ทางปกครองท่ีกําหนดใหชําระเงิน ใหเปนไปตามประมวลกฎหมาย
วธิ ีพจิ ารณาความแพง
สวนท่ี ๓
การบังคบั ตามคาํ สัง่ ทางปกครองทกี่ ําหนดใหก ระทาํ หรอื ละเวน กระทาํ
มาตรา ๖๓/๒๐ ในสวนน้ี
“คาปรับบังคับการ” หมายความวา คาปรับที่เจาหนาที่สั่งใหผูที่
ฝาฝนหรือไมปฏิบัติตามคําสั่งทางปกครองท่ีกําหนดใหกระทําหรือละเวน
กระทาํ ชําระเปนรายวนั ไปจนกวา จะยตุ กิ ารฝา ฝน คาํ ส่ังหรือไดมีการปฏิบัติ
ตามคาํ สง่ั แลว ไมวาจะเปน คาปรับที่กําหนดโดยพระราชบัญญัติน้ีหรือโดย
กฎหมายอน่ื
มาตรา ๖๓/๒๑ คาํ สงั่ ทางปกครองที่กําหนดใหกระทําหรือละเวน
กระทํา ถาผูอยูในบังคับของคําส่ังทางปกครองฝาฝนหรือไมปฏิบัติตาม
เจาหนาที่อาจใชมาตรการบังคับทางปกครองอยางหนึง่ อยางใด ดังตอไปนี้
(๑) เจา หนา ทเี่ ขา ดําเนนิ การดว ยตนเองหรือมอบหมายใหบุคคลอ่ืน
กระทําการแทน โดยผูอยูในบังคับของคําสั่งทางปกครองจะตองชดใช
คาใชจายและเงินเพิ่มรายวันในอัตรารอยละย่ีสิบหาตอปของคาใชจาย
ดงั กลา วแกห นวยงานของรัฐทีเ่ จา หนาท่นี ้ันสังกดั
(๒) ใหมีการชําระคาปรับบังคับการตามจํานวนท่ีสมควรแกเหตุ
แตตองไมเกนิ หาหมน่ื บาทตอวัน
เจา หนา ท่รี ะดบั ใดมีอํานาจกําหนดคาปรับบังคับการจํานวนเทาใด
สาํ หรบั ในกรณใี ด ใหเปนไปตามทีก่ ําหนดในกฎกระทรวง
42
ในกรณีท่ีมีความจาเป็นที่จะต้องบังคับการโดยเร่งด่วนเพื่อป้องกัน
มิให้มีการกระทาท่ีขัดต่อกฎหมายที่มีโทษทางอาญาหรือมิให้เกิดความ
เสียหายต่อประโยชน์สาธารณะ เจ้าหน้าท่ีอาจใช้มาตรการบังคับ
ทางปกครองโดยไม่ต้องออกคาส่ังทางปกครองที่กาหนดให้กระทาหรือ
ละเว้นกระทาก่อนก็ได้ แต่ทั้งน้ีต้องกระทาโดยสมควรแก่เหตุและภายใน
ขอบเขตอานาจหน้าทขี่ องตน
มาตรา ๖๓/๒๒ ก่อนใช้มาตรการบังคับทางปกครอง ตาม
มาตรา ๖๓/๒๑ เจ้าหน้าที่จะต้องมีคาเตือนเป็นหนังสือให้มีการกระทา
หรือละเว้นกระทาตามคาสั่งทางปกครองภายในระยะเวลาท่ีกาหนด
ตามสมควรแก่กรณี คาเตือนดังกล่าวจะกาหนดไปพร้อมกับคาส่ัง
ทางปกครองก็ได้
คาเตอื นนั้นจะตอ้ งระบุ
(๑) มาตรการบังคับทางปกครองที่จะใช้ให้ชัดแจ้ง แต่จะกาหนด
มากกวา่ หนง่ึ มาตรการในคราวเดยี วกันไม่ได้
(๒) ค่าใช้จ่ายและเงินเพิ่มรายวันในการที่เจ้าหน้าที่เข้าดาเนินการ
ด้วยตนเองหรือมอบหมายให้บุคคลอ่ืนกระทาการแทน หรือจานวนค่าปรับ
บงั คับการ แล้วแต่กรณี
การกาหนดค่าใช้จ่ายในคาเตือน ไม่เป็นการตัดสิทธิท่ีจะเรียก
ค่าใช้จา่ ยเพิม่ ข้นึ หากจะต้องเสียคา่ ใช้จา่ ยจริงมากกว่าทไ่ี ด้กาหนดไว้
มาตรา ๖๓/๒๓ เจ้าหน้าที่จะต้องใช้มาตรการบังคับทางปกครอง
ตามท่ีกาหนดไว้ในคาเตือนตามมาตรา ๖๓/๒๒ การเปลี่ยนแปลง
มาตรการจะกระทาได้ก็ต่อเมื่อปรากฏว่ามาตรการท่ีกาหนดไว้ไม่บรรลุ
ตามวตั ถปุ ระสงค์
43
ถ้าผู้อยู่ในบังคับของคาส่ังทางปกครองต่อสู้ขัดขวางการบังคับ
ทางปกครอง เจ้าหน้าที่อาจใช้กาลังเข้าดาเนินการเพ่ือให้เป็นไปตาม
มาตรการบังคบั ทางปกครองได้ แตต่ ้องกระทาโดยสมควรแก่เหตุ
ในการใช้มาตรการบังคับทางปกครองตามวรรคหน่ึงหรือวรรคสอง
เจ้าหนา้ ทอ่ี าจแจ้งขอความช่วยเหลือจากเจ้าพนกั งานตารวจได้
มาตรา ๖๓/๒๔ ในกรณีไม่มีการชาระค่าปรับบังคับการ ค่าใช้จ่าย
หรือเงินเพิ่มรายวันโดยถูกต้องครบถ้วน ให้เจ้าหน้าที่ดาเนินการบังคับ
ทางปกครองตามสว่ นที่ ๒ ตอ่ ไป
มาตรา ๖๓/๒๕ การฟ้องคดโี ต้แยง้ การบงั คบั ทางปกครองตามส่วนน้ี
ให้เสนอต่อศาลที่มีเขตอานาจในการพิจารณาพิพากษาคดีเกี่ยวกับคาส่ัง
ทมี่ ีการบงั คับทางปกครองนั้น
หมวด ๓
ระยะเวลาและอายุความ
มาตรา ๖๔ กาหนดเวลาเป็นวัน สัปดาห์ เดือน หรือปีน้ัน มิให้
นับวันแรกแห่งระยะเวลาน้ันรวมเข้าด้วย เว้นแต่จะได้เร่ิมการในวันนั้นหรือ
มกี ารกาหนดไว้เป็นอยา่ งอน่ื โดยเจ้าหน้าที่
ในกรณีท่ีเจ้าหน้าที่มีหน้าท่ีต้องกระทาการอย่างหน่ึงอย่างใดภายใน
ระยะเวลาที่กาหนด ให้นับวันสิ้นสุดของระยะเวลานั้นรวมเข้าด้วยแม้ว่า
วันสดุ ท้ายเป็นวันหยดุ ทาการงานสาหรับเจ้าหน้าที่
44
ในกรณีท่ีบุคคลใดตองทําการอยางหน่ึงอยางใดภายในระยะเวลา
ที่กําหนดโดยกฎหมายหรือโดยคําสั่งของเจาหนาที่ ถาวันสุดทาย
เ ป น วั น ห ยุ ด ทํ า ก า ร ง า น สํ า ห รั บ เ จ า ห น า ท่ี ห รื อ วั น ห ยุ ด ต า ม ป ร ะ เ พ ณี
ของบุคคลผูรับคําส่ัง ใหถือวาระยะเวลานั้นส้ินสุดในวันทํางานที่ถัดจาก
วนั หยดุ นนั้ เวน แตก ฎหมายหรือเจา หนาท่ีที่มีคําส่งั จะกําหนดไวเปนอยา งอื่น
มาตรา ๖๕ ระยะเวลาท่กี ําหนดไวใ นคําส่ังของเจา หนาท่ีอาจมีการ
ขยายอีกได และถาระยะเวลานั้นไดส้ินสุดลงแลวเจาหนาที่อาจขยาย
โดยกําหนดใหมีผลยอนหลังไดเชนกันถาการสิ้นสุดตามระยะเวลาเดิม
จะกอ ใหเ กิดความไมเปนธรรมท่จี ะใหส ิ้นสุดลงตามนนั้
มาตรา ๖๖ ในกรณีท่ีผูใดไมอาจกระทําการอยางหนึ่งอยางใด
ภายในระยะเวลาที่กําหนดไวในกฎหมายไดเพราะมีพฤติการณที่จําเปน
อันมิไดเกิดข้ึนจากความผิดของผูนั้น ถาผูนั้นมีคําขอเจาหนาท่ีอาจขยาย
ระยะเวลาและดําเนินการสวนหน่ึงสวนใดที่ลวงมาแลวเสียใหมก็ได ท้ังน้ี
ตอ งยืน่ คาํ ขอภายในสิบหาวนั นบั แตพ ฤติการณเชนวาน้ันไดส้นิ สุดลง
มาตรา ๖๗ เม่ือมีการอุทธรณตามบทบัญญัติในสวนที่ ๕
ของหมวด ๒ แหงพระราชบัญญัตินี้ หรือการย่ืนคําขอตอคณะกรรมการ
วินิจฉัยขอพิพาทหรือคณะกรรมการวินิจฉัยรองทุกขตามกฎหมายวาดวย
คณะกรรมการกฤษฎีกาเพอื่ ใหวนิ จิ ฉัยชขี้ าดแลวใหอายุความสะดุดหยุดอยู
ไมนับในระหวา งนน้ั จนกวาการพิจารณาจะถึงท่ีสุดหรือเสร็จไปโดยประการอื่น
แตถ าเสรจ็ ไปเพราะเหตุถอนคําขอหรือทิ้งคําขอใหถือวา อายุความเรียกรอง
ของผยู ื่นคําขอไมเ คยมีการสะดดุ หยุดอยูเลย
45
หมวด ๔
การแจง
