The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by pacharakorn, 2022-08-19 01:55:24

การวิจัย เรื่อง การฝึกอบรมครูอาชีวศึกษาผ่านเว็บ ฯ

การฝึกอบรมครูอาชีวศึกษาผ่านเว็บ ฯ

Keywords: ฝึกอบรม,เว็บ

การฝกึ อบรมครอู าชวี ศกึ ษาผา่ นเว็บ เรอื่ ง การพฒั นาสอื่ บทเรยี นโมดลู
(Instructional Module) เพ่ือการจดั การเรยี นการสอน

นางพชรกร ปญั ญาคำ

หนว่ ยศกึ ษานเิ ทศก์ สำนกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา
กระทรวงศกึ ษาธกิ าร พ.ศ. 2565

กติ ตกิ รรมประกาศ

ผู้วิจัยขอกราบขอบพระคุณผู้เชี่ยวชาญทุกท่านที่กรุณาให้คำแนะนำและตรวจสอบคุณภาพ
ของเนื้อหา เว็บการฝึกอบรมและเครื่องมือในการวิจัย ตลอดจนครูอาชีวศึกษาที่เข้าร่วมการฝึกอบรม
ผ่านเว็บ เรื่อง การพัฒนาสื่อบทเรียนโมดูล (Instructional Module) เพื่อการจัดการเรียนการสอน
ทีใ่ หค้ วามรว่ มมือในการฝึกอบรมและให้ข้อมูลเพื่อการวิจัยคร้ังนี้เป็นอยา่ งดี ขอกราบขอบพระคุณหัวหน้า
หน่วยศึกษานิเทศก์ ที่คอยสนับสนุน และให้คำปรึกษาอันเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการทำผลงานวิชาการ
และการนำไปใช้ในวชิ าชพี

ผู้วิจัยขอกราบขอบพระคุณ คุณพ่อ คุณแม่ ผู้ให้การสนบั สนนุ และส่งเสริมผวู้ ิจัยในทุกๆ ด้าน
ขอขอบคุณศึกษานิเทศก์และบุคลากรเพื่อนร่วมงานทุกท่านที่ให้กำลังใจ ช่วยเหลือ และสนับสนุนการทำ
วิจยั ของผู้วิจัยดว้ ยดมี าตลอด

ประโยชน์อันพึงได้รับจากวิทยานิพนธ์ฉบับนี้ ขอมอบให้กับคุณพ่อ คุณแม่ อาจารย์ และ
ผทู้ ก่ี ล่าวถงึ ขา้ งตน้

พชรกร ปัญญาคำ
2565

ชอื่ ผลงานวจิ ยั การฝึกอบรมครูอาชวี ศึกษาผา่ นเว็บ เร่อื ง การพฒั นาส่อื บทเรียนโมดูล
(Instructional Module) เพอ่ื การจดั การเรยี นการสอน

ชอื่ ผวู้ จิ ยั นางพชรกร ปญั ญาคำ

ปที วี่ จิ ยั 2565

บทคดั ยอ่

การวิจยั คร้ังน้ีมีวตั ถุประสงค์ เพื่อ 1) พฒั นาเว็บฝึกอบรมครูอาชีวศึกษา เร่อื ง การพัฒนาส่ือบทเรียน
โมดูล (Instructional Module) เพื่อการจัดการเรียนการสอน ท่ีมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80
2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ของการอบรมผ่านเว็บ เรื่อง การพัฒนาส่ือบทเรียนโมดูล (Instructional Module)
เพื่อการจัดการเรียนการสอน 3) เพื่อติดตามผลการนำสื่อบทเรียนโมดูลที่ผู้เข้ารับการอบรมพัฒนาขึ้นไปใช้
ในการจัดการเรียนการสอน และ 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้เข้ารับการอบรมท่ีมีต่อการฝึกอบรมผ่านเว็บ
เร่ือง การพฒั นาส่อื บทเรียนโมดูล (Instructional Module) เพอ่ื การจัดการเรยี นการสอน

กลุ่มผู้ให้ข้อมูล คือ ครูสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา จำนวน 30 คน ซึ่งเป็นผู้สนใจ
สมคั รเข้ารบั การอบรม เครอ่ื งมือทใ่ี ช้ในการวจิ ัยประกอบดว้ ย 1) เว็บการฝึกอบรมครูอาชวี ศึกษา เรือ่ ง การพัฒนา
สื่อบทเรียนโมดูล (Instructional Module) เพื่อการจัดการเรียนการสอน 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ก่อน -
หลังการฝึกอบรม 3) แบบประเมินผลงานสื่อบทเรียนโมดูลของผู้เข้ารับการอบรมและเกณฑ์การให้คะแนนผลงาน
สื่อบทเรียนโมดูล 4) แบบสอบถามเพื่อติดตามผลการนำสื่อบทเรียนโมดูลที่ผู้เข้ารับการอบรมพัฒนาขึ้นไปใช้ใน
การจดั การเรยี นการสอน 5) แบบสอบถามความพึงพอใจที่มีต่อการฝึกอบรมผ่านเว็บ เรือ่ ง การพัฒนาสื่อบทเรียน
โมดูล (Instructional Module) เพื่อการจัดการเรียนการสอน การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติ ได้แก่ เกณฑ์การหา

ประสิทธิภาพ E1 /E2 การทดสอบ t แบบ t - test dependent ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05 ค่าเฉลี่ย ( ̅)
ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และการทดสอบทีแบบกลุ่มเดียว (t – test for One Sample) เทียบกับเกณฑ์
รอ้ ยละ 75 ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิตทิ ่ี 0.05 และการวเิ คราะหเ์ น้อื หา

ผลการศึกษาพบว่า 1) คุณภาพเว็บฝึกอบรม เรื่อง การพัฒนาสื่อบทเรียนโมดูล (Instructional
Module) เพื่อการจัดการเรียนการสอน โดยผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการศึกษา มีคุณภาพในระดับดีมาก
( ̅ = 4.78 S.D. = 0.33) และมปี ระสทิ ธิภาพ E1/E2 เทา่ กบั 87.76/86.00 ตามเกณฑท์ ก่ี ำหนด

2) คะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการอบรมของครูอาชีวศึกษาโดยใช้เว็บฝึกอบรมสูงกว่าคะแนนก่อน
การอบรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และ มีผลการประเมินบทเรียนโมดูลที่ผู้เข้ารับการอบรม
พฒั นาข้ึนสงู กว่าเกณฑท์ ่รี ้อยละ 75 อยา่ งมีนัยสำคัญทางสถิตทิ ร่ี ะดับ 0.05

3) ผลการติดตามการนำสื่อบทเรียนโมดูลที่ผู้เข้ารับการอบรมพัฒนาขึ้นไปใช้ในการจัดการเรียน
การสอน จากการวิเคราะห์เนื้อสรุปได้ว่า ผู้เรียนที่เรียนด้วยบทเรียนโมดูลที่ผู้เข้ารับการฝึกอบรมพัฒนาขึ้น
มีผลสัมฤทธิ์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน ร้อยละ 93.85 ผู้เรียนที่มีคะแนนการทดสอบหลังเรียนเท่ากับก่อนเรียน
ร้อยละ 6.15 และไม่มีผู้เรียนที่ได้คะแนนทดสอบหลังเรียนต่ำกว่าก่อนเรียน ด้านทักษะ ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้
แบบนำตนเอง สามารถปฏิบัติงานได้สำเร็จตามเงื่อนไขที่กำหนดและปฏิบัติงานเป็นขั้นตอน เนื่องจากสามารถ
กลับไปทบทวนได้หลายครั้งตามที่ต้องการ ด้านจิตพิสัย ผู้เรียนมีความรับผิดชอบในการทำกิจกรรมในบทเรียน
และมีความกระตือรือร้นและตั้งใจเรียนมากขึ้นเนื่องจากเป็นการเรียนรูปแบบที่ผู้เรียนได้ศึกษาด้วยตนเอง
โดยครมู บี ทบาทเป็นผู้คอยกระต้นุ ชว่ ยเหลือ และใหค้ ำปรึกษา

4) ความพึงพอใจต่อของผู้เข้ารับการอบรมที่มีต่อการฝึกอบรมผ่านเว็บ เรื่อง การพัฒนาสื่อบทเรียน
โมดูล (Instructional Module) เพื่อการจัดการเรียนการสอน ผู้เข้ารับการอบรมมีความพึงพอใจอยู่ในระดับ
มากทส่ี ุด ( ̅ = 4.74 S.D. = 0.48)

สารบัญ (1)

สารบัญตาราง หนา้

บทท่ี 1 บทนำ (5)
ความสำคญั ของปัญหา
วัตถปุ ระสงค์ของการวจิ ัย 1
สมมติฐาน 1
ขอบเขตการวิจัย 6
กรอบแนวคิดการวจิ ัย 6
ประโยชน์ที่ได้รบั 7
นยิ ามศัพท์ 8
8
บทท่ี 2 การตรวจเอกสาร 9
ทฤษฎีการเรียนรู้ทีใ่ ช้ในการพัฒนาเวบ็ ฝึกอบรม 11
ทฤษฎีการเรยี นรู้ของ โรเบิร์ต กาเย่ 12
การเรยี นรู้ด้วยตนเอง (Self-Directed Learning) 12
เว็บฝึกอบรม 14
ความหมายของเว็บฝึกอบรม 16
การออกแบบเว็บฝกึ อบรม 16
การพฒั นาเว็บฝึกอบรม 18
การหาประสิทธภิ าพเว็บฝกึ อบรม 19
เกณฑ์การวดั ประสิทธภิ าพเวบ็ ฝึกอบรม 22
ข้อดแี ละข้อจำกัดของการฝึกอบรมผา่ นเวบ็ 23
แนวคดิ และทฤษฎีท่ีเก่ียวข้องบทเรียนโมดูล 24
ความหมายของบทเรียนโมดลู 27
ลกั ษณะของบทเรียนโมดลู 27
ประโยชน์ของบทเรียนโมดลู 28
31

สารบัญ (ตอ่ ) (2)

องค์ประกอบของบทเรยี นโมดูล หนา้
การสรา้ งบทเรยี นโมดูล
งานวิจัยที่เก่ยี วข้อง 33
งานวิจัยท่เี ก่ยี วข้องกบั การฝกึ อบรมผา่ นเว็บ 35
งานวิจยั ที่เกีย่ วข้องกบั การพัฒนาสอ่ื บทเรยี นโมดลู 39
บทที่ 3 วธิ ดี ำเนินการวจิ ยั 39
กล่มุ ผ้ใู หข้ ้อมูลการวจิ ัย 44
เคร่ืองมอื ที่ใชใ้ นการวจิ ยั 49
การทดลองเก็บรวบรวมข้อมลู 49
การวเิ คราะห์ขอ้ มูล 49
บทที่ 4 ผลการวิจยั 60
ผลการวจิ ยั 61
บทท่ี 5 สรปุ ผลการวจิ ัย อภิปรายผลและข้อเสนอแนะ 63
สรุปผลการวจิ ัย 63
อภปิ รายผล 76
ขอ้ เสนอแนะ 79
เอกสารและส่ิงอ้างองิ 82
86
88

(3)

สารบญั (ตอ่ )

หนา้

ภาคผนวก 92

ภาคผนวก ก รายนามผูเ้ ชยี่ วชาญในการตรวจสอบเครื่องมือ 93

ภาคผนวก ข หนงั สือขอความอนุเคราะหเ์ ปน็ ผู้เชยี่ วชาญ

และแบบตอบรับการเปน็ ผเู้ ชีย่ วชาญ 97

ภาคผนวก ค แบบประเมินเนื้อหาการฝกึ อบรมครูอาชวี ศึกษาผ่านเว็บ

สำหรับผู้เชีย่ วชาญ 127

ภาคผนวก ง แบบประเมนิ เว็บฝึกอบรมครูอาชีวศึกษาเรอ่ื ง

การพัฒนาสื่อบทเรียนโมดลู (instructional module)

เพ่อื การจัดการเรยี นการสอน สำหรับผเู้ ชีย่ วชาญ 131

ภาคผนวก จ ผลการวิเคราะหค์ า่ เฉล่ียการประเมินเน้ือหา

การฝึกอบรมครูอาชีวศกึ ษาผ่านเวบ็ โดยผเู้ ชยี่ วชาญดา้ นเนอ้ื หา 135

ภาคผนวก ฉ คา่ ดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ระหวา่ งข้อคำถาม

กบั จดุ ประสงค์การฝกึ อบรมฯ 137

ภาคผนวก ช คา่ ดชั นคี วามสอดคล้อง (IOC) ระหวา่ งกบั งานท่ตี อ้ งปฏิบัติ

กบั เกณฑ์การให้คะแนน 139

ภาคผนวก ซ คา่ ดชั นคี วามสอดคล้อง (IOC) ระหวา่ งข้อคำถาม

ในแบบสอบถามความพึงพอใจตอ่ การฝกึ อบรมผ่านเว็บฯ

กบั นยิ ามเชิงปฏิบตั ิการของตัวแปรทีศ่ กึ ษา 142

ภาคผนวก ฌ คะแนนผลสมั ฤทธ์แิ ละคะแนนกอ่ นการอบรม 144

ภาคผนวก ญ คะแนนการประเมินผลงานบทเรยี นโมดูล

ของผู้เข้ารบั การฝกึ อบรม 147

ภาคผนวก ฎ คู่มือการฝกึ อบรมครูอาชีวศึกษาผา่ นเวบ็

เรื่อง การพฒั นาสื่อบทเรยี นโมดลู

(Instructional Module) เพ่อื การจดั การเรียนการสอน 150

(4)

สารบญั (ตอ่ )

หนา้

ภาคผนวก ฏ เว็บฝึกอบรมครูอาชีวศึกษาผ่านเวบ็ 181
เร่อื ง การพัฒนาส่อื บทเรยี นโมดูล (Instructional Module) 183
เพ่อื การจดั การเรยี นการสอน

ภาคผนวก ฐ ตัวอยา่ งผลงาน ส่อื บทเรียนโมดลู ทค่ี รผู ้เู ข้ารบั การฝกึ อบรม
พฒั นาขนึ้

ประวตั ิการศึกษาและการทำงาน 197

(5)

สารบัญตาราง

ตารางที่ หนา้
1
2 การปรบั แกเ้ นื้อหาการฝึกอบรมครอู าชวี ศึกษาผา่ นเว็บ เร่ือง 52
3 การพฒั นาสื่อบทเรียนโมดลู (Instructional Module)
4 เพือ่ การจดั การเรยี นการสอน ตามข้อเสนอแนะของผูเ้ ชยี่ วชาญ
5
6 การปรับแกเ้ วบ็ ฝึกอบรมครอู าชวี ศึกษา เรื่อง การพัฒนาสื่อบทเรยี นโมดูล 53
(Instructional Module) เพ่อื การจัดการเรยี นการสอน ตามขอ้ เสนอแนะ
ของผูเ้ ชี่ยวชาญ

การปรบั แก้แบบประเมินผลงานส่อื บทเรียนโมดลู ของผเู้ ข้ารบั การอบรม 56
และเกณฑ์การให้คะแนนผลงานส่ือบทเรยี นโมดูลตามข้อเสนอแนะ
ของผู้เชย่ี วชาญ

การปรับแก้แบบสอบถามเพอื่ ตดิ ตามผลการนำส่ือบทเรียนโมดูล 58
ท่ผี ้เู ขา้ รับการอบรมพฒั นาข้นึ ไปใช้ในการจัดการเรยี นการสอน
ตามข้อเสนอแนะของผูเ้ ช่ียวชาญ

ผลการประเมินของเว็บฝึกอบรมครอู าชวี ศึกษา เร่ือง การพัฒนา 64
ส่อื บทเรยี นโมดลู (Instructional Module) เพ่ือการจดั การเรียนการสอน
โดยผู้เชีย่ วชาญ

ผลการประเมินประสิทธิภาพของเว็บฝกึ อบรมครอู าชวี ศึกษา เรื่อง การพฒั นา

สอ่ื บทเรียนโมดูล (Instructional Module) เพอ่ื การจดั การเรยี นการสอน

ตามเกณฑ์ประสทิ ธภิ าพ 80/80 65

(6)

สารบญั ตาราง (ตอ่ )

ตารางท่ี หนา้

7 ผลการเปรียบเทยี บคะแนนทดสอบก่อนและหลังการฝึกอบรมครูอาชีวศึกษา

ผา่ นเว็บ เร่อื ง การพัฒนาส่ือบทเรียนโมดลู (Instructional Module)

เพื่อการจดั การเรียนการสอน 66

8 ผลการประเมนิ ผลงานสื่อบทเรียนโมดลู ของผ้เู ขา้ รับการฝึกอบรมผ่านเวบ็

เรื่อง การพัฒนาสื่อบทเรียนโมดูล (Instructional Module)

เพื่อการจดั การเรยี นการสอน เทยี บกบั เกณฑ์ทร่ี ้อยละ 75 67

9 ข้อมูลทั่วไปเก่ยี วกับการนำสื่อบทเรียนโมดลู ทีผ่ ู้เขา้ รับการอบรมพัฒนาขึ้น

ไปใชใ้ นการจดั การเรยี นการสอน 68

10 การเปรียบเทยี บคะแนนทดสอบก่อน – หลงั เรียน ของผู้เรียน 71
ทเี่ รยี นด้วยบทเรยี นโมดลู ท่ผี ู้เข้ารับการฝกึ อบรมได้พัฒนาขึ้น

11 คะแนนเฉลีย่ ความพึงพอใจของผ้เู ข้ารบั การฝกึ อบรมท่ีมตี ่อการฝึกอบรม

ครูอาชวี ศกึ ษาผา่ นเว็บ เรอื่ ง การพัฒนาส่ือบทเรยี นโมดูล

(Instructional Module) เพ่ือการจัดการเรียนการสอน 74

ตารางผนวกท่ี

1 ผลการวเิ คราะหค์ า่ เฉล่ยี การประเมนิ เนื้อหาการฝึกอบรม 136
ครูอาชีวศึกษาผ่านเวบ็ โดยผเู้ ชย่ี วชาญด้านเนือ้ หา

(7)

สารบญั ตาราง (ตอ่ ) หนา้
138
ตารางผนวกท่ี 139

2 ค่าดชั นีความสอดคล้อง (IOC) ระหวา่ งข้อคำถาม 143
กับจุดประสงคก์ ารฝึกอบรม ฯ 145
148
3 ค่าดัชนคี วามสอดคล้อง (IOC) ระหว่างกบั งานท่ีต้องปฏบิ ัติ
กบั เกณฑ์การให้คะแนน

4 คา่ ดชั นีความสอดคล้อง (IOC) ระหวา่ งข้อคำถามในแบบสอบถาม
ความพึงพอใจตอ่ การฝกึ อบรมผา่ นเวบ็ ฯ กับนิยามเชงิ ปฏบิ ัติการ
ของตวั แปรทศ่ี กึ ษา

5 การเปรียบเทยี บคะแนนผลสัมฤทธ์ิคะแนนก่อนเรยี นและหลงั การอบรม
ของผู้เขา้ รับการฝกึ อบรม

6 คะแนนการประเมินผลงานบทเรียนโมดูลของผู้เข้ารับการฝึกอบรม

1

บทที่ 1

บทนำ

ความสำคญั ของปญั หา

การศึกษาเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาประเทศ ประเทศจะพัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง ยั่งยืน
และมีความก้าวหนา้ น้ัน ต้องประกอบไปด้วยประชากรที่มีการศกึ ษาที่ดี มีคุณภาพ สามารถพัฒนาตนเอง
ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความเหมาะสมสอดคล้องกับบริบทของการพัฒนาประเทศ ดังจะเห็นได้จาก
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ทุกสมัยที่เน้นบทบาทการศึกษาอย่างต่อเนื่อง เพราะการศึกษา
เป็นกระบวนการในการพัฒนาที่พึงประสงค์ในอนาคต ทั้งนี้เพื่อก่อให้เกิด “เศรษฐกิจที่ดี สังคมที่ไม่มี
ปัญหา การพัฒนาทีย่ ่ังยืน” บนรากฐานของการเรียนรู้ การพึ่งตนเอง และมีจิตสานกึ รับผดิ ชอบต่อตนเอง
ครอบครัว ชุมชน และสังคม เพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของโลก
การพัฒนาที่ท้าทายการอยู่รอดของระบบเศรษฐกิจและความมั่นคงของสังคมไทยในอนาคต (อุไรวรรณ
ปณุ ณะเวส, 2551)

สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เป็นหน่วยงานทางการศึกษาหลักที่รับผิดชอบ
ในการผลิตและพัฒนากำลังคนระดับฝีมือ ระดับเทคนิค และระดับเทคโนโลยี เพื่อเตรียมกำลังคน
ด้านอาชีพ เข้าสู่ตลาดแรงงาน เนื่องจากกำลังคนที่มีคุณภาพจะสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
ให้มีศักยภาพในการแข่งขันได้ เป็นไปตามนโยบายการเตรียมความพร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลง
ทางสังคม (สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา, 2556) ซึ่งสอดคล้องกับพระราชบัญญัติ
การอาชีวศึกษา พ.ศ. 2551 หมวด 1 บททั่วไป มาตรา 6 ที่กล่าวไว้ว่า การจัดการอาชีวศึกษาและ
การฝึกอบรมวิชาชีพต้องเป็นการจัดการศึกษาในด้านวิชาชีพที่สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและ
สังคมแห่งชาติและแผนการศึกษาแห่งชาติ เพื่อผลิตและพัฒนากำลังคนในด้านวิชาชีพระดับฝีมือ
ระดบั เทคนคิ และระดับเทคโนโลยี รวมท้งั เปน็ การยกระดับการศึกษาวชิ าชีพให้สูงขึน้ เพ่ือให้สอดคล้องกับ
ความต้องการของตลาดแรงงาน มุ่งพัฒนาผู้รับการศึกษาให้มีความรู้ความสามารถในทางปฏิบัติและ
มีสมรรถนะจนสามารถนำไปประกอบอาชีพในลักษณะผู้ปฏิบัติหรอื ในฐานะที่เป็นแหล่งสร้างแรงงานเพื่อ
ป้อนตลาดแรงงาน ซึ่งการที่จะผลิตกำลังคนที่มีคุณภาพและมีสมรรถนะในการประกอบอาชีพ
ดังจุดมุ่งหมายที่ได้กล่าวมานั้น ครูจึงเป็นบุคคลที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการที่จะจัดการเรียนการสอน
วิชาชีพ เพื่อให้ผู้เรียนบรรลุตามหลักสูตรและสมรรถนะที่ต้องการให้เกิดขึ้นกับผู้เรียน โดยภารกิจหลัก

2

สำคญั ของครู คอื การวางแผนการสอน มกี ารใช้สือ่ การเรียนรูท้ ่ีทันสมัยและเหมาะสมต่อบทเรียนท่ีจะทำ
การสอนเพื่อช่วยให้ผู้เรียนได้เกิดการเรียนรู้ได้ดียิ่งขึ้นมีการวัดผลที่เที่ยงตรงและเหมาะสมต่อพฤติกรรม
ของผู้เรียนที่ต้องการจะวัด (กระทรวงศึกษาธิการ, 2547) แต่ภาวะของโลกในปัจจุบันกำลังอยู่ในช่วง
ท้าทายมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ อันเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 (Covid-19)
มาตรการในการควบคุมการแพร่ระบาดส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงวิถชี วี ิตของคนในสังคม ได้แก่ การเรียน
ออนไลน์ การ work from home การดำเนินการทางธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และการให้คำปรึกษา
สาธารณสขุ ฯลฯ (กระทรวงอดุ มศกึ ษาวทิ ยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม, 2563)

โดยตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 ที่ผ่านมาประเทศไทยเริ่มได้รับผลกระทบจาก
สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 (Covid-19) มีการระบาดอย่างหนักในช่วงเดือน
มีนาคมจนถึงเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2563 และมีการระบาดระอกใหม่ตั้งแต่เดือน เมษายน 2564
ผลที่ตามมาจากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 (Covid-19) ดังกล่าวทำให้การใช้ชีวิตของ
ประชาชนในประเทศไทยเปลย่ี นไปอยา่ งชดั เจน (กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข, 2564)

ผลจากการแพร่ระบาดของไวรัสส่งผลให้สถานศึกษาในสังกัดของกระทรวงศึกษาธิการ
ไม่สามารถเปิดสอนได้ตามปกติ ดังน้ันกระทรวงศึกษาฯ จึงแก้ปัญหาดังกล่าวโดยการเลื่อนเวลา
การจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนในปีการศึกษา 2563 และปีการศึกษา 2564 ใหม่และกำหนด
ให้โรงเรียนในสังกัดของกระทรวงศึกษาธิการจัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์เพื่อลดความเ สี่ยง
การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 (Covid-19) ในกลุ่มนักเรียนและให้โรงเรียนสามารถเปิดสอนได้ใน
ปีการศกึ ษา 2563 และปกี ารศึกษา 2564 ในรปู การสอนออนไลน์ อย่างไรก็ตามการจดั การเรียนการสอน
ดังกล่าวต้องอาศัยบุคลากรทางการศึกษาและสิ่งสนับสนุนต่าง ๆ ที่มีความพร้อมและเหมาะสมเพียงพอ
ต่อการจัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์ จากการสำรวจความพร้อมและความเข้าใจของบุคลากร
ทางการศึกษาต่อการจัดการเรียนการสอนของกลุ่มตัวอย่างครูจากหลายสถาบันในประเทศไทยพบว่า
หลายสถาบันยังขาดความพร้อมในการจัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความพรอ้ ม
ของบคุ ลากรทางการศกึ ษาท่ียังขาดความรู้ ความเข้าใจและทกั ษะการใชเ้ ทคโนโลยีทเี่ ก่ยี วขอ้ งกบั การเรียน
การสอนแบบออนไลน์ รวมถึงความต้องการสิ่งสนับสนุนการเรียนรู้แบบออนไลน์ที่เพียงพอต่อการใช้งาน
ของนักเรียนในสถานศึกษาแต่ละแห่งในสังกัดของกระทรวงศึกษาธิการ (วิทัศน์ ฝักเจริญผล และคณะ,
2563)

นอกจากนี้ผลจากการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 (Covid-19) ยังส่งผลโดยตรงกับ
การจัดการเรียนการสอนของวิทยาลัยในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เนื่องจาก
การจัดการเรียนการสอนในช่วงที่ผ่านมาเป็นการจัดการเรียนการสอนที่เน้นการเรียนรู้แบบปฏิบัติ

3

(Active learning) ท่ีจัดการเรียนการสอนในห้องเรียนมากกว่าการเรียนรู้แบบออนไลน์แต่ด้วย
สถานการณ์ที่เกิดข้ึนทำให้ครผู ู้สอนต้องมีการปรับเปลีย่ นบทบาทในการจัดการเรยี นการสอนจากการสอน
ในห้องเรียนเป็นการสอนในรูปแบบออนไลน์ ซึ่งจากการนิเทศติดตามการจัดการเรียนการสอนใน
สถานศึกษาของหน่วยศึกษานิเทศก์ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา พบว่า ปัญหาหลัก
ในการจัดการเรียนการสอนในระบบออนไลน์ของบางวิทยาลัยคือปัญหาท่ีนักศึกษาบางกลุ่ม ไม่สามารถ
เข้าเรียนในระบบออนไลนไ์ ด้ เนื่องจากอยู่ในพื้นทีห่ า่ งไกลไมม่ ีสัญญาณอนิ เตอรเ์ น็ต และปัญหาความขาด
แคลนทุนทรัพย์ของครอบครัวในการจัดหาอุปกรณ์เพื่อการเรียนในระบบออนไลน์ ส่งผลให้ครูผู้สอน
มีความต้องการที่จะพัฒนาสื่อการสอนที่สามารถเข้าถึงผู้เรียนได้ทั้งในระบบออนไลน์และระบบปกติท่ี
ไม่ต้องผ่านสื่อออนไลน์ โดยผู้เรียนสามารถที่จะเรียนรู้ได้ด้วยตนเองได้เมื่ออยู่ท่ีบ้านตามเวลาที่ผู้เรียน
สะดวก และนอกจากนั้นครผู ้สู อนยังมคี วามต้องการให้ศึกษานิเทศก์ นเิ ทศใหค้ วามรู้เกี่ยวกับการจัดทำส่ือ
การเรียนการสอนที่เหมาะสมกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 (Covid-19)
ในปจั จุบนั (หนว่ ยศึกษานิเทศก์ สำนกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา, 2564)

ผู้วิจัยจึงได้ทำการศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาสื่อการเรียนการสอน
ในรูปแบบต่าง ๆ พบว่า บทเรียนโมดูลจัดเป็นสื่อการเรียนชนดิ หนึ่งที่จัดทำขึ้นเพื่อมุ่งให้นักเรียนเปน็ ผู้ใช้
ด้วยตนเอง บทเรียนโมดูลหนึ่ง ๆ จะเป็นหน่วยการเรียนที่มีเนื้อหาจบในตัวเอง ในบทเรียนโม ดูล
จะประกอบด้วย กิจกรรมการสอน สื่อการเรียนอย่างหลากหลาย เพื่อจะให้ผู้เรียนได้เลือกกระทำหรือ
ใช้ได้ตามความถนัดและความสนใจของแต่ละคน นอกจากนั้น ในบทเรียนโมดูลยังต้องมีส่วนอื่นประกอบ
อีก เช่น แบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน เป็นต้น โดยทั่วไปบทเรียนโมดูลมักจัดทำเป็นเอกสาร

ส่ิงพิมพ์ หรือทำเปน็ หนังสือเล่มเล็ก ๆ (รัตนะ บวั สนธ์, 2562) สอดคล้องกับ ธรรมจักร์ ราชฉวาง (2556)

กล่าวว่า บทเรียนโมดูล หมายถึง บทเรียนที่จัดทำขึ้นเป็นหน่วยการเรียนที่สำเร็จรูปในตัวเอง
มีวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้แน่นอนและชัดเจนโดยมุ่งให้ผู้เรียนได้เรียนด้วยตนเองเป็นรายบุคคลหรือ
กลุ่มย่อยตามความสนใจ ความถนัด และ ความสามารถของตนซึ่งในบทเรียนโมดูลแต่ละบทเรียนจะ
ประกอบดว้ ยคำแนะนำการใชบ้ ทเรียนโมดลู จดุ มุ่งหมายหรอื วตั ถุประสงค์ การทดสอบกอ่ นเรยี น กิจกรรม
การเรียนที่ประกอบด้วยวิธีการเรียนและแบบฝึกหัดพร้อมทั้งมีคำตอบเฉลยให้ผู้เรียนตรวจสอบเองและ
การทดสอบหลังเรียนที่มีคำตอบเฉลยให้ผู้เรียนตรวจสอบเอง รวมทั้งอาจมีการมอบหมายงานปฏิบัติด้วย
ทัง้ นีเ้ พอ่ื มุง่ ใหผ้ ู้เรยี นไดท้ ราบถงึ ความก้าวหนา้ ในการเรยี นของตนเพื่อใหบ้ รรลุวตั ถปุ ระสงค์ทต่ี ้งั ไว้ เปน็ การ
ส่งเสริมศักยภาพการเรียนรู้ของแต่ละบุคคลให้พัฒนาการเรียนของตนเองไปได้จนสุดความสามารถ
โดยไม่ต้องเสียเวลารอคอยผู้อื่น อันเป็นการถูกต้องและยุติธรรมในการจัดการเรียน ซึ่งสอดคล้องกับ
แนวความคิดของนักการศึกษากลุ่มประสบการณ์ก้าวหน้าที่มีความเชื่อว่า ประสบการณ์จะนำนักเรียน

4

ไปสู่การเรียนรู้ การเรียนรู้จะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยการลงมือกระทำหรือประสบสัมผัสด้วยตนเอง ครูผู้สอน
จึงควรจัดบรรยากาศและสร้างสถานการณ์ที่จะทำให้ผู้เรียนได้ลงมือกระทำ เพื่อหาประสบการณ์
ด้วยตนเองและสถานการณ์ที่สร้างขึ้นนั้น จำเป็นจะต้องใกล้เคียงความจริงในชีวิตประจำวัน เพื่อให้
การเรยี นรู้มคี วามหมายตอ่ ผู้เรียนอย่างแทจ้ ริง

จากคุณค่าและประโยชน์ของบทเรียนโมดลู ดังกล่าว ซึ่งจัดได้ว่าเป็นนวัตกรรมทีต่ อบสนอง
การจดั การเรยี นรู้ท่เี น้นผู้เรียนเป็นสำคัญ สามารถใชพ้ ฒั นาศักยภาพของผู้เรียนได้อย่างดี ผูว้ ิจัยในบทบาท
ของศึกษานิเทศก์ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา จึงมีความสนใจที่จะนิเทศให้ความรู้
เพื่อพัฒนาส่งเสริมครูผู้สอนในสังกัดอาชีวศึกษาให้สามารถพัฒนาสื่อการเรียนการสอนในรูปแบบ
ของ บทเรียนโมดูล (Instructional Module) แต่จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
(Covid-19) จึงต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบของการฝึกอบรมครูผู้สอนให้เหมาะสมกับสถานการณ์
โดยการอบรมในรูปแบบปกติจะมีการกำหนดระยะเวลา และสถานที่ในการฝึกอบรมที่แน่นอน
ผู้เข้ารับการอบรมต้องเดินทางมายังสถานที่จัดฝึกอบรม ตามเวลาและสถานที่ที่ผู้จัดการฝึกอบรมเป็นผู้
กำหนด ไม่สามารถยดื หยุ่นไดต้ ามความต้องการของผู้เขา้ รบั การฝึกอบรม ทำใหผ้ สู้ นใจเขา้ รบั การฝกึ อบรม
บางส่วนไม่สามารถเข้ารับการฝึกอบรมได้ แต่ด้วยการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของเทคโนโลยี โดยเฉพาะ
อนิ เตอร์เนต็ ท่ีเข้ามามีบทบาทสำคญั ในวถิ ีชวี ิตของคนในยุคปัจจบุ นั โดยเฉพาะอยา่ งย่ิงการพัฒนาคุณภาพ
ของคน ระบบอินเทอร์เน็ตสามารถเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์ทั่วโลกเข้าด้วยกัน และสามารถนำเสนอข้อมูล
ข่าวสารที่ทันสมัย และเป็นแหล่งสารสนเทศที่สำคัญ ทำให้สามารถนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่ทันสมัย และ
เป็นแหล่งสารสนเทศทีส่ ำคัญ สามารถนำอินเทอร์เนต็ มาใช้ให้เกดิ ประโยชนก์ ับการศึกษาได้หลายรูปแบบ
จึงมีการนำเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตมาใช้เพื่อพัฒนาการฝึกอบรมให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นจนกลายเปน็
"การฝกึ อบรมผา่ นเว็บ"

การฝึกอบรมผ่านเว็บ (Web-based Training: WBT) เป็นรูปแบบการเรียนรู้การฝึกอบรม
ทางไกลอย่างหนึ่งที่เน้นให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ การฝึกอบรมผ่านเว็บนั้นมีพื้นฐานมาจาก
คอมพิวเตอร์ช่วยฝึกอบรม (Computer-Based Training: CBT) และการฝึกอบรมแบบสื่อประสม
(Multimedia-Based Training) โดยมีการนำเว็บและอินเทอร์เน็ตมาใช้เป็นเครื่องมือในการฝึกอบรม
ผ่านเว็บ เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการฝึกอบรม เป็นลักษณะของการเรียนการสอนโดยส่ือหลายมติ ิ
บทเรียนมีการปฏิสัมพันธ์กันระหว่างผู้เข้ารับการฝึกอบรมกับเนื้อหาการฝึกอบรม และสร้างให้เกิด
การเรียนรู้ที่ทำให้เข้ารับการฝึกอบรมสามารถนำไปประยุกต์ในการปฏิบัติงานต่อไป นอกจากนี้ผู้เข้ารับ
การฝึกอบรมยังเป็นผู้ควบคุมการเรียนรู้ด้วยตนเองอย่างอิสระในเรื่องของสถานที่และเวลา โดยบทเรียน
และเนื้อหาวิชาในการฝึกอบรมผ่านเว็บที่มีประสิทธิภาพนั้นจะต้องประกอบด้วยข้อความหลายมิติ

5

สื่อหลายมิติ คอมพวิ เตอร์ช่วยฝกึ อบรมและการสอื่ สารผา่ นคอมพวิ เตอร์ ซ่ึงองค์ประกอบดังกล่าวไมจ่ ำเป็น
จะต้องมีทั้งหมดในโปรแกรมการฝึกอบรมผ่านเว็บ อาจมีเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือทั้งหมดก็ได้
(จรสั ศรี รตั ตะมาน, 2551) การจดั การฝกึ อบรมผ่านเวบ็ มขี ้อดหี ลายประการ ไดแ้ ก่ สามารถเข้าถึงได้ทุกที่
ที่สามารถใช้อินเทอร์เน็ตได้ ผู้เข้ารับการฝึกอบรมมีอิสระในการเลือกเวลาในการอบรมการฝึกอบรม
กระทำได้ตลอดเวลา สามารถทบทวนเน้ือหาได้ตลอดเวลา สามารถซักถามหรือเสนอแนะหรือแลกเปล่ียน
ความคิดเหน็ โดยผ่านเครือ่ งมือสื่อสารในระบบอนิ เทอรเ์ นต็ ส่งเสรมิ ใหเ้ กิดความเทา่ เทยี มกนั ทางการศึกษา
ส่งเสริมแนวคิดในเรื่องการเรียนรู้ตลอดชีวิต สามารถตอบสนองต่อผู้เรียนที่มีความรู้รวมทั้งมีทั กษะ
ในการตรวจสอบการเรียนรู้ด้วยตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังเป็นการประหยัดค่าเดินทางของ
ผู้เข้ารับการฝึกอบรมเพราะสามารถอบรมที่บ้านได้ อีกทั้งเนื้อหายังมีการปรับปรุงให้ทันสมัยตลอดเวลา
และรวดเร็วกว่าการใช้เน้ือหาจากหนังสือ เป็นต้น (ธนากร วงศ์เจรญิ ,2560; ธรี ัช ดวงจิโน, 2563)

จากที่กล่าวมาสรุปได้ว่า ข้อดีของการฝึกอบรมผ่านเว็บนั้น สามารถปิดข้อจำกัดของ
การฝึกอบรมในรูปแบบปกติได้ อีกทั้งยังเหมาะสมกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
(Covid-19) ในปัจจุบัน ผู้วิจัยจึงมีแนวคิดในการนำการฝึกอบรมผ่านเว็บมาประยุ กต์กับ
การฝึกอบรมครูอาชีวศึกษา ซึ่งเป็นนิเทศให้ความรู้เพื่อพัฒนาครูอาชีวศึกษาให้สามารถพัฒนาสื่อ
การจัดการเรียนการสอนในรูปแบบของบทเรียนโมดูล (Instructional Module) และนำไปใช้เป็นสื่อ
ในการจัดเรียนการสอนสำหรับผู้เรียนสถานการณ์ปัจจุบัน โดยเป็นการจัดการฝึกอบรบในรูปแบบที่
สามารถถ่ายทอดและวัดผลสัมฤทธิ์ได้ด้วยเทคโนโลยีของการฝึกอบรมผ่านเว็บ ผู้วิจัยจึงได้ทำการวิจัย
เรื่อง การฝึกอบรมครูอาชีวศึกษาผ่านเว็บ เรื่อง การพัฒนาสื่อบทเรียนโมดูล (Instructional Module)
เพื่อการจัดการเรียนการสอน ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จากการวิจัยสามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่อการพัฒนา
การฝกึ อบรมเพ่ือพฒั นาครูอาชีวศึกษาในการสร้างและพัฒนาสื่อบทเรียนโมดูล (Instructional Module)
ซึ่งบทเรียนโมดูล (Instructional Module) ที่ได้จะเป็นประโยชน์ครูอาชีวศึกษาในการจัดการเรียน
การสอนในรูปแบบ Active Leaning ซึ่งจะส่งผลต่อผู้เรียนอาชีวศึกษาในการเรียนรู้ด้วยตนเอง
ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 (Covid-19) ในปัจจุบันหรือในสถานการณ์ปกติ
ในอนาคต เพอื่ ใหผ้ ู้เรียนเกิดการเรียนรจู้ ากการนำตนเอง มีความรบั ผดิ ชอบและความเป็นผูม้ วี ินยั ในตนเอง
เป็นบุคคลทมี่ ีศักยภาพในการเรยี นรู้ มีความรู้ความสามารถในทางปฏบิ ัติและมสี มรรถนะจนสามารถนำไป
ประกอบอาชพี เปน็ กำลังสำคัญในการพฒั นาประเทศต่อไปในอนาคต

