๑๔๗
¢Ñ¹é μ͹¡Òû¯ºÔ μÑ Ô
๑. การประชุมชี้แจง ข้ันตอนน้ีเปนข้ันตอนที่หัวหนาผูควบคุมการต้ังจุดตรวจทําหนาท่ี
ในการอธิบาย ชี้แจงรายละเอียดและขอมูลท่ีเก่ียวของกับการปฏิบัติงานใหผูปฏิบัติไดรับทราบ
ในประเดน็ ตางๆ ดงั น้ี
๑) นโยบาย
๒) ระเบียบ คาํ สงั่ และขอกฎหมายทเี่ ก่ยี วของกบั การปฏิบตั ิหนาที่
๓) เปาหมายในการต้งั จุดตรวจ
๔) บริเวณทีต่ ง้ั จุดตรวจและหนาทร่ี ับผดิ ชอบของแตละนาย
๕) ฝกทบทวนทา สญั ญาณจราจรทจ่ี าํ เปนในการปฏิบตั หิ นา ที่
๖) ตรวจสอบความพรอมดานการแตงกายและความพรอ มดา นรางกาย
๗) ตรวจสอบความพรอ มดา นวสั ดแุ ละอปุ กรณที่จาํ เปน
๒. การเลอื กสถานทต่ี งั้ จดุ ตรวจและรปู แบบการตง้ั จดุ ตรวจในขนั้ ตอนนี้ เจา หนา ทตี่ ํารวจ
ท่ีเกี่ยวของกับการตั้งจุดตรวจควรคาํ นึงถึงหลักในการเลือกสถานที่และรูปแบบการตั้งจุดตรวจ
ท่ีเหมาะสม ดงั นี้
๑) เลือกจุดตรวจโดยคาํ นึงถึงความปลอดภัยของเจาหนาท่ีผูปฏิบัติ ผูขับข่ีท่ีถูก
เรียกตรวจ รวมถึงผลกระทบโดยภาพรวมตอประชาชนผูใชรถใชถนน ตลอดจนประชาชนที่พักอาศัย
อยใู นบริเวณใกลเ คียง
๒) การตงั้ จดุ ตรวจตอ งดําเนนิ การตามรปู แบบทส่ี าํ นกั งานตาํ รวจแหง ชาตกิ ําหนดไว
อยา งเครงครัด
๓) เจาหนาท่ีผูปฏิบัติงานตองจอดรถในลักษณะที่เปนระเบียบเรียบรอย มีความ
ปลอดภัย
๔) บรเิ วณจดุ ตรวจควรมโี ตะ และเกา อใี้ นจํานวนทเ่ี หมาะสมสําหรบั เจา หนา ทท่ี ท่ี าํ การ
ทดสอบเพอ่ื ยนื ยนั ผลและเจา หนา ทท่ี ที่ าํ หนา ทบ่ี นั ทกึ การจบั กมุ รวมถงึ จดั ไวส ําหรบั ผทู ถี่ กู เรยี กใหต รวจ
สาํ หรับการนงั่ รอเพ่ือตรวจยืนยนั ผล การรอบนั ทกึ จับกุมและรอการสง ตวั ไปยังสถานีตํารวจทอ งที่
๓. การปฏบิ ัตหิ นาทจี่ รงิ การปฏบิ ตั หิ นาทีข่ องเจาหนา ท่ตี าํ รวจในการตัง้ จดุ ตรวจเพอ่ื วัด
ระดับแอลกอฮอลข องผขู บั ขี่ มขี นั้ ตอนทส่ี ําคญั ดังนี้
๑) การเรยี กรถ ในการตงั้ จดุ ตรวจวดั แอลกอฮอลน น้ั บางครง้ั อาจมปี ญ หาดา นสภาพ
การจราจรที่ไมคลองตัวมากนัก เจาหนาที่ตํารวจจําเปนตองทําการสุมตรวจยานพาหนะที่ตองสงสัย
โดยพจิ ารณาไดจ ากพฤตกิ รรมในการขบั ข่ี และลกั ษณะภายนอกของยานพาหนะทมี่ กี ารตกแตง เพมิ่ เตมิ
ซึ่งการสุมตรวจน้ีจําเปนตองอาศัยความเชี่ยวชาญจากเจาหนาที่ที่มีประสบการณในการต้ังจุดตรวจ
มาเปน เวลานาน
๒) การเปา ทดสอบเบือ้ งตน เมอ่ื ผขู ับข่ีถูกเรียกหยดุ ใหตรวจเจาหนา ทที่ ี่ทาํ การเรยี ก
หรืออาจเปนเจาหนาท่ีนายอื่นจะทําการตรวจวัดระดับแอลกอฮอลเบื้องตน โดยการขอใหผูขับขี่ให
ความรวมมือในการตรวจวัดแอลกอฮอลนั้น เจาหนา ท่ีตาํ รวจจะตอ งใชถอยคาํ กิรยิ าและวาจาท่สี ุภาพ
๑๔๘
รวมถงึ ไมส อ งไฟฉายไปยงั บรเิ วณใบหนา ของผขู บั ขโ่ี ดยตรง หากผลการทดสอบเบอ้ื งตน ปรากฏวา ผขู บั ข่ี
มรี ะดบั แอลกอฮอลใ นเลอื ดเกนิ อตั ราทก่ี ฎหมายกําหนด เจา หนา ทตี่ ํารวจนายนนั้ จะแจง ใหผ ขู บั ขขี่ บั รถ
เขาไปในจุดที่เตรียมไวและเชิญตัวผูขับข่ีไปยังบริเวณท่ีจัดเตรียมไวสาํ หรับการตรวจวัดเพ่ือยืนยันผล
ตอ ไป
๓) การเปาทดสอบเพ่ือยืนยันผล ในข้ันตอนน้ีเจาหนาท่ีตาํ รวจระดับสัญญาบัตร
จะทําหนา ทใ่ี นการตรวจวดั เพอื่ ยนื ยนั ผล โดยมเี จา หนา ทร่ี ะดบั ชนั้ ประทวนเปน ผชู ว ย เจา หนา ทตี่ าํ รวจ
จะชแ้ี จงรายละเอียดในการตรวจวัด ขอกฎหมาย บทลงโทษ ตลอดจนคาํ แนะนาํ ใหผ ูขับข่ตี ระหนกั ถงึ
ความปลอดภยั บนทองถนน หากผลการตรวจวัดพบวา ผูข ับข่มี ีระดบั แอลกอฮอลใ นเลือดไมเกินอตั รา
ท่ีกฎหมายกาํ หนด เจาหนาท่ีผูปฏิบัติจะใหคําแนะนาํ เร่ืองการขับขี่อยางปลอดภัย กอนปลอยผูขับขี่
คนนน้ั ไป ในทางกลบั กนั หากผลการตรวจวดั พบวา ผขู บั ขม่ี รี ะดบั แอลกอฮอลใ นเลอื ดเกนิ อตั ราทก่ี ฎหมาย
กาํ หนด เจาหนาทีผ่ ปู ฏบิ ตั จิ ะทาํ บันทึกจับกมุ ทันที
๔) ทาํ บนั ทกึ จบั กมุ ขนั้ ตอนนเ้ี ปน ขน้ั ตอนสําหรบั การทาํ บนั ทกึ จบั กมุ ผขู บั ขท่ี ม่ี รี ะดบั
แอลกอฮอลเ กนิ อตั ราทก่ี ฎหมายกําหนด โดยเจา หนา ทต่ี ํารวจระดบั ชน้ั ประทวนจะเปน ผชู ว ยนายตาํ รวจ
ชั้นสญั ญาบตั รในการเขยี นบนั ทึกจับกุม กอ นทจี่ ะสงตอ ใหเจาหนาทีต่ าํ รวจนายอน่ื นาํ ผถู กู จับกุมไปสง
พนักงานสอบสวนของสถานีตาํ รวจทองท่ตี อ ไป
๕) นําสงพนักงานสอบสวน เม่ือทําบันทึกจับกุมผูขับขี่ท่ีมีระดับแอลกอฮอลเกิน
อตั ราทก่ี ฎหมายกาํ หนดเรยี บรอ ยแลว เจา หนา ทตี่ ํารวจทร่ี บั ผดิ ชอบการนาํ สง ตวั ผกู ระทาํ ความผดิ ไปยงั
พนักงานสอบสวนของสถานีตาํ รวจในพื้นที่ ท้ังน้ี ตองมีการจัดเตรียมยานพาหนะสาํ หรับการสงตัว
ผูกระทําความผิดไวใหพรอม เจาหนาท่ีตาํ รวจตองมีความเขมงวด ไมปลอยใหผูกระทําความผิดขับขี่
ยานพาหนะสวนตัวไปยังสถานีตํารวจเองเด็ดขาด หากผูกระทาํ ความผิดตองการนํารถไปดวย
ตองทาํ การประสานครอบครวั ญาติหรือเพอื่ นใหมานํารถไปแทน
๖) การทาํ บันทึกสอบสวน เมื่อพนักงานสอบสวนของสถานีตํารวจทองท่ีรับตัว
ผกู ระทาํ ความผดิ แลว จะทาํ การสอบสวนและสาํ นวนการสอบสวน สาํ หรบั เตรยี มการสง ฟอ งศาลภายใน
เวลา ๔๘ ชั่วโมง
๗) การคุมขังและการประกันตัว ในกรณีที่ผูกระทําความผิดไมตองการถูกคุมขัง ณ
สถานีตาํ รวจทองที่ ผูกระทาํ ความผดิ สามารถไดรบั การประกันตัวในวงเงิน ๒๐,๐๐๐ บาท ไมเ ชน นนั้
จะตองถูกคมุ ขังทสี่ ถานีตาํ รวจทอ งทีก่ อ นทจ่ี ะถูกสง ฟองศาลตอ ไป
๘) การสง ฟอ งศาล พนักงานสอบสวนจะสงฟอ งศาลแขวงภายใน ๔๘ ชว่ั โมง
๙) การตดิ ตามคดี เมอื่ การตดั สนิ คดสี น้ิ สดุ แลว หนว ยงานทที่ าํ หนา ทจี่ บั กมุ จะตดิ ตาม
ผลของคดี เพอื่ ประโยชนใ นการตดิ ตามและทาํ หนงั สอื ขอรบั สว นแบง เงนิ รางวลั นําจบั สําหรบั เจา หนา ที่
ผปู ฏบิ ตั ิ ทงั้ นีห้ นวยปฏบิ ัตติ อ งทาํ หนังสอื ไปยงั ศาลเพ่อื ขอรับเงนิ รางวลั นาํ จบั ภายใน ๖๐ วนั หลังจาก
คดสี น้ิ สดุ
๑๔๙
ô.ò ÇμÑ ¶Ø»ÃÐʧ¤¢ ͧ¡ÒÃμé§Ñ ¨´Ø μÃǨ¨ÃÒ¨Ã
ประเภทของการต้ังจุดตรวจตามวตั ถปุ ระสงคใ นงานจราจร ไดแก
๑. การกวดขันตรวจจับ (Intensive Surveillance) มีวัตถุประสงคท่ีจะมุงจุดสนใจไปท่ี
ถนนเสนใดเสนหนึง่ ในชวงเวลาหนึง่ อยางเขมงวด ไมใ ชก ารออกตรวจโดยท่วั ไป ตัวอยา งเชน ในระยะ
เวลา ๑ - ๒ เดอื น จะสง เจาหนาท่ตี ํารวจออกตรวจจับโดยปรากฏตัวใหป ระชาชนเห็น พรอมกบั การตั้ง
จดุ ตรวจ เพอ่ื ตรวจจบั ความผดิ บางประเภท เชน ขบั รถเรว็ ไมส วมหมวกนริ ภยั ไมค าดเขม็ ขดั เมาสรุ าฯ
ซ่งึ เปน ความผิดทีส่ รางความสญู เสยี ใหช ุมชนมากที่สดุ ดงั น้ัน จงึ ควรจะเลอื กถนนทม่ี ีเหตุเกิดมากท่ีสดุ
เปนพนื้ ทีก่ วดขนั จบั กุม โดยอาจจะตง้ั จดุ ตรวจท่ีจุดใดจุดหน่งึ บนถนนเสน น้นั ปรบั จดุ ทีต่ ัง้ หรอื เปล่ียน
เวลาต้งั บา ง เพ่ือหลีกเลยี่ งการคาดเดาไดภ ายหลังจากการกวดขนั จับกุมอยางหนกั แลว พฤตกิ รรมการ
ขับข่ีของประชาชนในถนนยานน้ันก็จะเริ่มเปลี่ยนแปลงไป แตพฤติกรรมดังกลาวอาจจะกลับมาอีก
ถา เจาหนาทไ่ี มต รวจจับอยางตอ เน่ือง ดงั น้นั เมอ่ื หยุดพกั การกวดขนั ทจ่ี ดุ ใดไปแลว กไ็ มค วรจะเลกิ ไป
อยางถาวร ยงั จําเปนทจ่ี ะตอ งกลบั มาต้ังจดุ ตรวจอีก เชน ทุก ๑ เดือน จะกลบั มา ๒ ครั้ง จนกวาจะ
แนใจวาจะไมมีการฝาฝน อีก
๒. การตรวจจับแบบเฉพาะเรื่อง (Specializes Surveillance) การตรวจจับแบบน้ี
เปน วธิ กี ารทม่ี งุ ไปเพอื่ การแกป ญ หาทลี ะเรอื่ งในครง้ั ๆ หนง่ึ ซงึ่ อาจมปี ระสทิ ธภิ าพมากกวา การตรวจจบั
พรอม ๆ กันทุกเร่ืองไมวาผูขับขี่ไปกระทําผิดท่ีใดก็จะถูกตรวจจับเน่ืองจากตองการจะพุงเปาไปยัง
การแกป ญ หาเฉพาะดา นทจ่ี ําเปน สงู สดุ ของสถานี อาทิ ผฝู า ฝน สญั ญาณไฟ การขบั รถเรว็ การขบั รถเมาสรุ า
การแซงรถผดิ กฎหมาย พฤตกิ รรมทก่ี อ ใหเ กดิ อนั ตรายของรถบรรทกุ ฯลฯ การตรวจจบั แบบเฉพาะเรอื่ งนี้
อาจวางกาํ ลงั เจา หนาทกี่ ระจายไปในจุดสําคัญและใชการตั้งจดุ ตรวจ (Check Point) เปน กลไกหน่ึงใน
พน้ื ท่ี เพอ่ื ใหป ระชาชนตระหนกั วา เจา หนา ทต่ี าํ รวจกวดขนั เอาจรงิ และตอ งปรบั เปลยี่ นพฤตกิ รรม อนงึ่
ในการตง้ั จดุ ตรวจแบบนจ้ี ะตอ งเตรยี มเครอื่ งมอื อปุ กรณใ นการตรวจวดั ไปดว ย เชน เครอื่ งวดั ความเมา
เครอื่ งตรวจจับความเร็ว เนื่องจากไมใชก ารตง้ั จุดตรวจท่วั ๆ ไป การตงั้ จุดตรวจแบบนีม้ เี ปา หมายไว
โดยเฉพาะ คอื กดดนั การกระทาํ ความผดิ ประเภทนน้ั อยา งรนุ แรง จนไมก ลา กระทาํ ผดิ หรอื เลกิ กระทาํ
ไปโดยรวดเรว็
๓. การต้ังจุดตรวจขา งทาง (Road side Checkpoints) หรือจุดตรวจกวดขนั วนิ ยั จราจร
หรอื ทเี่ รยี กกนั วา “ดา นลอย” มวี ตั ถปุ ระสงคส าํ หรบั ตรวจใบอนญุ าตขบั ข่ี ทะเบยี นรถ อปุ กรณส ว นควบ
ของรถและเอกสารประจาํ รถ เปน ตน ขอ ดขี องการตง้ั จดุ ตรวจขา งทาง ทาํ ใหเ จา หนา ทต่ี าํ รวจสามารถตรวจ
รถไดเ พมิ่ ขน้ึ เพราะไมท าํ ใหก ารจราจรหยดุ ชะงกั ชว ยใหเ จา หนา ทต่ี รวจพบรถทมี่ ลี กั ษณะไมป ลอดภยั ได
เปนเคร่ืองมือหลักในการตรวจสอบรถที่ชื่อไมตรงกับทะเบียนและรถเชา เพ่ือขัดขวางกระบวนการขน
ยาเสพตดิ ชว ยใหเ จา หนา ทสี่ ามารถตรวจสอบการใชอ ปุ กรณเ พอ่ื ความปลอดภยั เชน ยาง ไอเสยี รถยนต
เขม็ ขดั นริ ภัย กระจกเงา กระจกหนาและขาง ไฟสอ งสวา งและไฟสัญญาณอปุ กรณท ี่เก่ยี วของชวยนํา
รถทไี่ มสมบรู ณออกจากทองถนน หรอื ส่งั ไปซอมได
๑๕๐
โดยหลักการสําคัญในการตรวจจับความผิดจราจรควรมุงเนนความปลอดภัยมากกวา
ปริมาณการจับ แตในสถานการณจริง บางครั้งเจาหนาที่ตํารวจจราจรมักใหความสําคัญกับปริมาณ
การจบั กมุ มากกวา สงั เกตไดจ ากมสี ถติ กิ ารจบั กมุ ผกู ระทาํ ความผดิ ตามกฎหมาย พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ
หรอื พ.ร.บ.รถยนตฯ แตไ มค อ ยมีการเก็บขอมูล หรือการวเิ คราะหข อมลู ตอเนอื่ งภายหลงั จากการตัง้
ดานตรวจ จดุ ตรวจในแตล ะครง้ั วาสามารถกวดขนั วินยั จราจร และสามารถลดการสูญเสยี หรือปอ งกนั
การเกดิ อุบตั ิเหตทุ างถนนไดอ ยางแทจริงไดอ ยางไรบาง
ô.ó ¡ÒÃáÊ´§μÑÇ㹡ÒÃμÃǨ¨ºÑ áÅСÒÃμÃǨ¤¹Œ ö
ñ) ¡ÒÃáÊ´§μÑǢͧตาํ ÃǨ㹡ÒÃμÃǨ¨ºÑ
การแสดงตวั ของตาํ รวจจราจรหรอื ทางหลวงในการตรวจจบั มกั จะมผี เู ขา ใจวา ตาํ รวจ
ควรจะแอบซุมในความมืด หลบตามเสาไฟฟาหรือตนไม หรือต้ังจุดตรวจ (Check Point) ในที่มืด
เพ่ือดักจับผูกระทําผิดใหได มิใหมีโอกาสหลบหนี ตํารวจจึงมักจะไมคอยเอาจริงเอาจังในที่เปดเผย
หรือมกั จะปฏบิ ตั ติ วั ตามปกติเชน คนธรรมดาทว่ั ไปมากกวา
การตรวจจบั ความผดิ จราจรนนั้ มคี าํ สาํ คญั (Key Words) ทตี่ อ งกระทาํ อยู ๓ ขอ คอื
• ทาํ ตัวใหเปน ที่มองเห็น (Visible)
• กระตือรอื รน (Active)
• เปนตวั อยา งทีด่ ี (Good Example)
ทุกครง้ั ทีเ่ จา หนา ท่อี อกทํางาน จะตองแสดงตวั ใหเห็นไดชัดเจนในบรเิ วณทีม่ องเหน็
ไดชัด (Visible) เชน มีแสงไฟฟาสวาง มีผูผานไปมาจํานวนมาก โดยมีวัตถุประสงคเพื่อสราง
ความตระหนักถึงความเส่ียง (Perceived Risk) ใหแกประชาชน ซ่ึงจะไดรับผลกวางขวางมากกวา
การต้ังจดุ ตรวจแบบแอบซอ น สว นการตรวจจับแบบแอบซอนนนั้ นาจะใชไ ดใ นกรณดี ักจับผกู ระทาํ ผิด
และหลบหนใี นบางจดุ เปน กรณพี ิเศษเทา นัน้ ไมควรนํามาใชใ นกรณที ัว่ ไป
เจา หนา ทต่ี าํ รวจเมอ่ื ปรากฏตวั บนถนนแตล ะครงั้ จะตอ งแสดงตวั ในการทาํ งานอยา ง
กระตือรือรน (Active) กระฉับกระเฉง ไมค วรอยูนิง่ ดดู ายใหเกิดการกระทาํ ผดิ จราจรตอ หนา ในบาง
พื้นท่ีเจาหนาที่ตํารวจจราจรทํางานเฉพาะเม่ือรวมตัวกันตั้งจุดตรวจ แตเมื่อเลิกจุดตรวจแลวก็จะเดิน
ไปมาเหมือนประชาชนท่ัวไป ปลอยใหมีการกระทําผิดตอหนา ซ่ึงเปนส่ิงท่ีจะตองแกไขเพราะความ
กระตอื รอื รน ของตํารวจทาํ ใหต ํารวจนาเชือ่ ถอื เปนท่ีเคารพยําเกรง
เจา หนา ที่ตาํ รวจควรเปนตวั อยา งที่ดี (Good Example) อยเู สมอ ไมว าในเรอ่ื งการ
ขบั ขี่ การเคารพกฎจราจร ฯลฯ แตมีตาํ รวจจํานวนหนงึ่ ละเลยกฎจราจร ไมสนใจสายตาของประชาชน
เพราะคิดวาประชาชนจะเขาใจเองวาเปนการปฏิบัติหนาที่ หรือเช่ือวาตํารวจสามารถทําอะไรก็ได
เพราะมีสิทธพิ เิ ศษ
๑๕๑
ò) ¡ÒÃμÃǨ¤¹Œ ö
เมื่อมีการวางกําลังเจาหนาที่และเรียกหยุดรถในบริเวณจุดตรวจแลว เจาหนาท่ีควร
ปฏบิ ัตติ วั ในการทาํ งานดังตอ ไปนี้
๒.๑) การพดู คยุ กบั ผฝู า ฝน (Contact with Violator) เมอ่ื สงั เกตเหน็ ผขู บั ขรี่ ถทฝ่ี า ฝน
กฎจราจร เรียกรถใหหยุดในบริเวณดานตรวจแลวเดินเขาไปตรวจ เจาหนาที่ตํารวจจะเริ่มการพูดคุย
และปฏิบัติงาน ดงั น้ี
- แนะนาํ ตัวเอง
- แจง สาเหตทุ ่เี รยี กรถใหหยดุ
- ถามถงึ สาเหตทุ ต่ี อ งขบั รถฝาฝน วา มีเหตุผลความจาํ เปนอยางไร
- ขอดูใบอนญุ าตขับข่ี หรือหลักฐานอน่ื
- ตดั สินใจวาจะออกใบสงั่ หรอื ไมอ อกใบสั่งใหผฝู าฝน
