The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

3_LA22203_กฎหมายวิธี

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by peaw.2749, 2022-06-28 04:06:27

3_LA22203_กฎหมายวิธี

3_LA22203_กฎหมายวิธี

๑๐๐

สาํ หรบั พยานหลกั ฐานทน่ี าํ เสนอเพอื่ ใหศ าลเหน็ วา มเี หตสุ มควรในการออกหมายจบั
นัน้ ไดแ ก

(๑) ขอ มลู ทไี่ ดจ ากการสบื สวนสอบสวน เชน บนั ทกึ การสอบสวน บนั ทกึ ถอ ยคาํ ของ
สายลบั หรือของเจา พนกั งานทไ่ี ดจ ากการแฝงตวั เขาไปในองคก รอาชญากรรม ขอมูลท่ีไดจ ากรายงาน
ของแหลง ขา วของเจาพนกั งานหรือการหาขา วจากผูกระทําความผิดทที่ ําไวเปน ลายลกั ษณอกั ษร และ
ขอมลู ทไี่ ดจากรายงานการเฝาสังเกตการณของเจาพนักงานท่ีทําไวเปน ลายลกั ษณอ กั ษร เปน ตน

(๒) ขอมูลที่ไดจากการวิเคราะหทางนิติวิทยาศาสตร หรือท่ีไดจากการใชเคร่ืองมือ
ทางวิทยาศาสตรหรือเทคโนโลยี เชน เคร่ืองมือตรวจพิสูจนลายพิมพนิ้วมือ เคร่ืองมือตรวจพิสูจน
ของกลาง เครอ่ื งจับเทจ็ เครอื่ งมอื ตรวจโลหะ และเคร่ืองมอื ตรวจพิสูจนทางพนั ธกุ รรม เปน ตน

(๓) ขอมูลที่ไดจากสื่ออิเล็กทรอนิกส เชน ขอมูลท่ีไดจากจดหมายอิเล็กทรอนิกส
หรอื อนิ เทอรเ นต็ เปน ตน

(๔) ขอมูลที่ไดจากหนังสือของพนักงานอัยการเรื่องขอใหจัดการใหไดตัวผูตองหา
(อ.ก.๒๙) (ระเบียบราชการฝายตลุ าการฯ ขอ ๑๔, ขอ บงั คับประธานศาลฎกี าฯ ขอ ๑๗)

๔) ตองระบุเหตุที่จะออกหมายจับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
มาตรา ๖๖ พรอมทั้งสําเนาเอกสารซึ่งสนับสนุนเหตุแหงการออกหมายจับ (ระเบียบราชการฝายตุลาการฯ

ขอ ๖ (๑) ขอบังคับประธานศาลฎีกาฯ ขอ ๑๐)

๕) แนบแบบพิมพหมายจับที่กรอกขอความครบถวนแลวพรอมสําเนา รวมทั้ง
เอกสารอ่นื ที่เกีย่ วของ เชน บนั ทึกคาํ รองทุกข หนังสือมอบอํานาจใหร อ งทกุ ข เปนตน มาทายคํารอง

(ระเบียบราชการฝา ยตุลาการฯ ขอ ๖ (๑), ขอบงั คับประธานศาลฎกี าฯ ขอ ๑๐)

à¢μอํา¹Ò¨¢Í§ËÁÒ¨ºÑ
หมายจบั ทศ่ี าลออกใหน น้ั ใหã ªäŒ ´·Œ ÇÑè ÃÒªÍÒ³Ò¨¡Ñ à (มาตรา ๗๗) ดงั นนั้ เจา พนกั งานตาํ รวจ
สามารถนําหมายจับไปจับกุมผูท่ีมีช่ือในหมายจับนั้นได ไมวาบุคคลนั้นจะอยูท่ีใดในราชอาณาจักร
นอกจากหมายจับท่ีเปนตนฉบับที่ศาลออกใหแลว ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
มาตรา ๗๗ วรรคสอง ยังระบุเพ่ิมเติมอีกวา การจัดการตามหมายจับนั้น จะจัดการตามเอกสาร
หรือหลักฐานอยางหน่งึ อยา งใดดงั ตอ ไปนไี้ ด
(๑) สําเนาหมายจับอนั รับรองวาถกู ตอ งแลว
(๒) โทรเลขแจง วา ไดอ อกหมายจับแลว
(๓) สําเนาหมายจับท่ีสงทางโทรสาร ส่ืออิเล็กทรอนิกส สื่อเทคโนโลยีสารสนเทศ
ประเภทน้นั ทกี่ ําหนดไวใ นขอบงั คบั ของประธานศาลฎกี า

๑๐๑

อยางไรก็ตามหากเปนการจับกุมโดยใชโทรเลขที่ไดแจงวาไดออกหมายจับแลวหรือ
สําเนาหมายท่สี ง ทางโทรสาร สอ่ื อเิ ล็กทรอนิกส หรอื สอื่ เทคโนโลยสี ารสนเทศอื่น จะตองสง หมายจบั
หรือสําเนาหมายจบั ที่รับรองแลวไปยังผูจดั การตามหมายจับโดยพลัน (มาตรา ๗๗ วรรคทา ย)

หมายจับ ไมวาจะเปนตนฉบับหรือสําเนาหมายจับท่ีไดมีการรับรองวาถูกตองแลว
ตามหลักเกณฑ มาตรา ๗๗ นั้น เมื่อไดออกแลวจะใชจับผูมีชื่อในหมายจับน้ันไดท่ัวราชอาณาจักร
และ㪌䴌¨¹¡Ç‹Ò¨Ð¨Ñºä´Œเวนแตความผิดอาญาตามหมายนั้นไดขาดอายุความหรือศาลผูออกหมาย
น้นั ไดถ อนหมายคืน (มาตรา ๖๘)

õ.ó ¼ÁŒÙ ÍÕ íÒ¹Ò¨¨Ñº

ประมวลกฎหมายวิธพี ิจารณาความอาญา ไดกําหนดใหบุคคล ๒ ประเภท ที่จะมีอาํ นาจ
ในการจบั ได คอื

๑. เจา พนกั งานฝา ยปกครองหรือตาํ รวจ พนักงานสอบสวน
๒. ราษฎร
ซึ่งในแตละประเภทน้ันจะมีอํานาจจับกุมไดน้ันตองเปนไปตามหลักเกณฑที่กฎหมาย
กําหนดไว กลาวคือ
õ.ó.ñ ¡ÒèºÑ â´Âà¨ÒŒ ¾¹Ñ¡§Ò¹½Ò† »¡¤ÃͧËÃ×Íตาํ ÃǨ

เจาพนักงานฝายปกครองหรือตํารวจจะมีอํานาจจับกุมบุคคลที่ตองสงสัยวา
เปนผูก ระทาํ ความผิดได แบงออกเปน

๑) การจบั โดยมีหมายจับ
๒) การจบั โดยไมม หี มายจบั
¡ÒèºÑ â´ÂÁÕËÁÒ¨Ѻ
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ไดกําหนดหลักเกณฑวิธีการจัดการ
ตามหมายอาญาซ่ึงรวมถึงหมายจับซงึ่ เปน หมายอาญาประเภทหนง่ึ ซงึ่ พอจะสรปุ ไดดงั น้ี
๑) เจา พนกั งานผจู ดั การตามหมายนน้ั จะตอ งแจง ขอ ความใหแ กผ เู กยี่ วขอ งทราบ
และถา มีคําขอรอ งใหส ง หมายนั้นใหเ ขาตรวจดู (มาตรา ๖๒ วรรคแรก)
๒) ตองบันทึกการแจงขอความในหมายและการสงหมายใหตรวจดู ตลอดจน
บนั ทึกวนั เดือน ป ที่จัดการนน้ั ดวย (มาตรา ๖๖ วรรค ๒)
๓) เมอ่ื เจา พนกั งานไดจ ดั การตามหมายแลว ใหบ นั ทกึ รายละเอยี ดในการจดั การ
นน้ั ถาจัดการตามหมายไมไดใหบนั ทึกพฤตกิ ารณไ วแ ลว ใหสงบนั ทกึ นนั้ ไปยงั ศาลท่อี อกหมายโดยเร็ว
(มาตรา ๖๓)

๑๐๒

๔) เมอ่ื จบั บคุ คลตามหมายจบั ไดห รอื คน พบคนหรอื สง่ิ ของทม่ี หี มายใหค น แลว
ถาสามารถจะทําไดใหสงบุคคลหรือส่ิงของนั้นโดยดวนไปยังศาลที่ออกหมายหรือเจาพนักงานตามท่ี
กาํ หนดไวใ นหมายแลว แตกรณี เวน แตจ ะมีคําสั่งเปน อยางอนื่ (มาตรา ๖๔)

๕) ถาบุคคลที่ถูกจับตามหมายจับนั้นหลบหนีหรือมีผูชวยใหหนีไปได
ใหเ จาพนักงานผจู ับมอี าํ นาจติดตามจบั กมุ ผูนน้ั ไดโ ดยไมตองมหี มายจับอีก (มาตรา ๖๕)

¡Ã³¡Õ ÒèºÑ â´ÂäÁÁ‹ ÕËÁÒ¨ѺμÒÁ¢ÍŒ ¡àÇŒ¹¢Í§¡®ËÁÒÂ
เนื่องจากในบางกรณีมีการกระทําผิดเฉพาะหนาหรือเหตุการณที่มีความจําเปน
เรง ดว นทไี่ มอ าจจะไปรอ งขอหมายจบั ได ดงั นนั้ ประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญาจงึ ไดก าํ หนด
เปนขอยกเวนไววา กรณีใดบางที่เจาพนักงานตํารวจสามารถดําเนินการจับกุมผูกระทําความผิดได
โดยไมตอ งมีหมายจบั ดงั ปรากฏหลกั เกณฑในมาตรา ๗๘
ÁÒμÃÒ ÷ø “พนักงานฝายปกครองหรือตํารวจจะจับผูใดโดยไมมีหมายจับ
หรือคาํ สั่งของศาลน้นั ไมได เวนแต
(๑) เมอื่ บุคคลนั้นไดกระทาํ ความผิดซงึ่ หนาดงั ไดบัญญตั ิไวในมาตรา ๘๐
(๒) เม่ือพบบุคคลโดยพฤติการณอันควรสงสัยวาผูน้ันนาจะกอเหตุรายใหเกิด
ภยันตรายแกบุคคลหรือทรัพยสินของผูอื่นโดยมีเครื่องมือ อาวุธหรือวัตถุอยางอ่ืนอันสามารถอาจใช
ในการกระทาํ ความผิด
(๓) เมือ่ มเี หตุทีจ่ ะออกหมายจบั บุคคลนน้ั ตามมาตรา ๖๖(๒) แตมคี วามจําเปน
เรง ดวนทไี่ มอ าจขอใหศ าลออกหมายจบั บคุ คลน้นั ได
(๔) เปนการจับผูตองหาหรือจําเลยท่ีหนีหรือจะหลบหนีในระหวางถูกปลอย
ชัว่ คราวตามมาตรา ๑๑๗”
(ñ) ¡Ã³¡Õ ÒèºÑ ¡Ã³¤Õ ÇÒÁ¼´Ô «§Öè ˹Ҍ μÒÁÁÒμÃÒ ÷ø (ñ) เจา พนกั งานตาํ รวจ
จับไดโดยไมตองมหี มายจบั หากวาเปนความผดิ ซ่ึงหนา
จากบทบัญญัติมาตรา ๗๘ (๑) จะเห็นไดวากฎหมายใหอํานาจในการจับกุม
หากเจาพนักงานตํารวจไดพบเห็นวามีบุคคลได¡ÃÐทํา¤ÇÒÁ¼Ô´«è֧˹ŒÒ ซ่ึงความผิดซ่ึงหนาท่ีกฎหมาย
ไดบญั ญัตหิ ลักเกณฑท ี่ใหถือวาเปนการกระทาํ ความผิดซ่ึงหนา นนั้ ไวใ นมาตรา ๘๐
¤ÇÒÁ¼Ô´«Öè§Ë¹ŒÒ “ความผิดซึ่งหนาท่ีประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
มาตรา ๘๐ ไดบ ญั ญัติไว มาตรา ๘๐ ทเ่ี รียกวา ความผดิ ซง่ึ หนา ไดแ ก ความผดิ ซึง่ เหน็ กาํ ลังกระทํา
หรือพบในอาการใดซึง่ แทบจะไมม คี วามสงสัยเลยวา เขาไดกระทําผดิ มาแลว สด ๆ
อยางไรก็ดี ความผิดอาญาดังระบุไวในบัญชีทายประมวลกฎหมายน้ีใหถือวา
ความผิดนนั้ เปน ความผดิ ซึ่งหนาในกรณีดังนี้
(๑) เมอ่ื บุคคลหนงึ่ ถกู ไลจบั ดงั ผกู ระทําโดยมเี สียงรอ งเอะอะ

๑๐๓

(๒) เมื่อพบบุคคลหนึ่งแทบจะทันทีทันใดหลังจากการกระทําผิดในถ่ินแถว
ใกลเ คยี งกบั ทเี่ กดิ เหตนุ นั้ และมสี ง่ิ ของทไ่ี ดม าจากการกระทาํ ผดิ หรอื มเี ครอื่ งมอื อาวธุ หรอื วตั ถอุ ยา งอนื่
อนั สนั นษิ ฐานไดว า ไดใ ชใ นการกระทาํ ผดิ หรอื มรี อ งรอยพริ ธุ เหน็ ประจกั ษท เ่ี สอื้ ผา หรอื เนอื้ ตวั ของผนู นั้ ”

ดงั นั้น จะเห็นไดวา กรณีจะเปน ความผิดซึง่ หนาน้ัน จะเปนได ๒ กรณใี หญคือ
ñ) ¡Ã³Õ໚¹¤ÇÒÁ¼Ô´«è֧˹ŒÒÍ‹ҧ᷌¨ÃÔ§ ตามที่บัญญัติไวในมาตรา ๘๐
วรรคแรก ซึ่งแบง เปน ๒ ประเภทคือ

(๑) àËç¹¢³Ðà¢Ò¡íÒÅ§Ñ ¡ÃзíÒ¤ÇÒÁ¼´Ô ¹Ñé¹
หมายความถึงกรณีที่਌Ҿ¹Ñ¡§Ò¹ตําÃǨ䴌àËç¹´ŒÇÂμҢͧμ¹àͧวา

บคุ คลนัน้ ไดกระทําความผิด
μÇÑ Í‹ҧ
เจาพนักงานตํารวจบังเอิญพบเห็นนายแดงกําลังจําหนายยาเสพติด

ซึ่งเปนการกระทําผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดใหโทษฯ เชนน้ีเจาพนักงานตํารวจเขาจับนายแดง
ไดโดยไมตองมีหมายจับ เพราะเจาพนักงานตํารวจผูจับเห็นถึงการกระทําความผิดของนายแดง
ดวยตนเองจึงเปน การกระทาํ ความผดิ ซ่งึ หนา (ฎีกาท่ี ๑๓๒๘/๒๕๔๔)

ความผดิ ซง่ึ หนา ในกรณนี ้ี à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ตาํ ÃǨ¼¨ŒÙ ºÑ ¨ÐμÍŒ §à»¹š ¼àŒÙ ˹ç àͧ
มิใชมผี อู นื่ เห็นแลว มาบอกเลา แกเ จาพนักงานตาํ รวจอีกทอดหน่งึ (ฎกี าที่ ๓๑๑/๒๕๔๙)

อยางไรก็ตามความผิดซึ่งหนาในกรณีน้ีไมจําเปนที่เจาพนักงานตํารวจ
พบการกระทําความผิดโดยบังเอิญเทาน้ัน ในกรณีท่ีเจาพนักงานตํารวจμéѧã¨ä»´ÙÇ‹ÒÁÕ¡ÒáÃÐทํา
¤ÇÒÁ¼´Ô ¨Ã§Ô ตามขอ มลู ทไี่ ดร บั มาหรอื ไม แลว จงึ ไปเพอ่ื ดเู หตกุ ารณว า เปน อยา งไร เมอื่ เหน็ วา มพี ฤตกิ ารณ
เชน น้นั จรงิ เชนน้กี ถ็ อื วา เปนความผดิ ซ่งึ หนา ไดเชนกนั

μÇÑ Í‹ҧ
พ.ต.ท. ส. แอบซุมดูอยูหางจากหนาหองเกิดเหตุประมาณ ๘ เมตร
เห็นจําเลยสงมอบเมทแอมเฟตามีน ๑๐ เม็ด ใหแกสายลับเมื่อพบเห็นจําเลยกําลังกระทําความผิด
ฐานจําหนายและมียาเสพติดประเภท ๑ ไวในครอบครองเพ่ือจําหนาย อันเปนความผิดซ่ึงหนา
ตาม ป.วอิ าญา มาตรา ๘๐ จงึ มีอาํ นาจคน และจับจําเลยไดโ ดยไมต อ งมีหมายคนและหมายจับตาม
มาตรา ๗๘ (๑) และ ๙๒ (๒) (ฎีกาที่ ๒๘๔๘/๒๕๔๗)
μÇÑ Í‹ҧคาํ ¾Ô¾Ò¡ÉÒÈÒÅ®¡Õ Ò
คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·èÕ öùø/òõñö วินิจฉัยวาคืนวันเกิดเหตุมีการลักลอบเลนการพนัน
กันบนบานอันเปนที่รโหฐาน เจาพนักงานตํารวจไดรับคําสั่งใหไปจับกุม จึงพากันไปยังบานท่ีเกิดเหตุ
แตไมมีหมายจับหรือหมายคนไปดวย ไปถึงไดแอบดูเห็นคนหลายคนกําลังเลนการพนันกันอยู
กรณีเชนนี้ถือวาเปนความผิด ซ่ึงเห็นกระทําลงอันเปนความผิดซ่ึงหนา ความตามความหมาย
แหง ประมวลกฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความอาญา มาตรา ๘๐

๑๐๔

(๒) ¾ºã¹ÍÒ¡ÒÃã´«è᷺֧¨ÐäÁ‹ÁÕ¤ÇÒÁʧÊÑÂàÅÂÇ‹Òà¢Òä´Œ¡ÃÐทํา
¤ÇÒÁ¼Ô´ÁÒáÅÇŒ Ê´æ

หมายความวา แมวาเจาพนักงานตํารวจไมไดเห็นเหตุการณที่เกิดขึ้น
ดวยตาของตนเองกต็ าม áμÁ‹ Õ¾ÄμÔ¡ÃÃÁ·ÂèÕ ×¹Â¹Ñ Í‹ҧäÁÁ‹ բ͌ ʧÊÑÂNjҺؤ¤Å¹é¹Ñ ä´¡Œ ÃÐทาํ ¤ÇÒÁ¼Ô´

ขณะท่ี ส.ต.ต.แดง กาํ ลงั ออกตรวจพนื้ ทใ่ี นซอยเปลยี่ วแหง หนงึ่ เมอ่ื ไป
ถงึ บรเิ วณหนา บา นทเี่ กดิ เหตุ ส.ต.ต.แดง เหน็ นายดาํ ถอื ปน อยใู นมอื กาํ ลงั ทะเลาะอยกู บั นางขาว จงึ รบี
ไปยงั รถสายตรวจซ่งึ จอดอยใู นบรเิ วณใกลเ คยี งเพือ่ ขอกําลงั มาชวย ขณะนน้ั เองไดยนิ เสยี งปน ลัน่ และ
เหน็ นางขาวนอนจมกองเลือดอยู ขณะที่ปนยังอยใู นมือของนายดาํ เชนนแ้ี มว า ส.ต.ต.แดง มิไดเ หน็
ขณะที่นายดํายิงนางขาวก็ตาม แตจากพฤติการณทั้งหมดทําใหเห็นวา ส.ต.ต.แดง พบในอาการใด
ซงึ่ แทบจะไมมขี อสงสยั เลยวา นายดาํ ไดก ระทาํ ความผดิ มาแลวสด ๆ

ò) ¡Ã³·Õ ¡èÕ ®ËÁÒÂã˶Œ ×ÍÇ‹Ò໚¹¤ÇÒÁ¼Ô´«è§Ö ˹ŒÒ
จากประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๘๐ วรรคสอง

เปน กรณที ก่ี ฎหมายบญั ญตั โิ ดยใหถ อื วา หากมพี ฤตกิ ารณท มี่ บี คุ คลใดบคุ คลหนง่ึ ถกู ไลจ บั มาโดยมเี สยี งรอ ง
เอะอะ ราวกบั วา บคุ คลทถ่ี กู ไลจ บั เปน ผกู ระทาํ ความผดิ มาเชน น้ี หรอื ในกรณที ่ี “เหน็ ” หรอื “พบ” บคุ คลใด
บุคคลหน่ึงแทบจะทันที หลังจากไดมีการกระทําความผิดเกิดขึ้นในบริเวณที่เกิดเหตุ ขณะเดียวกัน
บุคคลน้ัน มีส่ิงของ มีเคร่ืองมือ อาวุธ หรือวัตถุอยางอื่น ซึ่งเม่ือพิจารณาแลวเห็นไดวา ส่ิงของ
เครื่องมือหรืออาวุธน้ัน เปนสิ่งที่ไดมาจากการกระทําความผิด หรือไดใชในการกระทําความผิด
หรือพบเหน็ รองรอยพริ ุธทเ่ี สื้อผา เนื้อตวั ของบุคคลน้นั อยา งเหน็ ไดช ดั ประกอบกบั ความผิดท่ีเกิดข้ึน
ณ ที่เกิดเหตุน้ัน เปนความผิดที่ระบุไวในบัญชีทายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เชนน้ี
กฎหมายใหถ ือวาพฤตกิ ารณดงั กลา วเปน ความผิดซงึ่ หนา

ดังนั้น กรณีใดจะเปนความผิดซึ่งหนาไดตามความหมาย ในมาตรา ๘๐
วรรคสอง จะตอ งประกอบดว ย ๒ สวน คือ

(๑) ตอ งเปน ความผดิ ทร่ี ะบไุ วใ นบญั ญตั ทิ า ยประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณา
ความอาญา

เม่ือมีการกระทําความผิดเกิดข้ึน ความผิดนั้นจะμŒÍ§à»š¹¤ÇÒÁ¼Ô´·Õè
ÃкäØ Ç㌠¹ºÑÞªÕ·ŒÒ»ÃÐÁÇÅ¡®ËÁÒÂÇÔ¸¾Õ Ô¨ÒóҤÇÒÁÍÒÞÒ

ความผิดในกฎหมายลกั ษณะอาญา ทีม่ าตรา ๗๙ อา งถึง
ซึ่งราษฎรมอี ํานาจจับไดโดยไมตอ งมีหมาย
----------------------
ประทษุ รายตอ พระบรมราชตระกลู มาตรา ๙๗ และ ๙๙ (มาตรา ๑๐๗ - ๑๑๑)
ขบถภายในพระราชอาณาจกั ร มาตรา ๑๐๑ ถงึ ๑๐๔ (มาตรา ๑๑๓ - ๑๑๘)

๑๐๕

ขบถภายนอกพระราชอาณาจักร มาตรา ๑๐๕ ถงึ ๑๑๑ (มาตรา ๑๑๙ - ๑๒๙)
ความผิดตอทางพระราชไมตรกี บั ตางประเทศ มาตรา ๑๑๒ (มาตรา ๑๓๐ - ๑๓๑)
ทาํ อันตรายแกธง หรือเครอื่ งหมายของตางประเทศ มาตรา ๑๑๕ (มาตรา ๑๓๕)
ความผดิ ตอ เจา พนกั งาน มาตรา ๑๑๙ ถงึ ๑๒๒ และ ๑๒๗
หลบหนจี ากท่ีคุมขงั (มาตรา ๑๓๘ - ๑๔๒, ๑๔๕)
มาตรา ๑๖๓ ถงึ ๑๖๖ (มาตรา ๑๙๐ - ๑๙๑)

ความผิดตอ ศาสนา มาตรา ๑๗๒ และ ๑๗๓
กอการจลาจล (มาตรา ๒๐๖ - ๒๐๗)
กระทาํ ใหเกิดภยนั ตรายแกส าธารณชน มาตรา ๑๘๓ และ ๑๘๔
ทําใหส าธารณชนปราศจากความสะดวก (มาตรา ๑๒๗, ๒๒๙ - ๒๓๑, ๒๓๕, ๒๓๗)

ในการไปมาและการสงขา วและของถึงกนั มาตรา ๑๘๕ ถงึ ๑๙๔, ๑๙๖, ๑๙๗
และกระทําใหส าธารณชนปราศจากความสขุ สบาย และ ๑๙๙
ปลอมแปลงเงินตรา มาตรา ๒๐๒ ถงึ ๒๐๕ และ ๒๑๐
ขม ขืนกระทําชาํ เรา (มาตรา ๒๗๖ - ๒๗๙)
ประทษุ รา ยแกชีวติ มาตรา ๒๔๓ ถงึ ๒๔๖ (มาตรา ๒๗๖ - ๒๗๙)
ประทุษรายแกร างกาย มาตรา ๒๔๙ ถงึ ๒๕๑
ความผิดฐานกระทาํ ใหเ สอ่ื มเสียอิสรภาพ (มาตรา ๒๘๘ - ๒๙๐)
ลักทรพั ย มาตรา ๒๕๔ ถงึ ๒๕๗ (มาตรา ๒๙๕ - ๒๙๘)
วงิ่ ราว ชงิ ทรพั ย ปลน ทรัพย และโจรสลดั มาตรา ๒๖๘, ๒๗๐ และ ๒๗๖
กรรโชก (มาตรา ๓๐๙ - ๓๑๐, ๒๘๔)
มาตรา ๒๘๘ ถงึ ๒๙๖ (มาตรา ๓๓๔ - ๓๓๕)
มาตรา ๒๙๗ และ ๓๐๒
(มาตรา ๓๓๖, ๓๓๙, ๓๔๐)
มาตรา ๓๐๓ (มาตรา ๓๓๗, ๓๓๙)

(๒) เจา พนักงานตํารวจตองเหน็ พฤติการณต ามทกี่ ําหนดไว
นอกจากจะเปนความผิดท่ีระบุไวในบัญชีทายประมวลฯ ดังกลาวแลว

เจาพนักงานตํารวจตองพบเหน็ พฤตกิ ารณด ังนีด้ ว ย

๑๐๖

(๑) àÁèÍ× ºØ¤¤Å˹Ö觶¡Ù äŨ‹ ºÑ ´Ñ觼¡ŒÙ ÃÐทาํ â´ÂÁÕàÊÕ§ÌͧàÍÐÍÐ
μÇÑ ÍÂÒ‹ §
ส.ต.ต.ดาํ เหน็ ชาวบา นกลมุ หนงึ่ วง่ิ ไลต ามนายแดง และรอ งวา “ขโมย ๆ
ชว ยดว ย ไอน มี่ นั ขโมยของ” เรอ่ื งนเี้ หน็ ไดว า เขา หลกั เกณฑค อื ความผดิ ฐานลกั ทรพั ย เปน ความผดิ ทอี่ ยู
ในบัญชีทายประมวลฯ ประกอบกับมีการไลจับนายแดงโดยมีเสียงรองเอะอะ เชนน้ี ส.ต.ต.ดํา
จบั นายแดงไดโดยเปน การท่ีกฎหมายใหถอื วาเปนความผดิ ซง่ึ หนา ตามมาตรา ๘๐ วรรคสอง (๑)
(๒) àÁèÍ× º¤Ø ¤Å˹§Öè á·º¨Ð·Ñ¹·Õ·¹Ñ ã´ ËÅ§Ñ ¨Ò¡¡ÒáÃÐทาํ ¼´Ô 㹶¹Ôè
á¶Çã¡ÅŒà¤ÂÕ §¡ºÑ ·èÕà¡Ô´àËμ¹Ø Ñé¹ áÅÐÁÕÊèÔ§¢Í§·äÕè ´ÁŒ Ò¨Ò¡¡ÒáÃÐทาํ ¤ÇÒÁ¼Ô´ ËÃ×ÍÁÕà¤ÃÍ×è §Á×Í ÍÒǸØ
ËÃÍ× ÇμÑ ¶ÍØ ÂÒ‹ §Í¹è× Í¹Ñ Ê¹Ñ ¹ÉÔ °Ò¹ä´ÇŒ Ò‹ ä´ãŒ ªãŒ ¹¡ÒáÃÐทาํ ¼´Ô ËÃÍ× ÁÃÕ Í‹ §Ã;ÃÔ ¸Ø àË¹ç »ÃШ¡Ñ É· àÕè ÊÍ×é ¼ÒŒ
ËÃ×Íà¹é×ÍμÇÑ ¢Í§¼¹ÙŒ éѹ
ในกรณมี าตรา ๘๐ วรรคสอง (๒) นนั้ เปน การจบั กมุ บคุ คลซงึ่ ä´¡Œ ÃзÒí
¤ÇÒÁ¼Ô´ÁÒáÅŒÇ และความผิดนั้นเปนความผิดที่ระบุไวในบัญชีทายประมวลฯ ขณะเดียวกันผูน้ัน
มีพฤติการณและหลักฐาน เชน มีเคร่ืองมือ อาวุธ หรือวัตถุท่ีพอจะสันนิษฐานไดวาผูน้ันไดใชในการ
กระทําความผิด หรืออาจพบรองรอยพิรุธที่เห็นไดชัดตามเนื้อตัวหรือเส้ือผาที่เขาสวมใสอยู เชน
รอยเลือดสด ๆ ท่ีกระเดน็ ติดอยูบนเส้ือผาทีส่ วมใสอยู รอยขดี ขว น บาดแผลสด ตามเน้ือตัว เปนตน
μÑÇÍÂÒ‹ §
ส.ต.ต.ดาํ เหน็ รถยนตค นั หนงึ่ จอดอยใู นลานจอดรถแหง หนงึ่ เมอื่ เขา ไป
ใกล ๆ จึงพบเห็นรองรอยของการงดั แงะตรงบรเิ วณประตดู า นคนขับ ซ่งึ ดานหลงั ของรถยนตดงั กลา ว
พบนายแดงยนื ถอื ไขควงและอปุ กรณใ นการงดั แงะอยใู นมอื ขา งหนงึ่ และอกี ขา งหนงึ่ ถอื กระเปา ถอื ของ
สุภาพสตรี ยืนอยใู นอาการกระสับกระสา ยมีพริ ุธ เชนนี้ ส.ต.ต.ดาํ สามารถจบั นายแดงไดโดยไมต องมี
หมายจบั เพราะพบนายแดงแทบจะทนั ทที นั ใดหลงั จากการกระทาํ ผดิ ในถน่ิ ใกลเ คยี งกบั ทเี่ กดิ เหตุ และ
มีส่ิงของหรือมีเคร่ืองมืออันสันนิษฐานไดวาไดใชในการกระทําความผิด และความผิดฐานลักทรัพย
ก็เปน ความผดิ ท่ีอยูในบญั ชที ายประมวลฯ
(ò) ¡Ã³¾Õ ºº¤Ø ¤Å·ÁèÕ ¾Õ Äμ¡Ô Òó͏ ¹Ñ ¤ÇÃʧÊÂÑ μÒÁÁÒμÃÒ ÷ø (ò)
เจาพนักงานตํารวจจับไดโดยไมตองมีหมายจับ “เมื่อพบบุคคลโดยพฤติการณอันควรสงสัยวาผูน้ัน
นาจะกอเหตุรายใหเกิดภยันตรายแกบุคคลหรือทรัพยสินของผูอื่น โดยมีเครื่องมือ อาวุธ หรือวัตถุ
อยางอ่ืนอันสามารถอาจใชในการกระทาํ ความผิด”
การจับโดยไมต องมีหมายจับ ตามมาตรา ๗๘ (๒) น้ี มคี วามใกลเคยี ง
กับมาตรา ๘๐ วรรคสอง (๒) มาก หากแตกตางคอื ในÁÒμÃÒ ÷ø (ò) ¹Õàé »¹š ¡Òþº¡‹Í¹à¡Ô´àËμØ

