The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คู่มือการอบรมเชิงปฏิบัติการการช่วยชีวิตขั้นสูง (ACLS)

ศูนย์ปฏิบัติการฝึกทักษะระบบจำลอง
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by duangkamon Suwanteerakit, 2020-11-12 20:43:40

คู่มือการอบรมเชิงปฏิบัติการการช่วยชีวิตขั้นสูง (ACLS)

คู่มือการอบรมเชิงปฏิบัติการการช่วยชีวิตขั้นสูง (ACLS)

ศูนย์ปฏิบัติการฝึกทักษะระบบจำลอง
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล

Keywords: ACLS,CPR,การอบรมเชิงปฏิบัติการการช่วยชีวิตขั้นสูง,ศูนย์ปฏิบัติการฝึกทักษะระบบจำลอง

สารบัญ หน้า
1
1. Adult Basic Life Support 25
- อ.นพ.ภูริพงศ์ ทรงอาจ 38
51
2. การช่วยชีวติ ข้นั พ้ืนฐานในผปู้ ่ วยเดก็ (Pediatric Basic Life Support)
- อ.นพ.สุประพฒั น์ สนใจพาณิชย์ 70

3. Airway Management in Cardiopulmonary Resuscitation 77
- อ.พญ.บุศรา ศิริวนั สาณฑ์
125
4. การอ่านและแปลผลคล่ืนไฟฟ้ าหวั ใจเตน้ ผดิ จงั หวะในภาวะฉุกเฉิน 139
(Cardiac arrhythmia recognition in emergency conditions)
- อ.นพ. ฉตั รกนก ทุมวภิ าต

5. การรักษาภาวะหวั ใจเตน้ ผดิ จงั หวะดว้ ยกระแสไฟฟ้ า
(Electrical treatment of cardiac arrhythmia)
- อ.นพ. ฉตั รกนก ทุมวภิ าต

6. Practical CPR algorithm
- อ.นพ.เอกรินทร์ ภมู ิพิเชฐ
- ศ.พญ.สุวรรณี สุรเศรณีวงศ์

7. Acute Coronary Syndrome
- อ.นพ.สัชชนะ พุม่ พฤกษ์

8. การดูแลผปู้ ่ วยที่รอดชีวติ จากการปฏิบตั ิการกชู้ ีพหลงั ภาวะหวั ใจหยดุ ทางาน
(Post - Cardiac Arrest Care)
- อ.นพ.สุรัตน์ ทองอยู่

9. CPR in special situations 154
 Anaphylaxis, โรคหอบหืดรุนแรงข้นั ใกลเ้ สียชีวติ 163
- ผศ.พญ.ขตั ติยา มโนมยางกรู 171
177
 การช่วยฟ้ื นคืนชีพผปู้ ่ วยท่ีไดร้ ับสารพษิ
- พญ.อภิชญา มน่ั สมบูรณ์

 การช่วยชีวติ ผปู้ ่ วยที่มีภาวะเกลือแร่ในเลือดผดิ ปกติ
- พญ.อุษาพรรณ สุรเบญจวงศ์

10. การสอนการช่วยชีวติ ฉุกเฉิน และการนามาประยกุ ตใ์ ชใ้ นเวชปฏิบตั ิ
- นพ.ศรัทธา ริยาพนั ธ์

1

Adult Basic Life Support

อ.นพ.ภูริพงศ์ ทรงอาจ
ภาควชิ าวสิ ัญญีวทิ ยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

Basic life support (BLS) ถือเป็ นข้นั ตอนที่สำคญั ในกำรช่วยชีวิตผูป้ ่ วยท่ีมีภำวะหวั ใจ
หยดุ เตน้ หรือ cardiac arrest ดงั น้นั ของบุคลำกรทำงกำรแพทย์ หรือบุคคลทวั่ ไป จึงควรที่จะมีควำมรู้
และทำควำมเขำ้ ใจถึงข้นั ตอน วธิ ีปฏิบตั ิ รวมถึงกำรตรวจและประเมินผปู้ ่ วยเพ่ือใหก้ ำรช่วยชีวติ ผปู้ ่ วยมี
โอกำสประสบควำมสำเร็จสูงข้ึน และเน่ืองจำกในปี ค.ศ. 2010 แนวทำงกำรทำ BLS ได้มีกำร
เปลี่ยนแปลงแนวทำง และข้นั ตอนกำรปฏิบตั ิต่ำงออกไปจำกแนวทำงกำรทำ BLS ในปี ค.ศ. 20051 และ
ไดม้ ีกำรปรับเปล่ียนกระบวนกำรตำมองคค์ วำมรู้ใหม่ๆ อยำ่ งต่อเนื่อง ต้งั แต่ปี 2005 และ 2010 ตำมลำดบั
และเน่ืองจำกในปี ค.ศ. 2010 แนวทำงกำรทำ BLS ไดม้ ีกำรเปล่ียนแปลงแนวทำง และข้นั ตอนกำร
ปฏิบตั ิต่ำงออกไปจำกแนวทำงกำรทำ BLS ในปี ค.ศ. 2005 สำหรับแนวทำงกำรทำ BLS ในปี 2015
มีกำรปรับเปลี่ยนจำกปี 2010 เพียงเล็กนอ้ ย ดงั น้นั เน้ือหำส่วนใหญ่ในบทน้ีซ่ึงเป็ นแนวทำงปฏิบตั ิในปี
2010 ที่ยงั ใช้ไดจ้ ะคงไวแ้ ละแกไ้ ขเพ่ิมเติมเฉพำะส่วนท่ีมีกำรเปลี่ยนแปลงเท่ำน้นั ภำวะหัวใจหยดุ เตน้
เฉียบพลนั (sudden cardiac arrest, SCA) ยงั คงเป็นสำเหตุหลกั ที่ทำใหผ้ ปู้ ่ วยเสียชีวติ ในหลำยภูมิภำคของ
โลก และแบ่งเป็ นกลุ่มๆ ไดด้ ังน้ี กลุ่มท่ีมีสำเหตุจำกพยำธิสภำพของหัวใจ หรือสำเหตุอ่ืน กลุ่มที่มี
ผปู้ ระสบเหตุ หรือไม่มีผปู้ ระสบเหตุ และกลุ่มท่ีเกิดใน หรือนอกโรงพยำบำล ซ่ึงกำรแบ่งกลุ่มเหล่ำน้ีจะ
ทำให้ง่ำยในแง่ของกำรให้กำรดูแลรักษำ กำรช่วยเหลือจะประสบควำมสำเร็จไม่ไดเ้ ลย หำกผทู้ ี่ทำกำร
ช่วยเหลือเลือกที่จะทำหรือแกไ้ ขเพียงจุดใดจุดหน่ึงแก่ผปู้ ่ วย ดงั น้นั ข้นั ตอนกำรช่วยเหลือจึงถูกรวบรวม
จดั เป็นกลุ่มและลำดบั ข้นั ตอนกำรช่วยเหลือ หรือ Chain of survival ดงั น้ี

1. วนิ ิจฉยั ภำวะหวั ใจหยดุ เตน้ ใหเ้ ร็ว และตำมทีมช่วยชีวติ ให้ไดใ้ นระยะเวลำที่รวดเร็ว
2. เร่ิมทำกำรช่วยชีวติ โดยกำรนวดหวั ใจ (chest compression)
3. ทำกำรช็อคไฟฟ้ ำ (defibrillation) ตำมขอ้ บ่งช้ี อยำ่ งรวดเร็ว
4. ทำกำรช่วยชีวติ ข้นั สูงอยำ่ งมีประสิทธิภำพ
5. กำรใหก้ ำรดูแลรักษำผปู้ ่ วยหลงั จำกหวั ใจหยดุ เตน้ อยำ่ งเหมำะสม
รูปท่ี 1 แสดง Chain of Survival โดยแบง่ เป็นผปู้ ่ วย ในและนอกโรงพยำบำล

ศนู ยป์ ฏิบตั ิการฝึกทกั ษะระบบจาลอง คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

2

เม่ือปฏิบตั ิตำมน้ีแล้วสำมำรถเพิ่มอตั รำกำรรอดชีวิตของผูป้ ่ วย Cardiac arrest นอก
โรงพยำบำลที่มีผปู้ ระสบเหตุและคลื่นไฟฟ้ ำหวั ใจแบบ ventricular fibrillation (VF) ข้ึนมำถึงเกือบ 50%

กำรวินิจฉยั ภำวะหัวใจหยดุ เตน้ ใหไ้ ดร้ วดเร็วน้นั เป็ นส่ิงที่ทำไดย้ ำกโดยเฉพำะในกลุ่มของ
บุคคลทว่ั ไปที่ไม่ใช่บุคลำกรทำงกำรแพทย์ ทำให้เกิดกำรเสียเวลำในกำรตำมทีมช่วยเหลือ และกำร
เริ่มทำกำรช่วยชีวิตผปู้ ่ วย ดงั น้นั แนวทำงกำรทำ BLS ของปี ค.ศ. 2010 น้นั จึงไดล้ ดข้นั ตอนที่อำจทำให้
เสียเวลำและก่อใหเ้ กิดควำมสับสน ดงั น้ี ในกรณีบุคคลทวั่ ไปหำกพบผปู้ ่ วยหมดสติท่ีไมม่ ีกำรตอบสนอง
ใหร้ ีบตำมทีมช่วยเหลือ และกำรเร่ิมทำกำรช่วยชีวติ ผปู้ ่ วยไดเ้ ลย ในขณะที่กลุ่มบุคลำกรทำงกำรแพทย์
หำกพบผปู้ ่ วยดงั กล่ำวร่วมกบั ผูป้ ่ วยไม่หำยใจ หรือมีกำรหำยใจท่ีผิดปกติ เช่น gasping ให้รีบตำมทีม
ช่วยเหลือ และกำรเร่ิมทำกำรช่วยชีวติ ผปู้ ่ วยตอ่ ไป

กำรเร่ิมช่วยชีวิตผปู้ ่ วยในเวลำท่ีรวดเร็วน้นั (Early Cardiopulmonary Resuscitation, Early
CPR) สำมำรถเพิ่มโอกำสในกำรรอดชีวติ ของผปู้ ่ วย และในขณะเดียวกนั ก็จะตอ้ งทำต่อเน่ืองจนกระทงั่
ทีมช่วยเหลือข้นั สูงมำถึง กำรกดหนำ้ อก หรือ chest compression ถือเป็ นข้นั ตอนท่ีสำคญั ซ่ึงผทู้ ี่จะทำ

ศนู ยป์ ฏิบตั ิการฝึกทกั ษะระบบจาลอง คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

3

กำรช่วยเหลือผปู้ ่ วยทุกคนตอ้ งมีควำมตระหนกั ถึงควำมสำคญั น้ี เน่ืองจำกกำรไหลเวียนของเลือดและ
กำรท่ีออกซิเจนจะถูกส่งผำ่ นไปตำมอวยั วะท่ีสำคญั ของร่ำงกำยข้ึนกบั ประสิทธิภำพของกำรกดหนำ้ อก
และกำรกดหนำ้ อกน้ีจะตอ้ งไมถ่ ูกรบกวน หรือนอ้ ยท่ีสุดท่ีจะหยดุ กดหนำ้ อกแมใ้ นขณะท่ีจะทำกำรช็อค
ไฟฟ้ ำ (defibrillation) หรือกำรใหก้ ำรรักษำโดยทีมช่วยเหลือข้นั สูง

กำรช็อคไฟฟ้ ำ หรือ Defibrillation ถือเป็ นตวั บ่งช้ีท่ีสำคญั ท่ีจะบอกถึงควำมสำเร็จในกำร
ช่วยเหลือผปู้ ่ วย Cardiac arrest และมีคลื่นไฟฟ้ ำหวั ใจแบบ ventricular fibrillation (VF) และระยะเวลำ
ต้งั แต่ท่ีผปู้ ่ วยหมดสติจนกระทงั่ ไดร้ ับกำรกำรช็อคไฟฟ้ ำย่ิงส้ันลง สำมำรถเพิ่มโอกำสในกำรช่วยชีวิต
ผูป้ ่ วยได้ โดยทว่ั ไปผูท้ ี่พบผูป้ ่ วยคนแรกๆ อำจเป็ นบุคลำกรทั่วไปที่ทำหน้ำท่ีกู้ชีพ และไม่ได้เป็ น
บุคลำกรทำงกำรแพทย์โดยตรง เช่น ตำรวจ หรือ พนกั งำนผจญเพลิง ดงั น้ันกำรใช้เคร่ือง AED ก็
สำมำรถทำใหก้ ำรวนิ ิจฉยั ลกั ษณะของคล่ืนไฟฟ้ ำหวั ใจ และกำรช็อคไฟฟ้ ำมีควำมถูกตอ้ งแมน่ ยำข้ึน

แนวปฏิบัติในปี 2015 แนะนำกำรทำงำนหลำยๆอย่ำงในเวลำเดียวกันโดยมีกำร
ประสำนงำนกนั ของทีมช่วยเหลือท่ีไดร้ ับกำรฝึ กฝนมำเป็ นอยำ่ งดี ในกำรกดหนำ้ อก กำรเปิ ดทำงหำยใจ
กำรวนิ ิจฉยั คล่ืนไฟฟ้ ำหวั ใจ และกำรช็อคไฟฟ้ ำ

Activating the Emergency Response System

ผทู้ ่ีทำกำรช่วยเหลือผปู้ ่ วย หลงั จำกท่ีพบวำ่ ผปู้ ่ วยมีภำวะ Cardiac arrest จริงจะตอ้ งรีบตำม
ทีมช่วยเหลือทนั ทีท้งั น้ีเพ่ือประโยชน์และโอกำสรอดชีวิตของผปู้ ่ วย เนื่องจำกทีมท่ีตำมมำน้นั ลว้ นแต่
เป็นทีมผชู้ ่วยเหลือที่มีควำมชำนำญและมีอุปกรณ์ท่ีพร้อมมำกกวำ่ ตวั ผชู้ ่วยเหลือท่ีพบผปู้ ่ วยเป็ นคนแรก
ทีมผชู้ ่วยเหลืออำจมีกำรซกั ถำมเพ่ือควำมมนั่ ใจถึงสภำวะของผปู้ ่ วยในขณะน้นั เช่นกำรหำยใจของผปู้ ่ วย
ระดบั กำรรู้สติของผูป้ ่ วย รวมถึงให้คำแนะนำและวิธีกำรท่ีถูกตอ้ งในกำรให้กำรช่วยเหลือผูป้ ่ วยกบั
ผชู้ ่วยเหลือผปู้ ่ วยท่ีเป็นคนแจง้ ทีมช่วยเหลือ เพื่อใหก้ ำรช่วยเหลือในข้นั ตอนต่อๆ ไปมีควำมถูกตอ้ งและ
มีประสิทธิภำพสูงสุด

แนวปฏิบตั ิในปี 2015 แนะนำกำรใชโ้ ทรศพั ทม์ ือถือในกำรตำมทีมช่วยเหลือ โดยไม่ตอ้ ง
ทิ้งผปู้ ่ วยไปหำเครื่องโทรศพั ท์ และยงั แนะนำบุคลำกรทำงกำรแพทย์ ให้มีควำมยืดหยุน่ ในกำรตำมทีม
ช่วยเหลือใหเ้ หมำะกบั ระดบั สถำนพยำบำลของผใู้ หก้ ำรช่วยเหลือ

Adult BLS Sequence

ลำดบั และข้นั ตอนในกำรทำ BLS ประกอบดว้ ย กำรประเมินและกำรให้กำรช่วยเหลือ
ผปู้ ่ วยเป็ นลำดบั ดงั แสดงในแผนภูมิที่ 1 โดยแสดงข้นั ตอนต่ำงๆ และควำมต่อเน่ืองท้งั กรณีท่ีมีผชู้ ่วย

ศนู ยป์ ฏิบตั ิการฝึกทกั ษะระบบจาลอง คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

4
ต้งั แต่ 1 คนข้ึนไป สำหรับกำรวินิจฉยั และตอบสนองต่อภำวะ heart attack และ stroke รวมอยใู่ นส่วน
หน่ึงของ BLS ดว้ ย
แนวปฏิบตั ิในปี 2015 แนะนำใหก้ ำรช่วยเหลือในแต่ละข้นั ตอนทำพร้อมๆกนั เป็ นทีม มำกกวำ่ ทำทีละ
ข้นั ตำมลำดบั โดยผชู้ ่วยเหลือคนเดียว เช่น ผชู้ ่วยเหลือคนแรกตำมทีมช่วยเหลือ คนท่ีสองเริ่มกดหนำ้ อก
คนท่ีสำม ช่วยหำยใจ คนท่ีสี่เตรียมเครื่อง defibrillator หรือ กำรช่วยเหลือที่คนเดียวทำไดห้ ลำยอยำ่ งเช่น
กำรประเมินกำรหำยใจสำมำรถทำไดพ้ ร้อมกบั กำรคลำชีพจร เป็นตน้
แผนภูมทิ ี่ 1 แสดงข้นั ตอนกำรทำ BLS (2010)

ตารางที่ 1 แสดงข้นั ตอนการทา BLS ทปี่ รับปรุงในปี 2015

ศูนยป์ ฏิบตั ิการฝึกทกั ษะระบบจาลอง คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

5

Immediate Recognition and Activation of the Emergency Response System
สำหรับผชู้ ่วยเหลือทว่ั ไปที่ไม่ใช่บุคลำกรทำงกำรแพทยห์ ำกพบผปู้ ่ วยนอนหมดสติ หรือ

หมดสติลงต่อหนำ้ และพิจำรณำแลว้ วำ่ สถำนท่ีเกิดเหตุน้นั ไมม่ ีอนั ตรำยใดๆ ใหต้ รวจกำรตอบสนองของ
ผูป้ ่ วยโดยเขย่ำที่บริเวณไหล่ของผูป้ ่ วยและตะโกนเรียกหรือถำมผูป้ ่ วย หำกไม่พบกำรตอบสนองจำก
ผูป้ ่ วย ให้เร่ิมตำมทีมช่วยเหลือ และกำรเริ่มทำกำรช่วยชีวิตผูป้ ่ วยได้เลย แต่สำหรับบุคลำกรทำง
กำรแพทยน์ อกจำกกำรตรวจประเมินดงั กล่ำวแลว้ อำจตอ้ งพิจำรณำวำ่ ผปู้ ่ วยไม่หำยใจหรือหำยใจผิดปกติ
ร่วมด้วยหรือไม่ ซ่ึงจะต้องใช้เวลำไม่นำน หำกผูป้ ่ วยไม่ตอบสนนองร่วมกบั ไม่หำยใจ หรือหำยใจ
ผิดปกติ ใหถ้ ือวำ่ มี cardiac arrest และตำมทีมช่วยเหลือ และกำรเริ่มทำกำรช่วยชีวติ ผปู้ ่ วยต่อไป แนว
ปฏิบตั ิในปี 2015 แนะนำกำรฝึกอบรมเพิ่มเติมเก่ียวกบั กำรประเมินกำรหำยใจ
การตรวจชีพจร หรือ Pulse check

จำกกำรศึกษำที่ผ่ำนมำพบว่ำกำรตรวจชีพจรเป็ นเรื่องยำกท่ีจะทำได้ในผูป้ ่ วยท่ี Cardiac
arrest หรือสงสัยวำ่ มี Cardiac arrest ท้งั ในกลุ่มของบุคลทวั่ ไป และบุคลำกรทำงกำรแพทย์ โดยเฉพำะ
ในกลุ่มของบุคลำกรทำงกำรแพทยท์ ี่อำจเผลอท่ีจะใชเ้ วลำในกำรตรวจชีพจรผปู้ ่ วยมำกเกินไป จนทำให้
ลำดบั ข้นั ตอนตำ่ งๆ ในกำรช่วยเหลือผปู้ ่ วยมีควำมล่ำชำ้ ดงั น้นั