- ถา ออกใบส่งั แลว สงใบส่ังพรอมกับแนะนาํ การไปชาํ ระคา ปรบั
- ถา วา กลา วตกั เตอื น กอ็ บรม ตกั เตอื นโดยเผชญิ หนา และบอกใหส ญั ญาวา
จะไมก ระทําผิดอีก เพื่อผลในการจดจาํ
การแนะนําตัวที่เหมาะสมนาจะเปนการเขาไปทักทายอยางปกติท่ีกระทํากัน
ในสังคมท่ัวไป สวนการทําความเคารพหรือไม ควรจะใหเปนวิจารณญาณของเจาหนาท่ีเอง เชน
ถาพบขาราชการหรือผูสูงอายุ แตประเด็นสําคัญไมไดอยูที่วิธีการแตอยูที่วัตถุประสงค คือ ตองการ
สรา งความเปน กนั เองและมีการตดิ ตอ สื่อสารท่ีเขาใจกันชดั เจนทีส่ ุดมากกวา
๒.๒) การตรวจคน รถ (Vehicle Searches) การตรวจคน รถของเจา หนา ทจ่ี ะกระทาํ ได
ก็ตอเมื่อมีเหตุผลที่กฎหมายใหอํานาจเทาน้ัน ไดแก มีเหตุผลที่ควรสงสัยวารถคันนี้มีส่ิงของที่ผิด
กฎหมาย หรอื สงิ่ ของทจ่ี ะนาํ ไปใชก ระทาํ ความผดิ หรอื สง่ิ ของทไี่ ดม าจากการกระทาํ ความผดิ ซกุ ซอ นอยู
การตรวจคนรถอาจเกิดขน้ึ หลงั จากเจา หนาท่ไี ดพูดคยุ กับผูขับขี่แลว เกิดความสงสยั ก็ได แตไมส ามารถ
กระทาํ ไดห ากจะใชเ ปน การตอบโต ผูข ับขท่ี ี่มีปากเสียงกบั ตํารวจ หรอื ไมพ อใจผูขับขี่
ในขณะทาํ การตรวจคน รถนนั้ ควรใหผขู ับข่ยี ืนหางจากเจา หนา ท่ี แตย งั คงยืน
ในบริเวณทส่ี ามารถมองเหน็ การตรวจคน และมีสิทธดิ ูการตรวจคนไดโดยตลอด
หลักการตรวจคนรถควรดาํ เนินการตามลําดบั ดงั นี้
- เรม่ิ จากเปด ฝากระโปรงทา ยรถและตรวจหาสงิ่ ของแบบวนตามเขม็ นาฬก า
(Clockwise Pattern) ในทายรถ
- ตอ ไปเดนิ ไปดานหนา รถและเปดฝากระโปรงหนา ตรวจ
- ตรวจดทู ใี่ ตกนั ชน
- ตรวจดูทตี่ ะแกรงชอ งลมหนารถ
- ตรวจดูที่หมอ นาํ้
- ตรวจดลู อ รถหนา หลังและซอกลอ
๑๕๒
- ตรวจดภู ายในหองโดยสาร เริ่มจากดา นหลงั ของแผงหนาปดรถ
- ตรวจดเู บาะหนา และใตเ บาะ
- ตรวจดทู ีพ่ ิงศรี ษะและทบี่ ังแดด
- ตรวจดูผา หมุ เบาะ ที่เก็บของหนา รถ และคอนโซล
- ตรวจดูเบาะหลงั และใตเ บาะ
- ตรวจดพู ้ืนรถ
การตรวจคน แตละครงั้ ลาํ ดบั และวธิ ีการตรวจคนรถ สามารถปรับตามสถานที่
และสิง่ ของทจ่ี ะคนหา แตจะตอ งกระทาํ โดยความนุมนวล ไมกอใหเ กิดความสกปรก ขา วของถูกร้ือคน
เสยี หายและควรจดั เกบ็ ขา วของใหอยูในสภาพเดิมในแตล ะข้ันตอนทีผ่ านไป
ô.ô ËÅ¡Ñ ã¹¡ÒÃμé§Ñ ¨´Ø μÃǨ¨ÃÒ¨Ã
ñ) ¡ÒÃμÑ駨شμÃǨ
¡ÒÃàÅÍ× ¡Ê¶Ò¹·èμÕ Ñ§é ¨Ø´μÃǨ สถานท่คี วรรองรบั ความปลอดภยั สาธารณะ และการ
ทํางานของเจา หนาท่ีตาํ รวจ โดยควรมลี ักษณะ ดงั น้ี
การตั้งจดุ ตรวจท่ีดีควรจะประกอบไปดวย หลักการดังน้ี
• เลอื กสถานท่ีทป่ี ลอดภัยเปน ส่งิ สาํ คญั อนั ดับแรกท่ตี อ งคาํ นึงถึง โดยหลกี เลี่ยง
บรเิ วณทางแยก ทางโคง เนนิ เขา และพนื้ ทไ่ี มม แี สงสวา งหรอื มคี วามมดื สนทิ มรี ะยะการมองเหน็ จาก
ผขู บั ขที่ เ่ี พยี งพอ มพี นื้ ทกี่ วา งพอใหเ จา หนา ทแ่ี ละผกู ระทาํ ผดิ จอดรถ โดยไมก ดี ขวางการจราจร นอกจากน้ี
อาจจะมีอุปกรณการตรวจรถอยูดวย แตตองไมกลายเปนสิ่งอันตรายควรเปนสิ่งท่ีสามารถเดินทางไป
ไดทัง้ กลางวนั และกลางคนื
• ใชรถยนตต ํารวจ ๑ คนั จอดบังเพ่อื ปอ งกันอนั ตราย
• ใชป ายเตอื น โดยตั้งหา งจากจุดตรวจเพยี งพอท่รี ถจะชะลอได
• วางกรวยยางบังคบั รถใหเ ดนิ ในชองที่ตองการ
• เลือกเจา หนาท่ตี าํ รวจ ทาํ หนาท่ีเปนผูหยดุ รถ (stopper) ๑ คน
• เจา หนา ทที่ ุกคนควรสวมเส้ือสะทอ นแสง
• ใชรถตาํ รวจอีก ๑ คนั เตรียมสําหรับการไลล า รถทีห่ ลบหนี
• มหี วั หนา จดุ ตรวจทคี่ อยตรวจสอบทงั้ การจดั การ และควบคมุ มารยาทเจา หนา ที่
• ทาํ งานโดยมขี นั้ ตอนทว่ี างแผนลว งหนา ดว ยความสภุ าพและปฏบิ ตั อิ ยา งมอื อาชพี
• ไมค วรตรวจกลางถนนทกุ ชองจราจร
• ไมควรเรยี กรถทกุ คนั ตรวจโดยไมมเี หตุผลหรือไมม ขี อสงสัยมากอ น
๑๕๓
ò) »ÃÐàÀ·¢Í§¨Ø´μÃǨ
จุดตรวจในประเทศไทยอาจจําแนกตามลักษณะการทํางาน ขนาดและจํานวน
เจาหนาที่ที่ใชได ๓ ลักษณะ เร่ิมจากลักษณะที่ใชมากท่ีสุดบนทางหลวง คือ แบบเสนตรง ตอมา
เปนแบบที่ใชบนทางหลวงเชนกันแตมีความซับซอนมากกวา คือ แบบวงกลม และแบบสุดทาย
เปน แบบทใี่ ชม ากทสี่ ดุ ในเมอื งทม่ี รี ถตดิ แตก ระทาํ ไดง า ยมคี วามคลอ งตวั สงู คอื แบบในเมอื ง ทง้ั นโี้ ดยมี
รายละเอียดของแตล ะประเภทดังนี้
๒.๑ จุดตรวจแบบที่ ๑ “จดุ ตรวจแบบเปน เสนตรง”
การต้ังจุดตรวจแบบนี้เหมาะสําหรับใชบนถนนในเมืองหรือทางหลวง ท่ีมีรถ
จํานวนไมหนาแนนมาก และรถอาจจะว่ิงดวยความเร็ว หากเลือกไดควรเลือกต้ังบริเวณที่มีไหลทาง
เพอื่ มพี น้ื ทใี่ นการทาํ งานแกเ จา หนา ที่ หรอื เลอื กตง้ั ในพน้ื ทท่ี เี่ ปน ทางบงั คบั ทรี่ ถจะตอ งชะลอความเรว็
กอนมาถึงจุดน้ี เชน มีทางโคง ถนนขรุขระ มีการกอสราง หรือคอขวด ซึ่งรถไมกลาใชความเร็วสูง
อยูแลว ซง่ึ จะทาํ ใหเจา หนา ท่ปี ลอดภยั กวาทจ่ี ะตองเรียกหยดุ รถท่ีมีความเรว็
ในการทํางานทุกคร้ังเจาหนาท่ีจะตองวางปายเตือนสําหรับจุดตรวจแบบนี้
ปายเตือนนี้มีเพ่ือใหสัญญาณแกผูขับขี่เตรียมตัวในการชะลอรถลงตามลําดับกอนมาถึงบริเวณที่
เรียกหยดุ อาจใชปา ยที่มีขอความใหร ะวัง ขางหนา มจี ดุ ตรวจ หรอื หากไมม ีก็ใชกรวยยางวางเตอื นเปน
ระยะๆ กอ นมาถงึ จดุ ตรวจกไ็ ด ควรจะวางปา ยเตอื นกอ นหนา จดุ ตรวจออกไปประมาณ ๑๕๐ - ๒๐๐ เมตร
ซงึ่ ระยะทเ่ี วน ไวน เ้ี ปน ระยะทร่ี ถซง่ึ มาดว ยความเรว็ สงู สามารถชะลอรถลงมาไดพ อดโี ดยไมเ ปน อนั ตราย
หลักคิดมาจากการคํานวณระยะคิดและระยะหยุดของรถบนถนนไวเผ่ือสําหรับผูขับข่ี หากไมวาง
ปายเตือนเลย จะทําใหผูขับข่ีตองหยุดรถกะทันหัน ซ่ึงอาจจะเปนอันตราย อาจถูกฟองรองไว และ
ยังแสดงวาเจาหนาท่ีตํารวจไมมีความรูในเร่ืองความปลอดภัยดวย การตั้งจุดตรวจแบบเสนตรง
จงึ ควรดาํ เนนิ การดังน้ี โปรดดภู าพท่ี ๑
๑๕๔
ÀÒ¾·èÕ ñ : ¡ÒÃμé§Ñ ¨Ø´μÃǨẺ໚¹àʹŒ μç
๑๕๕
จากภาพขางตน จะเห็นไดวาในการตั้งจุดตรวจแบบเสนตรงนั้น เจาหนาท่ีอาจจะใชผิว
การจราจรเปน พื้นทเ่ี รียกหยดุ รถได แตจ ะตอ งแนใ จวา เปนพ้ืนที่ทปี่ ลอดภยั โดยมกี ารจดั การพรอ มกับ
ใชกรวยยางวางเปนแนวพ้ืนท่ีไว และเพ่ือปองกันรถท่ีมองไมเห็นจุดตรวจหรือหยุดไมทันว่ิงมาชน
เจา หนา ที่ กอ็ าจจะใชร ถยนตส ายตรวจจอดบงั ไว ๑ คนั เปน เสมอื นแนวกาํ แพงปอ งกนั ตวั ไว โดยเปด ไฟ
วบั วาบชว ยในการมองเหน็ ของผขู บั ข่ี สว นรถยนตท จ่ี อดนนั้ ใหห นั หวั รถออกในลกั ษณะพรอ มทจี่ ะวง่ิ ได
ทนั ทหี ากมเี หตทุ ี่จะตองไลติดตามผูขับขข่ี ้ึน
เม่ือรถยนตของประชาชนว่ิงใกลจุดตรวจ การจัดการภายในจุดตรวจจะตองมีเจาหนาท่ี
คนหนงึ่ ทาํ หนา ทเ่ี รยี กรถและคดั เลอื กรถ โดยจะเรยี กรถทต่ี อ งสงสยั วา กระทาํ ผดิ วงิ่ เขา ไปในพนื้ ทต่ี รวจ
เพื่อคัดกรองแตรถท่ีนา จะตรวจ สวนรถอืน่ ท่ีไมใชเ ปา หมายอาจจะแยกออกใหวิง่ บนถนนตอไป ทัง้ นี้
เพ่ือไมสรางปญหาการจราจร เพราะไมจําเปนวาการต้ังจุดตรวจทุกครั้งจะตองเรียกหยุดรถทุกคัน
เมื่อมีการคัดเลือกรถเขามาในพื้นที่ตรวจแลว หลังจากนั้นก็จะเปนหนาท่ีของตํารวจคนอื่นๆ ท่ีจะทํา
หนาท่ีตรวจตามเปาหมายของการต้ังจุดตรวจตอไป เชน การตรวจใบขับขี่ การตรวจลักษณะผูขับขี่
การตรวจสภาพรถ ฯลฯ
ขณะเดียวกันก็ควรมีเจาหนาท่ีเฝาระวังรถที่หลบหนีดวยอีก ๑ คน จัดใหยืนอยูทาย
ทสี่ ดุ ของจดุ ตรวจ เพราะการตงั้ จดุ ตรวจแตล ะครง้ั มกั จะมผี ขู บั ขที่ หี่ ลบเลย่ี งระหวา งทเ่ี จา หนา ทที่ าํ งาน
แอบขับรถออกจากจุดตรวจไปโดยไมมีใครสังเกตเห็น เจาหนาท่ีคนนี้จะคอยสังเกตรถที่หลบหนีนี้
และเรียกมาตรวจเองหรืออาจจะวิทยุแจงตํารวจอีก ๑ นาย ที่วางแผนใหจอดรถเลยจุดตรวจออกไป
คอยสกัดจบั ตวั ไว เพื่อทาํ ใหผ ูหลบหนีรวู าตํารวจเปน มอื อาชีพ ไมส ามารถหลบหนไี ด
การต้ังจุดตรวจแบบนี้ หัวหนาจุดตรวจจะตองคอยสังเกตและควบคุมการทํางานของ
ทุกคน ในกรณมี ีรถตดิ บนถนนเพราะการตรวจเปนสาเหตุ หัวหนาจุดตรวจอาจจะพิจารณาปลอยรถ
ทั้งหมดไปโดยไมเรียกเขาในพ้นื ที่ตรวจเปน ครงั้ คราว เพอ่ื แกปญ หาจราจรกอนกไ็ ด
การตรวจพบผูกระทําผิด เจาหนาท่ีอาจจะออกใบสั่งใหไปเสียคาปรับที่สถานีตํารวจ
หรอื อาจจะตงั้ โตะ ปรบั บรเิ วณจดุ ตรวจ ซง่ึ หากตง้ั โตะ ปรบั กจ็ ะมขี อ ดใี นเรอื่ ง การบงั คบั ใชก ฎหมายทรี่ วดเรว็
ซงึ่ จะสง ผลตอ การปรบั เปลยี่ นพฤตกิ รรมของผกู ระทาํ ผดิ มากขนึ้ มไิ ดม ขี อ หา มหรอื ถอื วา เปน เรอ่ื งเสยี หาย
สําหรับปายเตือนกอนถึงจุดตรวจน้ันอาจจัดทําเปนแบบตูไฟฟามีแสงสวางหรือปาย
สะทอนแสงท่ีไมมีไฟฟาก็ได ข้ึนอยูกับภูมิประเทศและความสะดวก ขณะเดียวกันบริเวณจุดตรวจ
ก็อาจจะเพิ่มปายเตือนหรือตูไฟฟามีแสงสวางเขาไปอยูติดกันดวย เพ่ือเพ่ิมการสังเกตเห็นของผูขับข่ี
ไดชัดเจนข้นึ
มขี อสังเกตถงึ จุดตรวจในปจ จบุ นั จํานวนหนงึ่ ที่ไมมีการเตอื นแตว างกรวยยางขวางถนน
หางจากตัวจุดตรวจ ประมาณ ๑๕ เมตร ทําใหไมมีระยะหยุดระยะคิดเพียงพอ นอกจากน้ัน
ยงั วางกรวยยางยาวเปนเสนตรงตลอดระยะทาง ๑๕ เมตรดว ย ทําใหส้นิ เปลอื งกรวยยางจํานวนมาก
และไมสะดวกในการขนยาย การตั้งจุดตรวจแบบน้ีพบเห็นมากในเขตภูธร ฉะน้ันควรเปลี่ยนแปลง
๑๕๖
โดยใหเวนระยะหยุดระยะคิดเปนระยะทางประมาณ ๑๕๐-๒๐๐ เมตร ท้ังน้ีอาจจะวางกรวยยาง
ทจ่ี ดุ แรกของระยะ ๑๕๐ หรอื ๒๐๐ เมตรกอ นถงึ จดุ ตรวจ เพยี ง ๑ กรวยกอ น ในลกั ษณะขวางกลางถนน
เพื่อเตือนรถท่ีวิ่งมาดวยความเร็วเปล่ียนชองจราจรและชะลอความเร็วเตรียมเขาจุดตรวจ ตอมาท่ี
ระยะประมาณ ๗๕ หรอื ๑๐๐ เมตรจากจุดตรวจ ใหว างกรวยยางอกี ครั้งหน่งึ แตว างเพ่ิมเปน ๓ กรวย
ในแนวขวางถนน ๑ ชอ ง เพอื่ เตอื นอกี ครง้ั หลงั จากนน้ั กจ็ ะถงึ จุดตรวจเลย หากทาํ แบบนจี้ ะประหยดั
กรวยยางและปลอดภัยมากกวา
หลกั การตง้ั จดุ ตรวจแบบเสนตรงโดยสรปุ คอื
- ใหรถท่ขี บั ขีม่ าบนถนนไดเห็นปา ยเตือนเพอื่ ชะลอรถลว งหนา
- ทจี่ ดุ ตรวจมเี จา หนา ทแ่ี ยกรถทจี่ ะตรวจ ออกจากรถทไ่ี มต อ งสงสยั และตรวจเฉพาะรถ
ท่ีตองสงสยั เทานน้ั เพอื่ ไมใ หประชาชนเสียเวลา
- รถท่ีจะตรวจ จะตองจัดการใหเ ขาจอดในทีป่ ลอดภยั
- การตรวจจะตองเปนไปอยา งรวดเร็ว คาํ นงึ ถงึ เวลาที่ประชาชนเสียไป
- การทํางานของเจาหนาที่จะตองตรงไปตรงมา อยางมืออาชีพ ตองตอบคําถามท่ี
ประชาชนถาม
- หากมีการหลบหนจี ะตองมกี ารวางแผนลว งหนา ท่จี ะจดั การ
- หากพบผูกระทาํ ผิดอาจจะออกใบสงั่ หรอื วา กลา วตักเตือน
- การตงั้ โตะปรบั เปน ผลดี ไมใ ชข อเสียหาย
- ระยะเวลาในการต้ังจุดตรวจไมควรนานเกินไป ตองคํานึงถึงเจาหนาที่ผูปฏิบัติวา
มคี วามเหนื่อยลา หรือยัง หากเจา หนา ทไี่ มพรอ มควรหยุด ไมควรทาํ ตอ ไป
๑๕๗
๒.๒ จดุ ตรวจแบบท่ี ๒ “จดุ ตรวจแบบวงกลม”
การตงั้ จดุ ตรวจแบบนี้ เปน การตง้ั จดุ ตรวจทใ่ี ชค นจาํ นวนมาก เปน การระดม
ครั้งใหญหรือมีเปาหมายเพ่ือบูรณาการหลายหนวยงาน โดยอาจใชพื้นท่ีริมถนน เชน โรงเรียน
สนามกีฬา ปมนํ้ามันเกา ในการตรวจแทนที่จะใชพื้นท่ีบนผิวการจราจรหรือไหลทาง ความลึกของ
พ้นื ทีว่ งกลมจากริมถนนไมค วรมากกวา ๕ - ๑๐ เมตร แตต ัวปา ยเตือนนนั้ ไปวางไวบนถนน หางจาก
จุดตรวจประมาณ ๑๕๐ - ๒๐๐ เมตรเชนเดิม ดวยเหตุผลเดียวกันคือเวนไวเผ่ือสําหรับระยะคิด
และระยะหยุดของผูขับข่ี จุดตรวจแบบนเี้ หมาะสําหรับตํารวจทางหลวง หรือตํารวจภธู รทตี่ งั้ จดุ ตรวจ
ในเขตนอกเมอื งหรอื ชานเมอื ง มรี ถไมห นาแนน มากรถวง่ิ ไดเ รว็ หรอื พน้ื ทจ่ี งั หวดั ชายแดนภาคใตท อ่ี าจ
จะมกี ารตอ สกู บั เจา หนา ทขี่ ณะตง้ั จดุ ตรวจ โดยอาจใชก าํ ลงั ฝา ยปอ งกนั ปราบปรามรว มตง้ั จดุ ตรวจดว ย
เปนจุดตรวจที่เหมาะสําหรับจํานวนเจาหนาที่มาก เพื่อเปาหมายท้ังดานอาชญากรรมและจราจร
ไปพรอ มกัน
การต้ังจุดตรวจแบบนี้ เจาหนาท่ีสามารถตรวจรถไดเปนเวลานาน โดยไม
ทาํ ใหเ กดิ ปญ หาการจราจรและปลอดภยั สงู โดยจะตอ งมผี เู รยี กหยดุ รถและคดั เลอื กรถเขา ตรวจ ๑ หรอื
๒ คน แตห ากอยใู นพ้นื ทอี่ ันตราย อาจจะเพิ่มเจา หนา ที่ติดอาวธุ สงครามเพอ่ื รักษาความปลอดภัยไว
ทจี่ ดุ น้ดี ว ย เม่ือรถเขา พน้ื ท่ตี รวจแลว กจ็ ะเปนหนาท่ตี รวจตามเปาหมาย โปรดดูภาพที่ ๒
๑๕๘
ÀÒ¾·Õè ò : ¡ÒÃμÑ駨´Ø μÃǨẺǧ¡ÅÁ
๑๕๙
จากภาพขางตน จะเห็นไดวาการตั้งจุดตรวจแบบน้ี เจาหนาที่สามารถใชเวลา
ในการตรวจไดนาน เชน การตรวจคนตัวรถที่ซุกซอนยาเสพติดอยางละเอียด โดยมีไฟฟาสองสวาง
ทเี่ ตรยี มตวั ไว หรอื ตรวจปส สาวะผขู บั ขี่ เมอ่ื รถเขา มาพนื้ ทต่ี รวจ เจา หนา ทอี่ าจแบง งานกนั ทาํ แยกยอ ย
ออกไปได เชน ตาํ รวจจราจร ตาํ รวจสายตรวจ เจา หนา ทกี่ รมการขนสง ทางบก เจา หนา ทด่ี า นกกั กนั สตั ว
ศลุ กากร ฯลฯ
นอกจากนี้หากใชจุดตรวจแบบนี้ในภารกิจการลดอุบัติเหตุ อาจจะแบงแยกงาน
เจาหนาท่ีผูตรวจออกไป เชน ตรวจใบขับข่ี ตรวจวัดความเมา ตรวจควันดํา เสียงดัง ฯลฯ มีโตะ
