193
ภาคผนวก ฉ. ตวั อยา่ งแบบสัมภาษณ์
194
แบบสัมภาษณ์
เรือ่ ง การบริหารจดั การข้อมูลสารสนเทศเพอ่ื การบริหาร มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราช
วทิ ยาลัย
วิทยาเขตขอนแก่น
**************************************************************************
๑. ระบบจัดการข้อมูลสารสนเทศในมหาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย วทิ ยาเขตขอนแก่น มี
การจัดการข้อมูลอย่างไร
๒. การพฒั นาการบรหิ ารข้อมูลสารสนเทศมคี วามสาคญั อยา่ งไร ต่อมหาวิทยาลยั
๓. ขอ้ ดีของการบริหารจดั การข้อมลู สารสนเทศเพื่อการบริหาร
๔. ขั้นตอนในการบริหารจัดการข้อมูลสารสนเทศเพ่ือการบรหิ ารมีอย่างไรบ้าง
๕. ปัญหาและอุปสรรคในการบริหารจัดการข้อมลู สารสนเทศเพือ่ การบรหิ าร มีอยา่ งไรบ้าง
195
ภาคผนวก ช. ภาพกจิ กรรมการดาเนนิ การวจิ ัย
196
197
198
199
ภาคผนวก ซ. ประวตั คิ ณะผู้วจิ ัย
200
หัวหน้าโครงการวจิ ยั
1. ชื่อ (ภาษาไทย) : นางสาวอมรรตั น์ เตชะนอก
ชอ่ื (ภาษาองั กฤษ) : AMONRAT TECHANOK
2. หมายเลขบตั รประจาตวั ประชาชน: 144090004xxxx
3. ตาแหนง่ ปัจจุบนั :ผู้อานวยการสานักงาน วทิ ยาลัยสงฆ์ขอนแก่น
4. หนว่ ยงานทีอ่ ยู่ท่ีสามารถตดิ ต่อไดส้ ะดวก
มหาวทิ ยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั วทิ ยาเขตขอนแกน่ 30 หมู่ 1 บ้านโคกสี ตาบล
โคกสี อาเภอเมอื ง จังหวัดขอนแกน่ 40000
5. เบอรโ์ ทรตดิ ต่อ : 080-7560994
6. ประวัติการศกึ ษา
5.1 สาเร็จการศึกษาระดบั อดุ มศึกษา
- ปริญญาตรี :รัฐศาสตร์บัณฑิต (ร.บ.) สาขาวิชาบริหารรัฐกิจและกิจการสาธารณะ
มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
- ปริญญาโท :รัฐประศาสนศาสตร์มหาบัณฑิต (รป.ม.) สาขาวิชาการปกครอง
ท้องถ่ิน มหาวิทยาลยั ขอนแกน่
ผู้ร่วมโครงการวิจยั
1. ชื่อ (ภาษาไทย) : นางสาวพันทวิ า ทบั ภูมี
ชอ่ื (ภาษาอังกฤษ) : PHANTHIWA THABPHUMEE
2. หมายเลขบตั รประจาตวั ประชาชน : 144090014xxxx
3. ตาแหนง่ ปัจจบุ นั : อาจารย์สงั กดั วทิ ยาลยั สงฆ์ขอนแก่น
4. หน่วยงานทอ่ี ย่ทู ส่ี ามารถตดิ ตอ่ ไดส้ ะดวก
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น 30 หมู่ 1 บ้านโคกสี ตาบล
โคกสี อาเภอเมอื ง จังหวัดขอนแกน่ 40000
5. เบอรโ์ ทรตดิ ต่อ : 080-1951802
6. ประวตั ิการศึกษา
5.1 สาเรจ็ การศึกษาระดับอดุ มศกึ ษา
- ปริญญาตรี : วิทยาศาสตร์บัณฑิต (วทบ.) สาขาวิชาโภชนาการและการจัดการ
ความปลอดภัยในอาหาร มหาวิทยาลยั มหาสารคาม
- ปริญญาโท : สาธารณสุขศาสตร์มหาบัณฑิต (สบ.ม.) สาขาวิชาโภชนศาสตร์เพื่อ
สุขภาพ มหาวทิ ยาลัยขอนแก่น
