The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ผศ.อนุสรณ์ นางทะราช

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by social study, 2021-10-18 09:10:17

ความเป็นครูวิชาชีพ

ผศ.อนุสรณ์ นางทะราช

๗๘

คุณลักษณะดา้ นภูมิธรรม หมายถึง การมีความประพฤติเป็นแบบอยา่ งท่ดี ที ้ังทางกาย วาจา
ใจมีวินยั ในตนเอง สารวม ระวงั ความประพฤติ ละเว้นจากอบายมุข มคี วามขยนั หมั่นเพียร อตุ สาหะ มี
ความซือ่ สตั ยส์ ุจริต และจรงิ ใจในการปฏิบัติงาน และเปน็ ผู้พัฒนาตนเอง ทนั ต่อเหตุการณ์ วทิ ยาการ
ตามสภาพเศรษฐกจิ และสังคมอยเู่ สมอ

คณุ ลกั ษณะด้านภมู ฐิ าน หมายถึง การมบี ุคลิกภาพทด่ี ี การเป็นผู้แตง่ กายเรียบร้อย สะอาด
สง่าและมีสขุ อนามัยดี เป็นผูม้ ีความเชือ่ มน่ั ในตนเอง เปน็ คนเปิดเผย เปน็ ผู้มอี ารมณข์ ัน มีความรกั
เมตตาและเอาใจใส่ตอ่ ศษิ ย์ ผ้ใู ต้บงั คบั บญั ชา เพ่ือนร่วมงาน และผบู้ งั คบั บญั ชา วางตนเปน็ กลาง ใจ
กว้างยอมรบั ฟังความคดิ เห็นของผู้รว่ มงาน โดยเหน็ ประโยชนข์ องสว่ นรวมเปน็ สาคัญ รบั ผดิ ชอบต่อ
วชิ าชีพและเป็นสมาชิกทด่ี ีต่อองค์กรวิชาชีพ มีลกั ษณะความเปน็ ผู้นาในการอนรุ กั ษ์ พัฒนา เศรษฐกจิ
สงั คมศาสนา ศลิ ปวัฒนธรรม ภมู ปิ ัญญา และสง่ิ แวดล้อม มีการแสดงออกที่ดตี ่อบคุ คลทว่ั ไปและต่อ
ศษิ ย์ มีความเป็นมิตร มีความสามารถทาให้ศษิ ยเ์ กดิ ความไว้วางใจ เป็นตน้

ครูดีตามคุณลกั ษณะสาคญั ของครทู ่ีดี : กรณีตวั อยา่ งครูสมุ น อมร
ววิ ฒั น์

ครูท่ีดีในสงั คมไทยที่ได้รับการยกยอ่ งวา่ เปน็ ครดู ใี นวงการศึกษาชาติมจี านวนมากมาย โดยครู
ท่ดี แี ตล่ ะท่านจะมคี วามโดดเด่นในแตล่ ะด้านทีแ่ ตกต่างกัน เชน่ ดา้ นการพฒั นาสังคม ดา้ นการพัฒนา
เด็กพิเศษ ด้านการคิดค้นนวตั กรรมทางการศึกษา ในทนี่ ผ้ี ู้เขียนขอนาเสนอตวั อย่างครดู ีที่มีคณุ สมบัติ
สอดคล้องกบั คุณลักษณะทีด่ ขี องครูครบท้ัง ๓ ดา้ น คือ ด้านภูมริ ู้ ภมู ิธรรม และภมู ิฐาน ดังนี้
“ศาสตราจารยก์ ิตตคิ ณุ สมุ น อมรววิ ัฒน์” เป็นตาแหน่งทางวชิ าการที่ครสู ุมน อมรวิวฒั น์ ไดร้ ับ
ล่าสดุ ครูสุมน อมรวิวฒั น์นบั เปน็ บุคลากรดเี ด่นของชาติ ดา้ นการพัฒนาสงั คม ด้านการศึกษา
บุคลากรดเี ดน่ ประเภทความเปน็ ครู บุคคลดเี ด่นแห่งวงการศกึ ษาของชาติ ปูชนยี บุคคล ปชู นยี าจารย์
และราชบัณฑิตสาขาศึกษาศาสตรท์ างวิทยวธิ ี (สานักงานบริหารและพฒั นาองคค์ วามรู้, ๒๕๕๔ ,หนา้
๑-๓)๒๑ ความเป็นครทู ี่มภี มู ิรู้ของศาสตราจารย์กิตติคุณสุมน อมรววิ ัฒน์ จากคาบอกเล่าของศิษย์หนง่ึ
ในนน้ั คอื โกมล คีมทอง ผ้ซู ึ่งมีความใฝฝ่ นั อนั แรงกลา้ ทีจ่ ะทาโรงเรยี นชุมชนให้เกดิ ข้นึ จริง คุณงาม
ความดีและอดุ มคตขิ องเขา จดุ ประกายใหเ้ กดิ มลู นิธโิ กมลคีมทองในเวลาตอ่ มา เขาเขียนถึงครูสมุ นใน
ความตอนหน่งึ วา่

“...ครสู มุ นสอนภาษาไทยและการศึกษากบั สังคม วิชาหลังนคี้ รูสุมนจะบรรยาย
ถงึ ลกั ษณะสังคมไทยแต่เดิมมา และววิ ฒั นาการมาจนถึงปจั จบุ ัน สภาพเปน็ อยา่ งไร
ปัญหาคอื อะไรทั้งในดา้ นการเมอื ง เศรษฐกจิ สังคม มาจนเกย่ี วกบั การศึกษา
ในเรื่องเศรษฐกจิ นั้น จริงอยู่ครสู มุ นมไิ ดแ้ สดงหลักทางเศรษฐศาสตร์ท่ีลกึ ซง้ึ อะไรให้เห็น
แตส่ ิ่งที่รบั รอง ความทันต่อเหตุการณ์ของครสู ุมนคือ ความรใู้ นการเคล่ือนไหวของเศรษฐกิจ
ไทยอย่าง กระช้นั ชิดและทนั ต่อเหตกุ ารณส์ ม่าเสมอ…”

ศาสตราจารย์ ดร.สมหวงั พธิ ยิ านุวัฒน์ อดีตผู้อานวยการสานกั งานรบั รองมาตรฐานและ
ประเมินคุณภาพการศึกษา และเป็นผูไ้ ดร้ บั รางวัลนกั วจิ ยั ดีเดน่ สาขาการศกึ ษา กลา่ วถึงอาจารย์สุมน
ว่า“…ท่านเปน็ ต้นแบบว่าครูที่ดีเปน็ อย่างไร ครูสุมนคือนกั ปราชญ์ เพราะท่านมีพรอ้ ม ท่านคดิ อะไรทา

๒๑ สานักงานบริหารและพฒั นาองคค์ วามร,ู้ (องคก์ ารมหาชน). องค์ความรชู้ ดุ บุคคลคณุ ธรรม : ชีวติ งาม
ด้วยความดี, ศาสตราจารย์ สมุ นอมรววิ ฒั น์, (นนทบุรี : โรงพิมพ์ บริษทั อนิ ฟนิ ิท โกลบอลเทรด จากดั , ๒๕๕๔),
หน้า ๑-๓.

๗๙

ใหเ้ ราเหน็ ไดช้ ดั เจนท่บี อกว่าความรู้สาคัญ แต่วา่ ท่านอาจารย์สมุ นไดส้ าธิตให้เหน็ ว่าความรูน้ ั้นสาคัญ
จรงิ แตท่ ี่สาคญั กว่านัน้ คือความคิดและความคิดอันน้ี ผมคิดวา่ เปน็ อดุ มทัศนท์ ค่ี ิดว่ามีคนไมม่ ากนักใน
วงการศกึ ษาท่ีจะเปน็ วทิ ยทายาท…”

รองศาสตราจารย์ทิศนา แขมณี ผ้ไู ด้รบั การยกย่องวา่ เปน็ ครูประถมศกึ ษาดเี ดน่ และผูบ้ ุกเบกิ
ดว้ ยกระบวนการกลุ่มในการจดั การศึกษา ได้กล่าวถงึ ความประทบั ใจต่ออาจารย์สมุ นวา่

“…รู้จักอาจารยต์ ั้งแต่เป็นนิสิต อาจารยเ์ ปน็ นักวิชาการที่ขวนขวายเป็นนจิ อาจารยอ์ า่ นหา
ความรเู้ พ่ิมเตมิ ยอมรับส่ิงใหม่ ความรู้ใหม่ ๆ ให้เกยี รติผู้อายุนอ้ ยกวา่ รบั ฟัง รับสิ่งใหม่ ๆ เข้ามา
อาจารยร์ บั ทจ่ี ะนาเอาไปใช้ อันนี้เป็นส่วนท่ีดมี ากเปน็ ลักษณะของ นักวิชาการ…”

จากการสังเคราะห์ขอ้ ความข้างตน้ ได้ขอ้ สรุปว่า ครสู มุ นเปน็ ตน้ แบบของครูที่มคี ุณลักษณะดี
ด้านภมู ริ ู้ คอื ความเปน็ ผ้มู คี วามรอบรู้ และมคี วามสามารถทางวิชาการในการจดั การความรใู้ หแ้ ก่
ผเู้ รยี นมีความคดิ สรา้ งสรรค์ วสิ ยั ทศั นก์ ว้างไกล รู้จักแสวงหาความรใู้ หม่ ๆ อนั เป็นลักษณะของครทู ี่ดี
และครคู วรยึดเปน็ แบบอยา่ งในการปฏบิ ตั งิ านของครูและอีกความตอนหนง่ึ กลา่ วว่า

“…ประทบั ใจในบุคลกิ ภาพ อาจารย์มีบุคลกิ ภาพท่ีน่าเคารพ สอนชัดเจนพดู จาไพเราะ แต่ง
กายเรียบรอ้ ย และมีความสงา่ …”

สอดคลอ้ งกับศาสตราจารย์ ดร.ไพฑรู ย์ สนิ ลารัตน์ กลา่ วถงึ อาจารย์สุมนว่า“…ทุกครั้งที่พบ
อาจารย์สมุ น ผมรู้สกึ สบายใจกลับมา อาจารยพ์ ดู คยุ ดีความเปน็ ต้นแบบของอาจารยค์ ือ อาจารยม์ ี
ความคงเส้นคงวา เป็นทพี่ ่ึงพงิ ของศิษย์ในทุก ๆ ดา้ น ไม่ทง้ิ ติดตามศิษยอ์ ยู่เสมอ และความเปน็ ผู้
ทันสมัย ตดิ ตามความเป็นไป เปล่ยี นแปลง เรียนรแู้ ละเขา้ ใจ แต่ไม่เปลยี่ นตาม มคี วามเป็นตวั ของ
ตัวเองและพร้อมท่จี ะพูดคยุ กับคนทม่ี ีความคดิ ใหม่ ๆ ได…้ ”

จากการสงั เคราะห์ขอ้ ความข้างต้นได้ขอ้ สรปุ วา่ ครสู ุมนเปน็ ต้นแบบของครทู ่ีมีคุณลกั ษณะดี
ด้านมีความภมู ิฐาน คือ การมีบุคลิกภาพดี อารมณด์ ี น่าเคารพ รูปรา่ งทา่ ทางดี แตง่ กายสะอาด
เรียบรอ้ ย พดู จาไพเราะนมุ่ นวล น้าเสยี งชดั เจน มลี ักษณะความเปน็ ผนู้ า รจู้ กั ปรบั ตวั เขา้ กบั สภาพการ
เปลยี่ นแปลงของโลก ยอมรบั และเรยี นรู้ ให้เกยี รตผิ ู้อนื่ นับเปน็ คุณลักษณะท่ดี ีที่แสดงให้เหน็ ถึงความ
ภูมฐิ านของครูได้อย่างแทจ้ ริง
นอกจากความเป็นผูม้ ีภมู ิรู้ และภูมฐิ านของศาสตราจารย์กิตตคิ ณุ สุมน อมรววิ ฒั น์ แล้ว ใน
ความเป็นผมู้ ีภูมิธรรมของท่าน หลายขอ้ ความที่ทา่ นกลา่ วไวใ้ นหนังสอื ชวี ติ งามดว้ ยความดี ลว้ นแสดง
ให้เห็นถึงความเป็น ผู้มคี ุณธรรม ดังน้ี

“…การเป็นครูมคี วามสุขได้พบปะนกั เรยี นทเี่ ปลีย่ นแปลงไปเรือ่ ย ๆ มอี าชีพไม่กี่อาชีพที่ไดร้ บั
ความไวว้ างใจ คนเปน็ ครูยง่ิ ใหญ่มาก ครูจะมองโลกในแง่ดีอารมณ์ดี คดิ ทางบวก ถ้าครูไมร่ กั และต้งั ใจ
สอน เราจะได้ซากปรักหกั พังของเด็กท่ีถกู กร่อนเซาะจนเศร้าซึม ทส่ี าคัญคอื ตวั ครูเอง อย่าเป็นซาก
ปรักหกั พังเพราะทาเปน็ เพียงอาชพี ไม่ใชว่ ชิ าชพี …”

“…ความสาคญั ของการเปน็ ครู คือ ใจของตนเอง ทกั ษะและกระบวนการเผชญิ สถานการณ์
คอื การเผชญิ ผจญ ผสมผสาน เราต้องเตรยี มเผชิญคือไมว่ ่ิงหนผี จญพร้อม ท่จี ะสู้ ผสมผสานคอื ใช้
วธิ กี ารหลาย ๆ อย่างเพื่อเผด็จปญั หานั้น ทุกวันนี้ท่ีวุ่นวายเพราะไมม่ ีสติ ถา้ พบส่ิงท่ไี มพ่ งึ ปรารถนาก็
อยา่ มีอารมณ์ ให้ถือสติเป็นที่ตงั้ ยดึ ความพอดีไมป่ ระมาท ทาใหพ้ อดี แกป้ ัญหาดว้ ยทางสายกลาง เป็น
กลั ยาณมติ รต่อกัน…”

“…จิตวิญญาณของความเปน็ ครู ต้องเร่มิ จากความรกั และเมตตาก่อน สอนใหเ้ หน็ ถึงคุณค่า
ของคนที่เราสอน เขาเป็นมนุษย์ ถ้าจติ ใจของเขาไดร้ ับความกระทบกระเทือน เขาจะมปี มดอ้ ย ครเู ปน็

๘๐

ผพู้ ัฒนามนุษย์ เราจะทาใหเ้ ขาเปน็ คนดเี ราต้องให้กาลงั ใจเขา เราเหน็ เขาพิการกต็ อ้ งให้กาลังใจ เรา
เห็นเขาเขยี นหนงั สือไมไ่ ด้กต็ อ้ งหมัน่ สอน โดยครู ตอ้ งเอาใจใส่ตอ่ เขา…”

“…การสอนที่ดีจรงิ ของครูนั้น เกิดขนึ้ จากจิตสานึกและความตระหนักภายในตนของครูเอง
วธิ กี ารสอนที่ดมี าก ๆ ไมเ่ หมือนกับที่ครูเคยทาเม่ือเวลาฝึกสอน บรรยากาศ ส่ือการสอน และ
สว่ นประกอบตา่ ง ๆ เป็นความคิดและฝมี ือของครูโดยแท้ ครูสอนดี เพราะครตู ้ังใจ และครูเข้าใจ
นกั เรยี น ครสู อนดี เพราะมกี ลั ยาณมิตร และเปน็ กัลยาณมิตร ครสู อนดี เพราะครมู ีศรัทธาต่อชีวติ ของ
เพื่อนมนุษย์ ชวี ติ ของเด็กและครเู องมีหัวใจของความเป็นมนษุ ย์…”(พัฒนาครทู ่ีจติ เพ่ือศิษยง์ อกงามที่
ใจ, ๒๕๕๔ ,หน้า ๑)๒๒

กล่าวโดยสรุป คุณลักษณะเกี่ยวกับความเปน็ ครูท่ีดีดา้ นภมู ิธรรม ของศาสตราจารยก์ ิตติคณุ
สมุ น อมรววิ ัฒน์ คือ การเปน็ ผมู้ คี วามประพฤติดี กระทาแตส่ งิ่ ท่ดี ีทสี่ ุจรติ ทัง้ กาย วาจา และใจ มี
ความเป็นกลั ยาณมิตร เอาใจใส่รักและหว่ งใยศิษย์ ศรัทธา ซ่อื สตั ย์ตอ่ อาชีพ มองโลกในแง่ดี อารมณด์ ี
คิดทางบวก ถอื สติเปน็ ทีต่ ง้ั ความพอดี ไม่ประมาท สง่ิ ท่กี ล่าวมาทงั้ หมดนลี้ ้วนเป็นคุณธรรม จรยิ ธรรม
ทอี่ าจารยส์ มุ นมอี ยา่ งครบถว้ น จากกรณีศกึ ษาของศาสตราจารยก์ ติ ตคิ ุณสุมน อมรวิวฒั น์ ดังกล่าวมา
ขา้ งต้น เป็นสงิ่ ทผ่ี ้ปู ระกอบวชิ าชีพครู ทุกคนควรยดึ เปน็ แบบอยา่ งและประพฤติปฏิบตั ิตนให้มี
คณุ ลกั ษณะท้ัง ๓ ด้านดงั กล่าวคือการเป็นผมู้ ีภูมริ ู้ ภมู ธิ รรมและภูมิฐาน ทงั้ นเ้ี พือ่ การเปน็ ครูทด่ี ีสมควร
แก่การได้รับการยกย่องสบื ไป

สรปุ

คณุ ลักษณะทดี่ ีของครู สามารถประเมินผลตนเองไดจ้ ากคุณลกั ษณะของครูทดี่ ี ตามหลักพุทธ
ธรรม แนวพระราชดาริ แนวพระราชบญั ญัติการศึกษาแหง่ ชาติ เกณฑม์ าตรฐานวชิ าชีพครู ผลการวิจยั
และจากทัศนะของบุคคล คุณลักษณะทด่ี ีของครตู ามหลักธรรม คอื การยึดหลกั กัลยาณมติ รธรรม ๗
เป็นหลักปฏิบัติ ครูที่ดี ตามแนวพระราชดารปิ ระกอบด้วยการมคี ุณธรรม จริยธรรม การประพฤตติ น
เป็นที่เคารพรกั ของนักเรียน การมี ความอดทน เสยี สละ และมีเมตตา การไม่มุ่งหวงั ส่ิงตอบแทน และ
การยึดมัน่ ในคุณงามความดี ครูทด่ี ี ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ สามารถจาแนกลกั ษณะ
ของครทู ดี่ ีได้ ครตู ้องรใู้ กล้ รใู้ จ รคู้ ิด รใู้ ช้ รทู้ า และ รู้ไกล จากเกณฑม์ าตรฐานวิชาชีพ ๑๒ มาตรฐาน
และจากสภาพการเปลีย่ นแปลงของสงั คมโลกในยุคข้อมลู ข่าวสารทาให้ครูต้องปรับเปล่ียนบทบาท
หน้าทข่ี องตนแต่อย่างไรกต็ าม การศกึ ษาคุณลักษณะของครูท่ีดตี ามโครงการ สง่ เสริมครสู อนดี ตาม
ผลการวิจัยพบว่า คุณลักษณะของครทู ด่ี ีในศตวรรษท่ี ๒๑ นกี้ ไ็ ม่แตกตา่ งจากคณุ ลกั ษณะของครูท่ีดใี น
อดีต คอื ครทู ด่ี ีควรมีภมู ิรู้ คอื การเปน็ ผ้มู ีความรอบร้ดู ้านวิชาการ การจดั การเรยี นการสอน มีภมู ธิ รรม
คอื การเป็นผ้มู คี ุณธรรม จรยิ ธรรมท่ดี งี ามเปน็ แบบอย่างแก่ผเู้ รียนได้ และควรมีความภูมิฐาน ซง่ึ
หมายถงึ การมบี ุคลิกภาพที่ดี เปน็ ต้น

***********

๒๒ พฒั นาครทู จี่ ิตเพอ่ื ศิษยง์ อกงามทใี่ จ, [Online]. Available: http://www.Gotoknow.org/blog/
phoenix-mirror/๑๐๘๕๗๒. ๓ มีนาคม ๒๕๕๔, หนา้ ๑.

๘๑

คาถามท้ายบท

คาถามต่อไปนี้เป็นคาถามอัตนยั มจี านวน ๒๐ ข้อ ใหท้ าทุกข้อ
๑. นิสิตคิดว่าคณุ ลักษณะท่ีดีของครปู ระเมนิ ได้จากแนวคดิ หรือหลักการใดบ้าง
๒. คณุ ลักษณะท่ีดีของครตู ามหลกั กัลยาณมติ รธรรมมีอะไรบา้ ง ยกตัวอยา่ งประกอบ
๓. อธบิ ายความของคาวา่ ปโิ ย ในทางพุทธศาสนา และนามาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวันของ
ครูต่อศิษย์ ผู้บริหาร และผรู้ ว่ มงานอย่างไร
๔. คุณลักษณะทด่ี ีของครูตามแนวพระราชดาริมลี ักษณะใดบา้ ง อธิบายพร้อมยกตวั อย่าง
ประกอบ
๕. ครูของแผ่นดนิ หมายถงึ ใคร และมีความสาคญั อย่างไรต่อวชิ าชีพครู
๖. คณุ ลกั ษณะของครูทด่ี ตี ่อชมุ ชนตามเกณฑม์ าตรฐานวิชาชีพครคู รูต้องปฏิบตั ติ อย่างไร
๗. เกณฑ์มาตรฐานวชิ าชพี ครูของกระทรวงศกึ ษาธิการกาหนดใหค้ รูมีมาตรฐานแต่ละด้าน
เปน็ อยา่ งไรอธบิ ายพรอ้ มยกตัวอยา่ งประกอบ
๘. นสิ ติ มคี วามคิดเหน็ ว่า ครตู ้องรูใ้ กล้ และ รไู้ กล หมายความว่าอยา่ งไร
๙. เดก็ ชายปรชี ามีพฒั นาการในการเรียนชา้ กว่าเพอื่ นๆในห้องเรยี น ครใู นหอ้ งใหเ้ ขยี นหนังสือ
เดก็ ชายปรชี าไม่สามารถเขียนได้ เม่ือครปู รศิ นามาพบจงึ วา่ กลา่ วเดก็ ชายปรชี าต่อหนา้ เพ่ือนๆ
นักศกึ ษาคิดวา่ ครูปรศิ นาขาดคณุ สมบัติของการเปน็ ครูอยา่ งไร และถ้านักศกึ ษาเป็นครปู ริศนา
นักศกึ ษาจะมีวธิ ีการสอนเด็กชายปรีชาใหม้ พี ัฒนาด้านการเขียนอย่างไร
๑๐. จากกระแสการเปล่ียนแปลงของโลก มคี วามก้าวหน้าทางเทคโนโลยขี องข้อมูลขา่ วสารที่
รวดเรว็ ครตู ้องปรับตัวให้ทันต่อสถานการณ์ ครูทด่ี ีควรปฏบิ ัติอย่างไร

๘๒

เอกสารอา้ งอิงประจาบท

๑ พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบบั ประมวลธรรม, [Online]. Available : http://๘๔๐๐๐.org
/tipitaka/dic/d_item.php?i=๒๗๘. ๑ เมษายน ๒๕๕๔, หนา้ ๑.

๑ สมาคมหนงั สือพิมพ์ส่วนภมู ิภาคแหง่ ประเทศไทย, กระแสพระราชดารัสและพระบรม

ราโชวาท
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอย่หู ัวภมู พิ ลอดลุ ยเดช, (พระนคร : สมาคมหนงั สือพิมพ์ส่วนภมู ิภาคแหง่

ประเทศไทย, ๒๕๒๖).
๑ สมาคมหนงั สือพิมพส์ ่วนภมู ิภาคแห่งประเทศไทย, กระแสพระราชดารัสและพระบรม

ราโชวาท

พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ ัวภมู ิพลอดลุ ยเดช, (พระนคร : สมาคมหนังสือพิมพส์ ่วนภูมิภาคแห่ง

ประเทศไทย, ๒๕๒๖).
๑ นงลักษณ์ วริ ัชชยั และคณะ, “ความเป็นครูและธรรมกิ ราชาในพระบาทสมเด็จพระ

เจา้ อยูห่ วั การวิเคราะห์คุณธรรมเบ้อื งหลังพระราชกรณียกจิ ”, วารสารวธิ วี ทิ ยาการวิจยั ปีท่ี ๒๐,

ฉบับที่ ๑ มกราคม –เมษายน ๒๕๕๐, หนา้ ๑๗.
๑ พระราชบัญญตั ิการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒, [Online]. Available:

http://sites.google.com/

site/khrukhonmai/k๓., ๓ เมษายน ๒๕๕๔., หน้า ๑-๕.
๑ สานกั งานเลขาธิการคุรสุ ภา, คู่มือการประกอบวิชาชพี ทางการศกึ ษา, (พิมพ์ครง้ั ที่ ๑),

(กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์คุรสุ ภา, ๒๕๔๙), หน้า ๖๔-๖๕.
๑ คณุ ลกั ษณะของครทู ี่ดตี ามพระราโชวาท, ครูคนใหม่, [Online]. Available:

http://sites.Google .com/site/khrukhonmai/k๓., ๓ มีนาคม ๒๕๕๔.
๑ สมุ น อมรวิวัฒน์, งาน ๕ ลกั ษณะของครทู ี่ดี, [Online]. Available: http://

๔๗๑๐๑๐๑๐๔๔๓.
multiply.com/ jour nal/item/๑๖., ๕ มีนาคม ๒๕๕๔, หนา้ ๑-๒.

๑ อารุง จนั ทวานิช, คูม่ ือสาหรับข้าราชการใหม่: สเู่ ส้นทางวชิ าชีพครู, (กรงุ เทพฯ:

สานักงาน
กค. กระทรวงศึกษาธกิ าร, ๒๕๕๔), หนา้ ๑๕-๒๐.

๑ โณทัย อุดมบุญญานภุ าพ, คุณลักษณะครรู ่นุ ใหมก่ บั การปฏริ ปู หลักสูตรผลิตครใู น

ศตวรรษที่ ๒๑, [Online]. Available : http//www.thatpanom.com. ๓ เมษายน ๒๕๕๔, หน้า
๑-๒.

๑ ลักษณะครูดี, [Online]. Available: http://www.siamlocalnews.com/np

๙๐.๗๕/view.php?
gid=๒๘๔๘&newsid=๔๕๓๙&issueid=. ๕ มนี าคม ๒๕๕๔, หนา้ ๑-๒.

๑ วจิ ิตร ศรสี อา้ น, หนงั สอื ทร่ี ะลกึ วนั ครู ๒๕๕๒, (กรงุ เทพฯ : สานักงานเลขาธิการครุ สุ ภา,

๒๕๕๒),หน้า ๗.

๘๓

๑ สานกั งานเลขาธิการครุ สุ ภา, ประกาศสานกั งานเลขาธิการครุ สุ ภา เรอื่ งการคดั เลือกผู้
ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาเพ่ือรับรางวลั หน่งึ แสนครูดี ประจาปกี ารศกึ ษา ๒๕๕๔
กระทรวงศกึ ษาธกิ าร, ๒๕๕๔,
หนา้ ๔.

๑ นา้ ผง้ึ ทวพี รปฐมกลุ , คุณลกั ษณะทพ่ี ึงประสงคข์ องครตู ามการรับรู้ของผูบ้ ริหารและ
ผปู้ กครองในกรงุ เทพมหานคร, วิทยานิพนธ์ ครศุ าสตรมหาบัณฑติ สาขาวชิ าการศึกษาปฐมวยั
จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั ,
๒๕๕๑, (บทคดั ย่อ).

๑ วรินทร วรี ศลิ ป์, การวเิ คราะห์คณุ ลกั ษณะท่พี ึงประสงค์ของครูพี่เลี้ยงเด็กอนุบาล พหุ
กรณีศึกษา,
วทิ ยานพิ นธ์ ครศุ าสตรมหาบัณฑติ สาขาวจิ ัยการศกึ ษา จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย, ๒๕๕๑ (บทคัดย่อ).

๑ ธรี วัฒน์ เลอ่ื นฤทธิ์, การพัฒนาตวั บง่ ชค้ี ัดสรรการปฏบิ ัติงานมาตรฐานวชิ าชพี ครู,
วทิ ยานิพนธ์
ครศุ าสตรมหาบัณฑิต สาขาวชิ าวิจัยและจิตวิทยาการศึกษา จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั , ๒๕๕๒, หน้า
๑๒.

๑ Life style lounge, Characteristics of A Good Teacher. [Online]. Available:
http:// lifestyle.iloveindia.com/lounge/characteristics-of-a-good-teacher-๑๘๐๗.html.
๕ March ๒๐๑๑, p๑.

๑ Mrkeenan, ๕ traits of the ๒๑st Century Teacher. [Online]. Available:
http:// www.mrkeenan.com/?p=๘๖๔. ๕ March ๒๐๑๐, p ๑.

๑ Paul Ramsden and others, Characteristics of Good Teachers, The
teachingprofessor blog. Faculty focus. [Online]. Available :
http://www.Characteristicsof Good Teachers - Faculty Focus Faculty Focus.mht. ๕ ,
March ๒๐๑๑. Top ๕ qualities of good teachers. Newly Ancient. (๒๐๐๘). [Online].
Available: http://myfla. ws/blog/๒๐๐๘/๐๕/๒๔/top-๕-qualities-of-good-teachers/. ๕
March ๒๐๑๑,๑๙๙๕, p๑

๑ อบุ ล เลีย้ ววาริณ, รายงานการวิจยั เรือ่ ง คุณลักษณะครูในศตวรรษที่ ๒๑ ตามความ
คาดหวังของนกั ศกึ ษา, (กรุงเทพฯ : คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภฎั สวนสุนนั ทา, ๒๕๕๔ ก),
หน้า ๓๖-๓๗.

๑ สานกั งานบริหารและพฒั นาองค์ความรู้, (องคก์ ารมหาชน). องค์ความรู้ชุดบุคคลคณุ ธรรม
: ชีวิตงามดว้ ยความดี, ศาสตราจารย์ สุมนอมรวิวฒั น์, (นนทบรุ ี : โรงพมิ พ์ บรษิ ัท อินฟนิ ิท โกลบอล
เทรด จากดั , ๒๕๕๔), หนา้ ๑-๓.

๑ พฒั นาครทู จ่ี ติ เพ่ือศิษยง์ อกงามทใี่ จ, [Online]. Available:
http://www.Gotoknow.org/blog/
phoenix-mirror/๑๐๘๕๗๒. ๓ มีนาคม ๒๕๕๔, หน้า ๑.

บทที่ ๔

ครกู บั การพฒั นาบคุ ลกิ ภาพ

วิชาชีพครเู ปน็ วชิ าชีพท่ีต้องพบปะผู้คนในสังคมอยตู่ ลอดเวลา ทั้งเพื่อนครู บคุ ลากรใน
สถานศึกษา ผ้ปู กครองนักเรยี น ผูค้ นในชมุ ชน และผูเ้ รียนในโรงเรยี น โดยเฉพาะลกู ศษิ ย์ทค่ี รูตอ้ งสอน
และเอาใจใส่ดแู ลกนั อยเู่ ป็นประจา โดยปกตินักเรยี นจะชอบเรียนกบั ครทู ่ีมีบคุ ลกิ ภาพดี ท่แี สดงออกได้
ทางกาย ทางวาจา ทางจิตใจหรือทางอารมณท์ ดี่ ี การทนี่ กั เรยี นมีความพอใจเพราะมีความชอบในตัว
ครูอาจนาไปส่กู ารมีความสนใจ ต้ังใจ และการมีความพยายามทจี่ ะเรยี นรวู้ ิชาท่ีครสู อนดว้ ย แตใ่ นทาง
ตรงกนั ข้ามหากนักเรียนไมช่ อบบคุ ลกิ ภาพของครูแลว้ อาจส่งผลต่อการไม่อยากอยใู่ กล้ ไม่อยากได้ยนิ
เสยี ง และไม่อดทนไม่พยายามทีจ่ ะเรียนรใู้ นส่ิงทค่ี รูสอนไปด้วย แมจ้ ะเปน็ นิสติ นกั ศึกษาใน ทั้งนีอ้ าจ
เป็นเพราะเขาเหล่าน้นั ยงั ไมม่ ีวฒุ ิภาวะทางอารมณ์มากพอในการอดทน เพ่ือการเรยี นรู้กับครทู ่มี ี
บุคลกิ ภาพที่ไมเ่ หมาะสมทางกาย ทางวาจา หรือทางใจได้ ดังนัน้ การพดู การวางตวั กิริยามารยาท
การแสดงออกทางความคดิ ตลอดจนการมีมนุษยสมั พนั ธท์ ่ีดขี องครู ซึ่งเปน็ ส่งิ ท่ีครแู สดงออกให้
นกั เรยี น และบคุ คลในสังคมได้สมั ผสั น้ันนบั เปน็ สงิ่ สาคญั ที่มีผลตอ่ วิชาชีพของครู ดงั น้ันจึงเปน็
สง่ิ จาเปน็ ทีผ่ ู้ประกอบวิชาชพี ครูจะต้องพัฒนาตนใหม้ บี ุคลิกภาพท่ีดี และเมื่อพิจารณาอย่างครอบคลุม
แลว้ จะพบวา่ บคุ ลกิ ภาพทีค่ รูแสดงออกมานนั้ จะสะท้อนให้เหน็ ถงึ คณุ ลักษณะท่ีดีของครูอกี ดา้ นหนง่ึ
ดว้ ย คือ ดา้ นความภูมิฐาน

ความหมายของบคุ ลิกภาพ

บคุ ลิกภาพซ่ึงเป็นคุณลกั ษณะหนงึ่ ของบุคคลมีความหมายแตกตา่ งกันในรายละเอยี ดทั้งนี้
ขน้ึ อยูก่ ับการตีความในแนวกวา้ งหรอื แนวแคบ ในทนี่ ้ีจะอธบิ ายความหมายของ “บุคลิกภาพ” โดย
จาแนกตามพจนานุกรม และตามทศั นะนกั วิชาการต่างๆ ดังน้ี

ความหมายของบคุ ลกิ ภาพตามพจนานกุ รม

พจนานุกรม ฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ อธิบายว่า บคุ ลิกภาพ หมายถงึ สภาพนิสยั
จาเพาะคน เปน็ ลกั ษณะจาเพาะตัวของแตล่ ะคน (ราชบัณฑิตสถาน, ๒๕๕๖ ,หน้า ๖๗๖)๑

คานยิ าม บคุ ลิกภาพ ใน Dictionary of Education (Good, ๒๐๑๑, p ๔๕๓)๒ มวี ่า
บุคลิกภาพหมายถงึ การแสดงออกทางด้านอารมณ์ จติ ใจ และพฤติกรรมตา่ ง ๆ ของแตล่ ะบุคคล อนั
เปน็ ปฏิกิรยิ าตอบโตต้ ่อสภาพแวดลอ้ มทางดา้ นจติ วทิ ยาและสงั คมของบคุ คลทว่ั ไป

๑ ราชบณั ฑติ ยสถาน, พจนานกุ รม ฉบบั ราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ เฉลมิ พระเกยี รติ
พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยูห่ วั เนือ่ งในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธนั วาคม
๒๕๕๔, (กรุงเทพฯ : ศริ วิ ัฒนาอนิ เตอรพ์ รนิ ท์ จากดั (มหาชน), ๒๕๕๖), หนา้ ๖๗๖.

๒ Good, Carter V. Personality, [Online]. Available: http//onlinelibrary.wiley.com/doi/
๑๐.๑๐๐๒/sce.๓๗๓๐๓๐๐๒๕๖/abstract, ๒๘ มนี าคม ๒๐๑๑, p ๔๕๓.

