หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 43 3. Sam…………........……...……….(bring) the documents over to you tomorrow. 4. The managers…………........……...……….(not decide) about the budget until next Thursday. 5. …………........……...……….your sister…………........……...……….(get) married in a large church? 6. …………........……...……….he…………........……...……….(not help) you move to your new apartment? 7. I…………........……...……….(forgive) him this time. He mustn’t do that again. 8. We…………........……...……….(let) you know as soon as there’s any news. 9. A : When…………........……...……….you…………........……...……….(finish) your work? B : In around half an hour. 10. A : Who…………........……...……….(win) the football match tomorrow evening? B : I think Liverpool. Answers key : 1. will drive 2. will not work / won’t work 3. will bring 4. will not decide / won’t decide 5. Will / get 6. Won’t / help 7. will forgive 8. will let 9. will / finish 10. Will win 5. ประเมินผล (Evaluate) 5.1 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยแบบฝึกหัดเรื่อง Future Simple Tense บน PowerPoint 5.2 นักเรียนฟังครูอธิบายถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อให้นักเรียนเข้าใจ หลักการใช้ Future Simple Tense ครูสรุปหลักการของกฎต่าง ๆ ให้นักเรียนฟังอีกครั้ง ชั่วโมงที่ 2 1. สร้างความสนใจ (Engage) 1.1 นักเรียนจับคู่แล้วทำกิจกรรม “ประโยค-ความหมาย” โดยนักเรียนคนที่ 1 พูดประโยค คนที่ 2 พูด ความหมายของประโยค แล้วเปลี่ยนให้นักเรียนคนที่ 2 พูดประโยค นักเรียนคนที่ 1 พูดความหมายของประโยค 1.2 นักเรียนแต่ละคู่สลับกันพูดประโยค Future simple tense และให้คู่ตนเองบอกความหมายของ ประโยค พร้อมหลักการใช้ประโยค Future simple tense ที่สอดคล้องกับประโยคที่คู่ตนเองพูด 2. สำรวจและค้นหา (Explore) 2.1 นักเรียนดูรูปภาพและประโยคบน PowerPoint พร้อมร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยค What are you going to do after class? I am going to play soccer.
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 44 2.4 นักเรียนดูวิดีโอคลิปที่ 1 เรื่อง การใช้ Will กับ going to ที่แปลว่า “จะ” ใช้ต่างกันอย่างไรใน ภาษาอังกฤษ จาก https://www.youtube.com/watch?v=wXQlpbrB0eo 2.5 นักเรียนดูวิดีโอคลิปที่ 2 เรื่อง หลักการใช้งาน will และ Going to / ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษขั้น พื้นฐาน / แกรมม่าภาษาอังกฤษเบื้องต้น จาก https://www.youtube.com/watch?v=Zg6DL1d-tJA 2.6 นักเรียนช่วยกันสรุปความรู้ที่ได้จากการดูวิโอคลิปทั้ง 2 วิดีโอ 2.7 นักเรียนฟังครูอธิบายเรื่องFuture Simple Tense : Will and Going to 1. Will และ Going to แปลเหมือนกันว่า “จะ...” เช่น จะไป จะทำ... ใช้เพื่อบอกสิ่งที่จะทำใน อนาคต แต่ทั้งสองคำนี้มีจุดแตกต่างกันเล็กน้อย เวลานำไปใช้จึงต้องระวัง Will ใช้เมื่อตัดสินใจจะทำอะไรในขณะที่พูดนั้นเลย ไม่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้า ดังนี้ 1.1 พูดเมื่อตัดสินใจจะทำเดี๋ยวนั้น • I will do it now. ฉันจะทำมันเดี๋ยวนี้แหละ 1.2 พูดเมื่อคิดว่า เชื่อว่า หรือ น่าจะ เกิดบางสิ่งขึ้นในอนาคต โดยมีคำให้สังเกตคือ I think, I hope, probably, possibly, doubt เป็นต้น • I think the train will come soon. ฉันคิดว่ารถไฟจะมาในไม่ช้านี้แหละ • Emma hopes that Lucien will ask her out. เอ็มม่าหวังว่าลูเซี่ยนจะชวนเธอออกเดท 1.3 เพื่อให้คำสัญญาหรือตอบรับข้อเสนอในขณะเวลาที่พูดนั้น • I will gladly help you with this project ฉันยินดีจะช่วยคุณในโปรเจ็กนี้ 1.4 เมื่อเป็นรูปปฏิเสธจะใช้ Won’t • I won’t say anything to anyone. ฉันจะไม่พูดอะไรกับใคร 2. Going to เป็นการบอกถึงสิ่งที่กำลังจะทำในอนาคตที่มีการตัดสินใจและวางแผนมาแล้ว ดังนี้ 2.1 พูดถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งตัดสินใจหรือตั้งใจแล้ว 100% ว่าจะทำในอนาคต เช่น • He is going to buy a new car soon. เขากำลังจะซื้อรถใหม่เร็ว ๆ นี้ • I’m going to Japan next year. ปีหน้าฉันจะไปญี่ปุ่น • We are going to have fun at the party. พวกเราจะไปสนุกกันในงานปาร์ตี้ 2.2 พูดถึงสิ่งที่ค่อนข้างแน่ใจว่าจะเกิดขึ้น เช่น • I feel dreadful; I’m going to be sick. ฉันรู้สึกแย่มาก ฉันกำลังจะไม่สบาย • It’s 8.30! You’re going to miss your train! แปดโมงครึ่งแล้ว! นายกำลังจะพลาดรถไฟนะ!
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 45 2.8 นักเรียนศึกษาเนื้อหาเรื่อง Future Simple Tense ในเอกสารประกอบการเรียน 3. อธิบาย (Explain) 3.1 นักเรียนช่วยกันอธิบายและสรุปเรื่อง Future Simple Tense 3.2 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเพื่อเสริมความเข้าใจในเรื่อง Future Simple Tense Future Simple Tense คือ ประโยคที่พูดถึงการกระทำหรือเหตุการณ์ที่คาดว่าจะเกิดในอนาคต โดยมีคำหรือวลีบอกเวลาอยู่ด้วย อันเป็นการคาดหมายล่วงหน้า ให้คำมั่นสัญญา หรือแสดงความตั้งใจเอาไว้ และที่ เป็นการขออนุญาต หรือขอความเห็นชอบด้วย โครงสร้างประโยค : Subject + will / shall + verb 1 1. ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งขณะที่พูดเหตุการณ์ยัง ไม่เกิดขึ้น มักมี Adverb บอกเวลา เช่น Soon, shortly, in a short time, tonight, next month, next Monday เป็นต้น 2. ประโยคแสดงอนาคตที่มีกริยา 2 ตัว ให้ใช้ Future Simple Tense กับกริยาเพียงตัวเดียว ส่วน อีกตัวหนึ่ง (คือประโยคที่อยู่หลังคำเชื่อม) ให้ใช้ Present Simple Tense หรือ Present Perfect Tense กริยาที่ ใช้ Future Simple Tense คือ กริยาที่อยู่หน้าคำเชื่อม และคำเชื่อมที่นำมาใช้เท่าที่พบมาก ได้แก่ if, unless, when, until, as soon as, before, after, the moment that, by the time that, now that 2.1 การใช้ (be) going to + verb 1 เพื่อแสดงความตั้งใจ แทน will, shall ได้ เช่น • I am going to write to Darlene this evening. ฉันจะเขียนถึงดาร์เลเน่เย็นนี้ 2.2 ใช้ (be) going to + verb 1 เพื่อแสดงการคาดคะเนแทน will, shall ได้ เช่น • I think it is going to rain. ฉันคิดว่าฝนกำลังจะตก 2.3 ใช้ (be) going to + verb 1 เพื่อแสดงข้อความซึ่งเชื่อว่าเป็นจริงเช่นนั้นโดยปราศจากข้อ สงสัย แทน will, shall ได้ เช่น • My wife is going to have a baby. ภรรยาของฉันกำลังจะมีลูก 4. ขยายความรู้ (Elaborate) 4.1 นักเรียนยกตัวอย่างประโยคบอกเล่า ปฏิเสธ และประโยคคำถามโดยใช้ Future Simple Tense • I’ll help you with your homework. • I will be angry if she doesn’t come today. • I won’t go! • A : I’m cold. B : I’ll close the window. • I am going to study harder next year. • They are going to fly to Japan. • The first train will be arriving tomorrow at 6 o’clock. • Where are you going to hang the picture? • What are you going to wear tonight?
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 46 • Will you give me a hand? • Will you please help me? • A : Will it rain tomorrow? B : I don’t know if it will rain. Check the weather channel. 4.2 นักเรียนช่วยกันทำแบบฝึกหัดเรื่อง Future Simple Tense ในเอกสารประกอบกรสอน 5. ประเมินผล (Evaluate) 5.1 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยแบบฝึกหัดเรื่อง Future Simple Tense ในเอกสารประกอบกรสอน 5.2 นักเรียนฟังครูอธิบายถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อให้นักเรียนเข้าใจ หลักการใช้ Future Simple Tense ครูสรุปหลักการของกฎต่าง ๆ ให้นักเรียนฟังอีกครั้ง เรื่องที่ 6 เรื่อง Present and Future Tenses (Revision) จำนวนเวลาเรียน 2 ชั่วโมง วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) กิจกรรมการเรียนรู้ (Active Learning) ชั่วโมงที่ 1 ขั้นที่ 1 ขั้นนำ 1.1 นักเรียนดูภาพและข้อความบน PowerPoint และช่วยกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อความบน PowerPoint 1.3 นักเรียนดูรูปภาพและขอความบน PowerPoint และช่วยกันวิเคราะห์ประโยคและแสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับประโยคบน PowerPoint eat is eating have eaten ขั้นที่ 2 ขั้นการสืบค้นความรู้จากแหล่งข้อมูลและสารสนเทศ 2.1 นักเรียนดูข้อมูลPresent Tenses บน PowerPoint
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 47 2.2 นักเรียนดูฟังครูอธิบาย Present Simple Tense, Present Continuous Tense และ Present Perfect Tense บนหน้าจอ Projector 2.3 นักเรียนสืบค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวอย่างประโยคที่ใช้Present Simple Tense, Present Continuous Tense และ Present Perfect Tense จากเว็บไซต์ต่าง ๆ จากอินเทอร์เน็ต โดยครูตั้งกติกาว่า จะต้องศึกษาอย่างน้อย 1 เว็บไซต์ ขั้นที่ 3 ขั้นเชื่อมโยงความรู้ 3.1 นักเรียนส่งตัวแทนจำนวน 8 เพื่อออกมาเขียนประโยค Present Simple Tense, Present Continuous Tense และ Present Perfect Tense ที่ได้ศึกษามา 3.2 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบความถูกต้องของประโยคที่ตัวแทนทั้ง 8 คนออกมาเขียน 3.3 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Present Simple Tense, Present Continuous Tense และ Present Perfect Tense ขั้นที่ 4 ขั้นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ปฏิบัติงานกลุ่ม 4.1 นักเรียนแบ่งออกเป็น 5 กลุ่มๆ ละ 5 - 6 คน โดยคละนักเรียนออกตามความสามารถ ให้แต่ละกลุ่ม เลือกหัวหน้ากลุ่มของตนเอง 4.2 นักเรียนนั่งเป็นวงกลมและช่วยกันแบ่งปันความรู้ที่ศึกษา Present Simple Tense, Present Continuous Tense และ Present Perfect Tense มาจากเว็บไซต์ ต่าง ๆ จากอินเทอร์เน็ต 4.3 นักเรียนฟังครูอธิบายหลักการใช้ Present Simple Tense, Present Continuous Tense และ Present Perfect Tense 1. Present Simple Tense ลักษณะการใช้ Present Simple Tense Present แปลว่า ปัจจุบัน ดังนั้น Present Simple Tense จึงเป็นประโยคที่มีโครงสร้างแบบง่าย ๆ เพื่อใช้พูดถึงเหตุการณ์ในปัจจุบันนั่นเอง โดยมีลักษณะต่าง ๆ ดังนี้ 1.1 ใช้เพื่อพูดถึงความเป็นจริงในชีวิตประจำวัน หรือความเป็นจริงตามธรรมชาติ ถึงแม้ว่าเหตุการณ์ นั้นจะเป็นอดีตหรืออนาคตก็ตาม เช่น • When the earth moves around itself, it makes Day and Night. เมื่อโลกหมุนรอบตัวเอง มันทำให้เกิดกลางวันกลางคืน • Durian is the king of fruit. ทุเรียนเป็นราชาผลไม้
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 48 1.2 ใช้เพื่อพูดถึงเหตุการณ์ นิสัย หรือการกระทำที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ บ่อย ๆ เป็นประจำทุกวัน เช่น • I walk to school every day. ฉันเดินไปโรงเรียนทุกวัน • Caroline always help other people so everyone loves her. แครอลรีนช่วยเหลือคนอื่นเป็นประจำ ดังนั้นทุกคนจึงรักหล่อน 1.3 ใช้เพื่อให้คำแนะนำหรือการบอกทิศทาง เช่น • You go straight for 300 meters, then the destination is on your left. คุณเดินตรงไป 300 เมตรและจุดหมายปลายทางจะอยู่ทางซ้ายมือของคุณ 2.Present Continuous Tense ลักษณะการใช้ Present Continuous Tense Present Continuous Tense หรือหลายคนอาจจะรู้จักในชื่อ Present Progressive Tense อย่างที่เรารู้ว่า present แปลว่า ปัจจุบัน ส่วน continuous/progressive แปลว่า ดำเนินอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น Tense นี้จึงเป็นการบอกเล่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบัน โดยมีลักษณะการใช้ดังนี้ 2.1 ใช้เพื่อบอกเล่าเหตุการณ์หรือการกระทำในปัจจุบันที่กำลังดำเนินอยู่และยังไม่จบลง (จะจบ ลงในอนาคต) โดยอาจพบคำบอกเวลา (Adverbs of time) ปรากฏอยู่ในประโยคด้วย เช่น now, at the moment, right now เป็นต้น ตัวอย่างการใช้เช่น • I am studying at Chulalongkorn university. ฉันกำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย • Nadia is trying to lose weight now. นาเดียกำลังพยายามลดน้ำหนักอยู่ตอนนี้ 2.2 ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่กำลังเป็นกระแสหรือเป็นที่นิยมอยู่ในขณะนั้น เช่น • These day, most people are favoring healthy food. ปัจจุบันผู้คนส่วนใหญ่กำลังนิยมอาหารเพื่อสุขภาพ 2.3 ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต โดยมีการเตรียมและวางแผนไว้ ล่วงหน้าอย่างแน่นอนแล้ว และมักพบคำบอกเวลา (Adverbs of time) เช่น tonight, this evening, tomorrow, next week เป็นต้น ตัวอย่างการใช้เช่น • I am meeting my parent tonight. ฉันจะพบกับพ่อแม่ในคืนนี้ • Sarah and Julia are going on holiday next week. ซาร่าและจูเลียจะไปพักร้อนสัปดาห์หน้า 2.4 ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่เกิดขึ้นบ่อยจนเกินไป ทำให้ซ้ำซากและน่าเบื่อ ตัวอย่างเช่น • Emerson is constantly talking. I wish he would shut up. อีเมอร์สันพูดไม่หยุดเลย ฉันหวังว่าเขาจะหยุดพูดเสียที **ผู้พูดแสดงอาการรำคาญจากการพูดไม่หยุดของอีเมอร์สัน • I don’t like gangster near my house because they are always making noisy. ฉันไม่ชอบกลุ่มอันธพาลใกล้บ้านของฉัน เพราะพวกเขามักจะทำเสียงดังเสมอ ถึงแม้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นประจำ แต่มันเกินพอดีจึงใช้ในรูปประโยค Present Continuous Tense
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 49 3.Present Perfect Tense หลักการใช้ Present Perfect Tense คือ 3.1 ใช้กับเหตุการณ์ที่เพิ่งจบไป หรือเพิ่งจบลงใหม่ ๆ มักจะมีคำว่า just, already หรือ yet ใน ประโยค เช่น • Has the train arrived yet? รถไฟมาถึงหรือยัง • Daniel has just informed us where to meet tomorrow. แดเนียลเพิ่งแจ้งเราว่าพรุ่งนี้จะให้ไปเจอกันที่ไหน 3.2 ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่อดีตและมีผลหรือยังคงสภาพจนถึงปัจจุบัน แต่เหตุการณ์นั้นได้ จบลงไปแล้ว โดยส่วนใหญ่จะมีคำว่า since, for, ever since, so far อยู่ในประโยค เช่น • I’ve known her for years. ฉันรู้จักเธอมาหลายปีแล้ว • Bryant has lived here ever since. ไบรอันต์อยู่ที่นี่มาตั้งแต่บัดนั้น 3.3 ใช้ในการเล่าประสบการณ์ต่าง ๆ ส่วนใหญ่จะมีคำว่า never, ever, once, twice รวมอยู่ด้วย เช่น • Have you ever been to Japan? คุณเคยไปประเทศญี่ปุ่นไหม • She has been to Japan twice. เธอเคยไปญี่ปุ่นสองครั้ง 3.4 ใช้ในโครงสร้าง If-clause แบบที่ 1 ในส่วนของเงื่อนไขที่แสดงว่าถ้าทำเหตุการณ์หนึ่งเสร็จแล้ว อีกเหตุการณ์จะเกิดขึ้น เช่น • The children can go out, if they have finished their homework. เด็ก ๆ สามารถออกไปเล่นข้างนอกได้ ถ้าพวกเขาทำการบ้านเสร็จ ขั้นที่ 5 ขั้นการสร้างองค์ความรู้ร่วมกัน 5.1 นักเรียนแต่ละคนในกลุ่มพูดสรุปความรู้เรื่อง Present Simple Tense, Present Continuous Tense และ Present Perfect Tense 5.2 หัวหน้ากลุ่มรวบรวมคำพูด องค์ความรู้จากสิ่งที่เพื่อนทุกคนพูดเกี่ยวกับหลักการใช้ หลักการแต่ง ประโยค Present Simple Tense, Present Continuous Tense และ Present Perfect Tense 5.3 นักเรียนช่วยกันทำใบงานเรื่อง Present Tenses Revision (Present Simple Tense, Present Continuous Tense และ Present Perfect Tense) ในเอกสารประกอบการเรียนรู้ 5.4 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำใบงานเรื่อง Present Tenses Revision (Present Simple Tense, Present Continuous Tense และ Present Perfect Tense) 5.5 นักเรียนฟังครูอธิบายเหตุผลในการตอบในแต่ละข้อ ขั้นที่ 6 ขั้นการสื่อสารและการนำเสนอ 6.1 นักเรียนตัวแทนกลุ่มรับกระดาษปรู๊ฟและอุปกรณ์การเขียนเพื่อทำการสรุปเนื้อหาที่ได้เรียนในวันนี้
