หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 93 โรงเรียนแผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง Day after day แผนการจัดการเรียนรู้ที่5 เรื่อง Future Simple Tense รหัสวิชา อ22121 รายวิชา ภาษาอังกฤษ 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ปีการศึกษา 2566 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 2 ชั่วโมง ผู้สอน นายสุจินดา ปรากฏวงศ์ 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ ตัวชี้วัด 1.1 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ ความคิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ โดยการพูด และการเขียน มาตรฐาน ต 4.2 ใช้ภาษาต่างประเทศเป็นเครื่องมือพื้นฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับสังคมโลก 1.2 ตัวชี้วัด ต 1.2 ม.2/1 สนทนา แลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง เรื่องต่าง ๆ ใกล้ตัว และสถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันอย่างเหมาะสม ต 1.2 ม.2/3 พูดและเขียนแสดงความต้องการ เสนอและให้ความช่วยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธการให้ ความช่วยเหลือ ในสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างเหมาะสม ต 1.3 ม.2/3 พูดและเขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกิจกรรม เรื่องต่าง ๆ ใกล้ตัว และประสบการณ์ พร้อมทั้งให้เหตุผลสั้นๆ ประกอบ ต 4.2 ม.2/1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการสืบค้น / ค้นคว้า รวบรวมและสรุปความรู้ / ข้อมูลต่าง ๆ จากสื่อและแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ ในการศึกษาต่อและประกอบอาชีพ 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ด้านความรู้ ความเข้าใจ (K) - นักเรียนมีความรู้ในการสื่อสารระหว่างบุคคลพูดแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง เรื่องใกล้ตัว สถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน - นักเรียนมีความรู้เกี่ยวกับโครงสร้างประโยคและการใช้Future Simple Tense 2.2 ด้านทักษะกระบวนการ (P) - นักเรียนพูดและเขียนประโยค Future Simple Tense เพื่อใช้ในการสื่อสารระหว่างบุคคล เช่น การ ทักทาย กล่าวลา ขอบคุณ ขอโทษ แสดงความต้องการ เสนอและให้ความช่วยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธการให้ความ ช่วยเหลือในสถานการณ์ต่าง ๆ แสดงความคิดเห็นและให้เหตุผลประกอบ - นักเรียนสามารถสืบค้น ค้นคว้าความรู้ ข้อมูลต่าง ๆ จากสื่อและแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เกี่ยวกับ Future Simple Tense เพื่อใช้การพูดและเขียนประโยคได้
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 94 2.3 คุณลักษณะ เจตคติ ค่านิยม (A) - รักการเรียนรู้ภาษาอังกฤษและฝึกฝนอย่างจริงจังเพียงพอ - ผู้เรียนใช้ภาษาอังกฤษอย่างมีมารยาท ถูกต้องตามกาลเทศะ และบุคคล 3. สาระสำคัญ / ความคิดรวบยอด - พูดและเขียนประโยคโดยเลือกใช้ Future Simple Tense ในการสื่อสารระหว่างบุคคล เช่น การทักทาย กล่าวลา ขอบคุณ ขอโทษ แสดงความต้องการ เสนอและให้ความช่วยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธการให้ความ ช่วยเหลือในสถานการณ์ต่าง ๆ แสดงความคิดเห็น ให้เหตุผลประกอบ สืบค้น / การค้นคว้าความรู้ / ข้อมูลต่าง ๆ จากสื่อและแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เกี่ยวกับ Future Simple Tense มีทักษะในการเลือก พอประมาณ มีเหตุผล มี ภูมิคุ้มกัน และมีคุณธรรม ในการปฏิบัติตนอย่างเหมาะสม ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง พูดและเขียนประโยคโดยเลือกใช้ Future Simple Tense ในการสื่อสารระหว่างบุคคล เช่น การ ทักทาย กล่าวลา ขอบคุณ ขอโทษ แสดงความต้องการ เสนอและให้ความช่วยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธการให้ความ ช่วยเหลือในสถานการณ์ต่าง ๆ แสดงความคิดเห็น ให้เหตุผลประกอบ สืบค้น / การค้นคว้าความรู้ / ข้อมูลต่าง ๆ จากสื่อและแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เกี่ยวกับ Future Simple Tense ได้ 4.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น 1. คำศัพท์ในเรื่อง Unit 1 : Day after day 2. บทสนทนาในเรื่อง Unit 1 : Day after day 3. การใช้โครงสร้าง Future Simple Tense ในรูปแบบต่าง ๆ 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 5.1 ความสามารถในการสื่อสาร 5.2 ความสามารถในการคิด 5.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา 5.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 6.1 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (ตามหลักสูตรแกนกลาง) 1) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2) ซื่อสัตย์สุจริต 3) มีวินัย 4) ใฝ่เรียนรู้ 5) อยู่อย่างพอเพียง 6) มุ่งมั่นในการทำงาน 7) รักความเป็นไทย 8) มีจิตสาธารณะ 6.2 คุณลักษณะตามหลักสูตรมาตรฐานสากล 1) มีความรู้พื้นฐานในยุคดิจิตอล วิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ภาษา พหุวัฒนธรรม ตระหนักสำนึกระดับโลก 2) สามารถคิดประดิษฐ์อย่างสร้างสรรค์ปรับตัวใฝ่รู้ ใฝ่เรียน วิเคราะห์ สังเคราะห์สรุป สร้างองค์ความรู้ 3) มีทักษะสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ 4) มีความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5) มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 95 7. ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 (3R 7C เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 7.1 ทักษะการอ่าน (Reading) 7.2 ทักษะการเขียน (Writing) 7.3 ทักษะการคิดคำนวณ (Arithmetic) 7.4 ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา (Critical thinking and problem solving) 7.5 ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม (Creativity and innovation) 7.6 ทักษะด้านความร่วมมือการทำงานเป็นทีมและภาวะผู้นำ (Collaboration, teamwork and leadership) 7.7 ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรมต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural understanding) 7.8 ทักษะด้านการสื่อสารสารสนเทศและรู้เท่าทันสื่อ (Communication information and media literacy) 7.9 ทักษะด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Computing) 7.10 ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้ (Career and learning self-reliance, change) 8. การบูรณาการตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 8.1 บูรณาการสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน 8.2 บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง 8.3 บูรณาการห้องเรียนสีเขียว 8.4 อื่น ๆ (โปรดระบุ)................................................................................................................................................. 9. ชิ้นงาน / ภาระงาน 1. ภาระงาน - ใบงานเรื่องFuture Simple Tense 2. ชิ้นงาน - 10. กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) เรื่อง Future Simple Tense วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบ Inquiry Method : 5Es) ชั่วโมงที่ 1 1. สร้างความสนใจ (Engage) 1.1 นักเรียนเขียนประโยค โดยเล่มเกม Running Dictation โดยนักเรียนจับคู่ แล้วแบ่งหน้าที่กัน นักเรียนคนหนึ่งเป็นคนอ่านประโยคจากครูซึ่งครูจะให้นักเรียนอ่านทีละประโยค ส่วนนักเรียนคนที่สอง เป็นคนเขียน ประโยค นักเรียนทำกิจกรรมทีละประโยค จนหมดประโยคที่ครูเตรียมมา เช่น • She’ll have breakfast later. • The mall will offer discounts to new customers. • I won’t go to university next week.
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 96 • They will not swim this afternoon. • Will Jack not come to school next Monday? • Will you go to the library with me? • Where will you go on travelling next year? • Why won’t you tell him the truth? 1.2 นักเรียนแต่ละคู่แลกเปลี่ยนกับคู่อื่นตรวจการเขียน 1.3 นักเรียนอ่านประโยคที่เขียนพร้อมกันทั้งชั้น 2. สำรวจและค้นหา (Explore) 2.1 นักเรียนดูรูปภาพและประโยคบน PowerPoint พร้อมร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยค 2.4 นักเรียนดูวิดีโอคลิปที่ 1 เรื่องFuture Simple Tense จาก https://www.youtube.com/ watch?v=vjoZvhzWfxI 2.5 นักเรียนดูวิดีโอคลิปที่ 2 เรื่อง Future : Will - English Language จากhttps://www.youtube. com/watch?v=gZ8GYVYTnHk 2.6 นักเรียนช่วยกันสรุปความรู้ที่ได้จากการดูวิโอคลิปทั้ง 2 วิดีโอ 2.7 นักเรียนฟังครูอธิบายเรื่อง Future Simple Tense Future Simple Tense คือ Tense ที่ใช้พูดถึงเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้น มันอาจใช้เพื่อเดา เหตุการณ์ ให้คำสัญญา หรือ อธิบายสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต อธิบายถึงสิ่งที่ไม่ได้วางแผนมาก่อน หรือ เสนอว่าจะ ทำอะไรสักอย่าง โครงสร้างของ Future Simple Tense ประโยคบอกเล่า : Subject + will + Verb Infinitive + Object NOTE: Verb infinitive คือ คำกริยาที่อยู่ในรูปปกติ ไม่มีการผันและไม่มีการเติมสิ่งใดต่อท้าย ตัวอย่างเช่น talk, swim, go ประโยคปฏิเสธ : Subject + will not (won’t) + Verb Infinitive + Object ประโยคคำถาม : Will / Shall + Subject + Verb Infinitive? หลักการใช้ Future Simple Tense 1. ใช้กับเหตุการณ์ที่คาดว่าจะเกิด หรือมีโอกาสที่จะขึ้นในอนาคต โดยที่เหตุการณ์นั้นจะเกิดขึ้น หรือไม่เกิดขึ้นก็ได้ • They say it will rain all week. พวกเขาบอกว่าฝนจะตกตลอดทั้งสัปดาห์เลย (ซึ่งความจริงแล้วฝนอาจจะไม่ตกก็ได้) You will meet an old friend. You’ll be happy. What will happen in the future?
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 97 • Jane will come to the party. เจนจะไปงานเลี้ยง (ซึ่งความจริงแล้วเจนอาจจะไม่ไปงานเลี้ยงก็ได้) 2. ใช้ในโครงสร้าง If-clause แบบที่ 1 แสดงถึงเหตุการณ์ที่มีแนวโน้มจะเกิดขึ้น เมื่อมีอีกเหตุการณ์ หนึ่งเกิดขึ้นมาก่อน • If Patrick comes, I will go. ถ้าแพทริคมา ฉันจะไป • All the students will be kept in detention if they misbehave. นักเรียนทั้งหมดจะถูกลงโทษโดยการกักตัว ถ้าพวกเขาประพฤติตัวไม่ดี 3. ใช้กับการให้สัญญา หรือการเสนอสิ่ง ๆ หนึ่งให้ผู้อื่น • I will give you a lift to the university if you want to. ฉันจะไปส่งเธอที่มหาวิทยาลัยเองถ้าเธอต้องการ • Will you have some more juice? คุณจะรับน้ำผลไม้เพิ่มหน่อยไหม 4. ใช้กับเหตุการณ์ที่เพิ่งคิดได้ว่าจะทำเดี๋ยวนั้น ไม่มีการเตรียมตัวมาก่อนล่วงหน้าว่าจะทำ • Kate : Can we go to the department store? เราไปห้างสรรพสินค้ากันดีไหม Carl : We’ll see. ขอฉันคิดดูก่อนนะ สามารถใช้ shall แทน will ได้ในกรณีที่ต้องการแสดงความจริงใจ ตั้งใจหรือแสดงความหนักแน่น จริงจังของการกระทำ • Mary shall be glad to see Ken. แมรี่คงต้องดีใจที่จะได้พบเคน • I shall be disappointed if she isn’t happy. ฉันคงต้องผิดหวังถ้าเธอไม่มีความสุข • Tonight, you shall sleep outside. คืนนี้แกจะต้องนอนข้างนอก นอกจากนี้ยังพบการใช้ shall แทน will ในหนังสือสำคัญและสุนทรพจน์ที่เป็นทางการมาก เช่น • We here highly resolve this nation under God shall have a new birth of freedom. ณ บัดนี้ เราได้ตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวแล้วว่า ชนชาติภายใต้ความคุ้มครองของพระเจ้าชน ชาตินี้ จะต้องก่อกำเนิดเสรีภาพขึ้นใหม่ (สุนทรพจน์ของประธานาธิบดีเอ็บบราฮัม ลิงคอร์น ในการเลิกทาส) 3. อธิบาย (Explain) 3.1 นักเรียนช่วยกันอธิบายและสรุปเรื่อง Future Simple Tense 3.2 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเพื่อเสริมความเข้าใจในเรื่อง Future Simple Tense Future Simple Tense หลักภาษาดั้งเดิม I กับ We ใช้ shall ที่เหลือใช้ will แต่ในปัจจุบันนี้นิยม ใช้ will แทน shall และในประโยคมักมี Adverb of Time หรือคำกำกับเวลา คือ
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 98 • tomorrow พรุ่งนี้ • next week สัปดาห์หน้า • next month เดือนหน้า • next year ปีหน้า • soon เร็ว ๆ นี้ • shortly เร็ว ๆ นี้ • in the future ในอนาคต • in a short time ในเวลาอันใกล้ • this evening เย็นนี้ • this afternoon บ่ายนี้ • this Monday วันจันทร์นี้ • tonight คืนนี้ 4. ขยายความรู้ (Elaborate) 4.1 นักเรียนยกตัวอย่างประโยคบอกเล่า ปฏิเสธ และประโยคคำถามโดยใช้ Future Simple Tense 4.2 นักเรียนช่วยกันทำแบบฝึกหัดเรื่อง Future Simple Tense บน PowerPoint Instructions : Fill in the correct form of the verb with the future simple tense as in the examples. 1. I…………........……...……….(drive) you to your lesson at 4 pm. 2. He…………........……...……….(not work) overtime anymore 3. Sam…………........……...……….(bring) the documents over to you tomorrow. 4. The managers…………........……...……….(not decide) about the budget until next Thursday. 5. …………........……...……….your sister…………........……...……….(get) married in a large church? 6. …………........……...……….he…………........……...……….(not help) you move to your new apartment? 7. I…………........……...……….(forgive) him this time. He mustn’t do that again. 8. We…………........……...……….(let) you know as soon as there’s any news. 9. A : When…………........……...……….you…………........……...……….(finish) your work? B : In around half an hour. 10. A : Who…………........……...……….(win) the football match tomorrow evening? B : I think Liverpool. Answers key : 1. will drive 2. will not work / won’t work 3. will bring 4. will not decide / won’t decide 5. Will / get 6. Won’t / help 7. will forgive 8. will let 9. will / finish 10. Will win 5. ประเมินผล (Evaluate) 5.1 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยแบบฝึกหัดเรื่อง Future Simple Tense บน PowerPoint 5.2 นักเรียนฟังครูอธิบายถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อให้นักเรียนเข้าใจ หลักการใช้ Future Simple Tense ครูสรุปหลักการของกฎต่าง ๆ ให้นักเรียนฟังอีกครั้ง
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 99 ชั่วโมงที่ 2 1. สร้างความสนใจ (Engage) 1.1 นักเรียนจับคู่แล้วทำกิจกรรม “ประโยค-ความหมาย” โดยนักเรียนคนที่ 1 พูดประโยค คนที่ 2 พูด ความหมายของประโยค แล้วเปลี่ยนให้นักเรียนคนที่ 2 พูดประโยค นักเรียนคนที่ 1 พูดความหมายของประโยค 1.2 นักเรียนแต่ละคู่สลับกันพูดประโยค Future simple tense และให้คู่ตนเองบอกความหมายของ ประโยค พร้อมหลักการใช้ประโยค Future simple tense ที่สอดคล้องกับประโยคที่คู่ตนเองพูด 2. สำรวจและค้นหา (Explore) 2.1 นักเรียนดูรูปภาพและประโยคบน PowerPoint พร้อมร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยค 2.4 นักเรียนดูวิดีโอคลิปที่ 1 เรื่อง การใช้ Will กับ going to ที่แปลว่า “จะ” ใช้ต่างกันอย่างไรใน ภาษาอังกฤษ จาก https://www.youtube.com/watch?v=wXQlpbrB0eo 2.5 นักเรียนดูวิดีโอคลิปที่ 2 เรื่อง หลักการใช้งาน will และ Going to / ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษขั้น พื้นฐาน / แกรมม่าภาษาอังกฤษเบื้องต้น จาก https://www.youtube.com/watch?v=Zg6DL1d-tJA 2.6 นักเรียนช่วยกันสรุปความรู้ที่ได้จากการดูวิโอคลิปทั้ง 2 วิดีโอ 2.7 นักเรียนฟังครูอธิบายเรื่องFuture Simple Tense : Will and Going to 1. Will และ Going to แปลเหมือนกันว่า “จะ...” เช่น จะไป จะทำ... ใช้เพื่อบอกสิ่งที่จะทำใน อนาคต แต่ทั้งสองคำนี้มีจุดแตกต่างกันเล็กน้อย เวลานำไปใช้จึงต้องระวัง Will ใช้เมื่อตัดสินใจจะทำอะไรในขณะที่พูดนั้นเลย ไม่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้า ดังนี้ 1.1 พูดเมื่อตัดสินใจจะทำเดี๋ยวนั้น • I will do it now. ฉันจะทำมันเดี๋ยวนี้แหละ 1.2 พูดเมื่อคิดว่า เชื่อว่า หรือ น่าจะ เกิดบางสิ่งขึ้นในอนาคต โดยมีคำให้สังเกตคือ I think, I hope, probably, possibly, doubt เป็นต้น • I think the train will come soon. ฉันคิดว่ารถไฟจะมาในไม่ช้านี้แหละ • Emma hopes that Lucien will ask her out. เอ็มม่าหวังว่าลูเซี่ยนจะชวนเธอออกเดท 1.3 เพื่อให้คำสัญญาหรือตอบรับข้อเสนอในขณะเวลาที่พูดนั้น • I will gladly help you with this project ฉันยินดีจะช่วยคุณในโปรเจ็กนี้ What are you going to do after class? I am going to play soccer.
