The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ผศ.อนุสรณ์ นางทะราช

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by social study, 2021-10-18 09:10:17

ความเป็นครูวิชาชีพ

ผศ.อนุสรณ์ นางทะราช

บทที่ ๒

บทบาท หนา้ ที่ และภาระงานของครู

ด้วยความเจรญิ ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีสารสนเทศในโลก
ปัจจบุ นั ส่งผลใหเ้ กิดการเปลย่ี นแปลงทางเศรษฐกจิ และสังคมตลอดจนเกิดกระแสโลกาภวิ ัฒนไ์ ปทว่ั
โลกสง่ ผลใหป้ ระเทศตา่ ง ๆ ต้องเผชิญกับสภาวะการแข่งขันอย่างสูงทั้งด้านเศรษฐกิจ และสงั คม เพอื่
การเตรียมความพร้อมต่อการเผชิญกบั ความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของโลกในศตวรรษที่ ๒๑นี้ จึง
จาเปน็ ตอ้ งเร่งพัฒนาประชากรในประเทศของตน ใหเ้ ปน็ ทรัพยากรมนุษยท์ ี่มคี ณุ ภาพมีศกั ยภาพ และ
การทีป่ ระชากรในประเทศจะมคี ณุ ภาพไดน้ ั้น ปจั จยั ทสี่ าคัญ อยา่ งหนงึ่ คือการไดร้ บั การศึกษาท่ีมี
คณุ ภาพ ทั้งนเ้ี พราะการศึกษาเป็นเครือ่ งมือสาคญั ในการพัฒนาทรัพยากรมนษุ ย์ การศึกษาเปน็
กระบวนการเรยี นรู้ทกั ษะในการดารงชวี ิต เป็นกระบวนการกล่อมเกลาทางสงั คมและเปน็ กระบวนการ
ถ่ายทอดทางวัฒนธรรม การทีก่ ารศกึ ษาจะเปน็ เคร่ืองมือทมี่ ีคณุ ภาพขนึ้ อยู่กับคุณภาพของผปู้ ระกอบ
วชิ าชพี ครเู ป็นสาคัญ การมคี รูท่ดี มี คี ุณภาพจงึ เป็นเร่ืองสาคัญและจาเปน็ ต่อพฒั นาคุณภาพประชากรใน
ประเทศ การเรยี นรบู้ ทบาทหน้าที่ และภาระงานของครูที่มีต่อการพฒั นาศิษยน์ บั แต่อดตี จนถึงปัจจบุ นั
จงึ มคี วามสาคัญสาหรบั ผปู้ ระกอบวิชาชพี ครู เพ่ือเตรยี มตนเองให้พรอ้ มตอ่ การทาหนา้ ทใี่ ห้เหมาะสม
กบั สังคมยุคปจั จบุ นั

บทบาทของครู

กอ่ นจะกลา่ วถงึ บทบาทของครู ควรทาความเข้าใจถึงความหมายของ“บทบาท” กอ่ นโดย
พจนานกุ รม ฉบบั ราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ ได้ให้ความหมาย “บทบาท” วา่ หมายถึง การ
กระทาตามบทบาท การกระทา ตามหนา้ ที่ที่กาหนดไว้ เช่น บทบาทของพอ่ แม่ บทบาทของครู,
(๒๕๕๖,หนา้ ๖๔๘)๑ ส่วนในหนังสือ Dictionary of Education รวบรวมโดย กูด๊ (Good, ๑๙๗๓, p
๕๐๒)๒ ใหค้ วามหมายของบทบาทไวเ้ ป็น ๒ ลกั ษณะ คือ (๑) เปน็ ลกั ษณะของพฤติกรรมทีแ่ สดงออก
ของแตล่ ะบคุ คลภายในกลมุ่ ท่ีกาหนด
(๒) เป็นแบบกระสวนพฤติกรรมของหน้าท่ที ่ีคาดหวังหรอื หนา้ ที่ทบ่ี คุ คลต้องกระทาให้บรรลุผลสาเร็จ
ภายใต้สภาพแวดล้อมทีส่ ังคมกาหนด

๑ ราชบณั ฑติ ยสถาน, พจนานกุ รม ฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔, เฉลิมพระเกียรติ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ วั เนือ่ ง ในโอกาสพระราชพธิ มี หามงคลเฉลมิ พระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม
๒๕๕๔. (กรงุ เทพฯ : ศริ วิ ฒั นาอนิ เตอร์พรินท์ จากดั (มหาชน), ๒๕๕๖), หนา้ ๖๔๘.

๒ Good, Carter V. Teacher, [Online]. Available: http://onlinelibrary.wiley.com: /doi/ ๑๐.
๑๐๐๒doi/sce.๓๗๓๐๓๐๐๒๕๖/abstract. [ ๒๐ March ๒๐๑๑]. p. ๕๐๒. Ingrid Veira.
(๒๐๑๐). Roles of Teachers in the ๒๑st Century. Great teacher.Volume ๑๐.Issue ๓. [Online].
Available: http://www.pearsonclassroomlink.com.: articles/๐๙๑๐/๐๙๑๐_๐๕๒๐.htm. ๒๔ March
๑๙๗๓, p ๕๐๒.

๓๑

ยนต์ ชมุ่ จิต (๒๕๕๐ ,หนา้ ๗๔)๓ ไดอ้ ธบิ ายความหมายของ “บทบาท”ว่า หมายถึง ภาระที่
ตอ้ งรบั ผดิ ชอบ ตามสถานภาพของแตล่ ะบคุ คล โดยขยายความวา่ ใครมสี ถานภาพหรือตาแหน่งอยา่ ง
ใดก็ต้องรับผดิ ชอบ ตามสถานภาพหรือตาแหน่งของตนท่ีไดม้ าในทัศนะของผูเ้ ขียน “บทบาท”
หมายถึง ภาวะท่ตี อ้ งกระทาตามบท กระทาตามสถานภาพของแต่ละบุคคล กลา่ วคอื บุคคลใดท่มี ี
สถานภาพ มีตาแหนง่ มหี นา้ ที่ใด กจ็ ะตอ้ งทาตามความรบั ผดิ ชอบในสถานภาพ หรอื ตาแหน่งน้ัน ไม่ว่า
สถานภาพนน้ั ตาแหนง่ นัน้ จะไดม้ าโดยวิธีใดก็ตาม เชน่ ไดม้ าโดยกาเนดิ ไดม้ าโดยการแต่งต้งั ตามความ
คาดหวงั ของสังคม เช่น ผูม้ สี ถานภาพเปน็ “พอ่ แม่” ซึ่งสถานภาพน้ไี ดม้ าโดยการกระทาของตนในการ
กาเนดิ บุตรก็ต้องมบี ทบาทในการอบรมเลยี้ งดบู ุตรทง้ั ทางร่างกายและจติ ใจ ผู้มีสถานภาพเปน็ “คร”ู ซง่ึ
เป็นสถานภาพท่ีไดม้ าโดยการศกึ ษาในสถาบนั ฝึกหดั ครูและได้รบั การฝกึ ฝนอบรมจนสามารถประกอบ
วิชาชีพได้ก็ต้องมบี ทบาทในฝึกฝนอบรมบ่มนสิ ยั และขดั เกลาศิษย์ให้เปน็ พลเมืองดตี ามความคาดหวงั
ของสังคม เปน็ ต้น

ฉะนัน้ เมื่อพิจารณาความหมายดังกลา่ วขา้ งตน้ บทบาทของครู คือ ภารกจิ ท่ีครตู ้องกระทา
ตามความรบั ผดิ ชอบต่อหน้าที่ที่มีตอ่ ศษิ ย์ ต่อสถาบันวชิ าชีพ ต่อสังคมทุกระดับ บทบาทหนา้ ทหี่ ลกั ของ
ครูตอ่ ศิษย์ คอื การสอนเพื่อใหศ้ ิษยม์ คี วามรู้ มคี วามสามารถแกป้ ญั หาตา่ ง ๆ ในชีวิตประจาวนั ได้
สามารถดารงตนอยใู่ นสังคมไดอ้ ย่างมีความสุข

จากความหมายทก่ี ลา่ วมา ยอ่ มเป็นสิ่งท่ีบ่งชี้ไดว้ ่า ครูเปน็ ผสู้ ร้างสรรค์สงั คมประเทศและสงั คม
โลก ตราบใดทสี่ งั คมมนษุ ย์ยังผลิตสมาชิกใหม่ให้แก่สังคม สงั คมกย็ ังคงต้องการครูท่ีมคี วามรูค้ วาม
สามารถ เพ่อื ช่วยพัฒนาคุณภาพของประชากรเพื่อส่งผลต่อการพัฒนาประเทศทง้ั ในดา้ นการเมือง
เศรษฐกิจ สังคม ใหม้ คี ุณภาพและศักยภาพสูงสดุ แต่ดว้ ยสภาพสงั คมที่เปล่ียนแปลงไปในแต่ละยคุ สมัย
บทบาทของครกู ม็ ีรายละเอียดแตกต่างกนั ไปตามยุคน้ัน ๆ ในท่นี จี้ ะกล่าวถึงบทบาทของครูไทยในอดตี
และบทบาทของครใู นยุคปัจจุบันโดยมสี าระสาคญั ดังน้ี

บทบาทของครไู ทยในอดีต

ระบบการศกึ ษาไทยในอดตี ทั้งแบบที่เปน็ ทางการและไม่เป็นทางการ บทบาทของครูในแต่ละ
ยคุ สมัยมคี วามแตกต่างกันในรายละเอียดตามสภาพการเปล่ยี นแปลงของสังคมและวฒั นธรรมตลอดจน
วิถีการดาเนนิ ชีวิตของสงั คม ในส่วนนีจ้ ะกลา่ วถงึ บทบาทของครูไทยในอดีตเริ่มตั้งแตส่ มยั สุโขทยั สมัย
อยุธยา สมยั ธนบรุ ี และสมยั รัตนโกสนิ ทรต์ อนตน้ ดังนี้

๑. บทบาทของครูไทยในสมัยสโุ ขทยั
ครใู นสมยั สุโขทัยมีอยู่ ๓ ประเภท คือ พระมหากษตั รยิ ์ ราชบณั ฑิต และบิดามารดา โดยผูเ้ ป็น
บดิ ามารดาจะทาหน้าท่ีเป็นผู้ถา่ ยทอดความรใู้ นงานอาชีพต่าง ๆ ของครอบครวั ให้บตุ รหลาน เชน่
วชิ าการกสกิ รรม วิชาชา่ งฝมี ือ วชิ าเล้ียงสัตว์ และวิชาการงาน โดยเนน้ การสอนให้มีประสบการณ์โดย
ใหล้ งมอื ปฏิบัตเิ กิดทักษะ สว่ นพระมหากษัตริย์ซง่ึ เปรยี บเสมือนพ่อของแผ่นดนิ และราชบัณฑติ
นักปราชญต์ ่าง ๆ จะเปน็ ผู้รอบรทู้ ้งั ทางโลกและทางธรรม ร้กู ารปกครอง รู้การพระพุทธศาสนา ซงึ่ จะ
ถา่ ยทอดความรูโ้ ดยการบอกเลา่ ด้วยวาจา การบรรยาย การยกตวั อย่างนทิ านชาดกตา่ ง ๆ เพือ่ สอนคน
ใหเ้ ปน็ คนดี มีศลี ธรรม และมีวิชาชพี ตามความถนัดของบุคคล

๓ ยนต์ ชุม่ จิต, ความเป็นคร,ู พมิ พ์ครงั้ ท่ี ๔, (กรุงเทพฯ : หนา้ โอ.เอส.พริน้ ติ้ง เฮา้ ส์ ๗๔, ๒๕๕๐),
หนา้ ๗๔.

๓๒

๒. บทบาทของครูไทยในสมยั อยุธยา
บุคคลที่ทาหน้าที่ครูในสมัยอยุธยา จะประกอบดว้ ยพระสงฆ์ พระมหาราชครู ผูส้ อน

ศาสนาคริสต์ และบดิ ามารดา ซ่งึ มบี ทบาทตา่ ง ๆ กนั ไดแ้ ก่ พระสงฆ์ ทาหนา้ ทเ่ี ป็นผสู้ อนหนงั สือใหแ้ ก่
กุลบุตรเน่ืองจากพระสงฆ์คอื ผู้ท่ที รงความรู้สูงสุดในหมปู่ ระชาชนของประเทศ การศึกษาของคนไทยใน
สมัยอยุธยา สาหรับเด็กผ้ชู ายเมอ่ื อายุ ๗ หรือ ๘ ขวบ พอ่ แมจ่ ะส่งให้ไปอยู่กับพระท่วี ดั และให้บวชเปน็
เณรขณะบวชจะได้เรียนวิชา อา่ น เขยี น เลข เรยี นศลี ธรรม และศกึ ษาชาดกในชาติต่าง ๆ โดยมี
พระสงฆเ์ ป็นพระอาจารย์ พระมหาราชครู เปน็ ครปู ระจาราชสานกั มีความรใู้ นเร่ืองตา่ ง ๆ รวมท้ังใน
เร่อื งโหราศาสตร์ เช่น ในสมัยสมเดจ็ พระนารายณ์มหาราช มชี ือ่ เรยี กว่า พระโหราธิบดี ผแู้ ตง่ จินดามณี
พวกสอนศาสนาครสิ ต์ ประมาณ พ.ศ. ๒๔๐๕ มชี าวฝร่งั เศส เขา้ มาจัดตงั้ โรงเรียนสอนภาษาตา่ ง
ประเทศ ทาให้บทบาทของความเป็นครูเรม่ิ เปล่ยี นแปลงไป คือมลี ักษณะของทางตะวนั ตกเข้ามาปนอยู่
ดว้ ย และบิดามารดา อาจรวมทง้ั ญาตผิ ู้ใหญ่ มบี ทบาทในการส่งั สอนความรู้ทสี่ ืบทอดต่อกันมาในครอบ
ครวั หรือเพื่อเตรียมตวั สบื ทอดวชิ าชีพ

๓. บทบาทของครูไทยสมัยธนบุรี
บทบาทของครใู นสมัยกรงุ ธนบรุ เี หมอื นกบั สมยั อยธุ ยา ครูสว่ นใหญ่จะเปน็ พ่อบา้ นหรือผทู้ ี่มี

ความรู้ในวิชาชีพใดซึ่งจะสอนวิชาชีพน้ัน เชน่ ศลิ ปะป้องกนั ตวั การทากสกิ รรม งานชา่ งฝีมอื ตา่ ง ๆ
โดยจดั สอนท่ีบ้าน ส่วนพระภกิ ษุสงฆ์ยงั คงทาหนา้ ท่ีสอนศษิ ยท์ วี่ ดั ความรู้ท่สี อนในสมัยน้ันจะเนน้ ดา้ น
ศาสนา ศลี ธรรม อา่ น เขยี น และคิดเลขอยา่ งง่าย ๆ ผสู้ อนเปน็ ผู้กาหนดเนอื้ หาทจี่ ะสอนเองตามความ
พอใจโดยไมก่ าหนดเวลาท่แี น่นอน เวลาสอนก็ไมแ่ นน่ อน

๔. บทบาทของครูไทยในสมยั รตั นโกสินทรต์ อนต้น
บคุ คลทท่ี าหน้าที่ครใู นสมยั รัตนโกสินทรต์ อนตน้ คอื พระสงฆ์ และบดิ ามารดา มีบทบาท

โดยให้ การอบรมส่งั สอนเพ่ือไปประกอบอาชีพการงาน เป็นปราชญท์ มี่ ีความรู้ทัดเทียมผู้อ่ืน เป็นผสู้ อน
ให้รูธ้ รรมะ และจดจาไปปฏบิ ัติในชีวิตประจาวัน สอนใหล้ กู ศษิ ยร์ จู้ กั จดจาแบบอยา่ งที่ดมี าปฏบิ ัติ สอน
ให้ประกอบอาชีพ ด้วยความซอ่ื สตั ย์ สจุ รติ และแนะแนวเก่ียวกับการประกอบอาชีพตา่ ง ๆ ของแต่ละ
สาขา สอนให้รูจ้ กั กราบไหว้ระลึกถงึ คณุ พระรัตนตรยั คือ พระพทุ ธ พระธรรม และพระสงฆ์ สอนให้
กราบไหวร้ ะลึกคณุ บิดามารดาทีท่ ่านไดเ้ ลย้ี งดูมาตั้งแตเ่ ยาว์วัยและสอนใหก้ ราบไหวร้ ะลึกถึงคณุ ครูบา
อาจารยท์ ่ีไดพ้ รา่ สอน สอนให้รู้จักมสี มั มาคารวะต่อผใู้ หญ่ ออ่ นน้อมถ่อมตัว ไม่พดู สอดแทรกเวลา
ผู้ใหญส่ นทนากนั สอนให้รจู้ กั รกั ษาน้าใจจะได้คบกนั ได้นาน ไม่แสดงกิรยิ าหยาบคาย และมีนา้ ใจเมื่อ
เร่ิมตน้ จดั การศึกษาแผนใหมใ่ นสมยั รตั นโกสนิ ทร์ตอนตน้ พระสงฆ์ยังคงทาหน้าทเ่ี ป็นครสู อนนกั เรียน
ในโรงเรียนหลวงท่จี ดั ตัง้ ขึน้ ในวดั ตา่ ง ๆ โดยเฉพาะพระอารามหลวงหลายแหง่ และหลายแห่งท่ีมี
ฆราวาสเปน็ ครู การที่พระสงฆม์ บี ทบาทสาคัญทง้ั ในด้านการจดั ตั้งโรงเรียนและการเป็นครสู อนหนังสือ
เปน็ เพราะรฐั บาลมีงบประมาณจากัด และขาดแคลนสถานทเี่ รยี น อกี ทั้งพระบาทสมเดจ็ พระ
จลุ จอมเกลา้ เจ้าอยหู่ วั รัชกาลท่ี ๕ ทรงมีพระราชดาริวา่ พระสงฆ์สว่ นใหญ่ได้ศกึ ษาเล่าเรยี นทางอักษร
ศาสตร์หรืออักขรวิธี สามารถอา่ นออกเขียนได้ และศึกษาพระธรรมวนิ ยั อยู่ ฝ่ายอืน่ ท่จี ะรับการศึกษา
ไมพ่ ร้อมเท่าฝ่ายสงฆ์ วชิ าทีส่ อนไม่ยาก เปน็ วิชาหนงั สือและวิชาชีพเบ้ืองตน้ เท่าน้นั จงึ ได้ทรงสละ

๓๓

ทรพั ย์ส่วนพระองค์เป็นค่าใชจ้ า่ ย โดยพระสงฆ์ทเ่ี ปน็ อาจารยส์ อนจะได้รับพระราชทานเงินเดอื น เดือน
ละ ๖ บาท (ชริ วัฒน์ นิจเนตร, ๒๕๔๒,หนา้ ๔๒)๔

สงั คมไทยในอดีต ครูคือบุคคลผทู้ ี่มคี วามสามารถ มีความรอบร้ใู นวชิ าอาชีพหรือวิทยาการนน้ั
ๆ จนมคี วามแกร่งกลา้ สามารถยกระดับเปน็ ผ้ถู ่ายทอดความรูว้ ิทยาการใหแ้ ก่บตุ รหลานทม่ี าฝากตวั
เป็นศิษย์ ผเู้ ป็นครไู ดร้ บั การยกยอ่ งและนบั ถือจากสังคมมาก และเปน็ ผถู้ า่ ยทอดอบรมจริยาและสร้าง
สรรคอ์ งค์ความรู้ในอาชพี ที่ตนสอนใหศ้ ิษย์ จงึ ถอื ว่ามีภาระหนักกวา่ คนอนื่ ๆ (ธีรศักดิ์ อัครบวร, ๒๕๔๓
,หนา้ ๒๓)๕

จากการศึกษาบทบาทครูไทยในอดตี และการสงั เคราะห์ของผเู้ ขียนสามารถสรุปไดว้ ่า บทบาท
ของครใู นอดตี จากดั อยูใ่ นวงแคบ คอื เป็นเพยี งผ้บู อกเลา่ สิ่งทเ่ี ป็นความรู้ สอนใหผ้ ู้เรยี นอ่านออก เขยี น
ได้ คดิ เลขเป็น ฝกึ การทางานอาชพี ของบรรพบรุ ุษ ผู้เรียนเรียนตามความสนใจและความถนัด จดั เป็น
การศกึ ษาตามอธั ยาศยั นอกจากนั้น ครูยังมีหน้าทอี่ บรมบ่มนสิ ยั ใหศ้ ิษยเ์ ปน็ คนมรี ะเบยี บวินยั มคี วาม
รบั ผดิ ชอบ มคี ุณธรรม จรยิ ธรรม และสามารถ ดารงตนอยู่ในสงั คมได้อยา่ งเหมาะสมดี

บทบาทของครใู นปัจจบุ นั

ไมว่ า่ ครจู ะอยู่ในยุคใดของสงั คม ย่อมถกู สงั คมคาดหวังว่าจะเป็นแม่แบบของการหล่อหลอม
คนในสงั คมให้เปน็ คนดีมศี ลี ธรรม มคี วามรู้ ความสามารถ เพอ่ื เป็นพลเมืองดีของชาติ ครใู นปัจจบุ ันได้
มกี ารพัฒนาบทบาทไปตามการเปลยี่ นแปลงของสงั คม แตอ่ ยา่ งไรกต็ าม บทบาทสาคัญของครูดงั กลา่ ว
คอื บทบาทต่อนักเรียนและต่อสังคมยังคงมีเช่นเดิม เพียงแต่เปล่ยี นรูปแบบไป เช่น ครูได้ลดบทบาท
จากผู้บอกความรู้ เป็นผูจ้ ดั กระบวนการเรียนรู้ เปน็ ผนู้ าในการปฏริ ูปวัฒนธรรมการเรียนรู้ เปน็ นักวจิ ัย
ทีส่ ร้างองค์ความรูใ้ หม่ ๆ ที่เหมาะกบั ผเู้ รียน และจากการเปล่ียนแปลงอยา่ งหลากหลายทางสงั คมสง่ิ
แวด ล้อมวทิ ยาการและเทคโนโลยี ส่งผลกระทบต่อวถิ ีชวี ติ วถิ สี งั คม และวิถีอาชีพของครูอยา่ งหลกี
เล่ียงไม่ได้ ครไู ทยในศตวรรษที่ ๒๑ น้จี งึ จาเปน็ ต้องพฒั นาตนเอง ให้ทันตอ่ ความกา้ วหน้าในโลกแห่ง
ข้อมูลขา่ วสารโดยสนใจเรียนรู้สิง่ ใหม่ ๆ อยู่เสมอ และมแี บบแผนในการทางานอย่างเป็นระบบ มขี ั้น
ตอนเพื่อให้ตนเองเกิดการพัฒนาอยา่ งต่อเน่อื ง

ในโลกปัจจุบนั ทม่ี กี ารเปล่ียนแปลงอยา่ งรวดเรว็ นี้ ผูป้ ระกอบวิชาชพี ครทู ่ัวโลกไม่วา่ ในประเทศ
ไทยหรอื ในตา่ งประเทศ ก็ได้มีการปรบั เปลี่ยนบทบาทของครู โดยสหภาพยโุ รปไดเ้ ผยแพร่เอกสารเก่ยี ว
กับการจดั การศึกษาในอนาคตและได้กลา่ วถงึ บทบาทหน้าท่ีครทู ี่ต้องปรับเปล่ียนไป โดยมนี ักวชิ าการ
ชาวฮังการี (Ujlakyné Szücs Éva, ๒๐๐๙ ,p ๑)๖ ไดเ้ สนอความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั เรอ่ื งนี้ว่าบทบาทของ
ครูในศตวรรษน้ตี ้องปรับเปลยี่ นไป ครจู ะไม่ทาหน้าทบ่ี รรยายความรเู้ ชน่ อดีต แตค่ รจู ะต้องมีความรู้
และมกี ารสอนอยา่ งมีคณุ ภาพ ครตู ้องรคู้ วามต้องการของผูเ้ รียน และผเู้ รยี นกต็ อ้ งเข้าใจ จุดประสงค์
ของครู ครูตอ้ งใหผ้ เู้ รียนรจู้ กั การแสวงหาความรู้ รจู้ ักเลือกใช้ขอ้ มลู ท่ีเป็นประโยชน์ ครตู ้องใหผ้ ้เู รยี นใช้
อนิ เทอร์เนต็ และให้ผู้ปกครองชว่ ยสอดส่องดูแล ครูต้องให้คาปรึกษาแกผ่ ู้ปกครอง และครูเป็น

๔ ชิรวฒั น์ นิจเนตร, บนเส้นทางการพัฒนาวิชาชพี ครู ผลกระทบจากเศรษฐกจิ สงั คม และการเมือง
บทความเสน้ ทางการศึกษาเพอ่ื การพัฒนา, (กรงุ เทพฯ : สานกั งานสภาสถาบนั ราชภฏั , ๒๕๔๒), หน้า ๔๒.

๕ ธรี ศักด์ิ อคั รบวร, ความเป็นคร,ู พิมพค์ รัง้ ที่ ๔. (กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์ ก.พลพมิ พ์ จากดั , ๒๕๔๓),
หน้า ๒๓.

๖ Ujlakyné Szücs Éva, The role of teacher in the ๒๑st century, [Online]. Available :
http:// www.sens-public.org/spip.php?article๖๖๗. (๒๔ March ๒๕๕๔,๒๐๐๙), p ๑.

๓๔

ผอู้ านวยการจดั กระบวนการเรียนรู้ การเรยี นรตู้ ้องสรา้ งสรรคน์ วัตกรรมใหม่ และ ครูตอ้ งสง่ เสรมิ ให้
ผูเ้ รยี นสนใจท่จี ะเรยี นรตู้ ลอดชีวติ เป็นผเู้ รียนทสี่ ามารถพ่งึ ตนเองได้

นอกจากน้ียงั มีนักวิชาการอีกท่านหน่งึ กลา่ วถึงบทบาทของครูในศตวรรษท่ี ๒๑ ในลกั ษณะ
เดยี วกัน คอื ในโลกปจั จบุ ันทเี่ น้นการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ ฉะนน้ั ครูตอ้ งสามารถใช้ส่อื เทคโนโลยี
สารสนเทศเพ่ือสนับสนุนการเรยี นการสอนได้ เนน้ การใหผ้ เู้ รยี นรจู้ ักเลอื กใช้ข้อมูลสารสนเทศ แต่
อย่างไรกต็ าม เปา้ หมายของการจัดการศึกษาเพอื่ การพฒั นาผ้เู รียนใหผ้ ้เู รียนสามารถเรียนรู้ได้ตลอด
ชวี ติ มีความคิดริเริ่มสรา้ งสรรค์ และรับผดิ ชอบต่อตนเองและสงั คม แตใ่ นขณะเดียวกันครูต้องช่วยให้
ผู้เรียนสามารถใช้สอ่ื สงั คมออนไลน์ หรอื ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพ่ือบรรลุเปา้ หมายดงั กลา่ วด้วย ครู
ตอ้ งใชผ้ ล

จากงานวิจยั ในชั้นเรยี นมาชว่ ยการจดั การเรียนการสอน ใช้ลกั ษณะการเรยี นการสอนที่
แตกตา่ งกนั กบั ผเู้ รียนทีห่ ลากหลาย เนน้ เทคนิคการจดั การเรียนร้แู บบตา่ ง ๆ ครตู ้องทาหนา้ ท่ีเปน็ พี่
เลี้ยงเพือ่ แกป้ ญั หาของผู้เรยี น ครตู อ้ งเปดิ โลกทัศนแ์ กผ่ เู้ รยี น เพ่อื ให้ผเู้ รียนเขา้ ใจการเปล่ยี นแปลงอยา่ ง
รวดเรว็ ของโลกปัจจุบนั ในยคุ โลกาภวิ ตั น์ ครูมใิ ช่ถ่ายทอดความรู้อย่างเดียวแต่ต้องทาใหผ้ เู้ รียนมีส่วน
ร่วมในการเรยี นรแู้ ละเน้นการปฏบิ ัติและการลงมอื กระทาด้วยตนเอง (Ingrid Veira, ๒๐๑๐ ,p๑)

วิจารณ์ พานิช (๒๕๕๔ ,หนา้ ๑ )๗ ไดบ้ รรยายในการประชุมสภาวชิ าการ ครัง้ ที่ ๖ ของ
สมาคมเครือข่ายพัฒนาวิชาชพี อาจารย์และองค์กรระดบั อุดมศกึ ษาแหง่ ประเทศไทย ประจาปี
การศกึ ษา ๒๕๕๔ เรอื่ ง “การศกึ ษามงุ่ ผลลัพธ์ กา้ วสบู่ ัณฑิตคุณภาพในศตวรรษท่ี ๒๑”เม่ือวันที่ ๒๙
กรกฎาคม ๒๕๕๔ โดยกล่าวสรุปในตอนหน่ึงวา่ บทบาทหน้าท่ีของครูในศตวรรษท่ี ๒๑ น้ี ครูต้องปรบั
เปลย่ี นบทบาทเปน็ ครเู พ่ือศิษย์ ครตู ้องมีทกั ษะใหม่ ๆ ทแี่ ตกตา่ งไปจากเดิม เช่น ครูต้องใชท้ ักษะการ
จดั การความรู้ (Knowledge Management) และชุมชนนกั ปฏบิ ตั ิ (Community of Practice) เพื่อ
เรียนรทู้ ักษะการเปน็ ครู ครตู อ้ งมีการวินจิ ฉัยเพ่ือทาความรู้จกั และเข้าใจศิษย์ ครูควรสามารถออกแบบ
การเรียนรแู้ บบใช้ปัญหาเปน็ ฐาน (Problem-Based Learning) ครตู อ้ งมีบทบาทและทาหนา้ ที่เปน็ ผู้
อานวยความสะดวก (Facilitator)ครูควรชวนใหผ้ ้เู รยี นประเมนิ การเรยี นรู้ของตนเองระหว่างการทา
งาน (After Action Review) และกบั ครูดว้ ยกันต้องมีการแลกเปลี่ยนเรียนร้รู ะหวา่ งกันในชุมชน
(Professional Learning Communities)

จากสาระการปฏิรูปและกระแสสงั คม เศรษฐกจิ ตวั บ่งชี้วสิ ัยทัศน์ พบว่าในโลกยุคใหม่ใน
สังคมแห่งการเรยี นรู้ ครูจะต้องมบี ทบาทหน้าทซี่ ับซ้อนขึน้ ครูจะต้องมีความรู้ ประสบการณแ์ ละก้าว
ทนั สถานการณโ์ ลก จะต้องเป็น ผ้มู องกวา้ ง คดิ ไกล ใฝ่รู้ ครจู ะต้องจัดระบบการเรียนการสอนโดยยึด
ผู้เรยี นเป็นศนู ย์กลางของการพฒั นา คือ ต้องสอนโดยยดึ พื้นฐานความรู้ ความสามารถ ความสนใจ
และความต้องการของผู้เรยี นเป็นหลกั ครใู นอนาคต จึงตอ้ งมมี าตรฐานคุณภาพในระดับครมู ืออาชีพที่
ไดร้ บั การยอมรับจากสงั คมในระดบั สงู ดังนัน้ ครูจะต้อง เตรียมพร้อมสาหรบั สังคมยุคใหม่ ทจี่ ะ
ปรบั เปล่ยี นไปทงั้ ในปจั จบุ ันและในอนาคต โดยเชอื่ วา่ ครใู นปจั จบุ นั และอนาคตจะต้องมีคณุ ลักษณะ
โดดเด่น ดี เกง่ ทันโลกและเป็นครูมืออาชีพ (โณทยั อุดมบุญญานภุ าพ, ๒๕๕๔ ,หน้า ๑)๘

๗ วิจารณ์ พานิช, การจดั การความร,ู้ [Online] Available: http://www.thaiall.com/km/
indexo.html. ๗ กันยายน ๒๕๕๔, หน้า ๑.

๘ โณทัย อดุ มบญุ ญานภุ าพ, ครใู นศตวรรษท่ี ๒๑, gotoknow.org. [Online]. Available:
http://www.aircadetwing.com/index.php?lay=show&ac=article&ld= ๕๓๘๖๘๕๑๗๒& Ntype=๓.
๗ มีนาคม ๒๕๕๔, หนา้ ๑.

๓๕

อย่างไรกต็ าม ไมว่ ่าโลกจะพฒั นาไปเชน่ ใด บทบาทที่สาคัญของครูท่ขี าดไม่ไดบ้ ทบาทหน่ึง คือ
บทบาทในการสง่ เสรมิ คุณธรรมจรยิ ธรรมแก่ผ้เู รยี น โดยปจั จัยที่มสี ว่ นสนับสนุนบทบาทครทู ี่สง่ เสริม
คุณธรรม จริยธรรม ผ้เู รยี นในปจั จุบัน เชน่ การบรหิ ารจดั การ การวางแผนอย่างเปน็ ขน้ั ตอนเพื่อการ
พฒั นาผูเ้ รยี น ความตระหนกั ถงึ การสร้างคนดีสสู่ งั คม การสรา้ งบรรยากาศของความร่มเย็น บุคลิก
ภาพและความสามารถเฉพาะตวั ของครู ในการแก้ปัญหาความขดั แยง้ ดว้ ยสนั ตวิ ิธี การจัดการเรยี นการ
สอนทีต่ ระหนักถงึ ความหลากหลายทางวฒั นธรรม การใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยดี ึงดูดความสนใจ
ของผู้เรียนในด้านคณุ ธรรม การหางบประมาณในการดาเนินงานอย่างเพยี งพอ

จากการสังเคราะหบ์ ทบาทของครใู นหลากหลายทัศนะดังกลา่ วข้างต้น พอสรุปได้โดยสังเขป
ว่าบทบาทของครู หมายถงึ ภารกิจทค่ี รูต้องกระทา โดยปฏิบตั ภิ ารกิจนัน้ ตามหลกั คุณธรรม จริยธรรม
และกฎระเบียบในสังคมนน้ั ๆ อย่างถูกต้องเหมาะสม และเมอ่ื พจิ ารณาบทบาทของครตู ัง้ แต่อดีตจนถงึ
ปจั จบุ ันจะพบความแตกต่างของบทบาทครใู นรายละเอยี ดแตล่ ะยุคสมยั อยา่ งไรก็ตามบทบาทที่
สาคญั ๆของครู สามารถจาแนกได้ใน ๔ บทบาท ดังน้ี

๑) บทบาทในการพัฒนาการเรียนรู้
๒) บทบาทในการพฒั นาคุณธรรม จรยิ ธรรม
๓) บทบาทในการพัฒนาสังคม และ
๔) บทบาทในการพัฒนาการเมืองการปกครอง
โดยมีรายละเอียดในแต่ละบทบาทดังนี้
๑.บทบาทในการพัฒนาการเรียนรู้
การจัดการเรยี นการสอนของครใู นปัจจุบันได้มุ่งเนน้ การตอบสนองความต้องการของผเู้ รียน
เป็นรายบุคคล และใหผ้ ูเ้ รยี นไดร้ บั การพฒั นาทกั ษะตา่ ง ๆ ตามศกั ยภาพของผู้เรยี น บทบาทของครูจงึ
ได้เปลีย่ นจากผ้บู อกความรู้ เป็นผู้ช้ีแนะแหลง่ เรยี นร้ใู ห้ผเู้ รียนไดไ้ ปศกึ ษาคน้ ควา้ ด้วยตนเอง เรียนรู้และ
สร้างองค์ความรู้ ด้วยตวั ผเู้ รียนเอง ครจู ึงตอ้ งมีบทบาทในพัฒนาการเรียนรู้ ๒ ดา้ น คือ ด้านการจดั การ
ความรู้ และด้านการออกแบบการเรียนรู้ดงั น้ี

๑.๑ ด้านการจดั การความรู้ ( Knowledge Management : KM ) การจัดการ
ความรู้ คอื เครื่องมอื และกระบวนการนาความรู้มาใช้ในการปฏบิ ัติงานขององค์กรให้บรรลเุ ป้าหมาย
การจัดการความร้มู กี ระบวนการดาเนนิ งานดงั น้ี

๑) การกาหนดความรู้ทจ่ี าเป็นต่องานหรือ หน่วยงาน
๒) การแสวงหาความร้ทู ีต่ ้องการ
๓) การปรับปรงุ ดดั แปลงหรือสร้างความรู้เพิม่ เติมได้อยา่ งเหมาะสมกบั การ
ใชง้ าน
๔) การประยุกต์ใช้ความรู้ในการทางาน
๕) การสกัดองค์ความรทู้ ี่ไดจ้ ากประสบการณ์และ การแลกเปลย่ี นความรู้
๖) การบันทกึ ความรู้และปรับปรงุ ให้เหมาะสมตอ่ การดาเนินงานยง่ิ ข้ึน
(วิจารณ์ พานชิ , ๒๕๕๔ ,หนา้ ๑)๙

๙ วจิ ารณ์ พานชิ , การจัดการความร,ู้ [Online]. Available: http://www.thaiall.com/km
/indexo.html. ๗ กันยายน ๒๕๕๔, หน้า ๑.

