๒๑๑
๕. การคดิ อยา่ งเปน็ ระบบ (System Thinking) เป็นการคิดในภาพรวม เปน็ กรอบการทางาน
ทช่ี ่วยใหม้ องภาพขององค์กรโดยรวม มองความสมั พันธ์เก่ียวขอ้ งซึง่ กนั และกันและหนา้ ที่ต่อเช่ือมกัน
การคดิ อยา่ งเปน็ ระบบจะทาให้มองเห็นภาพเตม็ ขององค์กรอย่างชดั เจน ไมม่ องเพียงส่วนประกอบยอ่ ย
เพียงส่วนใดสว่ นหน่ึง ทง้ั นเ้ี พ่ือชว่ ยการจดั การความเปลีย่ นแปลงขององคก์ รเกดิ ประสิทธิผล การคิด
อยา่ งเปน็ ระบบเปน็ หลกั การสาคัญท่ีช่วยพัฒนาองค์กรแห่งการเรียนรู้
นอกจากนี้แล้วบคุ ลากรในองคก์ รยงั ต้องไดร้ บั การเตรียมและเพ่มิ ศกั ยภาพในการปฏบิ ตั ิงาน
เพอ่ื ใหม้ ีความรู้และความสามารถไดท้ นั ตามโลกยคุ ข้อมูลข่าวสารในประเด็นต่อไปนี้
๑. การพฒั นาเพ่ือปรับเปลี่ยนกระบวนการคดิ วิธีการทางาน และวิธีการในการเรียนรู้ให้มี
ความเขา้ ใจและตระหนักในความสาคัญของการปรับเปลย่ี นองค์กร โดยมเี ทคโนโลยีและ ระบบการ
จดั การท่ที ันสมัยมากข้นึ
๒. การฝกึ พฒั นาทักษะในการทางาน ใหร้ จู้ ักการทางานกบั เทคโนโลยสี ารสนเทศตา่ ง ๆ
เพ่ือให้ทางานได้เบ็ดเสร็จดว้ ยตนเอง เช่น รจู้ กั การใช้งานของโทรศพั ท์ โทรสาร เครอ่ื งถ่ายเอกสาร
เครอื่ งคอมพิวเตอร์ อินเทอรเ์ นต็ เพือ่ การติดต่อสื่อสารและนาเสนอผลงานไดเ้ อง
๓. ความสามารถในการคดิ วิเคราะห์จากการรบั ทราบขา่ วสารขอ้ มลู ความเคลือ่ นไหวทัง้ โลก
ในเวลาอันรวดเร็วเพ่ือสร้างทางเลือกเชิงนโยบายให้ทันกบั สถานการณ์ท่ีเปลี่ยนไป
๔. ความสามารถในการใช้ภาษาต่างประเทศ โดยเฉพาะภาษาอังกฤษซ่ึงเปน็ ภาษากลางใน
การสอื่ สารและเป็นสือ่ นาสู่แหลง่ ความรทู้ สี่ าคัญของโลกปจั จบุ นั
๕. การพฒั นาทกั ษะความเป็นผูน้ า ทักษะการตดั สนิ ใจ ความสามารถในการแสดงบทบาทใน
การมีภาวะผูน้ า (leadership) และผนู้ าการเปล่ียนแปลง (Changing Agent)
อปุ สรรคของการเป็นองค์กรแหง่ การเรยี นรู้ที่เปน็ สถานศกึ ษาในการพฒั นาสถานศกึ ษาโดยใช้
แนวคดิ องค์กรแห่งการเรียนรูเ้ พ่อื ใหส้ ถานศึกษาเป็นองคก์ รแหง่ การเรียนรนู้ นั้ พบวา่ มอี ุปสรรคหลาย
ประการ ทัง้ ท่ีเกดิ จากตวั บคุ คลและโครงสร้างองค์กรดังน้ี ( Sillins & Mulford, ๒๐๐๖, p ๒๔-๓๒)๒๒
๑. การจัดโครงสร้างองค์กรในสถานศกึ ษามีลาดบั ชน้ั จากบนลงลา่ ง ทาใหเ้ กิดการตัดสินใจ
ในเร่อื งต่าง ๆ ล่วงหนา้ มากกวา่ ทจ่ี ะใช้การจดั การความรู้
๒. ผู้นาและผู้บรหิ ารระดับกลางขององคก์ รใชเ้ วลาในการแกป้ ญั หาทีเ่ กดิ ขึน้ เฉพาะหนา้
มากกว่าการใช้เวลาในการคดิ และวางแผนเชิงกลยทุ ธ์
๓. การเรียนรูห้ รือการฝกึ อบรมเร่อื งใหมๆ่ เป็นสงิ่ ที่ใชเ้ วลาในการตดั สินใจ
๔. การที่สถานศกึ ษาเป็นองค์กรราชการซงึ่ มีระบบทาให้กระบวนการทางานไม่ค่อย
ยดื หยนุ่ การศกึ ษาเรื่ององค์กรแหง่ การเรียนรทู้ ่เี ปน็ สถานศึกษาในท่นี ี้ เพอื่ เปน็ พน้ื ฐานในการเตรยี มการ
ใหส้ ถานศกึ ษาในประเทศไทยได้เรยี นร้แู ละเตรียมการพฒั นาบคุ ลากรในองค์กรซง่ึ เป็นปัจจยั สาคัญ
ปจั จยั หนง่ึ ตอ่ การพฒั นาสถานศกึ ษาใหเ้ ป็นองคก์ รแหง่ การเรียนรเู้ พือ่ สามารถก้าวสู่สงั คมแห่งการ
เรียนรูใ้ นโลกแห่งการเปลีย่ นแปลงอยา่ งรวดเรว็ ทางเทคโนโลยสี ารสนเทศได้
๒๒ Sillins, H. Zarins, S. & Mulford, B. What characteristics and processes define a
school as a learning organization? Is this a useful concept to apply to schools? International
education journal, ๓(๑),๒๐๐๖, p ๒๔-๓๒.
๒๑๒
บคุ คลแห่งการเรยี นรู้
ความหมายบคุ คลแหง่ การเรยี นรู้
บุคคลแหง่ การเรียนรู้ เปน็ คาท่ไี ด้มีการนามาใชพ้ ร้อม ๆ กบั สังคมแหง่ การเรยี นรู้ องคก์ รแหง่
การเรียนรู้ ทั้งนี้เพราะบุคคลแหง่ การเรยี นรู้เป็นหนว่ ยเล็กที่สดุ ของสงั คมแห่งการเรียนรู้ เปน็ พลงั
ขบั เคล่อื นให้เกดิ องค์กรแห่งการเรียนรู้และสงั คมแหง่ การเรียนรู้ การเป็นบุคคลแห่งการเรียนรมู้ ไิ ด้
เกิดข้ึนเองโดยธรรมชาติ แต่เกดิ จากการศึกษาการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง และองค์กรทางสังคมที่มี
บทบาทหนา้ ที่สร้างบคุ คลแห่งการเรยี นรู้ คอื องค์กรทางการศกึ ษาต่าง ๆ ในทุกระดบั ท้งั ในระดบั
โรงเรียนวิทยาลัย มหาวิทยาลัย นอกจากน้ีแล้วในสงั คมชุมชนกย็ งั เปน็ แหลง่ เรยี นรทู้ ดี่ ีแกบ่ ุคคล
ความหมายของบุคคลแหง่ การเรียนร้ทู ี่สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
(๒๕๕๑ ,หน้า ๑)๒๓ ได้ให้ไว้คอื บคุ คลแห่งการเรียนรู้ หมายถึง บุคคลทมี่ ีคุณลักษณะนิสัยใฝร่ ู้ ใฝ่เรยี น
มีพฤติกรรมท่ีแสดงออกถึง ความกระตือรือรน้ สนใจ เสาะแสวงหาความรูอ้ ยเู่ สมอ ม่งุ มั่นท่จี ะเพ่ิม
ประสิทธภิ าพในการเรยี นรแู้ ละสามารถนาความรู้ไปใชป้ ระโยชนไ์ ด้อย่างเหมาะสม การเรียนรอู้ าจทา
ได้หลายวธิ ี เชน่ การอ่านหนงั สือหรือวารสารที่มีประโยชน์ ดูรายการโทรทศั นห์ รือฟังวทิ ยุท่มี ีสาระ
คน้ ควา้ หาความรู้ผา่ นเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์ ซกั ถามข้อมลู จากผรู้ ู้ รวมท้งั สามารถจบั ใจความสาคัญ
เพื่อแยกแยะและเลอื กสาระข้อมลู ท่ีไดม้ าอยา่ งมีเหตผุ ล บคุ คลแห่งการเรยี นรู้ หมายถึง บุคคลทมี่ ีนสิ ัย
ใฝเ่ รยี นใฝ่รู้ มวี ิธีการเรียนร้ทู เ่ี ป็นระบบ มกี ารพฒั นาวิธีการเรียนรใู้ หท้ นั สมัย เปน็ ผใู้ ฝ่ดี มีคุณธรรม
จริยธรรม มีทกั ษะทางสังคม มที กั ษะการส่อื สารสามารถทางานรว่ มกบั ผูอ้ น่ื พฒั นาบุคลิกภาพเพื่อ
ความเปน็ สมาชิกที่ดขี องสงั คม สามารถใชช้ วี ติ อยู่ในสงั คมได้อยา่ งมีความสุข (ยนต์ ชมุ่ จิต, ๒๕๕๐,
หน้า ๒๒๕)๒๔
ในทศั นะของผเู้ ขียน บุคคลแหง่ การเรียนรู้ หมายถึง บคุ คลทม่ี ีนิสัยใฝร่ ู้ ใฝเ่ รียน มคี วาม
กระตือรือรน้ สนใจทจ่ี ะเรยี นร้สู ิง่ ใหม่ ๆ แสวงหาความร้อู ย่างสม่าเสมอโดยวธิ ีการหลากหลาย จากการ
มีทกั ษะในการสื่อสาร ทกั ษะทางสังคมและทักษะในการสืบคน้ ขอ้ มลู สารสนเทศ มุ่งม่ันพฒั นาตนใน
การเรยี นรู้และใช้ประโยชนจ์ ากความรูท้ ่ีได้อย่างเหมาะสม
คณุ ลักษณะของบุคคลแหง่ การเรียนรู้
นกั วชิ าการตา่ งประเทศท่ีได้ศึกษาเกย่ี วกบั คุณลักษณะของบคุ คลแหง่ การเรียนรู้ ได้กลา่ ววา่
บุคคลแหง่ การเรยี นร้จู ะต้องมีคณุ ลักษณะดา้ นความรู้พื้นฐานและทักษะทสี่ าคญั ต่าง ๆ ดังน้ี (Holford
& Nicholls, ๒๐๑๐, p ๑๓๔-๑๔๖)๒๕
๑. มีความรู้พืน้ ฐานด้านคณิตศาสตรแ์ ละภาษาศาสตร์
๒. มีทักษะในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
๒๓ สถำบันส่งเสรมิ กำรสอนวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี, ความหมายบคุ คลแหง่ การเรียนร.ู้ [Online].
Available: http://www.ipst.ac.th., ๓ เมษำยน ๒๕๕๑ ,หนำ้ ๑.
๒๔ ยนต์ ช่มุ จิต, ควำมเป็นคร,ู พมิ พค์ ร้งั ท่ี ๔, รำชบณั ฑติ ยสถำน ๒๕๕๖ พจนำนกุ รม ฉบบั
รำชบณั ฑติ ยสถำน พ.ศ. ๒๕๕๔ เฉลิมพระเกียรตพิ ระบำทสมเด็จพระเจำ้ อย่หู วั เนอ่ื งในโอกำสพระรำชพธิ ีมหำมงคล
เฉลิมพระชนมพรรษำ ๗ รอบ ๕ ธันวำคม ๒๕๕๔ (กรุงเทพฯ : ศิริวฒั นำอนิ เตอร์พรนิ ท์ จำกดั (มหำชน) ๒๕๕๐),
หนำ้ ๒๒๕.
๒๕ Holden, M. & Conelly, S. The learning city : Urban sustainability education
building toward WUF legacy. (๒nd ed), Canada: Simon Fraser University,๒๐๑๐, p ๑๓๔-๑๔๖.
๒๑๓
๓. มีทกั ษะในการคิดวิเคราะห์
๔. มีทักษะในการทางานกลุ่ม
๕. มกี ารเรยี นรู้ท่ีตรงกับความต้องการใช้ในโลกชีวิตจริง
สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (๒๕๕๑ ,หน้า ๑-๓)๒๖ ไดก้ ล่าวถงึ ทกั ษะ
พน้ื ฐานสาคัญของการเปน็ บุคคลแหง่ การเรียนรู้ คอื บุคคลแห่งการเรียนรู้ต้องมีทักษะในการฟงั การ
ถาม การอา่ น การคิด การเขียน และการปฏบิ ัติ โดยอธบิ ายไดด้ งั น้ี
๑. มีทกั ษะการฟังเพื่อทาให้รับรู้ข้อมลู ข่าวสารซ่งึ มคี วามสมั พันธเ์ ก่ยี วขอ้ งกับการคิดและ
การพูด
๒. มีทกั ษะในการถาม เพอ่ื ทาใหเ้ กดิ กระบวนการคดิ การเรียนรใู้ นเรอื่ งนั้น ๆ เนื่องจาก
คาถามท่ดี ที าให้เกดิ การเรยี นรไู้ ด้ตง้ั แต่ระดับการจาไปจนถึงระดับการคดิ วิเคราะหแ์ ละประเมินคา่
๓. มีทกั ษะการอา่ น เพือ่ ทาใหร้ บั รูข้ อ้ มูลข่าวสาร ซึ่งนอกจากทักษะการอ่านข้อความ จะ
รวมถงึ การอ่านสถิติ ข้อมูลเชงิ คณติ ศาสตรต์ ่าง ๆ ด้วย
๔. มีทักษะการคดิ ทาให้บุคคลมองการณ์ไกล สามารถควบคมุ การกระทาของตนให้เปน็ ไป
ตามเจตนารมณ์ การคดิ อยา่ งมีเหตผุ ลและมีวิจารณญาณมีผลตอ่ การเรียนรู้ การตดั สนิ ใจ และการ
แสดงพฤตกิ รรม
๕. มีทกั ษะการเขียน ซึ่งเป็นความสามารถในการถา่ ยทอดความรู้ ความคิด ทศั นคติ และ
ความร้สู กึ ออกมาเปน็ ลายลกั ษณ์อักษรใหผ้ ู้อื่นเขา้ ใจ ซง่ึ เป็นส่ิงสาคัญเป็นอยา่ งย่งิ ต่อการหา ความรู้
เนอื่ งจากบันทกึ เหตุการณ์ ข้อมูล ความจริง ใชเ้ ปน็ หลกั ฐานเพือ่ เปน็ ประโยชนต์ อ่ ไปได้
๖. มที กั ษะการปฏบิ ัติ ซ่งึ เปน็ การลงมือกระทาจริงอยา่ งมีระบบเพื่อค้นหาความจรงิ และ
สามารถสรุปผลอยา่ งมีเหตุผลได้ด้วยตนเองเพ่ือนาไปใช้ในการแก้ปัญหาได้
ยนต์ ชุ่มจติ (๒๕๕๐, หนา้ ๒๒๖-๒๒๗)๒๗ ไดแ้ สดงทศั นะต่อคณุ ลักษณะบุคคลแห่งการเรียนรู้
ว่าบุคคลแห่งการเรียนรู้ควรมีคุณลักษณะ ดงั น้ี
๑. เป็นบคุ คลที่เรยี นรู้ด้วยตนเอง การเรียนร้ดู ้วยตนเองคือ กระบวนการทีบ่ ุคคลมคี วามคิด
ริเริม่ ด้วยตนเอง สามารถวเิ คราะหค์ วามต้องการของตนเอง กาหนดเป้าหมายในการเรยี น วางแผน
กจิ กรรมการเรียนรู้ มแี รงจงู ใจภายในในการเรียนอยู่เสมอ สามารถประเมินตนเองในการเรยี นได้ มี
ความเป็นตวั ของตัวเอง สามารถดูแลตนเองได้ มคี วามยืดหยนุ่ ในการเรียนรู้ โดยอาจปรับเปล่ยี น
เป้าหมายหรือ วชิ าเรยี นเพ่ือให้บรรลุเป้าประสงคข์ องการเรียน
๒. ให้โอกาสต่อการเรียนรู้ หมายความวา่ เปน็ บุคคลท่ีพยายามหาโอกาสทจี่ ะเรียนรสู้ ิ่งต่าง
ๆ อยูเ่ สมอ มีความสนใจทีจ่ ะเรยี น ชอบศึกษาค้นควา้ หาความรเู้ พ่ิมเติมอย่เู สมอ มคี วามพยายาม ท่ีจะ
ทาความเข้าใจในเร่ืองท่ีคนอ่นื คดิ วา่ เป็นเรอื่ งที่ยาก และจะเกิดความภาคภูมิใจเมื่อได้กระทาภารกิจ
การงานสาเร็จ
๒๖ สถำบันส่งเสริมกำรสอนวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี, ความหมายบคุ คลแหง่ การเรียนร,ู้ [Online].
Available: http://www.ipst.ac.th., ๓ เมษำยน ๒๕๕๑, หนำ้ ๑-๓.
๒๗ ยนต์ ชุม่ จิต, ความเป็นครู, พมิ พ์คร้ังท่ี ๔, รำชบัณฑติ ยสถำน ๒๕๕๖ พจนำนกุ รม ฉบับ
รำชบัณฑติ ยสถำน พ.ศ. ๒๕๕๔ เฉลิมพระเกียรตพิ ระบำทสมเด็จพระเจ้ำอย่หู ัว เนอ่ื งในโอกำสพระรำชพิธีมหำมงคล
เฉลิมพระชนมพรรษำ ๗ รอบ ๕ ธนั วำคม ๒๕๕๔ (กรุงเทพฯ : ศิรวิ ฒั นำอินเตอร์พรนิ ท์ จำกัด (มหำชน) ๒๕๕๐),
หน้ำ ๒๒๖-๒๒๗.
