40
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ พนักงานที่ไม่เคยเข้ารับการฝึกอบรมการปฐมนิเทศ
(orientation) จำนวน 30 คน ไดม้ าโดยการส่มุ อยา่ งงา่ ย (simple random sampling)
เคร่อื งมอื ที่ใช้ในงานวจิ ัย คือ 1) เว็บฝึกอบรมเสมือนจริงผ่านกระบวนการเรียนรแู้ บบ MIAP
2) แบบประเมินคุณภาพเว็บฝกึ อบรมเสมอื นจรงิ ผ่านกระบวนการเรียนรู้แบบ MIAP 3) แบบทดสอบก่อน
และหลังฝึกอบรม และ 4) แบบประเมินความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบน
มาตรฐาน และ t-test dependent
ผลการวิจยั พบว่า 1) การพัฒนาเวบ็ ฝึกอบรมเสมอื นจริงผ่านกระบวนการเรียนรู้แบบ MIAP
มีคุณภาพอยู่ในระดับมาก ( ̅ = 4.43, S.D = 0.52) 2) ผลสัมฤทธิ์การใช้เว็บฝึกอบรมเสมือนจริง
ผ่านกระบวนการเรียนรู้แบบ MIAP หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
และ3) ผลการวิเคราะห์ความพึงพอใจของผู้ฝึกอบรมที่มีต่อเว็บฝึกอบรมเสมือนจริงผ่านกระบวนการ
เรียนร้แู บบ MIAP อยใู่ นระดบั มาก ( ̅ = 4.46, S.D = 0.59)
ชัชญาภา วัฒนธรรม (2557) ได้ทำการวิจัยเรื่อง การพัฒนารูปแบบการฝึกอบรมผ่านเว็บ
ตามแนวคอนสตรัคติวิซึมสำหรับครูตำรวจตระเวนชายแดน โดยมีวัตถุประสงค์การวิจัยเพื่อ 1) เพื่อสร้าง
รูปแบบการฝึกอบรมผ่านเว็บตามแนวคอนสตรัคติวิซึมท่มี ีประสิทธิภาพสำหรบั ครูตำรวจตระเวนชายแดน
2) เพื่อเปรียบเทียบคะแนนผลสัมฤทธิ์ของการฝึกอบรมกับคะแนนก่อนการฝึกอบรมของผู้เข้ารับ
การฝึกอบรมที่ได้รับการฝึกอบรมผ่านเว็บตามแนวคอนสตรคั ติวิซมึ และ 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของ
ผูเ้ ข้ารบั การฝึกอบรมทีม่ ตี ่อรูปแบบการฝึกอบรมผ่านเว็บตามแนวคอนสตรคั ติวซิ มึ
กลุ่มตัวอย่างในการวิจัย ได้แก่ ครูตำรวจตระเวนชายแดน สังกัดกองกำกับการตำรวจ
ตระเวนชายแดนที่ 13 กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่เข้ารับการ
ฝึกอบรมตามโครงการส่งเสริมคุณภาพการศึกษาโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ประจำปีการศึกษา
2555 ที่ใช้วิธีการสุ่มแบบหลายขั้นตอน ขั้นตอนแรกเป็นการสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม ประกอบด้วย 2 จังหวัด
คือ จังหวัดกาญจนบุรีและจังหวัดราชบุรี จากนั้นทำการสุ่มอย่างง่ายได้โรงเรียนมาเป็นกลุ่มตัวอย่าง
8 โรงเรียน รวมท้ังหมด 54 คน
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) รูปแบบการฝึกอบรมผ่านเว็บตามแนวคอนสตรัคติวิซึม
สำหรับครูตำรวจตระเวนชายแดน 2) สื่อการฝึกอบรมผ่านเว็บตามแนวคอนสตรัคติวิซึม 3) แบบทดสอบ
วัดผลสัมฤทธิ์ทางการฝึกอบรม 4) แบบประเมินคุณภาพของสื่อการฝึกอบรมผ่านเว็บตามแนว
คอนสตรัคติวิซึมและ 5) แบบประเมินความพึงพอใจของผู้เข้ารับการฝึกอบรมที่มีต่อสื่อการฝึกอบรม
41
ผ่านเว็บตามแนวคอนสตรัคติวิซึม การวิเคราะห์ข้อมูลใช้ค่าสถิติพื้นฐาน ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉล่ีย
ส่วนเบีย่ งเบนมาตรฐานและทดสอบสมมติฐานด้วย t-test แบบ dependent samples t-test
ผลการวจิ ัย พบวา่ รูปแบบการฝกึ อบรมผ่านเวบ็ ตามแนวคอนสตรัคติวิซึม (S3A e-Training
Mode) สำหรับครูตำรวจตระเวนชายแดน มีคุณลักษณะดังน้ี 1) การตั้งเป้าหมายการทำงาน (setting)
2) กิจกรรมและการใช้งานระบบทรัพยากร (activities) 3) การกระทำ (action) 4) การวัดและ
การประเมินผล (assessment and reflection)
จากการวิจัยพบว่า รูปแบบการฝึกอบรมผ่านเว็บตามแนวคอนสตรัคติวิซึม มีประสิทธิภาพ
80.56 / 81.33 เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด ซึ่งคะแนนผลสัมฤทธิ์ของผู้เข้ารับการฝึกอบรมด้วยรูปแบบ
การฝึกอบรมผ่านเว็บตามแนวคอนสตรัคตวิ ิซึมมีคะแนนสงู กว่าคะแนนก่อนการฝึกอบรม อยา่ งมีนัยสำคัญ
ทางสถิติที่ระดับ .05 และผู้เข้ารับการฝึกอบรมมีความพึงพอใจต่อรูปแบบการฝึกอบรมผ่านเว็บ
ตามแนวคอนสตรัคตวิ ิซมึ ในระดบั มาก
ภูเบศ เลื่อมใส (2558) ได้ทำการวิจัยเรื่อง การพัฒนาชุดฝึกอบรมออนไลน์ เรื่อง
การใช้โปรแกรมมูเด้ิล สำหรับครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยมีวัตถุประสงค์การวิจัย
1) เพื่อพัฒนาชุดฝึกอบรมออนไลน์ เรื่อง การใช้โปรแกรมมูเดิ้ล สำหรับครู และบุคลากรทางการศึกษา
ให้มีประสิทธิกาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 90/90 2) เปรียบเทียบคะแนนการฝึกอบรมก่อนและหลังการ
ฝึกอบรม โดยใชช้ ดุ ฝึกอบรมออนไลน์ เรื่อง การใช้โปรแกรมมูเดิ้ล สำหรับครแู ละบุคลากรทางการศึกษา
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ ได้แก่ ครู และบุคลากรทางการศึกษา โรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นท่ี
การศึกษาปฐมศกึ ษาชลบุรี เขต 3 จำนวน 30 คน ได้มาโดยความสมัครใจ
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แบบประเมินคุณภาพชุดฝึกอบรมออนไลน์
2) แบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน 3) ชุดฝึกอบรมออนไลน์ เรื่องการใช้โปรแกรมมูเดิ้ล
สถิติที่ใช้ ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติทดสอบ t-test แบบ dependent
samples t-test
จากผลการวิจัย พบว่า 1) การพัฒนาชุดฝึกอบรมออนไลน์ออนไลน์ เรื่อง การใช้โปรแกรม
มูเดิ้ลสำหรับครู และบุคลากรทางการศึกษาในภาพรวมของการประเมินคุณภาพชุดฝึกอบรมออนไ ลน์
โดยผ้เู ช่ียวชาญ พบว่า มีคณุ ภาพอยใู่ นระดับมาก
42
2. ผลการทดสอบประสทิ ธิภาพของชุดฝึกอบรมออนไลน์เรื่อง การใช้โปรแกรมมูเดิล้ สำหรบั
ครู และบุคลากรทางการศกึ ษา พบวา่ มปี ระสิทธิภาพตามเกณฑ์ทก่ี ำหนดไว้ 97.22/ 93.33
3. ผลการทดสอบความแตกต่างของดำเฉลี่ยคะแนนการเรียนก่อนและหลังการฝึกอบรม
พบว่า คะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังทดลองสูงกว่าก่อนทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
ท่ีระดับ 0.05
ยุพวัลย์ ทองใบอ่อน (2557) ได้ทำการวิจัยเรื่อง การพัฒนารูปแบบการฝึกอบรมผ่านเว็บ:
กรณีศึกษา วิชาการจัดดอกไม้แบบตะวันออกแนวนอน ในโครงการอบรมวิชาชีพสำหรับประชาชน
โดยมีวัตถประสงค์การวิจัยเพื่อ พัฒนาและศึกษาผลสัมฤทธิ์ของรูปแบบการฝึกอบรมวิชาชีพผ่านเว็บ
กรณีศึกษาวิชาการจัดดอกไม้แบบตะวันออก แนวนอน ในโครงการอบรมวิชาชีพสำหรับประชาชน
สำนกั ส่งเสรมิ และฝึกอบรมมหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์
ขัน้ ตอนในการวจิ ัยแบ่งออกเปน็ 2 ระยะ 1) เป็นการวิจัยเชิงสำรวจ เพ่อื ศกึ ษาองค์ประกอบ
และข้นั ตอนของการฝกึ อบรมวชิ าชีพผา่ นเว็บ 2) การสร้างเปน็ รปู แบบการฝึกอบรมวชิ าชีพผ่านเวบ็
ระยะที่ 1 ประชากรในการวิจัย ได้แก่ ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดดอกไม้ ด้านเทคโนโลยี
การศึกษา และด้านการประเมินสื่อ จำนวน 9 คน เครื่องมือในการวิจยั ประกอบด้วย ตารางการวิเคราะห์
องค์ประกอบและขั้นตอนของการฝึกอบรมผ่านเว็บ แบบสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง แบบประเมินส่ือ
และแบบประเมนิ รูปแบบการฝึกอบรมวชิ าชพี ผา่ นเวบ็
ระยะท่ี 2 เป็นการวจิ ัยเชิงทดลอง แบบ One-Shot Case Study ประชากรในการวิจัย คือ
ประชาชนทั่วไปที่มีคุณสมบัติตามเงื่อนไข และสนใจเข้าร่วมการทดลอง จำนวน 22 คน เครื่องมือที่ใช้
ในการรวบรวมข้อมลู ประกอบดว้ ย แบบวดั ผลสัมฤทธิ์ด้านความรู้และทักษะ และแบบวัดความพงึ พอใจ
ผลการวิจัยพบว่า รูปแบบการฝึกอบรมวิชาชีพผ่านเว็บ ประกอบด้วย 3 ขั้นตอนหลัก
คือ ขั้นเตรียมการฝึกอบรม ขั้นการดำเนินการฝึกอบรม และขั้นวัดผลสัมฤทธิ์ องค์ประกอบสำคัญใน
การจัดการฝึกอบรมผ่านเว็บ ประกอบด้วย 1) วิทยากรและผู้ดูแลระบบ 2) การวางแผนการฝึกอบรม
3) การวิเคราะห์ความต้องการในการฝึกอบรม 4) การกำหนดคุณสมบัติของผู้เข้ารับการฝึกอบรม
5) การกำหนดวัตถุประสงค์ 6) การกำหนดเนื้อหาวิชาและขั้นตอนการฝึกอบรม 7) การกำหนดสื่อและ
ผลิตสื่อ 8) การเลือกใช้เทคนิคการฝึกอบรม 9) การเลือกเทคโนโลยีและโปรแกรมคอมพิวเตอร์
10) การสร้าง Web Page 11) การวัดความรู้และทักษะที่เปลี่ยนไป และ 12) การวัดความพึงพอใจของ
ผู้เข้ารับการฝึกอบรม ผลการศึกษาผลสัมฤทธิ์ของรูปแบบการฝึกอบรมวิชาชีพผ่านเว็บพบว่า
43
หลังจากการฝึกอบรม ผู้เข้ารับการฝึกอบรมมีคะแนนความรู้อยู่ในระดับดี และมีคะแนนทักษะปฏิบัติ
ในระดับดีเช่นกัน ผู้เข้ารับการฝึกอบรมมีความพึงพอใจต่อรูปแบบการฝึกอบรมวิชาชีพผ่านเว็บในระดับ
มากขึ้นไปข้อเสนอแนะของการวิจัยคร้ังนี้ คือ 1) วิทยากรในการฝึกอบรมวิชาชีพผา่ นเว็บจะต้องมีความรู้
และทักษะในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้เข้ารับการฝึกอบรม 2) การวิจัยครั้ง
ตอ่ ไปควรมีการออกแบบและทดสอบรปู แบบการฝกึ อบรมแบบมปี ฏสิ มั พนั ธ์ในเวลาผา่ นเว็บ
Shih (1998) ได้ทำการศึกษาความสัมพันธ์ของทัศนคติ แรงจูงใจ รูปแบบและกลวิธี
ในการเรียนของนักเรียนทีเ่ รียนดว้ ยบทเรียนออนไลน์ ซึ่งเป็นการเสนอบทเรียน โดยเวิลด์ ไวด์ เว็บ พบวา่
การใช้วิธีการเรียนที่แตกต่างกันกับนักเรียนที่มีภูมิหลังต่างกันสามารถเรียนได้ดีด้วยการเรียนบทเรียน
บนเว็บทำให้นักเรียนมีความสะดวก มีความเป็นอิสระ และมีความสนุกสนานในการเรียน สามารถเรียนรู้
ไดต้ ามความสามารถของตนเองและยงั เปน็ แรงจูงใจใหม้ ีการแข่งขนั ด้านการเรยี นมากขึน้ โดยวิธีที่นักเรียน
ใช้มากที่สุด คือ การค้นหาแนวคิดที่สำคัญจากการบรรยายและท่องจำคำจำกัดความที่สำคัญของแนวคิด
และยุทธวิธีสุดท้ายของการเรียน คือ การทำแผนผังหรือตารางในการรวบรวมเนื้อหาความรู้ นักเรียน
มีความสนใจที่จะตรวจสอบผลการเรียนจากชั้นเรียนและอาจารย์ผู้สอนด้วยอีเมล์ การอภิปรายกลุ่ม
Net Forum/Chat Forum
Wu (1998) ได้ทำการศึกษาการพัฒนาและเข้าถึงรายวิชาสถิติที่เรียน โดยโปรแกรม
การเรียนการสอนบนเว็บ พบว่า โปรแกรมการเรียนการสอนผ่านเว็บเป็นสื่อการสอนที่มีประโยชน์และ
สนับสนุนให้ผู้เรียนได้รับความรู้ใหม่ เนื้อหาต้องมีแหล่งข้อมูลที่สนับสนุนความจำเป็นของผู้เรียน
และมีกิจกรรมภายในเว็บที่สนับสนุนให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ ทัศนคติของผู้เรียนต่อโปรแกรมการเรียน
