เรียกนา้ ว่าแม่คงคา เรยี กฝนวา่ พระพริ ณุ เรยี กขา้ ววา่ แม่โพสพ และตน้ ไมน้ ้ันก็เช่ือว่ามีรกุ ขะเทวดาเฝา้ อาศยั อยู่ 137
รวมถงึ วัฒนธรรมเกย่ี วกบั การเพาะปลกู ในสมยั กอ่ นทม่ี ีการท้าพิธีขวัญควาย เพราะควายมีพระคณุ ต่อชาวนา
เกษตร มาจากศัพท์ภาษาอังกฤษว่า Agriculture เป็นแนวคิดตะวันตกแบบทุนนิยม เน้นความ
รา้่ รวยและผลประโยชน์สูงสุด นา้ ไปสกู่ ารท้าลายน้า ดนิ และทรัพยากรธรรมชาติทัง้ หมด ส่วนเกษตรสมัยใหม่
นั้น ท้าแบบผูกขาดครบวงจร ดังค้ากล่าวท่ีว่า “เกษตรนายทุนครบวงจร เกษตรกรครบวงจน” เป็นการท้า
เกษตรเชิงเดี่ยว มีการดดั แปลงพนั ธุกรรมพชื และสัตว์ ใช้เทคโนโลยแี ละเครื่องจักรในการผลิต เกษตรกรหันมา
ใช้สารเคม/ี ปุ๋ย / ยาฆา่ แมลง และฮอรโ์ มนตา่ ง ๆ ในภาคการเกษตร ท้าแบบครบวงจรเพ่ือสร้างระบบผูกขาด
ใช้กลไกตลาดเป็นตัวควบคุมราคา และท้ายที่สุดเปลี่ยนการผลิตเป็นเกษตรอุตสาหกรรม เช่น บริษัท CP
ค้นควา้ การผลิตไกแ่ บบไม่มีขน เน้นการใช้เทคโนโลยเี พื่อการผลิตและเนน้ ผลกา้ ไรสูงสุด
ปัจจัยท่ีท้าให้เกิดทุกข์ของแผ่นดินในระบบการศึกษา เศรษฐกิจการเมือง พิจารณาได้จากบันได
3 ข้ัน ของลัทธิการลา่ อาณานิคมสมยั ใหม่ ขนั้ ที่ 1 ครอบงา คือ ระบบการศึกษาที่แยกสว่ นปลูกฝงั อุดมการณ์
ทุนนิยม โดยระบบการศึกษาที่ล้มเหลว น้าสู่ระบบราชการท้าให้บูรณาการกันไม่ได้ ขั้นท่ี 2 ควบคุม คือ
ระบอบประชาธิปไตยแบบผู้แทนผูกขาดรัฐสภาที่ขาดคุณธรรมการเลือกต้ัง และการซ้ือเสียงเพ่ือได้อ้านาจ
บริหาร และนิติบัญญัติ รวมถึงการสร้างเศรษฐกิจแบบผูกขาด ข้ันท่ี 3 ยึดครอง คือ ยึดครองท่ีดินเกษตรโดย
ธนาคาร หรอื ภาคอตุ สาหกรรม
จากการขยายตัวของประชากรและเศรษฐกิจส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ท่ดี นิ
ไปสู่พ้ืนท่ีเกษตรอุตสาหกรรม และท่ีอยู่อาศัยมากขึ้น ส่งผลให้คุณภาพแหล่งน้าผิวดินเสื่อมโทรมลงปี 2551
คุณภาพน้าแหลง่ นา้ ผิวดนิ ดงั น้ี
22 % อยู่ในเกณฑ์ดี
54 % อย่ใู นเกณฑพ์ อใช้
24 % เสอ่ื มโทรม
0 % เสื่อมโทรมมาก
โดยแหล่งน้าผิวดินท่ีเส่ือมโทรมมากคือ แม่น้า เจ้าพระยาและท่าจีนตอนล่าง สะแกกรัง ลพบุรี เพชรบุรี
ตอนลา่ ง และล้าตะคอง ตอนล่าง ซึง่ มคี วามหนาแนน่ ของประชากร และกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
ท้ังน้ีผลกระทบจากการท้าเกษตรกรรมแบบทุนนิยม จะส่งผลผลกระทบข้างเคียงต่อเกษตรกร/
ผบู้ ริโภค ได้แก่
1. ผลกระทบต่อเกษตรกร สารพษิ สะสมในตัวเกษตรกร(80%) สุขภาพอ่อนแอเส่ียงต่อการเป็น
โรคร้ายแรง สดุ ทา้ ยหมดตวั จากการป่วยไข้
2. ผลกระทบต่อผ้บู ริโภค คอื บริโภคอาหารมีสารพิษและฮอร์โมนตกค้างเสี่ยงต่อโรครา้ ยแรงอายุ
สัน้ ตายกอ่ นวัยอันควร สารตกค้างท่ีพบมากท่ีสุด ในกะหล้่าปลี กะหล่า้ ปลสี ีม่วง กะหลา่้ ดอก คะน้า ถ่ัวฝักยาว
พริก ถัว่ ลันเตา สลัดแกว้ ผักกาดฮอ่ งเต้ บลอ็ กโคล่ี ผลไม้ทีม่ สี ารตกค้างมากทส่ี ุด ได้แก่ องุ่น ส้ม สตรอวเบอรี่
แคนตาลูป และแตงโม ตามล้าดับ ส่วนสารพิษตกค้างในอาหาร ผัก 4 อันดับท่ีมีสารตกค้างมากที่สดุ ได้แก่ 1)
ถัว่ ฝกั ยาว เกินค่าความปลอดภัย 2-10 เท่า2) ผกั ชีเกนิ ค่าความปลอดภยั 30-100 เทา่ 3) พรกิ จินดา เกิน
คา่ ความปลอดภัย 121 เท่า และ 4) คะน้า เกนิ ค่าความปลอดภยั 202 เท่า
3. ผลกระทบด้านภูมิปัญญาและวิถีท้องถ่ิน ท้าลายระบบการพึ่งพาตนเองของเกษตรกรปุ๋ย/ 138
เมล็ดพนั ธุ์พชื /พนั ธ์ุสัตว์ ทา้ ลายภมู ิปญั ญาท้องถ่ิน สมุนไพรวิถีการเพาะปลูกพชื การเลีย้ งสตั ว์
จากผลกระทบของการท้าเกษตรในระบบทุนนิยม แนวคิดหลักกสิกรรมจึงต้องมีคาถาเล้ียงดิน
เพื่อระลกึ ถงึ การทา้ เกษตร
ยุทธศาสตร์ของกสกิ รรมธรรมชาติ คือ “ดนิ ” ดินดีคอื ดนิ มชี วี ิต “เราเชื่อวา่ ดินมชี วี ติ ” เรามาช่วยกัน
“คืนชีวติ ให้แผ่นดนิ ” ตามพระราชด้าริของในหลวง รชั กาลที่ 9 ท่วี า่ จะท้าให้ดินดี อย่าปอกเปลอื กเปลือยดนิ
ให้ห่มดนิ บา้ รงุ ดนิ ดว้ ยแห้งชาม (ปุ๋ยหมกั ) น้าชาม (ปุ๋ยน้าหมกั ) และลกั ษณะการปลกู พชื ตามหลักกสกิ รรม
ธรรมชาติ ควรปลูกดอกไมล้ ่อแมลง เรยี กว่า การหลอกล่อ สมนุ ไพรไลแ่ มลง(เปล่ียนกลนิ่ พืช) ปลกู ดอกไมห้ ลาก
สี ดงึ ดดู ตัวห้า ตัวเบียน กับดกั แมลง ไฟลอ่ แมลง สว่ นการบรหิ ารจดั การน้าตามศาสตรพ์ ระราชา ใช้แนวคิด
“จากภผู า...สู่มหานที” ดงั ภาพ
สมุนไพร เจด็ รส ท่ีใชใ้ นการเกษตรตามหลักกสกิ รรม สรปุ ได้ ดังนี้ 139
1. นา้ หมักสมุนไพรรสจืด ไดแ้ ก่ ใบกลว้ ย ผกั บ้งุ รางจืด และพืชสมนุ ไพรทีม่ รี สจืดทกุ ชนิด
สรรพคณุ จะเป็นปุย๋ บ้ารุงดิน ใหด้ ินมีความร่วนซุย โปร่ง และทา้ ให้ดินไม่แข็ง และใชบ้ ้าบัดน้าเสียได้
2. น้าหมักสมุนไพรรสขม ไดแ้ ก่ ใบสะเดา บอระเพ็ด ใบขเ้ี หล็ก และพืชสมนุ ไพรท่ีมีรสขมทกุ
ชนิด สรรพคุณ สามารถฆา่ เชอ้ื แบคทีเรยี เพื่อสรา้ งภูมิคมุ้ กนั ใหก้ ับพชื
3. น้าหมักสมุนไพรรสฝาด ได้แก่ ปลีกล้วย เปลอื กมังคดุ เปลอื กฝร่งั มะยมหวาน และพืช
สมนุ ไพรท่มี รี สฝาดทุกชนิด สรรพคุณ ฆา่ เช้ือราในโรคพชื ทกุ ชนิด
4 . น้าหมักสมนุ ไพรรสเบ่ือเมา ได้แก่ หวั กลอย ใบเมลด็ สบู่ด้า ใบนอ้ ยหนา่ และพืชสมนุ ไพรทมี่ ี
รสเบือ่ เมาทกุ ชนิด สรรพคณุ ฆา่ เพลยี้ หนอน และ แมลง ในพืชผักทุกชนดิ
5.น้า หมกั สมนุ ไพรรสเปรี้ยว วัตถุดบิ ไดแ้ ก่ มะกรูด มะนาว กระเจ๊ียบ และพชื สมนุ ไพรทม่ี ีรส
เปร้ียวทกุ ชนดิ สรรพคุณ ไล่แมลงโดยเฉพาะ
6. น้าหมกั สมนุ ไพรรสหอมระเหย วัตถดุ ิบ ได้แก่ ตะไครห้ อม ใบกะเพรา ใบเตย และพชื สมนุ ไพร
มีรสหอมระเหยทกุ ชนดิ สรรพคุณจะเปน็ น้าหมกั ทเี่ ปลี่ยนกล่ินของต้นพชื เพือ่ ปอ้ งกันไมใ่ หแ้ มลงไปกัดกนิ ท้าลาย
7. นา้ หมกั สมุนไพรรสเผ็ดร้อนวตั ถุดบิ ไดแ้ ก่ พริกขิงข่าและพืชสมุนไพรทีม่ ีรสเผ็ดร้อนทุกชนิด
สรปุ ผลการเรียนรู้
พบว่า ผูเ้ ขา้ อบรมส่วนใหญ่มีความสนใจในเน้อื หาของการบรรยาย เนือ่ งจากบางเร่ืองเปน็ ความรู้
ใหม่ของผู้เข้าอบรม ท้าให้ผู้เข้าอบรมมีส่วนร่วมในการเรียน บรรยากาศในห้องเรียนจึงเป็นเวทีของการ
แลกเปล่ียนเรียนรู้ ท้าให้ผู้เข้าอบรมมีความรู้ความเข้าใจมากขึ้นเก่ียวกับปัญหาของทุนนิยมน้าไปสู่แนวคิด
กสิกรรมธรรมชาติ และเข้าใจ เห็นคุณค่าของการทา้ เกษตรกรรมตามหลกั กสิกรรม ทง้ั น้ี ผเู้ ข้าอบรมสามารถน้า
ความรู้จากการฟงั บรรยายของวิทยากรไปเผยแพร่ใหก้ บั องค์กรของตนเอง
7. หวั ข้อวิชา ฝกึ ปฏบิ ตั ิ “ฐานการเรยี นรู้” 5 ฐานเรยี นรู้
วทิ ยากร นางสาวพิมพ์ณดา ไมตรีเวช นักวิชาการพัฒนาชุมชนปฏิบัติการ และวิทยากรประจ้าฐานเรียนรู้
จ้านวน 10 คน
1. วัตถปุ ระสงค์
๑.1) เพ่อื ใหผ้ เู้ ข้ารบั การฝึกอบรมร้แู ละเข้าใจถงึ การน้อมนา้ หลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงมาปรับ
ใชใ้ นชวี ติ ประจา้ วัน และสามารถปฏิบตั จิ นเปน็ วถิ ชี วี ิต
1.2) เพอ่ื ผู้เข้าอบรมมที กั ษะ ความรูใ้ นแตล่ ะฐานการเรยี นรู้และน้าไปปฏิบตั ิได้
1.3) สามารถน้าความรู้และเทคนิคในฐานต่าง ๆ ไปประยุกต์ใช้เป็นอาชีพเสริมในครัวเรือน เพ่ือให้
เกดิ รายได้และพงึ่ พาตนเองได้
2. ประเดน็ เน้ือหา
2.1) ฐานเรยี นรู้ “คนรกั ษแ์ ม่ธรณี”
เนอื้ หาการเรียนรู้: การหม่ ดิน
2.2) ฐานเรียนรู้ “คนรกั ษแ์ มธ่ รณี” 140
เนื้อหาการเรียนร:ู้ การท้าปยุ๋ ชวี ภาพ
2.3) ฐานเรียนรู้ “คนมีนา้ ยา”
เนอ้ื หาการเรียนรู้: การทา้ นา้ ยาอเนกประสงค์ สูตรสองคหู่ ู
2.4) ฐานเรยี นรู้ “คนรกั ษ์น้า”
เนอื้ หาการเรียนรู้: การท้าลูกระเบดิ จลุ ินทรีย์
2.5) ฐานเรียนรู้ “หนงึ่ งานบา้ นพอเพยี ง”
เนื้อหาการเรียนรู้: การทา้ อาหารไก่แบบพอเพียง สูตรเปล่ียนศตั รมู าเปน็ มติ ร
3. ระยะเวลา จ้านวน ๖ ช่ัวโมง
4. วิธกี าร/เทคนคิ
4.1) วิทยากรประจ้าฐานบรรยายเพื่อให้มีความรู้ เกี่ยวกับฐานการเรียนรู้ ฝึกปฏิบัติและตอบข้อ
ซักถาม
4.2) วิทยากรมอบหมายให้ผู้เขา้ รบั การฝึกอบรมลงมอื ฝกึ ปฏบิ ัติด้วยตนเอง
4.3) ผูเ้ ข้ารับการฝกึ อบรมสรุปผลกิจกรรมเป็นรายกลุ่ม
5. วัสดุ/อปุ กรณ์
5.1) วสั ดุ/อปุ กรณ์ ประจ้าฐานเรยี นรู้
5.2) เอกสารองคค์ วามร้ใู นแตล่ ะฐานเรียนรู้
5.3) บอรด์ , ปากกา, กระดาษฟลิปชาร์ท
5.4) อปุ กรณข์ ยายเสยี ง, ไมคโ์ ครโฟน
6. ขน้ั ตอน/วิธกี าร
6.1) วิทยากรแนะน้าตัวเอง เน้ือวิชา แผนผังจุดเรียนรู้ และแนะน้าวิทยากรประจ้าจุดเรียนรู้ทั้ง 5
ฐานเรียนรู้ และมอบโจทย์ ดังนี้
1) ท่าน ได้เรยี นรู้อะไรจากการฝึกปฏบิ ัติ
2) ท่าน จะนา้ ไปปรับใช/้ ประยุกตใ์ ช้ กบั ตนเอง ชมุ ชน และองคก์ ร อย่างไร
และใหแ้ ต่ละกลุม่ สี วิเคราะหส์ ่งิ ทีไ่ ดจ้ ากการฝึกปฏิบตั ิ ตามโจทย์ทไี่ ดร้ บั มอบหมายโดยมีเวลาน้าเสนอ
กลุม่ ละ 10 นาที
6.2) วิทยากรอธิบายกติกาการฝึกปฏิบัติให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมทราบ คือ ผู้ใหญ่บ้านใส่รหัสสวัสดี
วิทยากร และกลุ่มสีให้กลุ่มสีน้าเสนอสโลแกน ท่าประจ้าบ้าน ก่อนเร่ิมเรียนนรู้ ณ ฐานเรียนรู้ทุกจุด และเม่ือ
เสรจ็ ส้ินกจิ กรรมในแต่ละจุดใหผ้ ู้ใหญ่บ้านใสร่ หัสขอบคณุ วิทยากร
6.3) วิทยากรประจ้าฐานเรยี นรู้ นา้ ผเู้ ข้ารับการฝึกอบรมแต่ละกลุม่ สี ไปที่ฐานเรียนรู้
6.4) วิทยากรประจ้าฐานเรียนรู้ อธิบายเนื้อหาความรู้และน้าผู้เข้ารับการฝึกอบรมลงมือฝึกปฏิบัติ
(ฐานเรียนรู้ละ 40 นาที)
1) ฐานเรียนรู้ “คนรกั ษ์แมธ่ รณี” 141
เนื้อหาการเรยี นร้:ู การห่มดนิ
การห่มดนิ ตามหลักกสิกรรมธรรมชาติ โดยใช้ฟาง เศษหญ้า หรอื ใบไม้ที่สามารถย่อยสลายได้
เองตามธรรมชาติห่มหรอื คลุมลงบนหน้าดิน และใส่ปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพลงไป เพ่ือให้อาหารแก่ดิน ดิน
จะปลอ่ ยธาตอุ าหารให้พืชโดยกระบวนการย่อยสลายของจุลินทรีย์ เรยี กหลักการนี้วา่ “เล้ยี งดิน ให้ดนิ
เลีย้ งพชื ”
1) ห่มดินด้วยฟาง เศษหญ้า หรือใบไม้ รอบโคนต้นไม้ประเภทไม้ยืนต้นหรือพืชที่เราปลูก
หา่ งจากโคนตน้ ไม้หรือพืชทป่ี ลูก 1 คืบ ห่มหนา 1 คืบ ถงึ 1 ฟุต ต้องท้าเปน็ วงเหมือนโดนัท
2) โรยด้วยปุ๋ยคอก (มูลสัตว์) บาง ๆ และรดด้วยน้าหมักชีวภาพผสมน้าเจือจาง อัตราส่วน
1 : 100 - 200 หรอื เรยี กขั้นตอนนีว้ ่า “แห้งชาม น้าชาม”
2) ฐานเรียนรู้ “คนรกั ษ์แมธ่ รณี” เนอ้ื หาการเรียนรู้: การทาป๋ยุ ชวี ภาพ
ปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพ หมายถึง สารธรรมชาติที่ได้จากกระบวนการหมักบ่มวัตถุดิบจาก
ธรรมชาติต่าง ๆ ท้ังพืช และสัตว์จนสลายตัวสมบูรณ์เป็นฮิวมัส วิตามิน ฮอร์โมน และ สารธรรมชาติ
ต่าง ๆ ซึ่งเป็นท้ังอาหารของดิน ตัวเร่งการท้างานของสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ที่อาศัยอยู่ในดิน และอาศัยอยู่
ปลายรากของพชื ทส่ี ามารถสร้างธาตอุ าหารกว่า ๙๓ ชนิด ใหแ้ ก่พืช
ปุ๋ยหมักแห้งอนิ ทรียช์ วี ภาพ (ชนดิ ผง) สตู รมลู สัตว์
สว่ นประกอบ
- มลู สัตว์ ๑ กระสอบ
- แกลบ เศษใบไม้ หรอื ซงั ข้าวโพด ๑ กระสอบ
- ขเี้ ถ้าแกลบ ๑ กระสอบ
- รา้ ออ่ น ๑ กระสอบ
- นา้ สะอาด ๑๐ ลติ ร (ถ้าวตั ถุดบิ แหง้ มากกส็ ามารถเพ่ิมปรมิ าณข้นึ )
- หัวเชื้อจลุ ินทรยี เ์ ข้มข้น ๑ ลติ ร
วธิ ีทา
๑) นา้ มลู สัตว์ แกลบ ขี้เถา้ แกลบ และร้าออ่ นมาผสมคลกุ เคลา้ ใหเ้ ข้าเปน็ เน้ือ
เดยี วกนั
๒) ผสมน้ากับหัวเชื้อจุลินทรีย์เข้มข้นให้เข้ากัน รดลงบนกองวัสดุ และผสมให้เข้ากัน
จนมีความชื้นประมาณ ๓๕% โดยทดลองก้าดูจะเกาะกันเป็นก้อนได้แต่ไม่เหนียว และเม่ือ
ปล่อยทงิ้ ลงพน้ื จากความสงู ประมาณ ๑ เมตร กอ้ นปุย๋ จะแตกแตย่ ังมีรอยนว้ิ มือเหลืออยู่
3) คลุกเคลา้ ใหเ้ ขา้ กันดี ตกั ปยุ๋ ใสก่ ระสอบ และมัดปากถุงให้แนน่
๔) กองกระสอบปุ๋ยซ้อนกันเป็นชั้น ๆ และควรวางกระสอบแต่ละตง้ั ให้ห่างกัน เพื่อให้
ความรอ้ นสามารถระบายออกไดท้ ง้ั ๔ ดา้ น เพ่ือไมต่ ้องกลบั กระสอบทกุ วัน
๕) ทิ้งไว้ประมาณ ๕-๗ วัน ตรวจดูว่ามีกลิ่นหอมและไม่มีไอร้อน ก็สามารถน้าไปใช้
งานและเกบ็ รกั ษาไวไ้ ดน้ าน
ป๋ยุ นา้ หมกั รสจืด ทาจากหน่อกล้วย (จุลนิ ทรีย์หนอ่ กล้วย) ซ่งึ ช่วยเป็นปยุ๋ บ้ารุงดนิ ใหด้ ินมีความรว่ น
ซยุ โปรง่ และทา้ ให้ดินไมแ่ ข็ง และสามารถใช้บา้ บัดนา้ เสยี ได้ดว้ ย
1.1) ส่วนประกอบ
- หนอ่ กลว้ ย เอาพร้อมราก เงา้ ของหน่อกล้วย สูงไม่เกิน 1 เมตร 3 กิโลกรัม
- กากนา้ ตาล 1 กโิ ลกรัม 142
1.2) วิธที า
1) น้าหนอ่ กลว้ ยทไี่ ด้มาห่ันเป็นแว่นบาง ๆ หรือบดให้ละเอยี ด จ้านวน 3 กิโลกรมั
2) น้ามาคลุกกับกากน้าตาล จ้านวน 1 กิโลกรัม คลุกเคล้าให้เข้ากัน น้าใส่ถาด
หมักไว้ 7 วนั คนทกุ วนั เชา้ - เยน็ พอถึง 7 วนั ใสถ่ งั ปดิ ฝาให้สนิท
3) ฐานเรยี นรู้ “คนมนี ้ายา” เน้ือหาการเรยี นรู้: การทาน้ายาอเนกประสงค์ สตู รสองคู่หู
ในการฝึกปฏิบัตใิ นฐานคนมนี ้ายา วิทยากรบรรยายในความรู้เกย่ี วกับประโยชนข์ องการท้าน้ายา
ใช้เอง วิธีการท้าน้ายาอเนกประสงค์ สูตรน้าหมักรสเปรี้ยว การท้าน้าหมักรสเปรี้ยว และวิธีการใช้
น้ายาให้เกิดประสิทธิภาพ ใหผ้ ูเ้ ขา้ อบรมฝกึ ปฏิบัติการท้าน้ายาอเนกประสงค์ สูตรน้าหมักรสเปรี้ยว มี
ขั้นตอนดงั น้ี
นา้ ยาอเนกประสงคส์ ูตรสองคหู่ ู
1.1 วัสดุอุปกรณ/์ วตั ถุดบิ
1) มะกรูด
2) มะละกอ
3) เอน็ 70 (N70)
4) เกลือ
5) โซดา
6) น้าเปลา่
7) หมอ้ ต้มแบบมีฝาปดิ
8) ถงั (สา้ หรับกวน)
9) ผ้าขาวบาง
10) ไม้พาย
