี คือไข้ให้หาแรงมิได้ก็ดี เหตุธาตุทั้ง ๔ นี้เปนไปแล


58 ชุดการสังคายนาภูมิปัญญาการนวดไทย: ๔ หน้าปลายที่ ๒๖ ถ้าแพทยจะแก้โรคนี้ไซ้ ให้ประกอบยาตามรดูนี้เถิด ให้เอากะเทียม ๑ ใบสเดา ๑ มูลกาแดง ๑ ใบคนทีสอ ๑ สน ๑ ยาทั้งนี้เอาเสมอภาคท�ำ เปนจุณลลายน้าขิง ะ กินบ�ำบัดโรคอันเกิดเพื่อปถวีธาตุแล เอาผักหนอก ๑ เปลือกมะยม ๑ ต้มใส่น�้ำ ๓ บวย หมาก ๓ ค�ำ เบี้ย ๓ เบี้ย ต้ม ๓ เอา ๑ เอาน�้ำผล หน้าปลายที่ ๒๗ สลอดจอก ๑ น�้ำมันงาจอก ๑ หุงให้คงแต่น�้ำมัน จึ่งปรุงด้วยดินประสิว ขาว ถ้าลมเท้าตายมือตาย เมื่อยขบหายแล ๚ ถ้าจะให้เสียงเพราะ เอา บัวบก ๑ ชเอม ๑ บดลลายน�้ำผึ้งกิน มีปัญญาอายุยืนดับพยาธิตีค่าไว้ ๑๐๐๐ ทองแล ๚ เอาพริก ๑ ขิง ๑ กเทียม ๑ ผลชาพลู ๑ ว่านน�้ำ ๑ ชเอม ๑ หน้าปลายที่ ๒๘ พรมมิ ๑ ยาทั้งนี้เอาเท่ากัน ต�ำเปนผงละลายน�้ำผึ้งกินเช้าก่อนงาย เสียง เพราะมีปัญญาเนื้อเกลี้ยงพึงใจผู้หญิงแล ฯ เอาก้านสเดา ๑ แฝกหอม ๑ บรเพช ๑ สมอทั้ง ๓ รากชาพลู ๑ กะดอม ๑ รากจิงจ้อ ๑ แห้วหมู ๑ ว่านน�้ำ ๑ จันทน์ทั้ง ๒ ต�ำผงลลายตามธาตุ แก้โลหิตแก้ลมแก้ หน้าปลายที่ ๒๙ หืดไอ แก้สรรพทั้งปวงเดกผู้ใหญ่กินได้ดีนักแล ๚ะ๛ หน้าปลายที่ ๓๐ ให้เจบในท้องในอก ให้ปวดศีศะ ให้ผมหล่น ๏ อันว่าปถวีธาตุมีโทษ ให้ขนลุกขนพอง ให้เส้นมือเท้าเขียว หน้าปลายที่ ๓๑ ให้ริมฟันแดง อยู่ ๑๒ ประการ ให้โทษเปนดังฤๅ ให้หนังแตก ให้เจบในมือ ให้เจบเอน ให้เจบในสมองกระดูก


คำ�อธิบายคัมภีร์แผนนวด เล่ม ๑-๒ ในตำ�ราเวชศาสตร์ฉบับหลวง รัชกาลที่ ๕ เล่ม ๒ 59 หน้าปลายที่ ๓๒ ให้นอนแล้วจะหลับมิได้ ให้หนักตัวก็ดี ให้กระหนกระหายนัก ๏ อันว่าเตโชธาตุมีโทษ จะใคร่กินของแสลงอันคาว หน้าปลายที่ ๓๓ กินอาหารมิได้อยู่ท้อง อยู่ ๑๐ ประการเปนดังฤๅ ให้ตัวเยนนักนอนมิหลับ ในกลางคืนให้อึงคนึงหัวใจ ให้เปนดังบ้าหมูแล หน้าปลายที่ ๓๔ ไข้เพื่อดี ไข้เพื่อเสลด ไข้เพื่อหนอง ไข้เยนขนลุก ไข้ให้โลหิตออกมาก ๏ อันว่าอาโปธาตุมีโทษ ไข้ให้เหื่อออกมาก หน้าปลายที่ ๓๕ ให้คาวบ์าก อยู่ ๑๑ ประการเปนดังฤๅ ให้น�้ำเขละ(ฬะ)มาก ให้น�้ำมาก ให้น�้ำมูกมาก ให้ไปเบานักแล ๚ะ หน้าปลายที่ ๓๖ ลมพัดขึ้นเบื้องบน ลมพัดลงเบื้องต�่ำ ลมในท้องลมเสียดสันหลัง ลมเกิดแต่หน้าผาก ลมแล่นทั้งตัว ๏ อันว่าวาโยธาตุมีโทษ ลมเยนทั้งตัว


60 ชุดการสังคายนาภูมิปัญญาการนวดไทย: ๔ หน้าปลายที่ ๓๗ ลมหายใจเข้าออกกล้านัก อยู่ ๑๔ ประการเปนดังฤๅ ลมเท้าตายมือตาย ลมทั่วสารพางค์ ลมประดุจน�้ำไหลในตัว ลมให้สท้านสดุ้งให้ไหวทั้งตัว ลมอันเกิดพายนอกตัวแล ๚ะ หน้าปลายที่ ๓๘ ๏ สิทธิการิย ถ้าจะยาตราไปแห่งใด ๆ เมื่อจะไปนั้นฤกษดีแล้วจึ่งไปมิได้ มีอันตรายเลย ๚ ครั้นรุ่งขึ้นวัน ๑ เดินทางมักผิดอย่าได้ยาตรา ได้เมื่อ ทศกรรณหวนหันวางมา ลักดวงสีดาได้แล้วพาหนี กินแล้วสายบายหน้า จึ่งดี ะ พระอาทิตยภูมีเล่นด้วยเทวา เมื่อจะเดินทางไปข้างหนบูรภา ได้ลาภหนักหนา หน้าปลายที่ ๓๙ ยามนี้มีศรี ๚ ครั้นสายแก่ไปหนทักษิณดี ได้เมื่อพิเภกครองราชสมบัติชื่น ชมยินดีแล ๚ งายแก่น้องเพน ไปหนหรดีได้ลาภมีศรีเพราะท่านผู้ใหญ่ เมื่อพระอังคารเธอส�ำราญใจ เปนชู้รักใคร่กับโฉมนางจัน ๚ ครั้นว่า บ่ายโมงด้วยพลัน เร่งให้ผายผันลาภนั้นเกิดมีนาๆ จักไปอย่าได้อยู่ช้า เร่งให้ หน้าปลายที่ ๔๐ ยาตรายามนี้มีศรี วัน ๑ ห้ามเที่ยงมิดีบ่ายควายอับปรี พายค�่ำมิดีแลนา ฯ ๏ รุงขึ้นวัน ๒ ห้ามนักกวจขันอย่าได้ยาตรา ได้เมื่อพระอาทิตยเดินทาง เวหาราหูจอรคลาภบแล้วยายี ยามนี้มิดีห้ามว่าอย่าไป ๚ บ่ายแล้วจึ่งไป ข้างหนบูรพ์ ได้ลาภเพิ่มพูนสิ่งของนานา บ่ายควายภายเร่งให้ยาตรา มีผู้จะมาให้ลาภเนืองนอง หน้าปลายที่ ๔๑ ได้เมื่อพระรามเธอจองสนล เสนีรี้พลพร้อมกันหนักหนา วัน ๒ ห้ามเช้า เที่ยง งายแก่ มิดีแล ๚ ครั้นรุ่งวัน ๓ ยามนี้กล้าหารอย่าได้ยาตรา ได้ เมื่อพระรามโศกเศร้าถึงเจ้าสีดา จึ่งใช้พระลักไปหาล�ำบากนักหนา ยาตราภอดี ๚ งายแล้วจึ่งไปข้างเหนือดี คนรักจักมีให้ของชอบใจ ๚ งายแก่


คำ�อธิบายคัมภีร์แผนนวด เล่ม ๑-๒ ในตำ�ราเวชศาสตร์ฉบับหลวง รัชกาลที่ ๕ เล่ม ๒ 61 หน้าปลายที่ ๔๒ อย่าได้ยาตรา ได้เมื่อธอรภีสู้กับพาลี มิดีนักหนา ล�ำบากแทบตาย ฯ บ่าย ควายได้ลาภเหลือหลาย เพราะไปหนเหนือ วัน ๓ ห้าม งายแก่ เทียง ภายค�่ำ  มิดีแล ๚ รุงขึ้นวัน ๔ ฤกษดีที่สุด เร่งให้ยาตรา ได้เมื่อพระเจ้า ไปเทศนา ฝูงเทวดามานั่งฟังธรรม เวลาน้องเพนยาตราจงพลัน ได้ หน้าปลายที่ ๔๓ ลาภทุกอันต่างๆ นาๆ ได้เมื่อพระเจ้าไปเทศนา ฝูงคนบูชาวิเสศทุกอัน ฯ ๏ บ่ายควายพายค�่ำ เร่งให้ผายผัน เทวาพร้อมกันเล่นด้วยพระราม พระศุกรลืมความ ชื่นชมยินดี วัน ๔ ห้าม สายงายแก่ เทียง ชาย มิดีแล ๚ ๏ รุ่งขึ้นวัน ๕ พระศุกรปรนิบัต จ�ำสิลภาวนา ถ้าไปทิศเหนือ หน้าปลายที่ ๔๔ อุดมนักหนา เข้าน�้ำช�ำปลาอาหารมากมี ฯ งายแก่น้องเพน ไปหนตวันตก เฉียงใต้ ได้ลาภถ้วนถี่ต่างๆ นาๆ ได้เมื่อพระกุศราช ไปเล่นสะกา พระยาครุธพามา ได้แก้วแหวนเงินทอง ฯ ภายค�่ำไปหนเหนือโดยปอง ได้ลาภเข้าของ เงินทองนานา ได้เมื่อพิเภกเปนเอกเสนา พระราม หน้าปลายที่ ๔๕ ให้หามาให้รางวัล วัน ๕ ห้าม สายงายแล้ว เทียงชาย บ่ายควาย มิดีแล ๚ รุ่งขึ้นวัน ๖ เดินทางอย่าทุกข์ ให้ไปหนบูร จะได้เข้าของ เงินทองมากมูล พระศุกร บริบูรณได้เปนพระยา ๚ งายแก่น้องเพน เร่งให้ยาตรา ได้เมื่อราชา อาทิตยภูบาล เธอไปเที่ยวเล่น ในท้องวิมาน ได้ลาภอาหาร สมบัติ หน้าปลายที่ ๔๖ นานา ๚ ตวันเที่ยงสาย เดินได้ดังใจปอง ท้าวจะพบน้อง แต่กลาง หนทาง ได้เมื่อพระศุกร ไปเที่ยวหานาง เดินไปกลางทางพบพระฤๅษี วัน ๖ ห้าม บ่ายควาย พายค�่ำ มิดี เข้าของมากมี ฉิบหายขายตน ทุกสิ่งมิดีแล ๚ รุ่งขึ้นวัน ๗ พระอาจารยเจ้า ห้ามอย่าได้ หน้าปลายที่ ๔๗ ยาตรา ไปหนทางไกล จะเกิดเหตุใหญ่ แต่ในกลางทาง ได้เมื่อพระเสาร์ ติดตามไปเล่า ไม่ละไม่วาง อื้ออึงโผงผาง เธอจับอังคาร ๏ ง่ายแล้ว สายๆ บ่ายหน้าส�ำราญ พระจันทรฉวยฉาบ กับนางเทวี เปนชู้ด้วยกัน ชื่นชมยินดี หัศมุกมีศรี ติดตามพระจันทร ๚ งาย


