7575 สุดยอดคู่มือครู รอบรู้อาเซียนและโลก ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่า Self-Regulating เสริมความรู้ ครูควรสอน ตัวชี้วัด ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ Applying and Constructing the Knowledge ขั้นสื่อสารและน�ำเสนอ Applying the Communication Skill asean การพัฒนาโปรแกรมเพื่อแก้ปัญหา 75 การคำานวณหาพื้นที่วงกลมสามารถหาได้จากสูตรพื้นที่วงกลม=πr 2 วิเคราะห์ปัญหา ข้อมูลออกคือ พื้นที่วงกลม(area) ข้อมูลเข้าคือรัศมีวงกลม(radius) Pseudo Code ALGORITHM circle start 1. OUTPUT“Enter radius:” 2. INPUTradius 3. area=22 / 7 * radius ** 2 4. OUTPUT“Area=”, area end start OUTPUT“Enter radius:” area=22 / 7 * radius ** 2 end INPUTradius OUTPUT“Area=”, area ออกแบบขั้นตอนวิธี ผังงานการคำานวณหาพื้นที่วงกลม โปรแกรมและตัวอย่างผลลัพธ์ โปรแกรม ผลลัพธ์ พร้อมตัวอย่างข้อมูลนำาเข้า 1 2 3 radius = int(input("Enter radius:")) area = 22/7*radius**2 print("Area =",area) Enter radius:7 Area = 154.0 โปรแกรมคำ�นวณห�พื้นที่วงกลมโดยประม�ณ ตัวอย่�ง Step 3 ขั้นปฏิบัติ และสรุปความรู้ หลังการปฏิบัติ 8. นักเรียนร่วมกันศึกษาผังงานการคํานวณ หาพื้นที่วงกลม แล้วตอบคําถาม การพัฒนาโปรแกรมเพื่อแก้ปัญหา 75 การคำานวณหาพื้นที่วงกลมสามารถหาได้จากสูตรพื้นที่วงกลม=πr 2 วิเคราะห์ปัญหา ข้อมูลออกคือ พื้นที่วงกลม(area) ข้อมูลเข้าคือรัศมีวงกลม(radius) Pseudo Code ALGORITHM circle start 1. OUTPUT“Enter radius:” 2. INPUTradius 3. area=22 / 7 * radius ** 2 4. OUTPUT“Area=”, area end start OUTPUT“Enter radius:” area=22 / 7 * radius ** 2 end INPUTradius OUTPUT“Area=”, area ออกแบบขั้นตอนวิธี ผังงานการคำานวณหาพื้นที่วงกลม โปรแกรมและตัวอย่างผลลัพธ์ โปรแกรม ผลลัพธ์ พร้อมตัวอย่างข้อมูลนำาเข้า 1 2 3 radius = int(input("Enter radius:")) area = 22/7*radius**2 print("Area =",area) Enter radius:7 Area = 154.0 โปรแกรมคำ�นวณห�พื้นที่วงกลมโดยประม�ณ ตัวอย่�ง • ถ้าป้อนข้อมูล radius = 7 จะแสดงผลลัพธ์เท่าใด (Area = 154.0) • ถ้าป้อนข้อมูล radius = 5 จะแสดงผลลัพธ์เท่าใด (Area = 78.5) 9. นักเรียนร่วมกันเขียนโปรแกรมคํานวณ หาพื้นที่วงกลม ดังตัวอย่าง การพัฒนาโปรแกรมเพื่อแก้ปัญหา 75 การคำานวณหาพื้นที่วงกลมสามารถหาได้จากสูตรพื้นที่วงกลม=πr 2 วิเคราะห์ปัญหา ข้อมูลออกคือ พื้นที่วงกลม(area) ข้อมูลเข้าคือรัศมีวงกลม(radius) Pseudo Code ALGORITHM circle start 1. OUTPUT“Enter radius:” 2. INPUTradius 3. area=22 / 7 * radius ** 2 4. OUTPUT“Area=”, area end start OUTPUT“Enter radius:” area=22 / 7 * radius ** 2 end INPUTradius OUTPUT“Area=”, area ออกแบบขั้นตอนวิธี ผังงานการคำานวณหาพื้นที่วงกลม โปรแกรมและตัวอย่างผลลัพธ์ โปรแกรม ผลลัพธ์ พร้อมตัวอย่างข้อมูลนำาเข้า 1 2 3 radius = int(input("Enter radius:")) area = 22/7*radius**2 print("Area =",area) Enter radius:7 Area = 154.0 โปรแกรมคำ�นวณห�พื้นที่วงกลมโดยประม�ณ ตัวอย่�ง 10. นักเรียนร่วมกันออกแบบผังงานการ คํานวณหาพื้นที่สามเหลี่ยมด้านเท่า ดังตัวอย่าง 11. นักเรียนร่วมกันเขียนโปรแกรมคานวณหาํ พื้นที่สามเหลี่ยมด้านเท่าจากที่ออกแบบ ผังงานไว้ กิจกรรมนี้ประเมินตัวชี้วัด ว 4.2 ม.2/2 12. นักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่เข้าใจเป็นความรู้ ร่วมกัน ดังนี้ • การเขียนโปรแกรมแบบลําดับ เป็นลักษณะการเขียนคําสั่งให้โปรแกรม ทํางานตามลําดับ จากคําสั่งที่ 1 คําสั่งที่ 2 คําสั่งที่ 3 ไปเรื่อย ๆ จนครบทุกคําสั่ง โดยไม่มีการ ตัดสินใจหรือการทําซํ้าเข้ามาเกี่ยวข้อง 13. นักเรียนออกมานาเสนอโปรแกรมค ํานวณํ หาพื้นที่สามเหลี่ยมด้านเท่าหน้าชั้นเรียน พร้อมตรวจสอบความถูกต้อง เพื่อ แลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน ขั้นสื่อสารและน�ำเสนอ Step4 start OUTPUT “Enter Base” INPUT base OUTPUT “Enter High” INPUT High area = 1 2 * base * high OUTPUT “Area =” area end
สุดยอดคู่มือครู 7676 ขั้นสังเกต รวบรวมข้อมูล Gathering ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความรู้ Processing บูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21 GPAS 5 Steps แนวข้อสอบ O-NET/PISA ก�รเขียนโปรแกรม แบบท�งเลือก ก�รเขียนโปรแกรมแบบท�งเลือก (Decision Control Statement) เป็นลักษณะก�รเขียนคำ�สั่ง โปรแกรมตัดสินใจเลือกทำ�ง�นอย่�งใดอย่�งหนึ่งต�มเงื่อนไขที่กำ�หนด รูปแบบโครงสร้�งโปรแกรมแบบท�งเลือกมี 4 ประเภท ดังนี้ และแบบทางเลือกเชิงซ้อน ซึ่งเป็นรูปแบบก�รทำ�ง�นที่ซับซ้อน ในก�รเขียนโปรแกรมแบบท�งเลือกจะมีโครงสร้�งที่กำ�หนดทิศท�งก�รทำ�ง�นซึ่งจะต้อง ตัดสินใจด้วยเงื่อนไข ในก�รกำ�หนดเงื่อนไขนักเรียนจะต้องทำ�คว�มเข้�ใจเกี่ยวกับก�รดำ�เนินก�รเปรียบเทียบ ก�รดำ�เนินก�รตรรกะ และลำ�ดับคว�มสำ�คัญของตัวดำ�เนินก�รให้แม่นยำ� เพื่อที่จะส�ม�รถออกแบบ ขั้นตอนวิธีและเขียนโปรแกรมแบบท�งเลือกได้อย่�งถูกต้อง เงื่อนไข เงื่อนไข 1 คำ�สั่ง 1 คำ�สั่ง True True True False False False if เงื่อนไข 1 : คำ�สั่ง 1 elif เงื่อนไข 2 : คำ�สั่ง 2 else : คำ�สั่ง 3 if เงื่อนไข : คำ�สั่ง คำ�สั่ง 2 เงื่อนไข 2 ผังงานแบบ ทางเลือกทางเดียว ผังงานแบบ ทางเลือกหลายทาง เงื่อนไข คำ�สั่ง 1 True False คำ�สั่ง 2 if เงื่อนไข : คำ�สั่ง 1 else : คำ�สั่ง 2 ผังงานแบบ ทางเลือกสองทาง คำ�สั่ง 3 76 เทคโนโลยี (วิทย�ก�รคำ�นวณ) ชั้นมัธยมศึกษ�ปีที่ 2 การเขียนโปรแกรมแบบทางเลือก การเขียนโปรแกรม แบบทางเลือกคืออะไร คำ�ถ�มสำ�คัญ 1. นักเรียนร่วมกันสังเกตผังงานแต่ละ ประเภท แล้วตอบคําถาม ดังนี้ ว 4.2 ม.2/2 ภาระงาน/ชิ้นงาน การเขียนโปรแกรมคํานวณ ทางคณิตศาสตร์ ขั้นสังเกต รวบรวมข้อมูล Step 1 • ภาพที่ 1 คือผังงานแบบใด (แบบทางเลือกทางเดียว) • ภาพที่ 2 คือผังงานแบบใด (แบบทางเลือกสองทาง) • ภาพที่ 3 คือผังงานแบบใด (แบบทางเลือกหลายทาง) • ผังงานทางเลือกแต่ละประเภท มีความแตกต่างกันอย่างไร (ตัวอย่างคําตอบ จํานวนเงื่อนไขต่างกัน) • การเขียนโปรแกรมแบบทางเลือก คืออะไร (ตัวอย่างคําตอบ เป็นลักษณะการเขียน คําสั่งโปรแกรมตัดสินใจเลือกทํางาน อย่างใดอย่างหนึ่งตามเงื่อนไขที่กําหนด) • ถ้าต้องการแก้ปัญหาที่ซับซ้อน ควรใช้ผังงานแบบใดมาช่วยในการ ออกแบบ (ผังงานแบบทางเลือกหลายทาง) 2. นักเรียนร่วมกันสังเกตและรวบรวม ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่อง การเขียน โปรแกรมแบบทางเลือก จากแหล่ง การเรียนรู้อื่น ๆ ที่หลากหลาย เช่น หนังสือเรียน อินเทอร์เน็ต start start start end end end ภาพที่ 1 ภาพที่ 2 ภาพที่ 3 ตัวชี้วัด เงื่อนไข คำ�สั่ง True False เงื่อนไข คำ�สั่ง 1 True False คำ�สั่ง 2 เงื่อนไข 1 คำ�สั่ง 1 True True False False คำ�สั่ง 2 เงื่อนไข 2 คำ�สั่ง 3
7777 สุดยอดคู่มือครู รอบรู้อาเซียนและโลก ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่า Self-Regulating เสริมความรู้ ครูควรสอน ตัวชี้วัด ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ Applying and Constructing the Knowledge ขั้นสื่อสารและน�ำเสนอ Applying the Communication Skill asean ก�รพัฒน�โปรแกรมเพื่อแก้ปัญห� 77 ตัวอย่าง 1. ตัวดำ�เนินก�รเปรียบเทียบ (Relational Operator) เป็นตัวก�รที่นำ�ข้อมูลม�เปรียบเทียบกัน ผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นค่� boolean ได้แก่ จริง (True) หรือเท็จ (False) ตัวดำ�เนินก�รประเภทนี้มักใช้ในก�รกำ�หนดเงื่อนไข ตารางที่ 2.3 ตัวดำาเนินการเปรียบเทียบข้อมูล 2. ตัวดำ�เนินก�รตรรกะ (Logical Operator) เป็นตัวก�รที่นำ�ข้อมูลม�เปรียบเทียบกัน ผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นค่� boolean ได้แก่ จริง (True) หรือเท็จ (False) ตัวดำ�เนินก�รประเภทนี้มักใช้ในก�รกำ�หนดเงื่อนไข ตารางที่ 2.4 ตัวดำาเนินการเปรียบเทียบข้อมูลทางตรรกะ ตารางที่ 2.5 ตารางความจริง (Truth table) ตัวดำาเนินการ ความหมาย ตัวอย่างการใช้งาน == เท่�กับ (Equal) 7 == 4= False != ไม่เท่�กับ (Not Equal) 7!= 4 = True < น้อยกว่� (Less than) 7 < 4 = False <= น้อยกว่�หรือเท่�กับ (Less than or equal) 7 <= 4= False > ม�กกว่� (More than) 7 > 4 = True >= ม�กกว่�หรือเท่�กับ (More than or equal) 7 >= 4= True โปรแกรม ผลลัพธ์ 1 2 3 4 5 6 7 8 x = 3 y = 11 print("x == y =",x == y) print("x != y =",x != y) print("x < y =",x < y) print("x <= y =",x <= y) print("x > y =",x > y) print("x >= y =",x >= y) x == y = False x != y = True x < y = True x <= y = True x > y = False x >= y = False ตัวดำาเนินการ ความหมาย ตัวอย่างการใช้งาน and และ False and False = False or หรือ False or False = False not นิเสธ Not False = True p q p and q p or q not p not q True True True True False False True False False True False True False True False True True False False False False False True True 3. นักเรียนร่วมกันวิเคราะห์เกี่ยวกับ ตัวดําเนินการเปรียบเทียบ โดยบอก ผลลัพธ์จากคําสั่งต่อไปนี้ ถ้าคําสั่งใด ถูกต้องให้เติม True แต่ถ้าคําสั่งใด ผิดให้เติม False บนกระดาน ดังนี้ กําหนดให้ toys = 10 • toys = = 1 ผลลัพธ์ False • toys > 1 ผลลัพธ์ True • toys < 1 ผลลัพธ์ False • toys <= 10 ผลลัพธ์ True • toys = 9 or toys == 10 ผลลัพธ์ True • toys == 9 and toys ==10 ผลลัพธ์ False 4. นักเรียนร่วมกันสรุปความคิดรวบยอด เกี่ยวกับตัวดําเนินการเปรียบเทียบ และตัวดําเนินการตรรกะ ดังนี้ • ตัวดําเนินการเปรียบเทียบ และตัวดําเนินการตรรกะเป็นตัวที่ นําข้อมูลมาเปรียบเทียบกัน ผลลัพธ์ ที่ได้จะเป็นค่า boolean ได้แก่ จริง (True) หรือเท็จ (False) ตัวดาเนินการ ํ ประเภทนี้มักใช้ในการกาหนดเงื่อนไข ํ ขั้นคิดวิเคราะห์ และสรุปความรู้ Step 2 Step 3 ขั้นปฏิบัติ และสรุปความรู้ หลังการปฏิบัติ 5. นักเรียนจับคู่ตามความเหมาะสมของ จํานวนเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยมี นักเรียน 1 คนที่มีประสบการณ์ใน การใช้คอมพิวเตอร์ จากนั้นปฏิบัติ การเขียนโปรแกรมตัวดําเนินการ เปรียบเทียบ ดังตัวอย่าง 6. นักเรียนทดลองเปลี่ยนค่าตัวแปร x = 10 y = 5 แล้วทดลองรัน โปรแกรม ก�รพัฒน�โปรแกรมเพื่อแก้ปัญห� 77 ตัวอย่าง 1. ตัวดำ�เนินก�รเปรียบเทียบ (Relational Operator) เป็นตัวก�รที่นำ�ข้อมูลม�เปรียบเทียบกัน ผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นค่� boolean ได้แก่ จริง (True) หรือเท็จ (False) ตัวดำ�เนินก�รประเภทนี้มักใช้ในก�รกำ�หนดเงื่อนไข ตารางที่ 2.3 ตัวดำาเนินการเปรียบเทียบข้อมูล 2. ตัวดำ�เนินก�รตรรกะ (Logical Operator) เป็นตัวก�รที่นำ�ข้อมูลม�เปรียบเทียบกัน ผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นค่� boolean ได้แก่ จริง (True) หรือเท็จ (False) ตัวดำ�เนินก�รประเภทนี้มักใช้ในก�รกำ�หนดเงื่อนไข ตารางที่ 2.4 ตัวดำาเนินการเปรียบเทียบข้อมูลทางตรรกะ ตารางที่ 2.5 ตารางความจริง (Truth table) ตัวดำาเนินการ ความหมาย ตัวอย่างการใช้งาน == เท่�กับ (Equal) 7 == 4= False != ไม่เท่�กับ (Not Equal) 7!= 4 = True < น้อยกว่� (Less than) 7 < 4 = False <= น้อยกว่�หรือเท่�กับ (Less than or equal) 7 <= 4= False > ม�กกว่� (More than) 7 > 4 = True >= ม�กกว่�หรือเท่�กับ (More than or equal) 7 >= 4= True โปรแกรม ผลลัพธ์ 1 2 3 4 5 6 7 8 x = 3 y = 11 print("x == y =",x == y) print("x != y =",x != y) print("x < y =",x < y) print("x <= y =",x <= y) print("x > y =",x > y) print("x >= y =",x >= y) x == y = False x != y = True x < y = True x <= y = True x > y = False x >= y = False ตัวดำาเนินการ ความหมาย ตัวอย่างการใช้งาน and และ False and False = False or หรือ False or False = False not นิเสธ Not False = True p q p and q p or q not p not q True True True True False False True False False True False True False True False True True False False False False False True True
สุดยอดคู่มือครู 7878 ขั้นสังเกต รวบรวมข้อมูล Gathering ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความรู้ Processing บูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21 GPAS 5 Steps แนวข้อสอบ O-NET/PISA 78 เทคโนโลยี (วิทย�ก�รคำ�นวณ) ชั้นมัธยมศึกษ�ปีที่ 2 3. โครงสร้�งแบบท�งเลือกท�งเดียว ตัวอย่าง โปรแกรม ผลลัพธ์ 1 2 3 4 5 6 x = True y = False print("x and y =",x and y) print("x or y =",x or y) print("not x =",not x) print("not y =",not y) x and y = False x or y = True not x = False not y = True ผังงานแสดงรูปแบบการทำางาน แบบทางเลือกทางเดียว รูปแบบการเขียนโปรแกรม แบบทางเลือกทางเดียว (if) if เงื่อนไข: คําสั่ง เงื่อนไข คำ�สั่ง False True ในภ�ษ� Python จะมีก�รจัดย่อหน้� (indent) เพื่อแบ่งบล็อกของโปรแกรมแต่ละส่วน ซึ่งจะ ต้องกำ�หนดย่อหน้�ให้ตรงกันและถูกต้องต�มลักษณะก�รทำ�ง�น คำ�สั่งข้�งต้นจะมีก�รจัดย่อหน้�ไม่เหมือนกัน ทำ�ให้โปรแกรมทำ�ง�นแตกต่�งกัน โดยก�ร จัดย่อหน้�แบบที่ 1 คำ�สั่งที่ 1 และ 2 จะทำ�ง�นเมื่อเงื่อนไขเป็นจริงเท่�นั้น ส่วนก�รจัดย่อหน้�แบบที่ 2 คำ�สั่งที่ 1 จะทำ�ง�นเมื่อเงื่อนไขเป็นจริง ส่วนคำ�สั่งที่ 2 จะทำ�ทุกกรณีทั้งเงื่อนไขเป็นจริงและเป็นเท็จ การจัดย่อหน้าแบบที่ 1 if เงื่อนไข: คำ�สั่งที่ 1 คำ�สั่งที่ 2 เงื่อนไข คำ�สั่งที่ 1 False True คำ�สั่งที่ 2 การจัดย่อหน้าแบบที่ 2 if เงื่อนไข: คำ�สั่งที่ 1 คำ�สั่งที่ 2 เงื่อนไข คำ�สั่งที่ 1 คำ�สั่งที่ 2 False True Step 3 ขั้นปฏิบัติ และสรุปความรู้ หลังการปฏิบัติ 7. นักเรียนร่วมกันปฏิบัติการเขียน โปรแกรมตัวดําเนินการตรรกะ ดังตัวอย่าง 8. นักเรียนทดลองเปลี่ยนค่าตัวแปร x = False y = True แล้วทดลองรันโปรแกรม 9. นักเรียนร่วมกันศึกษาโครงสร้าง แบบทางเลือกทางเดียว จากนั้น เขียนผังงานที่เกี่ยวข้องกับชีวิต ประจําวัน ดังตัวอย่าง 78 เทคโนโลยี (วิทย�ก�รคำ�นวณ) ชั้นมัธยมศึกษ�ปีที่ 2 3. โครงสร้�งแบบท�งเลือกท�งเดียว ตัวอย่าง โปรแกรม ผลลัพธ์ 1 2 3 4 5 6 x = True y = False print("x and y =",x and y) print("x or y =",x or y) print("not x =",not x) print("not y =",not y) x and y = False x or y = True not x = False not y = True ผังงานแสดงรูปแบบการทำางาน แบบทางเลือกทางเดียว รูปแบบการเขียนโปรแกรม แบบทางเลือกทางเดียว (if) if เงื่อนไข: คําสั่ง เงื่อนไข คำ�สั่ง False True ในภ�ษ� Python จะมีก�รจัดย่อหน้� (indent) เพื่อแบ่งบล็อกของโปรแกรมแต่ละส่วน ซึ่งจะ ต้องกำ�หนดย่อหน้�ให้ตรงกันและถูกต้องต�มลักษณะก�รทำ�ง�น คำ�สั่งข้�งต้นจะมีก�รจัดย่อหน้�ไม่เหมือนกัน ทำ�ให้โปรแกรมทำ�ง�นแตกต่�งกัน โดยก�ร จัดย่อหน้�แบบที่ 1 คำ�สั่งที่ 1 และ 2 จะทำ�ง�นเมื่อเงื่อนไขเป็นจริงเท่�นั้น ส่วนก�รจัดย่อหน้�แบบที่ 2 คำ�สั่งที่ 1 จะทำ�ง�นเมื่อเงื่อนไขเป็นจริง ส่วนคำ�สั่งที่ 2 จะทำ�ทุกกรณีทั้งเงื่อนไขเป็นจริงและเป็นเท็จ การจัดย่อหน้าแบบที่ 1 if เงื่อนไข: คำ�สั่งที่ 1 คำ�สั่งที่ 2 เงื่อนไข คำ�สั่งที่ 1 False True คำ�สั่งที่ 2 การจัดย่อหน้าแบบที่ 2 if เงื่อนไข: คำ�สั่งที่ 1 คำ�สั่งที่ 2 เงื่อนไข คำ�สั่งที่ 1 คำ�สั่งที่ 2 False True start ตั้งใจเรียน สอบได้คะแนนดี ได้รับคําชื่นชม end True False
7979 สุดยอดคู่มือครู รอบรู้อาเซียนและโลก ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่า Self-Regulating เสริมความรู้ ครูควรสอน ตัวชี้วัด ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ Applying and Constructing the Knowledge ขั้นสื่อสารและน�ำเสนอ Applying the Communication Skill asean การพัฒนาโปรแกรมเพื่อแก้ปัญหา 79 โปรแกรมแสดงตัวเลือกให้ผู้ใช้ป้อนหมายเลข 1 ถ้าผู้ใช้ป้อนหมายเลข 1 ให้คำานวณหาพื้นที่วงกลม โดยประมาณ จากสูตรพื้นที่วงกลม = πr 2 วิเคราะห์ปัญหา ข้อมูลออก คือ พื้นที่วงกลม (area) ข้อมูลเข้า คือ หมายเลขที่ผู้ใช้กด (choice) รัศมีวงกลม (radius) ผังงานการคำานวณหาพื้นที่วงกลม แบบทางเลือกทางเดียว ออกแบบขั้นตอนวิธี Pseudo Code ALGORITHM circle start 1. OUTPUT “Find area of circle press 1:” 2. INPUT choice 3. OUTPUT “Enter radius:” 4. INPUT radius 5. area = 22 / 7 * radius ** 2 6. IF choice == 1 7. THEN OUTPUT (“Area =”, area) end start OUTPUT “Find area of circle press 1:” end INPUT choice OUTPUT (“Area =”, area) area = 22 / 7 * radius ** 2 OUTPUT “Enter radius:” INPUT radius choice == 1 True False โปรแกรมและตัวอย่างผลลัพธ์ โปรแกรม ผลลัพธ์ พร้อมตัวอย่างข้อมูลนำาเข้า 1 2 3 4 5 choice = int(input("Find area of circle press 1:")) radius = int(input("Enter radius:")) area = 22/7*radius**2 if choice == 1: print("Area =",area) Find area of circle press 1:1 Enter radius:7 Area = 154.0 โปรแกรมคำ�นวณห�พื้นที่วงกลม เมื่อป้อนหม�ยเลข 1 ตัวอย่�ง Step 3 ขั้นปฏิบัติ และสรุปความรู้ หลังการปฏิบัติ 10. นักเรียนร่วมกันศึกษาผังงานการ คานวณหาพื้นที่วงกลมแบบทางเลืิอก ํ ทางเดียว แล้วตอบคาถาม ดังนี้ ํ การพัฒนาโปรแกรมเพื่อแก้ปัญหา 79 โปรแกรมแสดงตัวเลือกให้ผู้ใช้ป้อนหมายเลข 1 ถ้าผู้ใช้ป้อนหมายเลข 1 ให้คำานวณหาพื้นที่วงกลม โดยประมาณ จากสูตรพื้นที่วงกลม = πr 2 วิเคราะห์ปัญหา ข้อมูลออก คือ พื้นที่วงกลม (area) ข้อมูลเข้า คือ หมายเลขที่ผู้ใช้กด (choice) รัศมีวงกลม (radius) ผังงานการคำานวณหาพื้นที่วงกลม แบบทางเลือกทางเดียว ออกแบบขั้นตอนวิธี Pseudo Code ALGORITHM circle start 1. OUTPUT “Find area of circle press 1:” 2. INPUT choice 3. OUTPUT “Enter radius:” 4. INPUT radius 5. area = 22 / 7 * radius ** 2 6. IF choice == 1 7. THEN OUTPUT (“Area =”, area) end start OUTPUT “Find area of circle press 1:” end INPUT choice OUTPUT (“Area =”, area) area = 22 / 7 * radius ** 2 OUTPUT “Enter radius:” INPUT radius choice == 1 True False โปรแกรมและตัวอย่างผลลัพธ์ โปรแกรม ผลลัพธ์ พร้อมตัวอย่างข้อมูลนำาเข้า 1 2 3 4 5 choice = int(input("Find area of circle press 1:")) radius = int(input("Enter radius:")) area = 22/7*radius**2 if choice == 1: print("Area =",area) Find area of circle press 1:1 Enter radius:7 Area = 154.0 โปรแกรมคำ�นวณห�พื้นที่วงกลม เมื่อป้อนหม�ยเลข 1 ตัวอย่�ง • ถ้าป้อนข้อมูลใน Find area of circle press 1 : เป็นตัวเลข 1 จะเกิด อะไรขึ้น (โปรแกรมจะให้ป้อนข้อมูลของ Enter radius และทําการประมวล ผลลัพธ์พื้นที่วงกลมออกมา) • ถ้าป้อนข้อมูลใน Find area of circle press 1 : เป็นตัวเลข 0 จะเกิดอะไรขึ้น (โปรแกรมจะไม่แสดง ผลลัพธ์ออกมา) 11. นักเรียนร่วมกันปฏิบัติการเขียน โปรแกรมคํานวณหาพื้นที่วงกลม เมื่อป้อนหมายเลข 1 ดังตัวอย่าง การพัฒนาโปรแกรมเพื่อแก้ปัญหา 79 โปรแกรมแสดงตัวเลือกให้ผู้ใช้ป้อนหมายเลข 1 ถ้าผู้ใช้ป้อนหมายเลข 1 ให้คำานวณหาพื้นที่วงกลม โดยประมาณ จากสูตรพื้นที่วงกลม = πr 2 วิเคราะห์ปัญหา ข้อมูลออก คือ พื้นที่วงกลม (area) ข้อมูลเข้า คือ หมายเลขที่ผู้ใช้กด (choice) รัศมีวงกลม (radius) ผังงานการคำานวณหาพื้นที่วงกลม แบบทางเลือกทางเดียว ออกแบบขั้นตอนวิธี Pseudo Code ALGORITHM circle start 1. OUTPUT “Find area of circle press 1:” 2. INPUT choice 3. OUTPUT “Enter radius:” 4. INPUT radius 5. area = 22 / 7 * radius ** 2 6. IF choice == 1 7. THEN OUTPUT (“Area =”, area) end start OUTPUT “Find area of circle press 1:” end INPUT choice OUTPUT (“Area =”, area) area = 22 / 7 * radius ** 2 OUTPUT “Enter radius:” INPUT radius choice == 1 True False โปรแกรมและตัวอย่างผลลัพธ์ โปรแกรม ผลลัพธ์ พร้อมตัวอย่างข้อมูลนำาเข้า 1 2 3 4 5 choice = int(input("Find area of circle press 1:")) radius = int(input("Enter radius:")) area = 22/7*radius**2 if choice == 1: print("Area =",area) Find area of circle press 1:1 Enter radius:7 Area = 154.0 โปรแกรมคำ�นวณห�พื้นที่วงกลม เมื่อป้อนหม�ยเลข 1 ตัวอย่�ง 12. นักเรียนร่วมกันทดลองกรอกข้อมูล นําเข้าเป็นตัวเลขอื่น ๆ แล้วทดสอบ การรันโปรแกรม
