๑๐๐
สาํ หรบั พยานหลกั ฐานทน่ี าํ เสนอเพอื่ ใหศ าลเหน็ วา มเี หตสุ มควรในการออกหมายจบั
นัน้ ไดแ ก
(๑) ขอ มลู ทไี่ ดจ ากการสบื สวนสอบสวน เชน บนั ทกึ การสอบสวน บนั ทกึ ถอ ยคาํ ของ
สายลบั หรือของเจา พนกั งานทไ่ี ดจ ากการแฝงตวั เขาไปในองคก รอาชญากรรม ขอมูลท่ีไดจ ากรายงาน
ของแหลง ขา วของเจาพนกั งานหรือการหาขา วจากผูกระทําความผิดทที่ ําไวเปน ลายลกั ษณอกั ษร และ
ขอมลู ทไี่ ดจากรายงานการเฝาสังเกตการณของเจาพนักงานท่ีทําไวเปน ลายลกั ษณอ กั ษร เปน ตน
(๒) ขอมูลที่ไดจากการวิเคราะหทางนิติวิทยาศาสตร หรือท่ีไดจากการใชเคร่ืองมือ
ทางวิทยาศาสตรหรือเทคโนโลยี เชน เคร่ืองมือตรวจพิสูจนลายพิมพนิ้วมือ เคร่ืองมือตรวจพิสูจน
ของกลาง เครอ่ื งจับเทจ็ เครอื่ งมอื ตรวจโลหะ และเคร่ืองมอื ตรวจพิสูจนทางพนั ธกุ รรม เปน ตน
(๓) ขอมูลที่ไดจากสื่ออิเล็กทรอนิกส เชน ขอมูลท่ีไดจากจดหมายอิเล็กทรอนิกส
หรอื อนิ เทอรเ นต็ เปน ตน
(๔) ขอมูลที่ไดจากหนังสือของพนักงานอัยการเรื่องขอใหจัดการใหไดตัวผูตองหา
(อ.ก.๒๙) (ระเบียบราชการฝายตลุ าการฯ ขอ ๑๔, ขอ บงั คับประธานศาลฎกี าฯ ขอ ๑๗)
๔) ตองระบุเหตุที่จะออกหมายจับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
มาตรา ๖๖ พรอมทั้งสําเนาเอกสารซึ่งสนับสนุนเหตุแหงการออกหมายจับ (ระเบียบราชการฝายตุลาการฯ
ขอ ๖ (๑) ขอบังคับประธานศาลฎีกาฯ ขอ ๑๐)
๕) แนบแบบพิมพหมายจับที่กรอกขอความครบถวนแลวพรอมสําเนา รวมทั้ง
เอกสารอ่นื ที่เกีย่ วของ เชน บนั ทึกคาํ รองทุกข หนังสือมอบอํานาจใหร อ งทกุ ข เปนตน มาทายคํารอง
(ระเบียบราชการฝา ยตุลาการฯ ขอ ๖ (๑), ขอบงั คับประธานศาลฎกี าฯ ขอ ๑๐)
à¢μอํา¹Ò¨¢Í§ËÁÒ¨ºÑ
หมายจบั ทศ่ี าลออกใหน น้ั ใหã ªäŒ ´·Œ ÇÑè ÃÒªÍÒ³Ò¨¡Ñ à (มาตรา ๗๗) ดงั นนั้ เจา พนกั งานตาํ รวจ
สามารถนําหมายจับไปจับกุมผูท่ีมีช่ือในหมายจับนั้นได ไมวาบุคคลนั้นจะอยูท่ีใดในราชอาณาจักร
นอกจากหมายจับท่ีเปนตนฉบับที่ศาลออกใหแลว ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
มาตรา ๗๗ วรรคสอง ยังระบุเพ่ิมเติมอีกวา การจัดการตามหมายจับนั้น จะจัดการตามเอกสาร
หรือหลักฐานอยางหน่งึ อยา งใดดงั ตอ ไปนไี้ ด
(๑) สําเนาหมายจับอนั รับรองวาถกู ตอ งแลว
(๒) โทรเลขแจง วา ไดอ อกหมายจับแลว
(๓) สําเนาหมายจับท่ีสงทางโทรสาร ส่ืออิเล็กทรอนิกส สื่อเทคโนโลยีสารสนเทศ
ประเภทน้นั ทกี่ ําหนดไวใ นขอบงั คบั ของประธานศาลฎกี า
๑๐๑
อยางไรก็ตามหากเปนการจับกุมโดยใชโทรเลขที่ไดแจงวาไดออกหมายจับแลวหรือ
สําเนาหมายท่สี ง ทางโทรสาร สอ่ื อเิ ล็กทรอนิกส หรอื สอื่ เทคโนโลยสี ารสนเทศอื่น จะตองสง หมายจบั
หรือสําเนาหมายจบั ที่รับรองแลวไปยังผูจดั การตามหมายจับโดยพลัน (มาตรา ๗๗ วรรคทา ย)
หมายจับ ไมวาจะเปนตนฉบับหรือสําเนาหมายจับท่ีไดมีการรับรองวาถูกตองแลว
ตามหลักเกณฑ มาตรา ๗๗ นั้น เมื่อไดออกแลวจะใชจับผูมีชื่อในหมายจับน้ันไดท่ัวราชอาณาจักร
และ㪌䴌¨¹¡Ç‹Ò¨Ð¨Ñºä´Œเวนแตความผิดอาญาตามหมายนั้นไดขาดอายุความหรือศาลผูออกหมาย
น้นั ไดถ อนหมายคืน (มาตรา ๖๘)
õ.ó ¼ÁŒÙ ÍÕ íÒ¹Ò¨¨Ñº
ประมวลกฎหมายวิธพี ิจารณาความอาญา ไดกําหนดใหบุคคล ๒ ประเภท ที่จะมีอาํ นาจ
ในการจบั ได คอื
๑. เจา พนกั งานฝา ยปกครองหรือตาํ รวจ พนักงานสอบสวน
๒. ราษฎร
ซึ่งในแตละประเภทน้ันจะมีอํานาจจับกุมไดน้ันตองเปนไปตามหลักเกณฑที่กฎหมาย
กําหนดไว กลาวคือ
õ.ó.ñ ¡ÒèºÑ â´Âà¨ÒŒ ¾¹Ñ¡§Ò¹½Ò† »¡¤ÃͧËÃ×Íตาํ ÃǨ
เจาพนักงานฝายปกครองหรือตํารวจจะมีอํานาจจับกุมบุคคลที่ตองสงสัยวา
เปนผูก ระทาํ ความผิดได แบงออกเปน
๑) การจบั โดยมีหมายจับ
๒) การจบั โดยไมม หี มายจบั
¡ÒèºÑ â´ÂÁÕËÁÒ¨Ѻ
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ไดกําหนดหลักเกณฑวิธีการจัดการ
ตามหมายอาญาซ่ึงรวมถึงหมายจับซงึ่ เปน หมายอาญาประเภทหนง่ึ ซงึ่ พอจะสรปุ ไดดงั น้ี
๑) เจา พนกั งานผจู ดั การตามหมายนน้ั จะตอ งแจง ขอ ความใหแ กผ เู กยี่ วขอ งทราบ
และถา มีคําขอรอ งใหส ง หมายนั้นใหเ ขาตรวจดู (มาตรา ๖๒ วรรคแรก)
๒) ตองบันทึกการแจงขอความในหมายและการสงหมายใหตรวจดู ตลอดจน
บนั ทึกวนั เดือน ป ที่จัดการนน้ั ดวย (มาตรา ๖๖ วรรค ๒)
๓) เมอ่ื เจา พนกั งานไดจ ดั การตามหมายแลว ใหบ นั ทกึ รายละเอยี ดในการจดั การ
นน้ั ถาจัดการตามหมายไมไดใหบนั ทึกพฤตกิ ารณไ วแ ลว ใหสงบนั ทกึ นนั้ ไปยงั ศาลท่อี อกหมายโดยเร็ว
(มาตรา ๖๓)
๑๐๒
๔) เมอ่ื จบั บคุ คลตามหมายจบั ไดห รอื คน พบคนหรอื สง่ิ ของทม่ี หี มายใหค น แลว
ถาสามารถจะทําไดใหสงบุคคลหรือส่ิงของนั้นโดยดวนไปยังศาลที่ออกหมายหรือเจาพนักงานตามท่ี
กาํ หนดไวใ นหมายแลว แตกรณี เวน แตจ ะมีคําสั่งเปน อยางอนื่ (มาตรา ๖๔)
๕) ถาบุคคลที่ถูกจับตามหมายจับนั้นหลบหนีหรือมีผูชวยใหหนีไปได
ใหเ จาพนักงานผจู ับมอี าํ นาจติดตามจบั กมุ ผูนน้ั ไดโ ดยไมตองมหี มายจับอีก (มาตรา ๖๕)
¡Ã³¡Õ ÒèºÑ â´ÂäÁÁ‹ ÕËÁÒ¨ѺμÒÁ¢ÍŒ ¡àÇŒ¹¢Í§¡®ËÁÒÂ
เนื่องจากในบางกรณีมีการกระทําผิดเฉพาะหนาหรือเหตุการณที่มีความจําเปน
เรง ดว นทไี่ มอ าจจะไปรอ งขอหมายจบั ได ดงั นนั้ ประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญาจงึ ไดก าํ หนด
เปนขอยกเวนไววา กรณีใดบางที่เจาพนักงานตํารวจสามารถดําเนินการจับกุมผูกระทําความผิดได
โดยไมตอ งมีหมายจบั ดงั ปรากฏหลกั เกณฑในมาตรา ๗๘
ÁÒμÃÒ ÷ø “พนักงานฝายปกครองหรือตํารวจจะจับผูใดโดยไมมีหมายจับ
หรือคาํ สั่งของศาลน้นั ไมได เวนแต
(๑) เมอื่ บุคคลนั้นไดกระทาํ ความผิดซงึ่ หนาดงั ไดบัญญตั ิไวในมาตรา ๘๐
(๒) เม่ือพบบุคคลโดยพฤติการณอันควรสงสัยวาผูน้ันนาจะกอเหตุรายใหเกิด
ภยันตรายแกบุคคลหรือทรัพยสินของผูอื่นโดยมีเครื่องมือ อาวุธหรือวัตถุอยางอ่ืนอันสามารถอาจใช
ในการกระทาํ ความผิด
(๓) เมือ่ มเี หตุทีจ่ ะออกหมายจบั บุคคลนน้ั ตามมาตรา ๖๖(๒) แตมคี วามจําเปน
เรง ดวนทไี่ มอ าจขอใหศ าลออกหมายจบั บคุ คลน้นั ได
(๔) เปนการจับผูตองหาหรือจําเลยท่ีหนีหรือจะหลบหนีในระหวางถูกปลอย
ชัว่ คราวตามมาตรา ๑๑๗”
(ñ) ¡Ã³¡Õ ÒèºÑ ¡Ã³¤Õ ÇÒÁ¼´Ô «§Öè ˹Ҍ μÒÁÁÒμÃÒ ÷ø (ñ) เจา พนกั งานตาํ รวจ
จับไดโดยไมตองมหี มายจบั หากวาเปนความผดิ ซ่ึงหนา
จากบทบัญญัติมาตรา ๗๘ (๑) จะเห็นไดวากฎหมายใหอํานาจในการจับกุม
หากเจาพนักงานตํารวจไดพบเห็นวามีบุคคลได¡ÃÐทํา¤ÇÒÁ¼Ô´«è֧˹ŒÒ ซ่ึงความผิดซ่ึงหนาท่ีกฎหมาย
ไดบญั ญัตหิ ลักเกณฑท ี่ใหถือวาเปนการกระทาํ ความผิดซ่ึงหนา นนั้ ไวใ นมาตรา ๘๐
¤ÇÒÁ¼Ô´«Öè§Ë¹ŒÒ “ความผิดซึ่งหนาท่ีประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
มาตรา ๘๐ ไดบ ญั ญัติไว มาตรา ๘๐ ทเ่ี รียกวา ความผดิ ซง่ึ หนา ไดแ ก ความผดิ ซึง่ เหน็ กาํ ลังกระทํา
หรือพบในอาการใดซึง่ แทบจะไมม คี วามสงสัยเลยวา เขาไดกระทําผดิ มาแลว สด ๆ
อยางไรก็ดี ความผิดอาญาดังระบุไวในบัญชีทายประมวลกฎหมายน้ีใหถือวา
ความผิดนนั้ เปน ความผดิ ซึ่งหนาในกรณีดังนี้
(๑) เมอ่ื บุคคลหนงึ่ ถกู ไลจบั ดงั ผกู ระทําโดยมเี สียงรอ งเอะอะ
๑๐๓
(๒) เมื่อพบบุคคลหนึ่งแทบจะทันทีทันใดหลังจากการกระทําผิดในถ่ินแถว
ใกลเ คยี งกบั ทเี่ กดิ เหตนุ นั้ และมสี ง่ิ ของทไ่ี ดม าจากการกระทาํ ผดิ หรอื มเี ครอื่ งมอื อาวธุ หรอื วตั ถอุ ยา งอนื่
อนั สนั นษิ ฐานไดว า ไดใ ชใ นการกระทาํ ผดิ หรอื มรี อ งรอยพริ ธุ เหน็ ประจกั ษท เ่ี สอื้ ผา หรอื เนอื้ ตวั ของผนู นั้ ”
ดงั นั้น จะเห็นไดวา กรณีจะเปน ความผิดซึง่ หนาน้ัน จะเปนได ๒ กรณใี หญคือ
ñ) ¡Ã³Õ໚¹¤ÇÒÁ¼Ô´«è֧˹ŒÒÍ‹ҧ᷌¨ÃÔ§ ตามที่บัญญัติไวในมาตรา ๘๐
วรรคแรก ซึ่งแบง เปน ๒ ประเภทคือ
(๑) àËç¹¢³Ðà¢Ò¡íÒÅ§Ñ ¡ÃзíÒ¤ÇÒÁ¼´Ô ¹Ñé¹
หมายความถึงกรณีที่਌Ҿ¹Ñ¡§Ò¹ตําÃǨ䴌àËç¹´ŒÇÂμҢͧμ¹àͧวา
บคุ คลนัน้ ไดกระทําความผิด
μÇÑ Í‹ҧ
เจาพนักงานตํารวจบังเอิญพบเห็นนายแดงกําลังจําหนายยาเสพติด
ซึ่งเปนการกระทําผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดใหโทษฯ เชนน้ีเจาพนักงานตํารวจเขาจับนายแดง
ไดโดยไมตองมีหมายจับ เพราะเจาพนักงานตํารวจผูจับเห็นถึงการกระทําความผิดของนายแดง
ดวยตนเองจึงเปน การกระทาํ ความผดิ ซ่งึ หนา (ฎีกาท่ี ๑๓๒๘/๒๕๔๔)
ความผดิ ซง่ึ หนา ในกรณนี ้ี à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ตาํ ÃǨ¼¨ŒÙ ºÑ ¨ÐμÍŒ §à»¹š ¼àŒÙ ˹ç àͧ
มิใชมผี อู นื่ เห็นแลว มาบอกเลา แกเ จาพนักงานตาํ รวจอีกทอดหน่งึ (ฎกี าที่ ๓๑๑/๒๕๔๙)
อยางไรก็ตามความผิดซึ่งหนาในกรณีน้ีไมจําเปนที่เจาพนักงานตํารวจ
พบการกระทําความผิดโดยบังเอิญเทาน้ัน ในกรณีท่ีเจาพนักงานตํารวจμéѧã¨ä»´ÙÇ‹ÒÁÕ¡ÒáÃÐทํา
¤ÇÒÁ¼´Ô ¨Ã§Ô ตามขอ มลู ทไี่ ดร บั มาหรอื ไม แลว จงึ ไปเพอ่ื ดเู หตกุ ารณว า เปน อยา งไร เมอื่ เหน็ วา มพี ฤตกิ ารณ
เชน น้นั จรงิ เชนน้กี ถ็ อื วา เปนความผดิ ซ่งึ หนา ไดเชนกนั
μÇÑ Í‹ҧ
พ.ต.ท. ส. แอบซุมดูอยูหางจากหนาหองเกิดเหตุประมาณ ๘ เมตร
เห็นจําเลยสงมอบเมทแอมเฟตามีน ๑๐ เม็ด ใหแกสายลับเมื่อพบเห็นจําเลยกําลังกระทําความผิด
ฐานจําหนายและมียาเสพติดประเภท ๑ ไวในครอบครองเพ่ือจําหนาย อันเปนความผิดซ่ึงหนา
ตาม ป.วอิ าญา มาตรา ๘๐ จงึ มีอาํ นาจคน และจับจําเลยไดโ ดยไมต อ งมีหมายคนและหมายจับตาม
มาตรา ๗๘ (๑) และ ๙๒ (๒) (ฎีกาที่ ๒๘๔๘/๒๕๔๗)
μÇÑ Í‹ҧคาํ ¾Ô¾Ò¡ÉÒÈÒÅ®¡Õ Ò
คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·èÕ öùø/òõñö วินิจฉัยวาคืนวันเกิดเหตุมีการลักลอบเลนการพนัน
กันบนบานอันเปนที่รโหฐาน เจาพนักงานตํารวจไดรับคําสั่งใหไปจับกุม จึงพากันไปยังบานท่ีเกิดเหตุ
แตไมมีหมายจับหรือหมายคนไปดวย ไปถึงไดแอบดูเห็นคนหลายคนกําลังเลนการพนันกันอยู
กรณีเชนนี้ถือวาเปนความผิด ซ่ึงเห็นกระทําลงอันเปนความผิดซ่ึงหนา ความตามความหมาย
แหง ประมวลกฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความอาญา มาตรา ๘๐
๑๐๔
(๒) ¾ºã¹ÍÒ¡ÒÃã´«è᷺֧¨ÐäÁ‹ÁÕ¤ÇÒÁʧÊÑÂàÅÂÇ‹Òà¢Òä´Œ¡ÃÐทํา
¤ÇÒÁ¼Ô´ÁÒáÅÇŒ Ê´æ
หมายความวา แมวาเจาพนักงานตํารวจไมไดเห็นเหตุการณที่เกิดขึ้น
ดวยตาของตนเองกต็ าม áμÁ‹ Õ¾ÄμÔ¡ÃÃÁ·ÂèÕ ×¹Â¹Ñ Í‹ҧäÁÁ‹ բ͌ ʧÊÑÂNjҺؤ¤Å¹é¹Ñ ä´¡Œ ÃÐทาํ ¤ÇÒÁ¼Ô´
ขณะท่ี ส.ต.ต.แดง กาํ ลงั ออกตรวจพนื้ ทใ่ี นซอยเปลยี่ วแหง หนงึ่ เมอ่ื ไป
ถงึ บรเิ วณหนา บา นทเี่ กดิ เหตุ ส.ต.ต.แดง เหน็ นายดาํ ถอื ปน อยใู นมอื กาํ ลงั ทะเลาะอยกู บั นางขาว จงึ รบี
ไปยงั รถสายตรวจซ่งึ จอดอยใู นบรเิ วณใกลเ คยี งเพือ่ ขอกําลงั มาชวย ขณะนน้ั เองไดยนิ เสยี งปน ลัน่ และ
เหน็ นางขาวนอนจมกองเลือดอยู ขณะที่ปนยังอยใู นมือของนายดาํ เชนนแ้ี มว า ส.ต.ต.แดง มิไดเ หน็
ขณะที่นายดํายิงนางขาวก็ตาม แตจากพฤติการณทั้งหมดทําใหเห็นวา ส.ต.ต.แดง พบในอาการใด
ซงึ่ แทบจะไมมขี อสงสยั เลยวา นายดาํ ไดก ระทาํ ความผดิ มาแลวสด ๆ
ò) ¡Ã³·Õ ¡èÕ ®ËÁÒÂã˶Œ ×ÍÇ‹Ò໚¹¤ÇÒÁ¼Ô´«è§Ö ˹ŒÒ
จากประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๘๐ วรรคสอง
เปน กรณที ก่ี ฎหมายบญั ญตั โิ ดยใหถ อื วา หากมพี ฤตกิ ารณท มี่ บี คุ คลใดบคุ คลหนง่ึ ถกู ไลจ บั มาโดยมเี สยี งรอ ง
เอะอะ ราวกบั วา บคุ คลทถ่ี กู ไลจ บั เปน ผกู ระทาํ ความผดิ มาเชน น้ี หรอื ในกรณที ่ี “เหน็ ” หรอื “พบ” บคุ คลใด
บุคคลหน่ึงแทบจะทันที หลังจากไดมีการกระทําความผิดเกิดขึ้นในบริเวณที่เกิดเหตุ ขณะเดียวกัน
บุคคลน้ัน มีส่ิงของ มีเคร่ืองมือ อาวุธ หรือวัตถุอยางอื่น ซึ่งเม่ือพิจารณาแลวเห็นไดวา ส่ิงของ
เครื่องมือหรืออาวุธน้ัน เปนสิ่งที่ไดมาจากการกระทําความผิด หรือไดใชในการกระทําความผิด
หรือพบเหน็ รองรอยพริ ุธทเ่ี สื้อผา เนื้อตวั ของบุคคลน้นั อยา งเหน็ ไดช ดั ประกอบกบั ความผิดท่ีเกิดข้ึน
ณ ที่เกิดเหตุน้ัน เปนความผิดที่ระบุไวในบัญชีทายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เชนน้ี
กฎหมายใหถ ือวาพฤตกิ ารณดงั กลา วเปน ความผิดซงึ่ หนา
ดังนั้น กรณีใดจะเปนความผิดซึ่งหนาไดตามความหมาย ในมาตรา ๘๐
วรรคสอง จะตอ งประกอบดว ย ๒ สวน คือ
(๑) ตอ งเปน ความผดิ ทร่ี ะบไุ วใ นบญั ญตั ทิ า ยประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณา
ความอาญา
เม่ือมีการกระทําความผิดเกิดข้ึน ความผิดนั้นจะμŒÍ§à»š¹¤ÇÒÁ¼Ô´·Õè
ÃкäØ Ç㌠¹ºÑÞªÕ·ŒÒ»ÃÐÁÇÅ¡®ËÁÒÂÇÔ¸¾Õ Ô¨ÒóҤÇÒÁÍÒÞÒ
ความผิดในกฎหมายลกั ษณะอาญา ทีม่ าตรา ๗๙ อา งถึง
ซึ่งราษฎรมอี ํานาจจับไดโดยไมตอ งมีหมาย
----------------------
ประทษุ รายตอ พระบรมราชตระกลู มาตรา ๙๗ และ ๙๙ (มาตรา ๑๐๗ - ๑๑๑)
ขบถภายในพระราชอาณาจกั ร มาตรา ๑๐๑ ถงึ ๑๐๔ (มาตรา ๑๑๓ - ๑๑๘)
๑๐๕
ขบถภายนอกพระราชอาณาจักร มาตรา ๑๐๕ ถงึ ๑๑๑ (มาตรา ๑๑๙ - ๑๒๙)
ความผิดตอทางพระราชไมตรกี บั ตางประเทศ มาตรา ๑๑๒ (มาตรา ๑๓๐ - ๑๓๑)
ทาํ อันตรายแกธง หรือเครอื่ งหมายของตางประเทศ มาตรา ๑๑๕ (มาตรา ๑๓๕)
ความผดิ ตอ เจา พนกั งาน มาตรา ๑๑๙ ถงึ ๑๒๒ และ ๑๒๗
หลบหนจี ากท่ีคุมขงั (มาตรา ๑๓๘ - ๑๔๒, ๑๔๕)
มาตรา ๑๖๓ ถงึ ๑๖๖ (มาตรา ๑๙๐ - ๑๙๑)
ความผิดตอ ศาสนา มาตรา ๑๗๒ และ ๑๗๓
กอการจลาจล (มาตรา ๒๐๖ - ๒๐๗)
กระทาํ ใหเกิดภยนั ตรายแกส าธารณชน มาตรา ๑๘๓ และ ๑๘๔
ทําใหส าธารณชนปราศจากความสะดวก (มาตรา ๑๒๗, ๒๒๙ - ๒๓๑, ๒๓๕, ๒๓๗)
ในการไปมาและการสงขา วและของถึงกนั มาตรา ๑๘๕ ถงึ ๑๙๔, ๑๙๖, ๑๙๗
และกระทําใหส าธารณชนปราศจากความสขุ สบาย และ ๑๙๙
ปลอมแปลงเงินตรา มาตรา ๒๐๒ ถงึ ๒๐๕ และ ๒๑๐
ขม ขืนกระทําชาํ เรา (มาตรา ๒๗๖ - ๒๗๙)
ประทษุ รา ยแกชีวติ มาตรา ๒๔๓ ถงึ ๒๔๖ (มาตรา ๒๗๖ - ๒๗๙)
ประทุษรายแกร างกาย มาตรา ๒๔๙ ถงึ ๒๕๑
ความผิดฐานกระทาํ ใหเ สอ่ื มเสียอิสรภาพ (มาตรา ๒๘๘ - ๒๙๐)
ลักทรพั ย มาตรา ๒๕๔ ถงึ ๒๕๗ (มาตรา ๒๙๕ - ๒๙๘)
วงิ่ ราว ชงิ ทรพั ย ปลน ทรัพย และโจรสลดั มาตรา ๒๖๘, ๒๗๐ และ ๒๗๖
กรรโชก (มาตรา ๓๐๙ - ๓๑๐, ๒๘๔)
มาตรา ๒๘๘ ถงึ ๒๙๖ (มาตรา ๓๓๔ - ๓๓๕)
มาตรา ๒๙๗ และ ๓๐๒
(มาตรา ๓๓๖, ๓๓๙, ๓๔๐)
มาตรา ๓๐๓ (มาตรา ๓๓๗, ๓๓๙)
(๒) เจา พนักงานตํารวจตองเหน็ พฤติการณต ามทกี่ ําหนดไว
นอกจากจะเปนความผิดท่ีระบุไวในบัญชีทายประมวลฯ ดังกลาวแลว
เจาพนักงานตํารวจตองพบเหน็ พฤตกิ ารณด ังนีด้ ว ย
๑๐๖
(๑) àÁèÍ× ºØ¤¤Å˹Ö觶¡Ù äŨ‹ ºÑ ´Ñ觼¡ŒÙ ÃÐทาํ â´ÂÁÕàÊÕ§ÌͧàÍÐÍÐ
μÇÑ ÍÂÒ‹ §
ส.ต.ต.ดาํ เหน็ ชาวบา นกลมุ หนงึ่ วง่ิ ไลต ามนายแดง และรอ งวา “ขโมย ๆ
ชว ยดว ย ไอน มี่ นั ขโมยของ” เรอ่ื งนเี้ หน็ ไดว า เขา หลกั เกณฑค อื ความผดิ ฐานลกั ทรพั ย เปน ความผดิ ทอี่ ยู
ในบัญชีทายประมวลฯ ประกอบกับมีการไลจับนายแดงโดยมีเสียงรองเอะอะ เชนน้ี ส.ต.ต.ดํา
จบั นายแดงไดโดยเปน การท่ีกฎหมายใหถอื วาเปนความผดิ ซง่ึ หนา ตามมาตรา ๘๐ วรรคสอง (๑)
(๒) àÁèÍ× º¤Ø ¤Å˹§Öè á·º¨Ð·Ñ¹·Õ·¹Ñ ã´ ËÅ§Ñ ¨Ò¡¡ÒáÃÐทาํ ¼´Ô 㹶¹Ôè
á¶Çã¡ÅŒà¤ÂÕ §¡ºÑ ·èÕà¡Ô´àËμ¹Ø Ñé¹ áÅÐÁÕÊèÔ§¢Í§·äÕè ´ÁŒ Ò¨Ò¡¡ÒáÃÐทาํ ¤ÇÒÁ¼Ô´ ËÃ×ÍÁÕà¤ÃÍ×è §Á×Í ÍÒǸØ
ËÃÍ× ÇμÑ ¶ÍØ ÂÒ‹ §Í¹è× Í¹Ñ Ê¹Ñ ¹ÉÔ °Ò¹ä´ÇŒ Ò‹ ä´ãŒ ªãŒ ¹¡ÒáÃÐทาํ ¼´Ô ËÃÍ× ÁÃÕ Í‹ §Ã;ÃÔ ¸Ø àË¹ç »ÃШ¡Ñ É· àÕè ÊÍ×é ¼ÒŒ
ËÃ×Íà¹é×ÍμÇÑ ¢Í§¼¹ÙŒ éѹ
ในกรณมี าตรา ๘๐ วรรคสอง (๒) นนั้ เปน การจบั กมุ บคุ คลซงึ่ ä´¡Œ ÃзÒí
¤ÇÒÁ¼Ô´ÁÒáÅŒÇ และความผิดนั้นเปนความผิดที่ระบุไวในบัญชีทายประมวลฯ ขณะเดียวกันผูน้ัน
มีพฤติการณและหลักฐาน เชน มีเคร่ืองมือ อาวุธ หรือวัตถุท่ีพอจะสันนิษฐานไดวาผูน้ันไดใชในการ
กระทําความผิด หรืออาจพบรองรอยพิรุธที่เห็นไดชัดตามเนื้อตัวหรือเส้ือผาที่เขาสวมใสอยู เชน
รอยเลือดสด ๆ ท่ีกระเดน็ ติดอยูบนเส้ือผาทีส่ วมใสอยู รอยขดี ขว น บาดแผลสด ตามเน้ือตัว เปนตน
μÑÇÍÂÒ‹ §
ส.ต.ต.ดาํ เหน็ รถยนตค นั หนงึ่ จอดอยใู นลานจอดรถแหง หนงึ่ เมอื่ เขา ไป
ใกล ๆ จึงพบเห็นรองรอยของการงดั แงะตรงบรเิ วณประตดู า นคนขับ ซ่งึ ดานหลงั ของรถยนตดงั กลา ว
พบนายแดงยนื ถอื ไขควงและอปุ กรณใ นการงดั แงะอยใู นมอื ขา งหนงึ่ และอกี ขา งหนงึ่ ถอื กระเปา ถอื ของ
สุภาพสตรี ยืนอยใู นอาการกระสับกระสา ยมีพริ ุธ เชนนี้ ส.ต.ต.ดาํ สามารถจบั นายแดงไดโดยไมต องมี
หมายจบั เพราะพบนายแดงแทบจะทนั ทที นั ใดหลงั จากการกระทาํ ผดิ ในถน่ิ ใกลเ คยี งกบั ทเี่ กดิ เหตุ และ
มีส่ิงของหรือมีเคร่ืองมืออันสันนิษฐานไดวาไดใชในการกระทําความผิด และความผิดฐานลักทรัพย
ก็เปน ความผดิ ท่ีอยูในบญั ชที ายประมวลฯ
(ò) ¡Ã³¾Õ ºº¤Ø ¤Å·ÁèÕ ¾Õ Äμ¡Ô ÒÃ³Í ¹Ñ ¤ÇÃʧÊÂÑ μÒÁÁÒμÃÒ ÷ø (ò)
เจาพนักงานตํารวจจับไดโดยไมตองมีหมายจับ “เมื่อพบบุคคลโดยพฤติการณอันควรสงสัยวาผูน้ัน
นาจะกอเหตุรายใหเกิดภยันตรายแกบุคคลหรือทรัพยสินของผูอื่น โดยมีเครื่องมือ อาวุธ หรือวัตถุ
อยางอ่ืนอันสามารถอาจใชในการกระทาํ ความผิด”
การจับโดยไมต องมีหมายจับ ตามมาตรา ๗๘ (๒) น้ี มคี วามใกลเคยี ง
กับมาตรา ๘๐ วรรคสอง (๒) มาก หากแตกตางคอื ในÁÒμÃÒ ÷ø (ò) ¹Õàé »¹š ¡Òþº¡‹Í¹à¡Ô´àËμØ
๑๐๗
¢³Ð·ÁèÕ ÒμÃÒ øð ÇÃäÊͧ (ò) ໹š ¡ÒþºËÅ§Ñ ¨Ò¡ÁàÕ Ëμ¡Ø ÒáÃÐทาํ ¼´Ô à¡´Ô ¢¹Öé áÅÇŒ มาตรา ๗๘ (๒)
เปน กรณเี จา พนกั งานตาํ รวจไดพ บบคุ คลมพี ฤตกิ รรมทนี่ า สงสยั วา จะไปกอ เหตรุ า ย ทาํ ใหเ กดิ อนั ตรายแก
บคุ คลหรอื ทรพั ยสินของผอู น่ื โดยพิจารณาจากพยานหลกั ฐานทีป่ รากฏ เชน อาวธุ อปุ กรณท่สี ามารถ
นาํ ไปใชในการงัดแงะขโมยของ เปนตน
μÑÇÍ‹ҧ
ส.ต.ต.ขาวข่ีจักรยานยนตไปตรวจในซอยแหงหนึ่งซึ่งคอนขางเปล่ียว