ในกลุ่มบุคคลทว่ั ไปไม่ควรท่ีจะทำกำรตรวจชีพจรผปู้ ่ วยที่หมดสติ ที่ไม่ตอบสนอง และมี
กำรหำยใจที่ผิดปกติ นน่ั คือให้ขำ้ มข้นั ตอนของกำรตรวจชีพจร และเริ่มทำกำรกดหน้ำอกได้โดยเร็ว

ศูนยป์ ฏิบตั ิการฝึกทกั ษะระบบจาลอง คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

6
ส่วนในกลุ่มของบุคลำกรทำงกำรแพทย์ อำจทำกำรตรวจชีพจรไดไ้ ม่เกิน 10 วนิ ำที หำกพบวำ่ ไม่มีชีพจร
หรือไมแ่ น่ใจวำ่ จะมีชีพจร ใหเ้ ร่ิมกำรกดหนำ้ อกไปไดเ้ ลย

แนวปฏิบตั ิในปี 2015 แนะนำให้บุคลำกรทำงกำรแพทยต์ รวจชีพจรพร้อมกบั ประเมินกำร
หำยใจ

Early CPR
การกดหน้าอก หรือ Chest compression

คือกำรออกแรงกด เป็ นจงั หวะบริเวณคร่ึงล่ำงของกระดูกหนำ้ อก (Lower half of the
sternum) ซ่ึงกำรกดในลกั ษณะน้ีจะทำใหเ้ กิดกำรไหลเวยี นของเลือดโดยกำรเพ่มิ ควำมดนั ในช่องอก และ
กำรกดลงบริเวณหัวใจโดยตรง ทำให้มีออกซิเจนไปยงั กล้ำมเน้ือหัวใจและสมอง ของผูป้ ่ วยอย่ำง
เพยี งพอ ดงั น้นั ผปู้ ่ วย Cardiac arrest ทุกรำยตอ้ งไดร้ ับกำรกดหนำ้ อก และเพื่อให้ไดป้ ระสิทธิภำพสูงสุด
กำรกดหนำ้ อก จะตอ้ งกดแรง และกดเร็ว (push hard and push fast) แนวปฏิบตั ิในปี 2010 แนะนำใหไ้ ด้
อยำ่ งนอ้ ย 100 คร้ังต่อนำที และกดใหล้ ึกอยำ่ งนอ้ ย 5 เซนติเมตร หรือ 2 นิ้ว และตอ้ งผอ่ นแรงหลงั กำรกด
เพื่อให้ทรวงอกคลำยตวั ไดอ้ ยำ่ งเต็มท่ี เพื่อรอรับกำรกดในคร้ังต่อไป และท้งั น้ีตอ้ งไม่ลืมว่ำตอ้ งระวงั
ไม่ให้มีกำรหยุดกดหน้ำอกบ่อยๆ หรือหยุดกดเป็ นเวลำนำนๆ โดยให้มีอตั รำเร็วในกำรกดต่อกำรช่วย
หำยใจเป็น 30:2

แนวปฏิบตั ิในปี 2015 แทบไมแ่ ตกตำ่ งจำกปี 2010 ยงั สนบั สนุนกำรกดหนำ้ อกดว้ ยอตั รำเร็ว
และควำมลึกท่ีเพียงพอ กำรผอ่ นใหท้ รวงอกคลำยตวั เตม็ ที่หลงั กด ลดระยะเวลำท่ีหยุดกดหนำ้ อกใหส้ ้ัน
ที่สุด และหลีกเลี่ยงกำรช่วยหำยใจท่ีมำกเกินไป สำหรับส่วนท่ีแตกต่ำงคือ อตั รำเร็วของกำรกดหนำ้ อก
เป็น 100-120 คร้ังต่อนำที และควำมลึกของกำรกดเติมคำวำ่ หำ้ มกดลึกกวำ่ 6 เซนติเมตร หรือ 2.4 นิ้ว
รูปที่ 2 แสดงตำแหน่งกำรวำงมือ และท่ำทำงในขณะกดหนำ้ อก

ศูนยป์ ฏิบตั ิการฝึกทกั ษะระบบจาลอง คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

7

Rescue Breaths
จำกแนวทำงกำรช่วยชีวติ ของ American Heart Association (AHA) ในปี ค.ศ. 2010 แนะนำ

ใหเ้ ริ่มกำรช่วยชีวติ ผปู้ ่ วยดว้ ยกำรกดหนำ้ อกแทนที่กำรช่วยหำยใจ แมว้ ำ่ จะไม่มีกำรศึกษำท้งั ในคนหรือ
สัตวท์ ดลองท่ีจะช้ีชัดว่ำกำรกดหน้ำอกก่อนหรือช่วยหำยใจก่อนจะมีประโยชน์ต่อผปู้ ่ วยมำกกว่ำกนั
แตก่ ำรศึกษำที่ผำ่ นมำส่วนใหญ่พบวำ่ กำรไหลเวียนของผปู้ ่ วยจะดีข้ึนจำกกำรกดหนำ้ อก และกำรเริ่มกด
หน้ำอกสำมำรถเร่ิมทำไดท้ นั ทีในขณะที่กำรช่วยหำยใจตอ้ งใช้เวลำมำกกวำ่ ท้งั ในกำรจดั ท่ำศีรษะของ
ผปู้ ่ วย กำรเตรียมอุปกรณ์ช่วยหำยใจ จนอำจส่งผลกระทบใหก้ ำรกดหนำ้ อกทำไดช้ ำ้ ลง ดงั น้นั กำรเร่ิมทำ
CPR ดว้ ยกำรกดหนำ้ อกทนั ทีจึงช่วยลดระยะเวลำที่อำจเกิดข้ึนจำกกำรพยำยำมช่วยหำยใจแก่ผปู้ ่ วย และ
นน่ั อำจทำใหป้ ระสิทธิภำพและผลสำเร็จของกำรช่วยชีวติ ผปู้ ่ วยสูงข้ึน

หลงั จำกท่ีเร่ิมทำกำรกดหน้ำอกผูป้ ่ วยแล้ว (30 คร้ัง) ผูช้ ่วยเหลือท่ีผ่ำนกำรฝึ กอบรม
สำมำรถช่วยหำยใจแก่ผูป้ ่ วยไดท้ ้งั โดยเทคนิคปำกประกบปำก (mouth-to-mouth) หรือใช้หน้ำกำก
ช่วยหำยใจ ดงั น้ี ช่วยหำยใจ 1 คร้ังไม่นอ้ ยกวำ่ 1 วนิ ำที โดยให้ไดป้ ริมำณอำกำศ หรือ tidal volume ที่
พอเหมำะสังเกตจำกกำรยกตวั ข้ึนลงของทรวงอกผูป้ ่ วย และทำกำรช่วยหำยใจ 2 คร้ัง สลบั กบั กำร
กดหนำ้ อก 30 คร้ัง

สำหรับผูป้ ่ วยที่มีประวตั ิหรือสงสัยว่ำติดยำประเภท opioid มีชีพจร แต่ไม่หำยใจหรือ
หำยใจแบบ gasping ผชู้ ่วยเหลือที่ไดร้ ับกำรฝึ กอบรมมำแลว้ สำมำรถฉีดยำ naloxone เขำ้ กลำ้ มหรือ
หยอดจมูกได้ (Class II a, LOE C-LD)

Early Defibrillation with an AED
เครื่อง AED ควรรีบนำมำใชก้ บั ผปู้ ่ วย Cardiac arrest โดยเร็วที่สุดเท่ำที่จะทำได้ โดยกำรหำ

หรือเตรียมเคร่ือง AED ใหพ้ ร้อมใชง้ ำนน้นั ตอ้ งไมไ่ ปรบกวนกำรกดหนำ้ อกหรือถำ้ เลี่ยงไม่ไดท้ ่ีจะหยุด
กำรกดหน้ำอก ใหพ้ ยำยำมหยุดกดหนำ้ อกให้เป็ นเวลำท่ีส้ันท่ีสุดเท่ำท่ีจะทำได้ โดยข้นั ตอนกำรใชง้ ำน
เครื่อง AED สำหรับกำรช็อคไฟฟ้ ำมีดงั น้ี เริ่มตน้ จำกกำรเปิ ดเคร่ือง AED จำกน้นั ให้ปฏิบตั ิตำมคำส่ังท่ี
เครื่องสัง่ ใหท้ ำโดยเร็ว และรีบทำกำรกดหนำ้ อกต่อทนั ทีหลงั จำกกำรช็อคดว้ ยไฟฟ้ ำเสร็จในแต่ละคร้ัง

ศนู ยป์ ฏิบตั ิการฝึกทกั ษะระบบจาลอง คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

8

Rescue Specific CPR Strategies

หลงั จำกท่ีมีผปู้ ่ วย Cardiac arrest ผทู้ ี่จะทำกำรช่วยเหลือไดท้ ำกำรแจง้ ทีมช่วยเหลือข้นั สูง
แลว้ น้นั เพื่อให้ง่ำยต่อกำรทำ CPR ในข้นั ตอนต่อๆ ไป ขอ้ แนะนำต่ำงๆ จะมีควำมแตกต่ำงกนั เล็กนอ้ ย
ตำมระดบั ของควำมรู้และประสบกำรณ์กำรฝึกฝนกำรทำ CPR ดงั น้ี

กรณที ผ่ี ู้ช่วยเหลอื ไม่เคยได้รับการฝึ กฝนการทา CPR
ผชู้ ่วยเหลือควรทำกำรกดหนำ้ อกแต่เพียงอย่ำงเดียว หรือเรียกว่ำ Hands-only CPR โดย

ยงั คงยดึ หลกั กำรกดแรง และกดเร็วอยู่ และตอ้ งทำจนกระทงั่ ทีมผชู้ ่วยเหลือข้นั สูงมำถึง และหรือเคร่ือง
AED และผทู้ ่ีสำมำรถใชเ้ ครื่องไดม้ ำถึง

กรณที ผ่ี ู้ช่วยเหลอื เคยได้รับการฝึ กฝนการทา CPR
ผูช้ ่วยเหลือควรเร่ิมดว้ ยกำรกดหนำ้ อก คลำ้ ยกบั กรณีที่ผูช้ ่วยเหลือไม่เคยไดร้ ับกำรฝึ กฝน

กำรทำ CPR หำกแต่ว่ำผูช้ ่วยเหลือกลุ่มน้ีสำมำรถทำกำรช่วยหำยใจ และกดหนำ้ อกสลบั กนั ไปไดใ้ น
อตั รำส่วน กดหนำ้ อก 30 คร้ังและช่วยหำยใจ 2 คร้ัง และตอ้ งทำจนกระทงั่ เครื่อง AED และหรือทีม
ผชู้ ่วยเหลือข้นั สูงมำถึง

กรณที ผี่ ู้ช่วยเหลอื เป็ นบุคลากรทางการแพทย์
ผชู้ ่วยเหลือควรเร่ิมดว้ ยกำรกดหนำ้ อก และช่วยหำยใจ คลำ้ ยกบั กรณีท่ีผชู้ ่วยเหลือในกลุ่มที่

เคยไดร้ ับกำรฝึ กฝนกำรทำ CPR มำก่อนดงั กล่ำวขำ้ งตน้ และถำ้ ผปู้ ่ วยไดร้ ับกำรเปิ ดทำงเดินหำยใจดว้ ย
advanced airway ก็ยงั ตอ้ งทำกำรกดหนำ้ อกอยำ่ งต่อเนื่องโดยไม่ตอ้ งสลบั กบั กำรช่วยหำยใจ แต่ใหช้ ่วย
หำยใจ 1 คร้ัง ทุก 6 ถึง 8 วินำทีแทน(แนวทำงปฏิบตั ิปี 2010) สำหรับแนวทำงปฏิบตั ิปี 2015 ใชต้ วั เลข
เดียว เพื่อให้จำง่ำยข้ึน คือ ทุก 6 วินำที และผชู้ ่วยเหลือจะตอ้ งตระหนกั วำ่ กำรกดหน้ำอกจะตอ้ งไม่ถูก
รบกวนบ่อยๆ หรือมีกำรหยุดเป็ นเวลำนำน แมแ้ ต่ช่วงท่ีมีกำรพยำยำมใช้ advanced airway กบั ผปู้ ่ วย
และระวงั ท่ีจะช่วยหำยใจผูป้ ่ วยมำกเกินไป ผูช้ ่วยเหลือในกลุ่มน้ีจะต้องสำมำรถบอกหรือเล่ำลำดับ
ข้นั ตอนในกำรช่วยเหลือผปู้ ่ วยท่ีไดก้ ระทำไปแลว้ และพยำยำมคิด หำสำเหตุเบ้ืองตน้ ที่ทำให้เกิดภำวะ
Cardiac arrest ในผปู้ ่ วยที่ตนกำลงั ให้กำรช่วยเหลือได้ และตอ้ งทำจนกระทงั่ เคร่ือง AED และหรือทีม
ผชู้ ่วยเหลือข้นั สูงมำถึง

แนวทำงปฏิบตั ิปี 2015 แนะนำให้บุคลำกรทำงกำรแพทย์ สำมำรถปรับข้นั ตอนกำร
ช่วยเหลือไดต้ ำมสำเหตของ cardiac arrest เช่น กรณีผชู้ ่วยเหลือคนเดียว เห็นผปู้ ่ วยผใู้ หญ่ หมดสติต่อ

ศนู ยป์ ฏิบตั ิการฝึกทกั ษะระบบจาลอง คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

9
หน้ำ ผูช้ ่วยเหลืออำจคิดถึงสำเหตุจำก arrhythmia สำมำรถปรับข้นั ตอนกำรช่วยเป็ น “ เรียกขอควำม
ช่วยเหลือ เอำเคร่ือง AED ท่ีใกลท้ ี่สุดมำใชก้ บั ผปู้ ่ วยแลว้ เริ่ม CPR“ เป็นตน้
Delayed ventilation

แนวทำงปฏิบตั ิปี 2015 แนะนำกำรให้ passive oxygen insufflation และ airway adjuncts (Class
IIb, LOE C-LD) ในกรณี cardiac arrest นอกโรงพยำบำลที่มีคนเห็นเหตุกำรณ์ และมี shockable rhythm
ไดร้ ับกำรช่วยเหลือโดยกำรกดหนำ้ อกถึง 3 cycles ของกำรกดหนำ้ อกตอ่ เนื่อง 200 คร้ัง
Adult BLS skills
ลำดบั และข้นั ตอนกำรทำ BLS สำหรับบุคลำกรทำงกำรแพทย์ สรุปง่ำยๆ ไดด้ งั แผนภูมิท่ี 2 นอกจำกน้นั
ในแนวทำงปฏิบตั ิ 2015 มีกำรเปล่ียนแปลงเพียงเล็กนอ้ ย จำกหลกั ฐำนของงำนวจิ ยั เก่ียวกบั อตั รำกำรกด
หน้ำอก คำป้ อนกลับจำกเครือข่ำยกำรฝึ กอบรม และอุบตั ิกำรณ์จำก opioid overdose ร่วมกับ
ผลกำรรักษำดว้ ย naloxone สำหรับผุป้ ่ วยท่ีมีประวตั ิหรือสงสัยวำ่ ติดยำประเภท opioid มีชีพจร แต่ไม่
หำยใจหรือหำยใจแบบ gasping ผชู้ ่วยเหลือท่ีไดร้ ับกำรฝึ กอบรมมำแลว้ สำมำรถฉีดยำ naloxone เขำ้
กลำ้ มหรือหยอดจมูกได้ (Class II a, LOE C-LD)

ศนู ยป์ ฏิบตั ิการฝึกทกั ษะระบบจาลอง คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

10

แผนภูมิ 2 BLS Healthcare Provider Adult Cardiac Arrest Algorithm—2015 Update.

ศนู ยป์ ฏิบตั ิการฝึกทกั ษะระบบจาลอง คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

11

Recognition of Arrest
หลงั จำกที่พบผปู้ ่ วยหมดสติ และสงสัยวำ่ มีภำวะ Cardiac arrest ข้นั ตอนแรกที่ผทู้ ี่จะทำกำร

ช่วยเหลือตอ้ งทำคือกำรพจิ ำรณำถึงองคป์ ระกอบโดยรอบ และควำมปลอดภยั ท้งั ของตวั ผปู้ ่ วยและผทู้ ี่จะ
ให้กำรช่วยเหลือ หำกพบว่ำปลอดภยั ให้เริ่มด้วยกำรเขย่ำท่ีไหล่ของผูป้ ่ วยและตะโกนถำมคำถำมเช่น
คุณรู้สึกเป็นอยำ่ งไรบำ้ ง ถำ้ ผปู้ ่ วยมีกำรตอบสนอง และไม่มีกำรหำยใจท่ีปกติ ผปู้ ่ วยอำจตอบคำถำม ขยบั
ตวั หรือส่งเสียงร้องออกมำ แตถ่ ำ้ ไม่มีกำรตอบสนองดงั กล่ำว ผใู้ หก้ ำรช่วยเหลือที่ไม่ใช่บุคลำกรทำงกำร
แพทยค์ วรรีบที่จะตำมทีมช่วยเหลือทนั ที ในขณะท่ีผใู้ ห้กำรช่วยเหลือท่ีเป็ นบุคลำกรทำงกำรแพทย์ ควร
ตรวจดูกำรหำยใจผปู้ ่ วยระหวำ่ งท่ีทำกำรตรวจประเมินกำรตอบสนองของผปู้ ่ วย และถำ้ พบวำ่ ผูป้ ่ วยไม่
หำยใจหรือมีกำรหำยใจท่ีผดิ ปกติ ผชู้ ่วยเหลือสำมำรถบอกไดว้ ำ่ ผปู้ ่ วยมีภำวะ Cardiac arrest และรีบท่ีจะ
ตำมทีมช่วยเหลือทนั ที

จำกแนวทำงกำรช่วยชีวติ ของ American Heart Association (AHA) ในปี ค.ศ. 2010 ไม่
แนะนำให้ทำกำรตรวจกำรหำยใจ และตรวจชีพจร กบั ผปู้ ่ วยก่อนที่จะทำกำรกดหนำ้ อก ดงั ท่ีเคยปฏิบตั ิ
กนั มำเนื่องจำกพบวำ่ ไม่วำ่ จะเป็ นผใู้ หก้ ำรช่วยเหลือในกลุ่มไหน กำรตรวจและวินิจฉัยวำ่ ผูป้ ่ วยหำยใจ
หรือไม่หำยใจ มีชีพจรหรือไม่มีชีพจรในผูป้ ่ วยกลุ่มน้ีทำได้ยำก โดยเฉพำะผูช้ ่วยเหลือในกลุ่มของ
บุคลำกรทำงกำรแพทยอ์ ำจใชเ้ วลำในกำรตรวจวินิจฉยั สิ่งเหล่ำน้ีนำนมำกข้ึน ซ่ึงจะทำให้เริ่มกำรกด
หน้ำอกไดช้ ้ำลงไปอีก ทำให้โอกำสในกำรรอดชีวิตของผูป้ ่ วยลดลง แต่ถ้ำตอ้ งกำรตรวจชีพจร ก็ยงั
สำมำรถทำไดภ้ ำยในระยะเวลำไมเ่ กิน 10 วนิ ำที และถำ้ พบวำ่ ผปู้ ่ วยไมม่ ีชีพจร หรือไม่แน่ใจวำ่ มีชีพจร ก็
ใหเ้ ริ่มทำกำรกดหนำ้ อกไดเ้ ลยทนั ที