๘๔

ความหมายของบคุ ลกิ ภาพตามทศั นะนกั วชิ าการ

นกั วิชาการการศึกษาของไทยและตา่ งประเทศได้ให้ความหมายและขยายความเพ่มิ เติมใน
รายละเอียดของคาวา่ “บคุ ลิกภาพ”

ศรเี รอื น แกว้ กงั วาน ( ๒๕๕๔, หน้า ๕)๓ ได้อธิบายว่า บคุ ลิกภาพ หมายถงึ ลกั ษณะเฉพาะตัว
ของบุคคลในด้านตา่ ง ๆ ท้ังส่วนภายนอกและสว่ นภายใน ส่วนภายนอก คอื ส่วนทม่ี องเห็นชดั เจน เช่น
รูปรา่ ง หนา้ ตา กริ ิยามารยาท การแต่งตวั วิธีพูดจา การนงั่ การยืน สว่ นภายใน คือ ส่วนท่ีมองเห็นได้
ยาก แตอ่ าจทราบโดยการอนุมาน การใช้สติปญั ญา ใช้ความถนัด ลกั ษณะอารมณ์ประจาตวั ความ
ใฝฝ่ นั ปรารถนา ปรชั ญาชวี ติ คา่ นิยม และความสนใจ

ศุภานัน สิทธิเลิศ ( ๒๕๔๙,หนา้ ๑๗๔)๔ และยนต์ ช่มุ จติ (๒๕๕๐ ,หน้า ๑๐๕) ได้ให้ทศั นะ
เพ่มิ เติมว่าบุคลิกภาพ หมายถึง ลกั ษณะโดยรวมของพฤติกรรมภายนอก และพฤติกรรมภายในที่
ผสมผสานติดตัวมาต้งั แตก่ าเนิดสว่ นหนึง่ ได้รับการหล่อหลอมจากสังคมและส่ิงแวดลอ้ มส่วนหน่ึง
ก่อใหเ้ กดิ เป็นลักษณะจาเพาะของแตล่ ะบุคคลทแี่ สดงออกถึงความรู้สกึ นกึ คดิ ความสามารถ ความ
ถนัด ความสนใจเจตคติ และการเคล่ือนไหวอวัยวะทุกสว่ นของรา่ งกายท่ีเป็นของบุคคลนนั้ ๆ สง่ ผลให้
บคุ คลมีพฤติกรรมลกั ษณะนิสัยและบทบาทจาเพาะของแต่ละคนแตกต่างกนั ไป ทงั้ รูปร่าง หนา้ ตา
ผิวพรรณ ลีลาท่าทางในการเดนิ ยนื นงั่ เสียงพดู ความสนใจ อารมณ์ ความคิดริเร่ิมสรา้ งสรรค์
สติปญั ญา ปฏิภาณไหวพริบและอารมณ์ขนั

กนกกาญจน์ สนิ ภบิ าล ( ๒๕๕๑, หน้า ๖๔)๕ ไดส้ รปุ ว่า บคุ ลกิ ภาพ คือ ลักษณะภายนอกและ
ลักษณะภายในโดยรวมของแต่ละบคุ คลซ่ึงได้รับอทิ ธิพลจากพนั ธุกรรมและสง่ิ แวดล้อม เพ่อื ท่จี ะ
ตอบสนองตอ่ สถานการณ์น้ัน ๆ

อัลพอรท์ ( Allport, ๒๐๑๑, p๑)๖ ซึง่ นกั การศึกษาและนกั จิตวิทยาต่างประเทศได้ให้
ความหมายบุคลิกภาพว่า บคุ ลกิ ภาพ หมายถึง การจดั และรวบรวมเก่ยี วกบั ระบบทางรา่ งกายและ
จติ ใจภายในตวั ของแตล่ ะบุคคล แตจ่ ะมีการเปล่ียนแปรอย่เู สมอ ยังผลใหแ้ ต่ละคนมีการปรับตัวต่อ
ส่งิ แวดล้อมทเ่ี ปน็ เอกลักษณ์ไมซ่ า้ แบบใคร

จากการสังเคราะห์ความหมายของบุคลกิ ภาพในนานาทัศนะดงั กลา่ วข้างตน้ ทาใหไ้ ด้ข้อสรุป
วา่ บุคลิกภาพ หมายถึง ส่งิ ทแี่ สดงถึงเอกลักษณห์ รือพฤตกิ รรมท่ีมีลักษณะโดดเด่นเฉพาะบุคคล ซง่ึ
ครอบคลุมท้งั สภาวะทางกาย อารมณ์ ความรู้สกึ นกึ คิด ทั้งดา้ นส่วนตัวและดา้ นปฏสิ ัมพันธก์ ับผูอ้ ื่น

๓ ศรเี รอื น แก้วกงั วาน, จติ วทิ ยาบุคลกิ ภาพ, พมิ พ์ครั้งท่ี ๑๖, (กรุงเทพฯ : หมอชาวบา้ น, ๒๕๕๔), หนา้
๕.

๔ ศุภานัน สทิ ธิเลิศ, เอกสารคาสอนรายวิชาความเป็นครู, กรงุ เทพฯ : ศนู ยส์ ือ่ และส่ิงพิมพ์แกว้ เจา้ จอม
มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สวนสนุ นั ทา, ๒๕๔๙, หนา้ ๑๗๔.

๕ กนกกาญจน์ สนิ ภบิ าล, การศกึ ษาบุคลกิ ภาพตามแนวจริต ๖ ในพระพทุ ธศาสนาของผู้บริหาร
โรงเรียนสังกัดสานกั งานเขตพนื้ ท่กี ารศกึ ษาจงั หวดั นนทบรุ ี, วารสารศรปี ทุมปรทิ ัศน,์ (กรงุ เทพฯ : มหาวทิ ยาลยั ศรี
ปทุม, ๒๕๕๑), หนา้ ๖๔.

๖ อลั พอรท์ ( Allport), บุคลิกภาพ, [Online]. Available: http//www.novabizz.com/NovaAce/
Personality.htm, ๑ เมษายน ๒๕๕๔,๒๐๑๑, p ๑.

๘๕

ลกั ษณะของบุคลกิ ภาพ

ลักษณะของบุคลิกภาพสามารถจาแนกไดเ้ ปน็ ๒ ลกั ษณะใหญ่ ๆ ตามความคิดเหน็ ของ
นกั วิชาการจานวนหน่ึงทส่ี อดคล้องกัน คือ บุคลิกภาพภายนอก และ บคุ ลกิ ภาพภายใน ( ไพวรรณ
เกยี รตโิ ชตชิ ัย,๒๕๓๖, หน้า ๙๑; ธรี ศักดิ์ อัครบวร, ๒๕๔๓, หนา้ ๘๕; ยนต์ ชุม่ จติ , ๒๕๕๐, หนา้
๑๐๘) ดังนี้

๑. บุคลิกภาพภายนอก (external personality)

บคุ ลิกภาพภายนอก หมายถึง ลกั ษณะทกุ ส่ิงทกุ อย่างของบุคคลท่สี ามารถสงั เกตเหน็ หรือ
สัมผสั ไดด้ ว้ ยประสาทสัมผัสทั้งหา้ คือ ตา หู จมูก ล้ิน กาย อย่างใดอย่างหนง่ึ บุคลกิ ภาพภายนอกน้ี
สามารถแก้ไข ปรบั ปรงุ หรอื เปลี่ยนแปลงได้ด้วยการเลยี นแบบหรอื ฝึกฝน โดยใชเ้ วลาในการปรับปรงุ
ไม่มากนักและสามารถประเมินผลได้ทันที บุคลกิ ภาพภายนอกทีส่ าคัญของบุคคล คือ บคุ ลิกภาพที่
แสดงออกทางกายและวาจา ได้แก่ บุคลกิ ภาพในการยืน การเดนิ การน่งั การพูด การแตง่ กาย
กริ ิยามารยาทตา่ ง ๆ

๒. บุคลกิ ภาพภายใน (internal personality)

บคุ ลกิ ภาพภายใน หมายถงึ ลักษณะทซี่ ่อนเร้นอยูภ่ ายในตัวบุคคล เป็นสิ่งทไ่ี ม่สามารถ
มองเหน็ ไดช้ ัดเจน เปน็ สว่ นทสี่ ัมผัสไดย้ าก ต้องใชเ้ วลาในการพิสูจน์ยาวนานกว่าบคุ ลิกภาพภายนอก
การท่จี ะสัมผสั กับบุคลิกภาพภายในนสี้ ามารถทาไดโ้ ดยการสังเกตจากการทางานรว่ มกันหรืออยู่
ร่วมกนั การแก้ไขปรบั ปรงุ หรือเปลยี่ นแปลงต้องใช้ระยะเวลายาวนานและความอดทนพอสมควร หรือ
บคุ ลิกภาพภายในบางอยา่ งก็ไม่สามารถแกไ้ ขได้ บคุ ลิกภาพภายในที่สาคญั ของบุคคล ได้แก่
ความสามารถในการจดจา สตปิ ัญญา ไหวพรบิ อารมณ์ ความเชอื่ มัน่ ในตนเอง เปน็ ตน้
ลกั ษณะบคุ ลิกภาพภายในของบุคคล ถา้ จาแนกตามลักษณะของการทางาน สามารถจาแนก
ออกเปน็ ๗ ประเภท คอื

๒.๑ บุคลกิ ภาพแบบความสมั พนั ธ์ เป็น ลักษณะบุคลิกภาพของกลุ่มบคุ คลประเภทท่ี
มอี ารมณ์การแสดงออกทอี่ ่อนไหว มักพดู ถงึ มิตรภาพความใกล้ชดิ ลักษณะโดยท่ัวไปจะชอบผูกมิตร
สนใจและยกย่องผอู้ ื่น ชอบคบหาสมาคมกับเพื่อน และทาตวั เป็นเพ่อื นที่มีความซือ่ สตั ย์

๒.๒ บุคลิกภาพแบบจริงจัง เปน็ ลักษณะบคุ ลิกภาพของกลุ่มบคุ คลประเภทที่ชอบ
กจิ กรรมเกี่ยวกบั การควบคมุ มคี วามถนัดทางช่าง ชอบการเคล่ือนไหว และใช้ทักษะ ชอบงานท่ี
เก่ียวข้องกับคนเป็นคนข้ีอาย ถอ่ มตน เกรงใจคน คล้อยตามระบบกฎเกณฑ์ บางครงั้ อาจเป็นคนขวาน
ผ่าซาก ไม่มพี ธิ ีรตี อง ไมค่ ่อยสุงสงิ กับใคร ไม่คิดมาก ไมเ่ พ้อฝัน หนักแนน่ อดทน เอาการเอางาน จริงจัง
อุตสาหะพากเพยี ร เสมอต้นเสมอปลาย

๒.๓ บุคลิกภาพแบบใชป้ ัญญา เป็นลักษณะบคุ ลิกภาพของกลุม่ บคุ คลประเภทท่ีชอบ
การวเิ คราะห์และการประเมิน เปน็ คนอยากรู้อยากเหน็ ชา่ งสงั เกต ชา่ งสงสยั ไม่เชื่ออะไรงา่ ย ๆ มี
เหตุผลละเอยี ดรอบคอบ เปน็ คนค่อนขา้ งอนุรกั ษนิยม นสิ ยั ชอบเกบ็ ตัว ไมช่ อบสงั คมมาก ชอบงาน
อสิ ระ ไมช่ อบเอาอย่างใคร พ่ึงพาตนเอง มคี วามม่ันใจในตนเอง ชอบคดิ ชอบฝนั และชอบทางานที่
ซบั ซ้อน

๒.๔ บคุ ลิกภาพแบบศิลปนิ เป็นลกั ษณะบุคลิกภาพของกลมุ่ บคุ คลประเภททีช่ อบ
แสดงออก รักอสิ ระ ไมช่ อบอยูใ่ ต้บงั คบั บญั ชาของใคร ไม่ชอบพงึ่ พาผู้อนื่ ไม่คลอ้ ยตามบุคคลอ่นื เป็น
คนชอบรเิ ร่ิม ไม่ชอบเอาอย่างใคร ไม่ชอบสมั พนั ธ์เป็นสว่ นตัวโดยตรงกับใคร ไมช่ อบความจาเจ หรือ

๘๖

งานทีม่ กี ฎระเบยี บแนน่ อน อ่อนไหว ช่างฝนั ชอบแสดงออก บางคร้ังเจ้าอารมณ์ มีอุดมคติ ชอบคิดค้น
เกยี่ วกบั ปัญหา

๒.๕ บคุ ลกิ ภาพแบบมุง่ สาเรจ็ เป็นลกั ษณะบคุ ลกิ ภาพของกลุ่มบคุ คลประเภททมี่ ่งุ
ความสาเร็จ มักจะมลี กั ษณะวิตกกงั วลห่วงใยในความสาเรจ็ ของงาน มงี านเป็นตวั ตั้ง ชอบทางานที่มี
ลกั ษณะท้าทายความสาเร็จ

๒.๖ บคุ ลกิ ภาพแบบกล้าคดิ กล้าทา เปน็ ลกั ษณะบุคลกิ ภาพของกลุ่มบุคคลประเภทที่
ชอบกจิ กรรมทม่ี ีอทิ ธิพลเหนือผอู้ ่ืน ใชท้ กั ษะการพูด มองเห็นตนเองเป็นผู้นาเต็มตัว เชอื่ ม่ันในตนเอง
ชอบชกั จูงผอู้ ่ืนให้คล้อยตาม หรือชอบดาเนินการให้บรรลุเป้าประสงค์

๒.๗ บุคลกิ ภาพแบบยึดมน่ั และมรี ะเบยี บแบบแผน เป็นลักษณะบุคลกิ ภาพของกลมุ่
บคุ คลประเภทท่ีมีเจ้าระเบยี บ ไมย่ ดื หยุ่น มีความเปน็ นกั อนุรักษนยิ มมาก ขาดความคดิ รเิ รม่ิ และ
จนิ ตนาการจริงจงั อดทน และรบั ผดิ ชอบสงู ละเอยี ดถี่ถ้วน มีความพากเพยี ร เกบ็ กดและควบคุม
อารมณ์ตนไดด้ ีชอบทางานสานกั งาน งานเสมียน งานตวั เลข งานเอกสาร และงานสารบรรณ
(ศภุ านนั สิทธิเลศิ ,๒๕๔๙, หนา้ ๑๘๓-๑๘๔)๗

จากการสงั เคราะหล์ ักษณะบุคลิกภาพตามความคิดเห็นของนักการศึกษาต่างๆ พอสรุปได้
โดยสงั เขปว่า บคุ ลิกภาพแบ่งออกเปน็ ๒ ลกั ษณะด้วยกนั คือ

๑. ลักษณะแรก คอื บคุ ลกิ ภาพภายนอก หมายถึง บคุ ลกิ ภาพท่ีสามารถสังเกตเหน็ หรอื
สัมผสั ได้ดว้ ยประสาททั้ง ๕ คือ ตา หู จมกู ลน้ิ กาย บคุ ลิกภาพภายนอกนส้ี ามารถปรบั ปรงุ
เปลี่ยนแปลงได้โดยการฝึกฝน การเลยี นแบบ และสามารถวัดผลไดท้ ันที บคุ ลกิ ภาพภายนอกท่ีสาคัญ
ท่ีสุดคือบุคลิกภาพทางกายและทางวาจา

๒. ลักษณะท่ี ๒ คอื บคุ ลกิ ภาพภายใน หมายถึง บคุ ลิกภาพท่ีไมส่ ามารถมองเห็นไดช้ ดั เจน
ต้องสงั เกต เหน็ หรอื สัมผสั ดว้ ยจิตใจ เปน็ สว่ นทส่ี ัมผัสไดค้ อ่ นขา้ งยากและต้องใช้เวลาในการสมั ผัส
และวดั ผล บคุ ลิกภาพภายใน ไดแ้ ก่ การแสดงออกทางอารมณ์ ความรู้สกึ และความคดิ บคุ ลกิ ภาพทั้ง
สองลักษณะน้ี คือ บคุ ลิกภาพภายนอก และบคุ ลิกภาพภายใน จะรวมอยใู่ นตวั บุคคล และส่งผลให้
บุคคลนัน้ ๆ มีคุณลักษณะท่ีพิเศษเปน็ ลักษณะเฉพาะตนท่ีแตกต่างจากบุคคลอื่นๆ

ในทศั นะของผ้เู ขยี น จาแนกลักษณะของบุคลกิ ภาพของบคุ คล ตามการแสดงออกของ
บคุ คลใน ๔ ลักษณะ คือ การแสดงออกของบุคคลทางกาย การแสดงออกของบุคคลทางจิตใจโดย
แสดงออกทางอารมณ์ การแสดงออกของบุคคลทางสงั คมจากการมีปฏิสัมพนั ธ์กบั ผู้อนื่ และ การ
แสดงออกของบุคคลทางปญั ญา ฉะนน้ั ลักษณะของบคุ ลกิ ภาพ จึงประกอบดว้ ย บคุ ลกิ ภาพ ๔ ดา้ น
คอื บุคลิกภาพดา้ นกาย บคุ ลิกภาพดา้ นอารมณ์ บุคลกิ ภาพด้านสังคม และบคุ ลกิ ภาพดา้ นสตปิ ญั ญา
ดงั นี้

๑. บคุ ลิกภาพดา้ นกาย เป็นบคุ ลกิ ภาพท่เี รามองเห็นได้จากภายนอก เชน่ รปู รา่ งเล็ก ใหญ่
อว้ น ผอม สงู เตี้ย หนา กลม แบน เพรียว และไมว่ ่าจะมรี ่างกายในลักษณะใดก็ตาม สงิ่ สาคญั คือ
การมรี ่างกายทีม่ ีความสมบูรณแ์ ข็งแรง หรือกลา่ วงา่ ย ๆ วา่ มีสขุ ภาพกายดี

๒. บคุ ลกิ ภาพด้านอารมณ์ เป็นบคุ ลิกภาพการแสดงออกของความรูส้ กึ ท้งั การแสดงออก
ทางดา้ นความรสู้ ึกทด่ี ีและไมด่ ีแตกต่างกันไป การแสดงออกของอารมณ์ความรู้สกึ ทีด่ หี รอื อารมณ์ดี
ไดแ้ ก่ การยิ้มแย้มแจม่ ใส ใจเยน็ ให้อภยั มคี วามเมตตา เป็นคนท่ีมองโลกในแง่ดี เปน็ ต้น สว่ นการ

๗ ศภุ านัน สทิ ธเิ ลิศ, เอกสารคาสอนรายวชิ าความเป็นครู, (กรุงเทพฯ : ศนู ยส์ ่อื และสง่ิ พมิ พแ์ กว้ เจ้าจอม
มหาวิทยาลยั ราชภฏั สวนสนุ นั ทา, ๒๕๔๙), หน้า ๑๘๓-๑๘๔.

๘๗

แสดงออกของอารมณ์ความรู้สึกที่ไม่ดี ไดแ้ ก่ หน้าบงึ้ ต่นื เตน้ ตกใจง่าย โกรธง่าย หงดุ หงิด ขข้ี ลาด ใจ
ร้อน เฉอื่ ยชา เปน็ ตน้ นอกจากน้ีบุคลิกภาพดา้ นอารมณ์ยังรวมไปถึงการแสดงออกของนสิ ัยประจาตวั
หรอื ความประพฤติท่เี ปน็ ความเคยชนิ ทีม่ ีอยใู่ นตวั บุคคล เชน่ ความสุภาพ ความออ่ นโยน ความไม่เหน็
แกต่ วั ความซ่ือสัตย์ ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ซงึ่ เปน็ บุคลิกภาพด้านอารมณ์ทีเ่ ป็นเชงิ บวก ส่วนบคุ ลิกภาพ
ดา้ นอารมณ์ท่ีเป็นเชิงลบ ไดแ้ ก่ ความใจร้อน ความเหน็ แกต่ ัว เอารัดเอาเปรยี บ ความก้าวร้าว ความ
หยาบกระดา้ ง รนุ แรง เป็นตน้

๓. บุคลิกภาพด้านสังคม เปน็ บคุ ลิกภาพการแสดงออกเม่ือต้องมีปฏสิ มั พันธ์กบั ผอู้ ่ืนทาง
สังคม เปน็ พฤติกรรมท่แี สดงออกต่อผอู้ ืน่ ไมว่ า่ จะเปน็ กริ ิยาท่าทาง ความประพฤติ การปฏิบตั ติ น เช่น
การชอบเข้าสังคมชอบคบหาสมาคมกับผู้อนื่ การชอบเก็บตวั สงบเสงยี่ ม การชอบทาตัวเดน่ ชอบพูด
เสยี งดงั การยอมรับฟังเหตุผลหรือการไม่ยอมรับฟังเหตผุ ล นอกจากน้บี คุ ลิกภาพด้านสงั คม ยังหมาย
รวมถึงการแสดงออกของความสามารถ ในการควบคุมจติ ใจของตนเมื่อเผชญิ เหตุการณ์ตา่ ง ๆ โดย
สามารถรกั ษาความปกติของใจได้ โดยแสดงออกทางพฤติกรรมทีป่ กติ เช่น ใจเย็น สุขุม รอบคอบ
จติ ใจมั่นคง สดชนื่ มชี วี ิตชวี า มพี ลงั ต่อสบู้ ากบั่น อดทน และเพยี รพยายาม บุคลิกภาพดา้ นสังคมของ
แตล่ ะบุคคลจะแตกตา่ งกนั จากการฝึกฝนอบรมในแตล่ ะครอบครวั หรือชมุ ชน สังคม ประเทศ ทบ่ี ุคคล
น้ัน ๆ อาศัยอยู่

๔. บุคลกิ ภาพด้านสตปิ ัญญา เปน็ บุคลิกภาพทางสมอง ไดแ้ ก่ ความเฉลยี วฉลาด
ความสามารถในการคดิ ความสามารถในการจา การลืม ความสามารถในการมีจินตนาการ เชาวน์
ปัญญา ความสามารถในการตัดสินใจ รวมทงั้ ความสามารถหรอื ความถนัดในการเรยี น การทางาน ซง่ึ
เป็นลักษณะเฉพาะแต่ละบุคคลท่มี คี วามแตกต่างตามพันธกุ รรมและการอบรมเลีย้ งดู เชน่ ความ
สามารถในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ความถนัดทางด้านภาษา ความถนดั ในการใช้ประสาทสมั ผสั ทง้ั ห้า
ความสามารถทางกีฬา ศิลปะการวาดรูป ศิลปะการดนตรี เป็นต้น

ความสาคญั ของบุคลิกภาพ

ในชีวติ ประจาวนั ของแตล่ ะคนจะตอ้ งมีการพบปะ พดู คยุ และทาความรจู้ ักกบั ผ้คู นตลอดเวลา
ส่งิ หนึ่ง ทจี่ ะทาให้ความสัมพันธ์ทสี่ ร้างขึ้นมาดาเนนิ ต่อไปได้ ประการแรกคือ การสร้างความประทบั ใจ
ตงั้ แต่แรกพบ ให้ฝ่ายตรงข้าม การท่ีจะสร้างความประทบั ใจได้น้นั ส่วนหนึง่ มาจากการมีบคุ ลิกภาพท่ีดี
เปน็ สว่ นในการสร้างความสมั พันธก์ ารสรา้ งบคุ ลิกภาพให้น่าสนใจและประทบั ใจ บคุ คลนั้นตอ้ งเรม่ิ จาก
การปรบั ทัศนคตขิ องตนเอง เป็นอนั ดบั แรกเพื่อใหร้ คู้ วามต้องการวา่ ต้องการมีบุคลิกภาพเปน็ อย่างไร รู้
ว่ากาลงั ทาอะไรอยู่ และรู้จักระมดั ระวังตนเอง (ประณม ถาวรเวช, ๒๕๕๔ก,หน้า๑)๘

บคุ ลิกภาพมีความสาคัญตอ่ บุคคลไม่ว่าจะอยู่ประกอบวชิ าชพี ใด โดยคณาจารยส์ ถาบันราช
ภัฏพระนครศรีอยุธยา( ๒๕๔๕ , หนา้ ๒๓๐)๙ ได้รว่ มกนั วิเคราะห์ในการพฒั นาชดุ วชิ าชีพครทู ่เี นน้
ปรชี าสามารถในสถาบันราชภัฏชดุ ผฝู้ ึกตน หนว่ ยมโนทศั น์ครไู ทย ในระยะเรม่ิ แรกของการปฏริ ูปการ
ผลิตครู ได้สรุปความสาคัญของบุคลิกภาพไวด้ ังน้ี คือ

๘ ประณม ถาวรเวช, ๑๐ วีธีสรา้ งพลงั ให้บคุ ลิกภาพ, [Online]. Available: http://dnfe๕.nfe.go.th
/localdata/webimags/story๒๖๑ individuality.htm, ๘ มนี าคม ๒๕๕๔

๙ ราชภัฏพระนครศรอี ยุธยา, ผลงานการพัฒนาชุดวิชาชพี ครูทเี่ น้นปรชี าสามารถในสถาบนั ราชภฏั ,
(พระนครศรีอยุธยา: คณะครุศาสตร์ สถาบันราชภฏั พระนครศรอี ยธุ ยา, ๒๕๔๕), หนา้ ๒๓๐.

๘๘

๑. บุคลกิ ภาพชว่ ยใหง้ ่ายต่อการจดจาและเขา้ ใจบุคคล เพราะบคุ ลกิ ภาพเปน็ ของเฉพาะตัว
ใครมบี ุคลิกภาพอยา่ งไรกม็ ักจะแสดงออกมาให้ปรากฏแก่สายตาของผู้พบเห็นเช่นน้นั เปน็ ประจา

๒. บคุ ลกิ ภาพชว่ ยใหม้ ีความมั่นใจในตวั เอง บคุ คลทมี่ ีบุคลกิ ภาพดีและย่งิ บุคลิกภาพน้ัน
เหมาะสม กบั งานที่รบั ผิดชอบด้วยแลว้ จะทาให้เกิดความมัน่ ใจในการทางานมากยง่ิ ข้นึ

๓. บคุ ลิกภาพชว่ ยให้บุคคลสามารถปรับตัวเข้ากบั สังคมไดด้ ี กลา่ วคือ บคุ คลทีม่ ีบุคลิกภาพดี
ย่อมสามารถสรา้ งปฏสิ มั พนั ธ์ทางสงั คมกบั ผอู้ ื่นได้ดี สมาชกิ ของกลุ่มก็ให้การยอมรับนับถือ

๔. บุคลกิ ภาพชว่ ยใหง้ ่ายต่อการทานายพฤตกิ รรมของบคุ คล เช่น บางคนประสาททาง
รา่ งกายไวต่อการสัมผสั หรอื เรียกวา่ บา้ จี้ เมือ่ ใครมาจ้ีกต็ อ้ งร้องเอะอะโวยวายหรอื ทุบตีคนขา้ งเคียง
บางคนที่มรี ่างกายผอมมากอาจทานายไดว้ า่ ไม่ชอบทานอาหารทีม่ ีไขมัน

๕. บคุ ลิกภาพเป็นตน้ แบบท่นี าไปเปน็ ตวั อย่างได้ เพราะบคุ ลิกภาพเปน็ เอกลกั ษณ์เฉพาะตัว
ของบุคคล บุคลกิ ภาพท่ีดีของบคุ คลบางคน เช่น ความมีวินัย ความรับผิดชอบ ความซ่ือสัตย์ ความ
ยตุ ิธรรม ลักษณะการเดนิ และลลี าการพดู ส่ิงต่างๆเหลา่ น้ีสามารถนาไปเป็นตวั อยา่ งแก่อนุชนรนุ่ ต่อๆ
ไปได้

๖. สงั คมให้การยอมรับบุคคลทีม่ ีบคุ ลกิ ภาพดี ไม่วา่ จะเป็นบคุ ลกิ ภาพในการพดู จา ความ
คลอ่ งแคลว่ ว่องไว และความเออ้ื เฟอ้ื เผื่อแผ่

๗. บคุ ลิกภาพชว่ ยทาใหบ้ คุ คลประสบความสาเรจ็ ในอาชีพการงาน บคุ คลทมี่ ีบุคลกิ ภาพดี
ยอ่ มเปน็ ท่เี ชื่อถือของบคุ คลท่ัวไป เมอ่ื ประกอบกิจการงานใด ๆ จึงมกั มีผ้ใู ห้ความชว่ ยเหลอื ค้าจุนเสมอ
นอกจากนแี้ ล้วบคุ ลกิ ภาพยังมีส่วนช่วยให้ชวี ิตมีความสขุ กล่าวคอื บุคคลท่ีมบี คุ ลิกภาพทางกาย
และ ทางวาจาดี แสดงออกถึงมิตรไมตรี เอือ้ อาทรต่อผู้อืน่ มักได้รบั ไมตรจี ิตเปน็ ส่งิ ตอบแทน
เช่นเดยี วกัน ดงั น้ัน ชมุ ชนใดทีผ่ ้คู นอาศยั อยูร่ ว่ มกนั ดว้ ยบรรยากาศเปน็ มติ ร ยอ่ มสง่ ผลให้การดาเนนิ
ชวี ติ เปน็ ไปอยา่ งสันติสุข สงั คมใหก้ ารยอมรบั บุคคลที่มีบุคลิกภาพดี ไม่วา่ จะเป็นบุคลกิ ภาพในการ
พดู จาความคล่องแคลว่ ว่องไว และความเออื้ เฟ้ือเผือ่ แผ่ และทีส่ าคญั บุคลิกภาพช่วยทาให้บุคคล
ประสบ ความสาเร็จในอาชพี การงาน บุคคลท่ีมบี คุ ลิกภาพดี ยอ่ มเป็นทเี่ ช่ือถือของบุคคลทัว่ ไป เมอ่ื
ประกอบกิจการงานใด ๆ จึงมักมีผู้ให้ความชว่ ยเหลอื ค้าจุนเสมอ และ จากการศึกษาเกี่ยวกับลกั ษณะ
บุคลกิ ภาพที่พยากรณ์พฤติกรรมดา้ นการปฏิบตั งิ านของบุคคล พบว่า ลกั ษณะบคุ ลิกภาพ ท่ีมีความ
รับผดิ ชอบ และการเปิดรับประสบการณ์ใหมๆ่ ทาให้การปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพขน้ึ (ชูชยั สมทิ ธไิ กร
, ๒๕๕๐,หน้า ๑)๑๐
บคุ ลิกภาพมีความสาคัญอย่างย่ิงท่ีทาใหบ้ ุคคลประสบความสาเรจ็ ในอาชีพการงาน ชวี ติ ครอบครวั
ความเจรญิ ก้าวหนา้ ตา่ ง ๆ โดยข้ึนอยกู่ ับความสามารถในการแตง่ ปรุงบุคลกิ ภาพให้เขา้ กบั สถานการณ์
วชิ าชีพครเู ปน็ วิชาชีพทม่ี ีการปฏสิ มั พนั ธ์กับผู้อนื่ ตลอดเวลาไม่วา่ กับนักเรียน เพื่อนรว่ มงานผ้ปู กครอง
ผบู้ รหิ าร เป็นต้น บุคลกิ ภาพจึงมคี วามสาคัญต่อครูเปน็ อย่างย่งิ กล่าวคือ บคุ ลกิ ภาพท่ีดีของครจู ะช่วย
ให้ครูเกดิ ความม่ันใจในตนเอง ท้ังในการทางาน และการปรากฏตัวในทีต่ า่ ง ๆ เปน็ แบบอยา่ งให้ศิษย์
และบคุ คลทวั่ ไป ช่วยใหค้ รสู ามารถปรบั ตวั เขา้ กับสภาพแวดลอ้ มและบุคคลอื่นได้ ช่วยใหค้ รูสรา้ งความ

๑๐ ชูชัย สมทิ ธไิ กร, ลกั ษณะบุคลิกภาพที่พยากรณพ์ ฤตกิ รรมต่อตา้ นการปฏบิ ัติงาน, : รายงานการวจิ ยั
ภาควชิ าจิตวทิ ยา คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลยั เชยี งใหม,่ [Online]. Available:
http://library.cmu.ac.th/rsc/?newsdetail.php&id=๖๒, ๗ มกราคม ๒๕๕๐, หนา้ ๑.

๘๙

รักและความผูกพนั ต่อศิษย์และผูอ้ น่ื อันนาไปสคู่ วามสาเรจ็ ในการงานและอาชีพครู (บหุ งา รายา,
๒๕๕๔,หนา้ ๑)๑๑

จากการศึกษาความสาคัญของบุคลิกภาพในหลากหลายทัศนะข้างต้นสามารถสรุปได้ว่า
บุคลกิ ภาพ มีความสาคญั ตอ่ บุคคลในดา้ นต่าง ๆ ไดแ้ ก่ ด้านการจดจาลกั ษณะเฉพาะบุคคล ดา้ นการ
ปฏสิ มั พันธก์ บั บุคคลในสงั คม ด้านความสาเร็จในการประกอบอาชีพ นอกจากนแี้ ลว้ บุคลิกภาพยงั มี
สว่ นช่วยใหช้ วี ติ มคี วามสขุ

บคุ ลิกภาพสาหรับผ้ปู ระกอบวชิ าชพี ครู

ผปู้ ระกอบวิชาชีพครูตอ้ งเป็นตน้ แบบทด่ี ีของนักเรยี น บคุ ลกิ ภาพของครูตอ้ งเป็นทน่ี า่ เลื่อมใส
นา่ เคารพรักใคร่ นา่ ยกย่องนับถือแก่ผ้เู รยี นและบุคคลทัว่ ไป จึงเป็นสิ่งทคี่ รคู วรประพฤติปฏบิ ัติให้เป็นที่
ปรากฏอยสู่ มา่ เสมอ การมีบุคลกิ ภาพท่ีดีไม่ไดห้ มายความวา่ ครูจะต้องมหี นา้ ตาสวยงาม ประดับ
ประดาด้วยเครื่องแต่งกายราคาแพงแตห่ มายรวมถึงพฤติกรรมท่ีครูแสดงออกถึงการมีบุคลิกภาพที่ดี
ได้แก่ การมีปฏิสมั พนั ธท์ ่ีดีต่อบคุ คลอื่น ทัง้ ศิษย์ ผปู้ กครอง บคุ คลในชมุ ชนหรือสังคมภายนอก มคี วาม
เชอ่ื มนั่ ในตนเองด้านคาพูดหรอื การออกคาสง่ั เป็นผ้นู า ในการแก้ปัญหาได้ เป็นผู้นาทางวิชาการได้
ปฏบิ ตั ิงานในหนา้ ทรี่ ับผิดชอบได้ประสบผลสาเรจ็ เป็นท่ีไว้วางใจแก่ศษิ ย์ ผ้บู งั คับบัญชาและบคุ คลอ่ืน
ในชุมชน และการมีความม่ันคงทางอารมณ์ แสดงออกถึงความหนกั แน่น สขุ มุ เยอื กเย็น รอบคอบ มี
อารมณ์ดี และอารมณ์ขันพอเหมาะพอควร เป็นต้น

ได้มกี ารศกึ ษาของนักการศึกษาและนักจติ วทิ ยาเก่ียวกบั ลกั ษณะบคุ ลิกภาพท่ีดขี องผ้ปู ระกอบ
วิชาชีพครู พบว่า ครูผู้ที่มบี ุคลิกภาพทด่ี ีเหมาะสมกับวิชาชีพ จะต้องมคี วามสามารถในการรบั รู้ เขา้ ใจ
สภาพความจริงอย่างถูกต้อง มกี ารแสดงออกของอารมณ์ในลักษณะและขอบเขตที่เหมาะสม มี
ความสามารถในการสรา้ งความสมั พนั ธ์ทางสังคม มีความสามารถในการทางานท่อี านวยคุณประโยชน์
และมีความสามารถในการพัฒนาตนเอง (นงคราญ ดงเยน็ และคณะ, ๒๕๕๔ ,หน้า ๑)๑๒

ส่วน ศภุ านนั สทิ ธเิ ลิศ ( ๒๕๔๙,หนา้ ๑๘๖-๑๘๗)๑๓ ได้แสดงความคดิ เห็นวา่ บุคลิกภาพของ
ผู้ประกอบวิชาชีพครูทีด่ ี ไดแ้ ก่ กิรยิ าท่าทาง การแต่งกายสะอาด เรียบร้อย เหมาะสมกบั งาน สถานท่ี
และกาลเทศะ การมีสุขภาพแข็งแรง การรักษาความสะอาดของร่างกาย ความกระตือรือร้น กล้า
แสดงออกอยา่ งเหมาะสม การมคี วามคดิ รเิ ร่ิมสร้างสรรค์ การมีความเปน็ มิตร การรบั ฟังความคดิ เห็น
การมคี วามรับผิดชอบตอ่ หน้าที่ การมีความรอบรู้เท่าทันเหตกุ ารณ์ กลา้ ตดั สนิ ใจและเผชิญเหตกุ ารณ์
ทีเ่ กดิ ขนึ้ เป็นตน้

ผลจากงานวจิ ัยของ น้าผึง้ ทวพี รปฐมกลุ ( ๒๕๕๑, บทคดั ย่อ)๑๔ ซ่งึ ศึกษาคณุ ลักษณะที่พึง
ประสงคข์ องครูตามการรบั ร้ขู องผู้บรหิ ารและผปู้ กครองในกรงุ เทพมหานคร พบว่า บุคลิกภาพท่ีดขี อง

๑๑ บหุ งา รายา, ครูที่ดตี ้องมบี คุ ลกิ อยา่ งไร, [Online].Available: http:// www. learners.in.th
/blogs/posts/๙๔๙๓๘b, ๑๒ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๕๔, หนา้ ๑.

