วิชา สส. (CI) ๒๒๕๐๑
การสืบสวนสอบสวน
ตําÃÒàÃÂÕ ¹
ËÅÑ¡ÊÙμà ¹Ñ¡àÃÂÕ ¹¹ÒÂÊºÔ ตําÃǨ
ÇÔªÒ ÊÊ. (CI) òòõðñ ¡ÒÃÊº× ÊǹÊͺÊǹ
เอกสารนี้ “໚¹¤ÇÒÁÅѺ¢Í§·Ò§ÃÒª¡ÒÔ หามมใิ หผูหนงึ่ ผใู ดเผยแพร คดั ลอก ถอดความ
หรอื แปลสว นหนงึ่ สว นใด หรอื ทง้ั หมดของเอกสารนเ้ี พอ่ื การอยา งอนื่ นอกจาก “à¾Í×è ¡ÒÃÈ¡Ö ÉÒͺÃÁ”
ของขาราชการตํารวจเทาน้ัน การเปดเผยขอความแกบุคคลอ่ืนท่ีไมมีอํานาจหนาที่จะมีความผิดตาม
ประมวลกฎหมายอาญา
¡Í§ºÞÑ ªÒ¡ÒÃÈ¡Ö ÉÒ สาํ ¹¡Ñ §Ò¹ตํา¾ÃÇ.Ȩá.òËõ§‹ ªöÒôμÔ
คํานํา
หลักสูตรนักเรียนนายสิบตํารวจ (นสต.) เปนหลักสูตรการศึกษาอบรมท่ีมีเปาหมาย
เพื่อเสริมสรางใหบุคคลภายนอกผูมีวุฒิประกาศนียบัตรมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.๖) หรือ
ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) หรือเทียบเทา ที่เขารับการฝกอบรมมีความรู ความสามารถ และ
ทักษะวิชาชีพตาํ รวจ รวมถึงพัฒนาบุคลิกภาพรางกายใหเหมาะสมสําหรับการปฏิบัติงานตํารวจ
ในกลุมสายงานปองกันปราบปราม ตลอดจนเตรียมความพรอมทางดานจิตใจและวุฒิภาวะใหมี
จติ สํานกึ ในการใหบ ริการเพอ่ื บําบัดทกุ ขบ ํารุงสขุ ของประชาชนเปน สาํ คญั
กองบัญชาการศึกษา ไดรวมกับ ครู อาจารย และครูฝก ในสังกัดกองบังคับการ
ฝกอบรมตาํ รวจกลาง และกลมุ งานอาจารย กองบัญชาการศึกษา ศูนยฝกอบรมตํารวจภูธรภาค ๑ - ๙
และกองบัญชาการตาํ รวจตระเวนชายแดน ตลอดจนผูทรงคุณวุฒิจากภายนอก จัดทําตาํ ราเรียน
หลกั สตู รนกั เรยี นนายสบิ ตาํ รวจชดุ นี้ ซงึ่ ประกอบดว ยองคค วามรตู า งๆ ทจ่ี ําเปน ตอ การพฒั นาศกั ยภาพ
ของนกั เรยี นนายสบิ ตํารวจใหเ ปน ขา ราชการตาํ รวจทพี่ งึ ประสงคข องประชาชน เพอ่ื ใชส ําหรบั ประกอบ
การเรียนการสอนนักเรียนนายสิบตํารวจใหมีความพรอมทั้งดานความรู ความสามารถ กําลังกาย
และจติ ใจ จนสามารถเปน ขา ราชการตาํ รวจทป่ี ฏบิ ตั งิ านใหบ รกิ ารสงั คมและประชาชนไดอ ยา งตรงตาม
ความตอ งการอยางแทจ รงิ และมคี วามพรอมในการเขาสปู ระชาคมอาเซยี น
ขอขอบคุณครู อาจารย ครูฝก และผูทรงคุณวุฒิทุกทาน ที่ไดรวมกันระดมความคิด
ใหคาํ ปรึกษา คาํ แนะนาํ ประสบการณที่เปนประโยชน รวมถึงการถายทอดองคความรู
ที่เปนประโยชน จนทาํ ใหการจัดทําตาํ ราเรียนหลักสูตรนักเรียนนายสิบตาํ รวจสําเร็จลุลวงไดดวยดี
ซ่ึงกองบัญชาการศึกษาหวังเปนอยางย่ิงวาตําราเรียนชุดน้ีคงเปนประโยชนตอการจัดการเรียน
การสอนและการจัดการฝกอบรมของครู อาจารย และครูฝก รวมตลอดถึงใชเปนคูมือการปฏิบัติงาน
ของขาราชการตํารวจ อันจะสงผลทาํ ใหสํานักงานตํารวจแหงชาติสามารถสรางความเชื่อมั่น ศรัทธา
และความผาสุกใหแ กประชาชนไดอ ยา งแทจ ริง
พลตํารวจโท
( อภิรตั นยิ มการ )
ผูบ ัญชาการศกึ ษา
ÊÒúÑÞ Ë¹ÒŒ
ÇªÔ Ò ¡ÒÃÊº× ÊǹÊͺÊǹ ñ
๑
º··èÕ ñ º··èÑÇä» ๒
๑.๑ ความหมายการสบื สวน ๓
๑.๒ ผูม อี ํานาจในการสบื สวนและเขตอาํ นาจของการสืบสวน ๖
๑.๓ คณุ สมบตั ิของผสู บื สวน ๑๐
๑.๔ งานสืบสวนในสถานีตาํ รวจ ๑๖
๑.๕ ประเภทและวิธกี ารสบื สวน ñù
๑.๖ การสอบสวน ๑๙
๑๙
º··èÕ ò ¢ÍŒ à·ç¨¨Ã§Ô ๑๙
๒.๑ ความหมาย ๒๗
๒.๒ ขอเทจ็ จรงิ กบั ขอ คิดเห็น ó÷
๒.๓ การแสวงหาขอ เทจ็ จรงิ จากการซักถาม ๓๗
๒.๔ การแสวงหาขอ เทจ็ จริงโดยวิธกี ารอน่ื ๔๕
öù
º··èÕ ó ¡ÒÃáÊǧËÒ¾ÂÒ¹ËÅÑ¡°Ò¹ ๖๙
๓.๑ การแสวงหาพยานหลกั ฐานจากการจับ/คน/ยึด ๗๒
๓.๒ พยานหลักฐานท่ีไดจากการลอ ซอ้ื ๗๔
÷ù
º··èÕ ô °Ò¹¢ŒÍÁÙÅ㹡ÒÃÊ׺Êǹ ๗๙
๔.๑ ฐานขอ มูลการสบื สวนระดับสถานตี ํารวจ ๘๑
๔.๒ ฐานขอ มลู การสืบสวนระดบั สํานักงานตาํ รวจแหงชาติ ๘๓
๔.๓ ฐานขอ มูลการสืบสวนจากหนวยงานอน่ื ๙๘
๑๐๐
º··Õè õ à·¤¹Ô¤¡ÒÃÊ׺Êǹ
๕.๑ เทคนคิ การสังเกตจดจํา
๕.๒ เทคนิคการสาํ รวจสถานท่ี
๕.๓ เทคนคิ การเฝา จดุ ติดตามสะกดรอย
๕.๔ การอําพราง
๕.๕ เทคนคิ การถายภาพในงานสืบสวน
๕.๖ เทคนกิ การไลก ลอ งวงจรปด ˹Ҍ
๕.๗ เทคนคิ การสืบคนขอ มลู ทางอนิ เทอรเ น็ต ๑๐๕
๕.๘ การวิเคราะหขอ มลู ดว ยโปรแกรม I๒ ๑๐๗
๕.๙ เทคนคิ เครอ่ื งมอื พิเศษ ๑๐๙
º··èÕ ö àÍ¡ÊÒÃสาํ ËÃºÑ ¡ÒÃÊ׺Êǹ ๑๑๐
๖.๑ เอกสารทว่ั ไป ññ÷
๖.๒ เอกสารหมายอาญา ๑๑๗
º··èÕ ÷ á¹Ç·Ò§¡ÒÃÊº× Êǹ¤´áÕ μ‹ÅлÃÐàÀ· ๑๕๘
๗.๑ แนวทางการสืบสวนคดปี ระทษุ รา ยตอ ชวี ติ รางกาย ñöù
๗.๒ แนวทางการสืบสวนคดปี ระทุษรา ยตอ ทรพั ย ๑๖๙
๗.๓ แนวทางการสบื สวนคดีเกี่ยวกับอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร ๑๗๔
๗.๔ แนวทางการสืบสวนคดียาเสพตดิ ๑๗๕
º··èÕ ø ÃÐàºÂÕ º·Õèà¡ÂèÕ Ç¢ÍŒ §¡Ñº¡ÒÃÊ׺Êǹ ๑๗๘
๘.๑ ระเบยี บเก่ียวกับการสบื สวน ñøó
๘.๒ ระเบียบเกยี่ วกับการจบั /คน/ควบคุม ๑๘๓
๑๘๔
๑
º··Õè ñ
º··èÇÑ ä»
ñ.ñ ¤ÇÒÁËÁÒ¡ÒÃÊ׺Êǹ
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ÁÒμÃÒ ò (ñð) “การสืบสวน หมายความถึง การแสวงหาขอเท็จจริงและหลักฐาน
ซ่ึงพนักงานฝายปกครองหรือตํารวจไดปฏิบัติไปตามอํานาจและหนาที่ เพ่ือรักษาความสงบเรียบรอย
ของประชาชน และเพื่อที่จะทราบรายละเอยี ดแหงความผดิ ”
จากบทบัญญัติของมาตรา ๒ (๑๐) อาจจําแนกองคประกอบของการสบื สวนไดดงั น้ี
๑. เปน การแสวงหาขอ เท็จจริง
๒. เปน การแสวงหาหลักฐาน
๓. กระทําโดยเจา พนกั งานฝายปกครองหรือตํารวจ
๔. โดยมีอาํ นาจและหนา ท่ี
๕. เพือ่ รักษาความสงบเรยี บรอ ยของประชาชน
๖. เพอื่ ทราบรายละเอียดแหงความผดิ
จากความหมายของการสบื สวนดงั กลา วนน้ั จงึ อาจสรปุ ไดว า การสบื สวนเปน การดาํ เนนิ การ
ขน้ั ตน ของพนกั งานฝา ยปกครองหรอื ตาํ รวจ ซงึ่ ไดป ฏบิ ตั ไิ ปตามอาํ นาจหนา ทเี่ พอ่ื บรรลถุ งึ วตั ถปุ ระสงค
ในดานการรักษาความสงบเรียบรอยของประชาชน และเพื่อท่ีจะทราบรายละเอียดแหงความผิดใน
สาระสําคัญ ๓ ประการ อันเปนหลักสากล คือ จะตองสืบสวนใหพบไดวามีการกระทําผิดกฎหมาย
เกดิ ขนึ้ จรงิ หรอื ไม ถา มกี ารกระทาํ ผดิ เกดิ ขนึ้ จรงิ แลว เปน คดอี ะไร ใครเปน ผกู ระทาํ ผดิ ในคดนี น้ั จนกระทง่ั
เขา สกู ระบวนการนําตวั คนรา ยมาดําเนนิ คดีตามกฎหมาย
ËÇÑ ã¨¢Í§¡ÒÃÊ׺Êǹ
๒
ñ.ò ¼ÁÙŒ อÕ ํา¹Ò¨ã¹¡ÒÃÊ׺ÊǹáÅÐà¢μอาํ ¹Ò¨¢Í§¡ÒÃÊº× Êǹ
ประมวลกฎหมายวิธีพจิ ารณาความอาญา
“ÁÒμÃÒ ò (ñö) พนักงานฝายปกครองหรือตํารวจ หมายความถึง เจาพนักงาน
ซง่ึ กฎหมายใหม อี าํ นาจและหนา ทร่ี กั ษาความสงบเรยี บรอ ยของประชาชน ใหร วมทงั้ พศั ดี เจา พนกั งาน
กรมสรรพสามิต กรมศุลกากร กรมเจาทา พนักงานตรวจคนเขาเมืองและเจาพนักงานอื่นๆ ในเมื่อ
ทาํ การอนั เกย่ี วกบั การจบั กมุ ปราบปรามผกู ระทาํ ผดิ กฎหมาย ซง่ึ ตนมหี นา ทต่ี อ งจบั กมุ หรอื ปราบปราม”
“ÁÒμÃÒ ñ÷ พนักงานฝายปกครองหรือตํารวจมีอํานาจทําการสืบสวนคดีอาญาได”
ผูท่ีจะมีอํานาจในการสืบสวนคดีอาญาไดนั้น หากดูตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
ความอาญาแลว ผูมีอํานาจในการสืบสวนได คือ พนักงานฝายปกครองหรือตํารวจนั้นเอง ทั้งน้ี
ไมจํากัดวาเปนชั้นยศใด จะเปนสิบตํารวจตรีจนถึงพลตํารวจเอก ก็มีอํานาจสืบสวนไดเชนเดียวกัน
อกี ทงั้ เจาพนักงานตาํ รวจทกุ ตาํ แหนง ทุกสายงาน เชน อาํ นวยการ จราจร มอี าํ นาจในการสืบสวน
ไดท้ังส้ิน ไมจํากัดวาจะตองเปนเจาพนักงานตาํ รวจท่ีไดรับการแตงตั้งใหดาํ รงตาํ แหนงในสายงาน
สืบสวนเทาน้นั
ฎีกาที่ ๒๓๙๐/๒๕๒๗จาสิบตํารวจประสงค รับราชการเปนตาํ รวจซ่ึงมีหนาท่ีปฏิบัติ
หนาที่ราชการโดยไดรับการแตงตงั้ ตามกฎหมาย ยอ มเปน เจาพนักงาน แมข ณะเกดิ เหตจุ ะถูกสง ตวั ไป
ชวยราชการกองอํานวยการรักษาความมั่นคงภายใน มีตาํ แหนงหนาที่เปนหัวหนาชุดคุมครองตําบล
ปากหมัน มีหนาท่ีคุมครองหมูบานและตาํ บล ปองกันการกระทําอันเปนคอมมิวนิสต แตโดยท่ัวไป
จาสิบตํารวจประสงคยังมีอํานาจสืบสวนคดีอาญาไดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
มาตรา ๑๗
ฎีกาที่ ๑๖๗๐/๒๕๐๙ ตํารวจประจําการกองบังคับการตํารวจดับเพลิงจับกุมผูเสียหาย
ฐานขายยาผิดประเภท แลวเรียกเงินเพ่ือไมใหจับกุม เปนการกระทําที่ทุจริตตอหนาที่ จะอางวา
เปนตํารวจดับเพลิงมีอํานาจดับเพลิงเทานั้น ไมไดมีอํานาจหนาท่ีในการสืบสวนจับกุมผูกระทําผิด
หาไดไม เพราะหนาทีด่ ับเพลงิ เปนหนาทีเ่ ฉพาะตามทีท่ างราชการแตงตง้ั ใหปฏบิ ัติ แตโดยทั่วไปแลวจําเลย
ยอมมีอํานาจทําการสืบสวนคดีอาญาไดตามกฎหมาย การที่จําเลยเรียกและรับเงินจากผูเสียหาย
เพอื่ ไมทาํ การจับกมุ ยอ มมีความผิดฐานทจุ ริตตอหนาที่
ในสวนของฝายปกครองนั้นหมายความรวมถึง นายอําเภอ ปลัดอําเภอ กํานัน
ผใู หญบ า น รวมถงึ เจา พนกั งานอน่ื ๆ กม็ อี าํ นาจสบื สวนไดท งั้ สนิ้ เหตทุ เ่ี ปน เชน ดงั กลา วกเ็ พราะพนกั งาน
ฝายปกครองหรือตํารวจนั้น หมายความถึงเจาพนักงาน ซ่ึงกฎหมายใหมีอํานาจและหนาท่ีรักษา
ความสงบเรียบรอยของประชาชน ทั้งนี้ ใหรวมถึงพัศดี เจาพนักงานสรรพสามิต กรมศุลกากร
กรมเจา ทา พนกั งานตรวจคนเขา เมอื งและเจา พนกั งานอนื่ ๆ ในเมอ่ื ทาํ การเกย่ี วกบั การจบั กมุ ปราบปราม
ผกู ระทาํ ผิด ซงึ่ ตนมีหนาทีต่ อ งจับกมุ หรอื ปราบปราม
สาํ หรับในเรือ่ งเขตอาํ นาจการสืบสวนคดอี าญานนั้ ในประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความ
อาญามไิ ดม บี ทบญั ญตั ริ ะบเุ รอ่ื งเขตอาํ นาจการสบื สวนไวโ ดยเฉพาะ เชน เรอ่ื งเขตอาํ นาจการสอบสวน
ดงั นนั้ ตาํ รวจจงึ มอี าํ นาจและหนา ทสี่ บื สวนคดอี าญา เหตกุ ารณท งั้ หลายทเ่ี กย่ี วแกค วามสงบเรยี บรอ ย
ไดทัว่ ราชอาณาจักร
๓
»ÃÐÁÇÅÃÐàºÕº¡ÒÃตําÃǨà¡ÂèÕ Ç¡ºÑ ¤´Õ Å¡Ñ É³Ð ò ¡ÒÃÊ׺Êǹ º··Õè ñ ËÅ¡Ñ ·èÑÇä»
¢ŒÍ ö เมอื่ กฎหมายใหอ าํ นาจพนกั งานฝา ยปกครองและตาํ รวจ มหี นา ทร่ี กั ษาความสงบ
เรียบรอยของประชาชน เชนนี้ ตาํ รวจจงึ มีอํานาจและหนา ที่สบื สวนคดีอาญา และเหตุการณท งั้ หลาย
ท่ีเก่ียวแกความสงบเรยี บรอยไดท ่วั ราชอาณาจกั ร
ฎกี าที่ ๔๗๑๑/๒๕๔๒ จําเลยท่ี ๓ เปนเจาพนักงานฝายปกครองหรือตํารวจ มีอํานาจ
จบั กมุ ผกู ระทาํ ความผดิ อาญาไดท ว่ั ราชอาณาจกั ร แมข ณะเกดิ เหตจุ าํ เลยที่ ๓ จะมหี นา ทใ่ี นการบรรเทา
สาธารณภัยก็ไมทําใหอํานาจท่ีจําเลยท่ี ๓ มีอยูตามกฎหมายสูญส้ินไป จําเลยท่ี ๓ ยังคงมีอํานาจ
อยูโดยบริบูรณในฐานะเจาพนักงานฝายปกครองหรือตํารวจผูมีอํานาจหนาที่สืบสวนจับกุมผูกระทํา
ความผิดอาญา ตามประมวลกฎหมายวิธพี จิ ารณาความอาญามาตรา ๒(๑๖) การทีจ่ ําเลยท่ี ๓ จับกมุ โจทก
โดยมไิ ดร บั อนุญาตจากผบู งั คับบัญชากอนไมม ีผลกระทบกระทง่ั ตอ อาํ นาจทีจ่ าํ เลยท่ี ๓ มีอยแู ลวตาม
กฎหมาย
ฎีกาท่ี ๑๒๕๙/๒๕๔๒ แมจาสิบตาํ รวจ ส.เปนเจาพนักงานตํารวจประจาํ สถานี
ตาํ รวจนครบาลบางขนุ เทียนกต็ าม แตต าม ป.ว.ิ อ.มาตรา ๒ (๑๖) จา สิบตาํ รวจ ส.มีอาํ นาจและหนา ที่
รักษาความสงบเรียบรอยของประชาชน ทําการจับกุมปราบปรามผูกระทําผิดกฎหมายได และยังมี
อํานาจทาํ การสบื สวนคดอี าญาได ตาม ป.วิ.อ.มาตรา ๑๗ อํานาจจบั กมุ ผกู ระทําผิดและสบื สวนคดีอาญา
ดงั กลา วน้ี ไมม บี ทบญั ญตั กิ ฎหมายใด จํากดั ใหป ฏบิ ตั หิ นา ทไ่ี ดเ ฉพาะในเขตทอ งทท่ี เี่ จา พนกั งานตํารวจ
ผูนั้นประจาํ การอยูเทานั้น เจาพนักงานตาํ รวจดังกลาว จึงมีอาํ นาจจับกุมผูกระทาํ ผิดและสืบสวน
คดีอาญาไดทั่วราชอาณาจักร ดังน้ัน จาสิบตํารวจ ส.ยอมมีอํานาจที่จะไปจับกุมจําเลยท่ี ๑ ซ่ึงมีที่อยูใน
เขตทองที่ สถานีตํารวจนครบาลวัดพระยาไกร ได เวนแตลักษณะการจับที่ไมมีหมายจับเปนไป
โดยมิชอบตาม ป.ว.ิ อ.มาตรา ๗๘, ๘๑ และ ๙๒ หรอื ไมเ ทา น้นั
แตเขตอํานาจการสืบสวนของพนักงานฝายปกครอง มีอํานาจสืบสวนในเขตอํานาจท่ีอยู
ในความรบั ผดิ ชอบเทา นนั้ ถา เปน กาํ นนั กเ็ ฉพาะในเขตตาํ บลทตี่ นมเี ขตพน้ื ทรี่ บั ผดิ ชอบ ถา เปน ผใู หญบ า น
กเ็ ฉพาะในเขตหมบู า นเทา นนั้ เนอ่ื งจากพนกั งานฝา ยปกครองมบี ทบญั ญตั ขิ องพระราชบญั ญตั ลิ กั ษณะ
ปกครองทอ งท่ี พ.ศ.๒๔๕๗ กําหนดเขตอํานาจหนา ทีไ่ วโ ดยเฉพาะ
¾ÃÐÃÒªºÞÑ ÞμÑ ÔÅѡɳл¡¤Ãͧ·ÍŒ §·èÕ ¾.È.òôõ÷
ÁÒμÃÒ ñð ผใู หญบ า นมอี ํานาจหนา ทีป่ กครองบรรดาราษฎรท่ีอยูในเขตหมูบ า น
ฎกี าท่ี ๑๔๐/๒๔๙๐ ตํารวจมอี ํานาจสบื สวนคดอี าญาไดท่วั ราชอาณาจักร สวนพนกั งาน
ฝา ยปกครองมีอาํ นาจสืบสวนไดอ ยา งจาํ กดั เฉพาะในเขตทองท่ที ต่ี นประจาํ อยูเทา นน้ั
ñ.ó ¤Ø³ÊÁºμÑ Ô¢Í§¼ŒÊÙ º× Êǹ
การเปนนักสืบนั้นเปนไดทุกคนไมวาจะเปนราษฎรหรือตํารวจทุกชั้นยศ แตทุกคนควรรูถึง
เทคนิควิธีการในการสืบสวน การท่ีจะเปนนักสืบที่เกงหรือที่ดีมีประสิทธิภาพนั้นเปนเร่ืองท่ียาก ตองมี
ความมานะอดทนและใชความพยายามสูง บางคดีตองอดทน บางคดีตองใชเวลาสืบสวนหารองรอย
เปน ระยะเวลานานมาก สาํ หรบั คณุ สมบตั ขิ องนกั สบื ทด่ี จี งึ ควรยดึ ËÅ¡Ñ ø Ã. คอื “Ã¡Ñ ÃͺÌ٠ÃàÔ ÃÁèÔ ÃÇ´àÃÇç
Ãͺ¤Íº ÃѺ¼Ô´ªÍº äÃÃŒ ‹Í§ÃÍ àÃÍ×è §Ã‹Ò§¡Ò” ซึง่ มรี ายละเอียดดงั นี้
๔
ñ. μŒÍ§ÁÕã¨ÃÑ¡ บุคคลที่จะเขามาเปนสายลับหรือนักสืบที่ดีไดน้ัน อันดับแรกตองมีใจ
รักงานสืบสวน กลาวคือ งานใดก็ตามโดยธรรมชาติของมนุษยแลวถาไดทาํ งานที่ตนเองรักและชอบ
แลวยอมประสบความสาํ เร็จ และงานนั้นก็จะบรรลุผลตามที่ตองการ แตถาหากถูกบังคับใหทํางานท่ี
ไมชอบและเปนงานท่ีไมถนัดและไมมีใจรักแลว ก็อาจกอใหเกิดปญหาในงานนั้น โดยเฉพาะงานดาน
การสืบสวนเปน งานท่ีจะตอ งใชความอดทนอดกล้ันและตอ งมคี วามขยันหมนั่ เพียร จึงจะทําใหผลงาน
ออกมาอยางมีประสิทธิภาพเพราะงานสืบสวนเปนงานยากและตอเนื่อง สําหรับผูท่ีจะปฏิบัติงาน
ในดา นนคี้ นทจี่ ะมาเปน นกั สบื ทด่ี นี น้ั จะตอ งมคี วามชอบ ความรกั ความเสยี สละเพอ่ื งาน อกี ทงั้ ตอ งเตม็
ไปดวยความอดทน อดกล้นั ขยนั และกระตอื รอื รน ในการทาํ งานอยตู ลอดเวลา
ò. μÍŒ §Á¤Õ ÇÒÁÃͺÃÙŒ นกั สบื ท่ีดีตอ งมคี วามรอบรูดงั น้ี
๒.๑ ตองรูตัวบทกฎหมาย ระเบียบ คําสั่ง กฎ ขอบังคับระเบียบงานสารบรรณ
ตลอดจนการเขยี นรายงานการสบื สวน ตอ งมกี ารศกึ ษาคน ควา อยตู ลอดเวลาเนอ่ื งจากปจ จบุ นั ทงั้ ระเบยี บ
คาํ สงั่ และกฎหมายบางอยา งไดเ ปลยี่ นแปลงแกไ ขใหม ถา ยดึ หลกั เกา อยกู อ็ าจจะผดิ พลาดและเกดิ ปญ หา
กับระบบงาน นําความเสียหายมาสหู นว ยงานและตนเองได
๒.๒ ตองรูจักวิธีการสืบสวนกอนเกิดเหตุเปนอยางดี นักสืบที่ดีตองรูจักคนทุกวัย
ทุกอาชีพ ทุกประเภทและจะตองมีการสังเกตจดจาํ ที่ดี การสืบสวนนั้นแมวาความผิดยังไมเกิดนักสืบ
ตองเสาะแสวงหา และมีความรูถึงขอมูลตางๆ ใหมากท่ีสุด เพ่ือท่ีจะใชเปนแนวทางในการสืบสวน
และปอ งกันอาชญากรรมได
ความรทู ว่ั ไปในทอ งถน่ิ ตอ งรจู รงิ หลบั ตามองเหน็ ภาพตรอกซอยตา งๆ บา น
บคุ คลสาํ คญั บา นนกั ธรุ กจิ บา นในยา นชมุ ชนแออดั โดยเฉพาะบา นในยา นทมี่ กี ารกระทาํ ผดิ กฎหมาย
ความรูเกี่ยวกบั ประวัตบิ ุคคล ไมวาจะเปน บุคคลตอ งหาคดอี าญาหรือบคุ คล
พนโทษบคุ คลที่เปน ภัยตอ สังคม เจา มอื สถานบรกิ าร บอนการพนัน พวกซือ้ ของเกา มอื ปน
๒.๓ รูจักแสวงหาขาวจากแหลงขาวสารจากสถานท่ีตางๆ เชน รานอินเทอรเน็ต
รา นตดั ผม อูซอมรถยนตต างๆ ไนตค ลบั หญิงบริการ หญิงเสิรฟ อาหาร พนกั งานตอ นรับ รานถา ยรปู
รานถายเอกสาร พนกั งานกรรมการบรษิ ทั ขนสง บุรษุ ไปรษณีย เปน ตน บุคคลเหลานี้เปน แหลงขาวท่ี
