The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

๙-นายณัฐวุฒิ จันทร์น้อย

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by social study, 2022-05-22 11:30:12

๙-นายณัฐวุฒิ จันทร์น้อย

๙-นายณัฐวุฒิ จันทร์น้อย

รายงานการศึกษาอสิ ระทางสังคมศึกษา

เรื่อง
การพัฒนาบทเรยี นสำเรจ็ รปู รายวชิ าศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม

กลมุ่ สาระการเรียนรสู้ งั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
สำหรับนกั เรยี นชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 โรงเรยี นพระธาตุขามแก่นพทิ ยาลัย

โดยใชท้ กั ษะการคดิ เชิงวิพากษ์ (Critical Thinking)

โดย
นายณัฐวุฒิ จนั ทรน์ ้อย
รหสั ๖๑๐๕๕๐๒๐๑๒

งานวิจัยเลม่ นี้เป็นสว่ นหนง่ึ ของวชิ า (๒๐๓ ๔๒๐)
การศกึ ษาอสิ ระทางสงั คมศึกษา ภาคเรียนท่ี ๒ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๔
ตามหลกั สตู รครศุ าตรบณั ฑิต สาขาวิชาสังคมศกึ ษา คณะครุศาสตร์
มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั วทิ ยาเขตขอนแก่น

แบบอนมุ ตั ผิ ลงานวิจัย

ด้วยหลักสูตรครุศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาสังคมศึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬา
ลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น อนุมัติให้นับการวิจัย เรื่อง การพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูป
รายวิชาศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม กลุม่ สาระการเรยี นรสู้ ังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม สำหรับ
นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนพระธาตุขามแก่นพิทยาลัย โดยใช้ทักษะการคิดเชิงวิพากษ์
(Critical Thinking)

ให้เปน็ สว่ นหนง่ึ ของการศกึ ษาภาคปฏบิ ัติของรายวชิ าการศกึ ษาอสิ ระทางสังคมศึกษา จำนวน
๓ หน่วยกิต ตามวัตถุประสงค์หลักสูตรปริญญาตรีครุศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาสังคมศึกษา
คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ประจำภาคเรยี นท่ี ๒
ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๔

ลงชือ่ .......................................................ผู้วิจัย
(.....................................................)
................/................../..............

คณะกรรมการประเมิน / อนมุ ัตกิ ารศึกษาอิสระทางสังคมศกึ ษา

ลงช่ือ...............................................อาจารย์ทปี่ รึกษา/อาจารย์
(................................................)
............./............../...............

ลงช่ือ..............................................กรรมการ/อาจารย์
(................................................)
............../................/............

ลงช่อื .............................................กรรมการ/อาจารย์
(................................................)
............../................/............

ลงชอื่ .............................................กรรมการ/อาจารย์
(................................................)
............../................/............

ลงชื่อ.......................................ประธานกรรมการ/ประธานหลักสูตร
(................................................)
............../................/............



ชอ่ื งานวจิ ัย : การพัฒนาบทเรยี นสำเร็จรปู รายวชิ าศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม กลุ่มสาระ

การเรียนรูส้ งั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม สำหรบั นักเรียนชั้น

มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 โรงเรียนพระธาตุขามแก่นพิทยาลยั โดยใช้ทักษะการคิด

เชงิ วิพากษ์ (Critical Thinking)

ผู้วจิ ัย : นายณัฐวุฒิ จันทรน์ ้อย

ปรญิ ญา : ครศุ าสตรบณั ฑิต สาขาวชิ าสงั คมศึกษา

อาจารยท์ ่ีปรกึ ษา : อาจารย์วริ ตั น์ ทองภู

ปกี ารศึกษา : ๒๕๖๔

บทคดั ยอ่

การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อหาประสิทธิภาพบทเรียนสำเร็จรูป รายวิชาศาสนา
ศีลธรรม จริยธรรม กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม สำหรับนักเรียน
ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๒ โรงเรียนพระธาตุขามแก่นพิทยาลัย ตามเกณฑ์มาตรฐาน ๘๐/๘๐
2) เพอ่ื เปรียบเทยี บผลสัมฤทธก์ิ อ่ นและหลังเรียน รายวิชาศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม ของนักเรียนช้ัน
มัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนพระธาตุขามแก่นพิทยาลัย โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบ
การคิดเชิงวิพากษ์ (Critical Thinking) 3) เพ่อื ศกึ ษาความพึงพอใจของนักเรียนชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 2
โรงเรยี นพระธาตุขามแก่นพิทยาลัย ที่รับการจัดการเรียนการสอนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป เป็นการ
วิจัยเชิงทดลอง (Experimental Research) กลุ่มเป้าหมายคือ นักเรียนที่เรียนบทเรียนสำเร็จรูป
กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมสำหรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๒
โรงเรียนพระธาตุขามแก่นพิทยาลัย ภาคเรียนท่ี ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๔ จำนวน ๓๙ คน ได้มาโดย
วิธีการเลือกแบบเจาะจง เคร่ืองมือท่ีใช้ในการวิจัย ได้แก่ ๑) แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 3 แผน
๒) สอ่ื การสอนบทเรียนสำเร็จรูป จำนวน ๓ ชุด ๓) แบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธิท์ างการเรียน เป็นแบบ
ปรนัย ๔ ตัวเลือก จำนวน ๓๐ ข้อ ๔) แบบสอบถามความพึงพอใจ 5 ระดบั จำนวน 10 ข้อ สถิติท่ใี ช้

ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ร้อยละ ( ̅), ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน (S.D.), และหาค่าประสิทธิภาพ
โดยใชส้ ตู ร E1/E2

ผลการวิจยั พบวา่
1. การพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูป กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๒ โรงเรียนพระธาตุขามแก่นพิทยาลัย มีประสิทธิภาพ
๙๐.๕๗/๘๔.๖๒ ซ่ึงสูงกว่าเกณฑ์ท่ีกำหนดไว้ ๘๐/๘๐ จะเห็นได้ว่า นักเรียนมีคะแนนเฉล่ียระหว่าง

เรียนโดยภาพรวมเท่ากับ ( ̅= ๒๗.๑๗, S.D.=๑.๕๖) มีคะแนนแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิเท่ากับ

( ̅=๒๔.๐๓, S.D.=๕.๖๗) และจากการหาค่าประสิทธิภาพของบทเรียนสำเร็จรูป สำหรับนักเรียน
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ ท้ังส้ิน ๓ ชุด ประกอบดว้ ยเรือ่ ง อธบิ ายการเผยแผ่พระพุทธศาสนาหรือศาสนา
ท่ีตนนับถือสู่ประเทศไทย, วิเคราะห์ความสำคัญของพระพุทธศาสนาหรือศาสนาท่ีตนนับถือที่มีผล
ต่อสภาพแวดลอ้ มในสงั คมไทยรวมทั้งการพัฒนาตนและครอบครัว, วเิ คราะห์พทุ ธประวัตติ ้งั แตป่ ระสตู ิ
จนถึงบำเพ็ญทุกรกิรยิ า หรือประวัตศิ าสดาที่ตนนบั ถือ (E๑/E๒) เทา่ กับ ๙๐.๕๗/๘๔.๖๒



2. ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิก่อนและหลังเรียน รายวิชา สังคมศึกษา ศาสนา
และวัฒนธรรม ของนักเรียนช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี ๒ โรงเรยี นพระธาตุขามแก่นพิทยาลัย โดยใช้บทเรยี น
สำเร็จรูปในรูปแบบ การคดิ เชิงวพิ ากษ์ (Critical Thinking) พบว่า การทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการ
เรยี นหลงั เรียนมคี ะแนนเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรยี น อย่างมนี ัยสำคัญทางสถิติระดับ ๐.๐๐ โดยมี
คะแนนเฉล่ียหลังเรียน ( ̅=๒๔.๐๓ S.D.=๕.๖๗), คิดเป็นร้อยละ ๘๐.๐๓ สูงกว่าคะแนนเฉลี่ย
ก่อนเรยี น ( ̅=๙.๐๓ S.D.=๕.๐๗), คิดเปน็ รอ้ ยละ ๓๐.๕๐

3. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๒ โรงเรียนพระธาตุขามแก่น
พิทยาลัย ที่รับการจัดการเรียนการสอนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป ท่ีได้รับการจัดการเรียนการสอน
โดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม โดยภาพรวม
มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก เมื่อแยกเป็นรายข้อ พบว่า ข้อท่ีมีความพึงพอใจมากท่ีสุด
คอื นักเรียนสามารถนำความรู้ท่ีได้ไปเผยแพร่ต่อผู้อ่นื ได้ รองลงมา คือ รูปแบบสื่อการ สอนน่าสนใจ
มีภาพประกอบสวยงาม และเนื้อหามีความเหมาะสมกบั ระดับความสามารถของนกั เรียน



กติ ตกิ รรมประกาศ

การวิจัยเรื่อง การพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูป รายวิชาศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม กลุ่มสาระ
การเรยี นรู้สงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม สำหรบั นกั เรยี นช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๒ โรงเรียนพระธาตุ
ขามแก่นพิทยาลัย โดยใช้ทักษะการคิดเชิงวิพากษ์ (Critical Thinking) เล่มน้ีสำเร็จสมบูรณ์ได้ด้วย
ความกรณุ าและความช่วยเหลือ ให้คำแนะนำอย่างดียิ่งจาก อาจารย์วิรัตน์ ทองภู อาจารย์ท่ีปรึกษา
ท่ีกรุณาให้คำปรึกษา ตลอดจนการตรวจแก้ไขข้อบกพร่องต่างๆ และให้กำลังใจในการศึกษามาโดย
ตลอด ผูว้ ิจัยขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูง

ขอขอบพระคุณในความกรุณาของผู้เช่ียวชาญทั้ง ๓ ท่าน ผศ.ดร.อนุสรณ์ นามทะราช
อาจารย์บุญส่ง นาแสวง และอาจารย์พันทิวา ทับภูมี ท่ีได้ให้ความอนุเคราะห์ในการตรวจสอบ
เครื่องมือสำหรบั ใช้ในงานวิจัยและให้คำปรึกษาเพ่ือแก้ไขจนเครื่องมือท่ีใช้ในการวิจัยมีความถูกต้อง
สมบูรณ์ครบถว้ น

ขอขอบพระคุณท่านผู้อำนวยการ คณะครู โรงเรียนพระธาตุขามแก่นพิทยาลัย ที่อำนวย
ความสะดวกในการเก็บรวบรวมข้อมูลในระหว่างการทำวิจัย ให้คำแนะนำ และแก้ไขข้อบกพร่องให้
งานวจิ ัยน้สี มบูรณย์ ่งิ ขึ้น

ขอขอบพระคุณคณาจารย์ นักวิชาการทุกท่านท่ีเป็นเจ้าของหนังสือและงานวิจัยที่มีคุณค่า
ซ่งึ ท่านได้เขยี นงานเอกสารไว้ใหไ้ ด้ศึกษาคน้ คว้า เพ่ือเป็นข้อมูลประกอบในการเขยี นงานวจิ ัยในคร้ังนี้
ขอขอบเพือ่ นทุกคน คนในครอบครัว และผูท้ ี่มสี ว่ นเกี่ยวข้องทกุ ท่าน ท่ใี ห้ความชว่ ยเหลือสนับสนุนให้
คำแนะนำ และให้กำลังใจตลอดการทำวิจัยในคร้ังน้ี ผู้วิจัยหวังเป็นอย่างย่ิงว่างานวิจัยเล่มนี้จะเป็น
ประโยชน์แก่ผู้ท่สี นใจศึกษาและนำไปปฏบิ ตั ิตอ่ ไป

นายณัฐวฒุ ิ จนั ทร์นอ้ ย
ผวู้ ิจยั



สารบัญ

เรือ่ ง หนา้

บทคัดย่อ ก

กิตตกิ รรมประกาศ ค

สารบัญ ง

สารบัญตาราง ฉ

สารบญั ภาพ ช

บทท่ี ๑ บทนำ

๑.๑ ความเปน็ มาและความสำคัญของปญั หาการวจิ ยั ๑

๑.๒ วัตถุประสงค์การวจิ ัย ๒

๑.๓ ขอบเขตการวิจยั ๓

๑.๕ นยิ ามศัพทเ์ ฉพาะ ๓

๑.๖ ประโยชนท์ ่ีไดร้ ับจากการวิจยั ๕

บทที่ ๒ แนวคิด ทฤษฎี และงานวิจัยท่ีเก่ยี วขอ้ ง

๒.๑ หลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ๖

(ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ 2560)

๒.๒ แนวคดิ การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ โดยใช้ ทกั ษะการคดิ เชิงวิพากษ์ 11

(Critical Thinking)

๒.๓ การสรา้ งบทเรยี นสำเร็จรูป 15

๒.๔ การพัฒนาผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียน 27

๒.๕ การสร้างแบบวดั ความพึงพอใจ 29

๒.๖ งานวจิ ัยทเ่ี กย่ี วข้อง 30

๒.๗ กรอบแนวคดิ งานวจิ ยั 32

บทท่ี ๓ วธิ ีการดำเนินการวิจยั

๓.๑ รปู แบบการวิจยั 33

๓.๒ ประชากรและกลุม่ เป้าหมาย 33

๓.๓ เคร่อื งมอื ทใี่ ช้ในการวจิ ัย 34

๓.๔ การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู 39

๓.๕ การวเิ คราะหข์ ้อมลู 40

๓.๖ สถติ ิท่ีใช้ในการวเิ คราะหข์ อ้ มูล 40

บทท่ี ๔ ผลการวิจัย

๔.๑ ผลการวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบฝึกวัดผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี น ก่อน 43

เรยี นให้มปี ระสิทธิภาพของบทเรียนสำเรจ็ รปู รายวชิ า สงั คมศึกษา ศาสนา

และวัฒนธรรม ของนกั เรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๒ โรงเรียนพระธาตุขามแก่น

พิทยาลยั โดยใชร้ ูปแบบการจัดการเรยี นการสอนแบบ การคดิ เชงิ วิพากษ์

(Critical Thinking) ตามเกณฑม์ าตรฐาน ๘๐/๘๐



สารบญั (ตอ่ ) หน้า
45
เรื่อง
45
๔.๒ ผลการวเิ คราะห์เปรียบเทยี บผลสมั ฤทธิก์ ่อนและหลังเรยี น รายวิชา
สังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม ของนักเรยี นช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๒ 46
โรงเรียนพระธาตขุ ามแกน่ พิทยาลัย โดยใช้รปู แบบการจดั การเรยี นการ
สอนแบบ การคิดเชงิ วิพากษ์ (Critical Thinking) 48
49
๔.๓ ผลการวเิ คราะหค์ วามพึงพอใจของนักเรียนชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๒ 50
โรงเรียนพระธาตุขามแก่นพิทยาลัย ที่มตี ่อการจดั การเรียนรู้ โดยใช้ 53
รปู แบบการจัดการเรยี นการสอนแบบ การคิดเชิงวพิ ากษ์ (Critical ๕6
Thinking) ๕8
76
๔.๔ องคค์ วามรู้ท่ีได้จากงานวจิ ัย เร่ือง การพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูป 146
รายวิชาศาสนา ศลี ธรรม จรยิ ธรรม กล่มุ สาระการเรยี นรู้สงั คมศึกษา 150
ศาสนา และวฒั นธรรม สำหรบั นักเรยี นชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๒ โรงเรยี น ๑52
พระธาตขุ ามแกน่ พิทยาลยั โดยใช้ ทักษะการคิดเชงิ วิพากษ์ (Critical
Thinking)

บทที่ ๕ สรปุ อภปิ รายผล และขอ้ เสนอแนะ

๕.๑ สรปุ ผลการวจิ ัย

๕.๒ อภิปรายผลการวจิ ัย

๕.๓ ข้อเสนอแนะ

บรรณานกุ รม

ภาคผนวก

ภาคผนวก ก รายช่ือผเู้ ชีย่ วชาญตรวจสอบเครอื่ งมือทใ่ี ชใ้ นการวจิ ัย

ภาคผนวก ข แบบประเมินคณุ ภาพเครือ่ งมอื โดยผู้เชีย่ วชาญ

ภาคผนวก ค เคร่อื งมอื ท่ีใช้ในการวจิ ยั

ภาคผนวก ง ผลการวเิ คราะหข์ ้อมลู

ภาคผนวก จ ภาพประกอบการเก็บรวบรวมข้อมลู

ประวัตผิ วู้ ิจัย



สารบญั ตาราง

ตารางท่ี หน้า

ตารางที่ ๔.๑ ค่าประสิทธภิ าพ (E๑/E๒) ของบทเรียนสำเร็จรูป กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ 43
สงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม สำหรบั นกั เรียนชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ ๒

โรงเรยี นพระธาตขุ ามแก่นพิทยาลยั ตามเกณฑ์มาตรฐาน ๘๐/๘๐
ตารางท่ี ๔.๒ ผลการวเิ คราะห์เปรียบเทียบผลสัมฤทธกิ์ อ่ นและหลังเรยี น รายวิชา สังคม 45

ศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ของนกั เรยี นชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ ๒
โรงเรยี น
พระธาตขุ ามแกน่ พิทยาลยั โดยใชร้ ูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบ

การคดิ เชงิ วพิ ากษ์ (Critical Thinking)
ตารางท่ี ๔.๓ ผลการวิเคราะหค์ วามพึงพอใจของนักเรียนชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี ๒ โรงเรยี น 46

พระธาตขุ าม แกน่ พทิ ยาลัย ท่มี ตี ่อการจดั การเรยี นรู้ โดยใช้รปู แบบการ 147
จดั การเรียนการสอนแบบ การคดิ เชิงวพิ ากษ์ (Critical Thinking)
ตารางท่ี ๔.๔ ผลการประเมินความเหมาะสมของแผนการจัดการเรยี นรู้ เร่อื ง

ความสำคญั ของศาสนา และบทบาทตอ่ ประเทศไทย โดยใช้การสอนแบบ
การคิดเชิงวิพากษ์ (Critical Thinking)

ตารางท่ี ๔.๕ ผลการประเมินความเหมาะสมของบทเรียนสำเร็จรูป เร่อื ง ความสำคัญ 147
ของศาสนา และบทบาทตอ่ ประเทศไทย โดยใช้การสอนแบบ การคิดเชิง
วิพากษ์ (Critical Thinking)

ตารางที่ ๔.๖ ผลการประเมินความสอดคลอ้ งระหว่างแบบทดสอบกับตัวชว้ี ดั ของ 148
แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธทิ์ างการเรียน จำนวน ๓๕ ขอ้

ตารางที่ ๔.๗ ผลการประเมินความเหมาะสมของความพงึ พอใจของนกั เรียน ชน้ั 149
มัธยมศึกษาปีที่ ๒ ท่ีมีตอ่ บทเรียนสำเรจ็ รูปการคิดเชงิ วิพากษ์ (Critical
Thinking)

สารบญั ภาพ ช

ภาพ หน้า
ภาพท่ี 2.1 กรอบแนวคิดงานวิจยั 32

บทท่ี ๑

บทนำ

๑.๑ ความเป็นมาและความสำคญั ของปญั หา

การศึกษานับเป็นรากฐานที่สำคัญที่สุดประการหน่ึงสำหรับการสร้างสรรค์ควา ม
เจริญก้าวหน้า และการแก้ไขปัญหาในการพัฒนาประเทศด้านต่างๆ เพราะว่าการศึกษามุ่งช่วย
ใหบ้ ุคคลเกดิ ความเจรญิ งอกงามทัง้ ทางด้านร่างกาย อารมณ์ และสตปิ ัญญา สามารถปรบั ตนให้เขา้ กับ
สภาพแวดล้อมได้อย่างเหมาะสม และสามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข การศึกษายัง
จะช่วยให้บุคคลน้ันเป็นผู้ท่ีรจู้ ักคดิ รจู้ ักทำรู้จกั การแก้ปัญหาตลอดจนรู้จักใช้ทรัพยากรวัตถุที่มี อยู่ให้
เกิดประโยชน์สูงสุดและส้ินเปลืองน้อยที่สุด การท่ีประเทศจะก้าวหน้าได้จำเป็นจะต้องมี ทรัพยากร
บุคคลท่ีมีความรู้ความคิด ความสามารถจำนวนมาก ดังน้ัน การศึกษาจึงเป็น กระบวนการในการ
เสริมสร้างบุคคลให้มีคุณลักษณะพึงประสงค์ ในพระราชบัญญัติการศึกษา แห่งชาติพุทธศักราช
๒๕๔๒ หมวด ๔ แนวการจัดการศึกษามาตรา ๒๒ การจัดการศึกษาต้องยึดหลักว่า ผู้เรียนทุกคนมี
ความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ และถือว่าผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด กระบวนการจัดการ
ศกึ ษาตอ้ งสง่ เสริม ใหผ้ เู้ รียนสามารถพฒั นาตามธรรมชาติและเตม็ ตามศักยภาพ๑

การเรียนการสอนในห้องเรียนเป็นวิธีการท่ีใช้กันมานาน มีเทคนิคการสอนมากมายท่ีเป็น
ประโยชน์แก่ผู้เรียน ไม่ว่าจะเป็นการบรรยาย อภิปราย สาธิต หรือวิธีการอน่ื ๆ แต่อย่างไรก็ตามการ
เรียนการสอนในห้องเรียนที่มีผู้เรียนจำนวนมากก็เป็นการยากท่ีจะให้ผเู้ รียนทุกคนสามารถเรียนรู้ได้
ทนั กัน พระราชบญั ญัตกิ ารศกึ ษาแห่งชาติ พุทธศกั ราช ๒๕๕๒ ได้กำหนดแนวทางการจัดการศึกษาไว้
วา่ การจัดการศึกษาตอ้ งยึดหลักว่าผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรแู้ ละพัฒนาตนเองได้และถือว่า
ผู้เรียนมีความสำคัญอย่างที่สุด กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตาม
ธรรมชาตแิ ละเต็มตามศกั ยภาพโดยตอ้ งคำนึงถงึ ความแตกต่างระหวา่ งบคุ คล

กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เป็นกลุ่มสาระการเรียนรทู้ ี่จะเป็น
แกนในการพัฒนาคนเพ่ือไปพัฒนาสังคมได้ค่อนข้างมาก สาระการเรียนรู้ท่ีเป็นองค์ความรู้ของกลุ่ม
สาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ประกอบด้วยสาระการเรียนรู้ท่ีเกี่ยวกับศาสนา
ศลี ธรรม จริยธรรม หน้าท่พี ลเมือง วัฒนธรรม และการดำรงชีวิตในสงั คม เศรษฐศาสตร์ประวตั ศิ าสตร์
และภูมิศาสตร์ โดยกำหนดมาตรฐานการเรียนรู้ให้ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจในแต่ละสาระการ

๑ กระทรวงศึกษาธกิ าร, พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๒ และแก้ไขเพ่ิมเติม ฉบับที่ ๒
พ.ศ. ๒๕๔๕, (กรุงเทพฯ : กระทรวงศึกษาธิการ, ๒๕๔๒), หนา้ ๒.