๑๒ นงคราญ ดงเยน็ และคณะ, ความเปน็ ครู, [Online].Available : http://comschool.site๔๐.net/s
๖-๒.html, ๑๐ เมษายน ๒๕๕๔, หน้า ๑.

๑๓ ศภุ านนั สิทธิเลศิ , เอกสารคาสอนรายวิชาความเป็นครู, (กรงุ เทพฯ : ศนู ย์ส่อื และส่งิ พมิ พแ์ กว้ เจา้
จอม มหาวิทยาลยั ราชภฏั สวนสุนนั ทา, ๒๕๔๙), หน้า ๑๘๖-๑๘๗.

๑๔ น้าผง้ึ ทวีพรปฐมกุล (บทคัดยอ่ ), คณุ ลักษณะท่พี ึงประสงค์ของครตู ามการรับรขู้ องผูบ้ ริหารและ
ผปู้ กครองในกรงุ เทพมหานคร, วิทยานิพนธ์ ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการศึกษาปฐมวยั จุฬาลงกรณ์
มหาวทิ ยาลยั , ๒๕๕๑.

๙๐

ครู คือ ครคู วรพดู จาสุภาพ มคี วามตรงต่อเวลา มีอารมณ์ขัน มีความสนกุ สนาน ย้มิ แยม้ แจ่มใส
อารมณ์ดี ครคู วรแตง่ กายตามระเบยี บของโรงเรยี น และครูควรใชภ้ าษาไทยอย่างถูกต้อง

จักรแก้ว นามเมอื ง ( ๒๕๕๑ก,หนา้ ๔๘)๑๕ ไดศ้ ึกษาบคุ ลิกภาพของครูที่ดีในทัศนะของนสิ ติ
หลกั สตู รประกาศนยี บตั รบณั ฑิตวิชาชพี ครู มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณร์ าชวทิ ยาลยั วทิ ยาเขต
พะเยา พบว่าบุคลิกภาพทด่ี ีของครู ประกอบดว้ ยบุคลิกภาพ ๔ ดา้ นใหญ่ ๆ จาแนกไดด้ งั นี้

๑. บุคลิกภาพทางกาย ประกอบด้วย ด้านกายภาพ เชน่ รูปรา่ งหนา้ ตา กิริยาอาการ
ลักษณะทา่ ทางทีส่ ง่างาม การแต่งกายท่ีเหมาะสม กิรยิ ามารยาท เปน็ ตน้ ด้านวาจา เช่น การพดู ดว้ ย
ถ้อยคาทถี่ ูกตอ้ ง ชัดเจน เหมาะสม ถูกกาลเทศะ คลอ่ งแคล่ว ไพเราะอ่อนหวาน และพูดจามีสาระมี
เหตุผล ด้านการวางตัว และด้านอิรยิ าบถ

๒. บุคลกิ ภาพด้านอารมณ์ เชน่ การควบคมุ อารมณ์ไดด้ ี ความสนใจผเู้ รียน การมีอารมณ์
ขัน ไมเ่ คร่งเครยี ดจรงิ จงั จนเกินไป มอี ารมณแ์ จ่มใส เบกิ บาน ยมิ้ แย้ม และร่าเรงิ อยู่เสมอ

๓. บคุ ลิกภาพด้านสงั คม เช่น มีความเปน็ ผนู้ า ใหค้ วามร่วมมือกบั ผู้อ่ืน ชุมชน และสงั คม
ความมรี ะเบยี บวนิ ยั สามารถปรับตัวเข้ากบั สงั คมได้ดี มีความอ่อนนอ้ มถ่อมตน มกี ารวางตัวที่
เหมาะสมในสงั คม

๔. บุคลิกภาพดา้ นสตปิ ัญญา เช่น การมปี ฏภิ าณไหวพรบิ ท่ีดี มีความสามารถในการแก้ไข
ปญั หาเฉพาะหน้า มีการตดั สินใจทด่ี ี มคี วามคิดรเิ ริ่มสร้างสรรค์ มคี วามร้รู อบตวั ดี เปน็ คนชา่ งสังเกต
ละเอียดรอบคอบ มคี วามรู้ในรายวิชาทีส่ อน ดา้ นวิจยั คอมพิวเตอร์ และส่ือเทคโนโลยีต่าง ๆ มคี วามรู้
ด้านเทคนคิ การสอน การวัดและประเมนิ ผล รตู้ ามหลักสัปปรุ สิ ธรรม ๗

ชาญชัย อินทรประวัติ ( ๒๕๕๔ ,หน้า ๑)๑๖ ได้แสดงความคดิ เห็นว่า บุคลกิ ภาพทีด่ ีของผู้
ประกอบวชิ าชพี ครู ประกอบดว้ ยบุคลกิ ภาพ ๔ ด้านใหญ่ ๆ จาแนกได้ดงั นี้ คือ

๑. บคุ ลกิ ภาพดา้ นกายภาพ ได้แก่ รูปรา่ งหน้าตา กิริยาอาการ และการแต่งกาย เปน็ ต้น
ครทู ีม่ ีบุคลิกภาพด้านกายภาพเป็นปกติและนา่ ศรัทธา น่านบั ถือ จะมีโอกาสประสบความสาเรจ็ ใน
หน้าท่กี ารงานของความเป็นครู

๒. บุคลกิ ภาพด้านวาจา ได้แก่ การแสดงออกโดยทางวาจา บุคลกิ ภาพ ทางวาจาท่ดี ขี อง
ครู คือถอ้ ยคาทถ่ี ูกต้อง ชดั เจน เหมาะสมกับวุฒิภาวะของลูกศิษย์

๓. บุคลิกภาพด้านสตปิ ญั ญา ได้แก่ การมีไหวพริบทด่ี ี สามารถแก้ปญั หาเฉพาะหนา้ ได้
เหมาะสม มีการตัดสินใจทด่ี ี การมีอารมณ์ขันท่ีเหมาะสม และการสรา้ งอารมณ์ขนั ให้แก่ลกู ศษิ ย์

๔. บุคลกิ ภาพดา้ นอารมณ์ ได้แก่ การควบคมุ อารมณ์ได้ดีไม่แสดงออกซง่ึ ความรู้สึกต่าง ๆ
ได้งา่ ยจนเกนิ ไป ไมว่ า่ จะเป็นอารมณ์ดใี จ เสยี ใจ โกรธ เศร้า หรอื หงดุ หงดิ ราคาญกต็ าม ครูที่มีวฒุ ิ
ภาวะทางอารมณ์ทเ่ี หมาะสมคือครูทม่ี ีอารมณ์ดี ม่นั คง เสมอต้นเสมอปลาย

๕. บุคลกิ ภาพดา้ นความสนใจ ไดแ้ ก่ การมคี วามกระตือรือร้นพรอ้ มที่จะรับรเู้ ร่ืองราวหรือ

๑๕ จักรแก้ว นามเมอื ง, บุคลกิ ภาพของครูทดี่ ี และลกั ษณะการสอนที่ดี ตามทศั นะของนสิ ติ หลกั สูตร
ประกาศนยี บตั รบณั ฑิตวิชาชพี คร,ู เอกสารประกอบรายวิชาจิตวิทยาความเปน็ ครู มหาวทิ ยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์
ราชวทิ ยาลยั วิทยาเขตพะเยา, ๒๕๕๑ก, หน้า ๔๘.

๑๖ ชาญชัย อนิ ทรประวัต,ิ จิตวทิ ยาสาหรับครู ตอนท่สี าม : องคป์ ระกอบของบุคคลผูเ้ ป็นครู,
[Online].Available: http://www.sut.ac.th/tedu/article/psychology๓.htm, ๗ มกราคม ๒๕๕๔.

๙๑

ความรูต้ า่ ง ๆ ของสิง่ แวดล้อมรอบตวั ท่ีหลากหลาย ความสนใจทก่ี วา้ งขวางย่อมเกิดจากประสบการณ์
ที่หลากหลายของบุคคลน้นั ๆ ครทู ีม่ คี วามสนใจใฝ่รกู้ วา้ งขวางจะเป็นครูทสี่ ามารถเลือกใช้คาพูดหรือ
การกระทาให้ถูกใจคนไดห้ ลายลักษณะ

นอกจากนีใ้ นสภาพปจั จบุ ันบุคลิกภาพของครทู คี่ วรให้ความสาคญั อีกประการหน่ึง คือ
คณุ ลกั ษณะความเป็นผนู้ าทางวิชาการของครู ครูท่มี คี วามรู้ความสามารถและแสดงออกให้เห็นวา่ เป็น
ผูม้ สี มรรถนะในด้านการจดั การเรียนการสอน จะเปน็ ท่ียอมรบั ของเพอ่ื นครู นกั เรียน นกั ศึกษา และ
ผู้ปกครอง จนทาให้เกิดกระบวนการพฒั นาอยา่ งมสี ่วนร่วมในองค์กร ซง่ึ ความเป็นผ้นู าท่ีดีของครจู ะทา
ใหเ้ กิดการเปลีย่ นแปลงท่สี าคัญ ๔ ดา้ น คอื ศรทั ธา ความไว้วางใจ สร้างแรงบนั ดาลใจ และยอมรับใน
ความเป็นปัจเจกบุคคล

ความสาคญั ของบุคลิกภาพการเป็นผู้นาของครกู ่อให้เกิดประโยชน์ทส่ี าคัญ ๔ ประการ คือ
๑. บคุ ลิกภาพการเปน็ ผ้นู าของครู จะทาใหค้ รูมสี ว่ นร่วมในการพัฒนาสถานศึกษาเพราะ
ฝา่ ยบรหิ ารไม่สามารถบรหิ ารจดั การการศกึ ษาไดโ้ ดยลาพงั ต้องไดร้ ับความร่วมมือและรว่ มรบั ผดิ ชอบ
ในภารกิจต่าง ๆ จากทกุ ฝ่าย โดยความเป็นผนู้ าของครจู ะเป็นปจั จยั เกือ้ หนุนให้เกดิ ทีมผู้สอนท่ีมีความ
ผกู พนั และเต็มใจในการปฏิบัติการสอนแบบมืออาชพี และเปน็ เครือขา่ ยในการช่วยเหลอื และสง่ เสรมิ
ครูคนอนื่ กลา่ วสนั้ ๆ คอื บคุ ลกิ ภาพการเปน็ ผนู้ าของครู จะเปน็ ปัจจัยสาคญั ต่อการนาวิสัยทัศน์และ
นโยบายของสถานศกึ ษาไปสู่การปฏบิ ัติ
๒. บุคลิกภาพการเปน็ ผนู้ าของครู จะช่วยเพิม่ ศักยภาพเกี่ยวกบั การสอนและการเรียนรู้
การพฒั นาครทู เ่ี นน้ ให้ครูเป็นผูน้ าซึ่งเช่ยี วชาญในการสอนด้านใดดา้ นหนง่ึ จะทาให้ครสู ามารถให้คา
ชี้นาและใหค้ าปรึกษาแก่ครูคนอ่นื ๆ ตลอดจนรว่ มคิด รว่ มปฏบิ ัติ ภารกจิ แบบกลั ยาณมิตร ระหวา่ งครู
ทเ่ี ป็นผู้นาและครูผู้ตาม ช่วยเสรมิ สร้างบรรยากาศการทางานร่วมกัน เพอ่ื นาไปสูค่ วามเชยี่ วชาญดา้ น
การสอน
๓. บคุ ลกิ ภาพการเป็นผนู้ าของครู จะทาใหค้ รมู ีโอกาสกา้ วหนา้ ในวิชาชีพ ครูที่มีภาวะผนู้ า
จะเป็นศนู ย์กลางในการสรา้ งเครือขา่ ย เพื่อพัฒนาความเช่ียวชาญทางการสอนให้ครคู นอื่น ซึง่ ความรู้
และประสบการณ์ของครผู ทู้ ่มี ีความเป็นผูน้ า จะสามารถนาไปปฏบิ ัติไดจ้ ริงเป็นทป่ี ระจักษ์ได้ ครผู ูม้ ี
ความเป็นผนู้ าจงึ มีโอกาสได้รับการยกย่องและเชดิ ชเู กยี รติ และเปน็ สิง่ กระตุน้ ให้ครคู นอื่นเกิดแรงจูงใจ
ในการพฒั นาภาวะผ้นู าของตน ทาให้วงการวชิ าชพี ครูมีครูท่ีมีความสามารถ มคี วามเชี่ยวชาญด้านการ
สอนเพิ่มข้ึน เป็นกาลังสาคัญสาหรับการพฒั นาวิชาชีพครูต่อไป
๔. บคุ ลิกภาพการเปน็ ผู้นาของครู จะเป็นตวั แบบสาหรับผู้เรยี น โดยสถานศึกษาควรใช้
ภาวะผู้นาของครูเป็นศูนย์กลางในการจดั การเรียนรู้ เพื่อให้ผูเ้ รียนไดเ้ หน็ ตวั แบบ โดยเฉพาะใน
สถานศึกษาท่เี นน้ การมสี ว่ นรว่ มและการสื่อสารแบบเปิดเพื่อเตรยี มผู้เรียนสูส่ งั คมประชาธิปไตย
จากการศึกษาคุณลักษณะของบคุ ลกิ ภาพต่างๆ ดงั กลา่ วมาข้างตน้
ผู้เขยี นขอเสนอความคดิ เห็นว่าบคุ ลิกภาพท่ีสาคญั ของผ้ปู ระกอบวิชาชีพครูควรมี ๓ ลักษณะ
คอื บุคลิกลักษณะเฉพาะตนท่ีตอ้ งพฒั นาให้เกิดขนึ้ บุคลิกลักษณะในการรจู้ ักและเข้าใจในตนเอง และ
บคุ ลิกลักษณะในการรู้จักและเขา้ ใจผู้อน่ื ดงั รายละเอียดตอ่ ไปน้ี
๑. บุคลกิ ลกั ษณะเฉพาะตนท่ีตอ้ งพฒั นาใหเ้ กดิ ข้นึ ในผู้ประกอบวิชาชพี ครู ได้แก่ การมี
ปฏภิ าณไหวพริบท่ีดี การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า การตดั สินใจทด่ี ี การมีความคิดรเิ ร่ิมสร้างสรรค์ การ
มคี วามรรู้ อบตวั ดี การกลา้ แสดงออก การแต่งกายสะอาด เรียบร้อย เหมาะสมกับงานและสถานท่ี การ
รักษาความสะอาดของรา่ งกาย การมสี ุขภาพแข็งแรง กระตือรือร้น และการมีความเปน็ มติ ร เป็นต้น

๙๒

๒. บุคลกิ ลกั ษณะในการร้จู ักและเข้าใจในตนเอง ของผู้ประกอบวชิ าชพี ครู ไดแ้ ก่
ความสามารถในการวเิ คราะห์ตนเองไดว้ า่ ตนเป็นใคร มคี ุณค่า มีศักดิศ์ รี มีบทบาทหนา้ ท่ีอยา่ งไร
สามารถมองชวี ติ มองการงาน มองอาชพี ของตนได้อยา่ งถูกตอ้ ง เชน่ การควบคุมอารมณ์ได้ดี การมี
ความสนใจผูเ้ รียน การมีอารมณข์ ัน ไมเ่ ครง่ เครยี ดจริงจังจนเกนิ ไป การมอี ารมณ์แจม่ ใส เบิกบาน ยม้ิ
แย้ม และรา่ เรงิ อยเู่ สมอ เป็นต้น

๓. บุคลกิ ลักษณะในการรจู้ กั และเข้าใจผู้อืน่ ของผปู้ ระกอบวิชาชพี ครู ไดแ้ ก่ ครูต้องเข้าใจ
ธรรมชาติของมนุษยใ์ นสงั คมว่ามพี ฤตกิ รรม มปี ฏสิ มั พันธ์ต่อกันอย่างไร เพ่ือช่วยให้ตนสามารถทางาน
ร่วมกบั ผอู้ ื่นไดอ้ ยา่ งบรรลุผล เชน่ การแสดงออกทางวาจา บุคลิกภาพทางวาจาท่ดี ีของครูคือ การใช้
ถ้อยคาทถี่ ูกตอ้ ง ชัดเจน เหมาะสมกับวฒุ ิภาวะ การพดู ให้กาลังใจ การเป็นผู้นา การให้ความร่วมมือกับ
ผูอ้ นื่ ชมุ ชน และสังคม ความมรี ะเบียบวนิ ัย สามารถปรับตัวเขา้ กับสงั คมได้ดี มีความอ่อนน้อมถ่อมตน
มกี ารวางตวั ที่เหมาะสมในสงั คม เปน็ ตน้

บุคลิกภาพพนื้ ฐานของผู้ประกอบวิชาชีพครูพึงยดึ ถือปฏิบตั ิ

เม่ือพิจารณาในด้านบคุ ลิกภาพพน้ื ฐานของผู้ทจ่ี ะประกอบวิชาชพี ครพู งึ ยึดถือปฏิบตั ิและ
ฝกึ ฝนตนเองให้ปฏิบัติได้อย่างถูกต้องเหมาะสมจนกลายเปน็ นสิ ยั ประจาตัว สามารถจาแนกได้ ๔ ดา้ น
คือบคุ ลิกภาพทางกาย บคุ ลกิ ภาพทางสงั คม บุคลกิ ภาพทางอารมณ์ และบุคลิกภาพทางสติปัญญา มี
รายละเอยี ดดังตอ่ ไปน้ี

บคุ ลิกภาพทางกาย

บุคลิกภาพทางกายเป็นบคุ ลิกภาพท่ีสามารถสังเกตเหน็ ได้ง่าย และเป็นส่งิ ท่ีปรากฏต่อบุคคล
ท่วั ไป ประกอบด้วยบุคลิกภาพทางด้านรปู ร่าง หนา้ ตา การแตง่ กาย กิรยิ ามารยาท ซง่ึ ผู้ประกอบ
วิชาชีพครพู ึงปฏบิ ัติ ดงั น้ี

๑. รปู รา่ ง หนา้ ตา ผวิ พรรณ บุคลิกภาพสว่ นนีเ้ ปน็ มาโดยกาเนดิ อาจแกไ้ ขได้ยาก แต่
สามารถปรบั ปรงุ พัฒนาได้ตามสมควร ผู้เปน็ ครูไม่ว่าจะมีรูปรา่ งหนา้ ตาอยา่ งไร ส่ิงสาคญั คอื ความ
สะอาด สดใส ความแข็งแรง ความกระฉับกระเฉง สมบูรณ์ปลอดจากโรค ไม่เป็นทาสสง่ิ เสพตดิ โดยผู้
ประกอบวิชาชีพครูต้องดูแลสุขภาพตวั เองให้สดชืน่ แขง็ แรงอยู่เสมอ

๒. การแตง่ กาย การแตง่ กายช่วยเสรมิ บคุ ลกิ ภาพทางกายของครใู ห้ดูดี การแต่งกายท่ดี ไี ม่
จาเป็นต้องเกิดจากการสวมใส่เส้ือผ้าราคาแพง เพยี งแตด่ ูแลซกั รดี ให้สะอาด แบบเสื้อผา้ เรียบรอ้ ย
เหมาะสมกบั รปู ร่าง การแต่งกายที่ดีนอกจากช่วยเสริมสร้างบคุ ลกิ ภาพท่ีดีแลว้ ยงั ส่งผล ต่อจิตใจ ทา
ให้เกดิ ความมน่ั ใจตนเอง นอกจากนีก้ ารแต่งกายของครูเป็นสง่ิ แรกที่ศิษย์หรือ ผู้ปกครอง หรือผอู้ ่ืน
มองเห็น และมผี ลต่อการสร้างเจตคติที่ดตี ่อตัวครู การแตง่ กายทเี่ หมาะสมกบั บคุ ลกิ ภาพจึงควร
คานึงถึงเง่อื นไขคอื แต่งกายให้เหมาะสมกับกาลเทศะ ความนยิ มของชุมชนสงั คมทอี่ าศยั อยู่

๓. กิริยามารยาท บคุ ลิกภาพด้านนี้เป็นความประพฤติและการปฏิบตั ิทบ่ี คุ คลแสดงออกตอ่
บุคคลต่าง ๆ ทางสงั คม กริ ิยามารยาทท่ีดี ได้แก่ การวางตัวใหถ้ ูกกาลเทศะ เหมาะสมกบั บคุ คล ท่ีมี
ปฏสิ มั พันธด์ ้วย โดยมีความสุภาพเป็นพ้ืนฐานสาคัญ กริ ิยามารยาทของครู อาจแบ่งออกเป็น การ
แสดงออกต่อบุคคล ๓ กลุ่ม คือ กลมุ่ บคุ คลที่มีศักดิ์สูงกว่า ไดแ้ ก่ ผู้บงั คับบญั ชา ครทู ่ีมีอาวโุ สกว่า
ผู้ปกครองนักเรียน เป็นตน้

๙๓

ครคู วรวางตัวโดยยดึ ขนบธรรมเนียมและวัฒนธรรมไทย คอื การมีสัมมาคารวะ ความอ่อน
น้อมถ่อมตน ความสุภาพ กลุ่มบุคคลที่มีศักด์ิเสมอกนั ได้แก่ เพ่ือนครู เพือ่ นตา่ งอาชีพครูควรวางตวั ให้
อย่ใู นขอบเขตท่ไี มล่ ะเมิดลว่ งลา้ สิทธสิ ว่ นบคุ คล โดยมกี ริ ิยามารยาทสุภาพต่อกนั มคี วามเป็นกนั เอง ไม่
ยกตนข่มท่าน ให้เกยี รตซิ ึง่ กันและกนั และกลมุ่ บุคคลที่มีศกั ดติ์ ่ากวา่ ได้แก่ ศษิ ยบ์ คุ ลากรในโรงเรยี น
ตลอดจนเพื่อนครูที่อ่อนอาวโุ สกว่า ครูควรวางตวั โดยใหค้ วามเมตตา มีความปรารถนาดี ไมโ่ อ้อวด
ขม่ ขู่ วางอานาจ เปน็ ต้น

บคุ ลกิ ภาพทางสงั คม

บคุ ลกิ ภาพทางสังคมเปน็ บคุ ลิกภาพท่แี สดงออกปรากฏแก่สายตาของบุคคลทั่วไป เปน็ ผลจาก
บคุ ลกิ ภาพภายในของบุคคลนั้น บุคลิกภาพทางสังคมของครู ไดแ้ ก่

๑. มารยาทที่ดี มารยาทนอกจากเป็นบุคลกิ ภาพทางร่างกายแล้ว ยงั เปน็ บคุ ลิกภาพทาง
สงั คมท่สี าคัญที่สุดของครดู ้วย มารยาททด่ี ี ได้แก่ การมสี มั มาคารวะ เจรจาไพเราะอ่อนหวาน ความ
ออ่ นน้อมถ่อมตน ความรูจ้ ักทักทาย ความสารวมระวงั เปน็ ตน้

๒. ความรบั ผิดชอบ เป็นบุคลิกท่ชี ่วยให้บุคคลไดร้ ับความเช่ือถือจากผคู้ นและสังคม ความ
รับผดิ ชอบชว่ ยควบคุมพฤติกรรมของบุคคลให้ปฏิบัตหิ น้าที่ได้ผลสาเรจ็ ครูทมี่ คี วามรับผดิ ชอบจะเปน็
ที่นบั ถือของศษิ ย์และผ้ทู ี่มคี วามเกย่ี วข้อง

๓. ความซื่อสตั ย์ เปน็ บุคลกิ ภาพท่ชี ่วยสร้างเสริมเกยี รติยศและความเล่ือมใสให้กบั บุคคล ผู้
ทจี่ ะประกอบวิชาชีพครูควรเปน็ บคุ คลทีม่ ีความซ่ือสัตย์ทั้งต่อตนเองและต่อหนา้ ท่ีการงาน เพอ่ื ชว่ ยให้
งานในหน้าทลี่ ุลว่ ง และไดร้ ับความไวว้ างใจเช่อื ถือจากศิษย์และผูเ้ ก่ียวข้อง

๔. ความจริงใจ เปน็ บุคลิกภาพทีม่ ีความสาคญั ตอ่ การทาหน้าท่ีของครู ครทู ี่ทาการสอน
อย่างจริงใจจะมคี วามจริงจังน่าเชือ่ ถอื นอกจากน้ีความจริงใจจะชว่ ยใหค้ รูมีมิตรแท้ ไดร้ บั ความ
ไวว้ างใจจากเพือ่ นและศิษย์ตลอดจนผู้มีความเกีย่ วขอ้ ง

๕. ความรจู้ กั ผ่อนปรน เปน็ บุคลิกภาพท่ีช่วยประสานความรูส้ ึกทดี่ ตี ่อกัน ชว่ ยรกั ษานา้ ใจ
ชว่ ยทาใหก้ ารทางานเป็นกลุ่มประสบความราบรืน่ ก่อใหเ้ กิดความรว่ มมือระหว่างกนั เพื่อประโยชนแ์ ก่
ศษิ ย์และสถานศึกษา นอกจากนี้การท่ีครมู ีบคุ ลิกภาพทร่ี จู้ ักผ่อนปรน ชว่ ยทาใหน้ กั เรียนรู้สึกผ่อนคลาย
กล้าทจ่ี ะใกล้ชดิ ครู

๖. ความมีมนุษยสัมพนั ธ์ เป็นบคุ ลกิ ภาพท่ีมองคนอน่ื ในแง่ดี มคี วามกระหายท่จี ะตดิ ต่อ
รว่ มมอื ประสานงานกบั บุคคลอืน่ ประเมนิ ผู้อน่ื ด้วยความช่ืนชม มองเห็นคุณคา่ และศักยภาพของผู้อื่น
เคารพในทศั นะท่ีแตกตา่ งของบุคคลอืน่ โดยมคี วามเขา้ ใจในธรรมชาติของบุคคลว่าอาจมีความเหมือน
หรือแตกต่างกนั เขา้ ใจความสัมพนั ธก์ ับผู้อื่นวา่ มีความเกย่ี วขอ้ งอย่ใู นระดับใด เข้าใจภูมหิ ลงั ของผู้มา
เกย่ี วข้องและเขา้ ใจพฤติกรรมโต้ตอบของบคุ คลอ่นื และสามารถ มพี ฤติกรรมโต้ตอบบุคคลอืน่ ได้อยา่ ง
เหมาะสม

บคุ ลิกภาพทางอารมณ์

บคุ ลกิ ภาพทางอารมณเ์ ป็นบุคลกิ ภาพภายในที่อาจแสดงออกมาใหเ้ ห็นหรือไม่ก็ได้ บคุ ลกิ ภาพ
ทางอารมณ์ของครูท่คี รูพงึ มี ได้แก่

๑. อารมณ์ดี เป็นบคุ ลิกภาพท่ีเปน็ องคป์ ระกอบท่ีทาให้ครูเป็นคนน่ารัก ทาให้นกั เรยี นมี
ความกลา้ และพอใจท่จี ะเข้ามาพบครูเพื่อปรึกษาหารือปัญหาของตน ครูทม่ี ีอารมณ์ดีส่งผลทาให้ครู มี
สขุ ภาพจติ ดี ไม่เครง่ เครียดกับชีวิตและการงานมากจนเกนิ ไป

๒. อารมณ์ขนั เป็นบุคลิกภาพทีช่ ่วยให้ครูสรา้ งบรรยากาศในการสอนให้นา่ เรียนรู้แก่

๙๔

ผู้เรียนมากขึ้น อกี ทั้งช่วยสรา้ งความสนุกสนาน ความสนทิ สนมแกผ่ ้อู ื่น เป็นการชว่ ยสร้างบรรยากาศ
ของความเปน็ มติ ร ความเป็นกนั เอง ทาให้ครมู ีบคุ ลกิ ภาพที่มชี วี ิตชวี าน่าคบหาสมาคม

๓. อารมณ์เยน็ เปน็ บุคลิกภาพที่ช่วยให้ครูมีความอ่อนโยน ไมว่ ู่วามในการแก้ปัญหา ช่วย
ให้ครมู คี วามอดทนในการส่งั สอนศิษย์และการทาหน้าท่อี นื่ ๆ ไดอ้ ย่างมีประสทิ ธิภาพ

๔. ความฉลาดทางอารมณ์ เป็นบุคลิกภาพทางด้านอารมณ์และสตปิ ัญญา ครทู ี่สามารถ
ควบคุมอารมณต์ นเองไดด้ ี ส่งผลให้เปน็ ผูม้ ีความมั่นคงทางอารมณ์ ทาให้ครเู ป็นที่ยอมรับของบุคคลอ่นื
ๆ ทางสงั คม และความมน่ั คงทางอารมณ์เป็นบุคลิกภาพทม่ี ีความสาคัญของผูป้ ระกอบวิชาชีพครู
เน่อื งจากวชิ าชีพนเ้ี ปน็ วิชาชพี ทตี่ อ้ งพบปะผ้คู นจานวนมากและมีความหลากหลาย

บุคลกิ ภาพทางสตปิ ัญญา

บุคลกิ ภาพทางดา้ นสติปญั ญาเป็นเร่อื งท่ีเกย่ี วข้องกบั สมองและพันธุกรรมท่ีไดร้ ับการถ่ายทอด
จากบรรพบุรษุ อยา่ งไรก็ตาม การศกึ ษาและสภาพแวดล้อมชว่ ยพฒั นาเพ่ิมประสิทธภิ าพของ
สติปญั ญาได้ บุคลกิ ภาพทางสตปิ ญั ญาของครูข้ึนอยู่กับพฤติกรรม การใชช้ วี ติ ของครู หากครูใชเ้ วลาใน
ชวี ิตประจาวนั ในการแสวงหาความรู้ใหม่ ๆ อยูเ่ สมอ ยอ่ มเปน็ ผู้ได้เปรยี บในการแก้ปัญหาต่าง ๆ เป็นผู้
ใฝ่เรยี นใฝ่รู้ ซึง่ เป็นคณุ ลักษณะทจี่ าเป็นต่อการอย่ใู นสงั คมแหง่ การเรยี นรู้ในยุคปัจจบุ นั อย่างไรก็ตาม
บุคลิกภาพมีความสาคัญทงั้ ในด้านส่วนตัวและดา้ นวิชาชพี ตอ่ ผูป้ ระกอบวิชาชีพครู และบุคลิกภาพ
พื้นฐานท่ีผ้ปู ระกอบวชิ าชพี ครพู งึ ยดึ ปฏิบตั ทิ ้งั ๔ ดา้ น คือ ดา้ นร่างกาย ดา้ นสังคมด้านอารมณ์ และ
ดา้ นสตปิ ญั ญา ซ่งึ ผู้ประกอบวชิ าชพี ครูเมื่อไดป้ ฏบิ ัตแิ ล้วยอ่ มเปน็ ผูม้ บี ุคลิกภาพที่ดเี ป็นท่ีชื่นชอบของ
ศิษย์ ของผปู้ กครองและผทู้ ี่เก่ียวข้องทั้งปวง ส่งผลใหค้ รูมสี มั พนั ธภาพทด่ี ีตอ่ สังคมเป็นที่เคารพนับถอื
แก่ผ้พู บเหน็ และสง่ ผลดีตอ่ ภาพรวมของวชิ าชพี ครูด้วย

บคุ ลิกภาพของครใู นศตวรรษที่ ๒๑

จากสภาพการเปล่ียนแปลงของสงั คมโลกปจั จุบนั ครูต้องปรบั เปลย่ี นบคุ ลิกภาพของตนเองให้
เหมาะสมแก่ศิษย์ เช่น การมีภาวะผู้นาทางวชิ าการ การตัดสนิ ใจในสถานการณ์โลกให้ทนั ตอ่ เหตกุ ารณ์
ทีเ่ ปล่ยี นแปลงอย่างรวดเร็ว เพอื่ จดั กระบวนการเรียนรเู้ พื่อศษิ ย์ บคุ ลิกภาพจงึ เปน็ ส่งิ ที่สาคญั
เนอื่ งจากบุคลิกภาพเปน็ ส่ิงแรก ๆ ทม่ี ผี ลกระทบหรือปะทะกบั คนอนื่ ฉะนั้นครูปัจจบุ ัน ควรใสใ่ จใน
องคป์ ระกอบของบุคลกิ ภาพในดา้ น ตา่ ง ๆ เชน่ ความกระตอื รอื ร้น ความมีชีวติ ชวี า ความมีรสนิยม
เหมาะสม ความสะอาด ความเปน็ ผมู้ วี ัฒนธรรม ความเปน็ ผนู้ า และความเปน็ มติ รไมตรี เป็นต้น

จากการศึกษาเรอื่ งครูดใี นทัศนะของเดก็ โดย จาเนียร น้อยท่าช้าง (๒๕๕๑, หน้า๑)๑๗ พบวา่
บคุ ลิกภาพของครทู ่ดี ี คือ ครคู วรมคี วามสงบเสงี่ยม ตอ้ งระมัดระวงั ในการวางตวั เสมอ ครคู วรแตง่ กาย
เรยี บร้อย ไม่แต่งกายนาสมยั ใช้เคร่อื งสาอางแต่พอประมาณ พูดจาไพเราะ นมุ่ นวลอย่เู สมอ ครูควร
พดู เสียงดัง มีอารมณ์เย็น เปน็ กนั เองกับ ผเู้ รียนและมอี ารมณข์ นั บา้ ง มีสุขภาพแข็งแรงท้ังทางด้าน
จิตใจและทางด้านรา่ งกาย มีลกั ษณะเปน็ ผ้นู า และเป็นผู้ทพ่ี ึ่งพงิ ได้

จากปาฐกถาพเิ ศษ เรอื่ ง “การพฒั นาคุณภาพการจัดการศึกษาระดับปฐมวยั ” ในงาน
ครบรอบ ๗๐ ปี สาธติ ละอออุทศิ ที่อาคารรกั ตะกนษิ ฐ สรปุ ไดว้ ่า ครูคือผทู้ ่ีสาคัญอยา่ งย่ิงในการพัฒนา
การศึกษาเพราะเด็ก จะเติบโตไปเปน็ ผทู้ ีม่ ีคุณภาพอย่างไรกเ็ กิดจากครูที่จะพฒั นาเดก็ แตล่ ะคนอย่าง

๑๗ จาเนียร นอ้ ยทา่ ชา้ ง, ปรชั ญาและคุณธรรมสาหรบั ครู และลักษณะครทู ด่ี ี, [Online].Available:
http://www.kroobannok.com/๒๖๐๑,๒๕๕๑, ๑๑ มกราคม ๒๕๕๑, หน้า ๑.