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 50 6.2 นักเรียนแต่งประโยคโดยใช้โครงสร้าง Present Tenses (Present Simple Tense, Present Continuous Tense และ Present Perfect Tense) ที่ได้เรียนมา 6.3 นักเรียนส่งตัวแทนกลุ่มออกมานำเสนอประโยค Present Tenses (Present Simple Tense, Present Continuous Tense และ Present Perfect Tense) หน้าชั้นเรียน 6.4 นักเรียนนำกระดาษปรู๊ฟที่นักเรียนเขียนสรุปและตัวอย่างประโยคไปติดบริเวณด้านหลังห้อง และ รอบ ๆ ห้อง 6.5 นักเรียนสลับหมุนเวียนเพื่อศึกษาข้อมูลของกลุ่มอื่น ๆ จนครบทั้ง 5 กลุ่ม ขั้นที่ 7 ขั้นประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน 7.1 นักเรียนร่วมกันสรุป Present Tenses (Present Simple Tense, Present Continuous Tense และ Present Perfect Tense) ที่เรียนไปแล้ว 7.2 นักเรียนยกตัวอย่างการนำความรู้เรื่อง Present Tenses (Present Simple Tense, Present Continuous Tense และ Present Perfect Tense) ที่แต่ละกลุ่มได้เรียนรู้โดยสรุปร่วมกันทั้งห้องแล้วบันทึก ความรู้ลงในสมุดบันทึก ชั่วโมงที่ 2 1. สร้างความสนใจ (Engage) 1.1 นักเรียนเล่นเกม “Future: WILL vs GOING TO - Unit 8” จาก https://wordwall.net/ es/resource/4919799/future-will-vs-going-to-unit-8ฃ 2. สำรวจและค้นหา (Explore) 2.1 นักเรียนดูวิดีโอคลิปที่ 1 เรื่อง Future Simple จาก https://www.youtube.com/watch?v =vjoZvhzWfxI&t=3s 2.2 นักเรียนดูวิดีโอคลิปที่ 2 เรื่อง Will vs. Going to : The difference between will and going to / Future Tense in English Grammar จาก https://www.youtube.com/watch?v=CI0Kr4e4vzI 2.3 นักเรียนช่วยกันสรุปความรู้ที่ได้จากการดูวิโอคลิปทั้ง 2 วิดีโอ 3. อธิบาย (Explain) 3.1 นักเรียนช่วยกันอธิบายและสรุปเรื่อง Future Simple Tense 3.2 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเพื่อเสริมความเข้าใจในเรื่อง Future Simple Tense 1. Future Simple Tense ใช้พูดถึงเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้น มันอาจใช้เพื่อเดาเหตุการณ์ ให้คำ สัญญา หรือ อธิบายสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต อธิบายถึงสิ่งที่ไม่ได้วางแผนมาก่อน หรือ เสนอว่าจะทำอะไรสักอย่าง หลักการใช้ Future Simple Tense 1.1 ใช้พูดถึงเหตุการณ์หรือการกระทำที่ จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยมักใช้กับ Adverb of Time เช่น tomorrow, next…, soon, shortly, later และอื่น ๆ เช่น • I will go to the hospital tomorrow. ฉันจะไปโรงพยาบาลในวันพรุ่งนี้
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 51 1.2 ใช้กับประโยคที่ ตัดสินใจในขณะที่พูด โดยไม่ได้วางแผนมาก่อน เช่น • I think I will buy a new mobile phone next week. ฉันคิดว่าฉันจะซื้อมือถือเครื่องใหม่อาทิตย์หน้า 1.3 เราอาจใช้ “to be going to” แทน will / shall ใน Future Simple Tense เมื่อ… กล่าวถึง แผนการ หรือ ความตั้งใจ เช่น • He is going to have a new pet next month. เขากำลังจะได้สัตว์เลี้ยงตัวใหม่ในเดือนหน้า • I am going to leave him alone for a while. ฉันจะปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวสักพัก 1.4 กล่าวถึง เหตุการณ์ที่เชื่อจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เช่น • Your ice cream is going to melt in a minute. ไอศกรีมของคุณกำลังจะละลายในอีกนาทีข้างหน้า 1.5. กล่าวถึง การคาดคะเน เช่น • They are going to scream if they know you’re here. พวกเขาคงต้องกรีดร้องออกมาถ้ารู้ว่าคุณอยู่ที่นี่ 2. Present continuous with future planning เป็นการนำเอา Present continuous มาใช้กับ เหตุการณ์ในอนาคต โครงสร้างและรูปประโยคเหมือนกับ Present continuous ทั่วไป รูปประโยคบอกเล่า : Subject + V.to be + V. ing รูปประโยคปฏิเสธ : Subject + V.to be + not + V. ing รูปประโยคคำถาม : V. to be + Subject + V. ing • We’re playing our first concert on 15th May in New York. The next day, we’re taking the train to Washington D.C. We’re performing in Washington D.C. on 18th and we’re going to Europe. พวกเราจะไปแสดงคอนเสริต์แรกที่นิวยอร์คในวันที่ 15 พฤษภาคม และวันรุ่งขึ้นก็จะเดินทางโดย รถไฟไปวอชิงตัน ดี.ซี. และจะไปแสดงที่นั่นในวันที่ 18 พฤษภาคม และจะออกเดินทางต่อไปยังยุโรป 4. ขยายความรู้ (Elaborate) 4.1 นักเรียนยกตัวอย่างประโยคบอกเล่า ปฏิเสธ และประโยคคำถามโดยใช้ Future Simple Tense • Austin will travel around the world next year. • Apple will launch a new product soon. • She won’t buy a bike next month. • It will not snow next season • Will you go to school tomorrow? • Will the plane tickets be expensive? • I’m spending Christmas and New Year with my Mum and Dad. • We’re meeting Helena at 3 o'clock tomorrow afternoon. 4.2 นักเรียนช่วยกันทำแบบฝึกหัดเรื่อง Future Simple Tense (Revision) ในเอกสารประกอบกรสอน
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 52 5. ประเมินผล (Evaluate) 5.1 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยแบบฝึกหัดเรื่อง Future Simple Tense (Revision) ในเอกสาร ประกอบกรสอน 5.2 นักเรียนฟังครูอธิบายถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อให้นักเรียนเข้าใจ หลักการใช้ Future Simple Tense (Revision) ครูสรุปหลักการของกฎต่าง ๆ ให้นักเรียนฟังอีกครั้ง
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 53 โรงเรียนแผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง Day after day แผนการจัดการเรียนรู้ที่1 เรื่อง Vocabulary, reading and conversation รหัสวิชา อ22121 รายวิชา ภาษาอังกฤษ 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ปีการศึกษา 2566 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 1 ชั่วโมง ผู้สอน นายสุจินดา ปรากฏวงศ์ 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ ตัวชี้วัด 1.1 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ ความคิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ โดยการพูด และการเขียน มาตรฐาน ต 4.2 ใช้ภาษาต่างประเทศเป็นเครื่องมือพื้นฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับสังคมโลก 1.2 ตัวชี้วัด ต 1.2 ม.2/1 สนทนา แลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง เรื่องต่าง ๆ ใกล้ตัว และสถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันอย่างเหมาะสม ต 1.2 ม.2/3 พูดและเขียนแสดงความต้องการ เสนอและให้ความช่วยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธการให้ ความช่วยเหลือ ในสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างเหมาะสม ต 1.3 ม.2/3 พูดและเขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกิจกรรม เรื่องต่าง ๆ ใกล้ตัว และประสบการณ์ พร้อมทั้งให้เหตุผลสั้นๆ ประกอบ ต 4.2 ม.2/1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการสืบค้น / ค้นคว้า รวบรวมและสรุปความรู้ / ข้อมูลต่าง ๆ จากสื่อและแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ ในการศึกษาต่อและประกอบอาชีพ 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ด้านความรู้ ความเข้าใจ (K) - นักเรียนมีความรู้ในการสื่อสารระหว่างบุคคลพูดแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง เรื่องใกล้ตัว สถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน - นักเรียนมีความรู้เกี่ยวกับโครงสร้างประโยคและการใช้Vocabulary 2.2 ด้านทักษะกระบวนการ (P) - นักเรียนพูดและเขียนประโยคโดยใช้ Vocabulary เพื่อใช้ในการสื่อสารระหว่างบุคคล เช่น การ ทักทาย กล่าวลา ขอบคุณ ขอโทษ แสดงความต้องการ เสนอและให้ความช่วยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธการให้ความ ช่วยเหลือในสถานการณ์ต่าง ๆ แสดงความคิดเห็นและให้เหตุผลประกอบ - นักเรียนสามารถสืบค้น ค้นคว้าความรู้ ข้อมูลต่าง ๆ จากสื่อและแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เกี่ยวกับ Vocabulary เพื่อใช้การพูดและเขียนประโยคได้
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 54 2.3 คุณลักษณะ เจตคติ ค่านิยม (A) - รักการเรียนรู้ภาษาอังกฤษและฝึกฝนอย่างจริงจังเพียงพอ - ผู้เรียนใช้ภาษาอังกฤษอย่างมีมารยาท ถูกต้องตามกาลเทศะ และบุคคล 3. สาระสำคัญ / ความคิดรวบยอด - พูดและเขียนประโยคโดยเลือกใช้ Vocabulary ในการสื่อสารระหว่างบุคคล เช่น การทักทาย กล่าวลา ขอบคุณ ขอโทษ แสดงความต้องการ เสนอและให้ความช่วยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือใน สถานการณ์ต่าง ๆ แสดงความคิดเห็น ให้เหตุผลประกอบ สืบค้น / การค้นคว้าความรู้ / ข้อมูลต่าง ๆ จากสื่อและ แหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เกี่ยวกับ Vocabulary มีทักษะในการเลือก พอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกัน และมี คุณธรรม ในการปฏิบัติตนอย่างเหมาะสม ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง พูดและเขียนประโยคโดยเลือกใช้ Vocabulary ในการสื่อสารระหว่างบุคคล เช่น การทักทาย กล่าวลา ขอบคุณ ขอโทษ แสดงความต้องการ เสนอและให้ความช่วยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือใน สถานการณ์ต่าง ๆ แสดงความคิดเห็น ให้เหตุผลประกอบ สืบค้น / การค้นคว้าความรู้ / ข้อมูลต่าง ๆ จากสื่อและ แหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เกี่ยวกับ Vocabulary ได้ 4.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น 1. คำศัพท์ในเรื่อง Unit 1 : Day after day 2. บทสนทนาในเรื่อง Unit 1 : Day after day 3. การใช้Vocabulary ในรูปแบบต่าง ๆ 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 5.1 ความสามารถในการสื่อสาร 5.2 ความสามารถในการคิด 5.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา 5.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 6.1 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (ตามหลักสูตรแกนกลาง) 1) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2) ซื่อสัตย์สุจริต 3) มีวินัย 4) ใฝ่เรียนรู้ 5) อยู่อย่างพอเพียง 6) มุ่งมั่นในการทำงาน 7) รักความเป็นไทย 8) มีจิตสาธารณะ 6.2 คุณลักษณะตามหลักสูตรมาตรฐานสากล 1) มีความรู้พื้นฐานในยุคดิจิตอล วิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ภาษา พหุวัฒนธรรม ตระหนักสำนึกระดับโลก 2) สามารถคิดประดิษฐ์อย่างสร้างสรรค์ ปรับตัวใฝ่รู้ ใฝ่เรียน วิเคราะห์ สังเคราะห์สรุป สร้างองค์ความรู้ 3) มีทักษะสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ 4) มีความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5) มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 55 7. ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 (3R 7C เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 7.1 ทักษะการอ่าน (Reading) 7.2 ทักษะการเขียน (Writing) 7.3 ทักษะการคิดคำนวณ (Arithmetic) 7.4 ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา (Critical thinking and problem solving) 7.5 ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม (Creativity and innovation) 7.6 ทักษะด้านความร่วมมือการทำงานเป็นทีมและภาวะผู้นำ (Collaboration, teamwork and leadership) 7.7 ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรมต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural understanding) 7.8 ทักษะด้านการสื่อสารสารสนเทศและรู้เท่าทันสื่อ (Communication information and media literacy) 7.9 ทักษะด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Computing) 7.10 ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้ (Career and learning self-reliance, change) 8. การบูรณาการตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 8.1 บูรณาการสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน 8.2 บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง 8.3 บูรณาการห้องเรียนสีเขียว 8.4 อื่น ๆ (โปรดระบุ)................................................................................................................................................. 9. ชิ้นงาน / ภาระงาน 1. ภาระงาน - ใบงานเรื่องVocabulary - แบบฝึกหัดเรื่อง Reading and conversation ในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานภาษาอังกฤษ Action 2 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 2. ชิ้นงาน - 10. กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) เรื่อง Vocabulary, reading and conversation วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบค้นพบ Discovery Method) 1. ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1.1 นักเรียนดูภาพเกี่ยวกับแผนผังครอบครัว (family tree) ในหนังสือเรียน Action 2 หน้าที่ 10 1.2 นักเรียนช่วยกันตอบคำถามที่ครูเขียนบนกระดาน What do you see in the pictures? 1.3 นักเรียนสามารถตอบ เช่น grandfather, grandmother, father, mother, uncle, aunt, cousin, son, daughter, brother, sister เป็นต้น