๓๖

การจดั การความร้หู รือการจดั การเรียนรใู้ นบทบาท หน้าทข่ี องครู นบั เปน็ เครอ่ื งมอื สาคญั ใน
การนาความรู้มาใช้ในการปฏิบัติงานในบทบาทหนา้ ทีใ่ หบ้ รรลุเป้าหมาย โดยเฉพาะการจัดการความรู้
ของครูจะต้องอาศยั ความรแู้ ละกระบวนการเรียนรู้ท่ีเหมาะสมในการจัดการเรียนรูร้ ว่ มกันกับผูเ้ รียน
ผู้บริหารสถานศึกษา และชมุ ชน ท้ังในฐานะผู้ปฏิบัติ ผนู้ า ผรู้ ว่ มมือ ฉะนัน้ บทบาทของครใู นการจดั การ
ความรจู้ ึงประกอบดว้ ย

๑) การจัดการความรูข้ องตนเอง ซงึ่ เปน็ การจดั การความรใู้ นระดบั บุคคลใน
ฐานะผนู้ าการจดั การเรยี นการสอนและการทางานรว่ มกับผู้เรียน ครูท่านอน่ื ๆ ในสถานศกึ ษาผ้บู ริหาร
สถานศกึ ษา และชมุ ชน

๒) การจัดการความรขู้ องชน้ั เรยี น เปน็ การจดั การความรู้รว่ มกบั ผ้เู รยี นใน
ชัน้ เรยี นโดยครูทาหนา้ ทเี่ ปน็ ผู้นา ผู้สนบั สนนุ และสง่ เสรมิ ให้เกิดกระบวนการจดั การเรยี นรขู้ องผูเ้ รยี น

๓) การจดั การความรู้ของสถานศกึ ษา เปน็ การจดั การเรียนรูร้ ะดบั องค์กร
โดยร่วมมือกับผ้บู ริหารสถานศึกษา คณะครู และผเู้ รียน เพ่ือให้โรงเรียนเป็นองค์กรแห่งการเรยี นรู้

๔) การจดั การความรขู้ องชมุ ชน เน่อื งจากสถานศกึ ษาเป็นสว่ นสาคญั ของ
ชุมชน มบี ทบาทหน้าที่ในการจัดการศึกษา เพอื่ ตอบสนองความต้องการของของชมุ ชน รวมท้งั การ
สร้างความเขม้ แขง็ ใหแ้ ก่ชมุ ชน ครจู งึ มีบทบาทร่วมกับสถานศึกษาในการจดั การความรู้ในชุมชน
(จักรพรรดิ วะทา, ๒๕๕๐ ,หน้า ๑๘-๒๑)๑๐

ในการจัดการความรู้ ครมู หี นา้ ที่ท่ีพึงปฏิบตั ิในบทบาทของครู ใน ๔ บทบาท คือ
๑) การเป็นผจู้ ดั การเรยี นรู้
๒) การเปน็ ผู้อานวยความสะดวก
๓) การเปน็ วทิ ยากร และ
๔) การเป็นผสู้ ังเกตการณ์ ดังน้ี

๑.๑.๑ การเป็นผูจ้ ดั การเรยี นรู้ คือ ครตู ้องเปน็ ผ้ทู ี่ทาหนา้ ท่วี างแผนในการจดั
บรรยากาศและส่งิ แวดล้อมต่าง ๆ ให้เอ้อื ตอ่ การเรยี นรู้ สร้างโอกาสให้ผู้เรยี นไดแ้ สดงศักยภาพทม่ี ีใน
ตนอย่างเต็มท่ี สร้างบรรยากาศ ในการเรียนร้รู ว่ มกัน ดาเนินการจัดกระบวนการเรียนรทู้ ี่หลากหลาย
ใหต้ รงความสนใจของผเู้ รียน จัดใหม้ กี ารแลกเปลย่ี นข้อคดิ เหน็ และประสบการณร์ ะหว่างผู้เรยี น จัด
กจิ กรรมเสริมการเรยี นรู้ โดยใชเ้ ทคนิควธิ กี ารตา่ ง ๆ ทหี่ ลากหลาย ทัง้ น้เี ป้าหมายสาคญั เพือ่ ให้ผ้เู รยี น
ไดเ้ รยี นรู้และพัฒนาตน

๑.๑.๒ การเป็นผู้อานวยความสะดวก คือ ครตู ้องเป็นผูท้ ่ีทาหนา้ ทเ่ี อ้อื อานวย
ความสะดวกในการดาเนินการจัดการเรยี นรใู้ หเ้ ป็นไปโดยราบร่ืน ขจดั อปุ สรรคตา่ ง ๆ ท่ีอาจจะเกดิ ขึน้
ระหวา่ งการเรยี นร้แู ละชว่ ยกระตุ้นบรรยากาศในการเรยี นรู้ ตลอดจนช่วยประมวลสรุปสาระจากการ
แลกเปลย่ี นเรียนรู้ เป็นตน้

๑.๑.๓ การเปน็ วทิ ยากร คอื ครตู ้องเปน็ ผู้ที่ทาหนา้ ท่ีในการใหค้ วามรู้เพิ่มเติม
ในเนอ้ื หาทสี่ าคญั และจาเป็น ซ่งึ ในบทบาทนี้ครูจะต้องค้นควา้ แสวงหาความรู้อยา่ งต่อเนื่อง ตลอดจน
ทาการศึกษาวิจยั เพื่อหา องค์ความรใู้ หม่ ๆ เพ่อี การถ่ายทอดสู่ผู้เรยี นได้

๑.๑.๔ การเป็นผสู้ ังเกตการณ์ คอื ครตู ้องเปน็ ผู้ทท่ี าหน้าท่ีเปน็ ผูส้ ังเกตการณ์

๑๐ จกั รพรรดิ วะทา, การจดั การความร้ขู องครู วารสารวทิ ยาจารย์ ๑๐๖(๔), ๒๕๕๐, หนา้ ๑๘-๒๑.

๓๗

การจดั การเรยี นรู้ของ ผู้ดาเนินการ สงั เกตการณ์การเรียนร้ขู องผเู้ รยี น สงั เกตคณุ สมบัติ ทัศนคติ
ความรู้ความสามารถ ทักษะของ ผู้จัดการเรยี นรู้ ทง้ั นี้เพื่อประโยชนแ์ ก่การจัดการความรู้ของผเู้ รียน

๑.๒ ดา้ นการออกแบบการเรียนรู้ ครูสามารถสร้างโอกาสให้ผเู้ รียนไดเ้ รยี นรู้ในทุก
สถานการณ์ โดยการนาปัญหาหรอื ความจาเป็นในการพัฒนาตา่ ง ๆ ที่เกดิ ขึน้ ในการเรียน และการจดั
กิจกรรมอ่ืน ๆ ในโรงเรียนมากาหนดเปน็ กจิ กรรมการเรยี นรู้ เพือ่ นาไปส่กู ารพัฒนาของผู้เรยี น ซึ่งเปน็
แนวทางในการแกป้ ัญหาของครูอีกแบบหนง่ึ ในการนาเอาวกิ ฤตติ ่าง ๆ มาเปน็ โอกาสในการพัฒนา ครู
ต้องมองปญั หาในแง่มมุ ตา่ ง ๆ แล้วผันมมุ ของปัญหาไปในทิศทางการพฒั นา กาหนดเปน็ กจิ กรรมการ
พัฒนาผเู้ รียน

การออกแบบการเรยี นรูโ้ ดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เป็นรปู แบบการเรยี นรู้ทเ่ี กดิ จากแนวคิดตาม
ทฤษฎีการเรยี นรู้แบบสรา้ งสรรคน์ ิยม (Constructivism) ท่ีใหผ้ เู้ รยี นสร้างความรูใ้ หมจ่ ากการใช้ปัญหา
ท่ีเกิดข้ึนจริงในโลก เป็นบริบทของการเรยี นรู้ เพ่อื ใหผ้ เู้ รยี นเกิดทักษะในการคิดวเิ คราะห์และคิดแก้
ปัญหา รวมท้งั ได้ความรูต้ ามศาสตร์ในสาขาวิชาท่ตี นศึกษาไปพร้อมกันดว้ ยการเรยี นรโู้ ดยใช้ปัญหาเปน็
ฐานจึงเปน็ ผลมาจากกระบวนการทางานท่ีตอ้ งอาศยั ความเข้าใจและการแก้ไขปญั หาเป็นหลกั ลักษณะ
ท่วั ไปของการเรยี นรู้แบบการใช้ปัญหาเปน็ ฐาน มีลกั ษณะการออกแบบการเรียนร้ทู ่มี ีการจัดการเรยี นรู้
โดยให้ผู้เรียนเป็นศนู ย์กลางของการเรยี นรู้อยา่ งแท้จรงิ มกี ารจดั กลุ่มผูเ้ รียน ให้มีขนาดเล็กประมาณ
๓-๕ คน ครทู าหน้าทเี่ ป็นผ้อู านวยความสะดวกหรอื ผใู้ ห้คาแนะนา ใชป้ ญั หาเป็นตวั กระตุ้นและเร้าให้
ผเู้ รยี นเกิดการเรยี นรู้ ลกั ษณะของปัญหาที่นามาใชต้ ้องมีลักษณะคลมุ เครือ ไมช่ ดั เจน มวี ธิ ีแก้ไขปัญหา
ไดอ้ ยา่ งหลากหลาย อาจมคี าตอบได้หลายคาตอบ ผ้เู รยี นเปน็ ผแู้ ก้ปัญหาโดยการแสวงหา ขอ้ มูลใหม่ ๆ
ดว้ ยตนเอง สาหรบั การประเมินผลใช้การประเมนิ ผลจากสถานการณจ์ ริง และสงั เกตจากความสามารถ
ในการปฏบิ ัตงิ านของผเู้ รียน (ยรรยง สนิ ธ์ุงาม, ๒๕๕๑ ,หนา้ ๑ )๑๑

การออกแบบการเรียนรู้ เป็นการออกแบบที่มเี ป้าหมายเพื่อการพัฒนาความสามารถของผู้
เรียนในดา้ นต่าง ๆ ผอู้ อกแบบหรอื ผูส้ อนจงึ ต้องคิดอยา่ งนักประเมนิ ผล ตระหนักถึงหลกั ฐานของการ
วดั ความรู้ ความเขา้ ใจและความสามารถท้งั ๖ ดา้ น คือ ความสามารถในการอธิบาย แปลความ นาไป
ประยุกตใ์ ช้ มองมุมหลากหลาย เขา้ ใจผอู้ ื่น และเข้าใจตนเอง การออกแบบการเรยี นรจู้ งึ ควรพจิ ารณา
ในดา้ นตา่ งๆ ดังน้ี คอื

ดา้ นท่ี ๑ ความสามารถในการอธบิ าย ผู้เรียนสามารถอธิบาย ด้วยหลักการท่ีเปน็ เหตแุ ละผล
อย่างเปน็ ระบบ การประเมนิ ผลใชว้ ิธกี ารพูดคยุ เพ่ือประเมินเหตผุ ลจากการอธบิ ายของผูเ้ รยี น การมอบ
หมายงานทีใ่ ช้ทักษะการเขียน การเรียงความ หรือยอ่ ความ การสอบถามถึงประเด็นทผี่ เู้ รียนมักสับสน
หรอื หลงประเด็น การให้ผู้เรียนสรปุ ประเด็นการเรียนรู้ และการสังเกตลกั ษณะคาถามทีผ่ ู้เรยี น
สอบถาม

ด้านท่ี ๒ ความสามารถในการแปลความ ผู้เรียนสามารถแปลความไดช้ ัดเจน และตรง
ประเด็น ประเมินผลโดยใช้วิธกี ารใหผ้ เู้ รียนเขียนสะทอ้ นเรื่องราว แนวคิด หรือทฤษฎี เพอื่ ประเมนิ
เกยี่ วกบั การลาดับ ไล่เรยี ง และความชดั เจนของสาระเนื้อหา

๑๑ ยรรยง สนิ ธงุ์ าม, Problem-based learning, [Online]. Available: http://pbl.igetweb.com
/?mo=๓&art=๕๔๔๐๑๙. ๕ มิถุนายน ๒๕๕๑, หน้า ๑.

๓๘

ด้านท่ี ๓ ความสามารถในการประยุกต์ใช้ ผเู้ รียนสามารถนาไปปฏบิ ตั ใิ ช้ได้อย่างถกู ต้องและ
ครอบคลุม ประเมินผลโดยใช้วิธกี ารใหผ้ ู้เรียนนาความรไู้ ปใชใ้ นสถานการณ์ทีก่ าหนดวตั ถุประสงค์
เฉพาะ การใหผ้ ูเ้ รียนประเมนิ หรือเขียนข้อมูลป้อนกลบั จากการนาความรู้ไปใช้

ด้านที่ ๔ ความสามารถในการมองมุมทีห่ ลากหลาย ผเู้ รียนสามารถเสนอมุมมองใหม่ ท่ี
ทันสมัยและนา่ เชื่อถือ ประเมินผลโดยใช้วธิ กี ารวเิ คราะหว์ จิ ารณ์ โดยให้ผเู้ รียนเปรียบเทยี บขอ้ ดี ขอ้ เสยี
แนวทาง ในการคดิ การมองจากสถานการณต์ ัวอย่าง

ด้านที่ ๕ ความสามารถในการเขา้ ใจความรสู้ ึกของผอู้ ืน่ ผูเ้ รียนมคี วามพร้อมในการรับฟัง
สนองตอบและประเมินผลโดยใช้วิธใี ห้ผู้เรยี นประเมนิ ความสามารถในการสมมติการเข้าไปนั่งในใจผู้อ่นื

ดา้ นท่ี ๖ ความสามารถในการเขา้ ใจตนเอง ผูเ้ รยี นมคี วามใสใ่ จ พร้อมปรบั ตวั รบั การเรยี นรู้
ใหม่ ประเมินผลโดยใช้วิธกี ารให้ผู้เรียนประเมนิ เปรยี บเทียบผลงานของตวั เองแตล่ ะชว่ งเวลาว่ามีความ
รูแ้ ละเข้าใจมากขึ้นหรอื ไม่ เพียงใด (กรองได อุณหสตู , ๒๕๕๓ : ๑)๑๒

๒. บทบาทในการพฒั นาคุณธรรม จริยธรรม
จากสภาพสงั คมทมี่ ีการเปลีย่ นแปลงอย่างรวดเรว็ ทาใหเ้ กดิ ความเจริญทางด้านวัตถุเพ่ิมขึ้นเกิด
ค่านิยมด้านวตั ถุนยิ มซึง่ สง่ ผลต่อการดาเนินชวี ิตของผูเ้ รียนและผคู้ นในสงั คม บทบาทของครูจงึ ควรเปน็
ผู้นาทางดา้ นคุณธรรม จริยธรรม เพื่อพฒั นาคุณภาพเยาวชนอีกหนง่ึ บทบาทด้วย โดยครูควรเป็นผู้นา
ในการกระทาสิ่งทถ่ี ูกตอ้ งเพ่ือเป็นตน้ แบบแก่ศษิ ย์ ปฏบิ ตั ติ นเป็นแบบอยา่ งท่ดี แี กผ่ เู้ รยี น การปฏบิ ัตติ น
เปน็ แบบอยา่ งท่ดี ี หมายถึง การแสดงออก การประพฤติและปฏบิ ัตใิ นดา้ นบุคลิกภาพท่วั ไป มีการแต่ง
กาย มกี ริ ิยาวาจา และมารยาททเ่ี หมาะสมกับความเป็นครอู ย่างสม่าเสมอ เพื่อใหผ้ ู้เรียนศรัทธาและ
ยึดถือเป็นแบบอย่าง บทบาทครใู นการเปน็ ผนู้ าทางด้านศลี ธรรม จรยิ ธรรม ประกอบดว้ ย

๒.๑ การประพฤติปฏบิ ตั ติ นเปน็ แบบอย่างท่ดี ีงามในการใช้ชวี ติ ภายใตห้ ลักศาสนาท่ี
ตนนับถอื เพ่ือเปน็ แบบอย่างแก่ศิษย์และบุคคลทัว่ ไป

๒.๒ การแสดงความรัก ความเมตตา ปรารถนาดตี อ่ ศษิ ย์ ชว่ ยเหลือศิษยเ์ ม่ือคราว
จาเปน็ ตามสมควร โดยเปน็ ที่ปรกึ ษาชี้แนะแนวทางการแก้ปัญหาเพื่อให้ศิษย์สามารถดาเนนิ ชีวติ ใน
แนวทางทถ่ี ูกต้องดีงาม

๒.๓ การเสยี สละความสุขสว่ นตวั เพือ่ อุทิศเวลาแรงกาย แรงใจและสติปัญญาเพื่อ
ช่วยเหลอื ศษิ ย์

๒.๔ การสง่ เสรมิ ใหผ้ เู้ รียนเป็นผู้ไมห่ ลงใหลในวตั ถแุ ละเหน็ คุณคา่ ของการรกั ษา
เอกลักษณ์และวัฒนธรรมของชาติ

บทบาทครูในปัจจบุ นั ในด้านการพฒั นาคุณธรรมจริยธรรม มตี วั อยา่ งใหเ้ หน็ โดยศนู ยส์ ่งเสรมิ
และพัฒนาพลงั แผน่ ดินเชิงคุณธรรม สานกั งานบรหิ ารและพัฒนาองคค์ วามรู้ (องค์การมหาชน) ได้ให้
การส่งเสริมและสนับสนุนการวจิ ัย พัฒนา และประเมนิ ผล “โครงการสง่ เสริมสถานศกึ ษาต้นแบบศูนย์
การเรยี นรูส้ คู่ รอบครัวอบอ่นุ ” ซ่งึ เป็นโครงการที่คณะครแู ละผูบ้ ริหารไดร้ ่วมมือกันพฒั นาสถานศึกษา
ใหเ้ ป็นศนู ยก์ ลางการเรยี นรู้และการประสานความรว่ มมือระหว่างภาคเี ครือขา่ ยกบั ครอบครัวนกั เรยี น
ในการพฒั นาสถาบันครอบครัวเชิงบูรณาการซึง่ เปน็ โครงการนารอ่ งแสวงหาแนวทางและพัฒนารูป

๑๒ กรองได อุณหสตู , การออกแบบการเรยี นร,ู้ [Online]. Available: http:///www.ns.mahidol.ac.th
/english/KM/design_learn.htm. ๒๔ มนี าคม ๒๕๕๓, หน้า ๑.

๓๙

แบบในการปลูกฝงั คณุ ธรรม จรยิ ธรรมแก่ผเู้ รียนและสรา้ งความอบอนุ่ ในสถาบนั ครอบครัว ซึง่ มี
กรณศี ึกษา “๕ โรงเรยี นต้นแบบเสริมสรา้ งครอบครัวอบอุ่น” ดังน้ี

๑. โครงการวถิ กี ันตังรษั ฎาศึกษาพาครอบครัวอบอ่นุ โรงเรยี นกนั ตงั รัษฎาศึกษา
อาเภอกนั ตงั จังหวดั ตรัง ดาเนินงานปงี บประมาณ ๒๕๕๑ มีวัตถุประสงคเ์ พื่อพัฒนาบทบาทสถาน
ศกึ ษาใหเ้ ป็นศนู ย์กลางการเรียนรูแ้ ละประสานความรว่ มมือระหว่างภาคีเครือขา่ ยในการพฒั นาสถาบนั
ครอบครวั เชงิ บรู ณาการ และจากการประเมนิ ผลพบวา่ กลยุทธท์ ี่ทาให้โครงการประสบความสาเร็จมา
จากบทบาทผู้บริหารทมี่ ีจติ อาสา มวี สิ ยั ทศั น์ มีคณุ ธรรมจริยธรรมสูง เสยี สละ ขยนั มุ่งม่นั พัฒนา
นกั เรียน บทบาทครแู กนนาที่มีความทุ่มเท มคี ณุ ธรรมดา้ นความเสียสละ ความซื่อสตั ย์ ความขยัน และ
นาความรู้ทีไ่ ด้จากการศึกษาดูงานมาประชมุ สรา้ งความเข้าใจร่วมกันในการวางแผน ออกแบบ และ
พฒั นาหลกั สูตรในการจดั กิจกรรมได้เป็นอย่างดี (สานกั งานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้, ๒๕๕๓,
หน้า๑๖, ๔๐)๑๓

๒. โครงการรากแก้วกตญั ญสู ู่ครอบครัวอบอุน่ โรงเรยี นไชยปราการ ตาบลหนองบวั
อาเภอไชยปราการ จงั หวัดเชยี งใหม่ เปน็ โครงการท่เี นน้ การพฒั นานักเรียนในโรงเรียนให้มีความ
กตญั ญูรู้คุณ จากการประเมินผลพบวา่ กลยุทธ์ทีท่ าให้โครงการสาเร็จมาจากบทบาทผบู้ ริหารท่มี ี
วสิ ยั ทศั นใ์ นการบริหารโครงการ มคี วามเสียสละ ขยัน มุ่งม่ันพฒั นาโรงเรียนใหเ้ กิดความยง่ั ยนื ดา้ น
ความกตญั ญูบทบาทของคณะครซู ่ึงเป็นผู้ปฏบิ ัตกิ าร มคี วามรบั ผดิ ชอบ เสียสละและอุทศิ ตนในการ
ทางานเพ่ือพัฒนาและแก้ไขพฤติกรรมนักเรียนเป็นอย่างดี (สานักงานบริหารและพฒั นาองค์ความรู้,
๒๕๕๓,หน้า ๙๒)

๓. โครงการโรงเรียนคุณธรรมนาความรู้สูช่ ุมชนเยีย่ มบา้ นสานสัมพันธ์ครอบครวั
อบอนุ่ โรงเรียนมหาชนะชยั วิทยาคม อาเภอมหาชนะชัย จังหวดั ยโสธร ซึ่งเป็นโครงการที่เน้นการสรา้ ง
สมั พนั ธภาพทด่ี รี ะหวา่ งครูและผ้เู รียน จากการประเมนิ ผลพบว่ากลยทุ ธ์ท่ที าให้โครงการสาเรจ็ มาจาก
บทบาทผูบ้ ริหารโรงเรียน มวี สิ ยั ทศั นก์ วา้ งไกล เหน็ ได้จากการกาหนดรปู แบบของโครงการโดยดึง
ชุมชนเข้ามามสี ่วนร่วม ทาให้โครงการมีการขบั เคลือ่ น และมคี วามทุ่มเทเอาใจใสต่ ่อการดาเนนิ งาน
บทบาทของคณะครทู ี่มีความมุ่งมน่ั ทุ่มเทในการปฏบิ ตั ิงานเพือ่ การพัฒนาผู้เรียน โดยไปพบปะเยีย่ ม
เยยี นบ้านของนกั เรยี นในชมุ ชน และปฏิบัติงานต่อเนอ่ื งแมใ้ นวนั หยดุ (สานกั งานบริหารและพฒั นาองค์
ความรู้, ๒๕๕๓, หน้า ๑๔๑-๑๔๒)๑๔

๔. โครงการสง่ เสรมิ การเรียนรสู้ ่คู รอบครวั อบอุน่ โรงเรยี นสรรพยาวิทยา จงั หวดั
ชยั นาทเป็นโครงการท่ีเนน้ การพัฒนาพฤตกิ รรมดา้ นการมวี ินยั ในครอบครัว ส่งเสริมกิจกรรมสรา้ ง
สมั พนั ธภาพร่วมกับสมาชกิ ในครอบครัวของนักเรียน จากการประเมนิ ผล พบวา่ กลยทุ ธ์ท่ที าให้
โครงการสาเรจ็ มาจากบทบาทผบู้ รหิ ารท่มี ภี าวะผนู้ าสูง มวี ิสยั ทัศน์กว้างไกล และเปน็ ตน้ แบบในการ
ทางานด้วยความเสียสละ บทบาทคณะครูที่นาความรูจ้ ากการอบรม การศกึ ษาดงู าน มาประยกุ ต์ใชใ้ น

๑๓ สานักงานบรหิ ารและพัฒนาองคค์ วามร,ู้ ๕ โรงเรยี นตน้ แบบเสรมิ สร้างครอบครัวอบอุ่น.หนงั สอื ถอด
องคค์ วามรู้ โครงการวจิ ยั พัฒนา และประเมินผล, ศูนยส์ ง่ เสรมิ และพัฒนาพลังแผน่ ดนิ เชิงคณุ ธรรม, (กรงุ เทพฯ :
โรงพมิ พ์ บรษิ ทั ธรรมสาร จากดั , ๒๕๕๓), หน้า ๑๖, ๔๐.

๑๔ สานักงานบริหารและพัฒนาองคค์ วามรู้ ๒๕๕๓ ,หนา้ ๕ โรงเรยี นตน้ แบบเสรมิ สร้างครอบครัวอบอนุ่ .
หนงั สอื ถอดองคค์ วามรู้ โครงการวจิ ยั พัฒนา และประเมนิ ผล, ศูนย์ส่งเสรมิ และพฒั นาพลงั แผ่นดินเชิงคุณธรรม,
(กรงุ เทพฯ : โรงพิมพ์ บริษทั ธรรมสาร จากดั , ๒๕๕๓), หนา้ ๑๔๑-๑๔๒.

๔๐

โครงการ มีการประสานงานท่ีดีระหวา่ งโรงเรยี นและครอบครัว (สานกั งานบรหิ ารและพฒั นาองค์
ความรู้, ๒๕๕๓ ,หนา้ ๑๘๙-๑๙๐)

๕. โครงการครอบครวั คุณธรรม อิ่มรักปนั สุข โรงเรียนสวุ รรณสทุ ธารามวิทยา เขต
บางซื่อกรงุ เทพมหานคร จากการประเมนิ ผลพบว่า กลยทุ ธ์ท่ีทาให้โครงการสาเรจ็ มาจากบทบาทคณะ
ครแู ละบคุ ลากรทีเ่ กีย่ วข้องมีพน้ื ฐานเรอ่ื งคุณธรรม จริยธรรม มีความเสียสละ ทุ่มเท รวมทัง้ การมีความ
สามัคคใี นหมู่คณะ การยอมรับฟังความคดิ เหน็ ของผู้อื่น และเปน็ แบบอย่างท่ีดใี นการทางาน
(สานกั งานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้, ๒๕๕๓, หนา้ ๒๓๙)

จากการสังเคราะห์กรณีศึกษาโรงเรยี นต้นแบบทั้ง ๕ แหง่ ข้างตน้ พบวา่ ปจั จัยทท่ี าให้
โครงการประสบความสาเร็จ มีประเดน็ สาคัญมาจากบทบาทของครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา
กล่าวคอื ผู้บริหารทาหน้าทนี่ าองค์กร ประสานประโยชน์ สง่ เสริมสนับสนนุ อานวยความสะดวก
ส่วนผู้มบี ทบาทสาคัญทส่ี ุดทเ่ี ปน็ ฝันเฟอื งสาคัญในการขับเคล่อื นใหโ้ ครงการประสบความสาเร็จ โดย
ประสานงานกับครอบครัว ชมุ ชน และโรงเรยี น คอื ครู ที่ทาหนา้ ท่ใี นบทบาทของความเป็นครูอยา่ งดี
โดยมคี วามรบั ผิดชอบ เสียสละและอทุ ิศตนในการทางานเพื่อการพัฒนาและแก้ไขพฤติกรรมผเู้ รยี น ให้
การสนบั สนนุ สง่ เสรมิ และพัฒนาคณุ ธรรมจรยิ ธรรมแก่ผูเ้ รียนดว้ ยความมุ่งมัน่ ทุ่มเท ปฏิบตั ิงานอย่าง
ตอ่ เนือ่ ง ทางานแม้ในวนั หยุดในการไปเยีย่ มบา้ นเพือ่ การพัฒนาผ้เู รยี น ซึ่งทาให้ผเู้ รียนมีคณุ ธรรมและมี
คณุ ภาพเปน็ ที่พึงปรารถนาของสงั คม นอกจากน้ีครูยังมีบทบาทสาคญั ต่อการประสานงานกับ
หนว่ ยงานรฐั ในการใหค้ วามช่วยเหลอื ครอบครวั ที่มปี ัญหาในด้านตา่ งๆทสี่ ่งผลกระทบต่อผเู้ รียน และ
ครยู ังช่วยพฒั นาชมุ ชนท่ีผูเ้ รียนอาศยั อยอู่ นั เป็นการพฒั นาในองคร์ วมหรือเปน็ การพฒั นาเชงิ บูรณาการ
ซง่ึ เปน็ บทบาทสาคญั ของครูในยคุ ปจั จบุ นั อีกบทบาทหนึ่งด้วย

๓. บทบาทในการพัฒนาสงั คม
บทบาทที่สาคัญของครูในยคุ ปัจจุบันอีกบทบาทหนึ่งคือ การพัฒนาสังคมโดยครตู ้องมีสว่ นรว่ ม
ในการให้ความร่วมมอื กับผูอ้ ่ืนอย่างสร้างสรรคใ์ นชุมชน โดยรับฟงั ความคดิ เห็น ยอมรบั ในความรู้
ความสามารถของบคุ คลอ่นื ในชุมชน และร่วมมือปฏิบตั งิ านเพอื่ พฒั นางานของสถานศึกษา ให้ชมุ ชน
และสถานศึกษา มกี ารยอมรับซ่งึ กันและกัน และปฏบิ ัติงานรว่ มกนั ดว้ ยความเต็มใจ โดยในท่นี จ้ี ะ
กลา่ วถงึ บทบาทสาคัญของครูในการพัฒนาสังคมทพ่ี งึ ปฏิบัติ โดยสรปุ ความสาคัญไดด้ ังน้ี

๓.๑ การประพฤติตนเป็นแบบอยา่ ง ในการดาเนนิ ชวี ติ ในสังคมตามวิถปี ระชาธปิ ไตย
แก่ชุมชน และชกั นาผู้อ่ืนให้ปฏิบัตติ ามโอกาสอันเหมาะสม

๓.๒ การประพฤติตนในการมีความกล้าหาญทางจริยธรรม มีความยุตธิ รรมและกล้า
ทจ่ี ะต่อสู้เพ่ือความเป็นธรรมของสังคมดว้ ยสติและปญั ญาตามกระบวนการที่ถูกต้องเหมาะสมตาม
ครรลองของขนบธรรมเนยี ม ประเพณี วฒั นธรรม และสทิ ธแิ หง่ กฎหมายในระบอบการปกครองแบบ
ประชาธิปไตย

๓.๓ การเป็นผู้นาในการสร้างความเขม้ แข็งใหเ้ กิดขึ้นในชุมชน โดยรเิ ร่มิ สง่ เสรมิ
แนะนาและประสานงานในเรื่องการประกอบอาชีพ การดแู ลสขุ ภาพอนามัย การดารงชวี ิตความ
เป็นอยู่ และการพฒั นาชุมชนให้มชี ีวิตความเป็นอยู่ท่ีดี

๓.๔ การสบื ทอดและรักษาขนบธรรมเนยี มประเพณีและวัฒนธรรมอนั ดีงามของชาติ
ใหค้ งอยู่โดยการถ่ายทอดประสบการณ์ตลอดจนจัดหาประสบการณท์ ่ีดี เพอื่ ปลูกฝังเจตคตทิ ดี่ งี ามต่อ
ระเบียบประเพณีและวัฒนธรรมทเี่ หมาะสมให้แก่เยาวชนของชาติ ใหเ้ ยาวชนรนุ่ ใหมเ่ ห็นคุณค่า

๔๑

ความสาคญั ของวัฒนธรรมประเพณีทีเ่ ป็นเอกลักษณ์ของท้องถ่นิ และของสังคมไทย เพื่อเยาวชนจะได้
เป็นกาลังสาคญั ในการสบื ทอดเจตนารมณ์อนั มีคุณคา่ มิให้สูญหายไปจากชาติไทย

๔. บทบาทในการพฒั นาการเมืองการปกครอง
ความม่ันคงของประเทศเปน็ สิ่งสาคัญที่ประชาชนในประเทศตอ้ งชว่ ยกันดารงรักษาไว้ ฉะน้นั
ครูจึงมีบทบาทสาคัญอีกบทบาทหนึ่งในดา้ นการพัฒนาการเมืองการปกครอง โดยสรุปความสาคญั ได้
ดังนี้

๔.๑ การปลกู ฝังความรกั ชาติ พรอ้ มกบั ปลูกฝงั ความเปน็ ประชาธปิ ไตยแก่ผู้เรยี น
โดยให้ความรู้ ความเขา้ ใจในด้านการเมืองและการปกครองแก่ผู้เรยี นท้งั ในห้องเรยี นและนอกห้องเรยี น

๔.๒ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรทู้ ีสง่ เสริมการมวี นิ ัยในตนเองและการเคารพกฎของ
การอยู่รว่ มกนั ในสังคมประชาธปิ ไตย

๔.๓ การหาโอกาสทจ่ี ะไดส้ นทนาและแลกเปลีย่ นเรียนร้กู ับผเู้ รียน ผูป้ กครอง การ
สร้างความเข้าใจท่ถี ูกตอ้ งในเร่อื งการเมอื งการปกครองใหเ้ กดิ ขึ้นแก่คนในชาติ

๔.๔ การปลูกฝังการรจู้ กั ใชค้ วามคดิ ของตน การเคารพในสิทธเิ สรีภาพของตนและ
ผู้อ่ืนการรจู้ กั หนา้ ที่ของตนภายใตก้ ารปกครองระบอบประชาธปิ ไตย

๔.๕ การเปน็ แบบอยา่ งทดี่ ีในการเคารพกฎหมาย การมคี วามสัมพันธท์ ี่ดตี ่อผูเ้ รียน
เพื่อเสริมสรา้ งความเป็นพลเมืองท่ีดีในระบอบประชาธปิ ไตย

๔.๖ การใช้หลกั ประชาธปิ ไตยในการควบคุมชน้ั เรียน มีการแลกเปลย่ี นความคิดเห็น
ร่วมมือกบั ผ้เู รยี นในการตัดสินปัญหาตา่ ง ๆ ด้วยวิถีแห่งปัญญา กระตุน้ และปกปอ้ งการแสดงออกซ่ึง
ความคดิ อยา่ งเปดิ เผยและอสิ ระ

๔.๗ การสร้างบรรยากาศของเสรภี าพทางวชิ าการ สร้างสรรคส์ ิ่งแวดล้อมใน
ห้องเรียนเพ่ือให้เกดิ การเคารพในคุณคา่ และศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ การฝกึ ฝนผ้เู รียนให้รู้จัก
แกป้ ญั หาความขัดแย้งด้วยสันตวิ ธิ ี และเข้าไปมีส่วนร่วมในกิจกรรมของกล่มุ ในชุมชน

จากการศึกษาบทบาทของครใู นปจั จบุ ันดังกลา่ ว สามารถสังเคราะหบ์ ทบาทท่ีสาคัญของครใู น
ปัจจุบันได้ ๔ บทบาท คอื บทบาทแรก คอื บทบาทในการพัฒนาการเรียนรูข้ องผเู้ รียน โดยครูต้อง
จดั การความรูแ้ ละออกแบบการเรยี นรใู้ ห้เหมาะสมกบั ผู้เรยี นและยึดผู้เรียนเป็นสาคญั บทบาททส่ี อง
คือบทบาทในการพฒั นาคุณธรรมจริยธรรม โดยครตู ้องเปน็ แบบอย่างทด่ี ใี นการประพฤติปฏบิ ตั ติ นที่
เหมาะสมทั้งการแต่งกาย กิริยามารยาทท่ีเหมาะสมในสังคม ในขณะเดยี วกันครตู ้องมีบทบาทในการ
ฝึกฝนอบรมนกั เรยี นเพ่ือการพัฒนาด้านคุณธรรมจรยิ ธรรมด้วย บทบาททสี่ าม คือ บทบาทในการ
พัฒนาสงั คม โดยครูต้องมวี ิถีการดาเนินชีวติ ตามครรลองประชาธิปไตย การเป็นผ้นู าในการสรา้ งความ
เข้มแข็งใหเ้ กิดข้นึ ในชุมชน สบื ทอดและรกั ษาขนบธรรมเนียมประเพณแี ละวฒั นธรรมอนั ดงี ามของชาติ
ใหค้ งอยู่และบทบาททส่ี ่ี คือ บทบาทในการพฒั นาการเมืองการปกครอง โดยครูตอ้ งปลูกฝงั ความรกั
ชาติและการปกครองระบอบประชาธิปไตยแก่ผู้เรยี น สร้างความเข้าใจท่ีถูกตอ้ งใหเ้ กิดขน้ึ แก่คนในชาติ
โดยการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ และแลกเปล่ียนเรยี นร้ทู ง้ั กบั นักเรียนและผู้ปกครอง เปน็ ต้น

๔๒

หนา้ ทีข่ องครู

หนา้ ที่ (Duty) หมายถึง ภารกิจทีต่ ้องกระทา เพราะว่าหน้าทเ่ี ป็นส่วนหน่งึ ของงานตาม
ตาแหน่งท่ีไดร้ บั มอบหมายหรือความคาดหวงั ในสังคม (Collins, ๒๐๑๑,p ๑๕๗๔)๑๕ หนา้ ทีข่ องครู
คอื ภารกิจท้ังปวงท่ีอย่ใู นความรบั ผดิ ชอบของครู หน้าท่ีครูจึงเป็นส่ิงทห่ี นกั และยิ่งใหญ่ ดังจะเหน็ ได้จาก
พระราชดารัสและพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช ความตอน
หน่งึ วา่ (พระราชดารัสทเ่ี กย่ี วข้องกับการศกึ ษา, ๒๕๕๔, หนา้ ๑)๑๖
“...ครทู กุ คนตอ้ งนกึ วา่ ตนเป็นครู ตอ้ งมีความยตุ ธิ รรม ต้องหนักแนน่ ขอใหค้ รูฝึกฝนอบรมเดก็ ให้เป็น
นกั เรยี นท่ดี ี มีระเบียบ มคี วามรบั ผดิ ชอบในหนา้ ที่ รจู้ กั ทาตนใหต้ รงตอ่ เวลาฝกึ ใหม้ ีสมาธิในการงาน
รู้จกั รักษาสมบัติสว่ นตวั และสว่ นรวม รู้จกั มเี มตตานึกถึงผอู้ ่ืน รู้จักทาตัวให้เขา้ กับสว่ นรวม...”

