พระราชบัญญตั ิวธิ ปี ฏบิ ตั ริ าชการทางปกครอง
พ.ศ. ๒๕๓๙
(แ(กแ้ไกขไ เขพเ่มิพเมิ่ ตเมิตจิมนถถงึ พึงพระรระารชาบชัญบญั ญัติัติ
วิธีปฏิบัตริ าชการทางปกครอง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒)
และกฎทเี่ กย่ี วของ
โดยไดร้ ับการสนับสนนุ จากมลู นธิ คิ อนราด อาเดนาวร์ (KAS)
พระราชบััญญัตั ิวิ ิธิ ีปี ฏิิบััติิราชการทางปกครองพ.ศ. ๒๕๓๙
(แก้ไ้ ขเพิ่�มเติมิ จนถึงึ พระราชบัญั ญัตั ิวิ ิธิ ีปี ฏิบิ ัตั ิริ าชการทางปกครอง (ฉบับั ที่� ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒)
และกฎที่่เ� กี่ย� วข้อ้ ง
ISBN 978-616-333-092-5
พิมิ พ์ค์ รั้�งแรก : กัันยายน ๒๕๖๔
จำำ�นวนพิิมพ์์ ๒,๐๐๐ เล่่ม
จัดั พิิมพ์์โดย : สำ�ำ นักั งานศาลปกครอง
อาคารศาลปกครอง เลขที่� ๑๒๐ หมู่� ๓ ถนนแจ้ง้ วัฒั นะ
แขวงทุ่�งสองห้้อง เขตหลักั สี่� กรุงุ เทพฯ ๑๐๒๑๐
โทรศััพท์์ ๐ ๒๑๔๑ ๑๑๑๑
สายด่่วน ๑๓๕๕
http://www.admincourt.go.th
พิมิ พ์์ที่่� : บริษิ ััท สหมิิตรพริ้�นติ้้�งแอนด์พ์ ับั ลิสิ ชิ่่ง� จำำ�กัดั
๕๙/๔ หมู่� ๑๐ ถนนกาญจนาภิิเษก ตำำ�บลบางม่่วง
อำำ�เภอบางใหญ่่ จัังหวัดั นนทบุรุ ีี ๑๑๑๔๐
โทรศััพท์:์ ๐ ๒๙๐๓ ๘๒๕๗-๙
โทรสาร: ๐ ๒๙๒๑ ๔๕๘๗
สารบญั หนา
๒
พระราชบญั ญตั ิวธิ ปี ฏิบตั ิราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ๖
หมวด ๑ คณะกรรมการวิธปี ฏบิ ัติราชการทางปกครอง ๘
หมวด ๒ คาํ สั่งทางปกครอง ๘
สวนท่ี ๑ เจา หนาที่ ๑๑
สวนที่ ๒ คูกรณี ๑๔
สว นท่ี ๓ การพจิ ารณา ๑๘
สวนที่ ๔ รูปแบบและผลของคาํ สง่ั ทางปกครอง ๒๒
สว นท่ี ๕ การอทุ ธรณค าํ สงั่ ทางปกครอง ๒๔
สว นที่ ๖ การเพกิ ถอนคาํ สงั่ ทางปกครอง ๒๘
สว นที่ ๗ การขอใหพจิ ารณาใหม ๒๙
สว นที่ ๘ การบังคบั ทางปกครอง ๓๐
หมวด ๒/๑ การบงั คบั ทางปกครอง ๓๐
สวนที่ ๑ บทท่ัวไป ๓๓
สวนท่ี ๒ การบงั คบั ตามคําสง่ั ทางปกครอง ๓๓
ท่กี ําหนดใหชาํ ระเงนิ ๓๘
๑. การบังคบั โดยเจาหนา ท่ขี อง ๔๒
หนว ยงานของรฐั ๔๔
๒. การบงั คบั โดยเจา พนกั งาน
บงั คับคดี
สว นท่ี ๓ การบังคับตามคําส่งั ทางปกครอง
ทีก่ าํ หนดใหก ระทําหรอื ละเวนกระทํา
หมวด ๓ ระยะเวลาและอายคุ วาม
(ก)
หมวด ๔ การแจง หนา
หมวด ๕ คณะกรรมการท่ีมีอาํ นาจ ๔๖
๔๘
ดาํ เนินการพจิ ารณาทางปกครอง ๕๑
บทเฉพาะกาล ๕๕
กฎกระทรวง (พ.ศ. ๒๕๔๐) ออกตามความใน ๕๙
พระราชบญั ญตั ิวิธปี ฏิบตั ิราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ๖๓
กฎกระทรวง ฉบบั ที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๔๐) ออกตามความใน ๖๘
พระราชบญั ญตั ิวิธปี ฏิบตั ริ าชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ๗๔
กฎกระทรวง ฉบบั ท่ี ๓ (พ.ศ. ๒๕๔๐) ออกตามความใน ๗๘
พระราชบญั ญัตวิ ธิ ปี ฏบิ ตั ริ าชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙
กฎกระทรวง ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๔๐) ออกตามความใน
พระราชบญั ญัติวิธปี ฏิบตั ริ าชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙
กฎกระทรวง ฉบบั ที่ ๕ (พ.ศ. ๒๕๔๐) ออกตามความใน
พระราชบญั ญัติวธิ ปี ฏิบตั ริ าชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙
กฎกระทรวง ฉบบั ที่ ๖ (พ.ศ. ๒๕๔๒) ออกตามความใน
พระราชบญั ญตั ิวิธปี ฏิบตั ริ าชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙
(ข)
กฎกระทรวง ฉบบั ที่ ๗ (พ.ศ. ๒๕๔๒) ออกตามความใน หนา
พระราชบญั ญัติวธิ ปี ฏิบตั ริ าชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ๘๔
กฎกระทรวง ฉบบั ท่ี ๘ (พ.ศ. ๒๕๔๒)
ออกตามความในพระราชบญั ญตั วิ ิธปี ฏบิ ตั ริ าชการ ๘๙
ทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ (ยกเลกิ แลว)
กฎกระทรวง ฉบับท่ี ๙ (พ.ศ. ๒๕๔๒) ๙๓
ออกตามความในพระราชบญั ญตั ิวิธปี ฏิบตั ิราชการ
ทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ (ยกเลกิ แลว) ๙๘
กฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๐ (พ.ศ. ๒๕๔๒) ๑๐๔
ออกตามความในพระราชบญั ญตั วิ ิธปี ฏบิ ตั ริ าชการ ๑๐๘
ทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ (ยกเลกิ แลว)
กฎกระทรวง ฉบบั ที่ ๑๑ (พ.ศ. ๒๕๔๒) ออกตามความใน ๑๑๒
พระราชบญั ญตั วิ ธิ ปี ฏิบตั ิราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙
กฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๔๓) ออกตามความใน
พระราชบญั ญัตวิ ิธปี ฏิบตั ริ าชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙
กฎกระทรวงการมอบอํานาจในการพจิ ารณาใชมาตรการ
บงั คบั ทางปกครองของเจา หนา ทผ่ี ทู าํ คาํ สั่งทางปกครอง
พ.ศ. ๒๕๖๒
(ค)
กฎกระทรวงกําหนดเจาหนาทผ่ี อู อกคาํ สง่ั ใชมาตรการบังคบั หนา
ทางปกครองและการแตง ตัง้ เจา พนกั งานบงั คบั ทางปกครอง ๑๑๘
พ.ศ. ๒๕๖๒ ๑๒๕
กฎกระทรวงกาํ หนดเจาหนาทผ่ี มู อี ํานาจกําหนดคาปรบั
บงั คบั การ พ.ศ. ๒๕๖๒ ๑๓๐
กฎกระทรวงกําหนดหนว ยงานของรฐั ท่ีสามารถขอให
เจาพนกั งานบงั คบั คดดี ําเนนิ การบงั คบั คดปี กครอง ๑๔๐
พ.ศ. ๒๕๖๓ ๑๔๓
ประกาศสํานกั นายกรฐั มนตรี เรอ่ื ง คาํ สง่ั ทางปกครอง
ทต่ี องระบุเหตผุ ลไวใ นคาํ ส่ังหรอื ในเอกสารแนบทายคาํ สง่ั ๑๔๗
ประกาศ ณ วนั ท่ี ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๔๓
ระเบยี บคณะกรรมการวธิ ีปฏบิ ตั ริ าชการทางปกครอง
วา ดวยหลักเกณฑก ารใหค าํ ปรกึ ษา พ.ศ. ๒๕๔๑
คาํ แนะนาํ ของคณะกรรมการวิธปี ฏบิ ตั ริ าชการทางปกครอง
ที่ ๑/๒๕๔๐ เรอ่ื ง หลกั เกณฑก ารแจงสทิ ธใิ นการอุทธรณ
หรอื โตแ ยงคาํ สง่ั ทางปกครอง
(ง)
พระราชบญั ญัติ
วธิ ปี ฏิบตั ิราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙
(แกไ ขเพม่ิ เตมิ จนถงึ พระราชบัญญัติวิธีปฏบิ ตั ิราชการทางปกครอง
(ฉบับท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒)
1
พระราชบญั ญตั ิ
วธิ ีปฏบิ ตั ริ าชการทางปกครอง
พ.ศ. ๒๕๓๙0*
ภมู ิพลอดลุ ยเดช ป.ร.
ใหไว ณ วนั ที่ ๒๗ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๓๙
เปน ปที่ ๕๑ ในรัชกาลปจ จุบนั
พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช มีพระบรมราชโองการ
โปรดเกลา ฯ ใหป ระกาศวา
โดยท่ีเปนการสมควรใหมกี ฎหมายวา ดว ยวิธปี ฏบิ ตั ริ าชการทางปกครอง
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกลาฯ ใหตราพระราชบัญญัติขึ้นไวโดย
คําแนะนาํ และยินยอมของรัฐสภา ดงั ตอไปน้ี
* แกไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
(ฉบับท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เลม ๑๓๖ ตอนท่ี ๖๙ ก
วนั ท่ี ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๒ (หนา ๑๑๕-๑๒๖)
2
มาตรา ๑ พระราชบัญญัติน้ีเรียกว่า “พระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติ
ราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙”
มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกาหนดหนึ่งร้อย
แปดสบิ วนั นบั แต่วนั ถัดจากวนั ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเปน็ ตน้ ไป๑
มาตรา ๓ วิธีปฏิบัติราชการทางปกครองตามกฎหมายต่างๆ
ให้เป็นไปตามที่กาหนดในพระราชบัญญัตินี้ เว้นแต่ในกรณีท่ีกฎหมายใด
กาหนดวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองเร่ืองใดไว้โดยเฉพาะและมีหลักเกณฑ์
ท่ีประกันความเป็นธรรมหรือมีมาตรฐานในการปฏิบัติราชการไม่ต่ากว่า
หลกั เกณฑท์ ก่ี าหนดในพระราชบญั ญตั นิ ี้
ความในวรรคหนึ่งมใิ ห้ใช้บังคับกบั ขน้ั ตอนและระยะเวลาอุทธรณ์
หรือโตแ้ ย้งที่กาหนดในกฎหมาย
มาตรา ๔ พระราชบญั ญตั ิน้ีมใิ หใ้ ช้บังคบั แก่
(๑) รัฐสภาและคณะรฐั มนตรี
(๒) องคก์ รท่ีใชอ้ านาจตามรฐั ธรรมนญู โดยเฉพาะ
(๓) การพิจารณาของนายกรัฐมนตรหี รือรัฐมนตรีในงานทางนโยบาย
โดยตรง
(๔) การพิจารณาพิพากษาคดีของศาลและการดาเนินงานของ
เจา้ หนา้ ทีใ่ นกระบวนการพิจารณาคดี การบังคับคดี และการวางทรัพย์