62 ชุดการสังคายนาภูมิปัญญาการนวดไทย: ๔ หน้าปลายที่ ๔๘ แก่น้องเพน ห้ามนักกวจขัน จะตายจากกัน อย่าได้ยาตรา ได้เมื่อ พระเสาร์ ติดตามไปเล่า จับได้ตัวมา ฆ่านางนั้นเสีย ๚ ตวันชายมิช้า พระลักอนุชา ไม่มีลูกเมีย จึ่งละสมบัติ ไปบวชเปนชี ะ ท�ำสการบูชา ๚ บ่ายควายพายค�่ำ อย่าได้ยาตรา ฆ่าศึกจะมาท�ำโทษฉิบ หน้าปลายที่ ๔๙ หาย ถ้าตัวมิตาย ล�ำบากนักหนา ๚ วัน ๗ ถ้าจะมีที่ไป ะ งายแล้วสายๆ ตวันชายจึ่งไป นอกกว่านี้ไซ้ มิดีเลยแล ท่านทั้งหลายเอย ๚ ๚ะ๛


คำ�อธิบายคัมภีร์แผนนวด เล่ม ๑-๒ ในตำ�ราเวชศาสตร์ฉบับหลวง รัชกาลที่ ๕ เล่ม ๒ 63 ๓. การจำแนกองค์ความรู้คัมภีร์แผนนวด ในตำราเวชศาสตร์ฉบับหลวง รัชกาลที่ ๕ เล่ม ๑ และเล่ม ๒ “คัมภีร์แผนนวด” เล่ม ๑ เลขที่ ๑๐๐๘ ใน “ต�ำราเวชศาสตร์ฉบับหลวง รัชกาลที่ ๕” หน้าต้นที่ ๑-๔๔ หน้าปลายที่ ๑-๓๒ ว่าด้วย ภาพร่างกายแสดงจุดและ เส้นเอ็น ๑ รูป ภาพแผนนวด ๒๖ ภาพ และแผนปลิง ๒ ภาพ ได้สังคายนาเบื้องต้น และแสดงการจ�ำแนกค�ำหมวดโรค/อาการ รวม ๑๐๕ ค�ำ ล�ำดับ ที่ หน้าต้น/ หน้าปลายที่ สังคายนาเบื้องต้น ค�ำ/ข้อความเดิม ค�ำชื่อโรค/อาการ ๑ ถึง ๗ ๏ อันว่าแผนคนเดียวนี้ มิรู้ที่จะดู เลยแล ๚ะ อันว่าแผนคนเดียวนี้ ไม่รู้ที่จะดู เลย ๑ ๙ ถึง ๑๒ ๏ แก้โสตโรคมิได้ยิน โสตโรค ท�ำให้หูไม่ได้ยิน ๒ ๙ ถึง ๑๒ ๏ เส้นหว่างฅอกลวงนั้นแก้ฤษ ดวงให้ไอ ริดสีดวง ท�ำให้ไอ ๓ ๙ ถึง ๑๒ ๏ เส้นต้นสอกทั้ง ๒ แก้แขนตาย แขนตาย ๔ ๙ ถึง ๑๒ ๏ บันดาเส้นกระหม่อมแลก�ำด้น แลริมไรผม แลสองเพรียงหูแล ทัดดอกไม้ทั้ง ๒ ข้างนี้ก็ดี ท่าน ว่าแก้สีสะโรคแลโสตโรคทั้ง มวนแล ศีรษะโรคและโสตโรค ๕ ๑๗ ถึง ๒๐ ๏ แก้ปวดศีศะเมื่อเวลาเช้านัก แล แก้ฤษดวงงอกจมูกแล ปวดศีรษะเวลาเช้า ๖ ๑๗ ถึง ๒๐ ๏ แก้ปวดศีศะเมื่อเวลาเช้านัก แล แก้ฤษดวงงอกจมูกแล ริดสีดวงจมูก


64 ชุดการสังคายนาภูมิปัญญาการนวดไทย: ๔ ล�ำดับ ที่ หน้าต้น/ หน้าปลายที่ สังคายนาเบื้องต้น ค�ำ/ข้อความเดิม ค�ำชื่อโรค/อาการ ๗ ๑๗ ถึง ๒๐ ๏ แก้ไข้กระเลียงแลกระหายน�้ำ นักแล แก้จักษุวิงเวียนแลเจบ จักษุ ไข้เจลียง ๘ ๑๗ ถึง ๒๐ ๏ แก้ไข้กระเลียงแลกระหายน�้ำ นักแล แก้จักษุวิงเวียนแลเจบ จักษุ จักษุวิงเวียนและเจ็บจักษุ ๙ ๑๗ ถึง ๒๐ ๏ แก้เส้นนี้ปวดศีศะเมื่อเวลา กลางคืนให้เจบสันหลังให้บ์าก เบี้ยวก็มีบ้าง ให้ตามืดก็มีบ้าง เกิดเพื่อก�ำเดาแลลมรคนกันให้ ตัวร้อนแล้วก็กลับให้เยนเล่าคือ ว่าเส้นจันทกลานั้นแล ปวดศีรษะเวลากลางคืน ให้เจ็บ สันหลังให้ปากเบี้ยว ให้ตามืด บ้าง ๑๐ ๑๗ ถึง ๒๐ ๏ แก้แขนตายมือตายเหมือนกัน แล แขนตาย มือตาย ๑๑ ๒๑ ถึง ๒๔ ๏ แก้จักษุเปนต้อให้วางชัลลุกะ ๕ ตัวแล ตาเป็นต้อ ๑๒ ๒๑ ถึง ๒๔ ๏ แก้โสตประสาตให้ตึง หูตึง ๑๓ ๒๕ ถึง ๒๘ ๏ แก้มือตายแล มือตาย ๑๔ ๒๕ ถึง ๒๘ ๏ แก้กล่อนแห้งแล ๚ กล่อนแห้ง ๑๕ ๒๕ ถึง ๒๘ ๏ แก้กล่อนน�้ำแล ๚ กล่อนน�้ำ ๑๖ ๒๙ ถึง ๓๒ ๏ แก้จักษุเปนต้อให้วางชัลลุกะ ๕ ตัว จักษุเป็นต้อ ๑๗ ๒๙ ถึง ๓๒ ๏ เส้นป่วงหูทั้ง ๒ แก้หูหนัก หูหนัก


คำ�อธิบายคัมภีร์แผนนวด เล่ม ๑-๒ ในตำ�ราเวชศาสตร์ฉบับหลวง รัชกาลที่ ๕ เล่ม ๒ 65 ล�ำดับ ที่ หน้าต้น/ หน้าปลายที่ สังคายนาเบื้องต้น ค�ำ/ข้อความเดิม ค�ำชื่อโรค/อาการ ๑๘ ๒๙ ถึง ๓๒ ๏ ให้นับตั้งแต่โครงสุดขึ้นมา ๕ อัน อยู่ชิดกระดูกสันหลังนั้น ให้แก่เส้นราวชักหว่างกระดูก สันหลังต่อกันนั้นเอนย่อมชักใน อกให้สทกแล เอ็นชักในอก ๑๙ ๒๙ ถึง ๓๒ ๏ ไข้จับแลไข้ตะเลียง ให้แก้หัว ตฆากตามเส้นริมกระดูก สันหลังขึ้นไป ไข้จับและไข้เจลียง ๒๐ ๒๙ ถึง ๓๒ ๏ แก้อันตฤทธิแล อันตฤทธิ์ ๒๑ ๒๙ ถึง ๓๒ ๏ จักษุมืดเปนหมอกให้แก้เส้น ทั้งนี้จงเนือง ๆ แล้วแลให้ ประกอบยานัด แลยาตาแก้เมฆ หมอกไส จักษุมืดเป็นหมอก ๒๒ ๒๙ ถึง ๓๒ ๏ แก้จักษุมืดแก้ปวดศีศะแล ๚ จักษุมืด ปวดศีรษะ ๒๓ ๒๙ ถึง ๓๒ ๏ แก้ตะโพกตายทั้งซ้ายขวา เหมือนกันแล ๚ สะโพกตายทั้งซ้ายและขวา ๒๔ ๒๙ ถึง ๓๒ ๏ แก้คูดหนักออกจะให้ออก สดวก ๚ ถ่ายให้ออกสะดวก (ลมคูถทวารปิดถ่ายหนักไม่ออก) ๒๕ ๓๓ ถึง ๓๔ ๏ แก้ฤษดวงให้ไอมิหยุด ริดสีดวง ท�ำให้ไอไม่หยุด ๒๖ ๓๓ ถึง ๓๔ ๏ แก้สลักเพชให้ลงท้อง สลักเพชรให้ลงท้อง ๒๗ ๓๓ ถึง ๓๔ ๏ แก้มือตายแลจุกอก มือตายและจุกอก ๒๘ ๓๕ ถึง ๓๖ ๏ หูหนวกกินยาแล้วมิฟังแด่นี้ หูหนวกกินยาแล้วไม่หาย ๒๙ ๓๕ ถึง ๓๖ ๏ แก้ฤษดวงไอหนักมิหยุด ริดสีดวง ท�ำให้ไม่หยุด ๓๐ ๓๕ ถึง ๓๖ ๏ แก้ปวดหัวนานหายยามิฟัง ปวดหัวเรื้อรังกินยาไม่หาย


66 ชุดการสังคายนาภูมิปัญญาการนวดไทย: ๔ ล�ำดับ ที่ หน้าต้น/ หน้าปลายที่ สังคายนาเบื้องต้น ค�ำ/ข้อความเดิม ค�ำชื่อโรค/อาการ ๓๑ ๓๗ ถึง ๓๘ ๏ แก้ปวดหัวผู้ชายขวา ปวดหัว ผู้ชายปวดข้างขวา ๓๒ ๓๗ ถึง ๓๘ ๏ แก้ปวดลมจับเบือนฅอมิได้ ปวดคอหันคอไม่ได้เพราะลม ๓๓ ๓๗ ถึง ๓๘ ๏ แก้ก้มเงยมิได้แล ก้มเงยไม่ได้ ๓๔ ๓๗ ถึง ๓๘ ๏ แก้เปนเหนบหยิกมิเจบ เป็นเหน็บท�ำให้หยิกไม่เจ็บ ๓๕ ๓๗ ถึง ๓๘ ๏ แก้กตุกกทกกะตุกแตก กระตุกกะทกกระตุกแตก ๓๖ ๓๗ ถึง ๓๘ ๏ แก้ไข้นอนมิหลับหญิงซ้ายชาย ขวา ไข้ ท�ำให้นอนไม่หลับ ๓๗ ๓๗ ถึง ๓๘ ๏ แก้เท้าตาย เท้าตาย ๓๘ ๓๗ ถึง ๓๘ ๏ แก้ไข้มักให้หยากน�้ำนัก ไข้ ท�ำให้กระหายน�้ำมาก ๓๙ ๓๙ ถึง ๔๐ ๏ แก้ฤษดวงไอ ริดสีดวงไอ ๔๐ ๔๓ ถึง ๔๔ ๏ ขไสยดานนั้นแก้ก้นกบคลาย แล ๚ะ กระษัยดาน ๔๑ ๑ ถึง ๒ ๏ แก้ไข้ตะเลียง แก้สลักเพชทั้ง ๒ แก้ปัตฆาฏทั้ง ๒ ข้างนั้นแล ไข้เจลียง ๔๒ ๑ ถึง ๒ ๏ แก้นอนมิหลับ นอนไม่หลับ ๔๓ ๑ ถึง ๒ ๏ แก้รากขวันให้หาวออกแล รากขวัญ ท�ำให้หาว ๔๔ ๑ ถึง ๒ ๏ แก้ปวดท้องแก้จุกอกแลตลอด ไปสันหลังแล ปวดท้อง จุกอก แก้ตลอดไป สันหลัง ๔๕ ๑ ถึง ๒ ๏ แก้เมื่อยต้นสอกไหล่แลเข่าแก้ ต่อสันหลังนั้น เมื่อยต้นศอกไหล่และเข่าแก้ต่อ สันหลังนั้น ๔๖ ๑ ถึง ๒ ๏ แก้เจบท้องแลสลักอก กระไส ดานเปนป้างให้แก้ต่อริมสดือ นั้นรวมกัน เจ็บท้องและสลักอก กระษัยดาน เป็นป้างให้แก้ต่อริมสะดือนั้น รวมกัน