มาตรา ๖๘ บทบัญญัตใิ นหมวดนี้มใิ หใชบังคบั กบั การแจง ซึ่งไมอาจ
กระทําโดยวาจาหรือเปนหนังสือไดหรือมีกฎหมายกําหนดวิธีการแจงไว
เปน อยา งอ่ืน
ในกรณีคําสั่งทางปกครองท่ีแสดงใหทราบโดยการส่ือความหมาย
ในรูปแบบอื่นตามที่กําหนดในกฎกระทรวง ใหม ีผลเมื่อไดแจง
มาตรา ๖๙ การแจงคําสั่งทางปกครอง การนัดพิจารณา หรือ
การอยางอ่นื ท่ีเจาหนา ท่ตี องแจง ใหผูท่ีเก่ยี วของทราบอาจกระทําดวยวาจาก็ได
แตถ าผูน ัน้ ประสงคจ ะใหกระทําเปน หนงั สอื ก็ใหแ จงเปน หนังสอื
การแจงเปนหนังสือใหสงหนังสือแจงตอผูนั้น หรือถาไดสงไปยัง
ภูมิลาํ เนาของผนู น้ั ก็ใหถอื วา ไดรบั แจงตัง้ แตในขณะทไี่ ปถงึ
ในการดําเนินการเร่ืองใดท่ีมีการใหที่อยูไวกับเจาหนาที่ไวแลว
การแจงไปยงั ท่ีอยดู ังกลาวใหถือวาเปนการแจง ไปยงั ภูมิลาํ เนาของผนู น้ั แลว
มาตรา ๗๐ การแจงเปนหนังสือโดยวิธีใหบุคคลนําไปสง ถาผูรับ
ไมยอมรับหรือถาขณะนําไปสงไมพบผูรับ และหากไดสงใหกับบุคคลใด
ซ่ึงบรรลุนิติภาวะท่ีอยูหรือทํางานในสถานท่ีนั้น หรือในกรณีที่ผูนั้น
ไมยอมรับ หากไดวางหนังสือน้ันหรือปดหนังสือนั้นไวในที่ซึ่งเห็นไดงาย
ณ สถานที่น้ันตอหนาเจาพนักงานตามท่ีกําหนดในกฎกระทรวงท่ีไปเปน
พยานกใ็ หถ อื วา ไดร บั แจง แลว
46
มาตรา ๗๑ การแจง โดยวิธีสงทางไปรษณียตอบรับใหถือวาไดรับแจง
เมื่อครบกําหนดเจ็ดวันนับแตวันสงสําหรับกรณีภายในประเทศ หรือ
เม่ือครบกําหนดสิบหาวันนับแตวันสงสําหรับกรณีสงไปยังตางประเทศ
เวน แตจะมีการพสิ ูจนไ ดวา ไมมีการไดรับหรือไดร ับกอนหรือหลงั จากวันน้ัน
มาตรา ๗๒ ในกรณที ่มี ผี รู บั เกินหา สิบคนเจาหนา ทจ่ี ะแจง ใหท ราบ
ตัง้ แตเ ริ่มดาํ เนนิ การในเร่ืองน้ันวาการแจงตอบุคคลเหลานั้นจะกระทําโดย
วิธีปดประกาศไว ณ ที่ทําการของเจาหนาที่และท่ีวาการอําเภอที่ผูรับ
มภี มู ลิ ําเนากไ็ ด ในกรณีนใี้ หถ อื วา ไดร บั แจงเมื่อลวงพนระยะเวลาสิบหาวัน
นบั แตวนั ที่ไดแ จง โดยวธิ ีดงั กลา ว
มาตรา ๗๓ ในกรณีท่ีไมรูตัวผูรับหรือรูตัวแตไมรูภูมิลําเนา หรือ
รูต ัวและภมู ิลาํ เนาแตม ผี รู บั เกินหนงึ่ รอยคน การแจงเปนหนังสือจะกระทํา
โดยการประกาศในหนังสือพิมพซ่ึงแพรหลายในทองถ่ินน้ันก็ได ในกรณีน้ี
ใหถือวาไดรับแจงเม่ือลวงพนระยะเวลาสิบหาวันนับแตวันท่ีไดแจงโดย
วธิ ีดงั กลา ว
มาตรา ๗๔ ในกรณีมีเหตุจาํ เปน เรง ดวนการแจง คําสั่งทางปกครอง
จะใชวิธสี ง ทางเคร่ืองโทรสารกไ็ ด แตต องมหี ลักฐานการไดส งจากหนวยงาน
ผจู ดั บริการโทรคมนาคมท่ีเปน สื่อในการสง โทรสารน้นั และตองจัดสงคําส่ัง
ทางปกครองตัวจริงโดยวิธีใดวิธีหน่ึงตามหมวดนี้ใหแกผูรับในทันที
ท่ีอาจกระทําได ในกรณีน้ีใหถือวาผูรับไดรับแจงคําส่ังทางปกครอง
เปนหนังสือตามวัน เวลา ท่ีปรากฏในหลักฐานของหนวยงานผูจัดบริการ
โทรคมนาคมดังกลาว เวนแตจะมีการพิสูจนไดวาไมมีการไดรับหรือไดรับ
กอนหรอื หลังจากนั้น
47
หมวด ๕
คณะกรรมการที่มอี าํ นาจดําเนนิ การพจิ ารณาทางปกครอง
มาตรา ๗๕ การแตงตั้งกรรมการในลักษณะที่เปนผูทรงคุณวุฒิ
ใหแตงต้ังโดยระบตุ ัวบคุ คล
มาตรา ๗๖ นอกจากพนจากตําแหนงตามวาระ กรรมการ
พน จากตาํ แหนง เมื่อ
(๑) ตาย
(๒) ลาออก
(๓) เปนบุคคลลมละลาย
(๔) เปน คนไรความสามารถหรอื คนเสมือนไรค วามสามารถ
(๕) ไดรับโทษจําคุกโดยคําพิพากษาถึงที่สุดใหจําคุก เวนแต
เปนความผิดลหุโทษหรอื ความผดิ อนั ไดกระทาํ โดยประมาท
(๖) มีเหตุตองพนจากตําแหนงกอนครบวาระตามกฎหมาย
วาดว ยการนั้น
มาตรา ๗๗ ในกรณีที่กรรมการพนจากตําแหนงกอนวาระ
ผูมีอํานาจแตงต้ังอาจแตงต้ังผูอื่นเปนกรรมการแทนได และใหผูที่ไดรับ
แตงต้ังใหดํารงตําแหนงแทนอยูในตําแหนงเทากับวาระที่เหลืออยู
ของผซู ่งึ ตนแทน
ในกรณีที่มีการแตงต้ังกรรมการเพิ่มข้ึนในระหวางที่กรรมการ
ซ่ึงแตงตัง้ ไวแ ลว ยังมวี าระอยใู นตาํ แหนง ใหผ ูที่ไดรบั แตงตงั้ ใหเปน กรรมการ
เพ่ิมข้นึ อยใู นตาํ แหนงเทา กับวาระท่เี หลืออยขู องกรรมการทีไ่ ดร บั แตง ตั้งไวแ ลว
48
มาตรา ๗๘ ภายใตบังคับมาตรา ๗๖ การใหกรรมการ
ในคณะกรรมการวนิ ิจฉยั ขอ พิพาทพน จากตําแหนงกอนครบวาระจะกระทํา
มิได เวนแตกรณีมีเหตุบกพรองอยางย่ิงตอหนาที่หรือมีความประพฤติ
เส่ือมเสยี อยางรา ยแรง
มาตรา ๗๙ ภายใตบังคับมาตรา ๑๕ วรรคสอง การประชุม
ของคณะกรรมการตองมีกรรมการมาประชุมอยางนอยก่ึงหน่ึงจึงจะเปน
องคประชุม เวนแตบทบัญญัติแหงกฎหมายหรือกฎหรือคําสั่งที่จัดใหมี
คณะกรรมการชุดนั้นจะกาํ หนดไวเ ปนอยา งอื่น
ในกรณีมีกรรมการครบท่ีจะเปนองคประชุมได แตการพิจารณา
เรื่องใดถาตองเล่ือนมาเพราะไมครบองคประชุม ถาเปนการประชุม
ของคณะกรรมการซ่งึ มใิ ชค ณะกรรมการวินิจฉัยขอพิพาท หากไดมีการนัด
ประชุมเรื่องนั้นอีกภายในสิบสี่วันนับแตวันนัดประชุมที่เล่ือนมา และ
การประชุมครั้งหลังนี้มีกรรมการมาประชุมไมนอยกวาหน่ึงในสามของ
จํานวนกรรมการท้ังหมด ใหถือวาเปนองคประชุม แตทั้งน้ีตองระบุ
ความประสงคใ หเกิดผลตามบทบัญญัตินี้ไวในหนงั สอื นดั ประชมุ ดวย
มาตรา ๘๐ การประชมุ ใหเ ปนไปตามระเบียบการทคี่ ณะกรรมการ
กาํ หนด
การนัดประชมุ ตองทําเปน หนังสอื และแจงใหกรรมการทุกคนทราบ
ลวงหนาไมนอยกวาสามวัน เวนแตกรรมการน้ันจะไดทราบการบอกนัด
ในทีป่ ระชุมแลว กรณีดงั กลา วนี้จะทาํ หนังสือแจงนดั เฉพาะกรรมการที่ไมไ ด
มาประชมุ ก็ได
บทบัญญัติในวรรคสองมิใหนํามาใชบังคับในกรณีมีเหตุจําเปน
เรง ดว นซึ่งประธานกรรมการจะนดั ประชมุ เปนอยางอืน่ ก็ได
49
มาตรา ๘๑ ประธานกรรมการมีอํานาจหนาที่ดําเนินการประชุม
และเพ่ือรักษาความเรียบรอยในการประชุม ใหประธานมีอํานาจออกคําสั่งใด ๆ
ตามความจาํ เปน ได
ถาประธานกรรมการไมอยูในที่ประชุมหรือไมสามารถปฏิบัติหนาที่ได