(๕) การพิจารณาวินิจฉัยเรื่องร้องทุกข์และการสั่งการตามกฎหมาย
ว่าด้วยคณะกรรมการกฤษฎีกา
๑ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๓ ตอนท่ี ๖๐ ก วันท่ี ๑๔
พฤศจิกายน ๒๕๓๙ (หน้า ๑-๒๔)
3
(๖) การดาํ เนินงานเกยี่ วกับนโยบายการตางประเทศ
(๗) การดําเนินงานเกี่ยวกับราชการทหารหรือเจาหนาท่ีซ่ึงปฏิบัติ
หนาท่ีทางยุทธการรวมกับทหารในการปองกันและรักษาความม่ันคง
ของราชอาณาจกั รจากภยั คุกคามทั้งภายนอกและภายในประเทศ
(๘) การดาํ เนนิ งานตามกระบวนการยุติธรรมทางอาญา
(๙) การดําเนินกจิ การขององคก ารทางศาสนา
การยกเวนไมใหนําบทบัญญัติแหงพระราชบัญญัตินี้มาใชบังคับ
แกก ารดาํ เนินกิจการใดหรอื กบั หนว ยงานใดนอกจากท่ีกําหนดไวในวรรคหนึ่ง
ใหต ราเปนพระราชกฤษฎีกาตามขอเสนอของคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการ
ทางปกครอง
มาตรา ๕ ในพระราชบญั ญัติน้ี
“วิธีปฏบิ ัติราชการทางปกครอง” หมายความวา การเตรียมการ
และการดาํ เนนิ การของเจา หนา ทเี่ พอ่ื จดั ใหมีคาํ สงั่ ทางปกครองหรอื กฎ และ
รวมถงึ การดําเนนิ การใด ๆ ในทางปกครองตามพระราชบัญญัตนิ ้ี
“การพิจารณาทางปกครอง” หมายความวา การเตรียมการและ
การดาํ เนนิ การของเจาหนาท่ีเพื่อจัดใหม ีคําส่ังทางปกครอง
“คําสัง่ ทางปกครอง” หมายความวา
(๑) การใชอํานาจตามกฎหมายของเจาหนาท่ีที่มีผลเปนการสราง
นติ ิสัมพนั ธข ึ้นระหวางบคุ คลในอันท่ีจะกอ เปล่ียนแปลง โอน สงวน ระงับ
หรือมผี ลกระทบตอสถานภาพของสิทธิหรือหนาท่ีของบุคคล ไมวาจะเปน
การถาวรหรือช่วั คราว เชน การส่ังการ การอนุญาต การอนุมัติ การวินิจฉัย
อุทธรณ การรับรอง และการรับจดทะเบียน แตไมหมายความรวมถึง
การออกกฎ
(๒) การอืน่ ท่กี าํ หนดในกฎกระทรวง
4
“กฎ” หมายความวา พระราชกฤษฎีกา กฎกระทรวง ประกาศ
กระทรวง ขอบัญญัติทองถิ่น ระเบียบ ขอบังคับ หรือบทบัญญัติอ่ืน
ท่ีมีผลบังคบั เปนการทั่วไป โดยไมมุงหมายใหใชบังคับแกกรณีใดหรือบุคคลใด
เปนการเฉพาะ
“คณะกรรมการวนิ จิ ฉัยขอพิพาท” หมายความวา คณะกรรมการ
ที่ จั ด ต้ั ง ขึ้ น ต า ม ก ฎ ห ม า ย ท่ี มี ก า ร จั ด อ ง ค ก ร แ ล ะ วิ ธี พิ จ า ร ณ า สํ า ห รั บ
การวินิจฉยั ชีข้ าดสทิ ธิและหนา ท่ตี ามกฎหมาย
“เจาหนาที่” หมายความวา บุคคล คณะบุคคล หรือนิติบุคคล
ซ่ึ ง ใ ช อํ า น า จ ห รื อ ไ ด รั บ ม อ บ ใ ห ใ ช อํ า น า จ ท า ง ป ก ค ร อ ง ข อ ง รั ฐ ใ น ก า ร
ดําเนินการอยางหน่ึงอยางใดตามกฎหมาย ไมวาจะเปนการจัดต้ังข้ึน
ในระบบราชการ รฐั วิสาหกิจหรือกิจการอื่นของรัฐหรือไมกต็ าม
“คูก รณ”ี หมายความวา ผยู น่ื คาํ ขอหรือผูคัดคานคําขอ ผูอยูในบังคับ
หรอื จะอยูในบังคบั ของคําส่ังทางปกครอง และผซู ่งึ ไดเขามาในกระบวนการ
พจิ ารณาทางปกครองเนื่องจากสทิ ธิของผูน ัน้ จะถกู กระทบกระเทอื นจากผล
ของคาํ สัง่ ทางปกครอง
มาตรา ๖ ใหน ายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และ
ใหมีอํานาจออกกฎกระทรวงและประกาศ เพื่อปฏิบัติการตาม
พระราชบัญญัตนิ ี้
กฎกระทรวงและประกาศนัน้ เมอ่ื ประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาแลว
ใหใชบงั คบั ได
5
หมวด ๑
คณะกรรมการวิธปี ฏบิ ตั ริ าชการทางปกครอง
มาตรา ๗ ใหมีคณะกรรมการคณะหน่ึงเรียกวา “คณะกรรมการ
วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง” ประกอบดวยประธานกรรมการคนหนึ่ง
ปลดั สํานกั นายกรัฐมนตรี ปลัดกระทรวงมหาดไทย เลขาธิการคณะรัฐมนตรี
เลขาธิการคณะกรรมการขาราชการพลเรือน เลขาธิการคณะกรรมการ
กฤษฎกี า และผทู รงคณุ วุฒอิ กี ไมน อ ยกวาหาคนแตไ มเกนิ เกาคนเปนกรรมการ
ใ ห ค ณ ะ รั ฐ ม น ต รี แ ต ง ตั้ ง ป ร ะ ธ า น ก ร ร ม ก า ร แ ล ะ ก ร ร ม ก า ร
ผูทรงคุณวุฒิ โดยแตงตั้งจากผูซ่ึงมีความเช่ียวชาญในทางนิติศาสตร
รัฐประศาสนศาสตร รัฐศาสตร สังคมศาสตร หรือการบริหารราชการ
แผนดนิ แตผนู ัน้ ตอ งไมเปน ผดู ํารงตําแหนงทางการเมอื ง
ใหเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาแตงตั้งขาราชการของ
สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี าเปน เลขานกุ ารและผูชวยเลขานุการ
มาตรา ๘ ใหก รรมการซ่งึ คณะรฐั มนตรแี ตง ตง้ั มีวาระดาํ รงตาํ แหนง
คราวละสามป กรรมการซึ่งพนจากตําแหนง อาจไดรับแตงต้งั อีกได
ในกรณีที่กรรมการพนจากตําแหนงตามวาระ แตยังมิไดแตงต้ัง
กรรมการใหม ใหก รรมการน้ันปฏิบตั ิหนาท่ีไปพลางกอนจนกวา จะไดแตง ตง้ั
กรรมการใหม
มาตรา ๙ นอกจากการพนจากตําแหนงตามวาระตามมาตรา ๘
กรรมการซ่ึงคณะรัฐมนตรีแตงตั้งพนจากตําแหนงเมื่อคณะรัฐมนตรีมีมติ
ใหออกหรอื เม่ือมีเหตหุ น่งึ เหตใุ ดตามมาตรา ๗๖
6
มาตรา ๑๐ ให้สานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทาหน้าที่เป็น
สานักงานเลขานุการของคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
รับผิดชอบงานธุรการ งานประชุม การศึกษาหาข้อมูลและกิจการต่าง ๆ
ทเ่ี กยี่ วกับงานของคณะกรรมการวิธีปฏิบตั ริ าชการทางปกครอง
มาตรา ๑๑ คณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองมีอานาจ
หน้าที่ ดงั ตอ่ ไปน้ี
(๑) สอดส่องดูแลและให้คาแนะนาเก่ียวกับการดาเนินงาน
ของเจ้าหนา้ ที่ในการปฏบิ ตั ติ ามพระราชบัญญัตนิ ี้
(๒) ให้คาปรึกษาแก่เจ้าหน้าท่ีเกี่ยวกับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติน้ี
ตามที่บุคคลดังกล่าวร้องขอ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการ
วิธีปฏบิ ตั ริ าชการทางปกครองกาหนด
(๓) มีหนังสือเรียกให้เจ้าหน้าที่หรือบุคคลอ่ืนใดมาชี้แจงหรือ
แสดงความเห็นประกอบการพิจารณาได้
(๔) เสนอแนะในการตราพระราชกฤษฎีกาและการออกกฎกระทรวง
หรอื ประกาศตามพระราชบัญญตั นิ ้ี
(๕) จัดทารายงานเกี่ยวกับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้เสนอ
คณะรัฐมนตรีเป็นครั้งคราวตามความเหมาะสมแต่อย่างน้อยปีละหน่ึงคร้ัง
เพ่ือพัฒนาและปรับปรุงการปฏิบัติราชการทางปกครองให้เป็นไปโดย
มคี วามเปน็ ธรรมและมีประสทิ ธิภาพยงิ่ ขน้ึ
(๖) เรื่องอื่นตามท่คี ณะรัฐมนตรหี รือนายกรัฐมนตรมี อบหมาย
7
หมวด ๒
คาสั่งทางปกครอง
ส่วนที่ ๑
เจ้าหน้าที่
มาตรา ๑๒ คาสั่งทางปกครองจะต้องกระทาโดยเจ้าหน้าท่ี
ซึ่งมีอานาจหน้าที่ในเรื่องนั้น
มาตรา ๑๓ เจ้าหน้าทีด่ งั ต่อไปน้ีจะทาการพิจารณาทางปกครองไม่ได้
(๑) เปน็ คกู่ รณเี อง
(๒) เปน็ คู่หมั้นหรอื คู่สมรสของค่กู รณี
(๓) เป็นญาติของคู่กรณี คือ เป็นบุพการีหรือผู้สืบสันดานไม่ว่า
ช้นั ใด ๆ หรือเป็นพ่นี อ้ งหรอื ลูกพ่ลี กู นอ้ งนับได้เพียงภายในสามช้ัน หรือเป็นญาติ
เกย่ี วพนั ทางแต่งงานนบั ได้เพียงสองช้ัน
(๔) เป็นหรือเคยเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมหรือผู้พิทักษ์หรือผู้แทน
หรือตวั แทนของคกู่ รณี
(๕) เป็นเจา้ หนีห้ รือลูกหน้ี หรอื เป็นนายจ้างของคูก่ รณี
(๖) กรณีอ่นื ตามที่กาหนดในกฎกระทรวง
มาตรา ๑๔ เมื่อมีกรณีตามมาตรา ๑๓ หรือคู่กรณีคัดค้านว่า
เจา้ หนา้ ทผี่ ู้ใดเปน็ บคุ คลตามมาตรา ๑๓ ให้เจ้าหน้าท่ีผู้นั้นหยุดการพิจารณา
8
เรื่องไว้ก่อน และแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาเหนือตนข้ึนไปชั้นหนึ่งทราบ
เพ่ือทผี่ ู้บังคับบัญชาดงั กล่าวจะไดม้ คี าสงั่ ต่อไป
การยื่นคาคดั ค้าน การพิจารณาคาคัดค้าน และการสั่งให้เจ้าหน้าที่อ่ืน
เข้าปฏิบัติหน้าที่แทนผู้ที่ถูกคัดค้านให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการ
ทีก่ าหนดในกฎกระทรวง
มาตรา ๑๕ เม่ือมีกรณีตามมาตรา ๑๓ หรือคู่กรณีคัดค้าน
ว่ากรรมการในคณะกรรมการที่มีอานาจพิจารณาทางปกครองคณะใด
มีลักษณะดังกล่าว ให้ประธานกรรมการเรียกประชุมคณะกรรมการ
เพื่อพิจารณาเหตุคัดค้านน้ัน ในการประชุมดังกล่าวกรรมการผู้ถูกคัดค้าน
เมือ่ ได้ช้แี จงข้อเท็จจรงิ และตอบขอ้ ซักถามแลว้ ตอ้ งออกจากท่ปี ระชมุ
ถ้ า ค ณ ะ ก ร ร ม ก า ร ที่ มี อ า น า จ พิ จ า ร ณ า ท า ง ป ก ค ร อ ง ค ณ ะ ใ ด
