The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by yoyea.lotus, 2022-03-26 04:06:31

คู่มือสอนขับรถ.indd

7.2 การเผชิญสถานการณ์เมื่อรถเกิดเหตุขัดข้อง (รถเสีย)
7
7.2.1 เครื่องยนต์ดับ
หากเครื่องยนต์ดับในขณะขับรถ สิ่งที่ควรท�า มีดังต่อไปนี้
1. เปิดสวิทช์สัญญาณไฟฉุกเฉิน
2. ปลดเกียร์มาอยู่ในต�าแหน่งเกียร์ว่าง

3. ลดความเร็วลง รักษาแนวตรงแล้วหลบเข้าข้างทางอย่างระมัดระวังในท่ท ี ่

ปลอดภัย
4. ลองสตาร์ทเครื่องยนต์ใหม่อีกครั้ง ข้อปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
5. การที่เครื่องยนต์ดับกะทันหัน อาจมีสาเหตุมาจากหัวข้อดังนี้

• น�้ามันหมด หรือระบบจ่ายน�้ามันเกิดขัดข้อง
• ระบบการจุดระเบิดนั้ามันเชื้อเพลิงขัดข้องในกรณีเครื่องยนต์เบนซิน



• ระบบระบายความร้อนของเคร่องยนต์เกิดขัดข้อง ทาให้เคร่องยนต์ร้อนจัด
เกินกว่าที่จะท�างานต่อไปได้

• สายพานท่ขับเคล่อนระหว่างเพลาข้อเหว่ยง และเพลาราวล้น (TIMING BELT) ขาด





• หากท่านท่ไม่สามารถตรวจสอบสาเหต และแก้ไขได้ด้วยตนเอง ให้ติดต่อ
ศูนย์บริการที่ใกล้ที่สุด
7.2.2 ยางแตก

ในกรณีที่ยางแตก สาเหตุของยางแตกมีด้วยกันหลายปัจจัย โดยมากจะเริ่มด้วย



ลมยางของรถในล้อน้นๆ อ่อน เมื่อยางอ่อนจะมีรูปร่างท่ผิดเพ้ยนไป ไม่กลมอย่าง
ที่มันควรจะเป็น โดยเฉพาะเมื่อเจอความร้อนจากแรงเสียดทาน หรือหลุมบนถนน
ข้อสังเกต ถ้ายางด้านหน้าขวาแตก รถก็จะดึงไปทางขวา ยางด้านหน้าซ้ายแตก
รถก็จะดึงไปทางซ้าย ถ้ายางล้อหลังแตก รถก็จะมีอาการพวงมาลัยส่ายไปมา


วิธีปฏิบัติเมื่อยางแตก
1. มือทั้งสองต้องจับอยู่ที่พวงมาลัยอย่างมั่นคง

2. ถอนคันเร่งออก
3. ควบคุมสติให้ดีอย่าตกใจ มองกระจกหลังเพื่อให้ทราบว่ามีรถใดตามมาบ้าง
4. แตะเบรกเบา และถี่ อย่ากดเบรกแรงเป็นอันขาด เพราะจะท�าให้รถหมุน

5. ห้ามเหยียบคลัตช์โดยเด็ดขาด เพราะรถจะไม่เกาะถนน และลอยตัว จะท�าให้
บังคับรถได้ยากย่งข้น อาจเสียหลักเพราะการเหยียบคลัตช์เป็นการตัดแรงบิด


ของเครื่องยนต์ ให้ขาดจากเพลา
6. ห้ามดึงเบรกมืออย่างเด็ดขาด จะท�าให้รถหมุน
7. เมื่อความเร็วรถลดลงพอประมาณแล้ว ให้เปิดไฟเลี้ยวทางซ้าย เข้าข้างทาง

8. เมื่อความเร็วลดลงในระดับที่ควบคุมได้ ให้เปลี่ยนเกียร์ต�่า และหยุดรถ
9. เปิดไฟฉุกเฉิน และท�าการเปลี่ยนยางที่แตก




201

บทที่ 7 ข้อปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน


7.2.3 กระจกหน้ารถแตก
หากกระจกรถแตกในขณะที่คุณขับรถอยู่ ข้อควรปฏิบัติคือ

• ตั้งสติควบคุมรถให้ตรงช่องทาง
• ลดความเร็วในการขับ
• เปิดสัญญาณไฟเลี้ยวซ้าย
• ดูกระจกมองข้างให้แน่ใจว่าทางซ้ายว่าง
• ขับเข้าข้างทาง

• เปิดสัญญาณไฟฉุกเฉิน ให้ผู้ใช้ถนนคันอื่นมองเห็น

เมื่อจอดรถแล้ว ให้สังเกตว่ากระจกแตกเฉพาะจุด หรือแตกละเอียดท้งบาน

ถ้าแตกละเอียดท้งบานจนมองไม่เห็นทาง แสดงว่ากระจกเป็นกระจกชนิด “เท็มเปอร์”




กระจก “เทมเปอร์” (Temper) เมือเกดแตกร้าวเนอกระจกจะแตกเป็นลกษณะ




เม็ดข้าวโพดลามท่วบาน และมองไม่เห็นทาง ควรเลาะเอากระจกท่แตกละเอียดออก

โดยการใช้ผ้า หรือหนังสือพิมพ์รองไว้ท่หน้าคอนโซล แล้วใช้ไม้ดันให้กระจกหลุด
ลงมาที่ผ้าซึ่งรองไว้ แล้วค่อยๆ ขับไปหาศูนย์บริการ หรือร้านเปลี่ยน
ส่วนแบบ “ลามิเนท” (Laminated) ท่แตกเฉพาะจุด และสามารถมองเห็นได้


แม้จะมีรอยแตกตรงจุดๆ น้น เป็นกระจกป้องกันภัยท่พัฒนาข้นมาจากแบบเดิม


และรถยนต์ในปัจจุบันก็ใช้กระจกแบบน โดยมีความพิเศษตรงท่เป็นกระจกสองชั้น











วางซ้อนกน ตรงกลางมแผ่นฟิล์มบางทาหน้าทยดเกาะกระจก ดงนน หากเกดการ


แตกร้าว เนื้อกระจกจะแตกเฉพาะจุด
ลักษณะการแตกของกระจกแบบเท็มเปอร์ ลักษณะการแตกของกระจกแบบลามิเนท


























202

7.2.4 ความร้อนเกิน (หม้อนำา)



ทาอย่างไรเมื่อเคร่องร้อนจัด (Over Heat) ในขณะขับข ่ ี 7
โดยปกติอุณหภูมิของเคร่องยนต์หรืออุณหภูมิของ


นาหล่อเย็น จะอยู่ท่ประมาณ 85-90 องศาเซลเซียส และ




เข็มวัดอุณหภูมิท่แสดงบนแผงหน้าปัด จะอยู่ท่ระดับ


เข็มวัดอุณหภูมิบนแผงหน้าปัด ไม่เกินคร่งหน่งของมาตรวัด ถ้าเมื่อใดก็ตามเข็มวัด
อุณหภูมิสูงจนถึงตัว H นั่นย่อมแสดงว่าเกิดความผิดปกติในระบบระบายความร้อน
การที่เครื่องยนต์อุณหภูมิสูงผิดปกติ อาจเกิดขึ้นได้หลายสาเหตุดังนี้ ข้อปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน

1. นาหล่อเย็นภายในระบบไม่เพียงพอส�าหรับการระบายความร้อน เช่น เกิดการ

รั่วในระบบ หล่อเย็น
2. ปั๊มน�้าช�ารุด หรือสายพานขับปั๊มน�้าขาด
3. วาล์วน�้าไม่เปิดตามอุณหภูมิที่ก�าหนด
4. พัดลมระบายความร้อนไม่ท�างาน หรือท�างานผิดปกติ
5. รังผึ้งหม้อน�้ามีเศษผงฝุ่นอุดตันตามครีบระบายความร้อน



เมื่อพบว่าเครื่องยนต์ร้อนจัด ให้ปฏิบัติดังนี้
1. น�ารถเข้าจอดข้างทาง แล้วดับเครื่องยนต์



2. อย่าเปิดฝาหม้อนาทันท เพราะภายในหม้อนายังร้อนจัด และมีแรงดันสูง



นาอาจจะพุ่งข้นมา และเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ ควรสวมถุงมือหรือใช้


ผ้าหนาๆ ในระหว่างเปิดฝาหม้อน�้า
3. ให้รอจนอุณหภูมิเครื่องยนต์ลดลง แล้วจึงเปิดฝาหม้อน�้า
4. ให้ค่อยๆ เติมน�้าอย่างช้าๆ แล้วติดเครื่องด้วยรอบเดินเบา
5. เมื่อเติมน�้าเต็มระบบแล้ว ทิ้งสักพักหนึ่ง แล้วดูสิ่งผิดปกติ
6. ถ้าไม่มีสิ่งผิดปกติ ก็น�ารถไปเข้าศูนย์บริการ เพื่อตรวจเช็กอย่างละเอียด
































203

บทที่ 7 ข้อปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน


7.2.5 ไฟไหม้เครื่องยนต์

























เมื่อผู้ขับขี่ต้องเผชิญกับเหตุการณ์ไฟไหม้รถ สิ่งที่ควรปฏิบัติดังต่อไปนี้









เมือคณสงสยว่ารถของคณอาจจะมีเหตุเพลงไหม้ ในกรณท่ต้นเพลงมาจาก
เครื่องยนต์ ซึ่งเป็นสาเหตุส่วนใหญ่ และมักจะเกิดพร้อมกับอาการเคร่องยนต์ดับ

ท�าให้รถยนต์อยู่ในสภาพที่ไม่สามารถควบคุมได้
วิธีปฏิบัติ
1. ปลดเกียร์ว่าง หรือเข้าต�าแหน่ง N และเปิดไฟฉุกเฉินเพื่อเข้าข้างทาง
2. ดับเครื่องยนต์

3. หยิบถังดับเพลิง และฉีดดับไฟ โดยให้ฉีดพ่นผ่านช่วงแง้มของฝากระโปรงให้ท่วๆ
(ห้ามเปิดฝากระโปรงในทันทีโดยเด็ดขาด เพราะการเปิดฝากระโปรงเป็นการ
เติมออกซิเจนให้เชื้อไฟ)
4. เมื่อไฟเริ่มเบา หรือใกล้สงบ ค่อยเปิดฝากระโปรงขึ้น

5. ถอดข้วแบตเตอรี หากเราสามารถถอดข้วแบตออกได้ ก็จะเป็นการช่วยให้



ไม่เกิดเปลวไฟข้นอีก เพราะโดยมากไฟท่ไหม้รถยนต์ สาเหตุหน่งก็มักเกิดจาก


ระบบไฟฟ้า
สิ่งที่ควรมีติดรถกันไว้ คือ ถังดับเพลิงขนาดเล็กหาซื้อได้ทั่วไป ส�าหรับรถติดแก๊ส
สมควรมีติดไว้ เพราะมีโอกาสเกิดไฟไหม้ได้มากกว่ารถใช้น�้ามัน






















204

7.3 เมื่อพบเห็นผู้อื่นบาดเจ็บ
7


กรณีท่ขับรถอยู่บนถนน แล้วพบอุบัติเหตุ หรือเม่อเราเกิดอุบัติเหตุขึ้น
ควรจะปฏิบัติดังนี้
1. ประเมินสถานการณ์ และความรุนแรงของอุบัติเหตุท่เกิดข้น พิจารณาว่า มีผู้บาดเจ็บ


และเสียชีวิตกี่คน มีรถยนต์ในเหตุการณ์กี่คัน รวมถึงระบุสถานที่ ที่เกิดอุบัติเหตุ
2. ต้องแน่ใจว่าคุณปลอดภัย หากคุณต้องการเตือนรถคันอื่นๆ คุณควรส่งสัญญาณ

โดยยืนอยู่บริเวณทางเท้าเท่านั้น อาจใช้ไฟกะพริบหรือสัญญาณไฟฉุกเฉิน

3. หากคุณประสบอุบัติเหตุขณะท่อยู่ในรถ ควรจอดรถโดยดับเครื่องยนต์ทุกคร้ง ข้อปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน

ก่อนที่จะลงจากรถไปช่วยผู้อื่น ควรพิจารณาถึงความปลอดภัย รวมทั้งตรวจสอบ
ดูว่ามีน�้ามัน หรือสารเคมีรั่วซึม หรือมีเศษแก้วหรือไม่

4. ติดต่อขอความช่วยเหลือไปยังหมายเลขโทรศัพท์ของศูนย์กู้ชีพหรือหมายเลข
ฉุกเฉินต่างๆ 1669 191 หรือ 911
5. ระหว่างรอเจ้าหน้าท่ให้การปฐมพยาบาลผู้บาดเจ็บ ให้กาลังใจผู้ป่วย ไม่ให้ผู้ป่วย


รับประทานอาหาร หรือดื่มน�้า เพื่อให้ไม่เป็นอุปสรรคต่อการปฐมพยาบาล



7.4 การให้ความร่วมมือรถฉุกเฉิน






การให้ความร่วมมือ หรอให้ทางกบรถฉกเฉน เป็นสงทประชาชนทวไป




ควรตระหนัก และให้ความร่วมมือเปิดทาง ในกรณีรถพยาบาลฉุกเฉินจ�าเป็นต้อง


ขอทางด้วยสัญญาณไฟ และไซเรน เพ่อนาส่งผู้ป่วยให้ได้รับการรักษาอย่างทัน



ท่วงท ควรรีบหลีกทางให้กับรถพยาบาลคันดังกล่าว เสมือนหน่งมีพ่น้องพ่อแม่เรา


ป่วยฉุกเฉนต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน และเป็นการป้องกนการ
เกิดอุบัติเหตุกับรถพยาบาลเหล่านั้นด้วย
ซึ่งนอกจากจะช่วยให้รถฉุกเฉินสามารถเดินทางไปรับหรือนาส่งผู้ป่วยฉุกเฉิน

ไปยังโรงพยาบาลได้ด้วยความรวดเร็วโดยสวัสดิภาพแล้ว ยังเป็นการปฏิบัติตาม
พ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 76 ท่ได้กาหนดไว้ว่า เมื่อผู้ขับข่เห็น



รถดับเพลิงหรือรถพยาบาลในขณะปฏบัติหน้าท่ใช้ไฟสัญญาณแสงวับวาบ ให้ผู้ขับข ่ ี





หยุดรถ หรือจอดรถชิดขอบทางด้านซ้ายโดยเร็วท่สุดเท่าท่จะกระทาได้ และต้องใช้

ความระมัดระวังตามควรแก่กรณ ท้งน หากผู้ใดฝ่าฝืนถือเป็นความผิดต้องระวาง



โทษตามกฎหมาย





205

บทที่ 7 ข้อปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน


7.5 การปฏิบัติเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
หน้าที่ของประชาชนผู้ใช้ถนนตามกฎหมายระบุไว้ว่า

มาตรา 78


ผู้ใดขับรถหรือข หรือควบคุมสัตว์ในทาง ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคล


หรือทรัพย์สินของผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นความผิดของผู้ขับข่หรือผู้ข หรือควบคุมสัตว์


หรือไม่ก็ตาม ต้องหยุดรถ หรือสัตว์ และให้ความช่วยเหลือตามสมควร และพร้อมท้ง

แสดงตัว และแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าท่ท่ใกล้เคียงทันท กับต้องแจ้งชื่อตัว


ชื่อสกุล ที่อยู่ของตน และหมายเลขทะเบียนรถแก่ผู้ได้รับความเสียหายด้วย
ในกรณีที่ผู้ขับขี่ หรือผู้ขี่ หรือควบคุมสัตว์หลบหนีไป หรือไม่แสดงตัวต่อพนักงาน
เจ้าหน้าท ณ สถานทเกดเหต ให้สนนษฐานวาเป็นผกระทาความผด และให้พนักงาน



















เจ้าหน้าท่มีอานาจยึดรถคันท่ผู้ขับข่หลบหน หรือไม่แสดงตนว่าเป็นผู้ขับข จนกว่า

คดีถึงท่สุด หรือได้ตัวผู้ขับข ถ้าเจ้าของหรือผู้ครอบครองไม่แสดงตัวต่อพนักงาน



เจ้าหน้าที่ภายในหกเดือน นับแต่วันเกิดเหตุ ให้ถือว่ารถนั้นเป็นทรัพย์สินซึ่งได้ใช้ใน
การกระท�าความผิด หรือเกี่ยวกับการกระท�าความผิด และให้ตกเป็นของรัฐ
มาตรา 160

ผู้ใดไม่ปฏิบัติตาม มาตรา 78 ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับ
ตั้งแต่สองพันบาทถึงหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจ�าทั้งปรับ

ถ้าการไม่ปฏิบัติตาม มาตรา 78 เป็นเหตุให้บุคคลอ่นได้รับอันตรายสาหัส
หรือตาย ผู้ไม่ปฏิบัติตามต้องระวางโทษจ�าคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับตั้งแต่ห้าพัน
บาทถึงสองหมื่นบาท หรือทั้งจ�าทั้งปรับ