๑๐๗

¢³Ð·ÁèÕ ÒμÃÒ øð ÇÃäÊͧ (ò) ໹š ¡ÒþºËÅ§Ñ ¨Ò¡ÁàÕ Ëμ¡Ø ÒáÃÐทาํ ¼´Ô à¡´Ô ¢¹Öé áÅÇŒ มาตรา ๗๘ (๒)
เปน กรณเี จา พนกั งานตาํ รวจไดพ บบคุ คลมพี ฤตกิ รรมทนี่ า สงสยั วา จะไปกอ เหตรุ า ย ทาํ ใหเ กดิ อนั ตรายแก
บคุ คลหรอื ทรพั ยสินของผอู น่ื โดยพิจารณาจากพยานหลกั ฐานทีป่ รากฏ เชน อาวธุ อปุ กรณท่สี ามารถ
นาํ ไปใชในการงัดแงะขโมยของ เปนตน

μÑÇÍ‹ҧ
ส.ต.ต.ขาวข่ีจักรยานยนตไปตรวจในซอยแหงหนึ่งซึ่งคอนขางเปล่ียว
ขณะท่ีขร่ี ถจกั รยานยนตตรวจทองท่อี ยนู ั้น ไดพบนายเขียวซงึ่ ใสชดุ ดาํ อาํ พรางตัว ในมือมีสวา น ไขควง
อุปกรณชางซึ่งสามารถใชงัดแงะประตูบานได แลวมีไฟฉาย เชือก และถุงผาดําขนาดใหญกําลังยืน
ดอ มๆ มองๆ เขา ไปในบานหลงั ใหญแ หง หน่ึง ใกลๆ กนั มรี ถกระบะจอดอยู ในรถคันดงั กลา วมบี ันได
สาํ หรบั พาดทสี่ งู อยู เชน นเ้ี ชอื่ ไดว า จากพฤตกิ ารณด งั กลา วทาํ ใหเ กดิ ความสงสยั ไดว า นายเขยี วจะเขา ไป
ลกั ทรพั ยใ นเคหสถาน เชน น้ี เพอื่ เปน การปอ งกนั มใิ หเ กดิ เหตขุ า งตน ส.ต.ต.ขาวสามารถจบั กมุ นายเขยี วได
โดยไมต องมีหมายจบั เพราะเขาหลกั เกณฑม าตรา ๗๘ (๒) จะเหน็ ไดวา แมย ังไมม กี ารกระทาํ ความผิด
กต็ าม กฎหมายกใ็ หอ าํ นาจเจา พนกั งานตาํ รวจจบั บคุ คลทค่ี วรสงสยั นน้ั ไดเ พอ่ื ความปลอดภยั ของสงั คม
สวนนายเขียวจะตอ งรับผิดหรือไมน ้นั ตอ งเขากระบวนการสอบสวนดาํ เนินคดตี อไป
(ó) ¡Ã³·Õ ÁèÕ ¤Õ ÇÒÁจาํ ໚¹àç‹ ´‹Ç¹μÒÁÁÒμÃÒ ÷ø (ó) เจาพนักงาน
ตํารวจจับไดโดยไมตองมีหมายจับ “เม่ือมีเหตุที่จะออกหมายจับบุคคลน้ันตามมาตรา ๖๖ (๒) แตมี
ความจําเปนเรงดวนทไ่ี มอ าจขอใหศ าลออกหมายจบั บคุ คลนั้นได”
การจบั ตามมาตรา ๗๘ (๓) นี้ จะตอ งประกอบหลกั เกณฑ ๒ ประการคอื
๑. เม่ือมีËÅÑ¡°Ò¹μÒÁÊÁ¤ÇÃวาบุคคลใดนาจะไดกระทําความผิด
อาญา และมีàËμØÍѹ¤ÇÃàªè×Íวาจะหลบหนีหรือจะไปยุงเหยิงกับพยานหลักฐาน หรือกอเหตุอันตราย
ประการอื่น (ขอ ความจากมาตรา ๖๖ (๒) áÅÐ
๒. ม¤ี ÇÒÁจาํ ໹š àç‹ ´Ç‹ ¹ทไี่ มอ าจขอใหศ าลออกหมายจบั บคุ คลนนั้ ได

- เจา พนกั งานตาํ รวจผทู าํ หนา ทจี่ บั นนั้ ตอ งมหี ลกั ฐานตามสมควร
วา บคุ คลที่ตนจะจับนัน้ นา จะไดก ระทําความผดิ áÅÐ

- มีเหตุอันควรเชื่อวาบุคคลที่จะจับน้ันจะหลบหนี (กรณีท่ี
บคุ คลน้ันมที อ่ี ยไู มเ ปนหลกั แหลง มาตรา ๖๖ วรรคสอง ใหส นั นิษฐานวา เปนการจะหลบหนี) áÅÐ

- มีความจําเปนเรงดวนที่ไมอาจขอใหศาลออกหมายจับ
บุคคลนนั้ ได

ดังนั้น หากขาดพฤติการณขอใดขอหนึ่ง เชน ไมมีพฤติการณวา
จะหลบหนี มีท่ีอยูเปนหลักแหลง หรือไมมีความจําเปนเรงดวน เชนน้ี ก็ไมสามารถจับกุมได
เจาพนักงานตาํ รวจคงตองไปขอใหศ าลออกหมายจับตามมาตรา ๖๖ กอ น

๑๐๘

μÇÑ Í‹ҧ
มีรายงานการสืบสวน ทาํ ใหทราบวานายดาํ เปนบุคคลที่นาจะเปน
ผกู ระทาํ ความผดิ ลกั รถยนตจ ากจงั หวดั สระแกว เพอ่ื นาํ ไปขายยงั ประเทศเพอ่ื นบา น และขณะนนี้ ายดาํ
กาํ ลังขับรถยนตคันดังกลาวมุงหนาไปยังดานชายแดน และกําลังจะผานแดนออกไปยังตางประเทศ
เพื่อหลบหนี กรณเี ชนน้ี เมื่อพิจารณาจากพฤติการณท ข่ี ับรถมงุ หนา ไปยังดานชายแดน หากจะรอขอ
หมายจบั จากศาลก็อาจจบั นายดําไมได จึงเปนความจาํ เปน เรงดว น ประกอบกบั มีรายงานการสืบสวน
ซงึ่ ถอื ไดว า มหี ลกั ฐานตามสมควร เชน นเี้ จา พนกั งานตาํ รวจสามารถจบั นายดาํ ไดโ ดยไมต อ งมหี มายจบั
(ô) ¡Ã³Õ¨Ñº¼ÙŒμŒÍ§ËÒËÃ×ÍจําàÅ·èÕËź˹ÕμÒÁÁÒμÃÒ ÷ø (ô)
เจา พนกั งานตาํ รวจจบั ผตู อ งหาหรอื จําเลยไดเ มอื่ “เปน การจบั ผตู อ งหาหรอื จําเลยทห่ี นหี รอื จะหลบหนี
ในระหวางถูกปลอยชว่ั คราว ตามมาตรา ๑๑๗”
การจับตามมาตรา ๗๘ (๔) นี้ เจาพนักงานตาํ รวจจะจับผูตองหา
หรอื จําเลยไดใน ๒ กรณี กลาวคอื
๑. ผทู จี่ ะถกู จบั μÍŒ §à»¹š ¼μÙŒ ÍŒ §ËÒËÃÍ× จําàÅ·äèÕ ´ÃŒ ºÑ ¡ÒûÅÍ‹ ªÇÑè ¤ÃÒÇ
ระหวา งการสอบสวนหรอื ระหวา งการพจิ ารณาคดขี องศาล และเจา พนกั งานตํารวจพบวา ผนู นั้ หลบหนี
หรือจะหลบหนี
๒. การทเี่ จา พนกั งานตํารวจมไิ ดเ ปน ผพู บดว ยตวั เองวา จะมกี ารหลบหนี
แตไดรับคาํ ขอจากผูประกันหรือผูที่เปนหลักประกันผูตองหาหรือจาํ เลยที่ไดรับการปลอยช่ัวคราวน้ัน
ขอใหจับà¾ÃÒмٌ¹Ñé¹Ëź˹ËÕ ÃÍ× ¨ÐËź˹Õ
จะเหน็ ไดว า การทผี่ ตู อ งหาหรอื จาํ เลยหนหี รอื จะหลบหนี ถอื วา เปน เหตุ
จาํ เปน อกี ประการหนงึ่ ทจ่ี บั ได โดยไมต อ งมหี มายจบั เพราะไมอ าจขอใหศ าลออกหมายจบั ไดท นั ทว งที
ประกอบกับผูตองหาหรือจาํ เลยก็ไดเคยถูกจับมาแลวในอดีตโดยผานกระบวนการตรวจสอบโดยศาล
โดยการออกหมายจับแลว หรือมิฉะนั้นก็เปนการท่ีจับไดโดยไมตองมีหมายจับจนถึงขั้นท่ีมีการปลอย
ชั่วคราวมาแลว (เกียรตขิ จร วจั นะสวัสด์,ิ ๒๕๕๓)
อยา งไรกด็ ี ถา เปน กรณที ผ่ี ตู อ งหาหรอื จาํ เลยทม่ี หี มายจบั นน้ั ไดถ กู จบั แลว
แตต อมาไดม กี ารหลบหนี หรอื มีบุคคลชว ยใหหลบหนไี ปได เชน นี้ มาตรา ๖๕ ใหอ ํานาจเจาพนักงาน
ผจู บั มอี าํ นาจตดิ ตามจบั ผตู อ งหาหรอื จําเลยทกี่ าํ ลงั หลบหนไี ดโ ดยไมต อ งขอหมายจบั อกี เพราะเปน การ
บังคับใหเ ปนไปตามหมายจบั นนั้ เอง มใิ ชเ ปนการจบั โดยอาศัยเหตทุ ีเ่ กิดข้นึ มาใหมแตอ ยางใด
นอกจากนี้ ยงั มกี รณกี ารจบั โดยไมม หี มายจบั ตามมาตรา ๑๓๔ วรรคหา
“เม่ือไดมีการแจงขอกลาวหามาแลว ถาผูตองหาไมใชผูถูกจับหรือและยังไมไดมีการออกหมายจับ
แตพ นกั งานสอบสวนเหน็ วา มเี หตทุ จี่ ะออกหมายขงั ผนู น้ั ไดต ามมาตรา ๗๑ พนกั งานสอบสวนมอี าํ นาจ
สง่ั ใหผ ตู อ งหาไปศาลเพอื่ ขอออกหมายจบั โดยทนั ที แตถ า ขณะนนั้ เปน เวลาทศ่ี าลปด หรอื ใกลจ ะทําการ
ปด ทําการ ใหพ นกั งานสอบสวนสงั่ ใหผ ตู อ งหาไปศาลในโอกาสแรกทศี่ าลเปด ทําการ กรณเี ชน วา นใ้ี หน ํา

๑๐๙

มาตรา ๘๗ มาใชบงั คับแกการพจิ ารณาออกหมายขังโดยอนโุ ลม หากผตู องหาไมป ฏิบัตติ ามคําสัง่ ของ
พนักงานสอบสวนดงั กลา ว ใหพ นักงานสอบสวนมอี ํานาจจบั ผูต องหานั้นได โดยถอื วาเปนกรณจี ําเปน
เรง ดว นทจี่ ะจบั ผตู อ งหาไดโ ดยไมม หี มายจบั และมอี าํ นาจปลอ ยชว่ั คราวหรอื ควบคมุ ตวั ผตู อ งหานน้ั ไว”

ซง่ึ การจบั ตามมาตรา ๑๓๔ วรรคหา น้ี เปน การจบั โดย¾¹¡Ñ §Ò¹ÊͺÊǹ
ท่ีสามารถจับผูตองหาโดยไมมีหมายจับได หากเปนกรณีท่ีแจงขอกลาวหาแลว แตผูตองหายังไมได
ถูกจับและยังไมไดมีการออกหมายจับ แตพนักงานสอบสวนเห็นวามีเหตุออกหมายขังผูตองหาได
และพนักงานสอบสวนสั่งใหผูตองหาน้ันไปศาลเพ่ือใหศาลออกหมายขัง แตผูตองหาไมยอมไปศาล
ตามคาํ สั่งของพนักงานสอบสวน ใหพนักงานสอบสวนมีอาํ นาจจับผูตองหาน้ันได โดยถือวาเปนการ
จําเปน เรง ดว นทจ่ี ะจบั ผตู อ งหาไดโ ดยไมต อ งมหี มายจบั และมอี ํานาจปลอ ยชวั่ คราวหรอื ควบคมุ ผตู อ งหา
น้ันไวไดเชนกัน

õ.ó.ò ¡ÒèѺâ´ÂÃÒÉ®Ã
ในอดีตประเทศไทยเราก็มีกฎหมายที่ใหอํานาจแกราษฎรในการจับตัวผูกระทาํ

ความผิด กลาวคือในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกลาเจาอยูหัว รัชกาลที่สามแหงกรุงรัตนโกสินทร
ไดประกาศใชกฎหมายลักษณะโจรหาเสน ซึ่งมีสาระสําคัญคือ หากมีเหตุการณโจรปลนเกิดข้ึน
ทอ งท่ใี ด ราษฎรทอี่ าศัยอยูใ กลก บั ทเี่ กดิ เหตุในระยะไมเ กินหา เสน (๒๐๐ เมตร) จะตอ งชวยเจาหนาที่
จบั โจร มฉิ ะนน้ั จะมคี วามผดิ และหากคนรา ยปลน ทรพั ยไ ปได ราษฎรทไี่ มเ ขา ชว ยเหลอื กจ็ ะถกู การปรบั
ตามศกั ดินา คือ ผูม ีศกั ดินา ๑๕ - ๑๕๐ ไร ปรับ ๕ ตําลงึ ผทู ม่ี ีศกั ดนิ า ๒๐๐ ไรข ้นึ ไปถงึ ๑๐,๐๐๐ ไร
ใหป รบั มากข้นึ ตามสวน สวนพวกที่มีศักดนิ า ๕ - ๑๕ ไร ใหเฆี่ยนแทนคาปรับคนละ ๑๕ ที

จะเหน็ ไดว า กฎหมายลกั ษณะโจรหา เสน นี้ มจี ดุ ประสงคใ หร าษฎรชว ยกนั ปอ งกนั
และรักษาความสงบเรียบรอยภายในรัศมีที่ตนอาศัยอยู ซึ่งหลักการเชนนี้สอดคลองกับบทบัญญัติ
ในประมวลกฎหมายวิธพี จิ ารณาความอาญา มาตรา ๗๙

“ราษฎรจะจับผอู ่นื ไมไ ดเ วนแตจะเขาอยูในเกณฑแหง มาตรา ๘๒ หรือเม่อื ผนู ้ัน
กระทาํ ความผิดซงึ่ หนา และความผดิ น้ันไดร ะบไุ วใ นบัญชีทายประมวลกฎหมายนดี้ ว ย”

จากมาตราดังกลา ว เห็นไดวา ÃÒɮèºÑ º¤Ø ¤Åä´Œตอเมือ่
๑) กรณเี ขา หลกั เกณฑต ามมาตรา ๘๒ กลา วคอื เมอื่ à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹¼¨ÙŒ ´Ñ ¡ÒÃμÒÁ
ËÁÒ¨ºÑ ÃÍŒ §¢Í¤ÇÒÁªÇ‹ ÂàËÅÍ× จากบคุ คลใกลเ คยี งเพอื่ ใหจ บั การตามหมายนนั้ ได ผทู ไ่ี ดร บั การรอ งขอ
จงึ มอี าํ นาจจับได
μÇÑ Í‹ҧ
ส.ต.ต.แดงจะจับนายขาวตามหมายจับ แตปรากฏวานายขาวว่ิงหนีไปทิศทางท่ี
นายเขียวยืนอยู ส.ต.ต.แดงจึงรองขอใหนายเขียวชวยจับตัวนายขาวไว เชนนี้ นายเขียวสามารถจับ
นายขาวได แตอยางไรก็ตามในกรณีท่ีเห็นวานายขาวมีอาวุธรายแรงอยูในมือ ส.ต.ต.แดงจะบังคับให
นายเขียวชว ยจบั ไมไ ด เพราะอาจเกิดอันตรายแกนายเขียวได (มาตรา ๘๒)

๑๑๐

๒) เมอื่ ราษฎรพบบคุ คลนนั้ ¡ÃÐทํา¤ÇÒÁ¼´Ô «§Öè ˹Ҍ áÅФÇÒÁ¼´Ô ¹¹éÑ ä´ÃŒ кäØ ÇŒ
㹺ÑÞªÕ·ŒÒ»ÃÐÁÇÅ¡®ËÁÒÂÇÔ¸Õ¾Ô¨ÒóҤÇÒÁÍÒÞÒ ในกรณีดังกลาวราษฎรจะมีอํานาจจับไดตอง
ประกอบดว ย ๒ กรณี คือ

(๑) ตองเปนการกระทําความผิดซ่ึงหนา ซ่ึงหมายความวาราษฎรผูจับน้ัน
ได¾ ºàË繡ÒáÃÐทาํ ¤ÇÒÁ¼´Ô ´ŒÇÂμÇÑ àͧ¨ÃÔ§æ áÅÐ

(๒) ราษฎรจะจับไดเฉพาะกรณีที่ความผิดที่กระทําน้ันเปน¤ÇÒÁ¼Ô´à©¾ÒÐ
ท่ีถูกระบุไวในบญั ชที า ยประมวลนเ้ี ทา น้นั

μÑÇÍÂÒ‹ §
นายแดงเหน็ นายขาวกาํ ลงั ลกั จกั รยานยนตข องนายดาํ อยู เชน นน้ี ายแดงสามารถ
จับนายขาวได เพราะการท่นี ายแดงเหน็ นายขาวกาํ ลงั ลกั ทรัพยดว ยตนเองนัน้ เปนการกระทําความผดิ
ซง่ึ หนา และความผิดฐานลักทรพั ยก็เปน ความผดิ ท่ีอยูในบัญชีทา ยประมวล
μÑÇÍÂÒ‹ §
นายฟายืนอยูหนาตลาดสด เห็นคนกลุมหน่ึงวิ่งไลตามนายเหลืองพรอมกับรอง
ตะโกนวา “ขโมย ๆ ชว ยจับหนอ ย มนั ขโมยของมา” เชน นี้แมว านายฟาจะไมไ ดเ หน็ ขณะที่นายเหลอื ง
กาํ ลังขโมยของกต็ าม แตจ ากพฤตกิ ารณด ังกลา ว มาตรา ๘๐ วรรคสอง (๑) ถือวา เปนความผิดซ่งึ หนา
และความผดิ ฐานลกั ทรัพยก ็เปนความผดิ ทร่ี ะบุไวในบัญชที า ยประมวล
คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·Õè öùò/òõõ÷ กอนที่จําเลยจะใชมีดแทงผูเสียหายที่ ๒
จําเลยใชอาวุธมีดแทงผูเสีหายท่ี ๑ และกาํ ลังขึ้นรถจักรยานยนตเพ่ือหลบหนี เม่ือผูเสียหายท่ี ๒
มาถงึ และพบผเู สยี หายท่ี ๑ ถกู แทงกบั เหน็ จาํ เลยถอื อาวธุ มดี นงั่ ครอ มรถจกั รยานยนต เปน กรณที ผี่ เู สยี หาย
ที่ ๒ พบการกระทาํ ความผิดตอผูเสียหายที่ ๑ โดยอาการซึ่งแทบจะไมมีความสงสัยเลยวาจําเลย
ไดใชอาวุธมีดแทงผูเสียหายท่ี ๑ มาแลวสดๆ ถือวาการกระทาํ ของจําเลยเปนความผิดซึ่งหนาตอ
ผูเสียหายที่ ๒ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๘๐ วรรคแรก ผูเสียหายที่ ๒
ในฐานะราษฎรยอ มมอี าํ นาจจบั จาํ เลยไดต ามมาตรา ๗๙ การทผ่ี เู สยี หายที่ ๒ กระโดดถบี จาํ เลยกเ็ พอ่ื
หยุดยั้งมิใหจําเลยกับพวกขับรถจักรยานยนตหลบหนีอันเปนการกระทาํ เพ่ือจับจําเลย จาํ เลยไมมี
สิทธิปองกันเพื่อใหตนพนจากการท่ีจะตองถูกจับ เม่ือจําเลยใชอาวุธมีดแทงผูเสียหายท่ี ๒ จนไดรับ
อันตรายสาหัส จงึ ไมใ ชเ ปน การปองกันโดยชอบดว ยกฎหมาย

¢ÍŒ 椄 à¡μ
หาก¤ÇÒÁ¼Ô´¹Ñé¹äÁ‹ä´ŒÃкØäÇŒในบัญชีทายประมวลฯ ÃÒɮáçäÁ‹ÁÕอํา¹Ò¨¨Ñº แมจะเห็นวากําลังกระทําความผิด

อยตู อหนาตนก็ตาม
μÇÑ Í‹ҧ
นายสม เหน็ นายมว งขายยาเสพตดิ ใหก บั นายฟา อยตู อ หนา ตนกต็ าม นายสม กไ็ มอ าจจบั นายมว งได เพราะความผดิ

ตามพระราชบญั ญตั ยิ าเสพติดใหโ ทษไมไ ดร ะบไุ วในบญั ชที ายประมวลฯ

๑๑๑

นอกจากมาตรา ๗๙ ทไี่ ดใ หอ ํานาจแกร าษฎรในการจบั ผกู ระทาํ ความผดิ ดงั ทก่ี ลา ว
มาแลว ขา งตน ยงั คงมกี รณที ก่ี ฎหมายใหอ าํ นาจราษฎรจบั ไดอ กี ในมาตรา ๑๑๗ ซง่ึ เปน เรอ่ื งนายประกนั
หรอื ผเู ปน หลกั ประกนั สามารถจบั ผตู อ งหาหรอื จาํ เลยทห่ี นหี รอื จะหลบหนตี ามเงอ่ื นไขในมาตรา ๑๑๗

มาตรา ๑๑๗ “เมอ่ื ผตู อ งหาหรอื จาํ เลยหนหี รอื จะหลบหนี ใหพ นกั งานฝา ยปกครอง
หรือตํารวจท่ีพบการกระทาํ ดังกลาวมีอาํ นาจจับผูตองหาหรือจําเลยน้ันได แตในกรณีท่ีบุคคลซ่ึงทํา
สัญญาประกันหรือเปนหลักประกันเปนผูพบเห็นการกระทําดังกลาว อาจขอใหพนักงานฝายปกครอง
หรือตาํ รวจที่ใกลท่ีสุดจับผูตองหาหรือจําเลยได ถาไมสามารถขอความชวยเหลือจากเจาพนักงานได
ทันทว งที กใ็ หม ีอํานาจจับผตู อ งหาหรือจําเลยไดเอง แลวสง ใหพนักงานฝา ยปกครองหรอื ตาํ รวจทใี่ กล
ท่ีสดุ และใหเจาพนักงานนนั้ รีบจดั สงผูตอ งหาหรือจาํ เลยไปยังเจาพนักงานหรือศาล โดยคิดคา พาหนะ
จากบคุ คลซ่ึงทําสญั ญาประกนั หรือหลกั ประกนั นัน้ ”

กรณี ตามมาตรา ๑๑๗ นัน้ เปน การท่ีผตู องหาหรอื จําเลยไดรบั การปลอ ยตัวมา
แลวหลบหนีหรือจะหลบหนี เชน นี้ ผูทําสัญญาประกนั หรอื ผทู ่ีเปน หลักประกนั มสี ทิ ธิขอใหพ นักงาน
ฝายปกครองหรอื ตาํ รวจทใี่ กลทส่ี ุดจับตวั ไวได

แตตัวผูทําสัญญาประกันหรือผูที่เปนหลักประกันดังกลาว ไมสามารถขอ
ความชวยเหลือไดทันทวงที เชนนี้กฎหมายใหอํานาจผูทําสัญญาประกันหรือผูท่ีเปนหลักประกันน้ัน
จับผตู องหาหรือจาํ เลยได และสง มอบใหเ จาพนักงานฝายปกครองหรอื ตาํ รวจทใ่ี กลทส่ี ดุ

¢ŒÍÊѧà¡μ
ในกรณีท่ีจําเลยหลบหนีเชนน้ี ผูทําสัญญาประกันหรือผูท่ีเปนหลักประกันตัวจําเลยในคดีอาญา จะมาขอใหศาล

ออกหมายจบั และหมายคน เพอื่ ใหเ จา พนกั งานตาํ รวจจบั ตวั จาํ เลย โดยอา งวา จาํ เลยมเี จตนาหลบหนหี าไดไ ม เพราะเปน เรอ่ื ง
ทีผ่ ูทาํ สญั ญาประกนั อาจจดั การไดเองตามประมวลกฎหมายวธิ พี ิจารณาความอาญา มาตรา ๑๑๗ อยแู ลว (คาํ สง่ั คํารอ งท่ี
๖๔๙/๒๕๑๗)

อาํ ¹Ò¨¡ÒèѺ¡ÁØ ¢Í§ÃÒɮà à·ÂÕ º¡Ñº¡ÒèѺ¡ÁØ ¢Í§à¨ŒÒ¾¹Ñ¡§Ò¹
อาํ นาจในการจบั กมุ ของราษฎรในขอ น้ี ซง่ึ เกย่ี วกบั การจบั กมุ ความผดิ ซงึ่ หนา และ
ความผดิ ซง่ึ หนา นน้ั จะตอ งเปน ความผดิ ทร่ี ะบไุ วใ นบญั ชที า ย ป.ว.ิ อาญา กม็ ขี อ คลา ยคลงึ กบั อาํ นาจของ
พนกั งานฝา ยปกครองหรอื ตาํ รวจทม่ี อี าํ นาจจบั ไดโ ดยไมต อ งมหี มายจบั แตค งมขี อ แตกตา งกนั บา ง ดงั นี้
๑. เจาพนักงานมีอํานาจจับกุมผูกระทําความผิดซ่ึงหนาในคดีทุกประเภท
แตร าษฎรจับไดเ ฉพาะประเภททีร่ ะบไุ วใ นบญั ชที า ย ป.วิ.อาญา เทา น้นั
๒. นอกจากความผิดซ่ึงหนาแลว เจาพนักงานมีอํานาจจับตามพฤติการณ
ตามมาตรา ๗๘ (๒) (๓) และ (๔) แตร าษฎรไมม อี าํ นาจจบั ไดต ามพฤติการณเ หลาน้ัน

๑๑๒

μÇÑ ÍÂÒ‹ §คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒÈÒÅ®¡Õ Ò
คํา¾¾Ô Ò¡ÉÒ®¡Õ Ò·Õè óøø/òôùö วินจิ ฉยั วา ผูกระทาํ ผิดไดใชป นยงิ บุคคลอื่นตอหนา