มีผู้ถูกคัดค้านในระหว่างท่ีกรรมการผู้ถูกคัดค้านต้องออกจากท่ีประชุม
ใหถ้ อื วา่ คณะกรรมการคณะนั้นประกอบด้วยกรรมการทุกคนทไ่ี ม่ถูกคดั ค้าน
ถ้าท่ีประชุมมีมติให้กรรมการผู้ถูกคัดค้านปฏิบัติหน้าท่ีต่อไป
ด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของกรรมการท่ีไม่ถูกคัดค้าน
ก็ให้กรรมการผู้น้ันปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ มติดังกล่าวให้กระทาโดย
วิธลี งคะแนนลบั และให้เปน็ ท่สี ดุ
การย่ืนคาคัดค้านและการพิจารณาคาคัดค้านให้เป็นไปตาม
หลกั เกณฑแ์ ละวธิ ีการที่กาหนดในกฎกระทรวง
มาตรา ๑๖ ในกรณีมีเหตุอื่นใดนอกจากท่ีบัญญัติไว้ในมาตรา ๑๓
เกี่ยวกับเจ้าหน้าที่หรือกรรมการในคณะกรรมการที่มีอานาจพิจารณา
ทางปกครองซึ่งมีสภาพร้ายแรงอันอาจทาให้การพิจารณาทางปกครอง
9
ไมเ ปน กลาง เจา หนาท่หี รอื กรรมการผูน้ันจะทําการพิจารณาทางปกครอง
ในเรอ่ื งน้ันไมได
ในกรณตี ามวรรคหนงึ่ ใหดําเนินการ ดังน้ี
(๑) ถา ผูน้ันเหน็ เองวา ตนมีกรณีดังกลาว ใหผูน้ันหยุดการพิจารณา
เร่ืองไวกอนและแจงใหผูบังคับบัญชาเหนือตนข้ึนไปชั้นหนึ่งหรือประธาน
กรรมการทราบ แลวแตก รณี
(๒) ถา มคี ูกรณีคดั คานวาผูนั้นมเี หตดุ งั กลา ว หากผูนน้ั เห็นวา ตนไมม ี
เหตตุ ามทค่ี ัดคา นนั้น ผนู ้นั จะทาํ การพิจารณาเรื่องตอไปก็ไดแตตองแจงให
ผู บั ง คั บ บั ญ ช า เ ห นื อ ต น ข้ึ น ไ ป ช้ั น ห นึ่ ง ห รื อ ป ร ะ ธ า น ก ร ร ม ก า ร ท ร า บ
แลว แตก รณี
(๓) ใหผูบังคับบัญชาของผูนั้นหรือคณะกรรมการท่ีมีอํานาจ
พจิ ารณาทางปกครองซึง่ ผูนัน้ เปนกรรมการอยมู ีคาํ สง่ั หรอื มีมติโดยไมชักชา
แลวแตกรณวี าผนู ัน้ มอี าํ นาจในการพิจารณาทางปกครองในเรือ่ งนน้ั หรอื ไม
ใหนําบทบัญญัติมาตรา ๑๔ วรรคสอง และมาตรา ๑๕ วรรคสอง
วรรคสาม และวรรคสม่ี าใชบ งั คบั โดยอนโุ ลม
มาตรา ๑๗ การกระทําใด ๆ ของเจาหนาที่หรือกรรมการใน
คณะกรรมการที่มีอํานาจพิจารณาทางปกครองท่ีไดกระทําไปกอนหยุด
การพิจารณาตามมาตรา ๑๔ และมาตรา ๑๖ ยอมไมเสียไป เวนแต
เจาหนาท่ีผูเขาปฏิบัติหนาท่ีแทนผูถูกคัดคานหรือคณะกรรมการที่มีอํานาจ
พิจารณาทางปกครอง แลวแตกรณี จะเห็นสมควรดําเนินการสวนหน่ึงสวนใด
เสยี ใหมกไ็ ด
10
มาตรา ๑๘ บทบัญญัติมาตรา ๑๓ ถึงมาตรา ๑๖ ไมใหนํามาใช
บังคับกับกรณีท่ีมีความจําเปนเรงดวน หากปลอยใหลาชาไปจะเสียหาย
ตอ ประโยชนสาธารณะหรอื สทิ ธขิ องบุคคลจะเสียหายโดยไมมีทางแกไขได
หรอื ไมมเี จา หนา ทีอ่ น่ื ปฏิบัติหนาทีแ่ ทนผูน้นั ได
มาตรา ๑๙ ถาปรากฏภายหลังวาเจาหนาท่ีหรือกรรมการ
ในคณะกรรมการท่ีมีอํานาจพิจารณาทางปกครองใดขาดคุณสมบัติหรือ
มลี กั ษณะตอ งหามหรือการแตงต้งั ไมชอบดวยกฎหมาย อันเปนเหตุใหผูนั้น
ตองพนจากตําแหนง การพนจากตําแหนงเชนวาน้ีไมกระทบกระเทือน
ถงึ การใดทผี่ นู น้ั ไดปฏิบัติไปตามอาํ นาจหนาท่ี
มาตรา ๒๐ ผูบังคับบัญชาเหนือตนขึ้นไปช้ันหนึ่งตามมาตรา ๑๔
และมาตรา ๑๖ ใหหมายความรวมถึง ผูซ่ึงกฎหมายกําหนดใหมีอํานาจ
กํากับหรือควบคุมดูแลสําหรับกรณีของเจาหนาที่ที่ไมมีผูบังคับบัญชา
โดยตรง และนายกรฐั มนตรสี าํ หรบั กรณที เี่ จา หนา ท่ผี นู ้ันเปน รฐั มนตรี
สว นท่ี ๒
คกู รณี
มาตรา ๒๑ บุคคลธรรมดา คณะบุคคล หรือนิติบุคคล อาจเปน
คู ก ร ณี ใ น ก า ร พิ จ า ร ณ า ท า ง ป ก ค ร อ ง ไ ด ต า ม ข อ บ เ ข ต ที่ สิ ท ธิ ข อ ง ต น
ถูกกระทบกระเทือนหรอื อาจถูกกระทบกระเทือนโดยมิอาจหลกี เล่ยี งได
11
มาตรา ๒๒ ผมู ีความสามารถกระทําการในกระบวนการพิจารณา
ทางปกครองได จะตอ งเปน
(๑) ผูซงึ่ บรรลุนิตภิ าวะ
(๒) ผซู ึง่ มบี ทกฎหมายเฉพาะกําหนดใหมีความสามารถกระทําการ
ในเรื่องที่กําหนดได แมผูนั้นจะยังไมบรรลุนิติภาวะหรือความสามารถ
ถูกจํากัดตามประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ย
(๓) นิติบุคคลหรือคณะบุคคลตามมาตรา ๒๑ โดยผูแทนหรือ
ตัวแทน แลวแตก รณี
(๔) ผูซึ่งมีประกาศของนายกรัฐมนตรีหรือผูซึ่งนายกรัฐมนตรี
มอบหมายในราชกิจจานุเบกษากาํ หนดใหมคี วามสามารถกระทําการในเรอ่ื ง
ที่กําหนดได แมผูน้ันจะยังไมบรรลุนิติภาวะหรือความสามารถถูกจํากัด
ตามประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ย
มาตรา ๒๓ ในการพิจารณาทางปกครองที่คกู รณีตองมาปรากฏตวั
ตอหนาเจาหนาที่ คูกรณีมีสิทธินําทนายความหรือที่ปรึกษาของตนเขามา
ในการพิจารณาทางปกครองได
การใดที่ทนายความหรือท่ีปรึกษาไดทําลงตอหนาคูกรณีใหถือวา
เปนการกระทําของคกู รณี เวนแตค กู รณจี ะไดคดั คานเสยี แตในขณะนั้น
มาตรา ๒๔ คูกรณีอาจมีหนังสือแตงตั้งใหบุคคลหน่ึงบุคคลใดซ่ึง
บ ร ร ลุ นิ ติ ภ า ว ะ ก ร ะ ทํ า ก า ร อ ย า ง ห น่ึ ง อ ย า ง ใ ด ต า ม ท่ี กํ า ห น ด แ ท น ต น
ในกระบวนการพจิ ารณาทางปกครองใด ๆ ได ในการน้ีเจาหนาท่ีจะดําเนิน
กระบวนพิจารณาทางปกครองกับตัวคูกรณีไดเฉพาะเมื่อเปนเรื่องที่ผูน้ัน
มีหนาท่ีโดยตรงท่ีจะตองทําการน้ันดวยตนเองและตองแจงใหผูไดรับการ
แตงต้งั ใหก ระทาํ การแทนทราบดว ย
12
หากปรากฏวาผูไดรับการแตงตั้งใหกระทําการแทนผูใดไมทราบ
ขอเท็จจริงในเรื่องน้ันเพียงพอหรือมีเหตุไมควรไววางใจในความสามารถ
ของบุคคลดงั กลา วใหเ จาหนา ทีแ่ จงใหคูกรณีทราบโดยไมชักชา
การแตงตั้งใหกระทําการแทนไมถือวาสิ้นสุดลงเพราะความตาย
ของคูกรณีหรือการที่ความสามารถหรือความเปนผูแทนของคูกรณี
เปลี่ยนแปลงไป เวน แตผ ูส บื สิทธิตามกฎหมายของคกู รณีหรอื คูกรณีจะถอน
การแตงตง้ั ดงั กลาว
มาตรา ๒๕ ในกรณีท่ีมีการย่ืนคําขอโดยมีผูลงช่ือรวมกัน
เกนิ หาสบิ คนหรอื มคี ูกรณีเกินหาสิบคนยื่นคําขอที่มีขอความอยางเดียวกัน
หรือทํานองเดียวกนั ถาในคาํ ขอมกี ารระบุใหบ คุ คลใดเปนตัวแทนของบคุ คล
ดังกลาวหรือมขี อ ความเปน ปริยายใหเ ขาใจไดเ ชนนัน้ ใหถ อื วา ผูท ถ่ี กู ระบุชื่อ
ดังกลาวเปน ตัวแทนรว มของคกู รณเี หลา นน้ั
ในกรณีที่มีคูกรณีเกินหาสิบคนยื่นคําขอใหมีคําสั่งทางปกครอง
ในเรื่องเดียวกัน โดยไมมีการกําหนดใหบุคคลใดเปนตัวแทนรวมของตน
ตามวรรคหนึ่ง ใหเจาหนาท่ีในเร่ืองนั้นแตงตั้งบุคคลท่ีคูกรณีฝายขางมาก
เห็นชอบเปนตัวแทนรวมของบุคคลดังกลาว ในกรณีนี้ใหนํามาตรา ๒๔
วรรคสอง และวรรคสาม มาใชบงั คบั โดยอนโุ ลม
ตวั แทนรวมตามวรรคหน่ึงหรือวรรคสองตองเปน บุคคลธรรมดา
คูกรณจี ะบอกเลกิ การใหตัวแทนรวมดําเนินการแทนตนเมื่อใดก็ได
แตต องมหี นงั สือแจง ใหเ จาหนา ที่ทราบและดําเนินการใด ๆ ในกระบวนการ
พจิ ารณาทางปกครองตอไปดวยตนเอง
ตวั แทนรว มจะบอกเลิกการเปน ตวั แทนเมอ่ื ใดก็ได แตตองมีหนังสือ
แจง ใหเจา หนา ทท่ี ราบกับตองแจง ใหค ูก รณที ุกรายทราบดวย
13
สวนท่ี ๓
การพิจารณา
มาตรา ๒๖ เอกสารที่ยื่นตอเจาหนาท่ีใหจัดทําเปนภาษาไทย
ถาเปนเอกสารที่ทําขึ้นเปนภาษาตางประเทศ ใหคูกรณีจัดทําคําแปลเปน
ภาษาไทยท่ีมีการรับรองความถูกตองมาใหภายในระยะเวลาท่ีเจาหนาที่
กําหนด ในกรณีน้ีใหถือวาเอกสารดังกลาวไดยื่นตอเจาหนาที่ในวันที่
เจาหนาที่ไดรับคําแปลน้ัน เวนแตเจาหนาท่ีจะยอมรับเอกสารท่ีทําขึ้น
เปน ภาษาตางประเทศ และในกรณีนใี้ หถ อื วา วันท่ไี ดย่นื เอกสารฉบบั ทที่ ําขึ้น
เปนภาษาตา งประเทศเปน วันท่เี จาหนาทไ่ี ดรบั เอกสารดงั กลาว
การรบั รองความถกู ตองของคําแปลเปนภาษาไทยหรือการยอมรับ
เอกสารท่ีทําขนึ้ เปนภาษาตา งประเทศ ใหเ ปนไปตามหลกั เกณฑและวิธีการ
ทก่ี ําหนดในกฎกระทรวง
มาตรา ๒๗๒ ใหเจาหนาที่แจงสิทธิและหนาท่ีในกระบวนการ
2
พิจารณาทางปกครองใหค ูกรณที ราบตามความจาํ เปน แกก รณี
เมอ่ื มีผยู ่นื คาํ ขอเพ่อื ใหเ จาหนา ท่ีมีคําส่ังทางปกครอง ใหเปนหนาท่ี
ของเจาหนาท่ีผูรับคําขอที่จะตองดําเนินการตรวจสอบความถูกตอง
ของคําขอและความครบถวนของเอกสาร บรรดาท่ีมีกฎหมายหรือกฎ
กําหนดใหตองย่ืนมาพรอมกับคําขอ หากคําขอไมถูกตอง ใหเจาหนาท่ี
ดังกลาวแนะนําใหผูย่ืนคําขอดําเนินการแกไขเพ่ิมเติมเสียใหถูกตอง และ
หากมีเอกสารใดไมครบถวนใหแจงใหผูย่ืนคําขอทราบทันทีหรือภายใน