การสอนผ่านเว็บในด้านโครงสร้างและเนื้อหา ส่วนประกอบและลักษณะรวมถึงการออกแบบมัลติมีเดีย
เป็นไปในด้านบวก ผู้สอนควรออกแบบโปรแกรมการเรียนการสอนแบบมีปฏิสัมพันธ์ และผลป้อนกลับ
ควรมรี หสั ผา่ น การออกแบบโปรแกรมการเรยี นการสอนบนเวบ็ ควรมีจุดประสงค์การสอนท่ีชดั เจน
Judith (2003) ได้ทำการวิจัยเรื่อง วิธีการสอนแบบผสมผสานสำหรับชาวเอเชียตะวันออก
ผลการวิจัยพบว่า วัฒนธรรมมผี ลต่อการจัดการศึกษาโดยเฉพาะอย่างยิ่งวิธีการเรียนท่ีมีความแตกต่างกัน
ของผู้เรียน กล่าวคือ การให้ผู้เรียนศึกษาเอกสารก่อนเรียนด้วยตนเอง ทำให้ผู้เรียนบางกลุ่มชอบ แต่บาง
กลุ่มอาจชอบการเรียนที่มีกิจกรรมเสริมและได้เรียนรู้พร้อม ๆ กันหลาย ๆ คน การสอนและตอบโต้กัน
บนกระดานดำช่วยให้ผู้เรียนเห็นภาพเกิดความเข้าใจ การจัดการเรียนการสอนรูปแบบใหม่จะช่วยให้
นักเรียนในห้องเรียนรู้ด้วยกันอย่างกลมกลืน การทำกิจกรรมทำให้ผู้เรียนมีประสบการณ์ตรงจะช่วยให้มี
44
ความเข้าใจมากยิ่งขึ้น จึงควรมีวิธีการสอนที่ผสมผสาน โดยการนำข้อความ ภาพปัญหา กรณีศึกษาไปไว้
บนกระดาษออนไลน์ จะช่วยให้ผู้เรียนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ด้วยตัวเองและการรวมความคิดเห็นช่วย
สรา้ งจติ นาการ การเรยี นรู้ไดเ้ ช่นเดียวกบั การเรียนรู้ในหอ้ งเรียน
Stacey and Gerbic (2006) ได้ทำการวิจัยเรื่อง ผลจากการเรียนทางไกลด้วยวิธีการสอน
แบบผสมผสาน ผลการวิจัยพบว่า การสนทนาแบบออนไลน์ช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ในการสื่อสาร
ระหว่างกันด้วยการเขียน ช่วยให้ผู้เรียนมีเวลาในการอ่าน และการเตรียมตัวในการตอบซึ่งส่งผลให้ผู้เรยี น
ส่งการบ้านทุกครั้ง มีการอธิบาย อ่านเพิ่มเติม ครูผู้สอนให้กำลังใจโดยตรง ส่งเสริมการเรียนแบบปกติ
แต่มปี ระสิทธภิ าพย่งิ ข้ึน
จากงานวิจัยสรุปได้ว่า ประสิทธิภาพของเว็บฝึกอบรมขึ้นอยู่กับเทคนิคการผลิตสื่อต่างๆ
ที่นำมาถ่ายทอดบนเว็บ ซึ่งเว็บอบรมนั้นเปน็ เครื่องมืออย่างหน่ึงในการช่วยให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมเข้าใจ
เนอ้ื หาทีอ่ บรมมากขนึ้ สามารถกลับไปทบทวนและเรียนรู้เองได้ดว้ ยตัวเองตามความสะดวกและในเวลาที่
ต้องการ เป็นการลดข้อจำกัดด้านเวลาและการเดินทาง จากข้อดีดังกล่าว ผู้วิจัยจึงเห็นว่าควรมีการใช้
การฝึกอบรมผ่านเว็บในการฝึกอบรมครูอาชีวศึกษา เรื่อง การพัฒนาสื่อบทเรียนโมดูล (Instructional
Module) เพ่ือการจัดการเรียนการสอน เพ่อื ใหค้ รูอาชีวศกึ ษาได้มกี ารฝกึ อบรมด้วยตนเอง และนำความรู้
ที่ได้ไปใช้ในการพัฒนาสื่อบทเรียนโมดูลเพื่อใช้ในการจัดการเรียนการสอนในช้ันเรียนให้เกิดประโยชน์ตอ่
ผเู้ รียนตอ่ ไป
งานวจิ ยั ทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั การพฒั นาสอ่ื บทเรยี นโมดลู
ปาณิสรา ครองตาเนิน (2559) ได้ทำการวิจัย เรื่อง การพัฒนาบทเรียนโมดูลคณิตศาสตร์
เรื่องลำดับ โดยมีวัตถุประสงค์การวิจัยเพื่อ 1) เพื่อพัฒนาและหาประสิทธิภาพของบทเรียนโมดูล
คณิตศาสตร์เรื่องลำดับ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ก่อนและหลังเรียนรายวิชา
คณิตศาสตร์พื้นฐานเรื่องลำดับ ด้วยบทเรียนโมดูคณิตศาสตร์ 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจที่มีต่อการเรยี น
โดยการใช้บทเรยี นโมคูลคณิตศาสตรเ์ รื่องลำดบั
ประชากรที่ใช้ในการวิจัยได้แก่นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเสด็จวนชยางค์กูล
วิทยา จำนวนนกั เรียน 65 คน ทกี่ ำลงั เรยี นในภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2559 กลุ่มตัวอย่างคือ นักเรียน
ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6/1 โรงเรยี นเสด็จวนชยางค์กูลวิทยา จำนวนนกั เรียน 30 คนท่ีกำลังเรยี นในภาคเรียน
ที่ 1 ปีการศึกษา 2559 ซึง่ ไดม้ าจากวธิ ีการสุ่มอย่างง่าย
45
เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา คือ 1) บทเรียนโมดูลคณิตศาสตร์เรื่องลำดับ 2) แผนการจัดการ
เรียนรู้ประกอบการใช้บทเรียนโมดูลคณิตศาสตร์ เรื่องลำดับ 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
4) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนต่อการเรียน โดยใช้บทเรียนโมดูลคณิตศาสตร์เรื่องลำดับ
สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล เกณฑ์ประสิทธิภาพ E1 / E2 ในการหาประสิทธิภาพของบทเรียนโมดูล
และสถติ ิคา่ ที (t-test) เปรยี บเทยี บผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนกอ่ นและหลังเรยี นบทเรียนโมดลู
ผลการวิจัยพบว่า 1) ได้บทเรียนโมคูลคณิตศาสตร์เรื่องลำดับ มีประสิทธิภาพเท่ากับ
83.30/84.55 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่กำหนดไว้ 2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนโดยใช้
บทเรียนโมดูลคณิตศาสตร์ เรื่อง ลำดับ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมี
นัยสำคญั ทางสถติ ิที่ระดับ .01 3) นกั เรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียน โดยใชบ้ ทเรียนโมคูลคณิตศาสตร์
เรือ่ งลำดับในระดับมากที่สุดโดยภาพรวม ( ̅ = 4.57, S.D. =0.51)
สุพี ดอนไพรปาน (2556) การพัฒนาบทเรียนโมดูลเรื่องปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
สำหรับนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 2 การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) สร้างและหาคุณภาพของบทเรียน
โมดูล 2)เพื่อหาประสิทธิภาพของบทเรียนโมดูล 3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรยี น
หลังจากที่เรียนด้วยบทเรียนโมดูล และ 4) เพื่อหาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อบทเรียนโมดูล เรื่อง
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ของนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย
กรงุ เทพมหานคร ทเี่ รียนวซิ าการงานอาชพี และเทคโนโลยี
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยคือ นักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน
วทิ ยาลัย กรงุ เทพมหานคร ทเ่ี รยี นในภาคเรยี นที่ 2 ปีการศกึ ษา 2555 จำนวน 96 คน
เครื่องมือทใี่ ช้ในการทดลองคือ บทเรียนโมดูลเร่อื งทฤษฎีเศรษฐกจิ พอเพยี งและแบบทดสอบ
วัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือ ค่าความถี่ ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ และ
เปรียบเทียบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยสถิติที่ใช้คือ t-test แบบ
dependent โดยกำหนดระดบั นัยสำคญั ทางสถิตทิ ่รี ะดับ .05
ผลการวิจัย พบว่า 1) บทเรียนโมดูลเรื่องปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มีคุณภาพของด้าน
เนื้อหาและด้านคุณภาพของสื่ออยู่ในระดับดี 2) ประสิทธิภาพของบทเรียนโมดูลเรื่องทฤษฎีเศรษฐกิจ
พอเพียง มีประสิทธิภาพของบทเรียนโมดูลเท่ากับ 79.66/82.77 โดยเป็นไปตามเกณฑ์ประสิทธิภาพที่
กำหนดไว้คือ 80/80 3) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นของนักเรียนทีเ่ รยี นดว้ ยบทเรียนโมดูลมีค่าเฉล่ียสูงกว่าท่ี
46
ไม่ได้เรียนด้วยบทเรียนโมดูลอย่างไม่มีความแตกต่างทางสถิติ 4) ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อ
บทเรียนโมดูลเรื่องปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งโดยภาพรวมนักเรยี นมคี วามพงึ พอใจอยู่ในระดับมาก
ธรรมจักร์ ราชฉวาง (2556) รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรการเรียนรูด้ ้วยตนเองในการพฒั นา
หลักสูตรรายวิชาชีพที่เน้นสมรรถนะสำหรับครูช่างอุตสาหกรรม โดยมีวัตถุประสงค์การวิจัยเพ่ือ
1) พัฒนาและประเมินรปู แบบการพฒั นาหลักสตู รการเรยี นรู้ ดว้ ยตนเองในการพฒั นาหลกั สูตรรายวิชาชีพ
ที่เน้นสมรรถนะสำหรับครูช่างอุตสาหกรรม 2) พัฒนาและหาประสิทธิภาพของหลักสูตรการเรียนรู้ด้วย
ตน เองใน การ พัฒ น าห ลักส ูตร ราย วิชาชีพที่เน้ นส มร รถน ะส ำห ร ับคร ูช ่างอุตสาหกร ร มตามร ูปแบบ
ทพี่ ฒั นาขึ้น
กลุ่มเป้าหมายในการวิจัยเพื่อประเมินรูปแบบการพัฒนาหลักสูตรการเรียนรู้ด้วยตนเองฯ
ไดแ้ ก่ ผทู้ รงคณุ วุฒิ จำนวน 9 ท่าน กลุ่มเป้าหมายในการวิจัยเพ่ือหาประสิทธิภาพของหลกั สูตรการเรยี นรู้
ด้วยตนเองในการพัฒนาหลักสูตรรายวิชาชีพที่เน้นสมรรถนะฯ ได้แก่ ครูผู้สอนรายวิชาชีพ สาขาวิชาช่าง
อุตสาหกรรมในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา โดยเลือกกลุ่มเป้าหมายใน
การวิจัยตามเกณฑ์ที่กำหนดจากครูที่สอนรายวิชาชีพสาขาวิชาช่างอุตสาหกรรม จากสถานศึกษาใน
อาชวี ศึกษาจังหวัดลำพนู จำนวน 18 คน
ผลการวิจัยสรุปไดด้ ังน้ี
1) ผลการประเมินความเหมาะสม รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรการเรียนรู้ด้วยตนเอง
ในการพัฒนาหลักสูตรรายวิชาชีพที่เน้นสมรรถนะสำหรับครูช่างอุตสาหกรรม โดยผู้ทรงคุณวุฒิ
จำนวน 9 ท่าน พบว่ามีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด และเห็นว่าสื่อประเภทเอกสารชนิดบทเรียน
โมดูล เป็นสื่อสำหรับใช้กับหลักสูตรการเรียนรู้ด้วยตนเองที่เหมาะสมที่สุด ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐาน
การวจิ ัย
2) ผลการประเมินหลักสูตรการเรียนรู้ด้วยตนเองในการพัฒนาหลักสูตรรายวิชาชีพท่ีเน้น
สมรรถนะสำหรบั ครูช่างอตุ สาหกรรม ซึ่งประยุกต์ใช้รปู แบบการประเมนิ แบบ CIPP Model ของ Daniel
L.Stufflebeam มีดงั นี้
2.1 ผลการประเมินบริบท พบว่า กลุ่มตัวอย่างจากครูผู้สอนในสถานศึกษาสังกัด
สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาทั่วประเทศ จำนวน 375 คน มีความคิดเห็นเกี่ยวกับประเมิน
ความต้องการจำเป็นในการพัฒนาหลักสูตรรายวิชาชีพที่เน้ นสมรรถนะสำหรับครูช่างอุตสาหกรรม
47
ในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด และ พบว่าครูผู้สอนมีความต้องการจำเป็นในการพัฒนาหลักสูตร
รายวิชาชีพท่ีเนน้ สมรรถนะทุกรายขอ้
2.2 ผลการประเมินปัจจัยเบื้องตัน พบว่า ผู้เชี่ยวชาญประเมินเกี่ยวกับความเหมาะสม