เปรียบเทียบปรับพรอม ซึ่งปกติกระทําไดยากในจุดตรวจทั่วไป เน่ืองจากจุดตรวจแบบนี้มีพ้ืนที่มาก
ดังนัน้ อาจจะเพม่ิ กจิ กรรมอ่ืนในจดุ ตรวจไดด วย เชน การรณรงคในชว งเทศกาลอาจจะเพมิ่ เจา หนาท่ี
พยาบาล ทน่ี ั่งพกั หรอื การใหความรูแ กผขู บั ข่ีฯ เขาไปดว ย
เมอื่ มกี ารตรวจเสรจ็ แลว รถแตล ะคนั จะวง่ิ ออกจากพนื้ ทต่ี รวจโดยมเี จา หนา ทค่ี ดั เลอื กรถ
หมายเลข ๓ ทาํ หนาทต่ี รวจสอบครงั้ สดุ ทาย เพ่ือปองกนั รถท่หี ลบเลี่ยง โดยมีกรวยยางต้งั ไวใ หรถว่ิง
เขาออกคนละทาง จุดตรวจแบบนี้สามารถต้ังขึ้นโดยมีระยะเวลานานได สามารถจัดที่พักสําหรับ
เจาหนาทใ่ี หห มนุ เวียนกนั ทํางาน จัดหาอาหารเครอื่ งดื่ม จดั หอ งสุขาได โดยอาจจะเปนจุดตรวจหลกั
ของสถานีตํารวจซ่ึงเปดใชเปนครั้งคราว เพ่ือใหผูใชถนนไมสามารถคาดเดาเวลาต้ังไดวาจะเปดใช
เม่ือใด แตไมควรเปดใชเปนเวลาที่แนนอนตายตัวจนประชาชนคาดหมายได เพราะประชาชนเรียนรู
ทจี่ ะหลบหลีกอยูเสมอ
หลักการตั้งจุดตรวจแบบวงกลมโดยสรุปคือ
- ใหร ถทขี่ ับข่ีมาบนถนนไดเ ห็นปายเตือนเพ่อื ชะลอรถลว งหนา
- จัดท่ีตรวจอยูในพ้ืนที่เฉพาะ ท่ีจะตองเล้ียวรถเขามาขางถนน ไมมีการตรวจบน
ผิวการจราจรเหมือนจุดตรวจแบบอื่นๆ
- จะตองมีเจาหนาที่คัดแยกรถ เพ่ือเรียกรถที่ตองสงสัยใหเขามาในพื้นที่ตรวจ
สวนรถอ่นื ๆ ท่ไี มตองสงสัยจะคดั แยกใหว ง่ิ บนถนนตอ ไปไมรบกวนเวลาผูขบั ข่ที ่เี ปนพลเมืองดี
- รถที่จะตรวจ จะมีเสนทางวนเปนวงกลมเพ่ือใหเจาหนาที่ตํารวจหลายคนเรียก
หยุดตรวจ
- การเรียกใหเขาชองตรวจใด อาจจะมีการประสานงานกันระหวางเจาหนาที่
คัดแยกกับผูตรวจเพราะผูหยุดรถรูลวงหนาวาตองสงสัยในเร่ืองใด เชน ขาดตอภาษี ไมคาดเข็มขัดฯ
หรือเปนเร่ืองพเิ ศษ เชน แอลกอฮอล ใชสารเสพติดฯ
- การทาํ งานของเจาหนาทจ่ี ะตองตรงไปตรงมา เชน สงสยั วากระทาํ ผิดเรอื่ งหนง่ึ
แตเ มือ่ ตรวจสอบแลว ไมผ ิด ก็ไมควรหาเรือ่ งอ่นื โยกโยเพอื่ หาเรื่องจะจบั ใหไ ด ควรปลอยไปใหเ ดินทาง
ตอ ไปโดยเร็ว
๑๖๐
- หากสงสยั มกี ารหลบหนี เจา หนา ทผี่ ปู ลอ ยรถออกสถู นน จะตอ งสอบถามผตู รวจวา
รถคันน้ีตรวจสอบเสร็จแลวหรือไม โดยสอื่ สารทางวิทยกุ ันตลอดเวลา
- หากพบผกู ระทาํ ผดิ อาจจะออกใบสง่ั หรอื วา กลา วตกั เตอื น การวา กลา วตกั เตอื น
ไมใ ชเ รอ่ื งทไ่ี มค วรทาํ อาจจะทาํ ไดห ากผขู บั ขข่ี าดเจตนา นา เชอื่ วา จะปรบั ปรงุ ตวั ได ไมจ าํ เปน วา จะตอ ง
เอาผลคดไี ปเสียท้งั หมด
- การตัง้ โตะ ปรับเปน ผลดี ไมใชข อเสยี หาย
- ระยะเวลาในการตั้งจุดตรวจไมควรนานเกินไป ตองคํานึงถึงเจาหนาที่ผูปฏิบัติ
วามคี วามเหน่อื ยลา หรอื ยงั หากเจาหนาท่เี หน่ือยแลว อาจจัดชุดไปสลบั เปลี่ยน หรอื หยดุ ตรวจไปเลย
และไมค วรมีคําส่ังตง้ั จุดตรวจ ๒๔ ชม. เตม็ ที่สําหรบั จดุ ตรวจแบบน้ีไมค วรเกิน ๔ ชม.
๒.๓ จดุ ตรวจแบบที่ ๓ “แบบในเมือง”
จดุ ตรวจแบบนมี้ กั จะเปน ขนาดเลก็ ทใี่ ชใ นเขตเมอื งของนครบาลหรอื อาํ เภอใหญ
ของตํารวจภูธร ท่ีอาจมีรถหนาแนนและรถติดขัด ว่ิงไดชา ซ่ึงแตเดิมมักจะมีกําลังเจาหนาท่ียืนอยู
ริมถนนเรยี กรถระหวา ง ๔ - ๕ คน ไมม เี ครอ่ื งมอื ในเร่ืองความปลอดภัย เรยี กรถใหจ อดขา งทางแลว
แยกกนั ตรวจ ทง้ั นโ้ี ดยควรทจ่ี ะตอ งเปลย่ี นแปลงวธิ กี ารตรวจแบบนใ้ี หเ กดิ ความปลอดภยั เพมิ่ ขนึ้ ไดแ ก
การเพิ่มปายเตือนระหวางระยะ ๑๐ - ๓๐ เมตร เพื่อใหผูขับขี่เตรียมตัวหยุดรถ ซึ่งเวนระยะทางไว
ไมมากนักเพราะรถวิ่งดวยความเร็วต่ําอยูแลว พรอมกันน้ันก็เพิ่มใหมีวางกรวยยาง และการจอดรถ
จกั รยานยนตเพอ่ื เปน กาํ แพงความปลอดภยั ดว ย
รถจักรยานยนตท่ีเปนกําแพงความปลอดภัยนี้ ยังอาจใชเปนรถติดตาม
รถหลบหนดี ว ย โดยใหน าํ รถจกั รยานยนตเ จา หนา ทท่ี มี่ หี ลายคนั มาจอดเปน กาํ แพงความปลอดภยั รว มกนั
หากเปนเวลากลางคืนควรจะตองมีไฟฉาย กระบองแสงสวางและเจาหนาท่ีควรสวมเสื้อสะทอนแสง
ทุกคน การตรวจแบบนี้หากมีรถยนต ก็ใหใชเปนกําแพงก้ันเขตปลอดภัยแทนรถจักรยานยนต
การตั้งจดุ ตรวจแบบนี้อาจพิจารณารปู แบบได ตามภาพที่ ๓
๑๖๑
ÀÒ¾·Õè ó : ¡ÒÃμé§Ñ ¨´Ø μÃǨ¢¹Ò´àÅç¡áººã¹àÁÍ× §
๑๖๒
จากภาพขางตน จะเห็นไดว าผูข บั ข่ีบนถนนจะมองเหน็ ปายเตอื นหรือตูไฟแสดงจดุ ตรวจ
ในระยะที่ใกลกับจุดตรวจมาก แตเนื่องจากเปนการตั้งจุดตรวจในเมืองท่ีรถวิ่งดวยความเร็วต่ํา ผูขับขี่
สามารถชะลอรถเตรียมตัวถูกเรียกหยุดได บุคคลสําคัญของการตั้งจุดตรวจคนแรกคือผูทําหนาที่
คัดแยกรถ เพราะถนนในเมืองจะมีรถติดขัดไดงาย หากคัดแยกไมดีจะทําใหเกิดรถติดได ดังนั้น
เจา หนา ทคี่ ดั แยกรถจะตอ งมที กั ษะทจ่ี ะตอ งแยกรถตอ งสงสยั ออกจากรถปกตทิ ว่ั ไป และใชห ลกั การเดมิ คอื
รถไมตองสงสัยหรือประชาชนท่ัวไปไมตองเดือดรอน แตจะถูกแยกใหขับขี่ตอไปโดยสะดวก หลักการ
สําคัญคือ การต้ังจุดตรวจไมใชจะตองตรวจรถทุกคัน การเรียกรถแตละคันเปนการรบกวนสิทธิของ
ประชาชนทตี่ าํ รวจจะตองเคารพดว ย
ผทู ถี่ กู คดั แยกจะตอ งเขา ไปในพนื้ ทต่ี รวจทจี่ ดั ไวโ ดยมเี จา หนา ทตี่ าํ รวจรอตรวจ เจา หนา ท่ี
คัดแยกจะตอ งใชสัญญาณมอื สอื่ สารกบั เจา หนาทีผ่ ูตรวจ วา ใหรับรถทส่ี ง ไป โดยอาจจะมกี ารพูดดวย
วาจาหรอื สญั ลกั ษณต อ กนั เพอ่ื ใหเ กดิ ความเขา ใจตรงกนั เชน ไมส วมหมวก หรอื ไมต ดิ แผน ปา ยทะเบยี น
การตรวจอาจจะกระทาํ โดยตํารวจกลุมเลก็ ๆ ประมาณ ๔-๕ คน หรอื กลมุ ใหญข ้นึ ประมาณ ๗-๑๐ คน
กไ็ ด แตถ ึงแมจ ะมีตาํ รวจนอยเชน ๕ คน แตท ่ีขาดไมไดคอื ผทู าํ หนาท่รี ะวงั หลงั เมอื่ รถหลบหนี ทอ่ี าจ
จะตองตรวจดวยและสอดสองรถหลบเลี่ยงไปดวยพรอมกัน โดยอาจจะตองจอดรถจักรยานยนตไว
เพอื่ การติดตามดา นหลงั สุดของจดุ ตรวจ
เนื่องจากมีการวางกรวยยาง ฉะน้ันเจาหนาท่ีจะมีพื้นที่ทํางานชัดเจนวาเรียกรถได
ครงั้ ละเทา ใด ซงึ่ ผแู ยกคดั รถจะตอ งสง รถเขา มาตรวจเทา ทม่ี พี น้ื ที่ การวางกรวยยางนย้ี งั มปี ระโยชนอ น่ื ๆ
ดวย คอื เร่ืองความปลอดภยั จากการถูกรถเฉ่ยี วชน และการปองกนั การหลบหนี โดยผถู กู เรียกตรวจ
ไมสามารถใชเวลาชุลมนุ หลบหนีไปจากจุดตรวจไดเหมอื นแตกอน เพราะมแี นวกรวยยางที่สังเกตเหน็
ไดช ดั ถา มรี ถฝาออกไป และมีการจัดชองทางออกไวเ ฉพาะแลว
หลักการตั้งจดุ ตรวจขนาดเลก็ ในเมอื ง โดยสรุปคือ
- ใหร ถทข่ี ับขม่ี าบนถนนไดเ ห็นปา ยเตือนเพอ่ื ชะลอรถลว งหนา
- การตรวจอาจใชผวิ การจราจรหรอื ไหลท าง แตมีการก้นั ใหเหน็ พ้ืนท่เี ฉพาะนแี้ ลว
- มีเจาหนาท่ีคัดแยกรถและสงใหผูตรวจโดยประสานงานทางวาจาหรือสัญลักษณ
ทา ทาง ไมตองใชว ทิ ยสุ ือ่ สารก็ได
- รถทจ่ี ะเขา ชอ งตรวจควรมจี าํ นวนไมม าก แตจ ะตอ งควบคมุ ใหส มดลุ ไมเ กดิ การชลุ มนุ
หรือทําใหร ถติด
- การทาํ งานของเจา หนา ทจ่ี ะตอ งตรงไปตรงมา และไมแ สดงกริ ยิ าอาการทผ่ี ขู บั ขที่ ว่ั ไป
มองเห็นวา ไมสุภาพเพราะมผี ขู บั ขผ่ี านไปมาจาํ นวนมาก
- มีการควบคุมรถท่ีจะหลบหนีโดยวางตัวเจาหนาท่ีระวังหลังไวเชนปกติ แมจะมี
เจาหนาที่จํานวนนอ ย
๑๖๓
- หากพบผูกระทําผิดอาจจะออกใบสั่งหรือวากลาวตักเตือน การวากลาวตักเตือน
เปน เรอื่ งท่ีกระทําได ไมใชเ รอ่ื งเสียหายหรือมองไปในทางทจุ รติ
- การตั้งโตะปรับเปนผลดี สามารถกระทําไดระยะเวลาในการตั้งจุดตรวจไมควรนาน
เกนิ ไป เต็มท่ีไมควรเกนิ ๒ ชม.
จากหลักการตั้งจุดตรวจที่ไดกลาวมาไดจําแนกประเภทของการตั้งจุดตรวจออกเปน
๓ ประเภทหลกั ไดแ ก
ñ. ¡ÒÃμÑ駨شμÃǨ໚¹àÊŒ¹μçเหมาะสําหรับใชบนถนนในเมืองหรือทางหลวงท่ีมีรถ
จาํ นวนไมห นาแนนมาก และรถอาจจะว่งิ ดว ยความเรว็
ò. ¡ÒÃμÑ駨شμÃǨ໚¹Ç§¡ÅÁเปนการต้ังจุดตรวจท่ีใชคนจํานวนมาก เปนการระดม
ครง้ั ใหญห รอื มเี ปาหมายเพอ่ื บรู ณาการหลายหนว ยงาน
ó. ¡ÒÃμÑ駨شμÃǨ¢¹Ò´àÅç¡áººã¹àÁ×ͧจุดตรวจแบบนี้มักจะเปนขนาดเล็กท่ีใช
ในเขตเมืองของนครบาลหรืออําเภอใหญของตํารวจภูธร ท่ีอาจมีรถหนาแนนและรถติดขัด ว่ิงไดชา
ซ่ึงรูปแบบการตั้งจุดตรวจท้ัง ๓ แบบ เปนการพิจารณาจากสภาพถนน และปริมาณของรถที่สัญจร
ไปมาเพ่อื เปนหลกั ในการพิจารณา ตัง้ จดุ ตรวจใหเกดิ ความปลอดภัยในการปฏบิ ัตหิ นาที่
ó) ¡ÒÃμ§Ñé ¨Ø´μÃǨà¾×èÍÅ´ÍºØ ÑμàÔ ËμØ
๓.๑ การตงั้ จดุ ตรวจเพอ่ื ควบคมุ อบุ ตั เิ หตุ มขี อ พจิ ารณาเพม่ิ เตมิ ในการตง้ั ๒ ขอ คอื
๓.๑.๑ ขอมูลอุบัติเหตุท่ัวไปในพื้นท่ี ไดแก ผูวางแผนตั้งจุดตรวจจะตอง
ทราบขอมูลสถานที่และเวลาเกิดอุบัติเหตุสูงสุดในแตละเดือนของสถานีตํารวจแหงนั้นเสียกอน
เพ่ือใชพิจารณาในการวางแผนตั้งจุดตรวจ โดยควรท่ีจะเลือกต้ังจุดตรวจในบริเวณที่มีอุบัติเหตุเกิด
สงู ทสี่ ุดกอ น เชน อบุ ัตเิ หตเุ กิดบนถนนเสนใด สว นเวลาท่เี กดิ อบุ ัติเหตสุ งู สุดกค็ วรออกไปตัง้ จุดตรวจ
ในเวลาน้ันดวย เชน เวลากลางคืน เม่ือรวมกันก็จะไดสถานท่ีต้ังจุดตรวจที่เหมาะสมคือ สถานท่ี
และเวลาทเ่ี กิดอุบัตเิ หตุสูงสดุ ไมใชตงั้ จุดตรวจในทีเ่ ดิมเวลาเดิม หรอื ตงั้ จุดตรวจทม่ี ไี ฟฟาไวตอ สายไฟ
ดังนั้นการต้ังจุดตรวจโดยท่ัวไปท่ีเจาหนาที่ตํารวจสถานีตางๆ ออกไปตั้ง
จุดตรวจ ในเวลาวา งจากการจัดการจราจร เชน ๑๐.๐๐ น. หรือ ๑๔.๐๐ น. จงึ ไมใ ชก ารตัง้ จดุ ตรวจ
เพ่ือลดอุบัติเหตุดวยเชนกัน แตเปนการต้ังจุดตรวจเพ่ือทําผลงานหรือสรางสถิติการออกใบสั่งเทาน้ัน
ไมส ามารถนํามาอา งไดว า ไดวางมาตรการเพ่อื ควบคุมอบุ ตั ิเหตุในพ้ืนทแี่ ลว เพราะการวางมาตรการ
เพ่ือควบคุมอุบัติเหตุจะตองใชขอมูลอุบัติเหตุจริงๆ และมีแนวทางที่สอดคลองกันจริง การตั้ง
จดุ ตรวจจราจร จงึ อาจจะแยกไดเ ปน ๒ แบบ คอื การตง้ั จดุ ตรวจเพอื่ กวดขนั วนิ ยั จราจรทวั่ ไป กบั การตง้ั
จุดตรวจเพื่อควบคุมอุบัติเหตุ ซึ่งแทจริงแลวแตกตางกัน ไมสามารถจะทําเรื่องเดียวแลวอางวาใช
ทงั้ สองวัตถุประสงคได
๑๖๔
๓.๑.๒ ขอมูลอุบัติเหตุเฉพาะทาง ไดแก การเก็บขอมูลอุบัติเหตุสําคัญ
บางประเภทเพอื่ ใชใ นการแกไ ข เชน อบุ ตั เิ หตทุ เ่ี กดิ จากความเมา ซง่ึ ทราบขอ มลู วา สถานบนั เทงิ ยา นใด
เปน สาเหตุ กว็ างแผนตงั้ จดุ ตรวจเมอ่ื สถานบนั เทงิ ปด รา นบนถนนในยา นนนั้ อบุ ตั เิ หตทุ เ่ี กดิ จากการขบั รถเรว็
ก็ตั้งจุดตรวจบนถนนท่ีมีขอมูลการขับรถเร็ว หรืออุบัติเหตุท่ีเกิดจากการฝาไฟแดง ก็ตั้งชุดตรวจจับ
ทางแยกทมี่ กั จะมกี ารขบั รถฝา ไฟแดง เปน เรอื่ งการวางแผนลดอบุ ตั เิ หตใุ นแตล ะประเภทเฉพาะเจาะจง
ลงไป โดยเร่มิ จากการมีขอมูลและนาํ ขอมูลมาใชใ นการตดั สนิ ใจ
การวางแผนตงั้ จดุ ตรวจแบบเฉพาะเจาะจงนี้ อาจจะไดข อ มลู อบุ ตั เิ หตหุ ลายประเภท
ซึ่งสถานีตํารวจจะตองจัดลําดับความสําคัญกอน จึงจะวางแผนควบคุมได โดยใหความสําคัญกับ
ประเภทอุบัติเหตุท่ีเสียหายมากกอน อาทิ มีขอมูลอุบัติเหตุจาก ความเมา ขับรถเร็ว ฯ เปนเร่ืองท่ี
สถานตี ํารวจดําเนนิ การกอ นเพราะมผี ูเสยี ชีวติ และบาดเจบ็ จาํ นวนมาก แตอ บุ ตั ิเหตุจากสาเหตอุ น่ื ท่มี ี
ความเสียหายนอย ก็รอไวดําเนินการในภายหลังได โดยผูบังคับบัญชาในยุคใหมจะตองเปลี่ยน
จากบทบาทผูตรวจการณบนทองถนน ที่ตรวจดูความเรียบรอยท่ัวไป เปนผูกํากับแผนงาน กิจกรรม
โดยใชขอมลู มาพจิ ารณาแทน
¢ŒÍ椄 à¡μ การจดั ลาํ ดบั ความสาํ คญั ในการตง้ั จดุ ตรวจจราจรนนั้ มกั จะมกี ารสบั สน
ไปกับการควบคุมการจราจร โดยไมเห็นความสําคัญของการควบคุมอุบัติเหตุ ดังนั้นในแตละสถานี
ตํารวจ จึงมกี ารออกคาํ สั่งใหนํากาํ ลงั ตํารวจจราจรไปจัดการจราจรประจําวนั ตามจดุ ตางๆ เกอื บหมด
แตไมมีการวางแผนเพ่ือลดอุบัติเหตุแตอยางใด ซึ่งแสดงถึงการวางแผนที่สับสน ระหวางแผนงาน
อบุ ตั เิ หตแุ ละแผนงานจดั การจราจร ทจ่ี ะตอ งมที งั้ ๒ ดา น แตห วั หนา สถานตี าํ รวจหรอื รองผกู าํ กบั จราจร
จํานวนมากยังไมสามารถแยกแยะความสําคัญ หรือแบงหมวดหมูงาน แตปฏิบัติงานเหมือน
ทเ่ี คยทาํ มาแลว ท้งั ทเ่ี ปนเร่อื งสาํ คัญเทา เทยี มกันทัง้ คู
การตงั้ จดุ ตรวจเพอื่ ลดอบุ ตั เิ หตจุ ะเกดิ ผลดไี ด จะตอ งอาศยั ผบู งั คบั บญั ชาและนโยบาย
ทส่ี อดคลอ งกนั เพอื่ สนบั สนนุ ใหม กี ารปฏบิ ตั ดิ า นการตรวจจบั แตเ ปน การตรวจจบั เฉพาะทางทม่ี ขี อ มลู
ในการตดั สนิ ใจ ดว ยเหตนุ ก้ี องบญั ชาการตาํ รวจนครบาลและภธู รในอนาคต จงึ ควรจะแยกประเภทงาน
จราจรใหมีน้ําหนักเทากัน ระหวางการควบคุมอุบัติเหตุและการอํานวยความสะดวกดานการจราจร
โดยใหสถานีตํารวจแตละแหงตองมีแผนงานรองรับ คอยตรวจสอบกิจกรรมวาสอดคลองกันหรือไม
และตรวจสอบจากสถิติขอมูลอุบัติเหตุจราจรภายหลังดําเนินการมาประกอบการพิจารณาจึงจะทําให
การต้ังจุดตรวจจราจรในอนาคตมีประสิทธภิ าพและประสิทธิผล
๑๖๕
การต้ังจุดตรวจเพื่อลดอุบัติเหตุ จากงานวิจัยตางประเทศท่ีนาสนใจสามารถนํามา
เปนขอมลู ประกอบการพิจารณาตั้งจุดตรวจ ดงั นี้ -.
