ระเบยี บคณะกรรมการวิธีปฏบิ ตั ริ าชการทางปกครอง
วา ดว ยหลกั เกณฑก ารใหค ําปรกึ ษา
พ.ศ. ๒๕๔๑
142
ระเบยี บคณะกรรมการวธิ ีปฏบิ ตั ิราชการทางปกครอง
วา่ ดว้ ยหลักเกณฑ์การให้คาปรึกษา
พ.ศ. ๒๕๔๑๑
อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๑๑ (๒) แห่งพระราชบัญญัติ
วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ คณะกรรมการวิธีปฏิบัติ
ราชการทางปกครอง ออกระเบียบกาหนดหลักเกณฑ์การให้คาปรึกษาไว้
ดงั ต่อไปนี้
ข้อ ๑ ระเบียบน้ีเรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการ
ทางปกครองวา่ ดว้ ยหลกั เกณฑ์การใหค้ าปรกึ ษา พ.ศ. ๒๕๔๑”
ข้อ ๒ ในระเบียบน้ี
“คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการ
ท า ง ป ก ค ร อ ง ต า ม พ ร ะ ร า ช บั ญ ญั ติ วิ ธี ป ฏิ บั ติ ร า ช ก า ร ท า ง ป ก ค ร อ ง
พ.ศ. ๒๕๓๙
“หน่วยงาน” หมายความว่า หน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ
รฐั วิสาหกิจราชการส่วนท้องถน่ิ หรอื องค์กรอนื่ ของรัฐทเี่ ปน็ นติ บิ ุคคล
ข้อ ๓ การขอคาปรึกษาเก่ียวกับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้
ให้เจ้าหนา้ ทเ่ี สนอเรื่องท่จี ะขอปรกึ ษานนั้ ตอ่ หวั หน้าหน่วยงานทตี่ นสงั กดั
๑ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๕ ตอนพิเศษ ๑๒๒ ง วันท่ี ๑๔
ธนั วาคม ๒๕๔๑ (หน้า ๑๗-๑๘)
143
เ ม่ื อ หั ว ห น้ า ห น่ ว ย ง า น เ ห็ น ส ม ค ว ร ใ ห้ ส่ ง เ รื่ อ ง ใ ห้ เ ล ข า ธิ ก า ร
คณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อเสนอตอ่ คณะกรรมการพจิ ารณาต่อไป
ข้อ ๔ การขอคาปรึกษาเกี่ยวกับการปฏิบัติราชการตาม
พระราชบัญญัติน้ีของสภาหรือคณะกรรมการวิชาชีพอิสระ ให้สภาหรือ
คณะกรรมการดังกล่าวส่งเรื่องโดยตรง ให้เลขาธิการคณะกรรมการ
กฤษฎีกาเพอ่ื เสนอตอ่ คณะกรรมการพจิ ารณาต่อไป
ข้อ ๕ ในกรณีที่เคยมีการให้คาปรึกษาหรือคาแนะนาในประเด็น
เดียวกันหรือในประเด็นท่ีอยู่ในลักษณะเดียวกันมาก่อนแล้ว เลขาธิการ
คณะกรรมการกฤษฎีกาจะส่งคาปรึกษาหรือคาแนะนาท่ีเคยมีมาแล้วนั้น
ไปให้หน่วยงาน สภาหรือคณะกรรมการวิชาชีพอิสระที่ขอคาปรึกษา โดย
ไม่ตอ้ งเสนอต่อคณะกรรมการเพือ่ พิจารณาใหม่กไ็ ด้
ข้อ ๖ ในการพิจารณาให้คาปรึกษา คณะกรรมการหรือสานักงาน
คณะกรรมการกฤษฎีกาอาจเชิญบุคคลดังต่อไปนี้ไปช้ีแจงแถลงข้อเท็จจริง