“ข้นตอนการปฎิบัติเมื่อพบอุบัติเหต เมื่อต้องจอดรถกรณีฉุกเฉิน ให้เปิดไฟฉุกเฉิน
เคลื่อนรถไปจอดบริเวณไหล่ทาง”























206


7.6 การปฐมพยาบาลเบื้องตนสาหรับผูบาดเจ็บในอุบัติเหตุจราจร


กรณีมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ หรือพบผู้บาดเจ็บ มีขั้นตอน 7
ดังนี้
1. ตั้งสติ ตรวจดูสภาพสิ่งแวดล้อมในที่เกิดเหตุว่าปลอดภัยหรือไม่




• ห้ามเข้าไปช่วยเหลือใดๆ เช่น รถสารเคมีพลิกควา รถแก๊สท่เพลิงกาลังลุกไหม้
เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุซ�้าซ้อน

• หากผู้บาดเจ็บอยู่ในบริเวณท่มีอันตราย ต้องเคล่อนย้ายผู้บาดเจ็บออกมาก่อน





ู้







และนาส่งของไปขวางกนช่องทางจราจรทเกดอุบัติเหต เพอให้ผู้อ่นรว่ามีอุบัติเหต ุ ข้อปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
เกิดขึ้น และยังป้องกันการบาดเจ็บซ�้าซ้อน
2. โทรแจ้งหน่วยปฎิบัติการการแพทย์ฉุกเฉิน สายด่วนหมายเลข 1699 เพ่อขอ

ความช่วยเหลือทางการแพทย์ โดยให้ข้อมูลโดยย่อดังนี้
• เป็นเหตุการณ์อะไร สถานที่เกิดอุบัติเหตุ เส้นทางที่สะดวกในการเดินทางมาจุด
เกิดอุบัติเหตุ จ�านวนผู้บาดเจ็บกี่คน เพศ อายุ โดยประมาณ
• รายงานความรู้สึกตัวของผู้ป่วย ดังนี้
ก. รู้สึกตัวดี คือ พูดจาโต้ตอบกับเราได้ดี
ข. รู้สึกตัวบ้าง คือ พูดจาโต้ตอบกับเราไม่ค่อยรู้เร่อง สับสน ตอบสนองเวลาเขย่าตัว

ค. ไม่รู้สึกตัวเลย คือ ไม่พูดจาโต้ตอบ แม้จะเขย่าตัว
• รายงานสภาพผู้บาดเจ็บคร่าวๆ เก่ยวกับ ลักษณะการบาดเจ็บ บริเวณท ่ ี


เกิดบาดแผล เพ่อหน่วยปฎิบัติการการแพทย์ฉุกเฉินจะได้นาข้อมูลไปใช้ในการ

สั่งการหน่วยปฏิบัติการช่วยเหลือในพื้นที่ได้อย่างเหมาะสม
• ชื่อผู้แจ้ง เบอร์โทรศัพท์ท่สามารถติดต่อได้สะดวก เพ่อการสอบถามข้อมูล


ผู้บาดเจ็บ ณ จุดเกิดเหตุ
• ช่วยเหลือตามคาแนะนาก่อนชุดกู้ชีพจะมาถึง โดยเน้นหลักปลอดภัยไว้ก่อน โดย




ก่อนเข้าไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ เช่น ควรสวมถุงมือยาง เส้อคลุม แว่นตา เพ่อ
ป้องกันการสัมผัสสารคัดหลั่ง
• คัดแยกผู้ป่วยเพื่อด�าเนินการต่อไป
• ปฐมพยาบาล และช่วยเหลือขั้นต้นตามขั้นตอนและอาการบาดเจ็บ
• น�าผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด โดยหน่วยกู้ชีพ

การช่วยเหลือท่ถูกต้องและรวดเร็วจะช่วยลดอัตราการเสียชีวิต ความพิการของ
ผู้บาดเจ็บได้



















207

บทที่ 7 ข้อปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน


7.7 การเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บ ณ จุดเกิดอุบัติเหตุ




เมือเกดอบตเหต และมีผู้บาดเจ็บไม่ควรเคลอนย้ายผู้บาดเจ็บทนท ควรจะ






พิจารณาก่อนว่าจะเคลื่อนย้ายอย่างไร และไม่เพ่มความรุนแรงของการบาดเจ็บให้

มากข้น แต่ในบางสถานการณ์ เช่น อยู่กลางถนนเส่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุซ�าซ้อน



จึงต้องรีบเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บให้อยู่ในที่ปลอดภัยระหว่างรอทีมกู้ชีพ


การเคล่อนย้ายผู้บาดเจ็บไม่ถูกวิธีจะทาให้เกิดการบาดเจ็บรุนแรงเพ่มข้นได้


โดยเฉพาะอย่างย่งการบาดเจ็บบริเวณหลังและคอ ดงน้น การเคล่อนย้ายผู้บาด





เจ็บท่ถูกวิธ จึงจะช่วยให้ผู้บาดเจ็บรอดปลอดภัย ลดความพิการ หรืออันตราย

ที่จะเกิดขึ้นภายหลังได้
7.7.1 หลักการเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บ
1. ต้องทราบว่าผู้บาดเจ็บได้รับบาดเจ็บบริเวณไหน
2. ต้องให้การปฐมพยาบาลก่อนการเคลื่อนย้าย
3. ต้องพิจารณาการเคลื่อนย้ายที่เหมาะสม
4. ต้องเคลื่อนย้ายอย่างถูกวิธี
5. ต้องเคลื่อนย้านไปที่ที่ปลอดภัยใกล้ๆ เพื่อรอทีมกู้ชีพ
7.7.2 ข้อควรระวังในการเคลื่อนย้าย
1. อย่าเคลื่อนย้ายในขณะที่ผู้บาดเจ็บหายใจไม่ปกติ
2. อย่าเคลื่อนย้ายในขณะมีเลือดออก
3. ขณะเคลื่อนย้ายต้องสังเกตอาการผิดปกติอย่างใกล้ชิด


7.7.3 ท่านอนของผู้บาดเจ็บเพื่อรอการเคลื่อนย้าย


1. รายท่มีอาการช็อค ให้หนุนบริเวณไหล่ให้หัวตา ยกขาให้สูงกว่าล�าตัว เพ่อให้


เลือดไปเลี้ยงหัวใจ
2. รายที่หมดสติแต่หายใจได้เอง หรือบาดเจ็บบริเวณใบหน้า มีเลือดออกในปาก


ให้จับผู้บาดเจ็บนอนตะแคง เอียงใบหน้า เพ่อป้องกันไม่ให้ล้นตกปิดทางเดินหายใจ
และให้เลือด หรือเสมหะไหลออกจากปาก เพื่อป้องกันการส�าลัก

7.7.4 วิธีการพลิกตะแคงตัวผู้บาดเจ็บ
1. ยกสะโพกผู้บาดเจ็บ สอดแขนไว้ใต้สะโพก
2. จับแขนและเข่าด้านตรงข้าม ดึงให้พลิกตัว
3. จับแขนและเข่า ยันกับพื้น และยกคางขึ้น
















208

7.7.5 การเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บโดยผู้ช่วยเหลือคนเดียว
7
วิธีที่ 1
วิธีพยุงเดิน เหมาะส�าหรับผู้ป่วยที่รู้สึกตัวดี แต่แขน
หรือขาข้างใดข้างหนึ่งเจ็บ (เฉพาะส่วนล่าง)

วิธีเคลื่อนย้าย
ผู้ช่วยเหลือยืนเคียงข้าง หันหน้าไปทางเดียวกัน
กับผู้บาดเจ็บ แขนข้างหน่งของผู้บาดเจ็บพาดคอ


ผู้ช่วยเหลือจับมือผู้บาดเจ็บไว้ ส่วนแขนอีกข้างหน่งของ ข้อปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
ผู้ช่วยเหลือโอบเอวผู้บาดเจ็บ และพยุงเดิน


วิธีที่ 2
วิธีการอุ้ม ใช้กับผู้บาดเจ็บท่มีนาหนักตัวน้อย หรือ



ในเด็กซึ่งไม่มีบาดแผลรุนแรง หรือกระดูกหัก โดยการ
ช้อนใต้เข่าและประคองด้านหลัง หรืออุ้มทาบหลังก็ได้








วิธีที่ 3
วิธีการลาก เหมาะท่จะใช้ในกรณีฉุกเฉิน เช่น



เกดไฟไหม้ ถงแก๊สระเบด จ�าเป็นต้องเคลอนย้าย



ออกจากท่เกิดเหตุให้เร็วท่สุด ผู้ช่วยเหลืออาจจะลาก


โดยใช้มือสอดใต้รักแร้ผู้บาดเจ็บลากถอยหลัง หรือ

จับข้อเท้าลากถอยหลัง หรือการจับคอเส้อลากดึงก็ได้
ไม่ควรลากไปด้านข้างของผู้บาดเจ็บ ต้องระวังไม่ให้

ส่วนของร่างกายโค้งงอ โดยเฉพาะส่วนของคอ และลาตัว
การลากจะลดอันตรายลงถ้าใช้ผ้าห่ม หรือเส่อ หรือแผ่น

กระดานรองล�าตัวผู้บาดเจ็บ






















209

บทที่ 7 ข้อปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน


7.7.6 การเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บโดยผู้ช่วยเหลือสองคน

วิธีที่ 1 การอุ้มและยก



เหมาะสาหรับผู้บาดเจ็บท่ไม่รู้สึกตัว แต่ไม่ควรใช้ในรายท่มี
การบาดเจ็บของล�าตัว หรือกระดูกหัก



















วิธีท่ 2 น่งบนมือท้งส่ท่จับประสานกันเป็นแคร่หรือยกโดยใช้เก้าอ ี ้





เหมาะสาหรับผู้บาดเจ็บในรายท่ขาเจ็บแต่รู้สึกตัวด และสามารถ
ใช้แขนทั้งสองข้างได้


วิธีเคลื่อนย้าย ผู้ช่วยเหลือท้งสองคนใช้มือขวากาข้อมือซ้าย

ของตนเอง ขณะเดียวกันก็ใช้มือซ้ายกามือขวาซึ่งกันและกัน ให้ผู้

บาดเจ็บใช้แขนท้งสองยันตัวข้นน่งบนมือท้งส่ท่จับประสานกันเป็นแคร่







แขนท้งสองของผู้บาดเจ็บโอบคอผู้ช่วยเหลือ จากน้นวางผู้บาดเจ็บ


บนเข่าเป็นจังหวะท่หน่ง และอุ้มยืนเป็นจังหวะท่สอง แล้วจึงเดิน

ไปพร้อมกัน
วิธีที่ 3 การพยุงเดิน
ใช้ในผู้บาดเจ็บท่ไม่มีบาดแผลรุนแรง หรือกระดูกหักและผู้บาด

เจ็บยังรู้สึกตัวดี























210

7.7.7 การเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บโดยผู้ช่วยเหลือสามคน
7
วิธีที่ 1

วิธีอุ้มสามคนเรียง เหมาะสาหรับผู้บาดเจ็บท ่ ี




ไม่รู้สึกตว หรอผ้บาดเจ็บทมีอาการปวดหลง การ


เคลื่อนย้ายต้องระมัดระวัง เพราะอาจทาให้กระดูกท ี ่

หัก เคลื่อนไปกดเส้นประสาท หรือไขสันหลัง ท�าให้เป็น
อัมพาต
วิธีเคลื่อนย้าย ข้อปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
ผู้ช่วยเหลือท้งสามคนคุกเข่าเรียงกันในท่าคุกเข่าข้าง

เดียว ทุกคนสอดมือเข้าใต้ตัวผู้บาดเจ็บ และอุ้มพยุงไว้
ตามส่วนต่างๆ ของร่างกายดังนี้
คนที่ 1


สอดมือท้งสองเข้าใต้ตัวผู้บาดเจ็บบริเวณคอและ
หลังส่วนบน
คนที่ 2
สอดมือท้งสองเข้าใต้ตัวผู้บาดเจ็บบริเวณหลัง

ส่วนล่างและก้น
คนที่ 3
สอดมือทั้งสองเข้าใต้ขา
ผู้ช่วยเหลือคนที่อ่อนแอที่สุดควรเป็นคนที่ 3 เพราะ


รับนาหนักน้อยท่สุด เมื่อจะยกผู้บาดเจ็บ ผู้ช่วยเหลือ


ท้งสามคน จะต้องทางานพร้อมๆ กัน โดยให้คนใด


คนหนึ่งเป็นผู้ออกค�าสั่ง ขั้นแรก ยกผู้บาดเจ็บพร้อมกัน
และวางบนเข่า จากท่านี้เหมาะส�าหรับจะยกผู้บาดเจ็บ


ข้นวางบนเปลฉุกเฉินหรือบนเตียง แต่ถ้าจะอุ้มเคล่อนท ี ่

ผู้ช่วยเหลือท้งสามคน จะต้องประคองตัวผู้บาดเจ็บ
ในท่านอนตะแคงและอุ้มยน เมือจะเดนจะก้าวเดนไป




ทางด้านข้างพร้อมๆ กัน และหากจะวางผู้บาดเจ็บให้
ท�าเหมือนเดิมทุกประการ คือ คุกเข่าลงก่อนและค่อยๆ
วางผู้บาดเจ็บลง

















211

บทที่ 7 ข้อปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน


7.7.8 การเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บโดยผู้ช่วยเหลือสามคน
วิธีที่ 2 การใช้คน 3 คน วิธีน้ใช้ในรายท่ผู้บาดเจ็บนอนหงาย


หรือนอนควาก็ได้ ให้คางของผู้บาดเจ็บยกสูงเพ่อเปิดทาง



เดินหายใจ
1. ผู้ช่วยเหลือ 2 คนคุกเข่าข้างลาตัวผู้บาดเจ็บข้างหน่ง


อีกข้างหนึ่งผู้ช่วยเหลืออีก 1 คน คุกเข่าข้างล�าตัวผู้บาดเจ็บ

2. ผู้ช่วยเหลือคนท 1 ประคองท่ศีรษะและไหล่ผู้บาดเจ็บ


มืออีกข้างหนึ่งรองส่วนหลังผู้บาดเจ็บ


3. ผู้ช่วยเหลือคนท 2 อยู่ตรงข้ามคนท 1 ใช้แขนข้างหน่งรองหลัง



ผู้บาดเจ็บ เอามือไปจับมือคนท 1 อีกมือหน่งรองใต้สะโพก



ผู้บาดเจ็บ
4. ผู้ช่วยเหลือคนที่ 3 มือหนึ่งอยู่ใต้ต้นขาเหนือมือคนที่ 2 ที่รอง
ใต้สะโพก แล้วเอามือไปจับกับมือคนที่ 2 ที่รองใต้สะโพกนั้น
ส่วนมืออีกข้างหนึ่งรองที่ขาใต้เข่า


5. มือผู้ช่วยเหลือคนท 1 และผู้ช่วยเหลือคนท 2 ควรจับกัน




อยู่ระหว่างก่งกลางลาตัวส่วนบนของผู้บาดเจ็บ ผู้ช่วยเหลือ
จะต้องให้สัญญาณลุกขึ้นยืนพร้อมๆ กัน









7.7.9 การเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บโดยใช้ผ้าห่ม

ในกรณีที่ไม่มีเปลหาม แต่ไม่เหมาะกับผู้บาดเจ็บที่ได้รับบาดเจ็บบริเวณหลัง
วิธีเคลื่อนย้าย พับผ้าห่มตามยาวทบกันเป็นชั้นๆ 2-3 ทบ โดยวิธีการพับผ้าห่มพับเช่นเดียวกับการ
พับกระดาษทาพัด วางผ้าห่มขนาบชิดตัวผู้บาดเจ็บทางด้านข้าง ผู้ช่วยเหลือคุกเข่าลงข้างตัวผู้บาดเจ็บอีกข้างหน่ง


จับผู้บาดเจ็บตะแคงตัวเพอให้นอนบนผ้าห่ม แล้วดงชายผ้าห่มทงสองข้างออก เสร็จแล้วจึงม้วนเข้าหากน






จากน้นช่วยกันยกตัวผู้บาดเจ็บข้น ผู้ช่วยเหลือคนหน่งต้องประคองศีรษะผู้บาดเจ็บ โดยเฉพาะผู้บาดเจ็บท ่ ี



สงสัยว่าได้รับบาดเจ็บที่คอหรือหลัง











212

7.7.10 การเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บโดยใช้เปล
อาจทาได้ง่ายโดยการดัดแปลงวัสด การใช้เปลหามจะสะดวกมาก แต่ยุ่งยากบ้าง 7


ในขณะที่จะอุ้มผู้บาดเจ็บวางบนเปล หรืออุ้มออกจากเปล
วิธีการเคลื่อนย้าย เริ่มต้นด้วยการอุ้มผู้บาดเจ็บนอนราบบนเปล จากนั้นควรให้


