กฎกระทรวง
ฉบับที่ ๙ (พ.ศ. ๒๕๔๒)
ออกตามความในพระราชบญั ญัติวิธปี ฏิบตั ริ าชการทางปกครอง
พ.ศ. ๒๕๓๙
92
““ยยกกเเลลิกกิ แแลลวว ””
กฎกระทรวง
รรฉฉะะบบรรบัับาาชชททพกบบีี่่ .ฎ๙๙ศญญัั ก.ญญ((ร๒พพะัตตั๕..ทศศิิวว๓ร..ิิธธว๙ปป๒๒ีี ง18๑ฏฏ๕๕บบิิ๔๔ตตัั๒๒ริิร))าาชชกก
อ อก ต ามค วามใน พ พ.ศ. ๒๕๓๙18๑ ารทางป กคร อ ง
อ อก ต ามค วามใน พ ารทางป กคร อ ง
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๖ และมาตรา ๕๗ วรรคสอง
นแทนแาหหาางยยงงปกกพพกรรรรคััอฐฐะะรามมอรรศนนงาาัยตตชชออรรบบอําีีโโกัันญญดดกายยญญฎจคคกััตตตํําาริิาววเเะสสมิิธธทนนีีคปปรออววฏฏาแแงิิบบไมนนวััตตใะะนิิดรรขขมังาาออตาชชงงอตกกคคไรปาาณณานรระะ๖ทที้ กกาาแรรงงรรลปปมมะกกกกมคคาาารรรรตววออริิธธางงีีปป๕พพฏฏ๗..ิิบบศศััตตว..ิิรรร๒๒ราาคชช๕๕สกก๓๓อาา๙๙รรง
ทางปกคขรอ อง๑ออกการกใฎชกมราะตทรรกวางรไบวัง ดคงัับตทอ าไงปปนกี้ ครองโดยวิธีการยึดหรืออายัด
ใแแหลลเะะปขขนาาอขยยาํ อททนาออ๑จดดขตตอกลลงาเาารจใดดาชททหมรรนาััพพตา ทรยยกดี่สสางัิินนรตขขบอ อองัไคปงงบัผผนููทออ้ี ายยงููใใปตตกบบคัังงรคคอัับบงโขขดออยงงวคคิธํําาีกสสาั่ั่งงรททยึดาางงหปปรืกกออคคารรยออัดงง
ใหเ ปนอํานาจของเจา หนาท่ดี ังตอไปน้ี
๒๕๔๒ ๑ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เลม ๑๑๖ ตอนท่ี ๕ ก วันที่ ๙ กุมภาพันธ
๒๕๔๒ ((หห๑นนปาาร๒๒ะก๖๖า--๒๒ศ๗๗ใน)) ราชกิจจานุเบกษ9า 3เลม
๑๑๖ ตอนท่ี ๕ ก วันท่ี ๙ กุมภาพันธ
(๑) ปลัดสํานักนายกรัฐมนตรี ปลัดกระทรวง หรือปลัดทบวง
ในกรณที ่ผี ทู าํ คําส่ังทางปกครองเปนเจาหนาที่ในสังกัดของสํานักงานปลัด
สํานักนายกรัฐมนตรี สํานักงานปลัดกระทรวงหรือสํานักงานปลัดทบวง
แลวแตกรณี
(๒) อธิบดีหรือหัวหนาสวนราชการที่มีฐานะเปนกรม ในกรณีท่ี
ผูทําคําสั่งทางปกครองเปนเจาหนาที่ในสังกัดของกรมหรือสวนราชการ
ทม่ี ีฐานะเปนกรม แลว แตก รณี
(๓) ผูวาราชการจังหวัด ในกรณีที่ผูทําคําส่ังทางปกครองเปน
เจาหนาทขี่ องราชการสวนภมู ภิ าคในจังหวดั
(๔) ผูบริหารกิจการของรัฐวิสาหกิจหรือหนวยงานอ่ืนของรัฐ
ในกรณีที่ผูทําคําส่ังทางปกครองเปนเจาหนาที่ของรัฐวิสาหกิจหรือ
หนวยงานอื่นของรฐั แลวแตกรณี
(๕) ผูวาราชการกรุงเทพมหานคร นายกเทศมนตรี นายกองคการ
บริหารสวนจังหวัดหรือปลัดเมืองพัทยา ในกรณีที่ผูทําคําส่ังทางปกครอง
เปนเจาหนาที่ในสังกัดของกรุงเทพมหานคร เทศบาลนครเทศบาลเมือง
องคก ารบริหารสว นจังหวัด หรือเมอื งพัทยา แลวแตกรณี
(๖) ผูบริหารหรือคณะผูบริหารทองถ่ินอ่ืนนอกจาก (๕) โดย
ความเห็นชอบของผูวาราชการจังหวัด ในกรณีที่ผูทําคําสั่งทางปกครอง
เปน เจา หนา ทีข่ ององคก ารบรหิ ารสวนทองถน่ิ
(๗) รัฐมนตรีผูรักษาการตามกฎหมาย ในกรณีท่ีผูทําคําส่ัง
ทางปกครองเปน เอกชน ซง่ึ มอี ํานาจหนาที่ตามท่ีกฎหมายกําหนด
(๘) เจาหนาที่ผูมีอํานาจตาม (๑) (๒) (๓) (๔) (๕) (๖) หรือ (๗)
แลวแตกรณี ในกรณีที่ผูทําคําสั่งทางปกครองเปนเอกชนซึ่งไดรับแตงตั้ง
หรอื ไดรบั มอบหมายจากเจา หนา ที่ดังกลา ว
94
ขอ ๒ ในกรณีที่เจาหนาที่ผูมีอํานาจตามขอ ๑ เปนผูทําคําสั่ง
ทางปกครอง ใหเจาหนาท่ีดังกลาวแลวแตกรณี เปนผูมีอํานาจส่ังยึดหรือ
อายดั และขายทอดตลาดทรพั ยสนิ ของผอู ยใู นบงั คับของคาํ สงั่ ทางปกครอง
ขอ ๓ ความในขอ ๑ และขอ ๒ มิใหใชบังคับกับกรณีที่กฎหมายใด
กาํ หนดเรอ่ื งผมู อี าํ นาจสัง่ ยึดหรอื อายดั หรอื ขายทอดตลาดไวโดยเฉพาะ
ใหไ ว ณ วนั ท่ี ๒ กุมภาพนั ธ พ.ศ. ๒๕๔๒
ชวน หลกี ภัย
นายกรัฐมนตรี
95
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใชกฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยท่ี
มาตรา ๕๗ วรรคสอง แหงพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
พ.ศ. ๒๕๓๙ บัญญัติวา ผูมีอํานาจส่ังยึดหรืออายัด หรือขายทอดตลาด
ใหเ ปนไปตามทีก่ าํ หนดในกฎกระทรวง จงึ จําเปน ตอ งออกกฎกระทรวงนี้
96
กฎกระทรวง
ฉบบั ที่ ๑๐ (พ.ศ. ๒๕๔๒)
ออกตามความในพระราชบญั ญัติวิธปี ฏบิ ตั ิราชการทางปกครอง
พ.ศ. ๒๕๓๙
97
““ยยกกเเลลิิกกแแลลวว””
กฎกระทรวง
พพฉฉรรบบะะรรบัับาาททชชพ่ี่ีกบบ๑๑.ฎศญญัั ๐๐ก.ญญร๒((ะพพััตต๕ท..ิววิ ๓ศศริิธธว..๙ปปีี ง๒๒19๑ฏฏ๕๕บิบิ ๔๔ตตัั ๒๒ริิร))าาชชกก
อ อก ต ามค วามใน พ.ศ. ๒๕๓๙19๑ ารทางป กคร อ ง
อ อก ต ามค วามใน ารทางป กคร อ ง
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๖ และมาตรา ๕๘ วรรคสอง
แนแทนาหหาางยยงงปกกพพกรรรรคััอฐฐะะรามมอรรศนนงาาัยตตชชออรรบบอําีีโโกัันญญดดกายยญญฎจคคกััตตตํําาริิาววเเะสสมิิธธทนนีีคปปรออววฏฏาแแงิิบบไมนนวััตตใะะนิิดรรขขมังาาออตาชชงงอตกกคคไรปาาณณานรระะ๖ทที้ กกาาแรรงงรรลปปมมะกกกกมคคาาารรรรตววออริิธธางงีีปป๕พพฏฏ๘..ิิบบศศััตตว..ิิรรร๒๒ราาคชช๕๕สกก๓๓อาา๙๙รรง
ทางปกคขรออง๑ออเกจกาฎหกนราะทที่ผรูมวีงอไําวน ดางัจตกอําไหปนนด้ี จํานวนคาปรับทางปกครอง
ใสทใสนนออกุ กกงงทรรหหอ ณณมมง่ืนืน่ททีีทข((๑๑บบี่ผผี่่ีทอ))ออููาาว่ั รรททยรย๑ฐฐััาใใููตตมมนนชออ เนนอบบววจาตตังังนนััาณคครรหสสีมมีับบั านําาํีออีขขจหหาําาํออักทนนรรงงรับับคคี่ผาากกจจาําํูมสสาากกีอรร่ััง่งํําาําททฝฝหหนาาาานนาฝฝงงดดจปปนน จจกกกหหํําาําคครรนนหรรืืออววออไไนนนมมงงดฝฝคคปปจาาาาฏฏําฝฝปปิิบบนนน รรััตตวหหัับบิิตตนรรททาาออืืคาามมไไางงมมคคปปปปปํําารกกสสฏฏับคคัั่่งงบิบิ ทรรททตััตออาาาิติตงงงงงาาไไปปปดดมมกกกไไคมมคคไไดดรรรเเกกแแอออิินนกกงงง
ทกุ ทอ งท่ที ั่วราชอาณาจักร