หรอื ให้ความเห็นเพอ่ื ประกอบการพจิ ารณา
(๑) ผู้แทนหน่วยงาน ผู้แทนสภาหรือคณะกรรมการวิชาชีพอิสระ
ท่ีขอคาปรกึ ษา
(๒) ผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเร่ืองที่พิจารณาตามท่ี
คณะกรรมการหรอื สานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกาเหน็ สมควร
ใ น ก ร ณี ที่ ก า ร พิ จ า ร ณ า เ ป็ น เ ร่ื อ ง เ กี่ ย ว กั บ สิ ท ธิ ข อ ง เ อ ก ช น แ ล ะ
คณะกรรมการเห็นว่าการฟังความคิดเห็นของเอกชนจะเป็นประโยชน์
คณะกรรมการจะขอให้สานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเชิญผู้แทน
144
ของสถาบันฝายเอกชน หรอื บุคคลอนื่ ท่ีคณะกรรมการเห็นสมควร เขารวม
ชแี้ จงใหข อเท็จจรงิ หรอื แสดงความคิดเห็นเพื่อประกอบการพจิ ารณาดว ยก็ได
ขอ ๗ เมื่อคณะกรรมการไดพิจารณาและมีการใหคําปรึกษาแลว
ใหส าํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกาสงเรอ่ื งดงั กลาวใหห นวยงาน สภาหรือ
คณะกรรมการวชิ าชีพอิสระท่ีขอคําปรึกษาทราบโดยเร็ว
ขอ ๘ ระเบยี บนใ้ี หใชบังคับตง้ั แตวันที่ ๖ มีนาคม ๒๕๔๑ เปน ตนไป
ใหไว ณ วันที่ ๖ มนี าคม พ.ศ. ๒๕๔๑
เฉลมิ ชัย วสนี นท
ประธานคณะกรรมการวิธปี ฏิบตั ิราชการทางปกครอง
145
คาํ แนะนําของคณะกรรมการวธิ ีปฏบิ ตั ริ าชการทางปกครอง
ที่ ๑/๒๕๔๐
เร่ือง หลักเกณฑก ารแจงสิทธใิ นการอทุ ธรณหรอื โตแ ยง
คาํ สั่งทางปกครอง
146
คาํ แนะนําของคณะกรรมการวธิ ีปฏบิ ตั ิราชการทางปกครอง
ท่ี ๑/๒๕๔๐
เรอื่ ง หลกั เกณฑก ารแจง สทิ ธใิ นการอทุ ธรณหรอื โตแ ยง
คาํ ส่งั ทางปกครอง
ดวยคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองมีความเห็นวา
เมื่อพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ มีผล
ใชบ ังคับ (ต้ังแตวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๔๐) การแจงคําสั่งทางปกครอง
ใหแ กบ ุคคลทเี่ กีย่ วของจะมีหลักเกณฑบางประการท่ีแตกตางไปจากท่ีเคย
เปน มา กลาวคือ การแจง คําส่งั ทางปกครองจะตอ งปฏิบัติตามมาตรา ๔๐ ๑
33
แหงพระราชบญั ญัติวิธีปฏิบตั ริ าชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ที่กําหนดวา
คําส่ังทางปกครองท่ีอาจอทุ ธรณหรือโตแยงตอไปได เจาหนาท่ีผูออกคําส่ัง
ทางปกครองตองแจงใหผูรับคําสั่งทราบถึงรายละเอียดและระยะเวลา
ในการย่ืนอุทธรณหรือโตแยงคําส่ังดังกลาวดวย ในกรณีท่ีเจาหนาท่ี
