ค่มู ือครหู นังสือเรียน
เพศวถิ ศี ึกษา
2000-1607
สงวน ิลขสิท ์ิธ บ ิรษัท ัพฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด
สงวนลิขสทิ ธิ์
ส�ำ นกั พมิ พ์ บรษิ ัทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จ�ำ กดั
พ.ศ. 2562
website : ส�ำ นกั พมิ พ์ บรษิ ัทพฒั นาคณุ ภาพวชิ าการ (พว.) จ�ำ กัด
1256/9 ถนนนครไชยศรี แขวงถนนนครไชยศรี เขตดสุ ติ กรุงเทพฯ 10300
www.iadth.com โทร. 0-2243-8000 (อัตโนมัติ 15 สาย), 0-2241-8999
แฟกซ์ : ทุกหมายเลข, แฟกซอ์ ตั โนมตั ิ : 0-2241-4131, 0-2243-7666
คำ� น�ำ
สงวนลิข ิสทธิ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด คมู่ อื ครรู ายวชิ า เพศวถิ ศี กึ ษา (รหสั วชิ า 2000-1607) ฉบบั น้ี ส�ำ นกั พมิ พ์ บรษิ ทั พฒั นาคณุ ภาพวชิ าการ (พว.) จ�ำ กดั
จดั ท�ำ ขน้ึ เพอื่ อ�ำ นวยความสะดวกส�ำ หรบั ครหู รอื ผสู้ อนใชเ้ ปน็ แนวทางในการออกแบบการจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอน
ใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพและเกดิ ประสทิ ธผิ ลตามหลกั สตู รประกาศนยี บตั รวชิ าชพี พทุ ธศกั ราช 2556 ส�ำ นกั งานคณะกรรมการ-
การอาชวี ศกึ ษา กระทรวงศกึ ษาธกิ าร โดยใชค้ วบคกู่ บั หนงั สอื เรยี นทส่ี �ำ นกั พมิ พไ์ ดเ้ รยี บเรยี งขนึ้ ตามจดุ ประสงคร์ ายวชิ า
สมรรถนะรายวชิ า และค�ำ อธบิ ายรายวชิ า ซงึ่ ผา่ นการตรวจประเมนิ คณุ ภาพจากส�ำ นกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา
เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แนวคดิ สำ�คญั ในการจดั ท�ำ คู่มอื ครูฉบบั นี้ สำ�นกั พมิ พ์ บริษทั พฒั นาคณุ ภาพวิชาการ (พว.) จ�ำ กัด ไดย้ ึดแนวคิด
การจัดการเรียนรู้แบบ Active learning ทเี่ น้นผเู้ รยี นเป็นผู้ลงมอื ปฏบิ ตั ิ สร้างความร้จู ากการปฏิบตั ิ และน�ำ ความรู้
ไปประยกุ ต์ใช้ในชวี ิตจรงิ ได ้ โดยใชก้ ระบวนการจดั การเรยี นร้แู บบ GPAS 5 Steps และออกแบบหนว่ ยการเรยี นรู้แบบ
Backward Design เน้นผู้เรียนแสดงออกและผลิตผลงานตามภาระงาน นำ�ผลงานและการแสดงออกของผู้เรียน
มาใชป้ ระเมนิ ผลการเรยี นตามจดุ ประสงคร์ ายวชิ าในแตล่ ะหนว่ ยการเรยี นรตู้ ลอดทง้ั รายวชิ า เปน็ การประเมนิ ตามสภาพจรงิ
(Authentic Assessment) สอดคล้องกับบริบทและการเปลี่ยนแปลงของสังคมและแนวคิดการพัฒนาคน
ในศตวรรษที่ 21 เพือ่ ยกระดบั คุณภาพของผูเ้ รยี นให้สูงขึ้นตามมาตรฐานสากล
สำ�นักพิมพ์ บรษิ ัทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กดั ได้นำ�รปู แบบและเทคนิควิธีจดั การเรยี นร้ตู ามแนวทางข้างต้น
ไปทดลองใช้กับผู้เรียนในระดับต่างๆ แล้วปรากฏผลเป็นที่พอใจยิ่ง ผู้เรียนสามารถคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหา ส่ือสาร
และผลิตผลงานด้วยทีมงานที่ใช้จิตปัญญาในระดับสูง ผ่านการประเมินความรู้ ความเข้าใจ ทักษะ และค่านิยม
ในทกุ ด้าน จงึ หวงั เป็นอย่างย่ิงวา่ หากผู้สอนไดใ้ ช้คู่มือครูฉบบั น้ีควบคกู่ บั หนังสือเรียนอยา่ งต่อเนื่อง จะชว่ ยใหผ้ ู้สอน
ดำ�เนินกิจกรรมการเรียนการสอนอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุตามที่หลักสูตรฯ กำ�หนด ช่วยยกระดับคุณภาพ
การศึกษาไทยใหท้ ดั เทียมกับประเทศอ่นื ในที่สดุ
สำ�นกั พมิ พ์ บริษทั พฒั นาคณุ ภาพวิชาการ (พว.) จ�ำ กัด
สงวนลิข ิสทธิ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด สารบัญ หนา้
2
คำ�น�ำ 5
คำ�ชี้แจง 27
หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 1
พัฒนาการของวยั รนุ่ 43
หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 61
เพศและการดูแลสขุ ภาพทางเพศ
75
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3
การสร้างสัมพนั ธภาพท่ีดีกับผู้อ่นื
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 4
อิทธพิ ลต่างๆ ทม่ี ผี ลต่อการแสดงออกทางเพศ
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 5 สงวนลิข ิสทธิ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัดหนา้
ทักษะชวี ิต 87
99
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 6 115
กฎหมายใกล้ตวั 131
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 7
สังคมและวฒั นธรรมทส่ี ่งผลต่อพฤติกรรม
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 8
ปญั หาและการเลอื กใช้แหลง่ บรกิ ารชว่ ยเหลือ
สงวนลิข ิสทธิ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัดค�ำชแ้ี จง
เพ่ือให้สามารถน�ำคู่มือครูไปใช้ในการจัดการเรียนการสอนในรายวิชาควบคู่กับหนังสือเรียนที่ส�ำนักพิมพ์ บริษัท
พฒั นาคณุ ภาพวชิ าการ (พว.) จ�ำกัด จัดท�ำขน้ึ ผูส้ อนควรได้ศึกษารายละเอยี ดค�ำช้ีแจงการใช้คมู่ อื ครู เพ่อื ให้เกิดความเขา้ ใจ
และด�ำเนนิ การตามแนวทางท่เี สนอแนะไว้ในคู่มอื ครูอยา่ งถูกวิธี ซงึ่ มีรายละเอยี ดดังนี้
โครงสรา้ งและองคป์ ระกอบส�ำคญั ของคู่มอื ครู
คมู่ อื ครฉู บับนีแ้ บ่งโครงสรา้ งและองค์ประกอบของเน้อื หาไวเ้ ปน็ 4 ส่วน ดงั น้ี
สว่ นที่ 1 ส่วนน�ำ ประกอบด้วย
1.1 ความรู้ความเขา้ ใจเบ้ืองตน้ ก่อนน�ำคู่มอื ครไู ปใช้ในการจดั การเรยี นการสอน
1.2 ยทุ ธศาสตรก์ ารยกระดับคณุ ภาพการศึกษาอาชีวศึกษาตามมาตรฐานสากลในศตวรรษท่ี 21
1.3 แนวคดิ หลกั การการพฒั นาคณุ ภาพการจดั การเรยี นรรู้ ะดบั อาชวี ศกึ ษาโดยใชก้ ระบวนการจดั การเรยี นร ู้
แบบ GPAS 5 Steps ตามมาตรฐานสากลในศตวรรษท่ี 21
1.4 ค�ำแนะน�ำในการน�ำค่มู ือครไู ปใช้ในการจดั การเรยี นการสอน
ส่วนที่ 2 ส่วนแนะน�ำโครงสรา้ งของหนังสือเรยี นทใี่ ช้คู่กับคู่มอื ครูฉบบั นี้ ประกอบดว้ ย
2.1 ค�ำอธิบายรายวิชา เพศวถิ ีศึกษา (รหัสวชิ า 2000-1607)
จุดประสงคร์ ายวิชา เพอ่ื ให้
1. มคี วามรู้ ความเขา้ ใจที่ถูกต้องเกย่ี วกับสขุ อนามัยของระบบสืบพันธ์ุ
2. เสริมสร้างสัมพนั ธภาพท่ดี กี บั ผูอ้ น่ื ตามหลกั การ
3. สามารถประเมนิ โอกาสเสีย่ งจากพฤตกิ รรมทางเพศ และปัญหาจากการมีเพศสัมพนั ธไุ์ ม่พร้อม
4. ตระหนักรู้ในคุณค่าของตนเอง สร้างแรงจูงใจในการตัดสินใจเลือกแนวทางการด�ำเนินชีวิต
อย่างมีสขุ ภาวะ
สมรรถนะรายวิชา
1. แสดงความรู้เกย่ี วกบั สขุ อนามยั ของระบบสืบพันธุ์ พฒั นาการทางเพศในวยั รนุ่
2. ทกั ษะดา้ นการจัดการเร่ืองสัมพันธภาพระหวา่ งบุคคล ทกั ษะการตดั สนิ ใจ
3. วิเคราะหอ์ ทิ ธพิ ลทางสังคมทีม่ ีผลตอ่ พฤติกรรมทางเพศ
4. แสดงความรกู้ ารป้องกนั การรบั เช้อื เอชไอวี
5. ปฏิบัติโครงงานเก่ยี วกับเป้าหมายและแนวปฏบิ ตั ิในการด�ำเนนิ ชีวติ ที่มสี ุขภาวะ
5 สุดยอดคู่มือครู
ค�ำอธบิ ายรายวชิ า
ปฏบิ ัตเิ กีย่ วกับพฒั นาการทางเพศเมอ่ื เปล่ยี นแปลงเขา้ สวู่ ยั ร่นุ การดแู ลสขุ ภาพทางเพศ สมั พันธภาพ
กับความคาดหวังต่อบทบาทและความรับผิดชอบ การแสดงออกทางเพศ ทักษะการตัดสินใจ การต่อรองและการส่ือสาร
ความตอ้ งการตามความคดิ เหน็ และความรสู้ กึ การตระหนกั ในคณุ คา่ ของตนเองบนพนื้ ฐานของการเคารพในสทิ ธขิ องผอู้ นื่ สทิ ธิ
ในการแสดงออกตามวิถีทางเพศ ภาพใต้กรอบของกฎหมายว่าด้วยเพศ สังคมและวัฒนธรรม ตลอดจนภาพลักษณ์ท่ีส่งผล
ต่อความรู้สกึ และพฤตกิ รรม การเลอื กใชแ้ หลง่ บรกิ ารช่วยเหลือทเี่ ปน็ มติ รในพนื้ ที่
สงวนลิข ิสทธิ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด
2.2 การจัดหน่วยการเรยี นรู้
หน่วยการเรียนรู้ เร่อื ง ชว่ั โมง หมายเหตุ
การเรียน หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 1 แบ่งเปน็ 2 เร่อื ง
1 - พฒั นาการและวธิ กี ารจัดการกับปญั หา
พัฒนาการของวัยรุ่น 2 ในวยั ร่นุ
- การเปล่ียนแปลงของวยั ร่นุ
2 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 3 แบง่ เปน็ 2 เรื่อง
3 - องค์ประกอบและหลักการสร้างมนษุ ยสมั พนั ธ์
เพศและการดูแลสุขภาพทางเพศ 2 - คุณลกั ษณะของบคุ คลที่มีมนุษยสมั พนั ธ์
และการจัดการกบั ความขดั แย้ง
การสรา้ งสัมพันธภาพท่ดี ีกบั ผู้อืน่ 2
4
หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 แบง่ เป็น 2 เรื่อง
- กฎหมายท่เี ก่ียวข้องกบั ตนเองและครอบครัว
5 สทิ ธแิ ละการแสดงออก
6 อิทธพิ ลต่างๆ ท่ีมผี ลตอ่ การแสดงออก 2 - ประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๗๖-๒๘๗
ทางเพศ
สอบกลางภาค 1
7
8 ทกั ษะชวี ติ 2
กฎหมายใกล้ตวั 2
สังคมและวัฒนธรรมท่สี ง่ ผลต่อพฤตกิ รรม 2
ปญั หาและการเลอื กใชแ้ หลง่ บริการช่วยเหลอื 2
สอบปลายภาค 1
รวมเวลาเรยี น 18
สุดยอดคู่มือครู 6
สงวนลิข ิสทธิ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด ส่วนที่ 3 ขอ้ เสนอแนะแนวทางในการจดั กิจกรรมการเรียนการสอนรายหน่วยการเรยี นรู้ ประกอบด้วย
3.1 การออกแบบการจดั การเรยี นรู้รายหน่วยการเรียนรดู้ ้วย GPAS 5 Steps
3.2 การบรู ณาการกิจกรรมการเรยี นรู้
3.3 แผนการประเมินจดุ ประสงค์การเรียนรู้และสมรรถนะประจ�ำหนว่ ย
ส่วนที่ 4 การออกแบบการเรียนรรู้ ะดบั หน่วยการเรยี นร้แู ละแผนการจดั การเรียนรู้รายช่ัวโมง ประกอบดว้ ย
4.1 แนวทางการจดั การเรยี นรู้ระดบั หนว่ ยการเรียนรูท้ กุ หนว่ ยการเรียนรู้ครบทั้งรายวชิ า
4.2 แผนการจัดการเรยี นรรู้ ายชั่วโมงในแต่ละหนว่ ยการเรียนร้คู รบทกุ หนว่ ยการเรียนรู้
4.3 เกณฑ์ประเมินคุณภาพ (Rubrics) ตามภาระงาน/ช้ินงาน/การแสดงออกของผู้เรียนในแต่ละ
หนว่ ยการเรียนรคู้ รบทกุ หน่วยการเรียนรู้
4.4 ตัวอย่างผังกราฟิก แบบบันทึกรวบรวมข้อมูลและสรุปความรู้ความเข้าใจส�ำหรับผู้เรียนใช้ประกอบ
การเรยี นการสอนทุกหน่วยการเรยี นรู้
นอกจากรายละเอยี ดทก่ี ล่าวถงึ ในคู่มอื ครูฉบบั นีแ้ ล้ว ส�ำนักพมิ พ์ บรษิ ัทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จ�ำกัด ยงั ไดจ้ ัดท�ำ
CD ในการเอื้อประโยชนแ์ ก่ผูส้ อน ดงั น้ี
ออกแบบหนว่ ยการเรยี นรู้ทุกหนว่ ยการเรยี นรคู้ รบทั้งรายวชิ า
แผนการจดั การเรียนร้รู ายชวั่ โมงในแต่ละหนว่ ยการเรียนร้คู รบทุกหนว่ ยการเรยี นรู้
เกณฑป์ ระเมนิ คณุ ภาพ (Rubrics) ตามภาระงาน/ชนิ้ งาน/การแสดงออกของผเู้ รยี นในแตล่ ะหนว่ ยการเรยี นร ู้
ครบทุกหน่วยการเรียนรู้
ตัวอย่างผังกราฟิก แบบบันทึกรวบรวมข้อมูลและสรุปความรู้ความเข้าใจส�ำหรับผู้เรียนใช้ประกอบ
การเรยี นการสอนทุกหนว่ ยการเรียนรู้
7 สุดยอดคู่มือครู
สว่ นที่ 1 ส่วนน�ำ สงวนลิข ิสทธิ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด
1.1 ความรู้ความเข้าใจเบื้องตน้ กอ่ นน�ำคมู่ อื ครไู ปใช้ในการจัดการเรียนการสอน
แนวคิดทิศทางในการจัดการเรียนรเู้ พ่อื ยกระดบั คณุ ภาพการศึกษาไทย
การศกึ ษาไทยในปจั จุบนั ยึดแนวคดิ ที่ว่า “การศึกษาคือชีวิต” (Education is Life) โดยมีความเชอื่ ว่า “ชีวิตตอ้ งมีการเรยี นร”ู้
ต้องพัฒนาทั้งความรู้ ความคิด ความสามารถ และประสบการณ์ต่างๆ ท้ังด้านศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม ธรรมชาติและ
สิ่งแวดล้อม สังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และเศรษฐศาสตร์อย่างสมดุล ท้ังน้ีเพ่ือให้สามารถ
น�ำไปใช้ในการด�ำรงชีวิตอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข ปรัชญาพ้ืนฐานและกรอบแนวคิดดังกล่าวจึงมุ่งพัฒนาชีวิตให้เป็น
“มนุษย์ท่ีสมบูรณ์ท้ังทางร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้ และคุณธรรม มีจริยธรรมและวัฒนธรรมในการด�ำรงชีวิต
สามารถอยู่รว่ มกับผู้อ่นื ได้อยา่ งมีความสุข”
ดังท่ีได้บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 และ
(ฉบบั ท่ี 3) พ.ศ. 2553 มาตรา 6 และมาตรา 7 ดงั นี้
มาตรา 6 การจัดการศึกษาต้องเป็นไปเพ่ือพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ท่ีสมบูรณ์ ทั้งทางร่างกาย จิตใจ สติปัญญา
ความรู้ และคุณธรรม มีจริยธรรมและวัฒนธรรมในการด�ำรงชวี ติ สามารถอยรู่ ว่ มกบั ผู้อน่ื ได้อย่างมคี วามสุข
มาตรา 7 ในกระบวนการเรียนรู้ต้องมุ่งปลูกฝังจิตส�ำนึกที่ถูกต้องเก่ียวกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
อันมีพระมหากษตั รยิ ์ทรงเปน็ ประมขุ รู้จกั รกั ษาและสง่ เสริมสทิ ธิ หน้าท่ี เสรีภาพ ความเคารพกฎหมาย ความเสมอภาค และ
ศักด์ิศรีความเป็นมนุษย์ มีความภาคภูมิใจในความเป็นไทย รู้จักรักษาผลประโยชน์ส่วนรวมและของประเทศชาติ รวมท้ัง
ส่งเสริมศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรมของชาติ การกีฬา ภูมิปัญญาท้องถ่ิน ภูมิปัญญาไทย และความรู้อันเป็นสากล ตลอดจน
อนรุ กั ษท์ รพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอ้ ม มคี วามสามารถในการประกอบอาชพี รูจ้ กั พึง่ ตนเอง มคี วามคดิ รเิ ริม่ สรา้ งสรรค์
ใฝร่ ู้ และเรยี นรู้ดว้ ยตนเองอยา่ งตอ่ เน่อื ง
แนวการจัดการศกึ ษา
เพื่อให้ผู้เรียนมีคุณภาพตามความมุ่งหมายในการจัดการศึกษาที่บัญญัติไว้ในมาตรา 6 และมาตรา 7 ตาม
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2545 และ (ฉบับท่ี 3) พ.ศ. 2553
ดงั ท่กี ล่าวถึงข้างต้น จึงไดม้ ีบทบญั ญตั วิ ่าดว้ ยแนวการจัดการศกึ ษาตามมาตราดงั ตอ่ ไปนี้
มาตรา 22 การจัดการศึกษาต้องยึดหลักว่าผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ และถือว่า
ผเู้ รยี นมีความส�ำคัญที่สดุ กระบวนการจดั การศกึ ษาต้องส่งเสรมิ ให้ผูเ้ รียนสามารถพฒั นาตามธรรมชาติและเต็มศกั ยภาพ
มาตรา 23 การจัดการศึกษาท้ังการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย ต้องเน้น
ความสำ�คัญทั้งความรู้ คุณธรรม กระบวนการเรียนรู้และบูรณาการตามความเหมาะสมของแต่ละระดับการศึกษาในเรื่อง
ตอ่ ไปน้ี
(1) ความรู้เร่ืองเกี่ยวกับตนเองและความสัมพันธ์ของตนเองกับสังคม ได้แก่ ครอบครัว ชุมชน ชาติ และสังคมโลก
รวมถึงความรู้เก่ียวกับประวัติศาสตร์ ความเป็นมาของสังคมไทย และระบบการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
อันมพี ระมหากษตั ริยท์ รงเปน็ ประมุข
สุดยอดคู่มือครู 8
สงวนลิข ิสทธิ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด (2) ความรแู้ ละทักษะด้านวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รวมท้ังความรู้ ความเข้าใจ และประสบการณ์ เร่อื งการจดั การ
การบ�ำรงุ รักษาและการใช้ประโยชน์จากทรพั ยากรธรรมชาติและสิง่ แวดลอ้ มอยา่ งสมดุลย่งั ยืน
(3) ความรู้เกีย่ วกับศาสนา ศิลปะ วฒั นธรรม การกีฬา ภมู ิปญั ญาไทย และการประยุกตใ์ ช้ภมู ปิ ญั ญา
(4) ความรู้และทกั ษะดา้ นคณติ ศาสตรแ์ ละดา้ นภาษา เนน้ การใชภ้ าษาไทยอยา่ งถกู ตอ้ ง
(5) ความรแู้ ละทกั ษะในการประกอบอาชพี และการด�ำรงชวี ิตอยา่ งมีความสุข
มาตรา 24 การจัดกระบวนการเรยี นรใู้ หส้ ถานศกึ ษาและหน่วยงานที่เกย่ี วข้องด�ำเนินการ ดงั ตอ่ ไปนี้
(1) จดั เน้ือหา สาระ และกิจกรรมให้สอดคล้องกับความสนใจและความถนัดของผู้เรยี น โดยค�ำนึงถึงความแตกต่าง
ระหวา่ งบคุ คล
(2) ฝกึ ทกั ษะ กระบวนการคดิ การจดั การ การเผชญิ สถานการณแ์ ละประยกุ ตค์ วามรมู้ าใชเ้ พอื่ ปอ้ งกนั และแกไ้ ขปญั หา
(3) จัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง ฝึกการปฏิบัติให้ท�ำได้ คิดเป็น ท�ำเป็น รักการอ่านและ
เกิดการใฝร่ ูอ้ ย่างต่อเนอ่ื ง
(4) จัดการเรียนการสอนโดยผสมผสานสาระความรู้ต่างๆ อย่างได้สัดส่วนสมดุลกัน รวมทั้งปลูกฝังคุณธรรม
ค่านิยมท่ดี ีงามและคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ไว้ในทกุ วชิ า
(5) ส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้สอนสามารถจัดบรรยากาศ สภาพแวดล้อม สื่อการเรียน และอำ�นวยความสะดวกเพ่ือให ้
ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้และมีความรอบรู้ รวมทั้งสามารถใช้การวิจัยเป็นส่วนหน่ึงของกระบวนการเรียนรู้ ท้ังน้ีผู้สอนและ
ผูเ้ รยี นอาจเรยี นรู้ไปพร้อมกันจากส่ือการเรยี นการสอนและแหลง่ วิทยาการประเภทตา่ งๆ
(6) จัดการเรียนรู้ให้เกิดได้ทุกเวลา ทุกสถานท่ี มีการประสานความร่วมมือบิดามารดา ผู้ปกครอง และบุคคล
ในชมุ ชนทกุ ฝา่ ย เพื่อรว่ มกันพัฒนาผูเ้ รียนตามศกั ยภาพ
มาตรา 26 ให้สถานศึกษาจัดการประเมินผู้เรียนโดยพิจารณาจากพัฒนาการของผู้เรียน ความประพฤติ การสังเกต
พฤติกรรมการเรียน การร่วมกิจกรรม และการทดสอบ ควบคู่ไปในกระบวนการเรียนการสอนตามความเหมาะสมของ
แต่ละระดับ และรูปแบบการศึกษาให้สถานศึกษาใช้วิธีการที่หลากหลายในการจัดสรรโอกาสการเข้าศึกษาต่อ และให้นำ�
ผลการประเมนิ ผ้เู รยี นตามวรรคหนึ่งมาใช้ประกอบการพจิ ารณาด้วย
มาตรา 30 ให้สถานศึกษาพัฒนากระบวนการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ รวมท้ังการส่งเสริมให้ผู้สอนสามารถ
วิจยั เพอื่ พฒั นาการเรียนรูท้ ่เี หมาะสมกับผ้เู รยี นในแตล่ ะระดับการศกึ ษา
คุณลักษณะ สมรรถนะ และศักยภาพผูเ้ รียนที่เปน็ สากล
การจดั การเรยี นรใู้ นปจั จบุ นั มงุ่ เนน้ การเสรมิ สรา้ งความรู้ ความสามารถ และคณุ ลกั ษณะทพี่ งึ ประสงคใ์ นศตวรรษที่ 21
และเปน็ ไปตามปฏญิ ญาวา่ ด้วยการจดั การศึกษาของ UNESCO ไดแ้ ก่
Learning to know: หมายถึงการเรียนเพ่ือให้มีความรู้ในส่ิงต่างๆ อันจะเป็นประโยชน์ต่อไป ได้แก่ การรู้จัก
การแสวงหาความรู้ การตอ่ ยอดความรทู้ ีม่ ีอยู่ รวมท้งั การสรา้ งความรขู้ น้ึ ใหม่
Learning to do: หมายถึงการเรียนเพื่อการปฏิบัติหรือลงมือท�ำ ซึ่งน�ำไปสู่การประกอบอาชีพจากความรู ้
ที่ได้ศกึ ษามา รวมทั้งการปฏบิ ตั ิเพ่ือสร้างประโยชนใ์ ห้สังคม
9 สุดยอดคู่มือครู
Learning to live together: หมายถึงการเรียนรู้เพ่ือการดำ�เนินชีวิตอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข สงวนลิข ิสทธิ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด
ทงั้ การด�ำ เนินชีวิตในการเรียน ครอบครัว สงั คม และการท�ำ งาน
Learning to be: หมายถงึ การเรยี นรู้เพ่ือใหร้ ู้จักตนเองอย่างถอ่ งแท้ รถู้ ึงศักยภาพ ความถนดั ความสนใจของตนเอง
สามารถใชค้ วามรู้ความสามารถของตนเองให้เกดิ ประโยชน์ตอ่ สงั คม เลือกแนวทางการพัฒนาตนเองตามศักยภาพ วางแผน
การเรียนต่อ การประกอบอาชีพที่สอดคล้องกับศักยภาพของตนเองได้
ทั้งน้ี เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพ ท้ังในฐานะพลเมืองไทยและพลโลกเทียบเคียงได้กับนานาอารยประเทศ
โดยมงุ่ เน้นใหผ้ ู้เรียนมีศักยภาพท่สี ำ�คัญ ดังน้ี
1. ความรู้พื้นฐานในยุคดิจิทัล (Digital-Age Literacy) มีความรู้พ้ืนฐานท่ีจ�ำ เป็นทางวิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์
เทคโนโลยี รภู้ าษาข้อมูลสารสนเทศ และทศั นภาพ รพู้ หวุ ัฒนธรรมและมคี วามตระหนกั สำ�นึกระดบั โลก
2. ความสามารถคิดประดิษฐ์อย่างสร้างสรรค์ (Inventive Thinking) มีความสามารถในการปรับตัว สามารถ
จัดการสภาวการณ์ท่ีมีความซับซ้อน เป็นบุคคลท่ีใฝ่รู้ สามารถกำ�หนดหรือตั้งประเด็นคำ�ถาม (Hypothesis Formulation)
เพ่ือนำ�ไปสู่การศึกษาค้นคว้า แสวงหาความรู้ มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ คิดสังเคราะห์ ข้อมูลสารสนเทศ และ
สรุปองค์ความรู้ (Knowledge Formulation) ใชข้ ้อมูลเพือ่ การตดั สินใจเกีย่ วกบั ตนเองและสงั คมไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
3. ทักษะการส่ือสารอย่างมีประสิทธิภาพ (Effective Communication) ความสามารถในการรับและส่งสาร
การเลือกรับหรือไม่รับข้อมูลข่าวสารด้วยหลักเหตุผลและความถูกต้อง มีวัฒนธรรมในการใช้ภาษาถ่ายทอดความคิด
ความรู้ ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะของตนเอง เพ่ือแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและประสบการณ์อันจะเป็นประโยชน์
ต่อการพัฒนาตนเองและสังคม รวมทั้งมีทักษะในการเจรจาต่อรองเพื่อขจัดและลดปัญหาความขัดแย้งต่างๆ ตลอดจน
สามารถเลือกใชว้ ธิ ีการสอื่ สารท่มี ปี ระสิทธภิ าพ โดยค�ำ นึงถงึ ผลกระทบทม่ี ตี ่อตนเองและสังคม
4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต (Life Skill) ความสามารถในการนำ�กระบวนการต่างๆ ไปใช้ใน
การด�ำ เนนิ ชวี ติ ประจ�ำ วนั การเรยี นรู้ด้วยตนเอง การเรียนรอู้ ยา่ งต่อเน่ือง การท�ำ งานและอย่รู ่วมกนั ในสังคม เขา้ ใจความสัมพันธ์
และการเปล่ียนแปลงของเหตุการณ์ต่างๆ ในสังคม สามารถจัดการปัญหาและความขัดแย้งต่างๆ และนำ�ไปสู่การปฏิบัติ
สามารถปรับตัวได้อย่างเหมาะสมน�ำ ไปสู่การใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม การบริการสาธารณะ (Public Service) รวมท้ัง
การเปน็ พลเมอื งไทยและพลโลก (Global Citizen)
5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี (Information, Media and Technology Skills) การสบื ค้นความรู้จาก
แหลง่ เรียนรู้ และวิธกี ารทหี่ ลากหลาย (Searching for Information) เลอื กใชเ้ ทคโนโลยดี า้ นต่างๆ และมีทักษะกระบวนการ
ทางเทคโนโลยีเพ่ือการพัฒนาตนเองและสังคมในด้านการเรียนรู้ การส่ือสาร การทำ�งาน การแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์
ไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง เหมาะสม และมีคณุ ธรรม
นอกจากน้ียังมีผู้กล่าวถึงประสบการณ์จริงของผู้เรียนในยุคของการส่ือสารโลกไร้พรมแดนบนความหลากหลาย
ของพหุวัฒนธรรม การเพิ่มพูนสมรรถนะผู้เรียนให้สามารถครองชีวิตในโลกยุคใหม่น้ี ควรประกอบไปด้วยสมรรถนะส�ำ คัญ
ดังนี้
สุดยอดคู่มือครู 10
สงวนลิข ิสทธิ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด
1. การอยู่รว่ มกันในสงั คมพหวุ ัฒนธรรม
2. การเป็นผ้นู �ำและมีความรบั ผิดชอบ
3. การท�ำงานเป็นทีมและการสอื่ สาร
4. การคิดอยา่ งมีวจิ ารณญาณและการแกป้ ญั หา
5. การมสี ่วนรว่ มในสังคมโลกและความรบั ผิดชอบต่อสงั คม
นอกเหนือจากสมรรถนะส�ำ คญั ทก่ี ล่าวถงึ ขา้ งต้นแล้ว การดำ�รงชีวติ ในโลกยุคใหมต่ ้องเตรยี มคนให้พฒั นาความรู้
ทักษะ เจตคติ และค่านยิ มทกุ ด้าน ได้แก่ การเป็นนักประดิษฐส์ ร้างสรรค์ เป็นผปู้ ระกอบการที่ประสบความส�ำ เร็จ เป็นคนท่ี
กระตือรือร้นทีจ่ ะมสี ่วนรว่ ม และเป็นบคุ คลท่ีเรยี นรู้ตลอดชีวิต ซึ่งมอี งค์ประกอบทเ่ี ป็นสมรรถนะหลกั ที่สำ�คัญ คอื ความสามารถ
ในการประดิษฐ์และสร้างสรรค์ ความสามารถในการสื่อสารในต่างวัฒนธรรม ความสามารถในการคิดแก้ปัญหาและ
คดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณ ซง่ึ สอดคลอ้ งกบั แนวคดิ ใหมใ่ นการพฒั นาอาชวี ศกึ ษาไทย ทต่ี อ้ งจดั การศกึ ษาเพอ่ื สรา้ งผปู้ ระกอบการ
ท่ผี ลิตผลงานอย่างสร้างสรรคไ์ รข้ ดี จ�ำ กดั ดว้ ยนวัตกรรมและเทคโนโลยที กี่ ้าวหนา้ ทนั สมยั ในโลกพหุวัฒนธรรมไร้พรมแดน
11 สุดยอดคู่มือครู
1.2 ยทุ ธศาสตรก์ ารยกระดบั คณุ ภาพการศึกษาอาชวี ศกึ ษาตามมาตรฐานสากล
ในศตวรรษที่ 21
นโยบายการบริหารจัดการอาชีวศึกษา (นโยบาย 4 มติ ิ)
มิตทิ ี่ 1 การสร้างโอกาสทางการศึกษา
มิตทิ ่ี 2 การพัฒนาคณุ ภาพ ยทุ ธศาสตร์การยกระดบั คณุ ภาพการศึกษาอาชีวศึกษา
ตามมาตรฐานสากลในศตวรรษท่ี 21
สงวนลิข ิสทธิ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด1. สถานศึกษาอาชีวศึกษาจัดการศึกษาให้ตอบสนอง
2.1 ดา้ นคณุ ภาพผเู้ รียน
2.1.1 เร่งยกระดับคุณภาพผู้เรียนให้พร้อมเข้าสู่ ความต้องการด้านการพัฒนาคนอาชีวศึกษาทั้งในระดับประเทศ
ประชาคมอาเซยี น
2.1.2 ปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ โดยยึดผู้เรียนเป็น ภมู ภิ าคอาเซยี น และประชาคมโลก โดยใหค้ วามส�ำคญั กบั คณุ ภาพ
ศูนยก์ ลาง ผสู้ �ำเรจ็ อาชวี ศึกษาเปน็ ส�ำคญั
2.1.3 ปรับปรงุ หลักสูตรอาชีวศึกษาทุกระดบั 2. สถานศึกษาอาชีวศึกษามุ่งมั่นจัดการเรียนรู้ให้ผู้เรียน
2.1.4 ยกระดับคุณภาพผู้เรียน โดยผลการประเมิน บรรลุจุดประสงค์และสมรรถนะรายวชิ า และพัฒนาไปสู่มาตรฐาน
ระดบั ชาติ (V-Net) และการประเมินมาตรฐานวิชาชีพ วิชาชีพอาชีวศึกษาในระดับมาตรฐานสากล และวิสัยทัศน์
2.1.5 พฒั นาแนวทางการประเมนิ ผูเ้ รยี นตามสภาพจรงิ เพอ่ื การเรียนรูใ้ นศตวรรษที่ 21
2.1.6 ร่วมมือกับภาคเอกชนในการเรียนการสอน และ 3. สถานศึกษาอาชีวศึกษาปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้เน้นผู้เรียน
ฝกึ งานในสถานประกอบการ เป็นส�ำคัญ ตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคล โดยประยุกต์
2.1.7 พัฒนาคุณภาพผู้เรียนด้วยกิจกรรมองค์การวิชาชีพ ใช้ทฤษฎีพหุปัญญา (Multiple Intelligences: MI) และการจัด
