คู่มือครหู นังสือเรยี น
งานเชอื่ มและ
โลหะแผน่ เบ้อื งตน้
สงวน ิลข ิสท ์ธิ สำ� ันกพิมพ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพ ิวชาการ (พว.) จำ�กัด
2100-1005
GPAS มาตรฐานสากลศตวรรษที่
5 21
STEPs
เสนอแนวทางการจดั กจิ กรรม
เน้นใหผ้ เู้ รยี นสรา้ งความรู้
ใชค้ วามรผู้ ลิตผลงาน
ใช้กระบวนการออกแบบการ
เรียนร้แู บบ Backward Design
เป็นเปา้ หมาย
คุณภาพรายวิชาใหผ้ ้เู รียน
ผลติ ความรู้ ตรวจสอบ
และประเมนิ ตนเอง
ออกแบบกิจกรรมสร้างวนิ ยั
โดยใช้สถานการณจ์ รงิ
เน้นสร้างสมรรถนะ
ในศตวรรษท่ี 21
สำ�นักพิมพ์ บรษิ ัทพฒั นาคุณภาพวิชาการ (พว.) จ�ำ กดั
คมู่ ือครูหนังสอื เรยี น
งานเชอ่ื ม
และโลหะแผ่นเบือ้ งต้น
2100-1005
สงวน ิลข ิสท ์ธิ สำ� ันกพิมพ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพ ิวชาการ (พว.) จำ�กัด
สงวนลขิ สิทธ์ิ
ส�ำ นกั พิมพ์ บรษิ ทั พฒั นาคณุ ภาพวชิ าการ (พว.) จำ�กดั
พ.ศ. 2562
website : ส�ำ นกั พิมพ์ บรษิ ัทพัฒนาคณุ ภาพวชิ าการ (พว.) จ�ำ กดั
1256/9 ถนนนครไชยศรี แขวงถนนนครไชยศรี เขตดสุ ติ กรงุ เทพฯ 10300
www.iadth.com โทร. 0-2243-8000 (อัตโนมตั ิ 15 สาย), 0-2243-1805
แฟกซ์ : ทกุ หมายเลข, แฟกซอ์ ตั โนมตั ิ : 0-2241-4131, 0-2243-7666
สงวน ิลข ิสท ์ธิ สำ� ันกพิมพ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพ ิวชาการ (พว.) จำ�กัดคำ� น�ำ
คูม่ ือครรู ายวชิ า งานเช่อื มและโลหะเบ้อื งต้น (รหัสวิชา 2100-1005) ฉบบั น้ี สำ�นักพมิ พ์ บริษัทพฒั นาคณุ ภาพวิชาการ
(พว.) จำ�กัด จัดทำ�ขึ้นเพ่ืออำ�นวยความสะดวกสำ�หรับครูหรือผู้สอนใช้เป็นแนวทางในการออกแบบการจัดกิจกรรม
การเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลตามหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ พุทธศักราช 2556
สำ�นักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ โดยใช้ควบคู่กับหนังสือเรียนท่ีส�ำ นักพิมพ์ได้เรียบเรียงขึ้น
ตามจุดประสงค์รายวิชา สมรรถนะรายวิชา และคำ�อธิบายรายวิชา ซ่ึงผ่านการตรวจประเมินคุณภาพ จากสำ�นักงาน
คณะกรรมการการอาชีวศึกษาเป็นทเ่ี รียบร้อยแลว้
แนวคิดส�ำ คัญในการจดั ท�ำ คมู่ อื ครฉู บบั น้ี ส�ำ นกั พิมพ์ บรษิ ทั พัฒนาคุณภาพวชิ าการ (พว.) จำ�กัด ไดย้ ึดแนวคิด
การจัดการเรียนรู้ท่ีเนน้ ผเู้ รยี นเป็นผ้ลู งมือปฏบิ ัติ สรา้ งความรจู้ ากการปฏิบตั ิ และน�ำ ความรูไ้ ปประยกุ ต์ใช้ในชีวิตจรงิ
ไดโ้ ดยใชก้ ระบวนการจดั การเรยี นรู้แบบ GPAS 5 Steps และออกแบบหนว่ ยการเรียนแบบ Backward Design
เน้นผู้เรียนแสดงออกและผลิตผลงานตามภาระงาน นำ�ผลงานและการแสดงออกของผู้เรียนมาใช้ประเมินผล
การเรียนตามจุดประสงค์รายวิชาในแต่ละหน่วยการเรียนรู้ตลอดทั้งรายวิชา เป็นการประเมินตามสภาพจริง
Authentic Assessment สอดคล้องกับบริบทและการเปลี่ยนแปลงของสังคมและแนวคิดการพัฒนาคนใน
ศตวรรษที่ 21 เพ่อื ยกระดบั คุณภาพของผเู้ รียนให้สงู ขึ้นตามมาตรฐานสากล
ส�ำ นักพมิ พ์ บริษทั พฒั นาคุณภาพวชิ าการ (พว.) จ�ำ กัด ได้นำ�รปู แบบและเทคนคิ วธิ จี ัดการเรียนรู้ตามแนวทาง
ข้างต้นไปทดลองใช้กับผู้เรียนในระดับต่างๆ แล้วปรากฏผลเป็นที่พอใจย่ิง ผู้เรียนสามารถคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหา
สื่อสาร และผลิตผลงานด้วยทีมงานท่ีใช้จิตปัญญาในระดับสูง ผ่านการประเมินความรู้ ความเข้าใจ ทักษะ และ
ค่านิยมในทุกด้าน จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหากผู้สอนได้ใช้คู่มือฉบับน้ีควบคู่กับหนังสือเรียนอย่างต่อเน่ือง จะช่วยให้
ผู้สอนดำ�เนนิ กจิ กรรมการเรียนการสอนอย่างมปี ระสิทธิภาพและบรรลตุ ามทห่ี ลักสูตรฯ ก�ำ หนด ช่วยยกระดบั คุณภาพ
การศึกษาไทยให้ทดั เทยี มกบั ประเทศอนื่ ในทสี่ ุด
สำ�นกั พมิ พ์ บรษิ ทั พฒั นาคุณภาพวชิ าการ (พว.) จำ�กัด
สารบัญ
คำ�นำ� สงวน ิลข ิสท ์ธิ สำ� ันกพิมพ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพ ิวชาการ (พว.) จำ�กัด หนา้
คำ�ชแี้ จง
2
หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 1 5
27
ความปลอดภยั
41
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2
ตำ�แหนง่ งานเชือ่ มและลกั ษณะการต่อชน้ิ งาน 51
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 81
การเชอื่ มไฟฟ้าด้วยลวดเช่อื มห้มุ ฟลักซ ์
109
หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 4
การเชื่อมแก๊สออกซอิ ะเซทิลนี
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 5
การแลน่ ประสานและการตดั โลหะดว้ ยแก๊ส
หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 6 สงวน ิลข ิสท ์ธิ สำ� ันกพิมพ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพ ิวชาการ (พว.) จำ�กัดหนา้
งานโลหะแผ่น
127
หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 7 151
การบดั กรีและการยํ้าหมดุ 165
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 8
การเขยี นแบบแผ่นคล่ ี
สงวน ิลข ิสท ์ธิ สำ� ันกพิมพ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพ ิวชาการ (พว.) จำ�กัดค�ำชี้แจง
เพ่ือให้สามารถนำ�คู่มือไปใช้ในการจัดการเรียนการสอนในรายวิชาควบคู่กับหนังสือเรียนท่ีสำ�นักพิมพ์ บริษัทพัฒนา-
คุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด จัดทำ�ขึ้น ผู้สอนควรได้ศึกษารายละเอียดคำ�ชี้แจงการใช้คู่มือครู เพื่อให้เกิดความเข้าใจและ
ด�ำ เนินการตามแนวทางท่ีเสนอแนะไวใ้ นคู่มอื อย่างถูกวธิ ี ซงึ่ มีรายละเอยี ด ดังนี้
โครงสร้างและองคป์ ระกอบสำ� คญั ของคูม่ อื ครู
คมู่ อื ครฉู บบั นแ้ี บง่ โครงสร้างและองคป์ ระกอบของเนอ้ื หาไวเ้ ป็น 4 สว่ น ดังนี้
ส่วนท่ี 1 ส่วนน�ำ ประกอบดว้ ย
1.1 ความรูค้ วามเขา้ ใจเบ้ืองตน้ กอ่ นน�ำค่มู ือครไู ปใช้ในการจดั การเรยี นการสอน
1.2 ยุทธศาสตรก์ ารยกระดับคณุ ภาพการศึกษาอาชีวศึกษาตามมาตรฐานสากลในศตวรรษท่ี 21
1.3 แนวคิดหลักการการพัฒนาคุณภาพการจัดการเรียนรู้ระดับอาชีวศึกษา โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้
แบบ GPAS 5 Steps ตามมาตรฐานสากลในศตวรรษท่ี 21
1.4 ค�ำแนะน�ำในการน�ำค่มู อื ครูไปใช้ในการจัดการเรียนการสอน
สว่ นที่ 2 ส่วนแนะน�ำโครงสร้างของหนังสอื เรยี นทใ่ี ช้ค่กู บั คู่มือฉบบั นี้ ประกอบด้วย
2.1 ค�ำอธบิ ายรายวชิ า งานเชอ่ื มและโลหะแผน่ เบื้องตน้ (รหัสวชิ า 2100-1005)
จดุ ประสงคร์ ายวชิ า เพอ่ื ให้
1. รู้และเขา้ ใจเกีย่ วกบั หลักการ กระบวนการเชือ่ มแกส๊ การเช่ือมไฟฟา้ และงานโลหะแผ่น
2. มที ักษะเกีย่ วกับการปฏิบัติงานเชอื่ มแกส๊ เช่ือมไฟฟา้ และการใช้เคร่ืองมืออุปกรณใ์ นงานเช่อื ม
3. มีทักษะเก่ียวกับการปฏิบัติงานขึ้นรูปโลหะแผ่น รูปทรงเรขาคณิต และใช้เครื่องมืออุปกรณ์
โลหะแผน่
4. มเี จตคตแิ ละกิจนสิ ยั ทีด่ ีในการท�ำงานด้วยความละเอยี ดรอบคอบ ปลอดภยั เป็นระเบยี บ สะอาด
ตรงตอ่ เวลา มีความซื่อสัตย์ รับผิดชอบ และรกั ษาสภาพแวดล้อม
สมรรถนะรายวชิ า
1. แสดงความรู้หลักการกระบวนการเช่ือมแกส๊ และการเช่อื มไฟฟา้
2. เชอ่ื มแลน่ ประสานและตดั แผ่นเหลก็ กลา้ คาร์บอนด้วยแก๊ส
3. เชอ่ื มอารก์ ลวดหุม้ ฟลักซ์แผ่นเหลก็ กลา้ คาร์บอน
4. เขยี นแบบแผน่ คลล่ี งแผน่ งานตามแบบ
5. ขึน้ รูปผลิตภณั ฑโ์ ลหะแผ่นตามแบบ
5 สุดยอดคู่มือครู
ค�ำอธิบายรายวิชา
ศึกษาและปฏิบัติเก่ียวกับหลักการเบื้องต้นของกระบวนการเชื่อมและโลหะแผ่น หลักความปลอดภัย
ในการปฏิบัติงาน การเลือกใช้วัสดุ เครื่องและอุปกรณ์งานเชื่อม ท่าเช่ือม รอยต่อท่ีใช้ในการเชื่อมและการแล่นประสาน
การประกอบติดตั้งเคร่ืองมือและอุปกรณ์งานเช่ือมแก๊ส การแล่นประสาน (Brazing) และเช่ือมไฟฟ้า การเร่ิมต้นอาร์ก
การเชื่อมเดินแนว ต่อมุม ต่อตัวที เครื่องจักรและเครื่องมือท่ีใช้ในงานโลหะแผ่น การเขียนแบบแผ่นคล่ี การถ่ายแบบ
การเขา้ ขอบ การท�ำตะเข็บ การยาํ้ หมุด การบดั กรี (Soldering) การข้ึนรูปด้วยการพับ ตัด ม้วน เคาะ และประกอบช้ินงาน
2.2 การจดั หนว่ ยการเรยี น
สงวน ิลข ิสท ์ธิ สำ� ันกพิมพ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพ ิวชาการ (พว.) จำ�กัด
หนว่ ยการเรยี นรู้ เร่ือง ชัว่ โมง หมายเหตุ
การเรยี น
1 ความปลอดภัย สปั ดาหท์ ี่ 1-2
2 ต�ำแหนง่ งานเชอ่ื มและลกั ษณะการตอ่ ชนิ้ งาน 8 สปั ดาหท์ ี่ 3-4
3 การเชื่อมไฟฟา้ ดว้ ยลวดเชื่อมหุ้มฟลักซ ์ 8 สปั ดาหท์ ่ี 5-6
8 สปั ดาหท์ ่ี 7
สอบกลางภาค 4 สปั ดาหท์ ี่ 8-9
4 การเช่อื มแก๊สออกซิอะเซทิลีน 8 สปั ดาหท์ ่ี 10-11
5 การแลน่ ประสานและการตดั โลหะดว้ ยแกส๊ สปั ดาหท์ ่ี 12-13
6 งานโลหะแผ่น 8 สปั ดาหท์ ่ี 14-15
7 การบัดกรีและการยํ้าหมุด 8 สปั ดาหท์ ่ี 16-17
8 สปั ดาหท์ ี่ 18
8 การเขยี นแบบแผ่นคลี่
สอบปลายภาค 8
รวมเวลาเรยี น 4
72
สุดยอดคู่มือครู 6
สงวน ิลข ิสท ์ธิ สำ� ันกพิมพ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพ ิวชาการ (พว.) จำ�กัด ส่วนท่ี 3 ข้อเสนอแนะแนวทางในการจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอนรายหนว่ ย ประกอบดว้ ย
3.1 การออกแบบการจดั การเรียนรู้รายหน่วยการเรยี นรดู้ ว้ ย GPAS 5 Steps
3.2 การบรู ณาการกิจกรรมการเรยี นรู้
3.3 แผนการประเมินจุดประสงคก์ ารเรียนรแู้ ละสมรรถนะประจ�ำหนว่ ย
ส่วนท่ี 4 การออกแบบการเรยี นร้รู ะดบั หนว่ ยการเรียนรู้และแผนการจดั การเรยี นร้รู ายชั่วโมง ประกอบด้วย
4.1 แนวทางการจัดการเรยี นรู้ระดับหน่วยการเรียนรูท้ กุ หนว่ ยการเรยี นรคู้ รบท้ังรายวชิ า
4.2 แผนการจดั การเรยี นรูร้ ายช่ัวโมงในแตล่ ะหนว่ ยการเรยี นรคู้ รบทุกหนว่ ยการเรียนรู้
4.3 เกณฑ์ประเมินคุณภาพ (Rubrics) ตามภาระงาน/ชิ้นงาน/การแสดงออกของผู้เรียนในแต่ละ
หน่วยการเรียนรู้ ครบทกุ หน่วยการเรียนรู้
4.4 ตัวอย่างผังกราฟิก แบบบันทึกรวบรวมข้อมูลและสรุปความรู้ความเข้าใจสำ�หรับผู้เรียนใช้ประกอบ
การเรยี นการสอนทกุ หน่วยการเรยี นรู้
นอกจากรายละเอียดท่ีกล่าวถึงในคู่มือครูฉบับนี้แล้ว ส�ำนักพิมพ์ บริษัทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จ�ำกัด ยังได ้
จัดท�ำ CD ในการเออื้ ประโยชนแ์ กผ่ สู้ อน ดงั น้ี
ออกแบบหนว่ ยการเรียนรทู้ ุกหน่วยการเรยี นร้คู รบท้ังรายวิชา
แผนการจัดการเรยี นรู้รายช่วั โมงในแต่ละหนว่ ยการเรียนรู้ครบทุกหน่วยการเรยี นรู้
เกณฑ์ประเมินคุณภาพ (Rubrics) ตามภาระงาน/ชิ้นงาน/การแสดงออกของผู้เรียนในแต่ละ
หน่วยการเรยี นรู้ ครบทกุ หน่วยการเรยี นรู้
ตัวอย่างผังกราฟิก แบบบันทึกรวบรวมข้อมูลและสรุปความรู้ความเข้าใจส�ำหรับผู้เรียนใช้ประกอบ
การเรยี นการสอนทกุ หนว่ ยการเรียนรู้
7 สุดยอดคู่มือครู
สงวน ิลข ิสท ์ธิ สำ� ันกพิมพ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพ ิวชาการ (พว.) จำ�กัด ส่วนที่ 1 ส่วนนำ�
1.1 ความรู้ความเข้าใจเบ้ืองตน้ กอ่ นน�ำคู่มอื ครูไปใช้ในการจดั การเรียนการสอน
แนวคดิ ทิศทางในการจัดการเรยี นรู้เพือ่ ยกระดบั คณุ ภาพการศกึ ษาไทย
การศึกษาไทยในปัจจบุ นั ยดึ แนวคดิ ทีว่ า่ “การศึกษาคอื ชวี ิต” (Education is Life) โดยมีความเชือ่ ว่า “ชีวิตต้องมกี ารเรียนรู้”
ต้องพัฒนาทั้งความรู้ ความคิด ความสามารถ และประสบการณ์ต่างๆ ทั้งด้านศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม ธรรมชาติและ
ส่ิงแวดล้อม สังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และเศรษฐศาสตร์อย่างสมดุล ท้ังนี้เพื่อให้สามารถ
น�ำไปใช้ในการด�ำรงชีวิตอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข ปรัชญาพื้นฐานและกรอบแนวคิดดังกล่าวจึงมุ่งพัฒนาชีวิตให้เป็น
“มนุษย์ท่ีสมบูรณ์ท้ังทางร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้ และคุณธรรม มีจริยธรรมและวัฒนธรรมในการด�ำรงชีวิต
สามารถอยู่รว่ มกบั ผู้อนื่ ได้อยา่ งมคี วามสขุ ”
ดังที่ได้บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2545 และ
(ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2553 มาตรา 6 และมาตรา 7 ดงั นี้
มาตรา 6 การจัดการศึกษาต้องเป็นไปเพื่อพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ท้ังทางร่างกาย จิตใจ สติปัญญา
ความรู้ และคณุ ธรรม มจี ริยธรรมและวฒั นธรรมในการด�ำรงชีวิต สามารถอยรู่ ว่ มกบั ผอู้ น่ื ไดอ้ ยา่ งมคี วามสขุ
มาตรา 7 ในกระบวนการเรียนรู้ต้องมุ่งปลูกฝังจิตส�ำนึกที่ถูกต้องเก่ียวกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
อันมพี ระมหากษัตรยิ ท์ รงเป็นประมขุ รจู้ กั รักษาและสง่ เสรมิ สิทธิ หนา้ ที่ เสรภี าพ ความเคารพกฎหมาย ความเสมอภาค และ
ศักด์ิศรีความเป็นมนุษย์ มีความภาคภูมิใจในความเป็นไทย รู้จักรักษาผลประโยชน์ส่วนรวมและของประเทศชาติ รวมทั้ง
ส่งเสริมศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรมของชาติ การกีฬา ภูมิปัญญาท้องถิ่น ภูมิปัญญาไทย และความรู้อันเป็นสากล ตลอดจน
อนุรกั ษ์ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดล้อม มีความสามารถในการประกอบอาชพี รจู้ ักพึ่งตนเอง มีความคิดริเริ่มสรา้ งสรรค์
ใฝ่รู้ และเรียนรดู้ ว้ ยตนเองอย่างต่อเนอ่ื ง
แนวการจัดการศกึ ษา
เพื่อให้ผู้เรียนมีคุณภาพตามความมุ่งหมายในการจัดการศึกษาที่บัญญัติไว้ในมาตรา 6 และมาตรา 7 ตาม
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2545 และ (ฉบับท่ี 3) พ.ศ. 2553
ดังที่กลา่ วถงึ ขา้ งต้นจึงไดม้ ีบทบญั ญัตวิ า่ ด้วยแนวการจดั การศกึ ษาตามมาตราดังต่อไปนี้
มาตรา 22 การจัดการศึกษาต้องยึดหลักว่าผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ และถือว่า
ผู้เรยี นมีความส�ำคัญที่สดุ กระบวนการจดั การศกึ ษาตอ้ งสง่ เสริมใหผ้ ูเ้ รียนสามารถพฒั นาตามธรรมชาติและเต็มศกั ยภาพ
มาตรา 23 การจัดการศึกษาทั้งการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย ต้องเน้น
ความสำ�คัญทั้งความรู้ คุณธรรม กระบวนการเรียนรู้และบูรณาการตามความเหมาะสมของแต่ละระดับการศึกษาในเร่ือง
ตอ่ ไปน้ี
(1) ความรู้เร่ืองเกี่ยวกับตนเองและความสัมพันธ์ของตนเองกับสังคม ได้แก่ ครอบครัว ชุมชน ชาติ และสังคมโลก
รวมถึงความรู้เก่ียวกับประวัติศาสตร์ ความเป็นมาของสังคมไทย และระบบการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
อนั มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
สุดยอดคู่มือครู 8
สงวน ิลข ิสท ์ธิ สำ� ันกพิมพ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพ ิวชาการ (พว.) จำ�กัด (2) ความร้แู ละทักษะดา้ นวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รวมทัง้ ความรู้ ความเขา้ ใจ และประสบการณ์ เรื่องการจดั การ
การบ�ำรงุ รักษา และการใชป้ ระโยชนจ์ ากทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอยา่ งสมดุลยัง่ ยนื
(3) ความรู้เกย่ี วกับศาสนา ศลิ ปะ วฒั นธรรม การกฬี า ภูมิปญั ญาไทย และการประยกุ ตใ์ ช้ภมู ปิ ญั ญา
(4) ความรแู้ ละทกั ษะด้านคณติ ศาสตร์และด้านภาษา เน้นการใช้ภาษาไทยอยา่ งถูกต้อง
(5) ความรู้และทกั ษะในการประกอบอาชพี และการด�ำรงชวี ติ อย่างมคี วามสุข
มาตรา 24 การจัดกระบวนการเรียนรใู้ หส้ ถานศึกษาและหน่วยงานทเี่ กี่ยวขอ้ งด�ำเนนิ การ ดงั ตอ่ ไปน้ี
(1) จดั เน้ือหา สาระ และกิจกรรมให้สอดคล้องกับความสนใจและความถนัดของผู้เรียน โดยค�ำนึงถึงความแตกต่าง
ระหว่างบุคคล
(2) ฝกึ ทกั ษะ กระบวนการคดิ การจดั การ การเผชญิ สถานการณแ์ ละประยกุ ตค์ วามรมู้ าใชเ้ พอ่ื ปอ้ งกนั และแกไ้ ขปญั หา
(3) จัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง ฝึกการปฏิบัติให้ท�ำได้ คิดเป็น ท�ำเป็น รักการอ่าน และ
เกดิ การใฝร่ อู้ ย่างต่อเนือ่ ง
(4) จัดการเรียนการสอนโดยผสมผสานสาระความรู้ต่างๆ อย่างได้สัดส่วนสมดุลกัน รวมทั้งปลูกฝังคุณธรรม
คา่ นยิ มทีด่ งี ามและคณุ ลักษณะอันพึงประสงคไ์ วใ้ นทกุ วชิ า
(5) ส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้สอนสามารถจัดบรรยากาศ สภาพแวดล้อม ส่ือการเรียน และอำ�นวยความสะดวกเพื่อให ้
ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้และมีความรอบรู้ รวมท้ังสามารถใช้การวิจัยเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้ ท้ังน้ีผู้สอนและ
ผเู้ รยี นอาจเรียนรไู้ ปพร้อมกันจากส่ือการเรยี นการสอนและแหล่งวทิ ยาการประเภทตา่ งๆ
(6) จัดการเรียนรู้ให้เกิดได้ทุกเวลา ทุกสถานท่ี มีการประสานความร่วมมือบิดามารดา ผู้ปกครอง และบุคคลใน
ชุมชนทกุ ฝา่ ย เพ่ือร่วมกนั พฒั นาผู้เรยี นตามศักยภาพ
มาตรา 26 ให้สถานศึกษาจัดการประเมินผู้เรียนโดยพิจารณาจากพัฒนาการของผู้เรียน ความประพฤติ การสังเกต
พฤตกิ รรมการเรียน การร่วมกจิ กรรม และการทดสอบ ควบคูไ่ ปในกระบวนการเรยี นการสอนตามความเหมาะสมของแตล่ ะ
ระดับ และรูปแบบการศึกษาให้สถานศึกษาใช้วิธีการที่หลากหลายในการจัดสรรโอกาสการเข้าศึกษาต่อ และให้นำ�
ผลการประเมนิ ผู้เรียนตามวรรคหนงึ่ มาใช้ประกอบการพิจารณาด้วย
มาตรา 30 ให้สถานศึกษาพัฒนากระบวนการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งการส่งเสริมให้ผู้สอนสามารถ
วจิ ัยเพ่อื พฒั นาการเรียนรทู้ เ่ี หมาะสมกับผเู้ รยี นในแตล่ ะระดับการศกึ ษา
คณุ ลักษณะ สมรรถนะ และศกั ยภาพผู้เรยี นท่เี ปน็ สากล
การจัดการเรียนรใู้ นปจั จบุ ัน ม่งุ เนน้ การเสริมสร้างความรู้ ความสามารถ และคุณลกั ษณะท่ีพึงประสงค์ของการเรยี นรู้
ในศตวรรษที่ 21 และเป็นไปตามปฏญิ ญาวา่ ด้วยการจดั การศึกษาของ UNESCO ได้แก่
Learning to know: หมายถึงการเรียนเพื่อให้มีความรู้ในสิ่งต่างๆ อันจะเป็นประโยชน์ต่อไป ได้แก่ การรู้จัก
การแสวงหาความรู้ การตอ่ ยอดความรู้ทมี่ อี ยู่ รวมท้งั การสร้างความรขู้ ึน้ ใหม่
Learning to do: หมายถึงการเรียนเพ่ือการปฏิบัติหรือลงมือท�ำ ซึ่งน�ำไปสู่การประกอบอาชีพจากความรู ้
ทไ่ี ด้ศกึ ษามา รวมทงั้ การปฏิบตั ิเพอ่ื สรา้ งประโยชน์ให้สังคม
9 สุดยอดคู่มือครู
สงวน ิลข ิสท ์ธิ สำ� ันกพิมพ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพ ิวชาการ (พว.) จำ�กัด Learning to live together: หมายถึงการเรียนรู้เพื่อการดำ�เนินชีวิตอยู่ร่วมกับผู้อ่ืนได้อย่างมีความสุข
ท้งั การดำ�เนินชีวติ ในการเรยี น ครอบครัว สังคม และการท�ำ งาน
Learning to be: หมายถึงการเรยี นรู้เพอ่ื ใหร้ จู้ กั ตนเองอย่างถอ่ งแท้ รถู้ งึ ศกั ยภาพ ความถนดั ความสนใจของตนเอง
สามารถใชค้ วามรู้ความสามารถของตนเองให้เกิดประโยชนต์ ่อสังคม เลือกแนวทางการพัฒนาตนเองตามศักยภาพ วางแผน
การเรียนต่อ การประกอบอาชพี ทสี่ อดคล้องกับศักยภาพของตนเองได้
ทั้งน้ีเพ่ือพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพทั้งในฐานะพลเมืองไทยและพลเมืองโลกเทียบเคียงได้กับนานาอารยประเทศ
โดยมงุ่ เน้นใหผ้ ู้เรยี นมศี ักยภาพทส่ี �ำ คัญ ดงั นี้
1. ความรู้พ้ืนฐานในยุคดิจิทัล (Digital-Age Literacy) มีความรู้พื้นฐานที่จ�ำ เป็นทางวิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์
เทคโนโลยี ภาษา ขอ้ มลู สารสนเทศและทัศนภาพ รู้พหวุ ัฒนธรรม และมีความตระหนกั ส�ำ นกึ ระดบั โลก
2. ความสามารถคดิ ประดษิ ฐอ์ ย่างสรา้ งสรรค์ (Inventive Thinking) มคี วามสามารถในการปรบั ตวั สามารถจดั การ
สภาวการณ์ที่มีความซับซ้อน เป็นบุคคลท่ีใฝ่รู้ สามารถกำ�หนดหรือต้ังประเด็นคำ�ถาม (Hypothesis Formulation) เพ่ือ
นำ�ไปสู่การศึกษาค้นคว้า แสวงหาความรู้ มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ คิดสังเคราะห์ ข้อมูลสารสนเทศ และสรุป
องค์ความรู้ (Knowledge Formulation) ใช้ข้อมูลเพื่อการตดั สนิ ใจเกย่ี วกับตนเองและสงั คมไดอ้ ย่างเหมาะสม
3. ทักษะการส่ือสารอย่างมีประสิทธิภาพ (Effective Communication) ความสามารถในการรับและส่งสาร
การเลือกรับหรือไม่รับข้อมูลข่าวสารด้วยหลักเหตุผลและความถูกต้อง มีวัฒนธรรมในการใช้ภาษาถ่ายทอดความคิด
ความรู้ ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะของตนเอง เพ่ือแลกเปล่ียนข้อมูลข่าวสารและประสบการณ์อันจะเป็นประโยชน์
ต่อการพัฒนาตนเองและสังคม รวมทั้งมีทักษะในการเจรจาต่อรองเพ่ือขจัดและลดปัญหาความขัดแย้งต่างๆ ตลอดจน
สามารถเลอื กใช้วิธกี ารส่ือสารทม่ี ีประสิทธภิ าพ โดยคำ�นงึ ถึงผลกระทบทมี่ ตี อ่ ตนเองและสงั คม
4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต (Life Skill) ความสามารถในการนำ�กระบวนการต่างๆ ไปใช้ใน
การด�ำ เนนิ ชวี ติ ประจ�ำ วนั การเรียนรดู้ ว้ ยตนเอง การเรียนรู้อย่างต่อเนอื่ ง การทำ�งานและอยู่รว่ มกนั ในสังคม เขา้ ใจความสมั พนั ธ์
และการเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ต่างๆ ในสังคม สามารถจัดการปัญหาและความขัดแย้งต่างๆ และนำ�ไปสู่การปฏิบัติ
สามารถปรับตัวได้อย่างเหมาะสมน�ำ ไปสู่การใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม การบริการสาธารณะ (Public Service) รวมท้ัง
การเป็นพลเมอื งไทยและพลโลก (Global Citizen)
5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี (Information, Media and Technology Skills) การสบื คน้ ความรู้จาก
แหล่งเรยี นรู้ และวธิ ีการท่ีหลากหลาย (Searching forInformation) เลอื กใชเ้ ทคโนโลยดี ้านต่างๆ และมีทกั ษะกระบวนการ
ทางเทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาตนเองและสังคมในด้านการเรียนรู้ การสื่อสาร การทำ�งาน การแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ได้
อย่างถกู ตอ้ ง เหมาะสม และมีคุณธรรม
นอกจากนี้ยังมีผู้กล่าวถึงประสบการณ์จริงของผู้เรียนในยุคของการส่ือสารโลกไร้พรมแดนบนความหลากหลาย
ของพหุวัฒนธรรม การเพิ่มพูนสมรรถนะผู้เรียนให้สามารถครองชีวิตในโลกยุคใหม่นี้ ควรประกอบไปด้วยสมรรถนะส�ำ คัญ
ดงั น้ี
สุดยอดคู่มือครู 10
สงวน ิลข ิสท ์ธิ สำ� ันกพิมพ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพ ิวชาการ (พว.) จำ�กัด
1. การอยรู่ ว่ มกนั ในสงั คมพหุวฒั นธรรม
2. การเป็นผู้น�ำและมคี วามรับผิดชอบ
3. การท�ำงานเปน็ ทมี และการส่ือสาร
4. การคิดอย่างมีวจิ ารณญาณและการแกป้ ญั หา
5. การมสี ว่ นร่วมในสังคมโลกและความรับผดิ ชอบตอ่ สงั คม
นอกเหนอื จากสมรรถนะสำ�คญั ที่กล่าวถึงข้างต้นแล้ว การด�ำ รงชีวิตในโลกยุคใหมต่ อ้ งเตรียมคนใหพ้ ัฒนาความรู้
ทักษะ เจตคติ และคา่ นิยมทกุ ดา้ น ได้แก่ การเป็นนักประดษิ ฐ์สร้างสรรค์ เป็นผ้ปู ระกอบการทป่ี ระสบความสำ�เรจ็ เปน็ คนท่ี
กระตือรอื ร้นทจ่ี ะมสี ว่ นร่วม และเปน็ บคุ คลที่เรียนรู้ตลอดชวี ิต ซง่ึ มีองค์ประกอบทเ่ี ปน็ สมรรถนะหลกั ทส่ี ำ�คญั คือ ความสามารถ
ในการประดิษฐ์และสร้างสรรค์ ความสามารถในการส่ือสารในต่างวัฒนธรรม ความสามารถในการคิดแก้ปัญหาและ
คิดอย่างมีวิจารณญาณ ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดใหม่ในการพัฒนาอาชีวศึกษาไทยที่ต้องจัดการศึกษาเพ่ือสร้างผู้ประกอบการ
ทผ่ี ลิตผลงานอย่างสร้างสรรค์ไรข้ ีดจำ�กดั ด้วยนวตั กรรมและเทคโนโลยีทก่ี ้าวหนา้ ทันสมยั ในโลกพหวุ ัฒนธรรมไร้พรมแดน
11 สุดยอดคู่มือครู
1.2 ยุทธศาสตรก์ ารยกระดบั คณุ ภาพการศึกษาอาชีวศึกษาตามมาตรฐานสากล
ในศตวรรษที่ 21
นโยบายการบริหารจดั การอาชีวศึกษา (นโยบาย 4 มิติ)
มิตทิ ี่ 1 การสร้างโอกาสทางการศกึ ษา
มติ ทิ ี่ 2 การพฒั นาคณุ ภาพ
สงวน ิลข ิสท ์ธิ สำ� ันกพิมพ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพ ิวชาการ (พว.) จำ�กัดยุทธศาสตร์การยกระดบั คณุ ภาพการศกึ ษาอาชวี ศกึ ษา
ตามมาตรฐานสากลในศตวรรษที่ 21
1. สถานศึกษาอาชีวศึกษาจัดการศึกษาให้ตอบสนอง
2.1 ด้านคุณภาพผ้เู รียน
2.1.1 เร่งยกระดับคุณภาพผู้เรียนให้พร้อมเข้าสู ่ ความต้องการด้านการพัฒนาคนอาชีวศึกษาทั้งในระดับประเทศ
ประชาคมอาเซียน ภมู ภิ าคอาเซยี น และประชาคมโลก โดยใหค้ วามส�ำคญั กบั คณุ ภาพ
2.1.2 ปฏริ ปู กระบวนการเรยี นรู้ โดยยดึ ผเู้ รยี นเปน็ ศนู ยก์ ลาง
2.1.3 ปรบั ปรุงหลักสูตรอาชีวศึกษาทุกระดบั ผ้สู �ำเร็จอาชีวศึกษาเปน็ ส�ำคัญ
2.1.4 ยกระดับคุณภาพผู้เรียน โดยผลการประเมิน 2. สถานศึกษาอาชีวศึกษามุ่งม่ันจัดการเรียนรู้ให้ผู้เรียน
ระดบั ชาติ (V-Net) และการประเมนิ มาตรฐานวิชาชพี บรรลุจุดประสงค์และสมรรถนะรายวิชา และพัฒนาไปส่มู าตรฐาน
2.1.5 พัฒนาแนวทางการประเมนิ ผู้เรยี นตามสภาพจริง วิชาชีพอาชีวศึกษาในระดับมาตรฐานสากล และวิสัยทัศน์
2.1.6 ร่วมมือกับภาคเอกชนในการเรียนการสอน และ เพอ่ื การเรยี นรู้ในศตวรรษที่ 21
ฝกึ งานในสถานประกอบการ 3. สถานศึกษาอาชีวศึกษาปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ เน้นผู้เรียน
2.1.7 พัฒนาคุณภาพผู้เรียนด้วยกิจกรรมองค์การวิชาชีพ เป็นส�ำคญั ตอบสนองความแตกต่างระหวา่ งบุคคล โดยประยุกตใ์ ช้
การบริการสงั คม จิตอาสาและกฬี า ทฤษฎีพหุปัญญา (Multiple Intelligences: MI) และการจัด
2.2 ด้านคณุ ภาพครู การเรียนรู้ตามหลักการ Brain-based Learning (BBL),
2.2.1 ก�ำหนดมาตรฐานสมรรถนะครูอาชวี ศึกษา Backward Design , GPAS 5 Steps ในการสรา้ งความรใู้ นระดบั
2.2.2 พฒั นาครโู ดยใชเ้ ครอื ขา่ ย/สมาคมวชิ าชพี ความคิดรวบยอดและหลักการตรงตามมาตรฐานสากลและ
2.2.3 พัฒนาระบบนิเทศศึกษา
2.2.4 เร่งยกระดบั วทิ ยฐานะ วิสัยทัศนเ์ พอ่ื การเรยี นรูใ้ นศตวรรษท่ี 21
2.3 ดา้ นคุณภาพการเรียนการสอน
2.3.1 วิจัยปฏิบัติการ เพ่ือพัฒนาระบบการเรียนรู้สู่ 4. สถานศกึ ษาอาชวี ศกึ ษาเนน้ การพฒั นาคณุ ภาพผเู้ รยี น โดย
การเป็นผู้ประกอบการ ใช้แผนการสอนตามแนวทางการออกแบบการเรียนรู้ Backward
2.3.2 สง่ เสริมการพฒั นานวัตกรรมของผเู้ รยี นและผ้สู อน Design, GPAS 5 Steps และการประเมินตามสภาพจริงดว้ ยมิติ
2.3.3 สง่ เสรมิ นวัตกรรมการจัดการอาชวี ศกึ ษา คุณภาพโดยใช้เกณฑ์ Rubrics เพื่อให้เป็นยุทธศาสตร์ประจ�ำ
- โรงเรียนเทคโนโลยีฐานวิทยาศาสตร์ (Project ห้องเรียน
Based Learning และการประดิษฐค์ ดิ ค้น) 5. สถานศกึ ษาอาชวี ศกึ ษาสง่ เสรมิ การน�ำนวตั กรรมการจดั การ
- วิทยาลยั เทคนคิ มาบตาพุด (Constructionism) อาชวี ศกึ ษามาใช้ ไดแ้ ก่ การเรยี นรโู้ ดยใชโ้ ครงงานเปน็ ฐาน (Project
- วทิ ยาลยั การท่องเท่ยี วถลาง Based Learning) และการใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem Based
Learning) เพ่ือเน้นการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ และการบ่มเพาะ
2.3.4 จัดการเรียนการสอน English Program และ ค่านิยมหลัก 12 ประการ ผ่านโครงงาน และสร้างความรู้ตาม
Mini English Program ด้านอาชีวศึกษา ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่การปฏิบัตทิ ี่เปน็ รปู ธรรม
2.3.5 น�ำระบบ ICT มาใช้เพื่อการเรยี นการสอน
2.4 ด้านคุณภาพสถานศึกษา 6. สถานศึกษาอาชีวศึกษาสร้างวัฒนธรรมการสร้างความรู้
“ปรับการเรียน เปล่ียนการสอน ปฏิรูปการสอบ ให้ทันกับ
ยคุ สมยั อย่างมคี ุณภาพ” (Knowledge Management: KM) ทั้งในระดับผู้เรียน ระดับ
ผู้สอน และระดับผู้บริหาร เพื่อพัฒนาสถานศึกษาอาชีวศึกษา
เปน็ ชมุ ชนแห่งการเรยี นรู้แบบมอื อาชพี (Professional Learning
มิตทิ ี่ 3 การสรา้ งประสิทธภิ าพในดา้ นการบริหาร Community) ที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล และวิสัยทัศน์
จัดการ เพื่อการเรยี นรใู้ นศตวรรษที่ 21
มิติท่ี 4 ความรว่ มมอื ในการจดั การอาชีวศึกษา
สุดยอดคู่มือครู 12
1.3 แนวคิดหลักการการพัฒนาคณุ ภาพการจัดการเรียนรรู้ ะดับอาชวี ศึกษา
โดยใช้กระบวนการจดั การเรียนรู้ GPAS 5 Steps ตามมาตรฐานสากลในศตวรรษที่ 21
กระบวนการพัฒนาผู้เรียนสู่คุณภาพในศตวรรษท่ี 21 ตามมาตรฐานสากล กระบวนการเรียนรู้แบบ
GPAS 5 Steps การจดั การเรียนรู้ทเ่ี น้นการพัฒนาทักษะการคิดและสรา้ งความรู้โดยผ้เู รยี น
ดังได้กล่าวถึงแล้วในตอนตน้ ว่าโลกยุคใหมต่ ้องเตรยี มคนให้พัฒนาท้งั ความรู้ ทกั ษะ เจตคติ และคา่ นยิ ม อยา่ งสมดลุ
ทุกด้านเพ่ือการด�ำเนินชีวิต ด้วยการสร้างงาน สร้างอาชีพ และอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมอย่างสร้างสรรค์ยั่งยืน
มีกระบวนการคิดวิเคราะห์ คิดอย่างมีวิจารณญาณ การแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ และริเริ่มผลิตผลงานด้วยเจตคติ
และค่านิยมเพ่ือความย่ังยืนของโลก จึงเป็นเป้าหมายส�ำคัญในการพัฒนาผู้เรียน โดยเฉพาะงานอาชีวศึกษาท่ีต้องสร้างคน
เพอื่ ความรว่ มมอื ในภมู ภิ าคและการแขง่ ขนั ในโลกอาชพี ส�ำนกั พมิ พ์ บรษิ ทั พฒั นาคณุ ภาพวชิ าการ (พว.) จ�ำกดั ไดน้ �ำนวตั กรรม
กระบวนการจดั การเรยี นรทู้ ่ีเน้นกระบวนการคิด การสร้างความรู้ และการน�ำความรไู้ ปใช้ผลติ ผลงานด้วยคา่ นิยมเพื่อสังคม
เพื่อโลก สอดคล้องกับการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 โดยน�ำมาใช้ในการออกแบบการจัดการเรียนรู้พัฒนาคู่มือครูในรายวิชา
ต่างๆ มนี วัตกรรมทีเ่ ปน็ กระบวนการเรียนรู้ที่น�ำมาประยกุ ตใ์ ช้ ดงั น้ี
สงวน ิลข ิสท ์ธิ สำ� ันกพิมพ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพ ิวชาการ (พว.) จำ�กัด
ยทุ ธศาสตรก์ ารเรยี นรู้ 2001 ศตวรรษท่ี 21
ทักษะกระบวนการหรอื การรว่ มกนั เรยี นรู ้ (Participatory Learning)
รว่ มกนั ประเมนิ รว่ มกนั สรา้ งทางเลอื ก
ขอ้ ดี ขอ้ เสยี ประโยชน์ โทษ ตดั สนิ ใจเพมิ่ คณุ คา่ คาดหมายแนวโนม้
ผลตอ่ เนอื่ ง เลอ่ื กทดี่ กี วา่ สรา้ งภาพงาน
วจิ ารณ์ สรา้ งคา่ นยิ ม
โครงสรา้ งคา่ นยิ ม โครงสรา้ งการกระทา
(Structure of Value) (Structure of Acting)
รว่ มกนั จดั ขอ้ มลู ใหม้ คี วามหมาย รว่ มกนั ปฏบิ ตั จิ รงิ
จาแนก จัดกลมุ่ หาความสมั พนั ธ์ วางแผนงาน
ความคดิ รวบยอด
(Structure of Thinking) ตดิ ตามผล ปรบั ปรงุ จัดระบบ
การลงมอื ทาจรงิ ใชค้ วามรู้
(Performing)
encode decode รว่ มกนั สรา้ งความรู้
คน้ พบหลกั การธรรมชาตไิ ดเ้ อง
รว่ มกนั รวบรวมขอ้ มลู ใชก้ ระบวนการคดิ สรปุ ผล
ฟัง อา่ น สงั เกต บนั ทกึ อยา่ งสอดคลอ้ งกบั ขอ้ มลู จรงิ
เรม่ิ จากสง่ิ ทเี่ กดิ ขนึ้ จรงิ การลงมอื ทาจรงิ สรา้ งความรู้
(Experimental Approach) (Construction of Knowledge)
สรปุ รายงานผล เป้ าหมาย Portfolio 12 34 ประเมนิ ตนเอง
การเรยี นรู้ K นาสคู่ า่ นยิ ม คณุ ธรรม
P
A (Self-Regulating)
13 สุดยอดคู่มือครู
สงวน ิลข ิสท ์ธิ สำ� ันกพิมพ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพ ิวชาการ (พว.) จำ�กัด ทักษะการคิดและกระบวนการเรียนรู้ GPAS
กลุ่มนักวิชาการและนักการศึกษาจากกระทรวงศึกษาธิการได้สังเคราะห์กระบวนการเรียนรู้ GPAS มาจากแนวคิด
ทางพุทธศาสนาท่ีกล่าวถึง ปัญญา 3 ได้แก่ 1. สุตมยปัญญา ปัญญาท่ีเกิดจากการสดับรู้การเล่าเรียนหรือปัญญาที่เกิดจาก
ปรโตโฆสะ 2. จินตามยปัญญา ปัญญาที่เกิดจากการคิดพิจารณาหาเหตุผล หรือปัญญาท่ีเกิดจากโยนิโสมนสิการ และ
3. ภาวนามยปญั ญา ปญั ญาทเ่ี กดิ จากการฝกึ อบรมลงมอื ปฏบิ ตั หิ รอื ปญั ญาทเ่ี กดิ จากการปฏบิ ตั บิ �ำ เพญ็ (พระพรหมคณุ าภรณ์
(ป.อ. ปยุตฺโต): 2548) และแนวคิดโครงสร้าง 3 ชัน้ แห่งปัญญา (Three Story Intellect) ท่ีประกอบดว้ ย การรวบรวมข้อมลู
(Gathering) การจดั กระทำ�ข้อมลู (Processing) และการประยกุ ต์ใช้ข้อมลู ความรู้ (Applying) (Jerry Goldberg: 1996,
Art Costa: 1997, Robin Forgarty: 1997) รวมทงั้ แนวคิดการพัฒนาคนให้มบี ุคลกิ ภาพการก�ำ กับตนเอง (Self-Regulating)
มาสงั เคราะห์เป็นโครงสร้างทักษะการคดิ GPAS ดงั แผนภาพ
4 Self-Regulating: S การก�ำกับตนเอง
3 Applying: A การประยุกตใ์ ช้ความรู้
2 Processing: P การจดั กระท�ำข้อมูล
1 Gathering: G การรวบรวม คดั เลือกขอ้ มูล
แผนภาพ โครงสรา้ งทกั ษะการคิด GPAS
จากโครงสร้างทักษะการคิดนี้ สามารถน�ำมาก�ำหนดเป็นกระบวนการพัฒนาทักษะการคิด โดยมีการก�ำกับตนเอง
(Self–Regulating) เปน็ แกนในการพัฒนาทักษะดงั แผนภมู ิ
แผนภมู ิกระบวนการพัฒนาทักษะการคดิ
ความหมายของทกั ษะการคดิ ในโครงสร้าง GPAS
ทักษะการคิดในโครงสร้าง GPAS มีทักษะท่ีสอดคล้องกับการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 ทิศทางการศึกษาไทย
และหลกั สูตรการเรยี นการสอนในทกุ ระดบั การศกึ ษา ขอยกมาเป็นตัวอยา่ ง ดงั น้ี
ทกั ษะการคดิ ระดับการรวบรวมข้อมลู (Gathering: G) ไดแ้ ก ่
1. การกำ�หนดประเด็นในการรวบรวมข้อมูล (Focusing Skill) หมายถึงการกำ�หนดขอบเขตการศึกษาและ
มุ่งความสนใจไปในทศิ ทางตามจดุ ประสงค์ท่ตี อ้ งการศกึ ษาใหช้ ดั เจน เพื่อท่จี ะไดค้ ัดเลอื กเฉพาะข้อมลู ที่เกยี่ วข้อง
อ้างองิ พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม พระพรหมคณุ าภรณ์ (ป.อ. ปยตุ โฺ ต): 2548
สุดยอดคู่มือครู 14
สงวน ิลข ิสท ์ธิ สำ� ันกพิมพ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพ ิวชาการ (พว.) จำ�กัด 2. การสังเกตด้วยประสาทสัมผัส (Observing) หมายถึงการรับรู้และรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับส่ิงใดส่ิงหน่ึง
โดยใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 เพื่อให้ได้รายละเอียดเกี่ยวกับส่ิงน้ันๆ ซ่ึงเป็นข้อมูลเชิงประจักษ์ท่ีไม่มีการใช้ประสบการณ์และ
ความคิดเหน็ ของผสู้ ังเกตในการเสนอข้อมลู ข้อมูลจากการสังเกตมที ้ังขอ้ มูลเชิงปริมาณและข้อมูลเชงิ คุณภาพ
3. การเข้ารหสั และบนั ทึกขอ้ มลู (Encoding & Recording) หมายถึงกระบวนการประมวลขอ้ มูลของสมอง เมอ่ื รับ
สง่ิ เร้าจากประสาทสมั ผสั ทั้ง 5 จะไดร้ ับการบันทกึ ไว้ในความจ�ำระยะสนั้ หากตอ้ งการเกบ็ ข้อมูลไวใ้ ช้ตอ่ ๆ ไป ขอ้ มูลนัน้ จะตอ้ ง
เปล่ียนรูปโดยการเข้ารหัส (Encoding) เพ่ือน�ำไปเก็บไว้ในความจ�ำระยะยาว ซ่ึงจะสามารถเรียกข้อมูลมาใช้ได้ภายหลัง
โดยการถอดรหัส (Decoding)
4. การดงึ ขอ้ มลู เดมิ มาใชแ้ ละยอ่ ความ (Retrieving & Summarizing) หมายถงึ การน�ำขอ้ มลู ทม่ี อี ยนู่ �ำกลบั มาใชใ้ หม่
และการจบั ใจความส�ำคญั ของเร่ืองทีต่ อ้ งการสรปุ แลว้ เรียบเรียงใหก้ ระชบั ครอบคลุมสาระส�ำคญั
ทักษะการคดิ ระดบั การจัดกระท�ำขอ้ มลู (Processing: P)
1. การจ�ำแนก (Discriminating) หมายถงึ การแยกแยะสิง่ ตา่ งๆ ตามมิตทิ ก่ี �ำหนด
2. การเปรียบเทียบ (Comparing) หมายถึงการค้นหาความเหมือนหรือความแตกต่างขององค์ประกอบ
ตัง้ แต่ 2 องค์ประกอบขึน้ ไป เพอ่ื ใช้ในการอธบิ ายเร่อื งใดเร่อื งหนง่ึ ในเกณฑเ์ ดียวกนั
3. การจัดกลุ่ม (Classifying) หมายถึงการน�ำสิ่งต่างๆ มาแยกเป็นกลุ่มตามเกณฑ์ท่ีได้รับการยอมรับทางวิชาการ
หรอื การยอมรับโดยท่ัวไป
4. การจัดล�ำดับ (Sequencing) หมายถึงการน�ำข้อมูลหรือเร่ืองราวที่เกิดขึ้นมาจัดเรียงให้เป็นล�ำดับว่าอะไรมาก่อน
อะไรมาหลัง
5. การสรุปเช่ือมโยง (Connecting) หมายถึงการบอกความสัมพันธ์ท่ีเก่ียวข้องเชื่อมโยงกันของข้อมูลอย่างม ี
ความหมาย
6. การไตร่ตรองด้วยเหตุผล (Reasoning) หมายถึงความสามารถในการบอกท่ีมาของสิ่งใดๆ หรือเหตุการณ์ใดๆ
หรือสง่ิ ท่ีเปน็ สาเหตุของพฤติกรรมนั้นได้
7. การวิจารณ์ (Criticizing) หมายถึงการท้าทายและโต้แย้งข้อสมมติฐานที่อยู่เบื้องหลังเหตุผลที่โยงความคิด
เหลา่ น้นั เพ่ือเปดิ ทางสูแ่ นวความคิดอ่ืนๆ ที่อาจเป็นไปได้
8. การตรวจสอบ (Verifying) หมายถงึ การยนื ยนั หรอื พิสจู น์ขอ้ มูลท่สี ังเกตรวบรวมมาตามความถกู ตอ้ งเปน็ จรงิ
ทกั ษะการคดิ ระดับการประยกุ ต์ใช้ (Applying: A)
1. การใช้ความรู้อย่างสร้างสรรค์ (Creative) หมายถึงการน�ำความรู้ท่ีเกิดจากความเข้าใจไปใช้ในการสร้างสรรค์
สง่ิ ใหม่หรอื แกป้ ญั หาท่มี อี ยู่ใหด้ ีขนึ้
2. การวิเคราะห์ (Analysis) หมายถึงความสามารถในการแยกแยะหลักการ องค์ประกอบส�ำคัญหรือส่วนย่อย
ตลอดจนหาความสมั พันธ์ระหวา่ งส่วนต่างๆ ทีเ่ กย่ี วขอ้ ง
3. การสังเคราะห์ (Synthesis) หมายถึงการน�ำความรู้ที่ผ่านการวิเคราะห์มาผสมผสานสร้างส่ิงใหม่ท่ีมีลักษณะ
ตา่ งจากเดมิ
4. การตดั สินใจ (Decision Making) หมายถงึ การพจิ ารณาเลือกทางเลอื กตัง้ แต่ 2 ทางเลือกข้ึนไป ทางเลือกหรือ
ตวั เลือกน้นั อาจเป็นวตั ถุสงิ่ ของหรอื แนวปฏบิ ัติตา่ งๆ เพอื่ ใช้ในการแกป้ ัญหาหรอื ด�ำเนินการเพ่ือให้บรรลตุ ามวัตถุประสงคท์ ่ีตัง้ ไว้
5. การน�ำความร้ไู ปปรบั ใช้ (Transferring) หมายถึงการถา่ ยโอนความรู้ที่มอี ยู่ไปปรับใชใ้ นสถานการณ์อนื่
6. การแก้ปัญหา (Problem Solving) หมายถึงการวิเคราะห์สถานการณ์ท่ียาก เพื่อจุดประสงค์ในการแก้ไข
สถานการณห์ รอื ขจัดใหป้ ัญหานั้นหมดไป น�ำไปสู่สภาวะท่ดี กี ว่าหรอื มที างออก
7. การคิดวิเคราะห์วิจารณ์ (Critical Thinking) หมายถึงความสามารถในการพิจารณา ประเมิน และตัดสิน
สง่ิ ตา่ งๆ หรือเรอ่ื งราวทเี่ กดิ ขน้ึ ท่มี ีขอ้ สงสยั หรือข้อโต้แยง้ โดยการพยายามแสวงหาคำ�ตอบท่ีมคี วามสมเหตสุ มผล
15 สุดยอดคู่มือครู
สงวน ิลข ิสท ์ธิ สำ� ันกพิมพ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพ ิวชาการ (พว.) จำ�กัด 8. การคดิ สรา้ งสรรค์ (Creative Thinking) หมายถงึ ความสามารถในการคดิ ไดอ้ ยา่ งกวา้ งไกลหลายทศิ ทางอยา่ งเปน็
กระบวนการ โดยใช้จินตนาการทห่ี ลากหลายเพื่อก่อให้เกิดความแปลกใหม่ในการสร้าง ผลติ ดดั แปลงงานตา่ งๆ ซึ่งจะตอ้ ง
เช่ือมโยงระหวา่ งประสบการณ์เก่ากบั ประสบการณ์ใหม่ ความคิดสรา้ งสรรค์จะเกดิ ขึ้นได้กต็ อ่ เมือ่ ผ้คู ิดมอี สิ ระทางความคิด
ทักษะการคิดระดับการก�ำกบั ตนเอง (Self-Regulating: S)
1. การตรวจสอบและควบคุมการคิด (Meta-Cognition) หมายถึงการที่บุคคลรู้และเข้าใจถึงความคิดของตนเอง
ไตร่ตรองก่อนกระท�ำอะไรอย่างใดอย่างหน่ึง เป็นการประเมินการคิดของตนเองและใช้ความรู้นั้นในการควบคุมหรือปรับ
การกระท�ำของตนเอง ซง่ึ ครอบคลมุ ถงึ การวางแผนการควบคมุ ก�ำกบั การกระท�ำของตนเอง การตรวจสอบความกา้ วหนา้ และ
การประเมินผล
2. การสรา้ งคา่ นยิ มการคดิ (Thinking Value) หมายถงึ การคดิ เพอื่ ประโยชนใ์ นระดบั ตา่ งๆ ไดแ้ ก่ เพอ่ื ประโยชนต์ น
กลมุ่ ตน เพือ่ สังคมและเพอื่ ประโยชนข์ องกลุ่ม และเพ่ือประโยชนข์ องประเทศชาติและโลก ทุกองคป์ ระกอบ
3. การสร้างนิสัยการคิด (Thinking Disposition) หมายถึงลักษณะเฉพาะของการกระท�ำของคนท่ีมีสติปัญญา
เม่ือเผชิญหน้ากับปัญหาการตัดสินใจท่ีจะแก้ปัญหาจะไม่กระท�ำทันทีทันใดก่อนท่ีจะมีข้อมูลหลักฐานชัดเจนเพียงพอ นิสัย
แหง่ การคดิ คอื รู้วา่ จะใชป้ ัญญาท�ำอยา่ งไรในการหาค�ำตอบ นิสยั แหง่ การคิดที่ดีควรมดี ังน้ี
3.1 นสิ ัยการคดิ ที่ดีต้องกลา้ เสีย่ งและผจญภัย (กล้าทีจ่ ะคิด)
3.2 นิสยั การคดิ ที่ดตี ้องคดิ แปลก คดิ แยกแยะ ช้ตี ัวปัญหา คดิ ส�ำรวจไต่สวน
3.3 นสิ ยั การคิดทดี่ ตี ้องสรา้ งค�ำอธิบายและสร้างความเข้าใจ
3.4 นสิ ัยการคดิ ทีด่ ตี อ้ งสรา้ งแผนงานและมีกลยทุ ธ์
3.5 นสิ ยั การคิดทดี่ ตี อ้ งเป็นการใช้ความระมัดระวังทางสติปญั ญา ใช้สตปิ ัญญาอยา่ งรอบคอบ
บนั ได 5 ขั้นของการจดั การเรยี นรู้สู่มาตรฐานสากล (Five Steps for Student Development)
โรงเรยี นมาตรฐานสากลไดป้ รบั ปรงุ รปู แบบการจดั การเรยี นรเู้ พอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นมคี ณุ ลกั ษณะและศกั ยภาพความเปน็ สากล
โดยจัดเป็นหลกั สูตรการศึกษาค้นควา้ ด้วยตนเอง (Independent Study: IS) เป็นเคร่ืองมอื ส�ำคญั ของแนวคดิ ในการศกึ ษา
ตลอดชีวิต มีความมุ่งหมายเพ่ือให้ผู้เรียนได้ศึกษาค้นคว้าหาความรู้ด้วยตนเองเกี่ยวกับประเด็นที่อยู่ในความต้องการ
และความสนใจอย่างเป็นระบบ เป็นการเพ่ิมพูนความรู้ ความเข้าใจ อีกทั้งได้พัฒนาทักษะกระบวนการคิด ตระหนักถึง
ความส�ำคัญของกระบวนการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง และสามารถน�ำไปประยุกต์ใช้ในการเรียนรู้ตลอดชีวิตได้ การศึกษา
คน้ ควา้ ดว้ ยตนเองแบ่งเป็น 3 สาระ ดงั แผนภมู ิ
IS 3 การน�ำองค์ความรู้ไปใชบ้ รกิ ารสังคม
(Social Service Activity)
IS 2 การสอ่ื สารและการน�ำเสนอ
(Communication and Presentation)
IS 1 การศกึ ษาคน้ คว้าและสรา้ งองคค์ วามรู้
(Research and Knowledge Formulation)
แผนภมู ิการจัดหลักสตู รการเรียนรู้ การศึกษาค้นคว้าดว้ ยตนเอง (Independent Study: IS)
สุดยอดคู่มือครู 16
สงวน ิลข ิสท ์ธิ สำ� ันกพิมพ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพ ิวชาการ (พว.) จำ�กัด IS 1 การศกึ ษาค้นควา้ และสรา้ งองคค์ วามรู้ (Research and Knowledge Formulation) เป็นสาระทีม่ ่งุ ให้ผ้เู รียน
ก�ำหนดประเดน็ ปญั หา ตั้งสมมติฐาน ค้นคว้า แสวงหาความร้แู ละฝกึ ทกั ษะการคดิ วิเคราะห์ สังเคราะห์ และสร้างองคค์ วามรู้
IS 2 การสื่อสารและการนำ�เสนอ (Communication and Presentation) เป็นสาระที่มุ่งให้ผู้เรียนนำ�ความรู้
ที่ได้รับมาพัฒนาวิธีการถ่ายทอด สื่อสารความหมาย แนวคิด ข้อมูล และองค์ความรู้ ด้วยวิธีการนำ�เสนอที่เหมาะสม
หลากหลายรูปแบบ และมปี ระสทิ ธภิ าพ
IS 3 การน�ำ องค์ความรู้ไปใช้บริการสังคม (Social Service Activity) เปน็ สาระที่มุ่งให้ผ้เู รยี นนำ�องค์ความรู้ ประยุกต์ใช้
องค์ความรูไ้ ปสกู่ ารปฏิบตั ิหรอื นำ�ไปใชใ้ หเ้ กิดประโยชนต์ อ่ สงั คม เกิดการบริการสาธารณะ (Public Service) กระบวนการสำ�คญั
ในการจัดการเรียนรู้การศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองท้ัง 3 ระดับ (Independent Study: IS 1-3) จัดกระบวนการเรียนรู้เป็น
“บันได 5 ขั้น ของการจัดการเรียนรู้ในโรงเรียนมาตรฐานสากล (Five Steps for Student Development)” ไดแ้ ก่
ขนั้ ที่ 1 การต้ังประเดน็ ค�ำถามหรอื การตั้งสมมติฐาน (Hypothesis Formulation) เปน็ การฝึกให้ผู้เรยี นรู้จกั คิด สงั เกต
ตงั้ ค�ำถามอย่างมเี หตุผลและสร้างสรรค์ ซ่ึงจะสง่ เสรมิ ใหผ้ ู้เรียนเกดิ การเรียนรใู้ นการต้งั ค�ำถาม (Learning to Question)
ขัน้ ท่ี 2 การสืบค้นความรู้จากแหล่งเรียนรู้และสารสนเทศ (Searching for Information) เป็นการฝึกแสวงหา
ความรู้ ข้อมูล และสารสนเทศจากแหล่งเรียนรู้อย่างหลากหลาย เช่น ห้องสมุด อินเทอร์เน็ต หรือจากการปฏิบัติทดลอง
เปน็ ตน้ ซึ่งสง่ เสรมิ ใหผ้ ู้เรียนเกิดการเรียนรใู้ นการแสวงหาความรู้ (Learning to Search)
ขน้ั ที่ 3 การสร้างองคค์ วามรู้ (Knowledge Formulation) เปน็ การฝึกให้น�ำความรู้ ขอ้ มลู และสารสนเทศท่ไี ด้จาก
การแสวงหาความรมู้ าอภิปราย เพอื่ น�ำไปสกู่ ารสรปุ และสร้างสรรค์องคค์ วามรู้ (Learning to Construct)
ขั้นท่ี 4 การสื่อสารและการน�ำเสนออย่างมีประสิทธิภาพ (Effective Communication) เป็นการฝึกให้ผู้เรียน
น�ำความร้ทู ี่ได้มาส่ือสารอย่างมีประสทิ ธภิ าพ ซึ่งจะสง่ เสรมิ ให้ผูเ้ รยี นเกิดการเรียนรู้และมีทักษะในการส่ือสาร (Learning to
Communicate)