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 100 1.4 เมื่อเป็นรูปปฏิเสธจะใช้ Won’t • I won’t say anything to anyone. ฉันจะไม่พูดอะไรกับใคร 2. Going to เป็นการบอกถึงสิ่งที่กำลังจะทำในอนาคตที่มีการตัดสินใจและวางแผนมาแล้ว ดังนี้ 2.1 พูดถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งตัดสินใจหรือตั้งใจแล้ว 100% ว่าจะทำในอนาคต เช่น • He is going to buy a new car soon. เขากำลังจะซื้อรถใหม่เร็ว ๆ นี้ • I’m going to Japan next year. ปีหน้าฉันจะไปญี่ปุ่น • We are going to have fun at the party. พวกเราจะไปสนุกกันในงานปาร์ตี้ 2.2 พูดถึงสิ่งที่ค่อนข้างแน่ใจว่าจะเกิดขึ้น เช่น • I feel dreadful; I’m going to be sick. ฉันรู้สึกแย่มาก ฉันกำลังจะไม่สบาย • It’s 8.30! You’re going to miss your train! แปดโมงครึ่งแล้ว! นายกำลังจะพลาดรถไฟนะ! 2.8 นักเรียนศึกษาเนื้อหาเรื่อง Future Simple Tense ในเอกสารประกอบการเรียน 3. อธิบาย (Explain) 3.1 นักเรียนช่วยกันอธิบายและสรุปเรื่อง Future Simple Tense 3.2 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเพื่อเสริมความเข้าใจในเรื่อง Future Simple Tense Future Simple Tense คือ ประโยคที่พูดถึงการกระทำหรือเหตุการณ์ที่คาดว่าจะเกิดในอนาคต โดยมีคำหรือวลีบอกเวลาอยู่ด้วย อันเป็นการคาดหมายล่วงหน้า ให้คำมั่นสัญญา หรือแสดงความตั้งใจเอาไว้ และที่ เป็นการขออนุญาต หรือขอความเห็นชอบด้วย โครงสร้างประโยค : Subject + will / shall + verb 1 1. ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งขณะที่พูดเหตุการณ์ยัง ไม่เกิดขึ้น มักมี Adverb บอกเวลา เช่น Soon, shortly, in a short time, tonight, next month, next Monday เป็นต้น 2. ประโยคแสดงอนาคตที่มีกริยา 2 ตัว ให้ใช้ Future Simple Tense กับกริยาเพียงตัวเดียว ส่วน อีกตัวหนึ่ง (คือประโยคที่อยู่หลังคำเชื่อม) ให้ใช้ Present Simple Tense หรือ Present Perfect Tense กริยาที่ ใช้ Future Simple Tense คือ กริยาที่อยู่หน้าคำเชื่อม และคำเชื่อมที่นำมาใช้เท่าที่พบมาก ได้แก่ if, unless, when, until, as soon as, before, after, the moment that, by the time that, now that 2.1 การใช้ (be) going to + verb 1 เพื่อแสดงความตั้งใจ แทน will, shall ได้ เช่น • I am going to write to Darlene this evening. ฉันจะเขียนถึงดาร์เลเน่เย็นนี้ 2.2 ใช้ (be) going to + verb 1 เพื่อแสดงการคาดคะเนแทน will, shall ได้ เช่น • I think it is going to rain. ฉันคิดว่าฝนกำลังจะตก
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 101 2.3 ใช้ (be) going to + verb 1 เพื่อแสดงข้อความซึ่งเชื่อว่าเป็นจริงเช่นนั้นโดยปราศจากข้อ สงสัย แทน will, shall ได้ เช่น • My wife is going to have a baby. ภรรยาของฉันกำลังจะมีลูก 4. ขยายความรู้ (Elaborate) 4.1 นักเรียนยกตัวอย่างประโยคบอกเล่า ปฏิเสธ และประโยคคำถามโดยใช้ Future Simple Tense • I’ll help you with your homework. • I will be angry if she doesn’t come today. • I won’t go! • A : I’m cold. B : I’ll close the window. • I am going to study harder next year. • They are going to fly to Japan. • The first train will be arriving tomorrow at 6 o’clock. • Where are you going to hang the picture? • What are you going to wear tonight? • Will you give me a hand? • Will you please help me? • A : Will it rain tomorrow? B : I don’t know if it will rain. Check the weather channel. 4.2 นักเรียนช่วยกันทำแบบฝึกหัดเรื่อง Future Simple Tense ในเอกสารประกอบกรสอน 5. ประเมินผล (Evaluate) 5.1 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยแบบฝึกหัดเรื่อง Future Simple Tense ในเอกสารประกอบกรสอน 5.2 นักเรียนฟังครูอธิบายถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อให้นักเรียนเข้าใจ หลักการใช้ Future Simple Tense ครูสรุปหลักการของกฎต่าง ๆ ให้นักเรียนฟังอีกครั้ง 10. สื่อการเรียนรู้/ แหล่งเรียนรู้ 10.1 สื่อการเรียนรู้ 1. ใบความรู้เรื่อง Future Simple Tense 2. ใบงานเรื่อง Future Simple Tense 10.2 แหล่งเรียนรู้ 1. หนังสือพิมพ์ 2. อินเทอร์เน็ตหรือสื่ออื่น ๆ
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 102 11. การวัดและประเมินผล ลำดับ รายการที่วัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ 1 ใบงานเรื่อง Future Simple Tense ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นั ก เรีย น ให้ ค ว าม ร่วม มื อใน ก ารท ำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 12. เกณฑ์การประเมิน 16 - 20 คะแนน ดีมาก 11 - 15 คะแนน ดี 6 - 10 คะแนน พอใช้ น้อยกว่า 6 คะแนน ควรปรับปรุง ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู บันทึกหลังการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................... ................................................ ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู วันที่..............เดือน..................................พ.ศ. ..................
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 103 โรงเรียนแผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง Day after day แผนการจัดการเรียนรู้ที่5 เรื่อง Present and Future Tenses (Revision) รหัสวิชา อ22121 รายวิชา ภาษาอังกฤษ 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ปีการศึกษา 2566 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 2 ชั่วโมง ผู้สอน นายสุจินดา ปรากฏวงศ์ 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ ตัวชี้วัด 1.1 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ ความคิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ โดยการพูด และการเขียน มาตรฐาน ต 4.2 ใช้ภาษาต่างประเทศเป็นเครื่องมือพื้นฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับสังคมโลก 1.2 ตัวชี้วัด ต 1.2 ม.2/1 สนทนา แลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง เรื่องต่าง ๆ ใกล้ตัว และสถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันอย่างเหมาะสม ต 1.2 ม.2/3 พูดและเขียนแสดงความต้องการ เสนอและให้ความช่วยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธการให้ ความช่วยเหลือ ในสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างเหมาะสม ต 1.3 ม.2/3 พูดและเขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกิจกรรม เรื่องต่าง ๆ ใกล้ตัว และประสบการณ์ พร้อมทั้งให้เหตุผลสั้นๆ ประกอบ ต 4.2 ม.2/1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการสืบค้น / ค้นคว้า รวบรวมและสรุปความรู้ / ข้อมูลต่าง ๆ จากสื่อและแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ ในการศึกษาต่อและประกอบอาชีพ 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ด้านความรู้ ความเข้าใจ (K) - นักเรียนมีความรู้ในการสื่อสารระหว่างบุคคลพูดแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง เรื่องใกล้ตัว สถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน - นักเรียนมีความรู้เกี่ยวกับโครงสร้างประโยคและการใช้Present and Future Tenses 2.2 ด้านทักษะกระบวนการ (P) - นักเรียนพูดและเขียนประโยค Present and Future Tenses เพื่อใช้ในการสื่อสารระหว่างบุคคล เช่น การทักทาย กล่าวลา ขอบคุณ ขอโทษ แสดงความต้องการ เสนอและให้ความช่วยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธการ ให้ความช่วยเหลือในสถานการณ์ต่าง ๆ แสดงความคิดเห็นและให้เหตุผลประกอบ - นักเรียนสามารถสืบค้น ค้นคว้าความรู้ ข้อมูลต่าง ๆ จากสื่อและแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เกี่ยวกับ Present and Future Tenses เพื่อใช้การพูดและเขียนประโยคได้
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 104 2.3 คุณลักษณะ เจตคติ ค่านิยม (A) - รักการเรียนรู้ภาษาอังกฤษและฝึกฝนอย่างจริงจังเพียงพอ - ผู้เรียนใช้ภาษาอังกฤษอย่างมีมารยาท ถูกต้องตามกาลเทศะ และบุคคล 3. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด - พูดและเขียนประโยคโดยเลือกใช้ Present and Future Tenses ในการสื่อสารระหว่างบุคคล เช่น การ ทักทาย กล่าวลา ขอบคุณ ขอโทษ แสดงความต้องการ เสนอและให้ความช่วยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธการให้ความ ช่วยเหลือในสถานการณ์ต่าง ๆ แสดงความคิดเห็น ให้เหตุผลประกอบ สืบค้น / การค้นคว้าความรู้ / ข้อมูลต่าง ๆ จากสื่อและแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เกี่ยวกับ Present and Future Tenses มีทักษะในการเลือก พอประมาณ มี เหตุผล มีภูมิคุ้มกัน และมีคุณธรรม ในการปฏิบัติตนอย่างเหมาะสม ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง พูดและเขียนประโยคโดยเลือกใช้ Present and Future Tenses ในการสื่อสารระหว่างบุคคล เช่น การทักทาย กล่าวลา ขอบคุณ ขอโทษ แสดงความต้องการ เสนอและให้ความช่วยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธการให้ ความช่วยเหลือในสถานการณ์ต่าง ๆ แสดงความคิดเห็น ให้เหตุผลประกอบ สืบค้น / การค้นคว้าความรู้ / ข้อมูล ต่าง ๆ จากสื่อและแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เกี่ยวกับ Present and Future Tenses ได้ 4.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น 1. คำศัพท์ในเรื่อง Unit 1 : Day after day 2. บทสนทนาในเรื่อง Unit 1 : Day after day 3. การใช้โครงสร้าง Present and Future Tenses ในรูปแบบต่าง ๆ 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 5.1 ความสามารถในการสื่อสาร 5.2 ความสามารถในการคิด 5.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา 5.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 6.1 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (ตามหลักสูตรแกนกลาง) 1) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2) ซื่อสัตย์สุจริต 3) มีวินัย 4) ใฝ่เรียนรู้ 5) อยู่อย่างพอเพียง 6) มุ่งมั่นในการทำงาน 7) รักความเป็นไทย 8) มีจิตสาธารณะ 6.2 คุณลักษณะตามหลักสูตรมาตรฐานสากล 1) มีความรู้พื้นฐานในยุคดิจิตอล วิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ภาษา พหุวัฒนธรรม ตระหนักสำนึกระดับโลก 2) สามารถคิดประดิษฐ์อย่างสร้างสรรค์ ปรับตัวใฝ่รู้ ใฝ่เรียน วิเคราะห์ สังเคราะห์สรุป สร้างองค์ความรู้ 3) มีทักษะสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ 4) มีความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5) มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 105 7. ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 (3R 7C เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 7.1 ทักษะการอ่าน (Reading) 7.2 ทักษะการเขียน (Writing) 7.3 ทักษะการคิดคำนวณ (Arithmetic) 7.4 ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา (Critical thinking and problem solving) 7.5 ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม (Creativity and innovation) 7.6 ทักษะด้านความร่วมมือการทำงานเป็นทีมและภาวะผู้นำ (Collaboration, teamwork and leadership) 7.7 ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรมต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural understanding) 7.8 ทักษะด้านการสื่อสารสารสนเทศและรู้เท่าทันสื่อ (Communication information and media literacy) 7.9 ทักษะด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Computing) 7.10 ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้ (Career and learning self-reliance, change) 8. การบูรณาการตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 8.1 บูรณาการสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน 8.2 บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง 8.3 บูรณาการห้องเรียนสีเขียว 8.4 อื่น ๆ (โปรดระบุ)................................................................................................................................................. 9. ชิ้นงาน / ภาระงาน 1. ภาระงาน - ใบงานเรื่องPresent and Future Tenses (Revision) 2. ชิ้นงาน - 10. กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) เรื่อง Present and Future Tenses (Revision) วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ชั่วโมงที่ 1 ขั้นที่ 1 ขั้นนำ 1.1 นักเรียนดูภาพและข้อความบน PowerPoint และช่วยกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อความบน PowerPoint
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 106 1.3 นักเรียนดูรูปภาพและขอความบน PowerPoint และช่วยกันวิเคราะห์ประโยคและแสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับประโยคบน PowerPoint eat is eating have eaten ขั้นที่ 2 ขั้นการสืบค้นความรู้จากแหล่งข้อมูลและสารสนเทศ 2.1 นักเรียนดูข้อมูลPresent Tenses บน PowerPoint 2.2 นักเรียนดูฟังครูอธิบาย Present Simple Tense, Present Continuous Tense และ Present Perfect Tense บนหน้าจอ Projector 2.3 นักเรียนสืบค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวอย่างประโยคที่ใช้Present Simple Tense, Present Continuous Tense และ Present Perfect Tense จากเว็บไซต์ต่าง ๆ จากอินเทอร์เน็ต โดยครูตั้งกติกาว่า จะต้องศึกษาอย่างน้อย 1 เว็บไซต์ ขั้นที่ 3 ขั้นเชื่อมโยงความรู้ 3.1 นักเรียนส่งตัวแทนจำนวน 8 เพื่อออกมาเขียนประโยค Present Simple Tense, Present Continuous Tense และ Present Perfect Tense ที่ได้ศึกษามา 3.2 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบความถูกต้องของประโยคที่ตัวแทนทั้ง 8 คนออกมาเขียน 3.3 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Present Simple Tense, Present Continuous Tense และ Present Perfect Tense