การบริการสงั คม จิตอาสา และกฬี า
2.2 ด้านคุณภาพครู การเรียนรู้ตามหลักการ Brain-Based Learning (BBL),
2.2.1 ก�ำหนดมาตรฐานสมรรถนะครอู าชีวศึกษา Backward Design , GPAS 5 Steps ในการสรา้ งความรใู้ นระดบั
2.2.2 พฒั นาครูโดยใช้เครือข่าย/สมาคมวชิ าชีพ ความคิดรวบยอดและหลักการตรงตามมาตรฐานสากลและ
2.2.3 พฒั นาระบบนเิ ทศศกึ ษา วสิ ัยทศั น์เพือ่ การเรยี นรูใ้ นศตวรรษที่ 21
2.2.4 เร่งยกระดบั วทิ ยฐานะ 4. สถานศึกษาอาชีวศึกษาเน้นการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน โดยใช้
2.3 ดา้ นคุณภาพการเรยี นการสอน แผนการสอนตามแนวทางการออกแบบการเรียนรู้ Backward
2.3.1 วิจัยปฏิบัติการ เพื่อพัฒนาระบบการเรียนรู้สู ่ Design, GPAS 5 Steps และการประเมินตามสภาพจริงด้วยมติ ิ
การเป็นผู้ประกอบการ
2.3.2 ส่งเสรมิ การพฒั นานวัตกรรมของผเู้ รยี นและผสู้ อน คุณภาพโดยใช้เกณฑ์ Rubrics เพ่ือให้เป็นยุทธศาสตร์ประจ�ำ
2.3.3 ส่งเสรมิ นวัตกรรมการจดั การอาชวี ศกึ ษา
- โรงเรียนเทคโนโลยีฐานวิทยาศาสตร์ (Project ห้องเรียน
Based Learning และการประดษิ ฐค์ ิดคน้ ) 5. สถานศึกษาอาชีวศึกษาส่งเสริมการน�ำนวัตกรรมการจัดการ
- วิทยาลัยเทคนิคมาบตาพุด (Constructionism) อาชวี ศกึ ษามาใช ้ ไดแ้ ก่ การเรยี นรโู้ ดยใชโ้ ครงงานเปน็ ฐาน (Project
- วิทยาลยั การท่องเทีย่ วถลาง Based Learning) และการใชป้ ัญหาเปน็ ฐาน (Problem Based
2.3.4 จัดการเรียนการสอน English Program และ Learning) เพ่ือเน้นการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ และการบ่มเพาะ
Mini English Program ด้านอาชวี ศึกษา ค่านิยมหลัก 12 ประการ ผ่านโครงงาน และสร้างความรู้ตาม
ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงส่กู ารปฏิบัตทิ ่เี ป็นรูปธรรม
2.3.5 น�ำระบบ ICT มาใชเ้ พื่อการเรียนการสอน 6. สถานศึกษาอาชีวศึกษาสร้างวัฒนธรรมการสร้างความรู้
2.4 ดา้ นคุณภาพสถานศกึ ษา
“ปรับการเรียน เปล่ียนการสอน ปฏิรูปการสอบ ให้ทันกับ (Knowledge Management: KM) ท้ังในระดับผู้เรียน ระดับ
ยคุ สมัยอย่างมีคุณภาพ” ผู้สอน และระดับผู้บริหาร เพื่อพัฒนาสถานศึกษาอาชีวศึกษา
เปน็ ชุมชนแหง่ การเรยี นรู้แบบมืออาชีพ (Professional Learning
มติ ทิ ่ี 3 การสร้างประสิทธิภาพในดา้ นการบริหาร Community) ที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล และวิสัยทัศน์
จัดการ เพอื่ การเรยี นรใู้ นศตวรรษที่ 21
มิตทิ ่ี 4 ความรว่ มมือในการจัดการอาชีวศกึ ษา
สุดยอดคู่มือครู 12
1.3 แนวคิดหลักการการพฒั นาคุณภาพการจดั การเรยี นรูร้ ะดับอาชีวศกึ ษา
โดยใชก้ ระบวนการจัดการเรยี นรู้ GPAS 5 Steps ตามมาตรฐานสากลในศตวรรษที่ 21
กระบวนการพัฒนาผู้เรียนสู่คุณภาพในศตวรรษท่ี 21 ตามมาตรฐานสากล กระบวนการเรียนรู้แบบ
GPAS 5 Steps การจดั การเรยี นรูท้ เี่ น้นการพฒั นาทักษะการคิดและสร้างความรู้โดยผู้เรยี น
ดังได้กล่าวถึงแล้วในตอนต้นว่าโลกยุคใหม่ต้องเตรียมคนให้พัฒนาทั้งความรู้ ทักษะ เจตคติและค่านิยมอย่างสมดุล
ทุกด้านเพ่ือการด�ำเนินชีวิต ด้วยการสร้างงาน สร้างอาชีพ และอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมอย่างสร้างสรรค์ยั่งยืน
กระบวนการคิดวิเคราะห์ คิดอย่างมีวิจารณญาณ การแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์และริเร่ิมผลิตผลงานด้วยเจตคติ
และค่านิยมเพื่อความยั่งยืนของโลก จึงเป็นเป้าหมายส�ำคัญในการพัฒนาผู้เรียน โดยเฉพาะงานอาชีวศึกษาที่ต้องสร้างคน
เพ่ือการแขง่ ขนั ในโลกอาชพี ส�ำนกั พิมพ์ บริษัทพัฒนาคณุ ภาพวิชาการ (พว.) จ�ำกัด ได้น�ำนวตั กรรมกระบวนการจดั การเรยี นรู้
ที่เน้นกระบวนการคิด การสร้างความรู้ และการน�ำความรู้ไปใช้ผลิตผลงานด้วยค่านิยมเพื่อสังคมเพ่ือโลก สอดคล้องกับ
การเรียนรูใ้ นศตวรรษท่ี 21 โดยน�ำมาใชใ้ นการออกแบบการจดั การเรียนรู้ พัฒนาคูม่ ือครใู นรายวิชาต่างๆ มนี วตั กรรมที่เปน็
กระบวนการเรยี นรูท้ ีน่ �ำมาประยกุ ตใ์ ช้ ดงั นี้
ยุทธศาสตรก์ ารเรียนรู้ 2002 ศตวรรษที่ 21
Active Learning : Backward Design – GPAS 5 Steps
สงวนลิข ิสทธิ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด
รว่ มกนั ประเมนิ รว่ มกนั สรา้ งทางเลอื ก
ขอ้ ดี ขอ้ เสยี ประโยชน์ โทษ ตดั สนิ ใจเพม่ิ คณุ คา่ คาดหมายแนวโนม้
ผลตอ่ เนอื่ ง เลอ่ื กทดี่ กี วา่ สรา้ งภาพงาน
วจิ ารณ์ สรา้ งคา่ นยิ ม
โครงสรา้ งคา่ นยิ ม โครงสรา้ งการกระทา
(Structure of Value) (Structure of Acting)
รว่ มกนั จดั ขอ้ มลู ใหม้ คี วามหมาย รว่ มกนั ปฏบิ ตั จิ รงิ
จาแนก จดั กลมุ่ หาความสมั พนั ธ์ วางแผน งานนาสผู่ ล
ความคดิ รวบยอด ตดิ ตาม ปรบั ปรงุ จัดระบบ
(Structure of Thinking) การลงมอื ทาจรงิ ไชค้ วามรู้
encode (Performing)
รว่ มกนั รวบรวมขอ้ มลู decode
ฟัง อา่ น สงั เกต บนั ทกึ
เรม่ิ จากสงิ่ ทเ่ี กดิ ขน้ึ จรงิ รว่ มกนั สรา้ งความรู้
(Experimental approach) คน้ พบหลกั การธรรมชาตไิ ดเ้ อง
ใชก้ ระบวนการคดิ ผลสรปุ
อยา่ งสอดคลอ้ งกบั ขอ้ มลู จรงิ
การลงมอื ทาจรงิ สรา้ งความรู้
(Construction of Knowledge)
สรปุ รายงานผล เป้าหมาย Portfolio KA 12 3 4
การเรยี นรู้
P Rubrics
13 สุดยอดคู่มือครู
ทกั ษะการคิดและกระบวนการเรยี นรู้ GPAS สงวนลิข ิสทธิ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด
กลุ่มนักวิชาการและนักการศึกษาจากกระทรวงศึกษาธิการได้สังเคราะห์กระบวนการเรียนรู้ GPAS มาจากแนวคิด
ทางพุทธศาสนาท่ีกล่าวถึง ปัญญา 3 ด้าน ได้แก่ 1. สุตมยปัญญา ปัญญาท่ีเกิดจากการสดับรู้การเล่าเรียน หรือปัญญา
ที่เกิดจากปรโตโฆสะ 2. จินตามยปัญญา ปัญญาท่ีเกิดจากการคิดพิจารณาหาเหตุผล หรือปัญญาท่ีเกิดจากโยนิโสมนสิการ
และ 3. ภาวนามยปญั ญา ปญั ญาทเ่ี กดิ จากการฝกึ อบรมลงมอื ปฏบิ ตั ิ หรอื ปญั ญาทเ่ี กดิ จากการปฏบิ ตั บิ �ำ เพญ็ (พระพรหมคุณาภรณ ์
(ป.อ. ปยตุ ฺโต): 2548) และแนวคดิ โครงสร้าง 3 ชั้นแห่งปัญญา (Three Story Intellect) ท่ปี ระกอบดว้ ย การรวบรวมข้อมลู
(Gathering) การจัดกระทำ�ข้อมลู (Processing) และการประยกุ ต์ใช้ข้อมูลความรู้ (Applying) (Jerry Goldberg: 1996,
Art Costa: 1997, Robin Forgarty: 1997) รวมทงั้ แนวคดิ การพฒั นาคนใหม้ บี คุ ลกิ ภาพการก�ำ กบั ตนเอง (Self-Regulating)
มาสงั เคราะหเ์ ป็นโครงสร้างทักษะการคดิ GPAS ดงั แผนภาพ
แผนภาพโครงสรา้ งทกั ษะการคิด GPAS
จากโครงสร้างทักษะการคิดนี้ สามารถน�ำมาก�ำหนดเป็นกรดระ.บศกั วดน์ิสนิ กโารรจนพ์สัฒราญนรามทย์ักษะการคิด โดยมีการก�ำกับตนเอง
(Self–Regulating) เปน็ แกนในการพฒั นาทักษะดังแผนภูม ิ
ดร.ศกั ดิ์สนิ โรจนส์ ราญรมย์
แผนภมู กิ ระบวนการพัฒนาทักษะการคดิ
ความหมายของทักษะการคดิ ในโครงสร้าง GPAS
ทักษะการคิดในโครงสร้าง GPAS มีทักษะท่ีสอดคล้องกับการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 ทิศทางการศึกษาไทย
และหลกั สตู รการเรยี นการสอนในทกุ ระดับการศกึ ษา ขอยกมาเป็นตวั อยา่ ง ดังนี้
ทักษะการคิดระดบั การรวบรวมข้อมลู (Gathering: G) ไดแ้ ก ่
1. การกำ�หนดประเด็นในการรวบรวมข้อมูล (Focusing Skill) หมายถึงการกำ�หนดขอบเขตการศึกษาและ
ม่งุ ความสนใจไปในทศิ ทางตามจุดประสงคท์ ตี่ อ้ งการศึกษาให้ชัดเจน เพื่อท่จี ะได้คัดเลือกเฉพาะข้อมูลท่ีเก่ียวขอ้ ง
อา้ งองิ พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร์ ฉบบั ประมวลธรรม พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยตุ ฺโต): 2548
สุดยอดคู่มือครู 14
สงวนลิข ิสทธิ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด 2. การสังเกตด้วยประสาทสัมผัส (Observing) หมายถึงการรับรู้และรวบรวมข้อมูลเก่ียวกับส่ิงใดส่ิงหนึ่ง
โดยใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 เพื่อให้ได้รายละเอียดเก่ียวกับสิ่งนั้นๆ ซึ่งเป็นข้อมูลเชิงประจักษ์ท่ีไม่มีการใช้ประสบการณ์และ
ความคิดเหน็ ของผสู้ ังเกตในการเสนอข้อมลู ข้อมลู จากการสงั เกตมที งั้ ข้อมูลเชงิ ปรมิ าณและขอ้ มลู เชงิ คณุ ภาพ
3. การเข้ารหสั และบันทึกข้อมูล (Encoding & Recording) หมายถึงกระบวนการประมวลขอ้ มูลของสมอง เมื่อรบั
ส่งิ เร้าจากประสาทสัมผัสทัง้ 5 จะได้รับการบนั ทกึ ไว้ในความจ�ำระยะสั้น หากตอ้ งการเกบ็ ข้อมูลไว้ใชต้ ่อๆ ไป ข้อมูลนั้นจะตอ้ ง
เปล่ียนรูปโดยการเข้ารหัส (Encoding) เพ่ือน�ำไปเก็บไว้ในความจ�ำระยะยาว ซึ่งจะสามารถเรียกข้อมูลมาใช้ได้ภายหลัง
โดยการถอดรหสั (Decoding)
4. การดงึ ขอ้ มลู เดมิ มาใชแ้ ละยอ่ ความ (Retrieving & Summarizing) หมายถงึ การน�ำขอ้ มลู ทมี่ อี ยนู่ �ำกลบั มาใชใ้ หม่
และการจบั ใจความส�ำคญั ของเร่อื งทตี่ อ้ งการสรปุ แล้วเรยี บเรยี งใหก้ ระชับครอบคลมุ สาระส�ำคญั
ทักษะการคดิ ระดับการจัดกระท�ำขอ้ มลู (Processing: P)
1. การจ�ำแนก (Discriminating) หมายถึงการแยกแยะสง่ิ ต่างๆ ตามมติ ิทก่ี �ำหนด
2. การเปรียบเทียบ (Comparing) หมายถึงการค้นหาความเหมือนหรือความแตกต่างขององค์ประกอบ
ตั้งแต่ 2 องคป์ ระกอบขึ้นไป เพ่ือใช้ในการอธิบายเร่อื งใดเรอื่ งหนึง่ ในเกณฑ์เดยี วกัน
3. การจัดกลุ่ม (Classifying) หมายถึงการน�ำส่ิงต่างๆ มาแยกเป็นกลุ่มตามเกณฑ์ท่ีได้รับการยอมรับทางวิชาการ
หรือการยอมรบั โดยทัว่ ไป
4. การจัดล�ำดับ (Sequencing) หมายถึงการน�ำข้อมูลหรือเร่ืองราวที่เกิดขึ้นมาจัดเรียงให้เป็นล�ำดับว่าอะไรมาก่อน
อะไรมาหลัง
5. การสรปุ เชอ่ื มโยง (Connecting) หมายถงึ การบอกความสมั พนั ธท์ เ่ี กยี่ วขอ้ งเชอ่ื มโยงกนั ของขอ้ มลู อยา่ งมคี วามหมาย
6. การไตร่ตรองด้วยเหตุผล (Reasoning) หมายถึงความสามารถในการบอกที่มาของส่ิงใดๆ หรือเหตุการณ์ใดๆ
หรือสิง่ ท่ีเปน็ สาเหตุของพฤตกิ รรมน้นั ได้
7. การวิจารณ์ (Criticizing) หมายถึงการท้าทายและโต้แย้งข้อสมมติฐานท่ีอยู่เบื้องหลังเหตุผลที่โยงความคิด
เหลา่ นน้ั เพอื่ เปดิ ทางสแู่ นวความคิดอนื่ ๆ ทอี่ าจเปน็ ไปได้
8. การตรวจสอบ (Verifying) หมายถงึ การยืนยันหรือพิสูจนข์ ้อมูลทีส่ ังเกตรวบรวมมาตามความถกู ตอ้ งเป็นจริง
ทกั ษะการคิดระดบั การประยุกต์ใช้ (Applying: A)
1. การใช้ความรู้อย่างสร้างสรรค์ (Creative) หมายถึงการน�ำความรู้ท่ีเกิดจากความเข้าใจไปใช้ในการสร้างสรรค์
สิ่งใหม่หรือแกป้ ัญหาท่มี อี ย่ใู ห้ดขี ึ้น
2. การวิเคราะห์ (Analysis) หมายถึงความสามารถในการแยกแยะหลักการ องค์ประกอบส�ำคัญหรือส่วนย่อย
ตลอดจนหาความสมั พนั ธร์ ะหว่างส่วนตา่ งๆ ท่ีเกยี่ วข้อง
3. การสังเคราะห์ (Synthesis) หมายถึงการน�ำความรู้ท่ีผ่านการวิเคราะห์มาผสมผสานสร้างสิ่งใหม่ที่มีลักษณะ
ตา่ งจากเดมิ
4. การตัดสนิ ใจ (Decision Making) หมายถึงการพจิ ารณาเลอื กทางเลือกต้ังแต่ 2 ทางเลือกขึ้นไป ทางเลือกหรือ
ตวั เลือกน้นั อาจเปน็ วตั ถุสง่ิ ของหรอื แนวปฏบิ ตั ิต่างๆ เพอ่ื ใช้ในการแกป้ ญั หาหรือด�ำเนนิ การเพอ่ื ให้บรรลตุ ามวตั ถปุ ระสงคท์ ่ตี ้ังไว้
5. การน�ำความรู้ไปปรับใช้ (Transferring) หมายถึงการถา่ ยโอนความรทู้ ่ีมอี ยู่ไปปรับใชใ้ นสถานการณ์อ่ืน
6. การแก้ปัญหา (Problem Solving) หมายถึงการวิเคราะห์สถานการณ์ท่ียาก เพื่อจุดประสงค์ในการแก้ไข
สถานการณห์ รือขจัดใหป้ ัญหานน้ั หมดไป น�ำไปสสู่ ภาวะทด่ี ีกว่าหรอื มีทางออก
7. การคิดวิเคราะห์วิจารณ์ (Critical Thinking) หมายถึงความสามารถในการพิจารณา ประเมิน และตัดสิน
ส่ิงต่างๆ หรอื เร่อื งราวท่ีเกดิ ขึ้น ท่ีมขี อ้ สงสยั หรอื ข้อโต้แย้ง โดยการพยายามแสวงหาค�ำ ตอบท่ีมคี วามสมเหตสุ มผล
15 สุดยอดคู่มือครู
8. การคดิ สรา้ งสรรค์ (Creative Thinking) หมายถงึ ความสามารถในการคดิ ไดอ้ ยา่ งกวา้ งไกลหลายทศิ ทางอยา่ งเปน็
กระบวนการ โดยใชจ้ ินตนาการท่ีหลากหลายเพอ่ื ก่อใหเ้ กดิ ความแปลกใหมใ่ นการสร้าง ผลิต ดดั แปลงงานต่างๆ ซึ่งจะต้อง
เชื่อมโยงระหวา่ งประสบการณเ์ ก่ากับประสบการณใ์ หม่ ความคดิ สรา้ งสรรค์จะเกดิ ขึน้ ไดก้ ็ต่อเมือ่ ผู้คิดมีอสิ ระทางความคิด
ทกั ษะการคิดระดับการก�ำกับตนเอง (Self-Regulating: S)
1. การตรวจสอบและควบคุมการคิด (Metacognition) หมายถึงการท่ีบุคคลรู้และเข้าใจถึงความคิดของตนเอง
ไตร่ตรองก่อนกระท�ำอะไรอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นการประเมินการคิดของตนเองและใช้ความรู้นั้นในการควบคุมหรือปรับ
การกระท�ำของตนเอง ซงึ่ ครอบคลมุ ถงึ การวางแผนการควบคมุ ก�ำกบั การกระท�ำของตนเอง การตรวจสอบความกา้ วหนา้ และ
การประเมินผล
2. การสรา้ งคา่ นยิ มการคดิ (Thinking Value) หมายถงึ การคดิ เพอื่ ประโยชนใ์ นระดบั ตา่ งๆ ไดแ้ ก่ เพอื่ ประโยชนต์ น
กลุ่มตน เพอ่ื สงั คมและเพ่ือประโยชน์ของกลุ่ม และเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและโลก ทกุ องค์ประกอบ
3. การสร้างนิสัยการคิด (Thinking Disposition) หมายถึงลักษณะเฉพาะของการกระท�ำของคนที่มีสติปัญญา
เม่ือเผชิญหน้ากับปัญหา การตัดสินใจท่ีจะแก้ปัญหาจะไม่กระท�ำทันทีทันใดก่อนจะมีข้อมูลหลักฐานชัดเจนเพียงพอ นิสัย
แหง่ การคิด คือรู้วา่ จะใช้ปญั ญาท�ำอย่างไรในการหาค�ำตอบ นิสัยแหง่ การคดิ ทด่ี คี วรมีดังนี้
3.1 นิสยั การคิดทด่ี ตี อ้ งกล้าเสีย่ งและผจญภัย (กลา้ ท่จี ะคดิ )
3.2 นสิ ัยการคดิ ที่ดตี อ้ งคดิ แปลก คิดแยกแยะ ชต้ี วั ปญั หา คิดส�ำรวจไต่สวน
3.3 นสิ ัยการคดิ ทีด่ ตี อ้ งสรา้ งค�ำอธิบายและสรา้ งความเข้าใจ
3.4 นสิ ัยการคดิ ทดี่ ีต้องสรา้ งแผนงานและมีกลยุทธ์
3.5 นสิ ัยการคดิ ท่ดี ตี ้องเป็นการใช้ความระมดั ระวังทางสตปิ ญั ญา ใชส้ ตปิ ญั ญาอย่างรอบคอบ
บันได 5 ข้ันของการจัดการเรยี นรสู้ ู่มาตรฐานสากล (Five Steps for Student Development)
โรงเรยี นมาตรฐานสากลไดป้ รบั ปรงุ รปู แบบการจดั การเรยี นรเู้ พอื่ ใหผ้ เู้ รยี นมคี ณุ ลกั ษณะและศกั ยภาพความเปน็ สากล
โดยจดั เป็นหลกั สตู รการศกึ ษาค้นคว้าด้วยตนเอง (Independent Study: IS) เปน็ เคร่ืองมอื ส�ำคญั ของแนวคิดในการศึกษา
ตลอดชีวิต มีความมุ่งหมายเพ่ือให้ผู้เรียนได้ศึกษาค้นคว้าหาความรู้ด้วยตนเองเก่ียวกับประเด็นท่ีอยู่ในความต้องการ
และความสนใจอย่างเป็นระบบ เป็นการเพ่ิมพูนความรู้ ความเข้าใจ อีกทั้งได้พัฒนาทักษะกระบวนการคิด ตระหนักถึง
ความส�ำคัญของกระบวนการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง และสามารถน�ำไปประยุกต์ใช้ในการเรียนรู้ตลอดชีวิตได้ การศึกษา
ค้นคว้าด้วยตนเอง แบ่งเปน็ 3 สาระ ดังแผนภูมิ
สงวนลิข ิสทธิ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด
IS3 การนาองคค์ วามรไู้ ปใช้บรกิ ารสงั คม
(Social Service Activity)
IS2 การสื่อสารและการนาเสนอ
(Communication and Presentation)
IS1 การศึกษาค้นควา้ และสรา้ งองค์ความรู้
(Research and Knowledge Formulation)
แผนภมู กิ ารจัดหลักสตู รการเรียนรู้ การศกึ ษาค้นควา้ ดว้ ยตนเอง (Independent Study: IS)
สุดยอดคู่มือครู 16
สงวนลิข ิสทธิ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด IS 1 การศึกษาคน้ ควา้ และสร้างองค์ความรู้ (Research and Knowledge Formulation) เปน็ สาระทมี่ งุ่ ให้ผู้เรียน
ก�ำหนดประเด็นปญั หา ต้งั สมมตฐิ าน คน้ ควา้ แสวงหาความรู้ และฝึกทักษะการคิดวิเคราะห์ สงั เคราะห์ และสร้างองคค์ วามรู้
IS 2 การสื่อสารและการน�ำเสนอ (Communication and Presentation) เป็นสาระท่ีมุ่งให้ผู้เรียนน�ำความรู ้
ที่ได้รับมาพัฒนาวิธีการถ่ายทอด ส่ือสารความหมาย แนวคิด ข้อมูล และองค์ความรู้ ด้วยวิธีการน�ำเสนอที่เหมาะสม
หลากหลายรปู แบบ และมปี ระสทิ ธภิ าพ
IS 3 การน�ำองค์ความรู้ไปใช้บริการสังคม (Social Service Activity) เป็นสาระที่มุ่งให้ผู้เรียนน�ำองค์ความรู้
ประยุกต์ใช้องค์ความรู้ไปสู่การปฏิบัติหรือน�ำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม เกิดการบริการสาธารณะ (Public Service)
กระบวนการส�ำคัญในการจดั การเรยี นร้กู ารศึกษาคน้ ควา้ ด้วยตนเองทง้ั 3 ระดบั (Independent Study: IS 1-3) จัดกระบวนการ
เรยี นรเู้ ป็น “บนั ได 5 ขนั้ ของการจัดการเรียนร้ใู นโรงเรียนมาตรฐานสากล (Five Steps for Student Development)” ไดแ้ ก่
ขัน้ ที่ 1 การตงั้ ประเดน็ ค�ำถามหรอื การตง้ั สมมตฐิ าน (Hypothesis Formulation) เปน็ การฝกึ ใหผ้ เู้ รยี นรจู้ กั คดิ สงั เกต
ตัง้ ค�ำถามอยา่ งมีเหตผุ ลและสรา้ งสรรค์ ซง่ึ จะส่งเสรมิ ให้ผเู้ รียนเกิดการเรียนรใู้ นการตง้ั ค�ำถาม (Learning to Question)
ขั้นที่ 2 การสืบค้นความรู้จากแหล่งเรียนรู้และสารสนเทศ (Searching for Information) เป็นการฝึกแสวงหา
ความรู้ ขอ้ มลู และสารสนเทศจากแหลง่ เรยี นรอู้ ยา่ งหลากหลาย เชน่ หอ้ งสมดุ อนิ เทอรเ์ นต็ หรอื จากการปฏบิ ตั ทิ ดลอง เปน็ ตน้
ซง่ึ ส่งเสรมิ ให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ในการแสวงหาความรู้ (Learning to Search)
ข้นั ท่ี 3 การสรา้ งองค์ความรู้ (Knowledge Formulation) เป็นการฝกึ ให้น�ำความรู้ ขอ้ มูล และสารสนเทศท่ไี ด้จาก
การแสวงหาความรูม้ าอภิปราย เพื่อน�ำไปส่กู ารสรุปและสรา้ งสรรค์องค์ความรู้ (Learning to Construct)
ขน้ั ท่ ี 4 การสื่อสารและการน�ำเสนออย่างมีประสิทธิภาพ (Effective Communication) เป็นการฝึกให้ผู้เรียน
น�ำความรู้ทไี่ ด้มาสอื่ สารอย่างมปี ระสิทธิภาพ ซึ่งจะส่งเสริมใหผ้ เู้ รยี นเกดิ การเรยี นรูแ้ ละมีทกั ษะในการสือ่ สาร (Learning to
Communicate)
ขั้นที่ 5 การบริการสังคมและจิตสาธารณะ (Public Service) เป็นการนำ�ความรู้สู่การปฏิบัติ ซ่ึงผู้เรียนจะต้อง
เชื่อมโยงความรู้ไปสู่การสร้างประโยชน์ให้กับสังคมและชุมชนรอบตัวตามวุฒิภาวะของผู้เรียน ซึ่งจะส่งเสริมให้ผู้เรียน
มจี ติ สาธารณะและบริการสงั คม (Learning to Service)
จากแนวคิดการพัฒนาทักษะการคิด GPAS และการเรียนรู้ด้วยตนเอง IS 5 Steps ท่ีกล่าวถึงข้างต้น ส�ำนักพิมพ์
บริษัทพัฒนาคณุ ภาพวิชาการ (พว.) จ�ำกดั ได้น�ำมาสงั เคราะหห์ ลอมรวมเป็นการจดั กระบวนการเรยี นร้ทู ีพ่ ฒั นาทักษะการคดิ
เนน้ ผเู้ รียนสร้างความรู้ ใชค้ วามรผู้ ลิตผลงาน เปน็ กระบวนการเรียนร้แู บบ GPAS 5 Steps ดังน้ี
Step 1 Gathering (ขั้นรวบรวมข้อมูล)
Step 2 Processing (ขัน้ คดิ วิเคราะห์และสรุปความรู้)
Step 3 Applying and Constructing the Knowledge (ข้ันปฏิบตั แิ ละสรุปความรูห้ ลังการปฏบิ ตั ิ)
Step 4 Applying the Communication Skill (ขัน้ สือ่ สารและน�ำเสนอ)
Step 5 Self–Regulating (ขั้นประเมนิ เพ่ือเพม่ิ คุณคา่ บรกิ ารสงั คมและจติ สาธารณะ)
17 สุดยอดคู่มือครู
สรปุ ไดด้ ังแผนภมู ติ ่อไปน้ี สงวนลิข ิสทธิ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด
ส�ำนักพมิ พ์ บรษิ ทั พัฒนาคุณภาพวชิ าการ (พว.) จ�ำกัด
การนำ� กระบวนการเรยี นรู้ GPAS 5 Steps ไปใชใ้ นการออกแบบการเรยี นรู้
กระบวนการเรียนรแู้ บบ GPAS 5 Steps สอดคลอ้ งกบั ทฤษฎพี ัฒนาการทางเชาว์ปญั ญาของเพยี เจต์ (Jean Piaget)
และของวีก๊อทสกี้ (Semyonovich Vygotsky) เปน็ รากฐานส�ำคญั ของทฤษฎกี ารสรา้ งความรดู้ ว้ ยตนเอง (Constructivism)
ท่ีเน้นการเรียนรู้ท่ีผู้เรียนคิดลงมือท�ำและสรุปความรู้ด้วยตนเอง โดยการปะทะสัมพันธ์กับประสบการณ์ต่างๆ และมี
การแลกเปลีย่ นเรยี นรู้ ท�ำใหผ้ เู้ รยี นมขี อ้ มลู และมมุ มองหลากหลาย น�ำไปสกู่ ารปรบั โครงสรา้ งความรู้ ความคิดรวบยอด หรือ
หลักการส�ำคัญท่ีศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง (Independent Study) เป็นแนวทางที่ตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคล
ทั้งในแง่ความสนใจ ประสบการณ์ วิธีการเรียนรู้ และการให้คุณค่าความรู้ที่ผู้เรียนแต่ละคนสร้างขึ้นอย่างมีความหมาย
เพื่อน�ำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเอง ชุมชน และสังคมโลก การเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้เป็นกระบวนการ
“Acting on” ไม่ใช่ “Taking in” กล่าวคือเปน็ กระบวนการที่ผู้เรยี นจะตอ้ งจดั กระท�ำกบั ขอ้ มลู ไม่ใชเ่ พยี งรับขอ้ มูลเขา้ มา และ
นอกจากกระบวนการเรียนรู้จะเป็นกระบวนการปฏิสัมพันธ์ภายในสมอง (Internal Mental Interaction) แล้วยังเป็น
กระบวนการทางสังคมอีกด้วย การสร้างความรู้จึงเป็นกระบวนการท้ังด้านสติปัญญาและสังคมควบคู่กัน การเรียนการสอน
ต้องเปลี่ยนจาก “Instruction” ไปเป็น “Construction” คือเปลี่ยนจาก “การให้ความรู้” เป็น “การให้ผู้เรียนสร้างความรู ้
ใชค้ วามรผู้ ลติ ผลงาน” ซงึ่ การจดั กระบวนการเรยี นรทู้ ส่ี อดคลอ้ งกบั แนวคดิ น ี้ คอื การออกแบบการเรยี นรแู้ บบ Backward Design
แบ่งเป็น 3 ขนั้ ตอน คอื
ข้ันตอนท่ี 1 ก�ำหนดเป้าหมายการเรียนรู้ท่ีสะท้อนผลการเรียนรู้ ซึ่งบอกให้ทราบว่าต้องการให้ผู้เรียนรู้อะไร
และสามารถท�ำอะไรไดเ้ ม่ือจบหนว่ ยการเรียนรู้
สุดยอดคู่มือครู 18
ขั้นตอนท่ี 2 ก�ำหนดหลักฐาน ร่องรอยการเรียนรู้ที่ชัดเจนและแสดงให้เห็นว่าผู้เรียนเกิดผลการเรียนรู้ตามเป้าหมาย
การเรียนรู้
ขัน้ ตอนท่ี 3 ออกแบบกระบวนการ/กจิ กรรมการเรียนรทู้ ่ชี ว่ ยพัฒนาผู้เรยี นให้มีคณุ ภาพตามเป้าหมายการเรียนรู้
(รายละเอยี ดได้เสนอแนะไว้ในค�ำแนะน�ำในการน�ำคู่มือครูไปใช้จัดการเรียนการสอน)
การประเมนิ ตามสภาพจรงิ (Authentic Assessment)
การประเมินผลตามสภาพจริงเป็นทางเลือกหน่ึงในการประเมินผลการเรียนการสอนท่ีเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางและ
ปฏิบัติจริง สามารถน�ำไปสู่การพัฒนาผู้เรียนอย่างแท้จริง สามารถประเมินความสามารถทักษะการคิดขั้นสูงที่ซับซ้อน
ตลอดจนความสามารถในการแก้ปัญหาและการประยุกต์ใช้ความรู้ในการผลิตผลงานช้ินงานต่างๆ ได้ วิธีการประเมินผล
ดงั กลา่ วเปน็ การประเมนิ ผลเชงิ บวกเพอื่ คน้ หาความสามารถ จดุ เดน่ และความกา้ วหนา้ ของผเู้ รยี น รวมทงั้ ใหค้ วามชว่ ยเหลอื
แก่ผู้เรียนในจุดที่ต้องพัฒนาให้สูงขึ้นตามศักยภาพ เป็นเคร่ืองมือประเมินผลที่มีประสิทธิภาพที่ใช้ในการประเมินผล
เพื่อพัฒนาผู้เรียน (Formative Evaluation) หรืออีกนัยหน่ึงเรียกว่า Assessment for Learning รวมท้ังสามารถใช้ใน
การประเมินผลรวม (Summative Evaluation) หรือ Assessment of Learning ในสถานการณ์การเรียนการสอน
ทใ่ี กล้เคียงชวี ติ จริง
การประเมนิ ผลตามสภาพจรงิ จะมคี วามตอ่ เนอ่ื งในการใหข้ อ้ มลู เชงิ คณุ ภาพทเ่ี ปน็ ประโยชนต์ อ่ ผสู้ อนไดใ้ ชเ้ ปน็ แนวทาง
การจดั กจิ กรรมการสอนใหเ้ หมาะสมเปน็ รายบคุ คลได้ และทสี่ �ำคญั มกี ารจดั การเรยี นการสอนจากแนวคดิ ทเี่ ปลยี่ นไปจากเดมิ
ไปสกู่ ารจัดการเรียนการสอนแบบใหม่ ดงั ตารางตอ่ ไปน้ี
ตารางเปรียบเทียบกระบวนการเรยี นการสอนจากแนวคิดเดมิ และแนวคดิ ใหม่
สงวนลิข ิสทธิ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด
แนวคดิ เดมิ แนวคิดใหม่
1. วางแผนโดยยดึ พฤตกิ รรมเป็นหลกั 1. วางแผนจากสิ่งที่ผู้เรียนอยากรู้และอยากท�ำ
2. สอนไปตามหวั ขอ้ ของเนือ้ หา ในกรอบของหนว่ ยการเรียนรู้
3. มจี ุดประสงคก์ วา้ งๆ 2. เกดิ การเรยี นร้ทู ี่ลกึ ซ้งึ
4. มกั เนน้ เพยี ง 1-2 สมรรถภาพและวธิ ีการเรียน 3. มีจดุ ประสงคท์ ี่ชดั เจน
5. ผ้สู อนเป็นผู้ด�ำเนนิ การ 4. ใชส้ มรรถภาพและวิธีการเรียนทีห่ ลากหลาย
6. ยดึ ต�ำราเรียนเปน็ หลกั 5. ผู้เรียนมีความต้องการเป็นตัวกระตุ้นให้เกิด
7. ใช้กฎเกณฑบ์ งั คบั เสมอๆ การศกึ ษาและการเรียนรู้
8. ภาระงานและกระบวนการถกู แบง่ เปน็ สว่ นยอ่ ย 6. ใชแ้ หลง่ การเรยี นรู้
9. ผู้เรียนปฏิบัติงานโดยไม่ทราบจุดมุ่งหมายท่ี 7. สนองความตอ้ งการของผูเ้ รียนอย่างเหมาะสม
ชัดเจน 8. ภาระงานและกระบวนการรวมอยู่ดว้ ยกนั
10. ประเมินผลคร้งั เดียวเม่ือจบบทเรยี น 9. ผู้เรยี นปฏบิ ัติงานโดยมจี ุดมุง่ หมายทช่ี ัดเจน
11. ผู้สอนเปน็ ผ้ปู ระเมิน 10. ประเมนิ ผลตลอดเวลาตงั้ แตเ่ รมิ่ ปฏบิ ตั จิ นสน้ิ สดุ
12. ผ้สู อนรเู้ กณฑก์ ารประเมินแตผ่ ู้เดียว ภาระงาน
13. ประเมินผลเฉพาะภาคความรู้ 11. ผูเ้ ช่ยี วชาญเรื่องนนั้ เปน็ ผ้ปู ระเมนิ
12. ผสู้ อนและผเู้ รยี นรเู้ กณฑก์ ารประเมนิ ทงั้ สองฝา่ ย
13. ประเมนิ ผลทงั้ ความรู้ความเขา้ ใจ และกระบวนการ
ที่ผู้เรียนน�ำความร้ตู ่างๆ มาประยุกตใ์ ช้
อา้ งอิงจาก Kentucky Department of Education, 1998 “How to Develop a Standard-Based Unit of Study” p3.