จากหลักธรรมคาสอนในพระพทุ ธศาสนา ไดย้ กย่อง “คร”ู ไวใ้ นทิศเบื้องขวา และได้
กาหนดให้“ครู” มีหนา้ ท่ีสาคัญ ๕ ประการท่ตี ้องปฏิบัตติ ่อผเู้ ปน็ ศิษย์ คอื

๑. การแนะนาดี ใหเ้ รียนดี อธิบายให้เขา้ ใจแจ่มแจ้ง
๒. บอกศลิ ปะวิทยาการให้แก่ศิษย์โดยสิ้นเชงิ ไมป่ ดิ บังอาพราง
๓. ยกยอ่ งศิษย์ให้ปรากฏในหมู่เพ่ือนฝูง
๔. ป้องกันอันตรายทัง้ ปวงให้แก่ศิษย์
๕. คิด สอน ฝกึ ใหศ้ ษิ ย์รจู้ กั เลี้ยงตวั และดารงรักษาตนใหเ้ กิดสนั ติสขุ และสนั ติภาพ
จากการศึกษาความหมายของคาว่า “บทบาท” และ “หน้าท่ี” จะพบความสัมพันธเ์ ช่ือมโยง
ของความหมายของคาทัง้ สอง กล่าวคือ บทบาทเป็นภาระท่ีต้องทา เมอื่ ทาแล้วจึงใหเ้ กิดเปน็ งานเปน็
หนา้ ทขี่ นึ้ มา ฉะน้ันถ้ากลา่ วรวมในคาวา่ “บทบาทหน้าที่” จงึ มีความหมายถงึ ธุระท่ตี ้องทาตาม
สถานภาพที่ตนได้รับมา โดยปฏบิ ตั ิภารกิจนั้นๆ ตามหลกั คุณธรรมจรยิ ธรรมและกฎหมาย เชน่
บทบาทในการพัฒนานักเรียนของครู ครูจงึ ต้องมหี น้าทต่ี อ่ นักเรียนและมีหน้าทใี่ นสถานศึกษา เป็นตน้
ในสังคมปจั จบุ นั แม้มคี วามสลบั ซับซ้อนแตเ่ ม่ือพจิ ารณาหน้าทีข่ องผปู้ ระกอบวิชาชพี ครู ซึ่งเปน็
วิชาชพี ทตี่ อ้ งมปี ฏสิ มั พนั ธ์กบั ผู้เรยี น ผู้ปกครอง โดยมเี ปา้ หมายหลกั ในการพฒั นาผ้เู รียน ผ้เู ขยี นจงึ ขอ
จาแนกหน้าที่ของครูเป็น ๗ หน้าท่ี คอื หน้าทีข่ องครูต่อตนเอง หน้าทีข่ องครูตอ่ ผู้เรยี น หนา้ ท่ีของครู
ต่อสถานศึกษา หน้าทขี่ องครูตอ่ ครอบครัว หนา้ ท่ขี องครตู ่อเพื่อนครู หนา้ ทข่ี องครตู ่อผู้ปกครองผู้เรยี น
และหนา้ ทีข่ องครูตอ่ สงั คม ดงั นี้

หน้าทีข่ องครูตอ่ ตนเอง

ครคู วรมหี นา้ ท่ีที่พึงปฏิบตั ิต่อตนเอง ดงั นี้
๑. ครคู วรทาหนา้ ที่ดแู ลเอาใจใส่ดูแลสขุ ภาพรา่ งกายของตนใหแ้ ข็งแรงและรักษาสุขภาพจิต
ของตนเองให้ผ่องใสเสมอ เพ่อื สามารถทาหนา้ ที่ความเป็นครูได้อยา่ งสมบูรณ์
๒. ครูควรพัฒนาตนเองใหท้ นั สมัยอยูเ่ สมอ

๑๕ Collins, Duty. [Online]. Available: http//www.collinslanguage.com results.aspx. ๓ April
๒๐๑๑, p ๑๕๗๔.

๑๖ พระราชดารสั ทีเ่ กย่ี วข้องกบั การศึกษา, พระบรมราโชบายทีพ่ ระราชทานแกท่ ่านผหู้ ญิงทศั นีย์ บณุ ย
คปุ ต์ อาจารยใ์ หญโ่ รงเรียนจติ รลดา ณ พระทนี่ ่งั อัมพรสถาน พระราชวังดสุ ิต เม่อื เดอื น มกราคม พ.ศ.๒๔๙๘.
[Online]. Available: http://dnfe ๕.nfe.go.th/reign/ Owat/๐๙๕๖.htm. [๓ เมษายน ๒๕๕๔], หน้า ๑.

๔๓

๓. ครูควรศกึ ษาค้นคว้าเพิ่มพูนความรู้ทางวิชาการให้แก่ตนเองอย่างต่อเน่ือง
๔. ครคู วรประพฤติตนอยู่ในกรอบแห่งศีลธรรม เปน็ ผู้มคี ุณธรรม และจริยธรรม
๕. ครูควรพัฒนาบุคลกิ ภาพของตนให้เหมาะสมกบั การทาหนา้ ท่ีครทู ่ตี ้องเปน็ ตวั แบบแก่
ผู้เรยี น
๖. ครูควรมีความม่ันใจและศรัทธาในวชิ าชพี ครู

หนา้ ทข่ี องครตู ่อผเู้ รยี น

ครคู วรมีหนา้ ทีท่ ี่พงึ ปฏิบัตติ ่อผูเ้ รยี น ดังนี้
๑. ครูมหี นา้ ที่ออกแบบกจิ กรรมการเรียนรู้ และวางแผนการจัดการเรียนการสอน ตลอดจน
จัดเตรยี มส่อื อปุ กรณ์ เครอื่ งมือ สภาพแวดลอ้ มทีเ่ อื้อตอ่ ในการเรียนรู้
๒. ครมู หี นา้ ที่และจัดทาเอกสารประกอบการเรียนรู้ จดั เตรยี มแหลง่ ข้อมูล สถานทจ่ี ดั
กจิ กรรมการเรียนรู้ และประสานกบั บคุ ลากรท่เี ก่ยี วข้องเพ่ือการจดั กระบวนการเรยี นรูท้ ่เี น้นผู้เรียน
เป็นสาคัญ
๓. ครมู ีหน้าที่สรา้ งความคุน้ เคยกบั ผเู้ รยี น รจู้ กั ผู้เรยี นเป็นรายบุคคล ศึกษาทาความเขา้
ใจความแตกตา่ งระหว่างบุคคลของผูเ้ รียน
๔. ครมู ีหนา้ ที่กระตุน้ และเสริมแรงเพ่ือใหผ้ ู้เรยี นมีความกระตือรือร้น และสนใจใฝเ่ รยี นใฝร่ ู้
๕. ครูมหี น้าทีป่ ระพฤติตนเป็นผูน้ าและเป็นแบบอยา่ งท่ีดีท่ีมีคุณธรรมแก่ผู้เรียน แสดงความรกั
ความเมตตา ความห่วงใย เอาใจใสด่ ูแลทุกข์สขุ ของผเู้ รยี นท่ีเป็นศษิ ย์อยเู่ สมอ
๖. ครตู ้องทาหนา้ ท่ีเป็นทีป่ รึกษา ให้คาแนะนาแก่ผเู้ รยี น เพื่อใหผ้ เู้ รยี นได้ศึกษาเรยี นร้แู ละ
แกไ้ ขปัญหาตา่ งๆดว้ ยตนเอง
๗. ครูมีหน้าทป่ี ลูกฝังจิตสานึกของความเปน็ พลเมืองดีแก่ผู้เรยี น

หนา้ ทีข่ องครูต่อสถานศึกษา

ครคู วรมหี น้าทท่ี ี่พึงปฏิบตั ติ ่อสถานศกึ ษา ดงั นี้
๑. ครมู หี น้าที่สาคัญในการรกั ษาชือ่ เสียง สร้างชือ่ เสยี งและความน่าเชอ่ื ถือของสถานศกึ ษา
๒. ครูมหี นา้ ทส่ี รา้ งศรทั ธาและความนา่ เช่ือถือให้กบั ศิษย์ ผ้ปู กครอง และบุคคลอ่ืน ๆ ทั่วไป
๓. ครูมหี นา้ ทีส่ ร้างช่ือเสียงทางวิชาการจากความสามารถในการเรยี นรแู้ ละพฒั นาตนอย่าง
ต่อเนือ่ งในสังคมแห่งการเรยี นรู้ปจั จบุ ัน เพ่อื สร้างความนา่ เช่ือถือแก่สถานศึกษา
๔. ครมู ีหนา้ ทเ่ี อาใจใสด่ ูแลรักษาทรัพย์สมบัตแิ ละผลประโยชนข์ องสถานศึกษา
๕. ครมู ีหนา้ ท่เี ปน็ ตวั กลางให้เกดิ การเรียนรู้ รกั ษาระเบียบวนิ ยั รกั ษากติกาต่าง ๆ ของ
สถานศกึ ษา ปฏบิ ัติตนเสมือนเป็นพอ่ แม่ เปน็ ทีพ่ ง่ึ ของเด็ก
๖. ครมู หี น้าทีช่ ว่ ยเหลอื พฒั นาสถานศกึ ษาในทกุ ดา้ น เช่น ช่วยดแู ลอาคารสถานที่ การใช้งาน
ของอปุ กรณเ์ ครื่องใชไ้ ฟฟ้าต่าง ๆ การจัดระเบยี บของการให้บริการตา่ ง ๆ ในสถานศกึ ษา เปน็ ต้น

หน้าที่ของครูตอ่ ครอบครัว

ครอบครวั เปน็ สถาบนั ท่มี ีความสาคญั อันดบั แรกของคนทุกคน ครูในฐานะที่เป็นสมาชิกคน
หนง่ึ ของครอบครัว ยอ่ มมีหน้าทีท่ พี่ ึงปฏิบัติต่อครอบครวั ดงั นี้

๔๔

๑. ครมู หี นา้ ทป่ี ฏบิ ัติเป็นแบบอยา่ งทด่ี ีใหแ้ กบ่ ุคคลในครอบครวั และทาให้ครอบครวั มคี วามสขุ
๒. ครมู หี น้าท่สี ง่ เสริมสนบั สนนุ บตุ รธิดาไดเ้ ลา่ เรียนตามความสนใจอย่างเต็มศักยภาพ
๓. ครมู ีหนา้ ท่ีให้ความรักความอบอุน่ แก่สมาชกิ ของครอบครวั เทา่ เทียมเสมอหนา้
๔. ครมู หี น้าท่ปี ระหยดั มธั ยัสถ์ อดออมและรว่ มสร้างฐานะความเปน็ อยู่ท่ีดใี หค้ รอบครัว
๕. ครมู ีหน้าทช่ี ว่ ยเหลอื เก้อื กูลญาติพ่นี ้องให้มีความสุขตามสมควรแกฐ่ านะ

หนา้ ทีข่ องครูตอ่ เพื่อนครู

ในการทางานร่วมกนั ของครูในสถานศกึ ษา ครจู ึงมหี นา้ ท่ีที่พึงปฏบิ ตั ิตอ่ เพื่อนครูดว้ ยกนั
ดังนคี้ ือ

๑. ครมู ีหนา้ ที่ให้ความร่วมมือชว่ ยเหลอื ซงึ่ กนั และกนั ระหว่างเพ่ือนครใู นทางวชิ าการ
๒. ครูมีหนา้ ที่จัดการเรียนรู้แทนเมอ่ื เพ่ือนครูมีภารกิจจาเป็นหรอื เจบ็ ป่วย
๓. ครคู วรมนี า้ ใจ ชว่ ยเหลอื งานส่วนตัวของเพ่ือนครูเทา่ ทจ่ี ะสามารถทาได้ ดแู ลรกั ษา
ผลประโยชน์ใหแ้ กเ่ พ่ือนครู
๔. ครคู วรยอมรับความคิดเห็นทแี่ ตกต่างของเพอื่ นครู ใหค้ วามรว่ มมือในการปฏบิ ัตงิ านและ
รกั ษาความสามัคคี
๕. ครูควรใหเ้ กียรติและรักษาชื่อเสยี งของเพ่ือนครูดว้ ยกัน

หน้าที่ของครตู อ่ ผปู้ กครองผเู้ รยี น

ผ้ปู กครองเป็นผมู้ บี ทบาทสาคัญในการพัฒนาการเรยี นรู้ของผูเ้ รียนซ่ึงเปน็ บตุ รหลาน ครูจงึ มี
หน้าทีท่ ีพ่ ึงปฏิบัตติ ่อผู้ปกครอง ดงั นี้

๑. ครูมีหนา้ ที่แจ้งผลการเรยี นหรอื ความเจริญกา้ วหนา้ ของศิษยใ์ ห้ผู้ปกครองทราบเป็นระยะๆ
อย่างต่อเนื่อง

๒. ครูมหี นา้ ท่ีติดต่อประสานกบั ผู้ปกครองเพอื่ ร่วมกนั แก้ปัญหาของศิษย์ ในกรณีทีศ่ ิษย์มี
ปญั หาทางการเรียน มปี ัญหาความประพฤติ มีปญั หาสขุ ภาพ หรอื มปี ญั หาอื่น ๆ

๓. ครูมีหนา้ ท่วี างแผนและทากาหนดการเย่ียมผปู้ กครองเพ่ือสรา้ งความคนุ้ เคย การเชิญ
ผ้ปู กครองเขา้ ร่วมกจิ กรรมต่าง ๆ ของสถานศึกษา การรว่ มงานของผู้ปกครองนักเรยี น เช่น งานทาบญุ
งานอปุ สมบท งานศพ หรืองานมงคลสมรส

๔. ครูมีหน้าที่ในการให้ความร่วมมอื กบั ชุมชนท่ีผปู้ กครองอยอู่ ยา่ งสมา่ เสมอ และร่วมงานกบั
ชมุ ชนในโอกาสที่ชุมชนจดั งานตา่ ง ๆ เช่น งานประจาปีของวดั หรืองานเทศกาลตา่ ง ๆ

๕. ครูมีหน้าท่ีแจ้งข้อมลู ขา่ วสารทเ่ี ป็นประโยชน์ตอ่ ผู้ปกครอง โดยใหผ้ ปู้ กครองทราบเป็น
ระยะๆการส่งข่าวสารอาจผ่านทางนกั เรยี น หรอื ตดิ ประกาศตามท่ีอ่านหนงั สือประจาหมู่บา้ น เป็นต้น

หน้าที่ของครตู ่อสังคม

ครูเป็นสมาชกิ คนหนง่ึ ของสังคมซ่ึงไดร้ ับการยอมรบั วา่ เปน็ บุคคลท่ีมภี มู ริ ู้ ภมู ธิ รรม สังคมจงึ
คาดหวงั ในตัวครู ครูจงึ มหี นา้ ทที่ ี่พงึ ปฏิบัติตอ่ ผู้ปกครอง ดังนี้

๑. ครมู ีหนา้ ที่ประพฤติตนเป็นแบบอย่างท่ีดี เปน็ ต้นว่า เป็นสมาชิกที่ดีของสงั คม
๒. ครมู ีหนา้ ที่ศึกษาและสารวจชมุ ชนท่โี รงเรียนตงั้ อยู่ เพื่อนาผลมาเป็นขอ้ มูลปรับปรงุ พฒั นา

๔๕

ชุมชน
๓. ครูมหี นา้ ที่สรา้ งเครือขา่ ยความสัมพนั ธท์ ่ีดรี ะหวา่ งชุมชนและสังคม ใหค้ วามร่วมมือในการ

เขา้ ร่วมกจิ กรรมของสงั คม
๔. ครมู ีหน้าทเ่ี ปน็ ผู้นาชมุ ชนในการทากจิ กรรมเพอ่ื การพัฒนาดา้ นต่าง ๆของสงั คม
๕. ครมู ีหน้าที่ใหบ้ รกิ ารทั้งทางด้านวชิ าการ ด้านวชิ าชีพ และด้านตา่ ง ๆ แกช่ ุมชนและทานุ

บารุงสง่ เสริมเผยแพร่ศิลปวฒั นธรรมและเอกลักษณข์ องท้องถิ่น

หนา้ ที่ของครูตามเกณฑม์ าตรฐานวิชาชีพครู

พระราชบญั ญตั ิสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๖ กาหนดให้คุรสุ ภาเปน็ องค์กร
วิชาชพี ครทู มี่ ีกฎหมายรองรับ และใหอ้ านาจหน้าท่คี รุ ุสภาในการรักษามาตรฐานวชิ าชพี ของครู คุรุสภา
ไดแ้ ตง่ ต้ังคณะทางานหลายกลุม่ เพ่อื ศึกษาเกย่ี วกับบทบาทหนา้ ทข่ี องครู และได้ขอ้ สรปุ เกณฑ์

มาตรฐานวิชาชีพครู ๑๒ มาตรฐาน เพื่อใหผ้ ูป้ ระกอบวชิ าชพี ครปู ฏิบัตหิ นา้ ที่ในความ
รับผดิ ชอบของครเู ปน็ ไปตามเกณฑ์มาตรฐานวิชาชีพ ดงั น้ี

มาตรฐานท่ี ๑ ปฏบิ ตั ิกจิ กรรมทางวิชาการเก่ียวกบั การพัฒนาวิชาชพี ครูอยูเ่ สมอ
การปฏิบตั กิ จิ กรรมทางวชิ าการเก่ยี วกับการพฒั นาวชิ าชีพครู หมายถงึ การปฏบิ ัติกจิ กรรมทาง
วิชาการเกย่ี วกับการพัฒนาวชิ าชพี ครู การศึกษาคน้ คว้าเพอื่ พฒั นาตนเอง การเผยแพร่ผลงานทาง
วชิ าการ และการเขา้ ร่วมกิจกรรมทางวิชาการท่ีองค์การหรือหน่วยงาน หรือสมาคมจดั ข้ึน เชน่ การ
ประชุม การอบรม การสมั มนา และการประชมุ ปฏิบัติการ ท้งั นี้ตอ้ งมีผลงานหรือรายงานทปี่ รากฏ
ชัดเจน
มาตรฐานที่ ๒ ตัดสนิ ใจปฏบิ ตั ิกจิ กรรมตา่ ง ๆ โดยคานงึ ถึงผลท่จี ะเกดิ กบั ผ้เู รยี น
การตัดสนิ ใจปฏิบตั กิ จิ กรรมตา่ ง ๆ โดยคานึงถงึ ผลทีจ่ ะเกิดกับผ้เู รียน หมายถึง การเลอื กอยา่ ง
ชาญฉลาดด้วยความรักและหวังดีต่อผูเ้ รยี น ดงั นน้ั ในการเลือกกิจกรรมการเรยี นการสอนและกจิ กรรม
อ่นื ๆ ครตู ้องคานึงถึงประโยชนท์ จี่ ะเกิดแก่ผเู้ รียนเป็นหลกั
มาตรฐานท่ี ๓ มุ่งม่ันพัฒนาผ้เู รียนให้เต็มตามศกั ยภาพ
การมงุ่ มน่ั พฒั นาผู้เรียนใหเ้ ต็มตามศกั ยภาพ หมายถึง การใชค้ วามพยายามอย่างเตม็
ความสามารถของครทู ีจ่ ะใหผ้ ู้เรียนเกดิ การเรยี นร้ใู ห้มากทสี่ ดุ ตามความถนัด ความสนใจ ความ
ตอ้ งการโดยวิเคราะห์ วินจิ ฉัยปญั หาความต้องการที่แท้จรงิ ของผู้เรยี น ปรบั เปล่ยี นวิธกี ารสอนทีจ่ ะให้
ได้ผลดกี วา่ เดมิ รวมทัง้ การส่งเสรมิ พฒั นาการด้านต่าง ๆ ตามศกั ยภาพของผูเ้ รียนแตล่ ะคนอย่างเปน็
ระบบ
มาตรฐานที่ ๔ พฒั นาแผนการสอนใหส้ ามารถปฏิบตั ิไดเ้ กิดผลจริง
การพัฒนาแผนการสอนให้สามารถปฏบิ ัติได้เกิดผลจริง หมายถงึ การเลือกใช้ ปรบั ปรงุ หรือ
สรา้ งแผนการสอน บนั ทกึ การสอน หรือเตรียมการสอนในลักษณะอนื่ ๆ ทส่ี ามารถนาไปใช้จัดกิจกรรม
การเรียนการสอนให้ผเู้ รยี นบรรลวุ ตั ถุประสงค์ของการเรยี นรู้
มาตรฐานท่ี ๕ พัฒนาสือ่ การเรียนการสอนใหม้ ีประสทิ ธิภาพอยเู่ สมอ
การพฒั นาสื่อการเรียนการสอนให้มีประสิทธภิ าพ หมายถึง การประดิษฐ์คิดค้น ผลติ เลอื กใช้
ปรับปรงุ เคร่ืองมอื อปุ กรณ์ เอกสารส่ิงพิมพ์ เทคนิควิธกี ารตา่ ง ๆ เพ่ือใหผ้ ูเ้ รยี นบรรลจุ ุดประสงค์ของ
การเรยี นรู้

๔๖

มาตรฐานท่ี ๖ จัดกจิ กรรมการเรียนการสอนโดยเนน้ ผลถาวรที่เกิดแก่ผู้เรยี น
การจัดการเรียนการสอนโดยเน้นผลถาวร หมายถึง การจัดการเรียนการสอนที่ม่งุ เนน้ ให้
ผูเ้ รียนประสบผลสาเรจ็ ในการแสวงหาความรตู้ ามสภาพความแตกต่างของบคุ คลด้วยการปฏบิ ัตจิ รงิ
และสรปุ ความรทู้ ้ังหลายได้ด้วยตนเอง ก่อให้เกดิ ค่านิยมและนิสยั ในการปฏิบัตจิ นเปน็ บุคลิกภาพถาวร
ตดิ ตัวผู้เรียนตลอดไป
มาตรฐานที่ ๗ รายงานผลการพัฒนาคณุ ภาพของผู้เรยี นไดอ้ ย่างมรี ะบบ
การรายงานผลการพฒั นาคุณภาพของผเู้ รียนได้อยา่ งเป็นระบบ หมายถงึ การรายงานผลการ
พัฒนาผูเ้ รยี นทีเ่ กิดจากการปฏบิ ัติการเรียนการสอนให้ครอบคลมุ สาเหตุ ปัจจยั และการดาเนนิ งานท่ี
เกี่ยวข้อง โดยครูนาเสนอรายงานการปฏบิ ตั ใิ นรายละเอยี ดดังนี้
๑. ปัญหาความต้องการของผู้เรียนที่ต้องการได้รับการพัฒนาและเป้าหมายของการพัฒนา
๒. เทคนิค วธิ ีการ หรอื นวัตกรรมการเรยี นการสอนท่นี ามาใชเ้ พ่ือการพัฒนาคุณภาพของ
ผเู้ รียนและข้ันตอนวธิ ีการใช้เทคนคิ วธิ กี ารหรือนวตั กรรมนั้น ๆ
๓. ผลการจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอนตามวิธีการท่ีกาหนดที่เกดิ กบั ผูเ้ รียน
๔. ข้อเสนอแนะแนวทางใหม่ ๆ ในการปรบั ปรุงและพฒั นาผู้เรียนให้ไดผ้ ลดียิ่งขึน้
มาตรฐานที่ ๘ ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดแี ก่ผู้เรยี น
การปฏบิ ัติตนเปน็ แบบอยา่ งท่ีดี หมายถึง การแสดงออก การประพฤตแิ ละปฏิบตั ิในด้าน
บคุ ลิกภาพทัว่ ไป การแตง่ กาย กริ ยิ า วาจา และจรยิ ธรรมท่ีเหมาะสมกบั ความเป็นครอู ยา่ งสม่าเสมอ ท่ี
ทาให้ผ้เู รยี นเล่ือมใสศรัทธาและถือเป็นแบบอยา่ ง
มาตรฐานท่ี ๙ รว่ มมอื กบั ผู้อ่ืนในสถานศึกษาอย่างสร้างสรรค์
การร่วมมือกับผู้อืน่ ในสถานศึกษาอยา่ งสรา้ งสรรค์ หมายถงึ การตระหนักถึงความสาคญั รบั
ฟังความคิดเห็น ยอมรับในความรคู้ วามสามารถ ให้ความรว่ มมอื ในการปฏิบตั ิกิจกรรมตา่ ง ๆ ของ
เพอ่ื นรว่ มงานดว้ ยความเต็มใจ เพอื่ ให้บรรลุเป้าหมายของสถานศึกษา และรว่ มรับผลทเ่ี กิดขึน้ จากการ
กระทานัน้
มาตรฐานท่ี ๑๐ ร่วมมือกบั ผู้อื่นอยา่ งสร้างสรรค์ในชมุ ชน
การร่วมมือกบั ผอู้ ่นื อยา่ งสร้างสรรค์ในชมุ ชน หมายถึง การตระหนักในความสาคญั รบั ฟัง
ความคิดเห็น ยอมรับในความรคู้ วามสามารถของบุคคลอ่นื ในชมุ ชน และร่วมมือปฏบิ ัตงิ านเพ่ือพัฒนา
งานของสถานศึกษาให้ชุมชนและสถานศึกษามีการยอมรับซึ่งกันและกนั และปฏิบตั งิ านร่วมกันด้วย
ความเต็มใจ
มาตรฐานที่ ๑๑ แสวงหาและใชข้ ้อมูลขา่ วสารในการพัฒนา
การแสวงหาและใชข้ อ้ มูลขา่ วสารในการพฒั นา หมายถึง การค้นหา สงั เกต จดจา และ
รวบรวมข้อมูลขา่ วสารตามสถานการณ์ของสังคมทุกด้าน โดยเฉพาะสารสนเทศเกี่ยวกบั วิชาชีพครู
สามารถวิเคราะห์ วิจารณอ์ ย่างมเี หตุผล และใช้ข้อมูลประกอบการแก้ปัญหาพฒั นาตนเอง พัฒนางาน
และพัฒนาสังคม ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
มาตรฐานที่ ๑๒ สรา้ งโอกาสใหผ้ ู้เรยี นไดเ้ รียนรใู้ นทกุ สถานการณ์
การสร้างโอกาสให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ หมายถึง การสรา้ งกจิ กรรมการเรยี นรู้ โดยการนาปญั หา
หรือความจาเปน็ ในการพัฒนาตา่ ง ๆ ทเ่ี กดิ ขน้ึ ในการเรยี น และการจดั กจิ กรรมอื่น ๆ ในโรงเรียนมา
กาหนดเปน็ กิจกรรมการเรยี นรู้ เพ่อื นาไปสู่การพฒั นาของผู้เรียนที่ถาวร เปน็ แนวทางในการแก้ ปญั หา

๔๗

ของครอู ีกแบบหนงึ่ ท่ีจะนาเอาวิกฤตติ ่าง ๆ มาเป็นโอกาสในการพัฒนา ครูจาเป็นตอ้ งมองมุมตา่ ง ๆ
ของปญั หา แล้วผนั มมุ ของปญั หาไปในทางการพฒั นา กาหนดเป็นกิจกรรมในการพฒั นาของผเู้ รียน ครู
จึงต้องเป็นผูม้ องมุมบวกในสถานการณ์ต่างๆได้ กลา้ ท่จี ะเผชิญปัญหาต่าง ๆ มีสติในการแกป้ ญั หา มิได้
ตอบสนองปัญหาตา่ ง ๆ ดว้ ยอารมณ์หรือแง่มมุ แบบตรงตวั ครสู ามารถมองหกั มุมในทุก ๆ โอกาส
มองเห็นแนวทางท่ีนาสผู่ ลกา้ วหน้าของผู้เรียน (สานักงานเลขาธกิ ารคุรุสภา,๒๕๔๔,หน้า ๒๘-๕๗)

จากการศึกษาหน้าทีข่ องครตู ามเกณฑ์มาตรฐานวิชาชพี ครูทก่ี ลา่ วมาข้างต้น พอสรุปไดว้ ่า
หน้าทค่ี รูในปจั จบุ นั คอื จดั ประสบการณ์การเรียนรูใ้ หแ้ กผ่ ู้เรยี นอยา่ งหลากหลาย อธิบายใหผ้ เู้ รยี น
เข้าใจอย่างแจ่มแจง้ เอาใจใส่ดแู ลตนเองและครอบครัวอย่างดี จดั เตรยี มวางแผนการสอน มีทักษะการ
ประเมินผู้เรยี น ให้ความรว่ มมือกบั ชุมชน ทานุบารงุ ศาสนา วฒั นธรรม ปฏิบตั ิตนตามกฎหมาย และ
รักษามาตรฐานของวชิ าชพี ครู

ภาระงานของครู

“ภาระงาน” มาจากคาว่า ภาระกับงาน ซ่งึ ในพจนานกุ รม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.
๒๕๕๔ไดใ้ ห้ความหมายของภาระ “ภาระ” หมายถึง ของหนกั นา้ หนัก ธรุ ะท่ีหนกั การงานที่หนัก
หนา้ ทีท่ ีต่ ้องรบั ผิดชอบ (ราชบัณฑติ สถาน, ๒๕๕๖,หน้า ๘๖๘ )๑๗ สว่ นคาวา่ “งาน” หมายถึง ส่งิ หรอื
เรื่องท่ที า (ราชบัณฑิตสถาน, ๒๕๕๖,หน้า ๒๙๐) ฉะนน้ั ภาระงาน จงึ หมายถงึ เร่อื งทีจ่ ะตอ้ งทาโดย
เป็นหนา้ ท่ที ่ตี ้องรับผดิ ชอบ เช่น พอ่ แม่มภี าระในการเล้ียงดูบุตร ครมู ภี าระหนา้ ที่ในการอบรมส่งั สอน
ศิษย์ ปจั จบุ ันภาระงานของครู หรือเร่ืองของครทู จ่ี ะตอ้ งกระทาโดยเปน็ หน้าทร่ี บั ผดิ ชอบ ส่วนใหญ่จะ
เกย่ี วขอ้ งกบั ภาระงานที่ต้องปฏบิ ัติในสถานศึกษา ซ่งึ สามารถแบง่ ออกไดเ้ ป็น ๒ ประเภทหลกั ๆ คือ
ภาระงานทีเ่ ปน็ งานประจา อันไดแ้ ก่ ภาระงานเกย่ี วกับการสอน และการปกครอง สว่ นภาระงาน อีก
ประเภท คอื ภาระงานพเิ ศษตา่ ง ๆ ที่ได้รับมอบหมายจากทางสถานศึกษา หรอื หน่วยงานทีเ่ ก่ียวข้อง
กับการศึกษา โดยจะมรี ายละเอยี ดดงั ต่อไปนี้

๑. ภาระงานประจาของครู

ภาระงานประจาของบุคคลท่ีทาหน้าท่คี รู ประกอบด้วย ภาระงานเกี่ยวกบั การสอน ภาระงาน
เกี่ยวกับการปกครองผูเ้ รยี น และภาระงานเก่ียวกบั หนา้ ท่ีครูประจาชัน้ ดงั นี้

๑. ภาระงานของครเู ก่ียวกบั การสอน ไดแ้ ก่
๑.๑ ครูมีภาระรับผิดชอบเก่ยี วกับการสอนในวชิ าต่าง ๆ ตามแต่ท่ีได้รับมอบหมาย

จากทางสถานศึกษา และครจู ะต้องเขา้ สอนตามท่ีกาหนดไว้ในตารางสอน
๑.๒ ในการสอนนนั้ ครูตอ้ งมีภาระรับผดิ ชอบในการวางแผนการสอน จดั เตรยี ม

อปุ กรณ์การสอน และจดั กิจกรรมการเรยี นรใู้ หส้ อดคลอ้ งกับจุดประสงค์ในการเรียนรู้
๑.๓ ครูตอ้ งมีการวดั ผล ประเมนิ ผล ตามหลกั สูตรกาหนด และจดั ทาเอกสารการวัด

และประเมินผลใหค้ รบถ้วน และตามกาหนดเวลาในปฏิทนิ และแผนปฏิบตั ิงานของโรงเรียน

๑๗ ราชบัณฑิตสถาน, พจนานกุ รม ฉบบั ราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔, เฉลิมพระเกียรตพิ ระบาทสมเดจ็
พระเจ้าอยหู่ ัวเนื่องในโอกาสพระราชพิธมี หามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธนั วาคม ๒๕๕๔. (กรงุ เทพฯ : ศิริ
วฒั นาอินเตอร์พรนิ ท์ จากดั (มหาชน), ๒๕๕๖), หน้า ๘๖๘.