แนวทำงปฏิบตั ิปี 2015 แนะนำดงั น้ี
-กรณีผปู้ ่ วยหมดสติ ไม่หำยใจหรือหำยใจผิดปกติ: กำรดูแลรักษำให้เริ่มทำกำรกดหนำ้ อก
ไดเ้ ลยทนั ทีไม่ตำ่ งจำก guideline 2010
- กรณีผปู้ ่ วยหมดสติ มีชีพจร และ หำยใจปกติ: ให้ดูแลผปู้ ่ วยใกลช้ ิด ตำมทีมช่วยเหลือตำม
ควำมเหมำะสมกบั สถำนที่และสภำพผปู้ ่ วย
-กรณีผปู้ ่ วยมีชีพจร แต่หำยใจไม่ปกติ : สำหรับผปู้ ่ วยท่ีมีประวตั ิหรือสงสัยวำ่ ติดยำประเภท opioid มีชีพ
จร แตไ่ ม่หำยใจหรือหำยใจแบบ gasping ผชู้ ่วยเหลือที่ไดร้ ับกำรฝึ กอบรมมำแลว้ สำมำรถฉีดยำ opioid
เขำ้ กลำ้ มหรือหยอดจมูกได้ (Class II a, LOE C-LD) แต่กรณีที่มี cardiac arrest กำรใหย้ ำโดยไม่กดหน้
อก อำจทำใหก้ ำรกระจำยของยำไม่มีประสิทธิภำพ

ศนู ยป์ ฏิบตั ิการฝึกทกั ษะระบบจาลอง คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

12

Technique : Chest Compressions

กำรเพ่มิ ประสิทธิภำพของกำรกดหนำ้ อกใหแ้ ก่ผปู้ ่ วย เริ่มจำกกำรจดั ใหผ้ ปู้ ่ วยนอนหงำยบน
พ้ืนรำบแข็ง โดยมีผูท้ ี่จะทำกำรช่วยเหลือนั่งคุกเข่ำอยูด่ ้ำนขำ้ งทรวงอกของผปู้ ่ วย (กรณีเกิดเหตุนอก
โรงพยำบำล) หรือยนื อย่ดู ำ้ นขำ้ งเตียงผปู้ ่ วย (กรณีเกิดเหตุในโรงพยำบำล) และเนื่องจำกเตียงผปู้ ่ วย
มกั จะนิ่ม กำรกดหน้ำอกจึงไม่สำมำรถส่งแรงกดให้แก่ผูป้ ่ วยได้อย่ำงเต็มท่ี ดังน้ันจึงจำเป็ นต้องใช้
กระดำนแข็งมำรองใตต้ วั ผูป้ ่ วย และตอ้ งไม่ลืมว่ำกำรใช้กระดำนรองผูป้ ่ วยตอ้ งไม่ทำให้กำรเริ่มกด
หน้ำอกทำได้ช้ำลง หรือหยุดกำรกดหน้ำอกเป็ นระยะเวลำนำน รวมถึงระวงั สำยของเครื่องติดตำม
สัญญำณชีพ หรือท่อช่วยหำยใจ หรือท่อระบำยต่ำงๆ จำกตวั ผูป้ ่ วยในขณะท่ีจะสอดกระดำนรองตวั
ผปู้ ่ วย และถำ้ ผปู้ ่ วยนอนอยบู่ นเตียงหรือ Air-filled mattress ก็ตอ้ งระบำยลมออกมำเสียก่อน

ผูท้ ่ีทำกำรช่วยเหลือผูป้ ่ วยจะวำงส้นมือขำ้ งหน่ึงบนบริเวณคร่ึงล่ำงของกระดูกหน้ำอก
(Lower half of the sternum) ของผปู้ ่ วย โดยส้นมืออีกขำ้ งหน่ึงวำงประกบทบั อยบู่ นมือขำ้ งแรกที่วำง
แลว้ ออกแรงกดลงไปที่ทรวงอกผปู้ ่ วยโดยตรงให้ไดค้ วำมลึกอยำ่ งนอ้ ย 2 นิ้ว หรือ 5 เซนติเมตร โดยให้
จงั หวะที่กด กบั จงั หวะที่ผอ่ นแรงกินระยะเวลำนำนพอๆ กนั โดยจงั หวะท่ีผอ่ นแรงกดตอ้ งไม่ลืมที่จะให้
ทรวงอกขยำยกลบั ข้ึนมำเตม็ ที่เหมือนก่อนที่จะทำกำรกด

แนวทำงกำรปฏิบตั ิในปี 2015: แนะนำให้เพิ่มขอ้ ควำมว่ำหลีกเล่ียงกำรกดลึกมำกเกินไป
ไดแ้ ก่กำรกดลึกกวำ่ 2.4 นิ้วหรือ 6 เซนติเมตร อตั รำกำรเร็วของกำรกดหนำ้ อกมกั หมำยถึงควำมเร็วใน
กำรกดเท่ำน้นั ไม่ใช่อตั รำเร็วของกำรกดที่แทจ้ ริงในหน่ึงนำที เนื่องจำกกำรกดหนำ้ อกมกั จะถูกรบกวน
หรือ หยดุ จำกกำรเปิ ดทำงเดินหำยใจ ช่วยหำยใจ และระยะเวลำที่เครื่อง AED ทำกำรวเิ ครำะห์ลกั ษณะ
ของคล่ืนไฟฟ้ ำหวั ใจ จำนวนคร้ังท่ีกดในหน่ึงนำทีน้นั มีควำมสำคญั ที่จะช่วยเพ่มิ โอกำสกำรรอดชีวติ ของ
ผปู้ ่ วย และลดโอกำสในกำรเกิดควำมเสียหำยของระบบประสำทของผปู้ ่ วย มีกำรศึกษำที่ผำ่ นมำหลำย
กำรศึกษำพยำยำมท่ีจะหำอตั รำเร็วท่ีเหมำะสมในกำรกดหน้ำอกแก่ผปู้ ่ วยพบวำ่ มีต้งั แต่ 80 คร้ังต่อนำที
ไปจนถึง 120 คร้ังต่อนำที และเพื่อให้ง่ำยท้งั ต่อกำรปฏิบตั ิและจดจำ แนวทำงปฏิบตั ิในปี 2010 แนะนำ
ใหผ้ ทู้ ี่ทำกำรช่วยเหลือผปู้ ่ วยควรจะทำกำรกดหนำ้ อกในอตั รำเร็วอยำ่ งนอ้ ย 100 คร้ังตอ่ นำที

แนวทำงกำรปฏิบตั ิในปี 2015: แนะนำอตั รำกำรเร็วของกำรกดหน้ำอกเป็ นช่วง 100-120
คร้ัง/นำที (Class IIa, LOE C-LD)
“duty cycle” หมำยถึง อตั รำส่วนของช่วงเวลำท่ีใชใ้ นกำรกดหนำ้ อกเทียบกบั ช่วงเวลำท้งั หมดท่ีใชต้ ้งั แต่
เริ่ม cycle หรือรอบของกำรช่วยชีวติ ผปู้ ่ วย จนถึงเวลำเริ่ม cycle ถดั ไป แมว้ ำ่ ค่ำ duty cycle ที่ 20%-50%

ศนู ยป์ ฏิบตั ิการฝึกทกั ษะระบบจาลอง คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

13

บ่งบอกถึงกำรมีเลือดไหลเวยี นไปยงั กลำ้ มเน้ือหวั ใจ และสมองอยำ่ งเพยี งพอ แต่ในกำรช่วยชีวิตผปู้ ่ วยค่ำ
ของ duty cycle ที่แนะนำคือ 50% เน่ืองจำกสำมำรถทำไดง้ ่ำยในกำรปฏิบตั ิจริง

ควำมเหนื่อยลำ้ ของผใู้ ห้กำรช่วยเหลือเป็ นหน่ึงในสำเหตุท่ีสำคญั ท่ีทำให้ประสิทธิภำพใน
กำรกดหน้ำอกผูป้ ่ วยลดลง โดยเฉพำะอตั รำเร็วในกำรกด และควำมลึกในกำรกด กำรศึกษำพบว่ำ
ผชู้ ่วยเหลือจะเร่ิมมีอำกำรเหนื่อยลำ้ อยำ่ งชดั เจน หลงั จำกนำทีที่ 1 ที่เริ่มทำ CPR เป็ นตน้ ไป แมว้ ำ่ ตวั
ผชู้ ่วยเหลือจะยงั ไม่คิดวำ่ ตวั เองเหนื่อยจนกระทงั่ 5 นำทีไปแลว้ ก็ตำม ดงั น้นั เม่ือมีผชู้ ่วยเหลือมำกกวำ่ 1
คน จึงแนะนำใหม้ ีกำรสลบั หนำ้ ท่ีในกำรกดหนำ้ อกทุก 2 นำที หรือหลงั จำก 5 รอบ ของกำรกดหนำ้ อก
ต่อกำรช่วยหำยใจ ที่ 30:2

กำรหยุดกดหนำ้ อกเพื่อทำกำรตรวจชีพจร อำจทำให้กำรไหลเวียนของเลือดไปยงั อวยั วะ
สำคญั ของร่ำงกำยมีกำรติดขดั ตำมไปดว้ ย ดงั น้นั ในกรณีท่ีผชู้ ่วยเหลือเป็ นบุคคลทวั่ ไปที่ไม่ใช่บุคลำกร
ทำงกำรแพทยอ์ นุญำติให้ทำกำรกดหน้ำอกต่อเน่ืองไปโดยไม่ตอ้ งหยุดตรวจชีพจร จนกระทงั่ เคร่ือง
AED มำถึง ผูป้ ่ วยต่ืนหรือมีกำรตอบสนอง หรือทีมผูช้ ่วยเหลือข้นั สูงมำถึง สำหรับผชู้ ่วยเหลือท่ีเป็ น
บุคลำกรทำงกำรแพทยก์ ำรตรวจชีพจรสำมำรถทำไดภ้ ำยในระยะเวลำไม่เกิน 10 วินำที หรือหยุดกด
หนำ้ อกไมเ่ กิน 10 วนิ ำที สำหรับกำรช่วยหำยใจ 2 คร้ัง (Class IIa, LOE C-LD)

Compression-ventilation ratio

แมว้ ำ่ จะยงั ไม่มีหลกั ฐำนขอ้ มูลใดๆ จะช้ีบง่ วำ่ อตั รำส่วนระหวำ่ งกำรกดหนำ้ อกต่อกำรช่วย
หำยใจที่ดีที่สุดควรเป็ นเท่ำใด แต่จำกกำรรวบรวมขอ้ มูลจำกผูป้ ่ วย และขอ้ สรุปของผูเ้ ชี่ยวชำญก็ยงั
แนะนำใหใ้ ชอ้ ตั รำส่วนระหวำ่ งกำรกดหนำ้ อกต่อกำรช่วยหำยใจที่ 30:2 หำกวำ่ ผปู้ ่ วยมี advanced airway
แล้ว กำรกดหน้ำอกก็สำมำรถทำไดอ้ ย่ำงต่อเนื่องโดยท่ีไม่ตอ้ งหยุดเพื่อช่วยหำยใจ แต่จะทำกำรช่วย
หำยใจทุกๆ 6 ถึง 8 วนิ ำที

Hands-only CPR

ผปู้ ่ วย Cardiac arrest นอกโรงพยำบำล ประมำณ 20%-30% เท่ำน้นั ท่ีไดร้ ับกำรช่วยเหลือ
และทำ CPR โดยผปู้ ระสบเหตุ กำรช่วยเหลือโดยกำรกดหนำ้ อกผปู้ ่ วยเพียงอยำ่ งเดียวเพ่ิมโอกำสในกำร
รอดชีวิตของผปู้ ่ วยเม่ือเทียบกบั กำรที่ไม่มีกำรช่วยเหลือใดๆ หรือทำ CPR หลงั จำกท่ีเกิดภำวะ Cardiac
arrest และกำรศึกษำที่ผำ่ นมำพบวำ่ อตั รำกำรรอดชีวติ ของผปู้ ่ วยท่ีไดร้ ับ Hands-only CPR เทียบกบั กำร
ทำ CPR แบบครบถว้ นสมบูรณ์ตำมปกติ พบวำ่ มีอตั รำกำรรอดชีวิตไม่ต่ำงกนั และจำกกลุ่มผชู้ ่วยเหลือ

ศนู ยป์ ฏิบตั ิการฝึกทกั ษะระบบจาลอง คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

14

ผูป้ ่ วยท้งั บุคคลทว่ั ไปและบุคลำกรทำงกำรแพทยพ์ บวำ่ หำกเป็ นผปู้ ระสบเหตุดว้ ยตวั เองมกั จะรู้สึกไม่
อยำกทำกำรช่วยหำยใจแก่ผปู้ ่ วย โดยเฉพำะวธิ ีที่ใชป้ ำกประกบปำก ดงั น้นั กำรทำ Hands-only CPR จึง
ช่วยให้ผูช้ ่วยเหลือทำกำรช่วยเหลือผูป้ ่ วยไดอ้ ย่ำงเต็มท่ีโดยไม่มีควำมกงั วล และหลงั จำกที่ผูป้ ่ วยเกิด
ภำวะ Cardiac arrest ระดบั ออกซิเจนในเลือดยงั คงมีเพียงพอสำหรับผปู้ ่ วยต่อไปอีกระยะหน่ึง ดงั น้นั กำร
ช่วยหำยใจหลงั จำกที่ผปู้ ่ วยเกิดเกิดภำวะ Cardiac arrest จึงมีควำมสำคญั นอ้ ยกวำ่ กำรกดหนำ้ อก ผใู้ ห้กำร
ช่วยเหลือควรมีควำมมน่ั ใจที่จะให้กำรช่วยเหลือแก่ผูป้ ่ วย ที่พบทนั ทีไม่วำ่ จะเป็ นกำรทำ Hands-only
CPR หรือกำรทำ CPR แบบครบถว้ นสมบูรณ์ แต่ในบำงสถำนกำรณ์ที่จำเพำะบำงอยำ่ งเช่น ผปู้ ่ วยเด็กที่
เกิดภำวะ Cardiac arrest หรือผปู้ ่ วย Cardiac arrest ท้งั ในเด็กและผใู้ หญ่ท่ีมีสำเหตุจำกกำรขำดอำกำศ
หำยใจอยำ่ งชดั เจน เช่นผปู้ ่ วยจมน้ำ หรือไดร้ ับยำเกินขนำด หรือผปู้ ่ วยที่เกิด Cardiac arrest มำแลว้ เป็ น
เวลำนำน กำรกดหนำ้ อก ร่วมกบั ช่วยหำยใจ ยอ่ มมีประโยชน์มำกกวำ่ กำรทำ Hands-only CPR

แนวทำงกำรปฏิบตั ิในปี 2015: สำหรับบุคคลทวั่ ไปเหมือน 2010 คือแนะนำให้ ทำ
compression-only CPR เป็ นทำงเลือกจำก conventional CPR ส่วนบุคคลทวั่ ไปที่เคยอบรมแลว้ ควร
ช่วยหำยใจและกดหนำ้ อก (Class II a, LOE C-LD)

Managing the Airway

ดงั ที่กล่ำวมำแลว้ ขำ้ งตน้ กำรเปล่ียนแปลงที่ชดั เจนของลำดบั ข้นั ตอนกำรช่วยชีวิตผูป้ ่ วย
Cardiac arrest ตำมแนวทำงกำรช่วยชีวิตของ American Heart Association (AHA) ในปี ค.ศ. 2010 จำก
A (airway), B (breathing), C (circulation or chest compression) ไปเป็ น C (circulation or chest
compression), A (airway), B (breathing) เพ่ือลดข้นั ตอนตำ่ งๆ ท่ีจะทำให้กำรกดหนำ้ อกทำไดเ้ ร็วข้ึน แต่
กำรเปิ ดทำงเดินหำยใจและกำรช่วยหำยใจก็ยงั คงถือเป็ นสิ่งสำคญั ท่ีจะตอ้ งทำตำมมำ และตอ้ งทำให้
รวดเร็วและมีประสิทธิภำพโดยไม่รบกวน หรือหยดุ กำรกดหนำ้ อกผปู้ ่ วย

แนวทำงกำรปฏิบตั ิในปี 2015: แนะนำกำรให้ passive oxygen delivery ระหวำ่ งกำรทำ

compression-only CPR

Open the Airway: กลุ่มผู้ช่วยเหลอื ทไี่ ม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์
ผูช้ ่วยเหลือกลุ่มน้ีที่ไดร้ ับกำรฝึ กฝน และมีควำมมนั่ ใจสำมำรถช่วยกดหน้ำอก และช่วย

หำยใจได้ กำรเปิ ดทำงเดินหำยใจท่ีทำคือกำรเงยหน้ำ และเชยคำงผปู้ ่ วย (Head tilt-chin lift) แต่ถำ้ ผชู้ ่วย
เหลือเลือกท่ีจะทำ Hands-only CPR กำรเปิ ดทำงเดินหำยใจอำจพจิ ำรณำท่ีจะไม่ทำได้

ศูนยป์ ฏิบตั ิการฝึกทกั ษะระบบจาลอง คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

15

Open the Airway: กลุ่มผู้ช่วยเหลอื ทเ่ี ป็ นบุคลากรทางการแพทย์
ผูช้ ่วยเหลือกลุ่มน้ีจะตอ้ งสำมำรถเปิ ดทำงเดินหำยใจผปู้ ่ วยไดโ้ ดยวิธีเงยหนำ้ และเชยคำง

ผปู้ ่ วย (Head tilt-chin lift) ในผปู้ ่ วยท่ีไม่มีกำรบำดเจบ็ บริเวณศีรษะและลำคอ ส่วนในผูป้ ่ วยที่มีกำร
บำดเจ็บของกระดูกสันหลงั ส่วนคอ หรือสงสัยว่ำจะมีกำรบำดเจ็บดงั กล่ำว เช่นผูป้ ่ วยที่ได้รับบำดเจ็บ
บริเวณใบหนำ้ ลำคอ หรือผปู้ ่ วยหมดสติหรือ ระดบั ควำมรู้สึกตวั จำก Glasgow Coma Scale นอ้ ยกวำ่ 8
ผใู้ ห้กำรช่วยเหลือตอ้ งระมดั ระวงั เป็ นพิเศษในกำรขยบั เคล่ือนยำ้ ยผปู้ ่ วย โดยเฉพำะบริเวณกระดูกสัน
หลงั ส่วนคอ ผูป้ ่ วยอำจมีอุปกรณ์ท่ีช่วยในกำรยดึ หรือประคองกระดูกสันหลงั ส่วนคอ ซ่ึงอำจจะทำให้
กำรเปิ ดทำงเดินทำได้ยำกข้ึนไปอีก ดงั น้ันในผูป้ ่ วยกลุ่มน้ีแนะนำให้เปิ ดทำงเดินหำยใจโดยวิธียก
ขำกรรไกรล่ำง (jaw thrush)
รูปท่ี 3 แสดงเทคนิคกำรเปิ ดทำงเดินหำยใจ

เทคนิคเงยหนำ้ เชยคำง (Head tilt-chin lift) เทคนิคกำรยกขำกรรไกรล่ำง (Jaw thrush)