เรียนรู้ดังกลา่ ว ตลอดจนยึดม่ันและปฏิบัติตนเพ่ือการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุขตามระบอบ
การปกครองที่สอดคล้องกับประเพณีวัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม ทั้งทางสังคม และทางธรรมชาติ
เน่ืองจากวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เป็นวิชาท่ีมีเนื้อหาจำนวนมาก ต้องอาศัยการอ่าน
และการจดจำมากที่สุดถึงจะทำข้อสอบให้ได้คะแนนสูง เป็นเน้ือหาท่ีค่อนข้างน่าเบ่ือหน่ายสำหรับ
นกั เรยี นในยุคปัจจุบันทอ่ี ยู่ในยคุ โลกาภวิ ัตน์ ทเ่ี ตม็ ไปดว้ ยสอ่ื ทีท่ ันสมัย2

บทเรียนสำเร็จรูปเป็นส่ือการเรียนรู้อีกรูปแบบหน่ึงท่ีเหมาะสมในการนำมาใช้ประกอบ
การเรียนการสอน เพราะบทเรียนสำเร็จรูปเปรียบเสมือนครูผู้สอนให้ผู้เรียนสามารถศึกษาค้นคว้า
ทำกิจกรรมการเรียนและประเมินผลด้วยตนเอง ซึ่งเป็นส่ือการจัดการเรียนรู้ที่สร้างข้ึน โดยกำหนด
เน้ือหาวัตถุประสงค์วิธีการตลอดจนอุปกรณ์การสอนท่ีนักเรียนสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองโดยแบ่ ง
เนื้อหาออกเป็นส่วนย่อยๆ เรียกว่า กรอบ โดยลำดับเน้ือหาจากง่ายไปหายากแต่ละกรอบมีคำถาม
และคำตอบเพื่อให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้ตามศักยภาพของตนเอง อาจกล่าวได้ว่าบทเรียน
สำเร็จรูปจึงเป็นนวัตกรรมทางการศกึ ษาสามารถนำมาใชเ้ ป็นสือ่ การเรยี นรู้ ท่ีผู้เรียนศึกษาค้นคว้าทำ
กิจกรรมการเรียนและประเมินผลด้วยตนเองตามลำดับขั้นที่กำหนดไว้ล่วงหน้าเหมาะสมในการ
ถ่ายทอดเน้ือหาสาระไปสูผ่ ู้เรยี นให้สมบูรณ์ได้เรียนเปน็ ข้ันตอนช่วยให้เกิดความสนใจที่จะเรียนรู้ด้วย
ตนเอง ในการแสวงหาความรู้และเป็นการสนองความแตกต่างในด้านความสามารถของบุคคลได้เป็น
อย่างดี3

จากการท่ีผู้วิจัยได้ไปสังเกตการณ์สอนท่ีโรงเรียนพระธาตุขามแก่นพิทยาลัยเป็นเวลา
๑ ภาคการศึกษา จากการสงั เกตพบวา่ นกั เรียนทเ่ี รียนในรายวชิ า สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม
นักเรียนบางคนไม่ค่อยชอบเรยี นและบางคนแสดงอาการเบ่อื หน่ายต่อการเรียน และมนี กั เรียนจำนวน
มากท่ีได้คะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำสำหรับกลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนา
และวัฒนธรรมนี้

ดังนั้น ผู้วิจัยเห็นว่า ควรสร้างและพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูป รายวิชาศาสนา ศีลธรรม
จรยิ ธรรม กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษาศาสนา และวฒั นธรรม สำหรบั นักเรยี นช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่
๒ และผู้วิจัยได้ออกแบบบทเรียนสำเร็จรูปเพื่อให้ผู้เรียนเกิดความสนใจและสามรถเข้าใจได้ง่าย
ตามศกั ยภาพของตนเอง

๑.๒ วัตถปุ ระสงค์การวจิ ัย

๑. เพอื่ หาประสิทธิภาพบทเรียนสำเร็จรปู รายวิชาศาสนา ศลี ธรรม จริยธรรม กลุ่มสาระการ
เรยี นรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม สำหรับนกั เรยี นชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๒ โรงเรียนพระธาตขุ าม
แก่นพิทยาลัย ตามเกณฑ์มาตรฐาน ๘๐/๘๐

2 กุลนิษฐ์ชา รานอก, การศึกษาปัญหาและแนวทางการแก้ปัญหาการจัดชั้นเรียนของครูประจำชั้น
ประถมศึกษาปีท่ี ๔-๖ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา, (วิทยานิพนธ์การศึกษา
มหาบัณฑิต สาขาหลกั สตู รการสอน คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภัฏนครราชสมี ,ี ๒๕๕๔), หน้า ๑๒.

3 ทศิ นาแขมมณี, ศาสตร์การสอน, (กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ๒๕๕๒๒), หน้า ๕.



๒. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิก่อนและหลังเรียน รายวิชาศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม
ของนกั เรียนช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี ๒ โรงเรยี นพระธาตขุ ามแก่นพิทยาลัย โดยใช้รปู แบบการจัดการเรยี น
การสอนแบบ การคดิ เชิงวพิ ากษ์ (Critical Thinking)

๓. เพ่ือศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ โรงเรียนพระธาตุขามแก่น
พิทยาลัย ที่รับการจดั การเรียนการสอนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป รายวิชาศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม
กลุ่มสาระการเรยี นรู้สังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม

๑.๓ ขอบเขตการวจิ ยั

๑.๓.๑ ขอบเขตดา้ นประชากรและกลุ่มเป้าหมาย
นักเรียนโรงเรียนพระธาตุขามแก่นพิทยาลัย ตำบลบ้านขาม อำเภอน้ำพอง จังหวัด

ขอนแก่น มจี ำนวน ๑๖๗ คน จำแนกตามเพศ เปน็ ชาย ๙๒ คน เป็นหญงิ ๗๓ คน
กลุ่มเป้าหมายท่ีใช้ในการวิจัยครั้งนี้คือ นักเรียนในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศกึ ษา

ศาสนา และวฒั นธรรม ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๒ โรงเรยี นพระธาตขุ ามแกน่ พทิ ยาลัย
1.3.2 ขอบเขตด้านตัวแปลท่ีจะศกึ ษา
ตวั แปลต้น การจัดกิจกรรมการเรียนโดยใช้ บทเรียนสำเสรจ็ รูป โดยใช้รูปแบบ
การจัดการเรียนการสอนแบบ การคิดเชงิ วิพากษ์
(Critical Thinking)
ตัวแปลตาม ๑. การสร้างและพฒั นาบทเรยี นสำเร็จรปู
๒. ผลสมั ฤทธ์ิ รายวิชาศาสนา ศลี ธรรม จริยธรรม
๓. ความพึงพอใจของนกั เรยี นช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๒ โรงเรียนพระ
ธาตุขามแกน่ พิทยาลัย
๑.๓.๒ ขอบเขตดา้ นเนื้อหาทใี่ ชใ้ นการวิจัย
รายวิชา ส ๒๒๑๐๑ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒

สาระการเรียนรู้ที่ ๑ ศาสนา ศีลธรรม และจริยธรรม หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ เร่ือง ความสำคัญ
ของศาสนา และบทบาทตอ่ ประเทศไทย จำนวน ๓ แผน

๑.๓.๓ ขอบเขตด้านระยะเวลาที่ใชใ้ นการวจิ ยั
การวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ใช้ระยะเวลาในการดำเนินการวิจัย ภาคเรียนท่ี ๒/๒๕๖๔

รวมระยะเวลา ๔ เดือน ตงั้ แต่วันท่ี ๑ ธันวาคม ๒๕๖๔ ถึง ๑๑ มีนาคม ๒๕๖๕

๑.๔ นิยามศพั ทเ์ ฉพาะ

การคดิ เชิงวิพากษ์ (Critical Thinking) หมายถงึ ทักษะแห่งอนาคตท่มี คี วามสำคญั มากข้ึน
เรื่อยๆ เน่ืองจากเรากำลังอยู่ในยคุ ที่มขี ้อมลู ข่าวสารมากเกินไป ทำให้ต้องพจิ ารณาให้ได้วา่ ขอ้ มูลไหน
น่าเชื่อถือ ไม่น่าเช่ือถือ อย่างไรก็ตาม Critical Thinking เป็นส่ิงที่ไม่ได้ติดตัวมาแต่กำเนิด แต่เป็น
ทกั ษะท่ีทุกคนสามารถฝึกฝนให้มขี ้นึ ได้ มี ๖ (จตุรงณ์ ผดงุ สญั ญา : 2556) ขน้ั ตอนดังต่อไปนี้

ข้ันท่ี ๑. ความรู้ (Knowledge) เน้นการจำและการอ้างอิงข้อมูล คำกริยา
เชิงพฤติกรรมทใี่ ช้



ขั้นที่ ๒. ความเข้าใจ (Comprehension) เน้นการเชื่อมโยงและจัดการข้อมูลท่ีได้
เรยี นมา คำกริยาทใี่ ช้

ขั้นที่ ๓. การประยุกต์ใช้ (Application) เน้นการใช้ข้อมูล โดยการนำเอากฎหรือ
หลักการมาประยุกตใ์ ช้ คำกริยาทเ่ี กย่ี วขอ้ ง

ขั้นท่ี ๔. วิเคราะห์ (Analysis) เป็นการคิดเชิงวิเคราะห์ส่วนประกอบและหน้าท่ีของ
สิง่ ตา่ งๆ คำกรยิ าทใ่ี ช้

ขั้นที่ ๕. สังเคราะห์ (Synthesis) เน้นการคิดในการนำเอาส่วนประกอบปลีกย่อย
หรอื รายละเอยี ดมารวมกนั สร้างสิง่ ใหม่ คำกรยิ าที่เกี่ยวข้อง

ข้ันที่ ๖. การประเมิน (Evaluation) เน้นการประเมินและการตัดสินโดยใช้ข้อมูล
เป็นฐาน คำกรยิ าทีใ่ ช้

ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน รายวิชาศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม ของนกั เรียนช้ันมัธยมศึกษา
ปีท่ี ๒ โรงเรียนพระธาตุขามแก่นพิทยาลัย โดยใช้รูปแบบการจัดการเรยี นการสอนแบบ การคิด
เชิงวิพากษ์ (Critical Thinking) หมายถึง ผลท่ีเกิดจากกระบวนการเรียนการสอนที่จะทำให้
นักเรียนเกิดการเปล่ียนแปลงพฤติกรรม และสามารถวัดได้โดยการแสดงออกมาทั้ง ๓ ด้าน
คือ ด้านพุทธิพิสัย ด้านจิตพิสัย และด้านทักษะพิสัย โดยผู้วิจัยได้สร้างแบบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
รายวิชาศาสนา ศลี ธรรม จริยธรรม

การพัฒนา หมายถึง กระบวนการของการเปลี่ยนแปลงที่มีการวางแผนไว้แล้วอย่างเป็น
ระบบ คือการทำให้ลักษณะเดิมเปล่ียนไปโดยมุ่งหมายว่า ลักษณะใหม่ที่เข้ามาแทนท่ีนั้นจะดีกว่า
ลกั ษณะบทเรียนเก่า

ผลการหาประสิทธิภาพของบทเรียนสำเร็จรูป รายวิชาศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม กลุ่ม
สาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒
โรงเรียนพระธาตุขามแก่นพิทยาลัย ตามเกณฑ์มาตรฐาน ๘๐/๘๐ หมายถึง คุณภาพของบทเรียน
สำเร็จรปู กลมุ่ สาระการเรยี นรู้สังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม สำหรบั นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี
๒ ที่ผูว้ จิ ัยสรา้ งขึ้น ดงั นี้

๑. ๘๐ ตัวแรก (E๑) คือ ค่าเฉล่ียของคะแนนที่นักเรียนได้จากการใช้แบบทดสอบ
ระหว่างเรียน บทเรียนสำเร็จรูป กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม สำหรับ
นกั เรยี นชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ ๒ หลงั การใชบ้ ทเรียนสำเรจ็ รูปในแตล่ ะบท

๒. ๘๐ ตวั หลัง (E๒) คอื ค่าเฉล่ียของคะแนนที่นกั เรียนไดจ้ ากแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ิ
หลังการใช้บทเรยี นสำเร็จรปู กลุม่ สาระการเรยี นรู้สงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม สำหรับนักเรยี น
ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๒

บทเรยี นสำเร็จรปู หมายถงึ บทเรยี นท่ีผวู้ ิจัยสร้างขึน้ ตามเนื้อหาของรายวิชาศาสนา ศีลธรรม
และจริยธรรม โดยใช้สาระการเรียนรู้ที่ 2 ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม หน่วยการเรียนรู้ที่ 2
ประกอบด้วยเร่ือง

- เร่อื ง อธิบายการเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาหรือศาสนาท่ตี นนับถือสู่ประเทศไทย
- เร่ือง วิเคราะห์ความสำคัญของพระพุทธศาสนาหรือศาสนาที่ตนนับถือท่ีมีผลต่อ
สภาพแวดลอ้ มในสังคมไทยรวมทัง้ การพฒั นาตนและครอบครวั



- เรื่อง วิเคราะห์พุทธประวัติต้ังแต่ประสูติจนถึงบำเพ็ญทุกรกิริยา หรือประวัติศาสดาท่ี
ตนนับถือ

ความพึงพอใจ หมายถึง ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๒ ภาคเรียนท่ี ๒
ปีการศึกษา ๒๕๖๔ โรงเรียนพระธาตุขามแก่นพิทยาลัย ที่ได้รับการจัดการเรียนการสอนโดยใช้
บทเรียนสำเร็จรูป กลุ่มสาระการเรียนร้สู ังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม โดยมีทั้งหมด 10 ข้อ 5
ระดับ

๑.๕ ประโยชน์ทไี่ ดร้ บั จากการวิจยั

๑. ได้คา่ ประสทิ ธิภาพของบทเรยี นสำเรจ็ รปู รายวิชาศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม ของนกั เรียน
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ โรงเรยี นพระธาตุขามแกน่ พิทยาลัย โดยใช้รูปแบบการจดั การเรยี นการสอนแบบ
การคิดเชิงวพิ ากษ์ (Critical Thinking)

๒. ครูสามารถนำบทเรยี นสำเรจ็ รูป โดยใช้รปู แบบการจดั การเรียนการสอนแบบ การคิดเชิง
วพิ ากษ์ (Critical Thinking) ไปปรบั ใช้กับการจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอนรายวชิ าอน่ื ได้

๓. สถานศึกษาได้แนวทางในการศึกษาวิจัยนวัตกรรมการสอนที่พัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการ
เรยี น โดยใช้รปู แบบการจัดการเรียนการ

บทท่ี ๒

แนวคดิ ทฤษฎี และงานวิจัยทเี่ ก่ยี วขอ้ ง

การวิจัยการพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูป รายวิชาศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม กลุ่มสาระ
การเรยี นรู้สังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม สำหรับนักเรยี นช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๒ โรงเรียนพระธาตุ
ขามแก่นพิทยาลัย โดยใช้ ทกั ษะการคิดเชิงวพิ ากษ์ (Critical Thinking) ผู้วจิ ัยไดศ้ ึกษาแนวคิด ทฤษฎี
และงานวจิ ยั ที่ เกี่ยวขอ้ งเสนอตามลำดับหวั ข้อ ดงั ต่อไปนี้

๒.๑ หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน
๒.๒ แนวคิดการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ โดยใช้ ทกั ษะการคดิ เชิงวพิ ากษ์

(Critical Thinking)
๒.๓ การสรา้ งบทเรียนสำเรจ็ รูป
๒.๔ การพัฒนาผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียน
๒.๕ การสร้างแบบวัดความพงึ พอใจ
๒.๖ งานวจิ ัยทีเ่ ก่ยี วขอ้ ง
๒.๗ กรอบแนวคดิ งานวจิ ยั

๒.๑ หลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.
๒๕๖๐)4

กระทรวงศึกษาธิการ ได้ดำเนินการจัดทำหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐานเพ่ือเป็น
แนวทางสำหรบั การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ในสถานศกึ ษาตา่ งๆ ซ่ึงมรี ายละเอียดดังนี้

๒.๑.๑ วสิ ยั ทศั น์
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานมุ่งพัฒนาผู้เรียนทุกคนซ่ึงเป็นกำลังของชาติให้เป็น
มนุษย์ท่ีมีความสมดุลท้ังด้านร่างกาย ความรู้ คุณธรรม มีจิตสำนึกในความเป็นพลเมืองไทยและเป็น
พลโลกยดึ มนั่ ในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเปน็ ประมขุ มคี วามรู้
และทักษะพื้นฐาน รวมท้ัง เจตคติ ท่ีจำเป็นต่อการศึกษาต่อการประกอบอาชีพและการศึกษาตลอด
ชีวติ โดยมุ่งเนน้ ผู้เรยี นเปน็ สำคัญบนพ้นื ฐานความเชือ่ ว่าทกุ คนสามารถเรยี นรู้และพัฒนาตนเองได้เต็ม
ตามศกั ยภาพ
๒.๑.๒ หลกั การ
หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน มหี ลักการท่ีสำคัญ ดังน้ี

4 กระทรวงศึกษาธิการ, พระราชบัญญัติการศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒560 และแก้ไขเพ่ิมเติม ฉบับท่ี ๒
พ.ศ. ๒๕60, (กรงุ เทพฯ : กระทรวงศกึ ษาธกิ าร), ๒๕6๒.



๑) เป็นหลักสูตรการศึกษาเพ่ือความเป็นเอกภาพของชาติ มีจุดหมายและมาตรฐาน
การเรียนรู้เป็นเป้าหมายสำหรับพัฒนาเด็กและเยาวชนให้มีความรู้ ทักษะ เจตคติ และคุณธรรมบน
พืน้ ฐาน ของความเป็นไทยควบคูก่ บั ความเป็นสากล

๒) เป็นหลักสูตรการศึกษาเพื่อปวงชน ท่ีประชาชนทุกคนมีโอกาสได้รับการศึกษาอย่าง
เสมอภาค และมีคณุ ภาพ

๓) เป็นหลักสูตรการศึกษาท่ีสนองการกระจายอำนาจ ให้สังคมมีส่วนร่วมในการจัด
การศกึ ษาให้สอดคล้องกบั สภาพและความต้องการของท้องถ่นิ

๔) เป็นหลักสูตรการศึกษาท่ีมีโครงสร้างยืดหยุ่นท้ังด้านสาระการเรียนรู้ เวลาและการ
จัดการเรียนรู้

๕) เปน็ หลกั สตู รการศึกษาทเี่ นน้ ผู้เรยี นเปน็ สำคัญ
๖) เป็นหลักสูตรการศึกษาสำหรับการศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย
ครอบคลุมทุกกล่มุ เป้าหมาย สามารถเทียบโอนผลการเรียนรู้ และประสบการณ์
๒.๑.๓ จุดหมาย
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้เป็นคนดี มีปัญญา มีความสุข
มีศักยภาพในการศึกษาต่อและประกอบอาชีพ จึงกำหนดเป็นจุดหมายเพ่ือให้เกิดกับผู้เรียน เมื่อจบ
การศกึ ษาข้นั พืน้ ฐาน ดงั นี้
๑) มีคุณธรรม จริยธรรมและค่านิยมที่พึงประสงค์ เห็นคุณคา่ ของตนเอง มวี นิ ยั และปฏิบตั ิ
ตนตามหลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรอื ศาสนาทตี่ นนบั ถือ ยดึ หลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
๒) มีความรู้ ความสามารถในการสื่อสาร การคิด การแก้ปัญหา การใช้เทคโนโลยีและมี
ทกั ษะชีวติ
๓) มสี ขุ ภาพกายและสขุ ภาพจิตทีด่ ี มีสุขนิสัย และรกั การออกกำลังกาย
๔) มีความรักชาติ มีจิตสำนึกในความเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ยึดม่ันในวิถีชีวิต
และการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษตั รยิ ท์ รงเป็นประมขุ
๕) มีจิตสำนึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย การอนุรักษ์และพัฒนา
สิ่งแวดลอ้ ม มีจติ สาธารณะทม่ี ุ่งทำประโยชน์และสร้างสง่ิ ท่ีดงี ามในสงั คม และอยูร่ ่วมกันในสังคมอย่าง
มีความสุข
๒.๑.๔ สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น
ในการพัฒนาผู้เรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน มุ่งเน้นพัฒนาผู้เรียนให้มี
คุณภาพตามมาตรฐานที่กำหนด ซ่ึงจะช่วยให้ผู้เรียนเกิดสมรรถนะสำคัญและคุณลักษณะอันพึง
ประสงคด์ งั นี้
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน มุง่ ให้ผู้เรยี นเกิดสมรรถนะสำคญั ๕ ประการ ดงั น้ี
๑) ความสามารถในการสื่อสาร เป็นความสามารถในการรับและส่งสาร มีวัฒนธรรมใน
การใช้ภาษาถ่ายทอดความคิด ความรู้ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะของตนเองเพื่อแลกเปลี่ยน
ข้อมลู ข่าวสารและประสบการณ์อนั จะเปน็ ประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและสังคมรวมท้งั การเจรจา
ต่อรองเพ่ือขจดั และลดปญั หาความขัดแย้งตา่ งๆ การเลือกรับหรอื ไมร่ บั ขอ้ มูลข่าวสารดว้ ยหลักเหตุผล



และความถูกต้อง ตลอดจนการเลอื กใชว้ ิธีการส่ือสาร ท่มี ปี ระสิทธภิ าพโดยคำนงึ ถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น
ตอ่ ตนเองและสังคม

๒) ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะ ห์
การคิด อย่างสร้างสรรค์ การคดิ อย่างมีวิจารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพื่อนำไปส่กู ารสร้างองค์
ความรูห้ รอื สารสนเทศเพ่อื การตัดสินใจเกย่ี วกบั ตนเองและสังคมได้อยา่ งเหมาะสม

๓) ความสามารถในการแก้ปัญหา เป็นความสามารถในการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่างๆ
ที่เผชิญได้อย่างถูกต้องเหมาะสมบนพ้ืนฐานของหลักเหตุผล คุณธรรมและข้อมูลสารสนเทศเข้าใจ
ความสมั พนั ธ์และการเปลยี่ นแปลงของเหตุการณ์ตา่ งๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรู้มาใช้
ในการป้องกันและแก้ไขปัญหา และมีการตัดสินใจท่ีมีประสิทธิภาพโดยคำนึงถึงผลกระทบท่ีเกิดขึ้น
ตอ่ ตนเอง สังคมและสิ่งแวดล้อม

๔) ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวติ เป็นความสามารถในการนำกระบวนการตา่ งๆไปใช้
ในการดำเนินชีวิตประจำวัน การเรียนรู้ด้วยตนเอง การเรียนรู้อย่างต่อเน่ือง การทำงาน และการอยู่
ร่วมกันในสังคม ด้วยการสร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคลการจัดการปัญหาและความ
ขัดแย้งต่างๆ อย่างเหมาะสม การปรับตัวให้ทันกับการเปล่ียนแปลงของสังคมและสภาพแวดล้อม
และการรจู้ กั หลีกเลยี่ งพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ท่สี ง่ ผลกระทบต่อตนเองและผ้อู ่ืน

๕) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เป็นความสามารถในการเลือก และใช้เทคโนโลยี
ด้านต่างๆ และมีทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพื่อการพัฒนาตนเองและสังคม ในดา้ นการเรยี นรู้
การสือ่ สาร การทำงาน การแก้ปญั หาอยา่ งสร้างสรรค์ ถกู ต้อง เหมาะสม และมีคุณธรรม

๒.๑.๕ คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์
เพอ่ื ใหส้ ามารถอยู่รว่ มกับผอู้ ื่นในสังคมไดอ้ ยา่ งมีความสขุ ในฐานะเป็นพลเมอื งไทยและพลโลก ดงั นี้

๑) รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์
๒) ซอื่ สัตยส์ ุจริต
๓) มีวนิ ยั
๔) ใฝ่เรยี นรู้
๕) อย่อู ยา่ งพอเพยี ง
๖) มุง่ มั่นในการทำงาน
๗) รักความเป็นไทย
๘) มจี ิตสาธารณะ
นอกจากนี้ สถานศึกษาสามารถกำหนดคุณลักษณะอันพึงประสงค์เพ่ิมเติมให้สอดคล้อง
ตามบริบท และจุดเน้นของตนเอง
๒.๑.๖ มาตรฐานการเรยี นรู้
การพัฒนาผู้เรียนให้เกิดความสมดุล ต้องคำนึงถึงหลักพัฒนาการทางสมองและ พหุปัญญา
หลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน จงึ กำหนดใหผ้ ้เู รยี นเรียนรู้ ๘ กลุม่ สาระการเรยี นรู้ ดังนี้
๑) ภาษาไทย
๒) คณิตศาสตร์