ò) ¡ÒÃμéѧ¨Ø´μÃÇ¨Ç´Ñ áÍÅ¡ÍÎÍÅ
àÁ×ͧ ÃٻẺ ਺ç -μÒ ¨Ò¡´èÁ× áÅÇŒ ¢Ñº ਺ç -μÒ´nj ÂÊÒàËμØÍè¹×
Modesto ตํารวจ ๖-๑๒ นาย/คืนละ ๑ จุด -๙.๓ % +๑๒.๙ %
Ventura ตาํ รวจ ๓-๕ นาย/คนื ละ ๓ จดุ -๓๙.๗ % -๗.๔ %
Visalia ตาํ รวจ ๓-๕ นาย/คืนละ ๑ จดุ -๑๔.๗ % +๓.๕ %
Ontario หนวยลาดตระเวน -๑๘.๐ % -๓.๙ %
μÒÃÒ§·èÕ ó.ò การตั้งจุดตรวจวัดความเมารูปแบบตางๆ กับความสามารถในการลดการเจ็บ-ตาย
จากด่มื แลวขบั
¡ÒáÃШÒÂกําÅѧตําÃǨ໚¹Ë¹‹ÇÂàÅç¡ (ó-õ ¹ÒÂ) á실Ãͺ¤ÅØÁËÅÒ¨ش䴌¼Å´Õ
áÅШÐãËŒ¼Å㹡ÒÃŴ਺ç μÒ¨ҡàÁÒáÅÇŒ ¢ºÑ ÁÒ¡¡ÇÒ‹ Ç¸Ô ¡Õ ÒÃÍ×è¹æ ในสถานการณท ่ีทรพั ยากร (คน-
เวลา-เงนิ )มจี าํ กัด... การตง้ั ดาน ตอ งพจิ ารณาถงึ ขอ มูลวา จุดใด (แผนท่อี บุ ัตเิ หตุ) ชวงเวลาใด (นาฬก า
อุบัติเหตุ) จึงจะเกิดผลมากท่ีสุด ซ่ึงในหลายพื้นที่... การเพ่ิมข้ึนของจุดตรวจ นอกจากจะลดจํานวน
อุบตั ิเหตุ การบาดเจ็บ เสียชีวิตแลว...คดอี าชญากรรมอื่นๆ กล็ ดลงดวย
ò) ¡ÒÃμÑ§é ¨´Ø μÃǨ¨Ñº “¤ÇÒÁàÃçÇ”
รถทแี่ ลน ดว ยความเรว็ ทแ่ี ตกตา งกนั มากบนถนน นาํ ไปสกู ารเกดิ อบุ ตั เิ หตุ อบุ ตั เิ หตุ
จากความเร็วที่มีผูเสียชีวิต มักเกิดกับถนนตรงหรือทางโคงมากกวาทางแยกบนถนนที่มีชองจราจร
มากกวา ๑ ชองจราจร และในชวงทฝ่ี นตก
ขอมูลจาก NHTSA (National Highway and Traffic Safety Administration)
พบวา ปจ จยั ทส่ี ง ผลตอพฤตกิ รรมการขับขี่เรว็
o พฤติกรรมของผูขับขเี่ พศชาย อายุ ๑๕-๒๐ ป มีพฤติกรรมขบั ข่ีรถเรว็ มากที่สดุ
o ปริมาณแอลกอฮอลใ นเลอื ดทเี่ พิม่ มากขึน้ สงผลตอพฤตกิ รรมการขับขเ่ี ร็ว
o ชว งเวลาหลงั เทย่ี งคนื ถงึ ตสี าม เปน ชว งเวลาทผ่ี ขู บั ขมี่ พี ฤตกิ รรมขบั ขเี่ รว็ มากทสี่ ดุ
จากขอมูลดงั กลา วแสดงใหเ ห็นวา “¤¹¢ºÑ öÁáÕ ¹Ç⹌Á·è¨Õ Ð㪌¤ÇÒÁàÃÇç μÒÁÊÀÒ¾¶¹¹ÁÒ¡¡Ç‹Ò¾¡Ô ´Ñ
º¹»‡ÒÂจํา¡´Ñ ¤ÇÒÁàÃçÇ”
๑๖๖
การตั้งจุดตรวจจะยังคงมีผลตอการเปล่ียนแปลงพฤติกรรมในการขับข่ีเร็วในระยะหาง
ออกไปอีก ประมาณ ๔ กิโลเมตร จากตาํ แหนง ทีต่ ัง้ จุดตรวจ ดังน้ันการเลือกตงั้ จดุ ตรวจทีม่ คี วามถ่ีของ
จดุ เสย่ี งในชว ง ๔ กโิ ลเมตร จงึ เปน ตาํ แหนง การตง้ั ดา นทมี่ ผี ลตอ การลดอบุ ตั เิ หตไุ ดส งู สดุ จากการศกึ ษา
วจิ ัยพบวา มาตรการเขมงวดในการตั้งจุดตรวจจับความเรว็ สามารถลดการสูญเสียชีวิตลงไดรอยละ ๖
และลดการชนแบบรุนแรงไดถ ึงรอ ยละ ๑๔
ÀÒ¾·Õè ô รปู แบบ แบงพน้ื ทอ่ี อกเปน ๕ โซน
๑๖๗
คาํ อธบิ ายเพ่มิ เตมิ ในการตั้งจุดตรวจแบบแบง พื้นทอี่ อกเปน ๕ โซน
พนื้ ทส่ี ว นที่ ๑ เปน พนื้ ที่ เฝา สงั เกตรถและบคุ คลทอ่ี ยภู ายในรถทจี่ ะวงิ่ ผา นเขา มาในบรเิ วณพน้ื ทตี่ ง้ั จดุ ตรวจ
มีเจาหนาที่ตาํ รวจอยปู ฏบิ ัติ ๒ นาย โดยอยูก อนถึงพนื้ ที่ตัง้ จุดตรวจหา งประมาณ ๒๐-๑๐๐
เมตร (ตามสภาพพื้นท)่ี
พน้ื ทส่ี ว นที่ ๒ เปน พน้ื ท่ที ีพ่ จิ ารณาคดั กรองรถเพอื่ เรียกรถเขา มาสพู ้นื ทต่ี รวจคน มีเจาหนาทตี่ ํารวจ ๒ นาย
และเจา หนา ท่ีตํารวจท่ีทาํ หนาที่เปนหัวหนา จดุ ตรวจ ๑ นาย รวมเจา หนาท่จี ํานวน ๓ นาย
พนื้ ทสี่ ว นท่ี ๓ เปน พนื้ ทตี่ รวจคน มเี จา หนา ทต่ี าํ รวจทาํ หนา ทต่ี รวจคน รถและบคุ คลตอ งสงสยั ทนี่ งั่ มา ๒ ชดุ
ปฏบิ ัติ (๑ ชุดปฏิบตั ิมี ๓ – ๔ คน รถท่ีเขาทําการตรวจคน ควรมไี มเกิน ๒ คัน ในแตล ะชว ง
ทท่ี าํ การตรวจคน และการตรวจคน ใชเ จา หนา ทต่ี าํ รวจ ๓ – ๔ คนตอ รถทาํ การตรวจคน ๑ คนั
โดยคน ๒ คน คมุ กนั ๑ - ๒ คน) มเี จา หนา ทตี่ าํ รวจอกี ๑ คน ทาํ หนา ทบี่ นั ทกึ ภาพขณะตรวจคน
ไวเปนหลักฐาน และมีเจาหนาท่ีตํารวจอีก ๑ คน ทําหนาท่ีคอยควบคุมการปลอยรถออก
จากพื้นที่ตรวจคน เพ่อื ปอ งกนั อุบัตเิ หตุ รวมเจาหนา ที่ตํารวจที่อยใู นพน้ื ท่นี ี้ ๘ - ๑๑ คน
พน้ื ทสี่ ว นท่ี ๔ เปนพื้นท่ีคอยสกัดรถ หากรถตองสงสัยท่ีเขามาในพื้นท่ีต้ังจุดตรวจไมยอมหยุดรถใหทําการ
ตรวจคน เจาหนาท่ีตํารวจที่อยูปฏิบัติหนาท่ีทายพ้ืนที่จุดตรวจนี้จะทําหนาท่ีนํารถตํารวจ
ที่จอดอยูทายจุดตรวจเขาสกัดขวางกันไมใหผานหรือไลติดตามหากหลบหนี ในสวนน้ีจะมี
เจาหนาที่ตํารวจทําหนาท่ีประจํารถยนต ๑ คัน ๑ คน และเจาหนาที่ตํารวจประจํา
รถจักรยานยนต ๑ คนั ๒ คน รวมเจา หนา ที่จาํ นวน ๓ คน
พนื้ ทส่ี ว นที่ ๕ เปนพ้ืนที่ควบคุมผกู ระทําความผิด หรอื พ้นื ท่ีบรกิ ารประชาชน มเี จา หนาทต่ี าํ รวจอยูปฏบิ ัติ
อยา งนอ ย ๑ คน
จากภาพประกอบดงั กลา วและคาํ อธบิ ายเพมิ่ เตมิ การตงั้ จดุ ตรวจแบบแบง พนื้ ทอ่ี อกเปน
๕ โซน ลกั ษณะจดุ ตรวจดงั กลา วเปน หลกั พน้ื ฐานในการวางกาํ ลงั และตาํ แหนง หนา ทข่ี องเจา หนา ทตี่ าํ รวจ
ซง่ึ ตอ งใชก าํ ลงั พลทมี่ ปี รมิ าณเพยี งพอ มลี กั ษณะการวางกาํ ลงั แบบการตงั้ จดุ ตรวจเปน วงกลม เปน การตงั้
จุดตรวจท่ีใชคนจํานวนมาก เปนการระดมครั้งใหญหรือมีเปาหมายเพ่ือบูรณาการหลายหนวยงาน
ซึ่งในการปฏิบัติหนาที่จริง หากไมมีกําลังพลเพียงพอหรือสถานที่ต้ังไมเหมาะสมก็ควรตองพิจารณา
ในรูปแบบอ่ืนท่เี หมาะสม และคาํ นึงถึงความปลอดภัยตอ ผปู ฏบิ ัตงิ านตอ ไป
๑๖๘
ÀÒ¾·Õè õ แสดงการต้ังจุดตรวจในทางเดินรถท่ีมีการจราจรไปในทิศทางเดียวกัน
(One Way)
ÀÒ¾·èÕ ö แสดงการตงั้ จุดตรวจในทางเดินรถทีม่ กี ารจราจรสวนกัน (Two Way)
๑๖๙
ÀÒ¾·Õè ÷ แสดงการต้งั จดุ สกดั ในถนนสายเล็ก โดยใชรถยนตชวยเปนสงิ่ กีดขวาง
ÀÒ¾·èÕ ø แสดงการตัง้ จุดสกดั ในถนนสายเล็ก โดยหลมุ บอบนถนนเปนเคร่อื งชวย
๑๗๐
ÀÒ¾·Õè ù แสดงการต้งั จดุ สกดั ในถนนสายเลก็ โดยใชเ คร่อื งกดี ขวางชว ย
๑๗๑
ÀÒ¾·èÕ ñð การตงั้ จุดตรวจแบบ สองชอ งจราจรตอ ทศิ ทาง (ใชพ ื้นท่จี อดรถทมี่ อี ยู)
150-200 ม. ÊÑÞÅѡɳ
จุดตรวจสอบไมควรอยูใน รถตํารวจ
ตาํ แหนง ทส่ี ามารถมองเหน็ ได ปายเตือน
ตงั้ แตร ะยะประมาณ 300 ม. ตาํ รวจทที่ าํ หนา ทหี่ ยดุ หรอื
ตรวจสอบรถยนตบ นถนน
ตํารวจทท่ี าํ หนา ที่
ตรวจสอบรถยนต
รถยนตที่ถูกตรวจสอบ
Í»Ø ¡Ã³·ÕèμÍŒ §ãªŒ
■ แสงไฟและเสอ้ื กก๊ั ทส่ี ะทอ นแสงได
ตลอดเวลา
■ ปา ยเตือนทส่ี ะทอ นแสงได
■ ไฟเตือนกะพริบสีเหลืองติดตั้ง
บนปายเตือน
■ กรวยทส่ี ะทอ นแสงได (ถา จาํ เปน )
ËÁÒÂàËμØ
ภายหลังจากการตรวจสอบ ตํารวจ
ทคจวาที่ ากํามจหสดุ นะตดารทววกต่ีจใรสนวอรจถบสยไอนดบตอคจยนัะา ดตงงัปอกงลลออา าํวดนอภอวยั ยก
เกาะกลาง
POLICE POLICE
๑๗๒
ÀÒ¾·Õè ññ รปู แบบการต้ังจดุ ตรวจ สองชอ งจราจรตอ ทิศทาง (ใชพ ้ืนท่ีไหลท าง)
ÊÑÞÅ¡Ñ É³
รถตํารวจ
ปายเตือน
ตตาํรรววจจสทอท่ีบาํ รหถนยานทตห่ี บ ยนดุ ถหนรนอื
ตตราํ วรวจจสทอีท่บาํรหถยนนา ทตี่
รถยนตทีถ่ ูกตรวจสอบ
กรวยท่ีสะทอนแสงได
การวางกรวย
150-200 ม. ÍØ»¡Ã³·μÕè ÍŒ §ãªŒ
จุดตรวจสอบไมควรอยูใน แกไปฟสราเงวยตไยฟเอื ตทแนือลส่ีกะนะะเทพทสอ้ืรอีส่ บิกะนกส๊ัทแทเี อหสสี่ ลงนะไอืทแดงอสตน(งดถิ ไแตาดสจง้ังบาํไดนเปตปลนา อย)ดเตเวอื ลนา
ตาํ แหนง ทส่ี ามารถมองเหน็ ได ■
ตงั้ แตร ะยะประมาณ 300 ม. ■
■
POLICE ■
เกาะกลาง ËÁÒÂàËμØ
ทภาท่ี ยาํ หหลนังา จทาตี่ กรกวาจรสตอรบวจจะสตออบงอตาํ ํานรววยจ
ความสะดวกในรถยนตคันดังกลาว
ออกจากจดุ ตรวจสอบไดอ ยา งปลอดภยั
POLICE
๑๗๓
ÀÒ¾·èÕ ñò ทางหลวงขนาดสองชอ งจราจร (ใชพ น้ื ทห่ี ยดุ รบั สง รถโดยสารหรอื พนื้ ทจ่ี อดรถ)
150-200 m. ÊÑÞÅ¡Ñ É³
จุดตรวจสอบไมควรอยูใน รถตาํ รวจ
ตาํ แหนง ทสี่ ามารถมองเหน็ ได ปายเตือน
ตงั้ แตร ะยะประมาณ 300 ม. ตาํ รวจทที่ าํ หนา ทห่ี ยดุ หรอื
ตรวจสอบรถยนตบ นถนน
ตาํ รวจทท่ี ําหนา ท่ี
ตรวจสอบรถยนต
รถยนตท ่ีถกู ตรวจสอบ
Í»Ø ¡Ã³·èμÕ ÍŒ §ãªŒ
■ แสงไฟและเสื้อกั๊กที่สะทอนแสงได
ตลอดเวลา
■ ปายเตือนทส่ี ะทอ นแสงได
■ ไฟเตือนกะพริบสเี หลืองตดิ ต้ังบนปา ย
ËÁÒÂàËμØ
ภายหลังจากการตรวจสอบ ตาํ รวจท่ที ํา
สหะนดาวทกี่ตใรนวรจถสยอนบตจคะันตดอังงกอลําานวอวยอคกวจาามก
จดุ ตรวจสอบไดอยา งปลอดภัย
POLICE
๑๗๔
ÀÒ¾·èÕ ñó รูปแบบการตงั้ จุดตรวจสองชอ งจราจร รถวิ่งสวน (ใชพืน้ ทข่ี องไหลทาง)
ÊÞÑ Å¡Ñ É³
รถตํารวจ
ปา ยเตือน
ตตาํรรววจจสทอท่ีบาํรหถนยานทตหี่ บ ยนดุ ถหนรนอื
ตํารวจท่ีทาํ หนาท่ี
ตรวจสอบรถยนต
รถยนตท ่ีถกู ตรวจสอบ
กรวยทสี่ ะทอ นแสงได
การวางกรวย
150-200 m. ■■■■ÍØ»ไปตกปแ¡ฟสรลÃาาว³เงยยอตยไเเด·ฟืตตอทเμèÕอืือแวนส่ี ลŒÍลนนะกา§ะททะãเพอ่ีสสªะนรื้อŒ ทิบแกอสส๊ักงนีเทหไแี่สดลสะ ือ(งทถไงอาดตจนิดาํ แตเสปั้งงบนไ)นด
จุดตรวจสอบไมควรอยูใน ËÁÒÂàËμØ
ตาํ แหนง ทสี่ ามารถมองเหน็ ได ภายหลงั จากการตรวจสอบ ตาํ รวจที่ทาํ
ตงั้ แตร ะยะประมาณ 300 ม. หนาที่ตรวจสอบจะตองอํานวยความ
จสุดะตดรววกจใสนอรบถยไดนอ ตยคาันงปดลังกอลดาภวัยออกจาก
POLICE
๑๗๕
ÀÒ¾·èÕ ñô บริเวณชุมชน (ใชพ้นื ท่ีหยดุ รับสงรถโดยสารหรอื พืน้ ท่ีจอดรถ)
50-75 ม. ÊÞÑ Å¡Ñ É³
รถตาํ รวจ
ปายเตอื น
ตาํ รวจทท่ี าํ หนา ทหี่ ยดุ หรอื
ตรวจสอบรถยนตบ นถนน
ตาํ รวจท่ที าํ หนาที่
ตรวจสอบรถยนต
รถยนตท ถ่ี ูกตรวจสอบ
ÍØ»¡Ã³· μÕè ÍŒ §ãªŒ
■ แสงไฟและเส้ือก๊ักท่ีสะทอนแสงได
ตลอดเวลา
■ ปา ยเตอื นทส่ี ะทอ นแสงได
■ ไฟเตือนกะพริบสีเหลืองติดตั้งบนปาย
เตือน
■ กรวยที่สะทอ นแสงได (ถาจาํ เปน)
ËÁÒÂàËμØ
ภายหลงั จากการตรวจสอบ ตาํ รวจทที่ าํ หนา ที่
ตรวจสอบจะตองอํานวยความสะดวกใน
รอถยยา นงปตลคอันดดภังยักลาวออกจากจุดตรวจสอบได
POLICE
๑๗๖
จากเน้อื หาทีไ่ ดก ลาวมาเปนเร่อื งของรูปแบบการต้ังจดุ ตรวจประเภทตา ง ๆ สามารถนาํ
ไปปรับใชไดตามสถานการณตางๆ ขึ้นอยูกับความเหมาะสมในแตละพื้นท่ี แตส่ิงหน่ึงที่ตองคํานึงถึง
ใหม ากเพ่อื สรางความปลอดภัยใหกบั เจา หนา ทีต่ ํารวจจราจรผูปฏิบัตหิ นา ทบี่ ริเวณจดุ ตรวจ คือ ความ
เขา ใจพืน้ ฐานของ หลักการการบริหารจราจรในบริเวณทม่ี ีการเปลี่ยนแปลงชอ งจราจรมาประกอบการ
พจิ ารณารปู แบบการตง้ั จดุ ตรวจ เพอื่ ความปลอดภยั ซงึ่ ในเลม นไ้ี ดน าํ หลกั การสากลมาแนะนาํ ใหท ราบดงั นี้
ËÅÑ¡¡ÒáÒúÃÔËÒèÃÒ¨Ã㹺ÃÔàdz·èÕÁÕ¡ÒÃà»ÅÕè¹á»Å§ª‹Í§¨ÃҨà »ÃСͺ仴ŒÇÂ
ËÅÑ¡¡Òôѧ¹éÕ
Advance warning area
มกี ารเตอื นลว งหนา เพอื่ ใหผ ขู บั ขที่ ราบวา จะมกี ารเปลยี่ นแปลงชอ งจราจรอยา งไรขา งหนา
เพือ่ ใหผูขับขี่ชะลอ เปลยี่ นชองจราจร ลดการติดขดั บรเิ วณจดุ ท่จี ะมกี ารเบ่ียงการจราจร
Transition Area
มีระยะการเบ่ียงชอ งจราจรทย่ี าวเพยี งพอ เหมาะสม ชัดเจน
Working/Activity Area
มีการก้นั พน้ื ท่ที าํ งาน และพ้ืนทจ่ี ราจรชัดเจน กําหนดความเรว็ ในการควบคมุ
Termination Area
แจงผูขับข่ีถึงจุดสิ้นสุดการเบ่ียงการจราจร เพื่อใหคืนสภาพ การเดินทางอยางรวดเร็ว
ปลอดภยั
๑๗๗
SDWCLeiihgorgaenrenkcnntsidoeplniazcoinefgtrdaevveilce
Downstream Taper nleTotesrrmmtraianlffiaotcpioernreasAtuiromenaes
Buffer Space (longitudinal)
tthoTaerplaloaafficwstcssivtSithtrpyaroaffiacurcegeha
Bapunfpoffdr(lorraeotwtrteverociSardratffipekiloa)escncrse awnodisrkWmseoaersrttke,areSisaqipdluaesipctofemoraregnet isAtacwktihevesitryeplAwarcoeerak
prtorvaiffiBd(loeucsnffagepnirtrduoSdtwpeinacoactrilkeo)enrsfor
omfToritavsnesnsiottirromanffiaAlcrpeoaautht
Shoulder Taper
AdtveallesnxctpereaWcffitcaarwhneihnaagdtAtorea
๑๗๘
ÊÙμ÷ãÕè ªãŒ ¹¡ÒÃคาํ ¹Ç³
Table 6C-3. Taper Length Criteria for Temporary Traffic Control Zones
Type of Taper Taper Length
Merging Taper at least L
Shifting Taper at least 0.5 L
Shoulder Taper at least 0.33 L
One-Lane, Two-Way Traffic Taper 50 feet minimum, 100 feet maximum
Downstream Taper 100 feet per lane
Note : Use Table 6C-4 to calculate L
Table 6C-4. Formulas for Determining