6

วตั ถปุ ระสงค์ของการวจิ ยั
งานวิจัยครัง้ น้ีมวี ัตถุประสงค์ ดงั นี้
1. เพือ่ พัฒนาเว็บฝึกอบรมครูอาชวี ศึกษา เร่ือง การพัฒนาสอื่ บทเรียนโมดลู (Instructional
Module) เพ่อื การจัดการเรยี นการสอน ทมี่ ปี ระสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80
2. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิของการอบรมผ่านเว็บ เรื่อง การพัฒนาสื่อบทเรียนโมดูล
(Instructional Module) เพอ่ื การจดั การเรียนการสอน
3. เพื่อติดตามผลการนำสื่อบทเรียนโมดูลที่ผู้เข้ารับการอบรมพัฒนาขึ้นไปใช้ในการจัด
การเรียนการสอน
4. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้เข้ารับการอบรมที่มีต่อการฝึกอบรมผ่านเว็บ เรื่อง
การพฒั นาสื่อบทเรยี นโมดลู (Instructional Module) เพือ่ การจัดการเรยี นการสอน

สมมตฐิ าน
1. เวบ็ ฝึกอบรมครูอาชีวศึกษา เรอื่ ง การพฒั นาส่ือบทเรียนโมดลู (Instructional Module)
เพอ่ื การจัดการเรียนการสอน มีประสทิ ธิภาพตามเกณฑ์ 80/80
2. คะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการอบรมของครูอาชีวศึกษาโดยใช้เว็บฝึกอบรมสูงกว่าคะแนน
ก่อนการอบรมอยา่ งมนี ัยสำคัญทางสถติ ิทรี่ ะดับ 0.05
3. ผลการประเมินบทเรียนโมดูลที่ผู้เข้ารับการอบรมพัฒนาขึ้นสูงกว่าเกณฑ์ที่ร้อยละ 75
อยา่ งมีนัยสำคัญทางสถติ ทิ ี่ระดบั 0.05
4. ความพึงพอใจของผู้เข้ารับการอบรมที่มีต่อการฝึกอบรมผ่านเว็บ เรื่อง การพัฒนาสื่อ
บทเรียนโมดูล (Instructional Module) เพื่อการจัดการเรียนการสอน มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก
ข้นึ ไป

7

ขอบเขตการวจิ ยั
ขอบเขตดา้ นเนอื้ หา

เนื้อหาท่ใี ชใ้ นการฝึกอบรมครูอาชวี ศกึ ษาผ่านเวบ็ เรื่อง การพัฒนาส่อื บทเรยี นโมดลู
(Instructional Module) เพอื่ การจัดการเรยี นการสอน ประกอบดว้ ย 8 หนว่ ยการเรียนรู้ ไดแ้ ก่

หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 1 ความรู้ท่ัวไปเกีย่ วกบั บทเรยี นโมดูล
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 2 องค์ประกอบของบทเรียนโมดลู
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 3 ลักษณะที่ดขี องบทเรยี นโมดลู
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 4 การวางแผนในการสร้างบทเรียนโมดูล
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 5 การจดั ทำเนอ้ื หาบทเรียนโมดูล
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 6 การจดั ทำกจิ กรรมและส่ือในบทเรียนโมดลู
หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 7 การวัดและประเมนิ ผล
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 8 การตรวจสอบคณุ ภาพบทเรยี นโมดูล

ขอบเขตดา้ นผใู้ หข้ อ้ มลู
กลุ่มผู้ให้ข้อมูลในงานวิจัยคือ ครูในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ที่มี

ความสนใจในการฝึกอบรมผ่านเว็บ เรื่อง การพัฒนาสื่อบทเรียนโมดูล (Instructional Module)
เพื่อการจัดการเรียนการสอน ซึ่งผู้วิจัยได้ประชาสัมพันธ์เชิญชวนโดยส่งหนังสือประชาสัมพันธ์โครงการ
ฝึกอบรมฯ ไปยังวิทยาลัยในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ซึ่งมีผู้สมัครใจเข้ารับการ
ฝึกอบรมจำนวนท้ังสนิ้ 30 คน

ขอบเขตดา้ นตัวแปรทศี่ ึกษา
ตวั แปรอสิ ระ ได้แก่ การฝกึ อบรมครูอาชวี ศึกษาผา่ นเว็บ เรื่อง การพฒั นาสอ่ื บทเรียนโมดูล

(Instructional Module) เพื่อการจัดการเรียนการสอน
ตวั แปรตาม ไดแ้ ก่
1. ประสิทธิภาพเว็บฝึกอบรมครูอาชีวศึกษา เรื่อง การพัฒนาสื่อบทเรียนโมดูล

(Instructional Module) เพ่ือการจดั การเรียนการสอน
2. ผลสัมฤทธิ์ของการฝึกอบรมผ่านเว็บ เรื่อง การพัฒนาสื่อบทเรียนโมดูล (Instructional

Module) เพือ่ การจัดการเรยี นการสอน

8

3. ความพึงพอใจของผู้เข้ารับการอบรมที่มีต่อการฝึกอบรมผ่านเว็บ เรื่อง การพัฒนาสื่อ
บทเรียนโมดูล (Instructional Module) เพอื่ การจัดการเรยี นการสอน

กรอบแนวคิดการวจิ ยั

ตวั แปรอสิ ระ ผลจากตวั แปรอิสระ

การฝกึ อบรมครูอาชีวศกึ ษาผา่ นเว็บ 1. ประสิทธภิ าพเวบ็ ฝึกอบรมฯ
เรื่อง การพฒั นาสือ่ บทเรียนโมดูล 2. คะแนนผลสมั ฤทธิ์ของการฝกึ อบรมผา่ นเว็บฯ
(Instructional Module) 3. ระดบั ความพึงพอใจของผเู้ ขา้ รบั การอบรมท่ีมตี อ่
เพือ่ การจัดการเรียนการสอน การฝึกอบรมฯ

ประโยชนท์ ่ีคาดวา่ จะไดร้ บั

1. ได้เว็บฝึกอบรมครูอาชีวศึกษา เรื่อง การพัฒนาสื่อบทเรียนโมดูล (Instructional
Module) เพื่อการจัดการเรียนการสอน ที่มีประสิทธิภาพสามารถนำมาใช้ในการฝึกอบรมครูสังกัด
สำนักงานคณะกรรมการการอาชวี ศึกษาต่อไป

2. ครูอาชีวศึกษาที่เข้ารับการฝึกอบรมผ่านเว็บ เรื่อง การพัฒนาสื่อบทเรียนโมดูล
(Instructional Module) เพื่อการจัดการเรียนการสอน มีความรู้และทักษะในการสร้างและพัฒนาสื่อ
บทเรยี นโมดลู เพือ่ ใช้ในการจัดการเรียนการสอน สามารถนำความรไู้ ปประยกุ ตใ์ ช้ในการพฒั นาสื่อบทเรียน
โมดลู เรอื่ งอ่นื ๆ นอกเหนือจากทไ่ี ดเ้ ขา้ รับการฝกึ อบรมเพื่อใชใ้ นการจดั การเรียนการสอน

3. ผู้เรียนอาชีวศกึ ษาได้เรียนรูจ้ ากสือ่ บทเรยี นโมดูล (Instructional Module) ท่ีครูผู้เข้ารับ
การอบรมพัฒนาขึ้น ซึ่งการเรียนรู้โดยใช้สื่อบทเรียนโมดูล (Instructional Module) เป็นการเรียนรู้
ในรปู แบบ Active Learning ทจี่ ะชว่ ยให้ผู้เรียนเกดิ องคค์ วามรู้และสมรรถนะในเร่อื งที่เรยี น

4. ผลการวจิ ัยสามารถนำไปเป็นต้นแบบในการพัฒนาเว็บฝึกอบรมในหลักสตู รอืน่ ๆ สำหรับ
พัฒนาครสู งั กัดสำนกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา

5. นำเสนอทางเลือกใหม่ให้แก่องค์กรและหน่วยงานต่าง ๆ ได้นำไปเป็นแนวทางใน
การพัฒนาบคุ ลากรในลกั ษณะการอบรมออนไลนแ์ ละการอบรมผา่ นเว็บ

9

นยิ ามศพั ท์

การฝึกอบรมผ่านเว็บ หมายถึง หลักการและแนวคิดในการถ่ายทอดเนื้อหา สาระ ความรู้
และประสบการณ์ ด้วยการนำเสนอผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ผู้ฝึกอบรมสามารถเข้าฝึกอบรมได้ทุกที่
ทุกเวลาที่ตนเองต้องการ ซึง่ เปน็ การสนับสนุนและส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ มีประสทิ ธภิ าพ ช่วยประหยัด
ค่าใช้จ่าย เพิ่มผลงานในการทำงานและยังช่วยขจัดอุปสรรคและปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากการฝึกอบรม
แบบเดิม

เว็บฝึกอบรมครูอาชีวศึกษา เรื่อง การพัฒนาสื่อบทเรียนโมดูล (Instructional Module)
เพื่อการจัดการเรียนการสอน หมายถึง กระบวนการถ่ายทอดความรู้ เรื่อง การพัฒนาสื่อบทเรียนโมดูล
(Instructional Module) เพื่อการจัดการเรียนการสอน ผ่านเว็บฝึกอบรม เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรม
สามารถเปลี่ยนแปลงความรู้และทักษะในการจัดทำสื่อบทเรียนโมดูล (Instructional Module)
เพ่ือการจดั การเรยี นการสอน

ประสทิ ธภิ าพของเวบ็ ฝกึ อบรมครอู าชีวศกึ ษา หมายถึง ระดบั ประสิทธิภาพของเว็บฝกึ อบรม
ครูอาชีวศึกษาผา่ นเว็บ เรื่อง การพัฒนาสื่อบทเรียนโมดลู (Instructional Module) เพื่อการจัดการเรยี น
การสอน โดยการประเมนิ ด้วยเกณฑม์ าตรฐาน 80/80

เกณฑ์มาตรฐาน 80/80 E1/E2 หมายถึง เกณฑ์ที่ใช้ในการกำหนดประสิทธิภาพของ
เว็บฝึกอบรมครูอาชีวศึกษา เรื่อง การพัฒนาสื่อบทเรียนโมดูล (Instructional Module) เพื่อการจัด
การเรยี นการสอน โดยการพจิ ารณาจากกระบวนการฝึกอบรมและผลการฝึกอบรม ดงั นี้

80 ตัวแรก (E1) หมายถึง ร้อยละของคะแนนเฉลี่ยของผู้เข้ารับการอบรมทั้งหมด
จากประเมินการปฏบิ ัตงิ านตามกจิ กรรมในแต่ละหน่วยการเรียนรู้ มากกวา่ หรอื เทา่ กบั รอ้ ยละ 80

80 ตัวหลัง (E2) หมายถึง ร้อยละของคะแนนเฉลี่ยของผู้เข้ารับการอบรมทั้งหมดจาก
การทำแบบทดสอบหลังการฝึกอบรม มากกวา่ หรือเทา่ กับร้อยละ 80

ผลสัมฤทธิ์หลังการฝึกอบรมครูอาชีวศึกษาผ่านเว็บ หมายถึง ความรู้ในการพัฒนาสื่อ
บทเรียนโมดลู และทกั ษะในการพฒั นาสือ่ บทเรยี นโมดูลท่ีได้รับหลงั การผา่ นการฝึกอบรมผ่านเว็บ ดงั นี้

1. ความรู้ในการพัฒนาสื่อบทเรียนโมดูล คือ คะแนนทดสอบความรู้ที่ได้จาก
การทำแบบทดสอบความรู้ทั้งก่อนและหลังการฝึกอบรมครูอาชีวศึกษาผ่านเว็บ เรื่อง การพัฒนาสื่อ
บทเรียนโมดลู (Instructional Module) เพอ่ื การจดั การเรยี นการสอน

2. ทักษะในการพัฒนาสื่อบทเรียนโมดูล คือ คะแนนการปฏิบัติเพื่อให้ได้ผลงานสื่อบทเรียน
โมดูลของผู้เข้ารับการอบรม ตามเกณฑ์ในการประเมินสื่อบทเรียนโมดูล แบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอน ได้แก่

10

ขั้นตอนการวางแผนการสร้างบทเรียนโมดูล ขั้นตอนการสร้างบทเรียนโมดูล และขั้นการตรวจสอบ
บทเรียนโมดลู

ผลการนำสื่อบทเรียนโมดูลที่ผู้เข้ารับการอบรมพัฒนาขึ้นไปใช้ในการจัดการเรียนการสอน
หมายถึง ผลที่เกิดขึ้นกับผู้เรียนที่เรียนด้วยสื่อบทเรียนโมดูลที่ผู้เข้ารับการอบรมพัฒนาขึ้น ในประเด็นต่าง ๆ
ดังนี้ คะแนนผลการเรียนก่อนและหลังการเรียนด้วยสื่อบทเรียนโมดูลที่พัฒนาขึ้น การเปล่ียนแปลง
ด้านทักษะการปฏิบัติงานในเรื่องที่เรียนในสื่อบทเรียนโมดูล การพัฒนาด้านจิตพิสัยของผู้เรียน
ความแตกต่างของการจัดการเรยี นการสอนโดยใชส้ อื่ บทเรียนโมดูลกับการสอนแบบบรรยาย

ความพึงพอใจต่อการฝึกอบรมครูอาชีวศึกษาผ่านเว็บ หมายถึง การวัดระดับความรู้สึก
ของผู้รับการฝึกอบรมหลังจากผ่านการฝึกอบรมครูอาชวี ศึกษาผ่านเว็บ เรื่อง การพัฒนาส่ือบทเรียนโมดลู
(Instructional Module) เพื่อการจัดการเรียนการสอน ในประเด็นต่างๆ ดังนี้ ขั้นตอนการฝึกอบรม
ผ่านเว็บ เนื้อหาการฝึกอบรม กิจกรรมในการฝึกอบรม เอกสารประกอบการฝึกอบรม วิดิทัศน์ประกอบ
การฝึกอบรม การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างวิทยากรและผู้ฝึกอบรม ความสะดวกในการใช้
เว็บฝึกอบรม ความรู้หลังการฝึกอบรม การนำความรู้จากการฝึกอบรมไปประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียน
การสอน การนำความรู้จากการฝกึ อบรมไปใช้ในการพฒั นาส่อื โมดูลเพื่อจัดการเรียนการสอน

11

บทที่ 2
การตรวจเอกสาร

เพื่อให้ได้เนื้อหาสาระและแนวคิดสำหรับใช้ในการวิจัย เรื่อง การฝึกอบรมครูอาชีวศึกษา
ผ่านเว็บ เรื่อง การพัฒนาสื่อบทเรียนโมดูล (Instructional Module) เพื่อการจัดการเรียนการสอน
ผู้วจิ ยั ไดศ้ ึกษาเอกสารและงานวจิ ัยที่เก่ยี วข้อง ในประเด็นตา่ ง ๆ ดงั ต่อไปน้ี

1. ทฤษฎกี ารเรียนรทู้ ใ่ี ช้ในการพัฒนาเว็บฝึกอบรม
1.1 ทฤษฎกี ารเรยี นรขู้ อง โรเบริ ์ต กาเย่
1.2 การเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง (Self-Directed Learning)

2. เว็บฝึกอบรม
2.1 ความหมายของเวบ็ ฝึกอบรม
2.2 การออกแบบเว็บฝกึ อบรม
2.3 การพฒั นาเวบ็ ฝึกอบรม
2.4 การหาประสทิ ธิภาพเว็บฝกึ อบรม
2.5 ข้อดีและขอ้ จำกดั ของการฝึกอบรมผา่ นเวบ็

3. แนวคิดและทฤษฎที ี่เกย่ี วขอ้ งบทเรยี นโมดลู
3.1 ความหมายของบทเรยี นโมดูล
3.2 ลักษณะของบทเรียนโมดูล
3.3 ประโยชนข์ องบทเรียนโมดูล
3.4 องคป์ ระกอบของบทเรียนโมดลู
3.5 การสร้างบทเรยี นโมดลู

12

4. งานวิจัยทเี่ กย่ี วข้อง

4.1 งานวจิ ยั ทเ่ี กีย่ วขอ้ งกับการฝกึ อบรมผ่านเวบ็

4.2 งานวจิ ัยทีเ่ กย่ี วขอ้ งกับการพฒั นาสือ่ บทเรยี นโมดูล

ทฤษฎกี ารเรยี นรทู้ ใี่ ชใ้ นการพฒั นาเวบ็ ฝกึ อบรม

ทฤษฎกี ารเรยี นรขู้ อง โรเบริ ต์ กาเย่

Gagne (1992) ได้เสนอรูปแบบที่เกี่ยวกับการออกแบบบทเรียน เพื่อสนับสนุนการเรียนรู้
โดยยึดหลักการนำเสนอเนื้อหาและจัดกิจกรรมการเรียนรู้จากการมีปฏิสัมพันธ์ เพื่อให้ผู้เรียนสามารถ
เรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้สิ่งเร้า สิ่งแวดล้อมภายนอก กระตุ้นผู้เรียนให้เกิดการเรียนรู้ และ
สังเกตพฤติกรรมการตอบสนองของผู้เรียน จัดลำดับเนื้อหาการเรียนรู้จากง่ายไปหายากเพื่อช่วยใน
การเรียนรู้ได้รวดเร็วและสามารถจดจำสิ่งที่เรียนได้นาน โดยมีหลักการออกแบบกระบวนการเรียน
การสอน นำเสนอเนอื้ หาและจดั กจิ กรรมการเรียนรูจ้ ากการมีปฏิสัมพนั ธ์ 9 ขนั้ ดงั นี้

1. เร่งเร้าความสนใจ (Gain Attention) เป็นขั้นที่ต้องการสร้างให้ผู้เรียนเกิดความสนใจใน
บทเรียน ซึ่งผู้สอนอาจใช้วิธีการต่าง ๆ เช่น การใช้กราฟิก ภาพเคลื่อนไหว หรือการใช้เสียงประกอบ
บทเรียนในส่วนนำ เพอื่ ใหผ้ ้เู รียนตนื่ ตัวและสนใจทีจ่ ะเรียนรู้

2. นำเสนอวัตถุประสงค์ (Specify Objective) เป็นขั้นตอนท่ีบอกให้ผู้เรียนทราบถึง
วัตถุประสงค์ของบทเรียน รวมถึงแนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนจะทำให้ผู้เรียนได้วางแผนการเรียนรู้
ของตนเองล่วงหน้า และยังสามารถเลือกบทเรียนและเนื้อหาเฉพาะในส่วนที่คนยังไม่เข้าใจทำให้ผู้เรียน
มีความรตู้ ามทีก่ ำหนดในวัตถปุ ระสงค์ของหลักสูตร

3. ทบทวนความรู้เดมิ (Activate Prior Knowledge) เพ่ือกระตนุ้ ความร้เู ดิมและชว่ ยให้เกดิ
การเชื่อมโยงความรู้ใหม่ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น การทบทวนความรู้เดิมบนเว็บ ส่วนใหญ่จะใช้การทดสอบ
ก่อนเรียน (Pre-test) หรืออาจเป็นการใช้กิจกรรมการถาม-ตอบคำถาม หรือ การแบ่งกลุ่มให้ผู้เรียน
อภิปรายหรอื สรปุ เนื้อหาทไี่ ดเ้ คยเรยี นมาแล้ว เปน็ ต้น

