คํานา
ํ
ไม้สนสามใบ (Pinus kesiya Royale ex Gordon) เปนไม้วงศ์ไม้สนเขา ม
ี
็
ิ
ิ
ิ
็
ี
่
ิ
ึ
ี
ิ
ถ นกําเนดในประเทศไทย และเปนไม้ที มคุณคาทางเศรษฐกจชนดหนง ซงได้มการดําเนนการ
ึ
่
ู
ปลกสร้างมาแล้ว ตั งแต่เร มแผนการพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแหงชาติฉบับที 1 จนถึง
ิ
ื
ู
ี
่
ู
ื
ุ
ปจจบัน มีพ นที ปลกทั งหมด รวม เกอบสองแสนไรทั วประเทศ หลังจากได้มการจัดตั งศนย์บํารง
ุ
ั
ี
ี
็
พันธ์ไม้สนและไม้โตเรวที บ้าน แม่สะนาม อําเภอฮอด จังหวัดเชยงใหม่ ในป พ.ศ. 2512 ทําให้ได้
ุ
ุ
ิ
ิ
ุ
ุ
มีการรเร มการปรับปรงพันธ์ไม้สนสามใบ เพื อพัฒนาให้ได้สายพันธ์ไม้สนสามใบที มีคณภาพดี
ุ
เหมาะสมกับการแปรรป โดยได้ทําการ ศึกษา ค้นคว้า วิจัย สรางแปลงทดลองต่าง ๆ และได้
้
ู
ื
ิ
ดําเนนการอย่างต่อเนองตลอดมา
ุ
ึ
ู
่
ั
ผู้เขียนในฐานะนักวิชาการปาไม้ผ้หนง ซงได้ปฏบัติงานโครงการปรบปรงพันธ ุ ์
ิ
ึ
ไม้สน มาเปนเวลานาน ได้ตระหนักถึงความสําคัญของไม้เศรษฐกิจชนดน จากประสบการณ์ของ
ี
ิ
็
ึ
่
ี
ึ
ี
ู
ผู้เขียน และข้อมลที เกยวข้องกับไม้สนสามใบ ทั งในและตางประเทศ ซงมีอยู่มากมาย จงได้เรยบ
ุ
เรยงเน อหา สาระของไม้สนสามใบประกอบด้วย ลักษณะทั วไป การกระจายพันธ์ การปรบปรง
ั
ื
ุ
ี
่
พันธ์ การจัดการเมล็ด การขยายพันธ์ การเพาะชํา การปลูกสร้างสวนปาสนสามใบ ตลอดจนการ
ุ
ุ
่
ุ
็
ี
ิ
ี
บํารงรักษา เอกสารทางวชาการเลมน นับว่าเปนเอกสารที ประกอบด้วยข้อมูลอย่างละเอยด และ
ุ
ครอบคลมของไม้ สนสามใบทั งหมด เหมาะสําหรับผู้สนใจทั วไป และบุคคลในวงการปาไม้ เพื อ
่
็
ุ
ุ
่
ใช้เปนแนวทางในการ ปลกปาและปรับปรงพันธ์ไม้สนสามใบ และหวังว่าเอกสารทางวิชาการ
ู
่
่
ิ
ี
เลมน คงจะเปนประโยชน์ สําหรับด้านวชาการปาไม้ ในการศึกษาค้นคว้าและวิจัยต่อไปใน
็
อนาคต
สมเกยรติ กลั นกล น
ี
ิ
กรกฎาคม
1
ลักษณะทั วไปของสนสามใบ
ู
ิ
ู
็
ื
ึ
่
สนสามใบ ตามธรรมชาติจะข นอยู่ในปาผลัดใบบรเวณภเขาสง ซงเปนพ นที ต้นนํ าลําธาร
ึ
ี
ุ
โดยเฉพาะในสภาพพื นทที เสอมโทรมและพังทลาย ตลอดจนในพื นทที มีการบุกรกทําลายก็
ี
ื
็
ิ
็
็
ึ
ื
สามารถพบเหนกล้าสนสามใบขึ นอยู่ทั วไป สนสามใบเปนไม้โตเรวในเขตร้อนชนดหนง เน อไม้
ี
ี
็
์
มีลายสเหลืองอ่อนสวยงาม มีคณสมบัติเหมาะสมในการเปนไม้วเนยร และใช้ในอตสาหกรรม
ุ
ุ
ี
ุ
์
เครองเรอนและเฟอรนเจอรตบแตงภายใน นอกจากน ด้วยคณสมบัติ ที มเยื อใยยาวเหมาะสมกับ
่
์
ิ
ี
ื
ี
ื
ิ
็
การใช้เปนวัตถุดบในการทําเยื อกระดาษ ซึงรฐบาลเองก็เลงเหนความสําคัญของอุตสาหกรรม
ั
็
็
ุ
ผลตเยื อกระดาษจากไม้สน ที จะเกดขึ นในอนาคตและความสามารถที ปลูกปาเพื อการอนรักษ์ต้น
่
ิ
ิ
ิ
่
้
ู
่
นํ า ประกอบกับคณค่าที จะตอบแทนในรปปาเศรษฐกจ จงได้มีการปลกสรางสวนปาสนสามใบ
ุ
ึ
ู
ิ
่
ั
่
ุ
ื
โดยกรมปาไม้เร มตั งแต่ป 2505 จนถึงปจจบัน มีพื นที ทั งหมดรวมได้เกอบสองแสนไร กระจาย
ี
่
ตามพื นที ต้นนํ าลําธารสวนใหญในภาคเหนอของประเทศไทย และจากการนํามาทดลองปลกตาม
ื
ู
่
็
ุ
่
พื นที ต่าง ๆ ปรากฏวา การเจรญเติบโตเปนที นาพอใจ เมล็ดพันธ์ การเพาะ และการปลูกตลอดจน
ิ
่
ุ
่
ี
ุ
การบํารงรักษา มีขั นตอนที ไม่ยุ่งยากเปนไม้ท FAO ให้การสนับสนน และยังได้รับความรวมมือ
็
ื
ุ
ชวยเหลอ จากทางรัฐบาลเดนมารกผาน DANIDA จัดตั งศนย์บํารงไม้สน - ไม้โตเรวขึ น ในป ี
ู
์
็
่
่
ิ
ุ
็
พ.ศ. 2512 ทําให้เกดการพัฒนา และวิจัยเกยวกับไม้สนสามใบเปนลําดับมา ในปจจบันมีแหลง
ั
่
ี
่
เก็บเมลดพันธดจากปาธรรมชาติ มีแม่ไม้สนสามใบคณภาพด และมีสวนผลิตเมล็ดไม้พันธ์ด ี
ุ
ี
ี
ุ
์
ุ
็
ู
ุ
ั
ตลอดจนมีสวนอนรกษ์ไม้สนสามใบ ดังนั นในอนาคตการปลกสร้างสวนปา เพื ออนรักษ์และ
่
ุ
่
เศรษฐกิจควรจะใช้เมล็ดพันธ์ดที ผานการปรับปรงพันธ์มาแล้ว ใช้ในการปลูกปาต่อไป
่
ุ
ุ
ุ
ี
ชอพ นเมืองและชอทางวิทยาศาสตร
์
ื
ื
ื
สนสามใบ (Pinus kesiya Royle ex Gordon) เปนไม้อยู่ในวงศ์ Pinaceae อันดับ
็
ิ
Coniferales เปนกลมพืชที มีประวัตยาวนานมาตั งแต่ยุคดกดําบรรพ์ มีเมล็ดเปลอย
ุ่
ื
ึ
็
่
็
่
ุ
(Gymnospermae) นับวาเปนไม้เกาแกที สดในบรรดาพืชที มเมล็ดทั งหลาย คําว่า Pinus kesiya
่
ี
ี
เปนชอทางพฤษศาสตร์ท Style และ Burley (1972) ได้เรยกชอสนสามใบเปน International Code
ี
ื
็
ื
็
ิ
ี
ิ
ิ
of Botanical Nomenclature เพราะแต่เดมในประเทศ อนเดย ธเบต เหมียนหม่า ไทย ลาวและ
์
ี
ิ
ิ
ิ
เวียดนาม ใช้เรยกกันว่าPinus khasya แต่ในประเทศฟลปปนส บางสวน ของเหมียนหม่า และยู
่
์
ี
ี
นาน (ตอนใต้ของประเทศจน) เรยกว่า Pinus insularis ในขณะที นักพฤษศาสตรบางคนเรยกว่า
ี
Pinus yunnanensis
2
ื
ี
ื
ี
ื
่
สําหรับในประเทศไทยมีชอเรยกแตกตางกันดังน ชื อพ นเมองเรยกว่า สนสามใบ ภาค
ี
ี
ี
ี
ื
ื
ี
ี
กลางเรยกว่า สนเขา ภาคเหนอเรยกว่า เกยะเปลอกแดง แต่จังหวัดเชยงใหม่ เรยกว่า เกี ยะเปลือก
ี
ี
่
บาง จังหวัดแม่ฮองสอนเรยกว่า เช ยงบั ง จังหวัดเพชรบูรณ์เรยกว่า แปก ทางภาคอสานเรยก จวง
ี
ี
๋
ี
(จําลอง เพ็งคล้าย, 2518)
ื
ชอพื นเมืองของเหมียนหม่า เรยกสนสามใบว่า Tinya และยังเรยกว่า Khasi pine อินเดย
ี
ี
ี
ี
่
ื
ื
ี
เรยกชอพ นเมืองว่า Dingsa, Uchal, Far ลาวเรยกสนสามใบวา Maihing หรอ Khoua เวียดนาม
ื
ิ
์
ี
เรยกสนสามใบว่า Thong ba la, pin a trois feuilles or Langbian pine ฟลปปนสเรยกสนสามใบ
ิ
ิ
ี
ว่า Benguet pine จีนเรยกสนสามใบว่า Yannan pine.
ี
ลักษณะของสนสามใบ
ี
่
็
เปนไม้ยืนต้นขนาดกลาง - ใหญ มความสงประมาณ 35 - 45 เมตร ลําต้นตรงเปลา ม ี
ู
ี
ื
ี
ู
เรอนยอดเปนพุ่มกลม ขณะมอายุยังน้อยเรอนยอดสนสามใบจะมรปปรามิด และเมื อโตเต็ม ที มี
็
ื
ิ
ุ
ื
เรอนยอดเปนรปรม (สวิทย์ แสงทองพราว, 2516)
่
ู
็
ี
็
ื
ี
เปลือกหนา มีสชมพู หรอสนํ าตาลแดง และจะแตกหลุดออกเปนเกล็ด หรอแผ่นเมื อ ต้น
ื
มีอายุเต็มวัยแล้ว
็
ู
ี
็
ใบเปนลักษณะใบเดยว เล็กเรยวยาวเปนรปเข็ม รวมเปนกระจุก ๆ ละ 3 ใบ มีความยาว
ี
็
่
ิ
ประมาณ 12 - 25 เซนติเมตร หนาประมาณ 0.5 - 1.0 มิลลเมตร มส เขยวออนมีทอนํ ามัน 3 - 5 ท่อ
ี
ี
่
ี
ี
ื
ุ
ุ่
ุ
ต่อผิวใบ โคนของกระจกใบหรอกลมใบจะมีเยื อห้ม สนํ าตาลอมเทา ยาวประมาณ 0.5 - 1.5
เซนติเมตร
ู
็
ดอกตัวผู้ (strobili) เปนรปทรงกระบอก ยาวประมาณ 2 - 3 เซนติเมตร ออกเปนกลมรวม
ุ่
็
ี
ื
ี
่
กัน แต่ละดอกกว้างประมาณ 0.5 เซนติเมตร ระยะแรก ๆ จะมีสเหลองซด ๆ หรอนํ าตาลออน
ื
ู
่
เมื อแกจัดเกสรตัวผู้จะปลวหลดออกมา ปลวกระจายไปตามลม ดอกตัวผ้จะ ออกรอบ ๆ ปลายกิ ง
ุ
ิ
ิ
่
หางจากปลายก งประมาณ 10 - 15 เซนติเมตร ในประเทศไทย เกสรตัวผู้จะออกดอกระหว่างเดือน
ิ
พฤศจิกายน - กุมภาพันธ์
ดอกตัวเมย (conelet) จะมีสมวงอมเขียวเปนเกล็ดเล็ก ๆ เรยงสลับเวียนกัน แต่ละเกล็ด
็
ี
ี
ี
่
่
ทางด้านลางของเกล็ดมีกาบรองรับอยู่ยาวและโตประมาณ 0.8 เซนติเมตร ดอกตัวเมียเจรญเติบโต
ิ
่
ู
เต็มที จะมีรปกรวยและเกล็ดแข็ง จะออกชวงเดือนธันวาคมจนถึงต้น กุมภาพันธ์ ชวงผสมเกสรจะ
่
็
มีอยู่ระหว่างเดอน มกราคม - กุมภาพันธ์ เปนเวลา 7 วันในแต่ละต้น โดยเกล็ดเล็ก ๆ ตามดอกตัว
ื
3
ี
ิ
ี
ู
เมีย จะเปดอ้าออกรับละออง เกสรตัวผ้ ดอกตัวเมียทได้การผสมเกสรแล้ว ยังคงมขนาดเล็กอยู่ใน
่
ึ
ิ
ปแรกยาวประมาณ 2 เซนติเมตร หลังจากนั นก็จะพัฒนา cone เจรญใหญข น จนมีขนาดโต
ี
ี
ี
ี
เต็มทยาว 5-8 เซนติเมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง 4-5 เซนติเมตร ใช้เวลาอกปเศษ ๆ การพัฒนาของ
cone ตั งแต่ผสมเกสรจนถงแก่จัดใช้เวลา 23 - 25 เดือน ผลสนแก่จัด จะมีสนํ าตาล เกล็ดจะอ้าออก
ี
ึ
ิ
็
่
เปดโอกาสให้เมล็ดใต้เกล็ด 1 - 2 เมล็ด ขนาด 0.3 - 0.5 เซนติเมตร หลดรวงออกมา เมลดจะมี
ุ
ี
ี
ครบสขาวบางเปนปกอยู่ที ตอนปลายยาวประมาณ 1.5 - 2.5 เซนติเมตร ช่วยในการปลิวกระจาย
ี
็
์
ี
่
ุ
ไปตามลมและการกระจายพันธสนสามใบ ดังแสดงในภาพท 1 ช่วงที ทําการเก็บผลสนที แกจัด
่
อยู่ในชวงเดอนธันวาคม - มกราคม (Armitage and Burley,1980)
ื
่
สนสามใบมีเน อไม้สเหลองกึงนํ าตาลออน เสยนตรงเน อละเอียด ลักษณะโครงสร้าง เน อ
ี
ี
ื
ื
ื
ื
ี
ไม้ ดังแสดงในภาพท 2,3 และ 4
่
ระบบรากของสนสามใบในประเทศไทย ในสภาพปาธรรมชาติที มีสนสามใบขึ น อยู่พบ
ี
ุ่
ว่า สนสามใบมักข นเปนกลมหรอเปนดง มบางแหงขึ นกระจัดกระจาย เนองจากเมล็ด ของสน
ื
็
็
ึ
ื
่
สามใบสามารถงอกและเจรญเตบโตได้ด ในสภาพดินที มีความอุดมสมบูรณ์ตํา และ ในที โลงแจ้ง
่
ิ
ี
ิ
่
ู
ี
่
อันเนองมาจากการทําลายปา ทําไรเลื อนลอยของมนษย์ และพื นที ทถกไฟไหม้ ดังนั นสนสามใบ
ุ
ื
ี
ิ
ึ
ิ
ิ
ิ
จงเปนไม้เบกนําชนดหนง การงอกของเมล็ดเร มข นหลังจากเมล็ดที มีปก เดยวปลวออกจากผล
ึ
ี
ึ
็
่
ิ
ั
ู
(cone) ที แก่จัด ตกตามบรเวณพ นที ปา เมื อเมล็ดได้รบปรมาณ ความช นพอเพียงในฤดฝน ก็จะ
ิ
ื
ื
ิ
ี
เร มงอกทันที โดยรากจะแทงลงในดน หลังจากงอกประมาณ 10 - 15 วัน ก็จะมีใบเล ยงลักษณะ
ิ
ิ
็
ี
เปนเส้น ๆ สเขียว เกดโดยรอบ 6 - 8 เส้น ระยะน ีกล้าสนสามใบยังมีแตรากแก้วอยู่ หลังจาก 25 -
่
่
30 วัน กจะเกิดยอดออนขึ น ระบบรากก็จะเกดรากฝอยขึ นรอบ ๆ รากแก้ว เพื อใช้ดูดซับธาตุ
ิ
็
ิ
็
่
อาหารในดินหลอเลี ยง ต้นกล้า เปนระยะที กล้าสนจะต้องหาอาหารกนเอง เมื อกล้าสนอายุได้ 1 ป ี
ิ
ิ
ระบบของรากฝอย กเจรญเติบโตเต็มทแผ่กระจายตามหน้าผิวดนดังแสดงในภาพที 5 ตามสภาพ
็
ี
็
ึ
ี
ู
่
ของพื นที ในปาธรรมชาติทสนสามใบขึ นอยู่ สวนใหญจะเปนสันเขา ซงอยู่สงจากระดับนํ าทะเล
่
่
ั
ี
ี
ื
1,000 - 1,500 เมตร มไม้อนขึ นปะปนบ้างเชน ไม้กอชนดต่าง ๆ ไม้เต็ง ไม้รง ไม้เหยง ไม้พลวง
่
ิ
่
พื นดนค่อนข้างเปนทรายจัด เปนดินรวน หรอมหน กรวด ลูกรง ปะปนอยู่มาก ชั นของหน้าดน
ี
ิ
ิ
ิ
็
ื
ั
็
่
็
ตื นต่อจากชั นหน้าดนก็เปนชั นหน ระบบรากที ใช้ในการหาอาหารก็จะแผ่ กระจาย อยู่ตามบรเวณ
ิ
ิ
ิ
ิ
ชั นของหน้าดน 0 - 70 เซนติเมตร ระบบรากแก้วกหยุดพัฒนา เพราะไม่สามารถหยั งลกลงไปใน
ึ
็
ี
ิ
ู
ชั นหนได้ ตามบรเวณยอดเขาสงสนสามใบมีการพัฒนา ระบบรากดมาก เพื อไว้สาหรบต้านทาน
ํ
ั
ิ
ลม และการพังทะลายของดนตามธรรมชาติ
ิ
4
้
ภาพที 1 ลักษณะของ ดอก ผล และเมล็ดของไมสนสามใบ
ที มา : Pousujja et al., 1986.