๑ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เลม ๑๑๖ ตอนที่ ๕ ก วันที่ ๙ กุมภาพันธ
๒๕๔๒ ((หห๑นนปาาร๒๒ะก๘๘า--๓๓ศ๐๐ใน))ราชกิจจานุเบกษา9เ8ลม
๒๕๔๒ ๑๑๖ ตอนที่ ๕ ก วันท่ี ๙ กุมภาพันธ
(๒) คณะกรรมการตามกฎหมายมีอํานาจกําหนดจํานวนคาปรับ
ทางปกครองไดไ มเกินสองหม่ืนบาทตอวัน สําหรับการฝาฝนหรือไมปฏิบัติ
ตามคาํ ส่งั ทางปกครองทุกทอ งทท่ี ั่วราชอาณาจักร
(๓) ปลัดกระทรวง อธิบดี หรือตําแหนงที่เรียกชื่ออยางอ่ืนและ
มีฐานะเทียบเทาปลัดกระทรวงหรืออธิบดีมีอํานาจกําหนดจํานวนคาปรับ
ทางปกครองไดไมเกินหน่ึงหม่ืนหาพันบาทตอวัน สําหรับการฝาฝนหรือ
ไมปฏิบตั ติ ามคําสั่งทางปกครองทกุ ทองทที่ ่ัวราชอาณาจักร
(๔) ผูวาราชการจังหวัด หรือผูวาราชการกรุงเทพมหานคร
มีอํานาจกําหนดจํานวนคาปรับทางปกครองไดไมเกินหน่ึงหมื่นหาพันบาท
ตอวัน สําหรับการฝาฝนหรือไมปฏิบัติตามคําสั่งทางปกครองที่อยูใน
เขตจงั หวดั หรอื เขตกรุงเทพมหานคร แลวแตกรณี
(๕) หัวหนาสวนราชการประจําจังหวัดมีอํานาจกําหนดจํานวน
คาปรับทางปกครองไดไมเกินหน่ึงหมื่นบาทตอวัน สําหรับการฝาฝนหรือ
ไมป ฏิบัติตามคาํ สง่ั ทางปกครองท่อี ยใู นเขตจังหวัด
(๖) นายอําเภอมีอํานาจกําหนดจํานวนคาปรับทางปกครองได
ไมเกินหนึ่งหมื่นบาทตอวัน สําหรับการฝาฝนหรือไมปฏิบัติตามคําส่ัง
ทางปกครองท่อี ยูในเขตอาํ เภอ
(๗) ผูบริหารทองถ่ินหรือคณะผูบริหารทองถ่ินมีอํานาจกําหนด
จํานวนคา ปรบั ทางปกครองไดไมเ กนิ หนง่ึ หม่ืนบาทตอ วนั สาํ หรับการฝาฝน
หรอื ไมปฏิบัตติ ามคาํ สงั่ ทางปกครองทอ่ี ยใู นเขตอํานาจ
(๘) ผแู ทนของรฐั วิสาหกจิ หรือหนว ยงานอืน่ ของรัฐมอี ํานาจกําหนด
จาํ นวนคาปรับทางปกครองไดไมเ กนิ หนึง่ หมืน่ บาทตอ วัน สาํ หรับการฝาฝน
หรอื ไมปฏิบัตติ ามคําส่ังทางปกครองทุกทอ งทท่ี ่ัวราชอาณาจกั ร
99
(๙) พนักงานเจาหนาท่ีตามกฎหมายมีอํานาจกําหนดจํานวน
คาปรับทางปกครองไดไมเกินหาพันบาทตอวัน สําหรับการฝาฝนหรือ
ไมป ฏบิ ตั ิตามคาํ ส่งั ทางปกครองที่อยูใ นเขตอาํ นาจ
(๑๐) เอกชนซึ่งไดรับมอบใหใชอํานาจทางปกครองของรัฐอาจใช
มาตรการปรับทางปกครองไดสําหรับการฝาฝนหรือไมปฏิบัติตามคําส่ัง
ทางปกครองทุกทองท่ีท่ัวราชอาณาจักร โดยเสนอใหรัฐมนตรีผูรักษาการ
ตามกฎหมายเปนผูพิจารณากําหนดจํานวนคาปรับทางปกครองเปน
รายกรณีไป แตท งั้ น้ไี มเ กนิ หนึ่งหม่ืนบาทตอ วัน
ขอ ๒ ในกรณที เ่ี จาหนาทต่ี ามขอ ๑ (๓) (๔) (๕) (๖) (๗) (๘) และ
(๙) เห็นวาการกําหนดจํานวนคาปรับทางปกครองตามอํานาจที่มีอยู
ไมเพียงพอท่ีจะทําใหบรรลุตามวัตถุประสงค เจาหนาท่ีอาจเสนอ
ผูบังคับบัญชาหรือผูมีอํานาจกํากับหรือควบคุมดูแลซ่ึงมีอํานาจกําหนด
จํานวนคาปรับทางปกครองสูงกวาตน เปนผูกําหนดจํานวนคาปรับ
ทางปกครองก็ได
ขอ ๓ ใหเจาหนาที่ผูมีอํานาจกําหนดจํานวนคาปรับทางปกครอง
ดาํ เนนิ การบงั คับใหม กี ารชําระคา ปรบั ทางปกครองทกุ สิบหาวัน
ขอ ๔ ใหเจาหนาท่ีออกใบเสร็จรับเงินใหแกผูที่ชําระคาปรับไว
เปนหลักฐาน
ใบเสร็จรับเงินใหมีขอความแสดงวาเปนคาปรับทางปกครอง
ตามกรณีใดและใหบันทกึ การชําระคาปรบั ทางปกครองไวใ นตน เร่ืองดวย
100
ใหไ ว ณ วันท่ี ๒ กุมภาพนั ธ พ.ศ. ๒๕๔๒
ชวน หลกี ภยั
นายกรฐั มนตรี
101
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใชกฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยท่ี
มาตรา ๕๘ วรรคสอง แหงพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
พ.ศ. ๒๕๓๙ บัญญัติใหเจาหนาท่ีผูออกคําสั่งทางปกครองในแตละระดับ
มีอํานาจกําหนดจํานวนคาปรับทางปกครองเพ่ือบังคับแกผูฝาฝนหรือ
ไมปฏิบัติตามคาํ สั่งทางปกครอง จงึ จาํ เปน ตองออกกฎกระทรวงนี้
102
กฎกระทรวง
ฉบับท่ี ๑๑ (พ.ศ. ๒๕๔๒)
ออกตามความในพระราชบญั ญตั วิ ิธปี ฏิบตั ิราชการทางปกครอง
พ.ศ. ๒๕๓๙
103
กฎกระทรวง
ฉบบั ที่ ๑๑ (พ.ศ. ๒๕๔๒)
ออกตามความในพระราชบญั ญตั ิวิธปี ฏบิ ตั ริ าชการทางปกครอง
พ.ศ. ๒๕๓๙20๑
อ า ศั ย อํ า น า จ ต า ม ค ว า ม ใ น ม า ต ร า ๖ แ ล ะ ม า ต ร า ๗ ๐
แหงพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙
นายกรัฐมนตรีโดยคําเสนอแนะของคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการ
ทางปกครอง ออกกฎกระทรวงไว ดังตอไปน้ี
เจาพนักงานที่จะเปนพยานในการวางหนังสือหรือปดหนังสือ
เพอื่ แจง คําส่ังทางปกครอง การนดั พิจารณา หรอื การอยางอื่นท่ีจะตองแจง
ใหผ ูท่ีเกี่ยวของทราบ ในกรณที ผี่ ูรับไมย อมรบั หรอื ไมมีผูรับ ไดแก
(๑) เจาพนักงานตาํ รวจ
(๒) ขาราชการสวนกลาง
๑ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เลม ๑๑๖ ตอนท่ี ๕ ก วันที่ ๙ กุมภาพันธ
๒๕๔๒ (หนา ๓๑-๓๒)
104
(๓) เจาพนกั งานผมู ีหนาทีร่ ับผิดชอบในเขตพ้ืนที่ ไดแ ก
(ก) กาํ นนั
(ข) แพทยป ระจาํ ตําบล
(ค) สารวัตรกํานัน
(ง) ผใู หญบ าน
(จ) ผชู วยผูใหญบา น
(ฉ) ขา ราชการสวนทองถ่นิ หรอื พนกั งานสว นทองถิน่
(ช) ขาราชการประจําอําเภอหรือจังหวัด
ใหไว ณ วันที่ ๒ กุมภาพนั ธ พ.ศ. ๒๕๔๒
ชวน หลีกภยั
นายกรัฐมนตรี
105
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใชกฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยท่ี
มาตรา ๗๐ แหงพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
พ.ศ. ๒๕๓๙ บัญญัติวา การวางหนังสือหรือปดหนังสือหากไดกระทํา
ตอหนาเจาพนักงานตามท่ีกําหนดในกฎกระทรวงท่ีไปเปนพยาน ใหถือวา
ไดมีการแจงคําส่ังทางปกครอง การนัดพิจารณา หรือการอยางอื่นท่ี