๒๑๔
๓. มมี โนทศั นต์ ่อการเปน็ ผเู้ รียนที่มปี ระสทิ ธภิ าพ หมายความว่า เปน็ บคุ คลทมี่ ีความมุ่งม่ัน
ในการเรยี น เมอื่ เรียนสิ่งใดกจ็ ะเรียนอยา่ งจรงิ จงั เพ่ือใหเ้ กิดผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนทีด่ ีที่สุด มวี ธิ กี าร
เรยี นหลายรูปแบบ สามารถแบ่งเวลาเรียนกบั การทางานอย่างอน่ื มคี วามสขุ ในการแก้ปัญหาทีย่ าก
และสาคญั เป็นคนรูจ้ ักเสาะแสวงหาแหลง่ ขอ้ มูลเพ่อื การเรียนรู้
๔. มีความคิดรเิ รมิ่ และมีอสิ ระในการเรียน กล่าวคอื ไมเ่ ปน็ คนเลือกเรยี นตามเพอ่ื นหรือ
ตามคาบอกเลา่ ของผอู้ น่ื และไม่ท้อถอยต่อการเรียนแมม้ สี ิ่งไมเ่ ข้าใจในเรื่องท่ีกาลังเรยี น หรือ มีปญั หา
ในการเรยี นก็พยายามแกป้ ัญหาไดด้ ว้ ยตนเอง
๕. มคี วามรับผดิ ชอบตอ่ การเรียนรู้ด้วยตนเอง หมายความว่า เปน็ บคุ คลที่มีความ
รับผิดชอบต่อการเรยี นสิง่ ต่าง ๆ ดว้ ยตนเอง ไม่จาเป็นตอ้ งใหผ้ อู้ ืน่ ตกั เตือน มีความสานึกร้วู า่ กาลังทา
อะไร และสานึกว่าตนมีปญั ญาพอทจ่ี ะเรียนรูส้ ิง่ นน้ั ๆ
๖. มีความรักในการเรียนรู้ กล่าวคอื เป็นบุคคลทม่ี ีนิสยั ใฝ่เรียนใฝ่ร้แู ละใฝด่ ี ตอ้ งการทีจ่ ะ
เรียนรู้ มคี วามกระตือรือร้นในการเรียนรู้ สนุกกับการศึกษาค้นคว้าความรู้ใหม่ ๆ และมีความชน่ื ชม
ยนิ ดกี บั บคุ คลอื่นท่ีได้มโี อกาสเรยี น
๗. มคี วามคดิ สรา้ งสรรค์ หมายความว่า เป็นบุคคลท่ีมีความคิดทีจ่ ะกระทาสง่ิ ต่าง ๆ ได้
พยายามหาแนวทางเรยี นร้สู ง่ิ ใหม่ ๆ อยูเ่ สมอ
๘. มองอนาคตในแง่ดี หมายความวา่ เป็นบุคคลที่มองการณ์ไกล ใชป้ ัญญาหรอื มวี ิสยั ทัศน์
คดิ ถงึ ความเจรญิ ก้าวหนา้ ในอนาคต มองปญั หาเปน็ สง่ิ ท้าทายใหต้ ้องเผชญิ และเขา้ ไปแก้ไข มี
จุดมุง่ หมายในชีวิต และต้องการเรยี นร้ตู ลอดชีวิต
๙. มคี วามสามารถในการใช้ทักษะพืน้ ฐานต่อการศกึ ษา กล่าวคอื เปน็ บคุ คลทมี่ ี
ความสามารถในการอ่าน การเขยี น การฟัง และการจดจาต่อการศึกษาวิชาการต่าง ๆ และมี
ความสามารถในการแกป้ ญั หาทงั้ ปัญหาเฉพาะหนา้ และปัญหาระยะยาว
จากการศึกษาสงั เคราะห์คุณลักษณะของบุคคลแหง่ การเรียนร้ทู ก่ี ลา่ วมาข้างตน้ สามารถสรุป
ได้ว่า บคุ คลแห่งการเรียนรคู้ วรประกอบด้วยคณุ ลักษณะสาคญั ๕ ประการ คือ
๑. มที ักษะในการคิดวิเคราะห์ ไดแ้ ก่ มีความคดิ ริเริ่มสร้างสรรค์ มคี วามคดิ ทีเ่ ปน็ อิสระ มี
ความคดิ ด้วยหลักเหตุและผล
๒. มีทักษะในการทางานกลุม่ ได้แก่ มีขนั้ ตอนและวางแผนในการทางาน รบั ฟงั ความคดิ เห็นที่
แตกต่างและหาข้อสรปุ ท่ีเปน็ ประโยชนแ์ กส่ ่วนรวม
๓. มที ักษะการเรียนรูด้ ้วยตนเอง ได้แก่ มนี ิสัยใฝเ่ รยี น ใฝร่ ู้ มีความรกั ในการเรียนรู้ มี
ความรบั ผดิ ชอบต่อการเรียนรู้ มที ักษะทางภาษา มที ักษะในการอา่ น การเขียน การฟัง และการ
สอื่ สาร
๔. มีทักษะในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศพื้นฐาน เพอ่ื สามารถรับรู้ข้อมลู ขา่ วสารทเ่ี ปน็
ปจั จบุ ัน รบั รู้ และรเู้ ทา่ ทันการเปล่ียนแปลงของสังคมโลก
๕. มีความคดิ เชงิ บวก มองโลกในแงด่ ี มองปัญหาเปน็ เร่ืองท้าทายความสามารถทไ่ี ด้มี
โอกาสแก้ไขปรับปรุงเปล่ยี นแปลงให้ดขี นึ้ กวา่ เดิม
สมรรถนะของบคุ คลแห่งการเรียนรู้
ได้มีนกั วิชาการตา่ ง ๆ ศกึ ษาถึงสมรรถนะท่ีสาคญั ๆ ของการเป็นบคุ คลแห่งการเรียนรโู้ ดย
สามารถจาแนกได้ดังนี้
๒๑๕
๑. สมรรถนะพืน้ ฐานทส่ี าคัญของการเปน็ บุคคลแหง่ การเรียนรสู้ มรรถนะพน้ื ฐานท่ีสาคัญของ
การเปน็ บคุ คลแหง่ การเรยี นรู้ ไดแ้ ก่ สมรรถนะพนื้ ฐานด้านเทคโนโลยสี ารสนเทศ สมรรถนะดา้ น
ภาษาตา่ งประเทศและทักษะทางสงั คม โดยทกั ษะทางสังคม ได้แก่ความสามารถในการควบคุมดแู ล
ตนเอง ความสามารถในการจัดการความเสี่ยง การทางานไดด้ ้วยตนเองและความสามารถในการเป็น
ผู้ประกอบการ (Preece, ๒๐๐๖, p ๓๐๗-๓๒๐)๒๘
สมรรถนะของบุคคลแห่งการเรียนรู้ในองค์กรธรุ กิจ ประกอบด้วยสมรรถนะสาคัญ ๗ ดา้ น คือ
๑. สมรรถนะด้านความสามารถในการเรียนรทู้ ่ีจะเรยี น
๒. สมรรถนะด้านความสามารถในการสื่อสารและความร่วมมอื
๓. สมรรถนะด้านความคดิ สรา้ งสรรคแ์ ละความสามารถในการแก้ปัญหา
๔. สมรรถนะด้านความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
๕. สมรรถนะด้านความรู้ความเขา้ ใจเกยี่ วกบั ธรุ กิจนานาชาติ
๖. สมรรถนะด้านภาวะผนู้ า และ
๗. สมรรถนะด้านความสามารถในการจดั การตนเองในดา้ นอาชพี (Jarvis & Tosey,
๒๐๑๐, p ๑๔๗-๑๕๖)๒๙
สมรรถนะของบุคคลทวั่ ๆ ไปทท่ี างานในอาชีพตา่ งๆหลากหลาย สามารถจาแนกสมรรถนะ
ของบุคคลเป็น ๒ ประเภท คือ สมรรถนะทั่วไป และสมรรถนะเฉพาะ (Matinez cited by Carrillo,
๒๐๑๑, p ๒๓๓-๒๔๑) โดยมรี ายละเอยี ดดังนี้
๑. สมรรถนะท่ัวไป สมรรถนะท่วั ไปทส่ี าคญั สาหรับบุคคลแห่งการเรียนรคู้ ือ สมรรถนะใน
การปฏิสัมพนั ธ์ ซ่ึงเปน็ สมรรถนะทเ่ี กย่ี วกบั การจดั การ การพัฒนาเพ่ือสนบั สนนุ สมรรถนะที่อานวย
ความสะดวกในการมปี ฏสิ มั พันธ์ระหวา่ งบคุ คล เชน่ ความสามารถในการใชภ้ าษาในการส่ือสาร
ความสามารถในการใชข้ ้อมลู สารสนเทศและทรัพยากรตา่ ง ๆ ความสามารถทางดา้ นเทคนิควทิ ยาใน
การบริหารจัดการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ การใชซ้ อฟตแ์ วร์ การใช้เครือขา่ ยต่าง ๆ เปน็ ตน้
๒. สมรรถนะเฉพาะ สมรรถนะเฉพาะทส่ี าคญั ของบุคคลแห่งการเรียนรู้ ได้แก่
๒.๑ สมรรถนะในการแสดงออก ซง่ึ เป็นสมรรถนะท่ีนาไปสกู่ ารสร้างและพัฒนา
ความสมั พนั ธ์สว่ นบุคคล ความสัมพันธต์ ่อชุมชนและสงั คมที่บุคคลน้ันใช้ชวี ิตอยู่ เชน่ ความสามารถใน
การทางานกับผู้อื่น ความสามารถในการสรา้ งสัมพันธก์ ับผู้อ่ืน ความสามารถในการแก้ไขความขดั แย้ง
อยา่ งสันตวิ ธิ ี การมีความรบั ผิดชอบปฏบิ ตั ติ ามกติกาสังคม การรักษาสิทธขิ องตนรว่ มกับการปฏบิ ัติ
ตามหนา้ ท่ี การยอมรบั นับถือผู้อื่น การมปี ฏสิ มั พันธ์ระหว่างวัฒนธรรมและระหวา่ งเพศ เป็นต้น
๒.๒ สมรรถนะการนาไปสู่การปฏิบตั ิ ซง่ึ เปน็ สมรรถนะท่นี าไปสู่การพัฒนาตน
พฒั นาชมุ ชน หรอื สังคมทตี่ นใชช้ วี ิตอยู่ เช่น การมคี วามม่งุ ม่ันเปน็ ตวั ของตัวเอง ปฏบิ ตั ิตนเหมาะสม
กับบริบททางสังคม การมเี จตคติทด่ี ีต่อการคน้ หาความรู้ การมแี รงจูงใจภายใน อดทน การใชภ้ าษาใน
การสือ่ สารได้อย่างมีประสิทธภิ าพ
๒. สมรรถนะสาคญั ในการทางานให้ประสบความสาเรจ็ ของบุคคลแหง่ การเรยี นรู้
๒๘ Preece, J. Beyond the learning society : The learning world? International
journal of lifelong education (Vol ๒๕), ๒๐๐๖, p ๓๐๗-๓๒๐.
๒๙ Jarvis, P. & Tosey, P. Corporations and professions. In P. Jarvis (๓rd ed), the age
of learning, London : Kogan, ๒๐๑๐, p ๑๔๗-๑๕๖.
๒๑๖
ไดม้ ีการศกึ ษาและพบว่าสมรรถนะสาคัญของบุคคลแหง่ การเรยี นรู้ในการทางานใหป้ ระสบ
ความสาเรจ็ ไดแ้ ก่
๒.๑ ความสามารถทจ่ี ะแสวงหารวบรวมใหเ้ ปน็ ระบบ วางแผนและใช้ทรัพยากร
๒.๒ ความสามารถที่จะทางานรว่ มกบั ผอู้ ืน่ ทางานเปน็ ทมี ได้ ใหบ้ ริการผูอ้ ่ืนได้ มภี าวะ
ผ้นู ามีความสามารถในการตอ่ รองและทางานในสง่ิ แวดล้อมท่หี ลากหลาย
๒.๓ ความสามารถในการคน้ หา รวบรวมข้อมลู ใหเ้ ปน็ ระบบ ตคี วาม ประเมนิ และ
สื่อสารขอ้ มลู และสารสนเทศได้
๒.๔ ความสามารถในการเข้าใจความสมั พนั ธ์ทีล่ ึกซงึ้ ของสง่ิ ต่าง ๆ ความสามารถในการ
จาแนก ทานายแนวโนม้ ผลกระทบ ตดิ ตามผลการปฏบิ ัตงิ าน และแก้ไขปัญหาการปฏิบัติงานของ
ตนเองได้
๒.๕ ความสามารถท่ีจะใช้เทคโนโลยแี ละเลือกเคร่ืองมือที่เหมาะสมสาหรับงานท่ีตอ้ งทา
(Holford & Nicholls, ๒๐๐๑, p ๑๓๔-๑๔๖)๓๐
จากสมรรถนะพ้นื ฐานและสมรรถนะสาคญั ในการทางานของบุคคลแหง่ การเรยี นรดู้ ังกล่าว
ข้างต้น สามารถสงั เคราะหส์ มรรถนะของการเป็นบคุ คลแหง่ การเรียนรู้ได้ ดงั น้ี
คุณลักษณะสมรรถนะของการเปน็ บคุ คลแห่งการเรยี นรู้ ประเภทของสมรรถนะ คณุ ลกั ษณะ
ของสมรรถนะ
๑. สมรรถนะพนื้ ฐาน
๑. มีความรู้พนื้ ฐานดา้ นคณติ ศาสตร์และภาษาศาสตร์
๒. มที ักษะในการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ
๓. มีทักษะในการคดิ วเิ คราะห์ คิดสร้างสรรค์
๔. มที ักษะการทางานกลุ่ม
๕. มที ักษะในการสรา้ งความสมั พันธก์ ับบุคคลอน่ื
๖. มีภาวะผนู้ า
๗. มคี วามรับผดิ ชอบต่อบทบาทหน้าที่ในสังคม
๘. มคี วามมุ่งมัน่ ในการพัฒนาตนและพัฒนางาน
๒. สมรรถนะในการทางาน
๑. มคี วามสามารถในการบริหารจดั การตนเองและวิชาชีพ
๒. มคี วามสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยีท่เี หมาะสมกบั งาน
๓. มคี วามสามารถในการทางานเป็นทีม
๔. มีความสามารถในการแก้ปญั หา
๕. มีความสามารถในการค้นหารวบรวมข้อมลู อย่างเป็นระบบ
๓๐ Holden, M. & Conelly, S. The learning city : Urban sustainability education
building toward WUF legacy. (๒nd ed), Canada: Simon Fraser University,๒๐๑๐, p ๑๓๔-๑๔๖.
๒๑๗
กรณตี ัวอยา่ งบุคคลแห่งการเรยี นรใู้ นสงั คมไทย
ประเทศไทยมีบคุ คลแหง่ การเรยี นร้ทู ไ่ี ด้รบั การยอมรบั ในสงั คมจานวนหน่ึง และความคดิ ของ
บคุ คลเหลา่ น้ันมีอิทธิพลต่อการเป็นสงั คมแห่งการเรียนรูใ้ นประเทศไทย ในที่นีจ้ ะกลา่ วถึงบคุ คลท่ีมี
ช่ือเสยี งและเปน็ ที่ยอมรับในสังคม คือ นายแพทย์ประเวศ วะสี ผมู้ ีพนื้ ฐานจากการเปน็ แพทย์ เป็น
อาจารยห์ มอและเป็นผ้ชู น้ี าสงั คมไทย นอกจากนีผ้ ู้เขียนขอนาเสนอกรณีศึกษาตวั อย่างครูภูมิปัญญา
ไทยที่มคี ณุ ลักษณะสอดคลอ้ งกบั บุคคลแห่งการเรียนรู้ในวงการศกึ ษาด้วยเพ่ือการพฒั นาความเปน็ ครู
วิชาชีพ โดยจะกลา่ วไปตามลาดับดังน้ี
๑. ตวั อยา่ งบคุ คลแหง่ การเรียนรู้ในสงั คมไทย “นายแพทย์ประเวศ วะสี”
นายแพทยป์ ระเวศ วะสี ไดร้ บั การยกย่องเป็นบคุ คลแหง่ การเรียนร้ทู ่มี ีแนวคดิ ทันสมยั
วิสยั ทศั นก์ วา้ งไกล เปน็ นายแพทยท์ ่ีได้รบั รางวลั แมกไซไซ ดา้ นสาขาบรกิ ารรฐั จากประเทศฟิลิปปินส์
ไดเ้ หรยี ญเชดิ ชูเกียรติจากองค์การอนามัยโลก เป็นผู้มีผลงานดเี ด่นดา้ นการวิจยั และนวตั กรรมทาง
การศึกษาจากองคก์ ารยูเนสโก นอกจากผลงานดา้ นการแพทย์แลว้ นายแพทย์ประเวศ วะสี ยังมคี วาม
สนใจในการศึกษาเรียนร้ดู ้านสงั คม การเมือง วฒั นธรรมในบริบทของประเทศไทย ฉะน้ัน เมื่อประเทศ
ไทยหรอื สังคมไทยเกดิ ภาวะวิกฤตใด ๆ บุคคลหลายฝา่ ยจะไปขอความคดิ เห็นของทา่ นในการแก้ไข
ปญั หานนั้ โดยปรากฏในหนังสอื พมิ พ์หรือในการบรรยายในทีป่ ระชมุ ทางวชิ าการตา่ ง ๆ ในแนวคดิ ของ
นายแพทยป์ ระเวศ วะสี ท่านใหค้ วามสาคัญในเรอื่ ง “การเคารพศักดิ์ศรีและคุณค่าของมนุษยท์ กุ คน”
และการทาให้ประเทศชาติกา้ วหนา้ ไดต้ อ้ งเนน้ การพัฒนาที่ยั่งยืน กระจายส่ชู มุ ชนต่าง ๆ ทั่วประเทศ
รฐั ตอ้ งเคารพในความหลากหลายทางวฒั นธรรมที่แตกต่างกนั ในภมู ภิ าคตา่ ง ๆ ส่งเสริมการรวมตวั
การร่วมคิดร่วมทาด้วยความเสมอภาคของผู้คนในทกุ พ้นื ที่ ในทกุ องค์กร และในทุกเรื่อง การพฒั นา
สงั คมไทยให้เจรญิ ก้าวหน้าต้องมงุ่ ความสุขอยา่ งยั่งยนื ของทุกคน และท่านเสนอความคดิ เห็นว่าควร
ประกอบด้วยปจั จยั ๘ ประการ คือ ๑) การไม่ทอดท้ิงกัน ๒) การมีเศรษฐกจิ พอเพียง ๓) การใช้
ทรพั ยากรอยา่ งเป็นธรรม ๔) การเคารพศักดิ์ศรีและคุณค่าความเป็นคน ๕) ความเป็นธรรมทางสงั คม
๖) สนั ติภาพ ๗) การพัฒนาจิตใจใหส้ งู ขึ้น ๘) ความเขม้ แข็งของชมุ ชน ทอ้ งถน่ิ และประชาสังคม
(ประเวศ วะสี, ๒๕๕๔ก, หน้า ๑)๓๑
ในดา้ นการศึกษา นายแพทย์ประเวศ วะสี มคี วามคิดเหน็ ว่า ระบบการศึกษาทีด่ ีจะเป็น
เคร่ืองมือแก้ไขปญั หาทกุ ชนิด แต่ที่ผ่านมาระบบการศึกษาไทยเปน็ ส่วนหนง่ึ ของการพฒั นาทร่ี วมศูนย์
อนั ทาลายคุณคา่ ของการศึกษา ระบบการศกึ ษาไทยอยูน่ อกสังคม “ไม่รู้รอ้ นรู้หนาวกบั สงั คม”
(ประเวศ วะสี, ๒๕๕๔ ข) การศึกษาของไทยเอา “วิชา” เปน็ ตวั ตัง้ ไม่เอาชีวิตความเปน็ จรงิ และการ
ปฏบิ ตั ิเปน็ ตัวตง้ั เม่ือผเู้ รยี นเรียนไปก็ไม่เข้าใจชวี ิต ไมเ่ ข้าใจความเปน็ จริง และปฏบิ ตั ิไม่เป็น และท่าน
ได้ใหข้ ้อเสนอแนะว่า การศึกษาควรมีสว่ นชว่ ยในการพฒั นาประเทศ โดยมหาวิทยาลัยควรมบี ทบาทใน
การ ส่งเสรมิ ใหโ้ รงเรยี นในแต่ละตาบลของประเทศทาแผนที่ศักยภาพของบุคคลในตาบลมีสว่ นร่วมใน
กระบวนการวิจยั และกระบวนการทาแผนพัฒนาชมุ ชน ให้นกั ศึกษามสี ่วนรว่ ม มกี ารเรยี นรูจ้ ากการ
ปฏบิ ัติจริง และมหาวทิ ยาลยั ควรมบี ทบาทในการเป็นตัวอย่างของการวิจัยโดยใชเ้ ทคโนโลยีที่เหมาะสม
เพือ่ เปน็ ตวั แบบการปฏิบตั ิที่ดีแก่ชุมชน และสดุ ท้ายมหาวทิ ยาลัยซึง่ เป็นระบบการศึกษาสูงสดุ ของ
๓๑ ประเวศ วะสี, กำรพฒั นำอยำ่ งบรู ณำกำรเตม็ พ้นื ท่ีจงั หวดั กบั หน่งึ มหำวิทยำลยั ต่อหนงึ่ จงั หวดั ,
[Online]. Available: http://www.prawase.com, ๓ เมษำยน ๒๕๕๔, หนำ้ ๑.
๒๑๘
ประเทศควรมีการส่งเสริมการพฒั นานโยบายตา่ ง ๆ ของรัฐเพือ่ เกิดการเรียนรรู้ ่วมกนั และช่วยสร้าง
เสรมิ สังคมแหง่ การเรียนรูแ้ ก่ประเทศไทย
๒. กรณศี ึกษาครูภูมิปญั ญาไทย : คณุ ลักษณะบคุ คลแหง่ การเรยี นรู้ในสงั คมไทย
สานกั งานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา กระทรวงศกึ ษาธิการ ได้มกี ารศึกษาครูภูมปิ ญั ญาไทย
รนุ่ ๑-๕ ในโครงการสง่ เสริมกิจกรรมการเรยี นรู้ครูภมู ปิ ัญญาไทย และจากการสงั เคราะห์องค์ความรู้
เกี่ยวกับครภู มู ปิ ญั ญาไทยพบวา่ คุณลกั ษณะโดยรวมของครูภมู ปิ ัญญาไทยมคี วามสอดคลอ้ งกับ
คุณลกั ษณะของบคุ คลแห่งการเรยี นรูใ้ นเน้ือหาข้างตน้ กลา่ วคอื เป็นผู้ใฝ่รู้ ใฝ่เรียน ใฝ่ปฏบิ ัติ มคี วามรู้
ความสามารถในการจดั การ มีความสามารถในการแก้ไขปัญหาดว้ ยกระบวนการทางปัญญา ปฏิบัติตน
เป็นผนู้ าและเป็นแบบอย่างท่ีดีของสังคม มคี วามสามารถในการ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ สามารถถ่ายทอด
องค์ความรขู้ องตนสู่การศึกษาทง้ั ๓ แบบ และมผี ลงานประจักษ์วา่ สามารถก่อประโยชน์ต่อชุมชน
สังคมครูภมู ปิ ญั ญาไทย คอื บุคคลผู้ทรงปัญญาด้านใดด้านหนง่ึ และได้มกี ารสบื สานภูมิปัญญา
ด้านนั้นมาอยา่ งตอ่ เนือ่ งจนเป็นทย่ี อมรบั ของสังคมและชุมชน นอกจากนนั้ ยังสามารถถ่ายทอดภมู ิ
ปญั ญานั้นผา่ นการศกึ ษาท้งั ในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศยั ตามนัยแหง่
พระราชบญั ญัติการศึกษาแห่งชาติ พทุ ธศกั ราช ๒๕๔๒ ภมู ิปัญญาไทยท่เี กิดข้ึนจากการใช้วิถชี วี ิตแบบ
ไทย เปน็ ทีม่ าของความรู้ทีก่ ่อใหเ้ กดิ ประโยชน์ต่อวฒั นธรรม การแกป้ ัญหา การจัดการ ตลอดจนการ
ปรับตวั ในวิถกี ารดาเนนิ ชีวิตของคนไทยในปจั จุบนั และเมื่อจาแนกตามลักษณะ สามารถจาแนกภูมิ
ปญั ญาไทยได้ ๙ ดา้ น คอื ๑) ดา้ นเกษตรกรรม ๒) ด้านอตุ สาหกรรมและหตั ถกรรม ๓) ด้านการแพทย์
แผนไทย ๔) ด้านการจดั การทรพั ยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดล้อม ๕) ดา้ นกองทนุ และธรุ กิจชมุ ชน ๖)
ดา้ นศลิ ปกรรม ๗) ดา้ นภาษาและวรรณกรรม ๘) ดา้ นปรชั ญา ศาสนา และประเพณี และ ๙) ดา้ น
โภชนาการ (สานกั งานเลขาธิการสภาการศึกษา, ๒๕๕๑, หน้า ๗๕)๓๒
ดว้ ยความสาคญั ของบุคคลทีเ่ ปน็ ผ้ทู รงปญั ญา โดยผูท้ รงปัญญาน้นั สามารถถา่ ยทอดและ
สรา้ งองค์ความรูอ้ ย่างต่อเนื่องเฉกเช่นครู การคน้ หาครูภูมิปัญญาไทยจึงได้มีการตั้งเกณฑ์ประเมนิ
คณุ ลักษณะครภู ูมิปญั ญาไทยใน ๓ ดา้ น ประกอบดว้ ย
ดา้ นท่ี ๑ ดา้ นคุณลักษณะส่วนบุคคล ได้แก่
๑. มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ และสามารถใชภ้ ูมปิ ัญญานนั้ ได้อย่างชัดเจนถูกต้อง
๒. มีความคิดริเร่มิ สรา้ งสรรค์
๓. มคี วามเสียสละในการถ่ายทอดภูมปิ ัญญาสูส่ าธารณะ
ดา้ นที่ ๒ ด้านการถ่ายทอด ได้แก่
๑. มีความรูค้ วามสามารถ และประสบการณ์ในการถ่ายทอดภมู ปิ ัญญาดว้ ยรูปแบบ
และวิธีการท่ีหลากหลาย เป็นประโยชน์ตอ่ การศกึ ษาท้ัง ๓ ระบบ
๒. มกี ารปรับปรุงและพัฒนาวิธกี ารในการถ่ายทอดอย่างตอ่ เนือ่ ง
๓. มคี วามสามารถในการสรา้ งเครอื ข่ายแลกเปลย่ี นเรยี นรู้
ด้านท่ี ๓ ดา้ นการยอมรับในสังคม ไดแ้ ก่
๑. การมีผลงานเปน็ ทป่ี ระจักษ์
๒. ผลงานเป็นประโยชนใ์ นการแกป้ ัญหาและพฒั นาชุมชน สังคม และประเทศชาติ
สานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (๒๕๕๑ ,หน้า ๗๖-๗๗) ไดม้ ีการสังเคราะหก์ รณศี กึ ษาครู
๓๒ สำนักงำนเลขำธกิ ำรสภำกำรศึกษำ, กระทรวงศึกษำธิกำร รายงานการปฏิรูปการเรียนรู้ ระดับ
การศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน : พหกุ รณศี ึกษา, (กรงุ เทพฯ : ครุ สุ ภำ ลำดพรำ้ ว ๒๕๕๑), หน้ำ ๗๕.