๔๘

๑.๔ ในกรณีทค่ี รูไม่สามารถทาการสอนหรือวัดผลการเรยี นไม่ว่าดว้ ยสาเหตใุ ด ๆ ก็
ตามครตู ้องรับผดิ ชอบ จดั หาครสู อนแทนในคาบเรียนนน้ั ๆ

๑.๕ ครตู อ้ งมีความเอาใจใส่ผ้เู รยี นเป็นรายบุคคล ช่วยเหลือผูเ้ รียนที่มีปัญหาในการ
เรยี นในวชิ าของตนโดยการสอนซอ่ มเสรมิ เปน็ ต้น

๒. ภาระงานของครเู กย่ี วกบั การปกครองผ้เู รียน ไดแ้ ก่
๒.๑ ครตู อ้ งมีหนา้ ท่สี อดส่องดูแลความประพฤติของผเู้ รียนทกุ คนใหป้ ฏบิ ตั ิตนตาม

ระเบียบวนิ ัยของโรงเรยี น
๒.๒ ครูไม่ควรละเลยเพิกเฉย เมอ่ื ผเู้ รียนทาผิดระเบยี บวินยั
๒.๓ ครูควรสร้างขวญั และกาลังใจใหแ้ กผ่ เู้ รียนที่ทาความดี
๒.๔ ครไู ม่ควรมีอคตกิ ับผูเ้ รยี นใด ๆ
๒.๕ ครคู วรมุง่ ม่นั อบรมบ่มนิสยั ของผเู้ รยี นใหป้ ระพฤติปฏิบัตติ นเปน็ คนดี มรี ะเบียบ

วนิ ัยและมีคณุ ธรรม
๒.๖ ครูควรช้ีแนะแนวทางการประพฤตปิ ฏิบัติตนอยู่ในหนทางชวี ติ ท่ดี ี
๒.๗ ครูตอ้ งเป็นแบบอยา่ งทีด่ ีแกผ่ ู้นักเรยี น

๓. ภาระงานของครูเก่ียวกบั หน้าท่ีครปู ระจาช้นั ได้แก่
๓.๑ ครตู ้องควบคมุ ดูแลผเู้ รียนในชั้นทีต่ นรบั ผดิ ชอบในบทบาทครูประจาชั้นหรอื ครทู ่ี

ปรกึ ษา
๓.๒ ครูควรใหค้ าปรึกษาแก่ผู้เรยี นในช้นั
๓.๓ ครตู อ้ งรับผดิ ชอบในการจดั ห้องเรยี นตลอดจนอุปกรณ์ต่างๆของหอ้ งทีต่ นทา

หนา้ ทีเ่ ปน็ ครูประจาชนั้
๓.๔ ครูต้องตดิ ตอ่ ประสานงานสถานศกึ ษากับผเู้ รียนและผู้ปกครองผู้เรยี น
๓.๕ ครูตอ้ งจัดทาเอกสารประจาชน้ั ให้เรยี บรอ้ ยและเปน็ ปัจจบุ นั เชน่ สมดุ รายงาน

ประจาตัวผูเ้ รยี น ระเบียนสะสม

๒. ภาระงานพเิ ศษของครู

นอกเหนอื ภาระงานในการสอนแลว้ ครูยงั ต้องมีภาระงานอน่ื ๆ ตามที่ทางสถานศึกษาหรอื
หน่วยงานที่เก่ยี วข้องกับการศึกษามอบหมายโดยฝ่ายผู้อานวยการสถานศึกษา ผชู้ ว่ ยผู้อานวยการ
สถานศกึ ษาหัวหน้างานต่าง ๆ หัวหน้ากลุ่มสาระต่าง ๆ ซ่งึ ภาระงานตา่ ง ๆ เหล่านัน้ จะเป็น
ส่วนประกอบทาใหค้ รูทาหน้าท่ีของคาว่า ครู ไดเ้ ตม็ ศักยภาพ งานตา่ ง ๆ เหล่านน้ั ไดแ้ ก่งานดงั ตอ่ ไปน้ี

๒.๑ งานในโครงการพเิ ศษตา่ ง ๆ ในกิจกรรมพเิ ศษต่าง ๆ ตามวาระและโอกาสต่างๆ
เช่น งานในโครงการประกวดความเรยี งวนั พ่อแหง่ ชาติ งานในโครงการทาดีถวายในหลวง

๒.๒ งานทเ่ี ปน็ กจิ กรรมสว่ นรวมของสถานศึกษา เช่น งานคา่ ยลกู เสือ งานกิจกรรม
ตามประเพณีทางศาสนา การควบคุมดูแลผูเ้ รียนไปทากิจกรรมการเรยี นรนู้ อกสถานท่ี งานกิจกรรม
ของชุมชนในการเลอื กตั้ง

๒.๓ งานท่ไี ดร้ บั คาสง่ั ใหป้ ฏบิ ัติเปน็ พิเศษ เป็นคร้ังคราว
๒.๔ งานประชมุ สมั มนาภายในสถานศกึ ษา เช่น งานประชุมประจาสปั ดาหใ์ นกล่มุ
สาระการเรยี นรตู้ ่าง ๆ งานประชุมเกีย่ วกบั การปกครองผเู้ รยี น งานประชุมรบั ทราบนโยบายของฝ่าย
บรหิ าร

๔๙

๒.๕ งานประชมุ สมั มนาภายนอกสถานศึกษา ซึ่งสว่ นใหญ่จะเป็นการประชุม สมั มนา
การฝกึ อบรมทางวชิ าการเพ่ือพัฒนาคุณภาพของครู

จากภาระงานของครทู ี่กล่าวมาขา้ งต้นสามารถสรุปได้ว่า ภาระงานของครูแบ่งออกเป็น ๒
ด้านไดแ้ ก่ ๑) ภาระงานสว่ นตน คอื ภาระงานประจา ซึ่งเป็นงานทเี่ กย่ี วกับการสอน เช่น วางแผนการ
สอนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ การวดั ผล การศึกษาค้นคว้าวิจัยเพอ่ื พฒั นาผู้เรยี น งานปกครอง
นกั เรียน เช่นการสอดส่องดแู ลความประพฤติของผู้เรยี น ใหค้ าปรกึ ษาแกผ่ ้เู รยี น ๒) ภาระงานส่วนรวม
คอื ภาระงานพเิ ศษ เช่น การมสี ว่ นรว่ มในกิจกรรมของสถานศึกษาและชมุ ชน การทานบุ ารุง
ศลิ ปวัฒนธรรม และภาระงานอ่ืน ๆ ท่ไี ด้รับมอบหมายจากทางสถานศึกษา หรอื หนว่ ยงานทีเ่ กย่ี วข้อง
กับการศึกษา

ภาระงานครตู ามเกณฑง์ านสอนข้นั ตา่ ของกระทรวงศกึ ษาธิการ

จากหนงั สือของสานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐานลงวันท่ี ๒๑ กนั ยายน พ.ศ.
๒๕๕๒ เร่อื ง การกาหนดภาระงานสอนขน้ั ตา่ ของขา้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษาสายงาน
สอนตามมติเหน็ ชอบกาหนดภาระงานสอนเพือ่ เปน็ คุณสมบัติของข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการ
ศึกษา ในการขอให้มีวิทยฐานะและเลื่อนวทิ ยฐานะสายงานการสอน สงั กัดสานักงานคณะกรรมการ
การศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน (กระทรวงศึกษาธิการ,๒๕๕๓ ,หนา้ ๑)๑๘ มรี ายละเอยี ดดงั น้ี

ความหมายของภาระงานสอน

ภาระงานสอน หมายถงึ จานวนชัว่ โมงสอนตามตารางสอน ภาระงานท่ีเกี่ยวเน่ืองกับการ
จดั การเรยี นการสอน และ ภาระงานการพฒั นาคุณภาพการศกึ ษาของสถานศึกษา ได้แก่

๑. ช่วั โมงสอนตามตารางสอน หมายถงึ จานวนชั่วโมงปฏบิ ตั งิ านสอน กจิ กรรมพฒั นาผู้เรียน
การจัดประสบการณ์การเรยี นรู้ กิจกรรมฟ้ืนฟูสมรรถภาพผเู้ รยี น

๒. ภาระงานทเ่ี กย่ี วเน่อื งกบั การจดั การเรยี นการสอน หมายถึง การปฏบิ ตั งิ านที่ไม่ใชก่ าร
ปฏิบัติตามตารางสอน แต่เปน็ งานทใี่ หค้ รปู ฏิบตั ิเพอื่ ให้การจัดการเรียนการสอนมีคุณภาพ เช่น การ
จดั ทาแผนการจัดการเรยี นรู้ แผนการจดั ประสบการณ์ แผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล (IEP) และ
แผนการจดั การเรยี นรเู้ ฉพาะบุคคล (IIP) การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ การประเมนิ พัฒนาการเด็ก
การสรา้ งและพฒั นาส่อื การเรียนการสอน

๓. ภาระงานการพฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษาของสถานศึกษา หมายถึง ภาระงานสง่ เสริม
สนบั สนนุ การจัดการศึกษาของสถานศกึ ษาตา่ ง ๆ เพ่ือสง่ ผลตอ่ คุณภาพผูเ้ รยี น เชน่ ปฏบิ ตั ิหนา้ ท่ี
หัวหนา้ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ หัวหน้าสายช้ัน ช่วยปฏบิ ตั งิ านการบรหิ ารและจัดการศึกษา ดา้ นวิชาการ
ดา้ นงานบุคคลด้านงบประมาณ และดา้ นงานทัว่ ไป

จานวนชั่วโมงภาระงานสอนขัน้ ต่า

จาแนกได้ตามระดบั การศึกษา จานวนชวั่ โมงสอนตามตารางสอน และจานวนชัว่ โมงภาระงาน
สอนขั้นตา่ ดงั ตอ่ นี้

ตารางที่ ๒.๑ แสดงจานวนช่วั โมงภาระงานสอนข้ันต่าของครู
- ระดับการศึกษา

๑๘ กระทรวงศึกษาธิการ, สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน หนงั สอื ราชการเรอื่ ง การกาหนด
ภาระงานสอนขน้ั ต่าของข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษาสายงานสอน, ๒๕๕๓, หนา้ ๑.

๕๐

- จานวนชั่วโมงสอนตามตารางสอน
- จานวนชั่วโมงภาระงานสอนขั้นต่า
๑. ระดบั ปฐมวัย ไม่ต่ากว่า ๖ ช่วั โมง/สปั ดาห์ ไมต่ ่ากว่า ๑๒ ชั่วโมง/สปั ดาห์
๒. ระดบั ประถมศึกษา
๓. ระดับมัธยมศกึ ษา
(รวมโรงเรยี นวัตถปุ ระสงค์พิเศษ) ไมต่ า่ กวา่ ๑๒ ชว่ั โมง/สปั ดาห์ ไม่ต่ากวา่ ๑๘ ช่วั โมง/สัปดาห์
๔. การศึกษาพิเศษ

๔.๑ เฉพาะความพกิ าร และศูนยก์ ารศกึ ษาพเิ ศษ
๔.๒ ศึกษาสงเคราะหแ์ ละราชประชานุเคราะห์
ไม่ตา่ กวา่ ๖ ช่ัวโมง/สัปดาห์
ไมต่ ่ากว่า ๑๒ ชัว่ โมง/สปั ดาห์
ไมต่ ่ากวา่ ๑๒ ชวั่ โมง/สัปดาห์
ไม่ต่ากวา่ ๑๘ ชว่ั โมง/สัปดาห์
ท่ีมา : กระทรวงศกึ ษาธกิ าร (๒๕๕๓, หนา้ ๒)๑๙
จากการศึกษาจากเกณฑ์ข้อกาหนดและตารางขา้ งต้น ผ้เู ขยี นได้จาแนกภาระงานสอนของครู
ประกอบดว้ ยดา้ นหลกั ๓ ดา้ น คอื ดา้ นงานสอนตามตารางสอน ด้านงานทเ่ี กย่ี วเนอื่ งกับการจัดการ
เรยี นการสอน และด้านงานการพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษา โดยแบ่งตามระดับการศึกษาดังนี้
๑. ระดับปฐมวยั
ด้านงานสอนตามตารางสอน
ภาระงานคือ การจัดประสบการณ์การเรยี นรูต้ ามหลกั สตู รปฐมวยั
ดา้ นงานท่เี กีย่ วเน่ืองกับการจัดการเรียนการสอน
ภาระงานคือ การวิเคราะห์หลักสตู ร ผเู้ รยี น การออกแบบหน่วยการจดั ประสบการณ์ การ
จัดทาแผนการจัดประสบการณ์ การจัดทาสื่อและสภาพแวดลอ้ มทีเ่ อื้อต่อพฒั นาการเด็กปฐมวยั การ
จัดทาเคร่ืองมือประเมนิ พฒั นาการ การศึกษาเด็กรายกรณี การวจิ ยั เพอ่ื พัฒนาการเรยี นรู้ การจัด
กจิ กรรมเสริมประสบการณ์ การสอนเดก็ พกิ ารเดก็ พเิ ศษเรยี นรว่ ม การอบรมความรูส้ าหรับผู้ปกครอง
เดก็ ปฐมวัย การประสานความร่วมมือ ผู้ปกครอง ชมุ ชน สถานประกอบการเพื่อพฒั นาผู้เรียน งาน
ธุรการในช้นั เรยี น งานประชมุ วิชาการ การจัดระบบการดูแลชว่ ยเหลอื นักเรยี น การนิเทศการสอนใน
ช้ันเรียน การให้บริการทางวิชาการและวิชาชีพ การทาหน้าทีค่ รูประจาชนั้ ครูท่ีปรกึ ษา ครเู วร
ประจาวนั งานทะเบยี นและวัดผล งานจดั ระบบการประกันคุณภาพการศึกษาภายในสถานศกึ ษา
การพัฒนาตนเองและวชิ าชีพครู การส่งเสรมิ และพฒั นาศักยภาพผ้เู รยี น และการพัฒนาคุณลกั ษณะอนั
พงึ ประสงคใ์ หก้ ับผ้เู รียนด้านงานการพัฒนาคุณภาพของสถานศกึ ษา
ภาระงานคือ การชว่ ยปฏิบตั งิ านบริหารการจัดการศึกษา ได้แก่ งานวชิ าการ งานบุคลากร
งานงบประมาณ งานบรหิ ารงานทว่ั ไป งานอนามยั งานโภชนาการ งานจิตวทิ ยาและแนะแนว งาน
บริการสงั คมด้านวิชาการ หัวหนา้ งานอนุบาล หัวหนา้ สายชน้ั คณะทางานหรือผรู้ ับผิดชอบงาน
กจิ กรรมโครงการ รวมท้งั งานเพิม่ อื่น ๆ ในภารกจิ ของสถานศึกษาตามที่ผู้บังคบั บัญชามอบหมาย

๑๙ กระทรวงศกึ ษาธิการ สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พื้นฐาน, หนงั สือราชการเรื่อง
การกาหนดภาระงานสอนขั้นต่าของข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษาสายงานสอน, ๒๕๕๓, หน้า ๒.

๕๑

๒. ระดบั ประถมศึกษา
ด้านงานสอนตามตารางสอน
ภาระงานคือ การจัดการเรียนรู้รายวชิ าพ้ืนฐาน รายวชิ าเพม่ิ เติม กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
และ การสอนซ่อมเสรมิ
ด้านงานที่เก่ยี วเนอ่ื งกับการจัดการเรียนการสอน
ภาระงานคือ การวิเคราะห์หลักสตู ร ผเู้ รยี น การออกแบบหนว่ ยการจดั ประสบการณ์ การ
จัดทาแผนการจดั ประสบการณ์ การจัดทาสื่อและสภาพแวดลอ้ มท่ีเออื้ ตอ่ พัฒนาการเดก็ ประถมศกึ ษา
การจัดทาเคร่ืองมอื วดั และประเมินผลการจดั การเรียนรู้ การศึกษาเดก็ รายกรณี การวจิ ยั เพื่อ
พฒั นาการเรียนรู้ การจัดกิจกรรมเสริมประสบการณ์ การสอนเด็กพกิ ารเดก็ พิเศษเรียนร่วม การ
พัฒนาการอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขียน การอบรมความรสู้ าหรบั ผปู้ กครองเดก็ ประถมศึกษา การ
ประสานความร่วมมือผูป้ กครอง ชุมชน สถานประกอบการ เพ่อื พฒั นาผ้เู รียน งานธรุ การในชนั้ เรยี น
งานประชุมวิชาการ การจัดระบบการดูแลช่วยเหลอื นกั เรียน การนิเทศการสอนในชั้นเรยี น การ
ใหบ้ ริการทางวชิ าการและวชิ าชพี การทาหนา้ ทีค่ รูประจาช้ัน ครูทป่ี รกึ ษา ครูเวรประจาวัน งาน
ทะเบยี นและวดั ผล งานจัดระบบการประกันคุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษา การพัฒนาตนเอง
และวิชาชพี ครู การสง่ เสรมิ และพฒั นาศักยภาพผเู้ รียน และการพัฒนาคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
ใหก้ บั ผูเ้ รียน
ด้านงานการพฒั นาคุณภาพของสถานศึกษา
ภาระงานคือ การชว่ ยปฏบิ ตั งิ านบรหิ ารการจัดการศึกษา ได้แก่ งานวิชาการ งานบุคลากร
งานงบประมาณ งานบริหารงานทัว่ ไป งานอนามัย งานโภชนาการ งานจติ วทิ ยาและแนะแนว งาน
บรกิ ารสงั คมด้านวิชาการ หัวหน้าสายชนั้ หัวหน้ากลุ่มสาระการเรยี นรู้ คณะทางานหรือผรู้ บั ผดิ ชอบ
งานกจิ กรรม โครงการ รวมทั้งงานเพ่ิมอืน่ ๆ ในภารกิจของสถานศกึ ษาตามท่ีผบู้ งั คบั บัญชามอบหมาย
๓. ระดบั มัธยมศกึ ษา
ดา้ นงานสอนตามตารางสอน
ภาระงานคือ การจดั การเรียนรรู้ ายวชิ าพ้นื ฐาน รายวิชาเพม่ิ เติม กจิ กรรมพัฒนาผ้เู รยี นและ
การสอนซ่อมเสริมด้านงานที่เกย่ี วเนอื่ งกับการจัดการเรียนการสอน
ภาระงานคือ การวิเคราะหห์ ลักสตู ร ผเู้ รียน การเตรยี มการสอน การวัดและประเมนิ ผล
งานประชมุ วิชาการ การสอนเดก็ พิการ เด็กพิเศษ เด็กเรยี นร่วม การจัดระบบดแู ลช่วยเหลือนักเรียน
การนเิ ทศการสอนในช้ันเรยี น การจดั กิจกรรมเสรมิ ประสบการณ์ การจัดบรรยากาศและส่ิงแวดล้อมที่
เอ้ือต่อการเรยี นรู้ การวิจัยในช้ันเรียน การสรา้ งและพัฒนาสอ่ื นวตั กรรม การส่งเสรมิ การรกั การอ่าน
กจิ กรรมส่งเสริมจิตสาธารณะ สมั พันธ์ชุมชน ส่งเสรมิ และพัฒนาคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ การพฒั นา
ตนเองและวชิ าชีพครู การทาหนา้ ที่ ครปู ระจาช้ัน ครทู ่ปี รกึ ษา ครูเวรประจาวนั ส่งเสรมิ ความเป็นเลศิ
และพฒั นาศักยภาพผเู้ รยี น การพฒั นาผลสมั ฤทธิใ์ ห้สอดคล้องกับ LAS, O-NET, มาตรฐานการศึกษา
ส่งเสริมความเปน็ อัจฉริยะเฉพาะทางให้กบั เด็กทม่ี ีความสามารถพเิ ศษ งานเทคโนโลยีสารสนเทศ งาน
จัดระบบประกนั คุณภาพการศกึ ษาภายในสถานศึกษา
ดา้ นงานการพฒั นาคุณภาพของสถานศึกษาภาระงานคือ การชว่ ยปฏบิ ตั งิ านบรหิ ารการจดั
การศกึ ษา ได้แก่ งานวิชาการ งานบคุ ลากร
งานงบประมาณ งานบริหารงานทวั่ ไป เปน็ ต้น งานทะเบียน และวัดผล งานการเงนิ และพัสดุ งาน

๕๒

ธรุ การ งานอนามยั งานโภชนาการ (โรงเรียนทั่วไป) งานโภชนาการ (โรงเรยี นประจา) งานจติ วิทยา
และแนะแนว งานหอพกั บา้ นพักนักเรียน หัวหน้าสายชัน้ หัวหนา้ ระดบั หัวหนา้ คณะสี คณะทางาน
หรือผู้รับผิดชอบงานกจิ กรรม โครงการ รวมทงั้ งานเพมิ่ อน่ื ๆ ในภารกจิ ของสถานศึกษาตามที่
ผู้บังคบั บญั ชามอบหมาย

๔. กลุม่ โรงเรยี นวตั ถุประสงค์พเิ ศษ
ด้านงานสอนตามตารางสอน
ภาระงานคือ การจัดการเรยี นร้รู ายวิชาพื้นฐาน รายวิชาเพ่มิ เตมิ กิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี นและ
การสอนซ่อมเสรมิ ด้านงานทเี่ กย่ี วเน่ืองกับการจดั การเรียนการสอน
ภาระงานคือ ปฏิบตั ิงานจดั กิจกรรมเพ่ิมเตมิ หรือกิจกรรมทักษะการดารงชีวติ ไดแ้ ก่
กจิ กรรมสง่ เสรมิ สขุ นสิ ัย กจิ กรรมสง่ เสริมอาชีพท้องถน่ิ กจิ กรรมหลักไตรรงค์ กิจกรรมสร้างเสริมภาวะ
ผนู้ า กิจกรรมพัฒนาสุนทรยี ภาพ กจิ กรรมอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมตามกรอบสาระการเรียนรู้
ทอ้ งถนิ่ ศึกษาวเิ คราะหแ์ ละพัฒนาหลักสูตร ผเู้ รียน การกาหนดเปา้ หมายคุณภาพผ้เู รียน การจดั ทา
แผนการจดั การเรยี นรู้ การสร้างและพัฒนาสอ่ื นวตั กรรม การจดั แหลง่ เรียนรู้ จัดบรรยากาศและ
ส่งิ แวดล้อมท่เี ออ้ื ต่อการเรยี นรู้ การวเิ คราะห์และสรปุ รายงานผลการเรียนรู้ ผลการสอน การวดั และ
ประเมนิ ผล การวจิ ัยในชนั้ เรียน การจดั กจิ กรรมเสรมิ ประสบการณ์ งานธรุ การในช้ันเรียน การทา
หน้าที่ครูประจาชัน้ ครูที่ปรึกษา ครูเวรประจาวนั การพัฒนาตนเองและวชิ าชีพครู การนิเทศการสอน
ในช้นั เรยี น งานประชุมวชิ าการ งานระบบการดูแลชว่ ยเหลือนกั เรียน งานเทคโนโลยสี ารสนเทศ งาน
จดั ระบบการประกันคุณภาพการศึกษาภายในสถานศกึ ษา
ดา้ นงานการพัฒนาคุณภาพของสถานศกึ ษาภาระงานคือ การช่วยปฏิบตั งิ านบริหารการจดั
การศกึ ษา ได้แก่ งานวชิ าการ งานบุคลากรงานงบประมาณ งานบริหารงานทั่วไป งานการเงิน และ
พสั ดุ งานธรุ การ งานอนามัย งานโภชนาการงานจติ วิทยาและแนะแนว งานบริการสงั คมดา้ นวิชาการ
งานแหลง่ เรียนรใู้ นโรงเรยี นและสถานประกอบการ งานหอพกั งานบ้านพกั นกั เรียน งานบริการชุมชน
คณะทางานหรือผรู้ บั ผิดชอบงานกิจกรรม โครงการ รวมท้งั งานเพ่มิ อ่ืน ๆ ในภารกจิ ของสถานศกึ ษา
ตามท่ผี บู้ ังคับบญั ชามอบหมาย
๕. โรงเรียนเฉพาะความพกิ าร
ดา้ นงานสอนตามตารางสอน
ภาระงานคือ ปฏบิ ัตหิ นา้ ทจ่ี ัดกระบวนการเรียนรู้ ในรายวิชาพืน้ ฐาน รายวิชาเพม่ิ เติม
กจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รียน การสอนซอ่ มเสรมิ ปฏิบตั งิ านจัดกจิ กรรมพัฒนาศกั ยภาพและการฟนื้ ฟู
สมรรถภาพผู้เรยี น ได้แก่ การกายภาพบาบัด กิจกรรมบาบัด ปฏบิ ัติงานจดั กิจกรรมเพิม่ เติมหรือ
กจิ กรรมทักษะการดารงชวี ติ เชน่ กิจกรรมสง่ เสรมิ สขุ นสิ ยั กิจกรรมสง่ เสริมอาชีพทอ้ งถิ่น กจิ กรรม
หลักไตรรงค์ กิจกรรมสรา้ งเสรมิ ภาวะผู้นา กิจกรรมพฒั นาสุนทรียภาพ กิจกรรมอนุรกั ษ์พลังงานและ
สิ่งแวดลอ้ มตามกรอบสาระการเรยี นรู้ท้องถน่ิ
ด้านงานท่ีเกยี่ วเนอ่ื งกับการจัดการเรยี นการสอน
ภาระงานคือ งานระบบการดูแลช่วยเหลือนกั เรียน งานเทคโนโลยีสารสนเทศ งาน
จัดระบบการประกนั คุณภาพการศกึ ษาภายในสถานศกึ ษา การศึกษาวเิ คราะห์และพฒั นาหลกั สูตร
การเตรียมการสอน การกาหนดเป้าหมายคุณภาพผู้เรียน การจดั ทาแผนการจดั การเรียนรู้ การสร้าง
และพฒั นาสื่อ นวัตกรรม การจัดแหลง่ เรียนรู้ จดั บรรยากาศและสิ่งแวดล้อมที่เอ้ือตอ่ การเรยี นรู้ การ
วจิ ยั ในช้ันเรียน การจัดกิจกรรมเสรมิ ประสบการณ์ งานธุรการในชน้ั เรียน การทาหนา้ ท่ีครูประจาช้ัน

๕๓

ครูทป่ี รึกษา ครเู วรประจาวัน การพฒั นาตนเองและวิชาชีพครู การนิเทศการสอนในชนั้ เรยี น งาน
ประชมุ งานวิชาการตา่ งๆ

ด้านงานการพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษา
ภาระงานคือ การช่วยปฏบิ ตั งิ านบริหารการจดั การศึกษา ได้แก่ งานวชิ าการ งานบุคลากร
งานงบประมาณ งานบรหิ ารงานท่วั ไป งานการเงนิ และพสั ดุ งานธุรการ งานอนามยั งานโภชนาการ
งานจติ วทิ ยาและแนะแนว งานบรกิ ารสงั คมด้านวิชาการ งานแหลง่ เรยี นรใู้ นโรงเรียน และสถาน
ประกอบการ งานหอพกั งานบ้านพักนักเรียน งานบรกิ ารชุมชน คณะทางานหรือผูร้ บั ผดิ ชอบงาน
กจิ กรรม โครงการรวมทั้งงานเพิ่มอ่นื ๆ ในภารกิจของสถานศึกษาตามทีผ่ ู้บังคบั บญั ชามอบหมาย
๖. ศูนยก์ ารศกึ ษาพิเศษ เขตการศกึ ษา/ประจาจังหวัด
ด้านงานสอนตามตารางสอน
ภาระงานคือ ปฏิบัติหนา้ ท่ีจัดการเรยี นรพู้ ัฒนาผเู้ รียนเป็นรายบุคคล การจัดทาแผนการ
ศึกษาเฉพาะบุคคลให้กับเด็กพกิ าร ผลติ และจดั หาสง่ิ อานวยความสะดวกสื่อบรกิ ารและความชว่ ยเหลือ
อืน่ ใดทางการศึกษาสาหรับเด็กพิการท่ีศูนย์การศึกษาพิเศษ ท่ีบา้ นชมุ ชน ในโรงเรยี นเรยี นรว่ ม และใน
โรงพยาบาล เช่น เด็กเจบ็ ป่วยเรื้อรงั ปฏิบัตงิ านจดั กิจกรรมพฒั นาศักยภาพและการฟน้ื ฟูสมรรถภาพ
ผู้เรียนพิการ
ด้านงานทีเ่ กย่ี วเนือ่ งกับการจัดการเรียนการสอน
ภาระงานคือ งานระบบการดูแลชว่ ยเหลอื นกั เรยี น งานเทคโนโลยีสารสนเทศ งาน
จดั ระบบการประกนั คุณภาพการศึกษาภายในสถานศกึ ษา งานประชมุ วชิ าการ งานคน้ หาและคัดกรอง
ผ้พู ิการ งานการวิจัยพฒั นาผเู้ รียน งานบริการทางการศึกษา งานทะเบียนวัดผล งานส่งต่อนักเรยี น
ด้านงานการพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษา
ภาระงานคือ การช่วยปฏบิ ัติงานบริหารการจดั การศึกษา ไดแ้ ก่ งานวิชาการ งานบคุ ลากร
งานงบประมาณ งานบริหารงานทว่ั ไป เป็นตน้ ปฏบิ ัติงานพัฒนาและฝึกอบรมครู พ่อแม่ ผู้ปกครอง
ผดู้ ูแลคนพกิ าร จดั ทาข้อมลู สารสนเทศดา้ นการศกึ ษาสาหรับคนพิการ งานการเงิน และพัสดุ งาน
ธุรการ งานอนามัย งานโภชนาการ งานจิตวทิ ยาและแนะแนว งานบริการสังคมด้านวิชาการ งานแหลง่
เรยี นรู้ในโรงเรยี นและสถานประกอบการ งานหอพัก งานบ้านพกั นักเรยี น งานบริการชมุ ชน
คณะทางานหรือผู้รับผิดชอบงานกิจกรรม โครงการ รวมทัง้ งานเพ่ิมอืน่ ๆ ในภารกิจของสถานศึกษา
ตามทผี่ ู้บงั คับบญั ชามอบหมาย
๗. โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์และราชประชานุเคราะห์
ด้านงานสอนตามตารางสอน
ภาระงานคือ ปฏบิ ัตหิ นา้ ท่ีจัดกระบวนการเรียนรู้ ในรายวิชาพ้นื ฐาน รายวิชาเพมิ่ เติม การ
จัดกิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี น และการสอนซ่อมเสรมิ ปฏิบัติงานจัดกิจกรรมเพิ่มเติม หรือกจิ กรรมทกั ษะ
การดารงชีวิต เช่น กิจกรรมส่งเสริมสุขนสิ ัย กจิ กรรมส่งเสริมอาชพี ท้องถิ่น กจิ กรรมหลกั ไตรรงค์
กจิ กรรมสร้างเสริมภาวะผู้นา กจิ กรรมพฒั นาสุนทรียภาพ กิจกรรมอนรุ ักษ์พลังงานและสง่ิ แวดลอ้ ม
ตามกรอบสาระการเรียนร้ทู ้องถิ่น
ดา้ นงานที่เกี่ยวเนือ่ งกับการจดั การเรยี นการสอน
ภาระงานคือ ศกึ ษาวิคราะหแ์ ละพัฒนาหลักสูตร การวิเคราะหผ์ เู้ รยี น การกาหนด
เป้าหมายคณุ ภาพของผเู้ รยี น การจัดทาแผนการจัดการเรยี นรู้ การสรา้ งและพัฒนาสื่อ นวัตกรรม การ

๕๔

จดั แหลง่ เรยี นรู้ จดั บรรยากาศและสิ่งแวดล้อมทีเ่ อื้อตอ่ การเรยี นรู้ การวิเคราะห์ สรปุ รายงานผลการ
เรยี นรู้ ผลการสอน การวัดและประเมินผล การทาวจิ ยั ในช้ันเรียน การทาหนา้ ท่ีครูประจาชนั้ ครทู ่ี
ปรกึ ษา ครูเวรประจาวนั การพัฒนาตนเองและวชิ าชีพครู การนิเทศการสอนในช้ันเรยี น งานประชุม
วชิ าการ งานระบบการดูแลช่วยเหลอื นักเรยี น งานเทคโนโลยีสารสนเทศ งานจดั ระบบการประกัน
คุณภาพการศึกษาภายในสถานศกึ ษา

ด้านงานการพฒั นาคณุ ภาพของสถานศกึ ษา
ภาระงานคือ การชว่ ยปฏิบัตงิ านบรหิ ารการจดั การศกึ ษา ได้แก่ งานวชิ าการ งานบุคลากร
งานงบประมาณ งานบรหิ ารงานทัว่ ไป เปน็ ต้น ปฏิบัตงิ านการเงนิ พสั ดุ งานธรุ การ งานอนามยั งาน
โภชนาการ งานจิตวิทยา และแนะแนว งานบรกิ ารสงั คมด้านวชิ าการ งานแหลง่ เรยี นรใู้ นโรงเรียนและ
สถานประกอบการ งานหอพัก งานบา้ นพักนักเรยี น งานบริการชุมชน คณะทางานหรือผรู้ บั ผิดชอบ
งานกจิ กรรม โครงการ รวมทง้ั งานเพ่ิมอนื่ ๆ ในภารกิจของสถานศึกษาตามทผ่ี บู้ งั คับบัญชามอบหมาย

บทบาท หนา้ ที่ และภาระงานของครูในศตวรรษที่ ๒๑

จากงานวจิ ยั ของอุบล เลีย้ ววาริณ(อุบล เลยี้ ววารณิ , ๒๕๕๔ก,หน้า ๕๕-๕๖,๖๖-๖๗)๒๐ ท่ี
ศกึ ษาบทบาทหนา้ ทีข่ องครูในศตวรรษท่ี๒๑ ตามความคาดหวังของนกั ศึกษา โดยศกึ ษากับกลุ่ม
ตวั อยา่ งนกั ศกึ ษามหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสนุ ันทาชน้ั ปีท่ี ๑-๔ จานวน ๓๘๔ คน พบผลวจิ ยั ท่สี าคัญ
คอื ผู้เรยี นมคี วามคาดหวงั ในระดบั มากที่สดุ ว่าครูในศตวรรษที่ ๒๑ ควรมีบทบาทหน้าท่ีในการสงั่ สอน
ใหค้ วามรู้ในสรรพวิทยาการต่างๆแก่ผู้เรยี นให้มากที่สุด สว่ นบทบาทหน้าท่ีของครใู นศตวรรษที่ ๒๑ ท่ี
ผเู้ รยี นมคี วามคาดหวังอยใู่ นระดบั มาก มี ๑๘ ขอ้ โดยเรยี งคะแนนค่าเฉลีย่ ความคาดหวงั จากมาก
ลดหล่นั ไปตามลาดับ ดงั นี้

๑. บทบาทหนา้ ทีใ่ นดา้ นการสรา้ งเสริมวนิ ัยและประพฤติตนเปน็ แบบอย่างท่ีดี
๒. บทบาทหน้าท่ีในการสร้างบรรยากาศแห่งการเรยี นรู้แก่ผ้เู รียนอยา่ งสนกุ สนานและมี
ความสุข
๓. บทบาทหนา้ ท่ีในการจดั ประสบการณ์การเรยี นรู้ ใหแ้ ก่ผเู้ รียนอย่างหลากหลายและอธบิ าย
ให้ผเู้ รียนเขา้ ใจอย่างแจ่มแจง้
๔. บทบาทหนา้ ที่ในการปฏิบัตหิ นา้ ทีใ่ นงานท่ีไดร้ บั มอบหมายอย่างมีคณุ ภาพ
๕. บทบาทหน้าทีใ่ นการสอนให้ผ้เู รยี นมีความรกั ชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์
๖. บทบาทหน้าทใ่ี นการอบรมส่ังสอนให้ผู้เรียนเป็นคนดมี ีคุณธรรม จริยธรรม
๗. บทบาทหนา้ ที่ในการนาความรู้ที่ได้จากการวจิ ัยถา่ ยทอดใหผ้ ู้เรียนมีความรมู้ ากท่สี ดุ
๘. บทบาทหนา้ ทใ่ี นการใหค้ าปรกึ ษาแกผ่ เู้ รียนและผปู้ กครองเพ่ือพฒั นาศักยภาพแกผ่ ู้เรียน
๙. บทบาทหนา้ ท่ใี นการแนะแนวการศึกษาและปลูกฝังทัศนคตทิ ด่ี ีต่อการอาชีพต่าง ๆ
๑๐. บทบาทหนา้ ทใี่ นการวางแผนและจดั เตรยี มอปุ กรณก์ ารสอนเพื่อเอื้อให้ผ้เู รยี นเกิดการ
เรยี นรู้
๑๑. บทบาทหน้าทีใ่ นการติดตามและประเมนิ ผลความเจรญิ กา้ วหนา้ ของผู้เรยี น

๒๐ อบุ ล เล้ยี ววารณิ , รายงานการวิจัยเร่ือง คณุ ลักษณะครูในศตวรรษท่ี ๒๑ ตามความคาดหวังของ
นกั ศกึ ษา, (กรุงเทพฯ : คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฎั สวนสนุ นั ทา ๒๕๕๔ก), หน้า ๕๕-๕๖,๖๖-๖๗.