Rescue Breathing

จำกแนวทำงกำรช่วยชีวติ ของ American Heart Association (AHA) ในปี ค.ศ.2010 พบวำ่
ในกำรช่วยหำยใจน้นั มีควำมใกลเ้ คียงกบั ในปี ค.ศ.2005 ดงั ไดก้ ล่ำวมำแลว้ ขำ้ งตน้

จำกกำรศึกษำพบวำ่ ค่ำของปริมำตรอำกำศท่ีใชห้ ำยใจแต่ละคร้ัง (Tidal volume) ในผปู้ ่ วย
ท่ีมำรับกำรระงับควำมรู้สึกน้ันอยู่ทื่ 8-10 ml/kg ทำให้ค่ำของออกซิเจนในเลือด และกำรกำจดั
คำร์บอนไดออกไซดอ์ ยใู่ นภำวะปกติ แต่ในกำรทำ CPR ผปู้ ่ วยท่ีมีภำวะ Cardiac arrest ควำมสำมำรถใน
กำรบีบตวั ของหวั ใจเพือ่ ส่งเลือดไปยงั อวยั วะตำ่ งๆ ลดลงจำกภำวะปกติประมำณ 25-33% กำรลดลงของ
กำรหำยใจในหน่ึงนำที (Minute ventilation) จำกภำวะปกติก็เพียงพอต่อกำรเพิ่มออกซิเจนในเลือด และ
กำจดั คำร์บอนไดออกไซด์ และดว้ ยเหตุน้ีค่ำของปริมำตรอำกำศที่ใชห้ ำยใจแต่ละคร้ังในระหวำ่ งกำรทำ
CPR จะอยทู่ ี่ประมำณ 500-600 ml (6-7 ml/kg) ซ่ึงจะสังเกตุไดจ้ ำกทรวงอกของผปู้ ่ วยมีกำรยกตวั ข้ึนลง

ศนู ยป์ ฏิบตั ิการฝึกทกั ษะระบบจาลอง คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

16

ขณะท่ีทำกำรช่วยหำยใจ และในผปู้ ่ วยท่ีมีพยำธิสภำพท่ีปอดอยู่เดิม หรือมีภำวะทำงเดินหำยใจอุดก้นั
(airway obstruction) อำจจะตอ้ งช่วยหำยใจโดยใชค้ วำมดนั ท่ีสูงกว่ำปกติ ผูใ้ ห้ควำมช่วยเหลือจึงตอ้ ง
ม่ันใจว่ำสำมำรถช่วยหำยใจได้จนเห็นทรวงอกของผูป้ ่ วยยกตัวข้ึนลงขณะที่ทำกำรช่วยหำยใจ
(ระมดั ระวงั ในอุปกรณ์ช่วยหำยใจท่ีประกอบดว้ ย Pressure relief valve)

กำรช่วยหำยใจท่ีมำกเกินไปกอ็ ำจทำใหเ้ กิดผลเสียมำกข้ึนนน่ั คือทำใหก้ ระเพำะอำหำรมีกำร
โป่ งพองมำกข้ึนจำกอำกำศท่ีช่วยหำยใจเขำ้ ไป และอำจเกิดอำกำรสูดสำลกั เศษอำหำรเขำ้ สู่ปอดผปู้ ่ วยได้
และที่สำคญั กวำ่ น้นั กำรช่วยหำยใจที่มำกเกินอำจทำใหค้ วำมดนั ในช่องอกเพิ่มข้ึน ลดปริมำณเลือดท่ีจะ
ไหลกลบั เขำ้ มำยงั หวั ใจ ส่งผลใหเ้ ลือดท่ีจะถูกบีบตวั ออกจำกหวั ใจไปยงั อวยั วะตำ่ งๆ ลดลงตำมไปดว้ ย
Mouth-to-mouth Rescue Breathing

เป็นเทคนิคท่ีสำมำรถใหอ้ อกซิเจนในขณะช่วยหำยใจใหแ้ ก่ผปู้ ่ วยได้ โดยมีวธิ ีทำดงั ต่อไปน้ี
เปิ ดทำงเดินหำยใจผปู้ ่ วย ใชม้ ือขำ้ งหน่ึงบีบจมูกผปู้ ่ วย ใชป้ ำกประกบกบั ปำกผปู้ ่ วยใหส้ นิท และเป่ ำลม
หำยใจช่วยผปู้ ่ วยไมน่ อ้ ยกวำ่ 1 วนิ ำที แลว้ ถอนปำกออกจำกผปู้ ่ วยเพ่ือให้ผปู้ ่ วยมีกำรหำยใจออก จำกน้นั
จึงค่อยทำซ้ำอีกคร้ังหน่ึง และท่ีสำคญั คือสังเกตุทรวงอกของผูป้ ่ วยให้มีกำรยกตวั ข้ึน ระวงั กำรช่วย
หำยใจท่ีมำกเกินไป ส่วนกรณีที่ไม่เห็นกำรยกตวั ของทรวงอกผปู้ ่ วยสำเหตุสำคญั คือกำรเปิ ดทำงเดิน
หำยใจที่ไม่เพียงพอ ดงั น้นั ก่อนท่ีจะช่วยหำยใจคร้ังท่ี 2 ผชู้ ่วยเหลือจะตอ้ งเปิ ดทำงเดินหำยใจผปู้ ่ วยเพิ่ม
มำกข้ึนเพอ่ื ใหก้ ำรช่วยหำยใจคร้ังที่สองมีประสิทธิภำพเพิ่มมำกข้ึน

Mouth-to-Barrier Device Breathing

เน่ืองจำกผูท้ ี่จะให้กำรช่วยเหลือผูป้ ่ วยส่วนใจมกั เกิดควำมกระอกั กระอ่วนใจท่ีจะช่วยหำยใจ
ดว้ ยเทคนิค Mouth-to-mouth เนื่องจำกกลวั กำรแพร่กระจำยของโรคที่สำมำรถติดต่อได้ พบว่ำกำรใช้
อุปกรณ์ช่วยป้ องกนั ในกำรช่วยหำยใจสำมำรถลดโอกำสในกำรสัมผสั ผปู้ ่ วยโดยตรง และลดโอกำสกำร
ติดเช้ือได้ แต่ตอ้ งไม่ลืมว่ำกำรจดั เตรียมหรือติดต้งั อุปกรณ์ดงั กล่ำวตอ้ งไม่รบกวน หรือหยุดกำรกด
หนำ้ อกผปู้ ่ วย

Mouth-to-nose and Mouth-to-Stoma Ventilation
เทคนิคกำรช่วยหำยใจแบบ Mouth-to-nose สำมำรถทำได้อย่ำงปลอดภัยและ

มีประสิทธิภำพ ในกรณีท่ีผูป้ ่ วยไม่สำมำรถทำ Mouth-to-mouth ไดเ้ ช่น ผูป้ ่ วยท่ีไดร้ ับบำดเจ็บบริเวณ

ศูนยป์ ฏิบตั ิการฝึกทกั ษะระบบจาลอง คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

17

ปำก หรือผปู้ ่ วยท่ีเปิ ดหรืออำ้ ปำกไม่ได้ ส่วนกำรใชเ้ ทคนิค Mouth-to-Stoma สำมำรถใชไ้ ดใ้ นผปู้ ่ วยท่ีมี
รูเปิ ดจำกหลอดลมโดยตรง (Tracheal stoma)
Ventilation with Bag and Mask

ผใู้ หก้ ำรช่วยเหลือสำมำรถใชห้ นำ้ กำกช่วยหำยใจ (Bag-mask) ในกำรช่วยหำยใจแก่ผปู้ ่ วย
โดยกำรช่วยหำยใจดว้ ยแรงดนั บวกโดยท่ีผปู้ ่ วยอำจจะยงั ไม่มี advanced airway แต่ตอ้ งไม่ลืมท่ีจะระวงั
กำรช่วยหำยใจท่ีมำกเกินไป
Ventilation with a Supraglottic Airway

Supraglottic Airway เช่น LMA, esophageal-tracheal combitube และ King airway device
ไดน้ ำมำใช้ในกำรช่วยหำยใจในระหวำ่ งกำรทำ BLS มำกข้ึนในหลำยๆ ภูมิภำค กำรช่วยหำยใจผ่ำน
อุปกรณ์เหล่ำน้ีมีข้นั ตอนท่ีไม่ต่ำงจำกกำรช่วยหำยใจดว้ ย Bag-mask เพียงแต่ผทู้ ี่ให้กำรช่วยเหลือผปู้ ่ วย
น้นั จะตอ้ งไดร้ ับกำรฝึ กฝนในกำรใชอ้ ุปกรณ์ดงั กล่ำวจนเกิดควำมชำนำญ และไม่รบกวนข้นั ตอนกำร
ช่วยชีวติ อ่ืนๆ โดยเฉพำะกำรกดหนำ้ อก
Ventilation with an Advanced Airway

ผทู้ ี่ใหก้ ำรช่วยเหลือผปู้ ่ วยทำกำรช่วยหำยใจคร้ังละ 1 วนิ ำที ทุก 6-8 วนิ ำที
แนวทำงกำรปฏิบตั ิในปี 2015: แนะนำใหใ้ ชต้ วั เลขเดียวคือทุก 6 วนิ ำที เพ่ือใหจ้ ำง่ำย

Cricoid Pressure
จำกแนวทำงกำรช่วยชีวิตของ American Heart Association (AHA) ในปี ค.ศ.2010 กำรทำ

cricoid pressure ไม่แนะนำให้ทำกบั ผปู้ ่ วยทุกรำยอีกต่อไป ยกเวน้ ในบำงกรณีเช่น กดเพื่อช่วยให้กำร
มองเห็นเส้นเสียงชดั เจนข้ึนขณะที่ทำกำรสอดท่อช่วยหำยใจเป็ นตน้

Passive oxygen versus Positive-pressure oxygen ระหว่าง CPR : Updated 2015
มีงำนวจิ ยั 2 เร่ืองซ่ึงเปรียบเทียบวิธีกำร positive pressure ventilation ทำงท่อ endotracheal กบั

วิธีกำรให้ oxygen หรือ air สู่ trachea โดยตรง ผำ่ นท่อเล็กๆที่สอดเขำ้ ในท่อ endotracheal พบวำ่ วิธีท่ี
สองมี PaCO2 ต่ำกวำ่ แต่ไม่ไดท้ ำให้ ROSC ดีข้ึน หรือ ระยะเวลำอยโู่ รงพยำบำลหรือ ICU ส้ันลงกวำ่ วิธี
แรก 3,4

ศนู ยป์ ฏิบตั ิการฝึกทกั ษะระบบจาลอง คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

18

นอกจำกน้นั ยงั มีงำนวิจยั ที่มีกำรเปรียบเทียบวิธีกำรให้ oxygen โดยใช้ bag-mask ventilation
เปรียบเทียบกับวิธีกำรให้ high-flow oxygen ทำง non-rebreathing facemask หลงั จำกกำรใส่
oropharyngeal airway พบวำ่ วธิ ีที่ 2 เป็ นส่วนหน่ึงของ resuscitation bundle ที่ทำให้อตั รำรอดชีวติ และ
กำรฟ้ื นตวั ของระบบประสำทดีกว่ำ แต่กำรศึกษำน้ีทำในผปู้ ่ วยที่เป็ น witnessed arrest จำก VF หรือ
pulseless VT 5

แนวทำงกำรปฏิบตั ิในปี 2015: ไม่แนะนำกำรให้ passive ventilation technique ระหวำ่ ง
conventional CPR ในผูใ้ หญ่ แต่ทีมช่วยเหลือในระบบ EMS ควรพิจำรณำใช้ passive ventilation
oxygen เป็นส่วนหน่ึงของ bundle of care ร่วมกบั กำรกดหนำ้ อกต่อเนื่อง (Class IIb, LOE C-LD)

AED Defibrillation
ผูท้ ่ีให้กำรช่วยเหลือผูป้ ่ วยทุกคนควรตอ้ งมีควำมรู้ และฝึ กฝนกำรใชเ้ ครื่อง AED จนเกิด

ควำมมน่ั ใจในกำรใชจ้ ริงกบั ผปู้ ่ วย เน่ืองจำกผปู้ ่ วย Cardiac arrest ส่วนใหญ่ เกิดจำกคล่ืนไฟฟ้ ำหัวใจ
แบบ VF และใน VF พบว่ำมีกำรตอบสนองต่อกำรรักษำดว้ ยกำรช็อคไฟฟ้ ำ ทนั ทีภำยใน 3-5 นำที
หลงั จำกเกิด Cardiac arrest ทำใหโ้ อกำสรอดชีวติ ของผปู้ ่ วยเพิ่มสูงข้ึน ดงั น้นั กำรช็อคไฟฟ้ ำผปู้ ่ วยดว้ ย
ควำมรวดเร็วจึงเป็ นกำรรักษำท่ีเกิดประโยชน์อยำ่ งมำกสำหรับผปู้ ่ วยในกลุ่มท่ีมีคลื่นไฟฟ้ ำหวั ใจแบบ
VF และแมว้ ำ่ จะยงั มีกำรศึกษำเก่ียวกบั กำรช็อคไฟฟ้ ำที่ทำไดช้ ำ้ ระหว่ำงที่ทำกำร CPR ในผปู้ ่ วยท่ีมี
คลื่นไฟฟ้ ำหวั ใจแบบ VF หรือ ventricular tachycardia (VT) ท่ีไม่มีชีพจร กำรใชเ้ คร่ือง AED เพ่ือทำ
กำรช็อคไฟฟ้ ำใหเ้ ร็วท่ีสุดหลงั จำกท่ีเคร่ืองมำถึงก็ยงั สำมำรถทำได้

CPR before defibrillation
แนวทำงกำรปฏิบตั ิในปี 2015: แนะนำทำนองเดียวกบั แนวทำงกำรปฏิบตั ิในปี 2010 ดงั น้ี

สำหรับ witnessed cardiac arrest ถำ้ มีเครื่อง AED อยแู่ ลว้ ใหท้ ำ defibrillation ใหเ้ ร็วที่สุด (Class II a,
LOE C-LD) ส่วนผปู้ ่ วยที่ไม่ติด monitor ขณะ arrest หรือหำ AED ไม่ไดท้ นั ที ควรทำ CPR ไปก่อน
จนกวำ่ เคร่ืองจะมำ และเม่ือเครื่องพร้อม ใหท้ ำ defibrillation ทนั ที (Class IIa, LOE B-R)

ศนู ยป์ ฏิบตั ิการฝึกทกั ษะระบบจาลอง คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

19

Analysis of rhythm during compression
กำรหยดุ กดหนำ้ อกเพ่ือวเิ ครำะห์ rhythm จะรบกวนกำรทำ CPR แต่กำรวเิ ครำะห์ rhythm ขณะ

กดหนำ้ อก อำจมีผลใหม้ ี motion artifact ทำให้ rhythm ที่อ่ำนเชื่อถือไมไ่ ด้ กำรวินิจฉยั VF/VT ไดช้ ำ้
เป็นเหตุใหช้ ็อคไฟฟ้ ำไดช้ ำ้ ควรใช้ artifact-filtering algorithm for analysis of ECG rhythm ระหวำ่ ง
CPR หรือไม่

แนวทำงกำรปฏิบตั ิในปี 2015:ยงั ไมม่ ีหลกั ฐำนในคนท่ีแสดงวำ่ กำรกดหนำ้ อกระหวำ่ ง AED
rhythm analysis มีผลตอ่ อตั รำกำรรอดชีวติ สำหรับกำรใช้ artifact-filtering algorithm for analysis of
ECG rhythm ระหวำ่ ง CPR ยงั ไม่มีหลกั ฐำนเพยี งพอที่จะแนะนำ

Timing of rhythm check
แนวทำงกำรปฏิบตั ิในปี 2015:ยงั คงสนบั สนุนกำรกดหนำ้ อกทนั ทีหลงั ช็อคไฟฟ้ ำในผใู้ หญ่ ท่ีมี

cardiac arrest เหมือนแนวทำงกำรปฏิบตั ิในปี 2010 เพรำะมีหลกั ฐำนยืนยนั ว่ำกำรประเมินชีพจร
หลงั ช็อคไฟฟ้ ำจะทำใหก้ ดหวั ใจไดน้ อ้ ยลง มีผลตอ่ อตั รำรอดชีวติ

Recovery Position
ท่ำพกั ฟ้ื น หรือ recovery position มกั จะจดั ในผปู้ ่ วยท่ีหมดสติแต่ยงั คงหำยใจและมีกำร

ไหลเวยี นท่ีปกติ หรือใกลเ้ คียงปกติ ท่ำพกั ฟ้ื นมีจุดประสงคท์ ่ีจะจดั เพ่ือให้ทำงเดินหำยใจของผปู้ ่ วยเปิ ด
โล่ง ลดควำมเส่ียงท่ีจะเกิดทำงเดินหำยใจอุดก้นั หรือกำรสำลกั โดยทวั่ ไปจะจดั ผปู้ ่ วยนอนตะแคงโดย
ให้มือดำ้ นล่ำงงอข้ึนไปทำงดำ้ นศีรษะของผปู้ ่ วย กำรจดั ท่ำพกั ฟ้ื นน้นั มีควำมหลำกหลำยมำกในแต่ละ
พ้นื ที่ซ่ึงแตล่ ะทำ่ น้นั กจ็ ะมีขอ้ ดี ขอ้ เด่นท่ีแตกต่ำงกนั ออกไป แต่ไม่มีกำรศึกษำใดท่ีจะบ่งช้ีวำ่ กำรจดั แบบ
ใดจะดีกวำ่ กนั ท้งั น้ีกำรจดั ท่ำตอ้ งพิจำรณำถึงควำมมนั่ คงของผปู้ ่ วย ใกลเ้ คียงกบั ท่ำนอนตะแคงของคน
ปกติ ศีรษะสำมำรถขยบั ไดส้ ะดวก และไม่มีน้ำหนกั หรือแรงกดทบั บนทรวงอกของผปู้ ่ วย

Foreign-Body Airway Obstruction (Choking)
แมว้ ำ่ ภำวะ FBAO จะพบไดไ้ ม่บ่อย แต่ก็เป็ นสำเหตุที่สำมำรถป้ องกนั ไดแ้ ละช่วยไม่ให้

ผปู้ ่ วยเสียชีวติ โดยส่วนมำกในผปู้ ่ วยผใู้ หญ่มกั เกิดในระหวำ่ งรับประทำนอำหำร ส่วนในผปู้ ่ วยนอกจำก
เกิดขณะท่ีรับประทำนอำหำรแลว้ อำจเกิดขณะที่เด็กกำลงั เล่นอย่กู ็ได้ และส่วนใหญ่กำรสำลกั มกั เกิด
ขณะที่มีผูอ้ ่ืนอยู่ดว้ ย ทำให้ผูท้ ี่ทำกำรช่วยเหลือสำมำรถให้กำรช่วยเหลือผปู้ ่ วยไดอ้ ยำ่ งทนั ท่วงทีก่อนที่
ผปู้ ่ วยจะหมดสติ และกำรรักษำส่วนใหญ่จะประสบควำมสำเร็จ และอตั รำกำรรอดชีวติ อำจสูงถึง 95%

ศูนยป์ ฏิบตั ิการฝึกทกั ษะระบบจาลอง คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

20

Recognition of FBAO
กำรท่ีผูใ้ หก้ ำรช่วยเหลือตระหนกั และใหก้ ำรวนิ ิจฉยั ภำวะ FBAO ไดอ้ ยำ่ งรวดเร็วถือเป็ น