ขนั้ ท่ี 5 การบริการสังคมและจิตสาธารณะ (Public Service) เป็นการนำ�ความรู้สู่การปฏิบัติ ซ่ึงผู้เรียนจะต้อง
เช่ือมโยงความรู้ไปสู่การสร้างประโยชน์ให้กับสังคมและชุมชนรอบตัวตามวุฒิภาวะของผู้เรียน ซึ่งจะส่งเสริมให้ผู้เรียนมี
จติ สาธารณะและบรกิ ารสังคม (Learning to Service)
จากแนวคิดการพัฒนาทักษะการคิด GPAS และการเรียนรู้ด้วยตนเอง IS 5 Steps ท่ีกล่าวถึงข้างต้น ส�ำนักพิมพ์
บริษทั พัฒนาคุณภาพวชิ าการ (พว.) จ�ำกดั ไดน้ �ำมาสังเคราะหห์ ลอมรวมเป็นการจดั กระบวนการเรียนร้ทู ี่พัฒนาทักษะการคดิ
เนน้ ผูเ้ รยี นสรา้ งความรู้ ใชค้ วามรู้ผลติ ผลงาน เปน็ กระบวนการเรยี นรแู้ บบ GPAS 5 Steps กลา่ วคอื
Step 1 Gathering (ข้ันรวบรวมข้อมูล)
Step 2 Processing (ขน้ั คดิ วเิ คราะหแ์ ละสรปุ ความร)ู้
Step 3 Applying and Constructing the Knowledge (ข้ันปฏบิ ัตแิ ละสรุปความรูห้ ลังการปฏบิ ตั )ิ
Step 4 Applying the Communication Skill (ข้นั สื่อสารและน�ำเสนอ)
Step 5 Self–Regulating (ขนั้ ประเมินเพื่อเพ่มิ คุณคา่ บริการสงั คมและจิตสาธารณะ)
17 สุดยอดคู่มือครู
สงวน ิลข ิสท ์ธิ สำ� ันกพิมพ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพ ิวชาการ (พว.) จำ�กัดสรุปได้ดงั แผนภูมิต่อไปน้ี
การน�ำกระบวนการเรียนรู้ GPAS 5 Steps ไปใช้ในการออกแบบการเรยี นรู้
กระบวนการเรยี นรูแ้ บบ GPAS 5 Steps สอดคล้องกบั ทฤษฎีพัฒนาการทางเชาว์ปญั ญาของเพียเจต์ (Jean Piaget)
และของวีกอ๊ ทสกี้ (Semyonovich Vygotsky) เปน็ รากฐานสำ�คัญของทฤษฎีการสรา้ งความรดู้ ้วยตนเอง (Constructivism)
ที่เน้นการเรียนรู้ท่ีผู้เรียนคิดลงมือทำ�และสรุปความรู้ด้วยตนเอง โดยการปะทะสัมพันธ์กับประสบการณ์ต่างๆ และมี
การแลกเปล่ยี นเรยี นรู้ ท�ำ ให้ผู้เรียนมีขอ้ มลู และมุมมองหลากหลาย นำ�ไปสู่การปรบั โครงสร้างความรู้ ความคิดรวบยอด หรอื
หลักการสำ�คัญท่ีศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง (Independent Study) เป็นแนวทางที่ตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคล
ทั้งในแง่ความสนใจ ประสบการณ์ วิธีการเรียนรู้ และการให้คุณค่าความรู้ท่ีผู้เรียนแต่ละคนสร้างข้ึนอย่างมีความหมาย
เพ่ือนำ�ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเอง ชุมชน และสังคมโลก การเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้เป็นกระบวนการ
“Acting on” ไมใ่ ช่ “Taking in” กล่าวคอื เป็นกระบวนการทผ่ี ู้เรียนจะตอ้ งจดั กระทำ�กบั ขอ้ มูลไมใ่ ชเ่ พยี งรับขอ้ มลู เข้ามา และ
นอกจากกระบวนการเรียนรู้จะเป็นกระบวนการปฏิสัมพันธ์ภายในสมอง (Internal Mental Interaction) แล้วยังเป็น
กระบวนการทางสังคมอีกด้วย การสร้างความรู้จึงเป็นกระบวนการท้ังด้านสติปัญญาและสังคมควบคู่กัน การเรียนการสอน
ต้องเปล่ียนจาก “Instruction” ไปเป็น “Construction” คือเปลี่ยนจาก “การให้ความรู้” เป็น “การให้ผู้เรียนสร้างความรู้
ใช้ความรู้ผลิตผลงาน” ซึ่งการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับแนวคิดน้ี คือการออกแบบการเรียนรู้แบบ Backward
Design แบง่ เป็น 3 ขนั้ ตอน คอื
ขั้นตอนที่ 1 ก�ำหนดเป้าหมายการเรียนรู้ที่สะท้อนผลการเรียนรู้ ซึ่งบอกให้ทราบว่าต้องการให้ผู้เรียนรู้อะไร
และสามารถท�ำอะไรไดเ้ มื่อจบหนว่ ยการเรียนรู้
สุดยอดคู่มือครู 18
ขั้นตอนที่ 2 ก�ำหนดหลักฐาน ร่องรอยการเรียนรู้ท่ีชัดเจนและแสดงให้เห็นว่าผู้เรียนเกิดผลการเรียนรู้ตามเป้าหมาย
การเรยี นรู้
ขัน้ ตอนท่ี 3 ออกแบบกระบวนการ/กิจกรรมการเรียนรู้ที่ช่วยพัฒนาผูเ้ รยี นให้มคี ุณภาพตามเป้าหมายการเรียนรู้
(รายละเอียดไดเ้ สนอแนะไวใ้ นค�ำแนะน�ำในการน�ำคูม่ อื ครูไปใชจ้ ดั การเรยี นการสอน)
การประเมินตามสภาพจรงิ (Authentic Assessment)
การประเมินผลตามสภาพจริงเป็นทางเลือกหนึ่งในการประเมินผลการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางและ
ปฏิบัติจริง สามารถน�ำไปสู่การพัฒนาผู้เรียนอย่างแท้จริง สามารถประเมินความสามารถทักษะการคิดขั้นสูงท่ีซับซ้อน
ตลอดจนความสามารถในการแก้ปัญหาและการประยุกต์ใช้ความรู้ในการผลิตผลงานชิ้นงานต่างๆ ได้ วิธีการประเมินผล
ดงั กลา่ วเปน็ การประเมนิ ผลเชงิ บวกเพอ่ื คน้ หาความสามารถ จดุ เดน่ และความกา้ วหนา้ ของผเู้ รยี น รวมทง้ั ใหค้ วามชว่ ยเหลอื
แก่ผู้เรียนในจุดท่ีต้องพัฒนาให้สูงขึ้นตามศักยภาพ เป็นเคร่ืองมือประเมินผลท่ีมีประสิทธิภาพท่ีใช้ในการประเมินผล
เพื่อพัฒนาผู้เรียน (Formative Evaluation) หรืออีกนัยหน่ึงเรียกว่า Assessment for Learning รวมทั้งสามารถใช้ใน
การประเมินผลรวม (Summative Evaluation) หรือ Assessment of Learning ในสถานการณ์การเรียนการสอน
ที่ใกลเ้ คียงชีวิตจริง
การประเมนิ ผลตามสภาพจรงิ จะมคี วามตอ่ เนอื่ งในการใหข้ อ้ มลู เชงิ คณุ ภาพทเ่ี ปน็ ประโยชนต์ อ่ ผสู้ อนไดใ้ ชเ้ ปน็ แนวทาง
การจัดกิจกรรมการสอนให้เหมาะสมเป็นรายบุคคลได้ และที่ส�ำคัญมีการจัดการเรียนการสอนจากแนวคิดที่เปล่ียนไป
จากเดิมไปสู่การจดั การเรียนการสอนแบบใหม่ ดังตารางตอ่ ไปน้ี
ตารางเปรยี บเทยี บกระบวนการเรยี นการสอนจากแนวคดิ เดิมและแนวคิดใหม่
สงวน ิลข ิสท ์ธิ สำ� ันกพิมพ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพ ิวชาการ (พว.) จำ�กัด
แนวคดิ เดิม แนวคิดใหม่
1. วางแผนโดยยดึ พฤตกิ รรมเป็นหลัก 1. วางแผนจากสิ่งท่ีผู้เรียนอยากรู้และอยากท�ำ
2. สอนไปตามหวั ข้อของเนอ้ื หา ในกรอบของหนว่ ยการเรยี นรู้
3. มจี ุดประสงคก์ ว้างๆ 2. เกิดการเรียนรทู้ ่ีลึกซ้งึ
4. มกั เนน้ เพียง 1-2 สมรรถภาพและวธิ กี ารเรยี น 3. มีจดุ ประสงคท์ ่ีชดั เจน
5. ผ้สู อนเปน็ ผู้ด�ำเนนิ การ 4. ใช้สมรรถภาพและวธิ ีการเรยี นท่ีหลากหลาย
6. ยึดต�ำราเรียนเป็นหลกั 5. ผู้เรียนมีความต้องการเป็นตัวกระตุ้นให้เกิด
7. ใชก้ ฎเกณฑบ์ งั คบั เสมอๆ การศึกษาและการเรียนรู้
8. ภาระงานและกระบวนการถกู แบง่ เปน็ สว่ นย่อย 6. ใชแ้ หล่งการเรยี นรู้
9. ผู้เรียนปฏิบัติงานโดยไม่ทราบจุดมุ่งหมายที่ 7. สนองความตอ้ งการของผู้เรียนอยา่ งเหมาะสม
ชดั เจน 8. ภาระงานและกระบวนการรวมอยู่ดว้ ยกนั
10. ประเมินผลครัง้ เดียวเม่ือจบบทเรียน 9. ผเู้ รียนปฏบิ ตั งิ านโดยมจี ดุ ม่งุ หมายทีช่ ดั เจน
11. ผสู้ อนเปน็ ผปู้ ระเมิน 10. ประเมนิ ผลตลอดเวลาตงั้ แตเ่ รมิ่ ปฏบิ ตั จิ นสนิ้ สดุ
12. ผู้สอนร้เู กณฑก์ ารประเมินแต่ผเู้ ดยี ว ภาระงาน
13. ประเมนิ ผลเฉพาะภาคความรู้ 11. ผเู้ ชีย่ วชาญเรอื่ งน้ันเปน็ ผู้ประเมนิ
12. ผู้สอนและผู้เรียนรู้เกณฑ์การประเมิน
ทั้งสองฝา่ ย
13. ประเมนิ ผลทง้ั ความร ู้ ความเขา้ ใจ และกระบวนการ
ที่ผเู้ รียนน�ำความร้ตู า่ งๆ มาประยกุ ต์ใช้
อา้ งองิ จาก Kentucky Department of Education, 1998 “How to Develop a Standard-Based Unit of Study” p3.
19 สุดยอดคู่มือครู
สงวน ิลข ิสท ์ธิ สำ� ันกพิมพ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพ ิวชาการ (พว.) จำ�กัด การประเมินตามสภาพจริงเป็นทางเลือกอีกทางหนึ่งส�ำหรับการวัดและการประเมินผล ซ่ึงเข้ามามีบทบาททดแทน
แบบทดสอบมาตรฐานซึ่งส่วนใหญ่เป็นแบบทดสอบเลือกตอบที่ไม่สามารถวัดและประเมินผลความรู้และทักษะได้ ลักษณะ
ส�ำคญั ของการประเมินตามสภาพจริงมีองคป์ ระกอบส�ำคญั ดงั นี้
1. เป็นงานปฏิบัติที่มีความหมาย (Meaningful Task) งานที่ให้ผู้เรียนปฏิบัติต้องเป็นงานท่ีสอดคล้องกับชีวิต
ประจ�ำวัน เป็นเหตกุ ารณ์จริงมากกวา่ กจิ กรรมทจ่ี �ำลองขึ้นเพ่ือใช้ในการทดสอบ
2. เป็นการประเมินรอบด้านด้วยวิธีการท่ีหลากหลาย (Multiple Assessment) เป็นการประเมินผู้เรียนทุกด้าน
ทั้งความรู้ ความสามารถ และทกั ษะ ตลอดจนคณุ ลักษณะนสิ ยั โดยใชเ้ ครอื่ งมือท่เี หมาะสมสอดคลอ้ งกับวิธีแหง่ การเรียนรู้
และพฒั นาการของผูเ้ รยี น เน้นให้ผูเ้ รียนตอบสนองด้วยการแสดงออก สร้างสรรค์ ผลิต หรอื ท�ำงาน ในการประเมินของผสู้ อน
จึงตอ้ งประเมินหลายๆ ครง้ั ดว้ ยวธิ กี ารที่หลากหลายและเหมาะสม เนน้ การลงมือปฏบิ ตั มิ ากกวา่ การประเมินดา้ นองคค์ วามรู้
3. ผลผลิตมีคุณภาพ (Quality Products) ผู้เรียนจะมีการประเมินตนเองตลอดเวลาและพยายามแก้ไขจุดด้อย
ของตนเอง จนกระท่ังได้ผลงานทผ่ี ลติ ขน้ึ อยา่ งมีคุณภาพ ผู้เรยี นเกดิ ความพงึ พอใจในผลงานของตนเอง มีการแสดงผลงาน
ของผู้เรียนต่อสาธารณชนเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้อ่ืนได้เรียนรู้และชื่นชม จากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนผู้เรียนมีโอกาส
เลือกปฏิบัติงานได้ตามความพึงพอใจ นอกจากน้ียังจ�ำเป็นต้องมีมาตรฐานของงานหรือสภาพความส�ำเร็จของงานท่ีเกิดจาก
การก�ำหนดร่วมกันระหว่างผู้สอน ผู้เรียน และอาจรวมถึงผู้ปกครองด้วย มาตรฐานหรือสภาพความส�ำเร็จดังกล่าวจะเป็น
สิง่ ทชี่ ่วยบง่ บอกว่างานของผูเ้ รยี นมีคณุ ภาพอยใู่ นระดบั ใด
4. ใช้ความคิดระดับสูง (Higher-Order Thinking) ในการประเมินตามสภาพจริง ผู้สอนต้องพยายามให ้
ผู้เรียนแสดงออกหรอื ผลติ ผลงานข้นึ มา ซึ่งเปน็ ผลงานทเ่ี กิดจากการคดิ วเิ คราะห์ สงั เคราะห์ ประเมนิ ทางเลอื ก ลงมือกระท�ำ
ตลอดจนการใชท้ ักษะการแกป้ ัญหาเมอื่ พบปญั หาที่เกดิ ขน้ึ ซึง่ ตอ้ งใช้ความสามารถในการคิดระดบั สงู
5. มีปฏิบัติสัมพันธ์ทางบวก (Positive Interaction) ผู้เรียนต้องไม่รู้สึกเครียดหรือเบ่ือหน่ายต่อการประเมิน
ผู้สอน ผู้ปกครองและผูเ้ รียนต้องมคี วามรว่ มมอื ทดี่ ตี อ่ กันในการประเมนิ และการใช้ผลการประเมินแกไ้ ขปรับปรุงผเู้ รยี น
6. งานและมาตรฐานต้องชัดเจน (Clear Tasks and Standard) งานและกิจกรรมที่จะให้ผู้เรียนปฏิบัติ
มขี อบเขตชดั เจน สอดคล้องกบั จดุ หมายหรือสภาพที่คาดหวังความต้องการทใี่ ห้เกดิ พฤตกิ รรมดงั กลา่ ว
7. มีการสะท้อนตนเอง (Self-Reflections) ต้องมีการเปิดโอกาสให้ผู้เรียนแสดงความรู้สึก ความคิดเห็น
หรอื เหตผุ ลตอ่ การแสดงออก การกระท�ำหรอื ผลงานของตนเองวา่ ท�ำไมถงึ ปฏิบตั ิหรอื ไม่ปฏบิ ัติ ท�ำไมถงึ ชอบและไม่ชอบ
8. มีความสัมพันธ์กับชีวิตจริง (Transfer into Life) ปัญหาท่ีเป็นส่ิงเร้าให้ผู้เรียนได้ตอบสนองต้องเป็นปัญหา
ที่สอดคล้องกับชีวิตประจ�ำวัน พฤติกรรมที่ประเมินต้องเป็นพฤติกรรมท่ีเกิดข้ึนจริงในชีวิตประจ�ำวันท้ังท่ีโรงเรียนและที่บ้าน
ดงั น้ันผปู้ กครองและผเู้ รยี นจงึ นับวา่ มบี ทบาทเป็นอยา่ งย่ิงในการประเมนิ ตามสภาพจริง
9. เป็นการประเมินอย่างต่อเน่ือง (Ongoing or Formative) ต้องประเมินผู้เรียนอย่างต่อเน่ืองตลอดเวลาและ
ทุกสถานท่อี ย่างไมเ่ ป็นทางการ ซึ่งจะท�ำให้เหน็ พฤตกิ รรมที่แทจ้ รงิ เหน็ พฒั นาการ คน้ พบจดุ เด่นและจุดดอ้ ยของผู้เรียน
10. เป็นการบูรณาการความรู้ (Integration of Knowledge) งานท่ีให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัตินั้น ควรเป็นงานท่ีต้อง
ใช้ความรู้ ความสามารถ และทักษะท่ีเกิดจากการเรียนรู้ในหลายสาขาวิชา ลักษณะส�ำคัญดังกล่าวจะช่วยแก้ไขจุดอ่อนของ
การจัดการเรียนรู้และการประเมินผลแบบเดิมท่ีพยายามแยกย่อยจุดประสงค์ออกเป็นส่วนๆ และประเมินผลเป็นเรื่องๆ
ดังนั้นผู้เรียนจึงขาดโอกาสที่จะบูรณาการความรู้และทักษะจากวิชาต่างๆ เพื่อใช้ในการปฏิบัติงานหรือแก้ปัญหาท่ีพบ ซึ่ง
สอดคล้องกับชีวิตประจ�ำวันหรือปัญหาน้ันต้องใส่ความรู้ ความสามารถ และทักษะจากหลายๆ วิชามาช่วยในการท�ำงาน
หรอื แกไ้ ขปัญหา
สุดยอดคู่มือครู 20
สงวน ิลข ิสท ์ธิ สำ� ันกพิมพ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพ ิวชาการ (พว.) จำ�กัด1.4 คำ� แนะนำ� ในการนำ� คมู่ อื ครไู ปใช้ในการจัดการเรยี นการสอน
สว่ นประกอบของคู่มือครู
คู่มือครมู ีองคป์ ระกอบส�ำคัญ 3 สว่ น ดังน้ี
สว่ นท่ี 1 กระบวนการจัดการเรียนการสอนส�ำหรบั ครู คอื ส่วนท่นี �ำเสนอในเอกสารฉบบั น้ี ประกอบด้วยสาระส�ำคญั
3 รายการ คือ
1. รูปแบบ เทคนิควิธีการจัดกระบวนการเรียนรู้ คู่มือครูฉบับน้ีน�ำเสนอ “กระบวนการจัดการเรียนรู้แต่ละหน่วย
ดว้ ยกระบวนการเรยี นร้แู บบ GPAS 5 Steps” แต่ละ Steps น�ำเสนอข้ันตอน/วิธดี �ำเนินกจิ กรรมส�ำคญั ทเี่ ปน็ หัวใจส�ำคัญของ
การจัดการเรียนรู้แต่ละข้ันตอนท่ีเน้นการเรียนรู้ตามแนวคิด “ผู้เรียนร่วมกันสร้างความรู้ด้วยกระบวนการคิดวิเคราะห์และ
ลงมือปฏิบัติน�ำความรู้ไปใช้ผลิตผลงานและตรวจสอบตนเอง” โดยยึดเนื้อหาในหน่วยการเรียนรู้ท่ีก�ำหนดในหนังสือเรียน
เป็นหลัก
แต่ถ้าหนังสือเรียนหน่วยใดมีเน้ือหาสาระท่ีจัดให้เรียนรู้ในหลายความคิดรวบยอดแตกต่างกัน หรือจ�ำนวนหัวเร่ือง
มากจนไมส่ ามารถใช้กระบวนการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps ใหค้ รอบคลมุ หวั เรอ่ื งทัง้ หมดในหนว่ ยนั้นได้ จะจัดด�ำเนนิ การ
ออกแบบการเรียนรู้แยกเป็นเร่ืองๆ 2 หรือ 3 เร่ือง เพ่ือใช้กระบวนการ GPAS 5 Steps ให้จบเน้ือหาน้ันตาม
ความแตกต่างของความคิดรวบยอดหรือหัวข้อเรื่อง แต่จะรวมการประเมินไว้ในหน่วยเดียวกันตามต้นฉบับหนังสือเรียน
เพอื่ ไมใ่ ห้สับสนในการประเมนิ จดุ ประสงคป์ ระจ�ำหน่วยการเรยี นรู้ ดังรายละเอยี ดในเอกสาร
2. การบรู ณาการการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ทกุ หนว่ ยการเรยี นรูไ้ ดน้ �ำ เสนอ “การบรู ณาการกจิ กรรมการเรยี นรู้” ไว้ตอ่ จาก
คำ�แนะนำ�ในการจัดกระบวนการจัดการเรียนรู้แต่ละหน่วยการเรียนรู้ หรือหากเนื้อหาในหน่วยการเรียนรู้ถูกแบ่งกลุ่มหัวข้อ
เน้ือหาเป็นหลายเรื่องเพ่ือจัดกระบวนการเรียนรู้ แบบ GPAS 5 Steps แยกจากกัน ก็ให้มีการนำ�เสนอ “การบูรณาการ
กจิ กรรมการเรียนร”ู้ ทกุ หวั ขอ้ เรอื่ ง กิจกรรมบรู ณาการการเรยี นรู้มีหัวขอ้ ส�ำ คญั ดังน้ี
2.1 สมรรถนะผู้เรียนในศตวรรษท่ี 21 ได้แก่ ความตระหนักรู้ในตน (Personal Spirit) การคิด (Thinking)
การแกป้ ัญหา (Problem Solving) การทำ�งานเป็นทีม (Team) การสอ่ื สาร (Communication) และอ่นื ๆ ซงึ่ จัดบรู ณาการ
เข้าไปในกระบวนการจัดกิจกรรมแต่ละข้ันตอน เช่น การให้ผู้เรียนทำ�งานและเรียนรู้เป็นกลุ่ม ผลัดเปล่ียนกันแบ่งบทบาท
หน้าที่ให้รับผิดชอบในกลุ่มเรียนรู้ร่วมกัน คิดวิเคราะห์ แก้ปัญหา และประเมินตนเองซึ่งจัดไว้ในกิจกรรมการเรียนรู้
ทุกหน่วยการเรียนรแู้ ล้ว
2.2 การเรียนรู้สู่อาเซียน ส่วนใหญ่เน้นไปที่การบูรณาการคำ�ศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับเน้ือหาที่กำ�หนดให้ใน
หน่วยการเรียนรู้ ช่วยให้ผู้เรียนได้เพิ่มพูนความรู้ภาษาอังกฤษ และมีเจตคติที่ดีต่อการสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็น
ภาษากลางท่ีใช้สื่อสารในกลุ่มประเทศอาเซียนและอาจจัดให้ศึกษาภูมิประเทศ ภูมิปัญญา ศิลปะ วัฒนธรรม การปกครอง
และงานอาชพี ของประเทศในอาเซียนในประเด็นที่สอดคล้องกับเนอ้ื หาในหนว่ ยการเรียนรนู้ ้นั ๆ
2.3 ทักษะชีวิต เป็นการบูรณาการท้ังความรู้ในสาระที่เรียน ทักษะและค่านิยมไปใช้ประโยชน์ในชีวิตจริงหรือ
สถานการณ์จ�ำลองในกจิ กรรมสง่ เสริมการเรยี นรู้ หรอื ประยุกต์ใชใ้ นชีวติ ประจ�ำวัน เพื่อพัฒนาคุณภาพชวี ติ และพฒั นาธรุ กิจ
ให้ประสบความส�ำเรจ็ ไดแ้ ก่ การสรา้ งมนษุ ยสัมพนั ธ์ การรู้จกั ตนเองและเรยี นรู้ผอู้ ่ืน การคดิ แก้ปญั หาและตดั สินใจเชิงบวก
ซง่ึ ชว่ ยพัฒนาด้วยจติ ปัญญาให้ผ้เู รียนเฉพาะส่วนท่ีสอดคล้องกบั เนอ้ื หาในหน่วยการเรียนรู้
2.4 ค่านิยมหลัก 12 ประการ เน้นการปลูกฝังจริยธรรมค่านิยมที่ดีงามตามลักษณะท่ีดีของคนไทย โดยเลือก
มาใช้แต่ละหนว่ ยการเรยี นร้ดู ้วยการให้ผูเ้ รียนไดต้ ระหนกั ถงึ จรยิ ธรรม คา่ นยิ มทเี่ ลอื กมาก�ำหนดในกระบวนการจัดกิจกรรม
ที่สัมพันธก์ บั เนอื้ หาในหนว่ ยทเี่ รียนและกระบวนการเรียนรูท้ ุกขน้ั ตอน
21 สุดยอดคู่มือครู
สงวน ิลข ิสท ์ธิ สำ� ันกพิมพ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพ ิวชาการ (พว.) จำ�กัด 2.5 กิจกรรมท้าทาย เป็นกิจกรรมเสริมความถนัด ความสนใจของผู้เรียนที่เพิ่มเติมจากกิจกรรมในบทเรียน
ซ่ึงอาจท�ำเป็นกลุ่มหรือรายบุคคลก็ได้ กิจกรรมท้าทายจะเป็นส่วนเติมเต็มความรู้ทักษะของผู้เรียน เสริมสร้างสมรรถนะ
ให้สูงข้ึนต่อเนื่องจากกิจกรรมในบทเรียน ผู้เรียนที่สนใจสามารถใช้เวลานอกบทเรียนปฏิบัติกิจกรรมนี้ด้วยความรับผิดชอบ
ของตน
3. แผนการประเมินจุดประสงค์การเรียนรู้และสมรรถนะประจำ�หน่วย เป็นส่วนท่ีออกแบบไว้สำ�หรับผู้สอนใช้ใน
การประเมินจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรใู้ นแต่ละหน่วยการเรยี นรู้ เนน้ การประเมนิ สภาพจรงิ (Authentic Assessment) โดยน�ำ เอา
ภาระงาน/ชิ้นงาน/การแสดงออกของผู้เรียนที่ปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้ ตามข้ันตอนของกระบวนการเรียนรู้แบบ
GPAS 5 Steps ท่ีสอดคล้องสัมพันธ์กับจุดประสงค์การเรียนรู้ในหน่วยการเรียนรู้แต่ละหน่วยมากำ�หนดระดับคุณภาพ
หรือคะแนนในภาระงาน/ช้ินงาน/การแสดงออกของผู้เรียนแต่ละเร่ืองตามท่ีออกแบบไว้เพ่ือสรุปผลการประเมินใน
หน่วยการเรียนรนู้ ั้น ดงั น้ี
3.1 ภาระงาน/ช้ินงาน/การแสดงออกของผู้เรียนระหว่างเรียน ได้แก่ ภาระงานในการสังเกต รวบรวมข้อมูล
(G: Gathering) การวิเคราะห์ข้อมูลสรุปความรู้ความเข้าใจ (P: Processing และ A: Applying and Constructing
Knowledge) การน�ำ เสนอผลการนำ�ไปใช้และสรปุ ความรคู้ วามเข้าใจ (A: Applying the Communication Skill) ทีเ่ กิดขน้ึ
ในระหว่างปฏบิ ตั ิกิจกรรมในแต่ละขัน้ ตอน ส่วนใหญเ่ ปน็ การประเมินเชิงคณุ ภาพจัดระดับคุณภาพไว้ 4 ระดบั คือ ดมี าก (4)
ดี (3) พอใช้ (2) และต้องปรับปรุง (1) และอาจให้ค่านํ้าหนักแต่ละรายการคิดเป็นคะแนน ทั้งนี้ข้ึนอยู่กับผู้สอนจะพิจารณา
เพมิ่ เติมใหเ้ หมาะสมกับบริบทของการจัดการเรียนรู้
3.2 ภาระงาน/ช้ินงานรวบยอดเมื่อจบหน่วยการเรียนรู้ อยู่ในข้ันการประเมินตนเองเพื่อเพ่ิมคุณค่าบริการสังคม
และจิตสาธารณะ (Self: Regulating) ได้แก่ คะแนนจากผลการปฏิบัติกิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ คะแนนจากผล
การปฏิบัติกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ คะแนนจากผลการประเมินตนเอง และคะแนนจากแบบทดสอบ (ศึกษาเอกสาร
ในเล่มประกอบ)
ส่วนที่ 2 การออกแบบการจัดการเรียนรู้ระดับหน่วยการเรียนรู้ ในส่วนน้ีได้น�ำกระบวนการจัดการเรียนรู้ส�ำหรับผู้สอน
ในส่วนที่ 1 มาขยายให้เห็นรายละเอียดในวิธีจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้ชัดเจนมากข้ึน โดยประยุกต์ใช้แนวทางการออกแบบ
การเรยี นร้แู บบ Backward Design ของ Grant Wiggins and Jay McTighe ก�ำหนดไว้ 3 ขัน้ ตอน ได้แก่
ข้ันท่ี 1 ก�ำหนดเป้าหมายคุณภาพผู้เรียน (Stage 1-Desired Results) ในการออกแบบการเรียนรู้ระดับ
หนว่ ยการเรยี นรใู้ นทีน่ ไี้ ดก้ �ำหนดเป้าหมายคุณภาพผู้เรียนเปน็ เปา้ หมายยอ่ ยๆ ไวด้ งั นี้
1. ความคดิ รวบยอด/ความเข้าใจท่คี งทน
2. สาระการเรยี นรู้
3. สมรรถนะประจ�ำหน่วย
4. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
ข้นั ที่ 2 ก�ำหนดหลักฐานรอ่ งรอยภาระงาน/ชน้ิ งาน/การแสดงออกของผ้เู รยี นส�ำหรับการประเมนิ (Stage 2-Assessment
Evidence) ในทีน่ ้ไี ด้ก�ำหนดสาระส�ำคัญในการประเมนิ ผล ไดแ้ ก่
1. วิธีประเมินท่ีสอดคล้องจุดประสงค์การเรียนรู้ในหน่วยการเรียนรู้ ได้แก่ ภาระงาน/ชิ้นงาน/การแสดงออกของ
ผเู้ รยี น แยกเปน็
ภาระงาน/ช้นิ งานระหว่างเรียน
ภาระงาน/ช้ินงานรวบยอดในหนว่ ยการเรยี นรู้
สุดยอดคู่มือครู 22
สงวน ิลข ิสท ์ธิ สำ� ันกพิมพ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพ ิวชาการ (พว.) จำ�กัด 2. เกณฑ์ประเมินจุดประสงค์การเรียนรู้จากภาระงาน/ชิ้นงาน/การแสดงออกของผู้เรียนระหว่างเรียน ก�ำหนดเป็น
ระดับคุณภาพ 4 ระดับ ดังได้กล่าวแล้วข้างต้น มีค�ำอธิบายเกณฑ์การประเมินแต่ละระดับทุกจุดประสงค์การเรียนรู้ เพื่อให้
ผ้ปู ระเมินสามารถประเมนิ ได้เทีย่ งตรงสอดคล้องกับความเปน็ จริง ไดน้ �ำเสนอไวใ้ นหนว่ ยการเรยี นร้ทู ุกหนว่ ยอย่างละเอียด
ข้ันท่ี 3 ออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ (Stage 3-Learning Plan) ในท่ีนี้ได้กำ�หนดกระบวนการเรียนรู้ท่ีเน้น
ทกั ษะการคิด การปฏิบัติจรงิ ท่ผี ู้เรียนเปน็ ผสู้ รา้ งความรู้ ใชค้ วามรู้ผลิตผลงาน ดว้ ยกระบวนการ GPAS 5 Steps ดังนี้
Step 1 Gathering (ข้นั รวบรวมข้อมลู )
Step 2 Processing (ขน้ั คิดวิเคราะห์และสรุปความรู)้
Step 3 Applying and Constructing the Knowledge (ข้นั ปฏิบัติและสรปุ ความรู้หลังการปฏบิ ัติ)
Step 4 Applying the Communication Skill (ขัน้ สอื่ สารและน�ำเสนอ)
Step 5 Self–Regulating (ข้นั ประเมินเพอ่ื เพ่ิมคณุ ค่าบรกิ ารสังคมและจติ สาธารณะ)
รายละเอียดน�ำเสนอใน CD ทีใ่ ชค้ ู่กับเอกสารฉบบั น้ี
ส่วนท่ี 3 แผนการจัดการเรียนรู้ ได้จัดทำ�เป็นแผนรายช่ัวโมงที่แสดงรายละเอียดการดำ�เนินกิจกรรมแต่ละข้ันตอน
ตาม GPAS 5 Steps ให้ชัดเจนมากขึ้น ผู้สอนสามารถปรับใช้ให้เข้ากับบริบทของผู้เรียนและห้องเรียนแต่ละแห่งใน
แต่ละโอกาส ในแผนการจดั การเรียนรู้ได้นำ�เสนอรายละเอยี ด ดังนี้
1. สาระส�ำคญั ของเร่อื งหรอื เน้ือหาทเี่ รียน
2. ค�ำถามที่ผู้สอนใช้ถามผู้เรียนเพ่ือกระตุ้นให้แสวงหาข้อมูล ค�ำตอบ หรือข้อสรุปด้วยตนเองในแต่ละขั้นตอน
ในช่ัวโมงสอน
3. แบบบันทึกผังกราฟิก (Graphic Organizers) ที่ให้ผู้เรียนน�ำไปใช้ในข้ันตอนต่างๆ ของการจัดการเรียนรู้ตาม