๓) วิทยาศาสตร์
๔) สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
๕) สุขศึกษาและพลศึกษา
๖) ศลิ ปะ
๗) การงานอาชีพและเทคโนโลยี
๘) ภาษาตา่ งประเทศ
ในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ได้กำหนดมาตรฐานการเรียนรู้เป็นเป้าหมายสำคัญของการ
พัฒนาคุณภาพผู้เรียน มาตรฐานการเรียนรู้ระบุส่ิงท่ีผู้เรียนพึงรู้ปฏิบัติได้มีคุณธรรมจริยธรรม
และค่านิยม ที่พึงประสงค์เมื่อจบการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน นอกจากน้ันมาตรฐานการเรียนรู้ยังเป็นกลไก
สำคัญ ในการขับเคลื่อนพัฒนาการศึกษาท้ังระบบ เพราะมาตรฐานการเรียนรู้จะสะท้อนให้ทราบ
ว่าต้องการอะไร จะสอนอย่างไร และประเมินอย่างไร รวมท้ังเป็นเครื่องมือในการตรวจสอบเพื่อการ
ประกันคุณภาพการศกึ ษา โดยใช้ระบบการประเมินคุณภาพภายในและการประเมินคุณภาพภายนอก
ซึ่งรวมถึงการทดสอบระดับเขตพ้ืนท่ีการศึกษา และการทดสอบระดับชาติ ระบบการตรวจสอบ
เพื่อประกันคุณภาพดงั กลา่ วเป็นสง่ิ สำคัญทช่ี ่วยสะท้อนภาพการจัดการศึกษาว่าสามารถพัฒนาผู้เรยี น
ใหม้ ีคณุ ภาพตามท่ีมาตรฐานการเรยี นรกู้ ำหนดเพียงใด
๒.๑.๗ ตวั ช้วี ดั
ตัวชี้วัดระบุสิ่งที่นักเรียนพึงรู้และปฏิบัติได้ รวมทั้งคุณลักษณะของผู้เรียนในแต่ละระดับชั้น
ซ่ึงสะท้อนถึงมาตรฐานการเรียนรู้ มีความเฉพาะเจาะจงและมีความเป็นรูปธรรม นำไปใช้ในการ
กำหนดเน้ือหา จัดทำหน่วยการเรียนรู้ จัดการเรียนการสอน และเป็นเกณฑ์สำคัญสำหรับการวัด
ประเมินผลเพ่อื ตรวจสอบคณุ ภาพผูเ้ รียน
๑) ตัวชี้วัดชั้นปี เป็นเป้าหมายในการพัฒนาผู้เรียนแต่ละช้ันปีในระดับการศึกษาภาค
บังคบั (ประถมศึกษาปีที่ ๑ ถงึ มัธยมศึกษาปที ่ี ๓)
๒) ตัวชี้วัดช่วงช้ัน เป็นเป้าหมายในการพัฒนาผู้เรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
(มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๔ ถึง ๖)
๒.๑.๘ สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา
และวฒั นธรรม
กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมว่าด้วยการอยู่ร่วมกันในสังคม
ท่ีมีความเช่ือมสัมพันธ์กัน และมีความแตกต่างกันอย่างหลากหลาย เพื่อช่วยให้สามารถปรับตนเอง
กับบริบทสภาพแวดล้อม เป็นพลเมืองดี มีความรับผิดชอบ มีความรู้ ทักษะ คุณธรรม และค่านิยม
ทเ่ี หมาะสม โดยได้กำหนดสาระต่างๆ ไว้ ดงั น้ี
ศาสนา ศลี ธรรมและจริยธรรม แนวคิดพน้ื ฐานเกีย่ วกบั ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรมหลกั ธรรม
ของพระพุทธศาสนาหรือศาสนาท่ีตนนับถือ การนำหลักธรรมคำสอนไปปฏิบัติในการพัฒนาตนเอง
และการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข เป็นผู้กระทำความดี มีค่านิยมที่ดีงาม พัฒนาตนเองอยู่เสมอรวม
ทั้งบำเพ็ญประโยชน์ตอ่ สังคมและส่วนรวม
หน้าที่พลเมือง วัฒนธรรม และการดำเนินชีวิต ระบบการเมืองการปกครองในสังคม
ปัจจุบันการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ลักษณะและ

๑๐

ความสำคัญ การเป็นพลเมอื งดี ความแตกต่างและความหลากหลายทางวัฒนธรรม ค่านิยม ความเชื่อ
ปลูกฝังค่านิยมด้านประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สิทธิ หน้าที่ เสรีภาพการ
ดำเนนิ ชีวิตอย่างสนั ติสขุ ในสงั คมไทยและสังคมโลก

เศรษฐศาสตร์ การผลิต การแจกจ่าย และการบริโภคสินค้าและบริการ การบริหารจัดการ
ทรัพยากรท่ีมีอยู่อย่างจำกัดอย่างมีประสิทธิภาพ การดำรงชีวิตอย่างมีดุลยภาพ และการนำหลัก
เศรษฐกิจพอเพยี งไปใช้ในชวี ติ ประจำวัน

ประวัติศาสตร์ เวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ วิธีการทางประวัติศาสตร์พัฒนาการ
ของมนษุ ยชาติจากอดีตถึงปัจจบุ นั ความสัมพันธ์และเปลีย่ นแปลงของเหตกุ ารณต์ ่างๆผลกระทบท่ีเกิด
จากเหตุการณ์สำคัญในอดีต บุคคลสำคัญท่ีมีอิทธิพลต่อการเปล่ียนแปลงต่างๆ ในอดีตความเป็นมา
ของชาตไิ ทย วัฒนธรรมและภูมิปญั ญาไทย แหลง่ อารยธรรมท่สี ำคัญของโลก

ภูมิศาสตร์ ลักษณะของโลกทางกายภาพ ลักษณะทางกายภาพ แหล่งทรัพยากร
และภูมิอากาศของประเทศไทย และภูมิภาคต่างๆ ของโลก การใชแ้ ผนที่และเครอื่ งมือทางภูมิศาสตร์
ความสัมพันธ์กันของส่ิงต่างๆ ในระบบธรรมชาติ ความสัมพันธ์ของมนุษย์กับสภาพแวดล้อม
ทางธรรมชาติ และส่ิงที่มนุษย์สร้างขึ้น การนำเสนอข้อมูลภูมิสารสนเทศ การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
เพ่ือการพฒั นาที่ย่ังยนื

สาระและมาตรฐานการเรียนรู้
สาระที่ ๑ ศาสนา ศลี ธรรม จริยธรรม
มาตรฐาน ส ๑.๑ รู้ และเข้าใจประวัติ ความสำคัญ ศาสดา หลักธรรม

ของพระพุทธศาสนาหรือศาสนาท่ีตนนับถือและศาสนาอนื่ มีศรัทธาท่ีถูกต้อง ยึดมั่น และปฏิบัติตาม
หลกั ธรรม เพือ่ อยู่รว่ มกนั อยา่ งสนั ตสิ ุข

มาตรฐาน ส ๑.๒ เข้าใจ ตระหนักและปฏิบัติตนเป็นศาสนิกชนท่ีดี และธำรงรักษา
พระพุทธศาสนาหรือศาสนาทต่ี นนบั ถอื

สาระที่ ๒ หนา้ ทพ่ี ลเมอื ง วฒั นธรรม และการดำเนนิ ชีวิตในสังคม
มาตรฐาน ส ๒.๑ เข้าใจและปฏิบัติตนตามหน้าท่ีของการเป็นพลเมืองดี มีค่านิยม

ท่ีดีงาม และธำรงรักษาประเพณีและวฒั นธรรมไทย ดำรงชีวิตอยรู่ ่วมกันในสังคมไทย และ สังคมโลก
อย่างสันติสุข

มาตรฐาน ส ๒.๒ เข้าใจระบบการเมืองการปกครองในสังคมปัจจบุ ัน ยึดมน่ั ศรัทธา
และธำรงรักษาไว้ซ่ึงการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอนั มีพระมหากษตั รยิ ท์ รงเป็นประมขุ

สาระที่ ๓ เศรษฐศาสตร์
มาตรฐาน ส.๓.๑ เข้าใจและสามารถบริหารจัดการทรัพยากรในการผลิตและการ

บริโภคการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่จำกัดได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า รวมท้ังเข้าใจห ลักการ
ของเศรษฐกจิ พอเพียง เพอ่ื การดำรงชวี ิตอย่างมีดลุ ยภาพ

มาตรฐาน ส.๓.๒ เข้าใจระบบ และสถาบันทางเศรษฐกิจต่างๆ ความสัมพันธ์ทาง
เศรษฐกิจ และความจำเปน็ ของการรว่ มมือกันทางเศรษฐกจิ ในสังคมโลก

๑๑

สาระท่ี ๔ ประวัติศาสตร์
มาตรฐาน ส ๔.๑ เข้าใจความหมาย ความสำคัญ ของเวลาและยุคสมัย

ทางประวัติศาสตร์สามารถใช้วธิ ีการทางประวตั ศิ าสตร์มาวเิ คราะหเ์ หตุการณต์ ่างๆ อย่างเป็นระบบ
มาตรฐาน ส ๔.๒ เข้าใจพัฒนาการของมนุษยชาติจากอดีตจนถึงปัจจุบัน ในด้าน

ความสัมพันธ์และการเปล่ียนแปลงของเหตุการณ์อย่างต่อเน่ือง ตระหนักถึงความสำคญั และสามารถ
วเิ คราะห์ผลกระทบทีเ่ กดิ ข้ึน

มาตรฐาน ส ๔.๓ เข้าใจความเป็นมาของชาติไทย วัฒนธรรม ภูมิปัญญาไทย
มคี วามรกั ความภมู ิใจและธำรงความเป็นไทย

สาระที่ ๕ ภูมิศาสตร์ (ฉบบั ปรับปรงุ พุทธศักราช ๒๕๖o)
มาตรฐาน ส ๕.๑ เข้าใจลักษณะทางกายภาพของโลกและความสัมพันธ์ของสรรพ

ส่ิงซึ่งมีผลต่อกันใช้แผนท่ี และเครื่องมือทางภูมิศาสตร์ในการค้นหา วิเคราะห์ และสรุปข้อมูล
ตามกระบวนการทางภมู ศิ าสตร์ ตลอดจนใชภ้ ูมสิ ารสนเทศอย่างมปี ระสิทธิภาพ

มาตรฐาน ส ๕.๒ เข้าใจปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับส่ิงแวดล้อมทางกายภาพ
ท่ีก่อให้เกิดการสร้างสรรค์วิถีการดำเนินชีวิต มีจิตสำนึกและมีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากร
และสิ่งแวดลอ้ มเพ่ือการพัฒนาทย่ี ่ังยืน

ผู้วิจัยได้เลือก สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา
และวัฒนธรรม โดยเลือกจาก หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ เรื่อง ความสำคัญของศาสนา และบทบาท
ตอ่ ประเทศไทย ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ ๒

๒.๒ แนวคิดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยใช้ ทักษะการคิดเชิงวิพากษ์ (Critical
Thinking)

ความหมายของการวพิ ากษ์
การวิพากษ์ หมายถึง การพิจารณาตดั สินเรื่องใดเรอ่ื งหนึ่งโดยโต้งแย้งและท้าทายสมมตุ ิฐาน
ท่ีนำมากลา่ วอ้างว่าอาจมขี ้อผิดพลาดและไมเ่ ปน็ จริง
การวิพ ากษ์ การวิจารณ์ และวิจารณ ญ าณ สามคำนี้มีความหมายแตกต่างกั น
คำวา่ “วจิ ารณ” หมายถงึ การใหค้ ำตัดสินสิ่งทกี่ ำลังพจิ ารณา และคำวา่ วจิ ารณญาณ หมายถึง ปัญญา
ท่ีใคร่รแู้ ละการใช้เหตผุ ลทีถ่ ูกต้อง วจิ ารณญาณเกดิ จากการใคร่ครวญในเรื่องใดเร่ืองหน่งึ กระบวนการ
คิดเชิงวิพากษ์เป็นการทำงานของสมองซีกซ้ายเชิงเหตุผล การคิดเชิงวิพากษ์จะเกิดข้ึนโดยอัตโนมัติ
เม่ือเราเผชิญกับสถานการณ์ เช่น เมื่อจินตนาการที่วาดไว้ไม่สมหวัง เม่ือข้อมูลเข้ามาปะทะและต้อง
ตัดสินใจทางเลือก

๑๒

ความหมายของการคิดเชิงวพิ ากษ์5
การคิดเชิงวิพากษ์ หมายถงึ ความตงั้ ใจทจ่ี ะตัดสินเรื่องใดเรอ่ื งหน่งึ โดยการไม่เห็นคลอ้ ยตาม
ข้ออ้างท่ีนำเสนอ แต่ต้ังคำถามท้าทาย หรือโต้แย้งข้ออ้างนั้น เพ่ือเป็นแนวทางความคิดออกสู่ทาง
ต่างๆ ทแ่ี ตกตา่ ง อนั จะนำไปสูก่ ารแสวงหาคำตอบทสี่ มเหตุสมผลมากกว่าขอ้ อ้างเดิม
แนวคิด ทฤษฎี บลูม6 ได้แบ่งพฤติกรรมการเรียนรู้ ออกเป็น ๖ ประเภท จากระดับแรก
ท่ีเรียกว่า ความรู้ จนถึงระดับของการประเมิน แต่ละประเภท เก่ียวกับการวิเคราะห์และประเมิน
ข้อมูลที่ซับซ้อน ท่ีใช้ความสามารถทางสติปัญญาในระดับสูง และเพ่ือให้สอดคล้องกับพฤติกรรม
การเรียนรูด้ ังกลา่ ว บลมู ไดแ้ บง่ วตั ถุประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรมเป็น ๖ ประเภท ดงั ต่อไปน้ี
วตั ถุประสงค์เชิงพฤตกิ รรมของบลูม

๑. ความรู้ (Knowledge) เน้นการจำและการอ้างอิงข้อมูล คำกริยาเชิงพฤติกรรมที่ใช้
เชน่ ระบุ บอกรายการ บอกช่ือ ต้งั ช่ือ ใหค้ ำจำกัดความ บอกแหล่งท่ีตั้ง จบั คู่ จำได้ และทำใหม่

๒. ความเข้าใจ (Comprehension) เน้นการเช่ือมโยงและจัดการข้อมูลที่ได้เรียนมา
คำกริยาทีใ่ ช้ เช่น อธิบาย เชอื่ มโยง กำหนดหลักเกณฑ์ สรุป พดู ใหม่ เรียงขอ้ ความใหม่ สาธิต

๓. การประยุกต์ใช้ (Application) เน้นการใช้ข้อมูล โดยการนำเอากฎหรือหลักการมา
ประยุกต์ใช้ คำกริยาที่เก่ียวข้องเช่น แก้ปัญหา เลือก ตีความ ทำ สร้าง เอามาไว้ด้วยกัน เปลี่ยน
ใช้ ผลิต แปล

๔. วิเคราะห์ (Analysis) เป็นการคิดเชิงวิเคราะห์ส่วนประกอบและหน้าที่ของส่ิงต่างๆ
คำกริยาท่ีใช้ เช่น วิเคราะห์ เปรียบเทียบ จัดประเภท แยกส่วนประกอบ หาข้อแตกต่าง สำรวจ
แบง่ เปน็ สว่ ยยอ่ ย แยกแยะ หาขอ้ ขัดแย้ง

๕. สังเคราะห์ (Synthesis) เน้นก ารคิดใน การน ำเอาส่วนประกอบปลีก ย่อ ย
หรือรายละเอียดมารวมกันสร้างส่ิงใหม่ คำกริยาที่เก่ียวข้อง เช่น ประดิษฐ์ สร้าง(Create) รวมกัน
ต้งั สมมุตฐิ าน วางแผน ริเร่มิ เพิ่มเตมิ จิตนาการ ทำนาย

๖. การประเมิน (Evaluation) เน้นการประเมินและการตัดสินโดยใช้ข้อมูลเป็นฐาน
คำกริยาที่ใช้ เช่นประเมิน (Assess) แนะนำว่าดี (Recommend) วิพากษ์วิจารณ์ หาข้อดีและข้อเสีย
ให้น้ำหนกั และตดั สินคณุ ค่า

ทฤษฎีแนวคิด อ้างใน พ.ญ. นภัทร สิทธาโนมัย7 ได้ให้ความหมายว่า การคิดเชิงวิพากษ์
(Critical thinking) หรือทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ เป็นทักษะในการคัดสรรข้อมูลที่เช่ือถือได้
และตรงประเด็นมาสนับสนุนหรือปกป้องความคิดของตนเอง แยกแยะความเห็นส่วนตัว อคติ
และตรรกะท่ผี ิดเพ้ยี นจากความจริงได้สามารถโตแ้ ย้งดว้ ยเหตผุ ลทม่ี ีนำ้ หนักเห็นความสัมพันธเ์ ชื่อมโยง

5 จตุรงณ์ ผดุงสัญญา, Critical Thinking คืออะไร, สืบค้นเมื่อ ๒๒ มกราคม ๒๕๖๕, แหล่งท่ีมา :
www.palagrit.com.

6 จตุรงณ์ ผดุงสัญญา, Critical Thinking คืออะไร, สืบค้นเม่ือ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๔, แหล่งท่ีมา :
www.palagrit.com.

7 พ.ญ. นภัทร สิทธาโนมัย, ความคิดเชิงวิพากษ์(Critical thinking), วารี วณิชปัญจพล.ความคิดเชิง
วิจารณญาณสำหรับพยาบาล (Critical Thinking For Nurses), วารสารกองการพยาบาลปีที่ ๓๗ ฉบับที่ ๓
กันยายน-ธนั วาคม ๒๕๕๓.

๑๓

ของเหตุปัจจัย มองประเด็นได้หลายแง่มุม จนสามารถอนุมานข้อสรุปท่ีถูกต้องเช่ือถือได้ในที่สุด
ทกั ษะการคดิ อย่างมวี จิ ารณญาณเป็นทักษะหนงึ่ ในกรอบการเรยี นรเู้ พ่อื ศตวรรษท่ี ๒๑

การคิดอย่างมีวิจารณญาณต้องอาศัยคุณลักษณะของ การมีสติ มีจิตสำนึก มีความอยากรู้
อยากเหน็ มีการครุ่นคิดไตรต่ รองรอบคอบ มกี ารต้ังคำถาม มีการค้นหาคำตอบ

ในด้านการปฏบิ ัตกิ ารทเี่ ดก็ จะคดิ อย่างมีวิจารณญาณได้ตอ้ งประกอบดว้ ย
๑. รู้ว่าปัญหาท่ีกำลังเผชิญคืออะไร กำหนดปัญหาได้ถูกต้องตรงประเด็น มีความสนใจ

ตงั้ คำถามเพื่อเจาะลกึ สถานการณ์ปัญหาที่เผชิญอยู่ทกุ แง่ทกุ มุม เพื่อให้เกิดข้อตกลงเบ้ืองต้นที่มีความ
หลากหลาย

๒. มีความสนใจและมีความไวต่อส่ิงที่มีผลต่อสถานการณ์ท่ีเผชิญอยู่สามารถวิเคราะห์
ได้ว่าเนื้อหาน้ันมคี วามสำคัญและมีอิทธิพลต่อสถานการณ์ทีก่ ำลงั วิเคราะห์อยู่อย่างไร มองเหตุการณ์
ได้รอบดา้ นไม่ด่วนตัดสนิ ใจโดยพจิ ารณาจากขอ้ มลู เพียงด้านเดียว

๓. ต้องมคี วามสามารถในการสร้างจินตนาการ และเสาะแสวงหาทางเลอื กท่ีหลากหลาย
เพื่อให้เหมาะสมกบั สถานการณ์มคี วามคิดสรา้ งสรรค์รจู้ ักคิดนอกกรอบ

๔. สามารถสะท้อนคิดและพิจารณากฎเกณฑ์หรือการปฏิบัติตรวจสอบความถูกต้อง
ของกฎเกณฑ์หรือการปฏิบัติ ได้อย่างรอบคอบ ไม่ด่วนเช่ือหรือทำตามสิ่งท่ีทำตามๆ กันมาโดยขาด
การวเิ คราะห์เหตุผล หรือผลดีผลเสียของการกระทำ

ทฤษฎแี นวคดิ อา้ งใน จตรุ งณ์ ผดงุ สญั ญา8 ได้ใหค้ วามหมายว่า
Critical Thinking มี ๕ ขน้ั ตอนดงั ตอ่ ไปนี้
ขั้นที่ ๑ ระบุประเด็นเพื่อกำหนดประเดน็ ของปญั หา
ขั้นท่ี ๒ รวบรวมข้อมูลและทำความเขา้ ใจ
ข้ันที่ ๓ วิเคราะห์ จัดระบบข้อมูล แยกแยะ ความแตกต่างของความคิดเห็น

การแปลและอธิบายปญั หา
ขั้นที่ ๔ ประเมนิ ความสมเหตสุ มผลของข้อมูล
ขน้ั ที่ ๕ สรปุ ข้อมลู และพจิ ารณาทางเลือกทส่ี มเหตสุ มผล

การคิดเชิงวิพากษ์ Critical Thinking คือ ทักษะแห่งอนาคตที่มีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ
และเป็นท่ีต้องการของตลาดแรงงาน เนื่องจากเรากำลังอยู่ในยุคท่ีมีข้อมูลข่าวสารมากเกินไป ทำให้
ต้องพิจารณาให้ได้ว่าข้อมูลไหนน่าเชื่อถือ ไม่น่าเชื่อถือ เพราะถ้าเราตัดสินใจทำตามข้อมูลแล้ว
ผิดพลาดข้ึนมา ย่อมส่งผลเสียกับองค์กรและตนเองอย่างหลีกเล่ียงไม่ได้ อย่างไรก็ตาม Critical
Thinking เปน็ สิ่งที่ไมไ่ ดต้ ดิ ตวั มาแตก่ ำเนดิ แต่เปน็ ทกั ษะทท่ี กุ คนสามารถฝกึ ฝนให้มีขึน้ ได้

ซ่ึงโดยปกติธรรมชาติแล้ว มนุษย์มักจะตัดสินใจตามใจตัวเองเสมอครับ โดยมักยึดติด
กับประสบการณ์เดิม หรือท่ีเคยเชื่อกันมา แต่เมื่อฝึกทักษะน้ีได้มากๆ ก็จะทำให้เป็นคนท่ีมีเหตุผล
ไมเ่ ชอ่ื อะไรงา่ ยๆ ซ่งึ ในโลกยคุ ใหม่จำเป็นทีจ่ ะต้องมีทักษะการคดิ แบบ Critical Thinking

ทฤษฎีแนวคิด อ้างใน Pattana Ajjaneeyakul9 ได้ให้ความหมายว่า Critical thinking
หรือ การคิดเชิงวิพากษ์ คือการคิด วิเคราะห์ พิจารณา ประเมิน และตัดสินใจในข้อมูลที่ได้รับอย่าง

8 จตุรงณ์ ผดุงสัญญา, Critical Thinking คืออะไร, สืบค้นเมื่อ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๔, แหล่งท่ีมา :
www.palagrit.com.