ของหลักสตู รการเรียนรดู้ ว้ ยตนเองฯ มีความเหมาะสมอยใู่ นระดับมากที่สุด และการประเมินความคิดเห็น
ของผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับความสอดคล้องของหลักสูตรการเรียนรู้ด้วยตนเองฯ ในภาพรวมมีผลรวม
ของค่าดัชนีความสอดคล้อง เฉลี่ยเท่ากับ 1.00 ซึ่งมีค่าความสอดคล้องสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด 0.5
ทุกรายการ ค่าความเช่อื มน่ั ของแบบทดสอบแต่ละหน่วย มคี า่ ความเชือ่ มั่นในภาพรวมอยู่ในระดับสูงมาก
และค่าความเช่ือมั่นของแบบสอบถามในภาพรวมอยู่ในระดับสงู มาก ประสิทธภิ าพของหลักสตู รการเรียนรู้
ด้วยตนเองจากภาคทฤษฎี สำหรับการทดลองใช้ (Try-out) ในภาพรวมมีค่าเท่า กับ 83.72/82.08
ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ คือ 80/80 และประสิทธิภาพของชุดการเรียนรู้ด้วยตนเองจากภาคปฏิบัติ
สำหรบั การทดลองใช้ (Try-out) ในภาพรวมมีคา่ ร้อยละ 78.36 ซึง่ สูงกวา่ เกณฑท์ ี่กำหนดไวท้ ่ีร้อยละ 75
2.3 ผลการประเมินกระบวนการ พบว่าครูผู้สอนที่เรียนด้วยหลักสูตรการเรียนรู้
ด้วยตนเองฯ มผี ลสัมฤทธ์สิ งู ขึ้นโดยมีผลคะแนนหลังจากการเรียนรสู้ ูงกว่าก่อนการเรียนรู้อย่างมีนัยสำคัญ
ทางสถิติที่ระดับ 0.01 และผลการประเมินประสิทธิภาพของหลักสูตรการเรียนรู้ด้วยตนเองฯ พบว่า
ประสิทธิภาพหลักสูตร การเรียนรู้ด้วยตนเองฯ (E 1/E2) เท่ากับ 84.85/82.64 ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงกว่า
เกณฑ์ทีก่ ำหนดไว้ที่ 80/80 และผลคะแนนจากภาคปฏิบัตโิ ดยเฉลยี่ คิดเป็นร้อยละ 80.75 ซ่ึงสงู กว่าเกณฑ์
ทกี่ ำหนดร้อยละ 75
2.4 ผลการประเมินผลผลิต พบว่า ผลการเรียนรู้ของครูผู้สอนที่ผ่านการเรียนด้วยหลักสูตร
การเรียนรู้ด้วยตนเองฯ โดยผู้ประเมินผลการพัฒนาหลักสูตรรายวิชาจำนวน 3 ท่าน มีผลการประเมิน
ผลงานในภาพรวมอยู่ในระดับมาก และผลการติดตามผลการเรียนรู้ของครูผู้สอนที่ผ่านการเรียน
ด้วยหลักสูตรการเรียนรู้ด้วยตนเองสำหรับผู้บริหารสถานศึกษาพบว่า ผู้บริหารมีความคิดเห็นในภาพรวม
อยู่ในระดับมาก
ช่าง ไห่ (2563) ไดท้ ำการวิจยั เรือ่ ง โมดูลการสอนดนตรีพ้นื บ้านจีนสำหรบั รายวิชานาฎศิลป์
มหาวิทยาลัยหลินหนาน มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน โดยมีวัตถุประสงค์การวิจัยเพื่อ 1) ศึกษา
ประสิทธิภาพของโมดูลการสอนดนตรีพื้นบ้านจีนสำหรับรายวิชานาฏศิลป์ มหาวิทยาลัยหลินหนาน
มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน ที่มีประสิทธิภาพ (E1/E2) กำหนดเกณฑ์ 80/80 และ 2) ศึกษาความพึงพอใจ
48
ของนักศึกษาที่มีต่อโมดูลการสอนดนตรีพื้นบ้านจีนสำหรับรายวิชานาฏศิลป์ มีสมมติฐานอยู่ในระดับมาก
ขน้ึ ไป
ใช้กลุ่มเป้าหมายแบบเจาะจง จำนวน 30 คน คือ นักศึกษาวิชาเอกนาฏศิลป์ ชั้นปีท่ี 1
ทเ่ี ลอื กเรียนวชิ านาฎศลิ ป์ ทำการทดลองในภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศึกษา 2561
เครื่องมือท่ีใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ ชุดการสอนดนตรีพื้นบ้าน และแบบสอบถาม
ความพงึ พอใจ สถติ ิท่ีใช้ในการวิเคราะห์ข้อมลู ได้แก่ คา่ ร้อยละ คา่ เฉลย่ี และสว่ นเบยี่ งเบนมาตรฐาน
ผลการวจิ ัย พบว่า 1) โมดูลการสอนดนตรพี ืน้ บา้ นจีนสำหรบั รายวชิ านาฏศลิ ป์ มหาวิทยาลัย
หลินหนาน มีประสิทธิภาพ 93.25/91.10 สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 2) ผลการศึกษาความพึงพอใจของ
นกั ศึกษาทีม่ ีต่อโมดลู การสอนดนตรีพน้ื บา้ นจีนสำหรับรายวชิ านาฏศิลป์ อยู่ในระดับมากที่สุด ( ̅ = 4.79,
S.D. = 1.37)
Bennett (1977) ได้ทำการวิจัยเรื่อง การสร้างบทเรียนโมดูลที่มีประสิทธิภาพเพื่อเป็น
อุปกรณช์ ่วยในการสอนอ่านสำหรับครใู นระดับมัธยมศึกษา จุดมงุ่ หมายของการสร้างบทเรยี นโมดูลเพ่ือใช้
เป็นอุปกรณ์ที่จะช่วยในการจัดเตรียมการสอนศิลปะภา ษาให้มีประสิทธิภาพและได้ผลดีทั้งนี้เพื่อเป็น
พื้นฐานในการเรียนภาษาอังกฤษเบื้องต้น และเป็นเครื่องมือช่วยการเรียนการสอนอ่านในโรงเรียน
บทเรียนที่สร้างข้ึนนี้เป็นบทเรยี นท่ีใช้ในการพัฒนาทักษะการอา่ นของนักเรียนให้มีประสิทธิภาพ ผู้วิจัยนำ
บทเรียนที่สร้างเสร็จแล้วไปใช้กับกลุ่มตัวอย่างที่เป็นนักศึกษา ผลการทดลองปรากฏว่าบทเรียนโมดูล
ที่สร้างขึ้นนี้ ได้รับผลสำเร็จตามจุดมุ่งหมายที่วางไว้ ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ในการอ่านและมีเจตคติที่ดี
บทเรียนโมดูลที่สร้างขึ้นมีประสิทธิภาพในการใช้ร้อยละ 80 และบางบทเรียนก็มีประสิทธิภาพในการใช้
สงู ถึง ร้อยละ 90
จากการศกึ ษาและงานวจิ ัยท่ีเก่ียวข้องกับบทเรียนโมดลู พบว่า บทเรียนโมดูลมีประโยชน์ต่อ
การจัดการเรียนการสอน ช่วยในการลดภาระของครูผู้สอนช่วยให้ครูมีเวลาในการดูแลผู้เรียนรายบุคคล
ผู้เรียนสามารถเรียนได้ด้วยตนเองตามความสามารถของตน และยังเป็นการช่วยฝึกลักษณะนิสัย
ความรับผิดชอบต่อตนเองให้กับผู้เรียน ผู้วิจัยจึงต้องการจัดการฝึกอบรมผ่านเว็บ ให้ความรู้แก่ครูผู้สอน
ในการสร้างสื่อบทเรียนโมดูล (Instructional Module) เพื่อให้ผู้สอนสามารถสร้างสื่อบทเรียนโมดูล
เพอื่ นำไปใช้ในการจดั การเรียนการสอนในช้ันเรยี นไดอ้ ย่างมีประสทิ ธภิ าพต่อไป
49
บทท่ี 3
วธิ ดี ำเนนิ การวจิ ยั
การวิจัยเรื่อง การฝึกอบรมครูอาชีวศึกษาผ่านเว็บ เรื่อง การพัฒนาสื่อบทเรียนโมดูล
(Instructional Module) เพื่อการจัดการเรียนการสอน ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์การวิจัยเพื่อ
1) เพอ่ื พัฒนาเว็บฝกึ อบรมครูอาชวี ศกึ ษา เรอ่ื ง การพฒั นาสื่อบทเรยี นโมดลู (Instructional Module)
เพื่อการจัดการเรียนการสอน ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิ
ของการอบรมผ่านเว็บ เรื่อง การพัฒนาสื่อบทเรียนโมดูล (Instructional Module) เพื่อการจัดการ
เรียนการสอน 3) เพื่อติดตามผลการนำสื่อบทเรียนโมดูลที่ผู้เข้ารับการอบรมพัฒนาขึ้นไปใช้ใน
การจัดการเรียนการสอน 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้เข้ารับการอบรมที่มีต่อการฝึกอบรม
ผ่านเว็บ เรื่อง การพัฒนาส่ือบทเรียนโมดูล (Instructional Module) เพื่อการจัดการเรียนการสอน
รูปแบบการวิจัยใช้การวิจัยกึ่งทดลอง (Quasi-Experimental Research) เพื่อให้ตอบวัตถุประสงค์
การวจิ ยั ดังกล่าว ผู้วิจัยจึงได้ดำเนนิ การวจิ ยั ในดา้ นต่าง ๆ ดงั ต่อไปนี้
กลมุ่ ผใู้ หข้ อ้ มลู การวจิ ยั
กลุ่มผู้ให้ข้อมูลการวิจัย คือ ครูสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
ที่สมัครเข้ารับการฝึกอบรมครูอาชวี ศึกษาผา่ นเว็บ เรื่อง การพัฒนาสื่อบทเรียนโมดูล (Instructional
Module) เพื่อการจดั การเรยี นการสอน จำนวน 30 คน
เครอื่ งมอื ทใ่ี ชใ้ นการวจิ ัย
เครื่องมือวิจัยในงานวิจัยฉบับนี้ประกอบด้วย 1) เว็บการฝึกอบรมครูอาชีวศึกษา เรื่อง
การพฒั นาส่ือบทเรียนโมดูล (Instructional Module) เพ่ือการจัดการเรียนการสอน 2) แบบทดสอบ
วัดผลสัมฤทธิ์ก่อน - หลัง การฝึกอบรม 3) แบบประเมินผลงานสื่อบทเรียนโมดูลของผู้เข้ารับการ
อบรมและเกณฑ์การให้คะแนนผลงานสื่อบทเรียนโมดูล 4) แบบสอบถามเพื่อติดตามผลการนำส่ือ
บทเรียนโมดูลที่ผู้เข้ารับการอบรมพัฒนาขึ้นไปใช้ในการจัดการเรียนการสอน 5) แบบสอบถาม
ความพึงพอใจทมี่ ีต่อการฝึกอบรม ฯ มขี ั้นตอนการสร้างดังตอ่ ไปน้ี
1. เว็บการฝึกอบรมครูอาชีวศึกษา เรื่อง การพัฒนาสื่อบทเรียนโมดูล (Instructional
Module) เพ่ือการจดั การเรยี นการสอน
จากการศึกษาเอกสารงานวิจัยเพื่อนำมาเป็นแนวทางในการสร้างเว็บฝึกอบรม และใช้
แนวคิดการออกแบบและพฒั นาสอื่ ตามหลกั ADDIE Model (ศศธิ ร ลกั ษณะ, 2554) ซ่ึงประกอบด้วย
5 ขัน้ ตอน ดงั น้ี
50
1) การวิเคราะห์ (Analysis) ผู้วิจัยได้วิเคราะห์เนื้อหาหลักสูตร บทเรียน เวลาที่ใช้ใน
เรยี นรู้และเวลาที่ใชใ้ นการทำแบบทดสอบ วิธีการนำเสนอส่ือ การวัดและประเมนิ ผล วเิ คราะห์ผู้เรียน
และวิเคราะห์แพลตฟอร์มที่นำมาใช้ในการพัฒนาเว็บ โดยผู้วิจัยเลือกใช้ Google Site ร่วมกับ
Google Classroom มาใช้ในการสร้างเว็บเนื่องจากมีความรวดเร็ว ทันสมัย ไม่มีค่าใช้จ่าย ใช้งานได้
สะดวกและสามารถรองรบั ผเู้ ข้าอบรมไดเ้ ปน็ จำนวนมาก
2) ข้ันออกแบบ (Design) ดำเนินการดงั น้ี
2.1) ออกแบบเน้ือหาของเว็บฝึกอบรมโดยใช้แนวคิด ของโรเบิร์ต กาเย่ (Gagne, Briggs
and Wager, 1992) โดยเรม่ิ จาก 1) การเรา้ ความสนใจดว้ ยวดี ิทัศน์ 2) บอกวตั ถปุ ระสงค์ รายละเอยี ด
บทเรียน และแนะนำวิธีการอบรม 3) มีการทบทวนความรู้เดิมโดยใช้แบบทดสอบก่อนเรียน
4) นำเสนอเนื้อหาใหม่ด้วยวิดิทัศน์และเอกสารประกอบ 5) ชี้แนะให้เรียนตามลำดับเนื้อหาและ
ศึกษาเนื้อหา ทำกิจกรรมตามลำดับ 6) กระตุ้นการตอบสนองโดยใช้กิจกรรมท้ายหน่วยการเรียนรู้
7) มีการให้ข้อมูลย้อนกลับโดยการตรวจผลงานของผู้เรียนที่ส่งมาทาง Google Classroom และให้
ข้อเสนอแนะในการพัฒนาผลงานเพิ่มเติม 8) ทดสอบความรู้ใหม่โดยใช้แบบทดสอบหลังเรียนและ
การส่งผลงานบทเรียนโมดูลของผู้เข้ารับการอบรม 9) สรุปและนำไปใช้โดยการให้ผู้เข้าอบรม
นำบทเรยี นโมดลู ไปใช้จริงในการจดั การเรยี นการสอนจากน้ันสรุปผลการนำไปใช้ส่งในกจิ กรรมท่ี 10
2.2) ออกแบบสอื่ กราฟิก ภาพ วดี ิทัศน์
2.3) ออกแบบวิธีการวดั และการประเมิน แบบทดสอบกอ่ นเรียนและหลังเรยี น
3) ขนั้ การพัฒนา (Developement)
3.1) ผวู้ จิ ัยพฒั นาเนื้อหาและกิจกรรม เรื่อง การพัฒนาสอ่ื บทเรยี นโมดูล (Instructional
Module) เพื่อการจัดการเรียนการสอน ซึ่งประกอบด้วยเนื้อหา 8 หน่วยการเรียนรู้ 10 กิจกรรม
ได้แก่ หน่วยที่ 1 ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับบทเรียนโมดูล หน่วยที่ 2 องค์ประกอบของบทเรียนโมดูล
หน่วยที่ 3 ลักษณะที่ดีของบทเรียนโมดูล หน่วยที่ 4 การวางแผนในการสร้างบทเรียนโมดูล
หน่วยที่ 5 การจัดทำเนื้อหาบทเรียนโมดูล หน่วยที่ 6 การจัดทำกิจกรรมและสื่อในบทเรียนโมดูล
หน่วยที่ 7 การวัดและประเมินผล หน่วยที่ 8 ก ารตรวจสอบคุณภาพบทเรียนโมดูล
โดยกิจกรรมที่ 1 – 8 เป็นกิจกรรมท้ายหน่วยการเรียนรู้ กิจกรรมที่ 9 ส่งผลงานบทเรียนโมดูลฉบบั