ราษฎร ราษฎรจะเขาจับกุม แตผูถูกจับไมยอมใหจับและชักมีดออกมาทํารายราษฎร ราษฎรจึงเขา
กอดปล้ําแยงมีดไดแลวแทงผูถูกจับ ๑ ที ผูถูกจับตาย ศาลฎีกาวินิจฉัยวา ราษฎรมีอํานาจจับ
เพราะเปน ความผิดซ่ึงหนาตามบญั ชีทา ย ป.ว.ิ อาญา เมอ่ื ผูถ ูกจบั ทําราย ราษฎรจึงตอ สูป อ งกนั ตนเอง
ในกรณนี ี้เปน การปองกนั ตัวพอสมควรแกเหตุ ราษฎรจึงไมมคี วามผดิ

คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·èÕ ñùôñ/òõñô วินิจฉัยวา ราษฎรมีเหตุเพียงสงสัยวา ผูอื่นจะมา
พยายามลกั ทรพั ยข องตน ราษฎรนน้ั ไมม อี าํ นาจตามกฎหมายทจ่ี ะจบั กมุ และใชป น ขบู งั คบั ผตู อ งสงสยั
เพื่อจะพาไปหาผูใหญบาน อยางไรก็ตาม กฎหมายตองการความรวมมือจากราษฎรในการระงับ
และปราบปรามการกระทาํ ผิด จึงบญั ญตั ิเปนขอยกเวน ใหร าษฎรมีอํานาจจบั ไดในบางกรณี

¢ŒÍÊѧà¡μ
ราษฎรมีอํานาจจับไดเฉพาะกรณีความผิดนั้นเปนความผิดท่ีระบุไวในบัญชีทายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา

ความอาญาเทา นัน้ เพราะอาํ นาจในการจบั ของราษฎรนนั้ มนี อยกวาเจา พนักงานฝา ยปกครอง ตํารวจ แมว า เปน การกระทํา
ความผดิ ซ่ึงหนา ไมวา จะเปน การกระทาํ ความผดิ ซง่ึ หนาอยางแทจรงิ (ตาม ป.วิ.อาญา มาตรา ๘๐ วรรคหน่ึง) หรือกรณที ี่
ถือวา กระทาํ ความผิดซ่งึ หนา (ตามมาตรา ๘๐ วรรคสอง) ก็ตาม

หากความผิดนั้นไมไดร ะบุไวใ นบัญชีทายประมวลฯ ราษฎรกไ็ มมอี ํานาจจบั แมจ ะเหน็ กําลงั กระทําความผดิ กต็ าม
μÇÑ Í‹ҧ
นายขาวราษฎรเห็นนายแดงขณะลักทรัพยนายดํา นายขาวจับนายแดงไดโดยอาศัยอํานาจตาม ป.วิ.อาญา
มาตรา ๗๙ ประกอบกบั มาตรา ๘๐ ตามตวั อยางนี้ เปน กรณที นี่ ายขาวเหน็ นายแดงกําลังกระทํา และความผดิ ฐานลกั ทรพั ย
นั้นระบุในบัญชที ายประมวลฯ ดว ย
μÇÑ Í‹ҧ
นายขาวราษฎรเหน็ นายดําวง่ิ ตามหลงั นายแดงพรอ มกบั รอ งวา “ขโมย ๆ” นายขาวจบั นายแดงได โดยอาศยั อาํ นาจ
ตาม ป.วิ.อาญา มาตรา ๗๙ ประกอบกับมาตรา ๘๐ ตามตัวอยา งนี้เปน กรณีทีน่ ายขาวเห็นนายแดง “ถกู ไลจ บั ดง่ั ผูกระทํา
(ความผิด) โดยมเี สยี งรองเอะอะ” และความผิดฐานลักทรัพยน นั้ กร็ ะบุไวบ ัญชีทา ยประมวลฯ ดวย

¢ÍŒ áμ¡μ‹Ò§ã¹·Ò§»¯ºÔ Ñμ¢Ô ͧ਌Ҿ¹¡Ñ §Ò¹ตําÃǨÃÐËÇÒ‹ §¡Ã³àÕ ¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹à»¹š ¼Ù¨Œ ºÑ
áÅСóÃÕ ÒɮèѺÁÒʧ‹ à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹

਌Ҿ¹Ñ¡§Ò¹¨Ñº ÃÒɮèѺáÅŒÇʧ‹ Áͺ਌Ҿ¹¡Ñ §Ò¹

๑. ตททอแมแใหนจจาอารนรอืมนงงกาบาขสบไรหายสมอิทารมําคกยกพธเาวไ็นลลิใยดิาจหาะาจมาบแเผวบัอรลนัหูถ(ใณยีมะหทูกาดถาผากจึ อตเ(คถูกับกซยรกูายี่ดทึ่งาครจวแีราํจบั๘กจาแนบั ฟบังบล๓นั้แคเงวะอกหราว(มผาใ้ังตรนจถูหีสแุรเใกกขูินทคชหรจาเสึ่งงธณปมบั กแอิพนีสมีาล(งมบพิทรหีว)าจหยธมตบัาขิทรารนใณืยอ่ีจาหหจะปะ๘ผ ลบัใจรถูหก๔ั)ับึกกูฐแก(กษจาล๑าบัุมนะาร)) ๑. ผใคลผใผแแหหถูจรจูงูดจผบัลกูกงังบีกจถูขาใมาไ็ แหบยัดอกู อรลมอจผหกบะ(าับมอืูถลรตพจาทชูืกาอวั ใฤตอ่ืชวรจจไตรเาหมกะับปิกาบตาําใทน ากหอแ๘พ(รรมับลงกณ๔ายบาะาบา(ตนแัรมร(นว๒ราหทากหาาย)ตงกึ็ไ)ลลกดรร๘กั ผาาะา ฐ๔ูถยรเแา๘อจูกลนล(ียับ๔ะ๒จใะนเดับ)อถ)(กแแ๒มยีอาลห)ีดสร)ยวงพเิทคใกกจิ หธาํยี่าาิทผขรวรณูจจกี่อจัับบบั ะาง

๒. ๒.
๓. ๓.

๑๑๓

¼Å¢Í§¡Ò÷ÕèÃÒÉ®ÃÁอÕ าํ ¹Ò¨¨ºÑ
¡Ã³·Õ èÕÃÒÉ®ÃÁÕอํา¹Ò¨¨Ñº ราษฎรยอมไดรบั การคุมครองโดยกฎหมาย กลา วคือ
ก) หากราษฎรดงั กลา วไดก ระทาํ โดยเปน การชว ยเหลอื เจา พนกั งานผจู ดั การตามหมายจบั
และหากวาผูจะตองถูกจับไมยินยอมใหจับ จะมีความผิดฐานตอสูหรือขัดขวางเจาพนักงาน
หรือผูซึ่งตองชวยเจาพนักงานตามกฎหมายในการปฏิบัติการตามหนาที่ตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๑๓๘ และหากมีการตอสูโดยไดทํารายหรือฆาราษฎรท่ีเขาชวยเหลือยอมมีโทษหนักกวา
ทํารา ยหรอื ฆาประชาชนธรรมดาตามมาตรา ๒๙๖ ประกอบมาตรา ๒๙๕, มาตรา ๒๙๘ ประกอบ
มาตรา ๒๙๗ และมาตรา ๒๘๘ ประกอบมาตรา ๒๘๙
ข) หากราษฎรจับผูกระทําความผิดซ่ึงหนาและเปนความผิดดังท่ีระบุไวในบัญชีทาย
ประมวลกฎหมายวิธพี จิ ารณาความอาญา แมร าษฎรจะไมไ ดร บั ความคมุ ครองอยางขอ ก) แตราษฎร
ก็มีอํานาจใชกําลังหรือใชการปองกันเพื่อการจับไดตามสมควรแกกรณีโดยไมมีความผิด
ในทางตรงกันขามผูที่จะถูกจับไมสามารถอางวาเปนการกระทําเพื่อปองกันสิทธิเสรีภาพของเขาได
หากทํารา ยราษฎรผทู ี่จะจับก็มีความผดิ ฐานทํารายรา งกายผอู ืน่ หรือความผิดอนื่ ๆ แลว แตกรณี
¡Ã³ÕÃÒɮèѺâ´ÂäÁ‹ÁÕอํา¹Ò¨¨Ñº ราษฎรผูจับจะไมไดรับการคุมครองจากกฎหมาย
และผูท่ีจะถูกจับกุมยอมมีอํานาจท่ีจะกระทําเพื่อปองกันสิทธิเสรีภาพของเขาท่ีจะไมใหถูกจับได
โดยไมม ีความผดิ ดวย
ดงั นนั้ การจบั ไมว า จะเปน พนกั งานฝา ยปกครองหรอื ตาํ รวจ หรอื จะเปน ราษฎรจะทาํ การ
จับกุมผูใด จะตองปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องน้ัน ๆ กฎหมายจึงจะคุมครองการกระทําของ
เจาพนักงานหรอื ราษฎรผูจบั นั้น แตห ากไมปฏิบัตติ ามกฎหมายเสียแลวกย็ อ มจะไมไ ดรบั การคมุ ครอง
จากกฎหมาย

õ.ô ¢ŒÍจํา¡´Ñ 㹡ÒèѺ

แมวาประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาจะใหอํานาจเจาพนักงานฝายปกครอง
หรอื ตาํ รวจ มอี าํ นาจในการจบั กมุ กต็ าม หากการจบั นนั้ เปน การกระทาํ ทกี่ ระทบสทิ ธเิ สรภี าพสว นบคุ คล
จงึ ตอ งมขี อ จาํ กดั บางประการ กลา วคอื การใชอ าํ นาจในการจบั ของเจา พนกั งานฝา ยปกครองหรอื ตาํ รวจ
น้นั ไดมีขอ จาํ กัดไว ๒ ทาง คอื

õ.ô.ñ ¢ŒÍจํา¡´Ñ ã¹àÃ×èͧ¢Í§อํา¹Ò¨¢Í§à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹
แมว า ประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญากําหนดใหพ นกั งานฝา ยปกครอง

หรอื ตํารวจมอี าํ นาจในการจบั กมุ กต็ าม แตอ ํานาจของแตล ะฝา ยไมเ หมอื นกนั ดงั ทไี่ ดม คี าํ พพิ ากษาของ
ศาลฎกี าไดวางบรรทัดฐานไว กลา วคอื

๑๑๔

¡Ã³·Õ èÕ¼Ù¨Œ Ѻ໚¹¾¹Ñ¡§Ò¹½†Ò»¡¤Ãͧ
พนกั งานฝา ยปกครองจะมอี ํานาจจบั ไดà ©¾ÒÐÀÒÂã¹à¢μ·μÕè ¹ÁอÕ ํา¹Ò¨´á٠ž¹×é ·Õè
¹Ñ¹é æ à·‹Ò¹¹éÑ เนื่องจากพระราชบัญญตั ิลักษณะปกครองสว นทอ งถ่ินฯ ไดกําหนดอํานาจและหนา ที่
ของกรรมการอําเภอ ในเรื่องที่เก่ียวกับความผิดอาญาไวในมาตรา ๑๐๑ ขอ ๒ “ความอาญาเกิดขึ้น
ในทองที่อําเภอใดหรือตัวจําเลยมาอาศัยอยูในทองที่อาํ เภอใด ใหกรรมการอําเภอ (นายอําเภอ,
ปลัดอําเภอ) มอี ํานาจทจี่ ะส่ังใหจ ับผูต องหามาไตสวนใหค ดีเรื่องน้นั ในชน้ั ตน ”
นอกจากนี้ไดมีคาํ พิพากษาศาลฎีกายืนยันถึงอาํ นาจการจับของเจาพนักงาน
ฝายปกครองวา ਌Ҿ¹Ñ¡§Ò¹½†Ò»¡¤ÃͧÁอÕ าํ ¹Ò¨¨ÑºÀÒÂã¹à¢μ·èÕμ¹ÁÕÍíÒ¹Ò¨´ÙáÅ¾×¹é ·¹èÕ éѹ෋ҹѹé
μÇÑ Í‹ҧคาํ ¾Ô¾Ò¡ÉÒÈÒŮաÒ
คาํ ¾¾Ô Ò¡ÉÒ®¡Õ Ò·èÕ ñöñò - ñöñó/òõðø ผูใหญบา นเปน เจาพนักงานฝา ยปกครอง
มีอํานาจจับกุมผูกระทาํ ผิดอาญาในหมูบานของตนได และมีอํานาจไปจับผูรายในหมูบานใกลเคียงได
ตอเม่ือมีเหตุรายสําคัญ เม่ือความผิดฐานลักทรัพยไมใชเหตุรายสาํ คัญ ผูใหญบานจึงไมมีอาํ นาจ
ไปจบั กมุ คนรา ยนอกเขตหมบู า นของตน
¡Ã³Õ·Õ¼è ¨ŒÙ Ѻ໹š ਌Ҿ¹Ñ¡§Ò¹ตาํ ÃǨ
เน่ืองจากพระราชบัญญัติตํารวจแหงชาติฯ มาตรา ๖ ไดกาํ หนดอํานาจหนาที่
เอาไว กลาวคอื มีอํานาจหนา ทีป่ องกันและปราบปรามความผิดอาญา (มาตรา ๖ (๓)) ตลอดจนรกั ษา
ความสงบเรยี บรอ ยและความปลอดภยั ของประชาชน และความมน่ั คงของราชอาณาจกั ร (มาตรา ๖ (๔))
จึงแสดงใหเห็นไดวา เจาพนักงานตาํ รวจมีอํานาจจับไดท่ัวราชอาณาจักร ซ่ึงในกรณีดังกลาวไดมี
คําพิพากษาฎกี ายืนยันอาํ นาจจบั ของเจา พนักงานตํารวจ
μÑÇÍ‹ҧคํา¾¾Ô Ò¡ÉÒÈÒÅ®¡Õ Ò
คํา¾¾Ô Ò¡ÉÒ®¡Õ Ò·èÕ ñòôõ/òõðò จําเลยท่ี ๑ เปนเจา พนักงานตํารวจมอี ํานาจจับกมุ
ผูกระทาํ ความผิด สวนอํานาจหนาท่ีของพลตาํ รวจ จันดา จาํ เลยน้ันปรากฏจากคําเบิกความของ
นายพันตํารวจโท มนู เศวตวรรณ ผูกาํ กับการตํารวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม ซ่ึงศาลลางไดฟงมาวา
พลตาํ รวจภูธรประจาํ กองตาํ รวจภูธรจังหวัดมีอาํ นาจสืบสวนจับกุมผูกระทําความผิดในเขตจังหวัด
แมใ นทางปฏิบตั กิ รมตํารวจไดวางระเบยี บไวว า จะตองมีคาํ สั่งจากผบู ังคบั บญั ชาต้ังแตชัน้ ผูบงั คบั กอง
ขึ้นไป พลตํารวจจึงจะออกไปสืบสวนจับกุมผูกระทาํ ผิดไดก็ดี แตก็ยังมีคําสั่งกระทรวงมหาดไทยไววา
พลตํารวจภูธรไปปรากฏตัว ณ ท่ีใด แมจะเปนที่นอกเขตอํานาจของพลตาํ รวจผูนั้น ถาปรากฏวามี
ผกู ระทําผดิ ซง่ึ หนา พลตํารวจภธู รผนู น้ั กม็ อี ํานาจจบั กมุ ได ศาลฎกี าจงึ เหน็ การกระทาํ ของพลตํารวจจนั ดา
จาํ เลยดงั กลา วเปน การกระทาํ ของเจา พนกั งานผใู ชอ าํ นาจในตําแหนง โดยมชิ อบ ขม ขนื ใจใหน ายบญุ ศรี
กับพวกมอบปลาใหเ ปนประโยชนแกตน

๑๑๕

คาํ ¾Ô¾Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·èÕ ñòõù/òõôò แมจาสบิ ตํารวจ ส. เปน เจา พนักงานตํารวจประจํา
สถานีตาํ รวจนครบาลบางขุนเทียนกต็ ามแต ป.ว.ิ อาญา มาตรา ๒ (๑๖) จา สิบตาํ รวจ ส. มอี ํานาจและ
หนาที่ในการรักษาความสงบเรียบรอยของประชาชนทําการจับกุมปราบปรามผูกระทาํ ผิดกฎหมายได
และยงั มอี าํ นาจทําการสบื สวนคดีอาญาไดต าม ป.ว.ิ อาญา มาตรา ๑๗ อํานาจจบั กุมผูกระทาํ ผิดและ
สืบสวนคดีอาญาดังกลาวนี้ ไมมีบทบัญญัติกฎหมายใดจํากัดใหปฏิบัติหนาท่ีไดเฉพาะในเขตของท่ี
ที่เจาพนักงานตาํ รวจผูนั้นประจําการอยูเทาน้ัน เจาพนักงานตํารวจดังกลาว จึงมีอํานาจจับกุม
ผกู ระทําผดิ และสืบสวนคดีอาญาไดท่ัวราชอาณาจักร

คํา¾¾Ô Ò¡ÉÒ®¡Õ Ò·èÕ ööòù/òõõö ความผดิ ของจาํ เลยท่กี ระทําตอโจทกรวมไดเสรจ็ ส้นิ
ลงแลวมิไดปรากฏการกระทําความผิดซึ่งหนาตอผูเสียหายท่ี ๒ และจาํ เลยไดกลับไปบานแลว
จึงไมใชความผิดซ่ึงหนา ซ่ึงดาบตาํ รวจ ณ. ผูเสียหายท่ี ๒ เห็นจําเลยกําลังกระทาํ หรือพบในอาการ
ซ่ึงแทบจะไมม คี วามสงสัยเลยวา กระทาํ ความผิดมาแลวสดๆ อนั จะเปนความผดิ ซ่งึ หนา ผเู สียหายที่ ๒
จะจับจาํ เลยไดโดยไมมีหมายจับ และไมเขาขอยกเวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
มาตรา ๗๘ การที่ผูเสียหายที่ ๒ ติดตามไปจับกุมจาํ เลยท่ีบานโดยไมมีหมายจับเปนการเขาจับกุม
โดยไมมีอํานาจและถอื ไมไ ดวา ผเู สียหายท่ี ๒ ปฏบิ ตั ิการตามหนา ทโ่ี ดยชอบ การท่ีจาํ เลยกลา วถอยคํา
ดาผูเสียหายท่ี ๒ วา “ไอเห้ียไอสัตว” ถึงแมจะเปนการดูหมิ่นเหยียดหยามและทําใหผูเสียหายที่ ๒
ไดร บั ความอับอายกต็ าม การกระทาํ ของจําเลยก็ไมเ ปนความผิดฐานดหู ม่ินเจา พนักงานซึ่งกระทาํ การ
ตามหนาทห่ี รือเพราะไดกระทําการตามหนาที่ แตเ ปนการดูหม่ินผูเสียหายท่ี ๒ ซ่ึงหนา ในฐานะบคุ คล
ธรรมดาตามประมวลกฎหมายอาญาตาม ๓๙๓ ซึ่งเปนบทท่ัวไปและยังคงถือวาอยูในความประสงค
ของโจทกท จี่ ะขอใหล งโทษจําเลย

õ.ô.ò ¢ÍŒ จํา¡´Ñ ã¹àÃ×èͧʶҹ·èÕ
เนอื่ งดว ยการจบั กมุ นน้ั เปน การละเมดิ สทิ ธพิ นื้ ฐานของบคุ คล ดงั นนั้ จงึ ตอ งมกี าร

ระมดั ระวงั ในการใชอ าํ นาจเปน อยา งมาก นอกจากทก่ี ลา วมาขา งตน เกย่ี วกบั การจบั ทจ่ี ะตอ งมหี มายจบั
หรือกรณีจําเปนซึ่งกฎหมายกําหนดเปนขอยกเวนใหจับไดโดยไมตองมีหมายจับดังที่ไดระบุใน
มาตรา ๗๘ และในการจบั บคุ คลนน้ั ไมว า จะมหี มายจบั หรอื จบั โดยไมม หี มายจบั เพราะเหตเุ ขา ขอ ยกเวน
กต็ าม แตก ฎหมายยงั กําหนดËÒŒ ÁÁãÔ Ë¨Œ ºÑ º¤Ø ¤ÅÀÒÂã¹Ê¶Ò¹·Õºè Ò§áË‹§ ดงั ที่บญั ญัตไิ วใ นมาตรา ๘๑
และ ๘๑/๑ กลาวคือ

๑) ËÒŒ Á¨Ñºã¹·ÃèÕ âË°Ò¹
มาตรา ๘๑ “ไมวาจะมีหมายจับหรือไมก็ตาม หามมิใหจับในที่รโหฐาน

เวนแตจ ะไดทาํ ตามบทบัญญัตใิ นประมวลกฎหมายนี้ อนั วา ดว ยการคนในที่รโหฐาน”
จากมาตราดังกลาวจะเห็นไดวา ¡ÒèѺºØ¤¤Åã¹·ÕèÃâË°Ò¹ ไมวาจะเปน

การจบั ตามหมายจบั หรอื จะเปน การจบั โดยอาศยั ขอ ยกเวน ตามมาตรา ๗๘ กต็ าม ÂÍ‹ Á¨Ð¡ÃÐทาํ äÁä‹ ´Œ
àÇŒ¹á싨ÐÁÕËÁÒ¤¹Œ ËÃÍ× ÁÕàËμàØ ¢ŒÒ¤¹Œ ä´âŒ ´ÂäÁμ‹ ŒÍ§ÁÕËÁÒ¤Œ¹μÒÁÁÒμÃÒ ùò ทั้งนี้ ดวยเหตุผลที่

๑๑๖

วาการทจ่ี ะเขา ไปจบั บคุ คลในทร่ี โหฐานนัน้ เทา กบั วาเปนการเขา ไปคน หาตวั บุคคลไปดว ย เพราะเปน
การเขาไปในท่ีรโหฐานเพื่อหาตัวบุคคลตามความหมายมาตรา ๕๗ วรรคแรก จึงจําตองพิจารณา
ถงึ อาํ นาจในการคน ควบคกู นั ไปกบั อาํ นาจจบั ดว ย จะพจิ ารณาเฉพาะอาํ นาจจบั อยา งเดยี วหาเพยี งพอไม
μÑÇÍ‹ҧคํา¾¾Ô Ò¡ÉÒÈÒŮաÒ

คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·èÕ ö÷õ/òôøó วาคําวินิจฉัยเร่ืองจับในท่ีรโหฐาน ตองพิจารณา
อยา งเรือ่ งการคน คละไปดว ย

ÊûØ

การจะจบั บคุ คลใดในทรี่ โหฐาน จะตอ งปฏบิ ตั ติ ามขน้ั ตอนในเรอ่ื งการคน ในทรี่ โหฐานดว ย
ซ่ึงในสว นท่เี กยี่ วขอ งกับการจับกุมบคุ คล มดี ังน้ี

(๑) บคุ คลทจี่ ะถกู จบั นนั้ ไดม กี ารออกหมายจบั ไวแ ลว และไดม หี มายคน เพอ่ื พบตวั บคุ คล
ตามหมายจับน้นั

(๒) บุคคลท่ีจะถูกจับน้ันไดมีการออกหมายจับไวแลว และบุคคลดังกลาวเปน਌ҺŒÒ¹
(รวมถึงคูสมรสของเจา บาน)
μÇÑ ÍÂÒ‹ §คาํ ¾Ô¾Ò¡ÉÒÈÒŮաÒ

คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·èÕ ñðóõ/òõóö ÇÔ¹Ô¨©ÑÂäÇŒÇ‹Ò คําวา “਌ҺŒÒ¹” หมายความถึง
ผเู ปน หวั หนา ของบคุ คลทพ่ี กั อาศยั อยใู นบา นหลงั นน้ั และรวมตลอดถงึ คสู มรสของผเู ปน หวั หนา เทา นน้ั
เพราะบคุ คลดงั กลา วเปน ผรู ับผิดชอบในการครอบครองบา นและปกครองผูอยูอาศยั ในบานหลังนัน้

(๓) บุคคลน้ันอาจถูกจับไดตามประมวลกฎหมายน้ี และมีพฤติการณที่ผูจับ
อาจเขา ไปในท่ีรโหฐานไดโดยไมตองมหี มายคน ตามนยั มาตรา ๙๒ (๑) - (๓) เชน มเี สียงรองใหชว ย
ดงั มาจากในทร่ี โหฐาน เจา พนกั งานมอี าํ นาจเขา ไปไดโ ดยไมต อ งมหี มายคน และเมอื่ พบตวั ผกู ระทาํ ผดิ
ซง่ึ หนา กส็ ามารถจับกมุ ตวั ได หรอื พบเห็นการกระทําผดิ ซง่ึ หนาในท่ีรโหฐาน เชน เลนการพนนั ในบา น
เจาพนักงานก็มีอํานาจเขาไปจับกุมไดโดยไมตองมีหมายคนและหมายจับ และถาเปนการไลติดตาม
ผกู ระทาํ ผดิ ซงึ่ หนา หลบหนเี ขา ไปในทร่ี โหฐาน เจา พนกั งานกม็ สี ทิ ธติ ดิ ตามเขา ไปจบั กมุ ในทรี่ โหฐานนนั้ ได

¢ÍŒ Êѧà¡μ
๑. หากเปน บคุ คลตามหมายจบั หลบหนเี ขา ไปในทร่ี โหฐาน จะตอ งไปขอหมายคน ไมม อี าํ นาจตดิ ตามเขา ไปจบั กมุ

อยางความผิดซง่ึ หนา
๒. กรณีราษฎรเปนผูจับ ÃÒɮùÑé¹äÁ‹ÁÕอํา¹Ò¨¨Ñºã¹·ÕèÃâË°Ò¹ แมวากําลังพบเห็นความผิดซึ่งหนา และเปน

ความผิดที่ระบไุ วใ นบญั ชีทา ยประมวลฯ กต็ าม เพราะราษฎรไมม อี ํานาจในการคน

๑๑๗

๒) ËŒÒÁ¨ºÑ ã¹¾ÃкÃÁÁËÒÃÒªÇ§Ñ ¾ÃÐÃÒªÇ§Ñ Ç§Ñ ¢Í§¾ÃкÃÁǧÈÒ¹ÇØ §È
ÁÒμÃÒ øñ/ñ ºÑÞÞÑμÔÇ‹Ò “ไมว า จะมีหมายจับหรือไมก็ตาม หามมิใหจับ

ในพระบรมมหาราชวัง พระราชวัง วังของรัชทายาทหรือของพระบรมวงศต้ังแตสมเด็จเจาฟาขึ้นไป
พระราชนเิ วศน พระตาํ หนกั หรอื ในทซ่ี งึ่ พระมหากษตั รยิ  พระราชนิ ี พระรชั ทายาท พระบรมวงศต ง้ั แต
สมเดจ็ เจา ฟา ขึน้ ไป หรอื ผูส าํ เร็จราชการแทนพระองค ประทับหรอื พํานกั เวน แต

(๑) นายกรฐั มนตรี หรอื รฐั มนตรซี ง่ึ นายกรฐั มนตรมี อบหมายอนญุ าตใหจ บั
และไดแจง เลขาธกิ ารพระราชวงั หรอื สมุหราชองครกั ษร บั ทราบแลว

(๒) เจา พนกั งานผถู วายหรอื ใหค วามปลอดภยั แดพ ระมหากษตั รยิ  พระราชนิ ี
พระรัชทายาท พระบรมวงศตั้งแตสมเด็จเจาฟาข้ึนไป หรือผูสําเร็จราชการแทนพระองค เปนผูจับ
ตามกฎหมายวา ดวยราชองครักษ หรือตามกฎหมาย กฎ หรอื ระเบยี บเก่ียวกับการใหความปลอดภัย”

¡Ã³¨Õ ºÑ ºØ¤¤ÅÀÒÂã¹¾ÃкÃÁÁËÒÃҪǧÑ
การจับในกรณมี าตรา ๘๑/๑ นี้ แยกเปน ๒ กรณคี ือ
๑. เขตทเ่ี ปน พระบรมมหาราชวงั พระราชวงั วงั ของรชั ทายาทหรอื พระบรมวงศ
ตั้งแตสมเด็จเจา ฟา ข้นึ ไป พระราชนิเวศน พระตาํ หนัก
๒. เขตหรอื สถานที่ ซง่ึ พระมหากษตั รยิ  พระราชนิ ี พระรชั ทายาท พระบรมวงศ
ตง้ั แตส มเดจ็ เจา ฟา ขนึ้ ไป ประทบั หรอื เขตทผ่ี สู าํ เรจ็ ราชการแทนพระองคพ าํ นกั อยู เชน บรเิ วณพลบั พลา
ท่ีประทับขณะทําพิธีแรกนาขวัญ ณ บริเวณสนามหลวง หรือบริเวณหองประทับรับรองระหวางท่ี
พระราชทานปริญญาของมหาวทิ ยาลัย เปน ตน
ดังนั้น การจะจับบุคคลภายในสถานที่ดังกลาว äÁ‹Ç‹Ò¨Ð໚¹¡ÒèѺμÒÁ
ËÁÒ¨ѺËÃ×Í¡ÒèѺâ´ÂäÁ‹μŒÍ§ÁÕËÁÒ¨Ѻà¾ÃÒÐà¢μࢌҢŒÍ¡àÇŒ¹μÒÁÁÒμÃÒ ÷ø ¡çμÒÁ
¨Ð¡ÃÐทาํ ÁäÔ ´Œ เวน แต ไดร บั อนญุ าตจากนายกรฐั มนตรหี รอื รฐั มนตรี ซง่ึ นายกรฐั มนตรมี อบหมายกอ น
และตอ งแจง เลขาธิการพระราชวังหรอื สมหุ ราชองครกั ษรบั ทราบกอน
ในกรณีท่ีเจาพนักงานตํารวจจะเขาจับกุมบุคคลในสถานท่ีดังกลาว จะตอง
ขออนุญาตจากนายกรัฐมนตรี เนื่องจาก สํานักนายกรัฐมนตรีเปนผูบังคับบัญชา สํานักงานตํารวจ
แหง ชาตอิ ยู