๑๔

เป็นเหตุเป็นผล รวมถึงโต้แย้งในสิ่งท่ีไม่เห็นด้วยหรือข้อสงสยั โดยใช้หลกั เหตผุ ล ไม่ใช่ใชค้ วามไม่ชอบ
ที่ต้ังอยู่บนอารมณ์ นักคิดเชิงวิพากษ์ (Critical Thinkers) จะต้องสามารถแยกแยะความแตกต่าง
ต่อไปนไ้ี ด้

(๑) ความจริงกับความเชื่อ (truth vs. belief) ความจริงพิสูจน์ได้ด้วยหลักฐาน
ส่วนความเช่ือข้ึนอยู่กับมุมมองของแต่ละบุคคล อาจแตกต่างไปตามค่านิยมของยุคสมยั ความจริงจึง
ไม่ใช่ความเช่ือ ดังนั้น นักคิดเชิงวิพากษ์จึงต้องตัดสินหรือประเมินบนความจริงแทนการคล้อยตาม
ความเช่ือหรืออัตตาของตัวเอง ทำให้การตัดสินใจมีคุณภาพมากกว่าการตัดสินไปตามอารมณ์
และความรสู้ กึ

(๒) ข้อเท็จจริงและความคิดเห็น (fact vs. opinion) ขอ้ เท็จจริง หมายถึง ข้อความ
แหง่ เหตกุ ารณ์ทเ่ี ป็นมาหรือเปน็ อยู่ตามจริง ข้อเทจ็ จรงิ ต้องมีความเปน็ ไปได้ มีความสมจริง มีหลกั ฐาน
เช่อื ถอื ได้ และมคี วามสมเหตสุ มผล

สว่ นความคิดเห็น หมายถงึ ความเห็น ความรสู้ ึกนึกคิดของผู้พดู หรอื ผ้เู ขยี นที่สอดแทรกอย่ใู น
เนื้อหาที่สื่อออกมา ความคิดเห็นจึงเป็นข้อความที่แสดงความรู้สึก แสดงการคาดคะเน แสดงการ
เปรยี บเทยี บอปุ มาอปุ ไมย เปน็ ข้อเสนอแนะหรือความคิดของผพู้ ดู และผูเ้ ขยี นเอง

ดงั น้นั นักคิดเชิงวิเคราะห์จงึ ต้องไมด่ ่วนสรปุ ตามข้อมลู ท่ไี ดร้ ับ จนกว่าจะแยกแยะได้ว่าสิ่งใด
คือความจริงและสิ่งใดคือความคดิ เหน็

(๓) กฎแห่งความไม่ขัดแย้ง (the law of non-contradiction) กฎนี้มีหลักการว่า
ไมม่ ีอะไรสามารถเป็นความจริงหรอื ความเท็จได้ในเวลาเดียวกัน เช่น ไกไ่ ม่สามารถเป็นท้ังไก่และเป็ด
ในเวลาเดยี วกันได้ ข้อมูลที่บอกว่าเป็ดคอื ไก่ จึงไมน่ ่าเชื่อถอื ด้วยกฎแห่งความไม่ขัดแยง้ น่นั เอง ดังน้ัน
นักคิดเชิงวิเคราะห์ต้องสามารถแยกแยะความจริงและความเท็จออกจากกันได้ ช่วยให้เชื่อในส่ิง
ท่ีถูกต้อง ไมถ่ กู หลอกดว้ ยความเท็จ

ในโลกยคุ ดจิ ทิ ัลทต่ี ้องรับมือกับข้อมูลอันล้นหลามมากมายจากหลายๆฝา่ ย ประกอบกบั ความ
จำเป็นที่ต้องตัดสินใจอย่างทันท่วงที การคิดเชิงวิพากษ์ หรือ Critical Thinking จึงเป็นเครื่องมือที่มี
ประโยชน์อย่างมหาศาล เพ่ือเรามีวิจารณญาณท่ีถูกต้องในการประเมินหรือตัดสินใจ โดยไม่ถูก
หลอกลวงหรือหลงเชอื่ ขอ้ มลู ท่เี ปน็ เท็จ

กล่าวโดยสรุป การคดิ เชิงวพิ ากษ์ เป็นกระบวนการคิดแนวใหม่และเป็นมิตหิ น่ึงท่ีจะทำให้คน
ในสังคมไทยสามารถทีจ่ ะแสดงความคิดเห็นได้อย่างเสรีภาพ ในรฐั ธรรมนูญฉบับประชาชนปี ๒๕๔๐
ได้ให้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชน “การคิดเชิงวิพากษ์ Critical Thinking”
มี ๖ ข้นั ตอนดงั ตอ่ ไปนี้

ขั้นท่ี ๑. ความรู้ (Knowledge) เน้นการจำและการอ้างอิงข้อมูล คำกริยาเชิง
พฤตกิ รรมทใ่ี ช้

ข้ันท่ี ๒. ความเข้าใจ (Comprehension) เน้นการเช่ือมโยงและจัดการข้อมูลที่ได้
เรยี นมา คำกรยิ าทใี่ ช้

9 Pattana Ajjaneeyakul, Critical Thinking, สืบค้นเม่ือ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๔, แหล่งที่มา : www.
misterdevelopment.com

๑๕

ขั้นท่ี ๓. การประยุกต์ใช้ (Application) เน้นการใช้ข้อมูล โดยการนำเอากฎ
หรอื หลักการมาประยกุ ต์ใช้ คำกริยาทีเ่ ก่ยี วข้อง

ขั้นที่ ๔. วิเคราะห์ (Analysis) เป็นการคิดเชิงวิเคราะห์ส่วนประกอบและหน้าที่
ของสง่ิ ต่างๆ คำกริยาทใี่ ช้

ข้ันที่ ๕. สังเคราะห์ (Synthesis) เน้นการคิดในการนำเอาส่วนประกอบปลีกย่อย
หรือรายละเอยี ดมารวมกนั สร้างสิง่ ใหม่ คำกรยิ าทีเ่ กย่ี วขอ้ ง

ข้ันที่ ๖. การประเมิน (Evaluation) เน้นการประเมินและการตัดสินโดยใช้ข้อมูล
เปน็ ฐาน คำกรยิ าท่ใี ช้

๒.๓ การสร้างบทเรียนสำเรจ็ รูป

2.3.1 ความหมายของบทเรยี นสำเร็จรปู
บทเรียนสำเร็จรูป หมายถึง บทเรียนทผี่ ู้สอนจดั ทำข้ึนเพือ่ ใช้เป็นเครื่องมือในการจดั กิจกรรม
การเรียนรู้ให้ผู้เรียนเรียนรู้ด้วยตนเอง ในแต่ละสาระการเรียนรทู้ ี่กำหนดไว้ในแต่ละบทเรยี น โดยเริ่ม
จากเนื้อหาสาระที่ง่ายๆ ไปสู่เน้ือหาท่ียากขึ้นไปตามลำดับ เป็นบทเรียนท่ีสร้างขึ้นโดยกำหนด
วัตถุประสงค์ เน้ือหา วิธีการ และส่ือการเรียนการสอนไว้ล่วงหน้า ผู้เรียนสามารถศึกษา ค้นคว้า
และประเมนิ ผลการเรียนดว้ ยตนเองตามขั้นตอนทกี่ ำหนดไว้
บทเรียนสำเร็จรปู นั้นได้มนี กั วิชาการไดใ้ ห้ความหมายไว้ ดงั นี้
สุวิทย์ มูลคำ และอรทัย มูลคำ10 ได้กล่าวว่า บทเรียนโปรแกรมหรือบทเรียนสำเร็จรูป
ว่าเปน็ บทเรยี นทน่ี ำเนอ้ื หาสาระทจ่ี ะให้ผูเ้ รียนไดเ้ รียนร้มู าแบ่งเปน็ หน่วยยอ่ ยหลายๆ กรอบ (Frames)
เพอ่ื ใหง้ ่ายต่อการเรียนรู้ในแตล่ ะกรอบจะมีเนือ้ หาคำอธิบายและคำถามท่เี รียบเรยี งไว้ตอ่ เนอื่ งจากงา่ ย
ไปหายาก
สานิตย์ กายาผาด11 ได้กล่าวว่า บทเรียนสำเร็จรูป หมายถึง บทเรียนที่เหมือนกับจำลอง
สถานการณ์การเรียนกับการสอนมาไว้ในรปู ของวัสดหุ รือส่งิ พิมพ์ ซ่งึ ทำหนา้ ทีเ่ หมือนครโู ดยเปิดโอกาส
ให้ผู้เรียนทำกิจกรรมร่วมบทเรียน เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ข้ึนมาด้วยตนเองเพราะมีการเสริมแรง
ให้ผู้เรียนได้รับทราบทันทีว่ากิจกรรมท่ีผู้เรียนทำนั้นถูกหรือผิดเป็นบทเรียนที่ผู้เรียนสามารถเรียนรู้
ด้วยตนเองและกา้ วไปตามความสามารถของแต่ละบคุ คล
สุนันทา สุนทรประเสริฐ12 ได้กล่าวว่า บทเรียนสำเร็จรูปว่าเป็นบทเรียนที่สร้างข้ึนโดย
กำหนดเน้ือหาวัตถุประสงค์ที่ต้องการวิธีการ ตลอดจนวัสดุอุปกรณ์ไว้ล่วงหน้าผู้เรียนสามารถศึกษา
คน้ ควา้ และประเมนิ ผลการเรยี นดว้ ยตนเองตามข้นั ตอนท่กี ำหนดไว้และมีแรงเสริมแก่ผเู้ รียนเปน็ ระยะ
จงึ ถือวา่ เป็นบทเรยี นที่ผูเ้ รียนสามารถเรยี นรดู้ ว้ ยตนเองและเป็นไปตามความสามารถของแตล่ ะบคุ คล

10 สุวิทย์ มูลคำ และอรทัย มูลคำ, วิธีการเรียนรู้, พิมพ์ครั้งท่ี ๔, (กรุงเทพฯ : ภาพพิมพ์, ๒๕๔๕),
หน้า ๕๖.

11 สานิตย์ กายาผาด, เทคโนโลยีสารสนเทศเพ่ือชีวิต, (กรุงเทพฯ : เธิร์ดเวฟ เอ็ดดูเคชั่น, ๒๕๔๘),
หน้า ๒.

12 สุนนั สุนทรประเสริฐ, การสรา้ งสอ่ื การสอนและนวัตกรมมการเรียนร้สู่การพัฒนาผเู้ รียน, (ราชบุรี :
ธรรมรักษ์การพมิ พ,์ ๒๕๔๗), หน้า ๑๗.

๑๖

ถวัลย์ มาศจรัส13 ได้กล่าวว่า บทเรียนสำเร็จรูป หมายถึง บทเรียนท่ีผู้สอนจัดทำขึ้นเพ่ือใช้
เป็นเครื่องมอื ในการจดั กจิ กรรมในการเรียนรู้ใหผ้ เู้ รียนเกิดกระบวนการเรยี นรูใ้ นแต่ละสาระการเรียนรู้
ท่ีกำหนดไว้ในบทเรยี นแต่ละบทเรียนด้วยตนเอง โดยเร่ิมจากเนอ้ื หาสาระง่ายๆ ไปสู่เน้ือหาท่ียากข้ึน
เป็นลำดับ เปน็ บทเรียนทส่ี ร้างขึ้น โดยกำหนดเน้ือหาวตั ถุประสงค์วิธกี าร และสอ่ื การเรยี นการสอนไว้
ลว่ งหนา้ ผ้เู รยี นสามารถศกึ ษาคน้ คว้าและประเมนิ การเรียนด้วยตนเองตามข้นั ตอนทกี่ ำหนดไว้

ฉวลี ักษณ์ บณุ ยะกาญจน14 ได้กลา่ วว่า บทเรียนสำเร็จรูป หมายถึง บทเรียนที่ลำดับเน้ือหา
จากง่ายไปยากนำเสนอในรปู แบบของกรอบ ซ่ึงจะมีคำถามและเฉลยไว้ เพื่อให้นักเรียนได้เรียนร้ดู ้วย
ตนเองตามความถนัดและความสามารถของนักเรียน โดยนักเรียนต้องมีความซื่อสัตย์ในการเรียน
จงึ จะบรรลจุ ดุ ประสงคข์ องการเรียนรู้

ทิศนา แขมมณี15 ได้กล่าวว่า บทเรียนสำเร็จรูป หมายถึง สื่อการจัดการเรียนรู้ท่ีสร้างข้ึน
โดยกำหนดเนื้อหา วัตถุประสงค์วิธีการตลอดจน อุปกรณ์การสอนที่นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้ด้วย
ตนเองโดยแบ่งเน้ือหาออกเป็นส่วนย่อยๆ เรียกว่า กรอบ โดยลำดับเน้ือหาจากง่ายไปหายากแต่ละ
กรอบมคี ำถามและคำตอบเพื่อให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ไดต้ ามศักยภาพของตนเอง

ธีรชัย ปรูณโชติ16 ได้กล่าวว่า บทเรียนสำเร็จรูป หมายถึง สื่อการเรียนรู้ท่ีเน้นให้นักเรียน
สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง โดยเรียงลำดับเนื้อหาจากง่ายไปยาก ซ่ึงบทเรียนสำเร็จรูปน้ี
มีแบบทดสอบวดั ความรู้ ความเข้าใจของนักเรยี นท้ังกอ่ นเรียนและหลังเรียนทำใหท้ ราบความก้าวหน้า
ในการเรียนรขู้ องนกั เรียน

กุศยา แสงเดช17 ได้กล่าวว่า บทเรียนสำเร็จรูป หมายถึง บทเรียนที่สร้างขึ้นให้นักเรียน
เรียนรู้ด้วยตนเอง โดยจัดเป็นกรอบที่เรียงลำดับเนื้อหาจากง่ายไปหายาก แต่ละกรอบมีคำอธิบาย
คำถาม และเฉลยใหน้ กั เรยี นไดเ้ รียนรู้ได้ด้วยตนเอง

กล่าวโดยสรุป บทเรียนสำเร็จรูป หมายถึง บทเรียนท่ีจัดทำข้ึนเพ่ือใหผ้ ู้เรียนสามารถเรียนรู้
ดว้ ยตนเอง โดยบทเรียนสำเร็จรูปจะนำเสนอเนื้อหาบทเรยี นทลี ะน้อยจากง่ายไปหายาก โดยมีแบบฝึก
ในแต่ละบทจะมีคำถามและคำเฉลยอยู่ โดยคำถามจะเป็นคำถามท่ีงา่ ยไปหายากและนักเรียนสามารถ
ประเมนิ ผลความก้าวหน้าของนักเรียนไดท้ ันที เพ่ือเป็นการเสริมแรงให้ผู้เรียนมีความต้ังใจท่ีจะศึกษา
บทเรียนต่อไป

2.3.2 ลกั กษณะสำคัญของบทเรียนสำเรจ็ รปู
สุวิทย์ มูลคำ และอรทัย มูลคำ18 ได้กล่าวไว้ว่า องค์ประกอบและลักษณะของบทเรียน
สำเร็จรปู ท่สี ำคัญ ดงั นี้

13 ถวัล มาศจรัส, บทเรียนโปรแกรม กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย, (กรุงเทพ : ธารอัษร, ๒๕๔๘),
หน้า ๑๗.

14 ฉวลี กั ษณ์ บุญยะกาญจน, นวัตกรรมศกึ ษา, (กรุงเทพฯ : ธารอกั ษร, ๒๕๕๑), หนา้ ๒๑.
15 ทศิ นา แขมมณ,ี ศาสตรก์ ารสอน, (กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั , ๒๕๕๒), หน้า ๑๖.
16 ธีรชัย ปูรณโชติ, การสร้างบทเรียนสำเร็จรูป, พิมพ์ครั้งท่ี ๒, (กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลยั , ๒๕๕๒), หน้า ๔.
17 กุศยา แสงเดช, บทเรียนสำเร็จรูป คู่มอื การพัฒนาสื่อการสอนท่ีเน้นผ้เู รยี นเป็นสำคัญ, (กรุงเทพฯ :
ฟิสิกส์เซน็ เตอร์, ๒๕๕๒), หนา้ ๓.

๑๗

๑. กำหนดจุดประสงค์เชงิ พฤติกรรมทส่ี ามารถวัดได้
๒. เนื้อหาหรือเรอ่ื งท่ีอยากให้เรียนรู้ แบ่งเป็นหน่วยย่อยๆ เรียกว่า กรอบการเรียงความ
ส้ันยาวของแต่ละกรอบแตกตา่ งกนั ไปตามความเหมาะสม
๓. จัดเรียงลำดับกรอบบทเรียนให้ต่อเนื่องกัน เริ่มจากง่ายไปหายาก และเหมาะสม
กับความสามารถของผู้เรยี น มกี ารทบทวนใหผ้ เู้ รยี นทดสอบการเรยี นรู้ของตนเองตลอดเวลา
๔. ผู้เรียนมีโอกาสเรียนรู้เนอ้ื หาและทักษะจากกจิ กรรมต่างๆ ที่กำหนดไวใ้ นกรอบ
๕. เป็นการเรียนรู้ท่ีให้ข้อมูลย้อนกลับจากผลการทดสอบทันทีโดยสามารถตรวจสอบ
คำตอบจากคำเฉลยดว้ ยตนเองซึ่งในบางขอ้ อาจมคี ำอธิบายเพม่ิ เติมให้ด้วย
๖. มีการเสริมแรงผู้เรียนในข้ันตอนสำคัญเป็นระยะ เช่น คำชมจากการท่ีผู้เรียนรู้ว่า
ตนเองทำไดถ้ กู ต้องแล้ว
๗. ไม่จำกัดเวลาเรียน ผู้เรียนสามารถใช้เวลาในการเรียนรู้ตามความสามารถของแต่ละ
บุคคล
๘. มีการวัดประเมินผลแน่นอน ซ่ึงมีการทดสอบก่อนเรียน ทดสอบระหว่างเรียน
และทดสอบหลงั เรยี น เพ่อื วัดความกา้ วหนา้ ในการเรยี นรู้
2.3.3 ประเภทบทเรยี นสำเรจ็ รูป
ประเภทของบทเรียนสำเรจ็ รูป แบง่ ออกเปน็ ๓ ลกั ษณะ คอื

๑) บทเรียนสำเร็จรูปแบบเส้นตรง (Linear Programmed) เนื้อหาจะถูกจัดเรียง
เป็นกรอบ (Frame) ตามลำดับจากง่ายไปหายาก ผู้เรยี นจะต้องเรมิ่ เรยี นจากกรอบแรกและเรยี งลำดับ
จนกระทั่งกรอบสุดท้ายของบทเรียน จะข้ามกรอบใดกรอบหนึ่งไม่ได้สิ่งท่ีเรียนจากกรอบแรก
จะเปน็ พ้ืนฐานของกรอบถัดๆ ไป

๒) บทเรียนสำเร็จรูปแบบแยกก่ิงหรือสาขา (Branching Programmed) Noman
H. Crowdow เป็นผู้พัฒนาจากสกินเนอร์ (Sinner) โดยบทเรียนจะไม่ดำเนินการตามลำดบั แต่จะจัด
ให้มีการเรียงลำดับเนื้อหาย่อยโดยอาศัยคำตอบของผู้เรียนเป็นเกณฑ์ ถ้าผู้เรียนตอบคำถาม
ของข้อความย่อยๆ ที่เป็นหลักของบทเรียนได้ถูกต้อง บทเรียนอาจจะมีคำแนะนำให้ผู้เรียนปฏิบัติ
ต่อไปโดยให้ข้ามกรอบนี้ไปกรอบต่อไป แต่ถ้าผู้เรียนตอบคำถามไม่ถูกต้องก็อาจจะมีข้อความย่อยๆ
เพ่ิมเติมให้ศึกษาก่อนเพื่อเข้าใจและก้าวต่อไป การเรียนจะไม่ดำเนินตามลำดับข้ันจากกรอบแรกไป
จนถงึ กรอบสดุ ทา้ ยแตอ่ าจจะยอ้ นไปย้อนมาในกรอบตา่ งๆ ทงั้ นขี้ นึ้ อยกู่ บั ความสามารถของผเู้ รยี น

๓ ) บทเรียน ผสม (Combination Programmed) เป็น บทเรียน ท่ีให้โอ กาส
การตอบสนองของผูเ้ รยี น โดยมีทั้งแบบเสน้ ตรงและแบบแตกก่ิงในเน้ือหาเดยี วกนั

18 สุวิทย์ มูลคำ และอรทัย มูลคำ, วิธีจัดการเรียนรู้, พิมพ์คร้ังท่ี ๔, (กรุงเทพฯ : ภาพพิมพ์, ๒๕๔๕),
หนา้ ๓๕.

๑๘

กศุ ยา แสงเดช19 ไดก้ ล่าวถงึ ประเภทของบทเรยี นสำเร็จรูปไว้ ดงั น้ี
๑. บทเรียนสำเร็จรูปแบบเส้นตรง (Linear Program) ในการสร้างบทเรียนจะยึด

หลกั การแบ่งเน้ือหาเปน็ ขั้นตอนเล็กๆ ในแต่ละกรอบ พร้อมดว้ ยคำถาม แต่มีการให้ นักเรียนตอบเป็น
๒ ลกั ษณะ ดงั นี้

๑.๑ แบบสร้างคำตอบ (Constructs) ในช่องว่างที่ให้ไว้ เป็นบทเรียนท่ีให้ผู้เรียน
สร้างคำตอบเอง ซ่ึงเป็นผลมาจากการศึกษาของสกินเนอร์ (Burrhus F. Skinner) เน้ือหาจะแบ่งเป็น
ข้ันตอนเล็กๆ สั้นๆ โดยขนาดของกรอบจะต้องมีขนาดใหญ่ พอท่ีจะอธิบายเน้ือหาท้ังหมวดน้ันๆ
เพ่ือช่วยให้ผู้เรียนตอบคำถามได้ ถูกต้อง เป็นการช่วยมิให้ตอบผิด ซึ่งจะทำให้ เกิดการจดจำไปนาน
และถา้ นักเรยี นตอบถกู กจ็ ะทำให้นักเรียนเกิดกำลังใจ เปรยี บเสมือนเป็นรางวลั ทพี่ ึงได้รับ

๑.๒ แบบเลือกตอบ (Multiple Choices) เป็นการสร้างบทเรียนตามหลักการ
ของเพรสซี (Sydney L. Pressey) โดยเม่ือผู้เรียนเลือกคำตอบท่ีถูกต้องแล้ว จะมีส่ิงท่ีเราถัดไปเสนอ
มาใหแ้ ต่ถ้าผูเ้ รียนเลือกขอ้ ผดิ ก็ต้องกลับไปอา่ นและทำความเข้าใจเน้ือหาในกรอบเดิมอกี ครั้งหน่งึ แล้ว
จึงเลือกคำตอบใหมจ่ นกวา่ จะถูกตอ้ ง

๒. บทเรียนสำเรจ็ รูปแบบสาขา (Branching Program) เป็นแนวความคิดของ โครเดอร์
(Crowder) ซ่งึ ลักษณะของบทเรียนจะคล้ายกันกบั แบบเลือกตอบของเพรสซี แต่มีข้อแตกตา่ งตรงท่วี ่า
ตวั เลอื กในแต่ละตวั จะนำผูเ้ รยี นไดไ้ ปศึกษาในกรอบหรอื หน้าอื่นๆต่อไป การเรยี งลำดับข้ันหรอื กรอบ
จะไมเ่ ปน็ ไปตามลำดับ โดยถ้าผูเ้ รียนตอบคำถามของเนอ้ื หาในกรอบนัน้ ได้ อาจข้ามกรอบบางกรอบไป
เพื่อเรียนในกรอบของเน้ือหาที่กำหนด แต่ถ้าผู้เรียนตอบผิดก็จะได้รับการอธิบายเหตุผลหรือสาเหตุ
ท่ีผิด และอาจได้รับบทเรียนเพ่ิมเติมจากหน่วยย่อย ดังน้ันผู้เรียนจึงต้องทำตามคำแนะนำในแต่ละ
กรอบอยา่ งเครง่ ครดั

ธรี ชยั ปรณโชติ20 ไดแ้ บง่ บทเรยี นสำเร็จรปู ออกเปน็ ๓ ประเภท ดังน้ี
๑. บทเรียนสำเร็จรูปแบบไม่แยกกรอบ เป็นบทเรียนท่ีเสนอเน้ือหาทีละน้อยตามลำดับ

ข้ันตอน มีคำถามและเฉลย หรือแนวในคำตอบไว้ให้ตรวจสอบทันที แต่ไม่เสนอเน้ือหาในลักษณะ
ของกรอบ แต่เสนอเน้ือหาเป็นลำดับต่อเนื่องกนั เช่นเดียวกับการเขยี นบทความหรือตำราแตกต่างกัน
เพียงแต่ว่าบทเรียนประเภทน้ีจะต้องมีคำตอบหรอื แนวคำตอบไว้ให้นักเรียนเพื่อเป็นข้อมูลย้อนกลับ
แก่นกั เรียนว่าคำตอบของตนถกู หรือผดิ

๒. บทเรียนสำเร็จรูปแบบเส้นตรง (Linear Programming) เป็นบทเรียนแบบเส้นตรง
ที่นำเสนอเนอื้ หาทลี ะน้อยบรรจุลงในกรอบหรอื เฟรมต่อเนื่องกันตามลำดบั จากกรอบหนง่ึ ไปยังกรอบ
ทสี่ อง จนถงึ กรอบสุดท้ายตามลำดับโดยเรียงลำดับเนือ้ หาจากงา่ ยไปหายาก สง่ิ ท่เี รยี นจากหน่วยย่อย
หรือกรอบแรกจะเป็นพ้ืนฐานสำหรับกรอบถัดไป นักเรียนจะต้องเรียนตามลำดับท่ีละกรอบ
ต่อเนื่องกนั ไปตัง้ แต่กรอบแรกจนถึงกรอบสุดท้าย โดยไมข่ า้ มกรอบใดกรอบหนงึ่ เลย

19 กุศยา แสงเดช, บทเรียนสำเร็จรูป คู่มือการพัฒนาสื่อการสอนท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ, ระดับ
ประถมศึกษา, (กรงุ เทพฯ : ฟสิ ิกส์เซ็นเตอร์, ๒๕๕๒), หน้า ๑๐.

20 ธีรชัย ปูรณโชติ, การสร้างบทเรียนสำเร็จรูป, พิมพ์ครั้งท่ี ๒, (กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัย, ๒๕๕๓), หนา้ ๗.