เจา หนาทีต่ อ งแจงแลว จงึ จาํ เปน ตอ งออกกฎกระทรวงนี้
106
กฎกระทรวง
ฉบบั ที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๔๓)
ออกตามความในพระราชบญั ญัติวิธปี ฏบิ ตั ิราชการทางปกครอง
พ.ศ. ๒๕๓๙
107
กฎกระทรวง
ฉบบั ท่ี ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๔๓)
ออกตามความในพระราชบญั ญัติวิธปี ฏิบตั ิราชการทางปกครอง
พ.ศ. ๒๕๓๙21๑
อาศยั อํานาจตามความใน (๒) ของบทนิยาม “คําสั่งทางปกครอง”
ในมาตรา ๕ และมาตรา ๖ แหงพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการ
ทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ นายกรัฐมนตรี โดยคําแนะนําของ
คณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง ออกกฎกระทรวงไว
ดังตอไปน้ี
ใหก ารดําเนินการของเจา หนาท่ดี ังตอ ไปน้ี เปนคําสงั่ ทางปกครอง
๑. การดําเนินการเก่ียวกบั การจดั หาหรือใหสิทธิประโยชนในกรณี
ดังตอ ไปน้ี
๑ ประกาศในราชกจิ จานุเบกษา เลม ๑๑๗ ตอนที่ ๗๘ ก วันท่ี ๒๒ สิงหาคม
๒๕๔๓ (หนา ๑๓-๑๔)
108
(๑) การส่ังรับหรือไมรับคําเสนอขาย รับจาง แลกเปล่ียน
ใหเชา ซือ้ เชา หรอื ใหสิทธิประโยชน
(๒) การอนุมตั ิสงั่ ซ้อื จาง แลกเปลี่ยน เชา ขาย ใหเชา หรือ
ใหส ทิ ธปิ ระโยชน
(๓) การส่ังยกเลิกกระบวนการพิจารณาคําเสนอหรือ
การดาํ เนินการอื่นใด ในลักษณะเดยี วกนั
(๔) การส่งั ใหเ ปนผทู ง้ิ งาน
๒. การใหห รือไมใหท ุนการศกึ ษา
ใหไ ว ณ วนั ท่ี ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๓
ชวน หลกี ภยั
นายกรฐั มนตรี
109
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใชกฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่
คําส่ังของเจาหนาที่ในบางกรณีอาจมีปญหาการตีความวาเปนคําสั่ง
ทางปกครองหรือไม และคําส่ังดังกลาวมีผลกระทบตอสถานภาพของสิทธิ
หรือหนา ทขี่ องบุคคลและประโยชนสาธารณะ เพื่อใหการออกคําส่ังที่เปน
ปญหานี้ดําเนินไปดวยความเปนธรรม สมควรกําหนดใหเปนคําสั่ง
ทางปกครองตามมาตรา ๕ แหงพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการ
ทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ จงึ จําเปน ตอ งออกกฎกระทรวงนี้
110
กฎกระทรวง
การมอบอํานาจในการพิจารณาใชม าตรการบงั คบั ทางปกครอง
ของเจา หนา ทผ่ี ทู ําคําสงั่ ทางปกครอง
พ.ศ. ๒๕๖๒
111
กฎกระทรวง
การมอบอํานาจในการพจิ ารณาใชม าตรการบงั คบั ทางปกครองของ
เจาหนา ทผี่ ทู าํ คาํ สงั่ ทางปกครอง
พ.ศ. ๒๕๖๒22๑
อาศยั อาํ นาจตามความในมาตรา ๖ วรรคหนงึ่ แหงพระราชบัญญัติ
วธิ ปี ฏิบตั ิราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ และมาตรา ๖๓/๒ วรรคสอง
แหงพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ซึ่งแกไข
เพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง (ฉบับท่ี ๓)
พ.ศ. ๒๕๖๒ นายกรัฐมนตรีออกกฎกระทรวงไว ดังตอ ไปนี้
ขอ ๑ ในกรณีท่ีกฎหมายใดไมไดกําหนดเรื่องการมอบอํานาจไว
โดยเฉพาะ การมอบอาํ นาจในการพิจารณาใชม าตรการบังคับทางปกครอง
สาํ หรับคําสั่งทางปกครองที่กําหนดใหชําระเงิน ใหเปนไปตามท่ีกําหนดไว
ดังตอไปนี้
๑ ประกาศในราชกิจจานเุ บกษา เลม ๑๓๖ ตอนที่ ๑๓๖ ก วนั ท่ี ๑๑ ธันวาคม
๒๕๖๒ (หนา ๑-๓)
112
(๑) การมอบอํานาจในราชการบริหารสวนกลางและราชการ
บริหารสว นภูมิภาค เจาหนาที่ผูทําคําสั่งทางปกครองอาจมอบอํานาจใหผู
ดาํ รงตําแหนง ดงั ตอไปน้ี เปน ผพู ิจารณาใชมาตรการบังคบั ทางปกครองได
(ก) นายกรัฐมนตรีอาจมอบอํานาจใหรองนายกรัฐมนตรี
รัฐมนตรีประจาํ สาํ นกั นายกรัฐมนตรีหรอื ผูวาราชการจังหวัด
(ข) รัฐมนตรีวาการกระทรวงอาจมอบอํานาจใหรัฐมนตรี
ชวยวาการกระทรวง ปลัดกระทรวง อธิบดีหรอื หัวหนาสว นราชการซ่งึ ดํารง
ตาํ แหนง เทียบเทาอธบิ ดี หรอื ผวู าราชการจังหวัด
(ค) รัฐมนตรีวาการทบวงอาจมอบอํานาจใหรัฐมนตรี
ชวยวาการทบวง ปลัดทบวง อธิบดีหรือหัวหนาสวนราชการซึ่งดํารง
ตําแหนงเทยี บเทา อธิบดี หรือผูว า ราชการจงั หวัด
(ง) ปลัดสํานักนายกรัฐมนตรีอาจมอบอํานาจใหรองปลัด
สํานักนายกรัฐมนตรี ผูชวยปลัดสํานักนายกรัฐมนตรี หรือผูวาราชการ
จงั หวดั
(จ) ปลัดกระทรวงอาจมอบอํานาจใหรองปลัดกระทรวง
ผูชว ยปลัดกระทรวง หรอื ผวู าราชการจงั หวัด
(ฉ) ปลัดทบวงอาจมอบอํานาจใหรองปลัดทบวง ผูชวย
ปลดั ทบวง หรือผวู าราชการจังหวัด
(ช) อธิบดีหรอื ผูดาํ รงตําแหนงเทียบเทาอาจมอบอํานาจให
รองอธบิ ดี ผชู วยอธิบดี หรือผูดํารงตําแหนงเทียบเทารองอธิบดีหรือผูชวย
อธิบดี ผูอํานวยการกองหรือผูดํารงตําแหนงเทียบเทาผูอํานวยการกอง
หรอื ผวู า ราชการจงั หวดั
(ซ) ผูว าราชการจงั หวัดอาจมอบอํานาจใหรองผูวาราชการ
จังหวดั ผูชว ยผูวา ราชการจงั หวัด ปลัดจังหวัด หัวหนาสวนราชการประจํา
จงั หวัด นายอําเภอ หรอื ปลัดอาํ เภอผเู ปน หวั หนาประจําก่งิ อาํ เภอ
113
(๒) การมอบอํานาจในราชการบริหารสวนทองถ่ิน ใหเปนไปตาม
กฎหมายท่จี ัดต้งั ราชการสวนทองถิ่นน้ัน
(๓) การมอบอํานาจในรัฐวิสาหกิจ ใหเปนไปตามกฎหมายท่ีจัดต้ัง
รฐั วสิ าหกจิ นัน้
(๔) การมอบอํานาจในหนวยงานอ่นื ของรัฐ ใหเปนไปตามกฎหมาย
ท่ีจัดตงั้ หนว ยงานนัน้
(๕) การมอบอาํ นาจในสภาวิชาชีพ ใหเปนไปตามกฎหมายท่ีจัดต้ัง
สภาวิชาชพี นั้น
ในกรณีที่มีการมอบอํานาจใหผูวาราชการจังหวัดเปนผูพิจารณา
ใชมาตรการบังคับทางปกครอง ผูวาราชการจังหวัดอาจมอบอํานาจน้ัน
ใหแ กผ ดู าํ รงตาํ แหนงตาม (ซ) ตอ ไปได
ขอ ๒ การมอบอํานาจในการพิจารณาใชมาตรการบังคับ