สุดยอดคู่มือครู 8080 ขั้นสังเกต รวบรวมข้อมูล Gathering ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความรู้ Processing บูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21 GPAS 5 Steps แนวข้อสอบ O-NET/PISA 80 เทคโนโลยี (วิทยาการคำานวณ) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 4. โครงสร้างแบบทางเลือกสองทาง โปรแกรมจะแสดงตัวเลือกให้ผู้ใช้ป้อนหมายเลข 1 ถ้าผู้ใช้ป้อนหมายเลข 1 ให้คำานวณหาพื้นที่วงกลม จากสูตรพื้นที่วงกลม = πr 2 และถ้าผู้ใช้ป้อนหมายเลขอื่น ให้คำานวณหาความยาวเส้นรอบวงกลม จากสูตรความยาวเส้นรอบวงกลม = 2πr วิเคราะห์ปัญหา ข้อมูลออก คือ พื้นที่วงกลม (area) หรือเส้นรอบวงกลม (circumference) ข้อมูลเข้า คือ หมายเลขที่ผู้ใช้กด (choice) รัศมีวงกลม (radius) Pseudo Code ALGORITHM circle start 1. OUTPUT “Find area of circle press 1/ Find circumference of circle press others” 2. INPUT choice 3. OUTPUT “Enter radius:” 4. INPUT radius 5. area = 22 / 7 * radius ** 2 6. circumference = 2 * 22 / 7 * radius 7. IF choice == 1 8. THEN OUTPUT “Area =”, area 9. ELSE OUTPUT “Circumference =”, circumference end ผังงานแสดงรูปแบบการทำางาน แบบทางเลือกสองทาง รูปแบบการเขียนโปรแกรม แบบทางเลือกสองทาง (if-else) if เงื่อนไข: คำ�สั่ง1 else: คำ�สั่ง2 เงื่อนไข คำาสั่ง 1 คำาสั่ง 2 True False ออกแบบขั้นตอนวิธี โปรแกรมคำ�นวณห�พื้นที่วงกลม เมื่อป้อนหม�ยเลข 1 และคว�มย�วเส้นรอบรูปวงกลม ห�กป้อนหม�ยเลขอื่น ตัวอย่�ง Step 3 ขั้นปฏิบัติ และสรุปความรู้ หลังการปฏิบัติ 13. นักเรียนร่วมกันศึกษาโครงสร้างแบบ ทางเลือกสองทาง จากนั้นร่วมกัน ออกแบบผังงานที่เกี่ยวกับชีวิต ประจาวัน ดังตัวอย่าง ํ start มีการบ้าน ทําการบ้าน end True False ดูโทรทัศน์
8181 สุดยอดคู่มือครู รอบรู้อาเซียนและโลก ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่า Self-Regulating เสริมความรู้ ครูควรสอน ตัวชี้วัด ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ Applying and Constructing the Knowledge ขั้นสื่อสารและน�ำเสนอ Applying the Communication Skill asean ก�รพัฒน�โปรแกรมเพื่อแก้ปัญห� 81 ผังงานแสดงการหาพื้นที่วงกลม แบบทางเลือกสองทาง โปรแกรมและตัวอย่างผลลัพธ์ โปรแกรม ผลลัพธ์ พร้อมตัวอย่างข้อมูลนําเข้า 1 2 3 4 5 6 7 8 choice = int(input("Find area of circle press 1/ Find circumference of circle press others:")) radius = int(input("Enter radius:")) area = 22 / 7 * radius ** 2 circumference = 2 * 22 / 7 * radius if choice == 1: print("Area =",area) else: print("Circumference =", circumference) Find area of circle press 1/ Find circumference of circle press others:1 Enter radius:7 Area = 154.0 Find area of circle press 1/ Find circumference of circle press others:2 Enter radius:7 Circumference = 44.0 start OUTPUT “Find area of circle press 1/ Find circumference of circle press others” end INPUT choice OUTPUT “Area =”, area area = 22 / 7 * radius ** 2 OUTPUT “Enter radius:” INPUT radius choice == 1 True False circumference = 2 * 22 / 7 * radius OUTPUT “Circumference =”, circumference Step 3 ขั้นปฏิบัติ และสรุปความรู้ หลังการปฏิบัติ 14. นักเรียนร่วมกันศึกษาผังงานแสดง การหาพื้นที่วงกลมแบบทางเลือก สองทาง แล้วตอบคาถามํ ก�รพัฒน�โปรแกรมเพื่อแก้ปัญห� 81 ผังงานแสดงการหาพื้นที่วงกลม แบบทางเลือกสองทาง โปรแกรมและตัวอย่างผลลัพธ์ โปรแกรม ผลลัพธ์ พร้อมตัวอย่างข้อมูลนําเข้า 1 2 3 4 5 6 7 8 choice = int(input("Find area of circle press 1/ Find circumference of circle press others:")) radius = int(input("Enter radius:")) area = 22 / 7 * radius ** 2 circumference = 2 * 22 / 7 * radius if choice == 1: print("Area =",area) else: print("Circumference =", circumference) Find area of circle press 1/ Find circumference of circle press others:1 Enter radius:7 Area = 154.0 Find area of circle press 1/ Find circumference of circle press others:2 Enter radius:7 Circumference = 44.0 start OUTPUT “Find area of circle press 1/ Find circumference of circle press others” end INPUT choice OUTPUT “Area =”, area area = 22 / 7 * radius ** 2 OUTPUT “Enter radius:” INPUT radius choice == 1 True False circumference = 2 * 22 / 7 * radius OUTPUT “Circumference =”, circumference • ถ้าตัวแปร choice = 1 จะเกิด อะไรขึ้น (จะแสดงพื้นที่วงกลม (area)) • ถ้าตัวแปร choice = 2 จะเกิด อะไรขึ้น (จะแสดงเส้นรอบวงกลม (circumference)) • ถ้าตัวแปร choice = 1 และ radius = 7 ผลลัพธ์เท่ากับเท่าไร (area = 154.0) • ถ้าตัวแปร choice = 2 และ radius = 7 ผลลัพธ์เท่ากับเท่าไร (circumference = 44.0) 15. นักเรียนร่วมกันเขียนโปรแกรม คานวณหาพื้นที่วงกลมแบบทางเลือก ํ สองทาง ดังตัวอย่าง ก�รพัฒน�โปรแกรมเพื่อแก้ปัญห� 81 ผังงานแสดงการหาพื้นที่วงกลม แบบทางเลือกสองทาง โปรแกรมและตัวอย่างผลลัพธ์ โปรแกรม ผลลัพธ์ พร้อมตัวอย่างข้อมูลนําเข้า 1 2 3 4 5 6 7 8 choice = int(input("Find area of circle press 1/ Find circumference of circle press others:")) radius = int(input("Enter radius:")) area = 22 / 7 * radius ** 2 circumference = 2 * 22 / 7 * radius if choice == 1: print("Area =",area) else: print("Circumference =", circumference) Find area of circle press 1/ Find circumference of circle press others:1 Enter radius:7 Area = 154.0 Find area of circle press 1/ Find circumference of circle press others:2 Enter radius:7 Circumference = 44.0 start OUTPUT “Find area of circle press 1/ Find circumference of circle press others” end INPUT choice OUTPUT “Area =”, area area = 22 / 7 * radius ** 2 OUTPUT “Enter radius:” INPUT radius choice == 1 True False circumference = 2 * 22 / 7 * radius OUTPUT “Circumference =”, circumference
สุดยอดคู่มือครู 8282 ขั้นสังเกต รวบรวมข้อมูล Gathering ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความรู้ Processing บูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21 GPAS 5 Steps แนวข้อสอบ O-NET/PISA 82 เทคโนโลยี (วิทยาการคำานวณ) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 5. โครงสร้างแบบทางเลือกหลายทาง สูตรพื้นที่วงกลม=πr 2และความยาวเส้นรอบวงกลม=2πr วิเคราะห์ปัญหา ข้อมูลออกคือ พื้นที่วงกลม(area)หรือเส้นรอบวงกลม(circumference) ข้อมูลเข้าคือ หมายเลขที่ผู้ใช้กด(choice) รัศมีวงกลม(radius) ผังงานแสดงรูปแบบการทำางาน แบบทางเลือกหลายทาง รูปแบบการเขียนโปรแกรม แบบทางเลือกหลายทาง (if-elif-else) if เงื่อนไข1: คำ�สั่ง1 elif: คำ�สั่ง2 ... else: คำ�สั่งn เงื่อนไข1 คำาสั่ง 1 คำาสั่ง 2 เงื่อนไข2 โปรแกรมคำ�นวณห�พื้นที่วงกลม เมื่อป้อนหม�ยเลข 1 คว�มย�วเส้นรอบรูปวงกลม เมื่อป้อนหม�ยเลข 2 พื้นที่วงกลมและคว�มย�วเส้นรอบรูปวงกลม เมื่อป้อนหม�ยเลขอื่นๆ ตัวอย่�ง True True False False Step 3 ขั้นปฏิบัติ และสรุปความรู้ หลังการปฏิบัติ 16. นักเรียนร่วมกันศึกษาโครงสร้างแบบ ทางเลือกหลายทาง จากนั้นออกแบบ ผังงานเกี่ยวกับชีวิตประจําวัน ดังตัวอย่าง start คะแนนสอบ = sum sum < 50 สอบตก sum < 60 เกรด 1 sum < 70 เกรด 2 sum < 80 เกรด 3 เกรด 4 end False False False False True True True True
8383 สุดยอดคู่มือครู รอบรู้อาเซียนและโลก ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่า Self-Regulating เสริมความรู้ ครูควรสอน ตัวชี้วัด ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ Applying and Constructing the Knowledge ขั้นสื่อสารและน�ำเสนอ Applying the Communication Skill asean ก�รพัฒน�โปรแกรมเพื่อแก้ปัญห� 83 Pseudo Code ALGORITHM circle start 1. OUTPUT “Find area of circle press 1 Find circumference of circle press 2 Find area and circumference of circle press others :” 2. INPUT choice 3. OUTPUT “Enter radius:” 4. INPUT radius 5. area = 22 / 7 * radius ** 2 6. circumference = 2 * 22 / 7 * radius 7. IF choice == 1 8. THEN OUTPUT “Area =”, area 9. ELSE IF choice == 2 OUTPUT “Circumference =”, circumference 10. ELSE OUTPUT “Area =”, area 11. OUTPUT “Circumference =”, circumference end ออกแบบขั้นตอนวิธี ผังงานการหาพื้นที่วงกลม แบบทางเลือกหลายทาง OUTPUT “Find area of circle press 1 Find circumference of circle press 2 Find area and circumference of circle press others:” end INPUT choice OUTPUT “Area =”, area area = 22 / 7 * radius ** 2 OUTPUT “Enter radius:” INPUT radius choice == 1 True circumference = 2 * 22 / 7 * radius OUTPUT “Circumference =”, circumference choice == 2 OUTPUT “Area =”, area OUTPUT “Circumference =”, circumference False start True False Step 3 ขั้นปฏิบัติ และสรุปความรู้ หลังการปฏิบัติ 17. นั ก เ รี ย น ร่ ว ม กั น ศึ ก ษ า ผั ง ง า น การหาพื้นที่วงกลมแบบทางเลือก หลายทาง แล้วตอบคําถาม ก�รพัฒน�โปรแกรมเพื่อแก้ปัญห� 83 Pseudo Code ALGORITHM circle start 1. OUTPUT “Find area of circle press 1 Find circumference of circle press 2 Find area and circumference of circle press others :” 2. INPUT choice 3. OUTPUT “Enter radius:” 4. INPUT radius 5. area = 22 / 7 * radius ** 2 6. circumference = 2 * 22 / 7 * radius 7. IF choice == 1 8. THEN OUTPUT “Area =”, area 9. ELSE IF choice == 2 OUTPUT “Circumference =”, circumference 10. ELSE OUTPUT “Area =”, area 11. OUTPUT “Circumference =”, circumference end ออกแบบขั้นตอนวิธี ผังงานการหาพื้นที่วงกลม แบบทางเลือกหลายทาง OUTPUT “Find area of circle press 1 Find circumference of circle press 2 Find area and circumference of circle press others:” end INPUT choice OUTPUT “Area =”, area area = 22 / 7 * radius ** 2 OUTPUT “Enter radius:” INPUT radius choice == 1 True circumference = 2 * 22 / 7 * radius OUTPUT “Circumference =”, circumference choice == 2 OUTPUT “Area =”, area OUTPUT “Circumference =”, circumference False start True False • ถ้าตัวแปร choice = 1 จะเกิด อะไรขึ้น (จะแสดงพื้นที่วงกลม (area)) • ถ้าตัวแปร choice = 2 จะเกิด อะไรขึ้น (จะแสดงเส้นรอบวงกลม (circumference)) • ถ้าตัวแปร choice = 3 จะเกิด อะไรขึ้น (จะแสดงพื้นที่วงกลม (area และเส้นรอบวงกลม(circumference)) • ถ้าป้อนข้อมูล choice = 1 radius = 8 จะแสดงผลลัพธ์เท่าไร (≈200.96) • ถ้าป้อนข้อมูล choice = 2 radius = 5 จะแสดงผลลัพธ์เท่าไร (≈31.4)
สุดยอดคู่มือครู 8484 ขั้นสังเกต รวบรวมข้อมูล Gathering ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความรู้ Processing บูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21 GPAS 5 Steps แนวข้อสอบ O-NET/PISA 84 เทคโนโลยี (วิทย�ก�รคำ�นวณ) ชั้นมัธยมศึกษ�ปีที่ 2 โปรแกรมและตัวอย่างผลลัพธ์ โปรแกรม ผลลัพธ์ พร้อมตัวอย่างข้อมูลนําเข้า 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 choice = int(input("Find area of circle press 1\nFind circumference of circle press2\nFind area and circumference of circle press others:")) #แสดงข้อคว�มอธิบ�ยแล้วรับข้อมูลนำ�เข้� แล้วแปลงประเภทของข้อมูลเป็นจำ�นวนเต็ม และเก็บในตัวแปร choice radius = int(input("Enter radius:")) #แสดงข้อคว�มอธิบ�ยแล้วรับข้อมูลนำ�เข้� แล้วแปลงประเภทของข้อมูลเป็นจำ�นวนเต็ม และเก็บในตัวแปร radius circumference = 2 * 22 / 7 * radius area = 22 / 7 * radius * radius #คำ�นวณเส้นรอบรูปวงกลมและพื้นที่วงกลม แล้วเก็บในตัวแปร circ และ area ต�มลำ�ดับ if choice == 1: #ถ้�ป้อน 1 แสดงพื้นที่ print("Area =",area) elif choice == 2: #ถ้�ป้อน 2 แสดงเส้นรอบรูป print("Circumference =", circumference) else: #อื่น ๆ แสดงพื้นที่และเส้นรอบรูป print("Area =", area) print("Circumference =", circumference) Find area of circle press 1 Find circumference of circle press 2 Find area and circumference of circle press others:1 Enter radius:7 Area = 154.0 Find area of circle press 1 Find circumference of circle press 2 Find area and circumference of circle press others :2 Enter radius:7 Circumference = 44.0 Find area of circle press 1 Find circumference of circle press 2 Find area and circumference of circle press others :3 Enter radius:7 Area = 154.0 Circumference = 44.0 Step 3 ขั้นปฏิบัติ และสรุปความรู้ หลังการปฏิบัติ 18. นักเรียนร่วมกันปฏิบัติการเขียน โปรแกรมการหาพื้นที่วงกลมแบบ ทางเลือกหลายทาง ดังตัวอย่าง และ ตอบคําถาม 84 เทคโนโลยี (วิทย�ก�รคำ�นวณ) ชั้นมัธยมศึกษ�ปีที่ 2 โปรแกรมและตัวอย่างผลลัพธ์ โปรแกรม ผลลัพธ์ พร้อมตัวอย่างข้อมูลนําเข้า 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 choice = int(input("Find area of circle press 1\nFind circumference of circle press2\nFind area and circumference of circle press others:")) #แสดงข้อคว�มอธิบ�ยแล้วรับข้อมูลนำ�เข้� แล้วแปลงประเภทของข้อมูลเป็นจำ�นวนเต็ม และเก็บในตัวแปร choice radius = int(input("Enter radius:")) #แสดงข้อคว�มอธิบ�ยแล้วรับข้อมูลนำ�เข้� แล้วแปลงประเภทของข้อมูลเป็นจำ�นวนเต็ม และเก็บในตัวแปร radius circumference = 2 * 22 / 7 * radius area = 22 / 7 * radius * radius #คำ�นวณเส้นรอบรูปวงกลมและพื้นที่วงกลม แล้วเก็บในตัวแปร circ และ area ต�มลำ�ดับ if choice == 1: #ถ้�ป้อน 1 แสดงพื้นที่ print("Area =",area) elif choice == 2: #ถ้�ป้อน 2 แสดงเส้นรอบรูป print("Circumference =", circumference) else: #อื่น ๆ แสดงพื้นที่และเส้นรอบรูป print("Area =", area) print("Circumference =", circumference) Find area of circle press 1 Find circumference of circle press 2 Find area and circumference of circle press others:1 Enter radius:7 Area = 154.0 Find area of circle press 1 Find circumference of circle press 2 Find area and circumference of circle press others :2 Enter radius:7 Circumference = 44.0 Find area of circle press 1 Find circumference of circle press 2 Find area and circumference of circle press others :3 Enter radius:7 Area = 154.0 Circumference = 44.0 • ถ้านักเรียนพบปัญหาโปรแกรม ไม่แสดงผลลัพธ์หรือแสดงผิดพลาด นักเรียนมีวิธีการแก้ปัญหาอย่างไร (ตัวอย่างคำตอบ ทําการตรวจสอบคําสั่ง ของโปรแกรมทีละบรรทัดจากบรรทัดบนลง มาบรรทัดล่าง ถ้าพบจุดผิดพลาดให้แก้ไข ทันที) 19. นักเรียนร่วมกันพัฒนาโปรแกรมให้ สามารถคํานวณทางคณิตศาสตร์ได้ อย่างหลากหลาย เช่น คํานวณปริมาตร ทรงกระบอก คํานวณปริมาตรปริซึม กิจกรรมนี้ประเมินตัวชี้วัด ว 4.2 ม.2/2 20. นักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่เข้าใจเป็น ความรู้ร่วมกัน ดังนี้ • การเขียนโปรแกรมแบบทางเลือก มีรูปแบบโครงสร้าง 4 ประเภท ได้แก่ โครงสร้างแบบทางเลือกทางเดียว โครงสร้างแบบทางเลือกสองทาง โครงสร้างแบบทางเลือกหลายทาง และโครงสร้างแบบทางเลือกเชิงซ้อน ซึ่งโครงสร้างแบบทางเลือกแต่ละ ประเภทจะใช้ในการเขียนโปรแกรม ที่มีเงื่อนไขแตกต่างกัน 22. นักเรียนสร้างโปรแกรมเพื่ออํานวย ความสะดวกให้แก่ผู้อื่น เช่น โปรแกรม คานวณหาพื้นที่ดินของที่อยู่อาศัย พื้นที่ ํ ดินการเกษตร และอธิบายความรู้ให้ กับเพื่อน ๆ เพื่อเป็นการเผยแพร่ ความรู้ให้กับผู้อื่น 21. นักเรียนออกมานําเสนอโปรแกรมการ คํานวณทางคณิตศาสตร์ของตนเอง หน้าชั้นเรียน และร่วมกันตรวจสอบ ความถูกต้อง เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน ขั้นสื่อสารและน�ำเสนอ Step4 Step5 ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่า บริการสังคม และจิตสาธารณะ