จําเปนสําหรับงานสืบสวนอยางมาก จึงตองรูจักบุคคลหลากหลายประเภท โดยเฉพาะชาวบานตอง
สรา งความรวมมือใหเ กดิ ขน้ึ ตองใหเกียรตแิ ละยกยองผูอ ่ืนไมด ถู กู
๒.๔ ตอ งมคี วามรเู ร่อื งยทุ ธวิธตี าํ รวจ นักสบื ที่ดจี ะตองหมั่นฝก ฝนหาความรเู ร่ือง
ยทุ ธวธิ ตี ํารวจทง้ั หลาย ไมว า จะเปน ยทุ ธวธิ กี ารปด ลอ ม ตรวจคน การจบั กมุ การใชอ าวธุ และควรศกึ ษา
ขอ มูลของคนรายใหด ีกอ นวา เปน คนรายประเภทใด เมายาบา บาคลงั่ จับตวั ประกนั หรือมอื ปนรบั จา ง
ขอมูลเหลานี้จะเปนเครื่องบงชี้ในการตัดสินใจของนักสืบวาจะตองใชวิธีใดเขาทําการจับกุม เพื่อลด
ความสญู เสียทีจ่ ะเกิดขึน้ ไดต ลอดเวลา
๕
ó. μŒÍ§ÁÕ¤ÇÒÁÃÔàÃèÔÁ นักสืบที่ดีจะตองมีความคิดริเร่ิมหาแนวทางในการปรับปรุง
และพัฒนางานสบื สวนใหเกิดความสะดวกรวดเรว็ และมีประสิทธิภาพจึงควรดําเนนิ การดังนี้
๓.๑ ปรับปรุงตัวบุคคลฝายสืบสวนใหมีจํานวนเพียงพอและมีคุณภาพ มีความรู
ความสามารถไดร บั การฝก อบรมใหท นั ตอ วทิ ยาการตาํ รวจแผนใหม ซงึ่ มกี ารพฒั นากา วหนา อยตู ลอดเวลา
๓.๒ ปรับปรุงพัฒนาการเก็บขอมูลทะเบียนประวัติอาชญากรรมตางๆ ภาพถาย
คนรา ยและขอ มลู ทอ งถน่ิ ทกุ ระดบั ใหม รี ะบบการเกบ็ รวบรวมทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพ มกี ารแยกแยะประเภท
ของการกระทาํ ความผดิ งา ยตอการคน หา เมือ่ ตอ งการและใหม ีการแลกเปลยี่ นขาวสารประสานงานกนั
ระหวา งหนว ยงานเสมอ
๓.๓ นําเทคโนโลยีเขามาชวยในการสืบสวน เชน คอมพิวเตอร กลองซีซีทีวี
เครอ่ื งถายวดี โี อ โทรศัพทมอื ถือ กลอ งถายรูป เปนตน
ô. μŒÍ§Á¤Õ ÇÒÁÃÇ´àÃçÇ นกั สบื ท่ีดจี ะตอ งยึดหลัก รุก รบ รวดเรว็ ทันทีทันใดเม่ือมีเหตุ
หรือคดีเกดิ ข้นึ จะตองปฏบิ ตั ดิ ังน้ี
๔.๑ ตองรีบไปท่ีเกิดเหตุโดยทันที เพราะถาคนรายหลบหนีไปไมไกลสามารถ
ติดตามจับกุมไดทันหรือถาคนรายหลบหนีไปแลวก็จะพบเห็นพยานหลักฐานไดมากที่สุดและทําให
ชาวบานเชอ่ื ถือวา ตํารวจใหความสนใจและอาจพบปะพยานท่ีเห็นเหตุการณอ ยบู รเิ วณท่ีเกิดเหตุ
๔.๒ ตองรกั ษาสถานท่เี กิดเหตเุ พือ่ ใหวทิ ยาการมาทําการตรวจสถานท่เี กิดเหตุ
๔.๓ พยายามตรวจคนท่ีเกิดเหตุและบริเวณใกลเคียงใหละเอียดเพ่ือแสวงหา
พยานหลักฐานทค่ี นรายท้งิ ไว
๔.๔ สอบถามพยานในที่เกิดเหตุเพ่ือหาขอเท็จจริงเบื้องตนใหมากท่ีสุดสําหรับ
ใชเปนแนวทางในการสืบสวน
õ. Ãͺ¤Íº ผสู บื สวนจะตอ งมคี วามละเอียดรอบคอบในการทํางานไมว า จะเปน การ
ตรวจสถานทเี่ กิดเหตุ การตดิ ตามจับกมุ คนราย การหาขา ว การสังเกตจดจาํ มไี หวพริบปฏภิ าณในการ
ทํางาน ไมตกใจงาย ไมประมาท กระทําการดวยปญ ญา ดังนั้นจงึ ตองมกี ารเตรียมการที่ดี ตองมีการ
วางแผนลว งหนาและตอ งวางแผนภายในขีดจํากดั ของหนวยใหเ กดิ ประโยชนส งู สดุ
ö. ÃºÑ ¼Ô´ªÍº นักสบื ทด่ี จี ะตอ งรบั ผิดชอบตอตนเอง เชน มคี วามซ่อื สตั ย ไมมนี ิสัยคดิ โกง
ไมส รางความเดอื ดรอ นใหกับผูอ่นื ไมเ ลน การพนนั ไมป ระพฤติผิดลกู เมียผอู น่ื ไมพ ูดปดหรอื โกหก
รบั ผดิ ชอบตอ งาน เชน มกี ารรายงานผลการปฏบิ ตั ิ ไมท งิ้ งานโดยไมม เี หตผุ ล รกั ษาความลบั ของหนว ย
มีความจริงใจตองานและเพ่ือนรวมงาน และรับผิดชอบตอสวนรวม เชน มีความสามัคคีในหมูคณะ
ชว ยเพ่ือนทํางาน ไมเอารัดเอาเปรยี บเห็นแกสว นรวมมากกวา สวนตัว เปนตน
÷. äÌËͧÃÍ นักสืบที่ดีตองทํางานโดยไรรองรอย ทั้งกอนหนาและหลังทํางานแลว
ตอ งวางแผนในการสบื สวนใหรอบคอบ
๗.๑ กอนทํางานตองมีการพรางตัวหรือปลอมตัวเขาไปปฏิบัติงาน โดยไมใหผูใด
เห็นรอ งรอยวา มาทําอะไร ทีใ่ ด เพือ่ เขา กบั ประชาชนและทอ งถิ่นไดอยา งกลมกลืน
๖
๗.๒ หลังทํางานตองปกปดไมใหผูใดรูวาเปนตํารวจหรือสายสืบเขาไปหาขาว
เพอ่ื ความปลอดภยั ของตนเองและผูท ่ีเราเขา ไปขอขา ว
ø. àÃÍ×è §ÃÒ‹ §¡Ò นกั สบื ทดี่ จี ะตอ งมกี ารฝก ฝนออกกาํ ลงั กาย เตรยี มพรอ มในเรอ่ื งกาํ ลงั
ทจี่ ะทาํ งานไดท กุ สถานการณ มสี ภาพจติ ใจทเี่ ขม แขง็ อดทน โดยเฉพาะการตดิ ตามจบั กมุ คนรา ยในพน้ื ท่ี
ทรุ กันดารหรือพ้นื ท่ปี า
โดยสรุปนักสืบที่มีคุณภาพน้ันตองมีใจรัก มีความวิริยะอุตสาหะ มีความฉลาด
ไหวพริบดีและมุงมั่นท่ีจะทํางานนั้นใหประสบผลสําเร็จไมทอถอยหรือสืบสวนเพียงครึ่งๆ กลางๆ
แลวก็หยุด บางคร้ังเมื่อพบอุปสรรค ก็หมดความพยายามไมทดลองหาวิธีการสืบสวนดานอ่ืนตอไป
จึงตองระลึกเสมอวาอาชญากรรมทุกประเภทตองทิ้งรองรอยหรือพยานหลักฐานไวเสมอ
พยานหลักฐานน้ันพบไดในท่ีเกิดเหตุหรือบริเวณใกลเคียงน่ันเอง ขึ้นอยูกับตัวนักสืบวาสามารถที่จะ
คน พบพยานหลกั ฐานดงั กลา วหรอื ไม นอกจากนนั้ จะตอ งอาศยั ความรทู างวทิ ยาการตาํ รวจเขา มาปรบั
ใชใ นการสบื สวน การนําพยานหลกั ฐานท่ีไดจ ากการสืบสวนเขา มาสูส ํานวน ซ่งึ มีรายละเอยี ดในการ
สบื สวนตงั้ แตก อ นเกดิ เหตจุ นสามารถจบั กมุ คนรา ยได และสามารถนาํ พยานบคุ คลมาเบกิ ความยนื ยนั
การกระทําผดิ จนศาลพพิ ากษาคดีลงโทษผูก ระทําผดิ จงึ ถอื วา ไดทําหนาที่โดยครบถว นสมบรู ณแ ลว
ñ.ô §Ò¹Êº× Êǹã¹Ê¶Ò¹ÕตําÃǨ
ตามคําส่ัง สํานักงานตํารวจแหงชาติ ท่ี ๕๓๗/๒๕๕๕ เร่ือง กําหนดอํานาจหนาท่ีของ
ตาํ แหนงในสถานี ไดก ําหนดอํานาจหนาท่ีของตาํ แหนงฝา ยสืบสวนในสถานตี ํารวจไว ดังตอไปน้ี
ËÑÇ˹ŒÒ§Ò¹Êº× Êǹ มีหนาทดี่ งั นี้
เปน หวั หนา ผปู ฏบิ ตั งิ านสบื สวน รบั ผดิ ชอบเกย่ี วกบั การวางแผน อาํ นวยการ สงั่ การ ควบคมุ
กํากับ ดแู ล ตรวจสอบ ตดิ ตาม และประเมนิ ผล ตลอดจนการปฏิบตั ิงานในดานการสืบสวนท่เี กย่ี วกบั
คดอี าญาทเ่ี กดิ ข้นึ รวมท้งั งานอนื่ ๆ ทมี่ ีลักษณะเกี่ยวของหรอื เปนสวนประกอบของงานน้ใี นเขตพ้นื ท่ี
ของสถานีตํารวจ เพื่อแสวงหาพยานหลักฐานและผูกระทําความผิดอันเปนการอํานวยความยุติธรรม
ใหแ กป ระชาชนในการสบื สวนคดอี าญาใหเ กดิ ประสทิ ธภิ าพสงู สดุ โดยจาํ แนกออกเปน งานตา ง ๆ ดงั น้ี
๑. งานสืบสวนการกระทําความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา การกระทําความผิด
ตามพระราชบัญญัติตาง ๆ ท่ีมีโทษทางอาญา และการปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
ความอาญา
๒. งานพัฒนากําลังพล งบประมาณ วัสดุอุปกรณ เทคโนโลยี และวิทยาการตางๆ
เพ่อื ใชในการสืบสวน
๓. งานสืบสวนหาขา วและระบบขอมลู อาชญากรรม
๔. งานวางระบบการงบประมาณทเ่ี กีย่ วกับงานสบื สวน
๕. งานตรวจสอบ ติดตามและประเมนิ ผล งานวิจยั และพัฒนาการปฏิบตั ติ ามนโยบาย
ยุทธศาสตร แผนงานและโครงการตาง ๆ รวมทงั้ การศึกษาและเกบ็ รวบรวมสถิตขิ อ มลู ทเ่ี กย่ี วของกบั
งานสืบสวนคดีอาญาทีเ่ กดิ ข้ึน
๗
๖. งานวางแผนสบื สวน
๗. งานสบื สวนหาขอ เทจ็ จรงิ และหลกั ฐานเพอ่ื ทราบรายละเอยี ดของการกระทาํ ความผดิ
ท่ีเกดิ ขึ้นแลว
๘. งานสบื สวนภายหลงั จากรตู วั ผกู ระทําความผดิ ทั้งที่เปนคดที ี่อยูในความรับผดิ ชอบ
ของสถานตี าํ รวจ และกรณจี บั กมุ คนรา ยตามหมายจบั ของสถานตี าํ รวจอนื่ เพอ่ื รแู หลง และรายละเอยี ด
เพอ่ื ใหมีการจบั กุม
๙. ดําเนินการเพ่ือใหประชาชนมีสวนรวมในการสืบสวน โดยสรางความสัมพันธกับ
ประชาชนในพืน้ ท่โี ดยใกลชิดเพือ่ ประโยชนในการหาขา ว
๑๐. กรณพี บการกระทาํ ความผดิ ใหพ จิ ารณาสงั่ การใหผ ใู ตบ งั คบั บญั ชาดาํ เนนิ การจบั กมุ
หรือดําเนนิ การจับกมุ ดวยตนเอง
๑๑. ปฏิบตั หิ นา ทีถ่ วายความปลอดภยั แดอ งคพ ระมหากษัตริย พระราชนิ ี และพระบรม
วงศานวุ งศ ทีเ่ สด็จพระราชดาํ เนนิ เขา มาในพ้ืนท่ขี องสถานตี ํารวจ
๑๒. ปฏบิ ตั งิ านรว มกบั งานปอ งกนั ปราบปราม ในการควบคมุ ความสงบเรยี บรอ ยกรณมี ี
เหตุพิเศษตา ง ๆ เชน การจดั งานตามประเพณี การชุมนุมประทวง และอนื่ ๆ
๑๓. ปฏิบตั ิงานรว มกับงานปองกนั ปราบปราม เพอื่ ทําการตรวจคนจบั กมุ
๑๔. งานปกปดใหค วามคุม ครองแหลงขา ว และพยาน
๑๕. ประสานการปฏบิ ตั งิ านกบั งานอน่ื ๆ ในสถานตี าํ รวจและหนว ยงานอนื่ ๆ ทเี่ กย่ี วขอ ง
อยางใกลช ิดจรงิ จงั เพอ่ื ใหผ ลในการปอ งกัน ระงบั ปราบปราม กระทําความผดิ
๑๖. ใหคําปรึกษา แนะนํา ตลอดจนปรับปรุงแกไขการปฏิบัติงานของผูใตบังคับบัญชา
ในงานสบื สวน
๑๗. งานควบคมุ ตรวจสอบการปฏบิ ตั งิ านของขา ราชการตาํ รวจ ทงั้ ในดา นการปฏบิ ตั งิ าน
ความประพฤติและระเบียบวินัย
๑๘. การปฏบิ ตั หิ นา ทหี่ ากมเี หตจุ าํ เปน เรง ดว น ใหม อี าํ นาจมอบหมายใหผ ใู ตบ งั คบั บญั ชา
ปฏิบัติหนาท่อี ่ืนไดตามความเหมาะสม แตท ้ังนีต้ องไมเ สียหายตอ หนาท่กี ารงานประจาํ
๑๙. ปฏิบตั ิงานอืน่ ๆ ทีเ่ กยี่ วขอ งกบั งานสบื สวน
๒๐. ปฏิบตั ิงานอื่น ๆ ตามที่ผบู ังคบั บญั ชามอบหมาย
¼Ù»Œ ¯ºÔ μÑ §Ô Ò¹Êº× Êǹ
ÊÒÃÇÑμÃÊ׺Êǹ มีหนาทด่ี งั น้ี
๑. ควบคุม ตรวจสอบ ใหคําปรกึ ษา แนะนาํ ตลอดจนปรบั ปรุงแกไขการปฏิบตั ิงานของ
ผใู ตบังคบั บัญชาในงานสบื สวน
๒. ศกึ ษาเก็บขอมูลในสวนทเ่ี กี่ยวของ และนาํ วิทยาการตางๆ มาใชในการสบื สวน
๓. งานวางแผนสบื สวน
๘
๔. สบื สวนหาขา วและรวบรวมขอ มลู ขอ เทจ็ จรงิ หลกั ฐาน รวมทง้ั ประสานการปฏบิ ตั กิ บั
งานอน่ื ในสถานตี าํ รวจหรอื หนว ยงานอนื่ เพอื่ ประโยชนใ นการรกั ษาความสงบเรยี บรอ ยของประชาชน
อนั ไดแ ก การปองกันเหตรุ าย เหตุรุนแรง การกระทําผดิ ตา ง ๆ ทง้ั จากแหลงขา วทว่ั ไปและแหลง ขาว
ที่จดั ต้ังข้นึ
๕. สืบสวนหาขอเท็จจริง และหลักฐานเพ่ือทราบรายละเอียดของการกระทําความผิด
ทเี่ กิดข้นึ แลว
๖. สืบสวนภายหลังจากรูตัวผูกระทําความผิด ทั้งท่ีเปนคดีท่ีอยูในความรับผิดชอบ
ของสถานตี าํ รวจ และกรณจี บั กมุ คนรา ยตามหมายจบั ของสถานตี าํ รวจอนื่ หรอื หนว ยงานอน่ื เพอื่ รแู หลง
และรายละเอยี ดเพือ่ ใหม ีการจบั กมุ
๗. ดําเนินการเพ่ือใหประชาชนมีสวนรวมในการสืบสวน โดยสรางความสัมพันธกับ
ประชาชนในพื้นที่อยา งใกลช ิดเพอื่ ประโยชนใ นการหาขาว
๘. กรณีการกระทําความผิดใหดําเนินการจบั กุม โดยพจิ ารณาใชก าํ ลงั ตาํ รวจตามความ
เหมาะสมแลว รายงานหัวหนา งานสบื สวนทราบ
๙. ปฏิบัติหนาที่ถวายความปลอดภัยแดองคพระมหากษัตริย พระราชินีและพระบรม
วงศานวุ งศ ทเี่ สดจ็ พระราชดาํ เนนิ เขามาในพื้นทีข่ องสถานีตํารวจ
๑๐. ปฏบิ ตั งิ านรว มกบั งานปอ งกนั ปราบปราม ในการควบคมุ ความสงบเรยี บรอ ย กรณมี ี
เหตุพเิ ศษตา ง ๆ เชน การจัดงานตามประเพณี การชมุ นมุ ประทว ง และอื่น ๆ
๑๑. ปฏิบตั ิงานรวมกบั งานปอ งกันปราบปราม เพ่อื ทาํ การตรวจคน จบั กมุ
๑๒. เมื่อไดรับคําส่ังไมวาจะเปนคําส่ังโดยฉับพลันทันทีหรือตามแผนที่ผูบังคับบัญชา
กําหนดใหป ฏิบัติอยา งหนึ่งอยางใดในการเขาระงับ ปราบปราม จบั กมุ สกดั จับ กใ็ หป ฏิบตั ิตามคําส่ัง
๑๓. งานควบคมุ ตรวจสอบการปฏบิ ตั งิ านของขา ราชการตาํ รวจทงั้ ในดา นการปฏบิ ตั งิ าน
ความประพฤตแิ ละระเบียบวินัย
๑๔. การปฏบิ ตั หิ นา ทห่ี ากมเี หตจุ าํ เปน เรง ดว น ใหม อี าํ นาจมอบหมายใหผ ใู ตบ งั คบั บญั ชา
ปฏิบัติหนาที่อ่ืนไดตามความเหมาะสม แตทั้งน้ีตองไมเสียหายตอหนาที่การงานประจําและตองรีบ
รายงานใหหัวหนางานสืบสวนทราบในทันที
๑๕. ปฏบิ ตั งิ านอ่นื ๆ ทีเ่ กีย่ วของกับงานสืบสวน
๑๖. ปฏบิ ตั ิงานอื่น ๆ ตามทผ่ี บู ังคบั บญั ชามอบหมาย
ÃͧÊÒÃÇÑμÃÊº× Êǹ มีหนา ที่ดังนี้
๑. ปฏบิ ัตงิ านตามท่หี ัวหนางานสบื สวน หรอื สารวัตรสบื สวนมอบหมาย
๒. ปฏบิ ัติงานเชนเดยี วกับสารวตั รสบื สวนตามขอ ๑ – ๑๓
๓. การปฏบิ ตั หิ นา ทหี่ ากมเี หตจุ าํ เปน เรง ดว น ใหม อี าํ นาจมอบหมายใหผ ใู ตบ งั คบั บญั ชา
ปฏิบัติหนาที่อื่นไดตามความเหมาะสม แตท้ังน้ีตองไมเสียหายตอหนาท่ีการงานประจําและตองรีบ
รายงานใหห ัวหนา งานสืบสวนหรือสารวัตรสืบสวนทราบในทันที
๙
๔. ปฏบิ ัตงิ านอื่น ๆ ท่เี กยี่ วของกับงานสืบสวน
๕. ปฏิบัติงานอนื่ ๆ ตามทีผ่ ูบงั คับบัญชามอบหมาย
ÃͧÊÒÃÇÑμà (ตาํ á˹‹§¤Çº¼ÙŒºÑ§¤ÑºËÁÙ‹ ¶§Ö ÃͧÊÒÃÇÑμÃ) งานสบื สวน มหี นา ท่ีดงั น้ี
๑. ปฏบิ ตั งิ านในหนา ทแี่ ละความรบั ผดิ ชอบของตาํ แหนง ระดบั ผบู งั คบั หมทู ป่ี ฏบิ ตั อิ ยเู ดมิ
โดยปฏบิ ตั หิ นา ทใ่ี นสายงานสบื สวน ภายใตก ารกาํ กบั ตรวจสอบโดยทว่ั ไป และอาจไดร บั มอบหมายให
ควบคุมตรวจสอบการปฏิบตั ิงานของขาราชการตาํ รวจจาํ นวนหนึง่
๒. ตดั สนิ ใจ วินจิ ฉยั ส่งั การ แกไ ขปญ หาในงานท่ีรับผดิ ชอบใหเสรจ็ ส้ิน ณ จุดเดยี ว
๓. ปฏบิ ัตหิ นา ที่หัวหนาสายสบื
๔. ปฏิบัติงานดวยตนเองในลักษณะของผูมีประสบการณในงานดานสืบสวนของ
หนว ยงานนน้ั ๆ
๕. ชว ยเหลอื งานของขาราชการตํารวจระดบั ตาํ แหนง สารวตั รหรือเทียบเทา
๖. ปฏิบตั หิ นาท่ีอ่ืนท่ีเก่ียวของหรือตามทีไ่ ดร บั มอบหมายจากผูบังคบั บัญชา
¼ºŒÙ §Ñ ¤ºÑ ËÁÙ‹ Ê׺Êǹ
ทํา˹ŒÒ·è¸Õ ÃØ ¡Òà มีหนาทด่ี ังนี้
(๑) งานธรุ การท่ัวไปของงานสบื สวน
(๒) ปฏบิ ัติหนาทถี่ วายความปลอดภัยแดอ งคพระมหากษตั ริย พระราชินี และพระบรม
วงศานวุ งศ ทีเ่ สดจ็ พระราชดาํ เนินเขามาในพ้ืนทีข่ องสถานีตาํ รวจ
(๓) ปฏิบัติงานรวมกับงานปองกันปราบปราม ในการควบคุมความสงบเรียบรอย
กรณมี เี หตพุ ิเศษตาง ๆ เชน การจัดงานตามประเพณี การชุมนมุ ประทว ง และอ่ืน ๆ
(๔) ปฏบิ ัติงานรวมกบั งานปอ งกันปราบปราม เพ่อื ทาํ การตรวจคนจับกมุ
(๕) ปฏิบตั งิ านอนื่ ๆ ท่เี กย่ี วขอ งกบั งานสบื สวน
(๖) ปฏบิ ตั ิงานอื่น ๆ ตามทผี่ บู ังคบั บญั ชามอบหมาย
ทํา˹ŒÒ·èÕÊ׺Êǹ มีหนา ท่ีดังน้ี
(๑) สบื สวนการกระทาํ ความผดิ ตามประมวลกฎหมายอาญาและการปฏบิ ตั ติ ามประมวล
กฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา
(๒) เก็บรวบรวมสถิติขอมูลในสวนที่เกี่ยวของกับงานสืบสวน รายงานขอมูลสืบสวนตอ
รองสารวัตรสบื สวน หรือสารวัตรสบื สวน หรอื หัวหนา งานสืบสวน
(๓) สบื สวนหาขา วและรวบรวมขอ มลู ขอ เทจ็ จริง หลักฐาน รวมท้ังประสานการปฏิบัติ
กบั งานอน่ื ในสถานตี าํ รวจหรอื หนว ยงานอนื่ เพอื่ ประโยชนใ นการรกั ษาความสงบเรยี บรอ ยของประชาชน
อันไดแก การปองกันเหตุราย เหตุรุนแรงการกระทําผิดตางๆ ทั้งจากแหลงขาวท่ัวไปและแหลงขาว
ท่จี ดั ตัง้ ขน้ึ
(๔) สืบสวนหาขอเท็จจริง และหลักฐานเพื่อทราบรายละเอียดของการกระทําความผิด
ทีเ่ กดิ ขึ้นแลว
๑๐
(๕) สืบสวนภายหลังจากรูตัวผูกระทําความผิดท้ังที่เปนคดีท่ีอยูในความรับผิดชอบของ
สถานีตํารวจ และกรณีจับกุมคนรายตามหมายจับของสถานีตํารวจอื่นหรือหนวยงานอื่น เพื่อรูแหลง
และรายละเอียดเพอื่ ใหมีการจบั กุม
(๖) ดําเนินการเพื่อใหประชาชนมีสวนรวมในการสืบสวนโดยสรางความสัมพันธกับ
ประชาชนในพ้นื ทอี่ ยางใกลช ิดเพื่อประโยชนใ นการหาขา ว
(๗) ปฏิบัติหนาท่ถี วายความปลอดภยั แดองคพ ระมหากษัตริย พระราชินี และพระบรม
วงศานวุ งศ ท่ีเสด็จพระราชดาํ เนินเขา มาในพืน้ ที่ของสถานตี ํารวจ
(๘) ปฏิบัติงานรวมกับงานปองกันปราบปราม ในการควบคุมความสงบเรียบรอย
กรณีมเี หตุพเิ ศษตา ง ๆ เชน การจดั งานตามประเพณี การชมุ นมุ ประทวง และอ่นื ๆ
(๙) ปฏบิ ตั ิงานรว มกับงานปอ งกันปราบปราม เพ่อื ทาํ การตรวจคนจบั กุม
(๑๐) ปฏิบัติการจบั กมุ เมอ่ื พบการกระทาํ ความผดิ หรอื ไดรบั คําส่ังจากผูบ ังคับบัญชา
(๑๑) เมื่อไดรับคําสั่งไมวาจะเปนคําส่ังโดยฉับพลันทันทีหรือตามแผนท่ีผูบังคับบัญชา