ทางปกครองสําหรับคําสั่งทางปกครองท่ีกําหนดใหกระทําหรือละเวน
กระทํา ในกรณีที่เจาหนาทผี่ ูท าํ คําส่ังทางปกครองเปนผูดํารงตําแหนงตาม
ขอ ๑ ใหน ําหลักเกณฑการมอบอํานาจในการพิจารณาใชมาตรการบังคับ
ทางปกครองตามขอ ๑ มาใชบงั คับโดยอนุโลม
ในกรณีท่ีเจาหนาท่ีผูทําคําส่ังทางปกครองท่ีกําหนดใหกระทําหรือ
ละเวนกระทํา ดํารงตําแหนงต่ํากวาผูดํารงตําแหนงตามขอ ๑ เจาหนาท่ี
ผนู ัน้ ตองพจิ ารณาใชมาตรการบงั คับทางปกครองนัน้ เอง
หากเจาหนา ท่ีผทู ําคาํ สงั่ ทางปกครองทก่ี ําหนดใหก ระทําหรือละเวน
กระทําตามวรรคสองเห็นวาการพิจารณาใชมาตรการบังคับทางปกครอง
อ า จ มี ผ ล ก ร ะ ท บ ต อ สิ ท ธิ ห รื อ เ ส รี ภ า พ ข อ ง ผู อ ยู ใ น บั ง คั บ ข อ ง คํ า สั่ ง
ทางปกครองเกินสมควร ใหเจาหนาท่ีผูนั้นเสนอเรื่องตอหัวหนาหนวยงาน
114
ต น สั ง กั ด เ พ่ื อ พิ จ า ร ณ า ม อ บ ห ม า ย ใ ห เ จ า ห น า ที่ อ่ื น เ ป น ผู พิ จ า ร ณ า ใ ช
มาตรการบังคบั ทางปกครองแทนไดตามทเี่ ห็นสมควร
ขอ ๓ การมอบอาํ นาจตามขอ ๑ และขอ ๒ ใหท าํ เปนหนงั สอื
ใหไว ณ วันท่ี ๖ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๖๒
พลเอก ประยทุ ธ จนั ทรโ อชา
นายกรัฐมนตรี
115
หมายเหตุ :- เหตผุ ลในการประกาศใชก ฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรา
๖๓/๒ วรรคสอง แหงพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
พ.ศ. ๒๕๓๙ ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการ
ทางปกครอง (ฉบับท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒ บัญญัติใหเจาหนาท่ีผูทําคําส่ัง
ทางปกครองซึ่งมีอํานาจท่ีจะพิจารณาใชมาตรการบังคับทางปกครอง
จ ะ ม อ บ อํ า น า จ ใ ห เ จ า ห น า ที่ ซึ่ ง อ ยู ใ ต บั ง คั บ บั ญ ช า ห รื อ เ จ า ห น า ที่ อื่ น
เปนผูดําเนินการก็ไดตามหลักเกณฑและวิธีการท่ีกําหนดในกฎกระทรวง
จึงจาํ เปนตอ งออกกฎกระทรวงนี้
116
กฎกระทรวง
กาํ หนดเจา หนาทผี่ อู อกคาํ สง่ั ใชม าตรการบงั คบั ทางปกครอง
และการแตง ต้ังเจาพนกั งานบงั คับทางปกครอง
พ.ศ. ๒๕๖๒
117
กฎกระทรวง
กาหนดเจ้าหน้าทผ่ี ู้ออกคาส่ังใช้มาตรการบงั คับทางปกครอง
และการแต่งตัง้ เจ้าพนักงานบงั คับทางปกครอง
พ.ศ. ๒๕๖๒๑
อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๖ วรรคหน่ึง แห่งพระราชบัญญัติ
วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ และมาตรา ๖๓/๗ วรรคสาม
แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ซ่ึงแก้ไข
เพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง (ฉบับที่ ๓)
พ.ศ. ๒๕๖๒ นายกรฐั มนตรีออกกฎกระทรวงไว้ ดังตอ่ ไปน้ี
ข้อ ๑ การออกคาสั่งใช้มาตรการบังคับทางปกครองสาหรับคาสั่ง
ทางปกครองท่ีกาหนดให้ชาระเงินให้เปน็ อานาจของเจ้าหนา้ ท่ี ดังต่อไปน้ี
๑ ประกาศในราชกจิ จานุเบกษา เลม่ ๑๓๖ ตอนท่ี ๑๓๖ ก วันท่ี ๑๑ ธันวาคม
๒๕๖๒ (หนา้ ๔-๗)
118
(๑) ปลัดสํานักนายกรัฐมนตรี ปลัดกระทรวง หรือปลัดทบวง
ใ น ก ร ณี ที่ ผู ทํ า คํ า ส่ั ง ท า ง ป ก ค ร อ ง เ ป น เ จ า ห น า ท่ี ข อ ง สํ า นั ก ง า น ป ลั ด
สํานักนายกรัฐมนตรี สํานักงานปลัดกระทรวง หรือสํานักงานปลัดทบวง
แลว แตก รณี
(๒) อธิบดีหรือหัวหนาสวนราชการที่มีฐานะเปนกรม ในกรณีท่ี
ผูทําคําสั่งทางปกครองเปนเจาหนาที่ของกรมหรือสวนราชการท่ีมีฐานะ
เปนกรม แลว แตกรณี
(๓) ผูวาราชการจังหวัด ในกรณีท่ีผูทําคําสั่งทางปกครองเปน
เจา หนาทขี่ องราชการสวนภมู ิภาคในจงั หวัด
(๔) ผูบริหารรัฐวิสาหกิจ ในกรณีที่ผูทําคําสั่งทางปกครองเปน
เจา หนา ที่ของรฐั วสิ าหกิจ
(๕) ผูบรหิ ารหนวยงานอ่ืนของรัฐ ในกรณีที่ผูทําคําส่ังทางปกครอง
เปน เจา หนาทข่ี องหนว ยงานอนื่ ของรฐั
(๖) นายกองคการบริหารสว นจงั หวดั นายกเทศมนตรี ผูวาราชการ
กรุงเทพมหานคร หรือนายกเมืองพัทยา ในกรณีท่ีผูทําคําส่ังทางปกครอง
เปนเจาหนาที่ขององคการบริหารสวนจังหวัดเทศบาลนคร เทศบาลเมือง
กรงุ เทพมหานคร หรือเมืองพัทยา แลวแตกรณี
(๗) ผูบริหารทองถิ่นอื่นนอกจาก (๖) โดยความเห็นชอบของ
ผูวาราชการจังหวัด ในกรณีที่ผูทําคําส่ังทางปกครองเปนเจาหนาท่ีของ
องคก ารบริหารสว นทองถิ่นน้ัน
(๘) นายกสภาวิชาชีพ ในกรณีที่ผูทําคําสั่งทางปกครองเปน
สภาวชิ าชพี ซึง่ มอี ํานาจหนาท่ีตามท่กี ฎหมายกําหนด
(๙) หวั หนา หนวยงานของรัฐซงึ่ เปนหนว ยธรุ การของคณะกรรมการ
น้ัน ในกรณีที่ผูทาํ คําสงั่ ทางปกครองเปนคณะกรรมการตามกฎหมาย
119
(๑๐) เจาหนาท่ีผูมีอํานาจตาม (๑) (๒) (๓) (๔) (๕) (๖) (๗) หรือ
(๘) แลวแตกรณี ในกรณีที่ผูทําคําสั่งทางปกครองเปนเอกชนซึ่งไดรับ
อนุญาต ไดร ับแตงต้ัง หรอื ไดรับมอบหมายจากเจาหนา ที่ดังกลาว
ขอ ๒ ในกรณีท่ีรัฐมนตรี หรือเจาหนาที่ผูมีอํานาจตามขอ ๑
เปนผทู าํ คาํ ส่ังทางปกครองท่กี าํ หนดใหชําระเงิน ใหรัฐมนตรีหรือเจาหนาที่
แลวแตก รณี เปนผมู อี ํานาจออกคาํ ส่ังใชมาตรการบงั คบั ทางปกครอง
ขอ ๓ ใหผูมีอํานาจออกคําส่ังใชมาตรการบังคับทางปกครอง
แตงต้งั เจาหนา ที่ผอู ยภู ายใตบังคับบัญชาซึ่งผานการอบรมดานการบังคับคดี
จากกรมบังคับคดี หรือดานการบังคับทางปกครองตามหลักสูตรที่
คณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองใหความเห็นชอบ เปน
เจาพนักงานบังคับทางปกครองเพื่อดําเนินการยึดหรืออายัด และขาย
ทอดตลาดทรพั ยสิน
ในการดําเนินการยึดหรืออายัด และขายทอดตลาดทรัพยสิน