๒ ความในมาตรา ๒๗ แกไขเพ่ิมเติมโดยมาตรา ๓ แหงพระราชบัญญัติ
วิธีปฏิบตั ริ าชการทางปกครอง (ฉบับที่ ๒1)4พ.ศ. ๒๕๕๗
ไมเกินเจ็ดวันนับแตวันที่ไดรับคําขอ ในการแจงดังกลาวใหเจาหนาที่
ทําเปนหนังสือลงลายมือชื่อของผูรับคําขอและระบุรายการเอกสาร
ท่ีไมถูกตองหรือยังไมครบถวนใหผูย่ืนคําขอทราบพรอมท้ังบันทึกการแจง
ดงั กลาวไวใ นกระบวนพิจารณาจดั ทาํ คําสงั่ ทางปกครองน้นั ดว ย
เมอ่ื ผูยน่ื คาํ ขอไดแกไ ขคําขอหรอื จัดสงเอกสารตามทรี่ ะบใุ นการแจง
ตามวรรคสองครบถวนแลวเจาหนาที่จะปฏิเสธไมดําเนินการตามคําขอ
เพราะเหตยุ ังขาดเอกสารอกี มไิ ด เวน แตม คี วามจําเปนเพ่ือปฏิบัติใหถูกตอง
ตามกฎหมายหรือกฎและไดรับความเห็นชอบจากผูบังคับบัญชาเหนือตน
ขึ้นไปชั้นหน่ึงตามมาตรา ๒๐ ในกรณีเชนนั้นใหผูบังคับบัญชาดังกลาว
ดําเนินการตรวจสอบขอเท็จจริงโดยพลัน หากเห็นวาเปนความบกพรอง
ของเจา หนา ที่ใหด ําเนนิ การทางวนิ ยั ตอไป
ผูย ่ืนคําขอตอ งดาํ เนินการแกไ ขหรือสงเอกสารเพ่มิ เตมิ ตอเจาหนาที่
ภายในเวลาท่ีเจาหนาที่กําหนดหรือภายในเวลาท่ีเจาหนาที่อนุญาต
ใหขยายออกไป เมื่อพนกําหนดเวลาดังกลาวแลว หากผูย่ืนคําขอไมแกไข
หรือสงเอกสารเพ่ิมเติมใหครบถวน ใหถือวาผูย่ืนคําขอไมประสงคท่ีจะให
เจา หนาทดี่ าํ เนนิ การตามคําขอตอ ไป ในกรณเี ชนนนั้ ใหเ จา หนา ท่ีสง เอกสาร
คืนใหผูยื่นคําขอพรอมทั้งแจงสิทธิในการอุทธรณใหผูย่ืนคําขอทราบ
และบันทึกการดําเนินการดงั กลาวไว
มาตรา ๒๘ ในการพิจารณาทางปกครอง เจาหนา ทีอ่ าจตรวจสอบ
ขอเท็จจริงไดตามความเหมาะสมในเร่ืองน้ัน ๆ โดยไมตองผูกพันอยูกับ
คาํ ขอหรือพยานหลักฐานของคูกรณี
มาตรา ๒๙ เจาหนาที่ตองพิจารณาพยานหลักฐานที่ตนเห็นวา
จาํ เปน แกการพิสจู นขอเท็จจรงิ ในการน้ี ใหร วมถึงการดาํ เนนิ การดังตอไปนี้
15
(๑) แสวงหาพยานหลกั ฐานทกุ อยา งท่เี กี่ยวขอ ง
(๒) รับฟงพยานหลักฐาน คําชี้แจง หรือความเห็นของคูกรณีหรือ
ของพยานบคุ คลหรือพยานผูเช่ียวชาญที่คูกรณีกลาวอาง เวนแตเจาหนาที่
เหน็ วา เปนการกลาวอา งทไ่ี มจ าํ เปน ฟมุ เฟอยหรือเพ่ือประวงิ เวลา
(๓) ขอขอ เท็จจรงิ หรอื ความเหน็ จากคกู รณี พยานบคุ คล หรือพยาน
ผูเชี่ยวชาญ
(๔) ขอใหผ ูครอบครองเอกสารสง เอกสารทเี่ กี่ยวขอ ง
(๕) ออกไปตรวจสถานท่ี
คูกรณีตองใหความรวมมือกับเจาหนาท่ีในการพิสูจนขอเท็จจริง
และมหี นาที่แจงพยานหลักฐานที่ตนทราบแกเ จา หนา ท่ี
พยานหรือพยานผูเช่ียวชาญท่ีเจาหนาท่ีเรียกมาใหถอยคําหรือ
ทําความเห็นมีสิทธิไดรับคาปวยการตามหลักเกณฑและวิธีการท่ีกําหนด
ในกฎกระทรวง
มาตรา ๓๐ ในกรณีที่คําส่ังทางปกครองอาจกระทบถึงสิทธิ
ของคูกรณี เจาหนาท่ีตองใหคูกรณีมีโอกาสท่ีจะไดทราบขอเท็จจริงอยาง
เพียงพอและมโี อกาสไดโตแยง และแสดงพยานหลักฐานของตน
ความในวรรคหน่ึงมิใหนํามาใชบังคับในกรณีดังตอไปนี้ เวนแต
เจาหนา ทจ่ี ะเหน็ สมควรปฏิบตั ิเปน อยางอ่นื
(๑) เม่ือมีความจําเปนรีบดวนหากปลอยใหเนิ่นชาไปจะกอใหเกิด
ความเสียหายอยางรายแรงแกผูหน่ึงผูใดหรือจะกระทบตอประโยชน
สาธารณะ
(๒) เมื่อจะมผี ลทาํ ใหร ะยะเวลาทกี่ ฎหมายหรือกฎกําหนดไวในการ
ทาํ คําส่ังทางปกครองตอ งลาชา ออกไป
16
(๓) เมื่อเป็นข้อเท็จจริงที่คู่กรณีนั้นเองได้ให้ไว้ในคาขอ คาให้การ
หรือคาแถลง
(๔) เมื่อโดยสภาพเห็นได้ชัดในตัวว่าการให้โอกาสดังกล่าวไม่อาจ
กระทาได้
(๕) เม่อื เป็นมาตรการบงั คับทางปกครอง
(๖) กรณีอ่นื ตามทกี่ าหนดในกฎกระทรวง
ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ให้โอกาสตามวรรคหนึ่ง ถ้าจะก่อให้เกิด
ผลเสยี หายอย่างรา้ ยแรงตอ่ ประโยชนส์ าธารณะ
มาตรา ๓๑ คู่กรณีมีสิทธิขอตรวจดูเอกสารที่จาเป็นต้องรู้
เพ่ือการโต้แย้งหรือชี้แจงหรือป้องกันสิทธิของตนได้ แต่ถ้ายังไม่ได้ทาคาสั่ง
ทางปกครองในเร่ืองน้ัน คู่กรณีไม่มีสิทธิขอตรวจดูเอกสารอันเป็นต้นร่าง
คาวนิ ิจฉยั
การตรวจดูเอกสาร ค่าใช้จ่ายในการตรวจดูเอกสาร หรือการจัดทา
สาเนาเอกสารให้เป็นไปตามหลกั เกณฑ์และวิธีการทก่ี าหนดในกฎกระทรวง
มาตรา ๓๒ เจ้าหน้าท่ีอาจไม่อนุญาตให้ตรวจดูเอกสารหรือ
พยานหลกั ฐานได้ ถา้ เป็นกรณที ี่ตอ้ งรักษาไว้เป็นความลับ
มาตรา ๓๓ เพ่ือประโยชน์ในการอานวยความสะดวกแก่ประชาชน
ค ว า ม ป ร ะ ห ยั ด แ ล ะ ค ว า ม มี ป ร ะ สิ ท ธิ ภ า พ ใ น ก า ร ด า เ นิ น ง า น ข อ ง รั ฐ
ให้คณะรัฐมนตรีวางระเบียบกาหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเพ่ือให้เจ้าหน้าที่
กาหนดเวลาสาหรับการพิจารณาทางปกครองข้ึนไว้ตามความเหมาะสม
แก่กรณี ทัง้ นี้ เทา่ ท่ไี มข่ ดั หรอื แย้งกับกฎหมายหรือกฎในเรอื่ งนนั้
17
ในกรณีที่การดาเนินงานในเร่ืองใดจะต้องผ่านการพิจารณา
ของเจ้าหน้าที่มากกว่าหนึ่งราย เจ้าหน้าท่ีที่เก่ียวข้องมีหน้าที่ต้องประสานงาน
กันในการกาหนดเวลาเพ่ือการดาเนินงานในเรื่องนั้น
ส่วนที่ ๔
รูปแบบและผลของคาสั่งทางปกครอง
มาตรา ๓๔ คาส่ังทางปกครองอาจทาเป็นหนังสือหรือวาจาหรือ
โดยการส่ือความหมายในรูปแบบอื่นก็ได้ แต่ต้องมีข้อความหรือความหมาย
ทช่ี ดั เจนเพยี งพอท่ีจะเขา้ ใจได้
มาตรา ๓๕ ในกรณีที่คาส่ังทางปกครองเป็นคาส่ังด้วยวาจา
ถ้าผู้รับคาสั่งน้ันร้องขอและการร้องขอได้กระทาโดยมีเหตุอันสมควรภายใน
เจ็ดวันนับแต่วันที่มีคาส่ังดังกล่าว เจ้าหน้าที่ผู้ออกคาส่ังต้องยืนยันคาส่ังน้ัน
เปน็ หนงั สือ
มาตรา ๓๖ คาสั่งทางปกครองที่ทาเป็นหนังสืออย่างน้อยต้องระบุ
วัน เดือน และปีท่ีทาคาส่ัง ช่ือและตาแหน่งของเจ้าหน้าท่ีผู้ทาคาส่ัง
พร้อมท้งั มีลายมอื ชอื่ ของเจา้ หน้าที่ผู้ทาคาสัง่ นั้น
มาตรา ๓๗ คาส่ังทางปกครองที่ทาเป็นหนังสือและการยืนยัน
คาสั่งทางปกครองเป็นหนังสือต้องจัดให้มีเหตุผลไว้ด้วย และเหตุผลน้ัน
อยา่ งนอ้ ยต้องประกอบด้วย
(๑) ข้อเทจ็ จริงอนั เปน็ สาระสาคัญ
18
(๒) ขอ กฎหมายทอ่ี างองิ
(๓) ขอพจิ ารณาและขอสนับสนนุ ในการใชด ุลพนิ ิจ
นายกรัฐมนตรีหรือผูซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบหมายอาจประกาศ
ในราชกจิ จานเุ บกษากาํ หนดใหคาํ ส่งั ทางปกครองกรณหี น่ึงกรณใี ดตองระบุ
เหตุผลไวใ นคาํ สั่งนั้นเองหรือในเอกสารแนบทายคําสั่งนนั้ ก็ได
บทบัญญตั ติ ามวรรคหนง่ึ ไมใชบงั คบั กบั กรณีดงั ตอไปน้ี
(๑) เปนกรณีท่ีมีผลตรงตามคําขอและไมกระทบสิทธิและหนาท่ี
ของบคุ คลอน่ื
(๒) เหตผุ ลนัน้ เปน ท่ีรูกนั อยแู ลวโดยไมจาํ ตองระบอุ ีก
(๓) เปน กรณีท่ตี องรักษาไวเปน ความลบั ตามมาตรา ๓๒
(๔) เปนการออกคาํ ส่งั ทางปกครองดวยวาจาหรือเปนกรณีเรงดวน
แตตอ งใหเหตุผลเปน ลายลักษณอ กั ษรในเวลาอนั ควรหากผูอยูในบังคับของ
คําส่ังนน้ั รองขอ
มาตรา ๓๘ บทบัญญตั ิตามมาตรา ๓๖ และมาตรา ๓๗ วรรคหนึ่ง
มิใหใชบังคับกับคําส่ังทางปกครองท่ีกําหนดในกฎกระทรวง ท้ังน้ี
ตามหลักเกณฑ วิธกี าร และเง่อื นไขทกี่ ําหนดในกฎกระทรวง
มาตรา ๓๙ การออกคําส่ังทางปกครองเจาหนาท่ีอาจกําหนด
เงื่อนไขใด ๆ ไดเ ทาทีจ่ ําเปน เพอื่ ใหบ รรลุวัตถุประสงคของกฎหมาย เวนแต
กฎหมายจะกาํ หนดขอจํากัดดลุ พินจิ เปนอยา งอ่นื
การกําหนดเง่อื นไขตามวรรคหน่งึ ใหหมายความรวมถงึ การกําหนด
เงอื่ นไขในกรณดี ังตอ ไปน้ี ตามความเหมาะสมแกก รณดี วย
(๑) การกําหนดใหสิทธิหรือภาระหนาท่ีเริ่มมีผลหรือส้ินผล ณ เวลาใด
เวลาหน่งึ
19
(๒) การกาํ หนดใหก ารเร่ิมมีผลหรือสิน้ ผลของสิทธิหรือภาระหนาที่
ตองขนึ้ อยูกับเหตุการณใ นอนาคตท่ีไมแนน อน
(๓) ขอสงวนสิทธิที่จะยกเลกิ คาํ สั่งทางปกครอง
(๔) การกําหนดใหผูไดรับประโยชนตองกระทําหรืองดเวนกระทํา
หรือตองมีภาระหนาท่ีหรือยอมรับภาระหนาที่หรือความรับผิดชอบ
บางประการ หรือการกําหนดขอความในการจัดใหมี เปลี่ยนแปลง หรือ
เพ่มิ ขอ กาํ หนดดงั กลา ว
มาตรา ๓๙/๑3๓ การออกคําส่ังทางปกครองเปนหนังสือในเรื่องใด
หากมิไดม ีกฎหมายหรอื กฎกาํ หนดระยะเวลาในการออกคําสั่งทางปกครอง
ในเรื่องนัน้ ไวเ ปนประการอ่ืน ใหเจาหนาที่ออกคําส่ังทางปกครองน้ันใหแลวเสร็จ
ภายในสามสิบวันนับแตวันที่เจาหนาที่ไดรับคําขอและเอกสารถูกตอง
ครบถวน