8585 สุดยอดคู่มือครู รอบรู้อาเซียนและโลก ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่า Self-Regulating เสริมความรู้ ครูควรสอน ตัวชี้วัด ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ Applying and Constructing the Knowledge ขั้นสื่อสารและน�ำเสนอ Applying the Communication Skill asean ก�รพัฒน�โปรแกรมเพื่อแก้ปัญห� 85 การเขียนโปรแกรมแบบวนซำ้า ก�รทำ�ง�นบ�งอย่�งเป็นก�รทำ�ง�นซ�ำ้หล�ยครั้ง โดยก�รเขียนโปรแกรมแบบวนซ�ำ้ (Iteration Control Statement) เป็นลักษณะก�รเขียนโปรแกรมให้ ทำ�ง�นซำ้�ต�มจำ�นวนรอบหรือต�มเงื่อนไขที่กำ�หนด เรียกว่� วนลูป (Loop) ซึ่งก�รวนซำ้�มี 2 รูปแบบ คือ แบบ while และแบบ for 1. โครงสร้�งวนซำ้�แบบ while (while loop) คำ�สั่ง while เป็นคำ�สั่งที่กำ�หนดให้โปรแกรมทำ�ซำ้�ขณะที่เงื่อนไขเป็นจริงให้โปรแกรมทำ�ง�น คำ�สั่งหลัง while ถ้�เงื่อนไขเป็นเท็จจะออกจ�กก�รทำ�ซำ้�แล้วไปทำ�ง�นคำ�สั่งอื่น คำ�สั่ง while เหม�ะกับ ง�นที่ไม่ทร�บรอบของก�รทำ�ซำ้�ที่แน่นอน ผังงานการแสดงรูปแบบตรวจซำ้า ด้วย while (while loop) รูปแบบการเขียนโปรแกรม แบบวนซำ้าด้วย while while เงื่อนไข: คําสั่ง เงื่อนไข คำ�สั่ง True False NCounter = 1 OUTPUT NCounter NCounter = NCounter + 1 end NCounter < = 10 start True False ผังงานโปรแกรม แสดงตัวเลข 1-10 เมื่อเขียนเป็นขั้นตอนวิธีจะได้ว่�มีก�รแสดงตัวเลขทีละตัวเริ่มจ�กเลข 1 และหลังจ�กนั้นต้องมีก�ร เพิ่มค่�ขึ้นทีละ 1 ค่� แล้วทำ�ก�รวนซำ้�ไปเรื่อย ๆ โดยเงื่อนไขในก�รตรวจสอบให้วนซำ้�คือ ตัวเลขไม่เกิน 10 ทำ�ให้เขียนเป็นผังง�นได้ ดังนี้ ตัวอย่างที่ 1 โปรแกรมแสดงตัวเลข 1–10 การวนซำ้ามีลักษณะไหนบ้าง คำ�ถ�มสำ�คัญ 1. นักเรียนร่วมกันสังเกตและรวบรวม ข้อมูลเกี่ยวกับการเขียนโปรแกรม แบบวนซํ้า แล้วตอบคําถาม ดังนี้ • กิจกรรมใดของนักเรียนที่มีการ ทํางานซํ้า ๆ หลายครั้ง (ตัวอย่าง คำตอบ การรับประทานอาหาร ตื่นนอน อาบนํ้า เรียนหนังสือ เล่นเกม ฟังเพลง) • การวนซํ้าคืออะไร (ตัวอย่าง คำตอบการทํางานวนซํ้าจนครบเงื่อนไข จึงหยุดการทํางาน) • นักเรียนเคยเขียนโปรแกรม แบบวนซํ้าหรือไม่ (เคย/ไม่เคย) • การเขียนโปรแกรมแบบวนซํ้า สามารถเขียนด้วยคําสั่งใด (while และ for) 2. นักเรียนศึกษาค้นคว้าและรวบรวม ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่อง การเขียน โปรแกรมแบบวนซํ้า จากแหล่ง การเรียนรู้อื่น ๆ ที่หลากหลาย เช่น หนังสือเรียน อินเทอร์เน็ต ว 4.2 ม.2/2 ภาระงาน/ชิ้นงาน การเขียนโปรแกรมการคํานวณหาพื้นที่ รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส และปริมาตรของ พีระมิด โดยใช้ฟังก์ชัน ขั้นสังเกต รวบรวมข้อมูล Step 1 ขั้นคิดวิเคราะห์ และสรุปความรู้ Step 2 3. นักเรียนร่วมกันวิเคราะห์โครงสร้าง วนซํ้าแบบ while แล้วตอบคําถาม ดังนี้ • คําสั่ง while มีลักษณะการทํางานอย่างไร (ตัวอย่างคําตอบ กําหนดให้โปรแกรม ทําซํ้าขณะที่เงื่อนไขเป็นจริง ให้โปรแกรมทํางานคําสั่งหลัง while ถ้าเงื่อนไขเป็นเท็จจะออก จากการทําซํ้าแล้วไปทํางานคําสั่งอื่น) • ยกตัวอย่างการเขียนโปรแกรมด้วยคําสั่ง while (ตัวอย่างคําตอบ โปรแกรมแสดง เลขคู่และเลขคี่ โปรแกรมแม่สูตรคูณ) • อธิบายการทํางานของ NCounter <=10 (ตัวอย่างคําตอบ ถ้าข้อมูลของ NCounterน้อยกว่าหรือเท่ากับ10จริง ให้ทํางานในคําสั่ง ถัดไป แต่ถ้าNCounterมากกว่า10ให้หยุดการทํางาน) ตัวชี้วัด
สุดยอดคู่มือครู 8686 ขั้นสังเกต รวบรวมข้อมูล Gathering ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความรู้ Processing บูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21 GPAS 5 Steps แนวข้อสอบ O-NET/PISA 86 เทคโนโลยี (วิทย�ก�รคำ�นวณ) ชั้นมัธยมศึกษ�ปีที่ 2 โปรแกรมและตัวอย่างผลลัพธ์ โปรแกรม ผลลัพธ์ พร้อมตัวอย่างข้อมูลนําเข้า 1 2 3 4 NCounter = 1 while NCounter <= 10: print(NCounter, end=' ') NCounter = NCounter + 1 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 เมื่อเขียนเป็นขั้นตอนวิธีจะเห็นว่�ในแต่ละรอบจะมีก�รรับข้อมูลนำ�เข้� x แล้วนำ� x ม�รวมใน sum และเพิ่มค่�ตัวนับขึ้นทีละ 1 ค่� แล้วทำ�ก�รวนซำ้�ไปเรื่อย ๆ ซึ่งเงื่อนไขในก�รตรวจสอบให้วนซำ้�คือ ตัวนับไม่ถึง 10 (ต้องก�รให้วน 10 ครั้ง i = 0-9) และถ้�เกิน 9 ให้ออกจ�กก�รวนซำ้�แล้วแสดงค่�เฉลี่ย ทั้งนี้ ก�รทำ�ง�นทั้งหมดเขียนเป็นผังง�นได้ดังนี้ ตัวอย่างที่ 2 โปรแกรมรับตัวเลข 10 ตัว แล้วหาค่าเฉลี่ย ผังงานโปรแกรม รับตัวเลข 10 ตัว i = 0 start sum = 0 OUTPUT “Enter number”, i INPUT x i < 10 sum = sum + x i = i + 1 OUTPUT “average =”, sum/i end True False ขั้นคิดวิเคราะห์ และสรุปความรู้ Step 2 4. นักเรียนร่วมกันวิเคราะห์โครงสร้าง วนซํ้าแบบ while (ต่อ) แล้วตอบ คําถาม ดังนี้ • อธิบายการทํางานของ NCounter = NCounter + 1 (ตัวอย่างคําตอบ ข้อมูลของ NCounter จะเพิ่มขึ้นทีละ1ในทุกๆรอบ) 5. นักเรียนร่วมกันสรุปความคิดรวบยอด เกี่ยวกับการเขียนโปรแกรมแบบ วนซํ้า ดังนี้ • เป็นลักษณะการเขียนโปรแกรม ให้ทํางานซํ้าตามจํานวนรอบหรือ ตามเงื่อนไขกําหนด ซึ่งการวนซํ้า มี 2 ลักษณะ คือ แบบ while และ แบบ for Step 3 ขั้นปฏิบัติ และสรุปความรู้ หลังการปฏิบัติ 6. นักเรียนจับคู่ตามความเหมาะสมของ จํานวนเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยมี นักเรียน 1 คนที่มีประสบการณ์ใน การใช้คอมพิวเตอร์ จากนั้นปฏิบัติ การเขียนโปรแกรมแสดงตัวเลข 1-10 ดังตัวอย่าง 86 เทคโนโลยี (วิทย�ก�รคำ�นวณ) ชั้นมัธยมศึกษ�ปีที่ 2 โปรแกรมและตัวอย่างผลลัพธ์ โปรแกรม ผลลัพธ์ พร้อมตัวอย่างข้อมูลนําเข้า 1 2 3 4 NCounter = 1 while NCounter <= 10: print(NCounter, end=' ') NCounter = NCounter + 1 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 เมื่อเขียนเป็นขั้นตอนวิธีจะเห็นว่�ในแต่ละรอบจะมีก�รรับข้อมูลนำ�เข้� x แล้วนำ� x ม�รวมใน sum และเพิ่มค่�ตัวนับขึ้นทีละ 1 ค่� แล้วทำ�ก�รวนซำ้�ไปเรื่อย ๆ ซึ่งเงื่อนไขในก�รตรวจสอบให้วนซำ้�คือ ตัวนับไม่ถึง 10 (ต้องก�รให้วน 10 ครั้ง i = 0-9) และถ้�เกิน 9 ให้ออกจ�กก�รวนซำ้�แล้วแสดงค่�เฉลี่ย ทั้งนี้ ก�รทำ�ง�นทั้งหมดเขียนเป็นผังง�นได้ดังนี้ ตัวอย่างที่ 2 โปรแกรมรับตัวเลข 10 ตัว แล้วหาค่าเฉลี่ย ผังงานโปรแกรม รับตัวเลข 10 ตัวi = 0 start sum = 0 OUTPUT “Enter number”, i INPUT x i < 10 sum = sum + x i = i + 1 OUTPUT “average =”, sum/i end True False 7. นั ก เ รี ย น ร่ ว ม กั น ศึ ก ษ า ผั ง ง า น โปรแกรมรับตัวเลข 10 ตัว แล้ว ตอบคําถาม • อธิบายการทํางานของ i<10 (ตัวอย่างคําตอบ ถ้า i อยู่ระหว่าง0-9 ให้ทําคําสั่งที่เป็นจริง แต่ถ้า i มากกว่า 9 ให้ทําคําสั่งที่เป็นเท็จ) • จ า ก ผั ง ง า น เ ป็ น ก า ร เ ขี ย น โปรแกรมเกี่ยวกับอะไร (การหาค่าเฉลี่ยเลขคณิต 10 ตัว)
8787 สุดยอดคู่มือครู รอบรู้อาเซียนและโลก ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่า Self-Regulating เสริมความรู้ ครูควรสอน ตัวชี้วัด ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ Applying and Constructing the Knowledge ขั้นสื่อสารและน�ำเสนอ Applying the Communication Skill asean ก�รพัฒน�โปรแกรมเพื่อแก้ปัญห� 87 2. ก�รใช้คำ�สั่ง range() range() เป็นฟังก์ชันที่ใช้สร้�งลำ�ดับเลขต�มขอบเขตที่กำ�หนด มีรูปแบบก�รใช้ดังนี้ 3. โครงสร้�งวนซำ้�แบบ for (for loop) คำ�สั่ง for เป็นคำ�สั่งที่กำ�หนดให้โปรแกรมทำ�ซำ้�ด้วยจำ�นวนรอบที่แน่นอน ถ้�ผลก�รตรวจสอบ เงื่อนไขเป็นจริงจะทำ�คำ�สั่งหลัง for ถ้�เงื่อนไขเป็นเท็จจะออกจ�กก�รทำ�ซำ้�แล้วไปทำ�ง�นคำ�สั่งอื่น คำ�สั่ง for ในภ�ษ�ไพธอนจะอ่�นค่�ข้อมูลที่อยู่ในลำ�ดับที่กำ�หนด โปรแกรมและตัวอย่างผลลัพธ์ โปรแกรม ผลลัพธ์ พร้อมตัวอย่างข้อมูลนําเข้า 1 2 3 4 5 6 7 8 NCounter = 0 NNumberofIteration = 10 sum = 0 while NCounter < NNumberofIteration: TempNumber = int(input("Enter number %d:"% (NCounter+1))) sum = sum + TempNumber NCounter = NCounter + 1 print("average =",sum/NCounter) Enter number 1:1 Enter number 2:2 Enter number 3:3 Enter number 4:4 Enter number 5:5 Enter number 6:6 Enter number 7:7 Enter number 8:8 Enter number 9:9 Enter number 10:10 Average = 5.5 range(x) # เริ่มจาก 0 ถึง x range(x,y) # เริ่มจาก x ถึง y range(x,y,z) # เพิ่ม/ลดทีละ z เริ่มจาก x ถึง y โปรแกรม หมายถึง 1 2 3 4 range(10) range(5,10) range(5,10,2) range(5,-10,-2) 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 5 6 7 8 9 5 7 9 5 3 1 -1 -3 -5 -7 -9 โปรแกรมและตัวอย่างผลลัพธ์ Step 3 ขั้นปฏิบัติ และสรุปความรู้ หลังการปฏิบัติ 8. นักเรียนร่วมกันปฏิบัติการเขียน โปรแกรมรับตัวเลข 10 ตัว แล้วหา ค่าเฉลี่ย ดังตัวอย่าง ก�รพัฒน�โปรแกรมเพื่อแก้ปัญห� 87 2. ก�รใช้คำ�สั่ง range() range() เป็นฟังก์ชันที่ใช้สร้�งลำ�ดับเลขต�มขอบเขตที่กำ�หนด มีรูปแบบก�รใช้ดังนี้ 3. โครงสร้�งวนซำ้�แบบ for (for loop) คำ�สั่ง for เป็นคำ�สั่งที่กำ�หนดให้โปรแกรมทำ�ซำ้�ด้วยจำ�นวนรอบที่แน่นอน ถ้�ผลก�รตรวจสอบ เงื่อนไขเป็นจริงจะทำ�คำ�สั่งหลัง for ถ้�เงื่อนไขเป็นเท็จจะออกจ�กก�รทำ�ซำ้�แล้วไปทำ�ง�นคำ�สั่งอื่น คำ�สั่ง for ในภ�ษ�ไพธอนจะอ่�นค่�ข้อมูลที่อยู่ในลำ�ดับที่กำ�หนด โปรแกรมและตัวอย่างผลลัพธ์ โปรแกรม ผลลัพธ์ พร้อมตัวอย่างข้อมูลนําเข้า 1 2 3 4 5 6 7 8 NCounter = 0 NNumberofIteration = 10 sum = 0 while NCounter < NNumberofIteration: TempNumber = int(input("Enter number %d:"% (NCounter+1))) sum = sum + TempNumber NCounter = NCounter + 1 print("average =",sum/NCounter) Enter number 1:1 Enter number 2:2 Enter number 3:3 Enter number 4:4 Enter number 5:5 Enter number 6:6 Enter number 7:7 Enter number 8:8 Enter number 9:9 Enter number 10:10 Average = 5.5 range(x) #เริ่มจาก 0 ถึง x range(x,y) #เริ่มจาก x ถึง y range(x,y,z) #เพิ่ม/ลดทีละ z เริ่มจาก x ถึง y โปรแกรม หมายถึง 1 2 3 4 range(10) range(5,10) range(5,10,2) range(5,-10,-2) 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 5 6 7 8 9 5 7 9 5 3 1 -1 -3 -5 -7 -9 โปรแกรมและตัวอย่างผลลัพธ์ 9. นักเรียนทดลองป้อนข้อมูลตัวเลขเป็น เลขต่าง ๆ แล้วสังเกตผลลัพธ์ พร้อม ตรวจสอบความถูกต้อง 10. นักเรียนร่วมกันศึกษาการใช้คําสั่ง range() แล้วปฏิบัติการเขียนโปรแกรม แสดงเลขคี่ ตั้งแต่ 1-15 ดังตัวอย่าง โปรแกรม ผลลัพธ์ 1 2 for i in range (1, 16, 2): 1 3 5 7 9 11 13 15 print (i, end =“ ”) 11. นักเรียนเขียนโปรแกรม โดยใช้คําสั่ง range() ให้แสดงเลขคู่ตั้งแต่ 2-12 ดังตัวอย่าง โปรแกรม ผลลัพธ์ 1 2 for i in range (2, 13 ,2): 2 4 6 8 10 12 print (i, end =“ ”) กิจกรรมนี้ประเมินตัวชี้วัด ว 4.2 ม.2/2
สุดยอดคู่มือครู 8888 ขั้นสังเกต รวบรวมข้อมูล Gathering ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความรู้ Processing บูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21 GPAS 5 Steps แนวข้อสอบ O-NET/PISA 88 เทคโนโลยี (วิทย�ก�รคำ�นวณ) ชั้นมัธยมศึกษ�ปีที่ 2 ผังงานแสดงการวนซำ้า ด้วยคำาสั่ง for (for loop) รูปแบบการเขียนโปรแกรม แบบวนซำ้าด้วย for for ตัวแปร: in ลําดับ: คําสั่ง เงื่อนไข คำ�สั่ง True False ในก�รกำ�หนดลำ�ดับที่ให้วนซำ้� จะเริ่มที่เลข 1 และสิ้นสุดที่ 10 และเนื่องจ�กต้องก�รแสดง เฉพ�ะเลขคี่จึงเป็นก�รเพิ่มค่�ทีละ 2 ตัวอย่างที่ 1 โปรแกรมแสดงเลขคี่ระหว่างตัวเลข 1–10 โปรแกรม ผลลัพธ์พร้อมตัวอย่างข้อมูลนําเข้า 1 2 for i in range(1,10,2): print(i, end=' ') 1 3 5 7 9 โปรแกรมและตัวอย่างผลลัพธ์ ในก�รกำ�หนดลำ�ดับที่ให้วนซำ้� จะเริ่มที่เลข 1 และสิ้นสุดที่เลข 10 เนื่องจ�กต้องก�รแสดงเฉพ�ะ เลขคี่จึงเป็นก�รเพิ่มค่�ทีละ 2 ค่� ตัวอย่างที่ 2 โปรแกรมหาค่าที่มากที่สุดจากการรับตัวเลขมา 10 จำานวน โปรแกรมและตัวอย่างผลลัพธ์ โปรแกรม ผลลัพธ์ พร้อมตัวอย่างข้อมูลนําเข้า 1 2 3 4 5 6 max = 0 for i in range(10): x = int(input("Enter number %d:"%(i+1))) if x > max: max = x print(“Maximum is”, max) Enter number 1:12 Enter number 2:25 Enter number 3:45 Enter number 4:32 Enter number 5:91 Enter number 6:21 Enter number 7:45 Enter number 8:32 Enter number 9:14 Enter number 10:84 Maximum is 91 Step 3 ขั้นปฏิบัติ และสรุปความรู้ หลังการปฏิบัติ 12. นักเรียนร่วมกันศึกษาโครงสร้างวนซํ้า แบบ for จากนั้นปฏิบัติการเขียน โปรแกรมแสดงเลขคี่ระหว่างตัวเลข 1-10 ดังตัวอย่าง 88 เทคโนโลยี (วิทย�ก�รคำ�นวณ) ชั้นมัธยมศึกษ�ปีที่ 2 ผังงานแสดงการวนซำ้า ด้วยคำาสั่ง for (for loop) รูปแบบการเขียนโปรแกรม แบบวนซำ้าด้วย for for ตัวแปร: in ลําดับ: คําสั่ง เงื่อนไข คำ�สั่ง True False ในก�รกำ�หนดลำ�ดับที่ให้วนซำ้� จะเริ่มที่เลข 1 และสิ้นสุดที่ 10 และเนื่องจ�กต้องก�รแสดง เฉพ�ะเลขคี่จึงเป็นก�รเพิ่มค่�ทีละ 2 ตัวอย่างที่ 1 โปรแกรมแสดงเลขคี่ระหว่างตัวเลข 1–10 โปรแกรม ผลลัพธ์พร้อมตัวอย่างข้อมูลนําเข้า 1 2 for i in range(1,10,2): print(i, end=' ') 1 3 5 7 9 โปรแกรมและตัวอย่างผลลัพธ์ ในก�รกำ�หนดลำ�ดับที่ให้วนซำ้� จะเริ่มที่เลข 1 และสิ้นสุดที่เลข 10 เนื่องจ�กต้องก�รแสดงเฉพ�ะ เลขคี่จึงเป็นก�รเพิ่มค่�ทีละ 2 ค่� ตัวอย่างที่ 2 โปรแกรมหาค่าที่มากที่สุดจากการรับตัวเลขมา 10 จำานวน โปรแกรมและตัวอย่างผลลัพธ์ โปรแกรม ผลลัพธ์ พร้อมตัวอย่างข้อมูลนําเข้า 1 2 3 4 5 6 max = 0 for i in range(10): x = int(input("Enter number %d:"%(i+1))) if x > max: max = x print(“Maximum is”, max) Enter number 1:12 Enter number 2:25 Enter number 3:45 Enter number 4:32 Enter number 5:91 Enter number 6:21 Enter number 7:45 Enter number 8:32 Enter number 9:14 Enter number 10:84 Maximum is 91 88 เทคโนโลยี (วิทย�ก�รคำ�นวณ) ชั้นมัธยมศึกษ�ปีที่ 2 ผังงานแสดงการวนซำ้า ด้วยคำาสั่ง for (for loop) รูปแบบการเขียนโปรแกรม แบบวนซำ้าด้วย for for ตัวแปร: in ลําดับ: คําสั่ง เงื่อนไข คำ�สั่ง True False ในก�รกำ�หนดลำ�ดับที่ให้วนซำ้� จะเริ่มที่เลข 1 และสิ้นสุดที่ 10 และเนื่องจ�กต้องก�รแสดง เฉพ�ะเลขคี่จึงเป็นก�รเพิ่มค่�ทีละ 2 ตัวอย่างที่ 1 โปรแกรมแสดงเลขคี่ระหว่างตัวเลข 1–10 โปรแกรม ผลลัพธ์พร้อมตัวอย่างข้อมูลนําเข้า 1 2 for i in range(1,10,2): print(i, end=' ') 1 3 5 7 9 โปรแกรมและตัวอย่างผลลัพธ์ ในก�รกำ�หนดลำ�ดับที่ให้วนซำ้� จะเริ่มที่เลข 1 และสิ้นสุดที่เลข 10 เนื่องจ�กต้องก�รแสดงเฉพ�ะ เลขคี่จึงเป็นก�รเพิ่มค่�ทีละ 2 ค่� ตัวอย่างที่ 2 โปรแกรมหาค่าที่มากที่สุดจากการรับตัวเลขมา 10 จำานวน โปรแกรมและตัวอย่างผลลัพธ์ โปรแกรม ผลลัพธ์ พร้อมตัวอย่างข้อมูลนําเข้า 1 2 3 4 5 6 max = 0 for i in range(10): x = int(input("Enter number %d:"%(i+1))) if x > max: max = x print(“Maximum is”, max) Enter number 1:12 Enter number 2:25 Enter number 3:45 Enter number 4:32 Enter number 5:91 Enter number 6:21 Enter number 7:45 Enter number 8:32 Enter number 9:14 Enter number 10:84 Maximum is 91 13. นักเรียนปฏิบัติการเขียนโปรแกรม หาค่าที่มากที่สุดจากการรับตัวเลขมา 10 จํานวน ดังตัวอย่าง 14. นักเรียนทดลองป้อนข้อมูลตัวเลข 10 จานวน แล้วตรวจสอบความถูกต้องของ ํ ผลลัพธ์ 15. นักเรียนสรุปสิ่งที่เข้าใจเป็นความรู้ ร่วมกัน ดังนี้ • การเขียนโปรแกรมแบบวนซํ้ามี 2 ลักษณะ คือ แบบ while เป็นคําสั่ง ที่กําหนดให้โปรแกรมทําซํ้าขณะ ที่เงื่อนไขเป็นจริง ให้โปรแกรมทํางาน คําสั่งหลัง while ถ้าเงื่อนไขเป็นเท็จ จะออกจากการทาซํ ํ้า แล้วไปทาคํ าสั่งอื่น ํ เหมาะกับงานที่ไม่ทราบรอบของการ ทําซํ้า และแบบ for เป็นคําสั่งที่กําหนด ให้โปรแกรมทําซํ้าด้วยจํานวนรอบ ที่แน่นอน และจะอ่านค่าข้อมูลที่อยู่ใน ลําดับที่กําหนด 17. นักเรียนนำ ความรู้เรื่อง การเขียน โปรแกรมแบบวนซํ้า ไปอธิบายให้ เพื่อนคนอื่นฟัง เพื่อนําไปพัฒนา โปรแกรมที่ใช้แก้ปัญหาในชีวิต ประจําวัน 16. นักเรียนออกมานําเสนอโปรแกรม แสดงเลขคี่ตั้งแต่ 1-15 และโปรแกรม แสดงเลขคู่ ตั้งแต่ 2-12 หน้าชั้นเรียน และบอกปัญหาที่พบ แล้วร่วมกัน ต ร ว จ ส อ บ ค ว า ม ถู ก ต้ อ ง เ พื่ อ แลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน ขั้นสื่อสารและน�ำเสนอ Step4 Step5 ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่า บริการสังคม และจิตสาธารณะ
8989 สุดยอดคู่มือครู รอบรู้อาเซียนและโลก ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่า Self-Regulating เสริมความรู้ ครูควรสอน ตัวชี้วัด ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ Applying and Constructing the Knowledge ขั้นสื่อสารและน�ำเสนอ Applying the Communication Skill asean ก�รพัฒน�โปรแกรมเพื่อแก้ปัญห� 89 ฟังก์ชัน ฟังก์ชัน (Function) เป็นชุดคำ�สั่งที่มีหน้�ที่ทำ�ง�นอย่�งใดอย่�งหนึ่ง ส�ม�รถเรียกใช้ง�นกี่ครั้ง ก็ได้ โดยไม่ต้องเขียนโปรแกรมขึ้นม�ใหม่ ทำ�ให้ก�รเขียนโปรแกรมที่ซับซ้อนทำ�ได้ง่�ยขึ้น เพร�ะส�ม�รถ แบ่งส่วนก�รทำ�ง�นของโปรแกรมเป็นส่วน ๆ แล้วนำ�แต่ละส่วนม�ประกอบกันเป็นง�นใหญ่ ประเภทของฟังก์ชัน ในภ�ษ�ไพธอนส�ม�รถแบ่งฟังก์ชันเป็น 2 ประเภท ได้แก่ 1. ฟังก์ชันจากไลบรารีมาตรฐาน (Standard Library) เป็นฟังก์ชันที่ถูกสร้�งขึ้นโดยทีม ผู้พัฒน�ภ�ษ�ไพธอน ส�ม�รถเรียกใช้ได้โดยไม่ต้องเขียนโปรแกรมขึ้นเอง แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ 1) Built-in Function เป็นฟังก์ชันที่ถูกเก็บในตัวแปลภ�ษ� จึงส�ม�รถเรียกใช้ได้ทันที โดยไม่ต้องอ้�งถึง 2) Library Functions เป็นฟังก์ชันที่สร้�งโดยทีมพัฒน�โปรแกรมแล้วจัดเก็บเป็นโมดูล ในไลบร�รี ซึ่งก่อนจะนำ�ม�ใช้ง�นต้องเรียกโมดูล (import module) ของฟังก์ชันที่ต้องก�รเข้�ม�ก่อน ถึงจะส�ม�รถอ้�งอิงถึงโมดูลและเรียกชื่อฟังก์ชันที่ต้องก�รใช้ง�น เด็กควรรู้ Built-in Function พื้นฐ�นที่มักจะนำ�ม�ใช้ในก�รเขียนโปรแกรม ได้แก่ abs(x) ห�ค่�สัมบูรณ์ของ x (Absolute) float(x) แปลงจำ�นวนเต็มเป็นเลขทศนิยม len(x) ห�คว�มย�วของตัวอักขระในข้อคว�ม (Length) input(x) รับข้อมูลนำ�เข้�จ�กคีย์บอร์ด int(x) แปลงจำ�นวนและตัวอักษรเป็นจำ�นวนเต็ม (Integer) pow(x, y) x ยกกำ�ลัง y (Power) print(x) แสดงผลท�งหน้�จอ range(x) สร้�งข้อมูลแบบลำ�ดับที่อยู่ในช่วงที่กำ�หนด str(x) แปลงตัวเลขเป็นตัวอักษร (String) type(x) ตรวจสอบและแสดงชนิดข้อมูล ฟังก์ชันคืออะไร คำ�ถ�มสำ�คัญ 1. นักเรียนร่วมกันสังเกตและรวบรวม ข้อมูลเกี่ยวกับฟังก์ชัน แล้วตอบ คําถาม ดังนี้ • ฟังก์ชันคืออะไร (ตัวอย่างคำตอบ เป็นชุดคําสั่งที่ทําหน้าที่ ทํางานอย่างใดอย่างหนึ่ง สามารถเรียก ใช้งานกี่ครั้งก็ได้ โดยไม่ต้องเขียน โปรแกรมขึ้นมาใหม่) • ภาษาไพธอนมีฟังก์ชันกี่ประเภท อะไรบ้าง (2 ประเภท ได้แก่ Built-in Function และ Library Functions) • ประโยชน์ของฟังก์ชันในภาษา ไพธอนคืออะไร (ตัวอย่างคำตอบ ไม่ต้องเขียนโปรแกรมขึ้นมาใหม่ ทําให้ การเขียนโปรแกรมที่ซับซ้อนทําได้ง่ายขึ้น 2. นักเรียนสังเกตและรวบรวมข้อมูล เกี่ยวกับฟังก์ชัน จากแหล่งการเรียนรู้ อื่น ๆ ที่หลากหลาย เช่น หนังสือเรียน อินเทอร์เน็ต ว 4.2 ม.2/2 ภาระงาน/ชิ้นงาน (-) ขั้นสังเกต รวบรวมข้อมูล Step 1 ขั้นคิดวิเคราะห์ และสรุปความรู้ Step 2 3. นักเรียนร่วมกันเปรียบเทียบฟังก์ชัน จากไลบรารีมาตรฐาน (standard Library) โดยบันทึกคําตอบเป็น แผนภาพความคิด บนกระดาน ดังตัวอย่าง Built-in Function ได้สินค้าตาม ความต้องการ Library Functions เป็นฟังก์ชันที่ถูกเก็บใน ตัวแปลภาษา จึงสามารถ เรียกใช้ได้ทันที เป็นฟังก์ชันที่จัดเก็บ เป็นโมดูลในไลบรารี ซึ่งก่อนจะนํามาใช้งาน ต้องเรียกโมดูล (import module) ของฟังก์ชันที่ต้องการ เข้ามาก่อน สามารถเรียกใช้ได้ โดย ไม่ต้องเขียนโปรแกรม ขึ้นมาเอง 4. นักเรียนวิเคราะห์เกี่ยวกับ Built-in Function พื้นฐานที่มักจะนามาใช้ใน ํ การเขียนโปรแกรม เพื่อนําไปใช้ใน การเขียนโปรแกรม ตัวชี้วัด