11) ถงั แก๊ส
1.2 วิธที า
1) ห่ันมะละกอดิบเป็นช้ินเล็ก ๆ เอาเมล็ดออกให้หมด และน้าไปใส่หม้อตม้ ท่ีตม้ น้า
ไว้ 8 ลติ ร รวมกบั มะกรดู อยา่ งละ 2 กโิ ลกรัม (มะกรดู ตม้ ท้งั ผล) ใหต้ ้มจนมะละกอและ
มะกรูดมีสนี า้ ตาล และนา้ ลดเหลือประมาณ 7 ลติ ร และปดิ แกส๊
2) นา้ น้าที่ตม้ ไวก้ รองไว้ด้วยผา้ ขาวบาง และเก็บน้าต้มไว้ในภาชนะ
3) นา้ N70 ใส่ในถงั พลาสตกิ และใส่เกลอื ตามลงไป ใช้ไม้พายกวนให้เปน็ เนอื้
เดยี วกนั เตมิ โซดา และกวนตอ่ อีก
4) คอ่ ย ๆ เตมิ น้าท่ีต้มไว้ ท้ังหมดลงในถัง และกวนให้เป็นเนื้อเดยี วกัน
5) ทง้ิ ไว้ใหฟ้ องยุบลง และน้าไปบรรจขุ วด เพอื่ เกบ็ ไวใ้ ช้งาน
143
4) ฐานเรียนรู้ “คนรกั ษน์ ้า” เนอื้ หาการเรียนรู้: การทาลูกระเบิดจลุ นิ ทรีย์
ในการฝึกปฏิบัติในฐานเรียนรู้คนรักษ์น้า วิทยากรให้องค์ความรู้เก่ียวกับลูกระเบิดจุลินทรีย์ เป็น
ลูกระเบิดจุลินทรีย์ ซึ่งเป็นตัวช่วยบ้าบัดน้าเสียให้เป็นน้าใส เพราะ “น้า” เป็นปัจจัยที่ส้าคัญส้าหรับ
การด้ารงชีวติ ของสิง่ มชี วี ิต และย่อมเกิดความเดอื ดรอ้ นเมอ่ื เกิดสภาวะน้าเน่าเสียข้ึนมา
วิธีการบ้าบัดง่าย ๆ ท้าได้โดยการน้าน้าหมักชีวภาพมาผสมกับส่วนผสมอ่ืน ๆ ปั้นเป็นลูกระเบิด
จลุ ินทรีย์ เมื่อโยนลงไปในน้าแลว้ จะช่วยบ้าบดั นา้ ทเ่ี น่าเสยี ใหใ้ สและไมส่ ่งกล่ินเหมน็ เพ่มิ ออกซเิ จนใน
รวมทัง้ ไรน้า ซง่ึ เป็นอาหารธรรมชาตทิ ี่ส้าคญั ย่งิ ของสตั ว์น้าพวก ปู กุ้ง ปลา และหอยอกี ดว้ ย
สตู รทาลูกระเบดิ จุลนิ ทรียอ์ ยา่ งงา่ ย
1) วัสดุ ส่วนผสม
1. ปุ๋ยอินทรีย์แบบแห้ง ถ้าหาไม่ได้ ใช้อินทรีย์วัตถุ เช่น ใบไม้แห้ง ฟาง หญ้า ชาน
ออ้ ย ขุยมะพรา้ ว 1 ส่วน
2. มลู สัตว์ เชน่ ไก่ แพะ ววั ควาย 1 สว่ น
3. ดินโคลนเลน ถ้าหาไม่ได้ ใช้ดินธรรมดาแทนได้ แต่ต้องเนื้อเหนียวหนอ่ ย เพราะ
จะป้ันเป็นลกู งา่ ย 1 สว่ น
4. ร้า 1/2 ส่วน
5. ปยุ๋ น้าหมกั ชีวภาพ รสจดื หมักจากเศษอาหาร ผัก แยกเศษเนอื้ สัตวอ์ อก ควรเปน็
รสจืดจะชว่ ยบ้าบัดน้าไดด้ ี ควรใชป้ ุ๋ยนา้ ท่ีหมักไว้แลว้ อย่างนอ้ ย 3 เดือน ถ้าหมักไม่ทันกใ็ ช้ปุ๋ย
นา้ หมักชีวภาพทม่ี ีขายตามรา้ นค้าได้ ผสมน้าในอตั รา 1:1 สว่ น
2) วิธกี ารทา
1. ผสมส่วนผสมทั้งหมดคลุกให้เข้ากนั แลว้ รดดว้ ยปุย๋ น้าหมักชวี ภาพผสมน้า พอให้
สว่ นผสมช้ืน คลุกให้เขา้ กนั ลองหยิบสว่ นผสมมาบบี ดู พอให้มีนา้ ซมึ ๆ ออกมาตามง่ามน้ิว ถือ
ว่าใชไ้ ด้ ไม่เละ หรอื เหลวเกนิ ไป
2. ปั้นเป็นลูกขนาดพอเหมาะหรือขนาดเท่าลูกเปตอง วางผึ่งไว้ในท่ีร่มจนแห้ง น้า 144
วัสดุท่ีสามารถระบายอากาศได้คลุม ประมาณ 4-7 วัน (ห้ามโดดแดด โดนฝน) จึงสามารถ
น้าไปบ้าบดั น้าได้
3) วิธกี ารบาบัดน้าเสีย
1. โยนลูกระเบิด โดยใช้ในอัตราส่วน 5 กิโลกรัม ต่อ น้า 1 ล้านลิตร หรือ 25-50
กโิ ลกรัม ตอ่ พนื้ ท่ี 1 ไร่ หรอื 4 ก้อน ต่อ 1 ลูกบาศก์เมตร ทั้งน้ีขึ้นอย่กู บั สภาพน้าท่ีเนา่ เสยี
2. น้าน้าหมักชีวภาพ ราดบริเวณขอบบ่อหรือสระที่ต้องการบ้าบัดน้าเสีย และน้า
น้าหนักราดเป็นรูปเครื่องหมายคูณ บริเวณกลางบ่อหรือสระ ลูกระเบิดจะแตกภายใน
21 นาที บ้าบดั น้าจาก ล่าง ขึ้น บน และใสป่ ยุ๋ นา้ ชวี ภาพ จาบา้ บัดน้า จาก บน ลง ลา่ ง
5) ฐานเรียนรู้ “หน่ึงงาน บ้านพอเพียง เนื้อหาการเรียนรู้: การทาอาหารไก่แบบพอเพียง
สูตรเปล่ยี นศตั รูมาเป็นมติ ร
ในการฝึกปฏิบัติฐานเรยี นรู้หน่ึงงานบา้ นพอเพยี ง ซง่ึ เป็นฐานเรียนรทู้ ่มี อี งค์ความรหู้ ลากหลาย ใน
การอบรมครงั้ วิทยากรได้ใหค้ วามรู้เกย่ี วกับการท้าอาหารไก่แบบพอเพียง โดยใหผ้ ้เู ข้าอบรมฝึกปฏิบัติ
มีส่วนผสมและวิธที ้า ดังน้ี
วตั ถุดิบ/อุปกรณ์
1) ผักตบชวา ไม่เอาราก
2) นา้ ตาลทราย
3) เกลอื
4) ถังสา้ หรบั หมกั
5) มดี
6) เขียง
วิธีการทา
1) แบ่งผกั ตบชวาออกเป็น 4ส่วนๆละ12.5กโิ ลกรมั จะบรรจไุ ด้เตม็ ถังขนาด50 ลิตร พอดี
2) จากนั้นใส่ผกั ตบชวาลงไปในถงั พลาสตกิ ชน้ั ลา่ งสุดประมาณ 12.5กโิ ลกรัมเหยยี บกดลงไปใหแ้ น่น
3) โรยนา้ ตาลทรายชัน้ ละ 0.5 กิโลกรัม
4) โรยทับดว้ ยเกลืออีกประมาณ 1 ก้ามือ เสรจ็ ชั้นที่ 1
5) ท้าเหมอื นกันซ้าอีกจนครบ 4 ชนั้ จะเตม็ ถังพอดี
6) ปดิ ฝาถงั ให้สนิท ตงั้ ไวใ้ นที่ร่มหมกั นาน 21 วัน สามารถน้าไปใช้เลีย้ งสัตวไ์ ด้
145
เมื่อเสร็จสิ้นการเรียนรู้ทั้ง 5 ฐานเรียนรู้ ให้พร้อมกันที่ห้องอบรม สรุปผลกิจกรรมเป็นรายกลุ่มและ
วทิ ยากรสรปุ เตมิ เตม็
7. สรปุ ผลการเรียนรู้
7.1) ฐานเรยี นรู้ “คนรกั ษ์แมธ่ รณี”
เนือ้ หาการเรยี นรู้: การห่มดิน
การห่มดนิ ตามหลักกสิกรรมธรรมชาติ โดยใชฟ้ าง เศษหญา้ หรอื ใบไม้ที่สามารถย่อยสลายได้
เองตามธรรมชาติห่มหรือคลุมลงบนหน้าดิน และใส่ปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพลงไป เพื่อให้อาหารแก่ดิน ดิน
จะปลอ่ ยธาตอุ าหารให้พชื โดยกระบวนการย่อยสลายของจลุ ินทรีย์ เรียกหลักการนว้ี า่ “เลีย้ งดนิ ให้ดนิ
เลี้ยงพืช”
7.2) ฐานเรียนรู้ “คนรักษ์แม่ธรณี”
เนอ้ื หาการเรียนรู้: การทาป๋ยุ ชวี ภาพ
ปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพ หมายถึง สารธรรมชาติท่ีได้จากกระบวนการหมักบ่มวัตถุดิบจาก
ธรรมชาติต่าง ๆ ท้ังพืช และสัตว์จนสลายตัวสมบูรณ์เป็นฮิวมัส วิตามิน ฮอร์โมน และ สารธรรมชาติ
ต่าง ๆ ซึ่งเป็นทั้งอาหารของดิน ตัวเร่งการท้างานของส่ิงมชี ีวิตเล็ก ๆ ท่ีอาศัยอยู่ในดิน และอาศัยอยู่
ปลายรากของพืชทสี่ ามารถสรา้ งธาตอุ าหารกว่า ๙๓ ชนดิ ใหแ้ กพ่ ืช
น้าหมักสมุนไพร 7 รส เป็นสูตรที่รวมรสของสมุนไพรที่มี รสจืด ขม ฝาด เบ่ือเมา เปรี้ยว
หอมระเหย และ เผ็ดร้อน มีคุณสมบัติในการก้าจัดแมลงศัตรูพืชเข้าไว้ในสูตรเดียวกัน เพ่ือเพ่ิม
ประสิทธิภาพในการป้องกันและก้าจัดแมลงศัตรูพืชผัก โดยการท้าน้าหมักสมุนไพร 7 รส
เป็นการเลือกเอาสมุนไพรรสต่าง ๆ มาท้าน้าหมักจุลินทรีย์ชีวภาพ ให้เกิดประโยชน์มากย่ิงขึ้นใน
การทา้ นาหรือเพาะกลา้ ข้าว
7.3) ฐานเรียนรู้ “คนมนี ้ายา”
เนอื้ หาการเรียนรู้: การทานา้ ยาอเนกประสงค์
การทา้ นา้ ยาอเนกประสงค์ใช้ในครวั เรือนเพื่อลดรายจ่าย และสามารถเพม่ิ รายได้ให้กบั ครวั เรือน
การลด ค่าใช้จ่ายในครัวเรอื นในแต่ละเดือนครอบครัวของเราจ่ายเงินไปเท่าไรในการซอื้ น้ายาซักผ้า
น้ายาล้างจาน น้ายาล้างรถ หรือน้ายาท้าความสะอาดสารพัดล้าง แล้วสินค้าที่เราซื้อมาใช้นั้นดีจริง
อย่างที่เขาโฆษณาหรือเปล่า ดังนั้นเราจึงลองใช้ภูมิปัญญาเพื่อพึ่งพาตนเอง มาท้าผลิตภัณฑ์ดีและ 146
ราคาถกู ใชเ้ อง
7.4) ฐานเรียนรู้ “คนรักษ์นา้ ”
เนือ้ หาการเรยี นร:ู้ การทาลกู ระเบิดจุลนิ ทรยี ์
ลูกระเบิดจลุ นิ ทรีย์ ตวั ชว่ ยบา้ บดั นา้ เสียให้เป็นน้าใส เพราะ “น้า” เป็นปัจจัยท่ีส้าคัญส้าหรับ
การด้ารงชีวิตของส่ิงมีชีวิต และย่อมเกิดความเดือดร้อนเม่ือเกิดสภาวะน้าเน่าเสียข้ึนมา ซึ่งจากการ
ทดลองของการใช้ลูกระเบิดจุลินทรีย์ตามหลักกสิกรรมธรรมชาติพบว่า สามารถเพิ่มค่า
DO (Dissolved Oxygen) หรือค่าออกซิเจนที่ละลายในน้าจาก 3.5 ppm (หรือส่วนในล้านส่วน)
เป็น 6.5 ppm ในเวลา 22 นาที เป็นการเพ่ิมออกซิเจนให้กับน้า ซึ่งออกซิเจนเป็นส่ิงท่ีจ้าเป็น
อยา่ งยิ่งส้าหรบั ปลาหอยพืช และแอโรบิกแบคทเี รยี (แบคทเ่ี รียท่ตี อ้ งการออกซิเจน)
7.5) ฐานเรยี นรู้ “หนึง่ งาน บ้านพอเพยี ง”
เน้อื หาการเรยี นรู้: การทาอาหารไก่แบบพอเพียง สูตรเปล่ยี นมาเปน็ มิตร
เกษตรกรเป็นจ้านวนมากต้องประสบกับภาวะราคาต้นทุนอาหารที่เพ่ิมข้ึน จากภาวการณ์ที่
เกดิ ขึ้น ไดส้ ง่ ผลกระทบเปน็ อยา่ งมากต่อเกษตรกรผู้เล้ียงรายย่อย ที่มีจา้ นวนไม่นอ้ ยท่ีไม่ สามารถแบก
รบั ภาระต้นทุนค่าอาหารที่เพ่ิมข้ึนได้ จนท้าให้ต้องเลิกอาชีพการเล้ียงสัตว์ไป ในช่วงระยะเวลาท่ีผ่าน
มา เพ่ือเป็นการแก้ไขปัญหาและท้าให้เกษตรกรสามารถเลี้ยงสัตว์เพื่อสร้างรายได้ต่อไปได้ จึงได้มี
การนา้ แนวคดิ เก่ยี วกับการใช้วตั ถุดิบอาหารสัตว์ในท้องถนิ่ มาผสมขึน้ เปน็ อาหารใช้เอง ทดแทนการซื้อ
อาหารสา้ เรจ็ รูป
8. รปู ภาพกิจกรรม
8.1) ฐานเรยี นรู้ “คนรักษ์แม่ธรณี”เนอ้ื หาการเรียนร:ู้ การห่มดนิ
8.2) ฐานเรยี นรู้ “คนรักษแ์ ม่ธรณี”เนอ้ื หาการเรียนรู:้ การท้าปยุ๋ ชวี ภาพ
8.3) ฐานเรยี นรู้ “คนมีนา้ ยา”เนื้อหาการเรียนรู้: การท้านา้ ยาอเนกประสงค์ สูตรสองคู่หู
147
8.4) ฐานเรยี นรู้ “คนรกั ษ์น้า”เนอ้ื หาการเรยี นรู้: การท้าลกู ระเบดิ จลุ ินทรีย์
8.5) ฐานเรียนรู้ “หนง่ึ งานบา้ นพอเพียง”เน้อื หาการเรียนรู้: การท้าอาหารไก่แบบพอเพียง สตู รเปลย่ี นศัตรูมา
เป็นมติ ร
8. หัวข้อวิชา ถอดบทเรียนผ่านส่ือ “แผ่นดินไทย” ตอน แผ่นดินวิกฤต และ “วิถีภูมิปัญญาไทยกับการ 148
พึ่งตนเองในภาวะวกิ ฤต”
วทิ ยากร นางประภา ปานนิตยกลุ ผูอ้ ้านวยการศนู ย์ศกึ ษาและพัฒนาชุมชนนครนายก
1. วัตถปุ ระสงค์
๑.1) เพือ่ ใหผ้ ู้เรียนไดส้ งั เคราะห์ความรูท้ ีไ่ ด้รับจากวิทยากรท่ไี ด้มาบรรยายในแต่ละวิชา มาสังเคราะห์
ความรผู้ า่ นการถอดบทเรียนจากสอื่
1.2) เพ่ือให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมตระหนักถึงความส้าคัญของการน้อมน้าหลักปรัชญาเศรษฐกิจ
พอเพยี งไปประยกุ ต์ใชใ้ นการด้ารงชวี ติ
1.3) เพื่อให้ผู้อบรมมีความรู้ความเข้าใจสถานการณ์โลกปัจจุบันกับการเปลี่ยนแปลงของดิน
ฟา้ อากาศ และตระหนักถงึ วกิ ฤตปญั หาด้านดนิ น้า ลม ไฟ โรคตดิ ต่อระบาดที่อาจเกิดข้ึนในประเทศไทยและ
การปอ้ งกนั ภยั
2. ประเด็นเนื้อหา
2.1) การพ่งึ พาตนเองในภาวะวกิ ฤต
2.2) การนอ้ มนา้ หลักปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งไปประยุกต์ใช้ในการดา้ รงชีวิต
2.3) ภาวะวิกฤตสังคมโลก สังคมไทย ในปัจจุบนั
2.4) หาทางออกวกิ ฤตดว้ ยศาสตรพ์ ระราชา
3. ระยะเวลา
จา้ นวน 2 ชว่ั โมง
4. วิธีการ/เทคนิค
4.1) ชมสอ่ื วดี ีทศั น์
4.2) วธิ กี ารแบง่ กลมุ่ ระดมสมอง รว่ มกันสงั เคราะห์องค์ความรู้
4.3) นา้ เสนอขอ้ มลู รายกลุ่มตามโจทยท์ ่ไี ด้รับมอบหมาย
4.4) สร้างกระบวนการมีสว่ นร่วมดว้ ยการถาม-ตอบ
5. วสั ดุ/อปุ กรณ์
5.1) ส่ือวีดีทัศน์ แผ่นดินไทย ตอน แผ่นดินวิกฤต และสื่อวีดีทัศน์ “พ่อเลี่ยม บุตรจันทา” ปลดหนี้
ดว้ ยศาสตรพ์ ระราชา: คนรกั ษป์ า่
5.2) เคร่อื งคอมพิวเตอร์ เครื่องฉาย และจอภาพ
5.3) กระดาน กระดาษฟลปิ ชารต์ ปากกา กระดาษกาว
6. ขั้นตอน/วธิ ีการ
6.1) วิทยากรแนะน้าตนเอง และช้ีแจงวัตถุประสงค์ของวิชา เกร่ินน้าก่อนเข้าสู่บทเรียนในประเด็น
สถานการณข์ องโลก ประเทศไทย
6.2) วทิ ยากรให้ชมชมสือ่ วีดีทัศน์ แผน่ ดนิ ไทย ตอน แผน่ ดินวกิ ฤต
6.3) วิทยากรมอบโจทย์ในการเรียนรู้ คือ ได้อะไรจากการชมส่ือวีดีทัศน์ ข้อคิด และมุมมองใน 149
การแกป้ ัญหาเชงิ บวก
6.4) กลมุ่ สีแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกันระดมสมองตามโจทยท์ ่ีได้รับ
6.5) แต่ละกลมุ่ สนี ้าเสนอ และแลกเปลยี่ นเรียนรู้
6.6) วทิ ยากรสรปุ เติมเต็ม และสร้างกระบวนการเรียนรู้ดว้ ยการใชว้ ิธกี าร ถาม-ตอบ และให้ผูเ้ ข้ารับ
การฝึกอบรมให้ข้อเสนอแนะเพ่มิ เตมิ
6.7) วิทยากร เกร่ินน้าในประเด็น สถานการณ์วิกฤตในปัจจุบันท่ีมนุษย์รวมถึงคนไทยก้าลังเผชิญ
การพ่ึงตนเองด้วยศาสตร์พระราชา และให้ชมส่ือวีดีทัศน์ของบุคคลตัวอย่างที่ฝ่าวิกฤตในชีวิตด้วยศาสตร์
พระราชา “พอ่ เล่ียม บุตรจันทา” ปลดหนีด้ ้วยศาสตร์พระราชา: คนรกั ษป์ ่า
6.8) วิทยากรสร้างการมีส่วนร่วมแก่ผู้รับการฝึกอบรม โดยใช้วิธีการถาม-ตอบ เพ่ือกระตุ้นให้เกิด
กระกวนการคดิ และกระตอื รอื ร้น ดว้ ยประเด็นคา้ ถาม “ได้ข้อคดิ /มุมมองอะไรบา้ ง และจะท้าอะไรตอ่ ไป”
7. สรุปผลการเรยี นรู้
7.1) สรปุ ผลการเรียนรู้ ถอดบทเรยี นผา่ นสอ่ื วดี ที ัศน์ “แผน่ ดินไทย” ตอน แผ่นดินวิกฤต จาก การ
สงั เคราะห์ความรูข้ องผ้เู ข้ารับการฝกึ อบรม ท้ัง 5 กลมุ่ สี สรุปไดด้ งั น้ี
ขอ้ คดิ ท่ีไดร้ ับจากการชมส่ือ มุมมองในการแก้ไขปัญหาเชิงบวก
1) เกดิ ภัยพิบตั ิทางธรรมชาติ 1) แก้ไขด้วยการพึ่งตนเอง สร้างภูมิคุ้มกัน ด้วย
2) ชาวบา้ นไม่มีที่ทา้ กนิ แนวคดิ ของปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง
3) เกิดการยา้ ยถน่ิ ฐาน 2) ปลูกฝังจติ สา้ นกึ รกั บ้านเกิด รกั ษาสิ่งแวดลอ้ ม
4) คนวา่ งงาน 3) สร้างความมั่นคงทางอาหาร และผลิตอาหารที่
5) ขาดแคลนอาหาร และแหล่งอาหาร ปลอดภยั
6) การพัฒนาทางเทคโนโลยีท่ีเปลี่ยนแปลงไปอยา่ ง 4) แสวงหาความรู้ สร้างภมู คิ ุ้มกันทางปัญญา
รวดเรว็ 5) หาเหตขุ องปัญหา และแก้ไขให้ตรงจุด
7) ระบบทุนนิยมที่เข้ามามีอิทธิพลต่อระบบ
โครงสรา้ งทางสงั คม
8) ความเหลอื่ มทางสงั คม
7.2) สรุปผลการเรียนรู้ ถอดบทเรียนผ่านสื่อวีดีทัศน์ พ่อเลี่ยม บุตรจันทา” ปลดหน้ีด้วยศาสตร์
พระราชา: คนรักษ์ป่า จากการสังเคราะห์ความรู้จากประเด็นค้าถาม “ได้ข้อคิด/มุมมองอะไรบ้าง และจะท้า
อะไรตอ่ ไป” ของผเู้ ขา้ รบั การฝกึ อบรม ท้ัง 5 กลุม่ สี สรปุ ไดด้ งั นี้
ประเด็นที่ 1 ได้ข้อและมุมมองอะไรบ้าง
- การท้าบัญชีครัวเรือน เพื่อให้รู้จักตนเอง เพราะรู้ตัวเอง ก็จะทราบถึงปัญหา และสามารถ
แก้ไขปญั หาไดอ้ ยา่ งตรงจุด
- การพงึ่ ตนเองดว้ ยการนอ้ มหลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใชก้ ารดา้ เนินชวี ติ