สมบูรณ์ของผเู้ ขา้ รบั การอบรม และกจิ กรรมที่ 10 รายงานผลการนำบทเรยี นไปใชใ้ นการจัดการเรียน
การสอน
นำเนื้อหาการฝึกอบรม ฯ ที่พัฒนาขึ้นไปให้ผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อหาพิจารณา
ความเหมาะสมของเน้ือหา โดยเปน็ ผเู้ ชี่ยวชาญด้านหลักสูตรและการสอน และการพัฒนาส่ือบทเรียน
โมดูล จำนวน 5 ท่าน (รายชื่อดังภาคผนวก ก) โดยใช้แบบประเมินคุณภาพเนื้อหาการฝึกอบรมฯ
51
(ภาคผนวก ค) ซึ่งกำหนดรูปแบบของคำถามเป็นแบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า
(Rating Scale) 5 ระดบั ของ Likert ดังนี้
5 หมายถงึ เนอ้ื หาการฝกึ อบรมมีความเหมาะสม อยู่ในระดับดีมาก
4 หมายถึง เน้อื หาการฝกึ อบรมมีความเหมาะสม อย่ใู นระดบั ดี
3 หมายถึง เนอ้ื หาการฝกึ อบรมมคี วามเหมาะสม อย่ใู นระดบั ปานกลาง
2 หมายถงึ เนื้อหาการฝกึ อบรมมีความเหมาะสม อยู่ในระดบั พอใช้
1 หมายถงึ เนือ้ หาการฝึกอบรมมีความเหมาะสม อยูใ่ นระดับควรปรบั ปรุง
กำหนดเกณฑใ์ นการตัดสนิ คะแนนเฉลย่ี ดังน้ี
4.51 - 5.00 หมายถงึ เนือ้ หาการฝกึ อบรมมีความเหมาะสม อย่ใู นระดับดีมาก
3.51 - 4.50 หมายถึง เนื้อหาการฝกึ อบรมมีความเหมาะสม อยใู่ นระดบั ดี
2.51 - 3.50 หมายถงึ เนอ้ื หาการฝกึ อบรมมีความเหมาะสม อยใู่ นระดับปานกลาง
1.51 - 2.50 หมายถึง เนอื้ หาการฝึกอบรมมคี วามเหมาะสม อยใู่ นระดบั พอใช้
1.01 - 1.50 หมายถงึ เนอ้ื หาการฝึกอบรมมีความเหมาะสม อยใู่ นระดับควรปรับปรุง
จากนั้นหาค่าเฉลี่ยผลการประเมินความเหมาะสมของเนื้อหาการฝึกอบรมฯ
จากผู้เชี่ยวชาญ 5 ท่าน พบว่าค่าเฉลี่ยจากการประเมินความเหมาะสมของเนื้อหาการฝึกอบรม ฯ
โดยผู้เชี่ยวชาญทุกข้อ มีค่าเฉลี่ยตั้งแต่ 4.40 ขึ้นไป โดยได้ค่าเฉลี่ยรวม ( ̅) เท่ากับ 4.76
และค่าเบี่ยงเบนมาตราฐาน (S.D.) เท่ากับ 0.32 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความเหมาะสมของเน้ือหาอยู่
ในระดับดีมาก จากนั้นผู้วิจัยได้รวบรวมข้อเสนอแนะจากผู้เชี่ยวชาญ ไปปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้ได้
เนื้อหาการฝึกอบรมที่ชัดเจน เหมาะสม และสอดคล้องกับวัตถุประสงค์การฝึกอบรม โดยได้รับ
การปรบั แกแ้ สดงดังตารางท่ี 1
52
ตารางที่ 1 การปรับแกเ้ นอื้ หาการฝกึ อบรมครูอาชีวศึกษาผ่านเวบ็ เร่ือง การพฒั นาสือ่ บทเรียนโมดลู
(Instructional Module) เพ่อื การจัดการเรียนการสอน ตามข้อเสนอแนะของผูเ้ ชี่ยวชาญ
เรอ่ื งทป่ี ระเมนิ ค่าเฉลย่ี ขอ้ เสนอแนะ การปรบั แก้
1. ความสมบรู ณข์ อง เพม่ิ วัตถุประสงคด์ ้านเจตคติ
จดุ ประสงค์ 4.60 ควรเพ่ิมจดุ ประสงค์ ดังน้ี
- มีกจิ นิสยั ทแี่ สดงถึงความ
3. ลำดับขั้นตอนในการ ดา้ นเจตคติ ใฝร่ ้แู ละความรับผดิ ชอบ
นำเสนอเน้อื หา ปรับเนือ้ หาในส่วนทซี่ ้ำซ้อน
8. ภาษาทใี่ ชม้ ีความ 4.60 มีเนอ้ื หาซำ้ ซ้อนอย่บู ้าง ออก
เหมาะสมถูกต้อง แกไ้ ขคำท่พี มิ พผ์ ดิ ให้ถูกต้อง
10. ความครบถว้ น 4.60 มพี มิ พผ์ ิดเล็กน้อย
ของเนื้อหา เพิม่ ตัวอย่างการจัดทำสอ่ื
4.80 อาจเพ่ิมตัวอยา่ งให้ บทเรียนโมดลู ในบางส่วน
ผู้ฝึกอบรมได้ศึกษา ไดแ้ ก่ ตวั อยา่ งการจดั ทำ
เนอื้ หา ตวั อยา่ งการจัดทำ
กิจกรรม
3.2) พัฒนาเว็บฝึกอบรมครูอาชีวศึกษา เรื่อง การพัฒนาสื่อบทเรียนโมดูล
(Instructional Module) เพื่อการจัดการเรียนการสอน ซึ่งประกอบด้วย 7 องค์ประกอบได้แก่
คู่มือการฝึกอบรม ขั้นตอนการฝึกอบรม เกณฑ์การให้คะแนน แบบทดสอบก่อนการฝึกอบรม
บทเรียนการฝึกอบรม แบบทดสอบหลังการฝึกอบรม แบบสอบถามความพึงพอใจ นำเว็บที่พัฒนา
แล้วไปตรวจสอบคุณภาพเว็บโดยผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการศึกษา จำนวน 5 ท่าน (รายชื่อดัง
ภาคผนวก ก ) โดยใช้แบบประเมินคุณภาพเว็บฝึกอบรมฯ (ภาคผนวก ง) ซึ่งกำหนดรูปแบบของ
คำถามเป็นแบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดบั ของ Likert ดังนี้
5 หมายถงึ เวบ็ ฝกึ อบรมมีคุณภาพ อยู่ในระดับดมี าก
4 หมายถึง เว็บฝกึ อบรมมคี ณุ ภาพ อยูใ่ นระดบั ดี
3 หมายถึง เวบ็ ฝึกอบรมมีคุณภาพ อย่ใู นระดบั ปานกลาง
2 หมายถงึ เวบ็ ฝกึ อบรมมีคุณภาพ อย่ใู นระดับพอใช้
1 หมายถงึ เว็บฝึกอบรมมคี ณุ ภาพ อยู่ในระดับควรปรับปรงุ
53
กำหนดเกณฑใ์ นการตัดสนิ คะแนนเฉล่ีย ดงั นี้
4.51 - 5.00 หมายถึง เว็บฝกึ อบรมมีคณุ ภาพ อยใู่ นระดบั ดมี าก
3.51 - 4.50 หมายถงึ เวบ็ ฝึกอบรมมีคณุ ภาพ อยใู่ นระดบั ดี
2.51 - 3.50 หมายถึง เวบ็ ฝึกอบรมมคี ณุ ภาพ อยใู่ นระดับปานกลาง
1.51 - 2.50 หมายถึง เว็บฝกึ อบรมมีคุณภาพ อยใู่ นระดับพอใช้
1.01 - 1.50 หมายถงึ เว็บฝึกอบรมมคี ุณภาพ อยู่ในระดบั ควรปรับปรงุ
จากนั้นหาค่าเฉลี่ยผลการประเมินคุณภาพเว็บฝึกอบรมฯ จากผู้เชี่ยวชาญ 5 ท่าน
พบว่าค่าเฉลี่ยจากการประเมินคุณภาพของเว็บฝึกอบรม ฯ โดยผู้เชี่ยวชาญ ทุกข้อ มีค่าเฉลี่ยตั้งแต่
4.40 ขึ้นไป โดยได้ค่าเฉลี่ยรวม ( ̅) เท่ากับ 4.78 และค่าเบี่ยงเบนมาตราฐาน (S.D.) เท่ากับ 0.33
ซึ่งแสดงให้เห็นว่าอยู่ในระดับดีมาก จากนั้นผู้วิจัยได้รวบรวมข้อเสนอแนะจากผู้เชี่ยวชาญ
ไปปรบั ปรุงแกไ้ ขเพื่อให้ไดเ้ ว็บฝึกอบรมฯ ที่มีคณุ ภาพชัดเจน เหมาะสม และสอดคลอ้ งกบั วัตถปุ ระสงค์
การฝึกอบรม โดยข้อทีไ่ ด้รับการปรบั แก้แสดงดงั ตารางที่ 2
ตารางท่ี 2 การปรบั แกเ้ วบ็ ฝกึ อบรมครอู าชวี ศกึ ษา เรอื่ ง การพฒั นาสอื่ บทเรยี นโมดลู (Instructional
Module) เพอ่ื การจัดการเรยี นการสอน ตามขอ้ เสนอแนะของผเู้ ชย่ี วชาญ
เรอื่ งทป่ี ระเมนิ ค่าเฉลยี่ ขอ้ เสนอแนะ การปรบั แก้
7. การออกแบบกราฟิก ปรับตวั อักษรและสีให้
มคี วามเหมาะสม 4.60 ปรบั การออกแบบกราฟกิ เหมาะสมมากข้นึ
9. ความเหมาะสมของ - เปลี่ยนรูปแบบตัวอักษร
ขนาดตวั อักษร ใหเ้ หมาะกบั ผู้เข้าอบรม - เพมิ่ ขนาดตวั อกั ษร
4.60 - หลีกเลีย่ งตัวอักษรที่
ไมม่ หี ัว
- เพม่ิ ขนาดตวั อกั ษร
4) ข้นั การนำไปทดลองใช้ (Implementation) ผ้วู ิจยั ดำเนนิ การดังนี้
4.1) การทดสอบหนึ่งตอ่ หน่งึ โดยใหค้ รูในสงั กดั สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
ที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 1 คน ใช้เว็บฝึกอบรมที่พัฒนาขึ้น สังเกตและการสัมภาษณ์ปัญหาและ
ข้อเสนอแนะการใช้งาน จากนั้นนำมาปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่อง พบว่า เนื้อหาในส่วนของการเขียน
จดุ ประสงค์ และสมรรถนะการเรียนรู้ยงั อธิบายไมช่ ัดเจน การบรรยายในบางชว่ งเสียงไม่ชดั เจน แกไ้ ข
โดยการเพิ่มตัวอย่างการเขียนจุดประสงค์ และสมรรถนะการเรียนรู้ และอัดคลิป VDO ในส่วนที่
เสยี งไม่ชดั เจนใหม่
54
4.2) การทดสอบกับกลุ่มเล็ก (Small group testing) โดยให้ครูในสังกัดสำนักงาน
คณะกรรมการการอาชีวศึกษา ที่ไม่ใช่กลุ่มผู้ให้ข้อมูล จำนวน 9 คน ใช้เว็บฝึกอบรมที่ปรับปรุง
มาจากการทดสอบแบบหนึ่งต่อหนึ่ง โดยให้ผู้เรียนๆ เนื้อหาทำแบบทดสอบก่อนเรียน ระหว่างเรียน
และหลงั เรียน ซง่ึ พบว่าไม่มีขอ้ แก้ไข
4.3) การหาประสิทธิภาพของเว็บฝึกอบรม โดยให้ครูในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการ
การอาชีวศึกษา ที่เป็นกลุ่มผู้ให้ข้อมูลวิจัย จำนวน 30 คน โดยดำเนินการเช่นเดียวกับการทดสอบ
กับกลุ่มเล็กเพื่อหาค่าประสิทธิภาพซึ่งพบว่า เว็บที่พัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพกระบวนการ (E1 ) และ
ประสทิ ธิภาพของผลลพั ธ์ (E2 ) ไดค้ า่ เฉลย่ี ร้อยละ 87.76/86.00
5) ขั้นการประเมนิ ผล (Evaluation) ผู้วิจัยนำเวบ็ ที่พัฒนาขึ้นไปใช้กับกลุ่มผู้ให้ข้อมูลใน
การวิจัย จำนวน 30 คน เพอื่ เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ของผเู้ ข้ารบั การอบรมท่ีอบรมจากเวบ็
2. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ก่อน - หลัง การฝึกอบรมครูอาชีวศึกษาผ่านเว็บ
เรอื่ ง การพฒั นาสอ่ื บทเรยี นโมดูล (Instructional Module) เพ่ือการจดั การเรียนการสอน
แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ก่อน - หลัง การฝึกอบรมที่สร้างขึ้นเป็นแบบทดสอบ
แบบปรนัย 4 ตัวเลือก เพื่อวัดผลสัมฤทธิ์ในด้านความรู้ในการพัฒนาสื่อบทเรียนโมดูล
เพื่อการจดั การเรียนการสอน ของผูเ้ ขา้ รับการอบรม โดยผูว้ ิจัยได้สร้างและพัฒนาตามขั้นตอนต่อไปนี้
2.1 ศึกษาวิธีสร้างแบบทดสอบจากเอกสาร ตำรา งานวจิ ยั เพ่อื ให้ได้หลักการและรูปแบบ
การสรา้ งข้อคำถามในการสรา้ งแบบทดสอบ
2.2 สร้างตารางวเิ คราะหห์ ลกั สูตรเพ่ือให้เหน็ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งเนื้อหาและจุดประสงค์
การฝึกอบบรม
2.3 สร้างโครงสร้างแบบทดสอบเพื่อเป็นกรอบในการสร้างแบบทดสอบให้สอดคล้อง
กับตารางวเิ คราะห์หลักสูตร
2.4 สร้างแบบทดสอบเป็นแบบปรนัยชนิด 4 ตัวเลือก ใหค้ รอบคลมุ เนอ้ื หาและสอดคล้อง
กับโครงสร้างแบบทดสอบ
2.5 ตรวจสอบความเหมาะสม ความชัดเจน และความถูกต้องของภาษาของข้อคำถาม
และตัวเลือก แลว้ จัดพิมพเ์ ป็นแบบทดสอบฉบับร่าง
2.6 นำแบบทดสอบฉบบั ร่างเสนอให้ผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 5 ท่าน (รายชื่อดังภาคผนวก ก)
เพื่อพิจารณาตรวจสอบความตรงเชิงเนื้อหาของข้อคำถามกับจุดประสงค์การฝึกอบรมและความ
เหมาะสมของภาษาทใี่ ช้
55
2.7 นำแบบทดสอบฉบับร่าง หาค่าความตรงเชิงเนื้อหา โดยคำนวณค่าดัชนี
ความสอดคล้องระหว่างข้อคำถามกับจุดประสงค์การฝึกอบรม (IOC) จากผู้เชี่ยวชาญ 5 ท่าน พบว่า
ข้อคำถามทุกข้อในแบบทดสอบ มีค่า IOC ตั้งแต่ 0.60 – 1.00 ทำการปรับแก้ข้อคำถาม
ตามข้อเสนอแนะของผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ก่อน – หลังการฝึกอบรม
มขี ้อคำถามชัดเจน เหมาะสม และสอดคลอ้ งกับจดุ ประสงค์การฝึกอบรม
2.8 นำแบบทดสอบทผี่ ่านการปรบั แก้ไปใช้กับครูอาชีวศึกษาที่เคยผ่านการอบรมหลักสูตร
น้ีในรูปแบบการอบรมออนไลน์มาแล้ว เพื่อวิเคราะห์หาค่าความยากง่าย ค่าอำนาจจำแนก พบว่า
ข้อสอบทุกข้อมีค่าความยากง่ายอยู่ระหว่าง 0.20-0.80 และค่าอำนาจจำแนกระหว่าง 0.20-1.00
จากนั้นหาค่าความเชื่อมั่นโดยใช้สูตรของคูเดอร์-ริชาร์ดสัน (KR-20) ได้ค่าความเชื่อมั่นของ
แบบทดสอบท้งั ฉบับเท่ากบั 0.88