- ปริญญาโท : ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต (ศษ.ม.) สาขาหลักสูตรและการสอน (กลุ่ม
วิชาเฉพาะการสอนสังคมศึกษา) มหาวิทยาลัยขอนแก่น
201
แบบสรปุ โครงการวจิ ยั
สญั ญาเลขที่ MCU RS 610760081
ช่อื โครงการ การบริหารจดั การขอ้ มลู สารสนเทศเพื่อการบรหิ าร มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราช
วิทยาลัย วทิ ยาเขตขอนแก่น
หวั หน้าโครงการ นางสาวอมรรตั น์ เตชะนอก
ผรู้ ว่ มโครงการ นางสาวพนั ทิวา ทับภมู ี
สางานวิทยาลัยสงฆ์ขอนแกน่ มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย วทิ ยาเขตขอนแก่น 30 หมู่
1 บ้านโคกสี ตาบลโคกสี อาเภอเมอื ง จังหวัดขอนแก่น 40000 เบอรโ์ ทรตดิ ตอ่ : 080-7560994
ความเปน็ มาและความสาคัญ
การศกึ ษาวจิ ัยเร่ือง การบริหารจัดการขอ้ มลู สารสนเทศเพอื่ การบริหาร มหาวิทยาลยั มหาจฬุ า
ลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น เกิดขึ้นจากความสนท่ีจะศึกษาการบริหารจัดการข้อมูล
สารสนเทศเพ่ือการบริหาร มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย วิทยาเขตขอนแกน่ เน่ืองจาก
ผู้วิจัยเป็นผู้ปฏิบัติงานและมีส่วนรับผิดชอบการจัดเก็บข้อมูลบุคลากรสายวิชาการ ข้อมูลเก่ียวกับงาน
บริหารวิชาการ ข้อมูลหลักสูตร ข้อมูลโครงการ/กิจกรรม ข้อมูลเอกสารงานวิชาการ ของวิทยาเขต
ขอนแก่น เพื่อนาเสนอผลงานวิจยั ไปใชเ้ ป็นข้อมูลประกอบการพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อการบริหาร
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่นให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
วัตถุประสงค์ของการวิจัยเพ่ือศึกษาวิธีจัดการข้อมูลสารสนเทศ เพ่ือพัฒนาวิธีจัดการจัดการข้อมูล
สารสนเทศเพอ่ื การบริหาร และเพ่อื วิเคราะห์ การเชื่อมโยงขอ้ มูลสารสนเทศ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลง
กรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ไปยังหน่วยงานภายในและหน่วยงานภายนอก
วตั ถปุ ระสงค์
1) เพื่อศึกษาวิธจี ัดการขอ้ มูลสารสนเทศ มหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลัย วทิ ยา
เขตขอนแก่น
2) เพื่อพัฒนาวธิ ีจัดการจัดการข้อมูลสารสนเทศเพ่ือการบริหาร มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลง
กรณราชวทิ ยาลยั วทิ ยาเขตขอนแก่น
3) เพื่อวเิ คราะห์ การเชอื่ มโยงขอ้ มลู สารสนเทศ มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย
วทิ ยาเขตขอนแกน่ ไปยังหนว่ ยงานภายในและหนว่ ยงานภายนอก
ผลการวจิ ยั
1. รูปแบบการจัดการข้อมูลสารสนเทศมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขต
ขอนแก่น สามารถพิจารณาเป็นรายด้านได้ คือ ด้านกระบวนการบริหารข้อมูลสารสนเทศ โดยรวมมี
ระดับการปฏิบัติมาก = 3.50 (S.D. = 0.34) และเมื่อแยกออกเป็นข้ันพบว่า ข้ันที่มีระดับการ
ปฏิบัติมากที่สุด คือ ข้ันการเก็บรวบรวมข้อมูล มีระดับการปฏิบัติมาก = 3.61 (S.D. = 0.70)
รองลงมาคือ ข้ันการจัดหน่วยหรือคลังข้อมูลในหน่วยงาน มีระดับการปฏิบัติมาก = 3.53 (S.D. =
0.45), ขั้นการตรวจสอบข้อมูล มีระดับการปฏิบัติมาก = 3.52 (S.D. = 0.44), ขั้นการวิเคราะห์
ข้อมูล มีระดับการปฏิบัติปานกลาง = 3.48 (S.D. = 0.53) และขั้นท่ีมีการปฏิบัติน้อยที่สุด คือ ข้ัน
การประมวลผล มีระดับการปฏิบัติปานกลาง = 3.38 (S.D. = 0.40) ตามลาดับ สามารถสรุปเป็น
202
รายด้านได้ดังน้ี
1) ด้านกระบวนการบริหารข้อมลู สารสนเทศ โดยรวมมีระดบั การปฏิบัติมาก = 3.50
(S.D. = 0.34) และเม่ือแยกออกเป็นขั้นพบว่า ขั้นท่ีมีระดับการปฏิบัติมากที่สุด คือ ขั้นการเก็บ
รวบรวมข้อมูล มีระดับการปฏิบัติมาก = 3.61 (S.D. = 0.70) รองลงมาคือ ข้ันการจัดหน่วยหรือ
คลังข้อมูลในหน่วยงาน มีระดับการปฏิบัติมาก = 3.53 (S.D. = 0.45), ข้ันการตรวจสอบข้อมูล มี
ระดับการปฏิบัติมาก = 3.52 (S.D. = 0.44), ข้ันการวิเคราะห์ข้อมูล มีระดับการปฏิบัติปานกลาง
= 3.48 (S.D. = 0.53) และข้ันที่มีการปฏิบัติน้อยที่สุด คือ ขั้นการประมวลผล มีระดับการปฏิบัติ
ปานกลาง = 3.38 (S.D. = 0.40) ตามลาดบั
2) ด้านปัจจัย โดยรวมมีระดับการปฏิบัติปานกลาง = 3.41 (S.D. = 0.38) และเม่ือ
แยกออกเป็นรายข้อพบว่า ข้อที่มีระดับการปฏิบัติมากท่ีสุด คือ มีห้องหรืออาคารสาหรับการบริหาร
ระบบข้อมูลสารสนเทศ มีระดับการปฏิบัติมาก = 3.86 (S.D. = 0.93) รองลงมาคือ มีการกาหนด
งบประมาณสาหรับการบริหารระบบข้อมูลสารสนเทศ มีระดับการปฏิบัติมาก = 3.56 (S.D. =
0.93), มีเครื่องคอมพิวเตอร์และเครือข่ายอนิ เตอร์เน็ตสาหรับท่ีสาหรับสืบค้นและส่งข้อมูลสารสนเทศ
มีระดับการปฏิบัติมาก = 3.54 (S.D. = 0.97), มีตู้ แฟ้ม วัสดุที่ใช้สาหรับการจัดเก็บข้อมูล
สารสนเทศ มีระดับการปฏิบัติปานกลาง = 3.42 (S.D. = 0.70), การปรับปรุงแก้ไขข้อมูลที่
วิเคราะห์ ท่ีไม่ตรงกับวัตถุประสงค์ มีระดับการปฏิบัติปานกลาง = 3.42 (S.D. = 0.93), ผู้บริหาร
ใหค้ วามสาคญั ตอ่ การบริหารข้อมูลสารสนเทศ มรี ะดับการปฏบิ ตั ปิ านกลาง = 3.30 (S.D. = 0.81),
มีเครือ่ งคอมพิวเตอร์ที่ใช้สาหรับการจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลสารสนเทศ มีระดับการปฏิบัติปาน
กลาง = 3.10 (S.D. = 0.74) และข้อท่ีมีการปฏิบัติน้อยที่สุด คือ บุคลากรผู้รับผิดชอบในการ