เ พ่ื อ ป ร ะ โ ย ช น ใ น ก า ร ใ ช ม า ต ร ก า ร บั ง คั บ ท า ง ป ก ค ร อ ง สํ า ห รั บ คํ า ส่ั ง
ทางปกครองที่กําหนดใหชําระเงินแตละคําส่ัง ผูออกคําสั่งใชมาตรการ
บังคับทางปกครองอาจมอบหมายใหเจาพนักงานบังคับทางปกครอง
หนง่ึ คนหรอื หลายคนรวมเปน เจาพนักงานบงั คับทางปกครองก็ได
ในกรณีท่ีมกี ารมอบหมายเจา พนักงานบงั คับทางปกครองตามวรรค
สองเพียงหนึ่งคน บุคคลดังกลาวตองสําเร็จการศึกษาปริญญาตรีทาง
นิติศาสตร แตกรณีท่ีมีการมอบหมายเจาพนักงานบังคับทางปกครอง
หลายคน ในการดําเนนิ การยึดหรืออายัดทรัพยสนิ ตองมีเจาพนักงานบังคับ
ทางปกครองอยา งนอ ยหนง่ึ คนสําเร็จการศกึ ษาปรญิ ญาตรีทางนิติศาสตร
120
ขอ ๔ ในการแตงตั้งเจาพนักงานบังคับทางปกครอง ใหหัวหนา
หนวยงานของรัฐหรือนายกสภาวิชาชีพ แลวแตกรณี เปนผูออกบัตร
ประจําตัวเจาพนักงานบังคับทางปกครอง โดยใหนําแบบบัตรและ
หลักเกณฑในการออกบัตรตามกฎหมายวาดวยบัตรประจําตัวเจาหนาท่ี
ของรฐั มาใชบังคับโดยอนุโลม
ขอ ๕ กรณที ก่ี ฎหมายใดกําหนดเจา หนา ท่ีผูอ อกคําส่ังใชมาตรการ
บังคับทางปกครองหรือหลักเกณฑในการแตงตั้งเจาพนักงานบังคับ
ทางปกครองไวโดยเฉพาะแลว ใหใชบังคับตามกฎหมายวาดวยการนั้น
เวนแตเจาหนาท่ีเห็นวาการใชหลักเกณฑตามกฎหมายวาดวยการนั้น
จะเกดิ ผลนอยกวา หลกั เกณฑท ี่กาํ หนดไวใ นกฎกระทรวงนี้ เจาหนาที่จะใช
หลกั เกณฑตามกฎกระทรวงนแี้ ทนก็ได
ขอ ๖ บรรดาคําสั่งใชมาตรการบังคับทางปกครองโดยวิธีการยึด
หรืออายัด และขายทอดตลาดทรัพยสินของผูอยูใตบังคับของคําสั่งทาง
ปกครองท่ไี ดอ อกโดยชอบตามกฎกระทรวง ฉบับท่ี ๙ (พ.ศ. ๒๕๔๒) ออกตาม
ความในพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙
กอนวันที่กฎกระทรวงนี้ใชบังคับ ใหถือวาเปนคําสั่งใชมาตรการบังคับ
ทางปกครองตามกฎกระทรวงน้ี และใหดําเนินการยึดหรืออายัดหรือ
ข า ย ท อ ด ต ล า ด ท รั พ ย สิ น ต า ม ท่ี ร ะ บุ ไ ว ใ น คํ า ส่ั ง ใ ช ม า ต ร ก า ร บั ง คั บ
ทางปกครองตอไปได แตตองไมเกินหน่ึงปนับแตวันที่กฎกระทรวงน้ี
ใชบ งั คบั
121
ขอ ๗ ในวาระเร่ิมแรก ผูมีอํานาจออกคําสั่งใชมาตรการบังคับ
ทางปกครองจะแตงต้ังผูซ่ึงไมผานการอบรมดานการบังคับคดีจาก
กรมบังคบั คดี หรือดา นการบังคบั ทางปกครองตามหลักสูตรท่ีคณะกรรมการ
วิธีปฏิบัติราชการทางปกครองใหความเห็นชอบ เปนเจาพนักงานบังคับ
ทางปกครองก็ได โดยเจาหนาท่ีดังกลาวสามารถปฏิบัติหนาที่ไดไมเกิน
หนงึ่ ปน ับแตวนั ทกี่ ฎกระทรวงน้ใี ชบ ังคบั
ใหไ ว ณ วนั ที่ ๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๒
พลเอก ประยุทธ จนั ทรโอชา
นายกรฐั มนตรี
122
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใชก ฎกระทรวงฉบบั นี้ คือ โดยที่มาตรา
๖๓/๗ วรรคสาม แหงพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
พ.ศ. ๒๕๓๙ ซึ่งแกไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการ
ทางปกครอง (ฉบับท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒ บัญญัติใหเจาหนาที่ผูออกคําส่ัง
ใ ช ม า ต ร ก า ร บั ง คั บ ท า ง ป ก ค ร อ ง แ ล ะ ก า ร แ ต ง ต้ั ง เ จ า พ นั ก ง า น บั ง คั บ
ทางปกครองเปนไปตามท่ีกําหนดในกฎกระทรวง จึงจําเปนตอง
ออกกฎกระทรวงน้ี
123
กฎกระทรวง
กําหนดเจา หนา ทผี่ มู อี ํานาจกาํ หนดคาปรับบังคบั การ
พ.ศ. ๒๕๖๒
124
กฎกระทรวง
กาํ หนดเจาหนาทผี่ มู อี ํานาจกาํ หนดคาปรบั บงั คบั การ
พ.ศ. ๒๕๖๒24๑
อาศยั อาํ นาจตามความในมาตรา ๖ วรรคหนงึ่ แหงพระราชบัญญัติ
วิธีปฏบิ ตั ิราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ และมาตรา ๖๓/๒๑ วรรคสอง
แหงพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ซึ่งแกไข
เพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง (ฉบับที่ ๓)
พ.ศ. ๒๕๖๒ นายกรัฐมนตรอี อกกฎกระทรวงไว ดงั ตอไปน้ี
ขอ ๑ ใหเจาหนา ที่ผทู ําคําส่ังทางปกครองมีอํานาจกําหนดคาปรับ
บังคับการในกรณีท่ีมีการฝาฝนหรือไมปฏิบัติตามคําส่ังทางปกครอง
ที่กําหนดใหกระทําหรือละเวนกระทํา เวนแตในกรณีที่เอกชนเปน
ผูใชอํานาจทําคําส่ังทางปกครอง ใหอํานาจกําหนดคาปรับบังคับการ
๑ ประกาศในราชกจิ จานุเบกษา เลม ๑๓๖ ตอนที่ ๑๓๖ ก วนั ท่ี ๑๑ ธันวาคม
๒๕๖๒ (หนา ๘-๑๐)
125
เปน ของหัวหนาหนวยงานของรัฐผูมอบอํานาจหรือผูกํากับดูแลเอกชนนั้น
แลว แตก รณี
ขอ ๒ ใหเจาหนาท่ีตามขอ ๑ มีอํานาจกําหนดคาปรับบังคับการ
ดงั นี้
(๑) รฐั มนตรกี าํ หนดไดไมเ กนิ หาหม่ืนบาทตอ วนั
(๒) คณะกรรมการตามกฎหมายกําหนดไดไมเกินหาหม่ืนบาท
ตอ วนั
(๓) ปลัดกระทรวง อธิบดี หรือตําแหนงท่ีเรียกชื่ออยางอ่ืนและ
มีฐานะเทียบเทาปลัดกระทรวงหรืออธิบดี กําหนดไดไมเกินสามหมื่นบาท
ตอวนั
(๔) ผวู าราชการจังหวัดหรือผูวาราชการกรุงเทพมหานครกําหนดได
ไมเ กนิ สามหม่ืนบาทตอ วัน
(๕) หวั หนา สวนราชการประจําจงั หวดั กาํ หนดไดไมเ กินสองหม่ืนบาท
ตอ วนั
(๖) นายอําเภอกาํ หนดไดไมเกินสองหมื่นบาทตอ วัน
(๗) ผบู ริหารทองถิ่นกาํ หนดไดไ มเ กินสองหมนื่ บาทตอวัน
(๘) ผบู รหิ ารรัฐวิสาหกจิ กาํ หนดไดไมเ กินสองหม่นื บาทตอวนั
(๙) ผูบริหารหนวยงานอ่ืนของรัฐกําหนดไดไมเกินสองหม่ืนบาท
ตอ วัน
(๑๐) พนกั งานเจา หนาท่ตี ามกฎหมายหรอื ตําแหนงที่เรียกช่ืออยางอื่น
ซึ่งเปนเจาหนาที่ผูทําคําสั่งทางปกครองกําหนดไดไมเกินหน่ึงหม่ืนบาท
ตอ วัน
(๑๑) นายกสภาวิชาชีพกาํ หนดไดไมเ กนิ สองหมน่ื บาทตอ วนั
126
(๑๒) หัวหนาหนวยงานของรัฐผูมอบอํานาจหรือผูกํากับดูแล