๒๑๙
ภมู ิปญั ญาไทยทไ่ี ดร้ บั การคัดเลอื ก จานวน ๑๖๔ คน ใน ๔ ภูมภิ าค คอื ภาคเหนือ ๒๙ คน ภาคกลาง
และภาคตะวันออก ๗๒ คน ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื ๔๐ คน และภาคใต้ ๒๓ คน ไดผ้ ลสรปุ จากการ
สังเคราะห์พบว่า ครูภูมิปญั ญาไทยมีคุณลักษณะท้งั ดา้ นส่วนบุคคล ทัง้ ดา้ นกระบวนการเรียนรูแ้ ละด้าน
การปฏบิ ัติตนทเ่ี ก้ือหนุนต่อการเป็นสังคมแหง่ การเรยี นร้ใู นชุมชนน้นั ๆท่คี รูภมู ิปญั ญาไทยอาศยั อยู่
ดงั น้ี
๑. ดา้ นคุณลักษณะส่วนบคุ คล
๑.๑ อดทนและดิ้นรนเพือ่ ความอย่รู อดเน่อื งจากสภาพปัญหาทางครอบครวั และ
สขุ ภาพรา่ งกาย เช่น เปน็ ลูกกาพรา้ หรอื มฐี านะค่อนขา้ งยากจน หรือมโี รคประจาตัวตั้งแตก่ าเนดิ
(ร้อยละ ๑๒.๒๐)
๑.๒ มวี สิ ยั ทัศน์และความสามารถทางการจัดการเกี่ยวกบั งานอาชพี เชน่ การจัดการ
ดา้ น การผลิตและการตลาด (รอ้ ยละ ๖.๗)
๒. ดา้ นกระบวนการเรยี นรู้
๒.๑ ศกึ ษาค้นคว้าดว้ ยตนเองในลักษณะลองผิดลองถกู จนเกดิ เป็นองค์ความรู้เฉพาะ
บุคคล (รอ้ ยละ ๔๓.๙๐)
๒.๒ ถ่ายทอดความรู้และทักษะทางอาชีพภายในเครือญาติหรือบรรพบรุ ษุ (รอ้ ยละ
๔๒.๐๗)
๒.๓ มุ่งม่นั ต่อการเรยี นรู้ในสิง่ ท่ตี นเองสนใจ หรือมีพรสวรรค์ดา้ นนั้นตั้งแต่เยาวว์ ยั
จากการศึกษาในสถานศึกษาท้งั ๓ ระบบ จนไดว้ ุฒิบัตรหรือคารบั รองความเชย่ี วชาญ (รอ้ ยละ
๒๘.๖๖)
๒.๔ สนทนาแลกเปลย่ี นเรยี นรูห้ รอื ฝึกปฏิบตั แิ บบตวั ต่อตัวกบั นกั วชิ าการหรือ
ปราชญ์ผู้เช่ยี วชาญด้านนัน้ ๆ (ร้อยละ ๒๔.๓๙)
๒.๕ เรยี นรโู้ ดยผ่านทางสถาบันศาสนาในลกั ษณะบวชเรียน ทาใหไ้ ด้องค์ความร้จู าก
เน้ือหาคาสอน ภาษาและอักษรตา่ ง ๆ ตลอดจนทักษะทางอาชพี จากพระในวัด (ร้อยละ ๑๙.๕๑)
๒.๖ การอบรมเลย้ี งดอู ย่างเอาใจใส่จากครอบครวั ปลูกฝังให้เป็นคนดี มีคุณธรรม
อดทน เสียสละ และรับผดิ ชอบต่อสังคม สิ่งแวดลอ้ ม (ร้อยละ ๘.๕๔)
๒.๗ ประยุกต์องคค์ วามรูท้ ี่ได้รับจากการศึกษาในระบบในชีวติ จริง ทาใหเ้ กดิ การ
พฒั นาความรู้ และทักษะจากการปฏิบตั ิ (รอ้ ยละ ๓.๐๔)
๓. ดา้ นการปฏิบัติทเ่ี กื้อหนุนต่อสงั คมแหง่ การเรียนรู้
๓.๑ เผยแพร่ความรู้ ตามเกณฑ์พื้นฐานการคัดเลือกครูภูมปิ ัญญาท้องถนิ่ คือ การ
เป็นวิทยากรรบั เชิญของสถาบันการศึกษาทั้ง ๓ ระบบ เพ่ือใหค้ วามรเู้ สรมิ ตามเน้ือหาสาระทต่ี นเอง
เช่ยี วชาญในลกั ษณะการบรรยาย การสาธิต การให้คาปรึกษา แนะนา และฝกึ ปฏบิ ตั ิ การจัดทา
เอกสารสิง่ พมิ พ์ ตลอดจนการสอ่ื สารผา่ นทางสอ่ื โทรคมนาคมตา่ ง ๆ เชน่ วทิ ยุ โทรทศั น์ วดิ โี อ และ
เว็บไซต์ตามความสามารถของแต่ละคน
๓.๒ เผยแพรอ่ งคค์ วามรตู้ ามบริบทและศักยภาพของบคุ คล ได้แก่ การใช้ประโยชน์
ของบ้าน หรือสถานประกอบการของตนเองเป็นศนู ย์การเรียนรทู้ างวชิ าชีพ (ร้อยละ ๑๕.๘๕)
๓.๓ จดั ทาโครงการและหลกั สูตรการฝึกอบรมรว่ มกับองค์กรภาครัฐและเอกชน เพื่อ
สง่ เสริมความรภู้ มู ิปญั ญาพืน้ บ้าน หรือปลกู จติ สานึกต่อการปฏบิ ัติเพอื่ บริบทแวดล้อมที่ดีของชมุ ชน
๒๒๐
(ร้อยละ ๑๑.๕๙)
๓.๔ ปฏิบตั ิตนเปน็ แบบอย่างทด่ี ีดา้ นการพัฒนาตนและพัฒนางาน (รอ้ ยละ ๙.๑๕)
๓.๕ การเปน็ แกนนาในการสรา้ งแหล่งเรียนรู้ในชมุ ชน เช่น พิพิธภณั ฑ์ทอ้ งถ่นิ ศูนย์
การเรยี นรทู้ างอาชีพของชมุ ชน (รอ้ ยละ ๗.๙๓)
๓.๖ การเปน็ แกนนาของเครือข่ายความรว่ มมือระหว่างบุคคลโดยมีวัตถุประสงค์
เฉพาะทาง ไดแ้ ก่ กลมุ่ วชิ าชีพเพือ่ พฒั นาวชิ าชีพน้นั ๆ อยา่ งยง่ั ยืน กลุม่ อนุรักษท์ รัพยากรท้องถนิ่ หรือ
ภมู ิปัญญาพื้นบ้านเพื่อสภาพการคงอยู่ท่ดี ขี องทรัพยากรธรรมชาติ สง่ิ แวดลอ้ ม และภมู ิปญั ญาของ
ชุมชนกล่มุ สหกรณ์ออมทรพั ย์เพือ่ ลดปญั หาทางเศรษฐกิจและ เพ่ิมทนุ /อานาจต่อรองทางการประกอบ
อาชพี ของชุมชน (รอ้ ยละ ๖.๗๑)
๓.๗ การเผยแพร่ความร้หู รือแสดงผลผลติ ตามนิทรรศการตา่ ง ๆ ตามโอกาสอนั ควร
โดยทา ในลกั ษณะสว่ นบุคคลหรอื เปน็ กล่มุ ความรว่ มมือของชมุ ชน (รอ้ ยละ ๔.๒๗)
การเสรมิ สร้างประชาคมแห่งการเรยี นรใู้ นสถานศึกษา
สังคมไทยในปจั จบุ นั เปน็ สงั คมฐานความรทู้ ่กี ารเรยี นรู้ ความรแู้ ละนวตั กรรมเป็นปจั จยั สาคญั
ในการพัฒนา จงึ มีความจาเป็นทจ่ี ะต้องเสริมสร้างฐานความรู้ท่ีเข้มแขง็ แกป่ ระเทศเพ่ือความสามารถ
ในการปรบั ตวั รู้เทา่ ทัน การเปลยี่ นแปลง การจะเป็นสงั คมแหง่ การเรียนร้ซู ง่ึ เป็นสงั คมแหง่ ภมู ปิ ัญญา
ทุกคนและทุกสว่ นในสงั คม ตอ้ งตระหนักถึงความสาคัญและความจาเปน็ ของการเรยี นรู้ การมคี วามใฝ่
ร้แู ละพร้อมที่จะเรยี นรู้อยูเ่ สมอการเรียนรตู้ ลอดชวี ิตเป็นเร่ืองที่ตอ้ งเกิดขน้ึ และมีความต่อเนื่องเปน็
ปกตวิ ิสยั ในชวี ิตประจาวนั ของคนทกุ คน ทกุ วนั การเรียนรเู้ กิดข้นึ ได้ในทุกเวลา ทกุ สถานทข่ี องคนทุก
คน ในทุกสภาพแวดลอ้ มทเ่ี หมาะสม
การเสริมสรา้ งสังคมแห่งการเรียนร้เู ปน็ กระบวนการสาคัญทตี่ อ้ งเรง่ ดาเนนิ การในปจั จุบัน โดย
การพฒั นาองค์ประกอบท่สี าคัญของสงั คมหรือประชาคมแห่งการเรียนรู้ และดว้ ยความสาคัญของ
สถาบันทางการศึกษาที่มีต่อการสรา้ งสังคมแหง่ การเรยี นรู้ ในสว่ นนีจ้ ึงจะกลา่ วเฉพาะการเสรมิ สร้าง
สังคมแหง่ การเรียนรใู้ นสถานศกึ ษาเทา่ นนั้ และจะใช้ชอื่ ว่า การเสรมิ สรา้ งประชาคมแห่งการเรียนรู้ใน
สถานศกึ ษา ท้ังน้ีเพราะคาจากัดความของประชาคมมีความหมายแคบกวา่ คาจากดั ความของสงั คม
กล่าวคอื ในพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ (๒๕๕๖, หนา้ ๗๐๓)๓๓ ไดใ้ ห้
ความหมายของประชาคมวา่ ประชาคม หมายถึง ชุมชนหรอื กลุม่ คนซ่ึงอยู่รวมกันและมีการตดิ ตอ่
สมั พันธ์กนั ส่วนสงั คมหมายถึง คนจานวนหนึ่งที่มีความสมั พนั ธต์ ่อเนื่องกนั ตามระเบียบกฎเกณฑ์ มี
วัตถุประสงคร์ ว่ มกัน เม่อื เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้หรือประชาคมแหง่ การเรียนรจู้ งึ มีความหมาย
ใกล้เคยี งกนั กลา่ วคือ กลมุ่ คนที่อยู่รวมกัน มีการตดิ ต่อสัมพนั ธก์ ัน มีการเรยี นรซู้ ึง่ กันและกัน
ฉะนัน้ ประชาคมแหง่ การเรียนรูจ้ ึงหมายถึง ชมุ ชนแห่งการเรยี นรหู้ รือกลมุ่ คนทม่ี ีการเรียนรู้
อยา่ งต่อเน่อื ง หมายความว่า สมาชิกทุกคนในชุมชนหรอื ในองค์กรนัน้ เปน็ บคุ คลทมี่ ีพฤติกรรมใฝ่เรยี น
ใฝ่รู้ กลมุ่ คนในชุมชนมีการแลกเปลีย่ นเรยี นรูซ้ ง่ึ กันและกันในสรรพวทิ ยาการท้ังปวง กลา่ วโดยสรปุ
ประชาคมแห่งการเรียนรู้ คอื แหลง่ เรยี นรขู้ องประชาชนท้งั ภายในชมุ ชนหรือในองค์กรและนอกชมุ ชน
๓๓ พจนำนกุ รม รำชบัณฑติ ยสถำน พ.ศ. ๒๕๕๔ ฉบับเฉลิมพระเกยี รติพระบำทสมเด็จพระเจ้ำอยู่หัวเนอื่ ง
ในโอกำสพระรำชพธิ มี หำมงคลเฉลิมพระชนมพรรษำ ๗รอบ ๕ ธันวำคม ๒๕๕๔ (กรุงเทพฯ : ศริ ิวฒั นำอินเตอร์
พรินท์ จำกดั (มหำชน), ๒๕๕๖), หน้ำ ๗๐๓.
๒๒๑
หรอื นอกองคก์ รกอ่ นจะมีการกล่าวถงึ แนวทางในการเสรมิ สร้างประชาคมแห่งการเรียนรู้ในสงั คมหรอื
ในสถานศึกษาควรมีความเข้าใจในหลกั การสาคญั ของการเสรมิ สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ และเขา้ ใจใน
อุปสรรคสาคัญในสังคมไทยที่ทาใหค้ นไทยส่วนใหญย่ ังไมไ่ ด้เปน็ บุคคลแห่งการเรียนรู้ ซง่ึ สง่ ผลให้
สังคมไทยยังไม่ได้เป็นสงั คมแห่งการเรยี นรู้เตม็ ตัว แต่อยรู่ ะหว่างการกา้ วย่างเพือ่ เปน็ สังคมแห่งการ
เรยี นรู้เต็มรูปแบบ
หลักการสาคัญในการเสริมสรา้ งสงั คมหรอื ประชาคมแหง่ การเรยี นรู้
การเสริมสรา้ งสังคมแห่งการเรยี นรตู้ ้องดาเนินการโดยยดึ หลกั การทีเ่ ชอื่ ว่า การศึกษาและการ
เรียนรเู้ ป็นกลไกสาคัญต่อการแก้ปัญหาและการพฒั นา มีการบูรณาการ การเรียนรู้ การดารงชีวติ และ
การประกอบอาชพี เขา้ ดว้ ยกนั อย่างผสมกลมกลนื ยดึ ชุมชนเปน็ ฐานของการพฒั นากระบวนการเรยี นรู้
โดยใชศ้ กั ยภาพ และทรพั ยากรในชมุ ชนเปน็ หลกั ใหป้ ระชาชนและทุกภาคสว่ นของสงั คมเข้ามามีส่วน
รว่ มในการกาหนดและตัดสนิ ใจในกจิ กรรมสาธารณะท่ีเกยี่ วข้องกับตนเองและชุมชนท้องถ่นิ การ
สนับสนนุ ใหส้ ังคมทกุ สว่ นและทกุ ระดับไดร้ บั การพฒั นาเตม็ ตามศกั ยภาพและการสร้างสภาพแวดล้อม
ใหเ้ อือ้ ต่อการเรียนรู้ จะทาให้เกิดพลังชุมชนทเี่ ข้มแขง็ อันจะเป็นรากฐานที่มัน่ คงในการเสรมิ สร้าง
สังคมแห่งการเรียนรทู้ ม่ี ีความยัง่ ยืนตลอดไป (การเสริมสรา้ งสงั คมแหง่ การเรียนรู้, ๒๕๕๔ ,หนา้ ๑)๓๔
อุปสรรคในสังคมไทยทีส่ ง่ ผลใหค้ นไทยสว่ นใหญ่ยงั ไม่เปน็ บุคคลแห่งการเรยี นรู้
ในสภาพการณ์ในสังคมไทยปัจจบุ ัน ด้วยโครงสร้างพนื้ ฐานทางสงั คมและวฒั นธรรมทาให้
ประชาชนคนไทยส่วนใหญ่ยงั ไม่มีการเรียนรอู้ ยา่ งต่อเน่ืองตลอดชีวิต ส่งผลให้คนไทยเป็นบคุ คลแหง่
การเรียนรู้ในปริมาณที่น้อย ท้ังน้ีสาเหตุหลกั ๆ มอี ยู่ ๓ ประการ คือ
ประการแรก ความแตกตา่ งกันในโอกาสที่จะเข้าถึงความรู้และแหลง่ การเรยี นรู้ เนื่องจาก
ประชาชนจานวนมากยงั มรี ะดบั การศึกษาตา่ อยู่ในครอบครวั ชุมชนทดี่ ้อยการศึกษา ขาดทักษะ
ความสามารถพ้นื ฐานในการแสวงหาความรู้ ข่าวสารข้อมูล จึงไมส่ ามารถเขา้ ถงึ และใชป้ ระโยชนจ์ าก
องค์ความรทู้ มี่ ีอยู่อย่างมากมายหลากหลายในปัจจบุ นั
ประการท่ี ๒ ความเหล่ือมล้าทางสงั คม ไม่วา่ จะเปน็ โครงสร้างพ้ืนฐาน ระบบบรกิ าร ทง้ั
ลกั ษณะเฉพาะและบริการสาธารณะ รวมทงั้ แหล่งการเรยี นรหู้ รือแหล่งวิทยาการต่าง ๆ ทีม่ อี ยู่มัก
กระจกุ ตวั ในสงั คมเมือง ทาให้มีระบบบรกิ ารพืน้ ฐานครบทุกด้าน มีแหลง่ ความรู้อยา่ งหลากหลาย และ
มสี ภาพแวดลอ้ มเอื้อตอ่ การเรียนรู้ มเี ทคโนโลยที ันสมยั ทาใหป้ ระชาชนบางกลมุ่ มีความได้เปรียบกว่า
ประชาชนสว่ นใหญอ่ ย่างส้ินเชิง
ประการที่ ๓ ความแตกต่างด้านเศรษฐกจิ ของประชาชน ทาใหบ้ ุคคลมีอานาจในการบริโภค
ขา่ วสารขอ้ มูลต่างกนั การลงทนุ เพ่ือการศกึ ษา การแสวงหาความรดู้ ว้ ยตนเอง จากแหล่งวทิ ยาการและ
แหลง่ การเรยี นรู้ประเภทต่าง ๆ ยอ่ มแตกต่างกนั ไปด้วย ผูม้ ีฐานะทางเศรษฐกจิ ดีกวา่ มโี อกาสมากกว่า
ทจี่ ะจดั สรรทรัพยากรเพ่อื การเรยี นรู้ และองค์ความรู้อยา่ งหลากหลายใหก้ ับตนเองได้เทา่ ทต่ี อ้ งการ
ในทางกลบั กัน ประชาชนท่มี ฐี านะยากจนไม่สามารถจัดสรรองค์ประกอบต่าง ๆ เพือ่ การเรียนรู้ให้กับ
ตนเองและชุมชนได้ แม้ว่าจะมีองค์ความรมู้ ากมายที่จาเป็นตอ้ งเรยี นรแู้ ละองคค์ วามรู้เหล่านน้ั จะมี
๓๔ กำรเสรมิ สรำ้ งสังคมแห่งกำรเรยี นรู้, การเสริมสร้างสังคมแห่งการเรียนร,ู้ [Online].
Available: http://www. samutprkan.net/๕๘๐๐/Article.html., ๗ เมษำยน ๒๕๕๔, หนำ้ ๑.