4. นำเสนอเนื้อหาใหม่ (Present New Information) สามารถทำได้หลายรูปแบบคือ
การเสนอเน้อื หาทเี่ ป็นข้อความ รปู ภาพ เสยี ง วีดิทัศน์ ซงึ่ การนำเสนอเนอื้ หาตอ้ งคำนงึ ถงึ

4.1 ความนา่ สนใจของเนือ้ หา
4.2 ความเหมาะสมกับความรู้ อายขุ องผเู้ รียน

13

4.3 ความถูกต้องของเน้ือหาตามหลกั สตู ร
4.4 สร้างความสะดดุ ตา หรือจุดเด่นให้กับเนือ้ หาท่ีตอ้ งการเน้น
4.5 การออกแบบเนอื้ หาใหม้ คี วามน่าสนใจ
4.6 ความยาวของบทเรียนเหมาะสม เรียงเน้อื หาจากงา่ ยไปยาก
4.7 การใช้ภาพประกอบที่สอดคล้องกับเนื้อหา มีแผนภูมิ ภาพ กราฟ ตาราง สัญลักษณ์
ภาพเคลื่อนไหว มีเสยี งประกอบ และจดั วางให้นา่ อ่าน

5. ชี้แนะแนวทางการเรียนรู้ (Guide Learning) คือ การค้นหาวิธีการในการกระตุ้นให้
ผู้เรียนนำความรู้เดิมมาใช้ในการศึกษาความรู้ใหม่ โดยใช้วิธีการต่าง ๆ เช่น การให้ตัวอย่าง และวิธีการ
ที่ทำให้ผู้เรียนหาเหตุผล และวิเคราะห์ หาคำตอบด้วยตนเอง เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ที่รวดเร็วและ
แมน่ ยำมากยงิ่ ขน้ึ

6. กระตุ้นการตอบสนองบทเรียน (Elicit Response) เป็นขั้นตอนที่ให้ผู้เรียนได้มีส่วนร่วม
ในกิจกรรมท่เี กย่ี วกบั บทเรียน ร่วมคดิ และร่วมตอบคำถาม สำหรับการจดั การเรียนการสอนบนเวบ็ ผู้เรียน
มีส่วนร่วมในกิจกรรมในบทเรียนได้หลายลักษณะ เช่น การตอบคำถาม การแสดงความคิดเห็น
และการปฏสิ ัมพันธ์กบั บทเรียน เปน็ ตน้

7. ใหข้ อ้ มูลยอ้ นกลบั (Provide Feedback) คอื การทีผ่ สู้ อนสามารถติดต่อสอื่ สารกับผู้เรียน
ได้โดยตรงอย่างใกล้ชิด เนื่องจากบทบาทของผู้สอนนั้นเปลี่ยนจากการเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้มาเป็น
ผู้ใหค้ ำแนะนำและชว่ ยเหลอื กำกับการเรยี นของผเู้ รยี นรายบคุ คล และด้วยความสามารถของอินเทอร์เน็ต
ทำให้ผู้เรียนและผู้สอนสามารถติดต่อกันได้สะดวกมากขึ้น ผู้สอนจึงสามารถติดตามก้าวหน้าและ
ให้ผลย้อนกลบั แก่ผู้เรียนแต่ละคนได้งา่ ยขึ้น

8.ทดสอบความรู้ใหม่ (Assess Performance) การทดสอบความรู้ความสามารถผู้เรียน
เป็นขั้นตอนที่สำคัญขั้นตอนหนึ่ง เนื่องจากช่วยให้ผู้เรียนและผู้สอนได้ทราบถึงระดับความรู้ความเข้าใจ
ที่ผู้เรียนมีต่อเนื้อหาในบทเรียนนั้นๆ การทดสอบความรู้ในบทเรียนบนเว็บสามารถทำได้หลายรูปแบบ
เช่น การทดสอบหลังบทเรียน (Post-test) ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ทดสอบความรู้ของตนเอง
และยังเป็นการวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนว่าผ่านเกณฑ์ที่กำหนดหรือไม่ เพื่อที่จะศึกษาในบทเรียนต่อไป
หรือต้องกลับไปศึกษาเนื้อหาเดิม นอกจากนั้นอาจใช้การจัดทำกิจกรรมการอภิปรายกลุ่มใหญ่หรือกลุ่ม
ย่อยเป็นตน้ ซงึ่ การทดสอบน้ผี ู้เรียนสามารถทำการทดสอบบนเวบ็ ผา่ นระบบเครอื ขา่ ยได้

14

9.การสรุปและนำไปใช้ (Review and Transfer) จัดว่าเป็นส่วนสำคัญในขั้นตอนสุดท้าย
ที่บทเรียนจะต้องสรุปเนื้อหาในประเด็นสำคัญ ๆ รวมทั้งข้อเสนอแนะต่าง ๆ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เรียน
ไดม้ โี อกาสทบทวนความรขู้ องตนเองหลังจากศึกษาเนอ้ื หาผา่ นมาแลว้ ในขณะเดยี วกันบทเรียนต้องชี้แนะ
เนื้อหาท่ีเก่ยี วขอ้ งหรอื ใหข้ ้อมูลอ้างอิงเพิ่มเติม เพอื่ แนะแนวทางให้ผูเ้ รยี นได้ศกึ ษาต่อในบทเรยี นถัดไปหรือ
นำไปประยกุ ต์ใช้กบั งานอน่ื ต่อไป

สรปุ ได้วา่ กระบวนการเรียนการสอนของ โรเบิรต์ กาเย่ เป็นกระบวนการออกแบบบทเรียน
ที่ผู้เรียนและผู้สอนมีปฏิสัมพันธ์กัน โดยผู้เรียนนำความรู้ใหม่ที่ได้รับเชื่อมโยงกับความรู้เดิม โดยต้องมี
การให้ข้อมูลย้อนกลับ เพื่อสามารถช่วยเหลือดูแลผู้เรียนได้ทันท่วงทีและเป็นการตรวจสอบผล
การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนวา่ เป็นไปตามวตั ถุประสงค์หรือไม่

การเรียนรู้ดว้ ยตนเอง (Self-Directed Learning)

มีนักการศึกษาหลายท่าน ได้ให้ความหมายของการเรียนรู้ด้วยตนเอง (Self - Directed
Learning) ไว้สอดคลอ้ งกัน ดังน้ี

ทิศนา แขมมณี (2552) กล่าวว่า การเรียนรู้ด้วยตนเองหมายถึง การให้โอกาสผู้เรียน
วางแผนการเรียนรู้ด้วยตนเอง ซึ่งครอบคลุมการวินิจฉัยความต้องการในการเรียนรู้ของตน
การตั้งเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ของการเรียนรู้ การเลือกวิธีการเรียนรู้ การแสวงหาแหล่งความรู้
การรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล รวมทั้งการประเมินตนเอง โดยผู้สอนอยู่ในฐานะกัลยาณมิตร
ทำหน้าที่กระตุ้นและให้คำปรึกษาผู้เรียนในการวินิจฉัยความต้องการ กำหนดวัตถุประสงค์ ออกแบบ
แผนการเรียนและจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ แหล่งข้อมูล รวมทั้งร่วมเรียนรู้ไปกับผู้เรียนและติดตาม
ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ของผ้เู รยี นดว้ ย

สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (2561) กล่าววา่ การเรยี นร้ดู ้วยตนเอง คือ กระบวนการ
เรียนรู้ที่ผู้เรียนริเริ่มการเรียนรู้ด้วยตนเอง ตามความสนใจ ความต้องการ และความถนัด มีเป้าหมาย
รู้จักแสวงหาแหล่งทรัพยากรของการเรียนรู้เลือกวิธีการเรียนรู้ จนถึงการประเมินความก้าวหน้าของ
การเรียนรู้ของตนเอง โดยจะดำเนินการด้วยตนเองหรือร่วมมือช่วยเหลือกับผู้อื่นหรือไม่ก็ได้ การเรียนรู้
ด้วยตนเอง อาจเกิดจากสถานการณ์การเรียนรู้ต่าง ๆ ต่อไปนี้ 1) การเรียนรู้ด้วยตนเองเป็นการเรียน
ที่เกิดจากความอยากรู้ อยากเห็น ผู้เรียนวางแผนการเรียนรู้ด้วยตนเอง 2) การเรียนรู้ที่จัดโดย
สถาบันการศึกษา โดยมีกลุ่ม/บุคคลจัดและกำกับดูแล มีการสอบให้คะแนน ให้ปริญญาและ
ประกาศนียบตั ร เม่อื ผ่านการประเมิน 3) การเรยี นรจู้ ากกลุ่มแบบไม่เป็นทางการ คอื การช่วยเหลือซ่ึงกัน

15

และกัน (Collaborative) 4) การเรียนรู้โดยบังเอิญ อาจเป็นผลพลอยได้จากเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง
โดยท่ผี เู้ รียนมไิ ดเ้ จตนา

กองการฝึกอบรม กรมที่ดิน (2559) กล่าวว่า การเรียนรู้ด้วยตนเอง คือ การที่ผู้เรียน
ได้เรียนรู้ตามความสนใจ ตามความต้องการของตน โดยวิธีที่ตนเองถนัดทำให้ความรู้ที่ได้มีความหมาย
เป็นความรู้ที่คงทน เพราะเกิดจากการได้ลงมือปฏิบัติและคิดวางแผนในการเรียนรู้อย่างเป็นระบบ
ด้วยตัวของผู้เรียนเองเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้เรียนพัฒนาสติปัญญา ความมีเหตุผล ความคิดที่เป็นระบบ
ระเบียบ ไม่ยอมรบั หรือเช่อื สง่ิ ใดง่าย ๆ หากยงั ไมไ่ ด้พิสูจนห์ รอื คดิ หาเหตุผลประกอบ

จากการให้ความหมายของนักการศึกษาข้างต้นสรุปได้ว่า การเรียนรู้ด้วยตนเอง หมายถึง
กระบวนการเรียนรู้ที่ทำให้ผู้เรียนใช้ความรู้และความสามารถในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง มีความ
รับผดิ ชอบต่อการเรียนของตนเอง วางแผนและกำหนดกจิ กรรมการเรยี นรู้ เลือกแหล่งข้อมลู เลือกวิธีการ
เรียนรู้และประเมินผลด้วยตนเอง โดยอาจปรึกษาหรือขอความช่วยเหลือจากผู้สอน โดยผู้สอนมีบทบาท
ในการกระตุ้นและให้คำปรึกษาผู้เรียน ออกแบบแผนการเรียนและจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ แหล่งข้อมูล
รวมถึงการตดิ ตามประเมนิ ผลการเรียนรูข้ องผูเ้ รยี น

เตือนใจ โพธิ์สุ (2557) อ้างถึงใน ชณวรรต ศรีลาคำ และ พัฒนา สอดทรัพย์ (2561) และ
รุ่งอรณุ ไสยโสภณ (2552) ได้กลา่ วถงึ ลักษณะของการเรยี นรูด้ ้วยตนเองไวส้ อดคล้องกนั สรปุ ไดด้ ังนี้

1. เป็นการเรียนท่ีผู้เรียนสมัครใจทจี่ ะเรียนรู้ด้วยตนเอง (Voluntarily to Learn) มีเจตนา
ทจ่ี ะเรยี นด้วยความอยากรู้ ซึ่งจะทำใหเ้ กดิ การเรียนไดอ้ ย่างมีประสิทธภิ าพ

2. ใช้ตนเองเป็นแหล่งข้อมูลของตนเอง (Self-Resourceful) นั่นคือผู้เรียนสามารถบอกได้
ว่าสิ่งที่ตนจะเรียนคืออะไร รู้ว่าทักษะและข้อมูลที่ต้องการหรือจำเป็นต้องใช้มีอะไรบ้าง สามารถใช้เวลา
ในการทำความเขา้ ใจบทเรียนไดเ้ ตม็ ที่ มีการรบั ผิดชอบต่อหน้าท่ีและบทบาทในการเปน็ ผเู้ รียนรทู้ ี่ดี

3. รู้ "วิธกี ารทจี่ ะเรยี น" (Know how to Lean) นน่ั คือ ผเู้ รียนควรทราบข้ันตอนการเรียนรู้
ของตนเอง รู้ว่าเขาจะไปสู่จุดที่ทำให้เกิดการเรียนรู้ได้อย่างไร โดยแบบเรียนที่ผู้เรียนเรียนรู้ด้วยตนเอง
ต้องแจ้งวัตถุประสงค์ในแต่ละบทเรียนให้ชัดเจน ซึ่งเมื่อผู้เรียนสามารถตอบข้อคำถามของบทเรียน
ตามวตั ถุประสงค์ที่กำหนดได้ท้ังหมด แสดงว่าผเู้ รียนมคี วามรแู้ ละเข้าใจบทเรยี นนนั้ ๆ

4. มีบุคลิกภาพเชิงบวก มีแรงจูงใจ และการเรียนแบบร่วมมือกับเพื่อนหรือบุคคลอื่น
ตลอดจนการให้ข้อมูล (Charismatic Organizational Player) ในเชิงบวกเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม
ในการเรียน

16

5. มีระบบการเรียนและการประยุกต์การเรียน และ มีการชื่นชมและสนุกสนานกับ
กระบวนการเรียน (Responsible Consumption) ซึ่งการมีปฏิสัมพันธ์กันขณะเรียนระหว่างผู้เรียนกับ
ผู้สอน ซึ่งจะช่วยให้ผู้เรียนสนุกกับการเรียนโดยผู้สอนอาจชี้แนะหรือให้คำปรึกษา และร่วมวางแผนและ
จดั กิจกรรมในการเรียนใหก้ ับผู้เรียน

6. มีการเรียนจากข้อผิดพลาดและความสำเร็จ การประเมินตนเองและความเข้าใจถึง
ศักยภาพของตน (Feedback and Reflection) โดยบทเรียนสำหรับการเรียนรู้ด้วยตนเอง ต้องมี
แบบทดสอบ เพื่อใช้วัดผลการเรียนให้เป็นไปตามที่กำหนดในวัตถุประสงค์หรือ ไม่ มีผลการเรียนผ่าน/ไม่
ผ่านเกณฑ์

7. มีความพยายามในการหาวิธีการใหม่ๆ ในการหาคำตอบ การประยุกต์ความรู้ที่ได้
จากการเรียนไปใช้กับสถานการณ์ของแต่ละบุคคล การหาโอกาสในการพัฒนา และค้นหาข้อมูลเพ่ือ
แกป้ ัญหา (Seeking and Applying)

8. มีการชี้แนะ การอภิปรายในห้องเรียน การแสดงความคิดเห็นส่วนตัวและการพยายาม
มคี วามเหน็ ทแ่ี ตกตา่ งไปจากผูส้ อน (Assertive Learning Behavior)

9. มีการรวบรวมข้อมูลจากการได้ปฏิสัมพันธ์กับบุคคลและมีวิธีการนำข้อมูลที่ได้ไปใช้
(Information Gathering)

จากแนวคิดดังกล่าวสรุปได้ว่า ลักษณะการเรียนรู้ด้วยตนเอง ผู้เรียนจะต้องสมัครใจที่จะ
เรียนรู้ด้วยตนเอง โดยมีการกำหนดเป้าหมายและรูปแบบในการเรยี นรู้ด้วยตัวเอง รู้จักประยุกต์ใช้วิธีการ
ทเ่ี กิดขึ้นในสถานการณต์ ่างๆ ในชวี ิตประจำวนั กบั การเรียนรู้ ท้ังจากตนเองและผู้อนื่

เวบ็ ฝึกอบรม

ความหมายของเวบ็ ฝกึ อบรม

ปัจจุบันมมีการให้ความสำคัญและนำเว็บมาใช้ประโยชน์ทางการศึกษา ซึ่งเว็บฝึกอบรม
(Web-based Training: WBT) เป็นการจัดการอบรมรูปแบบหนึ่ง ที่นำคุณสมบัติต่างๆ ของเครือข่าย
อินเทอร์เน็ตมาสนับสนุนในการจัดการอบรมและแก้ไขข้อจำกัดต่าง ๆ ของการฝึกอบรมท่ีเกิดขึ้น
เช่น ข้อจำกัดทางด้านเวลาและสถานที่ ช่วยให้การอบรมเกิดประสิทธิภาพสูงสุดและคุ้มค่ามากที่สุด
โดยมีนกั วิชาการได้ให้ความหมายของเว็บฝึกอบรม ไว้ดังน้ี

17

Driscoll (1997) ได้กล่าวถึงการนำเว็บมาใช้ในการฝึกอบรมประกอบด้วย 2 ประเภท คือ
แบบทเ่ี ปน็ ตวั หนังสอื อย่างเดียว และแบบมัลตมิ ีเดีย โดยการฝึกอบรมแบบตัวหนงั สอื อยา่ งเดยี วมเี คร่ืองมือ
ได้แก่ ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ กระดานข่าว การถ่ายโอนโปรแกรม และเว็บฝึกอบรม (Web-based
Training) มี 4 ชนดิ ด้วยกนั คอื

1) การฝกึ อบรมบนเวบ็ (Web Computer Based Training)

2) การฝึกอบรมภายในหน่วยงาน (Web based Employee Performance Support:
EPSS)

3) การฝึกอบรมในห้องท่ีเหมือนจริงเรียนต่างเวลากนั (Asynchronous Virtual
Classroom)

4) การอบรมในหอ้ งฝึกอบรมเรียนในเวลาเดียวกัน (Synchronous Virtual Classroom)

Kilby (2001) ได้ให้ความหมายของการฝึกอบรมผ่านเว็บว่า เป็นการเรียนทางไกล
ทนี่ ำเสนอผ่านเครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์ โดยใช้เวบ็ บราวเซอรเ์ ป็นตวั จัดการ ผูอ้ บรมสามารถอบรมดว้ ยตนเอง
ได้ทุกทที่ กุ เวลาทีต่ นตอ้ งการ

ธนากร วงศ์เจริญ (2560) ได้กล่าวไว้ว่า เว็บฝึกอบรม หมายถึง การฝึกอบรมผ่านเว็บที่เปน็
การสอนรายบุคคลทส่ี ่งข้อมลู แบบสาธารณะ หรอื แบบสว่ นตัว ดว้ ยคอมพิวเตอร์ และแสดงผลด้วยหน้าจอ
ของเว็บ โดยที่ไม่ได้ถ่ายทอดข้อมูลในแบบการอบรมผ่านคอมพิวเตอร์ (Computer Based Training-
CBT) แต่เป็นตามความต้องการในการอบรม โดยการเก็บข้อมูลในแหล่งจัดเก็บ และเข้าถึงข้อมูลได้
โดยระบบเครือข่าย การฝึกอบรมผ่านเว็บสามารถปรับเปลี่ยนข้อมูลให้ทันสมัยได้รวดเร็วและการเข้าถึง
ข้อมูลการอบรม ควบคุมได้โดยผู้ออกแบบการอบรมในการอบรมแบบเสมือนจริงผ่านเครือข่ายที่เรียกว่า
การเรียนผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Training นั้น เป็นการเรียนรู้ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต หรือ
อินทราเน็ต ซ่งึ เปน็ การเรยี นรดู้ ้วยตนเองท่ีผ้เู รียนสามารถเรียนรู้ได้ตามความสามารถ และความสนใจของ
ตนเอง โดยนำเสนอเนื้อหาในลักษณะ ข้อความ รูปภาพ เสียง วีดิทัศน์ และมัลติมีเดียแบบต่าง ๆ เท่าท่ี
เทคโนโลยีในปจั จุบันสามารถสรา้ งสรรคไ์ ด้

ธีรชั ดวงจโิ น (2563) กล่าวว่า เว็บฝึกอบรม เป็นการจดั สภาพการอบรมท่ไี ดร้ บั การออกแบบ
อย่างเป็นระบบเพื่อการนำเสนอความรู้ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ผู้อบรมสามารถเข้าอบรมได้ทุกที่
ทุกเวลาที่ตนเองต้องการ เพื่อการสนับสนุนและส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ

18

ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย เพิ่มทักษะในการทำงานและยังช่วยขจัดอุปสรรคและปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น
จากการฝึกอบรมแบบเดมิ

กล่าวโดยสรุปได้ว่า เว็บฝึกอบรม หมายถึง การนำเสนอความรู้ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
ซึ่งเป็นการเรียนรู้ด้วยตนเองที่ผู้เข้าอบรมสามารถเรียนรู้ได้ตามความสามารถ และความสนใจของตนเอง
โดยนำเสนอเนื้อหาในลักษณะ ข้อความ รูปภาพ เสียง วีดิทัศน์ และมัลติมีเดียแบบต่าง ๆ ซึ่งผู้รับ
การอบรมสามารถเข้าอบรมได้ทุกที่ ทุกเวลาที่ตนเองต้องการ เป็นการสนับสนุนและส่งเสริมให้เกิดการ
เรียนรู้อย่างมีประสิทธภิ าพ ช่วยประหชัดค่าใชจ้ ่าย เพิ่มทักษะในการทำงานและขังช่วยขจัดอุปสรรคและ
ปญั หาต่าง ๆ ที่เกิดข้นึ จากการฝึกอบรมแบบเดิม

การออกแบบเวบ็ ฝึกอบรม

การออกแบบเว็บฝึกอบรมนั้นมีส่วนสำคัญท่ีส่งผลต่อประสิทธิภาพการเรียนรู้ของผู้รับ
การอบรม ซ่ึงสง่ิ ทคี่ วรคำนงึ ในการสรา้ งและออกแบบเวบ็ ฝึกอบรม มีดงั นี้ (ยพุ วลั ย์ ทองใบออ่ น, 2557)

1. ความต้องการของผ้เู รียนหรือผเู้ ขา้ รบั การฝึกอบรม

2. เนื้อหาสาระที่ใช้ในการอบรมผ่านเว็บ ควรเป็นเนื้อหามีความสมบูรณ์ ถูกต้อง เชื่อถือได้
มีความชดั เจน กระชับ และเหมาะสมกับผรู้ บั การอบรม

3. รูปแบบการเรยี นการสอนผา่ นเวบ็

4. ดงึ ดูดความสนใจจากผู้รับการอบรม ไดแ้ ก่ ความนา่ สนใจของเว็บ รปู แบบในการนำเสนอ
ขอ้ มลู สือ่ ที่ใช้ประกอบการนำเสนอเป็นต้น

นอกจากนั้นการออกแบบการเรียนการสอนผ่านเว็บยังต้องคำนึงถึงคุณลักษณะสำคัญของ
เวบ็ ที่เอ้ือประโยชน์ตอ่ การจดั การเรียนการสอนมีอยู่ 8 ประการ (ถนอมพร เลาหจรัสแสง, 2544 อา้ งถึงใน
วรทั พฤกษากลุ นันท์, 2550) ไดแ้ ก่

1. เปิดโอกาสให้เกิดการปฏิสัมพันธ์ (Interactive) ระหว่างผู้เรียนกับผู้สอนและผู้เรียน
กับผู้เรยี น หรือผ้เู รยี นกับเนือ้ หาบทเรียน

2. การนำเสนอเนื้อหา ในรูปแบบของสือ่ ประสม

3. เป็นเว็บระบบเปดิ (Open System) ซ่งึ อนญุ าตใหผ้ ูใ้ ชม้ อี ิสระในการเข้าถึงข้อมลู

19

4. มที รัพยากรเพอื่ การสบื คน้ ออนไลน์ (Online Search/Resource)

5. ไม่มีข้อจำกัดทางสถานที่และเวลาของการสอนบนเว็บ (Device, Distance and Time
Independent) ผู้เรียนที่มีคอมพิวเตอร์ ซึ่งต่อเข้ากับอินเทอร์เน็ต จะสามารถเข้าเรียนจากสถานที่และ
เวลาใดก็ได้

6. ผู้เรียนเป็นผู้ควบคุม (Learner Controlled) ผู้เรียนสามารถเรียน ตามความพร้อม
ความถนดั และความสนใจของตน

7. มีความสมบูรณ์ในตนเอง (Self- contained) ทำให้เราสามารถจัดกระบวนการเรียน
การสอนทง้ั หมดผา่ นเวบ็ ได้

8. มีการติดต่อสื่อสาร ทั้งแบบเวลาเดียว (Synchronous Communication) เช่น
Chat และต่างเวลากัน (Asynchronous Communication) เชน่ Web Board เปน็ ต้น

การพัฒนาเว็บฝึกอบรม

การพัฒนาการฝึกอบรมผ่านเว็บให้มีประสิทธิภาพและคุณภาพนั้น คือ การพัฒนาเว็บ
ฝึกอบรมให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้ฝึกอบรมได้ ดังที่ Web-based Training
Information Center (2007) กล่าวว่า ความสำเร็จของการฝึกอบรมผ่านเว็บคือ การพัฒนาระบบ
การจัดการเรียนการสอน (Instructional System Design/Development: ISD) ให้ตอบสนองต่อความ
ตอ้ งการของผ้ฝู กึ อบรม

โดยโมเดลที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง คือ ADDIE Model พัฒนาโดย Seels and
Glasgow (1998) ซึ่งเป็นโมเดลการออกแบบระบบการสอนทั้งในระบบใหญ่ และสามารถนำมาใช้
ในพัฒนาการเรียนการสอนผ่านเว็บได้เป็นอย่างดี เนื่องจากในขั้นตอนการพัฒนามีลักษณะที่ยืดหยุ่น
ช่วยในการสร้างรูปแบบและกำหนดสื่อการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีขั้นตอนสำคัญ 5 ขั้นตอน
ดงั น้ี

1. ขัน้ การวิเคราะห์ (A: Analysis) เปน็ ข้ันตอนพน้ื ฐานของทุกข้ันตอน ได้แก่ วเิ คราะห์ความ
จำเป็น (Needs Assessment) วิเคราะห์ผู้เรียน (Learner Analysis) วิเคราะห์ทรัพยากร (Resources)
วเิ คราะหเ์ นื้อหา (Task Analysis) ผลของการวิเคราะห์ในข้ันนีจ้ ะนำไปสขู่ ้ันตอนการออกแบบต่อไป

2. ขั้นการออกแบบ (D: Design) เป็นการกำหนดวัตถุประสงค์ กำหนดเนื้อหาบทเรียน
(Subject Matter) กำหนดเครื่องมือวัดประเมินผล กำหนดกลยุทธ์การสอนการจัดสภาพแวดล้อม

20

การเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนรู้ ออกแบบสื่อ (Media Selection/Design) ซึ่งต้องมีการออกแบบอย่าง
เปน็ ระบบ ซง่ึ มขี ้ันตอนดังน้ี

2.1 การออกแบบบทเรยี น ไดแ้ ก่ วตั ถุประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม เนอื้ หา แบบทดสอบก่อนเรียน
(Pre-test) สอ่ื กิจกรรม วธิ ีการนำเสนอ และแบบทดสอบหลังเรยี น (Post-test)

2.2 การออกแบบผังงาน และการออกแบบบทดำเนินเรื่อง

2.3 การออกแบบหน้าจอ หมายถึง การจัดพื้นที่ของหน้าจอภาพเพื่อใช้นำเสนอเนื้อหาภาพ
และองค์ประกอบอื่น ๆ ได้แก่ ความละเอียดภาพ การจัดพื้นที่ในการนำเสนอแต่ละหน้าจอภาพ รูปแบบ
ขนาดและสีของตัวอักษร สีของพื้นหลัง และส่วนอื่น ๆ รวมทั้งการกำหนดส่วนที่เป็นสิ่งอำนวย
ความสะดวกในการใช้บทเรียน

3. ขั้นการพัฒนา (D: Development) เป็นขั้นตอนของการสร้างเว็บฝึกอบรม สร้างเนื้อหา
ผลิตสื่อ กิจกรรม สร้างแบบวัดและประเมินผล ทดลองใช้เพื่อหาข้อผิดพลาดและปรับปรุงแก้ไข
กอ่ นนำไปใช้

4. ขั้นการนำไปใช้ (I: Implementation) เป็นขั้นตอนของการเรียน การฝึกอบรม สำหรับ
วัตถปุ ระสงค์ในขั้นตอนน้ีคือ การทำใหผ้ เู้ รยี นหรือผ้เู ข้ารับการอบรมเกิดความรู้ ความเข้าใจ มีการส่งเสริม
และสนบั สนนุ ให้ผู้เรยี นหรอื ผู้เข้ารบั การอบรมสามารถเรียนรไู้ ด้บรรลุตามวตั ถปุ ระสงค์ที่ไดต้ ั้งไว้

5. ขั้นการประเมิน (E: Evaluation) เป็นการประเมินประสิทธิผลของการจัดการเรียน
การสอน หรือการฝกึ อบรม ประกอบดว้ ย การประเมินก่อนการอบรม ระหวา่ งการอบรม และการประเมิน
หลังการอบรม เพอ่ื นำผลการประเมินไปพัฒนางานในครง้ั ต่อไป

Ritchie and Hoffman (1997) ได้เสนอแนะว่า ในการออกแบบสื่อเพื่อให้เกิดการเรียนรู้
ทดี่ ีทีส่ ุด ควรอาศัยกระบวนการพฒั นา 7 ขน้ั ดังนี้

1. สรา้ งแรงจูงใจใหแ้ กผ่ เู้ รียน โดยการใช้ภาพกราฟิกขนาดใหญ่ท่ไี ม่ซับซ้อน ภาพเคล่ือนไหว
ท่ีมีสีโดดเด่นและเสียงประกอบเพื่อกระตุ้นให้อยากเรียนรู้ และหากมีการเชื่อมโยงไปยังเว็บอื่น ๆ
ท่เี กีย่ วข้องกบั เน้ือหาก็จะทำให้นา่ สนใจมากยงิ่ ข้นึ

2. บอกวัตถุประสงค์ของการเรยี น เพื่อให้ผู้เรียนรูถ้ ึงเนื้อหา วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรมและ
วัตถุประสงค์ทั่วไป ซึ่งต้องใช้คำสั้น ๆ หรือกราฟิกง่าย ๆ เช่น กรอบหรือลูกศรเพื่อแสดงวัตถุประสงค์
ใหน้ า่ สนใจยงิ่ ขนึ้

21

3. ทบทวนความรู้เดิม เพื่อเตรียมผู้เรียนให้พร้อมกับการรับความรู้ใหม่ ซ่ึงการทบทวนน้ี
อาจไม่ใช้การทดสอบก็ได้ การกระตุ้นให้ผู้เรียนนึกถึงความรู้ที่ตนเองเคยเรียนมาก่อนโดย ใช้การพูด
ข้อความ ภาพ หรือหลาย ๆ อย่างผสมกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเนื้อหาบทเรียน อย่างไรก็ตาม ผู้ออกแบบ
ตอ้ งทราบภมู ิหลงั ของผูเ้ รยี นและทัศนคตขิ องผู้เรียน เป็นประการสำคัญอีกดว้ ย

4. ความกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้ของผู้เรียน เป็นสิ่งสำคัญที่ก่อให้เกิดการเรียนรู้ที่ดี
ผู้ที่มีความตัง้ ใจและกระตือรือร้น จะรับความรู้ไดด้ ีกว่าผู้ท่ีมีลักษณะเฉื่อย ดังนั้น ผู้ออกแบบเว็บฝึกอบรม
จงึ ควรหาเทคนิคที่ใชก้ ระตุน้ ผูเ้ รียนใหน้ ำความรู้เดมิ มาใชใ้ นการศึกษาความรู้ใหม่ เช่น การนำเสนอเน้ือหา
ก็ตอ้ งเน้นความสัมพนั ธ์กับประสบการณ์เดิมของผู้เรียน จึงจะทำใหผ้ ู้เรยี นมีความจำดี การนำเสนอเน้ือหา
ควรเริม่ จากมมุ กวา้ งแลว้ คอ่ ย ๆ รวบให้แคบลง และมีการใชข้ ้อความกระตุ้นให้ผู้เรยี นคิด ควบคไู่ ปด้วย

5. ให้คำแนะนำและให้ข้อมูลย้อนกลับ จะทำในระหว่างที่ผู้เรียนศึกษาอยู่ในเว็บ เพื่อเป็น
การกระตุ้นความสนใจ และทำให้ผู้เรียนทราบความก้าวหน้าในการเรียนของตนเอง เปิดโอกาสให้ผู้เรียน
มีสว่ นในการคิด การทำกิจกรรม การถาม-ตอบ ควรให้ผเู้ รยี น ได้ตอบสนองหรือตอบคำถามเป็นคร้ังคราว
ผ่านวิธีการต่าง ๆ เช่น เติมคำหรือข้อความในช่องว่าง จับคู่ ทำแบบฝึกหัดแบบปรนัยที่ใช้โปรแกรม
CGI (Common Gateway Interface)

6. การทดสอบ เป็นการประเมินว่าผู้เข้าอบรมได้รับความรู้อะไรบ้างหลังจากเรียนจบ
ซึ่งแบบทดสอบมีทั้งแบบออนไลน์หรือออฟไลน์การทดสอบสามารถทำได้ทั้งการทดสอบระหว่างเรียน
หรือการทดสอบท้ายบทเรียน การสร้างข้อสอบควรคำนึงถึงความแม่นยำและความเชื่อถือได้รวมท้ัง
ต้องยึดความตรงและสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของบทเรียน ทั้งข้อสอบ คำตอบและข้อมูลย้อนกลับ
ควรอย่ใู นกรอบเดยี วกันและแสดงต่อเนือ่ งกัน ควรมคี ำช้ีแจงที่ชัดเจนท่บี อกให้ผเู้ รยี นทราบ

7. การนำความรู้ไปใช้ เป็นการให้ผู้เรียนทราบว่าความรู้ใหม่มีส่วนสัมพันธ์กับความรู้เดิม
อย่างไร และสถานการณ์ใดที่จะนำความรู้ใหม่ไปใช้ รวมถึงแหล่งข้อมูลอ้างอิงที่เป็นประโยชน์และ
ใช้ในการคน้ คว้าตอ่

พนารี สายพัฒนา (2551) กล่าวว่า การพัฒนาเว็บฝึกอบรมให้มีคุณภาพและประสิทธิภาพ
ต้องสามารถตอบสนองความต้องการของผู้เขา้ อบรมได้ ซึง่ ข้นั ตอนการพฒั นาเวบ็ มีดังน้ี

1. การวเิ คราะหค์ วามต้องการ

2. การวเิ คราะห์ผ้เู รยี น

22

3. การวิเคราะห์ศกั ยภาพด้านเทคโนโลยีที่มีอยู่
4. การออกแบบรูปแบบการปฏิสมั พนั ธ์
5. การทดสอบระบบปฏิสมั พันธ์
6. การกำหนดมาตรฐานของระบบและการออกแบบรูปแบบในการนำเสนอเนื้อหา
7. การสรา้ งต้นแบบของเว็บ
8. การออกแบบรูปแบบการจัดการเรียนการสอน
9. การออกแบบและกำหนดส่อื ต่าง ๆ ในระบบการฝึกอบรมผา่ นเวบ็
10. การจัดระบบเอกสารในเวบ็
11. การรา่ งและกำหนดระบบการใหบ้ รกิ าร
12. การออกแบบระบบบำรุงรกั ษา
13. การออกแบบระบบผู้ดูแลรกั ษาเวบ็
14. การออกแบบระบบการประเมนิ และการนำเสนอขอ้ มลู
จากการศึกษาเอกสารเก่ียวกับการพัฒนาเว็บฝึกอบรม พบวา่ ADDIE Model มีข้ันตอนการ
พัฒนาเว็บฝึกอบรมที่สอดคล้องเหมาะสมกับการพัฒนาเว็บฝึกอบรม ผู้วิจัยจึงเลือกใช้ ADDIE Model
เป็นทฤษฎีในการพัฒนาเว็บฝึกอบรบครูอาชีวศึกษา เรื่องการพัฒนาสื่อบทเรียนโมดูล (Instructional
Module) เพอื่ การจดั การเรียนการสอน
การหาประสทิ ธิภาพเวบ็ ฝึกอบรม
ชัยยงค์ พรหมวงศ์ (2556) กล่าวว่า การผลิตสื่อและชุดการสอนต้องทำการทดสอบ
ประสทิ ธิภาพก่อนนำไปใชเ้ พ่ือดวู า่ ส่ือหรือชุดการสอนมีประสทิ ธภิ าพ คอื ต้องทำใหผ้ ูเ้ รยี นมีความรู้เพ่ิมขึ้น
มีกระบวนการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพและมีความสัมพันธ์กับผลลัพธ์ ผู้เรียนพึงพอใจการทดสอบ
ประสิทธิภาพ เป็นการนำส่ือหรือชุดการสอนไปดำเนินการใน 2 ขั้นตอน คือ ทดสอบประสิทธิภาพการใช้
(Try Out) และทดสอบประสิทธิภาพสอนจริง (Trial Run) เพื่อหาคุณภาพสื่อใน 3 ด้าน คือ การทำให้
ผู้เรียนความรู้เพิ่มขึ้น การช่วยให้ผู้เรียนผ่านกระบวนการเรียนและทำแบบประเมินสุดท้ ายได้ดี
และการทำใหผ้ เู้ รียนมีความพึงพอใจ

23

เกณฑ์การวดั ประสิทธภิ าพเวบ็ ฝกึ อบรม

เกณฑ์การวัดประสิทธิภาพของเว็บการฝึกอบรม กำหนดเป็นร้อยละของคะแนนเฉลี่ยที่ได้
จากการทำแบบฝึกหัดหรือทำกิจกรรมระหว่างเรียนในบทเรียนนั้นต่อร้อยละของคะแนนเฉลี่ยที่ได้
จากการทำแบบทดสอบหรือการทำกิจกรรมหลังเรียนเนื้อหาครบถ้วนแล้ว นั่นคือ E1/E2 เช่น กำหนด
เกณฑ์มาตรฐาน 80/80 หมายความว่า เมื่อผู้เรียนเรียนด้วยการฝึกอบรมบนเว็บนี้แล้ว ผู้เรียนสามารถ
ทำแบบฝึกหัดได้ถูกต้องเฉลี่ยร้อยละ 80 และ สามารถทำแบบทดสอบหลังเรียนได้ถูกต้องร้อยละ 80
การกำหนดเกณฑ์ประสิทธิภาพกระทำได้ โดยการประเมินผลพฤติกรรมของผู้เรียน 2 ประเภท คือ
(ชยั ยงค์ พรหมวงศ,์ 2556)

1. ประเมินพฤติกรรมต่อเนื่อง คือ การประเมินผลต่อเนื่องซึ่งประกอบด้วย พฤติกรรมย่อย
หลาย ๆ พฤติกรรม เรียกว่า "กระบวนการ" (Process) ของผู้เรียน ที่สังเกตจาการประกอบกิจกรรมกลมุ่
และรายงานบุคคลได้แก่ การทำงานที่ได้รับมอบหมาย และงานที่ผู้สอนกำหนดไว้โดยกำหนด
ค่าประสทิ ธภิ าพ E1

2. ประเมินพฤติกรรมขั้นสุดท้ายคือ ประเมินผลลัพธ์ (Product) ของผู้เรียน โดยพิจารณา
จากการสอบหลงั เรยี น และการสอบไล่ โดยกำหนดค่าประสิทธภิ าพ E2 ประสทิ ธิภาพของส่ือจะเป็นเกณฑ์
ที่ผู้สอนคาดหมายว่า ผู้เรียนจะเปล่ียนพฤติกรรมให้เป็นที่พึงพอใจ โดยกำหนดใหเ้ ป็นร้อยละของผลเฉล่ีย
ของคะแนนการทำงาน และการปฏิบัติกิจกรรมของผู้เรียนทั้งหมดต่อร้อยละของผลการสอบหลังเรียน
ของผู้เรียนทง้ั หมด นัน่ คอื E1/ E2 คอื ประสทิ ธภิ าพของกระบวนการ/ประสิทธภิ าพของผลลัพธ์