กาํ หนดใหปฏิบตั ิอยา งหน่ึงอยางใดในการเขาระงบั ปราบปราม จบั กุม สกดั จับ กใ็ หปฏบิ ัติตามคําส่ัง
(๑๒) งานท่ีปฏิบัติใหเปนไปตามกฎหมาย ระเบียบ คําสั่ง ขอบังคับวาดวยเร่ืองน้ันๆ
หรอื ตามทผ่ี บู งั คับบญั ชามอบหมาย
(๑๓) ปฏิบตั ิงานอื่น ๆ ทีเ่ กีย่ วขอ งกับงานสบื สวน
(๑๔) ปฏบิ ัตงิ านอ่นื ๆ ตามที่ผูบงั คบั บัญชามอบหมาย
ñ.õ »ÃÐàÀ·áÅÐÇ¸Ô ¡Õ ÒÃÊ׺Êǹ
ñ. ¡ÒÃÊº× Êǹ·ÇèÑ ä» ËÃÍ× ¡ÒÃÊº× Êǹ¡Í‹ ¹à¡´Ô àËμØ คอื การสบื สวนรวบรวมขอ มลู ตา งๆ
อันเปน ประโยชนในทางทจ่ี ะนาํ มาใชเ กีย่ วกบั การรกั ษาความสงบเรยี บรอ ยของประชาชน การสืบสวน
ประเภทน้ีเจาพนักงานตํารวจทุกคนตองกระทําเปนปกติเพ่ือหาทางระงับหรือหาทางปองกันมิใหมี
เหตรุ า ยเกดิ ข้ึน โดยถือหลกั ดาํ เนินการสืบสวน ดงั นี้
๑.๑ ภูมิประเทศ ตองรูจักสภาพพ้ืนท่ีในเขตท่ีตนรับผิดชอบ ตลอดจนพื้นที่
ใกลเ คยี ง เสน ทางคมนาคมทง้ั ทางบก และทางนาํ้ เสน ทางสญั จรของประชาชน ทง้ั เสน ทางหลกั ตรอก
ซอกซอย เสน ทางลดั การเชอ่ื มตอ กนั ของเสน ทางตา งๆ รวมทงั้ พน้ื ทหี่ รอื เสน ทางทลี่ อ แหลมตอ การเกดิ
อาชญากรรมหรอื เหตรุ ายตา ง ๆ โดยใหหม่ันไปตรวจตราและหาทางปอ งกันเหตุ
๑.๒ สถานท่ี ตองรูจักอาคารสถานท่ีสําคัญท่ีควรสนใจเปนพิเศษ เชน สถานทูต
ทีพ่ กั อาศยั ของบุคคลสาํ คญั สถานศกึ ษา โรงงาน โรงมหรสพ โรงแรม สถานบรกิ าร ธนาคาร สถานที่
ราชการหรอื สถานที่อ่ืน ซึ่งลอ แหลมตอการกอความไมสงบ วาอยูท ใ่ี ด มที างเขาออกอยางไร และใคร
เปน ผดู แู ลรับผดิ ชอบ เปนตน โดยใหส ถานีตาํ รวจทุกแหง ทาํ แผนทีแ่ สดงทตี่ ้งั อาคารและสถานทต่ี างๆ
ไวป ระจําสถานี และตอ งตรวจตราแกไขแผนที่ใหตรงกับความเปน จรงิ เสมอ
๑๑
๑.๓ ประเภทและความประพฤตขิ องบคุ คล เจา พนกั งานตาํ รวจตอ งรวู า ประชาชน
ในพ้ืนที่รับผิดชอบผูใดประกอบอาชีพใด ผูใดเปนผูมีอิทธิพล ผูมีประวัติทางโจรกรรม เปนซองโจร
รับของโจร ผูท่ีเคยตองโทษ ผูเสพสุรา ยาเสพติดเปนอาจิณ ผูประพฤติเท่ียวเตรไมประกอบอาชีพ
และไมม ที อี่ ยเู ปน หลกั แหลง คนเหลา นท้ี กุ สถานตี าํ รวจตอ งทาํ บญั ชไี วโ ดยทางลบั และสบื สวนอยา งใกลช ดิ
วา คนจาํ พวกนย้ี งั ประพฤตชิ วั่ หรอื กลบั ตนเปน คนดปี ระการใด แกไ ขเพม่ิ เตมิ บญั ชใี หต รงตามความเปน จรงิ
อยูเสมอ และควรสืบสวนใหรูจักบุคคลท่ีควรสนใจเปนพิเศษ เชน บุคคลสาํ คัญ ทูตานุทูต สมาชิก
รัฐสภา เปนตน นอกจากน้ีควรสืบสวนถึงกิริยาเปนพิรุธหรือนาสงสัยของบุคคลอีกดวย เชน มั่วสุม
ประชมุ เล้ยี งสรุ ากนั หรอื มอี าวธุ เที่ยวเตร ไปมาไมม ีทอี่ ยเู ปนหลกั แหลง เพ่อื เปน แนวทางการสืบสวน
ข้ันตอ ไปวา บคุ คลเหลานั้นจะไปกระทําผิด หรอื ไดก ระทําผิดในทางอาญาแลว หลบหนีมาหรือไม
๑.๔ บุคคลหรือส่ิงของที่ควรสงสัย โดยมีเหตุและรายละเอียดตามสมควร
เจา พนักงานตํารวจตอ งสืบสวนและตรวจคน เชน คนทมี่ ีอาวธุ เปอ นคราบโลหติ และทํากริ ิยาซอ นเรน
เปน พิรุธ หรอื คนที่มสี ิ่งของเกินกวาฐานะซ่ึงบุคคลธรรมดาไมอ าจจะมไี ดหรอื มขี อพิรุธอืน่ ๆ ทน่ี าสงสัย
วาไดมาโดยไมสุจริต ตองพยายามสืบสวนใหไดทราบและเก็บไวเปนขอมูล เพื่อดําเนินการตามควร
แกก รณีตอ ไป
ò. ¡ÒÃÊ׺ÊǹμÒÁàËμ¡Ø Òó· àèÕ ¡´Ô ¢Öé¹ ËÃÍ× ¡ÒÃÊº× ÊǹËÅ§Ñ à¡Ô´àËμØ คอื การสบื สวน
ในเมื่อมีเหตุเกิดข้ึนแลว เพ่ือแสวงหาขอเท็จจริงและหลักฐานประกอบคดี เพื่อใหไดรายละเอียดวา
ความผิดเกิดข้ึนท่ีใด เม่ือใด ใครเปนผูกระทําผิด วิธีการกระทําความผิดเปนเชนใด ตลอดจนสืบสวน
ถงึ มูลเหตุจงู ใจในการกระทําผดิ และใหไ ดตัวผกู ระทําความผิด
¢¹Ñé μ͹¢Í§¡ÒÃÊ׺Êǹ ñõ ¢é¹Ñ μ͹
๑. การแสวงหาขอ เทจ็ จรงิ
๒. การแสวงหาพยานหลกั ฐานมาพิสจู นยนื ยันขอเทจ็ จริง ตามขอ ๔.๑
๓. การวเิ คราะหข อเท็จจริงและพยานหลักฐาน
๔. การสรปุ ขอเท็จจริงและพยานหลักฐาน เพอ่ื พสิ จู นความผดิ และคนผิด
๕. การสงมอบพยานหลกั ฐานใหพ นักงานสอบสวนผรู ับผดิ ชอบ
๑๒
๖. การตดิ ตามผูกระทาํ ผิดเพอื่ จบั กมุ มาดําเนินคดี
๗. การเลือกใชวธิ กี ารจบั กมุ ท่มี ีประสิทธิภาพและปลอดภัย
๘. การซกั ถามปากคาํ ผตู อ งหาและพยานทเี่ กย่ี วขอ งเพอ่ื ทราบขอ เทจ็ จรงิ อกี ครง้ั หนงึ่
๙. การแสวงหาขอเทจ็ จรงิ และพยานหลักฐานเพิม่ เตมิ
๑๐. การตรวจสอบและสรุปขอเท็จจริงพยานหลักฐานเพ่ือพิสูจนความผิดคนผิด
กอ นสง ฟองศาล
๑๑. การใหค วามคุม ครองและดูแลพยานบุคคล
๑๒. การใหการเปนพยานในกระบวนการยุติธรรม นับแตช้ันพนักงานสอบสวน
อัยการ และศาล
๑๓. การสืบสวนขยายผลใหถ ึงท่ีสุด
๑๔. การเก็บรวบรวมขอมลู ของการกระทําผิด คนผิด การสืบสวน สอบสวน ไวเ ปน
แฟมคดีสบื สวนอยางเปน ระบบ
๑๕. การนาํ ขอมลู อาชญากรรมจากแฟม คดีสบื สวนไปใชป ระโยชน
ñ. ¡ÒÃáÊǧËÒ¢ŒÍà·ç¨¨ÃÔ§·àèÕ ¡ÂÕè ǡѺ¡ÒáÃÐทาํ ¼´Ô
เปนการแสวงหาขอเท็จจริงและพยานหลักฐานตาง ๆ ทุกชนิดของนักสืบท้ังกอน
เกดิ เหตุ ขณะเกดิ เหตุ และหลงั เกดิ เหตุ เพอื่ นาํ ไปใชใ นการรกั ษาความสงบเรยี บรอ ย วางแผนการปอ งกนั
ปราบปรามอาชญากรรม และการคลี่คลายคดี
ซ่ึงนักสืบจะตองมีความรูเร่ืองพยานหลักฐานในกระบวนการยุติธรรม ไดแก
พยานบุคคล พยานวัตถุ พยานเอกสาร และพยานพฤตกิ รรมขอ เทจ็ จรงิ อกี ทัง้ นักสืบยังจะตองรูล กึ
ไปอกี วา พยานหลกั ฐานทส่ี ามารถใชไ ดใ นกระบวนพจิ ารณาชน้ั ศาล พยานหลกั ฐานทใ่ี ชไ มไ ดใ นกระบวน
พิจารณาช้นั ศาล พยานหลกั ฐานใดมีน้าํ หนกั ไมม นี า้ํ หนัก การกระทาํ ใดของเจาหนาทท่ี ี่จะทาํ ใหศาล
ตัดพยานหลักฐานออกจากสํานวนคดี เปนตน เพราะการสืบสวนมิไดจบอยูแคนักสืบ จะตอง
นาํ ขอ เทจ็ จรงิ และหลกั ฐานทแี่ สวงหาไดไ ปดาํ เนนิ การออกหมายจบั และสง ใหพ นกั งานสอบสวนรวบรวม
เพอ่ื ใหพนกั งานอยั การสงฟอ งและนําตัวผูต อ งหาไปสืบพยานดาํ เนินคดชี น้ั ศาลอีกตอ ไป
¢ŒÍà·¨ç ¨ÃÔ§áÅоÂÒ¹ËÅ¡Ñ °Ò¹·Õàè ¡èÂÕ Ç¡ºÑ ¡ÒáÃÐทาํ ¼´Ô ầ‹ Í͡໹š
Áµn ¸ÉÁ®È Ä®o
Áµn ¸¦É ¼o ¦ªo
¤¼¦r
¤µªµn ¸¦É ´¦o¼
๑๓
¡ÒÃáÊǧËÒ¢ŒÍà·ç¨¨ÃÔ§·Õèà¡ÕèÂǡѺ¡ÒáÃÐทํา¼Ô´ à·‹Ò·èÕàËç¹à·‹Ò·èÕÃÙŒ ไดแก การสืบสวน
กอนเกิดเหตุ (ขอมูลทองถ่ิน, ฐานขอมูลการสืบสวน เปนตน) การสืบสวนหลังเกิดเหตุ (ส่ิงที่พบเห็น
ในท่ีเกิดเหตุจากการตรวจสถานท่เี กิดเหตุ เปน ตน) ซึ่งเปนขอ เทจ็ จริงและพยานหลักฐานที่นกั สบื หาได
ในวงรอบแรกในการสบื สวนคดี สว นขอ เทจ็ จรงิ ทเี่ กย่ี วกบั การกระทาํ ผดิ ขณะเกดิ เหตนุ น้ั เปน ขอ เทจ็ จรงิ
ทนี่ กั สืบไมร ซู ่ึงนกั สบื จะตอ งหาวิธกี ารใหรับรูใ นวงรอบการสบื สวนตอ ๆ ไป
¡ÒÃáÊǧËÒ¢ŒÍà·ç¨¨ÃÔ§·èÕà¡èÕÂǡѺ¡ÒáÃÐทาํ ¼Ô´ÁÒ¡¡Ç‹Ò·ÕèÃѺÃÙŒ ไดแก สวนขอเท็จจริง
ที่เก่ียวกับการกระทําผิดกอนเกิดเหตุ ขณะเกิดเหตุ หลังเกิดเหตุ และขอเท็จจริงและพยานแวดลอม
กรณที น่ี กั สืบยงั ไมร ู ซ่ึงนักสบื จะตองหาวิธีการใหร ับรูต อ ไป เชน
๑. จุดท่ีพบศพเปนท่ีเกิดเหตุจริงหรือไม ที่เกิดเหตุหลัก (first crime scene)
ท่ีเกดิ เหตรุ อง (secondary crime scene)
๒. ผตู าย เปนใคร
๓. ผตู ายตายเมอื่ ไหร
๔. ผตู ายมาจากไหน จะไปไหน เปน ตน
¡ÒÃáÊǧËҢ͌ à·¨ç ¨Ã§Ô ·àÕè ¡ÂÕè Ç¡ºÑ ¡ÒáÃÐทาํ ¼´Ô ãˤŒ ú¶ÇŒ ¹ÊÁºÃÙ ³ คอื การหาขอ เทจ็ จรงิ
และพยานหลักฐานในสว นจ๊กิ ซอวท่ีขาดหายไปใหครบถวนสมบรู ณ เชน
๑. ประวตั ภิ มู ิหลงั ผูตาย
๒. มูลเหตกุ ารณฆาตกรรม เหตุขดั แยง ของผูตาย
๓. ขอ มลู การใชโ ทรศพั ทเ ปรยี บเทยี บยนื ยนั คาํ ใหก ารของผตู อ งหา พยาน เปน ตน
๔. ผลการตรวจพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตรจากกองพิสูจนหลักฐาน
นติ เิ วชวิทยา เปนตน
ò. áÊǧËÒ¾ÂÒ¹ËÅ¡Ñ °Ò¹¾Ôʨ٠¹Â ×¹Âѹ¢ŒÍà·ç¨¨Ã§Ô
เปน การหาขอ เทจ็ จรงิ และพยานหลกั ฐานมายนื ยนั กบั ขอ เทจ็ จรงิ ทร่ี ทู เ่ี หน็ (เทา ทเี่ หน็
เทา ท่ีรู) มากกวาที่รับรขู องนกั สืบ เชน การสอบพยานยืนยันประวัติภูมิหลงั ของผตู าย เปน ตน
ó. ÇÔà¤ÃÒÐË¢ŒÍà·ç¨¨ÃÔ§áÅоÂÒ¹ËÅÑ¡°Ò¹»ÃСͺ¡Ñ¹ à¾è×Í·ÃҺNjҾÄμÔ¡ÒóáË‹§
¡ÒáÃÐทํา¤ÇÒÁ¼Ô´·èÕá·Œ¨Ãԧ໚¹Í‹ҧäà คือ การประชุมวิเคราะหขอเท็จจริงทางคดี มีหลักปฏิบัติ
ดังน้ี
๑. ตอ งรับฟง เหตุผลของผูรว มประชมุ วเิ คราะห
๒. หลักและเหตุผลการประชุมวิเคราะหขอเท็จจริง ตองอาศัยพยานหลักฐาน
ประกอบ จึงจะไดขอเท็จจรงิ ทางคดี
ô. ÊÃØ»¢ŒÍà·ç¨¨ÃÔ§áÅоÂÒ¹ËÅÑ¡°Ò¹ à¾×è;ÔÊÙ¨¹¤ÇÒÁ¼Ô´ ¤¹¼Ô´ เปนการสรุป
ขอ เทจ็ จรงิ ทางคดี ซงึ่ มีพยานหลกั ฐานประกอบ เพื่อพิสจู นความผิด และเพอื่ ทราบตวั คนราย
๑. ไดข อเท็จจรงิ
๒. มีพยานหลกั ฐานประกอบพรอม
๓. ทราบตวั ผกู ระทําผดิ
๑๔
õ. Ê‹§Áͺ¾ÂÒ¹ËÅÑ¡°Ò¹ãËŒ¾¹Ñ¡§Ò¹ÊͺÊǹ¼ÙŒÃѺ¼Ô´ªÍº หลักงานสืบสวนตองทํา
ควบคไู ปกับงานสอบสวน ดงั นี้
๑. เปน การนาํ พยานหลักฐานเขาสสู ํานวนการสอบสวน
๒. รายงานการสืบสวนประกอบเอกสารที่เก่ียวของ เชน เอกสารการตรวจสอบ
การใชโทรศัพทของผูตาย ผูตองสงสัย ขอมูลการวิเคราะหการใชโทรศัพทของผูตองหาจากโปรแกรม
Analysis link notebook (I๒) เปน ตน
๓. พนกั งานสอบสวนขออนุมตั ศิ าลออกหมายจับ
ö. Ê׺Êǹμ´Ô μÒÁ¼Œ¡Ù ÃÐทาํ ¼Ô´à¾èÍ× ¨Ñº¡ÁØ ÁÒดําà¹¹Ô ¤´Õ ตรวจสอบตามแนวทางตอไปน้ี
๑. ตรวจสอบจากการใชโทรศพั ทเ คลือ่ นท่ี (Cell Side Mobile Phone)
๒. ตรวจสอบจากประกันสงั คม เพ่อื ทราบวาทาํ งานทไี่ หน
๓. ตรวจสอบประกนั สุขภาพ
๔. ตรวจสอบจากเครอื ญาติ
๕. ตรวจสอบจากบุคคลผูกวางขวาง
๖. ใชส ายลบั
๗. ตัง้ รางวลั นําจบั เปน ตน
÷. àÅ×͡㪌ÇÔ¸Õ¡ÒèѺ¡ØÁ·èÕÁÕ»ÃÐÊÔ·¸ÔÀÒ¾áÅлÅÍ´ÀÑ เชน กดดันใหมอบตัว
เรยี กมาแจง ขอ กลา วหา เจรจาผา นบุคคลผูก วางขวางในพ้นื ท่ี เปนตน
ø. «Ñ¡¶ÒÁ»Ò¡คาํ ¼ŒÙμŒÍ§ËÒáÅоÂÒ¹·èÕà¡èÕÂÇ¢ŒÍ§à¾è×Í·ÃÒº¢ŒÍà·ç¨¨ÃÔ§ÍÕ¡¤ÃÑé§Ë¹Öè§
ในการสบื สวน ผูส ืบสวนตอ งมีทักษะและความชํานาญในการซกั ถาม ไดแ ก
๑. การซักถามผูตองสงสัย ตามหลักวิชาเพ่ือใหไดขอเท็จจริงและพยานหลักฐาน
ครบถว นสมบรู ณ เพอื่ จับขอพิรุธ หรือเพื่อขยายผลคดี เปน ตน
๒. การซักถามประจักษพยาน ตามประเด็นเพ่ือใหไดประโยชนแกรูปคดี
การซักถามน้ัน ผูซักถามจะวางตัวอยางไร ใหพยานเช่ือถือและวางใจท่ีจะใหขอเท็จจริง
เปน ไปตามหลกั วชิ า
๓. การซักถามพยานแวดลอม เพ่ือกาํ ชับขอเท็จจริงและพยานหลักฐานที่เปน
ประจกั ษพยาน หรอื พยานนติ ิวทิ ยาศาสตร ใหมีความแนนแฟนมากยง่ิ ขนึ้ เพ่ือเปนประโยชนต อรูปคดี
การซกั ถามเพมิ่ เติมเพอื่ ประโยชน ดังน้ี
- เพ่อื ทราบขอ เทจ็ จรงิ เพิ่มเตมิ ใหไดร ายละเอียด
- เพื่ออุดชองวา งรายละเอยี ดใหส มบูรณ
- เพ่ือหาพยานหลกั ฐานเพมิ่ เตมิ ใหล ะเอยี ด
ù. áÊǧËҢ͌ à·¨ç ¨ÃÔ§áÅоÂÒ¹ËÅÑ¡°Ò¹à¾èÁÔ àμÔÁ
๑. เพื่อใหคดีสมบรู ณ
๒. เพื่อใหห ลกั ฐานทางคดพี รอ มในการดาํ เนินคดีกับผูต องหา
๑๕
ñð. μÃǨÊͺáÅÐÊÃØ»¢ŒÍà·ç¨¨ÃÔ§áÅоÂÒ¹ËÅÑ¡°Ò¹à¾è×;ÔÊÙ¨¹¤ÇÒÁ¼Ô´ ¤¹¼Ô´
¡Í‹ ¹Ê§‹ ¿‡Í§ÈÒÅ
๑. ชดุ สืบสวนและพนกั งานสอบสวน ชวยกนั ตรวจสอบ
๒. หวั หนาสถานตี าํ รวจควบคุมตรวจสอบกอ นมีคาํ สง่ั ทางคดี
ññ. ãËŒ¤ÇÒÁ¤ŒØÁ¤ÃͧáÅдá٠žÂÒ¹ºØ¤¤Å
๑. ศึกษาดูระเบยี บการคมุ ครองพยาน
๒. เพื่อความปลอดภยั ของพยานท่ีจะเบิกความตอศาล
๓. เพื่อไมใหพ ยานถกู ขม ขแู ละกลบั คาํ ใหการ โดยเฉพาะพยานท่ถี กู กนั ตวั มาจาก
ผตู อ งหามาเปน พยาน
ñò. ãËŒ¡ÒÃ໚¹¾Âҹ㹡Ãкǹ¡ÒÃÂØμÔ¸ÃÃÁ ¹Ñºá싪éѹ¾¹Ñ¡§Ò¹ÊͺÊǹ ÍÑ¡ÒÃ
áÅÐÈÒÅ
๑. นักสืบตองอานและตรวจคําใหการอยางละเอียดกอนลงชื่อในคําใหการ
เพราะสวนใหญพนักงานสอบสวนไมไดสอบตอหนา จะสอบอางอิงบันทึกการจับกุมและรายงาน
การสืบสวนเพราะบางประเดน็ ซงึ่ เปน ประเดน็ สาํ คัญจะขาดหายไป
๒. นกั สืบที่จะเบกิ ความตอศาล ตอ งเตรยี มตวั กอ นเบิกความ โดยเฉพาะพยานคู
ตองเบิกความสอดคลองตรงกัน หากเบิกความขัดแยงกันในขอเท็จจริง อาจทําใหศาลยกฟองเสียรูป
คดีได ในคดีสาํ คัญนกั สืบควรไปดูสถานทเี่ กิดเหตุอกี ครง้ั เพราะท่เี กิดเหตุทนายจาํ เลยจะใชประโยชน
ในการถามคา น
๓. พยานซึ่งเปนบุคคลธรรมดา นักสืบและพนักงานสอบสวน ควรนัดมาซอม
คําใหการกอนเบิกความ เพราะปจจุบันทางอัยการจะไมคอยซอมพยาน ไมใชไมเช่ือถืออัยการ
แตร ะยะหลงั ฝา ยผูตอ งหาจะมกี ารวิง่ เตนอัยการ หรือวิ่งผา นทนายความ
ñó. Êº× Êǹ¢ÂÒ¼Åã˶Œ Ö§·ÊèÕ Ø´ โดยดวู า
๑. สามารถจบั กุมขยายผลผรู วมกระทําผดิ ท้ังหมด ครบถวนไหมหากไมค รบถว น
ดําเนนิ การขยายผลใหครบถว น
๒. เคร่ืองมือเครือ่ งใช อาวุธ หรอื พยานหลกั ฐานอืน่ ๆ ท่ีนา จะมีเหลอื อยเู พิม่ เตมิ
ดําเนนิ การตรวจสอบใหค รบถวน
๓. ทรัพยสินของผูเสียหายท่ีถูกประทุษรายยังไมไดคืน ติดตามมาเปนของกลาง
และคืนแกเจาทรัพย ซึ่งจะเปนประโยชนแกรูปคดี และสรางความศรัทธาแกประชาชนผูไดรับความ
เสยี หาย
๔. สรปุ สาเหตหุ รอื แรงจูงใจในการกระทําผิดสุดทายทีแ่ ทจ รงิ อกี ครั้งหนงึ่
๕. การกระทําผิดในคดีอ่ืนกอนเกิดเหตุและกอนจับกุม เพื่อฟองลงโทษผูตองหา
ใหม ากท่ีสุดเทา ทจี่ ะทําได
๑๖
ñô. ࡺç ÃǺÃÇÁ¢ŒÍÁÅÙ ¢Í§¡ÒáÃÐทํา¼Ô´ ¤¹¼´Ô ¡ÒÃÊº× ÊǹÊͺÊǹ änj໹š á¿Á‡ ¤´Õ
Êº× ÊǹÍ‹ҧ໚¹Ãкº
๑. เพอื่ สบื สวนคดีตอใหส าํ เร็จ
๒. เพอ่ื ศกึ ษาวเิ คราะหค ดอี าชญากรรมและบนั ทกึ แนวทางสบื สวนไวเ ปน กรณศี กึ ษา
ตอ ไป
ñõ. นํา¢ÍŒ ÁÅÙ ÍÒªÞÒ¡ÃÃÁ¨Ò¡á¿Á‡ ¤´ÊÕ º× Êǹä»ãª»Œ ÃÐ⪹ ในการเพม่ิ ประสทิ ธภิ าพ
การปองกันปราบปรามอาชญากรรม และการรักษาความสงบเรียบรอยของประชาชนใหมากย่ิงขึ้น
ตอไป
ñ.ö ¡ÒÃÊͺÊǹ
»ÃÐÁÇÅ¡®ËÁÒÂÇÔ¸Õ¾¨Ô ÒóҤÇÒÁÍÒÞÒ ÁÒμÃÒ ò
(๑๑) “การสอบสวน หมายความถึง การรวบรวมพยานหลักฐานและการดําเนินการ
ท้ังหลายอื่นตามบทบัญญัติแหงประมวลกฎหมายนี้ ซึ่งพนักงานสอบสวนไดทําไปเกี่ยวกับความผิด
ที่กลาวหาเพ่ือที่จะทราบขอเท็จจริงหรือการพิสูจนความผิด และเพื่อจะเอาตัวผูกระทําผิด
มาฟอ งลงโทษ”
การสอบสวนจะมีไดเฉพาะกรณีหลังกระทําผิดเทาน้ัน เพราะกฎหมายบัญญัติคํานิยาม
ขางตนวาเปนการรวบรวมพยานหลักฐานดําเนินการท้ังหลายอ่ืนซ่ึงพนักงานสอบสวนไดทําไป
เก่ียวกับความผิดที่กลาวหา ดังนั้น หากยังไมมีการกลาวหา กลาวคือ ยังไมมีคํารองทุกขหรือ
คาํ กลา วโทษ พนักงานสอบสวนไมมีอํานาจสอบสวน และเม่อื พนักงานสอบสวนไมม ีอํานาจสอบสวน
พนักงานอัยการก็ไมมีอํานาจฟองคดีตอศาลเพราะกฎหมายหามมิใหพนักงานอัยการยื่นฟองคดีใด
ตอศาล โดยมิไดมีการสอบสวนในความผิดน้ันกอนซ่ึงแตกตางจากการสืบสวน ซ่ึงมิไดท้ังกอนการ
กระทาํ ผดิ และหลงั กระทาํ ผดิ โดยทกี่ รณกี อ นการกระทาํ ผดิ เปน การทาํ ไปเพอ่ื รกั ษาความสงบเรยี บรอ ย
เชน การสง รถตาํ รวจสายตรวจออกพนื้ ทห่ี าขา วและปอ งกนั ปราบปรามจบั กมุ ผกู ระทาํ ผดิ ซง่ึ หนา เปน ตน
คํารองทุกข ไดแก การที่ผูเสียหายไดกลาวหาตอเจาหนาท่ีตามบทบัญญัติแหงประมวล
กฎหมายนี้ วามีผูกระทําความผิดขึ้น จะรูตัวผูกระทําความผิดหรือไมก็ตาม ซ่ึงกระทําใหเกิดความ
เสยี หายแกผ ูเสยี หาย และการกลา วหาเชนนนั้ ไดก ลา วโดยมีเจตนาจะใหผูกระทําความผิดไดร บั โทษ
คาํ กลาวโทษ ไดแ ก การทบ่ี ุคคลอื่นซ่งึ ไมใชผ ูเสยี หายไดกลาวหาตอเจาหนาที่ วามบี ุคคล
รตู ัวหรือไมก็ดี ไดก ระทําความผิดอยางหนึง่ ขน้ึ
ผมู อี าํ นาจสอบสวนคดอี าญา กฎหมายกาํ หนดใหเ ปน หนา ทข่ี องพนกั งานสอบสวนเทา นนั้
ซง่ึ ไดแ ก พนกั งานฝา ยปกครองหรอื ตาํ รวจชนั้ ผใู หญ ปลดั อาํ เภอ และขา ราชการตาํ รวจซง่ึ มยี ศตงั้ แตช น้ั
นายรอยตาํ รวจตรี หรือเทียบเทานายรอ ยตาํ รวจตรขี ึน้ ไป มอี ํานาจสอบสวนความผิดอาญาซึ่งไดเกิด