ปัจจยั สำคญั ที่ทำให้กำรรักษำผปู้ ่ วยท่ีมีภำวะ FBAO ประสบควำมสำเร็จ อำกำรของ FBAO อำจมีต้งั แต่
อำกำรที่ไม่รุนแรงไปจนถึงรุนแรงมำก ผูท้ ำกำรช่วยเหลือตอ้ งรีบให้กำรรักษำอยำ่ งรวดเร็วหำกผปู้ ่ วยมี
อำกำรและอำกำรแสดงของ ทำงเดินหำยใจอุดก้นั อยำ่ งรุนแรง ไดแ้ ก่ อำกำรหำยใจลำบำก ไอที่ไม่มีเสียง
ออกมำ เขียว พดู หรือหำยใจติดขดั
Relief of FBAO

ในกรณีท่ีผูป้ ่ วยมีอำกำรไม่รุนแรงและสำมำรถไอได้เองอย่ำงมีประสิทธิภำพ ผูใ้ ห้กำร
ช่วยเหลือเพียงแค่เฝ้ ำสังเกตอำกำรของผปู้ ่ วยเท่ำน้นั กรณีน้ีผูป้ ่ วยส่วนใหญ่จะสำมำรถคำยสิ่งท่ีผปู้ ่ วย
สำลกั ออกมำเองได้ แต่ถำ้ ผปู้ ่ วยมีอำจรุนแรงมำกข้ึน ผใู้ หก้ ำรช่วยเหลือตอ้ งรีบตำมทีมและใหก้ ำรรักษำ
ดว้ ยควำมรวดเร็ว

เทคนิคในกำรกำจดั ส่ิงอุดก้นั ทำงเดินหำยใจในผใู้ หญ่ และในเด็กอำยุมำกกวำ่ 1 ปี พบวำ่
กำรทำ back blows หรือ slaps, abdominal thrusts และ chest thrusts มีประสิทธิภำพในกำรกำจดั สิ่งอุด
ก้นั ทำงเดินหำยใจออกจำกทำงเดินหำยใจของผปู้ ่ วย แต่ในผูป้ ่ วยเด็กอำยุนอ้ ยกวำ่ 1 ปี ไม่แนะนำให้ทำ
abdominal thrusts เนื่องจำกอำจทำให้เกิดอนั ตรำยต่ออวยั วะภำยในช่องทอ้ งได้ ในผูป้ ่ วยท่ีอว้ นหรือ
ผูป้ ่ วยต้งั ครรภใ์ นเดือนหลงั ๆ ผูใ้ ห้กำรช่วยเหลือควรจะตอ้ งทำ chest thrusts แทนกำรทำ abdominal
thrusts เน่ืองจำกผใู้ ห้กำรช่วยเหลืออำจไม่สำมำรถใชแ้ ขนโอบรอบลำตวั ผปู้ ่ วยได้ และถำ้ ผปู้ ่ วย FBAO
หมดสติ ใหผ้ ใู้ ห้กำรช่วยเหลือผปู้ ่ วยนำผปู้ ่ วยนอนรำบลงบนพ้ืนทนั ที จำกน้นั รีบตำมทีมช่วยเหลือ และ
เริ่มทำกำร CPR โดยเร็วท่ีสุด มีกำรศึกษำที่ผำ่ นมำสนบั สนุนวำ่ กำรกดหนำ้ อกอยำ่ งต่อเนื่องน้นั ทำให้เกิด
แรงดนั บวกอยำ่ งต่อเน่ืองในช่องอก และทำให้ง่ำยต่อกำรทำ chest thrusts มำกกวำ่ กำรทำ abdominal
thrusts และหลงั จำกกดหนำ้ อกครบ 2 ทุกๆ นำทีแลว้ ขณะทำกำรเปิ ดทำงเดินหำยใจทุกคร้ังผทู้ ่ีให้กำร
ช่วยเหลือผูป้ ่ วยควรมองหำสิ่งอุดก้ันทำงเดินหำยใจผูป้ ่ วยที่อำจหลุดออกมำ ถ้ำพบให้รีบหยิบออก
แตต่ อ้ งระวงั วำ่ อยำ่ ใชเ้ วลำนำนจนรบกวนกำรกดหนำ้ อกของผปู้ ่ วย

ศนู ยป์ ฏิบตั ิการฝึกทกั ษะระบบจาลอง คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

21
Duration of resuscitation

ยงั ไม่มีหลักฐำนท่ีชัดเจนเกี่ยวกับระยะเวลำท่ีเหมำะสมของกำรช่วยชีวิตก่อนหยุดให้กำร
ช่วยเหลือ จำกงำนวจิ ยั ที่รำยงำนพบอตั รำรอดชีวติ ที่แตกต่ำงกนั เช่น อตั รำรอดชีวติ 5% ในกำรช่วยชีวติ ที่
นำนกวำ่ 20นำที6, อตั รำรอดชีวติ 50% ในกำรช่วยชีวิตที่นำนกวำ่ 35นำที7, อตั รำรอดชีวติ 16% ในกำร
ช่วยชีวติ ที่นำนกวำ่ 35นำที8 เป็นตน้
Summary

โดยสรุปแลว้ ข้นั ตอนท่ีสำคญั ของกำรทำ BLS ไดแ้ ก่ กำรวินิจฉัยผปู้ ่ วย Cardiac arrest
ใหไ้ ดอ้ ยำ่ งรวดเร็วถูกตอ้ งและแม่นยำ ตำมทีมช่วยชีวติ ข้นั สูงโดยรีบด่วน รีบทำกำร CPR โดยเริ่มจำก
กำรกดหนำ้ อกใหเ้ ร็วที่สุดเท่ำท่ีจะทำได้ และรีบใหก้ ำรรักษำดว้ ยกำรช็อคไฟฟ้ ำดว้ ยควำมรวดเร็วทนั ทีท่ี
เคร่ืองมำถึงผปู้ ่ วย ดงั ตำรำงสรุป

ศูนยป์ ฏิบตั ิการฝึกทกั ษะระบบจาลอง คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

22

ตารางสรปุ Basic life support สาหรบั ผใู้ หญ่ เด็กโต และทารก

ผใู้ หญ่ เด็กโต ทารก

การประเมนิ ไมต่ อบสนอง

ไมห่ ายใจ หรอื หายใจไมป่ กติ เชน่ สะอกึ

ไมม่ ชี พี จรจากการการคลานาน 10 วนิ าที

(สาหรับบคุ ลากรทางการแพทย)์

CPR sequence CAB CAB CAB

อตั ราเร็วของการกดหนา้ อก 100-120/นาที 100-120/นาที 100-120/นาที

ความลกึ ของการกดหนา้ อก ≥ 2 นว้ิ (5 ซม.) ลกึ ≥ ⅓ AP ลกึ ≥ ⅓ AP

≥ 2 นว้ิ (5 ซม.) ≥ 1½ นวิ้ (4 ซม.)

การคนื ตัวของทรวงอก ใหท้ รวงอกคนื ตวั เต็มทกี่ อ่ นกดใหม่

บคุ ลากรทางการแพทยส์ ลบั กนั กดทกุ 2 นาที

การขดั จังหวะการกด ใหน้ อ้ ยทสี่ ดุ ไมเ่ กนิ 10 วนิ าที

การเปิดทางหายใจ Head tilt, chin lift

(สาหรับบคุ ลากรทางการแพทย์ ถา้ สงสยั trauma ทา jaw thrust)

กด : เป่ า (จนกวา่ จะใส่ ET) 30 : 2 30 : 2 (คนชว่ ย 1 คน) 30 : 2 (คนชว่ ย 1 คน)

(คนชว่ ย 1 หรอื 2) 15 : 2 (บคุ ลากร 2 คน) 15 : 2 (บคุ ลากร 2 คน)

การชว่ ยหายใจ กดหนา้ อกอยา่ งเดยี ว

กรณคี นชว่ ยทาไมเ่ ป็ น

การชว่ ยหายใจ กรณใี ส่ ET 1 ครงั้ ทกุ 6 วนิ าที 10 ครงั้ /นาท)ี
(บคุ ลากร) ไมส่ มั พนั ธก์ บั การกดหนา้ อก

ประมาณ 1 วนิ าที ตอ่ การเป่ าลม

ใหเ้ ห็นทรวงอกขยบั

Defibrillation  ตดิ และใช ้ AED ใหเ้ ร็วทสี่ ดุ

 ลดการขดั จังหวะ CPR กอ่ นและหลัง shock

ใหน้ อ้ ยทสี่ ดุ

 ทา CPR ทันทหี ลังจาก shock แตล่ ะครงั้

AP = เสน้ ผา่ ศนู ยก์ ลางดา้ นหนา้ -หลัง ของชอ่ งอก

ศูนยป์ ฏิบตั ิการฝึกทกั ษะระบบจาลอง คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

23

เอกสารอ้างองิ
1. Robert AB, Robin H, Benjamin S, et al. Part 5: Adult Basic Life Support 2010 American
Heart Association Guidelines for Cardiopulmonary Resuscitation and Emergency
Cardiovascular Care. Circulation. 2010 November: s685-97.

2. Kleinman ME, Brennan EE, Goldberger ZD, Swor RA, Terry M, Bobrow BJ, GazmuriRJ,
Travers AH, Rea T. Part 5: Adult Basic Life Support and Cardiopulmonary Resuscitation
Quality. 2015 American Heart Association Guidelines Update for Cardiopulmonary
Resuscitation and Emergency Cardiovascular Care. Circulation. 2015;132[suppl 2]:S414–
S435.

3. Saïssy JM, Boussignac G, Cheptel E, Rouvin B, Fontaine D, Bargues L, Levecque JP, Michel
A, Brochard L. Efficacy of continuous insufflation of oxygen combined with active cardiac
compression-decompression during out-of-hospital cardiorespiratory arrest. Anesthesiology.
2000;92:1523–1530.

4. Bertrand C, Hemery F, Carli P, Goldstein P, Espesson C, Rüttimann M, Macher JM, Raffy B,
Fuster P, Dolveck F, Rozenberg A, Lecarpentier E, Duvaldestin P, Saissy JM, Boussignac G,
Brochard L; Boussignac Study Group. Constant flow insufflation of oxygen as the sole mode
of ventilation during out-of-hospital cardiac arrest. Intensive Care Med. 2006;32:843–851.
doi: 10.1007/s00134-006-0137-2.

5. Bobrow BJ, Ewy GA, Clark L, Chikani V, Berg RA, Sanders AB, Vadeboncoeur TF, Hilwig
RW, Kern KB. Passive oxygen insufflation is superior to bag-valve-mask ventilation for
witnessed ventricular fibrillation out-of-hospital cardiac arrest. Ann Emerg Med.
2009;54:656–662.e1. doi: 0.1016/j.annemergmed.2009.06.011.

6. Ballew KA, Philbrick JT, Caven DE, Schorling JB. Predictors of survival following in-
hospital cardiopulmonary resuscitation. A moving target. Arch Intern Med. 1994;154:2426–
2432.

7. Shih CL, Lu TC, Jerng JS, Lin CC, Liu YP, Chen WJ, Lin FY. A webbased Utstein style
registry system of in-hospital cardiopulmonary resuscitation in Taiwan. Resuscitation.
2007;72:394–403. doi: 10.1016/j. resuscitation.2006.07.020.

ศูนยป์ ฏิบตั ิการฝึกทกั ษะระบบจาลอง คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

24
8. Matos RI, Watson RS, Nadkarni VM, Huang HH, Berg RA, Meaney PA, Carroll CL, Berens

RJ, Praestgaard A, Weissfeld L, Spinella PC; American Heart Association’s Get With The
Guidelines–Resuscitation (Formerly the National Registry of Cardiopulmonary
Resuscitation) Investigators. Duration of cardiopulmonary resuscitation and illness category
impact survival and neurologic outcomes for in-hospital pediatric cardiac arrests. Circulation.
2013;127:442–451. doi: 10.1161/circulationaha.112.125625.

ศนู ยป์ ฏิบตั ิการฝึกทกั ษะระบบจาลอง คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

25

การช่วยชีวติ ข้นั พนื้ ฐานในผู้ป่ วยเดก็
(Pediatric Basic Life Support)

อ.นพ.สุประพฒั น์ สนใจพาณิชย์
ภาควชิ ากมุ ารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

นบั แต่อดีตถึงปัจจุบนั เป็ นท่ีทราบกนั ดีวา่ ภาวะหวั ใจหยุดเตน้ (cardiac arrest) ในผปู้ ่ วย
เด็กเป็ นภาวะท่ีพบไม่บ่อยนัก แต่มีอตั ราการเสียชีวิตและเกิดความพิการทางสมองที่ค่อนขา้ งสูง
โดยสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากมีภาวะหายใจลม้ เหลว (Respiratory failure ) และ ภาวะช็อค (Shock)
นามาก่อน ดงั น้นั การช่วยชีวติ ท่ีถูกตอ้ งและรวดเร็วจะทาใหผ้ ปู้ ่ วยเดก็ รอดชีวติ โดยไม่มีผลแทรกซอ้ น

การปฏิบตั ิการช่วยชีวิตในผปู้ ่ วยเด็กในประเทศไทยได้มีการพฒั นาท้งั ดา้ นการช่วยเหลือ
ผปู้ ่ วยและการฝึ กอบรมแก่บุคลากรทางการแพทยอ์ ยา่ งต่อเนื่อง การปฏิบตั ิดงั กล่าวอาศยั แนวทางของ
The International Liaison Committee on Resuscitation (ILCOR) และสมาคมแพทยโ์ รคหวั ใจของ
สหรัฐอเมริกา The American Heart Association (AHA) เป็ นหลกั ท้งั น้ีในปี ค.ศ. 2015 AHA ไดม้ ีการ
เปลี่ยนแปลงและปรับปรุงแนวปฏิบตั ิการกชู้ ีพ เพ่ือทดแทนแนวทางท่ีใชอ้ ยตู่ ้งั แต่ปี 2010 โดยแนวทาง
ใหม่น้ียงั คงให้ความสาคญั กบั การกดหนา้ อก (chest compression) เหนือการช่วยหายใจ (ventilation)
โดยมีการอา้ งอิงผลการรักษาท่ีมาจากผปู้ ่ วยผูใ้ หญ่และอาศยั แนวคิดท่ีวา่ การช่วยชีวิตในผูป้ ่ วยท้งั สอง
กลุ่มมีความเหมือนกนั ในหลายกรณี อยา่ งไรก็ตามการช่วยชีวิตผปู้ ่ วยเด็กท่ีรวดเร็วโดยเนน้ การช่วยชีวิต
ข้นั พ้ืนฐาน (Pediatric Basic Life Support; Pediatric BLS) ยงั คงเป็ นสิ่งท่ีแพทยแ์ ละบุคลากรทางการ
แพทยค์ วรมีความรู้และทกั ษะในการช่วยเหลือผปู้ ่ วยอยา่ งถูกตอ้ ง รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ
องค์ประกอบทส่ี าคัญของการช่วยชีวติ เดก็

จากขอ้ มูลและหลกั ฐานทางการแพทยท์ ี่เกี่ยวขอ้ งกบั การช่วยชีวิตผูป้ ่ วยเด็ก ส่ิงหน่ึงท่ีไม่
เปลี่ยนแปลงคือ สาเหตุนาท่ีสาคญั ของภาวะหวั ใจหยดุ เตน้ น้นั มี 2 สาเหตุคือ ภาวะหยดุ หายใจและภาวะ
ช็อก ซ่ึงสาเหตุนาดงั กล่าวมีความแตกต่างจากผูใ้ หญ่อย่างชัดเจน ดงั น้นั จุดเน้นประการแรกของการ
ปฏิบตั ิการช่วยชีวิตในผูป้ ่ วยเด็กเพื่อลดอตั ราการเสียชีวิตและลดความพิการของผูร้ อดชีวิตจากการ
ช่วยเหลือ คือการป้ องกนั การเกิดภาวะหวั ใจหยดุ เตน้ (prevention of cardiopulmonary arrest)โดยให้การ
วนิ ิจฉยั และรักษาภาวะท้งั สองภาวะดงั กล่าวอยา่ งเหมาะสมก่อนที่อาการจะรุนแรงจนนาไปสู่ภาวะหวั ใจ
หยดุ เตน้ (early recognition and early intervention) ซ่ึงอาการแสดงรีบด่วนที่ตอ้ งรีบประเมินและรักษา
ดงั ตารางที่ 1

ศนู ยป์ ฏิบตั ิการฝึกทกั ษะระบบจาลอง คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

26

ตารางท่ี 1 ภาวะเร่งด่วนที่ต้องประเมินและให้การรักษา

ระบบ / ภาวะ อาการและอาการแสดง / ความผดิ ปกตทิ ต่ี ้องรีบประเมนิ และรักษาเร่งด่วน
Respiratory
- Respiratory rate > 60 คร้ัง/นาที
Cardiovascular
Neuro - Abnormal breathing: retractions, nasal flaring, grunting
Trauma / Injury - cyanosis หรือมี Oxygen Saturation ลดลง
Others
- Abnormal heart rate :
เดก็ อายุ < 5 ปี : < 80 คร้ัง/นาที หรือ > 180 คร้ัง/นาที
เดก็ อายุ > 5 ปี : < 60 คร้ัง/นาที หรือ > 160 คร้ัง/นาที

- มีการเปลี่ยนแปลงของความรู้สึก เช่น กระสับกระส่าย ซึมลง หรื อ
มีปฏิกิริยาการตอบสนองต่อการกระตนุ้ ผิดปกติไปจากเดิม

- ชกั
- อบุ ตั ิเหตุ หรือ การบาดเจบ็
- บาดแผลไฟไหมน้ ้าร้อนลวกท่ี > 10% ของพ้นื ท่ีผวิ ของร่างกาย

- มีไข้ และ จุดเลือดออกตามตวั

การช่วยชีวิตข้ันพ้ืนฐานเป็ นองค์ประกอบที่สาคัญของการช่วยเหลือกู้ชีพเด็กโดยมีความ
เกี่ยวขอ้ งกบั องคป์ ระกอบอ่ืนในลกั ษณะของห่วงโซ่ (Pediatric Chain of Survival) ดงั รูปท่ี 1 ในแนวทาง
ปฏิบตั ิฉบบั ใหมป่ ี 2015 กล่าวถึงการทบทวนหลกั ฐานเชิงประจกั ษเ์ กี่ยวกบั Pediatric BLS โดยมีจุดเนน้
ดงั น้ี5-7

1. ลาดบั ข้นั การกชู้ ีพข้นั พ้ืนฐาน
ยงั คงยืนยนั คาแนะนาเดิมซ่ึงไดเ้ ริ่มไวใ้ นปี 2010 คือ Circulation, Airway, Breathing (C-A-B)
ซ่ึงการใช้ C-A-B แบบผูใ้ หญ่ ยงั คงเป็ นท่ีถกเถียงกนั เน่ืองจากสาเหตุส่วนใหญ่ท่ีทาให้เกิดภาวะหวั ใจ
หยุดเตน้ ในเด็กมาจากการขาดอากาศ (asphyxia cardiac arrest) ซ่ึงน่าจะเนน้ การช่วยหายใจดว้ ย มี
การศึกษาในหุ่นพบวา่ time to first chest compression (TFCC) ในกลุ่ม C-A-B ส้ันกวา่ กลุ่ม A-B-C
ขณะที่ time to first ventilation ในกลุ่ม C-A-B ยาวกวา่ กลุ่ม A-B-C นบั เป็ นหลกั ฐานที่เป็ นระดบั weak
evidence จึงยงั ไมม่ ีการเปลี่ยนแปลงคาแนะนาและยงั คงเหมือนกบั ในผปู้ ่ วยผใู้ หญเ่ พ่ือง่ายต่อความเขา้ ใจ
โดยเฉพาะคนทวั่ ไปท่ีไมใ่ ช่บุคลากรทางการแพทย์