5
้
ภาพที 2 สนสามใบ หนาตัดดาน transverse ภาพที 3 สนสามใบ หนาตัดดาน tangential
้
้
้
่
่
เห็นแถบของ earlywood และ latewood เห็นทอนํ ามัน 2 ทอ uniseriate rays
่
่
ทอนํ ามัน 2 ทอ x 100 และ earlywood ทางขวา latewood ทางซาย x 100
้
ภาพที 4 สนสามใบ หนาตัดดาน radial
้
้
เห็น rays 2 rays และ large cross-field pits x 100
ที มา : Armitage and Burley, 1980
6
ภาพที 5 การเจรญเติบโตและการพัฒนาระบบรากของกลาไมสนสามใบ
ิ
้
้
ที มา : สมยศ กิจค้า , 2530
7
์
การกระจายพันธุตามธรรมชาติของสนสามใบ
ุ
็
ื
สนสามใบ มีการกระจายพันธ์ตามธรรมชาติเปนบรเวณกว้างระหว่าง 30 องศาเหนอ
ิ
ื
ิ
ี
ิ
ี
ี
และ 12 องศาเหนอ ในเขตเอเซยตะวันออกเฉยงใต้ บรเวณประเทศเหมียนหม่า อินเดย ธเบต ลาว
ู
ิ
ิ
์
ี
ิ
เวียดนาม ไทย ฟลปปนส และจน (ดังแสดงในภาพที 6 ) สนสามใบจะขึ น อยู่ในระดับความสง
ู
่
จากระดับนํ าทะเล 750 - 2,900 เมตร สวนใหญ่แล้วจะพบว่าอยู่ในชวงความสงเกนกว่า 1,000
่
ิ
เมตร ขึ นไปที ระดับความสงที สงที สดที สนสามใบขึ นอยู่ สภาพภมิอากาศจะเปนแบบเขตอบอน
็
ุ
ู
ู
ุ่
ู
มีสภาพเกล็ดนํ าแข็งเกาะอยู่ ปรมาณความชื น ในดนแทบจะไมมีหรอมีกน้อยมาก ในขณะที สน
ิ
่
ิ
ื
็
็
ื
ิ
ิ
ุ
สามใบที ขึ นอยู่ในระดับความสงตําสด สภาพพ นที จะเปนเขตมรสมเขตร้อน ที ดนจะขาดปรมาณ
ุ
ู
็
ุ
ความช นเปนเวลาหลายเดอน ชนดดนเปนดินที ขาดธาตุอาหาร ความอดมสมบูรณ์ตํา สนสามใบ
ิ
ิ
็
ื
ื
่
็
่
ู
ี
ิ
ุ
่
เจรญเติบโต กลายเปนปาสนล้วน ๆ ในพื นทที ถกไฟปาหรอ มนษย์บุกรกทําลายแล้ว ไฟปานับ
ุ
ื
่
ว่ามีความสําคัญอย่างมากกับสนสามใบ ในการที จะขึ น แขงกับไม้ใบกว้างชนดอนในพื นที ถ้า
ื
ิ
ี
็
่
เกิดไฟไหม้ทุกป สภาพปาไม้สนก็จะกลายเปนทุ่งหญ้า ไป
การกระจายพันธุในประเทศเหมียนหมา
์
่
สนสามใบจะขึ นอยู่ตามพื นที ภเขา พบมากใน Chin และ Naga Hill ทางภาค ตะวันตก
ู
ื
ู
เฉยงเหนอของประเทศ และ Shan Hill ในภาคตะวันออก พบว่าขึ นน้อยมาก ในพื นที ราบสงของ
ี
ู
แม่นํ า Chindwind บรเวณภาคเหนอ ตะวันออกของ Myitkyina และภเขาที เปนพื นที ต้นนํ าลําธาร
ิ
ื
็
ุ
่
์
ของ Yunzalin, Sittang - Salweer ในรัฐ Karenni สนสามใบมีการกระจายพันธอยู่ในระหวาง
ู
ื
ความสง 1,500 - 2,200 เมตร จากทางทิศตะวันตก และทิศเหนอ พบว่ามีข นที ระดับความสง
ู
ึ
3,100 เมตร ที ยอดเขา Victoria ทางทิศใต้ของ Chin Hill, Arakan
ู
ู
่
็
ในเหมียนหม่า สนสามใบเปนไม้ขนาดใหญสง 30 - 45 เมตร เส้นผ่าศนย์กลาง มากกว่า
็
ึ
็
ื
95 เซนติเมตร เปลอกมีสแดงเทา แตกเปนรองลกหนา 2.5 - 4.5 เซนติเมตร ซงเปนการพัฒนาขึ น
ี
่
ึ
ู
ี
่
มาเพื อปองกันลําต้นจากไฟปา ระบบรากพัฒนาดจนสามารถขึ น อยู่บน ยอดเขาสงได้ และยืนต้น
้
ี
ื
ต้านลมแรงได้ สนสามใบในเหมียนหม่าออก ดอกในเดอน กุมภาพันธ์ - มีนาคม ผลใช้เวลา 2 ป
่
ุ
ี
จึงแก่จัดสจะเร มจาก สเขียวจนเปนสนํ าตาลใน 3 เดือน สดท้าย กอนแก่จัด ผลมีขนาดยาว 5 -7
็
ี
ิ
ี
ุ
ี
เซนติเมตร กว้าง 5 เซนติเมตร ให้เมล็ดดีทกปประมาณ 53,000 เมล็ด/กิโลกรัม อัตราการงอกร้อย
ี
ี
ละ 80 กล้าสนสามใบจะมีใบเล ยง 6 - 8 ใบ ขนาดยาว 2.5 - 3.8 เซนติเมตร ลําต้นเขียว ในปแรก
8
์
ภาพที 6 การกระจายพันธุตามธรรมชาติของไมสนสามใบ
้
ที มา : Critchfield and Little, 1966 cited in Armitage and Burley, 1980
9
ี
ู
กล้าสนจะสง 7.5 - 15 เซนติเมตร และ 30 – 45 เซนติเมตร ในปที 2 (Hundley, 1961 cited in
ิ
ื
่
่
ี
Armitage and Burley, 1980) การแพรพันธ์ตามธรรมชาตเกดได้ดในพื นที ไรเลอนลอย แต่แพร ่
ุ
ิ
ุ
ี
พันธ์ไม่ดในพ นที ที มใบสนรวงทับถมมาก และกล้าสนถ้าโดนไฟไหม้ก็จะตาย ที รอดตายจะมีลํา
ื
่
ี
ต้นคดงอ
การกระจายพันธุในประเทศอินเดีย
์
็
ิ
สนสามใบในอินเดีย ปกติจะขึ นอยู่เปนจํานวนมากในบรเวณ Khasi - Jaintia Hill (24
ื
องศา 58 ลิปดา - 26 องศา 07 ลิปดาเหนอ และ 90 องศา 45 ลปดา - 92 องศา 51 ลิปดาตะวัน
ิ
ี
ู
ออก) Naga Hill และ Manipur ในอินเดีย สนสามใบเจรญเติบโตได้ดที สดท ระดับความสง
ิ
ี
ุ
ึ
่
ู
1,200 - 1,500 เมตร ใน Manipur มีปาสนสภาพดีขึ นอยู่ถง 260 ตารางกิโลเมตร สภาพภมิอากาศท ี
ี
ไม้สนขึ นอยู่เปนเขต Subtropical จะได้รับอทธพลจาก ลมมรสมตะวันตกเฉยงใต้ และตะวันออก
ุ
ิ
ิ
็
็
ิ
ิ
ี
็
ี
เฉยงเหนอ ดินทสนสามใบขึ นอยู่จะเปนดนทราย ตามเชงเขาเปนสภาพดนกรด ระบายนํ าดี
ื
ิ
ี
่
สภาพปาที พบสนสามใบขึ นอยู่ จะมปาทุ่งหญ้า พบที ระดับความสง 1,000 - 1,500 เมตร ปาสน
่
ู
่
่
ึ
แบบกงร้อนช นพบที ระดับความสง 1,500 - 2,200 เมตร และปาดงดบบ้าง
ื
ู
ิ
ู
่
สนสามใบที พบจะมีขนาดกลาง - ขนาดใหญ สงประมาณ 21 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง 73
เซนติเมตร ออกดอกตัวผู้และดอกตัวเมยในเดอนกุมภาพันธ์ - มีนาคม ดอกตัวเมีย มีขนาดเส้นผ่า
ื
ี
ิ
ศูนย์กลาง 33 - 51 มิลลเมตร สนํ าตาลออน ผลแก่มีขนาดยาว 5 - 8 เซนติเมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง
ี
่
ิ
่
่
ขนาด 4 - 5 เซนติเมตร ผลจะแกในเดอนกุมภาพันธ์ - เมษายน ใช้เวลา 2 ป จงแกจัด ปกตจะให้
ี
ึ
ื
ี
ิ
เมล็ดสมําเสมอทุกป จํานวนของเมลดประมาณ 49,000 - 56,000 ต่อกโลกรัม กล้าสนสามใบจะม ี
็
ี
ุ
ิ
ิ
ี
ใบเล ยง 6 - 8 ใบ ยาว 25 - 40 มิลลเมตร ลําต้นสเขียวเข้ม การสบพันธ์ตามธรรมชาต จะเจรญได้ด ี
ื
ิ
ื
่
ื
ในที โลงเตียน หรอพ นที หลังจากไฟไหม้ (Troup, 1921 cited in Armitage and Burley, 1980)
การกระจายพันธุในประเทศลาว
์
สนสามใบในลาว พบขึ นอยู่มากในหลวงพระบาง และ Xieng - Khouang ที ระดับความ
ู
ื
ี
ู
ี
ึ
ู
็
สง 800 - 1,500 เมตร สภาพภมิอากาศที สนสามใบ ขึ นอยู่จะเปนทสงกงเขตร้อนช น มฝนตก
ประมาณเดือน พฤษภาคม - กันยายน อากาศหนาว ตุลาคม - กุมภาพันธ์ อากาศร้อน
10
ี
ี
ิ
ี
ู
ุ
กุมภาพันธ์ - เมษายน ปรมาณนํ าฝนเฉลยปละ 1,750 มิลลิเมตร อณหภมิเฉลยตํ ากว่า 20 องศา
ิ
ี
็
่
เซลเซยส สภาพดินเปนดนทราย ความสมบูรณ์ตํ า ระบายนํ าดี จะพบสนสามใบขึ นอยู่ในปาสน
็
ู
้
บนที สงปะปนกับ สนสองใบ สนสามใบเปน ไม้ขนาดใหญ่สง 30 - 40 เมตร มีเสนผ่าศูนย์กลาง
ู
ี
่
็
50 - 60 เซนติเมตร เปลือกสเทานํ าตาล หนาแตกเปนรอง เปนเกล็ดใหญ่ ๆ ผลมีขนาดยาว 5 - 10
็
ั
่
เซนติเมตร ผลแกในเดือน กุมภาพันธ์ - มีนาคม เมล็ดมีจํานวนประมาณ 40,000 เมล็ด/กิโลกรม
(Paguet et al ,1971 cited in Armitage and Burley, 1980)
การกระจายพันธุในประเทศเวียดนาม
์
สนสามใบ ขึ นกระจายอยู่ตามเทือกเขา Annam Cordillera ของภาคใต้ของประเทศ พบ
่
ึ
ื
ู
่
มากที ราบสง Langbian ใกล้ Dalat (12องศาเหนอ) พบวาในตอนใต้ของประเทศ มีปาสนถง
่
ู
ี
ิ
90,000 เฮกแตร์ สนสามใบจะขึ นอยู่ระดับความสง 1,000 - 2,300 เมตร ปรมาณนํ าฝนตกเฉลยตอ
ู
ี
ุ
็
ี
ึ
ี
ป 1,800 มิลลเมตร อณหภมิเฉลย 18 องศาเซลเซยส ดนทไม้สน ข นอยู่เปนดนภเขาแบบ red and
ี
ิ
ิ
ู
ิ
่
yellow podzolic มีสภาพเปนกรด สนสามใบพบว่า จะขึ นเปนปาล้วน ๆ บรเวณที ภูเขาสงจะมีไม้
็
ิ
ู
็
ึ
ตระกูลกอข นอยู่บ้าง ในที ตําลงมา จะขึ นปะปน อยู่กับสนสองใบในปาผลัดใบ สนสามใบที พบ
่
่
ขึ นอยู่ในเวียดนามเปนไม้ขนาดใหญสงกว่า 30 เมตร จนถึง 35 เมตร (Nguyen Kha, 1966 cited
็
่
ู
ิ
in Armitage and Burley, 1980) เส้นผ่าศูนย์กลาง 50 - 60 เซนติเมตร การเจรญเติบโตในระยะ 20
ิ
็
ี
ี
ิ
ปแรกเรวมาก และคงระดับการเจรญแบบน จนถึงอายุ 50 - 60 ป หลังจากนั นการเจรญเติบโตจะ
ี
ี
ลดลง ในที ดินด สนสามใบสามารถมีอายุอยู่มากกว่า 150 ป ี
สนสามใบในเวียดนนาม จะออกดอกเมื ออายุได้ 15 ปข นไป และเมล็ดจะเจรญ เติบโต
ึ
ี
ิ
ี
ได้เมื อสนมีอายุ 20 ป ออกดอกในเดือนมกราคม - กุมภาพันธ์ ดอกตัวเมียขนาดกว้าง 8 - 10
ิ
ี
ู
มิลลิเมตร รปร ยาว 3 - 4 มิลลิเมตร ผลแกยาว 8 - 10 เซนติเมตร กว้าง 4 - 5 เซนติเมตร ปรมาณ
่
ี
ี
เมล็ดเฉลย 55,000 เมล็ด/กิโลกรัม การสบพันธ์ตามธรรมชาติ กล้าสนเจรญได้ด ในพื นที ที มีการ
ุ
ิ
ื
ื
่
ทําไรเลอนลอย และพื นที ที ถูกไฟไหม้
การกระจายพันธุในประเทศไทย
์
พื นที ปาสนทั งหมด ประเทศไทยมีประมาณ 228,000 เฮกแตร มีทั งสนสามใบ และสน
์
่