กระบวนการเรียนรูแ้ บบ GPAS 5 Steps เช่น ผังกราฟิกในการสังเกตรวบรวมและบนั ทกึ ข้อมูล ผงั กราฟิกการวิเคราะหข์ ้อมูล
และสรปุ ความรใู้ นรูปแบบตา่ งๆ เป็นตน้
4. สื่ออุปกรณ์และแหลง่ เรียนรสู้ �ำหรับผ้สู อนและผู้เรยี นที่จะหาความรเู้ พ่มิ เตมิ ในเนือ้ หาแตล่ ะหนว่ ยการเรียนรู้
5. กิจรรมเสนอแนะส�ำหรับผสู้ อนเสริมความร้แู ละทักษะให้กับผู้เรียนท่ีมีจดุ เด่นทจี่ ะเรยี นรใู้ ห้เต็มตามศักยภาพ
6. บันทึกหลังสอนส�ำหรับผู้สอนประเมินการจัดการเรียนรู้ในแต่ละแผน เป็นแบบบันทึกการประเมินเชิงระบบ
ประกอบด้วยหวั ขอ้ ส�ำคญั คือ
ความพรอ้ มกอ่ นด�ำเนินกจิ กรรม (สอื่ วสั ดุอุปกรณ์ การเข้าชนั้ เรยี น พืน้ ฐานความรู้เดมิ ของผูเ้ รียน)
บรรยากาศการเรยี นรู้ (ความสนใจ ปฏสิ มั พันธใ์ นหอ้ ง ความราบรืน่ ในการด�ำเนนิ กิจกรรมการเรยี นการสอน)
ผลการเรียนรู้ (จ�ำนวนผู้เรียนท่ีมีผลงานระหว่างเรียนและผลการประเมินบรรลุวัตถุประสงค์แต่ละระดับ
ผเู้ รียนท่เี ปน็ ผู้น�ำ ผู้เรียนทต่ี ้องใหค้ วามสนใจเพ่ิมเติม)
แนวทางการพัฒนาในครงั้ ต่อไป (สง่ิ ทต่ี ้องยุติ สงิ่ ทนี่ �ำมาใชต้ ่อ สงิ่ ที่ต้องปรบั ปรงุ เพิม่ เติม)
รายละเอียดน�ำเสนอใน CD ทใี่ ชค้ กู่ ับเอกสารฉบับน้ี
หมายเหตุ : สว่ นที่ 2 และส่วนท่ี 3 ทางส�ำนักพิมพ์ บรษิ ัทพัฒนาคณุ ภาพวิชาการ (พว.) จ�ำกดั ได้จดั ท�ำเป็นไฟลเ์ อกสาร Word
บันทึกลงในแผ่น CD ผู้สอนสามารถคัดลอก ดัดแปลง หรือปรับเปลี่ยนรายละเอียดเพื่อน�ำไปใช้ใน
การจัดการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับบริบทของสถานศึกษา ตรงตามความต้องการ ความพร้อม
และความสนใจของผเู้ รียนแต่ละคนหรือแตล่ ะห้องเรยี น
23 สุดยอดคู่มือครู
สงวน ิลข ิสท ์ธิ สำ� ันกพิมพ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพ ิวชาการ (พว.) จำ�กัดพัฒนาความ น�ำ ขอ้ มลู มาจำ�แนก สรา้ งความรู้ขั้นสงู คือ คิดออกแบบ
สามารถในการ จดั กลุ่ม วเิ คราะห์ ความรู้ระดับคณุ ธรรม หลายๆ แบบ
เก็บขอ้ มลู พิสจู น์ ทดลอง จริยธรรม โดยใหน้ ำ� เพือ่ สรา้ ง
รวบรวมขอ้ มูลจาก วิจัย ใหเ้ หน็ ล�ำ ดับ ผลการคิดของตนเอง ทางเลอื กหรือ
การฟัง การอ่าน ความส�ำ คญั และ มาไตรต่ รองว่าวธิ คี ิด เพือ่ หาวิธี
การดูงาน การส�ำ รวจ ความสมั พันธ์ ดงั กลา่ วจะนำ�ไป หลายๆ วิธี
การสมั ภาษณ์ เชื่อมโยง ให้รู้ว่า สู่ผลส�ำ เรจ็ หรือไม่ ทจี่ ะนำ�ความรู้
การไปดูเหตกุ ารณ์ อะไรคอื ปญั หา สง่ ประโยชนถ์ งึ สงั คม ไปปฏิบัติให้
หรอื สถานการณ์ ที่แท้จรงิ อะไรคอื สาธารณะ และ เต็มศกั ยภาพ
ทเี่ กิดขึ้นจริง เพอื่ น�ำ สาเหตทุ ่ีนำ�สู่ สง่ิ แวดลอ้ มหรอื ไม่ และงดงาม
ขอ้ มูลไปจัดกระท�ำ ปญั หา ผลกระทบ ถ้าไม่ถึงจะปรบั และน�ำ ผลไปสู่
ใหเ้ กดิ ความหมาย ของปัญหา ตรงไหน อย่างไร ความส�ำ เร็จ
ผา่ นกระบวนการ วธิ แี กป้ ัญหา จงึ จะเปน็ ไปตาม แบบคงทน
คดิ วเิ คราะห์ แนวทางปอ้ งกัน วตั ถุประสงค์ จงึ กล้า อยา่ งมลี �ำ ดับ
สาเหตุไมใ่ ห้ วิจารณ์ กลา้ เสนอแนะ ขั้นตอน เพ่อื การ
ข้อมลู เกดิ ข้นึ และ อย่างสรา้ งสรรค์ ตรวจสอบทมี่ ี
น�ำ สู่ปญั หา รบั ฟังขอ้ เสนอแนะ ประสิทธภิ าพ
ขอ้ วจิ ารณ์ จากเพอื่ น และแกป้ ัญหาใน
ครู พอ่ แม่ อยา่ งมี แต่ละขัน้ ตอนได้
เหตุผล ทบทวน ตรงวัตถุประสงค์
ปรบั ปรุงด้วยความยนิ ดี
มคี า่ นิยมในความเปน็
ประชาธิปไตยเสมอ
สวงั ิเเคครราาะะหห์ ์ ประเมแินผนกGาPรทAสาสอSงรเน้าล–งอื คกBมู่ ือacคkรู
คุณภาพครอบคลมุ การสอนแบบเนน้ ผูเ้ รียนเป็นสำ�คญั แบบสร้าง
แบบพัฒนาพหปุ ญั ญา แบบทกั ษะกระบวนการทาง
สรปุ รายงานผล ผลการเรยี นรูท้ ีค่ าดหวงั Portfolio
สุดยอดคู่มือครู 24
สามารถคดิ สงวน ิลข ิสท ์ธิ สำ� ันกพิมพ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพ ิวชาการ (พว.) จำ�กัดก่อนลงมอื ปฏิบัติการปฏิบตั ทิ ดี่ จี งึ ตอ้ งปฏบิ ัติดร.ศกั ดสิ์ นิ โรจนส์ ราญรมย์
ตัดสินใจเลอื ก น�ำ แนวคิดและ ตามแผนทีว่ างไว้ ผ่าน
แนวทางหรอื ตัดสนิ ใจมาจดั การวเิ คราะห์ การไตรต่ รอง เมอ่ื งานส�ำ เรจ็ รู้จัก
วิธที ด่ี ที ีส่ ุดที่ ลำ�ดบั ข้นั ตอน ไว้อย่างดแี ล้ว การปฏบิ ัติ ประเมนิ งานท้งั ดว้ ย
น�ำ ไปสคู่ วาม การทำ�งาน จริงจึงเปน็ การพัฒนา เหตุผลควบคู่กับการ
ส�ำ เรจ็ ได้จริง เพอื่ สามารถ การทำ�งานรว่ มกับผู้อ่นื หรอื ประเมนิ ตนเองเสมอ
น�ำ ประโยชน์ ด�ำ เนนิ งานไป ท�ำ งานเป็นทมี ทตี่ ้องมีการ ถา้ กระบวนการนัน้
ไปสสู่ งั คม ตามแผนการคดิ จัดการแบง่ งานใหต้ รงตาม น�ำ ไปสู่ผลจริง กจ็ ะ
สาธารณะ ทผ่ี า่ นการ ความถนัด แชรค์ วามคดิ น�ำ กระบวนการนน้ั
สง่ิ แวดลอ้ ม ไตรต่ รองมา ประสบการณ์ ร้จู ักรับฟงั ไปพฒั นาหรอื
เปน็ วธิ ีที่ อยา่ งดีแล้ว และ รจู้ ักเสนอแนะ มคี า่ นยิ ม ท�ำ งานในกล่มุ สาระ
คมุ้ คา่ เพือ่ พสิ ูจน์ให้ แสดงออกเป็นประชาธปิ ไตย อน่ื ๆ เพ่ือให้ไดง้ าน
ตัง้ อยบู่ น เห็นวา่ ส่ิงท่ีคิด รู้จกั อดทน ขยนั รับผิดชอบ ทม่ี คี ุณภาพและ
หลักการของ ไว้เมอื่ นำ�ไป ในหนา้ ทกี่ ารท�ำ งานหรอื คุณค่าเพิม่ ขนึ้ เสมอ
ปรชั ญา ปฏบิ ัตจิ ริงแลว้ การปฏบิ ตั ิ ม่งุ หวังเพอื่ ให้ ขัน้ ตอนใดทม่ี ีจุดอ่อน
เศรษฐกจิ สามารถด�ำ เนนิ ได้งานท่ีดขี น้ึ เพอื่ ประโยชน์ ก็ตอ้ งปรับปรุง
พอเพียง การไดต้ าม ของสงั คมสว่ นรวมทกี่ วา้ งไกล ให้ดียิ่งขน้ึ เม่ือได้
ท่คี ดิ ไว้หรอื ไม่ ข้ึน ค�ำ นึงถึงผลกระทบ กระบวนการที่ดแี ลว้
ตัดสนิ ใจ เพอ่ื น�ำ ไปสู่ ต่อสาธารณะและสง่ิ แวดล้อม ก็สรุปกระบวนการ
การแกป้ ญั หา มากยง่ิ ขึน้ อกี ท้ังยังน�ำ กรอบ นนั้ ใหเ้ ป็นหลักการ
และพัฒนาการ ความคิดมาปฏิบัตเิ พ่อื พัฒนางานท่ดี ขี อง
เก็บข้อมลู และ การออกแบบ สรา้ งนวตั กรรม ตนเอง เป็นเคร่อื งมอื
การคิดตอ่ ไป ดว้ ยสือ่ เทคโนโลยไี ด้อยา่ ง การเรยี นรู้
ทัดเทยี มกบั ความเป็นสากล ใชเ้ รียนร้ขู ้อมูลได้
ทกุ โอกาสทว่ั โลก
วางแผน ลงมือปฏบิ ัติ และทุกสถานการณ์
ทกุ เง่ือนไข
คwรaบrdกรDะeบsวiนgกnารเรียนรู้ ได้ตลอดชวี ิต
ความรู้ แบบวจิ ัยในช้นั เรียน แบบโครงงาน แบบเพ่ิมพลังสมอง
วทิ ยาศาสตร์ แบบ 5Es แบบปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง ฯลฯ สรา้ งความรู้
เสนโอคเปรงน็ งชา้นินงาน
KAP 1 2 3 4 ประเมนิ ตนเอง นำ�สู่ค่านิยม คุณธรรม
25 สุดยอดคู่มือครู
21
สุดยอดคู่มือครู 26
สงวนลขิ สทิ ธ์ิ สำ�นกั พมิ พ์ บรษิ ัทพฒั นาคุณภาพวชิ าการ (พว.) จ�ำ กดั
GPAS 5 STEPs 1. Gข้ันaรวthบeรวrมinขg้อมูล 2. ขั้นคิดPวิเrคoรcาeะหs์แsลinะสgรุปความรู้
A3. ข้ันปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ Apply4.inขg้ันสth่ือeสาCรoแmลmะนu�ำnเiสcaนtอion Skill 5. ขSั้นeปlรfะ-เRมeินgเพu่ือlaเพtิ่มinคgุณค่า
pplying and Constructing the Knowledge
บูรณาการทักษะศตวรรษท่ี 21 ทักษะชีวิต
ค่านิยมหลัก 12 ประการ กิจกรรมท้าทาย รอบรู้อาเซียนและโลก
asean
หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 1 ความปลอดภัย
สงวน ิลข ิสท ์ธิ สำ� ันกพิมพ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพ ิวชาการ (พว.) จำ�กัด
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ความปลอดภัย เร่ืองยอ่ ย
1. ความปลอดภยั ในงานเชอ่ื มไฟฟา้
1 (หนงั สอื เรียน หน้า 11-15)
2. ความปลอดภัยในงานเช่ือมแก๊ส
สาระสาำ คัญ (หนงั สือเรยี น หน้า 16-21)
การพัฒนาทัศนคติและพฤติกรรมในการทำางานด้วยความปลอดภัยเป็นสิ่งที่สำาคัญอย่างหนึ่ง 3. ความปลอดภัยในงานโลหะแผน่
ในการศกึ ษาระดบั อาชวี ศกึ ษา เพราะความปลอดภยั นบั ไดว้ า่ เปน็ หวั ใจของการทาำ งาน ผทู้ ปี่ ฏบิ ตั งิ าน (หนงั สือเรยี น หน้า 21-23)
ได้ดีจำาเป็นอย่างย่ิงที่จะต้องระมัดระวังเร่ืองความปลอดภัยอยู่เสมอ จากการสำารวจพบว่าผู้ท่ีได้รับ
อันตรายจากการทำางานส่วนใหญ่มักขาดความเอาใจใส่ในเร่ืองความปลอดภัยจึงก่อให้เกิดอันตราย สมรรถนะประจ�ำ หนว่ ย
แกร่ า่ งกายและชวี ติ ของตนเอง เพอ่ื นรว่ มงานและทรพั ยส์ นิ ดงั นนั้ จงึ จาำ เปน็ ทจี่ ะตอ้ งเขา้ ใจและปฏบิ ตั ิ แสดงความรู้เก่ียวกับความปลอดภัยในงานเช่ือม
ตามหลกั ความปลอดภัยโดยเคร่งครัดเพื่อให้เกิดความปลอดภยั จากอันตรายหรืออบุ ัตเิ หตตุ ่างๆ ไฟฟา้ เช่อื มแก๊ส และโลหะแผน่
สาระการเรียนรู้ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1. ความปลอดภัยในงานเชือ่ มไฟฟา้ 1. บอกวิธีการป้องอันตรายในงานเช่ือมไฟฟ้า
2. ความปลอดภัยในงานเชอ่ื มแก๊ส
3. ความปลอดภัยในงานโลหะแผน่ งานเชอ่ื มแก๊ส งานโลหะแผน่ และข้อควรระวังใน
การใช้เคร่อื งมืออปุ กรณ์ได้
2. บอกผลของอนั ตรายจากงานเชอ่ื มไฟฟา้ งานเชอ่ื มแกส๊
และงานโลหะแผน่
3. ปฏิบัตติ ามกฎของโรงฝกึ งานอย่างเครง่ ครดั
4. มีเจตคติที่ดีในการเรียนเร่ืองความปลอดภัย และ
รักษ์ค่านิยมหลกั 12 ประการของไทย
การประเมนิ ผล 3. การน�ำ เสนอผลการสรปุ ความรคู้ วามเขา้ ใจเกยี่ วกบั ความปลอดภยั
ในงานเชื่อมไฟฟ้า งานเช่ือมแก๊ส และความปลอดภัยในงาน
ภาระงาน/ชิ้นงาน/การแสดงออกของผู้เรียน โลหะแผน่
ภาระงาน/ช้ินงานระหว่างเรียน
1. ผังกราฟิกแสดงการเก็บรวบรวมข้อมูลเก่ียวกับความปลอดภัย ภาระงาน/ช้นิ งานรวบยอดในหนว่ ยการเรยี นรู้
1. ผลการปฏบิ ัติกจิ กรรมตรวจสอบความเข้าใจ
ในงานเชอื่ มไฟฟา้ งานเชอ่ื มแกส๊ และความปลอดภยั ในงานโลหะแผน่ 2. ผลการปฏิบตั กิ จิ กรรมส่งเสริมการเรยี นรู้
2. ผงั กราฟกิ สรปุ ความรคู้ วามเขา้ ใจเกย่ี วกบั ความปลอดภยั ในงานเชอ่ื ม 3. ผลการประเมนิ ตนเอง
4. คะแนนผลการทดสอบ
ไฟฟ้า งานเชือ่ มแก๊ส และความปลอดภยั ในงานโลหะแผ่น
27 สุดยอดคู่มือครู
GPAS 5 STEPs 1. Gขั้นaรวthบeรวrมinขg้อมูล 2. ขั้นคิดPวิเrคoรcาeะหs์แsลinะสgรุปความรู้
บูรณาการทักษะศตวรรษท่ี 21
ทักษะชีวิต
ep 1
สงวนลิข ิสทธิ์ สำ� ันกพิมพ์ บริษัท ัพฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด g St
สมรรถนะประจำาหนว่ ย Gatherin ขนั้ รวบรวมอ้ มูล
แสดงความรูเ้ กีย่ วกับความปลอดภัยในงานเชอื่ มไฟฟ้า เชอ่ื มแกส๊ และโลหะแผน่ 1. แบ่งกลุ่มผู้เรียนเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มละ 5-6 คน จากน้ันแต่ละกลุ่ม
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ร่วมกันศึกษาเอกสาร หนังสือเรียนงานเช่ือมและโลหะแผ่นเบื้องต้น
1. บอกวิธีการปอ้ งอันตรายในงานเชอ่ื มไฟฟ้า งานเชื่อมแก๊ส งานโลหะแผน่ ดังนี้
และข้อควรระวงั ในการใช้เครอื่ งมืออุปกรณ์ได้ กลมุ่ ท่ี 1 ความปลอดภัยในงานเชื่อมไฟฟ้า
2. บอกผลของอนั ตรายจากงานเช่ือมไฟฟา้ งานเชือ่ มแกส๊ และงานโลหะแผน่ กลุม่ ที่ 2 ความปลอดภัยในการเชือ่ มแก๊ส
3. ปฏบิ ัตติ ามกฎของโรงฝึกงานอย่างเคร่งครดั กลมุ่ ท่ี 3 ความปลอดภยั ในงานโลหะแผน่
4. มเี จตคติทีด่ ใี นการเรียน เร่อื งความปลอดภัย และรกั ษ์ค่านิยมหลัก 12 ประการของไทย 2. ต้ังคำ�ถามให้ผู้เรียนนำ�เสนอข้อมูลจากประสบการณ์จากการศึกษา
เอกสารหนังสือเรียน หรือจากการศกึ ษาคน้ ควา้ จากแหล่งความร้อู ื่น
ผงั สาระการเรยี นรู้ ตามหวั ขอ้ ที่กำ�หนดดงั นี้
1) ความปลอดภัยในการปฏบิ ตั งิ านควรเริ่มตน้ เมอ่ื ใด
ความ ความปลอดภยั ในงานเชือ่ มไฟฟา้ 2) กฎระเบยี บว่าดว้ ยความปลอดภัยภายในโรงฝกึ งาน ควรมสี ือ่ ใด
ปลอดภยั ความปลอดภัยในงานเชอ่ื มแก๊ส ประกอบการศึกษา
ความปลอดภัยในงานโลหะแผ่น 3) การใช้เคร่ืองมือ เครื่องมือกล ส่ิงท่ีต้องศึกษาเป็นลำ�ดับแรก
คอื อะไร
4) เหตใุ ดต้องตรวจสอบสภาพเครือ่ งมอื วัสดุอปุ กรณ์ ความปลอดภยั 11
5) หากละเลยเรื่องของความปลอดภัย จะส่งผลอย่างไรต่อ
ความปลอดภัย (Safety) หมายถึง สภาวะการปราศจากจากภัยหรืออันตราย (Danger)
ผู้ปฏิบัติงาน การบาดเจ็บ (Injury) การเส่ียงภัย (Risk) และการสูญเสีย (Loss) ท่ีเกิดข้ึนกับคนหรือวัตถุส่ิงของ
6) หากสภาพของการปฏบิ ตั งิ านมแี นวโนม้ วา่ อาจกอ่ ใหเ้ กดิ อบุ ตั เิ หตุ ในช่วงเวลาปกติและขณะปฏิบัติงาน ส่ิงที่สำาคัญท่ีสุดผู้ปฏิบัติงานทุกคนจะต้องคำานึงถึงเป็นอันดับแรก
คือ ความปลอดภัย เพราะจะช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานไม่ได้รับอุบัติเหตุจากการปฏิบัติงาน ตลอดจน
ผู้เรียนจะเสนอแนวทางแก้ไขอย่างไร อุปกรณ์ต่างๆ เคร่ืองมือ เครื่องจักรไม่ชำารุดเสียหาย ทำาให้อายุการใช้งานได้นานข้ึน ผู้ปฏิบัติงานควรมี
3. ผู้เรียนแต่ละคนบันทึกผลการศึกษาเร่ืองความปลอดภัย (ตาม ความรู้ในเรือ่ งต่างๆ ต่อไปนี้
1) เรยี นรถู้ ึงความปลอดภยั ในการปฏบิ ตั ิงานกอ่ นทีจ่ ะเร่มิ ปฏิบัตงิ าน
ล�ำ ดับข้ัน) ลงผังกราฟกิ 2) คาำ นงึ ถงึ ความปลอดภัยและปฏิบัตงิ านให้ปลอดภัยตลอดเวลา
(ผังสรุปความรคู้ วามเขา้ ใจเบอ้ื งต้นเรอ่ื งความปลอดภยั ) 3) เช่อื ฟังกฎและระเบียบขอ้ บังคับของโรงฝึกงานอยา่ งเคร่งครดั
4) สวมชุดปฏิบัติงานและอปุ กรณ์ปอ้ งกันอย่างถูกต้อง
5) ปฏิบัติตวั ของผเู้ รยี นอย่างมรี ะเบียบวนิ ยั ตลอดเวลาไมห่ ยอกลอ้ ในขณะปฏิบตั ิงาน
6) ปฏิบัตงิ านเฉพาะเครอื่ งมือ เครอ่ื งจักรทีผ่ ้เู รียนมีหน้าท่เี กี่ยวข้องโดยตรง
7) ตรวจสอบเครือ่ งมอื และอุปกรณ์ให้อยใู่ นสภาพให้มีความปลอดภัยก่อนเริม่ ปฏบิ ัติงาน
8) เสนอแนะขอ้ คิดเหน็ ตอ่ ผู้สอน ถ้าสภาพการปฏบิ ตั งิ านไม่มีความปลอดภยั
9) รายงานการเกิดอบุ ตั เิ หตตุ ่อผ้สู อนทันที
10) จดั ใหม้ ีการประชมุ และสนับสนนุ แผนงานทเ่ี ก่ยี วข้องกับความปลอดภยั
1. ความปลอดภยั ในงานเชอื่ มไฟฟา้
ในการเชื่อมไฟฟ้าผู้ปฏิบัติงานจะต้องตระหนักถึงความสำาคัญในเร่ืองของความปลอดภัยให้มาก
ที่สุด ถึงแม้ผู้ปฏิบัติงานเช่ือมจะมีความสามารถความชำานาญขนาดไหนให้ใส่ใจในเร่ืองของ
ความปลอดภัยในการเชื่อมเป็นอย่างมาก เพราะโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุหรืออันตรายมีอยู่ตลอดเวลา
ชนิดและอันตรายทอี่ าจเกดิ จากการเชอื่ มไฟฟา้ ได้แก่
1.1 อันตรายจากกระแสไฟฟ้า (Electric Shock)
การเชื่อมไฟฟ้า เคร่ืองเช่ือมเป็นอุปกรณ์ที่สำาคัญในกระบวนการเช่ือมที่จะต้องมีการป้อน
กระแสไฟฟ้าผ่านเข้าเครื่องเชื่อม และเครื่องเช่ือมจะทำาหน้าที่แปลงกระแสไฟฟ้าจากแรงเคล่ือนสูงให้เป็น
ไฟฟา้ ทม่ี แี รงเคลอื่ นตา่ำ เพอ่ื ใหเ้ หมาะสมกบั การเชอื่ มโลหะและไมเ่ ปน็ อนั ตรายตอ่ การปฏบิ ตั งิ าน แตก่ ระนน้ั
ใชว่ า่ อนั ตรายจากกระแสไฟฟา้ จะไมเ่ กดิ ขน้ึ ได้ ในการปฏบิ ตั งิ านเชอ่ื มทกุ ครง้ั ผปู้ ฏบิ ตั งิ านจะตอ้ งตรวจสอบ
ดอู ปุ กรณเ์ กย่ี วกบั ระบบไฟฟา้ วา่ อยใู่ นสภาพเรยี บรอ้ ยสมบรู ณห์ รอื เปลา่ มกี ารแตกของฉนวนหมุ้ สายหรอื
ไม่ ขอ้ ต่อสายไฟฟา้ ต่างๆ ตงั้ แต่สายไฟเข้าเครอ่ื งเช่อื ม สายเชือ่ ม ตลอดจนหวั จบั ลวดเชือ่ ม หัวจบั สายดิน
เพราะกระแสไฟฟ้าแม้แต่จะเข้าสู่ร่างกายเพียงเล็กน้อยก็ตาม อาจทำาให้กล้ามเน้ือกระตุกผิดปกติ
ถา้ ผปู้ ฏบิ ตั ิงานทำางานในท่ีสูงๆ อาจทาำ ใหต้ กลงมาเสยี ชีวิตได้
สุดยอดคู่มือครู 28
Ap3p. lขy้ันiปnฏgิบaัตnิแdละCสoรnุปstคrวuาctมinรgู้หลthังeกาKรnปoฏwิบleัตdิge A 4. ขั้นสื่อสารและน�ำเสนอ 5. ขS้ันeปlรfะ-เRมeินgเพu่ือlaเพtิ่มinคgุณค่า
ค่านิยมหลัก 12 ประการ pplying the Communication Skill
กิจกรรมท้าทาย รอบรู้อาเซียนและโลก
asean
12 งานเชื่อมและโลหะแผ่นเบ้อื งต้น
ตารางที่ 1.1 ลกั ษณะความรูส้ ึกของร่างกายเมือ่ กระแสไฟฟ้าไหลผา่ น
กระแสไฟฟ้า ความร้สู ึกของร่างกาย
(มิลลแิ อมแปร)์
กล้ามเนื้อกระตกุ ไม่เปน็ อันตรายใดๆ
1 กลา้ มเน้ือกระตุกอย่างรุนแรงทาำ ให้เกิดความรู้สึกเจบ็ ปวดมาก
5 เกดิ ความเจบ็ ปวดมากจนทนไม่ไหว
10 กลา้ มเน้ือหดตวั อยา่ งรนุ แรง ผ้ทู ไ่ี ดร้ บั อบุ ตั เิ หตุจะไม่สามารถชว่ ยตัวเองออกจาก
20 กระแสไฟดดู ได้
สลบ ไม่รู้สกึ ตัว หวั ใจเตน้ ผิดปกต ิ ความต้านทานท่ีผวิ ลดลง
มากกวา่ 40 เสยี ชีวติ
มากกวา่ 80 สงวน ิลข ิสท ์ธิ สำ� ันกพิมพ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพ ิวชาการ (พว.) จำ�กัด
วธิ ปี อ้ งกนั อนั ตรายจากกระแสไฟฟา้ ควรปฏิบัตดิ ังน้ี รังสีอัลตราไวโอเลตหรือรังสียูวี หรือในช่ือภาษาไทยว่า
1) ในขณะปฏบิ ตั ิงานเชอื่ มควรสวมถงุ มอื และรองเท้าทม่ี ฉี นวนหุ้มอย่างดี รังสีเหนือม่วงเป็นช่วงหน่ึงของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าท่ีมี
2) สวมใสช่ ุดปฏบิ ตั ิงานทแ่ี ห้งถา้ มเี หง่ือจะต้องระวงั มากขึน้ เพราะมโี อกาสเกดิ ไฟฟ้าดูดได้ง่าย ความยาวคลื่นส้ันกว่าแสงท่ีมองเห็น แต่ยาวกว่ารังสีเอกซ์
3) สายไฟต่อเขา้ เคร่ืองเช่อื มและสายเชอื่ มตอ้ งมฉี นวนหุม้ อยูใ่ นสภาพด ี ไม่ชาำ รดุ อยา่ งออ่ น มคี วามยาวคลน่ื ในชว่ ง 400-10 นาโนเมตร และมี
4) ควรวางทจ่ี ับลวดเชอื่ มไว้บนฉนวนหรอื แขวนไวก้ ับทีแ่ ขวน พลงั งานในชว่ ง 3-124 eV
5) เคร่อื งเชอ่ื มจะตอ้ งตอ่ สายดนิ
6) เปลยี่ นลวดเช่ือมดว้ ยความระมัดระวงั ความปลอดภัย 13
7) ปดิ สวิตซเ์ ครื่องเชอ่ื มทกุ ครัง้ เมื่อเลิกทาำ การเชอ่ื ม
1.2.2 รังสีอินฟราเรด (Infrared Rays) เป็นรังสีท่ีมีระดับคล่ืนความถ่ีสูง 750 Hz ขึ้นไป
1.2 อนั ตรายท่เี กดิ จากพลังงานรงั ส ี (Radiant Energy) ประสาทตาไม่สามารถมองเห็นได้ รังสีตัวน้ีให้ความร้อนสูงและจะทำาอันตรายต่อผิวหนัง ถ้าสะสมเอาไว้
การปฏบิ ตั งิ านเชอ่ื มไฟฟา้ จะเกดิ พลงั งานรงั สขี น้ึ รงั สที สี่ ามารถมองเหน็ ดว้ ยตาเปลา่ จะมคี วามถ่ี ตาจะเป็นต้อกระจกอาจเป็นอนั ตรายตอ่ เยื่อตาได ้
อยู่ในชว่ ง 400 – 750 Hz เมือ่ ถกู รงั สีในชว่ งนีจ้ ะทำาให้ตามวั และมืดไปพักหนึง่ เนอ่ื งมาจากชา่ งเช่ือมปดิ 1.3 อนั ตรายจากควนั ฝนุ่ เชอ่ื มและแกส๊ (Welding Fumes , Welding Dusts and Gases)
หน้ากากเชื่อมไมท่ ัน หรอื ไมม่ กี ระจกกรองแสงป้องกนั ทเี่ หมาะสม หรอื ไปอย่ใู กล้เคียงกบั บรเิ วณที่ทาำ การ อนั ตรายทแี่ ฝงอยใู่ นระบบของการเชอื่ ม คอื ควนั เชอื่ ม (Welding Fumes), ฝนุ่ เชอื่ ม (Welding
เชื่อมทำาให้ประสาทตาระคายเคืองและอาจทำาให้ตาบอดได้ ดังนั้นในการปฏิบัติการเชื่อมไฟฟ้าต้องวาง
มาตรการในการป้องกัน และมีอุปกรณ์ป้องกันดวงตา โดยการเลือกใช้กระจกกรองแสงที่เหมาะสม
กบั การเชอ่ื ม รงั สที ่เี กิดขึน้ จากการเชือ่ มไฟฟ้ามี 2 ชนดิ ดังน้ี
1.2.1 รังสีอัลตราไวโอเลต (Ultraviolet Rays) การเช่ือมไฟฟ้าจะเกิดการอาร์กขึ้นตลอด
ของการเชื่อม จะเป็นอันตรายต่อผิวหนังและดวงตาที่ไม่มีส่ิงป้องกันจะทำาให้ผิวหนังไหม้และเกิดการ
ระคายเคอื งในเบา้ ตาคลา้ ยกบั มเี มด็ ทรายเขา้ ไปอยใู่ นตา ดงั นน้ั ชา่ งเชอื่ มตอ้ งสวมเครอ่ื งปอ้ งกนั ใบหนา้ แขน
คอ และสว่ นต่างๆ ของร่างกาย ไมใ่ หส้ มั ผสั กบั รงั สอี ลั ตราไวโอเลต ปัจจุบนั ยังพบว่ารังสีอัลตราไวโอเลต
ทำาให้เกดิ มะเร็งผิวหนงั อีกดว้ ย
Dusts) และแก๊ส (Gases) ท่ีเกิดจากการปฏิบัติการเชื่อมไฟฟ้าโดยทั่วๆ ไป อันตรายเหล่านี้จะเกิด
ผลกระทบตอ่ ผูป้ ฏิบตั งิ านเช่ือมและผู้ที่เก่ียวขอ้ งดังนี้
1.3.1 ควันเช่ือม ฝุ่นเช่ือม (Welding Fumes & Welding Dusts) ควันและฝุ่นเช่ือม
เปน็ สว่ นทมี่ ขี นาดเลก็ ในระดบั จลุ ภาคทต่ี ดิ เขา้ ไปกบั ลมหายใจ และสะสมอยใู่ นชอ่ งวา่ งของปอดจนกระทง่ั
ปอดอักเสบได้จนถึงข้ันการเป็นมะเร็งปอด อาการไข้ที่เกิดจากควันของการเชื่อมโลหะเป็นอันตรายสูงสุด
อันดับหน่ึงของงานเชื่อมเกิดจากการเปล่ียนรูปฟอร์มออกไซด์โลหะประเภทต่างๆ เช่น สังกะสีออกไซด์
สำาหรับการเช่ือมเหล็กอาบสังกะสี แคลเซียมฟลูออไรด์ (CaF2) เกิดจากสารพอกหุ้มแกนลวดเชื่อมท่ี
ต้อกระจก คือภาวะท่ีเลนส์แก้วตาซ่ึงอยู่ในตาของคนเราซ่ึงปกติ เป็นด่างที่ไม่สลายตัวสภาวะปกติแต่มีปฏิกิริยาสูง เม่ือสัมผัสกับบรรยากาศที่มีความชื้นจะทาำ ให้เกิดกรด
จะมีลักษณะใสเหมือนกระจกจะเริ่มขุ่นมัวข้ึนเป็นสาเหตุท�ำให้
ความสามารถในการมองเหน็ ลดลง ไฮโดรฟลอู อริก (HF) สงู มาก หากเขา้ ส่รู ะบบการหายใจและสะสมในร่างกายในปรมิ าณมากจะเกิดอาการ
เจบ็ ปว่ ยไดเ้ รว็ มาก
1.3.2 แก๊ส (Gases) อาจเกิดขึ้นได้ในระหว่างการปฏิบัติงานเชื่อม โดยทั่วๆ ไปจะเกิดแก๊ส
คาร์บอนมอนอกไซด ์ โอโซนและออกไซดข์ องไนโตรเจน จะกอ่ ใหเ้ กดิ อันตรายดังน้ี
1) กอ่ ให้เกิดการอักเสบท่ีปอด
2) นำา้ ทว่ มปอด ปอดบวมและมนี ำา้ สะสม
3) สูญเสยี การยืดหยุ่นของปอด
4) หลอดลมอักเสบเร้ือรงั
สาำ หรบั การปอ้ งกนั อันตรายจากควนั เชอื่ ม ฝุ่นเชื่อมและแก๊ส มวี ิธีการปฏิบัติดังน้ี
1) ผู้ปฏิบัติงานเชื่อมควรอยู่
เหนอื ลม
2) ผู้ปฏิบัติงานเชื่อมควรสวม
หนา้ กากทกุ ครงั้ ท่ปี ฏบิ ัติงาน
3) ไมค่ วรใหศ้ รี ษะของผปู้ ฏบิ ตั ิ
งานเชอื่ มอยตู่ รงกบั ควันเช่อื มท่ีลอยข้ึนมา
4) ควรปฏิบัติงานในที่โล่งแจ้ง
อากาศถา่ ยเทได้สะดวก ภาพท ่ี 1.1 ควันและแก๊สพิษที่เกดิ จากการเช่อื มไฟฟ้า
5) ใช้เครือ่ งดดู ควนั เชอ่ื ม ท่ีมา: http://www.everlastgenerators.com/welding-
diseases-and-hazards.php, 2556: (Online)
29 สุดยอดคู่มือครู
GPAS 5 STEPs 1. Gข้ันaรวthบeรวrมinขg้อมูล 2. ขั้นคิดPวิเrคoรcาeะหs์แsลinะสgรุปความรู้
บูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21
ทักษะชีวิต
14 งานเชอ่ื มและโลหะแผ่นเบ้อื งต้น Step 2 ขัน้ คิดวิเคราะห์
และสรุปความรู้
rocessin
P g
conAstru 1. ผู้เรียนร่วมกันอภิปรายถึงความหมายและความสำ�คัญของ จำ�กัด
ความปลอดภยั ในงานเช่อื มไฟฟา้ งานเชื่อมแกส๊ และงานโลหะแผน่
ภาพท ี่ 1.2 การสวมหน้ากากสาำ หรับการเชอื่ ม ภาพท ่ี 1.3 การเชือ่ มโดยใช้เครื่องดูดควนั แบบเคล่อื นที่ (พว.)