19 สุดยอดคู่มือครู
การประเมินตามสภาพจริง เป็นทางเลือกอีกทางหนึ่งส�ำหรับการวัดและการประเมินผล ซึ่งเข้ามามีบทบาททดแทน สงวนลิข ิสทธิ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด
แบบทดสอบมาตรฐานซึ่งส่วนใหญ่เป็นแบบทดสอบเลือกตอบท่ีไม่สามารถวัดและประเมินผลความรู้และทักษะได้ ลักษณะ
ส�ำคัญของการประเมนิ ตามสภาพจรงิ มีองค์ประกอบส�ำคญั ดงั นี้
1. เป็นงานปฏิบัติที่มีความหมาย (Meaningful Task) งานท่ีให้ผู้เรียนปฏิบัติต้องเป็นงานท่ีสอดคล้องกับ
ชวี ติ ประจ�ำวัน เป็นเหตุการณจ์ รงิ มากกวา่ กจิ กรรมท่ีจ�ำลองขนึ้ เพ่อื ใช้ในการทดสอบ
2. เป็นการประเมินรอบด้านด้วยวิธีการที่หลากหลาย (Multiple Assessment) เป็นการประเมินผู้เรียนทุกด้าน
ทัง้ ความรู้ ความสามารถ และทักษะ ตลอดจนคุณลักษณะนสิ ยั โดยใช้เครอื่ งมือทเ่ี หมาะสมสอดคล้องกับวิธแี ห่งการเรยี นรู้
และพฒั นาการของผเู้ รยี น เนน้ ใหผ้ เู้ รยี นตอบสนองดว้ ยการแสดงออก สรา้ งสรรค์ ผลติ หรอื ท�ำงาน ในการประเมนิ ของผสู้ อน
จึงต้องประเมินหลายๆ คร้ัง ด้วยวิธกี ารทหี่ ลากหลายและเหมาะสม เนน้ การลงมือปฏิบตั ิมากกว่าการประเมินด้านองคค์ วามรู้
3. ผลผลิตมีคุณภาพ (Quality Products) ผู้เรียนจะมีการประเมินตนเองตลอดเวลาและพยายามแก้ไขจุดด้อย
ของตนเอง จนกระท่ังไดผ้ ลงานที่ผลิตขนึ้ อย่างมีคุณภาพ ผเู้ รียนเกดิ ความพงึ พอใจในผลงานของตนเอง มีการแสดงผลงาน
ของผเู้ รยี นตอ่ สาธารณชน เพื่อเปิดโอกาสใหผ้ ู้อ่นื ได้เรียนรแู้ ละชืน่ ชม จากการจดั กิจกรรมการเรียนการสอน ผเู้ รยี นมีโอกาส
เลือกปฏิบัติงานได้ตามความพึงพอใจ นอกจากน้ียังจ�ำเป็นต้องมีมาตรฐานของงานหรือสภาพความส�ำเร็จของงานท่ีเกิดจาก
การก�ำหนดร่วมกันระหว่างผู้สอน ผู้เรียน และอาจรวมถึงผู้ปกครองด้วย มาตรฐานหรือสภาพความส�ำเร็จดังกล่าวจะเป็น
สงิ่ ทชี่ ่วยบง่ บอกวา่ งานของผูเ้ รียนมคี ณุ ภาพอยูใ่ นระดับใด
4. ใช้ความคิดระดับสูง (Higher-Order Thinking) ในการประเมินตามสภาพจริง ผู้สอนต้องพยายามให ้
ผู้เรยี นแสดงออกหรอื ผลติ ผลงานขึน้ มา ซง่ึ เปน็ ผลงานที่เกิดจากการคิดวิเคราะห์ สงั เคราะห์ ประเมินทางเลือก ลงมือกระท�ำ
ตลอดจนการใชท้ ักษะการแก้ปัญหาเมือ่ พบปญั หาท่ีเกิดขึน้ ซึ่งต้องใชค้ วามสามารถในการคดิ ระดบั สูง
5. มีปฏิสัมพันธ์ทางบวก (Positive Interaction) ผู้เรียนต้องไม่รู้สึกเครียดหรือเบื่อหน่ายต่อการประเมิน
ผ้สู อน ผปู้ กครองและผู้เรียนตอ้ งมีความร่วมมือทีด่ ีตอ่ กนั ในการประเมิน และการใช้ผลการประเมนิ แกไ้ ขปรับปรงุ ผูเ้ รยี น
6. งานและมาตรฐานต้องชัดเจน (Clear Tasks and Standard) งานและกิจกรรมท่ีจะให้ผู้เรียนปฏิบัติ
มีขอบเขตชัดเจน สอดคล้องกบั จดุ หมายหรอื สภาพทคี่ าดหวังความตอ้ งการท่ีใหเ้ กดิ พฤติกรรมดงั กลา่ ว
7. มีการสะท้อนตนเอง (Self-Reflections) ต้องมีการเปิดโอกาสให้ผู้เรียนแสดงความรู้สึก ความคิดเห็น
หรือเหตผุ ลต่อการแสดงออก การกระท�ำหรอื ผลงานของตนเองว่าท�ำไมถงึ ปฏบิ ตั หิ รอื ไม่ปฏิบตั ิ ท�ำไมถึงชอบและไม่ชอบ
8. มีความสัมพันธ์กับชีวิตจริง (Transfer into Life) ปัญหาท่ีเป็นสิ่งเร้าให้ผู้เรียนได้ตอบสนองต้องเป็นปัญหา
ทส่ี อดคลอ้ งกบั ชวี ติ ประจ�ำวนั พฤตกิ รรมทป่ี ระเมนิ ตอ้ งเปน็ พฤตกิ รรมทเี่ กดิ ขนึ้ จรงิ ในชวี ติ ประจ�ำวนั ทง้ั ทส่ี ถานศกึ ษาและทบ่ี า้ น
ดงั นั้นผปู้ กครองผู้เรียนจึงนบั ว่ามบี ทบาทเปน็ อยา่ งยิ่งในการประเมินตามสภาพจรงิ
9. เป็นการประเมินอย่างต่อเน่ือง (Ongoing or Formative) ต้องประเมินผู้เรียนอย่างต่อเน่ืองตลอดเวลาและ
ทกุ สถานที่อย่างไม่เป็นทางการ ซ่งึ จะท�ำใหเ้ หน็ พฤติกรรมทีแ่ ท้จริง เหน็ พฒั นาการ ค้นพบจุดเดน่ และจุดดอ้ ยของผเู้ รียน
10. เป็นการบูรณาการความรู้ (Integration of Knowledge) งานที่ให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัตินั้น ควรเป็นงานท่ีต้อง
ใช้ความรู้ ความสามารถ และทักษะท่ีเกิดจากการเรียนรู้ในหลายสาขาวิชา ลักษณะส�ำคัญดังกล่าวจะช่วยแก้ไขจุดอ่อนของ
การจัดการเรียนรู้และการประเมินผลแบบเดิมท่ีพยายามแยกย่อยจุดประสงค์ออกเป็นส่วนๆ และประเมินผลเป็นเรื่องๆ
ดังนั้นผู้เรียนจึงขาดโอกาสที่จะบูรณาการความรู้และทักษะจากวิชาต่างๆ เพื่อใช้ในการปฏิบัติงานหรือแก้ปัญหาที่พบ
ซ่ึงสอดคล้องกับชีวิตประจ�ำวัน หรือปัญหานั้นต้องใส่ความรู้ ความสามารถ และทักษะจากหลายๆ วิชามาช่วยในการท�ำงาน
หรือแกไ้ ขปัญหา
สุดยอดคู่มือครู 20
สงวนลิข ิสทธิ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด 1.4 ค�ำแนะน�ำในการน�ำคู่มอื ครูไปใชใ้ นการจดั การเรียนการสอน
ส่วนประกอบของคมู่ อื ครู
คมู่ อื ครมู อี งคป์ ระกอบส�ำคัญ 3 สว่ น ดงั น้ี
สว่ นที่ 1 กระบวนการจดั การเรียนการสอนส�ำหรบั ครู คือส่วนท่นี �ำเสนอในเอกสารฉบับนี้ ประกอบดว้ ยสาระส�ำคญั
3 รายการ คอื
1. รูปแบบ เทคนิควิธีการจัดกระบวนการเรียนรู้ คู่มือครูฉบับน้ีน�ำเสนอ “กระบวนการจัดการเรียนรู้แต่ละหน่วย
ดว้ ยกระบวนการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps” แต่ละ Steps น�ำเสนอขน้ั ตอน/วิธีด�ำเนนิ กิจกรรมส�ำคัญท่เี ป็นหัวใจส�ำคญั ของ
การจัดการเรียนรู้แต่ละขั้นตอนที่เน้นการเรียนรู้ตามแนวคิด “ผู้เรียนร่วมกันสร้างความรู้ด้วยกระบวนการคิดวิเคราะห์และ
ลงมือปฏิบัติน�ำความรู้ไปใช้ผลิตผลงานและตรวจสอบตนเอง” โดยยึดเนื้อหาในหน่วยการเรียนรู้ที่ก�ำหนดในหนังสือเรียน
เป็นหลัก
แตถ่ า้ หนงั สอื เรยี นหนว่ ยใดมเี นอื้ หาสาระทจ่ี ดั ใหเ้ รยี นรใู้ นหลายความคดิ รวบยอดแตกตา่ งกนั หรอื จ�ำนวนหวั เรอื่ ง
มากจนไม่สามารถใชก้ ระบวนการเรียนร้แู บบ GPAS 5 Steps ใหค้ รอบคลมุ หวั เรื่องทง้ั หมดในหน่วยนน้ั ได้ จะจัดด�ำเนินการ
ออกแบบการเรียนรู้แยกเป็นเร่ืองๆ 2 หรือ 3 เร่ือง เพ่ือใช้กระบวนการ GPAS 5 Steps ให้จบเน้ือหานั้นตาม
ความแตกต่างของความคิดรวบยอดหรือหัวข้อเร่ือง แต่จะรวมการประเมินไว้ในหน่วยเดียวกันตามต้นฉบับหนังสือเรียน
เพอ่ื ไม่ให้สบั สนในการประเมนิ จุดประสงคป์ ระจ�ำหนว่ ยการเรียนรู้ ดงั รายละเอียดในเอกสาร
2. การบรู ณาการการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ทกุ หนว่ ยการเรยี นรไู้ ดน้ �ำเสนอ “การบรู ณาการกจิ กรรมการเรยี นร”ู้ ไวต้ อ่ จาก
ค�ำแนะน�ำในการจัดกระบวนการจัดการเรียนรู้แต่ละหน่วยการเรียนรู้ หรือหากเน้ือหาในหน่วยการเรียนรู้ถูกแบ่งกลุ่มหัวข้อ
เนอ้ื หาเปน็ หลายเรอ่ื งเพอื่ จดั กระบวนการเรยี นรู้ แบบ GPAS 5 Steps แยกจากกนั กใ็ หม้ กี ารน�ำเสนอ “การบรู ณาการกจิ กรรม
การเรยี นรู้” ทกุ หวั ขอ้ เรือ่ ง กจิ กรรมบรู ณาการการเรียนรู้มหี ัวขอ้ ส�ำคัญดงั น้ี
2.1 สมรรถนะผู้เรียนในศตวรรษท่ี 21 ได้แก่ ความตระหนักรู้ในตน (Personal Spirit) การคิด (Thinking)
การแก้ปญั หา (Problem Solving) การท�ำงานเปน็ ทีม (Team) การส่อื สาร (Communication) และอ่ืนๆ ซงึ่ จัดบูรณาการ
เขา้ ไปในกระบวนการจดั กจิ กรรมแตล่ ะขน้ั ตอน เชน่ การใหผ้ เู้ รยี นท�ำงานและเรยี นรเู้ ปน็ กลมุ่ ผลดั เปลยี่ นกนั แบง่ บทบาทหนา้ ท ่ี
ให้รับผิดชอบในกลุ่ม เรียนรู้ร่วมกัน คิดวิเคราะห์ แก้ปัญหา และประเมินตนเอง ซ่ึงจัดไว้ในกิจกรรมการเรียนรู้ทุกหน่วย
การเรียนรแู้ ลว้
2.2 การเรียนรู้สู่อาเซียน ส่วนใหญ่เน้นไปท่ีการบูรณาการค�ำศัพท์ภาษาอังกฤษเก่ียวกับเน้ือหาท่ีก�ำหนดให้ใน
หน่วยการเรียนรู้ ช่วยให้ผู้เรียนได้เพิ่มพูนความรู้ภาษาอังกฤษ และมีเจตคติท่ีดีต่อการส่ือสารด้วยภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็น
ภาษากลางท่ใี ช้สือ่ สารในกล่มุ ประเทศอาเซยี น และอาจจัดให้ศึกษาภูมิประเทศ ภูมิปญั ญา ศลิ ปะ วฒั นธรรม การปกครอง และ
งานอาชีพของประเทศในอาเซยี น ในประเดน็ ท่สี อดคลอ้ งกบั เนอื้ หาในหนว่ ยการเรยี นรูน้ ้ันๆ
2.3 ทักษะชีวิต เป็นการบูรณาการท้ังความรู้ในสาระท่ีเรียน ทักษะและค่านิยมไปใช้ประโยชน์ในชีวิตจริงหรือ
สถานการณจ์ �ำลองในกจิ กรรมส่งเสรมิ การเรียนรู้ หรอื ประยกุ ต์ใช้ในชวี ติ ประจ�ำวนั เพื่อพฒั นาคุณภาพชีวติ และพัฒนาธรุ กจิ
ใหป้ ระสบความส�ำเรจ็ ไดแ้ ก่ การสรา้ งมนุษยสัมพันธ์ การรู้จกั ตนเองและเรียนรูผ้ อู้ นื่ การคดิ แก้ปญั หาและตดั สนิ ใจเชิงบวก
ซ่งึ ช่วยพฒั นาดว้ ยจติ ปัญญาใหผ้ ู้เรยี นเฉพาะสว่ นทส่ี อดคลอ้ งกบั เนอ้ื หาในหนว่ ยการเรียนรู้
2.4 ค่านิยมหลัก 12 ประการ เน้นการปลูกฝังจริยธรรมค่านิยมที่ดีงามตามลักษณะท่ีดีของคนไทย โดยเลือก
มาใช้แตล่ ะหนว่ ยการเรยี นรดู้ ้วยการใหผ้ ูเ้ รยี นได้ตระหนักถงึ จรยิ ธรรม คา่ นิยมทเี่ ลือกมาก�ำหนดในกระบวนการจดั กิจกรรม
ท่สี มั พันธ์กับเน้อื หาในหนว่ ยทเี่ รียนและกระบวนการเรียนรทู้ ุกขน้ั ตอน
21 สุดยอดคู่มือครู
2.5 กิจกรรมท้าทาย เป็นกิจกรรมเสริมความถนัด ความสนใจของผู้เรียนที่เพิ่มเติมจากกิจกรรมในบทเรียน สงวนลิข ิสทธิ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด
ซ่ึงอาจท�ำเป็นกลุ่มหรือรายบุคคลก็ได้ กิจกรรมท้าทายจะเป็นส่วนเติมเต็มความรู้ทักษะของผู้เรียน เสริมสร้างสมรรถนะ
ให้สูงข้ึนต่อเน่ืองจากกิจกรรมในบทเรียน ผู้เรียนที่สนใจสามารถใช้เวลานอกบทเรียนปฏิบัติกิจกรรมน้ีด้วยความรับผิดชอบ
ของตน
3. แผนการประเมินจุดประสงค์การเรียนรู้และสมรรถนะประจ�ำหน่วย เป็นส่วนท่ีออกแบบไว้ส�ำหรับผู้สอนใช้ใน
การประเมนิ จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรใู้ นแตล่ ะหนว่ ยการเรยี นรู้ เนน้ การประเมนิ สภาพจรงิ (Authentic Assessment) โดยน�ำเอา
ภาระงาน/ช้ินงาน/การแสดงออกของผู้เรียนที่ปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้ ตามข้ันตอนของกระบวนการเรียนรู ้
แบบ GPAS 5 Steps ที่สอดคล้องสัมพันธ์กับจุดประสงค์การเรียนรู้ในหน่วยการเรียนรู้แต่ละหน่วยมาก�ำหนด
ระดบั คณุ ภาพหรอื คะแนนในภาระงาน/ชนิ้ งาน/การแสดงออกของผเู้ รยี นแตล่ ะเรอื่ งตามทอ่ี อกแบบไว้เพอื่ สรปุ ผลการประเมนิ ใน
หน่วยการเรียนรนู้ ัน้ ดังน้ี
3.1 ภาระงาน/ชิ้นงาน/การแสดงออกของผู้เรียนระหว่างเรียน ได้แก่ ภาระงานในการรวบรวมข้อมูล
(G: Gathering) การวิเคราะห์ข้อมูลสรุปความรู้ความเข้าใจ (P: Processing และ A: Applying and Constructing
Knowledge) การนำ�เสนอผลการนำ�ไปใช้และสรปุ ความรคู้ วามเขา้ ใจ (A: Applying the Communication Skill) ทเี่ กิดขนึ้
ในระหว่างปฏบิ ตั ิกจิ กรรมในแต่ละข้ันตอน ส่วนใหญ่เปน็ การประเมนิ เชงิ คณุ ภาพจัดระดับคณุ ภาพไว้ 4 ระดบั คอื ดมี าก (4)
ดี (3) พอใช้ (2) และต้องปรับปรุง (1) และอาจให้ค่าน้ําหนักแต่ละรายการคิดเป็นคะแนน ทั้งนี้ข้ึนอยู่กับผู้สอนจะพิจารณา
เพิ่มเติมใหเ้ หมาะสมกับบรบิ ทของการจัดการเรยี นรู้
3.2 ภาระงาน/ช้ินงานรวบยอดเม่ือจบหน่วยการเรียนรู้ อยู่ในข้ันการประเมินตนเองเพ่ือเพ่ิมคุณค่าบริการสังคม
และจิตสาธารณะ (S: Self-Regulating) ได้แก่ คะแนนจากผลการปฏิบัติกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ คะแนนจาก
ผลการปฏิบัติกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ คะแนนจากผลการประเมินตนเอง และคะแนนจากแบบทดสอบ (ศึกษาเอกสาร
ในเล่มประกอบ)
สว่ นที่ 2 การออกแบบการจดั การเรยี นรรู้ ะดบั หนว่ ยการเรยี นร ู้ ในสว่ นนไี้ ดน้ �ำกระบวนการจดั การเรยี นรสู้ �ำหรบั ผสู้ อน
ในส่วนที่ 1 มาขยายให้เห็นรายละเอียดในวิธีจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้ชัดเจนมากข้ึน โดยประยุกต์ใช้แนวทางการออกแบบ
การเรยี นรู้แบบ Backward Design ของ Grant Wiggins and Jay McTighe ก�ำหนดไว้ 3 ข้นั ตอน ไดแ้ ก่
ขั้นตอนท่ี 1 ก�ำหนดเป้าหมายคุณภาพผู้เรียน (Stage 1-Desired Results) ในการออกแบบการเรียนรู้ระดับ
หน่วยการเรยี นรู้ ในทีน่ ไี้ ดก้ �ำหนดเปา้ หมายคุณภาพผเู้ รยี นเป็นเปา้ หมายย่อยๆ ไว้ ดังน้ี
1. ความคิดรวบยอด/ความเขา้ ใจท่คี งทน
2. สาระการเรยี นรู้
3. สมรรถนะประจ�ำหนว่ ย
4. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
ขนั้ ตอนท่ี2ก�ำหนดหลกั ฐานรอ่ งรอยภาระงาน/ชนิ้ งาน/การแสดงออกของผเู้ รยี นส�ำหรบั การประเมนิ (Stage2-Assessment
Evidence) ในที่นี้ไดก้ �ำหนดสาระส�ำคญั ในการประเมินผล ได้แก่
1. วิธีประเมินท่ีสอดคล้องจุดประสงค์การเรียนรู้ในหน่วยการเรียนรู้ ได้แก่ ภาระงาน/ชิ้นงาน/การแสดงออกของ
ผเู้ รียน แยกเป็น
ภาระงาน/ชน้ิ งานระหวา่ งเรียน
ภาระงาน/ชิ้นงานรวบยอดในหนว่ ยการเรียนรู้
สุดยอดคู่มือครู 22
สงวนลิข ิสทธิ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด 2. เกณฑ์ประเมินจุดประสงค์การเรียนรู้จากภาระงาน/ชิ้นงาน/การแสดงออกของผู้เรียนระหว่างเรียน ก�ำหนดเป็น
ระดับคุณภาพ 4 ระดับ ดังได้กล่าวแล้วข้างต้น มีค�ำอธิบายเกณฑ์การประเมินแต่ละระดับทุกจุดประสงค์การเรียนรู้ เพ่ือให้
ผู้ประเมนิ สามารถประเมินได้เท่ียงตรงสอดคล้องกับความเปน็ จรงิ ได้น�ำเสนอในหน่วยการเรยี นร้ทู กุ หน่วยอยา่ งละเอียด
ขั้นตอนท่ี 3 ออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ (Stage 3-Learning Plan) ในท่ีนี้ได้ก�ำหนดกระบวนการเรียนรู้ท่ีเน้น
ทกั ษะการคดิ การปฏิบตั จิ รงิ ทผี่ ู้เรยี นเป็นผู้สร้างความรู้ ใชค้ วามรูผ้ ลติ ผลงาน ด้วยกระบวนการ GPAS 5 Steps ดังนี้
Step 1 Gathering (ขน้ั รวบรวมขอ้ มลู )
Step 2 Processing (ข้ันคดิ วเิ คราะห์และสรุปความร้)ู
Step 3 Applying and Constructing the Knowledge (ขั้นปฏิบตั ิและสรปุ ความรูห้ ลังการปฏบิ ัติ)
Step 4 Applying the Communication Skill (ขัน้ สอ่ื สารและน�ำเสนอ)
Step 5 Self–Regulating (ขน้ั ประเมนิ เพอื่ เพ่มิ คุณค่าบริการสงั คมและจติ สาธารณะ)
รายละเอียดน�ำเสนอใน CD ทใี่ ชค้ ู่กับเอกสารฉบบั นี้
สว่ นท่ี 3 แผนการจดั การเรยี นรู้ ไดจ้ ดั ท�ำเปน็ แผนรายชว่ั โมงทแี่ สดงรายละเอยี ดการด�ำเนนิ กจิ กรรมแตล่ ะขนั้ ตอนตาม
GPAS 5 Steps ให้ชัดเจนมากขึ้น ผู้สอนสามารถปรับใช้ให้เข้ากับบริบทของผู้เรียนและห้องเรียนแต่ละแห่งในแต่ละโอกาส
ในแผนการจดั การเรยี นร้ไู ดน้ �ำเสนอรายละเอียดดังน้ี
1. สาระส�ำคัญของเรือ่ งหรอื เนอ้ื หาทีเ่ รยี น
2. ค�ำถามท่ีผู้สอนใช้ถามผู้เรียนเพื่อกระตุ้นให้แสวงหาข้อมูล ค�ำตอบ หรือข้อสรุปด้วยตนเองในแต่ละขั้นตอน
ในช่ัวโมงสอน
3. แบบบันทึกผังกราฟิก (Graphic Organizers) ที่ให้ผู้เรียนน�ำไปใช้ในขั้นตอนต่างๆ ของการจัดการเรียนรู้ตาม
กระบวนการเรยี นรู้แบบ GPAS 5 Steps เชน่ ผังกราฟกิ ในการสังเกตรวบรวมและบนั ทกึ ขอ้ มลู ผงั กราฟิกการวิเคราะห์ขอ้ มูล
และสรปุ ความรใู้ นรูปแบบต่างๆ เป็นต้น
4. สื่ออุปกรณ์และแหล่งเรียนรู้ ส�ำหรับผูส้ อนและผเู้ รียนทจ่ี ะหาความรเู้ พ่ิมเตมิ ในเนอื้ หาแตล่ ะหน่วยการเรียนรู้
5. กจิ กรรมเสนอแนะ ส�ำหรับผู้สอนเสรมิ ความรแู้ ละทักษะใหก้ ับผเู้ รียนทมี่ จี ดุ เดน่ ท่ีจะเรยี นรใู้ ห้เตม็ ตามศักยภาพ
6. บันทึกหลังสอน ส�ำหรับผู้สอนประเมินการจัดการเรียนรู้ในแต่ละแผน เป็นแบบบันทึกการประเมินเชิงระบบ
ประกอบด้วยหัวข้อส�ำคัญ คือ
ความพร้อมกอ่ นด�ำเนินกจิ กรรม (ส่ือ วสั ดุอุปกรณ์ การเข้าชั้นเรยี น พ้ืนฐานความรเู้ ดมิ ของผู้เรยี น)
บรรยากาศการเรียนรู้ (ความสนใจ ปฏิสัมพันธ์ในห้อง ความราบรื่นในการด�ำเนินกิจกรรมการเรียนการสอน)
ผลการเรียนรู้ (จ�ำนวนผู้เรียนท่ีมีผลงานระหว่างเรียนและผลการประเมินบรรลุวัตถุประสงค์แต่ละระดับ
ผเู้ รียนทเ่ี ปน็ ผู้น�ำ ผเู้ รยี นทต่ี ้องให้ความสนใจเพ่ิมเตมิ )
แนวทางการพฒั นาในครงั้ ตอ่ ไป (สง่ิ ท่ีต้องยุติ ส่ิงที่น�ำมาใชต้ ่อ สง่ิ ท่ตี อ้ งปรับปรงุ เพิม่ เตมิ )
รายละเอียดน�ำเสนอใน CD ท่ใี ชค้ ู่กบั เอกสารฉบับนี้
หมายเหต:ุ ส่วนที่ 2 และส่วนที่ 3 ทางส�ำนักพิมพ์ บริษัทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จ�ำกัด ได้จัดท�ำเป็น
ไฟล์เอกสาร Word บันทึกลงในแผ่น CD ผู้สอนสามารถคัดลอก ดัดแปลง หรือปรับเปลี่ยนรายละเอียด
เพ่ือน�ำไปใช้ในการจัดการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับบริบทของสถานศึกษา ตรงตามความต้องการ
ความพรอ้ ม และความสนใจของผเู้ รียนแต่ละคนหรอื แตล่ ะหอ้ งเรียน
23 สุดยอดคู่มือครู
พฒั นาความ สงวนลิข ิสทธิ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัดนำ�ข้อมลู มาจ�ำ แนกสรา้ งความรขู้ น้ั สงู คือคิดออกแบบ
สามารถในการ จัดกลุ่ม วิเคราะห์ ความร้รู ะดบั คณุ ธรรม หลายๆ แบบ
เกบ็ ข้อมลู พสิ ูจน์ ทดลอง จรยิ ธรรม โดยให้น�ำ เพ่ือสรา้ ง
รวบรวมขอ้ มลู จาก วิจัย ให้เห็นลำ�ดับ ผลการคดิ ของตนเอง ทางเลอื กหรือ
การฟัง การอ่าน ความส�ำ คัญและ มาไตรต่ รองว่าวิธคี ิด เพ่ือหาวธิ ี
การดงู าน การส�ำ รวจ ความสัมพนั ธ์ ดงั กลา่ วจะน�ำ ไป หลายๆ วิธี
การสัมภาษณ์ เชือ่ มโยง ให้รูว้ า่ สู่ผลส�ำ เรจ็ หรือไม่ ทจี่ ะน�ำ ความรู้
การไปดูเหตกุ ารณ์ อะไรคือปญั หา ส่งประโยชนถ์ งึ สงั คม ไปปฏิบตั ิให้
หรือสถานการณ์ ที่แทจ้ ริง อะไรคอื สาธารณะและ เตม็ ศักยภาพ
ทีเ่ กิดข้ึนจรงิ เพ่ือนำ� สาเหตุทน่ี �ำ ส่ปู ญั หา สง่ิ แวดล้อมหรือไม่ และงดงาม
ขอ้ มูลไปจัดกระท�ำ เกดิ ผลกระทบ ถา้ ไมถ่ ึงจะปรับ และน�ำ ผลไปสู่
ใหเ้ กดิ ความหมาย จากปัญหา ตรงไหน อยา่ งไร ความส�ำ เรจ็
ผ่านกระบวนการ หาวิธีแก้ปญั หา จึงจะเปน็ ไปตาม แบบคงทน
คิดวิเคราะห์ แนวทางปอ้ งกัน วัตถปุ ระสงค์ จึงกล้า อย่างมลี ำ�ดบั
สาเหตไุ ม่ให้ วิจารณ์ กล้าเสนอแนะ ขน้ั ตอน เพื่อการ
เกดิ ข้นึ และ อยา่ งสร้างสรรค์ ตรวจสอบท่ีมี
ไมน่ ำ�ส่ปู ัญหา รบั ฟังข้อเสนอแนะ ประสทิ ธภิ าพ
ข้อวิจารณ์ จากเพอื่ น และแก้ปัญหาใน
ครู พอ่ แม่ อยา่ งมี แตล่ ะขนั้ ตอนได้
เหตผุ ล ทบทวน ตรงวตั ถุประสงค์
ปรบั ปรุงด้วยความยนิ ดี
มีคา่ นิยมในความเปน็
ประชาธิปไตยเสมอ
ออกแบบ
Activeคุณธปรรระมเมคิน่านยิ ม
สวังเิ เคครราาะะหห์ ์
ข้อมูล แผนการสอน ค่มู อื ครู Active Learning ตามแนว
สรุปรายงานผล เปา้ หมายการเรยี นรู้ Portfolio
สุดยอดคู่มือครู 24
สามารถคดิ ก่อนลงมอื ปฏิบัติ การปฏบิ ตั ิทด่ี จี งึ ต้องปฏิบตั ิ เมอ่ื งานสำ�เร็จ ร้จู กั
ตัดสนิ ใจเลือก นำ�แนวคิดและ ตามแผนทวี่ างไว้ ผา่ น ประเมินงานทัง้ ด้วย
แนวทางหรือ ตดั สินใจมาจดั การวิเคราะห์ การไตรต่ รอง เหตุผลควบค่กู ับการ
วธิ ที ี่ดที ี่สดุ ท่ี ลำ�ดบั ข้ันตอน ไว้อยา่ งดแี ลว้ การปฏบิ ตั ิ ประเมนิ ตนเองเสมอ
นำ�ไปส่คู วาม การท�ำ งาน จรงิ จงึ เปน็ การพฒั นา ถา้ กระบวนการนั้น
สำ�เร็จได้จรงิ เพือ่ สามารถ การท�ำ งานร่วมกบั ผ้อู น่ื หรอื นำ�ไปสผู่ ลจริง กจ็ ะ
สงวนลิข ิสทธิ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัดน�ำ ประโยชน์ ดำ�เนินงานไป ทำ�งานเปน็ ทมี ท่ีต้องมกี าร น�ำ กระบวนการนัน้
ไปสสู่ ังคม ตามแผนการคดิ จดั การแบ่งงานให้ตรงตาม ไปพัฒนาหรือ
สาธารณะ ท่ผี า่ นการ ความถนัด แชรค์ วามคดิ ท�ำ งานในกลมุ่ สาระ
สิ่งแวดลอ้ ม ไตรต่ รองมา ประสบการณ์ รจู้ ักรบั ฟงั อ่นื ๆ เพอ่ื ให้ไดง้ าน
เปน็ วธิ ที ่ี อย่างดแี ลว้ และ รู้จักเสนอแนะ มคี า่ นยิ ม ท่ีมีคณุ ภาพและ
ค้มุ ค่า เพ่อื พสิ จู นใ์ ห้ แสดงออกเปน็ ประชาธิปไตย คณุ คา่ เพม่ิ ข้นึ เสมอ