ใหเปนหนาท่ีของผูบังคับบัญชาชั้นเหนือขึ้นไปของเจาหนาที่
ท่ีจะกาํ กับดูแลใหเ จา หนา ทีด่ าํ เนนิ การใหเปนไปตามวรรคหนึ่ง
มาตรา ๔๐ คําสั่งทางปกครองที่อาจอุทธรณหรือโตแยงตอไปได
ใหระบกุ รณที ี่อาจอุทธรณหรือโตแยง การยื่นคาํ อทุ ธรณหรอื คําโตแยง และ
ระยะเวลาสาํ หรับการอทุ ธรณหรือการโตแ ยง ดงั กลาวไวดวย
ในกรณีท่ีมีการฝาฝนบทบญั ญตั ติ ามวรรคหนึง่ ใหระยะเวลาสําหรับ
การอุทธรณหรือการโตแยงเริ่มนับใหมตั้งแตวันที่ไดรับแจงหลักเกณฑ
ตามวรรคหนึ่ง แตถาไมมีการแจงใหมและระยะเวลาดังกลาวมีระยะเวลา
สนั้ กวา หนง่ึ ป ใหขยายเปนหนึ่งปนับแตว ันท่ีไดรบั คําสัง่ ทางปกครอง
๓ ความในมาตรา ๓๙/๑ เพ่ิมโดยมาตรา ๔ แหงพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติ
ราชการทางปกครอง (ฉบบั ที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗
20
มาตรา ๔๑ คาส่ังทางปกครองท่ีออกโดยการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติ
ตามหลักเกณฑด์ งั ตอ่ ไปน้ี ไมเ่ ป็นเหตุให้คาสงั่ ทางปกครองนั้นไมส่ มบูรณ์
(๑) การออกคาสั่งทางปกครองโดยยังไม่มีผู้ย่ืนคาขอในกรณีท่ี
เจ้าหน้าท่ีจะดาเนินการเองไม่ได้นอกจากจะมีผู้ยื่นคาขอ ถ้าต่อมา
ในภายหลงั ไดม้ กี ารย่ืนคาขอเช่นนั้นแลว้
(๒) คาส่ังทางปกครองท่ีต้องจัดให้มีเหตุผลตามมาตรา ๓๗
วรรคหน่ึง ถา้ ไดม้ ีการจัดให้มีเหตผุ ลดงั กล่าวในภายหลัง
(๓) การรับฟังคู่กรณีท่ีจาเป็นต้องกระทาได้ดาเนินการมา
โดยไม่สมบูรณ์ ถา้ ได้มีการรับฟงั ให้สมบูรณใ์ นภายหลงั
(๔) คาส่ังทางปกครองท่ีต้องให้เจ้าหน้าท่ีอ่ืนให้ความเห็นชอบก่อน
ถ้าเจ้าหนา้ ทนี่ ัน้ ได้ให้ความเห็นชอบในภายหลัง
เม่ือมีการดาเนินการตามวรรคหนึ่ง (๑) (๒) (๓) หรือ (๔) แล้ว และ
เจ้าหน้าที่ผู้มีคาส่ังทางปกครองประสงค์ให้ผลเป็นไปตามคาสั่งเดิม
ใหเ้ จ้าหนา้ ท่ีผู้น้ันบันทึกข้อเท็จจริงและความประสงค์ของตนไว้ในหรือแนบไว้
กับคาสั่งเดมิ และตอ้ งมหี นังสือแจง้ ความประสงค์ของตนใหค้ กู่ รณที ราบดว้ ย
กรณีตาม (๒) (๓) และ (๔) จะต้องกระทาก่อนส้ินสุดกระบวนการ
พจิ ารณาอทุ ธรณต์ ามส่วนท่ี ๕ ของหมวดน้ี หรือตามกฎหมายเฉพาะว่าด้วย
การนั้น หรือถ้าเป็นกรณีท่ีไม่ต้องมีการอุทธรณ์ดังกล่าวก็ต้องก่อนมีการ
นาคาส่ังทางปกครองไปสู่การพิจารณาของผู้มีอานาจพิจารณาวินิจฉัย
ความถูกตอ้ งของคาสงั่ ทางปกครองน้ัน
มาตรา ๔๒ คาส่ังทางปกครองให้มีผลใช้ยันต่อบุคคลตั้งแต่ขณะท่ี
ผนู้ ้นั ได้รบั แจง้ เป็นต้นไป
คาส่ังทางปกครองย่อมมีผลตราบเท่าท่ียังไม่มีการเพิกถอนหรือ
ส้นิ ผลลงโดยเงื่อนเวลาหรือโดยเหตอุ ่ืน
21
เม่ือคําสั่งทางปกครองส้ินผลลง ใหเจาหนาที่มีอํานาจเรียก
ผูซ่ึงครอบครองเอกสารหรือวัตถุอื่นใดที่ไดจัดทําข้ึนเนื่องในการมีคําส่ัง
ทางปกครองดังกลาว ซ่ึงมีขอความหรือเครื่องหมายแสดงถึงการมีอยูของ
คําสั่งทางปกครองนั้น ใหสงคืนสิ่งนั้นหรือใหนําส่ิงของดังกลาวอันเปน
กรรมสิทธ์ิของผูนั้นมาใหเจาหนาที่จัดทําเคร่ืองหมายแสดงการส้ินผลของ
คาํ สง่ั ทางปกครองดงั กลาวได
มาตรา ๔๓ คาํ สง่ั ทางปกครองท่ีมีขอ ผิดพลาดเลก็ นอยหรอื ผดิ หลง
เล็กนอยนน้ั เจา หนา ท่ีอาจแกไ ขเพ่มิ เติมไดเสมอ
ในการแกไขเพิ่มเติมคําสั่งทางปกครองตามวรรคหน่ึงใหแจงให
ผูท่ีเกี่ยวของทราบตามควรแกกรณี ในการนี้เจาหนาที่อาจเรียกให
ผูทเ่ี ก่ยี วของจัดสงคําส่ังทางปกครอง เอกสารหรือวัตถุอ่ืนใดที่ไดจัดทําข้ึน
เน่อื งในการมีคาํ สง่ั ทางปกครองดงั กลาวมาเพ่อื การแกไขเพ่มิ เตมิ ได
สว นที่ ๕
การอุทธรณค ําสงั่ ทางปกครอง
มาตรา ๔๔ ภายใตบงั คับมาตรา ๔๘ ในกรณที ่ีคําส่ังทางปกครองใด
ไมไ ดอ อกโดยรฐั มนตรี และไมมกี ฎหมายกําหนดขน้ั ตอนอุทธรณภายในฝาย
ปกครองไวเปนการเฉพาะ ใหคูกรณีอุทธรณคําสั่งทางปกครองนั้น
โดยยื่นตอเจาหนาที่ผูทําคําส่ังทางปกครองภายในสิบหาวันนับแตวันที่ตน
ไดร บั แจง คําส่ังดงั กลา ว
คําอุทธรณตองทําเปนหนงั สอื โดยระบขุ อ โตแ ยงและขอเทจ็ จริงหรือ
ขอ กฎหมายท่ีอา งองิ ประกอบดวย
22
การอุทธรณไมเปนเหตุใหทุเลาการบังคับตามคําสั่งทางปกครอง
เวน แตจะมีการส่งั ใหทุเลาการบังคับตามมาตรา ๖๓/๒ วรรคหนงึ่ 4๔
มาตรา ๔๕ ใหเจาหนาที่ตามมาตรา ๔๔ วรรคหน่ึง พิจารณา
คําอุทธรณและแจงผูอุทธรณโดยไมชักชา แตตองไมเกินสามสิบวันนับแต
วันท่ีไดรับอุทธรณ ในกรณีท่ีเห็นดวยกับคําอุทธรณไมวาท้ังหมดหรือ
บางสวนก็ใหดําเนินการเปลี่ยนแปลงคําสั่งทางปกครองตามความเห็น
ของตนภายในกําหนดเวลาดังกลา วดวย
ถาเจาหนาท่ีตามมาตรา ๔๔ วรรคหนึ่ง ไมเห็นดวยกับคําอุทธรณ
ไมวาท้ังหมดหรือบางสวนก็ใหเรงรายงานความเห็นพรอมเหตุผลไปยัง
ผู มี อํ า น า จ พิ จ า ร ณ า คํ า อุ ท ธ ร ณ ภ า ย ใ น กํ า ห น ด เ ว ล า ต า ม ว ร ร ค ห นึ่ ง
ใหผูมีอํานาจพิจารณาคําอุทธรณพิจารณาใหแลวเสร็จภายในสามสิบวัน
นับแตวันท่ีตนไดรับรายงาน ถามีเหตุจําเปนไมอาจพิจารณาใหแลวเสร็จ
ภายในระยะเวลาดังกลาว ใหผูมีอํานาจพิจารณาอุทธรณมีหนังสือแจงให
ผูอุทธรณท ราบกอนครบกาํ หนดเวลาดังกลา ว ในการน้ี ใหขยายระยะเวลา
พิจารณาอุทธรณออกไปไดไมเกินสามสิบวันนับแตวันที่ครบกําหนดเวลา
ดงั กลา ว
เจาหนาที่ผูใดจะเปนผูมีอํานาจพิจารณาอุทธรณตามวรรคสอง
ใหเ ปน ไปตามทกี่ ําหนดในกฎกระทรวง
บทบัญญัติมาตราน้ีไมใชกับกรณีท่ีมีกฎหมายเฉพาะกําหนดไว
เปนอยางอืน่
๔ ความในมาตรา ๔๔ วรรคสาม แกไขเพ่ิมเติมโดยมาตรา ๓ แหง
พระราชบัญญตั วิ ธิ ปี ฏิบัติราชการทางปกครอง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒
23
มาตรา ๔๖ ในการพจิ ารณาอุทธรณ ใหเ จาหนา ทีพ่ ิจารณาทบทวน
คําสั่งทางปกครองไดไมวาจะเปนปญหาขอเท็จจริง ขอกฎหมาย หรือ
ความเหมาะสมของการทําคาํ ส่ังทางปกครอง และอาจมคี าํ ส่ังเพกิ ถอนคําสงั่
ทางปกครองเดิมหรือเปล่ียนแปลงคําสั่งนั้นไปในทางใด ทั้งนี้ ไมวาจะเปน
การเพิ่มภาระหรอื ลดภาระหรือใชดุลพินิจแทนในเรื่องความเหมาะสมของ
การทาํ คําส่ังทางปกครองหรือมขี อกําหนดเปนเงื่อนไขอยา งไรก็ได
มาตรา ๔๗ การใดที่กฎหมายกําหนดใหอุทธรณตอเจาหนาที่
ซง่ึ เปนคณะกรรมการ ขอบเขตการพจิ ารณาอุทธรณใ หเปน ไปตามกฎหมาย
วาดวยการนั้น สําหรับกระบวนการพิจารณาใหปฏิบัติตามบทบัญญัติ
หมวด ๒ น้ี เทา ที่ไมข ัดหรือแยง กับกฎหมายดงั กลาว
มาตรา ๔๘ คําสั่งทางปกครองของบรรดาคณะกรรมการตาง ๆ
ไมวาจะจัดตั้งข้ึ นตามกฎหมาย หรือไม ใหคูก รณีมีสิทธิโตแย ง
ตอคณะกรรมการวินิจฉัยรองทุกขตามกฎหมายวาดวยคณะกรรมการ
กฤษฎีกาไดท งั้ ในปญหาขอเทจ็ จริงและขอ กฎหมาย ภายในเกา สิบวนั นับแต
วันท่ีไดรับแจงคําสั่งน้ัน แตถาคณะกรรมการดังกลาวเปนคณะกรรมการ
วนิ ิจฉยั ขอ พพิ าท สทิ ธกิ ารอุทธรณและกําหนดเวลาอทุ ธรณ ใหเปนไปตามที่
บัญญัติในกฎหมายวา ดว ยคณะกรรมการกฤษฎีกา
สว นท่ี ๖
การเพกิ ถอนคําสัง่ ทางปกครอง
24
มาตรา ๔๙ เจา หนา ท่ีหรือผูบังคับบัญชาของเจาหนาท่ีอาจเพิกถอน
คาํ ส่ังทางปกครองไดต ามหลักเกณฑในมาตรา ๕๑ มาตรา ๕๒ และมาตรา
๕๓ ไมวาจะพนขน้ั ตอนการกาํ หนดใหอ ุทธรณหรือใหโตแยง ตามกฎหมายนี้
หรือกฎหมายอน่ื มาแลวหรือไม
การเพิกถอนคําสั่งทางปกครองท่ีมีลักษณะเปนการใหประโยชน
ตองกระทําภายในเกาสิบวันนับแตไดรูถึงเหตุท่ีจะใหเพิกถอนคําสั่ง
ทางปกครองนั้น เวนแตคําส่ังทางปกครองจะไดทําข้ึนเพราะการแสดง
ขอความอนั เปน เท็จหรือปกปดขอ ความจริงซงึ่ ควรบอกใหแ จงหรือการขมขู
ห รื อ ก า ร ชั ก จู ง ใ จ โ ด ย ก า ร ใ ห ท รั พ ย สิ น ห รื อ ป ร ะ โ ย ช น อื่ น ใ ด ที่ มิ ช อ บ
ดว ยกฎหมาย
มาตรา ๕๐ คําสงั่ ทางปกครองทไี่ มช อบดวยกฎหมายอาจถูกเพิกถอน
ทั้งหมดหรือบางสวน โดยจะใหมีผลยอนหลังหรือไมยอนหลังหรือ
มีผลในอนาคตไปถึงขณะใดขณะหน่ึงตามที่กําหนดได แตถาคําส่ังน้ัน
เปนคําส่ังซึ่งเปนการใหประโยชนแกผูรับ การเพิกถอนตองเปนไปตาม
บทบญั ญัติมาตรา ๕๑ และมาตรา ๕๒
มาตรา ๕๑ การเพกิ ถอนคําสั่งทางปกครองทีไ่ มช อบดวยกฎหมาย
ซึ่งเปนการใหเงิน หรือใหทรัพยสินหรือใหประโยชนที่อาจแบงแยกได