ผู้ช่วยเหลือคนหน่งเป็นคนออกคาสั่งให้ยกและหามเดิน เพ่อความพร้อมเพรียง

และนุ่มนวล ถ้ามีผู้ช่วยเหลือสองคน คนหน่งหามทางด้านศีรษะ อีกคนหาม

ทางด้านปลายเท้า และหันหน้าไปทางเดียวกัน ซึ่งหมายความว่าผู้ช่วยเหลือท ่ ี
หามทางด้านปลายเท้าจะเดินน�าหน้า หากมีผู้ช่วยเหลือ 4 คน ช่วยหาม อีก 2 คน ข้อปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
จะช่วยหามทางด้านข้างของเปล และหันหน้าเดินไปทางเดียวกัน































วัสดุที่สามารถน�ามาดัดแปลงท�าเปลหาม
1. บานประตูไม้
2 ผ้าห่มและไม้ยาวสองอัน วิธีท�าเปลผ้าห่ม ปูผ้าห่มลงบนพื้น ใช้ไม้ยาวสองอัน
ยาวประมาณ 2.20 เมตร
• อันที่ 1 สอดในผ้าห่มที่ได้พับไว้แล้ว




• อนท 2 วางบนผ้าห่ม โดยให้ห่างจากอันท 1 ประมาณ 60 เซนติเมตร จากน้น



พับชายผ้าห่มทับไม้อันที่ 2 และอันที่ 1 ตามล�าดับ


3. เส้อและไม้ยาว 2 อัน นาเส้อท่มีขนาดใหญ่พอๆ กันมาสามตัว ติดกระดุม








ใหเรยบรอย ถาไมแนใจวากระดมจะแนนพอใหใชเขมกลัดซอนปลายชวยดวย









แล้วสอดไม้สองอันเข้าไปในแขนเสื้อ
213

บทที่ 7 ข้อปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน


7.8 การปฏิบัติเมื่อเกิดอุบัติเหตุกรณีเหตุพิเศษ เช่น รถบรรทุกแก๊ส รถบรรทุกสารเคมี เป็นต้น

ในกรณีเกิดอุบัติเหตุกับรถบรรทุกสินค้าให้ระลึกเสมอว่า เราไม่รู้ว่ารถคันน้นบรรทุกอะไรมากับรถ ซึ่งมีอันตราย

หรือไม่ จะมีอันตรายอย่างไร สามารถเกิดความรุนแรงได้ขนาดไหน เช่น ไฟไหม้ เป็นสารพิษรั่วไหล ปนเปื้อน หรือ
การระเบิด ต้องมีการประเมินและวิเคราะห์สถานการณ์


7.8.1 การสังเกตฉลาก
เครื่องหมายสากลที่ติดบนภาชนะบรรจุ ถังเหล็ก แท็งก์ หรือป้ายที่ติดบนรถยนต์
หรือรถบรรทุก ดังนี้




วัตถุระเบิด


ระเบิดได้เม่อถูกกระแทก มีการเสียดส หรือโดนความร้อน
เช่น ทีเอ็นที ดินปืน พลุไฟ ดอกไม้ไฟ







ก๊าซไวไฟ
ติดไฟง่ายเมื่อถูกประกายไฟ
เช่น ก๊าซหุงต้ม ก๊าซไฮโดรเจน ก๊าซมีเทน ก๊าซอะเซทีลีน





ก๊าซไม่ไวไฟ ไม่เป็นพิษ
อาจเกิดระเบิดได้เมื่อถูกกระแทกอย่างแรง หรือได้รับความ
ร้อนสูงจากภายนอก
เช่น ก๊าซออกซิเจน ก๊าซไนโตรเจนเหลว ก๊าซคาร์บอน

ไดออกไซด์




ก๊าซพิษ
อาจเสียชีวิตได้เมื่อได้สูดดม

เช่น ก๊าซคลอรีน ก๊าซแอมโมเนีย ก๊าซไฮโดรเจนคลอไรด์







ของเหลวไวไฟ
ติดไฟง่ายเมื่อถูกประกายไฟ
เช่น น�้ามันเชื้อเพลิง ทินเนอร์ อะซิโตน ไซลีน





214

ของแข็งไวไฟ 7
ลุกติดไฟง่ายเมื่อถูกเสียดสีหรือความร้อนสูง ภายใน 45 วินาท ี
เช่น ผงก�ามะถัน ฟอสฟอรัสแดงไม้ขีดไฟ

ข้อปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน






วัตถุที่ถูกน�้า แล้วท�าให้ก๊าซไวไฟ
เช่น แคลเซียมคาร์ไบด์ โซเดียม








วัตถุที่เกิดการลุกไหม้ได้เอง
ลุกติดไฟได้เมื่อสัมผัสกับอากาศภายใน 5 นาที
เช่น ฟอสฟอรัสขาว ฟอสฟอรัสเหลือง โซเดียมซัลไฟต์






วัตถุออกซิไดส์
ไม่ติดไฟแต่ช่วยให้สารอื่นเกิดการลุกไหม้ได้ดีขึ้น

เช่น ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ โปแตสเซียมคลอเรต
แอมโมเนียมไนเตรท





ออร์แกนนิคเปอร์ออกไซด์
อาจเกิดระเบิดได้เมื่อถูกความร้อน ไวต่อการกระทบ และ
เสียดสีท�าปฎิกริยารุนแรงกับสารอื่นๆ
เช่น อะซิโตนเปิร์ออกไซด์





วัตถุติดเชื้อ
วัตถุที่มีเชื้อโรคปนเปื้อนและท�าให้เกิดโรคได้

เช่น ของเสีย อันตรายจากโรงพยาบาล เข็มฉีดยาที่ใช้แล้ว
เชื้อโรคต่างๆ









215

บทที่ 7 ข้อปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน


วัตถุมีพิษ
อาจทาให้เสียชีวิต หรือบาดเจ็บอย่างรุนแรงจากการกิน

สูดดม หรือจากสัมผัสทางผิวหนัง
เช่น อาร์ซีนิค ไซยาไนด์ ปรอท สารฆ่าแมลง สารปราบศัตรูพืช

โลหะหนักเป็นพิษ




วัตถุกัมมันตรังสี

วัตถุที่สามารถให้รังสีที่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต
เช่น โคบอลต์ เรเดียม





วัตถุกัดกร่อน
สามารถกัดกร่อนผิวหนังและเป็นอันตรายต่อระบบ
ทางเดินหายใจ

เช่น กรดเกลือ กรดกามะถัน โซเดียมไฮดรอกไซด์ แคลเซี่ยม
ไฮโปคลอไรต์





วัตถุอื่นๆ ที่เป็นอันตราย

เช่น ของเสียอันตราย แอสเบสทอสขาว เบนซัลดีไฮด์
ของเสียปนเปื้อน ไดออกซิน





7.8.2 ไม่สัมผัสภาชนะบรรจุสารเคมีที่ชำารุด หรือสารที่รั่วไหล

อย่าพยายามกระท�าในสิ่งที่ไม่รู้จริง เพราะอาจก่อให้เกิดผลเสียหายอย่างรุนแรง
โดยมิได้คาดคิด
สารพิษเข้าสู่ร่างกายได้อย่างไร
1. ทางปาก โดยการรับประทานเข้าไปโดยตรงทั้งโดยตั้งใจ และโดยไม่ตั้งใจ

2. ทางจมูก โดยการสูดดมเอาไอ ผง หรือละอองสารพิษเข้าสู่ร่างกาย
3. ทางผิวหนัง โดยการสัมผัสหรือจับต้องสารพิษ ซึ่งสามารถซึมเข้าสู่ผิวหนังได้
จะมีผลต่อร่างกายอย่างไร เมื่อได้รับได้รับสารพิษเข้าสู่ร่างกาย
•เกิดผดผื่นคัน •ระคายเคือง •ผิวหนังไหม้ อักเสบ

•หน้ามืด วิงเวียน •ขาดอากาศ •อัมพาต
•ผลต่อทารกในครรภ์ •มะเร็ง •เสียชีวิต







216

7.8.3 โทรศัพท์ขอความช่วยเหลือ


จากหน่วยงานท่รับผิดชอบ ได้แก่ กรมควบคุมมลพิษ สานักงานป้องกันจังหวัด 7
หรือเทศบาล เจ้าของพื้นที่เกิดเหตุ เป็นต้น


7.8.4 แจ้งข้อมูล ที่พบในเหตุการณ์
• สถานที่เกิดเหตุ

• ลักษณะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
• มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตหรือไม่ จ�านวนเท่าไหร่ ข้อปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
• ชนิด/ประเภทของสารเคมี

• จ�านวน/ปริมาณของสารเคมีที่หกหรือรั่วไหล
• มีแหล่งน�้า หรือชุมชนอยู่ใกล้เคียงบริเวณที่เกิดเหตุหรือไม่
• ปฎิบัติตามค�าแนะน�า


7.8.5 การช่วยเหลือ ระหว่างรอทีมช่วยเหลือ
• เคลื่อนย้ายผู้ป่วยไปอยู่ในที่อากาศบริสุทธิ์ ด้านเหนือลม หรือที่สูง หรือออกจาก

บริเวณที่เกิดเหตุทันที หากเห็นว่าไม่ปลอดภัย
• ปิดกั้นพื้นที่ห้ามผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าใกล้เด็ดขาด
• ถอดเสื้อที่เปื้อนสารเคมีออก และแยกใส่ถุง หรือภาชนะต่างหาก

• หากสัมผัสสารให้ล้างด้วยน�้ามากๆ อย่างน้อย 15 นาที
• ไปพบแพทย์


7.8.6 ขั้นตอนสำาคัญในการดับไฟที่เกิดจากรถบรรทุกแก๊ส
• อย่าพยายามท�าการดับไฟ หากไม่สามารถดับไฟได้โดยวิธีการปิดวาล์ว

• ให้ท�าการฉีดน�้าลดความร้อนให้กับถังที่อยู่ในเปลวไฟ
• ให้คนขับรถดับเครื่อง และปิดที่มาของเชื้อเพลิง

• หากวาล์วปิดอยู่ในเปลวไฟ ให้ใช้หัวฉีดนาฉีดแบบเป็นฝอยเป็นม่านก้น


ความร้อนให้กับพนักงานดับเพลิงที่จะเข้าไปท�าการปิดวาล์ว
• หากไม่สามารถปิดวาล์วได้ ให้ฉีดน�้า เพื่อลดความร้อนให้กับถังต่อไป



• ใช้เคร่องดับเพลิงชนิดผงเคมีแห้งฉีดไปยังแหล่งอันเป็นท่มาของแก๊สร่ว
เพื่อให้ไฟดับ (ใช้ส�าหรับในกรณีที่เป็นไฟเล็ก)
















• ตองสงเกตเสยงทเกดจากแกสรว ถาหากวามีเสียงดงเพมขนแสดงวา มีแกสรวมากขน






• ให้พยายามสังเกตรูปลักษณะของถังว่ามีการบิด หรือบวมหรือไม่
• ในกรณีท่ถังเกิดระเบิดแล้วถังจะมีรอยฉีกเป็นรูกว้าง ห้ามไม่ให้ฉีดนาเข้าไปในรอย



รั่ว
• ห้ามย้ายถังที่อยู่ในบริเวณไฟ เพราะอาจจะท�าให้แกนวาวล์แตก
217

บันทึก




















































































218

8





บทที่
























กระบวนการควบคุมภายหลังได้รับใบอนุญาตขับรถ (Post Licensing)




































การถือครองใบอนุญาตขับรถ แสดงว่าท่านมีสิทธิในการขับรถบนถนนได้อย่างถูกกฎหมาย แต่ในความเป็นจริง



แล้ว การใช้รถบนถนนได้อย่างปลอดภัย โดยปราศจากอุบัติเหต ท้งกับตนเอง และกับผู้อื่นจึงจะถือว่าเป็นความสาเร็จ
ในการใช้รถใช้ถนน ผู้ใช้รถใช้ถนนในประเทศไทยยังขาดความตระหนักในการมี และใช้ประโยชน์จากการถือครอง
ใบอนุญาตขับรถ มักจะฝ่าฝืนสัญญาณจราจร และกฎหมาย พร้อมทั้งมีความเสี่ยงในการขับขี่รถบนถนนตลอด







เวลา ระบบการควบคมภายหลงมีใบอนญาตขบรถ มีวตถประสงคเพ่อจัดระเบียบ และสรางความตระหนกในเรอง





ความปลอดภัยให้กับผู้ขับข่ท่อยู่ร่วมกันในสังคม


219

8
บทที่ กระบวนการควบคุมภายหลังได้รับใบอนุญาตขับรถ



ยานพาหนะประเภทรถยนต์ และรถจักรยานยนต์เป็นปัจจัยพ้นฐานสาคัญ



อีกประการหน่งท่มีผลกระทบโดยตรงกับการดารงชีวิต จะเห็นได้จากจ�านวน





รถยนต์และรถจักรยานยนต์ท่เพ่มมากข้นในแต่ละปี ซึ่งการใช้รถใช้ถนนมากข้น
เท่าใด โอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนก็มีเพิ่มมากขึ้น เป็นเหตุให้เกิดความเสีย
หายและอันตรายแก่ชีวิตและทรัพย์สิน จากข้อมูลสถิติการเกิดอุบัติเหตุทางถนน
ของประเทศไทยพบว่ามากกว่าร้อยละ 90 ของจ�านวนอุบัติเหต มีสาเหตุเกิดจาก




ผู้ขับรถ การพัฒนาคุณภาพผู้ขับรถจึงมีความสาคัญเป็นอย่างย่ง เพ่อเป็นการควบคุม
และป้องกันมิให้ “คน” มีการกระท�าผิดกฎจราจรกันมากขึ้น ถึงแม้ว่าจะมีกฎจราจร

หรือกฎหมายอ่นๆ มาบังคับใช้นานแล้ว แต่ก็ยังมีอุบัติเหตุท่ทาให้บาดเจ็บเสียชีวิต


จ�านวนมาก


การใบอนุญาตขับรถแต่ละประเภท ต้องเป็นไปตามกฎระเบียบท่เก่ยวข้อง การ
พัฒนาระบบควบคุมภายหลังถือครองใบอนุญาตขับรถจึงเป็นเคร่องมือในการ





ป้องกัน และควบคุม พร้อมท้งคัดแยกผู้ท่พร้อมและไม่พร้อมในการขับข่ได้อีกวิธีหน่ง
สาระส�าคัญตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 161 ในกรณี


ท่ผู้ขับรถผู้ใดได้กระทาความผิดตามพระราชบัญญัติน ให้ผู้บัญชาการตารวจนครบาล



ผู้บัญชาการต�ารวจภูธร ผู้บังคับการต�ารวจจราจร ผู้บังคับการต�ารวจทางหลวง หรือ
ผู้ซึ่งได้รับมอบอ�านาจจากผู้ดารงตาแหน่งดังกล่าวมีอานาจส่งยึดใบอนุญาต





ขับรถของผู้น้นมีกาหนดครั้งละไม่เกินหกสิบวัน โดยผู้ส่งยึดใบอนุญาตขับรถ



อาจบันทึกการยึดและคะแนนไว้ด้านหลังใบอนุญาตขับรถท่ถูกยึด และดาเนิน







การอบรม ทดสอบผู้ขับรถท่กระทาผิดซาต้งแต่สองคร้งภายในหน่งปี รวมท้ง





ส่งพักใช้ใบอนุญาตขับรถท่เสียคะแนนมากของผู้ขับรถน้น มีกาหนดครั้งละไม่เกิน

เก้าสิบวัน การด�าเนินการบันทึกคะแนน อบรม ทดสอบผู้ขับรถที่กระท�าผิดและการ

พักใช้ใบอนุญาตขับรถ ให้เป็นไปตามท่อธิบดีกาหนดโดยประกาศใน




ราชกิจจานุเบกษา ผู้ขับรถซ่งถูกส่งยึดใบอนุญาตขับรถตามวรรคหน่ง หรือถูกสั่ง
พักใช้ใบอนุญาตขับรถตามวรรคสอง มีสิทธิอุทธรณ์ค�าสั่งต่ออธิบดีภายในสิบห้าวัน

นับแต่วันท่ถูกสั่งยึดหรือส่งพักใช้ใบอนุญาตขับรถ ให้อธิบดีวินิจฉัยอุทธรณ์ตาม



วรรคส่ภายในสามสิบวันนับแต่วันท่ได้รับคาอุทธรณ์ ถ้าไม่ได้วินิจฉัยชี้ขาดภายใน

เวลาดังกล่าว ให้ถือว่าอธิบดีวินิจฉัยไม่ให้ยึดใบอนุญาตขับรถ หรือไม่พักใช้
ใบอนุญาตขับรถตามค�าอุทธรณ์ของผู้ขับรถ ค�าวินิจฉัยของอธิบดีให้เป็นที่สุด
โดยการพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับรถเป็นมาตรการทางกฎหมาย