หรอื อา ง หรอื เชอ่ื วา ไดเ กดิ ภายในเขตอาํ นาจของตน หรอื ผตู อ งหามที อ่ี ยู หรอื ถกู จบั ภายในเขตอาํ นาจ
๑๗
ของตนได ตามประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา มาตรา ๑๘ หรอื มาตรา ๑๙ และจะมอี าํ นาจ
สอบสวนเฉพาะภายในเขตอํานาจของตนเทานั้น แตห ากมีกฎหมายพเิ ศษกาํ หนดใหผ ใู ดเปน พนกั งาน
สอบสวน ก็เปนไปตามขอยกเวนน้ันๆ เชน พ.ร.บ.ปองกันปราบปรามยาเสพติดใหโทษ พ.ศ.๒๕๑๙
ใหอ าํ นาจคณะกรรมการ ป.ป.ส. มอี าํ นาจในการสบื สวน สอบสวน และการฟอ งคดคี วามผดิ ตามกฎหมาย
เก่ียวกับยาเสพติดใหโทษ หรือ พ.ร.บ.ปองกันและปราบปรามการกระทําเปนโจรสลัด พ.ศ.๒๕๓๔
ใหอ าํ นาจเจา หนา ทที่ หารเรอื ทาํ การสอบสวนในเบอื้ งตน ในความผดิ ฐานโจรสลดั ในทะเลหลวง เปน ตน
จากหลักเกณฑของกฎหมายดังกลาวจะเห็นไดวา การสืบสวนสอบสวนในคดีอาญาน้ัน
แบงออกเปนงานสืบสวนและงานสอบสวนแยกจากกัน แตงานทั้งสองมีกระบวนการท่ีปฏิบัติควบคู
กันไป มีความสัมพันธเช่ือมโยงเปาหมายเดียวกัน น่ันก็คือการรักษาความสงบเรียบรอยใหเกิดขึ้น
ในสังคม ซึ่งสังคมจะปลอดภัยไดก็ตอเม่ือมีการบังคับใชกฎหมายอยางสอดลองและมีประสิทธิภาพ
นน่ั เอง
¡ÒÃÊ׺Êǹ¡ºÑ ¡ÒÃÊͺÊǹ â´ÂËÅÑ¡¨ÐÁ¤Õ ÇÒÁáμ¡μ‹Ò§·àèÕ Ë¹ç ä´ŒªÑ´ ó »ÃСÒÃ
ñ. ¡ÃͺàÇÅÒ
- การสบื สวน อาจจะสบื สวนไดท งั้ กอ นมกี ารกระทาํ ความผดิ เพอื่ รกั ษาความสงบเรยี บรอ ย
เชน การไปสืบหาบุคคลท่ีมีพฤติการณไมนาไววางใจมาบันทึกไวในฐานขอมูลเก็บไวกอน หรืออาจ
สืบสวนภายหลังจากมีการกระทาํ ความผดิ แลว เพอ่ื ใหไดรายละเอียดของความผดิ
- การสอบสวน ตองกระทําภายหลังมีการกระทําความผิดเกิดขึ้นแลวเทาน้ัน
เพราะการสอบสวนเปน การรวบรวมพยานหลักฐานเพ่อื นําตัวผูกระทําผดิ มาลงโทษ
ò. à¢μอาํ ¹Ò¨
- การสืบสวน มีเขตอํานาจท่ัวราชอาณาจักร ไมวาเจาหนาที่ทองที่ใดก็มีอํานาจสืบสวน
ทง้ั สนิ้
- การสอบสวน ตอ งกระทําโดยเจา หนา ท่ขี องทอ งทท่ี ีม่ เี ขตอํานาจ เชน ทองท่ที ีค่ วามผดิ เกิด
เชอ่ื วา ไดเกิด อา งวาไดเกดิ หรือทองทท่ี ่ีผูตองหาถกู จับ หรอื ผูตอ งหามีทอี่ ยู เปน ตน
ó. ¼ŒÙÁอÕ าํ ¹Ò¨
- ผมู อี าํ นาจสบื สวน ไดแ ก พนกั งานฝา ยปกครองและตาํ รวจ ไมว า จะมชี นั้ ยศใด หรอื หนา ที่
อยางไร ก็มอี าํ นาจสบื สวนทง้ั สน้ิ
- ผูมีอํานาจสอบสวน ไดแก พนักงานฝายปกครอง หรือตํารวจช้ันผูใหญ ปลัดอําเภอ
และขาราชการตํารวจซ่ึงมียศต้ังแตช้ันนายรอยตํารวจตรีหรือเทียบเทา นายรอยตํารวจตรีข้ึนไป
ซง่ึ มเี ขตอาํ นาจและมหี นาทีส่ อบสวน (เชน สว.จราจร สอบสวนไมไ ด เพราะไมมีหนา ที่สอบสวน)
๑๙
º··èÕ ò
¢ŒÍà·¨ç ¨Ã§Ô
ò.ñ ¤ÇÒÁËÁÒÂ
(ตามพจนานุกรมฉบบั บณั ฑติ ยสถาน ๒๕๒๕) หมายถึง
- ความจรงิ , ความเปนจรงิ , ขอ สรุป, ขอพสิ จู น
- เร่ืองหรือประเด็นที่เก่ียวของกับเหตุการณ พฤติกรรม หรือสิ่งใดที่เกิดข้ึน ที่มีอยูจริง
หรือเปน ไป
- (ขอเท็จจริงของกฎหมาย) ขอความหรือเหตุการณที่วินิจฉัยวาเปนจริง (แตกตางจาก
ขอ กฎหมาย)
ò.ò ¢ŒÍà·ç¨¨ÃÔ§¡Ñº¢ÍŒ ¤´Ô àËç¹
ò.ò.ñ ÅѡɳТͧ¢ÍŒ à·ç¨¨Ã§Ô
(๑) มคี วามเปนไปได
(๒) มีความสมจรงิ
(๓) มีหลกั ฐานเชอื่ ถอื ได
(๔) มีความสมเหตุสมผล
ò.ò.ò ÅѡɳТͧ¢ŒÍ¤Ô´à˹ç
(๑) เปนขอ ความแสดงความรสู ึก
(๒) เปนขอความแสดงความคาดคะเน
(๓) เปน ขอ ความแสดงการเปรียบเทยี บหรืออุปมาอปุ ไมย
(๔) เปน ขอ เสนอแนะหรือความคดิ เห็นของผพู ูดหรือผเู ขยี นเอง
ò.ò.ó ¢ÍŒ áμ¡μ‹Ò§ÃÐËÇÒ‹ §¢ŒÍà·¨ç ¨Ã§Ô áÅТ͌ ¤´Ô àËç¹
¢ŒÍà·¨ç ¨ÃÔ§ สามารถพิสูจน สนบั สนนุ ยืนยันได
¢ŒÍ¤Ô´à˹ç เปน ความเหน็ ความรสู กึ นกึ คดิ ของผสู ง สารทสี่ อดแทรกอยใู นเนอ้ื หา
ไมส ามารถสนบั สนนุ ยืนยนั ได
ò.ó ¡ÒÃáÊǧËÒ¢ŒÍà·ç¨¨Ã§Ô ¨Ò¡¡Òë¡Ñ ¶ÒÁ
การซักถามเจา ทุกข ผูเสยี หาย พยาน ผูตอ งสงสยั หรือผูต อ งหาเบอื้ งตนนั้น เปน การซกั ถาม
ที่ตองรีบดําเนินการหลังเกดิ เหตใุ หม ๆ เพราะ
- ยงั อยูในความจําท่ยี งั ไมลมื เหตุการณทีต่ นไดเหน็ มา
- ยงั ไมมผี ูใดมาช้แี นะวาตองพดู อยางไร
๒๐
- ยังไมมีเวลาท่ีจะคิดหรือออกความเห็นที่จะตอเติม หรือคาดคะเนวา เหตุการณนาจะ
เปน อยางนั้น นาจะเปน อยางน้ี หรือผลนา จะเปนอยา งไร
- ยังไมมีความเกรงกลวั ตออิทธิพลของฝายใดฝายหนึง่
- ยังไมคิดทจี่ ะชวยเหลือ หรอื เอนเอยี งเขาขา งฝา ยใดฝายหน่งึ
ÈÔÅ»Ð㹡Òëѡ¶ÒÁ¤´ÍÕ ÒÞÒ¤Í× ÍÐäÃ
คอื กลวธิ ที เ่ี ฉลยี วฉลาดในการซกั ถาม เจา ทกุ ข ผเู สยี หาย พยาน ผตู อ งสงสยั หรอื ผตู อ งหา
ดวยวิธีการตางๆ เพ่ือใหผูถูกซักถามพูดความจริงตามท่ีเขาไดเห็นเหตุการณมา แลวนาํ มารวบรวม
เปนขอมูลที่มีประโยชนในการสืบสวนหาพยานหลักฐาน และติดตามตัวผูกระทําความผิดมาดาํ เนินคดี
และพิสูจนการกระทาํ ความผิดของผูตองหา (และจะตองคอยประสานกับพนักงานสอบสวนทุกระยะ
เพ่ือใหการสืบสวนและการสอบสวนเปนไปในทิศทางเดียวกัน และรวดเร็วข้ึนในกรณีที่ผูซักถามมิได
เปนพนักงานสอบสวน)
ʶҹ·èÕ㹡Òë¡Ñ ¶ÒÁ¤ÇÃ໚¹ÍÂÒ‹ §äÃ
- เปนหอ งธรรมดา เงยี บ ไมมีเสยี งรบกวน
- ไมควรมีเสียงวิทยุ โทรทัศน โทรศพั ท หรือรปู ภาพตา ง ๆ ประดับ หรอื ติดตามผนัง
- มแี สงสวา งตามปกติทว่ั ๆ ไป อยาใหผ ิดแปลกจากท่ัว ๆ ไป
- อยา ใหผ ถู กู ซักถามเกดิ ความวิตกกงั วล หรอื เกดิ ความกลัว
- ทนี่ ัง่ จัดตามแบบปกติ ไมห รหู ราเกนิ ไป
¡Òë¡Ñ ¶ÒÁμ‹Ò§ æ Á¨Õ Ø´»ÃÐʧ¤· Õμè ŒÍ§¡Ò÷ÃÒºàËμØ ö »ÃСÒà ¤×Í
๑. ใคร หมายถงึ ใครเปน เจา ทกุ ข ผเู สยี หาย ผกู ลา วหา
- ใคร หมายถึง ใครเปน เจา ทกุ ข ผูเสียหาย ผูกลาวหา
- คนรา ย ผตู องสงสัย หรอื ผตู องหา
- พยานบอกเลา ประจกั ษพ ยานทเ่ี ห็นเหตุการณ
- คนตาย คนพบศพ คนนาํ ผูบ าดเจ็บสงโรงพยาบาล
- คนจับกุมผตู องหา หรอื รว มกบั เจา หนาท่ีตาํ รวจจับกุมตัวผูตอ งหา
- เกยี่ วของเปน พอ แม สามี ภรรยา
๒. ทาํ อะไร หมายถงึ เกิดอะไร คดีเร่ืองอะไร เชน ทํารายรางกาย วง่ิ ราวทรัพย ชิงทรพั ย
ปลน ทรัพย หรือฆา เปน ตน
๓. ท่ไี หน หมายถงึ สถานที่เกิดเหตุ เหตเุ กดิ ทไี่ หน เชน เหตุเกดิ ทีบ่ านเลขที.่ ................
ซอย...................ถนน................(ใกลกบั .............) แขวง....................... เขต.............................กทม.
๒๑
๔. เม่อื ใด หมายถึง เหตเุ กิดเมอ่ื ใด วนั อะไร วนั ท่ีเทา ใด เดอื นใด ปใ ด เวลาใด
- จบั คนรายไดเมือ่ ใด
- ผูบ าดเจบ็ ตายเมื่อใด
- จบั ผตู อ งหาไดเพ่มิ หรอื ยึดของกลางไดเ พ่มิ เมื่อใด วัน เวลาปใ ด
๕. อยางไร หมายถึง คดีนน้ั เกิดอยางไร คนรา ยใชม ดี เปนอาวุธแทงทําราย หรอื ใชอาวธุ
ปนยิง หรือคนรายใชรถจักรยานยนตเปนพาหนะว่ิงราวทรัพยกระเปาถือสตรีไป หรือคนรายจํานวน
สามคนใชอาวธุ ปน ยงิ เจา ทรัพยตายแลว ปลน เอาทรัพยสนิ ในบา นไป เปนตน
๖. ทําไม หมายถึง สาเหตุของคดีนั้น ซึง่ จะหมายถงึ มูลเหตุจงู ใจในการกระทาํ ความผดิ
เชน เรือ่ งชสู าว ประสงคตอ ทรัพย ขัดผลประโยชน วิวาทกนั คาของเถื่อน ยาเสพติด บอ นการพนัน
เปน ตน
ËÅѡ㹡Òëѡ¶ÒÁãËäŒ ´¼Œ ÅμÒÁ¤ÇÒÁÁ§‹Ø ËÁÒÂ
¡. ·èÕÁҢͧ¢ÍŒ ÍÒŒ § ขออางหมายถึงอะไร
¢ÍŒ ͌ҧ หมายถงึ คําบอกเลา คาํ ใหก ารของผเู สยี หาย พยาน ผตู อ งหา หรอื ผตู อง
สงสัย ท่ีบอกหรือตอบขอซักถาม แลวนาํ มาพิจารณาวาผูบอกเลาหรือผูใหการ อางหรือบอกอะไร
บางอยา ง ตวั อยา งเชน เม่อื วนั ที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๔๐ นายเอเหน็ นายบีลักนาิกาขอ มอื ของนายขาว
ทีว่ างอยหู ลงั ตเู ย็นในรานกาแฟของนายเขยี ว มนี ายแดงและนายดาํ เหน็ เหตุการณดวย
ตามคําบอกเลา ดังกลาวนี้ จะเห็นไดว ามีขอ อางทกี่ ลา วถงึ คอื
- ใคร นายเอ เหน็ นายบี
- ทาํ อะไร ลักนากิ าขอมือของนายขาว
- ทไ่ี หน หลงั ตูเยน็ ในรานกาแฟของนายเขยี ว
- เม่อื ใด วนั ที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๔๐
- อยางไร นายบหี ยิบไปโดยมีนายแดงและนายดาํ เห็นเหตกุ ารณ
จากขออางดังกลาวขางตน ถือเปนขออางที่จะตองซักถามผูเสียหาย พยาน ผูตองหา
หรือผูตองสงสัย ถาเปนเรื่องจริง หรือเหตุการณจริง ก็จะไดคําตอบท่ีสอดคลองในทํานองเดียวกัน
หมายถึงเปนหลักฐานที่ใชยืนยันการกระทําความผดิ
ËÑǢ͌ ·Õè¤Çëѡ¶ÒÁ·ÇÑè ä»
กอนที่จะซกั ถามจะตองพิจารณากอนวา ผูถ กู ซักถามมคี วามรสู กึ อยางไรขณะน้นั ประสาท
พรอมหรอื ไม อยใู นสภาวะที่จะใหข อ เท็จจริงไดห รอื ไม เชน กําลังตกใจกลัวหรือต่นื เตน กบั เหตุการณ
ที่เห็นมาสด ๆ รอน ๆ หรือไม หรือมีความเก่ียวพันเปนญาติพี่นอง พรรคพวกเพื่อนฝูง
หรอื มีสว นไดเสียกบั ใครหรือไม
๒๒
การต้ังหัวขอคําถามแตละคดีไมเหมือนกัน แลวแตประสบการณ ความชาํ นาญ ปฏิภาณ
ไหวพริบของผูซักถาม ที่จะกลาวตอไปน้ีเปนหัวขอหลักๆ ท่ีสามารถใชไดเกือบทุกสถานการณ
หัวขอทจี่ ะซกั ถาม
- มาอยางไร ตัวเขาไปมาอยางไร ทําไมจึงอยูท่ีนั่น หรือเปนเสนทางท่ีตองผาน
เปน ประจํา ผา นเวลาใด ฯลฯ
- เหตุใดจึงรูเห็นเหตุการณ ผานมาเห็นพอดี หยุดยืนรอรถเมล รถแท็กซี่ หรือน่ังด่ืม
กาแฟอยูท่รี านพอดี ฯลฯ
- แสงสวางมีหรือไม ถามีเปนแสงสวางจากอะไร ท่ีใด จากหนาบาน หลังบาน
หรือรานคามีเสาไฟฟาอยูตรงไหน จุดใด สวางมากนอยเพียงใด หางจากจุดที่เกิดเหตุเทาใด
(ขอ นีห้ มายถึงเปนเวลากลางคนื หรือในทมี่ ืด)
- อยูห า งเปน ระยะเทา ใด ใกล ไกล เพียงใด ขณะเห็นเหตุการณ เพื่อยนื ยนั วา อยูหา ง
ระยะเทาใด เห็นหนา ตาชัดเจนไหม จําเหตกุ ารณไ ดช ดั เจนหรือไม แลวตรวจสอบจากที่เกิดเหตอุ ีกคร้งั
วา เปน ไปไดห รอื ไม
- เห็นเหตุการณนานเพียงใด เห็นผานหนาแวบเดียว หรือยืนดูอยู ๓-๔ นาที
เพ่ือยืนยนั วา จําหนาตาไดแนน อน เปนตน)
- ขณะท่ีเหน็ ไดท ําอยา งไรบาง (รอ งตะโกนใหค นทราบ รองใหคนเขามาชวย ยืนดูอยู
เฉยๆ หรือโทรศัพทแจง เหตุตาํ รวจ ฯลฯ)
- หลังจากไดร เู หน็ เหตุการณแลว ไดท ําอยา งไรบา ง (จดบันทึกไว เลาใหคนอืน่ ฟง หรอื
โทรศัพทแ จง ตาํ รวจ ฯลฯ)
- เห็นคนรายหนีไปทางไหน มีใครตามไปบางหรือไม คนรายท้ิงอะไรไวบางหรือไม
อาจมพี ยานหลกั ฐานตกอยู เปน ตน
¢. àÃÍè× §ÊÀÒ¾¢Í§¢ÍŒ ÍÒŒ § เมอื่ ซกั ถามขอ อา งหลกั แลว จะตอ งซกั ถามสภาพของขอ อา ง
ประกอบดวย เพอื่ ใหมีพยานหลกั ฐานหนกั แนนยิ่งขึน้ หรอื เพอ่ื ตรวจสอบวาผถู กู ซักถามพูดความจรงิ
หรอื ไม เชน
- วันเดือนปท่ีผูถูกซักถามอางน้ัน มีสภาพดินฟาอากาศเปนอยางไร มีฝนตก
หรอื ไม ขางขึน้ หรอื ขางแรม มแี สงจันทรสวา งเวลากลางคืนหรอื ไม
- บุคคลที่อางถึงท่ีอยูในท่ีเกิดเหตุน้ัน แตละคนแตงกายอยางไร กาํ ลังทําอะไรอยู
มีตาํ หนิรูปพรรณอยางไร ชื่ออะไร นามสกุลอะไรทราบหรือไม อายุเทาใด เพื่อพิจารณาวาเขาเห็น
เหตุการณจริงหรือไม
- สี ไมวาจะเปนการแตงกายของคน วตั ถสุ ่ิงของ รถทีอ่ ยูใ นทีเ่ กดิ เหตหุ รอื ทเี่ ขา มา
เก่ยี วของ มสี ีอะไร เพ่ือพิจารณาวาผถู ูกซกั ถามอยูใ นทเี่ กิดเหตหุ รือไม
๒๓
- เสยี ง เสยี งคน เสยี งสตั ว เสยี งรถ จาํ หรอื สงั เกตไดจ ากอะไร เสยี งมคี วามแตกตา ง
กนั อยา งไร รถยนต รถจักรยานยนต ไดย ินเสยี งจาํ เจทุกวัน จนจาํ เสียงไดว า เปนเสียงรถอะไร ของใคร
ท่ีมาจอดประจาํ หรือเสยี งบุคคลพูดคยุ กนั ไดยินบอ ย ๆ กจ็ ะจําได
- กลิน่ มีหรอื ไม ถา มกี ลิ่นอะไร
- รส เปน รสอะไร
- ตําหนิ ทกุ ส่งิ ตองมีตาํ หนิถา สงั เกตใหดี
- ขนาดไมวา จะเปน อาวุธปน มดี ไม รถยนต รถจกั รยานยนต รถปคอพั เปนขนาดใด
- จาํ นวน ไมวาจะเปนฝายใด แตละฝายมีจาํ นวนเทาใด ใครทําอยางไร
หรือมีคนรา ยจํานวนกีค่ น การแตงกายอยางไร ตําหนิรปู พรรณอยางไร
- ชนิดหรือประเภทของทุกอยาง เปนยี่หออะไร ชนิดใด ประเภทใด ถาไมทราบ
ใหห าตวั อยางขนาดหรอื ชนดิ ประเภทอยางเดียวกนั หรือใกลเ คยี งกนั ใหดู
¤. ÊÔè§áÇ´ÅÍŒ Á¢Í§¢ŒÍÍÒŒ § จากการสอบถามขออา งหลกั สภาพของขอ อา งแลวอาจจะ
ซกั ถามถงึ สง่ิ แวดลอ มของขอ อา งเพอ่ื ประกอบพยานใหห นกั แนน ยง่ิ ขนึ้ ถา ผถู กู ซกั ถามอยใู นเหตกุ ารณ
จริงนอกจากจะกลาวถึงขออางแลว ยังสามารถบอกถึงสภาพของขออางและส่ิงแวดลอมของขออาง
ในท่เี กิดเหตุไดอ กี ทําใหน า เชือ่ ไดวา ผูนัน้ อยใู นเหตุการณจ รงิ สง่ิ แวดลอมของขอ อา งควรแยกเปน
- ประเภทคน นอกจากพยานจะเห็นเหตุการณอยูแลว ยังมีคนอ่ืน ๆ ท่ีผานมา
บรเิ วณน้ันอีกหรอื ไม จาํ ไดบางหรือไม มีลกั ษณะอยา งไร อาชพี อะไร เชน มคี นงานกาํ ลงั ซอ มถนนอยู
บริเวณนนั้ เปน ตน
- ประเภทวตั ถุ มีวัตถสุ ิง่ ของอยางอน่ื อีกหรอื ไม ชนดิ ใด ใชทําอะไร อยูตรงน้ันอกี
หรือจุดใดอีกหรอื ไม
- ประเภทสัตว มีสัตวอะไรบางหรือไม เชน เลี้ยงนก เล้ียงสุนัข เลี้ยงแมว เล้ียง
นกเขา ฯลฯ เล้ยี งไวที่จดุ ใด ใสกรงไวห รอื ไม
¡Òëѡ¶ÒÁàËμ¼Ø ÅáÅТ͌ ͌ҧÁËÕ ÅÑ¡´§Ñ ¹éÕ
ผูที่มาใหถอยคําเก่ียวกับคดีตางๆ เมื่อเห็นเหตุการณก็สามารถที่จะมาใหการตาม
ความจรงิ แลว จะตอ งมขี อ อา งเสมอ มากนอ ยเพยี งใดขนึ้ อยกู บั สภาวะทเ่ี กดิ เหตุ บางรายเหน็ เหตกุ ารณ
มากกม็ ีขออางมาก บางรายเห็นเหตกุ ารณน อยก็มีนอ ย การซักถามจึงตอ ง
๑. ถามเรอ่ื งไปตามลาํ ดบั ขออางอยา ใหส ลับกัน จนเสรจ็ เปน ขอๆ
๒. เอาเหตุผลท่ีหางขออางขึ้นมาถามกอน แลวถามเหตุผลที่ชิดขออาง (เหตุผลหาง
ขอ อาง หมายถึง หา งประเดน็ เหตผุ ล ชิดขอ อา ง หมายถงึ เขา ประเดน็ )
๓. ถามีวัตถุพยานหรือเอกสารเปนพยานหลายชิ้น เอาช้ินที่เปนหลักฐานแนนอน
มาถามกอน (ชิน้ ทีเ่ ปน ของกลางใชใ นการกระทําผิด)
๒๔
ÇÔ¸«Õ Ñ¡¶ÒÁ
เราทราบแลว วา พยานแตละคนมขี ออางหลายขอ และมีการซักถามเปนขอ ๆ ดังกลา วแลว
ดังนัน้ การซักถามจึงตอ งถามเหตุผลท่ีหางขอ อางกอน และเขา มาหาชิดขอ อา ง (การซกั ถามโดยละเอยี ดน้ี
เปนเรอื่ งของพนักงานสอบสวนที่จะซกั ถามสอบสวนปากคาํ เพ่ือประโยชนใ นการพิจารณาคดีในชนั้ ศาล
แตสาํ หรับฝายสืบสวนไมจาํ เปนตองละเอียดถึงกับตองสอบสวน) การถามเหตุผลที่หางขออางกอน
เพ่ือใหผูถูกซักถามยังไมรูคุณหรือโทษของถอยคําที่จะตอบ เพราะถาเขาจะตอบขอที่ชิดขออางกอน
กจ็ ะเปน คณุ หรอื โทษทนั ที ถา เขาไมร ตู วั เขาสามารถจะพดู ไดม ากและมปี ระโยชนต อ รปู คดดี ว ย เทา กบั วา
ไมใหเ ขารตู วั วา เรากําลงั จะถามใหเ ขา ไปถึงจดุ ท่ีเราตองการแลวน่นั เอง
ËÅѡ㹡Òëѡ¶ÒÁ
๑. ควรรีบซกั ถามโดยเร็วท่ีสุด
๒. ถาเขายังต่ืนเตน หรือตกใจกลัวตอเหตุการณที่เกิดขึ้น ตองใหเขาพักผอนกอน
จนหายต่ืนเตน ตกใจ หรอื พรอ มท่ีจะใหก ารซกั ถามจงึ ลงมือซกั ถาม
๓. มกี ารเตรียมการลวงหนา
๔. แสดงความเปน กันเองกบั ผถู ูกซกั ถาม
๕. ควบคุมใหต อบตรงประเด็น และอยาใหข ัดกัน
๖. อยาถามนําใหเ ขาตอบวา ใชห รือไมใ ช
๗. ตัง้ ปญหาใหต อบทีละขอ จากขออา งทีห่ างเขามาชดิ ขออา ง
๘. ต้งั ปญ หาทจ่ี ะซักถามใหเ ขาใจงายใหมาก
๙. ควรเลย่ี งคําถามทตี่ อบวา ไมร ไู มเหน็
๑๐. ถาเขาตอบไมตรงตามเปาที่เราตั้งไวอยาโมโห หรือใชอารมณถึงกับแสดงความ
ไมพ อใจออกมา
๑๑. คาํ ตอบขอ ใดทข่ี ดั กนั ควรซกั ถามภายหลงั อกี ครงั้ เพราะบางครงั้ อาจไมพ ดู ความจรงิ
àËμؼŪԴ¢ŒÍ͌ҧ áÅÐàËμؼÅË‹Ò§¢ŒÍÍÒŒ § ËÁÒ¤ÇÒÁÇ‹ÒÍ‹ҧäÃ
àËμؼŪԴ¢ŒÍ͌ҧ ตรงกับกฎหมายใชคําวา เขาประเด็น หมายความวา เปนเหตุผล
ท่ีตรงตอขอ อา ง หรอื เปน เหตผุ ลโดยตรงของขอ อางมิใชโดยออม เชน เห็นนาย ก. ลกั วิทยนุ าย ข.