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 107 ขั้นที่ 4 ขั้นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ปฏิบัติงานกลุ่ม 4.1 นักเรียนแบ่งออกเป็น 5 กลุ่มๆ ละ 5 - 6 คน โดยคละนักเรียนออกตามความสามารถ ให้แต่ละกลุ่ม เลือกหัวหน้ากลุ่มของตนเอง 4.2 นักเรียนนั่งเป็นวงกลมและช่วยกันแบ่งปันความรู้ที่ศึกษา Present Simple Tense, Present Continuous Tense และ Present Perfect Tense มาจากเว็บไซต์ ต่าง ๆ จากอินเทอร์เน็ต 4.3 นักเรียนฟังครูอธิบายหลักการใช้ Present Simple Tense, Present Continuous Tense และ Present Perfect Tense 1. Present Simple Tense ลักษณะการใช้ Present Simple Tense Present แปลว่า ปัจจุบัน ดังนั้น Present Simple Tense จึงเป็นประโยคที่มีโครงสร้างแบบง่าย ๆ เพื่อใช้พูดถึงเหตุการณ์ในปัจจุบันนั่นเอง โดยมีลักษณะต่าง ๆ ดังนี้ 1.1 ใช้เพื่อพูดถึงความเป็นจริงในชีวิตประจำวัน หรือความเป็นจริงตามธรรมชาติ ถึงแม้ว่าเหตุการณ์ นั้นจะเป็นอดีตหรืออนาคตก็ตาม เช่น • When the earth moves around itself, it makes Day and Night. เมื่อโลกหมุนรอบตัวเอง มันทำให้เกิดกลางวันกลางคืน • Durian is the king of fruit. ทุเรียนเป็นราชาผลไม้ 1.2 ใช้เพื่อพูดถึงเหตุการณ์ นิสัย หรือการกระทำที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ บ่อย ๆ เป็นประจำทุกวัน เช่น • I walk to school every day. ฉันเดินไปโรงเรียนทุกวัน • Caroline always help other people so everyone loves her. แครอลรีนช่วยเหลือคนอื่นเป็นประจำ ดังนั้นทุกคนจึงรักหล่อน 1.3 ใช้เพื่อให้คำแนะนำหรือการบอกทิศทาง เช่น • You go straight for 300 meters, then the destination is on your left. คุณเดินตรงไป 300 เมตรและจุดหมายปลายทางจะอยู่ทางซ้ายมือของคุณ 2.Present Continuous Tense ลักษณะการใช้ Present Continuous Tense Present Continuous Tense หรือหลายคนอาจจะรู้จักในชื่อ Present Progressive Tense อย่างที่เรารู้ว่า present แปลว่า ปัจจุบัน ส่วน continuous/progressive แปลว่า ดำเนินอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น Tense นี้จึงเป็นการบอกเล่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบัน โดยมีลักษณะการใช้ดังนี้ 2.1 ใช้เพื่อบอกเล่าเหตุการณ์หรือการกระทำในปัจจุบันที่กำลังดำเนินอยู่และยังไม่จบลง (จะจบ ลงในอนาคต) โดยอาจพบคำบอกเวลา (Adverbs of time) ปรากฏอยู่ในประโยคด้วย เช่น now, at the moment, right now เป็นต้น ตัวอย่างการใช้เช่น • I am studying at Chulalongkorn university. ฉันกำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย • Nadia is trying to lose weight now. นาเดียกำลังพยายามลดน้ำหนักอยู่ตอนนี้
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 108 2.2 ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่กำลังเป็นกระแสหรือเป็นที่นิยมอยู่ในขณะนั้น เช่น • These day, most people are favoring healthy food. ปัจจุบันผู้คนส่วนใหญ่กำลังนิยมอาหารเพื่อสุขภาพ 2.3 ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต โดยมีการเตรียมและวางแผนไว้ ล่วงหน้าอย่างแน่นอนแล้ว และมักพบคำบอกเวลา (Adverbs of time) เช่น tonight, this evening, tomorrow, next week เป็นต้น ตัวอย่างการใช้เช่น • I am meeting my parent tonight. ฉันจะพบกับพ่อแม่ในคืนนี้ • Sarah and Julia are going on holiday next week. ซาร่าและจูเลียจะไปพักร้อนสัปดาห์หน้า 2.4 ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่เกิดขึ้นบ่อยจนเกินไป ทำให้ซ้ำซากและน่าเบื่อ ตัวอย่างเช่น • Emerson is constantly talking. I wish he would shut up. อีเมอร์สันพูดไม่หยุดเลย ฉันหวังว่าเขาจะหยุดพูดเสียที **ผู้พูดแสดงอาการรำคาญจากการพูดไม่หยุดของอีเมอร์สัน • I don’t like gangster near my house because they are always making noisy. ฉันไม่ชอบกลุ่มอันธพาลใกล้บ้านของฉัน เพราะพวกเขามักจะทำเสียงดังเสมอ ถึงแม้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นประจำ แต่มันเกินพอดีจึงใช้ในรูปประโยค Present Continuous Tense 3.Present Perfect Tense หลักการใช้ Present Perfect Tense คือ 3.1 ใช้กับเหตุการณ์ที่เพิ่งจบไป หรือเพิ่งจบลงใหม่ ๆ มักจะมีคำว่า just, already หรือ yet ใน ประโยค เช่น • Has the train arrived yet? รถไฟมาถึงหรือยัง • Daniel has just informed us where to meet tomorrow. แดเนียลเพิ่งแจ้งเราว่าพรุ่งนี้จะให้ไปเจอกันที่ไหน 3.2 ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่อดีตและมีผลหรือยังคงสภาพจนถึงปัจจุบัน แต่เหตุการณ์นั้นได้ จบลงไปแล้ว โดยส่วนใหญ่จะมีคำว่า since, for, ever since, so far อยู่ในประโยค เช่น • I’ve known her for years. ฉันรู้จักเธอมาหลายปีแล้ว • Bryant has lived here ever since. ไบรอันต์อยู่ที่นี่มาตั้งแต่บัดนั้น 3.3 ใช้ในการเล่าประสบการณ์ต่าง ๆ ส่วนใหญ่จะมีคำว่า never, ever, once, twice รวมอยู่ด้วย เช่น • Have you ever been to Japan? คุณเคยไปประเทศญี่ปุ่นไหม
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 109 • She has been to Japan twice. เธอเคยไปญี่ปุ่นสองครั้ง 3.4 ใช้ในโครงสร้าง If-clause แบบที่ 1 ในส่วนของเงื่อนไขที่แสดงว่าถ้าทำเหตุการณ์หนึ่งเสร็จแล้ว อีกเหตุการณ์จะเกิดขึ้น เช่น • The children can go out, if they have finished their homework. เด็ก ๆ สามารถออกไปเล่นข้างนอกได้ ถ้าพวกเขาทำการบ้านเสร็จ ขั้นที่ 5 ขั้นการสร้างองค์ความรู้ร่วมกัน 5.1 นักเรียนแต่ละคนในกลุ่มพูดสรุปความรู้เรื่อง Present Simple Tense, Present Continuous Tense และ Present Perfect Tense 5.2 หัวหน้ากลุ่มรวบรวมคำพูด องค์ความรู้จากสิ่งที่เพื่อนทุกคนพูดเกี่ยวกับหลักการใช้ หลักการแต่ง ประโยค Present Simple Tense, Present Continuous Tense และ Present Perfect Tense 5.3 นักเรียนช่วยกันทำใบงานเรื่อง Present Tenses Revision (Present Simple Tense, Present Continuous Tense และ Present Perfect Tense) ในเอกสารประกอบการเรียนรู้ 5.4 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำใบงานเรื่อง Present Tenses Revision (Present Simple Tense, Present Continuous Tense และ Present Perfect Tense) 5.5 นักเรียนฟังครูอธิบายเหตุผลในการตอบในแต่ละข้อ ขั้นที่ 6 ขั้นการสื่อสารและการนำเสนอ 6.1 นักเรียนตัวแทนกลุ่มรับกระดาษปรู๊ฟและอุปกรณ์การเขียนเพื่อทำการสรุปเนื้อหาที่ได้เรียนในวันนี้ 6.2 นักเรียนแต่งประโยคโดยใช้โครงสร้าง Present Tenses (Present Simple Tense, Present Continuous Tense และ Present Perfect Tense) ที่ได้เรียนมา 6.3 นักเรียนส่งตัวแทนกลุ่มออกมานำเสนอประโยค Present Tenses (Present Simple Tense, Present Continuous Tense และ Present Perfect Tense) หน้าชั้นเรียน 6.4 นักเรียนนำกระดาษปรู๊ฟที่นักเรียนเขียนสรุปและตัวอย่างประโยคไปติดบริเวณด้านหลังห้อง และ รอบ ๆ ห้อง 6.5 นักเรียนสลับหมุนเวียนเพื่อศึกษาข้อมูลของกลุ่มอื่น ๆ จนครบทั้ง 5 กลุ่ม ขั้นที่ 7 ขั้นประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน 7.1 นักเรียนร่วมกันสรุป Present Tenses (Present Simple Tense, Present Continuous Tense และ Present Perfect Tense) ที่เรียนไปแล้ว 7.2 นักเรียนยกตัวอย่างการนำความรู้เรื่อง Present Tenses (Present Simple Tense, Present Continuous Tense และ Present Perfect Tense) ที่แต่ละกลุ่มได้เรียนรู้โดยสรุปร่วมกันทั้งห้องแล้วบันทึก ความรู้ลงในสมุดบันทึก ชั่วโมงที่ 2 1. สร้างความสนใจ (Engage) 1.1 นักเรียนเล่นเกม “Future: WILL vs GOING TO - Unit 8” จาก https://wordwall.net/ es/resource/4919799/future-will-vs-going-to-unit-8ฃ
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 110 2. สำรวจและค้นหา (Explore) 2.1 นักเรียนดูวิดีโอคลิปที่ 1 เรื่อง Future Simple จาก https://www.youtube.com/watch?v =vjoZvhzWfxI&t=3s 2.2 นักเรียนดูวิดีโอคลิปที่ 2 เรื่อง Will vs. Going to : The difference between will and going to / Future Tense in English Grammar จาก https://www.youtube.com/watch?v=CI0Kr4e4vzI 2.3 นักเรียนช่วยกันสรุปความรู้ที่ได้จากการดูวิโอคลิปทั้ง 2 วิดีโอ 3. อธิบาย (Explain) 3.1 นักเรียนช่วยกันอธิบายและสรุปเรื่อง Future Simple Tense 3.2 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเพื่อเสริมความเข้าใจในเรื่อง Future Simple Tense 1. Future Simple Tense ใช้พูดถึงเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้น มันอาจใช้เพื่อเดาเหตุการณ์ ให้คำ สัญญา หรือ อธิบายสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต อธิบายถึงสิ่งที่ไม่ได้วางแผนมาก่อน หรือ เสนอว่าจะทำอะไรสักอย่าง หลักการใช้ Future Simple Tense 1.1 ใช้พูดถึงเหตุการณ์หรือการกระทำที่ จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยมักใช้กับ Adverb of Time เช่น tomorrow, next…, soon, shortly, later และอื่น ๆ เช่น • I will go to the hospital tomorrow. ฉันจะไปโรงพยาบาลในวันพรุ่งนี้ 1.2 ใช้กับประโยคที่ ตัดสินใจในขณะที่พูด โดยไม่ได้วางแผนมาก่อน เช่น • I think I will buy a new mobile phone next week. ฉันคิดว่าฉันจะซื้อมือถือเครื่องใหม่อาทิตย์หน้า 1.3 เราอาจใช้ “to be going to” แทน will / shall ใน Future Simple Tense เมื่อ… กล่าวถึง แผนการ หรือ ความตั้งใจ เช่น • He is going to have a new pet next month. เขากำลังจะได้สัตว์เลี้ยงตัวใหม่ในเดือนหน้า • I am going to leave him alone for a while. ฉันจะปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวสักพัก 1.4 กล่าวถึง เหตุการณ์ที่เชื่อจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เช่น • Your ice cream is going to melt in a minute. ไอศกรีมของคุณกำลังจะละลายในอีกนาทีข้างหน้า 1.5. กล่าวถึง การคาดคะเน เช่น • They are going to scream if they know you’re here. พวกเขาคงต้องกรีดร้องออกมาถ้ารู้ว่าคุณอยู่ที่นี่ 2. Present continuous with future planning เป็นการนำเอา Present continuous มาใช้กับ เหตุการณ์ในอนาคต โครงสร้างและรูปประโยคเหมือนกับ Present continuous ทั่วไป
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 111 รูปประโยคบอกเล่า : Subject + V.to be + V. ing รูปประโยคปฏิเสธ : Subject + V.to be + not + V. ing รูปประโยคคำถาม : V. to be + Subject + V. ing • We’re playing our first concert on 15th May in New York. The next day, we’re taking the train to Washington D.C. We’re performing in Washington D.C. on 18th and we’re going to Europe. พวกเราจะไปแสดงคอนเสริต์แรกที่นิวยอร์คในวันที่ 15 พฤษภาคม และวันรุ่งขึ้นก็จะเดินทางโดย รถไฟไปวอชิงตัน ดี.ซี. และจะไปแสดงที่นั่นในวันที่ 18 พฤษภาคม และจะออกเดินทางต่อไปยังยุโรป 4. ขยายความรู้ (Elaborate) 4.1 นักเรียนยกตัวอย่างประโยคบอกเล่า ปฏิเสธ และประโยคคำถามโดยใช้ Future Simple Tense • Austin will travel around the world next year. • Apple will launch a new product soon. • She won’t buy a bike next month. • It will not snow next season • Will you go to school tomorrow? • Will the plane tickets be expensive? • I’m spending Christmas and New Year with my Mum and Dad. • We’re meeting Helena at 3 o'clock tomorrow afternoon. 4.2 นักเรียนช่วยกันทำแบบฝึกหัดเรื่อง Future Simple Tense (Revision) ในเอกสารประกอบกรสอน 5. ประเมินผล (Evaluate) 5.1 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยแบบฝึกหัดเรื่อง Future Simple Tense (Revision) ในเอกสาร ประกอบกรสอน 5.2 นักเรียนฟังครูอธิบายถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อให้นักเรียนเข้าใจหลักการใช้ Future Simple Tense (Revision) ครูสรุปหลักการของกฎต่าง ๆ ให้นักเรียนฟังอีกครั้ง 11. สื่อการเรียนรู้/ แหล่งเรียนรู้ 11.1 สื่อการเรียนรู้ 1. ใบความรู้เรื่อง Present and Future Tenses 2. ใบงานเรื่อง Present and Future Tenses 11.2 แหล่งเรียนรู้ 1. หนังสือพิมพ์ 2. อินเทอร์เน็ตหรือสื่ออื่น ๆ
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 112 12. การวัดและประเมินผล ลำดับ รายการที่วัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ 1 ใบงานเรื่อง Present and Future Tenses (Revision) ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นั ก เรีย น ให้ ค ว าม ร่วม มื อใน ก ารท ำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 13. เกณฑ์การประเมิน 16 - 20 คะแนน ดีมาก 11 - 15 คะแนน ดี 6 - 10 คะแนน พอใช้ น้อยกว่า 6 คะแนน ควรปรับปรุง ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู บันทึกหลังการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ ...................................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................... ................................. ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................... ................................. ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู วันที่..............เดือน..................................พ.ศ. ..................