- การวางแผนชวี ติ ลว่ งหน้า เพอื่ สามารถพงึ่ ตนเองไดใ้ นภาวะวกิ ฤต
ประเด็นที่ 2 จะท้าอะไรต่อ
- นา้ องค์ความรู้การท้าบญั ชคี รวั เรือนไปท้าในครอบครวั 150
- ส่งเสริมการใช้ชีวติ ดว้ ยศาสตรพ์ ระราชาแก่คนในชมุ ชน
8. รปู ภาพกจิ กรรม
9. หัวข้อวชิ า : ฝกึ ปฏิบัติ “จติ อาสาพัฒนาชุมชน เอาม้อื สามัคคีพฒั นาพ้ืนท่ีตามหลักทฤษฎีใหม่”
วิทยากรหลกั นายเมธาพันธ์ นิลแก้ว นกั ทรพั ยากรบคุ คลปฏิบัตกิ าร
1) วัตถปุ ระสงค์
เพื่อใหผ้ ้เู ขา้ อบรมเห็นถึงความสา้ คญั ของการแลกเปลย่ี นแรงงาน เอามอ้ื สามัคคี และเป็นการ
แลกเปล่ียนองค์ความรู้ ในด้านการพัฒนาพ้ืนท่ีตามหลักทฤษฎีใหม่ โดยประชาชนส่วนใหญ่มักรู้จักในชื่อ
กิจกรรมการ “ลงแขก” หรือ เอาม้ือ “เอาแรง” ซึ่งเป็นวัฒนธรรมชุมชนที่อยู่คู่กับสังคมไทยมาอย่างช้านาน
โดยในช่วงหลังมาน้ีนอกจากจะเป็นการแลกเปล่ียนในด้านแรงงานแล้วยังได้เน้นให้เกิดการสร้างความรู้ท่ี
เหมาะสมกบั สภาพพ้นื ที่
2) ประเดน็ เนือ้ หา
2.1 แนะน้าวิทยากร
2.2 แนวทางการพัฒนาพน้ื ท่ตี ามหลกั ทฤษฎีใหม่
2.3 ข้นั ตอนการตรวจแปลง 10 ขน้ั ตอน
2.4 การมอบหมายหนา้ ที่ผ้เู ข้ารบั การอบรม และกรรมการตรวจแปลง
2.5 การวางแผนร่วมกนั ท้ังในกล่มุ ย่อยและกลุ่มใหญ่
2.6 การลงมือปฏิบตั เิ อามอ้ื
2.7 การตรวจแปลง
2.8 สรปุ การเรียนรู้
3) ระยะเวลา 7 ช่วั โมง
4) วธิ ีการ/เทคนคิ
4.1 ส่ือ Power Point บรรยาย
4.2 แลกเปล่ียนคา้ ถามก่อนลงมือปฏิบัติ
4.3 ลงมือปฏบิ ตั โิ ดยมคี รูพาทา้ คอยแนะนา้ ในทุก ๆ กล่มุ 151
4.4 คณะกรรมการตรวจแปลงด้าเนินการตรวจแปลงและให้ค้าแนะน้า
4.5 สรุปผลกจิ กรรม
4.6 ใหค้ ะแนนและมอบรางวัลกลุ่มที่ได้คะแนนมากที่สดุ
5) วัสดุ / อปุ กรณ์
5.1 สอ่ื Power Point /ไมโครโฟน/อุปกรณป์ ระกอบจงั หวดั
5.2 อุปกรณก์ ารเกษตร ไดแ้ ก่ จอบ เสียม พล่ัว คราด มีดอโี ต้ เลอื่ ย ฟาง ปุ๋ยแหง้ ปุ๋ยน้า ลวด
คมี บุง้ ก๋ี บัวรดน้า
5.3 ตน้ ไมท้ ใี่ ชป้ ลูกปา่ 5 ระดับ
5.4 เครอื่ งขยายเสียง โทรโขง่
5.5 นา้ ดม่ื
5.6 ยาสามัญประจา้ บา้ น
6) ขนั้ ตอน / วิธกี าร
1. วิทยากรเริม่ ต้นโดยการแนะนา้ ตนเอง
2. วทิ ยากรให้ความร้เู ก่ยี วกบั การเอามอ้ื สามัคคีและการพฒั นาพน้ื ท่ตี ามหลักทฤษฎีใหม่ โดย
ยดึ หลักกสกิ รรมธรรมชาติ ได้แก่
1) การจดั การกล่มุ ส้ารวจพ้ืนท่ี แบ่งหนา้ ท่ี แบง่ คน ความสามัคคี
2) การเตรียมดนิ ขุดรอ่ งนา้ ฝาย
3) การปลูกป่า 5 ระดับ
4) การปลกู แฝก อนุรักษ์ดินและน้า
5) การปลกู ดอกไม้เพ่อื บริหารแมลง
6) การห่มดิน
7) การเลยี้ งดินโดยการใส่ปุ๋ยอินทรยี ์ (แห้งชาม-นา้ ชาม)
8) การท่องคาถาเล้ยี งดนิ 5 ภาษา
เลยี้ งดนิ ใหด้ ินเล้ยี งพืช
ฟดี เดอะ ซอย แอนด์ เลท เดอะ ซอย ฟดี เดอะ แพลนท์
เจียม ได๋ ออย ได๋ เจียม ตะน้า
เลีย่ ง เทะ อึด เทะ เล่ียง ละชวิ
เลย้ี งแมธ่ รณีใหแ้ ม่ธรณีเล้ียงแม่โพสพ
9) ศลิ ปะ ความสวยงาม ความเรียบร้อยของแปลง
10) การจดั เก็บอปุ กรณ์ ล้างทา้ ความสะอาดจัดวางให้เปน็ ระเบยี บ
3. วิทยากรขอตัวแทนผู้เข้ารับการอบรมของแต่ละกลุ่ม (5 กลุ่ม) เพ่ือลงไปส้ารวจพ้ืนที่ทีจ่ ะ
ด้าเนินงาน ซ่ึงทางคณะวิทยากรได้ก้าหนดขอบเขตของพ้ืนที่ไว้ (บริเวณด้านหลังเรือนวิทยากร ฐาน
เรียนรู้หน่ึงงานบ้านพอเพียง) และแบ่งเป็น 5 โซน ตามจ้านวนกลุ่มสีท่ีได้แบ่งไว้ก่อนแล้ว โดยให้
ตวั แทนแต่ละกล่มุ จับสลากเพอ่ื เลอื กว่ากลุ่มใดจะไดโ้ ซนใด
4. วิทยากรขอตวั แทนแตล่ ะกล่มุ เพ่อื รว่ มเป็นคณะกรรมการตรวจแปลง
5. ผู้เข้ารบั การอบรมแตล่ ะกลมุ่ วางแผนการพัฒนาพ้ืนที่ โดยยดึ หลกั กสกิ รรมธรรมชาติ 152
๖. ผู้เข้ารบั การอบรมลงมอื ปฏบิ ตั ิงาน โดยมีครพู าทา้ ใหค้ ้าแนะน้าทุก ๆ กลมุ่
๗. ระหวา่ งลงมอื ปฏิบัตทิ างวทิ ยากรจะเปดิ เพลงที่เกีย่ วกับหลกั กสิกรรมธรรมชาติ และเพลง
สนุกสนานอ่ืน ๆ เพ่ือให้การเอามอ้ื สามคั คีมีความสนกุ สนานเพลดิ เพลิน
๘. คณะกรรมการตรวจแปลงดา้ เนนิ การตรวจแปลงครงั้ ท่ี 1 โดยการตรวจแปลงครั้งน้เี นน้ ที่
การให้คา้ แนะนา้ ต่าง ๆ มากกวา่ การให้คะแนน
๙. เมอ่ื คณะกรรมการด้าเนนิ การตรวจแปลงเสรจ็ แล้ว ผ้เู ขา้ รบั การอบรมแต่ละกลมุ่ จะ
ด้าเนนิ การปรบั ปรงุ แก้ไขพ้ืนท่ี ตามค้าแนะนา้ ของคณะกรรมการ
๑๐. คณะกรรมการด้าเนนิ การตรวจแปลงครงั้ ท่ี 2 การตรวจแปลงครั้งนเี้ ปน็ การตรวจเพอื่ ให้
คะแนน ผู้เข้ารบั การอบรมจะตอ้ งตัง้ แถวบรเิ วณพ้ืนท่ีทกี่ ลมุ่ ตนเองรบั ผดิ ชอบ และกลา่ วใส่รหัสสวัสดี
คณะกรรมการเมอ่ื คณะกรรมการมาถึง จากนัน้ จะตอ้ งรว่ มใจกนั ทอ่ งคาถาเลี้ยงดนิ และหลังจากน้นั
ใหน้ ้าเสนอสิ่งทกี่ ลมุ่ ได้ด้าเนนิ การใหค้ ณะกรรมการฟัง จากน้นั เป็นการซกั ถามจากคณะกรรมการ ใน
ระหว่างน้ีคณะกรรมการจะบนั ทึกคะแนนลงในแบบฟอร์ม โดยยึดหลัก 10 ขัน้ ตอน
๑๑. เมอื่ คณะกรรมการตรวจแปลงครบทั้ง 5 กลุ่มแล้ว จะดา้ เนนิ การรวมคะแนนและจะแจง้
ผลตอนทา้ ยช่ัวโมงการอบรมวิชานี้
1๒. เมื่อทุกกล่มุ ได้รับการตรวจแปลงเสรจ็ แลว้ จะเป็นกจิ กรรมสรุปผลการด้าเนนิ กิจกรรม
เอามอื้ สามัคคี ได้วทิ ยากรจะมอบโจทย์และใหแ้ ต่ละกล่มุ รว่ มกันคิดและส่งตัวแทนออกมาน้าเสนอ
1๓. วทิ ยากรประกาศผลกลุ่มทไ่ี ดร้ บั คะแนนสงู ที่สุดของกจิ กรรมนี้ และมีรางวัลใหก้ ลุ่มท่ี
ชนะเพอ่ื เป็นแรงจงู ใจในการน้ากจิ กรรมนไี้ ปปรับใช้ในพนื้ ทข่ี องตนเองตอ่ ไป
สรปุ ผลการเรยี นรู้
จากการด้าเนินกิจกรรมพบว่า ผู้เข้ารับการอบรมส่วนใหญ่มีความสนใจ ให้การมีส่วนร่วมใน
กระบวนการเรียนรู้ เนื่องจากเป็นการลงมือปฏิบัติจริง ทุก ๆ กลุ่มจะต้องท้าผลงานให้ดีท่ีสุด เกิดภาวะ
ความเป็นผู้น้าของทุก ๆ กลุ่ม ผู้ท่ีมีความสามารถด้านการเกษตรจะคอยแนะน้าเพ่ือนๆ คนอ่ืนในกลุ่ม
มีการแบ่งหน้าท่ีกันท้าอย่างชัดเจน เช่น ผู้ชายท้างานท่ีหนัก ผู้หญิงคอยช่วยงานที่เบากว่าหรืองานท่ีต้องใช้
ความละเอียด เป็นต้น มีการพูดคุยช่วยกันแก้ปัญหาต่าง ๆ ท่ีเกิดขึ้นระหว่างด้าเนินงานท้ังในแต่ละกลุ่มและ
ระหว่างกลุ่ม เพ่ือให้ภาพรวมของแปลงออกมาดีท่ีสุด ระหว่างด้าเนินกิจกรรมมีการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
ผู้เข้าอบรมคนใดเหนื่อยก็พัก เมื่อหายเหนื่อยก็กลับมาช่วยกนั ต่อ หลายๆ คนน้าน้าและอาหารว่างไปบรกิ าร
เพ่ือนๆ ในกลุ่ม ซึ่งส่ิงเหล่าน้ีเป็นส่ิงท่ีตอบวัตถุประสงค์ของวิชาเนื่องจากต้องการให้น้ากระบวนการเอามื้อ
สามคั คี หรือการลงแขก กลับมาใชใ้ นยคุ ปัจจุบันอกี คร้งั ดังค้าท่กี ล่าวไว้วา่ “ท้าแบบคนจน”
ภาพถา่ ยกิจกรรม 153
10. หัวข้อวิชา การออกแบบเชิงภูมิสังคมไทยตามหลักการพัฒนาภูมิสังคมอย่างย่ังยืนเพ่ือการพ่งึ ตนเอง
และรองรับภัยพบิ ัติ
วทิ ยากรหลัก
นายอดลุ ย์ วเิ ชยี รชยั เครือข่ายโคก หนอง นา โมเดล จงั หวดั ปทุมธานี
1) วัตถปุ ระสงค์
เพอื่ ใหผ้ ้เู ข้ารับการฝกึ อบรม มคี วามรู้ความเขา้ ใจในการออกแบบพน้ื ทเ่ี ชงิ ภูมิสังคมไทยตามหลักการ
พฒั นาภูมสิ งั คมอยา่ งย่ังยนื เพื่อการพึง่ ตนเองและรองรบั ภยั พบิ ตั ิ “โคก หนอง นา โมเดล”
2) ประเดน็ เนอื้ หา
๑. สถานการณ์และภาวะวกิ ฤตขิ องโลก ประเทศ ชุมชน (นา้ อาหาร พลงั งาน)
1.1 ทรัพยากรน้า
1.1.1) การใชป้ ระโยชนจ์ ากทรัพยากรน้า
1.1.2) สถานการณ์ทางน้า
1.2 วกิ ฤตการณ์ดา้ นอาหาร
1.2.1) สถานการณ์ขาดแคลนด้านอาหาร
1.3 วิกฤตการณ์ด้านพลังงาน
1.3.1) การขาดแคลนพลงั งาน
2. แนวทางการแกไ้ ขและรองรบั ภัยพิบัติด้วยการบริหารจัดการพื้นที่ “โคก หนอง นา”
3) ระยะเวลา ๓ ชวั่ โมง 154
4) วิธกี าร /เทคนิค
๑. วทิ ยากรบรรยายประกอบสอื่ Power point และส่ือวีดที ศั น์
2. บรรยาย
3. กระตุ้นดว้ ยคา้ ถามและแลกเปล่ียนความคิดเห็น
4. สรปุ การเรียนรู้
5) วสั ดุ /อุปกรณ์
1. ส่ือวีดีทศั น์
2. ส่ือน้าเสนอดว้ ยโปรแกรม power point
6) ขน้ั ตอน /วิธกี าร
๑. วิทยากรเล่าสถานการณ์และวกิ ฤตของโลกและประเทศในปัจจุบัน (น้า อาหาร พลังงาน) พร้อม
ยกตัวอยา่ ง
2. วิทยากรบรรยายการออกแบบเชิงภูมสิ ังคมไทยตามหลักการพฒั นาภูมิสังคมอย่างย่ังยนื เพ่ือการ
พง่ึ ตนเองและรองรบั ภัยพบิ ตั ิ (การออกแบบพ้ืนทชี่ ีวติ )
3. วทิ ยากรยกตวั อย่างแบบจา้ ลองการจัดการพ้ืนท่ีกสกิ รรมประกอบ เพื่อใหเ้ ห็นภาพชดั เจนยง่ิ ขน้ึ
4. วิทยากรบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขและรองรับภัยพิบัติด้วยการบริหารจัดการ
พื้นที่การพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” พร้อมยกตัวอย่าง
ความส้าเรจ็ (พ้ืนท่ตี ้นแบบ)
5. สื่อวีดีทัศน์ กรณีศึกษา “ความส้าเร็จของ “คนผู้เดินตามรอยศาสตร์พระราชา” : เจาะใจ” (ลุง
แสวง ผมู้ งั่ ค่ัง)
สรุปเน้อื หาการเรียนรู้
วิทยากรผู้เช่ียวชาญ เกริ่นน้าสถานการณ์โลกที่ต้องเผชิญกับภยั พิบัติในหลากหลายรูปแบบและทาง
เดียวท่ีประเทศไทยจะรอดพ้นจากภัยพิบัติเหล่านี้ได้คือ การน้อมน้าหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และ
หลักการทรงงาน พระราชด้ารัส “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” ของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาประยุกต์ใช้ในวิถีชีวิต
พร้อมเชื่อมโยงถึงสถานการณก์ ารท้าเศรษฐกิจพอเพยี งทไ่ี มป่ ระสบความส้าเร็จที่ผ่านมา ไปไมถ่ ึงไหนเพราะท้า
ไม่จรงิ ท้าเลน่ ๆ แม้ในมมุ มองภาควิชาการท่ีท้างานวิจัยเก่ียวกับเศรษฐกิจพอเพยี งมากกว่าแปดหม่ืนเรื่อง กย็ ัง
ไม่สามารถน้าผลที่ได้จากการวจิ ัยนั้นมาปรับใช้และด้าเนนิ การในพ้นื ท่ีจริงได้ หน่วยงานภาครฐั จึงต้องน้อมน้า
หลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ไปเป็นตัวชี้วัดหลักขององค์กร โดยเน้นหลัก 2 เง่ือนไข คือ การใช้ความรู้
บวกกบั คณุ ธรรม คือ การรรู้ กั สามัคคี ในท่ีนีค้ ือ การเอาม้อื สามัคคี การรว่ มแรงร่วมใจกันปรับและพฒั นาพื้นที่
ให้สามารถเป็นแหล่งอาหารและเป็นศูนย์พึ่งพิงได้เมื่อยามเกิดภัยพบิ ัติ อีกทั้งเป็นศูนย์เรียนรู้ในระดับพื้นทไี่ ด้
ด้วยหลักการท้ังหมดนเ้ี ราจะสามารถอย่รู อดและพึ่งตนเองได้ จะเป็นทางรอดของประเทศไทย
วิทยากรกล่าวถึงบทบาทและภารกิจการด้าเนินงานของศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนที่จะต้อง
ขับเคล่ือนให้เป็นมหาวิทยาลัยศาสตร์พระราชา โดยยกตัวอย่างการด้าเนินงานของสถาบันเศรษฐกิจพอเพียง
ภูมิพล King Bhumibol Institute of Sufficiency Economy (KBISE) ท่ีเน้นการขับเคล่ือนสืบสานศาสตร์
พระราชา ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่เป้าหมายความยั่งยืนของโลก และกรมการพัฒนาชุมชนต้อง
ต้ังเป้าหมายพ้ืนท่ีต้นแบบในการน้อมน้าหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงให้ได้อย่างน้อยหมู่บ้านละ 15
แปลง อีกทั้งใช้กลไกการท้างานแบบเครือข่ายในการขยายผล จัดท้าบันทึกข้อตกลงร่วมมือ “การขับเคลื่อน 155
ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงสเู่ ป้าหมายความยัง่ ยนื โลก” โดยมเี ครอื ขา่ ย ดังนี้ การไฟฟ้าฝา่ ยผลิตแห่งประเทศ
ไทย,สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.),มูลนิธิสภาคริสตจักร,นาคารเพ่ือ
การเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.),มหาวิทยาลยั แม่โจ้,มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร,์ มูลนิธิรักษ์ดิน
รกั ษ์นา้ ,มูลนธิ ิกสิกรรมธรรมชาติ และบรษิ ทั เอามื้อสามัคควี ิสาหกิจเพื่อสงั คม จ้ากัด ซ่ึงมีเป้าหมายร่วมกัน คอื
ความย่ังยืนของโลก เครือข่ายการขยายผลนั้นได้แก่ เครือข่ายระดับพ้ืนที่ ระดับลุ่มแม่น้า ระดับจังหวัด และ
ระดบั ประเทศ โดยเรม่ิ จากพื้นทีจ่ ังหวัดที่ประสบปัญหาภัยแลง้ ซา้ ซาก เชน่ จังหวดั กาญจนบุรี จงั หวดั เชยี งราย
ได้ด้าเนินการส่งประชาชนในพน้ื ท่ีเขา้ รับความรู้ด้วยการอบรมตามหลักสูตรของศูนย์กสิกรรมธรรมชาติ (มาบ
เอ้ือง) จังหวัด ชลบุรี เน้นกลุ่มเป้าหมาย 4 กลุ่ม คือ 1. คน, 2.ความรู้, 3.เครือข่าย และ 4.ขยายผล ภายใต้
แนวคิดที่ว่าทุกคนมีความสามารถ มีสิทธิเป็นครูได้ ซึ่งเป้าหมายที่ 1 ด้านคนน้ัน ให้เน้นผ่าน
กระบวนการพัฒนาคนผ่านศูนย์บ่มเพาะเบ็ดเสร็จ โดยมีองค์ประกอบคือ หลักสูตรท่ีเหมาะสม วิทยากรฐาน
เรียนรู้/วิทยากรกระบวนการ ทีมออกแบบพ้ืนท่ี ทีมขับเคล่ือนพื้นท่ี ทีมเก็บข้อมูล และทีมวิจัยร่วมชุมชน ป้า
หมายท่ี 2 ด้านความรู้ เน้นด้านการเป็นศูนย์ข้อมูลและติดตามแบบบูรณาการ วิเคราะห์/สังเคราะห์ ตัวอย่าง
ความส้าเร็จสู่งานวิชาการ เชื่อมโยงความรู้สู่สากล โดยมีองค์กระกอบคือ หลักสูตรที่เหมาะสม วิทยากรฐาน
เรียนรู้/วิทยากรกระบวนการ ทีมออกแบบพ้ืนที่ ทีมขับเคลื่อนพื้นท่ี ทีมเก็บข้อมูล และทีมวิจัยร่วมชุมชน
เป้าหมายที่ 3 ด้านเครือข่าย เน้นกระบวนการสร้างเครือข่าย โดยมีองค์ประกอบคือ การบวนการสร้าง
เครือขา่ ย กระบวนการเชื่อมรอ้ ยกลไกการมสี ว่ นรว่ ม กจิ กรรมรณรงคแ์ ลกเปลย่ี นเรยี นรู้
วิทยากรยกตัวอย่างกรณีศึกษา โคก หนอง นา โมเดล ซึ่งทฤษฎีดังกล่าวเป็นการแปลงปรัชญาของ
เศรษฐกิจพอเพยี งให้เป็นรูปธรรม โดยมี 5 ข้ันตอน คอื
1.บันได 9 ขัน้ สู่เศรษฐกจิ พอเพยี ง
2.ทฤษฎีใหมก่ ว่า 40 ทฤษฎี
3.วิธปี ฏบิ ัตอิ ยา่ งเป็นขน้ั เปน็ ตอนกวา่ 4,741 โครงการ และ 47,000 เรือ่ ง
4.เทคนคิ /นวัตกรรม ท่ีเปน็ เคล็ดวิชา เคลด็ ลับ บทเรียนจา้ นวนมาก