ใหคํานึงถึงความเชื่อโดยสุจริตของผูรับประโยชนในความคงอยูของคําสั่ง
ทางปกครองนั้นกับประโยชนสาธารณะประกอบกัน
ความเชื่อโดยสุจริตตามวรรคหน่ึงจะไดรับความคุมครองตอเม่ือ
ผูรับคําสั่งทางปกครองไดใชประโยชนอันเกิดจากคําส่ังทางปกครองหรือ
ไดด ําเนนิ การเก่ยี วกับทรพั ยสินไปแลว โดยไมอาจแกไขเปล่ียนแปลงไดหรือ
การเปลีย่ นแปลงจะทาํ ใหผนู ั้นตองเสียหายเกนิ ควรแกก รณี
25
ในกรณีดังตอไปนี้ ผรู ับคาํ สงั่ ทางปกครองจะอางความเช่อื โดยสุจริต
ไมได
(๑) ผูนั้นไดแสดงขอความอันเปนเท็จหรือปกปดขอความจริง
ซ่ึงควรบอกใหแจง หรือขมขู หรือชักจูงใจโดยการใหทรัพยสินหรือ
ใหป ระโยชนอน่ื ใดท่มี ิชอบดวยกฎหมาย
(๒) ผูนัน้ ไดใหขอ ความซงึ่ ไมถ กู ตอ งหรอื ไมครบถว นในสาระสําคัญ
(๓) ผูนั้นไดรูถึงความไมชอบดวยกฎหมายของคําส่ังทางปกครอง
ในขณะไดรับคําสั่งทางปกครองหรือการไมรูนั้นเปนไปโดยความประมาท
เลินเลออยางรายแรง
ในกรณีที่เพิกถอนโดยใหมีผลยอนหลัง การคืนเงิน ทรัพยสิน
หรือประโยชนที่ผูรับคําส่ังทางปกครองไดไป ใหนําบทบัญญัติวาดวย
ลาภมิควรไดในประมวลกฎหมายแพงและพาณิชยมาใชบังคับโดยอนุโลม
โดยถาเม่ือใดผูรับคําส่ังทางปกครองไดรูถึงความไมชอบดวยกฎหมาย
ของคําสั่งทางปกครองหรือควรไดรูเชนน้ันหากผูนั้นมิไดประมาทเลินเลอ
อยา งรายแรงใหถือวาผูน้ันตกอยูในฐานะไมสุจริตตั้งแตเวลานั้นเปนตนไป
และในกรณีตามวรรคสาม ผูน้ันตองรับผิดในการคืนเงิน ทรัพยสินหรือ
ประโยชนท ีไ่ ดรบั ไปเต็มจาํ นวน
มาตรา ๕๒ คาํ สง่ั ทางปกครองที่ไมชอบดวยกฎหมายและไมอยูใน
บังคับของมาตรา ๕๑ อาจถูกเพิกถอนทั้งหมดหรือบางสวนได แตผูไดรับ
ผลกระทบจากการเพิกถอนคําส่ังทางปกครองดังกลาวมีสิทธิไดรับ
คาทดแทนความเสียหายเนื่องจากความเชื่อโดยสุจริตในความคงอยูของ
คําส่ังทางปกครองได และใหนําความในมาตรา ๕๑ วรรคหนึ่ง วรรคสอง
และวรรคสาม มาใชบังคับโดยอนุโลม แตตองรองขอคาทดแทนภายใน
หนงึ่ รอยแปดสิบวนั นบั แตไดรับแจง ใหทราบถึงการเพกิ ถอนนั้น
26
คาทดแทนความเสียหายตามมาตราน้ีจะตองไมสูงกวาประโยชน
ที่ผนู ั้นอาจไดร บั หากคาํ ส่ังทางปกครองดงั กลา วไมถกู เพกิ ถอน
มาตรา ๕๓ คําสั่งทางปกครองที่ชอบดวยกฎหมายซึ่งไมเปนการ
ใหป ระโยชนแกผ ูรับคาํ สง่ั ทางปกครองอาจถูกเพิกถอนทงั้ หมดหรอื บางสวน
โดยใหมีผลต้ังแตข ณะทเ่ี พิกถอนหรือมีผลในอนาคตไปถึงขณะใดขณะหนึ่ง
ตามที่กําหนดได เวนแตเปนกรณีท่ีคงตองทําคําส่ังทางปกครองท่ีมีเนื้อหา
ทาํ นองเดียวกนั นั้นอีก หรอื เปนกรณีท่ีการเพิกถอนไมอาจกระทําไดเพราะ
เหตุอน่ื ทง้ั น้ี ใหค ํานงึ ถึงประโยชนข องบุคคลภายนอกประกอบดวย
คําสั่งทางปกครองท่ีชอบดวยกฎหมายซ่ึงเปนการใหประโยชนแก
ผูรับคําสั่งทางปกครองอาจถูกเพิกถอนทั้งหมดหรือบางสวนโดยใหมีผล
ต้ังแตขณะท่ีเพิกถอน หรือมีผลในอนาคตไปถึงขณะใดขณะหน่ึง
ตามทีก่ าํ หนดไดเ ฉพาะเม่อื มีกรณีดังตอ ไปน้ี
(๑) มีกฎหมายกาํ หนดใหเ พกิ ถอนไดหรือมขี อสงวนสทิ ธิใหเพิกถอน
ไดในคําสง่ั ทางปกครองน้นั เอง
(๒) คาํ สัง่ ทางปกครองนั้นมีขอกําหนดใหผูรับประโยชนตองปฏิบัติ
แตไมม ีการปฏิบตั ภิ ายในเวลาท่ีกําหนด
(๓) ขอ เทจ็ จรงิ และพฤติการณเ ปลย่ี นแปลงไป ซึ่งหากมีขอเท็จจริง
และพฤตกิ ารณเชน นใี้ นขณะทําคาํ สั่งทางปกครองแลวเจา หนา ที่คงจะไมทํา
คําสั่งทางปกครองน้ัน และหากไมเพิกถอนจะกอใหเกิดความเสียหาย
ตอ ประโยชนสาธารณะได
(๔) บทกฎหมายเปลย่ี นแปลงไป ซึ่งหากมีบทกฎหมายเชน นีใ้ นขณะ
ทําคําสั่งทางปกครองแลวเจาหนาท่ีคงจะไมทําคําสั่งทางปกครองนั้น
แ ต ก า ร เ พิ ก ถ อ น ใ น ก ร ณี นี้ ใ ห ก ร ะ ทํ า ไ ด เ ท า ที่ ผู รั บ ป ร ะ โ ย ช น ยั ง ไ ม ไ ด
27
ใชประโยชน หรอื ยงั ไมไ ดร ับประโยชนต ามคําสั่งทางปกครองดังกลาว และ
หากไมเ พกิ ถอนจะกอใหเกดิ ความเสยี หายตอประโยชนส าธารณะได
(๕) อาจเกดิ ความเสยี หายอยา งรา ยแรงตอประโยชนส าธารณะหรือ
ตอ ประชาชนอันจาํ เปนตอ งปองกนั หรือขจดั เหตุดังกลาว
ในกรณที ม่ี กี ารเพกิ ถอนคาํ สั่งทางปกครองเพราะเหตุตามวรรคสอง
(๓) (๔) และ (๕) ผูไดรับประโยชนมีสิทธิไดรับคาทดแทนความเสียหาย
อันเกดิ จากความเชอ่ื โดยสจุ รติ ในความคงอยขู องคาํ ส่ังทางปกครองได และ
ใหน าํ มาตรา ๕๒ มาใชบงั คบั โดยอนโุ ลม
คําสั่งทางปกครองที่ชอบดวยกฎหมายซ่ึงเปนการใหเงินหรือ
ใหทรัพยส นิ หรือใหประโยชนทอ่ี าจแบง แยกได อาจถกู เพกิ ถอนทั้งหมดหรือ
บางสวนโดยใหมีผลยอ นหลงั หรือไมมีผลยอนหลังหรือมีผลในอนาคตไปถึง
ขณะใดขณะหนงึ่ ตามท่ีกําหนดไดใ นกรณีดังตอ ไปนี้
(๑) มไิ ดปฏิบัติหรือปฏิบตั ิลาชาในอนั ที่จะดําเนินการใหเปนไปตาม
วัตถปุ ระสงคข องคาํ ส่ังทางปกครอง
(๒) ผูไดรับประโยชนมิไดปฏิบัติหรือปฏิบัติลาชาในอันที่จะ
ดาํ เนนิ การใหเปน ไปตามเง่อื นไขของคาํ สง่ั ทางปกครอง
ท้ังน้ี ใหน าํ ความในมาตรา ๕๑ มาใชบ ังคับโดยอนุโลม
สวนท่ี ๗
การขอใหพจิ ารณาใหม
มาตรา ๕๔ เม่ือคูกรณีมีคําขอ เจาหนาที่อาจเพิกถอนหรือแกไข
เพ่ิมเติมคําสั่งทางปกครองท่ีพนกําหนดอุทธรณตามสวนท่ี ๕ ไดในกรณี
ดังตอไปน้ี
28
(๑) มีพยานหลักฐานใหม่ อันอาจทาให้ข้อเท็จจริงท่ีฟังเป็นยุติแล้ว
นน้ั เปลี่ยนแปลงไปในสาระสาคัญ
(๒) คู่กรณีท่ีแท้จริงมิได้เข้ามาในกระบวนการพิจารณาทางปกครอง
หรือได้เข้ามาในกระบวนการพิจารณาคร้ังก่อนแล้วแต่ถูกตัดโอกาสโดย
ไมเ่ ปน็ ธรรมในการมสี ่วนรว่ มในกระบวนการพจิ ารณาทางปกครอง
(๓) เจา้ หน้าทไี่ มม่ ีอานาจท่ีจะทาคาสั่งทางปกครองในเรอ่ื งนนั้
(๔) ถ้าคาส่ังทางปกครองได้ออกโดยอาศัยข้อเท็จจริงหรือ
ข้อกฎหมายใดและต่อมาข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายนั้นเปลี่ยนแปลงไป
ในสาระสาคญั ในทางท่ีจะเป็นประโยชนแ์ ก่คู่กรณี
การยื่นคาขอตามวรรคหน่ึง (๑) (๒) หรือ (๓) ให้กระทาได้เฉพาะ
เมือ่ คู่กรณีไมอ่ าจทราบถึงเหตุน้ันในการพิจารณาครั้งที่แล้วมาก่อนโดยไม่ใช่
ความผิดของผูน้ ้นั
การย่ืนคาขอให้พิจารณาใหม่ต้องกระทาภายในเก้าสิบวันนับแต่
ผู้น้นั ไดร้ ถู้ ึงเหตุซงึ่ อาจขอให้พจิ ารณาใหมไ่ ด้
ส่วนท่ี ๘
การบงั คบั ทางปกครอง๕
มาตรา ๕๕ (ยกเลกิ )
มาตรา ๕๖ (ยกเลิก)
๕ ส่วนที่ ๘ การบังคับทางปกครอง มาตรา ๕๕ ถึงมาตรา ๖๓ ยกเลิกโดย
มาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัตวิ ธิ ปี ฏิบัตริ าช2ก9ารทางปกครอง (ฉบบั ที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒
มาตรา ๕๗ (ยกเลกิ )
มาตรา ๕๘ (ยกเลกิ )
มาตรา ๕๙ (ยกเลิก)
มาตรา ๖๐ (ยกเลิก)
มาตรา ๖๑ (ยกเลกิ )
มาตรา ๖๒ (ยกเลิก)
มาตรา ๖๓ (ยกเลิก)
หมวดที่ ๒/๑
การบงั คบั ทางปกครอง๖
ส่วนท่ี ๑
บททว่ั ไป
๖ หมวดที่ ๒/๑ การบังคับทางปกครอง เพ่ิมโดยมาตรา ๕ แห่ง
พระราชบญั ญัตวิ ิธปี ฏบิ ัติราชการทางปกครอง (ฉบับท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒
30
มาตรา ๖๓/๑ การบงั คับทางปกครองไมใ ชบงั คบั กับหนวยงานของรัฐ
ดวยกัน เวน แตจ ะมีกฎหมายกาํ หนดไวเ ปนอยางอ่ืน
มาตรา ๖๓/๒ เจาหนาที่ผูทําคําสั่งทางปกครองมีอํานาจที่จะ
พิจารณาใชม าตรการบังคับทางปกครองเพ่ือใหเปนไปตามคําส่ังของตนได
ตามบทบัญญัติในหมวดน้ี เวนแตจะมีการสั่งใหทุเลาการบังคับไวกอน
โดยเจาหนาท่ีผูทําคําสั่งนั้นเอง ผูมีอํานาจพิจารณาคําอุทธรณ หรือผูมี
อาํ นาจพจิ ารณาวินิจฉยั ความถกู ตองของคําส่ังทางปกครองดงั กลา ว
เจาหนา ทตี่ ามวรรคหนึ่งจะมอบอํานาจใหเจาหนาท่ีซ่ึงอยูใตบังคับ
บัญชาหรือเจาหนาท่ีอื่นเปนผูดําเนินการก็ไดตามหลักเกณฑและวิธีการ
ท่กี าํ หนดในกฎกระทรวง
ใหเจาหนาที่ตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสองใชมาตรการบังคับ
ทางปกครองเพียงเทาท่ีจําเปนเพื่อใหบรรลุตามวัตถุประสงคของคําส่ัง
ทางปกครอง โดยกระทบกระเทือนผูอยูในบังคับของคําสั่งทางปกครอง
นอ ยทส่ี ุด
มาตรา ๖๓/๓ ถาบทกฎหมายใดกําหนดมาตรการบังคับ
ทางปกครองไวโดยเฉพาะแลวหากเจาหนา ที่เห็นวาการใชมาตรการบังคับนั้น
จะเกิดผลนอยกวามาตรการบังคับตามหมวดน้ี เจาหนาที่จะใชมาตรการ
บังคบั ทางปกครองตามหมวดน้แี ทนกไ็ ด