ตง้ั อยู่บน เหน็ ว่าส่ิงทค่ี ดิ รู้จักอดทน ขยนั รบั ผดิ ชอบ ขั้นตอนใดที่มีจุดอ่อน
หลักการของ ไวเ้ ม่ือนำ�ไป ในหน้าทก่ี ารท�ำ งานหรือ ก็ต้องปรับปรุง
ปรชั ญา ปฏบิ ัติจริงแล้ว ปฏบิ ตั ิ มงุ่ หวังเพอื่ ให้ ให้ดยี ิ่งขนึ้ เม่ือได้
เศรษฐกจิ สามารถด�ำ เนิน ได้งานที่ดขี ้ึน เพือ่ ประโยชน์ กระบวนการทดี่ แี ลว้
พอเพยี ง การไดต้ าม ของสงั คมส่วนรวมที่กวา้ งไกล ก็สรปุ กระบวนการ
ท่คี ิดไว้หรือไม่ ขนึ้ คำ�นงึ ถงึ ผลกระทบ น้นั ใหเ้ ป็นหลักการ
เพ่อื นำ�ไปสู่ ตอ่ สาธารณะและสิ่งแวดล้อม พฒั นางานท่ีดีของ
การแกป้ ัญหา มากยิง่ ขึน้ อกี ทง้ั ยงั นำ�กรอบ ตนเอง เป็นเครือ่ งมือ
และพฒั นาการ ความคิดมาปฏบิ ตั ิเพอ่ื การเรียนรู้
เกบ็ ขอ้ มูลและ การออกแบบ สร้างนวัตกรรม ใช้เรียนรู้ขอ้ มลู ได้
การคิดตอ่ ไป ดว้ ยสือ่ เทคโนโลยีได้อย่าง ทุกโอกาสทัว่ โลก
ทดั เทยี มกบั ความเป็นสากล และทกุ สถานการณ์
ทุกเง่ือนไข
วางแผน ได้ตลอดชีวิต
Learningตัดสินใจ ปฏิบัติ
Backward Design ใช้กระบวนการ GPAS 5 Steps ความรู้
KAP 123 4 ประเมนิ ตนเอง เพมิ่ ค่านยิ ม คุณธรรม
Rubrics
25 สุดยอดคู่มือครู
การศกึ ษาในศตวรรษท่ี ๒๑ - Thailand 4.0
สงวนลิข ิสทธิ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด
หนึ่งคาถามมหี ลายคาตอบ ค้นหาคุณธรรม ค่านยิ ม ลงมือทา
ค้นหาความรดู้ ้วยตนเอง ประเมินตนเอง / รจู้ กั ตนเอง เรยี นให้รู้จริง
พัฒนาความคดิ สร้างสรรค์ จิตสานกึ ตอ่ โลก เศรษฐกิจ เรยี นรู้จากการทางาน
คดิ สกู่ ารสรา้ งนวตั กรรม ธุรกจิ การประกอบการ ทาโครงงาน
ตกผลึกความเป็นผูน้ า ความเปน็ พลโลก สุขภาพ สงิ่ แวดล้อม ทาเปน็ ทีม
พัฒนาความสามารถการใช้ คดิ เชิงวพิ ากษแ์ ละการแก้ปัญหา ค้นหาวธิ กี าร
สอ่ื / สารสนเทศ ความร่วมมือในการทางาน ใชก้ ระบวนการสร้างความรู้
ความรบั ผดิ ชอบต่อการเปน็ ผนู้ า เกดิ ทกั ษะครบทุกดา้ น
ใชท้ ักษะเรียนรู้ข้ามวฒั นธรรม
การเพมิ่ ผลผลิต สรา้ งนวตั กรรม
นาเสนอจาก After Action
Review (AAR)
เกดิ ทักษะพน้ื ฐานด้านเทคโนโลยี
สารสนเทศและการสือ่ สาร ICT
ส่ือสารมากกวา่ 2 ภาษา
ประเมนิ เพ่อื การพัฒนาและเพม่ิ คา่ นิยม คณุ ธรรม
สสถถาาบบันันพพัฒฒั นนาาคุณภาพวิชาการ(พ(พวว.).) เขา้ ใจความรทู้ งั้ สามมิติและหลากหลาย ดร.ศักดิ์สนิ โรจน์สราญรมย์
ประเมนิ เพื่อการพัฒนาความรู้ทั้งสามมติ ิ
สุดยอดคู่มือครู 26
GPAS 5 STEPs 1. Gข้ันaรวthบรeวrมinขg้อมูล 2. ข้ันคิดPวิเrคoรcาeะหs์แsลinะสgรุปความรู้
A3pp. lขyั้นiปnฏgิบaัตnิแdละCสoรnุปsคtrวuาcมtinรgู้หลthังeกาKรnปoฏwิบleัตdิge Appl4y.inขgั้นสtื่hอeสาCรoแmลmะนu�ำnเiสcaนtอion Skill 5. ขSั้นeปlfร-ะRเมeินgเพuื่อlaเพtiิ่มnคgุณค่า
บูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21 ทักษะชีวิต
ค่านิยมหลัก 12 ประการ กิจกรรมท้าทาย รอบรู้อาเซียนและโลก
asean
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 พัฒนาการของวัยรุ่น
หนว่ ยการเรียนรู้ที่สงวนลิข ิสทธิ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด1 เรอ่ื งท่ี 1 พัฒนาการและวิธีการ
จดั การกบั ปญั หาในวยั รนุ่
พฒั นาการของวัยร่นุ เร่อื งย่อย
1. ความหมายและความส�ำ คญั ของพฒั นาการ(หนงั สอื เรยี น
สาระสาำ คญั หน้า 11)
วัยรุ่นเป็นวัยท่ีมีการเปล่ียนแปลงหลายด้าน ทำาให้ต้องมีการปรับตัวหลายด้านพร้อมๆ กัน 2. พัฒนาการด้านต่างๆ ของวัยรุ่น (หนังสือเรียน
การปรับตวั จะช่วยให้วัยรุน่ ไดพ้ ัฒนาตนเอง ซงึ่ จะเปน็ พ้ืนฐานสำาคญั ของการดาำ เนนิ ชีวติ การเรียนรู้ หน้า 11-13)
พฒั นาการวยั รนุ่ จงึ มปี ระโยชนต์ อ่ การสง่ เสรมิ ใหว้ ยั รนุ่ เตบิ โตเปน็ ผใู้ หญท่ ม่ี สี ขุ ภาพทดี่ ที ง้ั ทางรา่ งกาย 3. ปญั หาและวธิ กี ารจดั การกบั ปญั หาในวยั รนุ่ (หนงั สอื เรยี น
จติ ใจ และสังคม ช่วยปอ้ งกันปัญหาตา่ งๆ เชน่ ปัญหาทางเพศ ปัญหาการใช้สารเสพติด หน้า 14-15)
สมรรถนะประจ�ำ หน่วย
แสดงความรู้เก่ียวกบั พฒั นาการของวัยรุ่น
จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
1. อธบิ ายความหมายและความสำ�คญั ของพฒั นาการได้
2. อธบิ ายพัฒนาการด้านตา่ งๆ ของวยั รุ่นได้
3. อธิบายปัญหาและแสดงวิธีการจัดการกับปัญหา
ในวัยร่นุ ได้
4. มีเจตคติท่ีดีในการเรียนเรื่องพัฒนาการของวัยรุ่น
และรกั ษ์ค่านิยมหลัก 12 ประการของไทย
สาระการเรยี นรู้
1. ความหมายและความสาำ คัญของพฒั นาการ
2. พฒั นาการดา้ นต่างๆ ของวัยรุน่
3. ปญั หาและวิธีการจัดการกบั ปัญหาในวยั รนุ่
4. การเปล่ียนแปลงของวยั รนุ่
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 พัฒนาการของวัยรุน่ สมรรถนะประจำ�หน่วย
เรอื่ งที่ 2 การเปลีย่ นแปลงของวยั รนุ่ แสดงความร้เู กย่ี วกับพฒั นาการของวัยรุ่น
เร่อื งย่อย จุดประสงค์การเรยี นรู้
การเปลี่ยนแปลงของวัยรุ่น (หนังสือเรียน
หนา้ 16-20) 1. อธบิ ายการเปล่ียนแปลงในวัยรุน่ ได้
2. มีเจตคติท่ีดีในการเรียนเรื่องพัฒนาการ
ของวยั รุ่น และรกั ษค์ า่ นยิ มหลัก 12 ประการ
ของไทย
27 สุดยอดคู่มือครู
GPAS 5 STEPs 1. ขG้ันaรวtบhรeวrมinขg้อมูล 2. ข้ันคิดวิเPคrรoาะcหe์แsลsะiสnรgุปความรู้
บูรณาการทักษะศตวรรษท่ี 21 ทักษะชีวิต
การประเมินผล สมรรถนะประจำาหน่วย
แสดงความรู้เกยี่ วกบั พัฒนาการของวยั รุ่น
เรื่องท่ี 1 พัฒนาการและวิธีการ
จดั การกบั ปญั หาในวยั รนุ่ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1. อธิบายความหมายและความสำาคญั ของพัฒนาการได้
ภาระงาน/ช้นิ งาน/การแสดงออก 2. อธิบายพัฒนาการดา้ นตา่ งๆ ของวัยรุ่นได้
ของผูเ้ รยี น 3. อธบิ ายปัญหาและแสดงวธิ ีการจัดการกับปญั หาในวัยรุ่นได้
ภาระงาน/ชน้ิ งานระหวา่ งเรียน 4. อธบิ ายการเปลีย่ นแปลงในวยั รนุ่ ได้
1. ผังกราฟิกแสดงการเก็บรวบรวมข้อมูล 5. มีเจตคติที่ดีในการเรียน เร่ือง พัฒนาการของวัยรุ่น และรักษ์ค่านิยมหลัก 12 ประการ
ของไทย
เก่ียวกับพัฒนาการและวิธีการจัดการกับ
ปัญหาในวยั ร่นุ ผงั สาระการเรยี นรู้
2. ผงั กราฟกิ สรปุ ความรคู้ วามเขา้ ใจเกย่ี วกบั สงวนลิข ิสทธิ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด
พัฒนาการและวิธีการจัดการกับปัญหา พัฒนาการ ความหมายและความสาำ คญั ของพัฒนาการ
ในวยั รนุ่ ของวยั ร่นุ พฒั นาการดา้ นต่างๆ ของวัยรนุ่
3. การน�ำ เสนอผลการสรปุ ความรคู้ วามเขา้ ใจ
เกี่ยวกับพัฒนาการและวิธีการจัดการกับ ปญั หาและวธิ กี ารจดั การกบั ปญั หาในวยั รนุ่
ปญั หาในวยั ร่นุ การเปล่ยี นแปลงของวัยร่นุ
ภาระงาน/ชนิ้ งานรวบยอดในหนว่ ยการเรยี นรู้
1. ผลการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมตรวจสอบความเขา้ ใจ
2. ผลการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมสง่ เสรมิ การเรยี นรู้
3. ผลการประเมนิ ตนเอง
4. คะแนนผลการทดสอบ
(ภาระงานชน้ิ งานรวบยอดในเรอ่ื งนนี้ ำ�ไปรวมกบั
ภาระงานชิ้นงานรวบยอดในเรอ่ื งท่ี 2)
การประเมนิ ผล 2. ผังกราฟิกสรุปความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับ (ภาระงานชิ้นงานรวบยอดในเรื่องน้ีนำ�ไปรวมกับ
การเปลี่ยนแปลงของวัยรุ่น ภาระงานชน้ิ งานรวบยอดในเรอ่ื งที่ 1)
เร่อื งที่ 2 การเปลย่ี นแปลงของวยั ร่นุ 3. การนำ�เสนอผลการสรุปความรู้ความเข้าใจ
เกีย่ วกับการเปลีย่ นแปลงของวัยรุน่
ภาระงาน/ชน้ิ งาน/การแสดงออก ภาระงาน/ชนิ้ งานรวบยอดในหนว่ ยการเรียนรู้
ของผเู้ รียน 1. ผลการปฏบิ ัติกิจกรรมตรวจสอบความเขา้ ใจ
ภาระงาน/ชิ้นงานระหวา่ งเรยี น 2. ผลการปฏิบัติกจิ กรรมสง่ เสรมิ การเรยี นรู้
1. ผังกราฟิกแสดงการเก็บรวบรวมข้อมูล 3. ผลการประเมินตนเอง
4. คะแนนผลการทดสอบ
เกีย่ วกับการเปล่ียนแปลงของวยั ร่นุ
สุดยอดคู่มือครู 28
Ap3.pขlyั้นiปnฏgิบัตanิแdละCสoรnุปsคtrวuาcมtiรnู้gหลthังeกาKรnปoฏwิบleัตdิ ge Appl4y.inขgั้นสt่ืhอeสาCรoแmลmะนu�ำnเiสcaนtอion Skill 5. ขS้ันeปlรfะ-เRมeินgเพu่ือlเaพtิ่มinคgุณค่า
ค่านิยมหลัก 12 ประการ กิจกรรมท้าทาย รอบรู้อาเซียนและโลก
asean
พัฒนาการของวัยร่นุ 11 St ep 1 ขน้ั รวบรวมข้อมูล
1. ความหมายและความสำาคัญของพัฒนาการ gGatherin
1.1 ความหมายของพัฒนาการ เรือ่ งที่ 1 พัฒนาการและวิธีการ
จดั การกบั ปญั หาในวยั รนุ่
พัฒนาการ หมายถึง การเปล่ียนแปลงหรือกระบวนการเปล่ียนแปลงของมนุษย์อย่างเป็น
ระบบตัง้ แตแ่ รกเกดิ มคี วามตอ่ เนอ่ื งกันในช่วงระยะเวลาหนง่ึ ๆ จนตลอดชวี ติ 1. แบ่งกลุ่มผู้เรียนร่วมกันศึกษาเอกสาร
พัฒนาการของวัยรุ่น หมายถึง การเปล่ียนแปลงหรือกระบวนการเปล่ียนแปลงของมนุษย์ท่ี หนังสือเรียนเก่ียวกับพัฒนาการและ
มอี ายุระหว่าง 11 – 17 ปี ประกอบด้วยการเปลีย่ นแปลงดา้ นรา่ งกาย อารมณ ์ และจิตใจ เปน็ การพัฒนาจาก วธิ ีการจัดการกบั ปัญหาในวัยร่นุ
วยั เดก็ สวู่ ยั ผู้ใหญ่
2. ตั้งคำ�ถามให้ผู้เรียนเสนอข้อมูลจาก
1.2 ความสาำ คัญของพฒั นาการ ประสบการณ์ที่รับรู้เก่ียวกับพัฒนาการ
และวิธีการจัดการกับปัญหาในวัยรุ่น
พฒั นาการของด้านต่างๆ ของวยั รุ่นมีความสาำ คัญ ดงั นี้ ตามหวั ขอ้ ทก่ี �ำ หนดให้ (ศกึ ษารายละเอยี ด
1.2.1 การมีร่างกายท่ีสมบรู ณแ์ ขง็ แรง มีภูมิตา้ นทานโรค และปราศจากภาวะเส่ียงต่อปัญหา ค�ำ ถามจากแผนการจดั การเรียนรู้)
ทางกายตา่ งๆ 3. แต่ละกลุ่มบันทึกผลการศึกษาตามหัวข้อ
1.2.2 รา่ งกายมเี อกลกั ษณแ์ หง่ ตนเอง ไดแ้ ก ่ การมบี ุคลกิ ภาพด ี มีทักษะส่วนตวั และทักษะ ท่ีกำ�หนดลงผังกราฟิก (เลือกออกแบบ
และใช้ผังกราฟิกให้เหมาะสมกับลักษณะ
สงั คมดี มเี อกลกั ษณ์ทางเพศท่ีเหมาะสม ของขอ้ มูล) ดังตวั อย่าง
1.2.3 การปรับตัว เพ่ือดำาเนินชีวิตสอดคล้องกับความชอบความถนัด มีมนุษยสัมพันธ์
ทีด่ กี บั ผอู้ ่นื
1.2.4 การสร้างมโนธรรม มีความรับผิดชอบ ได้แก่ การมีความรับผิดชอบต่อตนเอง ผู้อ่ืน
ประเทศชาติ และสงิ่ แวดลอ้ ม
1.2.5 การบริหารและจัดการตนเอง ได้แก่ การมีความสามารถบริหารจัดการตนเองโดย
ไมต่ ้องพงึ่ พาผอู้ ่ืนได้ดกี วา่ วยั เด็ก
g St สงวน ิลข ิสทธ์ิ บริ ัษทพัฒนา ุคณภาพ ิวชาการ (พว.) ำจ�กัด
2. พฒั นาการดา้ นต่างๆ ของวยั รุ่น ผังกราฟิกรวบรวมขอ้ มูลความหมาย
และความสำ�คญั ของพัฒนาการ
เมื่อเด็กมีอายุประมาณ 12 – 13 ปี จะเริ่มมีพัฒนาการโดยวัยรุ่นเพศหญิงจะเข้าสู่วัยรุ่นเร็วกว่า
เพศชายประมาณ 2 ปี วัยรุ่นจะมีพัฒนาการไปจนถึงอายุประมาณ 18 ปี จึงจะเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ โดย ผังกราฟกิ รวบรวมข้อมลู พฒั นาการ
จะเกิดการเปล่ยี นแปลงในพฒั นาการด้านตา่ งๆ ดงั น้ี ดา้ นต่างๆ ของวยั รนุ่
2.1 พัฒนาการทางด้านร่างกาย
พฒั นาการดา้ นร่างกายของวัยรนุ่ ไดแ้ ก่
2.1.1 พฒั นาการทางรา่ งกายทว่ั ไป (Physical change) วยั รนุ่ จะมรี า่ งกายทเ่ี ตบิ โตขน้ึ อยา่ ง
รวดเร็ว แขนขาจะยาวข้นึ กอ่ นจะเหน็ การเปล่ียนแปลงดา้ นอื่นๆ เด็กผู้ชายจะเปลย่ี นแปลงเขา้ ส่วู ัยรุน่ โดย
เร่ิมมีชว่ งอกท่ขี ยายใหญข่ ้นึ นมขน้ึ พาน เสยี งแตก มีหนวดเครา ส่วนเดก็ ผู้หญิงจะเข้าสวู่ ัยรนุ่ โดยเรมิ่ จาก
เตา้ นมมขี นาดโตขึ้น สะโพกผายออก เริม่ มีทรวดทรงเพิ่มขึน้
ep 2 ข้นั คดิ วเิ คราะห์ 2. ผู้เรียนร่วมกันเชื่อมโยงความคล้ายคลึง/แตกต่างของข้อมูล
และสรปุ ความรู้ ท่ีนำ�มาอภิปราย และสรุปความรู้ตามหัวข้ออภิปราย แสดงเป็น
rocessin ความคดิ รวบยอดหรอื หลกั การลงในผังกราฟกิ
P
พฒั นาการวยั รนุ่ ปัญหาวัยรนุ่ แนวทางแกไ้ ข
1. ผู้เรียนร่วมกันอภิปรายเปรียบเทียบความเหมือนความต่าง
ที่รวบรวมได้จากนิยามที่ศึกษาค้นคว้าเก่ียวกับพัฒนาการและ 3. ผู้เรียนบนั ทึกผลขอ้ สรุปเป็นความเขา้ ใจของกลุ่มและรายบุคคล
วิธีการจดั การกับปญั หาในวยั รุน่
29 สุดยอดคู่มือครู
GPAS 5 STEPs 1. ขGั้นaรวtบhรeวrมinขg้อมูล 2. ข้ันคิดวิเPคrรoาะcหe์แsลsะiสnรgุปความรู้
บูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21 ทักษะชีวิต
12 เพศวถิ ีศึกษา
2.1.2 การเปล่ียนแปลงทางเพศ (Sexual
change) เด็กผู้ชายจะเปลี่ยนแปลงเข้าสู่วัยรุ่นโดยเกิด
ฝนั เปยี ก1 สว่ นเดก็ ผหู้ ญงิ จะเขา้ สวู่ ยั รนุ่ โดยเรมิ่ มปี ระจำาเดอื น2
ท้ังสองเพศจะมีอวัยวะเพศขยายใหญ่ขึ้นและเปลี่ยนเป็น
แบบผใู้ หญ่ มีขนข้ึนบริเวณอวยั วะเพศ มีกล่ินตัว เกดิ สิว
St 2.2 พฒั นาการทางดา้ นจติ ใจ ภาพท ่ี 1.1 พฒั นาการของวยั รุน่ สวิ เปน็ โรคผวิ หนงั ทพ่ี บบอ่ ยในวยั รนุ่ เกดิ จากการอกั เสบของระบบ
ตอ่ มไขมนั ต�ำ แหนง่ ทพ่ี บสวิ มาก ไดแ้ ก่ ใบหนา้ หนา้ อก หลงั เปน็ ตน้
wldedge พัฒนาการทางดา้ นจิตใจของวัยรุ่น ได้แก่
2.2.1 สติปัญญา (Intellectual development) สติปัญญาในวัยรุ่นจะพัฒนาสูงข้ึน ค่านิยม เป็นแนวความคิด ความเช่ือท่ีบุคคลในสังคมยึดถือ
สงวนลิขสิท ิธ์ บริ ัษทพัฒนา ุคณภาพ ิวชาการ (พว.) ำจ�กัดจนมีความคิดที่เป็นรูปธรรม เร่ิมคิดเหมือนผู้ใหญ่ มีเหตุผลเชิงวิทยาศาสตร์ เรียนรู้และเข้าใจเป็นเครอ่ื งตดั สนิ ใจและก�ำ หนดการกระท�ำ ของตนเอง
เหตุการณ์ตา่ งๆ ได้ลึกซึง้ วิเคราะห์ และสังเคราะห์สงิ่ ตา่ งๆ ได้มากขึ้นตามลาำ ดบั แตอ่ าจขาดความยง้ั คิด พฒั นาการของวยั รุ่น 13
ขาดการไตรต่ รองทีร่ อบคอบ สงิ่ ทแี่ สดงถงึ ความเปน็ เอกลกั ษณม์ อี กี หลายดา้ น เชน่ เอกลกั ษณท์ างเพศ3 การแตง่ กาย
ความเชื่อในศาสนา เปา้ หมายในการดำาเนินชีวติ
2.2.2 ความคดิ เกี่ยวกับตนเอง (Self awareness) วยั รุน่ เร่มิ มีการรบั รตู้ นเองในดา้ นต่างๆ 2) การมองภาพลกั ษณข์ องตนเอง (Self image) เปน็ ความสนใจหรอื การใหเ้ วลากบั
ไดแ้ ก่ การมองภาพของตนเองในด้านต่างๆ เชน่ รูปรา่ ง ผิวพรรณ ความสวย ความหลอ่ ข้อดีขอ้ ดอ้ ยของรา่ งกาย
3) การยอมรับจากผู้อื่น (Acceptance) เป็นความต้องการการยอมรับจาก
1) เอกลักษณ์ (Identity) เป็น กลมุ่ เพื่อนหรือสังคมทชี่ ่วยใหว้ ยั รุ่นเกดิ ความรสู้ กึ ม่ันใจ ม่ันคงปลอดภยั เห็นคณุ คา่ ของตนเอง
การแสดงออกถึงส่ิงที่ตนเองชอบและถนัด แสดง 4) ความภาคภูมิใจในตนเอง (Self esteem) เป็นความรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่า
เปน็ คนดี มีประโยชน์แกผ่ อู้ ื่น ทำาอะไรไดส้ ำาเรจ็ เกดิ จากการเปน็ ท่ยี อมรบั ของเพอื่ นหรือสงั คม
ความเปน็ ตัวตน เช่น ชอบเรียน ชอบเลน่ ชอบใช้เวลาวา่ ง 5) ความเป็นอิสระ (Independent) เป็นความต้องการเสรีภาพ ความเป็นตัวเอง
ความอยากรู้อยากลอง เช่ือในความคิดตนเอง วยั นี้จะเรมิ่ มปี ฏิกิรยิ าตอบโตผ้ ูใ้ หญท่ ี่บบี บังคบั
กับกลุ่มเพื่อนสนิท เลือกคบคนที่มีส่วนคล้ายคลึงกัน
6) การควบคมุ ตนเอง (Self control) เป็นการเรยี นรทู้ ี่จะควบคมุ ความคิด การหยุดย้ัง
หรือเข้ากันได้ เกิดการเรียนรู้สิ่งต่างๆ และถ่ายทอด ความคดิ สรา้ งการคิดทเ่ี ป็นระบบ เพื่อใช้ความคิดได้อยา่ งมีประสิทธิภาพและการอย่รู ว่ มกับผ้อู นื่ ได ้
2.2.3 อารมณ์ (Mood) วัยรุ่นจะมีอารมณ์
แบบอย่างจากกลุ่มเพื่อนในด้านต่างๆ จนกลายเป็น ทเ่ี ปลย่ี นแปลงงา่ ย เชน่ หงดุ หงดิ งา่ ย เครยี ดงา่ ย โกรธงา่ ย
แต่จะคอ่ ยๆ ปรับตวั ได้ดขี ึน้ เม่อื อายมุ ากขึ้น อารมณ์เพศ
เอกลักษณแ์ ละบคุ ลกิ ภาพของตน เช่น ความคดิ คา่ นิยม วัยน้ีจะมีมาก ทำาให้มีความสนใจเร่ืองทางเพศ แต่
พฤตกิ รรมบางอยา่ งอาจเปน็ ปญั หา เชน่ การมเี พศสมั พนั ธ์
จรยิ ธรรม การแสดงออก เป็นตน้ ภาพท ่ี 1.2 การยอมรบั จากเพ่อื น ก่อนวัยอันควร เปน็ ตน้
1ฝนั เปียก (Nocturnal ejaculation) การหลั่งนำ้าอสจุ ิในขณะหลบั และฝันเก่ียวกับเรื่องทางเพศ ภาพท ่ี 1.3 พัฒนาการด้านอารมณ์
2ประจาำ เดอื น (Menarche) เลอื ดที่มกี ารไหลออกมาจากชอ่ งคลอดทุกรอบเดือน เกิดจากมกี ารสลายตวั ของเยือ่ บภุ ายในโพรงมดลกู
โดยเรม่ิ เกดิ ขึน้ กบั ผู้หญิงเมอ่ื เข้าสูว่ ยั เจริญพนั ธ์ุ 2.2.4 จรยิ ธรรม (Moral development) วยั รนุ่ จะมคี วามคดิ เชงิ อดุ มคต4ิ เพราะเรม่ิ แยกแยะ
ความผิดชอบชั่วดี มีมโนธรรม5ของตนเอง ต้องการความถูกต้องชอบธรรมในสังคม ต้องการเป็นคนดี
ep 3 เป็นที่ช่ืนชอบของคนอื่น จะรู้สึกอึดอัดใจกับความไม่ถูกต้องในสังคมหรือภายในบ้าน บางครั้งจะแสดง
อารมณท์ ีร่ นุ แรงและต่อต้าน
conAstructpipnlgyitnhge aknno ขน้ั ปฏบิ ัตแิ ละสรุปความรู้
หลังการปฏิบัติ 2.3 พัฒนาการทางด้านสังคม
1. ผู้เรียนนำ�ข้อสรุปความรู้ความเข้าใจท่ีได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน พฒั นาการทางดา้ นสงั คมของวยั รนุ่ ไดแ้ ก ่ การสนใจเพอื่ นมากกวา่ พอ่ แม ่ การใชเ้ วลาสว่ นใหญ่
ระหว่างกลุ่มในชั้นเรียนมาวิเคราะห์เก่ียวกับพัฒนาการและ กับเพื่อน เริ่มมีความสนใจเพศตรงข้าม เร่ิมปรับตัวเองให้เข้ากับกฎเกณฑ์และกติกาของกลุ่มของสังคม
วิธกี ารจดั การกับปัญหาในวัยรุ่น ได้ดขี น้ึ การโอนอ่อนผอ่ นตามสมาชกิ ในกลุม่ และการทาำ งานร่วมกับผู้อ่นื
2. กลุ่มผู้เรียนร่วมกันอภิปรายตรวจสอบความสมบูรณ์ถูกต้อง 3เอกลกั ษณ์ทางเพศ หรืออัตลกั ษณ์ทางเพศ (Gender identity) หมายถงึ ความรู้สกึ ทม่ี ตี อ่ ตนเองวา่ ตนเองเป็นหญิงหรือเปน็ ชาย
ของความรคู้ วามเขา้ ใจเกย่ี วกบั พฒั นาการและวธิ กี ารจดั การกบั ปญั หา 4ความคิดเชิงอุดมคติ (Idealism) ในทางจริยศาสตร์ใช้คำาว่า Idealist หมายถึง บุคคลที่มองเห็นเป้าหมายของชีวิตและพยายาม
ในวัยรุ่น และร่วมกันทำ�กิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ (หนังสือเรียน
หนา้ 22-23) จะเข้าสู่เป้าหมายนั้นให้ได้ แต่ในทางอภิปรัชญา Idealist หมายถึง ผู้ศึกษาค้นคว้าว่า อะไรคือความจริง อะไรคือสภาพมูลฐานของสิ่ง
ทเี่ ขา้ กนั ได้ในความรสู้ ึกนึกคดิ และจติ ใจของมนุษย์
5มโนธรรม (Conscience) เปน็ ระบบความคดิ และความรู้สกึ ทีค่ วบคมุ ภายในจติ ใจของบคุ คล ช่วยในการตดั สนิ ว่าการกระทำาอะไรถกู
อะไรผดิ อะไรควรทาำ ไม่ควรทาำ
สุดยอดคู่มือครู 30
Ap3.pขly้ันiปnฏgิบัตanิแdละCสoรnุปsคtrวuาcมtiรnู้gหลthังeกาKรnปoฏwิบleัตdิ ge Appl4y.inขg้ันสtื่hอeสาCรoแmลmะนu�ำnเiสcaนtอion Skill 5. ขS้ันeปlรfะ-เRมeินgเพuื่อlเaพt่ิมinคgุณค่า
ค่านิยมหลัก 12 ประการ กิจกรรมท้าทาย รอบรู้อาเซียนและโลก
asean
14 เพศวิถีศึกษา ep 5St ข้นั ประเมินเพ่อื เพมิ่ คณุ คา่
บรกิ ารสังคมและจิตสาธารณะ
3 ปญั หาและวิธกี ารจัดการกบั ปัญหาในวัยรนุ่ f-Regulating
Sel
พัฒนาการด้านต่างๆ ของวัยรุ่นก่อให้เกิดปัญหาตามมา เช่น ปัญหาด้านความสัมพันธ์กับสมาชิก 1. ผู้เรียนแต่ละกลุ่มและรายบุคคลตรวจสอบความรู้ความเข้าใจ
Aco ในครอบครวั หรอื กลมุ่ เพอื่ น ปัญหาการปรับตวั และอนื่ ๆ ถา้ ใช้วิธกี ารจดั การไมถ่ ูกต้อง เชน่ บดิ ามารดา ของตนเองหลังจากรับฟังการนำ�เสนอของสมาชิกกลุ่มอ่ืน ปรับปรุง
หรือผู้เกี่ยวข้องใช้วิธีดุด่า ตำาหนิ ลงโทษหรือบังคับ จะเกิดปฏิกิริยาต่อต้านผู้ปกครอง และวัยรุ่นควร ชิ้นงานของกลมุ่ ตนเองให้สมบูรณ์และบันทกึ เพ่ิมเตมิ
เรียนรู้ปัญหาและวิธีการจัดการกับปัญหาด้านต่างๆ ของตนเอง เพ่ือนำามาใช้ในการแก้ปัญหาที่เหมาะสม
ปญั หาและวธิ กี ารจดั การกบั ปัญหาในวยั รุ่นด้านตา่ งๆ ไดแ้ ก่ 2. น�ำ ผลงานแสดงในปา้ ยนเิ ทศหรอื เผยแพรส่ หู่ อ้ งเรยี นอนื่ หรอื สาธารณะ
จำ�กัด
3.1 ความสัมพันธ์ (Relationship)
(พว.)