คำ�อธิบายคัมภีร์แผนนวด เล่ม ๑-๒ ในตำ�ราเวชศาสตร์ฉบับหลวง รัชกาลที่ ๕ เล่ม ๒ 67 ล�ำดับ ที่ หน้าต้น/ หน้าปลายที่ สังคายนาเบื้องต้น ค�ำ/ข้อความเดิม ค�ำชื่อโรค/อาการ ๔๗ ๑ ถึง ๒ ๏ แกชักให้บ์ากเบี้ยวก็ดีสรรนิบาต ก็ดีให้พุพอง ชักท�ำให้ปากเบี้ยว สันนิบาต ท�ำให้พุพอง ๔๘ ๓ ถึง ๔ ๏ อันนี้สลักเพชแก้ยากนักแล สลักเพชร ๔๙ ๓ ถึง ๔ ๏ สลักเพช ถ้าจับมิตลอดแก้ได้ สลักเพชร ถ้าจับไม่ตลอดแก้ได้ ๕๐ ๓ ถึง ๔ ๏ ไหล่ถ้าจับตลอดเอาหัวใจแก้ มิได้ ไหล่ถ้าจับตลอดเอาหัวใจแก้ไม่ได้ ๕๑ ๕ ถึง ๖ ๏ แก้เสลดปะอกขึ้นมา เสลดปะอกขึ้นมา ๕๒ ๕ ถึง ๖ ๏ แก้ให้นอนหลับทั้งซ้ายทั้งขวา เหมือนกันแล ให้นอนหลับทั้งซ้ายทั้งขวา เหมือนกัน ๕๓ ๗ ถึง ๘ ๏ แก้ขไสยแลกระไสดาน กระษัยและกระษัยดาน ๕๔ ๗ ถึง ๘ ๏ แก้เสลดให้ตก เสลดให้ตก ๕๕ ๗ ถึง ๘ ๏ แก้ให้รากตก รากตก ๕๖ ๙ ถึง ๑๐ ๏ ชื่อว่าเบญจสัญย่อมให้เสียเท้า แลมือ ๑๓ เบญจสัญท�ำให้เสียเท้าและมือ ๕๗ ๙ ถึง ๑๐ ๏ ๑๔ ชื่ออายตโงก อ้ายตะโงก ๕๘ ๙ ถึง ๑๐ ๏ ๑๕ ชื่อยาวมารีขึ้นมาแต่ขาถึง ฅอ เยาวนารีขึ้นมาแต่ขาถึงคอ ๕๙ ๙ ถึง ๑๐ ๏ ๑๖ ชื่อชงคพาหะ ชงคพาหะ ๖๐ ๙ ถึง ๑๐ ๏ ๑๘ ชื่อพลายวาตขึ้นส้นเท้า พลายวาตขึ้นส้นเท้า ๖๑ ๑๗ ถึง ๑๘ ๏ แก้จักษุมืดแก้ต้องวางปลิง ๕ ตัว จักษุมืดแก้ต้องวางปลิง ๕ ตัว ๖๒ ๑๗ ถึง ๑๘ ๏ แก้หูหนวกก็หายแล หูหนวก ๖๓ ๑๗ ถึง ๑๘ ๏ แก้ตามืดแก้เจบกะบอกตา ตามืด เจ็บกระบอกตา


68 ชุดการสังคายนาภูมิปัญญาการนวดไทย: ๔ ล�ำดับ ที่ หน้าต้น/ หน้าปลายที่ สังคายนาเบื้องต้น ค�ำ/ข้อความเดิม ค�ำชื่อโรค/อาการ ๖๔ ๑๗ ถึง ๑๘ ๏ แก้ไหล่ตายแล ะ ไหล่ตาย ๖๕ ๒๑ ถึง ๒๒ ๏ แก้ตามืดเปนต้อวางปลิง ๕ ตัว แล ตามืดเป็นต้อวางปลิง ๕ ตัว ๖๖ ๒๑ ถึง ๒๒ ๏ แก้หูตึงหูหนวกแล หูตึง หูหนวก ๖๗ ๒๑ ถึง ๒๒ ๏ แก้ปวดศีศะเจบกบอกจักษุ ปวดศีรษะเจ็บกระบอกจักษุ ๖๘ ๒๑ ถึง ๒๒ ๏ แก้เอนชักอก เอ็นชักอก ๖๙ ๒๑ ถึง ๒๒ ๏ แก้ไข้จับไข้ตะเลียงตัวร้อน ไข้จับ ไข้เจลียง ๗๐ ๒๑ ถึง ๒๒ ๏ แก้เสมหเปนที่สุดนักแล่นถึง ตะโพกแล เสมหะ (แล่นถึงสะโพก) ๗๑ ๒๑ ถึง ๒๒ ๏ แก้ไข้ตัวร้อนแก้ไข้รหายน�้ำ แก้ทั้ง ๒ เหมือนกันนั้นแล ไข้ตัวร้อน ไข้กระหายน�้ำ ๗๒ ๒๑ ถึง ๒๒ ๏ แก้จักษุเปนหมอกแก้จักษุมัวมืด จักษุหมอก จักษุมืด ๗๓ ๒๑ ถึง ๒๒ ๏ แก้จักษุมืดจักษุมัวนัดยาด้วย จักษุมืด ๗๔ ๒๑ ถึง ๒๒ ๏ แก้เจบศีศะนัก นัดยาด้วย เจ็บศีรษะ ๗๕ ๒๑ ถึง ๒๒ ๏ ให้นับแต่สีข้างสุดขึ้นมา ๕ ซี่ เส้นหว่างสีข้างทั้ง ๒ นั้น ถ้าแก้ ถูกเส้นเมื่อไรคลายแล ๚ะ ให้นับแต่สีข้างสุดขึ้นมา ๕ ซี่ เส้น ระหว่างสีข้างทั้ง ๒ นั้น ถ้าแก้ถูก เส้นเมื่อไรคลาย ๗๖ ๒๑ ถึง ๒๒ ๏ แก้ตะโพกตายแล สะโพกตาย ๗๗ ๒๑ ถึง ๒๒ ๏ แก้เท้าตายหยิกมิเจบ เท้าตาย ท�ำให้หยิกไม่เจ็บ ๗๘ ๒๑ ถึง ๒๒ ๏ แก้นอนมิหลับแกอรรตพฤก แขงอยู่แล ๚ะ นอนไม่หลับแก้อันตะพฤฒแข็ง ๗๙ ๒๓ ถึง ๒๔ ๏ เมื่อยเสียดแทงให้วางปลิงที่ คางทั้ง ๒ ข้าง ข้างหนึ่ง ๑๐ ข้างหนึ่ง ๙ เมื่อยเสียดแทงให้วางปลิงที่คาง ทั้ง ๒ ข้าง ข้างหนึ่ง ๑๐ ข้างหนึ่ง ๙


คำ�อธิบายคัมภีร์แผนนวด เล่ม ๑-๒ ในตำ�ราเวชศาสตร์ฉบับหลวง รัชกาลที่ ๕ เล่ม ๒ 69 ล�ำดับ ที่ หน้าต้น/ หน้าปลายที่ สังคายนาเบื้องต้น ค�ำ/ข้อความเดิม ค�ำชื่อโรค/อาการ ๘๐ ๒๓ ถึง ๒๔ ๏ แก้เปนแช ๓ ตัว เป็นแช ๓ ตัว ๘๑ ๒๓ ถึง ๒๔ ๏ ท้องมารแลรัตปิต ๙ ตัว ท้องมานและรัตตะปิตตะ ๙ ตัว ๘๒ ๒๓ ถึง ๒๔ ๏ กล่อนแลอรรตพฤก ๙ ตัว กล่อนและอันตะพฤฒ ๙ ตัว ๘๓ ๒๓ ถึง ๒๔ ๏ มักเปนป่วงนัก ๙ ตัว มักเป็นป่วงนัก ๙ ตัว ๘๔ ๒๓ ถึง ๒๔ ๏ แก้ปวดศีศะกลางกระหม่อมแล ทัดดอกไม้ ๓ ตัว ปวดศีรษะกลางกระหม่อมและ ทัดดอกไม้ ๓ ตัว ๘๕ ๒๓ ถึง ๒๔ ๏ เจบตัวแลไข้นานหาย ๑๑ ตัว เจ็บตัวและไข้นานหาย ๑๑ ตัว ๘๖ ๒๓ ถึง ๒๔ ๏ ฤษดวง ๑๑ ตัว ริดสีดวง ๑๑ ตัว ๘๗ ๒๓ ถึง ๒๔ ๏ แขนตายข้างแล ๗ ตัว แขนตายข้าง ๗ ตัว ๘๘ ๒๓ ถึง ๒๔ ๏ อรรตพฤก ๙ ตัว อันตะพฤฒ ๙ ตัว ๘๙ ๒๓ ถึง ๒๔ ๏ ไข้ครั่นตัว ๗ ตัว ไข้ครั่นตัว ๗ ตัว ๙๐ ๒๕ ถึง ๒๖ ๏ แก้จักษุมืดแก้ต้อในจักษุให้วาง ปลิง ๕ ตัว จักษุมืดแก้ต้อในจักษุให้วางปลิง ๕ ตัว ๙๑ ๒๕ ถึง ๒๖ ๏ แก้หูหนวกแก้จักษุมืดมัว หูหนวก จักษุมืดมัว ๙๒ ๒๕ ถึง ๒๖ ๏ ให้นับแต่สีค่างกระดูกขึ้นมา ๕ ซี่ ๏ ต่อสันหลังหว่างนั้นแก้เอนชัก อกแล ให้นับแต่สีข้างกระดูกขึ้นมา ๕ ซี่ ต่อสันหลังระหว่างนั้นแก้เอ็นชัก อก ๙๓ ๒๕ ถึง ๒๖ ๏ แก้ไหล่ตายให้นับแต่โครงขึ้นมา ๕ ซี่ หว่างนั้นแก้เถิด ไหล่ตายให้นับแต่โครงขึ้นมา ๕ ซี่ ระหว่างนั้นแก้เถิด ๙๔ ๒๕ ถึง ๒๖ ๏ ถ้าไข้ตเลียงให้แก้เส้นหัวตฆาก ชิดคลายแล ไข้เจลียงให้แก้เส้นหัวตะคาก