สองใบ แตที มีสภาพปาสนค่อนข้างดประมาณ 28,000 เฮกแตร์ (Bryde et al, 1965 cited in
่
่
ี
11
ื
ื
ี
ิ
Armitage and Burley, 1980) สนสามใบขึ นอยู่ในบรเวณตะวันตกเฉยงเหนอ และภาคเหนอของ
ื
ประเทศ (18 องศา 47 ลปดาเหนอ - 100 องศา 50 ลิปดาตะวันออก) และบรเวณภกระดง
ู
ิ
ึ
ิ
ี
เพชรบูรณ์ และพิษณโลก ความสงทสนสามใบขึ นอยู่ระหว่าง 1,000 - 1,500 เมตร ปรมาณนํ า
ิ
ุ
ู
ฝนเฉลี ย 1,000 - 2,000 มิลลิเมตรต่อป อณหภมิเฉลย 25 องศาเซลเซยส สนสามใบที ข นอยู่ใน
ุ
ี
ี
ู
ึ
ี
ี
ึ
ู
ประเทศไทยจะขึ นปะปนกับสนสองใบ โดยสนสองใบ จะขึ นในระดับความสงทตํ ากว่าจนถง
ความสงประมาณ 1,000 เมตร จากระดับเกนกว่า 1,000 เมตร สวนมากสนสามใบจะขึ นอยู่ พบ
่
ู
ิ
ึ
ู
่
มากว่าขึ นอยู่ในปาผลัดใบที อยู่ตามภเขาสง สนสามใบ ที ข นในประเทศไทยจะเปนไม้ขนาดกลาง
็
ู
ความสงประมาณ 30 เมตร และเส้นผ่าศูนย์กลาง ประมาณ 40 เซนติเมตร ลักษณะเปลือกเปน
ู
็
ี
แผ่นบาง ๆ สนํ าตาลออกชมพู ดอกตัวเมียและ ตัวผู้จะออกดอกในเดอนธันวาคม - กุมภาพันธ์
ื
ดอกตัวเมยมีขนาดยาว 8 มิลลเมตร ผลแกจัดมขนาดยาว 6 - 7 เซนติเมตร จํานวนเมลดจะมี
ี
ี
่
็
ิ
ุ
ิ
่
ั
ประมาณ 45,000 เมล็ด/กโลกรม การขยายพันธ์ตามธรรมชาติพบวาเมลดเจรญเติบโตในที โลง
ิ
็
่
ิ
่
่
เตียนและมีไฟไหม้ ตามบรเวณไรเลื อนลอยตามไหลถนน
ิ
การกระจายพันธุในประเทศฟลิปปนส ์
ิ
์
ี
ู่
ในฟลปปนส พบวาขึ นอยู่ตามเทือกเขาในแถบตะวันตกเฉยงเหนอของหมเกาะ ลซอน
ู
ิ
ิ
่
์
ิ
ื
ื
พบมากที เทอกเขา Central Cordillera (16 องศา 05 ลปดา - 18 องศา 15 ลปดาเหนอ 120 องศา
ิ
ื
ิ
ึ
3 ลปดา - 121 องศา 10 ลปดาตะวันออก) ซงอยู่ในระดับความสง 750 - 2,450 เมตร (Turnbull,
ู
ิ
ิ
่
1972 cited in Armitage and Burley, 1980) ประมาณร้อยละ 25 ของปาสนสามใบ อยู่ในบรเวณน ี
ิ
ิ
ื
ี
ื
หรอมีเน อทประมาณ 300,000 เฮกแตร ปรมาตรเน อ ไม้ประมาณ 10 ล้านลกบาศก์เมตร ปรมาณ
์
ิ
ู
ื
ี
ิ
นํ าฝนที ตกตามบรเวณ ที มีปาสนสามใบเฉลย 2,500 มิลลิเมตร/ป โดยฝนจะตกในเดอน
่
ี
ื
ิ
่
ิ
ู
ี
ุ
ี
พฤษภาคม - ตุลาคม อณหภมเฉลย 18 องศาเซลเซยส สนสามใบจะไมขึ นอยู่บรเวณย่านภเขาไฟ
ู
่
ิ
หรอที ราบตํา ดินทปาสนสามใบ ขึ นอยู่จะเปนดนเหนยวสเหลืองหรอแดง ความลกชั นหน้าดน
ื
ี
ึ
ิ
็
ี
ี
ื
ื
่
ื
ิ
ขึ นอยู่กับ ปรมาณไฟไหม้บอย คร ังหรอไม่ หรอความลาดชันของพื นที มากน้อยแค่ไหน พบว่า
สน สามใบขึ นปะปนกับปา Oak Forest หรอ Mossy Forest ที ระดับความสงมากกว่า 2,000 เมตร
่
ื
ู
ึ
ู
ตามบรเวณ พื นที ไรเลื อนลอย ซงถกทําลายถึงรอยละ 12 ของพื นท Central Cordillera ที ระดับ
ิ
่
้
ี
ู
็
ิ
่
ความสง 1,000 - 2,000 เมตร ตามบรเวณที ลาดชันของเทือกเขา ปรากฎว่ามีสภาพ ปาสนที ขึ นเปน
ผืนใหญ ๆ และมีสภาพปาแบบทุ่งหญ้าปาสนจะเกดได้มากขึ น ในบรเวณปาที มีไฟไหม้บ่อย ๆ
่
ิ
่
ิ
่
่
12
ี
่
่
ิ
ุ
ี
่
ิ
ลูกไม้จะเกดแนนมาก สนสามใบสภาพดที สด ลําต้น และการเจรญเติบโตดมาก พบวาสวนใหญ ่
จะขึ นอยู่ในเขตความช นเย็น ความสงระหว่าง 1,500 - 2,200 เมตร
ื
ู
่
ี
่
็
ุ
สนสามใบที พบเปนไม้ขนาดใหญ ขนาดใหญทสดที พบสง 45.7 เมตร เส้น ผ่าศูนย์กลาง
ู
่
ิ
160 เซนติเมตร ในบรเวณ Boboc area และ Benguet ซงเปนแหลงที สนสามใบที ขึ นอยู่ในระดับ
็
ึ
็
เกินกว่า 1,400 เมตร จะเปนไม้ขนาดใหญเปนสวนมาก การเจรญเติบโตดมาก เปลอกของสนสาม
ื
็
่
ิ
่
ี
็
ี
ุ
ใบมีสนํ าตาลเทาขรขระ แตกเปนแผ่นตามยาวอายุที จะออกดอกออกผลประมาณ 12 -15 ป เกสร
ี
ี
ื
ตัวผู้แก่ในเดอนธันวาคม - มกราคม และจะโปรยละอองเกสรในเดือนมีนาคม ดอกตัวเมยจะออก
ื
ในเดอนพฤศจิกายน - ปลาย เดือนมีนาคม ผลจะแกจัดในเดือนตุลาคม - มีนาคม เมลดจะปลิวจาก
่
็
ื
ื
่
ผลแก่ที แตก ในเดอนมกราคม - ต้นเดอนกุมภาพันธ์ ผลแกมีขนาดยาว 5 - 10 เซนติเมตร กว้าง
็
ี
่
ั
2.5 - 4.0 เซนติเมตร มีสนํ าตาลออน เมลดมีจํานวนประมาณ 59,000 - 76,300 เมล็ด/กิโลกรม
์
เปอรเซนต์การงอกประมาณร้อยละ 80 และจะงอกประมาณ 7 - 10 วัน หลังจากเพาะ
็
ู
การสบพันธ์ตามธรรมชาติ เมอผลแก่จัดเมล็ดก็จะปลวในฤดร้อนเมื อฝนตก เมล็ด ก็จะ
ิ
ื
ื
ุ
ี
ุ
งอกตามบรเวณเชิงเขาและที ลาดชัน กล้าไม้จะเจรญเมื อผ่านพ้นไฟไหม้ได้ 5 ป การสบพันธ์ตาม
ิ
ื
ิ
ธรรมชาติจะเปนไปได้ด ในพื นที ที ถกแผ้วถางและมไฟไหม้ที เกิดจากการ กระทําของมนษย์ และ
ู
ี
ุ
ี
็
ุ
ิ
็
่
การที มนษย์เผาทุ่งหญ้า ก็เปนการสงเสรมให้มีสภาพปาสนสามใบ เกิดข น
่
ึ
์
การกระจายพันธุในธิเบต
่
็
ปาสนสามใบที พบในธเบต เปนพื นที ขนาดเลกตาม Lower Zayul ทาง ตะวันออกเฉยง
ิ
็
ี
ใต้ของธเบต ระดับความสงที พบวาสนสามใบขึ นอยู่ระหว่าง 1,200 - 2,400 เมตร แต่ที พบมากที
ิ
ู
่
สดเปนระดับความสง 1,800 - 2,100 เมตร (Schweinfurth, 1957 cited in Armitage and Burley,
็
ู
ุ
ิ
ิ
1980) ปรมาณนํ าฝนเฉลี ยบรเวณแม่นํ า Luhit ที ไม้สนขึ นอยู่ประมาณ 1,500 - 2,000 มิลลเมตรต่อ
ิ
ู
ี
็
่
้
ู
ป ในฤดรอนอากาศร้อน ลมแรง ซึงเปนชวงเดอนตุลาคม - ธันวาคม ฤดหนาวอากาศเย็น กลาง
ื
ิ
็
คืนจะมีเกล็ดนํ าแข็ง อาจมีหมะบางครั งบางคราว ดินในปาสนจะเปนดินทรายมีขนาดละเอียด สน
่
ู
ิ
็
่
สามใบจะเปนไม้สงเดนในพื นที ทมันขึ นอยู่ ในบรเวณทุ่งหญ้าสะวานาปะปนกับไม้ตระกูลกอ
ี
่
่
่
ี
ปาไม้สนที ขึ นอยู่ถกไฟไหม้ทุกปมามากกว่า 100 ปแล้ว ซงทําให้เกดเปนปาสนที ถาวร
ู
่
ี
ึ
ิ
็
(Kingdonward, 1936 cited in Armitage and Burley, 1980)
13
์
่
่
การกระจายพันธุในแผนดินใหญของประเทศจีน
ิ
พบว่ามสนสามใบขึ นอยู่ทางตะวันตก ทางใต้ของประเทศจีน บรเวณจังหวัดยูนาน ใน
ี
ี
่
่
ตอนใต้ของ Szechwan และในทิศตะวันตกบางสวนของกวางส และจังหวัดกวางเจา ปาสนที
่
ุ
ึ
จังหวัดยูนานจะกระจายพันธ์ติดต่อกับรัฐฉานของพม่า แพรไปตามสาละวินไปจนถงตะวันออก
ี
่
ของแม่นํ าโขง ระดับความสงที พบวามสนสามใบขึ นอยู่ระหว่าง 1,200 - 3,000 เมตร ปาสนสาม
ู
่
ู
ู
ิ
ใบที มีการเจรญเติบโตและแข็งแรงทดีที สด จะขึ นอยู่ระหว่างความสง 1,600 - 2,600 เมตร ภม ิ
ี
ุ
ิ
ู
ึ
ุ่
็
ึ
ี
อากาศทสนสามใบข นอยู่เปนเขตอบอนร้อนจนถงเย็น ขึ นอยู่กับ ระดับความสง ฝนตกเร มตั งแต่
ิ
พฤษภาคม - สงหาคม และอากาศร้อน เร ม พฤศจกายน – เมษายน ปรมาณนํ าฝนเฉลี ย 1,000 -
ิ
ิ
ิ
็
ิ
ี
ิ
ี
ี
2,000 มิลลิเมตรต่อป อุณหภูมิเฉลย 16 องศาเซลเซยส สภาพดนที ขึ นอยู่เปนดนแดง (red
็
podzolic) มีสภาพเปนกรด
ู
็
่
ิ
สนสามใบจะขึ นอยู่ในบรเวณปาดงดบที ถกทําลายกลายสภาพเปนปาสน มีไม้ ตระกูล
ิ
่
็
กอขึ นอยู่ด้วย สนสามใบในยูนาน จะเปนไม้สงขนาดกลางประมาณ 25 - 30 เมตร เส้นผ่าศูนย์
ู
่
กลาง 40 - 50 เซนติเมตร (Richardson, 1966 cited in Armitage and Burley, 1980)
14
ิ
สภาวะแวดลอมที มีอิทธพลกับสนสามใบในประเทศไทย
้
ี
ู
ี
ู
ี
ี
ประเทศไทย ตั งอยู่ในภมิภาคที เรยกว่า เอเซยตะวันออกเฉยงใต้ ภมิภาคน ประกอบ ด้วย
หมเกาะใหญน้อยหลายพันเกาะรวมทั งคาบสมุทรอนโดจีน ซึงทั งหมดน อยู่ในบรเวณ ตะวันออก
ิ
ู่
ิ
่
ี
ี
ื
เฉยงใต้ของทวีปเอเซย ตําแหนงที ตั งของประเทศไทยอยู่ระหว่างละติจูดที 5 องศา 37 ลปดาเหนอ
่
ิ
ี
กับ 20 องศา 27 ลิปดาตะวันออก และระหวางลองติจูดที 97 องศา 22 ลปดาตะวันออก กับ 105
ิ
่
ู
ิ
ี
ู
ิ
องศา 37 ลปดาตะวันออก จากลักษณะภมิประเทศ ทตั งอยู่ระหว่าง เส้นศูนย์สตร และเส้นทรอปก
ออฟแคนเซอร ทําให้ได้รบอทธพลจากลมมรสม กอให้เกิดการ เปลยนแปลงของอากาศซงพัด
ิ
ี
์
ุ
ั
่
ิ
ึ
ี
ื
ุ
ึ
ุ
ี
ิ
็
ู
ตามฤดกาล 2 ชนด คือ ลมมรสมตะวันออกเฉยงเหนอ และมรสมตะวันตกเฉยงใต้ ซงสังเกตเหน
ู
ิ
ุ
่
ได้ชัดเจนจากความแตกตางของปรมาณนํ าฝน สวนความแตกต่างทางด้านอณหภมินั นไม่ปรากฎ
่
่
็
ี
ให้เหนชัดเจน ดังนั น การแบ่งฤดูกาล จึงพิจารณาจากช่วงที มฝนตกกับชวงที แล้งฝนประเทศไทย
แบ่งออกเปน 3 ฤด คือ
็
ู
่
ื
็
ิ
ุ
ู
ู
1. ฤดฝน เปนฤดกาลที มีระยะยาวนานกวาฤดอื น เร มตั งแต่เดอนพฤษภาคม ไปส นสด
ิ
ู
ื
ุ
ุ่
ประมาณเดือนตลาคม ระยะน ีลมมรสมตะวันตกเฉยงใต้ จะพัดเอาความชมช นจาก มหาสมุทร
ี
ุ
ี
ุ
ู่
อนเดยเข้าสประเทศไทย ทําให้เมฆมากและฝนตกชก โดยเฉพาะบรเวณชาย ฝั งทะเลและตาม
ิ
ิ
เทือกเขาด้านรับลม จะมฝนตกมากกว่าบรเวณอน ประกอบกับอทธพลของดเปรสชั นเขตร้อน