àËμؼÅË‹Ò§¢ŒÍ͌ҧ ตรงกบั กฎหมายใชค าํ วา หา งประเด็น ซง่ึ เปน เหตผุ ลทีห่ า งออกไปจาก
ขออางอาจจะหางมากนอยแตกตางกัน ไมสามารถชี้ไดวาหางมากเพียงใด ตองถามกอนหลัง
ใหพิจารณาวาเมื่อถามแลวผูถูกซักถามจะไมรูสึกวา คําตอบน้ันมีคุณหรือโทษกับเขา เขาสามารถ
พูดไดอยางสบายหรือพูดงายๆ ก็คือวา ซักถามกอนเกิดเหตุ เร่ิมต้ังแตตัวผูถูกซักถามกอนมาถึง
ทเี่ กิดเหตุนัน่ เองซงึ่ เรียกวา ¡Òëѡ¶ÒÁàËμؼÅ
๒๕
ËÅ¡Ñ ¡Òëѡ¶ÒÁàËμؼŠáÅТ͌ ÍÒŒ §
๑. ถามเหตุผลอดีต คือ ถามเหตุผลกอนเกิดการรูเห็นวา เหตุใดจึงมารูเห็น เพ่ือเปน
พน้ื ฐานรับรองเหตปุ จ จุบัน
๒. ถามเหตปุ จ จบุ นั คอื ถามถงึ เหตผุ ลขณะเกดิ เหตุ หรอื เวลาขณะเกดิ เหตวุ า ขณะรเู หน็
ไดท าํ อยางไรบา ง เพ่อื เปนเหตุผลรองรบั เหตผุ ลอนาคต
๓. ถามเหตุผลอนาคต คือ ถามถึงเหตุผลตอนหลังจากการรูเห็นวา จากการรูเห็น
มาแลว น้นั ไดทําอยา งไรบา ง
เหตผุ ลท้งั สามขอน้ีตองสอดคลอ งกนั แตใ หไดความวา ใคร ทําอะไร ทไ่ี หน เมื่อไร อยา งไร
ทําไมเชนกัน
¡Í‹ ¹ทาํ ¡Òë¡Ñ ¶ÒÁμŒÍ§àμÃÂÕ ÁμÇÑ Í‹ҧäÃ
¡. ¹Ñ¡Ê׺¼ŒÙ«Ñ¡¶ÒÁ
๑. จะตอ งไปดทู ี่เกิดเหตกุ อนทกุ คดี เพ่อื ทราบรายละเอยี ดแหง คดนี น้ั วา
- เกดิ เหตุอยา งไร เมอื่ ไร
- ในทเ่ี กดิ เหตมุ พี ยานหลกั ฐานอะไรบา ง ทเ่ี ปน รอ งรอยของคนรา ยทงิ้ ไว มกี าร
ตอ สู หลกั ฐานสว นตวั ของคนรา ยตกในอยทู ่ีเกิดเหตุ
- เวลากลางคนื มแี สงสวา งหรอื ไม จากทใ่ี ด ขนาดใด เหน็ ชดั เจนไหม หา งเทา ใด
ฯลฯ
๒. เมือ่ ดทู ีเ่ กดิ เหตแุ ลว ตอ งวางข้ันตอนในการสืบสวนทําอะไรบาง
- เตรยี มตวั เตรยี มใจใหพ รอ ม ไมม นี ดั กบั ผใู ดเพอื่ เขา มาขดั จงั หวะในการซกั ถาม
ไมรบั โทรศัพท ไมเขา หองนา้ํ ไมท านอาหารหรือไปพกั ผอ นกอ น เปนตน
- ส่ิงใดท่ีรูลวงหนา เพ่ือประโยชนในการช่ังน้าํ หนักวา จริงหรือไมจริง
ตองเตรยี มขอมูลและขอ เทจ็ จริงเก่ยี วกบั เรอื่ งนน้ั ไวก อน
๓. เตรียมคําถามไววาควรถามอะไรบาง ต้ังคําถามใหมาก คาํ ตอบท่ีมีประโยชน
พยายามแยกไวพิจารณาอะไรจริงไมจริง ควรซักถามขออางหางประเด็นกอน แตตองดูวาพยานนั้น
เปนพยานประเภทใดดว ย
ก. ประเภทประจกั ษพ ยาน เห็นเหตกุ ารณต ลอด เตม็ ใจใหถอ ยคาํ
ข. ประเภทเหน็ เหตกุ ารณแ ตไ มต ลอด เหน็ กอ นเกดิ เหตุ เหน็ ขณะเกดิ เหตุ เหน็
หลังเกิดเหตุ มีความตกใจกลัวมาก หรือต่ืนเตน อาจตอเติม หรือมีความเห็นวา ควรจะเปนอยางน้ัน
อยางนี้
ค. ประเภทรูเ หตุการณ แตไมเ ตม็ ใจใหก ารเปนพยาน เนอื่ งจาก
- กลัวอทิ ธิพลของคนราย จะแกแคน หรอื ทํารายคนในครอบครัว
- กลัวเสียเวลาในการไปใหการเปนพยาน
๒๖
- กลัวเปนขาวในหนา หนงั สือพิมพ
- ถาเปนพวกที่รวมมอื ทาํ ผิดดว ย กลบั ใจมาใหก ารกลวั ถูกจําคุก
¢. ¼ŒÙ¶¡Ù «¡Ñ ¶ÒÁ¾ÃŒÍÁáÅŒÇËÃÍ× äÁ‹
๑. พิจารณาวาเขามีความรูสึก หรือประสาทพรอมแลวหรือยัง กาํ ลังตกใจกลัว
ตน่ื เตนหรือไม มสี วนไดเสยี กบั คนรายหรือไม เปนญาตพิ นี่ อ งกันหรือไม
๒. ใหเขานัง่ ตามสบาย ชวนคยุ เร่ืองอ่ืนกอน ไมใ หเ ขาเครยี ดหรือมีความกงั วล
à·¤¹¤Ô ¡Òëѡ¶ÒÁ
การซักถามแหลง ขาวท่ีไดผ ลที่สุด
๑. แหลง ขาวไมรูตัววา ถกู ซกั ถาม
๒. หลกี เล่ียงการจด บันทกึ หรือทาํ อะไรตอหนาแหลงขาวใหเขารวู า ถกู ซักถาม
หากตองการบันทึกการซักถาม ใหใชเครื่องมือพิเศษในลักษณะซอน หรืออาํ พราง
ในการบนั ทกึ โดยไมใหแหลง ขาวทราบได
ÁÕ¨μÔ Ç·Ô ÂÒ㹡Òëѡ¶ÒÁ
๑. คนจะพูดมากหลังจากประสบเหตุการณข มขืน่ มาใหมๆ
๒. คนมักจะคลอยตามความคดิ เหน็ ของผมู อี ํานาจเหนอื ตน
๓. คนมกั จะใหเ หตุผล เมอื่ ตนเองทําผดิ (แกต ัว)
๔. คนมกั จะตกตะลึง เมอื่ เกดิ เหตุการณค ับขนั
๕. คนมกั จะโกรธเมือ่ ถูกลบหลูดูหม่นิ
๖. คนมกั จะชอบการยกยอปอปน
๗. คนมักจะเห็นความสาํ คญั ของตนเอง มากวาเหน็ ความสาํ คญั ของผูอ น่ื
๘. คนมักจะตอบสนองความเมตตาปราณี และเหน็ อกเหน็ ใจทีม่ ีผูอน่ื มอบให
Å¡Ñ É³Ðคาํ ¶ÒÁ
๑. ต้งั คาํ ถามงา ยๆ
๒. ตัง้ คาํ ถามตรงไปตรงมาไมออมคอม
๓. ตัง้ คําถามแบบแนบเนยี น และถูกตอ งตามกาลเวลา
๔. มีคาํ ถามมูลฐานอยู ๖ ประการ คอื หลัก ๕ W ๑ H
Who (ใคร)
What (ทําอะไร)
When (เมอ่ื ไหร)
Where (ท่ีไหน)
Why (ทําไม)
How (อยา งไร)
๒๗
ÇÔ¸Õá¡»Œ ˜ÞËÒ㹡Òëѡ¶ÒÁáËŧ‹ ¢‹ÒÇ
๑. พูดออมคอ ม
- อดทนฟงเขาพดู ตอ ไป
- คอยจบั ผดิ ใหไ ด
- ถามย้าํ ใหพดู ยนื ยันอกี ครง้ั
๒. ด้อื ถอื ดี หัวแข็ง
- พดู แหย พูดเร็วอยา ใหต งั้ ตัวติด
- พดู ดูถกู ดแู คลนดาวา
- พูดโอโลม แสดงเหตผุ ล
๓. โกหกเกง
- ปลอยใหเขาพูดไปกอน แลวคอยจบั โกหกใหได
- เมอ่ื พูดจบ ใหพูดอีกคร้งั วาตรงกนั หรอื ไม
- หยดุ ถาม แลวเรียกมาซักถามใหม
ò.ô ¡ÒÃáÊǧËҢ͌ à·¨ç ¨ÃÔ§â´ÂÇ¸Ô Õ¡ÒÃÍè×¹
¢‹ÒÇ ¡ÒÃËÒ¢Ò‹ Ç áËŧ‹ ¢‹ÒÇ
ปจจบุ ันอาชญากรรมนับวาเปนปญหาที่สําคัญ ซึง่ นับวนั จะทวีความรุนแรงมากข้ึน ตํารวจ
ถือวาเปนเคร่ืองมือของรัฐบาลท่ีมีหนาท่ีในการปองกันปราบปราม แตทวาความสําเร็จดังกลาวจะมี
มากนอ ยเพยี งใด จงึ ตอ งพจิ ารณาในดา นการหาขา ว การทต่ี ํารวจจะสามารถดาํ เนนิ การ วางแผนรบั มอื
อาชญากรรมจําเปนตองมีขอมูลขาวสารจากแหลงตางๆ และมีการวิเคราะหอยางเปนระบบ ดังน้ัน
การขาวจึงนบั ไดวามีความสําคญั
¢Ò‹ Ç คอื อะไร
¢‹ÒÇ คอื ปรากฏการณที่เกิดข้นึ จากการได ดู อา น ฟง
¢Ò‹ Ç แบง ออกเปน ๓ ประเภท คือ
๑. ขาวเปด คือ ขาวที่หาไดจากส่ือมวลชนตางๆ เชน หนังสือพิมพ วิทยุ โทรทัศน
ซ่งึ ไดจ ากการดู การฟง และการอา น ถือวา เปน ขาว ๙๕ เปอรเซน็ ตของขาวท้งั หมด
๒. ขา วกง่ึ เปด กึ่งปด คือ ขาวท่ีไมส ามารถหาซือ้ ได แตไดจ ากการตรวจสอบ จากเจาหนา ที่
ท่ีเก่ียวของ เชน งานทะเบยี นตางๆ หรอื หนว ยงานเอกชน โดยใชห นังสือของทางราชการขอความรว มมือ
๓. ขาวปด คือ ขาวท่ีไมมีการเปดเผย อาจหมายถึง ขาวลับ การที่จะใหไดมา
ซึ่งขาวดังกลาว จะตองใชวิธีอ่ืนๆ เชน การใชสาย การสงคนสะกดรอยติดตาม หรือการเฝาจุด
ซง่ึ ตอ งเสยี คาใชจ า ยสงู
๒๘
¡ÒÃãªáŒ Ëŧ‹ ¢Ò‹ ÇËÃ×ÍÊÒÂźÑ
“แหลงขาว หรือ สายลับนั้นก็คือ บุคคลผูซ่ึงยินยอมตกลงท่ีจะมีความสัมพันธในทางลับ
ตกลงทจ่ี ะถกู ควบคมุ ในระดับหนงึ่ และจะเปนผจู ัดหาขาวสารหรือการบรกิ ารอ่ืนใดใหแ กเจา หนา ที่”
องคประกอบของแหลงขาวหรอื สายลบั นน้ั กค็ อื
(๑) มีความสมั พันธใ นทางลบั กับเจา หนาที่
(๒) ตกลงทจ่ี ะถกู เจา หนาท่ีควบคมุ ในระดบั หนงึ่
(๓) ตกลงท่ีจะจดั หาขาวสาร หรอื บรกิ ารแกเจาหนา ทีไ่ ด
ดังนั้น “แหลงขาว หรือสายลับเพ่ืองานการสืบสวน” ก็คือ ผูที่ไดตกลงท่ีจะกระทําการใด
อนั เปน ประโยชนต อ เจาหนา ที่ เพือ่ การสบื สวนปอ งกนั ปราบปรามอาชญากรรมนัน้ เอง
ซึง่ วธิ กี าร “RECRUIT” แหลง ขาว หรอื สายลับนั้น แบง ออกเปน ๒ วธิ ดี วยกันคือ
(๑) แบบ Positive หรือ Reward คอื มีผลประโยชนต างตอบแทน
(๒) แบบ Negative หรือ Punishment คอื แบบการลงโทษ
แบบที่หนึ่ง (Positive หรือ Reward) นั้น เปนระบบท่ีนิยมใชในประเทศที่เจริญแลว
เชน ในสหรัฐอเมริกา แคนาดา ฯลฯ เปนการทํางานระหวาง C/O (Case Officer) หรือ
เจาหนาท่ีควบคุมกับ C/I (Case Information) หรือแหลงขาวน้ันเอง โดยตางฝายตางไดรับ
ผลตอบแทนซง่ึ กนั และกัน คอื เจาหนาที่ไดร ับขอมลู ขา วสาร สวนแหลง ขา วหรือสายลับนั้น จะไดร ับ
เปน ผลประโยชนต อบแทน เชน เงินหรอื ส่งิ ของอื่นใดทีแ่ หลงขาวหรือสายตองการ แตทงั้ นตี้ องอยูใน
ภาวะท่ีเจาหนาที่ผูควบคุม (C/O) น้ันสามารถใหไดโดยไมขัดตอกฎหมายและระเบียบ
ตลอดจนไมเปนการกระตุนใหแหลงขาวนํา “ขอมูลไมจริง” มาใหแบบไมรับผิดชอบและอาจสงผล
กระทบตอการปฏิบัตงิ านของผเู ก่ียวขอ งได
แบบท่ีสอง (Negative ËÃ×Í Punishment) น้ันเปนระบบท่ีนิยมใชในประเทศ
สังคมนิยมหรือประเทศคอมมิวนิสต เนื่องจากเปนประเทศที่ขาดงบประมาณหรือมีงบประมาณนอย
หรือชอบใชความรุนแรง เชน ในสมัยสงครามโลก พวกนาซีไดใชพวกยิวในการหาขอมูลขาวสาร
หากไมทําตามที่ไดสั่งการไวอาจถูกจับกุม หรือเปดเผยฐานะตนเองทําใหถูกฆาได วิธีน้ีปจจุบัน
ยงั มกี ารกระทํากนั อยู เนือ่ งจากไมต องลงทุนแตอ ยา งไร
จะเห็นไดวา ประเทศในโลกสวนใหญมักนิยมใชแบบแรกมากกวา เนื่องจาก “แหลงขาว
หรือสายลับ” น้ัน จะมีประสิทธิภาพในการทํางานมากกวา มีความจริงใจในการทํางานและมีนํ้าหนัก
ของพยานที่ดีกวา แบบทส่ี อง
ในเมื่อแหลงขาวหรือสายลับ สวนใหญเปนระบบ (Positive หรือ Reward)
เราในฐานะเปน เจา หนา ทตี่ าํ รวจ จงึ ตอ งควรอา นใหอ อกวา แหลง ขา วหรอื สายลบั ตอ งการอะไรเพอื่ เปน
แรงจูงใจในการทํางานและเปนเคร่ืองชี้ใหเราทราบวา แหลงขาวหรือสายลับของเราไมได
ทํางานเพือ่ หวงั มาทาํ ลายงานของเรา สง่ิ จงู ใจนน้ั ไดแ ก
๒๙
(๑) MONEY คือ พวกตอ งการเงนิ
(๒) FAMILY คือ พวกตอ งการใหครอบครัวเปนสุข
(๓) SECURITY คอื พวกตองการความปลอดภัยของตนเองหรือครอบครวั
(๔) IDEALISM คือ พวกมีแนวความคดิ หรือมอี ุดมคติ
(๕) PATRIOTISM คอื พวกรักชาติ
(๖) EGOTISM คอื พวกทชี่ อบใหคนอน่ื ใหความสําคญั
(๗) FRIENDSHIP คือ มไี มตรีจติ กบั เจา หนาท่ี
(๘) ADVANGER คือ พวกชอบทํางานต่นื เตน เสี่ยงภัย
(๙) REVENGER คือ พวกตองการลา งแคน
ดังน้ันเมื่อเจาหนาท่ีตํารวจหรือ C/O ไดทํางานกับแหลงขาวหรือสายลับประเภทตางๆ
ดังที่กลาวมาแลว ก็ควรจะใหสิ่งจูงใจตามที่พวกเขาตองการ หากทําไดจะมีผลทําใหพวกเขาเหลาน้ัน
มีแรงจูงใจในการทํางานมากข้ึน แตทั้งนี้จะตองควบคุมพิจารณาใหดี เพราะแหลงขาวหรือสายลับ
แตล ะประเภทมีขอดีขอ เสียแตกตางกันไป
áËÅ‹§¢Ò‹ Ç
การทจ่ี ะไดม าซง่ึ ขา วสารและขอ มลู ทเ่ี กย่ี วกบั การกระทาํ ความผดิ ของคนรา ย จาํ เปน จะตอ ง
ทราบถงึ สถานทต่ี า ง ๆ อนั จะทาํ ใหไ ดข า วสารทเ่ี ปน ประโยชนต อ การสบื สวน ซง่ึ สามารถใหค วามหมาย
ของคําวา “แหลง ขา ว” ไดด งั นี้
แหลงขาว หมายถึง แหลงหรือสถานที่ ซึ่งคาดคะเนวาจะไดขาวสารที่เปนประโยชนท่ีจะ
รูตัวผูกระทําผิด ไดพยานหลักฐานตลอดจนการจับกุมผูกระทําผิด แหลงหรือสถานที่ซึ่งคาดคะเนวา
จะไดขาวสารอันเปนประโยชนดังกลาวนั้นมีอยูหลายประการดวยกัน คดีใดควรจะสืบสวนจากที่ใด
เพยี งแหง เดียวหรือหลายแหง ก็สดุ แตค วามเหมาะสมและเหตุการณซงึ่ ทส่ี าํ คญั ๆ มดี ังตอ ไปน้ี
ñ. ʶҹ·àÕè ¡´Ô àËμØ นบั วา เปน หลกั ฐานสาํ คญั ขอ แรกของคดที งั้ หลายทเ่ี กดิ ขนึ้ ผสู บื สวน
ควรจะสนใจและถาสามารถไปดูสถานท่ีเกิดเหตุไดดวยตนเองก็จะเปนประโยชนอยางย่ิงแกการท่ีจะ
ทําการตอไป เพราะบรรดาพยานหลักฐานทั้งหลายท่ีไดภายหลังนั้น จะตองไมเปนการขัดกับสถานท่ี
เกิดเหตแุ ละเพ่อื
ก. พสิ จู นว า ไดม เี หตกุ ารณท เี่ กดิ ขน้ึ จรงิ ตามทก่ี ลา วหาหรอื ไม เพราะคดบี างเรอ่ื ง
บางรายอาจแกลงกลาวหากันได เรื่องที่ไมจริงแลวแกลงกลาวหากัน หลักฐานหรือรองรอยตาง ๆ
ยอมแสดงพิรธุ หรือไมสมเหตผุ ล
ข. เพ่ือจะทราบวามีหลักฐานรองรอย ส่ิงของ หรือสิ่งหน่ึงสิ่งใดซึ่งเปนพยาน
หรอื หลกั ฐานในการสบื สวนหาคนรา ยหรอื ผเู กยี่ วขอ งหรอื ไม ในขอ นผ้ี สู บื สวนจะตอ งใชค วามรคู วามชาํ นาญ
และความละเอียดรอบคอบในการพจิ ารณา เชน รองเทา ลายน้วิ มอื ปลอกกระสนุ หยดโลหติ ฯลฯ
ทต่ี กอยทู เ่ี กดิ เหตเุ ปน ของใคร เกย่ี วขอ งกบั คดอี ยา งไร ยอ มเปน หลกั ฐานทเี่ กยี่ วขอ งในเหตกุ ารณน น้ั ไดด ี
๓๐
ค. เพ่ือทราบสภาพหรือกิริยาอาการของสถานที่ ของบุคคล ของศพ บาดแผล
หรือส่ิงของตาง ๆ ในสถานท่ีน้ันเปนอยูอยางไร ภาพของสถานท่ีซึ่งถูกปลนหรือถูกลักทรัพยก็ยอม
ปรากฏมีรองรอยการถูกงัดและแตกหัก หรือมีลายนิ้วมือดังกลาวมาแลว กิริยาอาการของบุคคล
ซงึ่ อยทู บ่ี า น หรือใกลท่ีเกดิ เหตุ มีพิรธุ นาสงสัยหรือไม ถา หากมีผูต ายกต็ องมีการตรวจชนั สูตรพลกิ ศพ
โดยเจา พนักงานตาม ป.วิ.อาญา อีกสวนหนงึ่
ง. ทิศทางการเขาออกของบุคคลหรือเหตุการณท่ีเกิดข้ึนเมื่อไดตรวจสอบ
ถามเหตุการณตางๆ ไดความแลวก็ควรจะตองทาํ แผนท่ีเกิดเหตุแสดงรายละเอียดได แผนท่ีน้ี
เปน สง่ิ สําคญั ยงิ่ จะตอ งใชเ ปน พยานในชนั้ ศาลตอ ไป จะตอ งเขยี นโดยอาศยั วทิ ยาการทางแผนทปี่ ระกอบ
ยิ่งใชมาตราสวนที่ถูกไดก็ยิ่งดี ถาหากเหตุการณสับสนยุงยากหรือมีรายละเอียดมากควรทาํ แผนท่ี
สองฉบับแสดงระยะทางติดตอระหวางท่ีเกิดเหตุกับบาน พยานที่รูเห็น สภาพแหงหมูบานน้ัน
โดยละเอียดเปนทํานองแผนผังอีกแผนหนึ่ง การตรวจติดตอชองทางเขาออกของคนรายเปน
สง่ิ สาํ คญั เพราะสงิ่ ทจี่ ะเปน หลกั ฐานนนั้ อาจจะตกอยทู ท่ี างเขา ออกนน้ั บา งกไ็ ด เชน พวกปลน ขนทรพั ย
พาหนไี ป อาจมสี งิ่ ของบางอยา งอยตู ามทางทห่ี นไี ปนน้ั เปน การบอกทศิ ทางทคี่ นรา ยหนี ถา คนรา ยไดร บั
บาดเจ็บไปกอ็ าจมรี อยเลอื ด ไดติดตามตอ ไปถงึ ตวั คนรายไดโดยงาย
ò. º¤Ø ¤Å·ÍÕè Ò¨ÃËÙŒ ÃÍ× ·ÃÒºàËμ¡Ø Òó บคุ คลทอ่ี าจรหู รอื ทราบเหตกุ ารณม หี ลายประเภท
ดว ยกนั แตจ ะกลา วเฉพาะทเี่ หน็ วา เคยไดผ ลในการสบื สวนมาแลว เปน สว นมากเทา นน้ั ซง่ึ อาจแบง แยก
ออกเปนไดด งั นี้
ก. ผูเสียหายหรือพรรคพวกของผูเสียหาย ตามปกติแลวบุคคลประเภทน้ีรูเห็น
เหตุการณสิ่งใด ยอมไมปกปด มักจะบอกเลาแกพนักงานเจาหนาที่เพราะเปนสวนไดเสียของตน
หรอื ของพรรคพวกแตจ ะเช่ือไดเ พียงใดหรือไมจะตอ งพิจารณาตามเหตผุ ล คอื
๑) ตงั้ ใจบอกความจรงิ ตามเหตกุ ารณทเี่ กิดขนึ้ แตอ าจมีบางอยา งท่ีเจา ทกุ ข
หรอื ผเู สยี หายสงสยั ไมแ นใ จ แตไ มช แ้ี จงในรายละเอยี ดและมอี ปุ าทานหลงเชอื่ และเดาวา เปน ความจรงิ
อาจทาํ ใหเกิดการจับตัวคนรายผิด โดยมีเหตุโกรธเคืองหรือโดยการคะเน และบางส่ิงบางอยาง
อาจเกินความจริงไปบางโดยตองการใหคนรายถูกลงโทษอยางหนัก หรือเผื่อเอาไวดังท่ีกลาวกันวา
“ปลาตกนํา้ ตวั โต” ก็อาจเปนได
๒) ไมเปดเผยความจริงใหทราบทั้งหมดเพราะเจาทุกขหรือผูเสียหายนั้น