๑๙

๓. บทเรียนสำเร็จรูปแบบแตกกิ่งหรือสาขา (Branching Programming) เป็นวิธีการ
เขียนบทเรียนแบบลำดับแตกต่างจากการเขียนแบบเส้นตรง การเขียนโปรแกรมแบบสาขามีการ
เรียงลำดับข้อความยอ่ ย โดยอาศยั คำตอบของนักเรียนเปน็ เกณฑ์ ถ้านกั เรยี นตอบคำถามขอ้ ความยอ่ ย
ได้ถูกต้อง นักเรียนจะได้รับคำส่ังให้ข้ามไปหน่วยย่อยได้จำนวนหน่ึงแต่ถ้าตอบไมถ่ ูกตอ้ งอาจจะได้รับ
คำส่ังใหย้ ้อนไปเรียนข้อความย่อยต่างๆ เพ่ิมเตมิ ก่อนท่จี ะก้าวหน้าตอ่ ไป

กล่าวโดยสรุป บทเรียนสำเร็จรปู แบ่งได้ ๓ ประเภทคือ บทเรยี นสำเร็จรูปแบบไม่แยกกรอบ
บทเรียนสำเรจ็ รูปแบบเส้นตรง และบทเรียนสำเรจ็ รปู แบบแตกก่ิงหรอื สาขา แต่ละประเภทมีลักษณะ
แตกต่างกันข้นึ อยู่กับผู้เลอื กใช้ ซ่ึงในการสร้างบทเรียนสำเร็จรูปในครัง้ นี้ ไดเ้ ลือกใชป้ ระเภทบทเรียน
สำเรจ็ รูปแบบเส้นตรงทม่ี ีลักษณะการนำเสนอเน้ือหาทีละน้อยบรรจุลงในกรอบหรือเฟรมต่อเน่ืองกัน
ตามลำดับจากกรอบหน่งึ ไปยังกรอบทส่ี อง จนถึงกรอบสดุ ทา้ ยตามลำดบั โดยเรยี งลำดับเนอ้ื หาจากง่าย
ไปหายาก ส่ิงท่ีเรียนจากหน่วยย่อยหรือกรอบแรกจะเป็นพ้ืนฐานสำหรับกรอบถัดไปนักเรียนจะต้อง
เรยี นตามลำดบั ทีละกรอบต่อเนือ่ งกันไปตง้ั แต่กรอบแรกจนถงึ กรอบสุดท้าย โดยไมข่ ้ามกรอบใดกรอบ
หนึง่ เลย

2.3.4 สว่ นประกอบของบทเรยี นสำเรจ็ รปู
กศุ ยา แสงเดช21 ได้กลา่ วถึง บทเรียนสำเรจ็ รูปประกอบด้วยส่วนประกอบดังน้ี

๑. กรอบต้ังต้น (Set Frame) คือ กรอบใดก็ตามท่ีมีอยู่ตอนหน่ึงให้นักเรียนสร้างการ
ตอบสนองลงไป การตอบสนองจะเป็นอะไรนั้น นักเรียนสามารถทำได้จากข้อมูลในกรอบเดียวกันนี้
โดยนกั เรียนไม่มีความจำเป็นต้องมีความร้สู ำหรบั ใช้ตอบมากอ่ น

๒. กรอบฝึกหัด (Practice Frame) เป็นกรอบท่ีนักเรียนได้ใชฝ้ ึกหัดเกี่ยวกับสงิ่ ทีไ่ ด้เรียน
มาแล้วจากกรอบตัวต้น หลักการสำคัญ จะต้องให้นักเรยี นได้ฝึกหดั เฉพาะส่ิงทีเ่ ขาได้รับจากกรอบตัว
ตน้ เทา่ นัน้

๓. กรอบรองสง่ ท้าย (Sub Terminal Frame) เปน็ กรอบท่ีให้ความรูท้ ี่จำเป็นแกน่ ักเรียน
เพ่ือให้นักเรียนสนองตอบในกรอบสรุปได้ถูกต้อง กรอบรองส่งท้ายแรกควรจะมีความรู้อยู่ส่วนหนึ่ง
ที่จะนำไปใช้ในกรอบส่งท้ายท่ีอยู่ถัดไป จะสะสมความรู้เพิ่มขึ้น เรื่อยๆ จนกว่านักเรียนบรรลุ
ถึงความสามารถที่จะตอบสนองในกรอบส่งท้ายได้อย่างถูกตอ้ ง การสร้างบทเรยี นสำเร็จรูป จงึ มกั สรา้ ง
กรอบสง่ ทา้ ย หรือกรอบสรปุ ก่อนกรอบรองท้าย

๔. กรอบสรุปหรือกรอบส่งท้าย (Terminal Frame) กรอบนี้ นักเรียนจะต้องรวบรวม
ข้อมูลท่ีได้เรียนจากกรอบต้นๆ แล้วเขียนตอบสนองออกมาเอง นักเรียนจะพบว่ามีการช้ีช่องไว้บ้าง
หรอื ไมม่ เี ลย

ธรี ชยั ปูรณโชติ22 ได้กล่าวถึง ส่วนสำคัญของบทเรยี นสำเร็จรูปไว้ ๓ ประการ ดงั น้ี

21 กุศยา แสงเดช, บทเรียนสำเร็จรูป คู่มือการพัฒนาสื่อการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ , ระดับ
ประถมศกึ ษา, (กรงุ เทพฯ : ฟสิ ิกสเ์ ซน็ เตอร์, ๒๕๕๒), หน้า ๑๕.

22 ธีรชัย ปูรณโชติ, การสร้างบทเรียนสำเร็จรูป, พิมพ์ครั้งที่ ๒, (กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์
มหาวทิ ยาลัย, ๒๕๕๓), หนา้ ๑๐.

๒๐

๑. จุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรม (Behavioral Objectives) หมายถึง จุดประสงค์ท่ีกำหนด
ไว้ เป็นเกณฑ์สำหรับพฤติกรรมของนักเรียน หลังจากท่ีเรียนเน้ือหาวิชาจนจบแล้วว่ามีผลสัมฤทธิ์
ทางการเรียนเพียงใด

๒. เน้ือหาวิชาถูกแบ่งออกเป็นแต่ละสังกัด ซึ่งเรียกว่า บท แต่ละบทจะถูกแบ่งออกเป็น
ข้นั เล็กๆ ตามลำดบั เรียกวา่ กรอบ (Frame) แตล่ ะกรอบจะมีคำอธบิ ายเนอ้ื หา ตวั อย่าง และมีคำถาม
ให้นกั เรยี นตอบ เมื่อนักเรียนตอบเสรจ็ แลว้ กต็ รวจคำตอบไดจ้ ากเฉลยทม่ี ีอยู่ในกรอบถัดไป

๓. แบบทดสอบท้ายบท เป็นแบบทดสอบที่ใช้สอบเพ่ือวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
ว่าเมื่อนักเรียนได้เรียนเน้ือหาวิชาน้ันในแต่ละบทแล้ว นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจในเนื้อหาวชิ ามาก
นอ้ ยเพียงใด นกั เรยี นได้บรรลุตามเกณฑท์ ่ีกำหนดไว้ในจุดประสงค์เชงิ พฤตกิ รรมหรือไม่

กล่าวโดยสรุป ส่วนประกอบของบทเรียนสำเร็จรูป ควรจะประกอบไปด้วยจุดประสงค์
เชิงพฤติกรรม เน้ือหาในแต่ละกรอบสำหรับเรียนรู้พร้อมทั้งมีคำถามและเฉลยคำถามให้นักเรียน
ตรวจสอบได้ด้วยตนเอง และมแี บบทดสอบท้ายบทสำหรบั วดั ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี น

2.3.5 หลักการสร้างบทเรยี นสำเรจ็ รูป
บุญชม ศรีสะอาด23 อธิบายถึงการสร้างบทเรียนสำเร็จรูปจะต้องยึดหลักการท่ีสำคัญ
ของการสอน ดังนี้

๑. หลักการเรยี นรูเ้ พ่ิมข้ึนทีละน้อย (Gradual Approximation) การเรียนรทู้ ีเ่ กดิ ข้นึ ได้ดี
ถ้ามีการแบ่งขั้นตอนของกิจกรรมการเรียนการสอนใหเ้ ป็นขน้ั ตอนสั้นๆ พอสมควรเพื่อให้เป็นพื้นฐาน
เสริมหรือเชื่อมโยงให้เกิดการเรียนรู้ขั้นต่อๆไป การสร้างบทเรียนสำเร็จรูปจึงมีการแบ่งเน้ือหา
การเรียนออกเป็นตอนๆ เป็นกรอบ ผู้เรียนจะค่อยเรียนรู้สะสมไปเรื่อยๆ เมื่อเรียนรู้หลายๆกรอบ
จนจบบทเรยี นก็จะบรรลจุ ดุ ประสงค์การเรยี นรู้ตามต้องการ

๒. หลักการมีส่วนร่วมอย่างจริงจัง (Active Participation) การเรียนรู้จะเกิดข้ึนได้ดี
เมื่อผู้เรียนทำกิจกรรม เช่น คดิ แก้ปญั หา คน้ หาความสมั พันธ์ระลึกถึงความรู้เดมิ ผู้เรยี นจึงต้องมสี ่วน
จะต้องตอบสนองออกมาโดยเติมข้อความลงในช่องวางหรือเลือกคำตอบที่ เหมาะสมโดยจะต้อง
ตอบสนองอยู่บ่อยๆ แทบทุกกรอบ บางกรอบอาจตอบมากกวา ๑ ครั้ง ลักษณะดังกล่าว จะทำให้
ผูเ้ รยี นติดตามบทเรยี นตลอดเวลา

๓. หลักการรู้ผล (Feedback) การเรียนรู้จะเกิดข้ึนได้ดีถ้าผู้เรียนได้รู้ผลของการกระทำ
ของตนรู้ว่าส่ิงท่ีทำไปนั้นถูกหรือผิด ถ้าผิดที่ถูกควรเป็นอย่างไร จากหลักการดังกล่าวในการสร้าง
บทเรียนสำเร็จรูปจึงมีการเฉลยคำตอบท่ีถูกต้องให้ผู้เรยี นทราบว่าที่ได้ตอบสนองไปนัน้ ถูกต้องหรือไม่
โดยเทียบกบั คำตอบทีเ่ ฉลยไว้แลว้

๔. หลักการของความสำเร็จ (Success Experience) การเรียนรู้จะเกิดขึ้นได้ดถี ้าผเู้ รียน
รสู้ ึกว่าได้รับความสำเร็จ ทำได้ถูกตอ้ ง จากหลักการดังกล่าวน้ี จึงมีการปูพื้นฐานเร่ิมจากง่ายๆ มีการ
เขียนความรู้ และที่สำคัญคือในการตอบสนองบทเรียนจะพยายามให้ตอบโดยท่ีมั่นใจว่าถ้าผู้เรียน
ติดตามอย่างตั้งใจก็จะสามารถตอบไดถ้ กู ตอ้ ง

กุศยา แสงเดช24 ได้กลา่ วถึง หลักการของเรยี นสำเรจ็ รปู จะต้องยดึ หลกั ทสี่ ำคญั ดงั น้ี

23 บญุ ชม ศรสี ะอาด, การพฒั นาการสอน, (กรงุ เทพฯ : สวุ รี ิยาสาสน์ , ๒๕๔๕), หน้า ๗๗.

๒๑

๑. หลักการเรยี นรู้ เพิ่มทีละน้อย (Graduat Approximation) การเรียนรู้ จะเกดิ ขึน้ ไดด้ ี
ถ้ามีการจัดแบ่งขั้นของกิจกรรมการเรียนการสอนให้เป็นข้ันตอนส้ันๆพอสมควร เพื่อให้เป็นพื้นฐาน
เสริมหรือเช่ือมโยงใหเ้ กิดการเรยี นรู้ข้ันต่อๆไป การสร้างบทเรียนสำเร็จรูปจึงการแบ่งเนอ้ื หาการเรยี น
ออกเป็นตอนๆ เป็นกรอบ ผู้เรียนจะคอยเรียนรู้สั่งสมข้ึนไปเรื่อยๆ เม่ือเรียนรู้หลายๆ รอบจนจบ
บทเรียนก็จะบรรลุจุดประสงค์การเรียนรคู้ รบตามตอ้ งการ

๒. หลักการมีส่วนร่วมอย่างจริงจัง (Active Participation) การเรียนรู้จะเกิดขึ้นได้ดี
ถ้าผู้เรียนทำกิจกรรม เช่น คิดแก้ปัญหา ค้นหาความสัมพันธ์ ระลึกถึงความรู้เดิม ผู้เรียนจึงมีส่วน
ที่จะต้องตอบสนองออกมา โดยเติมข้อความลงในช่องว่างหรือเลือกคำตอบท่ีเหมาะสม โดยจะต้อง
ตอบสนองอยู่บ่อยๆแทบทุกกรอบ บางกรอบอาจตอบมากกว่า ๑ คร้ัง ลักษณะดังกล่าวจะทำให้
ผเู้ รยี นเรียนติดตามบทเรียนตลอดเวลา

๓. หลักของการรู้ผล (Feedback) การเรียนรู้จะเกิดขึ้นได้ดี ถ้าผู้เรียนได้รู้ผลของการ
กระทำของตน รู้ว่าสิ่งที่ทำไปนั้นถูกหรือผิด ถ้าผิดถูกควรเป็นอย่างไร จากหลักการดังกล่าว
ในการสร้างบทเรียนสำเร็จรูป จึงมีการเฉลยคำตอบท่ีถูกต้อง ให้ผู้เรียนได้ทราบว่าท่ีได้ตอบคำถาม
ไปนัน้ ถูกต้องหรอื ไม่ โดยเทียบกับคำตอบท่ีเฉลยไว้ให้แล้ว

๔. หลักของความสำเร็จ (Success Experience) การเรียนรู้จะเกิดข้ึนไดด้ ีถ้าผูเ้ รียนรู้สึก
วา่ ได้รับความสำเร็จ ทำได้ถูกต้อง จากหลกั การดังกลา่ วนี้ จึงมกี ารปพู ื้นฐานเร่มิ จากง่ายๆ มีการเขียน
ความรู้ และที่สำคัญคือ ในการตอบสนองบทเรียนจะพยายามให้ตอบโดยท่ีม่ันใจว่าถ้าผู้เรียนติดตาม
อย่างตัง้ ใจกจ็ ะสามารถตอบได้ถูกตอ้ ง

ธรี ชยั ปรู ณโชติ25 กลา่ วถงึ หลักการของบทเรยี นสำเร็จรปู ดงั นี้
๑. แบ่งเน้ือหาเป็นข้อย่อยๆ (Small Step) ในการแบ่งเนื้อหาออกเป็นหน่วย

หรอื ขอ้ ย่อยๆนี้ ทำใหน้ ักเรยี นสามารถเรยี นรไู้ ดอ้ ย่างเหมาะสมกบั ความสามารถของนักเรยี น
๒. เป็นบทเรียนท่ีมุ่งเน้นให้นักเรียน เรียนด้วยตนเอง (Self - pacing) นักเรียนร่วม

กจิ กรรมมากท่สี ุด (Activity Participation) โดยในแต่ละกรอบจะใช้
๓. หลักของความสัมพันธ์ของส่ิงเร้ากับการตอบสนองนักเรียนจะต้องตอบคำถาม

ในแต่ละกรอบ จงึ มีส่วนรว่ มกิจกรรมมากทสี่ ดุ
๔. มีข้อมูลย้อนกลับหรือประเมินผลตนเองได้ทันที (Immediate Feedback) คำตอบ

ที่นกั เรยี นสามารถตรวจดูว่าถกู ตอ้ งหรือไมน่ น้ั ทำให้นกั เรยี นเกิดการเสริมแรงในทางบวกในการเรยี นรู้
ในกรอบต่อไป

๕. การทดสอบหาประสิทธิภาพของบทเรียน (Testing) บทเรียนสำเร็จรปู เมื่อสร้างเสร็จ
แล้วจะมีประสิทธิภาพของบทเรียนอย่างมีระบบเพื่อให้เกิดความม่ันใจว่า บทเรียนช่วยทำใหน้ ักเรียน
เกดิ การเรียนรไู้ ดม้ ากท่ีสุด

24 กุศยา แสงเดช, บทเรียนสำเร็จรูป คู่มือการพัฒนาสื่อการสอนท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ , ระดับ
ประถมศึกษา, (กรุงเทพฯ : ฟิสกิ สเ์ ซ็นเตอร์, ๒๕๕๒), หน้า ๑๗.

25 ธีรชัย ปูรณโชติ, การสร้างบทเรียนสำเร็จรูป, พิมพ์คร้ังที่ ๒, (กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์
มหาวทิ ยาลยั , ๒๕๕๓), หน้า ๑๑.

๒๒

กล่าวโดยสรุป หลักการของบทเรียนสำเร็จรูปควรจะใช้หลักการเรียนรู้เพิ่มทีละน้อย
หลักการมีส่วนร่วมอย่างจริงจัง หลักของการรู้ผล และหลักของความสำเร็จ เพื่อส่งเสริมการจัดการ
เรยี นรูใ้ ห้มปี ระสทิ ธิภาพมากยิ่งขึ้น

2.3.6 ประโยชน์ของบทเรยี นสำเรจ็ รูป
สุคนธ์ สินธุพานนท์ และคณะ26 ได้กล่าวถึง คุณค่าและประโยชน์ของบทเรียนสำเร็จรูป
สรุปไดด้ ังนี้

๑. เด็กสามารถทำงานได้ตามลำพัง พ้นการดูถูก ถูกว่ากล่าวจากครู ไม่ต้องฟังคำ
วพิ ากษ์วิจารณ์หรอื เยาะเยย้ จากเพ่ือนๆ ซึง่ ก่อให้เกดิ ความสบายใจและความเป็นอิสระ

๒. ทำใหเ้ กิดความพ่งึ ตนเอง และมีความเชื่อมน่ั ในตนเองมากขน้ึ
๓. สามารถพิสูจน์ความไม่รู้ของนักเรียนโดยการให้นักเรียนได้รู้ผลการกระทำ
หรอื การตอบคำถามของตนเอง
๔. สามารถใชเ้ ปน็ องค์ประกอบของกจิ กรรมเสรมิ การเรียนร้ขู องนักเรียนไดเ้ ป็นอย่างดี
2.3.7 การสรา้ งบทเรยี นสำเรจ็ รปู แบง่ ออกเป็น ๔ ขัน้ ตอน27
ขน้ั ที่ ๑ ขน้ั เตรียม เป็นการศึกษาหลกั สตู ร กำหนดจดุ ประสงค์วเิ คราะห์ ภารกิจการเรยี น
และสรา้ งแบบทดสอบ
ข้นั ท่ี ๒ ข้ันดำเนนิ การเขียนเป็นการเขียนบทเรียน พรอ้ มท้ังทบทวนและแกไ้ ข
ขั้นที่ ๓ ขั้นทดลองและปรับปรุงโดยทดลองใช้บทเรียนสำเร็จรูปแบบรายบุคคล
แบบกลมุ่ เลก็ และใชใ้ นหอ้ งเรยี น
ขนั้ ท่ี ๔ ข้ันพิมพบ์ ทเรยี น เพือ่ นำบทเรยี นฉบับจรงิ ไปใช้
ในการสร้างบทเรียนสำเร็จรูป ผู้สร้างจะต้องวิเคราะห์เนื้อหาท่ีจะสอน และนำเนื้อหา
สาระมาแตกย่อยและเรียงลำดับให้เหมาะสม เพ่ือให้ง่ายต่อการเรียนรู้ หลังจากน้ันจึงนำเสนอเน้ือหา
สาระน้ันทีละน้อยไปตามลำดับ และมีข้อคำถามที่ท้าทายความคิดของผู้เรียนและมีคำตอบเฉลย
ให้ไว้ดว้ ย จากนนั้ นำมาใช้กับกลมุ่ ใหญ่ เพือ่ หาประสิทธิภาพของบทเรียน
กุศยา แสงเดช28 (๒๕๕๒) ได้กล่าวถึง ข้ันตอนในการสร้างบทเรียนสำเร็จรูปน้ันมีขั้นตอน
ดงั นี้
ข้ันท่ี ๑ ศึกษาวิธีการเขียนบทเรียนสำเร็จรูปแบบต่างๆ จนเข้าใจแจ่มแจ้งท้ังศึกษา
จากตำราและการสอบถามจากผูร้ ู้
ข้นั ที่ ๒ กำหนดและเลอื กวชิ าที่จะเขยี นและระดบั ชั้นสำหรับท่ีจะใช้บทเรียนสำเร็จรปู
ขน้ั ท่ี ๓ เลอื กหนว่ ยการเรยี นรู้วา่ จะเขยี นในเรือ่ งใดเรอื่ งหนึง่

26 สุคน สินธพานนท์ และคณะ, การจัดกระบวนการเรียนรู้, (กรุงเทพฯ : อักษรเจริญทัศน์, ๒๕๔๕),
หน้า ๑๑๕.

27 บญุ ชม ศรสี ะอาด, การพัฒนาการสอน, (กรงุ เทพฯ : สวุ รี ิยาสาสน์ , ๒๕๔๕), หนา้ ๕๖.
28 กุศยา แสงเดช, บทเรียนสำเร็จรูปคู่มือการพัฒนาส่ือการสอนท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ , ระดับ
ประถมศกึ ษา, (กรุงเทพฯ : ฟิสิกส์เซน็ เตอร์, ๒๕๕๒), หนา้ ๒๐-๒๕.

๒๓

ขน้ั ท่ี ๔ กำหนดหัวข้อต่างๆ ท่ีจะเขียนโดยศึกษาจากหลักสูตรประมวลการสอนโครงการ
สอนคู่มือครู และหนังสือเรียนว่า หลักสูตรกำหนดให้นักเรียนเรียนอะไรบ้าง แล้วเลือกหัวข้อเรื่อง
ที่จะเขียน

ขั้นท่ี ๕ ศึกษาลักษณะของนักเรียน ได้แก่ อายุ ระดับช้ัน พื้นฐาน ความรู้เดิมและทักษะ
ท่ีนักเรียนเคยได้รับการฝึกฝนมาก่อน ทั้งน้ี เพราะบทเรียนสำเร็จรูปมีหลักการสนองความแตกต่าง
ระหว่างบคุ คลของนกั เรยี นในด้านตา่ งๆ

ข้ันที่ ๖ ต้ังจดุ มุง่ หมายสำหรับบทเรียนสำเรจ็ รปู ท่ีจะเขยี นโดยจะต้องตั้งจุดมุ่งหมายท่วั ไป
และจุดประสงค์เชิงพฤติกรรม ซ่ึงเป็นจุดมุ่งหมายเฉพาะอันจะเป็นแนวทางในการเขียนกรอบต่างๆ
ในบทเรียนเป็นอย่างดี และยังเป็นประโยชน์ต่อการสร้างแบบทดสอบ ซึ่งจะทำให้ทดสอบนักเรียน
ก่อนเรียนและหลังเรียน การเขียนวัตถุประสงค์ของการเรียนการสอน ควรแยกเป็นข้อๆ เพื่อให้
วัตถุประสงค์เด่นชัดขึ้น และต้องบรรยายด้วยถ้อยคำที่ทำให้ดี ความหมายได้ชัดเจน รัดกุมสามารถ
มองเห็นภาพการแสดงออกของนักเรียนได้ เช่น เขียนบอก อธิบาย จำแนก เปรียบเทียบ ทดลอง
เปน็ ต้น

ข้ันที่ ๗ วางโครงเรื่องท่ีจะเขียนเป็นลำดับ เรื่องราวก่อน หลัง จากง่ายไปหายากท้ังนี้
เพราะบทเรยี นสำเร็จรูป จะต้องแบง่ เนื้อหาออกเป็นตอนยอ่ ยๆ และแตล่ ะตอนจะตอ้ งต่อเนอื่ งสัมพันธ์
กนั

ขน้ั ท่ี ๘ ลงมือเขียนบทเรียนสำเร็จรูปตามจุดประสงค์ท่วี างไว้ โดยแบ่งบทเรียนออกเป็น
ตอนๆ หรอื บท ท้ังนี้ เพอื่ สะดวกในการเรยี นรู้ เป็นการแบง่ หมวดหมู่เพอ่ื นักเรยี นจะไดเ้ ข้าใจและจดจำ
ได้ง่าย แล้วดำเนินการเขียนกรอบต่างๆ ในบทเรียนตามหลักการเขียนบทเรียนสำเร็จรูป การเขียน
กรอบในบทเรียนจะเริ่มต้นด้วยกรอบให้ความรู้ แล้วติดตามด้วยกรอบแบบฝึกหัดและกรอบทดสอบ
เปน็ ตอนๆไป จำนวนกรอบจะมากหรอื น้อยเพยี งใดข้นึ อยกู่ ับผเู้ ขยี น ถา้ บทเรยี นสำหรับเด็กเก่งจำนวน
กรอบอาจนอ้ ยกว่าบทเรยี นสำหรบั เด็กไม่เก่งกไ็ ด้

ขั้นที่ ๙ ควรนำบทเรียนสำเร็จรูปท่ีเสร็จแล้วไปให้เพื่อนครู ท่ีสอนวิชานั้น ๆ
หรอื ผทู้ รงคณุ วฒุ อิ ่าน และให้ติชม เพ่ือนำมาแกไ้ ขปรับปรงุ กรอบตา่ งๆ ในบทเรียนใหด้ ยี ิง่ ข้ึน

ข้ันที่ ๑๐ นำบทเรียนสำเร็จรูปที่ปรับปรุงจนเห็นว่าเรียบร้อยดีแล้วมาพิมพ์โดยยังไม่ใส่
คำตอบของคำถามต่างๆ เพื่อท่ีจะนำบทเรียนน้ีไปทดลองใช้กับนักเรียนในขั้นทดลองหนึ่งต่อหน่ึง
หรือการทดลองทเ่ี รยี กว่า การทดลองข้นั หนง่ึ คน

ขั้นที่ ๑๑ สร้างแบบทดสอบข้ันหนึ่งตามจุดมุ่งหมายท่ีวางไว้ให้ครบถ้วนและครอบคลุม
ทุกเร่ืองตามบทเรียน บทเรียนตอนใดมีเน้ือหามากก็ออกมาก บทเรียนใดน้อยก็ออกน้อยสำหรับ
แบบทดสอบท่ีสร้างข้ึนนั้น จะต้องนำไปวิเคราะห์รายข้อเพ่ือหาค่าความยาก ค่าอำนาจจำแนก
และปรับปรุงแก้ไข ให้มีค่าความยากท่ีเหมาะสมคือ ๐.๒๐ - ๐.๔๐ และมีค่าอำนาจจำแนก
และปรับปรงุ แก้ไขใหม้ คี า่ ความยากทเ่ี หมาะสม คอื ๐.๒๐ ขึ้นไป