¢ŒÍ椄 à¡μ
๑. การจบั บคุ คลภายในสถานทต่ี ามมาตรา ๘๑/๑ น้ี เปน การจบั บคุ คลทว่ั ไปทอ่ี ยภู ายในเขตสถานทดี่ งั กลา วเทา นน้ั
๒. ถา จะจบั บคุ คลซ่งึ เปน “à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ÍÂÙ¶‹ ÇÒ¤ÇÒÁ»ÅÍ´ÀÑ” ตามพระราชบัญญตั ริ าชองครกั ษ พ.ศ.๒๔๘๐

ซ่ึงไดแกราชองครักษ สังกัดกรมราชองครักษ นั้นจะตองดําเนินการตามพระราชบัญญัติราชองครักษ พ.ศ.๒๔๘๐
มาตรา ๑๐, ๑๐ ทวิ และ ๑๐ ตรี ซึ่งี ใหอ าํ นาจแกส มหุ ราชองครักษ หรือเจา พนกั งานท่สี มหุ ราชองครักษแ ตงตงั้ ขนึ้ ใหบุคคล
ดงั กลาวมอี าํ นาจและหนาทเ่ี ชน เดยี วกับพนักงานฝายปกครองหรอื ตํารวจตามประมวลกฎหมายวิธีพจิ ารณาความอาญา

๓. เขตพระราชวังบางแหงที่ทรงพระกรุณาโปรดเกลาฯ ใหเปนท่ีμÑ駢ͧʶҹ·ÕèÃÒª¡Òà ÁÔä´ŒÍÂً㹤ÇÒÁ´ÙáÅ
¢Í§สํา¹Ñ¡¾ÃÐÃÒªÇѧ เชน วังสราญรมย วังสวนสุนันทา เปนตน เชนน้ี äÁ‹¶×ÍÇ‹Ò໚¹à¢μ¾ÃÐÃÒªÇѧตามความหมายของ
มาตรา ๘๑/๑

๑๑๘

¢ŒÍ¾Ö§ÃÐÇѧสาํ ËÃºÑ à¨ÒŒ ¾¹Ñ¡§Ò¹ตําÃǨ㹡ÒèѺ¡ÁØ

จะเห็นไดวาหลักเกณฑการจับกุมบุคคลท่ีประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาได
กําหนดไว เปนหลักเกณฑที่ใชกับบุคคลที่เกี่ยวกับการกระทําความผิดอาญาท่ัวไป แตอยางไรก็ตาม
มีบุคคลบางประเภทที่ไดมีกฎหมายบัญญัติเงื่อนไขไวเปนสําคัญ เชนนี้ เจาพนักงานตํารวจจะตองนํา
หลักเกณฑที่กฎหมายนัน้ ๆ มาใชบ ังคับ เชน

¡Ã³Õ¨Ñºà´ç¡ จะตองปฏิบัติตามหลักเกณฑท่ีกําหนดไวในพระราชบัญญัติศาลเยาวชน
และครอบครัว และวิธพี จิ ารณาคดีเยาวชนและครอบครัวฯ

¾ÃÐÃÒªºÞÑ ÞμÑ Ô
ÈÒÅàÂÒǪ¹áÅФÃͺ¤ÃÑÇáÅÐÇ¸Ô Õ¾Ô¨ÒóҤ´àÕ ÂÒǪ¹áÅФÃͺ¤ÃÇÑ

¾.È. òõõó

“เด็ก”๒ หมายความวา บุคคลซ่ึงมีอายุเกินกวาอายุที่กําหนดไวตามมาตรา ๗๓
แหงประมวลกฎหมายอาญา แตยังไมเ กนิ สิบหา ปบรบิ ูรณ

“เยาวชน” หมายความวา บคุ คลอายเุ กนิ สิบหา ปบริบรู ณ แตย ังไมถ ึงสบิ แปดปบรบิ รู ณ
ÁÒμÃÒ öö หามมิใหจับกุมเด็กซ่ึงตองหาวากระทําความผิด เวนแตเด็กนั้นไดกระทาํ
ความผดิ ซึ่งหนา หรอื มีหมายจบั หรือคําส่งั ของศาล
การจบั กมุ เยาวชนซงึ่ ตอ งหาวา กระทาํ ความผดิ ใหเ ปน ไปตามประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณา
ความอาญา
ÁÒμÃÒ öù ในการจบั กมุ เด็กหรอื เยาวชนซ่งึ ตอ งหาวา กระทําความผดิ ใหเจาพนกั งาน
ผจู บั แจง แกเ ดก็ หรอื เยาวชนนน้ั วา เขาตอ งถกู จบั และแจง ขอ กลา วหารวมทงั้ สทิ ธติ ามกฎหมายใหท ราบ
หากมีหมายจับใหแสดงตอผูถูกจับ แลวนําตัวผูถูกจับไปยังท่ีทาํ การของพนักงานสอบสวนแหงทองท่ี
ที่ถูกจับทันที เพื่อใหพนักงานสอบสวนของทองที่ดังกลาวสงตัวผูถูกจับไปยังที่ทําการของพนักงาน
สอบสวนผูร บั ผดิ ชอบโดยเรว็
ถาขณะจับกุมมีบิดา มารดา ผูปกครอง บุคคลหรือผูแทนองคการซ่ึงเด็กหรือเยาวชน
อาศยั อยดู ว ย อยดู ว ยในขณะนนั้ ใหเ จา พนกั งานผจู บั แจง เหตแุ หง การจบั ใหบ คุ คลดงั กลา วทราบ และใน
กรณคี วามผิดอาญา ซง่ึ มอี ัตราโทษอยา งสูงตามท่ีกฎหมายกาํ หนดไวใ หจ าํ คกุ ไมเกินหาป เจา พนกั งาน
ผูจับจะส่ังใหบุคคลดังกลาวเปนผูนําตัวเด็กหรือเยาวชนนั้นไปยังท่ีทําการของพนักงานสอบสวนตาม
วรรคหน่ึงก็ได แตถาในขณะนั้น ไมมีบุคคลดังกลาวอยูกับผูถูกจับ ใหเจาพนักงานผูจับแจงใหบุคคล
ดงั กลา วคนใดคนหนง่ึ ทราบถงึ การจบั กมุ ในโอกาสแรกเทา ทส่ี ามารถกระทําได และหากผถู กู จบั ประสงค
จะติดตอส่ือสารหรือปรึกษาหารือกับบุคคลเหลาน้ัน ซ่ึงไมเปนอุปสรรคตอการจับกุมและอยูในวิสัย
ทจ่ี ะดําเนนิ การได ใหเจาพนกั งานผูจ บั ดําเนนิ การใหตามควรแกก รณโี ดยไมชักชา

๑๑๙

ในการจบั กมุ และควบคมุ เดก็ หรอื เยาวชนตอ งกระทาํ โดยละมนุ ละมอ ม โดยคํานงึ ถงึ ศกั ดศ์ิ รี
ความเปน มนษุ ยแ ละไมเ ปน การประจานเดก็ หรอื เยาวชน และหา มมใิ หใ ชว ธิ กี ารควบคมุ เกนิ กวา ทจ่ี ําเปน
เพ่ือปองกันการหลบหนีหรือเพื่อความปลอดภัยของเด็กหรือเยาวชนผูถูกจับหรือบุคคลอื่น รวมท้ัง
มิใหใชเครื่องพันธนาการแกเด็กไมวากรณีใดๆ เวนแตมีความจาํ เปนอยางยิ่งอันมิอาจหลีกเล่ียงได
เพื่อปอ งกันการหลบหนหี รือเพือ่ ความปลอดภัยของเด็กผูถ ูกจับหรอื บุคคลอื่น

กอนสงตัวผูถูกจับใหพนักงานสอบสวนแหงทองที่ที่ถูกจับ ใหเจาพนักงานผูจับทาํ บันทึก
การจบั กมุ โดยแจง ขอกลาวหาและรายละเอียดเกีย่ วกบั เหตแุ หง การจบั ใหผูถูกจบั ทราบ ท้ังน้ี หามมิให
ถามคําใหก ารผถู กู จบั ถา ขณะทาํ บนั ทกึ ดงั กลา วมบี ดิ า มารดา ผปู กครอง หรอื บคุ คลหรอื ผแู ทนองคก าร
ซ่ึงเด็กหรือเยาวชนอาศัยอยูดวย อยูดวยในขณะน้ัน ตองกระทําตอหนาบุคคลดังกลาวและจะให
ลงลายมือช่ือเปนพยานดวยก็ได ถอยคาํ ของเด็กหรือเยาวชนในช้ันจับกุมมิใหศาลรับฟงเปนพยาน
เพอ่ื พสิ ูจนค วามผดิ ของเด็กหรอื เยาวชน แตศาลอาจนาํ มาฟงเปนคณุ แกเดก็ หรอื เยาวชนได

¡Ã³¡Õ ÒèºÑ º¤Ø ¤Å¼ÁŒÙ ¤Õ ÇÒÁ¼´Ô »¡μ·Ô Ò§¨μÔ กจ็ ะตอ งปฏบิ ตั ติ ามพระราชบญั ญตั สิ ขุ ภาพจติ ฯ
¡Ã³Õ¨Ñº·ËÒà จะตองปฏิบัติตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี วาดวย การปฏิบัติและ
ประสานงานกรณีทหารถกู หาวากระทาํ ความผิดอาญา พ.ศ.๒๕๔๔
¡Ã³¨Õ ºÑ μÇÑ á·¹·Ò§¡Ò÷μÙ จะตอ งปฏบิ ตั ติ ามพระราชบญั ญตั วิ า ดว ยเอกสทิ ธแ์ิ ละความคมุ กนั
ทางทูตฯ พระราชบัญญัติวาดวยเอกสิทธ์ิและความคุมกันของกงสุลฯ และอนุสัญญากรุงเวียนนา
วา ดวยความสมั พันธท างทูต ค.ศ.๑๙๖๑ ขอ ๒๒, ๒๙
¡Ã³Õ¨ÑºÊÁÒªÔ¡ÊÀҼٌ᷹ÃÒɮà หรือสมาชิกวุฒิสภาในระหวางสมัยประชุม จะตอง
ปฏิบตั ติ ามรฐั ธรรมนูญแหงราชอาณาจกั รไทยฯ มาตรา ๑๒๕

õ.õ ¢éѹμ͹»¯ºÔ ÑμÔ㹡ÒèѺ¡ØÁ

เนื่องจากประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาใหอํานาจในการจับกุมแกพนักงาน
ฝายปกครองหรือตํารวจ และใหอํานาจจับกุมแกราษฎรท่ีสามารถจับกุมผูกระทําความผิดซ่ึงหนาได
ในบางกรณี ดงั นน้ั จึงขอแยกขั้นตอนปฏิบัตใิ นการจบั กุมเปน ๒ กรณี กลาวคือ

õ.õ.ñ ¡Ã³Õà¨ÒŒ ¾¹Ñ¡§Ò¹à»š¹¼ÙŒ¨ºÑ
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ไดวางหลักเกณฑสําหรับการปฏิบัติ

สาํ หรับการเขา ทําการจับกมุ ซึ่งพอสรุปไดดังนี้
๑) ในการจบั นน้ั จะตอ งแจง แกผ ทู จี่ ะตอ งถกู จบั กมุ นน้ั วา à¢ÒμÍŒ §¶¡Ù ¨ºÑ แลว สง ให

ผูถูกจับนั้นไปยังที่ทําการของพนักงานสอบสวนทองท่ีท่ีถูกจับพรอมกับผูจับ แตถาสามารถนําตัว
ผถู กู จบั นนั้ ไปทท่ี าํ การของพนกั งานสอบสวนผรู บั ผดิ ชอบไดใ นขณะนนั้ กใ็ หน าํ ตวั ไป ณ ทที่ าํ การดงั กลา ว
และหากผูท่ีจบั นัน้ เห็นวาจําเปน ก็ใหจ ับตวั ไป (มาตรา ๘๓ วรรคแรก)

๑๒๐

๒) เจาพนักงานผูจับตองᨌ§¢ŒÍ¡Å‹ÒÇËÒใหผูถูกจับทราบ หากมีหมายจับก็ให
แสดงหมายจับน้นั ตอ ผูถูกจบั พรอมทง้ั ᨌ§ÊÔ·¸¢Ô ͧ¼¶ÙŒ Ù¡¨ºÑ ดงั นี้

ก) มสิี ิทธิท่จี ะไมใ หก ารหรอื ใหก ารกไ็ ด
ข) ถอ ยคําของผถู กู จบั นนั้ อาจใชเ ปน พยานหลกั ฐานในการพจิ ารณาคดไี ด
ค) ผถู กู จบั มสี ทิ ธทิ จี่ ะพบและปรกึ ษาทนายความหรอื ผซู ง่ึ จะเปน ทนายความ
๓) ถาผูถูกจับประสงคจะแจงญาติ หรือผูซ่ึงตนไววางใจทราบถึงการจับกุมท่ี
สามารถดําเนนิ การไดโ ดยสะดวก และไมเ ปน การขดั ขวางการจบั หรอื การควบคมุ ผถู กู จบั หรอื ทําใหเ กดิ
ความไมปลอดภยั แกบุคคลหนึ่งบคุ คลใด ก็ใหเจาพนกั งานอนุญาตใหผถู กู จบั ดาํ เนินการไดต ามสมควร
แกก รณี (กรณนี เี้ ปน เรอ่ื งทผ่ี ถู กู จบั รอ งขอ มใิ ชเ ปน การบงั คบั ใหเ จา พนกั งานผจู บั ตอ งแจง ใหท ราบ) ในกรณนี ใ้ี หเ จา พนกั งาน
ผูจ ับนัน้ บนั ทึกการจบั ดังกลา วไวด วย (มาตรา ๘๓ วรรคสอง)
คํา¾¾Ô Ò¡ÉÒÈÒŮաҷèÕ ñóùøõ/òõõó ป.ว.ิ อ. มาตรา ๘๓ วรรคสอง เปน
บทบัญญัติกําหนดใหเจาพนักงานผูจับตองแจงขอกลาวหาใหผูถูกจับทราบ ก็เพ่ือใหผูถูกจับทราบวา
การกระทาํ ของผถู กู จบั เปน ความผดิ และเพอ่ื ใหผ ถู กู จบั เขา ใจถงึ การกระทําของผถู กู จบั ซง่ึ เปน ความผดิ นน้ั
เพอ่ื ประโยชนใ นการใหการ ใหถ อยคาํ หรือตอ สูค ดี โดยเจาพนกั งานผจู ับไมจ าํ ตอ งแจง ขอหาความผดิ
ใหต รงกบั ทพ่ี นกั งานอยั การโจทกจ ะฟอ งผถู กู จบั เพราะคดยี งั ตอ งมกี ารสอบสวนตอ ไปวา ผถู กู จบั กระทํา
ความผิดหรอื ไม และกระทําความผิดฐานใด
คดนี ้ี แมบ นั ทกึ การจบั กมุ แจง ขอ หาวา จาํ เลยมเี มทแอมเฟตามนี ไวใ นครอบครอง
เมอื่ พนกั งานสอบสวนแจง ขอ หาแกจ ําเลยวา มเี มทแอมเฟตามนี ไวใ นครอบครองเพอื่ จําหนา ย ถอื วา มี
การสอบสวนในความผดิ ฐานดงั กลา วแลว โจทกจ งึ มอี าํ นาจฟอ ง เมอ่ื โจทกบ รรยายฟอ งวา จาํ เลยกระทํา
ความผดิ ฐานมเี มทแอมเฟตามนี ไวใ นครอบครองเพอื่ จําหนา ยและขอ เทจ็ จรงิ ฟง เปน ยตุ ขิ า งตน ศาลยอ ม
ลงโทษจาํ เลยในความผิดฐานมเี มทแอมเฟตามีนไวในครอบครองเพื่อจาํ หนายตามฟองได
๔) ถา บคุ คลซง่ึ จะถกู จบั ขดั ขวางหรอื จะขดั ขวางการจบั หรอื หลบหนหี รอื พยายาม
จะหลบหนี ผูจับมีอํานาจใชÇÔ¸ÕËÃ×Í¡Òû‡Í§¡Ñ¹·éѧËÅÒÂà·‹Ò·èÕàËÁÒÐÊÁá¡‹¾ÄμÔ¡Òóแหงเรื่องในการ
จบั นน้ั ได (มาตรา ๘๓ วรรคทา ย)
®¡Õ Ò·èÕ öùò/òõõ÷ กอ นทจ่ี าํ เลยจะใชม ดี แทงผเู สยี หายที่ ๒ จาํ เลยใชอ าวธุ มดี
แทงผเู สยี หายที่ ๑ และกาํ ลงั ขน้ึ รถจกั รยานยนตเ พอ่ื หลบหนี เมอื่ ผเู สยี หายท่ี ๒ มาถงึ และพบผเู สยี หาย
ท่ี ๑ ถกู แทง กบั เหน็ จาํ เลยถอื อาวธุ มดี นงั่ ครอ มรถจกั รยานยนต เปน กรณที ผ่ี เู สยี หายที่ ๒ พบการกระทํา
ความผิดตอผูเสียหายที่ ๑ โดยอาการซ่ึงแทบจะไมมีความสงสัยเลยวาจาํ เลยไดใชอาวุธมีดแทง
ผูเสียหายท่ี ๑ มาแลวสดๆ ถือวาการกระทําของจาํ เลยเปนความผิดซ่ึงหนาตอผูเสียหายท่ี ๒
ตามประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญามาตรา ๘๐ วรรคแรก ผเู สยี หายท่ี ๒ ในฐานะราษฎรยอ มมี
อํานาจจับจาํ เลยไดตามมาตรา ๗๙ การที่ผูเสียหายที่ ๒ กระโดดถีบจาํ เลยก็เพื่อหยุดยั้งมิใหจําเลย
กับพวกขับรถจกั รยานยนตห ลบหนีอนั เปน การกระทาํ เพื่อจบั จําเลย จาํ เลยไมมสี ิทธปิ องกันเพ่ือใหต น
พนจากการทจ่ี ะตอ งถกู จบั เมอื่ จําเลยใชอาวุธมดี แทงผูเสียหายที่ ๒ จนไดรับอันตรายสาหัส จงึ ไมใ ช
เปนการปอ งกันโดยชอบดวยกฎหมาย

๑๒๑

๕) เจา พนกั งานผทู าํ การจบั ตอ งเอาตวั ผถู กู จบั ไปยงั ทท่ี าํ การของพนกั งานสอบสวน
ทอ งท่ีท่รี ะบุไวใ นมาตรา ๘๓ และเมื่อถงึ ทีน่ ัน้ แลว ใหส งตวั ผถู กู จับแกพ นักงานตํารวจของทีท่ ําการของ
พนกั งานสอบสวนดังกลา ว เพ่อื ดําเนนิ การตอ ไป

การนาํ ตวั ผถู กู จบั ไปยงั ทท่ี าํ การของพนกั งานสอบสวน นอกจากมกี ารแจง ขอ กลา วหา
และรายละเอียดเกี่ยวกับเหตุแหงการจับใหผูถูกจับทราบ ถามีหมายจับใหแจงใหผูถูกจับทราบ
และอา นใหฟง และมอบสําเนาบนั ทึกการจบั แกผถู กู จับนน้ั (มาตรา ๘๔ (๑))

๖) ใหพ นกั งานตํารวจซงึ่ มผี นู าํ ผถู กู จบั มาสง (ผรู บั มอบตวั ) แจง ผถู กู จบั ใหท ราบ
ถงึ Ê·Ô ¸μÔ ÒÁÁÒμÃÒ ÷/ñ ã¹âÍ¡ÒÊáá กลา วคือ แจงใหเขาทราบวาเขามีสทิ ธิ ดงั น้ี

- มีสิทธิแจงหรือขอใหเจาพนักงานแจงใหญาติหรือผูซ่ึงใหถูกจับหรือ
ผตู อ งหาไวว างใจทราบถงึ การถูกจับกมุ สถานทีท่ ่ีถูกควบคมุ ในโอกาสแรก

- พบและปรกึ ษาผูซ่งึ จะเปน ทนายความเปน การเฉพาะตวั
- ใหทนายความหรือผูซ่ึงตนไววางใจเขาฟงการสอบปากคาํ ตนไดในช้ัน
สอบสวน
- ไดร บั การเยย่ี มหรอื ตดิ ตอกับญาตไิ ดตามสมควร
- ไดรับการรักษาพยาบาลโดยเรว็ เม่อื เกิดการเจ็บปว ย
รวมท้งั จัดใหผูถ ูกจับสามารถติดตอกับญาตหิ รือผูซ ง่ึ ตนไววางใจ เพือ่ แจง ให
ทราบถึงการจับกุมและสถานท่ีท่ีถูกควบคุมไดในโอกาสแรก เม่ือผูถูกจับมาถึงท่ีทาํ การของพนักงาน
สอบสวน
หรือถากรณีผูถูกจับรองขอใหพนักงานตํารวจเปนผูแจง ก็ใหจัดการ
ตามคาํ รองขอนั้นโดยเร็วและใหเจาพนักงานตํารวจบันทึกการที่ผูถูกจับไดแจงกับญาติหรือผูท่ีไววางใจ
หรือการไดจัดการแจงให (ทางปฏิบัติ พนักงานสอบสวนจะไดบันทึกใหปรากฏไวในบันทึกพนักงาน
สอบสวน) ในการนม้ี ใิ หเ รียกคาใชจ ายใดๆ จากผถู ูกจบั (มาตรา ๘๔ วรรคสอง)
๗) ในกรณีที่มีผูนําผูถูกจับมาสง และถาเปนการจับโดยมีหมายของศาล
ใหร บี ดําเนนิ การสง บคุ คลนนั้ มายงั ศาลทอ่ี อกหมายหรอื พนกั งานเจา หนา ทที่ กี่ ําหนดไวใ นหมายโดยดว น
แตถ า ไมอ าจสง ไปไดใ นขณะนนั้ เนอื่ งจากเปน เวลาทศี่ าลปด หรอื ใกลจ ะปด ทําการ ใหเ จา พนกั งานตํารวจ
ผรู บั ตวั ผถู กู จบั นน้ั มอี ํานาจปลอ ยตวั ชวั่ คราวหรอื ควบคมุ ผถู กู จบั ไวไ ดจ นกวา จะถงึ เวลาศาลเปด ทาํ การ
(มาตรา ๘๔/๑)
๘) ในกรณีจาํ เปนเจาพนักงานตาํ รวจซ่ึงทําการจับจะจัดการพยาบาลผูถูกจับ
กอ นนาํ ตัวมาสง พนักงานสอบสวนกไ็ ด (มาตรา ๘๔ วรรคสาม)
๙) เจาพนักงานผูรับตัวผูถูกจับไว มีอาํ นาจคนตัวผูตองหา และยึดสิ่งตางๆ
ทอี่ าจใชเปนพยานหลกั ฐานไวไ ด (ตามมาตรา ๘๕)

๑๒๒

๑๐) เมื่อเจาพนักงานตํารวจจับบุคคลตามหมายจับไดแลว ใหรายงานศาลท่ี
ออกหมายจับทราบโดยเร็วแตตองไมชากวา ๗ วัน นับแตวันจับ (ขอบังคับประธานศาลฎีกาวาดวย
หลกั เกณฑและวิธีการเก่ยี วกับการออกคาํ ส่งั หรือหมายอาญา ขอ ๒๓)

นอกจากวิธีจัดการตามหมายจับที่กําหนดไวในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
ความอาญาฯ แลว สํา¹Ñ¡§Ò¹ตาํ ÃǨáË‹§ªÒμÔä´ÁŒ Õคาํ Êèѧ㹡ÒÃกาํ ˹´á¹Ç·Ò§ã¹¡Òû¯ÔºÑμ§Ô Ò¹¢Í§
਌Ҿ¹¡Ñ §Ò¹ตําÃǨ·Õàè ¡ÕÂè Ç¢ŒÍ§¡ºÑ ¡ÒÃอํา¹Ç¤ÇÒÁÂØμ¸Ô ÃÃÁ㹤´ÍÕ ÒÞÒänj໹š ¡ÒÃ੾ÒÐ ¤Í×

คาํ ʧèÑ สาํ ¹¡Ñ §Ò¹ตาํ ÃǨá˧‹ ªÒμÔ ·Õè ôñù/òõõö àÃÍè× § ¡ÒÃอาํ ¹Ç¤ÇÒÁÂμØ ¸Ô ÃÃÁ
㹤´ÍÕ ÒÞÒ ¡ÒÃทาํ สาํ ¹Ç¹¡ÒÃÊͺÊǹáÅÐÁÒμáÒäǺ¤ÁØ μÃǨÊͺàç‹ Ã´Ñ ¡ÒÃÊͺÊǹ¤´ÍÕ ÒÞÒ
ลงวันท่ี ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ซงึ่ ไดกลาวถึงการจบั กมุ ไวในบทท่ี ๒ ซึ่งพอทีจ่ ะสรุปไดดังเปน แนวทาง
ปฏิบัติในการจับกุมตามคาํ สัง่ ตช. ท่ี ๔๑๙/๒๕๕๖ ดงั น้ี

๑) การจบั นนั้ เจา พนกั งานตาํ รวจตอ งᨧŒ ᡼‹ ·ŒÙ ¨Õè ж¡Ù ¨ºÑ ¹¹Ñé ÇÒ‹ à¢ÒμÍŒ §¶¡Ù ¨ºÑ
áÅŒÇส่ังใหผูถูกจับไปยังท่ีทําการของพนักงานสอบสวนแหงทองท่ีที่ถูกจับพรอมดวยผูจับทันที
เวน แตส ามารถนาํ ไปทท่ี าํ การพนกั งานสอบสวนผรู บั ผดิ ชอบไดใ นขณะนน้ั ใหน าํ ไปทที่ าํ การของพนกั งาน
สอบสวนผูรบั ผิดชอบนนั้ แตถ า จําเปน ก็ใหจับตัวไป (คําสงั่ ตร. ท่ี ๔๑๙/๒๕๕๖ ขอ ๓.๒)

๒) μŒÍ§á¨§Œ ¢ÍŒ ËÒใหผ ถู ูกจับทราบ หากมีหมายจบั ใหแสดงตอผูถ ูกจบั และแจง
ดวยวาผูถูกจับมีสิทธ์ิท่ีจะใหการหรือไมใหการก็ได หากใหการถอยคํานั้นอาจใชเปนพยานหลักฐาน
ในการพจิ ารณาคดไี ด และผถู กู จบั มสี ทิ ธท์ิ จ่ี ะพบและปรกึ ษาทนายความ หรอื ผซู งึ่ จะเปน ทนายความได
โดยใหเจาพนักงานตาํ รวจพูดขอ ความในลักษณะตอ ไปนี้

¡Ã³àÕ »¹š ¡ÒèºÑ â´ÂäÁ‹ÁÕËÁÒ¨ºÑ
“คณุ (ทา น) ถกู จบั แลว ในขอ หา................... คณุ (ทา น)มสี ทิ ธท์ิ จี่ ะใหก ารหรอื ไมใ หก ารกไ็ ด ถา คณุ (ทา น)ใหก ารถอ ยคาํ
นน้ั อาจใชเปนพยานหลักฐานในการพจิ ารณาคดีได คณุ (ทาน)มีสทิ ธิท์ ่ีจะพบและปรกึ ษาทนายหรอื ผซู ง่ึ จะเปนทนายความได”
¡Ã³àÕ »š¹¡ÒèѺâ´ÂÁËÕ ÁÒ¨ѺËÃÍ× คําʧÑè ¢Í§ÈÒÅ
“คุณ(ทาน) ถูกจับตามหมายจับของศาล..............ท่ี.............../๒๕...........ลงวันท่ี................ในขอหา
..............................................คุณ(ทาน)มสี ทิ ธิท์ ี่จะใหการหรือไมใ หก ารก็ได ถา คุณ(ทา น)ใหการถอยคํานน้ั อาจใชเปนพยาน
หลักฐานในการพิจารณาคดไี ด คุณ(ทา น)มสี ทิ ธทิ์ ีจ่ ะพบและปรึกษาทนายหรอื ผูซ งึ่ จะเปนทนายความได”

นอกจากน้ีใหเจาพนักงานผูจับºÑ¹·Ö¡à¡èÕÂǡѺ¡ÒÃᨌ§ÊÔ·¸Ôดังกลาวขางตนไว
㹺ѹ·¡Ö ¡ÒèºÑ ¡ØÁดวย โดยใหปรากฏขอความวา “ผูจ ับไดแ จงใหผ ูถ ูกจบั ทราบแลววา ทา นตอ งถกู จับ
ในขอหาดังกลาวและมีสิทธิท่ีจะใหการหรือไมใหการก็ได ใหการถอยคําน้ันอาจใชเปนพยานหลักฐาน
ในการพจิ ารณาคดไี ดแ ละมสี ทิ ธทิ์ จี่ ะพบและปรกึ ษาทนายความหรอื ผซู ง่ึ จะเปน ทนายความได” จากนนั้
จึงบันทกึ คาํ ใหการของผถู กู จับลงในบนั ทกึ การจบั (คําส่ัง ตร. ท่ี ๔๑๙/๒๕๕๖ ขอ ๓.๓)

๓) ถาผูถูกจับประสงคจะแจงใหญาติ หรือผูซ่ึงตนไววางใจทราบถึงการจับ
หากเปนการสะดวกและไมเปนการขัดขวางการจับหรือการควบคุมผูถูกจับหรือทําใหเกิดความไม

๑๒๓

ปลอดภัยแกบุคคลใดใหเจาพนักงานอนุญาตใหผูถูกจับดําเนินการไดตามสมควรแกกรณี (คําส่ัง ตร.