๒๒๒
คณุ คา่ ต่อการดาเนนิ ชวี ติ และการประกอบอาชพี เพยี งใดกต็ าม
แนวทางการเสริมสร้างสงั คมหรือประชาคมแหง่ การเรยี นรใู้ นสถานศึกษา
การเสริมสร้างพฒั นาสถานศึกษาให้เปน็ ประชาคมหรือสังคมแห่งการเรียนรูเ้ พ่ือเป็นตัวอยา่ ง
แกอ่ งค์กรในสงั คมไทย มีวธิ กี ารเสริมสร้างดังน้ี
๑. การพัฒนาบคุ คลแห่งการเรียนรใู้ นสถานศึกษา
เนอื่ งจากสถานศึกษาประกอบด้วยบุคลากรหลายฝ่าย ทัง้ ฝ่ายบรหิ าร ฝา่ ยปฏิบตั ิงาน ซง่ึ
ได้แก่ ครู และเจา้ หน้าท่ตี า่ ง ๆ สว่ นฝา่ ยรับบริการ ซ่งึ ไดแ้ ก่ นกั เรยี น นกั ศึกษา ตลอดจนผู้ปกครอง
เปน็ ต้น กระบวนการพัฒนาบุคคลโดยรวมให้เปน็ “บคุ คลแหง่ การเรยี นรู้” สถานศึกษาต้องสรา้ งความ
ตระหนกั แกบ่ ุคลากรให้เห็นถึงความสาคัญ ความจาเปน็ ของการเรียนรู้ในสงั คมปัจจบุ ัน ปลกู ฝงั ความ
ใฝร่ ้ใู ฝ่เรยี น เสริมสร้างกระบวนการเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง ฝึกทักษะ กระบวนการคิด การวิเคราะห์ และ
การแก้ปัญหา ดว้ ยรูปแบบทีห่ ลากหลาย ยืดหยนุ่ และมคี ุณภาพตามความต้องการ ความสนใจ และ
ความถนดั ของบุคคล และส่ิงสาคัญอีกประการหนึ่งคอื การปลกู ฝังให้บคุ ลากรในสถานศึกษามีความ
มงุ่ ม่ันในการพฒั นาตนเองอย่างสมา่ เสมอ เพ่ือให้เป็นผรู้ อบรู้ในสงิ่ ต่าง ๆ ตลอดชวี ิต และกระบวนการ
สาคญั ในการพฒั นาคือ ฝกึ การเรยี นรดู้ ้วยตนเอง ไดแ้ ก่ บคุ ลากร การเรียนร้ดู ว้ ยตนเองเป็นกระบวน
การเรยี นรทู้ ่ีผูเ้ รยี นมคี วามคดิ ริเรม่ิ รคู้ วามต้องการของตนในการทจี่ ะเรยี นรู้ ตงั้ จุดม่งุ หมายในการ
เรียนรู้ดว้ ยตนเองเลือกวธิ ีการเรียนรู้โดยวางแผนกิจกรรมการเรียนท่ีเหมาะสมกบั ตน มแี รงจงู ใจในการ
เรยี นอยูใ่ นตนเองสามารถเรยี นรไู้ ด้โดยปราศจากการควบคุมจากสงิ่ ภายนอก เชน่ รางวัล หรอื คา
ตาหนิ หรอื ต้องการวุฒิบตั รหรอื ตาแหนง่ นอกจากนี้ยังมีความสามารถท่ีจะประเมนิ ผลการเรยี นรู้ของ
ตนเองได้ และเปิดกว้างต่อประสบการณ์ตา่ ง ๆ ที่เขา้ มาในชีวติ มีความสามารถในการใชท้ ักษะต่าง ๆ
ในการอ่าน เขยี นฟัง จา เพื่อศึกษาหาความรูแ้ ละมีความสนุกกบั การแกป้ ัญหา มองปัญหาเปน็ สง่ิ ที่ท้า
ทาย ซ่งึ คุณลักษณะต่าง ๆ เหล่าน้ี บุคลากรในสถานศึกษาทุกกลุ่มตอ้ งมงุ่ ม่นั พฒั นาเพอ่ื เป็นบุคคลแหง่
การเรียนรอู้ ย่างแทจ้ ริง
๒. การพฒั นาแหลง่ การเรยี นรใู้ นสถานศกึ ษา
แหลง่ เรยี นรู้ในสถานศึกษา ได้แก่ หอ้ งสมดุ พิพิธภณั ฑ์ สวนพฤกษศาสตร์ ศนู ย์การกฬี า
และนนั ทนาการ เป็นตน้ ซ่งึ สถานศึกษาต่าง ๆ จะมีการดาเนินการเพื่อให้บริการแกผ่ ู้เรยี น ถา้
สถานศึกษาต่าง ๆ มีการพัฒนาแหลง่ เรยี นรหู้ ลากหลาย ท่ัวถึง ครอบคลุมประชากรทุกพื้นท่ี ทุก
กลุ่มเปา้ หมาย มีการพัฒนาระบบข้อมูล สารสนเทศแหล่งเรียนรู้ทกุ ประเภท ทุกระดับทเ่ี ปน็ ปัจจบุ นั
และเป็นระบบเปิด รวมท้ังมีการจดั ระบบเครือขา่ ยเชื่อมโยงแหลง่ เรยี นรู้เพอ่ื การใชป้ ระโยชนร์ ่วมกนั มี
การพฒั นาทรพั ยากรการเรยี นรูท้ ี่มอี ยู่ให้เปน็ แหลง่ เรียนรูท้ ่ีมศี ักยภาพในการใหบ้ รกิ ารการเรยี นรู้
อานวยความสะดวกตอ่ การเรียนรู้ ย่อมส่งผลทาใหป้ ระชาชนในชมุ ชนมาใชบ้ รกิ าร และส่งผลตอ่ การ
พฒั นาความเป็นบุคคลแห่งการเรยี นรู้ของประชากรในสังคมในทส่ี ุด
สาหรบั กิจกรรมต่าง ๆ ท่สี ามารถดาเนินการในแหล่งการเรียนรู้ในสถานศกึ ษาแห่งชุมชน
เพอื่ เป็นประชาคมแหง่ การเรียนรูใ้ นชมุ ชนนน้ั ๆ ไดแ้ ก่ การจดั บริการการเรยี นรู้ในรปู แบบ e-learning
e-book และอินเทอรเ์ น็ต การจดั กิจกรรมส่งเสริมการอ่าน การส่งเสรมิ ให้นาภมู ปิ ญั ญาท้องถ่ินมาจดั
กจิ กรรมการเรยี นรู้อย่างหลากหลาย การจดั กจิ กรรมเพ่อื พัฒนาชมุ ชน/เมอื งแห่งการเรยี นรู้ โดยพัฒนา
รปู แบบท่ีสอดคล้องกับสภาพสงั คมและชุมชน เป็นต้น
๓. การพัฒนาเนือ้ หาสาระการเรยี นร้ใู ห้เป็น“องค์ความรู้”ทเ่ี ปน็ ประโยชน์แก่บุคลากร
๒๒๓
ในชุมชน
การพัฒนาเนื้อหาสาระการเรียนร้ใู ห้เป็นองค์ความรทู้ เี่ ปน็ ประโยชนแ์ กบ่ ุคลากรในชุมชน
สามารถทาไดโ้ ดยจัดใหม้ รี ะบบการจัดหาและรวบรวมความร้จู ากแหล่งตา่ ง ๆ ทง้ั ภายใน ภายนอก
เพ่ือเปน็ การแสวงหาความร้ทู ี่หลากหลายและมีประโยชน์สงู สดุ ตอ่ ชมุ ชน นอกจากนสี้ ถานศึกษาควร
พัฒนาระบบสารสนเทศเพ่อื การจัดเก็บและค้นคว้าองค์ความรไู้ ด้อยา่ งรวดเร็ว และทสี่ าคัญควร
สร้างสรรคอ์ งค์ความรใู้ หม่ ๆ ให้สอดคล้องกบั การเปล่ียนแปลงของสงั คมโลกและบริบทของสังคมไทย
พฒั นาความรู้
จากฐานของภมู ิปัญญาไทยในท้องถิ่นที่มีอยู่ โดยผนวกกับนวตั กรรมใหม่ ๆ เพือ่ ใหเ้ หมาะสม
กับการเรยี นรขู้ องบุคคล กลุม่ คน หรือสงั คม เพื่อใหช้ มุ ชนและสงั คมเป็นประชาคมแหง่ การเรยี นรู้
สาหรับวิธกี ารพัฒนาเน้อื หาความรู้เปน็ องค์ความรู้น้นั สามารถดาเนนิ การได้โดยกระบวนการจดั การ
ความรู้ โดยในท่นี ้จี ะสรปุ ความสาคัญเกยี่ วกับการจดั การความรพู้ อสังเขปดังน้กี ารจดั การความรู้ เป็น
การบริหารจัดการความรู้ โดยการรวบรวมความร้ทู ม่ี ีอยู่กระจดั กระจายในตวั บคุ คลหรอื เอกสารมา
พฒั นาให้เป็นระบบเพื่อให้ทุกคนในองคก์ รสามารถเขา้ ถงึ ความรูแ้ ละพัฒนาตนเองใหเ้ ป็นผู้รู้ รวมทงั้
ปฏบิ ัตงิ านได้อย่างมีประสิทธิภาพ (วจิ ารณ์ พานชิ , ๒๕๕๔ค, หนา้ ๑)๓๕
โดยความรทู้ ่นี ามาบรหิ ารจัดการ ได้แก่ ความร้ทู ่ีได้จากประสบการณ์ การเรยี นร้ทู กั ษะของแต่
ละบุคคลในการทาความเข้าใจในสงิ่ ต่าง ๆ เป็นความรเู้ ชิงนามธรรม (Tacit Knowledge) ส่วนความรู้
ท่ีไดจ้ ากการรวบรวม ถา่ ยทอดได้โดยผา่ นวิธีตา่ ง ๆ เชน่ การบนั ทึกในรปู แบบสื่อตา่ ง ๆ เป็นความรเู้ ชิง
บรู ณาการ (Explicit Knowledge)
การจัดการความรมู้ แี บบแผนการดาเนนิ งานเพื่อให้เกดิ การพฒั นาการของความรู้ใหเ้ กิดข้ึน
ภายในองค์กร มีท้ังหมด ๗ ข้ันตอนดงั น้ี คือ
ขนั้ ตอนท่ี ๑ การบง่ ชี้ความรู้ เปน็ ข้ันการพิจารณาวา่ องค์กรหรอื หน่วยงานขณะน้ีมีความรู้
อะไรบา้ ง อยใู่ นรปู แบบใด อยู่ท่ใี ด
ขน้ั ตอนที่ ๒ การสรา้ งและแสวงหาความรู้ เป็นการคน้ หาแสวงหาความรทู้ งั้ จากภายนอก
และภายในบริบทเพือ่ เชือ่ มโยงความรู้ รักษาความรูเ้ ก่า กาจดั ความรทู้ ีใ่ ชไ้ ม่ได้แลว้
ขัน้ ตอนที่ ๓ การจดั ความรู้ให้เปน็ ระบบ เปน็ การวางโครงสรา้ งความรู้เพื่อเตรียมพร้อม
สาหรบั การเก็บความร้อู ยา่ งเป็นระบบ
ขั้นตอนท่ี ๔ การประมวลและกลั่นกรองความรู้ เป็นการสังเคราะห์ความรูโ้ ดยวธิ ีการที่
แตกตา่ งกัน เชน่ การระดมสมอง การตรวจสอบความรู้ การปรับปรุงรปู แบบเอกสารใหเ้ ป็นมาตรฐาน
เดยี วกนั
ขั้นตอนท่ี ๕ การเข้าถึงความรู้ เป็นการทาให้ผตู้ ้องการใช้ความรูไ้ ด้เข้าถงึ ความรทู้ ีต่ ้องการ
ไดง้ ่ายและสะดวก โดยใชร้ ะบบเทคโนโลยีสารสนเทศ การใช้บอร์ดประชาสัมพนั ธ์ เป็นต้น
ขั้นตอนท่ี ๖ การแบ่งปนั แลกเปล่ียนความรู้ ซึ่งสามารถทาได้หลายวธิ ี โดยความรู้ที่เป็น
รปู ธรรมอาจจดั ทาเปน็ เอกสาร ฐานความรเู้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ สว่ นความร้ทู ่เี ปน็ นามธรรมอาจจดั ทา
เป็นกิจกรรมกลุ่มคุณภาพและนวตั กรรม ทีมข้ามสายงาน ชุมชนแหง่ การเรยี นรู้ ระบบพเี่ ลยี้ ง การ
สบั เปล่ียนงาน การยมื ตัว การมเี วทีแลกเปล่ียนความรู้ เป็นต้น
ข้ันตอนท่ี ๗ การเรียนร้โู ดยจดั การเรียนรู้เป็นส่วนหนึง่ ของงานทท่ี าเพื่อให้เกิดระบบการ
๓๕ วจิ ำรณ์ พำนิช, ความหมายของการจดั การความร.ู้ [Online]. Available:http://www.goto
know.org/blog/lifelong/earningalways/๑๔๗๑๖๗.๓ เมษำยน ๒๕๕๔ค, หนำ้ ๑.
๒๒๔
เรียนรจู้ ากการสรา้ งองค์ความรู้ การนาความรูไ้ ปใชท้ าใหเ้ กิดการเรยี นรู้และประสบการณ์ใหม่
หมุนเวยี นตอ่ ไปอยา่ งต่อเน่ือง (สานักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ:ก.พ.ร.,๒๕๕๔, หนา้
๑)๓๖
ในกระบวนการจดั การความรู้ในสถานศกึ ษานั้น สามารถทาได้ทั้งในสถานศึกษาและชมุ ชน
โดยผบู้ รหิ าร ครู นกั เรยี น นกั ศึกษา ตลอดจนปราชญ์ในชมุ ชน ร่วมมอื กนั ในการวิเคราะห์ สงั เคราะห์
ข้อมลู ความร้จู นเปน็ สารสนเทศทีส่ ามารถนาไปประยุกต์ใช้ประโยชนไ์ ด้ ท้งั ในชุมชนและนอกชมุ ชน
ของตน นอกจากนี้ สถานศกึ ษาควรพัฒนากลไกกระบวนการถ่ายทอดความรใู้ หป้ ระชาชนสามารถ
เขา้ ถึงองค์ความรไู้ ด้อย่างเสมอภาค รวมทง้ั การพัฒนาระบบบรหิ ารจดั การการใช้สอ่ื และเทคโนโลยี
สารสนเทศเพื่อการเรยี นรู้อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ นอกจากนั้นยงั ต้องสง่ เสรมิ การสร้างบรรยากาศเพ่ือเอ้ือ
ตอ่ การเรียนรใู้ หเ้ กดิ ขน้ึ ในทุกหนทุกแหง่ ไม่วา่ จะเปน็ ในครอบครวั องค์กร สถาบัน และชมุ ชน ให้
ประชาชนมีโอกาสเขา้ สกู่ ระบวนการเรยี นรไู้ ดต้ ลอดเวลา และปัจจัยที่มคี วามสาคัญยิง่ ต่อการจดั การ
ความรคู้ อื ต้องมีการพฒั นาบุคคล องค์กรให้เป็นผ้จู ดั การความร้เู พ่อื สง่ เสรมิ การเรยี นรู้ของประชาชน
รวมท้งั การพัฒนาทักษะความสามารถในการถา่ ยทอดความรใู้ ห้แกภ่ มู ิปัญญาทอ้ งถนิ่ และแหล่งเรียนรู้
ประเภทตา่ ง ๆ ใหส้ ามารถเป็นศนู ยก์ ลางการเรยี นรทู้ ่ีมีประสทิ ธภิ าพและกระตุน้ ใหป้ ระชาชนมกี าร
บรู ณาการเพอ่ื ใช้ความรู้เป็นฐานในการแก้ปญั หาพัฒนาทเี่ หมาะสมกบั สภาพของชุมชน
๔. การเผยแพรอ่ งค์ความรู้ส่บู ุคลากรในสังคม
ในวงการวิชาชีพครูปจั จบุ ันได้มกี ารริเร่มิ กิจกรรมทเี่ ป็นตัวอย่างที่ดีของการเผยแพร่องค์
ความรู้สู่บคุ ลากรในสงั คมโดยเฉพาะในวงการศึกษา ทเ่ี รียกชอื่ ว่า โทรทศั น์ครู (Teacher TV) โทรทัศน์
ครเู ปน็ เครอื ข่ายการแลกเปล่ียนเรยี นรู้ แบง่ ปนั ความรใู้ นวิชาชพี ครู ทดแทนการอบรมท่ีไม่สามารถ
ดาเนนิ การไดค้ รอบคลุมทุกพื้นท่ใี นประเทศ โทรทัศน์ครเู ป็นเครอื ข่ายสงั คมแห่งการเรียนรู้ท่ีสาคัญใน
การช่วยพัฒนาวชิ าชพี ครู ก่อให้เกดิ การเปล่ียนแปลงในบทบาทครูต่อการพัฒนาสงั คมและโลก
โทรทัศนค์ รจู ัดตัง้ ข้นึ ดว้ ยการเหน็ ความสาคัญของครซู ่งึ เปรียบเสมอื นเปน็ ผ้สู ร้างสงั คมไปในทิศทางที่พงึ
ปรารถนาการมโี ทรทศั น์ครจู ะเปน็ ชอ่ งทางการนาเสนอองค์ความรู้ กระบวนการ วธิ กี าร กระแสนยิ ม
ของการศึกษา เพอื่ การเผยแพรอ่ งค์ความรู้ งานวจิ ัย หรือนวตั กรรมเพื่อการพฒั นาการศกึ ษาท่ีย่งั ยนื
ด้วยคณุ ลกั ษณะทไี่ ร้ขอบเขตและการเขา้ ถึงกลุ่มเป้าหมาย และที่สาคัญเป็นเวทแี ลกเปลี่ยนและกระตุ้น
ใหเ้ กดิ การพัฒนาการศึกษาของไทย (โทรทัศนค์ รู, ๒๕๕๔, หนา้ ๑)๓๗
วตั ถปุ ระสงค์สาคัญของโทรทัศน์ครู คือ
๑. เพ่ือแบ่งปนั และเผยแพร่องค์ความรู้ นวตั กรรมทางการศกึ ษา และกระบวนการ
ทางศึกษาต่าง ๆ ทั่วท้ังประเทศ
๒. เผยแพร่ความคดิ และสนองตอบความต้องการในการพัฒนาตนเองของครู
๓. นาเสนอและเผยแพร่องค์ความรูด้ ้านตา่ ง ๆ ในช้ันเรยี น
๔. เผยแพรส่ ารคดีและข่าวสารทางการศกึ ษา
๕. สนบั สนนุ การพัฒนาวิชาชีพครู และกระบวนการฝกึ อบรมเพื่อการพัฒนาครูอยา่ ง
๓๖ สำนกั งำนคณะกรรมกำรพัฒนำระบบรำชกำร : ก.พ.ร., การจัดการความรู้ : Knowledge
management, [Online].Available:http://www.oldweb.opdc.go.th/thai/e.newsletter/
dec- ๒๐๐๖/e- newsletter/knowledge/K.M.htm, ๓ เมษำยน ๒๕๕๔, หน้ำ ๑.
๓๗ โทรทศั นค์ ร,ู [Online]. Available: http://www.thaiteachers.tv/vdo๒.php?id=๑๖๙๘,
๗ เมษำยน ๒๕๕๔, หน้ำ ๑.
๒๒๕
ตอ่ เน่ืองของมหาวิทยาลยั ทีท่ าหน้าท่ีผลิตครู
แนวทางการสร้างโทรทัศนค์ รเู พ่อื ให้ครอบคลุมและเข้าถึงครูทวั่ ประเทศตงั้ อยบู่ นพ้นื ฐาน
ของการนาความสาเร็จท่ีดใี นอดตี มาสรา้ งใหเ้ กดิ ความเจริญในอนาคตดังเช่น พลู ศักดิ์ เทศนิยม กลา่ ว
ว่า“…ครู มที งั้ ครูดี ครเู ดน่ จนถึงครขู ้ันเทพ ครูดเี ป็นอย่างไร เป็นนามธรรม แตเ่ มื่อมกี าร
ถา่ ยทอด เป็นตวั อยา่ งว่า ครูคนนีเ้ ขาสอนแบบน้ี ต่ืนเตน้ เรา้ ใจเดก็ ทาให้เดก็ นักเรียนอยากเรียน
วธิ ีการสอนแบบของเขาเปน็ แบบนี้ ทีส่ าคญั เขาไม่ทง้ิ เด็กไว้เบ้อื งหลงั แม้แตค่ นเดียว เด็กทุกคนเขา้ ใจ
หมด ทาใหเ้ รายอมรบั ได้วา่ ครูผสู้ อนคนนี้เปน็ ครดู ี และเมื่อเราเอาตัวอย่างครูดี ๆ เหล่านี้มาถ่ายทอด
ต่อผา่ นทางโทรทัศน์ครู ทาให้ครคู นอ่นื ไปพฒั นาตอ่ ยอดการสอนได้ เขากก็ ลายเป็นครเู ด่น จากครเู ด่น
หากเขาสามารถถา่ ยทอดได้ก็จะเปน็ ท่ีปรึกษาแนะนา ให้เพื่อนครูได้…” (โทรทัศนค์ รูเตมิ เต็มจติ
วิญญาณแหง่ วชิ าชพี ครู, ๒๕๕๔, หน้า ๑)๓๘
มนตรี แย้มกสิกร กล่าวสอดคล้องกนั วา่ “…การสงั เกต ตดิ ตามการสอนของเพื่อนครู เปน็ การ
เรยี นร้แู บบเลยี นแบบ และการนาบทเรียนทด่ี ขี องเพอื่ นมาเปน็ แรงบนั ดาลใจให้กบั ตนเอง และลองทา
ตาม หวั ใจสาคญั ของโทรทัศน์ครคู ือ การนาเสนอการปฏิบัติดี นา่ ประทบั ใจ เพอ่ื ใชเ้ ป็นตัวกระตนุ้ ให้ครู
เกดิ การเปลีย่ นแปลงพฤติกรรมจากภายในใจครูก่อนอนั จะทาใหเ้ ปน็ การเรียนรู้ท่ยี ่ังยนื มากที่สุด…”
(โทรทศั น์ครูกบั บทบาทการพัฒนาวิชาชีพครู, ๒๕๕๔ ,หนา้ ๑)๓๙
กระบวนการและแนวทางการพัฒนาโทรทศั น์ครู องคก์ รผ้ผู ลติ โทรทศั นค์ รูมีกระบวนการ
และ ขน้ั ตอนในการพฒั นาเครือขา่ ย โดยการจัดอบรมเชิงปฏบิ ตั กิ ารเพ่ือระดมความคิดในการพัฒนา
งานศกึ ษากระบวนการผลิตรายการ การเผยแพร่ การคัดเลือกเนื้อหา หรอื ประเด็น หรือองค์ความรู้
จากนวัตกรรมงานวิจัยของโรงเรียนสาธิตหรือโรงเรยี นอน่ื ๆ แลว้ นามาจัดทาเปน็ แผนการพัฒนา
โทรทศั น์ครูร่วมกบั ผูเ้ ช่ยี วชาญตา่ งประเทศจากอังกฤษ ซือ้ ลิขสทิ ธริ์ ายการดี ๆ เกย่ี วกบั ครจู าก
ต่างประเทศ และนาเข้าสกู่ ระบวนการแปลกอ่ นเผยแพร่ โดยผู้ผลิตจะดาเนนิ กระบวนการผลิตรายการ
ในทกุ ข้นั ตอนองค์ประกอบแห่งความสาเรจ็ ของการผลิตโทรทัศนค์ รู รายการในโทรทัศน์ครูสาเรจ็ ได้
จากความร่วมมือจากหนว่ ยงานตา่ ง ๆ เชน่ ๑) โรงเรียนสาธติ ตา่ ง ๆ ทีน่ าเสนอองค์ความรู้งานวิจยั
และนวัตกรรมทางการศกึ ษาทีม่ ีผลสมั ฤทธส์ิ งู จากกระบวนการพฒั นาอยา่ งต่อเน่ือง ทาให้เกดิ มรดก
ด้านองค์ความรู้ กระบวนการ และการพฒั นาทีส่ ืบเน่ืองอย่างยั่งยืน จากการนาไปปฏบิ ัติได้ผลจริง ๒)
คณะครุศาสตรห์ รือคณะศึกษาศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยตา่ ง ๆ ที่เสนอองค์ความร้ดู ้านงานวิจยั และ
นวัตกรรมทางการศึกษา การพัฒนาครู โรงเรียน และการศึกษาระดบั ชาตแิ ละนานาชาติ ๓) สานกั งาน
คณะกรรมการการอุดมศกึ ษา (สกอ.) ทสี่ นับสนนุ ใหเ้ กิดการพฒั นาทางด้านการศึกษาอย่างต่อเนื่อง
และตอบสนองต่อการแก้ปญั หาทางการศึกษาอยา่ งตรงประเดน็ ๔) บรษิ ทั ปโิ ก ซึ่งเปน็ บรษิ ัทเอกชนที่
มีความเช่ียวชาญในด้านการสื่อสารสองทาง (Two-Way Communication) และการนาเสนอ
นวตั กรรมตา่ ง ๆ ในทกุ องค์ประกอบ ทุกภาคส่วนทีเ่ กีย่ วข้องกับการศึกษาความคดิ เห็นของครูตอ่
โทรทัศน์ครู
๓๘ โทรทัศน์ครูเตมิ เตม็ จิตวญิ ญำณแหง่ วิชำชพี ครู, [Online].Available: http://www.thaiteachers.tv.
๗ เมษำยน ๒๕๕๔, หนำ้ ๑.
๓๙ โทรทัศนค์ รกู บั บทบำทกำรพัฒนำวชิ ำชพี ครู, [Online].Available: http://www.thaiteachers.tv.
net /blog-post.html, ๗ เมษำยน ๒๕๕๔, หน้ำ ๑.