ขณะท่ีขร่ี ถจกั รยานยนตตรวจทองท่อี ยนู ั้น ไดพบนายเขียวซงึ่ ใสชดุ ดาํ อาํ พรางตัว ในมือมีสวา น ไขควง
อุปกรณชางซึ่งสามารถใชงัดแงะประตูบานได แลวมีไฟฉาย เชือก และถุงผาดําขนาดใหญกําลังยืน
ดอ มๆ มองๆ เขา ไปในบานหลงั ใหญแ หง หน่ึง ใกลๆ กนั มรี ถกระบะจอดอยู ในรถคันดงั กลา วมบี ันได
สาํ หรบั พาดทสี่ งู อยู เชน นเ้ี ชอื่ ไดว า จากพฤตกิ ารณด งั กลา วทาํ ใหเ กดิ ความสงสยั ไดว า นายเขยี วจะเขา ไป
ลกั ทรพั ยใ นเคหสถาน เชน น้ี เพอื่ เปน การปอ งกนั มใิ หเ กดิ เหตขุ า งตน ส.ต.ต.ขาวสามารถจบั กมุ นายเขยี วได
โดยไมต องมีหมายจบั เพราะเขาหลกั เกณฑม าตรา ๗๘ (๒) จะเหน็ ไดวา แมย ังไมม กี ารกระทาํ ความผิด
กต็ าม กฎหมายกใ็ หอ าํ นาจเจา พนกั งานตาํ รวจจบั บคุ คลทค่ี วรสงสยั นน้ั ไดเ พอ่ื ความปลอดภยั ของสงั คม
สวนนายเขียวจะตอ งรับผิดหรือไมน ้นั ตอ งเขากระบวนการสอบสวนดาํ เนินคดตี อไป
(ó) ¡Ã³·Õ ÁèÕ ¤Õ ÇÒÁจาํ ໚¹àç‹ ´‹Ç¹μÒÁÁÒμÃÒ ÷ø (ó) เจาพนักงาน
ตํารวจจับไดโดยไมตองมีหมายจับ “เม่ือมีเหตุที่จะออกหมายจับบุคคลน้ันตามมาตรา ๖๖ (๒) แตมี
ความจําเปนเรงดวนทไ่ี มอ าจขอใหศ าลออกหมายจบั บคุ คลนั้นได”
การจบั ตามมาตรา ๗๘ (๓) นี้ จะตอ งประกอบหลกั เกณฑ ๒ ประการคอื
๑. เม่ือมีËÅÑ¡°Ò¹μÒÁÊÁ¤ÇÃวาบุคคลใดนาจะไดกระทําความผิด
อาญา และมีàËμØÍѹ¤ÇÃàªè×Íวาจะหลบหนีหรือจะไปยุงเหยิงกับพยานหลักฐาน หรือกอเหตุอันตราย
ประการอื่น (ขอ ความจากมาตรา ๖๖ (๒) áÅÐ
๒. ม¤ี ÇÒÁจาํ ໹š àç‹ ´Ç‹ ¹ทไี่ มอ าจขอใหศ าลออกหมายจบั บคุ คลนนั้ ได
- เจา พนกั งานตาํ รวจผทู าํ หนา ทจี่ บั นนั้ ตอ งมหี ลกั ฐานตามสมควร
วา บคุ คลที่ตนจะจับนัน้ นา จะไดก ระทําความผดิ áÅÐ
- มีเหตุอันควรเชื่อวาบุคคลที่จะจับน้ันจะหลบหนี (กรณีท่ี
บคุ คลน้ันมที อ่ี ยไู มเ ปนหลกั แหลง มาตรา ๖๖ วรรคสอง ใหส นั นิษฐานวา เปนการจะหลบหนี) áÅÐ
- มีความจําเปนเรงดวนที่ไมอาจขอใหศาลออกหมายจับ
บุคคลนนั้ ได
ดังนั้น หากขาดพฤติการณขอใดขอหนึ่ง เชน ไมมีพฤติการณวา
จะหลบหนี มีท่ีอยูเปนหลักแหลง หรือไมมีความจําเปนเรงดวน เชนน้ี ก็ไมสามารถจับกุมได
เจาพนักงานตาํ รวจคงตองไปขอใหศ าลออกหมายจับตามมาตรา ๖๖ กอ น
๑๐๘
μÇÑ Í‹ҧ
มีรายงานการสืบสวน ทาํ ใหทราบวานายดาํ เปนบุคคลที่นาจะเปน
ผกู ระทาํ ความผดิ ลกั รถยนตจ ากจงั หวดั สระแกว เพอ่ื นาํ ไปขายยงั ประเทศเพอ่ื นบา น และขณะนนี้ ายดาํ
กาํ ลังขับรถยนตคันดังกลาวมุงหนาไปยังดานชายแดน และกําลังจะผานแดนออกไปยังตางประเทศ
เพื่อหลบหนี กรณเี ชนน้ี เมื่อพิจารณาจากพฤติการณท ข่ี ับรถมงุ หนา ไปยังดานชายแดน หากจะรอขอ
หมายจบั จากศาลก็อาจจบั นายดําไมได จึงเปนความจาํ เปน เรงดว น ประกอบกบั มีรายงานการสืบสวน
ซงึ่ ถอื ไดว า มหี ลกั ฐานตามสมควร เชน นเี้ จา พนกั งานตาํ รวจสามารถจบั นายดาํ ไดโ ดยไมต อ งมหี มายจบั
(ô) ¡Ã³Õ¨Ñº¼ÙŒμŒÍ§ËÒËÃ×ÍจําàÅ·èÕËź˹ÕμÒÁÁÒμÃÒ ÷ø (ô)
เจา พนกั งานตาํ รวจจบั ผตู อ งหาหรอื จําเลยไดเ มอื่ “เปน การจบั ผตู อ งหาหรอื จําเลยทห่ี นหี รอื จะหลบหนี
ในระหวางถูกปลอยชว่ั คราว ตามมาตรา ๑๑๗”
การจับตามมาตรา ๗๘ (๔) นี้ เจาพนักงานตาํ รวจจะจับผูตองหา
หรอื จําเลยไดใน ๒ กรณี กลาวคอื
๑. ผทู จี่ ะถกู จบั μÍŒ §à»¹š ¼μÙŒ ÍŒ §ËÒËÃÍ× จําàÅ·äèÕ ´ÃŒ ºÑ ¡ÒûÅÍ‹ ªÇÑè ¤ÃÒÇ
ระหวา งการสอบสวนหรอื ระหวา งการพจิ ารณาคดขี องศาล และเจา พนกั งานตํารวจพบวา ผนู นั้ หลบหนี
หรือจะหลบหนี
๒. การทเี่ จา พนกั งานตํารวจมไิ ดเ ปน ผพู บดว ยตวั เองวา จะมกี ารหลบหนี
แตไดรับคาํ ขอจากผูประกันหรือผูที่เปนหลักประกันผูตองหาหรือจาํ เลยที่ไดรับการปลอยช่ัวคราวน้ัน
ขอใหจับà¾ÃÒмٌ¹Ñé¹Ëź˹ËÕ ÃÍ× ¨ÐËź˹Õ
จะเหน็ ไดว า การทผี่ ตู อ งหาหรอื จาํ เลยหนหี รอื จะหลบหนี ถอื วา เปน เหตุ
จาํ เปน อกี ประการหนงึ่ ทจ่ี บั ได โดยไมต อ งมหี มายจบั เพราะไมอ าจขอใหศ าลออกหมายจบั ไดท นั ทว งที
ประกอบกับผูตองหาหรือจาํ เลยก็ไดเคยถูกจับมาแลวในอดีตโดยผานกระบวนการตรวจสอบโดยศาล
โดยการออกหมายจับแลว หรือมิฉะนั้นก็เปนการท่ีจับไดโดยไมตองมีหมายจับจนถึงขั้นท่ีมีการปลอย
ชั่วคราวมาแลว (เกียรตขิ จร วจั นะสวัสด์,ิ ๒๕๕๓)
อยา งไรกด็ ี ถา เปน กรณที ผ่ี ตู อ งหาหรอื จาํ เลยทม่ี หี มายจบั นน้ั ไดถ กู จบั แลว
แตต อมาไดม กี ารหลบหนี หรอื มีบุคคลชว ยใหหลบหนไี ปได เชน นี้ มาตรา ๖๕ ใหอ ํานาจเจาพนักงาน
ผจู บั มอี าํ นาจตดิ ตามจบั ผตู อ งหาหรอื จําเลยทกี่ าํ ลงั หลบหนไี ดโ ดยไมต อ งขอหมายจบั อกี เพราะเปน การ
บังคับใหเ ปนไปตามหมายจบั นนั้ เอง มใิ ชเ ปนการจบั โดยอาศัยเหตทุ ีเ่ กิดข้นึ มาใหมแตอ ยางใด
นอกจากนี้ ยงั มกี รณกี ารจบั โดยไมม หี มายจบั ตามมาตรา ๑๓๔ วรรคหา
“เม่ือไดมีการแจงขอกลาวหามาแลว ถาผูตองหาไมใชผูถูกจับหรือและยังไมไดมีการออกหมายจับ
แตพ นกั งานสอบสวนเหน็ วา มเี หตทุ จี่ ะออกหมายขงั ผนู น้ั ไดต ามมาตรา ๗๑ พนกั งานสอบสวนมอี าํ นาจ
สง่ั ใหผ ตู อ งหาไปศาลเพอื่ ขอออกหมายจบั โดยทนั ที แตถ า ขณะนนั้ เปน เวลาทศ่ี าลปด หรอื ใกลจ ะทําการ
ปด ทําการ ใหพ นกั งานสอบสวนสงั่ ใหผ ตู อ งหาไปศาลในโอกาสแรกทศี่ าลเปด ทําการ กรณเี ชน วา นใ้ี หน ํา
๑๐๙
มาตรา ๘๗ มาใชบงั คับแกการพจิ ารณาออกหมายขังโดยอนโุ ลม หากผตู องหาไมป ฏิบัตติ ามคําสัง่ ของ
พนักงานสอบสวนดงั กลา ว ใหพ นักงานสอบสวนมอี ํานาจจบั ผูต องหานั้นได โดยถอื วาเปนกรณจี ําเปน
เรง ดว นทจี่ ะจบั ผตู อ งหาไดโ ดยไมม หี มายจบั และมอี าํ นาจปลอ ยชว่ั คราวหรอื ควบคมุ ตวั ผตู อ งหานน้ั ไว”
ซง่ึ การจบั ตามมาตรา ๑๓๔ วรรคหา น้ี เปน การจบั โดย¾¹¡Ñ §Ò¹ÊͺÊǹ
ท่ีสามารถจับผูตองหาโดยไมมีหมายจับได หากเปนกรณีท่ีแจงขอกลาวหาแลว แตผูตองหายังไมได
ถูกจับและยังไมไดมีการออกหมายจับ แตพนักงานสอบสวนเห็นวามีเหตุออกหมายขังผูตองหาได
และพนักงานสอบสวนสั่งใหผูตองหาน้ันไปศาลเพ่ือใหศาลออกหมายขัง แตผูตองหาไมยอมไปศาล
ตามคาํ สั่งของพนักงานสอบสวน ใหพนักงานสอบสวนมีอาํ นาจจับผูตองหาน้ันได โดยถือวาเปนการ
จําเปน เรง ดว นทจ่ี ะจบั ผตู อ งหาไดโ ดยไมต อ งมหี มายจบั และมอี ํานาจปลอ ยชวั่ คราวหรอื ควบคมุ ผตู อ งหา
น้ันไวไดเชนกัน
õ.ó.ò ¡ÒèѺâ´ÂÃÒÉ®Ã
ในอดีตประเทศไทยเราก็มีกฎหมายที่ใหอํานาจแกราษฎรในการจับตัวผูกระทาํ
ความผิด กลาวคือในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกลาเจาอยูหัว รัชกาลที่สามแหงกรุงรัตนโกสินทร
ไดประกาศใชกฎหมายลักษณะโจรหาเสน ซึ่งมีสาระสําคัญคือ หากมีเหตุการณโจรปลนเกิดข้ึน
ทอ งท่ใี ด ราษฎรทอี่ าศัยอยูใ กลก บั ทเี่ กดิ เหตุในระยะไมเ กินหา เสน (๒๐๐ เมตร) จะตอ งชวยเจาหนาที่
จบั โจร มฉิ ะนน้ั จะมคี วามผดิ และหากคนรา ยปลน ทรพั ยไ ปได ราษฎรทไี่ มเ ขา ชว ยเหลอื กจ็ ะถกู การปรบั
ตามศกั ดินา คือ ผูม ีศกั ดินา ๑๕ - ๑๕๐ ไร ปรับ ๕ ตําลงึ ผทู ม่ี ีศกั ดนิ า ๒๐๐ ไรข ้นึ ไปถงึ ๑๐,๐๐๐ ไร
ใหป รบั มากข้นึ ตามสวน สวนพวกที่มีศักดนิ า ๕ - ๑๕ ไร ใหเฆี่ยนแทนคาปรับคนละ ๑๕ ที
จะเหน็ ไดว า กฎหมายลกั ษณะโจรหา เสน นี้ มจี ดุ ประสงคใ หร าษฎรชว ยกนั ปอ งกนั
และรักษาความสงบเรียบรอยภายในรัศมีที่ตนอาศัยอยู ซึ่งหลักการเชนนี้สอดคลองกับบทบัญญัติ
ในประมวลกฎหมายวิธพี จิ ารณาความอาญา มาตรา ๗๙
“ราษฎรจะจับผอู ่นื ไมไ ดเ วนแตจะเขาอยูในเกณฑแหง มาตรา ๘๒ หรือเม่อื ผนู ้ัน
กระทาํ ความผิดซงึ่ หนา และความผดิ น้ันไดร ะบไุ วใ นบัญชีทายประมวลกฎหมายนดี้ ว ย”
จากมาตราดังกลา ว เห็นไดวา ÃÒɮèºÑ º¤Ø ¤Åä´Œตอเมือ่
๑) กรณเี ขา หลกั เกณฑต ามมาตรา ๘๒ กลา วคอื เมอื่ à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹¼¨ÙŒ ´Ñ ¡ÒÃμÒÁ
ËÁÒ¨ºÑ ÃÍŒ §¢Í¤ÇÒÁªÇ‹ ÂàËÅÍ× จากบคุ คลใกลเ คยี งเพอื่ ใหจ บั การตามหมายนนั้ ได ผทู ไ่ี ดร บั การรอ งขอ
จงึ มอี าํ นาจจับได
μÇÑ Í‹ҧ
ส.ต.ต.แดงจะจับนายขาวตามหมายจับ แตปรากฏวานายขาวว่ิงหนีไปทิศทางท่ี
นายเขียวยืนอยู ส.ต.ต.แดงจึงรองขอใหนายเขียวชวยจับตัวนายขาวไว เชนนี้ นายเขียวสามารถจับ
นายขาวได แตอยางไรก็ตามในกรณีท่ีเห็นวานายขาวมีอาวุธรายแรงอยูในมือ ส.ต.ต.แดงจะบังคับให
นายเขียวชว ยจบั ไมไ ด เพราะอาจเกิดอันตรายแกนายเขียวได (มาตรา ๘๒)
๑๑๐
๒) เมอื่ ราษฎรพบบคุ คลนนั้ ¡ÃÐทํา¤ÇÒÁ¼´Ô «§Öè ˹Ҍ áÅФÇÒÁ¼´Ô ¹¹éÑ ä´ÃŒ кäØ ÇŒ
㹺ÑÞªÕ·ŒÒ»ÃÐÁÇÅ¡®ËÁÒÂÇÔ¸Õ¾Ô¨ÒóҤÇÒÁÍÒÞÒ ในกรณีดังกลาวราษฎรจะมีอํานาจจับไดตอง
ประกอบดว ย ๒ กรณี คือ
(๑) ตองเปนการกระทําความผิดซ่ึงหนา ซ่ึงหมายความวาราษฎรผูจับน้ัน
ได¾ ºàË繡ÒáÃÐทาํ ¤ÇÒÁ¼´Ô ´ŒÇÂμÇÑ àͧ¨ÃÔ§æ áÅÐ
(๒) ราษฎรจะจับไดเฉพาะกรณีที่ความผิดที่กระทําน้ันเปน¤ÇÒÁ¼Ô´à©¾ÒÐ
ท่ีถูกระบุไวในบญั ชที า ยประมวลนเ้ี ทา น้นั
μÑÇÍÂÒ‹ §
นายแดงเหน็ นายขาวกาํ ลงั ลกั จกั รยานยนตข องนายดาํ อยู เชน นน้ี ายแดงสามารถ
จับนายขาวได เพราะการท่นี ายแดงเหน็ นายขาวกาํ ลงั ลกั ทรัพยดว ยตนเองนัน้ เปนการกระทําความผดิ
ซง่ึ หนา และความผิดฐานลักทรพั ยก็เปน ความผดิ ท่ีอยูในบัญชีทา ยประมวล
μÑÇÍÂÒ‹ §
นายฟายืนอยูหนาตลาดสด เห็นคนกลุมหน่ึงวิ่งไลตามนายเหลืองพรอมกับรอง
ตะโกนวา “ขโมย ๆ ชว ยจับหนอ ย มนั ขโมยของมา” เชน นี้แมว านายฟาจะไมไ ดเ หน็ ขณะที่นายเหลอื ง
กาํ ลังขโมยของกต็ าม แตจ ากพฤตกิ ารณด ังกลา ว มาตรา ๘๐ วรรคสอง (๑) ถือวา เปนความผิดซ่งึ หนา
และความผดิ ฐานลกั ทรัพยก ็เปนความผดิ ทร่ี ะบุไวในบัญชที า ยประมวล
คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·Õè öùò/òõõ÷ กอนที่จําเลยจะใชมีดแทงผูเสียหายที่ ๒
จําเลยใชอาวุธมีดแทงผูเสีหายท่ี ๑ และกาํ ลังขึ้นรถจักรยานยนตเพ่ือหลบหนี เม่ือผูเสียหายท่ี ๒
มาถงึ และพบผเู สยี หายท่ี ๑ ถกู แทงกบั เหน็ จาํ เลยถอื อาวธุ มดี นงั่ ครอ มรถจกั รยานยนต เปน กรณที ผี่ เู สยี หาย
ที่ ๒ พบการกระทาํ ความผิดตอผูเสียหายที่ ๑ โดยอาการซึ่งแทบจะไมมีความสงสัยเลยวาจําเลย
ไดใชอาวุธมีดแทงผูเสียหายท่ี ๑ มาแลวสดๆ ถือวาการกระทาํ ของจําเลยเปนความผิดซึ่งหนาตอ
ผูเสียหายที่ ๒ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๘๐ วรรคแรก ผูเสียหายที่ ๒
ในฐานะราษฎรยอ มมอี าํ นาจจบั จาํ เลยไดต ามมาตรา ๗๙ การทผ่ี เู สยี หายที่ ๒ กระโดดถบี จาํ เลยกเ็ พอ่ื
หยุดยั้งมิใหจําเลยกับพวกขับรถจักรยานยนตหลบหนีอันเปนการกระทาํ เพ่ือจับจําเลย จาํ เลยไมมี
สิทธิปองกันเพื่อใหตนพนจากการท่ีจะตองถูกจับ เม่ือจําเลยใชอาวุธมีดแทงผูเสียหายท่ี ๒ จนไดรับ
อันตรายสาหัส จงึ ไมใ ชเ ปน การปองกันโดยชอบดว ยกฎหมาย
¢ÍŒ 椄 à¡μ
หาก¤ÇÒÁ¼Ô´¹Ñé¹äÁ‹ä´ŒÃкØäÇŒในบัญชีทายประมวลฯ ÃÒɮáçäÁ‹ÁÕอํา¹Ò¨¨Ñº แมจะเห็นวากําลังกระทําความผิด
อยตู อหนาตนก็ตาม
μÇÑ Í‹ҧ
นายสม เหน็ นายมว งขายยาเสพตดิ ใหก บั นายฟา อยตู อ หนา ตนกต็ าม นายสม กไ็ มอ าจจบั นายมว งได เพราะความผดิ
ตามพระราชบญั ญตั ยิ าเสพติดใหโ ทษไมไ ดร ะบไุ วในบญั ชที ายประมวลฯ
๑๑๑
นอกจากมาตรา ๗๙ ทไี่ ดใ หอ ํานาจแกร าษฎรในการจบั ผกู ระทาํ ความผดิ ดงั ทก่ี ลา ว
มาแลว ขา งตน ยงั คงมกี รณที ก่ี ฎหมายใหอ าํ นาจราษฎรจบั ไดอ กี ในมาตรา ๑๑๗ ซง่ึ เปน เรอ่ื งนายประกนั
หรอื ผเู ปน หลกั ประกนั สามารถจบั ผตู อ งหาหรอื จาํ เลยทห่ี นหี รอื จะหลบหนตี ามเงอ่ื นไขในมาตรา ๑๑๗
มาตรา ๑๑๗ “เมอ่ื ผตู อ งหาหรอื จาํ เลยหนหี รอื จะหลบหนี ใหพ นกั งานฝา ยปกครอง
หรือตํารวจท่ีพบการกระทาํ ดังกลาวมีอาํ นาจจับผูตองหาหรือจําเลยน้ันได แตในกรณีท่ีบุคคลซ่ึงทํา
สัญญาประกันหรือเปนหลักประกันเปนผูพบเห็นการกระทําดังกลาว อาจขอใหพนักงานฝายปกครอง
หรือตาํ รวจที่ใกลท่ีสุดจับผูตองหาหรือจําเลยได ถาไมสามารถขอความชวยเหลือจากเจาพนักงานได
ทันทว งที กใ็ หม ีอํานาจจับผตู อ งหาหรือจําเลยไดเอง แลวสง ใหพนักงานฝา ยปกครองหรอื ตาํ รวจทใี่ กล
ท่ีสดุ และใหเจาพนักงานนนั้ รีบจดั สงผูตอ งหาหรือจาํ เลยไปยังเจาพนักงานหรือศาล โดยคิดคา พาหนะ
จากบคุ คลซ่ึงทําสญั ญาประกนั หรือหลกั ประกนั นัน้ ”
กรณี ตามมาตรา ๑๑๗ นัน้ เปน การท่ีผตู องหาหรอื จําเลยไดรบั การปลอ ยตัวมา
แลวหลบหนีหรือจะหลบหนี เชน นี้ ผูทําสัญญาประกนั หรอื ผทู ่ีเปน หลักประกนั มสี ทิ ธิขอใหพ นักงาน
ฝายปกครองหรอื ตาํ รวจทใี่ กลทส่ี ุดจับตวั ไวได
แตตัวผูทําสัญญาประกันหรือผูที่เปนหลักประกันดังกลาว ไมสามารถขอ
ความชวยเหลือไดทันทวงที เชนนี้กฎหมายใหอํานาจผูทําสัญญาประกันหรือผูท่ีเปนหลักประกันน้ัน
จับผตู องหาหรือจาํ เลยได และสง มอบใหเ จาพนักงานฝายปกครองหรอื ตาํ รวจทใ่ี กลทส่ี ดุ
¢ŒÍÊѧà¡μ
ในกรณีท่ีจําเลยหลบหนีเชนน้ี ผูทําสัญญาประกันหรือผูท่ีเปนหลักประกันตัวจําเลยในคดีอาญา จะมาขอใหศาล
ออกหมายจบั และหมายคน เพอื่ ใหเ จา พนกั งานตาํ รวจจบั ตวั จาํ เลย โดยอา งวา จาํ เลยมเี จตนาหลบหนหี าไดไ ม เพราะเปน เรอ่ื ง
ทีผ่ ูทาํ สญั ญาประกนั อาจจดั การไดเองตามประมวลกฎหมายวธิ พี ิจารณาความอาญา มาตรา ๑๑๗ อยแู ลว (คาํ สง่ั คํารอ งท่ี
๖๔๙/๒๕๑๗)
อาํ ¹Ò¨¡ÒèѺ¡ÁØ ¢Í§ÃÒɮà à·ÂÕ º¡Ñº¡ÒèѺ¡ÁØ ¢Í§à¨ŒÒ¾¹Ñ¡§Ò¹
อาํ นาจในการจบั กมุ ของราษฎรในขอ น้ี ซง่ึ เกย่ี วกบั การจบั กมุ ความผดิ ซงึ่ หนา และ
ความผดิ ซง่ึ หนา นน้ั จะตอ งเปน ความผดิ ทร่ี ะบไุ วใ นบญั ชที า ย ป.ว.ิ อาญา กม็ ขี อ คลา ยคลงึ กบั อาํ นาจของ
พนกั งานฝา ยปกครองหรอื ตาํ รวจทม่ี อี าํ นาจจบั ไดโ ดยไมต อ งมหี มายจบั แตค งมขี อ แตกตา งกนั บา ง ดงั นี้
๑. เจาพนักงานมีอํานาจจับกุมผูกระทําความผิดซ่ึงหนาในคดีทุกประเภท
แตร าษฎรจับไดเ ฉพาะประเภททีร่ ะบไุ วใ นบญั ชที า ย ป.วิ.อาญา เทา น้นั
๒. นอกจากความผิดซ่ึงหนาแลว เจาพนักงานมีอํานาจจับตามพฤติการณ
ตามมาตรา ๗๘ (๒) (๓) และ (๔) แตร าษฎรไมม อี าํ นาจจบั ไดต ามพฤติการณเ หลาน้ัน
๑๑๒
μÇÑ ÍÂÒ‹ §คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒÈÒÅ®¡Õ Ò
คํา¾¾Ô Ò¡ÉÒ®¡Õ Ò·Õè óøø/òôùö วินจิ ฉยั วา ผูกระทาํ ผิดไดใชป นยงิ บุคคลอื่นตอหนา
ราษฎร ราษฎรจะเขาจับกุม แตผูถูกจับไมยอมใหจับและชักมีดออกมาทํารายราษฎร ราษฎรจึงเขา
กอดปล้ําแยงมีดไดแลวแทงผูถูกจับ ๑ ที ผูถูกจับตาย ศาลฎีกาวินิจฉัยวา ราษฎรมีอํานาจจับ
เพราะเปน ความผิดซ่ึงหนาตามบญั ชีทา ย ป.ว.ิ อาญา เมอ่ื ผูถ ูกจบั ทําราย ราษฎรจึงตอ สูป อ งกนั ตนเอง
ในกรณนี ี้เปน การปองกนั ตัวพอสมควรแกเหตุ ราษฎรจึงไมมคี วามผดิ
คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·èÕ ñùôñ/òõñô วินิจฉัยวา ราษฎรมีเหตุเพียงสงสัยวา ผูอื่นจะมา
พยายามลกั ทรพั ยข องตน ราษฎรนน้ั ไมม อี าํ นาจตามกฎหมายทจ่ี ะจบั กมุ และใชป น ขบู งั คบั ผตู อ งสงสยั
เพื่อจะพาไปหาผูใหญบาน อยางไรก็ตาม กฎหมายตองการความรวมมือจากราษฎรในการระงับ
และปราบปรามการกระทาํ ผิด จึงบญั ญตั ิเปนขอยกเวน ใหร าษฎรมีอํานาจจบั ไดในบางกรณี
¢ŒÍÊѧà¡μ
ราษฎรมีอํานาจจับไดเฉพาะกรณีความผิดนั้นเปนความผิดท่ีระบุไวในบัญชีทายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
ความอาญาเทา นัน้ เพราะอาํ นาจในการจบั ของราษฎรนนั้ มนี อยกวาเจา พนักงานฝา ยปกครอง ตํารวจ แมว า เปน การกระทํา
ความผดิ ซ่ึงหนา ไมวา จะเปน การกระทาํ ความผดิ ซง่ึ หนาอยางแทจรงิ (ตาม ป.วิ.อาญา มาตรา ๘๐ วรรคหน่ึง) หรือกรณที ี่
ถือวา กระทาํ ความผิดซ่งึ หนา (ตามมาตรา ๘๐ วรรคสอง) ก็ตาม
หากความผิดนั้นไมไดร ะบุไวใ นบัญชีทายประมวลฯ ราษฎรกไ็ มมอี ํานาจจบั แมจ ะเหน็ กําลงั กระทําความผดิ กต็ าม
μÇÑ Í‹ҧ
นายขาวราษฎรเห็นนายแดงขณะลักทรัพยนายดํา นายขาวจับนายแดงไดโดยอาศัยอํานาจตาม ป.วิ.อาญา
มาตรา ๗๙ ประกอบกบั มาตรา ๘๐ ตามตวั อยางนี้ เปน กรณที นี่ ายขาวเหน็ นายแดงกําลังกระทํา และความผดิ ฐานลกั ทรพั ย
นั้นระบุในบัญชที ายประมวลฯ ดว ย
μÇÑ Í‹ҧ
นายขาวราษฎรเหน็ นายดําวง่ิ ตามหลงั นายแดงพรอ มกบั รอ งวา “ขโมย ๆ” นายขาวจบั นายแดงได โดยอาศยั อาํ นาจ
ตาม ป.วิ.อาญา มาตรา ๗๙ ประกอบกับมาตรา ๘๐ ตามตัวอยา งนี้เปน กรณีทีน่ ายขาวเห็นนายแดง “ถกู ไลจ บั ดง่ั ผูกระทํา
(ความผิด) โดยมเี สยี งรองเอะอะ” และความผิดฐานลักทรัพยน นั้ กร็ ะบุไวบ ัญชีทา ยประมวลฯ ดวย
¢ÍŒ áμ¡μ‹Ò§ã¹·Ò§»¯ºÔ Ñμ¢Ô ͧ਌Ҿ¹¡Ñ §Ò¹ตําÃǨÃÐËÇÒ‹ §¡Ã³àÕ ¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹à»¹š ¼Ù¨Œ ºÑ
áÅСóÃÕ ÒɮèѺÁÒʧ‹ à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹
਌Ҿ¹Ñ¡§Ò¹¨Ñº ÃÒɮèѺáÅŒÇʧ‹ Áͺ਌Ҿ¹¡Ñ §Ò¹
๑. ตททอแมแใหนจจาอารนรอืมนงงกาบาขสบไรหายสมอิทารมําคกยกพธเาวไ็นลลิใยดิาจหาะาจมาบแเผวบัอรลนัหูถ(ใณยีมะหทูกาดถาผากจึ อตเ(คถูกับกซยรกูายี่ดทึ่งาครจวแีราํจบั๘กจาแนบั ฟบังบล๓นั้แคเงวะอกหราว(มผาใ้ังตรนจถูหีสแุรเใกกขูินทคชหรจาเสึ่งงธณปมบั กแอิพนีสมีาล(งมบพิทรหีว)าจหยธมตบัาขิทรารนใณืยอ่ีจาหหจะปะ๘ผ ลบัใจรถูหก๔ั)ับึกกูฐแก(กษจาล๑าบัุมนะาร)) ๑. ผใคลผใผแแหหถูจรจูงูดจผบัลกูกงังบีกจถูขาใมาไ็ แหบยัดอกู อรลมอจผหกบะ(าับมอืูถลรตพจาทชูืกาอวั ใฤตอ่ืชวรจจไตรเาหมกะับปิกาบตาําใทน ากหอแ๘พ(รรมับลงกณ๔ายบาะาบา(ตนแัรมร(นว๒ราหทากหาาย)ตงกึ็ไ)ลลกดรร๘กั ผาาะา ฐ๔ูถยรเแา๘อจูกลนล(ียับ๔ะ๒จใะนเดับ)อถ)(กแแ๒มยีอาลห)ีดสร)ยวงพเิทคใกกจิ หธาํยี่าาิทผขรวรณูจจกี่อจัับบบั ะาง
๒. ๒.