มาตรา ๖๓/๔ ในการใชมาตรการบังคับทางปกครองแกบุคคลใด
หากบุคคลน้ันถึงแกความตายใหดําเนินการบังคับทางปกครองตอไปได
ถา บคุ คลนน้ั มที ายาทผูรับมรดกหรือผูจัดการมรดก ใหถือวาทายาทผูรับมรดก
หรือผูจ ัดการมรดกเปนผูอ ยูในบังคับของมาตรการบงั คับทางปกครองนน้ั
31
ในกรณีทผ่ี อู ยูใ นบงั คับของมาตรการบังคบั ทางปกครองตาย ใหแจง
มาตรการบังคับทางปกครองไปยังทายาทผูรับมรดกหรือผูจัดการมรดก
แลวแตก รณี โดยใหระยะเวลาอุทธรณการใชมาตรการบังคับทางปกครอง
เร่ิมนับใหมต้ังแตวันที่ทายาทผูรับมรดกหรือผูจัดการมรดกไดรับแจง
เม่ือปรากฏวา
(๑) ผูอยูในบังคับของมาตรการบังคับทางปกครองตายกอนส้ินสุด
ระยะเวลาอุทธรณก ารใชมาตรการบังคับทางปกครองและไมไดย่ืนอุทธรณ
การใชม าตรการบงั คบั ทางปกครอง
(๒) ผูอยูในบังคับของมาตรการบังคับทางปกครองตายหลังส้ินสุด
ระยะเวลาอุทธรณก ารใชม าตรการบังคับทางปกครองและไมไดย่ืนอุทธรณ
การใชม าตรการบงั คับทางปกครอง เนื่องจากมีพฤติการณที่จําเปนอันมิได
เกดิ จากความผิดของผนู ั้น
ในกรณีที่เปนการใชมาตรการบังคับทางปกครองแกนิติบุคคลใด
หากนติ บิ ุคคลนน้ั ส้ินสภาพ โอนกจิ การ หรือควบรวมกิจการ ใหดําเนินการ
บังคับทางปกครองตอไปได โดยใหแจงมาตรการบังคับทางปกครองไปยัง
ผชู ําระบัญชี หรอื นติ บิ คุ คลท่รี ับโอนกจิ การหรือเกิดจากการควบรวมกิจการ
แลวแตกรณี ท้ังน้ี โดยไมจําตองออกคําส่ังทางปกครองใหมแกบุคคลหรือ
นิติบุคคลดังกลาวอีก และใหนําหลักเกณฑเร่ืองระยะเวลาในการอุทธรณ
ตามวรรคสองมาใชบ งั คบั ดว ยโดยอนุโลม
มาตรา ๖๓/๕ ในกรณีท่บี ทบญั ญัติในหมวดนห้ี รือกฎหมายอืน่ มิได
กําหนดเปนอยางอื่น ผูอยูในบังคับของมาตรการบังคับทางปกครอง
อาจอุทธรณก ารใชมาตรการบงั คบั ทางปกครองนนั้ ได
32
การอทุ ธรณก ารใชมาตรการบังคับทางปกครองใหใชหลกั เกณฑและ
วิธีการเดียวกับการอุทธรณคําส่ังทางปกครองตามสวนที่ ๕ การอุทธรณ
คําสง่ั ทางปกครอง ในหมวด ๒ คาํ ส่งั ทางปกครอง
มาตรา ๖๓/๖ บทบัญญตั ใิ นหมวดนม้ี ใิ หใ ชบ ังคับกบั การบงั คับตาม
คําสั่งทางปกครองที่กําหนดใหชําระเงินหรือใหกระทําหรือละเวนกระทํา
ในกรณีที่หนวยงานของรัฐไดฟองคดีตอศาลและศาลไดมีคําพิพากษาให
ชําระเงนิ หรอื ใหกระทําหรือละเวน กระทาํ แลว
เม่ือศาลไดรับฟองคดีตามวรรคหน่ึงไวแลว หามมิใหเจาหนาที่
ดาํ เนินการตามสวนที่ ๒ การบังคับตามคาํ ส่งั ทางปกครองที่กําหนดใหชําระเงิน
และสวนที่ ๓ การบังคับตามคําส่ังทางปกครองที่กําหนดใหกระทําหรือ
ละเวน กระทํา เวนแตจะไดมีการถอนฟอ ง หรือศาลมีคําสั่งจําหนายคดีจาก
สารบบความเพราะเหตุอ่ืน ทง้ั น้ี ไมก ระทบตอ การดําเนินการตามมาตรการ
บังคบั ทางปกครองที่เจา หนาท่ไี ดด ําเนินการไปกอ นทีศ่ าลไดรับฟอ งคดี และ
ใหเจาหนาท่ีดําเนินการตามมาตรการบังคับทางปกครองในสวนนั้นตอไป
จนแลวเสร็จ
สว นที่ ๒
การบงั คบั ตามคาํ สัง่ ทางปกครองทกี่ าํ หนดใหชําระเงนิ
๑. การบงั คบั โดยเจา หนาทขี่ องหนวยงานของรัฐ
33
มาตรา ๖๓/๗ ในกรณีทีเ่ จา หนาทมี่ คี าํ ส่งั ทางปกครองทก่ี ําหนดให
ชาํ ระเงนิ ถาถงึ กาํ หนดแลว ไมมีการชําระโดยถูกตองครบถวน ใหเจาหนาที่
ผูทําคําสั่งทางปกครองมีหนังสือเตือนใหผูนั้นชําระภายในระยะเวลา
ที่กําหนดแตตองไมนอยกวาเจ็ดวัน ถาไมมีการปฏิบัติตามคําเตือน
เจาหนาที่มีอํานาจใชมาตรการบังคับทางปกครองโดยยึดหรืออายัด
ทรัพยส ินของผนู น้ั และขายทอดตลาดเพ่อื ชาํ ระเงนิ ใหค รบถว นได
ในการใชมาตรการบังคับทางปกครองตามวรรคหน่ึง ใหแตงตั้ง
เ จ า พ นั ก ง า น บั ง คั บ ท า ง ป ก ค ร อ ง เ พื่ อ ดํ า เ นิ น ก า ร ยึ ด ห รื อ อ า ยั ด แ ล ะ
ขายทอดตลาดทรัพยสนิ ตอไป
เจาหนาที่ผูออกคําส่ังใชมาตรการบังคับทางปกครอง และการ
แตงตั้งเจาพนักงานบังคับทางปกครอง ใหเปนไปตามที่กําหนด
ในกฎกระทรวง
มาตรา ๖๓/๘ หนวยงานของรัฐที่ออกคําสั่งใหชําระเงิน
ตองดําเนินการยึดหรืออายัดทรัพยสินภายในสิบปนับแตวันท่ีคําสั่งทาง
ปกครองท่ีกาํ หนดใหชําระเงินเปน ทีส่ ุด
คาํ ส่ังทางปกครองท่กี ําหนดใหชาํ ระเงินเปนทสี่ ุดในกรณดี ังตอไปนี้
(๑) ไมมีการอุทธรณคําส่ังตอเจาหนาท่ีฝายปกครองภายใน
ระยะเวลาอทุ ธรณ
(๒) เจาหนาที่ผูมีอํานาจพิจารณาอุทธรณมีคําวินิจฉัยยกอุทธรณ
และไมม ีการฟอ งคดีตอ ศาลภายในระยะเวลาการฟองคดี
(๓) ศาลมีคําส่งั หรอื คําพิพากษายกฟอง หรอื เพกิ ถอนคาํ สงั่ บางสวน
และคดีถึงที่สดุ แลว
34
หากหนวยงานของรัฐท่ีออกคําส่ังใหชําระเงินไดยึดหรืออายัด
ทรัพยสินแลว แตยังไมไดรับชําระเงินครบถวน และลวงพนกําหนดเวลา
ตามวรรคหนง่ึ จะยดึ หรอื อายัดทรพั ยส นิ เพมิ่ เติมอกี มไิ ด
การขายทอดตลาดหรือจําหนายโดยวิธีอื่นซึ่งทรัพยสินของผูอยูใน
บังคับของมาตรการบังคับทางปกครองท่ีถูกยึดหรืออายัดไวภายใน
กาํ หนดเวลาตามวรรคหนึง่ เพ่อื ชาํ ระเงนิ รวมทั้งคาธรรมเนียม คาตอบแทน
หรือคาใชจายอ่ืนในการบังคับทางปกครอง ใหกระทําไดแมลวงพน
ระยะเวลาดงั กลา ว
มาตรา ๖๓/๙ กรณีท่ีมีการอุทธรณการใชมาตรการบังคับ
ทางปกครองและขอทุเลาการบังคับตามมาตรการดังกลาว เจาหนาท่ี
ผูออกคําสั่งใชมาตรการบังคับทางปกครอง หรือผูมีอํานาจพิจารณา
คําอุทธรณ อาจสง่ั ใหม กี ารทเุ ลาการบังคบั ทางปกครองไวก อนก็ได โดยมีอํานาจ
กําหนดเง่ือนไขใหผ อู ยใู นบงั คบั ของมาตรการบังคับทางปกครองตองปฏิบัติ
ดว ยก็ได
มาตรา ๖๓/๑๐ เพ่ือประโยชนในการบังคับทางปกครอง
ใหเจา หนา ที่ผอู อกคาํ สง่ั ใชม าตรการบงั คับทางปกครองมีอํานาจ
(๑) มหี นงั สือสอบถามสถาบันการเงิน สหกรณออมทรัพย สหกรณ
เครดติ ยูเนยี น ตลาดหลักทรัพยแหงประเทศไทย กรมที่ดิน กรมการขนสง
ทางบก กรมทรพั ยส ินทางปญญา หรอื หนวยงานอ่นื ของรัฐท่ีมีหนา ทคี่ วบคุม
ทรัพยสินท่ีมีทะเบียน เกี่ยวกับทรัพยสินของผูอยูในบังคับของมาตรการ
บงั คบั ทางปกครอง
(๒) มหี นังสือขอใหนายทะเบียน พนักงานเจาหนาท่ี หรือบุคคลอื่น
ผมู ีอํานาจหนาท่ีตามกฎหมายระงบั การจดทะเบียนหรือแกไขเปลี่ยนแปลง
35
ทางทะเบียนที่เก่ียวกับทรัพยสินของผูอยูในบังคับของมาตรการบังคับ
ทางปกครองไวเ ปน การช่ัวคราวเทาที่จาํ เปน เน่อื งจากมีเหตุขัดขอ งท่ที าํ ใหไม
อาจยึดหรืออายัดทรัพยสินไดทันที และเม่ือเหตุขัดของส้ินสุดลงใหแจง
ยกเลิกหนังสือดังกลาว ทั้งน้ี ตองปฏิบัติตามหลักเกณฑเกี่ยวกับการระงับ
การจดทะเบียนหรือแกไขเปลย่ี นแปลงทางทะเบียนตามกฎหมายวา ดว ยการน้ัน
หนว ยงานตาม (๑) ทใี่ หขอ มลู แกเ จาหนาที่ผูออกคําสั่งใชมาตรการ
บังคับทางปกครองในการดําเนนิ การตาม (๑) ใหถือวาไมเปนความผิดตาม
กฎหมายวาดวยธุรกิจสถาบันการเงิน กฎหมายวาดวยหลักทรัพยและ
ตลาดหลักทรัพย และกฎหมายอ่ืน
ผูใดไมปฏิบัติตามหนังสือของเจาหนาท่ีผูออกคําสั่งใชมาตรการ
บงั คบั ทางปกครองตามวรรคหน่ึงโดยไมมเี หตผุ ลอนั สมควร ผูนั้นมีความผิด
ฐานขัดคําสั่งเจาพนกั งานตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๖๓/๑๑ ในการสืบหาทรัพยสินของผูอยูในบังคับของ
มาตรการบังคับทางปกครองหนวยงานของรัฐที่ออกคําส่ังใหชําระเงินอาจ
รองขอใหสํานักงานอัยการสูงสุดหรือหนวยงานอื่นดําเนินการสืบหา
ทรพั ยส นิ แทนได โดยใหหนว ยงานดงั กลาวมีอํานาจตามมาตรา ๖๓/๑๐ ดว ย
ในกรณีที่หนวยงานของรัฐท่ีออกคําสั่งใหชําระเงินไมมีเจาหนาท่ี
ใ น ก า ร ดํ า เ นิ น ก า ร สื บ ห า ท รั พ ย สิ น แ ล ะ ห า ก จํ า น ว น เ งิ น ที่ ต อ ง ชํ า ร ะ
ตามมาตรการบังคับทางปกครองน้ันมีมูลคาตั้งแตสองลานบาทขึ้นไปหรือ
ตามมูลคาท่ีกําหนดเพ่ิมขึ้นโดยกฎกระทรวง หนวยงานของรัฐอาจ
มอบหมายใหเ อกชนสบื หาทรพั ยส ินแทนได
ใหเ อกชนที่สบื พบทรพั ยส ินไดรับคาตอบแทนไมเกนิ รอยละสองครึ่ง
จากเงนิ หรอื ทรพั ยส ินทไ่ี ดม าจากการยดึ อายดั หรือขายทอดตลาดทรัพยส ิน
ที่สืบพบได ท้ังนี้ จํานวนเงินคาตอบแทนสูงสุดตองไมเกินหน่ึงลานบาท
36
ตอจาํ นวนเงนิ ท่ีตอ งชาํ ระตามคาํ สงั่ ทางปกครองในเรอื่ งนน้ั หรอื ตามจาํ นวน
ทีก่ ําหนดเพิม่ ขึน้ โดยกฎกระทรวง
หลกั เกณฑและวิธีการคัดเลอื กเอกชนทสี่ ืบหาทรัพยส นิ การกาํ หนด
