6. ครูอธิบายรูปแบบการเขียนจดหมายกิจธุระเพื่อให้นักเรียนได้ทบทวนความรู้ 7. ครูสาธิตการเขียนจดหมายกิจธุระให้ดูเป็นตัวอย่าง 8. ให้นักเรียนเขียนจดหมายกิจธุระขึ้นมา 1 ฉบับ ขั้นที่ 3 ขั้นสรุป 9. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เกี่ยวกับการเขียนจดหมายกิจธุระ สื่อกำรเรียนรู้ 1. หนังสือเรียน ภาษาไทย : หลักภาษาและการใช้ภาษา ม.1 2. ใบงานเรื่องรูปแบบการเขียนจดหมายกิจธุระ 3. ใบงานการเขียนจดหมายกิจธุระ กำรวัดและประเมินผล จุดประสงค์กำรเรียนรู้ วิธีกำรวัด เครื่องมือ เกณฑ์กำรประเมิน 1. อธิบายหลักการเขียน จดหมายกิจธุระได้(K) การตรวจใบงาน แบบประเมินใบงาน ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 2. เขียนจดหมายกิจธุระได้ (P) การตรวจใบงาน แบบประเมินใบงาน ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 3. มีความรับผิดชอบต่องาน ที่ได้รับมอบหมาย (A) สังเกตพฤติกรรม นักเรียน แบบสังเกตพฤติกรรม ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
ใบงำนรูปแบบกำรเขียนจดหมำยกิจธุระ ค ำชี้แจง ให้นักเรียนศึกษาเรื่องรูปแบบของจดหมายกิจธุระแล้วเขียนค้าตอบให้ถูกต้อง 1. ค้าขึ้นต้นในการเขียนจดหมายกิจธุระ ให้ใช้ว่า 2. ค้าลงท้ายในการเขียนจดหมายกิจธุระ ให้ใช้ว่า 3. การเขียนวันที่ในจดหมาย ให้เขียนดังนี้ 4. การเขียนสถานที่ในจดหมาย ควรเขียนอย่างไร 5. การเขียนจดหมายควรวางต้าแหน่งต่างๆ ดังนี้
ใบงำนรูปแบบกำรเขียนจดหมำยกิจธุระ ค ำชี้แจง ให้นักเรียนศึกษาเรื่องรูปแบบของจดหมายกิจธุระแล้วเขียนค้าตอบให้ถูกต้อง 6. ค้าขึ้นต้นในการเขียนจดหมายกิจธุระ ให้ใช้ว่า เรียน 7. ค้าลงท้ายในการเขียนจดหมายกิจธุระ ให้ใช้ว่า ขอแสดงความนับถือ 8. การเขียนวันที่ในจดหมาย ให้เขียนดังนี้ เขียนวันที่ โดยบอกเป็นตัวเลขไม่ต้องมีค้าว่า วันที่น้าหน้า ตามด้วยชื่อเดือน และเลข พ.ศ. เช่น 14 มกราคม 2555 9. การเขียนสถานที่ในจดหมาย ควรเขียนอย่างไร บ้านเลขที่ถนน ต้าบล จังหวัด รหัสไปรษณีย์ เช่น 150/21 ถนนประชาอุทิศ ต้าบลตลาดหลวง อ้าเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง 14000 10.การเขียนจดหมายควรวางต้าแหน่งต่างๆ ดังนี้ สถานที่ วันที่ เดือน พ.ศ. ค าขึ้นต้น ใจความจดหมาย ลงท้าย ชื่อผู้เขียนจดหมาย
ใบงำนกำรเขียนจดหมำยกิจธุระ ค ำชี้แจง ให้นักเรียนเขียนจดหมายกิจธุระ 1 ฉบับ …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….………………………………………………
แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ที่ ๓๗ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท21101 ภาคเรียนที่ 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 เรื่อง การเขียนเพื่อการสื่อสาร เวลาเรียนทั้งหมด 9 ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 6 เรื่อง การเขียนรายงานการศึกษาค้นคว้า เวลาเรียน 2 ชั่วโมง ผู้สอน นางสาวโชติกา มุทาพร ___________________________________________________________________________ มำตรฐำนกำรเรียนรู้ มาตรฐาน ท 2.1 ใช้กับวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ เขียนย่อความ และเขียนเรื่องราว รูปแบบต่างๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้าอย่างมีประสิทธิภาพ ตัวชี้วัด ท 2.1 ม.1/8 เขียนรายงานการศึกษาค้นคว้าและโครงงาน สำระส ำคัญ รายงานการศึกษาค้นคว้า มีระบบและระเบียบในการเขียน จึงต้องมีความรู้เกี่ยวกับองค์ประกอบ และ ขั้นตอนในการเขียน จึงจะสามารถเขียนได้ถูกต้อง สำระกำรเรียนรู้ หลักการเขียนรายงานการศึกษาค้นคว้า จุดประสงค์กำรเรียนรู้ 1. อธิบายองค์ประกอบของการเขียนรายงานการศึกษาค้นคว้าได้(K) 2. เขียนรายงานการศึกษาค้นคว้าได้(P) 3. มีความรับผิดชอบต่องานที่ได้รับมอบหมาย (A) สมรรถนะส ำคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการท้างาน กระบวนกำรจัดกำรเรียนรู้ ขั้นที่ 1 น ำเข้ำสู่บทเรียน 1. ครูสนทนากับนักเรียนเรื่องการเขียนรายงานการศึกษาค้นคว้าที่นักเรียนเคยเรียนมาในระดับชั้น ประถมศึกษา ขั้นที่ 2 ขั้นกระบวนกำรเรียนรู้ 2. ครูอธิบายหลักการเขียนรายงานการศึกษาค้นคว้าและส่วนประกอบการเขียนรายงานการศึกษา ค้นคว้า
3. นักเรียนท้าใบงานเรื่องหลักการเขียนรายงานการศึกษาค้นคว้า 4. ครูเฉลยใบงานเรื่องหลักการเขียนรายงานการศึกษาค้นคว้า 5. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายสรุปองค์ประกอบการเขียนรายงานและขั้นตอนการเขียนรายงาน 6. แบ่งกลุ่มนักเรียน กลุ่มละ 4-5 คน แล้วแบ่งประเด็นให้นักเรียนเตรียมหาข้อมูลและศึกษาค้นคว้า เพื่อท้ารายงาน ได้แก่อาหารไทย การละเล่นไทย ประเพณีไทย และวัฒนธรรมไทย โดยให้เวลาในการท้า รายงาน 2 สัปดาห์ 7. หลังจากนักเรียนศึกษาค้นคว้าและท้ารายงานเสร็จแล้วให้แต่ละกลุ่มออกมาพูดรายงานการศึกษา ค้นคว้าหน้าชั้นเรียน ขั้นที่ 3 ขั้นสรุป 8. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เกี่ยวกับหลักการเขียนรายงานการศึกษาค้นคว้า สื่อกำรเรียนรู้ 1. หนังสือเรียน ภาษาไทย : หลักภาษาและการใช้ภาษา ม.1 2. ใบงานเรื่องหลักการเขียนรายงานการศึกษาค้นคว้า กำรวัดและประเมินผล จุดประสงค์กำรเรียนรู้ วิธีกำรวัด เครื่องมือ เกณฑ์กำรประเมิน 1. อธิบายองค์ประกอบของ การเขียนรายงานการศึกษา ค้นคว้าได้(K) การตรวจใบงาน แบบประเมินใบงาน ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 2. เขียนรายงานการศึกษา ค้นคว้าได้(P) การตรวจผลงาน แบบประเมินผลงาน ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 3. มีความรับผิดชอบต่องาน ที่ได้รับมอบหมาย (A) สังเกตพฤติกรรม นักเรียน แบบสังเกตพฤติกรรม ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
ใบงำนเรื่องกำรเขียนรำยงำนกำรศึกษำค้นคว้ำ ค ำชี้แจง ให้นักเรียนศึกษาเรื่องการเขียนรายงานการศึกษาค้นคว้า แล้วตอบค้าถาม 1.องค์ประกอบของรายงานการศึกษาค้นคว้ามีกี่ส่วน อะไรบ้าง รายงานมีองค์ประกอบที่ส้าคัญ 3 ส่วน คือ 1) องค์ประกอบส่วนต้น ประกอบด้วย - หน้าชื่อเรื่องหรือหน้าปก - หน้าปกใน - ค้าน้า - สารบัญ 2) องค์ประกอบส่วนกลาง หรือส่วนเนื้อหา ประกอบด้วย - บทน้า - เนื้อเรื่อง - บทสรุป 3) องค์ประกอบส่วนท้าย ประกอบด้วย - บรรณานุกรม - ภาคผนวก - อภิธานศัพท์ 2.องค์ประกอบแต่ละส่วนมีวิธีเขียนอย่างไร องค์ประกอบแต่ละส่วนมีวิธีเขียน ดังนี้ 1) องค์ประกอบส่วนต้น 1.1) หน้าชื่อเรื่องหรือหน้าปก แบ่งเป็น 3 ส่วน ส่วนแรก เขียนชื่อเรื่อง ส่วนที่สอง เขียนชื่อ-นามสกุล ของผู้รายงาน ส่วนที่สาม แจ้งว่ารายงานนี้ใช้ประกอบการเรียนวิชาใด สถานศึกษาใด จัดท้าเมื่อไร 1.2) หน้าปกใน เขียนเหมือนปกนอกทุกประการ 1.3) ค้าน้า เขียนบอกจุดมุ่งหมาย มูลเหตุวิธีการศึกษาค้นคว้า กล่าวขอบคุณผู้ให้ความช่วยเหลือ 1.4) สารบัญ คือ บัญชีบทหรือหัวข้อส้าคัญในการเขียนรายงาน ต้องเขียนเรียงตามล้าดับเนื้อหารายงา ฉบับนั้น ถ้ามีตารางและภาพรายงานต้องท้าสารบัญตารางและสารบัญภาพแยกจากส่วนเนื้อหา 2) องค์ประกอบส่วนกลาง หรือส่วนเนื้อหา การเขียนบทน้า เนื้อเรื่อง และบทสรุป ทั้ง 3 ส่วนนี้ใช้หลักเกณฑ์เดียวกับการเขียนเรียงความทั่วไป ถ้ามีการอ้างอิงข้อความของผู้อื่นมาประกอบการเขียนให้ใช้เครื่องหมายอัญประกาศ หรือมีเชิงอรรถบอก ที่มา 3) องค์ประกอบส่วนท้าย 3.1) บรรณานุกรม คือ บัญชีรายชื่อหนังสือที่ใช้ประกอบการศึกษาค้นคว้าเพื่อน้าข้อมูลมาเขียนรายงาน ให้บอกชื่อผู้แต่ง ปีที่พิมพ์ชื่อหนังสือ พิมพ์ครั้งที่ เมืองที่พิมพ์ชื่อส้านักพิมพ์ 3.2) ภาคผนวก คือ เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับรายงานน้ามาเขียนเพิ่มเติมไว้ตอนท้ายเพื่อความสมบูรณ์ของ รายงาน 3.3) อภิธานศัพท์คือ อธิบายค้าศัพท์ส้าคัญๆ ที่อยู่ในรายงาน
ใบงำนเรื่องกำรเขียนรำยงำนกำรศึกษำค้นคว้ำ ค ำชี้แจง ให้นักเรียนศึกษาเรื่องการเขียนรายงานการศึกษาค้นคว้า แล้วตอบค้าถาม 1.องค์ประกอบของรายงานการศึกษาค้นคว้ามีกี่ส่วน อะไรบ้าง 2. องค์ประกอบแต่ละส่วนมีวิธีเขียนอย่างไร
แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ที่ ๓๘ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท21101 ภาคเรียนที่ 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 เรื่อง การเขียนเพื่อการสื่อสาร เวลาเรียนทั้งหมด 9 ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 7 เรื่อง การแต่งกาพย์ยานี11 เวลาเรียน 1 ชั่วโมง ผู้สอน นางสาวโชติกา มุทาพร ___________________________________________________________________________ มำตรฐำนกำรเรียนรู้ มาตรฐาน ท 2.1 ใช้กับวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ เขียนย่อความ และเขียนเรื่องราว รูปแบบต่างๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้าอย่างมีประสิทธิภาพ ตัวชี้วัด ท 2.1 ม.1/5 แต่งบทร้อยกรอง สำระส ำคัญ ค้าประพันธ์ประเภทกาพย์เป็นค้าประพันธ์ที่แต่งง่าย ไม่มีข้อบังคับซับซ้อนมาก ถ้ารู้ฉันทลักษณ์ก็ สามารถสร้างสรรค์ค้าประพันธ์ได้ดังนั้นผู้เรียนจึงควรฝึกฝนแต่งค้าประพันธ์เพื่อถ่ายทอดความรู้ ความคิด ความรู้สึกให้ผู้อื่นทราบและยังเป็นการพัฒนาความคิดอีกด้วย สำระกำรเรียนรู้ กาพย์ยานี11 จุดประสงค์กำรเรียนรู้ 1. อธิบายฉันทลักษณ์ของกาพย์ยานี11 ได้(K) 2. แต่งกาพย์ยานี11 ได้(P) 3. มีความรับผิดชอบต่องานที่ได้รับมอบหมาย (A) สมรรถนะส ำคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการท้างาน กระบวนกำรจัดกำรเรียนรู้ ขั้นที่ 1 น ำเข้ำสู่บทเรียน 1. ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวบทร้อยกรองว่านักเรียนรู้จักบทร้อยกรองชนิดไหนบ้าง 2. ยกตัวอย่างกาพย์ยานี11 มาให้นักเรียนอ่านพร้อมกัน ขั้นที่ 2 ขั้นกระบวนกำรเรียนรู้
3. ครูเขียนแผนผังกาพย์ยานี11 ให้ดูและอธิบายฉันทลักษณ์ของการแต่งกาพย์ยานี11 4. ครูแต่งกาพย์ยานี11 เป็นตัวอย่าง จากนั้นก็ให้ช่วยกันแต่งโดยครูขึ้นต้นวรรคแรกให้จากนั้นก็สุ่ม นักเรียนมาช่วยแต่งต่อให้เป็นกาพย์ยานี11 ที่สมบูรณ์ 5. นักเรียนท้าใบงานเรื่องการแต่งกาพย์ยานี11 ขั้นที่ 3 ขั้นสรุป 6. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เกี่ยวกับฉันทลักษณ์ของการแต่งกาพย์ยานี11 สื่อกำรเรียนรู้ 1. หนังสือเรียน ภาษาไทย : หลักภาษาและการใช้ภาษา ม.1 2. ใบงานเรื่องการแต่งกาพย์ยานี11 กำรวัดและประเมินผล จุดประสงค์กำรเรียนรู้ วิธีกำรวัด เครื่องมือ เกณฑ์กำรประเมิน 1. อธิบายฉันทลักษณ์ของ กาพย์ยานี11 ได้(K) การตรวจใบงาน แบบประเมินใบงาน ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 2. แต่งกาพย์ยานี11 ได้ (P) การตรวจใบงาน แบบประเมินการแต่ง กาพย์ยานี11 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 3. มีความรับผิดชอบต่องาน ที่ได้รับมอบหมาย(A) สังเกตพฤติกรรม นักเรียน แบบสังเกตพฤติกรรม ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
กำรแต่งกำพย์ยำนี11 ค ำชี้แจง ให้นักเรียนเขียนแผนผังฉันทลักษณ์ของกาพย์ยานี11 และแต่งกาพย์ยานี11 จ้านวน 2 บท
แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ที่ ๓๙ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท21101 ภาคเรียนที่ 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 8 เรื่องสุภาษิตพระร่วง เวลาเรียนทั้งหมด 6 ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง รอบรู้สุภาษิตพระร่วง เวลาเรียน 1 ชั่วโมง ผู้สอน นางสาวโชติกา มุทาพร _____________________________________________________________________ มำตรฐำนกำรเรียนรู้ มาตรฐาน ท 5.1 เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคุณค่า และน้ามาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ตัวชี้วัด ท 5.1 ม.1/1 สรุปเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน ท 5.1 ม.1/2 วิเคราะห์วรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่านพร้อมยกเหตุผลประกอบ สำระส ำคัญ การศึกษาความเป็นมา ลักษณะค้าประพันธ์และจุดมุ่งหมายในแต่งของวรรณคดีเรื่องสุภาษิตพระร่วงจะ ท้าให้เกิดความเข้าใจและซาบซึ้งในวรรณคดีไทย สำระกำรเรียนรู้ ความเป็นมา ลักษณะค้าประพันธ์และผู้แต่งสุภาษิตพระร่วง จุดประสงค์กำรเรียนรู้ 1. บอกจุดมุ่งหมายในการแต่งวรรณคดีเรื่องสุภาษิตพระร่วงได้(K) 2. สรุปความเป็นมาของสุภาษิตพระร่วงได้(P) 3. นักเรียนมีความกระตือรือร้นในการเรียนรู้(A) สมรรถนะส ำคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการท้างาน 4. รักความเป็นไทย กระบวนกำรจัดกำรเรียนรู้ ขั้นที่ 1 น ำเข้ำสู่บทเรียน 1. ครูสอบถามนักเรียนว่ารู้จักวรรณคดีในสมัยสุโขทัยเรื่องอะไรบ้าง ขั้นที่ 2 ขั้นกระบวนกำรเรียนรู้
2. นักเรียนศึกษาความเป็นมา ผู้แต่ง และลักษณะค้าประพันธ์ของวรรณคดีเรื่องสุภาษิตพระร่วงจาก ในหนังสือเรียน 3. ครูเล่าความเป็นมา ผู้แต่ง และลักษณะค้าประพันธ์ของเรื่องสุภาษิตพระร่วงให้นักเรียนฟัง 3. ครูสุ่มถามนักเรียนเป็นรายบุคคล ตอบค้าถามเรื่องสุภาษิตพระร่วงที่ครูได้อธิบายไปข้างต้น 4. นักเรียนท้าใบงานรอบรู้สุภาษิตพระร่วง ขั้นที่ 3 ขั้นสรุป 6. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความเป็นมา ในผู้แต่ง และลักษณะงานประพันธ์ในวรรณคดีเรื่อง สุภาษิตพระร่วง สื่อกำรเรียนรู้ 1. หนังสือเรียน ภาษาไทย : วรรณคดีและวรรณกรรม ม.1 2. ใบงานรอบรู้สุภาษิตพระร่วง กำรวัดและประเมินผล จุดประสงค์กำรเรียนรู้ วิธีกำรวัด เครื่องมือ เกณฑ์กำรประเมิน 1. บอกจุดมุ่งหมายในการ แต่งวรรณคดีเรื่องสุภาษิต พระร่วงได้(K) การตรวจใบงาน แบบประเมินใบงาน ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 2. สรุปความเป็นมาของ สุภาษิตพระร่วงได้(P) การตรวจใบงาน แบบประเมินใบงาน ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 3. นักเรียนมีความ กระตือรือร้นในการเรียนรู้ (A) สังเกตพฤติกรรม นักเรียน แบบสังเกตพฤติกรรม ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
ใบงำนรอบรู้สุภำษิตพระร่วง ค ำชี้แจง ให้นักเรียนอ่านวรรณคดีเรื่อง สุภาษิตพระร่วง แล้วตอบค้าถาม 3. สุภาษิตพระร่วงมีความเป็นมาอย่างไร 4. สุภาษิตพระร่วงมีจุดมุ่งหมายในการแต่งเพื่ออะไร 5. รูปแบบและลักษณะค้าประพันธ์ของวรรณคดีเรื่อง สุภาษิตพระร่วง มีลักษณะอย่างไร 6. เนื้อหาของวรรณคดีเรื่อง สุภาษิตพระร่วง มีลักษณะอย่างไร
ใบงำนรอบรู้สุภำษิตพระร่วง ค ำชี้แจง ให้นักเรียนอ่านวรรณคดีเรื่อง สุภาษิตพระร่วง แล้วตอบค้าถามต่อไปนี้ให้ถูกต้อง 1. สุภาษิตพระร่วงมีความเป็นมาอย่างไร สุภาษิตพระร่วง มีอีกชื่อหนึงว่าบัญญัติพระร่วง มีปรากฏเป็นหลักฐานว่าในสมัยๆ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้จารึกสุภาษิตพระร่วงลงในแผ่นศิลารูปสี่เหลียม จัตุรัสไว้กับผนังด้านในศาลาหน้าพระมหาเจดีย์หลังเหนือที่วัดเชตุพนวิมลมังคลาราม 2. สุภาษิตพระร่วงมีจุดมุ่งหมายในการแต่งเพื่ออะไร สุภาษิตพระร่วงมีจุดมุ่งหมายในการแต่งเพื่อสั่งสอนประชาชนด้านการประพฤติปฏิบัติตน และให้เป็นข้อคิดในการด้าเนินชีวิต 3. รูปแบบและลักษณะค้าประพันธ์ของวรรณคดีเรื่อง สุภาษิตพระร่วง มีลักษณะอย่างไร สุภาษิตพระร่วง มีรูปแบบเป็นวรรณคดีค้าสอน แต่งด้วยค้าประพันธ์ประเภทร่ายสุภาพ วรรค ละ 5-8 ค้า ร่ายแต่ละวรรคมีการรับส่งสัมผัสกันอย่างสม่้าเสมอ ค้าสุดท้ายของวรรคหน้าจะสัมผัส กับค้าในวรรคต่อไป แต่ไม่ก้าหนดต้าแหน่งค้ารับสัมผัสที่ตายตัว และจบลงด้วยโคลงสองสุภาพ 4. เนื้อหาของวรรณคดีเรื่อง สุภาษิตพระร่วง มีลักษณะอย่างไร เนื้อหาของสุภาษิตพระร่วง แบ่งเป็น 2 ลักษณะ คือ ค้าสอนที่เป็นข้อห้าม และค้าสอนที่เป็น ข้อแนะน้า
แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ที่ ๔๐ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท21101 ภาคเรียนที่ 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 8 เรื่องสุภาษิตพระร่วง เวลาเรียนทั้งหมด 6 ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง การถอดค้าประพันธ์ เวลาเรียน 1 ชั่วโมง ผู้สอน นางสาวโชติกา มุทาพร ___________________________________________________________________________ มำตรฐำนกำรเรียนรู้ มาตรฐาน ท 5.1 เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคุณค่า และน้ามาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ตัวชี้วัด ท 5.1 ม.1/1 สรุปเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน ท 5.1 ม.1/2 วิเคราะห์วรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่านพร้อมยกเหตุผลประกอบ สำระส ำคัญ การศึกษาวรรณคดีเกี่ยวกับสุภาษิตค้าสอนเรื่อง สุภาษิตพระร่วง ต้องสรุปเนื้อหาและวิเคราะห์วรรณคดี ที่อ่านพร้อมยกเหตุผลประกอบ สำระกำรเรียนรู้ สุภาษิตพระร่วง จุดประสงค์กำรเรียนรู้ 1. อธิบายเนื้อหาของสุภาษิตพระร่วงได้(K) 2. ถอดค้าประพันธ์ในเรื่องสุภาษิตพระร่วงได้ถูกต้อง (P) 3. นักเรียนมีความกระตือรือร้นในการเรียนรู้(A) สมรรถนะส ำคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการท้างาน 4. รักความเป็นไทย กระบวนกำรจัดกำรเรียนรู้ ขั้นที่ 1 น ำเข้ำสู่บทเรียน 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับความเป็นมาของสุภาษิตพระร่วงว่ามีความเป็นมาอย่างไร ขั้นที่ 2 ขั้นกระบวนกำรเรียนรู้