ที่ ๔๑๙/๒๕๕๖ ขอ ๓.๔)

๔) หากบุคคลซึ่งจะถูกจับขัดขวางหรือจะขัดขวางการจับ หรือหลบหนีหรือ
พยายามจะหลบหนี ผูทําการจับมีอํานาจใชวิธีหรือการปองกันที่เหมาะสมแกพฤติการณแหงเร่ืองใน
การจบั น้นั (คาํ สั่ง ตร. ท่ี ๔๑๙/๒๕๕๖ ขอ ๓.๕)

๕) เจา พนกั งานตาํ รวจหรอื ราษฎรผทู าํ การจบั ตอ งเอาตวั ผถู กู จบั ไปยงั ทที่ าํ การ
ของพนักงานสอบสวนแหงทองท่ีที่ถูกจับพรอมดวยผูจับ เวนแตสามารถนําไปที่ทําการของพนักงาน
สอบสวนผูรับผดิ ชอบไดในขณะนน้ั ใหนําไปทีท่ ําการของพนกั งานสอบสวนผูรับผดิ ชอบดงั กลา ว

กรณพี นกั งานสอบสวนแหงทองที่ทีถ่ ูกจบั เปนคนละทอ งท่ีกบั พนักงานสอบสวน
ผรู บั ผดิ ชอบ ใหห วั หนา หนว ยงานทมี่ อี าํ นาจสอบสวนแหง ทอ งทท่ี ถ่ี กู จบั รบี สง ตวั ผถู กู จบั ไปยงั พนกั งาน
สอบสวนทอ งทที่ ร่ี บั ผดิ ชอบโดยทนั ที และใหค าํ นงึ ถงึ ระยะเวลาในการควบคมุ ผถู กู จบั หรอื ผตู อ งหาดว ย

(คําสัง่ ตร. ที่ ๔๑๙/๒๕๕๖ ขอ ๓.๖)

๖) กรณีเจาพนักงานตํารวจเปนผูจับใหแจงขอหาและรายละเอียดเกี่ยวกับ
เหตุการณจับใหผูถูกจับทราบ ถามีหมายจับใหแจงใหผูถูกจับทราบและอานใหฟง โดยบันทึกไวใน
รายงานประจําวันเก่ียวกับคดีขอรับตัวผูถูกจับไวควบคุม โดยใหผูถูกจับลงลายมือช่ือรับทราบไว และ
มอบสําเนาบนั ทกึ การจบั กมุ แกผูถ ูกจับนั้น โดยใหผ ูถูกจบั ลงลายมอื ชือ่ รบั สาํ เนาไวในบนั ทึกการจับกมุ

(คําสง่ั ตร. ที่ ๔๑๙/๒๕๕๖ ขอ ๓.๗)

õ.õ.ò ¡Ã³ÃÕ ÒɮèѺ
เน่อื งจากประมวลกฎหมายวธิ ีพิจารณาความอาญามาตรา ๗๙ ไดใ หอํานาจแก

ราษฎรในการจับกุมได เม่ือเขาหลักเกณฑที่กฎหมายกําหนดดังที่กลาวมาแลวขางตนคือตองเปนการ
กระทําความผิดซึ่งหนาและความผิดน้ันจะตองเปนความผิดที่ระบุไวในบัญชีทายประมวลกฎหมาย
วิธีพิจารณาความอาญาและเมื่อราษฎรจับผูกระทําความผิดซ่ึงหนาไดแลวน้ัน ประมวลกฎหมาย
มาตรา ๘๓ ยงั ไดกาํ หนดหนาท่ีใหราษฎรผจู ับนน้ั ดําเนนิ การดังตอ ไปนี้

๑. μÍŒ §á¨§Œ ᡼‹ ·ŒÙ ¨èÕ Ð¶¡Ù ¨ºÑ ¹¹Ñé ÇÒ‹ à¢ÒμÍŒ §¶¡Ù ¨ºÑ แลว สง่ั ใหผ ถู กู จบั ไปยงั ทที่ าํ การ
ของพนกั งานสอบสวนแหง ทอ งทที่ ถ่ี กู จบั พรอ มกบั ผจู บั แตห ากสามารถนาํ ตวั ไปยงั ทที่ าํ การของพนกั งาน
สอบสวนผูร ับผิดชอบไดใ นขณะน้ันก็ใหน าํ ไป และหากจําเปน ก็ใหจบั ตัวไป (มาตรา ๘๓ วรรคแรก)

๒. ราษฎรผูจับตองเอาตัวผูถูกจับไปยังสถานท่ีท่ีทําการของพนักงานสอบสวน
ดงั กลาวตามมาตรา ๘๓ โดยทันที และเมอ่ื ถึงทน่ี ัน้ แลวใหÊ ‹§μÑǼŒÙ¶Ù¡¨ºÑ ãËጠ¡à‹ ¨ŒÒ¾¹¡Ñ §Ò¹μíÒÃǨของ
ท่ีทําการของพนักงานสอบสวนนน้ั

๓. ใหเจาพนักงานตํารวจซ่ึงรับมอบตัว ŧºÑ¹·Ö¡ªè×Í ÍÒªÕ¾ ·èÕÍÂÙ‹¢Í§¼ÙŒ¨Ñº
ÃÇÁ¶Ö§¢ŒÍ¤ÇÒÁáÅоÄμÔ¡ÒóáË‹§¡ÒèѺ¹Ñé¹äÇŒ และให¼ŒÙ¨ÑºÅ§ÅÒÂÁ×ͪ×èÍ¡íҡѺÃÇÁ·Ñé§á¨Œ§

๑๒๔

¢ÍŒ ¡ÅÒ‹ ÇËÒáÅÐÃÒÂÅÐàÍÂÕ ´á˧‹ ¡ÒèºÑ ã˼Œ ¶ÙŒ ¡Ù ¨ºÑ ·ÃÒºáÅÐᨧŒ ã˼Œ ¶ÙŒ ¡Ù ¨ºÑ ·ÃÒº´ÇŒ ÂÇÒ‹ ¼¶ŒÙ ¡Ù ¨ºÑ ÁÊÕ ·Ô ¸ìÔ
¨ÐäÁã‹ Ë¡Œ ÒÃËÃÍ× ãË¡Œ Òáäç ´áŒ Åж͌ ¤íҢͧ¼¶ÙŒ ¡Ù ¨ºÑ ÍÒ¨ãªàŒ »¹š ¾ÂÒ¹ËÅ¡Ñ °Ò¹ã¹¡Òþ¨Ô ÒóҤ´äÕ ´Œ
โดยบันทึกไวในบันทึกประจาํ วันเกี่ยวกับคดี ขอรับตัวผูถูกจับไวควบคุมและใหผูถูกจับลงลายมือชื่อ
รบั ทราบไว (มาตรา ๘๔ วรรคแรก (๒) และคําสั่ง ตร. ที่ ๔๑๙/๒๕๕๖ ขอ ๓.๘)

๔. ถา บคุ คลซง่ึ จะถกู จบั ขดั ขวางหรอื จะขดั ขวางการจบั หรอื หลบหนหี รอื พยายาม
จะหลบหนีผูทาํ การจับอาจมีอาํ ¹Ò¨ãªŒÇÔ¸ÕËÃ×Í¡Òû‡Í§¡Ñ¹·éѧËÅÒÂà·‹Ò·èÕàËÁÒÐÊÁá¡‹¾ÄμÔ¡Òó
á˧‹ àÃè×ͧในการจบั (มาตรา ๘๓ วรรคสาม)

๕. ในการจับนั้นราษฎรซึ่งทาํ การจับจะจัดการพยาบาลผูถูกจับเสียกอนนาํ ตัว
มาสงเจาพนกั งานตํารวจก็ได (มาตรา ๘๔ วรรคสาม)

õ.ö ¡ÒÃทาํ ºÑ¹·Ö¡¡ÒèѺ¡ÁØ

บันทึกการจับกุมเปนหลักฐานสาํ คัญอยางย่ิงตอการดาํ เนินคดี เพราะบันทึกการจับกุม
จะประกอบไปดวย วัน เวลา สถานที่ ในการจบั กุม ตลอดจนพฤตกิ ารณของผตู อ งหา หรือบุคคลทอี่ ยู
ในขณะเกดิ เหตุ คาํ ใหก ารของผตู อ งหา ของกลางทพ่ี บ ดงั นนั้ เจา พนกั งานตํารวจจะตอ งใหค วามสําคญั
กบั การบนั ทกึ การจบั กมุ นเ้ี ปนอยา งยิ่ง

ÊÒÃÐสาํ ¤ÞÑ ã¹º¹Ñ ·Ö¡¡ÒèºÑ ¡ÁØ

ดงั ทกี่ ลา วแลว ขา งตน ถงึ ความสาํ คญั ของบนั ทกึ การจบั กมุ ซงึ่ ในบนั ทกึ การจบั กมุ จะตอ งมี
สาระสาํ คัญ คอื

๑) บันทึกการจบั กุมเปน ไปตามแบบที่ ตร. ไดกําหนดไว (แบบ ส.๕๖ - ๒๗) สง่ิ สําคญั ยงิ่
ในการทําบันทึกการจับกุมคือ จะตองÃкØÃÒÂÅÐàÍÕ´áË‹§¾ÄμÔ¡Òó เน่ืองจากพนักงานสอบสวน
สามารถนําขอ เทจ็ จรงิ นนั้ กาํ หนดไวใ นสํานวนคดฟี อ งรอ งแกผ กู ระทาํ ความผดิ เพอ่ื ใหศ าลสามารถนําตวั
ผูกระทําความผิดน้นั มารบั โทษตามทีก่ ฎหมายกําหนดได

๒) ขอเท็จจริงท่ีระบุไวในบันทึกการจับกุมตองÊÍ´¤ÅŒÍ§à»š¹àËμØ໚¹¼Å ไมขัดตอ
ความเปน จรงิ เพราะหากผจู บั กมุ ระบขุ อ เทจ็ จรงิ หรอื พฤตกิ ารณไ มส มเหตสุ มผล อาจทําใหค ดเี สยี หายได
หรือหากใบบันทึกจับกุมบางสวนมีขอพิรุธ อาจสงผลใหบันทึกการจับกุมท้ังฉบับหมดความนาเช่ือถือ
ไปได และดว ยเหตอุ นั ควรสงสัยท่เี กดิ จากความบกพรองนี้ อาจสง ผลใหศ าลพจิ ารณาพพิ ากษายกฟอง
เพราะเหตดุ งั กลาวได

๓) ขอเทจ็ จริงทป่ี รากฏในบันทกึ จับกมุ จะตอ งÊÍ´¤ÅÍŒ §μç¡Ñºº¹Ñ ·¡Ö คําãËŒ¡Òà เพราะ
หากขัดแยงกนั ทาํ ใหเกดิ ขอ พิรธุ และสง ผลกระทบตอ การดาํ เนนิ คดี

๔) ผูที่ลงชื่อในบันทึกจับกุม¨ÐμŒÍ§à»š¹¼ŒÙ·èÕÁÕʋǹËÇÁ㹡ÒèѺ¡ØÁน้ัน เพราะจะทราบ
ขอ เทจ็ จรงิ หรอื พฤตกิ ารณท เี่ กดิ ขนึ้ ในขณะจบั กมุ สามารถเปน พยานในชน้ั ศาลได และจะทาํ ใหก ารเบกิ ความ
ของพยานสอดคลอ งกัน เพราะหากพยานคเู บิกความขัดแยง กนั ก็จะสง ผลใหศ าลยกฟองคดีนน้ั ได

๑๒๕

๕) ใหºÑ¹·Ö¡¶ŒÍÂคํา¢Í§¼ÙŒ¶Ù¡¨ÑºÍ‹ҧÅÐàÍÕ´ แมวาประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
ความอาญา มาตรา ๘๔ วรรคทา ย ทรี่ ะบไุ วว า ถอ ยคาํ รบั สารภาพของผถู กู จบั วา ตนไดก ระทาํ ความผดิ นนั้
กฎหมายหามมิใหรบั ฟง เปนพยานหลักฐานกต็ าม แตถ อยคําอน่ื ๆ ท่ีผูถกู จบั ไดก ลา วกบั เจา พนกั งาน
ผจู บั นนั้ เชน คาํ บอกกลา วถงึ เหตกุ ารณท เี่ กดิ ขน้ึ สงิ่ ทเ่ี กยี่ วขอ งเหลา นี้ ศาลจะรบั ฟง เปน พยานหลกั ฐาน
เพอื่ พิสูจนค วามผดิ ของผูถกู จับได แตจ ะตอ งมกี ารแจง สิทธแ์ิ กผถู ูกจับน้นั แลว (มาตรา ๘๔ วรรคทาย)

๖) บนั ทกึ การจบั กมุ ไมว า จะเขยี นดว ยหมกึ หรอื พมิ พก ต็ าม ถา Á·Õ ¼èÕ ´Ô ·ãÕè ´ ËÒŒ ÁÁãÔ Ë¢Œ ´Ù ź
แตใหขีดฆาคําผิดน้ันแลวเขียนใหม แลวใหเจาพนักงานผูแกไขน้ันลงนามยอรับรองไวขางกระดาษ
กรณถี อ ยคาํ ตกเตมิ เมื่อเติมขอ ความแลวเจา พนักงานผูเตมิ ขอความตองลงนามยอ กํากบั ไว

๗) สาระสําคัญที่ตองระบุในบันทึกการจับกุมน้ัน นอกจากสถานท่ีทําบันทึกการจับกุม
วนั เดอื นปท ที่ ําการจบั กมุ ชอ่ื ตําแหนง ผจู บั กมุ ชอื่ อายุ สญั ชาติ ภมู ลิ ําเนาของผถู กู จบั แลว สงิ่ ทสี่ ําคญั
คอื

๑. จะตอ งมขี อ ความท่รี ะบวุ าไดÁ¡Õ ÒÃᨌ§Ç‹Òà¢ÒμÍŒ §¶Ù¡¨Ñº ¢ŒÍ¡Å‹ÒÇËÒ áÅÐä´ÁŒ Õ
¡ÒÃᨧŒ ÊÔ·¸Ôìá¡ผ‹ ถู ูกจบั

๒. การกระทาํ ทงั้ หลาย ทีอ่ างวาผูถ กู จบั ไดก ระทาํ ความผิด
๓. วัน เดือน ป และเวลา ตลอดจนสถานท่ี ซ่งึ เกดิ การกระทําความผดิ และจบั กุม
๔. ถอ ยคาํ (คาํ ใหการ) ของผูถูกจบั
๕. ขอ เท็จจรงิ รายละเอียดท่เี ก่ียวขอ ง
๖. ของกลาง, พยานหลักฐาน
๗. การเขียนแผนท่เี กดิ เหต,ุ ภาพถา ยสถานทเี่ กิดเหตุ
๘. ลายมือชอื่ ผถู กู จบั ผจู บั ผูบนั ทึก และพยาน

๑๒๖

¢ÍŒ Êѧà¡μ
๑) ในการจบั กมุ ใชห ลกั เกณฑท ก่ี าํ หนดไวใ นประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา นอกจากน้ี ไดม คี าํ พพิ ากษา

ศาลฎกี าท่ไี ดว างหลักเกณฑในเร่ืองของการจับกมุ ไว กลา วคอื
(๑) การจบั แมจ ะเปน การ¨ºÑ º¤Ø ¤Åã¹·ÊÕè Ò¸ÒóР¡¨ç ÐμÍŒ §ÁËÕ ÁÒ¨ºÑ เวน แตจ ะเขา ขอ ยกเวน ตามประมวล

กฎหมายวิธพี จิ ารณาความอาญา มาตรา ๗๘
(๒) กรณมี ¼ี ¢ŒÙ Íã˨Œ ºÑ â´ÂᨧŒ ÇÒ‹ º¤Ø ¤Å¹¹Ñé ä´¡Œ ÃÐทาํ ¤ÇÒÁ¼´Ô áÅÐᨧŒ ´ÇŒ ÂÇÒ‹ ä´ÃŒ ÍŒ §·¡Ø ¢ä ÇμŒ ÒÁÃÐàºÂÕ º¹¹Ñé

äÁ‹à»š¹¢ŒÍ¡àÇŒ¹·èÕãËŒอํา¹Ò¨¾¹Ñ¡§Ò¹½†Ò»¡¤ÃͧËÃ×ÍตําÃǨ¨Ñºâ´ÂäÁ‹μŒÍ§ÁÕคําÊÑè§ËÃ×ÍËÁÒ¢ͧÈÒÅ เน่ืองจากมิใชกรณี
เปนความผิดซึง่ หนาหรอื มเี หตุจําเปนอยางอนื่ ท่ีใหจบั ได (บันทกึ สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา เรอ่ื งเสร็จที่ ๔๕๒/๒๕๔๖
(หารือปญ หาขอกฎหมายเดยี วกบั การจบั กมุ ฯ)) ดงั น้นั กรณดี ังกลา วจงึ จบั กมุ มไิ ด

(๓) การทาํ บันทกึ การจับกุมจะบนั ทึก ณ ทีเ่ กิดเหตุ หรอื สถานีตํารวจ ก็สามารถกระทําไดเพราะ¡®ËÁÒÂ
äÁ‹ä´ŒºÑ§¤ÑºÇ‹Ò ¨ÐμŒÍ§ทําºÑ¹·Ö¡¡ÒèѺ¡ØÁã¹Ê¶Ò¹·èÕ·èըѺ¡ØÁ การทําบันทึกการจับกุมที่สถานีตํารวจซึ่งกระทําในเวลา
ไลเ ลี่ยกัน จึงกระทําได (คาํ พิพากษาฎีกาที่ ๒๘๙๒/๒๕๓๖)

(๔) แมป ระมวลกฎหมายวิธีพจิ ารณาความอาญา มาตรา ๘๔ วรรคทา ย จะบญั ญตั มิ ใิ หน ําคาํ รับสารภาพ
น้ันจับกุมเปนพยานหลักฐานก็ตาม แต¢ŒÍ¤ÇÒÁÍ×蹫Öè§à»š¹¢ŒÍà·ç¨¨ÃÔ§·Õè»ÃÒ¡¯ã¹คําÃѺÊÒÃÀÒ¾ กฎหมายมิไดหามนํามา
รับฟงเสียทีเดียว ดังน้ัน ขอความหรือขอเท็จจริงใด ซ่ึงมิใชคํารับสารภาพวาเปนผูกระทําความผิด หากเจาพนักงานตํารวจ
ไดแจง สิทธใิ นขณะทผี่ นู ัน้ ถูกจบั แลว กฎหมายไมไ ดห ามมิใหรบั ฟง เสียทเี ดยี ว (คาํ พิพากษาฎีกาที่ ๑๒๘๐/๒๕๕๗)

(๕) ¡ÒÃäÁ‹á¨Œ§ÊÔ·¸Ôตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๗/๑ ทําãËŒºÑ¹·Ö¡¡ÒèѺ¡ØÁ
äÁÍ‹ Ò¨ÃѺ¿˜§ä´Œ (คาํ พิพากษาฎีกาที่ ๔๐๖๓/๒๕๔๙)

๒) บันทึกการจับกุมเปนสิ่งสําคัญอยางยิ่งตอการสอบสวนดําเนินคดี เพราะจะเปนสิ่งท่ีบงบอกวามีการ
กระทําความผดิ หรือไม ดงั น้ัน

(๑) ในบนั ทกึ การจบั กมุ จะตอ งŧÃÒÂÅÐàÍÂÕ ´á˧‹ ¾Äμ¡Ô Òóต า งๆ ทเ่ี กดิ ขน้ึ ขอ เทจ็ จรงิ ทเี่ จา พนกั งานตาํ รวจ
ผูเขา ทาํ การจบั กุมไดดําเนินการอะไรบาง เชน กอ นเขาทําการจบั กมุ ไดมกี ารเฝาสะกดรอยตดิ ตามผูกระทาํ ความผดิ มีการใช
สายลับเขา ไปสงั เกตการณเ กบ็ ขอมลู และไดข อเทจ็ จริงอยา งไรบาง

(๒) จะตองมีรายละเอียดท่ีแสดงใหเห็นวาผูกระทําความผิดนั้นä´Œ¡ÃÐทํา¡ÒÃáÅÐ㪌ÇÔ¸Õ¡ÒÃÍ‹ҧäÃบาง
ทเี่ ขา องคป ระกอบความผิด

(๓) มีÀÒ¾¶‹ÒÂáÅоÂÒ¹ËÅÑ¡°Ò¹ÍÐäÃบางท่ีสามารถนําไปในการยืนยันถึงการกระทําความผิด
ตลอดจนการทาํ แผนผงั แสดงใหเ หน็ ถงึ การเชอ่ื มโยงของผรู ว มกระทาํ ความผดิ วา ใครทาํ หนา ทอี่ ยา งไรในการทกี่ ระทาํ ความผดิ
ไดท าํ เปน ขบวนการ เพราะจะสามารถดาํ เนนิ คดกี บั ผกู ระทาํ ความผดิ ทกุ คนทเ่ี กยี่ วขอ งไดอ ยา งถกู ตอ งและในขอ หาทหี่ นกั ขน้ึ ได

(๔) ในกรณีผูเสียหายเปนเด็ก จะตองºÑ¹·Ö¡äÇŒãËŒªÑ´à¨¹Ç‹Òà´ç¡àÃèÔÁ¶Ù¡ÅÐàÁÔ´ËÃ×Ͷ١¡ÃÐทํา¤ÃÑé§áá
μéѧáμ‹àÁ×èÍäËË และ¤ÇÃนําคําÊÑÁÀÒɳ¢Í§¹Ñ¡¨ÔμÇÔ·ÂÒËÃ×͹ѡÊѧ¤ÁÇÔ·ÂÒ·ÕèࢌÒËÇÁÊÑÁÀÒɳà´ç¡¹Ñé¹ÁÒÃÇÁ¡Ñº
ºÑ¹·Ö¡¡ÒèѺ¡ØÁดวย เพ่ือยืนยันความชัดเจน กรณีไมชัดเจนเรื่องอายุเด็ก ควรจะตองบรรยายไวดวยวา จากการสังเกต
เรื่องพฤตกิ รรมการพูดคุย ลกั ษณะรูปราง มีเหตอุ นั ควรเชอ่ื ไดว า ผูเ สียหายอายตุ า่ํ กวา ๑๘ ป

๑๒๗

ป.จ.ว.ขอ...................เวลา.........................น.
คดีอาญาท่.ี ...................................................
บญั ชีของกลางลาํ ดับที่...................................

º¹Ñ ·¡Ö ¡ÒèѺ¡ØÁ

สถานทบ่ี นั ทกึ ............................................................................................................................................
วนั /เดอื น/ป ทบ่ี นั ทกึ ...................................................................................................................................
วนั /เดอื น/ป ทจ่ี บั กมุ ....................................................................................................................................
สถานทจ่ี บั กมุ ท.ี่ ....................................................................บา นเลขท.่ี ......................หม.ู .................
ตรอก/ซอย......................................แขวง/ตาํ บล.....................................เขต/อาํ เภอ..................................
จงั หวดั ...................................นามเจา พนกั งานตาํ รวจทท่ี าํ การจบั กมุ .....(ระบยุ ศ ชอ่ื นามสกลุ ตาํ แหนง
สังกดั ของเจา พนักงานตาํ รวจทีท่ ําการจบั กมุ ทุกคน).......................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
ไดร วมกันจบั กมุ ตวั .........................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
พรอ มดว ยของกลางม.ี ........................................................................................................................
........................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
(Ê õö - ò÷)

๑๒๘

(๒)
ตาํ แหนง ทพ่ี บของกลาง........................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
โดยกลา วหาวา .....................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................
พรอมทั้งแจง ใหผูถกู จบั ทราบดว ยวา

๑. ผถู กู จับมสี ิทธิทจ่ี ะไมใหการหรอื ใหการก็ได
๒. ถอยคําของผถู ูกจบั น้นั อาจใชเปน พยานหลกั ฐานในการพิจารณาคดไี ด
๓. ผูถ ูกจับมีสทิ ธิจะพบและปรึกษาทนายหรือผซู ง่ึ จะเปน ทนายความ
๔. ถาผูถูกจับประสงคจะแจงใหญาติ หรือผูซ่ึงตนไววางใจทราบถึงการจับกุมท่ีสามารถ
ดําเนินการไดโดยสะดวกและไมเปนการขัดขวางการจับหรือการควบคุมถูกจับ หรือทําใหเกิดความไม
ปลอดภยั แกบ คุ คลหนง่ึ บคุ คลใด เจา พนกั งานสามารถอนญุ าตใหผ ถู กู จบั ดาํ เนนิ การไดต ามสมควรแกก รณี
ขณะจบั กมุ ผถู กู จบั รบั ทราบขอ กลา วหา และสทิ ธขิ องผถู กู จบั ดงั กลา วขา งตน แลว และใหก าร..................
.............................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
เหตเุ กดิ ท.่ี ..............................................................................................................................................
เมอื่ วนั ท.ี่ ...................เดอื น...........................................พ.ศ. .................. เวลา............................น.
อนง่ึ ในการจบั กมุ ครงั้ นี้ เจา พนกั งานตาํ รวจผจู บั มไิ ดท าํ ใหท รพั ยส นิ ของผใู ดเสยี หาย สญู หาย
หรอื เส่ือมคา แตป ระการใด และมิไดท ําใหผ ูใดไดร ับอนั ตรายแกกาย หรือจิตใจแตอ ยา งใด
ไดอ านบันทึกน้ใี หผถู กู จับฟงแลว รับวา ถูกตอ ง จงึ ใหลงช่อื ไวเ ปนหลักฐาน

(Ê õö - ò÷) (ลงชื่อ) ........................................................ผถู ูกจบั
(ลงชือ่ ) ........................................................ผูถกู จับ
(ลงชอื่ ).........................................................ผจู ับ
ตําแหนง......................................................
(ลงชอ่ื ).........................................................ผูจบั
ตาํ แหนง ......................................................
(ลงช่ือ).........................................................ผูจบั /บนั ทกึ /อาน
ตําแหนง ......................................................