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 113 โรงเรียนแผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง Let’s celebrate! รหัสวิชา อ22121 รายวิชา ภาษาอังกฤษ 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ปีการศึกษา 2566 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 15 ชั่วโมง ผู้สอน นายสุจินดา ปรากฏวงศ์ 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ ตัวชี้วัด 1.1 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ ความคิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ โดยการพูด และการเขียน มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษากับ ภาษาและวัฒนธรรมไทย และนำมาใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสม มาตรฐาน ต 4.2 ใช้ภาษาต่างประเทศเป็นเครื่องมือพื้นฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับสังคมโลก 1.2 ตัวชี้วัด ต 1.2 ม.2/3 พูดและเขียนแสดงความต้องการ เสนอและให้ความช่วยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธการให้ ความช่วยเหลือ ในสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างเหมาะสม ต 1.3 ม.2/3 พูดและเขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกิจกรรม เรื่องต่าง ๆ ใกล้ตัว และประสบการณ์ พร้อมทั้งให้เหตุผลสั้นๆ ประกอบ ต 2.2 ม.2/1 เปรียบเทียบและอธิบายความเหมือนและความแตกต่างระหว่างการออกเสียงประโยค ชนิดต่าง ๆ และการลำดับคำตามโครงสร้างประโยค ของภาษาต่างประเทศและภาษาไทย ต 4.2 ม.2/1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการสืบค้น / ค้นคว้า รวบรวมและสรุปความรู้ / ข้อมูลต่าง ๆ จากสื่อและแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ ในการศึกษาต่อและประกอบอาชีพ 2. สาระสำคัญ / ความคิดรวบยอด - พูดและเขียนประโยคโดยใช้ Past Simple Tense เพื่อแสดงความต้องการ เสนอและให้ความช่วยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือในสถานการณ์ต่าง ๆ เปรียบเทียบและสืบค้น / การค้นคว้าความรู้ / ข้อมูล ต่าง ๆ จากสื่อและแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เกี่ยวกับ Past Simple Tense เพื่ออธิบายละให้เหตุผลประกอบในความ เหมือนและความแตกต่างระหว่างชีวิตความเป็นอยู่และวัฒนธรรมของเจ้าของภาษากับของไทย มีทักษะในการเลือก พอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกัน และมีคุณธรรม ในการปฏิบัติตนอย่างเหมาะสม ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 114 3. สาระการเรียนรู้ 3.2 สาระการเรียนรู้แกนกลาง พูดและเขียนประโยคโดยใช้ Past Tense เพื่อแสดงความต้องการ เสนอและให้ความช่วยเหลือ ตอบรับ และปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือในสถานการณ์ต่าง ๆ เปรียบเทียบและสืบค้น / การค้นคว้าความรู้ / ข้อมูลต่าง ๆ จากสื่อและแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เกี่ยวกับ Past Tense เพื่ออธิบายละให้เหตุผลประกอบในความเหมือนและความ แตกต่างระหว่างชีวิตความเป็นอยู่และวัฒนธรรมของเจ้าของภาษากับของไทยได้ 3.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น 1. คำศัพท์ในเรื่อง Unit 2 : Let’s celebrate! 2. บทสนทนา ในเรื่อง Unit 2 : Let’s celebrate! 3. การใช้Past Simple Tense ในรูปแบบต่าง ๆ 4. การใช้ Past Continuous Tense ในรูปแบบต่าง ๆ 5. การใช้ Past Perfect Tense ในรูปแบบต่าง ๆ 6. การใช้ Tense ในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อบรรยายBotanical Garden 4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 4.1 ความสามารถในการสื่อสาร 4.2 ความสามารถในการคิด 4.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา 4.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 4.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 5.1 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (ตามหลักสูตรแกนกลาง) 1) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2) ซื่อสัตย์สุจริต 3) มีวินัย 4) ใฝ่เรียนรู้ 5) อยู่อย่างพอเพียง 6) มุ่งมั่นในการทำงาน 7) รักความเป็นไทย 8) มีจิตสาธารณะ 5.2 คุณลักษณะตามหลักสูตรมาตรฐานสากล 1) มีความรู้พื้นฐานในยุคดิจิตอล วิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ภาษา พหุวัฒนธรรม ตระหนักสำนึกระดับโลก 2) สามารถคิดประดิษฐ์อย่างสร้างสรรค์ ปรับตัวใฝ่รู้ ใฝ่เรียน วิเคราะห์ สังเคราะห์สรุป สร้างองค์ความรู้ 3) มีทักษะสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ 4) มีความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5) มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 (3R 7C เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 6.1 ทักษะการอ่าน (Reading) 6.2 ทักษะการเขียน (Writing) 6.3 ทักษะการคิดคำนวณ (Arithmetic) 6.4 ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา (Critical thinking and problem solving)
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 115 6.5 ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม (Creativity and innovation) 6.6 ทักษะด้านความร่วมมือการทำงานเป็นทีมและภาวะผู้นำ (Collaboration, teamwork and leadership) 6.7 ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรมต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural understanding) 6.8 ทักษะด้านการสื่อสารสารสนเทศและรู้เท่าทันสื่อ (Communication information and media literacy) 6.9 ทักษะด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Computing) 6.10 ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้ (Career and learning self-reliance, change) 7. การบูรณาการตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 7.1 บูรณาการสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน 7.2 บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง 7.3 บูรณาการห้องเรียนสีเขียว 7.4 อื่น ๆ (โปรดระบุ)…………………………………………………………………………..………………………….………………………… 8. ชิ้นงาน / ภาระงาน 1. ภาระงาน - ใบงานเรื่อง Vocabulary - แบบฝึกหัดเรื่อง Reading and conversation ในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานภาษาอังกฤษ Action 2 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 - ใบงานเรื่อง Past Simple Tense - ใบงานเรื่อง Past Continuous Tense - ใบงานเรื่อง Past Perfect Tense - ใบงานเรื่อง Past Tenses (Revision) 2. ชิ้นงาน - ชิ้นงานเรื่อง Botanical Garden 9. การวัดและประเมินผล 9.1 การวัดและประเมินผลชิ้นงาน / ภาระงาน 1. วิธีการ 1. ตรวจใบงานเรื่อง Vocabulary 2. ตรวจแบบฝึกหัดเรื่อง Reading and conversation ในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานภาษาอังกฤษ Action 2 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 3. ตรวจใบงานเรื่อง Past Simple Tense 4. ตรวจใบงานเรื่อง Past Continuous Tense 5. ตรวจใบงานเรื่อง Past Perfect Tense 6. ตรวจใบงานเรื่อง Past Tenses (Revision)
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 116 7. ตรวจชิ้นงานเรื่อง Botanical Garden 2. เครื่องมือ 1. ใบงานเรื่อง Vocabulary 2. แบบฝึกหัดเรื่อง Reading and conversation ในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานภาษาอังกฤษ Action 2 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 3. ใบงานเรื่อง Past Simple Tense 4. ใบงานเรื่อง Past Continuous Tense 5. ใบงานเรื่อง Past Perfect Tense 6. ใบงานเรื่อง Past Tenses (Revision) 7. ชิ้นงานเรื่อง Botanical Garden 3. เกณฑ์ 1. ตรวจใบงานและแบบฝึกหัดร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 2. ตรวจชิ้นงานร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 9.2 การวัดและประเมินผลระหว่างการจัดกิจกรรม ลำดับ รายการที่วัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ 1 ใบงานเรื่อง Vocabulary ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นักเรียนให้ความ ร่วมมือในการทำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 2 แบบฝึกหัดเรื่อง Reading and conversation ใน ห นั งสือเรียน รายวิชาพื้นฐานภาษาอังกฤษ Action 2 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ตรวจแบบฝึกหัด แบบฝึกหัด นักเรียนให้ความ ร่วมมือในการทำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 3 ใบงานเรื่อง Past Simple Tense ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นักเรียนให้ความ ร่วมมือในการทำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 4 ใบงานเรื่อง Past Continuous Tense ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นักเรียนให้ความ ร่วมมือในการทำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 117 9.2 การวัดและประเมินผลระหว่างการจัดกิจกรรม (ต่อ) 5 ใบงานเรื่อง Past Perfect Tense ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นักเรียนให้ความ ร่วมมือในการทำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 6 ใบงานเรื่อง Past Tenses (Revision) ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นักเรียนให้ความ ร่วมมือในการทำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 7 ชิ้นงานเรื่อง Botanical Garden ตรวจชิ้นงาน ชิ้นงาน นักเรียนให้ความ ร่วมมือในการทำ ชิ้นงานและทำถูก ร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 10. กิจกรรมการเรียนรู้ เรื่องที่ 1 เรื่อง Vocabulary, reading and conversation จำนวนเวลาเรียน 1 ชั่วโมง วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบค้นพบ Discovery Method) กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) 1. ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1.1 นักเรียนทบทวนความรู้เดิมโดยช่วยกันระดมความคิดเขียนคำศัพท์เกี่ยวกับกิจกรรมที่ทำในงาน เทศกาลหรือวันเฉลิมฉลองต่าง ๆ ที่นักเรียนรู้จักบนกระดานภายในเวลาที่กำหนด 1.2 เมื่อหมดเวลานักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบตัวสะกด และให้อ่านพร้อม ๆ กันเพื่อทดสอบการ ออกเสียง 1.3. นักเรียนฟังครูพูดคำศัพท์ที่เกี่ยวกับ festival and celebration โดยครูพูดคำศัพท์เป็นภาษาไทย และนักเรียนบอกคำศัพท์นั้นเป็นภาษาอังกฤษ 1.4 นักเรียนดูภาพเกี่ยวกับสภาพอากาศและกิจกรรมในหนังสือเรียน Action 2 หน้าที่ 20
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 118 1.5 นักเรียนดูรูปภาพที่ 1 และตัวอย่างประโยค It’s wet and rainy. People are watching a contest. ในหนังสือเรียน Action 2 หน้าที่ 20 1.6 นักเรียนทำกิจกรรม Use words related to the weather and phrase below to describe the picture ในหนังสือเรียน Action 2 หน้าที่ 20 และส่งตัวแทนออกมาเขียนประโยคบนกระดาน 1.7 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบประโยคที่นักเรียนออกมาเขียน เมื่อพบว่าไม่ถูกต้องให้นักเรียน ช่วยกันแสดงความคิดเห็นและช่วยกันแก้ไขให้ถูกต้อง โดยครูคอยเป็นผู้ช่วยและคอยให้คำแนะนำ 1.8 นักเรียนทำกิจกรรม Reading : Special days ในหนังสือเรียน Action 2 หน้าที่ 22 1.9 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยคำตอบในกิจกรรมที่นักเรียนทำทั้งหมด หากมีข้อใดที่นักเรียนยังตอบได้ ไม่ถูกต้องให้ครูผู้สอนอธิบายคำตอบให้นักเรียนฟังเพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจมากขึ้น 2. ขั้นเรียนรู้ 2.1 นักเรียนทำกิจกรรม Which of the phrases in the list best match the pictures A and B ในหนังสือเรียน Action 2 หน้าที่ 24 2.2 นักเรียนทำกิจกรรม Read the texts and complete the sentences. Explain the words in bold. ในหนังสือเรียน Action 2 หน้าที่ 24 2.3 นักเรียนฟังบทสนทนาในหนังสือเรียน Action 2 หน้าที่ 28 2.2 นักเรียนจับกลุ่มเพื่อฝึกบทสนทนา และส่งตัวแทนออกมา 1 กลุ่มเพื่อออกมาพูดบทสนทนา 2.3 นักเรียนทำกิจกรรมในหนังสือเรียน Action 2 หน้าที่ 28 กิจกรรม Read the dialogue and answer the questions และกิจกรรม Find phrases in the dialogue which mean. 2.4 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยกิจกรรมในหนังสือเรียน Action 2 หน้าที่ 28 กิจกรรม Read the dialogue and answer the questions และกิจกรรม Find phrases in the dialogue which mean. หากมีข้อ ใดที่นักเรียนยังตอบได้ไม่ถูกต้องให้ครูผู้สอนอธิบายคำตอบให้นักเรียนฟังเพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจมากขึ้น 3. ขั้นนำไปใช้ 3.1 นักเรียนศึกษาคำศัพท์ในเอกสารประกอบการเรียน 3.2 นักเรียนทำใบงานแบบฝึกหัดเกี่ยวกับคำศัพท์ในเอกสารประกอบการเรียน 3.3 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยแบบฝึกหัดเกี่ยวกับคำศัพท์ในเอกสารประกอบการเรียน หากมีข้อใดที่ นักเรียนยังตอบได้ไม่ถูกต้องให้ครูผู้สอนอธิบายคำตอบให้นักเรียนฟังเพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจมากขึ้น เรื่องที่ 2 เรื่อง Past Simple Tense จำนวนเวลาเรียน 2 ชั่วโมง วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบ 2W3P) กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) ชั่วโมงที่ 1 1. ขั้นกระตุ้นทบทวนและปูพื้นฐานความรู้(Warm up) 1.1 นักเรียนทบทวนความรู้เรื่อง Past Form (กริยาช่อง 2) โดยใช้เกม Past Tense Game - ล้อสุ่ม จาก https://wordwall.net/th/resource/21782609/past-tense-game