ขั้นที่ ๑๒ นำบทเรียนสำเร็จรูปท่ีเขียนเสร็จตามข้อ ๑๐ ไปทดลองใช้กบั นักเรียนหนึ่งคน
โดยเริ่มทำแบบทดสอบก่อน แล้วจับเวลาไว้เพ่ือจะได้ทราบว่า แบบทดสอบดังกล่าวนักเรียนสามารถ
ทำเสร็จภายในเวลาประมาณก่ีนาที เม่ือนกั เรียนทำแบบทดสอบเสร็จแล้ว ก็ให้นักเรยี นเรียนบทเรียน
สำเร็จรูปท่ีสร้างขึ้น โดยผู้สอนจะต้องอธิบายให้นักเรียนเข้าใจความมุ่งหมายและวิธีเรียนเสียก่อน

๒๔

นักเรียนจะต้องอ่านบทเรียนไปทีละกรอบ ทีละตอนและตอบคำถามไปทีละคำถามเม่ือนักเรียนตอบ
แต่ละคำถามผู้สอนจะเฉลยคำตอบที่ถูกให้ทันที ผู้สอนจะอภิปรายกับนักเรียนเพ่ือหาทางปรับปรุง
แก้ไขบทเรียนในกรอบนั้น หรือคำถามให้ดีข้ึน แล้วนำมาปรับปรุงแก้ไขภายหลัง หลังจากเรียน
บทเรียนเสร็จแล้ว ก็ให้นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน เพื่อเปรียบเทียบคะแนนจากการทำ
แบบทดสอบทั้งสองครั้งว่า นักเรียนมีความรู้ ความเข้าใจเพม่ิ ข้ึนหรือไม่ ผลการเปรียบเทียบควรแสดง
ให้นักเรยี นเห็นวา่ มีความก้าวหน้าขน้ึ หลงั จากเรยี นบทเรยี น

ขั้นที่ ๑๓ นำบทเรียนสำเร็จรูปไปทดลองกับนักเรียนกลุ่มเล็กที่เรียนอยู่ในระดับ
ปานกลางจำนวน ๒๐ คน ซึ่งวิธกี ารเหมือนกับการทดลองในข้ันหน่ึงคน แต่ละบทเรียน จะมีคำตอบ
ของคำถามไว้ให้เสรจ็ นักเรยี นจะต้องเรียนทลี ะกรอบ และตรวจคำตอบของตนเองกับคำเฉลยคำตอบ
ทใี่ หไ้ วใ้ นบทเรียน ขอ้ มูลท่ีต้องการในข้ัน ๑๐ คน ไดแ้ ก่คะแนนเฉลยี่ (ของนกั เรียนทัง้ ๙๐ คน) ในการ
ตอบ ค ำถ ามใน บ ท เรีย น ส ำเร็จ รูป คิ ดเป็ น ร้อ ยล ะ เกณ ฑ์ ม าต ร ฐาน ใน ก าร ต อบ คำถ าม ใน บ ทเรีย น
โดยถูกต้องร้อยละ ๙๐ คะแนนเฉล่ีย (ของนักเรียนทั้ง ๑๐ คน) ของการทำแบบทดสอบหลังเรียน
คิดเป็นร้อยละเกณฑ์มาตรฐานในการทำแบบทดสอบคือ ร้อยละ ๙๐ คะแนนเฉล่ีย (ของนักเรียน
ทง้ั ๑๐ คน) ของการทำแบบทดสอบก่อนเรยี นคิดเป็นรอ้ ยละ ๙๐

ขั้นท่ี ๑๔ การทดลองภาคสนามโดยนำบทเรียนท่ีผ่านการทดลองในข้ันกลุ่มเล็ก
และปรับปรุงแก้ไขแล้ว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจะทราบว่า บทเรียนสำเร็จรูปที่สร้างขึ้นแล้วนี้
มปี ระสิทธภิ าพตามเกณฑม์ าตรฐาน

กล่าวโดยสรุป ในการสร้างบทเรียนสำเร็จรูป ผู้สร้างจะต้องวิเคราะห์เน้ือหาท่ีจะสอน
และนำเน้ือหาสาระมาแตกย่อยและเรียงลำดับให้เหมาะสม เพ่ือให้ง่ายต่อการเรยี นรู้ หลังจากน้ันจึง
นำเสนอเน้ือหา สาระนั้นทีละน้อยไปตามลำดับ และมีข้อคำถามท่ีท้าทายความคิดของผู้เรียนและมี
คำตอบเฉลยใหไ้ ว้ด้วย จากน้นั นำมาใชก้ บั กลมุ่ ใหญ่ เพื่อหาประสิทธภิ าพของบทเรยี น

2.3.8 การหาประสทิ ธิภาพบทเรยี นสำเรจ็ รปู
การทดสอบประสิทธภิ าพเครื่องมือเป็นกระบวนการที่สำคญั เม่ือผลติ สื่อการสอนแล้วตอ้ ง

นำสื่อไปทดสอบ หาป ระสิทธิภาพ เพ่ื อท่ีจะให้ทราบว่าเมื่อใช้สื่อกับนัก เรียนแล้วเกิดป ระสิทธิผล
ในการเรยี นมากนอ้ ยเพียงใด29

กุศยา แสงเดช30 กล่าวถึงขั้นตอนของการทดสอบเพ่ือหาประสิทธิภาพของส่ือว่าต้องนำ
เครื่องมือไปใช้ทดลองใช้ (Try Out) เพ่ือปรับปรุงแล้วนำไปทดสอบใช้จริง (Tria Rum) นำผลท่ีได้
มาปรับปรุงแก้ไข เสร็จแล้วจะดำเนินการผลิตเป็นจำนวนมากและนำไปใช้จัดการเรียนรู้ในช้ันเรียน
ตามปกตไิ ด้การทดลองมีขน้ั ตอน ดังนี้

๑. การทดลองแบบเดี่ยว (๑ : ๑) เป็นการทดลองกับนักเรียน ๑ คน โดยใช้เด็กอ่อน
ปานกลางและเด็กเก่ง คำนวณหาประสิทธิภาพแล้วปรับปรุงให้ดี ขึ้น โดยปกติคะแนนท่ีได้

29 พชิ ติ ฤทธิ์จรญู , การวิจัยเพื่อพฒั นาการเรยี นรู้ : ปฏิบตั กิ ารวิจัยในชัน้ เรียน, พิมพค์ รั้งที่ ๓, (กรุงเทพฯ
: ครศุ าสตรม์ หาวทิ ยาลยั ราชภัฏพระนคร, ๒๕๔๕), หนา้ ๔๓-๔๘.

30 กุศยา แสงเดช, บทเรียนสำเร็จรูป คู่มือการพัฒนาส่ือการสอนท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ , ระดับ
ประถมศกึ ษา, (กรุงเทพฯ : ฟิสกิ ส์เซน็ เตอร์, ๒๕๕๒), หน้า ๒๘-๓๑.

๒๕

จากการทดลองแบบเดี่ยวน้ี จะได้คะแนนต่ำกว่าเกณฑ์มากแต่ไม่ต้องวิตก เมื่อปรับปรุงแล้วจะสูงข้ึน
มาก ก่อนนำไปทดลองแบบกล่มุ ในขนั้ น้ี E๑/E๒ ท่ไี ดจ้ ะมคี า่ ประมาณ ๖๐/๖๐

๒. การทดลองแบบกลุ่มย่อย (๑ : ๑๐) เป็นการทดลองกับนักเรียน ๖ - ๑๐ คน
(คละนักเรียน ที่เก่งกับอ่อน) คำนวณหาประสิทธิภาพแล้วปรับปรุง ในคราวน้ี คะแนนของนักเรียน
จะเพ่ิมข้ึนอีกเกือบเท่าเกณฑ์ โดยเฉล่ียจะห่างจากเกณฑ์ประมาณ ๑๐% น้ันคือ E๑/E๒ ที่ได้จะมี
คา่ ประมาณ ๗๐/๗๐

๓. การทดลองแบบกลุ่มใหญ่ (๑ : ๑๐๐) เป็นการทดลองกับนักเรียนทั้งชั้น ๓๐ - ๑๐๐
คนคำนวณหาประสิทธิภาพแล้วทำการปรับปรุง ผลลพั ธท์ ่ีได้ควรใกล้เคียงกับเกณฑ์ทตี่ ั้งไว้หากตำ่ กว่า
เกณฑ์ไม่เกิน ๒.๕ % ก็ยอมรับหากแตกต่างกันมากผู้สอนต้องกำหนดเกณฑ์ประสิทธิภาพ
ของเครื่องมือใหม่ โดยยึดสภาพความจริงเป็นเกณฑ์ สมมติว่าเม่ือทดสอบประสิทธิภาพได้เกณฑ์
๘๕/๕๕ ที่ตั้งไว้ แต่ถ้าเกณฑ์ ๓๕/๒๕ เมื่อผลทดลองเป็น ๘๕.๓๐/๘๕.๔๐ ก็อาจเล่ือนเกณฑ์ขึ้นมา
เปน็ ๘๕/๘๕ ได้

การกำหนดเกณฑ์ E๑/E๒ ให้มีคา่ เท่าใดน้ันให้ผู้สอนเป็นผู้พิจารณาตามความพอใจโดยปกติ
เน้ือหาท่ีเป็นความรู้ ความจำมักจะต้ังไว้ ๘๐/๘๐, ๘๕/๘๕ สว่ นเนื้อหาที่เป็นทักษะหรือเจตคตศิ ึกษา
อาจตั้งไว้ต่ำกว่านี้ เชน่ ๗๕/๗๕ เปน็ ต้น

วธิ คี ำนวณหาประสทิ ธิภาพ
การคำนวณหาประสทิ ธิภาพโดยใช้ E๑/E๒

ข้อดขี องบทเรยี นสำเร็จรปู
กุศยา แสงเดช31 ไดก้ ล่าวถึง ข้อดขี องบทเรยี นสำเร็จรูป ดงั นี้
๑. นักเรียนมีโอกาสเรียนรู้ด้วยตนเอง และดำเนินไปตามความสามารถ

ของตนเองเปน็ การตอบสนองตอ่ ความแตกต่างระหว่างบคุ คลเปน็ อยา่ งดี
๒. ช่วยประหยัดเวลาในการสอนของครูทำให้ครูมีโอกาสให้ความสนใจ

ดแู ลนักเรียนเปน็ รายบุคคลได้มากข้ึน
๓. ส่งเสรมิ นักเรียนให้รูจ้ ักแสวงหาความรดู้ ว้ ยตวั เอง
๔. ชว่ ยแก้ปญั หาการขาดแคลนครไู ด้
๕. นักเรียนได้เรียนรู้เป็นขั้นตอน ทีละน้อยและทราบผลการเรียนรู้

ของตนเองทกุ ขน้ั ตอน
๖. นักเรยี นสามารถศกึ ษาบทเรียนเวลาใดกไ็ ด้ ตามความพอใจ
๗. นักเรียนสามารถแก้ไขความเข้าใจผิดของตนเองได้ จากการดูคำตอบ

ในบทเรยี น
๘. ผู้ท่ีขาดเรียนมีโอกาสเรยี นด้วยตนเอง เพ่อื ใหต้ ามผอู้ น่ื ไดท้ นั

ฉวีลักษณ์ บุญยะกาญจน32 (๒๕๕๑) ได้กล่าวถึง ข้อดีของบทเรียนสำเร็จรูป
ดังนี้

31 กุศยา แสงเดช, บทเรียนสำเร็จรูป คู่มือการพัฒนาส่ือการสอนท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ , ระดับ
ประถมศกึ ษา, (กรงุ เทพฯ : ฟสิ ิกสเ์ ซ็นเตอร์, ๒๕๕๒), หน้า ๒๘-๓๑.

32 ฉวลี กั ษณ์ บุญยะกาญจน, นวตั กรรมการศกึ ษา, (กรุงเทพฯ : ธารอักษร, ๒๕๕๑), หนา้ ๒๓.

๒๖

๑. เปน็ วิธีสอนทสี่ ง่ เสรมิ ใหน้ กั เรยี นศึกษาดว้ ยตนเอง
๒. เป็นวิธีสอนท่ีช่วยให้นักเรียนได้เรียนเป็นรายบุคคล สามารถเรียนรู้
ไดต้ ามความสามารถของตน เปน็ การตอบสนองความแตกตา่ งระหว่างบุคคล
๓. เป็นวธิ ีสอนทชี่ ว่ ยลดภาระครู และช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนครู
ธรี ชยั ปรู ณโชติ33 (๒๕๕๒) ได้กล่าวถึงขอ้ ดขี องบทเรียนสำเรจ็ รูป ๒ ดงั นี้
๑. นักเรยี นสามารถเรยี นรู้ไดด้ ้วยตวั เอง
๒. นักเรียนได้เรียนรู้เป็นข้ันตอนทีละน้อย และได้ทราบผลการเรียนรู้
ของตนทุกขั้นตอนเกิดแรงเสรมิ (Reinforcement)
๓. สนองความแตกตา่ งระหว่างบุคคลของนักเรียน ทำให้นักเรียนได้เรียนรู้
ตามเอกตั ภาพของตน เช่น ความสนใจ สติปัญญา วฒุ ภิ าวะ ฯลฯ
๔. นักเรียนสามารถศึกษาบทเรียนในเวลาใดเมื่อไรก็ตาม ตามความพอใจ
ของนักเรยี นเองแม้แต่จะเป็นท่ีบา้ นของนกั เรยี นเอง
กล่าวโดยสรุป บทเรียนสำเร็จรูปนั้นมีข้อดี คือการส่งเสริมให้นักเรียน เรียนรู้
ได้ด้วยตัวเองนักเรียนได้เรียนรู้เป็นขั้นตอน ทีละน้อยและทราบผลการเรียนรู้ของตนเองทุกข้ันตอน
สนองความแตกต่างระหว่างบุคคลของนักเรียน เพราะนักเรียนสามารถศึกษาบทเรียนในเวลาใด
เมื่อไรก็ได้ ตามความพอใจของนักเรียนเอง ทั้งยังเป็นวิธีสอนที่ช่วยลดภาระครู และช่วยแก้ปัญหา
การขาดแคลนครู
2.3.9 ขอ้ จำกดั ของบทเรยี นสำเร็จรปู
กุศยา แสงเดช34 ไดก้ ล่าวถึง ขอ้ จำกดั ของบทเรียนสำเร็จรูป สรปุ ไดด้ ังน้ี
๑. การใช้บทเรียนสำเร็จรูปอย่างเดียวตลอด ทำให้นักเรียนขาดการติดต่อ
ซึ่งกนั และกนั ไมส่ ง่ เสรมิ การเรียนรู้ซง่ึ กนั และกัน
๒. บทเรียนสำเร็จรูปเหมาะสมสำหรับเนื้อหาท่ีเป็นความจริง หรือความรู้
พนื้ ฐานมากกว่าทต่ี อ้ งการความคิดเห็นและรเิ ร่มิ
๓. ทำให้นักเรยี นขาดทกั ษะการเขยี นหนงั สือ เพราะนักเรียนจะเขียนเฉพาะ
คำตอบเทา่ นน้ั
๔. การใช้บทเรียนสำเร็จรปู ในช้ันเรียน จะมีลักษณะเป็นผู้ช่วยครูมากกว่า
ท่จี ะใชแ้ ทนครู
๕. ภาษาทใี่ ช้อาจเป็นปัญหาในบางท้องถน่ิ
๖. มีส่วนท่ที ำให้เดก็ เรยี นเกง่ เบ่ือง่าย โดยเฉพาะบทเรียนสำเรจ็ รูปแบบเชิง
เสน้

33 ธีรชัย ปูรณโชติ, การสร้างบทเรียนสำเร็จรูป, พิมพ์ครั้งท่ี ๒, (กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัย, ๒๕๕๓), หนา้ ๒๖.

34 กุศยา แสงเดช, บทเรียนสำเร็จรูป คู่มือการพัฒนาส่ือการสอนท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ , ระดับ
ประถมศึกษา, (กรงุ เทพฯ : ฟสิ ิกส์เซน็ เตอร์, ๒๕๕๒), หน้า ๓๕.

๒๗

๗. การใช้บทเรียนสำเร็จรูปในช้ันเรียน ผู้ท่ีเรียนได้รวดเร็วจะเสร็จก่อน
และมีเวลาอาจมีพฤติกรรมที่รบกวนผู้อื่น ส่วนผู้ท่ีเรียนช้าบางคนอาจทำไม่เสร็จ ต้องให้ทำนอกเวลา
หรือใหไ้ ปทำท่ีบา้ นซึง่ ยากแก่การควบคมุ

๘. เด็กท่ีขาดความซอ่ื สัตย์ต่อตนเอง อาจเป็นการฝกึ ให้มลี กั ษณะนสิ ัยที่ไมด่ ี
บางอยา่ งได้ เชน่ การโกงตวั เอง เป็นต้น

ธีรชัย ปรูณโชติ35 ได้กล่าวถึง ข้อจำกัดของวิธีสอนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป
ดงั นี้

๑. เป็นวิธีสอนที่พึ่งบทเรยี นสำเร็จรูป หากไม่มีบทเรียน หรือบทเรียนไม่มี
คณุ ภาพยอมส่งผลตอ่ การเรยี นของนกั เรยี น

๒. การสร้างบทเรียนสำเร็จรูปให้มีคุณภาพท่ีดี เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา
และมีความยุ่งยากในการจดั ทำ ผู้สรา้ งจำเป็นตอ้ งมีความเข้าใจในการสร้างบทเรยี น

๓. บทเรียนสำเร็จรูปท่ีดียังมปี รมิ าณน้อย บทเรยี นสำเร็จรปู ท่ีมีคณุ ภาพไมด่ ี
พอจะไม่น่าสนใจ และจะไม่สามารถดึงดูดความสนใจของนกั เรียน และทำให้นกั เรียนเบ่อื หน่ายได้

กล่าวโดยสรุป การจัดการเรียนรู้โดยใช้บทเรียนสำเร็จรูปนั้นต้องเลือกใช้ให้เหมาะสม
โดยเนื้อหาจัดการเรียนรใู้ ห้นักเรียนน้ันควรจะทำให้นักเรยี นง่ายต่อการอ่านทำความเข้าใจด้วยตนเอง
เพื่อทีน่ กั เรียนจะสามารถเรยี นรู้ได้ดว้ ยตนเองตามศกั ยภาพของแตล่ ะบุคคล

๒.๔ การพฒั นาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
2.4.1 ความหมายของผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียน

ผลสัมฤทธิท์ างการเรียนเปน็ ความสามารถของนักเรยี นในดา้ นต่างๆ ซง่ึ เกดิ จากนักเรียน
ได้รับประสบการณ์จากกระบวนการเรียนการสอนของครู โดยครูต้องศึกษาแนวทางในการวัด
และประเมินผล การสร้างเคร่ืองมือวัดให้มีคุณภาพน้ัน ได้มีผู้ให้ความหมายของผลสัมฤทธิ์ทางการ
เรยี นไวด้ งั นี้

สมพร เช้ือพันธ์36 สรุปว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ หมายถึง
ความสามารถ ความสำเรจ็ และสมรรถภาพด้านตา่ งๆของผู้เรยี นท่ีได้จากการเรียนรอู้ ันเป็นผลมาจาก
การเรียนการสอน การฝึกฝนหรือประสบการณ์ของแต่ละบุคคลซ่ึงสามารถวัดได้จากการทดสอบ
ดว้ ยวิธีการตา่ งๆ

พิมพั นธ์ เดชะคุปต์ 37 กล่าวว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหมายถึงขนาด
ของความสำเรจ็ ท่ีได้จากกระบวนการเรยี นการสอน

35 ธีรชัย ปูรณโชติ, การสร้างบทเรียนสำเร็จรูป, พิมพ์คร้ังท่ี ๒, (กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์
มหาวทิ ยาลัย, ๒๕๕๓), หน้า ๒๘.

36 สมพร เชื้อพันธ์, การเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน, (พระนครศรีอยุธยา : บัณฑิตวิทยาลัย
สถาบนั ราชภฏั พระนครศรีอยธุ ยา, ๒๕๔๗) หน้า ๕๓.

37 พิมพันธ์ เดชะคุปต์, การเรียนการสอนที่เน้นผู้เรยี นเป็นศูนย์กลาง, (กรุงเทพฯ : เดอะมาสเตอร์กรุ๊ป
แบเนจเม็น, ๒๕๔๘), หน้า ๕๓.

๒๘

ปราณี กองจินดา38 กล่าว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หมายถึงความสามารถ
หรอื ผลสำเรจ็ ที่ได้รับจากกิจกรรมการเรียนการสอนเป็นการเปลยี่ นแปลงพฤติกรรมและประสบการณ์
เรียนรู้ทางด้านพุทธิพิสัย จิตพิสัย และทักษะพิสัย และยังได้จำแนกผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนไว้
ตามลกั ษณะของวตั ถปุ ระสงคข์ องการเรียนการสอนท่แี ตกต่างกัน

มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช39 ให้ความหมายว่า การวัดผลสัมฤทธิ์ทางการ
เรียนเป็นการวัดความสำเร็จทางการเรียน หรือวัดประสบการณ์ทางการเรียนท่ีผู้เรียนได้รับจากการ
เรียนการสอน โดยวัดตามจุดมุ่งหมายของการสอนหรือวัดผลสำเร็จจากการศึกษาอบรมในโปรแกรม
ต่างๆ

ไพโรจน์ คะเชนทร์40 ให้คำจำกัดความผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนว่า คือคุณลักษณะ
รวมถึงความรู้ ความสามารถของบุคคลอันเป็นผลมาจากการเรียนการสอน หรือ มวลประสบการณ์
ทั้งปวงที่บุคคลได้รับจากการเรียนการสอน ทำให้บุคคลเกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในด้านต่างๆ
ของสมรรถภาพทางสมอง ซึง่ มีจดุ มงุ่ หมายเพือ่ เปน็ การตรวจสอบระดับความสามารถสมองของบุคคล
ว่าเรียนแล้วรู้อะไรบา้ ง และมีความสามารถด้านใดมากน้อยเท่าไร ตลอดจนผลทเี่ กิดขึ้นจากการเรยี น
การฝึกฝนหรือประสบการณ์ต่างๆ ท้ังในโรงเรียน ที่บ้าน และสิ่งแวดล้อมอ่ืนๆ รวมทั้งความรู้สึก
คา่ นิยม จริยธรรมตา่ งๆ ก็เป็นผลมาจากการฝกึ ฝนดว้ ย

กล่าวโดยสรุป ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หมายถึง ผลที่เกิดจากกระบวนการเรียน
การสอนที่จะทำให้นักเรียนเกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม และสามารถวัดได้โดยการแสดงออก
มาทง้ั ๓ ด้าน คือ ดา้ นพุทธพิ สิ ัย ดา้ นจิตพิสยั และด้านทกั ษะพสิ ยั

2.4.2 การวัดผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียน
อุทุมพร จามรมาน41 กล่าวถึง หลักการวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนว่า คือการพยายาม

ท่ีจะทำการวัดให้ได้ผลตรงตามจุดมุ่งหมายของการเรียนการสอน ตรงตามเนื้อหาสาระและวิธีการ
ท่ีครูจัดประสบการณ์การเรียนการสอน ดงั นั้น การวดั ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียน จึงตอ้ งมุ่งหวงั ท่ีการทำ
ความเข้าใจกับจุดมุ่งหมายหลักสูตรระดับต่างๆ การจัดการศึกษาตลอดจนการเรียนการสอน
และเทคนิควิธกี ารวดั ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียน

อารมณ์ เพชรชื่น42 ได้กล่าวว่า การวัดผลสัมฤทธิ์ท่ีนิยมใช้กันแพร่หลายในโรงเรียน
สว่ นมากจะวดั กันมากในด้านเนอ้ื หา เป็นการทดสอบในด้านวชิ าความรู้ ความจำ ความเข้าใจ การวัด

38 ปราณี กองจินดา, การเปรียบเทียบผลสัมฤทธท์ิ างการเรียน, (พระนครศรีอยุธยา : บัณฑิตวิทยาลัย
มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏพระนครศรอี ยธุ ยา, ๒๕๔๙), หน้า ๔๒.

39 มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช , kruoiysmarteng, สืบค้นเมื่อ ๖ เดือนมกราคม ๒๕๕๖ ,
จาก dhttps://kruoiysmarteng. blogspot.com.

40 ไพโรจน์ คะเชนทร์, การเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์,
(กรุงเทพมหานคร : มหาวิทยาลัยรามคำแหง, ๒๕๖๑), หน้า ๗.

41 อุทุมพร จามรมาน, การวิจัยเพ่ือพัฒนาการเรียนรู้ ปฏิบัติการวิจัยในชั้นเรียน, พิมพ์ครั้งท่ี ๓,
(กรงุ เทพฯ : ครุศาสตร์มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏพระนคร, ๒๕๔๔), หน้า ๓๔.

42 อารมณ์ เพชรชืน่ , หลักสูตรและการสอนคณิตศาสตร์, (กรุงเทพฯ : พัฒนาคุณภาพวิชาการ, ๒๕๒๗),
หนา้ ๔๐-๔๑.