มีสวนผิดอยูดวยบาง เชน ลักลอบเลนการพนันเกิดทะเลาะทาํ รายกัน ในชั้นแรกคงจะเลาใหฟง
แตเรื่องทํารายกัน สวนสาเหตุท่ีวาทําไมจึงทํารายกันอาจปกปดไว บางรายอาจบอกเปนความเท็จ
ท้ังสนิ้ เพือ่ แกลงใสร า ยหรอื แกลง กลา วทาํ โดยเรือ่ งมไิ ดเกิดข้นึ จริง
๓) เจาทุกขบางคนอาจเกรงกลัวคนราย ต่ืนเตนตกใจกลัวมากเกินไป
สติยังไมเปนปกติหรือไมไววางใจเจาหนาท่ีซ่ึงไปทําการสอบสวนอาจยังไมบอกความจริงหรือบอก
ผิดพลาด ไปไดบาง การสอบถามเจาทุกขในระยะแรก คือ ในตอนสืบสวนเพื่อใหไดความสาํ หรับ
๓๑
การสืบสวนตอไป จึงควรจดบนั ทึกเปน การสบื สวนโดยจดไวเองเพื่อเตือนความจาํ และควรใหเ จาทุกข
มีสติดแี ละไววางใจเสียกอ น
๔) ในกรณีที่เจาทุกขผูเสียหายหรือพยานรูเห็นระบุตัวผูตองหาโดยชัดแจง
เมื่อปรากฏเปนความจริงแลวจะตองรีบดําเนินการสืบสวนจับกุมผูตองหาโดยดวน มิฉะน้ันแลว
อาจทาํ ใหคดีเปนที่นาระแวงสงสัยซ่ึงตรงกันขามกับท่ีเจาทุกขหรือผูเสียหายใหการวาไมรูจักชื่อคนราย
แตจาํ หนาไดย อมทําใหก ารสืบสวนจับตัวคนรายเปนไปดวยความลาํ บาก
ข. บุคคลซึ่งเกี่ยวของหรือเห็นในการกระทําผิด บุคคลที่รูเห็นในจํานวนน้ีมักจะ
เกย่ี วขอ งไปในทางทเี่ ปน พรรคพวกของผตู อ งหาหรอื มสี ว นสมรรู ว มคดิ หรอื การทาํ ความผดิ รว มดว ยกนั
กับผตู องหา แตภายหลงั เกิดแตกพวกกันหรอื ทรยศกนั หรือเมื่อถูกจับกมุ แลวรูสึกผิด และรับสารภาพ
หรอื ถกู พนกั งานสอบสวนกนั เปนพยาน เปน ตน
ค. กํานัน ผูใหญบาน ผูท่ีกวางขวาง หรือเปนท่ีเคารพนับถือของราษฎร กาํ นัน
ผูใหญบาน เปนทั้งเจาหนาท่ีและผูอยูใกลชิดติดตอกับราษฎร ถายิ่งเปนผูที่เคารพนับถือดวยแลว
ก็ยิ่งเปนผูที่จะใหขอมูลขอเท็จจริงในคดีท่ีเกิดไดอยางดีที่สุด ผูสืบสวนมักจะไดกํานันผูใหญบาน
เปน กําลงั สําคญั ในการสบื สวนแสวงหาขอ เทจ็ จรงิ ในตาํ บลใด หมบู า นใด กํานนั หรอื ผใู หญบ า น มเี หลย่ี ม
นักเลงกวางขวาง ซื่อสัตยและทาํ จริง เหตุการณโจรผูรายมักจะสงบไมกลารบกวน ในเขตตําบล
หรือบา นนัน้ บางทียงั อาจคมุ ครองไปถึงตาํ บล หรือหมูบา นอน่ื อีกดว ย
- ผูกวางขวางรูจักคนมาก ก็เปนประโยชนซ่ึงอาจจะทราบเร่ืองหรือรูเห็น
เหตุการณไดดี เพราะเหตุที่กวางขวางอาจมีคนคุยหรือเลาใหฟง หรืออาจเก่ียวของ มีแนวทางตอไป
ใหไดความ บางคนเปนผทู ีเ่ คารพนบั ถอื ของราษฎรนัน้ ถา พวกเขารเู รอื่ งทราบขาวอะไรมกั จะไมป ดบงั
หรือไมก็อาจนําเรอื่ งนนั้ ๆ มาปรกึ ษาหารือหรือขอความชวยเหลอื
ง. ผูมีอิทธพิ ลทางนักเลง ผูเ ทีย่ วเตรซ อกแซก คนขับรถรับจาง
- ผูมีอิทธิพลในทางนักเลงยอมคบหาสมาคมติดตอกับพวกนักเลง
หรือประพฤติมิชอบตางๆ จึงนับไดวา เปนบุคคลท่ีอาจจะรูเห็นเหตุการณไดดี อาจใกลความจริง
ดยี ่งิ กวา บคุ คลในจาํ พวก ค.ขา งตน
- ผูเท่ียวเตรซอกแซก หมายถึง คนท่ีชอบคบหาสมาคมติดตอกับคนที่
ทาํ มาหากินในทางมิชอบซึ่งตนเองอาจจะไมไดรวมดวย แตเปนคนชอบสนุกหรือไมขัดคอจึงพลอย
ไปกับเขาดวย บุคคลชนิดนี้ยอมเปนประโยชนในการสืบสวน และอาจจะเปนสายของเจาพนักงาน
ซง่ึ ปลอมแปลงเขา ไปกไ็ ด
- คนขับรถรับจาง ปกติยอมขับรถตระเวนรับสงคนในเวลาตางๆ
กลางวัน หรือกลางคืน สถานท่ีที่ไปอาจเปนสถานท่ีท่ีนาสงสัย อาจรูเห็นและทราบเหตุการณตางๆ
ไดดี บางคราวอาจเปนผูรับสงผูกระทําผิด เปนผูสมรูรวมคิดกับคนรายหรือเห็นเหตุการณ
การกระทําผดิ ดว ย
๓๒
จ. บุคคลที่อยูในแหลงอบายมุขตางๆ เชน ซองโสเภณี รานคาจําหนายสุรา
บอนการพนัน โรงรับจาํ นาํ ตลอดจนสถานบริการตางๆ เชน อาบอบนวด คาราโอเกะ บุคคล
ทอ่ี ยใู นแหลง เหลา นี้ ยอ มมโี อกาสมัว่ สุม หรอื พบปะคนราย ไดท ราบเหตกุ ารณตา งๆ ทาํ นองเดยี วกับ
บุคคลจาํ พวก
ง. จะมีการแตกตางกันบางก็ดวยสถานที่เหลานี้อาจจะเปนที่พักพิงของคนราย
หรือเปน บอ เกดิ อาชญากรรมรายแรงเสียเอง
- แหลงรับซ้ือของโจร อูรถเถ่ือน อาจเปนสถานที่ดัดแปลง หรือชําแหละ
ชิ้นสว นเพอ่ื ขายเปน อะไหล
- รานตัดผม เจาของรานหรือชางตัดผม อาจจะไดยินไดฟงบุคคล
หลายประเภทท่ีมาตัดผมพูดคุยกัน ถอยคําที่พูดคุยอาจติดหู และอาจมีประโยชนในการสืบสวน
เชน สาํ เนียงการพูด มลี กั ษณะมาจากภาคใด เปนตน
- พอคา หรือคนขายของ อาจสังเกตเห็นลักษณะอันผิดสังเกตบางอยาง
ของลูกคาท่ีมาซื้อของ เชน มีเงินมากผิดปกติหรือใชจายอยางฟุมเฟอยเกินฐานะ ชวนใหสงสัยวา
อาจไดม าโดยไมสุจริต
- เจา ของสถานบรกิ ารตา งๆ หรอื พนกั งานในสถานทเ่ี หลา น้ี ยอ มรจู กั บคุ คล
ทม่ี าใชบ รกิ าร และความเปน ไปของบุคคลนนั้ ไดเ ปนอยา งดี
- รา นถา ยรปู เจา ของรา นอาจรเู รอ่ื งราวเกย่ี วกบั รปู ภาพของบคุ คลทมี่ าจา ง
ถา ยรูป ลา ง อดั รูป หรอื มีรปู ทบ่ี ุคคลมาถายไว
- พนักงานขนของในบริษัทเดินอากาศสายการบินตางๆ บุคคลเหลานี้
อาจรูเห็นและจดจําลักษณะพิเศษ หรือแปลกประหลาดของหีบหอ กระเปาเดินทาง หรืออาจจํา
ผูโดยสารและบุคคลท่ีมาสงผูโดยสารได หากบุคคลหรือหีบหอดังกลาวอยูในขายแหงการสืบสวนแลว
พนักงานเหลา น้อี าจใหความสวา งแกผูส บื สวนได
- โรงพยาบาล คลินิกทันตกรรม แพทย พยาบาล ทันตแพทย ตลอดจน
บุคคลท่ีทํางานในสถานท่ีดังกลาวยอมรูเรื่องเกี่ยวกับอาการความเจ็บปวย หรือบาดแผลตางๆ ได
เปน อยา งดโี ดยเฉพาะแผลอนั เกดิ จากอาวธุ ชนดิ ตา งๆ หรอื ของมคี ม เปน ตน โรงพยาบาลยอ มมขี อ มลู
วันเวลาทบี่ ุคคลมาทําการรักษาอยู
- ผูมีอาชีพทางการขนสงเคร่ืองอุปโภคบริโภคตามบานเรือนยอมรูจัก
ตัวบุคคล ท่ีอยูอาศัย ตลอดจนความเปนไปและนิสัยใจคอของบรรดาบุคคลในเขตทองท่ีที่ตนตอง
ทํางานเกย่ี วขอ ง
- ชา งซอ มประปา ไฟฟา หรือพนักงานเก็บคา ประปา ไฟฟา บุคคลเหลานี้
อาจเปนประโยชนใ นการใหขอมลู ทางการสืบสวนไดท งั้ สน้ิ
๓. สิ่งของตาง ๆ ที่เปนวัตถุพยานในท่ีเกิดเหตุ และของกลางท่ียึดได เปนหลักฐาน
อยา งหนึง่ ที่สามารถสืบสวนใหไ ดมูลเหตุ หรอื รตู ัวคนรา ย ซ่ึงวิธสี บื สวนจากสงิ่ เหลาน้ีใชไ ด ๒ วธิ ี คือ
ใชท างดา นวิทยาการเขา ชว ย และสบื หาจากตวั บุคคล ในทนี่ จ้ี ะกลาวแตเฉพาะสบื จากบคุ คล
๓๓
ก. ผเู คยใช ผเู คยเหน็ หรือเกย่ี วขอ ง ซ่ึงจาํ สง่ิ ของนนั้ ได ในขอ นมี้ กั จะเปน ปญ หา
สําคัญในการพิจารณาเก่ียวกับการโตเถียงกรรมสิทธ์ิในส่ิงของน้ันวาเปนของใคร และการยืนยัน
ในขอท่ีวาจําได การใหการวาจาํ ไดโดยไมมีเหตุผลยอมไมอาจรับฟงได เชน ในเรื่องคดีลักทรัพย
หรือรับของโจร ถาผูตองหาตอสูกรรมสิทธ์ิของกลางท่ีจับได ถาไมมีหลักฐานยืนยันในเร่ืองของกลาง
โดยมีเหตุผลท่มี นี ้าํ หนกั แลว เปนการยากทีจ่ ะใหศ าลลงโทษ ของกลางบางอยางมสี ภาพไมเหมือนกัน
หรือมีแตเฉพาะคนบางกลุมบางพวก เชน พระเคร่ือง ภาพถาย เคร่ืองแตงบาน ฯลฯ
เปนการงายที่จะสืบหาเจาของ และมักจะไมคอยมีขอโตเถียงกรรมสิทธิ์สิ่งของท่ีตกอยูในท่ีเกิดเหตุ
เชน มีดพก หมวกคนราย เปนตน อาจจะสืบหาคนรายไดโดยสอบถามจากคนที่เคยเห็นหรือจําได
โดยถือหลกั ดังกลา วขา งตน
ข. ผเู ปน เจา ของ หรอื ผปู ระดษิ ฐห รอื จดั ทาํ สง่ิ ของนน้ั บคุ คลในประเภทนย้ี อ มเปน
ผูที่จะยืนยันในสิ่งของน้ันมีนํา้ หนักดีกวาการที่เคยเห็นใช เชน เสื้อผาท่ีตัดจากรานเย็บเส้ือผา
โดยวิธีวดั ตัด และตดิ ช่ือหรอื ยหี่ อ ของราน ผเู ยบ็ หรอื ตดั ยอ มระลึกไดว า เสอ้ื ที่ตนเยบ็ นนั้ มีรอยตําหนิ
หรือรปู ลักษณพ เิ ศษอยา งไร ใครเปนคนวาจา ง และมบี ัญชบี นั ทกึ ขนาดของเสอื้ นั้นปรากฏอยู
ค. แหลงหรือสํานักที่อาจรับหรือมีสิ่งของนั้นไว เชน โรงรับจาํ นาํ บางราน
หรือบุคคลที่เคยรับซื้อของโจร การที่ติดตามสิ่งของที่หายไป ถาผูสืบสวนรูเบาะแสดังกลาว
ยอมสกัดจับของกลางหรือจับของที่ตองการน้ันไดโดยงาย นอกจากน้ัน ยังอาจจะบอกช่ือเจาของ
หรือบคุ คลซ่งึ สงสยั วา จะมหี รือใชสง่ิ ของเชนน้นั ได
áËŧ‹ ¢ŒÍÁÙÅ·èÕà¡ÂèÕ Ç¡Ñº»ÃЪҡÃáÅкؤ¤Å
ในการสืบสวนคดีที่เกิดขึ้นนั้นภายหลังจากการตรวจท่ีเกิดเหตุของผูสืบสวนอาจทราบถึง
ตัวคนรายหรือผูกระทาํ ผิดในทันที การติดตามจับกุมโดยเรงรีบจะตองกระทําในเวลานั้น ผูสืบสวน
จะตอ งสบื สวนซักถามพยานใหร ถู งึ รปู พรรณของคนรา ย เส้ือผา ที่สวมใสใ นเวลาเกดิ เหตุ ความจําเปน
ในการจดจาํ รูปรางหนาตาของคนรายไดดีที่สุดก็คือ ภาพถายของคนรายน้ันเอง การที่จะไดมา
ซึ่งภาพถา ยของคนรายหรอื บุคคล ผสู ืบสวนจะตอ งรถู ึงแหลง ขอมูลทีเ่ ก่ียวของกับประชากรและบคุ คล
ดังน้ี
๑. กองทะเบียนประวัติอาชญากร เปนหนวยงานหน่ึงในสาํ นักงานตํารวจแหงชาติ
เปนหนวยงานระดับกองบังคับการในสังกัด สํานักงานพิสูจนหลักฐานตาํ รวจเปนแหลงขอมูลชวย
ในการสบื สวน เปน สถานทเี่ กบ็ รวบรวมประวตั ิ รปู ถา ย และแผนประทษุ กรรมของคนรา ย ทาํ ใหผ สู บื สวน
สามารถท่จี ะคนหาขอมูลบางอยางทีต่ อ งการได
๒. งานทะเบยี นราษฎรและงานทะเบยี นบตั รประจาํ ตวั ประชาชนของหนว ยงานปกครอง
สว นกลางและสวนทองถน่ิ เปนแหลง ขอ มลู ทผ่ี สู บื สวนสามารถท่ีจะติดตอ ประสาน เพ่ือทราบถ่นิ ท่ีอยู
สถานะบคุ คลในครอบครวั สถานทอ่ี ยใู นปจ จบุ นั ของบคุ คล ภาพถา ยของบคุ คล สามารถใชเ ปน แนวทาง
ในการตดิ ตามบคุ คลหรือจบั กุมคนรายได
๓๔
๓. เรือนจําในสังกัดกรมราชทัณฑ เปนแหลงขอมูลเกี่ยวกับตัวผูตองขังหรือนักโทษ
ในกรณีท่ีมีการหลบหนีจากเรือนจาํ ของนักโทษ การติดตามจับกุมตัวน้ันจะกระทาํ ไดบรรลุผลก็จะตอง
อาศัยขอมูลท่ีทางเรือนจําตางๆ มี เชน รูปถาย และประวัตินักโทษน้ันๆ ท่ีทางเรือนจาํ ไดจัดทาํ ไว
ผูสืบสวนสามารถที่จะประสานงานขอความรว มมอื ได
๔. สถานประกอบการภาครฐั และเอกชน เปน สถานทท่ี อี่ าจรบั บคุ คลเขา ทํางาน ในสาขา
วชิ าชพี ตา งๆ ซง่ึ จะตอ งมขี อ มลู เกยี่ วกบั บคุ คล ในบางครง้ั ผสู บื สวนมคี วามจาํ เปน ทจ่ี ะตอ งประสานงาน
เพือ่ ใหไ ดข อมลู มาใชป ระโยชนใ นการติดตามบุคคลหรอื คนรา ยทตี่ องการไดอยา งมีประสิทธภิ าพ
¡ÒÃÊÌҧáËÅ‹§¢Ò‹ Ç
¹Ñ¡Ê׺·Ø¡¹ÒÂμŒÍ§
๑. มีแหลงขาวในแหลง และกลุม ชน ดังนี้
๑.๑ ทกุ กลุมอาชีพ และชั้นของสังคม
๑.๒ ทกุ แหลงสถานทีท่ ีเ่ ช่อื วามีขาวสารอาชญากรรม เชน
๑.๒.๑ โรงแรม
๑.๒.๒ แฟลต
๑.๒.๓ สถานบรกิ ารใหเชา รถ
๑.๒.๔ ยานชุมชนแออัด
๒. สรา งแหลงขา วเพม่ิ เตมิ และปรบั ปรุงใหท นั สมัยอยูเ สมอ
¡ÒäǺ¤ØÁáÅл¯ºÔ ÑμÔμÍ‹ áËŧ‹ ¢Ò‹ Ç
ñ. ¡ÒäǺ¤ÁØ áËÅ‹§¢Ò‹ Ç
ใหจ ดั ทาํ เอกสารควบคุมแหลง ขา วซ่ึงไดแ ก
๑.๑ สมดุ คุมแหลง ขาวประจําตัวนกั สบื ทกุ นาย เพ่อื ใหนกั สบื ผนู ้ันทราบวา
๑.๑.๑ ตนเองมีผใู หข าวกคี่ น อยูที่ใดบาง แตละคนมีความสามารถทางใด
๑.๑.๒ ผูใหขาวแตละคน ใหขาวเรื่องอะไรบาง ผลของการสืบสวนในขาว
แตล ะเรอื่ งเปน อยา งไร เพอ่ื วดั ความสามารถและความเชื่อถือตวั ผูใหข า วคนนัน้
๑.๒ สมุดคุมแหลงขาวของหนวยงาน แยกตามประเภทของแหลงขาว เพ่ือให
นักสืบไดท ราบวา
๑.๒.๑ มีแหลงขาวอยูที่ใดบางในทองท่ีของตน ใครเปนผูใหขาวในแตละ
แหลงขาว นักสืบผูใดมีหนาที่รับผิดชอบควบคุมแหลงขาวใดบาง เม่ือมีความจาํ เปนตองหาขาวจาก
แหลง ขา วเหลา น้ัน กส็ ามารถใชไ ดถูกตอ ง
๓๕
ò. ¡Òû¯ºÔ μÑ μÔ ‹ÍáËÅ‹§¢‹ÒÇ
๒.๑ ผูรับผิดชอบแหลงขาวตองติดตอประสานงานกับผูใหขาวตามแหลงตางๆ
ท่ีตนรับผิดชอบอยูอยางสมํ่าเสมอ เพื่อกอใหเกิดความใกลชิด ไววางใจและติดตามการแจงขาว
ของผูใหข าวอยางตอ เน่อื ง
๒.๒ ผูรับผิดชอบแหลงขาวตองกาํ หนดวิธีการรับ-สงขาว ระหวางตัวนักสืบ
กับผูใหขาว
¡ÒûÃÐàÁÔ¹¤‹Ò¢Í§áËŧ‹ ¢Ò‹ ÇáÅÐμÇÑ ¢Ò‹ Ç
¡ÒûÃÐàÁ¹Ô ¤Ò‹ ¢Í§áËÅ‹§¢Ò‹ Ç ¡ÒûÃÐàÁÔ¹¤‹Ò¢Í§μÑÇ¢‹ÒÇËÃÍ× à¹Íé× ËҢͧ¢‹ÒÇ
(¹‹ÒàªÍè× ¶×Í/äÁ‹¹‹Òàªè×Ͷ×Í) (¹Ò‹ àª×Íè ¶×Í/äÁ¹‹ ‹Òàª×Íè ¶×Í)
- ตวั แหลงขาว (สายขา ว/สายลับ) มี ๖ ระดบั - การประเมิน เน้ือขาว (มี ๖ ระดบั )
ก. เชอื่ ไดเ ตม็ ที่ ๑. ไดรับการยนื ยนั จากแหลง ขา วอ่นื
ข. เชื่อถอื ได ๒. นา จะเปน ความจริง
ค. พอจะเช่อื ถือได ๓. อาจจะเปน ความจรงิ
ง. ยงั ไมค วรจะเช่ือถือ ๔. สงสัยวาจะเปนความจรงิ
จ. เช่อื ถือไมได ๕. ไมนาจะเปน ไปได
ฉ. ไมสามารถกาํ หนดความเชือ่ ถือได ๖. ไมนาตัดสนิ ความจรงิ ได
- (ของตางประเทศ) - (ของตา งประเทศ)
A * โดยปราศจากขอสงสัยวาเชื่อได ๑. รูวาเปนความจริงโดยปราศจาก
แนน อน (ทีม่ าเชอ่ื มน่ั ไดอยา งสมบรู ณ) ขอ สงสยั
B * ทผ่ี า นมาเชอ่ื ถอื ไดเปนสวนใหญ ๒. ขาวเปนที่รูจากแหลงแตยังไมได
C * ทผี่ า นมาเชื่อถือไมไดเ ปนสว นใหญ รายงานใหเ จา หนา ท่ี
X * ไมสามารถตัดสินได (เปนแหลงที่ ๓. ขาวไมเปนท่ีรูจักจากแหลงแตรูมาจาก
ไมเ คยใชมากอน) ผูอน่ื และไดมีการบนั ทกึ ไวแ ลว
๔. ไมสามารถตัดสินได* ขาวไมสามารถ
รูไ ดจ ากแหลงและผูอน่ื
๓๖
μÒÃÒ§¡ÒûÃÐàÁÔ¹¤‹Ò¡Òâҋ Ç â´Â»ÃÒȨҡ ·Õ輋ҹÁÒ ·èÕ¼Ò‹ ¹ÁÒ äÁ‹ÊÒÁÒö
¢ÍŒ ʧÊÂÑ ÇÒ‹ àªèÍ× ¶×Íä´Œ àª×Íè ¶Í× äÁä‹ ´Œ μ´Ñ ÊԹ䴌
ÁÒμäÇÒÁàª×èÍÁè¹Ñ ¢Í§áËŧ‹ ¢‹ÒÇ àªÍè× ä´Œá¹¹‹ ͹ ໹š ʋǹãËÞ‹ ໹š ʋǹãËÞ‹
มาตรความเท่ียงตรงของขา ว
A B CX
รวู า เปน ความจรงิ โดยปราศจากขอ สงสยั ๑ A๑ B๑ C๑ X๑
ขาวเปนที่รูจากแหลงแตยังไมได ๒ A๒ B๒ C๒ X๒
รายงานใหเจา หนาท่ี
ขาวไมเปนท่ีรูจักจากแหลงแตรูมา ๓ A๓ B๓ C๓ X๓
จากผูอน่ื และไดม กี ารบันทึกไวแลว
ไมส ามารถตดั สนิ ได ๔ A๔ B๔ C๔ X๔
¢‹ÒÇ·Õè ¹‹ÒàªÍè× ¶×Í·ÕèÊ´Ø ¤×Í Añ
¢‹ÒÇ·èÕ äÁ¹‹ ‹Òàª×èͶ×Í·ÊèÕ Ø´ ¤Í× Xô
๓๗
º··èÕ ó
¡ÒÃáÊǧËÒ¾ÂÒ¹ËÅ¡Ñ °Ò¹
áËŧ‹ ·Õ¨è оºÇÑμ¶Ø¾ÂÒ¹
๑. สถานทเี่ กดิ เหตุ ซงึ่ เปน สถานทท่ี เ่ี กดิ เหตขุ นึ้ และเปน แหลง รวมของบรรดาวตั ถพุ ยาน
สวนใหญ เชน รอยลายนว้ิ มือแฝง ปลอกกระสนุ ปน ศพ รอ งรอยคนรา ย เราถอื วาสถานทเี่ กิดเหตคุ อื
หัวใจของการสืบสวนหรือขุมทรัพยพยานหลักฐาน คนรายจะท้ิงรองรอยไวเสมอไมมากก็นอยขึ้นกับ
เจา หนาทจี่ ะมีความรูค วามสามารถในการทจี่ ะคนหาและเกบ็ วัตถพุ ยานไดม ากนอ ยเพยี งใด
๒. ทต่ี วั ของผเู สยี หาย เชน ในศพ หรอื ในกรณผี ถู กู อาวธุ ปน และมกี ระสนุ ฝง อยใู นรา งกาย