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 56 1.4 นั กเรียน ท ำกิจกรรม Look at Lyn’s family tree. Complete the sentences with the correct name. ในหนังสือเรียน Action 2 หน้าที่ 10 1.5 นักเรียนดูรูปภาพกิจกรรมต่าง ๆ บน PowerPoint 1.6 นักเรียนช่วยกันแสดงความคิดเห็นและตอบคำถาม What do you see in these pictures? 1.7 นักเรียนสามารถตอบได้ว่า sent text message, go shopping, surf the Net, play football, play sport เป็นต้น โดยครูเขียนคำตอบของนักเรียนลงบนกระดาน 1.8 นักเรียนดูคำตอบของนักเรียนบนกระดานและร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคำตอบว่าคำตอบ ของนักเรียนเป็นคำตอบแบบใด 1.9 นักเรียนฟังครูอธิบายเรื่องการใช้ Phrase (วลี) Phrase (วลี) เป็นกลุ่มคำตั้งแต่สองคำขึ้นไปมารวมกัน ไม่มีประธาน ไม่มีกริยา มักเริ่มต้นด้วย Preposition (คำบุพบท), Adjective (คำคุณศัพท์), Gerund (V-ing), Past Participle (V-ed) ทำให้วลียังมี ความหมายที่ไม่สมบูรณ์ เช่น to read books, sitting on the chair 1.10 นักเรียนทำกิจกรรม Reading : Profiles ในหนังสือเรียน Access 2 หน้าที่ 12 1.11 นักเรียนดูรูปภาพเกี่ยวกับงานบ้าน (chores / housework) บน PowerPoint 1.13 นักเรียนช่วยกันบอกคำศัพท์เกี่ยวกับงานบ้าน (chores / housework) โดยนักเรียนพยายามตอบ คำตอบในรูปของวลี (Phrase) และครูเขียนคำตอบของนักเรียนบนกระดาน 1.14 นักเรียนสามารถตอบได้ว่า mop the floor, wash the dishes, cook dinner, go shopping, walk the dog, set the table, take out the rubbish, dust the floor / furniture, clear the table, tidy the room / the desk, make the bed, water the plants, cut the grass, make breakfast, do the laundry, iron the clothes เป็นต้น 1.15 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยคำตอบในกิจกรรมที่นักเรียนทำทั้งหมด หากมีข้อใดที่นักเรียนยังตอบ ได้ไม่ถูกต้องให้ครูผู้สอนอธิบายคำตอบให้นักเรียนฟังเพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจมากขึ้น 2. ขั้นเรียนรู้ 2.1 นักเรียนฟังบทสนทนาในหนังสือเรียน Action 2 หน้าที่ 18 2.2 นักเรียนจับกลุ่มเพื่อฝึกบทสนทนา และส่งตัวแทนออกมา 1 กลุ่มเพื่อออกมาพูดบทสนทนา
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 57 3. ขั้นนำไปใช้ 3.1 นักเรียนศึกษาคำศัพท์ในเอกสารประกอบการเรียน 3.2 นักเรียนทำใบงานแบบฝึกหัดเกี่ยวกับคำศัพท์ในเอกสารประกอบการเรียน 3.3 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยแบบฝึกหัดเกี่ยวกับคำศัพท์ในเอกสารประกอบการเรียน หากมีข้อใดที่ นักเรียนยังตอบได้ไม่ถูกต้องให้ครูผู้สอนอธิบายคำตอบให้นักเรียนฟังเพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจมากขึ้น 11. สื่อการเรียนรู้/ แหล่งเรียนรู้ 11.1 สื่อการเรียนรู้ 1. หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานภาษาอังกฤษ Action 2 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 2. ใบความรู้เรื่อง Vocabulary 3. ใบงานเรื่อง Vocabulary 4. แบบฝึกหัดเรื่อง Reading and conversation ในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานภาษาอังกฤษ Action 2 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 11.2 แหล่งเรียนรู้ 1. หนังสือพิมพ์ 2. อินเทอร์เน็ตหรือสื่ออื่น ๆ 12. การวัดและประเมินผล ลำดับ รายการที่วัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ 1 ใบงานเรื่อง Vocabulary ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นั ก เรีย น ให้ ค ว าม ร่วม มื อใน ก ารท ำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 2 แบ บ ฝึ ก หั ด เรื่อ ง Reading and conversation ใน ห นั งสื อ เรี ย น รายวิช าพื้ น ฐาน ภ าษ าอังกฤษ Action 2 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ตรวจแบบฝึกหัด แบบฝึกหัด นั ก เรีย น ให้ ค ว าม ร่วม มื อใน ก ารท ำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 13. เกณฑ์การประเมิน 16 - 20 คะแนน ดีมาก 11 - 15 คะแนน ดี 6 - 10 คะแนน พอใช้ น้อยกว่า 6 คะแนน ควรปรับปรุง ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 58 บันทึกหลังการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................... ............................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู วันที่..............เดือน..................................พ.ศ. ..................
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 59 โรงเรียนแผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง Day after day แผนการจัดการเรียนรู้ที่2 เรื่อง Present Simple Tense รหัสวิชา อ22121 รายวิชา ภาษาอังกฤษ 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ปีการศึกษา 2566 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 2 ชั่วโมง ผู้สอน นายสุจินดา ปรากฏวงศ์ 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ ตัวชี้วัด 1.1 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ ความคิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ โดยการพูด และการเขียน มาตรฐาน ต 4.2 ใช้ภาษาต่างประเทศเป็นเครื่องมือพื้นฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับสังคมโลก 1.2 ตัวชี้วัด ต 1.2 ม.2/1 สนทนา แลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง เรื่องต่าง ๆ ใกล้ตัว และสถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันอย่างเหมาะสม ต 1.2 ม.2/3 พูดและเขียนแสดงความต้องการ เสนอและให้ความช่วยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธการให้ ความช่วยเหลือ ในสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างเหมาะสม ต 1.3 ม.2/3 พูดและเขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกิจกรรม เรื่องต่าง ๆ ใกล้ตัว และประสบการณ์ พร้อมทั้งให้เหตุผลสั้นๆ ประกอบ ต 4.2 ม.2/1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการสืบค้น / ค้นคว้า รวบรวมและสรุปความรู้ / ข้อมูลต่าง ๆ จากสื่อและแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ ในการศึกษาต่อและประกอบอาชีพ 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ด้านความรู้ ความเข้าใจ (K) - นักเรียนมีความรู้ในการสื่อสารระหว่างบุคคลพูดแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง เรื่องใกล้ตัว สถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน - นักเรียนมีความรู้เกี่ยวกับโครงสร้างประโยคและการใช้Present Simple Tense 2.2 ด้านทักษะกระบวนการ (P) - นักเรียนพูดและเขียนประโยค Present Simple Tense เพื่อใช้ในการสื่อสารระหว่างบุคคล เช่น การทักทาย กล่าวลา ขอบคุณ ขอโทษ แสดงความต้องการ เสนอและให้ความช่วยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธการให้ ความช่วยเหลือในสถานการณ์ต่าง ๆ แสดงความคิดเห็นและให้เหตุผลประกอบ - นักเรียนสามารถสืบค้น ค้นคว้าความรู้ ข้อมูลต่าง ๆ จากสื่อและแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เกี่ยวกับ Vocabulary เพื่อใช้การพูดและเขียนประโยคได้
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 60 2.3 คุณลักษณะ เจตคติ ค่านิยม (A) - รักการเรียนรู้ภาษาอังกฤษและฝึกฝนอย่างจริงจังเพียงพอ - ผู้เรียนใช้ภาษาอังกฤษอย่างมีมารยาท ถูกต้องตามกาลเทศะ และบุคคล 3. สาระสำคัญ / ความคิดรวบยอด - พูดและเขียนประโยคโดยเลือกใช้ Present Simple Tense ในการสื่อสารระหว่างบุคคล เช่น การทักทาย กล่าวลา ขอบคุณ ขอโทษ แสดงความต้องการ เสนอและให้ความช่วยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธการให้ความ ช่วยเหลือในสถานการณ์ต่าง ๆ แสดงความคิดเห็น ให้เหตุผลประกอบ สืบค้น / การค้นคว้าความรู้ / ข้อมูลต่าง ๆ จากสื่อและแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เกี่ยวกับ Present Simple Tense มีทักษะในการเลือก พอประมาณ มีเหตุผล มี ภูมิคุ้มกัน และมีคุณธรรม ในการปฏิบัติตนอย่างเหมาะสม ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง พูดและเขียนประโยคโดยเลือกใช้ Present Simple Tense ในการสื่อสารระหว่างบุคคล เช่น การ ทักทาย กล่าวลา ขอบคุณ ขอโทษ แสดงความต้องการ เสนอและให้ความช่วยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธการให้ความ ช่วยเหลือในสถานการณ์ต่าง ๆ แสดงความคิดเห็น ให้เหตุผลประกอบ สืบค้น / การค้นคว้าความรู้ / ข้อมูลต่าง ๆ จากสื่อและแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เกี่ยวกับ Present Simple Tense ได้ 4.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น 1. คำศัพท์ในเรื่อง Unit 1 : Day after day 2. บทสนทนาในเรื่อง Unit 1 : Day after day 3. การใช้โครงสร้าง Present Simple Tense ในรูปแบบต่าง ๆ 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 5.1 ความสามารถในการสื่อสาร 5.2 ความสามารถในการคิด 5.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา 5.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 6.1 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (ตามหลักสูตรแกนกลาง) 1) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2) ซื่อสัตย์สุจริต 3) มีวินัย 4) ใฝ่เรียนรู้ 5) อยู่อย่างพอเพียง 6) มุ่งมั่นในการทำงาน 7) รักความเป็นไทย 8) มีจิตสาธารณะ 6.2 คุณลักษณะตามหลักสูตรมาตรฐานสากล 1) มีความรู้พื้นฐานในยุคดิจิตอล วิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ภาษา พหุวัฒนธรรม ตระหนักสำนึกระดับโลก 2) สามารถคิดประดิษฐ์อย่างสร้างสรรค์ ปรับตัวใฝ่รู้ ใฝ่เรียน วิเคราะห์ สังเคราะห์สรุป สร้างองค์ความรู้ 3) มีทักษะสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ 4) มีความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5) มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 61 7. ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 (3R 7C เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 7.1 ทักษะการอ่าน (Reading) 7.2 ทักษะการเขียน (Writing) 7.3 ทักษะการคิดคำนวณ (Arithmetic) 7.4 ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา (Critical thinking and problem solving) 7.5 ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม (Creativity and innovation) 7.6 ทักษะด้านความร่วมมือการทำงานเป็นทีมและภาวะผู้นำ (Collaboration, teamwork and leadership) 7.7 ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรมต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural understanding) 7.8 ทักษะด้านการสื่อสารสารสนเทศและรู้เท่าทันสื่อ (Communication information and media literacy) 7.9 ทักษะด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Computing) 7.10 ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้ (Career and learning self-reliance, change) 8. การบูรณาการตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 8.1 บูรณาการสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน 8.2 บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง 8.3 บูรณาการห้องเรียนสีเขียว 8.4 อื่น ๆ (โปรดระบุ)................................................................................................................................................. 9. ชิ้นงาน / ภาระงาน 1. ภาระงาน - ใบงานเรื่องPresent Simple Tense 2. ชิ้นงาน - 10. กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) เรื่อง Present Simple Tense วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบ 2W3P) ชั่วโมงที่ 1 1. ขั้นกระตุ้นทบทวนและปูพื้นฐานความรู้(Warm up) 1.1 นักเรียนทบทวนความรู้ เรื่องคำสรรพนาม คำนามเอกพจน์และพหูพจน์ โดยครูขีดเส้น แบ่งครึ่ง กระดานดำเขียนด้านบนแต่ละฝั่งว่า Singular (เอกพจน์) และ Plural (พหูพจน์) 1.2 นักเรียนแบ่งออกเป็น 2 ทีม ทีมละเท่าๆ กัน โดยแต่ละทีมประกอบไปด้วยนักเรียนกลุ่มเก่ง ปาน กลางและอ่อน
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 62 1.3 นักเรียนส่งตัวแทนครั้งละ 1 คนโดยไม่ซ้ำกับคนก่อนหน้านี้ (นักเรียน 1 คนสามารถบอกคำศัพท์ได้ 1 ครั้งเท่านั้น) เพื่อบอกคำสรรพนามหรือคำนามคนละ 1 คำ และออกมาเขียนว่าคำนั้นเป็นเอกพจน์หรือพหูพจน์ และเพื่อน ๆ ในห้องช่วยกันตรวจสอบว่าถูกต้องหรือไม่ 1.4 นักเรียนฟังครูชี้แจงเพิ่มเติมว่าคำนามบางคำมีรูปเป็นพหูพจน์โดยไม่ต้องเติม s เช่น men, children, people, teeth เพื่อให้นักเรียนระวังเวลาเขียนประโยค 2. ขั้นนำเสนอเนื้อหาสาระ (Presentation) 2.1 นักเรียนออกมาเขียนกริยาช่วยบนกระดานดำคนละ 1 คำพร้อมความหมาย จนได้ครบทุกตัวโดย เพื่อน ๆ ช่วยกันตรวจสอบถ้าไม่ถูกต้องสามารถช่วยกันแก้ไขได้ 2.2 นักเรียนช่วยกันจัดหมวดหมู่ (classify) กริยาช่วยที่เป็นปัจจุบันและอดีตโดยที่ครูเป็นผู้ชี้แนะ 2.3 นักเรียนฟังครูชี้แจงให้นักเรียนจำว่าถ้าเป็นโครงสร้าง Present Simple Tense จะต้องใช้กริยาตัวที่ แสดงความเป็นปัจจุบัน (กริยาช่องที่ 1) เท่านั้น 2.4 นักเรียนแต่งประโยคโดยใช้กริยาช่วยคนละ 3 ประโยคพร้อมกับแปลความหมายของประโยค โดย ครูเดินดูประโยคที่นักเรียนเขียนพร้อมให้คำแนะนำ ช่วยแก้ไขในกรณีที่นักเรียนแต่งประโยคไม่ถูกต้อง โดยครูให้ แรงเสริมด้วยการกล่าวชม เช่น good, excellent, well done, fantastic เป็นต้น 3. ขั้นฝึกฝนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์ (Practice) 3.1 นักเรียนให้ออกมาเขียนโครงสร้างประโยค Present Simple Tense ถ้าเขียนไม่ได้ให้เพื่อนในห้อง ช่วยกันบอก จะได้โครงสร้างดังนี้ ประธาน + กริยาช่องที่ 1 + กรรมหรือส่วนขยาย 3.2 นักเรียนดูคำศัพท์ที่ครูเขียนบนกระดาน Subject : He Verb : study Complement : English 3.3 นักเรียนช่วยกันนำศัพท์ที่ครูเขียนบนกระดานมาแต่งประโยคตามโครงสร้าง Present Simple Tense โดยส่งตัวแทนออกมาเขียนบนกระดานจะได้ประโยคที่ถูกต้อง คือ He studies English. จากนั้นเปลี่ยน ประธานกริยาและส่วนขยายไปตามความเหมาะสม หรือจะให้นักเรียนเป็นผู้กำหนดก็ได้ 3.4 นักเรียนช่วยกันสรุปโครงสร้างและรายละเอียดตามความเข้าใจของนักเรียน 3.5 นักเรียนฟังครูอธิบาย Present simple tense เพิ่มเติม Present simple tense คือรูปคำกริยาที่ใช้กับข้อเท็จจริงทั่วไป สิ่งที่เป็นกิจวัตร หรือแผนการและ ตารางเวลา ซึ่งจะใช้คำกริยาช่อง 1 (เช่น go, come, eat) อย่างเช่น • I go to school every day. ฉันไปโรงเรียนทุกวัน แต่ถ้าประธานเป็นเอกพจน์บุรุษที่ 3 จะต้องใช้คำกริยารูป s / es แทน (เช่น goes, comes, eats) อย่างเช่น • He goes to school every day. เขาไปโรงเรียนทุกวัน 1. การใช้ present simple tense ในประโยคบอกเล่า จะมีโครงสร้างและตัวอย่างประโยคดังนี้ โครงสร้าง Subject + verb 1 + (object / complement) เช่น • I love my cat.