ใหรองประธานกรรมการทําหนาที่แทน ถาไมมีรองประธานกรรมการหรือ
มีแตไมสามารถปฏิบัติหนาที่ได ใหกรรมการที่มาประชุมเลือกกรรมการ
คนหนง่ึ ขนึ้ ทําหนา ที่แทน
ในกรณีท่ีประธานกรรมการมีหนาท่ีตองดําเนินการใด ๆ นอกจาก
การดาํ เนินการประชุมใหนาํ ความในวรรคสองมาใชบ ังคบั โดยอนโุ ลม
มาตรา ๘๒ การลงมตขิ องท่ปี ระชมุ ใหถือเสยี งขางมาก
กรรมการคนหนึ่งใหมีหน่ึงเสียงในการลงคะแนน ถาคะแนนเสียง
เทากันใหประธานในท่ปี ระชุมออกเสยี งเพม่ิ ขึน้ อกี เสยี งหนึ่งเปน เสยี งชี้ขาด
เร่ืองใดถาไมมีผูคัดคาน ใหประธานถามที่ประชุมวามีผูเห็นเปน
อยา งอ่ืนหรอื ไม เม่ือไมมผี ูเหน็ เปนอยางอื่น ใหถอื วา ท่ปี ระชมุ ลงมติเหน็ ชอบ
ในเรือ่ งนัน้
มาตรา ๘๓ ในการประชุมตองมีรายงานการประชุมเปนหนังสือ
ถ า มี ค ว า ม เ ห็ น แ ย ง ใ ห บั น ทึ ก ค ว า ม เ ห็ น แ ย ง พ ร อ ม ทั้ ง เ ห ตุ ผ ล
ไวใ นรายงานการประชุม และถากรรมการฝายขางนอยเสนอความเห็นแยง
เปน หนังสือก็ใหบ ันทกึ ความเห็นแยง นนั้ ไวดวย
มาตรา ๘๔ คําวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยขอพิพาท
ตอ งมลี ายมอื ชอ่ื ของกรรมการทว่ี นิ ิจฉัยเร่ืองน้ัน
50
ถากรรมการคนใดมคี วามเห็นแยง ใหมีสิทธิทําความเห็นแยงของตน
รวมไวใ นคาํ วนิ จิ ฉยั ได
บทเฉพาะกาล
มาตรา ๘๕ ใหถือวาระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี วาดวยการ
ปฏิบัติราชการเพ่ือประชาชนของหนวยงานของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๒ เปนระเบียบ
ที่คณะรัฐมนตรีวางขนึ้ ตามมาตรา ๓๓ แหงพระราชบัญญัติน้ี
มาตรา ๘๖ บรรดาคําขอเพื่อใหมีคําส่ังทางปกครองท่ีเจาหนาท่ี
ไดรับไวก อ นท่ีพระราชบัญญตั นิ ้ใี ชบงั คบั ใหเจาหนาทีท่ าํ การพจิ ารณาคาํ ขอ
ดงั กลา วตามหลกั เกณฑท ่กี ฎหมายหรอื กฎสาํ หรับเรอ่ื งนั้นไดก ําหนดไว
มาตรา ๘๗ เม่ือไดมีการจัดตั้งศาลปกครองขึ้นแลว บทบัญญัติ
มาตรา ๔๘ ใหเปนอนั ยกเลกิ
ผูร บั สนองพระบรมราชโองการ
บรรหาร ศิลปอาชา
นายกรฐั มนตรี
51
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใชพระราชบัญญัติฉบับน้ี คือ
โดยที่การดาํ เนนิ งานทางปกครองในปจจบุ ันยงั ไมมีหลักเกณฑแ ละข้นั ตอนที่
เหมาะสม จึงสมควรกําหนดหลักเกณฑและขั้นตอนตาง ๆ สําหรับการ
ดําเนินงานทางปกครองข้ึนเพื่อใหการดําเนินงานเปนไปโดยถูกตอง
ตามกฎหมาย มีประสิทธิภาพในการใชบังคับกฎหมายใหสามารถรักษา
ประโยชนสาธารณะได และอํานวยความเปนธรรมแกประชาชน อีกท้ัง
ยงั เปนการปอ งกนั การทุจริตและประพฤตมิ ชิ อบในวงราชการ จงึ จําเปน ตอ ง
ตราพระราชบญั ญตั นิ ้ี7๗
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใชพระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ
โดยที่เปนการสมควรแกไขเพ่ิมเติมกฎหมายวาดวยวิธีปฏิบัติราชการทาง
ปกครองเพื่อกําหนดหลักเกณฑในการจัดทําคําส่ังทางปกครองใหมี
ประสิทธิภาพเพื่อรกั ษาประโยชนสาธารณะและอํานวยความเปนธรรมแก
ประชาชน อีกท้ังยังเปนการปองกันการทุจริตและประพฤติมิชอบในวง
ราชการ จึงจําเปนตอ งตราพระราชบญั ญัตินี้8๘
๗ พระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ประกาศ
ในราชกิจจานเุ บกษา เลม ๑๑๓ ตอนท่ี ๖๐ ก วนั ท่ี ๑๔ พฤศจกิ ายน ๒๕๓๙ (หนา ๑-๒๔)
๘ พระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗
ประกาศในราชกจิ จานุเบกษา เลม ๑๓๑ ตอนท่ี ๘๙ ก วันท่ี ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๗
(หนา ๑-๓)
52
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใชพระราชบัญญัติฉบับน้ี คือ
โดยทีป่ จ จบุ นั บทบัญญัตเิ ก่ียวกบั การบงั คับทางปกครองตามกฎหมายวา ดวย
วิ ธี ป ฏิ บั ติ ร า ช ก า ร ท า ง ป ก ค ร อ ง ยั ง ไ ม มี ป ร ะ สิ ท ธิ ภ า พ ใ น ก า ร บั ง คั บ ใ ช
โ ด ย เ ฉ พ า ะ ก า ร บั ง คั บ ต า ม คํ า ส่ั ง ท า ง ป ก ค ร อ ง ท่ี กํ า ห น ด ใ ห ชํ า ร ะ เ งิ น
ซ่ึงกฎหมายวาดวยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองกําหนดใหนําวิธีการยึด
การอายัด และการขายทอดตลาดทรัพยสินตามประมวลกฎหมาย
วิธีพจิ ารณาความแพง มาใชบังคับโดยอนุโลม จึงไมมีรายละเอียดวิธีปฏิบัติ
และระยะเวลาในการบังคับทางปกครองท่ชี ัดเจน ซ่งึ กอใหเ กดิ ความไมเปนธรรม
แกผอู ยใู นบงั คบั ของมาตรการบังคับทางปกครอง ประกอบกบั เจา หนา ที่ของ
หนวยงานของรัฐสวนใหญไมมีความเช่ียวชาญในการยึด การอายัด
และการขายทอดตลาดทรัพยสิน อีกท้ังไมมีบทบัญญัติที่ใหอํานาจ
แกเจาหนาที่ในการสืบหาทรัพยสินและมอบหมายใหหนวยงานอ่ืน
หรือเอกชนดําเนินการแทนได สงผลใหไมสามารถบังคับตามคําส่ัง
ทางปกครองทก่ี าํ หนดใหช าํ ระเงินไดอ ยา งมปี ระสทิ ธิภาพและรฐั ตองสูญเสยี
รายไดใ นทส่ี ุด ดังนน้ั สมควรปรับปรงุ หลกั เกณฑใ นการบังคับทางปกครอง
เพื่อใหชัดเจน มีประสิทธิภาพ และเปนธรรมยิ่งข้ึน จึงจําเปนตองตรา
พระราชบัญญตั ิน9ี้๙
๙ พระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง (ฉบับท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒
ประกาศในราชกจิ จานุเบกษา เลม ๑๓๖ ตอนท่ี ๖๙ ก วนั ที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๒
(หนา ๑๑๕-๑๒๖)
53
กฎกระทรวง
(พ.ศ. ๒๕๔๐)
ออกตามความในพระราชบญั ญตั ิวิธปี ฏิบตั ริ าชการทางปกครอง
พ.ศ. ๒๕๓๙
54
กฎกระทรวง
(พ.ศ. ๒๕๔๐)
ออกตามความในพระราชบญั ญตั วิ ิธปี ฏบิ ตั ิราชการทางปกครอง
พ.ศ. ๒๕๓๙10๑
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๖ และมาตรา ๒๖ วรรคสอง
แหงพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙
นายกรัฐมนตรีโดยคําเสนอแนะของคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการ
ทางปกครอง ออกกฎกระทรวงไว ดังตอไปนี้
ขอ ๑ การรับรองความถูกตองของคําแปลเปนภาษาไทย
ใหก ระทําโดย
๑ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เลม ๑๑๔ ตอนท่ี ๑๗ ก วันท่ี ๒๒
พฤษภาคม ๒๕๔๐ (หนา ๒๗-๒๘)
55
(๑) คนไทยท่ีจบการศึกษาในระดับท่ีไมตํ่ากวาปริญญาตรี
ในหลักสูตรที่ใชภาษาที่ปรากฏในเอกสารน้ันเปนภาษาในการเรียน
การสอน
(๒) อาจารยในสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาและเปนผูสอน
ภาษาที่ปรากฏในเอกสารนน้ั ในสถาบันการศกึ ษาดงั กลา ว
(๓) สถานทูตหรือสถานกงสุลตางประเทศที่ตั้งอยูในประเทศไทย
โดยประเทศนัน้ ใชภาษาทปี่ รากฏในเอกสารนน้ั เปนภาษาราชการ
(๔) สถานทูตหรือสถานกงสลุ ไทยในตางประเทศ
ขอ ๒ เจา หนา ทจ่ี ะยอมรับเอกสารที่ทําข้ึนเปนภาษาตางประเทศ
โดยไมตองใหจัดทาํ คําแปลเปนภาษาไทยไดในกรณี ดงั ตอ ไปนี้
(๑) เจา หนาทีน่ ้นั เห็นวา ตนสามารถเขาใจภาษาดังกลาวได
(๒) เจาหนาทีน่ น้ั มีผูร ว มงานที่มคี วามรใู นภาษาดงั กลา ว
ใหไ ว ณ วันที่ ๒๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๐
พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ
นายกรฐั มนตรี
56
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใชกฎกระทรวงฉบับน้ี คือ
โดยที่มาตรา ๒๖ วรรคสอง แหงพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการ
ทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ บัญญัติใหการรับรองความถูกตองของคําแปล
เปน ภาษาไทยของเอกสารท่ีทําข้ึนเปนภาษาตางประเทศ หรือการยอมรับ
เอกสารท่ีทาํ ขึน้ เปน ภาษาตางประเทศ ใหเ ปนไปตามหลกั เกณฑและวิธีการ
ท่กี าํ หนดในกฎกระทรวง จงึ จําเปน ตอ งออกกฎกระทรวงน้ี
57
กฎกระทรวง
ฉบบั ท่ี ๒ (พ.ศ. ๒๕๔๐)
ออกตามความในพระราชบญั ญัติวิธปี ฏิบตั ิราชการทางปกครอง
พ.ศ. ๒๕๓๙
58
กฎกระทรวง
ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๔๐)
ออกตามความในพระราชบญั ญตั วิ ิธปี ฏบิ ตั ิราชการทางปกครอง
พ.ศ. ๒๕๓๙11๑
อาศยั อํานาจตามความในมาตรา ๖ และมาตรา ๓๐ วรรคสอง (๖)
แหงพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙
นายกรัฐมนตรีโดยคําเสนอแนะของคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการ
ทางปกครอง ออกกฎกระทรวงไว ดังตอ ไปน้ี
ใหคําส่ังทางปกครองในกรณีดังตอไปน้ี เปนคําสั่งทางปกครองตาม
มาตรา ๓๐ วรรคสอง (๖)
(๑) การบรรจุ การแตงตั้ง การเล่ือนข้ันเงินเดือน การส่ังพักงาน
หรอื ส่งั ใหออกจากงานไวกอ น หรอื การใหพ น จากตาํ แหนง
๑ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เลม ๑๑๔ ตอนที่ ๑๗ ก วันท่ี ๒๒
พฤษภาคม ๒๕๔๐ (หนา ๒๙-๓๐)
59
(๒) การแจงผลการสอบหรือการวัดผลความรูหรือความสามารถ
ของบุคคล
(๓) การไมออกหนงั สือเดินทางสาํ หรบั การเดินทางไปตางประเทศ
(๔) การไมตรวจลงตราหนงั สอื เดินทางของคนตางดา ว
(๕) การไมออกใบอนุญาตหรือการไมตออายุใบอนุญาตทํางาน
ของคนตางดาว
(๖) การสง่ั ใหเนรเทศ
ใหไ ว ณ วนั ที่ ๒๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๐
พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ
นายกรัฐมนตรี
60
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใชกฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่
เปนการสมควรกําหนดใหคําสั่งทางปกครองในบางกรณี ซึ่งโดยสภาพ
ไมสามารถแจงหรือไมสมควรแจงใหคูกรณีทราบขอเท็จจริงหรือใหคูกรณี
โตแยงกอนการทําคําสั่งทางปกครอง เปนคําสั่งทางปกครองที่เจาหนาท่ี
ไ ม ต อ ง แ จ ง ใ ห คู ก ร ณี ท ร า บ ข อ เ ท็ จ จ ริ ง ห รื อ โ ต แ ย ง ก อ น ก า ร ทํ า คํ า สั่ ง
ทางปกครอง ประกอบกับมาตรา ๓๐ วรรคสอง (๖) แหงพระราชบัญญัติ
วิธปี ฏิบัตริ าชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ไดกําหนดใหการกําหนดคําส่ัง
ทางปกครองดังกลาวตองกระทําโดยกฎกระทรวง จึงจําเปนตองออก
กฎกระทรวงนี้
61
กฎกระทรวง
ฉบับที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๔๐)
ออกตามความในพระราชบญั ญตั ิวิธปี ฏิบตั ริ าชการทางปกครอง
พ.ศ. ๒๕๓๙
62
กฎกระทรวง
ฉบับท่ี ๓ (พ.ศ. ๒๕๔๐)
ออกตามความในพระราชบญั ญัติวิธปี ฏบิ ตั ิราชการทางปกครอง
พ.ศ. ๒๕๓๙12๑
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๖ และมาตรา ๓๑ วรรคสอง
แหงพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙
นายกรัฐมนตรีโดยคําเสนอแนะของคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการ
ทางปกครอง ออกกฎกระทรวงไว ดงั ตอ ไปนี้
ขอ ๑ ในกฎกระทรวงนี้
“เอกสาร” ใหหมายความรวมถึงส่ิงที่ส่ือความหมายใหรูเร่ืองราว
ขอเท็จจริง ขอมูล รูป ตัวเลขหรือสิ่งใดๆ ไมวาการสื่อความหมายนั้น
จะทําไดโดยสภาพของสิ่งน้ันเองหรือโดยผานวิธีการใดๆ และไมวาจะได
๑ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เลม ๑๑๔ ตอนท่ี ๑๗ ก วันที่ ๒๒
พฤษภาคม ๒๕๔๐ (หนา ๓๑-๓๓)
63
จัดทาํ ไวในรปู ของหนังสอื แฟม รายงาน แผนผงั แผนที่ ภาพวาด ภาพถาย
ฟลม การบันทึกภาพหรือเสียง การบันทึกโดยเครื่องคอมพิวเตอร หรือ
วิธีอ่ืนใดที่ทําใหสิ่งท่ีบันทึกไวปรากฏไดและวัตถุใดๆ บรรดาที่ใชเปน
พยานหลักฐานในการพจิ ารณาทางปกครอง
ขอ ๒ คูกรณีที่ประสงคจะขอเขาตรวจดูเอกสารใดเพ่ือ
ประกอบการโตแยงหรือช้ีแจงหรือปองกันสิทธิของตนในกระบวนการ
พิจารณาทางปกครอง อาจทําคําขอดวยวาจา หรือทําเปนหนังสือโดยนํามายื่น
ดวยตนเองตอเจาหนาที่หรือหนวยงานของรัฐท่ีเจาหนาที่ผูน้ันสังกัดหรือ