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 119 1.2 นักเรียนแบ่งออกเป็น 4 ทีม ทีมละเท่าๆ กัน โดยแต่ละทีมประกอบไปด้วยนักเรียนกลุ่มเก่ง ปาน กลางและอ่อน 1.3 นักเรียนเรียงลำดับสมาชิกในกลุ่มเพื่อออกมาเขียนคำศัพท์กริยาช่อง 2 ภายในเวลาที่กำหนด โดย ครั้งแรกครูผู้สอนเป็นผู้ดำเนินการกดปุ่มหมุน หลังจากนั้นให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนหมุนเวียนกันออกมากดปุ่มหมุน เมื่อแต่ละกลุ่มเขียนคำศัพท์ลงบนกระดานเรียนร้อยแล้วเพื่อน ๆ ในห้องช่วยกันตรวจสอบว่าถูกต้องหรือไม่ 1.4 นักเรียนฟังครูชี้แจงเพิ่มเติมว่ากริยาช่อง 2 มีรูปแบบการเขียน 3 ประเภท คือ 1. เปลี่ยนรูปร่าง เช่น have = had, do = did 2. เติม ed เช่น walk = walked, clean = cleaned และ 3. เขียนเหมือนกริยาช่อง 1 คือไม่เปลี่ยนรูป เช่น cut = cut, put = put 2. ขั้นนำเสนอเนื้อหาสาระ (Presentation) 2.1 นักเรียนออกมาเขียนกริยาช่อง 2 บนกระดานดำคนละ 1 คำพร้อมความหมาย โดยไม่ซ้ำกับคำศัพท์ ที่ใช้เล่นในเกม Past Tense Game - ล้อสุ่ม 2.2 นักเรียนช่วยกันตรวจสอบคำศัพท์และความหมาย ถ้าไม่ถูกต้องสามารถช่วยกันแก้ไขได้ 2.3 นักเรียนดูรูปภาพและประโยคบน PowerPoint หลังจากนั้นร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ รูปภาพและประโยคที่ปรากฏบน PowerPoint 2.4 นักเรียนฟังครูชี้แจงโครงสร้าง Past Simple Tense คือการกระทำที่เกิดขึ้นจะใช้ กริยาช่องที่ 2 และเป็นเหตุการณ์หรือการกระทำที่จบลงในอดีต มักมีคำหรือกลุ่มคำของอดีตมากำกับ เช่น ago (แต่ก่อน) once (ครั้งหนึ่งในอดีต) yesterday (เมื่อวานนี้) 3. ขั้นฝึกฝนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์ (Practice) 3.1 นักเรียนช่วยกันเขียนโครงสร้างประโยค Present Simple Tense จะได้โครงสร้างดังนี้ ประธาน + กริยาช่องที่ 2 + กรรมหรือส่วนขยาย 3.2 นักเรียนแต่งประโยคโดยใช้กริยาช่อง 2 คนละ 3 ประโยคพร้อมกับแปลความหมายของประโยค โดยครูเดินดูประโยคที่นักเรียนเขียนพร้อมให้คำแนะนำ ช่วยแก้ไขในกรณีที่นักเรียนแต่งประโยคไม่ถูกต้อง โดยครู ให้แรงเสริมด้วยการกล่าวชม เช่น good, excellent, well done, fantastic เป็นต้น
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 120 3.2 นักเรียนดูคำศัพท์ที่ครูเขียนบนกระดาน Subject : He Verb : buy Complement : a radio last month. 3.3 นักเรียนช่วยกันนำศัพท์ที่ครูเขียนบนกระดานมาแต่งประโยคตามโครงสร้าง Past Simple Tense โดยส่งตัวแทนออกมาเขียนบนกระดานจะได้ประโยคที่ถูกต้อง คือ He bought a radio last month. 3.4 นักเรียนฝึกเปลี่ยนประธานกริยาและส่วนขยายไปตามความเหมาะสม โดยนักเรียนเป็นผู้กำหนด ด้วยตนเอง เช่น • My mother bought a new iPhone yesterday. • The teacher bough an ice-cream this morning. 3.5 นักเรียนช่วยกันสรุปโครงสร้างและรายละเอียดตามความเข้าใจของนักเรียน 3.6 นักเรียนฟังครูอธิบาย Past simple tense เพิ่มเติม Past Simple Tense ใช้ในเหตุการณ์ในอดีตที่จบไปแล้ว หรือ ใช้บอกในเรื่องที่เป็นกิจวัตรประจำใน อดีต หรือเคยไปที่ไหนในอดีตมาแล้ว โดยมีโครงสร้างดังนี้ ประโยคบอกเล่า S. + V.2 I went to the theme park yesterday. ประโยคปฎิเสธ S. + did not + V.1 She didn’t come to Thailand last year. ประโยคคำถาม Did + S + V.1 Did you see Jane at the bank last hour? จำง่าย ๆ ว่า ประโยคบอกเล่าใช้กริยาช่อง 2 ส่วนประโยคปฏิเสธและประโยคคำถาม ใช้ did ร่วมกับกริยาช่อง 1 หลักการใช้และโครงสร้างของ Past Simple Tense 1. ใช้กับเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตและจบสิ้นลงไปเรียบร้อยแล้ว สังเกตง่าย ๆ ว่ามักจะมีการระบุ ช่วงเวลาไว้ด้วยว่าเกิดขึ้นเมื่อไหร่ และใช้กริยาช่อง 2 เช่น • They came here yesterday. พวกเขามาที่นี่เมื่อวานนี้ • He left home ten minutes ago. เขาออกจากบ้านเมื่อ 50 นาทีที่แล้ว • I bought a new phone two days ago. ฉันซื้อโทรศัพท์ใหม่มาเมื่อ 2 วันก่อน 2. ใช้พูดถึงนิสัยหรือกิจวัตรที่เคยทำในอดีต หรือการบอกว่าใครเคยทำอะไร เคยไปไหนในอดีต มาแล้ว และเหตุการณ์นั้นจบลงแล้ว • We cooked every day last year. พวกเราทำอาหารกันทุกวันเมื่อปีที่แล้ว • He always went to office late last month. เขาไปสำนักงานสายเสมอเมื่อเดือนที่แล้ว • I was in London in 2017. ฉันอยู่ที่ลอนดอนในปี 2017
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 121 ชั่วโมงที่ 2 4. ขั้นนำไปใช้หรือการบูรณาการความรู้(Production) 4.1 นักเรียนทบทวนโครงสร้าง Past Simple Tense อีกครั้ง 4.2 นักเรียนศึกษาหลักการ เติม ed ว่ามีวิธีการอย่างไร เพื่อให้เกิดความแม่นยำมากยิ่งขึ้น นักเรียนทำ กิจกรรมโดยนักเรียนเลขที่ 1 พูดคำศัพท์มา 1 คำ นักเรียนเลขที่ 2 บอกว่าคำนั้นต้องเปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม ed หรือสามารถเติม ed ได้เลย หลังจากนั้นนักเรียนเลขที่ 3 พูดคำศัพท์นักเรียนเลขที่ 4 เป็นผู้ตอบทำแบบนี้ต่อไป เรื่อย ๆ จนครบทุกคน โดยเพื่อนและครูเป็นผู้ตรวจจสอบว่าถูกต้องหรือไม่ 4.3 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับปะโยค Past Simple Tense โดยในประโยคของ Past Simple Tense จะมีkey word บอกเวลาซึ่งจบไปแล้ว ที่พบบ่อย ๆ ในประโยค Past Simple Tense ได้แก่ Yesterday, Last , Ago โดยใช้ร่วมกับคำบอกเวลาอื่น ๆ Last last + เวลา / วัน / สัปดาห์/ เดือน / ฤดู / ปี last hour, last night, last Monday, last week, last month, last summer, last winter, last year Ago วินาที / นาที/ ชั่วโมง / วัน / สัปดาห์/ เดือน / ปี + ago 5 minutes ago, 3 day ago, 2 weeks ago, 1 month ago, 4 years ago 4.4 นักเรียนศึกษาเนื้อหาเรื่อง Past Simple Tense ในเอกสารประกอบการเรียน 4.5 นักเรียนช่วยกันตอบแบบฝึกหัดบน PowerPoint Instructions : Complete the sentences, put the verb into the correct form, positive or negative. (simple past tense) 1. It was warm, so I…………........……...……….(take) off my coat. 2. The film wasn’t very good. I…………........……...……….(not enjoy) it very much. 3. I…………........……...……….(know) Olivia was very busy, so I…………........……...……….(not disturb) her. 4. I was very tired, so I…………........……...……….(go) to bed early. 5. The bed was very uncomfortable. I…………........……...……….(not sleep) very well. 6. Hannah wasn’t hungry, so she…………........……...……….(not eat) anything. 7. We…………........……...……….(go) to Sofia’s house but she…………......……...……….(be) at home. 8. It was a funny situation but nobody…………........……...……….(laugh). 9. The window was open and a bird…………........……...……….(not fly) into the room. 10. The hotel wasn’t very expensive. It…………........……...……….(not cost) very much. 11. I was in a hurry, so I…………........……...………(have) time to phone you. 12. It was hard work carrying the bags. They…………........……...……….(be) very heavy. Answer key : 1. took 2. didn’t enjoy 3. knew / didn’t disturb 4. went 5. didn’t sleep 6. didn’t eat 7. went / wasn’t 8. laughed 9. flew
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 122 10. didn’t cost 11. didn’t have 12. were 4.6 นักเรียนทำแบบฝึกหัดเรื่อง Past Simple Tense ในเอกสารประกอบการเรียน 4.7 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยแบบฝึกหัดเรื่อง Past Simple Tense ในเอกสารประกอบการเรียน 5. ขั้นสรุปความรู้ที่ได้รับจากกระบวน การเรียนรู้(Wrap up) 5.1 สังเกตความเข้าใจของนักเรียนในการทำกิจกรรมและการเขียนประโยคภาษาอังกฤษโดยใช้Past Simple Tense ของนักเรียน 5.2 นักเรียนและครูร่วมกันสรุปเกี่ยวกับเนื้อหาเรื่อง Past Simple Tense เรื่องที่ 3 เรื่อง Past Continuous Tense จำนวนเวลาเรียน 4 ชั่วโมง วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบ Inquiry Method : 5Es) กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) ชั่วโมงที่ 1 - 2 1. สร้างความสนใจ (Engage) 1.1 ทบทวนเนื้อหาเดิมเรื่อง Past Simple Tense ที่นักเรียนเรียนในชั่วโมงก่อนหน้านี้ 1.2 นักเรียนดูรูปภาพและประโยคบน PowerPoint และช่วยกันแสดงความคิดเห็นว่าทั้ง 2 ประโยคมี ความเหมือนและแตกต่างกันอย่างไร 1.3 นักเรียนสามารถตอบได้ว่า We were watching TV. จากประโยคจะเห็นได้ว่าพวกเขากำลังดูโทรทัศน์ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิด ก่อนและกำลังเกิดอยู่ (ในอดีต) You called last night. จากประโยคจะเห็นว่าโทรศัพท์ดังในขณะที่พวกเขากำลังดูโทรทัศน์ซึ่ง เหตุการณ์ที่เกิดทีหลัง หรือเข้ามาขัดจังหวะ 1.4 นักเรียนช่วยกันแสดงความคิดเห็นว่าประโยคที่ 1 และ 2 เป็นรูปแบบของประโยคแบบใด โดย นักเรียนสามารถตอบ ประโยคที่ 1 We were watching TV. เป็นประโยค Past Continuous Tense ประโยคที่ 2 You called last night. เป็นประโยค Past Simple Tense 2. สำรวจและค้นหา (Explore) 2.1 นักเรียนดูประโยคบน PowerPoint Statement : You were studying when she called last night. Negative : You were not studying when she called last night. Question : Were you studying when she called last night? Negative Question : Weren’t you studying when she called last night? We were watching TV when you called last night.
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 123 2.2 นักเรียนช่วยกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยคบน PowerPoint ว่าเป็นประโยคแบบใด ใช้ โครงสร้างแบบไหน 2.3 นักเรียนฟังครูอธิบายเรื่องPast Continuous Tense Past continuous tense เป็นประโยคที่กล่าวถึงเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในอดีต เสมือนว่าเรานั่งไทม์แมชชีนไปจ้องมองดูเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในอดีตอย่างไรอย่างนั้นเลย เพื่อให้เข้าใจ โดยมี รูปแบบโครงสร้างดังนี้ • ประโยคบอกเล่า S + was / were + V.ing • ประโยคปฏิเสธ S + was /were + not + V.ing • ประโยคคำถาม Was / Were+ S + V.ing เช่น • He was playing football yesterday at 10 am. • He was not playing football yesterday at 10 am. • Was he playing football yesterday at 10 am? หลักการใช้ Was / Were Subject ประธานประโยค Verb to be ที่ใช้ (กริยาช่อง 2 ของ is และ are) I, He, She, It, A cat (ประธานเอกพจน์) was You, We, They, Cats (ประธานพหูพจน์) were Past continuous tense ใช้เล่าถึงเหตุการณ์ในอดีต ซึ่งมีด้วยกัน 3 แบบ คือ 1. เหตุการณ์ที่กำลังเกิดในอดีต เช่น • It was raining yesterday at noon. ฝนตกลงมาเมื่อวานตอนเที่ยง 2. เหตุการณ์ที่กำลังเกิดต่อเนื่องอยู่ในอดีต ซึ่งเกิดขึ้นอยู่ก่อน แล้วก็มีอีกเหตุการณ์หนึ่งเข้ามา แทรก เช่น • I was having a beautiful dream when the alarm clock rang. ฉันกำลังฝันดีอยู่เชียว นาฬิกาปลุกก็ดันดังขึ้น 3. เหตุการณ์กำลังเกิดไปพร้อม ๆ กันในอดีต ไม่มีอันไหนเกิดก่อนเกิดหลัง เช่น • While my mom was cooking, my dad was washing his car. ขณะที่แม่กำลังทำอาหาร พ่อก็กำลังล้างรถ 2.4 นักเรียนแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม กลุ่มละเท่า ๆ กัน โดยสมาชิกประกอบไปด้วยเก่ง ปานกลาง และ อ่อน 2.5 นักเรียนแต่ละกลุ่มทำกิจกรรมช่วยกันเขียนคำตอบลงในใบงานที่ครูมอบให้ Past Continuous Tense Instructions : Write down the correct usage of past continuous tense against each sentence. 1 What…………........……...……….(you, do) when I opened the door? were you doing 2 I bought a new bike. My old bike…………........……...……….(give) me a lot of trouble.