5.การบริหารแบบคนจนโดยยึดวลีว่า “ความขาดแคลนไม่เป็นปัญหาถ้ามีปัญญาถ้ามีปัญญาและ
ความอดทน”
ส้าหรับหลักการท้า โคก หนอง นา โมเดล หากมีพ้ืนท่ีในการด้าเนินการ จ้านวน 1 ไร่ เรียกว่าเป็น
การลดรายจ่าย จ้านวนพ้ืนที่ 3 ไร่ เรียกว่าพ่ึงตนเอง จ้านวนพ้ืนท่ี 5 ไร่ เรียกว่าแก้จน จ้านวนพ้ืนท่ี 10 ไร่
เรียกว่า พ้นเกษียณ และจ้านวนพ้ืนที่ 10 ไร่ เรียกว่า ศูนย์พึ่งพิง หากใครเร่ิมท้าก่อนก็จะรอดก่อน เพราะ
เป้าหมายของการทา้ โคก หนอง นา คอื การขุดหนองน้าไวใ้ ห้สามารถมีน้าใชไ้ ด้ทง้ั ปี ปลกู ไม้ยนื ตน้ ปลกู พืชผัก
ทา้ ประมง ท้าปศสุ ตั ว์ ซ่ึงในหลกั สตู รน้ี จะเน้นไปท่ีการบริหารจัดการพื้นทขี่ นาดเล็กให้สามารถเก็บกกั น้าฝนไว้
เป็นการช่วยแก้สถานการณ์ภัยแล้งรุนแรงหรือซ้าซาก ในขณะที่วิธีคิดการบรหิ ารจัดการน้าแบบเก่าท่ีต่างชาติ
คิดนั้นเป็นวิธีคิดท่ีจะกักเก็บน้าแต่ไม่สามารถน้าน้าไปใช้ประโยชน์ได้เท่าท่ีควร ประเทศไทยเราจึงคิดวิธีการ
บริหารจดั การนา้ ในรปู แบบใหม่ท่ีสามารถน้าน้ามาใช้ให้เกดิ ประโยชนไ์ ด้ จงึ มโี ครงการเกิดข้ึนดังน้ี
1.โครงการ โขง ชี มลู โดยใชห้ ลักการแรงโน้มถ่วงของโลกในการแก้ปญั หาแมน่ ้าโขงแหง้
2.โครงการผนั น้าเขา้ แม่นา้ สาละวินไปยังเขอื่ นภมู พิ ล เพ่ือแกป้ ัญหาภเู ขาหัวโลน้ ในพน้ื ท่ีจงั หวัดน่าน
และเชียงราย
3.โครงการผนั น้าจากเข่ือนปา่ สักไปยังเขือ่ นลา้ ตะคอง
4.โครงการผันน้าจากเขื่อนศรนี ครินทร์ เพ่ือแกป้ ญั หาการใช้สารเคมีที่เกินปริมาณและท้าให้สารเคมี 156
ตกค้างในดนิ
5.โครงการอุโมงคผ์ ันนา้ ท่ีจังหวดั เชยี งใหม่ แต่มคี วามล่าช้าถงึ ร้อยละ 85 กรมชลประทานจงึ เข้ามา
แก้ปัญหาด้วยการขุดโคก หนอง นา ให้กับพี่น้องประชาชน โดยใช้งบประมาณในการขุด จ้านวน 26,500
บาทตอ่ 1 ไร่ จึงเป็นที่มาของ “ชุมชนกสิกรรมวถิ ี” ซงึ่ การท้า โคก หนอง นา น้ัน ถือเปน็ การบริหารจดั การใน
ด้าน ดิน น้า ปา่ คน ใหส้ ามารถพ่งึ พาอาศัยเก้ือกูลกนั ระหวา่ งคนกับธรรมชาติ เป็นการปรบั สมดุลเพื่อคืนชีวิต
ให้กับธรรมชาติ และเป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อต้ังรับกับสถานการณ์ท่ีไม่คาดคิดหรือภัยพิบัติในรูปแบบ
ต่าง ๆ ไม่เว้นแม้กระท่ังวิกฤตท่ีคนจะตกงานในอนาคต ให้มีพื้นท่ีท้ามาหากิน สามารถเลี้ยงตนเองและ
ครอบครวั ได้
หลกั การออกแบบพนื้ ที่ ตอ้ งคา้ นงึ ถึงศาสตร์พระราชา (เกษตร 2 ขา) คอื การรวมกนั ระหว่างทฤษฎี
ใหม่กับการเกษตรเชิงเดี่ยว ต้องวิเคราะห์พื้นท่ี โดยเลือกพื้นที่ท่ีมีระดับพน้ จากการเกิดน้าท่วม มีวิธีปฏิบัติคอื
หาหรือปรับปรงุ แหลง่ น้า ปรับปรงุ คณุ ภาพของดนิ และเลือกกิจกรรมท่ีมีความเหมาะสมและฟื้นฟูสภาพดินโดย
ใช้การย้่าขี้ ห่มดิน(แห้งชาม น้าชาม) ปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง ท้าน้าหมักชีวภาพ มีการขุดลอก
หนองนา้ เดิมใหส้ ามารถรองรบั น้าฝนได้ในปริมาณมาก ทา้ การขุดคลองไส้ไกเ่ พอ่ื ให้สามารถควบคมุ ทิศทางการ
ไหลของน้า และสามารถใช้พ้ืนท่ีในการรองรบั นา้ ฝน ถอื เป็นการวางแผนให้คนสามารถอยู่กบั น้าได้ ไม่กอ่ ปัญหา
ในพน้ื ทีข่ ้างเคียงเมื่อเกิดปัญหาน้าทว่ ม มีการทา้ โคก ทา้ นาข้ันบนั ได และการยกหวั คันนาทองค้า ปรับพน้ื ท่ีให้
สามารถเป็นแกม้ ลงิ เป็นศนู ยพ์ งึ่ พิงในอนาคตได้
การท้าโคก หนอง นา นี้ หากด้าเนินการได้ร้อยละ 10 ของหมู่บ้าน จะสามารถเป็นแนวทางเป้น
ต้นแบบในการขับเคล่ือนศาสตร์พระราชา โดยการใช้ทฤษฎีใหม่มาประยกุ ต์ในวถิ ีชวี ิต วิทยากรฉายภาพพร้อม
ยกตัวอย่าง พื้นท่ีจังหวัดน่านและจังหวดั ทางภาคอสี านที่ประสบความส้าเรจ็ ในการด้าเนินงาน โคก หนอง นา
เพ่ือเปน็ การกระจายและสรา้ งแรงบนั ดาลใจใหก้ บั ผูเ้ ข้ารว่ มอบรมในการดา้ เนินงานตอ่ ไป
วทิ ยากรเปดิ โอกาสใหผ้ เู้ ขา้ อบรมได้ซักถามและแลกเปลย่ี นความคิดเหน็ ในหัวขอ้ วชิ าน้ี
โดยสรุป พบว่า ผู้เข้าอบรมส่วนใหญ่มีความสนใจ ตั้งใจ และมีส่วนร่วมในการเรียนรู้และการรับฟัง
การบรรยายดว้ ยความตั้งใจ การตอบค้าถาม การแสดงความคิดเห็นอยา่ งสรา้ งสรรค์ และมีความรคู้ วามเข้าใจท่ี
ถูกต้องเก่ียวกบั หลกั การออกแบบเชิงภูมิสังคมไทยเพอ่ื การพง่ึ ตนเองและรองรับภยั พบิ ัติ อีกทั้งเกิดแรงบันดาล
ใจใหส้ ามารถน้าแนวคิด โคก หนอง นา โมเดล ซงึ่ เป็นหน่งึ ในทฤษฎีใหม่ เป็นการน้อมน้าศาสตร์พระราชาและ
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ไปประยุกตใ์ ช้ในวิถีชีวิตส่คู วามยั่งยืนตอ่ ไป
ภาพบรรยากาศการเรียนรูใ้ นรายวิชา
สรุปผลการเรียนรู้ 157
พบวา่ ผเู้ ขา้ อบรมส่วนใหญ่มีความสนใจ มีความตั้งใจในการเรียนรู้ในหัวข้อวิชาการออกแบบเชิงภูมิ
สงั คมไทยตามหลักการพัฒนาภูมิสงั คมอย่างยงั่ ยนื เพื่อการพง่ึ ตนเอง และรองรับภยั พิบตั ิ เน่อื งจากเนื้อหาของ
หัวข้อวิชาเป็นหลักการที่สามารถน้าไปขยายผลให้ความรกู้ ับประชาชนในพื้นที่การด้าเนนิ งานได้จรงิ อีกท้ังยงั
เป็นประโยชนก์ บั การพฒั นาและต่อยอดในพนื้ ท่กี ารด้าเนินงานของผู้อบรม
1๑. หัวขอ้ วชิ า : ฝกึ ปฏิบัติการ สรา้ งหนุ่ จาลอง (กระบะทราย) การจัดการพืน้ ท่ีตามหลักทฤษฎีใหม่
ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” / นาเสนอผลงาน
วทิ ยากรหลัก
นายอดลุ ย์ วิเชยี รชยั เครือขา่ ยโคก หนอง นา โมเดล จังหวัดปทมุ ธานี
1) วัตถุประสงค์
1.1 เพื่อให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมมีความรู้ ความเข้าใจในการจัดการพ้ืนที่เชิงภูมิสังคมไทย
ตามหลกั การพัฒนาภมู ิสังคมอย่างยั่งยืน ตามหลักการออกแบบ “โคก หนองนา โมเดล”
1.2 เพ่อื ให้ผู้เขา้ อบรมฝึกปฏิบตั ิ workshop ออกแบบพนื้ ท่ีในรูปแบบ 2 มติ ิ และ 3 มติ ิ
2) ประเด็นเนอ้ื หา
2.1 หลักคิดพืน้ ฐานการออกแบบตามหลกั ภูมสิ ังคม (Geosocial)
2.2 การคา้ นวณการจัดการน้าฝนในพืน้ ที่
2.3 แนวคิดการออกแบบและฝกึ ปฏบิ ัติการเขียนแบบตามหลกั “โคก หนอง นา” เพอ่ื การใช้
พน้ื ทใี่ ห้เกิดประโยชน์สูงสุด
3) ระยะเวลา 5 ชวั่ โมง
4) วิธกี าร/เทคนิค
4.1. วทิ ยากรบรรยายใหค้ วามรู้ โดยใชส้ อื่ Power Point ประกอบการบรรยาย
4.2. มอบหมายโจทย์สา้ หรบั ฝึกปฏิบัติ workshop จดั ทา้ ผลงานออกแบบพืน้ ทใ่ี นกระบะไม้
และนา้ เสนอผลงาน
5) วสั ดุ / อปุ กรณ์
1. สอื่ Power Point
2. คอมพิวเตอร์ เครือ่ งฉายโปรเจคเตอร์
3. กระดาษฟลปิ ชารต์ / ปากกาเคมี
4. กระบะไม้ / ดนิ ปลกู บัว
6) ขั้นตอน / วิธกี าร 158
วิทยากรบรรยายเก่ียวกับการค้านวณน้าเพื่อการกักเก็บน้าฝนในการออกแบบพ้ืนที่ โดยหลักการมี
ปัจจัยหลักท่ีส้าคัญของการออกแบบพื้นท่ี ภูมิ คือ สภาพทางกายภาพ เช่น สภาพดิน น้า ลม ไฟ สังคม
วัฒนธรรม ความเช่ือ ภูมิปัญญาด้ังเดิมท่ีอยู่ในพ้ืนที่นั้น ซ่ึงในการออกแบบจะให้ความส้าคัญกับ “สังคม”
มากกว่า “ภูมิ” คือต้องออกแบบตามสังคมและวัฒนธรรมของคนที่อยู่ แม้ว่าภูมิประเทศจะเหมือนกันก็ตาม
หาก สงั คมต่างกนั การออกแบบกจ็ ะต่างกันออกไปมีหลักพจิ ารณา ดังน้ี
1. ปริมาณนา้ ฝนที่ตกเฉล่ียในพื้นที่
2. ความสงู ตา่้ ของพ้ืนทีแ่ ละทิศทางการไหลของน้าในแปลง
3. การวางองคป์ ระกอบของพนื้ ท่ี
- ดิน การออกแบบพื้นท่ีควรค้านึงถึงสภาพปัญหาของดินและลักษณะของดิน ความอุ้มน้า
ของดิน ดินทราย ดินเหนียว เพื่อวางแผนการขุดหนองน้าและการปรับปรุงดินให้เหมาะสม โดยใช้หลักการ
ฟน้ื ฟูดนิ ไม่เปลือยดนิ เตมิ ปยุ๋ อนิ ทรีย์แบบแห้งและนา้ หลังการห่มดินด้วยฟาง ใบไม้
- นา้ การออกแบบพนื้ ทคี่ วรค้านงึ ถึงทศิ ทางการไหลของน้าเข้าและออกจากพนื้ ท่ี ขุดหนองให้
มคี วามคดเค้ียวเพ่อื เพิม่ พื้นที่เพาะปลกู พชื ขอบริมหนอง และการทา้ ตะพักน้า
- ลม การออกแบบพ้นื ทค่ี วรค้านงึ ถึง ทศิ ทางลม ลมในพนื้ ทพ่ี ัดเขา้ มาทางไหน ทงั้ ลมร้อนและ
ลมฝน ตามหลักของลมน้ัน ลมฝนจะพัดมาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ และลมหนาวพัดมาทางทิศ
ตะวันออกเฉยี งเหนอื
วทิ ยากรมอบโจทย์ให้กบั ผู้เขา้ อบรมเปน็ กลุ่มสี โดยแบง่ ออกเป็น 5 กลุม่ (สนี า้ เงนิ ชมพู แดง เหลือง 159
และสเี ขยี ว) เพอ่ื ให้ออกแบบพ้นื ทแ่ี บบ 2 มิติ ในกระดาษฟลปิ ชารท์ แล้วน้าไปสร้างแบบจา้ ลองในกระบะไม้
แบบ 3 มติ ิ ท้งั นเ้ี มอ่ื ออกแบบเรียบรอ้ ยแลว้ ผ้เู ข้าอบรมจะต้องน้าเสนอผลงาน พรอ้ มอธิบายการคา้ นวณน้าด้วย
โดยวิทยากรจะเป็นผู้เตมิ เตม็ ให้กับผู้เข้าอบรมแต่ละกลมุ่
โจทย์
กจิ กรรมที่ก้าหนดในการออกแบบพ้นื ท่ี
ภาพการออกแบบของทัง้ 5 กลมุ่ 160
สรปุ ผลการเรียนรู้
ผู้เข้าอบรมได้น้าความรู้พ้ืนฐานเก่ียวกับหลักการออกแบบพ้ืนที่ “โคก หนอง นา โมเดล” มาฝึก
ปฏิบัติจริง ท้าให้เกิดความเข้าใจมากขึ้น และเกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างผู้เข้าอบรมในการออกแบบ
เพ่ือสรา้ งหนุ่ จ้าลองในกระบะทราย ทา้ ให้บรรยากาศในกิจกรรมเปน็ ไปด้วยความสนกุ สนาน เกดิ ความสามัคคี
ชว่ ยเหลอื แบง่ งานกนั ทา้ เพอ่ื ให้การสรา้ งแบบในกระบะทรายเป็นไปตามหลกั ของการออกแบบเพื่อการจดั การ
พ้นื ทใ่ี ห้ใชป้ ระโยชน์ได้สงู สดุ
13. หัวข้อวชิ า : Team building ฝึกปฏิบตั ิการบรหิ ารจัดการในภาวะวิกฤต “หาอยู่ หากนิ ” 161
วทิ ยากรหลัก นางสาวภัทธญิ า ตกิ จนิ า นักทรพั ยากรบุคคล
1) วตั ถุประสงค์
1.1 เพ่ือให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมเข้าใจการพ่ึงตนเองและการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจ้ากัดให้
เกิดประโยชนส์ ูงสุดในการด้ารงชีวิต
1.2 เพื่อให้ผู้เข้ารับการฝกึ อบรมรจู้ กั การดา้ รงชีวิตในภาวะวิกฤต/การประสบภัยพบิ ัติ
1.3 เพือ่ ให้ผู้เข้ารับการฝกึ อบรมรจู้ กั การวางแผนการทา้ งานเป็นทมี ได้ฝึกวนิ ัยและคณุ ธรรม
1.4 การพง่ึ พาตนเอง และการใช้ทรัพยากรธรรมชาติท่มี อี ยอู่ ยา่ งจ้ากดั ให้เกดิ ประโยชนส์ ูงสุด
1.5 เพอื่ เสรมิ สรา้ งปฏิสมั พันธ์ การทา้ งานเป็นทีม
2) ประเด็นเนอ้ื หา
2.1 การท้ากิจกรรมแบบพ่ึงตนเอง และใช้ทรัพยากรท่ีมีอย่างจ้ากัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ดา้ รงชีวติ ในภาวะวกิ ฤต/การประสบภยั พิบัติ,วางแผนการท้างานเป็นทมี ฝกึ วินัยและคุณธรรม
2.2 การดา้ รงชีวติ ในภาวะวกิ ฤต/การประสบภยั พิบัติ
2.3 รู้จกั การวางแผนการท้างานเป็นทมี ไดฝ้ ึกวินัยและคุณธรรม
2.4 ความหมาย/เป้าหมาย/รูปแบบ/ความส้าคญั Team Building
2.5 กติกาการทา้ กจิ กรรม
2.6 สภาพพน้ื ท่ีในการดา้ เนนิ กิจกรรม
2.7 การสรุปบทเรยี น
3) ระยะเวลา
2 ชวั่ โมง
4) วธิ กี าร/เทคนคิ
4.1 ลักษณะการฝกึ อบรมแบบ work shop
4.2 ช้ีแจงกฎกตกิ า
4.3 แบ่งกลมุ่
4.4 สรุปบทเรยี น
5) วสั ดุ / อุปกรณ์
1. อปุ กรณ์เครอ่ื งครัวทงั้ 5 กล่มุ
2. อุปกรณร์ ้องร้าท้าเพลง
3. เคร่ืองปรงุ อาหาร เช่น น้าปลา กะปี พรกิ เกลือ และวัตถดุ ิบทา้ อาหาร เชน่ ไก่ หมู ปลา
ไข่ไก่
4. อปุ กรณ์รบั ประทานอาหาร เช่น ถว้ ย ช้อน จาน ใหเ้ พยี งพอทกุ คน
5. ไม้ขีด 5 กล่องๆ ละ 1 ก้าน
6. ถา่ นทา้ ครัว
7. ขา้ วสาร
8. อุปกรณท์ ้าความสะอาดเคร่ืองครัว เชน่ น้ายาล้างจาน ฟองน้า กะละมัง 162
6) ขั้นตอน / วธิ ีการ
1. ทีมวิทยากรจดั เตรียมวสั ดุ อุปกรณ์ เครอื่ งครวั และวตั ถดุ ิบต่าง ๆ
2. วิทยากรชี้แจง กฎ กติกา พรอ้ มด้วยอธบิ ายแผนผงั ในการหาวตั ถุดบิ (ชี้แจงว่าพนื้ ทีไ่ หนอนญุ าต
ตรงไหนไม่อนญุ าต)
3. มอบเชือ้ เพลงิ ในการจดุ ไฟให้กับทกุ กล่มุ ๆ ละ 1 กล่องๆ ละ 1 ก้าน (ไม้ขีด ๑ กา้ นต่อ ๑ กลุ่ม)
4. มอบอุปกรณ์เคร่อื งครัว เพือ่ เป็นอุปกรณใ์ นการประกอบอาหาร เช่น ถว้ ย ชาม ชอ้ น กระทะ หม้อ
ฯลฯ
5. มอบวตั ถปุ ระกอบอาหาร ไดแ้ ก่ ข้าวสาร 1 กโิ ลกรัม ไขไ่ ก่ 5 ฟอง
6. หากผู้เข้าฝึกอบรมต้องการเครอ่ื งปรงุ และวตั ถุดบิ เพ่ิมเตมิ ให้ผู้เขา้ รบั การฝกึ อบรมแสดง
ความสามารถเพือ่ แลกวัตถุดิบ (กุศโลบาย: มีเงนิ ก็ซ้อื ไม่ได้ ต้องนาความสามารถมาแลกเพ่ือใหม้ าซึ่งของท่ี
เราต้องการ)
7. ลงมือประกอบอาหารร่วมกัน และหลังจากท้าอาหารเสร็จสิ้นใหเ้ ก็บกวาด ทา้ ความสะอาด อุปกรณ์
และพน้ื ที่ใหเ้ รยี บร้อย
8. เลอื กตวั แทนแต่ละกลมุ่ เปน็ กรรมการ ตรวจให้คะแนนอาหาร (รสชาติ คุณภาพ ความเหมาะสม
การน้าทรพั ยากร/วตั ถุดบิ มาใชป้ ระกอบอาหารอย่างคุม้ ค่า การอธิบายสรรพคณุ ของวตั ถดุ ิบแต่ละอยา่ ง กลุ่ม
ละ 5 นาที
9. รับประทานอาหารพร้อมกัน
10. วิทยากรสรปุ ส่ิงทีไดจ้ ากการเรยี นรู้ส่ิงทีไ่ ดจ้ ากกจิ กรรมนี้ ผ่านเวทีล้อมวงชวนคุย ในประเด็น
คา้ ถาม ดังตอ่ ไปน้ี
คาถามท่ี 1 : ทา่ นเห็นอะไร ? จากการเขา้ รว่ มกิจกรรมน้ี
ค้าตอบ : ผอู้ บรมได้เรียนรู้จกั ความสามัคคี การร่วมแรงรว่ มใจในการท้างาน การ
เอื้อเฟอ้ื เผื่อแผ่ซึ่งกนั และกันในสถานการณ์ที่วิกฤต
: เห็นถงึ ภาพการฉวยโอกาสของผปู้ ระกอบการ (ตลาด) การเปน็ โจรลกั ขโมยของ
การกลน่ั แกล้งจากวิทยากรเพ่ือให้เห็นถงึ ความยากล้าบาก ท้าให้ต้องปรับตวั ให้ทนั กบั สถานการณ์ที่วกิ ฤต
: มีเงินทองกซ็ ือ้ ของไม่ไดใ้ นยามวิกฤต
: เกิดการคน้ หาศกั ยภาพในการทา้ อาหาร (แม่ครวั ท่มี ฝี ีมอื /เมนูทถี่ กู รงั สรรคข์ ้ึน
ใหม/่ เทคนคิ วธิ ีการหุงข้าวในรปู แบบใหม่)
คาถามท่ี 2 : ทา่ นได้ใชป้ ระโยชนจ์ ากพ้นื ทใ่ี นการเข้ารว่ มกิจกรรมนีอ้ ย่างไรบา้ ง?