สุดยอดคู่มือครู 9090 ขั้นสังเกต รวบรวมข้อมูล Gathering ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความรู้ Processing บูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21 GPAS 5 Steps แนวข้อสอบ O-NET/PISA 90 เทคโนโลยี (วิทย�ก�รคำ�นวณ) ชั้นมัธยมศึกษ�ปีที่ 2 ผู้พัฒน�ภ�ษ�ไพธอนได้สร้�งฟังก์ชันสำ�หรับใช้ในก�รเขียนโปรแกรมเฉพ�ะท�งด้�นต่�ง ๆ เช่น ฟังก์ชันก�รคำ�นวณท�งคณิตศ�สตร์ (math) สถิติ (statistics) ปฏิทิน (calendar) เวล� (time) กร�ฟิก (graphic) ก�รเชื่อมต่อฐ�นข้อมูล (sqlite3) หรือระบบเครือข่�ย (RPyC) ตัวอย่�งก�รเรียกใช้ฟังก์ชันจ�กโมดูล math ในไลบร�รี มีดังนี้ import math ก�รเรียกใช้ฟังก์ชัน sqrt() จะต้องมีชื่อโมดูลต�มด้วย . แล้วใส่ชื่อฟังก์ชันที่ต้องก�รเรียกใช้ง�น มีรูปแบบดังนี้ math.sqrt(x) ถ้�ห�กต้องก�รเรียกทุกฟังก์ชันในโมดูล ให้ใส่เครื่องหม�ย * หลัง import ตัวอย่างที่ 1 การเรียกใช้ฟังก์ชันจากโมดูลด้วย import ตัวอย่างที่ 2 การเรียกใช้ฟังก์ชันจากโมดูลด้วย from…import… ตัวอย่างที่ 3 การเรียกใช้ฟังก์ชันจากโมดูลด้วย from…import * โปรแกรม ผลลัพธ์พร้อมตัวอย่างข้อมูลนําเข้า 1 2 3 4 5 import math print(math.sqrt(169)) print(math.sin(0.5)) print(math.exp(1)) print(math.log10(100)) 13.0 0.479425538604203 2.718281828459045 2.0 โปรแกรม ผลลัพธ์พร้อมตัวอย่างข้อมูลนําเข้า 1 2 3 4 5 from math import sqrt,sin,exp,log10 print(sqrt(169)) print(sin(0.5)) Print(exp(1)) print(log10(100)) 13.0 0.479425538604203 2.718281828459045 2.0 โปรแกรม ผลลัพธ์พร้อมตัวอย่างข้อมูลนําเข้า 1 2 3 4 5 from math import * print(sqrt(169)) print(sin(0.5)) print(exp(1)) print(log10(100)) 13.0 0.479425538604203 2.718281828459045 2.0 ขั้นคิดวิเคราะห์ และสรุปความรู้ Step 2 5. นักเรียนร่วมกันวิเคราะห์ฟังก์ชัน เฉพาะทางด้านต่าง ๆ จากนั้นบันทึก คําตอบเป็นแผนภาพความคิดบน กระดาน ดังตัวอย่าง 6. นักเรียนร่วมกันสรุปความคิดรวบยอด เกี่ยวกับฟังก์ชัน ดังนี้ • การใช้ฟังก์ชันเข้ามาช่วยในการ เขียนโปรแกรม ทําให้การเขียน โปรแกรมที่ซับซ้อนทําได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องเขียนโปรแกรมขึ้นมาใหม่ สามารถแบ่งส่วนการทํางานของ โปรแกรมเป็นส่วนต่าง ๆ แล้วนํามา ประกอบกันเป็นงานใหญ่ได้ 7. นักเรียนจับคู่ตามความเหมาะสมของ จํานวนเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยมี นักเรียน 1 คนที่มีประสบการณ์ใน การใช้คอมพิวเตอร์ จากนั้นปฏิบัติ การเขียนโปรแกรม ดังตัวอย่าง Step 3 ขั้นปฏิบัติ และสรุปความรู้ หลังการปฏิบัติ การคํานวณ ทางคณิตศาสตร์ (math) สถิติ (statistics) ปฏิทิน (calendar) เวลา (time) กราฟิก (graphic) การเชื่อมต่อ ฐานข้อมูล (sqlite3) ระบบ เครือข่าย (RPyC) ฟังก์ชัน เฉพาะทาง ด้านต่าง ๆ ถ้าหากต้องการเรียกทุกฟังก์ชันในโมดูล ให้ใส่เครื่องหมาย * หลัง import ตัวอย่างที่ 1 การเรียกใช้ฟังก์ชันจากโมดูลด้วย import ตัวอย่างที่ 2 การเรียกใช้ฟังก์ชันจากโมดูลด้วย from…import… ตัวอย่างที่ 3 การเรียกใช้ฟังก์ชันจากโมดูลด้วย from…import * โปรแกรม ผลลัพธ์พร้อมตัวอย่างข้อมูลนำ เข้า 1 2 3 4 5 import math print(math.sqrt(169)) print(math.sin(0.5)) print(math.exp(1)) print(math.log10(100)) 13.0 0.479425538604203 2.718281828459045 2.0 โปรแกรม ผลลัพธ์พร้อมตัวอย่างข้อมูลนำ เข้า 1 2 3 4 5 from math import sqrt,sin,exp,log10 print(sqrt(169)) print(sin(0.5)) Print(exp(1)) print(log10(100)) 13.0 0.479425538604203 2.718281828459045 2.0 โปรแกรม ผลลัพธ์พร้อมตัวอย่างข้อมูลนำ เข้า 1 2 3 4 5 from math import * print(sqrt(169)) print(sin(0.5)) print(exp(1)) print(log10(100)) 13.0 0.479425538604203 2.718281828459045 2.0
9191 สุดยอดคู่มือครู รอบรู้อาเซียนและโลก ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่า Self-Regulating เสริมความรู้ ครูควรสอน ตัวชี้วัด ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ Applying and Constructing the Knowledge ขั้นสื่อสารและน�ำเสนอ Applying the Communication Skill asean ก�รพัฒน�โปรแกรมเพื่อแก้ปัญห� 91 2. ฟังก์ชันที่ผู้เขียนโปรแกรมสร้างขึ้นมาเอง (User defined function) เป็นฟังก์ชันที่นิย�มขึ้นม� เพื่อใช้เอง จ�กนั้นจึงเรียกใช้ฟังก์ชันที่สร้�งขึ้นในตำ�แหน่งถัดม� ภาพที่ 2.36 การเรียกใช้ฟังก์ชันประเภทต่าง ๆ import math x = 25 def myfunction (): ... y = math.pow(x,2) print(y) myfunction() 4. ฟังก์ชันหลัก (main function) 1.การนำาเข้าโมดูล • รูปแบบก�รนำ�เข้�โมดูล import(module name) 2.ประกาศตัวแปรโกลบอลสำาหรับ ไว้ใช้ร่วมกันทั้งโปรแกรม 3. นิยามฟังก์ชันขึ้นมาใช้เอง (User defined function) • รูปแบบก�รนิย�มฟังก์ชัน ขึ้นม�ใช้เอง def ชื่อฟังก์ชัน(พ�ร�มิเตอร์): คำ�สั่ง Math.py Library นำาเข้าโมดูล เรียกใช้ฟังก์ชัน ในโมดูล เรียกใช้ฟังก์ชันจาก อินเทอร์พรีเตอร์ เรียกใช้ฟังก์ชันจาก ที่สร้างเอง ก�รเรียกใช้ฟังก์ชันส�ม�รถเรียกใช้ได้ใน ส่วนต่�ง ๆ ของโปรแกรม ฟังก์ชันที่ไม่มีก�รส่งผ่�นค่� เมื่อเรียกชื่อฟังก์ชันโปรแกรมจะทำ�ง�นทันที แต่ถ้� ฟังก์ชันนั้นเป็นฟังก์ชันที่ต้องส่งผ่�นค่�เข้�ไปใน ฟังก์ชัน เมื่อเรียกใช้จะต้องส่งค่�เข้�ไปด้วย เช่น myfunction(5) myfunction(x) ตัวอย่�งนี้บรรทัดแรกจะส่งค่� 5 เข้�ไป ในฟังก์ชัน บรรทัดที่สองจะส่งค่�ตัวแปร x เข้�ไป ในฟังก์ชันที่สร้�งขึ้น สำ�หรับฟังก์ชันที่มีก�รส่งค่�กลับจะต้อง ประก�ศตัวแปรสำ�หรับค่�ที่ได้จ�กฟังก์ชันด้วย โดยมีรูปแบบดังนี้ ตัวแปร = myfunction(x) ตัวอย่�ง a = myfunction(x) ก�รกำ�หนดฟังก์ชัน เป็นก�รสร้�งชุดคำ�สั่งเพื่อนำ�ไปเรียกใช้ในส่วนใดส่วนหนึ่งของโปรแกรมได้ บ่อย ๆ โดยมีร�ยละเอียดดังนี้ รูปแบบก�รนิย�มฟังก์ชัน มีดังนี้ def myfunction(x): คําสั่ง Python Interpreter 8. นักเรียนร่วมกันศึกษาฟังก์ชันที่ ผู้เขียนโปรแกรมสร้างขึ้นมาเอง (User defined function) แล้วตอบ คําถาม ดังนี้ • บอกข้อดีของการเขียนฟังก์ชัน ที่ผู้เขียนโปรแกรมสร้างขึ้นมาเอง (ตัวอย่างคําตอบ สามารถกําหนดค่าและ รูปแบบการทํางานของฟังก์ชันได้เอง และ สามารถปรับปรุงแก้ไขได้ตามต้องการ) • นักเรียนเขียนฟังก์ชันที่สร้างขึ้น มาเอง เพื่อประกาศเก็บสูตร 5 + 5 * 5 def sum(x): return 5+5*5 Step 3 ขั้นปฏิบัติ และสรุปความรู้ หลังการปฏิบัติ ข้อใดคือประโยชน์ของฟังก์ชันที่ผู้เขียนโปรแกรมสร้างขึ้นมาเอง (User defined function) 1 ทําให้ประมวลผลลัพธ์เร็วขึ้น 2 ไม่สามารถกําหนดค่าและรูปแบบการทํางานของฟังก์ชันได้ 3 สามารถกําหนดค่าและรูปแบบการทํางานของฟังก์ชันได้ 4 ทําให้เกิดข้อผิดพลาดในการประมวลผลน้อยลง NET แนวข้อสอบ O-NET/PISA (เฉลย 3 เพราะฟังก์ชันที่ผู้เขียนโปรแกรมสร้าง ขึ้นมาเอง สามารถกําหนดค่าและรูปแบบการทํางาน ของฟังก์ชันได้ เช่น กําหนดสมการทาง คณิตศาสตร์ กําหนดสูตรทางฟิสิกส์ได้ตามความ ต้องการของผู้ใช้)
สุดยอดคู่มือครู 9292 ขั้นสังเกต รวบรวมข้อมูล Gathering ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความรู้ Processing บูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21 GPAS 5 Steps แนวข้อสอบ O-NET/PISA 92 เทคโนโลยี (วิทย�ก�รคำ�นวณ) ชั้นมัธยมศึกษ�ปีที่ 2 โครงงานสร้างสรรค์ นักเรียนแบ่งกลุ่มเขียนโปรแกรมเพื่อจำ�ลองระบบก�รทำ�ง�นอย่�งง่�ย เช่น ร้�นค้� จองที่นั่ง โต๊ะอ�ห�ร เกมอย่�งง่�ย โปรแกรม ผลลัพธ์ พร้อมตัวอย่างข้อมูลนําเข้า 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 def area(x): return 22 / 7 * x ** 2 def circumference(x): return 2 * 22 / 7 * x choice = int(input("Find area of circle press 1\nFind circumference press 2\nFind all press others:")) r = int(input("Enter radius:")) if choice == 1: print("Area =", area(r)) elif choice == 2: print("Circumference =", circumference(r)) else: print("Area =", area(r)) print("Circumference =", circumference(r)) Find area of circle press 1 Find circumference press 2 Find all press others:1 Enter radius:7 Area = 154.0 ตัวอย่างที่ 1 การสร้างฟังก์ชันเพื่อใช้งานซำ้า ๆ ตัวอย่างที่ 2 การสร้างฟังก์ชันที่มีการเรียกตัวเอง (recursive function) โปรแกรม ผลลัพธ์ พร้อมตัวอย่างข้อมูลนําเข้า 1 2 3 4 5 6 7 8 def factorial(x): if x == 1: return x else: return x * factorial(x-1) n = int(input("n = ")) print(factorial(n)) n = 5 120 9. นักเรียนร่วมกันปฏิบัติการเขียน โปรแกรมการสร้างฟังก์ชันเพื่อใช้งาน ซํ้า ๆ ดังตัวอย่าง Step 3 ขั้นปฏิบัติ และสรุปความรู้ หลังการปฏิบัติ 10. นักเรียนร่วมกันปฏิบัติการเขียน โปรแกรมการสร้างฟังก์ชันที่มี การเรียกตัวเอง ดังตัวอย่าง 11. นักเรียนร่วมกันปฏิบัติการเขียน โปรแกรมการคํา น ว ณ ห า พื้ น ที่ รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสและปริมาตรของ พีระมิดโดยใช้ฟังก์ชัน กิจกรรมนี้ประเมินตัวชี้วัด ว 4.2 ม.2/2 12. นักเรียนสรุปสิ่งที่เข้าใจเป็นความรู้ ร่วมกัน ดังนี้ • ฟังก์ชันเป็นชุดคําสั่งที่มีหน้าที่ ทํางานอย่างใดอย่างหนึ่งสามารถ เรียกใช้งานกี่ครั้งก็ได้ โดยไม่ต้อง เขียนโปรแกรมขึ้นมาใหม่ ทําให้ การเขียนโปรแกรมที่ซับซ้อนทําได้ ง่ า ย ขึ้ น ฟั ง ก์ ชั น แ บ่ ง อ อ ก เ ป็ น 2 ประเภท ได้แก่ ฟังก์ชันจากไลบรารี มาตรฐาน และฟังก์ชันที่ผู้เขียน โปรแกรมสร้างขึ้นมาเอง 92 เทคโนโลยี (วิทย�ก�รคำ�นวณ) ชั้นมัธยมศึกษ�ปีที่ 2 โครงงานสร้างสรรค์ นักเรียนแบ่งกลุ่มเขียนโปรแกรมเพื่อจำ�ลองระบบก�รทำ�ง�นอย่�งง่�ย เช่น ร้�นค้� จองที่นั่ง โต๊ะอ�ห�ร เกมอย่�งง่�ย โปรแกรม ผลลัพธ์ พร้อมตัวอย่างข้อมูลนําเข้า 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 def area(x): return 22 / 7 * x ** 2 def circumference(x): return 2 * 22 / 7 * x choice = int(input("Find area of circle press 1\nFind circumference press 2\nFind all press others:")) r = int(input("Enter radius:")) if choice == 1: print("Area =", area(r)) elif choice == 2: print("Circumference =", circumference(r)) else: print("Area =", area(r)) print("Circumference =", circumference(r)) Find area of circle press 1 Find circumference press 2 Find all press others:1 Enter radius:7 Area = 154.0 ตัวอย่างที่ 1 การสร้างฟังก์ชันเพื่อใช้งานซำ้า ๆ ตัวอย่างที่ 2 การสร้างฟังก์ชันที่มีการเรียกตัวเอง (recursive function) โปรแกรม ผลลัพธ์ พร้อมตัวอย่างข้อมูลนําเข้า 1 2 3 4 5 6 7 8 def factorial(x): if x == 1: return x else: return x * factorial(x-1) n = int(input("n = ")) print(factorial(n)) n = 5 120 92 เทคโนโลยี (วิทย�ก�รคำ�นวณ) ชั้นมัธยมศึกษ�ปีที่ 2 โครงงานสร้างสรรค์ นักเรียนแบ่งกลุ่มเขียนโปรแกรมเพื่อจำ�ลองระบบก�รทำ�ง�นอย่�งง่�ย เช่น ร้�นค้� จองที่นั่ง โต๊ะอ�ห�ร เกมอย่�งง่�ย โปรแกรม ผลลัพธ์ พร้อมตัวอย่างข้อมูลนําเข้า 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 def area(x): return 22 / 7 * x ** 2 def circumference(x): return 2 * 22 / 7 * x choice = int(input("Find area of circle press 1\nFind circumference press 2\nFind all press others:")) r = int(input("Enter radius:")) if choice == 1: print("Area =", area(r)) elif choice == 2: print("Circumference =", circumference(r)) else: print("Area =", area(r)) print("Circumference =", circumference(r)) Find area of circle press 1 Find circumference press 2 Find all press others:1 Enter radius:7 Area = 154.0 ตัวอย่างที่ 1 การสร้างฟังก์ชันเพื่อใช้งานซำ้า ๆ ตัวอย่างที่ 2 การสร้างฟังก์ชันที่มีการเรียกตัวเอง (recursive function) โปรแกรม ผลลัพธ์ พร้อมตัวอย่างข้อมูลนําเข้า 1 2 3 4 5 6 7 8 def factorial(x): if x == 1: return x else: return x * factorial(x-1) n = int(input("n = ")) print(factorial(n)) n = 5 120 ขั้นสื่อสารและน�ำเสนอ Step4 Step5 ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่า บริการสังคม และจิตสาธารณะ 13. นักเรียนนําเสนอโปรแกรมการ คํานวณหาพื้นที่รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส และปริมาตรของพีระมิดโดยใช้ ฟังก์ชันหน้าชั้นเรียน และบอกปัญหา ที่พบ พร้อมร่วมกันตรวจสอบความ ถูกต้อง เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน 14. นักเรียนนําความรู้เกี่ยวกับฟังก์ชัน ไปพัฒนาโปรแกรม เพื่อใช้แก้ปัญหา ในชีวิตประจําวัน และให้ความรู้กับ เพื่อน ๆ เพื่อเป็นการเผยแพร่ความรู้
9393 สุดยอดคู่มือครู รอบรู้อาเซียนและโลก ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่า Self-Regulating เสริมความรู้ ครูควรสอน ตัวชี้วัด ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ Applying and Constructing the Knowledge ขั้นสื่อสารและน�ำเสนอ Applying the Communication Skill asean ก�รพัฒน�โปรแกรมเพื่อแก้ปัญห� 93 1. จัดกลุ่มเพื่อร่วมกันสมมุติเป็นทีมพัฒน�ซอฟต์แวร์ แบ่งหน้�ที่ก�รทำ�ง�นต�มขั้นตอน SDLC เพื่อแก้โจทย์ปัญห� 2. จัดทำ�ชิ้นส่วนของผังง�นเพื่อให้นักเรียนฝึกลำ�ดับก�รทำ�ง�นด้วยผังง�น กิจกรรมการเรียนรู้ 1. เพร�ะเหตุใดขั้นตอนวิเคร�ะห์คว�มต้องก�รจึงเป็นขั้นตอนที่สำ�คัญที่สุด 2. จงอธิบ�ยข้อแตกต่�งระหว่�งอินเทอร์พรีเตอร์กับคอมไพเลอร์ 3. จงบอกชนิดข้อมูลจ�กก�รประก�ศตัวแปรดังต่อไปนี้ number = 4126 name = “Lattapol” phonenumber = “087656364” grade = 3.96 number, name, phonenumber, grade เป็นข้อมูลชนิดใด 4. จงห�ผลลัพธ์ของนิพจน์ 451 + 327 / 3 + 12 * 6 - 5 ** 3 5. จงเขียนโปรแกรมเพื่อแปลงอุณหภูมิหน่วยองศ�เซลเซียสเป็นหน่วยองศ�ฟ�เรนไฮต์ องศ�โรเมอร์ และเคลวิน 6. จงเขียนโปรแกรมเพื่อรับจำ�นวนเต็ม แล้วตรวจสอบว่�เป็นเลขคู่หรือเลขคี่ 7. จงเขียนโปรแกรมคำ�นวณค่� BMI (Body Mass Index) โดยรับน�ำ้หนัก (กิโลกรัม) และคว�มสูง (เมตร) แล้วคำ�นวณค่� BMI จ�กสูตร BMI = นำ้�หนัก (กิโลกรัม) (คว�มสูง (เมตร))2 แล้วสรุปว่�ถ้� น้อยกว่� 18.5 หม�ยถึง นำ้�หนักน้อยกว่�ม�ตรฐ�น 18.5-22.9 หม�ยถึง ปกติ 23-24.9 หม�ยถึง อ้วนระดับ 1 25-29.9 หม�ยถึง อ้วนระดับ 2 ม�กกว่�หรือเท่�กับ 30 หม�ยถึง อ้วนระดับ 3 8. จงเขียนโปรแกรมเพื่อรับร�ค�สินค้� 10 อย่�ง แล้วสรุปร�ค�รวมของสินค้�ที่ซื้อ 9. จงเขียนโปรแกรมแสดงสูตรคูณแม่ n โดยรับ n จ�กผู้ใช้ท�งคีย์บอร์ด 10. จงเขียนโปรแกรมแสดงลำ�ดับฟีโบนัชชี คำาถามพัฒนากระบวนการคิด ? แนวค�ำตอบ 1. เฉลยคําตอบอยู่ส่วนหน้า หน้าที่ 21 2. เฉลยคําตอบอยู่ส่วนหน้า หน้าที่ 21 3. เฉลยคําตอบอยู่ส่วนหน้า หน้าที่ 21 4. เฉลยคําตอบอยู่ส่วนหน้า หน้าที่ 21 5. เฉลยคําตอบอยู่ส่วนหน้า หน้าที่ 21 6. เฉลยคําตอบอยู่ส่วนหน้า หน้าที่ 21 7. เฉลยคําตอบอยู่ส่วนหน้า หน้าที่ 22 8. เฉลยคําตอบอยู่ส่วนหน้า หน้าที่ 22 9. เฉลยคําตอบอยู่ส่วนหน้า หน้าที่ 22 10. เฉลยคําตอบอยู่ส่วนหน้า หน้าที่ 22
สุดยอดคู่มือครู 9494 ขั้นสังเกต รวบรวมข้อมูล Gathering ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความรู้ Processing บูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21 GPAS 5 Steps แนวข้อสอบ O-NET/PISA ฮาร์ดแวร์ ข้อมูล ซอฟต์แวร์ บุคลากร ขั้นตอน การปฏิบัติงาน แผนผังหัวข้อหน่วยการเรียนรู้ 3 หนว่ ยการเรยีนรทู้่ี คอมพิวเตอร์ • อภิปรายองค์ประกอบและหลักการทำางานของระบบคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีการสื่อสาร เพื่อประยุกต์ใช้งานหรือ แก้ปัญหาเบื้องต้น (ว 4.2 ม.2/3) ตัวชี้วัด คำาศัพท์ คำาอ่าน คำาแปล arithmetic logic unit อะริธ′ เมททิค ลอจ′ จิค ยู′ นิท หน่วยคำานวณและตรรกะ compact disc คอม′ แพคทฺ ดิสคฺ แผ่นซีดี digital versatile disc ดิจ′ จิ เทิล เวอร์′ ซะไทลฺ ดิสคฺ แผ่นดีวีดี fetching เฟช′ ชิง การรับข้อมูลเข้า magnetic tape แมกเนท′ ทิค เทพ เทปแม่เหล็ก ศัพท์เทคโนโลยีน่ารู้ การประยุกต์ใช้งาน และการแก้ปัญหา เบื้องต้น คอมพิวเตอร์ หลักการทำางาน ของคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ ระบบคอมพิวเตอร์ เป้าหมายการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคำ นวณใน การแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงอย่างเป็น ขั้นตอนและเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้ การทำ งาน และการแก้ปัญหาได้อย่างมี ประสิทธิภาพ รู้เท่าทัน และมีจริยธรรม
9595 สุดยอดคู่มือครู รอบรู้อาเซียนและโลก ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่า Self-Regulating เสริมความรู้ ครูควรสอน ตัวชี้วัด ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ Applying and Constructing the Knowledge ขั้นสื่อสารและน�ำเสนอ Applying the Communication Skill asean (Hardware) อุปกรณ์หลัก และอุปกรณ์ต่อพ่วงต่าง ๆ ฮาร์ดแวร์ (Software) เป็นโปรแกรมหรือชุดคำาสั่ง ที่ควบคุมการทำางาน ของคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ (Data) เป็นสิ่งที่จะต้อง นำาเข้าสู่คอมพิวเตอร์และ นำาออกมาจากคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะต้องเลือกใช้ข้อมูล ที่เพียงพอเหมาะสม กับวัตถุประสงค์ ข้อมูล (People) บุคลากรที่เกี่ยวข้อง กับระบบทั้งเป็นผู้พัฒนา หรือผู้ใช้งานระบบ บุคลากร การปฏิบัติงาน (Procedure) การทำางานของผู้ปฏิบัติ ตามลำาดับขั้นตอน ขั้นตอน สมรรถนะสำ คัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ใฝ่เรียนรู้ ตัวชี้วัดที่ 4.1 ตั้งใจ เพียรพยายามใน การเรียนและเข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ ตัวชี้วัดที่ 4.2 แสวงหาความรู้จากแหล่ง เรียนรู้ต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอก โรงเรียน ด้วยการเลือกใช้สื่ออย่าง เหมาะสม บันทึกความรู้ วิเคราะห์ สรุปเป็น องค์ความรู้ สามารถนำ ไปใช้ในชีวิต ประจำวันได้ มุ่งมั่นในการทำงาน ตัวชี้วัดที่ 6.1 ตั้งใจและรับผิดชอบในการ ปฏิบัติหน้าที่การงาน ตัวชี้วัดที่ 6.2 ทำ งานด้วยความเพียร พยายามและอดทนเพื่อให้งานสำ เร็จ ตามเป้าหมาย นักเรียนแบ่งกลุ่ม แต่ละกลุ่มสำรวจปัญหาที่เกิดขึ้นในชุมชนใกล้โรงเรียน แล้วเลือกปัญหามา 1 ปัญหา และร่วมกันออกแบบการแก้ปัญหาโดยใช้ระบบ การทำ งานของคอมพิวเตอร์ จัดทำ ในรูปแบบโครงงาน บูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21 จดุ ประกายโครงงาน