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 63 ฉันรักแมวของฉัน • The sun rises in the east. พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก 2. การใช้ present simple tense ในประโยคปฏิเสธ จะมีโครงสร้างหลักๆ 2 แบบ คือ 2.1 ประโยคที่ใช้ verb to be เป็นคำกริยาหลัก ถ้าประโยคมี verb to be (is, am, are) เป็นคำกริยาหลัก สามารถใช้ not หลัง verb to be ได้เลย โดยสามารถเขียนย่อ is not ให้เป็น isn’t และย่อ are not ให้เป็น aren’t ได้ แต่สำหรับ am not นั้น จะไม่ใช้รูปย่อ โครงสร้าง Subject + verb to be + not + (object / complement) • He isn’t an engineer. เขาไม่ใช่วิศวกร (รูปประโยคบอกเล่าคือ He is an engineer.) • They aren’t students. พวกเขาไม่ได้เป็นครู (รูปประโยคบอกเล่าคือ They are students.) 2.2 ประโยคที่ไม่ได้ใช้ verb to be เป็นคำกริยาหลัก ถ้าประโยคมีคำกริยาหลักเป็นคำกริยาอื่นที่ไม่ใช่ verb to be เราจะใช้ do/does + not ไว้ หน้าคำกริยาหลัก โดยสามารถเขียนย่อ do not เป็น don’t และย่อ does not ให้เป็น doesn’t ได้ โครงสร้าง Subject + do / does + not + verb 1 + (object / complement) ในประโยคปฏิเสธที่ใช้ do / does จะใช้ does กับประธานเอกพจน์บุรุษที่ 3 และจะใช้ do กับประธานชนิดอื่น ๆ และจะใช้คำกริยาหลัก เป็นคำกริยารูปปกติที่ไม่ได้เติม s/es เสมอ) • He doesn’t love me. เขาไม่ได้รักฉัน (รูปประโยคบอกเล่าคือ He loves me.) • Her friends don’t like me. เพื่อนๆของเธอไม่ชอบฉัน (รูปประโยคบอกเล่าคือ Her friends like me.) 2.3 การใช้ present simple tense ในประโยคคำถาม การใช้ present simple tense ใน ประโยคคำถาม จะมีโครงสร้างหลักๆ 2 แบบ คือ 1. ประโยคที่ใช้ verb to be เป็นคำกริยาหลัก ถ้าประโยคมี verb to be (is, am, are) เป็นคำกริยาหลัก เราจะขึ้นต้นประโยคด้วย verb to be โครงสร้าง Verb to be + subject + (object / complement)? • Is she angry? เธอโกรธรึเปล่า (รูปประโยคบอกเล่าคือ She is angry.)
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 64 • Are they students? พวกเขาเป็นนักเรียนรึเปล่า (รูปประโยคบอกเล่าคือ They are students.) 2. ประโยคที่ไม่ได้ใช้ verb to be เป็นคำกริยาหลัก ถ้าประโยคมีคำกริยาหลักเป็นคำกริยาอื่นที่ไม่ใช่ verb to be เราจะขึ้นต้นประโยคด้วย do/does แล้วคงคำกริยาหลักไว้หลังประธาน เหมือนประโยคบอกเล่า โครงสร้าง Do / Does + subject + verb 1 + (object / complement)? (ในประโยคคำถามที่ใช้ do/does เราจะใช้ does กับประธานเอกพจน์บุรุษที่ 3 และจะใช้ do กับประธานชนิดอื่น ๆ และเราจะใช้คำกริยาหลัก เป็นคำกริยารูปปกติที่ไม่ได้เติม s/es เสมอ) • Does he eat spicy food? เขากินอาหารเผ็ดมั้ย (รูปประโยคบอกเล่าคือ He eats spicy food.) • Do they speak English? พวกเขาพูดภาษาอังกฤษมั้ย (รูปประโยคบอกเล่าคือ They speak English.) ชั่วโมงที่ 2 4. ขั้นนำไปใช้หรือการบูรณาการความรู้(Production) 4.1 นักเรียนทบทวนโครงสร้าง Present Simple Tense อีกครั้ง 4.2 นักเรียนศึกษาหลักการ เติม s และ es และคำกริยาที่ลงท้ายด้วย y ว่ามีวิธีการอย่างไร เพื่อให้เกิด ความแม่นยำมากยิ่งขึ้น นักเรียนทำกิจกรรมโดยนักเรียนเลขที่ 1 พูดคำศัพท์มา 1 คำ นักเรียนเลขที่ 2 บอกว่าคำนั้น ต้องเติม s หรือ es หรือต้องเปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม es นักเรียนเลขที่ 3 พูดคำศัพท์นักเรียนเลขที่ 4 เป็นผู้ตอบ ทำแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ จนครบทุกคน โดยเพื่อนและครูเป็นผู้ตรวจสอบว่าถูกต้องหรือไม่ 4.3 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับปะโยค Present Simple Tense โดยในประโยคของ Present Simple Tense จะมีคำกริยาวิเศษณ์ที่บอกความถี่ของการกระทำ (Adverbs of frequency) มาด้วย 4.4 นักเรียนช่วยกันบอกว่ากลุ่มคำ Adverbs of frequencyคำอะไรบ้าง ครูจดไว้บนกระดานดำ 4.5 นักเรียนช่วยกันเรียงคำ Adverbs of frequency ที่ครูจดลงบนกระดาน โดยจะเริ่มจากมากไปหา น้อย อาจจะใส่จำนวนเปอร์เซ็นต์ที่ประมาณไว้ข้างหลังเพื่อให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ดังนี้ always 100% usually 80% often 60% sometimes 40% occasionally 20% hardly 10% never 0% 4.6 นักเรียนศึกษาตำแหน่งของ Adverbs of frequency เพิ่มเติมจากแหล่งเรียนรู้ Internet โดยครูให้ หลักในการท่องจำง่ายๆ คือ อยู่หลังกริยาช่วย อยู่หน้ากริยาแท้
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 65 4.7 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Adverbs of frequency โดยกลุ่มคำที่ใช้บอกความถี่นี้จะใช้ ตอบคำถามที่ขึ้นต้นด้วย How often ซึ่งแปลว่าบ่อยแค่ไหน 4.8 นักเรียนดูประโยค How often do you read an English book? กระดาน ครูสุ่มตัวอย่างเรียก เลขที่ให้นักเรียนเป็นผู้ตอบ 4.9 นักเรียนจับคู่ถามตอบข้อมูลตามความเป็นจริงของนักเรียนและจดบันทึกไว้ในกระดาษ โดยครูเป็นผู้ กำหนดโจทย์ดังนี้ 1. write an e-mail 2. study English 3. have dinner at a restaurant ส่วนข้อที่ 4 และ 5 นักเรียนเป็นผู้กำหนดเองว่าจะถามอะไรเพื่อน โดยครูเดินดูนักเรียนทำกิจกรรม และคอยให้คำแนะนำ เน้นให้นักเรียนฝึกสนทนาโต้ตอบกันจริง ๆ 4.10 นักเรียนศึกษาเนื้อหาเรื่อง Present Simple Tense ในเอกสารประกอบการเรียน 4.11 นักเรียนทำแบบฝึกหัดเรื่อง Present Simple Tense ในเอกสารประกอบการเรียน 4.12 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยแบบฝึกหัดเรื่อง Present Simple Tense ในเอกสารประกอบการ เรียน 5. ขั้นสรุปความรู้ที่ได้รับจากกระบวน การเรียนรู้(Wrap up) 5.1 สังเกตความเข้าใจของนักเรียนในการทำกิจกรรมและการเขียนประโยคภาษาอังกฤษโดยใช้ Present Simple Tense ของนักเรียน 5.2 นักเรียนและครูร่วมกันสรุปเกี่ยวกับเนื้อหาเรื่อง Present Simple Tense 11. สื่อการเรียนรู้/ แหล่งเรียนรู้ 11.1 สื่อการเรียนรู้ 1. ใบความรู้เรื่อง Present Simple Tense 2. ใบงานเรื่อง Present Simple Tense 11.2 แหล่งเรียนรู้ 1. หนังสือพิมพ์ 2. อินเทอร์เน็ตหรือสื่ออื่น ๆ 12. การวัดและประเมินผล ลำดับ รายการที่วัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ 1 ใบงานเรื่อง Present Simple Tense ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นั ก เรีย น ให้ ค ว าม ร่วม มื อใน ก ารท ำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 66 13. เกณฑ์การประเมิน 16 - 20 คะแนน ดีมาก 11 - 15 คะแนน ดี 6 - 10 คะแนน พอใช้ น้อยกว่า 6 คะแนน ควรปรับปรุง ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู บันทึกหลังการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ ...................................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................... ................................. ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู วันที่..............เดือน..................................พ.ศ. ..................