2. ให้นักเรียนค้นหาค้าศัพท์ยากจากเรื่องสุภาษิตพระร่วงที่ไม่เข้าใจแล้วน้าไปเขียนบนกระดาน 3. ครูอธิบายค้าศัพท์ที่นักเรียนไม่เข้าใจแล้วให้นักเรียนจดลงสมุด 4. ครูอธิบายหลักการการถอดความบทประพันธ์เรื่องสุภาษิตพระร่วง ๕. ครูและนักเรียนร่วมกันถอดค้าประพันธ์เรื่องสุภาษิตพระร่วง ๖. ให้นักเรียนท้าใบงานการถอดค้าประพันธ์เรื่องสุภาษิตพระร่วง ขั้นที่ 3 ขั้นสรุป ๗. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเนื้อเรื่องในวรรณคดีเรื่องสุภาษิตพระร่วง สื่อกำรเรียนรู้ 1. หนังสือเรียน ภาษาไทย : วรรณคดีและวรรณกรรม ม.1 2. ใบงานการถอดค้าประพันธ์เรื่องสุภาษิตพระร่วง กำรวัดและประเมินผล จุดประสงค์กำรเรียนรู้ วิธีกำรวัด เครื่องมือ เกณฑ์กำรประเมิน 1. อธิบายเนื้อหาของ สุภาษิตพระร่วงได้(K) การตรวจใบงาน แบบประเมินใบงาน ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 2. ถอดค้าประพันธ์ในเรื่อง สุภาษิตพระร่วงได้ถูกต้อง (P) การตรวจใบงาน แบบประเมินใบงาน ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 3. นักเรียนมีความ กระตือรือร้นในการเรียนรู้ (A) สังเกตพฤติกรรม นักเรียน แบบสังเกตพฤติกรรม ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
ใบงำนกำรถอดค ำประพันธ์เรื่องสุภำษิตพระร่วง ค ำชี้แจง ให้นักเรียนอ่านวรรณคดีเรื่อง สุภาษิตพระร่วง แล้วถอดค้าประพันธ์ที่ก้าหนดให้ต่อไปนี้ 1. ปลูกไมตรีอย่ารู้ร้าง สร้างกุศลอย่ารู้โรย อย่าโดยค้าคนพลอด เข็นเรือทอดข้างถนน …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… 2. อย่าอวดหาญแก่เพื่อน เข้าเถื่อนอย่าลืมพร้า หน้าศึกอย่านอนใจ ไปเรือนท่านอย่านั่งนาน …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… 3. ที่มีภัยพึงหลีก ปลีกตนไปโดยด่วน ได้ส่วนอย่ามักมาก อย่ามีปากว่าคน …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… 4. การเรือนตนเร่งคิด อย่านั่งชิดผู้ใหญ่ อย่าใฝ่สูงให้พ้นศักดิ์ ที่รักอย่าดูถูก …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… 5. พบศัตรูปากปราศรัย ความในอย่าไขเขา ย่ามัวเมาเนืองนิตย์ คิดตรองตรึกทุกเมื่อ …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….………………………………………………
ใบงำนกำรถอดค ำประพันธ์เรื่องสุภำษิตพระร่วง ค ำชี้แจง ให้นักเรียนอ่านวรรณคดีเรื่อง สุภาษิตพระร่วง แล้วถอดค้าประพันธ์ที่ก้าหนดให้ต่อไปนี้ 1. ปลูกไมตรีอย่ารู้ร้าง สร้างกุศลอย่ารู้โรย อย่าโดยค้าคนพลอด เข็นเรือทอดข้างถนน เป็นมิตรกับผู้อื่น หมั่นท้าบุญสร้างกุศลอย่างสม่้าเสมอ อย่าฟังคนที่พูดประจบสอพลอ 2. อย่าอวดหาญแก่เพื่อน เข้าเถื่อนอย่าลืมพร้า หน้าศึกอย่านอนใจ ไปเรือนท่านอย่านั่งนาน อย่าอวดเก่งกับเพื่อน เวลาเข้าป่าอย่าลืมน้าพร้าไปด้วย เวลามีศึกอย่านิ่งนอนใจ เมื่อไปบ้านคนอื่นก็ อย่าอยู่นานเกินไป 3. ที่มีภัยพึงหลีก ปลีกตนไปโดยด่วน ได้ส่วนอย่ามักมาก อย่ามีปากว่าคน ที่มีภัยควรหลีก หนีห่างไปโดยด่วน อย่าโลภมาก อย่ามีปากไว้ด่าคน 4. การเรือนตนเร่งคิด อย่านั่งชิดผู้ใหญ่ อย่าใฝ่สูงให้พ้นศักดิ์ ที่รักอย่าดูถูก การเรือนตนรีบท้า อย่านั่งใกล้ผู้ใหญ่อย่าใฝ่สูงเกินตน อย่าดูถูกคนรัก 5. พบศัตรูปากปราศรัย ความในอย่าไขเขา ย่ามัวเมาเนืองนิตย์ คิดตรองตรึกทุกเมื่อ อย่าบอกความลับให้ศัตรูรู้ อย่ามัวเมามากเกินไป ควรคิดตริตรองทุกครั้งก่อนจะท้าอะไร
แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ที่ ๔๑ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท21101 ภาคเรียนที่ 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 8 เรื่องสุภาษิตพระร่วง เวลาเรียนทั้งหมด 6 ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง การอธิบายคุณค่าด้านเนื้อหา เวลาเรียน 1 ชั่วโมง ผู้สอน นางสาวโชติกา มุทาพร ___________________________________________________________________________ มำตรฐำนกำรเรียนรู้ มาตรฐาน ท 5.1 เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคุณค่า และน้ามาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ตัวชี้วัด ท 5.1 ม.1/3 อธิบายคุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน สำระส ำคัญ สุภาษิตพระร่วงเป็นวรรณคดีเก่าแก่ตั้งแต่สมัยสุโขทัยมีเนื้อหาเกี่ยวกับสุภาษิตค้าสอน แม้จะเป็น วรรณคดีที่มีขนาดสั้น แต่คุณค่านั้นมีมากมาย ควรแก่การวิเคราะห์คุณค่าและข้อคิดที่ได้รับจากการอ่านเพื่อใช้ เป็นแนวทางในการปฏิบัติตนที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการด้าเนินชีวิต สำระกำรเรียนรู้ การวิเคราะห์คุณค่าและข้อคิดจากวรรณคดีและวรรณกรรม จุดประสงค์กำรเรียนรู้ 1. อธิบายคุณค่าด้านเนื้อหาของวรรณคดีเรื่องสุภาษิตพระร่วงได้(K) 2. วิเคราะห์คุณค่าด้านเนื้อหาของวรรณคดีเรื่องสุภาษิตพระร่วงได้(P) 3. นักเรียนมีความกระตือรือร้นในการท้ากิจกรรม (A) สมรรถนะส ำคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการท้างาน 4. รักความเป็นไทย กระบวนกำรจัดกำรเรียนรู้ ขั้นที่ 1 น ำเข้ำสู่บทเรียน 1. ครูและนักเรียนร่วมกันทบทวนเนื้อหาจากเรื่องสุภาษิตพระร่วง ขั้นที่ 2 ขั้นกระบวนกำรเรียนรู้
2. เริ่มเล่นกิจกรรมจับคู่ข้อคิดสุภาษิตพระร่วง โดยครูแบ่งกระดานออกเป็นสองฝั่ง 3. ครูสุ่มให้นักเรียนออกมาจับสลากซึ่งในสลากจะมีสุภาษิตพระร่วงที่ใช้ตัวหนังสือสีด้าและหัวข้อการ สอนเรื่องต่างๆทั้งคติทางโลกและคติทางธรรมที่ใช้ตัวหนังสือสีแดง 4. นักเรียนเขียนบนกระดานตามสลากที่จับได้โดยมีกติกาคือถ้าจับได้สลากที่มีตัวหนังสือสีด้าให้เขียน บนกระดานทางฝั่งขวา ถ้าจับสลากที่มีตัวหนังสือสีแดงให้เขียนบนกระดานทางฝั่งซ้าย 5. เมื่อจับสลากและเขียนเสร็จเรียบร้อยหมดแล้วจะสุ่มนักเรียนออกมาลากเส้นจับคู่ระหว่างหัวข้อการ สอนเรื่องต่างๆและสุภาษิตพระร่วงให้สัมพันธ์กัน ขั้นที่ 3 ขั้นสรุป 6. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปคุณค่าด้านเนื้อหาจากวรรณคดีสุภาษิตพระร่วง สื่อกำรเรียนรู้ 1. หนังสือเรียน ภาษาไทย : วรรณคดีและวรรณกรรม ม.1 2. สลากสุภาษิตพระร่วง กำรวัดและประเมินผล จุดประสงค์กำรเรียนรู้ วิธีกำรวัด เครื่องมือ เกณฑ์กำรประเมิน 1. อธิบายคุณค่าด้านเนื้อหา ของวรรณคดีเรื่องสุภาษิต พระร่วงได้(K) การสังเกต แบบสังเกตการท้า กิจกรรม ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 2. วิเคราะห์คุณค่าด้าน เนื้อหาของวรรณคดีเรื่อง สุภาษิตพระร่วงได้(P) การสังเกต แบบสังเกตการท้า กิจกรรม ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 3. นักเรียนมีความ กระตือรือร้นในการท้า กิจกรรม (A) สังเกตพฤติกรรม นักเรียน แบบสังเกตพฤติกรรม ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
ใบงำนกำรวิเครำะห์และอธิบำยคุณค่ำค่ำด้ำนเนื้อหำเรื่องสุภำษิตพระร่วง ค ำชี้แจง ให้นักเรียนเขียนแผนผังความคิดวิเคราะห์และอธิบายคุณค่าด้านเนื้อหาจากวรรณคดีเรื่อง สุภาษิตพระร่วง …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….………………………………………………
แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ที่ ๔๒ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท21101 ภาคเรียนที่ 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 8 เรื่องสุภาษิตพระร่วง เวลาเรียนทั้งหมด 6 ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4 เรื่อง การอธิบายคุณค่าด้านวรรณศิลป์ เวลาเรียน 1 ชั่วโมง ผู้สอน นางสาวโชติกา มุทาพร ___________________________________________________________________________ มำตรฐำนกำรเรียนรู้ มาตรฐาน ท 5.1 เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคุณค่า และน้ามาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ตัวชี้วัด ท 5.1 ม.1/3 อธิบายคุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน สำระส ำคัญ สุภาษิตพระร่วงเป็นวรรณคดีเกี่ยวกับสุภาษิตค้าสอนที่แต่งด้วยร่ายสุภาพ มีสัมผัสคล้องจองและมีความ ไพเราะควรแก่การวิเคราะห์คุณค่าด้านวรรณศิลป์ที่ได้รับจากการอ่าน สำระกำรเรียนรู้ การวิเคราะห์คุณค่าและข้อคิดจากวรรณคดีและวรรณกรรม จุดประสงค์กำรเรียนรู้ 1. อธิบายคุณค่าด้านวรรณศิลป์ของวรรณคดีเรื่องสุภาษิตพระร่วงได้(K) 2. วิเคราะห์คุณค่าด้านวรรณศิลป์ของวรรณคดีเรื่องสุภาษิตพระร่วงพร้อมยกเหตุผลประกอบได้(P) 3. นักเรียนมีความกระตือรือร้นในการเรียนรู้(A) สมรรถนะส ำคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการท้างาน 4. รักความเป็นไทย กระบวนกำรจัดกำรเรียนรู้ ขั้นที่ 1 น ำเข้ำสู่บทเรียน 1. ครูยกตัวอย่างบทร้อยกรองที่มีคุณค่าทางด้านวรรณศิลป์แล้วให้นักเรียนสังเกตเพื่อจะน้าเข้าสู่การ เรียนเรื่องการวิเคราะห์คุณค่าด้านวรรณศิลป์ของวรรณคดีเรื่องสุภาษิตพระร่วง ขั้นที่ 2 ขั้นกระบวนกำรเรียนรู้
2. ครูอธิบายหลักการวิเคราะห์คุณค่าด้านวรรณศิลป์ของวรรณคดี 3. ครูยกตัวอย่างการวิเคราะห์คุณค่าด้านวรรณศิลป์เรื่องสุภาษิตพระร่วง 4. นักเรียนท้าใบงานการวิเคราะห์และอธิบายด้านวรรณศิลป์เรื่องสุภาษิตพระร่วง ขั้นที่ 3 ขั้นสรุป 5. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปคุณค่าด้านด้านวรรณศิลป์จากวรรณคดีสุภาษิตพระร่วง สื่อกำรเรียนรู้ 1. หนังสือเรียน ภาษาไทย : วรรณคดีและวรรณกรรม ม.1 2. ใบงานการวิเคราะห์และอธิบายคุณค่าค่าด้านวรรณศิลป์เรื่องสุภาษิตพระร่วง กำรวัดและประเมินผล จุดประสงค์กำรเรียนรู้ วิธีกำรวัด เครื่องมือ เกณฑ์กำรประเมิน 1. อธิบายคุณค่าด้าน วรรณศิลป์ของวรรณคดีเรื่อง สุภาษิตพระร่วงได้(K) การตรวจใบงาน แบบประเมินใบงาน ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 2. วิเคราะห์คุณค่าด้าน วรรณศิลป์ของวรรณคดีเรื่อง สุภาษิตพระร่วงพร้อมยก เหตุผลประกอบได้(P) การตรวจใบงาน แบบประเมินใบงาน ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 3. นักเรียนมีความ กระตือรือร้นในการเรียนรู้ (A) สังเกตพฤติกรรม นักเรียน แบบสังเกตพฤติกรรม ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
ใบงำนกำรวิเครำะห์และอธิบำยคุณค่ำค่ำด้ำนวรรณศิลป์เรื่องสุภำษิตพระร่วง ค ำชี้แจง ให้นักเรียนเขียนแผนผังความคิดวิเคราะห์และอธิบายคุณค่าด้านวรรณศิลป์จากวรรณคดีเรื่อง สุภาษิตพระร่วง …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….………………………………………………
แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ที่ ๔๓ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท21101 ภาคเรียนที่ 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 8 เรื่องสุภาษิตพระร่วง เวลาเรียนทั้งหมด 6 ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5 เรื่อง การสรุปความรู้และข้อคิด เวลาเรียน 1 ชั่วโมง ผู้สอน นางสาวโชติกา มุทาพร _____________________________________________________________________ มำตรฐำนกำรเรียนรู้ มาตรฐาน ท 5.1 เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคุณค่า และน้ามาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ตัวชี้วัด ท 5.1 ม.1/4 สรุปความรู้และข้อคิดจากการอ่านเพื่อประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง สำระส ำคัญ การวิเคราะห์คุณค่าวรรณคดีเรื่อง สุภาษิตพระร่วง จะต้องวิเคราะห์คุณค่าและข้อคิดจากการอ่านเพื่อ น้าไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง สำระกำรเรียนรู้ การวิเคราะห์คุณค่าและข้อคิดจากวรรณคดีและวรรณกรรม จุดประสงค์กำรเรียนรู้ 1. สรุปความรู้และข้อคิดจากวรรณคดีเรื่องสุภาษิตพระร่วงได้(K) 2. พูดน้าเสนอความรู้และข้อคิดจากเรื่องสุภาษิตพระร่วงที่น้ามาใช้ในชีวิตประจ้าวันได้(P) 3. นักเรียนมีความกระตือรือร้นในการเรียนรู้(A) สมรรถนะส ำคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการท้างาน 4. รักความเป็นไทย กระบวนกำรจัดกำรเรียนรู้ ขั้นที่ 1 น ำเข้ำสู่บทเรียน 1. ครูน้าตัวอย่างบทประพันธ์จากสุภาษิตพระร่วงมาให้นักเรียนอ่านพร้อมกัน และให้ช่วยกันบอกว่า บทประพันธ์ที่นักเรียนอ่านให้ข้อคิดในเรื่องใด ขั้นที่ 2 ขั้นกระบวนกำรเรียนรู้
2. ครูอธิบายหลักการวิเคราะห์ข้อคิดจากวรรณคดีเรื่องสุภาษิตพระร่วงพร้อมยกตัวอย่างประกอบ 3. ครูและนักเรียนร่วมกันตอบค้าถามและเสนอแนะเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณค่าของสุภาษิตพระร่วงว่า แต่ละบทให้ความรู้และข้อคิดในเรื่องอะไรบ้าง 4. ให้นักเรียนเลือกบทประพันธ์ที่ชอบมากที่สุดมาน้าเสนอหน้าชั้นเรียนว่าให้ข้อคิดอะไรและน้าไปใช้ ในชีวิตประจ้าวันได้อย่างไร 5. นักเรียนท้าใบงานสรุปความรู้และข้อคิดจากสุภาษิตพระร่วง ขั้นที่ 3 ขั้นสรุป 6. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้และข้อคิดจากวรรณคดีสุภาษิตพระร่วง สื่อกำรเรียนรู้ 1. หนังสือเรียนภาษาไทย : วรรณคดีและวรรณกรรม ม.1 2. ใบงานสรุปความรู้และข้อคิดจากสุภาษิตพระร่วง กำรวัดและประเมินผล จุดประสงค์กำรเรียนรู้ วิธีกำรวัด เครื่องมือ เกณฑ์กำรประเมิน 1. สรุปความรู้และข้อคิด จากวรรณคดีเรื่องสุภาษิต พระร่วงได้(K) การตรวจใบงาน แบบประเมินใบงาน ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 2. พูดน้าเสนอความรู้และ ข้อคิดจากเรื่องสุภาษิตพระ ร่วงที่น้ามาใช้ใน ชีวิตประจ้าวันได้(P) การน้าเสนอหน้าชั้น เรียน แบบประเมินการ น้าเสนอหน้าชั้นเรียน ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 3. นักเรียนมีความ กระตือรือร้นในการเรียนรู้ (A) สังเกตพฤติกรรม นักเรียน แบบสังเกตพฤติกรรม ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
ใบงำนสรุปควำมรู้และข้อคิดจำกสุภำษิตพระร่วง ค ำชี้แจง ให้นักเรียนสรุปความรู้และข้อคิดเรื่องสุภาษิตพระร่วงดังค้าถามต่อไปนี้ 1.นักเรียนได้รับข้อคิดอะไรบ้างจาการอ่านวรรณคดีเรื่องสุภาษิตพระร่วง ด้านการศึกษา …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………… …………………………………………………………….…………………………………………………….……………………………… …….…………………………………………………………………………………………………….……………………………………… ด้านการปฏิบัติตนต่อผู้อื่น …………………………………………………………………….…………………………………………………….……………………… …………………………………………………………………………….…………………………………………………….……………… …….…………………………………………………………………………………………………….……………………………………… ด้านการพูด …………………………………………………………………………………….…………………………………………………….……… …………………………………………………………………………………………….……………………………………………………. …….…………………………………………………………………………………………………….……………………………………… ด้านการคบมิตร …………………………………………………………………………………………………….……………………………………………… …….…………………………………………………………………………………………………….……………………………………… …….…………………………………………………………………………………………………….……………………………………… 2.นักเรียนน้าข้อคิดจากเรื่องสุภาษิตพระร่วงมาปรับใช้ในชีวิตประจ้าวันได้อย่างไรบ้าง จงอธิบาย …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………… …………………………………………………………….…………………………………………………….……………………………… …………………………………………………………………….…………………………………………………….……………………… …………………………………………………………………………….…………………………………………………….……………… …………………………………………………………………………………….…………………………………………………….……… …………………………………………………………………………………………….……………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………….……………………………………………… …….…………………………………………………………………………………………………….……………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………… …………………………………………………………….…………………………………………………….………………………………
แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ที่ ๔๔ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท21101 ภาคเรียนที่ 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 8 เรื่องสุภาษิตพระร่วง เวลาเรียนทั้งหมด 6 ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 6 เรื่อง การท่องจ้าบทร้อยกกรอง เวลาเรียน 1 ชั่วโมง ผู้สอน นางสาวโชติกา มุทาพร ___________________________________________________________________________ มำตรฐำนกำรเรียนรู้ มาตรฐาน ท 5.1 เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคุณค่า และน้ามาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ตัวชี้วัด ท 5.1 ม.1/5 ท่องจ้าบทอาขยานตามที่ก้าหนดและบทร้อยกรองที่มีคุณค่าตามความสนใจ สำระส ำคัญ สุภาษิตพระร่วงเป็นวรรณคดีที่มีคุณค่าให้ข้อคิดจึงควรน้าบทอาขยานตามที่ก้าหนดมาท่องจ้า สำระกำรเรียนรู้ บทอาขยานและบทร้อยกรองที่มีคุณค่า จุดประสงค์กำรเรียนรู้ 1. ท่องจ้าบทร้อยกรองที่มีคุณค่าจากวรรณคดีเรื่องสุภาษิตพระร่วงได้(K) 2. อ่านบทร้อยกรองสุภาษิตพระร่วงได้ถูกต้องตามหลักการอ่านบทร้อยกรอง (P) 3. นักเรียนมีความกระตือรือร้นในการเรียนรู้(A) สมรรถนะส ำคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการท้างาน 4. รักความเป็นไทย กระบวนกำรจัดกำรเรียนรู้ ขั้นที่ 1 น ำเข้ำสู่บทเรียน 1. ครูน้าตัวอย่างบทร้อยกรองสุภาษิตพระร่วงมาให้นักเรียนอ่านพร้อมกัน และให้ช่วยกันบอกว่าบท ร้อยกรองที่นักเรียนอ่านให้คุณค่าหรือเป็นค้าสอนในเรื่องใด ขั้นที่ 2 ขั้นกระบวนกำรเรียนรู้
2. ครูอธิบายหลักการอ่านบทร้อยกรองที่ถูกต้อง เช่น การออกเสียง การแบ่งวรรคตอน เป็นต้น 3. ครูเปิดวิดีโอการอ่านบทร้อยกรองให้นักเรียนฟังเพื่อให้นักเรียนศึกษาตัวอย่างการอ่านบทร้อยกรอง ที่ถูกต้อง 4. ให้นักเรียนแต่ละคนฝึกอ่านและท่องจ้าบทร้อยกรองที่ชื่นชอบจากวรรณคดีเรื่องสุภาษิตพระร่วง 5. นักเรียนทดสอบการท่องจ้าบทร้อยกรองกับครูเป็นรายบุคคล ขั้นที่ 3 ขั้นสรุป 6. ครูและนักเรียนสรุปร่วมกันเกี่ยวกับหลักการอ่านบทร้อยกรอง สื่อกำรเรียนรู้ 1. หนังสือเรียน ภาษาไทย : วรรณคดีและวรรณกรรม ม.1 2. วิดีโอการอ่านบทร้อยกรอง กำรวัดและประเมินผล จุดประสงค์กำรเรียนรู้ วิธีกำรวัด เครื่องมือ เกณฑ์กำรประเมิน 1. ท่องจ้าบทร้อยกรองที่มี คุณค่าจากวรรณคดีเรื่อง สุภาษิตพระร่วงได้(K) การประเมินการ ท่องจ้าบทอาขยาน แบบประเมินการ ท่องจ้าบทอาขยาน ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 2. อ่านบทร้อยกรองสุภาษิต พระร่วงได้ถูกต้องตาม หลักการอ่านบทร้อยกรอง (P) การประเมินการ ท่องจ้าบทอาขยาน แบบประเมินการ ท่องจ้าบทอาขยาน ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 3. นักเรียนมีความ กระตือรือร้นในการเรียนรู้ (A) สังเกตพฤติกรรม นักเรียน แบบสังเกตพฤติกรรม ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
แบบประเมินกำรท่องจ ำบทอำขยำน ล ำดับ ที่ ชื่อ-สกุล ของผู้รับกำร ประเมิน ถูกต้อง ตำมหลัก ค ำ ประพันธ์ กำรแบ่ง วรรคตอน ออกเสียง ชัดเจน ควำม ถูกต้อง ของบท อำขยำน รวม 16 คะแนน 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 ลง เกณฑ์กำรให้คะแนน ปฏิบัติได้ถูกต้อง ให้ 4 คะแนน ปฏิบัติมีข้อบกพร่องเล็กน้อย ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติมีข้อบกพร่องปานกลาง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติมีข้อบกพร่องมาก ให้ 1 คะแนน เกณฑ์กำรตัดสินคุณภำพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 14 – 16 ดีมาก 11 – 13 ดี 8 - 10 พอใช้ ต่้ากว่า 8 ปรับปรุง
แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ที่ ๔๕ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท21101 ภาคเรียนที่ 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 9 เรื่อง การเขียนเพื่อแสดงความคิดเห็นจากสื่อ เวลาเรียนทั้งหมด 4 ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง การเขียนแสดงความคิดเห็นจากบทความ เวลาเรียน 1 ชั่วโมง ผู้สอน นางสาวโชติกา มุทาพร ___________________________________________________________________________ มำตรฐำนกำรเรียนรู้ มาตรฐาน ท 2.1 ใช้กับวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ เขียนย่อความ และเขียนเรื่องราว รูปแบบต่างๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้าอย่างมีประสิทธิภาพ ตัวชี้วัด ท 2.1 ม.1/6 เขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสาระจากสื่อที่ได้รับ สำระส ำคัญ การศึกษาบทความแสดงความคิดเห็นจากสื่อจะต้องเขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสาระของ บทความได้ สำระกำรเรียนรู้ การเขียนแสดงความคิดเห็นจากบทความแสดงความคิดเห็น จุดประสงค์กำรเรียนรู้ 1. อธิบายหลักการเขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสาระจากบทความแสดงความคิดเห็นได้(K) 2. เขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสาระจากบทความแสดงความคิดเห็นได้(P) 3. นักเรียนมีความสนใจใฝ่เรียนรู้(A) สมรรถนะส ำคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการท้างาน กระบวนกำรจัดกำรเรียนรู้ ขั้นที่ 1 น ำเข้ำสู่บทเรียน 1. ครูสนทนาซักถามนักเรียนเกี่ยวกับการรับสารจากสื่อต่างๆในชีวิตประจ้าวัน ขั้นที่ 2 ขั้นกระบวนกำรเรียนรู้ 2. ครูอธิบายหลักการเขียนแสดงความคิดเห็นจากบทความแสดงความคิดเห็น
3. นักเรียนอ่านบทความแสดงความคิดเห็น เรื่องเมื่อผมเป็นออทิสติก แล้วสรุปใจความส้าคัญของ เรื่อง 4. ให้นักเรียนแลกเปลี่ยนความความคิดเห็นกันว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับบทความแสดงความ คิดเห็น เรื่องเมื่อผมเป็นออทิสติก พร้อมบอกเหตุผลประกอบ 5. นักเรียนท้าใบงานการเขียนแสดงความคิดเห็นจากบทความแสดงความคิดเห็น 6. ครูและนักเรียนแลกเปลี่ยนความคิดเห็นหลังหลังจากที่นักเรียนท้าเสร็จแล้ว ขั้นที่ 3 ขั้นสรุป 7. ครูสรุปความรู้เกี่ยวกับการเขียนแสดงความคิดเห็นจากบทความแสดงความคิดเห็น สื่อกำรเรียนรู้ 1. หนังสือเรียน ภาษาไทย : หลักภาษาและการใช้ภาษา ม.1 2. ใบงานการเขียนแสดงความคิดเห็นจากบทความวิชาการ กำรวัดและประเมินผล จุดประสงค์กำรเรียนรู้ วิธีกำรวัด เครื่องมือ เกณฑ์กำรประเมิน 1. อธิบายหลักการเขียน แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ สาระจากบทความแสดง ความคิดเห็นได้(K) การตรวจใบงาน แบบประเมินใบงาน ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 2. เขียนแสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับสาระจากบทความ แสดงความคิดเห็นได้(P) การตรวจใบงาน แบบประเมินใบงาน ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 3. นักเรียนมีความสนใจใฝ่ เรียนรู้(A) สังเกตพฤติกรรม นักเรียน แบบสังเกตพฤติกรรม ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
ใบงำนกำรเขียนแสดงควำมคิดเห็นจำกบทควำมแสดงควำมคิดเห็น ค ำชี้แจง ให้นักเรียนอ่านบทความต่อไปนี้แล้วเขียนแสดงความคิดเห็น หนังสือเปลี่ยนชีวิต การอ่านมีอิทธิพลต่อชีวิตผม ผมชอบอ่านหนังสือมาตั้งแต่เด็ก คุณพ่อคือพลตรีประมาณ อดิเรกสาร มี หนังสือเก็บไว้มากมาย หนังสือที่ให้แนวคิดมีหลายเล่ม ผมเริ่มอ่านประวัติบุคคลส้าคัญ ของโลกแล้วมาชอบเรื่อง สามก๊กผมชอบอ่านทั้งเรื่องผจญภัย เรื่องต่อสู้และสงครามเพื่อให้รู้ถึงยุทธวิธีในการรบต่างๆ พอสิบขวบผมเริ่มสนใจ ประวัติ- ศาสตร์ผมอ่านจอมทัพน่านเจ้า ของลพบุรีอ่านขุนศึก ของ ไม้เมืองเดิม ผู้ชนะสิบทิศ ของ ยาขอบ ผมติดใจ เรื่องขุนศึกมหาราช ของรพีพรเพราะสนุกและรู้ประวัติพระเจ้าเสือและเรียนรู้การเปลี่ยนแปลงชีวิตคน ครั้งหนึ่งผม เคยใฝ่ฝันเป็นทหารเรือเพราะอยากเดินทางไปเกาะไปป่า อย่างที่เคยอ่านจากใต้ทะเลลึก 20,000 โยชน์ ผมชอบ ล่องไพร ของ น้อย อินทนนท์ หรือผลงานของชาลีเอี่ยมกระสินธุ์ หลังจากนั้นถึงเป็นยุคเล็บครุฑ ของ พนมเทียน เมื่อไปเรียนต่างประเทศหนังสือที่อ่านจึงเปลี่ยนเป็นภาษาอังกฤษทั้งประวัติศาสตร์สงครามโลกและประวัติบุคคล ตั้งแต่ริชาร์ด ใจสิงห์จนถึงทาร์ซาน จนมาถึงยุคของเจมส์ บอนด์ต่อมามีเพชรพระอุมา ของ พนมเทียน ซึ่งท้าให้ สนใจเรื่องป่าและหาโอกาสเดินป่า