ผอู อกคําส่ังทางปกครองมไิ ดแ จงรายละเอียดและระยะเวลาในการอุทธรณ
หรือโตแยงไวในคาํ สัง่ และไมม ีการแจงการใชส ทิ ธิในการอทุ ธรณหรือโตแยง
๑ มาตรา ๔๐ คําส่ังทางปกครองที่อาจอุทธรณหรือโตแยงตอไปไดใหระบุ
กรณีที่อาจอุทธรณหรือโตแยง การยื่นคําอุทธรณหรือคําโตแยง และระยะเวลา
สําหรับการอทุ ธรณห รอื การโตแยง ดังกลา วไวดวย
ในการท่ีมีการฝาฝนบทบัญญัติตามวรรคหน่ึง ใหระยะเวลาสําหรับ
การอุทธรณห รอื การโตแ ยงเร่ิมนับใหมต้ังแตวันทีไ่ ดรบั แจง หลกั เกณฑตามวรรคหนึ่ง
แตถาไมมีการแจงใหมและระยะเวลาดังกลาว มีระยะเวลาส้ันกวาหน่ึงป ใหขยาย
เปน หน่งึ ปนับแตว นั ทไ่ี ดรบั คําสง่ั ทางปกครอง
147
ใหมในภายหลัง ระยะเวลาในการอุทธรณหรือโตแยงจะขยายออกไป
เปน หนึ่งป ตามมาตา ๔๐ วรรคสอง แหง พระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการ
ทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ เพื่อใหเกิดความเปนธรรมแกผูรับคําส่ัง
ทางปกครองและจะสงผลใหท างราชการตองผกู พนั ในการพจิ ารณาอทุ ธรณ
หรอื โตแ ยงคาํ ส่ังทางปกครองนานขึน้ กวา กฎหมายในเรื่องนั้น ๆ ไดบัญญตั ิไว
ค ณ ะ ก ร ร ม ก า ร วิ ธี ป ฏิ บั ติ ร า ช ก า ร ท า ง ป ก ค ร อ ง เ ห็ น ว า ก า ร
แจงรายละเอียดและระยะเวลาในการใชสิทธิอุทธรณหรือโตแยงคําสั่ง
ทางปกครองแกคูกรณเี ปนเรือ่ งทมี่ ีความสําคญั เพราะเปนการคุมครองสิทธิ
ของคกู รณีผูรับคําส่ัง สมควรแนะนําใหเจาหนาท่ีผูออกคําส่ังทางปกครอง
ปฏบิ ตั ิใหค รบถวนถกู ตอ งตามขอ กําหนดทีบ่ ัญญัติไวในมาตรา ๔๐ วรรคหน่ึง
แหง พระราชบญั ญัตวิ ิธีปฏิบัตริ าชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ดังน้ี
๑. รายละเอียดในการแจงสิทธิอุทธรณหรือโตแยงคําสั่ง
ทางปกครอง
(๑) ระบกุ รณที ี่อาจอทุ ธรณหรือโตแยงไวในคําส่ังในกรณีเปนคําสั่ง
ทางปกครองท่อี าจอทุ ธรณห รอื โตแยงตอไปได
(๒) ระบุการยื่นคําอุทธรณหรือคําโตแยง ประกอบดวย บุคคล
ผรู ับคําอทุ ธรณห รอื คําโตแ ยง สถานท่ีย่ืนคําอุทธรณหรือคําโตแยง เงื่อนไข
อันเปน สาระสาํ คัญในการอทุ ธรณห รอื โตแยง ในกรณที ่กี ฎหมายกําหนดไว
(๓) ระบุระยะเวลาสําหรบั การย่นื อุทธรณห รือโตแ ยง
ตัวอยางเชน ใชขอความวา “ถาหากทานประสงคจะอุทธรณหรือ
โตแยงคําส่ังนี้ใหยื่นอุทธรณหรือโตแยงคําสั่งดังกลาวตอ ..........(๑).........