๓. ๓.
๑๑๓
¼Å¢Í§¡Ò÷ÕèÃÒÉ®ÃÁอÕ าํ ¹Ò¨¨ºÑ
¡Ã³·Õ èÕÃÒÉ®ÃÁÕอํา¹Ò¨¨Ñº ราษฎรยอมไดรบั การคุมครองโดยกฎหมาย กลา วคือ
ก) หากราษฎรดงั กลา วไดก ระทาํ โดยเปน การชว ยเหลอื เจา พนกั งานผจู ดั การตามหมายจบั
และหากวาผูจะตองถูกจับไมยินยอมใหจับ จะมีความผิดฐานตอสูหรือขัดขวางเจาพนักงาน
หรือผูซึ่งตองชวยเจาพนักงานตามกฎหมายในการปฏิบัติการตามหนาที่ตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๑๓๘ และหากมีการตอสูโดยไดทํารายหรือฆาราษฎรท่ีเขาชวยเหลือยอมมีโทษหนักกวา
ทํารา ยหรอื ฆาประชาชนธรรมดาตามมาตรา ๒๙๖ ประกอบมาตรา ๒๙๕, มาตรา ๒๙๘ ประกอบ
มาตรา ๒๙๗ และมาตรา ๒๘๘ ประกอบมาตรา ๒๘๙
ข) หากราษฎรจับผูกระทําความผิดซ่ึงหนาและเปนความผิดดังท่ีระบุไวในบัญชีทาย
ประมวลกฎหมายวิธพี จิ ารณาความอาญา แมร าษฎรจะไมไ ดร บั ความคมุ ครองอยางขอ ก) แตราษฎร
ก็มีอํานาจใชกําลังหรือใชการปองกันเพื่อการจับไดตามสมควรแกกรณีโดยไมมีความผิด
ในทางตรงกันขามผูที่จะถูกจับไมสามารถอางวาเปนการกระทําเพื่อปองกันสิทธิเสรีภาพของเขาได
หากทํารา ยราษฎรผทู ี่จะจับก็มีความผดิ ฐานทํารายรา งกายผอู ืน่ หรือความผิดอนื่ ๆ แลว แตกรณี
¡Ã³ÕÃÒɮèѺâ´ÂäÁ‹ÁÕอํา¹Ò¨¨Ñº ราษฎรผูจับจะไมไดรับการคุมครองจากกฎหมาย
และผูท่ีจะถูกจับกุมยอมมีอํานาจท่ีจะกระทําเพื่อปองกันสิทธิเสรีภาพของเขาท่ีจะไมใหถูกจับได
โดยไมม ีความผดิ ดวย
ดงั นนั้ การจบั ไมว า จะเปน พนกั งานฝา ยปกครองหรอื ตาํ รวจ หรอื จะเปน ราษฎรจะทาํ การ
จับกุมผูใด จะตองปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องน้ัน ๆ กฎหมายจึงจะคุมครองการกระทําของ
เจาพนักงานหรอื ราษฎรผูจบั นั้น แตห ากไมปฏิบัตติ ามกฎหมายเสียแลวกย็ อ มจะไมไ ดรบั การคมุ ครอง
จากกฎหมาย
õ.ô ¢ŒÍจํา¡´Ñ 㹡ÒèѺ
แมวาประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาจะใหอํานาจเจาพนักงานฝายปกครอง
หรอื ตาํ รวจ มอี าํ นาจในการจบั กมุ กต็ าม หากการจบั นนั้ เปน การกระทาํ ทกี่ ระทบสทิ ธเิ สรภี าพสว นบคุ คล
จงึ ตอ งมขี อ จาํ กดั บางประการ กลา วคอื การใชอ าํ นาจในการจบั ของเจา พนกั งานฝา ยปกครองหรอื ตาํ รวจ
น้นั ไดมีขอ จาํ กัดไว ๒ ทาง คอื
õ.ô.ñ ¢ŒÍจํา¡´Ñ ã¹àÃ×èͧ¢Í§อํา¹Ò¨¢Í§à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹
แมว า ประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญากําหนดใหพ นกั งานฝา ยปกครอง
หรอื ตํารวจมอี าํ นาจในการจบั กมุ กต็ าม แตอ ํานาจของแตล ะฝา ยไมเ หมอื นกนั ดงั ทไี่ ดม คี าํ พพิ ากษาของ
ศาลฎกี าไดวางบรรทัดฐานไว กลา วคอื
๑๑๔
¡Ã³·Õ èÕ¼Ù¨Œ Ѻ໚¹¾¹Ñ¡§Ò¹½†Ò»¡¤Ãͧ
พนกั งานฝา ยปกครองจะมอี ํานาจจบั ไดà ©¾ÒÐÀÒÂã¹à¢μ·μÕè ¹ÁอÕ ํา¹Ò¨´á٠ž¹×é ·Õè
¹Ñ¹é æ à·‹Ò¹¹éÑ เนื่องจากพระราชบัญญตั ิลักษณะปกครองสว นทอ งถ่ินฯ ไดกําหนดอํานาจและหนา ที่
ของกรรมการอําเภอ ในเรื่องที่เก่ียวกับความผิดอาญาไวในมาตรา ๑๐๑ ขอ ๒ “ความอาญาเกิดขึ้น
ในทองที่อําเภอใดหรือตัวจําเลยมาอาศัยอยูในทองที่อาํ เภอใด ใหกรรมการอําเภอ (นายอําเภอ,
ปลัดอําเภอ) มอี ํานาจทจี่ ะส่ังใหจ ับผูต องหามาไตสวนใหค ดีเรื่องน้นั ในชน้ั ตน ”
นอกจากนี้ไดมีคาํ พิพากษาศาลฎีกายืนยันถึงอาํ นาจการจับของเจาพนักงาน
ฝายปกครองวา ਌Ҿ¹Ñ¡§Ò¹½†Ò»¡¤ÃͧÁอÕ าํ ¹Ò¨¨ÑºÀÒÂã¹à¢μ·èÕμ¹ÁÕÍíÒ¹Ò¨´ÙáÅ¾×¹é ·¹èÕ éѹ෋ҹѹé
μÇÑ Í‹ҧคาํ ¾Ô¾Ò¡ÉÒÈÒŮաÒ
คาํ ¾¾Ô Ò¡ÉÒ®¡Õ Ò·èÕ ñöñò - ñöñó/òõðø ผูใหญบา นเปน เจาพนักงานฝา ยปกครอง
มีอํานาจจับกุมผูกระทาํ ผิดอาญาในหมูบานของตนได และมีอํานาจไปจับผูรายในหมูบานใกลเคียงได
ตอเม่ือมีเหตุรายสําคัญ เม่ือความผิดฐานลักทรัพยไมใชเหตุรายสาํ คัญ ผูใหญบานจึงไมมีอาํ นาจ
ไปจบั กมุ คนรา ยนอกเขตหมบู า นของตน
¡Ã³Õ·Õ¼è ¨ŒÙ Ѻ໹š ਌Ҿ¹Ñ¡§Ò¹ตาํ ÃǨ
เน่ืองจากพระราชบัญญัติตํารวจแหงชาติฯ มาตรา ๖ ไดกาํ หนดอํานาจหนาที่
เอาไว กลาวคอื มีอํานาจหนา ทีป่ องกันและปราบปรามความผิดอาญา (มาตรา ๖ (๓)) ตลอดจนรกั ษา
ความสงบเรยี บรอ ยและความปลอดภยั ของประชาชน และความมน่ั คงของราชอาณาจกั ร (มาตรา ๖ (๔))
จึงแสดงใหเห็นไดวา เจาพนักงานตาํ รวจมีอํานาจจับไดท่ัวราชอาณาจักร ซ่ึงในกรณีดังกลาวไดมี
คําพิพากษาฎกี ายืนยันอาํ นาจจบั ของเจา พนักงานตํารวจ
μÑÇÍ‹ҧคํา¾¾Ô Ò¡ÉÒÈÒÅ®¡Õ Ò
คํา¾¾Ô Ò¡ÉÒ®¡Õ Ò·èÕ ñòôõ/òõðò จําเลยท่ี ๑ เปนเจา พนักงานตํารวจมอี ํานาจจับกมุ
ผูกระทาํ ความผิด สวนอํานาจหนาท่ีของพลตาํ รวจ จันดา จาํ เลยน้ันปรากฏจากคําเบิกความของ
นายพันตํารวจโท มนู เศวตวรรณ ผูกาํ กับการตํารวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม ซ่ึงศาลลางไดฟงมาวา
พลตาํ รวจภูธรประจาํ กองตาํ รวจภูธรจังหวัดมีอาํ นาจสืบสวนจับกุมผูกระทําความผิดในเขตจังหวัด
แมใ นทางปฏิบตั กิ รมตํารวจไดวางระเบยี บไวว า จะตองมีคาํ สั่งจากผบู ังคบั บญั ชาต้ังแตชัน้ ผูบงั คบั กอง
ขึ้นไป พลตํารวจจึงจะออกไปสืบสวนจับกุมผูกระทาํ ผิดไดก็ดี แตก็ยังมีคําสั่งกระทรวงมหาดไทยไววา
พลตํารวจภูธรไปปรากฏตัว ณ ท่ีใด แมจะเปนที่นอกเขตอํานาจของพลตาํ รวจผูนั้น ถาปรากฏวามี
ผกู ระทําผดิ ซง่ึ หนา พลตํารวจภธู รผนู น้ั กม็ อี ํานาจจบั กมุ ได ศาลฎกี าจงึ เหน็ การกระทาํ ของพลตํารวจจนั ดา
จาํ เลยดงั กลา วเปน การกระทาํ ของเจา พนกั งานผใู ชอ าํ นาจในตําแหนง โดยมชิ อบ ขม ขนื ใจใหน ายบญุ ศรี
กับพวกมอบปลาใหเ ปนประโยชนแกตน
๑๑๕
คาํ ¾Ô¾Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·èÕ ñòõù/òõôò แมจาสบิ ตํารวจ ส. เปน เจา พนักงานตํารวจประจํา
สถานีตาํ รวจนครบาลบางขุนเทียนกต็ ามแต ป.ว.ิ อาญา มาตรา ๒ (๑๖) จา สิบตาํ รวจ ส. มอี ํานาจและ
หนาที่ในการรักษาความสงบเรียบรอยของประชาชนทําการจับกุมปราบปรามผูกระทาํ ผิดกฎหมายได
และยงั มอี าํ นาจทําการสบื สวนคดีอาญาไดต าม ป.ว.ิ อาญา มาตรา ๑๗ อํานาจจบั กุมผูกระทาํ ผิดและ
สืบสวนคดีอาญาดังกลาวนี้ ไมมีบทบัญญัติกฎหมายใดจํากัดใหปฏิบัติหนาท่ีไดเฉพาะในเขตของท่ี
ที่เจาพนักงานตาํ รวจผูนั้นประจําการอยูเทาน้ัน เจาพนักงานตํารวจดังกลาว จึงมีอํานาจจับกุม
ผกู ระทําผดิ และสืบสวนคดีอาญาไดท่ัวราชอาณาจักร
คํา¾¾Ô Ò¡ÉÒ®¡Õ Ò·èÕ ööòù/òõõö ความผดิ ของจาํ เลยท่กี ระทําตอโจทกรวมไดเสรจ็ ส้นิ
ลงแลวมิไดปรากฏการกระทําความผิดซึ่งหนาตอผูเสียหายท่ี ๒ และจาํ เลยไดกลับไปบานแลว
จึงไมใชความผิดซ่ึงหนา ซ่ึงดาบตาํ รวจ ณ. ผูเสียหายท่ี ๒ เห็นจําเลยกําลังกระทาํ หรือพบในอาการ
ซ่ึงแทบจะไมม คี วามสงสัยเลยวา กระทาํ ความผิดมาแลวสดๆ อนั จะเปนความผดิ ซ่งึ หนา ผเู สียหายที่ ๒
จะจับจาํ เลยไดโดยไมมีหมายจับ และไมเขาขอยกเวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
มาตรา ๗๘ การที่ผูเสียหายที่ ๒ ติดตามไปจับกุมจาํ เลยท่ีบานโดยไมมีหมายจับเปนการเขาจับกุม
โดยไมมีอํานาจและถอื ไมไ ดวา ผเู สียหายท่ี ๒ ปฏบิ ตั ิการตามหนา ทโ่ี ดยชอบ การท่ีจาํ เลยกลา วถอยคํา
ดาผูเสียหายท่ี ๒ วา “ไอเห้ียไอสัตว” ถึงแมจะเปนการดูหมิ่นเหยียดหยามและทําใหผูเสียหายที่ ๒
ไดร บั ความอับอายกต็ าม การกระทาํ ของจําเลยก็ไมเ ปนความผิดฐานดหู ม่ินเจา พนักงานซึ่งกระทาํ การ
ตามหนาทห่ี รือเพราะไดกระทําการตามหนาที่ แตเ ปนการดูหม่ินผูเสียหายท่ี ๒ ซ่ึงหนา ในฐานะบคุ คล
ธรรมดาตามประมวลกฎหมายอาญาตาม ๓๙๓ ซึ่งเปนบทท่ัวไปและยังคงถือวาอยูในความประสงค
ของโจทกท จี่ ะขอใหล งโทษจําเลย
õ.ô.ò ¢ÍŒ จํา¡´Ñ ã¹àÃ×èͧʶҹ·èÕ
เนอื่ งดว ยการจบั กมุ นน้ั เปน การละเมดิ สทิ ธพิ นื้ ฐานของบคุ คล ดงั นนั้ จงึ ตอ งมกี าร
ระมดั ระวงั ในการใชอ าํ นาจเปน อยา งมาก นอกจากทก่ี ลา วมาขา งตน เกย่ี วกบั การจบั ทจ่ี ะตอ งมหี มายจบั
หรือกรณีจําเปนซึ่งกฎหมายกําหนดเปนขอยกเวนใหจับไดโดยไมตองมีหมายจับดังที่ไดระบุใน
มาตรา ๗๘ และในการจบั บคุ คลนน้ั ไมว า จะมหี มายจบั หรอื จบั โดยไมม หี มายจบั เพราะเหตเุ ขา ขอ ยกเวน
กต็ าม แตก ฎหมายยงั กําหนดËÒŒ ÁÁãÔ Ë¨Œ ºÑ º¤Ø ¤ÅÀÒÂã¹Ê¶Ò¹·Õºè Ò§áË‹§ ดงั ที่บญั ญัตไิ วใ นมาตรา ๘๑
และ ๘๑/๑ กลาวคือ
๑) ËÒŒ Á¨Ñºã¹·ÃèÕ âË°Ò¹
มาตรา ๘๑ “ไมวาจะมีหมายจับหรือไมก็ตาม หามมิใหจับในที่รโหฐาน
เวนแตจ ะไดทาํ ตามบทบัญญัตใิ นประมวลกฎหมายนี้ อนั วา ดว ยการคนในที่รโหฐาน”
จากมาตราดังกลาวจะเห็นไดวา ¡ÒèѺºØ¤¤Åã¹·ÕèÃâË°Ò¹ ไมวาจะเปน
การจบั ตามหมายจบั หรอื จะเปน การจบั โดยอาศยั ขอ ยกเวน ตามมาตรา ๗๘ กต็ าม ÂÍ‹ Á¨Ð¡ÃÐทาํ äÁä‹ ´Œ
àÇŒ¹á싨ÐÁÕËÁÒ¤¹Œ ËÃÍ× ÁÕàËμàØ ¢ŒÒ¤¹Œ ä´âŒ ´ÂäÁμ‹ ŒÍ§ÁÕËÁÒ¤Œ¹μÒÁÁÒμÃÒ ùò ทั้งนี้ ดวยเหตุผลที่
๑๑๖
วาการทจ่ี ะเขา ไปจบั บคุ คลในทร่ี โหฐานนัน้ เทา กบั วาเปนการเขา ไปคน หาตวั บุคคลไปดว ย เพราะเปน
การเขาไปในท่ีรโหฐานเพื่อหาตัวบุคคลตามความหมายมาตรา ๕๗ วรรคแรก จึงจําตองพิจารณา
ถงึ อาํ นาจในการคน ควบคกู นั ไปกบั อาํ นาจจบั ดว ย จะพจิ ารณาเฉพาะอาํ นาจจบั อยา งเดยี วหาเพยี งพอไม
μÑÇÍ‹ҧคํา¾¾Ô Ò¡ÉÒÈÒŮաÒ
คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·èÕ ö÷õ/òôøó วาคําวินิจฉัยเร่ืองจับในท่ีรโหฐาน ตองพิจารณา
อยา งเรือ่ งการคน คละไปดว ย
ÊûØ
การจะจบั บคุ คลใดในทรี่ โหฐาน จะตอ งปฏบิ ตั ติ ามขน้ั ตอนในเรอ่ื งการคน ในทรี่ โหฐานดว ย
ซ่ึงในสว นท่เี กยี่ วขอ งกับการจับกุมบคุ คล มดี ังน้ี
(๑) บคุ คลทจี่ ะถกู จบั นนั้ ไดม กี ารออกหมายจบั ไวแ ลว และไดม หี มายคน เพอ่ื พบตวั บคุ คล
ตามหมายจับน้นั
(๒) บุคคลท่ีจะถูกจับน้ันไดมีการออกหมายจับไวแลว และบุคคลดังกลาวเปน਌ҺŒÒ¹
(รวมถึงคูสมรสของเจา บาน)
μÇÑ ÍÂÒ‹ §คาํ ¾Ô¾Ò¡ÉÒÈÒŮաÒ
คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·èÕ ñðóõ/òõóö ÇÔ¹Ô¨©ÑÂäÇŒÇ‹Ò คําวา “਌ҺŒÒ¹” หมายความถึง
ผเู ปน หวั หนา ของบคุ คลทพ่ี กั อาศยั อยใู นบา นหลงั นน้ั และรวมตลอดถงึ คสู มรสของผเู ปน หวั หนา เทา นน้ั
เพราะบคุ คลดงั กลา วเปน ผรู ับผิดชอบในการครอบครองบา นและปกครองผูอยูอาศยั ในบานหลังนัน้
(๓) บุคคลน้ันอาจถูกจับไดตามประมวลกฎหมายน้ี และมีพฤติการณที่ผูจับ
อาจเขา ไปในท่ีรโหฐานไดโดยไมตองมหี มายคน ตามนยั มาตรา ๙๒ (๑) - (๓) เชน มเี สียงรองใหชว ย
ดงั มาจากในทร่ี โหฐาน เจา พนกั งานมอี าํ นาจเขา ไปไดโ ดยไมต อ งมหี มายคน และเมอื่ พบตวั ผกู ระทาํ ผดิ
ซง่ึ หนา กส็ ามารถจับกมุ ตวั ได หรอื พบเห็นการกระทําผดิ ซง่ึ หนาในท่ีรโหฐาน เชน เลนการพนนั ในบา น
เจาพนักงานก็มีอํานาจเขาไปจับกุมไดโดยไมตองมีหมายคนและหมายจับ และถาเปนการไลติดตาม
ผกู ระทาํ ผดิ ซงึ่ หนา หลบหนเี ขา ไปในทร่ี โหฐาน เจา พนกั งานกม็ สี ทิ ธติ ดิ ตามเขา ไปจบั กมุ ในทรี่ โหฐานนนั้ ได
¢ÍŒ Êѧà¡μ
๑. หากเปน บคุ คลตามหมายจบั หลบหนเี ขา ไปในทร่ี โหฐาน จะตอ งไปขอหมายคน ไมม อี าํ นาจตดิ ตามเขา ไปจบั กมุ
อยางความผิดซง่ึ หนา
๒. กรณีราษฎรเปนผูจับ ÃÒɮùÑé¹äÁ‹ÁÕอํา¹Ò¨¨Ñºã¹·ÕèÃâË°Ò¹ แมวากําลังพบเห็นความผิดซึ่งหนา และเปน
ความผิดที่ระบไุ วใ นบญั ชีทา ยประมวลฯ กต็ าม เพราะราษฎรไมม อี ํานาจในการคน
๑๑๗
๒) ËŒÒÁ¨ºÑ ã¹¾ÃкÃÁÁËÒÃÒªÇ§Ñ ¾ÃÐÃÒªÇ§Ñ Ç§Ñ ¢Í§¾ÃкÃÁǧÈÒ¹ÇØ §È
ÁÒμÃÒ øñ/ñ ºÑÞÞÑμÔÇ‹Ò “ไมว า จะมีหมายจับหรือไมก็ตาม หามมิใหจับ
ในพระบรมมหาราชวัง พระราชวัง วังของรัชทายาทหรือของพระบรมวงศต้ังแตสมเด็จเจาฟาขึ้นไป
พระราชนเิ วศน พระตาํ หนกั หรอื ในทซ่ี งึ่ พระมหากษตั รยิ พระราชนิ ี พระรชั ทายาท พระบรมวงศต ง้ั แต
สมเดจ็ เจา ฟา ขึน้ ไป หรอื ผูส าํ เร็จราชการแทนพระองค ประทับหรอื พํานกั เวน แต
(๑) นายกรฐั มนตรี หรอื รฐั มนตรซี ง่ึ นายกรฐั มนตรมี อบหมายอนญุ าตใหจ บั
และไดแจง เลขาธกิ ารพระราชวงั หรอื สมุหราชองครกั ษร บั ทราบแลว
(๒) เจา พนกั งานผถู วายหรอื ใหค วามปลอดภยั แดพ ระมหากษตั รยิ พระราชนิ ี
พระรัชทายาท พระบรมวงศตั้งแตสมเด็จเจาฟาข้ึนไป หรือผูสําเร็จราชการแทนพระองค เปนผูจับ
ตามกฎหมายวา ดวยราชองครักษ หรือตามกฎหมาย กฎ หรอื ระเบยี บเก่ียวกับการใหความปลอดภัย”
¡Ã³¨Õ ºÑ ºØ¤¤ÅÀÒÂã¹¾ÃкÃÁÁËÒÃҪǧÑ
การจับในกรณมี าตรา ๘๑/๑ นี้ แยกเปน ๒ กรณคี ือ
๑. เขตทเ่ี ปน พระบรมมหาราชวงั พระราชวงั วงั ของรชั ทายาทหรอื พระบรมวงศ
ตั้งแตสมเด็จเจา ฟา ข้นึ ไป พระราชนิเวศน พระตาํ หนัก
๒. เขตหรอื สถานที่ ซง่ึ พระมหากษตั รยิ พระราชนิ ี พระรชั ทายาท พระบรมวงศ
ตง้ั แตส มเดจ็ เจา ฟา ขนึ้ ไป ประทบั หรอื เขตทผ่ี สู าํ เรจ็ ราชการแทนพระองคพ าํ นกั อยู เชน บรเิ วณพลบั พลา
ท่ีประทับขณะทําพิธีแรกนาขวัญ ณ บริเวณสนามหลวง หรือบริเวณหองประทับรับรองระหวางท่ี
พระราชทานปริญญาของมหาวทิ ยาลัย เปน ตน
ดังนั้น การจะจับบุคคลภายในสถานที่ดังกลาว äÁ‹Ç‹Ò¨Ð໚¹¡ÒèѺμÒÁ
ËÁÒ¨ѺËÃ×Í¡ÒèѺâ´ÂäÁ‹μŒÍ§ÁÕËÁÒ¨Ѻà¾ÃÒÐà¢μࢌҢŒÍ¡àÇŒ¹μÒÁÁÒμÃÒ ÷ø ¡çμÒÁ
¨Ð¡ÃÐทาํ ÁäÔ ´Œ เวน แต ไดร บั อนญุ าตจากนายกรฐั มนตรหี รอื รฐั มนตรี ซง่ึ นายกรฐั มนตรมี อบหมายกอ น
และตอ งแจง เลขาธิการพระราชวังหรอื สมหุ ราชองครกั ษรบั ทราบกอน
ในกรณีท่ีเจาพนักงานตํารวจจะเขาจับกุมบุคคลในสถานท่ีดังกลาว จะตอง
ขออนุญาตจากนายกรัฐมนตรี เนื่องจาก สํานักนายกรัฐมนตรีเปนผูบังคับบัญชา สํานักงานตํารวจ
แหง ชาตอิ ยู
¢ŒÍ椄 à¡μ
๑. การจบั บคุ คลภายในสถานทต่ี ามมาตรา ๘๑/๑ น้ี เปน การจบั บคุ คลทว่ั ไปทอ่ี ยภู ายในเขตสถานทดี่ งั กลา วเทา นน้ั
๒. ถา จะจบั บคุ คลซ่งึ เปน “à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ÍÂÙ¶‹ ÇÒ¤ÇÒÁ»ÅÍ´ÀÑ” ตามพระราชบัญญตั ริ าชองครกั ษ พ.ศ.๒๔๘๐
ซ่ึงไดแกราชองครักษ สังกัดกรมราชองครักษ นั้นจะตองดําเนินการตามพระราชบัญญัติราชองครักษ พ.ศ.๒๔๘๐
มาตรา ๑๐, ๑๐ ทวิ และ ๑๐ ตรี ซึ่งี ใหอ าํ นาจแกส มหุ ราชองครักษ หรือเจา พนกั งานท่สี มหุ ราชองครักษแ ตงตงั้ ขนึ้ ใหบุคคล
ดงั กลาวมอี าํ นาจและหนาทเ่ี ชน เดยี วกับพนักงานฝายปกครองหรอื ตํารวจตามประมวลกฎหมายวิธีพจิ ารณาความอาญา
๓. เขตพระราชวังบางแหงที่ทรงพระกรุณาโปรดเกลาฯ ใหเปนท่ีμÑ駢ͧʶҹ·ÕèÃÒª¡Òà ÁÔä´ŒÍÂً㹤ÇÒÁ´ÙáÅ
¢Í§สํา¹Ñ¡¾ÃÐÃÒªÇѧ เชน วังสราญรมย วังสวนสุนันทา เปนตน เชนน้ี äÁ‹¶×ÍÇ‹Ò໚¹à¢μ¾ÃÐÃÒªÇѧตามความหมายของ
มาตรา ๘๑/๑
๑๑๘
¢ŒÍ¾Ö§ÃÐÇѧสาํ ËÃºÑ à¨ÒŒ ¾¹Ñ¡§Ò¹ตําÃǨ㹡ÒèѺ¡ÁØ
จะเห็นไดวาหลักเกณฑการจับกุมบุคคลท่ีประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาได
กําหนดไว เปนหลักเกณฑที่ใชกับบุคคลที่เกี่ยวกับการกระทําความผิดอาญาท่ัวไป แตอยางไรก็ตาม
มีบุคคลบางประเภทที่ไดมีกฎหมายบัญญัติเงื่อนไขไวเปนสําคัญ เชนนี้ เจาพนักงานตํารวจจะตองนํา
หลักเกณฑที่กฎหมายนัน้ ๆ มาใชบ ังคับ เชน
¡Ã³Õ¨Ñºà´ç¡ จะตองปฏิบัติตามหลักเกณฑท่ีกําหนดไวในพระราชบัญญัติศาลเยาวชน