Taper Length
Speed (S) Taper Length (L) in feet
40 mph or less L = WS2/ 60
45 mph or more L = WS
Where :
● L = taper length in feet
● W = width of offset in feet
● S = posted speed limit, or off-peak 85th-percentile speed prior to work starting, or the
anticipated operating speed in mph
Table 6C-1. Recommended Advance Warning Sign Minimum Spacing
Road Type Distance Between Signs**
A BC
Urban (low speed)* 100 feet 100 feet 100 feet
Urban (high speed)* 350 feet 350 feet 350 feet
Rural 500 feet 500 feet 500 feet
Expressway / Freeway 1,000 feet 1,500 feet 2,640 feet
๑๗๙
¡ÒûÃÐÂ¡Ø μ㪌ËÅ¡Ñ ¡ÒúÃÔËÒèÃҨà ¡ºÑ ¨Ø´μÃǨ ¨Ø´Ê¡Ñ´ áÅÐ ´‹Ò¹
´‹Ò¹μÃǨ ต้งั เปนการถาวร รปู แบบ การบรหิ ารจราจรใหนาํ มาประยุกตใ ชได (Advance
Warning, Transition)
¨Ø´μÃǨ / ¨Ø´Ê¡Ñ´ ควรนําหลักการบริหารจราจรมาประยุกต แตกรณีจําเปน
เพอื่ ความมน่ั คง ถา จะไมต อ งการเตอื นลว งหนา (Advance Warning) กส็ ามารถลดชดุ ปา ยเตอื นลว งหนา
ออกตามความเหมาะสมของภารกิจ
¡ÒÃầ‹ ¾é×¹·ºèÕ ÃàÔ Ç³¨´Ø μÃǨ ¨´Ø Ê¡´Ñ ´Ò‹ ¹
à»ÃÂÕ ºà·Õºã¹ËÅÑ¡¡ÒúÃËÔ ÒèÃҨà = Activity/Working Area
หลังจากสน้ิ สุดการตรวจแลว ตองวางตาํ แหนง Termination Area (พนื้ ที่สนิ้ สดุ การต้งั
จุดตรวจ) ไดแก Buffer Space + Dowstream Taper
ÊÃØ»â´ÂËÅÑ¡¡ÒÃμéѧ¨Ø´μÃǨ ¨Ø´Ê¡Ñ´ ´‹Ò¹ã¹ºÃÔàdz·ÕèÁÕ¡ÒÃà»ÅÕè¹á»Å§ª‹Í§¨ÃÒ¨Ã
μŒÍ§คาํ ¹§Ö ¶Ö§¾¹×é ·èÕ¡ÒèѴ¡ÒÃàËÅ‹Ò¹Õé¾Ô¨ÒóÒà¾Í×è ¤ÇÒÁ»ÅÍ´ÀÂÑ
Advance Warning Area (¾×é¹·Õè¡ÒÃàμ×͹ÅÇ‹ §Ë¹ÒŒ )
กรณีดานท่ีตั้งถาวร ตองมีปายเตือนลวงหนากอนถึงดานวาจะปดชองจราจรไหน
เปนระยะๆ หางกอนถึงดาน ๕๐๐ – ๑,๐๐๐ เมตร (กรณีจุดตรวจ จุดสกัด พิจารณาเปนกรณี
ตามภารกิจวาการเตือนลว งหนา มีผลกระทบตอความมัน่ คงของภารกิจหรอื ไม)
Transition Area (¾×¹é ·ÕèºÃÔàdzà»ÅÂÕè ¹/àºèÕ§¡ÒèÃÒ¨Ã)
ในการต้ังจุดตรวจ จุดสกัด ดาน ตองมีการเบ่ียงการจราจรดวยกรวยยางที่เห็นเดนชัด
โดยระยะวางกรวยยาง ตองมีระยะยาวพอสมควรใหรถท่ีชะลอความเร็วสามารถชะลอรถและเบ่ียง
การจราจรไดอยางปลอดภัยกอนเขาดาน โดยมีระยะตามสูตรการคํานวณ (โดย แผงเตือน/ปายไฟ
จดุ ตรวจ จะวางอยหู ลงั แนวกรวยยางท่ีเบย่ี งจราจร)
๑๘๐
Activity/Working Area (¾é¹× ·èÕºÃàÔ Ç³¨Ø´μÃǨ ¨Ø´Ê¡´Ñ ´Ò‹ ¹)
พื้นที่ชวงดังกลาวจะกําหนดตามภารกิจของเจาหนาที่ โดยพื้นท่ีเฝาสังเกตจะเริ่มต้ังแต
สน้ิ สุด แนวเบยี่ งการจราจร ระยะทางของพื้นท่บี ริเวณจดุ ตรวจ พิจารณาจาก กาํ ลังพล ยานพาหนะ
ท่ตี อ งใช
Termination Area
มีการคืนสภาพการจราจรปกติ โดยวางกรวยยาง เพ่ือคืนชองจราจรระยะทางประมาณ
๓๐-๕๐ เมตร ตามความเหมาะสม
¡ÒÃầ‹ ¾×é¹·ÕèºÃàÔ Ç³¨Ø´μÃǨáμÅ‹ оé¹× ·àÕè ¾×èÍãËŒà¡´Ô ¤ÇÒÁ»ÅÍ´ÀÂÑ
(áμÅ‹ оé×¹·èμÕ ÍŒ §ÁÕÃÐÂÐËÒ‹ § à¾×Íè ¤ÇÒÁ»ÅÍ´ÀÑÂ)
๑ พงษสันต คงตรแี กว (๒๕๕๑), การตรวจจับความผดิ จราจร Traffic Surveillance เอกสารประกอบการสอนวิชาจราจร,
นครปฐม : โรงเรียนนายรอ ยตํารวจ
๒ Stuster JW, Blowers PA. Experimental evaluation of sobriety checkpoint programs. Washington, DC: U.S.
Department of Transportation, National Highway Safety Traffic Administration, ๑๙๙๕. DOT HS ๘๐๘ ๒๘๗
๑๘๑
บทท่ี ๕
การบังคบั ใชก ฎหมายใหม ปี ระสิทธิภาพ
õ.ñ ¨ÔμÇÔ·ÂÒ㹡Òúѧ¤ºÑ 㪡Œ ®ËÁÒÂ
¨μÔ Ç·Ô ÂÒ หมายถงึ วชิ าทว่ี า ดว ยการศกึ ษาเกย่ี วกบั พฤตกิ รรม หรอื กริ ยิ าอาการของมนษุ ย
รวมถึงความพยายามที่จะศึกษาวามีอะไรบางหรือตัวแปรใดบาง ในสถานการณใดที่เกี่ยวของกับการ
ทาํ ใหเ กดิ พฤตกิ รรมตา ง ๆ ซง่ึ ขอ มลู ดงั กลา วจะทาํ ใหส ามารถคาดคะเน หรอื พยากรณไ ดโ ดยใชแ นวทาง
หรอื วิธกี ารทางวิทยาศาสตรเ ปน เคร่อื งมือชว ยในการวเิ คราะห
ปญ หาดา นการจราจรทเ่ี กดิ ขนึ้ ทาํ ใหม คี วามจาํ เปน อยา งยง่ิ ทจ่ี ะตอ งมกี ารกาํ หนดวธิ กี าร
เชงิ กลยทุ ธใ หส งั คมไดร บั รถู งึ ปญ หา ตระหนกั วา เปน ปญ หาทสี่ าํ คญั ของสงั คม โดยมงุ เปา ไปยงั ทศั นคติ
และพฤตกิ รรมของประชาชนในการใชร ถใชถ นน วธิ กี ารทางจติ วทิ ยา หรอื จติ วทิ ยาจราจรไดถ กู นาํ มาใช
ในประเทศท่พี ัฒนาแลว ทงั้ หลาย อยา งเชน ประเทศญป่ี ุน เปน วิถที างในการเรยี นรคู วามจรงิ เก่ียวกบั
ปญ หาการขบั ข่ี และการใชพ ื้นที่ของถนนรวมกบั คนอนื่ ๆ และครอบคลมุ ในเรอื่ งของการใหการศกึ ษา
เพือ่ สรา งวัฒนธรรมความปลอดภัยดวย การบังคับใชก ฎหมายเปนเครอ่ื งมอื อยา งหนึ่งในทางจติ วทิ ยา
เพอ่ื ใหเ กดิ การแปลงพฤตกิ รรมทด่ี ใี นการใชร ถใชถ นน ขณะเดยี วกนั ตอ งคาํ นงึ ถงึ กระบวนการปรบั เปลยี่ น
พฤติกรรมใหครบกระบวนการ โดยเฉพาะอยางยิ่งตองแกไขสาเหตุนํากอนการกระทําพฤติกรรม
การขบั ข่ีที่ละเมิดกฎหมาย
ในสวนของการบังคับใชกฎหมายซึ่งเปนบทบาทสําคัญของตํารวจ ตองใหความสําคัญ
ตอการสรางการยอมรับ การบังคับใชกฎหมายของประชาชนและการปรับเปล่ียนพฤติกรรมการขับขี่
ทดี่ ขี ้ึน ดงั นั้น จติ วทิ ยาการบังคบั ใชก ฎหมายตอ งเปนการบรู ณาการดวยหลกั การเบื้องตน ๔ ประการ
เขาดว ยกนั เพอ่ื ใหเกดิ ผลดงั ตอไปนี้คอื
ñ. ãËŒ»ÃЪҪ¹ÃѺÃÙŒ¡Òúѧ¤ÑºãªŒ¡®ËÁÒÂÁÒ¡¢éÖ¹ ซ่ึงไดแก การต้ังจุดตรวจ และ
ดา นจราจรในจดุ ตา งๆ ทเ่ี ดน ประชาชนเหน็ ไดช ดั เจน มกี ารเปลยี่ นสถานท่ี ความเขม งวดในการตรวจจบั
และเวลาท่ีออกไปตรวจจบั อยูเรอ่ื ยๆ และในแตล ะทีมงานควรมตี ํารวจอยหู ลายๆ คน มกี ารแตง กาย
ที่เหน็ เดน ชดั มีรายชอ่ื หัวหนา ชุดปฏิบัตกิ ารพรอ มหมายเลขโทรศพั ท
ò. óç¤ãËŒÁÕ¡Òúѧ¤ÑºãªŒ¡®ËÁÒ«íéÒËÅÒÂæ ¤Ãéѧ เพื่อยํ้าใหผูขับข่ีและผูโดยสาร
รถจกั รยานยนตท ราบวา มกี ารเสยี่ งในการถกู จับสูงไดใ นทุกที่และทุกเวลา หากมีการฝา ฝนกฎหมาย
ó. Á¡Õ Òúѧ¤ÑºãªÍŒ ‹ҧࢌÁ§Ç´áÅÐÊมํ่าàÊÁÍ ไมม ีการแบง แยกหรือเลือกปฏบิ ตั ิ ซึง่ จะ
นาํ ไปสูการเปลย่ี นแปลงอยางถาวรของพฤติกรรมของผูใชรถใชถนน
ô. à¼Âá¾Ã‹¢ŒÍÁÙÅ¡Òúѧ¤ÑºãªŒ¡®ËÁÒÂÍ‹ҧá¾Ã‹ËÅÒ ทั้งน้ีเพราะกฎหมายจราจร
เปนกฎหมายที่เกี่ยวของกับชีวิตประจําวันของผูใชรถใชถนนจึงตองอาศัยความรวมมือจากประชาชน
ทัว่ ไป
๑๘๒
ฉะนั้น การบังคับใชกฎหมายของเจาหนาที่ตํารวจจราจร เพ่ือใหประชาชนปฏิบัติตาม
กฎหมายดวยการรักษาวินยั ในการขับข่ี หรอื โดยสารยวดยานพาหนะ แมก ฎหมายไดม ขี อบังคบั ไวแลว
ก็ตาม แตก็ไมไดหมายความวาผูใชรถใชถนนจะไมฝาฝนกฎหมายจราจร ตรงกันขามผูขับขี่กลับมอง
ไมเ หน็ ความสาํ คญั ของกฎหมายจราจรดว ยซา้ํ ไป เนอื่ งจากเหน็ วา มโี ทษเลก็ นอ ย เปน เหตใุ หก ารปฏบิ ตั งิ าน
ถูกผูบังคับบัญชา หรือแมแตประชาชนท่ัวไป ตําหนิติเตียน วาไมเขมงวดในการบังคับใชกฎหมาย
จนเกดิ การกระทาํ ความผดิ กฎจราจรอยา งตอ เนอื่ ง และกลายเปน วฒั นธรรมทปี่ ฏบิ ตั ติ ามกนั มาอยา งผดิ ๆ
จิตวิทยาการบังคับใชกฎหมายของเจาหนาที่ตํารวจจึงมีความจําเปนอยางย่ิงที่ตํารวจตองเรียนรู
โดยเฉพาะอยางยิ่ง การปฏิบัติหนาที่ของตํารวจในยุคศตวรรษท่ี ๒๑ ซ่ึงเปนยุคของโลกแหงการใช
เทคโนโลยี สังคมออนไลน (Social Media) หมายถึง สังคมท่ีมีการตอบสนองไดหลายทิศทาง
โดยผานเครือขายอินเทอรเน็ต ซ่ึงก็คือ เว็บไซต ที่บุคคลบนโลกน้ีสามารถมีปฏิสัมพันธโตตอบกันได
ขณะนเ้ี ทคโนโลยเี วบ็ ไดพ ฒั นาเขา สยู คุ ๔.๐ มกี ารพฒั นาเวบ็ ไซตท เี่ รยี กวา Web application คอื เวบ็ ไซต
ท่ีมีโปรแกรมตางๆ มีการตอบโตกับผูใชงานมากข้ึน ซึ่งก็เปนประโยชนตอการพัฒนางานเจาหนาท่ี
ตํารวจ ขณะเดียวกันก็เปนสื่อที่ตํารวจตองระมัดระวังเน่ืองจากความเจริญกาวหนาทางเทคโนโลยี
ก็ทําใหคนรายใชเปนเคร่ืองมือในการจับผิดการปฏิบัติหนาที่ของตํารวจในหลายรูปแบบ เชน
เมื่อไมพอใจการปฏิบัติงานของตํารวจก็จะหลอกลอใหตํารวจตกเปนเครื่องมือทางอารมณ
แลว แอบถา ยคลปิ วดิ ีโอ ซ่งึ เจาหนาท่ีอาจถูกกลนั่ แกลงโดยรูเทาไมถ งึ การณไ ด
การบงั คบั ใชก ฎหมายจงึ มสี ถานะเปน กลไกการลงโทษเพอ่ื ทาํ ใหพ ฤตกิ รรมทไี่ มเ หมาะสมยตุ ลิ ง
อยางไรก็ตาม ¹Ñ¡¨ÔμÇÔ·ÂÒ์¹ÂéíÒÇ‹Ò ¡ÒÃŧâ·É·ÕèÁÕ»ÃÐÊÔ·¸ÔÀҾ㹡ÒûÃѺà»ÅÕè¹¾ÄμÔ¡ÃÃÁ¹Ñé¹
¨ÐμÍŒ §à»¹š ä»â´Â·èÕ¼ÙŒ·¶Õè ¡Ù »ÃѺà»ÅèÕ¹¾Äμ¡Ô ÃÃÁÃºÑ ÃŒÙ (ãËŒ¤ÇÒÁÃ)ŒÙ ÇÒ‹ ¼Œ·Ù Õèŧâ·É (ตาํ ÃǨ) ¡ÃÐทํา
¡ÒÃŧâ·É´ŒÇÂà¨μ¹Ò·èÕ´Õ ÁØ‹§ËÇѧãËŒ¼ÙŒ¶Ù¡Å§â·Éä´Œ»ÃÐ⪹¨Ò¡¡ÒûÃѺà»ÅÕè¹¾ÄμÔ¡ÃÃÁ¹éѹ
Í¡Õ ·§éÑ ¡ÒÃŧâ·É¨ÐμÍŒ §äÁท‹ าํ ã˼Œ ¶ŒÙ ¡Ù ŧâ·ÉÃʌ٠¡Ö ÇÒ‹ μ¹àͧä´ÃŒ ºÑ ¡ÒÃŧâ·É·äÕè Áà‹ »¹š ¸ÃÃÁ ËÃÍ× Ã¹Ø áç
à¡¹Ô ä»Í¡Õ ´ÇŒ  เนอ่ื งจากการลงโทษทร่ี นุ แรงจะทาํ ใหเ กดิ พฤตกิ รรมการตอ ตา น ดงั นนั้ เจา หนา ทตี่ าํ รวจ
จราจรจงึ จาํ เปน ตอ งใชศ ลิ ปะทด่ี ใี นการบงั คบั ใชก ฎหมายเพอื่ ใหผ ขู บั ขย่ี อมรบั การบงั คบั ใชก ฎหมายนน้ั
ไมเ กิดการตอตาน หรอื มีทัศนคตทิ ีไ่ มด ีตอ ตาํ รวจ อกี ท้ังเกิดการปรับเปลย่ี นพฤติกรรมการใชรถใชถนน
ทเ่ี ปนไปตามกฎหมายจราจรในที่สุด
ÈÅÔ »Ð¡Òúѧ¤ºÑ 㪌¡®ËÁÒ¨ÃÒ¨Ãã¹ºÃºÔ ·Êѧ¤ÁÇѲ¹¸ÃÃÁä·Â
เจา หนา ทต่ี าํ รวจจะตอ งแสดงบทบาทหนา ทด่ี งั ตอ ไปนใี้ หป รากฏแกส งั คมโดยทวั่ กนั ในพนื้ ที่
รบั ผดิ ชอบของแตล ะสถานเี พอื่ ใหส รา งความเขา ใจจนกลายเปน กระแสเชงิ บวกในสงั คม และเปน การสรา ง
ความชอบธรรมในการปฏิบัติหนาที่ในการบังคับใชกฎหมายจราจรในบริบทที่สังคมไทยยังไมสามารถ
แกไขเหตปุ จ จยั นําท่ีทําใหเกดิ พฤตกิ รรมที่ไมเ หมาะสมได ดังนี้
ñ. ËҾǡ
การเดินเขาหาภาคีเครือขาย ผูมีสวนไดเสียในทุกกลุม ทุกอาชีพ และสรางความ
สมั พนั ธท แี่ นน แฟน ในบรบิ ทของการทาํ งานรว มกนั โดยทตี่ าํ รวจเปด พนื้ ทใ่ี หภ าคเี ครอื ขา ยไดม สี ว นรว ม
๑๘๓
ในทกุ ขนั้ ตอนของกระบวนการทาํ งานนนั้ นอกจากจะทาํ ใหต าํ รวจมพี ลงั มวลชนในการรว มทาํ งานแลว
ยังชวยเสริมสรางพลังอํานาจแกตํารวจในกรณีที่มีการตอตาน ตอรอง ขัดขืนการบังคับใชกฎหมาย
อกี ดว ย
สงิ่ ทค่ี วรตระหนกั คอื อยา คดิ ตดิ กรอบเพยี งการตดิ ตอ เชอ่ื มความสมั พนั ธก บั กลมุ ภาคี
เครือขายท่ีเปนกลุมคนทํางานแตเพียงเทาน้ัน กลุมผูใชรถใชถนนก็นับวาเปนภาคีเครือขายที่สําคัญ
เชน เดยี วกนั ไมว า จะเปน นกั เรยี น นสิ ติ นกั ศกึ ษา คนงาน กลมุ แมบ า น แมค า คนขบั รถโดยสารประจาํ ทาง
เปน ตน
อีกท้ังการสรางความสัมพันธก็ไมควรจํากัดวงกิจกรรมอยูเพียงการทํางาน ประชุม
หารือรวมกันแตเพียงเทานั้น หากแตการเลนกีฬา การจัดกิจกรรมสันทนาการตางๆ ก็สามารถสราง
ความสัมพันธที่แนนแฟนและนํามาซึ่งความรวมมือที่ดีท่ีอาจจะมากกวาการทําบันทึกขอตกลงรวม
(MOU) ดวย ดังท่ีพบวาหนวยงานราชการ หรือสถานศึกษาหลายแหงทํา MOU รวมกับตํารวจ
แตก็มิไดดําเนินการอยางเขมแข็งเทาท่ีควร ดังน้ัน การสรางเครือขายจึงควรเริ่มตนดวยการมุงเนนท่ี
คุณภาพมากกวามุงเนนปริมาณ เม่ือความสัมพันธมีความใกลชิดแนนแฟนแลวจึงเพ่ิมจํานวนภาคี
มากขนึ้ เรอื่ ยๆ ทงั้ นต้ี าํ รวจควรเรม่ิ ตน เดนิ เขา หาภาคที เ่ี ปน กลมุ เปา หมายทเี่ ฉพาะเจาะจงกบั ปญ หาดว ย
ท้ังนี้ ตํารวจจราจรอาจจะใชเทคโนโลยีสารสนเทศในรูปแบบตางๆ เพ่ือสรางกลุม
ทางสังคมใหมีความใกลชิดกันมากยิ่งขึ้น มีการติดตอสัมพันธกันโดยมีกิจกรรมในการทํางานดานการ
จราจรรว มกันในรูปแบบตา งๆ เชน การใชร ะบบไลนกลุม Social Network เปน ตน การทํางานรวมกัน
เปน โซนและการมองเหน็ ความเหมอื นความตา งระหวา งโซนอน่ื ๆ ในมติ เิ รอื่ งตา งๆ นน้ั อาจจะสามารถ
สรา งบรรยากาศในการรว มมอื ทเี่ ขม แขง็ มากขน้ึ ทงั้ นเ้ี จา หนา ทต่ี าํ รวจจะตอ งทาํ การพจิ ารณาตามบรบิ ท
ของสังคม วัฒนธรรมทีแ่ ตกตางกันไปในแตท อ งท่ี กลยุทธท่ดี ีของทแี่ หงหนง่ึ อาจจะไมเหมาะสมกบั อีก