การกำหนดเกณฑ์ E1/ E2 ให้มีค่าเท่าใดขึ้นอยู่กับการพิจารณาของผู้สอน โดยทั่วไป
การกำหนดเกณฑ์เนื้อหาที่เป็นความรู้ ความจำ จะตั้งไว้เกณฑ์ที่ 90/90, 85/85, 80/80 สำหรับเนื้อหา
ที่เป็นทักษะ หรือความคิด ความรู้สึก ที่ต้องใช้เวลาฝึกฝนและพัฒนานาน ไม่สามารถทำให้ถึงเกณฑ์
ในขณะเรียนได้ ใหต้ ง้ั เกณฑ์ต่ำไดท้ ี่ 75/75 สำหรบั คา่ ทไ่ี ด้จากการทดสอบประสิทธภิ าพ หากต่ำกว่าเกณฑ์
ไม่เกิน 2.5% ให้ยอมรับว่าสื่อนั้นมีประสิทธิภาพ และหากค่าที่ได้ต่ำกว่าเกณฑ์มากกว่า -2.5 ให้ปรับปรุง
และทดสอบซ้ำ โดยไม่ควรลดเกณฑ์ที่ตั้งไว้ กรณีค่าที่ได้สูงกว่าเกณฑ์ไม่เกิน +2.5 สามารถยอมรับได้ว่า
สื่อน้ันมีประสทิ ธิภาพ แตห่ ากคา่ ท่ีได้สูงกวา่ เกณฑ์ + 2.5 ใหป้ รับเกณฑข์ ้นึ ไปอีกขนั้ หนงึ่

สรุปได้ว่า การกำหนดเกณฑ์ประสิทธิภาพของเว็บฝึกอบรม คือ ระดับของคุณภาพของเว็บ
ฝึกอบรมที่จะนำไปใช้ โดยมีการประเมินพฤติกรรมของผู้เข้าอบรม เป็นทั้งพฤติกรรมต่อเนื่องที่เป็น

24

กระบวนการ (E1) และพฤติกรรมขั้นสุดท้ายที่เป็นผลลัพธ์ (E2) โดยงานวิจัยฉบับนี้ ผู้วิจัยได้กำหนดเกณฑ์
ประสทิ ธภิ าพของเว็บฝกึ อบรมไว้ท่ี 80/80

ข้อดีและข้อจำกดั ของการฝึกอบรมผา่ นเว็บ

การฝึกอบรมผ่านเว็บเป็นเทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทเพิ่มมากยิ่งขึ้นในด้านการพัฒนา
ทรัพยากรมนุษย์โดยวิธีการฝึกอบรมเพราะสามารถเอื้ออำนวยความสะดวกให้กับทุกๆ ฝ่าย
ทั้งผู้จัดฝึกอบรม องค์กรผู้เข้ารับการฝึกอบรม แต่อย่างไรก็ตามการฝึกอบรมผ่านระบบเครือข่าย
คอมพิวเตอร์นั้นก็มีทั้งข้อดีและข้อจำกัดอยู่หลายประการ (Wulf,1996; ธีรัช ดวงจิโน, 2563; ยุพวัลย์
ทองใบออ่ น, 2557 ) ได้กลา่ วถงึ ขอ้ ดีและข้อจำกัดของการฝกึ อบรมผ่านเว็บไว้สอดคล้องกัน สรปุ ได้ดงั นี้

1. ขอ้ ดขี องการฝกึ อบรมผ่านเวบ็

1.1 ความเป็นอิสระของสถานที่และเวลา ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
ผู้เข้ารับการฝึกอบรมสามารถจะเลือกเวลาและสถานที่ที่ต้องการได้ตามแต่ตนสะดวก แม้กระทั่งที่บ้านก็
สามารถเข้าฝึกอบรมได้ ซึ่งทำให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมมีความเป็นอิสระทางด้านสถานที่และเวลา
ในการฝึกอบรม วิทยากรสามารถสื่อสารกับผู้เข้ารับการฝึกอบรมจากสถานที่อื่นๆ ได้ นอกจากนี้
ผู้เข้ารับการฝกึ อบรมสามารถเรยี นรรู้ ่วมกันได้จากหลายๆ ทที่ ่วั โลก

1.2 ความสามารถจากหลายๆ ระบบโปรโตคอล TCP/IP ของอินเทอร์เน็ตสามารถ
ยอมรับคอมพิวเตอร์ที่มีรูปแบบของระบบปฏิบัติการที่แตกต่างกันนั้นให้สามารถสื่อสารกันได้ ไม่ว่า
ผู้เข้ารับการฝึกอบรมจะใช้ระบบรูปแบบใดๆ เช่น PC, Mac, Unix สามารถเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ตได้
ทำให้ความสามารถในการใช้งานมีกว้างมากยิ่งขึ้น เปิดโอกาสให้กับผู้เข้ารับการฝึกอบรมที่ใช้ระบบ
ในทุกๆ รปู แบบเขา้ รับการฝึกอบรมไดโ้ ดยท่พี วกเขาไม่ต้องเปลยี่ นระบบคอมพิวเตอร์ที่ตนเองมีอยู่

1.3 เวลาในการพัฒนารวดเร็ว เมื่อเปรียบเทียบกับ Computer-Based Training
(การเรียนการสอนโดยใช้คอมพิวเตอรเ์ ป็นสื่อการสอน)แล้วนับว่า Web-based Training สามารถพัฒนา
ไดเ้ ร็วกวา่

1.4 ความสามารถหลากหลาย การฝึกอบรมทางอินเทอร์เน็ตมีความสามารถ
ในหลากหลายรูปแบบ สามารถใช้ได้ตามความต้องการของการฝึกอบรม เช่น e-mail, Bulletin Board,
Real-Time Conferencing, Interactive Tutorial เป็นต้น

25

1.5 ง่ายต่อการปรับปรุงเนื้อหาให้ทันสมัย เมื่อเปรียบเทียบกับ CD-ROM สำหรับ
การฝึกอบรมแล้ว การฝึกอบรมผ่านอินเทอร์เน็ตมีความรวดเร็วและง่ายต่อการปรับปรุงเนื้อหาของ
Web Page ได้ดีกว่า

1.6 ผู้เข้ารับการฝึกอบรมสามารถควบคุมหลักสูตรที่เข้าฝึกอบรมได้เอง สามารถเรียก
ขอ้ มลู ท่ไี ด้ศกึ ษามาแลว้ กลบั มาดใู หม่ได้ตลอดเวลาหากไม่เขา้ ใจ

1.7 ผู้เข้ารับการฝึกอบรมสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้โดยใช้ห้องสนทนา
ในเวบ็ ซง่ึ โอกาสในการปฏิสมั พนั ธร์ ะหวา่ งกนั มีได้ 3 รปู แบบ คอื

- ปฏิสมั พนั ธ์ระหว่างผู้เขา้ รบั การฝึกอบรมกับหลักสตู รหรอื เน้ือหา

- ปฏสิ ัมพนั ธ์ระหวา่ งผเู้ ขา้ รับการฝึกอบรมกับวิทยากร

- ปฏิสัมพนั ธร์ ะหว่างผเู้ ข้ารบั การฝกึ อบรมกบั ผู้เข้ารบั การฝึกอบรมคนอนื่ ๆ

1.8 ลดค่าใช้จ่ายขององค์กร การฝึกอบรมผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเป็นการ
ลดค่าใช้จ่ายให้กับองค์กรได้เป็นอย่างมาก เนื่องจากผู้เข้ารับการฝึกอบรมสามารถเข้าสู่บทเรียนจากที่ใด
กไ็ ด้ทมี่ กี ารตดิ ต้ังระบบเครอื ข่ายอินเทอร์เน็ต ทำใหล้ ดค่าใช้จา่ ยดา้ นการเดนิ ทางของผู้เข้ารับการฝึกอบรม
และวิทยากร นอกจากนี้ ยังเป็นการลดค่าใช้จ่ายในด้านของสถานที่ฝึกอบรมและสิ่งอำนวยความสะดวก
ต่างๆ เช่น ค่าวัสดุอุปกรณ์ ค่าอาหาร ค่าที่พักในกรณีท่ีมีการฝึกอบรมต่างจังหวัด เป็นต้น อีกทั้งผู้เข้ารับ
การฝึกอบรมสามารถเข้าไปเรียนรู้เนื้อหาวิชาได้อีกหากลืมหรือยังไม่เข้าใจเนื้อหาที่ได้เรียนไป
การฝึกอบรมผ่านเว็บยังเป็นการสนับสนุนนโยบายขององค์กรส่วนในปัจจุบันคือการลดปริมาณ
การใช้กระดาษได้อกี ดว้ ย

1.9 สามารถเชอื่ มโยงไปยังเว็บไซอื่นๆ ไดอ้ กี มากมาย ซึง่ อาจใชเ้ ป็นการศึกษาเร่ืองต่างๆ
ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในบทเรียน ผู้เข้ารับการฝึกอบรมสามารถเชื่อมโยงไปยังเว็บดังกล่าวได้เพื่อศึกษา
เพมิ่ เติมใหล้ ะเอียดมากย่งิ ข้นึ

1.10 สามารถจำลองลักษณะของห้องฝึกอบรมในแบบที่เรียกว่า ห้องเรียนเสมือน
(Virtual Classroom) ทำให้รู้สกึ เหมือนห้องเรียนจริง

26

2. ข้อจำกดั ของการฝึกอบรมผ่านเวบ็

2.1 ข้อจำกัดด้านความกว้างของช่องสัญญาณ ทำให้เกิดความล่าช้าในการฝึกอบรมได้
เนื่องจากเป็นการฝึกอบรมผ่านเว็บ ซึ่งอาจเกิดปัญหาความล่าช้าได้หากมีการใช้เสียง วิดีโอ และ
ภาพกราฟิกในการฝึกอบรม ซึ่งผู้เข้ารับการฝึกอบรมจะถูกจำกัดจากการต่อเชื่อมและซอฟท์แวร์ที่ใช้ด้วย
นอกจากนี้รูปแบบของฮาร์ดแวร์ก็เป็นสิ่งสำคัญ หากความเร็วของเครื่องคอมพิวเตอร์และความเร็วของ
โมเด็มที่ใช้น้อยก็จะทำให้เกิดความล่าช้าในการรับ-สง่ ข้อมูลและหากมีผู้เข้าใช้บริการในหลักสูตรดังกลา่ ว
พรอ้ ม ๆ กันหลาย ๆ คนก็เป็นส่วนหน่งึ ท่ีจะทำใหเ้ กดิ ความล่าชา้ ได้

2.2 เสียค่าใช้จา่ ยสงู ในการจดั ทำหลักสตู รแต่ละหลกั สตู ร

2.3 ผู้เข้ารับการฝึกอบรมต้องมีความรู้ความสามารถทางด้านการใช้คอมพิวเตอร์และ
อินเทอร์เนต็ จงึ จะเขา้ รบั การฝึกอบรมได้ จึงเปน็ การจำกัดคุณลักษณะของผ้เู รียน

2.4 ต้องมีอุปกรณ์ในการใช้งานพร้อมที่จะติดต่อกับเครือข่ายคอมพิวเตอร์ได้
จงึ จะสามารถเข้าส่กู ารฝกึ อบรมได้

2.5 การฝึกอบรมผ่านเว็บเหมาะสำหรับการฝึกอบรมทักษะในด้านความรู้ ความเข้าใจ
(Cognitive Skills) เท่านั้น หากเป็นทักษะทางด้านเทคนิคการปฏิบัติ (Psychomotor Skills) และทักษะ
ทางด้านเจตคติ (Attitudinal Skills) แล้วนั้น การฝึกอบรมผ่านเว็บจะไม่เหมาะสมที่จะนำมาใช้ทั้ง 2
ทักษะดังกล่าวนั้นควรใช้ในการฝึกอบรมในรูปแบบอื่นๆ จะได้รับผลประโยชน์ตามที่มุ่งหวังมากกว่า
การใชค้ อมพวิ เตอรเ์ ปน็ เครือ่ งมือช่วยในการฝึกอบรม

การฝึกอบรมผ่านเว็บมีจุดเด่นในเรื่องของความเป็นอิสระของสถานที่และเวลาใน
การฝึกอบรมและยังทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการจัดการฝึกอบรม รวมไปถึงค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
ของผู้เข้ารับการฝึกอบรม ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบันที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด
19 (COVID – 19) ที่ต้องมีการเว้นระยะห่างทางสังคม และงดเว้นการรวมตัวกันของคนหมู่มาก ผู้วิจัย
จึงเลือกนำการฝึกอบรมผ่านเว็บ (Web-based Training) มาใช้ในการจัดการฝึกอบรมเพื่อให้ผู้เข้ารับ
การฝึกอบรมสามารถจะเลือกเวลาและสถานที่ที่ต้องการฝึกอบรมได้ตามความสะดวก และแม้ว่า
สถานการณก์ ารแพร่ระบาดของเชอ้ื ไวรัสโควดิ 19 (COVID – 19) จะกลบั สสู่ ถานการณป์ กติ การฝึกอบรม
ผา่ นเว็บก็ยังสามารถใช้ในการฝึกอบรมต่อไปเพื่อให้เกิดประโยชน์สงู สดุ ตอ่ ผูเ้ ขา้ รบั การฝึกอบรม

27

แนวคดิ และทฤษฎที เ่ี กยี่ วขอ้ งบทเรยี นโมดลู

ความหมายของบทเรยี นโมดลู

คำว่า "โมดูล" เป็นคำทับศัพท์จากภาษาอังกฤษ คำว่า Module สำหรับคำน้ีในภาษาไทย
มีผู้เรียกต่างๆ กันเช่น โมดูล โมดุล มอดูล บทเรียนโมดูล หน่วยการเรียนโมดูล หน่วยการสอนโมดูล
โมดูลการเรียนการสอน ซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีศัพท์บัญญัติในภาษาไทยที่ประกาศใช้เป็นทางการ ซึ่งมี
นักการศกึ ษาหลายทา่ นไดใ้ ห้ความหมายของบทเรียนโมดลู ไว้ ดงั นี้

Parson and others (1976) กล่าวว่า บทเรียนโมดูล เป็นบทเรียนที่นักเรียนสามารถเรียน
เรื่องใดเรื่องหนึ่งได้ด้วยตนเองอย่างสะดวกตามความสามารถของตนเอง จะใช้เรียนเป็นรายบุคคลหรือ
รายกลุ่มก็ได้ สร้างขึ้นเพื่อให้ผู้เรียนบรรลุจุดมุ่งหมายที่ต้องการและสามารถเลือกใช้อุปกรณ์ต่างๆ
ไดต้ ามความเหมาะสม

Houston and others (1972) กล่าวว่า บทเรียนโมคูล คือ บทเรียนที่สำเร็จในตัวเอง
ให้ผู้เรียนศึกษาด้วยตนเอง ซึ่งในแต่ละบทเรียนประกอบด้วยคำสอน สื่อการสอน กระบวนการที่อำนวย
ความสะดวกให้แก่ผเู้ รยี นเพ่อื ใหส้ ัมฤทธผิ์ ลตามจุดม่งุ หมาย

รัตนะ บัวสนธ์ (2562) กล่าวว่า บทเรียนโมดูลจัดเป็นสื่อการเรียนชนิดหนึง่ ที่จัดทำขึ้นเพือ่
มุ่งให้นักเรียนเป็นผู้ใช้ด้วยตนเอง บทเรียนโมดูลหนึ่ง ๆ จะเป็นหน่วยการเรียนที่มีเนื้อหาจบในตัวเ อง
ในบทเรียนโมดูลจะประกอบด้วย กิจกรรมการสอน สื่อการเรียนอย่างหลากหลาย เพื่อจะให้ผู้เรียน
ไดเ้ ลือกกระทำหรือใช้ไดต้ ามความถนัดและความสนใจของแต่ละคน นอกจากนนั้ ในบทเรียนโมดูลยังต้อง
มีสว่ นอน่ื ประกอบอีก เช่น แบบทดสอบก่อนเรยี นและหลังเรยี น เป็นตน้ โดยท่ัวไปบทเรยี นโมดูลมักจัดทำ
เป็นเอกสารส่งิ พิมพ์ หรือทำเปน็ หนังสอื เล่มเลก็ ๆ

ปาณิสรา ครองตาเนนิ (2559) กล่าววา่ บทเรยี นโมดลู หมายถึง บทเรียนหน่วยใดหน่วยหน่ึง
สำเร็จในตัวเองสร้างขึ้นเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ศึกษาด้วยตนเองและสามารถเลือกกิจกรรมได้
ตามความสามารถและความสนใจของตนเอง เพอ่ื ให้บรรลุวัตถปุ ระสงค์ท่ีต้งั ไว้

ธรรมจักร์ ราชฉวาง (2556) กล่าวว่า บทเรียนโมดูล หมายถึง บทเรียนที่จัดทำขึ้น
เป็นหน่วยการเรียนที่สำเร็จรูปในตัวเอง มีวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้แน่นอนและชัดเจนโดยมุ่งให้ผู้เรียน
ได้เรียนด้วยตนเองเป็นรายบุคคลหรือกลุ่มย่อยตามความสนใจ ความถนัด และ ความสามารถของตน
ซ่ึงในบทเรียนโมดูลแต่ละบทเรียนจะประกอบด้วยคำแนะ นำการใช้บทเรียนโมดูล จุดมุ่งหมายหรือ

28

วัตถุประสงค์ การทดสอบกอ่ นเรียน กจิ กรรมการเรยี นที่ประกอบดว้ ยวธิ ีการเรยี นและแบบฝึกหัดพร้อมทั้ง
มีคำตอบเฉลยให้ผู้เรียนตรวจสอบเองและการทดสอบหลังเรียนที่มีคำตอบเฉลยให้ผู้เรียนตรวจสอ บเอง
รวมทั้งอาจมีการมอบหมายงานปฏิบัติด้วย ทั้งนี้เพื่อมุ่งให้ผู้เรียนได้ทราบถึงความก้าวหน้าในการเรียน
ของตนเพ่อื ให้บรรลุวัตถุประสงคท์ ต่ี ้งั ไว้

จากความหมายของบทเรียนโมดูลที่นักการศึกษาแต่ละท่านได้กล่าวไว้สรุปได้ว่า
บทเรียนโมดูลหมายถึง หน่วยการเรียนการสอนที่มีความสมบูรณ์ในตัวเอง สร้างขึ้นเพื่อสนอง
ความต้องการของผู้เรียนที่มีความแตกต่างในการเรียนรู้ มุ่งให้ผู้เรียนสามารถเรียนได้ด้วยตนเอง
ในแต่ละบทเรียนโมดูลจะประกอบไปด้วยคำแนะนำ วัตถุประสงค์ การทดสอบก่อนเรียน กิจกรรม
การเรียนที่ประกอบไปด้วยสื่อต่างๆ แบบฝึกหัดพร้อมเฉลยและการทดสอบหลังเรียน เพื่อให้บรรลุ
วัตถุประสงคท์ ่ตี งั้ ไว้

ลักษณะของบทเรียนโมดลู

นักการศึกษาหลายท่านได้แสดงทัศนะท่ีบ่งบอกถึงลักษณะของบทเรียนโมดูลได้หลาย
ประการโดยสรปุ ลกั ษณะหรือคณุ สมบัตทิ ีส่ ำคัญของบทเรยี นโมดลู ไดด้ งั น้ี

Houston and other (1972) ได้กล่าวถึงลักษณะสำคัญของบทเรียนโมดูล ไว้ 6 ประการ
ดังนี้

1. ก่อนที่จะสร้างโปรแกรมการเรียนในส่วนย่อยหรือในรายวิชา จำเป็นต้องพิจารณา
โปรแกรมใหญ่ทั้งหมดเสียก่อนเสมอ ในทางปฏิบัติที่ผ่านมาน้ัน ผู้สอนมักจะไม่ค่อยคำนึงถึงโครงการใหญ่
มากนักมักจะสอนตามที่เห็นว่าสมควร ประสบการณ์การเรียนจึงไม่สอดคล้องสัมพันธ์กัน ทำให้เกิด
ชอ่ งว่างและเน้อื หาซำ้ ซ้อน