สุดยอดคู่มือครู 9696 ขั้นสังเกต รวบรวมข้อมูล Gathering ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความรู้ Processing บูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21 GPAS 5 Steps แนวข้อสอบ O-NET/PISA 96 เทคโนโลยี (วิทย�ก�รคำ�นวณ) ชั้นมัธยมศึกษ�ปีที่ 2 แผนภาพที่ 3.1 การประยุกต์ใช้คอมพิวเตอร์กับงานต่าง ๆ คอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ (Computer) เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในก�รคิดคำ�นวณ และช่วยอำ�นวย คว�มสะดวกในก�รแก้ปัญห�ที่ซับซ้อนที่มนุษย์ไม่ส�ม�รถคิดแก้ปัญห�ได้ อีกทั้งยังมีคว�มรวดเร็ว และแม่นยำ�ในก�รทำ�ง�นด้�นต่�ง ๆ โดยคอมพิวเตอร์ส�ม�รถนำ�ไปใช้ประโยชน์ในก�รดำ�เนินชีวิตประจำ�วัน ได้อย่�งหล�กหล�ย ควบคุมก�รทำ�ง�นของ เครื่องรับจ่�ยเงินอัตโนมัติ (ATM) กัปตันบังคับและควบคุม เ ค รื่ อ ง บิ น ผ่�นระบบ คอมพิวเตอร์ของเครื่องบิน เป็นสังคมออนไลน์ที่ใช้ ติดต่อสื่อส�ร แชร์ ประสบก�รณ์ แบ่งปัน คว�มรู้คว�มบันเทิง ต่�ง ๆ ใ ช้ ค อ ม พิ ว เ ต อ ร์ ในก�รเก็บรวบรวม ข้อมูลและประมวลผล ในก�รพย�กรณ์อ�ก�ศ ก�รเกิดปร�กฏก�รณ์ ต่�ง ๆ เกมคอมพิวเตอร์ประเภทต่�ง ๆ เพื่อผ่อนคล�ยคว�มเครียด เกิดคว�มสนุกสน�น นอกจ�กนี้ เกมบ�งประเภทยังช่วยฝึกสมองเสริมสร้�งทักษะก�รเรียนรู้ ก�รคิดสร้�งสรรค์ และทักษะ ท�งภ�ษ�อีกด้วย ระบบกล้องวงจรปิดที่ใช้ในก�ร บันทึกและถ่�ยทอดภ�พเคลื่อนไหว ไปยังอุปกรณ์ปล�ยท�ง โดยใช้ก�ร บันทึกภ�พพื้นที่ที่ต้องก�รตรวจสอบ และเฝ้�ระวัง ก�รออกแบบชิ้นง�นรูปแบบต่�ง ๆ เช่น ก�รพิมพ์เอกส�ร ร�ยง�น จดหม�ย สื่อสิ่งพิมพ์ประเภทต่�ง ๆ เพื่อถ่�ยทอด ข้อมูลข่�วส�รไปยังผู้รับส�ร 1. 7. 6. 5. 2. 3. 4. คอมพิวเตอร์ ในปัจจุบันมีการนำาคอมพิวเตอร์มาประยุกต์ใช้ กับงานด้านต่างๆอะไรบ้าง คำ�ถ�มสำ�คัญ 1. นักเรียนร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับ คอมพิวเตอร์ โดยตอบคำถาม ดังนี้ • คอมพิวเตอร์สามารถทำ งาน ในด้านใดได้บ้าง (ตัวอย่างคำ ตอบ พิมพ์เอกสาร จัดทำ รายงาน) • คอมพิวเตอร์สามารถนำมาใช้ เพื่อความบันเทิงได้อย่างไร (ตัวอย่างคำ ตอบ รับชมภาพยนตร์ รับฟังดนตรีเพลงเล่นวิดีโอเกม) • ในปัจจุบันมีการนำคอมพิวเตอร์ มาประยุกต์ใช้กับด้านต่าง ๆ อะไรบ้าง (ตัวอย่างคำ ตอบ การนำ คอมพิวเตอร์ มาประ ยุ กต์ ใ ช้ กับ กล้องวง จรปิด ในการตรวจจับและรายงานสภาพจราจร) ตัวชี้วัด ว 4.2 ม.2/3 ภาระงาน/ชิ้นงาน แผนภาพความคิดประโยชน์และโทษ ของการใช้งานคอมพิวเตอร์ ขั้นสังเกต รวบรวมข้อมูล Step 1 ข้อใดไม่ใช่การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศด้านการศึกษา 1 การใช้งาน e-learning 2 การออกแบบป้ายโรงเรียน 3 การจัดเก็บข้อมูลนักเรียนในเครื่องคอมพิวเตอร์ 4 การจัดทำ เอกสารสื่อการสอนและรายงาน (เฉลย 2 เพราะการออกแบบป้ายโรงเรียนเป็นการทำสื่อเพื่อเผยแพร่ข้อมูลของโรงเรียน ไม่ได้ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศด้านการศึกษา) NET แนวข้อสอบ O-NET/PISA
9797 สุดยอดคู่มือครู รอบรู้อาเซียนและโลก ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่า Self-Regulating เสริมความรู้ ครูควรสอน ตัวชี้วัด ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ Applying and Constructing the Knowledge ขั้นสื่อสารและน�ำเสนอ Applying the Communication Skill asean คอมพิวเตอร์ 97 ภาพที่ 3.1 ตู้ ATM ภาพที่ 3.2 หัวหน้าควบคุมเครื่องบิน ภาพที่ 3.3 โซเชียลเน็ตเวิร์ก ภาพที่ 3.4 การพยากรณ์อากาศ ภาพที่ 3.5 เกมเขาวงกต ภาพที่ 3.6 กล้องวงจรปิด ภาพที่ 3.7 การสร้างเอกสารหรือชิ้นงาน 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. ขั้นคิดวิเคราะห์ และสรุปความรู้ Step 2 2. นักเรียนร่วมกันสังเกตภาพการนำ คอมพิวเตอร์มาใช้ประโยชน์ในชีวิต ประจำวัน 3. นักเรียนร่วมกันอภิปรายภาพว่า เป็นการประยุกต์ใช้คอมพิวเตอร์ ให้เกิดประโยชน์อย่างไร • ภาพตู้ ATM (ตัวอย่างคำ ตอบ ควบคุมการทำงานของ เครื่องATMในการทำธุรกรรมทางการเงิน) • ภาพหัวหน้าควบคุมเครื่องบิน (ตัวอย่างคำ ตอบ คอมพิวเตอร์ช่วยใน การควบคุมการบิน การอำ นวยความ สะดวกแก่นักบินและเพิ่มความปลอดภัย) • ภาพโซเชียลเน็ตเวิร์ก (ตัวอย่างคำ ตอบ ทำให้การสื่อสารเป็น เรื่องง่ายไร้ขีดจำกัดอยู่ไกลคนละมุมโลก ก็สามารถสื่อสารแบ่งปันความรู้กันได้) • ภาพการพยากรณ์อากาศ (ตัวอย่างคำ ตอบ การนำ คอมพิวเตอร์ หรือเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เข้ามา พ ยา กรณ์ด้ว ย การ เ ก็ บข้ อ มูล และ ประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ) • ภาพเกมเขาวงกต (ตัวอย่างคำ ตอบใช้เพื่อการผ่อนคลาย และสามารถสร้างเสริมประสบการณ์ รวมถึงความรู้ให้กับผู้เล่นได้) • ภาพกล้องวงจรปิด (ตัวอย่างคำ ตอบช่วยในการรักษาความ ปลอดภัย ติดตามเฝ้าระวังเหตุการณ์ หรือบุคคลที่ไม่หวังดี) • ภาพการสร้างเอกสารหรือ ชิ้นงาน (ตัวอย่างคำ ตอบลดภาระการทำงานให้ น้อยลงลดการใช้ปริมาณกระดาษและ เพิ่มประสิทธิภาพการทํางานให้มากขึ้น) 4. นักเรียนศึกษาค้นคว้าและรวบรวม ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่อง คอมพิวเตอร์ จากแหล่งการเรียนรู้อื่น ๆ ที่หลากหลาย เช่น หนังสือเรียน อินเทอร์เน็ต
สุดยอดคู่มือครู 9898 ขั้นสังเกต รวบรวมข้อมูล Gathering ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความรู้ Processing บูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21 GPAS 5 Steps แนวข้อสอบ O-NET/PISA 98 เทคโนโลยี (วิทย�ก�รคำ�นวณ) ชั้นมัธยมศึกษ�ปีที่ 2 1. คอมพิวเตอร์กับง�นด้�นต่�ง ๆ ในชีวิตประจำ�วันอ�จสังเกตได้ว่�สิ่งที่อยู่รอบตัวเร�ล้วนใช้คอมพิวเตอร์ในก�รทำ�ง�นทั้งสิ้น ด้วยคว�มส�ม�รถในก�รทำ�ง�นที่หล�กหล�ย จึงได้มีก�รนำ�คอมพิวเตอร์ม�ประยุกต์ใช้กับง�นด้�นต่�ง ๆ ดังต่อไปนี้ 1.1 ด้านการศึกษา ใช้ในก�รศึกษ� ค้นคว้� และเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์อย่�งหล�กหล�ยส�ข�วิช�ให้กับ ผู้สนใจที่จะเรียนรู้องค์คว�มรู้ต่�ง ๆ ซึ่งส�ม�รถใช้เป็นแหล่งก�รเรียนรู้นอกเหนือจ�กก�รเรียนรู้ในห้องเรียน โดยไม่จำ�กัดช่วงเวล�และช่วงวัย 1.2 ด้านการสื่อสาร ใช้เป็นช่องท�งในก�รส่งส�รจ�กผู้ส่งส�รไปยังผู้รับส�ร ซึ่งอำ�นวยคว�มสะดวกให้ส่งส�ร และเผยแพร่ข้อมูลไปยังผู้รับข้อมูลจำ�นวนม�กในเวล�อันรวดเร็ว 1.3 ด้านการคมนาคมขนส่ง ใช้ในก�รบริห�รจัดก�รและควบคุมดูแลเส้นท�งก�รเดินท�งของก�รจร�จรท�งอ�ก�ศ ท�งบก และท�งน�ำ้ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ รถโดยส�ร เรือ นอกจ�กนี้ยังส�ม�รถนำ�ไปใช้ในก�รขนส่งสินค้� ให้คุ้มค่� ประหยัดเวล�และค่�ใช้จ่�ยได้อย่�งเหม�ะสม 1.4 ด้านความบันเทิง ใช้คอมพิวเตอร์ในก�รผลิตสื่อประเภทต่�ง ๆ เช่น เกม เพลง วิทยุ โทรทัศน์ รวมไปถึง ก�รนำ�เสนอก�รสร้�งร�ยได้และสร้�งคว�มบันเทิงให้กับผู้บริโภค 1.5 ด้านการบริหารประเทศ เป็นเครื่องมือที่ช่วยในก�รบริห�รจัดก�รและประเมินสถ�นก�รณ์ต่�ง ๆ อย่�งเป็นระบบ เช่น ด้�นเศรษฐกิจ ด้�นเทคโนโลยี เพื่อให้ประเทศส�ม�รถขับเคลื่อนและมีคว�มเจริญก้�วหน้� 1.6 ด้านสังคม ใช้ในก�รรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับประช�กรในสังคม เพื่อคำ�นวณแนวโน้มของปัญห� ที่อ�จเกิดขึ้นในอน�คต วิเคร�ะห์เกี่ยวกับคว�มเป็นอยู่ของประช�กรในประเทศ 1.7 ด้านวิศวกรรม ใช้เป็นเครื่องมือในก�รออกแบบ และจำ�ลองอ�ค�ร สถ�นที่ หรือสถ�นก�รณ์ ที่ใกล้เคียงกับคว�มจริง ใช้ควบคุมก�รทำ�ง�น และอุตส�หกรรมต่�ง ๆ ภาพที่ 3.8 แบบจำาลองอาคาร 5. นักเรียนแบ่งกลุ่ม 6 กลุ่ม ร่วมกัน ศึกษาและวิเคราะห์การนาคอมพิวเตอร ํ ์ มาประยุกต์ใช้กับงานในด้านต่าง ๆ และส่งตัวแทนออกมาสรุปความรู้ หน้าชั้นเรียน กลุ่มที่ 1 ประเด็นคำถามที่ต้องวิเคราะห์ และสรุป ด้านการศึกษา และด้าน การสื่อสาร กลุ่มที่ 2 ประเด็นคำถามที่ต้องวิเคราะห์ และสรุป ด้านการคมนาคมขนส่ง และด้านความบันเทิง กลุ่มที่ 3 ประเด็นคำถามที่ต้องวิเคราะห์ และสรุป ด้านการบริหารประเทศ และด้านสังคม กลุ่มที่ 4ประเด็นคำถามที่ต้องวิเคราะห์ และสรุป ด้านวิศวกรรม และด้าน วิทยาศาสตร์ กลุ่มที่ 5 ประเด็นคำถามที่ต้องวิเคราะห์ และสรุป ด้านธุรกิจ และด้าน การแพทย์ กลุ่มที่ 6 ประเด็นคำถามที่ต้องวิเคราะห์ และสรุป ด้านอุตสาหกรรม และด้าน การเกษตร ขั้นคิดวิเคราะห์ และสรุปความรู้ Step 2 communication (คะมิวนิเค′ชัน) การสื่อสาร education (เอจจะเค′ชัน) การศึกษา entertainment (เอนเทอะเทน′ เมินทฺ) ความบันเทิง transportation (แทรนซฺเพอะเท′ชัน) การขนส่ง English talk
9999 สุดยอดคู่มือครู รอบรู้อาเซียนและโลก ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่า Self-Regulating เสริมความรู้ ครูควรสอน ตัวชี้วัด ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ Applying and Constructing the Knowledge ขั้นสื่อสารและน�ำเสนอ Applying the Communication Skill asean คอมพิวเตอร์ 99 1.8 ด้านวิทยาศาสตร์ เป็นเครื่องมือที่ใช้ในก�รศึกษ�ธรรมช�ติและปร�กฏก�รณ์ต่�ง ๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งมีคว�มแม่นยำ� และคว�มเที่ยงตรงในก�รเก็บข้อมูลสูง โดยส�ม�รถนำ�หลักฐ�นหรือผลก�รทดลองไปใช้ในก�รตั้งกฎเกณฑ์ หรือทฤษฎีต่�ง ๆ 1.9 ด้านธุรกิจ ช่วยในก�รอำ�นวยคว�มสะดวกและสร้�งรูปแบบของสินค้�และบริก�รที่น่�สนใจ และ ทันสมัยม�กยิ่งขึ้น เช่น ก�รเข้�ถึงข้อมูลลูกค้�ผ่�นแอปพลิเคชันบนสม�ร์ตโฟน ก�รชำ�ระค่�บริก�รผ่�น e-money 1.10 ด้านการแพทย์ เพิ่มขีดคว�มส�ม�รถ ในก�รวินิจฉัยและรักษ�โรคต่�ง ๆ และลดอัตร�ก�รเสียชีวิตจ�กก�รรักษ� และคว�มข�ดแคลนแพทย์ผู้รักษ�ได้ ภาพที่ 3.9 การวินิจฉัยโรคโดยการ X-Ray 1.11 ด้านอุตสาหกรรม ใช้คอมพิวเตอร์ในก�ร ทดแทนแรงง�นมนุษย์ ซึ่งช่วยในก�ร ลดต้นทุนก�รผลิต เพิ่มอัตร�ก�รผลิต และลดข้อผิดพล�ดที่เกิดขึ้นได้ ภาพที่ 3.10 การผลิตไส้กรอกโดยใช้เครื่องจักรเข้ามาช่วย 1.12 ด้านการเกษตร ใช้คอมพิวเตอร์ในก�รควบคุมก�รปลูกหรือเก็บเกี่ยว เพื่อเพิ่มจำ�นวนของผลผลิต 6. นักเรียนรับฟังการสรุปความรู้ จากเพื่อนที่เป็นตัวแทนออกมา หน้าชั้นเรียน และนำ ความรู้ที่ได้ มาจดบันทึก 7. นักเรียนร่วมกันสรุปเป็นความคิด รวบยอดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ กับงานด้านต่าง ๆ ดังนี้ • การนำ เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ มาประยุกต์ใช้กับงานด้านต่าง ๆ ทั้งด้านการศึกษา ด้านการคมนาคม ขนส่ง ด้านการแพทย์ ด้านความ บันเทิง หรือแม้กระทั่งด้านการเกษตร เพื่อเพิ่มความสะดวกและลดปัญหา ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ขั้นคิดวิเคราะห์ และสรุปความรู้ Step 2 เสริมความรู้ ครูควรสอน e-money ย่อมาจาก Electronic Money หมายถึง มูลค่าเงินที่บันทึกใน สื่ออิเล็กทรอนิกส์ (เช่น ชิปคอมพิวเตอร์ที่ติดในบัตรพลาสติก) ซึ่งผู้ใช้ได้ชำ ระเงิน ล่วงหน้าแก่ผู้ให้บริการ e-money และสามารถชําระค่าบริการสินค้าที่ร้านค้าที่รับชำระ ทำ ให้มีความสะดวก ไม่ต้องพกเงินสดให้ยุ่งยาก โดยมีสกุลเงินเดียวกับประเทศ ที่นำ ไปใช้
สุดยอดคู่มือครู 100 100 ขั้นสังเกต รวบรวมข้อมูล Gathering ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความรู้ Processing บูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21 GPAS 5 Steps แนวข้อสอบ O-NET/PISA 100 เทคโนโลยี (วิทย�ก�รคำ�นวณ) ชั้นมัธยมศึกษ�ปีที่ 2 2. โทษของก�รใช้คอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์มีคว�มจำ�เป็นและก�รใช้ประโยชน์อย่�งม�กม�ย แต่ในท�งตรงกันข้�มก�รใช้ง�น คอมพิวเตอร์ก็มีข้อเสีย ดังต่อไปนี้ 2.1 ปัญหาสุขภาพ ก�รใช้คอมพิวเตอร์ทำ�ให้เสียสุขภ�พ เพร�ะห�กนั่งอยู่กับที่เป็นเวล�น�นอ�จเกิดอ�ก�ร ปวดเมื่อย ส�ยต�เสีย หรือเป็นโรคออฟฟิศซินโดรม (office syndrome) 2.2 ปัญหาสังคม ปัจจุบันมีก�รติดต่อสื่อส�รที่ง่�ยทั้งในรูปแบบภ�พและเสียง ทำ�ให้วัยรุ่นไทยแสดงพฤติกรรม ที่ไม่เหม�ะสมและก่อให้เกิดอันตร�ยต่อตนเองและผู้อื่น ซึ่งปัญห�เหล่�นี้พบม�กในปัจจุบัน เช่น ก�รถูกล่อลวงไปทำ�อน�จ�ร ก�รใช้สื่อออนไลน์ในก�รเผยแพร่สื่อล�มก ก�รเต้นโชว์รูปร่�ง ปัญห�เหล่�นี้ มักเกิดกับวัยเรียนเป็นส่วนม�ก 2.3 ปัญหาสิทธิเสรีภาพ ก�รเผยแพร่ข้อมูลต่�ง ๆ ของตนเองจนบ�งครั้งกล�ยเป็นจุดสนใจของสังคม หรือก�รที่ ผู้อื่นนำ�ข้อมูลของเร�ไปเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญ�ต อ�จทำ�ให้เกิดปัญห�ก�รละเมิดสิทธิเสรีภ�พ เช่น ก�รแอบถ่�ยภ�พส่วนตัวของด�ร�แล้วนำ�ไปเผยแพร่โดยที่เจ้�ตัวไม่ยินยอม 2.4 ปัญหาด้านพฤติกรรมเลียนแบบ เมื่อเด็กพบพฤติกรรมที่ไม่ดีและกำ�ลังตกเป็นกระแสสังคมในโลกออนไลน์ เด็กวัยรุ่นบ�งกลุ่ม ก็จะเลียนแบบพฤติกรรมนั้น ๆ เพร�ะมองเห็นว่�เป็นสิ่งที่สังคมกำ�ลังให้คว�มสนใจ เช่น ก�รใช้ถ้อยคำ�ที่ ไม่สุภ�พต�มกระแส ก�รเต้นถอดเสื้อผ้� ซึ่งก�รเลียนแบบพฤติกรรมที่ไม่ดีแบบนี้จะก่อให้เกิดปัญห�สังคม ต่อไป ปลอดภัยไว้ก่อน ก�รใช้ง�นคอมพิวเตอร์ควรใช้ง�นอย่�งพอเหม�ะเท่�ที่จำ�เป็น ไม่ใช้ง�นต่อเนื่องกันเป็นระยะ เวล�น�น เพร�ะจะส่งผลต่อสุขภ�พ เช่น ส�ยต�เสีย ปวดเมื่อยกล้�มเนื้อ Step 3 ขั้นปฏิบัติ และสรุปความรู้ หลังการปฏิบัติ 8. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันระดม ความคิดเกี่ยวกับประโยชน์และโทษ ของการใช้คอมพิวเตอร์ โดยเขียน เป็นแผนภาพความคิด ดังนี้ คอมพิวเตอร์ ประโยชน์ ศึกษาค้นคว้าข้อมูล การบริการจัดการและ ควบคุมการจราจร ทางอากาศ เพิ่มขีดความสามารถ ในการรักษา เพิ่มความแม่นยำ ใน การศึกษาปรากฏการ ทางธรรมชาติ ควบคุมการปลูกและ เก็บเกี่ยว โทษ ใช้เป็นเวลานาน มีผลต่อสุขภาพ ภาพหรือสื่อที่ ไม่เหมาะสม การเลียนแบบพฤติกรรม ที่ไม่เหมาะสม การใช้สิทธิเสรีภาพ จนเกินเลย กิจกรรมนี้ประเมินตัวชี้วัด ว 4.2 ม.2/3 9. นักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่เข้าใจ เป็นความรู้ร่วมกัน ดังนี้ • การนำ เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ เข้ามาใช้ในชีวิตประจำวัน ส่งผลทำ ให้ ชีวิตประจำ วันมีความสะดวกสบาย ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ทั้งด้านการศึกษา ด้านการแพทย์ ด้านธุรกิจ ด้านความ บันเทิง ด้านการขนส่ง แต่การใช้งาน คอมพิวเตอร์ที่มากเกินพอดีอาจ ส่งผลเสียต่อผู้ใช้งานและคนรอบข้าง การนำ เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เข้ามา ใช้งานควรนำมาใช้ให้เหมาะสม ขั้นสื่อสารและน�ำเสนอ Step4 Step5 ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่า บริการสังคม และจิตสาธารณะ 10. ตัวแทนกลุ่มออกมานำ เสนอแผนภาพ ความคิดประโยชน์และโทษของการ ใช้คอมพิวเตอร์หน้าชั้นเรียน เพื่อ แลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน 11. นักเรียนร่วมกันจัดเก็บข้อมูลจากการ ใช้คอมพิวเตอร์เพื่อนำ มาเสนอ แนวทางปรับปรุงแก้ไขพฤติกรรม การใช้คอมพิวเตอร์ที่ไม่เหมาะสม
101 101 สุดยอดคู่มือครู รอบรู้อาเซียนและโลก ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่า Self-Regulating เสริมความรู้ ครูควรสอน ตัวชี้วัด ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ Applying and Constructing the Knowledge ขั้นสื่อสารและน�ำเสนอ Applying the Communication Skill asean คอมพิวเตอร์ 101 ภาพที่ 3.11 ตัวอย่างระบบคอมพิวเตอร์ในห้องสมุด ระบบคอมพิวเตอร์ ระบบคอมพิวเตอร์ (Computer System) หม�ยถึง ระบบที่ใช้ในก�ร ประมวลผลให้ได้ผลลัพธ์ต�มที่ต้องก�ร ระบบคอมพิวเตอร์ในห้องสมุด ระบบภ�ยในห้องสมุดจะใช้คอมพิวเตอร์ม�ช่วยอำ�นวยคว�มสะดวกในก�รสืบค้นร�ยก�รหนังสือ เพื่อให้สะดวกในก�รค้นห�หนังสือ ชื่อผู้แต่ง และส�ม�รถดูตำ�แหน่งของชั้นว�งหนังสือได้ง่�ยยิ่งขึ้น นอกจ�กนี้ ยังส�ม�รถควบคุมก�รยืม-คืนหนังสือและติดต�มสถิติก�รยืม-คืนหนังสือของผู้ใช้ได้สะดวกยิ่งขึ้นอีกด้วย ระบบคอมพิวเตอร์ใช้ในการทำางาน ในด้านใดบ้าง คำ�ถ�มสำ�คัญ 1. นักเรียนร่วมกันยกตัวอย่างระบบ คอมพิวเตอร์ที่นักเรียนรู้จักหรือ เคยพบเห็น (ตัวอย่างคำ ตอบ ระบบการยืม-คืน หนังสือในห้องสมุด) 2. นักเรียนร่วมกันอภิปรายระบบที่ได้ ยกตัวอย่างในข้อที่ 1. ว่าเหมาะสม กับงานประเภทใด และมีประโยชน์ ต่องานอย่างไร ดังตัวอย่าง ตัวชี้วัด ว 4.2 ม.2/3 ภาระงาน/ชิ้นงาน การสร้าง QR Code ขั้นสังเกต รวบรวมข้อมูล Step 1 ระบบยืม-คืน เหมาะสมกับห้องสมุด การยืม-คืนหนังสือ ประโยชน์ ช่วยลด ความผิดพลาดจากการ ทำ งานของมนุษย์ 3. นักเรียนร่วมกันสังเกตและรวบรวม ข้อมูลเกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์ จากแหล่งการเรียนรู้อื่น ๆ ที่หลากหลาย เช่น หนังสือเรียน อินเทอร์เน็ต 4. นักเรียนร่วมกันศึกษาและวิเคราะห์ เกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์ โดยตอบ คำถาม ดังนี้ • ระบบคอมพิวเตอร์สามารถช่วย ให้การทำงานในห้องสมุดดีขึ้นอย่างไร ขั้นคิดวิเคราะห์ และสรุปความรู้ St (ตัวอย่างคำ ตอบ เพิ่มประสิทธิภาพ, ep 2 ลดการใช้กระดาษ, ติดตามหนังสือกลับคืนได้ง่าย, สืบค้นหนังสือได้ง่าย) เสริมความรู้ ครูควรสอน รายการหมู่ระบบทศนิยมดิวอี้ประกอบด้วย 10 หมวดใหญ่ ได้แก่ หมวด 000 - วิทยาการคอมพิวเตอร์สารสนเทศและงานทั่วไป หมวด 100 - ปรัชญาและจิตวิทยา หมวด 200 - ศาสนา หมวด 300 - สังคมศาสตร์ หมวด 400 - ภาษา หมวด 500 - วิทยาศาสตร์ หมวด 600 - เทคโนโลยี หมวด 700 - ศิลปะและนันทนาการ หมวด 800 - วรรณกรรม หมวด 900 - ประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์
สุดยอดคู่มือครู 102 102 ขั้นสังเกต รวบรวมข้อมูล Gathering ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความรู้ Processing บูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21 GPAS 5 Steps แนวข้อสอบ O-NET/PISA 102 เทคโนโลยี (วิทยาการคำานวณ) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 แผนภาพที่ 3.2 องค์ประกอบหลักของฮาร์ดแวร์ที่ทำางานร่วมกันในคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ทำ ง นอย่ งเป็นระบบโดยมีส่วนประกอบพื้นฐ นที่สำคัญ ดังนี้ หน่วยคว มจำหลัก (main memory unit) หน่วยคว มจำสำรอง (secondary memory unit) หน่วยประมวลผลกล ง (Central Processing Unit: CPU) หน่วยรับเข้ (input unit) หน่วยส่งออก (output unit) ระบบคอมพิวเตอร์ที่ใช้จองตั๋วเครื่องบิน เพื่ออำ นวยคว มสะดวกให้กับลูกค้และง่ ยต่อก รจัดก ร จึงมีก รใช้ระบบคอมพิวเตอร์ ในก รค้นห เที่ยวบิน จองเที่ยวบิน ดูร ยละเอียดเกี่ยวกับก รเดินท ง เช่น จองอ ห ร จองประกันภัย จองที่นั่งในก รเดินท งทั้งภ ยในและภ ยนอกประเทศ นอกจ กนี้ยังใช้เก็บสถิติก รเดินท ง โดยถ้ เป็นสม ชิกจะมีคะแนนสะสมเพื่อใช้ในก รแลกรับสิทธิต่ งๆ ภาพที่ 3.12 ตัวอย่างระบบคอมพิวเตอร์ในการจองตั๋วเครื่องบิน ขั้นคิดวิเคราะห์ และสรุปความรู้ Step 2 5. นักเรียนร่วมกันวิเคราะห์เกี่ยวกับ ระบบคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการจองตั๋ว เครื่องบิน โดยตอบคำถาม ดังนี้ • นักเรียนเคยจองตั๋วเครื่องบิน ออนไลน์หรือไม่ (เคย/ไม่เคย) • ระบบคอมพิวเตอร์ที่ใช้จองตั๋ว เครื่องบินมีประโยชน์อย่างไร (ตัวอย่างคำ ตอบ สามารถค้นหา สายการบิน เที่ยวบิน จองเที่ยวบิน ดูรายละเอียดการเดินทาง โดยไม่ต้อง ไปที่เคาน์เตอร์ของสายการบินและ ยังมีการสะสมแต้มแลกรับสิทธิประโยชน์) • การจองตั๋วเครื่องบินออนไลน์ ตามที่นักเรียนเข้าใจมีขั้นตอนอย่างไร (ตัวอย่างคำ ตอบเลือกที่หมาย เลือก สายการบิน เลือกรูปแบบที่นั่ง เลือกโพรโมชันและการชำระเงิน ยืนยัน การทำ รายการ พิมพ์ใบเสร็จ จบการทำรายการ)