แหง หน่ึงกไ็ ด
ส่ิงท่ีสําคัญในการเสริมพลังอํานาจใหตํารวจสามารถบังคับใชกฎหมายไดอยางมี
ประสิทธิภาพ ลดการตอ ตา น และสรา งการยอมรบั จากประชาชนสว นรวมได คอื การสือ่ สารผานส่อื
ตางๆ ที่มากพออยางทั่วถึง และตอเน่ืองถึงการกระทําของตํารวจทุกๆ กิจกรรม เนื่องจากจะทําให
ประชาชนรบั รขู า วสารอยา งตอ เนอื่ ง ซมึ ซบั เขา ไปในภาพจาํ วา “ตาํ ÃǨÁ¤Õ ÇÒÁÁ§‹Ø Á¹èÑ Á¤Õ ÇÒÁ¾ÂÒÂÒÁ
㹡Òû¯ÔºμÑ Ô˹ŒÒ·ÕÍè ‹ҧàμçÁ¤ÇÒÁÊÒÁÒö ¶§Ö áÁŒÇÒ‹ ¨Ðทาํ §Ò¹´ÇŒ ¤ÇÒÁ¢Ò´á¤Å¹·Ã¾Ñ ÂÒ¡ÃμÒ‹ §æ
â´ÂÁàÕ ¨μจํา¹§à¾×Íè ãË»Œ ÃЪҪ¹ Êдǡ ÃÇ´àÃÇç áÅж֧·ÕèËÁÒÂÍÂÒ‹ §»ÅÍ´ÀÂÑ ”
ò. 㪢Œ ŒÍÁÅ٠໹š ÍÒÇظ·Ò§»˜ÞÞÒ㹡Ò÷íÒ§Ò¹
ตํารวจจราจรตองทํางานอยางมืออาชีพ (Professional) น่ันหมายความวา ตองใช
หลกั วชิ าการ มขี อ มลู ในระดบั พน้ื ทที่ ส่ี ามารถนาํ มาใชป ระโยชนใ นการโนม นา ว ชกั จงู วางแผนการทาํ งาน
ท้ังในสวนของตํารวจ และในสวนท่ีตองการใหภาคีเครือขายและผูมีสวนไดเสียเห็นความสําคัญ
เห็นความจําเปนที่จะตองเขามารวมมือกันในการแกไขปองกันพฤติกรรมการขับข่ีท่ีละเมิด
กฎหมายจราจร
๑๘๔
การนําขอมูลที่เฉพาะเจาะจง ที่เกิดข้ึนในพื้นที่แตละแหงมาใชน้ันจะสามารถสราง
ความตระหนักในปญหาที่ทําใหประชาชนรับรูวาเปนปญหาใกลตัวไดมากกวาการใชขอมูลระดับชาติ
ที่ไมเ ฉพาะเจาะจง
อีกทั้งขอมูลจะทําใหการทํางานของตํารวจภายใตทรัพยากรท่ีจํากัดเปนไปอยางมี
ประสทิ ธภิ าพมากขนึ้ ดว ย เรยี กไดว า สามารถแกป ญ หาตามความสาํ คญั กอ นหลงั สามารถแกป ญ หาได
ถูกที่ ถูกคน ถูกเวลา โดยใชข อมลู ที่มปี ระสทิ ธิภาพในการตดั สนิ ใจ การทํางานอยา งมอื อาชพี น้ีจะสรา ง
ศรัทธาและการยอมรับที่ดีในที่สดุ
ó. ¡ÒûÃЪÒÊÁÑ ¾Ñ¹¸ã ¹§Ò¹¨ÃÒ¨Ã
“วิสัยทัศน” ในการประชาสัมพันธในงานจราจร “การสรางภาพลักษณที่ดี และการ
สื่อสารงานจราจรสูสงั คม”
ó.ñ ͧ¤»ÃСͺ¢Í§¡ÒûÃЪÒÊÑÁ¾¹Ñ ¸ã¹§Ò¹¨ÃÒ¨Ã
สามารถจาํ แนกองคป ระกอบสาํ คญั ของการประชาสมั พนั ธอ อกเปน ๔ ประการ
คือ
๑. องคกร สถาบนั หรือหนวยงานในงานจราจร หนว ยงานจราจรแตละ สภ.
ศูนยปฏิบัตกิ ารจราจร
๒. ขาวสารประชาสัมพันธในงานจราจร ขอมูลเก่ียวกับเสนทาง ทางลัด
ถนนเสีย การเปดปดถนนเปนชวงเวลา การยายสถานที่ราชการ หางราน การซอมผิวทาง
ขบวนแหประเพณีตางๆ
๓. สื่อประชาสัมพันธในงานจราจร สวนใหญตํารวจมักจัดทําเปนแผนปาย
ปายสัญลกั ษณ การออกรายการวทิ ยุ ทวี ที องถิ่น หนังสอื พมิ พท อ งถ่ิน ในปจจุบันมสี อ่ื อิเลก็ ทรอนกิ ส
ทีใ่ ชใ นชีวิตประจําวนั มากข้ึน แมจะเขา ถงึ ไดน อ ยราย แตสามารถแพรขา วไดอยางรวดเรว็ เชน เฟซบกุ
(facebook) ไลน (line)
๔. กลุมประชาชนเปาหมายของการประชาสัมพันธในงานจราจร ไดแก
กลุม บุคคลหรอื ประชาชนทีเ่ ปนเปา หมายในการสอื่ สารประชาสัมพันธค รงั้ น้นั ๆ ดงั น้ี
๔.๑ กลุมประชาชนภายใน เจาหนา ที่ตาํ รวจทุกนาย ไวส ําหรบั สอื่ สาร
รับคาํ สง่ั แสดงผลการปฏบิ ัติ
๔.๒ กลุมประชาชนภายนอก กลุมประชาชนทว่ั ไป
ó.ò ¡ÒûÃЪÒÊÑÁ¾¹Ñ ¸à ª§Ô Ã¡Ø (Pro-active Public Relation)
หมายถึง การประชาสัมพันธที่มีการชี้แจงและใหความรูความเขาใจกับกลุม
เปาหมายโดยตรง โดยมีการวางแผนไวลวงหนากอนที่จะมีกิจกรรม หรือเหตุการณใด เพื่อใหเกิด
ความยอมรบั และความรว มมือ
๑๘๕
Â·Ø ¸ÈÒÊμá ÒûÃЪÒÊÁÑ ¾¹Ñ ¸àªÔ§ÃØ¡ ÁÕ ô »ÃСÒà ¤×Í
ñ. Â·Ø ¸ÈÒÊμáÒÃà¼Âá¾Ã‹¢‹ÒÇÊÒà »ÃСͺ´ŒÇÂ
๑.๑ มีการวางแผนปฏบิ ตั กิ ารประชาสัมพันธ
๑.๒ เนน ความชัดเจนของการกาํ หนดวิธกี ารตางๆ
๑.๓ ดําเนินยทุ ธวิธตี ามแผนใหครบถว น
ò. Â·Ø ¸ÈÒÊμá Òêѡ¨Ù§ã¨ »ÃСͺ´ÇŒ Â
๒.๑ การกําหนดแผน หรือวิธีการท่ีจะจูงใจประชาชนกลุมเปาหมาย
ใหเ หน็ พอ งกับเนอ้ื หาท่ีนาํ ไปประชาสมั พันธอ ยางเปนขนั้ ตอน
๒.๒ นําขาวสารใหถึงผูรับสารกลุมเปาหมายโดยตรงแบบเผชิญหนา
(face to face)
ó. ÂØ·¸ÈÒÊμáÒèѴͧ¤¡Òà ໚¹¡ÒÃกํา˹´μÑǺؤ¤Åทํา§Ò¹ μŒÍ§ãªŒ
ºØ¤Åҡ÷ÁÕè Õ¤³Ø ÊÁºμÑ ´Ô ѧ¹Õé
๓.๑ เปนนักประชาสัมพันธท่ีแทจริง เปนผูชํานาญในวิชาชีพ
การประชาสมั พันธ
๓.๒ มภี ูมปิ ญญา
๓.๓ มคี วามรับผิดชอบ
๓.๔ มีความรอบรใู นงานหลายสาขาวิชาชพี
๓.๕ มคี วามอดทน เสียสละ มานะ สงู าน
๓.๖ มีจรรยาบรรณ
๓.๗ ไมหวนั่ ตอ ปญ หา
ô. Â·Ø ¸ÈÒÊμáÒÃäμÃμ‹ Ãͧ เปนการทบทวนและใครค รวญการดาํ เนนิ การ
ประชาสัมพันธที่ดําเนินไปแลว เพื่อจะไดปรับแผนหรือแกไขปญหาใหสอดคลองกับเหตุการณท่ีกําลัง
เผชิญอยูไดท นั ทว งที
การส่ือสารเพื่อการประชาสัมพนั ธ การส่ือสารเชิงรุก
๑. กอ เสริมสรา ง ๑. ใหค วามรู
๒. กนั ปองกนั ๒. สรา งความเขา ใจ
๓. แก รกั ษา ๓. เนน การแสดงออก
๔. กู ฟนฟู ๔. รวดเร็วฉับไว
๕. ตรงประเดน็
๑๘๖
ó.ó ¡ÒÃãªÊŒ Íè× »ÃЪÒÊÁÑ ¾¹Ñ ¸μÒ‹ §æ 㹧ҹ¨ÃÒ¨Ã
ñ. ÊÍ×è ºØ¤¤Å ประกอบดวย
- สาํ นักงานตาํ รวจแหงชาติ
- กองบญั ชาการ
- กองบงั คับการ
- กองกาํ กบั การ
- ขา ราชการตาํ รวจ
- บคุ คลท่ีมชี ่ือเสยี งหรือผูน าํ ชมุ ชน
ò. ÊÍ×è ʧèÔ ¾ÔÁ¾ ประกอบดวย
- ใบปลวิ แผน พับ โปสเตอร
- จดหมายขา ว
- ปา ยประกาศ
- สตกิ๊ เกอร
- แผน ปา ยประชาสมั พันธ
ó. Ê×èÍÁÇŪ¹ ประกอบดว ย
- สถานีวิทยุขาวสารดา นจราจร ระดับประเทศ/ระดบั ทองถ่นิ
- โทรทศั น
- หนงั สือพมิ พ
- นติ ยสาร
- ภาพยนตร
- เครอื ขา ยท่ใี ชใ นการประชาสัมพนั ธ (Connection)
ô. ÊÍè× ¡¨Ô ¡ÃÃÁ ประกอบดว ย
- นิทรรศการ
- โครงการ
- การประกวด
- การแขงขัน
- การรณรงค
õ. ÊèÍ× âÊμ·ÈÑ ¹ ประกอบดวย
- ปา ยสลบั ขอความ
- เวบ็ ไซต
- Application
- Line
- Facebook
- Video Clip
- Spot โฆษณา
๑๘๗
ó.ô à·¤¹Ô¤¡ÒÃ㪌Ê×Íè »ÃЪÒÊÑÁ¾Ñ¹¸
● สะดวกในการเขาถึงหลายชองทาง
● งายตอ การจดจํา
● รวดเร็วและทันสถานการณ
● ใชข อ ความท่ที นั สมัย เขาใจงา ยและนา สนใจ
ó.õ ÀÒ¤Õà¤Ã×Í¢‹Ò»ÃЪÒÊÁÑ ¾Ñ¹¸
● ปจจัยแหงความสําเร็จในงานประชาสัมพันธ คือ การมีสวนรวม
ทุกภาคสวนท้ังภายในและภายนอกองคกรอยางเขมแข็ง เชน ชุมชน ผูนําทองถ่ิน หนวยราชการ
ส่ือมวลชน สถานศกึ ษา เอกชน ฯลฯ
● การสรางสอ่ื สมั พันธก บั องคก รภายในและภายนอกองคก ร
● ส่ือมวลชนทุกแขนงเพื่อสรางสัมพันธไมตรี/ทุกภาคสวนท้ังภาครัฐ
และเอกชน
● การสง ขาวสารเปนไปอยางตอเนอ่ื งและชัดเจน
● ตดิ ตอ ประสานงานโดยขอหมายเลขโทรศพั ท e-mail, line หรอื เทคโนโลยี
การสงขอมูลอนื่ ๆ ท่สี ะดวก
● มีการสรางความสัมพันธท่ีดีโดยมีการนัดกับสื่อและองคกรภายใน
เดอื นละ ๑ คร้งั หรอื ประชมุ หรือในรปู แบบสภากาแฟ
¡ÒûÃЪÒÊÑÁ¾¹Ñ ¸· ´Õè ·Õ ÊÕè ش㹧ҹ¨ÃҨà ¤Í×
“à¨ÒŒ ˹ŒÒ·Õตè าํ ÃǨ·Ø¡¹Ò”
º·ÊÃØ»
การทงี่ านประชาสมั พนั ธข องหนว ยงานจราจรจะดาํ เนนิ ไปไดอ ยา งมปี ระสทิ ธภิ าพ ยอ มขนึ้
อยูกับปจจัยหลายๆ ดาน ที่สําคัญท่ีสุดคือ ตัวของขาราชการตํารวจจราจรซ่ึงปฏิบัติหนาท่ีอยูบน
ทองถนนนั่นเอง ถาพวกเขามีการประชาสัมพันธท่ีดี มีความสามารถในการประชาสัมพันธใหแก
หนวยงาน รูจักการสรางความเขาใจอันดีใหเกิดแกประชาชน หรือหนวยงานท่ีเกี่ยวของแลว
งานประชาสมั พนั ธของหนวยงานจราจรก็ยอ มจะประสบผลสําเรจ็ ไดโดยงา ย
ตาํ รวจจราจรทเี่ ปน นกั ประชาสมั พนั ธ จะตอ งเปน ตาํ รวจทท่ี าํ งานเพอื่ การสรา งสรรค ธาํ รงไว
ซ่ึงความสัมพันธอันดีงามระหวางหนวยงานจราจรกับกลุมประชาชน ตํารวจที่วานี้ไมจําเปนตองเปน
ตาํ รวจทมี่ รี ปู รา งหนา ตาดี มบี คุ ลกิ ทชี่ วนตอ งตาผพู บเหน็ หรอื คลอ งแคลว พดู เกง เสมอไป แตส รปุ แลว
ควรจะตองเปนผูมีคุณสมบัติดังน้ี คือ เฉลียวฉลาด ซ่ือสัตยสุจริต มีความคิดริเร่ิมสรางสรรค
มคี วามสามารถในการเขียน พดู ไดดี มคี ณุ ธรรม กลาทจี่ ะทําในสง่ิ ท่ีถูกตอ ง รูจักข้นั ตอนในการทาํ งาน
และที่สําคัญท่ีสุดก็คือ ตองมีความรูในการประชาสัมพันธเปนอยางดี จึงจะเปนนักประชาสัมพันธ
ทสี่ มบูรณแบบได
๑๘๘
ตาํ รวจไทยทกุ คนตอ งตระหนกั วา วชิ าชพี ของตนเองนนั้ ยอ มจะตอ งเกย่ี วขอ งกบั ประชาชน
ไมท างตรงกท็ างออ ม การศกึ ษาวา ทาํ อยา งไรจงึ จะสามารถเขา กบั ประชาชนไดด ี จงึ เปน เรอ่ื งทน่ี า สนใจ
ยอมหวังวาถา ไดศกึ ษาเรยี นรเู ขาใจถึงหลกั การประชาสัมพันธแลว ก็นา จะนาํ วชิ าความรูท่ีไดร ับนไ้ี ปใช
ใหเ ปน ประโยชนใ นการทาํ งานตอ ไปได สดุ ทา ยนข้ี อฝากคตเิ ตอื นใจสาํ หรบั ตาํ รวจจราจรทต่ี อ งการเปน
นกั ประชาสมั พนั ธท ด่ี วี า “ภาพลกั ษณข องเราจะดหี รอื เลว เปน ผลมาจากการประพฤตปิ ฏบิ ตั ขิ องตวั เราเอง
โดยแท” (the result of our conduct) ซงึ่ เปน คติของ ARISTOTLE นกั ปราชญผ ูย่ิงใหญของโลก
ท่ีกลา วไวเ มือ่ หลายพันปมาแลว และก็ยงั คงเปน อมตะอยเู สมอตราบจนทุกวนั นี้
ô. ¡Òú§Ñ ¤Ñºãª¡Œ ®ËÁÒ·ËÕè ÅÒ¡ËÅÒÂáÅÐàËÁÒÐÊÁ
การบงั คบั ใชก ฎหมายเพอื่ การปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมนนั้ เปน ขน้ั ตอนสดุ ทา ยทน่ี าํ มาใช
ภายหลังจากมีการใชกลยทุ ธต า งๆ อยา งครบถวนมาระยะเวลาหน่ึงแลว นนั่ หมายถงึ ตํารวจตองผา น
ขนั้ ตอนการกระทําดังตอไปนม้ี าแลว
๑) มีการรวบรวมขอมูล และนําเสนอขอมูลที่เปนปญหาที่เกิดข้ึนในชุมชนแหงนั้น
แลว จนทําใหประชาชนตระหนักเห็นปญหา และเกิดความเขาใจวาตํารวจมีความต้ังใจ มุงมั่นที่จะ
แกป ญหาเพอ่ื ใหป ระชาชนไดรบั ผลประโยชนจากการแกไ ขปองกันปญหาเหลาน้นั
๒) มกี ารสรา งภาคเี ครอื ขา ยทม่ี คี ณุ ภาพ มคี วามหลากหลาย มคี วามเปน ผมู สี ว นไดเ สยี
ทุกภาคสวน และมีจํานวนท่ีมากพอโดยมีความสัมพันธท่ีดีตอกันระหวางตํารวจจราจรกับภาคี
เหลานนั้
๓) มีการสอ่ื สารในรปู แบบตางๆ จนสามารถสรา งกระแสทางสงั คมในระดับชุมชน
ท่ีตอ งการแกป ญหา จนเปน ที่รบั รกู นั อยางทัว่ ถึง ชดั เจน
๔) มีการส่ือสารใหเห็นวาตํารวจคํานึงถึงความสะดวก ความปลอดภัยในชีวิต
และทรัพยสนิ ของประชาชนเปน สาํ คัญ และมงุ มัน่ ทาํ เพอ่ื ใหประชาชนในชุมชนปลอดภยั และผาสกุ
๕) ดําเนินการบังคับใชกฎหมายในระดับที่มีความรุนแรงนอยและเพิ่มระดับ
ตามพฤติกรรมการกระทําผิด โดยจะตองยึดมั่นในหลักความยุติธรรมในการบังคับใชกฎหมาย
และแสดงใหป ระชาชนเหน็ ความโปรงใสในการดาํ เนนิ การเพื่อสรา งศรัทธาและความเช่อื มั่น
ท้ังนี้ ควรดําเนินการสื่อสารทางสังคมอยางตอเนื่องโดยเปล่ียนแปลงกลยุทธ
ในการสอ่ื สารดวย เพอื่ ดึงดูดความสนใจ สรา งการจดจาํ และการยอมรับ
º·ÊûØ
จิตวิทยาสังคมกับการบังคับใชกฎหมายจราจร เปนการท่ีตํารวจจราจรพึงตระหนักวา
การทาํ งานของตาํ รวจเปน ปฏบิ ตั กิ ารทางสงั คมจติ วทิ ยาโดยมเี ปา หมายเพอ่ื เปลย่ี นและสรา งพฤตกิ รรม
การใชรถใชถนนของประชาชนใหเปนไปอยางปลอดภัยและเคารพสิทธิในการใชรถใชถนนซึ่งเปนพื้นท่ี
สาธารณะรว มกนั
๑๘๙
การปฏิบัตกิ ารทางสงั คมจติ วิทยา มดี ังตอไปนี้
๑. ทบทวน พัฒนาตนเอง เพ่ือสรางศรัทธาและการยอมรับ โดยใชหลัก “สุภาพบุรุษ
จราจร”
๒. เขาใจประวัติศาสตร สังคม วัฒนธรรม และวิถีชีวิตของประชาชนที่เก่ียวของกับ
การใชร ถใชถ นนอยา งลกึ ซงึ้ เพอ่ื ทาํ ความเขา ใจสาเหตขุ องปญ หากอ นคดิ วางแผนแกไ ขปญ หาไดอ ยา ง
ตรงเปา หมาย
๓. ใหความสําคัญกับการจัดเก็บขอมูลท่ีมีประสิทธิภาพเพ่ือนําขอมูลมาใชประโยชน
ใหมากทส่ี ุด เรยี กวาเปนการทาํ งานในรปู แบบตาํ รวจมืออาชีพ
๔. แสดงบทบาทของนักส่ือสารมวลชนในทุกรูปแบบ และเปดชองทางการส่ือสาร
ที่สามารถเขาถงึ กลุมเปา หมายใหไดมากท่สี ดุ เพือ่ สรางความรู ความประทบั ใจ ความเชือ่ มัน่ ศรทั ธา
รว มกันกบั ประชาชน โดยทํางานเปน ทีมในแนวระนาบ และใหเกียรติกบั ทุกๆ ฝา ย อีกทั้งพึงหลีกเลี่ยง
การแสดงภาพเดนเพียงลาํ พงั หรือเฉพาะกลมุ เทา น้ัน เพือ่ ปองกนั การเกดิ กลุมตรงขา ม
๕. เทคนคิ การสอื่ สารจะตอ งทาํ ใหเ หน็ เนอื้ หาสาระของความพยายามอยา งแรงกลา ของ