2.9 จดั ทำเป็นแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธิ์ก่อน - หลัง การฝึกอบรมฉบบั สมบรู ณ์
3. แบบประเมินผลงานสือ่ บทเรียนโมดูลของผู้เข้ารับการอบรมและเกณฑ์การให้คะแนน
ผลงานส่ือบทเรียนโมดูล
แบบประเมินผลงานสื่อบทเรียนโมดูลของผู้เข้ารับการอบรมและเกณฑ์การให้คะแนน
ผลงานสื่อบทเรียนโมดูล มีลักษณะเป็นรายการประเมินงานที่ต้องปฏิบัติในการพัฒนาสื่อบทเรียน
โมดูลเพ่ือการจัดการเรียนการสอน ใช้เกณฑ์การการประเมินในรูปแบบ Scoring Rubrics เพื่อใช้ใน
การประเมนิ ผลงานส่ือบทเรยี นโมดลู ทีผ่ เู้ ข้ารบั การฝึกอบรมได้พฒั นาขนึ้ โดยผวู้ จิ ยั ได้สร้างและพัฒนา
ตามข้ันตอนตอ่ ไปน้ี
3.1 ศึกษาวิธีสร้างแบบประเมินและเกณฑ์การให้คะแนนจากเอกสาร ตำรา งานวิจัย
เพือ่ ใหไ้ ดห้ ลกั การและรปู แบบการสรา้ งแบบประเมนิ ผลงานและเกณฑ์การให้คะแนนผลงาน
3.2 สร้างแผนผังกำหนดงานที่ต้องปฏิบัติในการประเมินการสร้างบทเรียนโมดูล
เพื่อการจัดการเรียนการสอน เพื่อให้เห็นงานที่ผู้เข้ารับการฝึกอบรมต้องปฏิบัติให้สอดคล้องกับ
จดุ ประสงค์การฝึกอบรม
3.3 สร้างแผนผังนิยามงานที่ต้องปฏิบัติตามขั้นตอนการพัฒนาบทเรียนโมดูลเพ่ือ
การจัดการเรียนการสอน เพื่อเป็นการกำหนดสิ่งที่ผู้เข้าอบรมต้องปฏิบัติในแต่ละงานเพื่อให้เกิด
ความชดั เจนและเข้าใจตรงกันในงานทีต่ ้องปฏิบัติ
3.4 สร้างแบบแบบประเมินการพัฒนาสื่อบทเรียนโมดูล (Instructional Module)
เพื่อการจัดการเรียนการสอน เป็นแบบรายการประเมินงานที่ต้องปฏิบัติในการพัฒนาสื่อบทเรียน
56
โมดูลเพื่อการจัดการเรียนการสอน และสร้างเกณฑ์การการประเมินในรูปแบบ Scoring Rubrics
ให้สอดคลอ้ งกับแผนผงั นิยามงานทตี่ อ้ งปฏิบัติ
3.5 ตรวจสอบความเหมาะสม ความชัดเจน และความถูกต้องของภาษาของรายการ
ประเมินและเกณฑ์การประเมิน แล้วจัดพิมพ์เป็นแบบประเมินผลงานและเกณฑ์การประเมินผลงาน
ฉบบั ร่าง
3.6 นำแบบประเมินผลงานและเกณฑ์การประเมินผลงานฉบับร่างเสนอให้ผู้เชี่ยวชาญ
จำนวน 5 ท่าน (รายชื่อดังภาคผนวก ก) ตรวจสอบความตรงเชิงเน้ือหาโดยพิจารณาความสอดคล้อง
ของงานทีต่ อ้ งปฏิบัติในการสร้างสื่อบทเรียนโมดูลกบั เกณฑ์การใหค้ ะแนน
3.7 นำแบบประเมินผลงานและเกณฑ์การประเมินผลงานฉบับร่าง หาค่าความตรง
เชิงเนื้อหา โดย คำนวณค่าดัชนีความสอดคล้องของงานที่ต้องปฏิบัตใิ นการสร้างสื่อบทเรียนโมดูลกับ
เกณฑ์การให้คะแนน (IOC) จากผู้เชี่ยวชาญ 5 ท่าน พบว่า ทุกรายการประเมิน มีค่า IOC ตั้งแต่
0.80 – 1.00 จากน้ันผวู้ จิ ัยไดร้ วบรวมข้อเสนอแนะของผู้เชยี่ วชาญไปปรบั แก้เพ่ือให้ได้แบบประเมินผล
งานสื่อบทเรียนโมดูลของผู้เข้ารับการอบรมและเกณฑ์การให้คะแนนผลงา นสื่อบทเรียนโ มดูล
ท่ีมีประเด็นการประเมินและเกณฑ์การประเมินผลงานท่ีเหมาะสม และสอดคล้องกับจุดประสงค์
การฝกึ อบรม โดยข้อท่ีไดร้ บั การปรบั แก้แสดงดังตารางท่ี 3
ตารางที่ 3 การปรบั แก้แบบประเมนิ ผลงานสอื่ บทเรยี นโมดลู ของผเู้ ข้ารบั การอบรมและเกณฑ์
การใหค้ ะแนนผลงานสอ่ื บทเรยี นโมดลู ตามขอ้ เสนอแนะของผเู้ ชย่ี วชาญ
รายการประเมนิ ค่า IOC ขอ้ เสนอแนะ การปรบั แก้
4. กำหนดสมรรถนะ 1.00 ปรบั แกข้ ้อความในเกณฑ์ เพม่ิ ข้อความตามท่ี
ผ้เู ช่ยี วชาญแนะนำ
การใหค้ ะแนนท่ี 1 คะแนน
ให้เพ่มิ ขอ้ ความ “แตเ่ ขยี น
สมรรถนะไมถ่ ูกต้องตาม
หลักการ” และเกณฑ์
การใหค้ ะแนนที่ 2 คะแนน
เพิม่ ข้อความ “แต่ไม่
ครอบคลุมจุดประสงค์
การเรยี นร”ู้
57
รายการประเมนิ คา่ IOC ขอ้ เสนอแนะ การปรบั แก้
11. จดั ทำเคร่ืองมือวัดประเมินผล
0.80 - ปรบั แก้ข้อความในเกณฑ์ ปรบั แก้ข้อความ
13.ใหผ้ เู้ ชย่ี วชาญประเมนิ บทเรียน
โมดูล การให้คะแนนทร่ี ะดับ 5 ตามทีผ่ ้เู ชี่ยวชาญ
14.ทดลองใช้บทเรยี นโมดลู
กับกลมุ่ เล็ก คะแนน เปน็ มีการวดั แนะนำ
ประเมินผล 1 อยา่ ง
ไดส้ อดคล้องกับจุดประสงค์
การเรียนรู้
- ปรบั แกข้ อ้ ความในเกณฑ์
การใหค้ ะแนนท่รี ะดับ 7.5
คะแนน เป็นมีการวดั
ประเมนิ ผล กอ่ นเรียน
ระหว่างเรียน หรือหลังเรยี น
ได้ 2 อยา่ งสอดคล้องกบั
จดุ ประสงค์การเรียนรู้
1.00 ปรับแกข้ ้อความในเกณฑ์ เติมข้อความตาม
การให้คะแนนทร่ี ะดบั 3 คำแนะนำของ
คะแนน ใหเ้ ติมข้อความ ผู้เชย่ี วชาญ
“แตไ่ ม่มกี ารแก้ไขตาม
คำแนะนำของผ้เู ชย่ี วชาญ”
0.80 ปรับข้อความของเกณฑ์ ปรบั ข้อความตาม
การใหค้ ะแนนท่ี 1 คะแนนให้ คำแนะนำของ
สัมพนั ธ์กับเกณฑ์การให้ ผู้เช่ียวชาญ
คะแนนในช่องอน่ื ๆ
3.8 จัดทำเป็นแบบประเมนิ ผลงานสอื่ บทเรียนโมดูลของผ้เู ข้ารบั การอบรมและเกณฑ์
การใหค้ ะแนนผลงานสื่อบทเรียนโมดลู ฉบบั สมบูรณ์
58
4. แบบสอบถามเพื่อติดตามผลการนำสื่อบทเรียนโมดูลที่ผู้เข้ารับการอบรมพัฒนาขึ้นไปใช้ใน
การจดั การเรยี นการสอน
มีลักษณะเป็นข้อคำถามปลายเปิด โดยสอบถามเกย่ี วกบั ผลท่ีเกิดข้ึนกับผู้เรียนที่เรียนด้วย
สื่อบทเรียนโมดูลที่ผู้เข้ารับการอบรมพัฒนาขึ้น โดยผู้วิจัยได้ดำเนินการสร้างและพัฒนาตามขั้นตอน
ต่อไปน้ี
4.1 ศึกษาวธิ ีการสรา้ งแบบสอบถามจากเอกสาร ตำรา ทฤษฎแี ละงานวิจัย
4.2 สร้างนยิ ามเชิงปฏิบตั ิการของติดตามผลการนำสื่อบทเรยี นโมดูลทีผ่ ้เู ข้ารับการอบรม
พัฒนาขึ้นไปใช้ในการจัดการเรยี นการสอน
4.3 สรา้ งขอ้ คำถามแต่ละข้อใหส้ อดคล้องกับนิยามเชิงปฏบิ ตั ิการ
4.4 นำแบบสอบถามฉบับร่างท่ีเสนอผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 5 ท่าน (รายชื่อดังภาคผนวก ก)
เพื่อตรวจสอบความตรงเชิงเน้ือหาของข้อคำถามกบั นิยามเชงิ ปฏบิ ตั ิการและความเหมาะสมของภาษา
ทใี่ ช้
4.5 นำแบบสอบถามหาค่าความตรงเชิงเนื้อหา โดยคำนวณค่าดัชนีความสอดคล้อง
ระหว่างข้อคำถามกับนิยามเชิงปฏิบัติการ (IOC) จากผู้เชี่ยวชาญ 5 คน พบว่า ข้อคำถามใน
แบบสอบถามความพึงพอใจของผู้เข้ารับการฝึกอบรม ทุกข้อมีค่า IOC เท่ากับ 1.00 และผู้วิจัยได้
รวบรวมข้อเสนอแนะจากผู้เชี่ยวชาญไปปรับปรุงแก้ไขข้อคำถาม ในแบบสอบถามเพื่อให้ข้อคำถาม
มีความชัดเจน เหมาะสมและสอดคล้องกับนิยามเชิงปฏิบัติการ โดยข้อที่ได้รับการปรับแก้
แสดงดัง ตางรางท่ี 4
ตารางท่ี 4 การปรับแกแ้ บบสอบถามเพื่อติดตามผลการนำส่ือบทเรยี นโมดลู ทผี่ เู้ ขา้ รับการอบรม
พฒั นาข้นึ ไปใชใ้ นการจัดการเรียนการสอนตามขอ้ เสนอแนะของผูเ้ ชีย่ วชาญ
ขอ้ คำถาม คา่ IOC ขอ้ เสนอแนะ การปรบั แก้
5. หลังจากผเู้ รียนได้เรยี นร้ผู ่าน 1.00 หลังจากผ้เู รียนไดเ้ รยี นรู้ ปรับข้อความตาม
บทเรยี นโมดูลแลว้ มีการพฒั นาดา้ น ผา่ นบทเรยี นโมดูลแลว้ คำแนะนำของ
จติ พิสัยเชน่ ความรบั ผิดชอบ ความ มีการพฒั นาดา้ นจติ พิสยั ผูเ้ ช่ยี วชาญ
ซือ่ สตั ย์ เปน็ ตน้ หรือไม่อยา่ งไร ตามจุดประสงคท์ ่ีกำหนดไว้
หรือไม่ อย่างไร
59
4.6 จัดทำเป็นแบบสอบถามเพื่อติดตามผลการนำสื่อบทเรียนโมดูลที่ผู้เข้ารับการอบรม
พัฒนาขึ้นไปใชใ้ นการจดั การเรยี นการสอนฉบบั สมบูรณ์
5. แบบสอบถามความพึงพอใจของผู้เข้ารับการฝึกอบรมที่มีต่อการฝึกอบรมผ่านเว็บ
เร่ืองการพฒั นาสื่อบทเรยี นโมดูล (Instructional Module) เพอ่ื การจัดการเรียนการสอน
มลี กั ษณะเปน็ มาตรประมาณค่า 5 ระดับ ได้แก่ มากที่สดุ มาก ปานกลาง นอ้ ย น้อยท่ีสุด
โ ด ย ส อบ ถ า ม เ ก ี ่ ย ว ก ั บ ค ว า ม พึ ง พ อใ จ ข อ ง ผ ู ้ เ ข ้ า ร ั บ ก า ร ฝ ึ ก อ บ ร ม ท ี ่ ม ี ต ่ อ ก า ร ฝ ึ ก อบ ร ม ผ ่ า น เ ว็ บ
เรื่อง การพัฒนาสื่อบทเรียนโมดูล (Instructional Module) เพื่อการจัดการเรียนการสอน
แ ล ะข้ อคำ ถ า ม ป ล า ย เ ป ิ ด เ พื ่ อให้ ผ ู ้ เ ข้ า ร ั บ กา ร ฝ ึ ก อ บ ร ม ไ ด ้ แ ส ด ง คว า ม คิ ด เ ห ็ น เ พิ ่ ม เ ต ิ มเ กี ่ ย ว กั บ
การฝกึ อบรมผา่ นเวบ็ ฯ โดยผู้วจิ ัยไดด้ ำเนินการสรา้ งและพฒั นาตามขั้นตอนตอ่ ไปนี้
5.1 ศกึ ษาวิธกี ารสรา้ งแบบสอบถามความพึงพอใจจากเอกสาร ตำรา ทฤษฎีและงานวจิ ัย
5.2 สรา้ งนยิ ามเชงิ ปฏิบัตกิ ารของความพึงพอใจต่อการฝึกอบรมผา่ นเว็บ
5.3 สร้างข้อคำถามแต่ละข้อใหส้ อดคลอ้ งกบั นยิ ามเชงิ ปฏิบัติการ
5.4 นำแบบสอบถามความพึงพอใจฉบับร่างที่เสนอผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 5 ท่าน (รายชื่อดัง
ภาคผนวก ก) เพื่อตรวจสอบความตรงเชิงเนื้อหาของข้อคำถามกับนิยามเชิงปฏิบัติการ
และความเหมาะสมของภาษาที่ใช้
5.5 นำแบบสอบถามความพึงพอใจ หาค่าความตรงเชิงเนื้อหา โดยคำนวณค่าดัชนีความ
สอดคลอ้ งระหวา่ งข้อคำถามกับนิยามเชิงปฏิบัติการ (IOC) จากผู้เชยี่ วชาญ 5 คน พบว่า ข้อคำถามใน
แบบสอบถามความพึงพอใจของผู้เข้ารับการฝึกอบรม ทุกข้อมีค่า IOC เท่ากับ 1.00 โดยผู้เชี่ยวชาญ
ไมไ่ ดใ้ ห้ขอ้ เสนอแนะเพ่ิมเติม
5.6 นำแบบสอบถามความพงึ พอใจ ไปทดลองใชค้ รัง้ ท่ี 1 กับครอู าชวี ศึกษาทีเ่ ปน็ กลุ่มทดสอบ
เคร่ืองมือ จำนวน 9 คน เพื่อตรวจสอบความชัดเจนของภาษาที่ใช้และระยะเวลาในการตอบ
แบบสอบถาม พบว่า คณุ ครแู ต่ละคนตอบแบบสอบถามโดยใชเ้ วลาไมเ่ กนิ 10 นาที คณุ ครเู ข้าใจภาษา
ที่ใช้และตอบคำถามได้ตรงกับประเด็นที่ต้องการทกุ ข้อคำถาม โดยคุณครูทุกคนไม่มขี ้อสงสยั และไม่มี
การอา่ นซ้ำอกี รอบเพือ่ ตอบคำถามน้ัน
5.8 จัดทำเป็นแบบสอบถามความพึงพอใจของผู้เข้ารับการฝกึ อบรมที่มีต่อการฝกึ อบรม
ผ่านเว็บ เรื่องการพัฒนาสื่อบทเรียนโมดูล (Instructional Module) เพื่อการจัดการเรียนการสอน
ฉบบั สมบูรณ์
60
การทดลองเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู
การวิจัยในครั้งนี้ใช้รูปแบบการวิจัยกึ่งทดลอง (Quasi-Experimental Designs)
โดยผูว้ ิจยั ไดด้ ำเนนิ การดังต่อไปน้ี
ขั้นก่อนดำเนนิ การทดลอง
1. กำหนดระยะเวลาในการฝึกอบรมจากกรอบเนื้อหาและการปฏิบัติ
โดยจะให้ระยะเวลา 40 วนั ไมน่ บั รวมระยะเวลาในการประชาสมั พนั ธ์
2. ตรวจสอบความพร้อมของเว็บฝึกอบรบ สื่อต่างๆ ในเว็บฝึกอบรม
เช่น คมู่ อื การฝึกอบรม คลิป VDO เอกสารสรปุ เนอ้ื หา เอกสารที่เก่ยี วขอ้ ง แบบทดสอบกอ่ น-หลังการ
ฝึกอบรม กจิ กรรมทา้ ยหนว่ ยการเรยี นรู้ แบบประเมินความพงึ พอใจ คมู่ ือการฝึกอบรม เปน็ ตน้
3. ประชาสัมพันธ์รบั สมัครครผู ู้สอนในสงั กดั สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
ท่ีสนใจการฝึกอบรมผ่านเว็บ เรื่อง การพัฒนาสื่อบทเรียนโมดูล (Instructional Module)