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 67 โรงเรียนแผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง Day after day แผนการจัดการเรียนรู้ที่3 เรื่อง Present Continuous Tense รหัสวิชา อ22121 รายวิชา ภาษาอังกฤษ 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ปีการศึกษา 2566 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 4 ชั่วโมง ผู้สอน นายสุจินดา ปรากฏวงศ์ 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ ตัวชี้วัด 1.1 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ ความคิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ โดยการพูด และการเขียน มาตรฐาน ต 4.2 ใช้ภาษาต่างประเทศเป็นเครื่องมือพื้นฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับสังคมโลก 1.2 ตัวชี้วัด ต 1.2 ม.2/1 สนทนา แลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง เรื่องต่าง ๆ ใกล้ตัว และสถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันอย่างเหมาะสม ต 1.2 ม.2/3 พูดและเขียนแสดงความต้องการ เสนอและให้ความช่วยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธการให้ ความช่วยเหลือ ในสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างเหมาะสม ต 1.3 ม.2/3 พูดและเขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกิจกรรม เรื่องต่าง ๆ ใกล้ตัว และประสบการณ์ พร้อมทั้งให้เหตุผลสั้นๆ ประกอบ ต 4.2 ม.2/1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการสืบค้น / ค้นคว้า รวบรวมและสรุปความรู้ / ข้อมูลต่าง ๆ จากสื่อและแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ ในการศึกษาต่อและประกอบอาชีพ 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ด้านความรู้ ความเข้าใจ (K) - นักเรียนมีความรู้ในการสื่อสารระหว่างบุคคลพูดแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง เรื่องใกล้ตัว สถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน - นักเรียนมีความรู้เกี่ยวกับโครงสร้างประโยคและการใช้Present Continuous Tense 2.2 ด้านทักษะกระบวนการ (P) - นักเรียนพูดและเขียนประโยค Present Continuous Tense เพื่อใช้ในการสื่อสารระหว่างบุคคล เช่น การทักทาย กล่าวลา ขอบคุณ ขอโทษ แสดงความต้องการ เสนอและให้ความช่วยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธการ ให้ความช่วยเหลือในสถานการณ์ต่าง ๆ แสดงความคิดเห็นและให้เหตุผลประกอบ - นักเรียนสามารถสืบค้น ค้นคว้าความรู้ ข้อมูลต่าง ๆ จากสื่อและแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เกี่ยวกับ Present Continuous Tense เพื่อใช้การพูดและเขียนประโยคได้
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 68 2.3 คุณลักษณะ เจตคติ ค่านิยม (A) - รักการเรียนรู้ภาษาอังกฤษและฝึกฝนอย่างจริงจังเพียงพอ - ผู้เรียนใช้ภาษาอังกฤษอย่างมีมารยาท ถูกต้องตามกาลเทศะ และบุคคล 3. สาระสำคัญ / ความคิดรวบยอด - พูดและเขียนประโยคโดยเลือกใช้ Present Continuous Tense ในการสื่อสารระหว่างบุคคล เช่น การ ทักทาย กล่าวลา ขอบคุณ ขอโทษ แสดงความต้องการ เสนอและให้ความช่วยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธการให้ความ ช่วยเหลือในสถานการณ์ต่าง ๆ แสดงความคิดเห็น ให้เหตุผลประกอบ สืบค้น / การค้นคว้าความรู้ / ข้อมูลต่าง ๆ จากสื่อและแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เกี่ยวกับ Present Continuous Tense มีทักษะในการเลือก พอประมาณ มี เหตุผล มีภูมิคุ้มกัน และมีคุณธรรม ในการปฏิบัติตนอย่างเหมาะสม ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง พูดและเขียนประโยคโดยเลือกใช้ Present Continuous Tense ในการสื่อสารระหว่างบุคคล เช่น การทักทาย กล่าวลา ขอบคุณ ขอโทษ แสดงความต้องการ เสนอและให้ความช่วยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธการให้ ความช่วยเหลือในสถานการณ์ต่าง ๆ แสดงความคิดเห็น ให้เหตุผลประกอบ สืบค้น / การค้นคว้าความรู้ / ข้อมูล ต่าง ๆ จากสื่อและแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เกี่ยวกับ Present Continuous Tense ได้ 4.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น 1. คำศัพท์ในเรื่อง Unit 1 : Day after day 2. บทสนทนาในเรื่อง Unit 1 : Day after day 3. การใช้โครงสร้าง Present Continuous Tense ในรูปแบบต่าง ๆ 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 5.1 ความสามารถในการสื่อสาร 5.2 ความสามารถในการคิด 5.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา 5.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 6.1 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (ตามหลักสูตรแกนกลาง) 1) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2) ซื่อสัตย์สุจริต 3) มีวินัย 4) ใฝ่เรียนรู้ 5) อยู่อย่างพอเพียง 6) มุ่งมั่นในการทำงาน 7) รักความเป็นไทย 8) มีจิตสาธารณะ 6.2 คุณลักษณะตามหลักสูตรมาตรฐานสากล 1) มีความรู้พื้นฐานในยุคดิจิตอล วิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ภาษา พหุวัฒนธรรม ตระหนักสำนึกระดับโลก 2) สามารถคิดประดิษฐ์อย่างสร้างสรรค์ ปรับตัวใฝ่รู้ ใฝ่เรียน วิเคราะห์ สังเคราะห์สรุป สร้างองค์ความรู้ 3) มีทักษะสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ 4) มีความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5) มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 69 7. ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 (3R 7C เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 7.1 ทักษะการอ่าน (Reading) 7.2 ทักษะการเขียน (Writing) 7.3 ทักษะการคิดคำนวณ (Arithmetic) 7.4 ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา (Critical thinking and problem solving) 7.5 ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม (Creativity and innovation) 7.6 ทักษะด้านความร่วมมือการทำงานเป็นทีมและภาวะผู้นำ (Collaboration, teamwork and leadership) 7.7 ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรมต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural understanding) 7.8 ทักษะด้านการสื่อสารสารสนเทศและรู้เท่าทันสื่อ (Communication information and media literacy) 7.9 ทักษะด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Computing) 7.10 ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้ (Career and learning self-reliance, change) 8. การบูรณาการตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 8.1 บูรณาการสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน 8.2 บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง 8.3 บูรณาการห้องเรียนสีเขียว 8.4 อื่น ๆ (โปรดระบุ)................................................................................................................................................. 9. ชิ้นงาน / ภาระงาน 1. ภาระงาน - ใบงานเรื่องPresent Continuous Tense 2. ชิ้นงาน - 10. กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) เรื่อง Present Continuous Tense วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบ Inquiry Method : 5Es) ชั่วโมงที่ 1 - 2 1. สร้างความสนใจ (Engage) 1.1 นักเรียนทบทวนเนื้อหาเดิมที่นักเรียนเรียนในชั่วโมงก่อนหน้านี้ 1.2 นักเรียนดูรูปภาพและประโยคบน PowerPoint และช่วยกันแสดงความคิดเห็นว่าทั้ง 2 ประโยคมี ความเหมือนและแตกต่างกันอย่างไร
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 70 1.3 นักเรียนสามารถตอบได้ว่า They read a book every day. จากประโยคจะเห็นได้ว่าการอ่านหนังสือเป็นสิ่งที่ผู้พูดมักจะทำ เป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรหรือนิสัย เรียกได้ว่าเป็นสถานการณ์ถาวร They are reading a book at the moment. จากประโยคจะเห็นว่าผู้พูดกำลังอ่านหนังสืออยู่ ในขณะนี้ อีกไม่นานการกระทำนี้จะจบลงซึ่งเป็นสถานการณ์ชั่วคราว ไม่ได้เป็นกิจวัตรหรือนิสัยที่ทำเป็นปกติ จากประโยคมีความเหมือนกันคือการอ่านหนังสือ แตกต่างกันตรงประโยคที่ 1 เป็นประโยคที่เป็น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เกิดขึ้นโดยปกติเป็นประจำสม่ำเสมอ เหตุการณ์ทั่วไปและเหตุการณ์ที่เป็นความจริง สังเกตได้จากคำว่า every day ส่วนประโยคที่ 2 เป็นประโยคที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้ เดี๋ยวนี้ เวลานี้ ในขณะนี้ซึ่ง สังเกตได้คำว่า at the moment 1.4 นักเรียนช่วยกันแสดงความคิดเห็นว่าประโยคที่ 1 และ 2 เป็นรูปแบบของประโยคแบบใด โดย นักเรียนสามารถตอบ ประโยคที่ 1 They read a book every day. เป็นประโยค Present Simple ประโยคที่ 2 They are reading a book at the moment. เป็นประโยค Present Continuous 2. สำรวจและค้นหา (Explore) 2.1 นักเรียนแบ่งออกเป็น 2 ทีม ทีมละเท่า ๆ กัน โดยในแต่ละทีมประกอบไปด้วยนักเรียนเก่ง ปาน กลางและอ่อน 2.2 นักเรียนดู Verb (infinitive) บน PowerPoint และส่งตัวแทนออกมา 1 คนเพื่อเขียนคำศัพท์พร้อม เติม -ing นักเรียน 1 คนสามารถออกมาเขียนได้เพียง 1 ครั้ง และคำศัพท์เหล่านั้นประกอบไปด้วย pat = patting drive = driving tie = tying write = writing grow = growing wash = washing cut = cutting fight = fighting sleep = sleeping 2.3 นักเรียนดูคำถามและรูปภาพบน PowerPoint They read a book every day. They are reading a book at the moment.
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 71 2.4 นักเรียนช่วยกันแสดงความคิดเห็นและช่วยกันตอบคำถาม What are they doing? โดยนักเรียน สามารถตอบ • Mr. Green is reading the newspaper. • Mike is cleaning the windows. • The girls are playing with the dolls. • The cat is climbing the tree. • The birds are singing. • The ducks are swimming. • Grandmother is drinking tea. 2.5 นักเรียนฟังครูอธิบายเรื่องPresent Continuous Tense Present Continuous หรือ Present Progressive Tense คือ Tense ที่ใช้พูดถึงเรื่องที่กำลัง เกิดขึ้นและดำเนินอยู่ในปัจจุบัน ตามชื่อของมัน คือ Present (ปัจจุบัน) + Continuous / Progressive (อย่าง ต่อเนื่อง) หากต้องการจะบอกว่า เรากำลังทำสิ่งนั้นสิ่งนี้อยู่ ในภาษาอังกฤษจะต้องใช้รูปประโยค Present Continuous Tense เป็นรูปประโยคที่ใช้บอกการกระทำที่กำลังเกิดขึ้น หรือการกระทำที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต เป็นประโยคที่ค่อนข้างใช้บ่อยเพื่อการวางแผนในอนาคต โดยมีรูปแบบโครงสร้างดังนี้ • ประโยคบอกเล่า : S + is/ am / are + V.ing • ประโยคปฏิเสธ : S + is / am / are + not +V.ing • ประโยคคำถาม : Is / Am / Are + S + V.ing 2.6 นักเรียนทำกิจกรรม โดยนักเรียนทีมที่ 1 ช่วยกันยกตัวประโยค Present Simple และเขียนบน กระดาน นักเรียนทีมที่ 2 นำประโยคที่ทีมที่ 1 เขียนมาปรับเป็นประโยค Present Continuous เช่น • I speak English. = I am speaking English. • My brother works very hard. = My brother is working very hard. • She cleans the house. = She is cleaning the house. • They answer the questions. = They are answering the questions. • We do our homework. = We are doing our homework. • You open the door. = You are opening the door. • They fix my computer. = They are fixing my computer. • He buys food for his cat. = He is buying food for his cat. • The train leaves at 9:00 AM. = The train is leaving at 9:00 AM. • She prepares food for her friends. = She is preparing food for her friends. 3. อธิบาย (Explain) 3.1 นักเรียนช่วยกันอธิบายและสรุปเรื่อง Present Continuous Tense 3.2 นักเรียนแต่ละทีมยกตัวอย่างPresent Continuous Tense โดยไม่ซ้ำกัน เช่น • We are reading newspaper now. • I am sleeping under the tree. • The students are not studying Science.
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 72 • We’re going on holiday tomorrow. • I’m meeting my boyfriend tonight. 3.3 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเพื่อเสริมความเข้าใจในเรื่อง Present Continuous Tense โดยครู เขียนตัวอย่างประโยคบนกระดานให้นักเรียนเห็นความหลากหลายมากขึ้นพร้อมอธิบายความหมายของประโยคแต่ ละประโยค • I am studying at King’s College London. ฉันกำลังศึกษาอยู่ที่คิง คอลเลจ ลอนดอน • Bryant is trying to lose weight now. ไบรอันต์กำลังพยายามลดน้ำหนักอยู่ตอนนี้ • These day, most people are favoring healthy food. ปัจจุบันผู้คนส่วนใหญ่กำลังนิยมอาหารเพื่อสุขภาพ • I am meeting my parent tonight. ฉันจะพบกับพ่อแม่ในคืนนี้ • Emma and Lucien are going on holiday next week. เอ็มม่าและลูเซี่ยนจะไปพักร้อนสัปดาห์หน้า • Austin is constantly talking. I wish he would shut up. ออสตินพูดไม่หยุดเลย ฉันหวังว่าเขาจะหยุดพูดเสียที **ผู้พูดแสดงอาการรำคาญจากการพูดไม่หยุดของออสติน • I don’t like gangster near my house because they are always making noisy. ฉันไม่ชอบกลุ่มอันธพาลใกล้บ้านของฉัน เพราะพวกเขามักจะทำเสียงดังเสมอ **ถึงแม้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นประจำ แต่มันเกินพอดีจึงใช้ในรูปประโยค Present Continuous Tense • Is it raining at the moment ? ฝนกำลังตกอยู่ตอนนี้หรือเปล่า? • Are you lying to me ? คุณกำลังโกหกฉันหรือเปล่า? 4. ขยายความรู้ (Elaborate) 4.1 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเพื่อเสริมความเข้าใจในเรื่อง Present Continuous Tense โดยครู อธิบายเพิ่มเติมว่า คำกริยาใน Present Continuous Tense จะประกอบไปด้วย 2 ส่วนเสมอ ได้แก่ - คำกริยา to be + V-ing (Present Participle) และมีคำกริยาที่ไม่ค่อยถูกนำมาใช้ในรูปของ Present Continuous Tense คือ 1. กริยาที่เกี่ยวความรู้สึก / การรับรู้ (to feel, to hear, to see, to smell, to taste) 2. กริยาที่เกี่ยวความคิดเห็น (to assume, to believe, to consider, to doubt, to feel (= to think), to find (= to consider), to suppose, to think) 3. กริยาที่เกี่ยวสภาพจิตใจ (to forget, to imagine, to know, to mean, to notice, to recognise, to remember, to understand) 4. กริยาที่เกี่ยวอารมณ์ / ความปรารถนา (to envy, to fear, to dislike, to hate, to hope, to like, to love, to mind, to prefer, to regret, to want, to wish)
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 73 5. กริยาที่เกี่ยวการวัดหรือการประเมินคุณค่า (to contain, to cost, to hold, to measure, to weigh) 6. และกริยาอื่น ๆ (to look (=to resemble), to seem, to be (ในกรณีส่วนใหญ่), to have (เมื่อหมายถึงการเป็นเจ้าของ)) ข้อยกเว้น คำกริยาที่บ่งบอกถึงการรับรู้ (see, hear, feel, taste, smell) มักจะถูกนำมาใช้ร่วมกับ can บ่อย ๆ เช่น I can see... คำกริยาเหล่านี้สามารถนำมาใช้ในรูปของ Present Continuous Tense ได้แต่จะให้ ความหมายที่ต่างออกไป เช่น • This coat feels nice and warm. (การรับรู้ของคุณที่มีคุณภาพของเสื้อหนาว) • John’s feeling much better now (สุขภาพของเขาดีขึ้น) • She has three dogs and a cat. (แสดงความเป็นเจ้าของ) • She’s having supper. (เธอกำลังทานอาหาร) • I can see Anthony in the garden. (การรับรู้) • I’m seeing Anthony later. (เราวางแผนว่าจะเจอกัน) 4.2 นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยระดมความคิดและช่วยกันตอบแบบฝึกหัดเรื่อง Present Continuous Tense บน PowerPoint จำนวน 20 ข้อ โดยแต่ละกลุ่มเขียนคำตอบลงบนกระดาษเปล่า A4 ที่ครูได้เตรียมไว้ให้ Instructions : Complete the following sentences using Present Continuous Tense. (Capitalize when needed) 1. My son…………........……...……….(talk) on the phone right now. 2. …………........……...……….you…………........……...……….(be) sleep)? 3. Christopher…………........……...……….(do) his homework at the moment. 4. Nadia…………........……...……….(not drink) tea now. 5. My kids…………........……...……….(play) in the garden now. 6. Some people…………........……...……….(wait) to talk to you. 7. My wife…………........……...……….(not cook) today. 8. …………........……...……….Lucas…………........……...……….(study) for his exam right now? 9. Sarah…………........……...……….(work) on a project nowadays. 10. Caroline and I…………........……...……….(paint) the fences today. 11. Nicole…………........……...……….(help) me at present. 12. My children…………........……...……….(not listen) to the radio now. 13. …………........……...……….Valdus…………........……...……….(play) the piano now? 14. I…………........……...……….(vacuum) the carpet right now. 15. My father…………........……...……….(watch) TV now. 16. What…………........……...……….she…………........……...……….(eat) right now? 17. …………........……...……….your dog…………........……...……….(hide) from me? 18. What book…………........……...……….you…………........……...……….(read) nowadays? 19. Phoenix…………........……...……….(drive) me home now. 20. I…………........……...……….(wash) my face at the moment.