๙๕

เหมาะสมเน่ืองจากเด็กมลี กั ษณะท่ีแตกตา่ งกันจะใชว้ ิธีเดียวกันในการพฒั นาไม่ได้ ดงั นน้ั ครปู ฐมวัย
จาเปน็ ต้องรจู้ กั การพฒั นาตนเองอยูเ่ สมอ ทัง้ เรอ่ื งบุคลกิ ภาพ และการสอน โดยตอ้ งมีคุณสมบัติสาคญั
คอื หน้าตาดีบคุ ลกิ ภาพดี และมีความกระตือรือร้น ซึง่ ส่ิงเหล่านีจ้ ะช่วยให้เดก็ ทเี่ ข้ามาเรียนมคี วามสขุ
และไดร้ ับการพัฒนาตามวยั อย่างถกู ต้อง (ศโิ รจน์ ผลพันธิน, ๒๕๕๔, หนา้ ๑)๑๘

สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน (๒๕๕๓ ,หนา้ ๑๗)๑๙ ไดก้ าหนดในคมู่ ือ
เส้นทางครูมืออาชพี สาหรับครูผู้ช่วยว่า บคุ ลกิ ภาพของครทู ี่สาคญั ในปัจจุบัน คือ ลกั ษณะทา่ ทางท่ี
สภุ าพเรยี บรอ้ ยการแต่งกายสะอาด พูดจาไพเราะ มลี ักษณะเป็นผู้นา มีความรูด้ ี มคี วามคดิ สร้างสรรค์
เช่ือมั่นในตนเองการสอนดี และปกครองดี มีความประพฤติดี และมีมนุษย์สัมพันธ์ดี เปน็ ตน้

ศาสตราจารย์วิจารณ์ พานิช ได้เสนอทศั นะว่า ครูในยคุ ศตวรรษท่ี ๒๑ควรเป็นครูเพ่ือศิษย์ ครู
ต้องมบี ุคลกิ ภาพทเี่ ข้มแขง็ ตระหนักและเชือ่ มัน่ ในการทาความดอี ย่างสมา่ เสมอท้งั ต่อบุคคลและสังคม
มีความเปน็ ผู้นาท่ปี ระกอบดว้ ยความไม่เห็นแก่ตวั (มหาวิทยาลยั สงขลานครินทร์, ๒๕๕๔, หน้า ๑)๒๐

จากงานวจิ ยั ของผ้เู ขียน (อบุ ล เลี้ยววาริณ, ๒๕๕๔ก,หน้า ๓๙-๔๐)๒๑ ทศี่ ึกษาบุคลกิ ภาพของ
ครใู นศตวรรษท่ี ๒๑ ตามความคาดหวงั ของนกั ศึกษามหาวิทยาลยั ราชภฏั สวนสุนันทาจานวน ๓๘๔
คน โดยการศึกษาเก่ียวกับบคุ ลิกภาพใน ๓ ดา้ น คือ บุคลิกภาพทางด้านกาย บคุ ลิกภาพทางดา้ นวาจา
และบุคลิกภาพทางดา้ นจิตใจ พบผลวจิ ยั ว่า นักศึกษาคาดหวังวา่ บุคลิกภาพของครูทางด้านกาย
ทางดา้ นวาจา และทางดา้ นจิตใจยงั คงมีความสาคัญมาก โดยมรี ายละเอยี ด ดังนี้

ประการที่ ๑ บุคลกิ ภาพของครใู นศตวรรษท่ี ๒๑ ทางด้านกาย นกั ศกึ ษาคาดหวงั วา่ ครตู อ้ ง
รู้จักกาลเทศะในระดบั มากทีส่ ุด ส่วนบุคลกิ ภาพทางด้านกายที่นกั ศึกษาคาดหวงั ในระดับมากมี ๖ ขอ้
คือ ๑) ครูต้องวางตนเป็นกลาง ยตุ ธิ รรม ๒) ครคู วรมีลกั ษณะท่าทางการแสดงออกทด่ี ี ๓) มีความเป็น
มิตร ๔) แต่งกายสภุ าพเปน็ แบบอยา่ งได้ ๕) วางตวั เหมาะสมเข้ากับบุคคลทุกชนชั้น และ ๖) มีสขุ ภาพ
พลานามยั ท่ดี ีตามลาดับ

ประการที่ ๒ บุคลิกภาพของครูในศตวรรษท่ี ๒๑ ทางดา้ นวาจา นักศกึ ษาคาดหวังว่าครตู ้องมี
ทักษะในการสื่อสารถา่ ยทอดความร้แู กผ่ เู้ รยี นในระดบั มากที่สดุ ส่วนบุคลกิ ภาพทางด้านวาจาที่
นกั ศึกษาคาดหวังในระดับมากมี ๔ ข้อ คอื ๑) การร้จู กั พูดในเชงิ บวกและการพูดใหก้ าลังใจผู้อ่ืน ๒)
การเปน็ ผฟู้ ังทดี่ ี ๓) ความสามารถเลอื กใช้คาพูดที่เหมาะสมกับสถานการณ์และสถานที่ และ ๔)
สามารถวพิ ากษว์ จิ ารณ์เพอ่ื สร้างสรรค์ ตามลาดับ

ประการที่ ๓ บคุ ลิกภาพของครใู นศตวรรษที่ ๒๑ ทางด้านจิตใจ นักศกึ ษาคาดหวงั วา่ ครูต้องมี
ความรบั ผิดชอบและใจกวา้ งยอมรบั ฟงั ความคาดหวังท่ีแตกต่างในระดับมากท่ีสุด ส่วนบคุ ลิกภาพ

๑๘ ศิโรจน์ ผลพนั ธนิ , มสด.กาหนดคณุ สมบัติ "ครูปฐมวัยยคุ ใหม่" ตอ้ งสวยและหุน่ ดี, [Online].
Available: http://www.manager.co.th/Campus/ViewNews.aspx?NewsID=๙ ๕๔๐๐๐๐๐๓๓๐๐๖,
๑๙ มีนาคม ๒๕๕๔, หนา้ ๑.

๑๙ สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน, คมู่ อื เสน้ ทางครูมืออาชีพสาหรบั ครูผ้ชู ว่ ย, (กรุงเทพฯ:
สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร, ๒๕๕๓), หน้า ๑๗.

๒๐ มหาวทิ ยาลยั สงขลานครนิ ทร,์ ครเู พอ่ื ศิษย์ ตอ่ ยอดความคดิ ศาสตราจารย์ดร. วิจารณ์ พานชิ ,
[Online]. Available: http://file.portal.in.th/uzumakibenz/e-book/TFS.pdf, ๘ มีนาคม ๒๕๕๔,
หน้า ๑.

๒๑ อบุ ล เลยี้ ววารณิ , รายงานการวจิ ัยเร่อื ง คุณลักษณะครูในศตวรรษท่ี ๒๑ ตามความคาดหวังของ
นักศึกษา, (กรุงเทพฯ : คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฎั สวนสนุ ันทา,๒๕๕๔ก), หนา้ ๓๙-๔๐.

๙๖

ทางดา้ นจติ ใจท่นี ักศึกษาคาดหวงั ในระดับมากมจี านวน ๑๑ ข้อ คือ ๑) มีความจรงิ ใจต่อผอู้ ืน่ ๒) เป็น
ผนู้ าในการแก้ปัญหาได้ ๓) มีสมั พันธภาพทดี่ ีกับผ้อู ่นื ๔) มคี วามรอบร้เู ท่าทันเหตุการณแ์ ละความ
เปลี่ยนแปลง๕) มคี วามกระตือรือร้น คลอ่ งแคลว่ ๖) เปน็ ผู้สุขมุ รอบคอบ ๗) มคี วามยืดหยุ่นและ
ประนปี ระนอม ๘)เอาใจใส่ เอื้ออาทรต่อผู้อ่นื ๙) ควบคุมอารมณ์ให้มัน่ คง หนกั แน่นไม่หวั่นไหวง่าย
๑๐) มีความถ่อมตนและ ๑๑) มีอารมณข์ ัน ตามลาดับ

จากการเปรียบเทยี บระดับความคาดหวงั ของนักศึกษาทีเ่ รยี นครใู นคณะครุศาสตรก์ บั
นกั ศึกษาที่ไม่ได้เรียนครูในคณะอืน่ ๆ เก่ยี วกับบุคลกิ ภาพของครูดา้ นกาย ด้านวาจา และดา้ นจติ ใจ
พบวา่ แตกต่างกนั อยา่ งมนี ยั สาคัญทางสถิตใิ นทุกข้อดงั กลา่ วขา้ งต้น โดยนักศึกษาคณะครศุ าสตรม์ ี
ความคาดหวงั เก่ยี วกบั บคุ ลิกภาพทีด่ ีของครูท้งั ดา้ นกาย ด้านวาจา และด้านจติ ใจ สูงกว่านักศกึ ษา
คณะอื่น ๆ ซึ่งผล

วิจยั สว่ นน้ีเป็นสัญญาณทดี่ ที ่แี สดงวา่ นักศกึ ษาครใู นปัจจบุ นั มีความตระหนักในความสาคัญ
ของบุคลิกภาพท่มี ตี ่อการประกอบวิชาชีพครูในศตวรรษที่ ๒๑ นี้ ทาให้หวงั ไดว้ ่าครูในประเทศไทยใน
อนาคตจะมีบุคลกิ ภาพด้านกาย ดา้ นวาจา และด้านจติ ใจ ท่ีดซี งึ่ จะสง่ ผลดีต่อวิชาชพี สบื ไป

กระบวนการพฒั นาบคุ ลิกภาพครู

การพัฒนาบุคลกิ ภาพ หมายถึง การปรบั ปรงุ แกไ้ ขและฝึกฝนพฤติกรรมทั้งภายนอกและ
ภายในของบุคคลให้มีคณุ ลักษณะท่ีเหมาะสมสาหรับบคุ คลทจ่ี ะประกอบวชิ าชพี ครู การมบี คุ ลกิ ภาพท่ี
ดีย่อมเป็นที่ช่นื ชอบ สรา้ งความรกั ความศรัทธา แก่ศษิ ย์ เพอ่ื นครู ตลอดจนผปู้ กครองและบุคคลอ่นื ที่
ครูติดตอ่ ประสานงานเกย่ี วข้องกัน การพัฒนาบุคลกิ ภาพจึงเปน็ เรอื่ งสาคญั ที่ต้องมีการดาเนินการ
ใหแ้ กผ่ ปู้ ระกอบวชิ าชพี ครทู ุกคน

การพัฒนาบุคลกิ ภาพของผปู้ ระกอบวชิ าชพี ครู ควรเรม่ิ จากการวเิ คราะห์ถงึ ลักษณะเฉพาะ
ของผปู้ ระกอบวิชาชีพครู หรอื ผทู้ ก่ี าลงั จะเปน็ ครูแต่ละบคุ คลวา่ มคี วามเหมาะสมกับความเป็นครูมาก
น้อยเพียงใด มีข้อบกพร่องดา้ นใด แลว้ หาทางปรับปรงุ แก้ไขพฤติกรรมบางอย่างเพื่อให้เหมาะสมกบั
ความเป็นครูมากยง่ิ ขึน้ เชน่ ลกั ษณะการพูด ครมู นี ้าเสียงแจ่มใส ฟังไดช้ ัดเจน พดู สุภาพเหมาะสมกับ
กาลเทศะหรือไม่ ถา้ ไม่เหมาะสม ก็พยายามหาทางปรบั ปรุงแกไ้ ข

การพฒั นาบุคลิกภาพของครู ควรกระทาอยา่ งตอ่ เน่ืองและสมา่ เสมอท้ังบุคลิกภาพทางกาย
สังคม อารมณ์ และสติปัญญา โดยอาศยั กระบวนการพัฒนาบุคลกิ ภาพท่ีมี ๔ ข้นั ตอน ซึ่งสามารถสรปุ
เป็น ภาพท่ี ๔.๑ ดงั นี้

ขน้ั สารวจและ
วิเคราะห์ตนเอง

ขัน้ ประเมนิ ตนเอง ขนั้ การปรบั ปรงุ
ตนเอง
ตนเอง

๙๗

ขนั้ ฝกึ ฝน
ตนเอง

ภาพที่ ๔.๑ ขนั้ ตอนการพฒั นาบุคลกิ ภาพ

ขนั้ ตอนท่ี ๑ ขัน้ การสารวจและวิเคราะหต์ นเอง

ข้นั ตอนนเ้ี ปน็ การสารวจตรวจสอบตนเองวา่ มสี ่วนใดดี สว่ นใดบกพร่อง การวิเคราะห์ตนเอง
สามารถทาได้หลายวธิ ี เช่น การพิจารณาใครค่ รวญ ตรวจสอบตนเอง การใหบ้ ุคคลอนื่ ทีใ่ กลช้ ิด
วพิ ากษ์วจิ ารณ์อย่างเปิดเผย ตรงไปตรงมา และตัวเราต้องยอมรับคาวิพากษ์วจิ ารณน์ นั้ ด้วยความเต็ม
ใจการสารวจตนเองและวิเคราะหต์ นเองนัน้ ควรกระทาใน ๔ ดา้ น ดงั นี้ คือ

๑. ด้านรา่ งกาย ใหส้ ารวจตรวจสอบตนดา้ นการแต่งกาย กิริยามารยาท ทั้งการยนื การ
เดิน การนั่ง การพดู การรับประทานอาหาร ว่ามีความเหมาะสมกบั กาลเทศะ สถานที่ และเวลา

๒. ด้านสังคม ให้สารวจตรวจสอบพฤติกรรมของตนทปี่ รากฏในสงั คม เช่น การมมี ารยาท
ทางสังคม ความรบั ผิดชอบ ความมมี นุษยสมั พนั ธ์ ความรูจ้ ักผ่อนปรนว่ามีมากน้อยเพยี งใด

๓. ดา้ นอารมณ์ ให้สารวจตรวจสอบตนดา้ นความสามารถในการควบคุมอารมณใ์ หม้ นั่ คง
ความฉลาดทางอารมณ์ การเป็นผู้มอี ารมณด์ ี อารมณข์ นั มากน้อยเพียงใด

๔. ดา้ นสตปิ ัญญา ให้สารวจตรวจสอบตนว่ามีการแสวงหาความรูใ้ หม่ ๆ อยเู่ สมอ หรือไม่
สามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้หรือไม่ มีความรอบรู้ ทันขา่ วสารเหตกุ ารณ์ปัจจบุ ันหรอื ไม่

การพฒั นาบุคลิกภาพในขน้ั ตอนการสารวจและวิเคราะห์ตนเองน้ี สามารถใช้แนวคดิ ทฤษฎี
ตัวตน ของคาร์ล โรเจอร์ เพ่ือให้เรารู้จักตนเองมากขึน้ เนอื่ งจากพฤตกิ รรมของแตล่ ะบคุ คลนั้นมคี วาม
ซบั ซอ้ นและแตกตา่ งกนั ออกไปตามสถานการณ์ บางบคุ คลจึงไมท่ ราบบุคลิกภาพทีแ่ ทจ้ ริงของตนเอง
การพัฒนาบุคลิกภาพตามทฤษฎีของคาร์ล โรเจอร์ ตอ้ งเร่ิมจากรบั รู้ตนเองให้ถูกต้องก่อน ใหม้ อง
ตนเองอยา่ งถูกต้องเป็นจริง นาขอ้ ดีของตนมาใชใ้ ห้เกดิ ประโยชน์สูงสุด แก้ไขขอ้ บกพร่อง หรอื ถ้ายงั ไม่
พร้อมท่จี ะแก้ไข กใ็ หร้ บั รู้และหลีกเล่ียงทจ่ี ะเกดิ ข้อบกพร่องนน้ั ให้นอ้ ยท่ีสดุ ตามทฤษฎกี ล่าวไว้ว่า
บุคคลที่มปี ระสบการณไ์ ดร้ ับการเล้ยี งดจู ากครอบครัวที่ พ่อแมใ่ ห้ความรกั กบั ลูกโดยปราศจากเงื่อนไข
จะมีตัวตนทง้ั สามตรงกันค่อนขา้ งสูง แต่บคุ คลท่ีได้รบั การเลี้ยงดู ในวัยเดก็ ทีต่ ่างกนั การมองยอ้ นไปใน
อดตี แลว้ นามาปรับปรุงแก้ไขตนเองในปัจจุบนั กส็ ามารถช่วยได้เช่นกนั

วธิ ีการสารวจและวิเคราะหต์ นเอง
๑. การสารวจตวั ตนท่ีตนมองเหน็ (self concept) เปน็ การรวบรวมขอ้ มลู ตวั ตนตามที่
ตนมองเหน็ ออกมา ซ่งึ อาจจะจดบันทกึ ข้อมลู ไว้ตามที่นึกได้ ไม่จาเป็นต้องนกึ ใหห้ มดในคร้งั เดียว
เพราะบางทีเราก็ลมื เรอ่ื งบางอย่างของตนเอง พยายามย้อนมองตนตามทเี่ ราเคยเหน็ วา่ ตนเองเปน็
อยา่ งไรมาก่อน ไมจ่ าเป็นต้องปรบั เปลยี่ น เพื่อให้ไดข้ ้อมลู ท่ีแท้จรงิ ที่สดุ เริม่ จากมองดูรูปร่างหน้าตา
ภายนอก ลักษณะนสิ ัยทั่วไปของตวั เอง เช่น การพดู ลกั ษณะนสิ ัยเวลาเข้าสงั คม อาจจะแยกดว้ ยวา่
สงั คมทท่ี างาน สังคมเพ่ือน เพราะคนหลายคนในแตล่ ะกลมุ่ แต่ละสถานการณ์อาจจะแสดงไม่
เหมอื นกนั เชน่ ปกติขอี้ าย แต่พอเข้ากลุ่มเพ่ือนแลว้ พดู เก่ง ฯลฯ
๒. การสารวจตัวตนตามที่เป็นจรงิ (real self) เป็นการรวบรวมข้อมูลตัวตนตาม

๙๘

ข้อเทจ็ จรงิ ข้อมูลคล้ายกบั ตนทมี่ องเห็น แตเ่ ป็นส่ิงที่ยากเพราะบางคนอาจจะเข้าข้างตนเอง ไมย่ อมรบั
ตามท่เี ปน็ เพราะร้สู กึ ดอ้ ยกว่าคนอื่น วธิ ีทีช่ ว่ ยไดน้ อกจากตนเองมองตนเองแลว้ อาจจะสังเกตจากท่ี
คนอนื่ พูดถงึ เรา ซึง่ อาจจะเป็นเพอ่ื นสนิท แตต่ อ้ งมกี ารกล่ันกรองด้วย เพราะบางคนไม่ชอบเรา อาจจะ
พยายามพูดใหเ้ ราด้อยกว่า บางคนกลัวเราเสียใจจึงพูดแตส่ ิ่งท่ดี ี ตอ้ งพยายามที่จะตดั ข้อมูลท่เี ปน็ เทจ็
ทง้ั จากตวั เราและคนรอบขา้ งออก การมองตนตามที่เปน็ จริงก็ต้องใชร้ ะยะเวลา ไมจ่ าเปน็ ต้องเรง่ รัดใน
การมองตนเองให้ออกในครง้ั เดียว

๓. การสารวจตัวตนตามอุดมคติ (ideal self) เป็นการรวบรวมขอ้ มลู ตัวตนตามท่ีอยากมี
อยากเปน็ เปน็ ข้อมลู ทท่ี ุกคนมีอยใู่ นใจอยู่แลว้ แต่บางคนอาจจะปฏิเสธสงิ่ ท่ีอยากเปน็ แล้วเลือกอยา่ ง
อ่ืนท่งี ่ายกว่า ทั้งท่ีจริงก็ไม่ชอบ เช่น เป็นคนพดู ไม่เกง่ อยากพดู เก่งเวลานาเสนองาน แต่เคยลองคร้ัง
แรกแล้วทาไมไ่ ด้ กส็ ร้างเกราะข้นึ มาด้วยการปฏเิ สธส่งิ นน้ั ซ่ึงเปน็ สง่ิ ที่ไมค่ วรทาเพราะข้อมูลที่ได้ก็จะ
ไมถ่ ูกต้อง ทาให้เราไม่สามารถปรบั ตวั ตนของเราได้

จากการศึกษากระบวนการวิเคราะห์ตนเองข้างตน้ ไดข้ ้อค้นพบวา่ การสารวจตนเอง เป็น
กระบวนการทีบ่ คุ คลเรม่ิ สารวจบุคลิกภาพและลักษณะนสิ ยั ของตนเอง เพื่อท่จี ะไดร้ ับรูว้ า่ ตนเองนัน้ มี
ลกั ษณะบคุ ลิกภาพ และลกั ษณะนิสยั อย่างไรบ้าง และบุคลิกภาพท่ีมีอยูน่ ั้นตรงกับความต้องการของ
สงั คมหรือไม่ เคยมีปัญหาในการแสดงบุคลิกภาพบา้ งหรือไม่ โดยการสารวจตนเองจะทาได้ใน ๒ ทาง
คอื

๑. การวเิ คราะห์ตนเอง เปน็ การทบ่ี ุคคลพยายามค้นหาองค์ประกอบบุคลกิ ภาพของตนเอง
เพอื่ ไดท้ ราบวา่ องค์ประกอบแต่ละอยา่ งนน้ั มคี วามสมบูรณถ์ ูกต้องอยา่ งไรบ้างเมอ่ื แยกวิเคราะห์
องค์ประกอบต่าง ๆ แล้ว กค็ วรจะประเมนิ สรปุ บุคลกิ ภาพของตนเองว่าควรจะคงไว้ในส่วนใดและควร
จะปรบั ปรุงในสว่ นใด ทีส่ าคัญคือผวู้ เิ คราะห์ตนเองจะต้องยอมรบั ในขอ้ บกพร่องเพ่ือการแกไ้ ขตอ่ ไป

๒. การรบั ฟังความคิดเห็นจากผอู้ ่ืน โดยปกตแิ ล้วมนษุ ยจ์ ะมีความลาเอยี งเข้าข้างตนเอง
เสมอ ๆ ดังนน้ั การวิเคราะห์ตนเองเพยี งประการเดยี ว อาจจะยังไม่ได้ข้อมูลทถี่ ูกตอ้ งเพียงพอในการ
ปรับปรงุ บุคลกิ ภาพ จึงจาเปน็ จะต้องประเมินตนเองโดยการอาศยั การมองของผอู้ ่ืนวา่ เขาคดิ อย่างไร
ต่อบุคลิกภาพของเรา เพอื่ จะไดน้ าส่วนท่ีบกพร่องมาแก้ไขต่อไป

เม่อื บคุ คลสารวจตนเองไดข้ ้อมลู มากเพยี งพอแลว้ บุคคลควรจะประมวลสรุปบุคลิกภาพเพ่ือ
ร้จู กั ตนเองใน ๓ ลักษณะ คอื อปุ นสิ ัยและนสิ ัยของตนเอง ลักษณะสว่ นรวมของตนเอง และบทบาท
ของตนเอง ยอมรบั ในข้อบกพร่องอยา่ งตรงไปตรงมาโดยปราศจากอคติ แลว้ ดาเนินการในข้นั ต่อไป

ข้ันตอนที่ ๒ ข้นั การปรบั ปรงุ ตนเอง

ขนั้ ตอนนีเ้ ป็นการนาเอาสิง่ ท่ีได้วเิ คราะหถ์ งึ ลักษณะทดี่ หี รือลักษณะทบี่ กพร่องตา่ ง ๆ ท่ีมีอยู่
ในตัวเรามาปรับปรงุ แกไ้ ข โดยการฝกึ ฝนตนเอง โดยใชห้ ลกั รเู้ หตุรูผ้ ล กล่าวคือ รวู้ า่ สิ่งท่ีไมเ่ หมาะสม
เกิดจากสาเหตุใดและผลที่ได้ตามมาคืออะไร กพ็ ยายามลด ละ เลกิ ส่งิ ท่ีไม่เหมาะสมน้นั เช่น การเป็น
คนเจา้ อารมณ์ ทาใหไ้ ม่มีใครอยากคบหาสมาคมดว้ ย ก็ต้องพยายามฝึกฝนตนใหม้ ีความอดทน อดกลนั้
โดยคดิ ถงึ ใจเขาใจเรา การรู้จกั ปรับปรงุ บคุ ลิกภาพและลกั ษณะนิสยั เป็นการนาข้อมูลที่ได้จากการ
วิเคราะหต์ นเองแล้วมาตรวจพบข้อบกพร่องต่าง ๆ ซ่งึ จาเป็นจะต้องมีการปรบั ปรงุ โดยการท่ีบุคคล
จะตอ้ งมองหาลกั ษณะบุคลิกภาพท่จี ะเปน็ แบบอย่างทจ่ี ะใช้ ในการปรับปรุงต่อไป แล้วพยายามเตือน
ตนเองให้ละท้งิ บุคลกิ ภาพและลกั ษณะนิสัยเดิมทบี่ กพร่อง แล้วพยายามปฏิบตั ิตามแบบอย่างของ
บคุ ลกิ ภาพและลกั ษณะนิสยั ใหม่ การปรบั ปรุงบคุ ลิกภาพและลกั ษณะนิสยั เป็นเร่ือง ทีต่ ้องใชเ้ วลาและ
จะตอ้ งมคี วามต้ังใจจรงิ โดยตัวของบคุ คลทจี่ ะปรับปรงุ บคุ ลิกภาพเองจะต้องให้ความเอาใจใส่เป็น

๙๙

พิเศษ ด้วยการยอมรบั ข้อบกพรอ่ งของตนและผลท่ีมตี อ่ ตนเองและผอู้ ่นื เปน็ ประการสาคัญ ทัง้ ต้องรูจ้ ัก
แสวงหาหนทางท่ีจะช่วยใหต้ นเองได้รบั รบู้ ุคลกิ ภาพและลักษณะนิสัยที่สร้างสรรค์อนั ควรให้เกดิ ข้ึน

ยกตวั อยา่ งเชน่ การพัฒนาตัวตนของนายภมู ฐิ านตนทีต่ นมองเห็น คือ พดู น้อย เกบ็ ตัว ไม่
กล้าแสดงความคิดเห็นในท่ีประชมุ ทาให้ไมม่ ีผลงาน เพราะไม่กลา้ ท่จี ะนาเสนอตนตามทเี่ ปน็ จรงิ คือ
มคี วามคดิ สร้างสรรค์ แต่กลัววา่ นาเสนอไปแล้วจะผดิ ทาให้ไม่กล้านาเสนอความคิดเห็นตนตามอดุ ม
คติ คือ อยากเปน็ คนกล้าแสดงออก เข้าสงั คมเก่ง จะไดม้ โี อกาสเลื่อนตาแหน่งจะเหน็ ไดว้ า่ นายภูมิ
ฐานมีตัวตนทไ่ี ม่ตา่ งกันมากนัก ถา้ ใชว้ ธิ ีการปรบั บุคลกิ ภาพเขา้ ช่วย โดยพยายามฝกึ พูด หรือเมื่อคิด
งานได้ ก็พยายามฝกึ หัดนาเสนอ และพยายามเขา้ สงั คมซง่ึ อาจจะไปกบั เพ่ือนสนทิ ก่อน เพ่อื หาเพ่ือน
ใหม่ หรอื อาจจะสมัครเป็นสมาชกิ คลับต่าง ๆ หรอื เข้ารับการฝึกอบรมเพือ่ เพ่ิมความเช่ือม่ันตนเอง
เพราะถ้าสามารถสอ่ื สารกบั บุคคลท่ีไมค่ ุน้ เคยได้โดยไม่ประหมา่ ก็จะทาให้กลา้ แสดงออกมากข้นึ

ข้ันตอนท่ี ๓ ขน้ั การฝึกฝนตนเอง

ขน้ั ตอนน้ีเปน็ การนาเอาส่ิงท่ีได้ปรับปรงุ ตนเองแล้วมากระทาหรอื แสดงออกเป็นประจาเพื่อให้
เป็นนสิ ยั การฝึกฝนตนเองจะประสบผลสาเร็จได้ตอ้ งอาศยั ความต้ังใจเป็นปัจจัยสาคญั และต้องอาศัย
ความเพยี รพยายามอยา่ งต่อเน่อื ง เพอ่ื ให้เกดิ บคุ ลิกภาพทีด่ ีขึน้ ดงั เช่นการฝกึ ฝนดา้ นร่างกาย ไดแ้ ก่
การแต่งกาย ดา้ นการเดิน ดา้ นการนัง่ การฝกึ ฝนตนเองด้านการพดู จา และการฝึกฝนตนเองดา้ น
อารมณ์และจิตใจ เปน็ ต้น โดย ประณม ถาวรเวช (๒๕๕๔ข : ๑)๒๒ ได้ให้คาแนะนาซึง่ สรุปใจความ
สาคัญได้ดังตอ่ ไปน้ี

๓.๑ การฝึกฝนตนเองดา้ นรา่ งกาย
กาย คอื ส่ิงท่ที ุก ๆ คนมองเห็นตั้งแต่ครง้ั แรกท่ีพบปะกนั การประเมินจะเกดิ ข้นึ ตัง้ แต่เร่มิ
การปฏสิ ัมพันธ์ต่อกนั ไดแ้ ก่ การดูความเปน็ มติ ร การยมิ้ แย้มแจม่ ใส หนา้ ตา การจดั แต่งผม การแตง่
กาย การเดนิ ควรมกี ารเตรียมใหพ้ ร้อม ปัจจุบันการพฒั นาบุคลิกภาพของตนเองในด้านการแตง่ กาย
การเดนิ การนั่ง ดงั นี้

๓.๑.๑ ฝึกฝนการแต่งกาย แนวทางการพัฒนาบคุ ลิกภาพดา้ นการแต่งกาย ควร
เริ่มตน้ จาก การต้งั คาถาม ถามตนเองกอ่ นวา่ ต้องการจะไปทไ่ี หน ไปพบใคร เน่อื งจากการแต่งกายให้
เหมาะสมกบั กาลเทศะ นับวา่ เปน็ ส่งิ สาคัญเปน็ อย่างมาก เพื่อเป็นการให้เกยี รติกบั สถานท่ี ให้เกียรติ
กับเจา้ ของงาน และทส่ี าคัญเปน็ การใหเ้ กียรติกับองค์กรทเี่ ราทางานอยู่ เพราะตัวเราตอ้ งเปน็
ภาพลกั ษณ์ท่ดี ีขององค์กร นอกจากนกี้ ารแต่งตัวต้องดสู ะอาดสะอา้ น เลอื กแบบเสอ้ื ผา้ ให้เหมาะสมกับ
งานทจี่ ะไปและเหมาะสมกบั บุคลกิ ภาพของตนให้มากท่สี ดุ สาหรับคนท่ไี ม่เปน็ ในการเลือกเส้ือผา้ ให้
เลือกเสือ้ ผา้ ใหเ้ รียบงา่ ยทีส่ ุด จะได้ไมด่ ูขดั กบั สายตาคน ไม่จาเป็นต้องตามแฟช่นั มากจนเกินไป
เนอ่ื งจากการแต่งตัวท่ีเรียบงา่ ยผ้คู นจะใหก้ ารยอมรับ เช่น เลือกใสส่ ทู หรอื กระโปรงตัวหนงึ่ ก็สามารถ
ไปงานต่าง ๆ ได้

๓.๑.๒ ฝกึ ฝนการเดนิ การเดินอย่างสงา่ งามเปน็ สงิ่ ท่ีสร้างความประทบั ใจให้กับผทู้ ่ี
พบเห็น เพราะสิง่ ที่คนอน่ื พบเห็นตวั เรานอกเหนือจากการแตง่ กายก็คอื ความเคล่ือนไหว ซ่งึ การ
เคลอ่ื นไหวจะทาให้ดนู ่าสนใจ การเดินที่สงา่ งาม ลักษณะการเดนิ ของผู้หญิง คอื เดนิ ให้สงา่ งาม เดินให้
หลังตรง ไหลต่ รง ไม่ก้มหน้า ลักษณะการเดินของผ้ชู าย คอื อกผาย ไหลผ่ ง่ึ เปน็ ตน้

๒๒ ประณม ถาวรเวช, การฝึกฝนตนเอง, [Online].Available: http://www.Johnrobertpowers.
in.th/thai/index.php., ๘ มีนาคม ๒๕๕๔, หน้า ๑.

๑๐๐

๓.๑.๓ ฝกึ ฝนการนง่ั การนง่ั สามารถบง่ บอกได้ถึงพลังที่มใี นบุคคลได้ ถา้ น่งั หลังไม่
ตรง ความน่าเชอื่ ถอื และความนา่ สนใจของบคุ คลนั้นก็จะไมม่ ี ไม่วา่ จะนง่ั ที่ไหนทุก ๆ ท่ี ยกเว้นบา้ น
ตอ้ งระมดั ระวังไม่ปล่อยตัวตามสบาย เพ่อื ใหม้ บี ุคลิกภาพที่ดี สามารถ ฝกึ ฝนได้เนื่องจากคนที่
ระมดั ระวังในการนง่ั อยเู่ ป็นประจา ถึงจะน่งั สบาย ๆ แตจ่ ะ มมี าดอยู่ในตนเอง

๓.๒ การฝกึ ฝนตนเองด้านวาจา
การเอย่ วาจาทักทายกัน น้าเสียงต้องฉะฉาน มกี ังวาน ไมเ่ ร็วไม่ช้า-น่าฟงั เสียงแจม่ ใส
ตน่ื ตัว พร้อมทจ่ี ะสนทนาดว้ ยอยา่ งเตม็ ใจ ไม่เบาหรือดังเกนิ ไป ไม่สงู หรือตา่ เกินไป พูดในสง่ิ ทคี่ วรพูด
อย่างเต็มใจ เปน็ มิตร และชวนใหร้ สู้ ึกเปน็ พวกเดียวกัน พูดให้น่าฟัง พูดใหน้ ่าติดตาม พูดให้มีประเด็น
ไม่สับสน เสียงดงั ชัดเจน สดช่นื และกวาดสายตามองไปยังทกุ คนการพดู จาเปน็ บคุ ลิกภาพอย่างหนึง่ ท่ี
สาคญั ในการสร้างความประทับใจ การพูดจาทด่ี ตี ้องรู้วา่ ควรจะพดู อะไร พูดกบั ใคร ใช้นา้ เสียงอย่างไร
การใช้อากปั กิริยา สหี น้า ท่าทีอยา่ งไรในการสอื่ สาร เช่นการพูดจากับผู้ใหญ่ควรต้องมีหางเสียง คะ ขา
และใชน้ า้ เสียงทน่ี ุ่มนวล ความสาคญั ของการพดู จาให้เกดิ ความประทับใจ ขึน้ อยู่กับประโยคแรกของ
การทกั ทาย การใช้นา้ เสียงนุม่ นวลนา่ ฟังจะทาให้ผูฟ้ ังรสู้ กึ ดี ประกอบกับการมสี หี นา้ ท่ีดูเป็นมิตร ความ
ประทบั ใจก็จะเกิดขน้ึ งา่ ย
๓.๓ การฝกึ ฝนตนเองดา้ นอารมณแ์ ละจติ ใจ
การฝกึ ฝนความพร้อมด้านอารมณ์ จิตใจอยา่ งสมา่ เสมอ จะสง่ ผลตอ่ บุคลิกภาพท่ีดีในการ
ทางานโดยมีวธิ ีการฝกึ ฝนตนเองดา้ นอารมณ์และจิตใจในหลายดา้ น ได้แก่

๓.๓.๑ การพัฒนาจติ ใจ วธิ กี ารพฒั นาจติ ใจที่ดีก็คือ การทาสมาธิ ซึง่ เปน็ วธิ กี ารท่คี น
ไทยเรา นยิ มปฏิบัตติ ามหลักพทุ ธศาสนา การฝึกใหจ้ ิตสงบชั่วขณะโดยการหยุดคิดเรอื่ งต่าง ๆ จะชว่ ย
ให้ควบคมุ อารมณ์ได้ดี กอ่ ใหเ้ กิดสตสิ ัมปชัญญะ คอื การรูจ้ ักเร่อื งดี เร่อื งชัว่ ทาใหช้ วี ติ ไมต่ กอยู่ในความ
ประมาท

๓.๓.๒ การสรา้ งอารมณ์ใหแ้ จ่มใส อารมณ์เปน็ เรอ่ื งลกั ษณะพเิ ศษของแต่ละบุคคลที่
ตดิ ตัวมาแต่กาเนิด แตก่ ส็ ามารถฝึกฝนใหเ้ กิดอารมณ์ทแี่ จ่มใส ทาใหเ้ กิดความสุขได้โดย

๓.๓.๒.๑ การมีความตง้ั ใจที่จะสร้างความดี มชี ีวิตชีวา เข้าใจว่าชีวติ มีค่า
มองโลกในแง่ดี ถือบคุ คลทุกคนเปน็ มิตรแท้และเพือ่ นที่ดีในสงั คม

๓.๓.๒.๒ การสร้างจุดม่งุ หมายในชวี ิต วธิ ีการสร้างง่าย ๆ ก็คอื ให้ถาม
ตัวเองทกุ ครงั้ วา่ เรากาลงั ทาอะไรอยู่ และทาเพ่ืออะไร และควรตัง้ ความหวงั ในชีวติ ในสงิ่ ท่เี ปน็ ไปได้
ตามความร้คู วามสามารถของเรา

๓.๓.๒.๓ การทาอารมณท์ สี่ ดชน่ื ทกุ เช้าด้วยการอาบน้า ทาความสะอาด
รา่ งกายฟังเพลง หรือร้องเพลงทีเ่ ราชอบ

๓.๓.๒.๔ การคิดวา่ ตนเองเป็นบุคคลท่มี ีค่าอยเู่ สมอ เม่อื คิดวา่ เรามีคา่ กม็ อง
คนอน่ื ว่าเขา กม็ คี ่า และเราก็จะไดร้ ับการปฏบิ ัตอิ ย่างคนมีค่า อารมณ์และจิตใจก็จะแจ่มใส

๓.๓.๒.๕ การหาโอกาสพบหรือพดู จากับคนทม่ี ีอารมณ์แจม่ ใส จะทาใหเ้ กิด
อารมณ์แชม่ ชืน่ ไปดว้ ย

๓.๓.๒.๖ การสรา้ งอารมณ์ขนั ฟังและพูดในเร่ืองสนกุ สนาน แตอ่ ยา่ สร้าง
อารมณ์ขนั บนความทุกข์ร้อนของคนอ่ืน

๓.๓.๒.๗ การรกั ษาสุขภาพร่างกายใหแ้ ข็งแรง จะทาให้ชีวติ แจม่ ใสปลอดภัย
จากโรคภัย ไขเ้ จ็บ