และครอบครัว และวิธพี จิ ารณาคดีเยาวชนและครอบครัวฯ
¾ÃÐÃÒªºÞÑ ÞμÑ Ô
ÈÒÅàÂÒǪ¹áÅФÃͺ¤ÃÑÇáÅÐÇ¸Ô Õ¾Ô¨ÒóҤ´àÕ ÂÒǪ¹áÅФÃͺ¤ÃÇÑ
¾.È. òõõó
“เด็ก”๒ หมายความวา บุคคลซ่ึงมีอายุเกินกวาอายุที่กําหนดไวตามมาตรา ๗๓
แหงประมวลกฎหมายอาญา แตยังไมเ กนิ สิบหา ปบรบิ ูรณ
“เยาวชน” หมายความวา บคุ คลอายเุ กนิ สิบหา ปบริบรู ณ แตย ังไมถ ึงสบิ แปดปบรบิ รู ณ
ÁÒμÃÒ öö หามมิใหจับกุมเด็กซ่ึงตองหาวากระทําความผิด เวนแตเด็กนั้นไดกระทาํ
ความผดิ ซึ่งหนา หรอื มีหมายจบั หรือคําส่งั ของศาล
การจบั กมุ เยาวชนซงึ่ ตอ งหาวา กระทาํ ความผดิ ใหเ ปน ไปตามประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณา
ความอาญา
ÁÒμÃÒ öù ในการจบั กมุ เด็กหรอื เยาวชนซ่งึ ตอ งหาวา กระทําความผดิ ใหเจาพนกั งาน
ผจู บั แจง แกเ ดก็ หรอื เยาวชนนน้ั วา เขาตอ งถกู จบั และแจง ขอ กลา วหารวมทงั้ สทิ ธติ ามกฎหมายใหท ราบ
หากมีหมายจับใหแสดงตอผูถูกจับ แลวนําตัวผูถูกจับไปยังท่ีทาํ การของพนักงานสอบสวนแหงทองท่ี
ที่ถูกจับทันที เพื่อใหพนักงานสอบสวนของทองที่ดังกลาวสงตัวผูถูกจับไปยังที่ทําการของพนักงาน
สอบสวนผูร บั ผดิ ชอบโดยเรว็
ถาขณะจับกุมมีบิดา มารดา ผูปกครอง บุคคลหรือผูแทนองคการซ่ึงเด็กหรือเยาวชน
อาศยั อยดู ว ย อยดู ว ยในขณะนนั้ ใหเ จา พนกั งานผจู บั แจง เหตแุ หง การจบั ใหบ คุ คลดงั กลา วทราบ และใน
กรณคี วามผิดอาญา ซง่ึ มอี ัตราโทษอยา งสูงตามท่ีกฎหมายกาํ หนดไวใ หจ าํ คกุ ไมเกินหาป เจา พนกั งาน
ผูจับจะส่ังใหบุคคลดังกลาวเปนผูนําตัวเด็กหรือเยาวชนนั้นไปยังท่ีทําการของพนักงานสอบสวนตาม
วรรคหน่ึงก็ได แตถาในขณะนั้น ไมมีบุคคลดังกลาวอยูกับผูถูกจับ ใหเจาพนักงานผูจับแจงใหบุคคล
ดงั กลา วคนใดคนหนง่ึ ทราบถงึ การจบั กมุ ในโอกาสแรกเทา ทส่ี ามารถกระทําได และหากผถู กู จบั ประสงค
จะติดตอส่ือสารหรือปรึกษาหารือกับบุคคลเหลาน้ัน ซ่ึงไมเปนอุปสรรคตอการจับกุมและอยูในวิสัย
ทจ่ี ะดําเนนิ การได ใหเจาพนกั งานผูจ บั ดําเนนิ การใหตามควรแกก รณโี ดยไมชักชา
๑๑๙
ในการจบั กมุ และควบคมุ เดก็ หรอื เยาวชนตอ งกระทาํ โดยละมนุ ละมอ ม โดยคํานงึ ถงึ ศกั ดศ์ิ รี
ความเปน มนษุ ยแ ละไมเ ปน การประจานเดก็ หรอื เยาวชน และหา มมใิ หใ ชว ธิ กี ารควบคมุ เกนิ กวา ทจ่ี ําเปน
เพ่ือปองกันการหลบหนีหรือเพื่อความปลอดภัยของเด็กหรือเยาวชนผูถูกจับหรือบุคคลอื่น รวมท้ัง
มิใหใชเครื่องพันธนาการแกเด็กไมวากรณีใดๆ เวนแตมีความจาํ เปนอยางยิ่งอันมิอาจหลีกเล่ียงได
เพื่อปอ งกันการหลบหนหี รือเพือ่ ความปลอดภัยของเด็กผูถ ูกจับหรอื บุคคลอื่น
กอนสงตัวผูถูกจับใหพนักงานสอบสวนแหงทองที่ที่ถูกจับ ใหเจาพนักงานผูจับทาํ บันทึก
การจบั กมุ โดยแจง ขอกลาวหาและรายละเอียดเกีย่ วกบั เหตแุ หง การจบั ใหผูถูกจบั ทราบ ท้ังน้ี หามมิให
ถามคําใหก ารผถู กู จบั ถา ขณะทาํ บนั ทกึ ดงั กลา วมบี ดิ า มารดา ผปู กครอง หรอื บคุ คลหรอื ผแู ทนองคก าร
ซ่ึงเด็กหรือเยาวชนอาศัยอยูดวย อยูดวยในขณะน้ัน ตองกระทําตอหนาบุคคลดังกลาวและจะให
ลงลายมือช่ือเปนพยานดวยก็ได ถอยคาํ ของเด็กหรือเยาวชนในช้ันจับกุมมิใหศาลรับฟงเปนพยาน
เพอ่ื พสิ ูจนค วามผดิ ของเด็กหรอื เยาวชน แตศาลอาจนาํ มาฟงเปนคณุ แกเดก็ หรอื เยาวชนได
¡Ã³¡Õ ÒèºÑ º¤Ø ¤Å¼ÁŒÙ ¤Õ ÇÒÁ¼´Ô »¡μ·Ô Ò§¨μÔ กจ็ ะตอ งปฏบิ ตั ติ ามพระราชบญั ญตั สิ ขุ ภาพจติ ฯ
¡Ã³Õ¨Ñº·ËÒà จะตองปฏิบัติตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี วาดวย การปฏิบัติและ
ประสานงานกรณีทหารถกู หาวากระทาํ ความผิดอาญา พ.ศ.๒๕๔๔
¡Ã³¨Õ ºÑ μÇÑ á·¹·Ò§¡Ò÷μÙ จะตอ งปฏบิ ตั ติ ามพระราชบญั ญตั วิ า ดว ยเอกสทิ ธแ์ิ ละความคมุ กนั
ทางทูตฯ พระราชบัญญัติวาดวยเอกสิทธ์ิและความคุมกันของกงสุลฯ และอนุสัญญากรุงเวียนนา
วา ดวยความสมั พันธท างทูต ค.ศ.๑๙๖๑ ขอ ๒๒, ๒๙
¡Ã³Õ¨ÑºÊÁÒªÔ¡ÊÀҼٌ᷹ÃÒɮà หรือสมาชิกวุฒิสภาในระหวางสมัยประชุม จะตอง
ปฏิบตั ติ ามรฐั ธรรมนูญแหงราชอาณาจกั รไทยฯ มาตรา ๑๒๕
õ.õ ¢éѹμ͹»¯ºÔ ÑμÔ㹡ÒèѺ¡ØÁ
เนื่องจากประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาใหอํานาจในการจับกุมแกพนักงาน
ฝายปกครองหรือตํารวจ และใหอํานาจจับกุมแกราษฎรท่ีสามารถจับกุมผูกระทําความผิดซ่ึงหนาได
ในบางกรณี ดงั นน้ั จึงขอแยกขั้นตอนปฏิบัตใิ นการจบั กุมเปน ๒ กรณี กลาวคือ
õ.õ.ñ ¡Ã³Õà¨ÒŒ ¾¹Ñ¡§Ò¹à»š¹¼ÙŒ¨ºÑ
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ไดวางหลักเกณฑสําหรับการปฏิบัติ
สาํ หรับการเขา ทําการจับกมุ ซึ่งพอสรุปไดดังนี้
๑) ในการจบั นน้ั จะตอ งแจง แกผ ทู จี่ ะตอ งถกู จบั กมุ นน้ั วา à¢ÒμÍŒ §¶¡Ù ¨ºÑ แลว สง ให
ผูถูกจับนั้นไปยังที่ทําการของพนักงานสอบสวนทองท่ีท่ีถูกจับพรอมกับผูจับ แตถาสามารถนําตัว
ผถู กู จบั นนั้ ไปทท่ี าํ การของพนกั งานสอบสวนผรู บั ผดิ ชอบไดใ นขณะนนั้ กใ็ หน าํ ตวั ไป ณ ทที่ าํ การดงั กลา ว
และหากผูท่ีจบั นัน้ เห็นวาจําเปน ก็ใหจ ับตวั ไป (มาตรา ๘๓ วรรคแรก)
๑๒๐
๒) เจาพนักงานผูจับตองᨌ§¢ŒÍ¡Å‹ÒÇËÒใหผูถูกจับทราบ หากมีหมายจับก็ให
แสดงหมายจับน้นั ตอ ผูถูกจบั พรอมทง้ั ᨌ§ÊÔ·¸¢Ô ͧ¼¶ÙŒ Ù¡¨ºÑ ดงั นี้
ก) มสิี ิทธิท่จี ะไมใ หก ารหรอื ใหก ารกไ็ ด
ข) ถอ ยคําของผถู กู จบั นนั้ อาจใชเ ปน พยานหลกั ฐานในการพจิ ารณาคดไี ด
ค) ผถู กู จบั มสี ทิ ธทิ จี่ ะพบและปรกึ ษาทนายความหรอื ผซู ง่ึ จะเปน ทนายความ
๓) ถาผูถูกจับประสงคจะแจงญาติ หรือผูซ่ึงตนไววางใจทราบถึงการจับกุมท่ี
สามารถดําเนนิ การไดโ ดยสะดวก และไมเ ปน การขดั ขวางการจบั หรอื การควบคมุ ผถู กู จบั หรอื ทําใหเ กดิ
ความไมปลอดภยั แกบุคคลหนึ่งบคุ คลใด ก็ใหเจาพนกั งานอนุญาตใหผถู กู จบั ดาํ เนินการไดต ามสมควร
แกก รณี (กรณนี เี้ ปน เรอ่ื งทผ่ี ถู กู จบั รอ งขอ มใิ ชเ ปน การบงั คบั ใหเ จา พนกั งานผจู บั ตอ งแจง ใหท ราบ) ในกรณนี ใ้ี หเ จา พนกั งาน
ผูจ ับนัน้ บนั ทึกการจบั ดังกลา วไวด วย (มาตรา ๘๓ วรรคสอง)
คํา¾¾Ô Ò¡ÉÒÈÒŮաҷèÕ ñóùøõ/òõõó ป.ว.ิ อ. มาตรา ๘๓ วรรคสอง เปน
บทบัญญัติกําหนดใหเจาพนักงานผูจับตองแจงขอกลาวหาใหผูถูกจับทราบ ก็เพ่ือใหผูถูกจับทราบวา
การกระทาํ ของผถู กู จบั เปน ความผดิ และเพอ่ื ใหผ ถู กู จบั เขา ใจถงึ การกระทําของผถู กู จบั ซง่ึ เปน ความผดิ นน้ั
เพอ่ื ประโยชนใ นการใหการ ใหถ อยคาํ หรือตอ สูค ดี โดยเจาพนกั งานผจู ับไมจ าํ ตอ งแจง ขอหาความผดิ
ใหต รงกบั ทพ่ี นกั งานอยั การโจทกจ ะฟอ งผถู กู จบั เพราะคดยี งั ตอ งมกี ารสอบสวนตอ ไปวา ผถู กู จบั กระทํา
ความผิดหรอื ไม และกระทําความผิดฐานใด
คดนี ้ี แมบ นั ทกึ การจบั กมุ แจง ขอ หาวา จาํ เลยมเี มทแอมเฟตามนี ไวใ นครอบครอง
เมอื่ พนกั งานสอบสวนแจง ขอ หาแกจ ําเลยวา มเี มทแอมเฟตามนี ไวใ นครอบครองเพอื่ จําหนา ย ถอื วา มี
การสอบสวนในความผดิ ฐานดงั กลา วแลว โจทกจ งึ มอี าํ นาจฟอ ง เมอ่ื โจทกบ รรยายฟอ งวา จาํ เลยกระทํา
ความผดิ ฐานมเี มทแอมเฟตามนี ไวใ นครอบครองเพอื่ จําหนา ยและขอ เทจ็ จรงิ ฟง เปน ยตุ ขิ า งตน ศาลยอ ม
ลงโทษจาํ เลยในความผิดฐานมเี มทแอมเฟตามีนไวในครอบครองเพื่อจาํ หนายตามฟองได
๔) ถา บคุ คลซง่ึ จะถกู จบั ขดั ขวางหรอื จะขดั ขวางการจบั หรอื หลบหนหี รอื พยายาม
จะหลบหนี ผูจับมีอํานาจใชÇÔ¸ÕËÃ×Í¡Òû‡Í§¡Ñ¹·éѧËÅÒÂà·‹Ò·èÕàËÁÒÐÊÁá¡‹¾ÄμÔ¡Òóแหงเรื่องในการ
จบั นน้ั ได (มาตรา ๘๓ วรรคทา ย)
®¡Õ Ò·èÕ öùò/òõõ÷ กอ นทจ่ี าํ เลยจะใชม ดี แทงผเู สยี หายที่ ๒ จาํ เลยใชอ าวธุ มดี
แทงผเู สยี หายที่ ๑ และกาํ ลงั ขน้ึ รถจกั รยานยนตเ พอ่ื หลบหนี เมอื่ ผเู สยี หายท่ี ๒ มาถงึ และพบผเู สยี หาย
ท่ี ๑ ถกู แทง กบั เหน็ จาํ เลยถอื อาวธุ มดี นงั่ ครอ มรถจกั รยานยนต เปน กรณที ผ่ี เู สยี หายที่ ๒ พบการกระทํา
ความผิดตอผูเสียหายที่ ๑ โดยอาการซ่ึงแทบจะไมมีความสงสัยเลยวาจาํ เลยไดใชอาวุธมีดแทง
ผูเสียหายท่ี ๑ มาแลวสดๆ ถือวาการกระทําของจาํ เลยเปนความผิดซ่ึงหนาตอผูเสียหายท่ี ๒
ตามประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญามาตรา ๘๐ วรรคแรก ผเู สยี หายท่ี ๒ ในฐานะราษฎรยอ มมี
อํานาจจับจาํ เลยไดตามมาตรา ๗๙ การที่ผูเสียหายที่ ๒ กระโดดถีบจาํ เลยก็เพื่อหยุดยั้งมิใหจําเลย
กับพวกขับรถจกั รยานยนตห ลบหนีอนั เปน การกระทาํ เพื่อจบั จําเลย จาํ เลยไมมสี ิทธปิ องกันเพ่ือใหต น
พนจากการทจ่ี ะตอ งถกู จบั เมอื่ จําเลยใชอาวุธมดี แทงผูเสียหายที่ ๒ จนไดรับอันตรายสาหัส จงึ ไมใ ช
เปนการปอ งกันโดยชอบดวยกฎหมาย
๑๒๑
๕) เจา พนกั งานผทู าํ การจบั ตอ งเอาตวั ผถู กู จบั ไปยงั ทท่ี าํ การของพนกั งานสอบสวน
ทอ งท่ีท่รี ะบุไวใ นมาตรา ๘๓ และเมื่อถงึ ทีน่ ัน้ แลว ใหส งตวั ผถู กู จับแกพ นักงานตํารวจของทีท่ ําการของ
พนกั งานสอบสวนดังกลา ว เพ่อื ดําเนนิ การตอ ไป
การนาํ ตวั ผถู กู จบั ไปยงั ทท่ี าํ การของพนกั งานสอบสวน นอกจากมกี ารแจง ขอ กลา วหา
และรายละเอียดเกี่ยวกับเหตุแหงการจับใหผูถูกจับทราบ ถามีหมายจับใหแจงใหผูถูกจับทราบ
และอา นใหฟง และมอบสําเนาบนั ทึกการจบั แกผถู กู จับนน้ั (มาตรา ๘๔ (๑))
๖) ใหพ นกั งานตํารวจซงึ่ มผี นู าํ ผถู กู จบั มาสง (ผรู บั มอบตวั ) แจง ผถู กู จบั ใหท ราบ
ถงึ Ê·Ô ¸μÔ ÒÁÁÒμÃÒ ÷/ñ ã¹âÍ¡ÒÊáá กลา วคือ แจงใหเขาทราบวาเขามีสทิ ธิ ดงั น้ี
- มีสิทธิแจงหรือขอใหเจาพนักงานแจงใหญาติหรือผูซ่ึงใหถูกจับหรือ
ผตู อ งหาไวว างใจทราบถงึ การถูกจับกมุ สถานทีท่ ่ีถูกควบคมุ ในโอกาสแรก
- พบและปรกึ ษาผูซ่งึ จะเปน ทนายความเปน การเฉพาะตวั
- ใหทนายความหรือผูซ่ึงตนไววางใจเขาฟงการสอบปากคาํ ตนไดในช้ัน
สอบสวน
- ไดร บั การเยย่ี มหรอื ตดิ ตอกับญาตไิ ดตามสมควร
- ไดรับการรักษาพยาบาลโดยเรว็ เม่อื เกิดการเจ็บปว ย
รวมท้งั จัดใหผูถ ูกจับสามารถติดตอกับญาตหิ รือผูซ ง่ึ ตนไววางใจ เพือ่ แจง ให
ทราบถึงการจับกุมและสถานท่ีท่ีถูกควบคุมไดในโอกาสแรก เม่ือผูถูกจับมาถึงท่ีทาํ การของพนักงาน
สอบสวน
หรือถากรณีผูถูกจับรองขอใหพนักงานตํารวจเปนผูแจง ก็ใหจัดการ
ตามคาํ รองขอนั้นโดยเร็วและใหเจาพนักงานตํารวจบันทึกการที่ผูถูกจับไดแจงกับญาติหรือผูท่ีไววางใจ
หรือการไดจัดการแจงให (ทางปฏิบัติ พนักงานสอบสวนจะไดบันทึกใหปรากฏไวในบันทึกพนักงาน
สอบสวน) ในการนม้ี ใิ หเ รียกคาใชจ ายใดๆ จากผถู ูกจบั (มาตรา ๘๔ วรรคสอง)
๗) ในกรณีที่มีผูนําผูถูกจับมาสง และถาเปนการจับโดยมีหมายของศาล
ใหร บี ดําเนนิ การสง บคุ คลนนั้ มายงั ศาลทอ่ี อกหมายหรอื พนกั งานเจา หนา ทที่ กี่ ําหนดไวใ นหมายโดยดว น
แตถ า ไมอ าจสง ไปไดใ นขณะนนั้ เนอื่ งจากเปน เวลาทศี่ าลปด หรอื ใกลจ ะปด ทําการ ใหเ จา พนกั งานตํารวจ
ผรู บั ตวั ผถู กู จบั นน้ั มอี ํานาจปลอ ยตวั ชวั่ คราวหรอื ควบคมุ ผถู กู จบั ไวไ ดจ นกวา จะถงึ เวลาศาลเปด ทาํ การ
(มาตรา ๘๔/๑)
๘) ในกรณีจาํ เปนเจาพนักงานตาํ รวจซ่ึงทําการจับจะจัดการพยาบาลผูถูกจับ
กอ นนาํ ตัวมาสง พนักงานสอบสวนกไ็ ด (มาตรา ๘๔ วรรคสาม)
๙) เจาพนักงานผูรับตัวผูถูกจับไว มีอาํ นาจคนตัวผูตองหา และยึดสิ่งตางๆ
ทอี่ าจใชเปนพยานหลกั ฐานไวไ ด (ตามมาตรา ๘๕)
๑๒๒
๑๐) เมื่อเจาพนักงานตํารวจจับบุคคลตามหมายจับไดแลว ใหรายงานศาลท่ี
ออกหมายจับทราบโดยเร็วแตตองไมชากวา ๗ วัน นับแตวันจับ (ขอบังคับประธานศาลฎีกาวาดวย
หลกั เกณฑและวิธีการเก่ยี วกับการออกคาํ ส่งั หรือหมายอาญา ขอ ๒๓)
นอกจากวิธีจัดการตามหมายจับที่กําหนดไวในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
ความอาญาฯ แลว สํา¹Ñ¡§Ò¹ตาํ ÃǨáË‹§ªÒμÔä´ÁŒ Õคาํ Êèѧ㹡ÒÃกาํ ˹´á¹Ç·Ò§ã¹¡Òû¯ÔºÑμ§Ô Ò¹¢Í§
਌Ҿ¹¡Ñ §Ò¹ตําÃǨ·Õàè ¡ÕÂè Ç¢ŒÍ§¡ºÑ ¡ÒÃอํา¹Ç¤ÇÒÁÂØμ¸Ô ÃÃÁ㹤´ÍÕ ÒÞÒänj໹š ¡ÒÃ੾ÒÐ ¤Í×
คาํ ʧèÑ สาํ ¹¡Ñ §Ò¹ตาํ ÃǨá˧‹ ªÒμÔ ·Õè ôñù/òõõö àÃÍè× § ¡ÒÃอาํ ¹Ç¤ÇÒÁÂμØ ¸Ô ÃÃÁ
㹤´ÍÕ ÒÞÒ ¡ÒÃทาํ สาํ ¹Ç¹¡ÒÃÊͺÊǹáÅÐÁÒμáÒäǺ¤ÁØ μÃǨÊͺàç‹ Ã´Ñ ¡ÒÃÊͺÊǹ¤´ÍÕ ÒÞÒ
ลงวันท่ี ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ซงึ่ ไดกลาวถึงการจบั กมุ ไวในบทท่ี ๒ ซึ่งพอทีจ่ ะสรุปไดดังเปน แนวทาง
ปฏิบัติในการจับกุมตามคาํ สัง่ ตช. ท่ี ๔๑๙/๒๕๕๖ ดงั น้ี
๑) การจบั นนั้ เจา พนกั งานตาํ รวจตอ งᨧŒ ᡼‹ ·ŒÙ ¨Õè ж¡Ù ¨ºÑ ¹¹Ñé ÇÒ‹ à¢ÒμÍŒ §¶¡Ù ¨ºÑ
áÅŒÇส่ังใหผูถูกจับไปยังท่ีทําการของพนักงานสอบสวนแหงทองท่ีที่ถูกจับพรอมดวยผูจับทันที
เวน แตส ามารถนาํ ไปทท่ี าํ การพนกั งานสอบสวนผรู บั ผดิ ชอบไดใ นขณะนน้ั ใหน าํ ไปทที่ าํ การของพนกั งาน
สอบสวนผูรบั ผิดชอบนนั้ แตถ า จําเปน ก็ใหจับตัวไป (คําสงั่ ตร. ท่ี ๔๑๙/๒๕๕๖ ขอ ๓.๒)
๒) μŒÍ§á¨§Œ ¢ÍŒ ËÒใหผ ถู ูกจับทราบ หากมีหมายจบั ใหแสดงตอผูถ ูกจบั และแจง
ดวยวาผูถูกจับมีสิทธ์ิท่ีจะใหการหรือไมใหการก็ได หากใหการถอยคํานั้นอาจใชเปนพยานหลักฐาน
ในการพจิ ารณาคดไี ด และผถู กู จบั มสี ทิ ธท์ิ จ่ี ะพบและปรกึ ษาทนายความ หรอื ผซู งึ่ จะเปน ทนายความได
โดยใหเจาพนักงานตาํ รวจพูดขอ ความในลักษณะตอ ไปนี้
¡Ã³àÕ »¹š ¡ÒèºÑ â´ÂäÁ‹ÁÕËÁÒ¨ºÑ
“คณุ (ทา น) ถกู จบั แลว ในขอ หา................... คณุ (ทา น)มสี ทิ ธท์ิ จี่ ะใหก ารหรอื ไมใ หก ารกไ็ ด ถา คณุ (ทา น)ใหก ารถอ ยคาํ
นน้ั อาจใชเปนพยานหลักฐานในการพจิ ารณาคดีได คณุ (ทาน)มีสทิ ธิท์ ่ีจะพบและปรกึ ษาทนายหรอื ผซู ง่ึ จะเปนทนายความได”
¡Ã³àÕ »š¹¡ÒèѺâ´ÂÁËÕ ÁÒ¨ѺËÃÍ× คําʧÑè ¢Í§ÈÒÅ
“คุณ(ทาน) ถูกจับตามหมายจับของศาล..............ท่ี.............../๒๕...........ลงวันท่ี................ในขอหา
..............................................คุณ(ทาน)มสี ทิ ธิท์ ี่จะใหการหรือไมใ หก ารก็ได ถา คุณ(ทา น)ใหการถอยคํานน้ั อาจใชเปนพยาน
หลักฐานในการพิจารณาคดไี ด คุณ(ทา น)มสี ทิ ธทิ์ ีจ่ ะพบและปรึกษาทนายหรอื ผูซ งึ่ จะเปนทนายความได”
นอกจากน้ีใหเจาพนักงานผูจับºÑ¹·Ö¡à¡èÕÂǡѺ¡ÒÃᨌ§ÊÔ·¸Ôดังกลาวขางตนไว
㹺ѹ·¡Ö ¡ÒèºÑ ¡ØÁดวย โดยใหปรากฏขอความวา “ผูจ ับไดแ จงใหผ ูถ ูกจบั ทราบแลววา ทา นตอ งถกู จับ
ในขอหาดังกลาวและมีสิทธิท่ีจะใหการหรือไมใหการก็ได ใหการถอยคําน้ันอาจใชเปนพยานหลักฐาน
ในการพจิ ารณาคดไี ดแ ละมสี ทิ ธทิ์ จี่ ะพบและปรกึ ษาทนายความหรอื ผซู ง่ึ จะเปน ทนายความได” จากนนั้
จึงบันทกึ คาํ ใหการของผถู กู จับลงในบนั ทกึ การจบั (คําส่ัง ตร. ท่ี ๔๑๙/๒๕๕๖ ขอ ๓.๓)
๓) ถาผูถูกจับประสงคจะแจงใหญาติ หรือผูซ่ึงตนไววางใจทราบถึงการจับ
หากเปนการสะดวกและไมเปนการขัดขวางการจับหรือการควบคุมผูถูกจับหรือทําใหเกิดความไม
๑๒๓
ปลอดภัยแกบุคคลใดใหเจาพนักงานอนุญาตใหผูถูกจับดําเนินการไดตามสมควรแกกรณี (คําส่ัง ตร.