ที่มา: http://www.blog.pksafety.com/how-can-you- ทม่ี า: http://www.ddpromote.com/img/52b/3da/52b3da 2. เชื่อมโยงความคล้ายคลึง/ความแตกต่างที่นำ�มาอภิปรายและ
protect-yourself-from-welding-fumes/, 2556 : (Online) 20ad69cdc68cfb9cf6bc1ad9a9_5.jpg , 2556 : (Online) ร่วมกนั สรุปความรู้ตามหวั ข้ออภิปรายในด้านต่างๆ ดังนี้
1.4 อนั ตรายจากไฟไหมร้ า่ งกาย (Burns) 1) อันตรายที่เกดิ จากการเชอ่ื มไฟฟ้า เชือ่ มแกส๊ และโลหะแผ่น
2) วิธีการป้องกันอันตรายท่ีเกิดจากการเชื่อมไฟฟ้า เช่ือมแก๊ส
อันตรายจากการถูกไฟไหม้จะมีสาเหตุมาจากความผิดพลาดของผู้ปฏิบัติงานโดยตรง
อาจมาจากเส้ือผ้าที่สวมใส่หรืออุปกรณ์ป้องกันตัว เช่น หน้ากากเชื่อม ถุงมือ เสื้อเอ๊ียมหนัง ส่วนใหญ่ และโลหะแผ่น
แล้วการถูกเผาไหม้จะมาจากความร้อนที่เกิดจากสะเก็ดไฟเกิดจากเปลวอาร์ก ขณะเช่ือมอาจสัมผัส 3) ระเบยี บปฏบิ ัตเิ พอ่ื การรกั ษาความปลอดภยั
กับชิ้นงานเช่ือมท่ียังร้อนอยู่ทำาให้บาดเจ็บได้ ถ้าไม่มีการป้องกัน ต้องระมัดระวังตนเองอยู่ตลอดเวลา 3. บันทึกผลข้อสรุปความคิดเห็น เป็นความเข้าใจของกลุ่มและ
ของการปฏบิ ัตงิ าน และหาทางปอ้ งกนั อนั ตรายดว้ ยการใชอ้ ุปกรณ์ปอ้ งกนั รา่ งกายที่เหมาะสม
รายบคุ คล
บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพ ิวชาการ
ภาพท่ี 1.4 การแตง่ กายของชา่ งเช่ือมด้วยอปุ กรณป์ ้องกัน ภาพท่ี 1.5 การปฏบิ ตั งิ านเชอ่ื มโดยไมส่ วมถงุ มอื ป้องกนั ความปลอดภยั 15
อันตรายต่อรา่ งกาย อนั ตราย
1.5 ระเบียบปฏิบตั ิเพือ่ รักษาความปลอดภัยในการเชอื่ มไฟฟา้
ท่มี า: http://www.ddpromote.com/img/52b/3da/52b3da ท่ีมา: http://www.ddpromote.com/img/52b/3da/52b3da
20ad69cdc68cfb9cf6bc1ad9a9_5.jpg, 2556: (Online) 20ad69cdc68cfb9cf6bc1ad9a9_5.jpg, 2556: (Online) 1.5.1 การรกั ษาความปลอดภัยในงานเช่อื มไฟฟ้า มรี ะเบยี บปฏิบตั ดิ ังน้ี
1) ตอ้ งสวมหน้ากากเชือ่ มทกุ คร้ังเมื่อปฏิบตั ิการเชอ่ื ม
Step 3 wldedge 2) สวมแว่นตานิรภยั ทุกครง้ั ท่เี คาะสแลกหรอื สกัดเศษโลหะ
3) พ้ืนทท่ี ที่ าำ การเชื่อมไมค่ วรมีวสั ดตุ ิดไฟง่าย เช่น พ้นื ทีป่ ดู ้วยไม ้ กระเบอ้ื งยาง พรม
สำ� ันกพิมพ์ แตค่ วรเป็นพ้ืนทีท่ าำ ดว้ ยคอนกรีตหรอื ปดู ้วยอิฐ
ข้นั ปฏิบัตแิ ละสรุปความรู้ 4) เกบ็ วสั ดุไวไฟใหห้ ่างจากบรเิ วณการเช่ือมอยา่ งน้อย 10 ฟุต
หลังการปฏิบตั ิ 5) ไม่ควรสวมถุงมอื เสอ้ื ผ้าทีเ่ ปือ้ นนา้ำ มันหรือจาระบี
ctpipnlgyitnhge aknno 6) ตอ้ งตรวจสอบใหแ้ นใ่ จวา่ เครอื่ งเชอ่ื มไดต้ อ่ สายดนิ เปน็ ทเ่ี รยี บรอ้ ยแลว้ กอ่ นปฏบิ ตั ิ
การเชอื่ ม และไม่ควรปฏบิ ตั ิการเชอื่ มในบริเวณทเ่ี ปียกชน้ื
สงวน ิลข ิสทธิ์ 7) ต้องปิดสวิตช์หรือถอดปลั๊กก่อนซ่อมเคร่ืองเช่ือม หรือปรับกระแสไฟเชื่อม
1. ผู้เรียนนำ�ข้อสรุปความรู้ความเข้าใจมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน ทุกครง้ั เพ่อื ป้องกันไฟดูด
จ า ก น้ั น ผู้ ส อ น แ ล ะ ผู้ เ รี ย น ช่ ว ย กั น ต ร ว จ ส อ บ ค ว า ม ถู ก ต้ อ ง ข อ ง 8) การเปิดเครื่องเช่ือมใช้งานหรือปรับกระแสไฟเชื่อมต้องปฏิบัติตามคู่มือ
การแลกเปลีย่ น การใช้งานของเครอ่ื งนนั้ ๆ อยา่ งเครง่ ครดั
2. หลังจากแลกเปล่ียนความรู้ ทุกกลุ่มช่วยกันทำ�กิจกรรมตรวจสอบ 9) หาทางปอ้ งกนั อนั ตรายทอี่ าจเกดิ ขนึ้ กบั ดวงตา ใบหนา้ และสว่ นตา่ งๆ ของรา่ งกาย
ความเข้าใจ (หนังสือเรยี น หน้า 24) อันเกิดจากสะเก็ดโลหะ ความร้อนที่เกิดจากการเช่ือม รังสีเช่ือมหรืออาจจะเผลอไปสัมผัสกับงานเช่ือม
3. กลุ่มผู้เรียนร่วมกันอภิปรายตรวจสอบความสมบูรณ์ถูกต้องของ ทย่ี งั รอ้ นอยู่
กจิ กรรมตรวจสอบความเขา้ ใจ 10) ควรเตรียมอปุ กรณ์ดับเพลิงไว้ใหพ้ รอ้ มอยูต่ ลอดเวลา
4. ผู้เรียนแต่ละคนสรุปความรู้ความเข้าใจแต่ละเรื่องโดยใช้ผังกราฟิก 11) ควรใชอ้ ปุ กรณ์และสวมเส้ือผา้ ทีแ่ หง้ เทา่ น้ัน
ให้เหมาะสมกบั ลักษณะของข้อมลู 12) อย่าเชือ่ มถังท่เี คยบรรจุสารไวไฟ เชน่ ถงั น้ำามนั ก่อนทาำ ความสะอาดเอาสารไวไฟ
ออกก่อน
13) ควรหาอปุ กรณ์ปอ้ งกันการกระเด็นของลกู ไฟขณะทำาการเช่อื ม
14) อย่าให้หัวจับลวดเชื่อมที่ไม่มีฉนวนหุ้มสัมผัสกับสายดิน หรือชิ้นงานในขณะท่ี
เคร่ืองเชอ่ื มกำาลงั เปิดอยู่
15) อย่าให้สายเช่ือมสายดินเปียก หรือถูกน้ำามัน จาระบี และอย่าให้สายเช่ือมขด
เปน็ ปมหรอื พนั รอบๆ เครือ่ งเชื่อม
16) ควรเชือ่ มงานในทีอ่ ากาศถา่ ยเทได้สะดวกหรอื ใช้เคร่อื งดดู ควันเช่อื ม
17) เสอ้ื ผา้ ของชา่ งเชอ่ื มควรทาำ จากวสั ดทุ ตี่ ดิ ไฟไดย้ าก เพอื่ ปอ้ งกนั ลกู ไฟสะเกด็ โลหะ
และความรอ้ นจากการเชือ่ มทจี่ ะเปน็ อนั ตรายตอ่ ร่างกายของผเู้ ชื่อมได้
18) ต้องให้แน่ใจว่าสายเช่ือมสำาหรับเคร่ืองเช่ือมที่ทำาการติดตั้งใหม่ได้ต่อไว้แล้ว
อย่างถูกต้องก่อนที่จะเปิดเคร่ืองเช่ือมใช้งาน และอย่าใช้สายเชื่อมจนเกินกำาลัง เพราะจะทำาให้สายร้อน
และอาจลุกไหม้ได้
สุดยอดคู่มือครู 30
Ap3p. lขy้ันiปnฏgิบaัตnิแdละCสoรnุปstคrวuาctมinรgู้หลthังeกาKรnปoฏwิบleัตdิge A 4. ขั้นส่ือสารและน�ำเสนอ 5. ขS้ันeปlรfะ-เRมeินgเพuื่อlaเพtิ่มinคgุณค่า
pplying the Communication Skill
ค่านิยมหลัก 12 ประการ กิจกรรมท้าทาย รอบรู้อาเซียนและโลก
asean
16 งานเชอื่ มและโลหะแผน่ เบื้องตน้ Step 4
2. ความปลอดภัยในงานเชอ่ื มแก๊ส mmpupnlyicinagtiotnh s ขัน้ ส่อื สารและนำ� เสนอ
1. ผเู้ รยี นแตล่ ะกลมุ่ ออกแบบหรอื หาวธิ นี �ำ เสนอใหผ้ อู้ น่ื รบั รแู้ ละสอ่ื สาร
การปฏบิ ัตงิ านเช่ือมแกส๊ ผ้ปู ฏบิ ัติงานจะตอ้ งคำาถงึ ความปลอดภยั ในการทำางาน และวธิ ีการป้องกนั
Aco ไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธภิ าพด้วยเทคนิควิธที เ่ี หมาะสมkille
อันตรายทอี่ าจเกดิ ข้ึนจากการใช้เครอ่ื งมือและอุปกรณ ์ ตลอดจนสภาพแวดล้อมในการทาำ งานที่กอ่ ให้เกิด 2. ส่มุ กลุม่ ผู้เรยี นนำ�เสนอผลการสรปุ ความรคู้ วามเข้าใจ
Sel
มลพษิ ตา่ งๆ ทีส่ ่งผลตอ่ สขุ ภาพอนามยั ของผู้ปฏบิ ตั ิงาน ผู้ปฏิบตั ิงานเชอ่ื มแกส๊ จะต้องศึกษาโดยละเอยี ด จำ�กัด
ถึงความปลอดภัยในการเชื่อมแก๊ส และนำาไปปฏิบัติอย่างจริงจังสามารถแยกตามลักษณะอันตราย
ท่ีอาจเกิดข้ึนไดด้ ังนี้
2.1 ด้านผปู้ ฏบิ ตั ิงานเชือ่ ม
แวน่ ตาเชื่อมแก๊ส ปลัก๊ อุดหู
ในการเชอ่ื มแกส๊ จะกอ่ ใหเ้ กดิ เปลวไฟความรอ้ นสงู สะเกด็ เอย๊ี มคลมุ ไหล่
(พว.)
เช่ือมกระเด็น โลหะร้อนและแสงจ้าจากการเช่ือมเพื่อความปลอดภัย ถงุ มอื หนงั
ของช่างเชื่อมและต่อผู้อ่ืนช่างเชื่อมควรเลือกใช้อุปกรณ์ป้องกัน
อันตรายทเ่ี หมาะสมดงั น้ี
2.1.1 ตอ้ งสวมแวน่ ตากรองแสงชนดิ สาำ หรบั เชอ่ื มโลหะ บริ ัษท ัพฒนาคุณภาพ ิวชาการ
ด้วยแก๊สที่มีคุณสมบัติตามมาตรฐาน และสามารถป้องกันเศษวัสดุ อุปกรณ์กนั ไฟย้อนกลบั เอยี๊ มหนงั
กระเดน็ เขา้ ตาไดด้ ว้ ย
2.1.2 สวมเส้ือผ้าท่ีป้องกันอันตรายจากสะเก็ดไฟจาก
การเช่ือมและไม่ลุกติดไฟง่ายและต้องปราศจากนำ้ามัน หรือจาระบี
การใช้เส้ือผ้าที่ทำาด้วยวัสดุติดไฟได้ง่ายไม่เพียงแต่จะก่อให้เกิด
อันตรายต่อร่างกายเท่าน้ัน แต่อาจทำาให้เกิดไฟลุกไหม้ทำาอันตราย
ต่อทรัพย์สนิ ไดเ้ ชน่ กัน รองเท้านริ ภยั
เสื้อผ้าสำาหรับช่างเช่ือมควรทำาจากผ้าฝ้าย ราคาไม่แพง ภาพท่ี 1.6 ชดุ ป้องกันอนั ตราย
มากนักและลูกไฟไม่ติด ส่วนเส้ือผ้าท่ีทำาจากใยหินหรือหนังสัตว์จะ สาำ หรบั งานเชอ่ื มแกส๊
ทนไฟได้ดมี าก แตร่ าคาค่อนข้างสูงใช้ไมค่ ่อยสะดวก เพราะรอ้ น และ
หนักมาก
ชา่ งเชอ่ื มควรสวมเสอ้ื ผา้ หรอื สง่ิ ปกปดิ ทกุ สว่ นของรา่ งกายมใิ หส้ มั ผสั กบั ความรอ้ นจากการเชอ่ื ม
หรือจากโลหะร้อน ซง่ึ จะทำาให้เกิดอันตรายขึ้นกับผิวหนังได ้ การใช้เส้ือผ้าหรือส่ิงป้องกันต่างๆ ควรให้มี ความปลอดภัย 17
ความเหมาะสมกับสภาพของการทำางาน เช่น การเช่ือมท่าเหนือศีรษะจำาเป็นต้องใช้อุปกรณ์ป้องกันอย่าง
ครบถ้วน 2.1.3 ตอ้ งสวมถงุ มอื หนงั ชนดิ ไมเ่ ปดิ
เส้ือผ้าสำาหรับช่างเช่ือมควรไม่มีจีบโดยเฉพาะปลายของกางเกงและปลายแขนเสื้อไม่ควรพับ ปลายน้ิวมือ ถุงมือหนังเช่ือมแก๊สทำาหน้าที่ป้องกัน
เน่ืองจากเศษโลหะร้อนหรือสะเก็ดเช่ือมอาจกระเด็นเข้าไปติดได ้ สำาหรับกระเป๋าเสื้อและกางเกงควรมีให้ ความร้อนจากเปลวไฟเชื่อมและโลหะร้อนให้กับ
น้อยเท่าท่ีจำาเป็นและกระเป๋าทุกใบควรมีฝาปิดเพ่ือป้องกันเศษโลหะร้อนหรือเศษสะเก็ดเช่ือมกระเด็น มือช่างเชื่อม ถุงมือเช่ือมแก๊สจะใส่คลุมข้อมือและ
เข้าไปได้ แขนเส้ือช่างเชื่อม ซึ่งเป็นบริเวณท่ีสะเก็ดไฟเชื่อม
ting มักจะกระเด็นใส่ วัสดุที่ใช้ทำาถุงมือเช่ือมต้องทน
ep 5 สำ�นักพิมพ์ ความร้อนได้ดี เช่น หนังสัตว์ หรือผ้าใยหินทน
Stf-Regula ความร้อน เป็นตน้ ภาพท ่ี 1.7 การเชอื่ มแกส๊ ดว้ ยชดุ ปอ้ งกนั อนั ตรายอย่างถกู ตอ้ ง
2.1.4 ตอ้ งสวมรองเทา้ ชนดิ หมุ้ ขอ้ หรอื ทม่ี า: http://www.commons.wikimedia.org/wiki/
ข้ันประเมนิ เพ่ือเพ่มิ คุณค่า รองเท้านิรภยั ในขณะปฏิบตั ิงาน File:Oxygas_welding_station_Fix.jpg, 2556: (Online)
บริการสังคมและจติ สาธารณะ
2.2 ด้านเครื่องมอื และอุปกรณ์
การเชื่อมแก๊สประกอบด้วยเครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ เป็นจำานวนมาก การใช้งานจะต้องมี
สงวนลิข ิสท ์ธิ การตรวจสอบ ระมัดระวังและปฏิบัตใิ หถ้ ูกตอ้ งดงั นี้
ผู้เรียนแต่ละคนทำ�แบบทดสอบ (หนังสือเรียน หน้า 26-27) 2.2.1 ถังบรรจุแก๊สและอุปกรณ์ต้องมีสมบัติตามมาตรฐานของกระทรวงอุตสาหกรรม
แลกเปล่ียนกันตรวจให้คะแนน
และมสี ญั ลักษณ์สีบอกชนิดของแก๊สทีบ่ รรจุอยูภ่ ายในตามท่มี าตรฐานกำาหนด
ภาพที่ 1.8 ถงั บรรจุแก๊สอะเซทิลนี และออกชิเจน ภาพท่ ี 1.9 การตรวจสอบเครือ่ งมอื และอปุ กรณต์ า่ งๆ
ทไ่ี ด้มาตรฐาน มอก. กอ่ นการใช้งาน
ที่มา: http://www.conexstore.com/index. ทมี่ า: http://www.factory-automation.blogspot.
php?lay=show&ac=cat_show_pro_detail&pid=86548, com/2011/08/2012-dates-announced-for-city-guilds.