ดาเนินงานมีความรู้ความเข้าใจในกระบวนการบริหารระบบข้อมูลสารสนเทศ มีระดับการปฏิบัติปาน
กลาง = 3.10 (S.D. = 0.76) ตามลาดับ
3) ด้านการนาข้อมูลไปใช้ โดยรวมมีระดับการปฏิบัติมาก = 3.69 (S.D. = 0.46)
และเมื่อแยกออกเป็นรายข้อพบว่า ข้อที่มีระดับการปฏิบัติมากท่ีสุด คือ การนาข้อมูลสารสนเทศไปใช้
เพื่อการพัฒนาบุคลากร มีระดับการปฏิบัติมาก = 4.26 (S.D. = 0.69) รองลงมาคือ การนาข้อมูล
สารสนเทศไปใช้ เพื่อการประชาสัมพันธ์ของมหาวิทยาลัย มีระดับการปฏิบัติมาก = 3.80 (S.D. =
0.93) และการนาข้อมูลสารสนเทศไปใช้ เพ่ือการจัดการเรียนรู้ มีระดับการปฏิบัติมาก = 3.80
(S.D. = 0.99), การนาข้อมูลสารสนเทศไปใช้ เพื่อการควบคุมการปฏิบัติงานให้เป็นไปตาม
วัตถุประสงค์ มีระดับการปฏิบัติมาก = 3.74, (S.D. = 1.01), การนาข้อมูลสารสนเทศไปใช้ เพ่ือ
กาหนดเป็นแผนปฏิบัติของมหาวทิ ยาลยั มีระดับการปฏิบัตปิ านกลาง = 3.44 (S.D. = 0.91), การ
นาข้อมูลสารสนเทศไปใช้เพื่อการตัดสินใจวินิจฉัยส่ังการของผู้บริหารของมหาวิทยาลัย มีระดับการ
ปฏิบัติปานกลาง = 3.40 (S.D. = 0.83) และข้อท่ีมีการปฏิบัติน้อยที่สุด คือ การจัดให้ระบบการ
ให้บริการให้บริการข้อมูลสารสนเทศแก่หน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง มีระดับการปฏิบัติปานกลาง = 3.38
(S.D. = 0.86) ตามลาดับ
203
2. ผลการศึกษาแนวทางการพัฒนารูปแบบการจัดการข้อมูลสารสนเทศมหาวิทยาลัยมหา
จุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ด้วยการตอบแบบสอบถามของบุคลากรจากสายงาน
ต่างๆ ในมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น จานวน 50 รูป/คน พบว่า
แนวทางการพัฒนารูปแบบการจัดการข้อมูลสารสนเทศ มีผลการปฏิบัติงานอยู่ในระดับมาก =
3.61 (S.D. = 0.54) และเม่ือแยกเป็นรายข้อพบว่า ข้อท่ีมีการระดับการปฏิบัติมากท่ีสุด คือ การ
จัดเก็บ รวบรวม ประมวลผล และการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างเป็นระบบ มีระดับการปฏิบัติมาก =
3.84 (S.D. = 0.96) รองลงมาคือ สามารถพัฒนาระบบสารสนเทศเป็นคู่มือ เพ่ือใช้ในมหาวิทยาลัยได้
มีระดับการปฏิบัติมาก = 3.78 (S.D. = 0.89), มีระบบรับส่งข้อมูลข่าวสารในหน่วยงาน มีระดับ
การปฏิบัติมาก = 3.68 (S.D. = 0.94), บุคลากรในมหาวิทยาลัยสามารถเข้าถึงระบบสารสนเทศ
และสามารถเก็บข้อมูลได้อย่างเป็นระบบ มีระดับการปฏิบัติมาก = 3.66 (S.D. = 0.87), แหล่ง
บริการสืบค้นข้อมูลทางการวิชาการ ข้อมูลการประกันคุณภาพภายใน มีระดับการปฏิบัติมาก =
3.64 (S.D. = 0.96), ระบบสารสนเทศมีความทันสมัย มีความถูกต้องครบถ้วน มีระดับการปฏิบัติ