๑๐๑

๓.๓.๓ การฝึกระงับความโกรธและความเครียด ความโกรธและความเครียดมักจะ
เกดิ จากความขัดแยง้ ในกจิ การ งานทั้งปวง วิธรี ะงบั ความโกรธท่ีดคี ือ การนึกถึงหลักธรรม คาสอนตาม
หลักพทุ ธศาสนา คอื ละเว้นการทาความชว่ั ให้ทาแต่ความดี ทาจิตให้ผอ่ งใส กจ็ ะไมบ่ ังเกดิ ความโกรธ
ความโลภ ความหลง ชวี ิตก็จะมีความสุข

๓.๓.๔ การควบคุมอารมณ์ให้ปกติ การควบคุมอารมณ์ให้มั่นคงเปน็ ปกติ คือ การใช้
หลักการให้อภัย และการร้จู ักใจเขาใจเรา ให้นึกถึงผลที่จะเกิดขึ้นก่อนท่ีจะตัดสินใจ เชน่ คิดก่อนพูด
ดีกว่าพูดกอ่ นคิด

ขน้ั ตอนที่ ๔ ขัน้ การประเมินตนเอง

ขั้นตอนนีเ้ ป็นการสารวจตรวจสอบถึงผลสมั ฤทธ์ิ ภายหลงั การได้ฝึกฝนตนเองไปแลว้ ระยะ
หนึ่งการประเมนิ ตนเองน้นั พึงทดสอบตนเองกับสถานการณ์จรงิ เพอื่ ประเมนิ ตนเองไดว้ า่ สามารถ
ปรับปรุงพฒั นาได้สัมฤทธิผล มากน้อยเพียงใด นอกจากนน้ั การประเมินผลด้านบคุ ลกิ ภาพควรให้
บคุ คลอน่ื เป็นผู้ประเมินด้วยเพื่อมิใหเ้ กดิ ความลาเอยี งเขา้ ข้างตนเอง

การพฒั นาบุคลกิ ภาพของครูทงั้ ๔ ขน้ั ตอนน้ี เมอื่ มีการดาเนินการไปแลว้ ระยะหนึ่งอาจ
ประสบความสาเร็จหรือความลม้ เหลวก็ได้ เพราะกระบวนการพัฒนาบุคลิกภาพเพอ่ื ให้ได้ผลต้องอาศัย
ระยะเวลายาวนาน และ การกระทาอยา่ งตอ่ เนื่อง เนอ่ื งจากบคุ ลิกภาพของครเู กดิ จากการหล่อหลอม
ของพนั ธกุ รรมและส่งิ แวดลอ้ ม ตลอดจนการอบรมเลีย้ งดู กระบวนการพัฒนาต้องอาศัยการมคี วาม
ปรารถนาอยา่ งแรงกลา้ และความเข้มงวด ในการปฏิบตั ิ หากครูท้อแท้เบื่อหน่าย กระบวนการพัฒนา
อาจไม่ประสบผลสาเร็จ ฉะน้ันผปู้ ระกอบวชิ าชีพครทู ต่ี ้องการพฒั นาบุคลิกภาพของตนต้องมีหลกั การ
ในการยดึ ถือในระหว่างกระบวนการพฒั นาดังน้ี

๔.๑ ครตู ้องมคี วามตระหนกั ถึงความจาเปน็ ทจ่ี ะต้องพัฒนาบคุ ลิกภาพ ตอ้ งมองตนเองใน
สภาพทเ่ี ป็นจริง ตระหนกั รู้ในขอ้ บกพร่องของตนท่ีอาจสง่ ผลต่อการประกอบวชิ าชพี และร้วู ิถีทางใน
การปรับปรุงพฒั นาบุคลกิ ภาพทีถ่ ูกต้องเหมาะสม

๔.๒ ครูตอ้ งมีความต้องการและความปรารถนาอยา่ งแรงกลา้ ท่จี ะปรบั ปรงุ พัฒนาตนเอง
แรงผลกั ดนั แรงจูงใจภายในตัวครู จะช่วยใหก้ ารดาเนนิ การพฒั นาบรรลุสจู่ ุดมุ่งหมายได้ ผูป้ ระกอบ
วชิ าชีพครอู าจตอ้ งเปลย่ี นแปลงวธิ ีคดิ วธิ ปี ฏิบัติเดมิ ๆ เพ่ือสรา้ งคุณลักษณะท่ีดีที่พงึ ปรารถนาขนึ้ มา
แทนท่ี

๔.๓ ครตู อ้ งวิเคราะหจ์ ดุ เด่น จดุ ด้อยของตนเอง เพ่ือทราบบคุ ลิกภาพท่ีเปน็ จุดเด่นของตน
บคุ ลิกภาพท่ีเปน็ จุดบกพรอ่ งของตน แล้วจัดเรียงลาดับตามความสาคัญและความจาเปน็ ท่ีควรเร่ง
ปรบั ปรุงแก้ไข การยอมรบั ความจรงิ ทีเ่ ปน็ ข้อบกพร่องของตน และการปรบั ปรุงแก้ไขดาเนินการทีละ
เรื่อง จะช่วยให้กระบวนการพัฒนาบคุ ลิกภาพดาเนินไปได้อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ

๔.๔ ครตู อ้ งมแี ผนการปรบั ปรุงตนเองอย่างมรี ะบบ มีขั้นตอน รู้สาเหตุที่เป็นอปุ สรรคของ
การปรบั ปรุง เพอ่ื ขจดั เหตุนั้นและสร้างเหตทุ ด่ี ีทกี่ ่อให้เกดิ พฤตกิ รรมทดี่ ี มกี ารจดบนั ทกึ เพื่อใชใ้ นการ
ปรบั ปรงุ แผนการพัฒนาตนในแตล่ ะขนั้ ตอนและแต่ละชว่ งเวลา มีการใหร้ างวัลตนเองเม่ือแผนการ
ปรบั ปรุงตนในแตล่ ะข้ันตอนประสบความสาเร็จ เพือ่ ให้กาลังใจตนเองในการพฒั นาขั้นต่อไป

การพฒั นาบุคลิกภาพครูดังตัวอย่างท่ีกลา่ วขา้ งต้น เป็นสว่ นหนึ่งของประเด็นการพฒั นาท่ีมี
หลากหลาย ซง่ึ ผ้ปู ระกอบวชิ าชพี ครแู ตล่ ะบุคคลควรตรวจสอบตนเองเพื่อการพัฒนาอยเู่ สมอ เพราะ
วชิ าชพี น้ีเปน็ วชิ าชีพ ทต่ี ้องพบปะบุคคลมากมาย ต้องมีปฏิสัมพนั ธ์กับบคุ คลหลายฝ่าย โดยเฉพาะ

๑๐๒

ผ้เู รียนทีค่ รตู ้องดแู ลรับผดิ ชอบ ครจู งึ จาเป็นต้องมบี ุคลิกภาพทีด่ ที ้ังด้านสว่ นตวั สังคม อารมณ์ และ
สติปญั ญา และครูยังตอ้ งประพฤติปฏิบัตติ นเปน็ แบบอย่างท่ดี ดี ว้ ย เพอื่ การปฏิบัตงิ านในวชิ าชีพครู
ประสบผลสาเรจ็ ตามท่ปี รารถนา

สรุป

บคุ ลิกภาพ หมายถงึ สิง่ ทแ่ี สดงถึงเอกลักษณห์ รือพฤติกรรมท่ีมลี ักษณะโดดเดน่ เฉพาะบุคคล
ซึ่งครอบคลมุ ทัง้ สภาวะทางกาย อารมณ์ ความร้สู ึกนึกคิด ทง้ั ด้านสว่ นตวั กบั ด้านปฏิสมั พันธก์ ับผู้อ่ืน
บคุ ลิกภาพแบ่งออกเปน็ ๒ ลกั ษณะ คอื บุคลกิ ภาพภายนอก หมายถงึ บคุ ลิกภาพที่สามารถสังเกต
เห็นหรือสัมผัสได้ และบคุ ลกิ ภาพภายใน หมายถงึ บคุ ลกิ ภาพท่ีไม่สามารถมองเหน็ ได้ชดั เจน ตอ้ ง
สังเกตเหน็ หรือสมั ผสั ด้วยจิตใจ ลกั ษณะของบคุ ลิกภาพทีส่ าคญั ของผ้ปู ระกอบวชิ าชพี ครูมี ๓ ลกั ษณะ
คอื ๑) บคุ ลกิ ลกั ษณะเฉพาะตนทต่ี อ้ งพัฒนาใหเ้ กิดขึน้ ไดแ้ ก่ การมปี ฏภิ าณไหวพรบิ ท่ดี ี การแก้ไข
ปัญหาเฉพาะหนา้ การตัดสินใจที่ดี ความคดิ รเิ ริ่มสร้างสรรค์ มคี วามรู้รอบตวั ดี ๒) บคุ ลกิ ลกั ษณะการ
รจู้ ักและเข้าใจในตนเอง ครูสามารถวเิ คราะหต์ นเอง มองชวี ิต มองการงาน มองอาชีพของตนได้
ถกู ต้อง รวมท้ังการควบคุมอารมณไ์ ด้ดี และ ๓) บุคลกิ ลักษณะการรแู้ ละเขา้ ใจผู้อ่ืน ได้แก่ การ
แสดงออกโดยทางวาจาบคุ ลิกภาพทางวาจาท่ดี ีของครูคือถ้อยคาที่ถูกต้อง ชัดเจน เหมาะสมกบั วฒุ ิ
ภาวะ เปน็ ต้น

บคุ ลิกภาพมีความสาคัญต่อผู้ประกอบวชิ าชพี ครู ครูจึงตอ้ งมีการพัฒนาบุคลกิ ภาพอย่างเปน็
ลาดบั ขัน้ ตอน ได้แก่ ขน้ั การวิเคราะห์ตนเอง ขนั้ ปรบั ปรุงตนเอง ขั้นฝึกฝนตนเอง และขั้นประเมนิ
ตนเอง เพอื่ ช่วยใหค้ รเู กดิ ความม่นั ใจในตนเอง การทางานการปรากฏตวั ในท่ีตา่ ง ๆ การเปน็ แบบอยา่ ง
ให้ศิษยแ์ ละบุคคลท่ัวไป การปรบั ตัวเขา้ กบั สภาพแวดลอ้ มและบุคคลอน่ื ได้ การสร้างความรักและ
ความผกู พนั ต่อศษิ ย์และผู้อื่น อนั จะนาไปสคู่ วามสาเรจ็ ในการงานและอาชพี ครู

๑๐๓

คาถามท้ายบท

คาถามต่อไปน้เี ปน็ คาถามอตั นยั มีจานวน ๒๐ ข้อ ใหท้ าทุกขอ้
๑. บอกลักษณะของบุคลกิ ภาพภายนอก และ ภายในของบุคคล พร้อมยกตัวอยา่ งประกอบ
๒. ท่านคดิ ว่าการมีบุคลิกภาพท่ีดมี ีความสาคญั อย่างไรและบคุ ลกิ ภาพของครทู ด่ี ีควรเปน็

อย่างไร ยกตัวอยา่ งประกอบ
๓. บคุ ลกิ ภาพการเปน็ ผนู้ าของครูมีประโยชนต์ ่อตัวครู ผูเ้ รยี น และสถานศึกษาอย่างไรและ

บุคลกิ ภาพภายใน และ ภายนอกที่ดีของครูควรเปน็ อยา่ งไร
๔. บคุ ลกิ ภาพทสี่ าคัญของผู้ประกอบวิชาชีพครมู ลี กั ษณะอยา่ งไรบ้างและอธิบาย

บุคลิกลักษณะเฉพาะตนท่ีตอ้ งพัฒนาให้เกดิ ขึ้นในตวั ครู มาพอสงั เขป
๕. กระบวนการพฒั นาบุคลกิ ภาพของผู้ประกอบวชิ าชพี ครูเพ่อื ให้ครูเกิดบคุ ลกิ ภาพท่ีดีควรมี

แนวทางการพัฒนาอย่างไร
๖. ผ้ปู ระกอบวิชาชพี ครูมีแนวทางในการประเมินบคุ ลิกภาพของตนเองได้อย่างไร
๗. ทา่ นคิดว่าวิธีการปรับปรุงบคุ ลิกภาพของตนเองมีวิธีการอย่างไรบ้าง จงอธิบายพรอ้ ม

ยกตัวอยา่ งประกอบ
๘. ท่านคดิ ว่าการวเิ คราะหบ์ ุคลกิ ภาพตนเอง มีประโยชนอ์ ย่างไรต่อกระบวนการพัฒนา

บุคลกิ ภาพ
๙. บคุ ลิกภาพพืน้ ฐานของผ้ปู ระกอบวชิ าชีพครูพึงยึดถือปฏบิ ตั คิ วรเปน็ เชน่ ไร
๑๐. จากสภาพการเปล่ยี นแปลงของสงั คมโลกปัจจบุ นั ครูต้องปรับเปลี่ยนบุคลิกภาพของ

ตนเองให้เหมาะสมแก่ศษิ ย์ ท่านคิดวา่ ครจู ะต้องมบี คุ ลกิ ภาพเป็นอยา่ งไร

๑๐๔

เอกสารอ้างอิงประจาบท

กนกกาญจน์ สนิ ภิบาล. การศึกษาบคุ ลิกภาพตามแนวจริต ๖ ในพระพทุ ธศาสนาของผบู้ รหิ าร
โรงเรยี นสังกดั สานักงานเขตพืน้ ที่การศึกษาจังหวดั นนทบรุ ี. วารสารศรีปทุมปรทิ ัศน์,
กรงุ เทพฯ: มหาวิทยาลัยศรีปทมุ , ๒๕๕๑.

ความสาคัญของภาวะครผู นู้ า. [Online].Available: http://sawangpattaya.org/sawang
school/index.php?topic=๘๘๘.๐, ๑๗ เมษายน ๒๕๕๔.

จักรแกว้ นามเมือง. บุคลกิ ภาพของครูท่ีดี และลกั ษณะการสอนทด่ี ี ตามทัศนะของนิสติ หลกั สตู ร
ประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชพี ครู. เอกสารประกอบรายวชิ าจติ วิทยาความเปน็ ครู,
มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย วทิ ยาเขตพะเยา, ๒๕๕๑.

จาเนียร น้อยทา่ ชา้ ง. ปรชั ญาและคณุ ธรรมสาหรบั ครู และลักษณะครทู ่ดี ี. [Online].Available:
http://www.kroobannok.com/๒๖๐๑, ๑๑ มกราคม ๒๕๕๔.

ชาญชยั อนิ ทรประวัติ. จติ วิทยาสาหรับครู ตอนที่สาม : องคป์ ระกอบของบุคคลผเู้ ป็นครู.
[Online]. Available: http://www.sut.ac.th/tedu/article/psychology๓.htm,
๗ มกราคม ๒๕๕๔.

ชูชยั สมทิ ธไิ กร. ลักษณะบคุ ลิกภาพทีพ่ ยากรณ์พฤตกิ รรมต่อตา้ นการปฏิบตั งิ าน: รายงานการวิจัย.
ภาควิชาจติ วทิ ยา คณะมนษุ ยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. [Online].Available:
http://library.cmu.ac.th/rsc/?newsdetail.php&id=๖๒, ๗ มกราคม ๒๕๕๐.

ธีรศกั ดิ์ อคั รบวร. ความเปน็ ครู, พมิ พ์ครง้ั ที่ ๔, กรุงเทพฯ: โรงพมิ พ์ ก.พลพมิ พ์.
นงคราญ ดงเยน็ และคณะ. ความเปน็ ครู. [Online].Available: http://comschool.site๔๐.net/s

๖-๒.html, ๑๐ เมษายน ๒๕๕๔.
นา้ ผึง้ ทวพี รปฐมกลุ . คณุ ลักษณะท่พี ึงประสงคข์ องครูตามการรบั รู้ของผูบ้ ริหารและผู้ปกครองใน

กรงุ เทพมหานคร. วทิ ยานิพนธ์ ครศุ าสตรมหาบัณฑิต สาขาวชิ าการศึกษาปฐมวัย
จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั , ๒๕๕๑.
บุหงา รายา. ครูท่ีดตี ้องมีบคุ ลิกอยา่ งไร. [Online].Available: http://www. learnersin.th/.
blogs/posts/๙๔๙๓๘b, ๑๒ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๕๔.
ประณม ถาวรเวช. ๑๐ วีธสี ร้างพลังให้บุคลิกภาพ. [Online].Available: http://dnfe๕.nfe.go.th
/localdata/webimags/ story๒๖๑ individuality.htm, ๘ มีนาคม ๒๕๕๔.
ประณม ถาวรเวช. การฝึกฝนตนเอง. [Online].Available: http://www.Johnrobert powers.
in.th/thai/index.php, ๘ มนี าคม ๒๕๕๔.
ไพวรรณ เกียรติโชคชัย. ความเปน็ ครู. กรงุ เทพฯ: สถาบนั ราชภฏั สวนดสุ ติ , ๒๕๓๖.
ราชบัณฑติ ยสถาน. พจนานกุ รม ฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ เฉลมิ พระเกียรติ
พระบาทสมเด็จพระเจา้ อย่หู ัวเน่อื งในโอกาสพระราชพธิ มี หามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา
๗ รอบ ๕ ธนั วาคม ๒๕๕๔. กรงุ เทพฯ : ศิรวิ ัฒนาอินเตอรพ์ รนิ ท์ จากดั (มหาชน),
๒๕๕๖.
มหาวทิ ยาลัยสงขลานครินทร์. ครเู พ่ือศษิ ย์ ต่อยอดความคิดศาสตราจารยด์ ร. วจิ ารณ์ พานชิ .
[Online].Available:http://file.portal.in.th/uzumakibenz/e-book/TFS.pdf,
๘ มนี าคม ๒๕๕๔.

๑๐๕

ยนต์ ชมุ่ จติ . ความเปน็ ครู, พมิ พค์ รง้ั ที่ ๔, กรุงเทพฯ: โอเดยี นสโตร์, ๒๕๕๐.
ราชภฏั พระนครศรีอยธุ ยา, สถาบนั . ผลงานการพฒั นาชุดวิชาชพี ครูทีเ่ น้นปรีชาสามารถใน

สถาบนั ราชภฏั , พระนครศรีอยุธยา: คณะครศุ าสตร์ สถาบนั ราชภฏั พระนครศรีอยธุ ยา,
๒๕๔๕.
ศรเี รอื น แกว้ กังวาน. จติ วทิ ยาบคุ ลิกภาพ. พิมพ์คร้ังท่ี ๑๖, กรุงเทพฯ: หมอชาวบ้าน, ๒๕๕๔.
ศิโรจน์ ผลพันธิน. มสด.กาหนดคุณสมบตั ิ "ครปู ฐมวัยยุคใหม่" ต้องสวยและหุ่นดี,
[Online].Available:http://www.manager.co.th/Campus/ViewNews.aspx?
NewsID=๙ ๕๔๐๐๐๐๐๓ ๓๐๐๖, ๑๙ มนี าคม ๒๕๕๔.
ศุภานนั สิทธเิ ลศิ . เอกสารคาสอนรายวิชาความเปน็ ครู. กรงุ เทพฯ : ศูนย์สอ่ื และสง่ิ พมิ พแ์ ก้ว
เจ้าจอม มหาวิทยาลัยราชภฏั สวนสนุ นั ทา, ๒๕๔๙.
สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน. ค่มู อื เส้นทางครูมืออาชพี สาหรับครูผู้ช่วย.
กรงุ เทพฯ: สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพืน้ ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ, ๒๕๕๓.
สชุ าดา กรเพชรปาณี. คณุ ลกั ษณะทสี่ าคญั ของครูดีเด่น: คณุ ธรรมและความรู้. วารสารวิจัย
และวัดผลการศกึ ษา, มหาวทิ ยาลยั บรู พา ปีท่ี ๓. ฉบบั ที่ ๑, ๑ มนี าคม ๒๕๔๘.
อุบล เลย้ี ววารณิ . รายงานการวิจยั เรือ่ ง คณุ ลกั ษณะครใู นศตวรรษท่ี ๒๑ ตามความ
คาดหวังของนกั ศกึ ษา. กรุงเทพฯ: คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลัยราชภฎั สวนสุนันทา,
๒๕๕๔ก.
Allport, บคุ ลิกภาพ. [Online].Available: http//www.novabizz.com/NovaAce/
Personality.htm, ๑ เมษายน ๒๕๕๔.
Good, Carter V. Personality. [Online]. Available: http//onlinelibrary.wiley.com/doi/
๑๐.๑๐๐๒/sce.๓๗๓๐๓๐๐๒๕๖/abstract, ๒๘ มนี าคม ๒๐๑๑.

บทท่ี ๕

คณุ ธรรม จริยธรรม สำหรบั ครู

ในสังคมยุคปัจจุบันซึ่งเป็นสังคมยุคข้อมูลข่าวสารท่ีไร้พรมแดน และครูได้มีการเปล่ียน
บทบาทจากการเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ เป็นผู้จัดการความรู้ ให้คาแนะนาในการเรียนรู้ และเป็นผู้
เอือ้ อานวยความสะดวกให้ผเู้ รียนเกดิ การเรยี นรู้ ครตู ้องศึกษาความร้ใู นวทิ ยาการสมัยใหม่เพอื่ สามารถ
ช่วยให้ผู้เรียนได้พัฒนาตนในด้านต่างๆ รวมถึงวิถีการดาเนินชีวิตท่ีเหมาะสมในสังคมท่ีมีการ
เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบันนี้ แต่อย่างไรก็ตามบทบาทหน้าท่ีหนึ่งซึ่งมีความสาคัญมากในทุก
ยุคสมัย คือ การปลูกฝังอบรมผู้เรียนให้มีความรคู้ ู่คุณธรรม และการที่ครจู ะทาบทบาทหน้าที่เช่นนั้นได้
ครูจะตอ้ งเป็นผู้ที่มีคณุ ธรรม จริยธรรมก่อน และในสังคมไทยได้ยกย่องครูเปน็ ปูชนียบุคคล เป็นบุคคล
ผู้ประเสริฐ เป็นแม่พิมพ์ของชาติ เป็นต้นแบบของพฤติกรรมที่พึงประสงค์ท้ังปวง เป็นผู้ประสาท
วิทยาการความรู้ และเป็นผู้อบรมสั่งสอนศิษย์ให้เป็นคนดี มีคุณธรรม จริยธรรม ฉะน้ันจึงมีความ
จาเป็นอย่างย่ิงที่ผู้ประกอบวิชาชีพครูจะต้องศึกษาเร่ืองเกี่ยวกับคุณธรรม จริยธรรม ตลอดจนพัฒนา
ตนให้มีคุณธรรม จริยธรรมและคุณธรรม จริยธรรมที่ผู้ประกอบวิชาชีพครูพึงมี ได้แก่ การมีความรัก
ความเมตตาตอ่ ศษิ ย์ ความมีน้าใจงาม ความเสียสละ ความยุตธิ รรม ความเหน็ อกเห็นใจลูกศิษย์ ความ
มีมารยาททีง่ ดงาม เป็นต้น ครูทวี่ างตัวดี มีความเป็นธรรม มีคุณธรรมความดี ซ่ึงจดั เปน็ ลกั ษณะของครู
ที่ดีในด้าน ความภูมิฐาน จะเป็นที่รัก ท่ีเคารพนับถือ และเป็นผู้ท่ีศิษย์เชื่อฟังซ่ึงจะมีช่วยส่งเสริมให้
ศิษย์ไดพ้ ัฒนาตนอย่างเต็มทต่ี ามศักยภาพ อันจะสง่ ผลต่อความเจริญกา้ วหนา้ ของสังคมประเทศสบื ไป

ควำมหมำยของคณุ ธรรม จริยธรรม

คาวา่ คณุ ธรรม จริยธรรม มักเป็นคาทใ่ี ชค้ ู่กันเสมอ จนบางครงั้ อาจคิดว่าเป็นคาคาเดยี วกัน
แตใ่ นความจริงแล้วความหมายของคาทง้ั สองนีแ้ ตกต่างกัน คุณธรรมเป็นเรอ่ื งทเ่ี ก่ียวกับคุณงามความดี
ภายในจิตใจ ส่วนจริยธรรมเป็นผลที่เกิดจากการแสดงออกให้ผู้อืน่ เห็นคุณธรรมท่ีอยู่ภายในจิตใจ โดย
ในทนี่ ้ีจะอธบิ ายถึงความหมายของคาท้ังสอง เพอ่ื ความเข้าใจทช่ี ดั เจนดงั นี้

ควำมหมำยของคำวำ่ “คณุ ธรรม (morality)”ตำมรูปศัพท์ในพจนำนุกรม
ในพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ ได้ให้ความหมายของคาว่า
“คุณธรรม” ว่า“สภาพคุณงามความดี”๑ คุณธรรม คือ คุณภาพที่บุคคลได้กระทาตามความคิดและ
มาตรฐานของสังคมซึ่งเกี่ยวข้องกบั ความประพฤติและศลี ธรรม๒
ควำมหมำยของคำวำ่ “คณุ ธรรม”ตำมแนวคดิ ของบคุ คลต่ำงๆ
คุณธรรมมาจากคาว่า “คุณ” และ “ธรรม” มารวมกันเป็นคุณธรรมจึงมีความหมายถึง
ธรรมท่ีเป็นคุณสมบัติฝ่ายดี เป็นที่ตั้งหรือเป็นประโยชน์แก่สันติสุข คุณธรรมเป็นส่วนท่ีต้องอบรมหรือ

๑ ราชบัณฑิตยสถาน. พจนำนุกรม ฉบบั รำชบณั ฑิตยสถำน พ.ศ. ๒๕๕๔ เฉลิมพระเกยี รติ
พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หัวเน่อื งในโอกาสพระราชพิธมี หามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔.
กรุงเทพฯ : ศิรวิ ัฒนาอินเตอร์พรนิ ทจ์ ากดั (มหาชน), ๒๕๕๖, หนา้ ๑๙๗)

๒ Good, Carter V. Moral. [Online]. Available: http//onlinelibrary.wiley.com/doi/
๑๐.๑๐๐๒/sce.๓๗๓๐๓๐๐๒๕๖/abstract, ๒๐๑๑. [๒๐๑๑, February ๓]. p ๖๔๑.

๑๐๓

ทาให้เกิดขึ้นพระเทพวิสุทธิเมธี ได้อธิบายความหมายของคุณธรรมโดยแยกอธิบายความหมายเป็น ๒
คา คือ

คาว่า “คุณ” หมายถึง ค่าที่มีอยู่ในแต่ละส่ิงซึ่งเป็นที่ตั้งแห่งความยึดถือซึ่งเป็นไปได้ท้ัง
ทางดแี ละทางรา้ ย

ส่วนคาว่า “ธรรม” มีความหมาย คือ ธรรมชาติ เรามีหน้าท่ีต้องเก่ียวข้อง ต้องเรียนรู้
ต้องปฏิบัติ และต้องมหี น้าที่ต้องปฏบิ ตั ิ๓

พระธรรมปิฏก๔ และพระมหาอดิศร ถิระสีโล๕ ได้ให้ความหมายของคุณธรรมว่า ธรรมท่ี
เป็นคณุ ความดีงาม ถกู ต้อง ซึง่ เกิดจากความเขา้ ใจคุณค่าอันแท้จริงด้วยปญั ญา คุณธรรมเป็นคณุ สมบัติ
ทางกาย วาจา และใจ ท่ีเป็นคณุ ตรงกันขา้ มกับทเ่ี ป็นโทษปลกู ฝงั อย่ใู นอปุ นิสยั อนั ดีงาม อยู่ในจติ สานึก
อยู่ในความรู้สึกผิดชอบช่ัวดีอันเป็นเคร่ืองเหนี่ยวรั้งควบคุมพฤติกรรมที่แสดงออก สนองความ
ปรารถนา

คุณธรรม หมายถงึ สภาพคุณงามความดี ความประพฤติทด่ี ี การทาให้เกิดคณุ งามความดี
อปุ นิสยั อนั ดีงามซึง่ เปน็ คณุ สมบตั ทิ อี่ ยูภ่ ายในจิตใจของบุคคล ไดแ้ ก่ ความเมตตากรณุ า ความซอื่ สัตย์
สจุ รติ ความเสยี สละ ความเอือ้ เฟอื้ ความกตญั ญู ความพากเพียร ความเหน็ อกเหน็ ใจ ความละอายตอ่
ความชั่วและความม่งุ มน่ั กล้าหาญท่จี ะกระทาความดีทง้ั กายและใจเพื่อใหเ้ กิดความสขุ แกต่ นเองและ
ผ้รู ่วมงาน๖

คุณธรรม หมายถึง หลักธรรมจริยาท่ีสร้างความรู้สึกชอบช่ัวดีในทางศีลธรรม มีคุณงาม
ความดีภายในจิตใจอยู่ในขัน้ สมบูรณ์จนเต็มเป่ียมด้วยความสุข การเป็นผู้มคี ุณธรรม คือ การปฏิบัตติ น
อยใู่ นกรอบอนั ดงี าม๗

ในทัศนะของ ธีรศักด์ิ อัครบวร๘ และยนต์ ชุ่มจิต๙ ให้ความหมายของคุณธรรมสรุปได้ ๓
ประการ คือ

๑. เป็นคณุ สมบัตทิ ี่เป็นความดีความถกู ตอ้ งซงึ่ มอี ย่ภู ายในจติ ใจของบุคคล ช่วยทาให้พรอ้ ม
ทจ่ี ะกระทาพฤตกิ รรมต่าง ๆ อนั เปน็ ประโยชน์ตอ่ ตนเองหรือผู้อ่นื

๒. เปน็ หลักท่ีมนุษยถ์ ือเป็นแนวทางที่ถูกตอ้ งในการดาเนนิ ชีวิต
๓. เป็นหลักแห่งความประพฤติปฏิบัติและความรู้ความคิดท่ีดีงาม และเป็นธรรมชาติของ
ความดี ลักษณะของความดี หรอื สภาพของความดที ่มี ีอยู่ในตัวบุคคลใดบุคคลหน่ึง

๓ พระเทพวิสทุ ธเิ มธี ,(พทุ ธทาสภกิ ข)ุ . กำรศกึ ษำของโลกปัจจบุ นั , (กรุงเทพฯ: ธนประดิษฐก์ ารพิมพ์,
๒๕๒๙), หนา้ ๘๙-๙๐.

๔ ป.อ. ปยตุ โฺ ต, พจนำนกุ รมพุทธศำสตร์ ฉบบั ประมวลศพั ท์ พิมพค์ รั้งท่ี ๘, (กรุงเทพฯ: มหา
จฬุ าลงกรณร์ าชวิทยาลัย, ๒๕๓๘), หน้า ๓๔.

๕ พระมหาอดศิ ร ถริ สีโล, คุณธรรมสำหรับครู พมิ พค์ รั้งท่ี ๑, (กรุงเทพฯ โอ.เอส.พริ้นต้งิ เฮา้ ส.์ ๒๕๔๐),
หน้า ๕๖-๕๗.

๖ สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน. คมู่ อื เสน้ ทำงครูมืออำชีพสำหรับครูผู้ช่วย,
(กรุงเทพฯ: สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร, ๒๕๕๓.), หน้า ๑๖.

๗ ประภาศรี สีหอาไพ, พ้นื ฐำนกำรศกึ ษำทำงศำสนำและจรยิ ธรรม, กรงุ เทพฯ : สานักพมิ พ์
จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย,๒๕๕๐), หน้า ๑๑๐.

๘ ธรี ศกั ดิ์ อคั รบวร. ควำมเปน็ ครู ,พิมพค์ รงั้ ที่ ๔, (กรุงเทพฯ : โรงพมิ พก์ .พลพมิ พ์ (๑๙๙๖)จากัด.
๒๕๔๓), หนา้ ๑๒๖.

๙ ยนต์ ชุ่มจิต. ควำมเปน็ ครู ,พิมพ์คร้ังที่ ๔, (กรงุ เทพฯ: โอเดยี นสโตร์, ๒๕๕๐), หน้า ๑๕๗.

๑๐๔

ในทัศนะของนักวิชาการตะวันตก สตัมพ์๑๐ ได้ให้ความหมายของคุณธรรมในเชิงปรัชญา
วา่ คุณธรรมเป็นการประพฤติปฏิบัติเกี่ยวข้องกับสิ่งท่ีเรียกว่าถูกหรือผิด ดีหรือเลว พึงประสงค์หรือไม่
พงึ ประสงค์ มคี ณุ ค่าหรือไร้คณุ ค่า

พอร์ทเตอร์ ๑๑ได้แสดงทัศนะเกี่ยวกับคุณธรรมว่า คุณธรรมเป็นปัจจัยในการดาเนินชีวิต
ของบคุ คลในสงั คม การดารงชวี ิตอยใู่ นสงั คมไม่เพยี งแตใ่ ห้มีชวี ิตอยู่ไปวัน ๆ เท่านน้ั ต้องมีการประเมิน
และเลือกสรรวิถีชีวิตของแต่ละคนที่สังคมเห็นว่าดี หรือควรจะดี ปัจจัยในการเลือกน้ันเกี่ยวข้องกับ
ระบบคุณธรรมของบคุ คลในสงั คม ซ่ึงคุณธรรมของแตล่ ะบคุ คลในสงั คมหน่งึ อาจไม่
จาเป็นต้องเหมือนกับบคุ คลในอีกสงั คมหนงึ่

จากการสงั เคราะห์ความหมายของคณุ ธรรมตามรูปศพั ท์และตามทัศนะของบคุ คลต่าง ๆ
สามารถสรุปไดว้ ่า คณุ ธรรม หมายถึง ส่ิงที่ถกู ต้องดีงาม ซึ่งเปน็ คณุ สมบัตทิ ่มี ีภายในจติ ใจของบุคคล
และทาให้บคุ คลพร้อมทจ่ี ะกระทาส่งิ ทีเ่ ป็นประโยชน์ ตอ่ ตนเองและผอู้ ่นื

ควำมหมำยของ “จรยิ ธรรม (ethics)” ตำมรูปศัพท์ในพจนำนุกรม
คาว่า “จริย” คอื กิรยิ าประพฤติปฏิบตั ิ หมายถึง ความประพฤติหรอื กิริยาที่ควรประพฤติ
สว่ นคาวา่ “ธรรม” มีความหมายหลายอยา่ ง เช่น คณุ ความดี หรือคาสอนของศาสนา หลกั ปฏิบตั ิ เมื่อ
นาคา สองคามารวมกันเป็น “จริยธรรม” จึงหมายความว่า หลักแห่งความประพฤติหรือแนวทางการ
ประพฤติหรอื การประพฤติดปี ระพฤติชอบ
พจนานุกรม ฉบับราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ ได้ให้คานิยามว่า “จรยิ ธรรม คือ ธรรม
ท่เี ป็นข้อประพฤติปฏบิ ัติ ศลี ธรรม กฎศลี ธรรม”๑๒
คอรล์ ิน๑๓ ได้อธิบายความหมายของจริยธรรมไว้เปน็ ๒ นัย คอื
๑. โดยนัยที่เป็นภาวะทางจิตใจ จริยธรรม แปลว่า ความคิดท่ีว่าบางพฤติกรรมเป็นสิ่งท่ี
ถูกต้อง ควรทาและเป็นที่ยอมรับและบางพฤติกรรมเป็นสิ่งที่ผิดหรือเลว ทั้งน้ีเป็นไปโดยความคิดเห็น
ของแต่ละบุคคล และโดยความคิดเห็นของสังคม นอกจากนี้จริยธรรมยังเน้นคุณภาพหรือสถานะใน
การดาเนินชวี ิตความเปน็ อยู่อยา่ งถูกตอ้ ง ควรทาและยอมรบั ได้
๒. จริยธรรมเป็นระบบของลักษณะและคุณค่าที่เกี่ยวพันกับพฤติกรรมของคนส่วนใหญ่
โดยทั่วไปแล้วเป็นทย่ี อมรบั กันในสังคมหรือเฉพาะในกลมุ่ คน
ควำมหมำยของ “จรยิ ธรรม” ตำมแนวคิดของบุคคลตำ่ งๆ
พระธรรมปิฏก ป.อ. ปยุตฺโต๑๔ ไดใ้ ห้ความหมายของจรยิ ธรรมวา่ จริยธรรมเป็นหลักความ
ประพฤติความดีงาม เป็นกลาง ไม่อิงศาสนาใด เป็นหลักความประพฤติกลาง ๆ แสดงถึงความดีที่ทุก
สงั คมยอมรบั

๑๐ Stumpf, Samuel E. Philosophy history and problems, (New York: Prentice-Hall,
1997) p. 3.

๑๑ Porter, Burton F. The good life alternatives in ethics, (Macmillan Publishing Co,
1980), p.233.

๑๒ ราชบัณฑติ ยสถาน. พจนำนกุ รม ฉบบั รำชบัณฑติ ยสถำน พ.ศ. ๒๕๕๔ เฉลิมพระเกยี รติ
พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัวเนอื่ งในโอกาสพระราชพธิ มี หามงคลเฉลมิ พระชนมพรรษา๗ รอบ ๕ธันวาคม ๒๕๕๔,

(กรุงเทพฯ : ศิริวฒั นาอินเตอรพ์ รนิ ทจ์ ากดั (มหาชน), ๒๕๕๖), หน้า ๓๐๓.
๑๓ Collins. Ethics. [Online]. Available: http//www.collinslanguage.com/results.aspx,
2011. [2011, February 3], p 1.