103 103 สุดยอดคู่มือครู รอบรู้อาเซียนและโลก ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่า Self-Regulating เสริมความรู้ ครูควรสอน ตัวชี้วัด ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ Applying and Constructing the Knowledge ขั้นสื่อสารและน�ำเสนอ Applying the Communication Skill asean คอมพิวเตอร์ 103 การทำางานของคอมพิวเตอร์เริ่มจากผู้ใช้ป้อนข้อมูลผ่านทางหน่วยรับเข้า (Input Unit) เช่น คีย์บอร์ด (Keyboard) เมาส์ (Mouse) ข้อมูลเหล่านี้จะถูกเปลี่ยนเป็นสัญญาณดิจิทัลซึ่งประกอบด้วยเลข 0 หรือ 1 แล้วส่งต่อไปยังหน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit: CPU) เพื่อประมวลผลตามคำาสั่ง หากในระหว่างการประมวลผลมีคำาสั่งให้นำาผลลัพธ์จากการประมวลผลไปจัดเก็บในหน่วยความจำา ข้อมูลดังกล่าวจะถูกส่งไปยังแรม (Random Access Memory: RAM) ซึ่งทำาหน้าที่เก็บข้อมูลจาก การประมวลผลเป็นการชั่วคราว หากต้องการบันทึกข้อมูลที่อยู่ใน RAM จัดเก็บไว้เพื่อเรียกใช้งานอีก ในอนาคต สามารถจัดเก็บข้อมูลนี้ลงในหน่วยความจำาสำารอง (Secondary Memory Unit) เช่น แผ่นบันทึก (Diskette) แผ่นซีดี (CD) ฮาร์ดดิสก์ (Hard Disk) ได้ หรือหากต้องการนำาข้อมูลที่เป็นผลลัพธ์ จากการประมวลผลนี้ไปแสดงผลก็สามารถแสดงผลผ่านทางหน่วยส่งออก (Output Unit) เช่น จอภาพ (Monitor) เครื่องพิมพ์ (Printer) ลำาโพง (Speaker) ได้เช่นกัน โดยการส่งข้อมูลไปยังหน่วยต่าง ๆ ภายในระบบคอมพิวเตอร์จะส่งผ่านระบบบัส (Bus) แผนภาพที่ 3.3 การประมวลผลของหน่วยประมวลผลกลาง อาชีพน่ารู้ นักวิศวกรคอมพิวเตอร์ เป็นผู้ออกแบบและสร้างเครื่องมือหรือระบบคอมพิวเตอร์และระบบ ที่ใช้คอมพิวเตอร์ โดยจะต้องศึกษาทางด้านฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ การสื่อสาร หน่วยควบคุม (Control Unit: CU) หน่วยคำานวณและตรรกะ (Arithmetic Logic Unit: ALU) หน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit) เรจิสเตอร์ (Register) ขั้นคิดวิเคราะห์ และสรุปความรู้ Step 2 6. นักเรียนร่วมกันวิเคราะห์เกี่ยวกับ การทำ งานของคอมพิวเตอร์ จากนั้น ออกมาเขียนแผนภาพความคิด บนกระดาน ดังตัวอย่าง 7. นักเรียนตอบคำ ถามเกี่ยวกับการ ทำ งานของคอมพิวเตอร์ ดังนี้ • หน่วยใดในการทำ งานของ คอมพิวเตอร์ที่ทำ หน้าที่รับข้อมูล เข้ามา (หน่วยรับเข้า(Input Unit)) • หน่วยใดที่ทำ หน้าที่เปรียบ เสมือนสมองที่ใช้คิดวิเคราะห์ข้อมูล ต่าง ๆ (หน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit: CPU)) • R A M ทำ ห น้ า ที่ ใ ด ใ น กระบวนการทำงานของคอมพิวเตอร์ (เก็บข้อมูลที่อยู่ระหว่างการประมวลผล) อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่ใช้ในการประมวลผลหลักคือข้อใด 1 RAM 2 ROM 3 GPU 4 CPU NET แนวข้อสอบ O-NET/PISA (เฉลย 4 เพราะCPU หรือCentralProcessing Unit เป็นหน่วยประมวลผลกลางที่จำ เป็นต้องมีเพราะในการทำงาน ของคอมพิวเตอร์CPU จะควบคุม สั่งการ และประมวลผล หน่วยความจำหลัก หน่วยความจำสํารอง หน่วยรับเข้า หน่วยส่งออก หน่วย ประมวลผลกลาง
สุดยอดคู่มือครู 104 104 ขั้นสังเกต รวบรวมข้อมูล Gathering ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความรู้ Processing บูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21 GPAS 5 Steps แนวข้อสอบ O-NET/PISA 104 เทคโนโลยี (วิทยาการคำานวณ) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ขั้นตอนที่ 1 การรับเข้าข้อมูล (fetching) หน่วยควบคุม (CU) อ่านคำาสั่งและข้อมูลที่ประมวลผล จากหน่วยความจำาหลัก (RAM) มาเก็บใน CPU ขั้นตอนที่ 2 การถอดรหัส (decoding) เมื่อคำาสั่งเข้ามาใน CPU แล้วหน่วยควบคุม (CU) จะถอดรหัสคำาสั่งว่าคำาสั่งนั้นต้องการให้ CPU ทำางานอะไร ขั้นตอนที่ 3 การทำางาน (executing) หน่วยคำานวณและตรรกะ (ALU) จะทำาการคำานวณโดยใช้ ข้อมูลที่ได้รับมาถอดรหัสคำาสั่ง และทำาตามขั้นตอนของคำาสั่งนั้น ๆ ขั้นตอนที่ 4 การเก็บ (storing) หลังจากที่หน่วยคำานวณและตรรกะ (ALU) ทำาตามคำาสั่งจน ได้ผลลัพธ์มา CPU จะนำาผลลัพธ์มาเก็บในหน่วยความจำาหลักของคอมพิวเตอร์ ในการทำางานของระบบคอมพิวเตอร์ ย่อมต้องมีการทำางานสอดประสานกันระหว่างส่วนต่าง ๆ เพื่อให้ระบบคอมพิวเตอร์สามารถประมวลผลได้ถูกต้องและมีประสิทธิภาพ ดังนั้น ระบบคอมพิวเตอร์ มีองค์ประกอบสำาคัญ ได้แก่ ฮาร์ดแวร์ (Hardware) ซอฟต์แวร์ (Software) ข้อมูล (Data) บุคลากร (People) และขั้นตอนปฏิบัติงาน (Procedure) หน่วยควบคุม (CU) จะทำาการอ่านคำาสั่งทีละคำาสั่งเข้ามาในหน่วยคำานวณและตรรกะ (ALU) โดยวงรอบในการทำางานประกอบด้วยขั้นตอนการทำางาน 4 ขั้นตอน ดังนี้ ภาพที่ 3.13 วงรอบการทำางานของ Arithmetic Logic Unit (ALU) การรับเข้าข้อมูล (fetching) การถอดรหัส (decoding) การทำางาน (executing) การเก็บ (storing) Arithmetic Logic Unit (ALU) 1 3 4 2 10111 00110 11011 10111 00110 11011 10111 00110 11011 10111 00110 11011 8. นักเรียนร่วมกันวิเคราะห์เกี่ยวกับ วงรอบการทำ งานของ Arithmetic Logic Unit (ALU) แล้วตอบคำถาม ดังนี้ • ขั้นตอนแรกของวงรอบการ ทํางานของ Arithmetic Logic Unit (ALU) คืออะไร (การรับเข้าข้อมูล fetching) • วงรอบการทำงานของ Arithmetic Logic Unit (ALU) มีกี่ขั้นตอน อะไรบ้าง (มี4ขั้นตอนได้แก่ 1. การรับเข้าข้อมูล(fetching) 2. การถอดรหัส(decoding) 3. การทำงาน(executing) 4. การเก็บ(storing)) 9. นักเรียนร่วมกันวิเคราะห์องค์ประกอบ ของระบบคอมพิวเตอร์ จากนั้น บันทึกคำตอบเป็นแผนภาพความคิด บนกระดาน ดังตัวอย่าง ขั้นคิดวิเคราะห์ และสรุปความรู้ Step 2 ข้อมูล (Data) บุคลากร (People) ซอฟต์แวร์ (Software) ฮาร์ดแวร์ (Hardware) ขั้นตอนการ ปฏิบัติงาน (Procedure) องค์ประกอบ ของระบบ คอมพิวเตอร์
105 105 สุดยอดคู่มือครู รอบรู้อาเซียนและโลก ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่า Self-Regulating เสริมความรู้ ครูควรสอน ตัวชี้วัด ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ Applying and Constructing the Knowledge ขั้นสื่อสารและน�ำเสนอ Applying the Communication Skill asean คอมพิวเตอร์ 105 1. ฮาร์ดแวร์ (Hardware) อุปกรณ์หลัก และอุปกรณ์ต่อพ่วงต่�ง ๆ 1.1 หน่วยรับเข้� (Input Unit) 1.2 หน่วยประมวลผลกล�ง (Central Processing Unit) 1.3 หน่วยคว�มจำ�หลัก (Main Memory Unit) 1.4 หน่วยคว�มจำ�สำ�รอง (Secondary Memory Unit) 1.5 หน่วยส่งออก (Output Unit) 2. ซอฟต์แวร์ (Software) เป็นโปรแกรม หรือชุดคำ�สั่งที่ควบคุมก�รทำ�ง�นของ คอมพิวเตอร์ 2.1 ซอฟต์แวร์ระบบ (Systems Software) 1) ระบบปฏิบัติก�ร (Operating System) 2) ไดรเวอร์ (Device Driver) 3) ตัวแปลภ�ษ� (Translator) 3.1อินเทอร์พรีเตอร์ (Interpreter) 3.2คอมไพเลอร์ (Complier) 4) โปรแกรมอรรถประโยชน์ (Utility Program) 2.2 ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application Software) 1) ซอฟต์แวร์สำ�เร็จรูป (General Purpose Software) 2) ซอฟต์แวร์เฉพ�ะด้�น(Special Purpose Software) แผนภาพที่ 3.4 องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์ 4. บุคลากร (People) บุคล�กรที่เกี่ยวข้องกับ ระบบทั้งเป็นผู้พัฒน� หรือผู้ใช้ง�นระบบ 5. ขั้นตอนการปฏิบัติงาน (Procedure) ก�รทำ�ง�นของผู้ปฏิบัติ ต�มลำ�ดับขั้นตอน 3. ข้อมูล (Data) เป็นสิ่งที่จะต้องนำ�เข้�สู่คอมพิวเตอร์ และนำ�ออกม�จ�กคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะ ต้องเลือกใช้ข้อมูลที่เพียงพอเหม�ะสม กับวัตถุประสงค์ 3.1 ข้อมูลปฐมภูมิ (Primary Data) 3.2 ข้อมูลทุติยภูมิ (Secondary Data) 1. 2. 3. 10. นักเรียนร่วมกันวิเคราะห์เกี่ยวกับ องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์ โดยตอบคำถาม ดังนี้ • อ ง ค์ ป ร ะ ก อ บ ข อ ง ร ะ บ บ คอมพิวเตอร์มีอะไรบ้าง พร้อมยก ตัวอย่าง (ตัวอย่างคำ ตอบ 1. ฮาร์ดแวร์เช่นเมาส์คีย์บอร์ด 2. ซอฟต์แวร์เช่นระบบปฏิบัติการ Windows 3. ข้อมูลเช่นภาพเสียง 4. บุคลากรเช่นนักพัฒนาผู้ใช้งาน 5. ขั้นตอนการปฏิบัติงานเช่น ขั้นตอน การสร้างภาพกราฟิก) • องค์ประกอบใดของระบบ คอมพิวเตอร์สำคัญที่สุด (บุคลากร) • CPU, RAM, Hard Disk จัดอยู่ในส่วนใดขององค์ประกอบ ของระบบคอมพิวเตอร์ (ฮาร์ดแวร์) • ซอฟต์แวร์ระบบที่นักเรียนรู้จัก มีอะไรบ้าง (ตัวอย่างคำตอบMicrosoft Windows) • ซอฟต์แวร์สำ เร็จรูปที่นักเรียน รู้จักมีอะไรบ้าง (ตัวอย่างคำ ตอบ Microsoftoffice, Photoshop) • ซอฟต์แวร์เฉพาะด้านที่นักเรียน รู้จักมีอะไรบ้าง (ตัวอย่างคำตอบAutocad,เกมหมากรุก โปรแกรมช่วยการเรียนการสอน CAI, PowerDVD) ขั้นคิดวิเคราะห์ และสรุปความรู้ Step 2 • ผู้ที่มีหน้าที่เขียนชุดคำ สั่ง ในภาษาคอมพิวเตอร์เพื่อสั่งงาน ให้คอมพิวเตอร์ทำ ตามต้องการ คือใคร (นักเขียนโปรแกรม(Programmer)) นักเรียนคิดว่าองค์ประกอบใดของคอมพิวเตอร์ สําคัญที่สุด 1 ฮาร์ดแวร์ 2 ซอฟต์แวร์ 3 บุคลากร 4 ข้อมูล NET แนวข้อสอบ O-NET/PISA (เฉลย 3 เพราะบุคลากรเป็นองค์ประกอบที่สำ คัญที่สุด ของระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นทั้งผู้พัฒนาและผู้ใช้ระบบ คอมพิวเตอร์บุคลากรที่มีความรู้ความสามารถจะช่วย ให้ระบบคอมพิวเตอร์ก้าวหน้าอย่างมาก)
สุดยอดคู่มือครู 106 106 ขั้นสังเกต รวบรวมข้อมูล Gathering ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความรู้ Processing บูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21 GPAS 5 Steps แนวข้อสอบ O-NET/PISA 106 เทคโนโลยี (วิทยาการคำานวณ) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 1. ฮาร์ดแวร์ (Hardware) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการนำาเข้า ประมวลผล บันทึก แสดงผลข้อมูล และเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์เป็นเครือข่าย โดยจำาแนกตามหน้าที่การทำางานได้ 5 ประเภท ดังนี้ 1.1 หน่วยรับเข้า (Input Unit) เป็นอุปกรณ์ที่ทำาหน้าที่รับข้อมูลเข้าสู่คอมพิวเตอร์ โดยจะแปลงข้อมูลนำาเข้าไปเป็นสัญญาณ ที่คอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจได้ 1) คีย์บอร์ด (Keyboard) เป็นอุปกรณ์ป้อนข้อมูลเข้าสู่คอมพิวเตอร์โดยการกดคีย์บอร์ด ภาพที่ 3.14 ส่วนประกอบของคีย์บอร์ด อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ใดบ้างที่เรียกว่าฮาร์ดแวร์ คีย์ตัวเลข (Numeric keypad) คีย์ย้ายเคอร์เซอร์ (Cursor Movement keys) คีย์พิเศษ คีย์เสริม (Modifier key) คีย์ตัวอักษร (Alphanumeric key) Escape key คีย์ฟังก์ชัน (Function key) คำาถามสำาคัญ 11. นักเรียนร่วมกันศึกษาและวิเคราะห์ เกี่ยวกับฮาร์ดแวร์ โดยตอบคำถาม ดังนี้ • ฮาร์ดแวร์จำ แนกตามหน้าที่ การทำ งานได้กี่ประเภท อะไรบ้าง (จำแนกได้5ประเภท 1. หน่วยรับเข้า 2. หน่วยประมวลผลกลาง 3. หน่วยความจำหลัก 4. หน่วยความจำสำรอง 5. หน่วยส่งออก) • ลั ก ษ ณ ะ ก า ร ทำ งานของ ฮาร์ดแวร์เป็นอย่างไร (ตัวอย่างคำ ตอบ รับข้อมูลเข้า ประมวลผล บันทึก ส่งออก) • อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า ฮาร์ดแวร์มีอะไรบ้าง (ตัวอย่างคำ ตอบ คีย์บอร์ด จอภาพ ฮาร์ดดิสก์) • ลักษณะและหน้าที่การทำ งาน ของคีย์บอร์ดเป็นอย่างไร (ตัวอย่างคำ ตอบ โดยส่วนมากจะเป็น สี่เหลี่ยมผืนผ้า มีปุ่มคำสั่งที่มีตัวอักษร หรือข้อความระบุแต่ละปุ่ม ซึ่งแต่ละปุ่ม มีหน้าที่รับข้อมูลหรือคำสั่งเพื่อนำ ไป ควบคุมหรือประมวลผล) ขั้นคิดวิเคราะห์ และสรุปความรู้ Step 2 เสริมความรู้ ครูควรสอน คีย์บอร์ดแบบมาตรฐานจะมีปุ่มทั้งสิ้น 101 ปุ่ม และสามารถเพิ่มหรือลดให้เหมาะกับ ความต้องการได้ คีย์บอร์ดมาตรฐาน คีย์บอร์ดสำหรับพกพา คีย์บอร์ดแบบพิเศษ อาจมีปุ่มคำสั่ง หรือลักษณะของคีย์บอร์ดที่ผิดไป จากแบบมาตรฐาน
107 107 สุดยอดคู่มือครู รอบรู้อาเซียนและโลก ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่า Self-Regulating เสริมความรู้ ครูควรสอน ตัวชี้วัด ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ Applying and Constructing the Knowledge ขั้นสื่อสารและน�ำเสนอ Applying the Communication Skill asean คอมพิวเตอร์ 107 2) เมาส์ (Mouse) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ชี้ตำ�แหน่งและเลือกข้อมูลบนจอภ�พ นอกจ�กนี้อุปกรณ์ชี้ตำ�แหน่งที่มีลักษณะคล้�ยกับเม�ส์ ได้แก่ เด็กควรรู้ ภาพที่ 3.15 แทร็กบอล ภาพที่ 3.17 ทัชแพด ภาพที่ 3.16 แท่งชี้ ภาพที่ 3.18 เมาส์ปากกา การคลิก ความหมาย คลิกซ้�ย 1 ครั้ง (click) คลิกซ้�ย 2 ครั้ง (double click) คลิกซ้�ยค้�งแล้วล�ก (drag) คลิกขว� (right click) ก�รเลือก ก�รสั่งให้ทำ�ง�น เลื่อนวัตถุ แสดงเมนูพิเศษ การคลิกเมาส์แบบต่าง ๆ 12. นักเรียนร่วมกันศึกษาและวิเคราะห์ เกี่ยวกับฮาร์ดแวร์ (ต่อ) โดยตอบ คำถาม ดังนี้ • ลักษณะและหน้าที่การทำ งาน ของเมาส์ (Mouse) เป็นอย่างไร (ตัวอย่างคำ ตอบ ลักษณะของเมาส์ มีหลายประเภททั้งแบบทรงอุ้มมือ แบบแผ่นหรือทัชแพดแบบเมาส์ปากกา หน้าที่ชี้ตำ แหน่งหรือควบคุมข้อมูล บนหน้าจอ) • ถ้าต้องการใช้เมาส์เพื่อเพิ่ม ประสิทธิภาพในการทำ งานทางด้าน กราฟิก ควรเลือกเมาส์แบบใด เพราะเหตุใด (ตัวอย่างคำ ตอบ เลือกใช้เมาส์แบบ เมาส์ปากกาเพราะมีลักษณะเหมือนปากกา หรือดินสอที่ให้ความรู้สึกเวลาจับ แล้วเหมือนการใช้ปากกาหรือดินสอ วาดภาพจริงๆ) • สามารถพบทัชแพดได้ใน อุปกรณ์ใดบ้าง (ตัวอย่างคำ ตอบ สามารถพบได้บน คอมพิวเตอร์พกพา) ขั้นคิดวิเคราะห์ และสรุปความรู้ Step 2 เสริมความรู้ ครูควรสอน เมาส์โดยส่วนใหญ่จะเหมาะกับคนที่ถนัดมืิอขวา เพราะมากกว่า 85 เปอร์เซ็นต์ จะเป็นคนถนัดขวา จึงทำ ให้การผลิตเมาส์ที่เหมาะกับมือขวามีมากกว่า แต่ปัจจุบันมีเมาส์ที่ผลิตมาเพื่อคนถนัดใช้มือซ้าย
สุดยอดคู่มือครู 108 108 ขั้นสังเกต รวบรวมข้อมูล Gathering ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความรู้ Processing บูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21 GPAS 5 Steps แนวข้อสอบ O-NET/PISA 108 เทคโนโลยี (วิทย�ก�รคำ�นวณ) ชั้นมัธยมศึกษ�ปีที่ 2 3) สแกนเนอร์ (Scanner) เป็นอุปกรณ์รับข้อมูลเอกส�ร ที่เป็นภ�พหรือตัวอักษรต่�ง ๆ แล้วเปลี่ยนเป็น ข้อมูลดิจิทัล ซึ่งส�ม�รถนำ�ข้อมูลไปประมวลผล ต่อไป โดยก�รทำ�ง�นของสแกนเนอร์จะฉ�ยแสง บนเอกส�ร แล้วแสงจะสะท้อนกลับม�ยัง ตัวตรวจจับคว�มเข้มของแสง โดยบริเวณที่มี คว�มมืดม�กจะสะท้อนแสงน้อย แต่บริเวณที่มี คว�มมืดน้อยจะสะท้อนแสงกลับม�ม�ก ทำ�ให้ ตัวตรวจจับคว�มเข้มแสงส�ม�รถวิเคร�ะห์ และแปลงเป็นภ�พในคอมพิวเตอร์ได้ นอกจ�กเครื่องสแกนเนอร์แล้ว ปัจจุบันเทคโนโลยีมีคว�มลำ้�สมัยม�กยิ่งขึ้น จึงได้มีก�รพัฒน�ระบบสแกนเนอร์ให้ส�ม�รถ ใช้ง�นโดยอุปกรณ์อื่น ๆ ได้ดังนี้ ภาพที่ 3.20 สแกนเนอร์แบบมือถือ ภาพที่ 3.21 เครื่องอ่านบาร์โคด ภาพที่ 3.19 เครื่องสแกนเนอร์สำาหรับสแกนเอกสาร เครื่องอ่านบาร์โคด (Barcode Reader) มีหล�ยรูปแบบ เช่น แบบด้�มปืน แบบ ที่รูดบัตร หรือใช้กล้องบนสม�ร์ตโฟนที่ติดตั้ง แอปพลิเคชันอ่�นบ�ร์โคด สแกนเนอร์แบบมือถือ (Hand-Held Scanner) ใช้อ่�นตัวอักษรทีละบรรทัดส�ม�รถพกพ� ได้สะดวก 13. นักเรียนร่วมกันศึกษาและวิเคราะห์ เกี่ยวกับฮาร์ดแวร์ (ต่อ) โดยตอบ คำถาม ดังนี้ • ลักษณะและหน้าที่การทํางาน ของสแกนเนอร์เป็นอย่างไร (ตัวอย่างคำ ตอบเป็นอุปกรณ์รับข้อมูล เ อ ก สาร ที่ เ ป็ น ภาพ หรื อตัว อั ก ษร แล้วเปลี่ยนเป็นข้อมูลดิจิทัลซึ่งสามารถ นำ ไปประมวลผลได้อาจมีลักษณะเป็น เครื่องพิมพ์ขนาดใหญ่หรือขนาดพอดี กับมือเพื่อความสะดวกในการใช้งาน) • สามารถพบเครื่องอ่านบาร์โคด ได้ที่ใดในชีวิตประจำวัน (ตัวอย่างคำ ตอบ สามารถพบได้ที่ร้าน สะดวกซื้อเมื่อชําระค่าสินค้า) • สิ่ ง ที่ มี ค ว า ม ค ล้ า ย กั น ข อ ง เครื่องสแกนเนอร์ทุกรูปแบบคืออะไร (หลักการรับข้อมูล โดยการทำ งาน จะฉายแสงบนเอกสารหรือวัตถุ แล้ว แสงจะสะท้อนกลับมายังเซนเซอร์จับ ความเข้มของแสง) ขั้นคิดวิเคราะห์ และสรุปความรู้ Step 2
109 109 สุดยอดคู่มือครู รอบรู้อาเซียนและโลก ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่า Self-Regulating เสริมความรู้ ครูควรสอน ตัวชี้วัด ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ Applying and Constructing the Knowledge ขั้นสื่อสารและน�ำเสนอ Applying the Communication Skill asean คอมพิวเตอร์ 109 4) จอสัมผัส (Touch Screen) เป็นทั้งหน่วยรับเข้� (Input Unit) และหน่วยส่งออก (Output Unit) โดยเมื่อสัมผัส บริเวณหน้�จอจะเป็นก�รรับตำ�แหน่งและรูปแบบก�รล�กนิ้วไปประมวลผล จัดเป็นขั้นตอนที่เป็นหน้�ที่ของ หน่วยรับเข้� และเมื่อประมวลผลแล้วจะนำ�ข้อมูลม�แสดงบนหน้�จอ จัดเป็นขั้นตอนที่เป็นหน้�ที่ของ หน่วยส่งออก แผนภาพที่ 3.5 อุปกรณ์สำาหรับเกม ภาพที่ 3.22 จอสมาร์ตโฟน ภาพที่ 3.23 แท็บเล็ตที่ใช้ปากกาจิ้ม ภาพที่ 3.24 ทีวีจอสัมผัส 5) อุปกรณ์สำาหรับเกม เพื่อคว�มสะดวกในก�รควบคุมเกม จึงมีก�รผลิตอุปกรณ์ก�รเล่นเกม (game controller) ทำ�ให้ส�ม�รถควบคุมก�รดำ�เนินก�รต่�ง ๆ เช่น ทิศท�ง ลักษณะก�รเคลื่อนไหว 01 จอยสติก 02 เกมแพด 03 แผ่นรองเต้น 04 พวงม�ลัย ขั้นคิดวิเคราะห์ และสรุปความรู้ Step 2 14. นักเรียนร่วมกันศึกษาและวิเคราะห์ เกี่ยวกับฮาร์ดแวร์ (ต่อ) โดยตอบ คำถาม ดังนี้ • ลักษณะและหน้าที่การทำ งาน ของจอสัมผัส (Touch Screen) เป็นอย่างไร (ตัวอย่างคำ ตอบเป็นอุปกรณ์ที่มีรูปร่าง สี่เหลี่ยมหรือวงกลมสามารถแสดงผล พร้อมทั้งรับข้อมูลผ่านทางจอภาพได้ ในเวลาเดียวกัน) • ลักษณะและหน้าที่การทำ งาน ของอุปกรณ์สำหรับเกมเป็นอย่างไร (ตัวอย่างคำ ตอบเป็นอุปกรณ์ที่มีรูปร่าง แตกต่างกันตามชนิดและลักษณะที่ใช้งาน เช่น จอยสติกใช้ในการควบคุมเกม ที่เกี่ยวกับอากาศยาน แผ่นรองเต้น ใช้กับเกมแนวเต้น ซึ่งช่วยเพิ่มความ สะดวกและประสบการณ์ที่เหมือนจริง มากขึ้น) direction (ดิเรค′ชัน) ทิศทาง location (โลเค′ชัน) ตำแหน่ง touch (ทัช) สัมผัส English talk