2556: (Online) html, 2556: (Online)
31 สุดยอดคู่มือครู
GPAS 5 STEPs 1. Gขั้นaรวthบeรวrมinขg้อมูล 2. ข้ันคิดPวิเrคoรcาeะหs์แsลinะสgรุปความรู้
บูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21
ทักษะชีวิต
18 งานเชอื่ มและโลหะแผ่นเบือ้ งตน้
2.2.2 ตรวจสอบความพร้อมของเครอ่ื งมือและอุปกรณใ์ หพ้ ร้อมกอ่ นใชง้ าน
2.2.3 ถงั บรรจแุ ก๊สตอ้ งตั้งหวั ขนึ้ และมสี ายผูกยดึ กบั สงิ่ ท่ีมัน่ คงเพอ่ื กันถงั ล้ม
2.2.4 ถังบรรจุแก๊สต้องมีมาตรวัด เพ่ือควบคุมความดันของแก๊สท่ีถังขณะใช้งาน มาตรวัด
ความดนั ท่ีใชง้ านควรอยใู่ นสภาพดี
2.2.5 วาล์วเปิด-ปิดแก๊สและอุปกรณ์ท่ีใช้กับแก๊สต้องไม่มีน้ำามัน หรือจาระบี และไม่ใช้ท่อ
ทองแดงเปน็ ทอ่ นำาแกส๊ อะเซทิลนี เปน็ สว่ นประกอบ
2.2.6 หวั เชือ่ มและทอ่ นาำ แก๊สตอ้ งอย่ใู นสภาพดีและปลอดภัย
สงวน ิลข ิสท ์ธิ สำ� ันกพิมพ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพ ิวชาการ (พว.) จำ�กัด แก๊สอะเซทิลีน เป็นสารประกอบอินทรีย์ชนิดหน่ึง มีสูตร ชCน2์ไHด2้
ลักษณะเป็นแก๊ส ไม่มีสี เป็นพิษ จุดไฟติด ใช้ประโย
มากมาย เช่น น�ำ ไปจุดกบั แก๊สออกซเิ จนได้เปลวไฟออกซีเซทลิ นี
ซ่ึงร้อนจัด จนใช้เชื่อมและดัดโลหะได้ ใช้เป็นสารตั้งต้นเพื่อ
สงั เคราะหส์ ารอ่ืนไดม้ าก
ภาพท่ ี 1.10 การเก็บรกั ษาถังบรรจแุ ก๊สที่ถกู วธิ ี
2.2.7 การเก็บรักษาถังบรรจุแก๊สควรแยกออกจากกันโดยมีกำาแพงกั้นกลางมีความสูง
อย่างนอ้ ย 5 ฟตุ หรือ 1.5 เมตร
2.2.8 การใชง้ านควรห่างจากสารไวไฟไมน่ อ้ ยกว่า 25 ฟตุ หรือ 7.6 เมตร
2.2.9 บริเวณท่ีใช้ทำาการเก็บแก๊ส
อ ะ เ ซ ทิ ลี น ต้ อ ง มี ก า ร ร ะ บ า ย อ า ก า ศ ที่ ดี แ ล ะ มี
คำาเตอื นระวงั วัตถุไวไฟหรอื ห้ามเกดิ ประกายไฟ
2.2.10 การเคล่ือนย้ายถังบรรจุแก๊ส
ต้องสวมฝาครอบป้องกันวาล์วเปิด-ปิดแก๊สเสมอ
เพ่ือป้องกันไม่ให้วาล์วกระแทกแตกขณะทำาการ ความปลอดภัย 19
ขนสง่ 2.3 ดา้ นบริเวณพื้นทปี่ ฏบิ ตั ิงาน
2.2.11 กรณีที่วาล์วเปิด-ปิดแก๊สร่ัว 2.3.1 พ้ืนท่ีอาคารโรงฝึกงานต้องเป็นวัสดุทนไฟและมีการติดตั้งอุปกรณ์ดับเพลิงในท่ี
ต้องรีบนำาถังแก๊สออกจากอาคารหรือพ้ืนที่ทำางาน สะดวกในการหยิบใช้
ไปไว้ในที่โล่งแจ้งท่ีระบายอากาศได้ดีในขณะ ภาพที่ 1.11 การเคลื่อนย้ายถงั บรรจุแก๊สท่ีถูกวธิ ี 2.3.2 ต้องมฉี ากหรอื ห้องกั้นสาำ หรับปอ้ งกันแสง รงั สีและสะเก็ดไฟ
เดียวกันควรนำาป้ายบอกเตือนเพ่ือระวังผู้ที่อาจ ที่มา: http://www.gassafeconsultants.co.uk/safe-
ทาำ ใหเ้ กดิ ประกายไฟบริเวณทแี่ กส๊ รว่ั manual-handling-gas-cylinders, 2556: (Online) 2.3.3 ตอ้ งไม่มวี ตั ถไุ วไฟในบรเิ วณพน้ื ทีท่ ำาการเช่ือมและในบริเวณใกลเ้ คียง
2.3.4 ในพื้นท่บี ริเวณปฏบิ ตั งิ านจะต้องมกี ารระบายอากาศไดด้ ี
2.3.5 ตอ้ งมแี สงสว่างทเี่ พยี งพอในการปฏิบตั งิ าน
2.3.6 มอี ุปกรณ์และยาปฐมพยาบาลเบ้อื งต้นหากเกดิ อุบัติเหตุ
2.3.7 ทาำ การตีเส้นแสดงขอบเขตพ้นื ทเ่ี คร่อื งจักรพ้ืนทท่ี ่อี ันตรายใหช้ ัดเจน
2.4 ดา้ นการปฏิบตั ิงานเชอ่ื มแก๊ส
2.4.1 ก่อนทำาการเชอ่ื มตอ้ งสังเกตพน้ื ท่กี ่อนวา่ ไม่มีวัตถทุ ไี่ วไฟอยู่บริเวณทาำ การเชอ่ื ม
2.4.2 ถ้าเป็นการเชื่อมในห้องส่ิงที่ต้องคำานึงถึง คือ การระบายอากาศของห้องมีพอเพียง
โดยทั่วไปพนื้ ที่ต่อการระบายอากาศทีป่ ลอดภัยจะมีพน้ื ท ่ี 10,000 ลูกบาศกฟ์ ุต หรือ 283 ลูกบาศกเ์ มตร
ต่อชา่ งเช่อื ม 1 คน
2.4.3 ต้องมกี ารระบายอากาศทด่ี เี มื่อทาำ การเชือ่ มโลหะท่ีมีสารพษิ เคลอื บผิวอยู่ เช่น สงั กะส ี
ตะกัว่ ซงึ่ จะทาำ ใหเ้ กดิ อนั ตรายต่อรา่ งกายได้
2.4.4 ตรวจสอบความเรยี บร้อยของอปุ กรณ์ตา่ งๆ ก่อนการเชื่อมทุกครงั้ หากเกิดการชำารดุ
สารอะซิโตน เป็นตัวทำ�ละลายอินทรีย์ระเหยง่ายที่ไม่มีกลุ่ม ให้บอกผ้คู วบคุมทนั ที
ฮาโลจเี นตเตต็ ใชม้ ากในกระบวนการผลติ ของภาคอตุ สาหกรรม
สำ�หรับใช้เป็นตัวทำ�ละลายสารต่างๆ สามารถผลิตและสกัดได้ 2.4.5 กรณวี างถงั แกส๊ อะเซทลิ นี ในลกั ษณะนอนนานๆ เวลาใชง้ านควรนาำ ตง้ั ขนึ้ และใหม้ รี ะยะ
จากธรรมชาติ และการสังเคราะหท์ างเคมจี ากปโิ ตรเลียม
เวลาเพื่อให้สารอะซิโตนเข้าท่ีระยะเวลาหน่ึง เพราะหากไม่แล้วสารอะซิโตนจะเคล่ือนตัวปะปนออกมากับ
แกส๊ ทาำ ใหอ้ ณุ หภมู ขิ องเปลวไฟตาำ่ กวา่ ปกต ิ และทาำ ใหเ้ กดิ ความเสยี หายตอ่ มาตรวดั ความดนั (Regulator)
หรอื บรเิ วณวาลว์ ของหัวเชอื่ ม
2.4.6 ต้องมีการติดต้ังอุปกรณ์กันไฟย้อนกลับเพราะการไหลย้อนกลับของแก๊สกว่า
ร้อยละ 90 ของอุบัติเหตุในอุตสาหกรรมงานเชื่อม
น้ันเกิดข้ึนที่บริเวณหัวเชื่อมสายแก๊สและมาตรวัด
ความดันแกส๊ โดยมสี าเหตดุ งั น้ี
1) เม่ือปริมาณแก๊สออกซิเจน อะเซทลิ นี ออกซิเจน
ในถังหมดลงก่อนท่ีจะปิดวาล์วที่หัวเช่ือม แก๊ส
อะเซทิลีนจะไหลย้อนกลับไปท่ีสายและมาตรวัด
ความดันแก๊สออกซเิ จน ภาพที ่ 1.12 การไหลของแกส๊ อะเซทลิ นี เขา้ ถังออกซเิ จน
สุดยอดคู่มือครู 32
Ap3p. lขyั้นiปnฏgิบaัตnิแdละCสoรnุปstคrวuาctมinรgู้หลthังeกาKรnปoฏwิบleัตdิge A 4. ขั้นส่ือสารและน�ำเสนอ 5. ขSั้นeปlรfะ-เRมeินgเพu่ือlaเพtิ่มinคgุณค่า
ค่านิยมหลัก 12 ประการ pplying the Communication Skill
กิจกรรมท้าทาย รอบรู้อาเซียนและโลก
asean
20 งานเชื่อมและโลหะแผน่ เบื้องต้น
2) เมื่อวาล์วเปิด-ปิดที่หัวถัง
บรรจุแก๊สท้ังสองถูกปิดลงหลังเสร็จจากงานแล้ว
ถ้าผู้ใช้ได้เปิดวาล์วท้ังสองที่หัวเชื่อม เพ่ือปล่อย อะเซทลิ นี ออกซิเจน
แก๊สออกซิเจนและอะเซทิลีนออก แก๊สอะเซทิลีนท่ี
มีแรงดันตำ่าจะไหลออกก่อน โดยท่ีแก๊สออกซิเจน
สงวน ิลข ิสท ์ธิ สำ� ันกพิมพ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพ ิวชาการ (พว.) จำ�กัด บูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21
จะสามารถไหลย้อนกลับไปยังสายและมาตรวัด ภาพที่ 1.13 การไหลของแกส๊ ออกชิเจนเข้าถงั แกส๊ อะเซทลิ นี
ความดนั ของแกส๊ อะเซทิลนี ได้ ลงมอื ปฏบิ ตั งิ านโดยการท�ำ งานเปน็ ทมี ทมี ละ 5-6 คน ฝกึ การคดิ
วิเคราะห์ การแก้ปัญหา แสดงความคิดเห็นเก่ียวกับความปลอดภัย
3) เมื่อผู้ใช้เปิดวาล์วทั้งสองที่ และประยุกต์ใช้ความรู้เบ้ืองต้นเก่ียวกับความปลอดภัยในชีวิต
ประจำ�วัน
หวั เชอ่ื มพรอ้ มกนั และพยายามทจ่ี ะจดุ ไฟเพอ่ื ใชง้ าน
ความปลอดภัย 21
(ด้วยหัวเชื่อมแบบสมดุลความดัน) ถ้าแก๊ส 2.4.8 ไมค่ วรใช้ไม้ขดี ไฟจดุ เปลวไฟเพราะเม่อื เปลวไฟตดิ แล้วอาจจะไหม้มอื ได้
2.4.9 ไมค่ วรจดุ เปลวไฟจากชน้ิ งานทกี่ ำาลงั รอ้ น ๆ เพราะแกส๊ จะไปรวมตวั อยบู่ รเิ วณนน้ั มาก
ออกซิเจนมีอัตราการไหลมากกว่าอัตราที่หัวทิพ อาจทาำ ใหเ้ กดิ การระเบดิ ข้ึนได้
2.4.10 ไม่ควรหยอกล้อกันในขณะปฏิบัติงานเชื่อมอยู่หรือนำาเปลวไฟจากหัวเชื่อมมา
จะปล่อยได้ออกซิเจนจะไหลย้อนกลับไปที่สาย อะเซทลิ นี ออกซิเจน หยอกลอ้ กนั เพราะอาจเป็นอนั ตรายไดเ้ ม่ือไมส่ ามารถควบคุมเปลวไฟได้
และมาตรวดั ความดนั ของแกส๊ อะเซทิลีน 2.4.11 ไม่ควรท้งิ หัวเช่ือมทเ่ี ปลวไฟกาำ ลังตดิ อยใู่ นขณะท่ผี ปู้ ฏิบตั ิงานเช่อื มไมอ่ ยู่
2.4.12 ไม่ควรเช่ือมภาชนะท่ีปิดฝาอยู่และไม่มีช่องทางระบายอากาศเพราะอากาศ หรือแก๊ส
จากการไหลยอ้ นกลบั ของแกส๊ ภายในจะขยายตัวทาำ ใหเ้ กิดการระเบดิ ขึน้ มาได้
จะเป็นการสร้างองค์ประกอบท่ีทาำ ให้เกิดเพลิงลุกไหม ้ ภาพท ่ี 1.14 ทิศทางการไหลของแกส๊ 3. ความปลอดภยั ในงานโลหะแผน่
ได้สองในสามส่วน ซ่ึงท้ังหมดน้ีสามารถป้องกันได้
ในการปฏิบัติงานโลหะแผ่นสิ่งสำาคัญท่ีผู้ปฏิบัติงานจะต้องคำานึงถึงเป็นอันดับแรก คือ เรื่องของ
ถ้าหากอุปกรณไ์ ด้ถูกใช้อย่างเหมาะสม ความปลอดภัยในขณะปฏิบัติงาน การทำางานท่ีปลอดภัยผู้ปฏิบัติงานควรมีจิตสำานึก และปฏิบัติตามกฎ
ของความปลอดภัยของโรงฝึกงานอย่างเคร่งครัด การปฏิบัติงานโลหะแผ่นจะต้องปฏิบัติงานที่เก่ียวข้อง
4) ไม่ควรใช้แก๊สออกซิเจนจนหมดถัง ควรเลิกใช้เม่ือแรงดันในถังลดลงมาเหลือ กบั เครอื่ งมอื เครอื่ งจกั ร ตลอดจนวสั ดอุ ปุ กรณท์ ม่ี คี มอาจเกดิ อนั ตรายหรอื อบุ ตั เิ หตตุ า่ งๆ ได ้ สาเหตสุ าำ คญั
ของความไม่ปลอดภัยในการปฏบิ ัตงิ านมกั เกิดจากสาเหตหุ ลักๆ ดังน้ี
ประมาณ 50 ปอนดต์ อ่ ตารางน้ิว (3.5 บาร)์
3.1 สาเหตุจากผ้ปู ฏบิ ตั งิ าน
5) ผใู้ ชค้ วรจะปลอ่ ยแกส๊ ในสายเชอื่ มออกกอ่ นทจี่ ะจดุ ไฟทหี่ วั เชอ่ื มและควรปลอ่ ยแกส๊
อันตรายท่ีอาจเกิดข้ึนจากสาเหตุของตัวผู้ปฏิบัติงานเองจะต้องระมัดระวังอันตรายที่อาจจะ
ผสมท่ีสามารถลกุ ติดไฟได้ท้ิงก่อนทอี่ บุ ัตเิ หตจุ ะเกิดขึน้ เกดิ จากการปฏิบตั งิ านไดต้ ลอดเวลา โดยอันตรายอาจเกิดจากสาเหตุดงั น้ี
6) ผู้ใช้ไม่ควรที่จะจุดไฟเพ่ือใช้งานโดยเปิดวาล์วทั้งสองที่หัวเชื่อมพร้อมกัน ยกเว้น 3.1.1 การเคลอ่ื นยา้ ยวสั ดุการทาำ งานผลติ ภณั ฑท์ ม่ี กี ระบวนการขร้ึ ปู จากโลหะแผน่ วสั ดทุ นี่ าำ มา
ข้ึนรูปส่วนใหญ่จะถูกตัดมาเป็นแผ่น หรือเป็นม้วน
หัวเช่ือมแบบหัวฉีดหรือยูนิเวอร์เซล (Universal Mixer) ซ่ึงได้ถูกออกแบบเพ่ือที่จะป้องกันการไหล อันตรายท่ีเกิดข้ึนในขณะจัดเก็บ หรือเคล่ือนย้าย
วสั ด ุ เพ่ือนาำ ไปผ่านการขน้ึ รปู คือ การได้รับบาดเจบ็
ยอ้ นกลบั ยกเว้นเมอื่ หวั เช่ือมเกิดอดุ ตนั จากคมแหลมของมมุ และขอบโลหะ ดงั นนั้ เมอ่ื ตอ้ ง
จดั เกบ็ หรือเคล่ือนยา้ ยโลหะแผ่นตอ้ งปฏบิ ตั ิ ดังน้ี
7) อปุ กรณต์ อ้ งอยใู่ นสภาพทดี่ พี รอ้ ม
ใช้งานถ้าหัวเช่ือมอุดตันแก๊สท่ีมีแรงดันสูงกว่าจะไหล
กลบั ไปยังสายทม่ี แี รงดนั ตำ่ากวา่
2.4.7 ควรเปิดวาล์วเปิด-ปิดท่ีหัวถังบรรจุ
ไแวก้ ๊สเพอระาเซะถท้าีลหีนาปกรเกะมิดาไณฟย 12้อ น–ก1 ลรับอหบร ือแเลกะิดใอหุบ้คัตาิปเหรตะุขแ้ึนจ
ภาพท่ ี 1.15 การคาประแจเปดิ แก๊สคาไวท้ ี่วาลว์
เปิด–ปิดท่หี ัวถังบรรจุแก๊สอะเซทลิ ีน
จะสามารถปดิ ไดท้ ันท่วงที ทมี่ า: http://www.weldingsafety.co.uks, 2556: (Online)
การเรียนรู้สู่อาเซียน
asean
เรียนรู้คำ�ศัพท์ภาษาอังกฤษที่เก่ียวข้องกับเน้ือหาในบทเรียน
ตามเอกสารหนังสือเรียน โดยฝึกใช้คำ�ศัพท์ดังกล่าวในการน�ำ เสนอ
ผลงานในข้ันที่ 4
ภาพท ี่ 1.16 แผ่นเหลก็ อาบสงั กะสที ี่ถูกเกบ็ ไวเ้ พื่อรอใช้งาน
ทมี่ า: http://www.shipplate.com/galvanized-steel-
plate.html, 2556 : (Online)
33 สุดยอดคู่มือครู
GPAS 5 STEPs 1. Gข้ันaรวthบeรวrมinขg้อมูล 2. ข้ันคิดPวิเrคoรcาeะหs์แsลinะสgรุปความรู้
บูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21
ทักษะชีวิต
22 งานเชื่อมและโลหะแผน่ เบอื้ งต้น
1) ส ว ม ถุ ง มื อ แ ล ะ ส ว ม ชุ ด
ปฏบิ ตั งิ านใหร้ ดั กมุ
2) การเคลื่อนย้ายโลหะแผ่นที่
เป็นม้วนให้จับม้วนโลหะแผ่นตั้งข้ึนใช้มือเอียงม้วน
โลหะแผ่นแล้วใช้มืออีกข้างประคองม้วนโลหะแผ่น
สงวน ิลข ิสท ์ธิ สำ� ันกพิมพ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพ ิวชาการ (พว.) จำ�กัด
ไปตามต้องการ
3.1.2 การหยอกล้อ โปรดจำาไว้ ภาพท ี่ 1.17 สวมถงุ มือในขณะปฏบิ ัตงิ าน
เสมอว่าบริเวณโรงฝึกงานไม่ใช่ที่สำาหรับเล่นหรือ ที่มา: http://www.news.thomasnet.com/company_
หยอกลอ้ กนั
detail.html?cid=388074, 2556: (Online)
3.1.3 การไม่มสี ติ ผู้ปฏิบตั งิ านจะต้องมีสตริ ู้อยู่เสมอว่าก่อนการปฏิบตั งิ าน คือ คดิ กอ่ นทาำ
3.1.4 การไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบข้อบังคับในการปฏิบัติงานในโรงฝึกงานทุกครั้ง จะต้อง
สวมชุดฝึกงานตามท่โี รงฝึกงาน หรอื วทิ ยาลยั กาำ หนด และปฏิบตั ิตามกฎระเบยี บข้อบังคับของโรงฝกึ งาน
อย่างเครง่ ครัด
3.2 สาเหตจุ ากเคร่ืองมอื และอุปกรณ์
อันตรายท่ีอาจเกิดจากสาเหตุจากการใช้งานเคร่ืองจักรและอุปกรณ์ควรระวังอันตรายท่ีอาจ
เกดิ จากการปฏบิ ตั ิงานมีดงั น้ี
3.2.1 อยา่ ใช้ค้อนหรอื ตะไบที่มีด้ามหลวมหรือแตกชำารดุ
3.2.2 อย่านำาเคร่ืองมือท่ีมีคมหรือแหลมใส่กระเป๋าเส้ือ กางเกง เพราะอาจเกิดอันตรายต่อ
ตนเองและผอู้ ่ืนได้
3.2.3 คอ้ นท่ใี ชจ้ ะตอ้ งมขี นาดและชนิดทเ่ี หมาะสมกับงานเสมอ
3.2.4 อยา่ ใชเ้ ครอ่ื งมอื ทเี่ ปรอะเปอื้ นนาำ้ มนั จาระบ ีเพราะอาจทาำ ใหล้ นื่ หลดุ มอื อาจเกดิ อนั ตราย
ต่อผู้อืน่ ได้
3.2.5 อยา่ ใชเ้ คร่อื งเจยี ระไนโดยไมม่ ี
อปุ กรณป์ อ้ งกนั อนั ตรายและแทน่ วางชน้ิ งานจะตอ้ ง
แนน่ ควรห่างจากหนา้ หนิ ไม่เกนิ 3-4 มิลลเิ มตร
3.2.6 เครื่องตัดตรง (Squaring ความปลอดภัย 23
Shear) ใหใ้ ชเ้ พียงคนเดียว หากตอ้ งการคนช่วยให้ 3.2.9 การตัดโลหะแผ่นจะมีรอยเยิน ครีบ และความคมอันเกิดจากการตัดควรใช้ตะไบ
ลบคมให้เรยี บรอ้ ยกอ่ นทจ่ี ะบาดมอื ได้
ช่วยตามทีส่ ั่งเทา่ นัน้ และใช้งานอยา่ งระมดั ระวงั 3.2.10 การเจยี ระไนงานโลหะแผน่ ควรรอใหเ้ ครอื่ งเจยี ระไนหมนุ ใหไ้ ดค้ วามเรว็ รอบเสยี กอ่ น
และใช้คมี จับแผน่ งานให้แนน่
3.2.7 การใชเ้ ครอ่ื งพบั ตอ้ งดใู หแ้ นใ่ จ 3.2.11 ปลั๊กไฟฟ้า เครื่องมือไฟฟ้าทุกชนิดจะต้องมีสายดินต่อไว้เสมอเพ่ือป้องกันไฟฟ้าร่ัว
ไฟฟา้ ดูด
กอ่ นวา่ ไมม่ ผี ใู้ ดอยใู่ นรศั มขี องชนิ้ สว่ นของเครอื่ งพบั ภาพท ่ี 1.18 การตัดงานดว้ ยกรรไกร 3.2.12 จัดเก็บเครื่องมือและอุปกรณ์ในโรงฝึกงานให้เป็นสัดส่วนเป็นระเบียบหยิบใช้ได้ง่าย
3.2.8 การใช้เครื่องม้วนต้องระมัด- ท่ีมา: http://www.news.thomasnet.com/company_ เมื่อสูญหายสามารถรูไ้ ด้ทันที
ระวังไม่ให้นว้ิ มอื หรอื เสอ้ื ผ้าเข้าไปในลกู กลิง้ ได้
detail.html?cid=388074, 2556: (Online) 3.3 สาเหตจุ ากสภาพแวดล้อม
คา่ นิยมหลกั 12 ประการ ในโรงฝึกงานหรือบริเวณพ้ืนที่ปฏิบัติงานจะต้องมีสภาพบรรยากาศในการทำางานท่ีเหมาะสม
• ใฝห่ าความรู้ หม่ันศึกษาเล่าเรยี นท้ังทางตรงและทางออ้ ม เช่น แสงสว่างต้องเพียงพอ เสยี งไม่ดงั เกินมาตรฐานท่กี ำาหนด การมีฝนุ่ ละอองมาก มกี ลิ่นเหมน็ ลว้ นเปน็
• มีศีลธรรม รักษาความสตั ย์ หวงั ดตี อ่ ผูอ้ ืน่ เผือ่ แผแ่ ละแบ่งปัน สาเหตุท่อี าจเกิดความไมป่ ลอดภัยในการปฏบิ ัติงาน
สุดยอดคู่มือครู 34
Ap3p. lขy้ันiปnฏgิบaัตnิแdละCสoรnุปstคrวuาctมinรgู้หลthังeกาKรnปoฏwิบleัตdิge A 4. ข้ันสื่อสารและน�ำเสนอ 5. ขSั้นeปlรfะ-เRมeินgเพuื่อlaเพtิ่มinคgุณค่า
ค่านิยมหลัก 12 ประการ pplying the Communication Skill
กิจกรรมท้าทาย รอบรู้อาเซียนและโลก
asean
24 งานเชอ่ื มและโลหะแผ่นเบอื้ งต้น สงวน ิลข ิสท ์ธิ สำ� ันกพิมพ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพ ิวชาการ (พว.) จำ�กัด กิจกรรมท้าทาย
กิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ ให้ผู้เรียนจัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้
ด้วยกิจกรรมท่ีหลากหลาย ฝึกทักษะทุกด้าน
คำาชแ้ี จง กิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจเป็นกิจกรรมฝึกทักษะเฉพาะด้านความรู้-ความจำา เพื่อใช้ใน ตามจุดประสงค์เชิงพฤติกรรม เพื่อให้เกิด
การตรวจสอบความเข้าใจตามจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ สมรรถนะในการเรียนรู้ สามารถปฏิบัติ
กิจกรรมเร่ืองความปลอดภยั ขณะปฏิบตั งิ าน
จงตอบคำาถามตอ่ ไปน้ใี ห้ไดใ้ จความสมบรู ณ์ แ ล ะ นำ � ไ ป ใ ช้ ใ น ชี วิ ต ป ร ะ จำ � วั น ไ ด้ ต า ม
1. ความปลอดภัย หมายถึง (จ.1) ความเหมาะสมของผู้เรียนและสถานศึกษา
(แนวทา งการตอ บ สภา วะกา รปรา ศจา กจาก ภัยห รืออัน ตรา ย กา รบาด เจ็บ การ เส่ียง ภัย แ ละก ารสูญ เสีย ดังน้ี
ท่ีเกิดขึ้น กับคน หรือวัต ถุสิ่งข องใ นช่วง เวลา ปกต ิและข ณะป ฏิบัต ิงาน หรือ อื่นๆ ขึ้น อยู่กับ ดุลย พินิจ ของ 1. ให้ผู้เรียนจับคู่และร่วมกันค้นหา
ผูส้ อน) ส า เ ห ตุ แ ล ะ ผ ล ก ร ะ ท บ ค ว า ม รู้ เ บื้ อ ง ต้ น
2. รังสอี ลั ตราไวโอเลตมอี ันตรายต่อรา่ งกายอยา่ งไร (จ.1, จ.2, จ.3) เกยี่ วกับความปลอดภยั
(แนวทา งการตอ บ การ เชื่อม ไฟฟ ้าจะเ กิดก ารอา ร์กข ึ้นตล อดขอ งกา รเชื่อ ม จะ เป็น อันตร ายต ่อผิว หนัง 2. ให้ผู้เรียนแสดงแนวคิดเกี่ยวกับ
และดวง ตาที่ไม ่มีสิ่งป้อ งกัน จะทำา ให้ผ ิวหน ังไหม ้และ เกิดก ารระ คาย เคือง ในเบ ้าตาค ล้าย กับม ีเม็ดท ราย ความปลอดภัยในการเช่ือมไฟฟ้า เช่ือมแก๊ส
เขา้ ไปอย ู่ในตา ป จั จบุ ัน ยงั พ บว่าร งั สีอัล ตรา ไวโอเ ลตท าำ ใหเ้ ก ิดมะ เรง็ ผ ิวหน งั อกี ด ว้ ย หรอื อ ่นื ๆ ข้นึ อ ยกู่ ับ และงานโลหะแผน่
ดุลยพิน จิ ของผูส้ อน) 3. ให้ผู้เรียนฝึกวิเคราะห์ความสำ�คัญ
3. อนั ตรายจากไฟไหม้มวี ธิ ีปอ้ งกนั อยา่ งไร (จ.1, จ.2) ของความปลอดภยั ในการปฏบิ ัติงาน ขอ้ ควร
(แนวทา งการต อบ ตร วจต ราซ่อ มบำา รุงบ รรดา ส่ิงท ี่นำาม าใช้ใ นการ ประ กอบ กิจก าร เ ช่น ส ายไ ฟฟ้า ระวงั ในการใชเ้ ครอ่ื งมือเครอ่ื งจักร
เคร่ืองจ ักรกล เ คร่ืองท ำาคว ามร้อ นให ้อยู่ใ นสภ าพท่ีส มบูร ณ์แ ละคว ามป ลอด ภัยก ็จะป ้องกัน มิให ้เกิด 3.1 ความปลอดภยั ในงานเชอ่ื มไฟฟา้
อัคคภี ัย ได้ดยี ่งิ ข ึน้ หรือ อน่ื ๆ ข้นึ อ ยู่กับ ดุลย พนิ ิจข องผ ูส้ อน ) 3.2 ความปลอดภยั ในงานเชอื่ มแกส๊
4. การเคล่อื นยา้ ยถังบรรจแุ ก๊สที่ถกู วธิ คี วรทาำ อยา่ งไร (จ.1, จ.2, จ.3) 3.3 ความปลอดภัยในงานโลหะแผน่
(แนวทา งการต อบ กา รเคล ื่อนย ้ายถ ังบร รจุแก ๊สต้อ งสว มฝา ครอ บป้อ งกัน วาล์ว เปิด -ปิดแ ก๊สเ สมอ สรุปผลการวิเคราะห์เขียนเป็นผังกราฟิก
เพื่อปอ้ ง กันไมใ่ ห ว้ าล์วก ระแ ทกแต กขณ ะทาำ การข นส่ง หรือ อืน่ ๆ ข้นึ อ ยู่กับด ุลยพ ินิจข องผ ้สู อน ) ผงั ความคิดรวบยอดในการท�ำ งานเหลา่ น้ัน
5. การเคล่อื นยา้ ยวสั ดุในงานโลหะแผน่ เพ่อื ความปลอดภยั ควรปฏบิ ัตอิ ยา่ งไร (จ.1, จ.2, จ.3)
(แนวทา งการตอ บ สวม ถุงม ือและ สวม ชุดป ฏิบัต ิงานใ ห้รัดก ุม ก ารเค ลื่อน ย้ายโ ลหะแ ผ่นท ี่เป็น ม้วนใ ห้จับ
ม้วนโลห ะแผ่นต ้ังข้ึนใช ้มือเ อียงม ้วนโ ลหะแ ผ่นแ ล้วใช ้มืออ ีกข้า งประ คองม ้วนโ ลหะ แผ่นไ ปตา มต้อ งการ
หรอื อนื่ ๆ ขึน้ อย ่กู ับดุล ยพิน จิ ของ ผสู้ อ น)
จ. หมายถงึ ตรงตามจุดประสงค์การเรยี นรู้ หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 1 ข้อท ่ี ...