๑๒๙

ºÑ¹·¡Ö ¡ÒèѺ¡ÁØ ¼ÙŒμŒÍ§ËÒ·Õàè »š¹à´¡ç ËÃ×ÍàÂÒǪ¹

สถานท่ีทาํ บันทกึ
.............................................................................................................................................................
วัน/เดือน/ป ทบี่ ันทกึ
..........................................................................................................................................................
วนั /เดือน/ป ที่จับกมุ
............................................................................................................................................................
สถานที่จบั กมุ
.............................................................................................................................................................
เจาหนา ทีต่ าํ รวจผจู บั
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
ไดแ จง แกผทู ่ถี กู จับตามรายช่อื ขางลา งวา เขาตอ งถูกจบั
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
เจาหนา ท่ีตาํ รวจผูจับไดแ จง ขอกลาวหาใหผถู กู จบั ทราบวา
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
ไดแจงใหผ ูถกู จับ ทราบวา

๑. ผูถ ูกจบั มสี ิทธิท่จี ะไมใหก ารหรือใหการก็ได
๒. ถอยคาํ ของผูถ ูกจบั นัน้ อาจใชเปน พยานหลกั ฐานในการพิจารณาคดไี ด
๓. ผูถูกจบั มสี ทิ ธิจะพบและปรึกษาทนายหรอื ผซู ึ่งจะเปน ทนายความ
๔. ถาผูถูกจับประสงคจะแจงใหญาติ หรือผูซ่ึงตนไววางใจทราบถึงการจับกุมท่ีสามารถ
ดําเนินการไดโดยสะดวกและไมเปนการขัดขวางการจับหรือการควบคุมถูกจับ หรือทําใหเกิดความไม
ปลอดภัยแกบุคคลหนึ่งบุคคลใด เจาพนักงานสามารถอนุญาตใหผูถูกจับดําเนินการไดตามสมควร
แกกรณี

(ส ๕๖ - ๒๘)

๑๓๐

(๒)
ผถู ูกจับรับทราบสทิ ธิแลว ( ) ไมขอดําเนนิ การตามขอ ๔

( ) ขอดาํ เนินการตามขอ ๔ และไดดาํ เนนิ การเรยี บรอ ย
( ) ขอใหก ารรบั วาเปน บคุ คลตามหมายจบั และยงั ไมเ คยถกู ดาํ เนินคดีนี้มากอน
ในการจบั กมุ ผูต องหาคร้งั น้ี เจา หนาทต่ี ํารวจชดุ จบั กุมไดกระทําไปตามอํานาจและหนา ท่ี โดย

มหี มายจับ
มีคาํ สงั่ ศาล
กระทาํ ความผดิ ซึง่ หนา ดังไดบญั ญตั ไิ วใ นมาตรา ๘๐
มีพฤติการณอันควรสงสัยวาผูนั้นนาจะกอเหตุรายใหเกิดภยันตรายแก
บคุ คลหรอื ทรพั ยส นิ ของผอู น่ื โดยมเี ครอื่ งมอื อาวธุ หรอื วตั ถอุ ยา งอน่ื อนั สามารถอาจใชใ นการกระทําความผดิ
เมอื่ มเี หตทุ จ่ี ะออกหมายจบั บคุ คลนน้ั ตามมาตรา ๖๖ (๒) แตม คี วามจาํ เปน
เรงดว นทไี่ มอ าจขอใหศ าลออกหมายจบั บุคคลน้ันได
เปน การจบั กมุ ผตู อ งหาหรอื จําเลยทหี่ นหี รอื จะหลบหนใี นระหวา งถกู ปลอ ย
ชวั่ คราว ตามมาตรา ๑๑๗
การปฏบิ ัตขิ องเจา พนักงานผูจ ับตอเด็กหรือเยาวชนผูถกู จับ กระทาํ โดย (ม.๖๙)
แจงแกเดก็ หรือเยาวชนวา เขาตอ งถูกจบั
แจง ขอกลา วหารวมทง้ั สิทธติ ามกฎหมายใหทราบ
กรณมี ีหมายจบั ไดแสดงตอ ผูถ ูกจบั
นาํ ตัวไปยังทีท่ าํ การของพนักงานสอบสวนแหงทอ งท่ที ีถ่ กู จบั ทนั ที
แจง เหตแุ หง การจบั กมุ ใหบ ดิ า มารดา ผปู กครอง บคุ คลหรอื ผแู ทนองคก าร
ซ่งึ เด็กหรือเยาวชนอาศยั อยูดว ย กรณีอยูด วยในขณะจับกมุ / ในโอกาสแรกเทา ทส่ี ามารถทาํ ได
ทาํ บนั ทกึ การจบั กมุ โดยแจง ขอ กลา วหาและรายละเอยี ดเกยี่ วกบั เหตแุ หง การจบั ใหผ ถู กู จบั
ทราบ และไดกระทําตอหนา ผูปกครอง บุคคลหรือผแู ทนองคการซง่ึ เดก็ หรอื เยาวชนอยูด วย ในกรณี
ทีข่ ณะทําบันทึกมบี คุ คลดังกลา วอยดู วย
ในการจบั กมุ และควบคมุ ไดก ระทาํ โดยละมนุ ละมอ ม โดยคาํ นงึ ถงึ ศกั ดศิ์ รคี วามเปน มนษุ ย
และไมเ ปน การประจานมไิ ดใ ชว ธิ กี ารเกนิ กวา ทจ่ี าํ เปน เพอื่ ปอ งกนั การหลบหนหี รอื เพอ่ื ความปลอดภยั
ของเด็กหรือเยาวชนผถู กู จบั หรือบคุ คลอ่นื และมิไดใ ชเครื่องพันธนาการแกเ ดก็
เจาหนาที่ตํารวจผูจับไดอานบันทึกใหผูถูกจับฟงแลวและผูถูกจับไดอานดวยตนเองแลว
รบั วา ถกู ตอ งและไดม อบสาํ เนาบนั ทกึ การจบั กมุ ใหแ กผ ถู กู จบั เรยี บรอ ย จงึ ใหล งลายมอื ชอ่ื ไวเ ปน หลกั ฐาน

(ลงชื่อ)....................................................ผถู กู จบั
(ลงช่ือ) ...................................................ผปู กครอง (ถา ม)ี

(ลงช่ือ).............................................ผูจับกุม (ลงชือ่ )........................................ผูจับกุม
(ลงชอ่ื ).............................................ผูจบั กุม (ลงชอ่ื )........................................ผูจบั กุม
(ลงชอื่ ).............................................ผูจบั กมุ (ลงชอ่ื ).........................................ผจู บั กมุ /บนั ทกึ
(ส ๕๖ - ๒๘)

๑๓๑

μÑÇÍ‹ҧคํา¾Ô¾Ò¡ÉÒÈÒŮաÒ
¡ÒèѺ

ñ. ¡ÒÃᨌ§Ê·Ô ¸Ô
คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·Õè óðóñ/òõô÷ นายดาบตํารวจ ป. พบ ส. ผูตองหาซ่ึงมีการออก
หมายจับไวแลว นายดาบตํารวจ ป. ยอมมีอํานาจจับกุมตัวไดโดยไมตองมีหมายคน ตาม ป.วิ.อ.
มาตรา ๗๘(๓) เปน การปฏิบัติหนา ที่ โดยชอบดวยกฎหมาย
คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·èÕ ôðöó/òõôù เม่ือมีการจับกุมตัวจําเลยท้ังสามและแจงขอหาแก
จาํ เลยทง้ั สามแลว ไมป รากฏวา ไดม กี ารแจง สทิ ธใิ หจ าํ เลยทง้ั สามทราบ ตาม ป.ว.ิ อ. มาตรา ๗ ทวิ (เดมิ )
ซึ่งเปนบทบังคับใหผูจับมีหนาที่ตองแจงสิทธิใหผูตองหาทราบถึงสิทธิ รวม ๓ ประการ โดยเฉพาะ
ประการที่ ๑ คือพบและปรึกษาผูท่ีเปนทนายสองตอสอง ดังนั้น บันทึกการจับกุมของจําเลยทั้งสาม
จึงไมอ าจรับฟง ได
คาํ ¾¾Ô Ò¡ÉÒ®¡Õ Ò·Õè øñôø/òõõñ บนั ทกึ การจบั กมุ ทจี่ าํ เลยใหก ารรบั สารภาพนน้ั จบั กมุ
ไมมีขอความวาผูถูกจับมีสิทธิจะใหการหรือไมใหการก็ได กับไมมีขอความวาถอยคําของผูถูกจับน้ัน
อาจใชเ ปน พยานหลกั ฐานในการพิจารณาคดีได จึงไมอ าจอางเปน พยานหลกั ฐานได เพราะเปนพยาน
หลกั ฐานชนดิ ท่เี กิดขึ้น โดยไมช อบ
ò. ¡ÒÃนาํ μÇÑ ¼Œ¶Ù ¡Ù ¨ºÑ ä»Â§Ñ ·Õèทํา¡Òþ¹¡Ñ §Ò¹ÊͺÊǹ·Ñ¹·Õ
คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·Õè ôò÷÷/òõõõ ป.วิ.อ. มาตรา ๘๔ วรรคหน่ึง บัญญัติให
เจาพนักงานผูทําการจับตองเอาตัวผูถูกจับไปยังที่ทําการของพนักงานสอบสวนโดยทันที การท่ี
พยานโจทกกับพวกไมไดนํา ฉ. และจําเลยพรอมของกลางสงมอบแกพนักงานสอบสวนสถานี
ตํารวจภูธรเมืองชลบุรี ซ่ึงเปนทองท่ีเกิดเหตุในทันที แตกลับนํา ฉ. และจําเลยไปตรวจปสสาวะและ
สารเสพตดิ จากนัน้ นําไปที่สถานีตาํ รวจทางหลวง ๑ เขตลาดกระบงั กรงุ เทพมหานคร และควบคุมตวั
ไวท่ีสถานีตํารวจทางหลวง ๑ อีกหลายช่ัวโมง จึงไดนําบุคคลท้ัง ๒ ไปสงมอบแกพนักงาน
สอบสวนสถานีตํารวจภูธรเมืองชลบุรี โดยไมปรากฏเหตุผลและความจําเปนใดๆ ที่ตองทําเชนน้ัน
ถงึ แมว า เจา พนกั งานผจู บั กมุ จะอา งวา เพอ่ื ทาํ บนั ทกึ การจบั กมุ ทาํ ประวตั อิ าชญากรและสบื สวนขยายผล
ก็ตาม ก็เปนเหตุผลที่ฟงไมข้ึน ขัดตอ ป.วิ.อ. มาตรา ๘๔ วรรคหน่ึง สวนบันทึกการจับกุม
ที่ระบุวาจําเลยใหการรับสารภาพน้ันก็ไมสามารถนํามารับฟงเปนพยานหลักฐานไดตาม ป.วิ.อ.
มาตรา ๘๔ วรรคสุดทา ย

๑๓๒

ó. º¹Ñ ·Ö¡¡ÒèѺ¡ÁØ
คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·èÕ óñò/òõõõ ศาลไมไดรับฟงคําใหการรับสารภาพของจําเลย
ทงั้ สามวา ไดก ระทาํ ความผดิ ในชนั้ จบั กมุ มารบั ฟง ใหเ ปน ผลรา ยแกจ าํ เลยทงั้ สาม เพยี งแตร บั ฟง ถอ ยคาํ ๆ
ทป่ี ระกอบรายละเอยี ดของบนั ทกึ การจบั กมุ เกย่ี วกบั การตดิ ตอ นาํ เงนิ มาใชล อ ซอื้ เมทแอมเฟตามนี ของ
เจาพนักงานตาํ รวจเทา นัน้ ซงึ่ ไมมีกฎหมายหา มมิใหร บั ฟง
คาํ ¾Ô¾Ò¡ÉÒ®¡Õ Ò·Õè ñøôù/òõõõ แม ป.วิ.อ. มาตรา ๘๔ วรรคทาย จะบญั ญัติมิใหน ํา
คาํ รบั สารภาพชนั้ จบั กมุ เปน พยานหลกั ฐานกต็ าม แตข อ ความอนื่ ซง่ึ เปน ขอ เทจ็ จรงิ ทปี่ รากฏในคาํ ใหก าร
รับสารภาพน้ัน กฎหมายมิไดหามนํามารับฟงเสียทีเดียว มิฉะน้ันแลว คงไมตองทําบันทึกการจับกุม
และสอบถามคําใหก ารของผถู ูกจับไวตาม ป.ว.ิ อ. มาตรา ๘๔ วรรคสาม
คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·èÕ õùõ÷/òõõõ ถอยคําตามบันทึกการจับกุมท่ีวา มีการตรวจคน
พบธนบัตรท่ีใชลอซื้อและจําเลยรับวาเปนธนบัตรท่ีตนไดมาจากการจําหนายเมทแอมเฟตามีนจริง
กบั คาํ เบกิ ความของเจา หนา ทต่ี ํารวจผจู ับกมุ ท่ยี นื ยันวา จาํ เลยรับวาตนกัญชาตนเปนผปู ลูก เปนเพยี ง
ถอ ยคาํ อน่ื ทจ่ี าํ เลยใหไ วแ กเ จา พนกั งานตาํ รวจผจู บั กมุ มใิ ชค าํ รบั สารภาพในชนั้ จบั กมุ จาํ เลย เมอ่ื ปรากฏตาม
บนั ทกึ จบั กมุ วา เจา พนกั งานตาํ รวจผจู บั กมุ แจง สทิ ธแิ กจ าํ เลยครบถว นตาม ป.ว.ิ อ. มาตรา ๘๓ วรรคสอง
แลว การท่ีศาลอุทธรณภาค ๕ นําถอยคําอื่นของจําเลยมารับฟงเปนพยานหลักฐานในการพิสูจน
ความผดิ จาํ เลยในฐานความผิดดังกลา วได
คาํ ¾¾Ô Ò¡ÉÒ®¡Õ Ò·Õè ñòøð/òõõ÷ จาํ เลยทง้ั สองขบั รถหลบหนที นั ทที เ่ี หน็ เจา พนกั งานตาํ รวจ
จนถกู ตดิ ตามจบั กมุ ตวั ได พรอ มกบั มปี ระแจและคมี อนั เปน เครอื่ งมอื ทอี่ าจใชใ นการลกั รถจกั รยานยนตไ ด
โดยงา ย แลว รบั ในขณะนน้ั วา รว มกนั กอ เหตลุ กั รถจกั รยานยนตข องผเู สยี หายและของบคุ คลอนื่ อกี หลายราย
ในหลายทองที่แลวถอดแผนปายทะเบียนทิ้งบอนํ้าและนํารถจักรยานยนตไปขายใหรานขายของเกา
ในเขตอาํ เภอพานทองตามบนั ทกึ การจบั กมุ และเจา พนกั งานตาํ รวจยงั ตามไปตรวจยดึ ไดแ ผน ปา ยทะเบยี น
รถจกั รยานยนตข องผเู สยี หายในบอ นา้ํ ตามทจ่ี าํ เลยทง้ั สองนาํ ช้ี บนั ทกึ การจบั กมุ ดงั กลา วนอกจากเปน
ถอยคํารับสารภาพของจําเลยทั้งสองแลว ยังมีรายละเอียดเก่ียวกับสถานท่ีนําทรัพยท่ีลักไปขายและ
การนําช้ีจุดทิ้งแผนปายทะเบียนดวย อันเปนถอยคําอื่นท่ีอาจรับฟงเปนพยานหลักฐานในการพิสูจน
ความผดิ ของจาํ เลยทงั้ สองได ทง้ั ปรากฏวา เจา พนกั งานตาํ รวจแจง สทิ ธแิ กจ าํ เลยทงั้ สองกอ นทจี่ ะใหถ อ ยคาํ
ดงั กลา วแลว จงึ ไมต อ งหา มมใิ หร บั ฟง ตาม ป.ว.ิ อ. มาตรา ๘๔ วรรคทา ย นอกจากนใ้ี นชน้ั สอบสวนจาํ เลย
ทงั้ สองกใ็ หก ารรบั สารภาพมขี อ เทจ็ จรงิ อนั เปน รายละเอยี ดสอดคลอ งกบั พฤตกิ ารณแ หง การกระทาํ ความผดิ
ของจําเลยท้ังสอง โดยพนักงานสอบสวนไดแจงสิทธิของผูตองหาแกจําเลยท้ังสองทราบกอนใหการ
และจาํ เลยทงั้ สองลงลายมอื ชอ่ื ในบนั ทกึ คาํ ใหก ารนนั้ แลว จงึ รบั ฟง เปน พยานหลกั ฐานในการพสิ จู นค วามผดิ
ของจาํ เลยทัง้ สองไดต าม ป.ว.ิ อ. มาตรา ๑๓๔/๔ แมบันทกึ การจบั กุมและคาํ ใหการชน้ั สอบสวนเปน
พยานบอกเลา ซึ่งตอ งรับฟง ดวยความระมัดระวงั แตตามสภาพ ลกั ษณะ แหลงทีม่ า และขอ เทจ็ จริง
แวดลอมของบันทึกการจับกุมและคําใหการดังกลาวซึ่งตรงกับที่จําเลยท้ังสองนําช้ี และพบบนแผน

๑๓๓

ปายทะเบียนของกลาง นาเช่ือวาจะพิสูจนความจริงไดและมีคุณคาเชิงพิสูจนที่สามารถสนับสนุนให
คาํ เบกิ ความของพยานโจทกม คี วามนา เชอื่ ถอื มากขน้ึ จงึ มนี าํ้ หนกั รบั ฟง ได ตาม ป.ว.ิ อ. มาตรา ๒๒๖/๓
วรรคสอง (๑) และมาตรา ๒๒๗/๑

ô. ਌ҺŒÒ¹
คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·èÕ ñðóõ/òõóö คําวา เจาบาน ตาม ป.วิ.อาญา มาตรา ๙๒(๕)
หมายถึง ผูเปนหัวหนาของบุคคลท่ีอาศัยอยูในบานหลังน้ัน และรวมตลอดถึงคูสมรสของผูเปน
หัวหนาเทาน้ัน เพราะบุคคลดังกลาวเปนผูรับผิดในการครอบครองบานและปกครองผูอยูอาศัยใน
บานหลังน้ัน หาไดรวมถึงผูท่ีอยูในบานทุกคนไม ตามทะเบียนบานหลังเกิดเหตุ บ. บิดาจําเลยเปน
หัวหนา มีช่ือจําเลยอยูในฐานะเปนบุตร จําเลยจึงไมไดอยูในฐานะเปนเจาบานตาม ป.วิ.อาญา
มาตรา ๙๒(๕) การทผี่ เู สยี หายกบั พวกเขา ไปจบั กมุ จาํ เลยในบา นดงั กลา วตามหมายจบั แตไ มม หี มายคน
ทงั้ ผเู สยี หายกบั พวกมใิ ชต าํ รวจชนั้ ผใู หญท จี่ ะทาํ การคน โดยไมต อ งมหี มายคน จงึ เปน การจบั กมุ โดยมชิ อบตาม
ป.วิ.อาญา มาตรา ๘๑ และเปนการจับกุมโดยไมมีอํานาจ จําเลยจึงชอบท่ีจะปองกันสิทธิของตน
ใหพ น จากภยนั ตรายอนั เกดิ จากการจบั กมุ โดยมชิ อบเชน นน้ั ได หากจาํ เลยจะชกตอ ยผเู สยี หายจรงิ กเ็ ปน
การกระทําเพ่ือปองกันสิทธิของตนพอสมควรแกเหตุ และไมมีความผิดฐานตอสูขัดขวางเจาพนักงาน
ในการปฏิบัติการตามหนาทแ่ี ละทาํ รายรางกาย บ. บดิ าจาํ เลยเปนหัวหนา เปน เจาบาน ถา บ. ถูกออก
หมายจับแลว เจาพนักงานตาํ รวจไปพบ บ. ในที่รโหฐานซ่งึ เปน บา นของ บ. ซ่ึงเปนบคุ คลท่ีมหี มายจับ
ของศาลกส็ ามารถเขา ไปจบั ได เพราะผถู กู จบั เปน เจา บา นไมจ าํ ตอ งมหี มายคน แตค นถกู จบั เปน ลกู ของ
เจา บา นไมใ ชเ จา บา น เมอ่ื จาํ เลยทาํ รา ยรา งกายตอ เจา พนกั งานกเ็ ปน การกระทาํ เพอ่ื ปอ งกนั สทิ ธขิ องตน
พอสมควรแกเ หตุ แตไ มม คี วามผดิ ฐานตอ สขู ดั ขวางเจา พนกั งานในการปฏบิ ตั หิ นา ทแี่ ละทาํ รา ยรา งกาย

๑๓๔

õ.÷ ¡ÒäǺ¤ØÁ

ประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา มาตรา ๒ (๒๑) ไดใ หน ยิ าม
ควบคุม หมายความถึง “การควบคุมหรือกักขังผูถูกจับโดยพนักงานฝายปกครอง
หรอื ตาํ รวจ ในระหวา งสบื สวนและสอบสวน”
จะเหน็ ไดว า การควบคมุ เปนผลท่ีเกิดตามมาจากการจับกมุ เม่ือผถู กู จบั ตกอยใู นอาํ นาจ
ของเจา พนกั งานฝา ยปกครองหรอื ตาํ รวจแลว จะทาํ ใหผ ถู กู จบั นน้ั ถกู บน่ั ทอนอสิ รภาพในการเคลอื่ นไหว
หรือเคลื่อนยาย และเม่ือผูถูกจับถูกควบคุมตัวแลว อํานาจควบคุมน้ีจะมีผลตอเน่ืองไปจนกวาจะพน
กําหนดระยะเวลาที่กฎหมายอนุญาตใหทําการควบคุม หรือเมื่อผูถูกจับไดรับการปลอยช่ัวคราว
หรือศาลมีคาํ ส่ังขงั แทนการควบคมุ
¼ÙÁŒ Õอาํ ¹Ò¨¤Çº¤ØÁ
จากประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๘๓, ๘๔ น้ัน ทําใหเห็นไดวา
ผูมอี ํานาจในการควบคุมตวั ผถู ูกจบั ไดแ ก
- พนักงานฝายปกครองหรือตาํ รวจ
- ราษฎร ในกรณีที่ราษฎรมีอํานาจจับตามกฎหมาย ซึ่งจะตองนําตัวผูถูกจับมาสง
ใหก ับพนักงานฝา ยปกครองหรือตาํ รวจ
- พนักงานสอบสวน ซ่ึงเปนการควบคมุ ในระหวางทาํ การสอบสวน
õ.÷.ñ Ç¸Ô Õ¡ÒäǺ¤ÁØ

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๘๖ ไดระบุไวอยางชัดเจน
วา “หามมใิ หใ ชว ิธีควบคมุ ผถู กู จับเกนิ กวา ท่จี ําเปน เพ่ือปองกันมิใหเ ขาหนเี ทานนั้ ” และจากคําส่งั ตร.
ที่ ๔๑๙/๒๕๕๖ เรอ่ื ง การอาํ นวยความยตุ ธิ รรมในคดอี าญา การทาํ การสอบสวน และมาตรการควบคมุ
ตรวจสอบ เรงรดั การสอบสวนคดีอาญา ขอ ๔๓ ก็ไดร ะบุเชนเดียวกนั วา “หา มมิใหค วบคุมผถู กู จับไว
เกินกวาความจําเปนแกพฤติการณแหงคดี และใหพนักงานสอบสวนน้ันทราบถึงอํานาจการควบคุม
ของพนักงานสอบสวนและศาล”

เนอ่ื งจากการควบคมุ ตวั นน้ั เปน การจาํ กดั สทิ ธขิ น้ั พน้ื ฐานของบคุ คลในการมอี สิ รภาพ
ตอการเคลื่อนไหวหรือเคลื่อนท่ีอันกระทบตอสิทธิมนุษยชน แตเน่ืองจากมีเหตุการณท่ีบงช้ีวาบุคคล
ที่ถูกควบคุมตวั นัน้ อาจมสี ว นหรอื เกี่ยวของกับการกระทําความผดิ ซ่ึงหากปลอยปละละเลยกอ็ าจสง
ผลกระทบตอ ความสงบและเรียบรอยทางสงั คมได กฎหมายจงึ ตองใหอ าํ นาจแกเ จาพนักงานรัฐในการ
ท่ีจะควบคุมบุคคลที่ถูกจับนั้นได แตเปนการกําหนดในลักษณะทั่วไป คือ ਌Ҿ¹Ñ¡§Ò¹¼ÙŒ¤Çº¤ØÁ¹Ñé¹
¨ÐμŒÍ§¾Ô¨ÒóÒμÑ´ÊÔ¹ã¨Ç‹Ò¨Ð㪌ÇÔ¸Õ¡ÒäǺ¤ØÁÍ‹ҧã´äÁ‹ãËŒà¡Ô¹¡Ç‹Ò¤ÇÒÁจํา໚¹à¾×èÍ»‡Í§¡Ñ¹ÁÔãËŒ
¼ÙŒ¶Ù¡¨ÑºË¹Õ «è§Ö ¨ÐμŒÍ§¾Ô¨ÒóÒμÒÁ¢ŒÍà·ç¨¨Ã§Ô áÅÇŒ áμ¡‹ óæÕ ä»

๑๓๕

¢ŒÍ·àèÕ ¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹¼¤ŒÙ Ǻ¤ÁØ ¼Ù¨Œ ºÑ ¤ÇèÐ㪌¾Ô¨ÒÃ³Ò ¤Í×
๑) ควรจะตอ งนําพฤติการณทเี่ กิดข้ึนวา ผูถ กู จับมแี นวโนม ที่จะหลบหนีหรือไม
๒) ความผดิ ทผี่ ถู กู จับถูกกลาวหา
๓) ลักษณะรูปพรรณของผูถูกจับ
๔) โอกาสที่จะหลบหนีน้นั
มาเปน ขอ มลู ในการพจิ ารณาวา จะใชว ธิ กี ารในการควบคมุ ผถู กู จบั อยา งไร เพราะหาก
เจา พนักงานผูควบคุมนั้นใชวธิ ีการควบคุมทไ่ี มเหมาะสม อาจถูกดาํ เนนิ คดไี ดใ นภายหลัง
μÑÇÍ‹ҧคาํ ¾Ô¾Ò¡ÉÒÈÒŮաÒ
คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·Õè ÷ôô/òõðñ ในกรณีทกี่ ารควบคุมผตู องหา ผูควบคมุ ตอ งพิเคราะห
ไมใ ชว ธิ เี กนิ กวา ทจ่ี าํ เปน เพอ่ื ปอ งกนั มใิ หห นี หากใสก ญุ แจมอื ผตู อ งหา มใิ ชเ พอ่ื มใิ หห นแี ตเ พอื่ ใหไ ดอ าย
แมจ ะไมม เี จตนาแกลง อนั เปน การสว นตวั หากเพอื่ ปราบปรามเจา มอื สลากกนิ รวบ กเ็ ปน ความผดิ ตาม
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗
คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·èÕ øøù/òôøñ กรณีท่ีกํานันจับกุมลามโซขอมือบุคคลที่แสดงวาจา
ไมเคารพตอกํานันขณะท่ีกระทําการตามหนาที่ ซ่ึงกํานันเห็นวาเปนความผิดก็ตาม แตการท่ีกํานันใช
วิธีลามขอมือน้ัน เปนวิธีการควบคุมผูถูกจับเกินกวาความจําเปนเพื่อปองกันมิใหเขาหนี กํานันจึงมี
ความผิดตอ เสรีภาพได
อยางไรก็ตาม เมื่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๘๗ วรรคแรก
ไดกําหนดหลักเกณฑในเรื่องการควบคุมไวแตเพียงวา หามมิใหควบคุมผูถูกจับเกินกวาท่ีจําเปนตาม
พฤตกิ ารณแ หงคดี เมื่อพจิ ารณาจากบทบัญญตั มิ าตรา ๘๖, ๘๗ ¼ŒÙ¨Ñº¡ÁØ μÍŒ §ãªÇŒ ¨Ô ÒóÞҳ㹡ÒÃ
¤Çº¤ÁØ ãËŒàËÁÒÐÊÁ¡ºÑ ʶҹ¡Òóã¹¢³Ð¹Ñé¹
อยางไรก็ตาม หากมีการเทียบเคียงกับÃÐàºÕº¢ŒÒÃÒª¡Òý†ÒÂμØÅÒ¡ÒÃÈÒÅÂØμÔ¸ÃÃÁ
Ç‹Ò´ŒÇÂá¹Ç»¯ÔºÑμÔ㹡ÒÃÍÍ¡ËÁÒ¢ѧ㹤´ÕÍÒÞÒ ¾.È.òõôõ แมวาจะเปนกรณีที่ศาลจะ
ใชหลักเกณฑในการออกหมายขังก็ตาม แตในเร่ืองของการขังก็เปนเร่ืองของการจํากัดสิทธิ
ในการเคลอื่ นไหวของบคุ คลนน้ั เชน เดยี วกบั การควบคมุ เพยี งแตเ มอื่ การควบคมุ นนั้ อยใู นกระบวนการ
ชั้นศาลแลว จะเรียกวาเปนการขังและจากระเบียบดังกลาว ซึ่งไดกาํ หนดแนวทางปฏิบัติใหกับศาล
ไวในขอ ๑๑ ดังนี้
ขอ ๑๑ กอนออกหมายขงั จะตอง»ÃÒ¡¯¾ÂÒ¹ËÅÑ¡°Ò¹à¾ÂÕ §¾Í·è·Õ Òí ãËÈŒ ÒÅàªÍ×è ไดว า
๑๑.๑ ผตู อ งหาหรอื จาํ เลย¹Ò‹ ¨Ðä´¡Œ ÃзÒí ¤ÇÒÁ¼´Ô ÍÒÞÒÃÒŒ Âáçตามทก่ี ฎหมาย
บัญญัติ แตในระหวางที่ยังมิไดมีกฎหมายดังกลาว ก็ควรถือแนวปฏิบัติในการใชดุลพินิจของศาลวา
หมายถงึ ความผดิ ที่มีอตั ราโทษจําคกุ อยางสงู เกนิ สามป หรอื
๑๑.๒ ผูตองหาหรือจําเลยนาจะไดกระทําความผิดอาญา และมีàËμØÍѹ¤ÇÃ
àªÍè× ÇÒ‹ ¼Œ¹Ù é¹Ñ ¹Ò‹ ¨ÐËÅºË¹Õ ËÃÍ× ¨Ðä»ÂØ‹§àËÂÔ§¡Ñº¾ÂÒ¹ËÅÑ¡°Ò¹ ËÃ×Í¡‹ÍàËμÍØ ¹Ñ μÃÒ»ÃСÒÃÍè×¹

๑๓๖

ถาผูตองหาหรือจําเลยท่ีศาลจะออกหมายขังน้ันเปนผูซ่ึงศาลไดออกหมายจับไว
หรอื ตอ งขงั ตามหมายศาลอยแู ลว ไมว า จะมผี รู อ งขอหรอื ไมศ าลจะออกหมายขงั ผนู น้ั โดยไมต อ งไตส วน
ถึงเหตุแหงการออกหมายตามวรรคหน่ึงก็ได เวนแตมีผูกลาวอางหรือปรากฏตอศาลเองวาไมมีเหตุ
ทจี่ ะขงั ผูน้ันตอ ไป ก็ใหศ าลไตสวนหรือมคี ําสั่งไดต ามที่เห็นสมควร

ดงั นน้ั จากขอ กาํ หนดดงั กลา ว หากจะนาํ มาเทยี บเคยี งกบั เรอื่ งของการควบคมุ ผถู กู จบั นนั้
ผูจบั จะทาํ การควบคมุ ตวั ผูถูกจับไดมากนอยเพยี งใด ควรจะตองคาํ นึงวา

๑. ผตู อ งหาหรอื ผถู กู จบั นน้ั นา จะไดก ระทาํ ความผดิ อาญารา ยแรงตามทกี่ ฎหมายบญั ญตั ิ
มากนอยเพยี งใด