คา้ ตอบ : ผู้อบรมสามารถใช้ประโยชน์จากการหาอยู่หากนิ ในฐานการเรยี นรู้ พืน้ ท่ี 30
ตารางวา ฐานการเรยี นรูเ้ สวยี นยังชีพ เป็นตน้ ท้าใหไ้ ดเ้ รียนรู้ถงึ การใช้ทรพั ยากรในพน้ื ท่ีที่มอี ยอู่ ยา่ งจา้ กดั ให้
เกดิ ประสิทธิภาพสงู สดุ
คาถามที่ 3 : ท่านไดอ้ ะไร ? จากการเข้ารว่ มกิจกรรมนี้
ค้าตอบ : ผูอ้ บรมไดร้ บั ประสบการณใ์ หมท่ ไี่ มเ่ คยไดท้ ดลองทา้ มากอ่ นผ่านกิจกรรม เชน่
การแสดงความสามารถต่าง ๆ เพ่ือแลกกับวัตถุดิบในการปรุงอาหาร ได้เรียนรู้ทักษะการเจรจาต่อรอง ได้เห็น
มิตรภาพระหว่างกลุ่มสีที่มีความเอ้ือเฟ้ือเผ่ือแผ่กัน มีความเห็นอกเห็นใจซ่ึงกันและกัน มีการยอมรับฟัง
ความคิดเห็นซึ่งกันและกนั ในระหว่างดา้ เนินกิจกรรม ได้เรียนร้ถู งึ การบรหิ ารจัดการด้านทรัพยากรทมี่ ีอยู่ให้เกิด
ประโยชนส์ ูงสดุ ด้านทรัพยากรมนุษย์ (ใชค้ นใหเ้ หมาะสมกบั งานและตามความถนัด) การบรหิ ารจัดการทมี งาน 163
ผ่านการท้างานเป็นทีม
คาถามท่ี 4 : ทา่ นมีการวางแผนหรอื บรหิ ารจดั การอยา่ งไร? เพอ่ื ใหท้ นั ตามเวลาท่ีกาหนด
คา้ ตอบ : ผู้อบรมมีการแบ่งบทบาทหนา้ ท่กี ันท้าตามความสมคั รใจและตามความถนัดของ
แตล่ ะบคุ คล เชน่ มีพอ่ ครัว แมค่ รวั มีผูช้ ว่ ยประกอบอาหาร มีทมี เกบ็ ผัก มีทมี ดาวเต้นดาวยวั่ ไปแสดง
ความสามารถเพอื่ แลกวตั ถุดิบในการประกอบอาหาร มผี นู้ ้าที่คอยบญั ชาการให้กิจกรรมสา้ เรจ็ ลุล่วงไปด้วยดี
คาถามท่ี 5 : ท่านประทับใจอะไร ? จากการเข้าร่วมกิจกรรมนี้
ค้าตอบ : ผู้อบรมมีความประทับใจในการได้ร่วมแลกเปล่ียนเรียนรู้ผ่านการท้ากิจกรรม
เช่น ได้เห็นภาพผู้อบรมฝ่ายหญิงเป็นผู้หาวัตถุดิบ และเห็นผู้อบรมฝ่ายชายเป็นผู้ประกอบอาหาร ได้รับองค์
ความรู้ใหม่ ๆ เกย่ี วกับการประกอบอาหาร (หากทกุ คนชว่ ยกนั วิชาหรอื องค์ความรู้จะเกดิ ขน้ึ ทันที) ประทับใจ
ในความรู้รกั สามัคคี การช่วยกันวางแผนงาน ของสมาชิกภายในกลมุ่ สี ไดเ้ รยี นรูป้ ระสบการณใ์ หม่ ๆ ผ่านการ
ทา้ อาหารจากเดมิ ท่ีไม่เคยทา้ มาก่อน ประทับใจในการเปน็ ภาวะผู้นา้ และภาวะผู้ตามทดี่ ี
สรุปบทเรียนของกิจกรรม
สถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของโลกในด้านภัยธรรมชาติท่ีมีความรุนแรงข้ึนทุกวนั ท้าให้ได้
เรียนรู้ถึงการพงึ่ พาตนเองในยามวกิ ฤต ผ่านการจ้าลองสถานการณ์ดังกล่าว เราในฐานะกรมการพฒั นาชุมชน
จ้าเป็นต้องตระหนักในบทบาทหน้าที่ในการเป็นศูนย์พึ่งพิง มีการสร้างภูมิคุ้มกัน มีการสร้างความมั่นคง
ทางด้านอาหาร สรา้ งความรู้ความเข้าใจและสร้างการรับร้ทู ี่ดีให้กับประชาชน เพอื่ ให้สามารถปฏิบัติตนในการ
รองรับภัยพิบัติ พร้อมต้ังรับ ต้ังสติ มีการวางแผนที่ดีเพ่ือแก้ไขปัญหาในสถานการณ์ท่ีไม่คาดคิด ซึ่ง อาจจะ
เกดิ ข้นึ ไดใ้ นอนาคต
สรุปผลการเรียนรู้
พบว่า ผเู้ ข้าอบรมส่วนใหญ่มีความสนใจในกระบวนการของกิจกรรม บรรยากาศการทา้ กิจกรรม
เปน็ ไปดว้ ยความสนกุ สนาน ฝกึ การหาอยู่ หากิน ให้ใชช้ ีวิตอยู่ได้ในภาวะวกิ ฤตดว้ ยหลกั กสิกรรมธรรมชาติ หา
สิง่ ท่อี ยู่รอบตัว กนิ อย่างประหยดั พร้อมรับภัยพบิ ตั ทิ เี่ กดิ ขึน้ ทา้ ให้ผูเ้ ขา้ อบรมเกดิ ความสามัคคีในหมคู่ ณะ รจู้ ัก
การแบ่งปันซ่ึงกันและกัน รู้จักการวางแผนการท้างานเป็นทีม ได้ฝึกวินัยและคุณธรรม รู้จักการพึ่งพาตนเอง
และการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ท่ีมีอยู่อย่างจ้ากัดใหเ้ กิดประโยชน์สูงสุด ตลอดจนผู้เข้าอบรมได้น้าทักษะภมู ิ
ปัญญาไทยมาใชใ้ นกิจกรรม เช่น การหุงขา้ วแบบวธิ ีเช็ดนา้ แบบคนสมยั ก่อนในชนบท ทา้ ให้ผู้เข้าอบรมเรียนรู้
ภมู ิปัญญาการเอาตัวรอด ตลอดจนตระหนกั และเห็นความส้าคญั ของการมแี หลง่ อาหารอยู่ในพ้ืนท่ี
164
14. การขบั เคลื่อนศาสตร์พระราชา กลไก 357
วทิ ยากรหลัก
นางประภา ปานนติ ยกุล ผอู้ ้านวยการศนู ย์ศึกษาและพฒั นาชมุ ชนนครนายก
1) วัตถุประสงค์
๑. เพ่ือให้ผู้เข้ารับการประชุมได้รับทราบ ตระหนักรู้และเข้าใจความหมายที่แท้จริงของ
การขบั เคลอื่ นศาสตร์พระราชา ดว้ ยหลกั กลไก ๓๕๗
๒. เพ่ือให้ผู้เข้ารับการประชุมได้มองเห็นถึงการเชื่อมโยงการขับเคลื่อนศาสตรพ์ ระราชาดว้ ย
หลักกลไก ๓๕๗ กบั การขับเคล่ือนงานกรมการพฒั นาชมุ ชน
2) ประเดน็ เนอื้ หา
๑. กลไกการขับเคลื่อนศาสตร์พระราชา กลไก ๓๕๗
๒. ปรชั ญา ๓ ระบบ
๓. ทฤษฎใี หม่กวา่ ๔๐ ทฤษฎตี ามศาสตรพ์ ระราชา
๔. แนวทางในการปฏิบัตใิ นการใชช้ ีวิต ในการท้างานตามศาสตรพ์ ระราชา
๕. นวตั กรรม เคลด็ วิชากวา่ ๔๘,๐๐๐ นวัตกรรม
๖. การบรหิ ารแบบคนจน การทา้ งานแบบคนจน
3) ระยะเวลา
จา้ นวน ๑ ชว่ั โมง
4) เทคนิค / วธิ ีการ
๑. บรรยาย
๒. ตั้งคา้ ถามเพ่อื การแลกเปล่ยี นประสบการณ์
๓. เติมเตม็ ให้ข้อคิด และข้อเสนอแนะ
5) วสั ด/ุ อุปกรณ์ 165
- สอ่ื วีดีทัศน์
- บทความ
- กรณีศึกษา
- PPT
- คอมพวิ เตอร์ เครือ่ งฉาย และจอภาพ
- บอรด์ ,ปากกา
6) ขัน้ ตอน / วธิ ีการ
วทิ ยากรแนะนา้ ตวั และกล่าวถงึ ประเด็นเน้อื หาของวิชา
เนือ้ หาวิชากลไกการขับเคลอื่ นสบื สานศาสตรพ์ ระราชากลไก 357 สรปุ ได้ ดงั น้ี
จากพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ
พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ในหลวงรัชกาลที่ 10 ในการสบื สานตอ่ ยอดศาสตร์พระราชา เพอ่ื สร้างความอยู่ดีมีสุข
แก่ประชาชน พระองค์ทรงเร่ิมต้นด้วยการปลุกจิตอาสาท่ีมีอยู่ในใจของคนไทยทุกคน มาเป็นแรงขับเคลื่อน
ซ่ึงการท่ีทุกคนจะร่วมกันขับเคลื่อนสืบสานศาสตร์พระราชาเพื่อให้บรรลุเป้าหมายความย่ังยืนนั้น จะต้องมี
วิธีการคิดแบบองค์รวม ท้าอย่างเป็นระบบ ขับเคลื่อนการด้าเนินงานไปพร้อม ๆ กันอย่างเป็นแบบแผน
ไมแ่ ตกแยกไปคนละทิศทาง
“สืบสานศาสตรพ์ ระราชา” พระราชประสงค์ของในหลวงรัชกาลที่ 10
“เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุข
แหง่ อาณาราษฎรตลอดไป” พระปฐมบรมราชโองการของในหลวงรัชกาลท่ี 10 วนั ท่ี 4 พฤษภาคม 2562
โดยความหมายของค้าว่า สืบสาน รกั ษา และตอ่ ยอด ในท่ีนี้คือ การสืบสานศาสตร์พระราชา
รักษาภูมิปญั ญาของบรรพบรุ ุษ และต่อยอดนวัตกรรมและเทคโนโลยที ่เี หมาะสมกบั ภูมสิ งั คม นน่ั เอง
จากท่ีได้กล่าวมา ด้วย พระปรีชาสามารถและสายพระเนตรอันกว้างไกลของ
กษัตริย์นักบินพระองค์นี้ จึงทรงมีพระราชประสงค์ให้มีการฝึกจิตอาสา 904 หลักสูตรหลักประจ้า “เป็นเบ้า
เป็นแม่พิมพ์” ท่ีมีการประยุกต์แนวพระราชด้าริเกษตรทฤษฎีใหม่เพ่ือพ่ึงพาตนเองและรองรับภัยพิบัติ
โดยมีระยะเวลาการฝึก 50 วัน มีผู้เข้ารับการฝึกรุ่นละประมาณ 500 คน ซึ่งการฝึกจิตอาสา 904
ใน 3 รุ่นแรก ได้ใช้พ้ืนท่ีฝึกท่ีศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาบเอื้อง อ้าเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี มีการจ้าลอง
การใช้ชีวิตในโลกอนาคตซึ่งมนุษยชาติอาจจะต้องเผชิญกับสภาพอากาศท่ีแปรปรวน เกิดภัยพิบัติต่าง ๆ
ผู้เข้ารับการฝึกจึงต้องเรียนรู้การใช้ชีวิตให้พร้อมรับมือกับความเส่ียงในโลกอนาคตเหล่านั้น เช่น ได้มี
การปรับพื้นท่ีส้าหรับการด้ารงชีวิต มีการกักเก็บน้าฝนอย่างเป็นระบบ อาหารการกินที่ได้มาจากปลาที่เลี้ยง 166
และพืชพรรณธัญญาหารท่ีปลูกเอง จึงท้าให้ไม่มีต้นทุนทางอาหาร ซึ่งองค์ความรู้เหล่านี้เป็นสิ่งท่ี
ในหลวง รัชกาลท่ี 9 ทรงสอนพวกเรามาเปน็ เวลาช้านานแล้ว เปน็ ภูมิปัญญาบรรพบรุ ษุ แต่เหตุใดเราจงึ ไม่เช่ือ
เราไม่เคยสนใจเพราะคนไทยไมเ่ ช่อื คนไทยดว้ ยกันเอง
ในส่วนพ้ืนท่ีฝึกก็มีการ
ขยายเพิม่ ข้นึ เรอ่ื ย ๆ เช่นกนั จาก 10 ไร่
เป็น 30 ไร่ 40 ไร่ จนปัจจุบันเป็นพื้นที่
เกือบ 200 ไร่ ผู้ที่เข้ารับการฝึกมีหลาย
ช่วงวัยท่ีมาจากต่างสาขาอาชีพ ท้ังทหาร
ระดับพลเอก นักเรียนนายรอ้ ย พยาบาล
อธิการบดี คณบดี ข้าราชการ นิสิต
นักศกึ ษา ฯลฯ ทง้ั นใี้ นหลวงรชั กาลท่ี 10
ทรงมงุ่ เน้นไปทีก่ ลุม่ เยาวชนเปน็ หลัก ทรง
เล็งเห็นว่าการท่ีจะสืบสานงานของพระ
ราชบิดาให้ย่ังยืนนับร้อยนับพันปี จ้าเป็น
อย่างยิ่งทีจ่ ะต้องวางรากฐานเขา้ ไปในระบบโครงสร้างของสงั คมโดยเฉพาะอยา่ งยิ่งโครงสร้างทางการศกึ ษา
3 ระดบั 5 กลไก 7 ภาค’ี กุญแจสา้ คญั ของการขับเคลือ่ นสบื สานศาสตร์พระราชา
หลักการขับเคล่ือนสืบสานศาสตร์พระราชาให้ย่ังยืน ซึ่งเป็นการพัฒนาที่มีประชาชน
เป็นแกนกลาง และภาคีอ่ืน ๆ ร่วมบูรณาการเพื่อเสริมกลไกเดิมของภาครัฐที่มีอยู่ เป็นการขับเคล่ือนในพน้ื ที่
3 ระดับ เป็นอย่างน้อย คือ ระดับชุมชนหรือลุ่มน้า ระดับจังหวัดหรือภูมิภาค และระดับชาติ ภายใต้
การมีส่วนร่วมของ 5 กลไก ท่ีจะช่วยหนุนเสริมงานขับเคลื่อนสืบสานศาสตร์พระราชา ประกอบด้วย
กลไกการประสานงานภาคีเครือข่าย กลไกแผนงานและยุทธศาสตร์เชิงบูรณาการ กลไกการติดตาม
และประเมนิ ผล กลไกการจัดการความรู้ อนั เปน็ องคค์ วามรู้ทีไ่ ด้จากการปฏิบตั ิทตี่ ้องน้ามาจัดท้าเป็นต้าราหรือ
คู่มือเฉพาะในแต่ละพ้ืนที่ และกลไกการส่ือสารสังคมให้รับรู้ ร่วมด้วย การบูรณาการของ 7 ภาคี คือ ภาครัฐ
ท่ีให้การสนับสนุนด้านงบประมาณ กฎหมาย รวมถึงเครื่องมือต่าง ๆ ภาควิชาการและสถาบันการศึกษา
ภาคศาสนา ภาคประชาชน ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และภาคสอื่ มวลชน
ระบบ 3-5-7 นี้ จะช่วยหนุนเสริมให้การขับเคลื่อนสืบสานศาสตร์พระราชาบรรลุ 167
เป้าหมายความยั่งยนื ของโลกได้ทั้ง 17 ข้อ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว แม้สิ่งที่ในหลวงรัชกาลท่ี 9 ได้ทรงปฏบิ ัติ
พระราชกรณียกิจมาตลอดระยะเวลา 70 ปีของการครองราชย์ จะท้าให้บรรลุเป้าหมายความย่ังยืนได้
เกือบครบทั้ง 17 ข้อแล้ว แต่พระองค์ทรงเน้นที่ข้อ 2 เป็นหลัก ในเร่ืองการขจัดความอดอยากและสร้าง
ความมนั่ คงทางอาหาร ซงึ่ ครัง้ หน่งึ เคยมสี อื่ ต่างชาติมาขอพระราชทานพระบรมราชานญุ าตสัมภาษณพ์ ระองค์
ว่าทรงก้าลังสู้รบกับระบบคอมมิวนิสต์อยู่หรือ พระองค์พระราชทานสัมภาษณ์กลับไปว่าทรงก้าลังสู้รบอยูก่ บั
ความอดอยาก ความหิวโหยของประชาชนภายในชาติ
15. จัดทาและนาเสนอแผนปฏิบัติการ “ยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนปรัชญาของเศรษฐกิจ
พอเพยี งสูก่ ารปฏบิ ตั ิ”
วทิ ยากรหลัก
นางประภา ปานนติ ยกลุ ตา้ แหนง่ ผู้อา้ นวยการศูนย์ศึกษาและพฒั นาชุมชนนครนายก
1) วัตถปุ ระสงค์
เพอ่ื ให้มีแนวทางและเป้าหมายในการขบั เคลื่อนหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงท่ีสอดคล้องกับ
บรบิ ทพน้ื ที่
2) ประเด็นเน้ือหา
๑. ศาสตร์พระราชา วิเคราะหบ์ รบิ ทพ้นื ที่
๒. ก้าหนดวธิ กี ารแกไ้ ขปญั หาในแต่ละพ้ืนที่
3. ก้าหนดยุทธวธิ ีใชก้ ลยุทธใ์ นการสรา้ งการเรยี นรู้ ใช้ฐานการเรียนรเู้ ป็นเครือ่ งมือ
4. กา้ หนดยทุ ธศาสตร์การขับเคลอื่ นปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียงสู่การปฏิบัตใิ นสถานทจ่ี รงิ
3) ระยะเวลา
2 ช่ัวโมง
4) วิธีการ/เทคนคิ
4.1 ฝึกปฏบิ ัติการจัดท้ายทุ ธศาสตรอ์ ย่างงา่ ย
4.2 น้าเสนอ และแลกเปล่ยี นเรยี นรู้
5) วสั ดุ / อปุ กรณ์
5.1 คอมพิวเตอร์จอภาพ และเครื่องฉาย
5.2 คลปิ วิดีโอ
5.3 ฟลปิ ชาร์ท
5.4 ปากกาเคมี
6) ขั้นตอน / วิธีการ 168
1. วิทยากรบรรยายเร่อื งการจัดท้า “ยุทธศาสตร์การขบั เคลอื่ นปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง
สู่การปฏิบตั ิ”
2. วิทยากรให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมแบ่งกลุ่มฝึกปฏิบัติการจัดท้ายุทธศาสตร์อย่างง่าย โดย
แบ่งกลุ่มตามรายจังหวัด
3. ตัวแทนกลมุ่ นา้ เสนอยุทธศาสตร์การขับเคล่ือนปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสกู่ ารปฏิบัติ
และรบั ฟงั ขอ้ เสนอแนะจากวิทยากร แบ่งเปน็ 4 กลุ่ม ตามรายจงั หวดั 4 จังหวดั ได้แก่ จังหวัดนนทบรุ ี จงั หวดั
ปราจีนบุรี จังหวัดนครนายก และจังหวัดปทุมธานี ซึ่งมีการจัดท้าและเสนอแผนยุทธศาสตร์การขับเคลื่อน
ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงสู่การปฏบิ ัติ ดังนี้
กลมุ่ ท่ี 1 จงั หวัดนนทบุรี
ไดก้ ้าหนดแผนยทุ ธศาสตรก์ ารขับเคลือ่ นระดบั พ้ืนที่ 3 อ้าเภอของจังหวัดนนทบรุ ี
ชอ่ื วา่ “การพัฒนาอยา่ งยงั่ ยนื ” โดยมียุทธวธิ ี ป.ป.ป. “ปลูป-ปา่ -โปรย” และกจิ กรรมขับเคลื่อนหลกั ดังนี้
1) ทา้ การปลูกป่า (ปา่ 3 อยา่ ง ประโยชน์ 4 อย่าง และการปลกู ปา่ 5 ระดับ)
โดยรวบรวมพนั ธไุ์ ม้ป่าทุกชนิดในพื้นที่ ไว้ท่อี า้ เภอไทรน้อย
2) การท้าน้ายาอเนกประสงค์ เพ่อื ลดรายจ่ายในครวั เรือนของตนเอง ด้าเนนิ การ
หลกั ท่อี ้าเภอบางใหญ่
3) การทา้ เกษตรอนิ ทรีย์ เพ่อื การท่องเที่ยว ในพืน้ ทีอ่ ้าเภอบางกรวย
4) การทา้ ปุ๋ยหมักอินทรีย์ เพ่ือการพึ่งตนเอง ด้าเนินการท่อี ้าเภอไทรนอ้ ย
จดุ มงุ่ หมายของกลุม่ ที่ 1 จงั หวดั นนทบรุ ี คอื เราจะสร้างเครือข่าย ขยายผลการ
ดา้ เนินงานกจิ กรรมให้ครอบคลุมในทุก ๆ พื้นท่ี ให้ทั่วถึงทุกชุมชน
กลมุ่ ท่ี 2 จังหวดั ปทุมธานี
ไดก้ ้าหนดแผนยุทธศาสตร์การขบั เคล่ือนระดบั พน้ื ท่ี กลุ่มท่ี 2 จงั หวัดปทุมธานี
ชอื่ ว่า “เปล่ยี นวิกฤตเปน็ โอกาส” โดยมียุทธวิธีและกิจกรรมขบั เคล่ือนหลัก ดงั น้ี
1) ทา้ การเกษตรแบบพอเพยี งในชุมชน ตามหลักการระเบิดจากข้างใน หลักการทรง
งานของในหลวงรัชกาลท่ี 9
2) การมีสว่ นรว่ มไปเอามื้อสามคั คี ระหวา่ งครัวเรอื น ระหวา่ งอ้าเภอ เพอื่ ให้เกิด
ความคุน้ เคย สร้างเครือขา่ ย ร้จู ักคนในชุมชน
3) การรวมกลุ่ม ปลูกป่า 5 ระดับ (ไม้สูง ไม้กลาง ไมก้ ลาง ไม้เต้ีย ไมเ้ ลือ้ ยเรย่ี ดนิ
และไมใ้ ต้ดนิ ) ด้วยการสร้างความสามคั คีจากศนู ย์เรยี นรรู้ ะดับครวั เรอื น HLM เพ่ือไปสคู่ รวั เรือนอืน่ ในชุมชน
4) เปา้ หมายการดา้ เนนิ งานของกลุ่มท่ี 2 คือ “สามคั คเี ปน็ พลงั คา้ จุนแผน่ ดินไทย”
กลมุ่ ที่ 3 จังหวดั นครนายก
ไดก้ า้ หนดแผนยทุ ธศาสตรก์ ารขับเคล่ือนระดบั พืน้ ท่ี จงั หวดั นครนายก ชอ่ื วา่ “สร้าง
New Landmark ณ ครยก” โดยมียุทธวิธแี ละกจิ กรรมขบั เคลอ่ื นหลกั ดังน้ี
1) ยกระดับสกู่ สิกรรมธรรมชาติ : การยกระดับสวน ไร่ นา และชุมชนส่วู ธิ ีกสกิ รรม 169
ธรรมชาติ ตามทฤษฎใี หม่ ประยกุ ต์สู่ โคก หนอง นา โมเดล
2) พฒั นาและปรบั ปรงุ พนื้ ทต่ี ้นแบบของครัวเรอื น HLM ในพื้นท:่ี การบรหิ ารจัดการ