หรอื คดีขมขนื กระทาํ ชาํ เรา ซง่ึ วัตถุพยานสําคัญ เชน บาดแผล เสนขน เน้อื เย่อื อสุจิ เปนตน จะอยใู น
รางกายผเู สยี หาย
๓. ท่ตี วั คนราย เพราะหากคนรา ยเขาไปในท่ีเกิดเหตแุ ลวนาจะตอ งนาํ สง่ิ ของบางอยา ง
หรอื มีส่งิ ของบางอยางตดิ ตวั ไป เชน ทรัพยสิน เศษหิน ดนิ ทราย (ไปกบั พน้ื รองเทา ) หรอื ทิง้ รองรอยไว
เชน คราบโลหิต นา้ํ ลาย ลายน้ิวมอื เปน ตน
๔. ที่อ่ืนๆ เชน คนรายยิงคนตายแลวหลบหนีไปพรอมอาวุธปนของกลาง ระหวาง
หลบหนีไดนาํ ปน ไปโยนทิ้งแมน ํ้า เปนตน
ó.ñ ¡ÒÃáÊǧËÒ¾ÂÒ¹ËÅ¡Ñ °Ò¹¨Ò¡¡ÒèºÑ /¤Œ¹/´Ö
¢Í§¡ÅÒ§
คําวาของกลางในคดีอาญา ไมปรากฏคําอธิบายในกฎหมายใดซ่ึงจะไดอธิบายไว
โดยชดั แจง เกย่ี วกบั ความหมาย นอกจากคาํ วา “สงิ่ ของ” ตามประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา
มาตรา ๒(๑๘) ซึง่ หมายถงึ สังหาริมทรัพยใด ซึ่งอาจใชเ ปนพยานหลกั ฐานในคดีอาญาได ใหรวมทงั้
จดหมาย โทรเลขและเอกสารอยางอื่นๆ ซึ่งแทจริงแลวคาํ วาของกลางยังมีความหมายอยางกวาง
มากกวาคาํ วา “ส่ิงของ” ดังนั้น จึงตองอาศัยการตีความจากหลักของเจตนารมณของกฎหมายตางๆ
ทีเ่ กี่ยวขอ งซงึ่ ไดกลาวอธิบายไว อาทเิ ชน
การสบื สวน คือ การแสวงหาขอ เท็จจรงิ และหลักฐาน ซึ่งในบางครง้ั หลักฐานที่สบื สวนพบ
ก็กลายสภาพเปนของกลางในคดีอาญา ดังนั้น ตองทําความเขาใจและควรเรียนรูเกี่ยวกับของกลาง
ในคดอี าญาไวป ระกอบ เพราะมฉิ ะนน้ั แลว จะพบเหน็ เจา พนกั งานตาํ รวจไปตรวจคน และยดึ สงิ่ ของตา งๆ
มาจํานวนมากมาย แตกลับไมถูกนํามาใชเปนพยานหลักฐานหรือไมไดแปรสภาพมาเปนของกลาง
ในคดอี าญาแตอ ยา งใด จงึ มขี อ พพิ าทจาํ นวนมากเกดิ ขน้ึ ตามมาเกยี่ วกบั อาํ นาจการยดึ และระยะเวลา
ในการยดึ สงิ่ ของเหลา นน้ั รวมถงึ ปญ หาในการเกบ็ รกั ษาวา ใครจะเปน ผรู บั ผดิ ชอบ ตลอดจนเกดิ ปญ หา
เก่ียวกบั การสงมอบสิง่ ของเหลา นนั้ คืนแกเจา ของหรอื ผูมีสิทธ์เิ มือ่ มกี ารยืน่ คํารองขอรบั สง่ิ ของคืน
๓๘
จึงเปนเรื่องจําเปนท่ีเจาพนักงานตํารวจผูมีหนาท่ีในการสืบสวนคดีอาญา ตองมีความรู
และทราบถึงเจตนารมณของกฎหมายในการที่จะใหอํานาจเจาพนักงานในการยึดหรืออายัดส่ิงของ
เพ่ือประโยชนในการบังคับใชกฎหมาย ซ่ึงเมื่อพิจารณาถึงเจตนารมณของกฎหมายแลว พอจะวาง
หลักเกณฑเ กยี่ วกับคาํ วาของกลางในคดีอาญา ไดดังนี้
๑. หมายถงึ สงิ่ ของทยี่ ึดไวเ พื่อใหศาลมคี ําสั่งริบ (สง่ิ ของทีม่ ไี วเปนความผิด)
๒. หมายถึงสิ่งของทยี่ ึดไวเพราะสงสัยวา เปนส่ิงของทไี่ ดใช มไี วเพื่อใช หรือไดมาจาก
การกระทาํ ความผิด (บางสิ่งคืนเจา ของท่แี ทจรงิ บางส่งิ ศาลมีคาํ ส่งั รบิ )
๓. หมายถงึ สง่ิ ของทยี่ ดึ ไวเ พอ่ื ใชเ ปน พยานหลกั ฐานในคดอี าญา (สว นใหญใ ชเ ปน พยาน
หลักฐานในคดีอาญา และอาจส้ินสภาพไปเพราะการตรวจพิสจู น)
๔. หมายถึงสิ่งของที่ยึดไวเพราะหาเจาของที่แทจริงไมได รัฐรักษาผลประโยชนไว
เพ่อื ปองกันการโตแยง ทางแพง ของเอกชน (เชน ส่งิ ของตกหลน ทมี่ ผี เู ก็บได)
ó.ñ.ñ ÊÔ觢ͧ·ÂèÕ ´Ö äÇŒà¾Íè× ãËŒÈÒÅÁคÕ ําʧÑè úÔ
ของกลางในคดีอาญาตามความหมายน้ี หมายถึง สิ่งของท่ีเจาพนักงานผูมี
หนา ทส่ี บื สวนตอ งยดึ หรอื อายดั ไวเ สมอ เพอื่ ใหศ าลมคี าํ สง่ั รบิ ซงึ่ ถอื วา เปน การรบิ เดด็ ขาด เปน ไปตาม
หลกั กฎหมายในประมวลกฎหมายอาญา ดงั นี้
ÁÒμÃÒ óò ทรัพยสินใดท่ีกฎหมายบัญญัติไววา ผูใดทําหรือมีไวเปนความผิด
ใหรบิ เสยี ท้ังส้นิ ไมวา เปน ของผูกระทําความผิด และมีผถู กู ลงโทษตามคําพิพากษาหรอื ไม
ÁÒμÃÒ óõ ทรัพยสินซ่ึงศาลพิพากษาใหริบใหตกเปนของแผนดิน แตศาลจะ
พิพากษาใหทําใหทรพั ยสินนนั้ ใชไ มไ ดห รือทําลายทรพั ยสินน้ันเสยี กไ็ ด
ดังนั้น เม่ือเจาพนักงานตํารวจผูมีหนาท่ีในการสืบสวนคดีอาญา ไดสืบสวนพบ
ส่ิงของซึ่งมีลักษณะตามท่ีไดอธิบายแลวขางตน จะตองยึดไวเปนของกลางเสมอ โดยมิตองคํานึงวา
จะมีผูตองหาหรือผูที่ตองไดรับโทษตามกฎหมายสําหรับความผิดนั้นๆ หรือไม และระยะเวลา
ในการยดึ น้ัน กย็ ึดไวไ ดจ นกวาศาลจะมีคาํ สง่ั รบิ
ó.ñ.ò ÊèÔ§¢Í§·èÕÂÖ´äÇŒà¾ÃÒÐʧÊÑÂÇ‹Ò໚¹ÊèÔ§¢Í§·èÕ䴌㪌 ÁÕäÇŒà¾è×Í㪌 ËÃ×Íä´ŒÁÒ¨Ò¡
¡ÒáÃÐทาํ ¼Ô´
ของกลางในคดีอาญาตามความหมายนี้ หมายถงึ ส่งิ ของทีเ่ จาพนักงานผมู ีหนาที่
สบื สวนไดทราบขอ เท็จจรงิ หรือเพราะมีเหตุอนั ควรสงสยั วาจะเปนสง่ิ ของท่ีไดใ ช มไี วเ พ่อื ใช หรอื ไดม า
จากการกระทําผิด จึงตองยึดไวเปนของกลาง เพราะเหตุท่ีหากเปนสิ่งของท่ีไดใช หรือมีไวเพ่ือใช
ในการกระทาํ ผดิ จรงิ ทาํ ใหพ สิ จู นไ ดว า มกี ารกระทาํ ผดิ อาญาเกดิ ขนึ้ และทาํ ใหพ อจะทราบรายละเอยี ด
แหง ความผดิ นน้ั ๆ นอกจากนน้ั ยงั สามารถนาํ ไปใชเ ปน พยานหลกั ฐานสาํ คญั ในคดอี าญาในชน้ั สอบสวน
และการพิจารณาคดีของศาลเพ่ือพสิ จู นค วามผิดผูตองหาหรอื จําเลย
สําหรับส่ิงของที่สงสัยวาจะไดมาจากการกระทําผิดก็ตองยึดไวใชเปนพยาน
หลักฐานเพ่ือพิสูจนความผิดของผูตองหาหรือจําเลย อาทิเชน ความผิดฐานลักทรัพยหรือรับของโจร
นอกจากนคี้ วามสาํ คญั ทต่ี อ งยดึ สง่ิ ของประเภทนไี้ วเ ปน ของกลางคอื กรณที ย่ี ดึ ไวเ พอื่ สง คนื แกเ จา ของ
ทแี่ ทจ รงิ หรือผมู ีสทิ ธิในส่งิ ของน้ัน
๓๙
ซง่ึ ของกลางประเภทนเี้ ปน ไปตามหลกั ประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา
ÁÒμÃÒ öù เหตุที่จะออกหมายคน ไดมีดังตอไปนี้
(๑) เพ่ือพบและยึดสิ่งของซ่ึงจะเปนพยานหลักฐานประกอบการสอบสวน
ไตส วนมลู ฟองหรือพจิ ารณา
(๒) เพ่ือพบและยึดส่ิงของซ่ึงมีไวเปนความผิด หรือไดมาโดยผิดกฎหมาย
หรอื มีเหตุอันควรสงสัยวาไดใ ชห รอื ตงั้ ใจจะใชใ นการกระทาํ ความผิด
(๓) เพื่อพบและชวยบุคคลซ่ึงไดถูกหนวงเหนี่ยวหรือกักขัง โดยมิชอบดวย
กฎหมาย
(๔) เพ่อื พบบคุ คลซ่งึ มหี มายใหจับ
(๕) เพอ่ื พบและยดึ สงิ่ ของตามคาํ พพิ ากษาหรอื ตามคาํ สงั่ ศาล ในกรณที จี่ ะพบ
หรือจะยดึ โดยวิธีอน่ื ไมไดแลว และหลักประมวลกฎหมายอาญา
ÁÒμÃÒ óó ในการริบทรัพยสิน นอกจากศาลจะมีอํานาจริบตามกฎหมาย
ท่บี ญั ญัตไิ วโ ดยเฉพาะแลว ใหศ าลมอี าํ นาจสง่ั ใหริบทรพั ยสินดังตอไปน้อี ีกดว ย คือ
(๑) ทรพั ยสนิ ซ่งึ บคุ คลไดใช หรือมีไวเ พอื่ ใชใ นการกระทาํ ความผดิ หรือ
(๒) ทรัพยสนิ ซึ่งบคุ คลไดมาโดยไดกระทาํ ความผิด
เวนแตทรพั ยสินเหลานีเ้ ปน ทรัพยส ินของผอู ื่นซ่งึ มไิ ดรเู หน็ เปน ใจดวยในการกระทาํ ความผดิ
ÁÒμÃÒ óô บรรดาทรัพยสนิ
(๑) ซงึ่ ไดใ หต ามความในมาตรา ๑๔๓ มาตรา ๑๔๔ มาตรา ๑๔๙ มาตรา ๑๕๐
มาตรา ๑๖๗ มาตรา ๒๐๑ หรือมาตรา ๒๐๒ หรอื
(๒) ซึ่งไดใหเพื่อจูงใจบุคคลใหกระทําความผิด หรือเพ่ือเปนรางวัลในการ
ที่บุคคลไดกระทําความผิด ใหริบเสียท้ังส้ิน เวนแตทรัพยสินนั้นเปนของผูอื่นซึ่งมิไดรูเห็นเปนใจดวย
ในการกระทาํ ความผิด
ÁÒμÃÒ óö ในกรณีท่ศี าลส่งั ใหร บิ ทรพั ยส ินตามมาตรา ๓๓ หรอื มาตรา ๓๔
ไปแลว หากปรากฏในภายหลงั โดยคาํ เสนอของเจาของแทจ ริงวา ผูเปน เจา ของแทจ รงิ มิไดร เู หน็ เปนใจ
ดวยในการกระทําความผดิ ก็ใหศาลส่งั ใหค นื ทรัพยส นิ ถาทรพั ยส ินนั้นยังคงมีอยใู นความครอบครอง
ของเจาพนักงานแตคําเสนอของเจาของแทจริงนั้นจะตองกระทําตอศาลภายในหน่ึงปนับแตวัน
คาํ พิพากษาถงึ ทสี่ ดุ
ขอ สงั เกต ประการสาํ คญั ของการยดึ ของกลางประเภทนี้ คอื การตคี วามเกยี่ วกบั คาํ วา เหตุ
อันควรสงสัย ซ่ึงตองมีหลักฐานขอเท็จจริงพอสมควรท่ีจะสนับสนุนขออางของเจาพนักงานผูมีหนาที่
ในการสืบสวนอาญา นอกจากนี้ยังมีขอสังเกตเก่ียวกับระยะเวลาในการยึด อายัด วาจะมีกําหนด
ถึงเมื่อใด เพราะมูลเหตุอันควรสงสัยน้ัน บางคร้ังไดส้ินสุดลงแลว อํานาจในการยึด อายัด
จงึ ควรจะหมดตามไปดว ย เวน แตจ ะมขี อ เทจ็ จรงิ อนื่ มาสนบั สนนุ หรอื ไดเ ปลยี่ นมลู เหตอุ นั ควรสงสยั เปน
มูลเหตจุ ริง
๔๐
นอกจากนี้ยังมีขอสังเกตเก่ียวกับหลักเกณฑขอน้ี ในเรื่องการคืนหรือสั่งคืนของกลางที่ยึด
หรืออายัดวา ไดก ระทาํ ไปโดยมีการตรวจสอบสทิ ธิ์อยา งแนชัดแลวหรอื ไม กระทบสิทธิข์ องผใู ดหรือไม
และผูบุคคลน้ันมีสิทธ์ิไลเบี้ยเอากับผูกระทาํ ความผิดอาญาไดหรือไม ซึ่งในกรณีจะเกี่ยวของสัมพันธ
ดังปรากฏอยใู นประมวลกฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความอาญา
ÁÒμÃÒ ôó คดีลักทรัพย ว่ิงราว ชิงทรัพย ปลนทรัพย โจรสลัด กรรโชก
ฉอโกง ยักยอกหรือรับของโจร ถาผูเสียหายมีสิทธิที่จะเรียกรองทรัพยสิน หรือราคาท่ีเขาสูญเสียไป
เน่ืองจากการกระทําผิดคืน เมื่อพนักงานอัยการย่ืนฟองคดีอาญา ก็ใหเรียกทรัพยสินหรือราคา
แทนผเู สียหายดว ย
ÁÒμÃÒ ôô การเรียกทรัพยสินหรือราคาคืนตามมาตรากอน พนักงานอัยการ
จะขอรวมไปกับคดีอาญาหรือจะย่ืนคํารองในระยะใดระหวางท่ีคดีอาญากาํ ลังพิจารณาอยูในศาลชั้นตน
ก็ได
คําพพิ ากษาในสว นเรยี กทรพั ยส นิ หรอื ราคาใหร วมเปน สว นหนง่ึ แหง คาํ พพิ ากษา
ในคดีอาญา
ÁÒμÃÒ ôô/ñ ในคดที ่พี นักงานอัยการเปน โจทก ถา ผเู สยี หายมีสิทธทิ ่จี ะเรยี กเอา
คา สนิ ไหมทดแทนเพราะเหตไุ ดร บั อนั ตรายแกช วี ติ รา งกาย จติ ใจ หรอื ไดร บั ความเสอื่ มเสยี ตอ เสรภี าพ
ในรางกาย ช่ือเสียงหรือไดรับความเสียหายในทางทรัพยสินอันเน่ืองมาจากการกระทาํ ความผิดของ
จาํ เลย ผูเสียหายจะย่ืนคาํ รองตอศาลท่ีพิจารณาคดีอาญาขอใหบังคับจาํ เลยใหคาสินไหมทดแทน
แกต นกไ็ ด
การยน่ื คํารอ งตามวรรคหน่ึง ผูเสียหายตองย่นื คํารองกอนเริม่ สืบพยาน ในกรณี
ที่ไมมีการสืบพยานใหย่ืนคาํ รองกอนศาลวินิจฉัยช้ีขาดคดี และใหถือวาคํารองดังกลาวเปนคาํ ฟอง
ตามบทบัญญัติแหงประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพงและผูเสียหายอยูในฐานะโจทกในคดี
สว นแพง นนั้ ทงั้ นี้ คาํ รอ งดงั กลา วตอ งแสดงรายละเอยี ดตามสมควรเกยี่ วกบั ความเสยี หาย และจํานวน
คา สนิ ไหมทดแทนทเ่ี รยี กรอ ง หากศาลเหน็ วา คาํ รอ งนน้ั ยงั ขาดสาระสาํ คญั บางเรอ่ื ง ศาลอาจมคี ําสง่ั ให
ผูรองแกไ ขคาํ รอ งใหช ัดเจนกไ็ ด
คํารองตามวรรคหน่ึงจะมีคาํ ขอประการอ่ืนท่ีมิใชคาํ ขอบังคับใหจาํ เลยชดใช
คาสินไหมทดแทนอันเนื่องมาจากการกระทาํ ความผิดของจาํ เลยในคดีอาญามิได และตองไมขัดขืน
หรอื แยง กบั คําฟอ งในคดอี าญาทพี่ นกั งานอยั การเปน โจทก และในกรณที พ่ี นกั งานอยั การไดด าํ เนนิ การ
ตามความใน มาตรา ๔๓ แลว ผเู สยี หายจะยน่ื คํารอ งตามวรรคหนง่ึ เพอ่ื เรยี กทรพั ยส นิ หรอื ราคาทรพั ย
อกี ไมได
ÁÒμÃÒ ôô/ò เมอ่ื ไดร ับคาํ รอ งตาม มาตรา ๔๔/๑ ใหศ าลแจง ใหจําเลยทราบ
หากจาํ เลยใหการประการใดหรือไมประสงคจะใหการใหศาลบันทึกไว ถาหากจําเลยประสงคจะทํา
คําใหการเปน หนังสือใหศาลกําหนดระยะเวลายื่นคาํ ใหก ารตามท่ีเหน็ สมควร และเม่อื พนกั งานอัยการ
๔๑
สืบพยานเสร็จศาลจะอนุญาตใหผูเสียหายนาํ พยานเขาสืบถึงคาสินไหมทดแทนไดเทาท่ีจําเปน
หรือศาลจะพิจารณาพิพากษาคดอี าญาไปกอนแลวพจิ ารณาพิพากษาคดสี ว นแพงในภายหลัง
ถาความปรากฏตอศาลวาผูย่ืนคํารองตาม มาตรา ๔๔/๑ เปนคนยากจน
ไมส ามารถจดั หาทนายความไดเ อง ใหศ าลมอี าํ นาจตัง้ ทนายความใหแ กผูนั้น โดยทนายความทไ่ี ดรบั
แตงต้งั มีสิทธไิ ดรับเงนิ รางวัลและคา ใชจา ยตามระเบยี บทีค่ ณะกรรมการบรหิ ารศาลยุตธิ รรมกําหนด
ÁÒμÃÒ ôõ คดีเรื่องใดถึงแมวาไดฟองในทางอาญาแลวก็ไมตัดสิทธิผูเสียหาย
ทจี่ ะฟองในทางแพง อีก
ÁÒμÃÒ ôö ในการพิพากษาคดีสว นแพง ศาลจําตอ งถือขอเทจ็ จริงตามทป่ี รากฏ
ในคาํ พพิ ากษาคดสี วนอาญา
ÁÒμÃÒ ô÷ คาํ พิพากษาคดีสวนแพงตองเปนไปตามบทบัญญัติแหงกฎหมาย
อันวาดวยความรับผิดของบุคคลในทางแพงโดยไมตองคํานึงถึงวาจําเลยตองคาํ พิพากษาวาไดกระทํา
ความผดิ หรอื ไม
ราคาทรัพยสินที่ส่ังใหจําเลยใชแกผูเสียหายใหศาลกาํ หนดตามราคาอันแทจริง
สวนจาํ นวนเงินคาสินไหมทดแทนที่ผูเสียหายจะไดรับนั้น ใหศาลกาํ หนดใหตามความเสียหายแตตอง
ไมเ กนิ คาํ ขอ
ÁÒμÃÒ ôø เมื่อศาลพิพากษาใหคืนทรพั ยสนิ แตย งั ไมปรากฏตัวเจา ของ เมอื่ ใด
ปรากฏตัวเจา ของแลว ใหเจาหนาทีซ่ ึง่ รักษาของคนื ของนน้ั ใหแกเ จาของไป
ในกรณีที่ปรากฏตัวเจาของ ใหศาลพิพากษาส่ังใหเจาหนาที่ซ่ึงรักษาของคืน
ของนน้ั ใหแ กเจา ของไป
เมื่อมีการโตแยงกัน ใหบุคคลท่ีอางวาเปนเจาของอันแทจริงในทรัพยสินน้ัน
ฟองเรียกรอ งยังศาลท่มี ีอาํ นาจชาํ ระ
ÁÒμÃÒ ôù แมจะไมม ีฟอ งคดสี วนแพง กต็ าม เมื่อพิพากษาคดี สว นอาญาศาล
จะสัง่ ใหค นื ทรพั ยสนิ ของกลางแกเจาของก็ได
ÁÒμÃÒ õð ในกรณีท่ีศาลสง่ั ใหคืนหรอื ใชร าคาทรัพยส ิน หรอื คาสนิ ไหมทดแทน
แกผูเสียหายตามมาตรา ๔๓ และ มาตรา ๔๔ หรือ มาตรา ๔๔/๑ ใหถือวาผูเสียหายน้ันเปน
เจา หนีต้ ามคาํ พพิ ากษา
ÁÒμÃÒ øõ เจาพนักงานผูจับหรือรับตัวผูถูกจับไว มีอํานาจคนตัวผูตองหา
และยดึ สิ่งของตาง ๆ ทอี่ าจใชเ ปนพยานหลกั ฐานได
การคน นน้ั จกั ตองทาํ โดยสุภาพ ถา คน ผูห ญิงตอ งใหห ญิงอน่ื เปน ผคู น
สง่ิ ของใดท่ยี ดึ ไว เจา พนกั งานมอี ํานาจยึดไวจ นกวาคดถี งึ ทีส่ ุด เม่ือเสรจ็ คดีแลว
กใ็ หคนื แกผตู อ งหาหรือแกผอู ่ืน ซึ่งมีสทิ ธิเรยี กรอ งขอคนื ส่ิงของนน้ั เวน แตศ าลจะสั่งเปน อยา งอ่นื
๔๒
ÁÒμÃÒ ùó หามมิใหทําการคนบุคคลใดในที่สาธารณสถาน เวนแต พนักงาน
ฝายปกครองหรือตํารวจเปนผูคนในเม่ือมีเหตุอันควรสงสัยวา บุคคลนั้นมีส่ิงของในความครอบครอง
เพื่อจะใชในการกระทาํ ความผิด หรือซึ่งไดมาโดยการกระทําความผิดหรือซึ่งมีไวเปนความผิดจะเห็น
ไดวาแมแตศาลยังใหความสําคัญกับการส่ังคืนของกลางประเภทน้ี และก็ยังมีปรากฏอยูในประมวล
กฎหมายอาญา
ÁÒμÃÒ óó ÇÃä·ÒŒ  เวน แตท รพั ยส นิ เหลา นเ้ี ปน ทรพั ยส นิ ของผอู น่ื ซงึ่ มไิ ดร เู หน็
เปนใจดวยในการกระทาํ ความผดิ
ÁÒμÃÒ óô ÇÃ䷌Ҡเวน แตทรัพยส ินนน้ั เปน ของผูอื่นซ่ึงมิไดร เู หน็ เปน ใจดว ย