ที่ ๔๑๙/๒๕๕๖ ขอ ๓.๔)
๔) หากบุคคลซึ่งจะถูกจับขัดขวางหรือจะขัดขวางการจับ หรือหลบหนีหรือ
พยายามจะหลบหนี ผูทําการจับมีอํานาจใชวิธีหรือการปองกันที่เหมาะสมแกพฤติการณแหงเร่ืองใน
การจบั น้นั (คาํ สั่ง ตร. ท่ี ๔๑๙/๒๕๕๖ ขอ ๓.๕)
๕) เจา พนกั งานตาํ รวจหรอื ราษฎรผทู าํ การจบั ตอ งเอาตวั ผถู กู จบั ไปยงั ทที่ าํ การ
ของพนักงานสอบสวนแหงทองท่ีที่ถูกจับพรอมดวยผูจับ เวนแตสามารถนําไปที่ทําการของพนักงาน
สอบสวนผูรับผดิ ชอบไดในขณะนน้ั ใหนําไปทีท่ ําการของพนกั งานสอบสวนผูรับผดิ ชอบดงั กลา ว
กรณพี นกั งานสอบสวนแหงทองที่ทีถ่ ูกจบั เปนคนละทอ งท่ีกบั พนักงานสอบสวน
ผรู บั ผดิ ชอบ ใหห วั หนา หนว ยงานทมี่ อี าํ นาจสอบสวนแหง ทอ งทท่ี ถ่ี กู จบั รบี สง ตวั ผถู กู จบั ไปยงั พนกั งาน
สอบสวนทอ งทที่ ร่ี บั ผดิ ชอบโดยทนั ที และใหค าํ นงึ ถงึ ระยะเวลาในการควบคมุ ผถู กู จบั หรอื ผตู อ งหาดว ย
(คําสัง่ ตร. ที่ ๔๑๙/๒๕๕๖ ขอ ๓.๖)
๖) กรณีเจาพนักงานตํารวจเปนผูจับใหแจงขอหาและรายละเอียดเกี่ยวกับ
เหตุการณจับใหผูถูกจับทราบ ถามีหมายจับใหแจงใหผูถูกจับทราบและอานใหฟง โดยบันทึกไวใน
รายงานประจําวันเก่ียวกับคดีขอรับตัวผูถูกจับไวควบคุม โดยใหผูถูกจับลงลายมือช่ือรับทราบไว และ
มอบสําเนาบนั ทกึ การจบั กมุ แกผูถ ูกจับนั้น โดยใหผ ูถูกจบั ลงลายมอื ชือ่ รบั สาํ เนาไวในบนั ทึกการจับกมุ
(คําสง่ั ตร. ที่ ๔๑๙/๒๕๕๖ ขอ ๓.๗)
õ.õ.ò ¡Ã³ÃÕ ÒɮèѺ
เน่อื งจากประมวลกฎหมายวธิ ีพิจารณาความอาญามาตรา ๗๙ ไดใ หอํานาจแก
ราษฎรในการจับกุมได เม่ือเขาหลักเกณฑที่กฎหมายกําหนดดังที่กลาวมาแลวขางตนคือตองเปนการ
กระทําความผิดซึ่งหนาและความผิดน้ันจะตองเปนความผิดที่ระบุไวในบัญชีทายประมวลกฎหมาย
วิธีพิจารณาความอาญาและเมื่อราษฎรจับผูกระทําความผิดซ่ึงหนาไดแลวน้ัน ประมวลกฎหมาย
มาตรา ๘๓ ยงั ไดกาํ หนดหนาท่ีใหราษฎรผจู ับนน้ั ดําเนนิ การดังตอ ไปนี้
๑. μÍŒ §á¨§Œ ᡼‹ ·ŒÙ ¨èÕ Ð¶¡Ù ¨ºÑ ¹¹Ñé ÇÒ‹ à¢ÒμÍŒ §¶¡Ù ¨ºÑ แลว สง่ั ใหผ ถู กู จบั ไปยงั ทที่ าํ การ
ของพนกั งานสอบสวนแหง ทอ งทที่ ถ่ี กู จบั พรอ มกบั ผจู บั แตห ากสามารถนาํ ตวั ไปยงั ทที่ าํ การของพนกั งาน
สอบสวนผูร ับผิดชอบไดใ นขณะน้ันก็ใหน าํ ไป และหากจําเปน ก็ใหจบั ตัวไป (มาตรา ๘๓ วรรคแรก)
๒. ราษฎรผูจับตองเอาตัวผูถูกจับไปยังสถานท่ีท่ีทําการของพนักงานสอบสวน
ดงั กลาวตามมาตรา ๘๓ โดยทันที และเมอ่ื ถึงทน่ี ัน้ แลวใหÊ ‹§μÑǼŒÙ¶Ù¡¨ºÑ ãËጠ¡à‹ ¨ŒÒ¾¹¡Ñ §Ò¹μíÒÃǨของ
ท่ีทําการของพนักงานสอบสวนนน้ั
๓. ใหเจาพนักงานตํารวจซ่ึงรับมอบตัว ŧºÑ¹·Ö¡ªè×Í ÍÒªÕ¾ ·èÕÍÂÙ‹¢Í§¼ÙŒ¨Ñº
ÃÇÁ¶Ö§¢ŒÍ¤ÇÒÁáÅоÄμÔ¡ÒóáË‹§¡ÒèѺ¹Ñé¹äÇŒ และให¼ŒÙ¨ÑºÅ§ÅÒÂÁ×ͪ×èÍ¡íҡѺÃÇÁ·Ñé§á¨Œ§
๑๒๔
¢ÍŒ ¡ÅÒ‹ ÇËÒáÅÐÃÒÂÅÐàÍÂÕ ´á˧‹ ¡ÒèºÑ ã˼Œ ¶ÙŒ ¡Ù ¨ºÑ ·ÃÒºáÅÐᨧŒ ã˼Œ ¶ÙŒ ¡Ù ¨ºÑ ·ÃÒº´ÇŒ ÂÇÒ‹ ¼¶ŒÙ ¡Ù ¨ºÑ ÁÊÕ ·Ô ¸ìÔ
¨ÐäÁã‹ Ë¡Œ ÒÃËÃÍ× ãË¡Œ Òáäç ´áŒ Åж͌ ¤íҢͧ¼¶ÙŒ ¡Ù ¨ºÑ ÍÒ¨ãªàŒ »¹š ¾ÂÒ¹ËÅ¡Ñ °Ò¹ã¹¡Òþ¨Ô ÒóҤ´äÕ ´Œ
โดยบันทึกไวในบันทึกประจาํ วันเกี่ยวกับคดี ขอรับตัวผูถูกจับไวควบคุมและใหผูถูกจับลงลายมือชื่อ
รบั ทราบไว (มาตรา ๘๔ วรรคแรก (๒) และคําสั่ง ตร. ที่ ๔๑๙/๒๕๕๖ ขอ ๓.๘)
๔. ถา บคุ คลซง่ึ จะถกู จบั ขดั ขวางหรอื จะขดั ขวางการจบั หรอื หลบหนหี รอื พยายาม
จะหลบหนีผูทาํ การจับอาจมีอาํ ¹Ò¨ãªŒÇÔ¸ÕËÃ×Í¡Òû‡Í§¡Ñ¹·éѧËÅÒÂà·‹Ò·èÕàËÁÒÐÊÁá¡‹¾ÄμÔ¡Òó
á˧‹ àÃè×ͧในการจบั (มาตรา ๘๓ วรรคสาม)
๕. ในการจับนั้นราษฎรซึ่งทาํ การจับจะจัดการพยาบาลผูถูกจับเสียกอนนาํ ตัว
มาสงเจาพนกั งานตํารวจก็ได (มาตรา ๘๔ วรรคสาม)
õ.ö ¡ÒÃทาํ ºÑ¹·Ö¡¡ÒèѺ¡ÁØ
บันทึกการจับกุมเปนหลักฐานสาํ คัญอยางย่ิงตอการดาํ เนินคดี เพราะบันทึกการจับกุม
จะประกอบไปดวย วัน เวลา สถานที่ ในการจบั กุม ตลอดจนพฤตกิ ารณของผตู อ งหา หรือบุคคลทอี่ ยู
ในขณะเกดิ เหตุ คาํ ใหก ารของผตู อ งหา ของกลางทพ่ี บ ดงั นนั้ เจา พนกั งานตํารวจจะตอ งใหค วามสําคญั
กบั การบนั ทกึ การจบั กมุ นเ้ี ปนอยา งยิ่ง
ÊÒÃÐสาํ ¤ÞÑ ã¹º¹Ñ ·Ö¡¡ÒèºÑ ¡ÁØ
ดงั ทกี่ ลา วแลว ขา งตน ถงึ ความสาํ คญั ของบนั ทกึ การจบั กมุ ซงึ่ ในบนั ทกึ การจบั กมุ จะตอ งมี
สาระสาํ คัญ คอื
๑) บันทึกการจบั กุมเปน ไปตามแบบที่ ตร. ไดกําหนดไว (แบบ ส.๕๖ - ๒๗) สง่ิ สําคญั ยงิ่
ในการทําบันทึกการจับกุมคือ จะตองÃкØÃÒÂÅÐàÍÕ´áË‹§¾ÄμÔ¡Òó เน่ืองจากพนักงานสอบสวน
สามารถนําขอ เทจ็ จรงิ นนั้ กาํ หนดไวใ นสํานวนคดฟี อ งรอ งแกผ กู ระทาํ ความผดิ เพอ่ื ใหศ าลสามารถนําตวั
ผูกระทําความผิดน้นั มารบั โทษตามทีก่ ฎหมายกําหนดได
๒) ขอเท็จจริงท่ีระบุไวในบันทึกการจับกุมตองÊÍ´¤ÅŒÍ§à»š¹àËμØ໚¹¼Å ไมขัดตอ
ความเปน จรงิ เพราะหากผจู บั กมุ ระบขุ อ เทจ็ จรงิ หรอื พฤตกิ ารณไ มส มเหตสุ มผล อาจทําใหค ดเี สยี หายได
หรือหากใบบันทึกจับกุมบางสวนมีขอพิรุธ อาจสงผลใหบันทึกการจับกุมท้ังฉบับหมดความนาเช่ือถือ
ไปได และดว ยเหตอุ นั ควรสงสัยท่เี กดิ จากความบกพรองนี้ อาจสง ผลใหศ าลพจิ ารณาพพิ ากษายกฟอง
เพราะเหตดุ งั กลาวได
๓) ขอเทจ็ จริงทป่ี รากฏในบันทกึ จับกมุ จะตอ งÊÍ´¤ÅÍŒ §μç¡Ñºº¹Ñ ·¡Ö คําãËŒ¡Òà เพราะ
หากขัดแยงกนั ทาํ ใหเกดิ ขอ พิรธุ และสง ผลกระทบตอ การดาํ เนนิ คดี
๔) ผูที่ลงชื่อในบันทึกจับกุม¨ÐμŒÍ§à»š¹¼ŒÙ·èÕÁÕʋǹËÇÁ㹡ÒèѺ¡ØÁน้ัน เพราะจะทราบ
ขอ เทจ็ จรงิ หรอื พฤตกิ ารณท เี่ กดิ ขนึ้ ในขณะจบั กมุ สามารถเปน พยานในชน้ั ศาลได และจะทาํ ใหก ารเบกิ ความ
ของพยานสอดคลอ งกัน เพราะหากพยานคเู บิกความขัดแยง กนั ก็จะสง ผลใหศ าลยกฟองคดีนน้ั ได
๑๒๕
๕) ใหºÑ¹·Ö¡¶ŒÍÂคํา¢Í§¼ÙŒ¶Ù¡¨ÑºÍ‹ҧÅÐàÍÕ´ แมวาประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
ความอาญา มาตรา ๘๔ วรรคทา ย ทรี่ ะบไุ วว า ถอ ยคาํ รบั สารภาพของผถู กู จบั วา ตนไดก ระทาํ ความผดิ นนั้
กฎหมายหามมิใหรบั ฟง เปนพยานหลักฐานกต็ าม แตถ อยคําอน่ื ๆ ท่ีผูถกู จบั ไดก ลา วกบั เจา พนกั งาน
ผจู บั นนั้ เชน คาํ บอกกลา วถงึ เหตกุ ารณท เี่ กดิ ขน้ึ สงิ่ ทเ่ี กยี่ วขอ งเหลา นี้ ศาลจะรบั ฟง เปน พยานหลกั ฐาน
เพอื่ พิสูจนค วามผดิ ของผูถกู จับได แตจ ะตอ งมกี ารแจง สิทธแ์ิ กผถู ูกจับน้นั แลว (มาตรา ๘๔ วรรคทาย)
๖) บนั ทกึ การจบั กมุ ไมว า จะเขยี นดว ยหมกึ หรอื พมิ พก ต็ าม ถา Á·Õ ¼èÕ ´Ô ·ãÕè ´ ËÒŒ ÁÁãÔ Ë¢Œ ´Ù ź
แตใหขีดฆาคําผิดน้ันแลวเขียนใหม แลวใหเจาพนักงานผูแกไขน้ันลงนามยอรับรองไวขางกระดาษ
กรณถี อ ยคาํ ตกเตมิ เมื่อเติมขอ ความแลวเจา พนักงานผูเตมิ ขอความตองลงนามยอ กํากบั ไว
๗) สาระสําคัญที่ตองระบุในบันทึกการจับกุมน้ัน นอกจากสถานท่ีทําบันทึกการจับกุม
วนั เดอื นปท ที่ ําการจบั กมุ ชอ่ื ตําแหนง ผจู บั กมุ ชอื่ อายุ สญั ชาติ ภมู ลิ ําเนาของผถู กู จบั แลว สงิ่ ทสี่ ําคญั
คอื
๑. จะตอ งมขี อ ความท่รี ะบวุ าไดÁ¡Õ ÒÃᨌ§Ç‹Òà¢ÒμÍŒ §¶Ù¡¨Ñº ¢ŒÍ¡Å‹ÒÇËÒ áÅÐä´ÁŒ Õ
¡ÒÃᨧŒ ÊÔ·¸Ôìá¡ผ‹ ถู ูกจบั
๒. การกระทาํ ทงั้ หลาย ทีอ่ างวาผูถ กู จบั ไดก ระทาํ ความผิด
๓. วัน เดือน ป และเวลา ตลอดจนสถานท่ี ซ่งึ เกดิ การกระทําความผดิ และจบั กุม
๔. ถอ ยคาํ (คาํ ใหการ) ของผูถูกจบั
๕. ขอ เท็จจรงิ รายละเอียดท่เี ก่ียวขอ ง
๖. ของกลาง, พยานหลักฐาน
๗. การเขียนแผนท่เี กดิ เหต,ุ ภาพถา ยสถานทเี่ กิดเหตุ
๘. ลายมือชอื่ ผถู กู จบั ผจู บั ผูบนั ทึก และพยาน
๑๒๖
¢ÍŒ Êѧà¡μ
๑) ในการจบั กมุ ใชห ลกั เกณฑท ก่ี าํ หนดไวใ นประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา นอกจากน้ี ไดม คี าํ พพิ ากษา
ศาลฎกี าท่ไี ดว างหลักเกณฑในเร่ืองของการจับกมุ ไว กลา วคอื
(๑) การจบั แมจ ะเปน การ¨ºÑ º¤Ø ¤Åã¹·ÊÕè Ò¸ÒóР¡¨ç ÐμÍŒ §ÁËÕ ÁÒ¨ºÑ เวน แตจ ะเขา ขอ ยกเวน ตามประมวล
กฎหมายวิธพี จิ ารณาความอาญา มาตรา ๗๘
(๒) กรณมี ¼ี ¢ŒÙ Íã˨Œ ºÑ â´ÂᨧŒ ÇÒ‹ º¤Ø ¤Å¹¹Ñé ä´¡Œ ÃÐทาํ ¤ÇÒÁ¼´Ô áÅÐᨧŒ ´ÇŒ ÂÇÒ‹ ä´ÃŒ ÍŒ §·¡Ø ¢ä ÇμŒ ÒÁÃÐàºÂÕ º¹¹Ñé
äÁ‹à»š¹¢ŒÍ¡àÇŒ¹·èÕãËŒอํา¹Ò¨¾¹Ñ¡§Ò¹½†Ò»¡¤ÃͧËÃ×ÍตําÃǨ¨Ñºâ´ÂäÁ‹μŒÍ§ÁÕคําÊÑè§ËÃ×ÍËÁÒ¢ͧÈÒÅ เน่ืองจากมิใชกรณี
เปนความผิดซึง่ หนาหรอื มเี หตุจําเปนอยางอนื่ ท่ีใหจบั ได (บันทกึ สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา เรอ่ื งเสร็จที่ ๔๕๒/๒๕๔๖
(หารือปญ หาขอกฎหมายเดยี วกบั การจบั กมุ ฯ)) ดงั น้นั กรณดี ังกลา วจงึ จบั กมุ มไิ ด
(๓) การทาํ บันทกึ การจับกุมจะบนั ทึก ณ ทีเ่ กิดเหตุ หรอื สถานีตํารวจ ก็สามารถกระทําไดเพราะ¡®ËÁÒÂ
äÁ‹ä´ŒºÑ§¤ÑºÇ‹Ò ¨ÐμŒÍ§ทําºÑ¹·Ö¡¡ÒèѺ¡ØÁã¹Ê¶Ò¹·èÕ·èըѺ¡ØÁ การทําบันทึกการจับกุมที่สถานีตํารวจซึ่งกระทําในเวลา
ไลเ ลี่ยกัน จึงกระทําได (คาํ พิพากษาฎีกาที่ ๒๘๙๒/๒๕๓๖)
(๔) แมป ระมวลกฎหมายวิธีพจิ ารณาความอาญา มาตรา ๘๔ วรรคทา ย จะบญั ญตั มิ ใิ หน ําคาํ รับสารภาพ
น้ันจับกุมเปนพยานหลักฐานก็ตาม แต¢ŒÍ¤ÇÒÁÍ×蹫Öè§à»š¹¢ŒÍà·ç¨¨ÃÔ§·Õè»ÃÒ¡¯ã¹คําÃѺÊÒÃÀÒ¾ กฎหมายมิไดหามนํามา
รับฟงเสียทีเดียว ดังน้ัน ขอความหรือขอเท็จจริงใด ซ่ึงมิใชคํารับสารภาพวาเปนผูกระทําความผิด หากเจาพนักงานตํารวจ
ไดแจง สิทธใิ นขณะทผี่ นู ัน้ ถูกจบั แลว กฎหมายไมไ ดห ามมิใหรบั ฟง เสียทเี ดยี ว (คาํ พิพากษาฎีกาที่ ๑๒๘๐/๒๕๕๗)
(๕) ¡ÒÃäÁ‹á¨Œ§ÊÔ·¸Ôตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๗/๑ ทําãËŒºÑ¹·Ö¡¡ÒèѺ¡ØÁ
äÁÍ‹ Ò¨ÃѺ¿˜§ä´Œ (คาํ พิพากษาฎีกาที่ ๔๐๖๓/๒๕๔๙)
๒) บันทึกการจับกุมเปนสิ่งสําคัญอยางยิ่งตอการสอบสวนดําเนินคดี เพราะจะเปนสิ่งท่ีบงบอกวามีการ
กระทําความผดิ หรือไม ดงั น้ัน
(๑) ในบนั ทกึ การจบั กมุ จะตอ งŧÃÒÂÅÐàÍÂÕ ´á˧‹ ¾Äμ¡Ô Òóต า งๆ ทเ่ี กดิ ขน้ึ ขอ เทจ็ จรงิ ทเี่ จา พนกั งานตาํ รวจ
ผูเขา ทาํ การจบั กุมไดดําเนินการอะไรบาง เชน กอ นเขาทําการจบั กมุ ไดมกี ารเฝาสะกดรอยตดิ ตามผูกระทาํ ความผดิ มีการใช
สายลับเขา ไปสงั เกตการณเ กบ็ ขอมลู และไดข อเทจ็ จริงอยา งไรบาง
(๒) จะตองมีรายละเอียดท่ีแสดงใหเห็นวาผูกระทําความผิดนั้นä´Œ¡ÃÐทํา¡ÒÃáÅÐ㪌ÇÔ¸Õ¡ÒÃÍ‹ҧäÃบาง
ทเี่ ขา องคป ระกอบความผิด
(๓) มีÀÒ¾¶‹ÒÂáÅоÂÒ¹ËÅÑ¡°Ò¹ÍÐäÃบางท่ีสามารถนําไปในการยืนยันถึงการกระทําความผิด
ตลอดจนการทาํ แผนผงั แสดงใหเ หน็ ถงึ การเชอ่ื มโยงของผรู ว มกระทาํ ความผดิ วา ใครทาํ หนา ทอี่ ยา งไรในการทกี่ ระทาํ ความผดิ
ไดท าํ เปน ขบวนการ เพราะจะสามารถดาํ เนนิ คดกี บั ผกู ระทาํ ความผดิ ทกุ คนทเ่ี กยี่ วขอ งไดอ ยา งถกู ตอ งและในขอ หาทหี่ นกั ขน้ึ ได
(๔) ในกรณีผูเสียหายเปนเด็ก จะตองºÑ¹·Ö¡äÇŒãËŒªÑ´à¨¹Ç‹Òà´ç¡àÃèÔÁ¶Ù¡ÅÐàÁÔ´ËÃ×Ͷ١¡ÃÐทํา¤ÃÑé§áá
μéѧáμ‹àÁ×èÍäËË และ¤ÇÃนําคําÊÑÁÀÒɳ¢Í§¹Ñ¡¨ÔμÇÔ·ÂÒËÃ×͹ѡÊѧ¤ÁÇÔ·ÂÒ·ÕèࢌÒËÇÁÊÑÁÀÒɳà´ç¡¹Ñé¹ÁÒÃÇÁ¡Ñº
ºÑ¹·Ö¡¡ÒèѺ¡ØÁดวย เพ่ือยืนยันความชัดเจน กรณีไมชัดเจนเรื่องอายุเด็ก ควรจะตองบรรยายไวดวยวา จากการสังเกต
เรื่องพฤตกิ รรมการพูดคุย ลกั ษณะรูปราง มีเหตอุ นั ควรเชอ่ื ไดว า ผูเ สียหายอายตุ า่ํ กวา ๑๘ ป
๑๒๗
ป.จ.ว.ขอ...................เวลา.........................น.
คดีอาญาท่.ี ...................................................
บญั ชีของกลางลาํ ดับที่...................................
º¹Ñ ·¡Ö ¡ÒèѺ¡ØÁ
สถานทบ่ี นั ทกึ ............................................................................................................................................
วนั /เดอื น/ป ทบ่ี นั ทกึ ...................................................................................................................................
วนั /เดอื น/ป ทจ่ี บั กมุ ....................................................................................................................................
สถานทจ่ี บั กมุ ท.ี่ ....................................................................บา นเลขท.่ี ......................หม.ู .................
ตรอก/ซอย......................................แขวง/ตาํ บล.....................................เขต/อาํ เภอ..................................
จงั หวดั ...................................นามเจา พนกั งานตาํ รวจทท่ี าํ การจบั กมุ .....(ระบยุ ศ ชอ่ื นามสกลุ ตาํ แหนง
สังกดั ของเจา พนักงานตาํ รวจทีท่ ําการจบั กมุ ทุกคน).......................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
ไดร วมกันจบั กมุ ตวั .........................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
พรอ มดว ยของกลางม.ี ........................................................................................................................
........................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
(Ê õö - ò÷)
๑๒๘
(๒)
ตาํ แหนง ทพ่ี บของกลาง........................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
โดยกลา วหาวา .....................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................
พรอมทั้งแจง ใหผูถกู จบั ทราบดว ยวา
๑. ผถู กู จับมสี ิทธิทจ่ี ะไมใหการหรอื ใหการก็ได
๒. ถอยคําของผถู ูกจบั น้นั อาจใชเปน พยานหลกั ฐานในการพิจารณาคดไี ด
๓. ผูถ ูกจับมีสทิ ธิจะพบและปรึกษาทนายหรือผซู ง่ึ จะเปน ทนายความ
๔. ถาผูถูกจับประสงคจะแจงใหญาติ หรือผูซ่ึงตนไววางใจทราบถึงการจับกุมท่ีสามารถ
ดําเนินการไดโดยสะดวกและไมเปนการขัดขวางการจับหรือการควบคุมถูกจับ หรือทําใหเกิดความไม
ปลอดภยั แกบ คุ คลหนง่ึ บคุ คลใด เจา พนกั งานสามารถอนญุ าตใหผ ถู กู จบั ดาํ เนนิ การไดต ามสมควรแกก รณี
ขณะจบั กมุ ผถู กู จบั รบั ทราบขอ กลา วหา และสทิ ธขิ องผถู กู จบั ดงั กลา วขา งตน แลว และใหก าร..................
.............................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
เหตเุ กดิ ท.่ี ..............................................................................................................................................
เมอื่ วนั ท.ี่ ...................เดอื น...........................................พ.ศ. .................. เวลา............................น.
อนง่ึ ในการจบั กมุ ครงั้ นี้ เจา พนกั งานตาํ รวจผจู บั มไิ ดท าํ ใหท รพั ยส นิ ของผใู ดเสยี หาย สญู หาย
หรอื เส่ือมคา แตป ระการใด และมิไดท ําใหผ ูใดไดร ับอนั ตรายแกกาย หรือจิตใจแตอ ยา งใด
ไดอ านบันทึกน้ใี หผถู กู จับฟงแลว รับวา ถูกตอ ง จงึ ใหลงช่อื ไวเ ปนหลักฐาน
(Ê õö - ò÷) (ลงชื่อ) ........................................................ผถู ูกจบั
(ลงชือ่ ) ........................................................ผูถกู จับ
(ลงชอื่ ).........................................................ผจู ับ
ตําแหนง......................................................
(ลงชอ่ื ).........................................................ผูจบั
ตาํ แหนง ......................................................
(ลงช่ือ).........................................................ผูจบั /บนั ทกึ /อาน
ตําแหนง ......................................................
๑๒๙
ºÑ¹·¡Ö ¡ÒèѺ¡ÁØ ¼ÙŒμŒÍ§ËÒ·Õàè »š¹à´¡ç ËÃ×ÍàÂÒǪ¹
สถานท่ีทาํ บันทกึ
.............................................................................................................................................................
วัน/เดือน/ป ทบี่ ันทกึ
..........................................................................................................................................................
วนั /เดือน/ป ที่จับกมุ
............................................................................................................................................................
สถานที่จบั กมุ
.............................................................................................................................................................