ปรบั ปรงุ พน้ื ที่ สวน ไร่ นา ในพน้ื ที่ตน้ แบบ HLM ของแตล่ ะชมุ ชน ตามการออกแบบเชิงภมู สิ งั คม
3) ยุทธวิธสี ู่ระบบเศรษฐกิจพอเพยี ง: จัดอบรม สาธติ และลงมือปฏิบัติ ตามองค์
ความรสู้ ู่ระบบเศรษฐกิจพอเพียง เช่น การท้าป๋ยุ หมักชีวภาพ น้าหมักชีวภาพ การรกั ษาปรับปรงุ ดิน การแปร
รูปผลิตภัณฑจ์ ากธรรมชาติท่ีมีอยใู่ นพืน้ ที่ครวั เรอื น HLM และของชุมชน
กลุ่มท่ี 4 จังหวดั ปราจนี บรุ ี
ได้ก้าหนดแผนยุทธศาสตร์การขับเคลือ่ นระดบั พ้ืนที่ 4 อา้ เภอ ของจังหวัดปราจนี บรุ ี
ชอ่ื ว่า “ปราจีนฯ สุขภาพดี กนิ อย่พู อเพยี ง” โดยมยี ุทธวิธีและกิจกรรมขับเคลอื่ นหลักเช่อื มโยงรว่ มกนั ในพื้นที่
ดังนี้
1) สมุนไพรไทย : ปลูกสมนุ ไพร และผลผลิตทีไ่ ด้ สง่ โรงพยาบาล เช่น ต้าบลดงบัง
ส่งขาย รพ.เจา้ พระยาฯ
2) เมลด็ พันธุ์: พัฒนาธนาคารเมล็ดพันธ์ขุ องแผน่ ดนิ อา้ เภอศรมี หาโพธิ เพ่อื เป็น
ศนู ยก์ ลางเมล็ดพันธ์ใุ หพ้ น้ื ทีอ่ ื่นในจงั หวดั ปราจีนบุรี
3) พืชผักและผลไม้ : ส่งเสริมและสนับสนุนผลผลิตที่เปน็ จดุ เดน่ ของพืน้ ที่ ปรับปรุง
และพัฒนาให้มีคณุ ภาพ เช่น สม้ โอ ทเุ รียน มะมว่ ง หน่อไมห้ วาน(ไผ่ตงหวาน)
“ศรีมหาโพธคิ บู่ า้ น ไผต่ งหวานค่เู มอื ง
ผลไม้ลือเร่อื ง เขตเมอื งทราวดี”
4) จกั สาน : มงุ่ เนน้ พฒั นาและต่อยอดจดุ เดน่ งานหตั ถกรรมและงานจักสานของ
อ้าเภอประจันตคาม เนอ่ื งจากมแี หล่งไผ่ ปลกู ไผ่ และมกี ารแปรรูปไผ่เป็นงานจกั สาน
“ดนิ แดนไม้กวาดงาม เรอื่ งลมื น้าตกใส
ไผเ่ ศรษฐกิจอ้าไผ รว่ มหลากหลายหตั ถกรรม ”
5) โฮมสเตย:์ มงุ่ หมายเป็นอันดบั 1 ของประเทศในเรอ่ื งการบรกิ าร โฮมสเตย์ ของ
จังหวดั ปราจีนบุรี โดยเฉพาะบา้ นดงโฮมสเตย์ ให้มสี ไตล์ ประเพณไี ทยพวน และมสี นิ ค้า OTOP เช่น ตะกรอ้
ตะแกรง ในชมุ ชน
สรุปผลการเรียนรู้
ยทุ ธศาสตร์การขบั เคล่ือนปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงสกู่ ารปฏิบตั ิ คอื การก้าหนดเปา้ หมายใน
การขับเคล่ือนปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยที่ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรัชญาใหม่ในการพัฒนา
มนุษย์ ให้เปล่ียน Mindset ใหม่ จากมุ่งแข่งขัน มาเป็นการมุ่งสร้างสรรค์ และแบ่งปัน หัวใจส้าคัญ คือ พระ
ราชด้ารัส “Our Loss is our Gain” ย่ิงให้ไป ยิ่งได้มา ดังนั้น การพัฒนาต้องเป็นไปเพื่อสรา้ งขบวนการ “จิต
อาสา” พร้อมนา้ ศาสตรพ์ ระราชาไปแก้ไขปญั หา ซ่งึ การขับเคล่อื นปรัชญาใหม่ ท่ยี ั่งยนื คือ การกา้ วไปดักหน้า
Technology 5.0 ต้องเอื้อต่อการบูรณาการและการสร้างส่ิงใหม่ในระบบโครงสร้าง ต้องมีภารกิจบ่มเพาะ
ศาสตรพ์ ระราชาใหเ้ ข้าใจอย่างลกึ ซึง้ ต้องน้าศาสตรพ์ ระราชาไปใชใ้ นการพัฒนาประเทศ ตอ้ งมยี ทุ ธศาสตร์การ 170
ส่ือสาร มีการวดั ผลใหมด่ ้วยการวดั ผลทีเ่ ป้าหมาย
เม่ือก้าหนดยุทธศาสตร์หรือเป้าหมายแล้ว ส่ิงต่อไปท่ีจะต้องก้าหนด คือ ยุทธวิธี คือ วิธีการ
ขบั เคล่อื นงาน โดยยทุ ธวิธกี ารดา้ เนินงาน โคก หนอง นา โมเดล มุง่ เนน้ การสบื สานศาสตร์พระราชา รักษาภูมิ
ปัญญาท้องถ่ินและต่อยอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เหมาะสมด้วยการฟ้ืนฟูทรัพยากรดิน น้า ป่า นิเวศ
วฒั นธรรม และภูมปิ ัญญาทอ้ งถน่ิ เพอื่ มงุ่ สูก่ ารผลิตใหม่ ระบบสหกรณ์ เขตเศรษฐกิจพเิ ศษแบบพอเพยี ง และ
เชอ่ื มโยงธรุ กจิ จากข้นั พื้นฐานส่ขู น้ั กา้ วหนา้ เพือ่ ยกระดบั เศรษฐกจิ ฐานรากชุมชน
จากการฝกึ ปฏิบัตแิ ละน้าเสนอการจัดท้ายุทธศาสตร์การขับเคลื่อนปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง
สูก่ ารปฏิบตั ิ สรปุ ได้ดังนี้
ท่ี ยุทธวิธี
1 การวางแผนพัฒนาระบบเศรษฐกิจพอเพยี ง
- จดั อบรม สาธิต และลงมอื ปฏบิ ตั ิ ตามองค์ความรู้สู่ระบบเศรษฐกิจพอเพียง เชน่ การทา้ ปยุ๋
หมกั ชีวภาพ น้าหมักชวี ภาพ การรักษาปรบั ปรุงดิน
- พัฒนาและปรบั ปรงุ พ้ืนท่ีตน้ แบบของครวั เรอื น HLM ในพ้ืนที่
- ท้าการปลูกปา่ (ปา่ 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อยา่ ง และการปลกู ปา่ 5 ระดับ)
- การท้าน้ายาอเนกประสงค์ เพื่อลดรายจ่ายในครัวเรือนของตนเอง
- การท้าเกษตรอินทรีย์ เพือ่ การท่องเทยี่ ว
- การจัดการผลผลิตในพ้นื ท่ี ธนาคารเมลด็ พนั ธ์ุ สมุนไพรไทย จักสาน และโฮมสเตย์
2 การประสานงานภาคีเครือขา่ ยและการมสี ว่ นรว่ มในพื้นท่ี
มงุ่ เน้นการมีสว่ นร่วม 7 ภาคีเครือข่าย ได้แก่ ภาครฐั ภาคศาสนา ภาคเอกชน ภาคสื่อสารมวลชน
ภาควิชาการ ภาคประชาชน และภาคประชาสังคม
เอาม้อื สามัคคี ระหว่างครัวเรอื น ระหวา่ งอ้าเภอ เพอ่ื ให้เกดิ ความคุ้นเคย สร้างเครอื ขา่ ย รจู้ กั คน 171
ในชมุ ชน
ดังน้นั จากการฝึกปฏบิ ตั แิ ละนา้ เสนอยุทธศาสตร์การขบั เคล่ือนปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง
สู่การปฏิบัติ ท้าให้ผู้เข้ารับการอบรมฯ ได้ร่วมกันก้าหนดยุทธศาสตร์และยุทธวิธีการขับเคล่ือนหลักปรัชญา
เศรษฐกิจพอเพียงท่ีเหมาะสมกับแต่ละบริบทพ้ืนที่ จะส่งผลให้การขับเคลื่อนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงสู่การ
ปฏบิ ัตปิ ระสบผลสา้ เร็จได้ และไดว้ ิเคราะหจ์ ดุ ตายของโครงการพัฒนาพื้นที่ตน้ แบบการพฒั นาคณุ ภาพชีวิตตาม
หลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล”เพื่อจะประโยชน์ต่อการก้าหนดแนวทางการด้าเนิน
โครงการต่อไป
สว่ นที่ 3 172
ประเมินผลโครงการ
กิจกรรมท่ี 1 ฝึกอบรมเพิม่ ทกั ษะระยะสัน้ การพัฒนากสกิ รรมสู่ระบบเศรษฐกจิ พอเพยี ง
รูปแบบ “โคก หนอง นา โมเดล”
กลุ่มเปา้ หมาย ประกอบดว้ ย ครัวเรือนพนื้ ทเี่ รยี นรชู้ มุ ชนต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวติ (HLM) ระดบั
ครัวเรอื น และผู้รบั จา้ งในโครงการฯ
1) รปู แบบและวธิ ีการประเมนิ
มีการประเมินภาพรวมโครงการ โดยได้ท้าเป็นแบบประเมินสอบถามความคิดเห็นรายประเด็นเพ่ือ
เป็นเคร่ืองมือ ในการรวบรวมข้อมูล ลักษณะของแบบสอบถามเป็นแบบมาตราส่วนประเมินค่าโดยในแต่ละข้อ
คา้ ถามจะมคี ้าตอบใหเ้ ลือก 5 ตวั เลือก และผู้ตอบแบบสอบถามสามารถเลือกตอบไดเ้ พียงตวั เลือกเดียว ดังนี้
ส่วนที่ 1 ข้อมูลทั่วไป ประกอบด้วย เพศ อายุ และการศึกษา
ส่วนท่ี 2 ความคิดเห็นตอ่ โครงการ
2.1 การบรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการ
2.2 ประโยชน์ของหวั ข้อวิชาต่อการนา้ ความรไู้ ปปรับใช้ในการปฏิบัติงาน
2.3 ความพงึ พอใจต่อภาพรวมของโครงการ
2.4 ขอ้ เสนอแนะ
2) การเก็บรวบรวมข้อมลู
วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลโดยใหผ้ ู้เข้าอบรมท้าแบบสอบถามออนไลนผ์ า่ นทาง Google Form
3) การวเิ คราะห์ขอ้ มูล
วิเคราะห์ข้อมลู จากการนา้ ผลจากการท้าแบบสอบถามมาประเมินผล และหาค่าเฉลี่ยตามหลัก
คณิตศาสตร์ โดยใช้ค่าเฉลี่ย( )̅
4) เกณฑ์การประเมินผล
เมอ่ื เก็บรวบรวมข้อมลู เสรจ็ เรยี บรอ้ ยแลว้ ไดก้ า้ หนดเกณฑ์ส้าหรับการวิเคราะห์ขอ้ มลู ดังน้ี
ระดบั ความคดิ เห็นมากทีส่ ุด = 5 เกณฑใ์ นการประเมินคอื 4.51 - 5.00
ระดับความคดิ เหน็ มาก = 4 เกณฑใ์ นการประเมินคอื 3.51 - 4.50
ระดับความคดิ เห็นปานกลาง = 3 เกณฑใ์ นการประเมินคือ 2.51 - 3.50
ระดบั ความคิดเห็นนอ้ ย = 2 เกณฑใ์ นการประเมินคือ 1.51 - 2.50
ระดับความคิดเหน็ น้อยที่สดุ = 1 เกณฑ์ในการประเมินคอื 1.00 - 1.50
5) ผลการประเมนิ โครงการและผลการประเมนิ รายวิชา
สว่ นที่ 1 ผลการประเมินโครงการ
ส่วนท่ี 2 ความคิดเห็นตอ่ โครงการ
ส่วนท่ี 3 ความคดิ เห็นและข้อเสนอแนะอ่ืน ๆ
ผล 173
1. ผลการประเมนิ รุ่นที่ 1
ส่วนท่ี 1 ผลการประเมินโครงการ
1.1 ผูต้ อบแบบประเมินโครงการ จานวน 126 คน
จากกลุ่มเป้าหมาย ครัวเรือนพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิต จ้านวน 78 คน และผู้เข้าร่วม
โครงการจ้างงานสร้างรายได้ จ้านวน 48 คน ในพื้นที่อ้าเภอเมืองนครนายก จังหวัดนครนายก ท้ังสิ้น
126 คน จ้านวน 126 คน มีผู้ตอบแบบประเมินจ้านวน 126 คน คิดเป็นร้อยละ 100 ของกลุ่มเป้าหมาย
จากผลการประเมินข้อมูลทัว่ ไปของผู้ตอบแบบประเมินโครงการฯ มีรายละเอยี ดดังนี้
1) เพศ เพศหญิง จ้านวน 58 คน คิดเป็นร้อยละ 46.03 และเพศชาย จ้านวน 68 คน
คดิ เป็นรอ้ ยละ 53.97
2) อายุ กลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่ มีอายุต้่ากว่า 30 ปี คิดเป็นร้อยละ 22.22 และมีอายุ
40-49 ปี คิดเป็นร้อยละ 22.22 รองลงมา มีอายุ 50-59 ปี คิดเป็นร้อยละ 19.84 อายุ 60 ปี
ขน้ึ ไป คิดเป็นรอ้ ยละ 18.25 และอายุ 30 - 39 ปี คิดเป็นรอ้ ยละ 17.47 ตามลา้ ดับ
3) การศึกษา กลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่ มีระดับการศึกษาอยู่ในระดับต้่ากว่าปริญญาตรี
คิดเป็นร้อยละ 58.73 ระดับปริญญาตรี คิดเป็นร้อยละ 35.71 ระดับปริญญาโท คิดเป็นร้อยละ
3.97 และอน่ื ๆ คดิ เป็นรอ้ ยละ 1.59 ตามล้าดับ
ส่วนท่ี 2 ความคิดเห็นตอ่ โครงการฝกึ อบรมหลักสตู ร
2.1) การบรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการ
การบรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการ มีจ้านวน 1 ข้อ คือ เพื่อพัฒนาผูเ้ ข้าอบรมใหม้ ีความรู้ความเข้าใจ
เศรษฐกิจพอเพียงรูปแบบ โคก หนอง นา โมเดล พัฒนาให้กลุ่มเป้าหมายเป็นแกนนา้ การพัฒนา สามารถเป็น
ครูกระบวนการ ครูกสิกรรม ครูประจา้ ฐานเรียนรู้การพึ่งพาตนเอง และครูพาท้า
เพื่อขับเคลื่อนงานและเชื่อมโยงเครือข่ายในพื้นที่ท้ัง 7 ภาคี
ประเด็น ค่าเฉล่ยี ( )̅ ระดับ
เพื่อพัฒนาผเู้ ข้าอบรมให้มีความรู้ความเขา้ ใจเศรษฐกิจพอเพียงรปู แบบ 4.52 มากท่ีสุด
โคก หนอง นา โมเดล พฒั นาให้กลมุ่ เป้าหมายเป็นแกนนา้ การพฒั นา สามารถ
เปน็ ครูกระบวนการ ครูกสกิ รรม ครูประจา้ ฐานเรยี นรกู้ ารพึง่ พาตนเอง และครู
พาทา้ เพ่อื ขบั เคล่ือนงานและเชอื่ มโยงเครือขา่ ยในพนื้ ท่ีท้ัง 7 ภาคี
คา่ คะแนนเฉลย่ี โดยรวมท้ังหมด 4.52 มากท่สี ุด
จากผลการประเมินตามตารางดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ส่วนใหญ่ผู้ตอบแบบประเมินคิดเห็นว่าการบรรลุ
วัตถุประสงค์ของโครงการฯ อย่ใู นระดบั มากทสี่ ุด โดยมคี า่ เฉลี่ยคือ 4.52
2.2) ประโยชน์ของหวั ขอ้ วิชาต่อการนา้ ความรไู้ ปปรบั ใช้ในการปฏิบัติงาน
ประเดน็ คา่ เฉลี่ย ( )̅ ระดบั 174
1.กจิ กรรมกลุม่ สัมพันธ์ ความคาดหวัง/กระบวนการกล่มุ 4.52 มากท่สี ดุ
4.63 มากท่สี ดุ
2.เรียนรตู้ าราบนผืนดิน 4.63 มากที่สุด
4.52 มากท่ีสุด
3.ฝึกปฏิบัติฐานเรยี นรู้ 4.56 มากทส่ี ดุ
4.65 มากทีส่ ุด
4.เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา ศาสตรพ์ ระราชากับการพัฒนาทย่ี ั่งยืน 4.51 มากทสี่ ดุ
4.35 มาก
5.การแปลงปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียงสกู่ ารปฏบิ ตั ิแบบเปน็ ข้ันตอน 4.56 มากทีส่ ุด
6.ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง "ทฤษฎีบนั ได 9 ข้ันสู่ความพอเพยี ง" 4.51 มากทส่ี ดุ
4.55 มากทีส่ ดุ
7.หลักกสกิ รรมธรรมชาติ 4.4 มาก
4.3 มาก
8.ถอดบทเรียนผ่านสื่อ "วิถภี ูมิปญั ญาไทยกบั การพ่งึ ตนเองในภาวะวกิ ฤต" 4.51 มากท่สี ดุ
9.จิตอาสาพฒั นาชุมชน เอามอ้ื สามัคคี พฒั นาพน้ื ที่ตามหลกั ทฤษฎีใหม่
10.การออกแบบเชิงภมู ิสังคมไทยตามหลกั การพฒั นาภูมิสังคมอยา่ งยั่งยนื
เพ่อื การพง่ึ ตนเองและรองรับภัยพิบัติ
11.Team Building ฝึกปฏิบตั ิการบรหิ ารจัดการในภาวะวกิ ฤต หาอยู่หากิน
12.การขับเคลือ่ นสืบสานศาสตร์พระราชา กลไก 357
13.แผนปฏิบตั ิการ "ยทุ ธศาสตรก์ ารขับเคล่อื นปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งสู่
การปฏบิ ัติ
ค่าคะแนนเฉล่ยี โดยรวมท้งั หมด
จากตารางดงั กล่าวแสดงใหเ้ หน็ ว่า ผูต้ อบแบบประเมนิ ผลโครงการ จา้ นวน 126 คน ได้รับประโยชน์
ของหัวข้อวิชาต่อการนา้ ความรู้ไปปรับใช้ในการปฏิบัติงานในหัวข้อวิชามาก โดยเรียงลา้ ดับจากมากไปหาน้อย
3 ลา้ ดบั ดงั นี้
1.วิชาปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง "ทฤษฎีบันได 9 ขั้นสู่ความพอเพียง" อยู่ในระดับมากท่ีสุด ค่าเฉล่ีย
คะแนน คือ 4.65
2. วิชาเรียนร้ตู ้าราบนผืนดิน และ วชิ าฝึกปฏบิ ตั ฐิ านเรยี นรู้ อยใู่ นระดบั มากทส่ี ุด ค่าเฉลย่ี คะแนน คอื
4.63
3. การแปลงปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงสู่การปฏิบัติแบบเป็นขั้นตอนอยู่ในระดับมาก ค่าเฉลี่ยคะแนน
คือ 4.56
จากการวิเคราะห์ข้อมูลดังกล่าวข้างต้นผู้ตอบแบบประเมินได้ท้าการประเมินการได้รบั ประโยชน์ของ
หัวข้อวิชาต่อการน้าความรู้ไปปรับใช้ในการปฏิบัติงาน ค่าเฉลีย่ คะแนนโดยรวมท้ังหมดอย่ใู นระดับมากที่สุด
ค่าเฉลยี่ คะแนน คอื 4.51
175
2.3) ความพงึ พอใจตอ่ ภาพรวมโครงการ คา่ เฉล่ยี ระดบั
( )̅
ประเด็น มากที่สุด
4.61 มาก
1.ความพงึ พอใจต่อการบริหารโครงการ : กระบวนการขน้ั ตอนการใหบ้ รกิ าร 4.15 มาก
1) ความเหมาะสมของสถานท่ี 4.02 มาก
2) ความเหมาะสมของระยะเวลา 4.36 มาก
3) ความเหมาะสมของช่วงเวลา 4.29
4) การจัดล้าดับข้ันตอนของการจัดกิจกรรม มากท่ีสุด
4.62 มากที่สุด
คา่ คะแนนเฉลย่ี โดยรวม 4.60 มากที่สุด
4.62
2.ความพงึ พอใจต่อการบริหารโครงการ : ดา้ นวทิ ยากร 4.50 มาก
1) ความรอบรู้ในเน้ือหาของวิทยากร 4.59 มากทสี่ ุด
2) ความสามารถในการถ่ายทอดความรู้
3) การเปิดโอกาสให้ซักถามแสดงความคิดเหน็ 4.56 มากทีส่ ุด
4) การสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ 4.64 มากที่สดุ
4.56 มากทส่ี ดุ
คา่ คะแนนเฉลย่ี โดยรวม 4.53 มากทส่ี ดุ
3.ความพงึ พอใจต่อการบริหารโครงการ : เจ้าหนา้ ทผี่ ู้ให้บริการ/ผู้ 4.57 มากทส่ี ดุ
ประสานงาน
1) การแตง่ กาย 4.46 มาก
2) ความสุภาพ 4.56 มากทส่ี ุด
3) การตอบคา้ ถาม 4.55 มากทส่ี ุด
4) การประสานงาน 4.67 มากที่สุด
4.56 มากที่สุด
ค่าคะแนนเฉลย่ี โดยรวม
4.ความพงึ พอใจต่อการบริหารโครงการ : การอานวยความสะดวก 4.63 มากทีส่ ดุ
1) เอกสาร
2) โสตทัศนูปกรณ์
3) เจ้าหน้าท่ีสนับสนุน
4) อาหาร เครือ่ งดื่มและสถานท่ี
ค่าคะแนนเฉลีย่ โดยรวม
5.ความพึงพอใจต่อการบริหารโครงการ : คุณภาพการใหบ้ ริการ
1) ท่านได้รบั ความรู้ แนวคิด ทักษะและประสบการณ์ใหมๆ่ จากโครงการ/
กิจกรรมน้ี
ประเด็น ค่าเฉลี่ย ระดับ 176
( )̅ มากที่สดุ
2) ท่านสามารถน้าส่ิงทไ่ี ด้รับจากโครงการ/กิจกรรมนี้ไปใช้ในการเรียน/