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 74 Answer Key : 1) is talking 2) Are / sleeping 3) is doing 4) isn’t drinking 5) are playing 6) are waiting 7) isn’t cooking 8) Is / studying 9) is working 10) are painting 11) is helping 12) aren’t listening 13) Is / playing 14) am vacuuming 15) is watching 16) is / eating 17) is / hiding 18) are / reading 19) is driving 20) am washing 5. ประเมินผล (Evaluate) 5.1 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบแบบฝึกหัดเรื่อง Present Continuous Tense บน PowerPoint 5.2 นักเรียนและครูช่วยกันอธิบายถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อเพื่อให้นักเรียน ทุก ๆ คนเข้าใจหลักการใช้ Present Continuous Tense ชั่วโมงที่ 3 - 4 1. สร้างความสนใจ (Engage) 1.1 นักเรียนทบทวนเนื้อหาPresent Continuous Tense ที่นักเรียนเรียนในชั่วโมงก่อนหน้านี้ 1.2 นักเรียนดูรูปภาพและประโยคคำถามบน PowerPoint What is he doing? How are they travelling? 1.3 นักเรียนช่วยกันตอบคำถามบน PowerPoint 1. What is he doing? - He is playing football. 2. How are they travelling? - They are travelling by plan. 1.4 นักเรียนเขียนคำตอบลงบนกระดานและร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยคคำถามและ ประโยคคำตอบที่นักเรียนตอบ 1.5 นักเรียนเลนเกม Present Continuous จาก https://www.englishclub.com/eslgames/grammar/jumbled-tenses-present-continuous-1.htm โดยนักเรียนดูคำศัพท์ที่ปรากฏบนจอ PowerPoint และส่งตัวแทนทีละ 1 คน เพื่อมาเรียงคำศัพท์ให้อยู่ในรูปประโยค
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 75 2. สำรวจและค้นหา (Explore) 2.1 นักเรียนดูวิดีโอคลิป การใช้ Present Continuous Tense จาก https://www.youtube.com /watch?v=C-zRexjTvmY 2.2 นักเรียนช่วยกันสรุปเนื้อหาจากวิดีโอคลิป 2.3 นักเรียนดูตัวอย่างคำศัพท์ที่มีภาพประกอบบน PowerPoint flying cutting 2.4 นักเรียนช่วยกันอ่านคำและแปลคำศัพท์และช่วยกันแต่งประโยคจากบัตรคำภาพที่กำหนดให้ 2.5 นักเรียนฝึกแต่งประโยคPresent Continuous Tense ทีละคน 2.6 นักเรียนเล่นเกม โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ ชายและหญิง แต่ละฝ่ายจะต้องช่วยกันแยกบัตรคำที่ครู ให้ ให้ตรงกับประโยคที่ครูกำหนดไว้ในกระดาษและติดรูปภาพให้ตรงกับประโยคนั้น ๆ โดยกลุ่มทีทำเสร็จก่อน และ ถูกต้องจะเป็นผู้ชนะ 2.7 นักเรียนและครูช่วยกันตรวจและนับคะแนน 2.8 นักเรียนศึกษาเนื้อหาเรื่อง Present Continuous Tense ในเอกสารประกอบการเรียน 3. อธิบาย (Explain) 3.1 นักเรียนช่วยกันอธิบายและสรุปเรื่อง Present Continuous Tense 3.2 นักเรียนยกตัวอย่างPresent Continuous Tense ในรูปประโยคบอกเล่า ปฏิเสธ และคำถาม โดยนักเรียนสามารถยกตัวอย่าง เช่น 1. ประโยคบอกเล่า • A cat is eating a fish. แมวกำลังกินปลา • They are cutting trees. พวกเขากำลังตัดต้นไม้ • Cats are drinking water. แมวกำลังดื่มน้ำ
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 76 2. ประโยคปฏิเสธ • A cat is not eating a fish. แมวไม่ได้กำลังกินปลา • They’re not cutting trees. พวกเขาไม่ได้กำลังตัดต้นไม้ • Cats are not drinking water. แมวไม่ได้กำลังดื่มน้ำ 3. ประโยคคำถาม • Is a cat eating a fish? แมวกำลังกินปลาใช่ไหม Yes, a cat is. / No, a cat isn’t. ใช่ / ไม่ใช่ Yes, it is. / No, it isn’t. ใช่ / ไม่ใช่ • Are they cutting trees? พวกเขากำลังตัดต้นไม้ใช่ไหม Yes, they are. / No, we aren’t. ใช่ / ไม่ใช่ • Are they cutting trees? พวกเขากำลังตัดต้นไม้ใช่ไหม Yes, they are. / No, we aren’t. ใช่ / ไม่ใช่ 4. ขยายความรู้ (Elaborate) 4.1 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเพื่อเสริมความเข้าใจในเรื่อง Present Continuous Tense ใน ประโยคคำถามซึ่งในภาษาอังกฤษมี 2 แบบ ได้แก่ การตั้งคำถามเพื่อให้ได้คำตอบว่า ใช่หรือไม่ (Yes / No question) และการตั้งคำถามเพื่อให้ได้ข้อมูลที่เจาะจงว่าใคร (who), อะไร (what), เมื่อไหร่ (when), ที่ไหน (where), ทำไม(why) และ อย่างไร (how) โดยคำถามประเภทนี้มักขึ้นต้นคำบอกคำถามด้วย wh- ซึ่งเรียกว่า คำถามประเภทนี้ว่า Wh- question การสร้างประโยคคำถามเพื่อคำตอบว่า ใช่หรือไม่ใช่ (Yes / No question) ใน Present Continuous Tense ย้ายกริยา be ไปไว้หน้าประโยค แล้วเติมคำแสดงคำถามลงไป ประโยบอกเล่า ประโยคคำถาม แบบให้ตอบว่า ใช่/ไม่ใช่ ประโยคคำถามที่ขึ้นต้นด้วย WhI am eating. Am I eating? What am I eating? You are crying. Are you crying? Why are you crying? He is going. Is he going? Where is he going? She is arriving. Is she arriving? When is she arriving? It is sleeping. Is it sleeping? Why is it sleeping? We are leaving. Are we leaving? When are we leaving? They are fighting. Are they fighting? Why are they fighting? กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ให้ใส่คำบอกคำถามไว้ข้างหน้าประโยคคำถามแบบ Yes/No โดยให้คิดว่า ถ้าไม่ใส่คำบอก คำถามให้แน่นอนลงไป ผู้ตอบก็จะตอบแค่ ใช่หรือไม่ใช่ แต่ถ้าเราใส่คำบอกคำถาม เช่น ใคร (who), อะไร (what), เมื่อไหร่ (when), ที่ไหน (where), ทำไม (why) และ อย่างไร (how) ไว้ แล้ว ผู้ตอบจะต้องตอบให้ตรงกับ คำบอกคำถาม ดังนั้นความแตกต่างเรื่องการสร้างประโยคคำถามทั้งสองแบบนี้อยู่ที่ แบบหนึ่งไม่มีคำบอกคำถาม ในขณะที่อีกแบบหนึ่งมีคำบอกคำถาม 4.2 นักเรียนทำใบงานเรื่อง Present Continuous Tense ในเอกสารประกอบการเรียน 5. ประเมินผล (Evaluate) 5.1 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำใบงานเรื่อง Present Continuous Tense 5.2 นักเรียนและครูช่วยกันอธิบายถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อเพื่อให้นักเรียน ทุก ๆ คนเข้าใจหลักการใช้ Present Continuous Tense
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 77 5.3 นักเรียนและครูร่มกันสรุปหลักการของกฎต่าง ๆ ของPresent Continuous Tense 11. สื่อการเรียนรู้/ แหล่งเรียนรู้ 11.1 สื่อการเรียนรู้ 1. ใบความรู้เรื่อง Present Continuous Tense 2. ใบงานเรื่อง Present Continuous Tense 11.2 แหล่งเรียนรู้ 1. หนังสือพิมพ์ 2. อินเทอร์เน็ตหรือสื่ออื่น ๆ 12. การวัดและประเมินผล ลำดับ รายการที่วัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ 1 ใบงานเรื่อง Present Continuous Tense ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นั ก เรีย น ให้ ค ว าม ร่วม มื อใน ก ารท ำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 13. เกณฑ์การประเมิน 16 - 20 คะแนน ดีมาก 11 - 15 คะแนน ดี 6 - 10 คะแนน พอใช้ น้อยกว่า 6 คะแนน ควรปรับปรุง ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 78 บันทึกหลังการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................... ............................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู วันที่..............เดือน..................................พ.ศ. ..................
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 79 โรงเรียนแผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง Day after day แผนการจัดการเรียนรู้ที่4 เรื่อง Present Perfect Tense รหัสวิชา อ22121 รายวิชา ภาษาอังกฤษ 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ปีการศึกษา 2566 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 4 ชั่วโมง ผู้สอน นายสุจินดา ปรากฏวงศ์ 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ ตัวชี้วัด 1.1 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ ความคิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ โดยการพูด และการเขียน มาตรฐาน ต 4.2 ใช้ภาษาต่างประเทศเป็นเครื่องมือพื้นฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับสังคมโลก 1.2 ตัวชี้วัด ต 1.2 ม.2/1 สนทนา แลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง เรื่องต่าง ๆ ใกล้ตัว และสถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันอย่างเหมาะสม ต 1.2 ม.2/3 พูดและเขียนแสดงความต้องการ เสนอและให้ความช่วยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธการให้ ความช่วยเหลือ ในสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างเหมาะสม ต 1.3 ม.2/3 พูดและเขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกิจกรรม เรื่องต่าง ๆ ใกล้ตัว และประสบการณ์ พร้อมทั้งให้เหตุผลสั้นๆ ประกอบ ต 4.2 ม.2/1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการสืบค้น / ค้นคว้า รวบรวมและสรุปความรู้ / ข้อมูลต่าง ๆ จากสื่อและแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ ในการศึกษาต่อและประกอบอาชีพ 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ด้านความรู้ ความเข้าใจ (K) - นักเรียนมีความรู้ในการสื่อสารระหว่างบุคคลพูดแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง เรื่องใกล้ตัว สถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน - นักเรียนมีความรู้เกี่ยวกับโครงสร้างประโยคและการใช้Present Perfect Tense 2.2 ด้านทักษะกระบวนการ (P) - นักเรียนพูดและเขียนประโยค Present Perfect Tense เพื่อใช้ในการสื่อสารระหว่างบุคคล เช่น การทักทาย กล่าวลา ขอบคุณ ขอโทษ แสดงความต้องการ เสนอและให้ความช่วยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธการให้ ความช่วยเหลือในสถานการณ์ต่าง ๆ แสดงความคิดเห็นและให้เหตุผลประกอบ - นักเรียนสามารถสืบค้น ค้นคว้าความรู้ ข้อมูลต่าง ๆ จากสื่อและแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เกี่ยวกับ Present Perfect Tense เพื่อใช้การพูดและเขียนประโยคได้
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 80 2.3 คุณลักษณะ เจตคติ ค่านิยม (A) - รักการเรียนรู้ภาษาอังกฤษและฝึกฝนอย่างจริงจังเพียงพอ - ผู้เรียนใช้ภาษาอังกฤษอย่างมีมารยาท ถูกต้องตามกาลเทศะ และบุคคล 3. สาระสำคัญ / ความคิดรวบยอด - พูดและเขียนประโยคโดยเลือกใช้ Present Perfect Tense ในการสื่อสารระหว่างบุคคล เช่น การ ทักทาย กล่าวลา ขอบคุณ ขอโทษ แสดงความต้องการ เสนอและให้ความช่วยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธการให้ความ ช่วยเหลือในสถานการณ์ต่าง ๆ แสดงความคิดเห็น ให้เหตุผลประกอบ สืบค้น / การค้นคว้าความรู้ / ข้อมูลต่าง ๆ จากสื่อและแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เกี่ยวกับ Present Perfect Tense มีทักษะในการเลือก พอประมาณ มีเหตุผล มี ภูมิคุ้มกัน และมีคุณธรรม ในการปฏิบัติตนอย่างเหมาะสม ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง พูดและเขียนประโยคโดยเลือกใช้ Present Perfect Tense ในการสื่อสารระหว่างบุคคล เช่น การ ทักทาย กล่าวลา ขอบคุณ ขอโทษ แสดงความต้องการ เสนอและให้ความช่วยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธการให้ความ ช่วยเหลือในสถานการณ์ต่าง ๆ แสดงความคิดเห็น ให้เหตุผลประกอบ สืบค้น / การค้นคว้าความรู้ / ข้อมูลต่าง ๆ จากสื่อและแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เกี่ยวกับ Present Perfect Tense ได้ 4.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น 1. คำศัพท์ในเรื่อง Unit 1 : Day after day 2. บทสนทนาในเรื่อง Unit 1 : Day after day 3. การใช้โครงสร้าง Present Perfect Tense ในรูปแบบต่าง ๆ 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 5.1 ความสามารถในการสื่อสาร 5.2 ความสามารถในการคิด 5.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา 5.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 6.1 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (ตามหลักสูตรแกนกลาง) 1) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2) ซื่อสัตย์สุจริต 3) มีวินัย 4) ใฝ่เรียนรู้ 5) อยู่อย่างพอเพียง 6) มุ่งมั่นในการทำงาน 7) รักความเป็นไทย 8) มีจิตสาธารณะ 6.2 คุณลักษณะตามหลักสูตรมาตรฐานสากล 1) มีความรู้พื้นฐานในยุคดิจิตอล วิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ภาษา พหุวัฒนธรรม ตระหนักสำนึกระดับโลก 2) สามารถคิดประดิษฐ์อย่างสร้างสรรค์ ปรับตัวใฝ่รู้ ใฝ่เรียน วิเคราะห์ สังเคราะห์สรุป สร้างองค์ความรู้ 3) มีทักษะสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ 4) มีความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5) มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 81 7. ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 (3R 7C เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 7.1 ทักษะการอ่าน (Reading) 7.2 ทักษะการเขียน (Writing) 7.3 ทักษะการคิดคำนวณ (Arithmetic) 7.4 ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา (Critical thinking and problem solving) 7.5 ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม (Creativity and innovation) 7.6 ทักษะด้านความร่วมมือการทำงานเป็นทีมและภาวะผู้นำ (Collaboration, teamwork and leadership) 7.7 ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรมต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural understanding) 7.8 ทักษะด้านการสื่อสารสารสนเทศและรู้เท่าทันสื่อ (Communication information and media literacy) 7.9 ทักษะด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Computing) 7.10 ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้ (Career and learning self-reliance, change) 8. การบูรณาการตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 8.1 บูรณาการสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน 8.2 บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง 8.3 บูรณาการห้องเรียนสีเขียว 8.4 อื่น ๆ (โปรดระบุ)................................................................................................................................................. 9. ชิ้นงาน / ภาระงาน 1. ภาระงาน - ใบงานเรื่องPresent Perfect Tense 2. ชิ้นงาน - 10. กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) เรื่อง Present Perfect Tense วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบกระบวนการเรียนรู้แบบ 5 ขั้น (5 STEPs) และแบบ Inquiry Method : 5Es) ชั่วโมงที่ 1 ขั้นที่ 1 การเรียนรู้ตั้งคำถาม (Learning to Question) 1.1 นักเรียนดูรูปภาพและประโยคบน PowerPoint ดังนี้ He has finished his homework.