70 ชุดการสังคายนาภูมิปัญญาการนวดไทย: ๔ ล�ำดับ ที่ หน้าต้น/ หน้าปลายที่ สังคายนาเบื้องต้น ค�ำ/ข้อความเดิม ค�ำชื่อโรค/อาการ ๙๕ ๒๕ ถึง ๒๖ ๏ แก้จักษุมืด แก้ต้อหมอกแก้ด้วย นวดแลประกอบยานัดด้วย คลายแล ะ จักษุมืด ต้อหมอก ๙๖ ๒๕ ถึง ๒๖ ๏ แก้เจบกบอกจักษุแก้ปวดศีศะ แลให้นับแต่สีค่างสุดนนขึ้นมา ๕ ซี่ แก้หว่างสีข้างนั้นปวดศีศะ คลายแล อนึ่งให้นับแต่สีค่าง สุดขึ้นมา ๒ ซี่ หว่างสีค่างนั้น แก้ลมปัตฆาฏทั้ง ๒ ข้างดุจกัน แล อนึ่งให้ปวดศีศะดังเสี้ยน ยอกนอนมิหลับให้นับแต่สีค่าง สุดขึ้นมา ๓ ซี่ แก้เส้นรองสีค่าง สุดขึ้นมา ๓ ซี่นั้นคลายแล ให้ พิจารณาดูจงหนักทั้ง ๒ ข้าง ให้ แก้ทั้ง ๒ ข้างนั้นคลายแล ๚ เจ็บกระบอกจักษุแก้ปวดศีรษะ และให้นับแต่สีข้างสุดนั้นขึ้นมา ๕ ซี่ แก้ระหว่างสีข้างนั้นปวด ศีรษะคลายแล อนึ่งให้นับแต่ สีข้างสุดขึ้นมา ๒ ซี่ ระหว่าง สีข้างนั้น แก้ลมปัตคาดทั้ง ๒ ข้าง อนึ่งให้ปวดศีรษะดังเสี้ยน ยอกนอนไม่หลับให้นับแต่สีข้าง สุดขึ้นมา ๓ ซี่ แก้เส้นรองสีข้าง สุดขึ้นมา ๓ ซี่นั้นคลายแล ให้ พิจารณาดูจงหนักทั้ง ๒ ข้าง ให้ แก้ทั้ง ๒ ข้าง ๙๗ ๒๗ ถึง ๒๘ ๏ แก้ไข้ให้ปวดศีศะนักแล ไข้ ท�ำให้ปวดศีรษะ ๙๘ ๒๗ ถึง ๒๘ ๏ แก้ฤษดวงจมูกแลกระหม่อม ริดสีดวงจมูกและกระหม่อม ๙๙ ๒๗ ถึง ๒๘ ๏ แก้จักษุวิงแลเจบจักษุ ไข้ตเลียง แลไข้ให้หยากน�้ำนักก็ดี จักษุวิงและเจ็บจักษุ ไข้เจลียง และไข้ให้อยากน�้ำ ๑๐๐ ๒๗ ถึง ๒๘ ๏ แก้ปวดศีศะแลเจบกบอกจักษุ ให้จักษุวิงกลางคืนแลจับไข้ แล เจบท้อง แลเจบสันหลังแล ะ ปวดศรีษะและเจ็บกระบอกจักษุ ให้จักษุวิงกลางคืนและจับไข้ และเจ็บท้อง และเจ็บสันหลัง ๑๐๑ ๓๑ ถึง ๓๒ ๏ ยังมีพยาธิอนึ่งชื่อทุพลพาธิให้ ผอมเหลืองให้ท้องใหญ่กินยา ประจก่อนแล้วจึ่งกินยาดอง ส�ำรับ ยังมีพยาธิอนึ่งชื่อทุพลพาธให้ ผอมเหลืองให้ท้องใหญ่กินยา ประจุก่อน แล้วจึงกินยาดอง ส�ำรับ


คำ�อธิบายคัมภีร์แผนนวด เล่ม ๑-๒ ในตำ�ราเวชศาสตร์ฉบับหลวง รัชกาลที่ ๕ เล่ม ๒ 71 ล�ำดับ ที่ หน้าต้น/ หน้าปลายที่ สังคายนาเบื้องต้น ค�ำ/ข้อความเดิม ค�ำชื่อโรค/อาการ ๑๐๒ ๓๑ ถึง ๓๒ ๏ อันนี้ลมจ�ำพวกหนึ่งชื่อราทยักษ จับย่อมให้ชักทั่วทั้งกายให้ยักไป มาให้สบัดต้นฅอแลบ์าก ให้แก้ ต้นคางแลกระบอกจักษุจงได้ ร้สึกตัวแล อันนี้ลมจ�ำพวกหนึ่งชื่อราทธยักษ์ จับย่อมให้ชักทั่วทั้งกายให้ยักไป มาให้สะบัดต้นคอและปาก ให้แก้ ต้นคางและกระบอกจักษุจงได้ รู้สึกตัว ๑๐๓ ๓๑ ถึง ๓๒ ๏ ยังมีลมจ�ำพวกหนึ่งชื่ออ�ำมพาธิ นั้น ย่อมจับเอาก้นกบขึ้นไปถึง ราวค่างจับเอาหัวใจแล้วให้ซึมมึน แล้วขึ้นไปราวบ่าทั้ง ๒ ขึ้นไปจับ เอาต้นลิ้นเจรจามิได้มิชัดแล ยังมีลมจ�ำพวกหนึ่งชื่ออัมพาต นั้น ย่อมจับเอาก้นกบขึ้นไปถึง ราวข้างจับเอาหัวใจแล้วให้ซึมมึน แล้วขึ้นไปราวบ่าทั้ง ๒ ขึ้นไปจับ เอาต้นลิ้นเจรจาไม่ได้ไม่ชัด ๑๐๔ ๓๑ ถึง ๓๒ ๏ ลมจ�ำพวกหนึ่งชื่อจิตรบาทาจับ แต่ส้นเท้าขึ้นมาถึงหัวเข่านั้นให้ ขัดยอดอกดังเอาไม้แทงไว้แล ลมจ�ำพวกหนึ่งชื่อจิตรบาทาจับ แต่ส้นเท้าขึ้นมาถึงหัวเข่านั้นให้ ขัดยอดอกดังเอาไม้แทงไว้ ๑๐๕ ๓๑ ถึง ๓๒ ๏ มีลมอันหนึ่งชื่อสันฟ้าผ่า จับเท้า ขึ้นไปเอาราวตะโพกให้แก้แต่ ปลายเท้าขึ้นไปแล ๚ะ ลมอันหนึ่งชื่อสันฟ้าผ่า จับเท้า ขึ้นไปเอาราวสะโพกให้แก้แต่ ปลายเท้าขึ้นไป


72 ชุดการสังคายนาภูมิปัญญาการนวดไทย: ๔ “คัมภีร์แผนนวด” เล่ม ๑ เลขที่ ๑๐๐๘ ใน “ต�ำราเวชศาสตร์ฉบับหลวง รัชกาลที่ ๕” หน้าต้นที่ ๑-๔๔ หน้าปลายที่ ๑-๓๒ ว่าด้วย ภาพร่างกายแสดงจุดและเส้น เอ็น ๑ รูป ภาพแผนนวด ๒๖ ภาพ และแผนปลิง ๒ ภาพ ได้สังคายนาเบื้องต้นและ แสดงการจ�ำแนกค�ำหมวดเส้นและจุด รวม ๕๓ ค�ำ ล�ำดับ ที่ หน้าต้น/ หน้าปลายที่ สังคายนาเบื้องต้น ค�ำ/ข้อความเดิม ค�ำชื่อ เส้น/จุด ๑ ถึง ๗ ๏ อันว่าแผนคนเดียวนี้ มิรู้ที่จะดู เลยแล ๚ะ อันว่าแผนคนเดียวนี้ ไม่รู้ที่จะดู เลย ๑ ๙ ถึง ๑๒ ๏ เกี่ยวเอาเส้นสันนิบาต สันนิบาต ๒ ๙ ถึง ๑๒ ๏ เส้นมหาสนุกนิ์ มหาสนุก ๓ ๙ ถึง ๑๒ ๏ ชื่อเทพล�ำฤก ๖ เส้นนี้อย่าเลย เทพล�ำลึก ๔ ๑๓ ถึง ๑๖ ๏ แก้เส้นปัตฆาฏแลราทยักษแก้ ไหล่ตาย เส้นปัตคาดราทธยักษ์แก้ไหล่ตาย (ข้างซ้าย) ๕ ๑๗ ถึง ๒๐ ๏ ชื่อสหัศรังสีแล สหัศรังสี ๖ ๒๑ ถึง ๒๔ ๏ แก้โลหิตแลเสมหะตีขึ้นก็ดีแก้ เสียดแก้ที่ตายให้รอด ที่ตายท�ำให้รอด ๗ ๒๑ ถึง ๒๔ ๖ ๏ แก้ที่ตายประการหนึ่งเหมือน กันแล ๚ แก้ที่ตาย ๘ ๒๙ ถึง ๓๒ ๏ ให้นับแต่สีค่างสุดขึ้นมา ๕ อัน ให้แก้เส้นรองสีค่างทั้ง ๒ ดุจดัง กันทั้ง ๒ ข้างดีแล ๚ เส้นรองสีข้างทั้ง ๒ ข้าง


คำ�อธิบายคัมภีร์แผนนวด เล่ม ๑-๒ ในตำ�ราเวชศาสตร์ฉบับหลวง รัชกาลที่ ๕ เล่ม ๒ 73 ล�ำดับ ที่ หน้าต้น/ หน้าปลายที่ สังคายนาเบื้องต้น ค�ำ/ข้อความเดิม ค�ำชื่อ เส้น/จุด ๙ ๒๙ ถึง ๓๒ ๏ กลหนึ่งให้นับแต่สีค่างสุดขึ้น มา ๓ อันหว่างสีค่างนั้น เส้น หอบพักเส้นเสียดแทงให้ยอก ขัดแลนอนมิหลับให้แก้ทั้ง ๔ ที่นั้นจึ่งจะคลายแล ๚ เส้นหอบพักเส้นเสียดแทงให้ยอก ขัดและนอนไม่หลับ ๑๐ ๓๓ ถึง ๓๔ ๏ แก้เส้นนี้ถึงสันหลัง เส้นนี้ถึงสันหลัง ๑๑ ๓๓ ถึง ๓๔ ๏ แก้ที่ตายให้รอดแล ที่ตายให้รอด ๑๒ ๓๕ ถึง ๓๖ ๏ เผยลมอันมีพิศม์ออก จุดเปิดประตูลม ๑๓ ๓๙ ถึง ๔๐ ๏ แก้ที่ตายให้อยู่ ที่ตายให้อยู่ ๑๔ ๑ ถึง ๒ ๏ แก้ไข้ตะเลียงแก้สลักเพชทั้ง ๒ แก้ปัตฆาฏทั้ง ๒ ข้างนั้นแล ไข้เจลียง ๑๕ ๓ ถึง ๔ ๏ ต�ำรับนี้บอกเส้นสูญทกลาดังนี้ แล เส้นสูญทกลา ๑๖ ๕ ถึง ๖ ๏ แก้เส้นนี้ห้ามรากทั้งปวง รากทั้งปวง ๑๗ ๕ ถึง ๖ ๏ แก้เส้นใต้รักแร้แก้ลมจับ มักให้ รากเหียนแล เส้นใต้รักแร้แก้ลมจับ มักท�ำให้ รากเหียน ๑๘ ๕ ถึง ๖ ๏ เส้นนี้แก้ลมจับจะให้ถึงความ มรณานั้น เส้นนี้แก้ลมจับจะให้ถึงความ มรณา ๑๙ ๕ ถึง ๖ ๏ แก้มหาสนุกนี้ถ้าหนึ่ง มหาสนุกนี้ ท่าหนึ่ง ๒๐ ๕ ถึง ๖ ๏ แก้มหาสนุกนี้ถ้าหนึ่ง มหาสนุกนี้ ท่าหนึ่ง ๒๑ ๕ ถึง ๖ ๏ เส้นนี้แก้ลมให้รากแล เส้นนี้แก้ลมให้ราก ๒๒ ๕ ถึง ๖ ๏ เส้นนี้แลแก้ตะโพกถึงสันหลัง เส้นนี้แก้สะโพกถึงสันหลัง ๒๓ ๕ ถึง ๖ ๏ เส้นนี้แก้ลมจับให้ฅอนั้นตาย เปนเหนบแล ลมจับท�ำให้คอตายเป็นเหน็บ