๒๒๖
จากการเผยแพร่รายการของโทรทศั น์ครู ไดม้ ีครูแสดงความคดิ เหน็ ทีน่ า่ สนใจจานวนมาก
(แรงบันดาลใจจากโทรทศั น์ครู, ๒๕๕๔ ,หน้า ๑)๔๐
แต่ในท่นี ี้จะนาเสนอเพยี ง ๒ กรณีดังน้ี
๑. อาจารย์จกั รวุธ สุขผลนิ โรงเรยี นชมุ ชนบงึ บา จ.ปทุมธานี เขยี นบทความเร่ือง“โทรทัศนค์ รู
..แรงบนั ดาลใจ” ความตอนหน่งึ ว่า“ … โทรทศั นค์ รู ทาให้ผมไดเ้ หน็ วธิ กี ารสอนทแ่ี ปลกใหม่ กจิ กรรม
การสอนแสนสนกุ มากมายจากตวั อย่างของเพ่ือนครู การควบคมุ ชน้ั เรียนให้ได้ผล รวมไปถึงแนว
ทางการบรหิ ารโรงเรยี นและชุมชน เป็นต้น ซึ่งเมอ่ื ดรู ายการจบแล้วสามารถนาไปต่อยอด ประยุกต์ใช้
ไดท้ นั ที ทาให้ครูไม่ต้องท้ิงห้องเรยี น ท้ิงเด็กนักเรียนไปอบรมไปดูงานเหมอื นวธิ เี ดมิ ๆ ทเ่ี คยปฏิบัตกิ ัน
มา เปน็ การคืนครูสหู่ อ้ งเรียนท่มี ปี ระสิทธิภาพและมปี ระสิทธผิ ล อกี ทั้งครูทุกคนสามารถเข้าถึงและใช้
ประโยชน์ไดง้ ่าย ๆ ผ่านชอ่ งทางทคี่ รอบคลมุ เชน่ ส่อื สิ่งพมิ พ์ ดวี ีดี เวบ็ ไซต์ฟรีทีวเี คเบิลทีวี ฯลฯ
คาตอบของโจทยต์ ามโครงการน้ีทสี่ าคัญและทรงพลงั ทสี่ ุดในความคิดของผม คอื สงิ่ ทมี่ ชี ื่อวา่ “แรง
บนั ดาลใจ” สถานีโทรทัศน์ครูได้สรา้ งสิ่งนี้ขนึ้ มาอยา่ งแน่นอน ทันทที ่ีครูมโี อกาสไดด้ ู ได้ฟัง สิ่งที่
โทรทศั น์ครูนาเสนอให้แก่สงั คมการศึกษา ผมเช่ือว่าครูเกินครึง่ หนึ่งของจานวนทัง้ หมดที่ไดร้ ับ
ประสบการณผ์ ่านโทรทัศน์ครูต้องเกิดแรงบันดาลใจจนนาแนวคิดหรือวธิ ีการจากรายการไปใชไ้ ม่
มากก็น้อย ซึ่งผมเป็นคนหนง่ึ ในจานวนน้ัน ผมไดน้ ารายการโทรทศั นค์ รมู าประยุกต์ใช้ในห้องเรยี น”
๒. อาจารยส์ ุทัศ มีสทิ ธ์ิ โรงเรียนบา้ นหนองเป้า จงั หวัดยโสธร เขียนบทความเรื่อง วันที่
โทรทศั นค์ รูเข้าสู่ห้องเรยี นของฉนั ความตอนหนึง่ วา่ “…การพฒั นาตนเองเปน็ หน้าท่ีตามมาตรฐาน
ตาแหนง่ ท่คี รูทกุ คนตอ้ งกระทา หลายหนว่ ยงาน หลายองค์กรมุ่งท่ีจะพฒั นาคณุ ภาพการศึกษา โดยถอื
ว่าการพฒั นาครู เป็นหัวใจสาคญั โทรทศั นค์ รูคอื โครงการหน่งึ ท่ีเปน็ แหล่งศึกษา สาหรับครทู ่ีต้องการ
พฒั นาตนเอง ฉันเป็นครูสอนช้ันประถมศึกษาปที ี่ ๑ มาเป็นเวลานานมาก ปัจจบุ นั ได้สอนวชิ าทชี่ อบ
มากที่สดุ คือ วชิ าภาษาองั กฤษ ฉนั ชน่ื ชอบการพฒั นาตนเองด้วยการอบรม การศึกษาดูงานและคิดวา่
เปน็ วธิ ที ดี่ ีในการพัฒนาคน ครั้งแรกท่ีรู้จกั โทรทัศน์ครูจากสื่อและเอกสารทที่ างโครงการส่งใหก้ ็ไมไ่ ด้
สนใจอะไรมาก ไดเ้ ปดิ ดูบ้างเปน็ บางตอน แตก่ ็ไม่ได้คิดนามาใช้ อย่างจรงิ จงั จนวนั หนงึ่ ได้ดูตอน “อา่ น
ออกเขียนคล่อง ‘ทกุ คน’ ตอ้ งรว่ มมือ : บทบาทของเจา้ หนา้ ที่โรงเรียน” ทีค่ ุณครสู อนภาษา
ต่างประเทศได้สรา้ งสถานการณ์สมมติ มีตวั ละครในนวนยิ ายจนี ออกมาใหน้ ักเรียนสอบถาม ฉันรู้สึก
ประทับใจและลองนามาประยุกต์ใช้กบั นักเรยี นชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๑ โดยขอความรว่ มมอื จาก
นักเรียนรนุ่ พี่ระดบั มัธยมศกึ ษาทเ่ี ผอิญโรงเรียนหยุด มาสวมหน้ากากและสวมบทบาทเปน็ จ๊ะทิงจา
ตวั การ์ตนู ทีน่ ักเรียนรจู้ ักดี จุดประสงค์ของกิจกรรมเพื่อฝกึ ให้นกั เรยี นรจู้ ักตัง้ คาถามเพ่ือหาข้อมลู และ
ฝึกการใช้ภาษาไทยกลาง (เด็กพูดภาษาถ่นิ อสี าน) พท่ี สี่ วมบทบาทเปน็ จ๊ะทิงจาทกั ทาย และใหน้ ักเรยี น
ตั้งคาถามที่อยากรู้ นักเรยี นสนกุ สนานกบั การต้ังคาถามมาก แย่งกันถาม ทงั้ ภาษาอสี านและภาษาไทย
กลางปนเปกนั ไปหมด เปน็ ภาพที่น่ารกั มาก ถึงแม้ในการพูดซกั ถามจะไมถ่ ูกต้องตามหลักการใช้
ภาษาไทย แต่ความกลา้ แสดงออก กลา้ คิด กล้าถามและความสนุกในการเรยี นรูไ้ ดผ้ ลทีน่ ่าพอใจยง่ิ
จากวันน้นั เปน็ ตน้ มา โทรทัศน์ครูได้เข้ามามบี ทบาทในการเรยี นการสอนเปน็ ประจา …”
จากกรณีศึกษาบทความของครดู ังกลา่ วข้างตน้ สามารถกลา่ วได้วา่ โทรทัศนค์ รูเปน็ เครอื ข่าย
การเรยี นรู้ท่ีสาคญั สาหรับสงั คมแห่งการเรียนรู้ของครใู นปัจจบุ ันมากท่ีสดุ โดยเฉพาะการพัฒนา
วชิ าชีพครใู นด้านการจัดการเรียนการสอนโดยคานึงถงึ ผเู้ รียนเปน็ สาคญั ครูได้ปรับเปล่ียนบทบาทใหม่
๔๐ แรงบันดาลใจจากโทรทัศนค์ ร,ู [Online]. Available :http://www.thaiteachers.tv.
๗ เมษายน ๒๕๕๔, หนา้ ๑.
๒๒๗
เป็นบุคคลแหง่ การเรียนรู้ และกา้ วทันต่อการเปล่ียนแปลงของโลก โดยการใช้เทคโนโลยีในยคุ ปัจจบุ นั
เป็นสารสนเทศเพ่ือสร้างองค์ความร้ใู หม่ ๆ ใหเ้ กดิ แก่ผ้เู รียนซึ่งเป็นเรื่องท่ีดีในวงการศกึ ษา
การเตรียมตวั ทจ่ี ะอยใู่ นสังคมแห่งการเรยี นรขู้ องครู
อบุ ล เลย้ี ววารณิ (อบุ ล เล้ยี ววารณิ , ๒๕๕๓)๔๑ ได้ทาการวิจยั เพอ่ื ศกึ ษาว่า ผูป้ ระกอบ
วิชาชีพครูปจั จุบันได้เตรียมตัวทจ่ี ะอยู่ในสงั คมแห่งการเรียนรูม้ ากนอ้ ยเพยี งใดโดยทาการรวบรวม
ข้อมลู จากกลมุ่ ตัวอยา่ งท่ีเป็นครพู บวา่ ครูมีความคิดเห็นวา่ ตนเตรียมตวั ทจี่ ะอยู่ในสงั คมแหง่ การเรียนรู้
ในระดับมากทุกข้อ คอื
๑. มีการแสวงหาความรูใ้ หม่ ๆ เพอื่ เพม่ิ ศกั ยภาพของตวั เองให้เปน็ ผรู้ อบรู้
๒. มกี ารจดั กิจกรรมการเรยี นรู้เพอ่ื พัฒนาใหผ้ ู้เรียนเกิดกระบวนการคิดและมโี อกาส
ประยุกต์ใช้ความรใู้ นสถานการณต์ ่าง ๆ
๓. มีการฝกึ พัฒนาทักษะในการทางานใหร้ ูจ้ กั การทางานกับเทคโนโลยีสารสนเทศต่างๆ
๔. มีการพฒั นาแบบแผนความคดิ ความอ่านของตนเองอยู่เสมอ มคี วามยดื หยนุ่ ปรับวธิ ี
คิดและวิถีปฏบิ ัติไดส้ อดคลอ้ งกบั สถานการณ์ที่เปลี่ยนไป
๕. มีการกาหนดแนวปฏบิ ัติร่วมกนั มีการดาเนินงานไปในทิศทางท่ีตอ้ งการเพอื่ ให้บรรลุ
จุดม่งุ หมายร่วมกนั ขององคก์ ร
๖. มกี ารพัฒนาทักษะความเป็นผู้นาทักษะการตัดสนิ ใจ
๗. มีการเปน็ ผู้ร่วมสรา้ งความรไู้ ปพร้อมกับการเรียนรขู้ องผ้เู รยี น
๘. มีการคิดอย่างเปน็ ระบบคิดในภาพรวมมองความสัมพันธเ์ กี่ยวข้องซ่ึงกันและกัน
๙. มีการเรยี นร้รู ว่ มกนั ของทีมของสมาชิกในองค์กร โดยการพูดคยุ อภปิ ราย แลกเปลี่ยน
ขอ้ มลู ความคดิ เหน็ เสวนา เสนอมมุ มองต่าง ๆ เพอื่ หาข้อสรุปรว่ มกนั
๑๐. มีการพฒั นาเพ่ือปรับเปลี่ยนกระบวนการคิด วธิ กี ารทางาน และวิธีการในการเรียนรู้
ใหม้ ีความเข้าใจและตระหนักในความสาคญั ของการปรบั เปลี่ยนองค์กรและจากการเปรียบเทยี บความ
คดิ เหน็ ของครูมีอายงุ านมาก และครูท่ีมอี ายุงานน้อยเกี่ยวกับการเตรียมตัวท่ีจะอยู่ในสังคมแห่งการ
เรยี นรู้ พบวา่ แตกต่างกนั อยา่ งมนี ยั สาคญั ทางสถติ ใิ นทุกขอ้ ดงั กลา่ วโดยครทู ม่ี ีอายุงานน้อยมีความ
คิดเหน็ วา่ ตนเตรียมตัวทจ่ี ะอยู่ในสงั คมแห่งการเรียนรู้อยู่ในระดบั มากกวา่ ครูทมี่ ีอายงุ านมาก ผลจาก
การวิจยั นแี้ สดงให้เห็นวา่ ในสังคมยคุ ปัจจุบันที่ไร้พรมแดน การรับรขู้ า่ วสารทีเ่ ปน็ ไปอย่างรวดเรว็
ประกอบกับกระแสแห่งการพัฒนาของเทคโนโลยสี ารสนเทศและการปฏริ ูปการศึกษาท่ีใหค้ วามสาคญั
ต่อการพฒั นาคุณภาพของครู ทาใหค้ รูมีความตนื่ ตัวก่อให้เกิดการเตรียมตวั ท่จี ะอยู่ในสงั คมยคุ ใหม่ท่ี
เปน็ สงั คมแหง่ การเรยี นรู้ และด้วยความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยีของครูอายุงานน้อยมีมากกว่าครู
อายุงานมาก ทาใหค้ รอู ายุงานน้อยแสดงความคิดเห็นว่า ตนมกี ารเตรยี มตัวทีจ่ ะอยูใ่ นสงั คมยุคใหม่ที่
เปน็ สังคมแหง่ การเรยี นรู้มากกวา่ ครูอายุงานมาก ซ่ึงในเร่ืองดงั กลา่ วเปน็ สิง่ ที่หน่วยงานที่มคี วาม
เก่ียวข้องกบั การพฒั นาครู และครูท่ีมอี ายุงานมากตอ้ งตระหนักและให้ความสาคญั ต่อการพัฒนาตนใน
ทักษะต่างๆ ท่จี าเป็นต่อการอยูใ่ นสังคมแห่งการเรยี นรู้
๔๑ อบุ ล เล้ยี ววำรณิ , รายงานการวิจยั เรือ่ งปฏบิ ัติงานตามจรรยาบรรณและมาตรฐานวชิ าชพี ของครใู น
โรงเรยี นสงั กดั สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน, (กรุงเทพฯ:คณะครุศำสตร์ มหำวิทยำลยั รำชภฎั สวน
สุนนั ทำ, ๒๕๕๓).
๒๒๘
สรุป
สงั คมแห่งการเรียนรมู้ ีความสาคญั ในดา้ นต่าง ๆ ให้คุณค่าต่อนสิ ยั ของการเรียนรู้ สนบั สนนุ
การเรียนรูต้ ลอดชวี ิต การพฒั นาสงั คมไปสู่สังคมแหง่ การเรียนร้ถู ูกกาหนดจากนโยบายในแผนพัฒนา
เศรษฐกจิ และสังคมแหง่ ชาติ และมาตรฐานการศึกษาของชาติ แนวทางการเสริมสร้างสงั คมหรือ
ประชาคมแห่งการเรียนรูใ้ นสถานศึกษามวี ิธีการเสรมิ สรา้ งคือ การพัฒนาบุคคลแห่งการเรยี นรใู้ น
สถานศกึ ษา การพัฒนาแหลง่ การเรียนรใู้ นสถานศกึ ษา การพฒั นาเน้ือหาสาระการเรยี นรใู้ ห้เป็น “องค์
ความรู้” ทีเ่ ป็นประโยชน์แกบ่ ุคลากรในชมุ ชน การจดั การความรู้ และการเผยแพรอ่ งคค์ วามรูส้ ู่
บุคลากรในสังคม ผทู้ ่จี ะประกอบวิชาชพี ครูปัจจุบันจงึ ควรมีการเตรยี มตัวท่ีจะอยู่ในสังคมแห่งการ
เรยี นรู้ไดห้ ลากหลายแนวทาง ได้แก่ การแสวงหาความรู้ใหม่ ๆ เพ่อื เพมิ่ ศักยภาพของตวั เองให้เปน็ ผู้
รอบรู้ การจดั กิจกรรมการเรยี นรเู้ พ่อื พัฒนาให้ผเู้ รียนเกิดกระบวนการคดิ และมโี อกาสประยกุ ต์ใช้
ความรู้ในสถานการณ์ต่าง ๆ การฝกึ พัฒนาทกั ษะในการทางานใหร้ ูจ้ กั การทางานกับเทคโนโลยี
สารสนเทศตา่ ง ๆการพัฒนาแบบแผนความคดิ ความอ่านของตนเองอยู่เสมอ มีความยืดหยุ่น ปรับวิธี
คดิ และวิถปี ฏบิ ตั ิไดส้ อดคลอ้ งกับสถานการณ์ท่ีเปล่ียนไป โดยการเรียนรูร้ ่วมกันของทีมของสมาชกิ ใน
องค์กร วธิ ีการดังกล่าวข้างต้นจะช่วยใหค้ รมู ีการแลกเปลี่ยนข้อมลู ความคดิ เห็น เสวนา เสนอมมุ มอง
ตา่ ง ๆ เพื่อหาข้อสรุปรว่ มกนั อนั เปน็ นาไปสู่การพฒั นาการเปน็ บคุ คลแหง่ การเรยี นรู้ เปน็ ประชาคม
แหง่ การเรียนรู้ และนาไปส่สู งั คมแหง่ การเรียนร้ตู อ่ ไป
**************
๒๒๙
คาถามท้ายบท
คาถามต่อไปนเี้ ป็นคาถามอัตนัยมจี านวน ๑๐ ขอ้ ให้ทาทุกข้อ
๑. บอกความหมายและลกั ษณะสาคัญของสงั คมแหง่ การเรยี นรู้
๒. รปู แบบของสงั คมแหง่ การเรียนรู้แบ่งออกเป็นก่ีรูปแบบ อธบิ ายพร้อมยกตวั อย่างประกอบ
๓. ทา่ นคิดวา่ ทิศทางการพัฒนาครูไปสู่สงั คมแห่งการเรียนรมู้ แี นวทางอย่างไร
๔. สงั คมแหง่ การเรยี นรู้มีองค์ประกอบด้านใดบา้ ง
๕. องค์กรแห่งการเรยี นรมู้ ีลักษณะใด อธิบายพรอ้ มยกตัวอย่าง
๖. องค์กรแห่งการเรียนรู้มีประโยชน์ต่อผปู้ ระกอบวชิ าชพี ครูอยา่ งไร
๗. องค์กรแหง่ การเรยี นรูม้ ีการแบ่งระดับการเรียนรู้ในองค์กรเปน็ อย่างไร
๘. สมรรถนะในการทางานสาหรบั การเปน็ บคุ คลแหง่ การเรียนรู้ จาแนกเปน็ อยา่ งไรบา้ ง
๙. การแลกเปล่ียนเรยี นรซู้ ่ึงกันและกันมีความสาคัญอย่างไรต่อผปู้ ระกอบอาชพี ครใู นปัจจุบนั
๑๐ การพัฒนาบคุ ลากรในองค์กรเพ่ือเปน็ องค์กรแห่งการเรียนรู้มวี ิธีการพฒั นาอย่างไร
๒๓๐
เอกสารอา้ งอิงประจาบท
การเสริมสรา้ งสงั คมแห่งการเรียนรู้. [Online]. Available:http://www. samutprkan.net
/๕๘๐๐/Article.html, ๗ เมษายน ๒๕๕๔.
โทรทัศนค์ รู. [Online]. Available:http://www.thaiteachers.tv/vdo๒.php?id=๑๖๙๘,
๗ เมษายน ๒๕๕๔.
โทรทศั น์ครกู บั บทบาทการพัฒนาวชิ าชพี ครู. [Online]. Available:http://www.thaiteachers.tv.
net /blog-post.html, ๗ เมษายน ๒๕๕๔.
โทรทัศนค์ รเู ตมิ เตม็ จิตวิญญาณแหง่ วชิ าชีพครู. [Online]. Available:http://www.thaiteachers.tv.
๗ เมษายน ๒๕๕๔.
ประเวศ วะสี. การพัฒนาอย่างบูรณาการเตม็ พืน้ ท่ีจงั หวัดกับหนง่ึ มหาวิทยาลัยต่อหนงึ่
จังหวัด. [Online]. Available: http://www.prawase.com, ๓ เมษายน ๒๕๕๔.
________. (๒๕๕๔). อนาคตประเทศไทย อนาคตของเราร่วมกนั . [Online]. Available:
http://www. prawase.com, ๓ เมษายน ๒๕๕๔.
ยนต์ ชมุ่ จติ . ความเปน็ ครู. พิมพค์ รัง้ ที่ ๔, กรุงเทพฯ: โอเดียนสโตร์, ๒๕๕๐.
ราชบัณฑิตยสถาน. พจนานกุ รม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ เฉลิมพระเกียรติ
พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ ัวเน่ืองในโอกาสพระราชพธิ ีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา
๗ รอบ ๕ ธนั วาคม ๒๕๕๔. กรุงเทพฯ : ศริ ิวัฒนาอนิ เตอรพ์ รินท์ จากดั (มหาชน), ๒๕๕๖.
แรงบนั ดาลใจจากโทรทัศนค์ รู. [Online]. Available: http://www.thaiteachers.tv.,
๗ เมษายน ๒๕๕๔.
วจิ ารณ์ พานชิ . ความหมายของการจัดการความรู้. [Online].Available: http://www.goto
know.org/blog/lifelong/earningalways/๑๔๗๑๖๗, ๓ เมษายน ๒๕๕๔.
สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. ความหมายบุคคลแหง่ การเรยี นรู้.
[Online]. Available:http://www.ipst.ac.th., ๓ เมษายน ๒๕๕๑.
สานักงานคณะกรรมการพฒั นาระบบราชการ. การจัดการความรู้ : Knowledge
management. [Online]. Available: http://www.oldweb.opdc.go.th/thai/
e.newsletter/dec- ๒๐๐๖/e- newsletter/knowledge/K.M.htm, ๓ เมษายน ๒๕๕๔.
สานกั งานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ. แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คม
แห่งชาติ ฉบบั ที่ ๘. [Online]. Available: http://www.nesdb.go.th, ๓ เมษายน
๒๕๕๔
สานกั งานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา ,กระทรวงศึกษาธิการ. รายงานการปฏริ ปู การเรียนรู้ ระดับ
การศึกษาข้ันพืน้ ฐาน:พหกุ รณีศกึ ษา. กรงุ เทพฯ: คุรุสภา ลาดพรา้ ว, ๒๕๕๑.
______.รายงานการวิจยั เรอ่ื งวิธวี ิทยาการประเมนิ ความสาเร็จของการศกึ ษาเพอ่ื เสริมสร้าง
สังคมแหง่ การเรียนรู้. กรุงเทพฯ:บรษิ ัทเพลินสตูดิโอ จากดั , ๒๕๕๑.
อุบล เลีย้ ววารณิ . รายงานการวจิ ัยเร่อื งปฏิบัตงิ านตามจรรยาบรรณและมาตรฐานวชิ าชีพ
ของครูในโรงเรียนสงั กดั สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน. กรุงเทพฯ:คณะ
ครศุ าสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฎั สวนสุนนั ทา, ๒๕๕๓.
Boshier, R. Toward the learning society. (๕th ed) Vancouver: Learning Press, ๒๐๑๐.
๒๓๑
Carrillo, F. Knowledge cities. (๒nd ed) Amsterdam: Elsevier, ๒๐๑๑.
Coffield, F. A national strategy for lifelong learning. (๔th ed) London:University of
Newcastle, ๒๐๑๐.
Dixon, N. The organizational learning cycle : How we can learn collectively.
London: McGraw-Hill, ๑๙๙๔.
Griffin, C. & Brownhill, B. The learning society. In P. Jarvis (๒nd ed),The age of
Learning, London: Kogan, ๒๐๑๐.
Holford, J. & Nicholls, G. The school in the age of learning. In P. Jarvis (ed). The
age of learning. London: Kogan, ๒๐๐๑.
Holden, M. & Conelly, S. The learning city : Urban sustainability education
building toward WUF legacy. (๒nd ed) Canada: Simon Fraser University, ๒๐๑๐.
Jarvis, P. & Tosey, P. Corporations and professions. In P. Jarvis (๓rd ed.). the age
of learning. London: Kogan, ๒๐๑๐.
Marquardt, M. Building the learning organization. (๒nd ed) California: Davies-
Black, ๒๐๑๐.
Merricks, L. Implications of the learning society for education beyond school.
In ๒๐๑๐.
P. Jarvis (๒nd ed), The age of learning. London: Kogan, ๑๒๓-๑๓๓.
O’ Brien, M. Learning organization practices profile. San Diego: Pfeiffer, ๑๙๙๔.
Preece, J. Beyond the learning society : The learning world? International
journal of lifelong education (Vol ๒๕), ๒๐๐๖.
Senge, P. Schools that learn. (๓rd ed), New York: Doubleday, ๒๐๑๐.
Silins, H. Zarins, S. & Mulford, B. What characteristics and processes define a
school as a learning organization? Is this a useful concept to apply to
schools? International education journal, ๓(๑), ๒๐๐๖.
Skyrme, D. The learning organization. [Online].Available: http://www.skyrme.com/
Insights/๓lrnorg.htm Skyrme, ๓ April ๒๐๐๖.
Turkington, M. The catholic education office (CEO) Sydney as a learning
organization and its perceived impact on standards. Ed. D. Dissertation.
Australian Catholic University, Australia, ๒๐๐๔.
Watkins, K. & Marsick, V. Sculpting the learning organization. (๔th ed) San Francisco:
Jossey Bass, ๒๐๑๐.
บรรณานกุ รม
ภาษาไทย
หนงั สอื
กนกกาญจน์ สนิ ภบิ าล. การศึกษาบุคลกิ ภาพตามแนวจรติ ๖ ในพระพทุ ธศาสนาของผู้บริหาร
โรงเรยี นสังกดั สานักงานเขตพ้นื ท่กี ารศกึ ษาจงั หวดั นนทบรุ ี. วารสารศรปี ทุมปริทัศน์.
กรุงเทพฯ : มหาวทิ ยาลยั ศรีปทุม, ๒๕๕๑.
กัลยกร มนั่ ถาวรวงศ์. จิตสานกึ ทยี่ ง่ิ ใหญใ่ นใจครู. กรุงเทพฯ : โรงเรียนมธั ยมวัดสงิ ห์, ๒๕๔๗.
กิดานันท์ มลิทอง. เทคโนโลยกี ารสื่อสารเพอ่ื การศกึ ษา. กรงุ เทพฯ : โรงพิมพ์อรุณการพิมพ์, ๒๕๔๘.
กติ ยิ วดี บญุ ชอื่ และประคอง สุทธสาร. สู่เส้นทางวชิ าชพี ครู. คมู่ ือสาหรับขา้ ราชการครูบรรจใุ หม่.
กรุงเทพฯ : สานกั งาน กค. กระทรวงศึกษาธิการ, ๒๕๔๑.
กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน. หนังสือราชการเรื่อง
การกาหนดภาระงานสอนขั้นตา่ ของข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษาสาย
งานสอน. กรุงเทพฯ : กระทรวงศึกษาธิการ, ๒๕๕๓.