๒. ผูตองหาหรือผูถูกจับนั้น นาจะไดกระทําความผิดอาญาและมีเหตุอันควรเช่ือวา
เขาผูน้ันนา จะหลบหนหี รอื จะไปยุงเหยิงกับพยานหลกั ฐาน หรอื กอเหตอุ ันตรายประการอ่ืนหรือไม

¢ÍŒ Êѧà¡μ
ในประเทศสหราชอาณาจกั รอังกฤษ ในการพิจารณาวาผูถูกจับควรจะตองถูกควบคมุ ตัวไวท่ีสถานีตาํ รวจหรือควร

จะไดร ับอนญุ าตใหป ระกนั ตวั ไดห รือไม จะมีหลกั เกณฑในการพิจารณาดังนี้
๑. เพื่อเปนการรกั ษาพยานหลกั ฐานที่เกย่ี วของกับความผดิ
๒. เพ่ือตอ งการสอบปากคาํ เพ่มิ เติม

และหากเหน็ วา ควรจะตอ งมกี ารควบคมุ ตวั ผตู อ งหาไว ตามเงอื่ นไขทกี่ ฎหมายกาํ หนด และหากเหน็ วา ควรจะตอ งมกี ารควบคมุ
ตัวผูตองหาไว ตามเง่ือนไขที่กฎหมายกําหนด และเพ่ือทราบระยะเวลาท่ีกฎหมายกําหนดใหเจาพนักงานตํารวจควบคุมตัว
แลว และมีความจําเปนท่ีจะตองเอาตัวผูตองหาไวดูแลน้ัน จะตองเปนเร่ืองการขอหมายขัง ซ่ึงศาลอังกฤษจะออกหมายขัง
หรือไมน ั้น จะพจิ ารณาจาก

๑. ความผดิ ทผ่ี ูตอ งหากระทาํ เปน ความผดิ อกุ ฉกรรจห รือไม
๒. การควบคุมตัวผูตองหาไวตอไปจะเปนการปองกันพยานหลักฐานหรือเพื่อความจําเปนท่ีตองสอบปากคํา
เพ่มิ เตมิ หรือไม และ
๓. การสอบสวนไดกระทําจนเปน ที่พอใจของศาลหรอื ไม

(อดุ ม จิตธรรม, ๒๕๔๘)

ÊûØ

ดงั นน้ั พอจะกลา วไดโ ดยสรปุ วา การทเ่ี จา พนกั งานตาํ รวจจะควบคมุ ตวั ผถู กู จบั หรอื ไมน น้ั
ส่ิงท่ีเจาพนกั งานตํารวจจะตองตระหนักคอื

๑. จะตอ ง¾¨Ô ÒóҨҡ¾ÂÒ¹ËÅ¡Ñ °Ò¹àºÍé× §μ¹Œ ·ÊÕè ÒÁÒöº§‹ ªäÕé ´ËŒ ÃÍ× äÁว‹ า ผถู กู จบั เปน
ผกู ระทาํ ความผิด และความผดิ นั้นรายแรงมากนอยเพยี งใด

๒. มàี ËμÊØ Á¤Ç÷¨Õè ФǺ¤ÁØ μÇÑ à¢ÒËÃÍ× äÁ‹ เชน มพี ฤตกิ ารณว า จะหลบหนหี รอื ไปยงุ เหยงิ
กบั พยานหลกั ฐาน หรือกอ เหตุอนั ตรายประการอ่นื หรือไม

๓. หากเจาพนักงานตํารวจใชอํานาจในการควบคุมตัวโดยไมเหมาะสม อาจสงผลให
ถกู ฟอ งรองดาํ เนินคดีไดด งั กลา วมาแลวขางตน

๑๓๗

μÑÇÍ‹ҧคํา¾Ô¾Ò¡ÉÒÈÒŮաÒ
คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·èÕ óòö-óò÷/òõðõ วินิจฉัยวา ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา

ความอาญา มาตรา ๘๗ วางหลักเปนประกันสิทธิเสรีภาพไว ๒ ตอน ตอนตนจะควบคุมผูตองหา
เกนิ กวา จาํ เปน ตามพฤตกิ ารณแ หง คดไี มไ ด ตอนทสี่ องความจาํ เปน จะมเี พยี งใดกต็ าม กค็ วบคมุ เกนิ กวา
กาํ หนดเวลาดงั บญั ญตั ไิ วไ มไ ด เพราะฉะนน้ั ประกาศคณะปฏวิ ตั ิ ฉบบั ที่ ๑๒ ลงวนั ท่ี ๑๒ ตลุ าคม ๒๕๐๑
เปน การแกไ ขและขยายระยะเวลาขนั้ สงู ดงั กลา วในมาตรา ๘๗ แตไ มไ ดย กเลกิ หลกั ใหญข องมาตรา ๘๗
ที่ใหควบคุมผูตองหาไดเทาท่ีจําเปนเทาน้ัน ประกาศน้ีใหอํานาจควบคุมผูตองหาในกรณีทําผิดตอ
พระราชบญั ญตั คิ อมมวิ นสิ ตไ ดเ ทา ทจ่ี าํ เปน แกก ารสอบสวนเทา นน้ั ไมใ ชใ หค วบคมุ โดยไมม กี าํ หนดเวลา

คาํ ¾¾Ô Ò¡ÉÒ®¡Õ Ò·Õè òñóñ/òõòñ วนิ จิ ฉยั วา การทจ่ี ะควบคมุ บคุ คลทเี่ ปน ภยั ตอ สงั คมได
ตอ งมหี ลกั ฐานพอสมควรทจ่ี ะฟง วา มพี ฤตกิ ารณเ ชน น้ี มใิ ชเ พยี งหลกั ฐานเลอ่ื นลอยคลมุ เครอื เปน การ
ยนื ยนั หลกั การทวี่ า ตอ งมเี หตสุ มควรเชอื่ ไดว า กระทาํ ความผดิ และเหตสุ มควรเชอ่ื นต้ี อ งมพี ยานหลกั ฐาน
สนับสนุนเพยี งพอ

õ.÷.ò ÃÐÂÐàÇÅÒ㹡ÒäǺ¤ÁØ
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๘๗ ไดบัญญัติหลักเกณฑ

ในเร่ืองของระยะเวลาในการควบคมุ ไวดงั นี้
มาตรา ๘๗ “หามมิใหค วบคุมผถู ูกจบั ไวเ กนิ กวาจาํ เปนตามพฤตกิ ารณแหงคดี
ในกรณคี วามผดิ ลหโุ ทษ จะควบคมุ ผถู กู จบั ไวไ ดเ ทา เวลาทจี่ ะถามคาํ ใหก าร และ

ท่จี ะรูตวั วาเปนใครและท่อี ยขู องเขาอยูท ี่ไหนเทา นน้ั
ในกรณที ผี่ ถู กู จบั ไมไ ดร บั การปลอ ยชวั่ คราว และมเี หตจุ าํ เปน เพอื่ ทาํ การสอบสวน

หรอื การฟอ งคดี ใหน าํ ตวั ผถู กู จบั ไปศาลภายในสสี่ บิ แปดชวั่ โมงนบั แตเ วลาทผี่ ถู กู จบั ถกู นาํ ตวั ไปถงึ ทที่ าํ การ
ของพนกั งานสอบสวนตามมาตรา ๘๓ เวน แตม เี หตสุ ดุ วสิ ยั หรอื มเี หตจุ าํ เปน อยา งอน่ื อนั มอิ าจกา วลว ง
เสียได โดยใหพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการย่ืนคํารองตอศาลขอหมายขังผูตองหาน้ันไว
ใหศาลสอบถามผูตองหาวาจะมีขอคัดคานประการใดหรือไม และศาลอาจเรียกพนักงานสอบสวน
หรอื พนกั งานอยั การมาชแี้ จงเหตจุ าํ เปน หรอื อาจเรยี กพยานหลกั ฐานมาเพอื่ ประกอบการพจิ ารณากไ็ ด

ในกรณีความผิดอาญาที่ไดกระทําลงมีอัตราโทษจําคุกอยางสูงไมเกินหกเดือน
หรอื ปรับไมเกนิ หารอยบาท หรอื ทง้ั จําทง้ั ปรับ ศาลมอี าํ นาจสง่ั ขังไดค รัง้ เดยี ว มีกาํ หนดไมเกนิ เจด็ วัน

ในกรณคี วามผดิ อาญาทมี่ อี ตั ราโทษจาํ คกุ อยา งสงู เกนิ กวา หกเดอื นแตไ มถ งึ สบิ ป
หรอื ปรบั เกนิ กวา หา รอ ยบาท หรอื ทง้ั จาํ ทง้ั ปรบั ศาลมอี าํ นาจสงั่ ขงั หลายครงั้ ตดิ ๆ กนั ได แตค รงั้ หนง่ึ ตอ ง
ไมเ กินสบิ สองวัน และรวมกันทั้งหมดตอ งไมเ กนิ ส่ีสบิ แปดวัน

ในกรณคี วามผดิ อาญาทมี่ อี ตั ราโทษจาํ คกุ อยา งสงู ตงั้ แตส บิ ปข น้ึ ไป จะมโี ทษปรบั ดว ย
หรือไมกต็ าม ศาลมีอํานาจสัง่ ขังหลายครั้งติดๆ กนั ได แตค รง้ั หนึ่งตองไมเกินสบิ สองวนั และรวมกัน
ท้ังหมดตอ งไมเกนิ แปดสบิ สว่ี ัน

๑๓๘

ในกรณีตามวรรคหก เมื่อศาลสั่งขังครบส่ีสิบแปดวันแลว หากพนักงานอัยการ
หรือพนักงานสอบสวนย่ืนคํารองขอตอศาลเพ่ือขอขังตอไปอีกโดยอางเหตุจําเปน ศาลจะสั่งขังตอไป
ไดตอเม่ือพนักงานอัยการหรือพนักงานสอบสวนไดแสดงถึงเหตุจําเปน และนําพยานหลักฐานมาให
ศาลไตส วนจนเปนท่พี อใจแกศ าล

ในการไตสวนตามวรรคสามและวรรคเจ็ด ผูตองหามีสิทธิแตงทนายความ
เพือ่ แถลงขอ คัดคาน และซกั ถามพยาน ถาผตู องหาไมมีทนายความเนือ่ งจากยังไมไดม กี ารปฏิบัติตาม
มาตรา ๑๓๔/๑ และผตู อ งหารอ งขอใหศ าลตงั้ ทนายความให โดยทนายความนนั้ มสี ทิ ธไิ ดร บั เงนิ รางวลั
และคา ใชจ ายตามท่กี าํ หนดไวในมาตรา ๑๓๔/๑ วรรคสาม โดยอนโุ ลม

ถา พนกั งานสอบสวนตอ งไปทาํ การสอบสวนในทอ งทอี่ น่ื นอกเขตของศาลซง่ึ ไดส ง่ั ขงั
ผตู อ งหาไว พนกั งานสอบสวนจะยน่ื คาํ รอ งขอใหโ อนการขงั ไปยงั ศาลในทอ งทที่ จี่ ะตอ งไปทาํ การสอบสวน
นัน้ ก็ได เม่ือศาลทส่ี ่ังขงั ไวเปน การสมควรกใ็ หส่ังโอนไป”

จากบทบัญญัติมาตรา ๘๗ น้ัน ไดวางหลักเกณฑเรื่องของระยะเวลาในการควบคุม
ผูถูกจับ ซึง่ พอสรุปไดดงั นี้

๑) ËŒÒÁÁÔãËŒ¤Çº¤ØÁ¼ÙŒ¶Ù¡¨Ñºà¡Ô¹¡Ç‹Ò¤ÇÒÁจํา໚¹μÒÁ¾ÄμÔ¡ÒóáË‹§¤´Õ (มาตรา ๗๘
วรรคแรก) ซึ่งหมายความวา เจาพนักงานตํารวจจะมีอํานาจในการควบคุมผูถูกจับไดนานเพียงใดน้ัน
ขน้ึ อยกู บั ความจาํ เปน ทจ่ี ะตอ งควบคมุ ตวั ซงึ่ เจา พนกั งานตาํ รวจจะμÍŒ §¾¨Ô ÒóҶ§Ö ¤ÇÒÁจาํ ໹š ·ÇÕè Ò‹ ¹¹Ñé
¨Ò¡¾Äμ¡Ô ÒóᏠˋ§¤´Õã¹¢³Ð¹¹éÑ à»š¹ÊíÒ¤ÑÞ ซงึ่ ความจาํ เปนทจ่ี ะตอ งควบคมุ ตวั นี้ ไดแ ก

๑. จําเปนเพ่ือถามคําใหก าร
๒. จาํ เปน เพอื่ สอบปากคําใหทราบวา ผูถกู จบั เปน ใครและอยูที่ไหน
๓. จําเปนเพื่อปองกันมิใหผูถูกจับหลบหนี เชน เฉพาะกรณีที่ผูถูกจับไมมีที่อยู
เปน หลักแหลง
๔. จาํ เปนเพื่อปอ งกันมิใหผถู ูกจบั ไปยงุ เหยิงกบั พยานหลกั ฐาน เชน อาจไปทําลาย
พยานเอกสาร พยานวตั ถุทส่ี ําคญั ของคดี หรอื อาจไปขม ขพู ยานบคุ คล เปน ตน
๕. จําเปนเพ่ือปองกันภัยอันตราย หรือความเสียหายที่ผูถูกจับอาจจะไปกอเหตุ
ซึง่ หากวา ไมไดทําการควบคมุ ตัวเอาไว
๒) การควบคมุ ตัวผูถูกจบั หรือผตู อ งหาน้ัน ¨ÐμÍŒ §¤Çº¤ØÁäÁà‹ ¡Ô¹¡Ç‹Òกํา˹´ÃÐÂÐàÇÅÒ
·¡èÕ ®ËÁÒÂกาํ ˹´äÇใŒ นมาตรา ๘๗ ซง่ึ ขน้ึ อยกู บั ความรา ยแรงของความผดิ ทผ่ี ตู อ งหาถกู กลา วหา ดงั น้ี
(๑) ในกรณีความผดิ ลหุโทษ

ความผิดลหุโทษ หมายถึง ความผิดทีร่ ะบุไวใ นประมวลกฎหมายอาญา ภาค ๓
ซงึ่ เห็นไดวา ความผิดลหโุ ทษน้นั จะมลี กั ษณะท่ัวไปดงั นี้

๑. เปน ความผดิ เพราะละเมดิ ในสง่ิ ทกี่ ฎหมายกาํ หนดหา มไว ซง่ึ เปน เรอ่ื งเลก็ ๆ
นอ ยๆ เทา นน้ั ทร่ี ฐั ออกกฎหมายมาเพอ่ื คมุ ครองความเปน อยขู องคนในสงั คมใหอ ยอู ยา งรม เยน็ เปน สขุ
เชน หา มมใิ หบ คุ คลทาํ ใหท อ ระบายนา้ํ อนั เปน สงิ่ สาธารณะเกดิ ขดั ขอ ง (ป.อาญา มาตรา ๓๗๕) เปน ตน

๑๓๙

๒. เปนความผิดท่ีมีคุณลักษณะทางกฎหมายเกี่ยวกับผลประโยชนของรัฐ
เปน สําคญั เพ่อื ใหสงั คมสงบสุข เชน หามทําใหเกิดปฏิกลู แกน าํ้ ในบอ สระ หรือทีข่ งั นน้ั อนั มีไวสาํ หรบั
ประโยชนใ ชส อย (ป.อาญา มาตรา ๓๘๐)

๓. มคี วามรนุ แรงหรอื ความกา วรา วของการกระทาํ ไมม ากนกั ภยั ตรายทเี่ กดิ ขนึ้
ตอ บคุ คลหรอื สงั คมไมม ากนกั ซงึ่ สงั คมใหอ ภยั การกระทาํ นนั้ ได เชน หา มสง เสยี งดงั ออื้ องึ โดยไมม เี หตุ
อนั ควรจนทาํ ใหประชาชนเดือดรอ นราํ คาญ (ป.อาญา มาตรา ๓๗๐)

๔. สามารถระงบั คดไี ดโ ดยงา ยจากการลงโทษปรบั เชน หา มกระทาํ การอนั ควร
ขายหนา ตอ หนา ธารกาํ นลั โดยการเปลอื ยกาย ซง่ึ มโี ทษปรบั ไมเ กนิ หา พนั บาท (ป.อาญา มาตรา ๓๘๘)
และมีอัตราโทษไมสูงนกั เชน จาํ คกุ ไมเกินหนึ่งเดอื น ปรับไมเ กินหน่ึงหมื่นบาท

เจา พนกั งานจะควบคมุ ผถู กู จบั ไวไ ดà ·Ò‹ àÇÅÒ·¨èÕ Ð¶ÒÁคาํ ãË¡Œ Òà áÅз¨Õè ÐÃμŒÙ ÇÑ ÇÒ‹
໚¹ã¤Ã áÅзÕÍè ¢ً ͧà¢ÒÍ‹ٷèÕä˹෋ҹé¹Ñ

μÇÑ Í‹ҧ
คดีเสพยสุราจนเมาครองสติไมได และประพฤตติ วั วนุ วายกอ ความเดอื ดรอ นแก
ชาวบา นทวั่ ไปขณะอยใู นถนนสาธารณะหรอื สาธารณสถานใดๆ อนั มโี ทษปรบั ไมเ กนิ ๕๐๐ บาท เชน นี้
เจาพนักงานตํารวจสามารถควบคุมบุคคลผูนั้น เทาที่ระยะเวลาที่สามารถมีสติพอที่จะบอกช่ือ
ท่ีอยูไดเ ทา นัน้ เมือ่ ทราบวาเขาผนู ัน้ เปนใคร อยูท ่ไี หน
(๒) 㹡ó¤Õ ÇÒÁ¼Ô´ÍÒÞÒอ่ืน
ในกรณีความผดิ อาญาอื่น นอกจากคดีลหุโทษน้ัน เจาพนักงานตาํ รวจอาจตอ ง
ใชเวลาพอสมควรในการสอบปากคําจากผูถูกจับโดยตรง แตอยางไรก็ตามเจาพนักงานตํารวจมีระยะ
เวลาในการควบคุมเพียงÊèÕÊԺỴªÑèÇâÁ§ ¹Ñºáμ‹àÇÅÒ·Õè¼ÙŒ¶Ù¡¨Ñºä»¶Ö§·Õèทํา¡Òâͧ¾¹Ñ¡§Ò¹ÊͺÊǹ
(มาตรา ๘๗ วรรคสอง)
หากวา ภายในระยะเวลาสสี่ บิ แปดชวั่ โมงนบั แตท นี่ าํ ตวั ผถู กู จบั มาถงึ ทท่ี าํ การของ
พนักงานสอบสวนแลวนั้น พนักงานสอบสวนพิจารณาแลวเห็นวายังมีเหตุท่ีจะตองควบคุมตัวผูถูกจับ
นน้ั ตอ ไป เชน นี้ พนกั งานสอบสวนจะขอขยายระยะเวลาการควบคมุ ตวั ผถู กู จบั ไดต อ เมอื่ ÁàÕ ËμÊØ ´Ø ÇÊÔ ÂÑ
ËÃÍ× ÁàÕ ËμจØ ํา໹š Í‹ҧÍ×¹è Í¹Ñ Á¤Ô ÇáŒÒÇŋǧàÊÕÂä´Œ
แตอยางไรกต็ าม มาตรา ๘๗ วรรคสาม ไดกําหนดใหพ นกั งานสอบสวน (หรอื
พนักงานอัยการ) ยื่นคํารองตอศาลขอหมายขังผูตองหาน้ันไว ซึ่งกรณีนี้ศาลจะสอบถามผูตองหาวา
จะมขี อ ใดคดั คา นประการใดหรอื ไม และในกรณขี อขยายเวลาดงั กลา ว ศาลอาจเรยี กพนกั งานสอบสวน
(หรอื พนกั งานอยั การ) มาชแี้ จงเหตจุ าํ เปน นน้ั หรอื อาจเรยี กพยานหลกั ฐานมาเพอ่ื ประกอบการพจิ ารณา
ก็ได (มาตรา ๘๗ วรรคสาม)

๑๔๐

¢ŒÍ椄 à¡μ
หากไมมีเหตุสุดวิสัยหรือไมมีเหตุจําเปนอยางอ่ืนอันมิอาจกาวลวงเสียได ดังกลาว เม่ือควบคุมครบระยะเวลา

สสี่ บิ แปดชวั่ โมงนบั แตม าถงึ ทที่ าํ การของพนกั งานสอบสวนแลว พนกั งานสอบสวนไมม อี าํ นาจขอใหศ าลออกหมายขงั ผตู อ งหา
ตามมาตรา ๘๗ วรรคสามได จะตอ งปลอ ยตัวผูตอ งหาไป

อยางไรก็ตาม แมกฎหมายจะใหขยายระยะเวลาไดโดยอาศัยเหตุสุดวิสัย
หรอื มเี หตจุ าํ เปน อนั มอิ าจกา วลว งเสยี ไดก ต็ าม มาตรา ๘๗ ยงั คงกาํ หนดกรอบระยะเวลาในการสงั่ ขงั ไว
โดยอาศยั อตั ราโทษตามความผิดอาญาน้ี ผตู องหาไดก ระทําลงไป ซึ่งพอจะสรปุ ไดดังตอไปน้ี

๑. กรณที ม่ี อี ตั ราโทษจาํ ¤¡Ø ÍÂÒ‹ §Ê§Ù äÁà‹ ¡¹Ô ö à´Í× ¹ หรอื »ÃºÑ äÁà‹ ¡¹Ô õðð ºÒ·
หรือทัง้ จาํ ท้ังปรบั ศาลมีอาํ นาจสง่ั ขงั ไดค รง้ั เดียว มีกาํ หนดไมเ กิน ๗ วนั

๒. กรณีที่มอี ตั ราโทษจาํ ¤¡Ø ÍÂÒ‹ §ÊÙ§à¡¹Ô ¡ÇÒ‹ ö à´×͹ áμä‹ Á¶‹ Ö§ ñð »‚ หรอื
»ÃºÑ à¡¹Ô ¡ÇÒ‹ õðð ºÒ· หรือทัง้ จาํ ทงั้ ปรับ ศาลมีอาํ นาจสั่งขงั หลายครง้ั ตดิ ๆ กนั ได แตครง้ั หน่งึ ตอ ง
ไมเ กิน ๑๒ วัน รวมกนั ทงั้ หมดตองไมเ กนิ ๔๘ วัน

๓. คดีท่ีมีอัตราโทษจํา¤Ø¡Í‹ҧÊÙ§μÑé§áμ‹ ñð »‚¢Öé¹ä» จะมีโทษปรับดวย
หรอื ไมก ต็ าม ศาลมอี ํานาจสั่งขังหลายครัง้ ตดิ ๆ กันได แตค ร้ังหน่ึงตอ งไมเกิน ๑๒ วัน และรวมกัน
ท้งั หมดตอ งไมเกนิ ๘๔ วัน

และหากวาเม่ือครบ ๘๔ วันแลว พนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการ
ตอ งการขอขยายระยะเวลาตอ เชน น้ี มาตรา ๘๗ วรรคเจด็ กาํ หนดใหพ นกั งานสอบสวนหรอื พนกั งาน
อัยการท่ีรองขอขยายระยะเวลาเพื่อขอขังตอไปโดยอางเหตุจําเปนน้ัน ศาลจะส่ังขังตอไปได ตอเมื่อ
พนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการไดáÊ´§¶Ö§àËμØจํา໚¹·ÕèÇ‹Ò¹Ñé¹ áÅÐμŒÍ§นํา¾ÂÒ¹ËÅÑ¡°Ò¹
ÁÒãËÈŒ ÒÅäμÊ‹ ǹ¨¹à»¹š ·¾Õè Íã¨á¡È‹ ÒÅ เชน นี้ ศาลจงึ จะอนญุ าตขยายระยะเวลา (มาตรา ๘๗ วรรคส่ี
ถึงวรรคเจ็ด)

ในการขอขยายระยะเวลาในการขอศาลขงั ของพนกั งานสอบสวนหรอื พนกั งาน
อัยการน้ัน มาตรา ๘๗ วรรคแปด กฎหมายใหสิทธิแกผ ตู อ งหาในการที่จะแตงทนายความเพือ่ แถลง
คัดคา นและซกั ถามพยานได แตห ากไมมที นายความและผตู องหารอ งขอ ศาลจะตั้งทนายความให

õ.ø ¢ŒÍ»¯ÔºμÑ ãÔ ¹¡ÒäǺ¤ÁØ

ในการควบคมุ ตวั ผถู กู จบั นนั้ นอกจากตอ งปฏบิ ตั ติ ามหลกั เกณฑข องประมวลกฎหมายวธิ ี
พจิ ารณาความอาญา ทไ่ี ดกลา วมาแลวขา งตนนนั้ ยงั คงมคี ําสง่ั ตร. ที่ ๔๑๙/๒๕๕๖ เร่ือง การอาํ นวย
ความยุติธรรมในคดีอาญา การทําสํานวนการสอบสวน และมาตรการควบคุมตรวจสอบ เรงรัด
การสอบสวนคดีอาญา บทที่ ๒ ขอ ๔ การควบคมุ ไดก ําหนดขอ ปฏบิ ตั ิในการควบคุมไว ดังน้ี

๑. ใหเจาพนักงานตํารวจซึ่งรับมอบตัวผูถูกจับหรือผูตองหาไวควบคุม แจงสิทธิของ
ผถู กู จบั หรอื ผตู อ งหาซง่ึ ถกู ควบคมุ ตามประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา มาตรา ๗/๑ ใหผ ถู กู จบั

๑๔๑

หรือผูตองหาทราบในโอกาสแรก รวมทั้งจัดใหผูถูกจับหรือผูตองหาสามารถติดตอกับญาติหรือผูซึ่ง
ผูถูกจับหรอื ผตู องหาไวว างใจเพอ่ื แจง ใหทราบถงึ การจบั และสถานท่ที ี่ถูกควบคมุ ถาผูถกู จับรอ งขอให
เจาพนกั งานตํารวจเปนผูแจงตามสิทธิดงั กลา ว กใ็ หจดั การตามคํารองขอนน้ั โดยเร็ว และใหบันทกึ การ
จดั การดงั กลา วไวใ นรายงานประจาํ วนั เกย่ี วกบั คดเี ปน หลกั ฐานไว ในการนห้ี า มไมใ หเ รยี กคา ใชจ า ยใด ๆ
จากผถู ูกจบั
การแจงสิทธิดังกลาวใหบันทึกไวในรายงานประจําวันเก่ียวกับคดีขอเดียวกับบันทึก
รายงานประจาํ วนั เกยี่ วกบั คดขี อ ทรี่ บั ตวั ผถู กู จบั หรอื ผตู อ งหาไวค วบคมุ โดยไมต อ งบนั ทกึ เรอื่ งการแจง
สทิ ธดิ งั กลา วไวใ นบนั ทกึ คาํ ใหก าร และไมต อ งจดั ทาํ บนั ทกึ การแจง สทิ ธอิ กี โดยใหม ขี อ ความปรากฏดงั น้ี
“................(ยศ ช่ือ สกลุ ตําแหนง )...............เจาพนกั งานตาํ รวจผรู ับตัว นาย/นาง/
นางสาว...............................ผูถูกจับหรือผูตองหาไวควบคุมไดแจงสิทธิของผูถูกจับหรือผูตองหาตาม
กฎหมายใหทราบแลว ดังน้ี
(๑) มีสิทธิแจงหรือขอใหเจาพนักงานแจงใหญาติ หรือผูซึ่งผูถูกจับ หรือผูตองหา
ไววางใจทราบถึงการจบั กมุ และสถานทท่ี ถี่ กู ควบคุมในโอกาสแรก
(๒) มสี ิทธิพบและปรกึ ษาผซู ่งึ จะเปน ทนายความเปนการเฉพาะตัว
สอบสวน (๓) มีสิทธิใหทนายความหรือผูซึ่งตนไววางใจเขาฟงการสอบสวนปากคําตนในช้ัน

(๔) มีสิทธไิ ดรับการเยีย่ มหรอื ติดตอ กับญาตไิ ดต ามสมควร
(๕) มีสทิ ธไิ ดรบั การรกั ษาพยาบาลโดยเร็วเมือ่ เกดิ การเจบ็ ปว ย
นาย/นาง/นางสาว......................................ผูถูกจับหรือผูตองหาซ่ึงถูกควบคุม
ไดทราบสิทธิของตนแลว จึงลงลายมอื ชื่อรับทราบสิทธิตามกฎหมายไวเ ปนหลกั ฐาน
(ลงช่อื ).................................................ผูถูกจบั /ผูตอ งหา
(ลงชอื่ ).................................................ผรู บั มอบตัว”
หากพนักงานอัยการตองการบันทึกการแจงสิทธิ ใหพนักงานสอบสวนผูรับผิดชอบ
สาํ เนาบนั ทกึ รายงานประจาํ วนั เกย่ี วกบั คดขี อ ทแี่ จง สทิ ธมิ อบใหพ นกั งานอยั การ (คาํ สง่ั ตร. ที่ ๔๑๙/๒๕๕๖

ขอ ๔.๑)