โดยสงทางไปรษณียโดยระบุเอกสารหรือลักษณะของเอกสารที่ตองการ
จะตรวจดู
ในกรณีมีคําขอดวยวาจาหรือมีคําขอเปนหนังสือโดยนํามาย่ืน
ดวยตนเองใหเจาหนาที่พิจารณาใหคูกรณีไดตรวจดูเอกสารในขณะน้ัน
แตถ าเจาหนาท่ีไมพรอมท่ีจะใหตรวจดูในขณะน้ันไดหรือเปนกรณีมีคําขอ
เปนหนงั สอื โดยสงทางไปรษณีย ใหเจาหนาท่ีพิจารณาและแจงกําหนดวัน
เวลาและสถานท่ี ทีจ่ ะใหตรวจดูเอกสารใหคูกรณที ราบ
ขอ ๓ ในการตรวจดูเอกสาร ใหเจาหนาที่อํานวยความสะดวกแก
การตรวจดูตามความเหมาะสมและตองระมัดระวังมิใหเอกสารชํารุด
เสยี หายหรอื สญู หาย
เพ่ือประโยชนในการดําเนินการตามวรรคหน่ึง หนวยงานของรัฐ
ท่ีเจาหนาที่ผูนั้นสังกัดอาจวางแนวปฏิบัติที่สมควรในการใหคูกรณีตรวจดู
เอกสาร โดยคํานึงถงึ ประเภทหรอื ลักษณะของเอกสาร
64
ขอ ๔ ในการยื่นคําขอตรวจดูเอกสาร คูกรณีผูยื่นคําขอไมตอง
เสียคาธรรมเนียมเพอื่ การดังกลาว
ในการใหคกู รณีตรวจดูเอกสารใด ถาตองมีคา ใชจา ยเกินกวาการให
ตรวจดูตามปกติ ใหหนวยงานของรัฐที่เจาหนาที่ผูนั้นสังกัดเรียกเก็บ
คาธรรมเนียมในอตั ราทเี่ ห็นสมควร
การกําหนดคาธรรมเนียมตามวรรคสอง ใหคํานึงถึงคาใชจายจริง
ที่ตองเสียในการตรวจดูเอกสารตลอดจนคาใชจายอื่นเกี่ยวกับสํานักงาน
และบุคลากรของหนว ยงานของรฐั แหงนั้นประกอบดวย แตไมสูงกวาอัตรา
ในตลาดหากใหเอกชนจัดทํา แตในกรณีเล็กนอยจะยกเวนไมเรียกเก็บ
คา ธรรมเนยี มก็ได
ขอ ๕ ถาคูกรณีตองการสําเนาเอกสารใด ใหเจาหนาที่พิจารณา
ดําเนินการใหตามความเหมาะสม โดยจะตองระมัดระวังมิใหตนฉบับเอกสาร
ชาํ รดุ เสียหาย หรือสูญหาย
เพื่อประโยชนในการดําเนินการตามวรรคหน่ึง หนวยงานของรัฐ
ที่เจาหนาที่ผูนั้นสังกัดอาจวางแนวปฏิบัติที่สมควรในการจัดทําสําเนา
เอกสาร โดยคํานงึ ถึงประเภทหรอื ลกั ษณะของเอกสาร
ในการจัดทําสําเนาเอกสาร ใหหนวยงานของรัฐท่ีเจาหนาที่ผูนั้น
สงั กัดเรยี กเก็บคาใชจ ายในอตั ราทเี่ ห็นสมควร แตใ นกรณีเลก็ นอยจะยกเวน
ไมเรียกเก็บคาใชจายก็ได และใหนําความในขอ ๔ วรรคสาม มาใชบังคับ
โดยอนุโลม
ใหไ ว ณ วนั ท่ี ๒๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๐
พลเอก ชวลิต ยงใจยทุ ธ
นายกรฐั มนตรี
65
หมายเหตุ :- เหตผุ ลในการประกาศใชกฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่ในการ
พิ จ า ร ณ า ท า ง ป ก ค ร อ ง ข อ ง เ จ า ห น า ท่ี จ ะ ต อ ง ใ ห โ อ ก า ส แ ก คู ก ร ณี
ผูมีสวนไดเสียไดโตแยงหรือชี้แจงขอเท็จจริง เพ่ือสนับสนุนหรือหักลาง
ขอ อางหรือขอเถยี งพรอมท้ังแสดงพยานหลักฐานประกอบการพิจารณาทํา
คําส่ังทางปกครองอันเปนการปองกันสิทธิของคูกรณี หากคูกรณีไมได
รับทราบขอ เทจ็ จรงิ หรือพยานหลักฐานที่จะใชเปนพ้ืนฐานในการพิจารณา
ทางปกครองของเจาหนาท่ีแลวคูกรณีก็ยอมไมอาจจะรูไดวาตนมีสิทธิ
ประการใด และควรปองกันสิทธิของตนอยางไร ซึ่งมาตรา ๓๑
แหงพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ก็ใหสิทธิ
แกคกู รณใี นการขอตรวจดูเอกสารท่จี ําเปน เพื่อที่จะดําเนินการโตแยงหรือ
ชี้แจง หรือปองกันสิทธิของตนได โดยกําหนดใหการตรวจดูเอกสาร
คา ใชจ า ยในการตรวจดเู อกสารหรือการจัดทําสําเนาเอกสารใหเปนไปตาม
หลักเกณฑและวิธีการท่ีกําหนดในกฎกระทรวง ท้ังนี้ เวนแตเอกสารหรือ
พยานหลักฐานนั้นเปนกรณีท่ีตองรักษาไวเปนความลับตามมาตรา ๓๒
แหงพระราชบัญญัตดิ งั กลา ว จงึ จาํ เปนตอ งออกกฎกระทรวงนี้
66
กฎกระทรวง
ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๔๐)
ออกตามความในพระราชบญั ญัติวิธปี ฏิบตั ิราชการทางปกครอง
พ.ศ. ๒๕๓๙
67
กฎกระทรวง
ฉบบั ท่ี ๔ (พ.ศ. ๒๕๔๐)
ออกตามความในพระราชบญั ญัตวิ ิธปี ฏิบตั ิราชการทางปกครอง
พ.ศ. ๒๕๓๙13๑
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๖ และมาตรา ๔๕ วรรคสาม
แหงพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙
นายกรัฐมนตรีโดยคําเสนอแนะของคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการ
ทางปกครอง ออกกฎกระทรวงไว ดังตอไปน้ี
ขอ ๑ ในกฎกระทรวงน้ี คาํ สงั่ ทางปกครองไมรวมถงึ
(๑) คําส่ังทางปกครองอันเปนการวินิจฉัยอุทธรณท่ีไดดําเนินการ
ตามขอ ๒
๑ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เลม ๑๑๔ ตอนที่ ๑๗ ก วันที่ ๒๒
พฤษภาคม ๒๕๔๐ (หนา ๓๔-๓๖)
68
(๒) คําสั่งทางปกครองอันเปนการวินิจฉัยอุทธรณตามขั้นตอน
ทีม่ ีกฎหมายกาํ หนดไวเ ปนการเฉพาะ
ขอ ๒ การพิจารณาอทุ ธรณคําสั่งทางปกครองในกรณีที่เจาหนาที่
ผูท าํ คําส่งั ไมเ หน็ ดวยกบั คําอุทธรณ ใหเ ปนอํานาจของเจาหนา ท่ี ดังตอ ไปนี้
(๑) หัวหนาสวนราชการประจําจังหวัด ในกรณีท่ีผูทําคําสั่ง
ทางปกครองเปนเจาหนาที่ในสังกัดของสวนราชการประจําจังหวัดหรือ
สวนราชการประจาํ อําเภอของ กระทรวง ทบวง กรม เดียวกัน
(๒) เลขานุการรัฐมนตรี เลขานุการกรม หัวหนาสวนราชการ
ระดับกองหรือเทียบเทา หัวหนาสวนราชการตามมาตรา ๓๑ วรรคสอง
แหงพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผนดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ หรือ
หัวหนาสวนราชการประจําเขต แลวแตกรณี ในกรณีที่ผูทําคําส่ัง
ทางปกครองเปน เจาหนา ท่ใี นสงั กัดของสวนราชการน้นั
(๓) อธิบดีหรือหัวหนาสวนราชการที่มีฐานะเปนกรม แลวแตกรณี
ในกรณีท่ีผูทําคําสั่งทางปกครองเปนเลขานุการกรม หัวหนาสวนราชการ
ระดับกองหรอื สว นราชการตามมาตรา ๓๑ วรรคสอง แหงพระราชบัญญัติ
ระเบียบบริหารราชการแผนดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ หรือหัวหนาสวนราชการ
ประจําเขต หรือผูอยูใตบังคับบัญชาของอธิบดีหรือหัวหนาสวนราชการ