ตาํ รวจที่จะกระทาํ ทกุ วิถีทางในการรกั ษาชวี ติ และทรัพยส นิ ของประชาชนในการใชรถใชถ นน นําเสนอ
อยางตอเนื่อง ใชวิธีการส่ือสารที่หลากหลาย เปล่ียนแปลงไปตามบริบทสถานการณเพื่อสราง
ความสนใจในการรบั สาร
๖. สรา งดา นในการปะทะกอ นการปะทะกบั ตาํ รวจ โดยการใชพ ลงั มวลชนทม่ี พี ลงั อาํ นาจ
ในการปองกันหรือบังคับปรับเปลี่ยนพฤติกรรม กอนที่จะถึงขั้นการดําเนินการบังคับใชกฎหมายของ
ตาํ รวจ
ยกตวั ยา งเชน ทมี เจา หนา ทตี่ าํ รวจจราจรของสถานตี าํ รวจแมร มิ จงั หวดั นา น สรา งความสมั พนั ธ
อยางเขมแข็งกับภาคีเครือขายทุกภาคสวนโดยเฉพาะอยางย่ิงกลุมผูนําชุมชนซ่ึงเปนผูนําเชิง
บารมแี ละใหข อ มลู ใหแ นวทางแลกเปลย่ี นโนม นา วใหผ นู าํ เหลา นเี้ กดิ แรงบนั ดาลใจในการชว ยรกั ษาชวี ติ
ของชาวแมร ิมจากอบุ ัตเิ หตทุ างถนน ทาํ ใหผูนํามสี ว นรวมอยา งเขมแข็งในรูปแบบตา งๆ เชน การสรา ง
กฎระเบยี บหมบู า นในการปกครองดแู ล บงั คบั ควบคมุ พฤตกิ รรมระหวา งกนั การสอ่ื สารโดยการใชเ สยี ง
ตามสายเพอ่ื เตอื นลกู บา น และเยาวชนใหส วมหมวกนริ ภยั “พนี่ อ งทกุ ทา น วนั นจ้ี ะขบั ขร่ี ถมอเตอรไ ซค
อยาลืมใสหมวกกันน็อกดวย หากทานไมใสนอกจากจะเปนการปองกันอันตรายแลว ยังจะถูกตํารวจ
จับดวย ตํารวจแจง มาวา ต้ังแตน ี้จะจบั จรงิ แลว ปรับ ๕๐๐ บาท และไมสามารถชว ยไดด ว ย จึงขอเตอื น
พีน่ อ งไว อยา ลืมสวมหมวกกันน็อกดวย”
การกระทาํ ดงั กลา วจะเปน การลดแรงกดดนั ลดการตอ ตา นและสรา งการยอมรบั การบงั คบั
ใชก ฎหมายโดยประชาชนยังมีทัศนคตทิ ่ดี ตี อ ตํารวจดว ย
๑๙๐
õ.ò ·¡Ñ ÉÐ㹡Òú§Ñ ¤Ñºãª¡Œ ®ËÁÒÂ
การบังคับใชก ฎหมายจราจร หมายถงึ การบังคับใหผใู ชรถใชถ นนไดป ฏิบัติตามกฎหมาย
ขอบังคับเกี่ยวกับการจราจร การขนสงทางบก เพื่อความเปนระเบียบเรียบรอยของสังคม และเพ่ือ
เปน การสรา งวนิ ยั ในการขบั ขใ่ี หแ กป ระชาชนผใู ชร ถใชถ นน การบงั คบั ใชก ฎหมายจราจร เปน มาตรการ
ทสี่ าํ คญั มาตรการหนง่ึ ในการแกไ ขปญ หาจราจร ซงึ่ การบงั คบั ดว ยกฎหมายใหผ ใู ชร ถใชถ นนตอ งปฏบิ ตั ิ
ตามกฎหมายจราจร เพอ่ื ใหเ กดิ ความเรยี บรอ ยในสงั คม โดยมจี ดุ ประสงคเ พอื่ ทจ่ี ะเปน การขม ขมู ากกวา
จะเปน การแกแ คน ผกู ระทาํ ความผดิ กฎหมายจราจรทอี่ อกมาใชบ งั คบั กเ็ พอื่ ความสะดวกและปลอดภยั
ของผูใชรถใชถนน วิธีการท่ีจะทําใหการบังคับใชกฎหมายมีประสิทธิภาพ ก็โดยผานการดําเนินการ
ตามกระบวนการยตุ ธิ รรม ซงึ่ หมายความวา หนว ยงานในกระบวนการยตุ ธิ รรม คอื ตาํ รวจ อยั การ ศาล
และราชทัณฑ จะตองประสานกันในการท่ีจะทําใหการบังคับใชกฎหมายมีความแนนอน รวดเร็ว
เสมอภาค และมีโทษท่ีเหมาะสม ซ่ึงจะทําใหกฎหมายมีผลใชบังคับในการขมขูยับยั้งใหคนเกิด
ความเกรงกลัวและไมกลา ท่ีจะกระทาํ ผิด ความแนน อน รวดเร็ว เสมอภาค และการมโี ทษทเ่ี หมาะสม
สาํ หรับการบงั คับใชกฎหมายแยกออกพจิ ารณา ดงั น้ี
๒.๑ การบังคบั ใชก ฎหมายตอ งมีความแนนอน
การทาํ ใหก ารบงั คบั ใชก ฎหมายมคี วามแนน อน หมายความวา จะตอ งทาํ ใหผ กู ระทาํ
ความผดิ มคี วามรสู ึกวามโี อกาสทจ่ี ะถูกจับกมุ และถกู ลงโทษ เมอ่ื มกี ารกระทําความผดิ หากเมอื่ มกี าร
กระทําความผิดเกิดข้ึนมาแลว ผูกระทําความผิดสามารถหลีกเลี่ยงการถูกจับกุม และการถูกลงโทษ
ไปไดแ ลว ผกู ระทาํ ความผดิ กจ็ ะไมเ กดิ ความเกรงกลวั เพราะคดิ วา มโี อกาสทจ่ี ะหลดุ รอดจากการถกู จบั กมุ
ไปได และคมุ คา ทจี่ ะเสย่ี งตอ การกระทาํ ความผดิ เนอ่ื งจากมโี อกาสทจี่ ะไดร บั ประโยชนจ ากการกระทาํ
ความผดิ แตผ ลเสียไมมี หรือมีโอกาสท่ีจะไดร ับผลเสยี นอยมาก
๒.๒ การบังคบั ใชกฎหมายตอ งมีความรวดเรว็
การทจี่ ะทาํ ใหก ารบงั คบั ใชก ฎหมายมปี ระสทิ ธภิ าพ นอกจากจะตอ งทาํ ใหก ารบงั คบั
ใชก ฎหมายมคี วามแนน อนแลว ยงั จะตอ งทาํ ใหก ารบงั คบั ใชก ฎหมายมคี วามรวดเรว็ ดว ย ทวี่ า การบงั คบั
ใชกฎหมายมีความรวดเร็ว หมายความวา หลังจากท่ีมีการกระทําความผิดเกิดขึ้นแลว จะตองมีการ
จับกุมลงโทษผูกระทําความผิดใหไดอยางรวดเร็ว เพ่ือใหผูกระทําความผิดเกิดความเกรงกลัวไมกลา
กระทาํ ความผดิ อกี ซง่ึ ตา งกบั กรณที มี่ กี ารกระทาํ ความผดิ เกดิ ขน้ึ แตส ามารถจบั กมุ ไดเ มอ่ื เวลาทลี่ ว งเลย
มา ๓-๔ ป แลว ผลในการขม ขูย บั ยงั้ จะลดลง เพราะคนโดยทว่ั ไปจะมองไมเ หน็ ตวั อยางหรอื ผลรา ย
ท่ีไดรับจากการกระทําความผิด เชน มีคดีฆาตกรรมอยางโหดเห้ียม เปนขาวตามหนาหนังสือพิมพ
แตไ มส ามารถจบั กมุ ผกู ระทาํ ความผดิ มาลงโทษไดอ ยา งรวดเรว็ หรอื จบั กมุ ผกู ระทาํ ความผดิ ไดเ มอื่ ระยะ
เวลาไดผ า นไปแลว ๒-๓ ป ประชาชนกจ็ ะลมื เหตกุ ารณด งั กลา ว หรอื กรณที ม่ี กี ารจบั กมุ ไดอ ยา งรวดเรว็
แตก ารพจิ ารณาคดเี ปน ไปอยา งลา ชา ใชเ วลา ๒-๓ ป แมผ กู ระทาํ ความผดิ จะถกู ลงโทษ แตป ระชาชนกอ็ าจ
จะลมื เลอื นเหตกุ ารณท เ่ี กดิ ขน้ึ ไปแลว เชน นจ้ี ะทาํ ใหผ ลในการขม ขู ยบั ยงั้ ของการบงั คบั ใชก ฎหมายลดลง
๑๙๑
ดงั นั้น เพ่ือจะทําใหวัตถุประสงคของการบังคบั ใชก ฎหมาย อนั เปน การขมขูยบั ยัง้
เปนไปอยางมีประสิทธิภาพมากยิ่งข้ึน กระบวนการยุติธรรมของไทย จึงตองตอบสนองตอการเรง
การดําเนินการเก่ียวกับคดีสําคัญๆ ที่เปนท่ีสะเทือนขวัญประชาชน และท่ีประชาชนใหความสนใจ
โดยเม่ือตํารวจสามารถจับกุมผูกระทําผิดไดอยางรวดเร็วภายในเวลาไมก่ีวัน ก็สามารถเรงทําสํานวน
สงพนักงานอัยการเพื่อยื่นฟองตอศาล ศาลก็จะไดเรงการพิจารณาและตัดสินดวยความรวดเร็ว
โดยใชเ วลาเพยี ง ๑๕ วนั นบั แตจ บั กมุ ผกู ระทาํ ความผดิ ได เปน ตน ซงึ่ ยอ มจะทาํ ใหป ระชาชนไดเ หน็ ผล
ของโทษทผ่ี กู ระทาํ ความผดิ ไดร บั จากการกระทาํ ความผดิ และทาํ ใหก ารบงั คบั ใชก ฎหมายมปี ระสทิ ธภิ าพ
เพม่ิ มากขน้ึ
๒.๓ การบงั คับใชกฎหมายตองยดึ หลกั เสมอภาค
การบงั คบั ใชก ฎหมายตอ งยดึ หลกั ความเสมอภาค กลา วคอื จะตอ งบงั คบั ใชก ฎหมาย
กับบคุ คลทกุ คนโดยไมมีการเลือกปฏบิ ตั ิ แตจะตองมกี ารปฏิบัติดว ยความเทาเทยี มกนั โดยไมค ํานงึ ถงึ
ความแตกตา งในเรอื่ ง ฐานะ อํานาจ ตําแหนง ศาสนา เช้ือชาติ สีผิว และอน่ื ๆ มิฉะนัน้ จะทําใหการ
บงั คับใชกฎหมายไมมผี ลในการขม ขู ยับย้งั หรอื ทาํ ใหผ ลในการขม ขู ยบั ยั้งลดลง
การบังคับใชกฎหมายที่ไมเทาเทียมกัน จะมีผลทําใหผลในการขมขู ยับย้ังลดลง
น้ันเน่ืองมาจากผูท่ีคิดวาตนมีอภิสิทธิ์ หรือจะเปนผูท่ีมีสิทธิไดรับการยกเวนในการถูกจับกุมลงโทษ
และจะไมเกรงกลัวตอการกระทําความผิด เพราะคิดวา เมื่อทําความผิดแลวจะสามารถหลุดรอด
หรอื ไดร บั การละเวน ในการบงั คบั ใชก ฎหมายได นอกจากนก้ี ารบงั คบั ใชก ฎหมายทไี่ มเ ทา เทยี มกนั ยงั เปน การ
เปด ชองทางใหม ขี อยกเวน หรือขอ แกต วั ในการหลบหนจี ากการดําเนนิ คดีลงโทษได ซึง่ จะมผี ลตามมา
ก็คือ ทําใหคนไมเกรงกลัวการบังคับใชกฎหมาย ด่ังคํากลาวท่ีวา “บุคคลทุกคนมีสิทธิเทาเทียมกัน
ภายใตกฎหมาย ดังนั้นไมวาผูใดกระทําความผิดในลักษณะเดียวกัน จะตองไดรับโทษเชนเดียวกัน”
หรอื กลา วอกี นยั หนง่ึ การบงั คบั ใชก ฎหมายและการลงโทษ จะตอ งกระทาํ อยา งเสมอภาค และเทา เทยี มกนั
โดยคาํ นงึ ถึง “การกระทําความผดิ ” มใิ ช “ผูกระทาํ ความผดิ ”
๒.๔ การบังคับใชกฎหมายจะตอ งมบี ทลงโทษทีเ่ หมาะสม
ปจจัยที่สําคัญประการหน่ึงท่ีจะทําใหการบังคับใชกฎหมายมีผลในการขมขูหรือ
ยบั ยงั้ หรอื ไมน น้ั อยทู บ่ี ทโทษ ถา บทลงโทษไมร นุ แรงหรอื มบี ทลงโทษทเี่ บา กจ็ ะทาํ ใหผ กู ระทาํ ความผดิ
และคนทว่ั ไปไมเ กดิ ความเกรงกลวั เพราะผลประโยชนท จ่ี ะไดร บั จากการกระทาํ ความผดิ จะมมี ากกวา
ผลรา ยทไ่ี ดร บั จากการถกู ลงโทษ ถอื ไดว า เปน สง่ิ ทคี่ มุ คา ตอ การเสย่ี ง “การลงโทษจะตอ งใหเ ปน อตั ราสว น
กบั การกระทาํ ความผดิ ” กลาวคือ โทษท่จี ะลงนั้น จะตองมากพอทจ่ี ะทาํ ใหผ กู ระทาํ ความผดิ เกิดความ
รสู กึ เกรงกลวั และสญู เสยี เกนิ กวา ประโยชนท ไ่ี ดร บั จากการกระทาํ ความผดิ ดงั นนั้ การทจ่ี ะทาํ ใหก ารบงั คบั
ใชกฎหมายมีผลทําใหผูกระทําความผิดเกิดความเกรงกลัวจะตองมีบทลงโทษที่เหมาะสมกับความผิด
คําวา “เหมาะสม” หมายความวา โทษที่จะลงจะตองไมเบาจนเกินไป และไมหนักจนเกินไป
เพราะหากการบงั คบั ใชก ฎหมายมบี ทลงโทษทหี่ นกั เกนิ ความเหมาะสม จะกอ ใหเ กดิ ผลเสยี ๓ ประการ
คือ (จรุ ีรตั น ประยูรฉตั รพันธ, ๒๕๓๙: ๕๓-๕๔)
๑๙๒
๑) ทําใหผูเสียหายหรือเหย่ือไดรับผลรายจากการกระทําความผิดรุนแรงมากขึ้น
ทั้งน้ีเพราะผูกระทําความผิดจะพยายามปกปดการกระทําความผิดของตน มิใหมีผูลวงรูหรือมีพยาน
รเู หน็ เชน ในกรณคี วามผดิ ทมี่ โี ทษประหารชวี ติ สาํ หรบั คดขี ม ขนื ผกู ระทาํ ความผดิ กจ็ ะไมเ พยี งแตข ม ขนื
อยางเดียว แตจ ะฆา เหย่อื เพอ่ื ปกปดความผดิ ของตนเองดว ย เพราะถึงอยา งไรการกระทําผดิ แตเพยี ง
การขมขืน ก็จะตองถูกลงโทษประหารชีวิตอยูแลว การฆาเหยื่ออาจทําใหตนเองหลุดรอดจากการถูก
ลงโทษได เปน ตน
๒) ทําใหผูกระทําความผิดมีโอกาสหลุดรอดจากการดําเนินคดีตามกระบวนการ
ยุติธรรมไดมากข้ึน เพราะย่ิงมีโทษรุนแรงมากข้ึนเทาไร ก็ตองมีพยานหลักฐานท่ีเพียงพอและม่ันคง
ในการทจี่ ะลงโทษจาํ เลยมากขน้ึ เทา นน้ั หากพยานหลกั ฐานไมเ พยี งพอ กจ็ ะทาํ ใหจ าํ เลยมโี อกาสหลดุ รอด
จากการถกู พพิ ากษาลงโทษได เพราะศาลจะถอื คติ “ปลอ ยคนผดิ สบิ คน ดกี วา เอาคนบรสิ ทุ ธมิ์ าลงโทษ
เพยี งคนเดยี ว” ดงั นนั้ ถา ไมม พี ยานหลกั ฐานทเ่ี พยี งพอและมนี า้ํ หนกั จรงิ ๆ กจ็ ะเปด โอกาสใหผ กู ระทาํ
ความผิดหลุดรอดไปได และย่ิงโทษหนักเทาใดก็ยิ่งตองการพยานหลักฐานมากขึ้น และย่ิงมีโอกาส
หลุดรอดมากขนึ้
๓) จะทาํ ใหเกดิ การกล่นั แกลง โดยการโยนความผิดใหผ ูอ่นื เพ่อื ใหผูอื่นไดร บั โทษ
แทนการกระทําความผิดของตนเอง เชน ในบางประเทศ การพกอาวุธปนมีโทษหนักถึงประหารชีวิต
ดงั นนั้ หากตอ งการเอาชวี ติ ของผอู น่ื ก็เพยี งการกล่ันแกลงใหบุคคลนัน้ มอี าวุธอยใู นความครอบครอง
เทา นัน้
ดังนั้น การมีบทลงโทษท่ีหนักเกินไป ก็จะเกิดผลเสียซึ่งเปนผลกระทบทําให
การบังคับใชกฎหมายดอยประสิทธิภาพลง ในขณะเดียวกัน การมีบทลงโทษท่ีเบาเกินไปก็จะทําให
การบังคับใชกฎหมายไมมีผลในการขมขูและยับย้ัง ดังน้ันการบังคับใชกฎหมายจะใหมีผลในการขมขู
ยับยง้ั และมีประสิทธิภาพ จะตองมีบทลงโทษท่เี หมาะสม ในขณะเดยี วกันการบงั คับใชก ฎหมายตองมี
ความรวดเรว็ แนน อน และเสมอภาค ประกอบดว ย การมโี ทษรนุ แรงแตเ พยี งอยา งเดยี วไมอ าจมผี ลในการ
ขมขู ยับยง้ั หากไมส ามารถจับกมุ และนาํ ตวั ผกู ระทาํ ความผดิ มาลงโทษได แตก ารจะทําใหมีการบังคบั
ใชก ฎหมายมปี ระสิทธิภาพ กระบวนการยตุ ธิ รรมจะตองมบี ทบาทอยางมาก ในการทาํ ใหการบงั คบั ใช
กฎหมายมีความแนนอน รวดเร็ว เสมอภาค และเหมาะสม
สําหรับการบังคับใชกฎหมายจราจรในประเทศไทย มีเจาหนาที่ตํารวจและ
เจาหนาท่ีของกรมการขนสงทางบก เปนผูมีอํานาจบังคับใชกฎหมายท่ีเก่ียวของกับการจราจร
โดยเจา หนา ทต่ี าํ รวจจะตอ งหามาตรการกวดขนั มใิ หม กี ารฝา ฝน กฎจราจรและรกั ษากฎหมายใหศ กั ดสิ์ ทิ ธ์ิ
โดยนาํ กฎหมายทม่ี อี ยแู ลว มาปฏบิ ตั อิ ยา งจรงิ จงั และใหเ ครง ครดั ยงิ่ ขนึ้ ดว ยความซอื่ สตั ยแ ละซอ่ื ตรงตอ
หนา ทขี่ องตนเอง และจะตอ งไมม กี ารปลอ ยปละหรอื ละเลยใหม กี ารละเมดิ ตอ กฎหมายจราจร เพราะหาก
มกี ารปลอ ยปละหรอื ละเลยแลว อาจจะทาํ ใหเ กดิ อบุ ตั เิ หตแุ ละยงั ความเสยี หายใหแ กช วี ติ และทรพั ยส นิ ได
และนอกจากน้ีอาจจะทําใหเกิดปญหาการจราจร โดยจุดมุงหมายสําคัญของการบังคับใชกฎหมาย
๑๙๓