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 82 1.2 นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยคที่นักเรียนเห็นบน PowerPoint 1.3 นักเรียนสังเกต คำที่ถูกเน้นด้วยสีต่าง ๆ และคำที่ถูกขีดเส้นใต้พร้อมทั้งช่วยกันแสดงความคิดเห็น ว่าเป็นโครงสร้างประโยคใด และเป็นกริยาช่องใด ขั้นที่ 2 การเรียนรู้แสวงหาสารสนเทศ (Learning to Search) 2.1 นักเรียนแบ่งออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 5 - 6 คน โดยสมาชิกในกลุ่มประกอบไปด้วยนักเรียนเก่ง อ่อน และปานกลาง 2.2 นักเรียนแต่ละกลุ่มจับฉลากศึกษาหัวข้อเพื่อศึกษาค้นคว้าจากแหล่งเรียนรู้อินเตอร์เน็ต ดังต่อไปนี้ ก ลุ่ ม ที่ 1 - 2 ศึ ก ษ าเรื่อ งก ารใช้Present Perfect Tense : Affirmative and Negative sentences กลุ่มที่ 3 - 4 ศึกษาเรื่องการใช้Present Perfect Tense : Interrogative Sentence 2.3 นักเรียนแต่ละกลุ่มที่จับฉลากได้เรื่องไหนให้รวมกลุ่มศึกษาด้วยกัน โดยการอภิปรายซักถาม แลกเปลี่ยนความรู้ และร่วมระดมความคิดเห็นจนเข้าใจครบทุกคน 2.4 นักเรียนที่ศึกษาเรื่องเดียวกันรวมกลุ่มกัน เพื่อขยายความรู้ แลกเปลี่ยนข้อมูลและช่วยกันสรุปข้อมูล ที่ได้จากการศึกษาเพื่อเตรียมตัวส่งตัวแทนออกไปพูดหน้าชั้นเรียน 2.5 นักเรียนส่งตัวแทนกลุ่มเพื่อออกมาถ่ายทอดสิ่งที่ได้ศึกษามาให้เพื่อนร่วมชั้นฟังบริเวณหน้าชั้นเรียน ครูสุ่มถามเพื่อทดสอบความเข้าใจเป็นรายกลุ่ม ขั้นที่ 3 การเรียนรู้เพื่อสร้างองค์ความรู้ (Learning to Construct) 3.1 นักเรียนดูวิดีโอคลิปเรื่อง Present Perfect จาก https://www.youtube.com/watch?v= fXN8hY0WwGg 3.2 นักเรียนดูวิดีโอคลิปเรื่อง When to Use the Present Perfect Tense / With example sentences จากhttps://www.youtube.com/watch?v=o1_0Gz4uRKo 3.3 นักเรียนช่วยกันสรุปความรู้ที่ได้จากการดูวิดีโอคลิปทั้ง 2 วิดีโอคลิป 3.4 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ Present Perfect Tense Present Perfect คือ Tense ที่มักใช้พูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต และเพิ่งจบลงในปัจจุบัน เพื่อระบุความเชื่อมโยงระหว่างปัจจุบันและอดีต เวลาที่สิ่งนั้น ๆ เกิดขึ้น โดยจะใช้กับเหตุการณ์ดังต่อไปนี้ 1. ใช้เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต และดำเนินต่อเนื่องมาจนถึงถึงปัจจุบัน มักใช้กับคำเหล่านี้ since ตั้งแต่ (+ จุดเริ่มต้นของเวลา เช่น 2021, January, Tuesday), for เป็นเวลา (+ ระยะเวลา เช่น 2 months, 5 days, 1 year), ever since ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา, so far จนกระทั่งตอนนี้, up to now จนกระทั่งตอนนี้, up to the present จนถึงปัจจุบัน • I have lived in Bangkok since 1991. ฉันอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ตั้งแต่ปี 1991 • I have worked in this company for 3 months. ผมทำงานในบริษัทนี้มา 3 เดือนแล้ว • A : What have you done so far with your project? ตอนนี้คุณทำโปรเจคนี้ถึงไหนแล้ว B : So far, I’ve completed writing the report and making a list of customers. ตอนนี้ผมเขียนรายงานและทำรายชื่อลูกค้าเสร็จแล้ว
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 83 • He was elected in 2000 and has been president ever since. เขาได้รับเลือกในปี 2000 และดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีตั้งแต่นั้น • I started smoking last year, and have coughed ever since. ฉันเริ่มสูบบุหรี่ปีที่แล้ว และมีอาการไอตั้งแต่นั้น 2. ใช้บอกว่าเคยหรือไม่เคยทำ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มักใช้กับคำเหล่านี้never ไม่เคย, ever เคย, once ครั้งหนึ่ง, twice สองครั้ง • A : Have you ever been to Tokyo? คุณเคยไปโตเกียวไหม B : No, I haven’t been to Tokyo. ไม่นะ ฉันไม่เคยไปโตเกียว • I have never been to Thailand. ฉันไม่เคยไปเมืองไทย 3. ใช้กับเหตุการณ์ที่เพิ่งจบลงใหม่ๆ มักใช้กับคำเหล่านี้already เพิ่งจะ, recently เมื่อไม่นานมา นี้, just เรียบร้อยแล้ว, yet ยัง (มักใช้ในประโยคคำถามและปฏิเสธ) • I have just come back to Japan. ฉันเพิ่งกลับมาจากญี่ปุ่น • The bus has already arrived. รถเมล์มาถึงแล้ว • A : Has he finished the work yet? เขาทำงานเสร็จรึยัง B : Not yet ยังเลย 4. ใช้กับเหตุการณ์ที่จบไปแล้ว แต่ผู้พูดยังคงรู้สึกถึงผลของเหตุการณ์นั้นอยู่ • He has finished that work. เขาทำงานนั้นเสร็จแล้ว (เพิ่งทำเสร็จ ยังไม่ได้ส่ง) • We have just cleaned our classroom. พวกเราเพิ่งจะทำความสะอาดห้องของพวกเรา (เพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ ห้องยังสะอาดกิ้งอยู่เลย) 5. ใช้กับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น และอาจเกิดขึ้นต่อเนื่อง มักใช้กับคำกำกับเวลาเหล่านี้today วันนี้, this week อาทิตย์นี้, this month เดือนนี้, this year ปีนี้ • The teacher has drunk two cups of coffee today. วันนี้ครูคนนั้นได้ดื่มกาแฟไปแล้ว 2 แก้ว(นักเรียนจะเห็นครูของเขาทุกครั้งที่ดื่มกาแฟในแต่ ละวัน และตอนที่นักเรียนเห็นครูกำลังดื่มกาแฟแก้วที่ 2 อยู่แล้ว แต่ครูอาจจะดื่มแก้วที่ 3 หรือ 4 อีก หลังจากนั้น) • My father has washed his car three times this month. พ่อของฉันล้างรถไปแล้ว 3 ครั้งแล้วเดือนนี้(อาจจะล้างรถครั้งที่ 4-5 อีกในเดือนนี้) • The teacher has not seen Ananda this week. คุณครูยังไม่เจออนันดาเลยในสัปดาห์นี้(สัปดาห์นี้ครูอาจจะไม่เจออนันดาเลย)
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 84 ขั้นที่ 4 การเรียนรู้เพื่อการสื่อสาร (Learning to Communicate) 4.1 นักเรียนช่วยกันสรุปข้อมูล Present Perfect Tense ที่ได้ศึกษาและค้นคว้ามาลงในกระดาษ A4 4.2 นักเรียนและครูร่วมสนทนาเกี่ยวกับ Present Perfect Tense แล้วร่วมกันสรุปเป็นความรู้ 4.3 นักเรียนเขียนสะท้อนเกี่ยวกับสิ่งที่ได้เรียนรู้ ปัญหาและอุปสรรคในการเรียน และความรู้สึกในการ เรียนชั่วโมงนี้ ขั้นที่ 5 การเรียนรู้เพื่อตอบแทนสังคม (Learning to Service) 5.1 นักเรียนนำข้อมูลสรุปเรื่อง Present Perfect Tense ที่นักเรียนได้ศึกษาและค้นคว้ามานำไป แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเพื่อนๆ กลุ่มอื่น 5.2 นักเรียนรับการประเมินการเรียนรู้โดยครูสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนขณะทำงานร่วมกันสังเกต การตอบคำถามของนักเรียนในชั้นเรียน ชั่วโมงที่ 2 1. สร้างความสนใจ (Engage) 1.1 นักเรียนทบทวนเนื้อหาเดิมที่นักเรียนเรียนในชั่วโมงก่อนหน้านี้ 1.2 นักเรียนดูวิดีโอคลิป Present Perfect Tense จาก https://www.youtube.com/watch?v =p5mYR6tYJBk และช่วยกันตอบคำถามในวิดีโอคลิป 2. สำรวจและค้นหา (Explore) 2.1 นักเรียนดูรูปภาพและประโยค PowerPoint He has gone to Paris. She has been to Paris. 2.2 นักเรียนช่วยกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยคทั้ง 2 ประโยค 2.3 นักเรียนค้นหาข้อมูลหลักการใช้ Been to และ Gone to ใน Present Perfect Tense จากแหล่ง เรียนรู้ออนไลน์ 2.4 นักเรียนฟังครูอธิบายหลักการใช้ Been to และ Gone to ใน Present Perfect Tense
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 85 1. Been to been เป็น past participle (คำกริยาช่องที่ 3) ของ be ใช้ been to หรือ have been to เพื่อพูดถึงการเคลื่อนที่หรือเดินทางไปสถานที่หนึ่งแล้วเดินทางกลับจากสถานที่นั้น เช่น • I have been to Japan five times. ฉันไปเที่ยวญี่ปุ่นมา 5 ครั้ง = ทั้ง 5 ครั้งที่ไปญี่ปุ่นนั้นคือไปแล้วกลับจากญี่ปุ่น • She has just been to the post office. เธอเพิ่งไปที่ทำการไปรษณีย์ = ไปแล้วกลับจากไปรษณีย์ • Have you ever been to France? คุณเคยไปฝรั่งเศสหรือเปล่า? หรือใช้ในการตอบคำถาม What are you up to? (กำลังทำอะไรอยู่?) เช่น • A : Hey, what are you up to? เฮ้ กำลังทำอะไรอยู่ B : I’ve just been to the bank. ฉันเพิ่งไปธนาคารมาน่ะ 2. Gone to gone เป็น past participle (คำกริยาช่องที่ 3) ของ go ใช้ gone to หรือ have gone to เพื่อ พูดถึงการเคลื่อนที่หรือเดินทางไปสถานที่หนึ่ง และยังไม่กลับมา เช่น • My dad has gone to Phuket yesterday. พ่อของฉันไปภูเก็ตเมื่อวานนี้ = ขณะที่พูดพ่อยังอยู่ภูเก็ตยังไม่ได้เดินทางกลับมา • Mark has just gone to the bank. He’ll be back in about ten minutes. มาร์กเพิ่งไปธนาคาร เขาจะกลับมาใน 10 นาที = ขณะที่พูดมาร์กยังอยู่ที่ธนาคาร • Where has Suda gone to? สุดาไปไหน? Tips : เคยไปหรือไม่เคยไปที่ไหน ให้ใช้ been แทน gone เพราะ been หมายถึง ไปแล้ว กลับ มาแล้ว gone หมายถึง ไปแล้ว แต่ยังไม่กลับมา สรุปจำง่าย ๆ ว่า been to ใช้เมื่อไปแล้วกลับมาแล้ว ส่วน gone to ไปแล้วยังไม่กลับมา นั่นเอง 3. อธิบาย (Explain) 3.1 นักเรียนช่วยกันอธิบายและสรุปเรื่องหลักการใช้ Been to และ Gone to ใน Present Perfect Tense 3.2 นักเรียนยกตัวอย่างการใช้ Been to และ Gone to ใน Present Perfect Tense 3.3 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเพื่อเสริมความเข้าใจในเรื่องหลักการใช้ Been to และ Gone to ใน Present Perfect Tense โดยครูเขียนตัวอย่างประโยคบนกระดานให้นักเรียนเห็นความหลากหลายมากขึ้น • We have been to Paris twice. พวกเราไปปารีสมา2รอบ แต่ตอนนี้กลับมาแล้ว • Have you ever been to New Zealand?. คุณเคยไปประเทศนิวซีแลนด์ไหม
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 86 • She has gone to Bangkok and she will be back on this Sunday. เธอไปกรุงเทพและจะกลับมาวันอาทิตย์นี้ • They have been to Singapore together. พวกเขาเคยไปสิงคโปร์ด้วยกันมาแล้ว • She has just gone to the bank. She’ll back in about 10 minutes เธอเพิ่งออกไปธนาคาร จะกลับมาในอักประมาณ 10 นาที • He has gone to the Maldives, he will be back soon. เขาไปและตอนนี้ยังอยู่ที่มัลดีฟส์ เดี๋ยวเขาก็กลับมาในไม่ช้า • He has gone to Australia. เขาไปออสเตรเลียแต่ยังไม่กลับมา 4. ขยายความรู้ (Elaborate) 4.1 นักเรียนช่วยกันตอบคำถามบน PowerPoint เรื่องการใช้Been to และ Gone to ใน Present Perfect Tense Instructions : Compete the sentence with “been,” or “gone”. 1. The streets are empty. Everybody has…………........……...……….home because of the Covid19. 2. Lara’s has just…………........……...……….to the shops, she has everything she needs to cook now. 3. Where have you…………........……...……….? Daniel has been waiting for you. 4. Nadia won the lottery and she has…………........……...……….to Paris twice. 5. Marcos left to Argentina some months ago. She has…………........……...……….to live there. 6. It’s boiling hot so the teenagers have…………........……...……….to the beach. 7. Andrew is washing his dog. He has…………........……...……….to the forest and it’s pretty dirty. 8. Belinda has…………........……...……….to bed, she is exhausted. 9. Let’s prepare lunch. Lucien and Odin have…………........…...……….to the local market, so we have fresh veggies. 10. A : Where is Isabella? B : I don’t know I think she has…………........……...……….to the cinema with her friends. 11. Emma hasn’t…………........……...……….to London yet, but she will go. 12. Hannah has…………........……...……….home to prepare nice exercises for her students.