๕๕

๑๒. บทบาทหน้าท่ใี นการกระตุ้นผูเ้ รียนใหเ้ กิดจติ สานึกในการใช้ทรพั ยากรธรรมชาติอย่าง
เปน็ ประโยชน์คมุ้ ค่า

๑๓. บทบาทหน้าทใ่ี นการประเมนิ พฒั นาการผู้เรยี นโดยคานงึ ถงึ ความแตกต่างระหวา่ งบุคคล
๑๔. บทบาทหน้าทใ่ี นการสรา้ งผลงานสร้างสรรค์วิชาการเพื่อพฒั นาการเรียนการสอน
๑๕. บทบาทหนา้ ท่ีในการสร้างนวตั กรรมการเรียนร้ใู หผ้ ูเ้ รียนเรยี นรูด้ ้วยตนเองได้
๑๖. บทบาทหน้าทใี่ นการปลูกฝงั ความเปน็ นักประชาธปิ ไตย
๑๗. บทบาทหน้าทใี่ นการสอนวธิ ีการแสวงหาความรู้ดว้ ยตนเองแกผ่ เู้ รียนผา่ นเทคโนโลยี
สารสนเทศและเครอื ขา่ ยการเรียนรู้ และ
๑๘. บทบาทหน้าที่ในการมีส่วนร่วมในกจิ กรรมของสังคมหรือชุมชนรว่ มแก้ปญั หาให้คนใน
สงั คมอยู่กันอย่างสนั ตสิ ขุ
นอกจากนี้ เมื่อเปรียบเทยี บค่าเฉลย่ี ความคาดหวงั ของนกั ศึกษาคณะครศุ าสตร์ กบั คณะอื่นๆ
เกยี่ วกับบทบาทหนา้ ท่ีของครูในศตวรรษท่ี ๒๑ พบว่ามีความแตกต่างกันอยา่ งมนี ัยสาคัญทางสถิตทิ ุก
ขอ้ โดยนกั ศึกษาคณะครุศาสตรม์ ีคา่ เฉลี่ยความคาดหวังเกีย่ วกบั บทบาทหน้าท่ีของครูในแต่ละข้อสูงกวา่
นกั ศกึ ษาคณะอนื่ ๆ ซงึ่ ผลวิจัยสว่ นน้ีนา่ สนใจและทาให้ทราบว่านกั ศึกษาคณะครศุ าสตรย์ ังคงให้
ความสาคญั ต่อการทาบทบาทหนา้ ทข่ี องครูในด้านต่างๆดังกล่าว และแสดงแนวโนม้ ว่านกั ศกึ ษาครเู ม่ือ
ไปประกอบวิชาชพี ครูในอนาคต จะกระทาบทบาทหน้าทที่ ี่เหมาะสมในการเปน็ ครทู ่ีดีต่อไป
ผลจากงานวจิ ัยทผี่ ูเ้ ขียนได้ศกึ ษาเก่ียวกบั บทบาทหน้าทีข่ องครใู นศตวรรษที่ ๒๑ ตามความ
คาดหวังของผู้เรยี นในคร้งั น้ี ทาใหผ้ เู้ ขียนได้ขอ้ ค้นพบท่ีน่าสนใจว่า ไมว่ า่ โลกจะเปล่ียนแปลงโดยมี
ความกา้ วหน้าทางวิทยาศาสตร์เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สารเพยี งไรกต็ าม บทบาทหน้าท่ขี อง
ครตู ามความคาดหวังของผเู้ รียนไมม่ ีความแตกต่างจากบทบาทหนา้ ทขี่ องครูในอดีต ทีม่ เี ปา้ หมาย
สาคัญเพ่ือพัฒนาผ้เู รียนให้มีความรู้ในสรรพวิทยาการต่างๆ เพ่อื สามารถดารงชีวติ อยใู่ นสังคมได้อย่างมี
ความสุข และอยา่ งเหมาะสมกับยุคสมยั นน้ั ๆ เพยี งแต่บทบาทหนา้ ท่ีของครูในศตวรรษที่ ๒๑นี้ ตาม
ความคาดหวงั ของผูเ้ รยี นได้เพ่ิมบทบาทหน้าท่มี ากขนึ้ โดยเฉพาะในดา้ นเทคนิคการจดั การเรียนการ
สอนที่ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการจัดการเรียนรูใ้ ห้ทนั กบั ยุคสมัยทไี่ ด้มกี าร
เปล่ียนแปลงไปการเปลี่ยนบทบาทจากผู้สอนเป็นผู้จดั การเรียนรู้ เพือ่ ให้ผูเ้ รยี นสามารถแสวงหาความรู้
ได้เองอยา่ งตอ่ เน่ืองในโลกยุคไรพ้ รมแดน สว่ นบทบาทของครูในอดตี ท่ยี ังคงความสาคัญจนถึงปจั จุบัน
ในศตวรรษที่ ๒๑ นี้ คือ การประพฤติตนเปน็ แบบอย่างที่ดี และการอบรมสัง่ สอนให้ผ้เู รียนเปน็ คนดมี ี
คณุ ธรรมจริยธรรม และมีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

สรปุ

บทบาทหนา้ ที่และภาระงานของครูมีความสาคัญต่อการศึกษาของชาติ ในอดีตครมู ีบทบาท
หน้าทีเ่ ป็น ผูบ้ อกเล่าสง่ิ ทเี่ ป็นความรู้ สอนใหผ้ ู้เรียนอ่านออกเขียนได้ คดิ เลขเปน็ ฝึกการทางานอาชพี
ของบรรพบุรษุ ผเู้ รยี นเรียนตามความสนใจและความถนดั และครมู ีหน้าทอี่ บรมบ่มนสิ ัยใหศ้ ษิ ยเ์ ปน็ คน
มรี ะเบยี บวนิ ยั มคี วามรับผดิ ชอบ มีคุณธรรม จรยิ ธรรม และสามารถดารงตนอยู่ในสังคมไดอ้ ยา่ ง
เหมาะสมดีงาม ในปัจจบุ นั ในศตวรรษท่ี ๒๑ นบี้ ทบาทหน้าทีแ่ ละภาระงานของครูได้เปลี่ยนแปลงไป
ตามกระแสของโลก ครมู บี ทบาทหนา้ ทีจ่ ดั ประสบการณ์ การเรียนรใู้ หแ้ ก่ผเู้ รยี นอยา่ งหลากหลายมาก
ข้นึ ครตู ้องร่วมมอื กับชุมชนในการพัฒนาการเรียนรขู้ องผู้เรยี น ตลอดจนทานบุ ารุงศาสนา

๕๖

ศลิ ปวัฒนธรรมปฏบิ ัติตนตามกฎหมาย และรกั ษามาตรฐานของวิชาชพี ครู ในขณะเดยี วกันครตู ้องเอา
ใจใส่ดูแลตนเองและครอบครัวเปน็ อย่างดี การมีภาระงานทั้งภาระงานสว่ นตน ซง่ึ เป็นภาระงาน
เกี่ยวกบั งานประจาชน้ั งานการจดั การเรียนการสอน งานดแู ลความประพฤติของผเู้ รยี น การให้
คาปรึกษาแกผ่ ู้เรยี น และภาระงานสว่ นรวม ซึง่ เป็นการมีส่วนรว่ มในกจิ กรรมของสถานศึกษา ชุมชน
และหน่วยงานทเี่ กีย่ วขอ้ งกับการศึกษานับเป็นภาระงานที่สาคัญของครยู ุคปัจจุบนั นี้ แต่อยา่ งไรก็ตาม
ไมว่ ่าบทบาท หน้าทีแ่ ละภาระงานของครูจะเปล่ยี นแปลงไปเชน่ ไรในแต่ละยุคสมัย แตบ่ ทบาทหนา้ ที่
และภาระงานสาคญั ของครูคือการพฒั นาคุณภาพของผู้เรียนใหม้ ีคุณภาพเหมาะสมกับสังคมยุคนั้น ๆ

************

๕๗

คาถามท้ายบท

คาถามตอ่ ไปนเ้ี ปน็ คาถามอัตนัยมจี านวน ๑๐ ข้อ ให้ทาทุกข้อ
๑. ระบบุ ทบาทหน้าท่ีที่สาคญั ของครูดา้ นการพัฒนาการเรียนรใู้ นปจั จบุ ันพรอ้ มบรรยาย

บทบาทด้านการพัฒนาสงั คมจากประสบการณข์ องนักศึกษา
๒. ความหมายของหน้าท่คี รูคืออะไรและบทบาทหน้าท่ีของครใู นอดตี กับบทบาทหน้าท่ีของครู

ในปจั จบุ ันเหมอื นหรือแตกต่างกนั อย่างไร
๓. ครมู บี ทบาทหน้าที่ในการพฒั นาคุณธรรมจริยธรรมของผ้เู รยี นทา่ มกลางการเปล่ียนแปลง

ทางสังคมอยา่ งไร
๔. ครูมบี ทบาทหน้าที่ในการพัฒนาการเมอื งระบอบประชาธปิ ไตยและในการพัฒนาการ

เรียนรอู้ ย่างไร
๕. เปรยี บเทียบบทบาทหนา้ ท่ีของอาจารยใ์ นโรงเรียนฝกึ หดั ครใู นอดตี กับมหาวิทยาลัยผลิตครู

ในปจั จุบนั ความแตกตา่ งหรือเหมอื นกันหรือไมอ่ ยา่ งไรในทศั นะของนกั ศึกษา
๖. หากนสิ ิตได้รบั มอบหมายให้ทาหนา้ ท่ีเปน็ ครูและจัดการเรยี นการสอนเร่ืองการปลูกฝงั

ความมปี ระชาธปิ ไตยแกผ่ ู้เรียนนักศกึ ษาจะออกแบบการเรียนรสู้ าหรับผู้เรยี นโดยใช้แนวทางการเรียนรู้
แบบการใชป้ ัญหาเปน็ ฐาน อย่างไร

๗. นิสิตคดิ ว่า ครใู นศตวรรษที่ ๒๑ มีบทบาทในการจดั การความรตู้ ่อตนเอง ต่อชน้ั เรียน ตอ่
โรงเรียน และต่อชมุ ชน อยา่ งไร ยกตวั อย่างประกอบ

๘. หน้าท่ีของครใู นยุคปจั จบุ นั มอี ะไรบ้างและหน้าท่ขี องครตู ามเกณฑม์ าตรฐานวิชาชีพของครุ ุ
สภาประกอบดว้ ยหนา้ ทีอ่ ะไรบ้าง

๙. ภาระงานของครรู ะดับต่างๆเช่นระดับปฐมวัย ระดบั ประถมศึกษา ระดับมธั ยมศึกษา
แตกตา่ งกนั ในดา้ นใดบา้ ง

๑๐. สมศรเี พง่ิ สอบบรรจุได้เป็นครใู นโรงเรยี นที่ไม่ใช่เปน็ ภมู ิลาเนาของตนเอง แต่เธอมี
บทบาทหนา้ ทีต่ ่อชุมชน เธอควรปฏิบตั ติ ัวอย่างไรในการจัดการศึกษารว่ มชมุ ชน

***********

๕๘

เอกสารอา้ งอิงประจาบท

ราชบัณฑติ ยสถาน, พจนานกุ รม ฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔, เฉลิมพระเกยี รติ
พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หวั เนือ่ ง ในโอกาสพระราชพิธมี หามงคลเฉลมิ พระชนมพรรษา
๗ รอบ ๕ ธนั วาคม ๒๕๕๔. (กรุงเทพฯ : ศิรวิ ัฒนาอินเตอร์พรนิ ท์ จากดั (มหาชน),
๒๕๕๖), หนา้ ๖๔๘

ยนต์ ชุ่มจิต, ความเปน็ ครู, พมิ พค์ รั้งที่ ๔, (กรุงเทพฯ : หน้า โอ.เอส.พริ้นต้งิ เฮ้าส์ ๗๔, ๒๕๕๐),หน้า
๗๔.

ชิรวฒั น์ นิจเนตร, บนเสน้ ทางการพฒั นาวิชาชพี ครู ผลกระทบจากเศรษฐกจิ สังคม และการเมือง
บทความเสน้ ทางการศกึ ษาเพื่อการพฒั นา, (กรุงเทพฯ : สานักงานสภาสถาบันราชภัฏ,
๒๕๔๒), หนา้ ๔๒.

ธรี ศกั ดิ์ อคั รบวร, ความเป็นครู, พิมพ์ครั้งที่ ๔. (กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พ์ ก.พลพิมพ์ จากัด, ๒๕๔๓),หน้า
๒๓.

วจิ ารณ์ พานชิ , การจัดการความรู้,[Online]Available:http://www.thaiall.com/km/
indexo.html. ๗ กนั ยายน ๒๕๕๔, หนา้ ๑.

โณทยั อุดมบุญญานภุ าพ, ครใู นศตวรรษที่ ๒๑, gotoknow.org. [Online]. Available:
http://www.aircadetwing.com/index.php?lay=show&ac=article&ld=
๕๓๘๖๘๕๑๗๒& Ntype=๓. ๗ มนี าคม ๒๕๕๔, หนา้ ๑.

จกั รพรรดิ วะทา, การจดั การความรู้ของครู วารสารวทิ ยาจารย์ ๑๐๖(๔), ๒๕๕๐, หนา้ ๑๘-๒๑.
ยรรยง สนิ ธงุ์ าม, Problem-based learning, [Online]. Available: http://pbl.igetweb.com

/?mo=๓&art=๕๔๔๐๑๙. ๕ มถิ นุ ายน ๒๕๕๑, หน้า ๑.
กรองได อุณหสูต, การออกแบบการเรียนรู้, [Online]. Available:http:///www.ns.mahidol.ac.th

/english/KM/design_learn.htm. ๒๔ มีนาคม ๒๕๕๓, หน้า ๑.
สานักงานบรหิ ารและพฒั นาองคค์ วามรู้, ๕ โรงเรยี นต้นแบบเสรมิ สร้างครอบครัวอบอุ่น.หนังสือถอด

องค์ความรู้ โครงการวิจยั พฒั นา และประเมนิ ผล, ศนู ย์สง่ เสริมและพฒั นาพลังแผน่ ดนิ
เชงิ คุณธรรม, (กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์ บริษัท ธรรมสาร จากัด, ๒๕๕๓), หน้า ๑๖, ๔๐.
พระราชดารสั ท่ีเกย่ี วข้องกบั การศึกษา, พระบรมราโชบายที่พระราชทานแก่ท่านผหู้ ญงิ ทัศนยี ์ บณุ ย
คปุ ต์ อาจารยใ์ หญโ่ รงเรยี นจิตรลดา ณ พระท่นี ง่ั อัมพรสถาน พระราชวงั ดสุ ิต เม่ือเดือน
มกราคม พ.ศ.๒๔๙๘. [Online]. Available: http://dnfe ๕.nfe.go.th/reign/ Owat/
๐๙๕๖.htm. [๓ เมษายน ๒๕๕๔], หน้า ๑.
ราชบัณฑิตสถาน, พจนานกุ รม ฉบับราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔, เฉลิมพระเกียรติ
พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ วั เนอ่ื งในโอกาสพระราชพิธมี หามงคลเฉลมิ พระชนมพรรษา ๗
รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔. (กรุงเทพฯ : ศิริวฒั นาอินเตอร์พรนิ ท์ จากดั (มหาชน), ๒๕๕๖),
หน้า ๘๖๘.
กระทรวงศกึ ษาธกิ าร, สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน หนังสือราชการเร่ือง การกาหนด
ภาระงานสอนข้นั ตา่ ของข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษาสายงานสอน, ๒๕๕๓,

๕๙

อบุ ล เลย้ี ววาริณ, รายงานการวิจยั เรอ่ื ง คุณลักษณะครใู นศตวรรษที่ ๒๑ ตามความคาดหวงั ของ
นกั ศกึ ษา, (กรงุ เทพฯ : คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฎสวนสุนนั ทา ๒๕๕๔ก), หน้า
๕๕-๕๖,๖๖-๖๗.

Good, Carter V. Teacher, [Online]. Available: http://onlinelibrary.wiley.com: /doi/
๑๐.๑๐๐๒doi/sce.๓๗๓๐๓๐๐๒๕๖/abstract. [ ๒๐ March ๒๐๑๑]. p. ๕๐๒.

Ingrid Veira. (๒๐๑๐). Roles of Teachers in the ๒๑st Century. Great teacher.Volume
๑๐.Issue ๓. [Online]. Available: http://www.pearsonclassroomlink.com.:
articles/๐๙๑๐/๐๙๑๐_๐๕๒๐.htm. ๒๔ March ๑๙๗๓, p ๕๐๒.

Ujlakyné Szücs Éva, The role of teacher in the ๒๑st century, [Online]. Available :
http:// www.sens-public.org/spip.php?article๖๖๗. (๒๔ March
๒๕๕๔,๒๐๐๙), p ๑.

Collins, Duty. [Online]. Available: http//www.collinslanguage.com results.aspx. ๓ April
๒๐๑๑, p ๑๕๗๔.

บทท่ี ๓

คณุ ลักษณะของครูท่ดี ี

ความดนี นั้ เปน็ สากล สามารถทจ่ี ะทอแสงแห่งความดนี ้นั ได้ในสถานภาพหรอื ภาวะต่าง ๆ
ดังนัน้ ครูดกี ็จะมลี กั ษณะท่ีคล้ายคลึงกบั คนดปี ระเภทอนื่ ๆ เชน่ ทหารดี ตารวจดี นกั ธุรกิจดี
นักการเมืองดีจะต่างกนั ก็เฉพาะรายละเอียดกจิ กรรมตามแบบวชิ าชีพนั้น ๆ อันเป็นที่แสดงออกหรอื
สนามแหง่ ปรากฏของความดีนั้น ๆ ธรรมชาตขิ องอาชพี ครูเป็นอาชพี ท่ีต้องทางานเกี่ยวข้องกับบุคคล
อนื่ ๆ อยูเ่ สมอ ครจู ึงต้องเปน็ ผมู้ คี วามใฝร่ ู้ ฝกึ ฝนพัฒนาตนเองอย่างต่อเนอื่ ง และมวี ิสยั ทัศน์ให้ทันกับ
การเปลย่ี นแปลงทางด้านวชิ าการและเทคโนโลยใี นโลกปจั จุบัน ครูทเ่ี ปน็ แบบอยา่ งที่ดีต่อศษิ ย์จงึ เป็นที่
ต้องการมากในสงั คม และครูทกุ คนก็มีความปรารถนาท่ีจะเป็นครทู ีด่ ี แต่การจะไดร้ บั ยกย่องให้เปน็ ครู
ดนี น้ั จะตอ้ งมคี ุณลักษณะบางประการที่แตกต่างจากการประกอบอาชีพอนื่ การจะเป็นครูที่ดมี ากน้อย
เพียงไร ครูสามารถประเมินตนเองไดโ้ ดยศึกษาจากเกณฑค์ ุณลักษณะของครูที่ดี ตามหลกั พุทธธรรม
ตามแนวพระราชดาริ ตามเกณฑ์มาตรฐานต่าง ๆ ตลอดจนศกึ ษาจากทัศนะต่าง ๆ ของนกั การศึกษา
และจากผลงานวจิ ัย เพื่อให้ผู้ประกอบวชิ าชีพครแู ละนกั ศึกษาครูไดเ้ ขา้ ใจและนาไปใช้พัฒนาตนเองให้
มีคุณลักษณะท่ดี ีอันพึงประสงค์ต่อไป

คณุ ลกั ษณะของครทู ี่ดตี ามหลักพทุ ธธรรม

ในหลกั ธรรมคาสอนทางพระพุทธศาสนาที่เป็นพน้ื ฐานของการเป็นครูทดี่ ีไดแ้ ก่ หลกั ธรรมท่ี
เรียกว่า กลั ยาณมิตรธรรม ซึง่ เปน็ ธรรมท่พี ระพทุ ธเจา้ กลา่ วถึงคุณลักษณะของครทู ่ีดี โดยพระธรรม
ปิฎกโดยกล่าวถึงกลั ยาณมิตรธรรม ๗ (พจนานุกรมพทุ ธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม, ๒๕๕๔, หน้า ๑)๑
ดงั น้ี

ประการที่ ๑ ปโิ ย แปลวา่ เปน็ ผู้น่ารักหรือเป็นท่รี ัก หมายความว่า ทา่ นที่เป็นครปู ระกอบดว้ ย
เมตตา ทาให้ผ้เู ป็นนกั เรียนร้สู ึกเสมือนมีเพ่ือน ทาให้เกิดความชมุ่ ฉ่าใจ ไมอ่ า้ งว้างวา้ เหว่ มีความอบอุน่
ใจ มคี วามสบายใจ

ประการท่ี ๒ ครุ แปลว่า เป็นทเ่ี คารพ หมายความว่า ครูเป็นผู้มีความหนกั แน่น มคี ณุ ธรรม
เปน็ หลักให้แก่ผู้เรยี นได้ ทาใหผ้ ู้เรยี นรสู้ ึกม่นั คง ปลอดภยั มหี ลักมีทเี่ กาะเกย่ี ว โดยความเปน็ ครูจะ
หนักแน่นในคุณงามความดี หนักในหลกั เหตุหลกั ผล หนักในหลักการ หนกั ในความจริง ทาใหน้ ่า
เคารพไวเ้ นอื้ เช่ือใจได้

ประการที่ ๓ ภาวนโี ย แปลวา่ เปน็ ทเ่ี จริญใจ หมายความว่า บุคคลท่เี ปน็ ครจู ะเป็นผู้มี
คณุ ธรรมมคี วามประพฤติท่ีดงี าม เป็นแบบอย่างทีด่ ี ทาให้ผเู้ รียนเห็นแบบอย่างที่ดี ทาใหอ้ ยาก
ประพฤตปิ ฏิบตั ติ าม และมีกาลงั ใจในการทาความดี

๑ พจนานกุ รมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม, [Online]. Available : http://๘๔๐๐๐.org
/tipitaka/dic/d_item.php?i=๒๗๘. ๑ เมษายน ๒๕๕๔, หนา้ ๑.

๕๙

ประการท่ี ๔ วตตฺ า จ แปลวา่ บอกกล่าว หมายความว่า ครูจะเปน็ ผู้ท่บี อกกล่าว เอาคาสอน
มาบอกเลา่ มาแนะนาส่งิ ท่ีควรประพฤติปฏบิ ตั ิ กบั สงิ่ ที่ไม่ควรประพฤตปิ ฏบิ ัติ ทาให้ครูมีบทบาทเปน็ ผู้
ทส่ี ่งั สอนซึง่ ชว่ ยให้ ผเู้ รยี นรจู้ กั การพง่ึ ตนเอง

ประการท่ี ๕ วจนกฺขโม แปลวา่ อดทน อดทนตอ่ ถ้อยคา เช่น อดทนต่อการซักถามศษิ ย์ และ
พยายามชแ้ี จงจนกระทั่งศิษยเ์ กิดความเข้าใจ ไม่ท้อถอยและไม่ปล่อยละเลยศิษย์ เอาใจใส่อดทนต่อ
การแนะนาส่งั สอน

ประการท่ี ๖ คมฺภีรญจฺ กถ กตฺตา แปลว่า เป็นผทู้ ่ีกลา่ วแถลงเรื่องลึกซ้ึงได้ หมายความว่า ครู
เปน็ ผู้ท่ีมคี วามสามารถทาใหเ้ ข้าถงึ สิง่ ที่ลึกซงึ้ ใหย้ ิ่ง ๆ ข้นึ ไป กล่าวคือ สามารถทจี่ ะแถลงช้ีแจงเร่อื งท่ี
ลึกซ้ึงให้ง่ายต่อ ความเขา้ ใจได้ ตลอดจนช่วยใหศ้ ิษย์ได้เรยี นรเู้ รือ่ งลกึ ซงึ้ ต่าง ๆ ใหม้ ากยิง่ ขึ้น

ประการท่ี ๗ โน จฏฐาเน นิโยชเย แปลว่า ไมช่ ักจงู ไปในทางเสยี หาย ไม่ชกั จูงไปในส่งิ ท่ี
เหลวไหลไร้สาระ หมายความวา่ ครจู ะไมน่ าศิษย์ไปในทางทเี่ ส่อื มเสียหรือชักชวนไปส่อู บายมุข
พระพทุ ธเจ้าในฐานะพระบรมครูทรงสอนศิษยด์ ว้ ยการเป็นกัลยาณมติ ร ฉะนน้ั บคุ คลท่ีเป็นครู
ทุกคน พึงยดึ หลกั กลั ยาณมติ รธรรมเปน็ หลกั ปฏิบตั เิ พอื่ ให้เป็นครูทีส่ มบรณู ์ มีคุณคา่ นา่ เคารพยกย่อง
นับถอื จากศษิ ย์และบุคคลในสังคม อนั กล่าวไดว้ า่ ครทู ม่ี ีกัลยาณมิตรธรรม ๗ ย่อมเป็นครูทีด่ ี

คุณลักษณะของครูที่ดตี ามแนวพระราชดาริ

พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราชทรงครองสิริราชสมบตั คิ รบ ๖๐ ปี
ในปพี ทุ ธศักราช ๒๕๔๙ ตลอดระยะเวลา ๖๐ ปีนี้ พระองค์ทรงปฏบิ ตั ิพระราชกรณียกิจมากมายหลาย
ดา้ น ท่ีลว้ นมีคุณประโยชน์ตอ่ พสกนกิ รชาวไทย ในทน่ี ้ีจะกล่าวเฉพาะพระราชกรณยี กิจด้านการศึกษา
และความเปน็ ครขู องพระองค์ที่ทรงมตี ่อพสกนิกรชาวไทยโดยสังเคราะหจ์ ากแนวพระราชดารขิ อง
พระองค์ที่ปรากฏใน พระบรมราโชวาทและพระราชดารสั ทเี่ ก่ียวข้องกับความเป็นครู พบวา่
คุณลกั ษณะของครูที่ดีตามแนวพระราชดารนิ ัน้ สามารถจาแนกได้ออกเป็น ๕ คณุ ลกั ษณะ ดังต่อไปน้ี

๑. คณุ ลักษณะของครูทด่ี ี ตอ้ งมีคุณธรรม จรยิ ธรรม

พระบรมราโชวาททพี่ ระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หวั ทรงพระราชทานในโอกาสต่าง ๆ ที่แสดงถึง
คณุ ลกั ษณะของครทู ี่ดตี ้องมีคุณธรรม โดยสมาคมหนังสือพิมพส์ ่วนภูมภิ าคแห่งประเทศไทย (๒๕๒๖)๒
ได้รวบรวมและจดั พิมพ์เผยแพร่ ไดแ้ ก่ พระบรมราโชวาทในพธิ ีพระราชทานปริญญาบัตรแก่นกั ศึกษา
วิทยาลยั วชิ าการศึกษาทส่ี าเร็จ การศึกษาไปเปน็ ครูอาจารย์ใน พ.ศ. ๒๕๐๒ มคี วามว่า“...ขา้ พเจา้ เชื่อ
วา่ นสิ ติ นกั ศึกษา สาเรจ็ การศึกษาไปควรจะได้มีคุณธรรมศีลธรรม และวัฒนธรรมเป็นทนุ อยู่บา้ งแล้ว
แต่ในฐานะท่ีตอ้ งออกไปทาหน้าที่ครขู องผอู้ ื่น ทา่ นจาเป็นจะต้องสรา้ งสมธรรมะต่าง ๆ ให้เพม่ิ พนู มาก
ย่งิ ขึ้น และรู้จกั วางตัวให้สมกับเป็นผ้มู หี น้าทีส่ ง่ั สอนและอบรมเยาวชน ควรจะตัง้ ใจปฏบิ ัติหนา้ ท่ี
อยา่ งเตม็ ความสามารถ และส่งเสริมให้เยาวชนไดเ้ ป็นคนที่มีสัมมาอาชีพและความประพฤติดี...”
พระบรมราโชวาทในพธิ พี ระราชทานปรญิ ญาบตั รแกน่ ิสิตและนักศึกษาวิทยาลยั วชิ าการศกึ ษา
ในวันที่ ๑๕ ธนั วาคม ๒๕๐๓ ได้ทรงเน้นคุณลกั ษณะในการอบรมเด็กในด้านศลี ธรรมเปน็ สาคญั ดว้ ย
ดงั กลา่ วไวว้ า่

๒ สมาคมหนงั สอื พิมพส์ ว่ นภมู ิภาคแหง่ ประเทศไทย, กระแสพระราชดารสั และพระบรมราโชวาท
พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ ัวภมู พิ ลอดลุ ยเดช, (พระนคร : สมาคมหนังสือพมิ พ์สว่ นภมู ภิ าคแหง่ ประเทศไทย,
๒๕๒๖).

๖๐

“...ผ้ทู ่ีเป็นครอู าจารย์น้นั ใชแ่ ต่วา่ มีความรใู้ นทางวชิ าการ และในทางการสอนเทา่ นน้ั จะตอ้ งรจู้ ัก
อบรมเด็กท้งั ในด้านศีลธรรม จรรยาและวฒั นธรรม รวมท้ังให้มสี านกึ รบั ผิดชอบในหน้าที่และในฐานะ
เป็นพลเมืองที่ดีของชาติ การใหค้ วามรหู้ รือท่ีเรยี กวา่ การสอนน้ันตา่ งกบั การอบรม การสอนคือการ
ให้ความรูแ้ กผ่ เู้ รียนส่วนการอบรมเปน็ การฝกึ จติ ใจของผเู้ รียนให้ซมึ ซาบจนติดเปน็ นสิ ยั อย่างเดยี ว...”
นอกจากน้ัน ในพระบรมราโชวาทอีกหลายคร้ัง พระองคก์ ็ไดเ้ น้นให้ครยู ดึ มั่นอยู่ในคณุ ธรรมและ
ศีลธรรมเสมอ ดังพระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปรญิ ญาบัตรแก่นสิ ติ และนกั ศกึ ษาวทิ ยาลัยวิชา
การศกึ ษา เม่อื วันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๐๕ ดังกล่าวไวว้ ่า“...หนา้ ทขี่ องครูและอาจารยส์ ัง่ สอนใหไ้ ด้รบั
ความรูส้ ูง และอบรมจติ ใจให้ถึงพร้อมด้วยคุณธรรม เพ่ือจะไดเ้ ป็นพลเมืองดีของชาตสิ ืบไป งานของครู
จึงเป็นงานที่สาคัญยิ่ง ทา่ นจงวางตนใหส้ มกบั ทเี่ ปน็ ครูให้นักเรยี นมีความเคารพนับถือ และเป็น
ทเ่ี ล่อื มใสไวว้ างใจของผปู้ กครอง...”

พระราชดารสั ท่ีพระราชทานแกค่ รูอาวุโสประจาปี ๒๕๒๒ ไดก้ ลา่ วไวว้ า่ “...ครูทีแ่ ท้จรงิ ตอ้ ง
หมัน่ ขยัน และอุตสาหะพากเพียร ตอ้ งเอ้ือเฟ้ือเผอื่ แผ่และ เสียสละ ต้องหนักแน่น อดกลน้ั อดทน
รักษาวนิ ยั สารวม ระวังความประพฤตขิ องตน ให้อยใู่ นแบบแผนท่ดี ีงาม ซอื่ สตั ย์ รกั ษาความจริงใจ
ต้องเมตตา หวงั ดี ต้องวางใจเป็นกลาง ไม่ปล่อยไปตามอานาจอคติ ต้องอบรมปัญญาให้เพ่ิมพนู
สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ทัง้ ดา้ นวทิ ยาการและความฉลาดรอบร้ใู นเหตุผล...”

จากพระบรมราโชวาทและพระราชดารสั ทอี่ ญั เชิญมาจะเหน็ วา่ ในเร่อื งความเปน็ ครูนนั้
พระองคจ์ ะทรงเน้นคุณลักษณะของความเป็นครูท่ดี ี ซึง่ ได้แก่ การมคี ุณธรรม จรยิ ธรรม ขยันหมั่นเพียร
เสยี สละ อดทน อดกล้นั รักษาระเบยี บวินัย สารวมระวงั และประพฤติตนอย่ใู นระเบียบแบบแผนชีวติ ท่ี
ดีงาม

๒. คณุ ลกั ษณะของครทู ดี่ ตี อ้ งประพฤติตนเป็นที่เคารพรักของผู้เรยี น

คุณลกั ษณะของครูที่สาคัญอกี ประการหนง่ึ ตามแนวพระราชดาริ คอื ครจู ะต้องทาตวั ให้เป็นที่
รักเคารพของผู้เรยี น รวมท้งั ประพฤตติ นเป็นแบบอยา่ งดังพระบรมราโชวาท พระราชทานที่สมาคม
หนงั สอื พิมพส์ ่วนภมู ิภาคแห่งประเทศไทย (๒๕๒๖)๓ ไดร้ วบรวมไว้และจดั พิมพ์เผยแพร่ โดยผ้เู ขยี นขอ
อัญเชิญมา ไดแ้ ก่พระบรมราโชวาท ทพี่ ระราชทานแก่คณะครโู รงเรยี นราษฎร์ทวั่ ราชอาณาจกั ร ณ
ศาลาผกาภริ มย์ ๘ พฤษภาคม ๒๕๑๓ ความวา่ “...ครจู ะต้องตง้ั ใจในความดีอยู่ตลอดเวลา แมจ้ ะเหน็ด
เหนือ่ ยเท่าไรกจ็ ะตอ้ งอดทน เพอื่ พิสจู น์ว่าครนู ี้เป็นท่เี คารพสกั การะได้ แต่ถา้ ครูไมต่ ้งั ตวั ในศลี ธรรม
ถา้ ครไู ม่ทาตัวเป็นผ้ใู หญ่ เดก็ จะเคารพได้อย่างไร…”

พระบรมราโชวาทท่ีพระราชทานแก่คณะครูโรงเรยี นวังไกลกงั วล ในโอกาสทีเ่ ขา้ รบั
พระราชทานรางวัล เม่อื วันท่ี ๗ มถิ นุ ายน ๒๕๒๑ ความวา่ “...สาหรับครูนั้นก็จะต้องทาตวั ให้เปน็ ทีร่ กั
เปน็ ทเ่ี คารพ เปน็ ทเี่ ชือ่ ใจของนกั เรยี น...คอื ข้อแรก ตอ้ งฝกึ ฝนตนเองให้แตกฉานและแม่นยาชานาญ
ทง้ั ในวิชาความรู้ และวธิ ีสอน เพ่ือสามารถสอนวิชาท้ังปวงได้โดยถกู ต้องกระจ่างชัด และครบถ้วน
สมบรู ณ์ อกี ขอ้ หน่ึง ตอ้ งทาตัวให้ดี คอื ต้องมี และแสดงความเมตตากรณุ าความซื่อสตั ย์สจุ รติ ความ
สภุ าพ ความเข้มแขง็ และอดทนให้ปรากฏชัดเจน จนเคยชนิ เป็นปรกติวสิ ัย เด็ก ๆ จะไดเ้ หน็ ไดเ้ ข้าใจ
ในคณุ ค่าของความรู้ในความดี และในตวั ครูเองอย่างซาบซึ้ง และยึดถือเอาเป็นแบบอยา่ ง ภารกจิ ของ
ครู คือการใหก้ ารศกึ ษากจ็ ะไดบ้ รรลตุ ามทีม่ ุ่งหวัง...”

๓ สมาคมหนงั สอื พิมพส์ ว่ นภูมภิ าคแห่งประเทศไทย, กระแสพระราชดารสั และพระบรมราโชวาท
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ วั ภมู ิพลอดุลยเดช, (พระนคร : สมาคมหนงั สอื พิมพส์ ่วนภมู ภิ าคแห่งประเทศไทย,
๒๕๒๖).