ื
ิ
ี
ี
ิ
ิ
ุ
จากทะเลจนใต้ที เคลอนตัวเข้าสประเทศไทย ตามบรเวณที รองมรสมพาด ผ่าน มีผลให้สภาวะ
ื
ี
่
ู่
ิ
ื
อากาศแปรปรวน ทําให้เกิดฝนตกหนักและนํ าท่วมฉับพลันได้ ดังนั น ตอนเหนอของประเทศฝน
ตกชุกในเดือนสงหาคม และเดือนกันยายน
ิ
2. ฤดหนาว เร มตั งแต่เดือนพฤศจกายน ไปส นเดอนมกราคม ชวงน มีอากาศเย็น เคลื อน
่
ู
ื
ี
ิ
ิ
ิ
ี
ี
ุ
ี
ื
ุ
ตัวจากพื นที ตอนบนทวีปเอเซย นั นคือระยะทลมมรสมตะวันออกเฉยงเหนอพัดเข้ามา ปกคลม
ี
่
็
ประเทศไทยเปนชวง ๆ ทําให้อุณหภมิตํ าลง อากาศเย็นนําความแห้งแล้งมาด้วย ระยะน ท้องฟาจะ
้
ู
่
่
ึ
ี
โปรงไม่มีเมฆ แต่ตอนเช้าในบางแหงอาจมหมอกลง จงเรยกช่วงน ว่า ฤดูหนาว
ี
ี
่
ื
ุ
3. ฤดร้อน เร มตั งแตเดอนกุมภาพันธ์ ไปถึงเดอนเมษายน เปนระยะที ลมมรสม ตะวัน
ิ
ู
็
ื
ี
ึ
ื
ู
็
่
ออกเฉยงเหนออ่อนกําลังลงจงขาดฝน อุณหภมิชวงน สงมากในเดือนเมษายน เนองจาก เปนระยะ
ื
ู
ี
ู
ดวงอาทิตย์จะโคจรผ่านเส้นศนย์สตรข นไปทางเหนอ ทําให้ประเทศไทยซงอยู่ ใกล้เสนศูนย์สตร
ึ
ู
ื
ู
้
ึ
เกิดความขาดแคลนนํ าโดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉยงเหนอ
ื
ี
15
ิ
อุณหภูมิและปรมาณนํ าฝน
ู
ู
ี
ู
ิ
ู
ู
ู
จากลักษณะภมิประเทศของประเทศที มีฤดกาล 3 ฤด ในฤดร้อนอุณหภมสงตลอดป 33 -
ื
ึ
ี
ุ
้
ื
ี
ู
ุ
38 องศาเซลเซยส เดอนที มีอากาศเฉลี ยรอนที สด คือเดอนเมษายน อณหภมิเฉลยถง 35 องศา
ู
ิ
ี
ิ
ี
เซลเซยส อุณหภมโดยเฉลี ยในทกภูมิภาคของประเทศ มค่าไม่แตกต่างกันในเชงสถิติเลย อย่างไร
ุ
่
ู
ก็ตามความแตกต่างระหว่างอณหภมิของแต่ละแหง ระหว่างกลางวันกลางคืน อาจแตกต่างกัน
ุ
ออกไปได้มากข น แต่ในด้านที เกยวข้องกับไม้สน อณหภมิตํา ๆ ในชวงฤดูหนาวระหวางเดอน
ึ
ี
่
ุ
ู
่
ื
ึ
่
่
พฤศจกายน - มกราคม จะสงผลให้การงอกของเมล็ดสน ซงเพาะในระยะเวลาดังกลาวต้องลาช้า
ิ
่
็
ี
ิ
่
ออกไป อณหภูมิทเกบข้อมลได้ในบรเวณปาสนสาม ใบที ขึ นอยู่โดยธรรมชาติ บรเวณจังหวัด
ู
ุ
ิ
เชยงใหม่ นาน และพิษณโลก ทสนสามใบ กระจายพันธ์อยู่ (Armitage and Burley, 1980) แสดง
ี
่
ุ
ุ
ี
ในตารางที 1
ตารางที 1 อุณหภูมิในทองที จังหวดเชยงใหม นาน และพิษณุโลก
่
ี
ั
่
้
่
เชียงใหม ่ นาน พิษณโลก
ุ
ความสงจากระดับนํ าทะเล (ม.) 310 200 50
ู
ุ
้
ื
เส้นรง (เหนอ) 18 47 18 47 16 50
o
o
o
ู
ี
อุณหภมิเฉลี ยต่อป (C ) 25.7 26.4 27.9
o
o
อุณหภมิเฉลี ยในเดือนที ร้อนที สด (C ) 28.8 28.7 30.5
ุ
ู
(พฤษภาคม) (พฤษภาคม) (เมษายน)
o
อุณหภมิเฉลี ยในเดือนที เย็นที สด (C ) 21.1 20.7 24.4
ู
ุ
(มกราคม) (มกราคม) (มกราคม)
ู
ุ
ู
ื
อุณหภมิสงสดเฉลยในเดอนที ร้อนท ี 36.5 36.9 37.5
ี
สด (C )
o
ุ
อุณหภมิตํ าสดเฉลยในเดือนที เย็นที สด 13.3 13.1 17.2
ู
ุ
ี
ุ
(C )
o
o
อุณหภมิตํ าสด (C ) 6.0 4.8 7.5
ุ
ู
ที มา : Armitage and Burley, 1980
16
ึ
ิ
ุ
ิ
อิทธพลของอณหภมต่อการเจรญเติบโตของสนสามใบ ซงแต่เดมเข้าใจกันว่าไม้สน ขึ น
ิ
ู
ิ
ึ
ู
ี
อยู่ได้เฉพาะบนพื นทสงซงอากาศหนาวเย็น แต่จากการทดลองปลูกสนสามใบ ปรากฎว่า สนสาม
ุ
ู
ใบสามารถขึ นได้ทั งในระดับพื นราบและพ นที สง แสดงว่าอณหภมิมีบทบาทตอการเจรญเติบโต
ื
่
ิ
ู
ุ
ุ
น้อยมาก ในขณะที อณหภูมตําสดในเดือนธันวาคมและมกราคม มีผลโดยตรงต่อ การออกดอก
ิ
ุ
ิ
ี
่
ิ
ู
ออกผลของไม้สนสามใบ อณหภมิในแต่ละท้องทจะมผลทางอ้อมตอการเจรญเตบโต เชน
ี
่
ี
ื
ิ
ู
่
่
เรงอัตราการระเหย การคายนํ า หรอเพิ มความเสยงต่อโอกาสเกดไฟปาสง ขึ นเท่านั น
ู
ิ
ื
ปรมาณนํ าฝนในประเทศไทยจะแตกต่างไปตามสภาพภมิประเทศคอ ภาคใต้และ ภาค
ี
ิ
ึ
ตะวันออก ซงรับอทธพลจากลมมรสมโดยตรงจะมีปรมาณนํ าฝนเฉลยประมาณ 1,500 มิลลิเมตร
ิ
ิ
ุ
ี
ิ
ี
ื
ิ
ต่อป และภาคเหนอ ภาคอีสาน มีค่านํ าฝนเฉลี ย 1,200 - 1,500 มิลลเมตรต่อป สําหรับปรมาณนํ า
ี
ิ
ี
ิ
ี
ู
ฝนที ตัวเมืองเชยงใหม่เฉลย 1,260 มิลลเมตรต่อป แต่ที ดอยปุยหลัง พระตําหนักภพิงค์ราชนเวศน์
ี
มีนํ าฝนสงระหว่าง 1,800 - 2,000 มิลลิเมตรต่อป (สมยศ กิจค้า, 2530)
ู
ุ
ิ
พื นที ธรรมชาติที สนสามใบกระจายพันธ์อยู่ในประเทศ ปรากฏว่ามีปรมาณฝนตก ที ทํา
ี
ื
ิ
ให้สนสามใบเจรญเติบโตได้ 1,000 - 2,000 มิลลเมตรต่อป จากการวางตัวของเทอกเขาใน
ิ
ประเทศตามแนวเหนอใต้ และการได้รบอิทธพลจากลมมรสมตะวันตกเฉยงใต้ ทําให้ ปรมาณฝน
ี
ิ
ุ
ั
ิ
ื
ตกบางพื นที มากเปนพิเศษ ด้านทิศตะวันตกของเทือกเขาที วางตัวยาวบรเวณ ชายแดนระหว่าง 14
ิ
็
ิ
ื
องศาเหนอ และ 17 องศาเหนอ ทางด้านประเทศเหมียนหม่า ปรากฎวาปรมาณฝนตกมากถง
่
ื
ึ
2,400 มิลลิเมตรต่อป ในขณะที บรเวณภาคเหนอจะได้รับฝน ในปรมาณที ลดลงอยู่ระหว่าง 1,000
ื
ิ
ิ
ี
- 1,500 มิลลิเมตร ทั งน เปนเพราะอยู่ในบรเวณที เรยกว่า อับฝน (rainshadow)
ี
ิ
็
ี
ี
ี
่
่
ี
ื
จังหวัดเชยงใหมที ตั งอยู่ในทิศตะวันตกเฉยงเหนอของประเทศ ปรากฎวามระยะเวลา
ิ
ิ
ิ
่
ื
ื
อย่างน้อย 4 เดอน ที ปรมาณฝนตกน้อยกวา 50 มิลลเมตร นอกจากน ีปรมาณความช น ในดนมี
ิ
ื
ึ
ื
็
ิ
ปรมาณน้อยลงเรอยเปนระยะเวลาถึง 7 เดือนระหว่างเดอนพฤศจกายนถงเดอน พฤษภาคม พื นที
ื
ิ
่
ที ปาสนสามใบขึ นอยู่ตามธรรมชาติ กระจายพันธ์อยู่ระดับความสง 1,000 - 1,500 เมตร และ
ู
ุ
ิ
ั
ี
่
อณหภูมิเย็น 5 องศาเซลเซยส และปรมาณนํ าฝน ที ได้รบในพื นที ปาสนสามใบ เมื อเทียบกับ
ุ
่
จังหวัดเชยงใหมก็มิได้สงกว่าแต่อย่างใด บรเวณดังกลาวขาดทั งปรมาณความช นในดินเปนระยะ
็
ิ
ี
ื
ิ
ู
่
ุ
เวลานานและรนแรงด้วย
17
ระดับความสูงจากนํ าทะเลและดิน
ู
่
ุ
ปาสนสามใบที กระจายพันธ์ตามธรรมชาติ ขึ นอยู่ที ระดับความสงจากนํ าทะเล 1,000 -
ิ
1,500 เมตร พบว่าสนสามใบขึ นอยู่ตามธรรมชาตบรเวณยอดดอยปุย ในอุทยาน แหงชาติดอย
ิ
่
สเทพ จังหวัดเชียงใหม ซงสงประมาณ 1,600 มิลลเมตร เหนอระดับนํ าทะเล ที ระดับความสงที สด
ู
ุ
ุ
ู
ิ
ึ
่
ื
ี
ที พบสนสามใบขึ นตามธรรมชาติ อยู่บนเขาหนปูนดอยเชยงดาว จังหวัดเชยงใหม่ ที ระดับความ
ิ
ี
่
ู
ู
ิ
ึ
สง 1,800 เมตร จากระดับนํ าทะเล สนสามใบจะมีลักษณะแคระแกรนรปรางผิดปกต ข นอยู่ตาม
ิ
ซอกหนหรอรอยแยกของหนปูน ที ลาดชันปราศจากดน หน้ามีอินทรย์วัตถปกคลมบ้าง โดยปกต ิ
ื
ุ
ี
ิ
ิ
ุ
ี
ู
ื
สนสามใบจะไมชอบสภาพดินที มแคลเซยมสง หรอเปนหนปูน (ประดษฐ์ หอมจน, 2540) นอก
ิ
ี
ี
็
่
ิ
ิ
่
ุ
ี
ิ
ี
่
จากน บรเวณอทยานแหงชาติดอยอินทนนน์ จังหวัดเชยงใหม บรเวณหลักกโลเมตรที 23 - 26 ซง
ิ
ึ
อยู่สงจากระดับนํ าทะเลประมาณ 1,200 เมตร พบสนสามใบขึ นอยู่เปนกลมใหญ และยังมี
็
ู
่
ุ่
ิ
่
ลักษณะรปทรงลําต้น การเจรญเติบโตตามธรรมชาติดมาก จนถือได้วาเปนแหล่งสนสามใบธรรม
ี
็
ู
ชาติทดที สดในประเทศ มีการคัดเลือกแม่ไม้และเก็บเมลดในทุก ๆ ป ระดับความสงจากระดับนํ า
ู
ุ
็
ี
ี
ี
ทะเลที สนสามใบขึ นอยู่ตาม ธรรมชาตินับว่ามีความสําคัญมาก ต่อการออกดอกออกผลของสน
่
สามใบ แต่การเจรญเติบโตของสนสามใบไมค่อยมีผลสําคัญมากนัก ได้มีการนําเมล็ดสนจากปา
ิ
่
ิ
ุ
ี
ู
ิ
ู
ิ
ธรรมชาต ไปปลกตามบรเวณต่าง ๆ เชน บรเวณสวนรกชาติห้วยแก้ว จังหวัดเชยงใหม่ ความสง
่
ั
ี
ี
่
ิ
จากระดับนํ าทะเล 310 เมตร ปจจบันอายุได้ประมาณ 40 ป มีการเจรญเติบโต ดแตไม่ออกดอก
ุ
ิ
ู
ี
่
ออกผลบรเวณ ตําบลอนทขิล อําเภอแม่แตง จังหวัดเชยงใหม ที ระดับ ความสงจากนํ าทะเล 400
ิ
ี
ุ
ั
เมตร ปจจบันอายุได้ประมาณ 23 ป มีการเจรญเติบโตดี แต่ยังไม่ออกดอกออกผล และยังมีการนํา
ิ
ิ
ไปปลูกตามบรเวณพ นที ตาง ๆ ทั วประเทศ พบว่าเจรญเติบโตได้
ื
ิ
่
ิ
ื
ิ
สนสามใบที พบในประเทศไทยขึ นอยู่ตามบรเวณเทือกเขาทางทิศตะวันตก ทศเหนอ
ู
และพ นทราบสงโคราช สําหรับเทอกเขาทิศตะวันตก ซึงวางตัวขนานไปกับพรมแดน ประเทศ
ื
ี
ื
เหมียนหม่า จากภาคเหนอไปจนถงคาบสมทรมาลายา ซึงเปนภเขาหนแกรนตส มีบ้างที เปน
ุ
ื
ิ
ิ
์
ึ
็
็
ู
ิ
่
ุ
ื
ู
ิ
หนปูน เทือกเขาทางภาคเหนอตอไปทางทิศใต้ ส นสดที ราบสงฉานใน เหมียนหม่าประมาณ
ี
ิ
็
ี
ิ
17 องศา 30 ลปดาเหนอ เปนภูเขาเกาที มีหนเซล หนซส และหนปูน ที ราบสงโคราช วางตัวเอยง
ู
่
ิ
ื
ิ
ิ
ิ
เข้าหาที ราบภาคกลางของประเทศ พื นที เกดจากหนทรายแดง บรเวณที สงที สดอยู่ทางทิศเหนอ
ื
ุ
ิ
ู
็
ิ
่
ู
ิ
่
่