2. เน้นที่ตัวผู้เรียนมากกว่าผู้สอน โดยเน้นความต้องการของผู้เรียนเป็นเครื่องกำหนด
สิ่งที่จะเรียน ไม่ใช่การเน้นที่ความรู้ของครูและอุปกรณ์ต่าง ๆ เป็นเครื่องกำหนดเนื้อหา การใช้บทเรียน
โมดูล จะทำให้ผ้สู อนเขา้ ใจและเห็นว่า การสอนโดยใช้การบรรยายน้นั มีความสำคัญนอ้ ยลง

3. เน้นจุดประสงคเ์ ปน็ เบื้องต้น ไม่ใช่เน้นที่กิจกรรมการเรยี น จุดประสงค์จงึ ต้องชัดเจนเป็น
ประการแรก และจัดกิจกรรมการเรียนเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์เป็นประการต่อมา การเรียนการสอน
ทเ่ี น้นจดุ ประสงค์ทีช่ ัดเจน จะชว่ ยขจดั ปัญหาอน่ื ๆทไี่ ม่เก่ียวข้องโดยตรงกบั การเรยี นการสอนออกไป

29

4. การเรียนแบบรายบุคคล (Individualized) และเป็นส่วนบุคคล (Personalized)
การเรียนการสอนที่ใช้อยู่ทั่วไป คือ การเปรียบเทียบผลทางการเรียนระหว่างผู้เรียนด้วยกัน ซึ่งผู้เรียน
แต่ละคนมีความสามารถในการเรียนที่แตกต่างกัน มีจุดมุ่งหมายหรือวัตถุประสงค์ทางการเรียน
ที่หลากหลายและต่างกัน ต่างจากการเรียนโดยใช้บทเรียนโมดูลที่เป็นการเปรียบเทียบการเรียน
กับจุดประสงคท์ ีต่ งั้ ไวเ้ ทา่ นนั้

5. รวมวิธีการสอน (Instructional Modules) เป็นการรวมวิธีการสอนในรูปแบบต่างๆ
เข้าไว้ด้วยกันแทนที่การบรรยายเพียงอย่างเดียว โดยอาจจะมีกิจกรรมอื่นๆ เช่น การเรียนในกลุ่มย่อย
การศึกษาทดลอง การใชบ้ ทเรยี นสำเรจ็ รปู เปน็ ตน้

6. บทเรียนโมดูลเน้นที่กระบวนการ (Process) ไม่ใช่ผลสุดท้าย (Product) จึงต้องมี
การปรับปรงุ แก้ไขตลอดเวลา

นอกจากนี้ นอกจากนี้ บุญเกื้อ (2543) อ้างถึงใน ธรรมจักร ราชฉวาง (2556) ได้กล่าวถึง
คุณสมบตั ิที่สำคัญของบทเรียนโมดลู ไวด้ งั น้ี

1. โปรแกรมการเรียนทั้งหมดจะถูกขยายเป็นส่วน ๆ เพื่อไม่ให้เกิดการซ้ำซ้อนกันและ
สามารถช่วยให้มองเห็นโครงร่างทั้งหมดของโปรแกรม ในลักษณะเช่นนี้จะเห็นว่าบทเรียนโมดูล
เปน็ ส่วนยอ่ ย ๆ ของโปรแกรมท้งั หมด

2. ยึดตัวผู้เรียนเป็นศูนย์กลางในการจัดระบบการเรียนการสอนให้ผู้เรียนแต่ละคนสามารถ
เรียนได้ตามความสามารถและความสนใจ มีจุดประสงค์ในการเรียนที่ชัดเจน ในลักษณะของจุดประสงค์
เชิงพฤติกรรม ซึ่งจะไดร้ บั ความสนใจกอ่ นกิจกรรมทจี่ ัดข้ึน

3. เน้นการเรียนด้วยตนเอง (Self-learning) ผู้เรียนแต่ละคนไม่จำเป็นจะต้องทำกิจกรรม
อย่างเดียวกันในเวลาเท่าๆ กันการประเมินผลจะใช้วิธีการตรวจสอบกับจุดประสงค์ของโมดูลเป็นหลัก
ไม่มกี ารเปรยี บเทียบผลการเรียนกบั คนอน่ื ๆ

4. ใช้วิธีการเรียนแบบต่างๆ ไว้หลายอย่าง รวมทั้งการใช้สื่อการสอนเพ่ือให้บรรลุเป้าหมาย
ท่กี ำหนดไว้

5. เน้นการนำเอาวิธีระบบ (System Approach) เข้ามาใช้ในการสร้างเพื่อให้พัฒนา
อยตู่ ลอดเวลาและจะทำใหบ้ ทเรียนโมคลู มีประสิทธภิ าพย่งิ ข้นึ

30

สอดคล้องกับ ปาณิสรา ครองตาเนิน (2559) ได้กล่าวถึงลักษณะสำคัญของบทเรียนโมดูล
ไว้ว่า

1. เน้นตัวผู้เรียนมากกว่าผู้สอน โดยถือว่าความต้องการของผู้เรียนเป็นเครื่องกำหนด
ส่ิงทีจ่ ะเรยี น ไมเ่ อาความรู้ของครูและอุปกรณ์ต่างๆ เปน็ เคร่ืองกำหนดเนือ้ หาการใชบ้ ทเรยี นโมดูลจะทำให้
ผ้สู อนเห็นวา่ การสอนโดยใช้การบรรยายนัน้ มีความสำคัญน้อยลง

2. เน้นวัตถุประสงค์เป็นสำคัญไม่ใช้เน้นกิจกรรมการเรียน วัตถุประสงค์จึงต้องระบุไว้อย่าง
ชัดเจนเป็นประการแรก สว่ นกิจกรรมการเรียนจะตอ้ งเปน็ สิง่ ตามมาเพือ่ ใหบ้ รรลวุ ตั ถุประสงค์ทกี่ ำหนดไว้

3. บทเรียนโมดูลเป็นการสนองเอกัตบุคคล คือ จะคำนึงถึงความต้องการความสนใจ
และความแตกต่างระหว่างบุคคล ให้ผู้เรียนได้เรียนตามขีดความสามารถแข่งขันกับตนและพิจารณา
การเรยี นกบั เกณฑ์กำหนดไว้ในวตั ถปุ ระสงค์

4. บทเรียนโมดูลเป็นลักษณะที่รวบแบบการสอนหลายอย่างเข้าไว้ด้วยกัน แทนที่จะใช้
การสอนเพียงอย่างเดียว เช่น การบรรยาย ก็อาจเป็นกิจกรรมอื่นๆ เป็นต้นว่า การเรียนในกลุ่มย่อย
การศกึ ษาทดลองและการใช้บทเรยี นสำเร็จรูป เป็นต้น บทเรียนโมดลู จะวางเง่ือนไขในระบบนำส่งอย่างใด
อย่างหน่งึ โดยเฉพาะเทคโนโลยีตา่ งๆ จะถูกนำมาใชเ้ พ่ือมุ่งช่วยให้ผู้เรยี นเกิดการเรียนรู้และส่งเสริมคุณค่า
มนษุ ยใ์ หม้ ากขน้ึ

5. บทเรียนโมดูลเป็นกระบวนการ มิใช่เพียงผลขั้นสุดท้าย จึงต้องมีการตรวจสอบคุณภาพ
อยู่เสมอเพ่ือนำไปปรบั ปรุงแก้ไขให้บทเรียนโมดลู นนั้ มีประสทิ ธภิ าพยิง่ ขึน้

จากลักษณะและคุณสมบัติท่ีสำคัญของบทเรียนโมดูลที่กล่าวมาท้ังหมดสรุปได้ว่า คุณสมบัติ
ที่สำคัญของบทเรียนโมดูล คือ เป็นบทเรียนหน่วยย่อยของบทเรียนทั้งหมด ยึดผู้เรียนเป็นสำคัญ
เน้นให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วยตนเอง มีจุดประสงค์การเรียนรู้ในรูปแบบของจุดประสงค์เชิงพฤติกรรม
ที่ชัดเจน มีวิธีการสอนและสื่อการสอนที่หลากหลาย และมีการประเมินผลโดยใช้วิธีการตรวจสอบ
กบั จดุ ประสงค์ของโมดลู เป็นหลัก

31

ประโยชน์ของบทเรียนโมดลู
บทเรียนโมดูลเป็นบทเรียนที่มีประโยชน์ต่อครูและนักเรียนเป็นอย่างมาก โดยมีผู้กล่าวถึง

ประโยชน์ของบทเรยี นโมดลู ไว้หลายทา่ น ดังน้ี
ปาณสิ รา ครองตาเนนิ (2559) กล่าวถึงประโยชนข์ องบทเรยี นโมดลู ไวว้ ่า
1. บทเรียนโมดลู มคี วามเหมาะสมกบั ผเู้ รยี นท่ีต้องการศึกษาด้วยตนเอง
2. บทเรียนโมดูลทำให้ผูเ้ รยี นเขา้ ใจง่าย เพราะโมดลู แยกแยะเนื้อหาออกเป็นสว่ นยอ่ ย ๆ
3. บทเรียนโมดูลช่วยลดบทบาทในการสอน ทำให้ครูมีโอกาสดูแลนักเรียนที่เรียนไม่ทัน

ได้อยา่ งใกลช้ ดิ เพราะนกั เรียนเรยี นดว้ ยตนเองเปน็ ส่วนใหญ่
4. นักเรียนสามารถเรยี นไดเ้ รว็ ช้าตามความสามารถของแต่ละบคุ คล
5. ฝึกให้นักเรียนมีความรับผิดชอบ และมีความซื่อสัตย์ต่อตนเอง บทเรียนโมดูลช่วยให้

ผู้เรียนทราบความสามารถ และความก้าวหน้าในการเรียนของตนเองตลอดเวลา ทำให้นักเรียน
มีความกระตอื รอื รน้ ในการเรียนยง่ิ ขนึ้

6. บทเรยี นโมดลู เปน็ กระบวนการเรยี นการสอนท่ีมรี ะเบียบแบบแผน มีวธิ ีการศึกษาจากสื่อ
วัสดอุ ปุ กรณห์ ลายๆ อย่าง

สุวิทย์ มูลคำ และอรทัย มูลคำ (2545) ได้กล่าวถึงข้อดีและข้อจำกัดของบทเรียนโมดูล
ไวด้ งั น้ี

ข้อดี
1. เป็นกระบวนการเรียนการสอนท่ีเป็นระเบียบแบบแผน โดยรวมการสอนหลายลักษณะ
ไวด้ ว้ ยกัน ผ้เู รยี นทมี่ คี วามรูแ้ ตกตา่ งสามารถเรยี นร้ไู ด้
2. สง่ เสรมิ ให้ผเู้ รยี นศึกษาเรียนรู้ไดด้ ว้ ยตนเองตามความสามารถและความสนใจ
3. ตอบสนองความแตกตา่ งระหว่างบุคคล เป็นการเรยี นแบบเอกัตภาพ
4. ส่งเสรมิ ให้ผ้เู รียนสามารถค้นคว้าหาความรูเ้ พมิ่ เติมหรอื ทบทวนความรูไ้ ดด้ ้วยตนเอง

32

5. ลดภาระการสอน ทำใหค้ รมู เี วลาพบเด็กเปน็ รายบคุ คล และสอนซอ่ มเสริมได้
6. แกป้ ัญหาการขาดแคลนครู หรอื ครไู มค่ รบชัน้ เรยี น
ขอ้ จำกดั
1. กรณีที่บทเรียนโมดูลมีคุณภาพไม่ดีพอ เช่น กิจกรรมไม่น่าสนใจ ข้อมูลหรือเนื้อหาสาระ
ผิดจากข้อเทจ็ จริง สอื่ ไม่ทนั สมยั ไม่ดงึ ดดู ใจผ้เู รยี น การวัดประเมินผลไม่ครอบคลุมหรือใช้วิธีการไม่ถูกต้อง
อาจทำใหผ้ เู้ รียนเบ่ือหน่ายได้
2. การสร้างบทเรียนโมดูล จำเป็นต้องใช้เวลาในการจัดทำมากพอสมควร และจำเป็นต้อง
อาศัยความรู้ความสามารถของผู้เชี่ยวชาญ
ธรรมจักร์ ราชฉวาง (2556) กล่าววา่ บทเรยี นโมดูลมปี ระโยชนแ์ ละขอ้ ดีหลายประการ คอื
1. เป็นกระบวนการเรียนการสอนที่มีระเบียบแบบแผน และรวมการสอนหลาย ๆ
อย่างเอาไวด้ ว้ ยกนั เหมาะสำหรบั ผ้เู รยี นทีม่ ีความรู้แตกต่างกัน
2. เปน็ บทเรียนสำเรจ็ รปู ซงึ่ ผู้เรยี นสามารถเรยี นไดด้ ว้ ยตนเอง ช้าหรือเร็วตามความสามารถ
ของตน เพราะเปน็ การเรียนแบบเอกัตบุคคลหรอื การเรยี นแบบรายบุคคล
3. ชว่ ยให้ผเู้ รยี นไดท้ ราบถงึ ความสามารถ และความกา้ วหน้าของตนได้ทุกระยะ
4. ช่วยฝึกลักษณะนิสยั ทด่ี ใี หก้ ับผู้เรียน โดยเฉพาะความรับผดิ ชอบตอ่ ตนเอง
5. ช่วยลดภาระการสอนของครูหรือวิทยากรในการฝึกอบรม ทำให้ครูหรือวิทยากรมีเวลา
วา่ งในการพบปะผูเ้ รยี นหรอื ผเู้ ข้าอบรมเป็นรายบุคคลมากขึน้
จากประโยชน์และข้อดีของบทเรียนโมดูลที่กล่าวมาแล้วข้างต้นผู้วิจัยเห็นว่า บทเรียนโมดูล
(Instructional Module) มีประโยชน์มากในการลดภาระของครูผู้สอนทำให้ครูมีเวลาพบผู้เรียน
เป็นรายบุคคล และสอนซ่อมเสริมได้มากขึ้น ผู้เรียนสามารถเรียนได้ด้วยตนเอง ช้าหรือเร็วตาม
ความสามารถของตน และยงั เปน็ การชว่ ยฝึกลกั ษณะนสิ ยั ความรับผดิ ชอบต่อตนเองใหก้ ับผ้เู รยี น

33

องคป์ ระกอบของบทเรยี นโมดลู

บทเรียนโมดูลมีองค์ประกอบแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับความเหมาะสมกับรายวิชา
และประสบการณ์ของผู้เรียน โดยมีนักการศึกษาหลายท่านได้กล่าวถึงองค์ประกอบของบทเรียนโมดูล
ไว้ดังนี้

Houston and others (1972) ได้แบง่ องคป์ ระกอบของบทเรยี นโมดูลออกเป็น 5 สว่ น คือ

1. บทนำ (Introduction) เป็นส่วนที่กล่าวถึงความสำคัญของโมดูลไว้อย่างชัดเจน
ซึง่ มบี ทบาทตอ่ การเรียนการสอนเปน็ อย่างยงิ่

2. วัตถุประสงค์ (Specific objectives) จะต้องเขียนให้อยู่ในรูปของพฤติกรรมที่สังเกต
หรอื วดั ได้

3. การทดสอบก่อนเรียน (Pre-assessment) ข้อทดสอบจะต้องสอดคล้องกับวัตถุประสงค์
ของโมดูลที่สร้างขึ้น ซึ่งการทดสอบก่อนเรียนนี้มีวัตถุประสงค์ 2 ประการ คือ เพื่อวัดความรู้พื้นฐาน
กอ่ นเรียน และเพ่อื วัดความสามารถก่อนเรยี นในบทเรียนนั้นๆ

4. ขั้นกิจกรรม (Enabling activities) กิจกรรมการเรียนที่จัดขึ้นจะต้องเป็นเครื่องนำทาง
ให้ผเู้ รยี นบรรลวุ ตั ถุประสงค์ทว่ี างไว้

5. การทดสอบหลังเรียน (Post - assessment) เพื่อวัดความสามารถของการเรียนรู้
ซึง่ ขอ้ ทดสอบทีใ่ ช้จะต้องสอดคล้องกบั วตั ถุประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม

รัตนะ บัวสนธ์ (2562) กล่าวว่า การพัฒนาบทเรียนมอดูลควรครอบคลุมองค์ประกอบ
ท่สี ำคญั ๆ ดงั น้ี

1. หลักการและเหตุผล เป็นส่วนแนะนำให้ผู้เรียนรู้จักภาพรวมทั้งหมดของบทเรียน โดยจะ
กล่าวถึง แนวคิด หลักการ และความเป็นมาของบทเรียน โครงสร้างส่วนต่าง ๆ ของบทเรียน ตลอดจน
คำแนะนำเก่ียวกบั วิธเี รียน หรอื วิธีในบทเรยี น

2. จดุ ประสงค์ เป็นส่วนทร่ี ะบุถงึ ความต้องการของบทเรยี นวา่ มงุ่ หวังใหก้ ระทำสิง่ ใด หรือให้
ผ้เู รยี นเกิดคุณลกั ษณะอยา่ งไร เมอ่ื ศกึ ษาบทเรียนเสรจ็ สนิ้ แล้วในสว่ นนอี้ าจเขียนแยกเป็นจุดประสงค์ท่ัวไป
ของบทเรียนซึ่งมักจะระบุอย่างกว้าง ๆ เกี่ยวกับความต้องการในภาพรวมของบทเรียน และเขียน
จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม (Behavioral objective) ซึ่งระบุถึงพฤติกรรมหรือคุณลักษณะของผู้เรียนที่

34

ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อศึกษาบทเรียนจบแล้ว บทเรียโมดูลมุ่งให้ความสำคัญกับการเขียนจุดประสงค์
เชงิ พฤติกรรมเป็นอย่างมาก เพราะจะแสดงใหเ้ หน็ ว่าผู้เรยี นเกิดการเรียนรู้ในบทเรียนเรื่องน้นั ๆ ไดจ้ ริง

3. การประเมินผลก่อนเรียน มีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการทราบพื้นฐานความรู้ของผู้เรียน
ในเนื้อหาสาระของบทเรียนว่าทุนเดิมของผู้เรียนในเรื่องนั้น ๆ มีอยู่เท่าไร เพียงพอต่อการเรียนรู้เนื้อหา
สาระในบทเรียนหรือไม่ เพราะถ้าหากพบว่าผู้เรียนมีพื้นฐานความรู้ไม่เพียงพอแล้วก็อาจจะต้ องสอน
ซ่อมเสริมปรับฐานความรู้ของผู้เรียนก่อนที่จะได้ศึกษาเรียนรู้เนื้อหาสาระในบทเรียน ผลการทดสอบ
ก่อนเรียนนอกจากจะนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ดังกล่าวแล้ว ก็ยังจัดเตรียมไว้เพื่อทำการเปรียบเทียบกับ
ผลที่ได้จากการทดสอบภายหลังตอ่ ไป

4. กิจกรรมการเรียน เป็นกิจกรรมที่กำหนดให้ผู้เรียนได้เลือกกระทำตามความถนัดและ
ความสนใจ ดังนั้น ในบทเรียนมอดูลจึงต้องกำหนดกิจกรรมการเรียนให้หลากหลายที่ผู้เรียนสามารถ
จะเลือกกระทำได้ เช่น ให้อ่านเนื้อหาที่กำหนดไว้ในบทเรียน ให้อ่านวารสารทางวิชาการ หนังสือพิมพ์
หรอื หนงั สือสารคดีตา่ ง ๆ ให้ดวู ีดิทัศน์ ภาพยนตร์ และฟงั เทปบันทึกเสยี ง เหลา่ นี้เปน็ ต้น