๒๙

ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในคร้ังนี้ เป็นการวัดความสามารถของนักเรียนก่อนและหลังการเรียน
โดยวิธกี ารจัดการเรียนร้แู บบร่วมมอื โดยการตรวจสอบพฤตกิ รรมของผูเ้ รียนในด้านต่างๆ

สำหรับพฤติกรรมที่ผู้วิจัยใช้เป็นแนวทางในการสร้างข้อสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน
ในครัง้ นี้โดยวัดพฤตกิ รรม ๔ ด้าน ดงั ต่อไปน้ี

๑) ความรู้ ความจำ หมายถึง ความสามารถในการเรียนการระลึกถึงซ่ึงเรื่องราวท้ัง
ปวงของประสบการณ์ทผี่ ่านมา รามท้ังสง่ิ ทส่ี นั พนั ธ์กนั กับประสบการณน์ ้นั ๆ ดว้ ย

๒) ความเข้าใจ หมายถึง ความสามารถในการแปลความ ตีความ และสรุปความ
เกย่ี วกับสิ่งตา่ งๆ ท่ีได้เหน็ หรอื เรือ่ งราวและเหตุการณ์ตา่ งๆ ทีไ่ ดร้ บั อยา่ งถกู ต้อง

๓) การนำไปใช้ หมายถึง ความสามารถที่จะนำความรู้และความเข้าใจสิ่งท่ีเรียนไป
แล้วไปใชใ้ นสถานการณ์ใหมๆ่ ทค่ี ล้ายคลงึ กนั ได้อย่างถูกต้องเหมาะสม โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ การนำไปใช้
ในชีวิตประจำวัน

๔) การวิเคราะห์ หมายถึง ความสามารถในการแยกแยะเร่ืองราวใดๆ ออกเป็น
ส่วนยอ่ ยๆ มคี วามเกีย่ วพันกันอยา่ งไร

กล่าวโดยสรุป การวัดให้ได้ผลตรงตามจุดงหมายของการเรียนการสอน ตรงตามเนื้อหา
สาระและวิธีการทค่ี รูจัดประสบการณ์การเรยี นการสอน ดงั น้ัน การวดั ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน จงึ ต้อง
มุง่ หวงั ที่การทำความเข้าใจกบั จดุ มุ่งหมายหลักสตู รระดบั ตา่ งๆ

๒.๕ การสร้างแบบวัดความพึงพอใจ

ความหมายของแบบวัดความพึงพอใจ
ความพึงพอใจในการเรียนและผลการเรยี น จะมีความสัมพันธ์กันในทางบวก ทั้งนี้ข้ึนอยู่กับ
กิจกรรมท่ีผู้เรียนได้ปฏิบัตินั้น ทำให้ผู้เรียนได้รับการตอบสนองความต้องการทางด้านร่างกาย
และจิตใจ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้เกิดความสมบูรณ์ของชีวิตมากน้อยเพียงใด นั่นคือ
สิ่งทค่ี รูผ้สู อนจะคำนงึ ถึงองค์ประกอบตา่ งๆในการเสรมิ สร้างความพึงพอใจในการเรยี นรใู้ ห้กบั ผู้เรยี น
ราชบัณฑิตปิยะสถาน43 ได้ให้ความหมายวา่ ความสำเร็จในชีวิตของคนปจั จุบันมิได้วัดด้วย
ความสุข หรือความพึงพอใจจากภาวะภายใน หากเอาปัจจัยภายนอก หรือค่านิยมที่คนทั่วไปยึดถือ
เป็นเกณฑ์กำหนด
พัฒนา พรหมณ44 ได้ให้ความหมายว่า ภาวะของอารมณ์ ความรู้สึกร่วมของบุคคลท่ีมี
ต่อการเรียนรู้ประสบการณ์ที่เกิดจากแรงจูงใจ ซึ่งเป็นพลังภายในของแต่ละบุคคล อันเป็น
ความสัมพนั ธ์ ระหวา่ งเป้าหมายท่คี าดหวงั และความตอ้ งการ ด้านจติ ใจ นำไปสูก่ ารคน้ หาสง่ิ ทต่ี ้องการ
นางสาววิจิตรา พลสำโรงคณะและคณะ45 ได้ให้ความหมายว่า ความสำคัญของความ
พึงพอใจ เป็นปัจจัยสำคัญท่ีช่วยให้งานประสบผลสำเร็จโดยเฉพาะ เป็นงานเกี่ยวกับการให้บริการ

43 ราชบัณฑิตปิยะสถาน, ความพึงพอใจ, สืบค้นเมื่อ ๑๑ เดือนธันวาคม ๒๕๖๔, แหล่งท่ีมา
https://dictionary.sanook.com.

44 พัฒนา พรหมณ, ภาวะของอารมณ์, สบื ค้นเมื่อ๑๑ เดือนธันวาคม ๒๕๖๔, แหล่งที่มา, ttps://so๐๖.
tci-thaijo.org.

๓๐

ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญประการแรกท่ีเป็นตัวบ่งชี้ถึงความก้าวหน้าของงาน และเป็นปัจจัยในการพัฒนา
คุณภาพของการบริการและการดำเนินงานบริการให้ประสบผลสำเร็จ เพ่ือสร้างและรักษาความรู้สึก
ที่ดีต่อบุคคลทุกคนท่ีเกี่ยวข้องกับการบริการ และเป็นตัวขับเคล่ือนในการทำงานเพ่ือให้ผู้ปฏิบัติงาน
มีกำลังใจทจ่ี ะปฏิบัตงิ านตอ่ ไป

มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี 46 ความพึงพอใจในการปฏิบัติงานหมายถึง ความรู้สึกท่ีดี
เจตคติที่ดีและมีความสุขต่อการปฏิบัติงานที่มีต่อส่ิงแวดล้อมภายในองค์กรโดยมีองค์ประกอบต่างๆ
เช่น ความมั่นคงในอาชีพ ขนาดของหน่วยงาน ลักษณะของงาน ความก้าวหน้าในงานและอ่ืนๆ
ซ่ึงจะส่งผลให้การทำงานน้ันประสบผลสำเร็จ สนองนโยบายและบรรลุวัตถุประสงค์ขององค์กร
กอ่ ใหเ้ กิดการพัฒนาข้นึ ในองค์กรอย่างตอ่ เนือ่ ง

กล่าวโดยสรุป ความพึงพอใจท่ีเกิดจากความต้องการ อยากท่ีจะมีให้พอในระดับท่ีเกิด
เป็นความร้สู ึกพอใจ ไมว่ ่าจะเป็น อาชพี ฐานะ คู่คอง จนก่อให้เกิดความรสู้ กึ ทีด่ ีตอ่ สิง่ ท่ีมี

๒.๖ งานวิจยั ทเ่ี ก่ียวข้อง

เกษมศรี บุญพอ47 ได้พฒั นาบทเรียนสำเร็จรปู เร่อื ง กฎหมายนา่ รู้ ช้นั มัธยมศกึ ษา ปีท่ี ๓
พบว่า บทเรียนสำเร็จรูปที่สร้างข้ึนมีประสิทธิภาพ ๙๓.๖๖/ ๙๕.๐๘ ๒ ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน
ของนักเรยี นช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๓ หลังเรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูปสูงกว่าก่อนเรยี นอย่างมีนัยสำคัญ
ทางสถิตทิ ร่ี ะดับ .๐๑

เสง่ียม แสนสุด48 ได้สร้างบทเรียนโปรแกรมวิชาสงั คมศึกษาเร่ือง ประวัติศาสตร์สมยั อยุธยา
สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๒ พบว่า บทเรยี นสำเร็จรูปที่สร้างข้ึนมีคุณภาพอยู่ในระดับมาก
โดยมีคา่ เฉลยี่ ๔.๐๒ มีประสิทธิภาพ เท่ากบั ๘๗.๒๗/๘๒.๕๑ ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนของนักเรียนที่
เรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูปหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ .๐๑
และนกั เรยี นท่ีเรยี นดว้ ยบทเรยี นสำเร็จรูปมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก

อาภาภรณ์ อนิ เสมียน49 ไดพ้ ฒั นาบทเรียนสำเรจ็ รูปประกอบการ์ตูน เรื่อง อรยิ สจั ๔ กลุ่ม
สรา้ งเสรมิ ประสบการณ์ชวี ติ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๔ พบว่า บทเรียนสำเรจ็ รูป ประกอบการต์ นู เรอ่ื ง
อริยสัจ ๔ กลุ่มสรา้ งเสริมประสบการณช์ วี ติ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๕ มีคุณภาพ อย่ใู นระดบั มาก โดยมี

45 นางสาววิจิตรา พลสำโรงคณะและคณะ, ความสำคัญของความพึงพอใจ, สืบค้นเมื่อ๑๑ เดือน
ธนั วาคม ๒๕๖๔, แหล่งท่ีมา, http://www.mbuisc.ac.th.

46 มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เทพสตร,ี ทฤษฎที ่ีเกี่ยวกับความพึงพอใจ, สืบค้นเม่อื ๑๑ เดือนธันวาคม ๒๕๖๔,
สขร.http://www.oic.go.th.

47 เกษมศรี บุญพอ, การพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง กฎหมายน่ารู้ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓,
วิทยานิพนธ์ กศ.ม. (หลกั สูตรและการสอน), (มหาสารคาม : บณั ฑติ วทิ ายาลยั มหาสารคาม, ๒๕๕๐), หนา้ ๗๔.

48 เสง่ยี ม แสนสุด, การสร้างบทเรียนโปรแกรมวิชาสังคมศึกษาเร่ือง ประวตั ศิ าสตรส์ มัยอยธุ ยา สำหรับ
นักเรียนช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๒ , วิทยานิพนธ์ ศษ.ม. (ประถมศึกษา), (ขอนแก่น : บัณฑิตวิทยาลัย
มหาวทิ ยาลัยขอนแก่น, ๒๕๕๑), หน้า ๗๔.

49 อาภาภรณ์ อินเสมยี น, การพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูปแบบประกอบภาพการ์ตนู เร่อื ง อริยสัจ ๔ กลุ่ม
สร้างเสริมประสบการณ์ชีวิต ช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๔, วิทยานิพนธ์ กศ.ม. (หลักสูตรการสอน), (มหาสารคาม :
บณั ฑติ วทิ ยาลัย มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม, ๒๕๕๑), หน้า ๖๗-๖๘.

๓๑

คา่ เฉลยี่ ๓.๙๑ มีประสิทธิภาพเทา่ กับ ๘๗.๖๖/๘๔.๔๐ ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี น หลงั เรียนสูงกวา่ กอ่ น
เรยี นอยา่ งมีนยั สำคัญทางสถติ ทิ รี่ ะดบั .๐๑ และนกั เรียนมคี วามพึงพอใจอยู่ในระดบั มาก

ศรีเรือน ใกล้ชิด50 ได้พฒั นาบทเรยี นสำเร็จรูป เร่อื ง การพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูป กลมุ่ สาระ
การเรียนรู้สังคม ศาสนา และวัฒนธรรม สำหรับนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีที่ ๓ พบว่า บทเรียน
สำเร็จรูปท่ีสร้างข้ึนเพ่ือใช้จัดกิจกรรมการเรียนการสอนมีค่าประสิทธิภาพเท่ากับ ๘๗.๙๓/๘๖.๗๘
ซ่ึงสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด แสดงว่าบทเรียนสำเร็จรูป กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา
และวฒั นธรรม สำหรับนักเรยี นชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ ๒ มปี ระสทิ ธภิ าพตามเกณฑท์ รี ะดบั ๘๐/๘๐

จกั รพงศ์ วงศ์จันทรแ์ ดง51 ได้พัฒนาบทเรยี นสำเร็จรูป เรื่อง การพัฒนาบทเรยี นสำเร็จรูป
ประกอบภาพการ์ตูน โดยการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD เรื่อง อาณาจักรสุโขทัย กลุ่มสาระ
การเรียนรู้สังคมศึกษาศาสนา และวัฒนธรรม ช้ันประถมศึกษาปีที่ ๔ พบว่า การพัฒนาบทเรียน
สำเร็จรูปประกอบภาพการ์ตูนโดยการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD เรื่อง อาณาจักรสุโขทัย
กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ช้ันประถมศึกษาปีที่ ๔ ที่พัฒนาขึ้น
มปี ระสิทธิภาพเท่ากบั ๘๙.๔๔/๘๘.๓๓ ซ่งึ สูงกวา่ เกณฑท์ ี่ตัง้ ไว๘้ ๐/๘๐

ฐาปนพงศ์ หงษ์ภู52 ได้พัฒนาบทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง การพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูป
ร่วมกับเทคนิค SDL เร่ือง การเรียนรู้สู่ประชาคมอาเซียน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๖
เพื่อพัฒนาความมีวินัยในตนเอง ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และความคงทนในการเรียนรู้ พบว่า
บทเรียนสำเร็จรูปร่วมกับเทคนิค SDL เร่ือง การเรียนรู้สู่ประชาคมอาเซียน สำหรับนักเรียนชั้น
ประถมศึกษาปีที่ ๖ มีประสิทธิภาพเท่ากับ ๘๐.๒๔/๘๔.๖๕ สูงกว่าเกณฑ์ ซึ่งผานเกณฑมาตรฐาน
๘๐/๘๐ ท่ีกำหนดไว

อรอนงค มัยรัตนเ์ กศินี โสขุมา,วินยั ชุมช่ืน53 ได้พัฒนาบทเรยี นสำเร็จรูป เรื่อง การพัฒนา
บทเรียนสำเร็จรูปเร่ือง วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา สาระสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ พบว่า บทเรียนสำเร็จรูปท่ีสรงขึ้นมีค่าเฉลี่ยประสิทธิภาพ E๑/E๒ เทากับ
๘๓.๐๐/๘๒.๘๐ ซงึ่ ผา่ นเกณฑมาตรฐาน ๘๐/๘๐ ท่กี ำหนดไว

50 ศรีเรือน ใกล้ชิด, การพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูป กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคม ศาสนา และวัฒนธรรม
สำหรับนกั เรยี นชั้นประถมศึกษาปที ี่ ๓, วทิ ยานิพนธ์ ค.ม. (หลกั สูตรและการสอน), (จันทบุรี : มหาวทิ ยาลัยราชภัฏ
ราํ ไพพรรณี, ๒๕๕๗), หน้า ๗๐.

51 จักรพงศ์ วงศ์จันทร์แดง, การพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูปประกอบภาพการ์ตูน โดยการเรียนรู้แบบ
ร่วมมือเทคนิค STAD เรื่อง อาณาจักรสุโขทัย กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษาศาสนา และวัฒนธรรม
ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี ๔, วทิ ยานพิ นธ์ ค.ม. (มหาสารคาม : มหาวทิ ยาลัยราชภัฏมหาสารคาม, ๒๕๕๘), หน้า ๙๗.

52 ฐาปนพงศ์ หงส์ภู, การพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูปร่วมกับเทคนิค SDL เร่ือง การเรียนรู้สู่ประชาคม
อาเซียน สำหรับนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๖ เพ่ือพัฒนาความมีวินัยในตนเอง ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
และความคงทนในการเรยี นรู้, วทิ ยานิพนธ์ ค.ม. (การวิจยั และพฒั นาการศึกษา), (สกลนคร : มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏ
สกลนคร, ๒๕๕๙), หน้า ๑๓๙.

53 อรอนงค์ มัยรัตน์,เกศินี โสขุมา,วินัย ชุมชื่น, การพัฒนาบทเรียนสําเร็จรูป เรื่องวันสําคัญ
ทางพระพุทธศาสนา สาระสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปท่ี ๓, นักศึกษาหลักสูตรครุ
ศาสตรมหาบัณฑิต, สาขาวิชาวิจัยและประเมินผลการศึกษา, คณะครุศาสตรมหาวิทยาลัยราชภัฏหมูบานจอมบึง,
๒๕๖๑ หนา้ ๑๑๓.

๓๒

กมลณัฐ พิชัย54 ได้พัฒนาบทเรียนสำเร็จรูป เรื่องวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา
กลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม สำหรับนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๕/๓

โรงเรียนอนุบาลวังม่วง อำเภอวังม่วง จังหวัดสระบุรี พบว่า ประสิทธิภาพของบทเรียนสำเร็จรูป
ทีส่ รา้ งข้ึนมคี า่ ประสทิ ธภิ าพเท่ากบั ๘๕.๔๓/๘๒.๘๖ ซึ่งผ่านเกณฑมาตรฐาน ๘๐/๘๐ ท่กี ำหนดไว

กล่าวโดยสรุป จาการศึกษางานวิจันท่ีเก่ียวข้อง กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา
และวัฒนธรรม โดยเฉพาะความสำคัญของศาสนามีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับนักเรียน
จึงได้สร้างและพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูป กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม

ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๒ เร่ือง ความสำคัญของศาสนา และบทบาทต่อประเทศไทย เอกสาร
และผลการวจิ ยั ที่เก่ียวขอ้ งมาใชใ้ นการดำเนนิ งานสร้างและพัฒนานวตั กรรม เพ่ือเปน็ สอ่ื ในการจดั การ

เรียนรู้ให้กบั นกั เรยี นอยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ

๒.๗ กรอบแนวคิดงานวิจยั

การวิจัยเร่ือง การพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูป รายวิชาศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม กลุ่มสาระ
การเรยี นรู้สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม สำหรบั นกั เรียนช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ ๒ โรงเรียนพระธาตุ
ขามแกน่ พทิ ยาลัย โดยใช้ การคิดเชงิ วพิ ากษ์ (Critical Thinking)

ตวั แปรตน้ ตัวแปรตาม

การจัดกิจกรรมการเรียน โดยใช้ ๑. การสรา้ งและพฒั นาบทเรียนสำเรจ็ รูป
บทเรียนสำเสร็จรูป โดยใช้รูปแบบ ๒. ผลสัมฤทธิ์ รายวชิ าศาสนา ศีลธรรม จรยิ ธรรม
การจัดการเรียนการสอนแบบ การคิด ๓. ความพึงพอใจของนักเรียนช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๒
เชงิ วิพากษ์ (Critical Thinking)
โรงเรียนพระธาตขุ ามแกน่ พทิ ยาลยั

ภาพที่ 2.1 กรอบแนวคดิ งานวจิ ยั

54 กมลณัฐ พิชัย,นภาภรณ์ ธัญญา, การพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูป เร่อื งวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา
กลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม สำหรับนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีที่ ๕/๓ โรงเรียน
อนุบาลวงั มว่ ง อำเภอวงั มว่ ง จงั หวดั สระบุรี, นักศึกษา : มหาวิทยาลัยเวสเทริ น์ , ๒๕๖๒, หนา้ ๑๐๘.

บทท่ี ๓

ระเบยี บวธิ วี จิ ัย

การพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูป รายวิชาศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคม
ศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๒ โรงเรียนพระธาตุขามแก่น
พิทยาลัย โดยใช้ทักษะการคิดเชิงวิพากษ์ (Critical Thinking) รายวิชา ส ๒๒๑๐๑ สังคมศึกษา
ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๒ โรงเรียนพระธาตุขามแกน่ พทิ ยาลัย ผู้วิจัยมวี ิธีการดำเนนิ การวจิ ัย ดังน้ี

๓.๑ รปู แบบการวจิ ยั
๓.๒ ประชากรและกลุม่ เป้าหมาย
๓.๓ เคร่ืองมือทใี่ ชใ้ นการวิจยั
๓.๔ การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู
๓.๕ การวิเคราะห์ขอ้ มลู
๓.๖ สถิติท่ใี ชใ้ นการวเิ คราะห์ขอ้ มลู ๗๗

๓.๑ รูปแบบการวจิ ัย

การวิจัยเร่ืองการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชาศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม
กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๒
โรงเรียนพระธาตุขามแก่นพิทยาลัย โดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป ทักษะการคิดเชิงวิพากษ์ (Critical
Thinking) เป็นงานวิจัยเชิงทดลอง (Experimental Research) โดยงานวิจัยในคร้ังนี้เคร่ืองมือท่ีใช้
คือ บทเรียนสำเร็จรูป แผนการจัดการเรียนรู้ แบบวัดผลผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ใช้ในการพัฒนา
ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน และแบบประเมินความพึงพอใจ ในการวัดความพึงพอใจของนักเรียนท่ีมี
ต่อบทเรยี นสำเรจ็ รปู ของนักเรยี นชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ ๒ โรงเรียนพระธาตขุ ามแก่นพทิ ยาลัย

๓.๒ ประชากรและกล่มุ เปา้ หมาย

ประชากร คือ นักเรียนโรงเรียนพระธาตุขามแก่นพิทยาลัย ตำบลบ้านขาม อำเภอน้ำพอง
จังหวัดขอนแก่น จำนวนทัง้ หมด ๑๖๗ คน

กลุ่มเป้าหมายท่ีใช้ในการวิจัยคร้ังน้ี คือ นักเรียนในกลุ่มสาระการเรยี นรู้สังคมศึกษา ศาสนา
และวฒั นธรรม ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ ๒ โรงเรียนพระธาตขุ ามแกน่ พิทยาลยั จำนวน ๓๙ คน

๓๔

๓.๓ เครอ่ื งมอื ท่ใี ช้ในการวจิ ยั

๓.๓.๑ เครอ่ื งมือทใี่ ชใ้ นการวจิ ัย
๑) แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม

สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ โรงเรียนพระธาตุขามแก่นพิทยาลัย จำนวน ๓ แผน
แผนการจดั การเรียนรูล้ ะ ๑ ช่วั โมง รวมเวลาเรยี น ๓ ช่ัวโมง มีรายละเอยี ด ดงั นี้

หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๒ เรื่อง ความสำคัญของศาสนา และบทบาทตอ่ ประเทศไทย
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๑ เร่ือง อธิบายการเผยแผ่พระพุทธศาสนาหรือ

ศาสนาทต่ี นนบั ถือสู่ประเทศไทย
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๒ เร่ือง วิเคราะห์ความสำคัญของพระพทุ ธศาสนา

หรอื ศาสนาทีต่ นนบั ถือทม่ี ผี ลตอ่ สภาพแวดลอ้ มในสงั คมไทยรวมทัง้ การพัฒนาตนและครอบครัว
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๓ เรื่อง วิเคราะห์พุทธประวัติตั้งแต่ประสูติจนถึง

บำเพญ็ ทุกรกริ ิยา หรือประวตั ิศาสดาทต่ี นนับถอื
๒) บทเรียนสำเร็จรูป กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม สำหรับ

นักเรยี นช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ ๒ โรงเรียนพระธาตขุ ามแกน่ พิทยาลัย จำนวน ๓ ชุด ประกอบดว้ ย
ชุดท่ี ๑ การเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาหรอื ศาสนาท่ีตนนับถือสปู่ ระเทศไทย
ชุดท่ี ๒ วิเคราะห์ความสำคัญของพระพุทธศาสนาหรือศาสนาที่ตนนับถือที่มีผล

ต่อสภาพแวดล้อมในสังคมไทย
ชุดท่ี ๓ วิเคราะห์พุทธประวัติต้ังแต่ประสูติจนถึงบำเพ็ญทุกรกิริยา หรือประวัติ

ศาสดาทตี่ นนบั ถือ
๓) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน แบบทดสอบ

วัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน รายวิชาศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา
ศาสนา และวัฒนธรรม สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ โรงเรียนพระธาตุขามแก่นพิทยาลัย
เปน็ แบบปรนัย ๔ ตัวเลอื ก จำนวน ๓๐ ข้อ

๔) แบบสอบถามความพึงพอใจ ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๒ โรงเรียนพระธาตุ
ขามแก่นพิทยาลัย ท่ีได้รับการจัดการเรียนการสอนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป กลุ่มสาระการเรียนรู้
สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม จำนวน ๑๐ ข้อ

๓.๓.๒ การสร้างและหาประสิทธิภาพของเครื่องมือทีใ่ ช้ในการวจิ ัย
3.3.2.๑ ศึกษากรอบเนื้อหาเก่ียวกับการทำแผนการจัดการเรียนรู้และการสร้าง

บทเรียนสำเร็จรูป กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม สำหรับนักเรียน
ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ ๒ โรงเรียนพระธาตขุ ามแก่นพิทยาลัย เร่ือง ความสำคัญของศาสนา และบทบาท
ตอ่ ประเทศไทย มขี น้ั ตอน ดงั น้ี

๑) ศึกษาเอกสารหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ของกระทรวงศึกษาธิการเกี่ยวกับ
คุณภาพผู้เรียน สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ ประเด็นการเรียนรู้ และการประเมินผลการเรียนรู้
ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๒ โรงเรยี นพระธาตุขามแกน่ พทิ ยาลัย