74 ชุดการสังคายนาภูมิปัญญาการนวดไทย: ๔ ล�ำดับ ที่ หน้าต้น/ หน้าปลายที่ สังคายนาเบื้องต้น ค�ำ/ข้อความเดิม ค�ำชื่อ เส้น/จุด ๒๔ ๕ ถึง ๖ ๏ เส้นนี้แก้ลึงตาย ลึงค์ตาย ๒๕ ๗ ถึง ๘ ๏ แก้ให้รู้จักที่ตาย ให้รู้จักที่ตาย ๒๖ ๙ ถึง ๑๐ ๏ เส้นปกังอยู่หน้าผาก เส้นปะกังอยู่หน้าผาก ๒๗ ๙ ถึง ๑๐ ๏ เส้นปวดศีศะอยู่จงอยหูทั้ง สอง ๒ เส้นปวดศีรษะอยู่จงอยหูทั้งสอง ๒ ๒๘ ๙ ถึง ๑๐ ๏ เส้นชิวหาสดมอยู่ต้นฅอแล ๓ ชิวหาสดมภ์อยู่ต้นคอ ๓ ๒๙ ๙ ถึง ๑๐ ๏ เส้นใต้ไหล่แก้แขนตาย ๔ เส้นใต้ไหล่แก้แขนตาย ๔ ๓๐ ๙ ถึง ๑๐ ๏ เส้นใต้สอกชื่อพลายวาท ๕ เส้นใต้ศอกชื่อพลายวาต ๕ ๓๑ ๙ ถึง ๑๐ ๏ เส้นถัดไหล่ชื่อราทยักษ ๖ เส้นถัดไหล่ชื่อราทธยักษ์ ๖ ๓๒ ๙ ถึง ๑๐ ๏ เส้นปัตฆาฏน้อยแล ๘ เส้นปัตคาดน้อย ๘ ๓๓ ๙ ถึง ๑๐ ๏ เส้นปตฆาฏใหญ่ ๙ เส้นปัตคาดใหญ่ ๙ ๓๔ ๙ ถึง ๑๐ ๏ เส้นกุมพกันแล ๑๐ เส้นกุมภกัณฑ์ ๑๐ ๓๕ ๙ ถึง ๑๐ ๏ ๑๙ เส้นแสนแก้ผ์่าเท้าทั้ง ๒ ข้าง เส้นแสนแก้ฝ่าเท้าทั้ง ๒ ข้าง ๓๖ ๑๕ ถึง ๑๖ ๏ อนึ่งเส้นเอนอันชื่อว่าฆานทารี อยู่ในนาภี แล้วก็แตกออกจาก นาภีเปน ๔ เส้นแลเส้น ๒ เส้นนั้นแล่นขึ้นไปตามกระดูก สันหลังแล้วไปแขนทั้ง ๒ ข้าง แล้วแล่นไปปลายนิ้วมือทั้ง ๒ ข้าง สิบนิ้วนั้นแล ๚ เส้นฆานทารีอยู่ในนาภีแล้วก็แตก ออกจากนาภีเป็น ๔ เส้น และเส้น ๒ เส้นนั้นแล่นขึ้นไปตามกระดูก สันหลัง แล้วไปแขนทั้ง ๒ ข้าง แล้วแล่นไปปลายนิ้วมือทั้ง ๒ ข้าง ทั้งสิบนิ้ว


คำ�อธิบายคัมภีร์แผนนวด เล่ม ๑-๒ ในตำ�ราเวชศาสตร์ฉบับหลวง รัชกาลที่ ๕ เล่ม ๒ 75 ล�ำดับ ที่ หน้าต้น/ หน้าปลายที่ สังคายนาเบื้องต้น ค�ำ/ข้อความเดิม ค�ำชื่อ เส้น/จุด ๓๗ ๑๕ ถึง ๑๖ ๏ แล ๒ เส้นนั้นแล่นลงไปตามขา ทั้ง ๒ แล้วแล่นลงไปเอาปลาย นิ้วเท้าทั้ง ๒ ข้าง ๑๐ นิ้ว อนี้ชื่อเส้นกาลทวารีพึงรู้ ดังกล่าวไว้ดังนี้แล ๚ะ แล ๒ เส้นนั้นแล่นลงไปตามขาทั้ง ๒ แล้วแล่นลงไปเอาปลายนิ้วเท้า ทั้ง ๒ ข้าง ๑๐ นิ้ว อันนี้ชื่อเส้น กาลทวารี ๓๘ ๑๙ ถึง ๒๐ ๏ เส้นอันชื่อว่าสุสุมนานั้นออกมา แต่นาภีแล้วเเล่นเข้าไปพายใน อกต่ายไปตามล�ำฅอแล้วออก มาเปนลิ้นแล สุมนานั้นออกมาแต่นาภีแล้วแล่น เข้าไปภายในอกไต่ไปตามล�ำคอ แล้วออกมาเป็นลิ้น ๓๙ ๑๙ ถึง ๒๐ ๏ เส้นอันชื่อว่าอิทานั้นออกมาแต่ นาภีแล้วไปวงอยู่ต้นขาข้าง ซ้ายแล้วผ่านไปเอาสันหลัง แนบแฝงขึ้นไปด้วยกระดูกสัน หลังซ้ายขึ้นไปผ่านเอาศีศะ ซ้ายแล้วลงมาเอานาสิกซ้าย อยู่ประจ�ำลมอันชื่อจันทกระลา แล ๚ะ อิทานั้นออกมาแต่นาภีแล้วไปวง อยู่ต้นขาข้างซ้ายแล้วผ่านไปเอา สันหลังแนบแฝงขึ้นไปด้วย กระดูกสันหลังซ้ายขึ้นไปผ่านเอา ศีรษะซ้ายแล้วลงมาเอานาสิก ซ้ายอยู่ประจ�ำลมอันชื่อจันทกระลา ๔๐ ๒๑ ถึง ๒๒ ๏ ให้นับแต่สีข้างสุดขึ้นมา ๕ ซี่ เส้นหว่างสีข้างทั้ง ๒ นั้น ถ้าแก้ถูกเส้นเมื่อไรคลายแล ๚ะ ให้นับแต่สีข้างสุดขึ้นมา ๕ ซี่ เส้น ระหว่างสีข้างทั้ง ๒ นั้น ถ้าแก้ถูก เส้นเมื่อไรคลายแล ๔๑ ๒๑ ถึง ๒๒ ๏ แก้เส้นผูกทวารทุกขสัดหนักให้ ออกมาแล เส้นผูกทวารทุกขสัดหนักให้ออก มา ๔๒ ๒๗ ถึง ๒๘ ๏ ชื่อสหัศรังสี สหัศรังสี ๔๓ ๒๙ ถึง ๓๐ ๏ ๒๐ เส้นชักให้บ์ากเบี้ยวไปให้ แก้เส้นอยู่ใต้หูนั้นถูกคลายแล ๒๐ เส้นชักให้ปากเบี้ยวไปให้แก้ เส้นอยู่ใต้หูนั้นถูกคลาย


76 ชุดการสังคายนาภูมิปัญญาการนวดไทย: ๔ ล�ำดับ ที่ หน้าต้น/ หน้าปลายที่ สังคายนาเบื้องต้น ค�ำ/ข้อความเดิม ค�ำชื่อ เส้น/จุด ๔๔ ๒๙ ถึง ๓๐ ๏ ๔๐ เส้นให้แขนตายแก้ ข้างนอก ๔๐ เส้นให้แขนตายแก้ข้างนอก ๔๕ ๒๙ ถึง ๓๐ ๏ ๖๐ เส้นลมอ�ำมพาธินั้นเปนที่ สุดแล ๖๐ เส้นลมอัมพาตนั้นเป็นที่สุด ๔๖ ๒๙ ถึง ๓๐ ๏ ๘๐ เส้นกล่อนเส้นหนึ่งให้แก้ แต่ตาเท้าทั้ง ๒ ข้างเปนที่สุด แล ๘๐ เส้นกล่อนเส้นหนึ่งให้แก้แต่ ตาเท้า (ตาตุ่ม) ทั้ง ๒ ข้าง ๔๗ ๒๙ ถึง ๓๐ ๏ ๙๐ เส้นโรหิณีแล ๙๐ เส้นโรหิณี ๔๘ ๒๙ ถึง ๓๐ ๏ ถ้าแก้เส้นถูกดังว่าไว้นี้คลาย ให้ได้ ถ้าผิดที่มิฟังแล ๚ ถ้าแก้เส้นถูกดังว่าไว้นี้คลายให้ได้ ถ้าผิดที่ไม่หาย ๔๙ ๒๙ ถึง ๓๐ ๏ ๑๐ เส้นให้ปวดศีศะแก้เพรียง หูทั้ง ๒ ข้างคลายแล ๑๐ เส้นให้ปวดศีรษะแก้เพรียงหู ทั้ง ๒ ข้าง ๕๐ ๒๙ ถึง ๓๐ ๏ ๓๐ เส้นก�ำด้นนั้นแก้ปวด ศีศะเปนที่สุดแล ๓๐ เส้นก�ำด้นนั้นแก้ปวดศีรษะ ๕๑ ๒๙ ถึง ๓๐ ๏ ๑๐๐ แก้สคริวหัวเข่าเส้นหนึ่ง เปนที่สุดแล ๑๐๐ แก้ตะคริวหัวเข่าเส้นหนึ่ง ๕๒ ๒๙ ถึง ๓๐ ๏ ๕ แก้เส้นปัตฆาฏเส้นหนึ่งเปน ที่สุดแล ะ ๕ แก้เส้นปัตคาดเส้นหนึ่ง ๕๓ ๒๙ ถึง ๓๐ ๏ ให้ดูเลขให้ถูกกันตามที่นี้เถิด ทุกคนแล ๚ะ ให้ดูเลขให้ถูกกันตามที่นี้เถิดทุกคน


คำ�อธิบายคัมภีร์แผนนวด เล่ม ๑-๒ ในตำ�ราเวชศาสตร์ฉบับหลวง รัชกาลที่ ๕ เล่ม ๒ 77 “คัมภีร์แผนนวด” เล่ม ๑ เลขที่ ๑๐๐๘ ใน “ต�ำราเวชศาสตร์ฉบับหลวง รัชกาลที่ ๕” หน้าต้นที่ ๑-๔๔ หน้าปลายที่ ๑-๓๒ ว่าด้วย ภาพร่างกายแสดงจุดและ เส้นเอ็น ๑ รูป ภาพแผนนวด ๒๖ ภาพ และแผนปลิง ๒ ภาพ ได้สังคายนาเบื้องต้นและ แสดงการจ�ำแนกค�ำหมวดลม รวม ๒๐๑ ค�ำ ล�ำดับ ที่ หน้าต้น/ หน้าปลายที่ สังคายนาเบื้องต้น ค�ำ/ข้อความเดิม ค�ำชื่อลม ๑ ถึง ๗ ๏ อันว่าแผนคนเดียวนี้ มิรู้ที่จะดู เลยแล ๚ะ อันว่าแผนคนเดียวนี้ ไม่รู้ที่จะดู เลย ๑ ๙ ถึง ๑๒ ๏ ชื่อวาโยอรรคีเกี่ยวเอาสีสะ วาโยอัคคี ๒ ๙ ถึง ๑๒ ๏ แก้ลมชิวหาสดม ลมชิวหาสดมภ์ ๓ ๙ ถึง ๑๒ ๏ แก้ลมราทยักษ์ ลมราทธยักษ์ ๔ ๙ ถึง ๑๒ ๏ ๔ ถ้านี้แก้ลมรัตบิ์ด ลมรัตตะปิตตะ ๕ ๙ ถึง ๑๒ ๏ แก้ลมสคริว ลมตะคริว ๖ ๙ ถึง ๑๒ ๏ แก้ลมปัตฆาฏ ลมปัตคาด ๗ ๙ ถึง ๑๒ ๏ แก้อ�ำมพาธิ อัมพาต ๘ ๙ ถึง ๑๒ ๏ แก้วาตคุณ ลมวาตคุณ ๙ ๙ ถึง ๑๒ ๏ แก้สรรพลมทังปวง สรรพลมทั้งปวง ๑๐ ๙ ถึง ๑๒ ๏ เส้นหลังข้อมือทั้ง ๒ ข้างนั้น ท่านให้แก้สคริวดุจเดียวทั้ง สองข้างดุจกัน ตะคริว ๑๑ ๙ ถึง ๑๒ ๏ แก้เส้นโขนงคิ้วทั้ง ๒ เลียม เพชรลมปกังแล ลมปะกัง ๑๒ ๙ ถึง ๑๒ ๏ แก้ปัตฆาฏ ปัตคาด