ทม่ี ีฐานะเปน กรมซงึ่ ดาํ รงตําแหนงสงู กวาน้ัน
(๔) ปลดั กระทรวงหรอื ปลัดทบวง แลว แตก รณี ในกรณีท่ีผูทําคําสั่ง
ทางปกครองเปน ผดู ํารงตาํ แหนง อธิบดหี รอื เทยี บเทา
(๕) นายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรี แลวแตกรณี ในกรณีท่ีผูทําคําส่ัง
ทางปกครองเปนหัวหนาสวนราชการที่ข้ึนตรงตอนายกรัฐมนตรีหรือ
รัฐมนตรี หรอื เปนผูดํารงตําแหนงปลดั กระทรวงหรอื ปลดั ทบวง
69
(๖) ประธานวุฒิสภา ในกรณีที่ผูทําคําส่ังทางปกครองเปนผูดํารง
ตําแหนง เลขาธิการวุฒิสภา
(๗) ประธานสภาผูแทนราษฎร ในกรณีที่ผูทําคําสั่งทางปกครอง
เปน ผูดาํ รงตาํ แหนง เลขาธิการสภาผูแทนราษฎร
(๘) ผูวาราชการจังหวัด ในกรณีที่ผูทําคําสั่งทางปกครอง
เปนหัวหนาสวนราชการประจําจังหวัด นายอําเภอ เจาหนาที่ของสวน
ราชการของจังหวัด เจาหนาที่ของสวนราชการของอําเภอ หรือเจาหนาที่
ของสภาตาํ บล เวน แตกรณีท่ีกําหนดไวแลว ใน (๑) หรือ (๓)
(๙) ผูบริหารทองถิ่นหรือคณะผูบริหารทองถิ่น แลวแตกรณี
ในกรณีที่ผูทําคําสั่งทางปกครองเปนเจาหนาที่ขององคการบริหารสวน
ทองถนิ่
(๑๐) ผูวาราชการจังหวัด ในกรณีที่ผูทําคําสั่งทางปกครองเปน
ผูบรหิ ารทอ งถน่ิ หรือคณะผูบ ริหารทองถนิ่
(๑๑) รัฐมนตรีวาการกระทรวงมหาดไทย ในกรณีท่ีผูทําคําสั่ง
ทางปกครองเปนผูวาราชการกรุงเทพมหานคร หรือผูวาราชการจังหวัด
ใ น ฐ า น ะ ผู บ ริ ห า ร อ ง ค ก า ร บ ริ ห า ร ส ว น จั ง ห วั ด ห รื อ ใ น ฐ า น ะ ร า ช ก า ร
ในสว นภูมิภาค
(๑๒) ผแู ทนของรัฐวิสาหกิจหรือหนวยงานอ่ืนของรัฐ แลวแตกรณี
ในกรณีที่ผูทําคําส่ังทางปกครองเปนเจาหนาที่ของรัฐวิสาหกิจหรือ
หนวยงานอน่ื ของรัฐ
(๑๓) เจาหนาที่ผูมีอํานาจสั่งการหรือมอบหมายใหเอกชนปฏิบัติ
หนาทีต่ ามท่ีกฎหมายกําหนด ในกรณีที่ผูทําคําสั่งทางปกครองเปนเอกชน
ซ่ึงไดรับคําสั่งหรือไดรบั มอบหมายจากเจาหนาท่ดี ังกลา ว
70
(๑๔) ผูบังคับบัญชา ผูกํากับดูแล หรือผูควบคุมช้ันเหนือขึ้นไป
ช้ันหนึ่ง แลวแตกรณี ในกรณีท่ีผูทําคําส่ังทางปกครองเปนเจาหนาท่ีอื่น
นอกจากทีก่ าํ หนดไวข างตน
(๑๕) เจาหนาท่ีผูทําคําส่ังทางปกครองนั้นเอง ในกรณีที่ผูทําคําส่ัง
ทางปกครองเปน ผูซ ่งึ ไมม ีผูบังคบั บญั ชา ผูกํากับดูแล หรอื ผูควบคมุ
ใหไว ณ วันที่ ๒๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๐
พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ
นายกรฐั มนตรี
71
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใชกฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่
หลักการของพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙
ประสงคใหมกี ารอทุ ธรณในกรณีที่เจาหนาที่ผูทําคําส่ังทางปกครองไมเห็นดวย
กับคําอุทธรณไดเพียงหน่ึงชั้น กอนท่ีจะนําคดีขึ้นวินิจฉัยยังองคกรท่ีมี
อํานาจพิจารณาวินิจฉัยคดีปกครอง ทั้งนี้ เพ่ือใหผูมีอํานาจพิจารณา
อุทธรณไดพิจารณาแกไขหรือทบทวนคําส่ังทางปกครองใหถูกตอง และ
เปดโอกาสใหประชาชนไดรับความเปนธรรม กอนที่จะนําคดีขึ้นวินิจฉัย
ยังองคกรท่ีมีอํานาจพิจารณาวินิจฉัยคดีปกครองดังกลาวดวย และโดยที่
มาตรา ๔๕ วรรคสาม แหงพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
พ.ศ. ๒๕๓๙ กําหนดใหเจาหนาท่ีผูมีอํานาจพิจารณาอุทธรณดังกลาว
ใหเ ปนไปตามที่กาํ หนดในกฎกระทรวง จึงจําเปน ตองออกกฎกระทรวงนี้
72
กฎกระทรวง
ฉบับที่ ๕ (พ.ศ. ๒๕๔๐)
ออกตามความในพระราชบญั ญตั ิวิธปี ฏิบตั ริ าชการทางปกครอง
พ.ศ. ๒๕๓๙
73
กฎกระทรวง
ฉบบั ที่ ๕ (พ.ศ. ๒๕๔๐)
ออกตามความในพระราชบญั ญัตวิ ิธปี ฏิบตั ิราชการทางปกครอง
พ.ศ. ๒๕๓๙14๑
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๖ และมาตรา ๖๘ วรรคสอง
แหงพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙
นายกรัฐมนตรีโดยคําเสนอแนะของคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการ
ทางปกครอง ออกกฎกระทรวงไว ดังตอไปนี้
ใหคําสั่งทางปกครองที่แสดงใหทราบโดยทางเสียง แสงหรือ
สัญญาณที่สามารถทําใหรับรูถึงคําส่ังทางปกครองนั้นไดทันที เปนคําสั่ง
ทางปกครองทมี่ ีผลเมอ่ื ไดแ จง
๑ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เลม ๑๑๔ ตอนท่ี ๑๗ ก วันท่ี ๒๒
พฤษภาคม ๒๕๔๐ (หนา ๓๗-๓๘)
74
ใหไ ว ณ วันท่ี ๒๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๐
พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ
นายกรฐั มนตรี
75
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใชกฎกระทรวงฉบับน้ี คือ เนื่องจาก
โดยทวั่ ไปการแจง คาํ สั่งทางปกครองตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการ
ทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ อาจกระทําดวยวาจาหรือหนังสือ แตมีคําสั่ง
ทางปกครองบางประเภทที่แสดงใหทราบโดยการสื่อความหมายในรูปแบบอื่น
ซึ่งตองมีผลทันทีและโดยที่มาตรา ๖๘ วรรคสอง แหงพระราชบัญญัติ
ดั ง ก ล า ว กํ า ห น ด ใ ห คํ า ส่ั ง ท า ง ป ก ค ร อ ง ท่ี แ ส ด ง ใ ห ท ร า บ โ ด ย ก า ร ส่ื อ
ความหมายในรูปแบบอื่นตามที่กําหนดในกฎกระทรวง ใหมีผลเม่ือไดแจง
จึงจําเปน ตองออกกฎกระทรวงนี้
76
กฎกระทรวง
ฉบบั ที่ ๖ (พ.ศ. ๒๕๔๒)
ออกตามความในพระราชบญั ญัติวิธปี ฏิบตั ิราชการทางปกครอง
พ.ศ. ๒๕๓๙
77
กฎกระทรวง
ฉบับท่ี ๖ (พ.ศ. ๒๕๔๒)
ออกตามความในพระราชบญั ญัตวิ ิธปี ฏบิ ตั ริ าชการทางปกครอง
พ.ศ. ๒๕๓๙15๑
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๖ มาตรา ๑๔ วรรคสอง และ
มาตรา ๑๖ วรรคสาม แหงพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