เพ่อื การจดั การเรยี นการสอน
4. ประกาศรายชื่อมสี ทิ ธิเ์ ข้ารับการอบรม
5. ใหผ้ ้มู สี ิทธิ์เขา้ รบั การดำเนินการเข้าร่วมกลุ่มไลน์ “การอบรม Module ผ่านเว็บ”
เพื่อใชเ้ ปน็ ชอ่ งทางในการติดต่อสื่อสาร
ขนั้ ดำเนนิ การทดลอง
1. ปฐมนิเทศผู้เข้ารับการฝึกอบรม ผ่านทาง Google meet เพื่อชี้แจงวัตถุประสงค์
การฝึกอบรม ขั้นตอนการฝึกอบรม และวิธีการใช้เว็บฝึกอบรม เรื่อง การพัฒนาสื่อบทเรียนโมดูล
(Instructional Module) เพื่อการจัดการเรียนการสอน เกณฑ์การผ่านการฝึกอบรม ให้ผู้เข้ารับ
การอบรมทราบ โดยสามารถศกึ ษาเพิ่มเตมิ ได้ในคูม่ ือการฝึกอบรม
2. ให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรเข้าฝึกอบรมผ่านเว็บ เรื่อง การพัฒนาสื่อบทเรียนโมดูล
(Instructional Module) เพอ่ื การจดั การเรยี นการสอน ทาง https://bit.ly/module-65 ดำเนินการ
ฝกึ อบรมตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ 40 วัน โดยมีข้ันตอนการฝกึ อบรมดงั นี้
2.1 ทำแบบทดสอบก่อนการฝึกอบรม
2.2 ศึกษาเนื้อหาจาก คลิป VDO และเอกสารสรุปเนื้อหา และทำกิจกรรมท้ายบท
ตัง้ แต่เรือ่ งแรกเรยี งไปตามลำดบั
2.3 ส่งผลงานบทเรยี นโมดลู ของผ้เู ขา้ อบรม ในกิจกรรมท่ี 9
61
2.4 นำบทเรียนโมดูลฉบับสมบูรณ์ของผู้เข้ารับการอบรมไปใช้ในการจัดการเรียน
สอนในชน้ั เรียน จากนน้ั รายงานผลการนำบทเรียนไปใชใ้ นการจัดการเรียนการสอน ในกจิ กรรมที่ 10
2.5 ทำแบบทดสอบหลังการฝกึ อบรม
2.6 ตอบแบบสอบถามความพงึ พอใจที่มีต่อการฝึกอบรม
3. การวัดผลสัมฤทธ์ิการฝกึ อบรม
3.1 การวัดความรู้หลังการฝึกอบรม โดยการเปรียบเทียบคะแนนการทดสอบ
กอ่ นการฝึกอบรมและหลงั การฝกึ อบรม
3.2 การประเมินผลงานสื่อบทเรียนโมดูลของผู้เข้ารับการฝึกอบรม เพื่อวัดทักษะ
ที่เกิดขึ้นหลังการฝึกอบรมผ่านเว็บ เรื่อง การพัฒนาสื่อบทเรียนโมดูล (Instructional Module)
เพือ่ การจดั การเรยี นการสอน
ขั้นหลงั การดำเนินการทดลอง
1. เมื่อครบกำหนดเวลาในการฝึกอบรมผ่านเว็บ เรื่อง การพัฒนาสื่อบทเรียนโมดูล
(Instructional Module) เพื่อการจัดการเรียนการสอน ผู้วิจัยทำการเก็บรวบรวมข้อมูล คะแนน
ก่อนการฝึกอบรม ทดสอบหลังการฝึกอบรม และคะแนนประเมินผลงานสื่อบทเรียนโมดูล
ของผู้เขา้ รับการฝกึ อบรม ไปทำการวิเคราะหแ์ ละสรุปผลการวจิ ัย
2. จัดทำใบประกาศเกียรติบัตร ส่งให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมที่ผ่านการฝึกอบรมผ่านเว็บ
เรื่อง การพัฒนาสื่อบทเรียนโมดลู (Instructional Module) เพือ่ การจัดการเรียนการสอน
การวเิ คราะหข์ อ้ มลู
การวเิ คราะห์ข้อมูลในการวจิ ัยครง้ั น้ี ประกอบด้วย
1. หาประสทิ ธภิ าพเวบ็ ฝึกอบรม ฯ โดยใช้เกณฑ์การหาประสิทธิภาพ E1 /E2
2. เปรียบเทียบคะแนนทดสอบก่อนการฝึกอบรม และหลังการฝึกอบรม ใช้การทดสอบ
t แบบ t - test dependent ทรี่ ะดบั นยั สำคญั ทางสถิตทิ ี่ 0.05 โดยใช้โปรแกรมสำเร็จรปู
3. ประเมินผลงานสื่อบทเรียนโมดูลของผู้เข้ารับการฝึกอบรม โดยใช้ค่าเฉลี่ย ( ̅)
ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และการทดสอบ t แบบกลุ่มเดียว (t – test for One Sample)
เท่ยี บกับเกณฑ์ ร้อยละ 75 ทร่ี ะดบั นยั สำคญั ทางสถติ ิท่ี 0.05 โดยใช้โปรแกรมสำเร็จรปู
4. วิเคราะห์ผลการติดตามผลการนำสื่อบทเรียนโมดูลที่ผู้เข้ารับการอบรมพัฒนาขึน้ ไปใช้
ในการจดั การเรยี นการสอนโดยการวเิ คราะห์เนือ้ หา
62
5. ความพึงพอใจในการฝกึ อบรมของผู้เข้ารับการฝึกอบรม ใช้ค่าเฉลี่ย ( ̅) ส่วนเบี่ยงเบน
มาตรฐาน (S.D.)
63
บทท่ี 4
ผลการวจิ ยั
การวจิ ัย เร่ือง การฝกึ อบรมครูอาชวี ศกึ ษาผ่านเว็บ เร่ือง การพฒั นาส่ือบทเรียนโมดลู
(instructional module) เพ่ือการจัดการเรยี นการสอน ในครั้งนี้ ผวู้ จิ ัยได้นำเสนอผลการวิจัยดงั นี้
1. เพอื่ พัฒนาเวบ็ ฝกึ อบรมครูอาชวี ศึกษา เรอื่ ง การพัฒนาส่อื บทเรียนโมดลู (Instructional
Module) เพอ่ื การจดั การเรียนการสอน ทม่ี ปี ระสิทธภิ าพตามเกณฑ์ 80/80
2. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ของการอบรมผ่านเว็บ เรื่อง การพัฒนาสื่อบทเรียนโมดูล
(Instructional Module) เพอื่ การจดั การเรยี นการสอน
3. เพื่อติดตามผลการนำสื่อบทเรียนโมดูลที่ผู้เข้ารับการอบรมพัฒนาขึ้นไปใช้ในการจัด
การเรียนการสอน
4. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้เข้ารับการอบรมที่มีต่อการฝึกอบรมผ่านเว็บ เรื่อง
การพัฒนาสอื่ บทเรียนโมดูล (Instructional Module) เพื่อการจัดการเรยี นการสอน
1. การหาประสิทธิภาพเว็บฝึกอบรมครูอาชีวศึกษา เรื่อง การพัฒนาสื่อบทเรียนโมดูล (Instructional
Module) เพื่อการจดั การเรียนการสอน
1.1 ผลการประเมินคุณภาพของเว็บฝึกอบรมครูอาชีวศึกษา เรื่อง การพัฒนาสื่อบทเรียน
โมดูล (Instructional Module) เพื่อการจดั การเรียนการสอน โดยผเู้ ช่ียวชาญ
ผู้วิจัยได้นำเว็บฝึกอบรมครูอาชีวศึกษา เรื่อง การพัฒนาสื่อบทเรียนโมดูล (Instructional
Module) เพื่อการจัดการเรียนการสอน ที่สร้างขึ้นเสนอให้ผู้เชี่ยวชาญจำนวน 5 ท่าน ประเมินคุณภาพ
ของเว็บการฝึกอบรมด้านต่าง ๆ เพื่อหาข้อบกพร่อง และข้อเสนอแนะเพิ่มเติม ซึ่งผลการวิเคราะห์ข้อมูล
จากการประเมนิ ของผเู้ ชีย่ วชาญแสดงดงั ตารางที่ 5
64
ตารางที่ 5 ผลการประเมินของเว็บฝึกอบรมครูอาชีวศึกษา เรื่อง การพัฒนาสื่อบทเรียน
โมดูล (Instructional Module) เพ่ือการจัดการเรียนการสอน โดยผ้เู ชี่ยวชาญ
ระดบั ความคดิ เหน็ ของผเู้ ชย่ี วชาญ สว่ น
เรอ่ื งทีป่ ระเมนิ คนที่ คนที่ คนที่ คนท่ี คนท่ี คา่ เฉลยี่ เบยี่ งเบน ระดบั
12345
( ̅ ) มาตรฐาน คณุ ภาพ
(S.D.)
1. เนอ้ื หาสอดคล้องกับจดุ ประสงค์ 5 5 5 5 5 5.00 0.00 ดมี าก
2. การลำดับเน้ือหามีความเหมาะสม 5 5 5 5 5 5.00 0.00 ดีมาก
3. ความเหมาะสมของรูปแบบ 5 5 4 4 5 4.60 0.55 ดมี าก
และวิธีการนำเสนอเนื้อหา
4. ความชัดเจนในการอธบิ าย 5 5 5 5 5 5.00 0.00 ดมี าก
เนอ้ื หา
5. กจิ กรรมในการฝกึ อบรม 5 5 5 5 5 5.00 0.00 ดีมาก
สอดคลอ้ งกับเน้ือหา
6. ความชดั เจนของเสียงใน 5 4 5 5 5 4.80 0.45 ดมี าก
การบรรยาย
7. การออกแบบกราฟิก 5 5 4 4 5 4.60 0.55 ดีมาก
มีความเหมาะสม
8. ความเหมาะสมของสีตัวอักษร 5 5 4 5 5 4.80 0.45 ดีมาก
9. ความเหมาะสมของ 4 5 5 4 5 4.60 0.55 ดีมาก
ขนาดตวั อักษร
10. ความนา่ สนใจของ 4 5 5 5 5 4.80 0.45 ดีมาก
การฝึกอบรม
11. ความสมดลุ ของหน้าจอ 5 4 4 4 5 4.40 0.55 ดี
12. ความสะดวกในการใช้ 5 5 5 4 5 4.80 0.45 ดีมาก
งานเวบ็ ฝกึ อบรม
ค่าเฉลยี่ รวม 4.78 0.33 ดีมาก
65
จากตารางที่ 5 พบว่า ผลการคุณภาพของของครูอาชีวศึกษา เรื่อง การพัฒนาสื่อบทเรียน
โมดูล (Instructional Module) เพื่อการจัดการเรียนการสอน โดยผูเ้ ชีย่ วชาญ ในภาพรวมเว็บฝกึ อบรมมี
คุณภาพอยู่ในระดับดีมาก (4.78, 0.33) โดยส่วนที่มีคุณภาพสูงที่สุด อยู่ในระดับดีมาก ได้แก่
ความสอดคล้องของเนือ้ หากบั จุดประสงค์ การลำดับเน้ือหา ความชดั เจนในการอธิบายเน้ือหา และความสอดคล้อง
ของกิจกรรมในการฝึกอบรมกับเนื้อหา (5.00, 0.00) รองลงมาเป็น ความชัดเจนของเสียงในการบรรยาย
ความเหมาะสมของสีตัวอักษร ความน่าสนใจของการฝึกอบรม และความสะดวกในการใช้งานเว็บ
ฝกึ อบรม มคี ณุ ภาพอยใู่ นระดบั ดีมาก (4.80,0.45) ลำดับสุดท้าย ไดแ้ ก่ ความสมดลุ ของหนา้ จอ มีคุณภาพ
อยู่ในระดับ ดี (4.40, 0.55)
1.2 ผลการวเิ คราะห์ประสิทธภิ าพเว็บฝึกอบรมครอู าชีวศึกษา เรื่อง การพฒั นาสื่อบทเรียน
โมดูล (Instructional Module) เพอ่ื การจดั การเรยี นการสอน
ผู้วิจัยนำเว็บฝึกอบรมครูอาชีวศึกษา เรื่อง การพัฒนาสื่อบทเรียนโมดูล (Instructional
Module) เพื่อการจัดการเรียนการสอน ที่ผ่านการแก้ไขตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญไปใช้กับกลุ่มผู้ให้
ข้อมูล ในการหาประสิทธิภาพเครื่องมือ จำนวน 30 คน เพื่อหาค่าประสิทธิภาพ E1/E2 ผลการวิเคราะห์
พบว่ามีคา่ เฉลยี่ 87.76/86.00 รายละเอยี ดแสดงดงั ตารางที่ 6
ตารางท่ี 6 ผลการประเมินประสทิ ธภิ าพของเวบ็ ฝึกอบรมครูอาชวี ศึกษา เร่ือง การพฒั นาสื่อ
บทเรียนโมดูล (Instructional Module) เพอื่ การจัดการเรยี นการสอน ตามเกณฑ์ประสิทธิภาพ 80/80
(n = 30)
การทดสอบ คะแนนเต็ม ̅ S.D. ประสิทธภิ าพ
กจิ กรรมระหว่างเรยี น (E1)
แบบทดสอบหลงั เรียน (E2) 158 138.67 4.92 87.76
20 17.20 1.94 86.00
จากตารางท่ี 6 พบว่า ผู้เขา้ รบั การอบรมที่อบรมดว้ ยเว็บฝึกอบรมมีค่าเฉลี่ยคะแนนกิจกรรม
ระหว่างเรียน (E1) เท่ากับ 138.67 คิดเป็นร้อยละ 87.76 และมีค่าเฉลี่ยคะแนนทดสอบหลังเรียน (E2)
เท่ากับ 17.20 คิดเป็นร้อยละ 86.00 แสดงว่าเว็บครูอาชีวศึกษา เรื่อง การพัฒนาสื่อบทเรียนโมดูล
(Instructional Module) เพื่อการจัดการเรียนการสอน มปี ระสทิ ธภิ าพ (E1/E2) 87.76/86.00
66
2. ผลสัมฤทธิ์ของการอบรมครูอาชีวศึกษาผ่านเว็บ เรื่อง การพัฒนาสื่อบทเรียนโมดูล (Instructional
Module) เพ่อื การจัดการเรยี นการสอน
2.1 ผลการเปรียบเทียบคะแนนทดสอบก่อนและหลังการฝึกอบรมครูอาชีวศึกษาผ่านเว็บ
เรอ่ื ง การพัฒนาสอื่ บทเรยี นโมดูล (Instructional Module) เพอื่ การจัดการเรยี นการสอน
ผู้วิจยั ได้ให้ผู้เข้ารบั การอบรมผ่านเวบ็ ทำแบบทดสอบก่อนการฝึกอบรม จากนั้นเมือ่ ผู้เข้ารับ
การฝึกอบรมศึกษาเนื้อหาและทำกิจกรรมการฝึกอบรมผ่านเว็บครบถ้วนแล้วให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรม
ทำแบบทดสอบหลังการฝึกอบรม ซึ่งเป็นแบบทดสอบปรนัยแบบเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จากน้ัน
นำผลคะแนนมาหาค่าเฉลี่ย และใช้สถิติทดสอบที (dependent t - test) ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ
ท่ี 0.05 ในการเปรียบเทยี บคะแนนทดสอบก่อนและหลงั การฝึกอบรม รายละเอยี ดแสดงดังตารางที่ 7
ตารางที่ 7 ผลการเปรียบเทียบคะแนนทดสอบก่อนและหลังการฝึกอบรมครูอาชีวศึกษา
ผา่ นเวบ็ เรอ่ื ง การพัฒนาสื่อบทเรียนโมดลู (Instructional Module) เพือ่ การจัดการเรยี นการสอน
(n=30)
รายการ คะแนนเต็ม ̅ S.D. t-test Sig.