78 ชุดการสังคายนาภูมิปัญญาการนวดไทย: ๔ ล�ำดับ ที่ หน้าต้น/ หน้าปลายที่ สังคายนาเบื้องต้น ค�ำ/ข้อความเดิม ค�ำชื่อลม ๑๓ ๙ ถึง ๑๒ ๏ เส้นราวชักนิ้วแก้เสียดชื่อว่า กุขุงแล กุขุง ๑๔ ๙ ถึง ๑๒ ๏ แก้สรรพลม สรรพลม ๑๕ ๑๓ ถึง ๑๖ ๏ ถ้าแลแก้ข้างขวาไซ้ ลมอันชื่อ ชิวหาสดม แลที่จะลงมือนั้น ดุจดังกันทั้ง ๒ ข้าง ถ้าข้าง ซ้ายแก้ปัตฆาฏราทยกษ์ ข้าง ขวาแก้ลมชิวหาสดมให้กรนไป ลมชิวหาสดมภ์ ข้างขวา ๑๖ ๑๗ ถึง ๒๐ ๏ เส้นนี้สูญทกลาก็ว่าสรรนิบาต ก็ว่าปกังก็ว่า มักปวดศีศะเมื่อ เวลาเช้า๒ แลจับตาแหกน�้ำตา ตก สูญทกลา สันนิบาต ปะกัง ๑๗ ๑๗ ถึง ๒๐ ๏ เส้นนี้ชื่อสุสุมนาก็ว่า กลาย ไปเปนลมชิวหาสดมมันจับเอา ต้นลิ้นเจรจามิได้ เส้นอยู่ลูก คาง ๐ ๑ สุมนากลายเป็นลมชิวหาสดมภ์ ๑๘ ๑๗ ถึง ๒๐ ๏ เส้นนี้ชื่อบิ์งคลามันกลาย ไปเปนลมพหิเมื่อแรกจับดัง พิศม์งทับมิคลาขบย่อมขึ้นตาม กระดูกสันหลังทั้งซ้ายทั้งขวา ปิงคลากลายไปเป็นลมพหิ


คำ�อธิบายคัมภีร์แผนนวด เล่ม ๑-๒ ในตำ�ราเวชศาสตร์ฉบับหลวง รัชกาลที่ ๕ เล่ม ๒ 79 ล�ำดับ ที่ หน้าต้น/ หน้าปลายที่ สังคายนาเบื้องต้น ค�ำ/ข้อความเดิม ค�ำชื่อลม ๑๙ ๑๗ ถึง ๒๐ ๏ เส้นเข่าทั้ง ๒ ชื่อทวารี กลายไป เปนลมสรรนิบาตแลลมพุทยักษ ก็ว่าจับดังบิ์ศาจเข้าสิงมักให้ เปนบ้าพิกลจริตต่างๆ เพื่อลม จ�ำพวกนี้แลเส้นเข่าทั้ง ๒ แล ลูกคางนั้นตกเลข ๑ ไว้เหมือน กัน ทวารี กลายไปเป็นลมสันนิบาต และลมพุทธยักษ์ ๒๐ ๑๗ ถึง ๒๐ ๏ เส้นนี้ชื่ออิทากลายไปเปน ลมพหิจับดังพิศม์งูลายสาบขบ แล อิทากลายเป็นลมพหิจับดังพิษงู ลายสาบขบ ๒๑ ๑๗ ถึง ๒๐ ๏ แก้ลมเสียดขึ้นไปแล ลมเสียดขึ้น ๒๒ ๑๗ ถึง ๒๐ ๏ แก้ปัตฆาฏแล ปัตคาด ๒๓ ๑๗ ถึง ๒๐ ๏ ชื่อฆานทวารีก็ว่า กลายเปน สันนิบาตแล้วกลายไปเปนลม จักษุแล ฆานทวารี กลายเป็นสันนิบาต แล้วกลายไปเป็นลมจักษุ ๒๔ ๑๗ ถึง ๒๐ ๏ ชื่อว่าลมบาทเพลิงเมื่อแรกมัน จับนั้นมันให้ร้อนฝ่าเท้าดังหนึ่ง ว่าต้องเพลิงแลเหมือนกันทั้ง ๒ ข้างให้แก้เส้นนี้แล้วจึ่ง วางยาแล ๚ ลมบาทเพลิง ๒๕ ๒๑ ถึง ๒๔ ๏ แก้ลมจับให้จักษุมืดให้วิงเวียน แล้วให้เจบกระบอกจักษุ ลมจับให้ตามืดให้วิงเวียน แล้วให้ เจ็บกระบอกตา ๒๖ ๒๑ ถึง ๒๔ ๏ แก้ลมชักให้บ์ากเบี้ยว แลจักษุ เหลือก ลมชักให้ปากเบี้ยว และตาเหลือก


80 ชุดการสังคายนาภูมิปัญญาการนวดไทย: ๔ ล�ำดับ ที่ หน้าต้น/ หน้าปลายที่ สังคายนาเบื้องต้น ค�ำ/ข้อความเดิม ค�ำชื่อลม ๒๗ ๒๑ ถึง ๒๔ ๏ แก้ลมจับให้จักษุมืดแลให้วิง เวียนให้ปวดกะบอกจักษุนั้นนัก ประดุจแตกออกแล ๚ ลมจับให้ตามืดและวิงเวียนศีรษะ ปวดกระบอกตา ๒๘ ๒๑ ถึง ๒๔ ๏ แก้ลมให้ไหล่ตายแล ลมให้ไหล่ตาย ๒๙ ๒๑ ถึง ๒๔ ๏ ๔ แก้ลมปัตฆาฏทั้ง ๒ ข้าง ดุจดังกัน ลมปัตฆาต ๓๐ ๒๕ ถึง ๒๘ ๏ ๒๐ ชื่อสูญทกลาก็ว่าสรรนิบาต ก็ว่าปกังก็ว่ามักเจบศีศะเมื่อ เวลาเช้ามีก�ำลังนักแล สูญทกลา สันนิบาต ปะกัง ๓๑ ๒๕ ถึง ๒๘ ๏ เส้นนี้ลมจับให้ตาแหกน�้ำตาตก ลมจับให้ตาแหกน�้ำตาตก ๓๒ ๒๕ ถึง ๒๘ ๏ เดิมชื่อสุสุมนากลายมาเปน ชิวหาสดม จับต้นลิ้นเจรจา มิชัด ให้ลิ้นกระด้างแล สุมนากลายมาเป็นชิวหาสดมภ์ ๓๓ ๒๕ ถึง ๒๘ ๏ ชื่อบิ์งคลากลายเปนลมพหิ แลเมื่อมันจับมีพิศม์ดังงูทับ มิคลาขบ ปิงคลากลายเป็นลมพหิ ๓๔ ๒๕ ถึง ๒๘ ๏ เส้นนี้ชื่อพุทยักษก็ว่า สรรนิบาต ก็ว่า เมื่อแรกจับนั้นมีอาการ ดุจดังบิ์ศาจเข้าประจ�ำตัวอยู่ผู้ มิรู้ถึงว่าผีเข้าเที่ยงแท้ตาย พุทธยักษ์สันนิบาต ๓๕ ๒๕ ถึง ๒๘ ๏ ลมจับให้ตาวิงกลางคืนก็ดี ะ แล เจบตาแลไข้จับแลเจบหลัง นักแล ลมจับให้ตาวิงกลางคืนและเจ็บ ตาและไข้จับและเจ็บหลัง


คำ�อธิบายคัมภีร์แผนนวด เล่ม ๑-๒ ในตำ�ราเวชศาสตร์ฉบับหลวง รัชกาลที่ ๕ เล่ม ๒ 81 ล�ำดับ ที่ หน้าต้น/ หน้าปลายที่ สังคายนาเบื้องต้น ค�ำ/ข้อความเดิม ค�ำชื่อลม ๓๖ ๒๕ ถึง ๒๘ ๏ ชื่อจันทกลา จบนั้นให้บ์ากเบี้ยว แลตามืด มักให้เจบศีศะเมื่อ เวลาเยนนัก เปนเพื่อก�ำเดา แลบิ์ดรคนกันแล จันทกลา จับนั้นให้ปากเบี้ยวและ ตามืด มักให้เจ็บศีรษะ เมื่อเวลา เย็นนัก เป็นเพื่อก�ำเดา และปิตตะ ระคนกัน ๓๗ ๒๕ ถึง ๒๘ ๏ ชื่ออิทากลายเปนลมพหิเมื่อจับ ดังพิศม์งูลายสาบขบนั้นแล ะ อิทากลายเป็นลมพหิ ๓๘ ๒๕ ถึง ๒๘ ๏ เส้นนี้ชื่อฆานทวารี ลมสรร นิบาตก็ว่า ลมสหัศรังสีก็ว่า เมื่อแรกจับนั้นให้นิ่งแน่ไป บมิ รู้สึกสมปรฤดีแล ๚ ฆานทวารี ลมสันนิบาต ลมสหัศรังสี ๓๙ ๒๙ ถึง ๓๒ ๏ แก้ลมให้จักษุมืด ลมให้จักษุมืด ๔๐ ๒๙ ถึง ๓๒ ๏ แก้ลมวิไสยคุณทีเดียวรวมกัน กับลมอรรตพฤกนีแลให้ พิจารณาจงดี จึ่งจะเหนแจ้ง๚ ลมวิสัยคุณ ๔๑ ๒๙ ถึง ๓๒ ๏ แก้ลมวิไสยคุณทีเดียวรวมกัน กับลมอรรตพฤกนีแลให้ พิจารณาจงดี จึ่งจะเหนแจ้ง๚ ลมอรรตพฤกษ์ ๔๒ ๓๓ ถึง ๓๔ ๏ แก้ลมชักให้บ์ากเบี้ยว ลมชักให้ปากเบี้ยว ๔๓ ๓๓ ถึง ๓๔ ๏ แก้ลมให้เจรจามิได้ ลมให้เจรจาไม่ได้ ๔๔ ๓๓ ถึง ๓๔ ๏ แก้ลมให้กินเข้ามิได้ ลมให้กินข้าวไม่ได้ ๔๕ ๓๓ ถึง ๓๔ ๏ แก้ลมรัตคุณให้มือตาย ลมรัตนคุณ ๔๖ ๓๓ ถึง ๓๔ ๏ แก้ลมราทยักษ์ ลมราทธยักษ์ ๔๗ ๓๓ ถึง ๓๔ ๏ แก้ลมให้จุกเสียด ลมให้จุกเสียด


82 ชุดการสังคายนาภูมิปัญญาการนวดไทย: ๔ ล�ำดับ ที่ หน้าต้น/ หน้าปลายที่ สังคายนาเบื้องต้น ค�ำ/ข้อความเดิม ค�ำชื่อลม ๔๘ ๓๓ ถึง ๓๔ ๏ แก้ลมปกัง ลมปะกัง ๔๙ ๓๓ ถึง ๓๔ ๏ แก้ลมอามพาธิแล ลมอัมพาต ๕๐ ๓๓ ถึง ๓๔ ๏ แก้สรรนิบาตขึ้น สันนิบาตขึ้น ๕๑ ๓๓ ถึง ๓๔ ๏ แก้ลมให้คันกระหม่อม ลมให้คันกระหม่อม ๕๒ ๓๓ ถึง ๓๔ ๏ แก้ลมปัตฆาฏแล ลมปัตคาด ๕๓ ๓๓ ถึง ๓๔ ๏ แก้ลมบิ์ดทวารทั้ง ๒ ก็ดี ลมปิดทวารทั้ง ๒ ๕๔ ๓๓ ถึง ๓๔ ๏ แก้ปัตฆาฏ ปัตคาด ๕๕ ๓๓ ถึง ๓๔ ๏ แลแก้ลมกล่อนให้จุกอก ลมกล่อนให้จุกอก ๕๖ ๓๓ ถึง ๓๔ ๏ แก้ลมชิวหาสดมด้วย ลมชิวหาสดมภ์ ๕๗ ๓๓ ถึง ๓๔ ๏ แก้ลมอรรตฤทธิแล ลมอรรตฤทธิ์ ๕๘ ๓๕ ถึง ๓๖ ๏ แก้ลมอันลุกนั่งเองมิได้ ลมท�ำให้ลุกนั่งไม่ได้ ๕๙ ๓๕ ถึง ๓๖ ๏ แก้ลมอรรตพฤก ลมอรรตพฤกษ์ ๖๐ ๓๕ ถึง ๓๖ ๏ แก้ลมสคริว ลมตะคริว ๖๑ ๓๕ ถึง ๓๖ ๏ แก้ลมเพื่อเสลดจับฅอให้ร้อน นัก ลมเพื่อเสลดจับคอให้ร้อน ๖๒ ๓๕ ถึง ๓๖ ๏ แก้ลมคุณแก้เสลด ลมคุณแก้เสลด ๖๓ ๓๕ ถึง ๓๖ ๏ แก้จะโปงมันฝังอยู่ ลมจับโปง ๖๔ ๓๕ ถึง ๓๖ ๏ แก้สคริวแลจะโปงก็ได้ ตะคริวและจับโปง ๖๕ ๓๕ ถึง ๓๖ ๏ แก้ลมให้สองหูตึงมิได้ยิน ลมท�ำให้หูไม่ได้ยิน ๖๖ ๓๕ ถึง ๓๖ ๏ แก้ลมจับให้ไหล่ตายยกมิได้ ลมจับให้ไหล่ตาย ยกไม่ได้ ๖๗ ๓๕ ถึง ๓๖ ๏ แก้ลมสคริวเจบในกระดูก ลมตะคริวเจ็บในกระดูก