มาก = 3.60 (S.D. = 0.86), ระบบสารสมเทศมีประโยชน์ต่อการดาเนินงาน มีระดับการปฏิบัติ
มาก = 3.58 (S.D. = 0.81), ความรวดเร็วในการเข้าถึงข้อมูล มีระดับการปฏิบัติมาก = 3.56
(S.D. = 0.97), ความเหมาะสม การนาไปใช้งานได้จริง ความน่าเช่ือถือมีความสมบูรณ์ครบถ้วนได้
มาตรฐาน มีระดับการปฏิบัติมาก = 3.52 (S.D. = 0.84) และข้อท่ีมีการปฏิบัตินอ้ ยท่ีสุด คือ ระบบ
สารสนเทศใช้งานง่าย มีระดบั การปฏิบตั ิปานกลาง = 3.28 (S.D. = 0.70)
3. การตรวจสอบรายการระบบและกลไกการทางานรูปแบบวิธีการจัดการข้อมูลสารสนเทศ
เพื่อการบริหาร มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น โดยรวมมีผลการ
ประเมินอยใู่ นระดบั พอใช้ คิดเปน็ รอ้ ยละ 66.06
4. การสัมมนาเรื่องวิธีการจัดการข้อมูลสารสนเทศ ประกอบด้วยการสัมภาษณ์ผู้บริหาร
ระดับสูง จานวน 5 รูป/คน ผู้บริหารระดับกลาง จานวน 5 รูป/คน และผู้บริหารระดับต้น จานวน 5
รปู /คน โดยจากการเกบ็ ขอ้ มลู การสัมภาษณ์ของผู้บรหิ ารได้มกี ารแนะนาแนวทางในการบรหิ ารจัดการ
ข้อมูลสารสนเทศนาไปวางแผนในการปฏิบัติงานเพ่ือให้สามารถปฏิบัติงานตามภารหน้าท่ี ซ่ึงในการ
บริหารจัดการข้อมูลสารสนเทศน้ันได้มีการกาหนดข้ันตอนการปฏิบัติงานไว้ ทาให้เข้าใจวิธีการมาก
ย่ิงข้นึ การทาวิจัยในครั้งนผ้ี ู้วจิ ัยจงึ ได้จัดทาเป็นคูม่ ือปฏิบัติงานกลมุ่ งานบริหาร วิทยาลัยสงฆ์ขอนแก่น
ข้นึ โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือใช้เปน็ แนวทางในการปฏิบตั ิงานของเจ้าหน้าประจาวิทยาลัย และได้ทาการ
เผยแพร่คู่มือไปยังสานักงานต่างๆ เพ่ือเป็นตัวอย่างในการจัดทาคู่มือปฏิบัติงานอีกด้วย ทั้งน้ีได้การ
จดั ทาคู่มือบริหารหลักสูตรของวิทยาเขตขอนแก่นจานวน 14 หลักสูตร และได้คู่มือบริหารหลักสูตรท่ี
สมบูรณ์คอื หลักสตู รครศุ าสตร์บณั ฑติ สาขาวิชาการสอนภาษาไทย
การนาผลวจิ ัยไปใชป้ ระโยชน์
1. ได้วิธีจัดการข้อมูลสารสนเทศ ของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
วิทยาเขตขอนแก่น
2. ได้วิธีพัฒนาวิธีการจัดการข้อมูลสารสนเทศ ของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราช
วิทยาลัย วทิ ยาเขตขอนแกน่
3. ได้ทราบผลวิเคราะห์ การเชื่อมโยงข้อมูลสารสนเทศ ของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ
204
ราชวทิ ยาลยั วทิ ยาเขตขอนแก่น ไปยังหน่วยงานภายในและหนว่ ยงานภายนอก
4. นาผลจากการศึกษาน้ีไปใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาการวิธีการจัดการข้อมูลสารสนเทศ
ของมหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย วทิ ยาเขตขอนแก่น