คาตอบแทน และวิธีการจายคาตอบแทนตามวรรคสาม ใหเปนไปตามท่ี
กาํ หนดในกฎกระทรวง
มาตรา ๖๓/๑๒ ขั้นตอนและวิธีปฏิบัติเก่ียวกับการยึด การอายัด
และการขายทอดตลาดทรัพยสินใหเปนไปตามที่กําหนดในกฎกระทรวง
ในกรณีท่ีกฎกระทรวงไมไดกําหนดเร่ืองใดไว ใหนําบทบัญญัติในประมวล
กฎหมายวธิ พี ิจารณาความแพง มาใชบ งั คับโดยอนโุ ลม โดยใหถือวา
(๑) เจาหนี้ตามคาํ พพิ ากษา หมายถึง หนว ยงานของรัฐที่ออกคําส่ัง
ใหชําระเงิน
(๒) ลูกหน้ีตามคําพิพากษา หมายถึง ผูอยูในบังคับของมาตรการ
บังคับทางปกครอง
(๓) อาํ นาจของศาลในสวนทีเ่ ก่ยี วกับการบังคับคดี เปนอํานาจของ
หัวหนา หนวยงานของรฐั ท้ังนตี้ ามท่ีกําหนดในกฎกระทรวง
(๔) เจาพนกั งานบังคับคดี หมายถึง เจา พนกั งานบงั คบั ทางปกครอง
มาตรา ๖๓/๑๓ การโตแยงหรือการใชส ิทธิทางศาลเกยี่ วกบั การยดึ
การอายัด และการขายทอดตลาดทรพั ยสนิ โดยผูอยูในบังคับของมาตรการ
บังคับทางปกครอง รวมท้ังบุคคลภายนอกผูมีสวนไดเสียเกี่ยวกับทรัพยสิน
ที่ถกู ยดึ หรืออายดั ใหเ สนอตอศาล ดงั ตอ ไปนี้
(๑) ศาลแรงงาน ศาลภาษีอากร ศาลทรัพยสินทางปญญาและ
การคา ระหวา งประเทศศาลเยาวชนและครอบครวั หรอื ศาลชํานัญพิเศษอ่ืน
37
แลว แตกรณี ซง่ึ เปนศาลที่มีเขตอาํ นาจในการพิจารณาพิพากษาคดเี กี่ยวกับ
คําสัง่ ท่ีมกี ารบงั คบั ทางปกครองนนั้
(๒) ศาลปกครอง สําหรบั กรณอี นื่ ทไ่ี มอ ยูภายใตบงั คับ (๑)
มาตรา ๖๓/๑๔ กรณีที่เจาหนี้ตามคําพิพากษาในคดีอ่ืนไดมีการ
ยึดทรพั ยส ินหรืออายัดสิทธิเรียกรองอื่นใดของผูอยูในบังคับของมาตรการ
บงั คับทางปกครองเพื่อนําเงินมาชําระตามคําพิพากษาใหหนวยงานของรัฐ
ท่ี อ อ ก คํ า ส่ั ง ใ ห ชํ า ร ะ เ งิ น มี สิ ท ธิ ข อ เ ข า เ ฉ ล่ี ย ไ ด เ ช น เ ดี ย ว กั บ เ จ า ห น้ี
ตามคําพพิ ากษา
๒. การบังคบั โดยเจาพนกั งานบงั คบั คดี
มาตรา ๖๓/๑๕ ในกรณีที่มีการบังคับใหชําระเงินและคําสั่ง
ทางปกครองที่กําหนดใหชําระเงนิ เปน ท่ีสุดแลว หากหนว ยงานของรัฐท่ีออก
คําสั่งใหชําระเงินประสงคใหเจาพนักงานบังคับคดีในสังกัดกรมบังคับคดี
ดําเนินการบังคับใหเปนไปตามคําสั่งทางปกครองดังกลาว ใหยื่นคําขอ
ฝา ยเดียวตอศาลภายในสบิ ปนบั แตว ันที่คําสง่ั ทางปกครองทีก่ ําหนดใหชําระเงิน
เปนที่สุด เพ่ือใหศาลออกหมายบังคับคดีเพื่อบังคับใหเปนไปตามคําสั่ง
ทางปกครองนั้น โดยระบุจํานวนเงินที่ผูอยูในบังคับของมาตรการบังคับ
ทางปกครองยังมไิ ดช ําระตามคาํ ส่งั ทางปกครอง ทัง้ น้ี ไมวา หนวยงานของรัฐ
ยงั ไมไ ดบงั คับทางปกครองหรือไดดาํ เนินการบังคับทางปกครองแลว แตยัง
ไมไดร ับชําระเงินหรอื ไดร บั ชาํ ระเงนิ ไมครบถว น
เมื่อหนวยงานของรัฐย่ืนคําขอตามวรรคหนึ่ง ถาศาลเห็นวาคําสั่ง
ทางปกครองท่กี าํ หนดใหช าํ ระเงินเปนที่สุดแลว ใหศาลออกหมายบังคับคดี
38
ตั้ ง เ จ า พ นั ก ง า น บั ง คั บ ค ดี แ ล ะ แ จ ง ใ ห เ จ า พ นั ก ง า น บั ง คั บ ค ดี ท ร า บ
เพือ่ ดาํ เนนิ การตอ ไป โดยใหถ อื วาหนวยงานของรัฐท่ีออกคําสั่งใหชําระเงิน
เปนเจา หนต้ี ามคําพิพากษาและใหถือวาผูอยูในบังคับของมาตรการบังคับ
ทางปกครองเปนลูกหนี้ตามคําพพิ ากษา
เม่ือศาลออกหมายบังคับคดีแลว ใหหนวยงานของรัฐติดตอ
กรมบังคับคดี พรอมท้ังมีหนังสือแจงใหผูอยูในบังคับของมาตรการบังคับ
ทางปกครองทราบวาศาลไดตั้งเจาพนักงานบังคับคดีเพ่ือดําเนินการ
บงั คบั คดีแลว
เพื่อประโยชนในการบังคับคดีตามวรรคหนึ่ง ใหถือวาศาลจังหวัด
ศาลแพง ศาลแพงกรุงเทพใต ศาลแพงธนบุรี หรือศาลแพงอื่น
ในกรุงเทพมหานคร แลวแตกรณี ท่ีผูอยูในบังคับของมาตรการบังคับ
ทางปกครองมีภูมิลําเนาอยูในเขตศาล หรือที่ทรัพยสินท่ีถูกบังคับ
ทางปกครองน้นั ตั้งอยูใ นเขตศาลมีอํานาจวินิจฉัยช้ีขาด หรือทําคําส่ังในเรื่องใด ๆ
อนั เกีย่ วดวยการบงั คับคดี และเปน ศาลท่ีมีอํานาจในการบังคับคดี
กรณีคําขอซึ่งอาจยนื่ ตอ ศาลไดมากกวาหน่ึงศาล ไมว าจะเปนเพราะ
ภมู ิลาํ เนาของผอู ยใู นบงั คับของมาตรการบังคบั ทางปกครองก็ดี เพราะท่ีต้ัง
ของทรัพยสินท่ีถูกบังคับทางปกครองก็ดี หรือเพราะมีผูอยูในบังคับ
ของมาตรการบังคบั ทางปกครองหลายคนในมลู หนที้ ่เี ก่ียวของกันก็ดี จะยื่น
คาํ ขอตอ ศาลใดศาลหนึ่งเชนวา น้นั ก็ได
หนวยงานของรัฐตามมาตราน้ี หมายความวา กระทรวง ทบวง กรม
หรือสวนราชการที่เรียกชื่ออยางอ่ืนและมีฐานะเปนกรม ราชการ
สวนภูมิภาค ราชการสวนทองถ่ิน และหนวยงานอื่นของรัฐตามท่ีกําหนด
ในกฎกระทรวง
39
มาตรา ๖๓/๑๖ ในกรณีท่ีคําส่ังทางปกครองท่ีกําหนดใหชําระเงิน
เปน ท่ีสุดแลว และตอ มาผอู ยูในบงั คับของคําส่ังทางปกครองขอใหพิจารณา
คําสั่งทางปกครองที่เปนท่ีสุดแลวน้ันใหม หรือฟองคดีตอศาลเพ่ือให
พจิ ารณาเกย่ี วกบั คาํ สั่งทางปกครองท่ีเปนที่สุดแลวน้ันใหม หรือขอใหศาล
พิจารณาคดีใหมและหนวยงานของรัฐที่ออกคําสั่งใหชําระเงินหรือศาล
มีคําส่ังใหรับคําขอหรือไดรับคําฟองไวพิจารณา ผูอยูในบังคับของคําส่ัง
ทางปกครองอาจย่นื คํารอ งตอ ศาลท่มี อี ํานาจในการออกหมายบังคับคดีตาม
มาตรา ๖๓/๑๕ เพ่ือขอใหสั่งงดการบังคับคดีไวกอน หากศาลพิจารณา
คํารอ งแลวมคี าํ สง่ั ใหง ดการบังคับคดี ใหศาลสงคําส่ังน้ันไปใหเจาพนักงาน
บังคับคดีทราบ และใหเจาพนักงานบังคับคดีงดการบังคับคดีไวภายใน
ระยะเวลาหรือเง่ือนไขตามที่ศาลกําหนด รวมท้ังสงคําบอกกลาวงด
การบังคบั คดใี หห นว ยงานของรัฐท่อี อกคําสงั่ ใหชําระเงินและบคุ คลภายนอก
ผูมีสวนไดเ สยี ทราบโดยไมช กั ชา
ถาหนวยงานของรัฐที่ออกคําส่ังใหชําระเงินย่ืนคํารองวาอาจไดรับ
ความเสียหายจากการย่นื คํารอ งตามวรรคหน่งึ และมพี ยานหลักฐานเบ้ืองตน
แสดงวาคํารองนั้นไมมีมูลและยื่นเขามาเพ่ือประวิงการบังคับคดี ศาลมี
อํานาจส่ังใหผูอยูในบังคับของคําสั่งทางปกครองวางเงินหรือหาประกัน
ตามที่ศาลเห็นสมควรภายในระยะเวลาที่ศาลจะกําหนด เพื่อเปนประกัน
การชาํ ระคา สินไหมทดแทนแกห นวยงานของรฐั สาํ หรับความเสียหายท่ีอาจ
ไดร ับเน่อื งจากเหตุเน่ินชาในการบังคบั คดีอนั เกิดจากการย่ืนคํารองนั้นหรือ
กําหนดวิธีการชั่วคราวเพื่อคุมครองอยางใด ๆ ตามที่เห็นสมควรก็ได
ถาผอู ยูใ นบงั คับของคําสั่งทางปกครองไมปฏิบตั ติ ามคาํ ส่งั ศาล ใหศาลสั่งให
ดําเนนิ การบงั คบั คดตี อ ไป
ในกรณตี ามวรรคหนึง่ หากหนวยงานของรัฐทีอ่ อกคาํ สงั่ ใหช ําระเงนิ
ห รื อ ศ า ล ที่ มี เ ข ต อํ า น า จ ใ น ก า ร พิ จ า ร ณ า พิ พ า ก ษ า ค ดี เ กี่ ย ว กั บ คํ า สั่ ง
40
ทางปกครองที่กําหนดใหชําระเงิน ไดมีคําสั่งใหทบทวนคําสั่งทางปกครอง
ท่เี ปน ทสี่ ดุ นน้ั ใหม ใหหนว ยงานของรฐั ทอี่ อกคาํ สงั่ ใหชําระเงินยื่นคํารองตอ
ศาลที่มีอํานาจออกหมายบังคับคดีตามมาตรา ๖๓/๑๕ เพื่อเพิกถอนการ
บังคับคดีทไี่ ดด ําเนนิ การไปแลว ในกรณีท่ีศาลเหน็ วาเปน การพน วสิ ยั ที่จะให
คูความกลับสูฐานะเดิม หรือเมื่อศาลเห็นวาไมจําเปนท่ีจะบังคับใหเปนไป
ตามหมายบังคับคดีตอไป เพื่อประโยชนแกคูความหรือบุคคลภายนอก
ใหศ าลมีอาํ นาจสง่ั อยา งใด ๆ ตามที่ศาลเหน็ สมควร และแจงใหเจาพนักงาน
บังคบั คดีทราบ
มาตรา ๖๓/๑๗ เพ่ือประโยชนในการบังคับคดี ใหนําความใน
มาตรา ๖๓/๑๐ และมาตรา ๖๓/๑๑ มาใชบ งั คับกับการสืบหาทรัพยสินของ
ผอู ยใู นบงั คบั ของมาตรการบงั คบั ทางปกครองดว ย
มาตรา ๖๓/๑๘ หนวยงานของรัฐที่ออกคําส่ังใหชําระเงิน
ตองดาํ เนนิ การสืบทรัพยแลวแจงใหเจาพนักงานบังคับคดีทราบพรอมเอกสาร
หลกั ฐานทีเ่ กยี่ วขอ งเพือ่ ใหเจาพนักงานบงั คับคดดี าํ เนินการเพ่ือใหมีการยึด
หรืออายัดทรัพยสินภายในสิบปนับแตวันท่ีคําสั่งทางปกครองที่กําหนดให
ชําระเงินเปนท่ีสุดและใหนําความในมาตรา ๖๓/๘ วรรคสามและวรรคสี่
มาใชบ งั คบั โดยอนโุ ลม
มิใหนําระยะเวลาระหวางการงดการบังคับคดีตามคําสั่งศาลตาม
มาตรา ๖๓/๑๖ วรรคหนึ่ง มานับรวมในระยะเวลาสิบปตามวรรคหนงึ่
มาตรา ๖๓/๑๙ เมื่อศาลออกหมายบังคับคดีและแตงต้ัง
เจาพนักงานบังคับคดีแลว การดําเนินการบังคับใหเปนไปตามคําส่ัง
41