จกั รแกว้ นามเมือง. บคุ ลิกภาพของครูทด่ี ี และลักษณะการสอนท่ีดี ตามทัศนะของนิสิต
หลักสูตรประกาศนียบัตรบณั ฑิตวิชาชีพครู. เอกสารประกอบรายวิชาจติ วทิ ยาความ
เป็นคร.ู มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณ์ราชวิทยาลยั วิทยาเขตพะเยา. พะเยา, ๒๕๕๑ก.
จักรพรรดิ วะทา. การจัดการความรขู้ องครู. วารสารวิทยาจารย์. ๑๐๖ (๔).๑๘-๒๑. กรุงเทพฯ,
๒๕๕๐.
ชาเลือง วุฒจิ นั ทร์ และคณะ. พระราชกรณียกิจและพระมหากรุณาธิคณุ ในพระบาทสมเดจ็
พระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดชมหาราช เก่ยี วกับศาสนาและการวัฒนธรรม ๖
มิถุนายน ๒๔๘๙-๕ ธันวาคม ๒๕๓๐. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพรา้ ว, ๒๕๓๑.
ชิรวฒั น์ นจิ เนตร. บนเสน้ ทางการพฒั นาวิชาชีพครู ผลกระทบจากเศรษฐกจิ สังคม และ
การเมือง. บทความเส้นทางการศกึ ษาเพ่ือการพฒั นา. กรุงเทพฯ : สานกั งานสภาสถาบัน
ราชภฏั , ๒๕๔๒.
ทิพวรรณ หลอ่ สวุ รรณรัตน์. ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ. (พมิ พ์ครง้ั ที่ ๗). กรงุ เทพฯ :
สานักพิมพ์สถาบันบัณฑิตพฒั นบรหิ ารศาสตร์, ๒๕๔๘.
ธนสั ถ์ เกษมไชยานนั ท์. ปจั จยั ท่มี ีผลตอ่ พฤตกิ รรมการใช้เวบ็ ไซตข์ องผูใ้ ช้อนิ เทอรเ์ น็ตในเขต
กรงุ เทพมหานคร. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑติ คณะครศุ าสตร์ จุฬาลงกรณ์
มหาวทิ ยาลยั , ๒๕๔๔.
ธารงศักดิ์ คงคาสวสั ด์ิ. Competency ภาคปฏิบัติ เราทากนั อย่างไร. กรุงเทพฯ : สานักพิมพ์
ส.ส.ท, ๒๕๔๙.
ธรี วฒั น์ เล่อื นฤทธ์ิ. การพฒั นาตัวบง่ ชค้ี ดั สรรการปฏิบัติงานมาตรฐานวชิ าชีพครู. วิทยานิพนธ์
ปรญิ ญามหาบัณฑิต สาขาวชิ าวจิ ยั และจิตวทิ ยาการศึกษา คณะครุศาสตรจ์ ุฬาลงกรณ์
มหาวทิ ยาลยั , ๒๕๕๒.
ธีรศกั ด์ิ อคั รบวร. ความเป็นครู. พิมพ์คร้ังท่ี ๔. กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พ์ ก.พลพมิ พจ์ ากดั (๑๙๙๖),
๒๕๔๓.
๒๒๘
นา้ ผง้ึ ทวีพรปฐมกุล. คุณลักษณะท่พี ึงประสงค์ของครูตามการรับรขู้ องผู้บริหารและผู้ปกครองใน
กรงุ เทพมหานคร. วิทยานพิ นธป์ รญิ ญามหาบัณฑิต สาขาวชิ าการศึกษาปฐมวยั
คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั , ๒๕๕๑.
นงลักษณ์ วริ ัชชยั และคณะ. “ความเป็นครแู ละธรรมกิ ราชาในพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยูห่ ัวการ
วิเคราะห์คุณธรรมเบอ้ื งหลังพระราชกรณียกิจ”. วารสารวธิ วี ิทยาการวิจยั ปีที่ ๒๐, ฉบบั
ท๑ี่ (มกราคม-เมษายน ๒๕๕๐), ๒๕๕๐.
ประไพ สิทธเิ ลิศ. ความเป็นครู. กรุงเทพฯ : คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภัฏสวนสุนนั ทา, ๒๕๔๒.
ประภาศรี สีหอาไพ. พ้ืนฐานการศึกษาท้ังศาสนาและจริยธรรม (พมิ พค์ ร้ังที่ ๔). กรุงเทพฯ :
จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั , ๒๕๕๐.
ประมวลพระราชดารสั และพระบรมราโชวาท. พระราชทานในโอกาสตา่ งๆ ต้งั แต่เดอื น
พฤษภาคม ๒๕๒๐-เดือนสงิ หาคม ๒๕๓๕. กรุงเทพฯ : อมรนิ ทร์พริน้ ต้งิ กร๊ฟุ , ๒๕๓๕.
ผกา สตั ยธรรม. คณุ ธรรมของครู. (พมิ พ์ครง้ั ท่ี ๒). กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์พลอยเพลท, ๒๕๕๐.
พระเทพวิสุทธิเมธี, (พุทธทาสภกิ ขุ). การศึกษาของโลกปจั จุบัน. กรงุ เทพฯ : ธนประดษิ ฐ์การ
พิมพ,์ ๒๕๒๙.
พระเทพเวที, (ป. อ. ปยตุ ฺโต). ธรรมนญู ชวี ิต/พุทธจรยิ ธรรมเพ่อื ชีวิตท่ีดีงาม. พมิ พ์คร้ังท่ี ๘.
กรงุ เทพฯ : มหาจฬุ าบรรณสาร, ๒๕๓๑.
พระธรรมโกศาจารย์ (พุทธทาสภกิ ขุ). ธรรมสาหรับครู พิมพค์ รัง้ ที่ ๒. กรุงเทพฯ : สานักงาน
คณะกรรมการการประถมศกึ ษาแหง่ ชาติ, ๒๕๓๙.
พระธรรมปฏิ ก, (ป. อ.ปยุตโฺ ต). ความเปน็ กัลยาณมติ รของหลวงบูชา. กรงุ เทพฯ : โรงพิมพ์
สหธรรม จากัด, ๒๕๓๖ก.
________. จะพัฒนาคนกันอยา่ งไร (พทุ ธศาสนากับการพัฒนามนษุ ย์). กรุงเทพฯ : สหธรรมมกิ
จากดั , ๒๕๓๖ข.
________. พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร์ ฉบบั ประมวลศัพท์. พิมพ์คร้ังที่ ๘. กรงุ เทพฯ : มหา
จฬุ าลงกรณ์ราชวิทยาลยั .(๒๕๓๘).
________. พทุ ธธรรม. พิมพ์ครัง้ ท่ี ๗. กรุงเทพฯ : มหาจฬุ าลงกรณ์ราชวทิ ยาลัย, ๒๕๔๑.
พระมหาอดิศร ถิรสีโล. คุณธรรมสาหรบั ครู. พิมพ์คร้งั ท่ี ๑. กรงุ เทพฯ : โอ.เอส.พร้ินต้งิ เฮา้ ส์, ๒๕๔๐.
พระราชวรมนุ ี, (ประยรู ธมฺมจิตโต). จรรยาบรรณนกั วิจัยกบั สังคมไทย. รายงานการสัมมนา
จรรยาบรรณนักวิจยั กบั สงั คมไทย. กรงุ เทพฯ : สานกั งานคณะกรรมการวิจัยแหง่ ชาติ,
๒๕๔๑.
ไพวรรณ เกียรติโชคชยั . ความเป็นครู. กรุงเทพฯ : สถาบันราชภฏั สวนดสุ ติ , ๒๕๓๖.
ยนต์ ชุม่ จิต. ความเปน็ ครู. พิมพค์ รั้งท่ี ๔. กรุงเทพฯ : โอ.เอส.พริ้นตงิ้ เฮ้าส์, ๒๕๕๐.
ยุวธิดา ชาปญั ญา และคณะ. การเสรมิ สร้างพลงั อานาจของครูในโรงเรยี นประถมศึกษามติ ิด้าน
ลกั ษณะที่มีความหมายต่อคนในปรากฏการณ์. วารสารบริหารการศึกษา ปีท่ี ๗, ฉบับที่
๑ (มกราคม-มถิ ุนายน ๒๕๕๔) : ๕๙-๖๐,๒๕๕๔.
ราชบณั ฑติ ยสถาน. พจนานกุ รม ฉบับราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ เฉลมิ พระเกียรตพิ ระบาท
สมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั เนื่องในโอกาสพระราชพธิ มี หามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗
รอบ ๕ ธนั วาคม ๒๕๕๔. กรงุ เทพฯ : ศิริวฒั นาอนิ เตอร์พรนิ ท์จากดั (มหาชน), ๒๕๕๖.
ราชภัฏพระนครศรีอยธุ ยา, สถาบัน. ผลงานการพัฒนาชุดวิชาชพี ครูท่เี น้นปรชี าสามารถใน
๒๒๙
สถาบันราชภัฏ. พระนครศรอี ยุธยา : คณะครุศาสตร์ สถาบนั ราชภฏั พระนครศรอี ยธุ ยา,
๒๕๔๕.
เรืองวิทย์ ลมิ่ ปนาท. ความเป็นครสู ถติ ในหทัยราช. กรงุ เทพฯ : รงุ่ ศิลปก์ ารพิมพ์ (๑๙๗๗) จากดั ,หนา้
๖๕-๖๖, ๒๕๓๙.
วรรณะ บรรจง. ปัจจยั เชงิ สาเหตุและผลของเอกลักษณน์ ักศกึ ษาครูและการรับร้คู วามสามารถของ
ตนในการเปน็ ครูนกั วิจัยท่ีมีต่อพฤติกรรมครูนักวจิ ยั ของนักศึกษาครูในยุคปฏริ ูป
การศึกษา. วทิ ยานิพนธป์ รญิ ญาดุษฎีบณั ฑิต คณะวทิ ยาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครนิ ท
รวโิ รฒ, ๒๕๕๑.
วรินทร วีระศิลป์. การวิเคราะหค์ ุณลกั ษณะทพี่ งึ ประสงค์ของครูพีเ่ ล้ียงเดก็ อนุบาล พหกุ รณศี กึ ษา.
วิทยานิพนธป์ ริญญามหาบณั ฑติ สาขาวิจยั การศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์
มหาวทิ ยาลยั , ๒๕๕๑.
วจิ ารณ์ พานชิ . ครูกบั การเรียนรูใ้ นศตวรรษท่ี ๒๑. เอกสารประกอบการบรรยายวันที่ ๒๘ พ.ค.
๒๕๕๔ในตลาดนดั ความรู้ เครือข่ายการเรียนรู้สู่ความพอเพยี ง คร้งั ท่ี ๓. โรงแรมมริ าเคิล,
๒๕๕๔ข.
________. เอกสารบรรยายในกาหนดการประชุมสภาวิชาการครัง้ ท่ี ๖ สมาคมเครอื ข่ายพัฒนา
วิชาชพี อาจารย์และองคก์ รระดับอุดมศึกษาแห่งประเทศไทย (ควอท.) ประจาปี
๒๕๕๔“เรื่องการศึกษาที่มีคุณภาพสาหรับศตวรรษท่ี ๒๑”. วันที่ ๒๙ กรกฎาคม
๒๕๕๔, ๒๕๕๔ง.
วิจติ ร ศรีสอา้ น. ประสบการณ์วชิ าชีพบริหารการศึกษา. กรุงเทพฯ : สานักพมิ พ์มหาวิทยาลัย
สโุ ขทัยธรรมาธริ าช, ๒๕๓๕.
________. กระบวนการพฒั นาวชิ าชีพครูและแนวทางการจัดการศึกษารูปแบบใหม่. คาบรรยาย
พิเศษในการประชุมประชาพิจารณารา่ งพระราชบัญญตั กิ ารศึกษาแหง่ ชาติสาหรบั
เจ้าหน้าทคี่ ุรุสภา, ๒๕๔๑. (เอกสารอัดสาเนา)
________. หนังสอื ท่ีระลึกวันครู ๒๕๕๒. กรุงเทพมหานคร : สานกั งานเลขาธกิ ารคุรุสภา, ๒๕๕๒.
ศรเี รือน แกว้ กงั วาน. จติ วทิ ยาบุคลกิ ภาพ. พิมพ์ครงั้ ที่ ๑๖. กรงุ เทพฯ : หมอชาวบา้ น, ๒๕๕๔.
ศักรนิ ทร์ สวรรณโรจน.์ สู่เสน้ ทางวชิ าชพี ครู คมู่ ือสาหรับข้าราชการครูบรรจใุ หม่. กรงุ เทพฯ:
สานกั งานคณะกรรมการขา้ ราชการครู กระทรวงศกึ ษาธกิ าร, ๒๕๔๑.
ศภุ านัน สิทธิเลศิ . เอกสารคาสอนรายวชิ าความเปน็ ครู. กรุงเทพฯ : ศนู ย์สอื่ และสง่ิ พิมพ์แก้ว
เจา้ จอม มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏสวนสุนันทา, ๒๕๔๙.
ศโิ รจน์ ผลพนั ธิน. มสด.กาหนดคุณสมบัติ “ครปู ฐมวัยยุคใหม่” ต้องสวยและหุ่นดี. ๒๕๕๔.
ศกึ ษาธิการ, กระทรวง. พระราชบัญญัตกิ ารศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ และที่แก้ไขเพมิ่ เติม
(ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๓. กรงุ เทพมหานคร : องค์การรบั สง่ สินค้าและพัสดุภณั ฑ์,
๒๕๕๓.
สถาบันพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา. ยทุ ธศาสตรก์ ารพัฒนาครแู ละบคุ ลากร
ทางการศึกษา ปี ๒๕๔๙-๒๕๕๑. กรงุ เทพมหานคร : สานกั ปลัดกระทรวงศกึ ษาธิการ,
๒๕๔๘.
๒๓๐
สมเกยี รติ ทานอก. การวเิ คราะหป์ จั จยั ที่ส่งผลตอ่ ต่อพัฒนาเจตคตติ อ่ วิชาชพี ครูของนกั ศึกษา
หลกั สูตรครศุ าสตรบัณฑติ โดยใช้โมเดลโคง้ พฒั นาการเหล่ือมเวลาระยะยาวท่ีมตี ัว
แปรแฝง,. วิทยานิพนธ์ ปรญิ ญาดษุ ฎบี ณั ฑติ สาขาวิชาการวัดและประเมินผลการศกึ ษา
คณะครุศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั , ๒๕๕๒.
สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภมู ภิ าคแหง่ ประเทศไทย. กระแสพระราชดารสั และพระบรมราโชวาท
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ ัวภูมิพลอดุลยเดช. พระนคร : สมาคมหนงั สอื พมิ พ์
สว่ นภูมิภาคแหง่ ประเทศไทย, ๒๕๒๖.
สานักงาน ก.พ.. คูม่ ือสมรรถนะราชการพลเรอื นไทย. กรงุ เทพฯ : พี.เอ.ลิฟว่ิง, ๒๕๔๘.
สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐาน. คมู่ อื เสน้ ทางครมู อื อาชีพสาหรับครผู ้ชู ่วย. กรงุ เทพฯ
: สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน กระทรวงศึกษาธิการ, ๒๕๕๓.
สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาแห่งชาติ. เทคโนโลยีการเรียนร้ขู องไทยในปี ๒๕๕๓. (แปล
Thai Learning Technologies ๒๐๑๐ โดย ดร.สุรศักดิ์ หลาบมาลา และ กุลวิตรา
ภังคานนท์). พมิ พค์ รัง้ ท่ี ๑. กรุงเทพฯ : หา้ งห้นุ ส่วนจากดั ภาพพิมพ์, ๒๕๔๕.
สานักงานคณะกรรมการข้าราชการครู. คุณธรรมและจิตสานกึ ของข้าราชการครู. พมิ พค์ ร้ังที่ ๒.
กรุงเทพฯ : ศรีเมืองการพิมพ์, ๒๕๔๒.
สานกั งานคณะกรรมการสง่ เสรมิ สังคมแหง่ การเรยี นรูแ้ ละคุณภาพเยาวชน. ค่มู ือการคัดเลือกครูสอน
และครผุ รู้ บั ทุนครผู ู้สอนดปี ระจาปกี ารศกึ ษา ๒๕๕๔. กรุงเทพฯ : สานกั งาน
คณะกรรมการสง่ เสรมิ สงั คมแห่งการเรยี นรู้และคุณภาพเยาวชน, ๒๕๕๔.
สานกั งานคณะกรรมการการอดุ มศึกษา. อนุสารอดุ มศกึ ษา. “มาตรฐานผลลพั ธ์การเรียนรขู้ อง
ครยู คุ ใหม่”. กรุงเทพฯ; ๓๗(๓),๗, ๒๕๕๔.
สานักงานบริหารและพฒั นาองคค์ วามรู้. ๕ โรงเรียนต้นแบบเสริมสรา้ งครอบครวั อบอุ่น. หนงั สือ
ถอดองค์ความรู้ โครงการวจิ ยั พฒั นา และประเมินผล. ศนู ย์สง่ เสริมและพัฒนาพลัง
แผน่ ดินเชิงคณุ ธรรม.กรงุ เทพฯ : โรงพิมพ์บรษิ ัทธรรมสาร จากดั , ๒๕๕๓.
สานักงานบรหิ ารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน). ศูนยส์ ่งเสรมิ และพัฒนาพลงั แผน่ ดินเชงิ
คณุ ธรรม คมู่ ือการปลูกฝังคณุ ธรรมจรยิ ธรรมในสถาบันครอบครัว หนา้ ครอบครวั
คณุ ธรรม. พมิ พ์คร้งั ที่ ๒. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พบ์ รษิ ทั ธรรมสาร จากดั , ๒๕๕๔ก.
________. องคค์ วามร้ชู ุดบุคคลคณุ ธรรม ชีวติ งามด้วยความดี ศาสตราจารย์ระพสี าคริก. พิมพ์
ครงั้ ที่ ๑. นนทบุรี : โรงพิมพบ์ ริษัทอนิ ฟินิท โกลบอลเทรด จากดั , ๒๕๕๔ข.
________. องคค์ วามรชู้ ุดบุคคลคุณธรรมชวี ติ งามด้วยความดี ศาสตราจารย์ สุมน อมรวิวัฒน์.
พิมพ์ครัง้ ท่ี ๑. นนทบรุ ี : โรงพมิ พบ์ ริษัทอินฟนิ ิทโกลบอลเทรด จากัด, ๒๕๕๔ ค.
สานักงานเลขาธิการครุ ุสภา, กระทรวงศกึ ษาธิการ. เกณฑ์มาตรฐานและจรรยาบรรณวิชาชีพ
ครู. พมิ พค์ ร้ังที่๑. กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พ์คุรสุ ภาลาดพร้าว, ๒๕๔๔.
________. คู่มอื การประกอบวิชาชีพทางการศึกษา. พมิ พ์คร้ังที่ ๑. กรงุ เทพฯ : โรงพิมพ์ ครุ ุ
สภาลาดพร้าว, ๒๕๔๙.
________. สรปุ บทคัดย่อเอกสารจากสถาบันระหว่างประเทศเพอ่ื การวางแผนด้านการศกึ ษา
๒๕๔๙. กรุงเทพฯ : พมิ พ์ดกี ารพิมพ์, ๒๕๔๙.
๒๓๑
-------------. ประกาศสานกั งานเลขาธิการคุรสุ ภา เร่อื งการคัดเลอื กผปู้ ระกอบวชิ าชพี ทางการศึกษา
เพ่ือรับรางวัลหน่ึงแสนครดู ี ประจาปี การศกึ ษา ๒๕๕๔. กรุงเทพฯ :
กระทรวงศกึ ษาธกิ าร, ๒๕๕๔.
สานักงานเลขาธิการสภาการศกึ ษา,กระทรวงศกึ ษาธิการ. รายงานการปฏริ ูปการเรยี นรู้ระดบั
การศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน : พหกุ รณีศึกษา. กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พ์คุรสุ ภา ลาดพรา้ ว, ๒๕๔๘.
________. ยทุ ธศาสตร์การพัฒนาคุณภาพการศึกษา : ระเบยี บวาระแหง่ ชาติ (พ.ศ. ๒๕๕๑-
๒๕๕๕). กรุงเทพฯ : พิมพ์ดกี ารพมิ พ์, ๒๕๕๑.
________. รายงานการวจิ ัยเรอ่ื งวิธีวิทยาการประเมนิ ความสาเรจ็ ของการศกึ ษาเพ่ือเสรมิ สร้าง
สังคมแห่งการเรียนรู้. กรงุ เทพฯ : บริษัทเพลนิ สตูดโิ อจากัด, ๒๕๕๑.
สกุ ัญญา รศั มธี รรมโชติ. แนวทางการพัฒนาศักยภาพมนุษยด์ ้วย Competency based
learning. กรุงเทพฯ : ศิรวิ ัฒนาอนิ เตอรพ์ รินท์, ๒๕๔๘.
สุชาดา กรเพชรปาณี. คณุ ลกั ษณะทส่ี าคญั ของครูดีเด่น : คุณธรรมและความรู้. วารสารวจิ ยั
และวัดผลการศึกษา มหาวทิ ยาลัยบูรพา. ปที ่ี ๓. ฉบบั ท่ี ๑. กรุงเทพฯ; มีนาคม, ๒๕๔๘.
สุชาดา กีระนนั ทน์. เทคโนโลยสี ารสนเทศสถิติ : ขอ้ มูลในระบบสารสนเทศ. พมิ พค์ ร้งั ที่ ๒.
กรุงเทพฯ: สานักพมิ พ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั , ๒๕๔๒.
สุรพงษ์ สืบวงศล์ ี. การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการบริหาร. เอกสารประกอบการบรรยาย
โดยรัฐมนตรีวา่ การกระทรวงเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอื่ สาร ๑๑ กนั ยายน
๒๕๔๖. กรุงเทพฯ : สานกั งานคณะกรรมการพฒั นาขา้ ราชการและบุคลากรของรัฐ,
๒๕๔๖.
โสภณ แย้มทองคา และมาเรียม นลิ พนั ธ์. “การพฒั นารูปแบบการเสรมิ สร้างคณุ ลกั ษณะความเป็น
ครูของข้าราชการครูทุนโครงการส่งเสริมการผลิตครทู ี่มีความสามารถพิเศษทาง
วทิ ยาศาสตรแ์ ละคณติ ศาสตร์ (สควด.),” วารสารศลิ ปากรศึกษาศาสตร์วจิ ยั ปี___
ที่ ๑,ฉบับท่ี ๒ (มกราคม –มิถุนายน ๒๕๕๓). : ๕๑-๕๒.
ไสว มาลาทอง. กลมุ่ วิชาการพระพทุ ธศาสนาและจริยศึกษา. คูม่ อื การศึกษาจรยิ ธรรม. กรงุ เทพฯ:
กองศาสนาศึกษา กระทรวงศกึ ษาธิการ, ๒๕๔๒.
อารงุ จนั ทวานิช. คมู่ ือสาหรับข้าราชการใหม่ : สู่เส้นทางวชิ าชพี ครู. กรุงเทพฯ : สานักงาน
กค. กระทรวงศึกษาธิการ, ๒๕๕๔.
อบุ ล เล้ยี ววารณิ . รายงานการวจิ ยั เร่ืองปฏบิ ตั งิ านตามจรรยาบรรณและมาตรฐานวิชาชพี
ของครใู นโรงเรียนสังกัดสานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน.กรุงเทพฯ :
คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั สวนสนุ นั ทา, ๒๕๕๓.