จราจร กเ็ พือ่ เปนการขมขู ยับยงั้ ผลู ะเมดิ หรอื ผมู แี นวโนมวาจะละเมิดตอ กฎหมาย กฎ หรือระเบยี บ
ท่ีเก่ียวกับการจราจร ในขณะเดียวกันการบังคับใชกฎหมายจราจรที่เหมาะสมนั้น มิใชเพียงเพื่อทําให
ผูละเมิดไดเรียนรูท่ีจะหลีกเล่ียงพฤติกรรมละเมิดกฎหมาย หรือลดพฤติกรรมท่ีเห็นแกประโยชน
สวนตน ในการใชรถใชถนน โดยไมคํานึงถึงบุคคลอื่น แตวัตถุประสงคของการควบคุมการจราจร
โดยทวั่ ไป กเ็ พอื่ ความปลอดภยั และเปน ระเบยี บเรยี บรอ ยของผใู ชร ถใชถ นน ตลอดจนเพอื่ ใหก ารจราจร
มีความคลอ งตัวสามารถเคลอ่ื นไหวไดโดยไมติดขัด
õ.ó ÂØ·¸Ç¸Ô ãÕ ¹¡ÒèºÑ ¡ÁØ ¼Œ¡Ù ÃÐทํา¼´Ô ¡®¨ÃÒ¨Ãã¹Å¡Ñ ɳÐμÒ‹ §æ
“¡®¨ÃҨà ¤Í× ¡®á˧‹ ¤ÇÒÁ»ÅÍ´ÀÂÑ ”
เมื่อทุกคนปฏิบัติตามกฎจราจรอยางเครงครัดจะทําใหการจราจรบนทองถนน
ไมต ดิ ขดั และตรงกนั ขา ม หากมบี างคนไมป ฏบิ ตั ติ ามกฎจราจรกจ็ ะทาํ ใหเ กดิ ปญ หาการจราจรตดิ ขดั ขน้ึ ได
นอกจากน้ีท่ีสําคัญอยางย่ิง คือ การปฏิบัติตามกฎจราจรจะเปนการปองกันอุบัติเหตุท่ีจะนํามาซ่ึง
ความสูญเสียชีวิต รางกาย และทรัพยสินของประชาชนและประเทศชาติ ในปจจุบันน้ียังมีผูฝาฝน
กฎหมายจราจรเปน จาํ นวนมาก และเปน สาเหตใุ หเ กดิ อบุ ตั เิ หตอุ ยเู สมอๆ ดงั จะเหน็ ไดจ ากขา วอบุ ตั เิ หตุ
ตามถนนสายตางๆ ทั้งในกรุงเทพมหานครและตางจังหวัด ดังนั้น เจาหนาที่ตํารวจเมื่อออกปฏิบัติ
หนาที่ควรตระหนักวากําลังชวยลดและปองกันการเสียชีวิตและบาดเจ็บใหกับประชาชน และระหวาง
การออกตรวจทกุ ครัง้ เจาหนาทตี่ ํารวจควรจะสอดแทรกขอ มลู ใหค าํ แนะนาํ ตอผูข บั ขที่ ุกครั้ง การเพม่ิ
ความปลอดภยั ทางถนนนน้ั ควรจะใชก ารแกไ ขทางจติ วทิ ยา (Psychological correct) ตอ ผกู ระทาํ ผดิ ดว ย
โดยเจา หนา ทต่ี าํ รวจอาจใหค าํ แนะนาํ ตอ ผขู บั ขที่ ขี่ าดความรหู รอื ประพฤตไิ มเ หมาะสม สาระสาํ คญั ทสี่ ดุ
ของกฎจราจรนน้ั อยทู เี่ จา หนา ทต่ี าํ รวจเขา ถงึ ผขู บั ขแ่ี ตล ะคน (Individual) ดว ยการใหข อ มลู หรอื แนะนาํ
เม่ือมีโอกาสเพ่ือใหเขาใจกฎจราจรมากกวาเนนปริมาณการจับกุม เจาหนาท่ีตํารวจควรปฏิบัติงาน
อยา งหนักแนน แตยุตธิ รรม (Firm but Fair) ตลอดเวลา โดยเคารพตอสทิ ธิของประชาชน ตองสภุ าพ
ไมหยาบคาย หรือแสดงความไมเคารพตอผูใชถนน หรือแมแตผูใชถนนจะแสดงความหยาบคาย
ไมสุภาพ หรือแสดงความไมเคารพตอเจาหนาท่ีตํารวจ ก็ไมควรท่ีจะกระทําเชนนั้นตอบกลับไป
เจา หนาทต่ี ํารวจทุกคนควรจดจาํ ไววาไดถูกฝกฝนมาเพอื่ เปนผสู งบ ใจเยน็ และเกงกลา ในยามฉุกเฉิน
หรอื ยามท่ตี องตอสูกับเหตุรา ย สามารถควบคมุ อารมณจ ากการดูถกู การทาทาย ย่ัวยุ และเหตกุ ารณ
เลวรา ย ๆ ได การเปนตัวอยา งทด่ี ีเปนส่งิ ทส่ี าํ คัญมาก โดยเฉพาะเจา หนาทต่ี าํ รวจและตาํ รวจจราจร
ซ่ึงเปนตัวอยางท่ีถูกสนใจ ถูกวิพากษวิจารณอยางมาก เจาหนาท่ีตํารวจคนหนึ่งจะตองยอมลําบาก
เพื่อจะเปนตัวอยางของพฤติกรรมที่ดี รถยนตที่เจาหนาที่ตํารวจใชโดยเฉพาะรถท่ีมีสัญลักษณตํารวจ
จําเปนจะตองมีการขับข่ีใหเปนตัวอยางท่ีดีตามแบบแผนท่ีกําหนดไว ถาเจาหนาท่ีตํารวจเปนผูฝาฝน
กฎหมายแลว เจา หนาท่ีตาํ รวจจะไปชักชวนใหประชาชนปฏบิ ัติตามกฎหมายไดอ ยา งไร
๑๙๔
ñ) ÂØ·¸ÇÔ¸Õ¡ÒÃμÃǨμÃҨѺ¡ØÁ¤ÇÒÁ¼Ô´¡®¨ÃҨà ในการเตรียมแนวทางปฏิบัติ
ในการตรวจตราจับกุมความผิดกฎจราจร การจัดการของเจาหนาที่ตํารวจในเร่ืองดังกลาวจําเปน
ตองใชยุทธวิธี (tactics) มาดําเนินการ การวางแผนดําเนินการเก่ียวกับการตรวจตราจับกุมจะตอง
ดําเนินการในเชิงบวก (Positive) ที่ถูกกําหนดโดยมีปจจัยของเวลา (time) โครงการ (Projects)
จะตอ งกาํ กบั อยา งแนน อนตายตวั ซงึ่ เมอื่ มแี ผนหรอื การดาํ เนนิ การเสรจ็ แลว กจ็ ะตอ งมกี ารประเมนิ ผล
(Evaluate) ตามมา โดยแผนตาง ๆ ท่ีจะดําเนินการควร¨ÐμŒÍ§ÁÕ¢ŒÍÁÙÅ¢ŒÍà·ç¨¨ÃԧʹѺʹعจึงจะ
ดาํ เนินการได แผนประเภทตา ง ๆ ทเ่ี จาหนา ทีต่ ํารวจสามารถนํามาใช ดงั ตวั อยางตอไปน้ี
๑.๑) แผนกวดขันตรวจตราจับกุม (Intensive Surveillance) การตรวจตรา
จับกุม โดยมุงจุดสนใจไปที่ถนนเสนใดเสนหน่ึง ในระยะเวลาหนึ่งเวลาใดเปนส่ิงที่สําคัญมาก เชน
ในระยะเวลา ๑-๒ เดอื นทมี่ กี ารกวดขนั จะมกี ารสง เจา หนา ทตี่ าํ รวจออกตรวจ โดยปรากฏตวั ตอ ประชาชน
อยา งคึกคักเขมแข็งในการออกตรวจจบั ความผดิ อาทิ การขบั รถเร็วเปนหลัก เปนตน
เมื่อจะมีการเลือกถนนที่จะทําการตรวจจับน้ัน ควรจะเลือกถนนท่ีมีความ
จาํ เปน สงู ทสี่ ดุ ในชอ งจราจรทจี่ าํ เปน ทส่ี ดุ ใหไ ดเ ปน สง่ิ สาํ คญั มาก นอกจากนี้ ระยะเวลาซงึ่ มกี ารจราจร
หนาแนน มากทสี่ ดุ กเ็ ปน สง่ิ สาํ คญั ทตี่ อ งตรวจสอบ เพราะจาํ เปน จะตอ งใชเ ปน ขอ มลู ประกอบการทาํ งาน
รวมไปถึงการเคล่ือนยายจุดตรวจไปยังสถานที่แตกตางกัน ไมใชจุดเดิมที่จําเจก็จําเปนดวย ภายหลัง
จากการกวดขันจับกุมอยางหนักแลว จะปรากฏวาพฤติกรรมการขับขี่ของประชาชนในถนนยานนั้น
ก็จะเปลี่ยนแปลงไปอยางมากดวย แตเมื่อเลิกการกวดขันตรวจจับท่ีจุดใดไปแลวก็ไมควรจะเลิกรา
ไปอยางถาวร เพราะยังจําเปนที่จะตองกลับมาตรวจจับอีก เชน ทุก ๑ เดือนจะกลับมา ๒ ครั้ง
เพื่อทจ่ี ะสรางการจดจําแกประชาชนในยา นน้ันใหรสู ึกวาเจาหนาทตี่ าํ รวจทํางานอยางสมา่ํ เสมอ
การกวดขนั จบั กมุ เฉพาะแหง ทสี่ าํ คญั อกี ประการหนงึ่ ไดแ ก การตรวจจบั ผขู บั รถ
ดวยความเร็วสูงบริเวณโรงเรียนในชวงเปดเทอม ยุทธวิธีดําเนินการก็คือ การออกตรวจจับปรากฏตัว
เจา หนา ทตี่ ามบรเิ วณหนา โรงเรยี นตา ง ๆ ใหม ากทส่ี ดุ เทา ทจ่ี ะทาํ ได ในชว งเปด เทอม ระยะแรกประมาณ
๑-๒ สปั ดาหแ รก เพอ่ื เปน การเตอื นผขู บั ขเ่ี กย่ี วกบั ความปลอดภยั ภายหลงั จากทโี่ รงเรยี นหยดุ ปด เทอม
ไปเปน เวลานาน
การดาํ เนินการทง้ั หลายทใ่ี ชทรพั ยากรตา ง ๆ ไป วิธีการท่ีใชแตละวิธีและเวลา
ทํางานที่เสียไป จะตองมีการจดบันทึกเปนหลักฐานเอกสารท้ังส้ินเพ่ือผลในอนาคต ทั้งน้ี รวมถึง
การบนั ทกึ เกย่ี วกบั การใชใ บสง่ั ขณะกวดขนั และจาํ นวนอบุ ตั เิ หตเุ ฉลย่ี ทลี่ ดลงไปในชว งทด่ี าํ เนนิ การดว ย
๑.๒) การตรวจตราจบั กมุ แบบเฉพาะเรอื่ ง (Specialized Surveillance) ในบาง
กรณกี ารตรวจตราจบั กมุ กค็ วรทจ่ี ะมงุ ไปทกี่ ารตรวจจบั แกป ญ หาทลี ะเรอื่ งในครงั้ ๆ หนง่ึ ซง่ึ อาจจะเปน
วิธีทีม่ ปี ระสิทธิภาพมากกวาตรวจจับพรอม ๆ กนั หลาย ๆ เรื่อง อาทิ
• ผูฝา ฝน สัญญาณไฟ
• การขบั รถเร็ว
๑๙๕
• ไมย อมใหผ ขู ามถนนไปกอ น
• การแซงรถผิดกฎหมาย
• การควบคมุ รถพวงทา ยรถบรรทุก
• ผูขบั ข่ีมนึ เมาสรุ า
ʶҹ·ÕèáÅÐàÇÅÒ㹡ÒèѴàÇÃÍÍ¡μÃǨμÃҨѺ¡ÁØ
ในทางทฤษฎี การออกตรวจตราจบั กมุ ควรจะดาํ เนนิ การทกุ เสน ทางของ
ถนนทั่วเขตพ้ืนท่ีจังหวัดหรือเมือง โดยสับเปล่ียนชั่วโมงท่ีออกทํางานกันไปทั้งกลางวันและกลางคืน
แตอ ยา งไรกต็ าม สว นทส่ี าํ คญั และควรมากอ น คอื ถนนหรอื พนื้ ทซี่ ง่ึ มคี วามตอ งการใหเ จา หนา ทตี่ าํ รวจ
ออกตรวจตราจับกุมมากท่ีสุด และดําเนินการในชวงเวลาที่มีการจราจรมากท่ีสุด หรือตองการคน
มาตรวจจับท่ีสุด เมื่อจําเปนตองมีการประเมินความจําเปนที่จะตองตรวจจับ ควรท่ีจะพิจารณาออก
ตรวจจบั บนถนนทม่ี กี ารจราจรหนาแนน ในหลายชว งเวลา หรอื เลอื กถนนทม่ี อี บุ ตั เิ หตจุ ราจรในชว งเวลา
และสถานท่เี ดิม ๆ อยเู สมอ นอกจากนี้ ยงั จะตอ งระมดั ระวังเตรยี มวางแผนทีจ่ ะแกไข หากเสนกราฟ
อตั ราอบุ ตั ิเหตเุ ริ่มตกี ลับมจี าํ นวนอบุ ัติเหตสุ งู ขึน้ มาอีก
¡ÒÃÂÍÁã˽Œ †Ò½„¹à»š¹Èٹ (Zero Tolerance)
ภารกจิ ดา นความปลอดภยั บนทอ งถนน (Road Safety) จาํ เปน อยา งมาก
ทเ่ี จา หนา ทจ่ี ะตอ งชนี้ าํ หรอื สง สญั ญาณ (Signals) หลายประเภทใหป ระชาชนไดร บั รสู ญั ญาณดงั กลา ว
ไดแ ก
• หามทําแบบน้นั (Don’t do that)
• ทาํ ไดแบบนี้ (Do like this)
เม่ือใดท่ีเจาหนาที่เห็นผูกระทําผิดขึ้น เขาจะตองรีบเขามาจัดการ
โดยไมนั่งเฉย การจัดการน้ันอาจจะเปนการตักเตือนถึงขั้นออกใบสั่งก็ตาม แตส่ิงท่ีสําคัญก็คือ
เจาหนาที่ไดมีการดําเนินการตอบโตข้ึนมาทันควัน เมื่อกําลังมีอะไรเกิดขึ้นตอหนา และเจาหนาท่ี
ตํารวจเองก็จะตองเปนตัวอยางที่ดี (Good Examples) ในดานการจราจรอยูเสมอดวย ไดแก
การใชเข็มขัดนิรภัย การขับรถโดยอัตราความเร็วตามท่ีกฎหมายกําหนด ฯลฯ เพราะถาหาก
เจา หนาที่ตาํ รวจไมปฏิบัตติ ามกฎหมายแลว ทําไมประชาชนจะตอ งปฏบิ ตั ดิ ว ย
ส่ิงสาํ คญั ที่สดุ คอื ผบู งั คบั บญั ชาระดับสูงจะตองปฏบิ ัติตามกฎและเปน
ตัวอยางที่ดีตอผูอื่นดวย มิฉะนั้นก็จะเปนไปไมไดท่ีจะประสบความสําเร็จในการบังคับใหผูอ่ืนปฏิบัติ
ถูกตอง ถาเจาหนาท่ีตํารวจเพิกเฉยที่จะเขาไปเก่ียวของหรือจัดการเม่ือมีการกระทําผิด ส่ิงน้ีเปนการ
สงสญั ญาณใหทราบวา
• กฎหมายไมม ีความสําคญั
• เจาหนาทต่ี าํ รวจไมมคี วามสนใจ
• เจา หนา ท่ตี าํ รวจไมมีความรู
๑๙๖
นค่ี อื ความเลวรา ยตอ สงั คม ซง่ึ หมายความวา ประชาชนกจ็ ะสรา งกฎหมาย
ของตวั เองข้ึนมาและในที่สุดอาจจะสง ผลถงึ ปญ หาของระบอบประชาธปิ ไตย ซึง่ แนน อนจะเกดิ ปญ หา
ความปลอดภัยบนทองถนนขึ้นดวย ถาเจาหนาที่ตํารวจเพิกเฉยดังกลาว ในหลายประเทศ หลักการ
เรอื่ ง การยอมใหฝาฝน เปน ศนู ย (Zero Tolerance) หรือไมย อมผอนปรนแกการกระทาํ ผดิ ใด ๆ เลย
เปนส่ิงท่ีไดรับผลดีอยางมากในการใชปราบปรามอาชญากรรมเล็กนอย ซ่ึงก็ไดรับผลดีเชนกัน
เมือ่ นํามาใชกบั งานดานการตรวจตราจบั กมุ ความผิดจราจร
ò) ¡ÒèºÑ ¡ØÁ¼¡ŒÙ ÃÐทาํ ¼´Ô ¡®¨ÃÒ¨Ãã¹Å¡Ñ ɳÐμÒ‹ § æ
๒.๑ การตรวจผูขับขี่และยานพาหนะ (Driver and Vehicle checks) เม่ือ
ยานพาหนะคันหน่ึงถูกเรียกใหหยุดริมถนน ส่ิงน้ันไดสงสัญญาณใหแกผูขับขี่รถคันน้ันและผูขับข่ีรถ
คันอ่ืน ๆ เพื่อเตือนใหระมัดระวัง ดังนั้นเจาหนาท่ีตํารวจจะตองรีบถือเอาโอกาสนี้สงสัญญาณไปยัง
ภายนอก (Send Out) ใหมากเทาท่ีจะทําได โดยใหประชาชนเห็นภาพการทํางานใหมากท่ีสุด
ดว ยเหตนุ จ้ี งึ เปน เรอื่ งสาํ คญั ทจ่ี ะตอ งเลอื กสถานทเี่ รยี กตรวจรถ การแสดงตวั ใหเ หน็ ไดช ดั เจน และวธิ กี าร
จอดรถตํารวจทาํ งานกจ็ ะตอ งจอดใหปรากฏตอ สายตาประชาชนอยางมืออาชพี (Professional) ดว ย
เมอื่ เจา หนา ทตี่ าํ รวจทาํ การตรวจรถ จะตอ งตรวจดทู กุ สง่ิ ใหม ากทส่ี ดุ เทา ที่
จะมากได พรอ มกบั ตรวจวดั แอลกอฮอล (Alco Check) ตอ ผขู บั ขดี่ ว ย ในบางประเทศเจา หนา ทต่ี าํ รวจ
สามารถเรียกตรวจวัดแอลกอฮอลไดโดยไมตองมีเหตุควรสงสัยมากอน และในบางประเทศเจาหนาที่
ตํารวจตองมีเหตุพิเศษที่สงสัยวาผูขับขี่ด่ืมสุรามากอนจึงจะเรียกตรวจวัดดวยเครื่องได การเรียกตรวจ
แบบน้ีแมวาบางครั้งเจาหนาที่ตํารวจเรียกตรวจแกผูขับขี่ดวยความเร็ว แตการสงสัญญาณออกมาน้ัน
แสดงวา เจา หนาที่ตํารวจอาจตรวจผขู บั ข่ที ่ีด่มื สรุ าไปดวย ซ่งึ มีผลดตี อ พฤตกิ รรมการขับข่โี ดยรวม
๒.๑.๑ การตั้งจุดตรวจประจําที่ (Stationary Check Point) การต้ัง
จดุ ตรวจประจาํ ทห่ี รอื อยกู บั ท่ี เปน วธิ กี ารตง้ั จดุ ตรวจพน้ื ฐานทใี่ ชก นั มากทส่ี ดุ ทวั่ โลก มขี อ ดจี าํ นวนมาก
แตก ม็ ีขอ เสยี ดวยเชน กนั
ขอ ดี คือ
• ¤ÇÒÁ»ÅÍ´ÀÂÑ (safe) ควรหาสถานทซี่ งึ่ ปลอดภยั ตอ เจา หนา ทตี่ าํ รวจ
และประชาชนในการตง้ั จดุ ตรวจ
• »ÃÐÊÔ·¸ÔÀÒ¾ (Effective) เนื่องจากงายที่จะตรวจผูขับข่ีหรือ
รถจาํ นวนมาก
• »‡Í§¡¹Ñ ¡ÒáÃзÒí ¼Ô´ (Preventive) เพราะการตรวจทุกครั้งสามารถ
เปน ทเี่ หน็ ได และประชาชนทใ่ี ชถ นนเหน็ เปน จาํ นวนมาก หรอื ผขู บั ขจ่ี าํ นวนมากจงึ ไดร บั สญั ญาณเตอื น
(Warning Signals) จากผูขบั ขีอ่ น่ื ๆ ท่มี าบอก ซ่ึงไดชว ยใหท องถนนลดความตงึ เครียดและพฤติกรรม
ขบั ขีท่ ่ไี มด ีลงไป