พ.ศ. ๒๕๓๙ นายกรัฐมนตรีโดยคําเสนอแนะของคณะกรรมการวิธีปฏิบัติ
ราชการทางปกครอง ออกกฎกระทรวงไว ดงั ตอไปน้ี
ขอ ๑ การคดั คา นวา เจา หนา ทผี่ ใู ดจะทาํ การพจิ ารณาทางปกครอง
ในเรอื่ งใดไมไดตามมาตรา ๑๓ หรอื ตามมาตรา ๑๖ ใหคูกรณีทําคําคัดคาน
เปน หนงั สอื ถงึ เจาหนา ทผี่ นู ัน้ โดยระบขุ อ คัดคานพรอมดวยขอเท็จจริงและ
ขอกฎหมายทีเ่ ปน เหตุแหงการคัดคา นไวในหนังสือคัดคานน้นั ดว ย
๑ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เลม ๑๑๖ ตอนที่ ๕ ก วันที่ ๙ กุมภาพันธ
๒๕๔๒ (หนา ๑๙-๒๑)
78
ขอ ๒ การยื่นหนังสือคัดคาน ตองกระทํากอนไดรับแจงคําสั่ง
ทางปกครอง โดยคูกรณจี ะยน่ื ดว ยตนเองหรอื สงทางไปรษณยี ต อบรับก็ได
ขอ ๓ ในกรณีที่มายื่นหนังสือคัดคานดวยตนเอง คูกรณีจะยื่นตอ
เจาหนาท่ีซึ่งถูกคัดคานนั้นเอง หรือผูบังคับบัญชาของเจาหนาท่ี
ซึ่งถูกคัดคาน เจาหนาที่สารบรรณ หรือเจาหนาที่คนหน่ึงคนใด
ในหนวยงานทเ่ี จาหนาทซ่ี ึ่งถูกคดั คา นสงั กดั กไ็ ด
ขอ ๔ ในกรณที สี่ ง หนังสือคัดคานทางไปรษณยี ตอบรบั ใหจาหนาซอง
ถึงเจาหนาที่ซึ่งถูกคัดคาน หรือผูบังคับบัญชาของเจาหนาท่ีซ่ึงถูกคัดคาน
เจาหนาที่สารบรรณ หรือเจาหนาท่ีคนหนึ่งคนใดในหนวยงานท่ีเจาหนาท่ี
ซง่ึ ถูกคดั คา นสังกัดก็ได
ขอ ๕ เมื่อไดรับหนังสือคัดคานแลว ใหผูรับจัดใหมีการประทับ
ตรารับ และลงทะเบียนรับไวเปนหลักฐานในวันที่รับหนังสือคัดคาน
ตามระเบียบวาดวยงานสารบรรณ และในกรณีที่คูกรณีย่ืนหนังสือคัดคาน
ดว ยตนเอง ใหผรู ับออกใบรับหรอื จัดใหออกใบรบั ใหด ว ย
ขอ ๖ ในกรณีที่ผูรับหนังสือคัดคานมิใชเจาหนาที่ซึ่งถูกคัดคาน
ใหผูรับนั้นแจงการรับพรอมทั้งหนังสือคัดคานใหเจาหนาท่ีซึ่งถูกคัดคาน
ทราบโดยไมชักชา ท้งั น้ี ภายในวนั ทําการรงุ ขึน้
ขอ ๗ เม่ือเจาหนาที่ซึ่งถูกคัดคานไดรับหนังสือคัดคานตามขอ ๓
หรือขอ ๖ แลว ใหเจาหนาทซ่ี ่ึงถกู คัดคา นปฏบิ ตั ดิ ังนี้
79
(๑) ในกรณีที่ถูกคัดคานเพราะเหตุมีสวนไดเสียตามมาตรา ๑๔
ใหห ยดุ การพิจารณาเร่ืองน้ันไวกอน และสงหนังสือคัดคานพรอมคําช้ีแจง
ไ ป ยั ง ผู บั ง คั บ บั ญ ช า เ ห นื อ ต น ข้ึ น ไ ป ช้ั น ห น่ึ ง ภ า ย ใ น ห า วั น ทํ า ก า ร เ พื่ อ
ผบู งั คับบัญชาดังกลาวจะไดพิจารณาและมคี าํ สง่ั ตอไป
(๒) ในกรณีท่ีถูกคัดคานเพราะเหตุตามมาตรา ๑๖ ถาเห็นวาตน
มีเหตุตามที่ถูกคัดคานใหปฏิบัติตาม (๑) แตถาเห็นวาตนไมมีเหตุตามที่
ถูกคดั คา น จะทําการพจิ ารณาเร่ืองตอไปก็ได แตตองแจงใหผูบังคับบัญชา
เหนือตนขน้ึ ไปชั้นหนง่ึ ทราบเพ่อื พจิ ารณาและมีคาํ สั่งตอไป
ในกรณีท่ีผูบังคับบัญชาเหนือเจาหนาท่ีซ่ึงถูกคัดคานข้ึนไปช้ันหน่ึง
ไมมีอํานาจพิจารณาและส่ังการใหผูบังคับบัญชาดังกลาวเสนอหนังสือ
คัดคานและคําช้ีแจงใหผูบังคับบัญชาซ่ึงมีอํานาจพิจารณาส่ังการเพ่ือมี
คําสง่ั ตอ ไป
ขอ ๘ ใหผูบังคับบัญชาตามขอ ๗ พิจารณาส่ังการโดยไมชักชา
ทั้งนี้ ไมเกินหาวันทําการนับแตวันไดรับหนังสือคัดคานและคําชี้แจง
จากเจา หนาทีซ่ งึ่ ถูกคดั คาน
ในการพิจารณาคําคัดคาน ผูบังคับบัญชาตามวรรคหน่ึงอาจ
ตรวจสอบขอเทจ็ จริงไดตามความเหมาะสมโดยไมผูกพันกับคําคัดคานหรือ
พยานหลกั ฐานของคกู รณี
ใ น ก ร ณี ท่ี พิ จ า ร ณ า เ ห็ นว า คํ า คั ด ค า น มี เ ห ตุ ผ ล เ พี ย ง พ อ
ใหผ บู งั คับบัญชาส่ังใหเจาหนา ท่ซี ึง่ ถูกคัดคานพนจากหนาที่ในการพิจารณา
ทางปกครองในเรื่องท่ีทําใหถูกคัดคาน และส่ังใหเจาหนาท่ีอื่นซึ่งมีอํานาจ
พจิ ารณาทางปกครองในเรื่องนัน้ หรือเจา หนา ท่ีอืน่ ซึง่ ตามกฎหมายอาจเปน
ผทู าํ หนา ทแี่ ทนไดเขา ทําหนาท่ีนั้นและแจงใหค กู รณที ราบโดยไมช กั ชา
80
ใ น ก ร ณี ที่ พิ จ า ร ณ า เ ห็ น ว า คํ า คั ด ค า น มี เ ห ตุ ผ ล ไ ม เ พี ย ง พ อ
ใหผ บู งั คับบญั ชาส่งั ยกคําคัดคา นและแจง ใหคกู รณที ราบโดยไมชกั ชา
การพิจารณาส่ังการของผูบังคับบัญชาตามวรรคสามและวรรคส่ี
ไมตัดอํานาจผูบังคับบัญชาในระดับที่สูงกวาที่จะพิจารณาส่ังการในเร่ือง
ดงั กลาว
ใหไ ว ณ วนั ท่ี ๒ กุมภาพันธ พ.ศ. ๒๕๔๒
ชวน หลกี ภัย
นายกรฐั มนตรี
81
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใชกฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยท่ี
มาตรา ๑๔ วรรคสอง และมาตรา ๑๖ วรรคสาม แหงพระราชบัญญัติ
วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ บัญญัติวา การย่ืนคําคัดคาน
การพิจารณาคําคัดคานและการสั่งใหเจาหนาท่ีอื่นเขาปฏิบัติหนาที่แทน
เจาหนาที่ซ่ึงถูกคัดคาน ใหเปนไปตามหลักเกณฑและวิธีการท่ีกําหนด
ในกฎกระทรวง จงึ จําเปนตอ งออกกฎกระทรวงน้ี
82
กฎกระทรวง
ฉบบั ท่ี ๗ (พ.ศ. ๒๕๔๒)
ออกตามความในพระราชบญั ญตั ิวิธปี ฏิบตั ิราชการทางปกครอง
พ.ศ. ๒๕๓๙
83
กฎกระทรวง
ฉบับที่ ๗ (พ.ศ. ๒๕๔๒)
ออกตามความในพระราชบญั ญัตวิ ิธปี ฏบิ ตั ริ าชการทางปกครอง
พ.ศ. ๒๕๓๙16๑
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๖ มาตรา ๑๕ วรรคส่ี และ
มาตรา ๑๖ วรรคสาม แหงพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
พ.ศ. ๒๕๓๙ นายกรัฐมนตรีโดยคําเสนอแนะของคณะกรรมการวิธีปฏิบัติ
ราชการทางปกครอง ออกกฎกระทรวงไว ดงั ตอไปน้ี
ขอ ๑ การคัดคานวาประธานกรรมการหรือกรรมการผูใด
ในคณะกรรมการที่มีอํานาจพิจารณาทางปกครองจะทําการพิจารณา
ทางปกครองเรื่องใดไมไดตามมาตรา ๑๓ ใหทําคําคัดคานถึงประธาน
กรรมการ แตถาเปนการคัดคานตามมาตรา ๑๖ ใหทําคําคัดคานถึง
ผูถูกคัดคาน
๑ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เลม ๑๑๖ ตอนท่ี ๕ ก วันที่ ๙ กุมภาพันธ
๒๕๔๒ (หนา ๒๒-๒๓)
84
การคัดคานตามวรรคหน่ึงใหทําเปนหนังสือโดยระบุขอคัดคาน