๖๑

พระบรมราโชวาทแกค่ ณะครู นักเรยี นโรงเรยี นวังไกลกังวล เมอ่ื วันท่ี ๑๗ มถิ ุนายน ๒๕๒๔
ความว่า“...ในสว่ นครนู ้นั ก็จาเป็นตอ้ งทาตัวให้ดี เป็นทเ่ี คารพรักใคร่ และเชื่อถอื ได้สนิทใจ ข้อหน่ึง
จะต้องฝึกฝนตนเองให้แตกฉานและแมน่ ยา ชานาญทงั้ ในด้านความรู้และวธิ สี อน เพ่อื สามารถส่ังสอน
ไดอ้ ยา่ งแจ่มกระจา่ งและถูกต้องสมบูรณ์ อีกขอ้ หนง่ึ จะต้องฝึกหัดจติ ใจของตนเองให้เข้มแขง็ หนักแน่น
สจุ รติ ซื่อตรงประกอบด้วยเมตตา ความสุภาพ อ่อนโยน จะไดน้ าศิษย์ให้มองเหน็ ซง้ึ และประทับใจใน
ความสามารถและความดีของครูแล้วกาหนดจดจาเปน็ แบบฉบบั การให้การศกึ ษาก็จะบรรลผุ ล
ครบถ้วนตามจุดประสงค์...”พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ วั ได้พระราชทานพระบรมราโชวาทในพิธี
พระราชทานปริญญาบตั รแก่มหาวทิ ยาลยั ศรีนครนิ ทรวิโรฒ เมอ่ื วนั ท่ี ๒๑ มิถนุ ายน ๒๕๒๒ มพี ระราช
ดารสั ไว้วา่ “...ไมว่ า่ จะสอนเด็กวยั ใด ลกั ษณะใด ผ้สู อนจะต้องลงมือประพฤติเป็นตัวอยา่ งด้วยตนเองให้
ไดเ้ หน็ อยตู่ ลอดเวลา โดยไม่ละเลยความประพฤตปิ ฏบิ ตั ทิ ีต่ ้องการจะให้เกดิ มี ในตวั เดก็ เป็นอันขาด...”
จากทไ่ี ดน้ าเสนอมาน้ัน สะท้อนถงึ แนวพระราชดาริเก่ียวกบั คุณลกั ษณะของครทู ่ีดีวา่ ครทู ี่จะตอ้ ง
ประพฤตติ ัวให้ดี เปน็ ที่รกั ทเ่ี คารพสาหรบั นกั เรยี น ประพฤติเปน็ แบบอย่างที่ดี ใหศ้ ิษยไ์ ด้เห็น
เป็นแบบอยา่ งดว้ ย ซึ่งการประพฤตเิ ป็นแบบอย่างน้ีเปน็ สง่ิ สาคัญสาหรับครู

๓. คณุ ลกั ษณะของครทู ีด่ ตี ้องอดทน เสียสละ และมีเมตตา

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั ทรงเลง็ เหน็ ว่างานของครูเป็นงานทีย่ าก ตอ้ งใชค้ วามอดทน
เสียสละมาก โดยเฉพาะในสงั คมปัจจุบนั ท่ีมีการเปลย่ี นแปลงอยา่ งรวดเรว็ จึงได้พระราชทานพระบรม
ราโชวาทแก่คณะครูอาวุโส เพือ่ ให้กาลังใจครูในการทาหน้าที่ครูท่ีดตี ่อไป เมือ่ วนั ที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๑๓
มีพระราชดารัสไวว้ ่า

“...งานของครนู น้ั เปน็ งานท่ีต้องใช้ความอดทนเสยี สละมาก ปจั จุบันย่ิงยากขึ้นทุกที
เพราะเกิดความคดิ ใหมอ่ ยเู่ สมอ เช่น เด็กต้องมคี วามคิดรเิ ริ่มมาก แตค่ วามคิดรเิ ริ่มซง่ึ เป็นสิ่งท่ีดีนนั้
โดยมากไปแปลเปน็ ว่า จะตอ้ งมีความคิดทจ่ี ะลา้ งครูความคิดอันนีเ้ ป็นความคิด ทรี่ สู้ ึกว่าจะไม่ค่อยดนี กั
แต่เราก็ต้องรบั วา่ มเี พ่ือแก้ปญั หานี้มิใช่ว่าครจู ะต้องทาตวั ไม่ดี เพื่อใหส้ อดคล้องกับการยุแหย่ ตรงขา้ ม
ครยู งั ตอ้ งเสยี สละย่ิงต้องทางานหนัก และทาดว้ ยความเฉลียวฉลาดข้ึน ปญั หาเรอื่ งการกระด้าง
กระเด่ืองของฝ่ายลูกศิษย์ต่อครนู ้ัน มที างแก้อย่างเดียว คือ ความโอบอ้อมอารี และความอดทนของครู
ครกู ็มีหน้าทท่ี จี่ ะใหค้ วามเมตตา และเม่ือลูกศิษยท์ าอะไรไม่ดกี ็ต้องอดทนและส่งั สอน
แมจ้ ะถูกด่า ถา้ ทาเชน่ น้ีในท่สี ุด ผทู้ ี่เป็นลูกศิษย์ก็จะเห็นความดี...”

๔. คุณลักษณะของครูทีด่ ตี ้องไมม่ ่งุ หวงั ผลตอบแทนท่ีเป็นยศศักด์ิความรา่ รวย
หรือประโยชน์ทางวัตถุแตอ่ ยา่ งเดยี ว

สิ่งหน่ึงที่มักจะพูดกันมากในสังคมปจั จบุ ัน คือ การแสวงหา ยศศักดิ์ ความร่ารวย และ
ผลตอบแทนทเี่ ป็นวัตถุ แตส่ าหรบั ผู้ทเ่ี ป็นครูน้ัน ผลตอบแทนมิใชอ่ ยทู่ ีย่ ศศักด์ิ ความรา่ รวย และสิง่ ท่ี
เปน็ วตั ถทุ ้งั หลาย หากเป็นผลตอบแทนทางจติ ใจดังพระราชดารัสท่พี ระราชทานแก่ครอู าวุโสในโอกาส
ที่เข้าเฝ้าฯ รับพระราชทานเครอื่ งหมายเชดิ ชเู กยี รติ ณ ศาลาดุสิดาลยั เม่อื วันที่ ๙ ตลุ าคม ๒๕๑๖
ดงั กลา่ วไว้ว่า

“...งานครเู ปน็ งานพเิ ศษ ผดิ แปลกกว่างานอน่ื ๆ คอื ครูจะหวงั ผลตอบแทนเปน็ ยศศกั ด์ิ ความ
รา่ รวย หรือประโยชนท์ างวัตถุเป็นท่ีต้ังไม่ได้ ผลไดส้ ่วนสาคญั เปน็ ผลทางใจ ผูเ้ ปน็ ครแู ทก้ ็พึงใจ และ
ภูมิใจอยู่แล้ว ความเป็นครนู นั้ ผูกพนั ใจคนไว้ไดโ้ ดยอัตโนมัติ ไม่ต้องซ้ือหาหรือใช้อานาจราชศกั ดขิ์ ม่ ขู่
เอา ข้ึนชอื่ ว่าครูกบั ศิษย์แล้วท่ีจะลืมกันได้นัน้ ยากนัก ผ้ทู ีไ่ มร่ ู้จัก ไมเ่ อื้อเฟื้อครู ดเู หมือนมีแตค่ นที่กาลัง
ลมื ตวั มัวเมาในลาภยศอย่างใดอย่างหนง่ึ อยเู่ ทา่ นัน้ ฉะนน้ั ครจู งึ ไม่มเี หตุอันใดท่จี ะต้องแสวงหาความ

๖๒

พอใจในประโยชนท์ างวตั ถุให้มากจน เกนิ จาเป็น เพราะหากหันมาหาประโยชน์ทางวัตถุกันจนเกินไป
แลว้ กจ็ ะทาหน้าทค่ี รู หรอื เปน็ ครูไม่เต็มท่ีในทกุ วนั นก้ี ารปฏิบัติครบู างหมู่ ไม่ค่อยห่วงผลประโยชนท์ ี่
ควรจะหว่ ง หนั ไปหว่ งยศ ห่วงตาแหนง่ ห่วงสิทธิ์ และท่ีค่อนข้างร้ายอยู่คือ ห่วงรายได้ ความห่วงใน
สิ่งเหล่าน้ี ถ้าปล่อยไว้จะค่อย ๆ เขา้ มาทาลายครทู ลี ะเลก็ ละนอ้ ย ซง่ึ เช่ือว่าทีส่ ดุ จะสามารถบน่ั ทอน
ทาลาย ความมนี า้ ใจ ความเมตตา ความเสียสละทุกอยา่ งได้ ทาใหก้ ายเป็นคนขาดนา้ ใจ ละโมบ เห็น
แกต่ ัว ลืมประโยชน์ของศษิ ย์ กล่าวสน้ั ๆ คอื จะไมม่ ีอะไรดีเหลือพอทีจ่ ะเคารพนับถือกันได้ เป็นทน่ี า่
วิตกว่าครูเหลา่ นน้ั จะผูกพันใจใครไวไ้ ด้อย่างไร จะทางานของตัวให้บรรลุผลสาเร็จทีแ่ ท้จรงิ ไดอ้ ย่างไร
และจะมีอะไรเกิดขึน้ แก่การศึกษาของเรา...”

พระองค์ไดท้ รงเนน้ ในพระบรมราโชวาทอกี หลายครั้ง กลา่ วคือ“...ทุกคนท่ีทางาน ยอ่ มต้อง
หวังประโยชน์ เช่น เงินทอง ยศศกั ด์ิ อานาจความรา่ รวย เปน็ สิง่ ตอบแทน สาหรับครทู ่รี ักการเปน็ ครู
แท้จรงิ มโี อกาสที่จะได้รับประโยชน์ที่ลา้ คา่ ย่งิ กวา่ น้ัน แต่เป็นประโยชนท์ ่ีเป็นไปในทางจิตใจยิง่ กว่า
ทางวตั ถกุ ล่าวคือ ครตู ามแบบฉบบั มกั จะมิไดเ้ ปน็ ผทู้ ีบ่ ริบรู ณ์ดว้ ยทรัพย์ ดว้ ยยศศกั ด์ิ อานาจและ
อิทธพิ ลนกั หากแตบ่ ริบรู ณด์ ว้ ยสมบัตทิ างคุณธรรม เชน่ ความซ่ือสตั ยส์ จุ รติ ความเมตตาปรานี ความ
เสียสละ เป็นเหตุทาให้สามารถผูกพนั จติ ใจผูเ้ ปน็ ศิษย์ให้รักใคร่ไวใ้ จ และเคารพเช่ือฟังได้แน่นแฟน้ และ
สามารถท่ีจะสงั่ สอนถ่ายทอดท้งั วิชาความรู้ ทงั้ จติ ใจ และมารยาททีด่ ีให้แกศ่ ิษยไ์ ด้พร้อมมลู ทาใหศ้ ิษย์
มีความนอบนอ้ มและเอ้ือเฟ้ือสนบั สนุนกนั ดงั น้นั ถ้าพจิ ารณากันให้ลกึ ซง้ึ จะเห็นวา่ ประโยชน์ดงั กลา่ ว
แลว้ เป็นประโยชน์ท่แี น่นอนย่งั ยนื และทาใหเ้ กิดความสขุ สบายได้ดยี ่ิงกวา่ ทรพั ยย์ ศ และอานาจ หรอื
อทิ ธิพลใด ๆ หมดแตเ่ ดยี๋ วน้ี ความนยิ มหว่ งใยในสมบัติของครดู จู ะเรียวลง อาจทาใหผ้ เู้ ป็นครไู ม่ได้รับ
ความสุขความอมิ่ ใจในการเป็นครูเต็มภาคภมู ิ อาจทาให้ครูไมส่ ามารถสอนศิษยใ์ ห้มีคุณสมบตั ิดีพร้อม
ดงั แตก่ ่อน ซึ่งทส่ี ุดย่อมทาให้สังคมเสอ่ื มลง ยงุ่ ยากคลอนแคลน และไปไมร่ อด...”
(พระบรมราโชวาทในโอกาสที่คณะครอู าวุโสเขา้ เฝา้ ฯ รับพระราชทานเคร่ืองหมายเชดิ ชูเกียรติ
ณ พระตาหนักจติ รลดารโหฐาน วนั ท่ี ๔ พฤศจกิ ายน ๒๕๑๘)

๕. คณุ ลักษณะของครูทดี่ ีตอ้ งยดึ มั่นในคณุ งามความดี

แนวพระราชดาริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเกี่ยวกับคณุ ลกั ษณะครูประการสาคัญอีก
ประการหน่งึ คอื ทรงถอื วา่ ผู้ทเ่ี ป็นครทู ีด่ ีจะต้องยดึ ม่ันในคุณความดี ดงั ปรากฏในพระบรมราโชวาท
และพระราชดารสั ดงั มคี วามว่า

“...ความเป็นครูนัน้ ประกอบขึน้ ดว้ ยปัญญา คือ ความรทู้ ่ีดีประกอบด้วยหลักวชิ าอันถูกต้อง
ความฉลาดทีจ่ ะพจิ ารณาเร่ืองตา่ ง ๆ โดยถกู ต้องดว้ ยเหตผุ ลความดี คอื ความสจุ รติ ความเมตตากรุณา
เหน็ ใจ และปรารถนาดีตอ่ ผู้อ่ืนโดยเสมอหน้า ไดแ้ ก่ ความสามารถทจี่ ะเผ่ือแผ่และถ่ายทอดความรู้
ความดีของตนไปยงั ผูอ้ ืน่ อย่างได้ผล ความหวงั ดโี ดยบริสุทธ์ใิ จ ยอ่ มน้อมนาให้เกดิ ศรัทธาแจ่มใส มใี จ
พร้อมทจ่ี ะรับความร้คู วามดดี ้วยความชน่ื บาน เป็นผ้ใู ฝ่หาความรู้ ใฝห่ าความดี ทั้งตั้งใจและเตม็ ใจท่ีจะ
ชว่ ยเหลอื สนับสนนุ ผอู้ ่ืนโดยบริสทุ ธ์ิ ผู้ทม่ี ีความเปน็ ครูสมบรู ณ์ในตวั นอกจากจะมีความดดี ้วยตนเอง
แล้ว จงึ ยงั จะช่วยให้ทกุ คนทม่ี ีโอกาสเข้ามาสัมพนั ธเ์ กีย่ วขอ้ งบรรลถุ ึงความดคี วามเจริญไปดว้ ย...”
(พระราชดารสั พระราชทานแก่ครูอาวุโส ณ ศาลาดสุ ดิ าลัย เมื่อวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๒๒)

“...ครทู แี่ ทน้ น้ั เป็นผู้ทาแตค่ วามดี คอื ต้องหมนั่ ขยันและอุตสาหะพากเพียรตอ้ งเอื้อ เฟื้อเผื่อ
แผแ่ ละเสียสละ ต้องหนกั แน่นอดกลน้ั และอดทน ตอ้ งรกั ษาวินยั สารวม ระวงั ความประพฤติปฏบิ ตั ิของ
ตนใหอ้ ยู่ในระเบยี บแบบแผนท่ีดีงาม ตอ้ งต้งั ใจใหม้ ่นั คงแน่วแน่ ตอ้ งซ่ือสตั ยร์ ักษาความจรงิ ใจ ตอ้ ง
เมตตาหวงั ดี ต้องวางใจเป็นกลาง อบรมปญั ญาให้เพิ่มพนู สมบรู ณข์ ึน้ จงึ กลา่ วอีกนัยหน่ึงได้วา่ การทา

๖๓

หน้าท่ีครกู ็คอื การสรา้ งบารมีทแ่ี ท้ และการบาเพญ็ บารมหี รอื เพ่ิมพนู ความดีนัน้ ยอ่ มบารุงจิตใจให้
เจรญิ มน่ั คงขึน้ และขดั เกลาให้ประณีตสะอาดหมดจด...”
(พระราชดารัสพระราชทานแก่ครอู าวุโส ณ ศาลาดสุ ดิ าลยั เมือ่ วนั ที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๒๓)

“...งานครูนนั้ ว่าถึงฐานะ ตาแหน่ง ตลอดจนรายได้ ไม่ทดั เทียมงานอื่นหลาย ๆ อย่าง แต่ถา้
ว่าถึงผลท่แี พรห่ ลายยั่งยืนแล้วจะต้องถอื ว่าอยู่เหนือกว่างานดา้ นอ่นื ทัง้ หมด ท้งั น้ี เพราะครเู ปน็ ผู้ให้
ความรู้ความดีและความสามารถนานาประการแก่ศษิ ย์ เปน็ สมบตั ิอนั ประเสรฐิ ติดตวั ศิษย์ไปสาหรับท่ี
จะนาไปสรา้ งสรรค์ประโยชนต์ ่าง ๆ ทัง้ แกต่ ัวเองและแกส่ ว่ นรวม ครมู ีผลงานการสรา้ งสรรคอ์ ย่างสงู มี
เมตตากรุณาตอ่ คนท้งั หลายอยา่ งกว้างขวาง คนไทย จึงเคารพยกย่องครูอยา่ งยง่ิ ถือเปน็ บุพการีท่ี
แท้จรงิ เปน็ ทส่ี องรองแต่บิดามารดา ครูจงึ ควรมคี วามภาคภมู ใิ จ ทง้ั มีความยินดีพอใจทจี่ ะปฏบิ ตั ิ
บาเพญ็ คุณธรรมความดีของครใู ห้เพยี บพร้อมยิ่งขึ้น เพอ่ื รกั ษาความบริสทุ ธิ์ศักดิ์สทิ ธขิ์ องความเปน็ ครู
ไว้ ให้เปน็ แบบฉบบั แก่คนร่นุ หลังสาหรับประพฤตปิ ฏิบัติต่อตามกันสืบไปตลอดกาลนาน...”
(พระบรมราโชวาทพระราชทานแก่ครูอาวโุ ส ณ ศาลาดุสิดาลัย เม่อื วนั ที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๒๔)

กลา่ วโดยสรุป จากคุณลกั ษณะต่าง ๆ ของครูทด่ี ที ี่ไดร้ วบรวมมานั้น คุณลักษณะของครูตาม
พระราชดารัส และพระบรมราโชวาทท่ีพระราชทานไว้น้นั ทรงมีอยู่ครบถว้ นในพระราชจรยิ วตั รของ
พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยูห่ ัว โดยตลอดระยะเวลาท่ผี า่ นมา พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หวั ได้ปฏิบัติ
พระราชกรณียกิจที่อานวยประโยชนเ์ ก้ือกลู แก่ประชาชนชาวไทยอยา่ งประมาณมิได้ โดยเฉพาะอย่าง
ยง่ิ ด้านความเปน็ ครูต่อพสกนิกรชาวไทย ทงั้ ในดา้ น ทรงชว่ ยเหลือสนับสนุนการศึกษา ทรงพระเมตตา
พระราชทานคาส่ังสอนอบรม ตลอดจนทรงปฏบิ ัติพระองค์ มัน่ อยู่ในคุณธรรม เป็นแบบอย่างอันดงี าม
ยิง่ กวา่ น้ันพระองคท์ รงมนี า้ พระทยั ท่จี ะช่วยเหลอื ราษฎรอยา่ งไม่ทรงเห็นแก่ความเหน็ดเหนอ่ื ย ทรง
ทุ่มเทพระสตปิ ญั ญา กาลงั พระวรกาย พระราชทานความรใู้ ห้แก่ราษฎรได้แกป้ ญั หาการดารงชีวติ และ
ให้สามารถพง่ึ ตนเองได้ แม้ในยามเกดิ ภาวะวิกฤตทางเศรษฐกจิ พระองค์ได้ทรงช้ีแนะให้คนไทยได้
เลอื กวิถที าง และการปฏบิ ตั ติ นเพ่ือความเจรญิ ของตนเอง และเพ่ือความม่นั คงของประเทศชาติ
พระองค์ได้ทรงแสดงให้เหน็ ประจกั ษ์ถึงพระอจั ฉรยิ ภาพความเปน็ ครทู ่ีประเสรฐิ ทรงเป็นแบบอยา่ ง
ของครูที่แท้จริงด้วยจิตวิญญาณ เพอื่ ประโยชนส์ ขุ ของพสกนกิ รทั่วทง้ั ผืนแผ่นดินไทย สมควรแก่การยก
ย่องเทดิ ทูนพระองค์ว่า “ทรงเปน็ ครขู องแผน่ ดิน” เพราะการท่ที รงวางพระองคเ์ ชน่ ครูผยู้ ิ่งดว้ ยความ
เป็นครูอยา่ งเสมอตน้ เสมอปลาย เปน็ ตน้ แบบให้นกั ศึกษาครู ครูประจาการไดศ้ ึกษาและปฏบิ ตั ิตาม
รอยพระยุคลบาททัง้ ในฐานะครูผูเ้ รียน ฐานะครูผสู้ อน และในฐานะครูผพู้ ัฒนา (นงลักษณ์ วิรชั ชยั
และคณะ, ๒๕๕๐ : ๑๗)๔

คณุ ลกั ษณะของครทู ่ีดตี ามพระราชบญั ญตั กิ ารศึกษาแหง่ ชาติ

คุณลักษณะของครูที่ดี ตามพระราชบัญญตั ิการศกึ ษาแหง่ ชาติ พทุ ธศักราช ๒๕๔๒ จาก
มาตราตา่ ง ๆ ทีเ่ กย่ี วข้องกับการจัดการเรียนร้ขู องครู ดงั น้ี

มาตรา ๖ เปา้ หมายของการศึกษาเพอ่ื ใหผ้ เู้ รียนเปน็ คนเก่ง คนดี และมีความสขุ ครตู อ้ งทา
ความเขา้ ใจเพื่อปรับกิจกรรมการเรยี นรู้ ให้สามารถพฒั นาสมรรถนะของผ้เู รยี นให้มีความเข้มแขง็

๔ นงลักษณ์ วริ ัชชยั และคณะ, “ความเป็นครแู ละธรรมิกราชาในพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยูห่ ัว การ
วิเคราะห์คณุ ธรรมเบอื้ งหลังพระราชกรณยี กิจ”, วารสารวิธีวิทยาการวิจยั ปีท่ี ๒๐, ฉบบั ท่ี ๑ มกราคม –เมษายน
๒๕๕๐, หนา้ ๑๗.

๖๔

ทางดา้ นวชิ าการดว้ ย การศึกษาคน้ คว้าด้วยตนเอง สร้างความรู้เอง ทางานร่วมกันเปน็ กลุ่ม เรยี นรจู้ าก
สถานการณ์จริง เผชิญปัญหาและแก้ไขปัญหาดว้ ยตนเอง และมีความร้เู ทคโนโลยสี มัยใหม่ ครตู ้องปลูก
จิตสานกึ ความเท่าเทียมกันของมนุษย์ ปลกู ฝังให้มวี ินัย ใหม้ ีความซื่อสตั ย์ ให้มีความรับผดิ ชอบ และจัด
บรรยากาศทีส่ นุกสนานเอ้ือต่อความสนใจของผเู้ รียน

มาตรา ๒๒ หลักการของการจัดการศกึ ษาโดยถือวา่ ผู้เรยี นสาคัญทสี่ ดุ ครจู ะต้องให้
ความสาคญั กบั ผเู้ รยี นมากท่สี ุด ให้ผู้เรยี นเปน็ ผู้ปฏิบตั ิดว้ ยตนเอง ครูตอ้ งเข้าใจว่าผู้เรียนทุกคนมี
ความสามารถเรยี นรู้และพัฒนาตนเองได้ ต้องถือว่าผเู้ รยี นมคี วามสาคญั ท่สี ุดและพัฒนาผ้เู รยี นให้
พฒั นาตนเองไปตามธรรมชาติเต็มศักยภาพ

มาตรา ๒๓ จุดเน้นของการจัดการศึกษา คอื การให้ความสาคญั ทง้ั ความรู้ คณุ ธรรม กระบวน
การเรยี นรแู้ ละการบรู ณาการตามความเหมาะสม ของแต่ละระดับการศึกษาในเรอ่ื งเกีย่ วกับตนเอง
ความสัมพันธ์ของตนเองกบั สงั คม ความรแู้ ละทักษะด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมทง้ั การ
จดั การและการใชป้ ระโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมอย่างสมดลุ ความรู้เก่ยี วกบั
ศาสนา ศิลปะวัฒนธรรม การกฬี า ภมู ปิ ัญญาไทย และการประยุกตใ์ ชภ้ ูมปิ ัญญา ความรแู้ ละทักษะ
ด้านคณิตศาสตร์ และด้านภาษา เนน้ การใช้ภาษาไทยอยา่ งถกู ต้อง และความรู้ และทกั ษะในการ
ประกอบอาชีพและการดารงชวี ิตอย่างมีความสุข ฉะนัน้ ครตู อ้ งมีความรดู้ ี รู้รอบและรอบรู้

มาตรา ๒๔ การจัดกระบวนการเรียนรู้ ลักษณะครดู ที ่ีสอดคล้องกับพระราชบัญญัติการศึกษา
ตามมาตราน้ี สรปุ ได้ ๖ ประการ คอื ครจู ัดการเรียนรูไ้ ด้ตามความแตกตา่ งระหวา่ งบุคคล ครู
เสรมิ สรา้ งกระบวนการคดิ แก้ปญั หาใหผ้ ู้เรียน ครูตอ้ งเรยี นรูช้ วี ิตจริงโดยบรู ณาการความรคู้ ู่คณุ ธรรม
ครูต้องสรา้ งส่ือส่งิ แวดลอ้ มทส่ี มวยั ครูตอ้ งทาวิจัยเพื่อพฒั นาการเรยี นการสอน และครูต้องสามารถจดั
บรรยากาศให้เรยี นรู้ไดท้ ุกเวลาทุกสถานท่แี ละครตู ้องใชก้ ระบวนการวจิ ัยในชนั้ เรียน เพอ่ื พฒั นาผ้เู รียน
และเปล่ยี นการจัดการเรียนรู้ ให้เหมาะสมกบั ผเู้ รียนเป็นรายบคุ คล

มาตรา ๒๖ ครตู อ้ งประเมินผู้เรยี นดว้ ยวิธีหลากหลายตามสภาพท่เี ป็นจรงิ และเปิดโอกาสให้
ผเู้ รียน ได้มีสว่ นร่วมในการวัดประเมนิ ตนเอง

มาตรา ๕๓ ครูต้องประพฤตติ นมีคุณธรรมและจริยธรรมในการประกอบวชิ าชีพครู
มาตรา ๖๕ ครูต้องใชเ้ ทคโนโลยีและนวัตกรรมทีเ่ หมาะสมกับสาระการเรียนรู้ และความสนใจ
ของผูเ้ รียนแต่ละคน (พระราชบัญญัติการศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒, ๒๕๕๔,หนา้ ๑-๕)๕

คณุ ลกั ษณะของครทู ีด่ ตี ามเกณฑม์ าตรฐานวชิ าชพี ครู

ทกุ วิชาชีพยอ่ มต้องมมี าตรฐานของวิชาชีพนน้ั เพือ่ วดั หรอื ประมาณคา่ ผู้ปฏบิ ัตกิ ารวชิ าชพี
ตามมาตรฐานดา้ นความรู้ ทักษะ และประสบการณว์ ชิ าชพี ซ่งึ มาตรฐานดา้ นความรู้กด็ ี มาตรฐานดา้ น
ประสบการณ์และทักษะวิชาชีพก็ตาม จะต้องถูกกาหนดขน้ึ โดยองค์กรหรือสมาคมวิชาชีพของแตล่ ะ
วิชาชีพ เพ่อื พฒั นาอาชีพของตน ให้มมี าตรฐานสงู ท่ีสดุ โดยใหผ้ ู้ปฏิบัติการ ผู้รับบรกิ าร ผ้เู กยี่ วขอ้ งและ
สาธารณชนไดเ้ หน็ ความสาคัญของการอาชีพนนั้ ๆ โดยเฉพาะมาตรฐานวิชาชีพท่เี กย่ี วข้องกบั
คณุ ลักษณะของครูที่ดี ๑๒ มาตรฐานดงั น้ี (สานักงานเลขาธกิ ารคุรุสภา, ๒๕๔๙,หน้า ๖๔-๖๕)๖

๕ พระราชบญั ญตั กิ ารศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒, [Online]. Available: http://sites.google.com/
site/khrukhonmai/k๓., ๓ เมษายน ๒๕๕๔., หน้า ๑-๕.

๖ สานกั งานเลขาธกิ ารครุ สุ ภา, คมู่ อื การประกอบวิชาชีพทางการศกึ ษา, (พมิ พค์ รง้ั ที่ ๑),

๖๕

มาตรฐานท่ี ๑ ปฏบิ ัติกจิ กรรมทางวิชาการเกยี่ วกบั การพัฒนาวิชาชพี ครูอยู่เสมอ หมายถึง
การปฏบิ ัติกิจกรรมทางวชิ าการเก่ียวกับการพฒั นาวชิ าชพี ครู การศึกษา ค้นคว้าเพ่ือพฒั นาตนเอง การ
เผยแพรผ่ ลงานทางวชิ าการ และการเข้ารว่ มกิจกรรมทางวิชาการที่องค์การหรอื หนว่ ยงาน หรือ
สมาคมจดั ขึน้ เช่น การประชุม การอบรม การสัมมนา และการประชุม ปฏิบัติการ ทง้ั น้ีต้องมผี ลงาน
หรอื รายงานที่ปรากฏชัดเจน

มาตรฐานท่ี ๒ ตัดสนิ ใจปฏิบัติกจิ กรรมต่าง ๆ โดยคานึงถึงผลทจี่ ะเกิดกับผเู้ รยี น หมายถึง
การเลือกอยา่ งชาญฉลาดด้วยความรกั และหวงั ดตี ่อผูเ้ รียน ดังนนั้ ในการเลอื กกจิ กรรมการเรียนการ
สอนและกจิ กรรมอื่น ๆ ครตู อ้ งคานึงถึงประโยชนท์ ่ีจะเกดิ แกผ่ ้เู รียนเป็นหลกั

มาตรฐานท่ี ๓ มงุ่ ม่ันพฒั นาผเู้ รียนให้เตม็ ตามศักยภาพ หมายถึง การใช้ความพยายามอย่าง
เตม็ ความสามารถของครูท่ีจะใหผ้ ู้เรียนเกิดการเรียนรใู้ ห้มากทส่ี ดุ ตามความถนัด ความสนใจ ความ
ตอ้ งการโดยวเิ คราะห์ วินจิ ฉยั ปญั หาความต้องการทแ่ี ท้จรงิ ของผู้เรียน ปรับเปลี่ยนวิธกี ารสอนทจี่ ะให้
ได้ผลดีกว่าเดิม รวมทั้งการสง่ เสริมพฒั นาการด้านตา่ ง ๆ ตามศกั ยภาพของผเู้ รียนแตล่ ะคนอยา่ งเปน็
ระบบ

มาตรฐานท่ี ๔ พัฒนาแผนการสอนให้สามารถปฏบิ ตั ิได้เกิดผลจริง หมายถึง การเลอื กใช้
ปรับปรงุ หรือสร้างแผนการสอน บนั ทึกการสอน หรือเตรยี มการสอนในลกั ษณะอื่น ๆ ทส่ี ามารถ
นาไปใช้จัดกิจกรรมการเรยี นการสอนใหผ้ ูเ้ รียนบรรลวุ ตั ถุประสงค์ของการเรียนรู้

มาตรฐานที่ ๕ พัฒนาสือ่ การเรยี นการสอนใหม้ ีประสทิ ธิภาพอยู่เสมอ หมายถงึ การประดิษฐ์
คิดคน้ ผลิต เลือกใช้ ปรับปรุงเครอ่ื งมืออปุ กรณ์ เอกสารส่งิ พิมพ์ เทคนิควธิ ีการตา่ ง ๆ เพอื่ ใหผ้ ู้เรยี น
บรรลุจุดประสงค์ของการเรยี นรู้

มาตรฐานท่ี ๖ จัดกจิ กรรมการเรยี นการสอนโดยเน้นผลถาวรทเี่ กิดแกผ่ ู้เรียน หมายถงึ การ
จัดการเรยี นการสอนที่มุ่งเนน้ ใหผ้ ู้เรยี นประสบผลสาเร็จในการแสวงหาความรตู้ ามสภาพความแตกตา่ ง
ของบุคคล ดว้ ยการปฏิบตั จิ ริง และสรปุ ความร้ทู ้ังหลายได้ด้วยตนเอง ก่อให้เกดิ คา่ นิยมและนสิ ยั ในการ
ปฏิบัตจิ นเปน็ บคุ ลกิ ภาพถาวรติดตัวผู้เรยี นตลอดไป

มาตรฐานที่ ๗ รายงานผลการพัฒนาคณุ ภาพของผู้เรยี นได้อย่างมีระบบ หมายถึง การ
รายงานผล การพฒั นาผ้เู รียนทเี่ กดิ จากการปฏิบัติการเรยี นการสอนให้ครอบคลุมสาเหตุ ปัจจัย และ
การดาเนนิ งานท่ีเกีย่ วข้อง โดยครนู าเสนอรายงานการปฏิบัติในรายละเอยี ดดงั น้ี

๑) ปัญหาความต้องการของผเู้ รียนทต่ี อ้ งการไดร้ ับการพฒั นาและเปา้ หมายของการ
พฒั นาผเู้ รยี น

๒) เทคนคิ วธิ ีการ หรอื นวัตกรรมการเรยี นการสอนท่นี ามาใช้เพ่อื การพฒั นาคณุ ภาพ
ของผู้เรียน และข้ันตอนวิธกี ารใชเ้ ทคนคิ วธิ กี ารหรอื นวตั กรรมน้นั ๆ

๓) ผลการจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอนตามวธิ ีการท่กี าหนดท่เี กิดกบั ผเู้ รยี น
๔) ขอ้ เสนอแนะแนวทางใหม่ ๆ ในการปรบั ปรุงและพฒั นาผู้เรียนใหไ้ ดผ้ ลดยี ่ิงข้ึน
มาตรฐานท่ี ๘ ปฏิบัตติ นเปน็ แบบอย่างทีด่ ีแกผ่ เู้ รียน หมายถึง การแสดงออก การประพฤติ
และปฏบิ ตั ใิ นดา้ นบุคลกิ ภาพทัว่ ไป การแต่งกาย กริ ยิ า วาจา และจริยธรรมท่ีเหมาะสมกับความเปน็ ครู
อยา่ งสม่าเสมอท่ีทาใหผ้ ้เู รียนเล่อื มใสศรัทธาและถือเป็นแบบอย่าง
มาตรฐานที่ ๙ ร่วมมือกบั ผู้อน่ื ในสถานศกึ ษาอย่างสรา้ งสรรค์ หมายถงึ การตระหนักถงึ

(กรงุ เทพฯ : โรงพิมพค์ ุรสุ ภา, ๒๕๔๙), หนา้ ๖๔-๖๕.

๖๖

ความสาคัญ รบั ฟังความคดิ เห็น ยอมรับในความรคู้ วามสามารถ ให้ความรว่ มมือในการปฏบิ ัติ
กิจกรรมต่าง ๆ ของเพื่อนรว่ มงานด้วยความเตม็ ใจ เพ่ือให้บรรลเุ ปา้ หมายของสถานศึกษา และรว่ มรบั
ผลทเี่ กิดขึน้ จากการกระทานั้น

มาตรฐานที่ ๑๐ รว่ มมอื กับผู้อื่นอยา่ งสร้างสรรค์ในชมุ ชน หมายถงึ การตระหนกั ใน
ความสาคัญรบั ฟังความคิดเห็น ยอมรับในความรู้ความสามารถของบคุ คลอนื่ ในชุมชน และรว่ มมือ
ปฏิบัตงิ านเพื่อพัฒนางานของสถานศกึ ษา ให้ชุมชนและสถานศึกษามกี ารยอมรบั ซึง่ กันและกนั และ
ปฏบิ ตั ิงานร่วมกนั ด้วยความเต็มใจ

มาตรฐานที่ ๑๑ แสวงหาและใชข้ ้อมลู ข่าวสารในการพัฒนา หมายถึง การค้นหา สงั เกต
จดจาและรวบรวมขอ้ มูลข่าวสารตามสถานการณข์ องสงั คมทกุ ด้าน โดยเฉพาะสารสนเทศเกย่ี วกบั
วิชาชีพครสู ามารถวเิ คราะห์ วิจารณ์อยา่ งมีเหตุผล และใช้ข้อมลู ประกอบการแกป้ ัญหาพัฒนาตนเอง
พฒั นางานและพัฒนาสังคมไดอ้ ย่างเหมาะสม

มาตรฐานที่ ๑๒ สร้างโอกาสให้ผู้เรียนได้เรยี นรูใ้ นทุกสถานการณ์ หมายถึง การสรา้ งกจิ กรรม
การเรียนรู้ โดยการนาปญั หาหรือความจาเปน็ ในการพัฒนาตา่ ง ๆ ทเี่ กดิ ขน้ึ ในการเรยี น และการจดั
กจิ กรรมอื่น ๆ ในโรงเรยี น มากาหนดเปน็ กิจกรรมการเรยี นรู้ เพอื่ นาไปสกู่ ารพัฒนาของผู้เรยี นทีถ่ าวร
เป็นแนวทางในการแก้ปัญหาของครูอีกแบบหนึง่ ทจ่ี ะนาเอาวกิ ฤตติ า่ ง ๆ มาเปน็ โอกาสในการพัฒนา
ครูจาเป็นต้องมองมมุ ต่าง ๆ ของปัญหา แล้วผนั มุมของปัญหาไปในทางการพฒั นา กาหนดเปน็
กจิ กรรมในการพฒั นาของผูเ้ รียน ครจู งึ ตอ้ งเปน็ ผู้มองมุมบวกในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ กล้าทีจ่ ะเผชญิ
ปัญหาตา่ ง ๆมีสติในการแกป้ ัญหา มไิ ดต้ อบสนองปัญหาตา่ ง ๆ ด้วยอารมณห์ รือแง่มมุ แบบตรงตวั ครู
สามารถมองหักมมุ ในทุก ๆ โอกาส มองเหน็ แนวทางท่นี าสู่ผลกา้ วหน้าของผู้เรียน

คุณลักษณะของครูทด่ี ตี ามทศั นะของบคุ คลตา่ ง ๆ

บุคคลสาคัญและนักการศึกษาในสงั คมไทย ได้มที ัศนะต่อคุณลักษณะของครทู ีด่ ีในแงม่ ุมตา่ ง
ๆตามความคิดเหน็ และความคาดหวงั ทีแ่ ตกต่างกนั แต่ก็มีหลายทัศนะท่สี อดคลอ้ งกนั ซ่ึงผู้เขยี นได้
นามาเรยี บเรยี ง เพื่อประโยชนใ์ นการทาความเขา้ ใจคณุ ลักษณะของครูทด่ี ีใหล้ ึกซึ้งชดั เจนยง่ิ ข้นึ โดยจะ
เรมิ่ จาก พระราโชวาทของสมเดจ็ พระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกฎุ ราชกุมาร สุมน อมรวิวัฒน์ อารุง
จนั ทวานชิ โณทัย อุดมบุญญานภุ าพ และสงั คมออนไลน์ และวเิ คราะห์สรุป โดยจะกล่าวตามลาดับไป
ดงั ตอ่ ไปน้ี

คุณลักษณะของครทู ีด่ ีตามทัศนะของสมเดจ็ พระบรมโอรสาธริ าชฯ สยาม
มกฎุ ราชกุมาร

สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกฎุ ราชกุมาร ทรงพระราชทานพระราโชวาทให้แก่
บณั ฑิตใหม่ (คุณลกั ษณะของครูทดี่ ีตามพระราโชวาท, ๒๕๕๔,หน้า ๑)๗ มขี ้อความตอนหนงึ่ ว่า

“...คณุ สมบัติที่สาคัญสาหรบั ครู ผูป้ รารถนาจะทางานให้ได้ดมี ีความเจรญิ ก้าวหน้า มเี กียรติ
ชอ่ื เสยี ง และมฐี านะตาแหนง่ อนั มัน่ คงถาวร คณุ สมบัติประการแรก คือ ความสามารถในการแสดง
ความรู้ความคิดของตนใหผ้ ู้อื่นได้ทราบได้อย่างแจม่ แจง้ ด้วยความฉลาด คุณสมบตั ขิ ้อทสี่ อง คอื ความ
มมี นุษยสมั พันธ์ท่ีดีหมายถงึ การทาตัวดี สามารถเขา้ ได้กับทุกเพศ ทุกวยั ทุกภมู ิชนั้ ไดอ้ ย่างแนบเนยี น

๗ คุณลักษณะของครูทีด่ ีตามพระราโชวาท, ครูคนใหม่, [Online]. Available: http://sites.Google
.com/site/khrukhonmai/k๓., ๓ มีนาคม ๒๕๕๔.