แต่ได้ล่องเรือไปทุกเกาะของอันดามันเมื่อตอนอายุ45 ปีนานถึง 12 ปีท้าให้ผม อยากแต่งเรื่องด้วยแรงบันดาลใจของเกาะตรุเตา ซึ่งเคยเป็นคุกเก่าและแหล่งโจรสลัด นั่นท้าให้เกิดนามปากกาพอล อดิเร็ก งานเขียนเรื่องแรก คือ เดอะ ไพเรต ตะรุเตา ที่ใช้เวลาเขียนและหาข้อมูลถึงหกเดือน งานที่เคยอ่านซ้้าแล้วซ้้าอีกมีพล นิกร กิมหงวน กับเสือใบ ของ ป. อินทรปาลิต ตอนเด็กอ่านแล้วสนุก อ่านตอนนี้ก็ยังสนุกอยู่นับเป็นความอัจฉริยะของผู้เขียนโดยเล่าถึงวิถีชีวิตและความเป็นไปของบ้านเมืองสมัย สงครามโลกครั้งที่สอง ตัวละครแต่ละตัวต่างกันและมีเรื่องราวสนุกสนานชวนติดตาม ผมเรียนรู้เรื่องการเขียนว่า อาชีพของตัวละครในเรื่องเป็นสิ่งส้าคัญเพราะท้าให้เรื่องเดินหน้าไปได้ส่วนงานเขียนสมัยใหม่ผมอ่านประชาธิปไตย บนเส้นขนาน ของวินทร์ เลียววารินทร์อ่านแล้วก็เรียนรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทางการเมืองมีผลต่อคนทุกระดับ เดี๋ยวนี้ผม หันกลับมาเขียน หนังสือความรู้จึงอ่านหนังสือเป็นจ้านวนมาก ที่มำ ปิ่นอนงค์ วัชรปาน สัมภาษณ์ปองพล อดิเรกสาร ในคอลัมน์โลกรื่นรมย์หนังสือรีดเดอร์ไดเจสต์สรรสาระ ฉบับเดือนสิงหาคม 2554 …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….………………………………………………
แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ที่๔๖ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท21101 ภาคเรียนที่ 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 9 เรื่อง การเขียนเพื่อแสดงความคิดเห็นจากสื่อ เวลาเรียนทั้งหมด 4 ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง การเขียนแสดงความคิดเห็นจากบทความวิชาการ เวลาเรียน 1 ชั่วโมง ผู้สอน นางสาวโชติกา มุทาพร ___________________________________________________________________________ มำตรฐำนกำรเรียนรู้ มาตรฐาน ท 2.1 ใช้กับวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ เขียนย่อความ และเขียนเรื่องราว รูปแบบต่างๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้าอย่างมีประสิทธิภาพ ตัวชี้วัด ท 2.1 ม.1/6 เขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสาระจากสื่อที่ได้รับ สำระส ำคัญ การอ่านบทความวิชาการจากสื่อ จะต้องเขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสาระของบทความได้ สำระกำรเรียนรู้ การเขียนแสดงความคิดเห็นจากบทความวิชาการ จุดประสงค์กำรเรียนรู้ 1. อธิบายหลักการเขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสาระจากบทความแสดงความคิดเห็นได้(K) 2. เขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสาระจากบทความแสดงความคิดเห็นได้(P) 3. นักเรียนมีความสนใจใฝ่เรียนรู้(A) สมรรถนะส ำคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการท้างาน กระบวนกำรจัดกำรเรียนรู้ ขั้นที่ 1 น ำเข้ำสู่บทเรียน 1. ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับกิจกรรมที่ก้าลังเป็นที่สนใจของวัยรุ่นเกี่ยวกับเทคโนโลยีการสื่อสาร ในปัจจุบัน เช่น การโพสรูปภาพผ่านสื่อออนไลน์ ขั้นที่ 2 ขั้นกระบวนกำรเรียนรู้ 2. ครูอธิบายหลักการเขียนแสดงความคิดเห็นจากบทความวิชาการ 3. ครูให้นักเรียนอ่านบทความวิชาการเกี่ยวกับการถ่ายรูปให้สวยงาม
4. ครูสุ่มเรียกนักเรียนให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทความตัวอย่าง พร้อมแสดงเหตุผล ประกอบ 5. นักเรียนท้าใบงานการเขียนแสดงความคิดเห็นจากบทความวิชาการ 6. ครูและนักเรียนแลกเปลี่ยนความคิดเห็นหลังจากที่นักเรียนท้าเสร็จแล้ว ขั้นที่ 3 ขั้นสรุป 7. ครูสรุปความรู้เกี่ยวกับการเขียนแสดงความคิดเห็นจากบทความวิชาการ สื่อกำรเรียนรู้ 1. หนังสือเรียน ภาษาไทย : หลักภาษาและการใช้ภาษา ม.1 2. ใบงานการเขียนแสดงความคิดเห็นจากบทความวิชาการ กำรวัดและประเมินผล จุดประสงค์กำรเรียนรู้ วิธีกำรวัด เครื่องมือ เกณฑ์กำรประเมิน 1. อธิบายหลักการเขียน แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ สาระจากบทความแสดง ความคิดเห็นได้(K) การตรวจใบงาน แบบประเมินใบงาน ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 2. เขียนแสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับสาระจากบทความ แสดงความคิดเห็นได้(P) การตรวจใบงาน แบบประเมินใบงาน ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 3. นักเรียนมีความสนใจใฝ่ เรียนรู้(A) สังเกตพฤติกรรม นักเรียน แบบสังเกตพฤติกรรม ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
ใบงำนกำรเขียนแสดงควำมคิดเห็นจำกบทควำมวิชำกำร ค ำชี้แจง ให้นักเรียนอ่านบทความวิชาการ เรื่อง ความเป็นเด็กที่ซ่อนอยู่ในตัวผู้ใหญ่ (Inner Child) แล้ว เขียนแสดงความคิดเห็น …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….………………………………………………
บทควำมวิชำกำร เรื่อง ควำมเป็นเด็กที่ซ่อนอยู่ในตัวผู้ใหญ่ (Inner Child) ทุกคนที่เกิดมาย่อมผ่านช่วงเวลาของการเจริญเติบโตในแต่ละวัย เริ่มตั้งแต่วัยทารก วัยเด็ก วัยผู้ใหญ่ และ สุดท้ายวัยชรา หรือวัยสูงอายุ แต่ละวัยที่ผ่านมานั้น นอกจากจะมีการพัฒนาเจริญเติบโตทางด้านร่างกายแล้ว จิตใจ และอารมณ์ก็ต้องมีการพัฒนาให้สมวัยตามไปด้วย จึงจะเป็นผู้มีวุฒิภาวะเหมาะสมกับวัย บ่อยครั้งที่เรามักจะเห็นบุคคลที่เป็นผู้ใหญ่ มีอายุมากแล้ว แต่มักมีพฤติกรรมแบบเด็กๆ ซึ่งอาจจะเกิดจาก ความรู้สึกซ่อนเร้นอยู่ภายใน ที่ยังเรียกร้อง “ความเป็นเด็ก” ในอดีตอยู่ บางครั้งคนใกล้ชิดจะรู้สึกว่าเป็นเรื่องน่า ตลก ขบขัน ไม่พอใจถือว่าเป็นเรื่องน่าเกลียด ไม่สมควรแสดงพฤติกรรมเช่นนี้ และอาจจะต้าหนิอยู่ในใจว่า “แก่ ป่านนี้แล้วยังท้าตัวเป็นเด็กเล็กๆ อยู่ได้” ความเป็นเด็กที่ซ่อนอยู่ในตัวผู้ใหญ่นั้น แท้จริงแล้วเป็นพฤติกรรมที่ถูกก้าหนดโดยสังคม ยิ่งถ้าอายุมากแล้ว จะถูกกติกาของสังคมก้าหนดว่าแก่แล้ว โตแล้ว ผู้ใหญ่แล้วไม่ควรท้าอะไรแบบเด็กๆ ซึ่งไม่เหมาะ ไม่ควร แต่ความ เป็นเด็กที่ซ่อนอยู่ในตัวของผู้ใหญ่นี้บางครั้งอาจจะท้าให้รู้สึกว่า ชีวิตกระชุ่มกระชวย กระปรี้กระเปร่า ร่าเริงแจ่มใส มีอารมณ์สนุก ครื้นเครง ดังที่เราจะเห็นได้จากผู้มีอายุยิ้มเล่นกับเด็กทารก ท้าหน้าตาล้อเลียนแบบตลกๆ กับเด็ก ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างหัวเราะชอบใจ มีความสุข สนุกสนานเบิกบานใจ แต่ก็มีผู้ใหญ่บางท่านที่มีอายุมากแล้ว แต่ไม่มีวุฒิภาวะทางอารมณ์เลย เรียกได้ว่าโตแต่ตัวใจเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ ประเภทนี้ต้องการเพียงแต่ให้ผู้อื่นคอยสนองความต้องการของตนเองเท่านั้น เอาแต่ใจขาดเหตุผล ขาดสามัญส้านึก ที่ดี เจ้าอารมณ์ ขาดความยับยั้งชั่งใจ ไม่มีความรับผิดชอบ ผู้ใหญ่ประเภทนี้ขึ้นชื่อว่ามีความเป็นเด็กซุกซ่อนอยู่ใน บุคลิกภาพของตนเอง ซึ่งเราสามารถสังเกตได้จากพฤติกรรมลักษณะนิสัยที่แสดงออกมา ดังนี้ 1. ผู้ใหญ่ที่มีนิสัยเหมือนเด็กนี้ จะมองเห็นคุณค่าของบุคคลรอบข้างก็ต่อเมื่อได้รับการตอบสนองความ ต้องการที่ตน มีอยู่ เช่น เกี่ยวกับเด็กเล็กๆ ที่มองเห็นคุณค่าของแม่ เพราะแม่เป็นผู้ตอบสนองความ ต้องการขั้นพื้นฐานในชีวิตให้ เช่น อยากกินอะไรแม่ก็หามาให้ อยากจะเล่นอะไรแม่ก็ซื้อหามาให้ เป็นต้น 2. ผู้ใหญ่ที่มีนิสัยเหมือนเด็กมักจะมีความสัมพันธ์ หรือคบหาบุคคลใดก็ต่อเมื่อได้รับผลประโยชน์จากบุคคล นั้น หรือบุคคลนั้นไม่ได้ขัดผลประโยชน์หรือความต้องการของเขา 3. ผู้ใหญ่ที่มีนิสัยเหมือนเด็ก มักจะมีบุคลิกภาพแบบวัตถุนิยม ต้องการสิ่งของ สินจ้างรางวัลแบบเด็กๆ 4. ผู้ใหญ่ที่มีนิสัยเหมือนเด็ก มักจะเป็นคนที่ชอบเอารัดเอาเปรียบผู้อื่น เห็นแก่ได้ ชอบของก้านัล ของฟรี 5. ผู้ใหญ่ที่มีนิสัยเหมือนเด็ก มักจะเป็นคนเอาแต่ใจตนเอง ไม่มีเหตุผล ขี้ระแวง ชอบสงสัย ไม่ค่อยไว้วางใจ ใคร ชอบต้าหนิติเตียนว่าร้ายคนอื่น อวดดี อวดเก่ง ขี้คุย ขี้โม้ โดยธรรมชาติของมนุษย์แล้วผู้ใหญ่ทุกคนมักมีความเป็นเด็กอยู่ในตัว ขึ้นอยู่กับว่าใครจะมีมากน้อยเท่านั้น และการแสดงพฤติกรรมเด็กๆ นั้นเป็นที่ยอมรับของสังคมหรือไม่ บางคนสามารถพัฒนาความเป็นเด็กนี้ไปใน รูปแบบอื่น มีการพัฒนาจิตใจ มีศีลธรรม จริยธรรมสูงขึ้น รู้จักส้ารวจข้อบกพร่องของตนเอง และรู้จักพัฒนา ปรับปรุงตนเอง ผู้ใหญ่ที่มีความเป็นเด็กมากนั้น จะขาดพัฒนาการตนเอง ไม่มีเป้าหมายในชีวิตที่แน่นอน ถึงแม้ว่าจะมี ต้าแหน่งหน้าที่การงานสูง มีคนคอยเอาอกเอาใจ ใช้ชีวิตหรูหรา ฟู่ฟ่าในสังคม แต่ส่วนลึกที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในจิตใจ นั้นยังไม่รู้จักค้าว่า “พอ” ต้องการไขว่คว้าหาสิ่งเริงรมย์ ต้องการวัตถุมาปรนเปรอความต้องการแบบเด็กๆ อยู่เสมอ เพราะความเบื่อง่าย เซ็งง่าย เหงา รู้สึกโดดเดี่ยว อ้างว้าง ต้องพึ่งพาอาศัย คนรอบข้างอยู่ตลอดเวลา จึงหาความสุข ที่แท้จริงในชีวิตที่แท้จริงไม่ได้ การยอมรับในจุดบกพร่อง แล้วพัฒนาปรับปรุงแก้ไขยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น และด้าเนินชีวิตให้ สอดคล้องกับอายุที่เพิ่มมากขึ้น อยู่ในโลกของความเป็นจริง ความเป็นเด็กจะค่อยๆ ลดลง ความเป็นผู้ใหญ่ที่สมวัย จะเพิ่มมากขึ้น ก็จะมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุข และเป็นที่เคารพรักของคนทั่วไป มากขึ้นอีกด้วย ที่มำ นิภา ผ่องพันธ์ โรงพยาบาลสวนปรุง กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข
แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ที่ ๔๗ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท21101 ภาคเรียนที่ 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 9 เรื่อง การเขียนแสดงความคิดเห็นจากสื่อ เวลาเรียนทั้งหมด 4 ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง การเขียนแสดงความคิดเห็นจากข่าว เวลาเรียน 1 ชั่วโมง และเหตุการณ์ประจ้าวัน ผู้สอน นางสาวโชติกา มุทาพร ___________________________________________________________________________ มำตรฐำนกำรเรียนรู้ มาตรฐาน ท 2.1 ใช้กับวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ เขียนย่อความ และเขียนเรื่องราว รูปแบบต่างๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้าอย่างมีประสิทธิภาพ ตัวชี้วัด ท 2.1 ม.1/6 เขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสาระจากสื่อที่ได้รับ สำระส ำคัญ การอ่านข่าวและเหตุการณ์ประจ้าวันจะต้องเขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสาระของข่าวและ เหตุการณ์ประจ้าวันได้ สำระกำรเรียนรู้ การเขียนแสดงความคิดเห็นจากข่าวและเหตุการณ์ประจ้าวัน จุดประสงค์กำรเรียนรู้ 1. อธิบายหลักการเขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสาระจากข่าวได้(K) 2. เขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสาระจากข่าวและเหตุการณ์ประจ้าวันได้(P) 3. นักเรียนมีความสนใจใฝ่เรียนรู้(A) สมรรถนะส ำคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการท้างาน กระบวนกำรจัดกำรเรียนรู้ ขั้นที่ 1 น ำเข้ำสู่บทเรียน 1. ครูน้าข่าวที่น่าสนใจจากรายการโทรทัศน์หรือหนังสือพิมพ์รายวันมาเล่าให้นักเรียนฟัง 2. ครูสนทนาและซักถามให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวที่ครูอ่านให้ฟัง ขั้นที่ 2 ขั้นกระบวนกำรเรียนรู้ 3. ครูอธิบายหลักการเขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสาระจากสื่อต่างๆ
4. น้าข่าวจากหนังสือพิมพ์รายวันมาให้นักเรียนอ่าน 5. ครูชี้แนะด้วยการตั้งค้าถามกระตุ้นความคิดเกี่ยวกับข่าวที่อ่านว่าใจความส้าคัญที่ผู้เขียนก้าลังพูดถึง อยู่นั้นคืออะไร ท้าไมจึงส้าคัญ ส้าคัญอย่างไร และเกี่ยวข้องกับอะไรหรือใครบ้าง ตอนไหน และเมื่อไร อย่างไร 6. ครูซักถามนักเรียนและแลกเปลี่ยนความเห็นจากข่าวที่ได้อ่าน 7. ให้นักเรียนท้าใบงานการเขียนแสดงความคิดเห็นจากข่าว ขั้นที่ 3 ขั้นสรุป 8. ครูสรุปความรู้เกี่ยวกับการเขียนแสดงความคิดเห็นจากข่าวและเหตุการณ์ประจ้าวัน สื่อกำรเรียนรู้ 1. หนังสือเรียน ภาษาไทย : หลักภาษาและการใช้ภาษา ม.1 2. ใบงานการเขียนแสดงความคิดเห็นจากข่าว กำรวัดและประเมินผล จุดประสงค์กำรเรียนรู้ วิธีกำรวัด เครื่องมือ เกณฑ์กำรประเมิน 1. อธิบายหลักการเขียน แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ สาระจากข่าวได้(K) การตรวจใบงาน แบบประเมินใบงาน ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 2. เขียนแสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับสาระจากข่าวได้(P) การตรวจใบงาน แบบประเมินใบงาน ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 3. นักเรียนมีความสนใจใฝ่ เรียนรู้(A) สังเกตพฤติกรรม นักเรียน แบบสังเกตพฤติกรรม ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
ใบงำนกำรเขียนแสดงควำมคิดเห็นจำกข่ำว ค ำชี้แจง ให้นักเรียนอ่านข่าวที่สนใจ 1 เรื่อง แล้วเขียนแสดงความคิดเห็น พร้อมติดภาพข่าวลงในใบงาน …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….………………………………………………
แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ที่ ๔๘ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท21101 ภาคเรียนที่ 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 9 เรื่อง การเขียนแสดงความคิดเห็นจากสื่อ เวลาเรียนทั้งหมด 4 ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4 เรื่อง การเขียนแสดงความคิดเห็นจากเหตุการณ์ส้าคัญต่างๆ เวลาเรียน 1 ชั่วโมง ผู้สอน นางสาวโชติกา มุทาพร ___________________________________________________________________________ มำตรฐำนกำรเรียนรู้ มาตรฐาน ท 2.1 ใช้กับวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ เขียนย่อความ และเขียนเรื่องราว รูปแบบต่างๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้าอย่างมีประสิทธิภาพ ตัวชี้วัด ท 2.1 ม.1/6 เขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสาระจากสื่อที่ได้รับ สำระส ำคัญ การรับข้อมูลเหตุการณ์ส้าคัญต่างๆจากสื่อจะต้องเขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสาระของเหตุการณ์ ส้าคัญได้ สำระกำรเรียนรู้ การเขียนแสดงความคิดเห็นจากเหตุการณ์ส้าคัญ จุดประสงค์กำรเรียนรู้ 1. อธิบายหลักการเขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสาระจากเหตุการณ์ส้าคัญต่างๆ ได้(K) 2. เขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสาระจากเหตุการณ์ส้าคัญต่างๆ ได้(P) 3. นักเรียนมีความสนใจใฝ่เรียนรู้(A) สมรรถนะส ำคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการท้างาน กระบวนกำรจัดกำรเรียนรู้ ขั้นที่ 1 น ำเข้ำสู่บทเรียน 1. ครูน้าเหตุการณ์ส้าคัญที่น่าสนใจมาเล่าให้นักเรียนฟัง 2. ครูสนทนาและซักถามให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ครูเล่าให้ฟัง ขั้นที่ 2 ขั้นกระบวนกำรเรียนรู้
2. ครูอธิบายหลักการเขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสาระจากสื่อต่างๆ 3. น้าข่าวเหตุการณ์ส้าคัญมาให้นักเรียนอ่าน 4. ครูซักถามนักเรียนด้วยค้าถามกระตุ้นความคิดและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ ส้าคัญที่ได้อ่าน 5. ให้นักเรียนท้าใบงานการเขียนแสดงความคิดเห็นจากเหตุการณ์ส้าคัญ ขั้นที่ 3 ขั้นสรุป 6. ครูสรุปความรู้เกี่ยวกับการเขียนแสดงความคิดเห็นจากเหตุการณ์ส้าคัญต่างๆ สื่อกำรเรียนรู้ 1. หนังสือเรียน ภาษาไทย : หลักภาษาและการใช้ภาษา ม.1 2. ใบงานการเขียนแสดงความคิดเห็นจากเหตุการณ์ส้าคัญ กำรวัดและประเมินผล จุดประสงค์กำรเรียนรู้ วิธีกำรวัด เครื่องมือ เกณฑ์กำรประเมิน 1. อธิบายหลักการเขียน แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ สาระจากเหตุการณ์ส้าคัญ ต่างๆ ได้(K) การตรวจใบงาน แบบประเมินใบงาน ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 2. เขียนแสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับสาระจากเหตุการณ์ ส้าคัญต่างๆ ได้(P) การตรวจใบงาน แบบประเมินใบงาน ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 3. นักเรียนมีความสนใจใฝ่ เรียนรู้(A) สังเกตพฤติกรรม นักเรียน แบบสังเกตพฤติกรรม ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
ใบงำนกำรเขียนแสดงควำมคิดเห็นจำกเหตุกำรณ์ส ำคัญ ค ำชี้แจง ให้นักเรียนอ่านข่าวที่ก้าหนด แล้วเขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ส้าคัญที่เกิดขึ้น …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………...