๒. เจา พนกั งานตาํ รวจผรู บั ตวั ผถู กู จบั จะปลอ ยผถู กู จบั ชว่ั คราวหรอื ควบคมุ ผถู กู จบั ไวก ไ็ ด
แตถาเปนการจับโดยมีหมายหรือคําสั่งของศาลใหรีบดําเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
ความอาญามาตรา ๖๔ และในกรณีที่ตองสงผูถูกจับไปยังศาล แตไมสามารถสงไปไดในขณะนั้น
เนอื่ งจากเปน เวลาทศี่ าลปด หรอื ใกลจ ะปด ทาํ การใหเ จา พนกั งานตาํ รวจทร่ี บั ตวั ผถู กู จบั ไวม อี าํ นาจปลอ ย
ผถู กู จบั ชว่ั คราว หรอื ควบคมุ ผถู กู จบั ไวไ ดจ นกวา จะถงึ เวลาศาลเปด ทาํ การ (คาํ สงั่ ตร. ที่ ๔๑๙/๒๕๕๖ ขอ ๔.๒)
๓. หา มมใิ หค วบคมุ ผถู กู จบั ไวเ กนิ กวา ความจาํ เปน แกพ ฤตกิ ารณแ หง คดี และใหพ นกั งาน
สอบสวนพึงทราบถึงอาํ นาจการควบคมุ ของพนักงานสอบสวนและศาล (คาํ ส่งั ตร. ที่ ๔๑๙/๒๕๕๖ ขอ ๔.๓)

๑๔๒

๔. กรณที ม่ี กี ารจบั กมุ ผถู กู จบั หรอื ผตู อ งหาตามหมายจบั หรอื คาํ สงั่ ของศาล ใหพ นกั งาน
สอบสวนตรวจสอบหมายจับที่ขอความ “ดวยผูรองย่ืนคํารองวา...” วามีเหตุผลพิเศษในการขอให
ศาลออกหมายจับหรือไม หากมีเหตุผลพิเศษใหพึงระมัดระวังเก่ียวกับอํานาจการควบคุมผูถูกจับ
หรอื ผตู องหาของพนักงานสอบสวน (คําสง่ั ตร. ท่ี ๔๑๙/๒๕๕๖ ขอ ๔.๔)

๕. เมื่อมีการอางวาบุคคลใดตองถูกคุมขังในคดีอาญาหรือในกรณีอื่นใดโดยมิชอบดวย
กฎหมาย ใหพนักงานสอบสวนยื่นคํารองตอศาลแหงทองท่ีที่มีอํานาจพิจารณาคดีอาญาขอใหปลอย
ผูถ ูกคุมขังโดยมชิ อบได

กรณีเจาหนาที่ตํารวจ พบวามีการคุมขังผูตองหา หรือผูถูกจับ หรือบุคคลใด
โดยมิชอบดวยกฎหมาย ใหแจงหัวหนาหนวยงานทราบ และใหเปนหนาที่และความรับผิดชอบ
ของหวั หนา หนว ยงานทจ่ี ะตอ งพจิ ารณาและวนิ จิ ฉยั สงั่ การหรอื มอบหมายใหพ นกั งานสอบสวนยนื่ คาํ รอ ง
ตอ ศาลแหง ทอ งทท่ี ม่ี อี าํ นาจพจิ ารณาคดอี าญาขอใหป ลอ ยผถู กู คมุ ขงั โดยมชิ อบนนั้ (คาํ สง่ั ตร. ที่ ๔๑๙/๒๕๕๖

ขอ ๔.๕)

● ¢ŒÍ¾§Ö ÃÐÇ§Ñ ã¹¡ÒÃãªàŒ ¤ÃÍ×è §¾Ñ¹¸¹Ò¡ÒÃ
การใชเครื่องพันธนาการในการควบคุมตัวผูกระทําผิดน้ันจะกระทําไดก็ตอเมื่อมี

ความจําเปน เพอื่ ปอ งกันมใิ หผ กู ระทําความผิดหลบหนีไปจากการควบคมุ ของเจาหนา ท่ี อยางไรกต็ าม
ถงึ แมเ จา หนา ทต่ี าํ รวจจะมอี าํ นาจในการควบคมุ ตวั และมอี าํ นาจทจ่ี ะใชเ ครอื่ งพนั ธนาการกบั ผทู ก่ี ระทาํ
ความผิดได แตก็เปนการใชอํานาจที่กระทบตอสิทธิเสรีภาพของบุคคล แตเมื่อบุคคลใดก็ตามกระทํา
ความผิดอันมีโทษตามกฎหมายก็สมควรที่จะตองไดรับการลงโทษ ซ่ึงการลงโทษผูกระทําความผิดนั้น
เปนไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๘ ดังนั้น การใชอํานาจดังกลาวของเจาหนาท่ีตํารวจ
ก็μŒÍ§คํา¹§Ö ¶Ö§ÈÑ¡´ÔìÈÃÕ¤ÇÒÁ໚¹Á¹ÉØ Âด ว ย

¡ÒÃ㪌à¤Ã×èͧ¾Ñ¹¸¹Ò¡ÒâͧตําÃǨ ตองเปนไปตามประมวลระเบียบการตํารวจ
เก่ยี วกับคดี ลกั ษณะ ๖ บทที่ ๔ ขอ ๑๔๖ โดยจะตอ งคาํ นงึ ถึง ดงั นี้

๑. การกระทําผดิ เปน คดปี ระเภทใด อตั ราโทษสงู หรือไม
๒. บุคคล มีบุคคลบางจําพวกที่ควรจะใหเ กยี รติ เชน (ก) ขา ราชการ (ข) พระภกิ ษุ
สามเณร นักพรตตาง ๆ (ค) ทหารสวมเคร่อื งแบบ (ง) ชาวตา งประเทศ ชน้ั ผูด ี (จ) หญิง คนชรา เดก็
คนพกิ าร และคนปวยเจบ็ ซ่งึ ไมสามารถจะหลบหนไี ดด วยกําลังตนเอง (ฉ) พอ คา คฤหบดี ซึง่ มีชอื่ เสียง
และมีหลักฐานการทาํ มาหากนิ โดยสจุ รติ

บุคคลดังกลาว ถา ไมไ ดก ระทาํ ความผิดอกุ ฉกรรจ หรือไมไ ดแ สดงกิรยิ าจะขดั ขนื
หรือหลบหนี ไมควรใชกุญแจมือ เด็กอายุต่ํากวา ๑๔ ป ถาไมไดกระทําความผิดที่มีอัตราโทษจําคุก
เกนิ กวา ๑๐ ป และเฉพาะหญงิ คนชรา เดก็ คนพิการและคนปว ยเจบ็ ซ่งึ ไมส ามารถจะหลบหนีไดด วย
กาํ ลังตนเอง หามใชเ ครอื่ งพนั ธนาการเปนอันขาด

๑๔๓

๓. สถานท่ี ใหพิเคราะหถึงสถานท่ีที่จะควบคุมไป มีโอกาสท่ีผูตองหาจะหลบหนี
หรือทาํ อันตรายแกผ คู วบคุมไดง าย หรอื ไม

๔. เวลา เปน เวลากลางวันหรอื กลางคืน หรือจําเปน ตองพกั คางแรม
๕. กิรยิ าความประพฤติ ความประพฤติในอดีตเปน อยางไร
ขอ ๑๔๗ การใสก ญุ แจมอื ผตู อ งหา ตอ งไมใ หห ลวมหรอื คบั เกนิ ไป เพราะถา หลวมมาก
ก็จะหลุดจากขอมือไดงาย ถาคับมากก็จะเปนการทรมานผูตองหา เม่ือใสกุญแจมือแลว ในกรณี
ที่มีความจําเปนจะมีโซรอยสาํ หรับถือควบคุมไปก็ได ใหผูตองหาเดินหนาผูควบคุมถือชายโซเดิน
ตามหลังหรือเดินไปขาง (สนธยา รตั นธารส, ๒๕๕๘)
ÁÒμÃÒ ùð เม่ือมีการอางวาบุคคลใดตองถูกคุมขังในคดีอาญาหรือในกรณีอ่ืน
โดยมิชอบดวยกฎหมาย บุคคลเหลาน้ีมีสิทธิยื่นคาํ รองตอศาลทองที่ที่มีอาํ นาจพิจารณาคดีอาญา
ขอใหป ลอ ยคือ
(๑) ผถู ูกคมุ ขังเอง
(๒) พนักงานอัยการ
(๓) พนกั งานสอบสวน
(๔) ผบู ญั ชาการเรือนจาํ หรือพัสดี
(๕) สามี ภรยิ า หรอื ญาตขิ องผูนนั้ หรอื บคุ คลอ่นื ใดเพือ่ ประโยชนของผูถกู คุมขัง
เมอ่ื ไดร บั คาํ รอ งดงั นน้ั ใหศ าลไตส วนฝา ยเดยี วโดยดว น ถา ศาลเหน็ วา คํารอ งนน้ั มมี ลู
ศาลมีอํานาจส่ังผูคุมขังใหนาํ ตัวผูถูกคุมขังมาศาลโดยพลัน และถาผูคุมขังแสดงใหเปนท่ีพอใจแกศาล
ไมไ ดวา การคุมขังเปนการชอบดวยกฎหมาย ใหศาลสั่งปลอ ยตัวผูถ ูกคุมขงั ไปทันที

μÇÑ Í‹ҧคาํ ¾¾Ô Ò¡ÉÒÈÒÅ®¡Õ Ò
¡ÒäǺ¤ØÁ

คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·èÕ ÷ôô/òõðñ การควบคุมตัวผูตองหา ผูควบคุมตองพิเคราะหไป
ใชวิธีเกินกวาท่ีจําเปนเพ่ือปองกันไมใหหนี ถาใสกุญแจมือผูตองหามิใชเพื่อมิใหหนีแตเพ่ือใหไดอาย
แมจะไมเจตนาแกลงเปนสวนตัว หากแตเพ่ือปราบปรามเจามือสลากกินรวบ เปนการไมชอบดวย
ป.ว.ิ อาญา มาตรา ๘๖ กเ็ ปน ความผดิ ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา ๑๔๕ (ประมวลกฎหมาย
อาญา มาตรา ๑๕๗)

คาํ ¾¾Ô Ò¡ÉÒ®¡Õ Ò·èÕ òñóñ/òõòñ ทจ่ี ะควบคมุ บคุ คลทเ่ี ปน ภยั ตอ สงั คมไดต อ งมหี ลกั ฐาน
พอสมควรที่จะฟงวามีพฤติการณเชนนั้น มิใชเพียงหลักฐานเล่ือนลอยคลุมเครือ ศาลสั่งใหปลอย
ผถู ูกควบคมุ ได

๑๔๔

คาํ ¾¾Ô Ò¡ÉÒ®¡Õ Ò·èÕ óôô/òõòò ศาลมอี ํานาจวนิ จิ ฉยั วา บคุ คลทถ่ี กู ควบคมุ ฐานเปน ภยั
ตอสังคมตามคําส่ังคณะปฏิรูปการปกครองแผนดิน ฉบับท่ี ๒๒ มีพฤติการณที่เปนภัยตอสังคม
ตามทีร่ ะบกุ รณไี วหรือไม เมอื่ ศาลส่ังอยา งไร ผรู อ งหรอื ผคู ดั คานอทุ ธรณฎ กี าได

คาํ ¾¾Ô Ò¡ÉÒ®¡Õ Ò·Õè óõùø/òõóñ (»ÃЪÁØ ãËÞ)‹ วนั ท่ี ๒๕ เมษายน ๒๕๒๘ เจา หนา ท่ี
ตํารวจจับกมุ ก. สง พนกั งานสอบสวนในขอหาวา ใชร ถจกั รยานยนตไมตดิ ปา ยทะเบยี นและเปน บุคคล
ตา งดา วเขา มาในราชอาณาจกั รโดยไมไ ดร บั อนญุ าต พนกั งานสอบสวนรบั ตวั ก. ควบคมุ ไว สาํ หรบั ขอ หาแรก
พนกั งานสอบสวนไดเ ปรยี บเทยี บปรบั ไปแลว แตค งควบคมุ ตวั ก. ไวต ลอดมาโดยมไิ ดย น่ื คาํ รอ งตอ ศาล
ขอใหหมายขงั ก. ไว จนถงึ วันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๒๘ จาํ เลยซง่ึ ทําหนาทสี่ ิบเวรทท่ี ําหนาท่คี วบคุม
ดูแลผูตองหาไดปลอยให ก. หลบหนีไป เชนน้ี เม่ือพนักงานสอบสวนรับตัว ก. ควบคุมไวโดยมิได
ปลอยตัวไปตาม ป.ว.ิ อ. มาตรา ๘๔ วรรคสอง การควบคมุ ก. จงึ เปนการควบคุมตามอาํ นาจพนกั งาน
สอบสวน แตเ พอื่ มใิ หก ารควบคมุ เกนิ ความจาํ เปน ตามพฤตกิ ารณแ หง คดี ป.ว.ิ อ. มาตรา ๘๗ จงึ ไดว าง
หลกั เกณฑก ารควบคมุ ผถู กู จบั ไวเ ปน ขน้ั เปน ตอน ดงั นี้ แมพ นกั งานสอบสวนจะไมไ ดป ฏบิ ตั ติ ามวธิ กี าร
ท่ี ป.วิ.อ. มาตรา ๘๗ วางไว ก็มีผลเพียงใหการควบคุมของพนักงานสอบสวนเปนการผิดกฎหมาย
ซึง่ บุคคลดังระบุไวใ น ป.วิ.อ. มาตรา ๙๐ มีอาํ นาจยื่นคํารอ งตอศาลขอใหป ลอ ยได แตก ารควบคุมนัน้
ก็คงเปนการควบคุมตามอํานาจของพนักงานฝายปกครองหรือตํารวจผูรับตัวผูถูกจับไว การท่ีจําเลย
ปลอยตวั ก. ไป จงึ เปนการทําใหผ ูทอ่ี ยูในระหวา งคมุ ขงั นน้ั หลดุ พน จากการคุมขังไป เปนความผดิ ตาม
ป.อ. มาตรา ๒๐๔

คํา¾¾Ô Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·Õè ôòôó/òõôò จาํ เลยเปน เจาพนักงานตาํ รวจเขา จบั กมุ ผูเ สียหาย
ทไี่ ดก อ การทะเลาะววิ าทกอ นหนา นน้ั แตเ หตแุ หง การทะเลาะววิ าทไดย ตุ ลิ งแลว เหตวุ วิ าทยงั ไมช ดั แจง
วาฝายใดเปนฝายผิด ไมใชการกระทําผิดซึ่งหนา โดยมีคูกรณีกับผูเสียหายชี้ใหจับ แตมิไดรองทุกข
ไวต ามระเบยี บ อกี ทง้ั ไมใ ชก รณที ม่ี เี หตสุ งสยั วา กระทาํ ความผดิ มาแลว จะหลบหนี จาํ เลยซง่ึ ไมม หี มายจบั
ไมม อี ํานาจโดยชอบดวยกฎหมายทจ่ี ะจับผเู สยี หาย จําเลยจบั ผูเสยี หายโดยไมแ จง ขอ หา ไมทําบนั ทกึ
จับกุม ไมสงมอบตัวใหพนักงานสอบสวนดําเนินคดี กลับนําไปควบคุมท่ีดานตรวจ ช้ีเจตนาจําเลย
วากระทําโดยโกรธแคน แสดงอํานาจ เพื่อขมขูกลั่นแกลงผูเสียหายใหเดือดรอนเสียหาย การกระทํา
ของจําเลยจึงเปนความผิดฐานเปนเจาพนักงานปฏิบัติหนาท่ีโดยมิชอบและทําใหผูอื่นปราศจากเสรี
ภายในรา งกาย พฤตกิ ารณแ หง คดเี ปน เรอื่ งรนุ แรงตอ ความรสู กึ ของประชาชนไมม เี หตทุ จี่ ะรอการลงโทษ)

๑๔๕

º··Õè ö

¡Ò䌹

ö.ñ ¤ÇÒÁËÁÒ¢ͧ¡Ò䌹

“¤¹Œ ” ตามความหมายทปี่ รากฏในพจนานกุ รมฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน หมายถงึ พยายาม
หาใหพบ โดยวธิ สี บื เสาะ แสวง เปน ตน

¨Ðà˹ç ä´ÇŒ Ò‹ àÁÍè× Á¡Õ ÒáÃÐทาํ ¤ÇÒÁ¼´Ô ÍÒÞÒà¡´Ô ¢¹Öé ʧÔè สาํ ¤ÞÑ ¢Í§à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ตาํ ÃǨ ¤Í×
¨ÐμÍŒ §ดาํ à¹¹Ô ¡ÒÃã´æ à¾Í×è ãËäŒ ´ÁŒ Ò«§èÖ μÇÑ º¤Ø ¤Å¼·ŒÙ ¶Õè ¡Ù ¡ÅÒ‹ ÇËÒÇÒ‹ ໹š ¼¡ŒÙ ÃÐทาํ ¤ÇÒÁ¼´Ô ¢³Ðà´ÂÕ Ç¡¹Ñ
¨ÐμÍŒ §áÊǧËÒ¾ÂÒ¹ËÅ¡Ñ °Ò¹à¾Í×è ·¨èÕ Ðนาํ ÁÒÂ¹× Â¹Ñ ¶§Ö ¡ÒáÃÐทาํ ¢Í§¼¶ŒÙ ¡Ù ¡ÅÒ‹ ÇËÒ¹¹Ñé ÇÒ‹ à¢Ò໹š ¼·ŒÙ èÕ
¡ÃÐทาํ ¤ÇÒÁ¼Ô´ ËÃ×ÍÁÊÕ ‹Ç¹à¡ÕèÂÇ¢ŒÍ§¡ºÑ ¤ÇÒÁ¼Ô´·Õèà¡´Ô ¢Öé¹¹éѹæ ซ่งึ โดยปกตแิ ละผูท่ีถูกกลา วหาวาเปน
ผกู ระทาํ ความผดิ นน้ั เมอื่ กระทาํ การใดแลว มกั จะหลบซอ นตวั จากการจบั กมุ ตวั ของเจา พนกั งานตาํ รวจ
หรอื อาจนาํ อปุ กรณ เครอื่ งมอื ทใ่ี ชใ นการกระทาํ ความผดิ นน้ั หรอื วตั ถทุ ไ่ี ดม าจากการกระทาํ ความผดิ นน้ั
ไปซุกซอ น ทาํ ใหเ จา พนกั งานตํารวจปฏิบัตงิ านดวยความยากลาํ บาก ในการที่จะนาํ ตวั บคุ คลหรือวตั ถุ
ส่ิงของนั้นออกจากท่ีที่เขาซุกซอนได เพราะรัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทยฯ ไดใหความคุมครอง
บคุ คลในการทจี่ ะอยอู าศยั และครอบครองเคหสถานโดยปกตสิ ขุ แตอ ยา งไรกต็ ามเพอื่ ใหเ กดิ ความสงบสขุ
ของสังคม เจาพนักงานตํารวจซึ่งมีหนาท่ีโดยตรงในการปองกันและปราบปรามการกระทําความผิด
ขณะเดยี วกนั มหี นา ทใี่ นการนาํ ตวั ผถู กู กลา วหาวา เปน ผกู ระทาํ ความผดิ นนั้ มาเขา สกู ระบวนการยตุ ธิ รรม
เพอื่ พสิ จู นว า บคุ คลดงั กลา วนน้ั เปน ผทู ก่ี ระทาํ ความผดิ จรงิ และสมควรจะไดร บั โทษหรอื ไม รฐั ธรรมนญู
แหงราชอาณาจักรไทยฯ และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาไดใหอํานาจเฉพาะแกบุคคล
บางประเภทท่ีสามารถจะดําเนินการคน ได

¼ÁŒÙ Õอาํ ¹Ò¨ã¹¡Ò乌
ดงั ทก่ี ลา วมาแลว วา การคน จะเปน การลว งละเมดิ สทิ ธขิ น้ั พน้ื ฐาน ตามหลกั สทิ ธมิ นษุ ยชน
ท่ีใหบุคคลมีสิทธิเสรีภาพในที่อยูอาศัยของตน การท่ีจะใหบุคคลใดบุคคลหน่ึงเขาไปดําเนินการใดๆ
อนั เปนการกระทบกระท่งั สิทธดิ ังกลาวยอ มจะตองมีกฎหมายใหก ารรองรบั ซึ่งในประมวลกฎหมายวิธี
พจิ ารณาความอาญาไดก ําหนดใหบุคคลบางประเภทท่จี ะเขา ไปดาํ เนนิ การตรวจคน ได คือ
๑) พนักงานฝา ยปกครองหรอื ตํารวจ (มาตรา ๙๒, ๙๓)
๒) พนักงานสอบสวน (มาตรา ๑๓๒)

๑๔๖

ö.ò ¡ÒâÍËÁÒ¤Œ¹

แมวาประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาไดใหอํานาจเจาพนักงานฝายปกครอง
หรือตํารวจเขาทําการคนบุคคลหรือสถานท่ีไดก็ตาม แตหากการคนดังกลาวจะเปนการลวงละเมิด
สิทธิของประชาชน โดยเฉพาะกรณีที่เปนสถานที่รโหฐาน ซึ่งผูครอบครองยอมมีสิทธิโดยสมบูรณ
ภายในสถานทดี่ งั กลา ว การทเี่ จา พนกั งานฝา ยปกครองหรอื ตาํ รวจ ซงึ่ มคี วามจาํ เปน ทจี่ ะตอ งเขา ไปคน
เพ่ือหาตัวบุคคลหรือส่ิงของที่ตองการไดนั้น จะทําไดตอเม่ือมีหมายคน เวนแตจะเขาขอยกเวน
ของกฎหมาย ดงั ทป่ี รากฏในประมวลกฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความอาญา มาตรา ๙๒

อยางไรก็ตาม ในกรณีที่เจาพนักงานตํารวจจะตองคนโดยตองมีหมายคนนั้น การขอ
หมายคน นน้ั จะตอ งเปน ไปตามระเบยี บราชการฝา ยตลุ าการศาลยตุ ธิ รรม วา ดว ยแนวทางปฏบิ ตั ใิ นการ
ออกหมายจบั และหมายคน ในคดอี าญา พ.ศ.๒๕๔๕ และขอ บงั คบั ประธานศาลฎกี าวา ดว ยหลกั เกณฑ
และวธิ กี ารเกย่ี วกบั การออกคําสงั่ หรอื หมายอาญา พ.ศ.๒๕๔๘ กลา วคอื

๑. จะตอ งยน่ื คาํ รอ งขอใหศ าลออกหมายคน ตอ ศาลทมี่ เี ขตอาํ นาจเหนอื ทอ งทท่ี จ่ี ะทาํ การคน

(ระเบียบราชการฝา ยตลุ าการ ขอ ๔, ขอ บังคับประธานศาลฎีกาฯ ขอ ๘)

๒. ผรู อ งขอใหศ าลออกหมายคน จะตอ งเปน ผทู ม่ี อี าํ นาจเกยี่ วขอ งกบั การสบื สวนสอบสวน
คดีที่รองขอออกหมายนั้น ซึ่งกรณีเจาพนักงานตํารวจตองมีชั้นยศต้ังแตรอยตํารวจตรีข้ึนไป (ระเบียบ

ราชการฝา ยตลุ าการ ขอ ๕, ขอ บังคบั ประธานศาลฎกี าฯ ขอ ๙)

๓. ในคํารอ งขอออกหมายคน จะตองมรี ายละเอียด และเอกสารประกอบคอื
(๑) ระบุลักษณะ สิ่งของที่ตองการหา และยึด ชื่อ รูปพรรณ อายุของบุคคล

ทต่ี อ งการหา และสถานทที่ จ่ี ะคน ระบบุ า นเลขที่ เจา ของหรอื ผคู รอบครองเทา ทท่ี ราบ หากไมส ามารถ
ระบุบานเลขท่ีที่จะคนได ใหทําแผนที่ของสถานที่ท่ีจะคนและบริเวณใกลเคียงแทน ตามแบบพิมพ
ท่กี ําหนด รวมท้ังขอมูลหรอื พยานหลักฐานท่ีสนบั สนุนเหตแุ หงการออกหมายคน

(๒) แนบหมายคน พรอมสําเนา รวมทัง้ เอกสารอน่ื เชน บันทึกคํารอ งทกุ ข หนังสือ
มอบอาํ นาจใหรอ งทุกขม าทา ยคํารอ ง

(ระเบยี บราชการฝา ยตุลาการ ขอ ๖, ขอ บังคบั ประธานศาลฎีกาฯ ขอ ๑๑)

๔. ผูรองขอออกหมายคน ตองเสนอพยานหลักฐานใหเพียงพอที่ทําใหเช่ือไดวาบุคคล
หรือสง่ิ ของท่ีคน หานา จะอยูในสถานท่ที ีจ่ ะคน

กรณีเปนส่ิงของ จะตองเปนสิ่งของท่ีจะเปนพยานหลักฐานประกอบการสอบสวน
ไตสวนมูลฟอง หรือพิจารณา และสิ่งของน้ันเปนส่ิงของท่ีมีไวเปนความผิด หรือไดมาจากการ
กระทําความผดิ หรือมีเหตอุ ันควรสงสัยวาไดใ ชหรอื ตงั้ ใจจะใชใ นการกระทําความผดิ หรอื เปน สิ่งของ
ท่ตี อ งยึดหรือรบิ ตามคาํ พิพากษา คําสั่งศาล (ระเบยี บราชการฝายตลุ าการ ขอ ๑๑.๑, ขอบงั คบั ประธานศาลฎกี าฯ

ขอ ๑๕.๑)

๑๔๗

กรณีเปนบุคคล จะตองเปนบุคคลท่ีถูกหนวงเหน่ียวกักขังโดยมิชอบ หรือเปนผูถูก
ออกหมายจับ (ระเบยี บราชการฝายตุลาการ ขอ ๑๑.๒, ขอ บงั คบั ประธานศาลฎีกาฯ ขอ ๑๕.๒)

๕. สาํ หรบั พยานหลกั ฐานทจี่ ะเสนอตอ ศาลเพอ่ื แสดงถงึ เหตอุ นั สมควรทจี่ ะขอออกหมายคน
ไดแก

(๑) ขอมลู จากการสืบสวน เชน บันทึกการสบื สวน บันทกึ ถอยคาํ สายลับ ขอ มลู จาก
แหลง ขาว ขอมลู จากการเฝาสงั เกตการณ เปนตน

(๒) ขอมูลท่ีไดจากการวิเคราะหทางนิติวิทยาศาสตร หรือท่ีไดจากเครื่องมือทาง
วิทยาศาสตรเ ทคโนโลยี เชน เครื่องจับเท็จ เคร่ืองตรวจโลหะ เครอ่ื งตรวจพสิ จู นล ายพมิ พน้วิ มอื

(ระเบียบราชการฝายตลุ าการ ขอ ๑๔, ขอบังคบั ประธานศาลฎีกาฯ ขอ ๑๗)

๑๔๘

๑๔๙

(๔๘ ทว)ิ สาํ หรับศาลใช
หมายคน

ท.ี่ ......................./๒๕..........

ã¹¾ÃлÃÁÒÀäÔ ¸Â¾ÃÐÁËÒ¡ÉμÑ Ãԏ

ศาล...................................................................
วันที.่ ..........เดอื น...........................พทุ ธศักราช ๒๕..........

ความอาญา
...................................................................................................ผรู อ ง
หมายถงึ ...........................................................................................................................................
ดว ยศาลเหน็ มเี หตสุ มควรใหค น สถานท/ี่ บา นเลขท.ี่ .........................หมทู .่ี .......................
ตรอก/ซอย.................................ถนน.....................................ตาํ บล/แขวง.......................................
อาํ เภอ/เขต................................................จงั หวดั ...................................ตามแผนทส่ี งั เขปแนบทา ย
๑. เพอื่ พบและยดึ สง่ิ ของ *..................................................................................
๑.๑ ซง่ึ จะเปนพยานหลกั ฐานประกอบการสอบสวน ไตส วนมลู ฟอ งหรือพจิ ารณา
๑.๒ ซงึ่ มไี วเ ปน ความผดิ หรอื ไดม าโดยผดิ กฎหมาย หรอื ไดใ ช หรอื ตงั้ ใจจะใชใ นการกระทาํ ความผดิ
๑.๓ ตามคาํ พพิ ากษาหรือคาํ ส่ังของศาล
๒. เพอ่ื พบ *.......................................................................................................
๒.๑ บุคคลท่ถี กู หนวงเหนย่ี วหรอื กักขังโดยมิชอบดวยกฎหมาย
๒.๒ บคุ คลทถี่ กู ออกหมายจบั ตามหมายจบั เลขท.ี่ .............../..................ลงวนั ท.่ี .......................
...............................ซง่ึ ออกโดย......................................................................................................
จงึ ออกหมายคน นตี้ ามขอ ....................................ให. ...................................................
ตาํ แหนง ....................................................................................มอี าํ นาจคน สถานท/ี่ บา นขา งตน ไดใ น
วนั ท.ี่ ..............เดอื น...................................พ.ศ. ๒๕............. เวลา..................................นาฬก า ถงึ
เวลา..................................นาฬก า ตดิ ตอกนั ไปจนกวา จะเสรจ็ สิ้นการตรวจคน
เมอื่ คน ไดต ามหมายนแี้ ลว ใหส ง ...................................................................................
.......................................................................................................................................................
พรอ มบันทกึ การคนและบญั ชีสงิ่ ของ (ถามี) ไปยัง.............................................................................
เพื่อจดั การตามกฎหมายตอไป

...............................................................ผูพพิ ากษา
(พลกิ )

ËÁÒÂàËμØ : *ใหระบุชือ่ หรอื รูปพรรณบคุ คลหรอื ลกั ษณะส่งิ ของท่ีตอ งการคน


Click to View FlipBook Version