ท่มุ่งคุ้มครองไม่ให้ผู้กระทาความผิดเก่ยวกับการขับรถ กลับมากระทาความผิดซ�า




และก่อให้เกิดความเสียหายอีกครั้ง
220

8.1 บทบัญญัติของกฎหมายที่เกี่ยวกับการพัก
8
หรือเพิกถอนการใช้ใบอนุญาตขับรถ







ในปัจจุบันมีกฎหมายหลายฉบับบัญญตถงมาตรการพกใช้ หรอเพกถอน



ใบอนญาตเกยวกบรถ เช่น พระราชบัญญตจราจรทางบก พ.ศ. 2522 พระราชบัญญต ิ




การขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 พระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 เป็นต้น
1) การพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับรถในกรณีผู้ขับขี่เสพยาเสพติดให้โทษ
หรือวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ตาม มาตรา 157/1 วรรคสอง ผู้ขับขี่ผู้ใดฝ่าฝืน




มาตรา 43 ทว วรรคหน่ง ต้องระวางโทษสูงกว่าท่กาหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วย


ยาเสพติดให้โทษ หรือกฎหมายว่าด้วยวัตถุออกฤทธ์ต่อจิตประสาทอีกหน่งในสาม
และให้ศาลสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับรถของผู้นั้นมีก�าหนดไม่น้อยกว่าหกเดือน หรือ
เพิกถอนใบอนุญาตขับรถ ส่วนมาตรา 157/1 วรรคสาม บัญญัติว่า ถ้าการกระ

ทาความผิดตามวรรคสองเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กาย หรือจิตใจ ผู้กระทา

















ตองระวางโทษจ�าคกตงแตหนงปถงหาป และปรับตงแตสองหมืนบาทถงหนงแสน กระบวนการควบคุมภายหลังได้รับใบอนุญาตขับรถ (Post Licensing)


บาท และให้ศาลส่งพักใช้ใบอนุญาตขับรถของผู้น้นไม่น้อยว่าหน่งปี หรือเพิกถอน



ใบอนุญาตขับรถ ส่วนมาตรา 157/1 วรรคสี่ บัญญัติว่า ถ้าการกระท�าความผิด

ตามวรรคสองเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส ผู้กระทาต้องระวางโทษจาคุก

ตั้งแต่สองปีถึงหกปี และปรับตั้งแต่สี่หมื่นบาทถึงหนึ่งแสนสองหมื่นบาท และให้

ศาลสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับรถของผู้น้นไม่น้อยกว่าสองปี หรือเพิกถอนใบอนุญาต
ขับรถ และมาตรา 157/1 วรรคห้า บัญญัติว่า ถ้าการกระท�าความผิดตามวรรค


สองเป็นเหตให้ผู้อืนถงแก่ความตาย ผู้กระทาต้องระวางโทษจ�าคกต้งแต่สามปี




ถึงสิบปี และปรับต้งแต่หกหมื่นบาทถึงสองแสนบาท และให้ศาลส่งเพิกถอนใบ


อนุญาตขับรถ
2) การพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับรถในกรณความผดฐานแข่งรถในทาง


ตาม พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 134 วรรคหนึ่ง บัญญัติ
ห้ามมิให้ผู้ใดแข่งรถในทาง เว้นแต่จะได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากเจ้าพนักงาน
จราจร และวรรคสองบัญญัติห้ามมิให้ผู้ใดจัด สนับสนุนหรือส่งเสริมให้มีการ
แข่งรถในทาง เว้นแต่จะได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากเจ้าพนักงานจราจร ในกรณ ี



ท่มีการฝ่าฝืนบทบัญญัติดังกล่าวมาตรา 160 ทว กาหนดว่า ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 134


ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับต้งแต่สองพันบาทถึงหน่งหมื่นบาท

หรือทั้งจ�าทั้งปรับ และให้ศาลสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับรถของผู้นั้นมีก�าหนดไม่น้อย
กว่าหนึ่งเดือน หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับรถ
221

บทที่ 8 กระบวนการควบคุมภายหลังได้รับใบอนุญาตขับรถ (Post Licensing)

3) การพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับรถในกรณีผู้ขับขี่รถในขณะเมา
สุรา หรือของเมาอย่างอ่น กล่าวคือ พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.


2522 มาตรา 43 (2) บัญญัติห้ามมิให้ผู้ขับข่รถ ในขณะเมาสุราหรือของเมา
อย่างอื่น หากฝ่าฝืน บทบัญญัติดังกล่าวมาตรา 160 ตรี วรรคหน่ง บัญญัติ

ว่าผ้ใดฝ่าฝืนมาตรา 43 (2) ต้องระวางโทษจ�าคกไม่เกนหนงปี หรอปรบตงแต่
















ห้าพนบาทถงสองหมืนบาท หรือทงจ�าทงปรบ และให้ศาลสงพกใช้ใบอนญาต






ขับรถของผู้น้นมีกาหนดไม่น้อยกว่าหกเดือน หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับรถ

ส่วนมาตรา 160 ตรี วรรคสอง บัญญัติว่า ถ้าการกระท�าความผิดตามวรรคหนึ่ง


เป็นเหตุให้ผู้อ่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ผู้กระทาต้องระวางโทษจาคุก

ต้งแต่หน่งปีถึงห้าปี และปรับต้งแต่สองหมื่นบาทถึงหน่งแสนบาท และให้ศาล






ส่งพักใช้ใบอนุญาตขับรถของผู้น้นมีกาหนดไม่น้อยกว่าหน่งปี หรือเพิกถอน




ใบอนญาตขบรถ สวนมาตรา 160 ตรี วรรคสาม บญญตวา ถาการกระทาความผิด







ตามวรรคหนึ่งเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส ผู้กระท�าต้องระวางโทษจ�าคุก










ตงแต่สองปีถงหกปี และปรับตงแต่สีหมืนบาทถงหนงแสนสองหมืนบาท และ



ให้ศาลส่งพักใช้ใบอนุญาตขับรถของผู้น้นมีกาหนดไม่น้อยกว่าสองปี หรือเพิกถอน



ใบอนุญาตขับรถ สวนมาตรา 160 ตรี วรรคสี บัญญัติวา ถาการกระท�าความผิด



ตามวรรคหน่งเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ผู้กระทาต้องระวางโทษจาคุกต้งแต่



สามปีถึงสิบปี และปรับต้งแต่หกหมื่นบาทถึงสองแสนบาท และให้ศาลส่ง


เพิกถอนใบอนุญาตขับรถ

4) การพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับรถในกรณีท่ศาลเห็นว่าหากให้ผู้ขับขี ่
ขับรถต่อไปอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินของบุคคลอ่น

กล่าวคือตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 162 วรรคหน่ง ในคด ี













ทผขบขตองคาพพากษาวาได้กระทาความผดตามพระราชบัญญตน หรอกฎหมาย






อันเก่ยวข้องกับรถน้นๆ นอกจากจะได้รับโทษสาหรับการกระทาดังกล่าวแล้ว




ถ้าศาลเห็นว่าหากให้ผู้น้น ขับรถต่อไปอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่บุคคลหรือ



ทรัพย์สินของบุคคลอ่น ให้ศาลมีอ�านาจสั่งเพิกถอนใบอนุญาตขับรถของผู้น้นได้
ส่วนมาตรา 162 วรรคสอง บัญญัติว่า ในกรณีท่ศาลเห็นว่า พฤติกรรมของผู้




กระทาความผิดตามวรรคหน่งยังอยู่ในวิสัยท่จะแก้ไขฟื้นฟูได้ ศาลอาจมีคาส่ง







พักใช้ใบอนญาตขับรถของผู้น้น และให้ผู้นนทางานบริการสังคม หรือทางาน

สาธารณประโยชน์ภายใต้เง่อนไข และระยะเวลาท่ศาลกาหนด โดยอยู่ในความ



ดูแลของพนักงานคุมประพฤต เจ้าหน้าท่รัฐ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรซึ่งมี


วัตถุประสงค์เพ่อการบริการสังคม การกุศลสาธารณะ หรือสาธารณะประโยชน์

ทยนยอมรับดแลด้วยกได้ และถ้าความปรากฏในภายหลังว่าผ้กระทาผด








ดังกล่าว ไม่ปฏิบัติตามค�าสั่งหรือเงื่อนไขที่ก�าหนดไว้ ให้ศาลมีอ�านาจสั่งเพิกถอน

ใบอนุญาตขับรถของผู้น้นตามวรรคหน่ง และมาตรา 162 วรรคสาม บัญญัติไว้ว่า




ผู้ใดขับข่รถในระหว่างท่ถูกเพิกถอนใบอนุญาตขับรถตามคาสั่งของศาล ต้องระวาง
โทษจ�าคุกไม่เกินสองปี และปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท
222

8.2 กระบวนการบันทึกคะแนนในการกระทำาผิดกฎหมาย




การบันทึกคะแนน และการทาผิดของส�านักงานตารวจแห่งชาต ซึ่งมี 20 ฐานความผิด 27 ข้อหาท่ต้องดาเนินการ 8

จะมีการหักคะแนนเป็น 4 ระดับ ต้งแต่ 10-40 คะแนน ไล่ตามอัตราความรุนแรงในการทาความผิดบนท้องถนน ดังน ี ้


8.2.1 20 ฐานความผิด 27 ข้อหา ที่มีการบันทึกคะแนน
1 ขับรถในลักษณะกีดขวางการจราจร
2 ขับรถบนทางเท้าโดยไม่มีเหตุอันควร

3 ขับรถท่มีความเร็วช้า หรือตากว่าความเร็วของรถคันอื่น โดยไม่ขับใกล้ขอบทางด้านซ้าย



4 ขับรถบรรทุก รถบรรทุกคนโดยสาร รถจักรยานยนต์ ในทิศทางเดินรถ ซึ่งได้แบ่ง


10 คะแนน ช่องเดินรถในทิศทางเดียวกันไว้ต้งแต่สองช่องข้นไป หรือได้จัดช่องเดินรถ
อักษร A ประจ�าทางด้านซ้ายไว้โดยเฉพาะ โดยไม่ขับในช่องเดินรถด้านซ้ายสุดหรือใกล้เคียง
กับช่องเดินรถประจ�าทางแล้วแต่กรณี
5 ขับรถจักรยานยนต์โดยไม่สวมหมวกนิรภัย กระบวนการควบคุมภายหลังได้รับใบอนุญาตขับรถ (Post Licensing)

6 ขับรถยนต์โดยไม่รัดเข็มขัดนิรภัย





7 ขับรถยนต์โดยไม่จัดให้คนโดยสาร ซึ่งน่งท่น่งตอนหน้าแถวเดียวกับท่น่งผู้ขับรถยนต์

รัดเข็มขัดนิรภัย
8 ขับรถแซงด้านซ้ายและไม่มีความปลอดภัย

9 แซงรถในระยะ 30 เมตรก่อนถึงทางข้ามทางร่วมทางแยก วงเวียนหรือเกาะท่สร้างไว้
10 แซงรถเมื่อมีหมอก ฝน ฝุ่น หรือควันจนทาให้ไม่อาจเห็นทางข้างหน้าได้ในระยะ 60 เมตร

11 แซงรถเมื่อขึ้นทางชันขึ้นสะพาน หรือทางโค้ง

12 แซงรถเมื่อเข้าที่คับขันหรือเขตปลอดภัย
20 คะแนน

อักษร B 13 แซงรถในที่มีเครื่องหมายแสดงเขตอันตราย
14 จอดรถในทางเดิน หรือไหล่ทางโดยไม่เปิดไฟ

15 ขับรถแท็กซี่ปฏิเสธไม่รับคนโดยสาร

16 ขับรถแท็กซี่พาคนโดยสารไปทอดทิ้งระหว่างทาง

17 ไม่หยุดรถหลังเส้นให้รถหยุดตามสัญญาณจราจรไฟสีแดง หรือเครื่องหมายจราจร

สีแดงที่มีคาว่า“หยุด”














223

บทที่ 8 กระบวนการควบคุมภายหลังได้รับใบอนุญาตขับรถ (Post Licensing)


8.2.1 20 ฐานความผิด 27 ข้อหา ที่มีการบันทึกคะแนน (ต่อ)
18 ขับรถในลักษณะหย่อนความสามารถในอันที่จะขับ

19 ขับรถประมาท หรือน่าหวาดเสียว


30 คะแนน 20 ขับรถในลักษณะผิดปกติวิสัยของการขับรถตามธรรมดา
อักษร C 21 ขับรถโดยไม่ค�านึงถึงความปลอดภัย หรือความเดือดร้อนของผู้อื่น

22 ขับรถด้วยอัตราความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกาหนด

23 ขับรถฝ่าฝืนทิศทางเดินรถ

24 ขับรถฝ่าฝืนสัญญาณจราจรไฟสีแดง หรือเครื่องหมายจราจรสีแดงที่มีคาว่า “หยุด”

25 ขับรถในขณะเมาสุรา หรือของเมาอย่างอื่น

40 คะแนน 26 ขับรถก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคล หรือทรัพย์สินของผู้อ่น ไม่หยุดรถ และ

อักษร D ให้ความช่วยเหลือตามสมควร ไม่แสดงตัว และไม่แจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าท ่ ี

ที่ใกล้เคียงทันที
27 แข่งรถในทางโดยไม่ได้รับอนุญาต





8.2.2 วิธีบันทึกคะแนน

บันทึกคะแนนไว้ด้านหลังใบอนุญาตขับรถและในเครื่องบันทึกข้อมูล 20 ฐาน
ความผิด 27 ข้อหาซึ่งจะบันทึกเมื่อพนักงานสอบสวนเปรียบเทียบปรับแล้ว หรือคดี

ถึงท่สุดแล้ว โดยบันทึกข้อมูลลงระบบคอมพิวเตอร์ POLIS ของส�านักงานตารวจ



แห่งชาต พร้อมท้งติดสติกเกอร์สีแตกต่างกันไปตามระดับคะแนนลงในช่อง
ด้านหลังใบอนุญาตขับรถของท่าน
1. บันทึกคะแนน ครั้งละ 10 คะแนน ใช้อักษร A 7 ข้อหา
2. บันทึกคะแนน ครั้งละ 20 คะแนน ใช้อักษร B 10 ข้อหา
3. บันทึกคะแนน ครั้งละ 30 คะแนน ใช้อักษร C 6 ข้อหา

4. บันทึกคะแนน ครั้งละ 40 คะแนน ใช้อักษร D 4 ข้อหา

เมื่อท่านทาผิดกฎจราจรใดก็ตามใน 20 ฐานความผิดข้างต้น นอกจากจะต้อง

เสียค่าปรับแล้ว เจ้าพนักงานยังมีสิทธิยึดใบอนุญาตขับรถ ซึ่งมีกาหนดครั้งละ
ไม่เกิน 60 วัน เพื่อด�าเนินการตามมาตรการการบันทึกคะแนน และหากภายใน 1 ปี
ท่านท�าความผิดเดิมซ�้าตั้งแต่ 2 ครั้งขึ้นไป แสดงว่ายังขาดความรู้ความเข้าใจในการ



ใช้รถใช้ถนน ดังน้น ท่านณจาเป็นต้องเข้ารับการอบรม 3 ชั่วโมง เม่ออบรมเสร็จ

ส้นแล้วผู้กระทาผิดกฎหมายจราจรต้องทดสอบความรู้ ความเข้าใจตามแบบ


ทดสอบให้ผ่านเกณฑ์คะแนนมากกว่าร้อยละ 50 แต่หากถ้ายังไม่ผ่านเกณฑ์ ถือว่า
สอบตก ต้องอบรมและสอบใหม่จนผ่าน ไม่ว่าจะกี่รอบก็ตาม




224

8.2.3 การถูกพักใช้ใบอนุญาตขับรถ
เม่อคะแนนในการกระทาความผิดตามกฎจรจาจร รวมกันเกิน 60 คะแนน จะ 8


ถูกพักใช้ใบอนุญาตขับรถ นั่นหมายความว่า จะถูกจ�ากัดสิทธิในการขับรถ หรือห้าม
ขับรถตามระยะเวลาที่ถูกพักใช้ใบอนุญาต ซึ่งสูงสุดครั้งละไม่กิน 90 วัน หรือ 3 เดือน
แต่หากกระท�าความผิดซ�้าในข้อหาเดียวกัน 2 ครั้ง ในระยะเวลา 1 ปี และมีคะแนน

รวมกันเกิน 60 คะแนน ผู้กระทาความผิดจะต้องถูกอบรม ทดสอบ และถูกพัก
ใช้ใบอนุญาตขับรถไปพร้อมกันอีกด้วย ผู้ถูกพักใช้ใบอนุญาตขับรถ ถูกจ�ากัด

สิทธิในการขับรถตามระยะเวลาท่ถูกพักใช้ใบอนุญาตขับรถ ซึ่งในช่วงระยะเวลา

ที่ถูกพักใช้ใบอนุญาตขับรถ จะไม่สามารถขับขี่รถได้
หากขับรถในระหว่างถูกยึดหรือถูกพักใบอนุญาตขับรถ จะมีโทษดังต่อไปนี้