คำ�อธิบายคัมภีร์แผนนวด เล่ม ๑-๒ ในตำ�ราเวชศาสตร์ฉบับหลวง รัชกาลที่ ๕ เล่ม ๒ 83 ล�ำดับ ที่ หน้าต้น/ หน้าปลายที่ สังคายนาเบื้องต้น ค�ำ/ข้อความเดิม ค�ำชื่อลม ๖๘ ๓๕ ถึง ๓๖ ๏ แก้ลมอรรตพฤทธิแลให้ยอก สบักมันให้ตัวร้อนไหวตัวมิได้ เลย ลมอรรตพฤทธิ์ ท�ำให้ยอกสะบัก มักให้ตัวร้อนไหวตัวไม่ได้ ๖๙ ๓๕ ถึง ๓๖ ๏ แก้ลมกระไสกล่อนแลเจบ ท้องแลองคชาตแล ๚ะ ลมกระษัยกล่อนและเจ็บท้อง และองคชาต ๗๐ ๓๗ ถึง ๓๘ ๏ แก้ลมเปลี่ยวด�ำแล ลมเปลี่ยวด�ำ ๗๑ ๓๗ ถึง ๓๘ ๏ แก้ลมมักหาวนอนนักแล ลมมักหาวนอน ๗๒ ๓๗ ถึง ๓๘ ๏ แก้ลมมักให้ตัวร้อน ลมมักให้ตัวร้อน ๗๓ ๓๗ ถึง ๓๘ ๏ แก้ลมปัตฆาฏ ลมปัตคาด ๗๔ ๓๗ ถึง ๓๘ ๏ แก้เจบสันหลังนัก เจ็บสันหลัง ๗๕ ๓๗ ถึง ๓๘ ๏ แก้ลมให้น่องสั่น ลมให้น่องสั่น ๗๖ ๓๙ ถึง ๔๐ ๏ แก้ลมให้ปวดขึ้นไป (แผนนวด วัดสุวรรณารามราชวรวิหาร แก้ลมให้ปะอกขึ้นไป) ลมให้ปะอกขึ้นไป ๗๗ ๓๙ ถึง ๔๐ ๏ แก้ลมปัตฆาฏ ลมปัตคาด ๗๘ ๓๙ ถึง ๔๐ ๏ แก้ลมกล่อนเจบหลัง ลมกล่อนเจ็บหลัง ๗๙ ๓๙ ถึง ๔๐ ๏ แก้ลมปักลมเสียดให้แก้หว่าง อกต่อราวนมทั้ง ๒ ข้าง ต่อ ราวนมแก้เหมือนกันแล ลมปักอกลมเสียดอก ๘๐ ๓๙ ถึง ๔๐ ๏ แก้ลมปัตฆาฏกับทั้ง ลมราทยักษรวมกัน ลมปัตคาดกับทั้งลมราทธยักษ์ รวมกัน ๘๑ ๓๙ ถึง ๔๐ ๏ แก้ลมให้เสียดข้าง ลมท�ำให้เสียดข้าง ๘๒ ๓๙ ถึง ๔๐ ๏ แก้ลมให้เสียดตะโพก ลมท�ำให้เสียดสะโพก


84 ชุดการสังคายนาภูมิปัญญาการนวดไทย: ๔ ล�ำดับ ที่ หน้าต้น/ หน้าปลายที่ สังคายนาเบื้องต้น ค�ำ/ข้อความเดิม ค�ำชื่อลม ๘๓ ๔๑ ถึง ๔๒ ๏ แก้กลางกระหม่อมปกังปวด ศีศะ ลมปะกังปวดศีรษะ ๘๔ ๔๑ ถึง ๔๒ ๏ แก้ลมชิวหาสดมสองหูข้างบน ๏ แก้สลักเพชทั้ง ๒ ข้าง ถ้า ผู้หญิงซ้ายผู้ชายขวาแล (แผนนวดวัดสุวรรณาราม ราชวรวิหารแก้ลมชื่อหัสดม สองหูข้างบนแก้สลักเพชทัง สองข้างถ้าหญิงซ้ายถ้าชาย ขวา) ลมชื่อหัสดมสองหูข้างบนแก้สลัก เพชรทั้ง ๒ ข้าง ถ้าหญิงซ้ายชาย ขวา ๘๕ ๔๑ ถึง ๔๒ ๏ แก้ลมปัตฆาฏ ลมปัตคาด ๘๖ ๔๑ ถึง ๔๒ ๏ แก้ลมสรรนิบาตพุทยักษ ลมสันนิบาตพุทธยักษ์ ๘๗ ๔๑ ถึง ๔๒ ๏ แก้ลมพุทยักษจับให้ตานั้น แฃงดังตาเนื้อให้เปนแต่ราก ขวันทั้งคือไหปลาร้าแล ลมพุทธยักษ์ ๘๘ ๔๑ ถึง ๔๒ ๏ แก้ลมชักให้บ์ากเบี้ยว ลมชักให้ปากเบี้ยว ๘๙ ๔๑ ถึง ๔๒ ๏ แก้ลมเสียดให้ตันอกแลไหล่ให้ ปวดสลักให้ไหวตัวมิได้ก็ดีถ้า แก้ถูกเข้าคลาย ลมเสียดให้ตันอกและไหล่ ให้ปวด สลักให้ไหวตัวไม่ได้ ๙๐ ๔๓ ถึง ๔๔ ๏ แก้ลมอินทวารีก็ว่าชื่ออัศดมก็ ว่า (แผนนวดวัดสุวรรณาราม ราชวรวิหารแก้ลมทะวารีก็ว่า ชื่ออัศดมก็ว่า จุดนวดที่หางตา ข้างขวา) ลมทวารีหรือลมอัศดมภ์ ๙๑ ๔๓ ถึง ๔๔ ๏ แก้ลมขไสยดาน ลมกระษัยดาน ๙๒ ๔๓ ถึง ๔๔ ๏ แก้ปัตฆาฏ ปัตคาด


คำ�อธิบายคัมภีร์แผนนวด เล่ม ๑-๒ ในตำ�ราเวชศาสตร์ฉบับหลวง รัชกาลที่ ๕ เล่ม ๒ 85 ล�ำดับ ที่ หน้าต้น/ หน้าปลายที่ สังคายนาเบื้องต้น ค�ำ/ข้อความเดิม ค�ำชื่อลม ๙๓ ๔๓ ถึง ๔๔ ๏ แก้ลมชิวหาสดมเปนให้ลล�่ำลลัก อยู่นั้นแก้เส้นต้นส้นเท้านั้น ทุกเส้นคลายดังใจแล ลมชิวหาสดมภ์ ๙๔ ๔๓ ถึง ๔๔ ๏ แก้ลมปกังปวดศีศะนัก ลมปะกังปวดศีรษะนัก ๙๕ ๔๓ ถึง ๔๔ ๏ แก้ลมพุทยักษเมื่อจับให้ตานั้น แฃงดังตาเนื้อ ลมพุทธยักษ์ ๙๖ ๔๓ ถึง ๔๔ ๏ แก้ลมให้ยอกอกแล ลมให้ยอกอก ๙๗ ๔๓ ถึง ๔๔ ๏ แก้ลมให้ปวดมวนท้อง แก้จุก เสียด แกให้ราก ลมให้ปวดมวนท้อง แก้จุกเสียด แก้ให้ราก ๙๘ ๔๓ ถึง ๔๔ ๏ แก้สรรนิบาตขึ้น สันนิบาตขึ้น ๙๙ ๑ ถึง ๒ ๏ แก้ลมปกังให้ปวดศีศะนัก ลมปะกังให้ปวดศีรษะ ๑๐๐ ๑ ถึง ๒ ๏ แก้ลมชิวหาสดม ลมชิวหาสดมภ์ ๑๐๑ ๑ ถึง ๒ ๏ แก้ลมพุทยักษจับให้ตาแขงดัง ตาเนื้อนั้นแล ลมพุทธยักษ์ ๑๐๒ ๑ ถึง ๒ ๏ ถ้าลมนั้นจับให้นอนมิหลับก็ดี ให้แก้เส้นแต่ตาเท้าขึ้นมาตาม สันน่าแค่งทั้ง ๒ นอนหลับ ลมให้นอนไม่หลับ ๑๐๓ ๑ ถึง ๒ ๏ แก้ไข้ตะเลียงแก้สลักเพชทั้ง ๒ แก้ปัตฆาฏทั้ง ๒ ข้างนั้นแล ไข้เจลียง สลักเพชร ปัตคาด ๑๐๔ ๑ ถึง ๒ ๏ แก้เส้นเท้าลมชิวหาสดม ลมชิวหาสดมภ์ ๑๐๕ ๑ ถึง ๒ ๏ แก้สรรนิบาตลมพุทยักษ สันนิบาตลมพุทธยักษ์ ๑๐๖ ๑ ถึง ๒ ๏ แก้ลมตีขึ้นแลเจบป้าง ลมตีขึ้นและเจ็บป้าง ๑๐๗ ๑ ถึง ๒ ๏ แกชักให้บ์ากเบี้ยวก็ดี สรรนิบาตก็ดีให้พุพอง ชักให้ปากเบี้ยวก็ดีสันนิบาตก็ดีให้ พุพอง