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 87 Answer Key : 1. gone 2. gone 3. been 4. been 5. gone 6. gone 7. been 8. gone 9. been 10. gone 11. been 12. gone 5. ประเมินผล (Evaluate) 5.1 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำใบงานเรื่องการใช้ Been to และ Gone to ใน Present Perfect Tense 5.2 นักเรียนฟังครูอธิบายถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อให้นักเรียนเข้าใจ หลักการใช้ Been to และ Gone to ใน Present Perfect Tenseครูสรุปหลักการของกฎต่าง ๆ ให้นักเรียนฟังอีก ครั้ง ชั่วโมงที่ 3 - 4 ขั้นที่ 1 การเรียนรู้ตั้งคำถาม (Learning to Question) 1.1 นักเรียนดูรูปภาพและประโยคบน PowerPoint ดังนี้ 1.2 นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยคที่นักเรียนเห็นบน PowerPoint 1.3 นักเรียนสังเกต คำที่ถูกเน้นด้วยสีต่าง ๆ และคำที่ถูกขีดเส้นใต้พร้อมทั้งช่วยกันแสดงความคิดเห็น ว่าเป็นโครงสร้างประโยคใด และเป็นกริยาช่องใด ขั้นที่ 2 การเรียนรู้แสวงหาสารสนเทศ (Learning to Search) 2.1 นักเรียนแบ่งออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 5 - 6 คน โดยสมาชิกในกลุ่มประกอบไปด้วยนักเรียนเก่ง อ่อน และปานกลาง 2.2 นักเรียนแต่ละกลุ่มจับฉลากศึกษาหัวข้อเพื่อศึกษาค้นคว้าจากแหล่งเรียนรู้อินเตอร์เน็ต ดังต่อไปนี้ กลุ่มที่ 1 ศึกษาเรื่องการใช้since และ for กลุ่มที่ 2 ศึกษาเรื่องการใช้yet และ just กลุ่มที่ 3 ศึกษาเรื่องการใช้still และ already กลุ่มที่ 4 ศึกษาเรื่องการใช้never และ ever 2.3 นักเรียนแต่ละกลุ่มที่จับฉลากได้เรื่องไหนให้รวมกลุ่มศึกษาด้วยกัน โดยการอภิปรายซักถาม แลกเปลี่ยนความรู้ และร่วมระดมความคิดเห็นจนเข้าใจครบทุกคน 2.4 นักเรียนแต่ละกลุ่มถ่ายทอดสิ่งที่ได้ศึกษามาให้เพื่อนร่วมชั้นฟังจนเข้าใจครบทุกคน ครูสุ่มถามเพื่อ ทดสอบความเข้าใจเป็นรายกลุ่ม
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 88 2.5 นักเรียนดูตัวอย่างประโยคเพิ่มเติมที่ครูเขียนบนกระดาน • They have lived together since 2009. • I haven’t eaten in a restaurant for 1 year. • Have you done your homework yet? • He hasn’t watered the flowers yet. • Richard has just finished reading a book. • She still hasn’t forgiven me. • Have you already taken the money? • We’ve already made plan for our holiday. • I have never been to Moscow. • Have you ever tried to change your hairstyle? 2.6 นักเรียนช่วยกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยคและตำแหน่งของคำที่ขีดเส้นใต้ที่นักเรียนเห็นบน กระดาน ขั้นที่ 3 การเรียนรู้เพื่อสร้างองค์ความรู้ (Learning to Construct) 3.1 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ just, yet, already, since, for, still, and never Since (adv.) แปลว่า ตั้งแต่ ใช้เพื่อบอกจุดเริ่มต้นของเวลา มีความหมายว่า “ตั้งแต่” ใช้บอก เหตุการณ์ที่เริ่มต้นตั้งแต่อดีตดำเนินมาจนถึงปัจจุบัน เช่น • They have built the house since last Monday. พวกเขาสร้างบ้านตั้งแต่วันจันทร์ที่แล้ว • Irene has cleaned the house since last hour. ไอรีนทำความสะอาดบ้านตั้งแต่ชั่วโมงที่แล้ว For (adv.) แปลว่า เป็นระยะเวลา, เป็นเวลา มักอยู่ท้ายประโยคเพื่อขยายว่าเหตุการณ์นั้นใช้ เวลานานเท่าใด เป็นการบอก “ช่วงเวลา” ที่เกิดขึ้น มีความหมายว่า “เป็นเวลา” เช่น • I have studied English for 3 hours. ฉันเรียนภาษาอังกฤษมาเป็นเวลา 3 ชั่วโมงแล้ว • Jenny has waited for her mom for 15 minutes. เจนนี่รอคอยแม่ของเธอเป็นเวลา 15 นาทีแล้ว Yet (adv.) แปลว่า ยัง... ใช้พูดเกี่ยวกับบางสิ่งที่คาดว่าจะเกิดขึ้น แต่ยังไม่เกิดจนกระทั่งขณะนี้ จะ ใช้กับประโยคคำถามและประโยคปฏิเสธ มักใช้กับ Present Perfect Tense และจะวางไว้ท้ายประโยค • Has Peter arrived yet? ปีเตอร์มาถึงแล้วหรือยัง • Haven’t you decided yet? คุณยังไม่ได้ตัดสินใจหรือ? • I haven’t found a job yet. ฉันยังหางานไม่ได้เลย
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 89 Just (adv.) แปลว่า เพิ่งจะ... ใช้เมื่อเราต้องการบ่งบอกว่าบางสิ่งบางอย่างเพิ่งจะเกิดขึ้นไปเมื่อ ล่าสุดนี้ ซึ่งจะใช้กับ Present Perfect Tense หรือ Past Perfect Tense เสมอ โดยตำแหน่งในประโยคจะอยู่ ระหว่างกริยาช่วย (have / has) และ past participle (V.3) • My brother has just come home. น้องชายของฉันเพิ่งจะมาบ้าน • I have just finished my work. ฉันเพิ่งจะทำงานเสร็จ Still (adv.) แปลว่า ยังคง... ใช้บ่งบอกว่าเหตุการณ์นั้น ๆ ยังคงดำเนินอยู่ ตำแหน่งวางอยู่หลัง have / has หน้า past participle (V3) และวางอยู่หน้า have / has • I’ve still got all those letters you sent me. ฉันยังคงมีจดหมายทั้งหมดที่คุณส่งถึงฉัน • She still hasn’t replied to my message. เธอก็ยังไม่ได้ตอบข้อความของฉัน Already (adv.) แปลว่า แล้ว... ใช้บ่งบอกว่าบางสิ่งบางอย่างได้เกิดขึ้นไปแล้ว ตำแหน่งอยู่กลาง ประโยค โดยวางหน้าคำกริยา และมักใช้กับ Present Perfect Tense นอกจากนี้ already ยังสามารถนำมาใช้ใน คำถามได้อีกด้วย • I’ve already read this book. ฉันอ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว • Dad has already gone to bed. พ่อไปนอนแล้ว • Have you already written to John? คุณเขียนถึงจอห์นแล้วหรือยัง • Has she finished her homework already? เธอทำการบ้านเสร็จแล้วหรือยัง? never (adv.) แปลว่า ไม่เคยจนถึงตอนนี้ และมีความหมายเหมือน not…ever ใช้ในประโยคบอก เล่าแต่ให้ความหมายปฏิเสธ โดยวางไว้ด้าน have / has และหน้ากริยาหลัก (กริยาช่อง 3) • He has never eaten roasted duck. เขาไม่เคยทานเป็ดย่าง • We have never met her until now. พวกเราไม่เคยเจอเธอเลยจนกระทั่งตอนนี้ ever แปลว่า เคย ใช้ในประโยคคำถามหรือปฏิเสธโดยวางไว้ด้านหลัง have / has และหน้า กริยาหลัก (กริยาช่อง 3) • Have you ever played badminton? เธอเคยเล่นแบดมินตันไหม? • This is the first time I have ever heard this song. นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ได้ฟังเพลงนี้
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 90 • Nobody has ever heard of this strange rumor. ไม่เคยมีใครได้ยินข่าวลือแปลก ๆ นี้มาก่อน • A : Have you ever been to London? คุณเคยไปลอนดอนไหม B : No, I haven’t ever been to London. ไม่ ฉันไม่เคยไปลอนดอน 3.2 นักเรียนแต่ละกลุ่มทำใบงานเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ just, yet, already, since, for, still, and never Instructions : Underline the correct words. 1. They haven’t booked their place at the camp already / yet. 2. Isabella has for / just come in. 3. The bus still / already hasn’t come. 4. Lucien has yet / already gone to sleep. 5. It hasn’t rained just / for three week. 6. Has your brother ever / still been to India?” 7. Don’t come in here! I’ve just / yet cleaned the floor. 8.They have never / still washed the car. 9. Olivier hasn’t been to his grandparents’ house already / since last summer. 10. Bryant has lived in Russia for / since 1995. 11. Has Olivia left the party yet / already? 12. I haven’t talked to him since / for days. 13.They’ve been married since / for 20 years and are still in love. 14. I haven’t ever / never been here before. 15. We have never / just been here before. Answer Key : 1. yet 2. just 3. still 4. already 5. for 6. ever 7. just 8. never 9. since 10. since 11. yet 12. for 13. for 14. ever 15. never 3.3 นักเรียนแต่ละกลุ่มเล่นเกมต่อประโยค โดยครูแจกบัตรคำให้นักเรียนกลุ่มละ 4 บัตรคำ ให้นักเรียน แต่ละกลุ่มเติมคำ just, yet, already, since, for, still, and never ในประโยคให้ได้ใจความภายในเวลาที่กำหนด Instructions : Fill in the blanks using “just, yet, already, since, for, still, and never.” 1. Have you…………........……...……….been in America? 2. Do you hear the noise? The train has…………........……...……….arrived. 3. Your daughter has…………........……...……….returned home. You don’t have to worry anymore. 4. Andrew : Haven’t you finished your food…………........……...……….? Maximus : No, I am still eating mom.
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 91 5. I am a very lucky person. I have…………........……...……….had nightmares. 6. Bastien…………........……...……….still got about six months to pull. 7. I have…………........……...……….realized how beautiful you are. 8. Sophia : Would you like to have dinner with us? Darlene : No thanks, I have…………........……...……….had dinner. 9. Have you…………........……...……….seen such a big ant? 10. They promised me that report yesterday but they…………........……...……….haven’t finished it. Answer keys : 1. ever 2. just 3. just 4. yet 5. never 6. still 7. just 8. already 9. ever 10. Still 3.4 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยใบงานเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ just, yet, already, since, for, still, and never โดยให้นักเรียนแต่ละกลุ่มเปลี่ยนกันตรวจพร้อมรวมคะแนนให้เรียบร้อย ชมเชยนักเรียนที่ผ่านเกณฑ์ การประเมินและให้นักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์แก้ไขให้ถูกต้อง 3.5 นักเรียนศึกษาข้อมูลเรื่อง Present Perfect Tense ในเอกสารประกอบการเรียน 3.6 นักเรียนทำใบงานในเอกสารประกอบการเรียนเรื่อง Present Perfect Tense 3.7 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยใบงานเรื่อง Present Perfect Tense โดยให้นักเรียนแต่ละกลุ่มเปลี่ยน กันตรวจพร้อมรวมคะแนนให้เรียบร้อย ขั้นที่ 4 การเรียนรู้เพื่อการสื่อสาร (Learning to Communicate) 4.1 นักเรียนรวบรวมข้อมูลPresent Perfect Tense ทั้งหมดที่ได้เรียนมาจากหนังสือ Internet หรือ แหล่งข้อมูลอื่น ๆ โดยทำลงใบกระดาษฟรุ๊ปที่ครูแจกให้ 4.2 ผู้แทนนักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอผลการทำกิจกรรม หน้าชั้นเรียนโดยให้นำข้อมูลของแต่ละกลุ่มติด ที่กระดาน 4.3 นักเรียนและครูร่วมสนทนาเกี่ยวกับ Present Perfect Tense แล้วร่วมกันสรุปเป็นความรู้ 4.4 นักเรียนประเมินผลงานของตนเองและผลงานกลุ่มว่าอยู่ในระดับใด โดยมีระดับการประเมิน 4 ระดับ คือ ปรับปรุง พอใช้ดีและดีมาก 4.5 นักเรียนเขียนสะท้อนเกี่ยวกับสิ่งที่ได้เรียนรู้ ปัญหาและอุปสรรคในการเรียน และความรู้สึกในการ เรียนชั่วโมงนี้ ขั้นที่ 5 การเรียนรู้เพื่อตอบแทนสังคม (Learning to Service) 5.1 นักเรียนนำข้อมูลPresent Perfect Tense ที่นักเรียนได้รวบรวมและผ่านการนำเสนอ นำไปติดที่ ป้ายนิเทศหน้าห้องเรียนและบริเวณภายในห้องเพื่อให้นักเรียนห้องอื่นที่สนใจร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ 5.2 นักเรียนรับการประเมินการเรียนรู้โดยครูสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนขณะทำงานร่วมกันสังเกต การตอบคำถามของนักเรียนในชั้นเรียน
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 92 11. สื่อการเรียนรู้/ แหล่งเรียนรู้ 11.1 สื่อการเรียนรู้ 1. ใบความรู้เรื่อง Present Perfect Tense 2. ใบงานเรื่อง Present Perfect Tense 11.2 แหล่งเรียนรู้ 1. หนังสือพิมพ์ 2. อินเทอร์เน็ตหรือสื่ออื่น ๆ 12. การวัดและประเมินผล ลำดับ รายการที่วัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ 1 ใบงานเรื่อง Present Perfect Tense ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นั ก เรีย น ให้ ค ว าม ร่วม มื อใน ก ารท ำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 13. เกณฑ์การประเมิน 16 - 20 คะแนน ดีมาก 11 - 15 คะแนน ดี 6 - 10 คะแนน พอใช้ น้อยกว่า 6 คะแนน ควรปรับปรุง ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู บันทึกหลังการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู วันที่..............เดือน..................................พ.ศ. ..................