• ผู้ขับขี่รถในระหว่างถูกยึดใบอนุญาตขับรถ มีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท

• ผู้ขับข่รถในระหว่างถูกพักใช้ใบอนุญาตขับรถ มีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือ
จ�าคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือทั้งจ�าทั้งปรับ กระบวนการควบคุมภายหลังได้รับใบอนุญาตขับรถ (Post Licensing)




8.2.4 การอุทธรณ์คำาสั่ง





ผู้ขับข่รถซึ่งถูกยึดหรือถูกส่งพักใบอนุญาตขับรถ มีสิทธิอุทธรณ์คาส่งต่ออธิบด ี
ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่มีค�าสั่ง และให้อธิบดีวินิจฉัยค�าอุทธรณ์ ภายใน 30 วัน
นับแต่วันท่ได้รับคาอุทธรณ์ ถ้าไม่ได้วินิจฉัยชี้ขาดภายในเวลาดังกล่าว ให้ถือว่าอธิบด ี


วินิจฉัย ไม่ให้ยึดหรือพักใบอนุญาตขับรถ ค�าวินิจฉัยของอธิบดีให้เป็นที่สุด





บันทึก
































225

บทที่ 8 กระบวนการควบคุมภายหลังได้รับใบอนุญาตขับรถ (Post Licensing)


8.3 เกณฑ์สำาหรับการพักใช้ใบอนุญาตขับรถ

8.3.1 การพักใช้เนื่องด้วยการเพิ่มขึ้นของแต้มกระทำาผิด/แต้มที่ถูกปรับ


การสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับรถจะส่งพักตามแต้มกระทาผิดของท่าน หากท่าน

มีแต้มกระทาผิด 40 คะแนนข้นไป ใบอนุญาตขับรถของท่านจะถูกพักใช้เป็นเวลา

1 วัน ต่อหนึ่งคะแนน
8.3.2 ขั้นตอนการพักใช้ใบอนุญาตขับรถ
1) การพักใช้ใบอนุญาตขับรถ



หากมีการส่งพักใช้ใบอนญาตขับรถ สามารถขอคนได้ ทงน้ข้นอยู่กบการส้นสุด






ระยะเวลาการพักใช้
2) การแจ้งก่อนล่วงหน้าเกี่ยวกับการพักใช้ใบอนุญาต




เจ้าพนักงานของส�านักงานตารวจท้องท่จะแจ้งผู้ท่เก่ยวข้องให้ทราบเก่ยวกับ



เนอหาของมาตรการทใช้ และวนสินกาหนดการยนแสดงความคดเหนล่วงหน้า









เก่ยวกับการพักใช้ใบอนุญาต โดยจะมีการชี้แจงถึงเหตุผลส�าหรับมาตรการท่ใช้ และ


ระยะเวลาส�าหรับการยื่นอุทธรณ์ทางปกครอง
3) การคืนใบอนุญาตขับรถ
• หากท่านได้รับแต้มกระท�าผิด 40 แต้มขึ้นไปอันเนื่องมาจากการฝ่าฝืนกฎจราจร
ข้อเดียว หรือหลายข้อด้วยกัน ท่านจะได้รับหนังสือแจ้งล่วงหน้าเก่ยวกับการ








พกใช้ใบอนุญาตขับรถ ทงน้ขนอยู่กับการรับหนังสือแจ้งล่วงหน้าดงกล่าว โดย




ท่านสามารถยนคาคัดค้านได้ และหากคาพิพากษาส�าหรับการพกใช้ใบอนุญาต

ขับรถนั้นได้กระท�าแล้ว ท่านจะต้องส่งคืนใบอนุญาตขับรถของท่าน



• เจ้าหน้าท่ตารวจสามารถยึดใบอนุญาตขับรถท่ผู้ใดก็ตามเป็นเจ้าของได้โดยตรง
กรณีที่ผู้นั้นไม่ยอมส่งคืน ใบอนุญาตของตนที่ควรจะต้องส่งคืนให้แก่เจ้าหน้าที่
• หากท่านไม่ยอมส่งคืนใบอนุญาตขับรถของท่านภายใน 7 วัน นับแต่ได้รับหนังสือ
แจ้ง ท่านจะต้องจ่ายค่าปรับ
4) ใบแทนใบอนุญาตขับรถชนิดชั่วคราว

• เมื่อส่งคืนใบอนุญาตขับรถ จะมีการออกใบแทนใบอนุญาตขับรถชนิดช่วคราว
(ระยะเวลาท่มีผลบังคับใช้ตามกฎหมายจะไม่เกิน 40 วัน และสามารถขยายระยะ

เวลาได้อีก 1 ครั้งเป็นเวลาไม่เกิน 20 วัน ขึ้นอยู่กับการอนุญาตของเจ้าพนักงาน







ของสานกงานตารวจท้องท หรือหวหน้าหน่วยงานสอบใบอนญาตขับรถ) ท้งน ้ ี


ขนอย่กบคาร้องขอ และสามารถใช้ใบแทนใบอนุญาตดงกล่าวได้จนกว่าจะ









ส้นสุดระยะเวลาท่มีผลบังคับใช้ตามกฎหมาย เม่อระยะเวลาท่มีผลบังคับใช้
ตามกฎหมายสิ้นสุดลง ระยะการพักใช้ใบอนุญาตจะเริ่มมีผลทันที และจะไม่ได้
รับอนุญาตให้ขับรถ






• หากต้องการให้ระยะเวลาการพกใช้ใบอนุญาตเร่มมีผลทนท สามารถทาให้เร่ม

มีผลทันทีได้ โดยการไม่ย่นคาร้องขอให้ออกใบแทนใบอนุญาตขับรถชนิดชั่วคราว

ซึ่งในกรณีนี้ จะไม่ได้รับอนุญาตให้ขับรถทันที
226

8.4 การเพิกถอนใบอนุญาตขับรถ

เจ้าพนักงานของสานักงานตารวจท้องท่อาจเพิกถอนใบอนุญาตขับรถได้ เมื่อผู้ถือ 8














ใบอนญาตฝ่าฝืนกฎจราจรทมีความสาคญมากทสดข้อใดข้อหน่ง ใบอนญาตขบรถ




จะได้รับการเพิกถอนเมื่อแต้มกระทาผิดสะสมอยู่ท 121 คะแนนในหน่งปี/
201 คะแนน เป็นเวลาสองปีต่อเนื่อง หรือ 271 คะแนนเป็นเวลาสามปีต่อเนื่อง หาก
ใบอนุญาตขับรถได้รับการเพิกถอน ไม่สามารถขับข่รถได้ เท่ากับขับรถโดยไม่มี

ใบอนุญาตขับรถ
การเพิกถอนใบอนุญาตขับรถกรณีแต้มกระทาผิดสะสมเกินกาหนด ใบอนุญาต





ขับรถ จะได้รับการเพิกถอนเมื่อแต้มกระทาผิดในคร้งเดียว หรือแต้มกระทาผิดท่สะสม

ในหนึ่งปีถึงระดับที่ระบุไว้ในตารางต่อไปนี้
ระยะเวลาการเพิกถอนใบอนุญาตขับรถ แต้มกระท�าผิด
1 ปี 121 แต้มขึ้นไป กระบวนการควบคุมภายหลังได้รับใบอนุญาตขับรถ (Post Licensing)
2 ปี 201 แต้มขึ้นไป
3 ปี 271 แต้มขึ้นไป
บันทึก










































227

บทที่ 8 กระบวนการควบคุมภายหลังได้รับใบอนุญาตขับรถ (Post Licensing)


8.4.1 ขั้นตอนการเพิกถอนใบอนุญาตขับรถ









1) ในกรณของการเพกถอนใบอนญาตขบรถ ผ้ทเกยวข้องจะได้รบหนงสอแจ้งก่อน
















ล่วงหน้าเกยวกบการเพกถอนนน ในกรณน ผ้ทเกยวข้องหรอตวแทนสามารถไป






แสดงตัวท่สานักงานตารวจท้องท ณ วันท่กาหนดได้ หรือย่นคาคัดค้านเป็นลาย








ลักษณ์อักษร การพิจารณาเก่ยวกับการเพิกถอนจะกระทาตามเหตุของคาคัดค้าน





หรือตามความคิดเห็นท่แสดง และผู้ท่เก่ยวข้องจะได้รับหนังสือแจ้งเก่ยวกับผล
การพิจารณา
2) การแจ้งก่อนล่วงหน้าเกี่ยวกับการเพิกถอนใบอนุญาตขับรถ






• เจ้าพนักงานของสานักงานตารวจท้องท่จะแจ้งผู้ท่เก่ยวข้องให้ทราบเก่ยวกับ


เน้อหาของมาตรการท่ใช้ และวันส้นกาหนดการย่นแสดงความคิดเห็นล่วงหน้า




เก่ยวกบการพกใช้ใบอนุญาตขับรถ โดยจะมีการชี้แจงถึงเหตผลสาหรับมาตรการ




ที่ใช้และระยะเวลาส�าหรับการยื่นอุทธรณ์ทางปกครอง


• เม่อมีการเพิกถอนใบอนุญาตขับรถกรณีท่ไม่เข้ารับการทดสอบสมรรถภาพ
ทางร่างกายตามระยะ หรือไม่ต่ออายุใบอนุญาตขับรถ จะมีการออกหนังสือแจ้ง
เกี่ยวกับการเพิกถอนใบอนุญาตขับรถตามเงื่อนไขแก่ผู้ที่ฝ่าฝืนภายใน 10 เดือน


นับแต่วันท่สิ้นสุดกาหนดระยะเวลาการทดสอบสมรรถภาพทางร่างกายตามระยะ
หรือสิ้นสุดก�าหนดระยะเวลาการต่ออายุใบอนุญาตขับรถ ในกรณีนี้ หนังสือแจ้ง
เก่ยวกับการเพิกถอนใบอนุญาตขับรถตามเง่อนไขดังกล่าว จะใช้แทนหนังสือแจ้ง


ล่วงหน้าเก่ยวกับการเพิกถอนใบอนุญาตขับรถท่ออกให้ตามข้นตอนการเพิกถอน



ตามปกติ
3) การคืนใบอนุญาตขับรถ
• หากมีการสั่งให้เพิกถอนใบอนุญาตขับรถของท่าน ท่านจะต้องส่งคืนใบอนุญาต








ขับรถให้แก่เจ้าพนักงานของสานักงานตารวจท้องท่ท่มีอานาจในเขตพ้นท่ท่ท่าน
พ�านักภายใน 7 วัน นับแต่วันที่มีการเพิกถอน
• หากท่านไม่ส่งคืนใบอนุญาตขับรถ ท่านจะถูกสั่งปรับ
4) ใบอนุญาตขับรถชนิดชั่วคราว
• หลังจากที่ยื่นใบอนุญาตขับรถ ผู้ซึ่งได้รับการเพิกถอนใบอนุญาตขับรถสามารถ
ขอให้เจ้าพนักงานของสานักงานตารวจท้องท่ออกใบอนุญาตขับรถชนิดชั่วคราว



ให้ได้
• ผลบังคับใช้ตามกฎหมายของใบอนุญาตขับรถชนิดชั่วคราว คือ ไม่เกิน 20 วัน






แต่ท้งน สาหรับผู้ท่ใบอนุญาตขับรถได้รับการเพิกถอนหรือพักใช้ กาหนดระยะ
เวลาท่มีผลบังคับใช้ตามกฎหมายของใบอนุญาตขับรถชนิดชั่วคราวอาจขยาย

เป็นไม่เกิน 40 วัน

• ผลบังคับใช้ตามกฎหมายใบอนุญาตขับรถชนิดช่วคราว อาจขยายระยะเวลา
ออกไปได้อีกครงเป็นเวลา 20 วน หากผ้บงคบการตารวจประจ�าท้องท ่ ี







พิจารณาเห็นว่าจ�าเป็น
228

8.4.2 การขอรับใบอนุญาตขับรถใหม่
1) การพิจารณาหลังจากก�าหนดระยะเวลาห้าม 8

หากใบอนุญาตขับรถได้รับการเพิกถอน จะไม่สามารถขอรับใบอนุญาตขับรถอีก

ใบได้ตามระยะเวลาท่กาหนด ท้งน ข้นอยู่กับเหตุผลในการเพิกถอน โดยไม่สามารถ






ขอรับใบอนุญาตขับรถได้อีกจนกว่าจะส้นสุดระยะเวลาห้ามดังกล่าว หรือจนกว่า
จะได้เข้ารับการอบรมความปลอดภัยด้านการจราจรเป็นการพิเศษอย่างครบถ้วน
2) การอบรมความปลอดภัยด้านการจราจรเป็นการพิเศษ
ผู้ใดก็ตามสามารถย่นขอให้ออกใบอนุญาตขับรถใหม่ได้ หลังจากเข้ารับการ

อบรมความปลอดภัยด้านการจราจรเป็นการพิเศษ






8.5 การอบรมฟนฟความปลอดภยดานการจราจรเปนการพเศษ




(สำาหรับผู้ที่ใบอนุญาตขับรถถูกพักใช้หรือได้รับการเพิกถอน) กระบวนการควบคุมภายหลังได้รับใบอนุญาตขับรถ (Post Licensing)
ผู้ที่จ�าเป็นต้องเข้ารับการอบรมความปลอดภัยด้านการจราจรเป็นการพิเศษ
• หากใบอนุญาตขับรถของท่านได้รับการเพิกถอนหรือพักใช้ และท่านเข้าข่ายกรณีใดกรณีหนึ่งดังต่อไปนี้
1) ผู้ที่ใบอนุญาตขับรถได้รับการเพิกถอน และประสงค์จะขอรับใบอนุญาตขับรถใหม่


2) ผู้ท่ใบอนุญาตขับรถถูกพักใช้ (หรือคาดว่าจะถูกพักใช้) อันเน่องมาจากอุบัติเหตุจราจร หรือการขับรถ
ขณะมึนเมา และก�าหนดระยะเวลาการพักใบอนุญาตขับรถยังไม่สิ้นสุด
3) ผู้ขับรถมือใหม่ซึ่งถูกพักใช้ใบอนุญาตขับรถ (หรือคาดว่าจะถูกพักใช้ใบอนุญาตขับรถ) และกาหนดระยะ

เวลาการพักใบอนุญาตขับรถยังไม่สิ้นสุด จะเข้าข่าย “ผู้ขับรถมือใหม่” หากเวลาผ่านไปน้อยกว่า 2 ปี นับ
ตั้งแต่วันที่ได้รับใบอนุญาตขับรถเป็นครั้งแรก (หากได้รับการเพิกถอนใบอนุญาตขับรถก่อน 2 ปี นับจาก

วันท่ได้รับใบอนุญาต และภายหลังได้รับใบอนุญาตขับรถอีกใบ ท้งน วันท่ได้ใบอนุญาตขับรถใบท่สอง







จะถือว่าเป็นวันท่ได้รับคร้งแรก) หากมีเฉพาะใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ก่อนท่จะได้รับใบอนุญาต


ขบรถใบอ่น วันท่ได้ใบอนุญาตขับรถใบอื่นนอกเหนือจากใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ จะถือว่าเป็นวันท่ได้



รับครั้งแรก
4) ผู้ที่ใบอนุญาตขับรถถูกพักใช้ (หรือคาดว่าจะถูกพักใช้) อันเนื่องมาจากเหตุผลที่ไม่ได้ระบุไว้ในข้อ 2 หรือ 3
ข้างต้น อาทิ ฝ่าฝืนกฎหมายจราจร และผู้ที่ประสงค์จะเข้ารับการอบรม


5) ผู้ท่ใบอนุญาตขับรถอาจจะถูกพักใช้ อันเน่องมาจากเหตุผล อาท ฝ่าฝืนกฎหมายจราจร และประสงค์จะเข้า

รับการอบรม จะต้องเข้ารับการอบรมความปลอดภัยด้านการจราจรเป็นการพิเศษเป็นเวลา 4 ถึง 8 ชั่วโมง
ซึ่งจัดโดยหน่วยงานการจราจรทางถนน
• หากต้องเข้ารับการอบรมความปลอดภัยด้านการจราจรเป็นการพิเศษ ก่อนท่จะอบรม จะได้รับหนังสือแจ้ง


เก่ยวกับการอบรมความปลอดภัยด้านการจราจรเป็นการพิเศษ จากผู้กากับการสานักงานตารวจท้องท ซึ่งจะ





ประกอบด้วยรายละเอียดข้อมูลเรื่องวันเวลา และสถานที่ที่จะจัดการอบรม ตลอดจนเรื่องค่าธรรมเนียม
• หนังสือรับรองที่ออกให้แก่ผู้ที่เข้ารับการอบรมความปลอดภัยด้านการจราจรเป็นการพิเศษ
• หนังสือรับรองที่ออกโดยผู้บังคับการต�ารวจท้องที่ จะได้รับการแจกจ่ายให้แก่ผู้ที่เข้ารับการอบรมประสบการณ์
ภาคสนาม และการอบรมเรื่องการมีส่วนร่วมด้านการจราจร
229