วยั รุ่นจะแสดงความเป็นตวั ของตวั เอง มอี ารมณแ์ ปรปรวนเปล่ยี นแปลงง่าย ทาำ ให้เกิดปัญหา
St ด้านความสัมพันธ์กับพ่อแม่ ผู้ปกครอง ครูอาจารย์ และเพ่ือน ถ้าใช้วิธีการจัดการกับความสัมพันธ์ ฮอร์โมน คือ สารเคมีท่ีสร้างมาจากต่อมไร้ท่อแล้วเข้าสู่ระบบ
ที่ไมถ่ ูกตอ้ ง เช่น ใชว้ ิธีตำาหนิหรือลงโทษรนุ แรง จะเกิดปฏกิ ิรยิ าตอ่ ต้าน หมุนเวยี นเลือด ล�ำ เลียงไปยงั ส่วนตา่ งๆ ของร่างกาย เพอื่ ควบคมุ
บ ิร ัษทพัฒนาคุณภาพ ิวชาการ วิธีการจัดการกับปัญหา ควรเริ่มต้นจากการทำาความเข้าใจความต้องการ ประนีประนอม การทำ�งานของอวัยวะเปา้ หมาย
ยืดหยุ่นอย่างมีขอบเขต สร้างแรงจูงใจและความร่วมมือมากกว่าการบังคับหรือใช้ความรุนแรง
สรา้ งมนษุ ยสัมพันธก์ บั ผ้อู น่ื พัฒนาการของวยั ร่นุ 15
3.2 การใช้สารเสพติด (Substance use disorder) 3.3.3 การมีเพศสัมพันธ์ (Sexual relations) เป็นพฤติกรรมในวัยรุ่นที่เกิดจาก
การขาดการยับยั้งไตร่ตรอง การทำาตามแบบอย่างหรืออยู่ภายใต้ฤทธ์ิของสารเสพติด จะทำาให้เกิดปัญหา
วัยรุ่นจะมีความอยากรู้อยากลอง หากอยู่ในกลุ่มเพ่ือนท่ีใช้สารเสพติดและถูกชักชวนให้ลอง ตา่ งๆ ตามมา เชน่ โรคติดตอ่ ทางเพศสัมพนั ธ ์ การต้งั ครรภ์ การทาำ แท้ง
หากขาดการยับย้ัง ไม่กล้าปฏิเสธ ต้องการการยอมรับจากกลุ่มหรือเมื่อลองแล้วเกิดความพอใจก็จะติด วิธีการจัดการกับปัญหา หลีกเล่ียงการดื่มแอลกอฮอล์หรือใช้สารเสพติดทุกชนิด
สารเสพตดิ ได้ หลกี เลยี่ งการอยกู่ บั เพอื่ นตา่ งเพศตามลาำ พงั ในทล่ี บั ตาคน หลกี เลย่ี งการนดั หมายกบั เพอื่ นตา่ งเพศหรอื ไป
วธิ ีการจัดการกบั ปัญหา ควรเรม่ิ ต้นจากการท่ีครอบครวั ใหก้ ารอบรมการเลย้ี งดูอยา่ งถกู ตอ้ ง กบั เพื่อนตา่ งเพศในยามวิกาล หลกี เลี่ยงการคบเพือ่ นหรือเท่ียวกับเพือ่ นตา่ งเพศทีไ่ ม่รจู้ ักดพี อ
ให้ความรักความอบอุ่น ฝึกแก้ไขปัญหาอย่างถูกต้อง วัยรุ่นจะมีทักษะในการปฏิเสธส่ิงที่ไม่ถูกต้อง และ
การร้จู ักคบเพ่ือน 3.4 ปญั หาบคุ ลกิ ภาพ (Personality problem)
3.3 ปัญหาทางเพศ (Sexual problem) วัยรุ่นจะเป็นวัยท่ีมีพัฒนาการของบุคลิกภาพท่ีชัดเจน ท้ังความคิดและการกระทำา ถ้า
การเรียนรู้และสภาพแวดล้อมด้านต่างๆ ดี วัยรุ่นจะมีบุคลิกภาพท่ีด ี แต่ถ้าเรียนรู้แบบผิดๆ ก็จะปรับตัว
3.3.1 ปญั หารกั รว่ มเพศ (Homosexuality) เปน็ พฤตกิ รรมทเ่ี กดิ จากปญั หาความรนุ แรงใน ไดย้ าก บคุ ลกิ ภาพในวัยรุ่น ได้แก่
ครอบครัวหรือการเลียนแบบของสมาชิกในครอบครัว การเลียนแบบจากสังคม การต่อต้านเพศตรงข้าม 3.4.1 การค้นหาเอกลักษณ์ ได้แก่ การค้นหาส่ิงต่างๆ ทั้งท่าทาง คำาพูด การแสดงออก
หรือความผดิ ปกตขิ องฮอรโ์ มนในร่างกาย การแตง่ กาย การเขา้ สงั คม
วิธีการจัดการกับปัญหา ควรปรับทัศนคติทางเพศให้เหมาะสม ปรึกษาจิตแพทย์ วิธีการจัดการกับปัญหา การใช้สติปัญญาเผชิญกับเหตุการณ์ต่างๆ มากกว่าการใช้
ผู้ปกครองควรให้ความรัก ความเข้าใจ เพ่ือช่วยให้บุตรหลานสามารถปรับตัวให้อยู่ในสังคมได้อย่างมี อารมณ ์ เลือกเผชิญหน้ากบั ปญั หามากกว่าหลีกเลี่ยงปญั หา ร้เู ท่าทันธรรมชาติหรอื ความตอ้ งการของตน
ความสขุ 3.4.2 การเอาชนะตวั เอง ได้แก่ การควบคุมพฤตกิ รรมและอารมณใ์ หเ้ หมาะสม ในระยะแรก
3.3.2 ความรสู้ กึ ทางเพศ (Sexual feelings) วยั รุ่นเริม่ มีความรู้สกึ ทางเพศ ความต้องการ วัยรุ่นจะมีลักษณะสองจิตสองใจระหว่างความอยากเป็นเด็กต่อไปกับความอยากเป็นผู้ใหญ่ วัยรุ่นมักจะ
ทางเพศและเริ่มรู้จักการสำาเร็จความใคร่ด้วยตนเอง ซึ่งเป็นความต้องการทางธรรมชาติ ไม่มีอันตราย มองว่าผใู้ หญ่พึ่งตนเองได้ ตัดสนิ ใจได้ มอี สิ ระมาก วัยรุ่นบางรายมอี าการวิตกกงั วลไมต่ ้องการเปน็ ผ้ใู หญ่
หากไมใ่ ช้วัตถสุ ่งิ ของตา่ งๆ และไมก่ ระทาำ ดว้ ยความรนุ แรง เนื่องจากติดพ่อแม่ คร ู หรอื เพือ่ นเหมือนเด็ก
วธิ กี ารจดั การกบั ปญั หา ควรหากิจกรรมดา้ นอ่ืนทำาเพ่ือลดความเครยี ด เช่น เล่นดนตร ี วิธีการจดั การกับปญั หา การเรยี นรู้ การฝึกระเบียบวินัย การปฏิบตั ติ นและแสดงออก
เล่นกฬี า ให้เหมาะสมกับวยั รจู้ กั การควบคมุ อารมณ์และพฤตกิ รรมของตนเอง การรู้จกั คบเพื่อนและการฝกึ ทกั ษะ
สังคม
ep 4 3.4.3 การแยกตัวเอง ได้แก่ การเก็บตัว การแยกตัวเนื่องจากเกิดความสับสนจาก
การเปล่ยี นแปลงทางอารมณ์ การตดั สนิ ใจ การขาดความยงั้ คิดไตรต่ รอง
mmpupnlyicinagtiotnh s ข้นั สือ่ สารและนำ� เสนอ วิธีการจัดการกับปัญหา การรู้จักปรับตัว มีเหตุผล มีความยืดหยุ่นทั้งอารมณ์และ
1. ผเู้ รยี นแตล่ ะกลมุ่ ออกแบบหรอื หาวธิ นี �ำ เสนอใหผ้ อู้ น่ื รบั รแู้ ละสอื่ สาร พฤตกิ รรม มีการสอื่ สารที่ด ี รจู้ กั ปรกึ ษาหารือบคุ คลในครอบครวั หรอื ญาติพน่ี ้อง ยอมรบั ฟังความคิดเหน็
ผูอ้ ่นื
ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพด้วยเทคนิควธิ ที ี่เหมาะสม บรู ณาการการใช้ 3.4.4 ความเป็นตัวของตัวเอง วัยรุ่นหลายคนยอมทำาตามเพื่อนเพราะกลัวไม่ได้รับ
สื่อ/เทคโนโลย/ี ค�ำ ศพั ท์เพิ่มเติม/สิ่งที่น่าสนใจแทรกในการรายงาน การยอมรับจากกลุ่มเพ่ือน แม้การทำาตามนั้นจะขัดต่อความรู้สึกของตัวเอง เป็นสาเหตุที่ทำาให้ไม่มั่นใจ
2. สุม่ กลมุ่ ผู้เรยี นน�ำ เสนอผลการสรปุ ความรคู้ วามเขา้ ใจ และไมเ่ ป็นตัวของตวั เอง
สงวน ิลข ิสท kil์ธิle วิธีการจัดการกับปัญหา การฝึกความเป็นตัวของตัวเอง ควบคุมตัวเอง พึ่งพาตัวเอง
การช่วยเหลอื ผอู้ ื่น การคดิ ตดั สินใจในเหตุการณต์ ่างๆ ฝึกความยบั ยัง้ ชั่งใจ
31 สุดยอดคู่มือครู
GPAS 5 STEPs 1. ขG้ันaรวtบhรeวrมinขg้อมูล 2. ขั้นคิดวิเPคrรoาะcหe์แsลsะiสnรgุปความรู้
บูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21 ทักษะชีวิต
ep 1St 16 เพศวิถีศึกษา
Gatherin ขน้ั รวบรวมขอ้ มูลg 3.5 การต่อต้านสงั คม (Conduct disorder)
เร่ืองท่ี 2 การเปล่ียนแปลงของวัยรุ่น
1. แบ่งกลุ่มผู้เรียนร่วมกันศึกษาเอกสาร สงวน ิลขสิท ิ์ธ บริ ัษทพัฒนา ุคณภาพ ิวชาการ (พว.) ำจ�กัด การฝ่าฝืนกฎระเบียบของสังคมหรือความประพฤติที่ต่อต้านสังคมของวัยรุ่น อาจเกิดจาก
ปัญหาในครอบครัว ปัญหาการใช้อารมณ์ที่รุนแรง ได้แก่ การเกเร การทำาร้ายผู้อื่น การละเมิดสิทธิผู้อ่ืน
หนังสือเรียนเก่ียวกับการเปล่ียนแปลง หรอื ทาำ ลายข้าวของ
ของวัยรุน่ วิธีการจัดการกับปัญหา ควรเร่ิมต้นด้วยการปรับทัศนคติ การพูดคุยเพ่ือสร้างความเข้าใจ
2. ต้ังคำ�ถามให้ผู้เรียนเสนอข้อมูลจาก ต่อกัน การฝึกสมาธิเพื่อให้มีอารมณ์ที่มั่นคงและค้นหาการแก้ปัญหา การพูดคุยกับผู้ท่ีให้ความไว้วางใจ
ประสบการณท์ รี่ บั รเู้ กย่ี วกบั การเปลยี่ นแปลง หรอื พบจติ แพทยเ์ พ่ือขอคาำ ปรึกษา
ของวยั รนุ่ (ศึกษารายละเอยี ดค�ำ ถามจาก
แผนการจัดการเรยี นร)ู้ 3.6 การปรบั ตวั ในวยั ร่นุ (Adaptation)
3. แต่ละกล่มุ บนั ทกึ ผลการศึกษาตามหัวขอ้
ที่กำ�หนดลงผังกราฟิก (เลือกออกแบบ วัยรุ่นมักมีความขัดแย้งในจิตใจ ท่ีต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ อาจทำาให้เกิด
และใช้ผังกราฟิกใหเ้ หมาะสมกบั ลกั ษณะ ความเครียด ความวติ กกงั วล หรอื มีอารมณฉ์ นุ เฉยี ว ว่วู าม กา้ วรา้ ว ตอ่ ต้าน
ของข้อมูล) ดงั ตวั อย่าง วิธีการจดั การกับปญั หา การฝึกระเบียบวนิ ยั การควบคุมตัวเอง ฝึกบุคลกิ ภาพดา้ นตา่ งๆ เชน่
คำาพูด การแสดงออก การแต่งกาย การเข้าสังคม การแสดงอารมณ์ในรูปแบบท่ีเหมาะสม การใช้สิทธิ
แสดงความคิดเห็น และการตัดสินใจในสถานการณ์ต่างๆ ที่เหมาะสม รับฟังเหตุผล ฝึกการแก้ปัญหา
ด้วยสติ ลดการใช้อารมณ์ สร้างความมั่นใจในตนเอง กล้าพูด กล้าคิด กล้าแสดงออก โดยยึดหลักการ
ท่ีถกู ต้อง รวมถึงการคน้ หากจิ กรรมทช่ี อบ
4. การเปลีย่ นแปลงของวยั รุ่น
4.1 การแบง่ ชว่ งอายขุ องวยั รุน่
วยั รนุ่ แบ่งเป็น 3 ชว่ งอายุ ได้แก่
4.1.1 วัยแรกรุ่น (11-13 ปี) เป็นช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายทุกระบบ วัยน้ีจะ
มคี วามกังวลเกย่ี วกับการเปลยี่ นแปลงทางร่างกาย จึงส่งผลกระทบไปยังจติ ใจทำาใหอ้ ารมณห์ งุดหงดิ และ
แปรปรวนง่าย
4.1.2 วยั รนุ่ ตอนกลาง (14-16 ป)ี เปน็ ชว่ งทยี่ อมรบั การเปลย่ี นแปลงดา้ นตา่ งๆ ของรา่ งกาย
มคี วามคิดท่ลี ึกซึ้งในการหาเอกลักษณข์ องตนเอง
4.1.3 วยั ร่นุ ตอนปลาย (17-19 ปี) เปน็ ช่วงที่
สภาพทางร่างกายเปลี่ยนแปลงเติบโตโดยสมบูรณ์เต็มที่
และบรรลุนิติภาวะในเชิงกฎหมาย เป็นช่วงเวลาท่ีจะมี
ความผกู พนั กับเพอ่ื นต่างเพศ
ภาพท ี่ 1.4 วยั รุ่นตอนปลาย
Step 2 ขน้ั คดิ วิเคราะห์ ทางดา้ นรา่ งกาย อารมณ์ และจติ ใจทสี่ ง่ ผลตอ่ การปฏบิ ตั ติ นของวยั รนุ่
และสรุปความรู้ แสดงเปน็ ความคดิ รวบยอดหรอื หลกั การลงในผงั กราฟกิ
grocessin 3. ผู้เรียนบนั ทึกผลข้อสรุปเป็นความเขา้ ใจของกลมุ่ และรายบคุ คล
P
1. ผู้เรียนร่วมกันอภิปรายเปรียบเทียบความเหมือนความต่าง
ที่รวบรวมได้จากนิยามท่ีศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับการเปล่ียนแปลง
ของวัยรุ่น
2. ผู้เรียนร่วมกันวิเคราะห์เปรียบเทียบการเปล่ียนแปลงระหว่าง
เพศชาย-หญิง เชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างการเปล่ียนแปลง
สุดยอดคู่มือครู 32
Ap3.pขlyั้นiปnฏgิบัตanิแdละCสoรnุปsคtrวuาcมtiรnู้gหลthังeกาKรnปoฏwิบleัตdิ ge Appl4y.inขg้ันสtื่hอeสาCรoแmลmะนu�ำnเiสcaนtอion Skill 5. ขSั้นeปlรfะ-เRมeินgเพu่ือlเaพtิ่มinคgุณค่า
ค่านิยมหลัก 12 ประการ กิจกรรมท้าทาย รอบรู้อาเซียนและโลก
asean
พฒั นาการของวัยรุน่ 17 ep 3
St
4.2 การเปลี่ยนแปลงในวัยรนุ่ ขัน้ ปฏบิ ัติและสรุปความรู้
wldedge
การเปลีย่ นแปลงในวัยรนุ่ ม ี 3 ดา้ น ได้แก ่ conAstructpipnlgyitnhge aknno หลังการปฏบิ ัติ
4.2.1 การเปล่ยี นแปลงทางด้านรา่ งกาย
1) ขนาดและความสูง เด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชายจะมีความกว้างของไหล่และ 1. ผู้เรียนนำ�ข้อสรุปความรู้ความเข้าใจท่ีได้แลกเปล่ียนเรียนรู้ร่วมกัน
สะโพกใกล้เคียงกัน แต่เม่ือเข้าสู่วัยรุ่นผู้ชายจะมีการเจริญเติบโตของไหล่ ทำาให้มีไหล่กว้าง ในขณะท่ี ระหว่างกลุ่มในช้ันเรียนมาวิเคราะห์เกี่ยวกับการเปล่ียนแปลง
วัยรุ่นผหู้ ญงิ มีการเจริญเตบิ โตของสะโพก ความสูง คอ แขน ขา (การเจริญเตบิ โตหรอื การขยายขนาดของ ของวัยรนุ่
ร่างกายในแต่ละส่วน อาจเกิดขนึ้ ไมพ่ ร้อมกนั )
2) ไขมันและกล้ามเน้ือ เด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงมีความหนาของไขมันที่สะสมอยู่ 2. กลุ่มผู้เรียนร่วมกันอภิปรายตรวจสอบความสมบูรณ์ถูกต้อง
ใต้ผิวหนังใกล้เคียงกัน จนกระท่ังอายุประมาณ 8 ปี ร่างกายจะเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว วัยรุ่นชาย ของความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับการเปล่ียนแปลงของวัยรุ่น และ
จะมีกำาลังของกล้ามเน้ือและพละกำาลังของกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะที่ขา น่อง และแขน สำาหรับวัยรุ่นหญิง ทำ�กจิ กรรมตรวจสอบความเขา้ ใจ (หนงั สือเรียน หนา้ 21)
มีการเพิ่มขึ้นของกล้ามเน้ือน้อยกว่าแต่จะมีการสะสมของไขมันใต้ผิวหนังร้อยละ 25 ของน้ำาหนัก
โดยเฉพาะบริเวณเตา้ นมและสะโพก
3) โครงสร้างใบหน้า วัยรุ่นชายช่วงกระดูกของจมูกจะโตข้ึนทำาให้ด้ังจมูกเป็นสัน
กระดูกขากรรไกรบนและขากรรไกรล่าง กล่องเสียง ลำาคอ และกระดูกอัยลอยด์ เจริญเติบโตเร็วกว่า
วัยรุ่นหญงิ อย่างชัดเจน เปน็ เหตใุ ห้วยั รุ่นชายเสยี งแตก
4) ระดับฮอร์โมน ทั้งฮอร์โมนการเติบโต6 ฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์7 และฮอร์โมน
ทางเพศ8 จะมผี ลโดยตรงตอ่ พฒั นาการทางอารมณ์ การเรยี นร ู้ และอนื่ ๆ การเปลยี่ นแปลงของระดบั ฮอรโ์ มน
จะส่งผลตอ่ ต่อมไขมนั ใต้ผวิ หนัง และตอ่ มเหง่ือใหท้ าำ หน้าท่เี พิ่มขึ้น เปน็ สาเหตใุ หเ้ กดิ ปญั หาสวิ และกลน่ิ ตัว
สงวนลิขสิท ิ์ธ บริษัท ัพฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) ำจ�กัด
ต่อมใต้สมอง
ต่อมไทรอยด์
ต่อมพาราไทรอยด์
ต่อมไทมัส
ตอ่ มหมวกไต
ตับอ่อน
ต่อมเพศ (รังไข)่
ตอ่ มเพศ (ลกู อัณฑะ)
เพศหญงิ เพศชาย
ภาพที ่ 1.5 ระบบตอ่ มไรท้ อ่ ในเพศหญงิ และเพศชาย
6ฮอรโ์ มนการเตบิ โต (growth hormone) คอื ฮอรโ์ มนทถ่ี กู ผลติ ขนึ้ จากตอ่ มใตส้ มองสว่ นหนา้ และมผี ลตอ่ การเจรญิ เตบิ โตของรา่ งกาย 18 เพศวถิ ีศกึ ษา
7ฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ (thyroid gland) ผลิตฮอรโ์ มนท่ีทำาหน้าท่รี ักษาสมดลุ ของแคลเซียมในร่างกายใหค้ งท ี่
8ฮอรโ์ มนทางเพศ ม ี 2 ลกั ษณะ คอื ฮอรโ์ มนเพศชาย ไดแ้ ก ่ แอนโดรเจน ทาำ หนา้ ทคี่ วบคมุ ลกั ษณะตา่ งๆ แหง่ ความเปน็ ชาย และควบคมุ 5) ระบบประสาท เม่ือเข้าสู่วัยรุ่นทั้งเพศหญิงและเพศชายระบบประสาทจะ
การทำางานของอวัยวะต่างๆ ท่ีสัมพันธ์กับความเป็นชาย ฮอร์โมนเพศหญิง ได้แก่ เอสโตรเจน ทำาหน้าท่ีควบคุมการเกิดลักษณะต่างๆ เจริญเติบโตต่อเน่ืองจากวัยเด็กและเติบโตเต็มที่เม่ืออายุ 18-20 ปี ระบบประสาททำาหน้าท่ีควบคุม
ของเพศหญงิ เช่น มีเสยี งแหลมเล็ก สะโพกผาย หน้าอกขยายใหญ่ขึ้น มขี นขึน้ ตามรกั แร้และอวัยวะเพศ มดลกู มีการเจรญิ เตบิ โต การทำางานต่างๆ ของร่างกายให้ประสานสัมพันธ์กับการรับรู้ ความรู้สึก ความทรงจำา ความคิด
อารมณ์ โครงสร้างของระบบประสาทแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ระบบประสาทส่วนกลาง ได้แก่ สมอง
ต่อมเหงือ่ ในร่างกายมีประมาณ 2 ลา้ นต่อม กระจายอยู่ทัว่ ร่างกาย และไขสนั หลงั และระบบประสาทส่วนปลาย ไดแ้ ก่ เส้นประสาทสมอง เส้นประสาทอตั โนมัต ิ เส้นประสาท
ทำ�หน้าที่หลั่งเหงอ่ื เพื่อระบายความร้อนออกจากรา่ งกาย ไขสันหลงั
สมองสว่ นหน้า เซรีบรัม
ทาลามัส
ต่อมไทรอยด์ เป็นต่อมไร้ท่อที่มีขนาดใหญ่ท่ีสุด อยู่บริเวณลำ�คอ ไฮโพทาลามัส
ดา้ นหลัง กลอ่ งเสยี ง ทำ�หนา้ ท่ีควบคมุ การเผาผลาญพลงั งานและ
อณุ หภมู ขิ องรา่ งกาย ความแข็งแรงของกล้ามเน้อื ระดบั ไขมันในเลือด สมองส่วนกลาง
รวมทั้งอารมณแ์ ละความรูส้ ึก พอนส์
สมองสว่ นทา้ ย เมดัลลาออบลองกาตา
เซรีเบลลมั
ภาพท่ี 1.6 ส่วนประกอบของสมอง
ไขสันหลัง เป็นส่วนท่ีต่อจากสมอง อยู่ภายในกระดูกสันหลัง สมองประกอบด้วยส่วนต่างๆ ดังนี้
ท�ำ หนา้ ทก่ี ระตนุ้ ใหอ้ วัยวะทุกส่วนมีความรูส้ กึ (1) สมองส่วนหน้า (forebrain) ประกอบด้วย เซรีบรัม (Cerebrum) ทาลามัส
(thalamus) และไฮโพทาลามสั (hypothalamus)
สมองสว่ นหนา้ หน้าท่ี
เซรีบรัม
ทาำ หนา้ ทด่ี า้ นความคดิ ความจาำ เชาวนป์ ญั ญา เปน็ ศนู ยก์ ลางควบคมุ การทาำ งาน
ทาลามัส ดา้ นตา่ งๆ การสมั ผสั การพดู การมองเห็น การรับรส การได้ยิน การดมกลิ่น
ไฮโพทาลามัส และการทาำ งานของกล้ามเนื้อ
ทำาหน้าท่ีเป็นศูนย์รวบรวมกระแสประสาทท่ีผ่านเข้าออก และแยกกระแส-
ประสาทไปยังสมอง
เป็นศูนย์ควบคุมกระบวนการต่างๆ ของร่างกาย เช่น การทำางานพ้ืนฐาน
ของร่างกาย ได้แก่ ความหิว ความดันโลหิต ความต้องการทางเพศ
การหลง่ั ฮอรโ์ มนของต่อมไร้ท่อและการแสดงอารมณค์ วามรู้สกึ
33 สุดยอดคู่มือครู
GPAS 5 STEPs 1. ขGั้นaรวtบhรeวrมinขg้อมูล 2. ขั้นคิดวิเPคrรoาะcหe์แsลsะiสnรgุปความรู้
บูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21
ทักษะชีวิต
พัฒนาการของวัยรนุ่ 19 ep 4
St
kille
(2) สมองส่วนกลาง (midbrain) ทำาหน้าท่ีเก่ียวกับการมองเห็น การได้ยิน และ Aco mmpupnlyicinagtiotnh s ขัน้ ส่อื สารและน�ำเสนอ
การสัมผสั 1. ผเู้ รยี นแตล่ ะกลมุ่ ออกแบบหรอื หาวธิ นี �ำ เสนอใหผ้ อู้ น่ื รบั รแู้ ละสอ่ื สาร
(3) สมองสว่ นท้าย (hindbrain) ประกอบด้วย พอนส ์ (pons) เมดัลลาออบลองกาตา
(medulla oblongata) และเซรีเบลลัม (cerebellum) ไดอ้ ย่างมีประสิทธภิ าพดว้ ยเทคนิควิธที ีเ่ หมาะสม บรู ณาการการใช ้
ส่อื /เทคโนโลย/ี ค�ำ ศพั ท์เพิ่มเติม/สิ่งทน่ี ่าสนใจแทรกในการรายงาน
สมองสว่ นท้าย หนา้ ท่ี 2. สุ่มกลุ่มผู้เรียนนำ�เสนอผลการสรุปความรคู้ วามเข้าใจ
การจาม เป็นการขับลมออกจากปอดผ่านทางจมูกและปาก
พอนส์ ทาำ หน้าท่ีควบคมุ การเคี้ยวอาหาร การหลัง่ น้าำ ลาย การเคล่ือนไหวของใบหนา้ สงวนลิข ิสทธิ์ บริษัทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) ำจ�กัด อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการตอบสนองโดยอัตโนมัติทางกายภาพ
และควบคมุ การหายใจ เพอ่ื ขจดั สารก่อความระคายเคือง
เมดลั ลาออบลองกาตา ทำาหน้าที่ควบคุมการทำางานของระบบประสาทอัตโนมัติ เช่น การหายใจ 20 เพศวิถศี กึ ษา
ความดนั โลหติ การกลนื การจาม การสะอกึ และการอาเจยี น 4.2.3 การเปลยี่ นแปลงทางจติ ใจ การเปลยี่ นแปลงทางรา่ งกายจะทาำ ใหเ้ กดิ ผลกระทบตอ่ จติ ใจ
วัยรุ่นจะเกิดความรู้สึกอยากจะถูกรัก อยากได้รับความเอาใจใส่ แต่มักจะมีข้อแม้ว่าจะต้องไม่ใช่
เซรเี บลลมั ทำาหน้าที่ประสานการเคล่ือนไหวของร่างกาย และควบคุมการทรงตัว การแสดงออกของพอ่ แมท่ ใ่ี หค้ วามรกั ราวกบั เดก็ เลก็ ๆ อยากทาำ ในสง่ิ ทตี่ วั เองคดิ วา่ ด ี ชอบอยใู่ นกลมุ่ เพอื่ น
ของร่างกาย วัยเดียวกัน บางครัง้ อาจเกิดความรูส้ กึ สบั สน สองจิตสองใจ ต้องการเปน็ ตวั ของตัวเอง อยากรู้ อยากเหน็
อยากลองสง่ิ แปลกใหม่ สร้างความตน่ื เตน้ ท้าทายกบั การกระทาำ ทผ่ี ดิ ต่อกฎเกณฑ์ตา่ งๆ
6) ระบบสบื พนั ธ์ุ วัยร่นุ หญงิ มีการเจริญเตบิ โตอยา่ งรวดเรว็ เต้านมเรม่ิ ขยายเมื่ออายุ
ประมาณ 9-13 ปี ช่วงอายุ 11-13 ปี จะมีประจำาเดือนแสดงให้เห็นว่ามดลูกและช่องคลอดเจริญเติบโต
เต็มท่ ี แต่ในระยะ 1-2 ปแี รกของการมีประจำาเดอื นจะมไี ม่สมา่ำ เสมอหรอื ขาดหาย เมื่อมปี ระจาำ เดอื นแลว้
จะมีอาการปวดท้องน้อย รวมทั้งความสูงจะสูงต่อไปในลักษณะท่ีช้าลงและจะเติบโตเต็มท่ีเมื่ออายุ
ประมาณ 15-17 ปี
การเจริญเติบโตของวัยรุ่นชายเมื่อเข้าสู่ช่วงอายุ 10-13 ปี ระบบสืบพันธุ์จะเร่ิมมี
การเปลยี่ นแปลงและจะใชเ้ วลา 2 - 4 ป ี จงึ จะเจรญิ เตบิ โตเตม็ ท ี่ ในขณะทรี่ ปู รา่ งภายนอกมกี ารเจรญิ เตบิ โต
ชา้ กว่าวยั รุน่ ผหู้ ญงิ
4.2.2 การเปล่ียนแปลงทางอารมณ์
การเปลี่ยนแปลงทางร่างกายจะส่งผลกระทบ
ต่ออารมณ์ทำาให้เกิดความวิตกกังวล หงุดหงิด
ความไม่พอใจในรูปร่างที่เปล่ียนไป ความกังวลใน
เร่ืองความสวยความหล่อ การเปล่ียนแปลงของ
ระดับฮอร์โมนทางเพศจะส่งผลทำาให้วัยรุ่นเกิด
อารมณท์ างเพศบ่อยคร้ัง
ภาพที่ 1.7 การแสดงความวิตกกังวลที่มผี ลจากการเปลีย่ นแปลง
รา่ งกายของวยั ร่นุ
บูรณาการทักษะศตวรรษท่ี 21
การจัดการเรียนรู้ท่ีเน้นกระบวนการคิด กระบวนการแก้ปัญหา
ให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติจากสถานการณ์จริงในชีวิตประจำ�วัน และ