๑๐๕

พระมหาอดิศร ถิรสีโล,๑๕อธิบายว่า จริยธรรม หมายถึง ความประพฤติ การกระทา
ตลอดจนความรู้สึกนึกคิดอันถูกต้องดีงาม ท่ีควรประพฤติปฏิบัติ เพ่ือให้เกิดความเจริญรุ่งเรืองแก่ตน
และบุคคลโดยทั่วไป

พระราชวรมุนี๑๖ กลา่ วว่า จรยิ ธรรมเป็นเรื่องของการประพฤติตามหลัก ตามระเบยี บทวี่ ัด
ได้ ประเมินไดใ้ นทางพฤติกรรมท่ีแสดงออกมาทางกายกบั ทางวาจาและเปน็ หลักทั่ว ๆ ไปของทุกคน
จาก หลายแหลง่ ไมว่ ่าศาสนา กฎหมาย วัฒนธรรม ประเพณีอะไรท่ีควรทาเป็นจรยิ ธรรมทง้ั สิน้

ธีรศักดิ์ อัครบวร๑๗อธบิ ายวา่ จรยิ ธรรมเป็นแนวทางในการประพฤติปฏบิ ตั ิของมนุษย์
ไสว มาลาทอง๑๘ แสดงความเห็นว่า จรยิ ธรรมเป็นข้อประพฤตปิ ฏิบัตหิ รือกฎที่ควรปฏิบัติ
ในทางทีด่ ี ควรกระทาเพื่อใหเ้ กิดสิ่งทดี่ หี รือมสี ันติสุขในสงั คม
ยนต์ ชุม่ จิต๑๙ กล่าวว่า จรยิ ธรรมมีคณุ ค่าควรแกก่ ารนาไปดาเนนิ ชวี ิต หรอื หลักในการ
ดาเนนิ ชวี ิตอยา่ งประเสริฐ
จากการสังเคราะห์ความหมายของจริยธรรมตามรปู ศัพทแ์ ละตามทัศนะของบุคคลต่าง ๆ
สามารถสรปุ ไดว้ ่า จรยิ ธรรม หมายถงึ หลกั แห่งความประพฤติปฏบิ ตั ิท่ีดงี ามซึ่งเปน็ ทย่ี อมรับของสงั คม
ทกุ สังคม หากพจิ ารณาความหมายของคาว่าคุณธรรมและจรยิ ธรรมรว่ มกัน จะเหน็ ได้วา่ คาทั้งสองมี
ความเกีย่ วข้องสัมพนั ธ์กนั โดยคุณธรรม เปน็ ธรรมฝา่ ยดที ี่อยภู่ ายในจติ ใจของบคุ คล และการ
แสดงออกของคุณธรรมให้ประจักษ์ชดั นน้ั คือจรยิ ธรรม

ควำมสำคญั ของคุณธรรม จริยธรรมสำหรับผู้ประกอบวชิ ำชีพครู

คุณธรรม จริยธรรมเป็นส่ิงสาคญั ของบคุ คลในสังคม กล่าวคือ ในสังคมใดมีบุคคลทม่ี ีจิตใจ
ทเ่ี ปี่ยมดว้ ยคุณความดีย่อมกระทาแต่พฤติกรรมที่ดีมปี ระโยชน์ ฉะนั้นคณุ ธรรม จริยธรรมจึงเป็นสงิ่ ท่ีมี
ความสาคัญต่อสังคมเปน็ อยา่ งย่ิง คณุ ธรรมเป็นสิ่งทีถ่ กู ต้องดีงามที่อยู่ภายในจิตใจ สว่ นการแสดงออก
ของความดีงามเป็นพฤติกรรมท่แี สดงออกมาทางกายหรือทางวาจานั้นเป็นเรอื่ งของจรยิ ธรรม ด้วยเหตุ
ท่ีคุณธรรม จริยธรรมเป็นของคู่กัน และไม่ว่าบุคคลจะประกอบวิชาชีพใดๆ ก็ตาม ความเป็นผู้ที่มี
คุณธรรมจริยธรรมนับเป็นส่วนประกอบสาคัญของวิชาชีพนั้นๆ ดังคาอธิบายของ ศุภานัน สิทธิเลิศ๒๐
ที่ได้อธบิ ายความสาคัญของคณุ ธรรมท่มี ีอยใู่ นตัวบุคคลไมว่ ่าจะมอี าชพี ใด ดงั นี้

๑. คุณธรรมช่วยหล่อหลอมให้เปน็ บุคคลท่มี คี วามพอดี ไม่ขาดไม่เกิด ความพอดีนีก้ ็คือการ
เดินทางสายกลาง ความพอประมาณอยู่ระหว่างการโอ้อวดกับการถ่อมตน ความมัธยัสถ์เป็นคุณธรรม

๑๔ พระธรรมปิฏก ป.อ. ปยุตโฺ ต,พุทธธรรม, พิมพ์ครง้ั ท่ี ๗, (กรุงเทพฯ: มหาจุฬาลงกรณร์ าชวิทยาลัย,
๒๕๔๑), หน้า๑-๓๑ .

๑๕ เร่อื งเดยี วกัน, หนา้ ๕๗๑.
๑๖ พระราชวรมนุ ,ี (ประยรู ธมมฺ จติ โต). “จรรยำบรรณนักวจิ ัยกบั สังคมไทย” รายงานการสมั มนา
จรรยาบรรรณนกั วจิ ยั กับสังคมไทย, (กรุงเทพฯ: สานกั งานคณะกรรมการวิจยั , ๒๕๔๑), หนา้ ๑๑.
๑๗ เรือ่ งเดยี วกัน, หน้า ๑๑๐.
๑๘ ไสว มาลาทอง. กลมุ่ วชิ ำกำรพระพุทธศำสนำและจรยิ ศกึ ษำ, คมู่ อื การศึกษาจรยิ ธรรม,
(กรงุ เทพฯ: กองศาสนาศกึ ษา กระทรวงศกึ ษาธิการ, ๒๕๔๒), หน้า ๕.
๑๙ เรอ่ื งเดยี วกัน, หน้า ๑๕๙.
๒๐ ศุภานัน สิทธเิ ลศิ . เอกสำรคำสอนรำยวิชำควำมเป็นครู, ( กรงุ เทพฯ: มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สวน
สนุ ันทา, ๒๕๔๙), หน้า๒๕๐.

๑๐๖

ที่อยู่ระหว่างความตระหนี่กับความฟุ่มเฟือย ความกล้าหาญเป็นคุณธรรมท่ีอยู่กลางระหว่างความข้ี
ขลาดกบั ความบ้าบนิ่

๒. คุณธรรมช่วยให้บุคคลเป็นคนที่รู้จักใช้เหตุผลและใช้ปัญญา คนท่ีมีคุณธรรมจะต้องทา
ทุกอย่างด้วยเหตุผล ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ปัญญาเป็นคุณธรรมของวิญญาณส่วนที่เป็นเหตุผล และ
ปญั ญาเป็นเครือ่ งนาทางใหท้ าในส่ิงทถ่ี ูกต้อง

๓. คุณธรรมช่วยใหบ้ ุคคลเป็นคนกล้าหาญ ความกลา้ หาญเป็นคุณธรรมทส่ี าคญั มากในการ
ดารงชีวิตส่วนบุคคล เป็นคุณธรรมในส่วนของอารมณ์ คนที่มีคุณธรรมจะกล้าทาในสิ่งท่ีควรทาและไม่
กล้าทาในส่ิงที่ไม่สมควร ความกล้าจะช่วยให้มนุษย์ยืนหยัดท่ีจะทาในสิ่งท่ีถูกต้องดีงามไม่ว่าจะมี
อุปสรรคเพยี งใด

๔. คุณธรรมช่วยให้บุคคลเป็นคนมีความยุติธรรม ความยุติธรรมเป็นคุณธรรมส่วนบุคคล
ที่มา จากลกั ษณะภายในจิตใจ ประกอบดว้ ยเหตุผล อารมณ์ และความปรารถนาหรอื ความตอ้ งการ

จากความสาคัญของคุณธรรม จริยธรรมท่ีมีส่วนหล่อหลอมบุคลากรในวิชาชีพต่างๆ ให้
เปน็ คนดที ี่มีความรับผิดชอบตอ่ หน้าท่ีการงานของตน และด้วยวิชาชีพครูซ่งึ เป็นผู้มหี นา้ ที่อบรมสัง่ สอน
เยาวชนให้เปน็ คนดี มีคุณภาพ ครูจาเป็นต้องมีเป็นผ้ทู ่ีคณุ ธรรมและจรยิ ธรรมเป็นอย่างยิ่ง เพราะความ
เป็นผู้มีคุณธรรมและจริยธรรมจะช่วยให้ครูเป็นผู้มีความประพฤติที่ดีงาม มีการวางตัวดีและเหมาะสม
กับกาลเทศะ เป็นท่ีเคารพ และเป็นท่ีน่าเช่อื ถอื ของศิษย์ ผู้ประกอบวชิ าชพี ครูจึงจัดวา่ เปน็ บคุ คลท่ีต้อง
มีคุณธรรมนาชีวิต โดยคุณธรรมจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพครูนั้นมีความสาคัญอย่างย่ิงต่อตัวครู
เองต่อสถาบันวิชาชีพครู ต่อสังคมและชุมชน และต่อความม่ันคงของชาติ ดังที่ พระมหาอดิศร ถิร
สีโล๒๑ ได้กลา่ วสรปุ ในแตล่ ะประเด็น ดังนี้

๑. ประเด็นความสาคัญของคุณธรรมจริยธรรมครูต่อตัวครูคุณธรรมจริยธรรมของครูมี
ความสาคญั สาหรบั ตวั ครูเอง สรุปได้ดงั นี้

๑.๑ ชว่ ยทาใหค้ รเู จรญิ กา้ วหน้าและมีความม่ันคงในงานอาชีพครู
๑.๒ ไดร้ ับการยกยอ่ งสรรเสริญจากบคุ คลทว่ั ไป เปน็ ที่เคารพรักใคร่ของศิษย์
๑.๓ มีชีวิตอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข ไร้ภยันตรายใด ๆ เพราะแวดล้อมด้วย
ความรักความนบั ถอื จากศิษยแ์ ละประชาชนท่ัวไป
๑.๔ ครอบครวั มคี วามอบอนุ่ มั่นคง ฐานะทางเศรษฐกจิ ไมฝ่ ดื เคอื ง
๒.ประเดน็ ความสาคัญของคุณธรรมจรยิ ธรรมครูต่อสถาบันวชิ าชีพครูคณุ ธรรมจริยธรรม
ของครูมีความสาคญั ต่อสถาบันวิชาชีพครู สรปุ ได้ดงั นี้
๒.๑ ทาใหช้ ือ่ เสียงของคณะครูเปน็ ทศ่ี รทั ธาเลื่อมใสของปวงชน
๒.๒ งานวิชาชีพครูมีความเจริญก้าวหน้า เพราะทางานเต็มกาลังความสามารถ
มีความคดิ ริเร่มิ สรา้ งสรรค์ส่ิงท่ีเปน็ ประโยชน์ใหม่ ๆ อยู่เสมอ
๒.๓ สถานศึกษาไดร้ ับการพัฒนาอยา่ งเตม็ ที่ เพราะได้รบั ความร่วมมือช่วยเหลือ
จากประชาชน อย่างเตม็ กาลงั เพราะประชาชนมคี วามเชอื่ ถือในตัวครูทมี่ ีคุณธรรมจริบธรรม
๓. ประเด็นความสาคัญของคุณธรรมจริยธรรมครูต่อสังคมและชุมชนคุณธรรมจริยธรรม
ของครูมคี วามสาคัญต่อสังคมและชุมชน สรุปไดด้ ังน้ี
๓.๑ สมาชกิ ของสังคมเป็นคนดีมคี ณุ ธรรมสงู รู้จกั สทิ ธแิ ละหนา้ ท่ีอย่างถูกต้อง

๒๑ ศภุ านนั สทิ ธเิ ลศิ . เอกสำรคำสอนรำยวชิ ำควำมเป็นครู, ( กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลยั ราชภฏั สวน
สุนันทา, ๒๕๔๙), หน้า ๖๐-๖๑.

๑๐๗

๓.๒ สังคมมีสันติสุข เพราะสมาชิกของสังคมได้รับการส่ังสอนจากครูผู้มี
คุณธรรม

๓.๓ สังคมได้รับการพัฒนาให้เจริญก้าวหน้า เพราะสมาชิกทุกคนมีคุณธรรมจึง
ตา่ งกระทาหนา้ ท่ขี องตนอย่างเต็มความสามารถ

๔. ประเด็นความสาคัญของคุณธรรมจริยธรรมครูต่อความม่ันคงของชาติคุณธรรม
จรยิ ธรรมของครูมีความสาคัญตอ่ ความมัน่ คงของชาติ สรุปไดด้ งั นี้

๔.๑ สถาบนั ศาสนา พระมหากษตั ริย์ มคี วามม่ันคง เพราะประชาชนมคี วามรัก
ความเข้าใจ และตระหนักเห็นในความสาคัญของการเป็นหน่ึงเดียวของความเป็นชาติไทย ด้วยการ
ปลูกฝงั จากครผู ู้มคี ุณธรรม

๔.๒ ขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมของชาติมีความมั่นคงถาวร เพราะ
ครูอาจารยไ์ ด้อบรมส่งั สอนศิษย์ให้มคี วามรู้ความเขา้ ใจและปฏบิ ัตไิ ด้อย่างถกู ต้องเหมาะสม

ในทศั นะของนกั วชิ าการไทย ผกา สตั ยธรรม๒๒ ไดก้ ลา่ ววา่ คณุ ธรรม
จรยิ ธรรมของผู้ประกอบอาชีพครมู ีความสาคญั และเปน็ ส่งิ ที่จาเป็นแก่ครแู ละผู้เก่ยี วข้องดังนี้

๑. คุณธรรมของครู ทาให้ครูเป็นผู้เป็นคนดี เพราะมีคุณสมบัติที่ดีจากการปฏิบัติตาม
คุณธรรมต่าง ๆ เหลา่ นนั้ ผู้ที่มคี ณุ ธรรมประจาใจย่อมเป็นทเ่ี คารพบูชาของผู้อื่น

๒. ผู้เป็นครูสามารถนาเอาคุณธรรมต่าง ๆ ที่ประพฤติปฏิบัติอยู่ไปอบรมสั่งสอน และเป็น
ตวั อยา่ งที่ดีแก่ศิษย์

๓. คุณธรรมของครทู าใหเ้ กดิ ศรทั ธาเลื่อมใสจากใจของผู้เกี่ยวขอ้ ง ก่อใหเ้ กิดความม่ันคงใน
วชิ าชีพครู

๔. คุณธรรมของครชู ่วยให้เยาวชนของชาตเิ ป็นคนดี เพราะครูได้ให้การอบรม สัง่ สอนแนะ
แนวและแนะนาให้ประพฤติปฏิบตั ิ

๕. คณุ ธรรมของครูมีผลต่อสภาพความเป็นอยู่ของบุคคลในสังคม จากการเป็นพลเมืองดีมี
คุณธรรม ก็จะเป็นผลให้สังคมมีความสงบสุข เพราะทุกคนมีกิจกรรมควบคู่ไปกับความรู้ ทาให้ไม่
เบยี ดเบยี น ฆา่ ฟนั กัน

๖. คณุ ธรรมของครสู ่งผลให้สังคมมีคนดีมีคุณธรรมควบคู่กับความรู้ การพัฒนาประเทศจะ
เจริญก้าวหนา้ ขน้ึ ไม่มีปัญหาการกอบโกย หาประโยชน์สว่ นตวั แตจ่ ะเห็นแกส่ ่วนรวมและทาประโยชน์
ให้แก่ประเทศชาตอิ ยา่ งแท้จริง

๗. คุณธรรมของครูทาให้ครูสามารถประกอบอาชีพได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะการ
นาเอาคุณธรรมมาใช้ในการสอน ทาให้การเรียนการสอนพัฒนาขึ้น ทาให้เกิดปัญญาและเกิดการ
พัฒนาในตัวศษิ ย์

๘. ครูท่ีมีคุณธรรมจะทาการสอนให้ตัวนักเรียนเกิดคุณธรรมขึ้นซึ่งย่อมก่อให้เกิดความ
ม่ันคงในสถาบนั ตา่ ง ๆ ของชาติ

๙. ครูท่ีมีคุณธรรมจะทาหน้าที่ของตนอย่างสมบูรณ์ครบถ้วนพร้อมทั้งถ่ายทอดวัฒนธรรม
ขนบธรรมเนียมประเพณขี องชาติ เพ่ือให้เกิดการสานต่อทางวฒั นธรรมดว้ ยคุณธรรมเป็นคณุ งามความ
ดีของบุคคลทุกอาชีพ บุคคลท่ีมีคุณธรรมจะกระทาการใดๆก็ตามจะกระทาด้วยจิตสานึกที่ดี โดยมี
เป้าหมายว่าเป็นการทาความดีหรือเป็นพฤติกรรมท่ีดีเป็นท่ียอมรับของสังคม เช่น ความมีน้าใจ ความ

๒๒ ผกา สตั ยธรรม. คุณธรรมของครู, พมิ พค์ รงั้ ท่ี ๒, (กรงุ เทพฯ :โรงพมิ พพ์ ลอยเพลท, ๒๕๕๐),
หน้า๓๒.

๑๐๘

เสียสละ ความเกรงใจ ความยุติธรรม ความพอประมาณ ความมีเหตุผลความรักที่มีต่อเพ่ือนมนุษย์
ความเห็นอกเห็นใจ ความเป็นกัลยาณมิตร ความมีมารยาทที่งดงาม เป็นต้นโดยคุณธรรมก่อให้เกิด
จริยธรรมที่เหมาะสม และคณุ ธรรมเป็นสิ่งที่ควรปลูกฝังและสร้างสมให้เกดิ ข้ึนและดารงไวใ้ ห้มอี ยู่ในตัว
บคุ คลทุกคนทุกอาชีพ และด้วยอาชีพครูซ่ึงเปน็ วิชาชีพทเ่ี ก่ยี วขอ้ งกับการสรา้ งคุณภาพของพลเมืองรุ่น
ใหม่สู่สังคม ความมีคุณธรรมจริยธรรมในบุคคลที่ประกอบวิชาชีพครูจึงมีความสาคัญต่อท้ังตัวครูเอง
และสังคมเป็นอย่างย่ิง โดยความเป็นผู้มีคุณธรรมจริยธรรมของครูจะเป็นหลักประกันคุณภาพของครู
ใหเ้ ปน็ ทย่ี อมรับ เชื่อถือ ศรทั ธาจากลูกศิษย์ ผ้ปู กครองและบุคคลในชมุ ชนในสังคม เป็นกระจกสะท้อน
ให้เห็นถึงความสาคัญและความสง่างามของวิชาชีพครู สถาบันวิชาชีพครูตลอดจนสังคมและ
ประเทศชาติ

คุณธรรมควำมเป็นครแู ละธรรมกิ รำชำในพระบำทสมเด็จพระเจำ้ อยหู่ วั

จากรายงานการศกึ ษาค้นคว้าความเปน็ ครสู ถิตในหฤทยั ราษฏร์ พบว่าพระบาทสมเดจ็
พระเจ้าอยูห่ วั ทรงปฏบิ ตั ิพระราชกรณยี กจิ ต่างๆ ด้วยพระราชหฤทัยอนั เปี่ยมลน้ ไปดว้ ยทศพธิ ราชธรรม
และธรรมะท่ีมสี ่วนชว่ ยสง่ เสรมิ ความเป็นครูทม่ี ีคุณลกั ษณะพเิ ศษท่เี ป็นแบบอยา่ งแก่ประชาชนชาวไทย
โดยเรอื งวิทย์ ลม่ิ ปนาท๒๓ ไดร้ ายงานผลการศึกษาท่ีแสดงใหเ้ ห็นถึงทศพิธราชธรรมของพระองค์ สรุป
ไดด้ ังน้ี

๑. ทาน หมายถึง การให้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงบาเพ็ญธรรมข้อน้ีอย่าง
สม่าเสมอดังจะเห็นได้จากการท่ีพระราชทานส่ิงของโดยตรงด้วยพระองค์เอง ในเวลาท่ีราษฎรประสบ
กับภัยธรรมชาติต่าง ๆ หรือ ทรงส่งเสริมงามพัฒนาท้ังด้านการพัฒนาที่ดิน การชลประทาน
การเกษตรการแพทย์ อนั เปน็ การส่งเสรมิ ใหร้ าษฎรได้มีโอกาสอยดู่ กี ินดี

๒. ศีล ทรงศึกษาเก่ียวกับศีลธรรมและพุทธศาสนาอยู่เสมอ รวมถึงการอบรมส่ังสอน
ราษฎรของพระองค์เสมอ ๆ ไม่ว่าจะเป็นการพระราชทานพระบรมราโชวาทแก่บัณฑิตเน่ืองในโอกาส
สาเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัย พระองค์ทรงเน้นว่าการดาเนินชีวิตหรือทาการงานต่าง ๆ น้ัน
จะตอ้ งยดึ หลกั ศลี ธรรมประกอบหลักวิชาการดว้ ย

๓. บริจาคะ หมายถึง การเสียสละ เป็นธรรมที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงปฏิบัติ
อย่างสม่าเสมอที่สุด ท้ังน้ีเพราะพระองค์ทรงเสียสละความสุขส่วนพระองค์เพ่ือท่ีจะบาเพ็ญพระราช
กรณียกิจท้ังปวง โดยมิได้ทรงย่อท้อต่อความเหน่ือยยากตรากตราใด ๆ ท้ังส้ิน แม้จะเป็นพ้ืนท่ีเสี่ยง
อนั ตรายก็ตาม

๔. อาชชวะ หมายถึง ความตรง ความซ่ือตรง ความซื่อสัตย์ และความจริงใจในการ
ทางานธรรมข้อน้ี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีความซ่ือตรงและความจริงใจในการทางาน ทรง
วางพระองค์เป็นกลาง ทรงร่วมทุกข์ร่วมสุขกับราษฎรทุกหมู่เหล่า โดยมิเลือกเชื้อชาติ ศาสนา ภาษา
ดงั นัน้ พระองคจ์ ึงไม่เคยทจ่ี ะแสดงให้เห็นถงึ พระอคตลิ าเอียงใด ๆ ใหป้ รากฏ

๕. มทั ทวะ หมายถึง ความเปน็ ผูอ้ ่อนโยน มสี ัมมาคารวะตอ่ ผูใ้ หญ่ แสดงความอ่อนโยนต่อ
ผู้มีฐานะเสมอกันและต่า กว่า จะพบเห็นพระองค์ทรงบา เพ็ญธรรมข้อนี้เสมอ เช่น ภาพที่ทรง
ประคับประคองพระภิกษุที่สูงอายุ หรือในขณะที่เสด็จพระราชดาเนินทรงเยี่ยมราษฎรก็จะไม่ถือ

๒๓ เรอื งวทิ ย์ ล่ิมปนาท. ควำมเป็นครูสถิตในหทยั รำช, (กรงุ เทพฯ: รุ่งศลิ ปก์ ารพมิ พ์ (๑๙๗๗) จากดั ,
๒๕๓๙), หนา้ ๖๕-๖๖.

๑๐๙

พระองค์ทรงมีพระราชอธั ยาศัยอ่อนโยนสงา่ และสงบ ทรงวางพระองค์อยา่ งสม่าเสมอตลอดมา จึงเป็น
ท่ีเคารพรักใคร่ของราษฎรทุกหมเู่ หล่า รวมถึงชาวต่างประเทศด้วย

๖. ตบะ หมายถึง ความมีวิริยะหรือความเพียร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงแสดง
พระองค์ให้เห็นถึงธรรมข้อนี้ จะเห็นได้จากการท่ีทรงมีความเพียรในการปฏิบัติพระราชกรณียกิจทั้ง
ทางโลกและทางธรรม ในทางโลกพระองค์ทรงมีความเพียรในการทรงงานต่าง ๆ ด้วยมุ่งหวังที่จะให้
ราษฎรได้อยู่ดีกินดี ในทางธรรมพระองค์ทรงมีวิริยะในการปฏิบัติธรรม ไม่ว่าจะเป็นการน่ังสมาธิทรง
ถืออุโบสถศีลอย่างเครง่ ครัด

๗. อักโกธะ หมายถึง ความไม่โกรธ ธรรมข้อน้ีพระองค์ทรงแสดงให้เห็นอย่างดีในการ
เสด็จพระราชดาเนินไปเยือนต่างประเทศเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๕ ณ ประเทศออสเตรีย ทรงถูกท้าทายจาก
นักศึกษากลุ่มหน่ึงท่ีเป็นพวกหัวรุนแรง ได้ถือป้ายมีข้อความให้ร้ายประเทศไทย พระองค์กลับไม่ได้
แสดงท่าทีว่ามีอารมณ์โกรธ แต่กลับให้ความเมตตาและกล่าวคาช้ีแจงให้บุคคลเหล่านั้นได้เข้าใจถึง
ประเทศไทยให้ดขี ้ึนเป็นการยากทจี่ ะมีผู้ใด ควบคุมอารมณ์ได้เช่นพระองค์ในสถานการณเ์ ชน่ น้นั

๘. อวิหิงสา หมายถึง ความไม่เบียดเบียน เป็นธรรมท่ีจะช่วยให้คนอยู่ร่วมกันได้อย่างมี
ความสุขคุณธรรมท่ีสอดคล้องในเรื่องการไม่เบียดเบียนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระ
ราชดารสั ถึงบ่อยครั้งมาก ท้งั นเี้ พราะธรรมดังกลา่ วจะช่วยใหส้ ังคมอยู่ร่วมกนั ได้อย่างมคี วามสุข

๙. ขันติ หมายถงึ ความอดทน ความอดกลั้น ไม่ว่าจะเปน็ การอดทนอดกลั้นทางกาย ทาง
จิตใจธรรมข้อน้ีคงเป็นสงิ่ ที่เหน็ ไดไ้ มย่ ากนกั ทง้ั นี้เพราะพระราชกรณยี กจิ ต่าง ๆ ที่พระบาทสมเด็จพระ
เจ้าอยู่หัวทรงบาเพ็ญน้ัน ล้วนแต่ต้องใช้ความอดทนอดกล้ัน ทั้งทางกาย วาจา และใจทั้งส้ิน ซึ่ง
หมายถงึ พระองคท์ รงเป็นผู้ใหเ้ พยี งอยา่ งเดียว

๑๐. อวิโรธนะ หมายถงึ การโอนออ่ นผ่อนปรน การประสมประสานใหเ้ กดิ ความสามัคคี
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงแสดงให้เห็นถึงพระปรีชาสามารถในธรรมข้อนี้อย่างดี ในเวลา
บ้านเมอื งเกิดวกิ ฤตการณท์ างการเมือง

นงลักษณ์ วิรัชชัย และคณะ๒๔ ได้ศึกษาเร่ือง ความเป็นครูและธรรมิกราชาใน
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ โดยมีการวิเคราะห์คุณธรรมเบื้องหลังพระราชกรณียกิจในด้าน
คุณธรรมความเป็นครู โดยแยกเป็น ๓ ด้าน คือ คุณธรรมด้านคุณสมบัติของครู คุณธรรมด้าน
ความสามารถในการสอน และคณุ ธรรมดา้ นการทาหน้าท่คี รู พบวา่

ดา้ นที่ ๑ คณุ ธรรมด้านคุณสมบตั ิของครู ประกอบด้วย
๑. คุณธรรมของครูในฐานะผู้สอน ได้แก่ ความมีเมตตากรุณาต่อผู้เรียน ความใส่ใจ

เหน็ ประโยชนข์ องผ้เู รียน ความหนักแนน่ มหี ลกั การ และความเป็นตน้ แบบหรอื เป็นแบบอย่างทดี่ ี
๒. คุณธรรมของครใู นฐานะผู้เรียน ได้แก่ การมีความพากเพียรในการเรียนรู้ท้ังสาระ

ทฤษฎีและวิชาการสอน การฝึกฝนและพัฒนาตนเองอยู่เสมอ มีความรู้จริงในส่ิงท่ีเรียน และมี
คุณสมบัติ ด้านความรู้จริงทีส่ ามารถทดสอบได้

๓. คุณธรรมของครูในฐานะผู้พัฒนา ได้แก่ การมีพรหมวิหาร การมีความพร้อมใน
การสังเคราะห์ด้วยส่ิงของ ด้วยวาจา ด้วยกาลัง ด้วยสามัคคี มีความพร้อมร่วมประชุมรบั ฟังความเห็น
ผู้อน่ื และเอาใจใส่ช่วยเหลือพฒั นาคนและสังคม

๒๔ นงลักษณ์ วิรัชชยั และคณะ. “ควำมเป็นครแู ละธรรมกิ รำชำในพระบำทสมเด็จพระเจำ้ อยู่หัวกำร
วิเครำะห์คณุ ธรรมเบอ้ื งหลงั พระรำชกรณยี กจิ ,”วารสารวิธวี ทิ ยาการวิจยั ปที ่ี ๒๐ ,ฉบบั ที่ ๑ (มกราคม –เมษายน
๒๕๕๐), หน้า ๒๒.

๑๑๐

ด้านท่ี ๒ คุณธรรมด้านความสามารถในการสอน ได้แก่ การรู้และกาหนดเป้าหมายในการ
สอน การวิเคราะห์และรู้จักผู้เรียน การคิดสรรส่ิงที่เป็นประโยชน์มาสอนให้เหมาะกับผู้เรียน การสอน
อย่างมีสมาธิ มีความอดทนในการสอน การสอนให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง การสอนเป็น
ลาดับขั้นตอน ใช้วิธกี ารสอนท่ีหลากหลาย สามารถสอนสิ่งยากให้เข้าใจได้ง่าย มีการประเมินการสอน
และสามารถสอนใหร้ ู้แจ้งจนสามารถนาไปสอนผู้อืน่ ได้

ด้านท่ี ๓ คุณธรรมด้านการทาหน้าท่ีครู ได้แก่ การทาหน้าท่ีสอนศิษย์ให้เป็นคนดี สอน
ศษิ ยใ์ ห้รแู้ จ้ง โดยไมป่ ิดบัง ยกยอ่ งความดขี องศษิ ย์ใหป้ รากฏ และสร้างเคร่ืองคุ้มภัยใหศ้ ิษย์

คณุ ธรรมพ้นื ฐำน ๘ ประกำรของกระทรวงศกึ ษำธิกำร

กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศนโยบายเร่งรัดการปฏิรูปการศึกษา โดยยึดคุณธรรมนา
ความรู้สร้างความตระหนักและสานึกในคุณค่าของ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ความสมานฉันท์
สนั ติวิธี วิถปี ระชาธิปไตย พฒั นาคนโดยใช้คณุ ธรรมเป็นพื้นฐานในกระบวนการเรยี นรูท้ ่ีเช่ือมโยงความ
ร่วมมือระหว่าง สถาบันครอบครัว ชุมชน สถาบันศาสนา และสถาบันการศึกษา โดยมีจุดเน้นเพื่อ
พัฒนาเยาวชนให้เป็นคนดี มีความรู้ และอยู่ดีมีสุข เพ่ือให้การขับเคล่ือนดังกล่าวมีความชัดเจนเกิด
ประสิทธิภาพสูงสุด และสามารถนาไปสู่การปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม ครูซึ่งเป็นบุคลากรทาง
การศึกษาท่ีต้องทาหน้าที่พัฒนาผู้เรียนให้มีคุณธรรมดังกล่าว ครูจึงจาเป็นต้องมีคุณธรรมพื้นฐาน ๘
ประการดังกล่าวด้วย คุณธรรมดังกล่าวประกอบด้วย ขยัน ประหยัด ซ่ือสัตย์ มีวินัย สุภาพ สะอาด
สามคั คี มีน้าใจ ดงั นี้๒๕ โดยมรี ายละเอียดดงั ต่อไปนี้

๑. ขยัน คือ ความตั้งใจเพียรพยายาม ทาหน้าที่ การงานอย่างต่อเนื่อง สม่าเสมอ อดทน
ความขยันตอ้ งปฏิบตั ิควบค่กู บั การใช้สตปิ ญั ญาในการแก้ปัญหาจนเกิดผลสาเร็จ ผทู้ ่มี ีความขยัน คอื ผู้ท่ี
ตั้งใจทาอย่างจริงจัง ต่อเน่ือง ในเรื่องท่ีถูกท่ีควร เป็นคนสู้งาน มีความพยายามไม่ท้อถอย กล้าเผชิญ
อปุ สรรค รักงานที่ทา และต้ังใจทาอยา่ งจริงจัง

๒. ประหยัด คือ การรู้จักเก็บออม ถนอมใช้ทรัพย์สิน สิ่งของแต่พอควร พอประมาณให้
เกิดประโยชน์ คุ้มค่า ไม่ฟุ่มเฟือย ฟุ้งเฟ้อ ผู้ที่มีความประหยัด คือ ผู้ท่ีดาเนินชีวิตความเป็นอยู่ท่ีเรียบ
ง่ายรู้จักฐานะการเงินของตน คิดก่อนใช้ คิดก่อนซื้อ เก็บออม ถนอมใช้ทรัพย์สินส่ิงของอย่างคุ้มค่า
รู้จักทาบัญชีรายรับ-รายจา่ ย รายออมของตนเองอยเู่ สมอ

๓. ซื่อสัตย์ คือ ประพฤติตรง ไม่เอนเอียง ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม มีความจริงใจ ปราศจาก
ความรู้สึกลาเอียง หรืออคติ ผู้ที่มีความซ่ือสัตย์ คือ ผู้ที่มีความประพฤติตรง ทั้งต่อหน้าท่ี ต่อวิชาชีพ
ตรงต่อเวลาไม่ใช้เล่ห์กล คดโกง ท้ังทางตรงและทางอ้อม รับรู้หน้าท่ีของตนเองและปฏิบัติอย่างเต็มที่
ถูกตอ้ ง

๔. มีวินัย คือ การยึดม่ันในระเบียบแบบแผน ข้อบังคับ และข้อปฏิบัติ ซ่ึงมีทั้งวินัยใน
ตนเองและวนิ ัยต่อสังคม ผู้มีวินัย คือ ผู้ท่ีปฏิบัติตนในขอบเขต กฎ ระเบียบ ของสถานศึกษา สถาบัน/
องค์กร/สงั คมและประเทศ โดยทตี่ นเองยินดีปฏิบตั ิตามอยา่ งเต็มใจและตัง้ ใจ

๒๕ นงลักษณ์ วิรชั ชัยและคณะ. “ควำมเปน็ ครูและธรรมิกรำชำในพระบำทสมเดจ็ พระเจ้ำอยหู่ ัวกำร
วิเครำะหค์ ณุ ธรรมเบื้องหลงั พระรำชกรณียกจิ ,”วารสารวธิ ีวทิ ยาการวิจยั ปที ี่ ๒๐ ,ฉบบั ท่ี ๑ (มกราคม –เมษายน
๒๕๕๐), หน้า ๓๔-๓๙.