พรอมดวยขอเท็จจริงและขอกฎหมายท่ีเปนเหตุแหงการคัดคานไวใน
หนงั สอื น้นั ดว ย
ขอ ๒ การยื่นหนังสือคัดคาน คูกรณีจะยื่นดวยตนเองหรือสงทาง
ไปรษณียตอบรบั ก็ได แตต อ งกอ นไดรับแจง คาํ สัง่ ทางปกครอง
ขอ ๓ ในกรณีที่มายื่นหนังสือคัดคานดวยตนเอง คูกรณีจะย่ืนตอ
ผูถูกคัดคาน กรรมการคนหนึ่งคนใด หรือหนวยงานธุรการของ
คณะกรรมการกไ็ ด
ขอ ๔ ในกรณีที่สง หนังสือคดั คานทางไปรษณียตอบรบั ใหจ าหนาซอง
ถึงประธานกรรมการ กรรมการคนหน่ึงคนใด หรือหนวยงานธุรการของ
คณะกรรมการกไ็ ด
ขอ ๕ เมื่อไดรับหนังสือคัดคานแลว ใหผูรับจัดใหมีการประทับ
ตรารับ และลงทะเบียนรับไวเปนหลักฐานในวันที่รับหนังสือคัดคาน
ตามระเบียบวาดวยงานสารบรรณ และในกรณีท่ีคูกรณียื่นหนังสือคัดคาน
ดว ยตนเอง ใหผ ูรับออกใบรบั หรอื จดั ใหอ อกใบรบั ใหดวย
ขอ ๖ ในกรณีที่ผูรับหนังสือคัดคานมิใชประธานกรรมการหรือ
ผูถูกคัดคาน ใหผูน้ันแจงการรับพรอมทั้งหนังสือคัดคานใหประธาน
กรรมการหรือผถู กู คดั คาน แลว แตกรณี ทราบโดยไมช ักชา
85
ขอ ๗ เมอื่ ไดร บั หนงั สอื คดั คานตามขอ ๓ หรือขอ ๖ แลวแตกรณี
ใหดําเนินการ ดังนี้
(๑) ในกรณีคัดคานตามมาตรา ๑๕ ใหประธานกรรมการ
เรียกประชมุ คณะกรรมการเพือ่ พิจารณาเหตคุ ดั คา นนน้ั
(๒) ในกรณีคัดคานตามมาตรา ๑๖ ถาผูที่ถูกคัดคานเห็นวาตน
ไมม เี หตตุ ามที่ถูกคัดคานจะทําการพิจารณาเร่ืองตอไปก็ได แตตองแจงให
ประธานกรรมการทราบเพื่อเรียกประชุมกรรมการเพื่อพิจารณาเหตุ
คดั คานน้นั
ขอ ๘ ในการพจิ ารณาคําคัดคาน คณะกรรมการจะตองใหโอกาส
ผูถูกคัดคานช้ีแจงขอเท็จจริงและตอบขอซักถาม และคณะกรรมการอาจ
ตรวจสอบขอเท็จจริงไดตามความเหมาะสมในเรื่องนั้นๆ โดยไมผูพันกับ
คาํ คดั คา นหรือคาํ ช้ีแจงของผูถูกคดั คานหรอื พยานหลักฐานของคูก รณี
เมอ่ื ท่ีประชมุ มมี ติเปนประการใดแลว ใหประธานกรรมการแจงมติ
ทปี่ ระชมุ ใหผูถกู คดั คา นและคกู รณที ราบโดยไมชักชา
ใหไ ว ณ วันท่ี ๒ กุมภาพันธ พ.ศ. ๒๕๔๒
ชวน หลกี ภัย
นายกรัฐมนตรี
86
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใชกฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยท่ี
มาตรา ๑๔ วรรคสี่ และมาตรา ๑๖ วรรคสาม แหงพระราชบัญญัติวิธี
ปฏิบตั ิราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ บัญญัติวา การยื่นคําคัดคานและ
ก า ร พิ จ า ร ณ า คํ า คั ด ค า น ก ร ร ม ก า ร ที่ มี อํ า น า จ พิ จ า ร ณ า ท า ง ป ก ค ร อ ง
ใหเปนไปตามหลกั เกณฑและวิธีการท่กี ําหนดในกฎกระทรวง จงึ จาํ เปนตอง
ออกกฎกระทรวงน้ี
87
กฎกระทรวง
ฉบบั ท่ี ๘ (พ.ศ. ๒๕๔๒)
ออกตามความในพระราชบญั ญตั ิวิธปี ฏิบตั ิราชการทางปกครอง
พ.ศ. ๒๕๓๙
88
““ยยกกเเลลิกิกแแลลวว ””
กฎกระทรวง
รรฉฉะะบบรรับับาาชชททพกบบี่่ี .ฎ๘๘ศญญัั ก.ญญ((ร๒พพะััตต๕..ทศศวิิว๓ร..ิิธธว๙ปป๒๒ีี ง17๑ฏฏ๕๕บบิิ๔๔ตตัั๒๒ิริร))าาชชกก
อ อก ต ามค วามใน พ พ.ศ. ๒๕๓๙17๑ ารทางป กคร อ ง
อ อก ต ามค วามใน พ ารทางป กคร อ ง
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๖ และมาตรา ๕๖ วรรคสอง
แนแนทาหหาางยยงงปกกพพกรรรรคััอฐฐะะรามมอรรศนนงาาัยตตชชออรรบบอําีีโโกัันญญดดกายยญญฎจคคกััตตตํําาริิาววเเะสสมิิธธทนนีีคปปรออววฏฏาแแงิิบบไมนนวััตตใะะนิิดรรขขมังาาออตาชชงงอตกกคคไรปาาณณานรระะ๖ทท้ี กกาาแรรงงรรลปปมมะกกกกมคคาาารรรรตววออริิธธางงีีปป๕พพฏฏ๖..ิิบบศศััตตว..ิิรรร๒๒ราาคชช๕๕สกก๓๓อาา๙๙รรง
ทางปกคขรออง๑ออกกากรฎมกอรบะอทํารวนงาไจวใ ดนงั กตาอ รไดปํานเ้ีนินการพิจารณาใชมาตรการ
บบบวบางัังรรดคคิิหหวับับาายททรรรสสาาขะงงววเอปปบนนกกียกก๑คคบลลรรบาากอองงรงงาแแิหขขรลลาออมะะรงงอรรรเเาจจบาาชชชาาอกหหกกําานนาานรรราา แาบบททจผรรีผ่่ผี ในิิหหูมมูนดาาออีีกนิ รราํําาสสนนรววาาดนนจจําททภภเนาํําููมมคคินิิภภําาํ กาาสสาคคง่งัั่ รใใททหหพาาเเิจงงปปปปานนกกรไไณคคปปรราตตออใาางงชมมใใมนนกการรฎฎตาาหหชชรมมกกกาาาาายยรรร
วาดวยระเบียบบริหารราชการแผนดนิ
๑ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เลม ๑๑๖ ตอนที่ ๕ ก วันที่ ๙ กุมภาพันธ
๒๕๔๒ (ห๑นปาร๒ะก๔า-๒ศ๕ใน)ราชกิจจานุเบกษา8เล9ม ๑๑๖ ตอนท่ี ๕ ก วันที่ ๙ กุมภาพันธ
๒๕๔๒ (หนา ๒๔-๒๕)
ขอ ๒ การมอบอํานาจในการดําเนินการพิจารณาใชมาตรการ
บงั คบั ทางปกครองของเจา หนาทผ่ี มู ีอาํ นาจทําคําส่ังทางปกครองในราชการ
บรหิ ารสว นทอ งถิน่ ใหเ ปนไปตามกฎหมายท่จี ดั ตงั้ ราชการสวนทองถิ่นนั้นๆ
ขอ ๓ การมอบอํานาจในการดําเนินการพิจารณาใชมาตรการ
บังคับทางปกครองของเจาหนาที่ผูมีอํานาจทําคําส่ังทางปกครองในสังกัด
รัฐวิสาหกิจหรือหนวยงานอื่นของรัฐ ใหเปนไปตามกฎหมายที่จัดต้ัง
รฐั วิสาหกจิ หรอื หนวยงานอืน่ ของรัฐนั้นๆ
ขอ ๔ การมอบอํานาจในการดําเนินการพิจารณาใชมาตรการ
บังคับทางปกครองของเจาหนาท่ีในระหวางหนวยงานตามขอ ๑ ขอ ๒
และขอ ๓ ที่มีฐานะเปนนิติบุคคล ใหเปนไปตามความตกลงระหวาง
หนว ยงานน้นั
ความตกลงตามวรรคหนึ่งใหทําเปนหนังสือและกําหนดตําแหนง
ของเจา หนา ทที่ ีจ่ ะมอบและรับมอบอาํ นาจไวในขอ ตกลงนนั้ ดวย
ใหไ ว ณ วันที่ ๒ กมุ ภาพนั ธ พ.ศ. ๒๕๔๒
ชวน หลกี ภัย
นายกรัฐมนตรี
90
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใชกฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยท่ี
มาตรา ๕๖ วรรคสอง แหงพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
พ.ศ. ๒๕๓๙ บัญญัติใหเจาหนา ท่ีผูมอี ํานาจที่จะพิจารณาใชม าตรการบังคบั
ทางปกครองอาจมอบอํานาจใหเจาหนาที่ซึ่งอยูใตบังคับบัญชาหรือ
เจาหนาท่อี นื่ เปนผูดาํ เนนิ การได จึงจําเปนตอ งออกกฎกระทรวงน้ี
91