สุดยอดคู่มือครู 110 110 ขั้นสังเกต รวบรวมข้อมูล Gathering ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความรู้ Processing บูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21 GPAS 5 Steps แนวข้อสอบ O-NET/PISA 110 เทคโนโลยี (วิทย�ก�รคำ�นวณ) ชั้นมัธยมศึกษ�ปีที่ 2 6) กล้องดิจิทัล (Digital Camera) เป็นอุปกรณ์บันทึกภ�พที่เป็นข้อมูลดิจิทัลเพื่อให้คอมพิวเตอร์นำ�ไปประมวลผลได้ ในปัจจุบันมีก�รพัฒน�กล้องดิจิทัลให้มีคุณภ�พสูงขึ้นและตอบสนองต่อคว�มต้องก�รในก�รใช้ง�น ม�กยิ่งขึ้น 6.1 Compact Digital Camera มีขน�ดเล็กกะทัดรัดไม่ส�ม�รถ เปลี่ยนเลนส์ได้ เป็นก�รทำ�ง�นโหมด Auto ภาพที่ 3.25 กล้องดิจิทัลแบบ Compact Digital Camera 6.2 Bridge Compact Digital Camera ประสิทธิภ�พก�รถ่�ยภ�พดีกว่�กล้อง Compact ภาพที่ 3.26 กล้องดิจิทัลแบบ Bridge Compact Digital Camera ภาพที่ 3.27 กล้อง DSLR (Digital Single-Lens Reflex) 6.3 DSLR (Digital Single-Lens Reflex) กล้องถ่�ยภ�พสะท้อนภ�พเลนส์เดียว ส�ม�รถปรับเปลี่ยนเลนส์เพื่อกำ�หนดช่วง ระยะคว�มคมชัด ก�รรับแสงของกล้องได้ 6.4 Mirrorless ไม่มีช่องมองภ�พ ขน�ดบ�งและเล็กกว่� DSLR ส�ม�รถเปลี่ยนเลนส์ได้ ภาพที่ 3.28 กล้อง Mirrorless นอกจ�กนี้ยังมีก�รใช้กล้องถ่�ยภ�พนิ่งหรือภ�พเคลื่อนไหว เพื่อรับภ�พไปยังคอมพิวเตอร์ โดยตรงหรือนิยมเรียกว่� เว็บแคม (web cam) มีหล�ยรูปแบบ เช่น กล้องที่ต่อพ่วงเพิ่มท�งส�ย USB หรือกล้องที่ติดกับคอมพิวเตอร์แบบพกพ� นิยมใช้สนทน�ท�งไกลแบบเห็นภ�พเคลื่อนไหว เช่น ก�รเรียน ก�รสอนแบบ Online ก�รประชุมท�งไกล ก�รสนทน�กับคนรู้จัก 15. นักเรียนร่วมกันศึกษาและวิเคราะห์ เกี่ยวกับฮาร์ดแวร์ (ต่อ) โดยตอบ คำถาม ดังนี้ • ลักษณะและหน้าที่การทำ งาน ของกล้องดิจิทัล (Digital Camera) เป็นอย่างไร (ตัวอย่างคำ ตอบเป็นอุปกรณ์ที่รับแสง จากธรรมชาติเข้ามาที่เซนเซอร์รับภาพ และบันทึกและจัดเก็บข้อมูลเป็นภาพ ดิจิทัล) • กล้องดิจิทัล DSLR แตกต่าง จากกล้อง Compact Digital Camera อย่างไร (ตัวอย่างคำ ตอบกล้อง DSLR สามารถ เปลี่ยนเลนส์เพื่อเพิ่มมุมมองและ ประสิทธิภาพของภาพได้แต่กล้อง Compactไม่สามารถเปลี่ยนเลนส์ได้) • กล้อง Mirrorless เหมือนกับ กล้อง DSLR อย่างไร (ตัวอ ย่างคำ ตอบ Mirrorless และDSLR สามารถเปลี่ยนเลนส์ได้) ขั้นคิดวิเคราะห์ และสรุปความรู้ Step 2
111 111 สุดยอดคู่มือครู รอบรู้อาเซียนและโลก ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่า Self-Regulating เสริมความรู้ ครูควรสอน ตัวชี้วัด ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ Applying and Constructing the Knowledge ขั้นสื่อสารและน�ำเสนอ Applying the Communication Skill asean คอมพิวเตอร์ 111 7) ไมโครโฟน (Microphone) เป็นอุปกรณ์สำ�หรับรับข้อมูลที่เป็นคลื่นเสียงแล้วแปลงเป็นสัญญ�ณ Analog signal 1.2 หน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit: CPU) มีลักษณะเป็นชิปเซตที่เป็นส�รกึ่งตัวนำ�ขน�ดเล็ก ภ�ยในเป็นวงจรไฟฟ้�ติดตั้งอยู่บน เมนบอร์ด ปัจจุบันเทคโนโลยีก�รผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ล�ำ้สมัยม�กขึ้น ทำ�ให้ CPU มีขน�ดเล็กลง และมีชื่อเรียกว่� Microprocessor ซึ่งภ�ยในประกอบด้วย • หน่วยควบคุม (Control Unit) ควบคุมทิศท�งในก�รรับส่งข้อมูลต่�ง ๆ ควบคุมก�รประมวลผลก�รทำ�ง�นต่�ง ๆ ของเครื่องคอมพิวเตอร์ • หน่วยคำานวณและตรรกะ (Arithmetic Logic Unit: ALU) คำ�นวณท�งคณิตศ�สตร์และเปรียบเทียบ ท�งตรรกะ เพื่อตัดสินใจในก�รทำ�ง�นของ ALU โดยมีก�รเก็บข้อมูลชั่วคร�วไว้ใน เรจิสเตอร์ (Register) ภาพที่ 3.29 ไมโครโฟนคอมพิวเตอร์ ภาพที่ 3.30 หน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit: CPU) Analog Signal ลำาโพง Sound Card A/D Converter D/A Converter Digital Signal Computer ขั้นคิดวิเคราะห์ และสรุปความรู้ Step 2 16. นักเรียนร่วมกันศึกษาและวิเคราะห์ เกี่ยวกับฮาร์ดแวร์ (ต่อ) โดยตอบ คำถาม ดังนี้ • ลักษณะและหน้าที่การทำ งาน ของไมโครโฟนเป็นอย่างไร (รับคลื่นเสียงจากแหล่งเสียงแล้วแปลง เป็นสัญญาณ Analog Signal ผ่านไป ที่SoundCardเพื่อแปลงเป็น Digital Signal และนำไปประมวลผล) • ลักษณะและหน้าที่การทำ งาน ของหน่วยประมวลผลกลางเป็น อย่างไร (ตัวอย่างคำ ตอบ ส่วนมากจะเป็น รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีขนาดเล็ก มีหน้าที่ ประมวลผล จา กข้อมูล ที่รับ เข้ามา เพื่อบันทึกหรือแสดงผลต่อไป) • ความรวดเร็วในการประมวลผล ของ CPU สามารถดูได้จากส่วนใด (ความเร็วของสัญญาณนาฬิกา มีหน่วย เป็นกิกะเฮิรตซ์ (GHz))
สุดยอดคู่มือครู 112 112 ขั้นสังเกต รวบรวมข้อมูล Gathering ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความรู้ Processing บูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21 GPAS 5 Steps แนวข้อสอบ O-NET/PISA 112 เทคโนโลยี (วิทย�ก�รคำ�นวณ) ชั้นมัธยมศึกษ�ปีที่ 2 1.3 หน่วยความจำาหลัก(Main Memory Unit) เป็นหน่วยคว�มจำ�ที่ใช้เก็บข้อมูลและโปรแกรมที่ CPU ประมวลผลขณะนั้น หน่วยคว�มจำ� หลักสร้�งม�จ�กส�รกึ่งตัวนำ� หน่วยคว�มจำ�หลักแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้ 1) ROM (Read Only Memory) เป็นหน่วยคว�มจำ�ที่เก็บข้อมูล อย่�งถ�วร ไม่ส�ม�รถแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงได้ อ่�นข้อมูลได้อย่�งเดียว หรือเรียกว่�เป็นหน่วยคว�มจำ� ที่ไม่ส�ม�รถลบเลือนได้แม้ว่�จะไม่มีกระแสไฟฟ้� ม�หล่อเลี้ยง (non-volatile memory) ข้อมูลที่เก็บใน ROM จะเป็นคำ�สั่ง สำ�หรับเริ่มต้นก�รทำ�ง�นของเครื่องที่เรียกว่� ไบออส (Basic Input/Output System: BIOS) ซึ่งผู้ผลิต BIOS จะบรรจุโปรแกรม BIOS ลงใน ROM ตั้งแต่กระบวนก�รผลิต 2) RAM (Random Access Memory) เป็นหน่วยคว�มจำ�ที่ส�ม�รถเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ RAM ส�ม�รถติดตั้งเพิ่มเติมได้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภ�พของเครื่องคอมพิวเตอร์ หน่วยคว�มจำ�ประเภทนี้เมื่อปิดเครื่องหรือไฟดับข้อมูล จะห�ยไป หรือจัดเป็นหน่วยคว�มจำ�ที่ส�ม�รถ ลบเลือนได้ ไม่ส�ม�รถเก็บข้อมูลไว้ได้เมื่อไม่มี กระแสไฟฟ้�หล่อเลี้ยง (volatile memory) ภาพที่ 3.31 ROM (Read Only Memory) ภาพที่ 3.32 การเสียบ RAM ลงใน Slot Mainboard ภาพที่ 3.33 RAM แบบต่าง ๆ ในก�รเลือกซื้อ RAM จะต้องเลือกให้ตรงกับ Slot บน Mainboard โดยจะต้องพิจ�รณ� เรื่องประเภทของ RAM ขน�ดคว�มจุและคว�มเร็ว ดังนี้ 17. นักเรียนร่วมกันศึกษาและวิเคราะห์ เกี่ยวกับหน่วยความจำ หลัก โดย ตอบคำถาม ดังนี้ • หน่วยความจำ หลักแบ่งออก เป็นกี่ประเภทและแต่ละประเภท มีความแตกต่างกันอย่างไร (มี2 ประเภท คือ ROM และ RAM ซึ่ง ROMเป็นหน่วยความจำที่ไม่สามารถ แก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงได้ส่วน RAM สามารถแก้ไขข้อมูลและติดตั้งเพิ่มเติมได้) • นักเรียนมีวิธีแยกประเภท ของ RAM ได้อย่างไร (ตัวอย่างคำ ตอบ สังเกตจากตำ แหน่ง ของช่องเสียบบน RAM) ขั้นคิดวิเคราะห์ และสรุปความรู้ Step 2 ROM กับ RAM ต่างกันอย่างไร 1 ROM เป็นข้อมูลอย่างถาวร ส่วน RAM สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อมูลได้ 2 RAM เก็บข้อมูลอย่างถาวร ส่วน ROM สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อมูลได้ 3 ROM เป็นหน่วยความจำหลัก RAM เป็นหน่วยความจำสํารอง 4 ROM เป็นหน่วยความจำสำรอง RAM เป็นหน่วยความจำหลัก NET แนวข้อสอบ O-NET/PISA (เฉลย 1 เพราะ Rom กับ RAM เป็นหน่วยความจำหลักทั้งคู่แต่ROM จะเก็บข้อมูลอย่างถาวร เปลี่ยนแปลง ไม่ได้ ส่วนRAMสามารถเปลี่ยนแปลง แก้ไขข้อมูลได้)
113 113 สุดยอดคู่มือครู รอบรู้อาเซียนและโลก ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่า Self-Regulating เสริมความรู้ ครูควรสอน ตัวชี้วัด ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ Applying and Constructing the Knowledge ขั้นสื่อสารและน�ำเสนอ Applying the Communication Skill asean คอมพิวเตอร์ 113 ภาพที่ 3.34 SD RAM ภาพที่ 3.35 RD RAM SD RAM (Synchronous Dynamic RAM) คว�มเร็ว 60-133 MHz ใช้ในคอมพิวเตอร์รุ่นเก่� RD RAM (Rambus DRAM) ใช้กับ CPU รุ่น Pentium 4 เท่�นั้น ภาพที่ 3.36 DDR RAM ภาพที่ 3.38 DDR3 DDR RAM (Double Data Ra RAM) พัฒน� จ�ก SD RAM โดยมีคว�มเร็วเป็นสองเท่�ของ SD RAM DDR3 ทำ�ง�นได้เร็วขึ้น ประหยัดไฟม�กกว่� แต่ยังมีร�ค�แพง DDR2 ระบ�ยคว�มร้อนได้ดีขึ้น มีคว�มเร็วใน ก�รทำ�ง�นและคว�มจุสูงขึ้น ภาพที่ 3.37 DDR2 18. นักเรียนร่วมกันศึกษาและวิเคราะห์ ภาพ RAM แต่ละประเภท แล้ว ตอบคำถาม ดังนี้ • จากภาพคือ RAM ชนิดใด (RDRAM) • จากภาพคือ RAM ชนิดใด (DDR 2) • จากภาพคือ RAM ชนิดใด (SDRAM) • จากภาพคือ RAM ชนิดใด (DDR 3) • จากภาพคือ RAM ชนิดใด (DDR RAM) ขั้นคิดวิเคราะห์ และสรุปความรู้ Step 2 หากต้องการ RAM ที่มีประสิทธิภาพสูง ควรคำนึงถึงข้อใดเป็นอันดับแรก 1 ราคาของ RAM ยิ่งแพงยิ่งดี 2 ยี่ห้อของ RAM 3 BUS ของ RAM ยิ่งมากยิ่งทำ งานได้เร็ว 4 รูปร่างของ RAM NET แนวข้อสอบ O-NET/PISA (เฉลย 3 เพราะ BUS ของ RAM ยิ่งมาก ยิ่งทำ ให้การส่งถ่ายข้อมูลทําได้ครั้งละมาก ๆ จึงทำให้คอมพิวเตอร์ทำงานได้เร็วขึ้น)
สุดยอดคู่มือครู 114 114 ขั้นสังเกต รวบรวมข้อมูล Gathering ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความรู้ Processing บูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21 GPAS 5 Steps แนวข้อสอบ O-NET/PISA 114 เทคโนโลยี (วิทย�ก�รคำ�นวณ) ชั้นมัธยมศึกษ�ปีที่ 2 ความจุของ RAM มีให้เลือกคว�มจุตั้งแต่ 256MB 1GB 2GB 4GB 8GB ทั้งนี้ ควรเลือกใช้ RAM ต�มลักษณะก�รใช้ง�น เช่น ง�นออกแบบภ�พ 3 มิติ ซึ่งต้องประมวลผลสูง ควรใช้ RAM ไม่ตำ่�กว่� 4GB แต่ถ้�ทำ�ง�นด้�นเอกส�ร ควรใช้ RAM ไม่ตำ่�กว่� 1GB ความเร็วของ RAM วัดจ�กจำ�นวนครั้งที่อ่�นและเขียน RAM ใน 1 วิน�ที มีหน่วยเป็น เมกะเฮิรตซ์ (MHz) จะต้องเลือกใช้ RAM ที่มีคว�มเร็วพอเหม�ะกับคว�มเร็วของ BUS ใน Mainboard เช่น ใช้ RAM คว�มเร็ว 500 MHz ติดตั้งในคอมพิวเตอร์เครื่อง A, B และ C โดยเปรียบเทียบให้ คือช่องสล็อตของแรมใน Mainboard และ คือ แรม BUS คว�มเร็ว 500 MHz คว�มเร็ว RAM =คว�มเร็ว BUS ทำ�ให้ RAM รับส่งข้อมูลได้พอดี กับช่องท�งที่ขนส่งข้อมูลได้ (BUS) เครื่องที่ A เครื่องที่ B เครื่องที่ C BUS คว�มเร็ว 600 MHz คว�มเร็ว RAM < คว�มเร็ว BUS ทำ�ให้เกิดปัญห�คอขวด ส่งผลให้ ก�รทำ�ง�นโดยรวมช้�ลง BUS คว�มเร็ว 400 MHz คว�มเร็ว RAM > คว�มเร็ว BUS ใช้ง�นได้แต่จะใช้ทรัพย�กร RAM ไม่คุ้มค่� 1.4 หน่วยความจำาสำารอง (Secondary Memory Unit) ทำ�หน้�ที่เก็บข้อมูลในขณะทำ�ง�นไว้ใช้ง�นในภ�ยหลัง ซึ่งไม่ส�ม�รถเก็บอย่�งถ�วรไว้ใน ROM และ RAM ได้ เมื่อต้องก�รใช้ง�นจะถ่�ยจ�กหน่วยคว�มจำ�สำ�รองไปยังหน่วยคว�มจำ�หลัก (RAM) เพื่อให้ CPU ส�ม�รถใช้ในก�รประมวลผลได้ โดยอุปกรณ์ที่จัดเป็นหน่วยคว�มจำ�สำ�รองจัดเป็น 3 กลุ่ม ต�มวิธีก�รเข้�ถึงข้อมูล ดังนี้ 19. นักเรียนร่วมกันศึกษาและวิเคราะห์ เกี่ยวกับหน่วยความจำหลัก (ต่อ) โดย ตอบคำถาม ดังนี้ • ความจุของ RAM และความเร็ว ของ RAM เหมือนกันหรือไม่ เพราะเหตุใด (ไม่เหมือน เพราะความจุคือปริมาณ ที่ RAM สามารถเก็บข้อมูลไว้ได้ แต่ความเร็วคือการอ่านหรือเขียน ใน 1 วินาทีมีหน่วยเป็นเมกะเฮิรตซ์ (MHz)) • การเลือก RAM ให้เหมาะสมกับ Mainboard ควรคำนึงถึงเรื่องใด เป็นสำคัญ (ค่า BUS ที่ Mainboard สามารถ รับได้) • ถ้าต้องการใช้งานคอมพิวเตอร์ เพื่อทำ งานเอกสารและมีการใช้ โปรแกรมตัดต่อภาพไปด้วยควร เลือก RAM ที่มีความจุขั้นตํ่าเท่าใด (ควรเลือกRAMที่มีความจุขั้นตํ่าที่4GB และมีค่าBUSที่ไม่ตํ่ากว่า800MHz)) ขั้นคิดวิเคราะห์ และสรุปความรู้ Step 2
115 115 สุดยอดคู่มือครู รอบรู้อาเซียนและโลก ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่า Self-Regulating เสริมความรู้ ครูควรสอน ตัวชี้วัด ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ Applying and Constructing the Knowledge ขั้นสื่อสารและน�ำเสนอ Applying the Communication Skill asean คอมพิวเตอร์ 115 ตารางที่ 3.1 อุปกรณ์ที่เป็นหน่วยความจำาสำารอง ประเภท อุปกรณ์ ความจุข้อมูล อุปกรณ์ บันทึกข้อมูล แถบแม่เหล็ก แผ่นบันทึก (Diskette)/ ฟล็อปปีดิสก์ (Floppy Disk) 1.44MB ฮ�ร์ดดิสก์ (Hard Disk: HDD) 512MB-2TB เทปแม่เหล็ก (Magnetic Tape) ขึ้นอยู่กับ คว�มย�วของ ม้วนเทป 1600bpi อุปกรณ์ บันทึกข้อมูล แบบใช้แสง แผ่นซีดี (Compact Disc: CD) 650MB แผ่นดีวีดี (Digital Versatile Disc: DVD) 4.7GB อุปกรณ์ บันทึกข้อมูล แบบแฟลช เมมโมรีก�ร์ด (Memory Card/SD Card) 64MB ขึ้นไป แฟลชไดรฟ์ (Flash Drive)/ แฮนดีไดรฟ์ (Handy Drive) 32MB-200GB Solid State Drive (SSD) 120GB-200TB 20. นักเรียนร่วมกันศึกษาและวิเคราะห์ เกี่ยวกับหน่วยความจำ สำ รอง ที่นักเรียนรู้จัก โดยบันทึกคำ ตอบ เป็นแผนภาพความคิดบนกระดาน ดังตัวอย่าง แล้วตอบคำถาม ขั้นคิดวิเคราะห์ และสรุปความรู้ Step 2 ฟล็อปปีดิสก์ ฮาร์ดดิสก์ เทปแม่เหล็ก แผ่นซีดี แผ่นดีวีดี เมมโมรีการ์ด แฟลชไดรฟ์ Solid State Drive หน่วยความจำ สำรอง • อุปกรณ์บันทึกข้อมูล แถบแม่เหล็กมีอะไรบ้าง (แผ่นบันทึกฮาร์ดดิสก์เทปแม่เหล็ก) • อุปกรณ์บันทึกข้อมูล แบบใช้แสงมีอะไรบ้าง (แผ่นซีดีแผ่นดีวีดี) • อุปกรณ์บันทึกข้อมูล แบบแฟลชมีอะไรบ้าง (เมมโมรีการ์ด แฟลชไดรฟ์ Solid StateDrive) เสริมความรู้ ครูควรสอน Cloud Computing เป็นเทคโนโลยีในการเก็บข้อมูลและประมวลผลข้อมูล ในรูปแบบออนไลน์ สามารถเข้าถึงผ่านคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์เคลื่อนที่ และอุปกรณ์อื่นได้ทุกที่ทุกเวลา
สุดยอดคู่มือครู 116 116 ขั้นสังเกต รวบรวมข้อมูล Gathering ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความรู้ Processing บูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21 GPAS 5 Steps แนวข้อสอบ O-NET/PISA 116 เทคโนโลยี (วิทย�ก�รคำ�นวณ) ชั้นมัธยมศึกษ�ปีที่ 2 1) แผ่นบันทึก (Diskette) หรือ ฟล็อปปีดิสก์ (Floppy Disk) แผ่นบันทึกทำ�จ�กแผ่นพล�สติกบ�ง ฉ�บผิวทั้งสองด้�นด้วยส�รแม่เหล็กและบรรจุ อยู่ในซองพล�สติกแข็งมีช่องเปิดให้หัวอ่�นข้อมูลบนแผ่น โดยแผ่นบันทึกจะถูกหมุนด้วยคว�มเร็วคงที่ ค่�หนึ่ง แขนของหัวอ่�นจะเลื่อนไปม�ในช่องเปิดเพื่ออ่�นหรือเขียนบนแผ่นทั้ง 2 ด้�น ผิวที่ใช้เก็บข้อมูล จะแบ่งเป็นวงเรียกว่� แทร็ก (Track) แต่ละแทร็กจะแบ่งเป็นช่องเก็บข้อมูลเรียกว่� เซกเตอร์ (Sector) เนื่องจ�กแผ่นบันทึกมีคว�มจุน้อย ไม่ค่อยมีคว�มคงทนในก�รใช้ง�นและทำ�ง�นช้� ปัจจุบันจึงไม่มีผู้ใช้ง�นแผ่นบันทึกอีกต่อไป ภาพที่ 3.41 แทร็กและเซกเตอร์แสดงช่องเก็บข้อมูล ภาพที่ 3.39 ช่องเปิดให้หัวอ่านข้อมูลบนแผ่นแม่เหล็ก ภาพที่ 3.40 ส่วนประกอบของแผ่นบันทึก ช่องเปิด แขน หัวอ่�นและเขียน แผ่นบันทึก ซองพล�สติกแข็ง แทร็ก แทร็ก 0 เซกเตอร์ 1 ของแทร็ก 0 เซกเตอร์ 1 21. นักเรียนร่วมกันศึกษาและวิเคราะห์ เกี่ยวกับหน่วยความจำ สำ รอง โดยตอบคำถาม ดังนี้ • วัสดุภายนอกของแผ่นบันทึก คืออะไร (พลาสติกบาง และฉาบผิวทั้งสองด้าน ด้วยสารแม่เหล็ก) • แทร็กและเซกเตอร์เหมือน หรือต่างกัน เพราะเหตุใด (ต่างกัน เพราะแทร็กคือแผ่นที่มีผิวใช้ เก็บข้อมูลซึ่งจะแบ่งเป็นวงส่วนเซกเตอร์ จะเป็นการแบ่งออกมาจากแทร็กอีกที) • เ พ ร า ะ เ ห ตุ ใ ด แ ผ่ น บั น ทึ ก จึงไม่ได้รับความนิยม (แผ่นมีความจุน้อยและไม่ทนทาน) ขั้นคิดวิเคราะห์ และสรุปความรู้ Step 2 เสริมความรู้ ครูควรสอน แผ่นบันทึก หรือ ฟล็อปปีดิสก์ ปัจจุบันได้ถูกยกเลิกการใช้งานไป เพราะมีความจุน้อย และไม่ทนทาน ผู้ใช้งานทั่วโลกจึงนิยมไปใช้แผ่น CD, DVD หรืออุปกรณ์อื่น ๆ ทดแทน
117 117 สุดยอดคู่มือครู รอบรู้อาเซียนและโลก ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่า Self-Regulating เสริมความรู้ ครูควรสอน ตัวชี้วัด ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ Applying and Constructing the Knowledge ขั้นสื่อสารและน�ำเสนอ Applying the Communication Skill asean คอมพิวเตอร์ 117 2) ฮาร์ดดิสก์ (Hard Disk) เป็นอุปกรณ์บันทึกข้อมูลที่ใช้เก็บข้อมูล จำ�นวนม�ก ประกอบด้วยแผ่นบันทึกแบบแข็งเคลือบ ด้วยส�รแม่เหล็กทั้งสองด้�นจำ�นวนหล�ยแผ่นเรียงซ้อนกัน มีหัวอ่�นหนึ่งหัวต่อหนึ่งด้�น ในขณะที่แผ่นบันทึกหมุน หัวอ่�นจะเลื่อนเข้�-ออก เพื่ออ่�นข้อมูลที่เก็บบนพื้นผิวแผ่น เมื่อฮ�ร์ดดิสก์มีก�รหมุนอย่�งรวดเร็วและหัวอ่�นเขียน ส�ม�รถเคลื่อนที่ได้ ทำ�ให้คอมพิวเตอร์ส�ม�รถอ่�นข้อมูล ในตำ�แหน่งที่ต้องก�รได้ คว�มเร็วในก�รหมุนยิ่งเร็วขึ้นจะทำ�ให้ หัวอ่�นไปถึงข้อมูลที่ต้องก�รได้รวดเร็ว ทำ�ให้ส�ม�รถอ่�น เขียนข้อมูลได้เร็วขึ้นต�มไปด้วย ซึ่งฮ�ร์ดดิสก์มีอ�ยุ ก�รใช้ง�นประม�ณ 3 ปี ขึ้นอยู่กับก�รใช้ง�นและ ก�รเก็บรักษ� ฮ�ร์ดดิสก์ในปัจจุบันมีขน�ดเล็กลง โดย ขน�ดของฮ�ร์ดดิสก์ที่นิยมใช้ ได้แก่ ภาพที่ 3.43 ฮาร์ดดิสก์สำาหรับ คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลขนาด 3.5 นิ้ว ภาพที่ 3.44 ฮาร์ดดิสก์สำาหรับ คอมพิวเตอร์พกพา ขนาด 1.8 หรือ 2.5 นิ้ว ภาพที่ 3.45 ฮาร์ดดิสก์ แบบพกพา ฮ�ร์ดดิสก์สำ�หรับ คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (PC) ฮ�ร์ดดิสก์สำ�หรับ คอมพิวเตอร์พกพ� (laptop) ฮ�ร์ดดิสก์แบบพกพ� (external hard disk) ภาพที่ 3.42 กลไกการทำางานของ อุปกรณ์ภายในฮาร์ดดิสก์ 22. นักเรียนร่วมกันศึกษาและวิเคราะห์ เกี่ยวกับหน่วยความจำสำ รอง (ต่อ) โดยตอบคำถาม ดังนี้ • ฮาร์ดดิสก์มีหลักการทำ งาน ที่เหมือนกับฟล็อปปีดิสก์หรือไม่ อย่างไร (เหมือนกันเพราะมีจานหมุนและมีหัวอ่าน เขียนข้อมูลลงในจานหมุนนั้น ๆ แต่ ฮาร์ดดิสก์มีความสามารถสูงกว่าและ มีความจุมากกว่าฟล็อปปีดิสก์) • ความเร็วในการหมุนของ จานฮาร์ดดิสก์มีผลต่อประสิทธิภาพ ของฮาร์ดดิสก์อย่างไร (ทำให้อ่านและเขียนข้อมูลได้รวดเร็วขึ้น) • ถ้าต้องการนำ ฮาร์ดดิสก์แบบ 3.5 นิ้วไปใช้งาน ควรใช้งานกับ อุปกรณ์ใด (ใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ เพราะ มีขนาดในถาดใส่ฮาร์ดดิสก์ที่ใหญ่กว่า และไม่ต้องคำนึงถึงนํ้าหนัก) ขั้นคิดวิเคราะห์ และสรุปความรู้ Step 2 ฮาร์ดดิสก์ประเภทใดมีความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูลมากที่สุด 1 SSD 2 HDD 3 M.2 4 external hard disk NET แนวข้อสอบ O-NET/PISA (เฉลย 3 เพราะการติดตั้งของ M.2จะติดตั้ง โดยตรงกับเมนบอร์ดจึงมีความเร็วสูงกว่า)