๓๕

๒) กำหนดกรอบเนื้อหา กิจกรรม จุดประสงค์การเรียนรู้ ตัวชี้วัดในการเขียน
แผนการจัดการเรยี นรู้ของบทเรียนสำเรจ็ รูป กลมุ่ สาระการเรยี นรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
สำหรบั นักเรียนช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๒ โรงเรียนพระธาตขุ ามแก่นพทิ ยาลยั

๓) กำหนดกิจกรรมการเรียนรู้ สื่อ แหล่งเรียนรู้ การวัดผลและการประเมินผล
ในแผนการจัดการเรียนรู้ของบทเรียนสำเร็จรูป กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา
และวฒั นธรรม สำหรับนักเรียนชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๒ โรงเรยี นพระธาตุขามแกน่ พทิ ยาลยั

3.3.2.2 การสร้างแผน หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 เร่ือง ความสำคัญของศาสนา
และบทบาทตอ่ ประเทศไทย

๑) ศึกษาการออกแบบการเขียนแผนการจัดการเรียนรู้ของบทเรียนสำเร็จรูป
กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒
โรงเรียนพระธาตุขามแก่นพิทยาลัย จากหนังสือ เอกสาร และหลักการสร้างบทเรียนสำเร็จรูป
เพอื่ ใชเ้ ปน็ แนวทางในการเขยี นต่อไป

2) จัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา
และวัฒนธรรมสำหรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๒ โรงเรียนพระธาตุขามแก่นพิทยาลัย ตามกรอบ
เน้ือหาสาระ ตัวช้ีวัดที่กำหนดไว้ของกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
โดยกรอบเนื้อหาและสาระของการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม อิงจากหลักสูตร
แกนกลางการศกึ ษาขั้นพืน้ ฐานพทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ มจี ำนวน ๓ แผน คือ

- แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑ เร่ือง อธิบายการเผยแผ่พระพุทธศาสนา
หรือศาสนาที่ตนนับถือสู่ประเทศไทย ค่าความเหมาะสมอยู่ท่ี 4.67 ซึ่งอยู่ในระดับความคิดเห็น
เหมาะสมมากท่ีสดุ

- แผน ก ารจัดก ารเรียน รู้ที่ ๒ เรื่อ ง วิเคราะ ห์ ค วามสำคั ญ ขอ ง
พระพุทธศาสนาหรือศาสนาท่ีตนนับถือท่ีมีผลต่อสภาพแวดล้อมในสังคมไทยรวมทั้งการพัฒนาตน
และครอบครัว คา่ ความเหมาะสมอย่ทู ่ี 5.00 ซ่งึ อยใู่ นระดับความคดิ เหน็ เหมาะสมมากท่ีสุด

- แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๓ เรื่อง วิเคราะห์พุทธประวัติต้ังแตป่ ระสูติจนถึง
บำเพ็ญทุกรกิริยา หรือประวัติศาสดาที่ตนนับถือ คา่ ความเหมาะสมอยู่ท่ี 4.33 ซึ่งอยู่ในระดับความ
คิดเห็นเหมาะสมมากที่สดุ

โดยรวมแผนการจัดการเรียนรู้ทั้ง 3 แผนการจัดการเรียนรู้ มีค่าความเหมาะสมอยู่ท่ี 4.67
ซง่ึ อยใู่ นระดบั ความคิดเหน็ มากท่ีสดุ

3) การหาคุณภาพของแผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา
ศาสนา และวัฒนธรรม สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๒ โรงเรียนพระธาตุขามแก่นพิทยาลัย
ผูว้ จิ ัยได้ดำเนินการ ดงั น้ี

3.๑) ผ้วู ิจัยนำแผนการจัดการเรียนรู้ เสนอต่ออาจารย์ที่ปรกึ ษา งานวจิ ัยศึกษา
อสิ ระทางสงั คมศกึ ษา เพ่อื ขอคำแนะนำและได้ปรบั ปรงุ แกไ้ ขตามคำแนะนำ

3.๒) นำแผนการจัดการเรียนรู้ไปใหผ้ ้เู ชีย่ วชาญจำนวน ๓ ท่าน เพ่ือตรวจสอบ
เหมะสม ของแผนการจัดการเรียนรู้จากน้ันนำมาปรบั ปรงุ แก้ไขให้สมบูรณ์ เพอื่ ตรวจสอบความ

๓๖

ถูกต้องชัดเจนอกี ครง้ั กอ่ นนำแบบทดสอบไปทดลองใช้ มีค่าความเหมาะสมของแผนการจัดการเรยี นรู้
เท่ากับ 4.67

3.๓) ปรบั เปลี่ยนแผนการจดั การเรยี นรู้ตามผู้เชีย่ วชาญ
3.3.2.๓ บทเรยี นสำเรจ็ รปู

๑) ศึกษาเอกสารหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ของกระทรวงศึกษาธิการเกี่ยวกับ
คุณภาพผเู้ รียน สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ ประเด็น การเรยี นรู้ และการประเมนิ ผลการเรยี นรขู้ อง
นักเรยี นชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ ๒ โรงเรียนพระธาตขุ ามแก่นพทิ ยาลัย

๒) กำหนดกรอบเน้ือหา กิจกรรม จุดประสงค์การเรียนรู้ ตัวช้ีวัดในการจัดทำ
บทเรียนสำเร็จรูป กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมสำหรับนักเรียนช้ัน
มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๒ โรงเรยี นพระธาตุขามแกน่ พิทยาลยั

๓) กำหนดกิจกรรมการเรยี นรู้ สื่อ แหล่งเรียนรู้ การวัดผลและการประเมนิ ผลในการ
จดั กิจกรรมการเรียนรู้ทใ่ี ชบ้ ทเรียนสำเรจ็ รูป กลมุ่ สาระการเรยี นรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม
สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๒ โรงเรียนพระธาตขุ ามแกน่ พทิ ยาลัย

๔) ศึกษาการสร้างบทเรียนสำเร็จรูป กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษาศาสนา
และวัฒนธรรม สำหรบั นกั เรียนช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ ๒ โรงเรยี นพระธาตุขามแกน่ พิทยาลยั จากหนงั สือ
เอกสารและหลักการสร้างชดุ กจิ กรรมเพ่ือใช้เป็นแนวทางในการสร้างต่อไป

๕) สร้างบทเรียนสำเรจ็ รูป กลุ่มสาระการเรยี นรู้สงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
สำหรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๒ โรงเรียนพระธาตุขามแก่นพิทยาลัย ตามกรอบเนื้อหาสาระ
ตัวชี้วัดท่ีกำหนดไว้ของกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ให้สอดคล้องกับ
บริบทโดยกรอบเน้ือหาและสาระของการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม จากหลักสูตร
แกนกลางการศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ มีจำนวน ๓ ชุด ดังน้ี

ชุดท่ี ๑ การเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาหรอื ศาสนาทต่ี นนับถือสู่ประเทศไทย
ชุดที่ ๒ วิเคราะห์ความสำคญั ของพระพุทธศาสนาหรือศาสนาที่ตนนับถือทมี่ ีผล
ตอ่ สภาพแวดล้อมในสังคมไทย
ชุดที่ ๓ วิเคราะห์พุทธประวัติต้ังแต่ประสูติจนถึงบำเพ็ญทุกรกิริยา หรือประวัติ
ศาสดาท่ีตนนับถอื
ในแต่ละชุดของบทเรียนสำเร็จรูปประกอบด้วย ๑) คำแนะนำการใช้บทเรียน
สำเรจ็ รปู ๒) จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ๓) สาระสำคัญ ๔) เนอ้ื หา ๕) แบบฝึกหดั ระหวา่ งเรียน
๖) การหาคุณภาพของบทเรียนสำเร็จรูป กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษาศาสนา
และวัฒนธรรม สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ โรงเรียนพระธาตุขามแก่นพิทยาลัย ผู้วิจัยได้
ดำเนินการ ดงั น้ี
๖.๑) ผู้วิจัยนำบทเรียนสำเร็จรปู เสนอต่ออาจารย์ทป่ี รึกษา งานวิจัยศึกษาอสิ ระ
ทางสังคมศึกษา เพอื่ ขอคำแนะนำและไดป้ รบั ปรงุ แกไ้ ขตามคำแนะนำ

๓๗

๖.๒) นำบทเรียนสำเร็จรูปไปให้ผู้เช่ียวชาญจำนวน ๓ ท่าน เพื่อตรวจสอบ
เหมาะสมของแผนการจัดการเรียนรู้จากน้ันนำมาปรับปรุงแก้ไขให้สมบูรณ์ เพ่ือตรวจสอบความ
ถกู ต้องชัดเจนอีกคร้งั กอ่ นนำแบบทดสอบไปทดลองใช้ โดยมคี ่า IOC อยรู่ ะหว่าง 0.67 – 1.00

๖.๓) ปรบั เปลยี่ นบทเรียนสำเร็จรูปตามผเู้ ชี่ยวชาญ
3.3.2.๔ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หลักการใช้บทเรียนสำเร็จรูป
กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒
โรงเรียนพระธาตุขามแกน่ พทิ ยาลยั

๑) ศึกษาหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ มาตรฐาน
การเรียนรู้ ตัวช้ีวัด สาระการเรียนรู้สาระสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมวงจร หน่วยการเรียนรู้
ที่ ๒ สาระท่ี ๒ เร่อื ง ความสำคัญของศาสนา และบทบาทต่อประเทศไทย ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี ๒

๒) วิเคราะหส์ าระการเรยี นรู้ควบคู่กบั จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ เพอื่ ให้การสรา้ งขอ้ สอบ
ในแต่ละข้อสอดคล้องกบั จดุ ประสงค์ทไ่ี ดต้ ง้ั ไว้

๓) จัดทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน หน่วยการเรียนรู้ เป็นแบบปรนัย
ชนดิ เลือกตอบ ๔ ตัวเลอื ก จำนวน ๓๕ ขอ้

๔) นำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่จัดทำข้ึนเสนอต่ออาจารย์ที่ปรึกษา
เพ่อื ตรวจสอบความถูกตอ้ งและปรบั ปรุงแกไ้ ขตามคำแนะนำ

๕) น ำแบบทดสอบที่ปรับปรุงแล้วเสน อต่อผู้เชี่ยวชาญ จำนวน ๓ ท่าน
เพื่อตรวจสอบคุณภาพโดยใช้การวิเคราะห์ค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ระหว่างข้อคำถามกับ
จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม โดยผู้เชี่ยวชาญพิจารณาข้อสอบแต่ละข้อ โดยกำหนดระดับความคิดเห็น
ดงั นี้

+๑ หมายถึง แนใ่ จว่าข้อคำถามวัดความรตู้ ามจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ขอ้ นนั้
๐ หมายถงึ ไม่แนใ่ จว่าขอ้ คำถามวัดความรู้ตามจุดประสงค์การเรียนร้ขู อ้ น้ัน
-๑ หมายถึง แน่ใจว่าขอ้ คำถามไมไ่ ด้วัดความรูต้ ามจุดประสงคก์ ารเรียนรูข้ ้อนนั้
๖) การหาคุณภาพของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิท์ างการเรียน กลุม่ สาระการเรยี นรู้
สังคมศึกษาศาสนา และวัฒนธรรม สำหรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๒ โรงเรียนพระธาตุขามแก่น
พทิ ยาลยั ผวู้ จิ ัยไดด้ ำเนนิ การ ดงั นี้

๖.๑) ผู้วิจัยนำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เสนอต่ออาจารย์
ที่ปรกึ ษา งานวจิ ยั ศกึ ษาอสิ ระทางสงั คมศกึ ษา เพอ่ื ขอคำแนะนำและได้ปรับปรงุ แก้ไขตามคำแนะนำ

๖.๒ ) น ำไป (Try out) ทดลอ งกั บนักเรียน ที่ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมาย
โรงเรยี นโคกสีพทิ ยาสรรค์ จำนวน 20 คน และนำผลคะแนนมาวเิ คราะหห์ าคา่ เฉลย่ี ความยากง่าย (P)
และค่าอำนาจจำแนก (r) ของขอ้ สอบแต่ละข้อ แล้วคดั เลอื กเอาข้อคำถามท่ีมคี ่าความยากง่ายระหวา่ ง
๐.๑๒ - ๐.๔๗ และค่าอำนาจจำแนกมีค่า 0.๑๓ - ๑.๕๓ โดยคัดเลือกข้อท่ีเข้าเกณฑ์ไว้ จำนวน
๓๐ ข้อ แล้วนำมาใช้เป็นแบบสอบ วัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หาค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบ
ทั้งฉบบั โดยใชว้ ิธกี าร ของดูเดอร์ริชารด์ สัน KR-๒๐ ไดค้ ่าความเชื่อมั่น ๐.๙๒

6.3) จากนั้นนำมาปรับปรุงแก้ไขให้สมบูรณ์ เพ่ือตรวจสอบความถูกต้อง
ชัดเจนอีกคร้งั ก่อนนำแบบทดสอบไปทดลองใช้

๓๘

3.3.2.๕ แบบสอบถามความพึงพอใจ ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๒ โรงเรียน

พระธาตุขามแก่นพิทยาลัย ที่ได้รับการจัดการเรียนการสอนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป กลุ่มสาระ

การเรยี นรสู้ งั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม

๑) ศึกษาแนวคิด ทฤษฎี เอกสาร และงานวิจัยที่เก่ียวข้อง เพื่อเป็นแนวทาง

ในการสร้างแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๒ โรงเรียนพระธาตุขามแก่น

พิทยาลัย ท่ีได้รับการจัดการเรียนการสอนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา

ศาสนา และวฒั นธรรม

๒) นำข้อมูลท่ีได้จากการศึกษามาเป็นแนวทางในการสร้างแบบสอบถาม

ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๒ โรงเรียนพระธาตุขามแก่นพิทยาลัย ท่ีได้รับ

การจัดการเรียนการสอนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา

และวัฒนธรรม ให้มีเกณฑ์ครอบคลุมองค์ประกอบของความพึงพอใจ โดยการหาค่าเฉล่ีย และค่า

เบ่ียงเบนมาตรฐาน แล้วนำค่าเฉลี่ยไปเปรียบเทียบกับเกณฑ์ในการแปลความหมายเป็นช่วงคะแนน

ดงั นี้

ค่าเฉล่ีย ระดับความคิดเหน็

๔.๕๑ - ๕.๐๐ พึงพอใจในระดับมากท่สี ดุ

๓.๕๑ - ๔.๕๐ พึงพอใจในระดบั มาก

๒.๕๑ - ๓.๕๐ พงึ พอใจในระดับปานกลาง

๑.๕๑ - ๒.๕๐ พึงพอใจในระดับนอ้ ย

๑.๐๐ - ๑.๕๐ พงึ พอใจในระดับนอ้ ยที่สุด

แล้วเปรยี บเทยี บกบั เกณฑ์ในการแปลความ ดงั น้ี

ระดบั ๕ หมายถงึ มคี วามพึงพอใจอยใู่ นระดบั มากทีส่ ดุ

ระดับ ๔ หมายถึง มีความพงึ พอใจอย่ใู นระดบั มาก

ระดับ ๓ หมายถึง มีความพงึ พอใจอย่ใู นระดับปานกลาง

ระดบั ๒ หมายถงึ มีความพึงพอใจอยู่ในระดับนอ้ ย

ระดับ ๑ หมายถึง มคี วามพึงพอใจอย่ใู นระดับน้อยทส่ี ดุ

๓) การหาคุณภาพแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๒

โรงเรียนพระธาตุขามแก่นพิทยาลัย ท่ีได้รับการจัดการเรียนการสอนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป

กลุ่มสาระการเรียนร้สู ังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม มขี ัน้ ตอน ดงั นี้

๓.๑) นำแบบสอบถามความพึงพอใจ เสนอต่ออาจารย์ที่ป รึกษา

เพ่ือขอคำแนะนำและได้ปรับปรุงแก้ไขตามคำแนะนำ

๓.๒) นำแบบสอบถามความพึงพอใจไปให้ผู้เชี่ยวชาญจำนวน ๓ ท่าน

เพ่ือตรวจสอบความเหมาะสม ของแผนการจัดการเรียนรู้จากนั้นนำมาปรับปรุงแก้ไขให้สมบูรณ์

เพ่ือตรวจสอบความถูกตอ้ งชัดเจนอกี ครัง้ ก่อนนำแบบสอบถามความพงึ พอใจไปทดลองใช้

๓.๓) ปรับเปลี่ยนแบบสอบถามความพ่ึงพอใจตามผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งมีคา่ ดัชนี

ความสอดคล้องอยทู่ ี่ 1.00

๓๙

๓.๔) นำแบบสอบถามพึงพอใจท่ีปรับปรุงแก้ไขแล้วไปใช้กับนักเรียน
กลมุ่ เปา้ หมายต่อไป

๓.๔ การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู

การดำเนินการทดลอง ผู้วิจัยได้ทำการทดลอง และเก็บข้อมูลในภาคเรียนท่ี ๒ ปีการศึกษา
๒๕๖๔ รวมทง้ั ส้นิ ๓ สปั ดาห์ โดยผวู้ จิ ยั แบง่ ออกเป็น ๔ ข้นั ตอน ดังน้ี

๓.๔.๑ ขัน้ เตรยี มกอ่ นการทดลอง

๑) ดำเนนิ การสร้างเครอื่ งมือ คือบทเรยี นสำเร็จรูป กลมุ่ สาระการเรยี นรูส้ ังคมศึกษา
ศาสนา และวัฒนธรรม สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ โรงเรียนพระธาตุขามแก่นพิทยาลัย
จำนวน ๓ ชดุ ประกอบด้วย

ชุดท่ี ๑ การเผยแผพ่ ระพุทธศาสนาหรือศาสนาที่ตนนบั ถือสูป่ ระเทศไทย
ชุดที่ ๒ วิเคราะห์ความสำคัญของพระพุทธศาสนาหรือศาสนาที่ตนนับถือ
ที่มผี ลต่อสภาพแวดลอ้ มในสงั คมไทย
ชุดท่ี ๓ วิเคราะหพ์ ุทธประวัติตง้ั แตป่ ระสตู ิจนถึงบำเพญ็ ทุกรกริ ิยา หรือประวตั ิ
ศาสดาท่ตี นนบั ถอื
๒) ผู้วิจัยช้ีแจงเกี่ยวกับบทเรียนสำเร็จรูป โดยผู้วิจัยได้แนะนำการใช้งานในกรอบ
ต่างๆ ของบทเรียนสำเร็จรูป เพื่อสร้างความเข้าใจและความพร้อมให้กับนักเรียนก่อนการทดลอง
ใชบ้ ทเรยี นสำเร็จรปู

๓.๔.๒ ขน้ั สอน

ผู้วิจัยดำเนินการสอนด้วยตนเองตามแผนการจัดการเรียนรู้ที่ได้สร้างไว้ โดยมี
ระยะเวลาทดลอง ๓ สปั ดาห์ สัปดาห์ละ ๑ ช่วั โมง รวมเวลาเรยี น ๓ ชวั่ โมง ซึง่ มขี ัน้ ตอน ดังนี้

ข้ันท่ี ๑ ครูอธิบายในหัวข้อเรื่อง การเผยแผ่พระพุทธศาสนา ผ่านส่ือการสอน
canva

ขั้นที่ ๒ ครูแบ่งนกั เรียนออกเปน็ ๓ กลุ่ม โดยแบง่ กลุ่มโดยการนับเลข ๑, ๒, ๓
เพอื่ เปน็ การคละความความสามารถของนักเรยี น โดยกำหนดให้ นักเรยี นที่นบั ไดเ้ ลข

- คนทน่ี บั ๑ ได้ เรื่องการเดนิ ทาง สายที่ ๑, ๔ และ ๗
- คนท่นี บั ๒ ได้ เร่อื งการเดนิ ทาง สายที่ ๒, ๕ และ ๘
- คนทน่ี ับ ๓ ได้ เรื่องการเดนิ ทาง สายท่ี ๓, ๖ และ ๙
ขนั้ ที่ ๓ ครมู อบหมายให้นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันสรปุ องค์ความรู้ลงในใบงาน
ท่ี ๑ ทคี่ รผู ้สู อนแจกให้ พรอ้ มให้นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ เตรียม ออกมานำเสนอผลงานหน้าชั้นเรียน
ข้ันท่ี ๔ แต่กลุ่มออกมานำเสนอผลงาน ไม่เกินกลุ่มละ ๕ นาที ครูผู้สอนกล่าว
ชมเชยนักเรียนที่ออกมานำเสนอ และให้ความร้เู พิม่ เตมิ ในหวั ข้อเรอ่ื งทไี่ ด้รบั มอบหมาย
ข้ันท่ี ๕ ครูสรุปเรื่อง การเผยแผ่พระพุทธศาสนาหรือศาสนาท่ีตนนับถือ
เข้าสู่ประเทศไทย ให้ผู้เรียนฟัง และสอบถามความเข้าใจของนักเรียน พร้อมมอบหมายให้นักเรียน
ไปศกึ ษาขอ้ มูลเร่อื ง วิเคราะหค์ วามสำคัญของพระพทุ ธศาสนาท่ีจะเรยี นในชว่ั โมงต่อไป

๔๐

๓.๔.๓ ข้นั สดุ ทา้ ยหลงั จากการสอน
1) หลักจากผู้วิจัยได้ดำเนินการสอนครบทุกแผนการจัดการเรียนรู้ ให้นักเรียน

ทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยใชแ้ บบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน หลังการใช้
บทเรยี นสำเร็จรปู จำนวน ๓๐ ข้อ

2) ให้นักเรียนทำแบบสอบถามความพึงพอใจ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๒
โรงเรียนพระธาตุขามแก่นพิทยาลัย ที่ได้รับการจัดการเรียนการสอนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป
กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษาศาสนา และวัฒนธรรม จากน้ันเก็บรวบรวมแบบสอบถามพร้อม
ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง

๓.๕ การวิเคราะห์ข้อมูล

การวิเคราะห์ข้อมูลการพัฒนาความสามารถในการคิดวิเคราะห์ ด้วยการจัดการเรียนรู้
โดยใช้โดยการคดิ เชิงวิพากษ์ (Critical Thinking) ผวู้ ิจัยได้ดำเนินการดังนี้

๓.๕.๑ วิเคราะห์ผลข้อมูลหาประสิทธิภาพของบทเรียนสำเร็จรูป กลุ่มสาระการเรียนรู้
สงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม สำหรบั นักเรียนชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ ๒ โรงเรียนพระธาตุขามแก่น
พทิ ยาลัย จากแบบฝึกหัดระหว่างเรียนบทเรียนสำเร็จรูปและแบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน
จากน้ันนำข้อมูลไปหาค่าเฉล่ีย ( ̅) ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และใช้สูตร E๑/E๒ ซ่ึงวิเคราะห์
โดยใช้โปรแกรมสำเร็จรปู ทางสถติ ิ

๓.๕.๒ วิเคราะห์แบบทดสอบระหว่างเรียน-หลังเรียนของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๒
โรงเรียนพระธาตุขามแก่นพิทยาลัย ที่ได้รับคืนมาคัดเลือกเฉพาะฉบับท่ีสมบูรณ์ กำหนดคะแนน
แบบทดสอบตามจำนวนข้อสอบ ๓๐ ข้อ จำนวน ๓๐ คะแนน นำคะแนนที่ได้ไปวิเคราะห์
ด้วยโปรแกรมสำเร็จรูปคอมพิวเตอร์ เพ่ือใช้วิเคราะห์หาค่าสถิติตามจุดมุ่งหมาย นำคะแนนท่ีได้มา
วิเคราะห์โดยใช้ ค่าร้อยละ (%) หาค่าเฉล่ีย ( ̅) และค่าเบยี่ งเบนมาตรฐาน (S.D.) เป็นรายข้อ และนำ
ขอ้ มลู จากการคำนวณการทำแบบทดสอบมาเปรยี บเทียบผลสัมฤทธิ์ กอ่ นเรียน-หลังเรียน โดยใช้สถิติ
t -test

๓.๕.๓ วิเคราะห์ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๒ โรงเรียนพระธาตุ
ขามแก่นพิทยาลัย ที่ได้รับการจัดการเรียนการสอนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป กลุ่มสาระการเรียนรู้
สงั คมศึกษาศาสนา และวัฒนธรรม โดยหาคา่ เฉลีย่ ( ̅) และค่าเบีย่ งเบนมาตรฐาน (S.D.) ซ่ึงวิเคราะห์
โดยใชโ้ ปรแกรมสำเรจ็ รปู ทางสถิติ

๓.๖ สถิติท่ีใชใ้ นการวิเคราะหข์ อ้ มลู

๓.๘.๑ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ขอ้ มูล ผู้วิจัยใช้สถิติพน้ื ฐานในการวเิ คราะหข์ ้อมลู ได้แก่
ร้อยละ คา่ เฉล่ยี และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน

๑. ร้อยละ (Percentage)
๒. คา่ เฉลี่ย ( :̅ Mean)
๓. ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.: Standard Deviation)


Click to View FlipBook Version