ของจังหวัดเพชรบรณ์ประมาณ 2,000 เมตร ดินบรเวณปาสนสามใบสวนมากพบวาเปนดนรวน
่
่
ิ
ิ
ิ
ุ
และดนรวนปนทราย (loam to sandy clay loam) เกิดจากวัตถต้นกําเนดคือหนแกรนตส และหน
ิ
์
ิ
ิ
่
ู
ทราย ไม้สนชอบดนที เปนดินทรายมากกวา โดยพิจารณาจากการระบายนํ า ระดับความสงและ
็
18
่
ิ
่
็
ปรมาณนํ าฝน นอกจากน ีค่าความเปน กรดเปนดาง (pH) ของดินในปาสน อยู่ระหว่าง 5.5 - 5.7
็
ุ
ิ
ิ
ิ
่
ึ
ิ
ตามบรเวณพื นผิวดน และ 4.8 - 5.2 ตามบรเวณชั นลางถัดลงไป ความอดมสมบูรณ์ตํ าซงเกดเนอง
ื
ื
่
ิ
จากการเปดพื นที ปา เพอทําไร เลื อนลอยและทําพ นที กสกรรมโดยฝ มือของมนษย์ และเกดเนอง
่
ื
ี
ุ
ื
ิ
ิ
ี
ี
่
ี
ิ
ิ
่
จากไฟปาที ไหม้อยู่ประจํา การเรยงตัวของชั นดนบรเวณปาสน ในท้องทจังหวัดเชยงใหม่ที ระดับ
็
่
ิ
ิ
0 - 15 เซนติเมตร จากพื นดนจะเปนดนรวนปนทราย (sandy loam) จากนั นคือระดับ 15 - 85
็
ี
็
เซนติเมตร ก็จะเปนดินทรายรวนสแดง (reddish brown sandy clay loam) มีสภาพเปนเม็ดกลม
่
ื
ปานกลางหรอ มีหนจากวัตถุต้นกําเนดปะปนอยู่ด้วย มีการระบายนํ าด (สมยศ กจค้า,2530)
ิ
ิ
ี
ิ
ี
สภาพปาที สนสามใบ ขึ นอยู่ตามธรรมชาติ เปนสภาพปาที เรยกว่า Lower montane pine - oak
่
่
็
ึ
่
forest พบว่าสนสามใบข นอยู่กับไม้วงศ์กอ (Fagaceae) เชน Castanopsis, Lithocarpus, Quercus
่
่
็
และวงศ์ทะโล้ (Theaceae) เชนSchima wallichii , Annealea fragrans, Eurya spp. เปนต้น ยังพบ
ี
ึ
ว่าสนสามใบขึ นอยู่ในปาที เรยกว่า Pine - deciduous dipterocarp forest ซงเปนไม้ลักษณะที ขึ น
่
็
่
อยู่ควบค่ไปกับสนสองใบ แตขึ นอยู่ใน ระดับความสงที สงกว่า พบขึ นอยู่ประปรายไม่หนาแนน
่
ู
ู
ู
่
็
่
็
เปนกลมใหญ โดยขึ นปะปนกับ ไม้วงศ์กอ (Fagaceae) ได้แก Castanopsis เปนต้น และไม้วงศ์
่
ุ่
็
ี
่
ั
่
ทะโล้ (Theaceae) ได้แก่ Schima wallichii เปนต้น ไม้ปาเต็งรง เชน เหยง (Dipterocarpus
obtusifolius) พลวง (Dipterocarpus tuberculatus) เปนต้น
็
19
้
์
การปรบปรุงพันธุไมสนสามใบ
ั
ิ
็
่
จากแผนพัฒนาการเศรษฐกจและสังคมแหงชาติ ฉบับที 1 ตั งแต่ป พ.ศ. 2504 เปนต้นมา
ี
รัฐบาลได้ให้ความสําคัญกับการปลกสร้างสวนปาของประเทศ โดยเน้นที การปลกสรางสวนปา
ู
่
้
ู
่
ี
่
็
เพื อเศรษฐกจ โดยที ในขณะนั นป พ.ศ. 2504 ประเทศไทยมีพื นที ปาอยู่ถง 171 ล้านไร คิดเปน
ึ
ิ
่
่
้
่
ร้อยละ 53 ของพื นที ประเทศ (การปลกสรางสวนปาในประเทศไทย, 2540) ในสวนของสนสาม
ู
่
ี
ิ
ู
ั
ใบ ได้เร มมีการปลกคร งแรกในป พ.ศ. 2505 ที สวนปาดอยบ่อหลวง อําเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่
ิ
และดําเนนการปลกเรอยมา จากการที FAO ได้เข้าทําการศึกษาโครงการสํารวจ วัตถุดบเพื อผลต
ิ
ู
ื
ิ
เยื อกระดาษพบ สนสามใบและสนสองใบมีเยื อใยยาว คณภาพสงเหมาะกับการผลิตเยื อกระดาษ
ุ
ู
ั
เปนอุตสาหกรรมขนาดใหญได้ ในป พ.ศ. 2512 ภายใต้ ความรวมมือสองฝายระหว่างรฐบาลไทย
่
่
ี
่
็
และรัฐบาลเดนมารค โดยผ่านทาง DANIDA ได้ดําเนนการจัดตั งศูนย์บํารงพันธไม้สนและไม้โต
์
ิ
ุ
์
ุ
็
ื
ู่
ุ
ุ
์
เรวขึ นที หมบ้านแม่สะนาม อําเภอฮอด จังหวัดเชยงใหม่ เพอพัฒนาและปรับปรงพันธไม้สนพื น
ี
เมืองของไทย และสนจากต่างประเทศ ที สามารถเจรญเตบโตได้ดในเมืองไทย โดยมีเป้าหมาย
ี
ิ
ิ
่
ุ
ื
ุ
ิ
ี
ู
ที จะผลตไม้สนชั นด คณภาพสง ในชวงระยะเวลาการปลกที สั น มีคณภาพเน อไม้สง ผลผลต
ู
ู
ิ
ู
ปรมาตรเน อไม้ต่อต้น หรอต่อไรสง มีรปทรงของลําต้นด มีการเจรญเติบโตที รวดเรว เพอให้ได้
ื
ี
ื
ู
ิ
่
็
ิ
ื
ี
็
ุ
ุ
ุ
็
ุ
ั
ิ
ิ
รับผลตอบแทนเรวค้มค่ากับการลงทน ส งเหล่าน จําเปนต้องใช้ขบวนการปรบปรงพันธ์เข้าดําเนน
ุ
้
ั
การ โดยมีเปาหมายอยู่ ที การเพิ มผลผลิต (yield) และการปรบปรงคณภาพของต้นไม้ (quality)
ุ
ตามสภาพธรรมชาติ ที ต้นไม้ขึ นอยู่ จะมปจจัยของความแปรปรวนเข้ามาเกี ยวข้อง 3 ลักษณะ ได้
ั
ี
แก ่
็
การพัฒนาการของต้นไม้ (Developmental variation) เปนต้นว่า ในกลุ่มสนสามใบ ที ขึ น
อยู่ในสภาพพื นที เหมือนกันบรเวณเดยวกัน แตการพัฒนาของแต่ ละต้นไม่เหมือนกัน ต้นที มอายุ
ี
ี
ิ
่
ี
มาก ก็จะเจรญดกว่า ต้นอายุน้อย
ิ
ิ
ี
ความแปรปรวนทางด้านส งแวดล้อม (Environmental variation) ปกติสภาพ พื นที ทต้น
ื
็
ิ
ุ
ไม้ขึ นอยู่แตละพ นที จะมความแตกต่างกัน เช่น สภาพของดินที อาจจะเปนดนรวนซย ดินทราย
่
่
ี
ิ
ู
่
ุ
ิ
หรอดนลกรัง ทําให้ความอดมสมบูรณ์ของแรธาตในดนแตกต่างกัน การเจรญเติบโต ของต้นไม้
ื
ิ
ุ
ิ
ก็แตกตางกัน ซึงปจจัยส งแวดล้อมทต้นไม้ขึ นอยู่เหลาน มีมากมายทต้อง พิจารณา และเกยวพัน
ี
่
ี
่
ี
ั
ี
ุ
ี
ื
ู
กับการปลกไม้สนสามใบ ในแต่ละพ นทมีความเหมาะสมมากน้อยแคไหน การจัด การควบคม
่
ุ
ู
การปลก และการบํารงรักษา ระหว่างระยะเวลาตั งแต่เร มต้นปลูกจนถงขั น ตอนการตัดฟน นําผล
ิ
ั
ึ
ผลตออกมาใช้ประโยชน์ มีประสทธภาพมากหรอน้อย และเทคนคทางวนวัฒนวิธต่าง ๆ ที จําเปน
ิ
ื
ิ
ี
็
ิ
ิ
20
ื
ุ
ู
ิ
ต่อการเจรญเติบโต และคณภาพของเน อไม้ต้องให้อยู่ ในระดับสงตลอดเวลาจากประสบการณ์
ี
และวิจารณญานของผู้ปลก สามารถที จะเลอกกําหนด และปฏบัตได้ในกรณน อย่างไม่ยากมาก
ิ
ิ
ื
ู
ี
นัก
ี
ความแปรปรวนทางด้านพันธกรรม (Genetic variation) ต้นไม้ชนดเดยวกัน ในสภาพ
ิ
ุ
ิ
ี
ี
็
แวดล้อมที เหมือนกันทชั นอายุเดียวกัน แต่การเจรญเตบโตดกวา ลําต้น ตรงเปลาดกว่า เปนต้น
ี
ิ
่
ุ
ึ
็
ุ
แสดงให้เหนถงลักษณะทางพันธกรรมเข้ามาเกยวข้อง ความแปรปรวนทางพันธกรรมน สามารถ
ี
ี
ุ
ที จะพัฒนาการได้โดยผ่านขบวน การคัดเลือกและปรับปรงพันธ์ได้ สังเกตจากผลของการปรับ
ุ
ู
ปรงพันธ์ (Genetic gain) ที เพิ มสงขึ นตามลําดับ เมื อรอบหรอรน (generation) เพิ มสงขึ น ลักษณะ
ุ
ื
ุ่
ู
ุ
ิ
ต่าง ๆ ของต้นไม้ (characters) ก็สงขึ นตามไปด้วย (อภชาต ขาวสะอาด, 2533) ดังแสดงในภาพ
ู
ิ
ที 7
์
้
การปรบปรุงพันธุไมสน (Pine Improvement Process)
ั
ี
ิ
ิ
ี
การปรับปรงพันธ์ไม้ในประเทศไทย เร มดําเนนการคร ังแรกในป พ.ศ. 2499 เมื อมการ
ุ
ุ
ื
ิ
คัดเลอก และติดตาไม้สักพันธ์ด (อภชาต ขาวสะอาด, 2528) ในป พ.ศ. 2508 กรมปาไม้ได้ทําการ
ี
่
ุ
ี
ิ
จัดตั งศูนย์บํารงพันธไม้สักไทย - เดนมาร์ค (Thai – Danish Teak Improvement Centre ) โดย
ุ
ุ
์
ุ
เน้นหนักในด้านการคัดเลือกพันธ์ (selection) และการผลิตเมล็ดพันธไม้สักพันธ์ด โดยการจัด
ี
ุ
ุ
์
ิ
สร้างสวนผลตเมลด (Clonal Seed Orchard) และแหลง ผลตเมล็ดพันธ์ (Seed Production Area)
ิ
่
ุ
็
็
ุ
ุ
อย่างกว้างขวาง ต่อมาก็ได้มีการจัดตั งศูนย์บํารงพันธ์ไม้สนและไม้โตเรว ไทย - เดนมาร์ค (Thai
่
ี
– Danish Pine Improvement Centre ) ขึ นในป พ.ศ. 2512 โดยมีสานักงานใหญอยู่ที แม่สะนาม
ํ
อําเภอฮอด จังหวัดเชยงใหม่ และมีหนวยงานภาคสนาม และแปลงทดลองต่าง ๆ กระจายอยู่ทุก
่
ี
ุ
ภาคของประเทศ เน้นหนักในการปรับปรงพันธ์ไม้สนทั งสนพื นเมืองสนตางประเทศ และไม้โต
่
ุ
เรว ได้แก่ สนสามใบ สนสองใบ สนคารเบียร์ สนโอโอคารป้า และไม้ยูคาลปตัส มีแปลงทดลอง
ิ
็
์
ิ
์
ปลกไม้สน และไม้โตเรว ในการปรบปรงพันธ์อยู่ในพ นที จังหวัดเชยงใหม่ ตาก สรนทร ชมพร
ุ
ิ
ู
ุ
ุ
ุ
ี
็
ั
ื
ิ
และ สราษฏรธาน โดยมีขั นตอนการปรับปรงพันธ์ตาม แผนภมิท 1 และแผนงานการดําเนน
ี
ี
ุ
ุ
ู
์
ุ
การทั งระยะสั นและระยะยาว ในด้านต่าง ๆ ดังแสดงใน ตารางที 2
21
ภาพที 7 ความแปรปรวนตามธรรมชาติของตนไม ้
้
ที มา Ditlevsen et al, 1988 cited in Willan et al, 1989
22
แผนภูมิที 1 ขั นตอนการปรับปรุงพันธุไมสน
้
์
ที มา สถานทดลองปลกพรรณไม้ห้วยบง จังหวัดเชียงใหม่ , 2540
ู
ี
ั
ตารางที การจัดการและการปฏิบัติงานในโครงการปรบปรุงพันธุไมสน-ยูคาลิปตัสและการจัดการเมล็ดไม
้
้
์
(RFD - Pine & Eucalyptus Improvement & Seed Procurement Program (PEISP))
ADMINISTRATION AND FUNCTIONS
RESEARCH ACTIVITIES STATUS LOCATION FUNCTIONS STAFFING
PINE IMPROVEMENT
CENTRE = PIC
Long Term research : Program head quarter Huey Geow, a) Coordination of longterm breeding & Program coordinator and senior
Chiang Mai conservation strategy research officer,geneticist.