บทที่ 8 กระบวนการควบคุมภายหลังได้รับใบอนุญาตขับรถ (Post Licensing)


8.5.1 บทลงโทษสำาหรับการไม่เข้ารับการอบรมความปลอดภัยด้านการจราจรเป็นการพิเศษ

1) หากใบอนุญาตขับรถได้รับการเพิกถอน ไม่สามารถขอรับใบอนุญาตขับรถได้อีกคร้ง หากมิได้เข้ารับการอบรม

ความปลอดภัยด้านการจราจรเป็นการพิเศษ
2) หากไม่เข้ารับการอบรมความปลอดภัยด้านการจราจรเป็นการพิเศษ จะต้องโทษอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้

• หากผู้ท่ได้รับหมายเรียกเร่องการขับรถขณะมึนเมาช่วงระหว่างห้าปีท่ผ่านมาซึ่งถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาต



ขับรถฐานขับรถขณะมึนเมา หรือผู้ท่ต้องปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าว ไม่เข้ารับการอบรมความปลอดภัย
ด้านการจราจรเป็นการพิเศษก่อนที่ก�าหนดระยะเวลาของมาตรการดังกล่าวจะสิ้นสุดลง
• กรณีอื่นๆ





8.6 การยึด พักใช้ หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับรถยนต์

และใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์
กรมการขนส่งทางบกได้ออกระเบียบกรมการขนส่งทางบกว่าด้วยการยึด พักใช้ หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับ





รถยนต์และใบอนญาตขับรถจักรยานยนต ตามกฎหมายวาด้วยรถยนต เน่องจากผขบรถยนต์สาธารณะและผ้ขบข ่ ี


ู้

รถจักรยานยนต์สาธารณะมีการกระท�าความผิดหรือฝ่าฝืนกฎหมายเป็นจ�านวนมาก สร้างความเดือดร้อน ความ
ไม่ปลอดภัยต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของผู้โดยสารที่ใช้บริการรถสาธารณะ ซึ่งพฤติกรรมการกระท�าความ




ผิด เป็นการกระทาความผิดซ�าและไม่เข็ดหลาบ ประกอบกับมีผู้ได้รับใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคลนารถยนต์น่ง
ส่วนบุคคลเกินเจ็ดคน แต่ไม่เกินสิบสองคน (รถตู้โดยสาร) ไปรับจ้างบรรทุกคนโดยสารเป็นจ�านวนมาก จึงสมควร
น�ามาตรการยึด พักใช้ หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับรถมาใช้บังคับเพิ่มเติมจากมาตรการลงโทษทางอาญา รวมทั้ง










นามาตรการอบรมเพอปลูกจิตส�านกทดมาใช้เป็นมาตรการเสริมกบผ้ขบรถทกระทาผดด้วย เพอให้การบังคบใช้







กฎหมายแก่ผู้ได้รับใบอนุญาตขับรถที่กระท�าผิดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
บัญชี 1 กลุ่มความผิดทั่วไป
ระเบียบกรมการขนส่งทางบกว่าด้วยการยึด พักใช้ หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับรถยนต์และใบอนุญาตขับรถ
จักรยานยนต์ ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ พ.ศ. 2558 (ฉบับที่ 2)
ครั้งที่ 3
มาตรา ข้อหาความผิด ครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 บทก�าหนดโทษ
เป็นต้นไป
ม.5 ไม่ใช้มาตรค่า ปรับและอบรม ปรับ, พักใช้ไม่เกิน ปรับ,พักใช้ไม่เกิน ม.58
(2) โดยสาร 3 เดือน แต่ไม่ 6 เดือน แต่ไม่ ปรับไม่เกิน
น้อยกว่า 1 เดือน น้อยกว่า 3 เดือน 1,000 บาท
และอบรม และอบรม
ม.5 ไม่แสดงบัตร ปรับและอบรม ปรับ, พักใช้ไม่เกิน ปรับ, พักใช้ไม่เกิน ม.58
(15) ประจ�าตัวคน 6 เดือน แต่ไม่ 6 เดือน แต่ไม่ ปรับไม่เกิน
ขับรถ (บัตรติด น้อยกว่า 15 วัน น้อยกว่า 1 เดือน 1,000 บาท
หน้ารถ) และอบรม และอบรม



230

บัญชี 1 กลุ่มความผิดทั่วไป (ต่อ)
8
ครั้งที่ 3
มาตรา ข้อหาความผิด ครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 บทก�าหนดโทษ
เป็นต้นไป

ม.5 ในขณะรับจ้าง ปรับและอบรม ปรับ, พักใช้ไม่เกิน ปรับ, พักใช้ไม่เกิน ม.58/1
(15/1) บรรทุกคน 1 เดือน แต่ไม่ 6 เดือน แต่ไม่ ปรับไม่เกิน

โดยสาร น้อยกว่า 15 วัน น้อยกว่า 1 เดือน 5,000 บาท
- ขับรถใน และอบรม และอบรม
ลักษณะ
ประมาทหรือ
น่าหวาดเสียว

อันน่าจะเป็น
อันตรายแก่
บุคคลหรือ กระบวนการควบคุมภายหลังได้รับใบอนุญาตขับรถ (Post Licensing)

ทรัพย์สิน
- กระท�าการ
อันควรขาย
หน้าต่อหน้า
ธารก�านัล หรือ

กระท�าการ
ลามกอย่างอื่น

ม.21 ใช้รถไม่ตรง ปรับและอบรม ปรับ, พักใช้ไม่เกิน ปรับ, พักใช้ไม่เกิน ม.60
ตามประเภทที่ 3 เดือน แต่ไม่ 6 เดือน แต่ไม่ ปรับไม่เกิน
จดทะเบียนไว้ น้อยกว่า 1 เดือน น้อยกว่า 3 เดือน 2,000 บาท
และอบรม และอบรม

ม.23/1 ใช้รถ ปรับและอบรม ปรับ, พักใช้ไม่เกิน ปรับ, พักใช้ไม่เกิน ม.66/1
จักรยานยนต์ 1 เดือน แต่ไม่ 6 เดือน แต่ไม่ ปรับไม่เกิน

เพื่อรับจ้าง น้อยกว่า 15 วัน น้อยกว่า 1 เดือน 2,000 บาท
บรรทุกคน และอบรม และอบรม
โดยสาร
โดยมิได้จด
ทะเบียนเป็นรถ

จักรยานยนต์
สาธารณะ










231

บทที่ 8 กระบวนการควบคุมภายหลังได้รับใบอนุญาตขับรถ (Post Licensing)


บัญชี 1 กลุ่มความผิดทั่วไป (ต่อ)

ครั้งที่ 3
มาตรา ข้อหาความผิด ครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 บทก�าหนดโทษ
เป็นต้นไป

ม.57 ปฏิเสธไม่ ปรับและอบรม ปรับ, พักใช้ไม่เกิน ปรับ, พักใช้ไม่เกิน ม.66/2
จัตวา รับจ้างบรรทุก 3 เดือน แต่ไม่ 6 เดือน แต่ไม่ ปรับไม่เกิน

คนโดยสาร น้อยกว่า 1 เดือน น้อยกว่า 3 เดือน 1,000 บาท
และอบรม และอบรม
ม.57 - ไม่ส่งคน ปรับและอบรม ปรับ, พักใช้ไม่เกิน ปรับ, พักใช้ไม่เกิน ม.66/2

เบญจ โดยสาร ณ 3 เดือน แต่ไม่ 6 เดือน แต่ไม่ ปรับไม่เกิน
สถานที่ตามที่ น้อยกว่า 1 เดือน น้อยกว่า 3 เดือน 1,000 บาท
ตกลงกันไว้ และอบรม และอบรม
- พาผู้โดยสาร

ไปทอดทิ้ง
ระหว่างทาง
ม.66/5 เรียกเก็บค่า ปรับและอบรม ปรับ, พักใช้ไม่เกิน ปรับ, พักใช้ไม่เกิน ม.66/5

โดยสารหรือ 3 เดือน แต่ไม่ 6 เดือน แต่ไม่ ปรับไม่เกิน
ค่าบริการเกิน น้อยกว่า 1 เดือน น้อยกว่า 3 เดือน 5,000 บาท
อัตราที่ก�าหนด และอบรม และอบรม

ในกฎกระทรวง


หมายเหตุ
1. ความผิดตามมาตรา 5 (2) มาตรา 5 (15/1) มาตรา 57 จัตวา และมาตรา 57 เบญจ หากกระท�าความผิดซ�้า





ในข้อหาเดียวกันภายใน 1 เดือน นบแต่วันทกระทาความผิดครั้งแรก นายทะเบียนอาจพิจารณาส่งเพิกถอน
ใบอนุญาตขับรถได้ การกระท�าผิดตั้งแต่ครั้งที่ 2 เป็นต้นไป ให้เปรียบเทียบปรับในอัตราสูงสุดที่กฎหมาย
ก�าหนด


2. ผู้ขับรถท่กระทาความผิดต้องเข้ารับการอบรมเสริมความรู้และปลูกจิตสานึกการให้บริการท่ดีแก่ผู้โดยสาร


ตามหัวข้อวิชาที่กรมการขนส่งทางบกก�าหนดเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 3 ชั่วโมง




3. ความผิดตามมาตรา 66/5 นายทะเบียนสามารถส่งเพิกถอนใบอนุญาตได้ต้งแต่การกระทาความผิดคร้ง
แรก



4. การพิจารณาลงโทษปรับ สามารถลงโทษหนักหรือเบาภายใต้อัตราโทษท่กฎหมายกาหนด โดยคานึงถึง
ความร้ายแรงของพฤติการณ์การกระท�าความผิด









232

บัญชี 2 กลุ่มความผิดร้ายแรง
ระเบียบกรมการขนส่งทางบกว่าด้วยการยึด พักใช้ หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับรถยนต์และใบอนุญาตขับรถ 8
จักรยานยนต์ ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ พ.ศ. 2557

ครั้งที่ 3
มาตรา ข้อหาความผิด ครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 บทก�าหนดโทษ หมายเหต ุ
เป็นต้นไป

ม.57 ฉ ในขณะขับรถ ยึดใบ ยึดใบ ยึดใบอนุญาต ม.66/3 ต้อง ข้อหา

(3) ผู้ขับรถยนต์ อนุญาตและ อนุญาตและ และอาจสั่งพัก ระวางโทษจ�า ความผิด
สาธารณะ อาจสั่งพัก อาจสั่งพัก ใช้ใบอนุญาต คุกไม่เกิน 3 มีโทษจ�า
หรือรถ ใช้ใบอนุญาต ใช้ใบอนุญาต ได้อีก 90 วัน เดือน หรือ คุก ต้อง
จักรยานยนต์ ได้อีก 30 วัน ได้อีก 60 วัน กรณีกระท�า ปรับตั้งแต่ ส่ง

สาธารณะเสพ ความผิดครั้งที่ 2,000 บาท ถึง พนักงาน
หรือเมาสุรา 3 ซึ่งห่างจาก 10,000 บาท สอบสวน
หรือของมึนเมา ครั้งที่ 2 ไม่เกิน หรือทั้งจ�าทั้ง ด�าเนิน กระบวนการควบคุมภายหลังได้รับใบอนุญาตขับรถ (Post Licensing)
อย่างอื่น 1 เดือน ให้เพิก ปรับ คดี

ถอน
ม.57 ฉ ในขณะขับรถ ยึดใบ ยึดใบ ยึดใบอนุญาต ม.66/4 ต้อง ข้อหา
(4) ผู้ขับรถยนต์ อนุญาตและ อนุญาตและ และอาจสั่งพัก ระวางโทษสูง ความผิด

สาธารณะ อาจสั่งพัก อาจสั่งพัก ใช้ใบอนุญาต กว่าที่ก�าหนด มีโทษจ�า
หรือรถ ใช้ใบอนุญาต ใช้ใบอนุญาต ได้อีก 90 วัน ไว้ในกฎหมาย คุก ต้อง
จักรยานยนต์ ได้อีก 30 วัน ได้อีก 60 วัน กรณีกระท�า ว่าด้วยยาเสพ ส่ง

สาธารณะเสพ ความผิดครั้งที่ ติดให้โทษอีก 1 พนักงาน
ยาเสพติดให้ 3 ซึ่งห่างจาก ใน 3 สอบสวน
โทษ ครั้งที่ 2 ไม่เกิน ด�าเนิน
1 เดือน ให้เพิก คดี
ถอน

ม.57 ฉ ในขณะขับรถ ยึดใบ ยึดใบ ยึดใบอนุญาต ม.66/4 ต้อง ข้อหา
(5) ผู้ขับรถยนต์ อนุญาตและ อนุญาตและ และอาจสั่งพัก ระวางโทษสูง ความผิด


สาธารณะ อาจสั่งพัก อาจสั่งพัก ใช้ใบอนุญาต กวาที่ก�าหนดไว มีโทษจ�า

หรือรถ ใช้ใบอนุญาต ใช้ใบอนุญาต ได้อีก 90 วัน ในกฎหมายว่า คุก ต้อง
จักรยานยนต์ ได้อีก 30 วัน ได้อีก 60 วัน กรณีกระท�า ด้วยวัตถุที่ออก ส่ง
สาธารณะเสพ ความผิดครั้งที่ ฤทธิ์ต่อจิตและ พนักงาน
วัตถุที่ออกฤทธิ์ 3 ซึ่งห่างจาก ประสาท อีก 1 สอบสวน

ต่อจิตและ ครั้งที่ 2 ไม่เกิน ใน 3 ด�าเนิน
ประสาท 1 เดือน ให้เพิก คดี
ถอน






233

บทที่ 8 กระบวนการควบคุมภายหลังได้รับใบอนุญาตขับรถ (Post Licensing)


บัญชี 2 กลุ่มความผิดร้ายแรง (ต่อ)

ครั้งที่ 3
มาตรา ข้อหาความผิด ครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 บทก�าหนดโทษ หมายเหต ุ
เป็นต้นไป

ม.57 ฉ ในขณะขับรถ ยึดใบ ยึดใบ ยึดใบอนุญาต ม.66/3 ต้อง ข้อหา
(6) ผู้ขับรถยนต์ อนุญาตและ อนุญาตและ และอาจสั่งพัก ระวางโทษจ�า ความผิด
สาธารณะ อาจสั่งพัก อาจสั่งพัก ใช้ใบอนุญาต คุกไม่เกิน 3 มีโทษจ�า

หรือรถ ใช้ใบอนุญาต ใช้ใบอนุญาต ได้อีก 90 วัน เดือน หรือ คุก ต้อง
จักรยานยนต์ ได้อีก 30 วัน ได้อีก 60 วัน กรณีกระท�า ปรับตั้งแต่ ส่ง
สาธารณะขับ ความผิดครั้งที่ 2,000 บาท ถึง พนักงาน
รถในขณะ 3 ซึ่งห่างจาก 10,000 บาท สอบสวน

หย่อนความ ครั้งที่ 2 ไม่เกิน หรือทั้งจ�าทั้ง ด�าเนิน
สามารถ 1 เดือน ให้เพิก ปรับ คดี
ถอน












บันทึก










































234

เนื้อหาเพิ่มเติม



สำาหรับผู้เข้ารับการอบรมรถจักรยานยนต์

































































235

หลักการและเหตุผลของเนื้อหาการฝึกอบรมรถจักรยานยนต์










บทที่ 9 การขอรับใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ในประเทศไทย หน้า 237
บทเรียนนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ผ่านการฝึกอบรม รู้จักระเบียบและขั้นตอนส�าหรับ
การขอรับใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ในประเทศไทย










บทที่ 10 การเตรียมความพร้อมก่อนขับขี่รถจักรยานยนต์ หน้า 247
บทเรียนนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ผ่านการอบรมได้มีความรู้ ความเข้าใจ และปฏิบัติ
ตามในเรื่องการเตรียมความพร้อมก่อนการขับขี่จักรยานยนต์อย่างถูกต้อง










บทที่ 11 เทคนิคและมารยาทในการขับขี่รถจักรยานยนต์ หน้า 261
บทเรียนนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ผ่านการอบรมรู้จักเทคนิคที่จ�าเป็นและมารยาท
ในการขับขี่ที่ส�าคัญ เพื่อการขับขี่รถจักรยานยนต์อย่างปลอดภัย

9





บทที่






















การขอรับใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ในประเทศไทย




































ในปัจจุบันผู้ขับข่ยังคงเป็นปัจจัยสาคัญอันดับแรกของการเกิดอุบัติเหตุทางถนน นาไปสู่การบาดเจ็บ และ




เสียชีวิตจานวนมากในแต่ละปี โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ขับข่หน้าใหม่ ท่ยังขาดวัยวุฒ และประสบการณ์การ