การปฏิบัตงิ าน 4.58 มากทสี่ ุด
3) สิ่งท่ีท่านได้รับจากโครงการ/กิจกรรมคร้ังน้ีตรงตามความคาดหวังของท่าน
หรือไม่ 4.52 มาก
4) สัดส่วนระหว่างฝึกอบรมภาคทฤษฎีกับภาคปฏิบัติ มีความเหมาะสม มากทีส่ ดุ
5) ประโยชน์ที่ท่านได้รับจากโครงการ/กิจกรรม 4.41 มากที่สุด
4.58 มากที่สดุ
คา่ คะแนนเฉลย่ี โดยรวม 4.54
4.51
ค่าคะแนนเฉลีย่ โดยรวมทงั้ หมด 5 ดา้ น
จากผลการประเมินโดยผู้ตอบแบบประเมินผลโครงการ จ้านวน 126 คน พบว่า ประเด็นความพึงพอใจต่อ
ภาพรวมโครงการ โดยมหี วั ข้อดงั น้ี
1) ดา้ นกระบวนการข้นั ตอนการใหบ้ ริการ
2) ด้านวิทยากร
3) ด้านเจา้ หน้าทผี่ ใู้ ห้บริการ/ผ้ปู ระสานงาน
4) ดา้ นการอา้ นวยความสะดวก
5) ดา้ นคุณภาพการให้บริการ
ผู้ตอบแบบประเมนิ ส่วนใหญค่ ิดว่าการบริการทั้ง 5 ด้าน อยู่ในระดับมากทสี่ ดุ คา่ คะแนนเฉลย่ี โดยรวม
ทั้งหมด 5 ด้าน คือ 4.51 และผลการวิเคราะห์จากตารางดังกล่าวแสดงให้เห็นได้ว่า ผู้ตอบแบบประเมินมี
ความพึงพอใจต่อภาพรวมของโครงการ โดยเรียงล้าดับจากมากที่สุดไปหาน้อยที่สุดสามล้าดับ แยกตามหัวข้อ
ประเมิน 5 ด้าน ดงั นี้
1. ความพึงพอใจต่อภาพรวมของโครงการ : ดา้ นกระบวนการขนั้ ตอนการใหบ้ ริการ
ความพึงพอใจต่อภาพรวมของโครงการ ด้านกระบวนการขั้นตอนการให้บริการ อยู่ใน
ระดบั มาก ค่าคะแนนเฉลี่ยรวม 4.29 โดยมคี า่ คะแนนเฉลีย่ 3 ล้าดบั ดงั นี้
1. ความเหมาะสมของสถานที่ อยใู่ นระดบั มากที่สุด คา่ คะแนนเฉลี่ย 4.61
2. การจัดล้าดับข้ันตอนของการจัดกิจกรรม อยใู่ นระดบั มาก คา่ คะแนนเฉลย่ี 4.36
3. ความเหมาะสมของระยะเวลา อยใู่ นระดับมาก คา่ คะแนนเฉลี่ย 4.15
2. ความพึงพอใจต่อภาพรวมของโครงการ : ด้านวิทยากร
ความพึงพอใจต่อภาพรวมของโครงการ ด้านวิทยากร อยู่ในระดับมากท่ีสุด ค่าคะแนนเฉลี่ย
รวม 4.59 โดยมีคา่ คะแนนเฉล่ยี 3 ลา้ ดับดงั นี้
1.ความรอบรู้ในเน้ือหาของวิทยากร อยใู่ นระดับมากท่ีสุด คา่ คะแนนเฉลยี่ 4.62
2.การเปิดโอกาสให้ซักถามแสดงความคิดเห็น อย่ใู นระดบั มากท่ีสุด ค่าคะแนนเฉลี่ย 4.62
3.การสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ อยู่ในระดบั มาก ค่าคะแนนเฉลย่ี 4.50
3. ความพึงพอใจต่อภาพรวมของโครงการ: ด้านเจ้าหนา้ ทผ่ี ูใ้ ห้บริการ/ผ้ปู ระสานงาน 177
ความพึงพอใจตอ่ ภาพรวมของโครงการ ด้านเจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการ/ผู้ประสานงาน อยู่ใน
ระดับมากท่สี ุด ค่าคะแนนเฉล่ียรวม 4.57 โดยมีคา่ คะแนนเฉล่ีย 3 ลา้ ดับดงั นี้
1. ความสุภาพ อยูใ่ นระดับมากทีส่ ุด คา่ คะแนนเฉลี่ย 4.64
2. การแต่งกาย อยู่ในระดับมากท่ีสดุ คา่ คะแนนเฉล่ีย 4.56
3. การตอบคา้ ถาม อยใู่ นระดบั มากที่สุด ค่าคะแนนเฉลยี่ 4.56
4. ความพึงพอใจต่อภาพรวมของโครงการ: ด้านการอา้ นวยความสะดวก
ความพึงพอใจต่อภาพรวมของโครงการ ด้านการอ้านวยความสะดวก อยู่ในระดับมากที่สุด
คา่ คะแนนเฉลีย่ รวม 4.56 โดยมคี า่ คะแนนเฉลี่ย 3 ล้าดบั ดังน้ี
1. อาหาร เครื่องด่ืมและสถานท่ี อยูใ่ นระดับมากที่สดุ คา่ คะแนนเฉลยี่ 4.67
2. โสตทัศนูปกรณ์ อยู่ในระดบั มากทสี่ ุด ค่าคะแนนเฉลีย่ 4.56
3. เจ้าหน้าที่สนับสนุน อยู่ในระดบั มากที่สดุ คา่ คะแนนเฉลีย่ 4.55
4. ความพึงพอใจต่อภาพรวมของโครงการ: ดา้ นคณุ ภาพการให้บรกิ าร
ความพึงพอใจต่อภาพรวมของโครงการ ด้านคุณภาพการให้บริการ อยู่ในระดับมากท่ีสุด
คา่ คะแนนเฉล่ียรวม 4.54 โดยมีคา่ คะแนนเฉลย่ี 3 ลา้ ดบั ดังน้ี
1. ท่านได้รับความรู้ แนวคิด ทักษะและประสบการณ์ใหมๆ่ จากโครงการ/กิจกรรมนี้
อยู่ในระดับมากทส่ี ุด คา่ คะแนนเฉลีย่ 4.63
2. ท่านสามารถน้าสิ่งที่ได้รับจากโครงการ/กิจกรรมนี้ไปใช้ในการเรียน/การปฏบิ ัติงาน
อยู่ในระดับมากท่ีสุด ค่าคะแนนเฉลย่ี 4.58
3. ประโยชน์ที่ท่านได้รับจากโครงการ/กิจกรรม อยใู่ นระดบั มากที่สุด คา่ คะแนนเฉล่ยี 4.58
สว่ นที่ 4 ข้อเสนอแนะ
4.1) ส่ิงท่ีท่านพึงพอใจในการร่วมโครงการ/กิจกรรมคร้งั น้ี
- ประทบั ใจสถานท่ี วิทยากร เจา้ หน้าท่โี ครงการ เพ่ือนที่อบรม และสิง่ อ้านวยความสะดวก
ต่าง ๆ
- ได้รับความรู้แนวคดิ ทักษะประสบการณใ์ หม่ๆ ได้ความรไู้ ปใช้ในชวี ิตประจ้าวัน
- มีความรู้เร่ืองศาสตรพ์ ระราชา หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ไดช้ ัดเจนมากขึน้
- ได้แนวคิดเก่ยี วกบั การพัฒนาพืน้ ทตี่ ้นแบบการพัฒนาคณุ ภาพชวี ิต ประยุกตส์ ู่ โคก หนอง
นา โมเดล ไปปรับใช้ สามารถใชไ้ ด้จรงิ ในชุมชนของเรา และนา้ ไปพัฒนาพน้ื ท่ขี องตนเองได้
- การทไ่ี ด้ลงมือปฏบิ ัติจรงิ ควบคู่ทฤษฎี เชน่ การหม่ ดนิ ทา้ ป๋ยุ ธรรมชาติ ขุดคลองไส้ไก่
หลมุ ขนมครก
- พึงพอใจในกจิ กรรมปฏิบตั ทิ ้งั หมด เช่น การออกแบบ หาอยหู่ ากิน เอาม้อื สามัคคี เปน็ ตน้
- ได้ออกแบบแปลงพนื้ ที่ ทา้ กจิ กรรมเอามอื้ สามคั คี ได้ความร้ใู หม่ๆ เชน่ คลองไส้ไก่ ธนาคาร
- ความรกั และความสามัคคขี องผู้เข้าร่วมอบรม / ท้าใหร้ ้จู กั เพอ่ื นใหม่
- การรจู้ กั การวางแผนและปฏบิ ตั ิ การทา้ งานรว่ มมือกัน
- การได้ทา้ กิจกรรมกับคนหลายชว่ งอายุ หลากหลายในการท้างาน ทา้ ใหเ้ กิดแนวคิดใหมๆ่ 178
ประสบการณ์มาปรบั ใชก้ ับตนเอง ได้มาแลกเปลี่ยนความคดิ มีเพือ่ นอุดมการณ์เดยี วกัน
- วิทยากรอธิบายไดช้ ัดเจนเหน็ ภาพ จนถงึ การปฏิบัติลงมอื ทา้ ร่วมแก้ปัญหาดว้ ยกนั
ทั้งวิทยากรและเจ้าหน้าทท่ี กุ คน ได้แสดงใหเ้ ห็นถึงความตง้ั ใจ ใสใ่ จ ท้าให้รสู้ กึ ว่าเราต้องท้าให้เต็มที่สม
กบั ทท่ี กุ คนต้ังใจท้าใหเ้ รา
- ไดเ้ หน็ คนต่างวัยรว่ มกิจกรรม รว่ มแรงรว่ มใจ คนสงู อายสุ อนเยาวชนในสง่ิ ทีถ่ นัด วิถีไทย
ดง้ั เดิมของไทยกา้ ลงั กลับมาเพราะโคกหนองนา
- เจา้ หนา้ ทมี่ คี วามใส่ใจและให้ดูแลผู้เข้ารบั การอบรมเป็นอยา่ งดี โดยเฉพาะผู้สงู อายุ
หอ้ งพกั สถานที่ อาหาร เจ้าหนา้ ทแี่ ละวิทยากร รวมทงั้ แมค่ รัว
4.2 ส่ิงที่ควรเสนอแนะนาไปพฒั นาการจัดโครงการ/กิจกรรมคร้ังต่อไป
4.2.1 ด้านเนือ้ หาหลกั สูตรและกิจกรรมหลักสตู รในการฝึกอบรม
- มเี นื้อหากระชบั ชัดเจน เพ่อื นา้ ไปสู่การปฏิบตั จิ ริงได้ และเปน็ หลักสตู รระยะสั้น ถือว่าได้รบั
ความร้คู รบถ้วนในเวลา
- เน้อื หาและทฤษฎมี ีความเยอะเกินไป ควรเป็นความเขา้ ใจเบอ้ื งตน้ เน้นฝึกปฏบิ ัติ ลดเวลา
ช่วงเช้าดกึ เพราะมคี วามอ่อนลา้ ของคนอบรม
- ควรมคี รวั เรือนที่มีประสบการณก์ ารท้าโคกหนองมา มาบรรยายประสบการณท์ ่ไี ด้ลงมือ
ปฏบิ ัตจิ รงิ ในพื้นที่
- อบรมวนั ท่ีหนึ่ง เนน้ วิชาการมาก ท้าให้ง่วงนอน ควรสลับวชิ าการและกจิ กรรมขยบั ร่างกาย
- ควรมเี อกสารประกอบการสอนในแต่ละรายวิชาให้ผู้เข้าอบรม
- จัดเวลาให้น้อยลง กระชบั มากกว่าน้ี เน่ืองจากแตล่ ะคนมีภาระหน้าทไี่ ม่เหมอื นกัน
- ควรมหี ลักสูตรใหมๆ่ เพมิ่ เตมิ เชน่ หลกั สูตรเพาะปลูก หลกั สูตรการท้าเคร่อื งใช้อปุ โภคใน
ครวั เรอื น
- ใหม้ หี ลกั สูตรแบบนอี้ กี ตอ่ ไป
- กลมุ่ ใหญเ่ กินไป การแสดงออกความคดิ เหน็ ไมท่ ่ัวถึง
- ควรมเี ปดิ โอกาสเรียนรู้แบบครอบครัว (พ่อแมล่ ูก)
4.2.2 ด้านวิทยากรและเจ้าหน้าท่โี ครงการ
- วทิ ยากรมอี งค์ความรู้ ความเข้าใจในเรื่องที่บรรยาย ตอบข้อสงสยั ได้อยา่ งดี
- วทิ ยากร อธบิ ายเข้าใจง่าย น่าตดิ ตาม เป็นระบบ
- เจ้าหนา้ ที่ให้ความรู้ ให้ค้าแนะนา้ ตา่ ง ๆ ดีมาก และเป็นกันเองดี
- เจา้ หนา้ ทโี่ ครงการ ให้การสนับสนนุ เป็นอยา่ งดี
- มีการเตรยี มพรอ้ มทดี่ ีมาก
- เจ้าหนา้ ที่สภุ าพ นา่ รัก มีความเอาใจใสผ่ ู้เข้าอบรม
- ควรมกี ิจกรรมสันทนาการมากกวา่ นี้
- จดั กิจกรรมและฐานเรยี นรู้ทห่ี ลากหลาย ท้าให้เห็นภาพชัดเจน
4.2.3 อาคารสถานที่ ห้องพัก ห้องอบรม โรงอาหาร
- ทีพ่ กั ผู้ชายน่าจะแยกหอ้ ง ไม่นอนรวมกนั ด้วยสถานการณโ์ ควดิ -19
- สถานที่ ห้องพัก ห้องอบรม โรงอาหาร สะอาดและเหมาะสม
- หอ้ งพัก ยงุ เยอะมาก ควรมกี ารจัดการ 179
- เจ้าหนา้ ท่ดี ูแลห้องพกั ควรดูแลเอาใจใส่และยิม้ แยม้ มากกว่านี้
- ห้องนา้ บางห้องอุปกรณช์ า้ รุด ควรซอ่ มแซม
- หอ้ งน้า ควรให้อยชู่ ัน้ เดียวกบั หอ้ งประชุม เพือ่ ความสะดวกต่อผู้สงู อายุ
- ควรจะออกไปดูงานนอกสถานท่ี
- หอ้ งพกั เฟอื้ งฟา้ ควรมเี ครอื่ งทา้ น้าอ่นุ
- ท่พี ักสะอาด แตท่ รี่ ะบายนา้ ไม่ค่อยไหลสะดวก
4.2.4 อปุ กรณ์โสตทัศนปู กรณ์
- อุปกรณ์โสตทัศนปู กรณ์ครบครัน เหมาะสม และทันสมัย
- ส่อื วีดโี อท่ีใช้ฝกึ อบรม ชดั เจนดี เข้าใจงา่ ย ภาพชัด เสียงชดั ทา้ ให้เข้าใจมากขน้ึ
- จอแสดงผล คนที่นัง่ ไกลมองไม่ชัด
4.2.5 อาหาร/อาหารว่างและเคร่อื งด่ืม
- อาหาร อาหารว่างและเคร่ืองด่ืม สะอาด และอร่อย
- อาหารอรอ่ ยทกุ มื้อ เหมาะสม และอาหารหลากหลายดี
- มีอาหารเพยี งพอ และไดส้ ุขลักษณะ
- ขนมอรอ่ ยหลากหลาย
2. ผลการประเมนิ รุ่นที่ 2
สว่ นท่ี 1 ผลการประเมนิ โครงการ
1.1 ผู้ตอบแบบประเมินโครงการ จานวน 60 คน
การด้าเนินการฝึกอบรมหลักสูตรฝึกอบรมเพิ่มทักษะระยะสั้นการพัฒนากสิกรรมสู่ระบบเศรษฐกิจ
พอเพียง รูปแบบ โคก หนอง นา โมเดล โครงการพัฒนาพน้ื ท่ีต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎี
ใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” (HLM รุ่น 2) ระหว่างวันที่ 8 - 12 กุมภาพันธ์ 2564
ณ ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนนครนายก ต้าบลสาริกา อ้าเภอเมือง จังหวัดนครนายก มีกลุ่มเป้าหมาย
ในพื้นท่ีจงั หวดั ปราจีนบุรี โดยมีครวั เรือนพืน้ ท่ีต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิต จา้ นวน 34 คน และผเู้ ข้าร่วม
โครงการจ้างงานสร้างรายได้ จ้านวน 26 คน ท้ังสิ้น 60 คน มีผู้ตอบแบบประเมินจ้านวน 60 คน คิดเป็น
ร้อยละ 100 ของกลุ่มเป้าหมาย จากผลการประเมินข้อมูลท่ัวไปของผู้ตอบแบบประเมินโครงการฯ มี
รายละเอยี ดดงั น้ี
1) เพศ เพศชาย จ้านวน 34 คน คิดเป็นร้อยละ 56.67 และเพศหญิง จ้านวน 26 คน
คดิ เป็นร้อยละ 43.33
2) อายุ กลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่ อายุ 40-49 ปี คิดเป็นร้อยละ 28.33 และมีอายุต้่ากว่า
30 ปี คดิ เปน็ ร้อยละ 23.33 และรองลงมา มีอายุ 30 - 39 ปี คิดเปน็ ร้อยละ 18.33 และมอี ายุ 50-59
ปี คิดเป็นรอ้ ยละ 20.00 และมอี ายุ 60 ปขี ้ึนไป คดิ เป็นรอ้ ยละ 10.00 ตามล้าดับ
3) การศึกษา กลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่ มีระดับการศึกษาอยู่ในระดับต้่ากว่าปริญญาตรี 180
คิดเป็นร้อยละ 70.00 ระดับปริญญาตรี คิดเป็นร้อยละ 28.33 ระดับปริญญาโท คิดเป็นร้อยละ 1.67
ตามลา้ ดับ
ส่วนที่ 2 ความคิดเห็นต่อโครงการฝึกอบรมหลกั สตู ร
2.1) การบรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการ
การบรรลุวัตถปุ ระสงค์ของโครงการ มจี า้ นวน 1 ข้อ คือ เพื่อพฒั นาผู้เข้าอบรมให้มี
ความรู้ความเข้าใจเศรษฐกิจพอเพียงรูปแบบ โคก หนอง นา โมเดล พัฒนาให้กลุ่มเป้าหมายเป็นแกนน้าการ
พฒั นา สามารถเป็นครูกระบวนการ ครกู สิกรรม ครูประจา้ ฐานเรียนรกู้ ารพึ่งพาตนเอง และครพู าทา้
เพอ่ื ขับเคลอื่ นงานและเช่ือมโยงเครือข่ายในพน้ื ที่ทั้ง 7 ภาคี
ประเด็น ค่าเฉลยี่ ( )̅ ระดับ
เพอื่ พฒั นาผเู้ ข้าอบรมให้มีความรู้ความเข้าใจเศรษฐกจิ พอเพียงรูปแบบ 4.58 มากทีส่ ดุ
โคก หนอง นา โมเดล พฒั นาให้กลมุ่ เปา้ หมายเป็นแกนนา้ การพฒั นา สามารถ
เป็นครูกระบวนการ ครูกสิกรรม ครปู ระจ้าฐานเรียนร้กู ารพึ่งพาตนเอง และครู
พาท้า เพ่อื ขบั เคลอื่ นงานและเชอ่ื มโยงเครอื ขา่ ยในพืน้ ทท่ี ั้ง 7 ภาคี
ค่าคะแนนเฉล่ยี โดยรวมทงั้ หมด 4.58 มากทส่ี ุด
จากผลการประเมินตามตารางดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ส่วนใหญ่ผู้ตอบแบบประเมินคิดเห็นว่าการบรรลุ
วัตถุประสงค์ของโครงการฯ อยู่ในระดับมากทีส่ ุด โดยมคี ่าเฉล่ยี คอื 4.58
2.๒) ประโยชน์ของหัวขอ้ วิชาตอ่ การนาความรไู้ ปปรับใช้ในการปฏิบัติงาน
ประเด็น คา่ เฉลย่ี ระดบั
1.กจิ กรรมกล่มุ สัมพนั ธ์ ความคาดหวัง/กระบวนการกลุ่ม ( )̅ มากทสี่ ุด
2.เรียนรู้ต้าราบนผืนดิน 4.58 มากท่ีสุด
3.เขา้ ใจ เข้าถงึ พัฒนา ศาสตรพ์ ระราชากับการพัฒนาทยี่ ่ังยืน 4.57 มากท่สี ุด
4.การแปลงปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงสูก่ ารปฏิบัติแบบเปน็ ขั้นตอน 4.53 มากที่สุด
5.ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง "ทฤษฎบี ันได 9 ขนั้ สคู่ วามพอเพยี ง" 4.62 มากทส่ี ุด
6.หลกั กสกิ รรมธรรมชาติ 4.62 มากท่ีสุด
7.ฝกึ ปฏบิ ตั ิฐานเรยี นรู้ 4.60 มากทีส่ ุด
8.ถอดบทเรยี นผ่านสอ่ื "วถิ ภี มู ปิ ัญญาไทยกบั การพ่ึงตนเองในภาวะวิกฤต" 4.52 มากทสี่ ดุ
9.ถอดบทเรียนผ่านสอ่ื "แผน่ ดนิ ไทย ตอนแผ่นดินวกิ ฤต” 4.52 มากทส่ี ดุ
10.จติ อาสาพัฒนาชมุ ชน เอาม้อื สามคั คี พฒั นาพื้นทตี่ ามหลกั ทฤษฎใี หม่ 4.60 มากท่สี ดุ
11.การออกแบบเชิงภมู ิสังคมไทยตามหลักการพฒั นาภูมิสงั คมอยา่ งยั่งยนื 4.55 มากท่สี ุด
เพื่อการพ่งึ ตนเองและรองรับภยั พิบัติ 4.60
ประเด็น ค่าเฉลีย่ ระดับ 181
( )̅
12.ฝึกปฏบิ ตั ิการ สร้างหุ่นจ้าลอง (กระบะทราย) การจดั การพนื้ ทีต่ ามทฤษฎีใหม่
ประยกุ ตส์ ู่โคก หนอง นา โมเดล] 4.65 มากที่สดุ
13.Team Building ฝึกปฏิบตั ิการบรหิ ารจัดการในภาวะวกิ ฤต หาอยหู่ ากิน
14.การขบั เคล่อื นสืบสานศาสตรพ์ ระราชา กลไก 357 4.54 มากที่สุด
15.แผนปฏิบัตกิ าร "ยุทธศาสตร์การขับเคลอื่ นปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งสูก่ ารปฏิบัติ 4.53 มากท่ีสุด
4.52 มากทส่ี ุด
คา่ คะแนนเฉลี่ยโดยรวมทงั้ หมด 4.58 มากท่สี ุด
จากตารางดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ผู้ตอบแบบประเมินผลโครงการ จ้านวน 60 คน ได้รับประโยชน์
ของหัวข้อวิชาต่อการน้าความรู้ไปปรับใช้ในการปฏิบัติงานในหัวข้อวชิ ามาก โดยเรียงล้าดับจากมากไปหาน้อย
3 ล้าดับ ดงั นี้
1. วชิ า ฝึกปฏิบตั ิการ สรา้ งหุ่นจ้าลอง (กระบะทราย) การจดั การพ้นื ทต่ี ามทฤษฎีใหม่ ประยกุ ต์สู่โคก
หนอง นา โมเดล อยู่ในระดบั มากท่ีสดุ ค่าเฉลี่ยคะแนน คือ 4.65
2. วิชา การแปลงปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงสู่การปฏิบัติแบบเป็นข้ันตอน อยู่ในระดับมากท่ีสุด
คา่ เฉลีย่ คะแนน คือ 4.62