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 124 3 Tom…………........……...……….(learn) the poem by heart. 4 Jonathon…………........……...……….(struggle) with his health. Now he is fit. 5 They…………........……...……….(leave) when I entered the house. 6 Jim…………........……...……….(study) when his friend came. 7 It…………........……...……….(rain) when I came out of the room. 8 I…………........……...……….(not use) a credit card because I had cash. 9 …………........……...……….(you, sleep) when the doorbell rang? 10 They…………........……...……….(go) to the station at 9 pm yesterday. Answer Key : 1. were you doing 2. was giving 3. was learning 4. was struggling 5. were leaving 6. was studying 7. was raining 8. was not using 9. Were you sleeping 10. were going 3. อธิบาย (Explain) 3.1 นักเรียนช่วยกันอธิบายและสรุปเรื่อง Past Continuous Tense 3.2 นักเรียนแต่ละทีมเฉลยและอธิบายเหตุผลในการตอบแบบฝึกหัดทีละข้อสลับกันไปมา จนครบทุก กลุ่มและทุกข้อ 3.3 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเพื่อเสริมความเข้าใจในเรื่อง Past Continuous Tense โดยครูเขียน ตัวอย่างประโยคบนกระดานให้นักเรียนเห็นความหลากหลายมากขึ้นพร้อมอธิบายความหมายของประโยคแต่ละ ประโยค ประโยคบอกเล่า • I was sleeping when you came. ผมกำลังนอนหลับ ตอนที่คุณมา • He was watching TV when the phone rang. เขากำลังดูทีวี ตอนที่โทรศัพท์ดัง • She was singing while he was dancing. หล่อนกำลังร้องเพลง ขณะที่เขากำลังเต้นรำ • It was raining when we went out. ฝนกำลังตกอยู่ ตอนที่เราออกไป • A cat was sleeping as a dog was playing. แมวกำลังนอนหลับ ขณะที่หมากำลังเล่น ประโยคบอกปฏิเสธ • I wasn’t sleeping when you came. ผมไม่ได้กำลังนอนหลับ ตอนที่คุณมา • He was not watching TV when the phone rang. เขาไม่ได้กำลังดูทีวี ตอนที่โทรศัพท์ดัง
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 125 • She wasn’t singing while he was dancing. หล่อนไม่ได้กำลังร้องเพลง ขณะที่เขากำลังเต้นรำ • It was not raining when we went out. ฝนไม่ได้กำลังตกอยู่ ตอนที่เราออกไป • A cat wasn’t sleeping as a dog was playing. แมวไม่ได้กำลังนอนหลับ ขณะที่หมากำลังเล่น • You weren’t walking while they were running. คุณไม่ได้กำลังเดิน ขณะที่พวกเขากำลังวิ่ง • We were not cleaning the room when it stated to snow. • พวกเราไม่ได้กำลังทำความสะอาดห้อง ตอนที่หิมะเริ่มตก • They weren’t cooking when we arrived. • พวกเขาไม่ได้กำลังทำอาหาร ตอนที่พวกเราไปถึง • Cats were not drinking water while dogs were standing. • แมวหลายตัวไม่ได้กำลังดื่มน้ำ ขณะที่หมาหลายตัวกำลังยืน ประโยคคำถาม Yes / No Question การถามในรูปแบบบอกเล่า • Was I sleeping when you came? ผมกำลังนอนหลับใช่ไหม ตอนที่คุณมา Yes, you were. / No, you weren’t. ใช่ / ไม่ใช่ • Was he watching TV when the phone rang? เขากำลังดูทีวีใช่ไหม ตอนที่โทรศัพท์ดัง Yes, he was. / No, he wasn’t. ใช่ / ไม่ใช่ • Was she singing while he was dancing? หล่อนกำลังร้องเพลงใช่ไหม ขณะที่เขากำลังเต้นรำ Yes, she was. / No, she wasn’t. ใช่ / ไม่ใช่ • Was it raining when we went out. ฝนกำลังตกอยู่ใช่ไหม ตอนที่เราออกไป Yes, it was. / No, it wasn’t. ใช่ / ไม่ใช่ • Was a cat sleeping as a dog was playing. แมวกำลังนอนหลับใช่ไหม ขณะที่หมากำลังเล่น Yes, a cat was. / No, a cat wasn’t. ใช่ / ไม่ใช่
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 126 การถามในรูปแบบปฏิเสธ • Weren’t you walking while they were running. คุณไม่ได้กำลังเดินใช่ไหม ขณะที่พวกเขากำลังวิ่ง Yes, I was. / No, I wasn’t. ใช่ / ไม่ใช่ • Were you not cleaning the room when it stated to snow. พวกคุณไม่ได้กำลังทำความสะอาดห้องใช่ไหม ตอนที่หิมะเริ่มตก Yes, we were. / No, we weren’t. ใช่ / ไม่ใช่ • Weren’t they cooking when we arrived. พวกเขาไม่ได้กำลังทำอาหารใช่ไหม ตอนที่พวกเราไปถึง Yes, they were. / No, they weren’t. ใช่ / ไม่ใช่ • Were cats not drinking water while dogs were standing. แมวหลายตัวไม่ได้กำลังดื่มน้ำใช่ไหม ขณะที่หมาหลายตัวกำลังยืน Yes, cats were. / No, cats weren’t. ใช่ / ไม่ใช่ 4. ขยายความรู้ (Elaborate) 4.1 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเพื่อเสริมความเข้าใจในเรื่อง Past Continuous Tense โดยครู อธิบายเพิ่มเติมว่า While, When, As ถือว่าเป็น Key word สำคัญที่บ่งบอกว่าประโยคนี้เป็นประโยค Past continuous tense เลยก็ว่าได้ เช่น • When the police arrived, we were sleeping. ตอนที่ตำรวจมาถึง พวกเรากำลังนอนหลับกันอยู่ • While she was drawing a picture, I came in the room. ขณะที่เธอกำลังวาดภาพ ผมก็เข้ามาในห้อง เทคนิคการจำ - ประโยคที่อยู่หลัง while และ as ใช้ past continuous (Subject + was/were +V.ing) เพราะ เป็นเหตุการณ์ที่ยังจะเกิดต่อเนื่องไปอีกระยะหนึ่ง เช่น We were sleeping, The car was running, She was drawing a picture - ประโยคที่อยู่หลัง when ใช้ past simple (Subject + V.2) เพราะเป็นเหตุการณ์ที่แทรกเข้ามา สั้น ๆ และจบไปแล้ว พูดง่าย ๆ ว่าเกิดขึ้นแป๊บเดียว เช่น the police arrived, the phone rang, I came in the room, it started to rain 4.2 นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยระดมความคิดและช่วยกันตอบแบบฝึกหัดเรื่อง Past Continuous Tense บน PowerPoint จำนวน 20 ข้อ โดยแต่ละกลุ่มเขียนคำตอบลงบนกระดาษเปล่า A4 ที่ครูได้เตรียมไว้ให้
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 127 Instructions : Make the past continuous (you need to choose positive, negative or question): you / shop when I called you =………………………………………………………………………………… . 1. he / cook =………………………………………………………………………………… . 2. she / play cards? =………………………………………………………………………………… . 3. I / not / cry =………………………………………………………………………………… . 4. you / not / feel well =………………………………………………………………………………… . 5. where / I / go when I met you? =………………………………………………………………………………… . 6. she / not / sleeping at midnight =………………………………………………………………………………… . 7. I / work? =………………………………………………………………………………… . 8. you / sleep when I got home? =………………………………………………………………………………… . 9. it / rain at lunchtime =………………………………………………………………………………… . 10. what / you / do? =………………………………………………………………………………… . Answer Key : 1. He was cooking. 2. Was she playing cards? 3. I wasn’t crying. 4. You weren’t feeling well. 5. Where was I going when I met you? 6. She wasn’t sleeping at midnight. 7. Was I working? 8. Were you sleeping when I got home? 9. Was it raining at lunchtime? 10. What were you doing 5. ประเมินผล (Evaluate) 5.1 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบแบบฝึกหัดเรื่อง Past Continuous Tense บน PowerPoint 5.2 นักเรียนและครูช่วยกันอธิบายถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อเพื่อให้นักเรียน ทุก ๆ คนเข้าใจหลักการใช้ Past Continuous Tense ชั่วโมงที่ 3 - 4 1. สร้างความสนใจ (Engage) 1.1 ทบทวนเนื้อหาPast Continuous Tense ที่นักเรียนเรียนในชั่วโมงก่อนหน้านี้ 1.2 นักเรียนดูรูปภาพและประโยคบน PowerPoint พร้อมร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรูปภาพ และประโยคที่นักเรียนเห็น You were shopping when I called you
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 128 2. สำรวจและค้นหา (Explore) 2.1 นักเรียนดูวิดีโอคลิป การใช้ Past continuous tense in English จากhttps://www.youtube .com/watch?v=UeKZ6Mm-SlY 2.2 นักเรียนดูวิดีโอคลิป ติว TOEIC Grammar: Past Continuous กับ 'While' ที่มักมาด้วยกัน จาก https://www.youtube.com/watch?v=1tHej6HLSeU 2.3 นักเรียนช่วยกันสรุปความรู้ที่ได้จากการดูโอคลิปทั้ง 2 วิโอคลิป 2.4 นักเรียนดูTime Line เส้นเวลาของ Past Continuous Tense บน PowerPoint 2.5 นักเรียนฟังครูอธิบาย ลูกศรสีดำนั้นคือ past continuous tense เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนและกำลังเกิดขึ้นอยู่ และจะ ดำเนินต่อไปอีกสักพักเพื่อให้จบกระบวนการ ส่วนลูกศรสีแดงคือ past simple tense ตัวนี้เข้ามาแทรกทีหลัง กลางคัน 2.6 นักเรียนดู Time Line เส้นเวลาและประโยค Past Continuous Tense บน PowerPoint
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 129 2.7 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติม When มีความหมายว่า “ตอนที่, เมื่อ” ถ้าใช้ในสถานการณ์ที่มีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นแล้วอีก เหตุการณ์หนึ่งมาขัดจังหวะ เรามักจะใช้ when ตามหลังด้วยเหตุการณ์ที่มาขัดจังหวะ หรือพูดง่ายๆก็คือ When ตามหลังด้วย past simple tense เช่น • I was surfing the web when he sent me a message. ฉันกำลังเล่นเน็ตอยู่เลยตอนที่เขาส่งข้อความมา • He wasn’t sleeping when I arrived. เขาไม่ได้นอนอยู่ตอนที่ฉันมาถึง และ when ก็ยังใช้ในสถานการณ์ปกติได้เช่นกัน ในความหมายว่า “ตอนที่…. หรือ เมื่อ….” เช่น • When I was five, I couldn’t swim. ตอนที่ฉันอายุห้าขวบ ฉันว่ายน้ำไม่เป็น • My mom took a very good care of me when I was in a hospital. แม่ดูแลฉันดีมาก ๆ ตอนที่ฉันอยู่โรงพยาบาล ส่วน while มีความหมายว่า “ในขณะที่” มักจะตามหลังด้วย past continuous ในสถานการณ์ที่ใช้ คู่กับ past simple เช่น • While I was walking along the street, I heard strange noise. ขณะที่ฉันกำลังเดินไปตามถนน ก็ได้ยินเสียงแปลกๆ • I fell over while I was playing volleyball. ฉันล้มลงขณะที่กำลังเล่นวอลเล่ย์บอลอยู่ While ยังใช้พูดถึงเหตุการณ์คู่ขนาน คือพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมกันในอดีต เช่น • He was talking to his friends while I was cooking dinner. เขากำลังคุยกับเพื่อนอยุ่ขณะที่ฉันก็กำลังทำอาหารเย็น 2.8 นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันแต่งประโยคPast Continuous Tense จากรูปภาพ Instructions : Look at the picture and make sentences by using both “when” and “while”. 1. The postman / deliver the letters / John / clean the windows. 2. My grandmother / dust the house / my mother / answer the door. 3. Sandra / look through the window / the postman / come
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 130 4. Sally / see the postman / my uncle / speak with me. 5. The dog / bark / my mother / answer the door. Answer Key : 1. While John was cleaning the windows, the postman delivered the letters. When the postman delivered the letters, John was cleaning the windows. 2. While my grandmother was dusting the house, my mother answered the door. When my mother answered the door, my grandmother was dusting the house. 3. While Sandra was looking through the window, the postman come. When the postman come, Sandra was looking through the window. 4. Sally was seeing the postman when my uncle spoke with me. My uncle spoke with me while Sally was seeing the postman. 5. The dog was barking when my mother answered the door. My mother answered the door while the dog was barking. 2.9 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำใบงานเรื่องการใช้when และ while ใน Past Continuous Tense 2.10 นักเรียนฟังครูอธิบายถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อให้นักเรียนเข้าใจ หลักการใช้ when และ while ใน Past Continuous Tense ครูสรุปหลักการของกฎต่าง ๆ ให้นักเรียนฟังอีกครั้ง 2.11 นักเรียนศึกษาเนื้อหาเรื่อง Past Continuous Tense ในเอกสารประกอบการเรียน 3. อธิบาย (Explain) 3.1 นักเรียนช่วยกันอธิบายและสรุปเรื่อง Past Continuous Tense 3.2 นักเรียนยกตัวอย่างPast Continuous Tense ในรูปประโยคบอกเล่า ปฏิเสธ และคำถาม โดยนักเรียนสามารถยกตัวอย่าง เช่น 1. ประโยคบอกเล่า • I was driving my car last night at 9 p.m. ผม / ฉัน กำลังขับรถอยู่ตอนสามทุ่มเมื่อคืนนี้ • The teacher was talking to the class when the fire alarm went off. ครูกำลังพูดกับนักเรียนในชั้นเมื่อสัญญาณเตือนไฟไหม้ดังขึ้น • She was eating rice for dinner when the phone rang. เธอกินข้าวเป็นอาหารเย็นอยู่ตอนที่โทรศัพท์ดัง • I was looking for a new job when the store manager hired me. ผมกำลังมองหางานใหม่ตอนที่ผู้จัดการตกลงรับผมเข้าทำงาน 2. ประโยคปฏิเสธ • He wasn’t studying in the class room all day last week. เขาไม่ได้กำลังศึกษาในห้องเรียนตลอดทั้งวันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว • I was not playing football at 4 pm. yesterday. ฉันไม่ได้กำลังเล่นฟุตบอลตอน 4 โมงเย็นวานนี้