ในการกระทาํ ความผิด
ÁÒμÃÒ óö ในกรณที ศ่ี าลสงั่ ใหร ิบทรัพยส นิ ตามมาตรา ๓๓ หรอื มาตรา ๓๔
ไปแลว หากปรากฏในภายหลังโดยคําเสนอของเจา ของแทจริงวา ผูเ ปนเจาของแทจริงมไิ ดร ูเห็นเปนใจ
ดว ยในการกระทาํ ความผิด กใ็ หศาลส่งั ใหคืนทรพั ยสนิ ถา ทรพั ยสินน้นั ยังคงมีอยใู นความครอบครอง
ของเจาพนักงาน แตคําเสนอของเจาของแทจริงน้ันจะตองกระทําตอศาลภายในหน่ึงปนับแตวัน
คําพพิ ากษาถึงทส่ี ดุ
ดังน้นั จงึ เปน เร่ืองสําคญั ทีต่ อ งทําความเขาใจอยา งจรงิ จังและใสใจ โดยเฉพาะ
อยา งย่งิ เร่อื งของระยะเวลาในการยดึ อายดั และการคืนของกลาง แมในบางครัง้ จะเปนการปฏบิ ตั ขิ อง
พนกั งานสอบสวนกต็ าม แตต อ งไมล มื วา เจา พนกั งานผมู หี นา ทส่ี บื สวนคดอี าญา เพราะเปน ผใู ชอ าํ นาจแรก
ในการยึดสงิ่ ของเหลาน้นั มาเพยี งเพราะเหตอุ ันควรสงสยั
ó.ñ.ó ÊÔ§è ¢Í§·Õè嫅 äÇŒà¾èÍ× ãªàŒ »¹š ¾ÂÒ¹ËÅ¡Ñ °Ò¹ã¹¤´ÍÕ ÒÞÒ
ของกลางในคดีอาญาตามความหมายน้ี หมายถึง ส่ิงที่เจาพนักงานผูมีหนาท่ี
สืบสวนคดีอาญาเห็นวาเปน หลกั ฐานสําคญั ท่ีทําใหทราบรายละเอยี ดแหง ความผิด และยงั สามารถใช
เปน พยานหลกั ฐานในชน้ั สอบสวนเพอ่ื พสิ จู นว า ผตู อ งหากระทาํ ผดิ หรอื บรสิ ทุ ธ์ิ ซง่ึ ของกลางประเภทน้ี
มวี ตั ถปุ ระสงคห รอื เจตนารมณข องกฎหมายตา งจากของกลางประเภทท่ี ๒ ขา งตน กลา วคอื ของกลาง
ประเภทนี้นอกจากใชพิสูจนหรือยืนยันความผิดของผูตองหาหรือจําเลยในการสอบสวนหรือพิจารณา
คดีแลว ยังอาจยึดมาเพื่อใชเปนพยานหลักฐานในการยืนยันความบริสุทธ์ิของผูตองหาหรือจําเลย
ซงึ่ อาจมาจากการแสวงหาและยดึ อายดั ของเจา พนกั งานตาํ รวจผมู อี าํ นาจสบื สวนคดอี าญาเอง หรอื มา
จากคํากลา วอางของผตู อ งหาหรือจาํ เลยก็ได
หลกั กฎหมายทเ่ี กยี่ วขอ งกบั ของกลางประเภทน้ี คอื ประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณา
ความอาญา
ÁÒμÃÒ öù เหตทุ ่จี ะออกหมายคน ไดม ีดงั ตอ ไปนี้
(๑) เพอื่ พบและยดึ สง่ิ ของซงึ่ จะเปน พยานหลกั ฐานประกอบการสอบสวนไตส วน
มลู ฟองหรือพจิ ารณา
๔๓
ÁÒμÃÒ ùò หามมิใหคนในท่ีรโหฐานโดยไมมีหมายคนหรือคาํ ส่ังของศาล
เวน แตพ นักงานฝา ยปกครองหรือตํารวจเปน ผูคน และในกรณีดังตอ ไปนี้
(๔) เม่ือมีพยานหลักฐานตามสมควรวาส่ิงของท่ีมีไวเปนความผิดหรือไดมา
โดยการกระทาํ ความผดิ หรอื ไดใ ชห รอื มไี วเ พอื่ จะใชใ นการกระทาํ ความผดิ หรอื อาจเปน พยานหลกั ฐาน
พสิ จู นก ารกระทาํ ความผดิ ไดซ อ นหรอื อยใู นนนั้ ประกอบทงั้ ตอ งมเี หตอุ นั ควรเชอ่ื วา เนอ่ื งจากการเนน่ิ ชา
กวาจะเอาหมายคนมาไดส ิง่ ของนั้นจะถกู โยกยายหรือทาํ ลายเสยี กอ น
ÁÒμÃÒ ùø การคน ในทรี่ โหฐานนน้ั จะคน ไดแ ตเ ฉพาะเพอ่ื หาตวั คน หรอื สง่ิ ของ
ทีต่ อ งการคน เทานนั้ แตมขี อ ยกเวนดงั น้ี
(๑) ในกรณีที่คนหาส่ิงของโดยไมจํากัดส่ิง เจาพนักงานผูคนมีอาํ นาจยึด
สงิ่ ของใดๆ ซงึ่ นาจะใชเปนพยานหลกั ฐานเพอ่ื เปนประโยชน หรือยนั ผูตองหาหรอื จาํ เลย
ÁÒμÃÒ ñóñ ใหพนักงานสอบสวนรวบรวมหลักฐานทุกชนิดเทาท่ีสามารถ
จะทําได เพ่ือประสงคจะทราบขอเท็จจริงและพฤติการณตางๆ อันเกี่ยวกับความผิดที่ถูกกลาวหา
เพอ่ื จะรตู ัวผกู ระทาํ ผดิ และพสิ จู นใ หเหน็ ความผิดหรือความบรสิ ุทธิ์ของผูตอ งหา
ÁÒμÃÒ ñóò เพ่ือประโยชนแหงการรวบรวมหลักฐาน ใหพนักงานสอบสวน
มอี ํานาจดังตอไปนี้
(๑) ตรวจตวั ผเู สยี หายเมอื่ ผนู นั้ ยนิ ยอม หรอื ตรวจตวั ผตู อ งหา หรอื ตรวจสงิ่ ของ
หรอื ท่ที างอันสามารถอาจใชเ ปนพยานหลักฐานได ใหรวมทั้งทาํ ภาพถา ย แผนท่ี หรอื ภาพวาดจาํ ลอง
หรือพิมพลายน้ิวมือ ลายมือหรือลายเทา กับใหบันทึกรายละเอียดทั้งหลายซึ่งนาจะกระทําใหคดี
แจมกระจางข้ึน
ในการตรวจตัวผูเสียหายหรือผูตองหาตามวรรคหนึ่ง หากผูเสียหาย
หรอื ผตู องหาเปนหญงิ ใหจดั ใหเจาพนกั งานซ่ึงเปนหญิงหรอื หญงิ อ่นื เปนผตู รวจ ทั้งน้ี ในกรณีท่มี เี หตุ
อันสมควร ผเู สียหายหรือผตู อ งหาจะขอนําบุคคลใดมาอยรู วมในการตรวจนน้ั ดว ยก็ได
(๒) คนเพื่อพบส่ิงของ ซ่ึงมีไวเปนความผิด หรือไดมาโดยการกระทําผิด หรือ
ไดใ ช หรอื สงสยั วา ไดใ ชใ นการกระทาํ ผดิ หรอื ซง่ึ อาจใชเ ปน พยานหลกั ฐานได แตต อ งปฏบิ ตั แิ หง ประมวล
กฎหมายนี้วาดว ยคน
(๓) หมายเรียกบุคคลซึ่งครอบครองส่ิงของ ซ่ึงอาจใชเปนพยานหลักฐานได
แตบุคคลท่ีถูกหมายเรียกไมจําตองมาเองเมื่อจัดสงส่ิงของมาตามหมายแลว ใหถือเสมือนไดปฏิบัติ
ตามหมาย
(๔) ยึดไวซงึ่ ส่งิ ของท่ีคน พบหรอื สง มาดงั กลาวไวในมาตรา (๒) และ (๓)
ÁÒμÃÒ òóø ตนฉบับเอกสารเทานั้นท่ีอางเปนพยานได ถาหาตนฉบับไมได
สําเนาทร่ี ับรองวา ถูกตอ งหรือพยานบคุ คลทรี่ ูข อ ความ ก็อา งเปนพยานได
ถา อา งหนงั สอื ราชการเปน พยาน แมต น ฉบบั ยงั มอี ยจู ะสง สาํ เนาทเ่ี จา หนา ทร่ี บั รอง
วาถูกตอ งก็ได เวน แตในหมายเรียกจะบง ไวเปน อยา งอ่นื
๔๔
ÁÒμÃÒ òóù เอกสารใดซึ่งคูความอาง แตมิไดอยูในความยึดถือของเขา
ถา คคู วามนนั้ แจง ถงึ ลกั ษณะและทอี่ ยขู องเอกสารตอ ศาล ใหศ าลหมายเรยี กบคุ คลผยู ดึ ถอื นําเอกสารนนั้
มาสง ศาล
ÁÒμÃÒ òôñ สง่ิ ใดใชเ ปนพยานวตั ถตุ องนํามาศาล
ในกรณีท่นี าํ มาไมไ ด ใหศ าลไปตรวจจดรายงานยังทีท่ ่ีพยานวัตถุนัน้ อยตู ามเวลา
และวธิ ีซ่ึงศาลเหน็ สมควรตามลักษณะแหงพยานวตั ถุ
ÁÒμÃÒ òôò ในระหวางสอบสวน ไตสวนมูลฟองหรือพิจารณาส่ิงของซึ่งเปน
พยานวตั ถุตองใหคูความหรอื พยานตรวจดู
ถามีการแกหอหรือทําลายตราการหอหรือตีตราใหมใหทําตอหนาคูความ
หรือพยานท่เี กย่ี วขอ งนน้ั
สําหรบั ระยะเวลาในการยดึ อายดั ของกลางประเภทน้ี โดยปกตจิ ะตองยดึ อายดั
ไวจนกวาคดีจะถึงท่ีสุด เพราะพยานหลักฐานน้ันจะตองถูกนํามาใชตลอดการพิจารณาคดี ทั้งในช้ัน
อทุ ธรณแ ละฎีกา ดงั ปรากฏตามประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา
ÁÒμÃÒ øõ/ñ ในระหวา งสอบสวน สง่ิ ของทเ่ี จา พนกั งานไดย ดึ ไว ซงึ่ มใิ ชท รพั ยส นิ
ท่ีกฎหมายบัญญัติไววา ผูใดทําหรือมีไวเปนความผิด ถายังไมไดนําสืบหรือแสดงเปนพยานหลักฐาน
ในการพจิ ารณาคดี เจา ของหรอื ผูซ ่งึ มสี ิทธเิ รียกรอ งขอคนื สงิ่ ของทเี่ จาพนักงานยึดไว อาจยนื่ คาํ รอ งตอ
พนกั งานสอบสวนหรอื พนกั งานอยั การแลว แตก รณี เพอื่ ขอรบั สงิ่ ของนน้ั ไปดแู ลรกั ษาหรอื ใชป ระโยชน
โดยไมม ปี ระกนั หรอื มีประกนั หรือมปี ระกันและหลักประกันก็ได
การส่ังคืนสิ่งของตามวรรคหน่ึงจะตองไมกระทบถึงการใชส่ิงของนั้นเปนพยาน
หลักฐาน เพ่ือพิสูจนขอเท็จจริงในภายหลัง ท้ังน้ี ใหพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการมีคําสั่ง
โดยมิชักชา โดยอาจเรียกประกันจากผูยื่นคํารองหรือกาํ หนดเง่ือนไขอยางหน่ึงอยางใดใหบุคคลนั้น
ปฏิบัติ และหากไมปฏิบัติตามเง่ือนไขหรือบุคคลดังกลาวไมยอมคืนสิ่งของนั้นเมื่อมีคาํ สั่งใหคืน
ใหพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการ แลวแตกรณี มีอํานาจยึดส่ิงของน้นั กลับคืนและบังคับตาม
สัญญาประกันเชนวาน้ันได วิธีการยื่นคํารอง เง่ือนไขและการอนุญาตใหเปนไปตามท่ีกาํ หนด
ในกฎกระทรวง
ในกรณีที่พนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการมีคาํ ส่ังไมอนุญาต ผูยื่นคาํ รอง
มีสิทธิยื่นคํารองอุทธรณคาํ สั่งตอศาลช้ันตน ท่ีมีอํานาจพิจารณาพิพากษาคดีอาญาดังกลาวไดภายใน
สามสิบวัน นับแตวันท่ีไดรับแจงการไมอนุญาต และใหศาลพิจารณาใหแลวเสร็จภายในสามสิบวัน
นับแตว นั ทไ่ี ดรับอุทธรณ ในกรณที ่ศี าลมคี ําส่งั อนญุ าต ศาลอาจเรียกประกนั หรอื กาํ หนดเงอ่ื นไขอยางหนึ่ง
อยา งใดไดตามท่เี หน็ สมควร คาํ สั่งของศาลใหเปน ที่สุด
ÁÒμÃÒ ñùô ถามีอุทธรณแตในปญหาขอกฎหมาย ในการวินิจฉัย ปญหา
ขอ กฎหมายนนั้ ๆ ศาลอทุ ธรณจ ะตอ งฟง ขอ เทจ็ จรงิ ตามทศี่ าลชน้ั ตน วนิ จิ ฉยั มาแลว จากพยานหลกั ฐาน
ในสาํ นวน
๔๕
ÁÒμÃÒ òòò ถาคดีมีปญหาแตเฉพาะขอกฎหมาย ในการวินิจฉัยปญหาขอ
กฎหมายน้ัน ศาลฎีกาจะตองฟงขอเท็จจริงตามท่ีศาลอุทธรณไดวินิจฉัยมาแลวจากพยานหลักฐานใน
สํานวน
ดังน้ัน ของกลางประเภทน้ีจึงถูกยึดอายัดจากเจาพนักงานเปนระยะเวลานาน
บางครงั้ อาจเสยี หายไปกบั การตรวจพสิ จู นแ ละบางครงั้ ไมม คี าํ สงั่ เกยี่ วกบั ของกลางประเภทน้ี เนอ่ื งจาก
พนักงานอัยการอาจไมไดมีคําขอทายฟองไป เพราะอาจไมมีผูใดแสดงความประสงคขอรับของกลาง
ประเภทน้ีคืน แตมิไดหมายความวาผูเปนเจาของหรือมีสิทธ์ิจะมาใชสิทธิ์เรียกรองในภายหลังไมได
เนื่องจากศาลไมไดมีคําสั่งริบ เชนน้ี เปนกรณีที่พนักงานสอบสวนและเจาพนักงานตํารวจผูมีหนาท่ี
สืบสวนคดอี าญา ทีร่ วมกันตรวจยึดอายดั มานน้ั ตอ งแสวงหาขอ เทจ็ จรงิ ใหไ ดวา ผมู ีสทิ ธิใ์ นของกลาง
ประเภทน้ีเมื่อคดีถึงที่สุดแลว ติดใจเกี่ยวกับของกลางประเภทน้ีอยางไร หรือไม เพ่ือใหขอเท็จจริง
ปรากฏตอ พนักงานอยั การเกยี่ วกับการจดั ทาํ คาํ ขอทา ยฟองเกีย่ วกับของกลางประเภทน้ี
ó.ñ.ô ÊÔ觢ͧ·èÕÂÖ´äÇŒà¾ÃÒÐËÒ਌Ңͧ·èÕá·Œ¨ÃÔ§äÁ‹ä´Œ ÃÑ°ÃÑ¡ÉҼŻÃÐ⪹äÇŒ
à¾Íè× »‡Í§¡Ñ¹¡ÒÃâμጠŒ§·Ò§á¾‹§¢Í§àÍ¡ª¹
ของกลางประเภทนี้ ไดแ ก ของกลางจาํ พวกศาลมคี าํ สง่ั คนื ของกลางในคดอี าญา
แลวไมมีผูใดมาติดตอขอรับคืน หรือเปนส่ิงของตกหลนและมีผูเก็บไดนํามาสงแกเจาพนักงานตํารวจ
หรือพนักงานสอบสวนจึงจําเปนตองเก็บรักษาไวตามกฎหมายและระเบียบท่ีเกี่ยวของ โดยกรณีนี้มี
กฎหมายและระเบียบทีเ่ กยี่ วขอ งดังน้ี
ประมวลกฎหมายวิธพี ิจารณาความอาญา
ÁÒμÃÒ ôø เมื่อศาลพิพากษาใหคืนทรพั ยสนิ แตยงั ไมปรากฏตวั เจาของ เม่อื ใด
ปรากฏตวั เจา ของแลว ใหเจาหนา ทซี่ ่ึงรักษาของคืนของน้นั ใหแกเ จา ของไป
ในกรณีที่ปรากฏตัวเจาของ ใหศาลพิพากษาสั่งใหเจาหนาท่ีซึ่งรักษาของคืน
ของนนั้ ใหแกเจาของไป
เมื่อมีการโตแยงกัน ใหบุคคลท่ีอางวาเปนเจาของอันแทจริงในทรัพยสินนั้น
ฟอ งเรียกรองยงั ศาลท่ีมอี ํานาจชําระ
ó.ò ¾ÂÒ¹ËÅ¡Ñ °Ò¹·Õäè ´Œ¨Ò¡¡ÒÃÅ‹Í«é×Í
สําหรับข้ันตอนการสืบสวนพยานหลักฐานในคดีอาญา สามารถแบงออกเพื่อความเขาใจ
ไดเ ปน ๒ กรณี
¡Ã³·Õ Õè ñ ¾ÂÒ¹ËÅ¡Ñ °Ò¹·àèÕ ¡´Ô ¢Ö¹é â´ÂÁԪͺ
¡Ã³·Õ Õè ò ¾ÂÒ¹ËÅÑ¡°Ò¹·Õäè ´ÁŒ Òâ´ÂÁԪͺ
¡Ã³Õ·Õè ñ ¾ÂÒ¹ËÅ¡Ñ °Ò¹·àèÕ ¡Ô´¢Öé¹â´ÂÁԪͺ
สําหรบั พยานหลกั ฐานที่เกิดข้นึ โดยมิชอบ ขออธบิ ายอยา งงายเพื่อความเขา ใจ กลาวคอื
พยานหลกั ฐานในกรณีน้ี เปน กรณพี ยานหลักฐานทไี่ มม ีอยจู ริง หรอื ไมมีอยกู อนหนา นี้ หรือไมไ ดเกิดมาเอง
๔๖
ตามธรรมชาติ แตอาจถูกจัดสรรปนแตงขึ้นมา เชน พยานเท็จ หลักฐานปลอม จึงถือวาการเกิดมา
ของพยานหลักฐานดังกลาวจึงไมชอบดวยหลักนิติธรรม นอกจากนี้ยังรวมถึงพยานหลักฐานท่ีเกิด
โดยการฝา ฝน บทบญั ญตั ขิ องกฎหมาย เชน บนั ทกึ คาํ ใหก ารทเ่ี กดิ จากการจงู ใจ บงั คบั ขเู ขญ็ หรอื ฝา ฝน
บทบัญญัติกฎหมายอื่น เชน คําใหการหรือถอยคําอ่ืนของผูตองหาที่ไมไดแจงสิทธิ์ตามกฎหมาย
ซ่ึงพยานหลักฐานกรณีนี้ เปนบทตัดพยาน กลาวคือ กฎหมายหามมิใหอางเปนพยานหลักฐาน
ในคดอี าญา โดยไมตอ งไปวินิจฉยั หรอื ชัง่ น้ําหนักพยานหลกั ฐานวา รบั ฟง ไดหรอื ไม เพราะถกู ตัดออก
ตง้ั แตก ระบวนการอา งแลว หลักดังกลาวปรากฏอยูตาม ป.ว.ิ อ.มาตรา ๒๒๖
ÁÒμÃÒ òòö พยานวตั ถุ พยานเอกสาร หรอื พยานบคุ คล ซงึ่ นา จะพสิ จู นไ ดว า จาํ เลยมผี ดิ
หรือบริสุทธ์ิ ใหอางเปนพยานหลักฐานได แตตองเปนพยานชนิดที่มิไดเกิดข้ึนจากการจูงใจ มีคํามั่น
สญั ญา ขเู ข็ญ หลอกลวงหรือโดยมชิ อบประการอื่น และใหส ืบตามบทบญั ญัติแหงประมวลกฎหมายนี้
หรือกฎหมายอน่ื อันวาดว ยการสบื พยาน
ป.ว.ิ อ.มาตรา ๒๒๖ เปน บทบญั ญตั วิ า ดว ยพยานหลักฐานท่เี กดิ ข้ึนโดยมชิ อบ รบั ฟง เปน
พยานหลักฐานไมได แบงเปน ๒ กรณี คือ
๑. พยานทเี่ กดิ จากการจูงใจ มคี ํามนั่ สญั ญา ขูเขญ็ หลอกลวง
๒. พยานทเี่ กดิ ข้นึ โดยมิชอบดวยประการอื่น
พยานหลักฐานที่เกิดข้ึนโดยมิชอบดวยกฎหมายน้ี เปนพยานหลักฐานที่ไมเคยมีมากอน
แตเปนพยานหลักฐานท่ีเพ่ิงเกิดจากเหตุท้ังสองประการดังกลาว พยานหลักฐานประเภทน้ีรับฟงเปน
พยานหลักฐานไมไดเลย กรณีตางจากพยานหลักฐานท่ีเกิดขึ้นโดยชอบแตไดมาเน่ืองจากการกระทาํ
โดยมชิ อบตามมาตรา ๒๒๖/๑ วรรคหนง่ึ ซง่ึ มขี อ ยกเวน ใหร บั ฟง พยานหลกั ฐานนน้ั ได ถา เปน ประโยชน
ตอ การอํานวยความยตุ ธิ รรมมากกวา ผลเสยี อนั เกดิ จากผลกระทบตอ มาตรฐานของระบบงานยตุ ธิ รรม
ทางอาญาหรือสทิ ธเิ สรีภาพพนื้ ฐานของประชาชน
พยานท่ีเกดิ จากการจูงใจ มคี ํามั่นสญั ญา เปน พยานหลกั ฐานท่เี กดิ ขนึ้ โดยมชิ อบ
ฎกี าท่ี ๑๘๓๙/๒๕๔๔ ส. ถูกเจาพนักงานตาํ รวจจับกุมในขอ หามีเมทแอมเฟตามีนไวใน
ครอบครอง โดยตรวจคน พบเมทแอมเฟตามีนจาก ส. แลว เจา พนกั งานเสนอวา หาก ส. ไปลอซือ้
เมทแอมเฟตามีนจากผูจําหนายใหก็จะไมดําเนินคดี ส. จึงไปลอซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจําเลย
การท่ี ส. มาเบิกความเปนพยานโจทก จึงเปนพยานชนิดที่เกิดจากการจูงใจและใหคํามั่นสัญญา
โดยมิชอบของเจา พนกั งานตาํ รวจ รบั ฟงเปนพยานไมได ตาม ป.ว.ิ อ. มาตรา ๒๒๖
ขอ สงั เกต คดนี ้ี ถอื วา ส. เปน พยานทเี่ กดิ จากการจงู ใจและใหค าํ มนั่ ของเจา พนกั งานตาํ รวจ
เปนพยานหลักฐานท่ีเกิดข้ึนโดยมิชอบ จึงรับฟงคําใหการในชั้นสอบสวนและคําเบิกความในชั้น
พจิ ารณาของ ส. ไมได ตามมาตรา ๒๒๖ แตเมทแอมเฟตามนี ของกลางท่ีเจา พนกั งานตํารวจลอซอื้ มาได
กบั เงนิ ท่ใี ชล อ ซอื้ น้นั เปนพยานหลกั ฐานที่มอี ยแู ลวกอ นการลอ ซือ้ เพ่ือจบั กุม จึงเปนพยานหลักฐานท่ี
เกดิ ขึ้นโดยชอบ แตเปนการไดม าโดยอาศัยขอ มลู ท่เี กิดขน้ึ หรือขอ มลู ท่ไี ดมาโดยไมชอบ พยานหลักฐาน
ในสวนน้ีจึงตองดวยมาตรา ๒๒๖/๑ ศาลอาจรับฟงเปนพยานหลักฐานได หากตองดวยขอยกเวนวา