รูปที่ 1 Pediatric Chain of Survival

ศูนยป์ ฏิบตั ิการฝึกทกั ษะระบบจาลอง คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

27
นอกจากน้ี แนวทางปี 2015 ยงั มีการปรับแผนภูมิข้นั ตอน (algorithm) ในการกชู้ ีพข้นั
พ้นื ฐานโดยแยกเป็น กรณีมีผชู้ ่วยชีวติ คนเดียว และกรณีมีผชู้ ่วยชีวติ หลายคน
2. ความลึกของการกดหนา้ อก
ยงั ไม่มีการเปลี่ยนแปลงคาแนะนา โดยผชู้ ่วยเหลือควรกดลึกอยา่ งนอ้ ย 1 ใน 3 ของ anterior-
posterior diameter ;AP diameter ซ่ึงเท่ากบั ประมาณ 1.5 นิ้ว (4 ซม.) ในทารก (อายุไม่เกิน 1 ปี ) และ
ประมาณ 2 นิ้ว (5 ซม.) ในเด็กโต (อายุมากกว่า 1 ปี ) สาหรับเด็กท่ีเขา้ สู่วยั หนุ่มสาว แนะนาให้กด
หนา้ อกลึกอยา่ งนอ้ ย 2 นิ้ว (5 ซม.) แต่ไม่เกิน 2.4 นิ้ว (6 ซม.) เช่นเดียวกบั คาแนะนาในผใู้ หญ่
3. การกดหนา้ อกร่วมกบั การช่วยหายใจ
ยงั คงยนื ยนั คาแนะนาในการกดหนา้ อกและช่วยหายใจร่วมกนั (conventional CPR) สาหรับ
ผปู้ ่ วยเด็กท่ีเกิดภาวะหวั ใจหยดุ เตน้ ท้งั ในและนอกโรงพยาบาล กรณีที่ผชู้ ่วยไมส่ ามารถช่วยหายใจได้ ให้
กชู้ ีพโดยการกดหนา้ อกเพยี งอยา่ งเดียว (compression-only CPR)
4. อตั ราการกดหนา้ อก
แนะนาใหใ้ ชอ้ ตั ราการกดหนา้ อก 100-120 คร้ังตอ่ นาที เหมือนในผใู้ หญ่ จากเดิมท่ีใหก้ ดใน
อตั รามากกวา่ 100 คร้ังตอ่ นาที เน่ืองจากยงั ไม่มีขอ้ มลู การศึกษาในเด็กท่ีจะแยง้ ต่อคาแนะนา และเพ่ือให้
ง่ายตอ่ การจดจาในการกชู้ ีพผปู้ ่ วยทุกรายท้งั เดก็ และผใู้ หญ่

ลาดับข้นั ของการปฏิบัติ การช่วยชีวติ ข้ันพนื้ ฐานในผู้ป่ วยเด็ก สาหรับบุคลากรทางการแพทย์
(Pediatric BLS sequence for healthcare providers)

การปฏิบัติการช่วยชีวิตข้ันพ้ืนฐานในเด็ก ถือว่าบุคลากรทางการแพทย์ (Healthcare
providers; HCP) มกั มีการช่วยเหลือผปู้ ่ วยเป็ นทีม ดงั น้นั ความสาคญั ของลาดบั ข้นั ของการปฏิบตั ิการ
ช่วยชีวติ ข้นั พ้ืนฐานควรพิจารณาตามสาเหตุของการเกิดเหตุการณ์แต่ละคร้ัง เช่น กรณีท่ีผชู้ ่วยเหลือเห็น
ผปู้ ่ วยลม้ ลงหมดสติ (sudden and witnessed collapse) โดยสงสัยวา่ สาเหตุอาจเกิดจากความผิดปกติของ
หวั ใจ ผชู้ ่วยเหลือควรรีบโทรติดต่อเพื่อขอเครื่อง Automated external Defibrillator (AED) จากน้นั จึง
เริ่มการทา CPR โดยใชเ้ กณฑช์ ่วงอายดุ งั น้ี

 Infant (เด็กเลก็ ) อายุ < 1 ปี
 Child (เด็กโต) อายุ > 1 ปี จนถึงวยั รุ่น (puberty) โดยดูจากการเจริญของหนา้ อกใน

เพศหญิง และขนรักแร้ในเพศชาย
สาหรับรายละเอียดข้นั ตอนและจุดเน้นของการปฏิบัติการช่วยชีวิตข้ันพ้ืนฐาน มีดงั น้ี
(แผนภูมิท่ี 1,2 และ ตารางที่ 2 ประกอบ)
1. ผปู้ ่ วยท่ีตอ้ งการ การทา CPR เช่น หมดสติ ไมห่ ายใจ หรือ หายใจสะดุด / เฮือก (gasping)

ศนู ยป์ ฏิบตั ิการฝึกทกั ษะระบบจาลอง คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

28

2. กรณี sudden collaspe โดยมีผูช้ ่วยเหลือคนเดียว (Lone rescuer) ให้ร้องขอความช่วยเหลือ
(activate team) และตามเครื่อง AED ใหเ้ ร็วท่ีสุด

3. การตรวจสอบชีพจร (Pulse Check)
 ใชเ้ วลาไมเ่ กิน 10 วนิ าที
 ตาแหน่ง
- Infant คลาหา Brachial pulse (รูปท่ี 2)
- Child คลาหา Carotid pulse (ระดบั thyroid cartilage) (รูปท่ี 3) หรือ Femoral

pulse

 ถา้ คลาชีพจรไมไ่ ด้ หรือไมแ่ น่ใจ ใหเ้ ริ่มกดหนา้ อกไดท้ นั ที
 ถา้ มีชีพจร ใหช้ ่วยการหายใจ 1 คร้ัง ทุก - ที (12 -20 คร้ังตอ่ นาที) และตรวจชีพจร

ทุก โดยกรณีที่ ชีพจร <60 คร้ัง/นาที ร่วมกบั มีลกั ษณะ poor perfusion
(pallor, mottling, cyanosis) ท้งั ท่ีให้การช่วยการหายใจอยา่ งเพียงพอแลว้ ใหก้ ดหนา้ อก
ร่วมดว้ ย

รูปที่ 2 Brachial pulse check in infant รูปที่ 3 Carotid pulse check in child

4. การกดหนา้ อก (chest compression)
 เร่ิมการช่วยชีวติ โดยการทา chest compression 30 คร้ัง ก่อนการทา rescue breath 2 คร้ัง
(C-A-B แทน A-B-C) โดยไมต่ อ้ งใชเ้ ทคนิค look, listen หรือ feel
 เนน้ การทา high-quality CPR อนั มีองคป์ ระกอบดงั น้ี
- กดหนา้ อกใหแ้ รง เร็ว และถูกตอ้ ง

push hard กดใหล้ ึก 1/3 ของความหนาทรวงอก หรือ 4 ซม. ใน เด็กเล็ก
และ 5 ซม. ในเดก็ โต
push fast อตั ราการกด 100-120 คร้ังตอ่ นาที

ศนู ยป์ ฏิบตั ิการฝึกทกั ษะระบบจาลอง คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

29

- ให้มีการคืนตวั ของทรวงอกในระหวา่ งการกดแต่ละคร้ังเต็มท่ี (allow complete
chest recoil)

- หยดุ กดหนา้ อกนอ้ ยคร้ังที่สุด (minimize interruptions)
- หลีกเลี่ยงการช่วยหายที่มากจนเกินไป (do not hyperventilate )

 เทคนิคและตาแหน่งการกดหนา้ อก (รูปที่ 4-6)

อายุ เทคนิคการกด ตาแหน่งทก่ี ด
< 1 ปี Two thumbs-encircling hands technique (2 rescuers) ต่ากวา่ intermammary line
เล็กนอ้ ย
Two-finger technique (1 rescuers)
คร่ึงล่างของsternum
1 ปี ข้ึนไป The heel of one hand or two hands

หมายเหตุ การกดหนา้ อกในเด็กอายุ < 1 ปี กรณีที่ทาได้ ควรใช้ Two thumbs-encircling
technique เน่ืองจากมีหลกั ฐานสนบั สนุนวา่ มี coronary perfusion ท่ีดีกวา่

รูปที่ 4 Two thumbs-encircling technique รูปที่ 5 Two-finger technique
(2 rescuers) (1 rescuers)

รูปท่ี 6 Heel of one hand

ศนู ยป์ ฏิบตั ิการฝึกทกั ษะระบบจาลอง คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

30
5. การช่วยหายใจ (ventilation)

 เปิ ดทางเดินหายใจโดยใชเ้ ทคนิค Head Tilt – Chin Lift แต่ถา้ สงสัยวา่ อาจมี
การบาดเจบ็ ของกระดูกสนั หลงั ระดบั คอ ใหท้ า Jaw thrust แทน

 ช่วยหายใจดว้ ยวธิ ี bag-mask ventilation (รูปที่ 7) โดยเลือกขนาด face mask ท่ี
เหมาะสมและวางใหแ้ นบสนิทกบั ใบหนา้ (ใช้ EC clamp technique) เลือกใช้ self-
inflating bag ที่มี reservoir และมีขนาดความจุอยา่ งนอ้ ย 450 – 500 mL สาหรับ
infant และyoung children และ 1000 mL สาหรับ older children and adolescent
โดยเปิ ด oxygen flow 10-15 L/min

 ควรสงั เกตการเคลื่อนไหวของทรวงอก (chest rise) ขณะช่วยหายใจ
 หลีกเลี่ยงการทา Hyperventilation โดยถา้ ช่วยหายใจ ขณะที่ยงั ไมใ่ ส่

endotracheal tube ใหบ้ ีบ bagในอตั รา 12-20 คร้ัง/นาที และเวน้ จงั หวะการกด
หน้าอกเพ่ือช่วยหายใจให้สัมพนั ธ์กนั แต่ถา้ ใส่ท่อ endotracheal tube แลว้ ให้บีบ 1
คร้ัง ทุก 6 วนิ าที (10 คร้ัง/นาที) โดยไมต่ อ้ งเวน้ จงั หวะระหวา่ งการกดหนา้ อก

รูปที่ 7 The EC clamp technique of bag-mask ventilation

6. สัดส่วนของการกดหนา้ อก และการช่วยหายใจ (compression-to-ventilation ratio )
- one rescuer 30:2
- two rescuers 15:2 (อาจสลบั ตาแหน่งทุก 2 นาที เพอื่ ใหแ้ รงกด
สม่าเสมอ)

7. ภายหลงั ทา Pediatric BLS 2 นาทีให้ activate team และตามเคร่ือง AED เร็วท่ีสุด
8. ประเมินวา่ เป็น Shockable rhythm (VF หรือ pulseless VT) หรือไม่

 Shockable ใหท้ า Defibrillation 2 joule/kg 1 คร้ังและตอ่ ดว้ ยการทา CPR
(Guideline 2015 ปรับขนาด Defibrillation เป็น 2-4 joule/kg 6)

 Not shockable ใหท้ า CPR ตอ่ ทนั ทีและตรวจสอบทุก 2 นาทีวา่ เป็ น Shockable rhythm
หรือไม่

ศนู ยป์ ฏิบตั ิการฝึกทกั ษะระบบจาลอง คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

31
หมายเหตุ แนะนาให้ใช้ manual defibrillator ในเด็กเล็ก (อายุน้อยกว่า 1 ปี ) ส่วนเด็กโต
(อายุ 1-8 ปี ) ถ้ามีเคร่ือง AED ควรใช้ชนิดท่ีมี pediatric dose-attenuator system แต่ถ้าไม่มี
สามารถใช้ AED ของผใู้ หญ่ได้

แผนภูมิที่ 1 แผนปฏิบัตกิ ารช่วยชีวติ พนื้ ฐานในเดก็ กรณมี ีผู้ช่วยเหลอื คนเดียว
จาก Circulation 2015; 132[suppl 2]:S519–S525 7

ศูนยป์ ฏิบตั ิการฝึกทกั ษะระบบจาลอง คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

32

แผนภูมิท่ี 1 แผนปฏิบตั กิ ารช่วยชีวติ พนื้ ฐานในเดก็ กรณมี ีผู้ช่วยเหลอื 2 คนหรือมากกว่า
จาก Circulation 2015; 132[suppl 2]:S519–S525 7

ศูนยป์ ฏิบตั ิการฝึกทกั ษะระบบจาลอง คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

33

ตารางท่ี 2 ตารางสรุปปฏิบตั ิการช่วยชีวติ ข้ันพนื้ ฐานในผู้ป่ วยเด็กสาหรับบุคลากรทางการแพทย์
(Summary of key BLS components for Infants and Children)

Recommendations

Component Children Infants

Scene safety (age 1 year to puberty) (age less than 1 year excluding
Recognition
newborns)
CPR sequence
Compression-ventilation ratio Make sure the environment is safe for rescuers and victim
Compression rate
Compression depth Check for responsiveness
Chest wall recoil
Compression interruptions No breathing or only gasping
Airway
Ventilations with advanced No definite pulse palpated within 10 seconds
airway
C-A-B
Defibrillation
single rescuer 30:2
Foreign-Body Airway two or more rescuers 15:2
Obstruction
100 -120 / min

At least 1/3 AP diameter At least 1/3 AP diameter

About 2 inches (5 cm) About 1 ½ inches (4 cm)

Allow complete recoil between compression

(rotate compression every 2 minutes)

Minimize interruptions in chest compressions

Attempt to limit interruptions to < 10 seconds

Head tilt-chin lift (suspected trauma: Jaw thrust)

1 breath every 6 seconds (10 breaths/min)
Asynchronus with chest compressions

About 1 second per breath
Visible chest rise

Attach and use AED as soon as possible. Minimize interruptions in chest
compressions before and after shock; resume CPR beginning with compressions

immediately after each shock
Subdiaphragmatic abdominal thrusts Back blows and chest thrusts

(Heimlich maneuver)

ดดั แปลงมาจาก Summary of High-Quality CPR Components for BLS Providers: Highlights of the 2015 AHA
guidelines update for CPR and ECC8

ศนู ยป์ ฏิบตั ิการฝึกทกั ษะระบบจาลอง คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

34

การสาลกั ส่ิงแปลกปลอมเข้าไปอดุ ก้นั ทางเดนิ หายใจ (Foreign Body Airway Obstruction)
อุบตั ิการณ์ของการเสียชีวติ จากการสาลกั ส่ิงแปลกปลอม มากกวา่ 90 % เกิดในเด็กอายุ

ต่ากวา่ 5 ปี (65 % เป็นเด็กเลก็ ต่ากวา่ 1 ปี ) ส่วนใหญจ่ ะเกิดข้ึนในขณะท่ีเดก็ วง่ิ เล่น กินอาหาร อาการที่
เกิดข้ึนจากการสาลกั ส่ิงแปลกปลอมข้ึนกบั ความรุนแรงของการอุดก้นั เช่น ไอ, หายใจลาบาก, มีเสียง
stridor/wheeze, หรือรุนแรงถึงข้นั หมดสติ และหยดุ หายใจ ดงั น้นั จึงมีความจาเป็ นอยา่ งย่งิ ที่บุคลากร
ทางการแพทยค์ วรมีความรู้และทกั ษะในการช่วยเหลือผปู้ ่ วยเด็กท่ีสงสัยวา่ จะมีภาวะอุดก้นั ทางเดิน
หายใจจากการสาลกั สิ่งแปลกปลอมอย่างทนั ท่วงทีเพ่ือลดอตั ราการเสียชีวิต และความพิการทาง
สมองท่ีเกิดข้ึนจากการขาดออกซิเจน

การแก้ไขภาวะอุดก้นั ทางเดินหายใจจากส่ิงแปลกปลอม
(Relief of Foreign Body Airway Obstruction) (แผนภูมิที่ 3)

ข้นั ตอนแรกตอ้ งประเมินความรุนแรงของการอุดก้นั ทางเดินหายใจ โดยแบง่ เป็น
 มีการอุดก้ันบางส่วน (incomplete obstruction) ผปู้ ่ วยมกั มีอาการไม่รุนแรง หายใจ

ปกติ ยงั มีเสียงร้องหรือพูดได้ แนวทางการช่วยเหลือคือพยายามกระตุน้ ให้ผปู้ ่ วยไอ
ออกเอง โดยสงั เกตอาการอยา่ งใกลช้ ิด และส่งตอ่ ผปู้ ่ วยเพื่อเอาสิ่งแปลกปลอมออก
 มกี ารอุดก้ันรุนแรง (complete obstruction) ผปู้ ่ วยมกั ไม่สามารถส่งเสียงร้องออกมา
ได้ มีลกั ษณะหายใจลาบาก หรือเขียว การช่วยเหลือใหป้ ฏิบตั ิดงั น้ี
กรณที ี่ 1 ผู้ป่ วยยงั รู้สึกตัวดี (Responsive)
เด็กเล็ก (< 1 ปี ) ให้ทา Back blows (รูปท่ี 8) 5 คร้ัง และตามดว้ ยการทา Chest
thrusts (รูปที่ 9) 5 คร้ัง

- ผูช้ ่วยเหลือนง่ั หรือคุกเข่า จบั เด็กให้อยู่ในท่านอนคว่าให้ศีรษะต่ากว่าลาตวั
โดยใช้ฝ่ ามือขา้ งหน่ึงประคองที่คาง ใช้สันมืออีกข้างตบที่ระหว่างสะบกั
(interscapular area) 5 คร้ัง และพลิกตวั ใชน้ ิ้วช้ีและกลางกดที่หนา้ อกบริเวณ
คร่ึงล่างของกระดูก sternum 5 คร้ัง

เด็กโต (> 1 ปี ) ใหท้ า Subdiaphragmatic abdominal thrusts (Heimlich maneuver)
(รูปท่ี10)

- ผูช้ ่วยเหลือใช้แขน 2 ขา้ งสอดใตแ้ ขนเด็กเพื่อโอบเด็กจากด้านหลงั มือขา้ ง
หน่ึงกา (ลกั ษณะกาป้ัน) และฝ่ ามืออีกขา้ งยึดใหแ้ น่น วางและกดอยา่ งรวดเร็ว

ศนู ยป์ ฏิบตั ิการฝึกทกั ษะระบบจาลอง คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

35

ท่ีหน้าทอ้ งระหว่าง epigastrium และ umbilicus (ในแนว inward และ
upward ) 5 คร้ัง

หมายเหตุ 1.ใหท้ าไปจนกระทงั่ สิ่งแปลกปลอมที่อุดก้นั ทางเดินหายใจหลุดออกมา
2. ไม่แนะนาใหท้ า Abdominal thrusts ในทารกและเด็กเล็กเพราะอาจเป็ น
อนั ตรายตอ่ อวยั วะภายในหรือตบั ได้

รูปที่ 8 Back Blow รูปท่ี 9 Chest Thrust

รูปท่ี 10 Heimlich maneuver

กรณที ่ี 2 ผู้ป่ วยเริ่มไม่รู้สึกตวั หรือ หมดสติ (Unresponsive)
กรณีผปู้ ่ วยเร่ิมไม่รู้สึกตวั หรือหมดสติใหเ้ ริ่มทา CPR โดยการกดหนา้ อก 30 คร้ัง (โดยไม่

ตอ้ งตรวจสอบชีพจร ) จากน้นั เปิ ดทางเดินหายใจโดยใหส้ ังเกตภายในปากของผปู้ ่ วยดว้ ยวา่ มองเห็น
สิ่งแปลกปลอมหรือไม่ กรณีท่ีมองเห็นส่ิงแปลกปลอมอยบู่ ริเวณ pharynx ชดั เจน ควรพยายามเอาส่ิง
แปลกปลอมออกจากปากผปู้ ่ วย แต่ถา้ มองไม่เห็น ไม่ควรใช้นิ้วกวาดล้วง (blind finger sweeps)
เพราะอาจไปดนั ส่ิงแปลกปลอมท่ีอุดก้นั ใหล้ งลึกไปถึง pharynx และอาจทาให้ Oropharynx ไดร้ ับ

ศูนยป์ ฏิบตั ิการฝึกทกั ษะระบบจาลอง คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

36
บาดเจบ็ ได้ หลงั จากน้นั จึงเร่ิมช่วยหายใจ 2 คร้ังและทา CPR เน่ืองโดยการกดหนา้ อกและช่วยหายใจ
จนกระทง่ั สิ่งแปลกปลอมออกมา

แผนภูมิท่ี 3 แผนปฏิบตั กิ ารแก้ไขภาวะอุดก้นั ทางเดินหายใจจากสิ่งแปลกปลอม
(Relief of FBAO Algorithm)

ประเมินความรุนแรง

อาการไม่รุนแรง อาการ่รุนแรง
(mild / incomplete obstruction) (severe / complete obstruction)
 ห ยใจปกต  ห ยใจล ก
 ไอแรง  ไอไดไ้ มแรง
 ร้องไหเ้ สยงดงั  ร้องไห้เสยงไมดงั

ตร จตดต ม อ ก รแยลงหรือไม กรสตู้ ึ ั เร่มไมรู้สึกตั /
และ (Responsive) หมดสต

สงตอผปู้ ยเ อ่ื เอ ส่งแปลกปลอมออก (Unresponsive)

ยอป1ุ อ ยุ > 1 ป เปด งเด ห ยใจ
(Infant) (Child) ถ้ มองเห็ ส่งแปลกปลอม

ต หลงั (Back blows) กด อ้ ง ใหใ้ ช้ ้ ล้ งออก
& (Subdiaphragmatic *ห้ มใช้ ้ ก ดล้ งถ้

กดห ้ อก (Chest thrusts) Abdominal thrusts) ไงมอ็หเ
เป ลมเข้ ปอด
(ถ้ ร งอกไมขยั
ใหจ้ ดั ใหม
และลองอกคร้ัง)

เร่ม CPR

ศนู ยป์ ฏิบตั ิการฝึกทกั ษะระบบจาลอง คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

37
เอกสารอ้างองิ

1. Berg MD, Schexnayder SM, Chameides L, Terry M, Donoghue A, Hickey RW, Berg RA,
Sutton RM, Hazinski MF. Part 13: Pediatric Basic Life Support: 2010 American Heart
Association Guidelines for Cardiopulmonary Resuscitation and Emergency Cardiovascular
Care. Circulation. 2010; 122: S862-75.