a) Species introduction b) Preparation of annual cooperative working Research officer, geneticist.
23
plans and budgets
b) Provenance investigations c) Central experimental register Junior research officer.
c) Establishment of breeding populations Genetic Section d) Experimental planning Technical officers (2) (seed
(plustrees) collection/ handling, vegetative
propagation)
d) Progeny testing and breeding e) Experimental reporting Laboratory technician (Seed
registratics,seed testing,wood testing)
e) Silvicultural trials f) Plustree selection & registration
g) International cooperation
Short term research :
a) Vegetative propagation research Seed Section(NFSC) a) Seed collection (bulk & single tree)
b) Wood properties investigation b) Seed extraction
c) Pollen and seed storage/viability c) Seed storage
ั
ตารางที การจัดการและการปฏิบัติงานในโครงการปรบปรุงพันธุไมสน-ยูคาลิปตัสและการจัดการเมล็ดไม
้
้
์
(RFD - Pine & Eucalyptus Improvement & Seed Procurement Program (PEISP))
ADMINISTRATION AND FUNCTIONS
RESEARCH ACTIVITIES STATUS LOCATION FUNCTIONS STAFFING
PINE IMPROVEMENT
CENTRE = PIC
Long Term research : Program head quarter Huey Geow, a) Coordination of longterm breeding & Program coordinator and senior
Chiang Mai conservation strategy research officer,geneticist.
a) Species introduction b) Preparation of annual cooperative working Research officer, geneticist.
23
plans and budgets
b) Provenance investigations c) Central experimental register Junior research officer.
c) Establishment of breeding populations Genetic Section d) Experimental planning Technical officers (2) (seed
(plustrees) collection/ handling, vegetative
propagation)
d) Progeny testing and breeding e) Experimental reporting Laboratory technician (Seed
registratics,seed testing,wood testing)
e) Silvicultural trials f) Plustree selection & registration
g) International cooperation
Short term research :
a) Vegetative propagation research Seed Section(NFSC) a) Seed collection (bulk & single tree)
b) Wood properties investigation b) Seed extraction
c) Pollen and seed storage/viability c) Seed storage
RESEARCH ACTIVITIES STATUS LOCATION FUNCTIONS STAFFING
d) Seed testing
e) Seed registration
f) Seed statistice compilation
g) Seed stand descriptions
h) Seed issuse & exchange
Long term research :
Joint coordinated experiments. Highland experimental Mae sanaam, a) Seedling production for experiments & ex- Research officer,silviculturist..
24 nursery Chiang Mai situ gene conservation stands in highlands :
Mae Sanaam,Huey Bong and Nong Krating Junior research officer.
b) Establishment & management of clone banks
Short term research : and seed orchards at Mae Sanaam.
a) Nursery technique(highlands) c) Management of field trials established at
Mae Sanaam.
b) Nursery stage of species testing d) Experimental reporting
c) Nursery stage of provenance testing
d) Nursery stage of progeny testing
e) Flowering habits & seed formation in
highlands
RESEARCH ACTIVITIES STATUS LOCATION FUNCTIONS STAFFING
d) Seed testing
e) Seed registration
f) Seed statistice compilation
g) Seed stand descriptions
h) Seed issuse & exchange
Long term research :
Joint coordinated experiments. Highland experimental Mae sanaam, a) Seedling production for experiments & ex- Research officer,silviculturist..
24 nursery Chiang Mai situ gene conservation stands in highlands :
Mae Sanaam,Huey Bong and Nong Krating Junior research officer.
b) Establishment & management of clone banks
Short term research : and seed orchards at Mae Sanaam.
a) Nursery technique(highlands) c) Management of field trials established at
Mae Sanaam.
b) Nursery stage of species testing d) Experimental reporting
c) Nursery stage of provenance testing
d) Nursery stage of progeny testing
e) Flowering habits & seed formation in
highlands
RESEARCH ACTIVITIES STATUS LOCATION FUNCTIONS STAFFING
f) Vegetative growth & propagation in
highlands
Research activities according to overall Field research area & Ex- Huey Bong, a) Establishment & management of : Management officer
research plan by PIC Headquarters situ Gene Conservation Chiang Mai 1) experiments
plantation 1 2) seed orchards Technical officer
3) ex-situ gene conservation stands : at
H.Bong ,B.Luang,M.Sanaam
b) Registration of plantation establishment
25 c) Data compilation in field trials
d) Reporting
Long term and short term research :
Silviculture & management of pine plantations Pilot plantation (highlands) Nong Krating, a) Establishment and management of : Management officer
establishment Chiang Mai 1) experiments Research officer
Natural regeneration of Pinus kesiya and Seed stand 2) ex-situ conservation stands
Pinus merkusii 3) pilot plantations
Joint coordinated experiments,according to Gene conservation 4) P.kesiya in-situ seed stand
overall research plan by PIC Headquarters plantation 2 b) Registration of plantation establishment
c) Data compilation
d) Reporting
RESEARCH ACTIVITIES STATUS LOCATION FUNCTIONS STAFFING
f) Vegetative growth & propagation in
highlands
Research activities according to overall Field research area & Ex- Huey Bong, a) Establishment & management of : Management officer
research plan by PIC Headquarters situ Gene Conservation Chiang Mai 1) experiments
plantation 1 2) seed orchards Technical officer
3) ex-situ gene conservation stands : at
H.Bong ,B.Luang,M.Sanaam
b) Registration of plantation establishment
25 c) Data compilation in field trials
d) Reporting
Long term and short term research :
Silviculture & management of pine plantations Pilot plantation (highlands) Nong Krating, a) Establishment and management of : Management officer
establishment Chiang Mai 1) experiments Research officer
Natural regeneration of Pinus kesiya and Seed stand 2) ex-situ conservation stands
Pinus merkusii 3) pilot plantations
Joint coordinated experiments,according to Gene conservation 4) P.kesiya in-situ seed stand
overall research plan by PIC Headquarters plantation 2 b) Registration of plantation establishment
c) Data compilation
d) Reporting
RESEARCH ACTIVITIES STATUS LOCATION FUNCTIONS STAFFING
Long term research :
Joint coordinated experiments Seed orchard, field research Maetang, a) Establishment and management of : Research officer
area and gene conservation Chiang Mai 1) experiments
plantation 3 2) seed orchards Silviculturist
3) ex-situ conservation stands
Short term research : b) Registration of plantation establishment
a) Flowering habits & seed formation c) Data compilation
b) Vegetative growth d) Reporting
26 c) Pollen & seed production in orchards
Long term research :
Joint coordinated experiments Lowland experimental Tatoom, Surin a) Establishment and management of : Research officer
nursery, field research 1) experiments
Short term research : area and gene conservation 2) ex-situ conservation stands
a) Nursery technique, eucalyptus, lowland plantation 4 3) seed orchards
b) Nursery stage of species testing b) Registration of plantation establishment
c) Nursery stage of provenance testing c) Data compilation
d) Nursery stage of progeny testing d) Reporting
e) Flowering habits & seed formation, lowland
RESEARCH ACTIVITIES STATUS LOCATION FUNCTIONS STAFFING
Long term research :
Joint coordinated experiments Seed orchard, field research Maetang, a) Establishment and management of : Research officer
area and gene conservation Chiang Mai 1) experiments
plantation 3 2) seed orchards Silviculturist
3) ex-situ conservation stands
Short term research : b) Registration of plantation establishment
a) Flowering habits & seed formation c) Data compilation
b) Vegetative growth d) Reporting
26 c) Pollen & seed production in orchards
Long term research :
Joint coordinated experiments Lowland experimental Tatoom, Surin a) Establishment and management of : Research officer
nursery, field research 1) experiments
Short term research : area and gene conservation 2) ex-situ conservation stands
a) Nursery technique, eucalyptus, lowland plantation 4 3) seed orchards
b) Nursery stage of species testing b) Registration of plantation establishment
c) Nursery stage of provenance testing c) Data compilation