86 ชุดการสังคายนาภูมิปัญญาการนวดไทย: ๔ ล�ำดับ ที่ หน้าต้น/ หน้าปลายที่ สังคายนาเบื้องต้น ค�ำ/ข้อความเดิม ค�ำชื่อลม ๑๐๘ ๓ ถึง ๔ ๏ ลมชื่อทิพจักษุจับให้ตานั้น พร่าง ลมทิพย์จักษุจับให้ตานั้นพร่าง ๑๐๙ ๓ ถึง ๔ ๏ ลมจับพวกนี้จับแต่นมถึงหัวใจ ลมจับพวกนี้จับแต่นมถึงหัวใจ ๑๑๐ ๓ ถึง ๔ ๏ ลมจ�ำพวกนี้ชื่อวาสุดเปนแต่ สองเดือนแลตายแล ลมวาสุตเป็นสองเดือนก็ตาย ๑๑๑ ๓ ถึง ๔ ๏ ลมจ�ำพวกนี้ชื่อทักษิณคุณ ลมทักษิณคุณ ๑๑๒ ๓ ถึง ๔ ๏ ชื่อรัตคุณจับเหนือสดือ รัตคุณจับเหนือสะดือ ๑๑๓ ๓ ถึง ๔ ๏ ชื่อปัตฆาฏ จับให้สลัก ปัตคาด จับให้สลัก ๑๑๔ ๓ ถึง ๔ ๏ ชื่ออัมพาธิ จับให้ตามืด อัมพาต จับให้ตามืด ๑๑๕ ๓ ถึง ๔ ๏ ราทยักษ จับให้สั่นทั่วกาย ราทธยักษ์ จับให้สั่นทั่วกาย ๑๑๖ ๓ ถึง ๔ ๏ ทิพจักษุขึ้นเอาศีศะจับให้มืด ทิพย์จักษุ ขึ้นเอาศีรษะจับให้มืด ๑๑๗ ๓ ถึง ๔ ๏ เปี่ยวด�ำจับตลอดหัวใจครั้นแก่ ขึ้นให้ชักงอทั้งตัว ถ้าแก้ช้าตาย แล นวดมิได้เลย เปลี่ยวด�ำ จับตลอดหัวใจครั้นแก่ ขึ้นให้ชักงอทั้งตัว ถ้าแก้ช้าตาย นวดไม่ได้เลย ๑๑๘ ๓ ถึง ๔ ๏ เส้นจันทกลาดังนี้เข้าสันนิบาต ค�ำรบถึง ๗ วัน จักกาลกิริยา แล เส้นจันทกลา ดังนี้เข้าสันนิบาต ค�ำรบถึง ๗ วัน จักกาลกิริยา ๑๑๙ ๓ ถึง ๔ ๏ ลมชิวหาสดมจับต้นลิ้นเจรจา มิได้ ลมชิวหาสดมภ์จับต้นลิ้นเจรจา ไม่ได้ ๑๒๐ ๓ ถึง ๔ ๏ ลมนีชื่อทศคุณมักจับกบอกตา ซ้ายขวานักจะยา มิได้หาย ก�ำหนดเดือน ๑ จะถึงแก่มรณ แล ลมทศคุณมักจับกระบอกตาซ้าย ขวานักจะยา (รักษา) มิได้หาย ก�ำหนดเดือน ๑ จะถึงแก่มรณะ


คำ�อธิบายคัมภีร์แผนนวด เล่ม ๑-๒ ในตำ�ราเวชศาสตร์ฉบับหลวง รัชกาลที่ ๕ เล่ม ๒ 87 ล�ำดับ ที่ หน้าต้น/ หน้าปลายที่ สังคายนาเบื้องต้น ค�ำ/ข้อความเดิม ค�ำชื่อลม ๑๒๑ ๓ ถึง ๔ ๏ ชื่อว่าลมวาตคุณอย่าให้ผิงไฟ ให้เอาโลหิตออกเสียอย่าให้ ปล่อยปลิงแล ลมวาตคุณอย่าให้ผิงไฟให้เอา โลหิตออกเสียอย่าให้ปล่อยปลิง ๑๒๒ ๓ ถึง ๔ ๏ ลมอันเกี่ยวนอกสดือชื่ออุดม พยุหะ ลมใต้สดือชื่อบิ์ตคุณ ครั้นมันขึ้นให้แก้จึ่งคลาย ถ้า นานไปกลายเปนลมเปลี่ยวด�ำ ขึ้นดังมืดค�่ำนั้นแล ๚ะ ลมอันเกี่ยวนอกสะดือชื่ออุดม พยุหะ ๑๒๓ ๓ ถึง ๔ ๏ ลมอันเกี่ยวนอกสดือชื่ออุดม พยุหะ ลมใต้สดือชื่อบิ์ตคุณ ครั้นมันขึ้นให้แก้จึ่งคลาย ถ้า นานไปกลายเปนลมเปลี่ยวด�ำ ขึ้นดังมืดค�่ำนั้นแล ๚ะ ลมใต้สะดือชื่อปิตคุณครั้นมันขึ้น ให้แก้จึงคลาย ถ้านานไปกลาย เป็นลมเปลี่ยวด�ำขึ้นดังมืดค�่ำนั้น ๑๒๔ ๕ ถึง ๖ ๏ แก้ลมจับทั้งปวงแล ลมจับทั้งปวง ๑๒๕ ๗ ถึง ๘ ๏ แก้ลมท้องขึ้นท้องพอง ลมท้องขึ้นท้องพอง ๑๒๖ ๗ ถึง ๘ ๏ แก้ลมปัตฆาฏ ลมปัตคาด ๑๒๗ ๗ ถึง ๘ ๏ แก้ลมเสียดข้าง ลมเสียดข้าง ๑๒๘ ๗ ถึง ๘ ๏ แก้ลมจับให้ตะโพกสั่น ลมจับให้สะโพกสั่น ๑๒๙ ๙ ถึง ๑๐ ๏ ชื่อลมดานตคุณแล ๑๑ ลมดานตะคุณ ๑๓๐ ๙ ถึง ๑๐ ๏ ชื่อลมหงายตมินแล ๑๒ ลมหงายตะมิน ๑๓๑ ๙ ถึง ๑๐ ๏ ๑๗ ชื่อปัตฆาฏราทยักษ์ ปัตคาดราทธยักษ์ ๑๓๒ ๙ ถึง ๑๐ ๏ ๒๐ ชื่อรัตคุณ รัตนคุณ ๑๓๓ ๑๑ ถึง ๑๒ ๏ แก้ลมให้ไหวตัวมิได้ต้นขา ลมให้ไหวตัวไม่ได้ต้นขา ๑๓๔ ๑๑ ถึง ๑๒ ๏ แก้ลมให้นอนลงมิได้แล ลมให้นอนลงไม่ได้


88 ชุดการสังคายนาภูมิปัญญาการนวดไทย: ๔ ล�ำดับ ที่ หน้าต้น/ หน้าปลายที่ สังคายนาเบื้องต้น ค�ำ/ข้อความเดิม ค�ำชื่อลม ๑๓๕ ๑๑ ถึง ๑๒ ๏ แก้ลมให้นอนมิได้นอนหลับแล ลมให้นอนไม่ได้นอนหลับ ๑๓๖ ๑๑ ถึง ๑๒ ๏ แก้ลมชักให้บ์ากเบี้ยวอยู่ ทรวงฅอ ลมชักให้ปากเบี้ยวอยู่ทรวงคอ ๑๓๗ ๑๑ ถึง ๑๒ ๏ แก้ลมจุกอกขึ้นมาทั้ง ๒ ข้าง คลาย ลมจุกอกขึ้นมาทั้ง ๒ ข้างคลาย ๑๓๘ ๑๑ ถึง ๑๒ ๏ แก้ลมเจบท้องแลหลังให้นั่ง ๏ ขัดสมาธิคว�่ำหงายแก้คลายแล ลมเจ็บท้องและหลังให้นั่งขัด สมาธิคว�่ำหงายแก้คลายแล ๑๓๙ ๑๑ ถึง ๑๒ ๏ แก้ลมเกิดในไส้แลสบักทั้ง ๒ ลมเกิดในไส้และสะบักทั้ง ๒ ๑๔๐ ๑๑ ถึง ๑๒ ๏ แก้ลมเกิดในอกแก้ริมสีฅอ ลมเกิดในอกแก้ริมสีคอ ๑๔๑ ๑๑ ถึง ๑๒ ๏ ลมปัตฆาฏให้แก้เท้าทั้ง ๒ ลมปัตคาดให้แก้เท้าทั้ง ๒ ๑๔๒ ๑๑ ถึง ๑๒ ๏ ลมเยนแก้ผ์่าเท้าทั้ง ๒ ลมเย็นแก้ฝ่าเท้าทั้ง ๒ ๑๔๓ ๑๑ ถึง ๑๒ ๏ ลมให้เสียดอกเสียดชายโครง ให้แก้ต้นฅอแลเกลียวฅอทั้ง ๒ แก้ก�ำดันแลบั้นเอวแลท้องต่อ ชายโครงนั้นแลหาย ลมให้เสียดอกเสียดชายโครง ให้ แก้ต้นคอและเกลียวคอทั้ง ๒ แก้ก�ำดันและบั้นเอวและท้องต่อ ชายโครง ๑๔๔ ๑๑ ถึง ๑๒ ๏ ลมให้เท้าตายมือตายก็ดีท่าน ให้แก้เส้นบั้นเอวแลเส้นเท้าทั้ง ๒ ข้างแล ลมให้เท้าตายมือตายก็ดีท่านให้ แก้เส้นบั้นเอวและเส้นเท้าทั้ง ๒ ข้างแล ๑๔๕ ๑๑ ถึง ๑๒ ๏ ลมให้ตายไปจ�ำระตัวหนึ่งก็ดี เจรจามิได้ก็ดี คือลมอ�ำมพาธิ แก้ลิ้นแลคาง ลมให้ตายไปจ�ำหระตัวหนึ่งก็ดี เจรจาไม่ได้ก็ดี คือลมอัมพาตแก้ ลิ้นและคาง ๑๔๖ ๑๑ ถึง ๑๒ ๏ ลมพรรดึกให้แก้ต้นขาต่อริมหัว ตฆาก ลมพรรดึกให้แก้ต้นขาต่อริมหัว ตะคาก


คำ�อธิบายคัมภีร์แผนนวด เล่ม ๑-๒ ในตำ�ราเวชศาสตร์ฉบับหลวง รัชกาลที่ ๕ เล่ม ๒ 89 ล�ำดับ ที่ หน้าต้น/ หน้าปลายที่ สังคายนาเบื้องต้น ค�ำ/ข้อความเดิม ค�ำชื่อลม ๑๔๗ ๑๑ ถึง ๑๒ ๏ ลมขัดอกแลใจให้แก้ต้นฅอแล ไหล่ทั้ง ๒ ให้ขัดสมาธิเข้าไว้ แล้วแก้ ลมขัดอกและใจให้แก้ต้นคอและ ไหล่ทั้ง ๒ ให้ขัดสมาธิเข้าไว้แล้ว แก้ ๑๔๘ ๑๑ ถึง ๑๒ ๏ ลมให้ตามืดแก้สันหลังแลกะ บอกตา ลมให้ตามืดแก้สันหลังและ กระบอกตา ๑๔๙ ๑๑ ถึง ๑๒ ๏ ลมปวดขึ้นมาก็ดีแก้เส้นใต้ รักแร้ทั้ง ๒ ข้าง แก้เส้นริม นาภีทั้ง ๒ ลมปวดขึ้นมาก็ดีแก้เส้นใต้รักแร้ ทั้ง ๒ ข้าง แก้เส้นริมนาภีทั้ง ๒ ๑๕๐ ๑๑ ถึง ๑๒ ๏ ลมให้เท้าตายมือตายให้แก้ใจ เท้าทั้ง ๒ ใจมือทั้ง ๒ แล แก้ ต้นแขนต้นสอกทั้ง ๒ แล ลมให้เท้าตายมือตายให้แก้ใจเท้า ทั้ง ๒ ใจมือทั้ง ๒ และแก้ต้นแขน ต้นศอกทั้ง ๒ ๑๕๑ ๑๑ ถึง ๑๒ ๏ ลมให้เจบนมให้แก้เข่าทั้ง ๒ แล ลมให้เจ็บนมให้แก้เข่าทั้ง ๒ ๑๕๒ ๑๑ ถึง ๑๒ ๏ ลมพรรดึกแก้ไหล่แล ริมตฆาก ทั้ง ๒ แลลลายน�้ำซ่มมขาม เบี์ยกเอาเกลือร�ำหัดลงน่อย หนึ่งให้กินก่อนแล้วจึ่งแก้ พรรดึกแตกแล ๚ะ ลมพรรดึกแก้ไหล่และริมตะคาก ทั้ง ๒ และละลายน�้ำส้มมะขาม เปียก เอาเกลือร�ำหัดลงหน่อย หนึ่งให้กินก่อนแล้วจึงแก้พรรดึก แตก ๑๕๓ ๑๓ ถึง ๑๔ ๏ ลมจ�ำพวกหนึ่งชื่อมหาอัศดม จับหัวใจ ลมมหาอัสดมภ์จับหัวใจ ๑๕๔ ๑๓ ถึง ๑๔ ๏ ลมจ�ำพวกหนึ่งชื่อมหาสดมจับ เอาหัวตับไปเอากบอกตา หน่วงเอาเอนสดือ ลมมหาสดมภ์จับเอาหัวตับไปเอา กระบอกตา หน่วงเอาเอ็นสะดือ


Click to View FlipBook Version