5. การประเมินผลหลงั เรียน เปน็ การทดสอบว่าผู้เรียนได้เกิดการเรียนบรรลุตามจุดประสงค์
เชิงพฤติกรรมที่กำหนดไว้หรือไม่เพียงไร และผู้เรียนมีผลการเรียนก้าวหน้ามากกว่าผลการประเมิน
ก่อนเรียนหรือไม่ ในการประเมินผลหลังเรียนควรใช้เครื่องมือ หรือวิธีการทดสอบเก็บรวบรวมข้อมูลได้
ครอบคลุมครบถ้วนตามเนื้อหาสาระที่กำหนดไว้ในบทเรียน และสอบวัดได้ตรงสอดคล้องกับจุดประสงค์
เชิงพฤติกรรมที่กำหนดไว้ในบทเรียนเช่นกัน ทั้งนี้อาจใช้เครื่องมือชุดเดียวกันหรือกับเครื่องมือที่ใช้ใน
การประเมนิ ผลกอ่ นเรียนกไ็ ด้ แตต่ ้องพจิ ารณาใหเ้ ครื่องมอื ดังกล่าวมีคณุ สมบตั ดิ งั ท่ีกล่าว

จากองค์ประกอบของบทเรียนโมดูลที่นักการศึกษาได้กล่าวไว้ สรุปได้ว่าบทเรียนโมดูล
มีองค์ประกอบแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับความเหมาะสมกับรายวิชาและประสบการณ์ของผู้เรียน
โดยบทเรียนโมดูลจะมีหลายองค์ประกอบแตอ่ งค์ประกอบจะที่สำคญั จำเป็นมี 5 ส่วนคือ 1) หลักการและ
เหตุผล 2) จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม 3) การประเมินผลก่อนเรียน 4) กิจกรรมการเรียน และ
5) การประเมินผลหลังเรยี น

35

การสรา้ งบทเรียนโมดูล

มีนกั การศึกษาหลายท่านไดก้ ล่าวถงึ การสรา้ งบทเรียนโมดลู ไว้ดงั น้ี

Houston and others (1972) ได้เสนอวิธีการสร้างบทเรียนโมดูลหรือหน่วยการเรียนว่า
มีวธิ ีการสรา้ งตามลำดับดังตอ่ ไปนี้

1. การวางแผน (Planning) ขั้นนี้ผู้สร้างบทเรียนจะต้องพิจารณาสิ่งต่างๆ คือปรัชญา
ทยี่ ดึ ถือในการเรียนการสอน ปญั หาของการเรียนการสอน กลมุ่ ผูเ้ รียน แหล่งค้นคว้าจดุ มุ่งหมายข้ันสุดท้าย
จุดมุ่งหมายย่อย กิจกรรมการเรียนการสอน ขบวนการประเมินผล ข้อกำหนด หรือรายละเอียดสำหรับ
การใช้บทเรียน และคำแนะนำสำหรับผู้ใช้บทเรียน ซึ่งขั้นสุดท้ายนี้จะเป็นการเขียนรายละเอียดของ
บทเรยี นโมดลู ในขน้ั การวางแผนอาจสรปุ ได้ว่ามี 5 ขั้นตอนคือ

1.1 การระบุหลักปรัชญาใหญ่ๆ ซึ่งยึดการเรียนการสอน ข้อสมมุติฐาน และเป้าหมาย
ของโปรแกรมการเรียน

1.2 การระบุจดุ มงุ่ หมายเฉพาะ

1.3 การระบวุ ิธีการเรียนการสอน

1.4 การระบรุ ูปแบบการประเมนิ ผล

1.5 การเขยี นคำอธิบายเกยี่ วกบั บทเรยี นโมดลู สำหรบั ผูเ้ รยี นและครู

2. การผลิต (Production) ในขันนี้จะมีการรวบรวม วัสดุอุปกรณ์และสิ่งต่างๆ ซ่ึงระบุใน
ขั้นแรกโดยอาจจะได้มาด้วยการซื้อ การเช่า การสร้างขึ้นเอง หรือการดัดแปลงของที่มีอยู่แล้วให้เข้ากับ
รูปแบบที่วางไว้ในขั้นต้น ในขั้นนี้อาจมีการวิเคราะห์งาน (Task Analysis) หรือวิเคราะห์ราคา
(Cost Analysis) ฯลฯ และผู้สร้างบทเรียนอาจทดสอบกิจกรรมบางอย่างหรือวัสดุอุปกรณ์บางอย่าง
กับกลุ่มตัวอย่างของประชากรที่จะใชบ้ ทเรียน กอ่ นตดั สินใจบรรจุส่งิ นน้ั ๆ ไว้ในบทเรียนโมดลู และบทเรียน
จะสำเรจ็ เรยี บร้อยในช่วงสดุ ทา้ ยของข้นั น้ี

3. การทดลองต้นฉบับ (Prototype testing) เมื่อสร้างบทเรียนแล้ว ก่อนที่จะนำไปใช้จริง
ต้องทดลองใช้กับกลุ่มตัวอย่างที่เป็นตัวแทนของผู้เรียนที่จะ ใช้หน่วยการเรียนการสอนเสียก่อน ระหว่าง
การทดลอง ผู้สร้างจะเก็บรวบรวมข้อมูล เพื่อประเมินผลประสิทธิภาพของบทเรียนโมดูล และเพื่อ
ประเมนิ ผลกจิ กรรมแตล่ ะอย่างดว้ ย

36

4. การประเมินผล (Evaluation) เมื่อมีการเก็บข้อมูลได้เพียงพอและอย่างถูกต้องแล้ว
จะมีการวิเคราะห์ข้อมูล โดยคำนึงถึงจุดมุ่งหมาย ความสัมพันธ์ระหว่างจุดมุ่งหมาย วิธีการเรียนการสอน
วัสดุอุปกรณ์ ขบวนการและผลที่ได้รับจริง โดยเปรียบเทียบกับผลที่คาคว่าจะได้รับการประเมินผล
จะพิจารณารวมถึงการทดสอบอย่างเป็นทางการ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนที่มีต่อบทเรียน
กิจกรรมที่ผู้เรียนเลือก และเวลาที่ ใช้ในการเรียน และจะมีการพิจารณาขบวนการจัดการแหล่งวัสดุ
อปุ กรณ์ทใ่ี ช้ (Accessibility of materials)

บญุ ชม ศรสี ะอาด (2541) อธบิ ายขั้นตอนในการสร้างบทเรยี นโมดูลไว้ 11 ข้ันดงั ต่อไปน้ี

1. กำหนดเร่ืองท่ีจะสร้างบทเรียน ขนั้ แรกผทู้ ่ีจะสร้างบทเรียนโมดูล ตอ้ งตัดสินใจว่าจะสร้าง
บทเรียนใดเรื่องใด ควรเลอื กเรือ่ งทีต่ นมคี วามสนใจ มีความถนดั และรอบร้ใู นเรอื่ งนัน้ ๆ

2. เขียนหลักการและเหตุผล อธิบายถึงหลักการและเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังบทเรียนนั้น
ความสำคัญของบทเรยี นนนั้ ขอบเขตของเนอ้ื หาการเรียน และความสัมพันธก์ บั เรอื่ งอ่นื ๆ

3. กำหนดจุดประสงค์ เมื่อได้กำหนดเรื่องที่จะสร้างบทเรียน และเขียนหลักการและเหตผุ ล
แล้วต่อไปก็กำหนดจุดประสงค์ของบทเรียนซึ่งจะเป็นแนวทาง และหลักยึดในการเขียนเนื้อหาการเรียน
ในการกำหนดกิจกรรมและสื่อการเรียนต่าง ๆ และในการสร้างเครื่องมือวัดผลการเรียนควรกำหนด
ในรูปจุดประสงค์เชิงพฤติกรรม (behavioral objectives) และกำหนดเกณฑ์ที่ใช้สำหรับพิจารณาว่า
ผเู้ รยี นบรรลุผลการเรียนในระดบั ท่ีพอใจหรอื ยงั

4. สำรวจสื่อการเรียนและแหล่งค้นคว้า ผู้สร้างบทเรียนโมดูลจะต้องศึกษาค้นคว้าตำรา
เอกสาร วารสาร โสตทัศนูปกรณ์ต่าง ๆ ในเรื่องที่จะสร้างบทเรียนนั้นอย่างกว้างขวาง เพื่อที่จะนำข้อมูล
เหล่าน้นั มาพจิ ารณากำหนดกจิ กรรม และสอ่ื การเรียนต่าง ๆ

5. วิเคราะห์ภารกิจ เป็นการวิเคราะห์เพื่อทราบว่าในการเรียนเรื่องนั้นจะต้องอาศัยความรู้
และสมรรถภาพพื้นฐานอะไรบ้าง ระหว่างที่เรียนจะต้องเรียนรู้อะไร จุดประสงค์แต่ละข้อควรใช้กิจกรรม
อะไรในลักษณะใด

6. กำหนดกิจกรรม และสื่อการเรียน ขั้นนี้จะเป็นการพิจารณากำหนดงานที่จะให้ผูเ้ รียนทำ
เพื่อช่วยให้เกิดการเรียนรู้ตามจุดประสงค์ของบทเรียน ควรจัดให้มีกิจกรรมการเรียนหลาย ๆ อย่างใช้สื่อ
การเรียนหลายชนิด เพื่อให้ผู้เรียนได้เลือกเรียน ผู้สร้างบทเรียนอาจเรียบเรียงเนื้อหาการเรียน
เป็นส่วนหนงึ่ ของโมดลู หรอื อาจเลือกส่อื การเรียนท่ผี ู้อ่นื ได้จัดทำไวก้ ็ได้

37

7. สร้างเครอื่ งมือประเมนิ ผลสำหรบั ประเมนิ ผลก่อนเรียนและหลังเรยี น โดยจัดทั้งส่วนที่เป็น
ความรูแ้ ละสมรรถภาพครอบคลุมตามจดุ ประสงคข์ องบทเรียน

ในการสร้างบทเรียนโมดูลหรือหน่วยการเรียนการสอน APEID ได้กำหนดขั้นตอนในการ
สร้างไว้ 3 ขนั้ ตอนคอื

1. ขนั้ การวางแผน ในขั้นน้ไี ด้กำหนดรายละเอยี ดไวด้ งั น้ี

1.1 ต้องพิจารณาว่า ผู้ใช้หน่วยการเรียนการสอนคือใคร เช่น จะให้กับนักศึกษาครู
ก็จะต้องคำนึงว่าเป็นนักศึกษา ครูที่จะออกไปสอนผู้เรียนระดับใด ตลอดจนต้องพิจารณาว่า นักศึกษาครู
นั้นเปน็ ครปู ระจำการหรือนักศึกษาท่ีจะออกไปเปน็ ครู เม่อื ตกลงไดว้ ่ากลุม่ ผู้ใชห้ นว่ ยการเรียนการสอนเป็น
ใครแล้ว

1.2 ต้องพิจารณาเนื้อเรื่องหรือเนื้อหาของหน่วยการเรียนการสอนหรือโมดูล
โดยสอบถามจาก ครูผู้สอน นักเรียน หรือผู้ที่เกี่ยวข้องว่าควรเป็นเรื่องอะไร จะเขียนอย่างไร ใช้แหล่ง
คน้ คว้าอะไรบ้าง จะใช้เวลาเท่าใดใช้งบประมาณเท่าใด บุคลากรท่ีจะรว่ มดว้ ยมีใครบ้าง ควรจัดวางแผนให้
เหมาะสมและให้มีการยืดหยุ่นได้ เพื่อให้การปฏิบัติการสร้างหน่วยการเรียนการสอนหรือโมดูลเป็นไปได้
อยา่ งสะดวก ในการวางแผนจะต้องระลึกอย่เู สมอวา่ เรือ่ งน้นั มคี ุณคา่ แก่ผเู้ รยี นแลว้ หรอื ยัง

2. ขั้นการเขียนต้นร่าง เมื่อวางแผนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผู้เขียนจะต้องตั้งวัตถุประสงค์
ของหน่วยการเรียนการสอนหรือโมดูลนั้น วัตถุประสงค์ที่ตั้งขึ้นมานี้ต้องชัดเจน ให้ผู้เรียนทำได้ต่อไป
ต้องคำนึงถึงสิ่งที่จะเรียนในหน่วยการเรียนการสอนหรือโมดูลนั้น เมื่อได้สิ่งเหล่านี้ จึงลงมือเขียนต้นร่าง
ภาษาที่ใช้ต้องชัดเจนถูกต้องและเข้าใจง่าย คำสั่งหรือคำแนะนำควรให้ชัดเจน เมื่อร่างเสร็จให้ตรวจทาน
แลว้ แกไ้ ขให้เรยี บร้อย

3. ขั้นการทบทวน ในขั้นนี้ จะพิมพ์ต้นฉบับ ตรวจทานความถูกต้องตามรูปแบบของ
หน่วยการเรียนการสอน แก้คำผิดให้ถูกต้อง แล้วพิมพ์ใหม่ ทำสำเนาอย่างน้อย 6 ชุด เพื่อทำการทดลอง
โดยเก็บต้นฉบับไว้ตัวสำเนา 2 ชุด เก็บไว้เพื่อแก้ไขอีก 3 ชุด นำไปทดลองกับผู้เรียนที่เรียนเก่ง ปานกลาง
อ่อน แล้วปรับปรุงแก้ไขจนเป็นที่พอใจ จึงจะดำเนินการพิมพ์หน่วยการเรียนการสอนหรือโมดูลนั้น
(APIED,1978 )

สรปุ ขั้นตอนการสร้างหนว่ ยการเรยี นการสอนหรอื โมดูลของ APEID คือ

1. กำหนดผเู้ รียนและเลอื กหัวขอ้ เรอ่ื ง

38

2. เลอื กเนื้อหาท่เี กี่ยวข้องกบั หัวเร่ือง

3. วางแผนในการสร้างหนว่ ยการเรยี นการสอนหรอื โมดูล

4. ตั้งจุดมุ่งหมายของหน่วยการเรียนการสอนตามความต้องการที่จะให้ผู้เรียนสัมฤทธิ์ผล
อะไรบ้าง

5. เลือกกิจกรรมใหผ้ ้เู รียนกระทำเพ่อื ให้บรรลตุ ามจดุ ม่งุ หมายทวี่ างไว้

6. กำหนดรูปแบบและส่วนประกอบท่ีสำคญั ของหนว่ ยการเรยี นการสอนน้ัน

7. จดั ทำต้นร่างหนว่ ยการเรียนการสอน

8. ทบทวนแก้ไข

9. ทดลองกับผู้เรียนอย่างน้อย 3 คน โดยเลือกนักเรียนที่เรียนเก่ง ปานกลาง และอ่อน
จากกลุ่มทีจ่ ะใหห้ น่วยการเรียนการสอนนนั้ แล้วปรบั ปรุงแกไ้ ข

10. นำไปทดลองอีกครั้งหนึ่ง (อาจจะเป็นกลุ่มเล็กหรือกลุ่มใหญ่) แล้วปรับปรุงแก้ไข
(ถ้ามขี ้อบกพร่อง)

11. จดั ทำหน่วยการเรียนการสอนทส่ี มบรู ณ์

จากการศึกษากระบวนการและขั้นตอนในการสร้างบทเรียนโม ดูลที่นำเสนอมาแล้วพบว่า
การสร้างบทเรียนโมดูลเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพ ต้องมีการเตรียมการวางแผนอย่างเป็นระบบ โดยจะเร่ิม
จากการกำหนดเรื่องและกำหนดเป้าหมายของหลักสูตรแล้วจึงนำเป้าหมายของหลักสูตรมาจำแนกเป็น
สมรรถนะของผเู้ รียนกอ่ นท่จี ะนำมาสรา้ งเปน็ จดุ มุ่งหมายของบทเรียนโมดลู ต่อจากน้ันจงึ วางแผนกิจกรรม
การเรียนให้สอดคลอ้ งกับจุดมุ่งหมายทีก่ ำหนดไว้แลว้ จึงลงมอื สร้างบทเรยี นโมดูลและนำบทเรียนโมดูลให้
ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบก่อนนำไปทดลองใช้กับผู้เรียนกลุ่มยอ่ ย ๆ ต่อจากนั้นนำมาปรับปรุงแก้ไขแล้วนำไป
ทดลองใหม่กับกลุ่มทดลอง นำผลที่ได้มาปรับปรุงแก้ไขกอ่ น แล้วจึงนำไปใช้ ระหว่างการใช้ก็ต้องรวบรวม
ข้อมูลมาประเมินผลเพื่อปรับปรุงแก้ไข เนื่องจากการพัฒนาบทเรียนโมคูลเป็นกระบวนการต่อเนื่องไม่มี
สิ้นสุด คือ เมื่อได้นำบทเรียนโมดูลที่สร้างเสร็จแล้วไปทดลอง และเมื่อได้ประเมินผลการใช้บทเรียนโมคูล
แล้ว ก็ตอ้ งนำมาปรบั ปรงุ เพอ่ื แก้ไขข้อบกพรอ่ ง ดังน้ันจึงควรประเมนิ ผลการใชแ้ ละปรับปรุงแกไ้ ขอยเู่ สมอ

39

งานวจิ ยั ทเี่ กย่ี วขอ้ ง

งานวจิ ยั ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การฝกึ อบรมผ่านเวบ็

ธีรัช ดวงจิโน (2563) ได้ทำการวิจัย เรื่อง การพัฒนาเว็บฝึกอบรมหลักสูตรการสอน
ภาษาไทยโดยใช้นิทานเป็นสื่อ สำหรับพัฒนาข้าราชการครูของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษา
ขั้นพื้นฐาน มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาเว็บฝึกอบรม หลักสูตรการสอนภายาไทยโดยใช้นิทานเป็นส่ือ
สำหรบั พฒั นาขา้ ราชการครขู องสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์
85/85 และเปรียบเทียบคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการอบรมกับคะแนนก่อนการฝึกอบรม รวมทั้งการศึกษา
ความพงึ พอใจของครทู ี่มตี ่อการใช้เว็บฝึกอบรม

กลุ่มตัวอย่างคือครูผู้สอนภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-3 สังกัดสำนักงานเขตพื้นท่ี
การศกึ ษาจังหวดั ปัตตานี ยะลา และนราธวิ าส จำนวน 30 คน ใชว้ ธิ ีการสุ่มอย่างงา่ ย

เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) เว็บฝึกอบรม หลักสูตรการสอนภายาไทยโดยใช้
นทิ านเป็นสอ่ื 2) แบบประเมนิ คุณภาพเวบ็ ฝึกอบรม 3) แบบทดสอบกอ่ น-หลังการอบรม 4) แบบประเมิน
ความพึงพอใจต่อการอบรมจากเว็บฝึกอบรม การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติ ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉล่ีย
สว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐาน และสถิติทดสอบ t-test (α = 0.05)

ผลการวิจัยพบว่า 1) คุณภาพเว็บฝึกอบรม เรื่อง การสอนภาษาไทยโดยใช้นิทานเป็นส่ือ
สำหรับพัฒนาข้าราชการครูของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยผู้เชี่ยวชาญด้าน
เทคโนโลยีการศึกษา มีคุณภาพในระดับดีมาก ( ̅ = 4.56, S.D. = 0.10) และมีประสิทธิภาพ E1/E2
เท่ากับ 84.81/84.44 ตามเกณฑ์ท่ีกำหนด 2) คะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการอบรมของครูสอนภาษาไทย
โดยใช้เว็บฝึกอบรมสูงกว่าคะแนนก่อนการอบรมอย่างมี นัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
3) ผู้เข้ารับการอบรม มีความพึงพอใจต่อการใช้เว็บฝึกอบรมหลักสูตรการสอนภาษาไทยโดยใช้นิทาน
เปน็ สอื่ อยู่ในระดับมาก ( ̅ = 4.46, S.D. = 0.49)

ธนากร วงค์เจริญ (2560) ได้ทำการวิจัย เรื่อง การพัฒนาเว็บฝึกอบรมเสมือนจริงผ่าน
กระบวนการเรียนรแู้ บบ MIAP เพอื่ ปฐมนิเทศพนกั งานใหม่ โดยมวี ตั ถปุ ระสงค์เพื่อ 1) พัฒนาเวบ็ ฝกึ อบรม
เสมือนจริงผ่านกระบวนการเรียนรู้แบบ MIAP เพื่อปฐมนิเทศพนักงานใหม่ 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิ
การฝึกอบรมเสมือนจริงผ่านกระบวนการเรียนรู้แบบ MIAP และ 3) ศึกษาความพึงพอใจในการฝึกอบรม
เสมอื นจรงิ


Click to View FlipBook Version