๑๑๑

๕. สุภาพ คือ เรยี บร้อย อ่อนโยน ละมุนละม่อม มีกิริยามารยาทที่ดีงาม มีสัมมาคารวะ ผู้
ท่ีมีความสุภาพ คือ ผู้ท่ีอ่อนน้อมถ่อมตนตามสถานภาพและกาลเทศะ ไม่ก้าวร้าว รุนแรง วางอานาจ
ข่มขู่ผู้อื่นท้ังโดยวาจา และท่าทาง แต่ในเวลาเดียวกันยังคงมีความม่ันใจในตนเอง เป็นผู้ที่มีมารยาท
วางตนเหมาะสมตามวัฒนธรรมไทย

๖. สะอาด คือ ปราศจากความมัวหมองท้ังกาย ใจ และสภาพแวดลอ้ ม ความผอ่ งใสเป็นที่
เจริญตา ทาให้เกิดความสบายใจแก่ผู้พบเห็น ผู้ท่ีมีความสะอาด คือ ผู้รักษาร่างกาย ท่ีอยู่อาศัย
ส่ิงแวดลอ้ มถูกตอ้ งตามสขุ ลักษณะฝกึ ฝนจิตใจมใิ ห้ขุน่ มัว จึงมคี วามแจม่ ใสอยเู่ สมอ

๗. สามัคคี คือ ความพร้อมเพียงกัน ความกลมเกลียวกัน ความปรองดองกัน ร่วมใจกัน
ปฏิบัติงานให้บรรลุผลตามที่ต้องการ เกิดงานการอย่างสร้างสรรค์ ปราศจากการทะเลาะวิวาท ไม่เอา
รดั เอาเปรียบกัน เป็นการยอมรับความมีเหตุผล ยอมรับความแตกต่างหลากหลายทางความคิด ความ
หลากหลายในเร่ืองเช้ือชาติ ความกลมเกลียวกันในลักษณะเช่นนี้เรียกอีกอย่างว่า ความสมานฉันท์ผู้ท่ี
มคี วามสามัคคี คอื ผทู้ ี่เปิดใจกว้าง รับฟังความคดิ เหน็ ของผ้อู น่ื รบู้ ทบาทของตน ทัง้ ในฐานะผนู้ าและผู้
ตามที่ดี มีความมุ่งมั่นต่อการรวมพลังช่วยเหลือเกื้อกูลกันเพ่ือให้การงานสาเร็จลุล่วง แก้ปัญหาและ
ขจัดความขัดแย้งได้ เป็นผู้มีเหตุผล ยอมรับความแตกต่างหลากหลายทางวัฒนธรรม ความคิด ความ
เชื่อพร้อมทจ่ี ะปรบั ตัวเพ่ืออยูร่ ่วมกนั อย่างสนั ติ

๘. มีน้าใจ คือ ความจริงใจที่ไม่เห็นแก่เพียงตัวเองหรือเร่ืองของตัวเอง แต่เห็นอกเห็นใจ
เห็นคุณค่าในเพื่อนมนุษย์ มีความเอ้ืออาทร เอาใจใส่ ให้ความสนใจในความต้องการ ความจาเป็น
ความทุกข์ความสุขของผู้อ่ืน และพร้อมท่ีจะให้ความช่วยเหลือเก้ือกูลกันและกัน ผู้ท่ีมีน้าใจ คือ ผู้ให้
และผู้อาสาชว่ ยเหลือสังคม รู้จักแบ่งปัน เสียสละความสุขสว่ นตนเพ่ือทาประโยชน์แก่ผู้อื่น เข้าใจ เห็น
ใจผู้ท่ีมีความเดือดร้อน อาสาช่วยเหลือสังคมด้วย แรงกาย สติปัญญา ลงมือปฏิบัติการเพื่อบรรเทา
ปญั หา หรอื รว่ มสร้างสรรคส์ ่งิ ดงี ามให้เกดิ ข้ึนในชุมชน

จากการสังเคราะห์คณุ ธรรมพ้นื ฐานของกระทรวงศึกษาธกิ ารดังกล่าวข้างต้น พอสรุปได้ว่า
ครูต้องมีคณุ ธรรมพ้ืนฐาน ๘ ประการนี้เป็นเคร่ืองยึดถอื ในจิตใจและในการปฏิบัตติ น เพอ่ื ใหเ้ ป็นบุคคล
ที่สามารถครองตน ครองคน และครองงาน ท่ีเป็นแบบอย่างให้แก่สังคมท่ีมีความคาดหวังในตัวครูได้
ในขณะเดียวกันผู้ประกอบวิชาชีพครูต้องมีวิญญาณของความเป็นครูอย่างแท้จริงด้วย คือ การมีความ
รกั ความเมตตาต่อศิษย์ อันจะนามาสู่การปฏบิ ตั ิงาน การจดั กิจกรรมการเรียนการสอนที่มีคุณภาพและ
มีประสิทธิผลในหน้าที่ของครทู ี่ดอี ันเป็นทีต่ อ้ งการของสงั คมต่อไป

คณุ ธรรมสำหรับครตู ำมแนวพุทธธรรม

หลักธรรมคาสอนขององค์สมเด็จพระสมั มาสมั พทุ ธเจ้ามีจานวนมากมาย ทง้ั นเี้ พื่อให้พุทธ
บรษิ ัทเลอื กไปปฏิบตั ิ และในอดีตผู้ทาหนา้ ทีเ่ ป็นครูของสังคม คือ พระภิกษสุ งฆ์ ซ่ึงเป็นผู้มีจรยิ วตั ร
ครองตนในศลี ในธรรม ในทางพระพุทธศาสนาจึงยกย่องครูเปน็ ปชู นยี บคุ คล เปน็ ผกู้ ระทาหนา้ ท่ี
ยกระดบั วญิ ญาณของมนุษย์ให้สูงขน้ึ ในปจั จบุ ันครูเปน็ วิชาชีพท่ีมีหลักวชิ าเฉพาะทาง มกี ารกาหนด
บทบาทหนา้ ท่ี ภาระงานความรับผิดชอบท่ชี ัดเจน และครูยงั ไดร้ บั การยอมรับให้เป็นแบบอยา่ งทด่ี ี
เป็นผ้มู จี ติ ใจสงู และเจริญดว้ ยธรรม หากจะกลา่ วถึงคุณธรรมของครูตามแนวพระพุทธศาสนาหรอื แนว
พทุ ธธรรม สามารถจาแนกคุณธรรมของครอู อกเป็นประเภทต่าง ๆ ตามลักษณะงานของครดู งั ต่อไปน้ี

๑๑๒

คุณธรรมสำหรบั ครูเพ่ือเพ่ิมประสิทธภิ ำพในกำรทำงำน

ในการทางานของครู ซึง่ เป็นงานอบรมสั่งสอนศิษยน์ ับเป็นงานทหี่ นัก ฉะน้ันในการทางาน
เพ่อื ใหม้ ปี ระสิทธิภาพของงานให้มากย่ิงขึน้ ครูต้องมีคุณธรรมตามแนวพุทธธรรมท่ีเรียกวา่ อิทธบิ าท ๔
และพละธรรม ๕ มรี ายละเอียดดงั น้ี

๑. อิทธิบาท ๔ อิทธิบาท ๔ ถ้าแปลตามคาศัพท์ อิทธิ แปลว่า ฤทธิ์ หรืออานาจหรือ
ความสาเรจ็ บาท แปลว่าการก้าวไป หรือการดาเนินไปสู่ ฉะนั้น อิทธิบาท จึงหมายถึง การดาเนินไปสู่
ความสาเรจ็ ซงึ่ ประกอบดว้ ยองคธ์ รรม ๔ ประการ คอื

๑.๑ ฉันทะ คอื ความยินดี พอใจในวิชาชีพครู มีความรักความศรทั ธาที่จะเป็นครูเม่ือ
ผู้ประกอบวิชาชีพครู เป็นครูด้วยใจรักมีความชอบ ย่อมมีความต้ังใจในการทาหน้าท่ีครู โดยมีความ
ต้งั ใจในการสอน มีการเตรียมการสอนท่ีเหมาะสมกับเด็กตามวัยและความแตกต่างของเด็ก มีการสอน
ที่น่าสนใจ สนุกสนาน ทาให้เด็กมีความรู้และคุณธรรม เพราะครูจะสั่งสอนด้วยความรัก ความเมตตา
ความหวังดี

๑.๒ วิริยะ คือ ความเพียรพยายามในการประกอบวิชาชีพครู โดยมีความเพียร
พยายามที่จะสอนเด็กใหไ้ ด้ผลท้ังทางวิชาการความรู้และคุณธรรม โดยครจู ะไม่ย่อท้อในงานท่หี นัก จะ
ใช้ความขยันความเพียร ความพยายาม ในการพัฒนาศิษย์ให้เป็นคนที่มคี วามรู้ความสามารถควบคู่กับ
มีคุณธรรม

๑.๓ จิตตะ คือ การเอาใจฝักใฝ่ในความเป็นครู คิดเสมอว่าครูเป็นอาชีพสาคัญ ใน
การพัฒนาคนให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ จึงมีจิตเอาใจใส่ในการทางานให้เกิดผลดีแก่ศิษย์ ต้ังใจใน
การศึกษาค้นคว้าวิชาการที่ดีที่เหมาะสมที่จะฝึกฝนให้ศิษย์มีการพัฒนาในทุกด้าน กล่าวย่อ ๆ ก็คือ มี
จิตฝักใฝ่ในการทาหนา้ ท่ขี องครใู หด้ ีท่ีสุด

๑.๔ วมิ งั สา คือ การหมน่ั ตริตรอง คดิ พิจารณาดว้ ยหลกั เหตุและผลในการทาหนา้ ท่ี
ครูว่าทาได้ดีมปี ระสิทธภิ าพหรือไม่ มงี านอะไรท่ตี ้องทาเพ่ิมเติมเพื่อการพฒั นาเด็ก ให้เกดิ ประสิทธผิ ล
ท่ีดีขึ้นมสี ง่ิ ใดทยี่ ังไมค่ ่อยดี ตอ้ งมีการพัฒนาปรบั ปรงุ แกไ้ ข ก็พยายามแสวงหาแนวทางทีเ่ หมาะสมใน
การแก้ไขสิ่งนนั้ เช่น ค้นหาวธิ กี ารสอนแบบใหม่ ๆ ท่ีเหมาะสมกบั เดก็ ในยุคปจั จบุ ันโดยการวิจยั ผู้
ประกอบวชิ าชพี ครู ถ้าได้ใชห้ ลกั อทิ ธิบาท ๔ ในการดาเนินชีวิตในหนา้ ทีก่ ารงานย่อมทาให้เป็นครู
แท้จริง เปน็ ครทู ี่มีคุณภาพ มคี ณุ ธรรม เพราะเป็นครดู ้วยใจรกั ขณะเดยี วกนั มีความเพียรพยายามเอา
ใจใส่ นกึ คดิ ตริตรอง เพอื่ การพัฒนางานในหน้าทอี่ ยูเ่ สมอ ย่อมส่งผลสาเร็จให้เกดิ ตามที่ปรารถนา
คุณธรรมอิทธิบาท ๔ นี้ สามารถใชไ้ ด้กับบุคคลทกุ อาชีพ ทกุ หน้าที่การงานเพื่อความสาเรจ็ แห่งงาน
น้นั ๆ

๒. พละธรรม ๕ พละ ๕ ถ้าแปลตามคาศัพท์ แปลวา่ เป็นใหญ่ในหน้าที่ หรอื เป็นธรรมที่
เป็นกาลงั กล่าวคอื องค์ธรรมน้ี ชว่ ยในการทาหน้าท่ใี หป้ ระสบความสาเรจ็ ประกอบดว้ ยองค์ธรรม ๕
ประการ คอื ศรทั ธาพละคือ ศรทั ธา ความเชอื่ วิรยิ ะพละ คอื วริ ยิ ะหรอื ความเพียร สติพละ คือ สติ
ความระลึกได้ สมาธิพละคือ สมาธิ หรอื ความตง้ั ใจม่นั และ ปญั ญาพละ คอื ปัญญา ความรอบรู้ ดงั
รายละเอียดต่อไปน้ี

๒.๑ ศรัทธาพละ คือ ความเชือ่ ท่ีประกอบด้วยปญั ญา โดยครตู ้องมคี วามเชื่อในทางที่
ชอบเชื่อในสิ่งท่ีควรเช่ือ เช่น เช่ือว่าทาดีได้ดี ทาช่ัวได้ช่ัว เชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมซ่ึงเป็นความเช่ือ
เกี่ยวกับหลกั เหตแุ ละผล ซึง่ ความเช่ือเหล่านเี้ มอ่ื เกิดข้ึนในใจของบุคคลแลว้ จะเป็นพลงั เป็นกาลังใหท้ า
แต่ความดี ละเวน้ ความชัว่ จะเป็นพลังในการต้านอกุศลกรรม ความเชอื่ ในหน้าทก่ี ารงานของครู ได้แก่

๑๑๓

ความเช่ือที่ว่าเด็กนักเรียนทุกคนมีศักยภาพท่ีพัฒนาได้ ความรักในวิชาชีพครูจะทาให้ครูทาหน้าที่ของ
ความเป็นครอู ย่างสมบรู ณ์ เป็นตน้

๒.๒ วิริยะพละ คือ ความพากเพียรพยายามในการทาอะไร ๆ ก็ตาม ถ้าทาบ่อย ๆ
ทาติดต่อ บากบั่นอย่างสม่าเสมอย่อมทาให้เกิดพลัง ถ้าครูมีความเพียรในทางท่ีชอบ เช่น เพียรเลิกละ
ความชั่ว เพียรระวังไม่ให้ความชั่วเกิดขึ้น เพียรทาความดีสม่าเสมอ และเพียรรักษาความดีไว้ต่อเนื่อง
ย่อมทาให้ครูประสบผลสาเร็จในสิ่งท่ีปรารถนา บุคคลที่ประกอบวิชาชีพครูจาเป็นต้องใช้ความเพียร
พยายามอยา่ งมากในการอบรมสัง่ สอนเพื่อพฒั นาผูเ้ รยี น

๒.๓ สติพละ คือ ความระลึกได้ กล่าวคือ ครูต้องมีความระลึกความรู้สึกตัวในการ
กระทาการพูด การคิด โดยสามารถพิจารณาได้ว่าเหมาะสมหรือไม่กับตนเอง กับบุคคลอ่ืน กับ
สถานการณ์ กับกาลังที่ตนมีอยู่ โดยความมีสติ จะเป็นกาลัง เป็นพลังในการทาการงานท้ังปวงให้
ประสบความสาเร็จความมีสติจะเป็นพลังในการต่อต้านความประมาท ความมีสติเป็นส่ิงจาเป็นมาก
สาหรับวิชาชีพครูเพราะเป็นวิชาชีพที่ต้องพบปะผู้คนเป็นจานวนมาก ทั้งยังต้องเป็นตัวแบบแก่ผู้เรียน
อกี ด้วย

๒.๔ สมาธิพละ คือ ความมุ่งม่ันหรือความต้ังใจเป็นองค์ธรรมที่ทาให้จิตต้ังมั่นใน
อารมณ์เดียว ทาให้จิตมีพลัง มีความหนักแน่นมั่นคงในส่ิงที่เป็นกุศล พลังสมาธินี้จะเป็นกาลังในการ
ต่อต้านความฟุ้งซ่านมิให้เกิดข้ึนภายในจิตใจตนเอง ทาให้มีความมุ่งมั่นท่ีจะทางานให้สาเร็จ แม้มี
อุปสรรคในงาน ความมุ่งมั่นตั้งใจของกาลังสมาธิก็จะมีส่วนช่วยให้กาจัดอุปสรรคได้ ทาให้งานสาเร็จ
ดงั ท่ตี งั้ เป้าหมายไว้

๒.๕ ปญั ญาพละ คอื ความรอบรู้ ความเข้าใจสภาพธรรม ความรอบรขู้ องครนู อกจาก
ความรอบรู้ด้านวิชาการแล้ว ก็ควรมีความรอบรู้ว่าอะไรดี อะไรช่ัว อะไรควรทา อะไรไม่ควรทา อะไร
จริง อะไรเท็จ อะไรเป็นประโยชน์ อะไรไม่เป็นประโยชน์ ซ่ึงความรอบรู้น้ีจะเกิดจากการส่ังสม การ
อบรมจนเกิดปัญญาก่อให้เกิดมีพลงั ข้ึนมา ทาใหเ้ กิดความสงบและเป็นสุขธรรมท้งั ๕ ประการน้ีจะต้อง
ปรับให้เสมอกันจึงมีผลในทางปฏิบัติคือ ศรทั ธากับปัญญาต้องเท่ากัน วิริยะกับสมาธิต้องเท่ากัน โดยมี
สติเป็นตัวกลาง กล่าวคือ คนบางคนมแี ต่ศรัทธาแต่ไม่มีปัญญา กเ็ ป็นเหตุให้งมงาย บางคนมีแต่ปัญญา
ไม่มีศรัทธา ก็จะทาให้บุคคลฟุ้งซ่าน เพราะไม่ยอมเช่ืออะไรง่าย ๆหรือการมีความเพียร มากเกินไปก็
ทาให้จิตฟุ้งซ่าน หรือการทาสมาธิมากเกินไปทาให้จิตง่วงลงสู่ภวังค์ทาให้ได้ผลในการปฏิบัติน้อย จึง
ต้องปรับแตล่ ะคใู่ ห้เสมอกนั สว่ นสตเิ ปน็ ธรรมตัวกลางทีต่ อ้ งใช้อยู่เสมอ

ในการปฏบิ ัติหนา้ ที่ครใู หป้ ระสบความสาเรจ็ ได้ผลดีนนั้ ครูต้องศรัทธาทจี่ ะเป็นครู โดยมี
ความเชอ่ื ว่าอาชีพน้ีเป็นอาชีพดมี ีประโยชนแ์ กส่ งั คมและสว่ นตวั ทไี่ ดใ้ หค้ วามรู้ สร้างคนใหเ้ ป็นคนดี มี
ความเพยี รที่จะแสวงหาความร้แู ละอบรมสงั่ สอนศิษย์ให้มีท้ังความรแู้ ละคณุ ธรรม มสี ติรตู้ วั ว่าทาอะไร
อยู่ เหมาะสมกบั การประกอบวชิ าชพี น้ีหรอื ไม่ มสี ตทิ จี่ ะทางานด้วยความตั้งใจทจ่ี ะทาตวั ดีเป็นตัวอยา่ ง
แก่ศิษย์ มีสมาธิคือความมุง่ มั่นตั้งใจในการสอน สอนได้ตามจดุ ม่งุ หมายทีว่ างไว้ มสี ติ ท่จี ะไม่ทาส่ิงไมด่ ี
และมปี ัญญาคือความฉลาดรอบร้ใู นวิชาการและวิชาชีพ รู้ว่าจะทาการสอนอย่างไรให้ได้ผลดีแกเ่ ด็ก
เป็นตน้

คุณธรรมสำหรับครูเพอ่ื ควำมสขุ ควำมเจรญิ ของตนและสว่ นรวม

บคุ คลทจี่ ะเปน็ ครนู อกจากจะมีคณุ ธรรมเพื่อความเจรญิ สว่ นตวั แลว้ ยังต้องสนใจท่จี ะ
ประพฤตติ นให้เปน็ ประโยชน์ตอ่ ส่วนรวมดว้ ย โดยหลกั ธรรมต่าง ๆ ทค่ี รตู ้องปฏิบตั เิ พื่อความเจรญิ ของ
สว่ นตัวและสว่ นรวมน้นั ประกอบดว้ ยพรหมวหิ าร ๔ และ สงั ควตั ถุ ๔ โดยมีรายละเอียดดังนี้ คอื

๑๑๔

๑. พรหมวหิ ำร ๔
พรหมวิหาร ๔ คือ ธรรมของพรหม เป็นธรรมอนั ประเสรฐิ ของผทู้ ่ีทาหนา้ ที่เป็นที่พึ่งของ
ผูอ้ น่ื ผู้เปน็ ผูน้ า ผู้เปน็ ผ้ใู หญ่ ซึง่ บคุ คลทเ่ี ปน็ ครูต้องมีธรรมนี้ประจาใจดังนี้

๑.๑ เมตตา คือ ความคิดปรารถนาดี ต้องการให้ผู้อื่นมีความสุข มีความรักผู้อ่ืน
ปรารถนาเกื้อกูลให้ผู้อนื่ พน้ จากทุกข์ ซ่ึงบุคคลทีเ่ ป็นครูตอ้ งมีคณุ ธรรมข้อนี้ โดยครตู ้องมคี วามรักความ
ปรารถนาดีต่อศิษย์ ช่วยเหลือศิษย์ ให้มีความสุข มีความเจริญก้าวหน้าในการดาเนินชีวิต คอยระวังมิ
ให้ศิษย์ตกไปสู่ความประมาทอันเป็นหนทางนาไปสู่ความเส่ือม เช่น เกียจคร้านในการเล่าเรียน เท่ียว
เตรเ่ สเพล เปน็ ตน้

๑.๒ กรุณา คือ ความสงสารและช่วยให้ผู้อื่นพ้นจากความทุกข์ ความเดือดร้อน โดย
ลงมือปฏิบัติ ช่วยเหลือในส่ิงท่ีทาได้โดยผู้เป็นครูจะต้องมีความสงสารเอ็นดูศิษย์ ให้ความรักความ
เข้าใจ ให้ความอบอุ่น และช่วยเหลือศิษย์ให้พ้นจากความทุกข์พ้นจากอวิชชา ความไม่รู้ ให้ได้รู้ได้เห็น
อยา่ งถกู ต้องตามครรลองครองธรรม

๑.๓ มุทิตา คือ ความยินดีเม่ือผู้อ่ืนได้ดีหรือมีความสุขก็มีใจแช่มชื่นเบิกบานไปด้วย
และพร้อมที่จะช่วยเหลือสนับสนุนไม่กีดกันริษยาเม่ือผู้อื่นมีความสามารถมากกว่า กล่าวคือผู้เป็นครู
ตอ้ งแสดงความช่นื ชมยินดี เมื่อศิษย์หรือเพือ่ นครูได้ดี ยกย่องเชิดชูเกียรติให้ปรากฏ เป็นการให้กาลังใจ
ทาใหศ้ ษิ ย์หรือผเู้ กี่ยวขอ้ งเกิดความภาคภมู ิใจในตนเอง และมีความรู้สกึ ท่ดี ีต่อครูผ้มู คี ุณธรรมนั้น

๑.๔ อุเบกขา คือ ความวางเฉย วางใจเป็นกลางไม่เอนเอียงไปเพราะความชอบ
ความชังความเกลียด หรือความกลัว ทาใจให้ม่ันคงต้ังอยู่ในความยุติธรรม เมื่อพิจารณาเห็นศิษย์หรือ
ผู้อื่นได้รับผลดี ผลช่ัวสมควรแก่เหตุท่ีเขากระทามาก่อน ครูย่อมวางเฉยไม่เข้าข้าง ไม่ลาเอียง ไม่ใช่ว่า
เป็นศิษย์รักศิษย์โปรด เวลาศิษย์ทาผิดก็เข้าข้างว่าถูกเพราะรัก ฉะน้ันการท่ีครูจะมีอุเบกขาได้ ครูต้อง
ใช้สติใช้ปัญญาในการพิจารณาด้วยหลักเหตุและผลประกอบด้วยจึงจะวางใจเป็นกลางได้ธรรมท้ัง ๔
ประการนี้

๒. สงั ควัตถุ ๔
สงั ควตั ถุ ๔ เป็นธรรมที่ยดึ เหนย่ี วนา้ ใจคน หรือธรรมท่ีช่วยใหม้ ีมนุษยสัมพันธท์ ่ดี ีต่อกัน ซึ่ง
หากครูประพฤติปฏบิ ัติประจา จะทาใหค้ รูมีเสน่หเ์ ปน็ ทรี่ ักของศษิ ย์ ประกอบด้วย

๒.๑ ทาน คือ การให้ปัน การเสียสละ ความเอ้ือเฟ้ือเผื่อแผ่ การให้นี้เป็นการให้
วิชาการความรู้ ให้ความรักความห่วงใย ให้วัตถุสิ่งของท่ีเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่ืน รวมถึงการให้อภัยแก่
ผูอ้ ื่น ซึง่ ส่งผลใหส้ ังคมอยูก่ นั อย่างสงบสขุ

๒.๒ ปิยวาจา คือ การพูดจาไพเราะ พูดด้วยถ้อยคาสุภาพ พูดด้วยน้าเสียงนุ่มนวล
พูดช้ีแจงในสิ่งที่เป็นประโยชน์ พูดให้กาลังใจ ซึ่งงานของครูเกี่ยวข้องกับการพูดเป็นส่วนใหญ่ ครูจึง
จาเป็นต้องมีปิยวาจา เพ่ือก่อให้เกิดความพึงพอใจแก่ผู้ฟัง ซ่ึงอาจจะเป็นผู้ปกครอง ผู้เรียน เพ่ือนครู
ดว้ ยกัน หรอื นักการในโรงเรียน เป็นต้น

๒.๓ อัตถจริยา คือ การบาเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์แก่ผู้อ่ืน เป็นการปฏิบัติส่ิงที่เป็น
ประโยชน์ต่อกัน การมีน้าใจช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทนด้วยกาลังความคิด กาลังกาย และ
กาลังทรพั ย์ซึ่ งผปู้ ระกอบวิชาชีพครูตอ้ งมีธรรมในข้อนี้เพื่อทาส่ิงทเ่ี ปน็ ประโยชน์แก่ศษิ ย์

๒.๔ สมานัตตตา คือ การปฏิบัติตนเสมอต้นเสมอปลาย ทาตัวเป็นกันเองกับผู้อ่ืน ไม่
ถือเขาถือเรา ผูกมิตรกับผู้อ่ืน ร่วมเผชิญและแก้ปัญหาเพ่ือประโยชน์สุขแก่ส่วนรวม ซ่ึงผู้เป็นครูพึง
ปฏิบตั ิเพือ่ สร้างความค้นุ เคยเป็นกันเองกับศิษย์ เพือ่ ผูเ้ ป็นศษิ ยจ์ ะกลา้ ซกั ถามในส่งิ ท่ีไมร่ ู้

๑๑๕

จากการศึกษาคุณธรรมของครู เพ่ือความสุข ความเจริญของตนและส่วนรวม อาจยึด
หลักธรรมพรหมวิหาร ๔ และ สงั คหวัตถุ ๔ เปน็ หลัก ในฐานะเป็นบุคคลตัวอย่าง ครูควรพฒั นาตัวเอง
ให้สูงขึ้นด้วยคุณธรรม หรอื มุ่งทาความดี มีการปฏิบัติธรรมเพ่ืออบรมความดีให้เกิดข้ึน รักษาความดีท่ี
มีอยู่มิให้เส่ือมคุณธรรมจึงเป็นองค์ประกอบหลักท่ีมีความสาคัญท่ีสุดสาหรับผู้ประกอบวิชาชีพครู
เพราะเปน็ ส่ิงทเ่ี กอื้ กลู หนุนนาและส่งเสรมิ ใหผ้ ปู้ ระกอบวิชาชพี ครปู ฏบิ ัติหนา้ ท่ีได้อย่างสมบูรณ์

คุณธรรมจรยิ ธรรมสำหรบั ครูในศตวรรษท่ี ๒๑

สานักงานคณะกรรมการอุดมศึกษาแห่งชาติได้จัดให้มีการประชุมเชิงปฏิบัติการคณบดี
คณะศึกษาศาสตร์ท่ัวประเทศ ณ โรงแรมปริ้นพาเลซ กรุงเทพมหานคร พ.ศ. ๒๕๕๔ เรื่อง ศักยภาพ
การผลิตครูด้วยหลักสูตรปริญญาโท โดยมีเนื้อหาสาคัญสรปุ ดังน้ี คือ ด้วยการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี ๒๑
จะเป็นกระบวนการเรียนรู้ท่ีเน้นการเรียนรู้ตลอดชีวิต เป็นการเรียนรู้เพื่อชีวิต การเรียนรู้เพื่อรู้ การ
เรียนรู้เพ่ือปฏิบัติได้จริง การเรียนรู้เพื่อที่จะอยู่รว่ มกนั อย่างสนั ติ การเรียนรู้เพอื่ ได้ผลลพั ธ์ที่คนยุคใหม่
มีคุณลักษณะ คิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ แก้ปัญหาได้ มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ มีความใฝ่ดี มีจิต
สาธารณะ มีระเบียบวินัย มีจริยธรรม คุณธรรม และใฝ่เรียนใฝ่รู้อย่างต่อเน่ืองตลอดชีวิต ฉะนั้น
แนวทางการผลิตครูยุคใหม่ในศตวรรษที่ ๒๑ นี้ จึงมีกรอบแนวคิดในการพัฒนาระบบการผลิตครูยุค
ให ม่ ที่ มุ่ งเน้ น ผ ล ลั พ ธ์ก ารเรีย น รู้ (learning outcomes) ห รือ ค วาม ส าม ารถห ลั ก (core
competencies) ของผู้เรียนครูเป็นสาคัญ โดยผสมผสานแนวความคิดเรื่องการเรียนรู้และทักษะที่
ควรมีในศตวรรษท่ี ๒๑ ในการผลิตครูที่มีคุณภาพมาตรฐาน ฉะน้ันการออกแบบหลักสูตรการผลิตครู
ยุคใหม่ จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับเกณฑ์มาตรฐานหลักสูตร กรอบมาตรฐานคุณวุฒิ
ระดบั อุดมศกึ ษาแห่งชาติ และมาตรฐาน วชิ าชีพครูของกระทรวงศกึ ษาธกิ ารในการพัฒนาวชิ าชีพครใู น
ศตวรรษที่ ๒๑ น้ี สานักงานคณะกรรมการอุดมศึกษาแห่งชาติได้กาหนดแนวทางการพัฒนาและการ
สร้างสภาพแวดลอ้ มที่สนับสนุนการผลติ ครูยคุ ใหม่ โดยกาหนดให้บัณฑิตครูในศตวรรษท่ี ๒๑ นี้ ต้องมี
ความรู้คู่คุณธรรม กล่าวคือ บัณฑิตครูต้องเก่งวิชาการและมีทักษะรอบด้าน ขณะเดียวกันบัณฑิตครู
ต้องมีคุณธรรมจริยธรรมด้วย ได้แก่ การเข้าใจผู้อืน่ เข้าใจโลก มีจิตสาธารณะ เสียสละ เป็นแบบอย่าง
ทด่ี ี มีวุฒิภาวะทางอารมณ์และทางสังคม ช่วยเหลือและเออ้ื อาทร มภี าวะผู้นาและผู้ตามท่ีดี แก้ปญั หา
ในกล่มุ และระหวา่ งกล่มุ ไดอ้ ยา่ งสรา้ งสรรค์ มีความสมั พนั ธท์ ด่ี กี บั ผ้เู รียน๒๖

นอกจากนี้ วจิ ารณ์ พานชิ ๒๗ ได้แสดงทัศนะถึงครูในศตวรรษท่ี ๒๑ วา่ ครู ควรเป็น “ครูที่
ด”ี “ครูเพ่ือศษิ ย์”และ “ครูสอนดี”โดยเรมิ่ จาก “ครูท่ีดี” คือ การเป็นครูท่มี ีความรักความเมตตาศิษย์
ซ่ึงจะช่วยสร้างบรรยากาศท่ีดีในการเรียน เพราะความรักเป็นรากฐานของการเรียนรู้ ความรักทาให้
เด็กรู้สึกปลอดภัยในโรงเรียน ทาให้เด็กไม่รังแกกัน ไม่ถากถางกัน ความรักจะนาไปสู่การเรียนรู้หลาย
ๆ อยา่ ง โดยเฉพาะการเรียนรู้ถึงความเป็นมนุษย์ ท่ีมีพ้ืนฐานมาจากการเป็นครูท่ีดี เป็นครูเพื่อลูกศิษย์
ส่วนการเป็น “ครูสอนดี”ใน ศตวรรษท่ี ๒๑ น้ี ซ่ึงเป็นยุคข้อมูลข่าวสารที่ไร้พรมแดน ผู้เรียนสามารถ
เข้าถึงข้อมูลได้อย่างสะดวกรวดเร็วดว้ ยตนเอง ครูจึงต้องเปลี่ยนบทบาทจากการเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้
เป็นผู้จัดการความรู้ กล่าวคือ ครูต้องให้คาแนะนาในการเรียนรู้ เป็นผู้เอื้ออานวยความสะดวกให้

๒๖ สุเมธ แยม้ นนุ่ .สกอ. หนนุ ครูยุคใหม่ เกง่ และดี ดกี รี ป.โท. [ออนไลน]์ . แหลง่ ท่ีมา:http://
www.unigang.com/Article/๕๕๗๖, ๒๕๕๔. [๒๕๕๔, มกราคม ๒๒], หนา้ ๑.

๒๗ สานักงานสง่ เสรมิ สังคมแห่งการเรยี นรแู้ ละคณุ ภาพเยาวชน. ควำมสขุ อิม่ อรอ่ ยของชวี ิตครู ใน
ศตวรรษท่ี ๒๑, [ออนไลน์]. แหล่งที่มา: http://www.qlf.or.th/๑๑๙๓๔, ๒๕๕๔. [๒๕๕๔, มกราคม ๒๒],หน้า ๑.

๑๑๖

ผเู้ รยี นเกิดการเรียนรู้ ครูตอ้ งศึกษาความรู้ในวิทยาการสมยั ใหม่เพื่อสามารถช่วยให้ผู้เรยี นได้พัฒนาตน
ในทกั ษะการคิด การฟงั การพูด การอ่าน และการเขียน รวมถึงวิถีการดาเนินชีวิตท่ีเหมาะสมในสังคม
ท่ีมีการเปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็ว ครูต้องศึกษาค้นคว้าเพ่ือพัฒนากระบวนการเรียนการสอนให้ทันต่อ
เหตุการณ์อยู่เสมอ๒๘ ได้ศึกษาคุณลักษณะด้านคุณธรรม จริยธรรมท่ีพึงประสงค์สาหรับครูในศตวรรษ
ที่ ๒๑ ตามความคาดหวังของนักศึกษา โดยเก็บรวบรวมข้อมูลกับนักศึกษา ชั้นปีท่ี ๑-๔ มหาวทิ ยาลัย
ราชภัฏสวนสุนันทา ประจาปีการศึกษา ๒๕๕๔ จานวน ๓๘๔ คนพบว่า คุณธรรม จริยธรรมที่
นักศึกษาคาดหวังให้ครูมีในระดับมากท่ีสุดเรียงตามลาดับค่าเฉลี่ยที่มากที่สดุ และลดหลั่นไปตามลาดับ
ประกอบด้วย การมีความกตัญญูกตเวทีตอ่ ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ ความภาคภมู ิใจในความเป็นไทย ความ
ซ่ือสัตย์สุจริตต่อตนเอง ผู้เรียน และวิชาชีพ และความกระตือรือร้นในการพัฒนาตนเองและผู้เรียน
ตามลาดบั

ส่วนคุณธรรมจรยิ ธรรมทีค่ รูควรมใี นระดบั มาก มีจานวน ๒๑ ข้อ คือ
๑) มคี วามใจกว้าง รบั ฟงั เหตุผลของผเู้ รียน
๒) มคี วามขยนั หมัน่ เพยี ร
๓) มีความเสยี สละเพือ่ ประโยชน์ส่วนรวม
๔) มคี วามยตุ ิธรรม ไมล่ าเอยี ง
๕) มีความเอือ้ เฟื้อเผ่ือแผช่ ่วยเหลือผเู้ รยี น
๖) มีความจริงใจต่อผเู้ รยี นและเพ่ือนรว่ มงาน
๗) มคี วามเปน็ มติ รตอ่ ผู้เรียน
๘) มีความอดทนอดกลั้น
๙) มกี ารรู้จกั เอาใจเขามาใสใ่ จเรา
๑๐) มคี วามเคารพในสทิ ธิและหน้าทข่ี องผเู้ รยี น
๑๑) มคี วามรกั ในวชิ าชีพครู
๑๒) มีสตคิ ดิ ไตรต่ รองอยา่ งรอบคอบ
๑๓) มกี ารดารงชีวิตอย่างเหมาะสมตามสถานะของตนเอง
๑๔) เป็นแบบอย่างท่ีดใี นความประพฤติ
๑๕) มคี วามรับผดิ ชอบในวชิ าชพี
๑๖) มีความยดื หย่นุ ต่อปญั หาและหาแนวทางแก้ไขโดยสันติวธิ ี
๑๗) มกี ารปฏบิ ัตติ นไดเ้ หมาะสมกับบทบาทหน้าท่ีครู
๑๘) มีความสามารถในการควบคมุ อารมณ์ของตนเอง
๑๙) มองโลกในแง่บวก
๒๐) มคี วามพอเพียงรูจ้ ักอดออม และ
๒๑) มีอารมณข์ นั ตามลาดับ

นอกจากนเี้ มอื่ ทาการเปรยี บเทยี บความแตกตา่ งของค่าเฉล่ียระดบั ความคาดหวังระหวา่ ง
นักศึกษา คณะครุศาสตร์และนกั ศึกษาคณะอน่ื ๆ ผลการวิจัยท่นี า่ สนใจพบวา่ มคี วามแตกตา่ งอย่างมี
นยั สาคญั ทางสถติ ิ โดยนกั ศกึ ษาคณะครุศาสตรม์ คี วามคาดหวังวา่ ในศตวรรษท่ี ๒๑ ครคู วรมคี ณุ ธรรม

๒๘ อุบล เลี้ยววาริณ . รำยงำนกำรวิจัยเร่ือง คณุ ลักษณะครใู นศตวรรษที่ ๒๑ ตำมควำมคำดหวัง
ของ นักศึกษำ. (กรงุ เทพฯ: คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสนุ นั ทา, ๒๕๕๔), หน้า ก.