คะแนนทดสอบกอ่ นการอบรม 20 10.16 2.97 12.51 0.00*
คะแนนทดสอบหลังการอบรม 20 17.20 1.94
* มนี ัยสำคญั ทางสถติ ทิ ร่ี ะดบั .05
จากตารางที่ 7 พบวา่ ผ้เู ขา้ อบรมทอ่ี บรมด้วยเว็บฝึกอบรมครูอาชีวศึกษา เร่ือง การพัฒนา
สื่อบทเรียนโมดูล (Instructional Module) เพื่อการจัดการเรียนการสอน มีผลสัมฤทธิ์หลังการอบรม
( ̅=17.20, S.D.=1.94) สงู กวา่ กอ่ นการอบรม ( ̅=10.16, S.D.=2.97) อยา่ งมนี ัยสำคญั ทางสถิตทิ ่ี .05
2.2 ผลการประเมินผลงานสื่อบทเรียนโมดูลของผู้เข้ารับการฝึกอบรมผ่านเว็บ
เรอ่ื ง การพฒั นาสื่อบทเรียนโมดลู (Instructional Module) เพอ่ื การจดั การเรียนการสอน
เมื่อผู้เข้ารับการฝึกอบรมศึกษาเนื้อหาและทำกิจกรรมการฝึกอบรมผ่านเว็บครบถ้วนแล้ว
ผู้เข้ารับการฝึกอบรมต้องส่งผลงานสื่อบทเรียนโมดูลที่ผู้เข้ารับก ารอบรมสร้างและพัฒนาขึ้น
เพื่อประเมินผลงานสื่อบทเรียนโมดูลตามเกณฑ์การประเมินผลงานที่ได้กำหนดไว้ จากนั้นนำผล
การประเมินมาวิเคราะห์โดยใช้ค่าเฉลี่ย( ̅) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และการทดสอบทีแบบกลุ่ม
67
เดียว (t – test for One Sample) เที่ยบกับเกณฑ์ ร้อยละ 75 (คิดเป็น 52.5 คะแนน จากคะแนนเต็ม
70) ทรี่ ะดับนัยสำคญั ทางสถิตทิ ่ี 0.05 รายละเอยี ดแสดงดงั ตารางที่ 8
ตารางที่ 8 ผลการประเมินผลงานสื่อบทเรียนโมดูลของผู้เข้ารับการฝึกอบรมผ่านเว็บ
เรอ่ื ง การพัฒนาสื่อบทเรยี นโมดลู (Instructional Module) เพอื่ การจัดการเรียนการสอน เทยี บกับเกณฑ์
ทรี่ อ้ ยละ 75
คะแนนประเมนิ n ̅ SD t Sig
30 60.63 2.34 18.56 0.00*
จากตารางที่ 8 พบว่า ผลการประเมินผลงานสื่อบทเรียนโมดูลของผู้เข้ารับการฝึกอบรม
ผ่านเว็บ เรื่อง การพัฒนาสื่อบทเรียนโมดูล (Instructional Module) เพื่อการจัดการเรียนการสอน
มีคะแนนประเมินผลงานสื่อบทเรียนโมดูลของผู้เข้ารับการฝึกอบรมสูงกว่าเกณฑ์ที่ร้อยละ 75
(คิดเป็น 52.5 คะแนน จากคะแนนเตม็ 70) อยา่ งมนี ัยสำคัญทางสถิตทิ ี่ระดับ .05
3. ผลการติดตามผลการนำสื่อบทเรียนโมดูลที่ผู้เข้ารับการอบรมพัฒนาขึ้นไปใช้ในการจัดการเรียน
การสอน
เมื่อผู้เข้ารับการฝึกอบรมได้พัฒนาสื่อบทเรียนโมดูลเรียบร้อยแล้ว ผู้เข้ารับการฝึกอบรม
ต้องนำสื่อบทเรียนโมดูลที่พัฒนาขึ้นไปใช้ในการจดั การเรียนการสอนจริงในช้ันเรียน จากนั้นรายงงานผล
การนำสื่อบทเรียนโมดูลไปใช้ในแบบสอบถามการติดตามผลการนำสื่อบทเรียนโมดูลที่ผู้เข้ารับการอบรม
พัฒนาข้ึนไปใช้ในการจดั การเรยี นการสอน ผลการวิเคราะห์ขอ้ มูลเป็นดังต่อไปนี้
3.1 ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับการนำสื่อบทเรียนโมดูลที่ผู้เข้ารับการอบรมพัฒนาขึ้นไปใช้ใน
การจัดการเรียนการสอน ผู้เข้ารับการฝึกอบรมนำสื่อบทเรียนโมดูลที่พัฒนาขึ้นไปใช้ในการจัดการเรียน
การสอนจริงในชน้ั เรียน รายละเอยี ดขอ้ มลู ท่วั ไปเก่ยี วกับการนำสื่อบทเรียนโมดลู ไปใช้ แสดงดงั ตารางท่ี 9
ตารางที่ 9 ข้อมูลท่ัวไปเกย่ี วกับการนำสอื่ บทเรยี นโมดลู ท่ผี ู้เขา้ รบั การอบรมพฒั น
ที่ วทิ ยาลยั ชอื่ บทเรียนโมดลู
1. วทิ ยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี ความเป็นมาของอตุ สาหกรรมเกษตร อุตส
กระบี่
2. วทิ ยาลยั อาชีวศึกษาอุตรดติ ถ์ คลาสและวตั ถุ การ
เบื้อ
3. วทิ ยาลยั เทคนคิ สรุ าษฎรธ์ านี วิทยาศาสตร์พอลเิ มอร์พ้นื ฐาน วทิ ย
พอล
4. วิทยาลยั เกษตรและเทคโนโลยี Working on Farm ภาษ
เพชรบรุ ี การตรวจรอยรัว่ ของระบบปรับอากาศ เกษ
รถยนต์ งาน
5. วิทยาลยั การอาชีพโนนดินแดง แบตเตอร่ี
งาน
6. วิทยาลัยเทคนิคหลวงพอ่ คณู
ปริสทุ โฺ ธ การบนั ทึกขอ้ มลู รายวนั ในโปรแกรม โปรแ
สำเรจ็ รปู งาน
7. วทิ ยาลยั เทคนคิ ชุมแพ โครงสรา้ งและหลักการทำงานของ งาน
เครือ่ งยนตเ์ ล็กแก๊สโซลีนและดีเซล
8. วทิ ยาลยั การอาชพี ขุขนั ธ์ อาหารสตั ว์ อาห
สตั ว
9. วิทยาลยั เกษตรและเทคโนโลยี
กาญจนบุรี
นาขึน้ ไปใชใ้ นการจัดการเรียนการสอน
รายวชิ า ระดบั จำนวนห้อง จำนวนผเู้ รยี น
ชนั้ ทน่ี ำบทเรยี นไปใช้ ทเ่ี รยี นบทเรยี นโมดลู
สาหกรรมเกษตรเบอ้ื งต้น ปวส.1 1 5
27
รเขียนโปรแกรม เชิงวัตถุ ปวช.2 1 13
องตน้ ปวช.2 1 13
ยาศาสตร์ ปวช.2 1 5
ลเิ มอรพ์ ้ืนฐาน ปวส.2 1 10
ษาองั กฤษสำหรับงาน 10
ษตร 20
นปรบั อากาศรถยนต์ 15
นไฟฟา้ รถยนต์ ปวช.2 1
แกรมสำเรจ็ รูปสำหรบั ปวส.2 1
นบัญชี ปวช.1 1
นเครือ่ งยนตเ์ ล็ก
หารและการให้อาหาร ปวส.2 1 68
ว์
ท่ี วทิ ยาลยั ชอ่ื บทเรียนโมดลู
10. วิทยาลยั เทคโนโลยจี รสั พิชากร การประยุกตใ์ ชโ้ ปรแกรมตารางาน คอม
เพื่อ
11. วิทยาลยั เทคนคิ รัตนบรุ ี การเขยี นโปรแกรมเพื่อควบคุม การ
การทำงาน คอม
12. วิทยาลยั อาชีวศึกษาเอกวรรณ จรยิ ธรรมในอาชีพคอมพิวเตอร์ จรยิ
คอม
13. วทิ ยาลยั เกษตรและเทคโนโลยี ความหมายและความสำคญั ของ อุตส
เพชรบุรี อตุ สาหกรรมเกษตร
Talking About Travel ภาษ
14. วิทยาลัยเทคโนโลยพี ณชิ ยการ
ภาษานสุ รณ์บางแค การจดั ทำโครงร่างโครงงาน โครง
15. วทิ ยาลยั เทคโนโลยีพณิชยการ รายไดพ้ งึ ประเมิน การ
ภาษานุสรณบ์ างแค ธรรม
การออกแบบอาคารพกั อาศยั ช้นั เดียว การ
16. เทคนคิ ชมุ แพ ไมเ่ กิน 150 ตารางเมตร
แบบจำลองอะตอมของดอลตัลและ วิทย
17. วทิ ยาลยั เทคนคิ สุราษฎร์ธานี ทอมสนั ทกั ษ
การเขยี นแผนธุรกิจ ธุรก
18. กาญจนาภเิ ษกวทิ ยาลัย ช่างทอง ผู้ปร
หลวง ภาษากับการสอ่ื สาร ภาษ
19. วทิ ยาลยั การอาชีพไชยา
20. วทิ ยาลยั อาชวี ศกึ ษาจันทรร์ วี
รายวชิ า ระดบั จำนวนหอ้ ง จำนวนผเู้ รยี น
ชนั้ ทนี่ ำบทเรยี นไปใช้ ทเี่ รยี นบทเรยี นโมดลู
มพวิ เตอร์และสารสนเทศ ปวช.1 1 10
องานอาชพี 28
7
รเขยี นโปรแกรม ปวช.3 1 5
มพิวเตอร์ 22
60
ยธรรมและกฎหมาย ปวช.2 1 10
มพิวเตอร์ 35
10
สาหกรรมเกษตรเบื้องตน้ ปวช.1 1 20
5
ษาองั กฤษในชวี ิตจริง ปวช.1 2
งงาน ปวส.2 3
รบัญชเี งนิ ได้บุคคล ปวช.2 1
มดา ปวส.2 1
รออกแบบสถาปัตยกรรม
ยาศาสตร์เพอื่ พัฒนา ปวช.1 1 69
ษะชีวติ
กิจและการเปน็ ปวช.2 1
ระกอบการ ปวช.1 1
ษาไทยพ้ืนฐาน
ท่ี วทิ ยาลยั ชอื่ บทเรียนโมดลู
21. วิทยาลัยเทคโนโลยจี รสั พชิ ากร องค์ประกอบของระบบคอมพวิ เตอร์ ระบ
22. วิทยาลยั อาชีวศึกษาเอกวรรณ ความรู้เบ้อื งต้นเกีย่ วกบั ผลิตภณั ฑแ์ ละ ผลิต
ราคา
23. วิทยาลยั อาชวี ศึกษาชุมพร ความรู้เบอ้ื งต้นเกีย่ วกบั งานใบตอง งาน
เพอ่ื
24. วิทยาลยั เทคนิคชมุ แพ การปรบั ปรุงบัญชี การ
25. วิทยาลัยเทคโนโลยีวมิ ล ศรียา่ น หลกั การจดั การองคป์ ระกอบศลิ ป์ องค
งาน
26. วทิ ยาลัยอาชีวศกึ ษาชุมพร การบญั ชเี บ้อื งตน้ การ
27. วทิ ยาลยั เทคนิคหลวงพ่อคูณ การใช้ภาษาองั กฤษในการซอ้ื ขาย ภาษ
สนิ คา้
ปรสิ ทุ ฺโธ การจดั ทำแผนธรุ กจิ ธุรก
28. อาชวี ศึกษาหนองคาย ผูป้ ร
การเลอื กหัวขอ้ วจิ ยั การ
29. อาชีวศึกษาหนองคาย การแสดงความสมั พนั ธ์ของข้อมลู ดว้ ย การ
30. วิทยาลยั เทคนคิ สระแก้ว ER Model ฐาน
รายวชิ า ระดบั จำนวนหอ้ ง จำนวนผเู้ รยี น
ชน้ั ทน่ี ำบทเรยี นไปใช้ ทเี่ รยี นบทเรยี นโมดลู
บบปฏบิ ตั กิ ารเบือ้ งต้น
ตภณั ฑ์และราคา ปวช.1 1 10
10
ปวช.3 1
10
นใบตองและแกะสลกั ปวช.2 1 26
องานอาหาร ปวช.2 1 20
รปรบั ปรงุ บญั ชี ปวช.2 1 29
ค์ประกอบศลิ ปส์ ำหรบั ปวส.1 1 17
นคอมพวิ เตอร์ ปวส.1 1
รบัญชีเบื้องตน้ 10
ษาองั กฤษเพอื่ การสอ่ื สาร 65
10
กิจและการเป็น ปวช.2 2
ระกอบการ
รวิจยั เบ้ืองตน้ ปวส.1 2
รออกแบบระบบ ปวส.1 1
นข้อมลู
70
71
จากตารางที่ 9 พบว่า ผู้เข้ารับการฝึกอบรมมีจำนวน 30 คน จาก 20 วิทยาลัย มีการพัฒนา
บทเรียนโมดูลทั้งสิ้น 30 บทเรียน โดยมีผู้เรียนท่ีได้รับการจัดการเรียนการสอนด้วยบทเรียนโมดูล
อยู่ในระดับ ปวช.1 จำนวน 82 คน ปวช.2 จำนวน 166 คน ปวช.3 จำนวน 38 คน ปวส.1
จำนวน 126 คน และปวส.2 จำนวน 125 คน รวมทงั้ สน้ิ 537 คน
3.2 คะแนนผลการเรยี นกอ่ นและหลงั การเรียนด้วยสือ่ บทเรียนโมดลู ทพ่ี ฒั นาขนึ้