d) Nursery stage of progeny testing d) Reporting
e) Flowering habits & seed formation, lowland
RESEARCH ACTIVITIES STATUS LOCATION FUNCTIONS STAFFING
Long term research :
Joint coordinated experiments P.merkusii In-situ Nong Kru, Surin a)Establishment and management of Pinus Research officer, silviculturist
Conservation stand ; field merkusii In-situ Conservation Program under
Short term research : research area and lowland RFD/ DANIDA agreement
a) Controlled crossing program for P.caribaea clonal seed b) Establishment and management of :
hybridization of Pinus merkusii : orchard 1) experiments
continental x insular 2) ex-situ gene conservation stands
b) Flowering habits and seed formation of 3) lowland P.caribaea clonal seed orchard
27 P.merkusii (lowland) c) Seed collection and seed extraction of
c) Natural regeneration of Pinus merkusii Pinus merkusii
d) Registration of plantation establishment
e) Data compilation
f) Reporting
Long term research :
Joint coordinated experiments Experimental sub-units Huey Ya U Tak, a) Establishment and management of Research officers at PIC
Lansang, Tak experiments Headquarters in cooperation with
Ta Sae, local station managers
Chumporn
Huey Mud,Surat
ทมา : บรรดษฐ์ หงษ์ทอง ,
ี
ิ
RESEARCH ACTIVITIES STATUS LOCATION FUNCTIONS STAFFING
Long term research :
Joint coordinated experiments P.merkusii In-situ Nong Kru, Surin a)Establishment and management of Pinus Research officer, silviculturist
Conservation stand ; field merkusii In-situ Conservation Program under
Short term research : research area and lowland RFD/ DANIDA agreement
a) Controlled crossing program for P.caribaea clonal seed b) Establishment and management of :
hybridization of Pinus merkusii : orchard 1) experiments
continental x insular 2) ex-situ gene conservation stands
b) Flowering habits and seed formation of 3) lowland P.caribaea clonal seed orchard
27 P.merkusii (lowland) c) Seed collection and seed extraction of
c) Natural regeneration of Pinus merkusii Pinus merkusii
d) Registration of plantation establishment
e) Data compilation
f) Reporting
Long term research :
Joint coordinated experiments Experimental sub-units Huey Ya U Tak, a) Establishment and management of Research officers at PIC
Lansang, Tak experiments Headquarters in cooperation with
Ta Sae, local station managers
Chumporn
Huey Mud,Surat
ทมา : บรรดษฐ์ หงษ์ทอง ,
ี
ิ
28
์
้
การดําเนินงานการปรับปรุงพันธุไมสนสามใบ
การปรับปรงพันธ์ไม้สนสามใบ เปนการเพิ มผลผลตและคณภาพของไม้สนสามใบ
ุ
ิ
ุ
็
ุ
่
ตลอดจนทําให้รอบตัดฟันสั นลงโดยการควบคม การถายทอดลักษณะทางพันธกรรม จากพ่อและ
ุ
ุ
่
ู่
ู
่
่
็
๋
แม่ไม้ สลกไม้รวมกับการจัดการปาไม้ที ดี เชนการเตรยมพ นที ไถพรวน การใสปุย เปนต้น มีเปา
้
่
ื
ี
ุ
ี
ุ
หมายเร มแรกโครงการ อยู่ที การทไม้สนสามใบที ผ่านขั นตอน การปรับปรงพันธ์แล้ว สามารถนํา
ิ
่
ิ
ิ
ี
ู
็
ไปปลกสร้างสวนปา เพื อใช้เปนวัตถดบในการผลต เยื อกระดาษต่อไป ทั งน ได้มีการวางแผนการ
ุ
ิ
ื
ทดลองค้นคว้า และวิจัยอย่างต่อเนอง ตั งแต่เร มวาง แผนการ ทดลอง ตั งแต่ป เปนต้นมาจน
็
ี
ี
ุ
ถึงปัจจบัน โดยมีรายละเอยดดังน ี
1. การคัดเลือกแม่ไม้ (Plus Tree Selection)
ิ
2. การทดลองถ นกําเนด (Provenance Trial)
ิ
ิ
็
3. แหลงผลตเมลดพันธไม้ (Seed Production Area)
่
์
ุ
ิ
ุ
4. การสร้างสวนผลตเมล็ดพันธ์ไม้ (Seed Orchard Establishment)
5. การทดสอบลกไม้ (Progeny Trial)
ู
ุ
6. การอนรักษ์พันธ์ไม้ (Gene Conservation)
ุ
้
ื
่
. การคัดเลอกแมไม (Plus Tree Selection)
ิ
การคัดเลอกแม่ไม้ เปนการดําเนนงานทางด้านพันธศาสตร ในการจัดหาแม่ไม้ ท
์
ุ
ี
ื
็
ุ
ุ
ี
ุ
มีคณลักษณะต่าง ๆ ที ต้องการที ดเดน เพื อใช้ในการผสมพันธ์ และการผลิตเมล็ดไม้คณภาพดี
่
ุ
โดยมีสมมติฐานที ว่าแม่ไม้ที มีลักษณะด ย่อมจะถ่ายทอดลักษณะดีไปสลกหลานเสมอ และการ
ู
ี
ู่
ุ
ุ
่
คัดเลอกแม่ไม้ เปนขบวนการแรกของงานการปรบปรงพันธ์ไม้ปา ความสามารถของแม่ไม้ที จะ
ื
็
ั
็
ุ
ุ
ู่
่
ุ
ถายทอดลักษณะทางพันธกรรมที ดีไปสลูกหลานได้ จะเปนผลทําให้งานการปรับปรงพันธ์
ี
็
ิ
ุ
ี
ประสบความสําเรจ ดังนั นการคัดเลือกแม่ไม้ จงมความสําคัญเปนอย่างยิ ง (วเชยร สมันตกล,
ึ
็
ุ
2540)
่
ิ
็
่
ี
เปนที ทราบกันดในหมู่นักวชาการปาไม้ว่า การปลูกสร้างสวนปาจากเมล็ด ที ผ่านการ
ู
่
ื
์
ุ
ุ
ี
ู
คัดเลอก และปรับปรงพันธแล้ว ย่อมจะให้ผลผลตทเพิ มขึ นมากกว่าการปลกสร้างสวนปาที ปลก
ิ
่
่
จากเมล็ดไม้ที เก็บจากปาธรรมชาติ หรอสวนปาทั ว ๆ ไป จะเห็นได้จากไม้ Eucalyptus robusta
ื
29
ื
ิ
ิ
้
ู
ิ
ที แสดงความสงเพ มขึ นจากเดมร้อยละ ความโตเพิ มจากเดิมรอยละ และปรมาตรเน อไม้
เพิ มข นร้อยละ (Franklin and Meskimen, อ้างถึงใน จํานงค์ กาญจนบุรางกูร, ) พื น
ึ
ที หน้าตัดของ Pinus radiata เพ มขึ นถงร้อยละ ต่อหนงเอเคอร ทั งที ผ่านการคัดเลอก เพียงครั ง
ึ
์
ึ
ื
ิ
ี
เดยว (Brown, อ้างถงใน วิเชียร สมันตกุล, ) นอกจากนั น Shelbourne ( ) ยังพบว่า
ุ
ึ
ู
ี
้
ไม้ Pinus radiata ที อายุ ป มีความสง และเส้นผ่าศูนย์กลางเพียงอก เพิ มขึ นรอยละ และร้อย
ละ ตามลําดับ (จํานงค์ กาญจนบุรางกูร, ) พอจะกล่าวได้ว่า โดยทั วไปการใช้เมล็ดจากแม่
ุ
ิ
ื
่
ี
่
ไม้พันธ์ดจะให้ผลต มากกว่าการใช้เมล็ดจากปาธรรมชาติ หรอจากสวนปาทั ว ๆ ไป ประมาณ
ร้อยละ – 10 ดังนั นการคัดเลือกแม่ไม้ควรมีองค์ประกอบดังน คือ
ี
1. ความสําคัญของการคัดเลือกแม่ไม้
ิ
ู
ื
การดําเนนงาน ในการปลกสร้างสวนปา จําเปนต้องมีการคัดเลอกแม่ไม้
่
็
ี
ุ
พันธ์ดี ก่อนความสําคัญของการคัดเลอกแม่ไม้มีดังน (จํานงค์ กาญจนบุรางกูร, 2535)
ื
ี
. . ต้นไม้ที ได้จะมีลักษณะด ลําต้นตรงเปลา เน อไม้ไม่บิดเส ยนตรง มี
ื
ี
ื
ู
่
ู
่
ี
ปุมปม น้อย การตัด ฟันชัก ลาก และแปรรปกระทําได้ง่าย ลดการสญเสยเน อไม้ และค่าใช้จาย
ต่าง ๆ ได้มาก
ั
1.1.2 ต้นไม้ที ได้จะมีรอบตัดฟันที ส นลง
1.1.3 ต้นไม้มีการเจรญเติบโตเรวขึ น การตัดสางขยายระยะกระทําได้
ิ
็
ึ
ุ
ึ
็
็
เรวข น ได้ผลตอบแทนในการลงทนเรวข น
1.1.4 สามารถปลกต้นไม้ ที ระยะหางมากขึ น ลดค่าใช้จาย ในการเตรยม
่
ู
ี
่
กล้าไม้ในแปลง เพาะชํา
1.1.5 ได้ไม้ซง ที มีขนาด และคุณภาพดขึ น การลงทุนในอตสาหกรรม
ุ
ี
ุ
ื
ต่อเนอง เสยค่าใช้ จ่ายน้อยลง
ี
ื
ุ
ี
1.1.6 คณภาพของเน อไม้ดขึ น เชนมี Compression wood น้อยลง ความ
่
็
หนาแนนสง เส ยนตรง เปนต้น
่
ู
ี
การคัดเลือกแม่ไม้ จะเปนการเลอกลักษณะต่าง ๆ ทมองเหนได้ (phenotype) ซงเปนการ
็
ึ
ี
็
็
ื
แสดงออกของแต่ละลักษณะเปนผลจากการกระทํารวมกันของพันธกรรม (genotype) และส ง
ิ
ุ
่
็
ื
็
แวดล้อม (environment) ดังนั นการคัดเลือกแม่ไม้ จงเปนการคัดเลอก phenotype ที มีลักษณะ
ึ
ิ
ื
่
เดนกว่าต้นอน ๆ และคาดการณ์เอาไว้ว่า phenotype ที เราคัดเลือกได้นั น จะไม่เกดจากอทธพล
ิ
ิ
30
่
ิ
ั
ของ ปจจัยทางด้านส งแวดล้อม ต่าง ๆ ที ต้นไม้ขึ นอยู่ แตจะได้เปนลักษณะ ของ genotype ออก
็
ี
ิ
ุ
ุ
ุ
ื
มาและพจารณานําแม่ไม้น ไปทําการขยายพันธ์ หรอปรับปรงพันธ์ต่อไป
ื
1.2 ลักษณะต่าง ๆ ที ใช้ในการคัดเลอกแม่ไม้
ื
การคัดเลือกแม่ไม้ จะพิจารณาคัดเลอกจากลักษณะตาง ๆ ที ดี ดังต่อไปน
ี
่
ี
1.2.1 ต้นไม้ที มการเจรญเตบโตด ทั งความโต และความสง
ู
ิ
ิ
ี
ี
ี
1.2.2 ต้นไม้ที มลําต้นตรงเปลา ไม่คดงอ ความเรยวสวยงาม ไม่มีพูพอน
ปุมปม ต่าง ๆ
่
o
ิ
ี
ิ
1.2.3 ต้นไม้ที ม ก งก้านเล็ก ทํามุมกับลําต้นเกอบ 90 มีการลิดก งโดย
ื
็
ู
ึ
ธรรมชาตดี เพราะกิ ง กคือ สวนที เปนตาในเน อไม้ ซงถือว่าเปนตําหน เมื อมีการแปร รปไม้ โดย
ื
ิ
็
ิ
่
็
เฉพาะไม้สน
่
ื
1.2.4 ต้นไม้ที มเรอนยอดเหมาะสมกับการเจรญเติบโต ไมใหญหรอเล็ก
ี
่
ิ
ื
่
เกิน ไปแต่ควรจะมี ลักษณะ แนนทึบ
1.2.5 ต้นไม้ที มีความต้านทานโรคและแมลงด ไม่มีรองรอยการถกโรค
่
ี
ู
และ แมลงทําลาย ในลํา ต้นและตามเรอนยอด
ื
1.2.6 ต้นไม้ที มความต้านทาน ต่อสภาวะการเปลยนแปลงของส งแวด
ี
ี
ิ
็
ล้อม ที ต้นไม้นั นขึ นอยู่ เช่น ความ แห้งแล้ง ไฟปา เปนต้น
่
็
็
1.2.7 ต้นไม้ที ออกดอกช้า เพราะการออกดอกเรวถอเปนลักษณะทาง
ื
พันธกรรมที ไม่ด ี
ุ
ื
ี
1.2.8 ต้นไม้ที มเน ือไม้มีลักษณะ และคณภาพด เส ียนตรงลายเน อไม้
ี
ุ
และสสวย งาม
ี
่
1.3 ลําดับความสําคัญในการคัดเลือกแมไม้
ื
ื
การพิจารณาวา จะทําการคัดเลอกแม่ไม้ โดยถอเอาลักษณะ ใดควร
่
็
เลือกเปน อันดับแรก และ ลักษณะใดควรเลือก เปนอันดับรอง ๆ ลงมา ควรมีหลักเกณฑ์ในการ
็
พิจารณา ดังต่อไปน
ี
31
ํ
1.3.1 ลักษณะทมีความสาคัญทางเศรษฐกจ เชน การเจรญเตบโต รป
ี
ิ
ิ
ู
่
ิ
็
ทรง เปนต้น
่
1.3.2 ลักษณะทมีความสามารถในการถายทอดทางพันธกรรม
ี
ุ
ู
(heritability) สง เช่น ความ ตรงเปลา เปนต้น
็
ั
ุ
1.3.3 ลักษณะที มีความสมพันธ์ ทางพันธกรรม ที มีต่อลักษณะอน ๆ
ื
(positively correlate)
1.3.3 ลักษณะที วัดได้โดยง่าย และมีความถูกต้องได้สง
ู
ในกรณของไม้สนนยมทจะคัดเลอกแม่ไม้ หลายลักษณะในต้นเดยวกัน โดยใช้ระบบ
ี
ื
ี
ิ
ี
การให้คะแนน (Eldridge, อ้างถึงใน จํานงค์ กาญจนบุรางกูร, 2535)
ื
1.4 หลักการคัดเลอกแม่ไม้
ิ
่
ี
ในการคัดเลื อกแมไม้ มีหลักการที ควรปฏบัติดังน คือ (วิเชยร
ี
มันตกุล, 2540)
. . เลือกกลมแม่ไม้ (stand) หรอสวนปาปลูกทมีต้นไม้ขึ นอยู่ มี
่
ุ่
ี
ื
ิ
ิ
็
ลักษณะ การเจรญเติบโตเรว ลําต้นเปลาตรง มีการลดกิ งตามธรรมชาติด ก งมีขนาดเล็กทํามุมฉาก
ี
ิ
ื
ึ
ี