เจาหนา ทีต่ าํ รวจผจู บั
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
ไดแ จง แกผทู ่ถี กู จับตามรายช่อื ขางลา งวา เขาตอ งถูกจบั
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
เจาหนา ท่ีตาํ รวจผูจับไดแ จง ขอกลาวหาใหผถู กู จบั ทราบวา
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
ไดแจงใหผ ูถกู จับ ทราบวา
๑. ผูถ ูกจบั มสี ิทธิท่จี ะไมใหก ารหรือใหการก็ได
๒. ถอยคาํ ของผูถ ูกจบั นัน้ อาจใชเปน พยานหลกั ฐานในการพิจารณาคดไี ด
๓. ผูถูกจบั มสี ทิ ธิจะพบและปรึกษาทนายหรอื ผซู ึ่งจะเปน ทนายความ
๔. ถาผูถูกจับประสงคจะแจงใหญาติ หรือผูซ่ึงตนไววางใจทราบถึงการจับกุมท่ีสามารถ
ดําเนินการไดโดยสะดวกและไมเปนการขัดขวางการจับหรือการควบคุมถูกจับ หรือทําใหเกิดความไม
ปลอดภัยแกบุคคลหนึ่งบุคคลใด เจาพนักงานสามารถอนุญาตใหผูถูกจับดําเนินการไดตามสมควร
แกกรณี
(ส ๕๖ - ๒๘)
๑๓๐
(๒)
ผถู ูกจับรับทราบสทิ ธิแลว ( ) ไมขอดําเนนิ การตามขอ ๔
( ) ขอดาํ เนินการตามขอ ๔ และไดดาํ เนนิ การเรยี บรอ ย
( ) ขอใหก ารรบั วาเปน บคุ คลตามหมายจบั และยงั ไมเ คยถกู ดาํ เนินคดีนี้มากอน
ในการจบั กมุ ผูต องหาคร้งั น้ี เจา หนาทต่ี ํารวจชดุ จบั กุมไดกระทําไปตามอํานาจและหนา ท่ี โดย
มหี มายจับ
มีคาํ สงั่ ศาล
กระทาํ ความผดิ ซึง่ หนา ดังไดบญั ญตั ไิ วใ นมาตรา ๘๐
มีพฤติการณอันควรสงสัยวาผูนั้นนาจะกอเหตุรายใหเกิดภยันตรายแก
บคุ คลหรอื ทรพั ยส นิ ของผอู น่ื โดยมเี ครอื่ งมอื อาวธุ หรอื วตั ถอุ ยา งอน่ื อนั สามารถอาจใชใ นการกระทําความผดิ
เมอื่ มเี หตทุ จ่ี ะออกหมายจบั บคุ คลนน้ั ตามมาตรา ๖๖ (๒) แตม คี วามจาํ เปน
เรงดว นทไี่ มอ าจขอใหศ าลออกหมายจบั บุคคลน้ันได
เปน การจบั กมุ ผตู อ งหาหรอื จําเลยทหี่ นหี รอื จะหลบหนใี นระหวา งถกู ปลอ ย
ชวั่ คราว ตามมาตรา ๑๑๗
การปฏบิ ัตขิ องเจา พนักงานผูจ ับตอเด็กหรือเยาวชนผูถกู จับ กระทาํ โดย (ม.๖๙)
แจงแกเดก็ หรือเยาวชนวา เขาตอ งถูกจบั
แจง ขอกลา วหารวมทง้ั สิทธติ ามกฎหมายใหทราบ
กรณมี ีหมายจบั ไดแสดงตอ ผูถ ูกจบั
นาํ ตัวไปยังทีท่ าํ การของพนักงานสอบสวนแหงทอ งท่ที ีถ่ กู จบั ทนั ที
แจง เหตแุ หง การจบั กมุ ใหบ ดิ า มารดา ผปู กครอง บคุ คลหรอื ผแู ทนองคก าร
ซ่งึ เด็กหรือเยาวชนอาศยั อยูดว ย กรณีอยูด วยในขณะจับกมุ / ในโอกาสแรกเทา ทส่ี ามารถทาํ ได
ทาํ บนั ทกึ การจบั กมุ โดยแจง ขอ กลา วหาและรายละเอยี ดเกยี่ วกบั เหตแุ หง การจบั ใหผ ถู กู จบั
ทราบ และไดกระทําตอหนา ผูปกครอง บุคคลหรือผแู ทนองคการซง่ึ เดก็ หรอื เยาวชนอยูด วย ในกรณี
ทีข่ ณะทําบันทึกมบี คุ คลดังกลา วอยดู วย
ในการจบั กมุ และควบคมุ ไดก ระทาํ โดยละมนุ ละมอ ม โดยคาํ นงึ ถงึ ศกั ดศิ์ รคี วามเปน มนษุ ย
และไมเ ปน การประจานมไิ ดใ ชว ธิ กี ารเกนิ กวา ทจ่ี าํ เปน เพอื่ ปอ งกนั การหลบหนหี รอื เพอ่ื ความปลอดภยั
ของเด็กหรือเยาวชนผถู กู จบั หรือบคุ คลอ่นื และมิไดใ ชเครื่องพันธนาการแกเ ดก็
เจาหนาที่ตํารวจผูจับไดอานบันทึกใหผูถูกจับฟงแลวและผูถูกจับไดอานดวยตนเองแลว
รบั วา ถกู ตอ งและไดม อบสาํ เนาบนั ทกึ การจบั กมุ ใหแ กผ ถู กู จบั เรยี บรอ ย จงึ ใหล งลายมอื ชอ่ื ไวเ ปน หลกั ฐาน
(ลงชื่อ)....................................................ผถู กู จบั
(ลงช่ือ) ...................................................ผปู กครอง (ถา ม)ี
(ลงช่ือ).............................................ผูจับกุม (ลงชือ่ )........................................ผูจับกุม
(ลงชอ่ื ).............................................ผูจบั กุม (ลงชอ่ื )........................................ผูจบั กุม
(ลงชอื่ ).............................................ผูจบั กมุ (ลงชอ่ื ).........................................ผจู บั กมุ /บนั ทกึ
(ส ๕๖ - ๒๘)
๑๓๑
μÑÇÍ‹ҧคํา¾Ô¾Ò¡ÉÒÈÒŮաÒ
¡ÒèѺ
ñ. ¡ÒÃᨌ§Ê·Ô ¸Ô
คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·Õè óðóñ/òõô÷ นายดาบตํารวจ ป. พบ ส. ผูตองหาซ่ึงมีการออก
หมายจับไวแลว นายดาบตํารวจ ป. ยอมมีอํานาจจับกุมตัวไดโดยไมตองมีหมายคน ตาม ป.วิ.อ.
มาตรา ๗๘(๓) เปน การปฏิบัติหนา ที่ โดยชอบดวยกฎหมาย
คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·èÕ ôðöó/òõôù เม่ือมีการจับกุมตัวจําเลยท้ังสามและแจงขอหาแก
จาํ เลยทง้ั สามแลว ไมป รากฏวา ไดม กี ารแจง สทิ ธใิ หจ าํ เลยทง้ั สามทราบ ตาม ป.ว.ิ อ. มาตรา ๗ ทวิ (เดมิ )
ซึ่งเปนบทบังคับใหผูจับมีหนาที่ตองแจงสิทธิใหผูตองหาทราบถึงสิทธิ รวม ๓ ประการ โดยเฉพาะ
ประการที่ ๑ คือพบและปรึกษาผูท่ีเปนทนายสองตอสอง ดังนั้น บันทึกการจับกุมของจําเลยทั้งสาม
จึงไมอ าจรับฟง ได
คาํ ¾¾Ô Ò¡ÉÒ®¡Õ Ò·Õè øñôø/òõõñ บนั ทกึ การจบั กมุ ทจี่ าํ เลยใหก ารรบั สารภาพนน้ั จบั กมุ
ไมมีขอความวาผูถูกจับมีสิทธิจะใหการหรือไมใหการก็ได กับไมมีขอความวาถอยคําของผูถูกจับน้ัน
อาจใชเ ปน พยานหลกั ฐานในการพิจารณาคดีได จึงไมอ าจอางเปน พยานหลกั ฐานได เพราะเปนพยาน
หลกั ฐานชนดิ ท่เี กิดขึ้น โดยไมช อบ
ò. ¡ÒÃนาํ μÇÑ ¼Œ¶Ù ¡Ù ¨ºÑ ä»Â§Ñ ·Õèทํา¡Òþ¹¡Ñ §Ò¹ÊͺÊǹ·Ñ¹·Õ
คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·Õè ôò÷÷/òõõõ ป.วิ.อ. มาตรา ๘๔ วรรคหน่ึง บัญญัติให
เจาพนักงานผูทําการจับตองเอาตัวผูถูกจับไปยังที่ทําการของพนักงานสอบสวนโดยทันที การท่ี
พยานโจทกกับพวกไมไดนํา ฉ. และจําเลยพรอมของกลางสงมอบแกพนักงานสอบสวนสถานี
ตํารวจภูธรเมืองชลบุรี ซ่ึงเปนทองท่ีเกิดเหตุในทันที แตกลับนํา ฉ. และจําเลยไปตรวจปสสาวะและ
สารเสพตดิ จากนัน้ นําไปที่สถานีตาํ รวจทางหลวง ๑ เขตลาดกระบงั กรงุ เทพมหานคร และควบคุมตวั
ไวท่ีสถานีตํารวจทางหลวง ๑ อีกหลายช่ัวโมง จึงไดนําบุคคลท้ัง ๒ ไปสงมอบแกพนักงาน
สอบสวนสถานีตํารวจภูธรเมืองชลบุรี โดยไมปรากฏเหตุผลและความจําเปนใดๆ ที่ตองทําเชนน้ัน
ถงึ แมว า เจา พนกั งานผจู บั กมุ จะอา งวา เพอ่ื ทาํ บนั ทกึ การจบั กมุ ทาํ ประวตั อิ าชญากรและสบื สวนขยายผล
ก็ตาม ก็เปนเหตุผลที่ฟงไมข้ึน ขัดตอ ป.วิ.อ. มาตรา ๘๔ วรรคหน่ึง สวนบันทึกการจับกุม
ที่ระบุวาจําเลยใหการรับสารภาพน้ันก็ไมสามารถนํามารับฟงเปนพยานหลักฐานไดตาม ป.วิ.อ.
มาตรา ๘๔ วรรคสุดทา ย
๑๓๒
ó. º¹Ñ ·Ö¡¡ÒèѺ¡ÁØ
คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·èÕ óñò/òõõõ ศาลไมไดรับฟงคําใหการรับสารภาพของจําเลย
ทงั้ สามวา ไดก ระทาํ ความผดิ ในชนั้ จบั กมุ มารบั ฟง ใหเ ปน ผลรา ยแกจ าํ เลยทงั้ สาม เพยี งแตร บั ฟง ถอ ยคาํ ๆ
ทป่ี ระกอบรายละเอยี ดของบนั ทกึ การจบั กมุ เกย่ี วกบั การตดิ ตอ นาํ เงนิ มาใชล อ ซอื้ เมทแอมเฟตามนี ของ
เจาพนักงานตาํ รวจเทา นัน้ ซงึ่ ไมมีกฎหมายหา มมิใหร บั ฟง
คาํ ¾Ô¾Ò¡ÉÒ®¡Õ Ò·Õè ñøôù/òõõõ แม ป.วิ.อ. มาตรา ๘๔ วรรคทาย จะบญั ญัติมิใหน ํา
คาํ รบั สารภาพชนั้ จบั กมุ เปน พยานหลกั ฐานกต็ าม แตข อ ความอนื่ ซง่ึ เปน ขอ เทจ็ จรงิ ทปี่ รากฏในคาํ ใหก าร
รับสารภาพน้ัน กฎหมายมิไดหามนํามารับฟงเสียทีเดียว มิฉะน้ันแลว คงไมตองทําบันทึกการจับกุม
และสอบถามคําใหก ารของผถู ูกจับไวตาม ป.ว.ิ อ. มาตรา ๘๔ วรรคสาม
คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·èÕ õùõ÷/òõõõ ถอยคําตามบันทึกการจับกุมท่ีวา มีการตรวจคน
พบธนบัตรท่ีใชลอซื้อและจําเลยรับวาเปนธนบัตรท่ีตนไดมาจากการจําหนายเมทแอมเฟตามีนจริง
กบั คาํ เบกิ ความของเจา หนา ทต่ี ํารวจผจู ับกมุ ท่ยี นื ยันวา จาํ เลยรับวาตนกัญชาตนเปนผปู ลูก เปนเพยี ง
ถอ ยคาํ อน่ื ทจ่ี าํ เลยใหไ วแ กเ จา พนกั งานตาํ รวจผจู บั กมุ มใิ ชค าํ รบั สารภาพในชนั้ จบั กมุ จาํ เลย เมอ่ื ปรากฏตาม
บนั ทกึ จบั กมุ วา เจา พนกั งานตาํ รวจผจู บั กมุ แจง สทิ ธแิ กจ าํ เลยครบถว นตาม ป.ว.ิ อ. มาตรา ๘๓ วรรคสอง
แลว การท่ีศาลอุทธรณภาค ๕ นําถอยคําอื่นของจําเลยมารับฟงเปนพยานหลักฐานในการพิสูจน
ความผดิ จาํ เลยในฐานความผิดดังกลา วได
คาํ ¾¾Ô Ò¡ÉÒ®¡Õ Ò·Õè ñòøð/òõõ÷ จาํ เลยทง้ั สองขบั รถหลบหนที นั ทที เ่ี หน็ เจา พนกั งานตาํ รวจ
จนถกู ตดิ ตามจบั กมุ ตวั ได พรอ มกบั มปี ระแจและคมี อนั เปน เครอื่ งมอื ทอี่ าจใชใ นการลกั รถจกั รยานยนตไ ด
โดยงา ย แลว รบั ในขณะนน้ั วา รว มกนั กอ เหตลุ กั รถจกั รยานยนตข องผเู สยี หายและของบคุ คลอนื่ อกี หลายราย
ในหลายทองที่แลวถอดแผนปายทะเบียนทิ้งบอนํ้าและนํารถจักรยานยนตไปขายใหรานขายของเกา
ในเขตอาํ เภอพานทองตามบนั ทกึ การจบั กมุ และเจา พนกั งานตาํ รวจยงั ตามไปตรวจยดึ ไดแ ผน ปา ยทะเบยี น
รถจกั รยานยนตข องผเู สยี หายในบอ นา้ํ ตามทจ่ี าํ เลยทง้ั สองนาํ ช้ี บนั ทกึ การจบั กมุ ดงั กลา วนอกจากเปน
ถอยคํารับสารภาพของจําเลยทั้งสองแลว ยังมีรายละเอียดเก่ียวกับสถานท่ีนําทรัพยท่ีลักไปขายและ
การนําช้ีจุดทิ้งแผนปายทะเบียนดวย อันเปนถอยคําอื่นท่ีอาจรับฟงเปนพยานหลักฐานในการพิสูจน
ความผดิ ของจาํ เลยทงั้ สองได ทง้ั ปรากฏวา เจา พนกั งานตาํ รวจแจง สทิ ธแิ กจ าํ เลยทงั้ สองกอ นทจี่ ะใหถ อ ยคาํ
ดงั กลา วแลว จงึ ไมต อ งหา มมใิ หร บั ฟง ตาม ป.ว.ิ อ. มาตรา ๘๔ วรรคทา ย นอกจากนใ้ี นชน้ั สอบสวนจาํ เลย
ทงั้ สองกใ็ หก ารรบั สารภาพมขี อ เทจ็ จรงิ อนั เปน รายละเอยี ดสอดคลอ งกบั พฤตกิ ารณแ หง การกระทาํ ความผดิ
ของจําเลยท้ังสอง โดยพนักงานสอบสวนไดแจงสิทธิของผูตองหาแกจําเลยท้ังสองทราบกอนใหการ
และจาํ เลยทงั้ สองลงลายมอื ชอ่ื ในบนั ทกึ คาํ ใหก ารนนั้ แลว จงึ รบั ฟง เปน พยานหลกั ฐานในการพสิ จู นค วามผดิ
ของจาํ เลยทัง้ สองไดต าม ป.ว.ิ อ. มาตรา ๑๓๔/๔ แมบันทกึ การจบั กุมและคาํ ใหการชน้ั สอบสวนเปน
พยานบอกเลา ซึ่งตอ งรับฟง ดวยความระมัดระวงั แตตามสภาพ ลกั ษณะ แหลงทีม่ า และขอ เทจ็ จริง
แวดลอมของบันทึกการจับกุมและคําใหการดังกลาวซึ่งตรงกับที่จําเลยท้ังสองนําช้ี และพบบนแผน
๑๓๓
ปายทะเบียนของกลาง นาเช่ือวาจะพิสูจนความจริงไดและมีคุณคาเชิงพิสูจนที่สามารถสนับสนุนให
คาํ เบกิ ความของพยานโจทกม คี วามนา เชอื่ ถอื มากขน้ึ จงึ มนี าํ้ หนกั รบั ฟง ได ตาม ป.ว.ิ อ. มาตรา ๒๒๖/๓
วรรคสอง (๑) และมาตรา ๒๒๗/๑
ô. ਌ҺŒÒ¹
คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·èÕ ñðóõ/òõóö คําวา เจาบาน ตาม ป.วิ.อาญา มาตรา ๙๒(๕)
หมายถึง ผูเปนหัวหนาของบุคคลท่ีอาศัยอยูในบานหลังน้ัน และรวมตลอดถึงคูสมรสของผูเปน
หัวหนาเทาน้ัน เพราะบุคคลดังกลาวเปนผูรับผิดในการครอบครองบานและปกครองผูอยูอาศัยใน
บานหลังน้ัน หาไดรวมถึงผูท่ีอยูในบานทุกคนไม ตามทะเบียนบานหลังเกิดเหตุ บ. บิดาจําเลยเปน
หัวหนา มีช่ือจําเลยอยูในฐานะเปนบุตร จําเลยจึงไมไดอยูในฐานะเปนเจาบานตาม ป.วิ.อาญา
มาตรา ๙๒(๕) การทผี่ เู สยี หายกบั พวกเขา ไปจบั กมุ จาํ เลยในบา นดงั กลา วตามหมายจบั แตไ มม หี มายคน
ทงั้ ผเู สยี หายกบั พวกมใิ ชต าํ รวจชนั้ ผใู หญท จี่ ะทาํ การคน โดยไมต อ งมหี มายคน จงึ เปน การจบั กมุ โดยมชิ อบตาม
ป.วิ.อาญา มาตรา ๘๑ และเปนการจับกุมโดยไมมีอํานาจ จําเลยจึงชอบท่ีจะปองกันสิทธิของตน
ใหพ น จากภยนั ตรายอนั เกดิ จากการจบั กมุ โดยมชิ อบเชน นน้ั ได หากจาํ เลยจะชกตอ ยผเู สยี หายจรงิ กเ็ ปน
การกระทําเพ่ือปองกันสิทธิของตนพอสมควรแกเหตุ และไมมีความผิดฐานตอสูขัดขวางเจาพนักงาน
ในการปฏิบัติการตามหนาทแ่ี ละทาํ รายรางกาย บ. บดิ าจาํ เลยเปนหัวหนา เปน เจาบาน ถา บ. ถูกออก
หมายจับแลว เจาพนักงานตาํ รวจไปพบ บ. ในที่รโหฐานซ่งึ เปน บา นของ บ. ซ่ึงเปนบคุ คลท่ีมหี มายจับ
ของศาลกส็ ามารถเขา ไปจบั ได เพราะผถู กู จบั เปน เจา บา นไมจ าํ ตอ งมหี มายคน แตค นถกู จบั เปน ลกู ของ
เจา บา นไมใ ชเ จา บา น เมอ่ื จาํ เลยทาํ รา ยรา งกายตอ เจา พนกั งานกเ็ ปน การกระทาํ เพอ่ื ปอ งกนั สทิ ธขิ องตน
พอสมควรแกเ หตุ แตไ มม คี วามผดิ ฐานตอ สขู ดั ขวางเจา พนกั งานในการปฏบิ ตั หิ นา ทแี่ ละทาํ รา ยรา งกาย
๑๓๔
õ.÷ ¡ÒäǺ¤ØÁ
ประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา มาตรา ๒ (๒๑) ไดใ หน ยิ าม
ควบคุม หมายความถึง “การควบคุมหรือกักขังผูถูกจับโดยพนักงานฝายปกครอง
หรอื ตาํ รวจ ในระหวา งสบื สวนและสอบสวน”
จะเหน็ ไดว า การควบคมุ เปนผลท่ีเกิดตามมาจากการจับกมุ เม่ือผถู กู จบั ตกอยใู นอาํ นาจ
ของเจา พนกั งานฝา ยปกครองหรอื ตาํ รวจแลว จะทาํ ใหผ ถู กู จบั นน้ั ถกู บน่ั ทอนอสิ รภาพในการเคลอื่ นไหว
หรือเคลื่อนยาย และเม่ือผูถูกจับถูกควบคุมตัวแลว อํานาจควบคุมน้ีจะมีผลตอเน่ืองไปจนกวาจะพน
กําหนดระยะเวลาที่กฎหมายอนุญาตใหทําการควบคุม หรือเมื่อผูถูกจับไดรับการปลอยช่ัวคราว
หรือศาลมีคาํ ส่ังขงั แทนการควบคมุ
¼ÙÁŒ Õอาํ ¹Ò¨¤Çº¤ØÁ
จากประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๘๓, ๘๔ น้ัน ทําใหเห็นไดวา
ผูมอี ํานาจในการควบคุมตวั ผถู ูกจบั ไดแ ก
- พนักงานฝายปกครองหรือตาํ รวจ
- ราษฎร ในกรณีที่ราษฎรมีอํานาจจับตามกฎหมาย ซึ่งจะตองนําตัวผูถูกจับมาสง
ใหก ับพนักงานฝา ยปกครองหรือตาํ รวจ
- พนักงานสอบสวน ซ่ึงเปนการควบคมุ ในระหวางทาํ การสอบสวน
õ.÷.ñ Ç¸Ô Õ¡ÒäǺ¤ÁØ
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๘๖ ไดระบุไวอยางชัดเจน
วา “หามมใิ หใ ชว ิธีควบคมุ ผถู กู จับเกนิ กวา ท่จี ําเปน เพ่ือปองกันมิใหเ ขาหนเี ทานนั้ ” และจากคําส่งั ตร.
ที่ ๔๑๙/๒๕๕๖ เรอ่ื ง การอาํ นวยความยตุ ธิ รรมในคดอี าญา การทาํ การสอบสวน และมาตรการควบคมุ
ตรวจสอบ เรงรดั การสอบสวนคดีอาญา ขอ ๔๓ ก็ไดร ะบุเชนเดียวกนั วา “หา มมิใหค วบคุมผถู กู จับไว
เกินกวาความจําเปนแกพฤติการณแหงคดี และใหพนักงานสอบสวนน้ันทราบถึงอํานาจการควบคุม
ของพนักงานสอบสวนและศาล”
เนอ่ื งจากการควบคมุ ตวั นน้ั เปน การจาํ กดั สทิ ธขิ น้ั พน้ื ฐานของบคุ คลในการมอี สิ รภาพ
ตอการเคลื่อนไหวหรือเคลื่อนท่ีอันกระทบตอสิทธิมนุษยชน แตเน่ืองจากมีเหตุการณท่ีบงช้ีวาบุคคล
ที่ถูกควบคุมตวั นัน้ อาจมสี ว นหรอื เกี่ยวของกับการกระทําความผดิ ซ่ึงหากปลอยปละละเลยกอ็ าจสง
ผลกระทบตอ ความสงบและเรียบรอยทางสงั คมได กฎหมายจงึ ตองใหอ าํ นาจแกเ จาพนักงานรัฐในการ
ท่ีจะควบคุมบุคคลที่ถูกจับนั้นได แตเปนการกําหนดในลักษณะทั่วไป คือ ਌Ҿ¹Ñ¡§Ò¹¼ÙŒ¤Çº¤ØÁ¹Ñé¹
¨ÐμŒÍ§¾Ô¨ÒóÒμÑ´ÊÔ¹ã¨Ç‹Ò¨Ð㪌ÇÔ¸Õ¡ÒäǺ¤ØÁÍ‹ҧã´äÁ‹ãËŒà¡Ô¹¡Ç‹Ò¤ÇÒÁจํา໚¹à¾×èÍ»‡Í§¡Ñ¹ÁÔãËŒ
¼ÙŒ¶Ù¡¨ÑºË¹Õ «è§Ö ¨ÐμŒÍ§¾Ô¨ÒóÒμÒÁ¢ŒÍà·ç¨¨Ã§Ô áÅÇŒ áμ¡‹ óæÕ ä»
๑๓๕
¢ŒÍ·àèÕ ¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹¼¤ŒÙ Ǻ¤ÁØ ¼Ù¨Œ ºÑ ¤ÇèÐ㪌¾Ô¨ÒÃ³Ò ¤Í×
๑) ควรจะตอ งนําพฤติการณทเี่ กิดข้ึนวา ผูถ กู จับมแี นวโนม ที่จะหลบหนีหรือไม
๒) ความผดิ ทผี่ ถู กู จับถูกกลาวหา
๓) ลักษณะรูปพรรณของผูถูกจับ
๔) โอกาสที่จะหลบหนีน้นั
มาเปน ขอ มลู ในการพจิ ารณาวา จะใชว ธิ กี ารในการควบคมุ ผถู กู จบั อยา งไร เพราะหาก
เจา พนักงานผูควบคุมนั้นใชวธิ ีการควบคุมทไ่ี มเหมาะสม อาจถูกดาํ เนนิ คดไี ดใ นภายหลัง
μÑÇÍ‹ҧคาํ ¾Ô¾Ò¡ÉÒÈÒŮաÒ
คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·Õè ÷ôô/òõðñ ในกรณีทกี่ ารควบคุมผตู องหา ผูควบคมุ ตอ งพิเคราะห
ไมใ ชว ธิ เี กนิ กวา ทจ่ี าํ เปน เพอ่ื ปอ งกนั มใิ หห นี หากใสก ญุ แจมอื ผตู อ งหา มใิ ชเ พอ่ื มใิ หห นแี ตเ พอื่ ใหไ ดอ าย
แมจ ะไมม เี จตนาแกลง อนั เปน การสว นตวั หากเพอื่ ปราบปรามเจา มอื สลากกนิ รวบ กเ็ ปน ความผดิ ตาม
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗
คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·èÕ øøù/òôøñ กรณีท่ีกํานันจับกุมลามโซขอมือบุคคลที่แสดงวาจา
ไมเคารพตอกํานันขณะท่ีกระทําการตามหนาที่ ซ่ึงกํานันเห็นวาเปนความผิดก็ตาม แตการท่ีกํานันใช
วิธีลามขอมือน้ัน เปนวิธีการควบคุมผูถูกจับเกินกวาความจําเปนเพื่อปองกันมิใหเขาหนี กํานันจึงมี
ความผิดตอ เสรีภาพได
อยางไรก็ตาม เมื่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๘๗ วรรคแรก
ไดกําหนดหลักเกณฑในเรื่องการควบคุมไวแตเพียงวา หามมิใหควบคุมผูถูกจับเกินกวาท่ีจําเปนตาม
พฤตกิ ารณแ หงคดี เมื่อพจิ ารณาจากบทบัญญตั มิ าตรา ๘๖, ๘๗ ¼ŒÙ¨Ñº¡ÁØ μÍŒ §ãªÇŒ ¨Ô ÒóÞҳ㹡ÒÃ
¤Çº¤ÁØ ãËŒàËÁÒÐÊÁ¡ºÑ ʶҹ¡Òó㹢³Ð¹Ñé¹
อยางไรก็ตาม หากมีการเทียบเคียงกับÃÐàºÕº¢ŒÒÃÒª¡Òý†ÒÂμØÅÒ¡ÒÃÈÒÅÂØμÔ¸ÃÃÁ
Ç‹Ò´ŒÇÂá¹Ç»¯ÔºÑμÔ㹡ÒÃÍÍ¡ËÁÒ¢ѧ㹤´ÕÍÒÞÒ ¾.È.òõôõ แมวาจะเปนกรณีที่ศาลจะ
ใชหลักเกณฑในการออกหมายขังก็ตาม แตในเร่ืองของการขังก็เปนเร่ืองของการจํากัดสิทธิ
ในการเคลอื่ นไหวของบคุ คลนน้ั เชน เดยี วกบั การควบคมุ เพยี งแตเ มอื่ การควบคมุ นนั้ อยใู นกระบวนการ
ชั้นศาลแลว จะเรียกวาเปนการขังและจากระเบียบดังกลาว ซึ่งไดกาํ หนดแนวทางปฏิบัติใหกับศาล
ไวในขอ ๑๑ ดังนี้
ขอ ๑๑ กอนออกหมายขงั จะตอง»ÃÒ¡¯¾ÂÒ¹ËÅÑ¡°Ò¹à¾ÂÕ §¾Í·è·Õ Òí ãËÈŒ ÒÅàªÍ×è ไดว า
๑๑.๑ ผตู อ งหาหรอื จาํ เลย¹Ò‹ ¨Ðä´¡Œ ÃзÒí ¤ÇÒÁ¼´Ô ÍÒÞÒÃÒŒ Âáçตามทก่ี ฎหมาย
บัญญัติ แตในระหวางที่ยังมิไดมีกฎหมายดังกลาว ก็ควรถือแนวปฏิบัติในการใชดุลพินิจของศาลวา
หมายถงึ ความผดิ ที่มีอตั ราโทษจําคกุ อยางสงู เกนิ สามป หรอื
๑๑.๒ ผูตองหาหรือจําเลยนาจะไดกระทําความผิดอาญา และมีàËμØÍѹ¤ÇÃ
àªÍè× ÇÒ‹ ¼Œ¹Ù é¹Ñ ¹Ò‹ ¨ÐËÅºË¹Õ ËÃÍ× ¨Ðä»ÂØ‹§àËÂÔ§¡Ñº¾ÂÒ¹ËÅÑ¡°Ò¹ ËÃ×Í¡‹ÍàËμÍØ ¹Ñ μÃÒ»ÃСÒÃÍè×¹
๑๓๖