2. Field JM, Hazinski MF, Sayre MR, Chameides L, Schexnayder SM, Hemphill R, Samson RA
et al. Part 1 : Executive Summary: 2010 American Heart Association Guidelines for
Cardiopulmonary Resuscitation and Emergency Cardiovascular Care. Circulation. 2010; 122:
S640-56.

3. Travers AH, Rea TH, Bobrow BJ, Edelson DP, Berg RA, Sayre MR, Berg MD, Chameides
L, O’Connor RE and Swor RA. Part 4: CPR Overview 2010 American Heart Association
Guidelines for Cardiopulmonary Resuscitation and Emergency Cardiovascular Care.
Circulation. 2010; 122: S676-84.

4. Hazinski MF, Chameides L, Hemphill R, Samson RA, Schexnayder SM, Sinz E. Highlight of
the 2010 American Heart Association Guidelines for CPR and ECC. 1-28.

5. Hazinski MF, Nolan JP, Aickin R, Bhanji F, Billi JE, Callaway CW, et al. Part 1:
International Consensus on Cardiopulmonary Resuscitation and Emergency Cardiovascular
Care Science With Treatment Recommendations. Circulation. 2015;132[suppl 1]:S2–S39.

6. de Caen AR, Maconochie IK, Aickin R, Atkins DL, Biarent D, Guerguerian A, et al. Part 6:
Pediatric Basic Life Support and Pediatric Advanced Life Support 2015 International
Consensus on Cardiopulmonary Resuscitation and Emergency Cardiovascular Care Science
With Treatment Recommendations. Circulation. 2015;132[suppl 1]:S177–S203

7. Atkins DL, Berger S, Duff JP, et al. Part 11: Pediatric Basic Life Support and
Cardiopulmonary Resuscitation Quality: 2015 American Heart Association Guidelines
Update for Cardiopulmonary Resuscitation and Emergency Cardiovascular Care. Circulation
2015;132:s519-s525.

8. Hazinski MF, Shuster M, Donnino MW, Travers AH, Samson RA, Schexnayder SM, et al.
Highlights of the 2015 American Heart Association Guidelines Update for Cardiopulmonary
Resuscitation and Emergency Cardiovascular Care.

ศนู ยป์ ฏิบตั ิการฝึกทกั ษะระบบจาลอง คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

38

Airway Management in CPR 2015

อ.พญ.บุศรา ศิริวนั สาณฑ์
ภาควชิ าวสิ ัญญีวทิ ยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

ถึงแมว้ า่ guideline 2015 จะไม่ไดเ้ นน้ การเปิ ดทางหายใจ (airway management) เป็ นอนั ดบั แรกของ
cardiopulmonary resuscitation (CPR)1,2 แต่การเปิ ดทางหายใจก็ยงั มีความสาคญั มากเพราะเป็ นการช่วยนา
ออกซิเจนเขา้ สู่ปอด และเม่ือร่วมกบั การช่วยหายใจและนวดหัวใจจะทาให้ออกซิเจนไหลเวียนไปสู่สมองและ
หวั ใจอยา่ งเพียงพอจนกระทงั่ ผปู้ ่ วยไดร้ ับการรักษาในข้นั ตอน advanced life support และมีการกลบั มาทางาน
ของหัวใจและการหายใจ ดังน้ันการเปิ ดทางหายใจที่ถูกต้องจึงจะทาให้การช่วยหายใจเป็ นไปอย่างมี
ประสิทธิภาพ การเปิ ดทางเดินหายใจแบ่งออกเป็ น Basic airway management และ Advanced airway
management
Basic airway management1,2

เป็นวธิ ีการท่ีสามารถทาไดง้ ่ายเพอื่ แกไ้ ขการอุดก้นั ทางเดินหายใจท่ีมกั เกิดจากลิ้นและ epiglottis ของ
ผปู้ ่ วยเองไปปิ ดกล่องเสียง (glottis) ซ่ึงเป็นทางเขา้ ของหลอดลม (รูปที่ 1)
วธิ ีการ

1. จดั ท่าผปู้ ่ วยและผชู้ ่วยฟ้ื นคืนชีพ จดั ผปู้ ่ วยใหอ้ ยใู่ นท่านอนหงาย แขนสองขา้ งแนบลาตวั ศีรษะต่า
กวา่ ระดบั ทรวงอก กรณีผูป้ ่ วยหมดสติในท่าคว่า การพลิกให้เป็ นท่าหงาย ตอ้ งพลิกส่วนลาตวั และศีรษะพร้อม
กนั ในรายท่ีสงสัยกระดูกตน้ คอหกั ควรหลีกเล่ียงการบิดของคอซ่ึงอาจทาให้เกิดอนั ตรายต่อไขสันหลงั ได้ ให้
ผชู้ ่วยฟ้ื นคืนชีพคุกเข่าหนั หน้าเขา้ บริเวณขา้ งไหล่ของผปู้ ่ วย ซ่ึงในตาแหน่งน้ีผชู้ ่วยฟ้ื นคืนชีพจะสามารถช่วย
หายใจและนวดหวั ใจโดยไมต่ อ้ งขยบั เขา่ ไปมา

2. เปิ ดทางหายใจ ทาได้หลายวิธีไดแ้ ก่ head-tilt-chin-lift maneuver, jaw-thrust maneuver และ
modified-jaw-thrust maneuver

2.1 Head-tilt-chin-lift maneuver เป็ นวิธีที่ง่ายที่สุดจึงควรใชเ้ ป็ นอนั ดบั แรก โดยใชม้ ือขา้ งหน่ึงกดลง
บนหน้าผากผูป้ ่ วย พร้อมกบั ใช้นิ้วช้ีและนิ้วกลางของมืออีกขา้ งยกกระดูกปลายคางข้ึน ทาให้
ขากรรไกรล่างถูกดนั มาดา้ นหนา้ และศีรษะหงายไปดา้ นหลงั (รูปท่ี 2) ระวงั อยา่ ให้นิ้วดนั ส่วนที่เป็ น

ศนู ยป์ ฏิบตั ิการฝึกทกั ษะระบบจาลอง คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

39

เน้ือใตค้ างเพราะจะทาให้ทางหายใจถูกอุดก้นั มากข้ึน ในกรณีท่ีไม่แน่ใจว่าผูป้ ่ วยไดร้ ับบาดเจ็บ
บริเวณตน้ คอร่วมดว้ ยหรือไมค่ วรเปล่ียนไปใชว้ ธิ ี modified-jaw-thrust maneuver แทน
2.2 Jaw - thrust maneuver เป็ นอีกทางเลือกสาหรับผทู้ ี่มีความชานาญมากข้ึนควรใชใ้ นกรณีที่ผปู้ ่ วยมี
ภาวะทางหายใจอุดก้นั มากไม่สามารถแก้ไขโดยการทา head-tilt-chin-lift maneuver ได้ และ
เหมาะสมในกรณีท่ีมีผชู้ ่วยฟ้ื นคืนชีพสองคน โดยผชู้ ่วยฟ้ื นคืนชีพอยเู่ หนือศีรษะผปู้ ่ วย ใชม้ ือ 2 ขา้ ง
จบั มุมขากรรไกรล่างท้งั 2 ขา้ ง ดึงขากรรไกรล่างออกมาขา้ งหนา้ พร้อมกบั ดนั ใหศ้ ีรษะหงายไปขา้ ง
หลงั (รูปที่2) โดยขอ้ ศอกท้งั สองของผูช้ ่วยฟ้ื นคืนชีพวางบนพ้ืนที่ผูป้ ่ วยนอนเพ่ือให้มีแรงมากข้ึน
และบรรเทาความเม่ือยลา้
2.3 Modified-jaw-thrust maneuver เป็ นการเปิ ดทางหายใจเช่นเดียวกบั การทา jaw-thrust แต่ไม่ตอ้ งหงาย
ศีรษะไปขา้ งหลงั ใชใ้ นกรณีไม่แน่ใจวา่ ผปู้ ่ วยไดร้ ับบาดเจบ็ บริเวณคอร่วมดว้ ยหรือไม่ ร่วมกบั การ
ระวงั อยา่ ใหศ้ ีรษะบิดไปมาดา้ นขา้ ง
Airway adjuncts1,2,3
คืออุปกรณ์ต่างๆ ท่ีใชช้ ่วยควบคุมทางหายใจไดแ้ ก่ face masks, oral และ nasal airways, ventilating
bag

Face masks เป็ นหนา้ กากสามเหลี่ยมใชค้ รอบบริเวณปากและจมูกผปู้ ่ วย (pocket face mask เป็ น
อุปกรณ์ท่ีพกติดตวั ไดส้ ะดวก มีท่ีสาหรับใชป้ ากเป่ าเพื่อทา mouth - to - mask ventilation) ลกั ษณะของ face
mask ที่ดีควรใส ไม่มีสี เม่ือครอบแลว้ แนบไปกบั ใบหนา้ ผปู้ ่ วยโดยไม่มีการรั่วที่ขอบของ mask วธิ ีใชส้ ามารถ
ใชไ้ ดท้ ้งั แบบมือเดียวหรือสองมือ โดยวาง mask ครอบคลุมบริเวณปากและจมูกผปู้ ่ วย กางมือของผชู้ ่วยคืนชีพ
ออก ใชน้ ิ้วหวั แม่มือกดบน mask เหนือสันจมูก นิ้วช้ีกดบน mask เหนือคางเป็ นลกั ษณะตวั “C” อีก 3 นิ้วกาง
ออกเป็นลกั ษณะตวั “E” วางเรียงไปตามขากรรไกรล่าง กด mask ใหแ้ นบกบั หนา้ ผปู้ ่ วย พร้อมกบั ดึงขากรรไกร
ล่างข้ึนทาใหศ้ ีรษะหงายไปขา้ งหลงั เป็นการเปิ ดทางหายใจร่วมดว้ ย

Oral และ nasal airway เป็ นอุปกรณ์ช่วยเปิ ดทางหายใจ โดยเมื่อใส่ถูกขนาดและถูกวธิ ีปลายของ
อุปกรณ์ท้งั 2 จะดนั ลิ้นให้พน้ จากผนงั ดา้ นหลงั ของ pharynx (รูปที่ 3,4) หากเลือกขนาดไม่ถูกตอ้ งอาจทาให้ทาง
หายใจอุดก้นั มากข้ึนได้ ในผปู้ ่ วยท่ีหมดสตินิยมใส่ oral airway มากกวา่ เพราะใส่ไดง้ ่ายกวา่ มีโอกาสทาใหเ้ กิด
บาดแผลนอ้ ยกวา่ แตใ่ นผปู้ ่ วยท่ียงั รู้สติอยบู่ า้ งนิยมใส่ nasal airway เพื่อลดรีเฟล็กซ์การขยอ้ น, อาเจียน หรือภาวะ
laryngospasm การเลือกขนาดของ oral airway ที่เหมาะสมให้วดั จากฟันหนา้ ถึงมุมขากรรไกร ในผใู้ หญ่มกั ใช้
ขนาด Guedel 3,4 หรือ 5 ส่วนขนาดของ nasal airway ท่ีเหมาะสมใช้วดั จากจมูกถึงมุมขากรรไกร ในผใู้ หญ่มกั

ศนู ยป์ ฏิบตั ิการฝึกทกั ษะระบบจาลอง คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

40

ใชข้ นาด Guedel 6.5, 7.0, 7.5 หรือ 8.0 ขอ้ ห้ามใชข้ อง nasal airway คือผปู้ ่ วยที่มีปัญหาการแขง็ ตวั ของเลือด
กระดูก base of skull แตก หรือมีภาวะติดเช้ือหรือบาดเจบ็ ในโพรงจมูก

Ventilation bag สาหรับผใู้ หญ่ใชข้ นาด 1000 – 2000 มล. สาหรับเดก็ และทารกใชข้ นาด 500 มล.
ทารกแรกเกิดใชข้ นาด 300 มล. ขณะช่วยชีวิตควรเลือก ventilation bag ท่ีมี reservoir bag และ เปิ ด O2 flow
15 – 20 ลิตร/นาที เพ่ือใหผ้ ปู้ ่ วยไดร้ ับปริมาณออกซิเจนใหม้ ากที่สุดเป็นการชดเชยกบั ปริมาณเลือดที่ไปปอดและ
อวยั วะอื่นๆที่ลดลงระหวา่ งการทา CPR1,2

การใช้ bag - mask ventilation ไม่แนะนาให้ใชใ้ นกรณีท่ีมีผชู้ ่วยฟ้ื นคืนชีพแค่คนเดียว เน่ืองจาก
ดว้ ยทา่ ทางและตาแหน่งที่นงั่ หรือยนื จะทาไดไ้ มม่ ีประสิทธิภาพเท่าการทา mouth-to-mouth หรือ mouth-to-mask
ventilation จึงแนะนาใหใ้ ชใ้ นกรณีท่ีมีผชู้ ่วยฟ้ื นคืนชีพ 2 คนข้ึนไปและการช่วยหายใจในผใู้ หญ่ควรบีบประมาณ
600 มล. หรือพอที่เห็นทรวงอกขยายภายใน 1 วนิ าที แลว้ หยุดให้ลมออกหมดจึงบีบอีกหน่ึงคร้ัง หลงั จากน้นั ให้
นวดหวั ใจ 30 คร้ัง ต่อการช่วยหายใจ 2 คร้ัง1 เป็ นอตั ราส่วน 30:2 Guideline 2015 ให้หลีกเล่ียงการช่วยหายใจ
มากเกินไป (hyperventilation) ซ่ึงจะมีผลเสียมากกวา่ ผลดีดงั น้ี คือ ทาใหเ้ ลือดไหลกลบั สู่หวั ใจไดล้ ดลง การทา
bag – mask ventilation ยงั อาจทาใหล้ มเขา้ กระเพาะมากจนดนั ลมและน้าทน้ ข้ึนมาจนเกิดการสาลกั ได้
Advanced airway management2,3

คือการใช้เคร่ืองมือช่วยเพื่อให้สามารถควบคุมทางหายใจไดด้ ีข้ึนโดยการใส่ท่อหายใจหรือใส่
supraglottic airway. Advanced airway management มีจุดมุ่งหมายเพื่อ 1. สามารถควบคุมทางหายใจไดอ้ ยา่ ง
สมบูรณ์ 2. ผปู้ ่ วยไดร้ ับออกซิเจนความเขม้ ขน้ สูงข้ึน และ 3. ช่วยหายใจไดด้ ีข้ึนและขบั คาร์บอนไดออกไซดอ์ อก
จากร่างกาย จึงควรทาโดยผทู้ ี่ไดร้ ับการฝึกฝนมาอยา่ งดีและรบกวนเวลาในการนวดหวั ใจใหน้ อ้ ยท่ีสุดเท่าท่ีจะทา
ได้

อย่างไรก็ตามการใส่ท่อหายใจหรือ supraglottic airway ก็ไม่ใช่สิ่งแรกท่ีควรทาใน airway
management ตาม guideline 2015 ยงั มุ่งเนน้ ให้เริ่มจาก basic airway management โดยการเปิ ดทางหายใจและ
ช่วยหายใจดว้ ย bag-mask ventilation ให้มี oxygenation และ ventilation อยา่ งพอเพียงไปเร่ือยๆจนกระทง่ั มี
ปัญหาในการช่วยหายใจเกิดข้ึนหรือหลังจากมีการฟ้ื นคืนชีพแล้วแต่ตอ้ งช่วยหายใจต่อไปจึงพิจารณาใส่
advanced airway สาเหตุท่ีไม่แนะนาใหร้ ีบทา advance airway management เน่ืองจากพบวา่ การพยายามใส่ท่อ
หายใจโดยผูไ้ ม่ชานาญอาจมีผลเสียมากกวา่ เน่ืองจากจะรบกวนการนวดหัวใจให้ทาไดไ้ ม่เต็มที่ ดงั น้นั อาจ
พิจารณาใส่ advanced airway หลงั จากทา CPR และทา defibrillation ไปแลว้ สกั ระยะหน่ึง2

ศนู ยป์ ฏิบตั ิการฝึกทกั ษะระบบจาลอง คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