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 131 • They weren’t studying in the class room all day last week. เขาไม่ได้กำลังศึกษาในห้องเรียนตลอดทั้งวันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว • We were not studying English at 9 am. yesterday. พวกเราไม่ได้กำลังเรียนภาษาอังกฤษตอน 9 โมงเช้าเมื่อวานนี้ 3. ประโยคคำถาม • Were you listening while he was talking? คุณกำลังฟังอยู่หรือเปล่าเมื่อตอนที่เขากำลังพูด • Were you listening while he was talking? คุณกำลังฟังในขณะที่เขากำลังพูดหรือเปล่า • Was she cooking yesterday evening? เมื่อวานเย็น หล่อนกำลังทำอาหารอยู่หรือเปล่า • Was he listening while we were talking? เขากำลังฟังอยู่หรือเปล่าขณะที่พวกเรากำลังพูดคุยกัน 4. ขยายความรู้ (Elaborate) 4.1 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเพื่อเสริมความเข้าใจในเรื่องการ Past Continuous Tense ใน ประโยคคำถาม Wh-questions ซึ่งจะมีโครงสร้างประโยคคำถามดังนี้ Wh-question : Who / What / Where / When / Why / How + was / were + Subject + Verb-ing? • Where was he going? • How were they travelling? 4.2 นักเรียนทำใบงานเรื่อง Past Continuous Tense ในเอกสารประกอบการเรียน 5. ประเมินผล (Evaluate) 5.1 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำใบงานเรื่อง Past Continuous Tense 5.2 นักเรียนและครูช่วยกันอธิบายถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อเพื่อให้นักเรียน ทุก ๆ คนเข้าใจหลักการใช้ Past Continuous Tense 5.3 นักเรียนและครูร่มกันสรุปหลักการของกฎต่าง ๆ ของPast Continuous Tense เรื่องที่ 4 เรื่อง Past Perfect Tense จำนวนเวลาเรียน 4 ชั่วโมง วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบ Inquiry Method : 5Es) กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) ชั่วโมงที่ 1 - 2 1. สร้างความสนใจ (Engage) 1.1 ทบทวนเนื้อหาเดิมเรื่อง Past Simple Tense ที่นักเรียนเรียนในชั่วโมงก่อนหน้านี้ 1.2 นักเรียนดูรูปภาพและประโยคบน PowerPoint และช่วยกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ Past Perfect Tense
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 132 2. สำรวจและค้นหา (Explore) 2.1 นักเรียนดูประโยคบน PowerPoint Statement : I had learned English before. Negative : I had not learned English before. Question : Had you learned English before? 2.2 นักเรียนช่วยกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยคบน PowerPoint ว่าเป็นประโยคแบบใด ใช้ โครงสร้างแบบไหน 2.3 นักเรียนฟังครูอธิบายเรื่องPast Perfect Tense Past perfect tense หรือมีอีกชื่อหนึ่งว่า Pluperfect เป็น Tense ที่ใช้เพื่ออธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ก่อนหน้าช่วงที่พึ่งผ่านมา เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่า มีสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นก่อนและมีอีกสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นตามมาทีหลัง โดย ทั้ง 2 สิ่งนี้เกิดขึ้นในอดีต และไม่สำคัญว่าสิ่งใดจะถูกกล่าวก่อนหรือหลัง การใช้ tense นี้จะบอกให้เห็นอย่างชัดเจน เองว่า สิ่งใดเกิดขึ้นก่อน 1. ใช้Past Perfect Tense คู่กับ Past Simple Tense เพื่อบอก เหตุการณ์ในอดีต 2 เหตุการณ์ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนใช้ Past Perfect Tense เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทีหลังใช้ Past Simple Tense เหตุการณ์ที่ 1 : Mary went out at 10 o'clock เหตุการณ์ที่่ 2 : I arrived at 11 o'clock. = Mary had gone out when I arrived. เหตุการณ์ที่ 1 : I was pleased to meet Oliver. เหตุการณ์ที่่ 2 : I did not see her for 3 years. = I was pleased to see Oliver because I had not seen her for 3 years. 2. ใช้กับ if-clause เมื่อประโยคหลักเป็น would, could, might + have + Verb 3 • He would have told her if he had met her. 3. ใช้ในประโยคหลัง I wish เพื่อบอกความหมายที่ตรงข้ามกับที่พูดในอดีต • I wish I had met her five years ago. ฉันหวังว่าจะเจอเขาเมื่อ 5 ปีที่แล้ว (ความจริงไม่ได้เจอกัน) • I wish she had not died. ฉันหวังว่าเขาจะยังไม่ตาย (ความจริงคือเธอตายแล้ว) 4. มักใช้ในประโยคที่มีคำว่า already, after • He had already gone when I arrived. • After Ethan had watched the Business program in Channel 3, he went out. ข้อสังเกต
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 133 ความแตกต่างระหว่าง Past Perfect Tense กับ Present Perfect Tense คือ Present Perfect Tense สัมพันธ์กับ Present Simple Tense Past Perfect Tense สัมพันธ์กับ Past Simple Tense • I’m not hungry. I have had breakfast. เน้นผลการกระทำในปัจจุบัน • I was not hungry. I had had breakfast. เน้นผลการกระทำในอดีต 2.4 นักเรียนแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม กลุ่มละเท่า ๆ กัน โดยสมาชิกประกอบไปด้วยเก่ง ปานกลาง และ อ่อน 2.5 นักเรียนแต่ละกลุ่มทำกิจกรรมช่วยกันเขียนคำตอบลงในใบงานที่ครูมอบให้ Instructions : Complete the sentences with the correct form of the verb given in the bracket to make a sentence into the Past Perfect Tense. 1. A : …………........……...……….Jim ever…………........……...……….(fly) before his flight last week? B : Yes, he…………........……...………. . 2. A : …………........……...……….your sister…………........……...……….(eat) breakfast before she left? B : No, she…………........……...………. . 3. James said he………….......…...……….already…………........……...……….(see) the movie last year. 4. I got lost because I…………........……...……….(forget) to bring a map. 5. They…………........……...……….(not study) English before last year. 6. She…………........……...……….(live) in Leeds before she moved to London. 7. The baby…………........……...……….(fall asleep) before eight o’clock. 8. I…………........……...……….(not think) of that question before. 9. Violet got wet because she…………........……...……….(not bring) an umbrella. 10. He…………........……...……….(own) his car for a year before he sold it. 11. I didn’t notice that the traffic light…………........……...……….(turn) red. 12. Dylan…………........……...……….(order) rice, but the waiter served him soup. Answer Key : 1. had / flown / had 2. had / eaten / hadn’t 3. had / seen 4. had forgotten 5. hadn’t studied 6. had lived 7. had fallen asleep 8. hadn’t thought 9. hadn’t brought 10. had owned 11. had turned 12. had ordered 3. อธิบาย (Explain) 3.1 นักเรียนช่วยกันอธิบายและสรุปเรื่อง Past Perfect Tense 3.2 นักเรียนแต่ละทีมเฉลยและอธิบายเหตุผลในการตอบแบบฝึกหัดทีละข้อสลับกันไปมา จนครบทุก กลุ่มและทุกข้อ 3.3 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเพื่อเสริมความเข้าใจในเรื่อง Past Perfect Tense
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 134 Past perfect tense หรือมีอีกชื่อหนึ่งว่า Pluperfect เป็น Tense ที่ใช้เพื่ออธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ก่อนหน้าช่วงที่พึ่งผ่านมา เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่า มีสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นก่อนและมีอีกสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นตามมาทีหลัง โดย ทั้ง 2 สิ่งนี้เกิดขึ้นในอดีต และไม่สำคัญว่าสิ่งใดจะถูกกล่าวก่อนหรือหลัง การใช้ tense นี้จะบอกให้เห็นอย่างชัดเจน เองว่า สิ่งใดเกิดขึ้นก่อน เหตุการณ์แรก ใช้ Past Perfect ประโยคบอกเล่า Subject + had + V.3 He had cleaned his room. ประโยคปฏิเสธ Subject + had not + V.3 He had not cleaned his room. ประโยคคำถาม Had + Subject + V.3 Had he cleaned his room? เหตุการณ์ที่ 2 จบลงแล้ว ใช้ Past Simple Tense (Subject + V.2) โดยมักมีคำเชื่อม เช่น when, beforeระหว่าง 2 เหตุการณ์นี้ เหตุการณ์แรก ใช้ Past Perfect คำเชื่อม เหตุการณ์ที่ 2 ใช้ Past Simple ความหมาย He had cleaned his room before he left home. เขาทำความสะอาดห้องก่อนที่ จะออกจากบ้าน The train had left when we got to the station. รถไฟออกไปแล้วตอนที่เรา มาถึงสถานี 4. ขยายความรู้ (Elaborate) 4.1 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเพื่อเสริมความเข้าใจในเรื่อง Past Perfect Tense โดยครูอธิบาย เพิ่มเติมว่าเนื่องจาก 2 เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นในอดีตในเวลาใกล้เคียงกัน และจุดเด่นของ Past Perfect Tense คือ ใช้เล่าถึงเหตุการณ์หนึ่งซึ่งจบไปแล้วอีกเหตุการณ์จึงค่อยเกิดขึ้น ดังนั้น เราจึงมักพบคำเชื่อมประโยค เช่น after, already, just, yet, until, till, as soon as, when, by the time • I had waited for 2 hours before they arrived. ฉันรอมาแล้ว 2 ชั่วโมงก่อนที่พวกเขาจะมาถึง • After the guests had left, I went to bed. หลังจากที่แขกกลับแล้ว ฉันถึงได้เข้านอน • Before I went to my house, I had had* a car accident. ก่อนที่ฉันกลับบ้าน ฉันเกิดอุบัติเหตุรถชน *had ตัวหลังในประโยคนี้ คือ Verb 3 ของ have • By the time they came here, I already had finished my work. ในตอนที่พวกเขามาที่นี่ ฉันทำงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว • My dad had not arrived by the time I left. พ่อยังไม่มา ตอนที่ฉันออกจากบ้าน • They hadn’t believed until they saw it. พวกเขาไม่เชื่อ จนกระทั่งได้เห็นเอง ประโยคนี้เป็นตัวอย่างการใช้คำปฏิเสธรูปย่อของ had not คือ hadn’t อ่านว่า แฮดดึน • Had he studied English before he moved to New York? เขาได้เรียนภาษาอังกฤษก่อนเขาย้ายไปนิวยอร์กหรือเปล่า
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 135 4.2 นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยระดมความคิดและช่วยกันตอบแบบฝึกหัดเรื่อง Past Perfect Tense บน PowerPoint จำนวน 20 ข้อ โดยแต่ละกลุ่มเขียนคำตอบลงบนกระดาษเปล่า A4 ที่ครูได้เตรียมไว้ให้ Instructions : Complete the sentences with the correct form of the verb given in the bracket to make a sentence into the Past Perfect Tense or Past Simple Tense. 1. We had already eaten when Victoria…………........……...……….(come) home. 2. Last year Owen…………........……...………. (pass) all his exams. 3. When I…………........……...……….(get) to the airport I discovered I had forgotten my passport. 4. I went to the library, then I…………........……...……….(buy) some milk and went home. 5. I opened my handbag to find that I…………........……...……….(forgot) my credit card. 6. When we…………........……...……….(arrive) at the station, the train had already left. 7. We got home to find that someone…………........……...……….(break) into the house. 8. I opened the fridge to find someone…………........……...……….(eat) all my chocolate. 9. I had known my husband for three years when we…………........……...……….(get) married. 10. Hannah was very pleased to see that John…………........……...……….(clean) the kitchen. 11. It…………........……...……….(not rain) all summer, so the grass was completely dead. 12. When he…………........……...……….(arrive) at the party, Julie had just left. 13. After arriving home, I realised I…………........……...……….(not buy) any milk. 14. The laundry was wet – it…………........……...……….(rain) while I was out. 15. William felt ill last night because he…………........……...……….(eat) too many cakes. 16. Henry…………........……...……….(meet) William last September. 17. First I tidied the flat, then I…………........……...……….(sit) down and had a cup of coffee. 18. David…………........……...……….(play) the piano when he was a child, but he doesn’t play now. 19. When I opened the curtains the sun was shining but the ground was white. It…………........……...……….(snow) during the night. 20. When Julie got home from her holiday, her flat was a mess. Matthew…………........……...……….(have) a party. Answer Key : 1. came 2. passed 3. got 4. bought 5. had forgotten 6. arrived 7. had broken 8. had eaten 9. we got 10. had cleaned 11. hadn’t rained 12. arrived 13. realised 14. had rained 15. had eaten 16. met 17. sat 18. played 19. had snowed 20. had had
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 136 5. ประเมินผล (Evaluate) 5.1 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบแบบฝึกหัดเรื่อง Past Perfect Tense บนPowerPoint 5.2 นักเรียนและครูช่วยกันอธิบายถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อเพื่อให้นักเรียน ทุก ๆ คนเข้าใจหลักการใช้ Past Perfect Tense ชั่วโมงที่ 3 - 4 1. สร้างความสนใจ (Engage) 1.1 ทบทวนเนื้อหาPast Perfect Tense ที่นักเรียนเรียนในชั่วโมงก่อนหน้านี้ 1.2 นักเรียนดูรูปภาพและประโยคบน PowerPoint พร้อมร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรูปภาพ และประโยคที่นักเรียนเห็น 2. สำรวจและค้นหา (Explore) 2.1 นักเรียนดูวิดีโอคลิป การใช้ Past Simple และ Past Perfect Tense จาก https://www. youtube.com/watch?v=XV716wDmKAs 2.2 นักเรียนดูวิดีโอคลิปเรื่อง Past Perfect Tense ที่มักมาด้วยกัน จาก https://www.youtube .com/watch?v=SCSLBkSgicQ 2.3 นักเรียนช่วยกันสรุปความรู้ที่ได้จากการดูโอคลิปทั้ง 2 วิโอคลิป 2.4 นักเรียนศึกษาเนื้อหาเรื่อง Past Perfect Tense ในเอกสารประกอบการเรียน 3. อธิบาย (Explain) 3.1 นักเรียนช่วยกันอธิบายและสรุปเรื่อง Past Perfect Tense 3.2 นักเรียนยกตัวอย่างPast Perfect Tense ในรูปประโยคบอกเล่า ปฏิเสธ และคำถาม โดยนักเรียนสามารถยกตัวอย่าง เช่น 1. ประโยคบอกเล่า • Natalie had never seen a beautiful beach before she went to Rayong . นาตาเลียไม่เคยเห็นชายหาดที่สวยงามมาก่อนที่เธอไปที่ระยอง • I did not have any money because I had lost my wallet. (ตอนนั้น) ฉันไม่มีเงินเลยเพราะฉันได้ทำกระเป๋าสตางค์หาย • Christopher knew Chiang Mai so well because he had visited the city several times. คริสโตเฟอร์รู้จักเมืองเชียงใหม่เป็นอย่างดีเพราะเขาเคยไปที่เมืองนั้นหลายครั้ง • She understood the movie because she had read the book. เธอดูภาพยนตร์รู้เรื่องเพราะเธอได้เคยอ่านหนังสือเรื่องนั้นมาก่อน • Lucy had never been to an opera before last night .