ถาผูตองหาหรือจําเลยท่ีศาลจะออกหมายขังน้ันเปนผูซ่ึงศาลไดออกหมายจับไว
หรอื ตอ งขงั ตามหมายศาลอยแู ลว ไมว า จะมผี รู อ งขอหรอื ไมศ าลจะออกหมายขงั ผนู น้ั โดยไมต อ งไตส วน
ถึงเหตุแหงการออกหมายตามวรรคหน่ึงก็ได เวนแตมีผูกลาวอางหรือปรากฏตอศาลเองวาไมมีเหตุ
ทจี่ ะขงั ผูน้ันตอ ไป ก็ใหศ าลไตสวนหรือมคี ําสั่งไดต ามที่เห็นสมควร
ดงั นน้ั จากขอ กาํ หนดดงั กลา ว หากจะนาํ มาเทยี บเคยี งกบั เรอื่ งของการควบคมุ ผถู กู จบั นนั้
ผูจบั จะทาํ การควบคมุ ตวั ผูถูกจับไดมากนอยเพยี งใด ควรจะตองคาํ นึงวา
๑. ผตู อ งหาหรอื ผถู กู จบั นน้ั นา จะไดก ระทาํ ความผดิ อาญารา ยแรงตามทกี่ ฎหมายบญั ญตั ิ
มากนอยเพยี งใด
๒. ผูตองหาหรือผูถูกจับนั้น นาจะไดกระทําความผิดอาญาและมีเหตุอันควรเช่ือวา
เขาผูน้ันนา จะหลบหนหี รอื จะไปยุงเหยิงกับพยานหลกั ฐาน หรอื กอเหตอุ ันตรายประการอ่ืนหรือไม
¢ÍŒ Êѧà¡μ
ในประเทศสหราชอาณาจกั รอังกฤษ ในการพิจารณาวาผูถูกจับควรจะตองถูกควบคมุ ตัวไวท่ีสถานีตาํ รวจหรือควร
จะไดร ับอนญุ าตใหป ระกนั ตวั ไดห รือไม จะมีหลกั เกณฑในการพิจารณาดังนี้
๑. เพื่อเปนการรกั ษาพยานหลกั ฐานที่เกย่ี วของกับความผดิ
๒. เพ่ือตอ งการสอบปากคาํ เพ่มิ เติม
และหากเหน็ วา ควรจะตอ งมกี ารควบคมุ ตวั ผตู อ งหาไว ตามเงอื่ นไขทกี่ ฎหมายกาํ หนด และหากเหน็ วา ควรจะตอ งมกี ารควบคมุ
ตัวผูตองหาไว ตามเง่ือนไขที่กฎหมายกําหนด และเพ่ือทราบระยะเวลาท่ีกฎหมายกําหนดใหเจาพนักงานตํารวจควบคุมตัว
แลว และมีความจําเปนท่ีจะตองเอาตัวผูตองหาไวดูแลน้ัน จะตองเปนเร่ืองการขอหมายขัง ซ่ึงศาลอังกฤษจะออกหมายขัง
หรือไมน ั้น จะพจิ ารณาจาก
๑. ความผดิ ทผ่ี ูตอ งหากระทาํ เปน ความผดิ อกุ ฉกรรจห รือไม
๒. การควบคุมตัวผูตองหาไวตอไปจะเปนการปองกันพยานหลักฐานหรือเพื่อความจําเปนท่ีตองสอบปากคํา
เพ่มิ เตมิ หรือไม และ
๓. การสอบสวนไดกระทําจนเปน ที่พอใจของศาลหรอื ไม
(อดุ ม จิตธรรม, ๒๕๔๘)
ÊûØ
ดงั นน้ั พอจะกลา วไดโ ดยสรปุ วา การทเ่ี จา พนกั งานตาํ รวจจะควบคมุ ตวั ผถู กู จบั หรอื ไมน น้ั
ส่ิงท่ีเจาพนกั งานตํารวจจะตองตระหนักคอื
๑. จะตอ ง¾¨Ô ÒóҨҡ¾ÂÒ¹ËÅ¡Ñ °Ò¹àºÍé× §μ¹Œ ·ÊÕè ÒÁÒöº§‹ ªäÕé ´ËŒ ÃÍ× äÁว‹ า ผถู กู จบั เปน
ผกู ระทาํ ความผิด และความผดิ นั้นรายแรงมากนอยเพยี งใด
๒. มàี ËμÊØ Á¤Ç÷¨Õè ФǺ¤ÁØ μÇÑ à¢ÒËÃÍ× äÁ‹ เชน มพี ฤตกิ ารณว า จะหลบหนหี รอื ไปยงุ เหยงิ
กบั พยานหลกั ฐาน หรือกอ เหตุอนั ตรายประการอ่นื หรือไม
๓. หากเจาพนักงานตํารวจใชอํานาจในการควบคุมตัวโดยไมเหมาะสม อาจสงผลให
ถกู ฟอ งรองดาํ เนินคดีไดด งั กลา วมาแลวขางตน
๑๓๗
μÑÇÍ‹ҧคํา¾Ô¾Ò¡ÉÒÈÒŮաÒ
คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·èÕ óòö-óò÷/òõðõ วินิจฉัยวา ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
ความอาญา มาตรา ๘๗ วางหลักเปนประกันสิทธิเสรีภาพไว ๒ ตอน ตอนตนจะควบคุมผูตองหา
เกนิ กวา จาํ เปน ตามพฤตกิ ารณแ หง คดไี มไ ด ตอนทสี่ องความจาํ เปน จะมเี พยี งใดกต็ าม กค็ วบคมุ เกนิ กวา
กาํ หนดเวลาดงั บญั ญตั ไิ วไ มไ ด เพราะฉะนน้ั ประกาศคณะปฏวิ ตั ิ ฉบบั ที่ ๑๒ ลงวนั ท่ี ๑๒ ตลุ าคม ๒๕๐๑
เปน การแกไ ขและขยายระยะเวลาขนั้ สงู ดงั กลา วในมาตรา ๘๗ แตไ มไ ดย กเลกิ หลกั ใหญข องมาตรา ๘๗
ที่ใหควบคุมผูตองหาไดเทาท่ีจําเปนเทาน้ัน ประกาศน้ีใหอํานาจควบคุมผูตองหาในกรณีทําผิดตอ
พระราชบญั ญตั คิ อมมวิ นสิ ตไ ดเ ทา ทจ่ี าํ เปน แกก ารสอบสวนเทา นน้ั ไมใ ชใ หค วบคมุ โดยไมม กี าํ หนดเวลา
คาํ ¾¾Ô Ò¡ÉÒ®¡Õ Ò·Õè òñóñ/òõòñ วนิ จิ ฉยั วา การทจ่ี ะควบคมุ บคุ คลทเี่ ปน ภยั ตอ สงั คมได
ตอ งมหี ลกั ฐานพอสมควรทจ่ี ะฟง วา มพี ฤตกิ ารณเ ชน น้ี มใิ ชเ พยี งหลกั ฐานเลอ่ื นลอยคลมุ เครอื เปน การ
ยนื ยนั หลกั การทวี่ า ตอ งมเี หตสุ มควรเชอื่ ไดว า กระทาํ ความผดิ และเหตสุ มควรเชอ่ื นต้ี อ งมพี ยานหลกั ฐาน
สนับสนุนเพยี งพอ
õ.÷.ò ÃÐÂÐàÇÅÒ㹡ÒäǺ¤ÁØ
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๘๗ ไดบัญญัติหลักเกณฑ
ในเร่ืองของระยะเวลาในการควบคมุ ไวดงั นี้
มาตรา ๘๗ “หามมิใหค วบคุมผถู ูกจบั ไวเ กนิ กวาจาํ เปนตามพฤตกิ ารณแหงคดี
ในกรณคี วามผดิ ลหโุ ทษ จะควบคมุ ผถู กู จบั ไวไ ดเ ทา เวลาทจี่ ะถามคาํ ใหก าร และ
ท่จี ะรูตวั วาเปนใครและท่อี ยขู องเขาอยูท ี่ไหนเทา นน้ั
ในกรณที ผี่ ถู กู จบั ไมไ ดร บั การปลอ ยชวั่ คราว และมเี หตจุ าํ เปน เพอื่ ทาํ การสอบสวน
หรอื การฟอ งคดี ใหน าํ ตวั ผถู กู จบั ไปศาลภายในสสี่ บิ แปดชวั่ โมงนบั แตเ วลาทผี่ ถู กู จบั ถกู นาํ ตวั ไปถงึ ทที่ าํ การ
ของพนกั งานสอบสวนตามมาตรา ๘๓ เวน แตม เี หตสุ ดุ วสิ ยั หรอื มเี หตจุ าํ เปน อยา งอน่ื อนั มอิ าจกา วลว ง
เสียได โดยใหพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการย่ืนคํารองตอศาลขอหมายขังผูตองหาน้ันไว
ใหศาลสอบถามผูตองหาวาจะมีขอคัดคานประการใดหรือไม และศาลอาจเรียกพนักงานสอบสวน
หรอื พนกั งานอยั การมาชแี้ จงเหตจุ าํ เปน หรอื อาจเรยี กพยานหลกั ฐานมาเพอื่ ประกอบการพจิ ารณากไ็ ด
ในกรณีความผิดอาญาที่ไดกระทําลงมีอัตราโทษจําคุกอยางสูงไมเกินหกเดือน
หรอื ปรับไมเกนิ หารอยบาท หรอื ทง้ั จําทง้ั ปรับ ศาลมอี าํ นาจสง่ั ขังไดค รัง้ เดยี ว มีกาํ หนดไมเกนิ เจด็ วัน
ในกรณคี วามผดิ อาญาทมี่ อี ตั ราโทษจาํ คกุ อยา งสงู เกนิ กวา หกเดอื นแตไ มถ งึ สบิ ป
หรอื ปรบั เกนิ กวา หา รอ ยบาท หรอื ทง้ั จาํ ทง้ั ปรบั ศาลมอี าํ นาจสงั่ ขงั หลายครงั้ ตดิ ๆ กนั ได แตค รงั้ หนง่ึ ตอ ง
ไมเ กินสบิ สองวัน และรวมกันทั้งหมดตอ งไมเ กนิ ส่ีสบิ แปดวัน
ในกรณคี วามผดิ อาญาทมี่ อี ตั ราโทษจาํ คกุ อยา งสงู ตงั้ แตส บิ ปข น้ึ ไป จะมโี ทษปรบั ดว ย
หรือไมกต็ าม ศาลมีอํานาจสัง่ ขังหลายครั้งติดๆ กนั ได แตค รง้ั หนึ่งตองไมเกินสบิ สองวนั และรวมกัน
ท้ังหมดตอ งไมเกนิ แปดสบิ สว่ี ัน
๑๓๘
ในกรณีตามวรรคหก เมื่อศาลสั่งขังครบส่ีสิบแปดวันแลว หากพนักงานอัยการ
หรือพนักงานสอบสวนย่ืนคํารองขอตอศาลเพ่ือขอขังตอไปอีกโดยอางเหตุจําเปน ศาลจะสั่งขังตอไป
ไดตอเม่ือพนักงานอัยการหรือพนักงานสอบสวนไดแสดงถึงเหตุจําเปน และนําพยานหลักฐานมาให
ศาลไตส วนจนเปนท่พี อใจแกศ าล
ในการไตสวนตามวรรคสามและวรรคเจ็ด ผูตองหามีสิทธิแตงทนายความ
เพือ่ แถลงขอ คัดคาน และซกั ถามพยาน ถาผตู องหาไมมีทนายความเนือ่ งจากยังไมไดม กี ารปฏิบัติตาม
มาตรา ๑๓๔/๑ และผตู อ งหารอ งขอใหศ าลตงั้ ทนายความให โดยทนายความนนั้ มสี ทิ ธไิ ดร บั เงนิ รางวลั
และคา ใชจ ายตามท่กี าํ หนดไวในมาตรา ๑๓๔/๑ วรรคสาม โดยอนโุ ลม
ถา พนกั งานสอบสวนตอ งไปทาํ การสอบสวนในทอ งทอี่ น่ื นอกเขตของศาลซง่ึ ไดส ง่ั ขงั
ผตู อ งหาไว พนกั งานสอบสวนจะยน่ื คาํ รอ งขอใหโ อนการขงั ไปยงั ศาลในทอ งทที่ จี่ ะตอ งไปทาํ การสอบสวน
นัน้ ก็ได เม่ือศาลทส่ี ่ังขงั ไวเปน การสมควรกใ็ หส่ังโอนไป”
จากบทบัญญัติมาตรา ๘๗ น้ัน ไดวางหลักเกณฑเรื่องของระยะเวลาในการควบคุม
ผูถูกจับ ซึง่ พอสรุปไดดงั นี้
๑) ËŒÒÁÁÔãËŒ¤Çº¤ØÁ¼ÙŒ¶Ù¡¨Ñºà¡Ô¹¡Ç‹Ò¤ÇÒÁจํา໚¹μÒÁ¾ÄμÔ¡ÒóáË‹§¤´Õ (มาตรา ๗๘
วรรคแรก) ซึ่งหมายความวา เจาพนักงานตํารวจจะมีอํานาจในการควบคุมผูถูกจับไดนานเพียงใดน้ัน
ขน้ึ อยกู บั ความจาํ เปน ทจ่ี ะตอ งควบคมุ ตวั ซงึ่ เจา พนกั งานตาํ รวจจะμÍŒ §¾¨Ô ÒóҶ§Ö ¤ÇÒÁจาํ ໹š ·ÇÕè Ò‹ ¹¹Ñé
¨Ò¡¾Äμ¡Ô Òóá Ë‹§¤´Õã¹¢³Ð¹¹éÑ à»š¹ÊíÒ¤ÑÞ ซงึ่ ความจาํ เปนทจ่ี ะตอ งควบคมุ ตวั นี้ ไดแ ก
๑. จําเปนเพ่ือถามคําใหก าร
๒. จาํ เปน เพอื่ สอบปากคําใหทราบวา ผูถกู จบั เปน ใครและอยูที่ไหน
๓. จําเปนเพื่อปองกันมิใหผูถูกจับหลบหนี เชน เฉพาะกรณีที่ผูถูกจับไมมีที่อยู
เปน หลักแหลง
๔. จาํ เปนเพื่อปอ งกันมิใหผถู ูกจบั ไปยงุ เหยิงกบั พยานหลกั ฐาน เชน อาจไปทําลาย
พยานเอกสาร พยานวตั ถุทส่ี ําคญั ของคดี หรอื อาจไปขม ขพู ยานบคุ คล เปน ตน
๕. จําเปนเพ่ือปองกันภัยอันตราย หรือความเสียหายที่ผูถูกจับอาจจะไปกอเหตุ
ซึง่ หากวา ไมไดทําการควบคมุ ตัวเอาไว
๒) การควบคมุ ตัวผูถูกจบั หรือผตู อ งหาน้ัน ¨ÐμÍŒ §¤Çº¤ØÁäÁà‹ ¡Ô¹¡Ç‹Òกํา˹´ÃÐÂÐàÇÅÒ
·¡èÕ ®ËÁÒÂกาํ ˹´äÇใŒ นมาตรา ๘๗ ซง่ึ ขน้ึ อยกู บั ความรา ยแรงของความผดิ ทผ่ี ตู อ งหาถกู กลา วหา ดงั น้ี
(๑) ในกรณีความผดิ ลหุโทษ
ความผิดลหุโทษ หมายถึง ความผิดทีร่ ะบุไวใ นประมวลกฎหมายอาญา ภาค ๓
ซงึ่ เห็นไดวา ความผิดลหโุ ทษน้นั จะมลี กั ษณะท่ัวไปดงั นี้
๑. เปน ความผดิ เพราะละเมดิ ในสง่ิ ทกี่ ฎหมายกาํ หนดหา มไว ซง่ึ เปน เรอ่ื งเลก็ ๆ
นอ ยๆ เทา นน้ั ทร่ี ฐั ออกกฎหมายมาเพอ่ื คมุ ครองความเปน อยขู องคนในสงั คมใหอ ยอู ยา งรม เยน็ เปน สขุ
เชน หา มมใิ หบ คุ คลทาํ ใหท อ ระบายนา้ํ อนั เปน สงิ่ สาธารณะเกดิ ขดั ขอ ง (ป.อาญา มาตรา ๓๗๕) เปน ตน
๑๓๙
๒. เปนความผิดท่ีมีคุณลักษณะทางกฎหมายเกี่ยวกับผลประโยชนของรัฐ
เปน สําคญั เพ่อื ใหสงั คมสงบสุข เชน หามทําใหเกิดปฏิกลู แกน าํ้ ในบอ สระ หรือทีข่ งั นน้ั อนั มีไวสาํ หรบั
ประโยชนใ ชส อย (ป.อาญา มาตรา ๓๘๐)
๓. มคี วามรนุ แรงหรอื ความกา วรา วของการกระทาํ ไมม ากนกั ภยั ตรายทเี่ กดิ ขนึ้
ตอ บคุ คลหรอื สงั คมไมม ากนกั ซงึ่ สงั คมใหอ ภยั การกระทาํ นนั้ ได เชน หา มสง เสยี งดงั ออื้ องึ โดยไมม เี หตุ
อนั ควรจนทาํ ใหประชาชนเดือดรอ นราํ คาญ (ป.อาญา มาตรา ๓๗๐)
๔. สามารถระงบั คดไี ดโ ดยงา ยจากการลงโทษปรบั เชน หา มกระทาํ การอนั ควร
ขายหนา ตอ หนา ธารกาํ นลั โดยการเปลอื ยกาย ซง่ึ มโี ทษปรบั ไมเ กนิ หา พนั บาท (ป.อาญา มาตรา ๓๘๘)
และมีอัตราโทษไมสูงนกั เชน จาํ คกุ ไมเกินหนึ่งเดอื น ปรับไมเ กินหน่ึงหมื่นบาท
เจา พนกั งานจะควบคมุ ผถู กู จบั ไวไ ดà ·Ò‹ àÇÅÒ·¨èÕ Ð¶ÒÁคาํ ãË¡Œ Òà áÅз¨Õè ÐÃμŒÙ ÇÑ ÇÒ‹
໚¹ã¤Ã áÅзÕÍè ¢ً ͧà¢ÒÍ‹ٷèÕä˹෋ҹé¹Ñ
μÇÑ Í‹ҧ
คดีเสพยสุราจนเมาครองสติไมได และประพฤตติ วั วนุ วายกอ ความเดอื ดรอ นแก
ชาวบา นทวั่ ไปขณะอยใู นถนนสาธารณะหรอื สาธารณสถานใดๆ อนั มโี ทษปรบั ไมเ กนิ ๕๐๐ บาท เชน นี้
เจาพนักงานตํารวจสามารถควบคุมบุคคลผูนั้น เทาที่ระยะเวลาที่สามารถมีสติพอที่จะบอกช่ือ
ท่ีอยูไดเ ทา นัน้ เมือ่ ทราบวาเขาผนู ัน้ เปนใคร อยูท ่ไี หน
(๒) 㹡ó¤Õ ÇÒÁ¼Ô´ÍÒÞÒอ่ืน
ในกรณีความผดิ อาญาอื่น นอกจากคดีลหุโทษน้ัน เจาพนักงานตาํ รวจอาจตอ ง
ใชเวลาพอสมควรในการสอบปากคําจากผูถูกจับโดยตรง แตอยางไรก็ตามเจาพนักงานตํารวจมีระยะ
เวลาในการควบคุมเพียงÊèÕÊԺỴªÑèÇâÁ§ ¹Ñºáμ‹àÇÅÒ·Õè¼ÙŒ¶Ù¡¨Ñºä»¶Ö§·Õèทํา¡Òâͧ¾¹Ñ¡§Ò¹ÊͺÊǹ
(มาตรา ๘๗ วรรคสอง)
หากวา ภายในระยะเวลาสสี่ บิ แปดชวั่ โมงนบั แตท นี่ าํ ตวั ผถู กู จบั มาถงึ ทท่ี าํ การของ
พนักงานสอบสวนแลวนั้น พนักงานสอบสวนพิจารณาแลวเห็นวายังมีเหตุท่ีจะตองควบคุมตัวผูถูกจับ
นน้ั ตอ ไป เชน นี้ พนกั งานสอบสวนจะขอขยายระยะเวลาการควบคมุ ตวั ผถู กู จบั ไดต อ เมอื่ ÁàÕ ËμÊØ ´Ø ÇÊÔ ÂÑ
ËÃÍ× ÁàÕ ËμจØ ํา໹š Í‹ҧÍ×¹è Í¹Ñ Á¤Ô ÇáŒÒÇŋǧàÊÕÂä´Œ
แตอยางไรกต็ าม มาตรา ๘๗ วรรคสาม ไดกําหนดใหพ นกั งานสอบสวน (หรอื
พนักงานอัยการ) ยื่นคํารองตอศาลขอหมายขังผูตองหาน้ันไว ซึ่งกรณีนี้ศาลจะสอบถามผูตองหาวา
จะมขี อ ใดคดั คา นประการใดหรอื ไม และในกรณขี อขยายเวลาดงั กลา ว ศาลอาจเรยี กพนกั งานสอบสวน
(หรอื พนกั งานอยั การ) มาชแี้ จงเหตจุ าํ เปน นน้ั หรอื อาจเรยี กพยานหลกั ฐานมาเพอ่ื ประกอบการพจิ ารณา
ก็ได (มาตรา ๘๗ วรรคสาม)
๑๔๐
¢ŒÍ椄 à¡μ
หากไมมีเหตุสุดวิสัยหรือไมมีเหตุจําเปนอยางอ่ืนอันมิอาจกาวลวงเสียได ดังกลาว เม่ือควบคุมครบระยะเวลา
สสี่ บิ แปดชวั่ โมงนบั แตม าถงึ ทที่ าํ การของพนกั งานสอบสวนแลว พนกั งานสอบสวนไมม อี าํ นาจขอใหศ าลออกหมายขงั ผตู อ งหา
ตามมาตรา ๘๗ วรรคสามได จะตอ งปลอ ยตัวผูตอ งหาไป
อยางไรก็ตาม แมกฎหมายจะใหขยายระยะเวลาไดโดยอาศัยเหตุสุดวิสัย
หรอื มเี หตจุ าํ เปน อนั มอิ าจกา วลว งเสยี ไดก ต็ าม มาตรา ๘๗ ยงั คงกาํ หนดกรอบระยะเวลาในการสงั่ ขงั ไว
โดยอาศยั อตั ราโทษตามความผิดอาญาน้ี ผตู องหาไดก ระทําลงไป ซึ่งพอจะสรปุ ไดดังตอไปน้ี
๑. กรณที ม่ี อี ตั ราโทษจาํ ¤¡Ø ÍÂÒ‹ §Ê§Ù äÁà‹ ¡¹Ô ö à´Í× ¹ หรอื »ÃºÑ äÁà‹ ¡¹Ô õðð ºÒ·
หรือทัง้ จาํ ท้ังปรบั ศาลมีอาํ นาจสง่ั ขงั ไดค รง้ั เดียว มีกาํ หนดไมเ กิน ๗ วนั
๒. กรณีที่มอี ตั ราโทษจาํ ¤¡Ø ÍÂÒ‹ §ÊÙ§à¡¹Ô ¡ÇÒ‹ ö à´×͹ áμä‹ Á¶‹ Ö§ ñð »‚ หรอื
»ÃºÑ à¡¹Ô ¡ÇÒ‹ õðð ºÒ· หรือทัง้ จาํ ทงั้ ปรับ ศาลมีอาํ นาจสั่งขงั หลายครง้ั ตดิ ๆ กนั ได แตครง้ั หน่งึ ตอ ง
ไมเ กิน ๑๒ วัน รวมกนั ทงั้ หมดตองไมเ กนิ ๔๘ วัน
๓. คดีท่ีมีอัตราโทษจํา¤Ø¡Í‹ҧÊÙ§μÑé§áμ‹ ñð »‚¢Öé¹ä» จะมีโทษปรับดวย
หรอื ไมก ต็ าม ศาลมอี ํานาจสั่งขังหลายครัง้ ตดิ ๆ กันได แตค ร้ังหน่ึงตอ งไมเกิน ๑๒ วัน และรวมกัน
ท้งั หมดตอ งไมเกนิ ๘๔ วัน
และหากวาเม่ือครบ ๘๔ วันแลว พนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการ
ตอ งการขอขยายระยะเวลาตอ เชน น้ี มาตรา ๘๗ วรรคเจด็ กาํ หนดใหพ นกั งานสอบสวนหรอื พนกั งาน
อัยการท่ีรองขอขยายระยะเวลาเพื่อขอขังตอไปโดยอางเหตุจําเปนน้ัน ศาลจะส่ังขังตอไปได ตอเมื่อ
พนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการไดáÊ´§¶Ö§àËμØจํา໚¹·ÕèÇ‹Ò¹Ñé¹ áÅÐμŒÍ§นํา¾ÂÒ¹ËÅÑ¡°Ò¹
ÁÒãËÈŒ ÒÅäμÊ‹ ǹ¨¹à»¹š ·¾Õè Íã¨á¡È‹ ÒÅ เชน นี้ ศาลจงึ จะอนญุ าตขยายระยะเวลา (มาตรา ๘๗ วรรคส่ี
ถึงวรรคเจ็ด)
ในการขอขยายระยะเวลาในการขอศาลขงั ของพนกั งานสอบสวนหรอื พนกั งาน
อัยการน้ัน มาตรา ๘๗ วรรคแปด กฎหมายใหสิทธิแกผ ตู อ งหาในการที่จะแตงทนายความเพือ่ แถลง
คัดคา นและซกั ถามพยานได แตห ากไมมที นายความและผตู องหารอ งขอ ศาลจะตั้งทนายความให
õ.ø ¢ŒÍ»¯ÔºμÑ ãÔ ¹¡ÒäǺ¤ÁØ
ในการควบคมุ ตวั ผถู กู จบั นนั้ นอกจากตอ งปฏบิ ตั ติ ามหลกั เกณฑข องประมวลกฎหมายวธิ ี
พจิ ารณาความอาญา ทไ่ี ดกลา วมาแลวขา งตนนนั้ ยงั คงมคี ําสง่ั ตร. ที่ ๔๑๙/๒๕๕๖ เร่ือง การอาํ นวย
ความยุติธรรมในคดีอาญา การทําสํานวนการสอบสวน และมาตรการควบคุมตรวจสอบ เรงรัด
การสอบสวนคดีอาญา บทที่ ๒ ขอ ๔ การควบคมุ ไดก ําหนดขอ ปฏบิ ตั ิในการควบคุมไว ดังน้ี
๑. ใหเจาพนักงานตํารวจซึ่งรับมอบตัวผูถูกจับหรือผูตองหาไวควบคุม แจงสิทธิของ
ผถู กู จบั หรอื ผตู อ งหาซง่ึ ถกู ควบคมุ ตามประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา มาตรา ๗/๑ ใหผ ถู กู จบั
๑๔๑
หรือผูตองหาทราบในโอกาสแรก รวมทั้งจัดใหผูถูกจับหรือผูตองหาสามารถติดตอกับญาติหรือผูซึ่ง
ผูถูกจับหรอื ผตู องหาไวว างใจเพอ่ื แจง ใหทราบถงึ การจบั และสถานท่ที ี่ถูกควบคมุ ถาผูถกู จับรอ งขอให
เจาพนกั งานตํารวจเปนผูแจงตามสิทธิดงั กลา ว กใ็ หจดั การตามคํารองขอนน้ั โดยเร็ว และใหบันทกึ การ
จดั การดงั กลา วไวใ นรายงานประจาํ วนั เกย่ี วกบั คดเี ปน หลกั ฐานไว ในการนห้ี า มไมใ หเ รยี กคา ใชจ า ยใด ๆ
จากผถู ูกจบั
การแจงสิทธิดังกลาวใหบันทึกไวในรายงานประจําวันเก่ียวกับคดีขอเดียวกับบันทึก
รายงานประจาํ วนั เกยี่ วกบั คดขี อ ทรี่ บั ตวั ผถู กู จบั หรอื ผตู อ งหาไวค วบคมุ โดยไมต อ งบนั ทกึ เรอื่ งการแจง
สทิ ธดิ งั กลา วไวใ นบนั ทกึ คาํ ใหก าร และไมต อ งจดั ทาํ บนั ทกึ การแจง สทิ ธอิ กี โดยใหม ขี อ ความปรากฏดงั น้ี
“................(ยศ ช่ือ สกลุ ตําแหนง )...............เจาพนกั งานตาํ รวจผรู ับตัว นาย/นาง/
นางสาว...............................ผูถูกจับหรือผูตองหาไวควบคุมไดแจงสิทธิของผูถูกจับหรือผูตองหาตาม
กฎหมายใหทราบแลว ดังน้ี
(๑) มีสิทธิแจงหรือขอใหเจาพนักงานแจงใหญาติ หรือผูซึ่งผูถูกจับ หรือผูตองหา
ไววางใจทราบถึงการจบั กมุ และสถานทท่ี ถี่ กู ควบคุมในโอกาสแรก
(๒) มสี ิทธิพบและปรกึ ษาผซู ่งึ จะเปน ทนายความเปนการเฉพาะตัว
สอบสวน (๓) มีสิทธิใหทนายความหรือผูซึ่งตนไววางใจเขาฟงการสอบสวนปากคําตนในช้ัน
(๔) มีสิทธไิ ดรับการเยีย่ มหรอื ติดตอ กับญาตไิ ดต ามสมควร
(๕) มีสทิ ธไิ ดรบั การรกั ษาพยาบาลโดยเร็วเมือ่ เกดิ การเจบ็ ปว ย
นาย/นาง/นางสาว......................................ผูถูกจับหรือผูตองหาซ่ึงถูกควบคุม
ไดทราบสิทธิของตนแลว จึงลงลายมอื ชื่อรับทราบสิทธิตามกฎหมายไวเ ปนหลกั ฐาน
(ลงช่อื ).................................................ผูถูกจบั /ผูตอ งหา
(ลงชอื่ ).................................................ผรู บั มอบตัว”
หากพนักงานอัยการตองการบันทึกการแจงสิทธิ ใหพนักงานสอบสวนผูรับผิดชอบ
สาํ เนาบนั ทกึ รายงานประจาํ วนั เกย่ี วกบั คดขี อ ทแี่ จง สทิ ธมิ อบใหพ นกั งานอยั การ (คาํ สง่ั ตร. ที่ ๔๑๙/๒๕๕๖
ขอ ๔.๑)
๒. เจา พนกั งานตาํ รวจผรู บั ตวั ผถู กู จบั จะปลอ ยผถู กู จบั ชว่ั คราวหรอื ควบคมุ ผถู กู จบั ไวก ไ็ ด
แตถาเปนการจับโดยมีหมายหรือคําสั่งของศาลใหรีบดําเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
ความอาญามาตรา ๖๔ และในกรณีที่ตองสงผูถูกจับไปยังศาล แตไมสามารถสงไปไดในขณะนั้น
เนอื่ งจากเปน เวลาทศี่ าลปด หรอื ใกลจ ะปด ทาํ การใหเ จา พนกั งานตาํ รวจทร่ี บั ตวั ผถู กู จบั ไวม อี าํ นาจปลอ ย
ผถู กู จบั ชว่ั คราว หรอื ควบคมุ ผถู กู จบั ไวไ ดจ นกวา จะถงึ เวลาศาลเปด ทาํ การ (คาํ สงั่ ตร. ที่ ๔๑๙/๒๕๕๖ ขอ ๔.๒)
๓. หา มมใิ หค วบคมุ ผถู กู จบั ไวเ กนิ กวา ความจาํ เปน แกพ ฤตกิ ารณแ หง คดี และใหพ นกั งาน