หรอใกล้เคียงมุมฉากกับลําต้น ความต้าน ทานโรคแมลงดี ซงเราเรยกว่า Plus stands ก็ได้
่
ุ่
1.4.2 กลมไม้หรอสวนปา ที มีไม้ตัวแทน (Candidate tree) อยู่ควร
ื
ู
จะอยู่ ในพื นทที มีสภาพต่าง ๆ ใกล้เคียงกับพ นที ที จะทําการปลกสร้างสวน ปาในอนาคต
่
ี
ื
1.4.3 การคัดเลือกในสวนปาต้องมีข้อมูล เกยวกับเมล็ดที ใช้ใน การ
ี
่
่
ปลกสวน ปาไม่ควรคัด เลือกจากสวนปาที ปลูกด้วยเมล็ด จากแหลงที ไม่สามารถ ปรับตัวเข้ากับ
่
่
ู
ิ
ส งแวดล้อมได้
่
ุ่
1.4.4 การคัดเลือกแม่ไม้ควรกระทําได้ในกลมไม้ที มีอายุ ไมตํากว่า
ื
ู
่
ี
หรอสง กว่า 10 – 15 ป ของพื นทที จะปลูกใหม่ เชนพื นทที จะปลกสวนปาใหม่ กําหนดรอบตัด
ี
ู
่
ี
ฟันไว้ที 30 ป ดังนั นจึงไม่ควรเลอกแม่ไม้จากกลมไม้ ที มีอายุ ตํ ากว่า 15 ป หรอสงกว่า 45 ป ี
ู
ื
ี
ื
ุ่
ี
ี
ึ
ิ
ี
1.4.5 การคัดเลือก ควรเลือกจากกลุ่มไม้ทมีไม้ชนดเดยวกัน ข นอยู่
่
็
เปนสวนใหญ ่
32
1.4.6 กลมไม้ที เข้าไปทําการคัดเลอก ไม่ควรผ่านการทําไม้มาก่อน
ื
ุ่
ี
ี
ั
่
ในกรณ ปาธรรมชาติ เพราะไม้ลักษณะดอาจถูกตัดฟนชักลากออกไปก่อนแล้ว ในกรณสวนปา ก็
ี
่
ี
ี
่
่
ไม่ควรคัดเลือกจากสวนปา ทมีการตัดสางขยาย ระยะไปกอนแล้ว นอกจากมีการ ใช้วิธ
Mechanical thinning เท่านั น
ื
่
. . ขนาดของกลมไม้ที จะทําการคัดเลอกไม่มีข้อจํากัด แตต้อง
ุ่
ประกอบ ไปด้วย Candidate tree และ Comparision tree เพียงพอ
ี
1.4.8 กรณที กลมไม้ที จะทําการคัดเลือกมีขนาดเล็ก ก็ควรจะทําการ
ุ่
ื
ี
ี
ื
่
ั
็
ี
็
ื
ื
คัดเลอก เพียงต้นเดยว เพอหลกเลยงความเปนพี น้องกัน หรอเปนเครอญาติกันของแมไม้ที ได้รบ
ื
การ คัดเลอก
1.4.9 เมื อเลอกกลมไม้ได้แล้ว ให้เข้าทําการคัดเลอกแม่ไม้ในกลม
ื
ื
ุ่
ุ่
นั นทันที เพื อเปนการปองกัน แม่ไม้อาจถูกตัดทําลายได้โดย เฉพาะในกรณปาธรรมชาติ
็
้
ี
่
ื
1.4.10 ระบบการให้คะแนน (Scoring System) สามารถใช้ได้ด เพอ
ี
ี
ิ
ื
เปรยบเทียบ และตัดสนใจ ระหว่าง Candidate tree และ Comparision tree จะทําให้การคัดเลอกมี
ประสทธภาพ เกดความแม่นยํายิ งขึ น
ิ
ิ
ิ
่
1.4.11 ต้องจัดทําบันทึก ข้อมูลตาง ๆ เกี ยวกับประวัติแม่ไม้ ลงใน
แบบทะเบียนประวัติแม่ไม้ ด้วย
ื
่
ื
่
ิ
ในการคัดเลอกแมไม้ ส งที นักวิชาการปาไม้ มีความลังเลสงสัยอยู่เสมอคอ ควรจะคัด
่
เลอกแม่ไม้มากน้อยแคไหน และควรจะคัดเลอกแม่ไม้หางกันเท่าใด เพื อกันปัญหาการเปนเครอ
่
็
ื
ื
ื
ญาติกันของแม่ไม้
่
ปกติความมากน้อยในการคัดเลอก (Selection intensity) ของแตละลักษณะ ทเลอก ควร
ื
ื
ี
จะอยู่ระหว่าง / , ถึง / , ต้น (Barner, 1974, Burley, อ้างถึงใน จํานงค์ กาญจนบุ
ื
่
ุ่
รางกูร, ) โดยควรจะเลอกแม่ไม้จากกลุ่มไม้ในปาธรรมชาต หรอสวนปา ที กลมไม้นั นขึ นอยู่
ิ
ื
่
ุ
ที มีสภาพแวดล้อมใกล้เคียงกันมากที สด เพื อลดอทธพลของส งแวดล้อมให้น้อยที สด
ิ
ิ
ิ
ุ
ี
ื
่
ี
ื
แม่ไม้ททําการคัดเลอก ในกรณปาธรรมชาติ ควรคัดเลอกเปรยบเทียบกับ Dominant tree
ี
ื
ื
หรอ Candidate tree อย่างน้อย ต้น หรอภายในรัศมี – เมตร ในกรณ สวนปาควรคัดเลือก
่
ี
ี
เปรยบ เทียบกับ Comparison tree ในรัศมี เมตร
33
. การให้คะแนนแม่ไม้สนสามใบ
ื
การคัดเลือกแม่ไม้สนสามใบ ทั งในปาธรรมชาติ หรอในสวนปา นยม
ิ
่
่
ู
ใช้ระบบการให้คะแนนกับลักษณะต่าง ๆ ที กําหนดไว้ของไม้สนสามใบต้นที มคะแนนสงจะได้
ี
รับการคัดเลือกไว้เปนแม่ไม้ ปกติลักษณะต่าง ๆ ที กําหนดไว้ มีด้วยกัน หมวดใหญ่ คือ
็
ิ
1.5.1 ความเจรญเติบโต (Vigour)
1.5.2 ลักษณะทางคณภาพ (Quality)
ุ
1.5.3 ลักษณะทางสขภาพ (Health)
ุ
1.5.4 การออกดอก ติดผล (Flowering)
1.5.1 ความเจรญเติบโต (Vigour) การเจรญเติบโตของไม้สนสามใบ
ิ
ิ
ิ
็
ื
ิ
ู
หรอไม้ทั วๆไป เปนที เข้าใจกันคือ การเจรญ เติบโตทาง ความสง (height) และการเจรญเติบโต
ทาง เส้นผ่าศูนย์กลาง (diameter) ของต้นไม้
ื
การเจรญเติบโตทางความสง (height) ใช้การวัดความสง จากพื นถงเรอนยอด การ
ู
ู
ึ
ิ
ื
พิจารณาคัดเลอกแม่ไม้จากกลมไม้ทขึ นอยู่ในสภาพแวดล้อมที เหมือนกัน และอายุเท่ากัน การท
ี
ุ่
ี
ี
ึ
่
ู
ี
ต้นไม้ที ม การเจรญเติบโต ทางความสงดมากเดนกว่าต้นอื น ควรรับไว้พิจารณา แตต้อง ดถงสห
่
ู
ิ
สัมพันธ์กับ ความโตทางเส้นผ่าศูนย์กลาง (diameter) และอายุด้วย ไม้ที สงแต่เพียง อย่างเดียว แต
่
ู
ื
ึ
ี
ี
ี
ิ
ลําต้นผอมเรยว ซงไม่ใช่ลักษณะของการเจรญเติบโตที ด มโอกาสที จะหัก โค่นได้ หรอ แสดงถึง
การถกเบียดบัง ส้ต้นอื นไม่ได้ ไม่ควรเลือกไว้
ู
ู
ความโตทางด้านเส้นผ่าศนย์กลาง (diameter) นยมใช้ค่าเส้นผ่าศนย์กลาง ระดับอก
ู
ิ
ู
ื
ื
ี
็
(DHB) เปนเกณฑ์ หลักเกณฑ์ในการพิจารณาคัดเลือกในกรณน ี ก็เหมอนกับการคัดเลอกแม่ไม้
ิ
ึ
ู
ี
ิ
จากความสง โดยต้นยิ งมีความโตทางเส้นผ่าศูนย์กลางมากเท่าใด ก็ยิ งแสดงถงการ เจรญเตบโตด
ี
มากของต้นไม้นั น แต่ทั งน ต้องมี สหสัมพันธ์กับ ความสง และอายุด้วย
ู
ั
. . ลักษณะทางคณภาพ (Quality) ลักษณะทางคณภาพ ที ใช้
ุ
ุ
ื
ประกอบการพิจารณา ให้คะแนนการคัดเลอก ไม้สนสามใบ มีดังน ี
่
1.5.2.1 ลักษณะการแตกงาม (Forking) เปนลักษณะทไม้สน
็
ี
ิ
็
ิ
สามใบจะแตกก งออกจากลําต้นใหญ่ เปนสองก งหรอมากกว่า มีขนาดไล่เลยกันอาจจะ เกดจาก
ี
ื
ิ
34
ุ
ื
พันธกรรม หรอโรคแมลงเข้าทําลายยอดทํา ให้ไม้สนสามใบ แตกยอด ออกมาทดแทนใหม่ เปน
็
ิ
ื
ี
็
ื
2 ยอด หรอมากกว่า นานไปจะเจรญเติบโตเปน ไม้แตกง่าม หรอสองนางซงถือว่าเปน ลักษณะท
ึ
็
่
่
ี
ิ
ี
ไมด ในการ ให้คะแนนไม้แตกก งง่ามจะให้ 1 คะแนน ลําต้นไม่แตกงาม มีลําต้นเดยวจะให้ 2
คะแนน
1.5.2.2 ความตรงเปลาของลําต้น (Stem straightness) ใน
ี
ื
ี
ู
ิ
ี
กรณน จะพิจารณา ให้คะแนนความตรงเปลาที บรเวณเหนอระดับความสงเพยงอกขึ นไป โดยจัด
ระดับเปนสามระดับ ให้คะแนน ดังน ี
็
เปลาตรงดีมาก 9 – 7 คะแนน
เปลาตรงปานกลาง 6 – 4 คะแนน
ลําต้นคด ๆ งอ ๆ 3 – 1 คะแนน
การให้คะแนน ความตรงเปลาของไม้สนสามใบน ในทางปฏบัติ มีปญหาพอ สมควร
ี
ั
ิ
่
เนองจากมีความแตกต่างของคะแนน แตละชวงมาก การตัดสนใจให้คะแนน จะยากข น เชน
่
่
ิ
ึ
ื
กรณลําต้นคดงอ อย่างไหนคดงอมาก อย่างไหนคองอปานกลาง และคดงอเล็ก น้อย บุคคลผู้ให้
ี
่
ี
ื
ื
คะแนน แต่ละคนยอมให้คะแนนที ไมเหมอนกัน แม้แต่บุคคลคนเดยวกัน ทําการ คัดเลอก ต่าง
ื
ิ
ี
ระยะเวลากันก็ยังให้คะแนนไม่เหมือนเดม ในสวนดคอ คะแนนยิ งมากความ แตกต่างของ
่
็
ี
คะแนนทให้กยิ งมาก สามารถกําหนดลักษณะความตรงเปลา ได้ชัดเจน และลักษณะความตรง
็
่
เปลา ของต้นไม้ นับว่ามี ความสําคัญมาก เนองจากเปน ลักษณะที ถายทอด สลกหลาน ได้สงด้วย
ู
ู่
ู
ื
(Willan, 1988)
1.5.2.3 โคนคดงอ (Basal sweep) เปนลักษณะทโคน ของ
ี
็
ต้นสนสามใบ ตั งโผลขึ นจากผิวดน จนสงถึง ระดับความสงเพียงอก ไม่ตรงหรอคดงอ หรอเอยง
ู
ี
ื
ิ
่
ู
ื
ี
ี
จากพื นดิน ลักษณะในกรณน บางครั งอาจจะตัดทิ งไป โดยไมนํามาพิจารณาให้คะแนนก็ได้ พบ
่
ิ
ื
ื
บ่อยที ความคดงอหรอเอยงเอนที โคนเกดจากการ ปลูกตอน แรกเร มคนงานปลกกล้าสนต น และ
ู
ิ
ี
ี
ุ่
ไม่ตั งได้ฉากกับ ระดับดิน และในกรณพ นที ที สภาพกลมไม้ขึ นอยู่ บรเวณ slope ชันมาก ๆ โคน
ื
ิ
ี
ื
ิ
มักจะคดหรอโค้ง นอกจากน ยังอาจจะ เกดจากอกหลายสาเหตุเชน เมื อตอนที กล้าสนสามใบท
่
ี
ี
ปลกระยะแรก ๆ ถกลมพัดจัดด้านเดยว โคนก็เอียงได้ ถกสัตว์เหยียบยํา บ้าง เปนต้น ถ้าต้องการ
ู
ู
ู
ี
็
จะให้คะแนนจะพิจารณาให้โคน ตรงตั ง ฉากกับพื น ดนให้ 2 คะแนน คดงอ และเอยง โค้งให้ 1
ิ
ี
คะแนน
35
ุ่
1.5.2.4 ลักษณะ Foxtail เกิดจากพงของยอดสน เมื อการ
็
ิ
ิ
ู
ิ
่
ี
็
ึ
่
เจรญเตบโตทางความสงอย่างรวดเรวผิดปกติ เปนลําข นไปในอากาศไมมีก งก้านในชวงที พุ่งน
่
ุ
ิ
็
แต่จะไปออกก งก้านเปนกระจกที บรเวณปลายยอด ชวงที พุ่งขึ นน อาจจะมีชวงยาวหลายเมตรบาง
ี
่
ิ
่
ครั งยอดจะหักงอลงได้ (Flop) เนองจากรับนํ าหนักไมไหวหรอลมพัดหัก ซงถือวาเปนลักษณะท
่
ื
ื
ึ
็
ี
ไม่ดี พบได้ เสมอในสนสองใบ การให้คะแนนสนสามใบที มี Foxtail เกิดข นจะให้ 1 คะแนน ไม
ึ
่
มี Foxtail จะให้ 2 คะแนน
1.5.2.5 ตําหนเรอนยอด (Crown defect ) มีหลายลักษณะที ถอ
ื
ื
ิ
ิ
ื
ื
่
ว่าเปนตําหนที ไม่ดเกิดขึ นกับเรอนยอด ของไม้สนสามใบ เรอนยอดของต้นไม้เปน แหลงรับ
ี
็
็
ื
พลังงานแสงอาทิตย์ เพอใช้ในการปรงอาหาร ใช้ สร้างเน อเยื อ ของต้นไม้ที แสดงออกของการ
ุ
ื
็
เจรญ เติบโต ขยายออกทางด้านข้างโดยรอบ และขยาย ออกทางด้านบนเปนความสง ต้นไม้ควร
ิ
ู
จะมีเรอน ยอดทเหมาะสมกับอายุ แนนใบมีสสดใส และมีรป ทรงทชัดเจน ตามชนดของไม้นั น
่
ี
ี
ื
ิ
ี
ู
ๆ ในกรณ สนสามใบเรอนยอด ควรจะมรปทรงเปนรปโดม ค่อนข้างกลม ซงเปนลักษณะประจํา
ู
็
ี
ี
ื
ู
ึ
็
พันธ์ ลักษณะที ถอว่า เปนตําหนกับเรอนยอดมีดังน ี
็
ื
ุ
ิ
ื
ิ
Basket whorl ลักษณะการแตกก งก้าน ออกจากลําต้น ที จด
ุ
็
ื
ื
็
เดยว โดยรอบลําต้นหลายก ง เปนกระจกเปนสาเหตุที ทําให้เกิดตาในเน อไม้มาก ลําต้นหักหรองอ
ี
ุ
ิ
็
่
ได้งายเปน ลักษณะไมดี
่
Ramicorn ลักษณะการแตกก งขนาดใหญคล้าย ๆ แตกงาม
่
่
ิ
่
ิ
ึ
(Fork) ซงมีขนาดเล็กกว่าง่าม แต่ใหญผิดปกตกว่ากิ งทั ว ๆ ไป ทํามุมแหลมกับลําต้นทําให้การ
ี
ิ
ิ
็
ิ
ิ
เจรญเติบโตของลําต้นบรเวณ ที ทําเปนสนค้าได้ลดน้อยลง เพราะอาหารไปเล ยงก ง ramicorn มาก
Kinkiness ลักษณะเรอนยอด ที ลําต้นภายในเรอนยอดคด ๆ
ื
ื
ั
ื
์
้
งอ ๆ เปนคลนส น ๆ สลับกันไป ทําให้ลําต้นคดงอ ต่อไปใน อนาคตพบมาก ในสนโอโอคารปา
็
ื
ี
ลักษณะทเปนตําหน เรอนยอดน ถ้าคัดเลอกพบ จะให้ คะแนน ถ้าเรอนยอดไม่มี ตําหนจะให้
็
ิ
ิ
ี
ื
ื
คะแนน
1.5.2.6 ลักษณะก งก้านใหญ แนน (Branch coarseness or
่
่
ิ
่
ิ
ิ
Branch thickness) เปนลักษณะ ก งก้าน ของไม้สน สามใบ ถ้ามีการแตกกิ งก้านใหญ ปรมาณ
็
ิ
่
่
มากถอว่า เปนลักษณะที ไมดหรอมีกิ งก้านใหญ ปรมาณไม มากกไม่ดอีก การแตกกิ งก้านที มีก ง
ิ
ื
็
ี
็
่
ื
ี
ิ
ื
ี
ี
ิ
็
ิ
ขนาดเล็ก และมปรมาณพอเหมาะ ไม่มากจนเกนไปหรอไม่น้อยจนเกนไปนับว่าเปนลักษณะทดี
ี
โดยมีการจัดระดับการให้คะแนนดังน