๖๗

คณุ สมบตั ิขอ้ ทีส่ าม คอื ความมคี า่ นิยมสงู ไดแ้ ก่ ความเฉลียวฉลาด สามารถเลือกสรรส่ิงที่ดที ง่ี าม ท่ี
เปน็ ประโยชนม์ าเปน็ ท่นี ยิ ม ท่ยี ึดเหนยี่ วและเป็นแบบอยา่ งในการประพฤติตน คณุ สมบตั ิขอ้ ทส่ี ่ี คือ
ความมีวจิ ารณญาณ หมายถึง ความมีวิจารณญาณอันถ่องแทแ้ น่ชัดในสรรพกิจการงาน และในการ
กระทาคาพดู ทุกอยา่ งโดยเฉพาะอย่างย่ิงในสว่ นที่เป็นตนเอง คุณสมบัติขอ้ ที่ห้า คือ วนิ ัย วนิ ยั หรอื
ระเบยี บบังคบั เป็นของสาคญั สาหรบั ทกุ คน โดยเฉพาะผู้ที่อยใู่ นฐานะหนา้ ท่ีทจ่ี ะต้องปกครองผ้อู ืน่
ตอ้ งทาตัวเป็นแบบอย่างท่ีดี ...”

จากการศึกษาพระราโชวาทของสมเด็จพระบรมโอรสาธริ าชฯ สยามมกฎุ ราชกมุ ารดังกล่าว
ข้างต้น โดยพิจารณาในแต่ละขอ้ อยา่ งละเอียดทาให้ไดข้ ้อค้นพบเก่ียวกับคุณลักษณะของครทู ่ดี ดี ังนี้

๑. ความสามารถในการแสดงความรู้ ความคิดของตนให้ผอู้ ื่นได้อยา่ งแจ่มแจ้ง ดว้ ยความ
ฉลาด โดยครจู ะต้องได้รบั การฝกึ ฝนอบรม การคดิ อยา่ งมรี ะเบยี บแบบแผน การร้จู กั จบั ประเดน็ ของ
เรอ่ื งท่จี ะพดู ใหไ้ ด้ เพือ่ ใหก้ ารสอ่ื ความหมายถกู ต้อง การพูดควรรวบรัด ชัดเจน ตรงประเดน็

๒. ความมีมนุษยสัมพนั ธ์ทดี่ ี คุณสมบตั ิขอ้ นจี้ ะบงั เกิดมใี นตัวบคุ คลไดจ้ ะต้องฝึกอบรมใน
เรอื่ งต่อไปนี้ คอื ความสภุ าพเปน็ มติ รตอ่ บุคคลเสมอ การไม่สร้างปมเงื่อนหรือปมด้อยให้กับตนเอง
การรักษากาย วาจา ใจ ใหส้ งบ หนักแนน่ การไม่โกรธงา่ ย ความไม่มอี คตหิ รอื ลาเอียง และ การไมเ่ หน็
วา่ ตวั เองสาคัญกวา่ ผู้อน่ื

๓. ความมีคา่ นิยม ครูอาจารย์ต้องฝึกฝนตนให้เปน็ ผฉู้ ลาดในการเลือกสรรสง่ิ ทดี่ งี าม เชน่
การยึดม่นั ระบอบการปกครองแบบประชาธปิ ไตยอันมีพระมหากษตั ริยเ์ ปน็ ประมุข การประหยดั อด
ออมการมีระเบียบวินยั การเคารพกฎหมาย การเคารพเทิดทนู พระมหากษัตรยิ ์ การปฏิบตั ิตนตาม
จรรยาวชิ าชพี ครูอยา่ งเคร่งครัด การแต่งกายสุภาพเรียบร้อยเมอ่ื ไปสถานทสี่ าธารณะ การรักษาความ
สะอาดการมีความกตัญญรู คู้ ุณ และความซือ่ สัตยส์ จุ รติ

๔. ความมวี จิ ารณญาณ คุณสมบัตขิ ้อนีจ้ ะบงั เกิดกับครไู ด้ จะตอ้ งฝึกในด้านการควบคุมจิตใจ
ให้เปน็ ปกติและหนักแนน่ ไม่หวัน่ ไหวไปตามอารมณ์และอคติต่างๆ ไมฟ่ ุ้งซ่าน ไมค่ ดิ สับสนวกวน
เพอ่ื เป็นผู้มีจิตปกติ นงิ่ สุขุม จงึ จะพิจารณา วินจิ ฉยั เร่อื งราวต่าง ๆ อย่างมีวจิ ารณญาณได้

๕. การมีวินัย ครูอาจารย์จะต้องยึดถือปฏิบัตติ ามระเบยี บวินัยอยา่ งเคร่งครดั เหมาะสม
โดยตระหนกั อยู่เสมอว่า การมีวนิ ยั ของครจู ะเปน็ ตวั แบบที่ดแี กผ่ เู้ รียน ขณะเดียวกันการมีวนิ ยั จะชว่ ย
เสริมสรา้ งคุณภาพให้ตัวเราเอง ช่วยสร้างความพรอ้ มเพรยี ง ความเป็นปกึ แผน่ ม่ันคงและ
ความกา้ วหนา้ ของหมู่คณะ

คุณลกั ษณะของครูที่ดตี ามทศั นะของสมุ น อมรววิ ัฒน์

สมุ น อมรววิ ฒั น์ (งาน ๕ ลกั ษณะของครทู ีด่ ี, ๒๕๕๔ ,หน้า ๑-๒)๘ ได้ใหท้ ัศนะเกีย่ วกบั
คุณลักษณะ
ท่ดี ขี องบคุ คลทจี่ ะประกอบวิชาชีพครดู ังต่อไปน้ี

๑. เปน็ ผู้มคี วามรอบรดู้ ี การเป็นผู้มีความรอบรู้ หมายถงึ การมีความรู้หรอื ความเข้าใจใน
วชิ าการต่าง ๆ ซงึ่ ได้ศึกษาเล่าเรียนมาจากวทิ ยาลัย มหาวิทยาลยั เปน็ อย่างดี มคี วามความเช่ือมนั่ ใน
วชิ าการแต่ไม่หย่งิ ผยองวา่ ตนมีความรูส้ ูง

๒. เปน็ ผู้มีอารมณ์ขนั การเป็นผูม้ อี ารมณข์ ัน คือ การเปน็ ผู้ทสี่ ามารถในการรบั รู้ ซาบซ้งึ

๘ สุมน อมรววิ ัฒน,์ งาน ๕ ลกั ษณะของครูท่ีดี, [Online]. Available: http://๔๗๑๐๑๐๑๐๔๔๓.
multiply.com/ jour nal/item/๑๖., ๕ มีนาคม ๒๕๕๔, หน้า ๑-๒.

๖๘

หรอื สามารถแสดงความร้สู กึ ในส่ิงทท่ี าให้ขาขันหรือสนุกสนาน
๓. การเป็นผู้มคี วามยืดหยนุ่ หมายถึง การเป็นผู้ทมี่ คี วามรู้สกึ ไวตอ่ การเปลีย่ นแปลงแก้ไข

ปรับเปล่ียน
๔. เป็นผู้มีวญิ ญาณครู บุคคลทีม่ ีวิญญาณครูโดยแทจ้ รงิ แลว้ จะเป็นผู้ทม่ี ีความรักในตวั เด็ก

และยินดใี นภารกิจทางการสอน
๕. เป็นผู้มคี วามซ่ือสตั ย์ การมีความซ่ือสัตย์สุจริตเปน็ คณุ ลักษณะทีส่ าคัญมากสาหรบั คนทุก

คนโดยเฉพาะอย่างย่งิ ผู้ที่เป็นครอู าจารย์ ครอู าจารย์ที่มคี วามซ่อื สัตย์จรงิ ใจเมื่อบอกนกั เรยี นวา่ จะทา
อะไรกจ็ ะพยายามทาสิ่งนน้ั ให้สาเร็จ

๖. เปน็ ผู้สามารถทาให้เข้าใจได้รวบรัดชัดเจน ซง่ึ เป็นความสามารถในการสือ่ สาร เปน็ เรื่อง
ของการใช้ภาษาพดู และภาษาเขยี น และเปา้ หมายสาคญั ของการศึกษาประการหน่งึ ก็คือ เพื่อช่วยให้
นักเรียนเปน็ ผู้ท่มี ีความสามารถในการส่ือสารได้รวบรดั ชดั เจน

๗. เปน็ คนเปดิ เผย การเปน็ เปิดเผย คือ การเป็นคนทเ่ี ต็มใจจะเปิดเผยเร่อื งราวทต่ี นมีอยู่ให้
ผ้อู น่ื รบั รู้ครูอาจารยท์ ่เี ปดิ เผยสิ่งตา่ ง ๆ ที่เกิดขนึ้ ในชวี ิตของตนเพื่อแสดงเปน็ ตวั อย่าง หรอื เปดิ เผย
ความร้สู กึ ในเรื่องใดเรื่องหนง่ึ หรอื ในสถานการณ์ท่ีกาหนด

๘. เปน็ ผ้มู คี วามอดทน การเป็นผูม้ คี วามอดทนในทีน่ ี้ แสดงถงึ ความเป็นบุคคลท่ีมคี วามเพยี ร
พยายามหรือขยนั ขันแข็ง นอ้ ยคนนกั ที่ จะมคี ุณสมบัติข้อนี้อย่างเพยี งพอ กล่าวคอื นักวิจัย นกั
ปฏิบัติการต่าง ๆพยายามเสนอแนะเทคนิคการเรียนการสอนจานวนมากมาย เพ่ือให้ครอู าจารย์
นาไปใช้กบั นักเรยี นกลุ่มต่างๆ ซง่ึ อาจจะทาให้ครูอาจารย์เกิดความขัดขอ้ งใจ ขณะที่ต้องรับภาระกบั
นกั เรียนจานวนมาก ๆ ดังน้ัน ครอู าจารย์จงึ ต้องมคี วามอดทน ในการสอนนักเรยี นในชัน้ เรียน และ
จะตอ้ งอดทนต่อการเรยี นรู้ ความกา้ วหนา้ ทลี ะเล็กทีละน้อยวนั ต่อวันของนักเรยี นมากกว่าทีจ่ ะหวงั ผล
เหมอื นการแสดงละครทเ่ี หน็ ผลในทนั ทที ันใด

๙. เป็นผู้กระทาตนเป็นแบบอยา่ งทด่ี งี าม ครอู าจารย์ควรเป็นบคุ คลทก่ี ระทาตนใหเ้ ป็น
แบบอยา่ งทดี่ เี ป็นพิเศษ เพราะเด็กและเยาวชนตอ้ งการแบบอยา่ ง การกระทาที่ถูกต้องดีงาม เพ่ือใช้
เป็นแนวทางในการดาเนนิ ชวี ิตของตน ปัจจบุ ันแบบกระสวนพฤติกรรมต่าง ๆ ของเด็กจานวนมาก
มกั จะไดม้ าจากแบบอยา่ งท่มี าจากโทรทัศน์ ภาพยนตร์ หรอื เพ่ือนบา้ น แบบอย่างบางประการ ทีไ่ ดม้ า
จากสื่อมวลชนอาจจะดีแต่กม็ ีพฤติกรรมบางอย่างท่ีลอกเลยี นมาเปน็ ไปในทางลบ เยาวชนท่ีขาดความ
รักความอบอุ่นจากบดิ ามารดา ปู่ยา่ ตายายและไม่ไดแ้ บบอย่างท่ดี ีงามจากครูอาจารย์มักจะปฏบิ ตั ติ วั
ไปในทางเสื่อมเสยี ตามทตี่ นเองได้ตัดสินใจ ดงั น้ันครอู าจารย์ควรระลึกอย่เู สมอวา่ การกระทาตนใหเ้ ป็น
แบบอยา่ งทีด่ ีแก่เด็ก ๆ ทตี่ นเองรบั ผดิ ชอบเปน็ สิ่งหน่งึ ทด่ี ีท่ีสุดทีค่ รอู าจารยส์ ามารถให้ความช่วยเหลือ
สังคม

๑๐. เป็นผ้ทู ่มี ีความสามารถนาความรทู้ างทฤษฎีไปปฏบิ ตั ไิ ด้ การนาเอาความรูท้ ี่ไดร้ ับจาก
การศกึ ษาเลา่ เรียนในสถาบันการศึกษาไปใช้ในโรงเรียนจรงิ ๆ ให้เกิดผลอยา่ งมีประสิทธิภาพเปน็ เร่อื ง
ที่ค่อนข้างยาก ดงั นนั้ ในการจัดกระบวนการเรียนการสอนในสถาบนั ฝึกหัดครู จึงพยายามให้
นกั ศกึ ษาครูได้มีประสบการณ์ในการสอนให้มากทีส่ ุดเทา่ ท่ีจะทาได้ นักศกึ ษาครูจะต้องพยายามมีส่วน
รว่ มเก่ยี วข้องกับสถานการณจ์ ริง ๆ ในหอ้ งเรียนให้มากและพยายามไต่ถามข้อข้องใจ จากอาจารย์ทีม่ ี
ประสบการณจ์ ากผู้บรหิ าร จากผูป้ กครองและจากนักเรียน เป็นต้น

๑๑. เป็นผ้มู คี วามเชอื่ มน่ั ในตนเอง ในเม่ือเราได้กาหนดตวั ของเราเองเพอ่ื การสอนแลว้

๖๙

ดงั น้ัน วิธที ่ดี ที ส่ี ุดตอ่ การสร้างความเชื่อมนั่ ให้แกต่ นเอง กค็ ือการทดสอบตัวเอง และพฒั นาความ
เชอ่ื มน่ั ในประสบการณ์ต่าง ๆ ทส่ี มั พนั ธ์กับการสอนให้มากที่สุดเท่าท่จี ะทาได้ การไดร้ ับข้อสังเกต ใน
ทางบวกจากงานที่ได้กระทาสาเรจ็ ลงดว้ ยดี จะช่วยส่งเสรมิ ความเชื่อม่ันของบคุ คลได้อย่างดี

๑๒. เป็นผู้มคี วามสามารถพิเศษ ในศิลปะและวทิ ยาการหลาย ๆ ดา้ น ครอู าจารย์ที่ประสบ
ความสาเร็จสว่ นมากมิได้มีความรเู้ พียงอยา่ งเดยี ว แม้ว่าผูป้ ระกอบวชิ าชพี ครจู ะได้เลอื กเรยี นวชิ าสาขา
ใดสาขาหนึ่งเปน็ วชิ าเอก เช่น การประถมศึกษา ดนตรศี ึกษา สงั คมศึกษา วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์
ภาษาอังกฤษหรืออืน่ ๆ มาแล้วกต็ ามยังคงตอ้ งเรียนรู้เรือ่ งอ่ืน ๆ ที่เก่ยี วขอ้ งอีกดว้ ย

๑๓. เปน็ ผแู้ ต่งกายเรียบร้อย สะอาด สง่าผา่ เผย และมีสขุ อนามัยสว่ นตวั ดี เสื้อผ้าอาภรณ์
ท่ีได้ออกแบบมาดว้ ยราคาแพง ๆ มิใชเ่ ป็นสง่ิ จาเปน็ สาหรบั ผปู้ ระกอบวิชาชีพครู ส่ิงสาคัญอย่ทู ่ีความ
สะอาดเรียบร้อย และสวมใสเ่ นอื้ ผ้าซึ่งมีความเหมาะสมกับความเป็นครูหรอื เหมาะสม ถกู ต้องตาม
รปู แบบทที่ างสถานศึกษากาหนด สขุ ภาพอนามยั สว่ นตวั ของครูก็เปน็ สิ่งสาคัญยิง่ หากครูมรี ่างกาย
สกปรก สขุ ภาพไม่ดี ย่อมก่อให้เกิดปัญหาในการสอน ครทู ี่มสี ขุ ภาพดที ั้งรา่ งกายและจิตใจ จะชว่ ย
สร้างสายสมั พันธ์ที่ดกี บั นักเรียนได้มากขึ้น

คุณลักษณะของครทู ด่ี ีตามทัศนะของอารุง จนั ทวานชิ

อารุง จนั ทวานชิ ได้กลา่ วถึงคุณลกั ษณะครูท่นี ่าประทบั ใจท่ีจะนาไปสู่การปฏบิ ัติงานอย่างม
ประสิทธภิ าพในคู่มอื สาหรับข้าราชการใหม่ : สูเ่ สน้ ทางวิชาชีพครู (อารงุ จันทวานิช, ๒๕๕๔,หนา้ ๑๕-
๒๐)๙ โดยมีใจความวา่ ครูทดี่ ีควรมีคุณลกั ษณะ ๔ ประการ คือ

๑. ใหค้ วามรกั และปรารถนาดีต่อผู้เรยี น ครูเอาใจใส่ดแู ลและมคี วามผูกพนั กับผเู้ รยี นเหมือน
กบั เป็นลกู เปน็ หลานของตนเอง เม่ือผเู้ รียนประพฤติปฏบิ ตั ิตนไมด่ ีไมเ่ หมาะ สม ก็ให้คาปรึกษาแนะนา
ว่ากล่าวตักเตือนหรือลงโทษด้วยความปรารถนาดี หวงั ดี เพื่อให้ผู้เรียนประพฤติปฏิบัตเิ ป็นพลเมอื งดี
ของชาตติ ่อไปในที่สดุ ครูก็จะไดร้ บั ความรัก ความผกู พันจากผ้เู รียนเป็นการตอบแทน ซึง่ เป็นส่งิ ท่ีนา่
ภาคภูมใิ จเป็นอย่างยงิ่

๒. มกี ารศกึ ษาหาความรู้เพิ่มเติมอยเู่ สมอ ปัจจุบันนีว้ ิทยาการมีความเจริญก้าวหนา้ อย่าง
รวดเร็วดงั น้ัน ครตู อ้ งศึกษาค้นคว้าแสวงหาความรู้ใหม่ ๆ เกี่ยวกับวิชาท่ีสอนอยู่เสมอ เพ่ือใหก้ ้าวทนั
ตอ่ ความเจรญิ ก้าวหน้าทางวิทยาการและการเปลีย่ นแปลงของสงั คมโลก เป็นคนทันเหตุการณ์ทันสมยั
นาสิง่ แปลกใหม่มาสอนอยู่เสมอ และครตู อ้ งเปน็ คนท่มี ีความขยัน อดทน ครกู จ็ ะไดร้ ับความรกั ความ
ศรัทธาจากผเู้ รียนและผู้เกยี่ วข้องด้วยเชน่ กนั

๓. ประพฤติดแี ละมีคุณธรรม ครูต้องมีความรบั ผดิ ชอบและซอ่ื สัตยส์ จุ รติ ตอ่ หนา้ ที่การสอน
ของตนเพราะวา่ ครูเปน็ ต้นแบบของผู้เรยี น ครจู ะอยู่ในสายตาของผู้เรยี น ผเู้ รยี นจะเฝ้ามองการ
ประพฤตปิ ฏบิ ตั ิตนของครูและจะนาไปเปน็ แบบอย่าง เห็นว่าส่ิงท่คี รปู ระพฤตปิ ฏิบตั ิเปน็ สิ่งทถ่ี ูกต้อง
แลว้ ขณะเดียวกันผู้ปกครองและสงั คมกค็ าดหวงั ให้ครูเป็นแบบอย่างที่ดีแกผ่ ้เู รียนและลูกหลานของตน
ถ้าครเู ปน็ แบบอย่างที่ดแี ก่ผเู้ รยี นและลกู หลานได้ กไ็ ว้วางใจที่จะนาบุตรหลานมาเขา้ รับการศกึ ษา
อบรม

๔. สอนดี ครูต้องมีการวางแผนการสอนและเตรียมการสอนเป็นอย่างดี โดยแสวงหา
เทคนคิ วธิ ีการสอนแบบใหม่อยู่เสมอ ครูตอ้ งมีความมงุ่ มัน่ และทางานการสอนอย่างหนัก กระตุน้ ชนี้ า

๙ อารงุ จนั ทวานชิ , คู่มอื สาหรบั ขา้ ราชการใหม่: สู่เส้นทางวิชาชพี ครู, (กรุงเทพฯ: สานักงาน
กค. กระทรวงศกึ ษาธิการ, ๒๕๕๔), หนา้ ๑๕-๒๐.

๗๐

ใหศ้ ษิ ย์แสวงหาความรู้ มีความสนกุ สนานในการเรยี นรู้ มที ัศนคติท่ดี ีตอ่ วชิ าท่ีเรยี น ไม่ใช่ วิธีการสอน
ซา้ ซาก สามารถนาสงิ่ ทีเ่ รียนไปประพฤติปฏบิ ตั ไิ ด้

คณุ ลักษณะของครูท่ีดีตามทศั นะของโณทยั อดุ มบญุ ญานภุ าพ

โณทัย อดุ มบุญญานภุ าพ (๒๕๕๔ ,หน้า ๑-๒ )๑๐ ได้กล่าวถงึ คุณลกั ษณะของครูรุ่นใหมท่ ี่
สาคัญ และเป็นจุดเดน่ ในยคุ ศตวรรษที่ ๒๑ วา่ ควรมีคณุ ลักษณะดังต่อไปนี้

๑. มคี วามสนใจเสาะแสวงหาความรู้ กระตือรือรน้ ทอ่ี ยากเรยี นรแู้ ละเป็นบุคคลแห่งการเรยี นรู้
๒. มคี วามรอบรูด้ ้านปรัชญาการศึกษา นโยบายทางการศกึ ษา กฎหมายการศึกษามาตรฐาน
วิชาชพี ครูมาตรฐานการศึกษา จิตวทิ ยาการศึกษาและหลกั สตู รการสอนท่ัวไป
๓. มีความรอบร้คู วามสามารถทีท่ นั สมัย ทันเหตุการณ์และทนั ตอ่ การเปลีย่ นแปลง โดย
สามารถเชือ่ มโยงสภาพท้องถิ่นเขา้ กับมาตรฐานสากลในลกั ษณะสหวิทยาการ
๔. มีความร้คู วามสามารถในวธิ ีการแสวงหาความรู้
๕. รู้จักและเขา้ ใจพฒั นาการของผู้เรยี น
๖. มคี วามรู้และทักษะในวิชาชพี ทส่ี อนอยา่ งลมุ่ ลึก ชดั เจน สามารถสอนแลว้ ผเู้ รยี นเข้าใจมี
ความความสามารถเรยี นรู้ได้และสนุกกบั การเรยี นรู้ สอนและจัดกิจกรรมการเรียนรู้อยา่ งเต็ม
ความสามารถ เต็มเวลา และเตม็ หลกั สตู ร
๗. มีความสามารถในการสรา้ งบรรยากาศและส่ิงแวดล้อมการเรียนรทู้ ก่ี ระตุ้นความสนใจ ใฝร่ ู้
และมีความสุขสนกุ ในการเรียนการสอน มคี วามสามารถในการสงั เกตและรูจ้ กั แก้ไขพฤติกรรม การ
เสรมิ แรงและการลงโทษท่ีเหมาะสม
๘. มที ักษะในการสอนอย่างเชี่ยวชาญและสร้างสรรคก์ ารเรียนรูจ้ นสามารถพฒั นาผูเ้ รียน
ไดเ้ ต็มศกั ยภาพตามความแตกตา่ งระหว่างบุคคล โดยปลกุ เรา้ ให้ผูเ้ รียนแสดงความสามารถอยา่ งเต็มที่
เน้นการจัดกิจกรรมทหี่ ลากหลายเพอื่ สนองผู้เรยี นเปน็ สาคัญ
๙. มคี วามรูแ้ ละความเขา้ ใจในเป้าหมายและวิธีการของหลักสตู รและการสอน
๑๐. มคี วามสามารถในการออกแบบ วางแผนการสอนการบริหารจัดการชัน้ เรียน วจิ ยั และ
พฒั นาการสอน มีความเปน็ ผู้นาในการเปลี่ยนแปลงทางวิชาการท่มี ีประสทิ ธิภาพและมีความสามารถ
วัดผลประเมินผลพัฒนาการของการเรียนรู้ไดห้ ลายวิธไี ดอ้ ย่างเหมาะสม สม่าเสมอ
๑๑. มคี วามรัก ศรทั ธาที่จะเป็นครู มีความเมตตากรุณาและเปน็ กัลยาณมิตรของศิษย์
๑๒. มีจริยธรรม มกี ิริยามารยาทสุภาพเรยี บร้อย วางตนอยู่ในศลี ธรรมอันดีเปี่ยมด้วย
คุณธรรมฝึกหัดปฏิบตั ิตนยดึ มั่นในจรรยาบรรณวิชาชพี ครโู ดยชี้แนะทางถกู ต้อง แกไ้ ขสิ่งผิดและยึดมนั่
ตามหลักศาสนา
๑๓. มีบุคลิกภาพดเี ป็นแบบอย่างทดี่ ีสาหรบั เดก็ และสาธารณชนในด้านคุณธรรม จรยิ ธรรม
คา่ นิยมและการดารงชวี ิต
๑๔. มีความรบั ผดิ ชอบในหน้าท่ี มุ่งมนั่ ในการทางาน ทางานเปน็ ระบบและพัฒนาตนเองอยา่ ง
ต่อเนอ่ื ง
๑๕. มีความสามารถในการปลูกฝงั วนิ ยั คุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ มท่ดี ีถูกตอ้ งต่อผู้เรยี น

๑๐ โณทยั อุดมบญุ ญานภุ าพ, คุณลกั ษณะครรู ุ่นใหม่กับการปฏิรปู หลกั สูตรผลิตครูในศตวรรษที่ ๒๑,
[Online]. Available : http//www.thatpanom.com. ๓ เมษายน ๒๕๕๔, หน้า ๑-๒.

๗๑

๑๖. ความสามารถในการจดั ระเบยี บเนื้อหาสาระการเรียนรู้ และจดั กจิ กรรมกระบวนการ
เรยี นรู้ทม่ี ปี ระสิทธิภาพใหส้ อดคลอ้ งกบั พฒั นาการผ้เู รยี นและมีความสามารถพฒั นาหลกั สตู รท้องถิ่น
ได้ตรงความต้องการของทอ้ งถ่ิน

คณุ ลกั ษณะของครูทดี่ ใี นสังคมออนไลน์

จากการสบื คน้ ข้อมลู ในสังคมออนไลน์พบวา่ สังคมมีความคาดหวงั ว่าครทู ด่ี ีควรมีคุณลักษณะ
๑๐ ประการ ดงั นี้ (ลกั ษณะครดู ี, ๒๕๕๔,หนา้ ๑-๒)๑๑

๑. ความมรี ะเบียบวินยั หมายถงึ ความประพฤตทิ ง้ั กาย วาจา และใจ ที่แสดงถงึ ความเคารพ
ในกฎหมาย ระเบยี บ ประเพณีของสงั คมและความประพฤติ ใหส้ อดคลอ้ งกบั อุดมคติหรือความ
คาดหวังของตนเอง โดยใหย้ ดึ วา่ สว่ นรวมสาคัญกวา่ ส่วนตน

๒. ความเสยี สละ ความเมตตา โอบออ้ มอารี มกี ตัญญกู ตเวที กล้าหาญและมคี วามสามคั คี
หมายถึง ความประพฤตทิ ี่แสดงออกถึง การแบ่งปันเก้ือกลู ช่วยเหลอื ผอู้ ืน่ ทั้ งกาลงั กาย กาลังใจ และ
กาลังทรัพย์

๓. ความซ่ือสัตย์สจุ ริตและความยุตธิ รรม หมายถงึ การประพฤติใด ๆ ทไี่ ม่ทาใหผ้ ู้อ่นื
เดอื ดรอ้ นไมเ่ อาเปรยี บหรือคดโกงผอู้ น่ื หรือส่วนรวม ให้ยึดถือหลกั เหตผุ ล ระเบยี บแบบแผนและ
กฎหมายของสงั คมเป็นเกณฑ์

๔. ความขยนั ประหยัด และยึดม่นั ในสมั มาอาชีพ หมายถึง ความประพฤติทไี่ มท่ าให้เสียเวลา
และชวี ิตปฏิบัติกจิ อันควรกระทาใหเ้ กดิ ประโยชนแ์ กต่ นเองและสังคม

๕. ความสานึกในหน้าทแี่ ละการงานต่างๆรวมไปถึงความรบั ผดิ ชอบต่อสงั คมและประเทศชาติ
หมายถึง ความประพฤตทิ ่ีไมเ่ อารัดเอาเปรยี บสงั คม และไม่กอ่ ความเสยี หายใหเ้ กิดขน้ึ แก่สงั คม

๖. ความเปน็ ผู้มคี วามคิดริเริม่ มีความสามารถในการวจิ ารณ์และมที ักษะในการตดั สินอย่าง
มีเหตผุ ลในการทาหนา้ ทกี่ ารงาน

๗. ความกระตือรอื รน้ ในการปกครองในระบอบประชาธปิ ไตย มคี วามรักและเทดิ ทนู ชาติ
ศาสนาพระมหากษัตรยิ ์ ซง่ึ หมายถงึ ความประพฤติที่สนับสนุนและใหค้ วามรว่ มมือในการอยู่รว่ มกัน
โดยยดึ ผลประโยชน์ของสังคมให้มากท่สี ดุ

๘. ความสามารถในการพง่ึ พาตนเองและมีอดุ มคตเิ ปน็ ท่ีพึ่งของศิษย์และสังคม
๙. ความเปน็ ผมู้ ีพลานามัยทส่ี มบูรณท์ ัง้ ทางรา่ งกายและจติ ใจบารงุ รักษาร่างกายและจิตใจ
ให้สมบูรณ์ มอี ารมณ์แจม่ ใส มีธรรมะอยู่ในจิตใจอยา่ งมนั่ คง
๑๐. ความภาคภูมิและการรจู้ ักทานุบารงุ ศลิ ปะ วัฒนธรรม และทรัพยากรของชาติ
หมายถงึ ความประพฤติท่ีแสดงออกซง่ึ ศลิ ปะและวฒั นธรรมแบบไทย มคี วามรักและหวงแหน
วฒั นธรรมของตนเองและทรัพยากรของชาติ
นอกจากนี้จากการสัมภาษณ์ของนกั ข่าวหนงั สอื พมิ พ์ไทยรัฐกับอดตี รฐั มนตรชี ว่ ยวา่ การ
กระทรวงศึกษาธิการ วรากรณ์ สามโกเศศ (ครทู ี่ด,ี ๒๕๕๔,หนา้ ๑) ซง่ึ ได้แสดงทัศนะต่อคณุ ลกั ษณะ
ของครูทด่ี ี คอื ลักษณะครเู พ่ือศษิ ย์ อนั หมายความถึง ครทู ม่ี ีความรดู้ ี ครูทม่ี ีการพัฒนาตนเองอย่าง
ตอ่ เนือ่ งครูที่มีความรักปรารถนาดีต่อศิษย์ มีหลกั การและมเี ขม็ ทิศศีลธรรม มคี วามเป็นธรรม มคี วาม

๑๑ ลักษณะครูด,ี [Online]. Available: http://www.siamlocalnews.com/np๙๐.๗๕/view.php?
gid=๒๘๔๘&newsid=๔๕๓๙&issueid=. ๕ มีนาคม ๒๕๕๔, หนา้ ๑-๒.

๗๒

เป็นมติ ร มีความสามารถทาให้ผู้เรียนเกิดความไวว้ างใจ และการสมั ภาษณข์ องนักข่าวหนังสอื พิมพ์
กรุงเทพธรุ กิจกับศาสตราจารย์ คร.เพทาย เย็นจติ โสมนัส เกยี่ วกบั คณุ ลักษณะของครูท่ีดี อาจารย์ทา่ น
ใหค้ วามเห็นว่า ครทู ่ดี ีพจิ ารณาได้จากคุณสมบัตคิ รู ได้ ๒ ระดับ คอื คุณสมบัติระดบั พื้นฐาน และ
คุณสมบตั ริ ะดบั สงู โดยคุณสมบตั ิระดบั พ้นื ฐาน ไดแ้ ก่

๑) การเป็นผ้ชู อบสอน หรอื ชอบใหค้ วามรู้ผู้อนื่
๒) การเป็นผูช้ อบคน้ ควา้ หาความร้ใู ส่ตัวแลว้ เอามาสอนผู้อ่ืน
๓) มีความคิดความจา ไหวพริบและสติปญั ญาดีพอสมควร เพ่ือจะสามารถทา ๒ ข้อ
แรกไดด้ ี
๔) เป็นผไู้ ด้รบั การส่งั สอน ฝกึ ฝน และอบรมเพ่ือใหม้ ที ักษะในการปฏบิ ัติ ๒ ข้อแรก
ไดอ้ ย่างมปี ระสิทธภิ าพ
สาหรบั คณุ สมบตั ใิ นระดบั สูง ไดแ้ ก่
๑) การเป็น ผู้ทม่ี ีพฤติกรรมสุภาพเรยี บร้อยและเหมาะสมท่ีจะเป็นครู ไม่ประพฤตผิ ดิ
ศลี ธรรมจรรยาท่ถี กู ต้องดีงามต่าง ๆ
๒) มีความเมตตากรุณาและปรารถนาต่อผู้อ่ืนเปน็ พืน้ ฐานของจิตใจ มจี ติ วิญญาณ
ของความเป็นครู
๓) มีความอดกลนั้ อดทน และระงบั ยับย้ังจติ ใจตอ่ ส่งิ ยวั่ ยใุ ห้กระทาผดิ ต่าง ๆ มี
หริ ิโอตตัปปะต่อส่งิ ยั่วยุทที่ าใหก้ ระทาผดิ ในดา้ นต่าง ๆ มีสติปัญญาที่สามารถแยกแยะดีชวั่ และถูกผิด
อยา่ งพอเพียงท่จี ะดาเนินชีวติ ไดอ้ ย่างถกู ต้องดงี ามและเหมาะสม
๔) มีจิตใจเอื้ออาทรต่อผูอ้ น่ื มีความเสียสละและจิตอาสา เห็นแกป่ ระโยชนส์ ่วนรวม
และสังคมมากกว่าประโยชน์สว่ นตน ปรารถนาให้เดก็ เยาวชนและคนในสงั คมมีความสันติสขุ และ
เจริญรงุ่ เรอื ง (ครูทด่ี ี, ๒๕๕๔, หนา้ ๑๑) ทศั นะที่แสดงมาขา้ งตน้ จะพบวา่ คุณลักษณะของครทู ด่ี ี
สอดคลอ้ งกับความคดิ เหน็ ของพระเทพวรมุนี (ครทู ี่ดี, ๒๕๕๔, หนา้ ๑) ทีก่ ล่าวถึงภารกจิ ของครแู ละ
การเปน็ ครูท่ีดี ๑๐ ประการ โดยกล่าวเปน็ คากลอนคล้องจองกัน ดงั นี้
“ครทู ีด่ ี ควรมีศีลธรรมจรรยา มเี มตตาต่อศิษย์
ไม่สอนผิดหลกั วิชา มงุ่ ค้นควา้ อยู่เสมอ
ไม่พล้งั เผลอประพฤตผิ ิด รกั ศิษยไ์ ม่ลาเอยี ง
ไมค่ ดิ เกย่ี งการงาน คิดบริการสงั คม
นิยมความเปน็ บัณฑติ และพูด ทา คดิ แตเ่ ร่ืองดี”
และครูท่ีดีตอ้ งมี “๓ ส”ุ คือ
สวุ ิชาโน เป็นผมู้ คี วามร้ดู ี
สุสาสโน เปน็ ผู้สอนดี ช้ีแจงชดั เจน ชกั จูงให้สนใจ ทาให้ศิษย์มีความสุข
สุปฏิปันโน เปน็ ผปู้ ฏบิ ตั ดิ ี (วิจิตร ศรสี อ้าน, ๒๕๕๒,หน้า๗)๑๒
จากคุณลักษณะครูดใี นทัศนะบคุ คลต่าง ๆ จะพบวา่ คุณลกั ษณะของครทู ด่ี ีในภาพรวมท่ีมี
ความสอดคล้องกนั คอื ความมอี ดุ มการณ์และจิตวิญญาณของความเปน็ ครู กลา่ วคือ มคี วามรักทจี่ ะ
เป็นครู มีความประพฤติปฏิบัตติ นเป็นแบบอย่างท่ดี ี มศี ลี ธรรม จรยิ ธรรม มคี วามรัก ความเมตตาต่อ
ศษิ ย์ขณะเดียวกัน ครทู ดี่ ตี ้องมคี ุณลกั ษณะเปน็ ผ้รู อบรู้ กล่าวคอื รอบรูแ้ ละรู้จรงิ ในวทิ ยาการตา่ ง ๆ

๑๒ วิจติ ร ศรีสอา้ น, หนงั สอื ท่ีระลกึ วนั ครู ๒๕๕๒, (กรุงเทพฯ : สานกั งานเลขาธิการครุ ุสภา, ๒๕๕๒),
หน้า ๗.