เอกชนกําหนดไดไมเกินสองหม่ืนบาทตอวัน สําหรับกรณีที่เอกชนเปน
ผใู ชอ าํ นาจทําคาํ สงั่ ทางปกครอง
ขอ ๓ ในกรณีที่ไมมีการชําระคาปรับบังคับการ ใหเจาหนาที่
ตามขอ ๑ แจงใหผูอยูในบงั คับของคําส่ังทางปกครองชําระคาปรับบังคับการ
ทกุ สบิ หา วนั
ใหไว ณ วันท่ี ๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๒
พลเอก ประยทุ ธ จันทรโ อชา
นายกรัฐมนตรี
127
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใชก ฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรา
๖๓/๒๑ วรรคสอง แหงพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
พ.ศ. ๒๕๓๙ ซึ่งแกไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทาง
ปกครอง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒ บัญญัติใหเจาหนาที่ระดับใดมีอํานาจ
กาํ หนดคาปรบั บังคับการจํานวนเทาใด สําหรับในกรณีใด ใหเปนไปตามท่ี
กาํ หนดในกฎกระทรวง จึงจําเปน ตองออกกฎกระทรวงน้ี
128
กฎกระทรวง
กําหนดหนว ยงานของรฐั ทส่ี ามารถขอใหเ จาพนกั งานบังคบั คดี
ดาํ เนนิ การบงั คบั คดปี กครอง
พ.ศ. ๒๕๖๓
129
กฎกระทรวง
กําหนดหนว ยงานของรฐั ทีส่ ามารถขอใหเ จา พนกั งานบงั คบั คดี
ดาํ เนนิ การบงั คบั คดปี กครอง
พ.ศ. ๒๕๖๓25๑
อาศยั อาํ นาจตามความในมาตรา ๖ วรรคหนง่ึ แหงพระราชบัญญัติ
วิธปี ฏิบตั ริ าชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ และมาตรา ๖๓/๑๕ วรรคหก
แหงพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ซึ่งแกไข
เพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง (ฉบับที่ ๓)
พ.ศ. ๒๕๖๒ นายกรฐั มนตรีออกกฎกระทรวงไว ดังตอไปน้ี
ขอ ๑ ใหยกเลิกกฎกระทรวงกําหนดหนวยงานของรัฐที่สามารถ
ข อ ใ ห เ จ า พ นั ก ง า น บั ง คั บ ค ดี ดํ า เ นิ น ก า ร บั ง คั บ ท า ง ป ก ค ร อ ง แ ท น
พ.ศ. ๒๕๖๓
๑ ประกาศในราชกจิ จานุเบกษา เลม ๑๓๗ ตอนที่ ๖๘ ก วันท่ี ๒๘ สิงหาคม
๒๕๖๓ (หนา ๑-๒)
130
ขอ ๒ ใหหนวยงานดังตอไปนี้ เปนหนวยงานของรัฐท่ีสามารถ
ขอใหเ จาพนกั งานบงั คับคดีดําเนินการบงั คับทางปกครองตามมาตรา ๖๓/๑๕
(๑) สาํ นกั งานตรวจเงินแผนดิน
(๒) สํานกั งานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน
และกิจการโทรคมนาคมแหง ชาติ
(๓) สํานักงานคณะกรรมการการเลอื กตงั้ 26๒
(๔) สํานกั งานเลขาธกิ ารสภาผแู ทนราษฎร27๓
(๕) สํานกั งานศาลยุตธิ รรม
(๖) สํานักงานผูต รวจการแผนดนิ
(๗) สํานักงานคณะกรรมการสิทธมิ นษุ ยชนแหง ชาติ
(๘) สาํ นักงานอยั การสูงสุด
(๙) สํานกั งานบรหิ ารและพัฒนาองคความรู (องคก ารมหาชน)
(๑๐) กองทนุ พัฒนาสอื่ ปลอดภยั และสรา งสรรค
(๑๑) ศนู ยม านษุ ยวทิ ยาสิรินธร (องคการมหาชน)
(๑๒) หอภาพยนตร (องคก ารมหาชน)
(๑๓) ศูนยค ณุ ธรรม (องคก ารมหาชน)
(๑๔) สาํ นักงานเลขาธกิ ารวุฒสิ ภา
(๑๕) สถาบนั วิจยั และพัฒนาพน้ื ท่ีสูง (องคการมหาชน)
(๑๖) สาํ นกั งานสง เสรมิ วิสาหกจิ ขนาดกลางและขนาดยอ ม
(๑๗) สํานกั งานคณะกรรมการการแขงขนั ทางการคา
๒ ความใน (๓) เพิ่มโดยกฎกระทรวงกําหนดหนวยงานของรัฐท่ีสามารถ
ขอใหเ จาพนกั งานบังคับคดดี าํ เนินการบงั คบั คดีปกครอง (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๖๓
๓ ความใน (๔) – (๑๗) เพิ่มโดยกฎกระทรวงกําหนดหนวยงานของรัฐท่ีสามารถ
ขอใหเจาพนกั งานบังคบั คดดี าํ เนินการบงั คบั คดปี กครอง (ฉบบั ท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๖๔
131
(๑๘) สถาบันอุดมศึกษาในกากับของรัฐมนตรีว่าการกระทรวง
อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วจิ ัยและนวตั กรรม๔
(๑๙) สถาบนั วิจยั วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย
(๒๐) องค์การพิพธิ ภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ
(๒๑) สานักงานพัฒนาวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีแห่งชาติ
(๒๒) สถาบันมาตรวิทยาแหง่ ชาติ
(๒๓) สานกั งานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและ
นวตั กรรมแหง่ ชาติ
(๒๔) สานักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและ
นวัตกรรม
(๒๕) สานักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ
(องค์การมหาชน)
(๒๖) สถาบนั เทคโนโลยนี ิวเคลียร์แหง่ ชาติ (องคก์ ารมหาชน)
(๒๗) สถาบนั วิจยั แสงซินโครตอน (องค์การมหาชน)
(๒๘) สถาบันวจิ ัยดาราศาสตรแ์ ห่งชาติ (องค์การมหาชน)
(๒๙) สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้า (องค์การมาชน)
(๓๐) สานกั งานนวตั กรรมแห่งชาติ (องคก์ ารมหาชน)
(๓๑) ศูนยค์ วามเปน็ เลศิ ด้านชวี วิทยาศาสตร์ (องคก์ ารมหาชน)
(๓๒) สถาบันอดุ มศกึ ษาของรฐั ที่เป็นส่วนราชการ แต่ไม่มฐี านะเปน็ กรม
(๓๓) สถาบันบณั ฑิตพฒั นศลิ ป์
๔ ความใน (๑๘) – (๓๓) เพ่ิมโดยกฎกระทรวงกาหนดหน่วยงานของรัฐท่ีสามารถ
ขอให้เจา้ พนกั งานบังคับคดดี าเนินการบังคบั คดีปกครอง (ฉบบั ที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๔
132
(๓๔) การยางแห่งประเทศไทย๕
(๓๕) สานักงานพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยูห่ ัว (องคก์ ารมหาชน)
(๓๖) การไฟฟ้านครหลวง
(๓๗) การไฟฟ้าสว่ นภมู ภิ าค
(๓๘) การประปานครหลวง
(๓๙) การประปาสว่ นภูมิภาค
(๔๐) องค์การตลาด
(๔๑) องคก์ ารจัดการนา้ เสยี
(๔๒) สถาบนั เพอ่ื การยตุ ิธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน)๖
(๔๓) สถาบนั อนุญาโตตลุ าการ