35 สุดยอดคู่มือครู
GPAS 5 STEPs 1. Gขั้นaรวthบeรวrมinขg้อมูล 2. ขั้นคิดPวิเrคoรcาeะหs์แsลinะสgรุปความรู้
บูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21
ทักษะชีวิต
กิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ เป็นกิจกรรมที่
ผู้สอนให้ผู้เรียนปฏิบัติทุกข้อ หรือเลือก ความปลอดภยั 25
ปฏิบัติเป็นบางข้อตามความเหมาะสม โดย
ผู้สอนให้คะแนนการทำ�กิจกรรมตามเกณฑ์ กิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้
ของใบสรปุ ผลการท�ำ กิจกรรม และสามารถ
นำ�ผลการทำ�กิจกรรมไปเทียบกับการให้ คาำ ชี้แจง กิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ประกอบด้วยกิจกรรมหลากหลายที่ฝึกทักษะทุกด้านตามจุดประสงค์
คะแนนกับตารางวิเคราะห์ความสอดคล้อง การเรียนรู้เพื่อให้เกิดสมรรถนะในการเรียนรู้ สามารถปฏิบัติกิจกรรมทั้งในและนอกสถานที่
ของเนอื้ หากบั จดุ ประสงคร์ ายวชิ า สมรรถนะ ตามความเหมาะสมกับผู้เรียนและสง่ิ แวดลอ้ มของสถานศกึ ษา
รายวชิ า และจุดประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรมได้
1. ให้ผู้เรียนแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ร่วมกันศึกษาค้นคว้าตามหัวข้อท่ีกำาหนด จากแหล่งการเรียนรู้ต่างๆ เช่น
อินเทอร์เน็ต หนังสือ วารสาร ฯลฯ และจัดทำาสรุปผลการเรียนรู้ พร้อมส่งตัวแทนกลุ่มนำาเสนอ
หน้าชัน้ เรียน กลุ่มละ 5-10 นาที
กลุ่มที่ 1 ความปลอดภยั ในงานเชอ่ื มไฟฟา้
กลุ่มที่ 2 ความปลอดภัยในงานเชือ่ มแกส๊
กลมุ่ ที่ 3 ความปลอดภยั ในงานโลหะแผน่
2. ให้ผู้เรยี นเขียนผงั ความคิดเกยี่ วกับความปลอดภัยในงานเช่อื มและโลหะแผน่
สงวน ิลข ิสท ์ธิ สำ� ันกพิมพ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพ ิวชาการ (พว.) จำ�กัด
สรุปผลการท�ากจิ กรรม
คาำ ช้ีแจง ให้ผู้เรยี นประเมินผลการทำากิจกรรม โดยเขียนเคร่ืองหมาย ✓ลงในชอ่ ง ตามความเป็นจริง
ความรู้ (K) ทักษะ (P) คณุ ลกั ษณะ (A) เกณฑก์ ารประเมนิ
ความรู้ ความเข้าใจ การปฏิบัตงิ านที่ได้รบั การมมี นุษยสัมพันธ์ใน ทาำ เครือ่ งหมาย ✓
การนาำ ไปใช้ การวิเคราะห์ มอบหมายเสร็จตามเวลา การปฏิบตั กิ ิจกรรม ในแต่ละตอน 3 ข้อ
การสังเคราะห์ ท่กี ำาหนด ความมวี ินัย ตรงตอ่ เวลา คอื ผ่านการประเมิน
การประเมินคา่ การปฏิบตั งิ านด้วยความ ความซ่ือสตั ยส์ ุจริต
ในการทาำ งาน 1. ความรู้ (K)
การศึกษาคน้ คว้า ละเอียด รอบคอบ ปลอดภยั ประพฤติตนด้วยความ ผา่ น ไมผ่ า่ น
การแสวงหาแหลง่ ข้อมลู เรยี บรอ้ ย สวยงาม
และการรวบรวมข้อมูล ความสมบูรณข์ องงาน ถกู ตอ้ งตามศลี ธรรม 2. ทักษะ (P)
การแสดงความคิดเหน็ การปฏิบตั ิงานทีท่ ำาใหเ้ กดิ อันดีงาม
อย่างมีเหตผุ ล หรอื แสดง สมรรถนะแก่ผเู้ รยี น เจตคตทิ ด่ี ใี นการปฏิบัติ ผา่ น ไม่ผา่ น
กจิ กรรม
ข้ันตอนและกระบวนการ ทกั ษะการวางแผน การคดิ ความพอเพียงและความ 3. คณุ ลักษณะ (A)
ทาำ กจิ กรรม สร้างสรรค ์ การออกแบบ ผา่ น ไม่ผา่ น
การหาประสบการณ์ การผลติ พอประมาณ
ความรูใ้ หม ่ การตดั สนิ ใจในการแกป้ ญั หา
หมายเหตุ เกณฑ์การประเมินผลการทำากิจกรรมมีวัตถุประสงค์เพ่ือประเมินค่าผู้เรียนเกิดสมรรถนะจาก
การเรียนรู้ตามบรบิ ทต่างๆ หรือไม ่ โดยแบ่งเป็น 3 ดา้ น คอื ความรหู้ รือพุทธพิ ิสัย = Knowledge
(K) ทักษะหรอื ทกั ษะพสิ ัย = Practice (P) คณุ ลักษณะหรือจิตพสิ ัย = Attitude (A)
ทักษะชีวิต
ด้านการคิดวิเคราะห์ ตัดสินใจ และแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ หมายถึง การแยกแยะข้อมูลข่าวสาร ปัญหา และสถานการณ์รอบตัว
วพิ ากษ์วิจารณแ์ ละประเมินสถานการณร์ อบตัวดว้ ยหลกั เหตผุ ลและขอ้ มลู ทถี่ ูกตอ้ ง รับรปู้ ญั หา สาเหตขุ องปัญหา หาทางเลือกและตัดสนิ ใจ
แกป้ ัญหาในสถานการณต์ า่ งๆ อยา่ งสรา้ งสรรค์
วิธีการ ให้ผู้เรียนค้นคว้าจากแหล่งข้อมูลตามที่ผู้เรียนสนใจเพื่อศึกษาข้อมูล การดำ�เนินงานเก่ียวกับความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน
หรือเรียนรู้เก่ียวกับแนวคิดงานเชื่อมและโลหะแผ่นเบ้ืองต้น ตามจุดประสงค์การเรียนรู้ สามารถปฏิบัติกิจกรรมได้ทั้งในและนอกสถานท่ี
ตามความเหมาะสมกบั ผ้เู รียนและสงิ่ แวดล้อมของสถานศกึ ษา (กจิ กรรมส่งเสรมิ การเรียนรู้ หนา้ 25)
สุดยอดคู่มือครู 36
Ap3p. lขyั้นiปnฏgิบaัตnิแdละCสoรnุปstคrวuาctมinรgู้หลthังeกาKรnปoฏwิบleัตdิge A 4. ข้ันสื่อสารและน�ำเสนอ 5. ขS้ันeปlรfะ-เRมeินgเพu่ือlaเพtิ่มinคgุณค่า
ค่านิยมหลัก 12 ประการ pplying the Communication Skill
กิจกรรมท้าทาย รอบรู้อาเซียนและโลก
asean
26 งานเช่ือมและโลหะแผ่นเบือ้ งตน้ ผู้สอนให้ผู้เรียนทำ�แบบทดสอบ จากน้ันให้
ผู้เรียนแลกกันตรวจคำ�ตอบ โดยผู้สอนเป็น
แบบทดสอบ ผ้เู ฉลย
สงวน ิลข ิสท ์ธิ สำ� ันกพิมพ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพ ิวชาการ (พว.) จำ�กัด
จงเลือกคาำ ตอบที่ถูกต้องท่สี ดุ เพยี งคาำ ตอบเดยี ว เฉลยแบบทดสอบ
1. ในการปฏิบัตงิ านทว่ั ไปสิ่งทผ่ี ปู้ ฏบิ ัติงานต้องพึงระวงั ไวเ้ สมอ คือ 1. ตอบ 2. ในการปฏิบัติงานส่ิงท่ีผู้ปฏิบัติงาน
ต้องพึงระวังไวเ้ สมอคือความปลอดภัย
1. การใช้เคร่ืองมอื ท่ีถกู ต้อง 2. ความปลอดภยั
2. ตอบ 4. เช้ือเพลิงเป็นวัตถุที่ไม่ควรอยู่ใกล้
3. การประหยัด 4. เวลาในการทำางาน บริเวณทปี่ ฏบิ ัตกิ ารเชอ่ื ม
5. เสรจ็ ตามเวลา 3. ตอบ 3. สาเหตุของการเกิดไฟฟ้าดูดคือ
การปฏิบัตงิ านในบรเิ วณทชี่ ้ืนแฉะ
2. วตั ถุใดทีไ่ ม่ควรอยูใ่ กลบ้ รเิ วณที่ปฏิบตั ิการเชื่อม คอื
4. ตอบ 2. ไม่ควรสวมถุงมือหรือเส้ือผ้าที่
1. วสั ดุ 2. เครอ่ื งดบั เพลงิ เป้ือนจารบีหรือน้ํามันในขณะเชื่อมเพราะ
อาจเกิดการตดิ ไฟ
3. กรวด ทราย 4. เชื้อเพลิง
5. ตอบ 1. รังสีอัลตราไวโอเลตเป็นรังสีจาก
5. นำ้า การเช่ีอมไฟฟ้าท่ีกอ่ ใหเ้ กดิ ความรอ้ น
3. สาเหตุของการเกดิ ไฟฟา้ ดดู ในขณะปฏิบัตกิ ารเชื่อมเกดิ จากขอ้ ใดมากทสี่ ดุ 6. ตอบ 2. รงั สอี นิ ฟราเรดเปน็ รงั สจี ากการเชอื่ ม
1. ใช้เครื่องมือผิดประเภท ไฟฟา้ ทก่ี ่อให้เกิดเป็นตอ้ กระจกได้
2. ความประมาท
3. การปฏิบัติงานในบรเิ วณทชี่ น้ื แฉะ
4. ไม่สวมชุดปอ้ งกนั อันตราย
5. ไมต่ ่อสายดนิ
4. เพราะเหตใุ ดจึงไมค่ วรสวมถงุ มอื หรือเสอื้ ผา้ ทเี่ ปื้อนจารบหี รอื น้าำ มันในขณะเชอื่ ม
1. อาจเกดิ ไฟดดู 2. อาจเกดิ การติดไฟ
3. อาจเกดิ การลนื่ ลม้ 4. เกดิ กล่นิ เหมน็
5. สะสมความรอ้ น
5. รังสจี ากการเช่อื มไฟฟ้าในขอ้ ใดก่อให้เกิดความร้อน
1. รังสีอลั ตราไวโอเลต 2. รังสอี นิ ฟราเรด
3. รังสนี วิ ตรอน 4. รงั สแี กมมา
5. แสงทมี่ องเห็น
6. รังสจี ากการเชอื่ มไฟฟา้ ในขอ้ ใดกอ่ ให้เกิดเปน็ ต้อกระจกได้
1. รังสอี ลั ตราไวโอเลต 2. รงั สอี ินฟราเรด
3. รงั สีนวิ ตรอน 4. รงั สีแกมมา
5. แสงที่มองเหน็
37 สุดยอดคู่มือครู
GPAS 5 STEPs 1. Gขั้นaรวthบeรวrมinขg้อมูล 2. ข้ันคิดPวิเrคoรcาeะหs์แsลinะสgรุปความรู้
บูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21
ทักษะชีวิต
เฉลยแบบทดสอบ สงวน ิลข ิสท ์ธิ สำ� ันกพิมพ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพ ิวชาการ (พว.) จำ�กัด ความปลอดภัย 27
7. ตอบ 2. การเชอ่ื มไฟฟา้ ควรป้องกนั รังสจี าก 7. การเชือ่ มไฟฟ้าควรปอ้ งกันรังสีจากการเช่อื มอย่างไร
การเชอื่ มคือใช้กระจกกรองแสงทีเ่ หมาะสม 1. สวมแวน่ ตาดาำ ขณะเช่อื ม
2. ใชก้ ระจกกรองแสงท่เี หมาะสม
8. ตอบ 5. วิธีการป้องกันอันตรายจากฝุ่นและ 3. ใชม้ ือบังขณะอารก์
ควันเชื่อมมีดังนี้ สวมหน้ากากปิดจมูก 4. หลับตาขณะอาร์ก
ปฏิบัติการเช่ือมอยู่เหนือทิศทางลม ปฏิบัติ 5. หันหน้าหนขี ณะอาร์ก
การเช่ือมในที่โลง่ แจ้ง ใช้เคร่ืองดดู ควนั เชือ่ ม 8. ขอ้ ใดคือวธิ กี ารปอ้ งกันอันตรายจากฝุ่นและควันเชอ่ื ม
1. สวมหน้ากากปดิ จมกู
9. ตอบ 2. การเชอื่ มไฟฟา้ กบั โลหะทมี่ คี วนั พษิ 2. ปฏิบตั ิการเชอื่ มอยู่เหนือทศิ ทางลม
ควรเชือ่ มในสถานทอ่ี ากาศถ่ายเทได้ดี 3. ปฏิบัติการเชอ่ื มในท่ีโลง่ แจง้
4. ใช้เครือ่ งดดู ควนั เช่ือม
1 0. ตอบ 2. ขณะใช้งานควรวางถังบรรจุแก๊สใน 5. ถูกทกุ ข้อ
ลักษณะท่ีตัง้ ให้ตรงมัดใหแ้ น่น 9. การเชือ่ มไฟฟ้ากับโลหะทม่ี ีควนั พษิ เชน่ เหลก็ เคลือิ บสงั กะสี ตะกวั่ ควรปฏบิ ัตอิ ย่างไร
1. เช่ือมในหอ้ งท่ปี ดิ มดิ ชิด
2. เชอ่ื มในสถานที่อากาศถา่ ยเทได้ดี
3. ควรเช่อื มดว้ ยกระแสไฟต่าำ ๆ
4. ควรเช่ือมให้เสร็จอยา่ งรวดเรว็
5. ไมค่ วรเชือ่ ม พิจารณาหาวิธอี ื่นแทนการเชอ่ื ม
10. ขณะใช้งานควรวางถงั บรรจุแกส๊ ในลกั ษณะใดถกู ตอ้ งทส่ี ดุ
1. วางราบกับพน้ื ป้องกันการลม้
2. ต้งั ใหต้ รงมดั ให้แน่น
3. วางให้หวั ถังบรรจุตาำ่ กว่ากน้ ให้แกส๊ ไหลสะดวก
4. วางเอน 30 ำ
5. ถกู ทุกข้อ
สุดยอดคู่มือครู 38
Ap3p. lขyั้นiปnฏgิบaัตnิแdละCสoรnุปstคrวuาctมinรgู้หลthังeกาKรnปoฏwิบleัตdิge A 4. ข้ันสื่อสารและน�ำเสนอ 5. ขS้ันeปlรfะ-เRมeินgเพu่ือlaเพt่ิมinคgุณค่า
ค่านิยมหลัก 12 ประการ pplying the Communication Skill
กิจกรรมท้าทาย รอบรู้อาเซียนและโลก
asean
28 งานเชอ่ื มและโลหะแผน่ เบื้องต้น
แบบประเมินตนเอง
คาำ ชี้แจง ตอนท่ี 1 ใหผ้ เู้ รยี นประเมนิ ผลการเรยี นรู้ โดยเขยี นเครอ่ื งหมาย ✓ลงในชอ่ งระดบั คะแนน
และเติมขอ้ มูลตามความเปน็ จรงิ
ระดบั คะแนนตอนท่ี 1 5 : มากท่สี ุด 4 : มาก 3 : ปานกลาง 2 : น้อย 1 : ควรปรบั ปรุง
ตอนที่ 2 ใหผ้ เู้ รยี นนาำ คะแนนจากแบบทดสอบมาเตมิ ลงในชอ่ งวา่ ง และเขยี นเครอ่ื งหมาย ✓
ลงในชอ่ งสรปุ ผล
สงวน ิลข ิสท ์ธิ สำ� ันกพิมพ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพ ิวชาการ (พว.) จำ�กัด
ตอนที่ 1 (ผลการเรยี นรู้) ตอนที่ 2 (แบบทดสอบ)
รายการ 5 4 3 2 1 แบบทดสอบ
1. ผู้เรียนมคี วามร ู้ ความเขา้ ใจในเนอื้ หา คะแนน
2. ผูเ้ รยี นได้ทำากจิ กรรมท่สี อดคล้องกับเนอื้ หา (ขอ้ ละ 1 คะแนน)
และจดุ ประสงค์การเรียนรู้ สรุปผล
9 - 10 (ดีมาก)
3. ผู้เรยี นได้เรียนและทำากจิ กรรมทีส่ ่งเสรมิ กระบวนการคดิ 7 - 8 (ด)ี
เกิดการค้นพบความรู้ 5 - 6 (พอใช)้
ตา่ำ กวา่ 5
4. ผเู้ รียนสามารถประยกุ ต์ความรู้เพอ่ีื ใช้ประโยชนใ์ นชีวติ ประจำาวนั ได้
5. ผเู้ รียนได้เรียนรูอ้ ะไรจากการเรียน (ควรปรับปรุง)
6. ผู้เรยี นตอ้ งการทำาสิ่งใดเพอ่ื พฒั นาตนเอง
7. ความสามารถท่ถี อื ว่าผา่ นเกณฑ์ประเมินของผู้เรยี น คอื
39 สุดยอดคู่มือครู
1. Gขั้นaรวthบeรวrมinขg้อมูล 2. ขั้นคิดPวิเrคoรcาeะหs์แsลinะสgรุปความรู้
ทักษะชีวิต
GPAS 5 STEPs
ตารางสรุปคะแนนการประเมนิ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้บูรณาการทักษะศตวรรษท่ี 21
และสมรรถนะประจำ� หน่วย
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 ความปลอดภยั
คะแนนตาม จปส. รายหนว่ ยการเรยี นรู้
1. บอก ิว ีธการ ้ปอง ักนอันตรายในงานเชื่อมไฟฟ้าสงวนลิข ิสท ์ิธ สำ� ันกพิมพ์ บ ิรษัท ัพฒนาคุณภาพ ิวชาการ งานเ ่ืชอมแ ๊กส(พว.) จำ�กัด
ชนิ้ งาน/การแสดงออก งานโลหะแผ่น และข้อควรระวังในการใช้เคร่ืองมือ รวม
ที่ก�ำหนดในหนว่ ยการเรยี นรหู้ รือหน่วยย่อย อุปกร ์ณได้
2. บอกผลของอันตรายจากงานเ ื่ชอมไฟฟ้า งานเชื่อมแก๊ส
และงานโลหะแผ่น
3. ป ิฏบัติตามกฎของโรงฝึกงานอ ่ยางเค ่รงค ัรด
4. มีเจตค ิตท่ีดีในการเ ีรยนเ ่ืรองความปลอดภัย และรักษ์
่คา ินยมห ัลก 12 ประการของไทย
ภาระงาน/ชน้ิ งานระหว่างเรยี น 5 55 15
1. ผังกราฟิกแสดงการเก็บรวบรวมข้อมูลเก่ียวกับความปลอดภัย 5 55 15
5 5 86 24
ในงานเช่ือมไฟฟา้ งานเชอื่ มแกส๊ และความปลอดภัยในงานโลหะแผ่น
2. ผังกราฟิกสรุปความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับความปลอดภัยในงานเชื่อม 4 46 14
4 46 14
ไฟฟา้ งานเช่อื มแก๊ส และความปลอดภัยในงานโลหะแผน่
3. การนำ�เสนอผลการสรุปความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับความปลอดภัย 3 8 8
26 34 10
ในงานเช่อื มไฟฟา้ งานเชือ่ มแกส๊ และความปลอดภยั ในงานโลหะแผ่น 26 34 14 100
การประเมินรวบยอด
1. ผลการปฏิบัตกิ จิ กรรมตรวจสอบความเขา้ ใจ
2. ผลการปฏิบัตกิ จิ กรรมส่งเสรมิ การเรยี นรู้
3. ผลการประเมินตนเอง
4. คะแนนผลการทดสอบ
รวม
สุดยอดคู่มือครู 40
GPAS 5 STEPs 1. Gขั้นaรวthบeรวrมinขg้อมูล 2. ขั้นคิดPวิเrคoรcาeะหs์แsลinะสgรุปความรู้
A3. ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ Apply4.inขgั้นสth่ือeสาCรoแmลmะนu�ำnเiสcaนtอion Skill 5. ขSั้นeปlรfะ-เRมeินgเพuื่อlaเพt่ิมinคgุณค่า
pplying and Constructing the Knowledge
บูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21 ทักษะชีวิต
ค่านิยมหลัก 12 ประการ กิจกรรมท้าทาย รอบรู้อาเซียนและโลก
asean
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 2 ตำ�แหน่งงานเชอื่ มและ
ลักษณะการต่อช้ินงาน
สงวน ิลข ิสท ์ธิ สำ� ันกพิมพ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพ ิวชาการ (พว.) จำ�กัด
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ ตำ�แหนง่ ง�นเชือ่ ม เรอ่ื งย่อย
และลักษณะก�รต่อชนิ้ ง�น 1. ทา่ เชอ่ื ม (หนงั สอื เรยี น หน้า 31-32)
2 2. ชนดิ ของรอยตอ่ (หนงั สือเรียน หนา้ 33-34)
3. ตำ�แหนง่ ท่าเช่ือมตามมาตรฐาน AWS และ ISO 9647
สาระสาำ คญั
ในกระบวนการเชื่อมผู้ปฏิบัติงานเชื่อมจะต้องมีการฝึกให้สามารถปฏิบัติงานเชื่อมให้ได้ใน (หนงั สอื เรียน หน้า 35-37)
ทุกตำาแหน่งท่าเช่ือมให้มีความชำานาญ สำาหรับการต่อช้ินงานต้องออกแบบให้มีความเหมาะสมกับ
ลกั ษณะการใชง้ านจงึ จะสง่ ผลใหง้ านเชอื่ มมปี ระสทิ ธภิ าพสงู สดุ ในการนำาไปใชง้ านในสภาวะแวดลอ้ ม สมรรถนะประจำ�หนว่ ย
ท่ตี า่ งกนั ออกไป แสดงความรู้เก่ียวกับตำ�แหน่งงานเช่ือมและลักษณะ
ของการต่อชิ้นงาน
สาระการเรยี นรู้
1. ทา่ เชือ่ ม จุดประสงค์การเรียนรู้
2. ชนดิ ของรอยตอ่ 1. บอกชนิดของรอยต่อ ตำ�แหน่งท่าเช่ือมตามมาตรฐาน
3. ตำาแหนง่ ทา่ เช่อื มตามมาตรฐาน AWS และ ISO 9647
AWS และ ISO 9647 สำ�หรับรอยเช่ือมร่องสำ�หรับ
งานแผ่น งานเชอ่ื มท่อและการเชื่อมทอ่ ต่อกับงานแผน่ ได้
2. ปฏิบัติการเช่ือมตามชนิดของตำ�แหน่งท่าเช่ือมตาม
มาตรฐาน AWS และ ISO 9647 ส�ำ หรับรอยเชื่อมรอ่ ง
สำ�หรับงานแผ่น งานเช่ือมท่อและการเช่ือมท่อต่อกับ
งานแผน่ ได้อย่างถกู ตอ้ ง
3. แสดงการปฏิบัติการเช่ือมตามชนิดของตำ�แหน่ง
ทา่ เชือ่ มตามมาตรฐาน AWS และ ISO 9647 ส�ำ หรบั
รอยเชื่อมร่องสำ�หรับงานแผ่น งานเช่ือมท่อและ
การเชื่อมท่อตอ่ กับงานแผน่ ไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง
4. มีเจตคติที่ดีในการเรียนเร่ืองตำ�แหน่งงานเชื่อม
และลักษณะการต่อช้ินงาน และรักษ์ค่านิยมหลัก
12 ประการของไทย
การประเมินผล 3. การนำ�เสนอผลการสรุปความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับท่าเช่ือม
ชนิดของรอยต่อ และตำ�แหน่งท่าเช่ือมตามมาตรฐาน AWS
ภาระงาน/ชิ้นงาน/การแสดงออกของผเู้ รียน และ ISO 9647
ภาระงาน/ชิ้นงานระหว่างเรยี น
1. ผังกราฟิกแสดงการเก็บรวบรวมข้อมูลเก่ียวกับท่าเชื่อม ชนิดของ ภาระงาน/ช้ินงานรวบยอดในหนว่ ยการเรยี นรู้
1. ผลการปฏิบัตกิ จิ กรรมตรวจสอบความเข้าใจ
รอยตอ่ และตำ�แหน่งท่าเช่ือมตามมาตรฐาน AWS และ ISO 9647 2. ผลการปฏบิ ตั กิ ิจกรรมสง่ เสรมิ การเรียนรู้
2. ผงั กราฟกิ สรปุ ความรคู้ วามเขา้ ใจเกย่ี วกบั ทา่ เชอื่ ม ชนดิ ของรอยตอ่ 3. ผลการประเมนิ ตนเอง
4. คะแนนผลการทดสอบ
และตำ�แหนง่ ทา่ เชื่อมตามมาตรฐาน AWS และ ISO 9647
41 สุดยอดคู่มือครู
GPAS 5 STEPs 1. Gข้ันaรวthบeรวrมinขg้อมูล 2. ขั้นคิดPวิเrคoรcาeะหs์แsลinะสgรุปความรู้
บูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21
ทักษะชีวิต
สมรรถนะประจำาหนว่ ยสงวนลิข ิสทธิ์ สำ� ันกพิมพ์ บริษัท ัพฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด g St ep 1
แสดงความรูเ้ กยี่ วกับตำาแหนง่ งานเชอื่ มและลักษณะการต่อชน้ิ งาน
Gatherin ข้ันรวบรวมขอ้ มูล
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. แบง่ กลุม่ ผูเ้ รียนเป็น 3 กลมุ่ แต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษาเอกสาร หนังสือเรียน
1. บอกชนิดของรอยต่อ ตำาแหน่งท่าเช่ือมตามมาตรฐาน AWS และ ISO 9647 สำาหรับ
รอยเชื่อมรอ่ งสำาหรับงานแผ่น งานเชือ่ มทอ่ และการเชื่อมท่อตอ่ กับงานแผ่นได้ งานเชอื่ มและโลหะแผน่ เบื้องต้น ดงั น้ี
2. ปฏบิ ตั กิ ารเชอ่ื มตามชนดิ ของตาำ แหนง่ ทา่ เชอื่ มตามมาตรฐาน AWS และ ISO 9647 สาำ หรบั กลุ่มท่ี 1 ท่าเช่อื ม
รอยเชอ่ื มร่องสาำ หรบั งานแผน่ งานเชื่อมท่อและการเชอ่ื มทอ่ ต่อกบั งานแผ่นไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง กลุ่มท่ี 2 ชนิดของรอยต่อ
3. แสดงการปฏิบัติการเชื่อมตามชนิดของตำาแหน่งท่าเชื่อมตามมาตรฐาน AWS และ ISO กลุ่มท่ี 3 ต�ำ แหนง่ ทา่ เช่ือมตามมาตรฐาน AWS และ ISO 9647
9647 สำาหรับรอยเชื่อมร่องสาำ หรับงานแผ่น งานเช่ือมท่อและการเชื่อมท่อต่อกับงานแผ่นได้อย่าง 2. ต้ังคำ�ถามให้ผู้เรียนนำ�เสนอข้อมูลจากประสบการณ์ จากการศึกษา
ถูกตอ้ ง
4. มเี จตคติท่ีดใี นการเรียน เร่ือง ตาำ แหนง่ งานเชื่อมและลักษณะการตอ่ ช้นิ งาน เอกสารหนังสือเรียน หรือจากการศึกษาค้นคว้า จากแหล่งความรู้อ่ืนตาม
และรกั ษค์ า่ นิยมหลกั 12 ประการของไทย หัวข้อทีก่ �ำ หนดดงั น้ี
1) ทา่ เชื่อมมีความเหมาะสมอย่างไรในการปฏบิ ตั งิ านเช่อื ม
ผังสาระการเรียนรู้ 2) ชนิดของรอยตอ่ ในแตล่ ะลักษณะมีความสำ�คัญตอ่ การเชอ่ื มอย่างไร
3) ตำ�แหน่งท่าเชื่อมมาตรฐาน AWS และ ISO 9647 มีความสำ�คัญและ
ตาำ แหน่ง ทา่ เชอื่ ม ความจำ�เปน็ มากหรือน้อยเพยี งใด
งานเชอ่ื มและ ชนดิ ของรอยตอ่ 4) แนวเช่ือมท่ีดีควรมีลักษณะอย่างไร
ลักษณะการ ตาำ แหนง่ ทา่ เชอื่ มตามมาตรฐาน AWS และ ISO 9647 5) ผูเ้ รียนลงมอื ปฏิบัตงิ านและแสดงท่าเชื่อมตามใบงานท่ีผสู้ อนมอบหมาย
ต่อชน้ิ งาน
ต�ำ แหนง่ ของง�นเชือ่ มและลกั ษณะก�รต่อช้ินง�น 31
ในงานเช่อื มโดยทวั่ ไปจะมที า่ เช่ือมมาตรฐานอย ู่ 4 ท่า คือ ท่าราบ ท่าระดับ ทา่ ต้งั และทา่ เหนอื ศรี ษะ
และชนิดของการต่อสำาหรับงานเช่ือมจะมีอยู่ด้วยกัน 5 ชนิด คือ การต่อชน การต่อมุม การต่อเกย
การต่อรูปตัวทีและการต่อขอบ สำาหรับการกำาหนดตำาแหน่งท่าเช่ือมเป็นการกำาหนดการวางช้ินงานเชื่อม
และทศิ ทางการเชอ่ื ม ทงั้ ทเี่ ปน็ งานแผน่ ตอ่ ชน งานทอ่ งานเชอื่ มทอ่ ตอ่ กบั งานแผน่ และงานแผน่ ตอ่ รปู ตวั ท ี
ทเี่ ปน็ ไปตามมาตรฐาน AWS และ ISO 9647
1. ทา่ เชือ่ ม
3. ผู้เรียนแต่ละคนบันทึกผลการศึกษาเร่ืองตำ�แหน่งงานเชื่อมและลักษณะ ในงานเชอ่ื มไมว่ า่ จะเปน็ การเชอื่ มไฟฟา้ หรอื การเชอ่ื มแกส๊ ทา่ เชอื่ มทส่ี ามารถทาำ การเชอ่ื มไดง้ า่ ย และ
การตอ่ ชนิ้ งานลงผงั กราฟกิ (เลอื กออกแบบและใชผ้ งั กราฟกิ ใหเ้ หมาะสม มีประสทิ ธภิ าพมากทสี่ ุด คือ การเชือ่ มในทา่ ราบ (Flat Position) แตใ่ นสภาวะจรงิ ในการปฏบิ ัตงิ านจะไม่
กบั ลกั ษณะของขอ้ มูล) ดังตัวอยา่ ง
สามารถเลือกเชื่อมในทา่ ทถี่ นัดได้ ซึง่ จะข้นึ อยู่กบั สภาพของงานท่ีทำาอยู่ สาำ หรับทา่ เชอื่ มแบ่งตามลกั ษณะ
ของการเชอื่ มได้ ดงั นี ้
1.1 การเชือ่ มท่าราบ (Flat Position Welding)
การเชื่อมท่าราบเป็นท่าท่ีเชื่อมง่าย
ท่ีสุดเพราะสามารถควบคุมบ่อหลอมเหลวได้ง่าย
แรงดงึ ดดู ของโลกไมม่ ผี ลตอ่ นาำ้ โลหะเหลว เนอ่ื งจาก
บ่อหลอมเหลวจะอยู่บนรอยต่อของช้ินงาน โดยท่ี
ช้ินงานจะวางราบกับพ้ืนสำาหรับงานท่ีเป็นแผ่น แต่
ถ้าเป็นการเช่ือมต่อรูปตัวทีจะวางช้ินงานให้รอยต่อ
หงายขึน้ ดงั ภาพท ี่ 2.1
1.2 การเชื่อมท่าระดับ (Horizontal ภาพท ่ี 2.1 การเชื่อมท่าราบสำาหรับงานแผ่น (ซา้ ย)
Position Welding) ท่าราบสำาหรับต่อรปู ตัวที (ขวา)
ท่ีมา: http://www.yana-anders.livejournal.com/113368.
การเช่ือมท่าระดับเป็นการเช่ือมท่ีแนว html, 2556: (Online)
เชื่อมจะขนานไปกับแนวระนาบของพื้น ในขณะ
เชอื่ มแนวเชอื่ มมกั ไหลยอ้ ยลงดา้ นลา่ งเสมอ (สาำ หรบั
งานแผ่น) ในการเช่ือมหากต้องการแนวเช่ือมกว้าง
ต้องใช้วิธีการเชื่อมหลายแนว การเช่ือมท่าระดับนี้
ช้ินงานจะวางต้ังกับพื้นให้ได้ฉาก โดยรอยต่อของ
ช้ินงานจะขนานไปกับพ้ืนสำาหรับงานที่เป็นแผ่น
แต่ถ้าเป็นการเช่ือมต่อรูปตัวทีจะวางชิ้นงานตัวที
ราบกับพ้ืน ดงั ภาพท่ ี 2.2 ภาพท่ี 2.2 การเชอื่ มท่าระดบั สาำ หรบั งานแผน่ (ซ้าย)
ท่าระดับสาำ หรบั ต่อรปู ตวั ท ี (ขวา)
ท่ีมา: http://www.yana-anders.livejournal.com/113368.
html, 2556: (Online)
สุดยอดคู่มือครู 42
Ap3p. lขyั้นiปnฏgิบaัตnิแdละCสoรnุปstคrวuาctมinรgู้หลthังeกาKรnปoฏwิบleัตdิge A 4. ข้ันส่ือสารและน�ำเสนอ 5. ขSั้นeปlรfะ-เRมeินgเพu่ือlaเพt่ิมinคgุณค่า
pplying the Communication Skill
ค่านิยมหลัก 12 ประการ กิจกรรมท้าทาย รอบรู้อาเซียนและโลก
asean
32 ง�นเช่อื มและโลหะแผ่นเบอ้ื งต้น ep 2 ขัน้ คดิ วเิ คราะห์
และสรปุ ความรู้
สงวนลิข ิสทธิ์ สำ� ันกพิมพ์ บริษัท ัพฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด g St 1.3 การเช่ือมท่าต้งั (Vertical Position Welding) rocessin
การเช่ือมท่าต้ังเป็นการเช่ือมที่แนวเช่ือม
P
จ ะ อ ยู่ ใ น แ น ว ด่ิ ง แ ล ะ ต้ั ง ฉ า ก กั บ แ น ว ร ะ น า บ
ของพ้ืนสามารถเชือ่ มไดท้ ัง้ เชื่อมขนึ้ (Vertical Up) 1. ผูเ้ รยี นร่วมกนั อภปิ รายถึงความหมายและความส�ำ คญั ของตำ�แหน่ง
งานเชอ่ื มและลกั ษณะการตอ่ ชน้ิ งาน และความคดิ เห็นของสมาชิก
คือ การเช่ือมโดยมีทิศทางการเชื่อมเร่ิมต้นจาก
2. เช่ือมโยงและร่วมกันสรุปความรู้ตามหัวข้ออภิปรายในด้านต่างๆ
ด้านล่างของรอยต่อขึ้นไปด้านบน และการเชื่อม ดงั นี้
ทา่ ตง้ั เชอื่ มลง (Vertical Down) คอื การเชอื่ มโดยมี 1) ท่าเชื่อมท่ดี ีมีความเหมาะสมอยา่ งไรในการปฏิบัตงิ านเชอ่ื ม
2) ชนิดของรอยต่อในแต่ละลักษณะมีความสำ�คัญต่อการเช่ือม
ทศิ ทางการเชอ่ื มเรมิ่ ตน้ จากดา้ นบนของรอยตอ่ ลงไป
อยา่ งไร
ดา้ นลา่ ง การเชอ่ื มลงนเ้ี หมาะกบั งานทหี่ นาไมม่ ากนกั ภาพท่ี 2.3 การเช่ือมท่าตง้ั สาำ หรบั งานแผ่น (ซา้ ย) 3) ต�ำ แหน่งทา่ เชือ่ มมาตรฐาน AWS และ ISO 9647 มีความสำ�คญั
เพราะนา้ำ โลหะหลอมเหลวจะไหลลงมาอยา่ งรวดเรว็ ท่าต้งั สำาหรับตอ่ รูปตวั ที (ขวา)
และความจ�ำ เปน็ มากหรือน้อยเพียงใด
จงึ ตอ้ งเดนิ ลวดเชอื่ มใหเ้ ร็วข้นึ ดงั ภาพท่ี 2.3 ท่ีมา: http://www.yana-anders.livejournal.com/113368. 4) แนวเช่ือมที่ดีควรมีลักษณะอย่างไรท่ีจะส่งผลให้เกิดความแข็งแรง
html, 2556: (Online)
และการรบั นํ้าหนัก
1.4 การเชือ่ มทา่ เหนอื ศีรษะ (Overhead Position Welding)
การเช่ือมท่าเหนือศีรษะเป็นท่าเช่ือมที่แนวเชื่อมจะอยู่ด้านล่างของรอยต่อโดยลวดเชื่อม
จะอยู่ด้านล่างของช้ินงานถือว่าเป็นท่าเช่ือมท่ียาก
ที่สุด เนื่องจากในขณะเชื่อมแรงดึงดูดของโลก
จะทำาให้นำ้าโลหะที่กำาลังหลอมเหลวไหลย้อยลงมา
ผู้ปฏิบัติงานเชื่อมต้องมีความชำานาญจึงสามารถ
เชอ่ื มไดด้ ี นอกจากนนั้ สะเกด็ ไฟและนา้ำ โลหะทก่ี ำาลงั
หลอมเหลวอาจทำาอันตรายต่อผู้เช่ือมได้ ดังนั้นจึง
ต้องมีการป้องกันอันตรายเป็นอย่างดีโดยการเช่ือม
ท่าเหนือศีรษะตำาแหน่งของชิ้นงานจะขนานยาวไป ภาพที่ 2.4 การเช่อื มทา่ เหนอื ศรี ษะสำาหรับงานแผน่ (ซา้ ย)
ทา่ เหนือศรี ษะสำาหรับตอ่ รปู ตัวท ี (ขวา)
กับระนาบของพ้ืนอยู่เหนือศีรษะของผู้ปฏิบัติงาน ที่มา: http://www.yana-anders.livejournal.com/113368.