ภายใน.....(๒).....นบั แตว ันท่รี บั ทราบคําสัง่ น้ี”
148
หมายเหตุ (๑) ใหระบุ บุคคล คณะบคุ คล หรือเจาหนา ที่ผูรับอุทธรณค ําสั่ง
ทางปกครอง
(๒) ใหระบรุ ะยะเวลาในการยนื่ อทุ ธรณ
๒. กรณที ตี่ อ งแจง รายละเอยี ดและระยะเวลาในการอทุ ธรณห รือ
โตแ ยงคําส่ังทางปกครองทท่ี ําเปน หนังสือ อาจแยกเปนกรณีไดด งั นี้
(ก) ในกรณีมีกฎหมายเฉพาะเร่ืองกําหนดระยะเวลาอุทธรณหรือ
โตแยงคําสั่งไว เชน การยื่นอุทธรณตามมาตรา ๔๘ แหงพระราชบัญญัติ
การขนสง ทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒
“มาตรา ๔๘ ผูรับใบอนุญาตประกอบการขนสงซ่ึงถูกสั่งเพิกถอน
ใบอนุญาตมสี ิทธอิ ทุ ธรณต อรัฐมนตรภี ายในสบิ หาวันนับแตวันท่ีทราบคําสง่ั
ฯลฯ ฯลฯ”
หรอื การยนื่ อทุ ธรณต ามมาตรา ๒๐ แหงพระราชบัญญัตพิ นั ธุพชื พ.ศ. ๒๕๑๘
“มาตรา ๒๐ ถาพนักงานเจาหนาท่ีไมออกใบอนุญาต หรือไม
อนุญาตใหตออายุใบอนุญาต ผูขอใบอนุญาตหรือผูขอตออายุใบอนุญาต
มีสิทธิอุทธรณเปนหนังสือตอรัฐมนตรีภายในสามสิบวันนับแตวันที่ไดรับ
หนังสือของพนักงานเจาหนาท่ีแจงการไมออกใบอนุญาตหรือไมอนุญาต
ใหตอ อายใุ บอนุญาต
ฯลฯ ฯลฯ”
ในกรณนี ีใ้ หเ จาหนาท่ีผอู อกคําสั่งทางปกครองแจง รายละเอียดและ
ระยะเวลาตามทก่ี ําหนดไวใ นกฎหมายดังกลาว
(ข) ในกรณีไมมีกฎหมายเฉพาะกําหนดระยะเวลาในการใชสิทธิ
อุทธรณหรือโตแยงคําส่ังไวใหเจาหนาท่ีผูออกคําสั่งแจงใหผูรับคําส่ัง
ย่นื อทุ ธรณหรอื โตแยงคาํ สัง่ ตอเจาหนา ทผ่ี ูออกคําสั่งภายในสิบหาวันนับแต
149
วันที่ไดรับแจงคําส่ังตามท่ีกําหนดไวในมาตรา ๔๔ ๒ ของพระราชบัญญัติ
34
วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ เชน มาตรา ๒๑
แหง พระราชบญั ญตั อิ ุทยานแหง ชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔
“มาตรา ๒๑ ใหพ นักงานเจา หนาทมี่ ีอาํ นาจออกคําส่ังใหผูกระทําผิด
ตามมาตรา ๑๖ ออกจากเขตอุทยานแหงชาติหรืองดเวนการกระทําใด ๆ
ในเขตอุทยานแหง ชาติ”
๓. กรณีคําส่ังทางปกครองท่ีไมอยูในบังคับที่ตองแจงใหคูกรณี
ทราบถงึ การใชส ทิ ธิอุทธรณหรอื โตแยง ตามมาตรา ๔๐๓
35
คาํ สงั่ ดว ยวาจาโดยสภาพไมสามารถแจงรายละเอียดและระยะเวลา
ใหใชส ิทธิอุทธรณไ ด ถาผูรบั คาํ สง่ั รอ งขอโดยมีเหตุอันสมควรภายในเจ็ดวัน
นับแตวันที่มีคําสั่งดังกลาวเจาหนาท่ีผูออกคําสั่งตองยืนยันคําสั่งน้ัน
เปนหนังสือตามมาตรา ๓๕ ๔ และในคําสั่งยืนยันเปนหนังสือดังกลาว