การดำ�เนินชีวิตร่วมกันในสังคมท่ีผู้เรียนเผชิญอยู่เป็นการเสริมสร้าง
สมรรถนะที่ดี สามารถใช้ประโยชน์ได้จริง หากมีการร่วมกันทำ�งาน
เปน็ กลมุ่ มกี ารสอ่ื สารระหวา่ งกนั อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพจะชว่ ยใหผ้ เู้ รยี น
เรยี นร้ตู นเอง และเพิ่มพูนสมรรถนะของการเป็นมนษุ ย์ทส่ี มบรู ณ์
ทักษะชีวิต
การนำ�ความรเู้ รอ่ื งพฒั นาการและวธิ กี ารจดั การกบั ปญั หาในวยั รนุ่
รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของวัยรุ่นมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำ�วัน
เพื่อให้สามารถแก้ปัญหาและปรับตัวให้เหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลง
ของร่างกายและอารมณ์ ซ่ึงเป็นการสร้างเสริมทักษะชีวิตท่ีมีผลดี
ต่อตนเองและสังคม
สุดยอดคู่มือครู 34
Ap3.pขlyั้นiปnฏgิบัตanิแdละCสoรnุปsคtrวuาcมtiรnู้gหลthังeกาKรnปoฏwิบleัตdิ ge Appl4y.inขg้ันสtื่hอeสาCรoแmลmะนu�ำnเiสcaนtอion Skill 5. ขS้ันeปlรfะ-เRมeินgเพu่ือlเaพtิ่มinคgุณค่า
ค่านิยมหลัก 12 ประการ กิจกรรมท้าทาย รอบรู้อาเซียนและโลก
asean
พฒั นาการของวัยร่นุ 21 St ep 5 ขัน้ ประเมินเพื่อเพมิ่ คณุ คา่
บริการสงั คมและจิตสาธารณะ
กจิ กรรมตรวจสอบความเข้าใจ tingf-Regula
Sel
ค�ำ ช้ีแจง กิจกรรมตรวจสอบคว�มเข้�ใจเป็นกิจกรรมฝึกทักษะเฉพ�ะด้�นคว�มรู้-คว�มจำ� เพื่อใช้ใน 1. ผเู้ รยี นแตล่ ะกลมุ่ และรายบคุ คลตรวจสอบ
ก�รตรวจสอบคว�มเข�้ ใจต�มจดุ ประสงค์ก�รเรียนรู้ ความรู้ความเข้าใจของตนเองหลังจาก
รับฟังการนำ�เสนอของสมาชิกกลุ่มอ่ืน
จงตอบค�ำ ถ�มต่อไปนี้ให้ถกู ตอ้ ง ปรับปรุงชิ้นงานของตนเองให้สมบูรณ์
1. จงอธิบายความหมายและความสาำ คญั ของพัฒนาการของวยั รุน่ โดยสงั เขป (จ.1) และบนั ทกึ เพ่ิมเตมิ
(แนวทางการตอบ พัฒนาการของวัยรุ่น หมายถึง การเปล่ียนแปลงหรือกระบวนการเปลี่ยนแปลงของมนุษย์ที่มีอายุระหว่าง 2. นำ�ผลงานแสดงในป้ายนิเทศหรือเผยแพร่
11-17 ปี ความสาำ คัญของพัฒนาการของวยั รนุ่ คือ การมรี า่ งกายทส่ี มบูรณ์แข็งแรง รา่ งกายมเี อกลกั ษณ์แห่งตนเอง การปรับตัว สูห่ ้องเรยี นอ่ืนหรือสาธารณะ
การสร้างมโนธรรม การบรหิ ารและจัดการตนเอง หรอื อน่ื ๆ ขึน้ อยกู่ บั ดลุ ยพินจิ ของผู้สอน)
3. ผเู้ รยี นแตล่ ะคนท�ำ แบบทดสอบ(หนงั สอื เรยี น
2. พัฒนาการของวัยรุ่นมีอะไรบ้าง การเรียนรู้พัฒนาการของวัยรุ่นเกิดประโยชน์ต่อผู้เรียนในด้านใด หนา้ 25-26) แลกเปลย่ี นกนั ตรวจใหค้ ะแนน
(จ.2) จากน้ันประเมินสรุปผลการทำ�กิจกรรม
(หนังสือเรียน หน้า 24) ทำ�แบบประเมิน
(แนวทางการตอบ พัฒนาการของวัยรุ่นมี 3 ด้าน ได้แก่ พัฒนาการทางด้านร่างกาย พัฒนาการทางด้านจิตใจ และพัฒนาการ ตนเอง (หนงั สอื เรยี น หนา้ 26) และก�ำ หนด
ทางด้านสังคม การเรยี นรูเ้ รือ่ งพฒั นาการทาำ ให้ได้รจู้ กั คดิ โดยใชส้ ติปัญญา และสามารถควบคมุ อารมณ์ความรูส้ กึ ของตนเองได้ แนวทางการพัฒนาตนเอง
หรอื อน่ื ๆ ข้ึนอยกู่ บั ดลุ ยพินจิ ของผอู้ ื่น)
3. จงวเิ คราะห์พัฒนาการของวัยร่นุ ตามแนวคิดของผ้เู รียน พรอ้ มยกตวั อยา่ งประกอบ (จ.2)
(แนวทางการตอบ ข้นึ อยกู่ ับดุลยพนิ ิจของผ้สู อน)
สงวนลิข ิสทธ์ิ บริ ัษทพัฒนา ุคณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด
4. จงระบุปญั หาและเสนอแนวทางการแกไ้ ขปัญหาของวัยรนุ่ ในปัจจบุ ัน (จ.3)
ปัญห� แนวท�งแกไ้ ข
1. ปัญหาการใชส้ ารเสพติด
2. ปญั หารกั ร่วมเพศ ครอบครวั ควรใหก้ ารอบรมเลี้ยงดูอย่างถูกต้องให้ความรักความอบอ่นุ
3. ปัญหาการตอ่ ตา้ นสงั คม ผปู้ กครองใหค้ วามรักความเขา้ ใจ เพอื่ ให้วยั รุ่นสามารถปรบั ตวั อยใู่ นสงั คมได้
ครอบครวั ควรพดู คยุ เพอ่ื สรา้ งความเขา้ ใจตอ่ กนั ฝกึ สมาธเิ พอ่ื ใหม้ อี ารมณท์ มี่ นั่ คงและคน้ หาวธิ แี กป้ ญั หาได้
5. จงอธิบายการเปลยี่ นแปลงในวยั รุ่น โดยสงั เขป (จ.4)
(แนวทางการตอบ การเปลย่ี นแปลงในวยั รนุ่ ไดแ้ ก่ การเปลย่ี นแปลงทางดา้ นรา่ งกาย เชน่ ความสงู โครงสรา้ งใบหนา้ ระบบสบื พนั ธุ์ เปน็ ตน้
การเปลยี่ นแปลงทางดา้ นอารมณ์ เกดิ จากความวติ กกงั วลหรอื ความไมพ่ อใจในรปู รา่ งทเ่ี ปลยี่ นไป การเปลย่ี นแปลงทางดา้ นจติ ใจ เกดิ จาก
ความรูส้ กึ อยากถกู รักและอยากได้รบั ความเอาใจใสจ่ ากคนอื่นท่ไี ม่ใช่พอ่ แม่ หรืออ่ืนๆ ขนึ้ อยู่กบั ดุลยพินิจของผู้สอน)
จ. หมายถงึ ตรงตามจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ข้อที่ ...
ค่านิยมหลัก 12 ประการ
• รักษาวฒั นธรรมประเพณีไทยอนั งดงาม
• มีศลี ธรรม รักษาความสตั ย์ หวังดตี ่อผู้อน่ื เผอื่ แผ่และแบง่ ปัน
• ใฝห่ าความรู้ หมัน่ ศึกษาเล่าเรยี นท้งั ทางตรงและทางออ้ ม
• มีความเข้มแข็งท้ังร่างกายและจิตใจ ไม่ยอมแพ้ต่ออำ�นาจฝ่ายตำ่�
หรือกเิ ลส มคี วามละอายเกรงกลัวต่อบาปตามหลักของศาสนา
35 สุดยอดคู่มือครู
GPAS 5 STEPs 1. ขG้ันaรวtบhรeวrมinขg้อมูล 2. ขั้นคิดวิเPคrรoาะcหe์แsลsะiสnรgุปความรู้
บูรณาการทักษะศตวรรษท่ี 21
กิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้เป็นกิจกรรม ทักษะชีวิต
ท่ีผู้สอนให้ผู้เรียนปฏิบัติทุกข้อหรือเลือก
ปฏิบัติเป็นบางข้อตามความเหมาะสม 22 เพศวถิ ีศึกษา
โดยผู้สอนให้คะแนนการทำ�กิจกรรม
ตามเกณฑ์ของใบสรุปผลการทำ�กิจกรรม กิจกรรมสง่ เสรมิ การเรียนรู้
และสามารถน�ำ ผลการท�ำ กจิ กรรมไปเทยี บกบั
ก า ร ใ ห้ ค ะแ น น กั บ ต า ร า ง วิ เ ค ร า ะ ห์ คำาชแ้ี จง กจิ กรรมสง่ เสรมิ การเรยี นรปู้ ระกอบดว้ ยกจิ กรรมหลากหลายทฝ่ี กึ ทกั ษะทกุ ดา้ นตามจดุ ประสงค์
ความสอดคลอ้ งของเนอ้ื หากบั จดุ ประสงค์ เชิงพฤติกรรมเพ่ือให้เกิดสมรรถนะในการเรียนร ู้ สามารถปฏิบัติกิจกรรมท้ังในและนอกสถานที่
รายวชิ า สมรรถนะรายวชิ า และจดุ ประสงค์
เชิงพฤติกรรมได้ ตามความเหมาะสมกับผ้เู รียนและสิ่งแวดลอ้ มของสถานศกึ ษา
สงวนลิข ิสทธิ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด
1. ให้ผู้เรียนสัมภาษณ์เพ่ือนต่างห้องเรียนจาำ นวน 3 คน ในเร่ืองพัฒนาการด้านต่างๆ ท่ีเกิดขึ้นในวัยรุ่น
ด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และนำาผลที่ได้จากการสัมภาษณ์มาเปรียบเทียบความเหมือน
และแตกตา่ ง
ความเปลย่ี นแปลง คนที่ 1 คนที่ 2 คนท่ี 3
รา่ งกาย
จิตใจ
อารมณ์
สังคม
ปญั หาท่พี บ
2. ให้ผู้เรียนแบ่งกลุ่มเป็น 4 กลุ่ม จับฉลากเลือกหัวข้อและศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ
เชน่ อนิ เทอร์เนต็ หนังสอื วารสาร จัดทาำ สรปุ ผลการศกึ ษา และสง่ ตวั แทนนาำ เสนอข้อมลู หน้าชั้นเรียน
กลมุ่ ละ 5-10 นาท ี พรอ้ มทง้ั เปดิ โอกาสใหเ้ พ่อื นร่วมชั้นเรยี นซักถาม
กลุม่ ที ่ 1 ความหมาย ความสำาคัญของพัฒนาการ พัฒนาการของวัยรุ่นตอนต้น ปัญหา
และวธิ ีการจดั การกบั ปญั หา
กลุ่มท ี่ 2 ความหมาย ความสำาคัญของพัฒนาการ พัฒนาการของวัยรุ่นตอนกลาง ปัญหา
และวิธีการจดั การกบั ปญั หา
กลมุ่ ท ่ี 3 ความหมาย ความสำาคัญของพัฒนาการ พัฒนาการของวัยรุ่นตอนปลาย ปัญหา
และวิธีการจัดการกบั ปัญหา
กลมุ่ ที่ 4 การเปลย่ี นแปลงดา้ นตา่ งๆ ในวยั รนุ่
กิจกรรมท้าทาย
ให้ผู้เรียนแต่ละคนเขียนคำ�ขวัญ “วิสัยทัศน์วัยรุ่นยุคใหม่” และ
นำ�มาประกวดใหร้ างวัล
สุดยอดคู่มือครู 36
Ap3.pขly้ันiปnฏgิบัตanิแdละCสoรnุปsคtrวuาcมtiรnู้gหลthังeกาKรnปoฏwิบleัตdิ ge Appl4y.inขgั้นสt่ืhอeสาCรoแmลmะนu�ำnเiสcaนtอion Skill 5. ขS้ันeปlรfะ-เRมeินgเพuื่อlเaพtิ่มinคgุณค่า
ค่านิยมหลัก 12 ประการ กิจกรรมท้าทาย รอบรู้อาเซียนและโลก
asean
พฒั นาการของวยั ร่นุ 23
3. ให้ผู้เรียนเสนอแนวทางการพัฒนาตนเองให้เจริญเติบโตสมวัยและอธิบายผลจากการเจริญเติบโต
โดยจดั ทำาเปน็ ผังความคิด และนาำ เสนอรายงานหน้าชั้นเรยี น
ตวั อยา่ ง แผนภาพความคิด
สงวนลิข ิสทธิ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด
แนวทางการพัฒนาตนเอง ผลจากการเจริญเติบโตสมวัย
ให้เจริญเติบโตสมวัย
4. ใหผ้ ู้เรยี นจบั ครู่ ว่ มกับเพอื่ นร่วมชั้นเรยี นและรว่ มกันหาคาำ ตอบของคำาถามตอ่ ไปนี้
4.1 การเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และสติปัญญา ในวัยเรียนและวัยรุ่น
มคี วามแตกต่างกนั อยา่ งไร
4.2 เพราะเหตุใด จึงตอ้ งมกี ารศกึ ษาถงึ การเปลีย่ นแปลงในแตล่ ะช่วงวยั
4.3 การแข่งขนั มีอิทธพิ ลต่อการเปลี่ยนแปลงของวยั รุ่นอยา่ งไร
4.4 ผู้เรียนไดร้ ับความคาดหวงั จากพ่อแมอ่ ย่างไร
4.5 เพราะเหตใุ ด สื่อโฆษณาจงึ มอี ิทธพิ ลตอ่ การเจรญิ เติบโตและพฒั นาการของวัยรุ่น
5. ใหผ้ เู้ รยี นแบง่ เปน็ 2 กลมุ่ ศกึ ษาขอ้ มลู ความรเู้ กยี่ วกบั ระบบประสาทและระบบตอ่ มไรท้ อ่ รวมทงั้ เสนอ
วิธีการดูแลรักษาระบบประสาทและระบบต่อมไร้ท่อให้ทาำ งานปกติ โดยจัดทำาเป็นแผนภาพความคิด
ตัวอยา่ ง แผนภาพความคิด
ระบบประสาท ผลทเี่ กดิ ขน้ึ
วธิ กี ารดแู ลรกั ษา
ระบบตอ่ มไรท้ อ่
วธิ กี ารดแู ลรกั ษา
asean การเรียนรู้สู่อาเซียน 37 สุดยอดคู่มือครู
• การบรู ณาการค�ำ ศพั ทภ์ าษาองั กฤษทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั เนอ้ื หาในบทเรยี น
ช่วยให้ผู้เรียนได้เพิ่มพูนความรู้ภาษาอังกฤษ และมีเจตคติที่ดี
ในการสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษที่ใช้เป็นภาษากลางในการทำ�งาน
ของอาเซียน
• การเรียนรู้พฤติกรรมวัยรุ่นในบุคคลต่างชาติ ต่างภาษา
ตา่ งวฒั นธรรมชว่ ยให้ผู้เรียนเกดิ การประเมินตนเอง เปรียบเทียบ
คุณค่าของการกระทำ�และผลของการกระทำ� ตัดสินใจปรับปรุง
พฤติกรรมของตนในเชิงบวกเป็นการเตรียมตัวสู่การร่วมมือ
และการแข่งขันในประชาคมอาเซยี นในอนาคต
GPAS 5 STEPs 1. ขGั้นaรวtบhรeวrมinขg้อมูล 2. ข้ันคิดวิเPคrรoาะcหe์แsลsะiสnรgุปความรู้
บูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21
ทักษะชีวิต
24 เพศวิถีศึกษา
สรุปผลการทำากจิ กรรม
คาำ ชีแ้ จง ใหผ้ เู้ รยี นประเมินผลการทาำ กจิ กรรม โดยเขยี นเคร่ืองหมาย ✓ลงในช่อง ตามความเป็นจริง
สงวนลิข ิสทธิ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัดความร้ ู (K) ทกั ษะ (P) คณุ ลกั ษณะ (A) เกณฑก์ ารประเมิน
การมีมนุษยสัมพนั ธ์ใน ทำาเครอ่ื งหมาย ✓
ความร ู้ ความเขา้ ใจ การปฏบิ ัตงิ านที่ไดร้ ับ
การนาำ ไปใช ้ การวเิ คราะห์ มอบหมายเสรจ็ ตามเวลา การปฏบิ ตั ิกิจกรรม ในแต่ละตอน 3 ข้อ
การสังเคราะห ์ ทกี่ าำ หนด ความมีวินัย ตรงตอ่ เวลา คือ ผ่านการประเมนิ
การประเมนิ ค่า การปฏบิ ตั งิ านดว้ ยความ ความซ่อื สัตยส์ จุ ริต
ละเอียด รอบคอบ ปลอดภยั ในการทาำ งาน 1. ความร ู้ (K)
การศึกษาค้นคว้า เรยี บรอ้ ย สวยงาม ประพฤติตนด้วยความ ผ่าน ไม่ผา่ น
การแสวงหาแหลง่ ขอ้ มลู
และการรวบรวมขอ้ มูล ความสมบรู ณ์ของงาน ถกู ต้องตามศลี ธรรม 2. ทักษะ (P)
การแสดงความคดิ เห็น การปฏบิ ัติงานที่ทำาใหเ้ กิด อนั ดีงาม
อย่างมีเหตผุ ล หรือแสดง สมรรถนะแกผ่ เู้ รียน เจตคตทิ ี่ดใี นการปฏบิ ัติ ผา่ น ไม่ผ่าน
กจิ กรรม
ข้นั ตอนและกระบวนการ ทักษะการวางแผน การคดิ ความพอเพียงและความ 3. คุณลกั ษณะ (A)
ทาำ กจิ กรรม สรา้ งสรรค์ การออกแบบ ผ่าน ไมผ่ า่ น
การหาประสบการณ์ การผลิต พอประมาณ
ความร้ใู หม่ การตดั สินใจในการแกป้ ัญหา
หมายเหต ุ เกณฑ์การประเมินผลการทำากิจกรรม มีวัตถุประสงค์เพ่ือประเมินว่า ผู้เรียนเกิดสมรรถนะจากการเรียนรู้
ตามบริบทต่างๆ หรือไม่ โดยแบ่งเป็น 3 ด้าน คือ ความรู้หรือพุทธิพิสัย = Knowledge (K) ทักษะหรือ
ทักษะพิสัย = Practice (P) คุณลกั ษณะหรอื จิตพสิ ยั = Attitude (A)
สุดยอดคู่มือครู 38
Ap3.pขly้ันiปnฏgิบัตanิแdละCสoรnุปsคtrวuาcมtiรnู้gหลthังeกาKรnปoฏwิบleัตdิ ge Appl4y.inขgั้นสt่ืhอeสาCรoแmลmะนu�ำnเiสcaนtอion Skill 5. ขSั้นeปlรfะ-เRมeินgเพu่ือlเaพtิ่มinคgุณค่า
ค่านิยมหลัก 12 ประการ กิจกรรมท้าทาย รอบรู้อาเซียนและโลก
asean
พัฒนาการของวยั รุ่น 25 ผู้สอนให้ผู้เรียนทำ�แบบทดสอบ จากนั้น
ให้ผู้เรียนแลกกันตรวจคำ�ตอบ โดยผู้สอน
แบบทดสอบ เป็นผเู้ ฉลย
ตอนท่ี 1 จงนาำ ตวั เลขจากคำาตอบดา้ นลา่ งมาใสล่ งในชอ่ งว่างให้ถูกต้อง
สงวนลิข ิสทธิ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด
การเปลย่ี นแปลง : วยั รุน่
ดา้ นร่างกาย ด้านจิตใจและอารมณ์ ดา้ นสงั คม ดา้ นสตปิ ญั ญา
1. มีน้ําหนกั และ 10 1. มกี ารเปล่ียนแปลง 1. มคี วามตอ้ งการเป็น 1. มกี ารเจริญเตบิ โต
เพ่มิ ขึ้นอยา่ งรวดเร็ว ของอารมณอ์ ยา่ งรวดเรว็ อสิ ระจากครอบครวั และ อย่างเต็มที ่ ส่งผลให้
แขนขายาว มอื ใหญ่ขึน้ และรุนแรง อารมณ์ พ่อแม ่ 3 และไดร้ ับ เซลลส์ มองไดร้ ับ
ขนาดของหัวใจและ ไมค่ งทเี่ นอื่ งมาจาก อิทธพิ ลจากเพอื่ น การพฒั นา
ปอดเพิม่ ขน้ึ การเปล่ียนแปลงทาง อยา่ งมาก ทง้ั ดา้ น 8 2. มชี ่วงความสนใจ
2. มลี กั ษณะทางเพศ ด้านร่างกายและ การแต่งกาย คําพูด นานข้นึ
ให้เห็นชัดเจนขึ้น เช่น การเปลย่ี นแปลงทางเพศ กิริยาท่าทาง 3. สามารถปรบั ตวั
ผู้หญิงจะมี 7 2. เร่มิ สนใจเพศ 2. สนใจเพ่ือนตา่ งเพศ ใหเ้ ขา้ กบั สถานการณ์
หนา้ อกขยายใหญ่ขนึ้ ตรงข้าม ต้อง 2 ตอ้ งการเปน็ ทยี่ อมรบั ใหมๆ่ ไดด้ ขี ึน้
มปี ระจาํ เดอื น ผชู้ ายจะมี เพ่ือน ของกลมุ่ เพอ่ื น 4. มคี วามเข้าในส่ิงท่ี
กล้ามเนอ้ื ใหญก่ วา้ ง 3. มีความรู้สกึ รนุ แรง เปน็ 6 มากข้ึน
และแขง็ แรงข้นึ มขี น ไมว่ ่าจะเป็นความรกั 5. เข้าใจและรู้จักการพูด
ตามแขน หนา้ แขง้ 1 ความโกรธ ความอิจฉา ถอ้ ยคาํ ทล่ี ึกซงึ้ หรือ
และมีการผลิต 5 ริษยา เปรียบเทียบได้ดีขน้ึ
4. ม ี 4 สูง 6. มีความจําดีแต่อาจ
ไมเ่ ชื่อฟงั ใคร ขาดความรอบคอบและ
5. มีความอยากรู้ การยับยง้ั ชงั่ ใจ
อยากเห็นต้องการ 7. เป็นวัยท่ีชอบเรียนรู้
ความเป็นอิสระ โดย 9
คาำ ตอบ
1. เสยี งห้าว 4. ความเช่อื ม่ันในตนเอง 7. สะโพกผาย 10. สว่ นสูง
8. พฤติกรรม
2. การเป็นทยี่ อมรับของกลมุ่ 5. นา้ํ อสุจิ 9. การลงมอื ปฏิบตั ิ
3. ตดิ เพือ่ น 6. นามธรรม
39 สุดยอดคู่มือครู
GPAS 5 STEPs 1. ขGั้นaรวtบhรeวrมinขg้อมูล 2. ข้ันคิดวิเPคrรoาะcหe์แsลsะiสnรgุปความรู้
บูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21 ทักษะชีวิต
เฉลยแบบทดสอบ 26 เพศวถิ ศี กึ ษา
1. ตอบ ก. ม นุ ษ ย์ มี ก า ร เ จ ริ ญ เ ติ บ โ ต แ ล ะ ตอนที่ 2 จงจบั คูใ่ ห้ถูกต้อง ก. พัฒนาการด้านรา่ งกาย
เปลยี่ นแปลงไปตามวยั เปน็ พฒั นาการดา้ นรา่ งกาย ข. Self esteem
โดยวัยรุ่นเพศหญิงจะเข้าสู่วัยรุ่นเร็วกว่าเพศชาย ก 1. มนุษย์มกี ารเจรญิ เตบิ โตและเปล่ียนแปลงไปตามวยั ค. ไฮโพทาลามสั
ประมาณ 2 ปี วัยรุ่นจะมีพัฒนาการไปจนถึงอายุ ง 2. การวิเคราะห ์ และสงั เคราะหส์ ่ิงตา่ งๆ ฅ. พอนส์
ประมาณ 18 ปี จงึ จะเข้าสวู่ ัยผู้ใหญ่ ช 3. การมองเห็นเป้าหมายของชีวติ ฆ. มโนธรรม
ซ 4. การฝา่ ฝนื กฎระเบยี บของสังคม ง. การใชส้ ตปิ ญั ญา
2. ตอบ ง. สติปัญญาในวัยรุ่นจะพัฒนาสูงข้ึน ญ 5. ฮอรโ์ มนทถ่ี ูกผลิตข้นึ จากต่อมใต้สมองสว่ นหนา้ จ. เซรีเบลลมั
จนมีความคิดที่เป็นรูปธรรม เร่ิมคิดเหมือนผู้ใหญ่ ข 6. การเป็นทยี่ อมรับของเพื่อนหรอื สงั คม ฉ. การเปลยี่ นแปลงทางอารมณ์
มีเหตุผลเชิงวิทยาศาสตร์ เรียนรู้และเข้าใจ ค 7. ทำาหน้าที่เปน็ ศนู ย์ควบคมุ กระบวนการต่างๆ ช. ความคดิ เชงิ อดุ มคติ
เหตกุ ารณต์ า่ งๆ ไดล้ กึ ซงึ้ วเิ คราะหแ์ ละสงั เคราะห์ ของร่างกาย ซ. การต่อต้านสังคม
สง่ิ ตา่ งๆไดม้ ากขน้ึ ตามล�ำ ดบั แตอ่ าจขาดความยง้ั คดิ ฉ 8. ความวิตกกังวล หงดุ หงดิ ฌ. เอกลักษณท์ างเพศ
ขาดการไตร่ตรองท่ีรอบคอบ ฆ 9. ระบบความคิดและความรสู้ กึ ทค่ี วบคมุ จิตใจ ญ. Growth hormone
จ 10. ทำาหน้าทค่ี วบคุมการทรงตวั ของรา่ งกาย
3. ตอบ ช. ความคิดเชิงอุดมคติ (Idealism)
หมายถึง บุคคลที่มองเห็นเป้าหมายของชีวิต สงวนลิข ิสทธิ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด
และพยายามจะเข้าสเู่ ปา้ หมายนัน้ ให้ได้ แบบประเมินตนเอง
ค�าชีแ้ จง ตอนที่ 1 ใหผ้ ู้เรยี นประเมนิ ผลการเรียนรู้ โดยเขยี นเครื่องหมาย ✓ ลงในชอ่ งระดับคะแนน
4. ตอบ ซ. การฝ่าฝืนกฎระเบียบของสังคมหรือ
ความประพฤตทิ ต่ี อ่ ตา้ นสงั คมของวยั รนุ่ อาจเกดิ จาก และเตมิ ข้อมูลตามความเป็นจรงิ
ปญั หาในครอบครวั ปญั หาการใชอ้ ารมณท์ ร่ี นุ แรง ระดบั คะแนนตอนที่ 1 5 : มากที่สดุ 4 : มาก 3 : ปานกลาง 2 : นอ้ ย 1 : ควรปรับปรงุ
ตอนที่ 2 ใหผ้ เู้ รยี นนา� คะแนนจากแบบทดสอบมาเตมิ ลงในชอ่ งวา่ ง และเขยี นเครอื่ งหมาย ✓
5. ตอบ ญ. ฮอรโ์ มนการเตบิ โต(GrowthHormone)
คือฮอร์โมนที่ถูกผลิตขึ้นจากต่อมใต้สมอง ลงในชอ่ งสรุปผล
สว่ นหนา้ และมผี ลตอ่ การเจรญิ เตบิ โตของรา่ งกาย
ตอนที่ 1 (ผลการเรยี นร้)ู ตอนที่ 2 (แบบทดสอบ)
6. ตอบ ข. ความภาคภมู ใิ จในตนเอง(Selfesteem)
เป็นความรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่า เป็นคนดี รายการ 5 4 3 2 1 แบบทดสอบ
มีประโยชน์แก่ผู้อื่น ทำ�อะไรได้สำ�เร็จ เกิดจาก
การเปน็ ทีย่ อมรับของเพ่อื นหรือสังคม 1. ผเู้ รียนมคี วามร ู้ ความเขา้ ใจในเนอื้ หา คะแนน
7. ตอบ ค. ไฮโพทาลามัส เป็นศูนย์ควบคุม 2. ผู้เรียนได้ทำากิจกรรมสง่ เสริมการเรยี นรู้ทีส่ อดคล้องกบั เน้อื หา (ขอ้ ละ 1 คะแนน)
กระบวนการต่างๆ ของร่างกาย เช่น การทำ�งาน และจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
พนื้ ฐานของรา่ งกาย ไดแ้ ก่ ความหวิ ความดนั โลหติ สรุปผล
ความต้องการทางเพศ การหล่ังฮอร์โมนของ 9 - 10 (ดมี าก)
ตอ่ มไร้ทอ่ และการแสดงอารมณค์ วามรู้สกึ 3. ผ้เู รียนไดเ้ รยี นและทำากิจกรรมส่งเสรมิ การเรยี นรทู้ ่ีสง่ เสริม 7 - 8 (ดี)
กระบวนการคดิ เกิดการคน้ พบความรู้ 5 - 6 (พอใช้)
8. ตอบ ฉ. การเปลี่ยนแปลงทางร่างกายจะ 4. ผเู้ รียนสามารถประยกุ ต์ความรู้เพ่ีอื ใชป้ ระโยชนใ์ นชีวิตประจำาวนั ได้ ตาำ่ กวา่ 5
สง่ ผลกระทบตอ่ อารมณ ์ ท�ำ ใหเ้ กดิ ความวติ กกงั วล 5. ผเู้ รยี นไดเ้ รียนรู้อะไรจากการเรียน (ควรปรบั ปรงุ )
หงุดหงิด ความไม่พอใจในรูปร่างที่เปลี่ยนไป
ความกังวลในเรอื่ งความสวยความหลอ่ 6. ผู้เรยี นต้องการทำาส่งิ ใดเพอื่ พัฒนาตนเอง
9. ตอบ ฆ. มโนธรรม (Conscience) เป็นระบบ 7. ความสามารถทถี่ ือวา่ ผ่านเกณฑป์ ระเมนิ ของผเู้ รียน คือ
ความคิดและความรู้สึกท่ีควบคุมภายในจิตใจ
ของบุคคล ช่วยในการตัดสินว่าการกระทำ�
อะไรถกู อะไรผิด อะไรควรทำ� อะไรไม่ควรทำ�
10. ตอบ จ. เซรเี บลลมั ท�ำ หนา้ ทป่ี ระสานการเคลอ่ื นไหว
ของรา่ งกาย และควบคมุ การทรงตัวของร่างกาย
สุดยอดคู่มือครู 40
5. ขSั้นeปlรfะ-เRมeินgเพu่ือlเaพt่ิมinคgุณค่า
Ap3.pขlyั้นiปnฏgิบัตanิแdละCสoรnุปsคtrวuาcมtiรnู้gหลthังeกาKรnปoฏwิบleัตdิ ge
ตารางสรุปคะแนนการประเมนิ จุดประสงค์การเรยี นรู้ค่านิยมหลัก 12 ประการ