เรยนรู้ด้านกฎจราจร ระเบยบข้อบงคบทเกยวข้อง มีการยนยนจ�านวนการสูญเสยบนถนนระบว่า การถอครอง






ใบอนุญาตขับรถโดยขาดความรู้ ความสามารถ และทักษะการขับข่บางด้าน ยังไม่สามารถทาให้ผู้ขับข่ขับรถ


ได้อย่างปลอดภัยบนถนนจริง
237

บทที่ 9 การขอรับใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ในประเทศไทย

9
บทที่ การขอรับใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ในประเทศไทย

กรมการขนส่งทางบกจึงจ�าเป็นต้องเร่งสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาระบบ



ใบอนุญาตขับรถในประเทศไทย ถือเป็นระบบท่พัฒนาให้ผู้ท่ขอรับใบอนุญาต

ขับรถจ�าเป็นต้องมีความพร้อมด้านร่างกาย จิตใจ และทักษะในการขับข่ทุกด้าน และ



ผ่านการอบรมทกกระบวนการ จนถึงการทดสอบท้งทฤษฎีและปฏิบัต การกาหนด






หลกเกณฑ์ในการขอมีใบอนญาตขบรถประเภทต่างๆ รวมถงระบบการควบคม


ภายหลังการได้รับใบอนุญาตขับรถระบบใหม่น จะสามารถแยกและคัดกรองผู้


ท่มีความพร้อมด้านวุฒิภาวะ และผ่านการสร้างประสบการณ์ จนสามารถท่จะ


ขับรถบนถนนได้จริง เพ่อเสริมสร้างสมรรถนะท่เหมาะสมของผู้ขอมีใบอนุญาตขับรถ


ตามกฎหมาย และเม่อท่านผ่านทุกข้นตอนการขอรับใบอนุญาตขับรถแล้ว น่นหมาย



ถึง ท่านเป็นผู้หน่งท่พร้อมจะรับผิดชอบต่อตนเองและผู้ใช้รถใช้ถนนอ่นในสังคมด้วย

เช่นกัน
9.1 ประเภทของใบอนุญาตขับรถในประเทศไทย
ใบอนุญาตขับรถ ตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522


1. ใบอนญาตขบรถยนต์ส่วนบคคลชัวคราว รถยนต์สามล้อส่วนบุคคลชัวคราว



หรือรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลชั่วคราว
2. ใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคล
3. ใบอนุญาตขับรถยนต์สามล้อส่วนบุคคล
4. ใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะ
5. ใบอนุญาตขับรถยนต์สามล้อสาธารณะ
6. ใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล
7. ใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์สาธารณะ
8. ใบอนุญาตขับรถบดถนน
9. ใบอนุญาตขับรถแทรกเตอร์
10. ใบอนุญาตขับรถชนิดอื่นนอกจาก 1 ถึง 8
11. ใบอนุญาตขับรถตามความตกลงระหว่างประเทศที่ประเทศไทยเป็นภาคี
























238

9.2 คุณสมบัติของผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถ
9





















ตัวอย่างใบอณุญาตขับรถ การขอรับใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ในประเทศไทย


ก่อนเข้ารับการอบรมเพ่อขอรับใบอนุญาตขับรถใหม่ ท่านต้องตรวจสอบคุณสมบัติต่างๆ ให้ครบถ้วน

สาหรับใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคลชั่วคราว หรือรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลชั่วคราว ต้องเป็นผู้มีอาย ุ
ไม่ต�่ากว่า 18 ปีบริบูรณ์ แต่ถ้าเป็นผู้ขอใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ชั่วคราว ที่มีกระบอกสูบรวมกัน ไม่เกิน 110
ลูกบาศก์เซนติเมตร ต้องมีอายุไม่ต�่ากว่า 15 ปีบริบูรณ์ และมีเงื่อนไขดังต่อไปนี้


ตาราง 1 แสดงเอกสารสำาคัญเพื่อขอเข้ารับการอบรมและทดสอบเพื่อขอรับใบอนุญาตขับรถยนต์
และรถจักรยานยนต์ใหม่

เอกสาร รายละเอียด

• บัตรประจ�าตัวประชาชนตัวจริง หรือบัตรอื่นที่ใช้แทนบัตรประจ�าตัวประชาชน ต้นฉบับ
• ใบรับรองแพทย์



9.2.1 คุณสมบัติ และข้อห้ามในการขอใบอนุญาตขับรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ใหม่










(1) มีอายไม่ตากว่า 18 ปีบรบรณ์ แต่ถ้าเป็นผู้ขอใบอนญาตขบรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลชวคราว สาหรับ
รถจักรยานยนต์ท่มีขนาดความจุของกระบอกสูบรวมกันไม่เกินท่กาหนดในกฎกระทรวง ต้องมีอายุไม่ตา





กว่า 15 ปีบริบูรณ์
(2) มีความรู้ความสามารถในการขับรถ
(3) มีความรู้ในข้อบังคับการเดินรถตามพระราชบัญญัตินี้ และตามกฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก
(4) ไม่เป็นผู้มีร่างกายพิการจนเป็นที่เห็นได้ว่าไม่สามารถขับรถได้
(5) ไม่มีโรคประจ�าตัวที่ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมเห็นว่าอาจเป็นอันตรายขณะขับรถ
(6) ไม่เป็นบุคคลวิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือน
(7) ไม่มีใบอนุญาตขับรถชนิดเดียวกันอยู่แล้ว
(8) ไม่เป็นผู้อยู่ในระหว่างถูกยึดหรือพักใช้ใบอนุญาตขับรถ
(9) ไม่เคยถูกเพิกถอนใบอนุญาตขับรถ ซึ่งมิใช่จากเหตุขาดคุณสมบัติเร่องอายุของผู้ขอใบอนุญาตขับรถ เว้นแต่








ได้พ้นกาหนด 3 ปีไปแล้ว นับแต่วนทถูกเพิกถอนใบอนญาตขบรถ โดยให้อธบดกาหนดเงอนไขในการ




พิจารณาการออกใบอนุญาตขับรถไว้ด้วย
239

บทที่ 9 การขอรับใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ในประเทศไทย


9.2.2 ขั้นตอนการเตรียมตัวขอรับใบอนุญาตขับรถ

ยื่นคำาขอและแสดงหลักฐาน



ไปยังสถานท่ส�าหรับการติดต่อขอทาใบอนุญาตขับรถ และแสดงหลักฐานท ่ ี
เตรียมไว้ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ

การทดสอบสมรรถภาพของร่างกาย
การทดสอบปฏิกิริยา


เป็นการทดสอบความสามารถในการใช้เบรกเท้ารวม 3 คร้ง หากสามารถ
เหยียบเบรกได้ในระยะเวลาน้อยกว่า หรือเท่ากับ 0.75 วินาที 2 ใน 3 ครั้ง ให้ถือว่า
ผ่านการทดสอบ
การทดสอบสายตา
ทดสอบสายตาทางกว้าง


ถ้าสามารถมองเห็นท้งด้านซ้ายและด้านขวาเป็นมุมกว้าง ข้างละ 75 องศา
2 ใน 3 ครั้ง ให้ถือว่าผ่านการทดสอบ
ทดสอบสายตาทางลึก

ให้ทดสอบการมองเห็นระยะ 2.50 – 3.50 เมตร รวม 3 คร้ง หากผลการทดสอบ

ห่างจุดที่ก�าหนดไม่เกินกว่า 1 นิ้ว 2 ใน 3 ครั้ง ให้ถือว่าผ่านการทดสอบ
ทดสอบการมองเห็นสี




ให้ดสีเขยว สีแดง และสีเหลืองจากเคร่องทดสอบ หรอแผ่นภาพทดสอบท ่ ี
กรมการขนส่งทางบกกาหนดหรือเห็นชอบ โดยอยู่ห่างจากเครื่องทดสอบหรือ

แผ่นภาพทดสอบในระดับสายตาระยะไม่น้อยกว่า 3 เมตร อ่านสีตามท่เจ้าหน้าท ี ่

ก�าหนดสีละ 3 ครั้ง หากอ่านได้ถูกต้อง 2 ใน 3 ครั้ง ให้ถือว่าผ่านการทดสอบ














การทดสอบปฏิกิริยา ทดสอบสายตาทางกว้าง














ทดสอบสายตาทางลึก ทดสอบการมองเห็นสี


240

การอบรม
สามารถเข้ารับการอบรม โดยเลือกได้ 4 ช่องทาง 9

ช่องทางที่ 1
สามารถศึกษาด้วยตนเองได้โดยใช้คู่มือ ซึ่งสามารถดาวน์โหลดจากทาง สามารถ download ได้ที่
อินเทอร์เน็ต หรือขอรับจากกรมการขนส่งทางบกได้ กรมการขนส่งทางบก
ช่องทางที่ 2 http://www.dlt.go.th

สามารถเข้ารับการอบรมจากโรงเรียนสอนขับรถท่ได้รับการรับรองจาก
กรมการขนส่งทางบก
ช่องทางที่ 3
สามารถเข้ารับการอบรมจากกรมการขนส่งทางบกโดยตรง

ช่องทางที่ 4
อาจพัฒนา Application ในโทรศัพท์ เพ่อให้ผู้เข้ารับการอบรมศึกษาได้ การขอรับใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ในประเทศไทย

ด้วยตนเอง




การทดสอบข้อเขียน
วิธีการทดสอบด้วยระบบอิเล็กทรอนิคส์ (E-Exam) และต้องผ่านเกณฑ์การ
ทดสอบไม่น้อยกว่า ร้อยละ 90 ถ้าไม่ผ่านการทดสอบ ต้องเข้ารับการทดสอบใหม่
ตามหลักเกณฑ์ที่กรมการขนส่งทางบกก�าหนดไว้

การอบรม และทดสอบนี้ไม่ครอบคลุมรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่




การทดสอบขับรถ
ในปัจจุบันจะท�าการสอบในสนามสอบเท่านั้น
การสอบภาคปฏิบัติของรถจักรยานยนต์ ในสนามสอบประกอบด้วย
ท่าที่ 1 การขับขี่โดยปฏิบัติตามเครื่องหมายจราจร

ท่าที่ 2 การขับขี่บนทางแคบ
ท่าที่ 3 การขับขี่ผ่านทางโค้งรัศมีรูปตัวแซด (Z)
ท่าที่ 4 การขับขี่ผ่านทางโค้งซ้ายและขวารูปตัวเอส (S)
ท่าที่ 5 การขับขี่หลบหลีกสิ่งกีดขวาง




การชำาระค่าธรรมเนียม และรอรับใบอนุญาตขับรถ

การช�าระค่าธรรมเนียม ตามท้ายประกาศ พ.ร.บ. รถยนต์ พ.ศ.2522












241

บทที่ 9 การขอรับใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ในประเทศไทย



ตาราง 2 แสดงหลักฐานประกอบคำาขอรับใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคล
หรือใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล (เปลี่ยนจากส่วนบุคคลชั่วคราว
เป็นส่วนบุคคล) และการต่ออายุใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคล


เปลี่ยนจากส่วนบุคคลชั่วคราว การต่ออายุใบอนุญาตขับรถ
รายการ
เป็นส่วนบุคคล ส่วนบุคคล

หลักฐานประกอบค�าขอ 1) ใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคล 1) ใบอนุญาตขับรถเดิม หรือใบแทน
ชั่วคราว หรือใบอนุญาตขับรถ


จักรยานยนต์ชั่วคราว ท่ได้รับมาแล้ว
ไม่น้อยกว่าหนึ่งปี
2) บัตรประจ�าตัวประชาชนฉบับจริง 2) บัตรประจ�าตัวประชาชนฉบับจริง

พร้อมส�าเนา พร้อมส�าเนา
3) ใบรบรองแพทย์แสดงว่าผู้ขอไม่มี


โรคประจาตัวอันอาจเป็นอันตรายขณะ




ขบรถ และไม่เป็นบุคคลวกลจรตหรอ
จิตฟนเฟือน ซึงมีอายุใช้ได้ตามทแพทย ์



ั่
ผู้รับรองกาหนด แต่ต้องออกก่อนวัน

ยื่นค�าขอไม่เกิน 1 เดือน
หมายเหตุ กรณีสิ้นอายุเกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 3 ปี กรณีใบอนุญาตสิ้นอายุเกิน 1 ปี


เพิ่มขั้นตอนการทดสอบข้อเขียน แต่ไม่เกิน 3 ปี เพ่มข้นตอนการ
ทดสอบข้อเขียน




กรณีส้นอายุเกิน 3 ปี เพ่มข้นตอนอบรม / กรณีใบอนุญาตส้นอายุเกิน


การทดสอบข้อเขียน/ การทดสอบขับรถ 3 ปี เพ่มข้นตอนการทดสอบ
ข้อเขียน และการทดสอบขับรถ
และใบรับรองแพทย์
























242

ตาราง 3 คุณสมบัติของการขอรับใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคล (เปลี่ยนจากส่วนบุคคลชั่วคราว 9
เป็นส่วนบุคคล) และการต่ออายุใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคล

การขอรับใบอนุญาตขับรถ รายละเอียด

การขอรับใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคล (เปลี่ยน คุณสมบัติของผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถ

จากส่วนบุคคลชั่วคราว เป็นส่วนบุคคล) 1) ได้รับใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคลชั่วคราว หรือ


การขอรับใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคล หรือ ใบอนญาตขบรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลชัวคราว



ใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล (เปล่ยนจาก แล้วแต่กรณ มาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี (ย่นก่อน

ส่วนบุคคลชั่วคราว เป็นส่วนบุคคล) ใบอนุญาตขับรถสิ้นอายุได้ไม่เกิน 60 วัน)

2) มีคุณสมบัต และไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา
46 (1) - (9)

3) ไม่เคยต้องคาพิพากษาถึงท่สุดให้ลงโทษ หรือถูก การขอรับใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ในประเทศไทย

เจ้าพนักงานเปรียบเทียบปรับตั้งแต่สองครั้งขึ้นไป


สาหรับความผิดเก่ยวกับการขับรถอย่างใด
อย่างหน่งดังต่อไปน เว้นแต่จะพ้นโทษครั้งสุดท้าย



ไม่น้อยกว่า 6 เดือนแล้ว
การต่ออายุใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคล คุณสมบัติของผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถ
การต่ออายุใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคล หรือ 1) เป็นผู้ท่ได้รับใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคล

ใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล (ย่นก่อน หรือใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล

ใบอนุญาตขับรถสิ้นอายุ ไม่เกิน 3 เดือน) 2) ผู้ขอยังคงมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม

ส�าหรับผู้ถือใบอนุญาตขับรถชนิดนั้นๆ






































243

บทที่ 9 การขอรับใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ในประเทศไทย


9.3 การสอบขับรถ
การทดสอบขับรถจักรยานยนต์
สาหรับการทดสอบขับรถจักรยานยนต์ ให้ทดสอบจ�านวน 3 ท่า คือ ท่าท 1



เป็นท่าบังคับ และเลือกทดสอบอีก 2 ท่าตามความเหมาะสมของสนามทดสอบ
(มักเป็นท่าที่ 2 กับ 5)

9.3.1 ท่าทางสำาหรับการทดสอบขับรถจักรยานยนต์































ท่าที่ 1 การขับรถโดยปฏิบัติตามเครื่องหมายจราจร
• ให้ผู้เข้ารับการทดสอบต้องปฏิบัติตามเครื่องหมายจราจรไม่น้อยกว่า 5 เคร่องหมาย คือ ป้ายหยุด ห้ามเล้ยวซ้าย


หรือห้ามเลี้ยวขวา ให้เลี้ยวซ้าย หรือให้เลี้ยวขวา ห้ามหยุดรถ ห้ามเข้า และต้องให้สัญญาณไฟตามจุดต่างๆ
ได้ถูกต้องทุกแห่ง
• ต้องให้สัญญาณไฟตามจุดต่างๆ ได้ถูกต้องทุกแห่ง คือ ให้สัญญาณไฟเมื่อจะเล้ยวขวา ให้สัญญาณไฟ

เมื่อจะเลี้ยวซ้าย ให้สัญญาณไฟเมื่อจะหยุดรถ

ท่าที่ 2 การขับรถทรงตัวบนทางแคบ
• ต้องขับขี่โดยทรงตัวบนอุปกรณ์ที่ใช้ไม้กระดานกว้าง 30 เซนติเมตร ยาว 15
เมตร หรือใช้คอนกรีตเทเป็นแนวเส้นตรงตามขนาดดังกล่าวให้สูงประมาณ

2 – 3 เซนติเมตร โดยให้ก�าหนดจุดเริ่มต้น และจุดสิ้นสุดห่างจากไม้กระดาน
หรือแนวคอนกรีต 8 เมตร





• ต้องขบผ่านตลอดต้งแต่ต้นจนจบใช้เวลาไม่น้อยกว่า 10 วนาท และเรม

นับเวลาเมื่อล้อหลังขึ้นอยู่บนอุปกรณ์ และสิ้นสุดเมื่อล้อหน้าลงจากอุปกรณ์
• ในระหว่างขับ เท้าต้องไม่หลุดจากท่พักเท้า ล้อต้องไม่ตกหรือล่นไถลจาก