สำาหรับงานแผ่นแต่ถ้าเป็นการเช่ือมต่อรูปตัวที
ชิ้นงานจะวางเหมอื นกบั อักษรตัวท ี ดังภาพท่ ี 2.4 html, 2556: (Online)
ต�ำ แหน่งของง�นเชอื่ มและลกั ษณะก�รต่อช้นิ ง�น 33
2. ชนิดของรอยต่อ
3. บันทึกผลข้อสรุปความคิดเห็นเป็นความเข้าใจของกลุ่มและ รอยต่อ คือ บริเวณช่องว่างระหว่างช้ินงานที่จะทำาการเช่ือมประสานเข้าด้วยกัน ชนิดของรอยต่อ
รายบคุ คล ท่เี ปน็ พื้นฐานในงานเช่อื มโลหะมอี ย่ ู 5 ชนดิ ดังต่อไปนี้
2.1 รอยตอ่ ชน (Butt Joint)
ลักษณะของรอยต่อชนเป็นการนำาช้ินงานท้ังสองชิ้นมาวางให้ขอบชนกัน จะมีการเว้น
ช่องว่างหรือไม่เว้นข้ึนอยู่กับความหนาของงานและการออกแบบงานนั้นๆ บางคร้ังอาจต้องมีการเตรียม
รอยต่อโดยการบากงานให้มีรูปร่างต่างๆ ข้ึนอยู่กับความหนาของชิ้นงานและลักษณะรอยต่อชน
ดงั ภาพท ่ี 2.5
(ก) รอยเช่ือมต่อชนหน้าฉาก (ข) รอยเชอ่ื มตอ่ ชนบากร่องวี
(ค) รอยเชอื่ มตอ่ ชนบากร่องวสี องด้าน (ง) รอยเชื่อมต่อชนบากด้านเดียว
ภาพท ี่ 2.5 ลักษณะของรอยตอ่ ชน
2.2 รอยต่อมมุ (Corner Joint)
ลักษณะของรอยต่อมุมเป็นการต่อโดยการนำาขอบช้ินงานท้ังสองมาวางให้ตั้งฉากกัน รอยต่อ
มุมนี้สามารถเช่อื มไดท้ ้งั ด้านนอกและดา้ นใน ดงั ภาพท่ี 2.6
การเช่ือมรอยตอ มมุ ภายนอก
การเช่อื มรอยตอมมุ ภายใน
ภาพที่ 2.6 ลักษณะของรอยตอ่ มุม
43 สุดยอดคู่มือครู
GPAS 5 STEPs 1. Gข้ันaรวthบeรวrมinขg้อมูล 2. ข้ันคิดPวิเrคoรcาeะหs์แsลinะสgรุปความรู้
บูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21
ทักษะชีวิต
34 ง�นเช่ือมและโลหะแผน่ เบ้ืองตน้ ep 3
St
2.3 รอยต่อเกย (Lap Joint) ขัน้ ปฏบิ ัติและสรปุ ความรู้
wldedge
ลักษณะของรอยต่อเกยเป็นการนำาชิ้นงานท้ังสองมาวางซ้อนเกยกันและจะเชื่อมบริเวณขอบ conAstructpipnlgyitnhge aknno หลังการปฏบิ ตั ิ
ของชิ้นงานทีเ่ กยซอ้ นกนั อย่ ู รอยต่อเกยมขี ้อดีคอื เสยี เวลาในการเตรยี มรอยต่อนอ้ ย นยิ มใช้กนั มากใน
การแลน่ ประสานและการเช่อื มจดุ (Spot Welding) ดงั ภาพท่ ี 2.7
สงวน ิลข ิสทธิ์ สำ� ันกพิมพ์ บ ิรษัท ัพฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำ�กัด(ก) รอยเช่ือมตอ่ เกยสองดา้ น(ข) รอยเช่ือมตอ่ เกยดา้ นเดียว1. ผู้เรียนนำ�ข้อสรุปความรู้ความเข้าใจแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน
จ า ก นั้ น ผู้ ส อ น แ ล ะ ผู้ เ รี ย น ช่ ว ย กั น ต ร ว จ ส อ บ ค ว า ม ถู ก ต้ อ ง ข อ ง
ภาพที่ 2.7 ลกั ษณะของรอยตอ่ เกย การแลกเปล่ียน
2.4 รอยต่อรูปตวั ท ี (T - Joint) 2. หลังจากแลกเปลี่ยนความรู้ ทุกกลุ่มโดยช่วยกันทำ�กิจกรรม
ตรวจสอบความเข้าใจ (หนังสือเรียน หน้า 38)
ลักษณะของรอยต่อรูปตัวทีเป็นการนำาเอาชิ้นงานชิ้นหน่ึงวางตั้งฉากอยู่บนชิ้นงานอีกช้ินหน่ึง
ให้มีลักษณะคล้ายกับตัว T ในกรณีงานหนาอาจต้องมีการบากชิ้นงานที่นำามาวางตั้งฉาก รอยต่อตัวทีใช้ 3. กลุ่มผู้เรียนร่วมกันอภิปรายตรวจสอบความสมบูรณ์ถูกต้องของ
สำาหรับการตอ่ งานโครงสรา้ งทั่วๆ ไป ดังภาพท่ ี 2.8 กจิ กรรมตรวจสอบความเขา้ ใจ
(ก) การเชอื่ มต่อรปู ตัวทดี ้านเดียว (ข) การเชือ่ มตอ่ รูปตัวทสี องดา้ น 4. ผู้เรียนแต่ละคนสรุปความรู้ความเข้าใจ
แต่ละเร่ืองโดยใช้ผังกราฟิกให้เหมาะสม
กับลักษณะของข้อมูล
ภาพที ่ 2.8 ลักษณะของรอยต่อรูปตัวที
2.5 รอยตอ่ ขอบ (Edge Joint) ภาพที ่ 2.9 ลกั ษณะของรอยต่อขอบ ต�ำ แหนง่ ของง�นเชือ่ มและลกั ษณะก�รตอ่ ชิ้นง�น 35
ลักษณะของรอยต่อขอบเป็นการต่อ 3. ตาำ แหน่งทา่ เชื่อมตามมาตรฐาน AWS และ ISO 9647
โดยการนำาเอาชิ้นงานสองชิ้นมาวางให้ผิวของ
ชิ้นงานซ้อนกัน ให้ขอบของชิ้นงานทั้งสองชิ้นเสมอ 3.1 รอยเช่อื มรอ่ ง (Groove Weld)
เท่ากันและขนานกันตลอดของแนวนิยมใช้กับ
ชิ้นงานบางๆ และนิยมเชื่อมแก๊สโดยไม่ต้องเติม ในการเช่ือมงานแนวเช่ือมจะต้องมีความมั่นคงและแข็งแรง ในการเช่ือมแนวเชื่อมจะต้อง
ลวดเพยี งแตใ่ ชค้ วามรอ้ นของเปลวไฟหลอมบรเิ วณ หลอมรวมเข้าเป็นเนื้อเดียวกันกับช้ินงานตลอดความหนาของชิ้นงาน ถ้าชิ้นงานหนาไม่มากนักก็สามารถ
รอยต่อให้ช้ินงานหลอมรวมเข้าเป็นเนื้อเดียวกัน เชอื่ มไดท้ นั ท ี แตถ่ า้ ชน้ิ งานหนามากกวา่ 3 มลิ ลเิ มตรขนึ้ ไปจะตอ้ งมกี ารบากรอ่ งชนิ้ งาน เพอ่ื ใหเ้ กดิ การซมึ ลกึ
ดังภาพท ี่ 2.9 และได้เน้ือเชื่อมท่ีมากพอท่ีจะให้เกิดความแข็งแรง ซ่ึงการออกแบบการบากร่องรอยต่อนี้จะทำาการบาก
แบบใดนั้นจะข้นึ อยกู่ ับความหนาของชิน้ งานเปน็ หลักโดยท่ัวไปจะนยิ มบากร่องวี
บูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21 1G (PA) ท่าราบ 2G (PC) ท่าระดบั 4G (PE) ทา่ เหนอื ศรี ษะ
ลงมือปฏบิ ตั งิ านโดยการทำ�งานเป็นทีม ทมี ละ 5-6 คน ฝกึ การคิด
วิเคราะห์ การแกป้ ัญหา ต�ำ แหน่งงานเช่อื ม และลักษณะการต่อชนิ้ งาน ภาพท ี่ 2.10 ตาำ แหนง่ ทา่ เชอ่ื มสำาหรบั รอยเชอื่ มร่องของงานแผ่น
และประยกุ ตใ์ ชค้ วามรเู้ บอื้ งตน้ เกยี่ วกบั ต�ำ แหนง่ งานเชอ่ื ม และลกั ษณะ ทม่ี า: http://www.pdf.directindustry.com/pdf/air-liquide-welding/oerlikon, 2556: (Online)
การต่อช้นิ งานในการประกอบอาชีพและในชีวิตประจำ�วัน
3Gu (PF) ท่าตั้งเชอ่ื มขนึ้ 3Gd (PG) ท่าตง้ั เชอื่ มลง
ภาพที่ 2.11 ตำาแหนง่ ทา่ เชือ่ มสาำ หรบั รอยเชื่อมร่องของงานแผ่น
ท่ีมา: http://www.pdf.directindustry.com/pdf/air-liquide-welding/oerlikon, 2556: (Online)
1G (PA) ท่อหมุน 5Gd (PG) ยดึ ทอ่ ทา่ ระดับ 5Gu (PF) ยึดท่อทา่ ระดับ
แกนทอ่ อยใู่ นทา่ ระดบั เชอื่ มลง เชือ่ มขนึ้
ภาพที ่ 2.12 ตำาแหน่งท่าเชอ่ื มสำาหรับรอยเชอ่ื มร่องของงานท่อ
ท่มี า: http://www.pdf.directindustry.com/pdf/air-liquide-welding/oerlikon, 2556: (Online)
สุดยอดคู่มือครู 44
Ap3p. lขy้ันiปnฏgิบaัตnิแdละCสoรnุปstคrวuาctมinรgู้หลthังeกาKรnปoฏwิบleัตdิge A 4. ขั้นสื่อสารและน�ำเสนอ 5. ขS้ันeปlรfะ-เRมeินgเพuื่อlaเพt่ิมinคgุณค่า
ค่านิยมหลัก 12 ประการ pplying the Communication Skill
36 ง�นเชื่อมและโลหะแผ่นเบอื้ งตน้ กิจกรรมท้าทาย รอบรู้อาเซียนและโลก
asean
Step 4
Aco mmpupnlyicinagtiotnh s ข้ันสือ่ สารและนำ� เสนอkille
1. ผเู้ รยี นแตล่ ะกลมุ่ ออกแบบหรอื หาวธิ นี �ำ เสนอใหผ้ อู้ นื่ รบั รแู้ ละสอ่ื สาร
Sel 2G (PC) ยดึ ท่อแนวตง้ั 6G (H-LO45) ยึดท่อเอยี ง 45 ำ จำ�กัด
เช่อื มทา่ ระดับ เชอื่ มขึ้น ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยเทคนิควิธีท่ีเหมาะสม โดยอาศัยผลที่
เกดิ จากการปฏิบตั ิงาน สอื่ ของจริง แผน่ ภาพ ใบงาน PowerPoint
ภาพที่ 2.13 ตำาแหนง่ ทา่ เชอ่ื มสาำ หรบั รอยเชื่อมรอ่ งของงานท่อ 2. สมุ่ กลุ่มผเู้ รียนน�ำ เสนอผลการสรปุ ความรคู้ วามเข้าใจ
ทมี่ า: http://www.pdf.directindustry.com/pdf/air-liquide-welding/oerlikon, 2556: (Online) (พว.)
2Fr (PB) ทอ่ หมนุ แกนทอ่ 5Fd (PG) ยดึ ท่อทา่ ระดับ 5Fu (PF) ยดึ ทอ่ ระดบั บริ ัษท ัพฒนาคุณภาพ ิวชาการ
อย่ใู นทา่ ระดบั เชือ่ มลง เช่อื มขนึ้
2F (PB) ยึดท่อแนวตง้ั 4F (PD) ยดึ ท่อแนวต้งั
เช่ือมทา่ ระดบั เชื่อมทา่ เหนือศีรษะ
ภาพท ี่ 2.14 ตาำ แหนง่ ท่าเช่อื มสาำ หรับเชื่อมท่อกับงานแผน่ ตำ�แหนง่ ของง�นเชอ่ื มและลกั ษณะก�รต่อชิน้ ง�น 37
ที่มา: http://www.pdf.directindustry.com/pdf/air-liquide-welding/oerlikon, 2556: (Online)
3.2 รอยเช่อื มมุม (Fillet Weld)
รอยเชอื่ มมมุ เปน็ รอยเชอ่ื มทเี่ กดิ จากการวางชนิ้ งานสองชนิ้ ใหต้ ง้ั ฉากซงึ่ กนั และกนั ในการเชอ่ื ม
จะเช่ือมแนวเดยี ว หรอื หลายแนวขนึ้ อยู่กบั การออกแบบ และความหนาของงาน
Step 5 ting
f-Regula สำ�นักพิมพ์
ข้นั ประเมินเพื่อเพิ่มคุณคา่ 1F (PA) ท่าราบ 2F (PB) ท่าระดับ 4F (PD) ท่าเหนอื ศรี ษะ
บรกิ ารสงั คมและจติ สาธารณะ
สงวน ิลข ิสทธิ์
ผู้เรียนแต่ละคนทำ�แบบทดสอบ (หนังสือเรียน หน้า 40-41) 3Fu (PF) ท่าตง้ั เช่อื มข้นึ 3Fd (PG) ท่าต้ังเช่ือมลง
แลกเปลย่ี นกนั ตรวจให้คะแนน
ภาพท ี่ 2.15 ตาำ แหนง่ ทา่ เชื่อมของรอยเชือ่ มมุม
ท่มี า: http://www.pdf.directindustry.com/pdf/air-liquide-welding/oerlikon, 2556: (Online)
45 สุดยอดคู่มือครู
GPAS 5 STEPs 1. Gขั้นaรวthบeรวrมinขg้อมูล 2. ข้ันคิดPวิเrคoรcาeะหs์แsลinะสgรุปความรู้
บูรณาการทักษะศตวรรษท่ี 21
ทักษะชีวิต
38 ง�นเชอื่ มและโลหะแผน่ เบือ้ งตน้
กิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ
ค�ำ ชีแ้ จง กิจกรรมตรวจสอบคว�มเข้�ใจเป็นกิจกรรมฝึกทักษะเฉพ�ะด้�นคว�มรู้-คว�มจำ� เพ่ือใช้ในก�ร
ตรวจสอบคว�มเข้�ใจต�มจดุ ประสงคก์ �รเรียนรู้
จงนำ�ตัวเลขจ�กภ�พม�ใสล่ งหน�้ ขอ้ ทเี่ หน็ ว�่ ถกู ต้อง (จ.1, จ.2, จ.3)
(ข) 1. ตอ่ ตัวที (T-Joint)
(จ) 2. ต่อขอบ (Edge-Joint)
(ง) 3. ตอ่ เกย (Lap-Joint)
(ค) 4. ตอ่ ชน (Butt-Joint)
(ก) 5. ต่อมมุ (Corner-Joint)
สงวน ิลข ิสท ์ธิ สำ� ันกพิมพ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพ ิวชาการ (พว.) จำ�กัด
(ก) (ข) (ค)
(ง) (จ)
จ. หมายถึง ตรงตามจดุ ประสงค์การเรยี นร้ ู หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 2 ข้อที่ ...
asean การเรียนรู้สู่อาเซียน
เรียนรู้คำ�ศัพท์ภาษาอังกฤษท่ีเก่ียวข้องกับเน้ือหาในบทเรียนตามเอกสารหนังสือเรียน
โดยฝกึ ใช้ค�ำ ศพั ทด์ งั กล่าวในการน�ำ เสนอผลงานในขัน้ ที่ 4
สุดยอดคู่มือครู 46
Ap3p. lขyั้นiปnฏgิบaัตnิแdละCสoรnุปstคrวuาctมinรgู้หลthังeกาKรnปoฏwิบleัตdิge A 4. ขั้นส่ือสารและน�ำเสนอ 5. ขS้ันeปlรfะ-เRมeินgเพu่ือlaเพtิ่มinคgุณค่า
ค่านิยมหลัก 12 ประการ pplying the Communication Skill
กิจกรรมท้าทาย รอบรู้อาเซียนและโลก
asean
ต�ำ แหน่งของง�นเชอ่ื มและลกั ษณะก�รตอ่ ช้ินง�น 39 กิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ เป็นกิจกรรมท่ี
ผู้สอนให้ผู้เรียนปฏิบัติทุกข้อ หรือเลือก
กิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ ปฏิบัติเป็นบางข้อตามความเหมาะสม โดย
ผู้สอนให้คะแนนการทำ�กิจกรรมตามเกณฑ์
คำ�ชแ้ี จง กิจกรรมส่งเสริมก�รเรียนรู้ประกอบด้วยกิจกรรมหล�กหล�ยท่ีฝึกทักษะทุกด้�นต�มจุดประสงค์ ของใบสรปุ ผลการท�ำ กิจกรรม และสามารถ
ก�รเรียนรู้เพ่ือให้เกิดสมรรถนะในก�รเรียนรู้ ส�ม�รถปฏิบัติกิจกรรมทั้งในและนอกสถ�นที่ นำ�ผลการทำ�กิจกรรมไปเทียบกับการให้
ต�มคว�มเหม�ะสมกับผู้เรยี นและสิ่งแวดลอ้ มของสถ�นศกึ ษ� คะแนนกับตารางวิเคราะห์ความสอดคล้อง
ของเนอื้ หากบั จดุ ประสงคร์ ายวชิ า สมรรถนะ
1. ให้ผู้เรียนแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ร่วมกันศึกษาค้นคว้าตามหัวข้อที่กำาหนด จากแหล่งการเรียนรู้ต่างๆ เช่น รายวชิ า และจุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรมได้
อินเทอร์เน็ต หนังสือ วารสาร ฯลฯ และจัดทำาสรุปผลการเรียนรู้ พร้อมส่งตัวแทนกลุ่มนำาเสนอ
หน้าชนั้ เรยี น กลุ่มละ 5-10 นาที
กลุ่มที่ 1 ท่าเชอื่ ม
กล่มุ ที่ 2 ชนิดของรอยต่อ
กลมุ่ ท่ี 3 ตาำ แหนง่ ท่าเช่ือมตามมาตรฐาน AWS และ ISO 9647
2. ใหผ้ เู้ รียนเขยี นผงั ความคดิ เก่ียวกบั ตาำ แหน่งงานเชอื่ มและลักษณะการต่อชน้ิ งาน
สงวน ิลข ิสท ์ธิ สำ� ันกพิมพ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพ ิวชาการ (พว.) จำ�กัด
สรปุ ผลการทาำ กจิ กรรม
ค�ำ ช้แี จง ให้ผ้เู รยี นประเมินผลก�รท�ำ กจิ กรรม โดยเขียนเครอื่ งหม�ย ✓ลงในช่อง ต�มคว�มเปน็ จรงิ
คว�มรู้ (K) ทักษะ (P) คณุ ลักษณะ (A) เกณฑก์ �รประเมิน
ความรู ้ ความเขา้ ใจ การปฏิบัติงานที่ได้รับ การมมี นษุ ยสัมพันธใ์ น ทำ�เครื่องหม�ย ✓
การนาำ ไปใช ้ การวเิ คราะห์ มอบหมายเสรจ็ ตามเวลา การปฏบิ ตั ิกิจกรรม ในแตล่ ะตอน 3 ขอ้
การสงั เคราะห ์ ที่กำาหนด ความมีวินัย ตรงตอ่ เวลา คือ ผ่�นก�รประเมิน
การประเมนิ ค่า การปฏิบตั ิงานดว้ ยความ ความซื่อสตั ย์สจุ รติ
ในการทำางาน 1. ความร ู้ (K)
การศกึ ษาคน้ คว้า ละเอียด รอบคอบ ปลอดภยั ประพฤตติ นดว้ ยความ ผา่ น ไมผ่ ่าน
การแสวงหาแหลง่ ขอ้ มลู เรยี บร้อย สวยงาม
และการรวบรวมข้อมลู ความสมบรู ณข์ องงาน ถกู ต้องตามศลี ธรรม 2. ทักษะ (P)
การแสดงความคดิ เหน็ การปฏิบตั ิงานที่ทาำ ใหเ้ กิด อันดงี าม
อยา่ งมเี หตผุ ล หรือแสดง สมรรถนะแก่ผู้เรยี น เจตคตทิ ด่ี ใี นการปฏบิ ตั ิ ผา่ น ไมผ่ ่าน
กิจกรรม
ขน้ั ตอนและกระบวนการ ทักษะการวางแผน การคดิ 3. คณุ ลกั ษณะ (A)
ทำากจิ กรรม สร้างสรรค ์ การออกแบบ ความพอเพียงและความ ผา่ น ไมผ่ ่าน
การหาประสบการณ์ การผลิต พอประมาณ
ความรู้ใหม่ การตดั สนิ ใจในการแกป้ ัญหา
หม�ยเหต ุ เกณฑ์การประเมินผลการทำากิจกรรมมีวัตถุประสงค์เพ่ือประเมินค่าผู้เรียนเกิดสมรรถนะจาก
การเรยี นรตู้ ามบรบิ ทตา่ งๆ หรอื ไม่ โดยแบ่งเปน็ 3 ด้าน คอื ความร้หู รือพุทธพิ สิ ยั = Knowledge
(K) ทักษะหรอื ทักษะพิสยั = Practice (P) คณุ ลักษณะหรอื จิตพิสัย = Attitude (A)
ทักษะชีวิต
ด้านการคิดวิเคราะห์ ตัดสินใจ และแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ หมายถึง การแยกแยะข้อมูลข่าวสาร ปัญหา และสถานการณ์รอบตัว
วพิ ากษว์ ิจารณ์และประเมินสถานการณ์รอบตวั ดว้ ยหลักเหตุผลและขอ้ มูลทีถ่ ูกต้อง รับรู้ปญั หา สาเหตขุ องปัญหา หาทางเลอื กและตดั สนิ ใจ
แกป้ ญั หาในสถานการณต์ ่างๆ อย่างสร้างสรรค์
วิธีการ ให้ผู้เรียนสืบค้นข้อมูลของตำ�แหน่งงานเชื่อมและลักษณะการต่อชิ้นงาน ตามท่ีผู้เรียนสนใจเพื่อศึกษาข้อมูล การดำ�เนินงาน
เกย่ี วกบั ทา่ เชอ่ื ม ชนดิ ของรอยตอ่ ต�ำ แหนง่ ทา่ เชอื่ มตามมาตรฐาน AWS และ ISO 9647 เพอื่ การปฏบิ ตั งิ านใหม้ ที กั ษะ ความรู้ ความสามารถ
ทถ่ี กู ตอ้ งในเรื่อง
1. ท่าเช่อื ม 2. ชนิดของรอยตอ่
3. ตำ�แหนง่ ท่าเชอ่ื มตามมาตรฐาน AWS และ ISO 9647 4. ความปลอดภัยในงานเชอ่ื มและโลหะแผน่ เบอ้ื งต้น
5. ปฏบิ ัตติ ามกฎของโรงฝึกงานอย่างเครง่ ครัด
47 สุดยอดคู่มือครู
GPAS 5 STEPs 1. Gขั้นaรวthบeรวrมinขg้อมูล 2. ขั้นคิดPวิเrคoรcาeะหs์แsลinะสgรุปความรู้
บูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21
ทักษะชีวิต
ผู้สอนให้ผู้เรียนทำ�แบบทดสอบ จากน้ันให้ 40 ง�นเช่อื มและโลหะแผน่ เบอ้ื งต้น
ผู้เรียนแลกกันตรวจคำ�ตอบ โดยผู้สอนเป็น
ผเู้ ฉลย แบบทดสอบ
สงวน ิลข ิสท ์ธิ สำ� ันกพิมพ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพ ิวชาการ (พว.) จำ�กัด
เฉลยแบบทดสอบ จงเลอื กค�ำ ตอบทถี่ ูกต้องท่ีสดุ เพยี งคำ�ตอบเดียว
1. ตอบ 5. ท่าราบเป็นตำ�แหน่งท่าเชื่อมที่ง่าย 1. ทา่ เชอื่ มในตำาแหน่งใดท่ีเช่ือมได้งา่ ยท่สี ดุ 2. ท่าตง้ั เช่อื มลง
ทส่ี ุด 1. ท่าตัง้ เชือ่ มขน้ึ 4. ท่าเหนือศรี ษะ
3. ท่าระดบั
2. ตอบ 4. ท่าเหนอื ศีรษะเป็นตำ�แหน่งทา่ เชีอ่ ม 5. ทา่ ราบ
ทย่ี ากท่สี ุด
2. ทา่ เชือ่ มในตำาแหน่งใดทเี่ ชือ่ มได้ยากท่สี ุด 2. ทา่ ตั้งเช่ือมลง
3. ตอบ 1. รอยตอ่ ตวั ทคี วรเชอื่ มดว้ ยแนวเชอ่ื มมมุ 1. ท่าตั้งเชอ่ื มข้นึ 4. ทา่ เหนือศีรษะ
4. ตอบ 3. ทา่ เชอ่ื มทา่ 3Gu (PF) 3. ท่าระดบั
5. ตอบ 2. ทา่ เช่ือมทา่ 2G (PC) 5. ทา่ ราบ
3. รอยตอ่ ตัวทีควรเชื่อมดว้ ยแนวเชื่อมใด
1. แนวเชอื่ มมุม 2. บากวดี า้ นเดยี ว
3. บากวีสองด้าน 4. บากยูดา้ นเดยี ว
5. บากยสู องดา้ น
2. 2G (PC)
4. จากรูปเปน็ ท่าเชื่อมใด 4. 3Gd (PG)
1. 1G (PA) 2. 2G (PC)
3. 3Gu (PF) 4. 3Gd (PG)
5. 4G (PE)
5. จากรปู เปน็ ทา่ เชื่อมใด
1. 1G (PA)
3. 3Gu (PF)
5. 6G (H-LO45)
กิจกรรมท้าทาย
แนวทางให้ผู้เรียนจัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ด้วยกิจกรรมท่ีหลากหลายที่ฝึกทักษะทุกด้านตามจุดประสงค์เชิงพฤติกรรม เพ่ือให้เกิด
สมรรถนะในการเรียนรู้ สามารถปฏิบัติกิจกรรมเร่ืองตำ�แหน่งงานเช่ือมและลักษณะการต่อช้ินงาน เพ่ือนำ�ไปปฏิบัติงาน และประกอบอาชีพ
ตามความเหมาะสมของผู้เรียนและสถานศึกษา โดย
1. ใหผ้ เู้ รยี นจบั ค่แู ละรว่ มกนั คน้ หาสาเหตแุ ละผลกระทบความรูเ้ บือ้ งตน้ เกี่ยวกบั ตำ�แหนง่ งานเช่อื มและลักษณะการตอ่ ชิ้นงาน
2. ใหผ้ ู้เรยี นแสดงแนวคิดเก่ียวกับความปลอดภัยเกย่ี วกับท่าเชือ่ ม ชนดิ ของรอยตอ่ ตำ�แหนง่ ทา่ เชื่อมตามมาตรฐาน AWS และ ISO 9647
3. ใหผ้ ู้เรยี นฝึกวิเคราะห์และให้ความส�ำ คญั ของท่าเชอ่ื ม ชนดิ ของรอยตอ่ ตำ�แหน่งทา่ เชอื่ มตามมาตรฐาน AWS และ ISO 9647 สามารถ
นำ�มาใช้เป็นพ้ืนฐานของการศกึ ษาต่อและการประกอบอาชพี
สุดยอดคู่มือครู 48
Ap3p. lขy้ันiปnฏgิบaัตnิแdละCสoรnุปstคrวuาctมinรgู้หลthังeกาKรnปoฏwิบleัตdิge A 4. ขั้นสื่อสารและน�ำเสนอ 5. ขSั้นeปlรfะ-เRมeินgเพu่ือlaเพtิ่มinคgุณค่า
ค่านิยมหลัก 12 ประการ pplying the Communication Skill
กิจกรรมท้าทาย รอบรู้อาเซียนและโลก
asean
ตำ�แหนง่ ของง�นเชื่อมและลักษณะก�รต่อชิ้นง�น 41 เฉลยแบบทดสอบ
6. จากรปู เปน็ ทา่ เชือ่ มใด 6. ตอบ 1. ทา่ เชอ่ื มท่า 6G (H-LO 45)
7. ตอบ 2. ทา่ เชื่อมทา่ 5Fu (PF)
1. 6G (H-LO 45) 2. 5Gu (PF) 8. ตอบ 5. ท่าเช่ือมทา่ 5Fu (PF)
3. 5Gd (PG) 4. 2G (PC) 9. ตอบ 2. ทา่ เชอ่ื มทา่ 2F (PB)
5. 1G (PA) 1 0. ตอบ 3. ท่าเชอ่ื มท่า 3Gu (PF)
สงวน ิลข ิสท ์ธิ สำ� ันกพิมพ์ บ ิร ัษท ัพฒนาคุณภาพ ิวชาการ (พว.) จำ�กัด
7. จากรูปเป็นท่าเชอ่ื มใด (ยึดทอ่ ในแนวระดับเชื่อมข้นึ )
1. 6G (H-LO 45) 2. 5Fu (PF)
3. 5Gd (PG) 4. 2G (PC)
5. 1G (PA)
8. จากรูปเปน็ ท่าเชือ่ มใด
1. 1F (PA) 2. 2F (PB)
3. 4F (PD) 4. 4F (PB)
5. 5Fu (PF)
2. 2F (PB)
9. จากรปู เปน็ ทา่ เชอ่ื มใด 4. 4F (PB)
1. 1F (PA)
3. 3Fu (PF)
5. 5Fu (PF)
10. จากรปู เปน็ ทา่ เชื่อมใด
1. 1G (PA) 2. 2Fr (PB) 42 ง�นเช่อื มและโลหะแผน่ เบ้ืองตน้
3. 3Gu (PF) 4. 3Gd (PG)
5. 4G (5PE)
แบบประเมนิ ตนเอง
คำ�ช้แี จง ตอนท่ี 1 ใหผ้ เู้ รยี นประเมนิ ผลก�รเรยี นรู้ โดยเขยี นเครอื่ งหม�ย ✓ลงในชอ่ งระดบั คะแนน
และเตมิ ขอ้ มูลต�มคว�มเป็นจรงิ
ระดับคะแนนตอนท่ี 1 5 : ม�กที่สดุ 4 : ม�ก 3 : ป�นกล�ง 2 : น้อย 1 : ควรปรับปรุง
ตอนที่ 2 ใหผ้ เู้ รยี นน�ำ คะแนนจ�กแบบทดสอบม�เตมิ ลงในชอ่ งว่�ง และเขยี นเครอ่ื งหม�ย ✓
ลงในชอ่ งสรปุ ผล
ตอนที่ 1 (ผลก�รเรียนร)ู้ ตอนท่ี 2 (แบบทดสอบ)
ร�ยก�ร 5 4 3 2 1 แบบทดสอบ
ค่านยิ มหลัก 12 ประการ 1. ผู้เรียนมีความรู้ ความเขา้ ใจในเนอ้ื หา คะแนน
• ใฝ่หาความรู้ หมน่ั ศกึ ษาเล่าเรียนทั้งทางตรงและทางอ้อม
• มศี ลี ธรรม รกั ษาความสตั ย์ หวงั ดีต่อผู้อื่น เผอ่ื แผแ่ ละแบ่งปัน 2. ผ้เู รยี นไดท้ ำากิจกรรมท่ีสอดคลอ้ งกับเนือ้ หา (ข้อละ 1 คะแนน)
และจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ สรุปผล
9 - 10 (ดมี าก)
3. ผู้เรียนได้เรียนและทาำ กจิ กรรมท่ีสง่ เสริมกระบวนการคิด 7 - 8 (ด)ี
เกิดการคน้ พบความรู้ 5 - 6 (พอใช้)
ตา่ำ กว่า 5
4. ผเู้ รียนสามารถประยุกตค์ วามรูเ้ พ่อีื ใชป้ ระโยชน์ในชีวติ ประจาำ วันได้
5. ผเู้ รียนไดเ้ รียนรู้อะไรจากการเรยี น (ควรปรับปรุง)
6. ผเู้ รียนตอ้ งการทาำ ส่ิงใดเพ่อื พฒั นาตนเอง
7. ความสามารถท่ีถือวา่ ผา่ นเกณฑ์ประเมนิ ของผ้เู รยี น คือ
49 สุดยอดคู่มือครู