Appl4y.inขgั้นสtื่hอeสาCรoแmลmะนu�ำnเiสcaนtอion Skill
กิจกรรมท้าทาย asean รอบรู้อาเซียนและโลก
และสมรรถนะประจ�ำหนว่ ย
หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 1 พัฒนาการของวัยรุ่น
คะแนนตาม จปส. รายหนว่ ยการเรยี นรู้
1. สงวนลิข ิสทธิ์ บริ ัษท ัพฒนอธิบายความหมายและความส�ำ ัคญของ ัพฒนาการได้า ุคณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด
ชนิ้ งาน/การแสดงออก 2. อธิบาย ัพฒนาการด้าน ่ตางๆ ของวัยรุ่นได้ รวม
ท่ีกำ� หนดในหน่วยการเรยี นรู้หรอื หน่วยย่อย 3. อธิบายปัญหาและแสดงวิ ีธการ ัจดการ ัรบปัญหาในวัยรุ่นได้
4. อ ิธบายการเป ีล่ยนแปลงในวัย ่รุนได้
5. มีเจตค ิตที่ ีดในการเ ีรยนเ ื่รอง ัพฒนาการของ ัวยรุ่นและ
รัก ์ษ ่คา ินยมหลัก 12 ประการของไทย
ภาระงาน/ชนิ้ งานระหว่างเรียน - 8
เรือ่ งท่ี 1 พฒั นาการและวธิ กี ารจดั การกบั ปัญหาในวัยรนุ่ - 8
1. ผังกราฟิกแสดงการเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ 4 4 - - 8 12
พัฒนาการและวิธีการจดั การกับปญั หาในวัยรนุ่
2. ผังกราฟิกสรุปความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับพัฒนาการ - 4 4 - - 4
และวิธกี ารจัดการกบั ปญั หาในวัยรุน่ - 8
3. การนำ�เสนอผลการสรุปความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ - - 4 - 8 12
พฒั นาการและวิธีการจดั การกับปัญหาในวยั รุ่น
41 สุดยอดคู่มือครู
เรอื่ งที่ 2 การเปลี่ยนแปลงของวัยรนุ่
1. ผังกราฟิกแสดงการเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ - - - 4
การเปลี่ยนแปลงของวัยรุ่น
2. ผั ง ก ร า ฟิ ก ส รุ ป ค ว า ม รู้ ค ว า ม เ ข้ า ใ จ เ กี่ ย ว กั บ - - - 8
การเปล่ยี นแปลงของวัยรุน่
3. การนำ�เสนอผลการสรุปความรู้ความใจเกี่ยวกับ - - - 4
การเปล่ยี นแปลงของวยั รุน่
คะแนนตาม จปส. รายหนว่ ยการเรยี นรู้
ชน้ิ งาน/การแสดงออก 1. อ ิธบายความหมายและความส�ำคัญของ ัพฒนาการไ ้ด รวม
ท่ีกำ� หนดในหนว่ ยการเรยี นร้หู รอื หนว่ ยยอ่ ย 2. อธิบาย ัพฒนาการ ้ดาน ่ตางๆ ของ ัวยรุ่นไ ้ด
3. อ ิธบายปัญหาและแสดง ิวธีการ ัจดการรับปัญหาในวัยรุ่นได้
4. อธิบายการเป ี่ลยนแปลงใน ัวยรุ่นได้
5. ีมเจตคติ ่ีทดีในการเ ีรยนเร่ือง ัพฒนาการของ ัวยรุ่นและ
ัรก ์ษค่านิยมห ัลก 12 ประการของไทย
การประเมินรวบยอด 4 4 4 4 - 16
1. ผลการปฏบิ ัติกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ 4 4 4 4 - 16
2. ผลการปฏบิ ัติกจิ กรรมส่งเสรมิ การเรยี นรู้ - - - - 6 6
3. ผลการประเมนิ ตนเอง 2 3 2 3 - 10
4. คะแนนผลการทดสอบ 14 19 18 27 22 100
รวม
สุดยอดคู่มือครู 42
GPAS 5 STEPs 1. Gข้ันaรวthบรeวrมinขg้อมูล 2 . ข้ันคิดPวิเrคoรcาeะหs์แsลinะสgรุปความรู้
A3pp. lขy้ันiปnฏgิบaัตnิแdละCสoรnุปsคtrวuาcมtinรgู้หลthังeกาKรnปoฏwิบleัตdิge Appl4y.inขgั้นสt่ืhอeสาCรoแmลmะนu�ำnเiสcaนtอion Skill 5. ขSั้นeปlfร-ะRเมeินgเพuื่อlaเพti่ิมnคgุณค่า
บูรณาการทักษะศตวรรษท่ี 21 ทักษะชีวิต
ค่านิยมหลัก 12 ประการ กิจกรรมท้าทาย รอบรู้อาเซียนและโลก
asean
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 เพศและการดูแลสขุ ภาพ
ทางเพศ
เพศและการดแู ลสุขภาพทางเพศ
สาระการเรยี นรู้
สาระสำาคัญ 1. เพศ (หนังสอื เรยี น หนา้ 29-34)
เพศเปน็ เร่อื งสำ�คญั เป็นสง่ิ ท่ีติดตัวม�ต�มธรรมช�ต ิ คอื ก�รเกดิ ม�เปน็ เพศช�ยหรือเพศหญงิ 2. พฤติกรรมทางเพศ (หนงั สือเรียน หน้า 34-36)
และเป็นผลจ�กอิทธิพลของสังคมและวัฒนธรรม ได้แก่ ก�รกำ�หนดบทบ�ทท�งเพศในสังคม 3 . การดแู ลสขุ ภาพทางเพศ (หนงั สอื เรยี น หนา้ 36-40)
นอกจ�กนี้ก�รเปล่ียนแปลงท�งเพศยังเกิดข้ึนในช่วงวัยต่�งๆ จึงมีคว�มจำ�เป็นอย่�งยิ่งที่จะต้อง สมรรถนะประจ�ำ หนว่ ย
เรียนรู้ และเข�้ ใจสงั คมต่�งๆ ท่ีเกิดข้นึ เพื่อปฏิบัตติ นให้ถกู ตอ้ งเหม�ะสม แสดงความรเู้ กยี่ วกบั เพศและการดแู ลสขุ ภาพทางเพศ
จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
1. อธิบายความสำ�คัญเกี่ยวกับสุขอนามัยของระบบ
สบื พันธุไ์ ด้
2. แสดงพฤตกิ รรมทางเพศและดแู ลสขุ ภาพทเี่ หมาะสม
ตามวถิ แี ละสังคมไทยได้
3. ประเมินโอกาสเสี่ยงจากพฤติกรรมทางเพศและ
ปญั หาจากการมเี พศสัมพนั ธท์ ่ีไมพ่ ร้อมได้
4. มีเจตคติท่ีดีในการเรียนเรื่องเพศและการดูแล
สุขภาพทางเพศ และรักษ์ค่านิยมหลัก 12 ประการ
ของไทย
สาระการเรยี นรู้
1. เพศ
2. พฤติกรรมท�งเพศ
3. ก�รดแู ลสขุ ภ�พท�งเพศ
การประเมินผล ภาระงาน/ชนิ้ งานรวบยอดในหนว่ ยการเรยี นรู้
1. ผลการปฏบิ ตั กิ ิจกรรมตรวจสอบความเขา้ ใจ
ภาระงาน/ชิน้ งาน/การแสดงออกของผเู้ รยี น 2. ผลการปฏบิ ัติกจิ กรรมส่งเสริมการเรียนรู้
ภาระงาน/ชิน้ งานระหวา่ งเรียน 3. ผลการประเมินตนเอง
1. ผังกราฟิกแสดงการเกบ็ รวบรวมข้อมูลเก่ยี วกบั เพศและการดแู ลสขุ ภาพทางเพศ 4. คะแนนผลการทดสอบ
2. ผังกราฟกิ สรุปความรู้ความเข้าใจเกยี่ วกับเพศและการดูแลสุขภาพทางเพศ
3. การน�ำ เสนอผลการสรปุ ความรคู้ วามเขา้ ใจเกยี่ วกบั เพศและการดแู ลสขุ ภาพทางเพศ
43 สุดยอดคู่มือครู
GPAS 5 STEPs 1. ขG้ันaรวtบhรeวrมinขg้อมูล 2. ขั้นคิดวิเPคrรoาะcหe์แsลsะiสnรgุปความรู้
บูรณาการทักษะศตวรรษท่ี 21 ทักษะชีวิต
Step 1 สมรรถนะประจ�ำ หนว่ ย
แสดงความรู้เก่ียวกบั เพศและการดแู ลสขุ ภาพทางเพศ
gGatherin ขัน้ รวบรวมข้อมลู
1. แบ่งกลุ่มผู้เรียนร่วมกันศึกษาเอกสาร จดุ ประสงค์ก�รเรียนรู้
สงวนลิข ิสทธ์ิ บริษัทพัฒนา ุคณภาพ ิวชาการ (พว.) ำจ�กัด 1. อธบิ ายความสำาคญั เกย่ี วกบั สุขอนามัยของระบบสบื พันธ์ไุ ด้
หนังสือเรียนเก่ียวกับเพศและการดูแล 2. แสดงพฤติกรรมทางเพศและดูแลสขุ ภาพท่เี หมาะสมตามวถิ แี ละสังคมไทยได้
สขุ ภาพทางเพศ 3. ประเมนิ โอกาสเสีย่ งจากพฤตกิ รรมทางเพศและปัญหาจากการมเี พศสมั พันธ์ท่ไี ม่พรอ้ มได้
2. ต้ังคำ�ถามให้ผู้เรียนเสนอข้อมูลจาก 4. มีเจตคติท่ีดีในการเรียน เร่ือง เพศและการดูแลสุขภาพทางเพศ และรักษ์ค่านิยมหลัก
ประสบการณ์ท่ีรับรู้เกี่ยวกับเพศและ 12 ประการของไทย
ก า ร ดู แ ล สุ ข ภ า พ ท า ง เ พ ศ ต า ม หั ว ข้ อ
ท่ีกำ�หนดให้ (ศึกษารายละเอียดคำ�ถาม ผงั ส�ระก�รเรยี นรู้
จากแผนการจัดการเรียนรู)้
3. แต่ละกลุ่มบันทึกผลการศึกษาตามหัวข้อ เพศ
ท่ีกำ�หนดลงผังกราฟิก (เลือกออกแบบ พฤตกิ รรมทางเพศ
และใช้ผังกราฟิกให้เหมาะสมกับลักษณะ การดูแลสขุ ภาพทางเพศ
ของข้อมูล) ดงั ตัวอยา่ ง
เพศและก�รดแู ล
สขุ ภ�พท�งเพศ
บูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21
การจัดการเรียนรู้ที่เน้นกระบวนการคิด กระบวนการแก้ปัญหา
ให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติจากสถานการณ์จริงในชีวิตประจำ�วัน และ
การดำ�เนินชีวิตร่วมกันในสังคมท่ีผู้เรียนเผชิญอยู่เป็นการเสริมสร้าง
สมรรถนะทีด่ ี สามารถใชป้ ระโยชนไ์ ดจ้ ริง หากมีการรว่ มมอื กันทำ�งาน
เปน็ กลมุ่ มกี ารสอ่ื สารระหวา่ งกนั อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพจะชว่ ยใหผ้ เู้ รยี น
เรียนรูต้ นเอง และเพิม่ พนู สมรรถนะของการเป็นมนุษยท์ ี่สมบูรณ์
สุดยอดคู่มือครู 44
Ap3.pขlyั้นiปnฏgิบัตanิแdละCสoรnุปsคtrวuาcมtiรnู้gหลthังeกาKรnปoฏwิบleัตdิ ge Appl4y.inขg้ันสtื่hอeสาCรoแmลmะนu�ำnเiสcaนtอion Skill 5. ขS้ันeปlรfะ-เRมeินgเพu่ือlเaพtิ่มinคgุณค่า
ค่านิยมหลัก 12 ประการ กิจกรรมท้าทาย รอบรู้อาเซียนและโลก
asean
สงวนลิข ิสทธิ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัดเพศและการดแู ลสขุ ภาพทางเพศ 29
1. เพศ
1.1 ความหมายและความสาำ คญั ของเพศ
1.1.1 ความหมายของเพศ
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานได้ให้ความหมายไว้ว่า เพศ เป็นรูปที่แสดงให้รู้ว่า
หญิงหรือชาย
เพศ หมายถึง ลักษณะทางกายภาพท่ีบอกว่าเป็นเพศชายหรือเพศหญิง หรือแรงขับ
หรือสญั ชาตญาณตามธรรมชาตขิ องมนษุ ย์ท่แี สดงออกเป็นพฤตกิ รรม หรอื พฤตกิ รรมทางเพศ
อนามัยทางเพศ หมายถึง ภาวะความสมบรู ณแ์ ขง็ แรงของร่างกายและจติ ใจ ทเี่ ป็นผล
จากกระบวนการและการทำาหน้าท่ีเจริญพันธุ์ที่สมบูรณ์ทางเพศของชายและหญิงทุกช่วงอายุ อันส่งผลให้
มชี ีวิตอย่ใู นสงั คมอย่างมคี วามสุข
1.1.2 ความสาำ คัญของเพศ
การเรียนเร่ืองเพศเป็นกระบวนการสร้างความรู้ ความเข้าใจให้กับบุคคล โดยเฉพาะ
บุคคลในช่วงวัยท่ีมีความเปลี่ยนแปลงทางเพศ ความแตกต่างทางเพศ และการมีบทบาทหน้าที่ทางเพศ
ตามวยั ของตนอยา่ งถกู ตอ้ งและเหมาะสม
เพศเป็นเรอ่ื งสำาคญั ทีต่ ิดตัวมาตามธรรมชาติ คอื การเกดิ มาเป็นเพศชายหรอื เพศหญิง
และเปน็ ผลจากอิทธพิ ลของสังคม วัฒนธรรม และการกำาหนดบทบาททางเพศในสงั คม การเปลยี่ นแปลง
ทางเพศจะเกิดขน้ึ ในช่วงวยั ต่างๆ ความสาำ คัญของเพศสามารถสรปุ ได้ ดังนี้
1) ภาพลกั ษณเ์ กยี่ วกบั รา่ งกายตามเพศ เป็นการทาำ หนา้ ทข่ี องร่างกายตามเพศ ได้แก ่
เพศหญงิ และเพศชาย
2) ความสามารถในการปฏิบัติตามบทบาททางเพศอย่างเหมาะสม เป็นการยอมรับ
ตามวยั และการยอมรบั ของสงั คม
3) ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลอย่างเหมาะสมและมีเหตุผล การมีความสัมพันธ์
ทางเพศท่ีดีเป็นสิ่งท่ีมีความสำาคัญ เพราะจะส่งผลต่อสุขภาพดีท้ังทางร่างกายและจิตใจ มีการปรับตัว
ทีด่ เี ปน็ ทย่ี อมรบั ของสังคม
1.2 การเปลยี่ นแปลงทางเพศ
การเปลย่ี นแปลงทางเพศเปน็ กระบวนการตลอดชวี ติ กอ่ ใหเ้ กดิ การเปลยี่ นแปลงทงั้ ทางรา่ งกาย
จติ ใจ อารมณ ์ และสงั คม โดยการเปลย่ี นแปลงทางเพศในวยั รุน่ เปน็ การเปลยี่ นแปลงทเ่ี ห็นได้อยา่ งชดั เจน
ท่สี ดุ และสง่ ผลตอ่ สขุ ภาพในทุกๆ ดา้ นมากทีส่ ดุ
asean การเรียนรู้สู่อาเซียน
การบรู ณาการค�ำ ศพั ทภ์ าษาองั กฤษทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั เนอื้ หาในบทเรยี น
ช่วยให้ผู้เรียนได้เพ่ิมพูนความรู้ภาษาอังกฤษ และมีเจตคติท่ีดี
ในการสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษที่ใช้เป็นภาษากลางในการทำ�งาน
ของอาเซียน
45 สุดยอดคู่มือครู
GPAS 5 STEPs 1. ขG้ันaรวtบhรeวrมinขg้อมูล 2. ขั้นคิดวิเPคrรoาะcหe์แsลsะiสnรgุปความรู้
บูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21
ทักษะชีวิต
30 เพศวิถศี ึกษาSt ตัวอสุจิ คือ เซลล์สืบพันธุ์ท่ีแบ่งตัวด้วยกระบวนการไมโอซิส
จากร่างกายของเพศชาย โดยการปฏิสนธิจะเกิดขึ้นเม่ือตัวอสุจิ
เมื่อเข้าสวู่ ยั รุ่น คอื อายตุ ง้ั แต่ 12 ปีจนถงึ อายุประมาณ 19 ปี เปน็ ช่วงวยั ท่มี ีการเปล่ยี นแปลงg ผสมกับเซลลไ์ ขใ่ นเพศหญงิ
อย่างมาก การเปล่ยี นแปลงในวยั รนุ่ มลี ักษณะสำาคญั ดงั น ี้
1.2.1 การเปล่ียนแปลงทางด้านร่างกาย เป็นการแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างสงวนลิข ิสทธิ์ บ ิรษัท ัพฒนา ุคณภาพ ิวชาการ (พว.) ำจ�กัด เพศและการดูแลสุขภาพทางเพศ 31
เพศชายกับเพศหญิงท่ีมีลักษณะเฉพาะของเพศอย่างชัดเจน เช่น เพศหญิงจะมีประจำาเดือน เพศชาย
จะเร่ิมมกี ารหลั่งของน้าำ อสจุ ิ ท่อไต
1.2.2 การเปลี่ยนแปลงทางจิตใจและอารมณ์ จะมี ท่อนาำ อสุจิ
ควบคู่ไปกับการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย เร่ิมจากความสนใจ กระเพาะปสั สาวะ
เพศตรงข้ามพร้อมๆ กับมีความสนใจในตนเอง มีความต้องการ ตอ่ มลกู หมาก
ทางเพศ และแสวงหาวิธีการแสดงออกทางเพศทเี่ หมาะสม ลกู อณั ฑะ
1.2.3 การปรับตัวทางสังคม เป็นการวางตน เช่น
การคบเพ่ือน และการควบคุมตนเองในการแสดงออกให้เป็น อวัยวะเพศ
ทีย่ อมรับของสงั คม เป็นต้น
ลักษณะการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว เป็นส่ิงจำาเป็น ภาพท่ ี 2.2 อวยั วะสืบพันธ์ภุ ายในของเพศชาย
ที่จะต้องรักษาสุขภาพท้ังทางด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์และ ภาพที ่ 2.1 การปรบั ตวั ของวยั รนุ่
สงั คมอยา่ งถกู ต้องเหมาะสม 1.3.2 อวยั วะสบื พันธุข์ องเพศหญิง ประกอบดว้ ย อวยั วะสืบพนั ธุ์ภายนอกและภายใน ดงั นี้
1) อวยั วะสืบพนั ธภุ์ ายนอก ได้แก่
1.3 อวยั วะสบื พันธุ์ (1) เนนิ หวั หนา่ ว มลี กั ษณะเปน็ รปู สามเหลย่ี มปลายแหลมลง อยบู่ นกระดกู หวั หนา่ ว
ประกอบดว้ ย ไขมัน เมื่อเข้าสู่วยั รุ่นจะมขี นข้ึนปกคลมุ ในบริเวณนี้
อวัยวะสืบพนั ธข์ องวัยร่นุ ไดแ้ ก่ (2) แคมใหญ่ มีลักษณะเป็นกลีบเนื้อนูนทอดจากเนินลงมาท้ัง 2 ข้าง จรดกัน
1.3.1 อวัยวะสืบพันธุ์ของเพศชาย ระบบสืบพันธุ์เป็นระบบที่มีการเปลี่ยนแปลงมากท่ีสุด ท่บี รเิ วณฝเี ย็บ กลบี เนอื้ ทง้ั สองขา้ งนี้จะอยูต่ ิดกนั และปิดอวัยวะสบื พันธภุ์ ายในไว้
ในวัยรนุ่ ซ่งึ พัฒนาจนสมบรู ณ์และพรอ้ มจะทำาหน้าท่ไี ด ้ ระบบสืบพันธ์ุในเพศชายแบง่ ออกเปน็ 2 สว่ น คอื (3) แคมเล็ก มีลักษณะเป็นกลีบเน้ือเช่นเดียวกับแคมใหญ่ แต่มีขนาดเล็กกว่า
1) อวัยวะสืบพันธ์ุภายนอก ประกอบด้วย ถุงอัณฑะและอวัยวะเพศชายที่เรียกว่า ซ่อนอยู่ดา้ นในลงมาจรดกนั ทบ่ี รเิ วณอวัยวะเพศ
ลึงค์หรือองคชาต อวัยวะเพศมีลักษณะเป็นกล้ามเนื้อเป็นแท่งท่ีมีลักษณะคล้ายฟองน้ำา สามารถยืด (4) คลติ อริส มลี กั ษณะเป็นเปน็ เนนิ ตุ่มเล็กๆ ประกอบด้วย กล้ามเนอื้ ท่ียดื หดได ้
และหดได ้ มหี นงั หมุ้ อยบู่ รเิ วณดา้ นหนา้ ของถงุ อณั ฑะ ภายในอวยั วะเพศมที อ่ ปสั สาวะโดยตลอดและมเี สน้ มเี สน้ ประสาทมาก เป็นจดุ ทไ่ี วต่อความรูส้ ึก
ประสาทมาหล่อเลี้ยง ทำาใหไ้ วต่อความรสู้ ึก จะแข็งตัวและมีขนาดใหญ่ข้ึนเมื่อมอี ารมณ์ทางเพศ ถงุ อัณฑะ (5) ช่องคลอด เป็นอวัยวะที่ต่อเน่ืองมาจากแคมเล็ก สามารถยืดขยายตัวได้
ห่อห้มุ ลกู อณั ฑะ 2 ข้าง ภายในมีเนอ้ื เยือ่ และหลอดเลอื ดเล็กๆ อัณฑะทาำ หนา้ ทผ่ี ลติ อสุจิ ภายในช่องคลอดจะมีสภาพเปน็ กรด
2) อวัยวะสืบพันธุ์ภายใน ประกอบด้วย ลูกอัณฑะ ภายในถุงอัณฑะ มีหน้าที่ผลิต (6) เยอื่ พรหมจารี คอื เยอ่ื บปุ ากชอ่ งคลอด เปน็ เนอื้ เยอ่ื ทอี่ ยถู่ ดั จากแคมเลก็ เขา้ ไป
ตัวอสุจแิ ละฮอร์โมนเพศชาย ต่อมลูกหมากอยู่ด้านล่างของกระเพาะปัสสาวะ มีหน้าท่ีผลิตของเหลวชนิด ทาำ หน้าท่ปี อ้ งกนั สงิ่ สกปรกและสิง่ แปลกปลอมเขา้ ไปในช่องคลอด
หนึ่งเพื่อผสมกับตัวอสุจิ และนำ้าเมือกจากท่อน้ำาอสุจิเป็นของเหลวข้นสีขาว เรียกว่า น้ำากาม จะถูกขับ (7) ฝเี ย็บ เป็นบริเวณส่วนล่างของชอ่ งคลอดลงมาถงึ ทวาร
ออกมาในขณะรว่ มเพศ คร้งั ละประมาณ 2-5 มิลลลิ ติ ร (ซซี ี) 2) อวัยวะสบื พนั ธุ์ภายใน ได้แก่
(1) ช่องคลอด มลี กั ษณะเปน็ ทอ่ ยาวต่อจากปากช่องคลอดถงึ ปากมดลกู ประมาณ
ep 2 ขัน้ คิดวเิ คราะห์ 6 นิ้ว (15 เซนติเมตร) ผนังด้านหน้าจะสั้นกว่าด้านหลัง 2-3 เซนติเมตร ประกอบด้วย กล้ามเนื้อ และ
และสรปุ ความรู้ เนือ้ เยอ่ื พังผืด มีเสน้ เลอื ดและเสน้ ประสาทหลอ่ เล้ียงมาก มีสภาวะเปน็ กรดออ่ นๆ สามารถตอ่ ตา้ นเชอื้ โรค
rocessin บางชนดิ ได ้ ภายในชอ่ งคลอดจะมคี วามชมุ่ ชนื้ จากนาำ้ เมอื กของตอ่ มปากมดลกู และตอ่ มบาโธลนิ ชอ่ งคลอด
P เปน็ ทางผ่านของประจำาเดือน เป็นชอ่ งทางผา่ นของเชือ้ อสุจ ิ และเป็นช่องทางใหท้ ารกคลอดออกมา
1. ผู้เรียนร่วมกันวิเคราะห์และอภิปรายเกี่ยวกับเพศและการดูแล
สุขภาพทางเพศ โดยใช้ขอ้ มลู ความรู้ความเข้าใจที่ไดจ้ ากการศกึ ษา
ค้นคว้าจากหนังสือเรียน เอกสาร แหล่งเรียนรู้อื่นๆ หรือ
ประสบการณข์ องผเู้ รียน
2. ผู้เรียนร่วมกันเชื่อมโยงความคล้ายคลึงของข้อมูลท่ีนำ�มาอภิปราย
และสรุปความรู้ตามหัวข้ออภิปราย แสดงเป็นความคิดรวบยอด
หรือหลกั การลงในผงั กราฟิก
3. ผู้เรียนบนั ทกึ ผลขอ้ สรุปเป็นความเข้าใจของกล่มุ และรายบคุ คล
สุดยอดคู่มือครู 46
Ap3.pขlyั้นiปnฏgิบัตanิแdละCสoรnุปsคtrวuาcมtiรnู้gหลthังeกาKรnปoฏwิบleัตdิ ge Appl4y.inขg้ันสt่ืhอeสาCรoแmลmะนu�ำnเiสcaนtอion Skill 5. ขSั้นeปlรfะ-เRมeินgเพuื่อlเaพt่ิมinคgุณค่า
ค่านิยมหลัก 12 ประการ กิจกรรมท้าทาย รอบรู้อาเซียนและโลก
asean
32 เพศวิถีศกึ ษาสงวนลิข ิสทธิ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด การปฏิสนธิ เป็นกระบวนการท่ีเซลล์ของเพศชาย (อสุจิ) เข้าไป
รวมกับเซลลข์ องเพศหญงิ (ไข่) ทำ�ให้เกดิ เซลล์ใหม่ขนึ้ มา
(2) มดลูก มีลักษณะคล้ายลกู ชมพ่คู วา่ำ อยู่ระหวา่ งดา้ นหลังของกระเพาะปัสสาวะ
และทวารหนกั ตัวมดลกู ประกอบด้วยกล้ามเน้อื 3 ชนั้ ชัน้ ในเปน็ ช้ันท่มี กี ารเปลี่ยนแปลงจากการสลายตัว
ตามวงจรของประจำาเดือน ภายในสุดเป็นโพรงมดลูกมีความยาวประมาณ 3-4 ซม สามารถขยาย
เพมิ่ ขึ้นไดเ้ มอ่ื ตัง้ ครรภ์ โพรงมดลกู นจ้ี ะต่อกับทอ่ รังไข่
(3) ทอ่ รงั ไขห่ รอื ปกี มดลกู มลี กั ษณะเปน็ ทอ่ ตอ่ จากมดลกู ทอดออกไปทางดา้ นขา้ ง
2 ข้าง ภายในมีรูกลวงต่อกับโพรงมดลูก ภายในท่อรังไข่เป็นบริเวณที่เช้ืออสุจิผสมกับไข่ แล้วไข่จะ
เดินทางไปฝงั ตวั ทผ่ี นังของมดลกู
(4) รังไข่ มีลักษณะคล้ายเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ อยู่ชิดปลายของท่อรังไข่ติดกับ
มดลูก รังไข่มีหน้าท่ีผลิตฮอร์โมนภายในรังไข่ ทำาให้อวัยวะสืบพันธ์ุเจริญเติบโตเต็มที่เม่ือเข้าสู่วัยรุ่นและ
ผลิตไข่ออกมาเดือนละ 1 ฟอง ซ่ึงพร้อมที่จะถูกผสมและมีการปฏิสนธิต่อไป ถ้าไข่ไม่ได้รับการผสม
จะสลายไปเอง
มดลูก
ทอ่ นำาไข่หรือปีกมดลูก
รงั ไข่
ปากมดลกู
ชอ่ งคลอด
ปากช่องคลอด
ภาพที ่ 2.3 อวัยวะสบื พนั ธ์ุภายในของเพศหญงิ
1.4 วิธีปฏิบตั ิตนเพื่อสุขภาพ
การปฏบิ ัตติ นในการดูแลรักษาสขุ ภาพอย่างถูกต้อง มดี ังน้ี
1.4.1 การรักษาความสะอาด อวัยวะเพศอยู่ในท่ีอับชื้น จึงทำาให้เกิดกล่ินได้ง่าย ดังน้ัน
การรักษาความสะอาดและซับให้แห้งจึงเป็นสิ่งสาำ คัญและจำาเป็นอย่างยิ่ง ควรทำาความสะอาดอย่างน้อย
วันละ 2 คร้งั
1.4.2 การใช้กางเกงชั้นใน ควรเลือกใส่กางเกงในที่เป็นผ้าดูดซับเหงื่อได้ดี และการระเหย
ไดง้ ่าย เพอื่ ป้องกันไม่ให้บริเวณอวยั วะเพศเปียกชืน้ อยูต่ ลอดเวลา ซึ่งอาจจะทำาให้เกิดผืน่ คนั ไดง้ ่าย
1.4.3 การรับประทานอาหาร ควรรบั ประทานอาหารที่ด ี มปี ระโยชน์ และดื่มนำ้าสะอาด
เพศและการดแู ลสขุ ภาพทางเพศ 33
1.4.4 การออกกาำ ลงั กายและการพกั ผอ่ น
ควรพักผ่อนให้เพียงพอแก่ความต้องการของ
ร่างกาย และออกกำาลังกายหรือเล่นกีฬาได้
ตามสมควร เช่น ว่ายนำ้า วิ่ง ฟุตบอล และควร
หางานอดิเรกทำา เช่น อ่านหนังสือ ฟังเพลง
เพ่ือไม่ให้มีความวิตกกังวลในการปรับตัวของช่วง
วยั ร่นุ
ภาพท่ี 2.4 การออกกำาลังกาย
1.4.5 การปฏบิ ตั ติ นในระหวา่ งมปี ระจาำ เดอื นของวยั รนุ่ หญงิ วยั รนุ่ หญงิ จะเรมิ่ มปี ระจำาเดอื น
เมื่ออายุย่างเข้า 11 ปี ควรดูแลสุขภาพร่างกายโดยการพักผ่อน ออกกำาลังกายเบาๆ ไม่เครียดหรือ
วติ กกังวลมาก
1.4.6 การปฏิบัติตนในวัยรุ่นชาย เมื่อเข้าสู่วัยรุ่นจะมีสัญญาณท่ีบอกถึงความสมบูรณ์