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 137 ลูซี่ไม่เคยไปที่โรงละครมาก่อนหน้าเมื่อคืนที่ผ่านมา 2. ประโยคปฏิเสธ • We were not able to get a hotel room because we had not booked in advance. พวกเราไม่ได้ห้องพักโรงแรมเพราะพวกเราไม่ได้จองห้องพักเอาไว้ล่วงหน้า • Caroline had not help Nathan when he needed her help. เคาโรไลน์จนไม่ได้ช่วยนาธานเมื่อเขาต้องการความช่วยเหลือจากเธอ • Christian had not told me the truth when I asked him. คริสเตียนไม่ได้บอกความจริงกับฉันตอนที่ฉันถามเขา 3. ประโยคคำถาม • Had Jonathan ever studied Thai before he moved to Thailand ? โจนาธานเคยเรียนภาษาไทยมาก่อนหรือเปล่าก่อนที่เขาจะย้ายมาประเทศไทย • Had you finished your work when the manager came here? คุณทำงานเสร็จแล้วยังเมื่อผู้จัดการมาที่นี่ • Had you ever visited the London before your trip in 2006? คุณได้เคยไปลอนดอนมาก่อนเมื่อครั้งที่คุณไปมาตอนปี 2007 หรือเปล่า Yes, I had been to the Bangkok once before . ใช่ ฉันเคยไปกรุงเทพฯมาก่อนหนหนึ่ง 4. ขยายความรู้ (Elaborate) 4.1 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเพื่อเสริมความเข้าใจในเรื่องการ Past Perfect Tense Past Perfect Tense คือ Past Perfect Tense (Tense อดีตสมบูรณ์) Past พาสท= อดีต Perfect เพอเฟ็คท = สมบูรณ์คำว่าสมบูรณ์ใน Tense นี้หมายความว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจบลงไปแล้ว หรือสิ้นสุด แล้วอย่างสิ้นเชิง ต่างกับ Present Perfect Tense ซี่งกล่าวถึงเหตุที่ดำเนินมาถึงปัจจุบันและจะดำเนินต่อไปใน อนาคต *** ประธานทุกตัวใช้โครงสร้างเดียวกันเลย หลักการใช้ Past Perfect Tense ใช้บอกเหตุการณ์ในอดีตที่สิ้นสุดไปแล้ว ก่อนจะมีอีกเหตุการณ์เข้ามาแทรกทีหลัง หมายความว่ามันมีสองเหตุการณ์ (คล้าย past continuous) มักจะมีการใช้ before, after มา ร่วมกับประโยค และต้องใช้ตามนี้ คือ เหตุการณ์ที่เกิดก่อน (ใช้ Past Perfect Tense) เหตุการณ์ที่เกิดทีหลัง (ใช้ Past Simple Tense) **** ให้นักเรียนท่องว่า พาสเพอ (past per) เกิดก่อน พาสซิม (past sim) เกิดหลัง (เป็นครั้งที่ 2 ที่ past simple เป็นพระรองเพราะเกิดหลัง) ตัวอย่างแนวข้อสอบ The train………………..when we………………. to the station. 1) has left / get 2) had left / had got 3) left / had got 4) had left / got
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 138 ใจความของประโยคข้างบนคือว่า “รถไฟออกไป ตอนที่เราไปถึงสถานี” ทีนี้ก็ต้องถามตัวเองแล้วว่า ระหว่าง รถไฟออกไปกับเราไปถึงสถานี เหตุการณ์ไหนเกิดก่อน คำตอบต้องเป็นรถไฟออกไปก่อนใช่ไหมเอ่ย แล้วเรา ก็มาใส่สูตรเข้าไป พาสเพอ (past per) เกิดก่อน พาสซิม (past sim) เกิดหลัง 1) has left (ผิด present perfect), get (ผิด present simple) 2) had left (ถูกต้อง เกิดก่อน past per) , had got (ผิด อันนี้ past per) 3) left (ผิด past simple), had got (ถูกต้อง past per) 4) had left (ถูกต้อง เกิดก่อน past per), got (ถูกต้อง past per) ดังนั้นจึงตอบข้อ 4) “รถไฟออกไปก่อนแล้ว ตอนที่เราไปถึงสถานี” 4.2 นักเรียนทำใบงานเรื่อง Past Perfect Tense ในเอกสารประกอบการเรียน 5. ประเมินผล (Evaluate) 5.1 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำใบงานเรื่อง Past Perfect Tense 5.2 นักเรียนและครูช่วยกันอธิบายถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อเพื่อให้นักเรียน ทุก ๆ คนเข้าใจหลักการใช้ Past Perfect Tense 5.3 นักเรียนและครูร่มกันสรุปหลักการของกฎต่าง ๆ ของPast Perfect Tense เรื่องที่ 5 เรื่อง Past Tense (Revision) จำนวนเวลาเรียน 2 ชั่วโมง วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบ 2W3P) กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) ชั่วโมงที่ 1 1. ขั้นกระตุ้นทบทวนและปูพื้นฐานความรู้(Warm up) 1.1 นักเรียนทำกิจกรรม Duet เพื่อทบทวนความรู้ เรื่องPast Tense 1.2 นักเรียนแบ่งออกเป็น 4 ทีม ทีมละเท่าๆ กัน โดยแต่ละทีมประกอบไปด้วยนักเรียนกลุ่มเก่ง ปาน กลางและอ่อน 1.3 นักเรียนส่งตัวแทนครั้งละ 1 คนโดยไม่ซ้ำกันออกมายื่นบริเวณหน้าชั้นเรียน 1.3.1 นักเรียนคนที่ 1 เป็นผู้คิดคำศัพท์กริยาช่องที่ 1 1.3.2 นักเรียนคนที่ 2 เปลี่ยนกริยาช่องที่ 1 เป็นกริยาช่องที่ 2 1.3.3 นักเรียนคนที่ 3 เปลี่ยนกริยาช่องที่ 2 ให้อยู่ในรูป Past Continuous 1.3.4 นักเรียนคนที่ 4 เปลี่ยนกริยาที่อยู่ในรูป Past Continuous เป็น Past Perfect เช่น นักเรียนคนที่ 1 นักเรียนคนที่ 2 นักเรียนคนที่ 3 นักเรียนคนที่ 4 see saw was seeing had seen เมื่อนักเรียนคนที่ 4 พูดเสร็จเรียบร้อยแล้วให้นักเรียนคนที่ 2 เป็นผู้เริ่มคำศัพท์คำใหม่ โดยสลับกัน เริ่มคำศัพท์ใหม่จนครบทั้ง 4 กลุ่ม 2. ขั้นนำเสนอเนื้อหาสาระ (Presentation) 2.1 นักเรียนดูคำศัพท์ที่ครูเขียนบนกระดาน โดยคำศัพท์ที่ครูเขียนนั้นมาจากคำศัพท์ที่นักเรียนใช้ในใน กิจกรรม Duet เช่น washed were washing had washed
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 139 cut was cutting had cut drove was driving had driven 2.2 นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันแต่งประโยคโดยใช้กริยาที่อยู่บนกระดาน โดยเลือกคำกริยาเพียง 1 แถว ตามแนวนอนมาแต่งเป็นประโยคพร้อมกับแปลความหมายของประโยค โดยครูเดินดูประโยคที่นักเรียนเขียนพร้อม ให้คำแนะนำ ช่วยแก้ไขในกรณีที่นักเรียนแต่งประโยคไม่ถูกต้อง โดยครูให้แรงเสริมด้วยการกล่าวชม เช่น good, excellent, well done, fantastic เป็นต้น 3. ขั้นฝึกฝนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์ (Practice) 3.1 นักเรียนให้ออกมาเขียนโครงสร้างและตัวอย่างประโยค Past Tense ประเภทต่าง ๆ ลงบน Past Tense Chart ถ้าเขียนไม่ได้ให้เพื่อนในห้องช่วยกันบอก จะได้โครงสร้างดังนี้ 3.2 นักเรียนฟังครูอธิบาย Past Tense Past Tense คือ รูปแบบของคำกริยาที่แสดงถึงเหตุการณ์หรือการกระทำที่เกิดขึ้นในอดีต สำหรับ Past Tense ที่นักเรียนได้เรียนมานั้นประกอบไปด้วย 1. Past Simple มีโครงสร้างรูปแบบคือ Subject + Verb 2 หรือ Verb เติม ed 2. Past Continuous มีโครงสร้างรูปแบบคือ Subject + was / were + Verb (ing) 3. Past Perfect มีโครงสร้างรูปแบบคือ Subject + had + Verb 3 ซึ่งในแต่ละรูปแบบ / โครงสร้าง ก็มีวิธีการใช้ที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้ 1. Past Simple Tense (Subject + Verb 2 หรือ Verb เติม ed) ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำ ที่เกิดขึ้นและจบลงในอดีต มักมีคำหรือกลุ่มคำของอดีตมากำกับด้วย เช่น ago (แต่ก่อน) once (ครั้งหนึ่งในอดีต) yesterday (เมื่อวานนี้) last night (เมื่อคืนก่อน) last month (เมื่อเดือนที่แล้ว) when he was young (เมื่อตอน ที่เขายังเป็นเด็ก) after they had gone (หลังจากที่พวกเขาไปแล้ว) • I went to church yesterday. ฉันไปโบสถ์เมื่อวานนี้ • She bought that car last year. เธอซื้อรถคันนั้นเมื่อปีที่แล้ว 2. Past Continuous Tense (Subject + was / were + Verb (ing) ซึ่งมีวิธีการใช้ดังนี้ 2.1 ใช้ร่วมกับ Past Simple Tense เมื่อมีเหตุการณ์หรือการกระทำ 2 อย่างเกิดขึ้นไม่พร้อมกัน ในอดีต โดยให้ใช้ Past Simple Tense กับเหตุการณ์สั้นๆ ที่เกิดขึ้นทีหลัง และใช้ Past Continuous Tense กับ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนและกำลังดำเนินอยู่ในขณะนั้น เช่น • While I was watching the football match, I had a headache. ขณะที่ฉันกำลังดูการแข่งขันฟุตบอลอยู่นั้น ฉันก็ปวดศีรษะ 2.2 ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำ 2 อย่างที่กำลังดำเนินอยู่ในอดีตในเวลาเดียวกัน เช่น
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 140 • We were playing while they are studying. พวกเรากำลังเล่นกัน ขณะที่พวกเขากำลังเรียน 3. Past Perfect Tense (Subject + had + Verb 3) มีวิธีการใช้ดังนี้ 3.1 ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำ 2 อย่างที่เกิดขึ้นและสิ้นสุดลงในอดีต โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนให้ใช้ Past Perfect Tense ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทีหลังให้ใช้ Past Simple Tense เช่น • I went to work after I had eaten breakfast. ฉันไปทำงานหลังจากที่ได้ทานอาหารเช้า • We had learnt Japanese before we went to Japan. พวกเราได้เรียนภาษาญี่ปุ่นก่อนที่พวกเราจะไปประเทศญี่ปุ่น 3.2 ใช้กับการแสดงความปรารถนาในสิ่งที่ไม่เป็นจริงที่ได้เกิดขึ้นแล้วในอดีต เช่น • We wish we had passed the examination. พวกเขาอยากให้พวกเราสอบผ่าน ซึ่งในความเป็นจริงแล้วพวกเราสอบไม่ผ่าน ชั่วโมงที่ 2 4. ขั้นนำไปใช้หรือการบูรณาการความรู้(Production) 4.1 นักเรียนทบทวนโครงสร้าง Past Tense อีกครั้ง 4.2 นักเรียนดูรูปภาพและประโยคบน PowerPoint และช่วยกันเติมคำที่หายไป 4.3 นักเรียนช่วยกันเปลี่ยนรูปประโยค Past Simple Tense บน PowerPoint ให้เป็น Past Continuous Tense และ Past Perfect Tense 4.4 นักเรียนทำแบบฝึกหัดเรื่อง Past Tense (Past Simple, Past Continuous, and Past Prefect Tenses) ในเอกสารประกอบการเรียน 4.5 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยแบบฝึกหัดเรื่อง Past Tense (Past Simple, Past Continuous, and Past Prefect Tenses ในเอกสารประกอบการเรียน 5. ขั้นสรุปความรู้ที่ได้รับจากกระบวน การเรียนรู้(Wrap up) 5.1 สังเกตความเข้าใจของนักเรียนในการทำกิจกรรมและการเขียนประโยคภาษาอังกฤษโดยใช้Past Tense (Past Simple, Past Continuous, and Past Prefect Tenses ของนักเรียน
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 141 5.2 นักเรียนและครูร่วมกันสรุปเกี่ยวกับเนื้อหาเรื่อง Past Tense (Past Simple, Past Continuous, and Past Prefect Tenses เรื่องที่ 6 เรื่อง Botanical Garden จำนวนเวลาเรียน 2 ชั่วโมง วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบ 3Ps) กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) ชั่วโมงที่ 1 1. ขั้นการนำเข้าสู่บทเรียน (Warm-up) 1.1 นักเรียนทบทวนความรู้เรื่อง Tense ต่าง ๆ 1.2 นักเรียนเติมโครงสร้างประโยคของแต่ละ Tense ลงไปในตาราง Action Time Simple : V.1 Continuous : v. to be + V.ing Perfect : v. to have + V.3 Present S. + V.1 (-s / -es) S. + is / am / are + V.ing S. + have / has + V.3 Past S. + V.2 (-ed) Future S. + will + V.inf. 1.3 นักเรียนช่วยกันบอกหลักการใช้แต่ละ Tense 1.3.1 Present Simple Tense Form: S + V. 1 (s, es ในกรณีที่ประธาน เป็นเอกพจน์บุรุษที่ 3) ใช้แสดงเหตุการณ์ การกระทำที่เป็นจริงโดยทั่วไป หรือความจริงโดยธรรมชาติ, การกระทำ อันเป็นนิสัย Key Words: Adv. of Time: every day/week/month, once/ twice a week, on Monday, etc. Adv. of Frequency: always, usually, generally, , often, sometimes, never..etc 1.3.2 Present Continuous Tense Form : S + is / am / are + V.ing ใช้กับเหตุการณ์ หรือการกระทำที่กำลังเกิดขึ้นในขณะพูด, ใช้กับการกระทำที่อยู่ในระหว่าง การดำเนินการ แต่ในขณะพูดเหตุการณ์ยังไม่เกิดขึ้นก็ได้, และเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ Key Words : now, right now, at present, at the moment, presently, today, this week…etc Look! , Watch out! etc. 1.3.3 Present Perfect Tense Form : S + has / have + V.3 ใช้กับเหตุการณ์ หรือการกระทำที่เกิดขึ้นตั้งแต่อดีย ดำเนินมาเรื่อย ๆ จนถึงปัจจุบัน, และ เหตุการณ์ที่เพิ่งจะจบลงไปไม่นาน Key Words: since, for, yet, already, just, recently, before, after…etc 1.3.4 Past Simple Tense Form : S + V2
หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 3 (อ22121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 142 ใช้กับเหตุการณ์หรือ การกระทำที่เกิดขึ้นแล้วและจบสิ้นลงในอดีต, นิสัยที่เคยทำในอดีต และ การกระทำต่อเนื่องในอดีต Key Word : usually, yesterday, last week, in the old day, the other day formerly…, when I was young,-ago 1.3.5 Future Simple Tense Form : S + will / be going to + V.inf. ใช้แสดงการกระทำที่จะเกิดขึ้นในอนาคต Key Word : tomorrow, next week, tonight…etc. 1.4 นักเรียนทวนคำกริยา 3 ช่อง (Irregular Verb) โดยนักเรียนเขียนคำกริยาแบบ Irregular Verb เท่าที่ตนจำได้ ให้มากที่สุดเพื่อให้ครูเขียนบนกระดาน 1.5 นักเรียนช่วยกันรวบรวมความคิดและสรุปดังนี้ 1.5.1 โครงสร้างของประโยคของแต่ละ Tense 1.5.2 คำแสดงเวลาที่ใช้ในแต่ละ Tense 2. ขั้นการนำเสนอ (Presentation) 2.1 นักเรียนแต่งประโยคของแต่ละ Tense ซึ่งประกอบด้วยคำบอกเวลา 2.2 นักเรียนเขียนคำกริยา 3 ช่อง (Irregular Verb) ตามกลุ่มการจำใส่สมุด และบอกหลักการจำ 2.3 นักเรียนฟังครูอธิบายการเชื่อมโยงการใช้ Tense กับเวลา จากบทความสั้นๆ (Short Passage) และ / หรือจากข่าวและบทความในหนังสือพิมพ์ 2.4 นักเรียนฟังครูอธิบายเรื่องความแตกต่างของการใช้ที่สอดคล้องกันของ 2.4.1 Present Simple กับ Present Continuous ในการใช้ที่แตกต่างกัน 2.4.2 Present Continuous กับ Future Simple ในความหมายของความตั้งใจที่จะทำในอดีต 2.5 นักเรียนสอบถามครูผู้สอนเพิ่มเติมเมื่อนักเรียนไม่เข้าใจ ชั่วโมงที่ 2 3. การฝึก (Practice) 3.1. นักเรียนทำแบบฝึกหัดเรื่อง Tense ในเอกสารประกอบการเรียนรู้ในแต่ละเรื่อง 3.2 นักเรียนและครูช่วยกันตรวจสอบความถูกต้องและครูอธิบายเพิ่มเติม เมื่อนักเรียนไม่เข้าใจ 3.3 นักเรียนทำความเข้าใจคำกริยา 3 ช่อง (Irregular Verb) ตามกลุ่มจากหลักการจำ 4. การนำไปใช้ (Production) 4.1 นักเรียนเลือกพรรณไม้ที่ตนเองชอบ 5 ชนิดและนำมาแต่งประโยคโดยใช้ Tense ที่เรียนมา ได้แก่ Present Simple, Present Continuous, Present Perfect, Past Simple, and Future Simple ใ ห้ มี รายละเอียดของแต่ละ Tense ดังต่อไปนี้ - ชื่อ Tense - Structure - Sentence - แปลความหมายประโยค - รูปภาพประกอบ