41

Supraglottic airways2,3

Laryngeal mask airway (LMA) เป็ นอุปกรณ์ท่ีสามารถใส่ไดโ้ ดยไม่ตอ้ งอาศยั laryngoscope การ
ใส่จึงไม่ตอ้ งหยุดการนวดหวั ใจ เหมาะสาหรับผชู้ ่วยฟ้ื นคืนชีพที่ไม่ไดร้ ับอนุญาตให้ใส่ endotracheal tube
หรือไม่สามารถใส่ endotracheal tube ไดส้ าเร็จ3,4 LMA ออกแบบมาเพื่อให้ส่วนของ mask ครอบบริเวณทางเปิ ด
ของ glottis มีทอ่ ติดกบั mask ออกมานอกปากเป็นทางเขา้ ออกของก๊าซ (รูปที่ 5) LMA มี 6 ขนาดไดแ้ ก่ 1, 1.5, 2,
2.5, 3 และ 4 ระหวา่ งการทา CPR น้นั LMA เป็ นอุปกรณ์ที่ใชแ้ ทน face mask หรือ endotracheal tube ไดด้ ี แต่
ในการดูแลภายหลงั การทา CPR ควรเปล่ียนเป็น endotracheal tube เน่ืองจาก LMA มีโอกาสเล่ือนหลุดง่ายทาให้
ไมส่ ามารถควบคุมทางเดินหายใจไดอ้ ยา่ งสมบูรณ์ และไมส่ ามารถป้ องกนั การสาลกั เขา้ ปอดได้

Combination esophageal - tracheal tube (esophageal - tracheal combitube) เป็ นอุปกรณ์ท่ีมี
ลกั ษณะเป็ นท่อ 2 ท่อติดกนั สามารถใส่โดยไม่ตอ้ งอาศยั laryngoscope และสามารถช่วยหายใจไดไ้ ม่วา่ จะใส่
ปลายท่อลงในหลอดอาหารหรือหลอดลม (รูปที่ 5) ประสบการณ์ในการใช้อุปกรณ์น้ียงั มีจากดั แต่ส่วนใหญ่
พบว่าได้ผลดี6-78 ผูท้ ่ีจะใช้อุปกรณ์เหล่าน้ีจะตอ้ งมีความชานาญและไดร้ ับการฝึ กฝนมาก่อน ท้งั LMA และ
Combitube จึงเป็ นทางเลือกเมื่อสถานการณ์ไม่เอ้ืออานวยต่อ endotracheal tube แต่ประสิทธิภาพในการควบคุม
ทางหายใจยงั ไม่สมบูรณ์เท่า endotracheal tube ภาวะแทรกซ้อนจากการใส่ combitube ไดแ้ ก่ esophageal
trauma อาจทาใหเ้ กิด laceration, bruising, หรือ subcutaneous emphysema 2

Laryngeal tube9-11 เป็ นอุปกรณ์ท่ีมีลกั ษณะคลา้ ยกบั LMA และ esophageal - tracheal combitube
สามารถใส่โดยไม่ตอ้ งอาศยั laryngoscope เม่ือใส่เรียบร้อยแล้วปลายท่อซ่ึงมีลกั ษณะตนั จะลงไปในหลอด
อาหาร มี 2 บอลลูนปิ ดบนและล่างจึงสามารถช่วยหายใจผ่านทางรูเปิ ดขา้ งท่ีอยู่หน้าต่อ glottis (รูปท่ี 6)
Laryngeal tube มี 6 ขนาดต้งั แต่เบอร์ 0 ถึงเบอร์ 5 โดยเลือกขนาดตามน้าหนกั ตวั และความสูงของผปู้ ่ วย ขอ้ บ่งช้ี
และขอ้ ควรระวงั ในการใชเ้ หมือนการใช้ LMA และ esophageal - tracheal combitube

Endotracheal intubation

เป็นวธิ ีท่ีดีที่สุดของ advance airway management ขอ้ ดีของ endotracheal intubation คือ
1. สามารถแยกหลอดลมจากทางเดินอาหาร ป้ องกนั การสาลกั เขา้ ปอด
2. เปิ ดทางหายใจไดต้ ลอดเวลา
3. ควบคุม tidal volume และอตั ราการหายใจไดด้ ี
4. ควบคุมความเขม้ ขน้ ของออกซิเจนไดต้ ามตอ้ งการ
5. ช่วยในการทา positive pressure ventilation

ศนู ยป์ ฏิบตั ิการฝึกทกั ษะระบบจาลอง คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

42

6. เป็นทางบริหารยาท่ีจาเป็นบางชนิด
7. เป็นทางสาหรับดูดส่ิงแปลกปลอมหรือเสมหะในทางหายใจ
ข้อบ่งชี้ในการใส่ท่อหายใจระหว่างการทา CPR คอื
1. ใช้ basic airway management แลว้ ไมส่ ามารถเปิ ดทางหายใจได้
2. ผปู้ ่ วยป้ องกนั ทางหายใจของตนเองไมไ่ ด้ ไดแ้ ก่ ผปู้ ่ วยที่หมดสติ, cardiopulmonary arrest

หรือสูญเสียรีเฟล็กซ์ป้ องกนั ทางหายใจ
3. ผปู้ ่ วยที่หายใจไดไ้ ม่เพยี งพอ
เน่ืองจาก guideline แนะนาให้รบกวนเวลาในการนวดหวั ใจให้น้อยท่ีสุด ดงั น้นั ระยะเวลาที่ใชใ้ น
การใส่ท่อหายใจแต่ละคร้ังจึงไม่ควรหยุดการนวดหัวใจเกินกวา่ 10 วินาที2 หากเกินกวา่ น้ีควรหยุดการใส่ท่อ
หายใจ ทาการช่วยหายใจดว้ ย mask หรือ supraglottic devices ไปก่อนแลว้ จึงพยายามใหม่

Oral or nasal intubation

การใส่ท่อหายใจสามารถใส่ได้ 2 ทาง คือ ทางปาก (orotracheal intubation) และทางจมูก
(nasotracheal intubation) การใส่ทางปากทาไดง้ ่าย รวดเร็ว เป็นวธิ ีที่ใชบ้ ่อยกวา่ ทางจมกู

ขอ้ ไดเ้ ปรียบของการใส่ท่อหายใจทางจมูก คือ สามารถทาโดยใชห้ รือไม่ใช้ laryngoscope (blind
nasotracheal intubation) ก็ได้ วิธีหลงั ทาไดโ้ ดยไม่ตอ้ งเปิ ดปากผปู้ ่ วยจึงเหมาะที่จะใชใ้ นผปู้ ่ วยที่ไม่สามารถเปิ ด
ปากไดเ้ พยี งพอและผปู้ ่ วยท่ีไดร้ ับบาดเจบ็ กระดูกคอหกั ขอ้ หา้ มใชข้ องการใส่ท่อหายใจทางจมกู คือ

1. ผปู้ ่ วยมีปัญหาเกี่ยวกบั การแขง็ ตวั ของเลือด (coagulopathy)
2. กระดูกกระโหลกส่วน base of skull แตก
3. บาดเจบ็ ภายในโพรงจมกู
วธิ ีการใส่ท่อหายใจ3
จดั ใหอ้ ยใู่ นทา่ sniffing position คือมีการกม้ ของขอ้ ตอ่ ระหวา่ ง cervical spine กบั thoracic spine
และเงยที่ขอ้ atlantooccipital ทาไดโ้ ดยใหผ้ ปู้ ่ วยนอนหงายหนุนผา้ หรือหมอนสูงประมาณ 7 - 10 เซนติเมตร ใต้
ทา้ ยทอย ในทา่ น้ีจะทาใหแ้ นวของ pharynx และ larynx ตรงกนั และเม่ือร่วมกบั การทา laryngoscopy จะทาให้
แนวของ oral cavity, pharynx และ larynx ตรงกนั ทาใหม้ องเห็นทางเขา้ glottis ได้ (รูปที่ 7) สาหรับผปู้ ่ วยเดก็ มี
ศีรษะโตเม่ือเทียบกบั ขนาดตวั อยแู่ ลวั จึงไมจ่ าเป็นตอ้ งนอนหนุนหมอน ส่วนเด็กเลก็ หรือทารกอาจใชม้ ว้ นผา้
หนุนใตไ้ หล่แทน

ศนู ยป์ ฏิบตั ิการฝึกทกั ษะระบบจาลอง คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

43
เลือกชนิดของ laryngoscope blade ถา้ ใชช้ นิดตรง (Miller, Jackson - Wisconsin) เวลาใส่จะวาง
ปลาย blade ใตต้ ่อแผน่ epiglottis ส่วน blade ชนิดโคง้ (MacIntosh) เวลาใส่จะวางปลาย blade บริเวณ vallecula
หนา้ ต่อแผน่ epiglottis (รูปที่ 8) ในเด็กเล็กนิยมใช้ blade ชนิดตรง ส่วนผใู้ หญ่นิยมใช้ blade ชนิดโคง้ แต่ท้งั น้ี
ข้ึนกบั ความถนดั ของผใู้ ชด้ ว้ ย
เลือกขนาดและชนิดของ endotracheal tube เด็กโตและผใู้ หญ่ใช้ endotracheal tube ชนิดมี cuff เด็ก
อายนุ อ้ ยกวา่ 8 ปี ใช้ endotracheal tube ชนิดไม่มี cuff ปัจจุบนั พบวา่ เด็กโตท่ีอายตุ ่ากวา่ 8 ปี สามารถใช้ cuffed
tube ไดอ้ ยา่ งปลอดภยั ถา้ ระดบั ความดนั ใน cuff ต่ากว่า 20-25 ซม.น้า สาหรับผูใ้ หญ่ผูช้ ายใช้ tube ขนาด
เส้นผา่ ศนู ยก์ ลางภายใน (I.D.) 7.5 - 8 มม. ผใู้ หญ่ผหู้ ญิงใชข้ นาด I.D. 7.0 - 7.5 มม.ส่วนเด็กนิยมคานวณตามอายุ
คือ

tube size (I.D.) = 4 มม. + [อาย(ุ ปี )/4] (uncuffed tube)
tube size (I.D.) = 3.5 มม. + [อาย(ุ ปี )/4] (cuffed tube)
เปิ ดปากผปู้ ่ วยโดย crossed - finger technique คือใชน้ ิ้วหวั แม่มือขวาผลกั ฟันและขากรรไกรล่างลง
นิ้วช้ีขวาดนั ฟันและขากรรไกรบนข้ึนทาให้ปากเปิ ดกวา้ ง สอด laryngoscope blade เขา้ ทางมุมปากขวา ขยบั
blade ปัดลิ้นไปทางซ้าย สอดใหป้ ลาย blade ลึกเขา้ ไปถึงบริเวณโคนลิ้น (blade โคง้ ) หรือใต้ epiglottis (blade
ตรง) ยก laryngoscope ข้ึน จะเห็น glottis อยใู่ ตต้ ่อ epiglottis สอด endotracheal tube เขา้ ทางมุมปากขวาโดยดู
ให้ cuff ของ tube ผา่ นพน้ vocal cord โดยความลึกของ endotracheal tube นบั จากปลาย tube จนถึง alveolar
ridge ในผใู้ หญ่ประมาณ 16 - 23 เซนติเมตร ในเดก็ นิยมคานวณตามอายคุ ือ
tube length (ซม.) = ID ของ ET x 3 ในเด็กอายนุ อ้ ยกวา่ 2 ปี
tube length (ซม.) = 12 + [อาย/ุ 2] กรณีใส่ทางปาก ในเดก็ อายุ 2 ปี ข้ึนไป
tube length (ซม.) = 15 + [อาย/ุ 2] กรณีใส่ทางจมกู
สาหรับ cuffed tube ใส่ลมเขา้ ใน cuff จนกระทงั่ ไม่มีลมรั่วรอบ ๆ ท่อหายใจขณะหายใจเขา้
ตรวจสอบตาแหน่งของท่อหายใจ2 แลว้ ทาการยึดท่อหายใจเขา้ กับริมฝี ปากผูป้ ่ วยและตรวจดู
ตาแหน่งโดยภาพถ่ายรังสีในเวลาต่อมา การตรวจสอบตาแหน่งของท่อหายใจทาโดยใช้
1. การประเมินทางคลินิค ไดแ้ ก่การมองเห็นทรวงอกขยายเทา่ กนั 2 ขา้ ง การฟังที่ปอด 2 ขา้ ง ควรได้
ยนิ เสียงหายใจเทา่ กนั , การเห็นไอน้าผา่ นท่อ และไม่ไดย้ นิ เสียง gurgling บริเวณใตล้ ิ้นปี่ (epigastrium)

ศนู ยป์ ฏิบตั ิการฝึกทกั ษะระบบจาลอง คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

44

2. Exhaled carbon dioxide detector ถา้ ตรวจพบ carbon dioxide จะเป็ นการยืนยนั วา่ ใส่ท่อเขา้
หลอดลม แต่ถา้ ตรวจไม่พบ carbon dioxide อาจเป็ น false-positive ไดเ้ พราะในภาวะ cardiac arrest จะไม่มี
เลือดไปเล้ียงปอด จึงไม่มีการขบั carbon dioxide ออกมาให้ตรวจพบ ดงั น้นั ถา้ ผลเป็ น negative ควรตรวจ
เพ่มิ เติมดว้ ยวธิ ีอื่น

3. Esophageal detector device ใชเ้ คร่ืองมือน้ีต่อกบั ท่อ endotracheal tube หากท่ออยใู่ นหลอด
อาหาร เวลาบีบลูกโป่ งแลว้ ปล่อยลูกโป่ งจะไม่กลบั มาขยาย เพราะหลอดอาหารจะแฟบและดึงเย่ือบุหลอดอาหาร
มาอุดปลายทอ่

4. Ultrasound และ Fiberoptic bronchoscopy2 เป็ นอุปกรณ์ที่ไม่ไดม้ ีใชแ้ พร่หลายอาจมีใชแ้ ค่บาง
สถานที่ เช่น หอ้ งผา่ ตดั ตรวจสอบตาแหน่งโดยใชเ้ คร่ือง ultrasound scan ดูบริเวณ trachea ว่าเห็นเงาของท่อ
หายใจหรือไม่ หรือใช้ fiberoptic bronchoscopy ดูวา่ ท่อหายใจอยใู่ น trachea หรือไม่

ใน guideline 2015 ไม่ไดแ้ นะนาให้ทา Sellick’s maneuver หรือ cricoid pressure ทุกราย เพื่อ
ป้ องกนั การสารอกอาหารออกจากกระเพาะอาหารเขา้ มาใน pharynx ในขณะท่ีใส่ท่อหายใจ แต่อาจพิจารณาทา
ในบางรายที่มีความเสี่ยงตอ่ การสาลกั มาก และหากการกดทาใหใ้ ส่ท่อหายใจยากข้ึนกอ็ าจคลายแรงกดลงหรือไม่
ตอ้ งทากไ็ ด2้

หลงั จากใส่ท่อหายใจแลว้ ควรช่วยหายใจดว้ ยอตั ราเร็วประมาณ 10 คร้ังต่อนาที หรือ 6 วนิ าทีต่อ
การบีบ 1 คร้ัง1,2 Automatic transport ventilators (ATVs) ที่เป็ น pneumatically powered และเป็ นระบบ time-
หรือ pressure-cycled สามารถใชไ้ ดใ้ นกรณีที่สาเหตุของการ arrest ไม่ไดเ้ กิดจากความผิดปกติของหวั ใจและ
ผูป้ ่ วยไดร้ ับการใส่ advance airway เรียบร้อยแลว้ หรือใชใ้ นกรณีท่ีตอ้ งทาการช่วยฟ้ื นคืนชีพเป็ นเวลานาน
เพื่อใหบ้ ุคลากรสามารถไปทาหนา้ ที่อื่นที่สาคญั ในการช่วยชีวติ ต่อไปได2้
Surgical methods of advanced airway support 3

การเปิ ดทางหายใจควรพยายามใชว้ ิธีท่ีกล่าวมาขา้ งตน้ ก่อน แต่หากประสบความลม้ เหลวไม่สามารถ
ควบคุมทางหายใจได้ ถือเป็ นกรณีรี บด่วนที่ต้องอาศัยวิธีทางศัลยกรรมเพื่อช่วยเปิ ดทางหายใจได้แก่
cricothyroidotomy, transtracheal catheter ventilation และ emergency tracheostomy (รูปท่ี 9)

Cricothyroidotomy เป็ นการเจาะเขา้ ที่ช่องระหวา่ งกระดูกอ่อน thyroid และ cricoid (cricothyroid
membrane) โดยใชม้ ีด หลงั จากน้นั สอดทอ่ ช่วยหายใจขนาดเล็กเขา้ ท่ีรอยเจาะ และช่วยหายใจผา่ นท่อขนาดเล็กน้ี
ปัจจุบนั มีอุปกรณ์ท่ีเตรียมเป็นชุดสาหรับหตั ถการน้ีจาหน่าย

ศูนยป์ ฏิบตั ิการฝึกทกั ษะระบบจาลอง คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

45

Transtracheal catheter ventilation ใช้เข็มสาหรับให้สารน้าทางหลอดเลือดดาชนิด catheter
ขนาด 14 - 16 G แทงเขา้ บริเวณ cricothyroid membrane ใชห้ ลอดดูดยา (syringe) ต่อกบั เขม็ หากดูดไดอ้ ากาศ
ตลอดเวลาแสดงวา่ ปลายเขม็ อยใู่ นตาแหน่งท่ีถูกตอ้ ง วธิ ีช่วยหายใจทาได้ 2 วธิ ี คือ

1. Jet ventilation จาเป็ นตอ้ งใชอ้ ุปกรณ์ที่สามารถจ่ายออกซิเจนดว้ ยแรงดนั สูง (อยา่ งต่า 20 psig)
เช่น ใช้ oxygen flush valve ของ เครื่องดมยาสลบ

2. ใชว้ งจรหายใจทว่ั ไป หรือ self - inflating bag ต่อเขา้ กบั slip joint ขนาด 3 มิลลิเมตร หากไม่มี
slip joint ขนาดดงั กล่าวให้ใช้ slip joint ขนาด 7.5 หรือ 8 มิลลิเมตร ต่อเขา้ กบั syringe ขนาด 3
มิลลิลิตร และตอ่ เขา้ กบั catheter อีกทีหน่ึง วธิ ีน้ีไดผ้ ลดีนอ้ ยกวา่ jet ventilation

ท้งั cricothyroidotomy และ transtracheal catheter ventilation เป็ นวธิ ีท่ีตอ้ งทาในภาวะรีบด่วน ควร
เป็ นวิธีที่ใช้ช่ัวคราวระหว่างการรอที่จะใส่ท่อหายใจให้ได้ หรือทาการเจาะคออย่างรีบด่วน (emergency
tracheostomy)

เครื่องดูดเสมหะ (suction)2
ท่อดูดเสมหะควรเป็ นท่อใหญ่และมีความแขง็ พอประมาณ ไม่หกั พบั ง่าย ต่อกบั เคร่ืองดูดเสมหะท่ี

ให้ airflow ไดม้ ากกวา่ 40 ลิตร/นาที และมีแรงดูดสูงกวา่ 300 มม.ปรอท และสามารถปรับลดลงไดเ้ หลือ 80 ถึง
120 มม.ปรอท ไดเ้ มื่อใชก้ บั ผปู้ ่ วยเดก็ และผปู้ ่ วยที่ใส่ท่อ endotracheal ไดแ้ ลว้

รูปที่ 2 การเปิ ดทางหายใจ

ศูนยป์ ฏิบตั ิการฝึกทกั ษะระบบจาลอง คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

46

รูปที่ 3 Oral airway รูปท่ี 4 Nasal airway

ศนู ยป์ ฏิบตั ิการฝึกทกั ษะระบบจาลอง คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

47

รูปที่ 6 Laryngeal tube

รูปท่ี 7 การจัดท่าผู้ป่ วยเพอ่ื ให้แนวของทางหายใจ oral cavity, pharynx และ
larynx ตรงกนั ทาให้มองเห็นทางเข้า glottis ได้

ศนู ยป์ ฏิบตั ิการฝึกทกั ษะระบบจาลอง คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล


Click to View FlipBook Version