ให้ไว้ ณ วนั ที่ ๒๑ สงิ หาคม พ.ศ. ๒๕๖๓
พลเอก ประยุทธ์ จนั ทรโ์ อชา
นายกรัฐมนตรี
๕ ความใน (๓๔) – (๔๑) เพ่ิมโดยกฎกระทรวงกาหนดหน่วยงานของรัฐที่สามารถ
ขอให้เจา้ พนกั งานบงั คบั คดีดาเนนิ การบงั คับคดปี กครอง (ฉบบั ที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๖๔
๖ ความใน (๔๒) – (๔๓) เพิ่มโดยกฎกระทรวงกาหนดหน่วยงานของรัฐท่ีสามารถ
ขอใหเ้ จ้าพนกั งานบังคบั คดดี าเนนิ การบังคบั คดีปกครอง (ฉบบั ท่ี ๖) พ.ศ. ๒๕๖๔
133
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับน้ี คือ โดยท่ีมาตรา
๖๓/๑๕ แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙
ซง่ึ แก้ไขเพิ่มเตมิ โดยพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง (ฉบับท่ี ๓)
พ.ศ. ๒๕๖๒ กาหนดให้หน่วยงานของรัฐสามารถย่ืนคาขอฝ่ายเดียว
ต่อศาลเพื่อให้ศาล ออกหมายบังคับคดีต้ังเจ้าพนักงานบังคับคดีเพื่อบังคับ
ให้เป็นไปตามคาส่ังทางปกครองที่กาหนดให้ชาระเงินได้ และการที่ จะนา
หลักการนี้ไปใช้บังคับแก่หน่วยงานอื่นของรัฐท่ีมิใช่กระทรวง ทบวง กรม
หรือส่วนราชการที่เรียกช่ือ อย่างอ่ืนและมีฐานะเป็นกรม ราชการส่วน
ภูมิภาคและราชการส่วนท้องถิ่นนั้น จะต้องกาหนดในกฎกระทรวง ดังนั้น
เพ่อื ให้การบังคับตามคาสั่งทางปกครองที่กาหนดให้ชาระเงินของสานักงาน
คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการ
โทรคมนาคมแห่งชาติ มีประสิทธิภาพย่ิงข้ึน สมควรกาหนดให้สานักงาน
คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการ
โทรคมนาคมแห่งชาติ เป็นหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงาน
บังคับคดีดาเนินการบังคับทางปกครองได้ และโดยที่ปัจจุบันได้มีการ
กาหนดให้สานักงานการตรวจเงินแผ่นดินเป็นหน่วยงานของรัฐตามมาตรา
๖๓/๑๕ ด้วยแล้ว สมควรปรับปรุงโดยนามารวมอยู่ในกฎกระทรวง
ฉบบั เดยี วกนั เพื่อประโยชนใ์ นการตรวจสอบและอ้างอิงของเจา้ หนา้ ท่ี และ
ประชาชนท่ัวไป จงึ จาเปน็ ตอ้ งออกกฎกระทรวงนี้
134
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยท่ีมาตรา
๖๓/๑๕ แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙
ซ่ึงแก้ไขเพ่มิ เตมิ โดยพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง (ฉบับท่ี ๓)
พ.ศ. ๒๕๖๒ กาหนดให้หน่วยงานของรัฐสามารถยื่นคาขอฝ่ายเดียว
ต่อศาลเพ่ือให้ศาลออกหมายบังคับคดีต้ังเจ้าพนักงานบังคับคดีเพ่ือบังคับ
ให้เป็นไปตามคาส่ังทางปกครองที่กาหนดให้ชาระเงินได้ และการที่จะนา
หลักการนี้ไปใช้บังคับแก่หน่วยงานอื่นของรัฐที่มิใช่กระทรวง ทบวง กรม
หรือส่วนราชการท่ีเรียกช่ืออย่างอ่ืนและมีฐานะเป็นกรม ราชการส่วน
ภูมิภาคและราชการส่วนท้องถิ่นน้ัน จะต้องกาหนดในกฎกระทรวง ดังน้ัน
เพ่ือใหก้ ารบงั คับตามคาสงั่ ทางปกครองที่กาหนดให้ชาระเงินของสานักงาน
คณะกรรมการการเลือกตั้งมีประสิทธิภาพย่ิงข้ึน สมควรกาหนดให้
สานกั งานคณะกรรมการการเลือกตั้งเป็นหน่วยงานของรัฐท่ีสามารถ ขอให้
เจ้าพนักงานบังคับคดีดาเนินกรบังคับทางปกครองได้ จึงจาเป็นต้องออก
กฎกระทรวงนี้
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใชก้ ฎกระทรวงฉบับน้ี คือ โดยท่ีมาตรา
๖๓/๑๕ แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙
ซ่งึ แกไ้ ขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง (ฉบับท่ี ๓)
พ.ศ. ๒๕๖๒ กาหนดให้หน่วยงานของรัฐสามารถยื่นคาขอฝ่ายเดียว
ต่อศาลเพ่ือให้ศาลออกหมายบังคับคดีต้ังเจ้าพนักงานบังคับคดีเพ่ือบังคับ
ให้เป็นไปตามคาสั่งทางปกครองท่ีกาหนดให้ชาระเงินได้ และการที่จะนา
หลักการน้ีไปใช้บังคับแก่หน่วยงานอ่ืนของรัฐท่ีมิใช่กระทรวง ทบวง กรม
หรือส่วนราชการที่เรียกช่ืออย่างอื่นและมีฐานะเป็นกรม ราชการส่วน
ภูมิภาคและราชการส่วนท้องถิ่นน้ัน จะต้องกาหนดในกฎกระทรวง ดังนั้น
เพื่อให้การบงั คบั ตามคาส่ังทางปกครองที่กาหนดให้ชาระเงินของสานักงาน
135
เลขาธิการ สภาผู้แทนราษฎร สานกั งานศาลยุติธรรม สานักงานผู้ตรวจการ
แผน่ ดนิ สานักงานคณะกรรมการ สิทธิมนุษยชนแหง่ ชาติ สานักงานอัยการ
สูงสุด สานักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) กองทุน
พัฒนาส่ือปลอดภัยและสร้างสรรค์ ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การ
มหาชน) หอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน)
สานักงานเลขาธิการวุฒิสภา สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นท่ีสูง (องค์การ
มหาชน) สานักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และ
สานักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้ามีประสิทธิภาพย่ิงขึ้น
สมควรกาหนดให้หน่วยงานดังกล่าวเป็นหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้
เจ้าพนักงานบังคับคดีดาเนินการบังคับทางปกครองได้ จึงจาเป็นต้องออก
กฎกระทรวงนี้
หมายเหตุ :- เหตผุ ลในการประกาศใชก้ ฎกระทรวงฉบับน้ี คือ โดยท่ีมาตรา
๖๓/๑๕ แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเตมิ โดยพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง (ฉบับท่ี ๓)
พ.ศ. ๒๕๖๒ กาหนดให้หน่วยงานของรัฐสามารถยื่นคาขอฝ่ายเดียว
ต่อศาลเพ่ือให้ศาลออกหมายบังคับคดีตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีเพ่ือบังคับ
ให้เป็นไปตามคาส่ังทางปกครองที่กาหนดให้ชาระเงินได้ และการท่ีจะนา
หลักการนี้ไปใช้บังคับแก่หน่วยงานอื่นของรัฐที่มิใช่กระทรวง ทบวง กรม