_______.รายงานการวิจยั เรื่องคณุ ลักษณะครูในศตวรรษที่ ๒๑ ตามความคาดหวงั ของนักศึกษา.
กรุงเทพฯ : คณะครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภฏั สวนสนุ ันทา, ๒๕๕๔ก.
_______.รายงานการวิจยั เร่ืองความคิดเหน็ ของนกั ศกึ ษาคณะครศุ าสตรต์ ่อการปฎบิ ตั ิงาน
ในหน้าท่ขี องคณาจารย์ในคณะ.กรงุ เทพฯ:คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนัน
ทา, ๒๕๕๔ข.
๒๓๒
อินเตอรเ์ นต็
กรองได อณุ หสูต. การออกแบบการเรียนรู้, ๒๕๕๓. [Online]. Available from: http:///www.ns.
mahidol.ac.th/english/KM/design_learn.htm, [๒๔ มนี าคม ๒๕๕๔.
________. วันสถาปนาการฝึกหดั ครไู ทย, ๒๕๕๔. [Online]. Available from: http://www.๑๒๑
easy .com/contentn.php?id=๑๐๖๖๗. [๑๘ มีนาคม ๒๕๕๔],
เกศกาญจน์ บุญเพ็ญ. ตามรอยเกียรติยศครูผู้มีอุดมการณแ์ ละจติ วิญญาณครูม ๒๕๕๖. [Online]
Available:http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=
๙๕๖๐๐๐๐ ๐๓๕๗๕๘,
กัลยาณี สงู สมบัติ. ส่อื การเรียนรู้ออนไลน์ วิชา เทคนิคการจดั การสมัยใหม่, ๒๐๐๗. [Online].
Available from: http://uhost.rmutp.ac.th/kanlayanee.so/L๓/๓-๑-๑.htm,
[๓ เมษายน ๒๕๕๔]
การจดั การนวตั กรรมและสารสนเทศ ในบทความนวตั กรรม, ๒๕๕๔. [Online]. Available from:
http://portal.in.th/inno-roj/pages/๑๒๓๗/, [๓ มีนาคม ๒๕๕๔]
การประยุกตใ์ ชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ. [Online]. Available from: http://forum.datatan.net/
index.php/topic๑๒๖.msg๑๒๖.html#msg๑๒๖, ๒๐๐๘. [๒๒ เมษายน ๒๕๕๔]
การเสริมสรา้ งสังคมแหง่ การเรียนรู้. [Online]. Available from: http://www.samutprkan.net
/๕๘๐๐/Article.html, ๒๕๕๔. [๗ เมษายน ๒๕๕๔]
ขา่ วยอดครูผ้มู ีอุดมการณ์. [Online]. Available from: http://news.mthai.com/generalnews
/๑๐๐๐๘๒.html, ๒๕๕๔. [๑๔ มนี าคม ๒๕๕๔]
ความหมายของเทคโนโลยีสารสนเทศ. [Online]. Available from: http://www.kmitl.ac.th/
agritech/nutthakorn/๐๔๐๙๓๐๐๙_๒๒๐๔/isweb/Lesson%๒๐๒๒.htm, ๒๕๕๔.
[๒๒ เมษายน ๒๕๕๔]
คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภัฏสวนสนุ นั ทา ความสาเร็จของโครงการดดี ีดี. ขอ้ มลู กิจกรรม
คณะ. [Online].
Availabfrom:http://www.edu.ssru.ac.th/?ls_level=list_actgellery
_show &ls_actgalleryid=๕๔, ๒๕๕๓. [๑๗ มกราคม ๒๕๕๔]
คนดวี งการศึกษาไทย สุมน อมรวิวัฒน์. คนทางานแลกเปลีย่ นเรยี นรู้. ๒๕๕๔. [Online]. Available
from: http://www.gotoknow.org/blogs/posts/๘๕๙๑๑. [๑๗ มกราคม ๒๕๕๔]
ครุฯ จฬุ าฯ. ผดุ หลักสูตรคณุ ธรรมไมเ่ รียนไมจ่ บ ป.ตรี ใน คณุ ภาพชีวติ . ๒๕๕๐. [Online].
Available from: http://www.manager.co.th/Qol/ViewNews.aspx?NewsID
=๙๕๐๐๐๐๐๐๗๗๙๑๓. [๑๗ มกราคม ๒๕๕๔]
ครทู ีด่ ี. ๒๕๕๔. [Online]. Available from: http://wiboonman.blogspot.com/๒๐๑๐
/๐๖/blogpost. Html, [๓ มนี าคม ๒๕๕๔]
ครูไทยในศตวรรษที่ ๒๑ มุมมองของนักวิชาการ ใน ครูบา้ นนอกบล็อก. ๒๕๕๒. [Online]
Availablefrom: http://www.kroobannok.com/blog/๑๑๘๘๕. [๒๓ พฤษภาคม
๒๕๕๒]
คณุ ลกั ษณะของครทู ีด่ ตี ามพระราโชวาท ใน ครูคนใหม่, ๒๕๕๔. [Online]. Available from:
http://sites. Google.com/site/khrukhonmai/k๓. [๓ มีนาคม ๒๕๕๔]
๒๓๓
โครงการขยายผลโรงเรยี นต้นแบบคุณธรรม จรยิ ธรรม, ๒๕๕๔. [Online]. Available from:
http://www. tzuchithailand.org/index.php?option=com_content&view
=article&id=๒๕๒:moralsmodelschoolclass&catid=๖๗:๒๐๑๑-๐๒-๑๐-๑๐-๕๒-
๔๘. [๑๔ มกราคม ๒๕๕๔]
โครงการคุณธรรมจามจรุ ี, ๒๕๕๒. [Online]. Available from: http://w๓.chula.ac.th /CEO/
khunnadham/ index.htm. [๑๗ มกราคม ๒๕๕๔]
งาน ๕ ลกั ษณะของครูท่ีดี, ๒๕๕๔. [Online]. Available from: http: //๔๗๑๐๑๐๑๐๔๔๓.
multiply.com/ journal/item/๑๖. [๕ มนี าคม ๒๕๕๔]
จรรยาบรรณครู พ.ศ. ๒๕๓๙ ใน บ้านจอมยุทธ. (๒๕๕๔). [Online]. Available from:
http://www.baanjomyut.com/library/etiquette_teacher/index.html. [๑๔
มนี าคม ๒๕๕๔]
จรัมพร ประถมบรู ณ์. การพฒั นาเจ้าหนา้ ทใ่ี ห้เปน็ เลิศในกระบวนการยุติธรรมการปกครอง, ๒๕๕๔.
[Online]. Available from: http://www.frdr.or.th/competency-๒.html. [๑
เมษายน ๒๕๕๔]
จักรแกว้ นามเมือง. พระพุทธศาสนาทเ่ี น้นการพัฒนาศรทั ธาและปญั ญาท่ีถกู ต้อง, ๒๕๕๔ข.
[Online].Available from: http://www.gotoknow.org/blogs/posts/
๔๓๘๓๙๙GotoKnow. [๑๔มีนาคม ๒๕๕๔]
จันทิรา ธนสงวนวงศ์. ค่านยิ มในสังคมไทย, ๒๕๕๔. [Online]. Available from:
http://mos.etech.ac.th/mdec/learning/s๑๓๐๑/uni๐๖.html. [๑๔ มีนาคม
๒๕๕๔]
จาเนยี ร น้อยท่าชา้ ง. ปรัชญาและคณุ ธรรมสาหรับครู และลักษณะครูทด่ี ี, ๒๕๕๑. [Online].
Available from: http://www.kroobannok.com/๒๖๐๑. [๑๑ มกราคม ๒๕๕๔]
จิรพนั ธ์ ไตรทิพจรัส. บทความใน วนั คล้าย “วนั สถาปนาการฝึกหดั ครูไทย” ครบรอบ ๑๑๙
ปปี ระจาปี พ.ศ. ๒๕๕๔, ๒๕๕๔. [Online]. Available from:http://www.dru.ac.th
/uploadsadvertise /mueythai.pdf. [๓๐ มกราคม ๒๕๕๔]
ชมรมครผู สู้ อนปฐมวัย สานกั งานเขตพื้นท่ศี รสี ะเกษ เขต ๒. คณุ ลักษณะดา้ นอุดมการณใ์ นวชิ าชพี ครู
, ๒๕๕๒. [Online]. Available from: http://www.etcsea๒.org/modules.php?
name=Content&pa=showpage. [๑๔ มีนาคม ๒๕๕๔]
ชมรมจิตอาสารงุ่ อรุณ. (๒๕๕๔). [Online]. Available from: http://www.roong-aroon.ac.th.
[๑๗ มกราคม ๒๕๕๔]
ชัชรินทร์ ชวนชนั . แนวทางการพัฒนาสมรรถนะตนเอง สถาบนั พฒั นาครู คณาจารยแ์ ละบคุ ลากร
ทางการศกึ ษา, ๒๕๕๔. [Online]. Available from:
http://www.nidtep.go.th/chat. [๑ เมษายน ๒๕๕๔]
ชัฎ ตระกลู สินทอง. เทคโนโลยเี พอ่ื การเรยี นการสอนในศตวรรษที่ ๒๑, ๒๕๕๔. [Online].
Available from: http://krusorndee.net/profiles/blogs/๖๒๘๐๗๘๑ : BlogPost :
๘๑๕๐๔. [๒๕มนี าคม ๒๕๕๔ ]
๒๓๔
ชาญชยั อนิ ทรประวัติ. จิตวิทยาสาหรบั ครู ตอนที่สาม : องค์ประกอบของบุคคลผู้เปน็ ครู, ๒๕๕๔.
[Online]. Available from: http://www.sut.ac.th/tedu/article/psychology๓.
htm. [๗ มกราคม๒๕๕๔]
ชูชยั สมิทธไิ กร. ลกั ษณะบุคลิกภาพที่พยากรณพ์ ฤตกิ รรมต่อต้านการปฏบิ ัตงิ าน : รายงานการวิจยั ,
๒๕๕๐. ภาควิชาจติ วทิ ยา คณะมนุษยศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม่. [Online].
Available from: http://library.cmu.ac.th/rsc/?newsdetail.php&id=๖๒. [๗
มกราคม ๒๕๕๔]
โณทยั อุดมบุญญานุภาพ. ครใู นศตวรรษที่๒๑. gotoknow.org, ๒๕๕๔. [Online]. Available
from:http:// www.aircadetwing.com/index.php?lay=show&ac=article&ld
=๕๓๘๖๘๕๑๗๒&Ntype=๓. [๗ มนี าคม ๒๕๕๔]
________. คณุ ลกั ษณะครูร่นุ ใหม่กบั การปฏริ ูปหลกั สูตรผลติ ครูในศตวรรษที่ ๒๑, ๒๕๕๔.
[Online].Available from: http//www.thatpanom.com. [๓ เมษายน ๒๕๕๔]
ดนยั เทยี นพุฒ. การพัฒนามูลค่าทนุ มนษุ ย์, ๒๕๕๔. [Online]. Available from: http://www.
dntnet.com. [๑ เมษายน ๒๕๕๔]
โทรทัศนค์ ร.ู ๒๕๕๔. [Online]. Available from: http://www.thaiteachers.tv/vdo๒. php?id
=๑๖๙๘. [ ๑๗ มกราคม ๒๕๕๔]
_______. ๒๕๕๔. [Online]. Available from: http://www.thaiteachers.tv/vdo๒.php?id
=๑๖๙๘. [๗ เมษายน ๒๕๕๔]
โทรทัศน์ครูกบั บทบาทการพัฒนาวิชาชพี ครู. ๒๕๕๔. [Online]. Available from: http://www.
thaiteachers.tv..net /blog-post.html [๗ เมษายน ๒๕๕๔]
โทรทศั น์ครูเตมิ เต็มจิตวญิ ญาณแห่งวิชาชีพครู. ๒๕๕๔. [Online]. Available from:
http://www.thaiteachers.tv. [๗ เมษายน ๒๕๕๔]
นงคราญ ดงเย็น และคณะ. ๒๕๕๔. [Online]. Available from: http://comschool.site๔๐.net
/s๖-๒.html. [๑๐ เมษายน ๒๕๕๔]
นวรัตน์ รามสตู และบัลลังก์ โรหติ เสถียร. ทิศทางการศกึ ษาไทยสู่ประชาคมอาเซียน. ๒๕๕๔.
[Online]. Available from: http://www.chinnaworn.com/index.php?lay
=show&ac=article&Id= ๕๓๙๑๖๔๒๑๒&Ntype =๑ [๒๐ มนี าคม ๒๕๕๔]
แนวคิดการใชเ้ ทคโนโลยชี ว่ ยการเรียนรู้. (๒๕๕๓). [Online]. Available from:
http://neungnuch.multiply. com/journal/item/๗/๗. [๒ ธนั วาคม ๒๕๕๓]
บหุ งา รายา. ครทู ด่ี ตี ้องมีบุคลิกอย่างไร. ๒๕๕๔. [Online]. Available from:
http://www.learners. in.th /blogs/posts/๙๔๙๓๘b. [๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓]
ประณม ถาวรเวช. ๑๐ วีธีสร้างพลงั ให้บคุ ลิกภาพ. ๒๕๕๔ก. [Online]. Available from: http://
dnfe๕.nfe.go.th/localdata/ webimags/story๒๖๑individuality.htm. [๘ มีนาคม
๒๕๕๔]
________. การฝึกฝนตนเอง, ๒๕๕๔ข. [Online]. Available from: http://www.Johnrobert
powers.in.th/thai/index.php. [๘ มนี าคม ๒๕๕๔]
๒๓๕
ประเวศ วะสี. การพัฒนาอย่างบูรณาการเต็มพน้ื ท่ีจังหวัดกบั หนงึ่ มหาวิทยาลัยต่อหน่งึ จงั หวัด,
๒๕๕๔. [Online]. Available from: http://www.prawase.com. [๓ เมษายน
๒๕๕๔]
________. อนาคตประเทศไทย อนาคตของเราร่วมกัน, ๒๕๕๔. [Online]. Available from:
http://www.prawase.com. [๓ เมษายน ๒๕๕๔]
แผนภูมิกระบวนการเรยี นรโู้ ดยใชป้ ัญหาเปน็ ฐาน. ๒๕๕๔. [Online]. Available from:http://pbl.
igetweb. com/?mo=๓&art=๕๔๔๐๑๙. [๒๔ มีนาคม ๒๕๕๔]
พจนานกุ รม ไทย-ไทย อ.เปลอื้ ง ณ นคร. คร.ู ๒๕๕๔. [Online]. Available from:http://guru.
sanook. com/dictionary/dicttt/?sourcepage=๒&source_location=๑&spell
=%A๔%C๓%D๙&x=๒๕&y=๙. [๓๐ มกราคม ๒๕๕๔]
พจนานกุ รมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม. (๒๕๕๔). [Online]. Availablefrom:http://๘๔๐๐๐.
org/tipitaka /dic/d_item.php?i=๒๗๘. [๑ เมษายน ๒๕๕๔]
พรทพิ ย์ ไชยโส, กรกฎา นักค้ิม และอรพรรณ บุตรกตัญญู. ยุทธวธิ ีการสอดแทรกคณุ ธรรมจริยธรรม
และความเปน็ ไทย : การเรียนรกู้ ารเตรยี มนสิ ิตครูส่ปู ระชาคมอาเซียน. คณะ
ศึกษาศาสตรม์ หาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์. ๒๕๕๔. [Online]. Available
from:http://docs.google.com/viewer?a=v&q=cache: LH-n. [๑๗ มกราคม
๒๕๕๔]
พระราชดารสั ทีเ่ ก่ยี วขอ้ งกับการศึกษา. พระบรมราโชบายท่ีพระราชทานแก่ท่านผหู้ ญิงทัศนยี ์
บณุ ยคปุ ต์ อาจารยใ์ หญโ่ รงเรยี นจติ รลดา ณ พระท่ีนง่ั อัมพรสถาน พระราชวังดุสิตเมือ่
เดือนมกราคม พ.ศ. ๒๔๙๘. (๒๕๕๔). [Online]. Available from: http://dnfe
๕.nfe.go.th/reign/Owat/๐๙๕๖.htm. [๓ เมษายน ๒๕๕๔]
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒. หมวดท่ี ๙ เทคโนโลยีเพือ่ การศกึ ษา. ๒๕๔๕.
[Online]. Available from: http://www.thaiwbi.com/topic/prb/index.html.
[๑๕มนี าคม ๒๕๕๔]
________. (๒๕๕๔). [Online]. Available from:http://sites.google.com /site/khrukhonmai
/k๓. [๓เมษายน ๒๕๕๔]
พฤทธ์ิ ศิรบิ รรณพิทักษ์. จรรยาบรรณวชิ าชพี ครู. ๒๕๕๔. [Online]. Available
from:http://www.edu.chula.ac.th/knowledge/rule/adm-rule.htm. [๓ เมษายน
๒๕๕๔]
พฒั นาครูท่จี ิตเพอ่ื ศิษยง์ อกงามทีใ่ จ. (๒๕๕๔). [Online]. Available from:http://
www.Gotoknow. org /blog/phoenix-mirror/๑๐๘๕๗๒. [๓ มนี าคม ๒๕๕๔]
มหาวิทยาลยั มหามกุฏราชวทิ ยาลัย. ปญั หาค่านิยมทีไ่ มน่ ่านยิ ม. เว็บเผยแพรห่ ลกั ธรรม มหาวทิ ยาลยั
มหามกฏุ ราชวิทยาลัย. ๒๕๕๔. [Online]. Available from:http://www.dhamma.
mbu.ac.th/th/index.php?option=com_content&task=view &id=๔๐&Itemid=
๕๗. [๑๔ มนี าคม ๒๕๕๔]
มหาวิทยาลัยราชภฏั ศรีสะเกษ. ประกาศมหาวิทยาลัยราชภฏั ศรีสะเกษ. ๒๕๕๒. [Online].
Available from: www.ku.sskru.ac.th/edu/text/pagas.doc. [๑๔ มีนาคม ๒๕๕๔]
๒๓๖
มหาวทิ ยาลยั สงขลานครนิ ทร์. ครูเพอ่ื ศษิ ย์ ต่อยอดความคิดศาสตราจารย์ ดร.วิจารณ์ พานิช.
๒๕๕๔. [Online]. Available from: http://file.portal.in.th/uzumakibenz/ebook/
TFS.pdf. [๘ มีนาคม ๒๕๕๔]
ยรรยง สินธงุ์ าม. Problem-based learning. ๒๕๕๑. [Online]. Available from:http://pbl.
igetweb.com /?mo=๓&art=๕๔๔๐๑๙. [๕ มิถนุ ายน ๒๕๕๑]
รานี ศลิ ปชยั . ชีวิตและวัฒนธรรมไทย. ๒๕๕๔. [Online]. Available from: http://www.
raneenoi.com/superpage๖/pf๓.html. [๑๔ มีนาคม ๒๕๕๔]
ร่งุ แก้วแดง. บทความครใู นครมู ืออาชีพ. ๒๕๕๔. [Online]. Available from: http://www.
thaileam.net/ index_teacher.html. [๒๓ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๕๔]
แรงบันดาลใจจากโทรทัศน์ครู. ๒๕๕๔. [Online]. Available from: http://www.thaiteachers
.tv. [๗ เมษายน ๒๕๕๔]
โรงเรยี นสัตยาไส. สรา้ งคนดีเหนอื สงิ่ ใด. ๒๕๕๔. [Online]. Available from:http://www.
sathyasaith .org//index.php?lay=show&ac=article&Id=๕๓๘๙๖๐๕๖๒. [๑๗
มกราคม ๒๕๕๔]
ลกั ษณะครูดี. (๒๕๕๔). [Online]. Available from: http://www.siamlocalnews.com/
np๙๐.๗๕/view. php ?gid=๒๘๔๘&newsid=๔๕๓๙&issueid=. [๕ มีนาคม ๒๕๕๔]
วารสารนานาชาติ CEEOL. Informatics Education-an International Journal. IssueVol. ๕.
๒๐๐๖. [Online]. Available from: http://ceeol.com. [๒๐ มีนาคม ๒๕๕๔]
วารินทร์ พรหมคุณ. คอลัมน์:-รายงานพิเศษ:-เชิดชยู อดครูผู้มอี ุดมการณ์. ๒๕๕๕. [Online].
Available:http://www.southdeepoutlook.com/.../ . [๒๕๕๖, มนี าคม ๑๐].
วกิ พิ ีเดียสารานุกรมเสรี. เทคโนโลยีสารสนเทศ. ๒๕๕๓. [Online]. Available from: http://th.
Wikipedia. org/wiki/เทคโนโลยีสารสนเทศ. [๓ มนี าคม ๒๕๕๔]
________. แผนแมบ่ ทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ฉบับท่ี ๒). ๒๕๕๓. [Online].
Available from: http://th.Wikipedia.org/wiki/แผนแมบ่ ทเทคโนโลยสี ารสนเทศและ
การสอ่ื สาร (ฉบับท่ี ๒). [๓ มีนาคม ๒๕๕๔]
________. ค่านยิ ม. ๒๕๕๔. [Online]. Available from: http://th.wikipedia.org/wiki/คา่ นยิ ม.
[๑๔มนี าคม ๒๕๕๔]
________. ระพี สาคริก. ๒๕๕๔. [Online]. Available from: http://th.wikipedia.org/wiki
/%E๐%B๘%A๓%E๐%B๘%B๐%E๐%B๘%๙E%E๐% B๘%B๕_%E๐%B๘% AA%
E๐%B๘%B๒%E๐%B๘%๘๔%E๐%B๘%A๓%E๐%B๘%B๔%E๐%B๘%๘๑. [๒๐
มกราคม ๒๕๕๔]
________. ศรทั ธา. ๒๕๕๔. [Online]. Available from: http://th.wikipedia.org/wiki/. ศรทั ธา.
[๑๔ มนี าคม ๒๕๕๔]
วจิ ารณ์ พานิช. การจดั การความรู้. ๒๕๕๔ก. [Online]. Available
from:http://www.thaiall.com/km/ indexo.html. [๗ กันยายน ๒๕๕๔]
________. ความหมายของการจดั การความรู้. ๒๕๕๔ค. [Online]. Available from:
http://www.gotoknow.org/blog/lifelong/earningalways/๑๔๗๑๖๗. [๓ เมษายน
๒๕๕๔]
๒๓๗
วรี ะชัย จิวะชาติ. แผนยทุ ธศาสตรก์ ารพฒั นาครูและบุคลากรทางการศึกษา แนวทางการพฒั นาครู
และบุคลากรทางการศึกษาแนวใหม่. ๒๕๕๔. [Online]. Available from:
http://๗๒.๑๔.๒๓๕.๑๓๒/ search?q=cache:VZZfsJw๗
WLAJ:gotoknow.org/blog/ weerachi/๑๗๗. [๑ เมษายน ๒๕๕๔]
วทุ ธิศกั ด์ิ โภชนุกลู . การพัฒนาเทคโนโลยสี ารสนเทศในสถานศึกษาประเภท : ICT เพอื่ การศกึ ษา.
๒๕๕๔. [Online]. Available from: http://www.pochanukul.com/?p=๓๒๖.