ใบงำนกำรเขียนแสดงควำมคิดเห็นจำกเหตุกำรณ์ส ำคัญ ค ำชี้แจง ให้นักเรียนอ่านข่าวที่ก้าหนด แล้วเขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ส้าคัญที่เกิดขึ้น …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………….……………………………………………...
แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ที่ ๔๙ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท21101 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 หน่วยการเรียนรู้ที่ 10 เรื่อง การฟัง การดูและการพูดในชีวิตประจ้าวัน เวลาเรียนทั้งหมด 6 ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง การพูดจับใจความส้าคัญจากการฟังและการดูสื่อ เวลาเรียน 1 ชั่วโมง ผู้สอน นางสาวโชติกา มุทาพร ___________________________________________________________________________ มำตรฐำนกำรเรียนรู้ มาตรฐาน ท 3.1 สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ความคิด และ ความรู้สึกในโอกาสต่างๆอย่างมีวิจารณญาณและสร้างสรรค์ ตัวชี้วัด ท 3.1 ม.1/1 พูดสรุปใจความส้าคัญของเรื่องที่ฟังและดู ท 3.1 ม.1/6 มีมารยาทในการฟัง การดูและการพูด สำระส ำคัญ การพูดจับใจความส้าคัญจากสื่อต่างๆ จะต้องรู้หลักในการฟังและการดู สำระกำรเรียนรู้ การพูดสรุปความ พูดแสดงความรู้ความคิดอย่างสร้างสรรค์จากเรื่องที่ฟังและดู จุดประสงค์กำรเรียนรู้ 1. สรุปใจความส้าคัญของเรื่องที่ฟังและดูได้(K) 2. พูดสรุปใจความส้าคัญของเรื่องที่ฟังและดูได้(P) 3. มีมารยาทในการฟัง การดูและการพูด (A) สมรรถนะส ำคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. ใฝ่เรียนรู้ 2. มุ่งมั่นในการท้างาน กระบวนกำรจัดกำรเรียนรู้ ขั้นที่ 1 น ำเข้ำสู่บทเรียน 1. ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับการรับสารและการส่งสารต่างๆในชีวิตประจ้าวัน ขั้นที่ 2 ขั้นกระบวนกำรเรียนรู้ 2. นักเรียนศึกษาความรู้เรื่อง การพูดสรุปใจความส้าคัญจากหนังสือเรียน 3. ครูเปิดวิดีโอสารคดีการท่องเที่ยวให้นักเรียนฟังและดู 4. ให้นักเรียนเขียนสรุปใจความส้าคัญสารคดีการท่องเที่ยวที่ได้ดูลงในสมุด
5. ให้นักเรียนออกมาพูดสรุปใจความส้าคัญจากเรื่องที่ฟังและดูที่หน้าชั้นเรียนเป็นรายบุคคล 6. ครูประเมินการพูดของนักเรียนแต่ละคน และเสนอแนะ ข้อปรับปรุงแก้ไข ขั้นที่ 3 ขั้นสรุป 7. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปหลักการพูดสรุปใจความส้าคัญ สื่อกำรเรียนรู้ 1. หนังสือเรียน ภาษาไทย : หลักภาษาและการใช้ภาษา ม.1 2. วิดีโอสารคดีการท่องเที่ยว กำรวัดและประเมินผล จุดประสงค์กำรเรียนรู้ วิธีกำรวัด เครื่องมือ เกณฑ์กำรประเมิน 1. สรุปใจความส้าคัญของ เรื่องที่ฟังและดูได้(K) การประเมินการพูด จับใจความ แบบประเมินการพูด จับใจความ ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 2. พูดสรุปใจความส้าคัญ ของเรื่องที่ฟังและดู(P) การประเมินการพูด จับใจความ แบบประเมินการพูด จับใจความ ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 3. มีมารยาทในการฟัง การ ดูและการพูด สังเกตพฤติกรรม นักเรียน แบบสังเกตพฤติกรรม ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
แบบประเมินกำรพูดจับใจควำม ล ำดับที่ รำยกำรประเมิน ระดับคะแนน 4 3 2 1 1 เนื้อหาละเอียดชัดเจน 2 ความถูกต้องของเนื้อหา 3 ภาษาที่ใช้เข้าใจง่าย 4 ประโยชน์ที่ได้จากการน้าเสนอ 5 วิธีการน้าเสนอผลงาน รวม เกณฑ์กำรให้คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสมบูรณ์ชัดเจน ให้ 4 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมมีข้อบกพร่องบางส่วน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมมีข้อบกพร่องเป็นส่วนใหญ่ ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมมีข้อบกพร่องมาก ให้ 1 คะแนน เกณฑ์กำรตัดสินคุณภำพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 18 - 20 ดีมาก 14 – 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ต่้ากว่า 10 ปรับปรุง
แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ที่ ๕๐ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท21101 ภาคเรียนที่ 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 10 เรื่อง การฟัง การดูและการพูดในชีวิตประจ้าวัน เวลาเรียนทั้งหมด 6 ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง การพูดเชิงสร้างสรรค์ เวลาเรียน 2 ชั่วโมง ผู้สอน นางสาวโชติกา มุทาพร ___________________________________________________________________________ มำตรฐำนกำรเรียนรู้ มาตรฐาน ท 3.1 สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ความคิด และ ความรู้สึกในโอกาสต่างๆอย่างมีวิจารณญาณและสร้างสรรค์ ตัวชี้วัด ท 3.1 ม.1/3 พูดแสดงความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์เกี่ยวกับเรื่องที่ฟังและดู ท 3.1 ม.1/4 ประเมินความน่าเชื่อถือของสื่อที่มีเนื้อหาโน้มน้าวใจ ท 3.1 ม.1/6 มีมารยาทในการฟัง การดูและการพูด สำระส ำคัญ การฟังและดูสื่อต้องสามารถสรุปความ และพูดแสดงความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์ สำระกำรเรียนรู้ การพูดสรุปความ พูดแสดงความรู้ความคิดอย่างสร้างสรรค์จากเรื่องที่ฟังและดู จุดประสงค์กำรเรียนรู้ 1. บอกหลักพูดแสดงความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์ได้(K) 2. พูดแสดงความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์เกี่ยวกับเรื่องที่ฟังและดูได้(P) 3. มีมารยาทในการฟัง การดูและการพูด (A) สมรรถนะส ำคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. ใฝ่เรียนรู้ 2. มุ่งมั่นในการท้างาน กระบวนกำรจัดกำรเรียนรู้ ขั้นที่ 1 น ำเข้ำสู่บทเรียน 1. น้าเข้าสู่บทเรียนด้วยกิจกรรมนับเลข - ให้นักเรียนนับเลขเรียงต่อกัน คนที่นับจ้านวนได้ตัวเลขที่มีเลข 3, 5, หรือ 7 ให้พูดชื่อ การ์ตูนแทนการนับเลข ขั้นที่ 2 ขั้นกระบวนกำรเรียนรู้ 2. นักเรียนศึกษาความรู้เรื่อง การพูดเชิงสร้างสรรค์จากหนังสือเรียนตามประเด็นที่ครูก้าหนด ดังนี้
- การพูดแสดงความคิดเห็น - การพูดให้ก้าลังใจ - การพูดติชม 3. ครูสุ่มถามครูสุ่มถามนักเรียนเกี่ยวกับหลักการพูดเชิงสร้างสรรค์จากที่นักเรียนได้ศึกษามา 4. ครูเปิดวิดีโอข่าวให้นักเรียนฟังและดู 5. ให้นักเรียนออกมาพูดสรุปความและแสดงความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์ที่หน้าชั้นเรียนเป็น รายบุคคล 6. ครูประเมินการพูดของนักเรียนแต่ละคน และเสนอแนะ ข้อปรับปรุงแก้ไข ขั้นที่ 3 ขั้นสรุป 7. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปหลักการพูดแสดงความคิดเห็นเชิงสร้างสรรค์ สื่อกำรเรียนรู้ 1. หนังสือเรียน ภาษาไทย : หลักภาษาและการใช้ภาษา ม.1 2. วิดีโอข่าว กำรวัดและประเมินผล จุดประสงค์กำรเรียนรู้ วิธีกำรวัด เครื่องมือ เกณฑ์กำรประเมิน 1. บอกหลักพูดแสดงความ คิดเห็นอย่างสร้างสรรค์ได้ (K) การตอบค้าถาม แบบประเมินการตอบ ค้าถาม ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 2. พูดแสดงความคิดเห็น อย่างสร้างสรรค์เกี่ยวกับ เรื่องที่ฟังและดูได้(P) การประเมินการพูด เชิงสร้างสรรค์ แบบประเมินการพูด เชิงสร้างสรรค์ ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 3. มีมารยาทในการฟัง การ ดูและการพูด สังเกตพฤติกรรม นักเรียน แบบสังเกตพฤติกรรม ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์