สอบสวนพึงทราบถึงอาํ นาจการควบคมุ ของพนักงานสอบสวนและศาล (คาํ ส่งั ตร. ที่ ๔๑๙/๒๕๕๖ ขอ ๔.๓)
๑๔๒
๔. กรณที ม่ี กี ารจบั กมุ ผถู กู จบั หรอื ผตู อ งหาตามหมายจบั หรอื คาํ สงั่ ของศาล ใหพ นกั งาน
สอบสวนตรวจสอบหมายจับที่ขอความ “ดวยผูรองย่ืนคํารองวา...” วามีเหตุผลพิเศษในการขอให
ศาลออกหมายจับหรือไม หากมีเหตุผลพิเศษใหพึงระมัดระวังเก่ียวกับอํานาจการควบคุมผูถูกจับ
หรอื ผตู องหาของพนักงานสอบสวน (คําสง่ั ตร. ท่ี ๔๑๙/๒๕๕๖ ขอ ๔.๔)
๕. เมื่อมีการอางวาบุคคลใดตองถูกคุมขังในคดีอาญาหรือในกรณีอื่นใดโดยมิชอบดวย
กฎหมาย ใหพนักงานสอบสวนยื่นคํารองตอศาลแหงทองท่ีที่มีอํานาจพิจารณาคดีอาญาขอใหปลอย
ผูถ ูกคุมขังโดยมชิ อบได
กรณีเจาหนาที่ตํารวจ พบวามีการคุมขังผูตองหา หรือผูถูกจับ หรือบุคคลใด
โดยมิชอบดวยกฎหมาย ใหแจงหัวหนาหนวยงานทราบ และใหเปนหนาที่และความรับผิดชอบ
ของหวั หนา หนว ยงานทจ่ี ะตอ งพจิ ารณาและวนิ จิ ฉยั สงั่ การหรอื มอบหมายใหพ นกั งานสอบสวนยนื่ คาํ รอ ง
ตอ ศาลแหง ทอ งทท่ี ม่ี อี าํ นาจพจิ ารณาคดอี าญาขอใหป ลอ ยผถู กู คมุ ขงั โดยมชิ อบนนั้ (คาํ สง่ั ตร. ที่ ๔๑๙/๒๕๕๖
ขอ ๔.๕)
● ¢ŒÍ¾§Ö ÃÐÇ§Ñ ã¹¡ÒÃãªàŒ ¤ÃÍ×è §¾Ñ¹¸¹Ò¡ÒÃ
การใชเครื่องพันธนาการในการควบคุมตัวผูกระทําผิดน้ันจะกระทําไดก็ตอเมื่อมี
ความจําเปน เพอื่ ปอ งกันมใิ หผ กู ระทําความผิดหลบหนีไปจากการควบคมุ ของเจาหนา ท่ี อยางไรกต็ าม
ถงึ แมเ จา หนา ทต่ี าํ รวจจะมอี าํ นาจในการควบคมุ ตวั และมอี าํ นาจทจ่ี ะใชเ ครอื่ งพนั ธนาการกบั ผทู ก่ี ระทาํ
ความผิดได แตก็เปนการใชอํานาจที่กระทบตอสิทธิเสรีภาพของบุคคล แตเมื่อบุคคลใดก็ตามกระทํา
ความผิดอันมีโทษตามกฎหมายก็สมควรที่จะตองไดรับการลงโทษ ซ่ึงการลงโทษผูกระทําความผิดนั้น
เปนไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๘ ดังนั้น การใชอํานาจดังกลาวของเจาหนาท่ีตํารวจ
ก็μŒÍ§คํา¹§Ö ¶Ö§ÈÑ¡´ÔìÈÃÕ¤ÇÒÁ໚¹Á¹ÉØ Âด ว ย
¡ÒÃ㪌à¤Ã×èͧ¾Ñ¹¸¹Ò¡ÒâͧตําÃǨ ตองเปนไปตามประมวลระเบียบการตํารวจ
เก่ยี วกับคดี ลกั ษณะ ๖ บทที่ ๔ ขอ ๑๔๖ โดยจะตอ งคาํ นงึ ถึง ดงั นี้
๑. การกระทําผดิ เปน คดปี ระเภทใด อตั ราโทษสงู หรือไม
๒. บุคคล มีบุคคลบางจําพวกที่ควรจะใหเ กยี รติ เชน (ก) ขา ราชการ (ข) พระภกิ ษุ
สามเณร นักพรตตาง ๆ (ค) ทหารสวมเคร่อื งแบบ (ง) ชาวตา งประเทศ ชน้ั ผูด ี (จ) หญิง คนชรา เดก็
คนพกิ าร และคนปวยเจบ็ ซ่งึ ไมสามารถจะหลบหนไี ดด วยกําลังตนเอง (ฉ) พอ คา คฤหบดี ซึง่ มีชอื่ เสียง
และมีหลักฐานการทาํ มาหากนิ โดยสจุ รติ
บุคคลดังกลาว ถา ไมไ ดก ระทาํ ความผิดอกุ ฉกรรจ หรือไมไ ดแ สดงกิรยิ าจะขดั ขนื
หรือหลบหนี ไมควรใชกุญแจมือ เด็กอายุต่ํากวา ๑๔ ป ถาไมไดกระทําความผิดที่มีอัตราโทษจําคุก
เกนิ กวา ๑๐ ป และเฉพาะหญงิ คนชรา เดก็ คนพิการและคนปว ยเจบ็ ซ่งึ ไมส ามารถจะหลบหนีไดด วย
กาํ ลังตนเอง หามใชเ ครอื่ งพนั ธนาการเปนอันขาด
๑๔๓
๓. สถานท่ี ใหพิเคราะหถึงสถานท่ีที่จะควบคุมไป มีโอกาสท่ีผูตองหาจะหลบหนี
หรือทาํ อันตรายแกผ คู วบคุมไดง าย หรอื ไม
๔. เวลา เปน เวลากลางวันหรอื กลางคืน หรือจําเปน ตองพกั คางแรม
๕. กิรยิ าความประพฤติ ความประพฤติในอดีตเปน อยางไร
ขอ ๑๔๗ การใสก ญุ แจมอื ผตู อ งหา ตอ งไมใ หห ลวมหรอื คบั เกนิ ไป เพราะถา หลวมมาก
ก็จะหลุดจากขอมือไดงาย ถาคับมากก็จะเปนการทรมานผูตองหา เม่ือใสกุญแจมือแลว ในกรณี
ที่มีความจําเปนจะมีโซรอยสาํ หรับถือควบคุมไปก็ได ใหผูตองหาเดินหนาผูควบคุมถือชายโซเดิน
ตามหลังหรือเดินไปขาง (สนธยา รตั นธารส, ๒๕๕๘)
ÁÒμÃÒ ùð เม่ือมีการอางวาบุคคลใดตองถูกคุมขังในคดีอาญาหรือในกรณีอ่ืน
โดยมิชอบดวยกฎหมาย บุคคลเหลาน้ีมีสิทธิยื่นคาํ รองตอศาลทองที่ที่มีอาํ นาจพิจารณาคดีอาญา
ขอใหป ลอ ยคือ
(๑) ผถู ูกคมุ ขังเอง
(๒) พนักงานอัยการ
(๓) พนกั งานสอบสวน
(๔) ผบู ญั ชาการเรือนจาํ หรือพัสดี
(๕) สามี ภรยิ า หรอื ญาตขิ องผูนนั้ หรอื บคุ คลอ่นื ใดเพือ่ ประโยชนของผูถกู คุมขัง
เมอ่ื ไดร บั คาํ รอ งดงั นน้ั ใหศ าลไตส วนฝา ยเดยี วโดยดว น ถา ศาลเหน็ วา คํารอ งนน้ั มมี ลู
ศาลมีอํานาจส่ังผูคุมขังใหนาํ ตัวผูถูกคุมขังมาศาลโดยพลัน และถาผูคุมขังแสดงใหเปนท่ีพอใจแกศาล
ไมไ ดวา การคุมขังเปนการชอบดวยกฎหมาย ใหศาลสั่งปลอ ยตัวผูถ ูกคุมขงั ไปทันที
μÇÑ Í‹ҧคาํ ¾¾Ô Ò¡ÉÒÈÒÅ®¡Õ Ò
¡ÒäǺ¤ØÁ
คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·èÕ ÷ôô/òõðñ การควบคุมตัวผูตองหา ผูควบคุมตองพิเคราะหไป
ใชวิธีเกินกวาท่ีจําเปนเพ่ือปองกันไมใหหนี ถาใสกุญแจมือผูตองหามิใชเพื่อมิใหหนีแตเพ่ือใหไดอาย
แมจะไมเจตนาแกลงเปนสวนตัว หากแตเพ่ือปราบปรามเจามือสลากกินรวบ เปนการไมชอบดวย
ป.ว.ิ อาญา มาตรา ๘๖ กเ็ ปน ความผดิ ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา ๑๔๕ (ประมวลกฎหมาย
อาญา มาตรา ๑๕๗)
คาํ ¾¾Ô Ò¡ÉÒ®¡Õ Ò·èÕ òñóñ/òõòñ ทจ่ี ะควบคมุ บคุ คลทเ่ี ปน ภยั ตอ สงั คมไดต อ งมหี ลกั ฐาน
พอสมควรที่จะฟงวามีพฤติการณเชนนั้น มิใชเพียงหลักฐานเล่ือนลอยคลุมเครือ ศาลสั่งใหปลอย
ผถู ูกควบคมุ ได
๑๔๔
คาํ ¾¾Ô Ò¡ÉÒ®¡Õ Ò·èÕ óôô/òõòò ศาลมอี ํานาจวนิ จิ ฉยั วา บคุ คลทถ่ี กู ควบคมุ ฐานเปน ภยั
ตอสังคมตามคําส่ังคณะปฏิรูปการปกครองแผนดิน ฉบับท่ี ๒๒ มีพฤติการณที่เปนภัยตอสังคม
ตามทีร่ ะบกุ รณไี วหรือไม เมอื่ ศาลส่ังอยา งไร ผรู อ งหรอื ผคู ดั คานอทุ ธรณฎ กี าได
คาํ ¾¾Ô Ò¡ÉÒ®¡Õ Ò·Õè óõùø/òõóñ (»ÃЪÁØ ãËÞ)‹ วนั ท่ี ๒๕ เมษายน ๒๕๒๘ เจา หนา ท่ี
ตํารวจจับกมุ ก. สง พนกั งานสอบสวนในขอหาวา ใชร ถจกั รยานยนตไมตดิ ปา ยทะเบยี นและเปน บุคคล
ตา งดา วเขา มาในราชอาณาจกั รโดยไมไ ดร บั อนญุ าต พนกั งานสอบสวนรบั ตวั ก. ควบคมุ ไว สาํ หรบั ขอ หาแรก
พนกั งานสอบสวนไดเ ปรยี บเทยี บปรบั ไปแลว แตค งควบคมุ ตวั ก. ไวต ลอดมาโดยมไิ ดย น่ื คาํ รอ งตอ ศาล
ขอใหหมายขงั ก. ไว จนถงึ วันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๒๘ จาํ เลยซง่ึ ทําหนาทสี่ ิบเวรทท่ี ําหนาท่คี วบคุม
ดูแลผูตองหาไดปลอยให ก. หลบหนีไป เชนน้ี เม่ือพนักงานสอบสวนรับตัว ก. ควบคุมไวโดยมิได
ปลอยตัวไปตาม ป.ว.ิ อ. มาตรา ๘๔ วรรคสอง การควบคมุ ก. จงึ เปนการควบคุมตามอาํ นาจพนกั งาน
สอบสวน แตเ พอื่ มใิ หก ารควบคมุ เกนิ ความจาํ เปน ตามพฤตกิ ารณแ หง คดี ป.ว.ิ อ. มาตรา ๘๗ จงึ ไดว าง
หลกั เกณฑก ารควบคมุ ผถู กู จบั ไวเ ปน ขน้ั เปน ตอน ดงั นี้ แมพ นกั งานสอบสวนจะไมไ ดป ฏบิ ตั ติ ามวธิ กี าร
ท่ี ป.วิ.อ. มาตรา ๘๗ วางไว ก็มีผลเพียงใหการควบคุมของพนักงานสอบสวนเปนการผิดกฎหมาย
ซึง่ บุคคลดังระบุไวใ น ป.วิ.อ. มาตรา ๙๐ มีอาํ นาจยื่นคํารอ งตอศาลขอใหป ลอ ยได แตก ารควบคุมนัน้
ก็คงเปนการควบคุมตามอํานาจของพนักงานฝายปกครองหรือตํารวจผูรับตัวผูถูกจับไว การท่ีจําเลย
ปลอยตวั ก. ไป จงึ เปนการทําใหผ ูทอ่ี ยูในระหวา งคมุ ขงั นน้ั หลดุ พน จากการคุมขังไป เปนความผดิ ตาม
ป.อ. มาตรา ๒๐๔
คํา¾¾Ô Ò¡ÉÒ®Õ¡Ò·Õè ôòôó/òõôò จาํ เลยเปน เจาพนักงานตาํ รวจเขา จบั กมุ ผูเ สียหาย
ทไี่ ดก อ การทะเลาะววิ าทกอ นหนา นน้ั แตเ หตแุ หง การทะเลาะววิ าทไดย ตุ ลิ งแลว เหตวุ วิ าทยงั ไมช ดั แจง
วาฝายใดเปนฝายผิด ไมใชการกระทําผิดซึ่งหนา โดยมีคูกรณีกับผูเสียหายชี้ใหจับ แตมิไดรองทุกข
ไวต ามระเบยี บ อกี ทง้ั ไมใ ชก รณที ม่ี เี หตสุ งสยั วา กระทาํ ความผดิ มาแลว จะหลบหนี จาํ เลยซง่ึ ไมม หี มายจบั
ไมม อี ํานาจโดยชอบดวยกฎหมายทจ่ี ะจับผเู สยี หาย จําเลยจบั ผูเสยี หายโดยไมแ จง ขอ หา ไมทําบนั ทกึ
จับกุม ไมสงมอบตัวใหพนักงานสอบสวนดําเนินคดี กลับนําไปควบคุมท่ีดานตรวจ ช้ีเจตนาจําเลย
วากระทําโดยโกรธแคน แสดงอํานาจ เพื่อขมขูกลั่นแกลงผูเสียหายใหเดือดรอนเสียหาย การกระทํา
ของจําเลยจึงเปนความผิดฐานเปนเจาพนักงานปฏิบัติหนาท่ีโดยมิชอบและทําใหผูอื่นปราศจากเสรี
ภายในรา งกาย พฤตกิ ารณแ หง คดเี ปน เรอื่ งรนุ แรงตอ ความรสู กึ ของประชาชนไมม เี หตทุ จี่ ะรอการลงโทษ)
๑๔๕
º··Õè ö
¡Ò䌹
ö.ñ ¤ÇÒÁËÁÒ¢ͧ¡Ò䌹
“¤¹Œ ” ตามความหมายทปี่ รากฏในพจนานกุ รมฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน หมายถงึ พยายาม
หาใหพบ โดยวธิ สี บื เสาะ แสวง เปน ตน
¨Ðà˹ç ä´ÇŒ Ò‹ àÁÍè× Á¡Õ ÒáÃÐทาํ ¤ÇÒÁ¼´Ô ÍÒÞÒà¡´Ô ¢¹Öé ʧÔè สาํ ¤ÞÑ ¢Í§à¨ÒŒ ¾¹¡Ñ §Ò¹ตาํ ÃǨ ¤Í×
¨ÐμÍŒ §ดาํ à¹¹Ô ¡ÒÃã´æ à¾Í×è ãËäŒ ´ÁŒ Ò«§èÖ μÇÑ º¤Ø ¤Å¼·ŒÙ ¶Õè ¡Ù ¡ÅÒ‹ ÇËÒÇÒ‹ ໹š ¼¡ŒÙ ÃÐทาํ ¤ÇÒÁ¼´Ô ¢³Ðà´ÂÕ Ç¡¹Ñ
¨ÐμÍŒ §áÊǧËÒ¾ÂÒ¹ËÅ¡Ñ °Ò¹à¾Í×è ·¨èÕ Ðนาํ ÁÒÂ¹× Â¹Ñ ¶§Ö ¡ÒáÃÐทาํ ¢Í§¼¶ŒÙ ¡Ù ¡ÅÒ‹ ÇËÒ¹¹Ñé ÇÒ‹ à¢Ò໹š ¼·ŒÙ èÕ
¡ÃÐทาํ ¤ÇÒÁ¼Ô´ ËÃ×ÍÁÊÕ ‹Ç¹à¡ÕèÂÇ¢ŒÍ§¡ºÑ ¤ÇÒÁ¼Ô´·Õèà¡´Ô ¢Öé¹¹éѹæ ซ่งึ โดยปกตแิ ละผูท่ีถูกกลา วหาวาเปน
ผกู ระทาํ ความผดิ นน้ั เมอื่ กระทาํ การใดแลว มกั จะหลบซอ นตวั จากการจบั กมุ ตวั ของเจา พนกั งานตาํ รวจ
หรอื อาจนาํ อปุ กรณ เครอื่ งมอื ทใ่ี ชใ นการกระทาํ ความผดิ นน้ั หรอื วตั ถทุ ไ่ี ดม าจากการกระทาํ ความผดิ นน้ั
ไปซุกซอ น ทาํ ใหเ จา พนกั งานตํารวจปฏิบัตงิ านดวยความยากลาํ บาก ในการที่จะนาํ ตวั บคุ คลหรือวตั ถุ
ส่ิงของนั้นออกจากท่ีที่เขาซุกซอนได เพราะรัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทยฯ ไดใหความคุมครอง
บคุ คลในการทจี่ ะอยอู าศยั และครอบครองเคหสถานโดยปกตสิ ขุ แตอ ยา งไรกต็ ามเพอื่ ใหเ กดิ ความสงบสขุ
ของสังคม เจาพนักงานตํารวจซึ่งมีหนาท่ีโดยตรงในการปองกันและปราบปรามการกระทําความผิด
ขณะเดยี วกนั มหี นา ทใี่ นการนาํ ตวั ผถู กู กลา วหาวา เปน ผกู ระทาํ ความผดิ นนั้ มาเขา สกู ระบวนการยตุ ธิ รรม
เพอื่ พสิ จู นว า บคุ คลดงั กลา วนน้ั เปน ผทู ก่ี ระทาํ ความผดิ จรงิ และสมควรจะไดร บั โทษหรอื ไม รฐั ธรรมนญู
แหงราชอาณาจักรไทยฯ และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาไดใหอํานาจเฉพาะแกบุคคล
บางประเภทท่ีสามารถจะดําเนินการคน ได
¼ÁŒÙ Õอาํ ¹Ò¨ã¹¡Ò乌
ดงั ทก่ี ลา วมาแลว วา การคน จะเปน การลว งละเมดิ สทิ ธขิ น้ั พน้ื ฐาน ตามหลกั สทิ ธมิ นษุ ยชน
ท่ีใหบุคคลมีสิทธิเสรีภาพในที่อยูอาศัยของตน การท่ีจะใหบุคคลใดบุคคลหน่ึงเขาไปดําเนินการใดๆ
อนั เปนการกระทบกระท่งั สิทธดิ ังกลาวยอ มจะตองมีกฎหมายใหก ารรองรบั ซึ่งในประมวลกฎหมายวิธี
พจิ ารณาความอาญาไดก ําหนดใหบุคคลบางประเภทท่จี ะเขา ไปดาํ เนนิ การตรวจคน ได คือ
๑) พนักงานฝา ยปกครองหรอื ตํารวจ (มาตรา ๙๒, ๙๓)
๒) พนักงานสอบสวน (มาตรา ๑๓๒)
๑๔๖
ö.ò ¡ÒâÍËÁÒ¤Œ¹
แมวาประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาไดใหอํานาจเจาพนักงานฝายปกครอง
หรือตํารวจเขาทําการคนบุคคลหรือสถานท่ีไดก็ตาม แตหากการคนดังกลาวจะเปนการลวงละเมิด
สิทธิของประชาชน โดยเฉพาะกรณีที่เปนสถานที่รโหฐาน ซึ่งผูครอบครองยอมมีสิทธิโดยสมบูรณ
ภายในสถานทดี่ งั กลา ว การทเี่ จา พนกั งานฝา ยปกครองหรอื ตาํ รวจ ซงึ่ มคี วามจาํ เปน ทจี่ ะตอ งเขา ไปคน
เพ่ือหาตัวบุคคลหรือส่ิงของที่ตองการไดนั้น จะทําไดตอเม่ือมีหมายคน เวนแตจะเขาขอยกเวน
ของกฎหมาย ดงั ทป่ี รากฏในประมวลกฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความอาญา มาตรา ๙๒
อยางไรก็ตาม ในกรณีที่เจาพนักงานตํารวจจะตองคนโดยตองมีหมายคนนั้น การขอ
หมายคน นน้ั จะตอ งเปน ไปตามระเบยี บราชการฝา ยตลุ าการศาลยตุ ธิ รรม วา ดว ยแนวทางปฏบิ ตั ใิ นการ
ออกหมายจบั และหมายคน ในคดอี าญา พ.ศ.๒๕๔๕ และขอ บงั คบั ประธานศาลฎกี าวา ดว ยหลกั เกณฑ
และวธิ กี ารเกย่ี วกบั การออกคําสงั่ หรอื หมายอาญา พ.ศ.๒๕๔๘ กลา วคอื
๑. จะตอ งยน่ื คาํ รอ งขอใหศ าลออกหมายคน ตอ ศาลทมี่ เี ขตอาํ นาจเหนอื ทอ งทท่ี จ่ี ะทาํ การคน
(ระเบียบราชการฝา ยตลุ าการ ขอ ๔, ขอ บังคับประธานศาลฎีกาฯ ขอ ๘)
๒. ผรู อ งขอใหศ าลออกหมายคน จะตอ งเปน ผทู ม่ี อี าํ นาจเกยี่ วขอ งกบั การสบื สวนสอบสวน
คดีที่รองขอออกหมายนั้น ซึ่งกรณีเจาพนักงานตํารวจตองมีชั้นยศต้ังแตรอยตํารวจตรีข้ึนไป (ระเบียบ
ราชการฝา ยตลุ าการ ขอ ๕, ขอ บังคบั ประธานศาลฎกี าฯ ขอ ๙)
๓. ในคํารอ งขอออกหมายคน จะตองมรี ายละเอียด และเอกสารประกอบคอื
(๑) ระบุลักษณะ สิ่งของที่ตองการหา และยึด ชื่อ รูปพรรณ อายุของบุคคล
ทต่ี อ งการหา และสถานทที่ จ่ี ะคน ระบบุ า นเลขที่ เจา ของหรอื ผคู รอบครองเทา ทท่ี ราบ หากไมส ามารถ
ระบุบานเลขท่ีที่จะคนได ใหทําแผนที่ของสถานที่ท่ีจะคนและบริเวณใกลเคียงแทน ตามแบบพิมพ
ท่กี ําหนด รวมท้ังขอมูลหรอื พยานหลักฐานท่ีสนบั สนุนเหตแุ หงการออกหมายคน
(๒) แนบหมายคน พรอมสําเนา รวมทัง้ เอกสารอน่ื เชน บันทึกคํารอ งทกุ ข หนังสือ
มอบอาํ นาจใหรอ งทุกขม าทา ยคํารอ ง
(ระเบยี บราชการฝา ยตุลาการ ขอ ๖, ขอ บังคบั ประธานศาลฎีกาฯ ขอ ๑๑)
๔. ผูรองขอออกหมายคน ตองเสนอพยานหลักฐานใหเพียงพอที่ทําใหเช่ือไดวาบุคคล
หรือสง่ิ ของท่ีคน หานา จะอยูในสถานท่ที ีจ่ ะคน
กรณีเปนส่ิงของ จะตองเปนสิ่งของท่ีจะเปนพยานหลักฐานประกอบการสอบสวน
ไตสวนมูลฟอง หรือพิจารณา และสิ่งของน้ันเปนส่ิงของท่ีมีไวเปนความผิด หรือไดมาจากการ
กระทําความผดิ หรือมีเหตอุ ันควรสงสัยวาไดใ ชหรอื ตงั้ ใจจะใชใ นการกระทําความผดิ หรอื เปน สิ่งของ
ท่ตี อ งยึดหรือรบิ ตามคาํ พิพากษา คําสั่งศาล (ระเบยี บราชการฝายตลุ าการ ขอ ๑๑.๑, ขอบงั คบั ประธานศาลฎกี าฯ
ขอ ๑๕.๑)
๑๔๗
กรณีเปนบุคคล จะตองเปนบุคคลท่ีถูกหนวงเหน่ียวกักขังโดยมิชอบ หรือเปนผูถูก
ออกหมายจับ (ระเบยี บราชการฝายตุลาการ ขอ ๑๑.๒, ขอ บงั คบั ประธานศาลฎีกาฯ ขอ ๑๕.๒)
๕. สาํ หรบั พยานหลกั ฐานทจี่ ะเสนอตอ ศาลเพอ่ื แสดงถงึ เหตอุ นั สมควรทจี่ ะขอออกหมายคน
ไดแก
(๑) ขอมลู จากการสืบสวน เชน บันทึกการสบื สวน บันทกึ ถอยคาํ สายลับ ขอ มลู จาก
แหลง ขาว ขอมลู จากการเฝาสงั เกตการณ เปนตน
(๒) ขอมูลท่ีไดจากการวิเคราะหทางนิติวิทยาศาสตร หรือท่ีไดจากเครื่องมือทาง
วิทยาศาสตรเ ทคโนโลยี เชน เครื่องจับเท็จ เคร่ืองตรวจโลหะ เครอ่ื งตรวจพสิ จู นล ายพมิ พน้วิ มอื
(ระเบียบราชการฝายตลุ าการ ขอ ๑๔, ขอบังคบั ประธานศาลฎีกาฯ ขอ ๑๗)
๑๔๘
๑๔๙
(๔๘ ทว)ิ สาํ หรับศาลใช
หมายคน
ท.ี่ ......................./๒๕..........
ã¹¾ÃлÃÁÒÀäÔ ¸Â¾ÃÐÁËÒ¡ÉμÑ ÃÔÂ
ศาล...................................................................
วันที.่ ..........เดอื น...........................พทุ ธศักราช ๒๕..........
ความอาญา
...................................................................................................ผรู อ ง
หมายถงึ ...........................................................................................................................................
ดว ยศาลเหน็ มเี หตสุ มควรใหค น สถานท/ี่ บา นเลขท.ี่ .........................หมทู .่ี .......................
ตรอก/ซอย.................................ถนน.....................................ตาํ บล/แขวง.......................................
อาํ เภอ/เขต................................................จงั หวดั ...................................ตามแผนทส่ี งั เขปแนบทา ย
๑. เพอื่ พบและยดึ สง่ิ ของ *..................................................................................
๑.๑ ซง่ึ จะเปนพยานหลกั ฐานประกอบการสอบสวน ไตส วนมลู ฟอ งหรือพจิ ารณา
๑.๒ ซงึ่ มไี วเ ปน ความผดิ หรอื ไดม าโดยผดิ กฎหมาย หรอื ไดใ ช หรอื ตงั้ ใจจะใชใ นการกระทาํ ความผดิ
๑.๓ ตามคาํ พพิ ากษาหรือคาํ ส่ังของศาล
๒. เพอ่ื พบ *.......................................................................................................
๒.๑ บุคคลท่ถี กู หนวงเหนย่ี วหรอื กักขังโดยมิชอบดวยกฎหมาย
๒.๒ บคุ คลทถี่ กู ออกหมายจบั ตามหมายจบั เลขท.ี่ .............../..................ลงวนั ท.่ี .......................
...............................ซง่ึ ออกโดย......................................................................................................
จงึ ออกหมายคน นตี้ ามขอ ....................................ให. ...................................................
ตาํ แหนง ....................................................................................มอี าํ นาจคน สถานท/ี่ บา นขา งตน ไดใ น
วนั ท.ี่ ..............เดอื น...................................พ.ศ. ๒๕............. เวลา..................................นาฬก า ถงึ
เวลา..................................นาฬก า ตดิ ตอกนั ไปจนกวา จะเสรจ็ สิ้นการตรวจคน
เมอื่ คน ไดต ามหมายนแี้ ลว ใหส ง ...................................................................................
.......................................................................................................................................................
พรอ มบันทกึ การคนและบญั ชีสงิ่ ของ (ถามี) ไปยัง.............................................................................
เพื่อจดั การตามกฎหมายตอไป
...............................................................ผูพพิ ากษา
(พลกิ )
ËÁÒÂàËμØ : *ใหระบุชือ่ หรอื รูปพรรณบคุ คลหรอื ลกั ษณะส่งิ ของท่ีตอ งการคน