หรือส่วนราชการท่ีเรียกช่ืออย่างอ่ืนและมีฐานะเป็นกรม ราชการส่วน
ภูมิภาคและราชการส่วนท้องถิ่นนั้น จะต้องกาหนดในกฎกระทรวง ดังน้ัน
เพ่ือให้การบังคับตามคาสั่งทางปกครองที่กา หนดให้ชาระเงิน
ของสถาบันอุดมศึกษา ของรัฐในกากับของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการ
อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หน่วยงานในกากับ
ของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
136
สถาบันอุดมศึกษาของรัฐท่ีเป็น ส่วนราชการ แต่ไม่มีฐานะเป็นกรม และ
สถาบันบณั ฑิตพฒั นศิลป์ มปี ระสิทธิภาพยิง่ ข้ึน สมควรกาหนดให้หน่วยงาน
ดังกล่าวเป็นหน่วยงานของรัฐท่ีสามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดี
ดาเนินการบังคบั ทางปกครองได้ จงึ จาเปน็ ตอ้ งออกกฎกระทรวงนี้
หมายเหตุ :- เหตผุ ลในการประกาศใชก้ ฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรา
๖๓/๑๕ แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙
ซ่งึ แกไ้ ขเพม่ิ เตมิ โดยพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง (ฉบับท่ี ๓)
พ.ศ. ๒๕๖๒ กาหนดให้หน่วยงานของรัฐสามารถยื่นคาขอฝ่ายเดียว
ต่อศาลเพื่อให้ศาลออกหมายบังคับคดีต้ังเจ้าพนักงานบังคับคดีเพ่ือบังคับ
ให้เป็นไปตามคาส่ังทางปกครองที่กาหนดให้ชาระเงินได้ และการท่ีจะนา
หลักการนี้ไปใช้บังคับแก่หน่วยงานอ่ืนของรัฐที่มิใช่กระทรวง ทบวง กรม
หรือส่วนราชการที่เรียกช่ืออย่างอื่นและมีฐานะเป็นกรม ราชการส่วน
ภมู ิภาค และราชการส่วนท้องถ่ินน้ัน จะต้องกาหนดในกฎกระทรวง ดังน้ัน
เพื่อให้การบังคับตามคาส่ังทางปกครองท่ีกาหนดให้ชาระเงินของการยาง
แห่งประเทศไทย สานักงานพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (องค์การมหาชน) การไฟฟ้านครหลวง
การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปานครหลวง การประปาส่วนภูมิภาค
องค์การตลาด และองค์การจัดการน้าเสีย มีประสิทธิภาพย่ิงข้ึน สมควร
กาหนดให้หน่วยงานดังกล่าวเป็นหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้า
พนักงานบังคับคดีดาเนินการบังคับทางปกครองได้ จึงจาเป็นต้องออก
กฎกระทรวงนี้
137
หมายเหตุ :- เหตผุ ลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรา
๖๓/๑๕ แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙
ซึง่ แก้ไขเพิม่ เติมโดยพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง (ฉบับที่ ๓)
พ.ศ. ๒๕๖๒ กาหนดให้หน่วยงานของรัฐสามารถย่ืนคาขอฝ่ายเดียว
ต่อศาลเพื่อให้ศาลออกหมายบังคับคดีต้ังเจ้าพนักงานบังคับคดีเพ่ือบังคับ
ให้เป็นไปตามคาสั่งทางปกครองที่กาหนดให้ชาระเงินได้ และการท่ีจะนา
หลักการนี้ไปใช้บังคับแก่หน่วยงานอ่ืนของรัฐท่ีมิใช่กระทรวง ทบวง กรม
หรือส่วนราชการที่เรียกช่ืออย่างอ่ืนและมีฐานะเป็นกรม ราชการส่วน
ภมู ิภาค และราชการส่วนท้องถิ่นน้ัน จะต้องกาหนดในกฎกระทรวง ดังน้ัน
เพ่ือให้การบังคับตามคาสั่งทางปกครองที่กาหนดให้ชาระเงินของสถาบัน
เพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) และสถาบัน
อนุญาโตตุลาการ มีประสิทธิภาพย่ิงข้ึน สมควรกาหนดให้สถาบันเพ่ือการ
ยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) และสถาบันอนุญาโตตุลาการ
เป็นหน่วยงานของรัฐท่ีสามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดาเนินการ
บงั คบั ทางปกครองได้ จงึ จาเปน็ ต้องออกกฎกระทรวงนี้
138
ประกาศสาํ นกั นายกรัฐมนตรี
เร่อื ง คาํ สงั่ ทางปกครองทีต่ อ งระบเุ หตผุ ลไวในคาํ ส่งั
หรือในเอกสารแนบทายคาํ ส่ัง
ประกาศ ณ วันท่ี ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๔๓
139
ประกาศสาํ นกั นายกรัฐมนตรี
เรื่อง คาํ สั่งทางปกครองท่ตี อ งระบเุ หตผุ ลไวใ นคําส่ัง
หรอื ในเอกสารแนบทา ยคาํ สงั่ 31๑
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๖ และมาตรา ๓๗ วรรคสอง
แหงพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙
นายกรัฐมนตรีโดยคําเสนอแนะของคณะกรรมการ วิธีปฏิบัติราชการ
ทางปกครองออกประกาศไว ดงั ตอ ไปน้ี
ใ ห คํ า ส่ั ง ท า ง ป ก ค ร อ ง ที่ ทํ า เ ป น ห นั ง สื อ แ ล ะ ก า ร ยื น ยั น คํ า สั่ ง
ทางปกครองเปนหนังสือในกรณีดังตอไปนี้ เปนคําสั่งทางปกครองที่ตอง
ระบุเหตุผลไวในคําสั่งหรือเอกสารแนบทายคําส่ัง ตามมาตรา ๓๗
วรรคสอง
(๑) คําส่ังทางปกครองที่เปนการปฏิเสธการกอต้ังสิทธิของคูกรณี
เชน การไมรับคําขอ ไมอนุญาต ไมอนุมัติ ไมรับรอง ไมรับอุทธรณ หรือ
ไมรบั จดทะเบียน
(๒) คําส่ังทางปกครองท่ีเปนการเพิกถอนสิทธิ เชน การเพิกถอน
ใบอนุญาต เพิกถอนการอนุมัติ เพิกถอนการรับรอง หรือเพิกถอน
การรับจดทะเบยี น
(๓) คาํ สัง่ ทางปกครองทก่ี าํ หนดใหก ระทําการหรือละเวน กระทําการ
(๔) คําส่งั ทางปกครองท่เี ปนคาํ วนิ จิ ฉัยอทุ ธรณ
๑ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เลม ๑๑๗ ตอนพิเศษ ๘๔ ง วันท่ี ๒๓
สิงหาคม ๒๕๔๓ (หนา ๑-๒)
140
(๕) คาํ สงั่ ยกเลกิ การสอบราคา การประกวดราคา หรือการประมูล
ราคาที่มีผูไดรับคัดเลือกจากคณะกรรมการที่มีอํานาจหนาที่ในการ
พจิ ารณาผลการดําเนินการดังกลา วแลว
ความในวรรคหนึ่งมิใหนํามาใชในกรณีท่ีไมอาจเปดเผยไดตามท่ี
กาํ หนดในมาตรา ๓๒
ประกาศ ณ วนั ที่ ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๓
ชวน หลีกภยั
นายกรฐั มนตรี
141