อุปกรณ์ ใช้ความเร็วอย่างเหมาะสม และเครื่องต้องไม่ดับระหว่างทดสอบ



244

ท่าที่ 3 การขับรถผ่านทางโค้งรัศมีแคบรูปตัวแซด

• ให้ขับรถในทางโค้งรัศมีแคบ ท่ใช้หลัก หรือกรวย หรือใช้คอนกรีตเท 9
เป็นรูปตัวแซด (Z) ที่มีช่องเดินรถกว้าง 2 เมตร กรวย หรือหลัก ห่างกัน
1.5 เมตร ฐานบน และฐานล่างของตัวแซด ยาว 5 เมตร ความยาวระหว่าง
ฐานบน และฐานล่างของตัวแซด ยาว 16 เมตร

• ให้ขับรถช้า ใช้เกียร์ตา และสามารถควบคุมรถขับเล้ยวขวา และเลี้ยวซ้าย



ไปได้ตลอด ห้ามลื่นไถลหรือรถล้ม
• ต้องไม่ขับรถชนกรวย หรือคอนกรีตเทเป็นรูปตัวแซด (Z)
• เครื่องยนต์ต้องไม่ดับในระหว่างทดสอบ
• ไม่ใช้เท้าแตะพื้น







ท่าที่ 4 การขับรถผ่านทางโค้งซ้ายและโค้งขวารูปตัวเอส การขอรับใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ในประเทศไทย
• ให้ขับรถผ่านทางโค้งซ้าย และโค้งขวา ท่ใช้หลัก หรือกรวย หรือ

ใช้คอนกรีตเทเป็นรูปตัวเอส (S) ท่มีช่องทางเดินรถกว้าง 2 เมตร ยาว

17 เมตร กรวย หรือหลักห่างกัน 1 เมตร
• ให้สามารถควบคุมรถผ่านไปได้ตลอดโดยรถไม่เสียหลักลื่นไถลหรือล้ม
• ต้องไม่ชนกรวย หรือคอนกรีตเทเป็นรูปตัวเอส (S)
• เครื่องยนต์ต้องไม่ดับในระหว่างทดสอบ

• ไม่ใช้เท้าแตะพื้น











ท่าที่ 5 การขับรถหลบหลีกสิ่งกีดขวาง

• ให้ขับรถด้วยความเร็วท 20 – 30 กิโลเมตรต่อช่วโมง ขับรถหลบหลีก




กรวยยางท่ต้งไว้สาหรับทดสอบไปทางด้านซ้าย และด้านขวา ในลักษณะ



สลับฟันปลา ซึ่งกรวยยางต้งบนพ้นท่ท่มีความกว้าง 3.5 เมตร จ�านวน










5 อน เป็นเส้นตรงบรเวณกงกลางของพนททใช้ทาการทดสอบ โดยให้



กรวยยางแต่ละอันมีระยะห่าง 5 เมตร โดยให้จุดเร่มต้นและจุดส้นสุด



มีระยะห่างจากกรวยยางในระยะท่เหมาะสมให้สามารถต้งตัวรถ และ

ระยะเบรกหยุดรถได้โดยปลอดภัย


• ในระหว่างขับรถต้องสามารถควบคุมรถได้ด ไม่เสียหลัก ล่นไถล ไม่เฉี่ยว
หรือชนสิ่งกีดขวางหรือขอบทาง
• เครื่องยนต์ต้องไม่ดับในระหว่างทดสอบ
245

บทที่ 9 การขอรับใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ในประเทศไทย


9.4 แนวทางการทดสอบขับรถบนถนน ตามสถานการณ์พร้อมผู้ควบคุม

สัดส่วน
รายการ
คะแนน

1. การออกรถ / การหยุด 5 คะแนน

2. น�าผู้เข้ารับการทดสอบเข้าสู่สัญญาณไฟจราจร 10 คะแนน


3. นาผู้เข้ารับการทดสอบ เข้าทางร่วมทางแยกด้วยความเร็ว 50 คะแนน

50 กม./ชม.
4. เมื่อเห็นสัญญาณไฟเหลืองในระยะมากกว่า 30 เมตร และ 10 คะแนน
ให้หยุดรถบริเวณเส้นหยุด
5. การผ่านทางโค้ง 10 คะแนน

• ไม่ชะลอความเร็ว ก่อนเข้าโค้ง
• ใช้ความเร็ว

6. หยุดข้างทาง 5 คะแนน
7. การกลับรถ 50 คะแนน

• กระจกซ้าย ขวา หน้า หลัง กลับรถไปแล้ว ชิดขวาก่อน
(กรณีถนน 2 ช่องทางเดินรถ)
• กระจกหลัง

• เปิดสัญญาณ
• ชิดซ้าย
• หยุดรถดูความปลอดภัยก่อนตัดสินใจเลี้ยว
• ขับรถขวา กรณีถนนกลางก่อนจะกลับเข้าสู่ช่องทางซ้ายปกต ิ

8. สถานการณ์แซง 60 คะแนน
• มองกระจก
• เปิดไฟเลี้ยวให้สัญญาณก่อนเร่งความเร็ว

• การเร่งแซงในระยะกระชั้นชิดที่รถคันหลังขับเข้ามา ในระยะ
ที่รถคันหลังขับเข้ามาด้วยความเร็ว
• เปิดสัญญาณไฟเลี้ยวซ้าย ก่อนขับเข้าช่องทางซ้าย
• ทิ้งระยะห่างเพียงพอก่อนกลับเข้าช่องทางปกติ

รวม 200 คะแนน
















246

10




บทที่
























การเตรียมความพร้อมก่อนขับขี่รถจักรยานยนต์






































การขับขี่รถจักรยานยนต์อย่างปลอดภัย ถือเป็นเป้าหมายที่ส�าคัญที่สุดส�าหรับประเทศไทย เพราะในแต่ละปี













มีผ้บาดเจ็บและเสยชวิตจากการใช้จกรยานยนต์เป็นจานวนมาก สงทสาคญทสดในการขบขรถจักรยานยนต์คอ






การเตรียมความพร้อมทางด้านร่างกาย จิตใจ และพาหนะ หากผู้ขับข่รถจักรยานยนต์มีการเตรียมตัวท่ดีก่อน

การเดินทาง จะช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุได้ถึงร้อยละ 40 และหากมีการตรวจสอบความพร้อมในการใช้งานของ


รถก่อนออกเดินทาง จะช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุได้ถึงร้อยละ 30 ในส่วนประเด็นท่เหลือจะเป็นเทคนิคเพ่มเติม
ที่จะช่วยให้เราขับขี่ได้ปลอดภัยขึ้น
247

บทที่ 10 การเตรียมความพร้อมก่อนขับขี่รถจักรยานยนต์

10
บทที่ การเตรียมความพร้อมก่อนขับขี่รถจักรยานยนต์


10.1 ความพร้อมของร่างกาย และจิตใจ



ความปลอดภัยเริ่มต้นก่อนการขับข่รถจักรยานยนต์ การท่ผู้ขับข่เตรียมความพร้อม



ของร่างกายและจิตใจท่เหมาะสม จะเพ่มความสามารถในการป้องกันอุบัติเหตุได้




ในระดับหน่ง ก่อนการเดินทางไกล หรือใช้รถจักรยานยนต์ในชีวิตประจาวัน ส่งสาคัญ
ที่ต้องเตรียมด้านร่างกายและจิตใจ มีดังนี้
• นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
นอนให้ได้ 7 – 8 ชั่วโมง หรือนอนให้มีคุณภาพ เพราะการขับรถต้องใช้แรงกาย
สมอง และประสาทในการสั่งการตลอดเวลา





• ไม่ด่มเคร่องดมแอลกอฮอล์ ไม่ใช้ยา และสารเสพติดท่ส่งผลกระทบ
ต่อสมรรถนะในการขับขี่



- เคร่องด่มแอลกอฮอล์ แม้คิดว่าด่มไม่มาก แต่ก็อาจทาให้ผู้ขับข่มีอาการ


คึกคะนอง เบลอ หรือซึม ลดประสิทธิภาพในการขับรถ การวิเคราะห์สถานการณ์
การตอบสนองต่อการเบรก การกะระยะ การตัดสินใจในการขับรถผิดพลาด
จนท�าให้เกิดอุบัติเหตุ
- ไม่ใช้ยา “ยา” หลายชนิดมีผลข้างเคียงต่อร่างกายทาให้เกิดอาการง่วงซึม



เวียนศีรษะ ฯลฯ ซึ่งส่งผลให้ประสิทธิภาพในการขับข่ลดลง นาไปสู่การเกิด



อุบัติเหต เทียบเท่ากับการด่มแอลกอฮอล์ ดังน้น ผู้ขับข่จึงควรปรึกษาแพทย์

เภสัชกร และควรศึกษาฉลากถึงผลข้างเคียงก่อนการใช้ยา




- สารเสพตดทส่งผลกระทบต่อสมรรถนะในการขบรถ ได้แก่ กญชา ยาบ้า

ยาไอซ์ โคเคน ยาอี เฮโรอิน แอลเอสดี ยาเค มีผลข้างเคียงต่อผู้ขับขี่มากมาย
• มีสภาพอารมณ์ที่พร้อม

สภาพอารมณ์ท่ไม่พร้อม เช่น เครียด วิตกกังวล โกรธ ขุ่นเคือง เศร้า มีผลต่อสมาธ ิ
ในการขับขี่
• หลีกเลี่ยงสิ่งที่ท�าลายสมาธิ






สงทรบกวนสมาธ จะส่งผลต่อความสามารถและสมาธในการขบข ผ้ขบข ่ ี





ต้องมีการป้องกัน เช่น การใช้โทรศัพท์ การคุย การหยอกล้อและเล่นกับเพื่อน










248

10.2 การแต่งกายให้เหมาะสมต่อการขับขี่รถจักรยานยนต์
10
10.2.1 การแต่งกายเพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัย


เพ่อความคล่องตัวในการขับข่ทุกอิริยาบถ ทุกการ
เคลื่อนไหว ควรเลือกเครื่องแต่งกายให้เหมาะสม
• เสื้อที่สวมใส่ควรเป็นเสื้อแขนยาว รัดรูปเล็กน้อย
• กางเกงขายาวมีความหนาพอควร ส่วนสีสัน
ควรเลือกสีที่เห็นได้ง่าย สะดุดตา
• รองเท้าควรเป็นรองเท้าห้มข้อ ไม่ควรนารองเท้า


ฟองนามาใส่ขณะขับข่รถจักรยานยนต์ กางเกงควร



เป็นกางเกงขายาว เพื่อปกป้องขาและหัวเข่า

• ถุงมือการสวมใส่ถุงมือก่อนการขับข่รถจักรยานยนต์ การเตรียมความพร้อมก่อนขับขี่รถจักรยานยนต์
จะท�าให้ถนัดในการบิดคันเร่งเป็นเวลานานไม่เกิด


อาการชา และถุงมือยังจะช่วยซับเหง่อท่ออกมา
ขณะขับขี่ได้อีกด้วย

10.2.2 การสวมหมวกนิรภัย (หมวกกันน๊อก)
จากสถิติผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ พบว่า 2 ใน 3 ของผู้เสียชีวิต มีสาเหตุมาจากการได้รับ




การบาดเจ็บบริเวณศีรษะ ดังน้น หมวกนิรภัยจึงเป็นอุปกรณ์ท่สาคัญในการขับข่รถจักรยานยนต์ กล่าวคือ ช่วยป้องกัน
การกระแทก ดูดซับและกระจายแรง จึงลดความรุนแรงที่เกิดกับสมองได้โดยตรง
10.2.3 ชนิดของหมวกนิรภัย
หมวกชนิดครึ่งศีรษะ (แบบมาตรฐาน–Standard Helmet)




เป็นชนิดแรกท่ได้มีการเร่มนามาใช้ เมื่อสวมแล้วจะอยู่ในระดับคร่งศีรษะพอด ี

มีสายรัดคาง สามารถป้องกันได้เฉพาะแรงท่กระทาต่อส่วนบนศีรษะ ไม่สามารถ

ป้องกันการบาดเจ็บที่บริเวณท้ายทอย ที่มีสมองส่วนส�าคัญได้
ตัวอย่างหมวกชนิดครึ่งศีรษะ
หมวกชนิดเต็มศีรษะหรือเรียกว่า 2/3 (แบบเจ็ต–Jet Helmet)





ดัดแปลงมาจากชนิดคร่งใบ ตัวหมวกจะย่นตาลงมาถึงท้ายทอยด้านหลัง และ
มุมกระดูกขากรรไกรด้านข้าง มีสายรัดคางเหมือนหมวกชนิดครึ่งศีรษะ
ตัวอย่างหมวกชนิดเต็มศีรษะ

หมวกชนิดเต็มหน้า (Full Face Helmet)

เป็นหมวกเต็มใบเปิดช่องหน้าตรงตาแหน่งตาเท่าน้น สามารถป้องกันอันตราย

บริเวณปากและคางด้านหน้า จะมีสายรัดคางด้วย


ตัวอย่างหมวกชนิดเต็มหน้า



249

บทที่ 10 การเตรียมความพร้อมก่อนขับขี่รถจักรยานยนต์


10.2.4 การเลือกหมวกนิรภัย
1. หมวกชนิดเต็มศีรษะ (Jet Helmet) จะดีกว่าชนิดอื่นเพราะสามารถป้องกัน และ

ลดการบาดเจ็บท่ศีรษะได้ นอกจากน ยังลดการบาดเจ็บท ใบหน้าบางส่วนได้




มีงานวิจัยหลายฉบับระบุว่าเมื่อผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ขับขี่ด้วยความเร็ว เกิน 50
กิโลเมตรต่อชั่วโมง หมวกนิรภัยครึ่งใบไม่สามารถลดการบาดเจ็บทางสมองได้
2. หมวกนรภยทดควรมีนาหนกพอประมาณ ขนาดนาหนกทเหมาะสมควร













อยู่ที่ประมาณ 3 ปอนด์หรือไม่เกิน 1.5 กิโลกรัม


3. ควรเลือกหมวกนิรภัยท่ใช้วัสดุช้นนอกแข็ง เพ่อป้องกันแรงกระแทกเมื่อเกิดอุบัติเหต ุ

ตัวหมวกชั้นในควรบุด้วยโพลิสไตรีน ซึ่งเป็นวัสดุท่ยืดหยุ่นได้ด ออกแบบมาเพ่อดูด




ซับและกระจายแรงกระแทก ก่อนซ้อควรจะทดสอบโดยการสวมหมวกนิรภัยแล้ว





คาดสายรัดคางไว ทดลองขยับหมวกมาทางดานหลังและดานหนา ถาขอบหมวก
เลื่อนไปจนถึงกลางศีรษะควรเปลี่ยนขนาดของหมวกใหม่

4. สีของหมวกนิรภัยควรเป็นสีสด หรือมีแถบสีสะท้อนแสงคาดติดไว้ เพ่อให้เห็น


ได้ง่าย ควรซื้อหมวกนิรภัยท่ได้รับการรับรองจากสานักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์
อุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (มอก.)

5. หมวกนิรภัยถ้าชารุดจากอุบัติเหตุมาแล้วหรือได้รับการกระแทกอย่างแรง ควรจะ
เปลี่ยนใบใหม่ หมวกนิรภัยจะมีระยะเวลาในการใช้งาน โดยควรเปลี่ยนใบใหม่เมื่อ
ใช้ไปแล้ว 3-5 ปี เมื่อขับขี่รถจักรยานยนต์ หรือซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ ควรสวม
ตัวอย่างเครื่องหมาย มอก.


หมวกนรภยทกครง ไม่ควรยมหมวกของคนอืนมาใส เพราะขนาดของศรษะแตละ








คนแตกต่างกัน ทุกครั้งที่ใส่ควรจะคาดสายรัดคางให้กระชับ

6. การใช้และการเก็บรักษา ไม่ควรปล่อยไว้ในบริเวณท่มีแสงแดดนานๆ หรือ
อับชื้น อย่าให้หมวกนิรภัยตกกระแทกหรือกระทบกระเทือนบ่อยๆ ควรท�าความ



สะอาดหมวกท้งด้านในและด้านนอกเป็นประจ�า โดยใช้ผ้าชุบนาบิดให้แห้งเช็ด
บริเวณด้านในหมวก จากนั้นให้นาไปผึ่งแดดอยู่สม�่าเสมอ



ขับข่ควรเลือกสวมหมวกนิรภัยแบบเต็มศีรษะท่ได้มาตรฐาน จึงจะปลอดภัย และ
ลดการบาดเจ็บท่ศีรษะได้ หน้ากากของหมวกนิรภัยยังป้องกันเม็ดฝน ฝุ่นละอองและ

แมลง เข้าตาได้


250


Click to View FlipBook Version