ของระบบสืบพันธุ์ ซ่ึงนอกจากจะเห็นความเจริญเติบโตจากลักษณะภายนอกแล้ว สัญญาณของเพศชาย
คือ มีการหล่ังน้ำาอสุจิในช่วงท่ีนอนหลับ ซึ่งเป็นส่ิงท่ีเกิดขึ้นตามธรรมชาติ เรียกว่า ฝันเปียก ควรดูแล
สุขภาพรา่ งกายโดยการพักผอ่ น ออกกำาลังกายเบาๆ ไม่เครียดหรือวิตกกังวลมาก
1.4.7 การเกิดสิว เป็นปัญหาที่สำาคัญ ภาพที ่ 2.5 การเกิดสิว
ของวัยรุ่นทั้งชายและหญิง เพราะเมื่อเกิดสิวจะก่อ
ใ ห้ เ กิ ด ค ว า ม รู้ สึ ก วิ ต ก กั ง ว ล สิ ว เ กิ ด จ า ก
การเปลย่ี นแปลงทางฮอร์โมน การใช้เครื่องสาำ อางที่
ไม่เหมาะสม เกิดจากความสกปรกของผิวหนัง
บริเวณใบหน้า ความเครียด และความวิตกกังวล
ควรดูแลรักษาความสะอาดใบหน้าอย่างน้อย
วันละ 2 ครั้ง รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
ลดอาหารทม่ี ีมนั มาก และพักผอ่ นให้เพียงพอ
1.4.8 การรกั ษาความสะอาดของรา่ งกายและการแตง่ กาย วยั รนุ่ มกี ารเจรญิ เตบิ โตทางรา่ งกาย
อย่างรวดเร็ว ประกอบกับเร่ิมให้ความสนใจกับการดูแลตนเอง ต้องการการเป็นท่ียอมรับ จึงควร
เลือกเส้ือผ้าให้เหมาะสม ไม่ควรสวมเสื้อผ้าซำ้า เพราะเหง่ือที่ร่างกายขับออกมาจะเกิดกล่ินอับชื้นและ
แบคทีเรีย จึงควรทำาความสะอาดร่างกายอย่างน้อยวันละ 2 คร้ัง และใส่เสื้อผ้าท่ีสะอาด เหมาะสมกับ
กาลเทศะ
47 สุดยอดคู่มือครู
GPAS 5 STEPs 1. ขG้ันaรวtบhรeวrมinขg้อมูล 2. ข้ันคิดวิเPคrรoาะcหe์แsลsะiสnรgุปความรู้
บูรณาการทักษะศตวรรษท่ี 21
ทักษะชีวิต
34 เพศวถิ ศี ึกษา ทักษะชีวิต
การนำ�ความรู้เร่ืองเพศและการดูแลสุขภาพทางเพศมาประยุกต์ใช้
1.5 การปรบั ตวั ทางสงั คม ในชีวิตประจำ�วัน เพ่ือให้สามารถแสดงพฤติกรรมทางเพศและดูแล
สขุ ภาพทางเพศใหเ้ หมาะสมตามวถิ แี ละสงั คมไทย ซง่ึ เปน็ การเสรมิ สรา้ ง
วยั รนุ่ เปน็ วยั ทมี่ กี ารเปลยี่ นแปลงทกุ ดา้ น การปรบั ตวั ทางสงั คมเปน็ สง่ิ ทสี่ ำาคญั เมอื่ เขา้ สวู่ ยั รนุ่ ทกั ษะชีวติ ทม่ี ผี ลดีตอ่ ตนเองและสังคม
จะเร่ิมสนใจคบเพ่ือนต่างเพศ วัยรุ่นจึงต้องระวังอย่างมากในเรื่องการคบเพ่ือนต่างเพศ การไปเที่ยวกับ
เพ่ือนต่างเพศควรอยู่ในขอบเขตที่เหมาะสม และไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย โดยเฉพาะวัยรุ่นหญิง
ควรไปกันเป็นกลุ่มๆ ไม่ไปในสถานที่ทไ่ี ม่สมควร เชน่ สถานบนั เทงิ ต่างๆ เปน็ ตน้
St ภาพท ่ี 2.6 การปรบั ตัวทางสงั คม สารเสพติด หมายถึง สารใดก็ตามที่เกิดข้ึนตามธรรมชาติหรือ
สารทส่ี งั เคราะหข์ น้ึ เมอื่ น�ำ เขา้ สรู่ า่ งกายไมว่ า่ โดยวธิ รี บั ประทาน ดม
wldedge2. พฤตกิ รรมทางเพศ สบู ฉดี หรอื ดว้ ยวธิ กี ารใดๆ แลว้ ท�ำ ใหเ้ กดิ ผลตอ่ รา่ งกายและจติ ใจ
สงวนลิข ิสทธิ์ บริ ัษทพัฒนา ุคณภาพ ิวชาการ (พว.) ำจ�กัด ผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ จะมีโอกาสเส่ียงต่อการติดโรคทางเพศสัมพันธ์ พฤติกรรมเสี่ยง เพศและการดูแลสุขภาพทางเพศ 35
ไดแ้ ก่ การมีเพศสมั พนั ธ์ก่อนวัยอันควร การมีครู่ กั หลายคน การมเี พศสัมพันธก์ ับเพศเดียวกนั
2.2 ปัญหาทเี่ กี่ยวกับพฤตกิ รรมทางเพศของวยั รุ่น
2.1 พฤตกิ รรมเสีย่ งตอ่ การตดิ โรคทางเพศสัมพนั ธ์
เปน็ ปญั หาสำาคัญประการหนึ่งที่สง่ ผลกระทบโดยตรงและโดยอ้อม เช่น การตัง้ ครรภท์ ไี่ ม่พงึ
พฤตกิ รรมเสี่ยงตอ่ การติดโรคทางเพศสัมพนั ธ ์ หมายถึง พฤติกรรมทจี่ ะทำาให้มีโอกาสติดโรค ปรารถนา โรคทางเพศสมั พันธ์ การทาำ แทง้ ปญั หาเดก็ ถกู ทอดทิง้ เปน็ ต้น ปญั หาทีเ่ กี่ยวกบั พฤตกิ รรมทาง
ทางเพศสมั พันธ์ตา่ งๆ ดังนี้ เพศของวัยร่นุ มีดังนี้
2.1.1 การเปลี่ยนค่นู อนหลายคน 2.2.1 พฤติกรรมทางเพศในวยั รุน่ ชาย ไดแ้ ก่
2.1.2 เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพนั ธ์ 1) การอ่านหนังสือการ์ตูนลามกและดูส่ือลามก เพ่ือเรียนรู้เก่ียวกับเร่ืองเพศ
2.1.3 คู่ครองเป็นโรคติดตอ่ ทางเพศสัมพันธ ์ ส่อื เหลา่ นี้มักจะแสดงพฤตกิ รรมทางเพศท่ีผิดไปจากความจรงิ เพ่อื จะดงึ ดดู ความสนใจของผ้ดู ู การดูสือ่
2.1.4 ร่วมเพศกับคนที่ไม่รูจ้ ัก ลามกอาจทาำ ใหข้ าดความยบั ยง้ั ชง่ั ใจหรอื ทำาใหม้ พี ฤติกรรมทางเพศที่ผดิ ปกตไิ ด้
2.1.5 ดมื่ สรุ าหรอื ใชส้ ารเสพติดก่อนรว่ มเพศ อาจทำาให้การรว่ มเพศเสยี่ งตอ่ การตดิ โรค 2) การมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร โดยอาจจะเป็นเพื่อนหญิง คู่รัก หรือ
2.1.6 รว่ มเพศกบั ผตู้ ิดยาเสพตดิ หญิงขายบริการทางเพศอาจทาำ ให้ติดโรคทางเพศสัมพันธ์ได้ ควรใช้ถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันโรคติดต่อ
2.1.7 รว่ มเพศทางทวารหนัก ทางเพศสัมพันธ์
2.1.8 ไม่สวมถงุ ยางขณะรว่ มเพศกับคนที่ไมใ่ ช่ภรรยา 3) การมีคู่นอนหลายๆ คน จะมีความเส่ียงสูงต่อการติดโรคทางเพศสัมพันธ์
ฯลฯ หากไม่ใชถ้ ุงยางอนามัย
2.2.2 พฤตกิ รรมทางเพศในวัยรุ่นหญงิ ได้แก่
ep 3 1) การแต่งตัวให้เป็นท่ีดึงดูดความสนใจของเพศตรงข้าม โดยไม่คำานึงถึง
ความเหมาะสมและความปลอดภัย จะเส่ียงต่อการเกิดอาชญากรรมทางเพศ เช่น ใส่เส้ือสายเด่ียว
conAstructpipnlgyitnhge aknno ขัน้ ปฏิบตั ิและสรปุ ความรู้ เสือ้ เกาะอก กางเกงขาสัน้ กางเกงเอวตำา่
หลังการปฏบิ ตั ิ 2) การยอมมีเพศสัมพันธ์กับคู่รัก โดยคิดว่าความสัมพันธ์จะยาวนานม่ันคงหรือ
ทำาให้คนรักไม่ไปมีคนอื่นเป็นการแสดงออกที่ไม่ถูกต้อง เพราะความรักจะมีองค์ประกอบด้านอ่ืนๆ เช่น
1. ผู้เรียนนำ�ข้อสรุปความรู้ความเข้าใจท่ีได้แลกเปล่ียนเรียนรู้ร่วมกัน ความเขา้ ใจ ความเหน็ ใจ ความเออ้ื อาทร มนี ิสัยใจคอทีเ่ ข้ากันได ้
ระหว่างกลุ่มในชั้นเรียนมาวิเคราะห์ โดยการทำ�กิจกรรมตรวจสอบ 3) การมีเพศสัมพันธ์กับผู้ท่ีไม่เคยรู้จัก อาจเกิดจากการล่อลวง ความมึนเมา และ
ความเข้าใจ (หนงั สอื เรยี น หน้า 41-42) การถูกข่มขืน ซง่ึ จะตอ้ งไปพบแพทยใ์ ห้ตรวจรา่ งกาย เพ่ือใชเ้ ปน็ หลักฐานลงโทษผกู้ ระทำาผดิ ต่อไป
2. กลุ่มผู้เรียนร่วมกันสรุปแนวคิดเก่ียวกับเพศและการดูแลสุขภาพ 2.3 ปัจจัยและสถานการณเ์ สย่ี งตอ่ การมีเพศสัมพันธ์
ทางเพศ จากน้ันทำ�กิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ (หนังสือเรียน
หนา้ 43-44) ปจั จยั และสถานการณเ์ สีย่ งต่อการมีเพศสัมพนั ธท์ ่สี าำ คญั มีดงั น้ี
2.3.1 การจับคู่ ปัจจุบันวัยรุ่นจำานวนมากนิยมที่จะมีคู่รัก หากวัยรุ่นมีความรักแล้วรู้จัก
ปฏิบัติและวางตัวอย่างเหมาะสม มีความรับผิดชอบในเรื่องเรียนก็จะไม่มีส่ิงเสียหาย แต่วัยรุ่นบางคู่
ชักนำากันมีพฤติกรรมทางเพศที่ไม่เหมาะสม โดยการชวนกันไปเท่ียวกลางคืน ดื่มสุรา เสพสารเสพติด
ซงึ่ จะนาำ ไปสกู่ ารมีเพศสัมพันธใ์ นทส่ี ดุ
2.3.2 การเสพสารเสพติด เป็นปัจจัยสำาคัญอีกประการหนึ่งที่ชักนำาให้วัยรุ่นมีเพศสัมพันธ์
ไดง้ า่ ย ไดแ้ ก ่ การดม่ื สรุ าหรอื เครอ่ื งดม่ื ทมี่ แี อลกอฮอลจ์ ะทำาใหม้ นึ เมา และขาดสต ิ หรอื การเสพยาอ ี ยาเลฟิ
ที่เม่ือเสพเข้าไปแล้วจะไปกระตุ้นประสาท ทำาให้เกิดความเคลิบเคลิ้ม สับสน งุนงง และชักนำาไปสู่
การมีเพศสัมพนั ธ์ในทีส่ ุด
สุดยอดคู่มือครู 48
Ap3.pขlyั้นiปnฏgิบัตanิแdละCสoรnุปsคtrวuาcมtiรnู้gหลthังeกาKรnปoฏwิบleัตdิ ge Appl4y.inขg้ันสt่ืhอeสาCรoแmลmะนu�ำnเiสcaนtอion Skill 5. ขS้ันeปlรfะ-เRมeินgเพu่ือlเaพt่ิมinคgุณค่า
ค่านิยมหลัก 12 ประการ กิจกรรมท้าทาย รอบรู้อาเซียนและโลก
asean
36 เพศวถิ ศี ึกษา การทำ�แท้ง ตามความหมายขององคก์ ารอนามัยโลก (WHO) คอื
การสิ้นสุดการตั้งครรภ์ก่อนเด็กจะสามารถดำ�รงชีวิตอยู่ได้
2.4 ปญั หาท่ีเกดิ จากพฤตกิ รรมเสี่ยงทางเพศ นอกครรภ์มารดา โดยถือเอาการสิ้นสุดการตั้งครรภ์ก่อนอายุ
28 สัปดาห์ ซงึ่ เปน็ ช่วงเวลาทเี่ ด็กยงั หนกั ไม่ถึง 1,000 กรมั
พฤตกิ รรมเสยี่ งทางเพศ จะกอ่ ใหเ้ กดิ ปญั หาต่างๆ ดงั นี้ สงวนลิข ิสทธิ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด
2.4.1 ปัญหาการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร การอยู่ด้วยกันสองต่อสองระหว่างชายหญิง เพศและการดูแลสขุ ภาพทางเพศ 37
ในทล่ี บั ตาคน และในบรรยากาศทจ่ี ะนาำ ไปสกู่ ารมเี พศสมั พนั ธ์ ทาำ ใหเ้ กดิ ปญั หาการตงั้ ครรภก์ อ่ นวยั อนั ควร
2.4.2 ปัญหาการทำาแท้ง สาเหตุของการทำาแท้งในวัยรุ่นเกิดจากความไม่พร้อมใน 3.2 การดแู ลสุขภาพโดยการปอ้ งกันปัจจัยท่ที ำาใหเ้ กดิ ปัญหาสขุ ภาพทางเพศ
การตัง้ ครรภ์ การขาดความรคู้ วามเขา้ ใจในการป้องกันขณะมเี พศสัมพันธ ์
2.4.3 ปัญหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เกิดจากการขาดความรู้ความเข้าใจในเร่ืองเพศ เป็นการป้องกันปัจจัยท่ีก่อให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพทางเพศ ได้แก่ โรคติดต่อหรือ
และไม่ตระหนักถึงความสำาคัญของปัญหาที่จะเกิดข้ึนตามมา เน่ืองจากไว้ใจคู่นอนของตนเองมากเกินไป
จึงไมส่ วมถงุ ยางอนามัยขณะมีเพศสัมพันธ ์ โรคไมต่ ดิ ต่อบางชนิดทอ่ี าจเกิดข้นึ กับสขุ ภาพทางเพศ ดงั นี้
3.2.1 โรคติดต่อทางเพศสัมพนั ธ ์
3 การดแู ลสุขภาพทางเพศ 1) โรคเอดส์ (AIDS : Acquired Immuno Deficiency Syndrome) เป็นกลมุ่
อาการเจบ็ ป่วยเน่ืองจากร่างกายไดร้ บั เชอ้ื ไวรสั เอชไอวี (HIV : Human Immunodeficiency Virus) จาก
การดแู ลสขุ ภาพทางเพศมีหลายวิธี และหลายรปู แบบ ในทน่ี ขี้ อนาำ เสนอ 2 รูปแบบ คือ
การมีเพศสัมพันธ์กับผู้ท่ีติดเชื้อ หรือการได้รับเลือดท่ีมีเช้ือเอชไอวี ซึ่งจะทำาลายเม็ดเลือดขาวท่ีมีหน้าที่
3.1 การดูแลสขุ ภาพทั่วไป
สร้างภูมคิ ุ้มกนั โรค ทำาให้ร่างกายตดิ เชอื้ โรคตา่ งๆ ได้งา่ ย
3.1.1 การดูแลตนเองให้เจริญเติบโตสมวัย โดยการวิเคราะห์นำ้าหนัก ส่วนสูง และอายุกับ อาการของโรคเอดส์
เกณฑม์ าตรฐานจะทำาให้ทราบภาวะการเจริญเตบิ โตทางรา่ งกาย เพอื่ นาำ ไปใชพ้ ฒั นาตนเองใหเ้ จริญเตบิ โต ระยะที่ 1 ระยะไม่ปรากฏอาการ ผู้ติดเช้ือจะไม่มีอาการผิดปกติ สามารถตรวจ
การเจรญิ เตบิ โตทางด้านร่างกายสามารถประเมนิ ไดจ้ ากน้ำาหนกั ตามเกณฑ์ของอายแุ ละส่วนสงู พบเช้อื ได้หลังจากรบั เช้ือประมาณ 4 สปั ดาห ์ ในระยะนีผ้ ้ตู ิดเชือ้ สามารถแพรเ่ ช้ือสู่ผอู้ ื่นได ้
3.1.2 การรับประทานอาหารให้ถูกต้องตามหลักโภชนบัญญัติ ได้แก่ รับประทานอาหาร ระยะท ี่ 2 ระยะเร่ิมปรากฏอาการ เป็นระยะอาการสัมพันธ์กับโรคเอดส์ คือ มี
ให้ครบ 5 หมู่ ดื่มนมให้เหมาะสมตามวัย หลีกเล่ียงการรับประทานอาหารหวานจัดและเค็มจัด เชื้อราในกระพุ้งแก้มหรือเพดาน ปากต่อมนำ้าเหลืองโตบริเวณคอ รักแร้ ขาหนีบ เป็นงูสวัด น้ำาหนักลดลงเกิน
รับประทานอาหารทีส่ ะอาด ปราศจากสง่ิ ปนเป้ือน งดเครื่องด่มื ท่มี ีแอลกอฮอล์
3.1.3 การออกกาำ ลงั กาย เปน็ การกระตนุ้ ใหก้ ลา้ มเนอ้ื และกระดกู มคี วามแขง็ แรง มโี ครงสรา้ ง 10 กโิ ลกรัมใน 1 เดอื น มไี ข ้ และท้องเสยี เร้อื รังเกิน 1 เดอื น โปรตนี เปลือกนอก
รา่ งกายทส่ี มบรู ณแ์ ละสมสว่ น กระตนุ้ ใหก้ ารทาำ งานของปอด หวั ใจและระบบในรา่ งกายทาำ งานไดอ้ ยา่ งปกต ิ ระยะท ่ี 3 ระยะโรคเอดส ์
และสามารถเพิม่ ภมู ิต้านทานโรคทาำ ให้อารมณด์ ี ไม่เครียด ควรออกกำาลงั กายสมำา่ เสมอทกุ วัน อย่างนอ้ ย เกิดการติดเชื้อโรค เป็นระยะโรคเอดส์เต็มขั้น
สปั ดาหล์ ะ 3 วัน วนั ละ 30 นาท ี
3.1.4 การพักผ่อนและการนอนหลับ เป็นอีกปัจจัยหน่ึงที่จะช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโต อาการจะข้ึนอยู่กับว่าติดเช้ือที่ส่วนใดของร่างกาย เปลือกหุม้ ไวรสั
อย่างเตม็ ทต่ี ามวยั การนอนหลับถือว่าเป็นการพกั ผ่อนทด่ี ที ีส่ ุด
3.1.5 การหลีกเลี่ยงสารเสพติด สารเสพติดเป็นส่ิงท่ีก่อให้เกิดโทษต่อผู้เสพทั้งทางร่างกาย
และจติ ใจ โดยทาำ ลายสขุ ภาพใหท้ รดุ โทรม เกดิ โรคภยั ตา่ งๆ สง่ ผลใหพ้ ฒั นาการของวยั รนุ่ หยดุ ชะงกั สภาพ
อารมณ์และจติ ใจไม่เป็นปกต ิ ไมส่ ามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้
3.1.6 การตรวจสขุ ภาพประจำาป ี ควรเขา้ รับการตรวจสุขภาพประจำาปีอย่างน้อยปลี ะ 1 ครั้ง
เพอ่ื ตรวจสภาพความสมบรู ณแ์ ขง็ แรงของรา่ งกายและสาำ รวจหาความผดิ ปกตขิ องรา่ งกาย เพอื่ หาวธิ ปี อ้ งกนั
และแก้ไขได้ทนั ท่วงที
3.1.7 การรกั ษาความสะอาดของรา่ งกาย ไดแ้ ก ่ การอาบนา้ำ ลา้ งหนา้ แปรงฟนั ทาำ ความสะอาด
อวัยวะเพศ เปน็ ประจาำ ทกุ วัน
งสู วดั เกดิ จากเชอื้ ไวรสั VZV ซงึ่ เปน็ เชอ้ื ไวรสั ชนดิ เดยี วกบั ทที่ �ำ ให้
เกิดโรคอีสุกอีใส โดยลักษณะอาการจะมีผื่นแดงข้ึนตามแนว
เส้นประสาทของผิวหนัง ในบางรายอาจมีอาการคันหรือเป็นไข้
รว่ มด้วย
เช่น จะมีอาการไอเรื้อรัง มีเสมหะสีเขียวเหลือง ย(RีนNชAนดิ) อารเ์ อน็ เอ
เจ็บแน่นหน้าอก ไอเป็นเลือด หอบ อ่อนเพลีย โปรตีนแกนกลาง
เยอ่ื หมุ้ สมองอกั เสบ ปวดศรี ษะอยา่ งรนุ แรง คอแขง็
คลื่นไส้อาเจียน เป็นมะเร็ง เช่น มะเร็งหลอดเลือด
จะมีรอยจาำ้ แดงม่วงตามผิวหนัง มะเรง็ ตอ่ มน้าำ เหลือง ภาพท ี่ 2.7 โครงสร้างเชื้อเอชไอวี (HIV)
จะมกี ้อนโตตามตอ่ มน้าำ เหลอื งต่างๆ
แนวทางการปอ้ งกันโรคเอดส์
(1) ไมม่ เี พศสมั พนั ธก์ ่อนวัยอันควร
(2) ใช้ถงุ ยางอนามยั เม่ือมีเพศสมั พันธ์
(3) ขอรับบริการปรึกษาโรคเอดส ์ และตรวจโรคได้จากศูนย์บริการช่วยเหลือหรือ
สถานพยาบาล
(4) ไมใ่ ชส้ ารเสพติด
(5) ไม่ใชส้ ง่ิ ของเคร่ืองใชส้ ว่ นตัวที่มีคมร่วมกนั เช่น มีดโกนหนวด กรรไกรตัดเล็บ
เพราะอาจเกดิ บาดแผลเลือดออกและติดเชื้อเอดสไ์ ด ้
49 สุดยอดคู่มือครู
GPAS 5 STEPs 1. ขG้ันaรวtบhรeวrมinขg้อมูล 2. ขั้นคิดวิเPคrรoาะcหe์แsลsะiสnรgุปความรู้
บูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21
ทักษะชีวิต
38 เพศวถิ ศี ึกษา ep 4
St
2) โรคหนองใน เกดิ จากการติดเชอื้ Neisseria gonorrhoeae ซ่งึ เป็นเชื้อแบคทีเรีย
ที่มีรปู รา่ งคอ่ นขา้ งกลม เป็นโรคตดิ ต่อทางเพศสมั พนั ธ์ทพ่ี บไดบ้ ่อยทสี่ ดุ มี 2 ประเภท คอื หนองในแทแ้ ละ kille
หนองในเทียม ตดิ ตอ่ จากการมเี พศสมั พนั ธ์ได้ทัง้ ทางปาก ชอ่ งคลอด และทวารหนกั Acommpupnlyicinagtiotnh s ขน้ั สื่อสารและน�ำเสนอ
1. ผเู้ รยี นแตล่ ะกลมุ่ ออกแบบหรอื หาวธิ นี �ำ เสนอใหผ้ อู้ น่ื รบั รแู้ ละสอ่ื สาร
อาการของโรคหนองใน
เพศชาย จะมีอาการปัสสาวะขัดรุนแรง มีหนองสีเหลืองข้นไหลออกมาจาก ไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธภิ าพด้วยเทคนคิ วิธีท่ีเหมาะสม บรู ณาการการใช้
ท่อปัสสาวะ หากไม่รีบรักษาจะลุกลามไปยังต่อมลูกหมาก ทำาให้ต่อมลูกหมากอักเสบ เป็นหมัน อาจเกิด สอื่ /เทคโนโลยี/ค�ำ ศัพท์เพม่ิ เตมิ /สง่ิ ทีน่ ่าสนใจแทรกในการรายงาน
อาการแทรกซ้อน เชน่ อณั ฑะอักเสบ ข้ออกั เสบ เยื่อบตุ าอักเสบ เป็นต้น 2. ส่มุ กลมุ่ ผู้เรยี นนำ�เสนอผลการสรปุ ความรู้ความเข้าใจ
เพศหญิง จะมีอาการตกขาวมีกล่ินเหม็น ท่อปัสสาวะอักเสบ ทำาให้ปัสสาวะ
แสบขัด หากไม่รีบรักษาจะทำาให้อุ้งเชิงกรานและปากมดลูกอักเสบ ท่อนำาไข่อุดตัน เป็นหมัน เพศและการดูแลสุขภาพทางเพศ 39
ท้องนอกมดลูก
3) โรคซิฟลิ ิส เปน็ โรคติดตอ่ ทางเพศสมั พันธท์ ่ที ำาให้เกิดภาวะแทรกซอ้ นร้ายแรงกวา่
โรคอื่นๆ โดยเช้ือจะเข้าทางรอยถลอก บาดแผล หรือเย่ือบุผิวของท่อปัสสาวะ ทวารหนัก ช่องคลอด
ชอ่ งปาก
อาการของโรคซิฟลิ สิ
ระยะท ่ี 1 เป็นแผล ภายหลังตดิ เช้อื 10-90 วัน มีตุม่ ข้นึ ทีอ่ วัยวะเพศ หรอื หัวหนา่ ว
ขาหนบี ทวาร ริมฝีปาก ตอ่ มาตมุ่ จะแตกกลายเปน็ แผลกวา้ ง ขอบแผลเรยี บและแขง็ เรียกว่า แผลรมิ แขง็
สงวนลิข ิสทธิ์ บริษัทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) ำจ�กัด
ระยะท ่ี 2 เขา้ ขอ้ ออกดอก พบหลงั ภาพที่ 2.8 ผู้ป่วยซฟิ ลิ ิสระยะที่ 2 มีผนื่ ท่ตี ัว
จากเป็นระยะที่ 1 ประมาณ 4-8 สัปดาห์ จะมีผนื่ ขึ้นท้งั ตวั รวม
ทั้งฝ่ามือ ฝ่าเท้า มีอาการไข้ตำ่าเป็นครั้งคราว ปวดศีรษะ
อ่อนเพลยี เบอ่ื อาหาร ตอ่ มน้าำ เหลืองโต ปวดหลัง ปวดกระดกู
นำ้าหนักลด
ระยะที่ 3 ระยะทาำ ลาย หากรักษาไม่
ถูกวิธี จะทำาให้ตาบอด หูหนวก สติปัญญาเส่ือม เช้ืออาจเข้า
ส่สู มองและไขสันหลงั ทาำ ให้เป็นอมั พาต และอาจเสยี สตไิ ด ้
แนวทางการปอ้ งกันโรคซฟิ ลิ สิ
(1) ไม่มีเพศสัมพันธก์ อ่ นวัยอันควร
(2) สวมถงุ ยางอนามยั เม่อื มเี พศสมั พันธ ์
(3) รกั เดยี วใจเดียว ไมเ่ ปล่ียนคนู่ อน
(4) รกั ษาความสะอาดของร่างกายและอวัยวะเพศอยา่ งสมาำ่ เสมอ
(5) ศึกษาอาการและวิธกี ารปอ้ งกนั โรคติดตอ่ ทางเพศสมั พันธ์
ตกขาว คือ ของเหลวท่ีไหลออกมาจากช่องคลอด มีลักษณะ 4) โลน มลี กั ษณะคลา้ ยเหา อาศยั ออกไขต่ ามรากขน จะตดิ ตอ่ จากการสมั ผสั ทางเพศ
เป็นเมือกใสๆ สีขาว เป็นตัวสร้างความชุ่มชื้นให้แก่ช่องคลอด เชอื้ Phthirus pubis มรี ะยะฟกั ตวั ประมาณ 30 วนั ชอบดดู เลอื ด ทาำ ใหค้ นั บรเิ วณหวั เหนา่ วรอบทวารหนกั
ในแต่ละคนปริมาณของตกขาวจะไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับช่วงตกไข่ หน้าอก ลาำ ตวั รักแร้ ขนตา คิ้ว
การตั้งครรภ์ การมีรอบเดือน การมีเพศสัมพันธ์ และการใช้ การรกั ษา
ยาคุมก�ำ เนิด เป็นตน้ (1) กำาจัดตัวโลนและไข่โดยล้างออกให้สะอาดด้วยน้ำายา Elimite หรือ Kwell
ทำาความสะอาดประมาณ 4-5 ครงั้ ต่อสปั ดาห ์
(2) กาำ จดั ไขด่ ว้ ยการใชห้ วที ม่ี คี วามถหี่ วบี รเิ วณทเ่ี ปน็ หรอื โกนขนบรเิ วณทมี่ โี ลนออก
แนวทางการปอ้ งกนั โลน
(1) ไม่มีเพศสัมพันธก์ อ่ นวยั อันควร สวมถุงยางอนามัยเมือ่ มีเพศสมั พนั ธ์
(2) รักเดียวใจเดียว ไมเ่ ปลี่ยนคนู่ อน
(3) รกั ษาความสะอาดของรา่ งกายและอวัยวะเพศอยา่ งสมา่ำ เสมอ
3.2.2 โรคไม่ตดิ ตอ่
1) โรคมะเร็งปากมดลูก เป็นโรคมะเร็งท่ีพบมากในเพศหญิงอายุระหว่าง 35-50 ปี
มีการดำาเนินของโรคช้า สามารถตรวจพบได้ต้ังแต่ในระยะแรก เกิดจากการติดเช้ือ HPV ชนิดท่ีเป็น
สายพันธุ์อันผ่านการมีเพศสัมพันธ ์ โดยท่ีร่างกายของเพศหญิงไม่สามารถกาำ จัดเช้ือโรคได้ ทำาให้เช้ือโรค
พฒั นาเป็นมะเร็งปากมดลูก
ปัจจยั เสยี่ งต่อการเปน็ โรค
(1) มีเพศสัมพันธ์ตั้งแตอ่ ายนุ อ้ ย คือ ตำ่ากว่า 18 ป ี
(2) การเปลี่ยนคู่นอนหลายคน
(3) การเป็นโรคตดิ ต่อทางเพศสัมพนั ธ์
(4) เป็นโรคเรอื้ รังท่ีทาำ ใหภ้ มู ิตา้ นทานโรคตำ่า เช่น โรคเอดส์
อาการของโรคมะเรง็ ปากมดลูก
(1) ระยะแรกจะไม่มีอาการอะไร แต่เม่ือเป็นมะเร็งแล้วจะมีเลือดออกหลังจาก
การตรวจภายในหรอื หลงั รว่ มเพศ หรอื มตี กขาว มีเลือดออกผดิ ปกต ิ
(2) มเี ลอื ดออกหลังจากหมดประจำาเดือนแล้ว
(3) มตี กขาวซง่ึ อาจจะมเี ลอื ดปน
(4) เจบ็ ขณะมเี พศสมั พันธ์
2) โรคมะเร็งเตา้ นม เปน็ โรคมะเรง็ ท่ีพบมากในเพศหญงิ ทมี่ ีอายุ 40 ปีขึ้นไป
ปจั จัยเสี่ยงตอ่ การเปน็ โรค
(1) มีผปู้ ่วยโรคมะเร็งเตา้ นมในครอบครวั
(2) การไม่มบี ุตรหรือมบี ุตรเมอ่ื อายุมาก
สุดยอดคู่มือครู 50