สุดยอดคู่มือครู 118 118 ขั้นสังเกต รวบรวมข้อมูล Gathering ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความรู้ Processing บูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21 GPAS 5 Steps แนวข้อสอบ O-NET/PISA 118 เทคโนโลยี (วิทย�ก�รคำ�นวณ) ชั้นมัธยมศึกษ�ปีที่ 2 จ�กที่กล่�วม�ฮ�ร์ดดิสก์จะมี ลักษณะก�รเชื่อมต่อ 2 แบบ โดยแต่ละแบบ จะมีคุณสมบัติที่แตกต่�งกันต�มม�ตรฐ�น โดยม�ตรฐ�นฮ�ร์ดดิสก์แบบ IDE มีคว�มเร็ว ในก�รส่งข้อมูลไม่เกิน 40MB/s อีกทั้งใช้ ส�ยไฟกว่� 40-80 เส้น ส่วนม�ตรฐ�นฮ�ร์ดดิสก์ แบบ Serial ATA (SATA) ส�ม�รถรับส่ง ข้อมูลได้ถึง 600MB/s อีกทั้งประหยัดส�ยไฟ และระบ�ยอ�ก�ศได้ดีกว่� ติดตั้งง่�ย และใช้ พลังง�นน้อยกว่� สายเชื่อมต่อแบบ IDE สายเชื่อมต่อแบบ SATA 3) เทปแม่เหล็ก (Magnetic Tape) เป็นอุปกรณ์ที่มีลักษณะเป็นแถบส�ยพล�สติกเคลือบด้วยส�รแม่เหล็ก ส�ม�รถเก็บข้อมูล ได้จำ�นวนม�ก แต่เป็นก�รเข้�ถึงข้อมูลแบบลำ�ดับ (Sequencial Access) คืออ่�นข้อมูลในม้วนเทป ไปเรื่อย ๆ จนถึงตำ�แหน่ง ที่ต้องก�ร ซึ่ ง ช้�ม�ก จึงเหม�ะกับก�รนำ�ม�ใช้ สำ�รองข้อมูล (back up) เพื่อป้องกันก�รสูญห�ย ของข้อมูล ภาพที่ 3.46 เทปแม่เหล็ก ภาพที่ 3.47 การใช้เทปแม่เหล็กใน Data Center 4) แผ่นซีดี (Compact Disc: CD) เป็นแผ่นพล�สติกที่เคลือบด้วยส�รสะท้อนแสง ใช้เก็บข้อมูลจำ�นวนม�ก ก�รเก็บข้อมูล บนแผ่นซีดีใช้แสงเลเซอร์ส่องและสะท้อนกลับ ซึ่งมีอ�ยุก�รใช้ง�นประม�ณ 2-10 ปี ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับ ก�รใช้ง�นและก�รเก็บรักษ� CD-ROM CD-R CD-RW (Compact Disc-Read Only Memory) บันทึกข้อมูลได้ครั้งเดียวจ�กโรงง�น (Compact Disc-Recordable) ส�ม�รถบันทึกข้อมูลได้ แต่ไม่ส�ม�รถลบหรือบันทึกทับได้ (Compact Disc-Rewritable) ส�ม�รถลบและบันทึกซำ้�ได้หล�ยครั้ง 23. นักเรียนร่วมกันพิจารณาเกี่ยวกับ ฮาร์ดแวร์ แล้วตอบคำถาม ดังนี้ • จากภาพคือสายชนิดใด (สายเชื่อมต่อแบบSATA) • จากภาพคือสายชนิดใด (สายเชื่อมต่อแบบIDE) 24. นักเรียนร่วมกันศึกษาและวิเคราะห์ เกี่ยวกับหน่วยความจำสำ รอง (ต่อ) โดยตอบคำถาม ดังนี้ • การใช้เทปแม่เหล็กเหมาะกับ การใช้งานแบบใด (การสำรวจข้อมูล(backup)) • ก า ร เ ข้ า ถึ ง ข้ อ มู ล ข อ ง เ ท ป แม่เหล็กเรียกว่าวิธีใด (การเข้าถึงข้อมูลแบบลำดับ(Sequencial Access)) • วัสดุที่ทำแผ่น CD คือวัสดุใด (แผ่นพลาสติกใส) • ถ้าต้องการแผ่น CD ที่ลบและ บันทึกซํ้า ๆ ได้หลายครั้งควรเลือก แผ่นประเภทใด (CD-RW) ขั้นคิดวิเคราะห์ และสรุปความรู้ Step 2 หากเครื่องอ่านซีดีไม่สามารถอ่านหรือบันทึกซีดีได้ นักเรียนควรทำอย่างไร จึงจะเหมาะสมที่สุด 1 ใช้ไดร์เป่าผมเป่าที่เครื่องอ่านซีดี แล้วใช้นํ้ายาเช็ดอีกรอบ 2 ใส่แผ่นซีดีสำหรับทำความสะอาดเข้าไปทำความสะอาดหัวอ่าน 3 พยายามถอดออกมาทำความสะอาด แล้วประกอบเข้าไปใหม่ 4 ใช้ผ้าชุบนํ้าพอหมาด ๆ เช็ดที่หัวอ่าน NET แนวข้อสอบ O-NET/PISA (เฉลย 2 เพราะเครื่องอ่านซีดีไม่สามารถอ่านหรือบันทึกซีดีได้อาจเกิดจากหัวอ่านสกปรก วิธีแก้ปัญหาเบื้องต้นควรใช้แผ่นซีดีสำหรับทำ ความสะอาดเข้าไปทำ ความสะอาดหัวอ่านก่อน)
119 119 สุดยอดคู่มือครู รอบรู้อาเซียนและโลก ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่า Self-Regulating เสริมความรู้ ครูควรสอน ตัวชี้วัด ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ Applying and Constructing the Knowledge ขั้นสื่อสารและน�ำเสนอ Applying the Communication Skill asean คอมพิวเตอร์ 119 ภาพที่ 3.48 ลักษณะการบันทึกข้อมูลของแผ่นซีดี 5) แผ่นดีวีดี (Digital Versatile Disc: DVD) มีลักษณะคล้�ยแผ่นซีดี แต่มีคว�มจุของข้อมูลม�กกว่�ซีดี และมีลักษณะที่ซับซ้อน กว่�ซีดี ซึ่งมีอ�ยุก�รใช้ง�นประม�ณ 2-10 ปี ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับก�รใช้ง�นและก�รเก็บรักษ� (Single-Sided Single Layer) จัดเก็บข้อมูลได้ด้�นเดียว และบันทึกข้อมูลได้ชั้นเดียว คว�มจุ 4.7GB (Single-Sided Dual Layer) จัดเก็บข้อมูลได้ด้�นเดียว แต่บันทึกข้อมูลได้สองชั้น คว�มจุ 8.5GB (Double-Sided Single Layer) จัดเก็บข้อมูลได้ทั้งสองด้�น และบันทึกข้อมูลได้ชั้นเดียว คว�มจุ 9.4GB (Double-Sided Dual Layer) จัดเก็บข้อมูลได้ทั้งสองด้�น แต่บันทึกข้อมูลได้สองชั้น คว�มจุ 17GB DVD5 DVD9 DVD10 DVD18 ก�รบันทึกข้อมูลของแผ่นซีดี จะมีลักษณะแบบก้นหอย เรียงจ�กด้�นในสุดของแผ่น ออกม�ด้�นนอก เด็กควรรู้ หน่วยของข้อมูลที่จัดเก็บในหน่วยคว�มจำ� เรียกว่�ไบต์ byte หรือ 1 ไบต์ ประกอบไปด้วย 8 บิต นอกจ�กนี้ยังมีหน่วยเป็นกิโลไบต์ kilobyte หรือ KB ซึ่งมีค่�เท่�กับ 1,024 ไบต์, เมกะไบต์ megabyte หรือ MB มีค่� โดยประม�ณหนึ่งล้�นไบต์หรือ 1,024 KB, กิกะไบต์ gigabyte หรือ GB มีค่�ประม�ณหนึ่งพันล้�นไบต์หรือหนึ่งล้�นกิโลไบต์ และเทร�ไบต์ terabyte หรือ TB มีค่�ประม�ณหนึ่งล้�นล้�นไบต์ หน่วยคว�มจุข้อมูลในหน่วยส�ม�รถสรุปค่�คว�มจุได้ ดังนี้ 8 bits เท่�กับ 1 byte 1024 bytes เท่�กับ 1 kilobyte (KB) 1024 KB เท่�กับ 1 megabyte (MB) 1024 MB เท่�กับ 1 gigabyte (GB) 1024 GB เท่�กับ 1 terabyte (TB) 25. นักเรียนร่วมกันศึกษาและวิเคราะห์ เกี่ยวกับหน่วยความจำสำ รอง (ต่อ) โดยตอบคำถาม ดังนี้ • โดยทั่วไปเราสามารถพบแผ่น DVD มีความจุอยู่ที่เท่าไร (4.7GB) • อายุการใช้งานของแผ่น DVD อยู่ที่เท่าไรโดยประมาณ (2-10ปี) • การเก็บรักษาแผ่น DVD ควรปฏิบัติอย่างไร (ตัวอย่างคำ ตอบ เก็บในที่ที่มีความชื้น และอุณหภูมิตํ่ามีกล่องหรือวัสดุป้องกัน แผ่น) • ถ้านักเรียนต้องการบันทึกข้อมูล ที่มีความจุ 8.7 GB ต้องใช้แผ่น DVD ประเภทใด (ตัวอย่างคำ ตอบDVD10) ขั้นคิดวิเคราะห์ และสรุปความรู้ Step 2
สุดยอดคู่มือครู 120 120 ขั้นสังเกต รวบรวมข้อมูล Gathering ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความรู้ Processing บูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21 GPAS 5 Steps แนวข้อสอบ O-NET/PISA 120 เทคโนโลยี (วิทย�ก�รคำ�นวณ) ชั้นมัธยมศึกษ�ปีที่ 2 6) เมมโมรีการ์ด (Memory Card) เป็นหน่วยคว�มจำ�แบบแฟลช (Flash Memory) ใช้กระบวนก�รท�งไฟฟ้�ในก�รบันทึก ข้อมูลและมีตัวควบคุมก�รอ่�นและเขียน ทำ�ให้ส�ม�รถบันทึก เคลื่อนย้�ย แก้ไขข้อมูลได้ง่�ยและรวดเร็ว ถูกออกแบบให้ใช้กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่�ง ๆ เช่น สม�ร์ตโฟน กล้องดิจิทัล แท็บเล็ต และมี คว�มจุตั้งแต่ 64MB ขึ้นไป มีหล�กหล�ยขน�ดและหล�กหล�ยชนิด เช่น SD Card, MicroSD Card, MiniSD Card, XD Card 7) แฟลชไดรฟ์ (Flash Drive) หรือแฮนดีไดรฟ์ (Handy Drive) เ ป็ น อุ ป ก ร ณ์ บั น ทึ ก ข้ อ มู ล แบบแฟลชที่เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ผ่�นช่องเสียบ USB มีขน�ดเล็ก พกพ�สะดวก มีคว�มจุม�กถึง 200 GB ภาพที่ 3.49 ส่วนประกอบภายในของแฟลชไดรฟ์ Flash Memory (หน่วยคว�มจำ�แฟลช) เป็นหน่วยคว�มจำ�ที่ส�ม�รถลบและบันทึก ข้อมูลใหม่ได้อย่�งรวดเร็ว แต่ต้องทำ�ก�ร ลบข้อมูลเป็นบล็อกหรือกลุ่มข้อมูลชุดใหญ่ 8) Solid State Drive: SSD เป็นฮ�ร์ดดิสก์แบบใหม่ที่ใช้ชิปเซตเป็นหน่วยคว�มจำ�ในก�รเก็บข้อมูลแทนจ�นแม่เหล็ก โดยมีก�รบันทึกข้อมูลแบบแฟลชที่เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ท�งพอร์ต USB มีขน�ดเล็ก พกพ�สะดวก และมีคว�มจุหล�ยขน�ด ซึ่งก�รทำ�ง�นของ Solid State Drive มีข้อดีและข้อเสีย ดังนี้ ภาพที่ 3.50 ส่วนประกอบภายในของ Solid State Drive (SSD) ตารางที่ 3.2 ข้อดีและข้อเสียของ Solid State Drive (SSD) ข้อดี ข้อเสีย 1. รวดเร็วกว่� Hard Disk 2. เบ�เพร�ะไม่ได้ใช้จ�นหมุน 3. ทนแรงกระแทกเพร�ะ ทำ�ง�นด้วยกระแสไฟฟ้� 1. ร�ค�แพง 2. คว�มจุตำ่� 26. นักเรียนศึกษาและวิเคราะห์เกี่ยวกับ หน่วยความจำสำรอง (ต่อ) โดยตอบ คำถาม ดังนี้ • ลักษณะเด่นของเมมโมรีการ์ด คืออะไร (ตัวอย่างคำ ตอบ มีขนาดเล็กและบาง สามารถเก็บข้อมูลได้เยอะในระดับหนึ่ง และเหมาะกับอุปกรณ์ที่ต้องการความจุ เพิ่ม แต่ต้องการประหยัดพื้นที่) • แ ฟ ล ช ไ ด ร ฟ์ แ ต ก ต่ า ง จ า ก เมมโมรีการ์ดอย่างไร (แฟลชไดรฟ์มีพอร์ตเชื่อมต่อที่ใหญ่กว่า และเป็นมาตรฐาน USB มีขนาดใหญ่กว่า เมมโมรีการ์ดและมีความแข็งแรงสูงกว่า) • ความแตกต่างของ SSD กับ HDD คืออะไร (SSD จะมีความเร็วกว่า HDD มาก ใช้ชิปเซตแทนการใช้จานแม่เหล็กหมุน มีขนาดเล็กและเบา แต่ในปัจจุบัน SSD มีราคาแพงและความจุตํ่า) ขั้นคิดวิเคราะห์ และสรุปความรู้ Step 2
121 121 สุดยอดคู่มือครู รอบรู้อาเซียนและโลก ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่า Self-Regulating เสริมความรู้ ครูควรสอน ตัวชี้วัด ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ Applying and Constructing the Knowledge ขั้นสื่อสารและน�ำเสนอ Applying the Communication Skill asean คอมพิวเตอร์ 121 1.5 หน่วยส่งออก(Output Unit) ทำ�หน้�ที่นำ�ข้อมูลที่ประมวลผลแล้วม�แสดงผล ซึ่งอ�จอยู่ในรูปของข้อคว�ม รูปภ�พ เสียง และภ�พเคลื่อนไหว 1) จอภาพ (Monitor) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้แสดงข้อมูลต่�ง ๆ เช่น ข้อคว�ม ภ�พ และภ�พเคลื่อนไหว ปัจจุบัน มีเทคโนโลยีในก�รผลิตจอภ�พที่ดีขึ้นจ�กภ�พสีเดียว (Monochrome) เป็นภ�พสี ซึ่งเกิดจ�กก�รผสม สีแดง (R) สีเขียว (G) และสีนำ้�เงิน (B) หรืิอที่เรียกว่� RGB • จอภ�พแบบซีอ�ร์ที (Cathode Ray Tube: CRT) ใช้เทคโนโลยีของหลอดรังสีอิเล็กตรอนและในก�รยิงแสงแต่ละครั้งจำ�เป็นต้อง ใช้เวล� ทำ�ให้เห็นภ�พไม่นิ่งและปวดต� กระบวนก�รดังกล่�วเกิดคว�มร้อนและใช้พลังง�นสูง ปัจจุบัน จึงไม่มีผู้นิยมใช้แล้ว ภาพที่ 3.51 หน้าจอคอมพิวเตอร์แบบซีอาร์ที ภาพที่ 3.52 ส่วนประกอบภายในของจอคอมพิวเตอร์ แบบซีอาร์ที • จอภ�พแบบแอลซีดี (Liquid Crystal Display: LCD) จอ LCD ผลิตจ�กผลึกของเหลว กึ่งแข็ง และใช้หลอดไฟในก�รส่องแสงสว่�งให้กับจอ ทำ�ให้เห็นเป็นภ�พต่�ง ๆ ที่ชัดเจนกว่�จอ CRT แต่จะ ชัดเจนในบ�งมุม และไม่ชัดในบ�งมุม เนื่องจ�กจอ LCD ไม่ได้ใช้รังสี จึงใช้พลังง�นไฟฟ้�น้อยกว่�และเกิด คว�มร้อนน้อยกว่� ภาพที่ 3.53 หน้าจอคอมพิวเตอร์แบบแอลซีดี cathode electromagnetic deflection coils แดง เขียว นำ้�เงิน หน้�จอ 27. นักเรียนร่วมกันศึกษาและวิเคราะห์ เกี่ยวกับหน่วยส่งออก โดยตอบคำถาม ดังนี้ • อุปกรณ์ในหน่วยส่งออกที่ นักเรียนรู้จักคืออะไร พร้อมบอก หน้าที่ของอุปกรณ์นั้น (ตัวอย่างคำ ตอบ จอภาพใช้ในการ แสดงผลที่ผ่านการคำนวณมาแล้ว) • นอกจากแสดงผลออกมาเป็น ภาพหรือเป็นกระดาษแล้วสามารถ แสดงผลออกมาเป็นรูปแบบอื่นได้ หรือไม่ อย่างไร (ได้ เพราะสามารถแสดงผลออกมา เป็นวัตถุที่สามารถจับต้องได้โดยการ ใช้เครื่องพิมพ์3D ตัวอย่างเครื่องพิมพ์3D) • จอภาพแบบซีอาร์ทีมีลักษณะ อย่างไร (ตัวอย่างคำ ตอบ จอภาพแบบซีอาร์ที ใส่หลอดรังสีอิ เล็กตรอนยิง แสง ออกมาสร้างภาพ) • จอภาพแบบแอลซีดีมีลักษณะ อย่างไร (ตัวอย่างคำ ตอบ จอภาพแบบแอลซีดี ผลิตจากผลึกของเหลวกึ่งแข็งและไม่ใช้ รังสีทำ ให้ประหยัดไฟฟ้าและลด ผลกระทบต่อดวงตา) ขั้นคิดวิเคราะห์ และสรุปความรู้ Step 2 • จอภาพแบบแอลอีดีมีลักษณะ อย่างไร (ตัวอย่างคำ ตอบ ใช้หลอด LED แทนการใช้ผลึกของเหลวกึ่งแข็งและ มีคุณภาพของภาพที่แสดงออกมา ได้ดีกว่า)
สุดยอดคู่มือครู 122 122 ขั้นสังเกต รวบรวมข้อมูล Gathering ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความรู้ Processing บูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21 GPAS 5 Steps แนวข้อสอบ O-NET/PISA 122 เทคโนโลยี (วิทย�ก�รคำ�นวณ) ชั้นมัธยมศึกษ�ปีที่ 2 • จอภ�พแบบแอลอีดี (Light-Emitting Diode: LED) จอ LED จะใช้หลอด LED ขน�ดเล็กในก�รส่องแสง ทำ�ให้ส�ม�รถพัฒน�ก�ร แสดงภ�พรูปแบบใหม่ที่ให้คว�มละเอียดสูง อีกทั้ง ประหยัดไฟและเกิดคว�มร้อนน้อยกว่� ในก�รทำ�ง�นที่ต้องอ�ศัย ก�รแสดงผลกร�ฟิกคุณภ�พสูง จะต้องมีก�ร ติดตั้งก�ร์ดจอ (Video Controller) ที่มีหน่วย ประมวลผลกร�ฟิกภ�ยใน ซึ่งทำ�ให้ก�รแสดงผล มีประสิทธิภ�พและรวดเร็วยิ่งขึ้น 2) เครื่องพิมพ์ (Printer) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้แสดงผลแบบถ�วร ส�ม�รถเก็บไว้ใช้ต่อไป หรือเรียกว่� ฮ�ร์ดก๊อปปี (Hard Copy) ในรูปแบบของกระด�ษ สื่อสิ่งพิมพ์ หรือภ�พลอยตัว ภาพที่ 3.54 หน้าจอคอมพิวเตอร์แบบแอลอีดี ภาพที่ 3.55 เครื่องพิมพ์แบบจุด • เครื่องพิมพ์เลเซอร์ (Laser Printer) ใช้เทคโนโลยีเดียวกับเครื่องถ่�ยเอกส�ร โดยก�รยิงเลเซอร์ไปสร้�งภ�พบนกระด�ษ จะได้ ง�นที่มีคุณภ�พสูง คมชัด สวยง�ม ข้อเสียคือ ตลับหมึกมีร�ค�แพง ใช้กับกระด�ษที่หน�ม�ก และพิมพ์ไร้ขอบไม่ได้ ภาพที่ 3.56 เครื่องพิมพ์เลเซอร์ • เครื่องพิมพ์แบบจุด (Dot Matrix Printer) เป็นเครื่องพิมพ์ที่เป็นหัวเข็ม (pin) กระแทกผ่�นผ้�หมึกลงบนกระด�ษ คว�มคมชัด ขึ้นอยู่กับจำ�นวนจุด ยิ่งจำ�นวนจุดม�กยิ่งคมชัด ม�ก เหม�ะสำ�หรับง�นที่ต้องก�รสำ�เน�เป็น หล�ย ๆ ชุด เช่น ใบเสร็จรับเงิน ใบกำ�กับภ�ษี อย่�งย่อ มีข้อดีคือ ทนท�นและร�ค�ถูก 28. นักเรียนร่วมกันศึกษาและวิเคราะห์ เกี่ยวกับหน่วยส่งออก (ต่อ) โดย ตอบคำถาม ดังนี้ • เครื่องพิมพ์สามารถจำ แนก ได้กี่ประเภท อะไรบ้าง (5 ประเภท 1. เครื่องพิมพ์แบบจุด 2. เครื่องพิมพ์เลเซอร์ 3. เครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก 4. เครื่องพิมพ์แบบใช้ความร้อน 5. เครื่องพิมพ์3มิติ) • หากต้องการพิมพ์ไปพร้อม กับทําสำ เนา นักเรียนควรเลือก เครื่องพิมพ์แบบใดให้เหมาะสม และมีต้นทุนการทำ งานที่ถูก (ควรเลือกเครื่องพิมพ์แบบจุดเพราะการ ใช้หัวเข็มกระแทกผ่านผ้าหมึกลงบน กระ ดา ษ จะไ ด้ ควา ม ชั ดข อง สี ดำ เครื่องพิมพ์ชนิดนี้จะมีนํ้าหมึกอยู่ไม่กี่สี และจะใส่ในเครื่องได้แค่ทีละสี จึงทำให้ ต้นทุนถูกกว่าแบบอื่น) ขั้นคิดวิเคราะห์ และสรุปความรู้ Step 2 ถ้าต้องการเลือกเครื่องพิมพ์ที่เหมาะสมกับการนำ ไปใช้ในงานทั่วไป และมีต้นทุนที่ถูกควรเลือกเครื่องพิมพ์แบบใด 1 เครื่องพิมพ์แบบจุด 2 เครื่องพิมพ์เลเซอร์ 3 เครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก 4 เครื่องพิมพ์ 3 มิติ NET แนวข้อสอบ O-NET/PISA (เฉลย 3 เครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก เพราะมีต้นทุนการพิมพ์ที่ถูก)
123 123 สุดยอดคู่มือครู รอบรู้อาเซียนและโลก ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่า Self-Regulating เสริมความรู้ ครูควรสอน ตัวชี้วัด ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ Applying and Constructing the Knowledge ขั้นสื่อสารและน�ำเสนอ Applying the Communication Skill asean คอมพิวเตอร์ 123 • เครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก (Inkjet Printer) ใช้วิธีพ่นหมึกสีดำ� แม่สีแดง เหลือง และนำ้�เงิน เพื่อให้ได้สีต�มต้องก�ร มีข้อดีคือ ต้นทุนต่อแผ่นถูก พิมพ์ภ�พที่มีคว�มซับซ้อนได้ อย่�งละเอียด และ เครื่องพิมพ์มีร�ค�ถูก แต่มีข้อเสียคือ หัวพิมพ์ มีอ�ยุก�รใช้ง�นน้อย และพิมพ์ช้� ภาพที่ 3.57 เครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก ภาพที่ 3.58 เครื่องพิมพ์แบบใช้ความร้อน • เครื่องพิมพ์แบบใช้คว�มร้อน (Thermal Printer) ใช้เข็มคว�มร้อนกดลงไปบนกระด�ษ ที่ไวต่อคว�มร้อน เพื่อให้กระด�ษเปลี่ยนเป็นสีดำ� นิยมใช้พิมพ์ใบเสร็จต่�ง ๆ • เครื่องพิมพ์ 3 มิติ (3D Printer) เป็นเทคโนโลยีที่ฉีดพล�สติกเป็นเส้น ๆ เพื่อพิมพ์วัตถุไปทีละชิ้นจนออกม�เป็นชิ้นง�น เปรียบเสมือนกับก�รสร้�งตึก จะต้องค่อย ๆ ก่อ ไปทีละชั้นจนครบ เหม�ะกับก�รสร้�งแบบจำ�ลอง หรือชิ้นส่วนหุ่นยนต์ที่ออกแบบขึ้นเอง แต่ ในก�รพิมพ์จะมีต้นทุนที่สูงและใช้เวล�น�น ในก�รพิมพ์ 3) ลำาโพง (Speaker) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้แสดงเสียง จ�กคอมพิวเตอร์ โดยก�ร์ดเสียง (Sound Card) จะแปลงสัญญ�ณเสียงที่เป็นข้อมูลดิจิทัลเป็น สัญญ�ณแอนะล็อก แล้วขย�ยสัญญ�ณด้วย อุปกรณ์ขย�ยเสียง (Amplifier) ห�กมีก�รติดตั้ง ไว้ในลำ�โพง ลำ�โพงจะทำ�หน้�ที่แปลงสัญญ�ณ ให้เป็นเสียง ภาพที่ 3.59 เครื่องพิมพ์ 3 มิติ ภาพที่ 3.60 ลำาโพง เว็บไซต์แนะนำา ระบบสี RGB และ CMYK www.nupress.grad.nu.ac.th 29. นักเรียนร่วมกันศึกษาและวิเคราะห์ เกี่ยวกับหน่วยส่งออก (ต่อ) โดย ตอบคำถาม ดังนี้ • นักเรียนคิดว่าเครื่องพิมพ์แบบ พ่นหมึกมีข้อดีข้อเสียอย่างไร (ตัวอย่างคำ ตอบ เครื่องพิมพ์แบบ พ่นหมึกมีข้อดีคือราคาเครื่องและราคา นํ้าหมึกมีราคาที่ถูกกว่าหลาย ๆ แบบ และมีคุณภาพในการพิมพ์สูง ข้อเสียคือ มีอายุการใช้งานประมาณ 1-3 ปีโดยเฉพาะหัวพิมพ์ที่ตันง่าย หากไม่มีการบำ รุงรักษาหรือใช้งาน อย่างถูกวิธี) • จากภาพนักเรียนเคยเห็น เครื่องพิมพ์ชนิดใดในชีวิตประจำวัน ของนักเรียนและยกตัวอย่างผลการ ทำ งานของเครื่องพิมพ์นั้น ๆ (ตัวอย่างคำ ตอบ เครื่องพิมพ์แบบใช้ ความร้อนสามารถพบเห็นได้ตามร้าน สะดวกซื้อหลังการซื้อขายเสร็จพนักงาน จะพิมพ์ใบเสร็จแสดงรายการสินค้า และราคาหลังการชำระเงิน) ขั้นคิดวิเคราะห์ และสรุปความรู้ Step 2 • หากนักเรียนไม่มีการ์ดเสียงยัง สามารถรับฟังเสียงจากคอมพิวเตอร์ ได้หรือไม่ อย่างไร (ตัวอย่างคำ ตอบ ยังสามารถรับฟัง เสียงได้ เพราะโดยทั่วไปในเมนบอร์ด จะมีชิปเซตที่ทำงานเรื่องเสียงอยู่ จึงใช้ งานลำ โพงที่ต่อออกมาได้ในระบบเสียง 2.0และ2.1ชาแนล)
สุดยอดคู่มือครู 124 124 ขั้นสังเกต รวบรวมข้อมูล Gathering ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความรู้ Processing บูรณาการทักษะศตวรรษที่ 21 GPAS 5 Steps แนวข้อสอบ O-NET/PISA แผนภาพที่ 3.7 หน้าที่การทำางานของ OS จัดก�รแฟ้มข้อมูล จัดลำ�ดับก�รทำ�ง�น ก่อน-หลัง 1. 2. 3. โอนย้�ยข้อมูลระหว่�ง ส่วนต่�ง ๆ ของคอมพิวเตอร์ จัดก�รหน่วยคว�มจำ� ดูแลระบบ OS 124 เทคโนโลยี (วิทย�ก�รคำ�นวณ) ชั้นมัธยมศึกษ�ปีที่ 2 2. ซอฟต์แวร์(Software) โปรแกรมที่ใช้ ในก�รควบคุมก�รทำ�ง�นของเครื่องคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ต่อพ่วงต่�ง ๆ โดยทั่วไปแล้วซอฟต์แวร์ แบ่งออกเป็น 2.1 ซอฟต์แวร์ระบบ (System Software) โปรแกรมที่ควบคุมก�รทำ�ง�นของคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วงให้ทำ�ง�นประส�นกัน ได้อย่�งลงตัว ซอฟต์แวร์ระบบแบ่งออกเป็น 1) ระบบปฏิบัติการ (Operating System: OS) โปรแกรมที่ควบคุมก�รทำ�ง�นของคอมพิวเตอร์ให้ทำ�ง�นได้อย่�งมีประสิทธิภ�พ Hardware OS ซอฟต์แวร์ประยุกต์ ผู้ใช้ง�น OS เป็นโปรแกรมที่ติดต่อกับตัวเครื่องและซอฟต์แวร์ประยุกต์ เพื่อให้ก�รทำ�ง�นของ ซอฟต์แวร์เป็นไปได้อย่�งมีประสิทธิภ�พ ซอฟต์แวร์มีกี่ประเภท อะไรบ้าง คำ�ถ�มสำ�คัญ ระบบปฏิบัติก�ร (Operating System) โปรแกรมอรรถประโยชน์ (Utility Program) โปรแกรมขับอุปกรณ์ (Device Driver) โปรแกรมแปลภ�ษ� (Translator) ซอฟต์แวร์ (Software) ซอฟต์แวร์ระบบ (System Software) ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application Software) แผนภาพที่ 3.6 ประเภทของซอฟต์แวร์ 30. เลือกตัวแทนนักเรียนตอบคำ ถาม ดังนี้ • ซอฟต์แวร์มีกี่ประเภท อะไรบ้าง (มี2ประเภท 1.ซอฟต์แวร์ระบบ 2.ซอฟต์แวร์ประยุกต์) • ซอฟต์แวร์ระบบที่นักเรียน เคยพบหรือรู้จักมีอะไรบ้าง (ตัวอย่างคำตอบMicrosoftWindows 7,8,10iosและandroid) • ซอฟต์แวร์ประยุกต์ที่นักเรียน รู้ จั ก แ ล ะ ใ ช้ เ พื่ อ ค ว า ม บั น เ ทิ ง มีอะไรบ้าง (ตัวอย่างคำ ตอบ Microsoft VLC MediaPlayer) 31. นักเรียนแบ่งกลุ่ม 6 กลุ่ม ส่งตัวแทน จับสลากเลือกหัวข้อซอฟต์แวร์ ดังนี้ • ซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการ (OperatingSystem) • โปรแกรมอรรถประโยชน์ (UtilityProgram) • โปรแกรมขับอุปกรณ์ (DeviceDriver) • โปรแกรมแปลภาษา (Translator) • ซอฟต์แวร์สำหรับงานทั่วไป (generalpurposesoftware) • ซอฟต์แวร์สำหรับงานเฉพาะ (specialpurposesoftware) ขั้นคิดวิเคราะห์ และสรุปความรู้ Step 2