36
๒ มาตรา ๔๔ ภายใตบ งั คบั มาตรา ๔๘ ในกรณีที่คําสั่งทางปกครองใดไมได
ออกโดยรัฐมนตรี และไมมีกฎหมายกําหนดขั้นตอนอุทธรณภายในฝายปกครอง
ไวเปนการเฉพาะ ใหคูกรณีอุทธรณคําส่ังทางปกครอง น้ัน โดยยื่นตอเจาหนาที่
ผทู ําคาํ ส่ังทางปกครองภายในสบิ หา วนั นับแตวันทตี่ นไดรบั แจง คาํ ส่ังดงั กลาว
คําอุทธรณตองทําเปนหนังสือโดยระบุขอโตแยงและขอเท็จจริงหรือ
ขอ กฎหมายทอ่ี า งอิงประกอบดวย
การอุทธรณไมเปนเหตุใหทุเลาการบังคับตามคําสั่งทางปกครอง เวนแต
จะมกี ารสง่ั ใหท เุ ลาการบังคับตามมาตรา ๕๖ วรรคหน่งึ
๓ โปรดดเู ชิงอรรถที่ ๑
๔ มาตรา ๓๕ ในกรณีท่คี าํ สั่งทางปกครองเปนคําส่ังดวยวาจา ถาผูรับคําสั่ง
น้ันรองขอและการรองขอไดกระทําโดยมีเหตุอันสมควรภายในเจ็ดวันนับแตวันท่ี
มคี าํ สั่งดังกลาว เจา หนาท่ผี อู อกคาํ ส่งั ตอ1ง5ย0ืนยันคาํ สั่งเปนหนังสอื
เจา หนา ท่ีตอ งแจง รายละเอยี ดและระยะเวลาในการย่ืนอุทธรณหรือโตแยง
ไวในหนังสือนั้นดวยโดยปฏิบัติตามหลักเกณฑที่ระบุไวในขอ (ก) หรือ (ข)
กลาวคอื ถา มกี ฎหมายเฉพาะกําหนดระยะเวลาในการใชสิทธิอุทธรณหรือ
โตแยงไวก็ใหแจงรายละเอียดและระยะเวลาตามนั้น ถากฎหมายเฉพาะ
ไมไดกําหนดระยะเวลาดังกลาวไว ก็ใหเจาหนาท่ีผูออกคําสั่งแจงใหผูรับ
คาํ สั่งยืน่ อทุ ธรณหรือโตแ ยงคําส่ังตอเจาหนาที่ผูออกคําส่ังภายในสิบหาวัน
นับแตวนั ทีไ่ ดร ับแจงคําสั่ง
๔. กรณที ีไ่ มอ ยูใ นบังคบั ท่ตี อ งแจงการใชส ทิ ธอิ ทุ ธรณห รอื โตแยง
ตามพระราชบัญญตั วิ ธิ ปี ฏบิ ตั ิราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙
โดยทห่ี นา ทีต่ องแจงสิทธอิ ุทธรณห รือโตแยงไวใ นคําสง่ั ทางปกครอง
นี้จะใชบังคับเฉพาะในกรณีที่มีบทบัญญัติแจงชัดไวในกฎหมายวาคําส่ัง
ทางปกครองใดของเจาหนาที่ตองอุทธรณหรือโตแยงอยางไรและภายใน
ระยะเวลาเทาใดเทา นนั้ สวนกรณีท่กี ระบวนการพจิ ารณาของฝายปกครอง
สน้ิ สดุ ลงแลว และคูกรณียังไมพอใจในผลของคาํ สัง่ ทางปกครองนั้น คูกรณี
ยอ มมสี ทิ ธิทีจ่ ะนําเรื่องไปฟองเปนคดตี อศาลปกครองไดตอไปตามหลักการ
ทบทวนทางกฎหมาย ซึ่งในกรณีดังกลาวเจาหนาที่ไมอยูในสภาพท่ีจะ
รับผิดชอบไดวาเรื่องใดจะรองทุกขตอคณะกรรมการวินิจฉัยรองทุกขหรือ
ฟองศาลไดหรือไมแ ละภายในระยะเวลาใดโดยแนชัด ดังนั้น เจาหนาท่ีจึง
ไมมีหนาท่ีตองแจงรายละเอียดและระยะเวลาในการใชสิทธิอุทธรณหรือ
โตแยงตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙
อยางไรก็ตาม เจาหนาที่จะแนะนําถึงสิทธิท่ีจะนําเร่ืองไปรองทุกข
ตอคณะกรรมการวนิ จิ ฉัยรองทุกขหรือฟอ งคดีตอศาลตามทเี่ หน็ สมควรก็ได
151
๕. ปญหาคาบเก่ียวในการใชพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการ
ทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙
เน่ืองจากหลักการในพระราชบัญญัติดังกลาวถือวาการแจงสิทธิ
ในการอทุ ธรณหรือโตแยง คําส่ังทางปกครองเปนสวนหน่ึงของการทําคําส่ัง
ทางปกครอง การไมแจง รายละเอียดและระยะเวลาในการย่ืนอุทธรณหรือ
โตแยงจะมีผลเปนการขยายระยะเวลาอุทธรณหรือโตแยงท่ีสั้นกวาหนึ่งป
ออกไปเปนหนง่ึ ปและมผี ลใชบงั คับแกคําส่ังทางปกครองท่ีออก ต้ังแตวันท่ี
๑๔ พฤษภาคม ๒๕๔๐ เปนตนไป ดังนั้น คําส่ังทางปกครองที่ออกกอน
วนั ที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๔๐ การไมแจง รายละเอียดและระยะเวลาในการ
ย่ืนอุทธรณหรือโตแยงจึงไมอยูในบังคับของมาตรา ๔๐ ๕ วรรคสอง
37
แหงพระราชบญั ญัตวิ ธิ ปี ฏบิ ัตริ าชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙
๖. แนวทางปฏิบัติเก่ียวกับคําส่ังทางปกครองที่ออกต้ังแตวันที่
๑๔ พฤษภาคม ๒๕๔๐ และเจา หนา ท่ไี มไ ดแจงสิทธิในการอุทธรณหรือ
โตแยงไวใ นคาํ ส่ังทางปกครอง
บรรดาคาํ สงั่ ทางปกครองท่อี อกต้ังแตวันท่ี ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๔๐
เปนตนมา ถาเจาหนาที่ไมไดแจงรายระเอียดและระยะเวลาในการย่ืน
อุทธรณหรอื โตแยงใหผูรบั คําสงั่ ทราบ ผลทางกฎหมายจะทําใหระยะเวลา
การใชสิทธิอุทธรณหรือโตแยงที่สั้นกวาหนึ่งปขยายไปเปนหนึ่งปเสมอ
ฉะนัน้ เจาหนาท่ีควรพิจารณาวา จะแจงคําส่ังใหมหรือไม หากเห็นเปนการ
สมควรก็ใหแจงคําสั่งทางปกครองไปใหมพรอมทั้งกําหนดระยะเวลา
อทุ ธรณหรือโตแ ยง ไปดว ย เพ่ือใหร ะยะเวลาอุทธรณเ ปนไปตามท่ีกําหนดไว
๕ โปรดดูเชงิ อรรถ ๑
152
ในกฎหมายเฉพาะหรือตามมาตรา ๔๔ ๖ แหงพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติ
38
ราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ แลวแตกรณี ทั้งน้ี เพ่ือมิใหการใชสิทธิ
อุทธรณในทุกเรื่องตองขยายระยะเวลาออกไปเปนหนึ่งปอันจะทําใหการ
บรหิ ารราชการไมตรงตามเจตนารมณของกฎหมาย
เฉลิมชยั วสนี นท
(นายเฉลิมชัย วสีนนท)
ประธานคณะกรรมการวธิ ีปฏบิ ัตริ าชการทางปกครอง
๖ โปรดดูเชิงอรรถ ๒
153