๑๑๗

จริยธรรมในระดับมากท่ีสุด ทุกข้อ ส่วนนักศึกษาคณะอื่น ๆ มีความคาดหวังว่าในศตวรรษท่ี ๒๑ ครู
ควรมีคณุ ธรรม จริยธรรมในระดบั มาก ทกุ ขอ้ เชน่ กัน ซ่งึ ผลวจิ ัยสว่ นนแ้ี สดงใหเ้ หน็ วา่ ไม่วา่ โลกจะมกี าร
พัฒนาทางวัตถุเจริญกา้ วหน้าไปไกลเพียงใด ความเปน็ ครูในด้านจิตใจ โดยเฉพาะความมีคุณธรรม
จริยธรรมของครูยงั เป็นสงิ่ ทีพ่ ึงประสงค์ของผูเ้ รียน ซึ่งไม่มีสง่ิ ใดมาแทนท่ไี ด้ ฉะนนั้ ความเป็นครใู น
ศตวรรษที่ ๒๑ ท่ีมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างมาก และครูต้องปรับเปลี่ยนยุทธวิธี
การสอนให้ทนั เหตุการณ์ แตส่ ่ิงท่ีเป็นจุดโดดเดน่ แห่งความเป็นครทู ี่ไม่อาจมีส่ิงใดมาแทนที่ได้คือ ความ
เป็นผทู้ มี่ คี ุณธรรม จริยธรรมของครู

กำรเสริมสร้ำงพฒั นำคณุ ธรรม จรยิ ธรรมแก่ครู

การเสริมสร้างพัฒนาคุณธรรม จริยธรรมให้เกิดขึ้นกับครูซึ่งมีบทบาทสาคัญในการเป็น
ต้นแบบและทาหน้าที่พัฒนานักเรียน ในลาดับแรกต้องพัฒนาให้ครูตระหนักในความสาคัญของ
คุณธรรมและจริยธรรมในดา้ นต่าง ๆ พร้อมทั้งมกี ารใหค้ วามรู้ แนวทางการปฏบิ ัติตน และให้ฝึกปฏิบัติ
จริงเพื่อเรียนรู้ด้วยตนเอง โดยการเสริมสร้างพัฒนาคุณธรรม จริยธรรมให้แก่ครู สามารถทาได้หลาย
แนวทาง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคุณลักษณะของคุณธรรมท่ีต้องการปลูกฝังหรือเสริมสร้างพัฒนา ผลท่ีคาดหวัง
จากการปลูกฝังหน่วยงานที่รับผิดชอบตลอดจนตัวบุคคลท่ีรับการเสริมสร้างพัฒนา โดยในที่นี้จะ
กลา่ วถึงแนวทางการเสรมิ สร้างพัฒนาคณุ ธรรม จริยธรรมโดยสถาบนั ผลิตครูโดยหนว่ ยงานที่ใช้ครู โดย
องคก์ รวิชาชีพครู โดยสถาบนั ทางสังคมและด้วยตัวครเู อง โดยมีรายละเอยี ดดงั น้ี

กำรเสรมิ สร้ำงพัฒนำคุณธรรมจรยิ ธรรมนักศกึ ษำครโู ดยสถำบันกำรศึกษำทีผ่ ลิตครู

สถาบันการศึกษาทผ่ี ลติ ครูไม่วา่ จะเป็นมหาวทิ ยาลัยภาครฐั หรือเอกชนจดั เป็นหน่วยงานท่ี
มบี ทบาทสาคญั ในการปลูกฝงั เสริมสร้างพฒั นาคุณธรรมให้แกบ่ คุ คลที่จะไปประกอบวชิ าชพี ครู โดย
ตอ้ งมีการจัดหลักสูตรเน้ือหากจิ กรรมการอบรมส่งั สอน และฝึกปฏบิ ตั ิตนอย่างเหมาะสม ที่เนน้ ความ
เป็นผูม้ ีคณุ ธรรม มีความเป็นครูทีด่ ี แก่นกั ศึกษาท่เี ลือกเรียนวิชาชพี ครู และในขณะเดียวกันคณาจารย์
ท่สี อนในสถาบันผลติ ครู จะต้องประพฤติปฏิบตั ติ นเป็นแม่พิมพ์หรือเปน็ แบบอย่างท่ดี ี เพ่อื ให้ศษิ ย์ได้
จดจารูปแบบของความเป็นครทู ดี่ ไี วต้ ลอดไป ขณะเดยี วกันสถาบันผลิตครูต้องจัดสภาพแวดล้อมต่าง ๆ
ทงั้ ทางกายภาพและสภาพแวดลอ้ มทางสังคมทเ่ี อ้ืออานวยตอ่ การปลูกฝงั เสรมิ สรา้ งพัฒนาคุณธรรม
จรยิ ธรรมใหเ้ กดิ ขน้ึ แก่นกั ศึกษาวิชาชพี ครู เช่น ความมีระเบยี บวินัยในการเขา้ ชนั้ เรียน ความซื่อสัตย์
ตอ่ หนา้ ที่ ความมนี ้าใจชว่ ยเหลอื กจิ กรรม การมีจิตอาสา มจี ติ สาธารณะเสยี สละ การมีความเขา้ ใจผู้อื่น
เขา้ ใจโลก โดยรู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา และการเป็นแบบอยา่ งทด่ี ดี ้านคุณธรรม จรยิ ธรรม การ
ออกแบบเน้ือหาหลกั สตู รทส่ี อดคลอ้ งกับเกณฑ์มาตรฐาน เช่น กรอบมาตรฐานคณุ วฒุ ิระดับอุดมศึกษา
แหง่ ชาตมิ าตรฐานวชิ าชพี ของครู โดยสถาบนั ผลติ ครูในปจั จุบันส่วนใหญไ่ ดม้ ีการดาเนินงานด้านการ
ปลกู ฝัง การเสริมสรา้ งพัฒนาคณุ ธรรมให้แกน่ ักศกึ ษาวิชาชีพครู ในที่น้ีขอยกตวั อยา่ ง ๓ มหาวิทยาลยั
ดงั นี้ คอื

๑. คณะครศุ าสตร์ จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั
คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีการจัดการเรียนการสอนเร่ืองคุณธรรม เพ่ือ
พฒั นาจติ อาสา สานึกเพ่อื ส่วนรวม ในหลกั สูตรวิชาการเรียนรู้ผา่ นกจิ กรรม การนาหลกั ปฏิบัติธรรมมา
ใช้ในการทากิจกรรมของนักศึกษาครู การน่ังสมาธิ การเรียนรู้จากการให้บริการ การแยกขยะแล้ว
จาหน่าย การนาพรหมวิหาร ๔ มาใช้ในการทางานเพ่ือสังคม ตั้งแต่ปีการศึกษา ๒๕๕๑ จนถึงปัจจุบัน
นอกจากนี้คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กาหนดให้นักศึกษาใหม่คณะครุศาสตร์ทุกสาขา

๑๑๘

เข้าเรียนในหลักสูตรคณุ ธรรมเป็นกิจกรรมบังคับเพ่ือปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรมให้เกิดข้ึนแก่นักศึกษา
วชิ าชพี ครู๒๙

นอกจากนจี้ ฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลัยได้จัดโครงการคุณธรรมจามจรุ ขี ้ึน เพื่อปลูกฝงั
คณุ ธรรมแก่นสิ ติ ตามปณิธานจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประกอบดว้ ย ๔ กจิ กรรม ได้แก่ “คุณธรรม
จามจรุ ี เพาะเมล็ดความดี ในใจศษิ ย์” “เฉลมิ ชนม์ ๘๔ ภคินวี ินจิ จฬุ าฯ นอ้ มจิตถวายพระพร” “สง่า
ดว้ ยอาทรเยาวชนคุณธรรมนาทาง” และ “เปดิ ประตูสู่โลกกวา้ ง มหกรรมคุณธรรมจามจุรี” เพ่อื
ส่งเสรมิ และพฒั นาคุณคา่ ด้านคุณธรรมของนิสติ เพอ่ื ให้ได้บัณฑิตที่มคี วามรู้คคู่ ุณธรรม โดยมนี ิสิตคณะ
ครศุ าสตร์จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัยเปน็ ผรู้ ับผิดชอบโครงการ รวมท้งั มกี ารจดั กจิ กรรม “สง่าดว้ ยอาทร
เยาวชนคุณธรรมนาทาง” ซงึ่ เปน็ กิจกรรมนาเสนอเยาวชนชาวจฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั ท่ที าความดีมี
คุณธรรมเพื่อเชิดชเู กียรติคุณ เป็นเยาวชนคุณธรรมนาทางของมหาวทิ ยาลัย๓๐

๒. คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ใชย้ ทุ ธวธิ กี ารสอดแทรกคุณธรรม
จริยธรรมในกจิ กรรมพฒั นานิสิตในงานพฒั นานิสิตของคณะศกึ ษาศาสตร์ โดยได้จดั โครงการพัฒนา
คณุ ลกั ษณะนิสิตท้งั ดา้ นวิชาการ วชิ าชีพ สขุ ภาพ บุคลกิ ภาพ คณุ ธรรม จริยธรรม และกาหนดใหม้ กี าร
เก็บชั่วโมงจากการเขา้ ร่วมกจิ กรรมในแต่ละโครงการตลอดปีการศกึ ษา โดยประกอบด้วยโครงการ
ดงั ต่อไปนี้

๒.๑ โครงการทม่ี ุ่งปลกู ฝังคุณธรรม จริยธรรมในการทางานรว่ มกับผู้อน่ื การเป็นผู้รับ
และการเป็นผู้ให้ มีภาวะ การเป็นผู้นาและผู้ตาม การเสริมสร้างความสามัคคี การมีจิตสาธารณะ
ได้แก่โครงการครูอาสาพัฒนาชนบท โครงการศึกษาศาสตร์สู่สังคม โครงการคณะศึกษาศาสตร์และ
วิทยาศาสตรศ์ ึกษาสชู่ ุมชน เป็นต้น

๒.๒ โครงการท่ีมุ่งปลูกจิตสานึกความเป็นครู เป็นโครงการที่ปลูกฝังจิตสานึก
ความเป็นครูให้กับนิสิตครู โดยให้นิสิตครูเรียนรู้วิถีทางการดาเนินชีวิตสู่ความเป็นครู โดยเสริมสร้าง
ทัศนคติที่ดีต่อวิชาชีพครู ปลูกฝังจิตวิญญาณความเป็นครู และการมีคุณธรรมจริยธรรม ได้แก่
โครงการมอบลกู เป็นศิษย์ มอบชีวิตเปน็ ครู โครงการคา่ ยปลกู จิตสานกึ ศกึ ษาศาสตร์ เปน็ ต้น

๒.๓ โครงการท่ีมุ่งเน้นการปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรมในการอยู่ร่วมกันท่ามกลาง
วิถีการดาเนินชีวิตบนพื้นฐานความเป็นไทย เน้นการสืบสานวัฒนธรรมประเพณีและวิธีการปฏิบัติท่ีดี
งามอย่างไทย โดยปลูกฝังให้กับนิสิตครู ได้แก่ พิธีไหว้ครู โครงการสง่างามอย่างไทย โครงการปัจฉิม
นิเทศ เปน็ ต้น๓๑

๒๙ ครุฯ จุฬาฯ. ผดุ หลกั สูตรคุณธรรมไม่เรยี นไมจ่ บ ป.ตรี ใน คณุ ภำพชีวิต, [ออนไลน์].แหลง่ ท่มี า:
http://www.manager.co.th/Qol/ViewNews.aspx?NewsID=๙๕๐๐๐๐๐๐๗๗๙๑๓.๒๕๕๐. [๒๕๕๔, มกราคม
๑๗]. หนา้ ๑.

๓๐โครงการคณุ ธรรมจามจรุ .ี [ออนไลน์]. แหลง่ ทมี่ า: http://w๓.chula.ac.th /CEO/khunnadham
/index.htm. (๒๕๕๒). [๒๕๕๔, มกราคม ๑๗], หน้า ๑.

๓๑ พรทิพย์ ไชยโส และคณะ, ยุทธวิธีกำรสอดแทรกคุณธรรมจริยธรรม และควำมเป็นไทย: กำร
เรยี นรู้กำรเตรียมนสิ ติ ครสู ปู่ ระชำคมอำเซียน. ศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร.์ [ออนไลน์].แหลง่ ทมี่ า:
http://docs.google.com/viewer?a=v&q=cache:LH-n, ๒๕๕๔. [๒๕๕๔, มกราคม ๑๗], หน้า ๑.

๑๑๙

๓. คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ได้มีการเสริมสร้างพัฒนาคุณธรรม
จริยธรรมแก่นักศึกษาครู โดยจัดทาโครงการบริการวิชาการแก่นักศึกษาครูและชุมชน ซ่ึงมี
วัตถุประสงค์เพื่อสืบสานงาน ด้านศิลปวัฒนธรรมของชุมชนท้องถิ่นชาติไทย ส่งเสริมคุณธรรม
จริยธรรม และให้ความรู้เกี่ยวกับเร่ือง ๓ ดี ตามนโยบายกระทรวงศึกษาธิการ โดยใช้ชื่อโครงการว่า
โครงการ ดดี ดี ี (๓ ดี) ซ่ึงประกอบด้วย ๓ กจิ กรรม คอื

๓.๑ กิจกรรมดีหนึ่ง เป็นกิจกรรมท่ีม่งุ เน้นการพัฒนาคุณธรรม จรยิ ธรรมแก่นักศกึ ษา
ครแู ละประชาชนในชมุ ชนโดยการจัดฝึกอบรมสมาธภิ าวนา ประกอบด้วยกจิ กรรมรจู้ ักตนเอง การผ่อน
คลายตนเอง จากการปฏิบัติสมาธิภาวนาตามแนวเมตตาภาวนา การปฏิบัติสมาธภิ าวนาตามแนวจิตต
ปัญญาโดยมีวิทยากร นาการปฏิบัติ การประพฤติปฏิบัติตนให้เป็นคนดีของสังคม กิจกรรมทาบุญไหว้
พระ ๙ วดั เป็นตน้

๓.๒ กิจกรรมดีสอง เป็นกิจกรรมท่ีเสริมสร้างความสัมพันธ์ ความเข้าใจ และความ
ภาคภูมิใจ ในขนบธรรมเนียมประเพณีไทยของท้องถ่ินและของชาติ ซ่ึงกิจกรรมหลักได้แก่การพา
นักศึกษาครู รวมทั้งเยาวชนและประชาชนในชุมชนรอบ ๆ มหาวิทยาลัย เดินทางไปเรียนรู้
ศิลปวัฒนธรรมจากแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น วัด โบราณสถาน พิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ ซึ่งผลพลอยได้จาก
กิจกรรมนี้มีส่วนช่วยให้นักศึกษาครูได้เรียนรู้การมีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่นท่ีแปลกหน้า พร้อมท้ังฝึก
การทาหน้าท่ีเป็นผู้ให้ความรู้ในแหล่งเรียนรู้จากการศึกษาหาความรู้ล่วงหน้า อันเป็นการช่วย
เสริมสร้างความมั่นใจในการเปน็ ผู้ถ่ายทอดความรู้แก่ผู้อื่นและแก่นักศึกษาครูดว้ ย

๓.๓ กิจกรรมดีสาม เป็นกจิ กรรมทเี่ น้นการสร้างภูมิคุ้มกันแกน่ กั ศกึ ษาครูและเยาวชน
ในชมุ ชนกรุงเทพมหานคร ภายใตช้ ื่อกิจกรรมว่า “กิจกรรมพัฒนาทักษะชีวติ คนรุ่นใหมใ่ สใ่ จสามดี” ซ่ึง
กิจกรรมหลักประกอบด้วยการประชุม สัมมนา การอภิปราย การจัดนิทรรศการ “คนรุ่นใหม่ใส่ใจ ๓
ดี”การประกวดกล่าวสุนทรพจน์ ในหัวข้อ “ส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม การส่งเสริมประชาธิปไตย
และการป้องกนั ยาเสพตดิ ” เป็นตน้ ๓๒

จากการศึกษากรณีตัวอย่าง การพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมแก่นักศึกษาครูในสถาบันผลิต
ครูตา่ งๆดงั กล่าวข้างต้น ไดข้ ้อค้นพบที่สอดคล้องกนั ว่า นักศกึ ษาครูไม่ว่าจะศึกษาอยู่ในสถาบันผลิตครู
ใดก็ตามทุกสถาบันผลิตครูต่างตระหนักในความสาคัญของการปลูกฝังเสริมสร้างพัฒนาคุณธรรม
จริยธรรมแก่นักศึกษาครูให้ได้รับความรู้และการฝึกปฏิบัติจริงอันเป็นการส่งเสริมพัฒนาด้านคุณธรรม
จริยธรรมท้ังภายในห้องเรียนและนอกห้องเรยี น การสร้างสรรค์คุณธรรมให้เกดิ ข้ึนภายในตัวนักศึกษา
ครูอย่างต่อเนื่องโดยการสอดแทรกคุณธรรม จริยธรรมและความเป็นไทยผ่านกระบวนการต่าง ๆ
ก่อให้เกิดการเรยี นรู้ในการพฒั นาบัณฑิตครูที่มีคุณธรรม จริยธรรมภายใตค้ วามเปน็ ไทยท่ีพรอ้ มที่จะอยู่
ในสังคมแหง่ การเปลีย่ นแปลงในยุคปจั จุบนั

๓๒ คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภัฏสวนสุนันทำ. ควำมสำเรจ็ ของโครงกำรดีดีด.ี ข้อมูลกจิ กรรม
คณะ. [ออนไลน์].แหล่งที่มา:http://www.edu.ssru.ac.th/?ls_level=list_actgellery_show &ls_actgalleryid=
๕๔. (๒๕๕๓) [๒๕๕๔, มกราคม ๑๗], หนา้ ๑.

๑๒๐

กำรเสริมสร้ำงพฒั นำคณุ ธรรมจริยธรรมผู้ประกอบวชิ ำชพี ครูโดยหนว่ ยงำนท่ี
ใชค้ รู

หน่วยงานที่ใช้ครูมีหลายหน่วยงานหลายสังกัดและหลายระดับ เช่น โรงเรียนต่าง ๆ ท้ัง
ของรัฐและเอกชน ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก หน่วยงานท่ีเกี่ยวกับการศึกษาตลอดชีวิต การศึกษาพิเศษต่าง
ๆหน่วยงานต่าง ๆ เหล่าน้ัน ถ้าได้ครทู ่ีมีความรู้ ความสามารถ และมีคุณธรรม จริยธรรมสูงย่อมส่งผล
ต่อการพัฒนาคุณภาพของผู้เรียนในทุกระดับ หน่วยงานท่ีใช้ครูต่าง ๆ เหล่าน้ันจึงควรมีส่วนร่วม
รับผิดชอบต่อการเสริมสร้างพัฒนาคุณธรรม จริยธรรมในผู้ประกอบวิชาชีพครูด้วย โดยผู้บริหารของ
หน่วยงานท่ใี ช้ครูต้องบริหารหน่วยงานด้วยหลักธรรมาภิบาล มีความโปร่งใสตรวจสอบได้ บริหารด้วย
หลักการมีส่วนรวม โดยให้ครูและสมาชิกทุกคนในองค์กรตระหนักในความสาคัญของตนในแต่ละ
บทบาทหน้าท่ีเพ่ือทาหน้าท่ีในความรับผิดชอบให้เกิดผลดีต่อส่วนรวม นอกจากน้ีหน่วยงานท่ีรับการ
บริการจากครูต้องสร้างบรรยากาศในสถานที่ทางานที่เอื้อต่อการทาความดี เช่น มีการมอบหมายงาน
อย่างยุติธรรมและตรงกับความรู้ ความสามารถ พิจารณาความดี ความชอบด้วยหลักคุณธรรม และมี
ความยตุ ิธรรม ใชก้ ฎระเบยี บตา่ ง ๆ สมเหตสุ มผล และมคี วามเทา่ เทยี มกันทุกคน มีการสรา้ งขวัญ และ
กาลังใจแก่ครูประจาการอย่างท่ัวถึงและสม่าเสมอ หน่วยงานที่ใช้ครูยังต้องมีการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ที่
ส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมเพ่ิมในตัวครู เช่น จัดโครงการให้ครูได้มีโอกาสประพฤติปฏิบัติธรรมตาม
หลักศาสนาท่ีตนนับถือในสถานท่ีต่าง ๆ จัดกิจกรรมในวันสาคัญทางศาสนา จัดกิจกรรมการฝึกจิต
ภาวนา ๓-๗ วันท้ังน้ีเพื่อเติมเต็มความรู้และการประพฤติปฏิบัติตนตามหลักธรรมทางศาสนาอย่าง
ต่อเน่ืองและสม่าเสมอ เพ่ือให้ครูสามารถ คงรักษาคุณงามความดีของคุณธรรมท่ีมีอยู่ในตน และ
ประพฤติปฏิบตั ิตน

ในหลักคณุ งามความดีน้ัน ๆ ในที่น้ีจะขอนาเสนอตัวอย่าง กรณีศึกษาการพัฒนาคุณธรรม
จริยธรรมครูโดยหน่วยงานท่ีรับการบริการจากครู ๒ หน่วยงาน คือ โรงเรียนสัตยาไส จังหวัดลพบุรี
และโรงเรยี นรงุ่ อรณุ จงั หวดั กรงุ เทพมหานคร ซงึ่ มีรายละเอยี ดดังนี้

กรณีศึกษาโรงเรียนสตั ยาไส จงั หวัดลพบรุ ี
จากปรัชญาของโรงเรียน “ปลายทางของการศึกษาคอื อุปนิสัยทีด่ ีงาม” และวสิ ัยทัศนข์ อง
โรงเรียน คอื “สร้างคนดเี หนือสิ่งใด” โรงเรียนสตั ยาไสจึงเป็นสถานศกึ ษาทต่ี ง้ั ขึน้ เพอื่ ยกระดบั จิตใจ
ผู้เรียนใหเ้ ป็นมนษุ ย์ ท่สี มบรู ณ์ มคี วามเปน็ เลศิ ทางคณุ ธรรม จริยธรรม โดยยดึ หลักคุณคา่ ความเปน็
มนษุ ย์ ๕ ประการ คอื ๑) ความรักความเมตตา ๒) ความจริง ๓) ความประพฤตชิ อบ ๔) ความสงบสขุ
และ ๕) อหิงสา มีความเคารพในศาสนา วัฒนธรรม ประเพณอี นั ดีงามของตนเองและผู้อน่ื สามารถ
ดารงชีวิตอยใู่ นสงั คมปัจจบุ ันได้อยา่ งมีความสขุ และรบั ใชช้ ่วยเหลอื ผอู้ นื่ ดว้ ยความเสยี สละ
โรงเรียนสัตยาไสเป็นโรงเรียนประจา เปิดทาการสอนปีละสองภาคการศึกษา ตั้งแต่ปี
การศึกษา๒๕๓๕ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้นักเรียนเจริญเติบโตเป็นมนุษย์ท่ีสมบูรณ์ มีความเป็นเลิศ
ทางคุณธรรมวิชาการ และการกีฬา สามารถดารงชีวิตอยู่ในสังคมปัจจุบันได้อย่างมีความสุข เด็ก
นักเรียนจะได้รับการอบรมบ่มนิสัย ให้มีความรัก ความเมตตากรุณา มีกิริยามารยาทที่ดีงาม มีความ
อ่อนน้อมถ่อมตนซื่อสัตย์สุจริต กล้าหาญ มีความกตัญญู ม่ันใจในตนเอง รู้จักคิด รู้จักทา มีความ
เสียสละ มีระเบียบวินัยปฏิบัติหน้าที่ของตนในสังคมด้วยความรับผิดชอบ ศึกษาขนบธรรมเนียม
ประเพณี และวัฒนธรรมของไทย นอกจากการจัดการเรียนการสอนเพ่ือศิษย์ให้มีคุณธรรมแล้ว
โรงเรียนได้มีการพัฒนาครูและบุคลากรให้มีความรู้ด้านคุณธรรมร่วมด้วย เช่น มีการอบรมครูแกนนา
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพ่ือนาหลักของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้กับโรงเรียน เพื่อการพึ่งพาตนเอง

๑๒๑

และทาใหเ้ กิดการเรยี นรู้และทกั ษะกระบวนการทหี่ ลากหลาย เขา้ ใจถงึ พลังแห่งธรรมชาติ สง่ ผลให้เกิด
เป็นแหล่งการเรียนรู้ ซึ่งยังประโยชน์ต่อครู ผู้เรียน ผู้ปกครอง บุคลากรในโรงเรียนทุกฝ่าย ขยายผลสู่
ชุมชน และผทู้ ่ีสนใจท้ังในและต่างประเทศ๓๓

จากการที่โรงเรียนสัตยาไสได้มีการพัฒ นาครูของโรงเรียนให้มี คุณ ธรรมตามหลักของ
เศรษฐกิจพอเพียงตามข้อกาหนดพื้นฐาน ของกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งประกอบด้วยคุณธรรมด้าน
ความประหยดั การรู้จกั เก็บออม การถนอมใช้ทรัพย์สนิ สิง่ ของแตพ่ อควรพอประมาณ ให้เกดิ ประโยชน์
คุ้มค่า ไม่ฟุ่มเฟือย ฟุ้งเฟ้อ ดาเนินชีวิตด้วยความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย เป็นต้น ส่งผลให้ครูโรงเรียนสัตยา
ไสเป็นครูที่มีคุณภาพ กล่าวคือ เป็นผู้ท่ีมีความรู้คู่คุณธรรม ส่งผลสืบเนื่องให้ ผู้ปกครองนักเรียนเป็น
จานวนมากให้ความไว้วางใจส่งบตุ รหลานมาเลา่ เรียนเพือ่ เป็นเยาวชนรนุ่ ใหมท่ ่ีมีความรู้ คคู่ ณุ ธรรมตาม
ความตอ้ งการของสงั คม

กรณีศึกษาโรงเรียนรุ่งอรณุ จังหวดั กรุงเทพมหานคร
โรงเรียนรุ่งอรุณเป็นโรงเรียนเอกชน จัดการเรียนการสอนตั้งแต่ระดับช้ันอนุบาลถึง
มัธยมศึกษาตอนปลาย ตั้งแต่ปีการศึกษา ๒๕๔๐ เป็นต้นมา มีการจัดการศึกษาแบบไม่แสวงหากาไร
โรงเรียนรุ่งอรุณได้นาหลักพุทธธรรมมาเป็นหลักการในการจัดการศึกษา โดยมีความเชื่อว่าการศึกษา
ในความหมายที่แท้จริง หมายถึง การศึกษาหรือการเรยี นรู้เพื่อพฒั นาความคิดและจิตใจของบุคคลบน
ฐานของภูมิธรรมภูมิปัญญา เพื่อก้าวไปสู่ความเป็นมนุษย์ทสี่ มบูรณ์ มิใช่การศึกษาท่ีมีขอบเขตเพียงแค่
ห้องเรียน วิถชี ีวิตของครูในโรงเรียนรุ่งอรณุ มกี ารฝึกฝนเจริญสติสมั ปชัญญะในชีวิตประจาวันผ่านการ
ทางาน และมีโอกาสเข้ารับการอบรมปฏิบัติธรรม อย่างสม่าเสมอ ทาให้ครูได้เรียนรู้และพัฒนาจิตใจ
ของตนให้สูงขนึ้ ๓๔
นอกจากน้ีทางโรงเรียนมีการสนับสนุนให้มีการก่อตั้ง “ชมรมจิตอาสารุ่งอรุณ” ที่เกิดจาก
การรวมตวั กันของคณุ ครู เจ้าหน้าท่ี ผู้ปกครอง และนกั เรยี นในโรงเรยี นรุ่งอรุณ เพ่อื ทางานสงเคราะห์
ชว่ ยเหลือผู้คนในสงั คมด้วยสองมือ ใชป้ ญั ญาเปน็ กาลังสนบั สนนุ ใหผ้ ไู้ ดร้ บั การสงเคราะห์สามารถพง่ึ พา
ตนเองได้ ดาเนินการภายใตก้ ารดูแลของมลู นธิ ิโรงเรยี นรงุ่ อรุณ ในชุมชนเดมิ ของตน และยงั เปน็ โอกาส
ใหอ้ าสาสมัครผปู้ ฏิบัตงิ านไดพ้ ัฒนาขดั เกลาตนเองไปส่วู ฒั นธรรมเมตตาทแ่ี ทจ้ รงิ ๓๕
จากกรณศี ึกษาโรงเรียนรุ่งอรุณ ทม่ี กี ารพฒั นาครขู องโรงเรียนรงุ่ อรุณให้มีคุณธรรม
โดยหลกั พุทธธรรม นบั เป็นแนวทางหนงึ่ ในการสร้างเสริมพัฒนาคณุ ธรรม จรยิ ธรรมของครทู ่ีเกิดข้ึนได้
ภายในสถานศึกษาซึ่งเป็นหนว่ ยงานที่ใชค้ รู

๓๓ โรงเรียนสัตยาไส. สรำ้ งคนดีเหนอื สิ่งใด. [ออนไลน]์ .แหลง่ ที่มา: http://www.sathyasaith.
org//index.php?lay=show&ac=article&Id=๕๓๘๙๖๐๕๖๒, ๒๕๕๔. [๒๕๕ ๔, มกราคม ๑๗], หนา้ ๑.

๓๔ สุนสิ า ชน่ื เจรญิ สขุ . ห้องเรียนของพ่อแม.่ [ออนไลน]์ .แหล่งทมี่ า: http://www.roongroon.ac.
th/index.php?option=com_content&view=article&id=๑๕๗:๒๐๑๐-๐๑-๒๕-๐๙-๓๑-๓๒&catid=๔๕:
๒๐๑๐-๐๑-๑๑-๐๘-๒๑-๑๖&Itemid=๒๐๐, ๒๕๕๓. [๒๕๕๔, มกราคม ๒๒], หน้า ๑.

๓๕ ชมรมจิตอาสาร่งุ อรณุ . [ออนไลน]์ .แหลง่ ท่ีมา:http://www.roong-aroon.ac.th. (๒๕๕๔). [๒๕๕๔
มกราคม ๑๗], หนา้ ๑.

๑๒๒

กำรเสรมิ สร้ำงพฒั นำคุณธรรม จรยิ ธรรมโดยองคก์ รวิชำชีพครู

องค์กรวิชาชีพครู เช่น คุรุสภา ซ่ึงมีหน้าท่ีควบคุมดูแลความประพฤติและพิทักษ์สิทธิ
ประโยชน์ต่าง ๆ ของสมาชิกในองค์กร ซึ่งเป็นผู้ประกอบวิชาชีพครูนั้น ควรมีบทบาทสาคัญในการ
เสรมิ สร้างพฒั นาคุณธรรม จริยธรรมให้เพม่ิ ขึน้ ในตวั ครู โดยวิธีการตา่ ง ๆ อาทิ

๑. การจัดกิจกรรมเสริมความรเู้ กี่ยวกับคุณธรรมจรยิ ธรรมอย่างสมา่ เสมอตลอดปี
การศึกษาและท่ัวถึงทุกจังหวัดทุกภาค เช่น การให้ความรู้ด้านธรรมะแก่ครูโดยผ่านสื่อมวลชนแขนง
ตา่ ง ๆ

๒. การให้รางวลั หรือประกาศเกียรติคุณยกย่องแก่ครูผู้ทาความดี ผู้มคี ุณธรรม จริยธรรม
ดีเด่น ในด้านต่าง ๆ โดยมีกลุ่มบุคคลเป็นผู้คัดเลือกอย่างโปร่งใส ยุติธรรมและตรงตามความเป็นจริง
เช่น โครงการหนึ่งแสนครูดี จัดโดยคุรุสภา และโครงการครูสอนดี จัดโดยสานักงานส่งเสริมสงั คมแห่ง
การเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน

๓. การจัดอบรมสัมมนาเกี่ยวกับคุณธรรม จริยธรรมของครูอย่างสม่าเสมอ เพื่อให้ครูได้
แลกเปล่ียนเรยี นรู้ซง่ึ กนั และกัน และเป็นการเสรมิ แรงในการทาความดซี ่ึงกนั และกัน

๔. มีการจัดกิจกรรมอบรมการฝึกจิตภาวนาแก่ครูเพื่อเสริมสร้างคุณธรรม จริยธรรม และ
สามารถนาหลักปฏิบัติธรรมไปใช้ได้จริงในชีวิตประจาวัน ขณะเดียวกันควรจัดตั้งกลุ่มหรือชมรมผู้
ปฏิบัตธิ รรมของครผู ูผ้ ่านการฝึกจิตภาวนา เพอ่ื ใหส้ ามารถคงพฤตกิ รรมทดี่ ีงามภายหลงั การฝึกจติ ได้

๕. ส่งเสริมให้ทุนการวิจัยเพื่อการศึกษาเกี่ยวกับการพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมให้เกิดข้ึน
และคงไว้อย่างต่อเนื่องท้ังในตัวครูและนักเรียนตลอดจนบุคลากรสายสนับสนุนทางการศึกษาต่าง ๆ
และงานวิจัยได้ผลในการศึกษา ควรสนับสนุนให้มีการเผยแพร่ผลงานเพ่ือนาไปประยุกต์ใช้ได้ในวง
กวา้ งต่อไป

๖. ควรจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์กระตุ้นเตือนให้ครูได้มีความรู้ความเข้าใจใน
จรรยาบรรณครูท่ีใช้อยู่ในปัจจุบัน และคู่มือครู หน้าที่ ข้อปฏิบัติตนตามวินัยและจริยธรรมครูของ
สานักงานข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เพื่อให้ครูได้ประพฤติปฏิบัติตนในคุณงามความดี
น้นั จนเปน็ กจิ วัตรประจาวนั

จากการศึกษาองค์กรวิชาชีพครูในปัจจุบันพบว่า องค์กรวิชาชีพครูมีบทบาทส่งเสริม
คุณธรรมจริยธรรมแก่ครูในสังคมอย่างย่ังยืน ครูร่วมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ศึกษาดูงาน แลกเปล่ียน
ประสบการณ์เก่ียวกับกระบวนการฝึกอบรมการปลูกฝังและบ่มเพาะคุณธรรม จริยธรรมให้เกิดข้ึนใน
ครอู ย่างแท้จริง

กำรเสริมสร้ำงพฒั นำคณุ ธรรม จริยธรรมโดยสถำบันตำ่ ง ๆ

สถาบันทางสังคมที่ควรมีบทบาทในการช่วยเสริมสร้างพัฒนาคุณธรรม จริยธรรมในตัวครู
นั้นได้แก่ สถาบันทางศาสนา สถาบันทางการเมืองการปกครอง และ สถาบันสื่อสารมวลชน โดย
สถาบันต่าง ๆ เหลา่ นั้น สามารถทาหน้าทไ่ี ด้ดังน้ี

๑. สถาบันทางศาสนา ซึ่งได้แก่ วัด โบสถ์ สุเหร่า ควรทาหน้าท่ีจัดกิจกรรมอบรมส่ังสอน
บุคคลท่ีประกอบวิชาชีพครู โดยผู้มีความรู้ความสามารถในสถาบันทางศาสนาน้ัน ๆ การจัดกิจกรรม
เพื่อเสริมสร้างพัฒนาคุณธรรม จริยธรรมในตัวครูนั้นสามารถทาได้หลากหลายวิธี เช่น การบรรยาย
ธรรมะการอภิปรายปัญหาทางสังคมท่ีต้องแก้ไขดว้ ยการมีคุณธรรม จรยิ ธรรมของครู และบุคคลต่าง ๆ
การจัดกิจกรรมฝึกจิตภาวนา กิจกรรมบาเพ็ญประโยชน์ต่าง ๆ เพื่อฝึกแบ่งปันให้สังคม การใช้ละคร
หรือการแสดงเพ่ือสอนหลกั ธรรมทางศาสนาทางอ้อม


Click to View FlipBook Version