3. วิชา ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง "ทฤษฎีบันได 9 ข้ันสู่ความพอเพียง" อยู่ในระดับมากท่ีสุด
คา่ เฉลีย่ คะแนน คอื 4.62
จากการวิเคราะห์ข้อมูลดังกล่าวข้างต้นผู้ตอบแบบประเมินได้ท้าการประเมินการได้รบั ประโยชน์ของ
หัวข้อวิชาต่อการนา้ ความรู้ไปปรับใช้ในการปฏิบัติงาน ค่าเฉล่ยี คะแนนโดยรวมท้ังหมดอยู่ในระดับมากท่ีสุด
ค่าเฉลย่ี คะแนน คอื 4.58
2.๓) ความพึงพอใจต่อภาพรวมโครงการ
ประเดน็ ค่าเฉลีย่ ระดับ
( )̅
1.ความพึงพอใจต่อการบริหารโครงการ : กระบวนการขนั้ ตอนการให้บริการ
1) ความเหมาะสมของสถานท่ี 4.40 มาก
2) ความเหมาะสมของระยะเวลา 4.32 มาก
3) ความเหมาะสมของช่วงเวลา 4.63 มากที่สดุ
4) การจัดล้าดับข้ันตอนของการจัดกิจกรรม 4.73 มากทส่ี ดุ
ค่าคะแนนเฉลยี่ โดยรวม ดา้ นกระบวนการข้นั ตอนการให้บรกิ าร 4.52 มากทส่ี ดุ
2.ความพงึ พอใจต่อการบริหารโครงการ : ด้านวทิ ยากร
1) ความรอบรู้ในเนื้อหาของวิทยากร 4.73 มากที่สุด
2) ความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ 4.77 มากที่สดุ
3) การเปิดโอกาสให้ซกั ถามแสดงความคิดเห็น 4.75 มากทีส่ ุด
4) การสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ 4.78 มากทสี่ ุด
คา่ คะแนนเฉลีย่ โดยรวม ดา้ นวทิ ยากร 4.76 มากทส่ี ดุ
ประเด็น ค่าเฉลย่ี ระดับ 182
( )̅
3.ความพึงพอใจต่อการบริหารโครงการ : เจ้าหนา้ ที่ผู้ให้บริการ/ผูป้ ระสานงาน มากที่สุด
1) การแต่งกาย 4.77 มากท่ีสุด
2) ความสุภาพ 4.75 มากทสี่ ดุ
3) การตอบคา้ ถาม 4.70 มากทส่ี ุด
4) การประสานงาน 4.60 มากทส่ี ุด
4.71
คา่ คะแนนเฉลยี่ โดยรวม ด้านเจา้ หนา้ ท่ีผู้ให้บริการ/ผู้ประสานงาน มากที่สุด
4.ความพงึ พอใจตอ่ การบริหารโครงการ : การอานวยความสะดวก 4.52 มากทส่ี ดุ
1) เอกสาร 4.67 มากทส่ี ดุ
2) โสตทัศนูปกรณ์ 4.80 มากท่ีสดุ
3) เจ้าหน้าที่สนับสนุน 4.57 มากทส่ี ดุ
4) อาหาร เครื่องดืม่ และสถานที่ 4.65
มากทส่ี ุด
คา่ คะแนนเฉล่ยี โดยรวม ดา้ นการอานวยความสะดวก 4.70 มากท่สี ุด
5.ความพึงพอใจต่อการบริหารโครงการ : คุณภาพการใหบ้ ริการ 4.72 มากทส่ี ดุ
1) ท่านได้รบั ความรู้ แนวคิด ทักษะและประสบการณ์ใหมๆ่ จากโครงการ/กิจกรรมน้ี 4.67 มากทส่ี ดุ
2) ท่านสามารถน้าส่ิงที่ได้รับจากโครงการ/กิจกรรมนี้ไปใช้ในการเรียน/การปฏิบัตงิ าน 4.53 มากทส่ี ดุ
3) ส่ิงที่ท่านได้รับจากโครงการ/กิจกรรมคร้งั นี้ตรงตามความคาดหวังของท่านหรือไม่ 4.75 มากทส่ี ุด
4) สัดส่วนระหว่างฝกึ อบรมภาคทฤษฎีกับภาคปฏิบัติ มีความเหมาะสม 4.67 มากทสี่ ดุ
5) ประโยชน์ท่ีท่านได้รับจากโครงการ/กิจกรรม 4.66
คา่ คะแนนเฉลี่ยโดยรวม ดา้ นคณุ ภาพการให้บริการ
คา่ คะแนนเฉล่ียโดยรวมทง้ั หมด 5 ด้าน
จากผลการประเมนิ โดยผ้ตู อบแบบประเมินผลโครงการ จ้านวน 63 คน พบว่า ประเด็นความพงึ พอใจ
ต่อภาพรวมโครงการ โดยมหี ัวขอ้ ดงั นี้
1) ดา้ นกระบวนการข้นั ตอนการใหบ้ ริการ
2) ด้านวิทยากร
3) ด้านเจา้ หน้าท่ผี ้ใู หบ้ ริการ/ผปู้ ระสานงาน
4) ดา้ นการอา้ นวยความสะดวก
5) ดา้ นคณุ ภาพการให้บรกิ าร
ผู้ตอบแบบประเมินส่วนใหญ่คิดว่าการบริการทั้ง 5 ด้าน อยู่ในระดับมากท่ีสุด ค่าคะแนนเฉลี่ย
โดยรวมท้ังหมด 5 ด้าน คือ 4.66 และผลการวิเคราะห์จากตารางดังกล่าวแสดงให้เห็นได้ว่า ผู้ตอบแบบ
ประเมินมีความพึงพอใจต่อภาพรวมของโครงการ โดยเรียงล้าดับจากมากท่ีสุดไปหาน้อยท่ีสุดสามล้าดับ แยกตาม
หวั ขอ้ ประเมิน 5 ด้าน ดังน้ี
1. ความพึงพอใจต่อภาพรวมของโครงการ: ดา้ นกระบวนการขั้นตอนการให้บริการ
ความพึงพอใจต่อภาพรวมของโครงการ ดา้ นกระบวนการขัน้ ตอนการให้บริการ อย่ใู นระดับ 183
มากที่สดุ คา่ คะแนนเฉลยี่ รวม 4.52 โดยมีค่าคะแนนเฉล่ีย 3 ลา้ ดบั ดงั นี้
1. การจัดลา้ ดับขั้นตอนของการจัดกิจกรรม อยู่ในระดับมากท่สี ุด คา่ คะแนนเฉลยี่ 4.73
2. ความเหมาะสมของช่วงเวลา อยใู่ นระดับมากทสี่ ุด ค่าคะแนนเฉล่ีย 4.63
3. ความเหมาะสมของสถานที่ อยูใ่ นระดับมาก ค่าคะแนนเฉลย่ี 4.40
2. ความพึงพอใจต่อภาพรวมของโครงการ : ด้านวิทยากร
ความพึงพอใจตอ่ ภาพรวมของโครงการ ด้านวิทยากร อยู่ในระดับมากท่ีสุด ค่าคะแนนเฉลย่ี
รวม 4.76 โดยมีคา่ คะแนนเฉล่ีย 3 ล้าดบั ดงั นี้
1. การสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ อยใู่ นระดบั มากทสี่ ุด คา่ คะแนนเฉลยี่ 4.78
2. ความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ อยูใ่ นระดับมากทีส่ ดุ ค่าคะแนนเฉลี่ย 4.77
3.การเปิดโอกาสให้ซักถามแสดงความคิดเห็น อยู่ในระดบั มากท่ีสุด ค่าคะแนนเฉลี่ย 4.75
3. ความพึงพอใจต่อภาพรวมของโครงการ : ด้านเจา้ หน้าที่ผู้ใหบ้ รกิ าร/ผปู้ ระสานงาน
ความพึงพอใจต่อภาพรวมของโครงการ ด้านเจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการ/ผู้ประสานงาน
อยู่ในระดบั มากท่สี ุด ค่าคะแนนเฉลยี่ รวม 4.65 โดยมคี ่าคะแนนเฉลีย่ 3 ล้าดบั ดังนี้
1. การแต่งกาย อยใู่ นระดับมากท่สี ดุ คา่ คะแนนเฉล่ีย 4.77
2. ความสุภาพ อยใู่ นระดบั มากทีส่ ุด คา่ คะแนนเฉล่ีย 4.75
3. การตอบคา้ ถาม อยใู่ นระดับมากทีส่ ุด คา่ คะแนนเฉล่ีย 4.70
4. ความพึงพอใจต่อภาพรวมของโครงการ: ดา้ นการอานวยความสะดวก
ความพึงพอใจต่อภาพรวมของโครงการ ด้านการอ้านวยความสะดวก อยู่ในระดับมากที่สุด
ค่าคะแนนเฉลย่ี รวม 4.71 โดยมีค่าคะแนนเฉลี่ย 3 ล้าดับดังน้ี
1. เจ้าหน้าที่สนับสนุน อยู่ในระดบั มากท่ีสุด ค่าคะแนนเฉล่ีย 4.80
2. โสตทัศนูปกรณ์ อยใู่ นระดบั มากท่ีสดุ ค่าคะแนนเฉล่ีย 4.67
3. อาหาร เคร่ืองดื่มและสถานที่ อยใู่ นระดบั มากทีส่ ุด ค่าคะแนนเฉลีย่ 4.57
5. ความพึงพอใจต่อภาพรวมของโครงการ: ดา้ นคณุ ภาพการใหบ้ รกิ าร
ความพึงพอใจต่อภาพรวมของโครงการ ดา้ นคุณภาพการใหบ้ รกิ าร อยใู่ นระดบั มากที่สุด ค่า
คะแนนเฉลยี่ รวม 4.67 โดยมคี า่ คะแนนเฉล่ีย 3 ล้าดับดังน้ี
1. ประโยชน์ท่ีท่านได้รับจากโครงการ/กิจกรรม อยูใ่ นระดับมากทีส่ ดุ คา่ คะแนนเฉลยี่ 4.75
2. ท่านสามารถน้าสิ่งที่ได้รับจากโครงการ/กิจกรรมนี้ไปใช้ในการเรียน/การปฏิบัติงาน
อย่ใู นระดบั มากทส่ี ดุ คา่ คะแนนเฉลย่ี 4.72
3. ท่านได้รับความรู้ แนวคิด ทักษะและประสบการณ์ใหม่ๆจากโครงการ/กิจกรรมนี้
อยใู่ นระดับมากทีส่ ุด คา่ คะแนนเฉลยี่ 4.70
๒.๔) ขอ้ เสนอแนะ
๒.4.1) ส่ิงท่ีท่านพึงพอใจในการร่วมโครงการ/กิจกรรมคร้งั น้ี
- กิจกรรมวชิ าหาอยหู่ ากนิ ไดป้ ระกอบอาหารและรับประทานอาหารรว่ มกัน 184
- ไดร้ บั ความรู้ เติมเตม็ ความคดิ นา้ ไปปรบั ใชไ้ ด้
- การเป็นส่วนหน่ึงของการทา้ งานเปน็ ทีม การเดนิ ตามรอยเท้าพ่อ ได้ขอ้ คดิ
การพึ่งพาตนเองให้ได้ก่อนแล้วจึงจะไปช่วยเหลอื ผู้อืน่ การพอใจในชีวติ
ปจั จุบนั
- ประทบั ใจและพึงพอใจในบทเรยี นทกุ วชิ า การท้ากิจกรรมต่าง ๆ ทั้ง
ภาคทฤษฎี และปฏิบัติ
- ได้ความรู้ด้านวิชาการสามารถน้าไปปฏบิ ัตไิ ด้จริงในพื้นที่ได้
- ไดร้ บั ความรู้ท่เี ป็นรูปธรรมมากทส่ี ุด
- เป็นโครงการที่ดีมาก ๆ เข้าใจง่าย สามารถนา้ ไปใช้ไดจ้ รงิ - ประทับใจกบั
ความรทู้ ี่ได้รบั จากวทิ ยากร และความสนุกสนาน รวมถงึ ไดส้ ร้างความสามัคคี
กบั ทมี ครัวเรือนและ นพต.
- ประทบั ใจการแชร์ประสบการณ์จริง ของวิทยากรทป่ี ระสบความส้าเรจ็ จริง
เป็นกิจกรรมทด่ี วี ทิ ยากรดีทุกคน รวมถึงผู้อ้านวยการศูนยฯ์ ใจดมี าก ขอบคณุ
ทุกคนทีใ่ ห้ความรู้
- กิจกรรมท่รี ่วมกนั ทา้ นยั ยะแอบแฝงท่ีมากบั การสอน วทิ ยากรผฝู้ ึก ให้ความ
อบอุน่ รสู้ กึ เปน็ กันเอง ท้าให้ไม่เกร็งและเครยี ดจนเกินไป
- ไดร้ ับความรเู้ รื่องหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง ศาสตรพ์ ระราชา
ทฤษฎีใหม่ และโคกหนองนา โมเดล ได้ชดั เจนมากข้นึ
๒.4.2) ส่ิงท่ีควรเสนอแนะนาไปพัฒนาการจัดโครงการ/กิจกรรมคร้งั ตอ่ ไป
๑) ด้านเน้อื หาหลักสูตรและกิจกรรมหลักสูตรในการฝึกอบรม
- ไม่ได้คาดหวังต้ังแต่เรมิ่ อบรม ดงั นน้ั หลงั การอบรมเสร็จสนิ้ จงึ ไดม้ าก
เกนิ ความตอ้ งการ ความรแู้ น่น เปน็ หลักสตู รทีม่ ปี ระโยชน์มาก ๆ
- หลักสูตรและกิจกรรมหลักสูตรเหมาะสม เน้อื หาน่าสนใจและน้าไปปรับ
ใช้ได้จรงิ
- เน้อื หาหลกั สูตร วชิ าทบ่ี รรยายและฝกึ ปฏิบตั ิ มีสาระดี เข้าใจงา่ ย
- เทา่ ทเ่ี คยฝกึ อบรม ทน่ี ถ่ี อื ว่าหลกั สูตรครบถ้วนมากทีส่ ดุ
- กิจกรรมหลักสูตรมีกระบวนการเปน็ ข้นั ตอนทด่ี มี าก
- เป็นหลกั สตู รทีช่ ว่ ยใหเ้ กษตรได้รบั ความร้คู วามเขา้ ใจในการทา้ งานใน
พื้นท่ีและวิทยากรผูส้ อนทกุ ท่านใสใ่ จดีมาก
๒) ด้านวิทยากรและเจา้ หน้าทโี่ ครงการ
- วทิ ยากรถ่ายทอดองคค์ วามร้แู ละวิธีการดา้ เนนิ ชีวิต มีประโยชน์
สามารถน้าไปปรับใช้ในการด้าเนนิ ชีวิตจริงได้ มโี อกาสในฐานผู้รับการ
อบรม จะถา่ ยทอดความรู้ท่ไี ด้ ให้กบั บคุ คลท่ัวไปต่อไป
- ให้ความรูแ้ ละเนือ้ หาท่เี หมาะสม
- วิทยากรและเจ้าหนา้ ท่ีโครงการอธั ยาศยั ดี เป็นกันเอง แนะนา้ ดี ให้
เกร็ดความรู้ดเี ยย่ี ม
- ท้งั วทิ ยากรและเจ้าหนา้ ทขี่ องศูนย์เกง่ ทสี่ ุด มคี วามรคู้ วามสามารถ ยอด 185
เยย่ี มจริง ๆ ประทบั ใจทส่ี ดุ
- วิทยากรถา่ ยทอดความร้ใู ห้เหน็ เปน็ รูปธรรม เขา้ ใจง่าย ให้ค้าแนะน้าทด่ี ี
รวมถงึ เจา้ หน้าที่ดูแลกนั แบบพแ่ี บบน้อง
- วิทยากรมีความรูค้ วามสามารถ ตอบขอ้ ซักถามใหก้ ับเกษตรกรทเี่ ข้า
ร่วมโครงการไดเ้ ปน็ อยา่ งดี
๓) อาคารสถานท่ี ห้องพัก หอ้ งอบรม โรงอาหาร
- อาคารท่พี ัก หอ้ งพกั ดีมาก สะอาด
- อาคารสถานที่ ห้องพกั หอ้ งอบรม โรงอาหาร มคี วามสะอาด
และร่มร่ืน บรรยากาศดี
- อ้านวยความสะดวกดี
- อาคารทพ่ี กั ส้าหรบั ผ้ชู ายน่าจะแยกหอ้ ง ไมค่ วรนอนพกั รวมกนั เสยี่ ง
สถานการณโ์ รคระบาด COVID-19
๔) อปุ กรณ์โสตทัศนปู กรณ์
- อุปกรณ์โสตทัศนูปกรณ์ครบครัน เหมาะสม และทนั สมยั ตามสภาพ
สงั คมปจั จุบนั การน้าเสนอใช้เพาเวอร์พอย์ ไดด้ สี ภาพแวดลอ้ มเงยี บสงบ
เหมาะกบั การถา่ ยทอดองค์ความรู้
- อยากให้ปรับปรงุ เรอ่ื งเครื่องเสยี งท่ีใชใ้ นห้องประชุมพู่จอมพล เน่ืองจาก
เปน็ สถานท่ีค่อนข้างกว้างและเสยี งพูดคอ่ นข้างดงั ก้องกว่าเสียงของ
ไมโครโฟน อาจทา้ ให้ผู้ทีต่ ง้ั ใจฟงั เน้ือหาไดย้ ิน
- จอภาพ ส้าหรบั คนนง่ั หลัง ยงั มองไมเ่ ห็น ควรมเี คร่ืองฉายดา้ นข้างด้วย
เพอ่ื ให้คนท่อี ย่หู ลังได้เหน็ ชัดเจนยิง่ ขน้ึ
๕) อาหาร/อาหารว่างและเครื่องด่ืม
- อาหารอร่อยมาก หลากหลายไมจ่ า้ เจ
- อาหารจัดไว้เหมาะสม อาหารเพียงพอและอร่อยทุกมื้อ สะอาด
- อาหารอรอ่ ยทุกมื้อ ปรมิ าณเพยี งพอ ดแี ละมีประโยชน์ตอ่ รา่ งกาย
3. ผลการประเมนิ รนุ่ ที่ 3
ส่วนที่ 1 ผลการประเมนิ โครงการ
1.1 ผ้ตู อบแบบประเมินโครงการ จานวน 63 คน
การด้าเนินการฝึกอบรมหลักสูตรฝึกอบรมเพ่ิมทักษะระยะส้ันการพัฒนากสิกรรมสู่ระบบเศรษฐกิจ
พอเพียง รูปแบบ โคก หนอง นา โมเดล โครงการพฒั นาพื้นท่ีต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎี
ใหม่ ประยุกตส์ ู่ “โคก หนอง นา โมเดล” (HLM รุน่ 3) ระหวา่ งวันที่ ระหวา่ งวันที่ 15-19 กมุ ภาพนั ธ์ 2564
ณ ศูน ย์ศึก ษาและ พัฒ น าชุมชนน คร นายก ต้าบลสาริก า อ้ าเภอ เมือ ง จัง หวั ดน คร น ายก
มีกลุ่มเป้าหมายในพ้ืนท่ี 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนนทบุรี จังหวัดนครนายก จังหวัดปทุมธานี และจังหวัด 186
ปราจีนบุรี โดยมีครัวเรือนพ้ืนที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิต จ้านวน 19 คน และผู้เข้าร่วมโครงการจ้าง
งานสร้างรายได้ จ้านวน 44 คน ทั้งส้ิน 63 คน มีผู้ตอบแบบประเมินจ้านวน 63 คน คิดเป็นร้อยละ 100
ของกล่มุ เปา้ หมาย จากผลการประเมนิ ข้อมูลทัว่ ไปของผู้ตอบแบบประเมินโครงการฯ มรี ายละเอยี ดดงั น้ี
1) เพศ เพศชาย จ้านวน 32 คน คิดเป็นร้อยละ 50.79 และเพศหญิง จ้านวน 31 คน
คิดเป็นรอ้ ยละ 79.21
2) อายุ กลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่ มีอายุต้่ากว่า 30 ปี คิดเป็นร้อยละ 25.40 และมีอายุ
30 - 39 ปี คิดเป็นร้อยละ 22.22 และมีอายุ 60 ปีขึ้นไป คิดเป็นร้อยละ 20.63 และมีอายุ 40-49 ปี
คดิ เปน็ ร้อยละ 15.87 รองลงมา มอี ายุ 50-59 ปี คดิ เป็นรอ้ ยละ 15.87 ตามลา้ ดบั
3) การศึกษา กลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่ มีระดับการศึกษาอยู่ในระดับต่้ากว่าปริญญาตรี
คิดเป็นร้อยละ 63.49 ระดับปริญญาตรี คิดเป็นร้อยละ 33.33 ระดับปริญญาโท คิดเป็นร้อยละ
3.17 ตามล้าดับ
ส่วนที่ 2 ความคิดเห็นต่อโครงการฝึกอบรมหลักสตู ร
2.1) การบรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการ
การบรรลุวัตถปุ ระสงค์ของโครงการ มจี ้านวน 1 ขอ้ คอื เพื่อพัฒนาผู้เข้าอบรมให้มี
ความรู้ความเข้าใจเศรษฐกิจพอเพียงรูปแบบ โคก หนอง นา โมเดล พัฒนาให้กลมุ่ เป้าหมายเป็นแกนน้าการ
พัฒนา สามารถเป็นครกู ระบวนการ ครกู สิกรรม ครูประจา้ ฐานเรียนร้กู ารพง่ึ พาตนเอง และครูพาทา้
เพือ่ ขับเคลอ่ื นงานและเช่ือมโยงเครือข่ายในพื้นท่ีท้ัง 7 ภาคี
ประเดน็ คา่ เฉลีย่ ( )̅ ระดับ
เพือ่ พฒั นาผเู้ ข้าอบรมใหม้ ีความรู้ความเข้าใจเศรษฐกิจพอเพียงรปู แบบ 4.73 มากทสี่ ดุ
โคก หนอง นา โมเดล พัฒนาใหก้ ลุม่ เปา้ หมายเป็นแกนนา้ การพฒั นา สามารถ
เปน็ ครูกระบวนการ ครูกสิกรรม ครปู ระจ้าฐานเรยี นรูก้ ารพึ่งพาตนเอง และครู
พาทา้ เพอ่ื ขับเคล่อื นงานและเชื่อมโยงเครอื ขา่ ยในพ้นื ท่ีท้ัง 7 ภาคี
ค่าคะแนนเฉลี่ยโดยรวมทงั้ หมด 4.73 มากท่ีสุด
จากผลการประเมินตามตารางดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ส่วนใหญ่ผู้ตอบแบบประเมินคิดเห็นว่าการบรรลุ
วัตถุประสงค์ของโครงการฯ อยใู่ นระดับมากทีส่ ุด โดยมคี า่ เฉลีย่ คือ 4.73
2.๒) ประโยชน์ของหัวข้อวิชาต่อการนาความรู้ไปปรับใช้ในการปฏิบัติงาน
ประเดน็ คา่ เฉลีย่ ( )̅ ระดับ
4.67 มากทส่ี ุด
1.กิจกรรมกลุม่ สมั พนั ธ์ ความคาดหวัง/กระบวนการกลุ่ม 4.72 มากทีส่ ดุ
2.เรียนรตู้ า้ ราบนผืนดิน 4.70 มากที่สดุ
3.เขา้ ใจ เขา้ ถึง พัฒนา ศาสตร์พระราชากับการพัฒนาทย่ี ่งั ยนื 4.70 มากท่สี ุด
4.การแปลงปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งสูก่ ารปฏบิ ตั ิแบบเป็นขัน้ ตอน 4.68 มากทส่ี ดุ
5.ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง "ทฤษฎีบนั ได 9 ขนั้ สู่ความพอเพียง"