๗๓

และในสหวิทยาการ ก้าวทนั ต่อความเจริญกา้ วหน้าทางวทิ ยาการ และการเปล่ียนแปลงของสังคมโลก
และมีความสามารถในการถ่ายโยงความรู้ เชื่อมโยงความรู้ เพื่อพฒั นาผเู้ รียนให้มีคณุ ภาพ

คณุ ลกั ษณะของครูที่ดจี ากโครงการสง่ เสรมิ ครูดี

“ครู” เป็นวชิ าอาชพี ทม่ี ีสาคัญมาก เป็นอาชพี “สรา้ งคนให้เป็นมนุษย์” “ครู” มภี าระหน้าที่
ถา่ ยทอดศลิ ปวทิ ยา ขดั เกลา อบรมบ่มนิสยั เพ่ือยกระดับสติปญั ญา อารมณ์ รา่ งกายและจิตใจใหม้ ี
ความสมบูรณเ์ หมาะสม พร้อมที่จะมีอนาคตที่ดีงาม สามารถนาพาตนเอง สงั คม และประเทศชาติให้
อยู่รอดปลอดภัย แตใ่ นสภาวการณ์ปจั จบุ ัน ความศรทั ธาของคนทัว่ ไปทม่ี ีต่อวิชาชพี ครูกาลังลดน้อย
ถอยลง ครมู ภี าพลบท่ีถกู สังคมวพิ ากษ์มากข้ึน จนรสู้ ึกว่าคณุ คา่ ของ “ครู” ตกต่าลงเร่อื ย ๆ ในสังคม
ปจั จุบนั ภารกจิ ยกย่อง เชดิ ชู “ครสู อนดี” จึงเปน็ เจตนารมณส์ าคญั อยา่ งย่ิงทจี่ ะชว่ ยจรรโลงสรา้ งสรรค์
คุณคา่ ของครู และร่วมสรา้ ง “ครูดีเพ่ือศิษย์” ทง้ั แผน่ ดิน อันเป็นการยกระดับคุณภาพคนแห่งอนาคต
ในส่วนนีจ้ งึ จะกลา่ วถงึ โครงการครูสอนดี โครงการหน่ึงแสนครูดี ซ่งึ เป็นโครงการที่หนว่ ยงานทางการ
ศึกษาจดั ทาขนึ้ โดยมรี ายละเอียดดังน้ี

โครงการครูสอนดี

สานกั งานคณะกรรมการสง่ เสรมิ สงั คมแหง่ การเรียนรูแ้ ละคุณภาพเยาวชน (๒๕๕๔, หนา้ ๘ )
ไดจ้ ดั ทาโครงการครสู อนดี โดยกาหนดหลกั เกณฑ์การคดั เลือกครสู อนดี และแนวทางการพิจารณา
คัดเลอื กครูสอนดี โดยมีหลกั เกณฑ์ดังตอ่ ไปนี้

๑. จดั กระบวนการเรียนรู้ไดด้ ี หมายถงึ มกี ารพฒั นาสาระและกระบวนการเรยี นรอู้ ย่าง
ต่อเนือ่ ง มกี ารพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง และเปิดโอกาสใหส้ ังคมมีส่วนรว่ มในการจดั การศกึ ษา

๒. มีผลการสอนทท่ี าให้ลกู ศษิ ยป์ ระสบความสาเรจ็ และความกา้ วหนา้ ในทางการเรยี นหน้าท่ี
การงานและการดาเนินชีวิต

๓. เปน็ แบบอย่างทีด่ ีและเปน็ ทีย่ กยอ่ งของลูกศิษย์ เพือ่ นครู และชุมชน ได้แก่
๓.๑ เป็นแบบอย่างที่ดีเปน็ ท่เี คารพนับถือของศิษย์และสงั คมท้ังในดา้ นความเปน็ ครู

และเปน็ ต้นแบบการดาเนินชีวติ ทีด่ ีมคี ณุ ธรรม และความพอเพยี ง
๓.๒ เป็นสมาชกิ ทีด่ ีของสงั คมในชมุ ชน เปน็ ที่ยกย่องของผ้บู ริหาร เพ่ือนครู ผูเ้ รยี น

ผปู้ กครอง และบุคคลในชุมชน
๓.๓ มคี วามมุ่งมั่นท่ีจะส่งเสรมิ ใหผ้ ู้เรยี นเกิดการเรียนรู้โดยไมเ่ ห็นแก่ลาภยศหรือ

ผลตอบแทน
๓.๔ อุทศิ เวลา และเปน็ ที่พง่ึ ให้ผู้เรยี นทงั้ ด้านการเรียนและการดาเนนิ ชีวิตอย่างเสมอ

ตน้ เสมอปลายและทั่วถงึ
๓.๕ มีความภาคภมู ใิ จในการเปน็ ครู และมคี วามสุขในการประกอบวชิ าชีพครู

โครงการหนึง่ แสนครูดี

สานักงานเลขาธิการครุ สุ ภา (๒๕๕๔ ,หนา้ ๔)๑๓ จดั ทาโครงการหนึ่งแสนครดู ี โดยมี
วตั ถุประสงค์เพื่อยกย่องเชดิ ชูเกยี รติผู้ประกอบวชิ าชพี ทางการศกึ ษา และเพอ่ื เสริมสร้างขวัญและ

๑๓ สานักงานเลขาธกิ ารครุ สุ ภา, ประกาศสานกั งานเลขาธิการคุรุสภา เรือ่ งการคัดเลอื กผ้ปู ระกอบ
วชิ าชพี ทางการศกึ ษาเพ่อื รับรางวลั หนึ่งแสนครดู ี ประจาปกี ารศกึ ษา ๒๕๕๔ กระทรวงศกึ ษาธิการ, ๒๕๕๔,
หนา้ ๔.

๗๔

กาลงั ใจให้แก่ผู้ประกอบวิชาชพี ทางการศึกษา และกาหนดหลักเกณฑก์ ารคัดเลือกผปู้ ระกอบวิชาชพี
ทางการศึกษาเพ่ือรับรางวลั หนงึ่ แสนครดู ี ประจาปี ๒๕๕๔ ประกอบดว้ ย ๓ ดา้ น ดังนี้

ด้านที่ ๑ การครองตน (คณุ ธรรม จรรยาบรรณ และจติ วิญญาณ) หมายถงึ มคี วามประพฤติ
เป็นแบบอยา่ งทีด่ ที ้ังทางกาย วาจา ใจ มีวนิ ัยในตนเอง สารวม ระวงั ความประพฤติ ละเว้นจาก
อบายมุขมีความขยันหม่ันเพียร อตุ สาหะ มคี วามซ่ือสัตย์สุจรติ และจรงิ ใจในการปฏบิ ตั ิงาน และเปน็
ผพู้ ัฒนาตนเองทันต่อเหตุการณ์ วิทยาการ ตามสภาพเศรษฐกิจและสังคมอยู่เสมอ

ดา้ นท่ี ๒ การครองคน (คณุ ลักษณะทด่ี ตี ่อผ้อู ่ืนและสงั คม) หมายถึง รกั เมตตา และเอาใจใส่
ตอ่ ศิษย์ผใู้ ตบ้ งั คับบญั ชา เพ่ือนร่วมงาน และผู้บังคบั บัญชา วางตนเปน็ กลาง ใจกวา้ ง ยอมรบั ฟังความ
คดิ เหน็ ของผู้ร่วมงาน โดยเห็นประโยชนข์ องส่วนรวมเป็นสาคัญ รับผดิ ชอบตอ่ วิชาชพี และเป็นสมาชกิ
ทด่ี ตี อ่ องค์กรวิชาชพี มีลกั ษณะความเปน็ ผ้นู าในการอนรุ กั ษ์ พฒั นา เศรษฐกิจ สงั คม ศาสนา
ศลิ ปวฒั นธรรม ภูมปิ ญั ญา และส่งิ แวดลอ้ ม

ด้านที่ ๓ การครองงาน (การปฏบิ ัตงิ าน) หมายถึง มีความสามารถทางวชิ าการ มคี วามรู้ความ
เข้าใจในสงิ่ ทีป่ ฏิบัติอยา่ งแท้จรงิ ใฝเ่ รียนรู้ ศกึ ษา คน้ คว้า และติดตามความก้าวหนา้ ของข้อมูลข่าวสาร
และข้อมูลทางวิชาการนามาพัฒนางานและพฒั นาตนอยา่ งสมา่ เสมอ กระตือรอื ร้นหาสาเหตุของ
ปัญหาในงาน และหาแนวทางแกไ้ ขได้ดีอยู่เสมอ วเิ คราะห์ พัฒนา และปรบั ปรุงงานใหม้ ีประสิทธภิ าพ
ให้เป็นท่ยี อมรบั และมีความคิดริเร่ิมสร้างสรรค์นวัตกรรม สื่อ เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งในการ
ปฏิบัติงานได้อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ

โครงการดงั กล่าวข้างต้นนี้ เป็นโครงการท่ีชว่ ยเสรมิ สร้างขวัญและกาลังใจใหแ้ กผ่ ู้ประกอบ
วิชาชพี ครูและเป็นแนวทางในการพัฒนาคุณลกั ษณะที่ดีของครู อย่างไรกต็ าม ถา้ พจิ ารณาเกณฑ์การ
คัดเลอื กจะพบวา่ การคัดเลือกครสู อนดีในโครงการครสู อนดี และโครงการหนง่ึ แสนครูดีนนั้ แนว
ทางการพิจารณาคณุ สมบัติของครูทสี่ าคัญคือครูต้องมคี วามร้ดู ี มคี ณุ ธรรมดี และมบี ุคลกิ ภาพดี

คุณลักษณะของครูที่ดตี ามผลการวิจยั

สังคมไทยปัจจบุ นั มีการเปลี่ยนแปลงไปในหลาย ๆ ดา้ น ทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ สงั คม
องค์ความรู้ และวิทยาการดา้ นตา่ ง ๆ ส่งิ เหล่านีม้ ผี ลกระทบโดยตรงต่อวถิ ชี วี ติ ประจาวันทัง้ ในดา้ นบวก
และด้านลบ เราไม่สามารถปฏเิ สธหรอื หลีกเล่ียงการเปลีย่ นแปลงดังกลา่ วได้ แตส่ ิง่ ทที่ าไดค้ ือการรบั รู้
และทาความเขา้ ใจ โดยใช้สติปญั ญา พร้อมทงั้ ปรบั ตวั ตามความจาเปน็ และเหมาะสมต่อการ
เปลย่ี นแปลงทีเ่ กิดขึน้ ครกู ็เชน่ เดียวกัน ในฐานะของคนเป็นครูคงไม่ทาหนา้ ทเ่ี ฉพาะในสถานศึกษา
หรอื สอนผู้เรยี นใหเ้ รยี นรูเ้ ฉพาะในตาราเรยี นเท่านั้น แตค่ รตู ้องพรอ้ มรับกับการเปลย่ี นแปลงทเ่ี กดิ ขึน้
และนามากล่ันกรองวเิ คราะห์โดยอาศัยประสบการณ์ ตลอดจนภมู ิความรแู้ ล้วนาไปถ่ายทอดให้แกศ่ ิษย์
อยา่ งสรา้ งสรรค์ และใชป้ ระโยชน์ตอ่ การดาเนนิ ชีวิต ครูไทยจาเปน็ ตอ้ งเปล่ยี นบทบาทจากผแู้ นะนา
หรือการอบรมส่ังสอนมาเป็นฝ่ายรบั ฟงั ความคดิ เห็นและมุมมองแนวคดิ ของศษิ ย์ พรอ้ มท้งั แลกเปลยี่ น
ประสบการณ์ซึ่งกนั และกัน หรอื กล่าวอีกนัยหน่ึงคือครูจะต้องปรบั ตวั เสมือนหนง่ึ ผเู้ รียนที่พร้อมจะเปดิ
กวา้ งต่อมุมมองความคดิ เห็นทีห่ ลากหลาย และกลั่นกรองความคดิ เห็นท่หี ลากหลายให้ตกผลกึ เป็น
ความรู้ หรือข้อมลู ท่ีมีคุณคา่ และสอดแทรกแงค่ ดิ อันจะเป็นประโยชนต์ ่อศิษย์ดว้ ย อย่างไรก็ตาม
เพ่ือใหไ้ ด้ขอ้ มลู คุณลักษณะครูทดี่ ีทเี่ ป็นท่ีพงึ ประสงค์ของผู้เรียน ผู้บริหาร ผู้ปกครอง ของสังคมและ
ประเทศ วธิ ีการได้มาซึ่งข้อมลู ควรมาจากการวิจยั และในปจั จุบนั ได้มีการวิจัยเพ่อื ศึกษาคุณลกั ษณะ
ของครูท่ดี ี เพอ่ื ไดแ้ นวทางการพฒั นาครใู ห้มีคุณภาพเปน็ ท่ีตอ้ งการของสังคม ดงั ทจี่ ะกล่าวตอ่ ไปน้ี
ได้แก่

๗๕

งานวิจัยของ นา้ ผง้ึ ทวีพรปฐมกลุ (๒๕๕๑, บทคดั ยอ่ )๑๔ ไดศ้ ึกษาคุณลักษณะทพ่ี ึงประสงค์
ของครูตามการรบั รู้ของผบู้ รหิ ารและผู้ปกครองในกรงุ เทพมหานคร ผลการวจิ ยั พบว่า ในดา้ นจริยธรรม
ครคู วรเมตตากรุณาต่อเด็กทกุ คน ครูควรยดึ มนั่ ในสถาบนั ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และในดา้ น
บุคลกิ ภาพ ครูควรมีอารมณข์ ัน สนกุ สนาน ย้ิมแยม้ แจ่มใส และพูดจาสภุ าพ ใช้ภาษาไทยถกู ต้อง มี
ความตรงต่อเวลา และแตง่ กายถูกต้องตามระเบียบ ผลการวิจยั สอดคล้องกบั งานวิจยั ของ วรนิ ทร วรี
ศลิ ป์ (๒๕๕๑, บทคัดย่อ)๑๕ ท่ีได้ศกึ ษาวิเคราะห์คณุ ลักษณะท่ีพงึ ประสงค์ของ ครูพเี่ ล้ียงอนุบาล
ผลการวจิ ัยพบว่า คุณลักษณะครูท่ีพึงประสงค์ ไดแ้ ก่ ๑) การแต่งกายท่ีเปน็ แบบอยา่ งท่ีดี ๒) สุภาพ
เรยี บรอ้ ยอ่อนโยน ๓) พดู จาไพเราะ ๔) มอี ารมณข์ นั ๕) ย้ิมแย้มแจม่ ใส ๖) มีความรับผิดชอบ ๗) มี
ความช่างสงั เกต และ ๘) มคี วามรัก เมตตาต่อเด็กสมา่ เสมอ

ธรี วัฒน์ เล่ือนฤทธิ์ (๒๕๕๒,หน้า ๑๒)๑๖ กลา่ ววา่ คณุ ลักษณะของครทู ่พี ึงประสงค์ ต้องเปน็ ผู้
ทีม่ คี วามรู้สึกดี รกั การพฒั นาตนเอง มีความคิดสร้างสรรค์ ทนั เหตกุ ารณ์ รกั และศรทั ธาในอาชพี ครู มี
ความเสยี สละ มีคุณธรรม จริยธรรม เปน็ แบบอย่างที่ดแี ก่ศิษย์ และเปน็ แบบอย่างท่ดี ีแก่สังคม มคี วาม
มงุ่ มน่ั ในการพฒั นาเด็กและเยาวชนตลอดจนมกี ารส่งเสริมและพัฒนาศลิ ปวัฒนธรรมมีความอดทน
รบั ผิดชอบตอ่ หนา้ ท่ี เอาใจใส่ตอ่ นกั เรยี น มคี วามขยนั หมนั่ เพียร รักความยตุ ิธรรม และดารงชีวติ เรียบ
งา่ ยนักวิชาการต่างประเทศได้สรปุ คณุ ลักษณะของครูที่ดีไว้ ๕ ประการ คือ ครทู ด่ี ตี ้อง ๑) มคี วามรัก
และความกระตือรือร้นที่จะสอนศษิ ย์ รักวชิ าท่จี ะสอน หรือ ยากถ่ายทอดวิชาแก่ศษิ ย์ ๒) มีความคิด
สร้างสรรค์ ครูทดี่ ตี ้องรจู้ ักสร้างสรรคผ์ ลงาน มีแผนการสอน โครงการและมีเทคนิคในการแกป้ ัญหา ๓)
มีความยดื หย่นุ เพราะผเู้ รยี นมชี ีวิตทห่ี ลากหลาย ครูจึงตอ้ งเรยี นรู้ ที่จะแก้ปัญหาของผู้เรียน ๔) รจู้ ัก
การบรู ณาการในการจัดการเรียนการสอน โดยบูรณาการหลกั สตู รและเน้ือหาวิชาให้เหมาะสมกบั
ผู้เรยี น ๕) เปน็ ผู้ถา่ ยทอดวชิ าความรู้ โดยตอ้ งรจู้ กั เชื่อมโยงความรู้กับผู้เรยี น เพราะผู้เรยี นมคี วาม
แตกตา่ งกนั (Top ๕ qualities of good teachers, ๒๐๐๘, p๑)

นอกจากนี้ในสงั คมปจั จุบันทม่ี ีการเปลย่ี นแปลงอย่างรวดเรว็ ไดม้ ีนกั วชิ าการต่างประเทศ
ศึกษาคณุ ลักษณะของครูทด่ี ีที่เหมาะสมกับสงั คมโลกปจั จุบนั และไดส้ รปุ ว่าคุณลกั ษณะของครทู ่ีดใี น
สงั คมโลกปัจจุบันวา่ ครูที่ดีต้องประกอบด้วยคุณลักษณะต่อไปนี้ คือ ๑) เปน็ ผ้สู ่ือสารทด่ี ี เพราะครู
ต้องเป็นผู้อธิบายเร่ืองตา่ ง ๆ แกผ่ ู้เรียนใหช้ ัดเจนและเขา้ ใจ ๒) รักษาอารมณ์และความสงบน่ิงได้
โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในชน้ั เรียน ๓) มอี ารมณ์ขนั เพอื่ ชว่ ยให้บรรยากาศในชัน้ เรยี นผอ่ นคลาย ๔) มที กั ษะ
ในการจัดการเวลา เชน่ ครูต้องรกั ษาเวลาเขา้ สอน ๕) ต้องมีความยตุ ิธรรม เช่น ครรู ักษาความยตุ ิธรรม
ในการประเมนิ ผลการเรียน ๖) อุทิศตนเพื่องาน คือ ครูตอ้ งอุทิศเวลาให้กบั ศิษยท์ ง้ั ในเวลาและนอก
เวลางาน๗) เป็นผูน้ าที่ดแี ละเปน็ เพอื่ นที่ดี คอื ครตู ้องทาหนา้ ทที่ ั้งเปน็ ผนู้ าและสามารถเป็นเพอื่ นกบั
ศษิ ยไ์ ด้ และ ๘) เป็นผ้มู ีระเบียบวินัย เพราะครูเป็นตัวอย่างแกศ่ ิษย์ของตน (Life style lounge,

๑๔ น้าผ้งึ ทวพี รปฐมกลุ , คณุ ลกั ษณะท่พี ึงประสงค์ของครตู ามการรับรูข้ องผบู้ ริหารและผู้ปกครองใน
กรงุ เทพมหานคร, วิทยานพิ นธ์ ครุศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาวิชาการศึกษาปฐมวัย จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย,
๒๕๕๑, (บทคัดยอ่ ).

๑๕ วรินทร วีรศลิ ป,์ การวิเคราะห์คุณลักษณะทพ่ี งึ ประสงคข์ องครพู ่ีเลีย้ งเดก็ อนบุ าล พหุกรณีศึกษา,
วิทยานพิ นธ์ ครศุ าสตรมหาบณั ฑติ สาขาวจิ ัยการศกึ ษา จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย, ๒๕๕๑ (บทคดั ยอ่ ).

๑๖ ธรี วัฒน์ เลอื่ นฤทธ์ิ, การพัฒนาตวั บง่ ช้ีคดั สรรการปฏบิ ัตงิ านมาตรฐานวิชาชพี ครู, วทิ ยานิพนธ์
ครุศาสตรมหาบณั ฑิต สาขาวชิ าวิจยั และจติ วทิ ยาการศกึ ษา จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั , ๒๕๕๒, หนา้ ๑๒.

๗๖

๒๐๑๑, p๑)๑๗ นกั วิชาการศึกษาจากประเทศแคนาดา ได้กลา่ วถงึ คณุ ลักษณะของครูในศตวรรษที่ ๒๑
ว่าครูควรมีคุณลักษณะสาคัญ ๕ ประการ ดงั นี้ ๑) ครตู ้องมีแรงขับที่จะเรยี นรู้ เพื่อพฒั นาการจัดการ
เรียนการสอนได้ ๒) ครูต้องรู้จักสรา้ งสรรคส์ ่อื สามารถผลิตสอื่ การสอนร่วมกบั ผเู้ รยี น และใช้สื่อการ
สอนอยา่ งมีความชานาญการ ๓) ครูสามารถเปน็ ผูช้ ีน้ าการใชส้ ือ่ ดจิ ติ อล สามารถส่ือสารกับผูเ้ รยี นทาง
สงั คมออนไลน์ รู้วิธใี ชส้ ือ่ ดิจิตอลใหเ้ กิดประโยชนท์ างการจัดการเรียนรู้ได้ ๔) ครูต้องเป็นพ่เี ล้ยี งทีเ่ อา
ใจใสผ่ เู้ รียน รู้ถึงความสนใจและความต้องการของผ้เู รยี น เน้นการจดั การเรียนรู้ท่ีมผี ู้เรียนเปน็
ศูนย์กลางสร้างโอกาสทางการเรยี นรู้ และครคู วรเรียนรูไ้ ปพร้อมกบั ผ้เู รียน ซ่ึงจะช่วยพฒั นาทักษะการ
สอน และการทางานรว่ มกันระหวา่ งครกู บั ผูเ้ รยี น ๕) ครูต้องสามารถนาเทคโนโลยี มาใช้เปน็ ส่อื ในการ
จัดกิจกรรมการเรียนการสอนเพือ่ ช่วยใหผ้ ู้เรียนสนใจ (Mrkeenan, ๒๐๑๐, p๑)๑๘

พอล รามสเดน และคณะ (Paul Ramsden and others, ๑๙๙๕, p๑)๑๙ ไดท้ าการวิจัย
เก่ียวกบั การยอมรบั และการให้รางวัลแกค่ รดู เี ดน่ ที่เป็นครทู ี่ดี พบวา่ ครูทีด่ ีควรมีคณุ ลักษณะดงั น้ี ๑)
เป็นผเู้ รยี นท่ีดี รับฟงั และแลกเปล่ียนความคดิ เหน็ ของเพื่อนรว่ มงาน รับฟงั ผเู้ รียนทส่ี ะท้อนปัญหาการ
สอนในช้นั เรยี น และการสอนท่ีดีจะต้องเปน็ พลวัต ๒) เป็นผูม้ คี วามกระตือรือร้นต่อวิชาที่สอน และ
แลกเปลี่ยนความคิดเหน็ กบั ผู้เรยี น ๓) รจู้ ักปรับยทุ ธศาสตร์การสอน ใหส้ อดคลอ้ งกบั เนื้อหาวชิ าและ
ผูเ้ รียนท่ีมคี วามแตกต่างเฉพาะและสภาพแวดล้อมทางการเรยี น ๔) มีทกั ษะการสอน สามารถทาให้
ผู้เรยี นเข้าใจเนอ้ื หาได้ ๕) มเี ปา้ ประสงค์ในวชิ าท่สี อนอยา่ งชัดเจน มเี ครอื่ งมือประเมนิ ผลที่เชอ่ื ถือได้
และวธิ กี ารประเมินทีเ่ หมาะสมกับผเู้ รียน สามารถสะท้อนกลับถึงคณุ ภาพผู้เรียนได้ และ ๖) สนใจใน
ผู้เรยี น ส่งเสรมิ สนบั สนนุ ความสามารถของผเู้ รียนและจากการวิจัยของผู้เขียน (อบุ ล เล้ยี ววารณิ ,
๒๕๕๔ ก,หนา้ ๓๖-๓๗)๒๐ ท่ศี กึ ษาคุณลักษณะของครทู ี่ดใี นศตวรรษที่ ๒๑ ตามความคาดหวังของ
นกั ศกึ ษา โดยศึกษากบั นักศึกษามหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สวนสนุ นั ทา ชน้ั ปที ี่ ๑-๔ จานวน ๓๘๔ คน พบ
ผลวิจัยสาคัญคือ ผ้เู รยี นคาดหวงั ว่า ครูควรมีคณุ ลักษณะในด้านการสอนและในดา้ นคณุ ธรรมใน ระดับ
มาก ดังรายละเอยี ดต่อไปน้ี

คุณลกั ษณะในดา้ นการสอน ท่ีผูเ้ รยี นมคี วามคาดหวงั วา่ จะมีในครทู ดี่ ีในระดับมาก โดยเรยี งคา่
คะแนนเฉลี่ยจากมากไปตามลาดบั ในประเด็นต่อไปน้ี คอื ๑) ครูควรสอนส่ิงยากให้เขา้ ใจไดง้ า่ ย ๒) ครู
ควรมกี ารวางแผนการสอน ๓) ครคู วรรู้และกาหนดเปา้ หมายในการสอน ๔) ครคู วรมกี ารฝึกฝนและ
พัฒนาตนเองอยเู่ สมอ ๕) ครคู วรมีทกั ษะในการถ่ายทอดความรูใ้ ห้ผเู้ รยี นเขา้ ใจ ๖) ครคู วรมคี วามคิด

๑๗ Life style lounge, Characteristics of A Good Teacher. [Online]. Available:
http:// lifestyle.iloveindia.com/lounge/characteristics-of-a-good-teacher-๑๘๐๗.html.
๕ March ๒๐๑๑, p๑.

๑๘ Mrkeenan, ๕ traits of the ๒๑st Century Teacher. [Online]. Available:
http:// www.mrkeenan.com/?p=๘๖๔. ๕ March ๒๐๑๐, p ๑.

๑๙ Paul Ramsden and others, Characteristics of Good Teachers, The teachingprofessor
blog. Faculty focus. [Online]. Available : http://www.Characteristicsof Good Teachers - Faculty
Focus Faculty Focus.mht. ๕ , March ๒๐๑๑. Top ๕ qualities of good teachers. Newly Ancient.
(๒๐๐๘). [Online]. Available: http://myfla. ws/blog/๒๐๐๘/๐๕/๒๔/top-๕-qualities-of-good-teachers/.
๕ March ๒๐๑๑,๑๙๙๕, p๑

๒๐ อบุ ล เลี้ยววารณิ , รายงานการวิจยั เรอ่ื ง คุณลักษณะครูในศตวรรษที่ ๒๑ ตามความคาดหวังของ
นักศึกษา, (กรุงเทพฯ : คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฎั สวนสนุ นั ทา, ๒๕๕๔ ก), หน้า ๓๖-๓๗.

๗๗

สรา้ งสรรคค์ ้นหา วธิ กี ารสอนท่ีหลากหลาย ๗) ครูควรรจู้ กั วธิ ีการแสวงหาความรู้ ๘) ครูควรมี
ความสามารถในการสังเกตและแก้ไขพฤติกรรมของผ้เู รียนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ๙) ครคู วรมีความสนใจ
แสวงหาความรใู้ หม่ ๆ อยเู่ สมอ ๑๐) ครคู วรมี ความเข้าใจในความแตกต่างระหวา่ งบุคคล ๑๑) ครคู วร
มีความรอบรู้ในเรือ่ งท่เี ก่ียวข้องกบั การจัดการศึกษา ๑๒) ครูควรมีความรูแ้ ม่นยาในหลักสูตรทส่ี อน
๑๓) ครคู วรใชว้ ธิ กี ารสอนท่หี ลากหลาย ๑๔) ครูควรจดั กิจกรรมการเรยี นร้ทู ี่สนุกสนานแกผ่ ู้เรียน
๑๕) ครคู วรมคี วามสามารถในการใช้เทคโนโลยแี ละนวตั กรรมผ่านเครอื ขา่ ยได้อย่างชานาญ ๑๖) ครู
ควรรู้จกั วิเคราะห์และรจู้ ักผ้เู รียนเปน็ รายบคุ คลคุณลกั ษณะในด้านคุณธรรม ทผ่ี ้เู รียนมคี วามคาดหวงั
วา่ จะมใี นครูทีด่ ใี นระดบั มาก โดยเรยี งคา่ คะแนนเฉล่ยี จากมากไปตามลาดับ ในประเดน็ ต่อไปนี้ คือ ๑)
ครคู วรสอนศิษย์ใหร้ ู้แจ้งโดยไมป่ ดิ บังความรู้ ๒) ครูควรมคี วามรับผิดชอบ ๓) ครูควรมคี วามรักและ
ศรัทธาต่อวชิ าชีพครู ๔) ครูควรทาหนา้ ทสี่ อนศษิ ย์ใหเ้ ปน็ คนดี ๕) ครูควรมคี วามซ่ือสตั ยส์ ุจริต ๖) ครู
ควรมคี วามใสใ่ จเห็นประโยชนข์ องผเู้ รยี น ๗) ครคู วรมคี วามรจู้ รงิ ในสิ่งทีเ่ รยี น ๘) ครูควรมีนิสยั ยมิ้ แยม้
ร่าเรงิ แจ่มใส ๙) ครคู วรเอาใจใสช่ ่วยเหลือพัฒนาคนและสังคม ๑๐) ครูควรมคี วามเสยี สละอุทิศตน
ให้กับการพฒั นาผเู้ รยี น ๑๑) ครูควรรับฟังความเห็นผอู้ ่ืน ๑๒) ครูควรวางตนเหมาะสมเป็นแบบอย่างที่
ดใี นดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม ๑๓) ครคู วรมีความเมตตา กรุณา ๑๔) ครคู วรมีความอดทนอดกลั้น ๑๕)
ครคู วรมีความพากเพยี รในการเรยี นรูท้ ้ังสาระทฤษฎแี ละวิธีการสอน ๑๖) ครคู วรมีมนษุ ยสมั พันธ์ทดี่ ี
ตอ่ ผู้อน่ื ๑๗) ครูควรมีภาวะผู้นาอยา่ งสรา้ งสรรค์ ๑๘) ครคู วรมีความเป็นผูก้ ล้าคดิ และตัดสนิ ใจ ๑๙)
ครคู วรมคี วามตรงต่อเวลา ๒๐) ครูควรมีความหนักแน่นมีหลกั การ ๒๑) ครคู วรมีวิสัยทัศนก์ า้ วไกล
๒๒) ครคู วรมีการประเมินการสอนอยา่ งเป็นธรรม ๒๓) ครูควรเปน็ บุคคลแหง่ การเรียนรู้และเปน็ ผู้นา
ทางวชิ าการ ๒๔) ครคู วรยกย่องความดีของศิษย์ให้ปรากฏ

จากผลการวจิ ัยตา่ งๆท่ีผู้เขียนไดร้ วบรวมมาท้งั ในประเทศและตา่ งประเทศสามารถสรุป
คณุ ลกั ษณะของครูท่ีดีโดยสังเขป ได้ว่า ครทู ีด่ ีควรเป็นบคุ คลทมี่ ีคณุ ลักษณะสาคัญ คือ มคี วามสามารถ
ในการถ่ายทอดความรู้ หรือ การจดั การเรียนการสอนไดอ้ ยา่ งดมี าก และในขณะเดยี วกันก็ตอ้ งเปน็
บุคคลท่ีมีคุณธรรม จริยธรรม มีความรักความเมตตาในศิษย์ และมคี วามรักในวชิ าชีพของตน เพ่ือการ
ทาหน้าทข่ี องความเปน็ ครูไดอ้ ย่างสมบรู ณ์

สรุปคุณลกั ษณะสาคญั ของครทู ี่ดี

จากการศึกษาสงั เคราะหค์ ุณลักษณะสาคญั ของครูทด่ี ีตามหลกั พทุ ธธรรม ตามแนว
พระราชดารติ ามพระราชบัญญตั กิ ารศึกษาแห่งชาติ ตามเกณฑ์มาตรฐานวชิ าชีพครู ตามทัศนะของ
บคุ คลต่าง ๆ ตามเกณฑใ์ นโครงการส่งเสรมิ ครูดี ตามผลการศึกษาของนักวชิ าการตา่ งประเทศ และ
ตามผลการการวิจยั สามารถสรุปคุณลักษณะของครูที่ดี ไดใ้ น ๓ คณุ ลักษณะ คอื ครทู ี่ดีจะเปน็ ผ้ทู ีม่ ี
ภมู ริ ดู้ ี ภมู ิธรรมดี และมีความภมู ิฐาน ดงั นี้

คณุ ลักษณะด้านภมู ิรู้ หมายถึง การมคี วามสามารถทางวิชาการ มีความรู้ ความเข้าใจในสิ่งที่
ปฏบิ ัติอยา่ งแท้จริง ใฝเ่ รียนรู้ ศึกษา ค้นคว้า และตดิ ตามความกา้ วหนา้ ของข้อมูลขา่ วสาร และข้อมลู
ทางวชิ าการ นามาพฒั นางานและพัฒนาตนอยา่ งสมา่ เสมอ กระตือรอื รน้ หาสาเหตุของปัญหาในงาน
และหาแนวทางแก้ไขไดด้ อี ยู่เสมอ วิเคราะห์ พฒั นา และปรับปรุงงานให้มปี ระสทิ ธภิ าพให้เป็นท่ี
ยอมรับและมีความคิดริเรมิ่ สร้างสรรคน์ วตั กรรม สอ่ื การสอนและอื่นๆ เพ่ือเสรมิ สรา้ งความเขม้ แขง็ ใน
การปฏิบตั ิงานได้อย่างมปี ระสิทธภิ าพ


Click to View FlipBook Version