[๓ มีนาคม ๒๕๕๔]
ศรีนวล พูลเลิศ. คา่ นยิ มหมายถงึ . ๒๕๔๙. [Online]. Available from: ๒๕๔๙http://www.
thaigoodview.com/library/teachershow/phayao/srinual_p/social/sec๐๒p
%๒๐๐๓. html. [๑๔ มนี าคม ๒๕๕๔]
ศกั ดิ์ไทย สรุ กจิ บวร. ครมู ืออาชพี : สิ่งจาเปน็ ทคี่ วรมีและควรเปน็ . ๒๕๕๔. [Online]. Available
from: http://www.kruthacheen.com/index.php?lay=show& ac=article&Id
=๕๓๘๖๘๒๕๓๗&Nype=๒. [๒๐ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๕๔]
ศริ นิ ุช เทยี นรุง่ โรจน์. การพัฒนานวตั กรรมการบูรณาการเทคโนโลยสี ารสนเทศเพอ่ื การเรียนรู้
วทิ ยาศาสตร์.Department of Mathematics, Faculty of Science,
Srinakharinwirot Universiy, Bangkok ๑๐๑๑๐, Thailand. ๒๕๕๔. [Online].
Available from:www.nitesonline.net/download/ การจดั การ.doc. [๓ มนี าคม
๒๕๕๔]
ศูนย์การศึกษานอกระบบโรงเรยี นจงั หวัดลาพนู . ความหมายและความสาคญั ของจรรยาบรรณ,
๒๕๕๔. [Online]. Available from: http://lpn.nfe.go.th/e_learning/LESSON๒
/UNIT๒.HTM. [๓ เมษายน ๒๕๕๔]
สกอ.วางแนวทางการผลติ ครูยุคใหม่ จดหมายข่าวสานกั งานคณะกรรมการการอดุ มศกึ ษา. ปที ี่ ๒
ฉบับท่ี ๔๕, ๒๕๕๔, ๒๕๕๔. [Online]. Available from: http://www. mua.go.th/
pr_web/ohecnewsletter/data/๒๐๑๑๐๑๑๗.pdf. [๒๒ มกราคม ๒๕๕๔]
สถาบนั เทคโนโลยพี ระจอมเกล้าเจ้าคณุ ทหารลาดกระบัง. เทคโนโลยีสารสนเทศกับการจัดการ
ความรู้, ๒๕๕๒. [Online]. Available from: http://www.agri.kmitl.ac.th /km
/knowledge/?p=๒๑.[๑๔ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๓]
สถาบนั พัฒนาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศึกษา. แผนยุทธศาสตรก์ ารพัฒนาครแู ละ
บคุ ลากรทางการศึกษา, ๒๕๕๔. [Online]. Available from: http://www.nidtep.go
.th/plan. [๑ เมษายน ๒๕๕๔]
สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี. ความหมายบุคคลแหง่ การเรียนรู้, ๒๕๕๑.
[Online]. Available from: http://www.ipst.ac.th. . [๓ เมษายน ๒๕๕๔]
สพฐ.ประกาศ ๔ “ยอดครูผู้มีอดุ มการณ์” ปี ๒๕๕๔. คุณภาพชวี ิต, ๒๕๕๔. [Online]. Available
from: http:// manager.co.th/Qol/ViewNews.aspx?NewsID=
๙๕๔๐๐๐๐๐๐๔๗๙๐. [๑๔ มีนาคม ๒๕๕๔]
สมศกั ดิ์ ดลประสทิ ธิ์. ครขู องครูกบั ครูอาชีพ. สานักงานปลดั กระทรวงศกึ ษาธิการ, ๒๕๕๔. [Online].
Available from: http://www.moe.go.th/main๒/article/article-somsak
/articlesomsak๐๔.htm. [๑๔ มนี าคม ๒๕๕๔]
๒๓๘
สหพรรณชนก ศรีสวสั ด.ิ์ เทคโนโลยสี ารสนเทศเพอื่ การศึกษา, ๒๕๕๐. [Online]. Available from:
http://forlearn.blogspot.com/๒๐๐๗/๐๙/๑.html. [๑๔ มนี าคม ๒๕๕๔]
สานักงานคณะกรรมการพฒั นาระบบราชการ. การจดั การความรู้ : Knowledge management,
๒๕๕๔. [Online]. Available from:
http://www.oldweb.opdc.go.th/thai/e.news
letter /dec-๒๐๐๖/enewsletter/knowledge/K.M.htm. [๓ เมษายน ๒๕๕๔]
สานกั งานคณะกรรมการพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติ. แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสังคม
แห่งชาติ ฉบับที่ ๘, ๙, ๑๐, ๒๕๕๔. [Online]. Available from:
http://www.nesdb.go.th. [๓ เมษายน ๒๕๕๔]
สานักงานคณะกรรมการศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน. คมู่ อื ครูมืออาชีพและครูผู้ชว่ ย, ๒๕๕๓. [Online].
Available from: http://www.obec.go.th/documents/๔๗๖๖. [๑๔ มนี าคม
๒๕๕๔]
_______. ครผู ้สู อนดเี ด่นปี ๒๕๕๔, ๒๕๕๔. [Online]. Available from:
http://www.obec.go.th /documents/๔๗๖๖. [๑๔ มนี าคม ๒๕๕๔]
สานกั งานบริหารและพัฒนาองคค์ วามรู้ (องค์การมหาชน). แบบแผนพฤติกรรมตามจรรยาบรรณครู
พ.ศ. ๒๕๓๙, ๒๕๕๔. [Online]. Availablefrom: http://www.edu.chula.ac.th/
knowledge /rule/rule๒๕๓๙.htm. [๓ เมษายน ๒๕๕๔]
สานกั งานเลขาธกิ ารครุ ุสภา, กระทรวงศึกษาธิการ. พระราชบัญญตั ิสภาครแู ละบคุ ลากร ทางการ
ศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๔๖, ๒๕๕๔. [Online].Available from: http://www.Kodmhai.
com/m๔/m๔-๑๙/New/N๑.html. [๓ เมษายน ๒๕๕๔]
สานกั งานส่งเสรมิ สังคมแห่งการเรียนรูแ้ ละคุณภาพเยาวชน. ความสุขอ่ิมอร่อยของชวี ติ ครใู น
ศตวรรษที่ ๒๑, ๒๕๕๔. [Online]. Available from: http://www.qlf.or.th/๑๑๙๓๔
. [๒๒ มกราคม ๒๕๕๔]
________. ตวั อย่างพัฒนาการการเรยี นรู้, ๒๕๕๔. [Online]. Available from:
http://www.qlf.or .th / ๘๔๔#more-๘๔๔. [๒๐ มนี าคม ๒๕๕๔]
สานกั บริหารสานกั บริการข้อมลู และสารสนเทศ มหาวทิ ยาลัยรามคาแหง. แนวปฏบิ ัติตามคา่ นยิ ม
พืน้ ฐาน ๕ ประการ, ๒๕๕๔. [Online]. Available from:http://www.idis.ru.ac.th/
report/index.php?topic=๖๐๒๗.๐. [๑๔ มนี าคม ๒๕๕๔]
สุชาดา ปั้นนอ้ ย. บทบาทของเทคโนโลยสี ารสนเทศตอ่ การศกึ ษาและการประกอบอาชีพ, ๒๕๕๔.
[Online]. Available from: http://computer.pcru.ac.th/suchada/./๑๐๘_ch๗_
Technology%๒๐role.doc. [๕ มีนาคม ๒๕๕๔]
สุนสิ า ชืน่ เจรญิ สุข. ห้องเรยี นของพ่อแม่, ๒๕๕๓. [Online]. Available from: http://www.
roongroon.ac.th/index.php?option=com_content&view=article&id=๑๕๗:
๒๐๑๐-๐๑-๒๕-๐๙-๓๑-๓๒&catid=๔๕ : ๒๐๑๐-๐๑-๑๑-๐๘-๒๑-๑๖&Itemid=
๒๐๐. [๒๒ มกราคม ๒๕๕๔]
สุเมธ แย้มนุ่น. สกอ. หนนุ ครยู คุ ใหม่ เกง่ และดี ดีกรี ป.โท, ๒๕๕๔. [Online]. Available from:
http:// www.unigang.com/Article/๕๕๗๖. [๒๒ มกราคม ๒๕๕๔]
๒๓๙
สตู รทิน อนิ ทร์ขา. คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ, ๒๕๕๔. [Online]. Available from:
http:// www.satit.su.ac.th/soottin/sootthin.html. [๕ มนี าคม ๒๕๕๔]
หนงั สอื อเิ ล็กทรอนิกส์ มหาวิทยาลยั รามคาแหง. บทที่ ๗ จรรยาบรรณครู, ๒๕๕๔). [Online].
Available from: http://e-book.ram.edu/e-book/c/CU๕๐๓/CU๕๐๓-๗.pdf. [๓
เมษายน ๒๕๕๔] : ๙๔-๙๗.
แหลง่ เรยี นร้พู ัฒนาศักยภาพความเปน็ ครู. จรรยาบรรรณวิชาชีพครู ใน บา้ นสอบครู, ๒๕๕๔.
[Online]. Available from:http://www.sobkroo.com/detail_room
_index.php?nid=๙๒. [๓ เมษายน ๒๕๕๔]
อดศิ ร กอ้ นคา. จรรยาบรรณในวิชาชพี ครู, ๒๕๕๑. [Online]. Available from: http://www.
Kroobannok. Com/๒๖๐๕. [๓ เมษายน ๒๕๕๔]
เอกชัย ทาใหม่. บทความครูศตวรรษที่ ๒๑, ๒๕๕๔. [Online]. Available from:
http://www.learners . in.th/blogs/posts/๓๑๐๕๕๒. [๒ เมษายน ๒๕๕๔]
ASTV ผจู้ ดั การออนไลน์. (). กะเทาะเปลอื ก “๔ ยอดครผู ู้มีอุดมการณ์” ปี ๕๓ ใน, ๒๕๕๔. [Online].
Available from: https : //www.myfirstbrain.com/teacher _view.aspx?ID
=๗๖๑๗๓. [๑๙ มกราคม ๒๕๕๔]
ภาษาองั กฤษ
Book
Boshier, R. Toward the learning society. 5th ed. Vancouver : Learning Press, 2010.
Carrillo, F. Knowledge cities, 2nd ed. Amsterdam: Elsevier, 2011.. pp.233-241. ]
Coffield, F. A national strategy for lifelong learning. 4th ed. London: University
of Newcastle. 2010
Griffin, C. & Brownhill, B. The learning society, In P. Jarvis (2nd ed.).The age of
learning. London: Kogan, 2010.pp.55-68.
Holford, J. & Nicholls, G. The school in the age of learning. In P. Jarvis (ed.). Theage of
learning. London: Kogan, 2001. pp.134-146.
Holden, M. & Conelly, S. The learning city: Urban sustainability education
building toward WUF legacy. 2nd ed. Canada: Simon Fraser University,
2010.
Jarvis: & Tosey: Corporations and professions. In P. Jarvis (3rd ed.), the age of
learning.London: Kogan, 2010. pp.27-28, 147-156.
Macquarie thesaurus. Lecturer. Sydney: The Macquarie Library Pty Ltd, 1992.
Marquardt, M. Building the learning organization. 2nd ed. California: Davies-
Black, 2010.
Merricks, L. Implications of the learning society for education beyond
school. In P. Jarvis (2nd ed.), The age of learning. London: Kogan,
2010.pp.123-133.
๒๔๐
O’ Brien, M. Learning organization practices profile. San Diego: Pfeiffer, 1994pp.24-
32.
Porter, Burton F. The good life alternatives in ethics. Macmillan Publishing
Co., p.233, 1980.
Preece, J. Beyond the learning society: The learning world? International
journal of lifelong education (Vol 25), 2006.pp.307-320.
Stumpf, Samuel E. Philosophy history and problems. New York: Prentice-Hall, 1997.
Senge. Schools that learn. (3rd ed.) New York: Doubleday, 2010.
Turkington, M. The catholic education office (CEO) Sydney as a learning
organization and its perceived impact on standards. Ed. D. Dissertation.
Australian Catholic University, Australia, 2004.
Internet
Allport. Personality, 2011 [Online]. Available from: http//www.novabizz.com/NovaAce
/ Personality.htm. [1 เมษายน 2554]
Association for Early Childhood Educators Singapore. Code of Ethics, 2011. [Online].
Available from: http://www.aeces.org/code_of_ethics. [5 April 2011]
Association of American Educators. Code of Ethics, 2011. [Online]. Available from:
http:// aaeteachers.org/index.php/about-us/aae-code-of-ethics. [5 April
2011]
Athena Vongalis-Macrow. Teachers’ Ethics : Education International and the
Forging of Professional Unity. Journal of Educational controversy,
2011. [Online]. Available from: http://www.wce.wwu.edu/Resources/CEP/
eJournal/v002n002/a013.shtml. [5 April 2011]
Burton F. Porter. Deity and Morality, 2011. [Online]. Available from: http//journals.
Cambridge .org/action/displayAbstract?fromPage=online&aid=3482880
. [3 February 2011]
Code of Ethics for Teachers in the Philippines. Philippine contacts-Rizaliana
Blog, 2011. [Online]. Available from: http://eduphil.org/forum/code-of-
ethics-forteachers-in-the-philippines-t-449.html. [5 April 2011]
Collin. Value, 2011 [Online]. Available from: http//www.collinslanguage.com
/results.aspx. p.1574 [3 April 2011]
Collins. Characteristics of a Profession, 2011. [Online]. Available from:
http://www.Adpri ma.com/profession.html. [7 February 2554]
________. Duty, 2011 [Online]. Available from: http//www.collinslanguage.com/
results.aspx.p.1574 [3 April 2011]
________. Ethics, 2011. [Online]. Available from: http//www.collinslanguage.com
/results.aspx. [3 February 2011]
๒๔๑
________. Profession, 2011. [Online]. Available from: http://www.collinslanguage.
com/ results.aspx. [1 February 2554]
Daniel L. Stufflebeam. The CIPP MODEL FOR EVALUATION Circa 2003, 2003
[Online]. Available from: http://www.wmich.edu/evalctr. [1 April 2011]
Dixon, N. The organizational learning cycle: How we can learn collectively.
London: McGraw-Hill. 1994
Farlex. Adviso, 2011. [Online]. Available from: http://www.thefreedictionary.com/
adviser. [1 February 2554]
________. Monitor, 2011. [Online]. Available from: http://www.thefreedictionary.com
/monitor. [1 February 2554]
Gerald, T., and Runté, R. Thinking about teaching: An introduction. Toronto:
Harcourt Brace, 1995. [Online]. Available from: http://www.uleth.ca/edu/
runte /professional/teaprof.htm. [1 March 2554]
Good, Carter V. Teacher, 2011. [Online]. Available from: http://onlinelibrary.wiley.
Com /doi/10.1002/sce.3730300256/abstract. [28 January 2554]
________. Personality, 2011. [Online]. Available from: http//onlinelibrary.wiley.com/
doi/10. 1002/sce.3730300256/abstract. [28 มนี าคม 2554]
________. Moral, 2011. [Online]. Available from: http//onlinelibrary.wiley.com/
doi/10.1002/sce.3730300256/abstract. [3 February 2011]
Gutek. Education and Schooling in America, 2011. [Online]. Available from:
http://www. goodreads.com/author/show/618935. Gerald_L_Gutek. [15
January 2554]
Ingrid Veira . Roles of Teachers in the 21st Century. Great teacher. Volume 10.
Issue 3, 2010. [Online]. Available from:http://www.pearsonclassroomlink.
com.articles/0910/0910_ 0520.htm. [24 March 2554]
Life style lounge. Characteristics of A Good Teacher, 2011. [Online]. Available From:
http://lifestyle.iloveindia.com/lounge/characteristics-of-a-good-teacher-
1807.html.[5 March 2011]
Mrkeenan. 5 traits of the 21st Century Teacher, 2010. [Online]. Available from: http:
//www.mrkeenan.com/?p=864. [5 March 2011]
Paul Ramsden and others. Characteristics of Good Teachers. The teaching
professorblog. Faculty focus, 1995 [Online]. Available from: http://www.
Characteristics of Good Teachers-Faculty Focus Faculty Focus.mht.
[5 March 2011]
Rutledge, A. (n.d.) What is a profession?, 2011. [Online]. Available from:
http://designprofessionalism.com/defining-design-professionalism-1.php.
[28 January 2554]
๒๔๒
Silins, H. Zarins, S. & Mulford, B. What characteristics and processes define a
school as a learning organization? Is this a useful concept to apply to
schools? International education journal 3 (1), 2006. 24-32.
Skyrme, D. The learning organization, 2006. [Online]. Available from:
http://www.skyrme.com/Insights/3lrnorg.htm Skyrme. [3 April 2011]
SWOT Analysis, 2011. [Online]. Available from: http://www.thaigoodview.com/node
/18401. [1 April 2011]
Top 5 qualities of good teachers. Newly Ancient, 2008. [Online]. Available from:
http://myfla.ws/blog/2008/05/24/top-5-qualities-of-good-teachers/. [5
March 2011]
Ujlakyné Szücs Éva. The role of teacher in the 21st century, 2009. [Online].
Available from: http://www.sens-public.org/spip.php?article667. [2554,
March 24]
Watkins, K. & Marsick, V. Sculpting the learning organization. 4th ed. San Francisco:
JosseyBass, 2010. pp.8-9.
Wikipedia. Profession, 2011. [Online]. Available from: http://en.wikipedia.org/
wiki/Profession. [28 January 2554]
William Edwards Deming. PDCA Cycle, 1989. [Online]. Available from: http://www.hci
.com.au/ hcisite3/toolkit/pdcacycl.htm. [1 April 2011]
ประวตั ิผู้รวบรวม
อนุสรณ์ นางทะราช
ANUSORN NANGTHARAT
วัน/เดือน/ปี เกิด วันท่ี ๙ เดอื น มิถุนายน พ.ศ.๒๕๐๓ อายุ ๕๕ ปี
ภูมิลาเนาเดมิ
ที่อยู่ปัจจุบัน บ้านหนองโน หมูท่ ่ี ๘ ต.นาหว้า อ.ภูเวยี ง จ.ขอนแกน่ ๔๒๑๐๐
ประวตั กิ ารศกึ ษา
เลขที่ ๙ บา้ นโคกเปย้ี หมู่ท่ี ๙ ตาบลบา้ นคอ้ อาเภอเมือง จังหวดั ขอนแกน่
ประสบการณก์ าร
ทางาน ๔๐๐๐๐ โทรศพั ทม์ ือถือ ๐๙๓๓๕๗๙๔๓๑, ๐๙๐๓๔๓๗๔๙๕
ประวัติการทางาน
- พ.ศ.๒๕๑๒ ประถมศกึ ษา ชน้ั ปที ่ี ๔ (ป.๔) โรงเรียนบา้ นโนนอุดม ตาบลนาหว้า
ประสบการณ์
บรรยาย อาเภอภูเวียง จงั หวดั ขอนแกน่
- พ.ศ.๒๕๑๘ นกั ธรรมชั้นเอก (น.ธ.เอก) สานักเรียนวัดศรีบญุ เรือง ตาบลบา้ นเรือ
อาเภอภเู วยี ง จังหวัดขอนแกน่
- พ.ศ.๒๕๒๐ เปรียญธรรม ๓ ประโยค (ป.ธ.๓) สานักเรียนวัดธาตุ เมอื งเกา่
อาเภอเมอื ง จงั หวัดขอนแก่น
- พ.ศ.๒๕๒๓ มธั ยมศึกษา ปีท่ี ๓ (ม.ศ.๓) โรงเรยี นบาลีอบรมศกึ ษาวัดสระเกศ
มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั กรุงเทพมหานคร
- พ.ศ.๒๕๒๔ เปรยี ญธรรม ๔ ประโยค(ป.ธ.๔)วัดยานนาวา กรงุ เทพมหานคร
- พ.ศ.๒๕๒๗ มัธยมศึกษาปีท่ี ๖ (ม.๖) ศนู ยก์ ารศึกษานอกโรงเรยี นขอนแก่น
อาเภอเมือง จังหวัดขอนแกน่ ๔๐๐๐๐
- พ.ศ.๒๕๓๗ ครศุ าสตรบัณฑติ ค.บ.(การประถมศึกษา)วิทยาลยั ครเู ลย จงั หวัดเลย
- พ.ศ.๒๕๔๘ ศึกษาศาสตรมหาบัณฑติ ศษ.ม.(หลักสตู รและการสอน)
คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น
- พ.ศ.๒๕๒๕ พนักงานเก็บเงิน/คนงาน โรงงานแกส็ เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร
- พ.ศ.๒๕๒๖ ครโู รงเรยี นสหกิจศึกษา ตาบลในเมืองอาเภอเมือง จังหวดั อดุ รธานี
- ตาแหน่ง อาจารย์ ประจาสาขาวิชาหลักสูตรและการสอน
- ตาแหน่ง หัวหน้าสาขาวิชาหลักสูตรและการสอน (วิทยาลัยสงฆ์เลย)
- ตาแหน่ง อาจารย์
- ตาแหน่ง หัวหน้าสาขาวิชาหลักสูตรและการสอน
- ตาแหน่ง อาจารย์
- ตาแหน่ง ปัจจุบัน ผู้ช่วยศาสตราจารย์/ประธานหลักสูตรครุศาสตรบัณฑิต
สาขาวิชาสังคมศึกษา
เคยบรรยายวิชา
- วิชาการศึกษาคณะสงฆ์ไทย - วิชาศาสตร์การสอน
- วิชาหลักสูตรและการจัดสาระวิชาพระพุทธศาสนา
- วิชาวิจัยสังคมศึกษา - วิชาเศรษฐศาสตร์สาหรับครู
- วิชาภาษาไทยเบ้ืองต้น(สาหรับนิสิตต่างประเทศ)
บรรยายประจาวิชา
- วิชาเทคนิคการศึกษาระดับอุดมศึกษา - วิชาการพัฒนาหลักสูตร
- วิชาการจัดการเรียนรู้ - วิชาความเป็นครูวิชาชีพ
- วิชาหลักสูตรสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม - วิชาการสอนสังคมศึกษา
การศึกษาดูงาน - ๒๕๔๖ ท่ี มหาวิทยาลัยปกั กิ่ง-โรงเรียนมัธยมมง่ิ เออ ประเทศจีน
- ๒๕๔๘ ท่ี มหาวทิ ยาลยั โดนดก(มหาวิทยาลัยแห่งชาต)ิ ประเทศลาว
- ๒๕๕๑ ที่ มหาวทิ ยาสงฆ์ พนมเปน,นครวัด-นครธม ประเทศกมั พชู า
- ๒๕๕๔ ท่ี วทิ ยาลัยองค์ตน้ื ,ม.สภุ าณวุ งษ์ หลวงพระบาง ประเทศลาว
- ๒๕๕๔ ที่ มหาวทิ ยาลยั ดองอา เมืองเว้-ดาดงั ประเทศเวยี ดนาม
- ๒๕๕๕ ท่ี มหาวทิ ยาเซกิ(SEGI UNIVERSITY) ประเทศมาเลเชีย
- ๒๕๕๖ ท่ี มหาวทิ ยาลัยแหง่ ชาตลิ าว,มหาวทิ ยาลัยสภุ าณุวงศ์ ประเทศลาว
- ๒๕๕๗ ที่ วดั ไปห๋ มา่ ซ่ือ ลว่ั หยาง มณฑลเหอหนาน ประเทศจนี
(ลงชื่อ)......................................................
(........................................................)
........./..................../..........