จากการที่ครูผู้เข้ารับการฝึกอบรม ฯ ได้นำสื่อบทเรียนโมดูลที่ได้พัฒนาขึ้นไปใช้ในการจัด
การเรียนการสอนและมีการทดสอบก่อน – หลังเรียน ผลคะแนนการทดสอบก่อน – หลังเรียนสรุป
ได้ดังตารางท่ี 10
ตารางที่ 10 การเปรียบเทียบคะแนนทดสอบก่อน – หลังเรียน ของผู้เรียนที่เรียน
ด้วยบทเรยี นโมดลู ท่ีผ้เู ขา้ รับการฝึกอบรมไดพ้ ัฒนาขึน้
จำนวนผเู้ รยี นทที่ ดสอบ กอ่ น – หลงั เรยี น (คน)
ที่ รายวชิ า คะแนนหลงั เรยี น คะแนนหลงั เรยี น คะแนนหลงั เรยี น ตำ่ รวม
1. ความเป็นมาของอุตสาหกรรมเกษตร สงู กวา่ ก่อนเรยี น เทา่ กบั ก่อนเรยี น กวา่ กอ่ นเรยี น 5
2. คลาสและวตั ถุ 27
3. วทิ ยาศาสตรพ์ อลเิ มอรพ์ น้ื ฐาน 50 0 13
4. Working on Farm 13
5. การตรวจรอยรวั่ ของระบบปรับอากาศ 27 0 0
5
รถยนต์ 12 1 0
6. แบตเตอร่ี 10
7. การบนั ทกึ ข้อมลู รายวนั ในโปรแกรม 11 2 0
10
สำเรจ็ รปู 50 0
8. โครงสรา้ งและหลักการทำงานของ 20
82 0
เครอ่ื งยนตเ์ ลก็ แก๊สโซลีนและดีเซล 10 0 0 15
9. อาหารสตั ว์ 10
10. การประยุกตใ์ ช้โปรแกรมตารางาน 20 0 0
11. การเขยี นโปรแกรมเพอื่ ควบคุม 28
15 0 0
การทำงาน 10 0 0 7
12. จริยธรรมในอาชีพคอมพิวเตอร์ 0
26 2
43 0
72
ที่ รายวชิ า จำนวนผเู้ รยี นทท่ี ดสอบ กอ่ น – หลงั เรยี น (คน) รวม
คะแนนหลงั เรยี น คะแนนหลงั เรยี น คะแนนหลงั เรยี น ตำ่
13. ความหมายและความสำคญั ของ สงู กวา่ ก่อนเรยี น เทา่ กบั ก่อนเรยี น กวา่ ก่อนเรยี น 5
อุตสาหกรรมเกษตร
50 0 22
14. Talking About Travel 60
15. การจดั ทำโครงร่างโครงงาน 16 6 0 10
16. รายไดพ้ งึ ประเมนิ 58 2 0
17. การออกแบบอาคารพกั อาศยั ชนั้ เดยี ว 10 0 0 35
ไมเ่ กิน 150 ตารางเมตร 33 2 0 10
18. แบบจำลองอะตอมของดอลตัลและ
82 0 20
ทอมสนั 5
19. การเขียนแผนธุรกจิ 16 4 0 10
20. ภาษากบั การส่ือสาร 50 0
21. องคป์ ระกอบของระบบคอมพิวเตอร์ 64 0 10
22. ความร้เู บ้ืองตน้ เกยี่ วกบั ผลิตภัณฑแ์ ละ
10 0 0 10
ราคา 26
23. ความรูเ้ บือ้ งตน้ เกย่ี วกบั งานใบตอง 10 0 0 20
24. การปรบั ปรุงบญั ชี 24 2 0 29
25. หลกั การจดั การองค์ประกอบศิลป์ 20 0 0
26. การบัญชเี บื้องตน้ 29 0 0 17
27. การใช้ภาษาอังกฤษในการซอื้
17 0 0 10
ขายสนิ คา้ 65
28. การจัดทำแผนธรุ กิจ 10 0 0
29. การเลือกหัวข้อวจิ ยั 65 0 0 10
30. การแสดงความสมั พันธ์ของข้อมูลด้วย
91 0 537
ER Model 100
รวม 504 33 0
รอ้ ยละ 93.85 6.15 0.00
จากตารางที่ 10 พบว่า จากนำสื่อบทเรียนโมดูลที่ผู้เข้ารับการฝึกอบรมพัฒนาขึ้นทั้งส้ิน
30 บทเรียน ไปใช้ในการจัดการเรียนการสอนกับผู้เรียนจำนวน 537 คน มีผู้เรียนที่มีคะแนนการทดสอบ
73
หลงั เรยี นสูงกว่าก่อนเรียน 504 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 93.85 ผเู้ รียนที่มคี ะแนนการทดสอบหลงั เรียนเท่ากับ
ก่อนเรียน 33 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 6.15 และไม่มีผ้เู รียนทไี่ ด้คะแนนทดสอบหลังเรยี นต่ำกวา่ กอ่ นเรียน
3.3 การเปลี่ยนแปลงด้านทักษะการปฏิบัติงานในเรื่องที่เรียนในสื่อบทเรียนโมดูล
จากการวิเคราะห์เนื้อหาการตอบแบบสอบถามของผู้เข้ารับการฝึกอบรมสามารถสรุปการเปลี่ยนแปลง
ของผู้เรียนเกี่ยวกับทักษะการปฏิบัติงานในเรื่องที่เรียนจากสื่อบทเรียนโมดูลดังนี้ ผู้เรียนสามารถ
ปฏิบัติงานทีไ่ ด้รับมอบหมายได้ตามที่กำหนด เกิดการเรียนรู้แบบนำตนเอง ปฏิบัติงานได้ตามข้ันตอนและ
สำเร็จตามเงื่อนไขที่กำหนด เนื่องจากสามารถกลับไปทบทวนวิธีการปฏิบัติและขั้นตอนได้หลายคร้ัง
ตามท่ีตอ้ งการ
3.4 การพัฒนาด้านจิตพิสัยของผู้เรียน จากการวิเคราะห์เนื้อหาการตอบแบบสอบถามของ
ผู้เข้ารับการฝึกอบรมสามารถสรุปเกี่ยวกับการพัฒนาด้านจิตพิสัยของผู้เรียนได้ว่า ผู้เรียน
มีความรับผิดชอบในการทำกิจกรรมในบทเรียน และมีความกระตือรือร้นและตั้งใจเรียนมากขึ้น
มีความละเอียดรอบคอบในการทบทวนผลงานมากขน้ึ
3.5 ความแตกต่างของการจัดการเรียนการสอนโดยใช้สื่อบทเรียนโมดูลกับการสอนแบบ
บรรยาย จากการวเิ คราะห์เน้ือหาการตอบแบบสอบถามของ ผู้เขา้ รับการฝึกอบรมสามารถสรุปเกี่ยวกับ
ความแตกต่างของการจัดการเรียนการสอนโดยใช้สื่อบทเรียนโมดูลกับการสอนแบบบรรยาย ได้ว่า
การสอนโดยการใช้บทเรียนโมดูลเป็นการเปลี่ยนบทบาทให้ผู้เรียนได้ฝึกการเรียนรู้ด้วยตนเอง เป็นการ
เรียนแบบ Active Learning ช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจและสามารถนำเนื้อหาในเรื่องที่เรียนรู้ไปใช้ได้ดีข้ึน
สามารถนำบทเรียนโมดูลไปใช้ในการให้ผู้เรียนรู้ล่วงหน้าก่อนที่จะเรียนในชั้นเรียน ผู้เรียนสามารถใช้
บทเรยี นโมดลู ในการทบทวนปรบั แกไ้ ขงานขอนตนเองได้
4. ความพึงพอใจของผู้เข้ารับการฝึกอบรมที่มีต่อการฝึกอบรมครูอาชีวศึกษาผ่านเว็บ เรื่อง
การพัฒนาสอื่ บทเรยี นโมดูล (Instructional Module) เพื่อการจดั การเรียนการสอน
หลังจากท่ีผู้เข้ารับการฝกึ อบรมได้เข้ารับการฝึกอบรมครบถ้วนแล้ว ให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรม
สอบแบบสอบถามความพงึ พอใจของผู้เข้ารับการฝกึ อบรมท่ีมตี ่อการฝึกอบรมครูอาชวี ศึกษาผ่านเวบ็ เรื่อง
การพัฒนาสื่อบทเรียนโมดูล (Instructional Module) เพื่อการจัดการเรียนการสอน จากนั้นนำผล
มาวเิ คราะหโ์ ดยใช้ค่าเฉล่ีย ( ̅) และส่วนเบีย่ งเบนมาตรฐาน (S.D.) ผลการวเิ คราะหแ์ สดงดังตารางที่ 11
74
ตารางที่ 11 คะแนนเฉลี่ยความพึงพอใจของผู้เข้ารับการฝึกอบรมที่มีต่อการฝึกอบรม
ครูอาชีวศกึ ษาผ่านเว็บ เรื่อง การพัฒนาสื่อบทเรียนโมดูล (Instructional Module) เพื่อการจัดการเรยี น
การสอน
ที่ รายการประเมนิ ค่าเฉลย่ี สว่ นเบยี่ งเบน ระดบั ความ
( ̅ ) มาตรฐาน (S.D) พงึ พอใจ
1. ข้ันตอนการฝกึ อบรมผา่ นเว็บมีความเหมาะสม 4.77 มากที่สดุ
2. เน้อื หาการฝึกอบรมมคี วามเหมาะสม 4.83 0.43 มากทส่ี ดุ
3. กจิ กรรมในการฝกึ อบรมมีความเหมาะสม 4.77 0.38 มากทส่ี ุด
4. เอกสารประกอบการฝึกอบรมชัดเจน เข้าใจง่าย 4.67 0.43 มากทส่ี ดุ
5. วิดทิ ัศนป์ ระกอบการฝึกอบรมชดั เจน เขา้ ใจง่าย 4.70 0.48 มากที่สุด
6. ช่องทางในการแลกเปลี่ยนความคดิ เห็นระหวา่ ง 4.67 0.53 มากที่สดุ
4.83 0.55 มากทส่ี ุด
วิทยากรและผฝู้ กึ อบรมมคี วามเหมาะสม 4.70 0.38 มากทสี่ ุด
7. เวบ็ ฝกึ อบรมมีความสะดวกในการใช้งาน 0.53
8. หลงั การฝกึ อบรมท่านมีความรู้เร่ืองการพัฒนา 4.77 มากท่สี ดุ
0.50
สื่อโมดลู เพม่ิ มากขึ้น 4.73 มากทส่ี ดุ
9. ท่านสามารถนำความรู้ที่ได้จากการฝึกอบรมไป 0.52
4.74 มากทสี่ ดุ
ประยุกต์ใช้ในการจดั การเรยี นการสอน 0.47
10. ทา่ นสามารถนำความรู้ที่ได้จากการฝกึ อบรมไป
ใชใ้ นการพฒั นาสื่อโมดลู เพื่อจัดการเรยี นการ
สอน
ค่าเฉลยี่ รวม
จากตารางที่ 11 พบว่า ความพึงพอใจของผู้เข้ารับการฝึกอบรมที่มีต่อการฝึกอบรมครู
อาชีวศึกษาผ่านเว็บ เรื่อง การพัฒนาสื่อบทเรียนโมดูล (Instructional Module) เพื่อการจัดการเรียน
การสอน ในภาพรวมผู้เข้ารับการฝึกอบรมมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด (4.74, 0.48)
โดยมีความพึงพอใจสูงที่สุด อยู่ในระดับมากที่สุด ได้แก่ ความเหมาะสมของเนื้อหาการฝึกอบรม และ
ความสะดวกในการใช้งานของเว็บฝึกอบรม (4.83, 0.38) รองลงมาเป็น ความเหมาะสมของขั้นตอน
การฝึกอบรมผ่านเว็บและความเหมาะสมของกิจกรรมในการฝึกอบรม มีความพึงพอใจอยู่ในระดับ
75
มากที่สุด (4.77, 0.43) ลำดับสุดท้าย ได้แก่ ความเหมาะสมของช่องทางในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
ระหวา่ งวทิ ยากรและผฝู้ ึกอบรม มีความพึงพอใจอยใู่ นระดับมากทส่ี ดุ (4.67, 0.55)
ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม จากการสอบถามความพึงพอใจของผู้เข้ารับการฝึกอบรมที่มีต่อ
การฝึกอบรมครูอาชีวศึกษาผ่านเว็บ เรื่อง การพัฒนาสื่อบทเรียนโมดูล (Instructional Module)
เพอ่ื การจดั การเรียนการสอน ผูเ้ ขา้ รับการฝึกอบรมได้ให้ขอ้ เสนอแนะเพ่ิมเติม โดยสรปุ ได้ดังน้ี
1.เป็นการอบรมที่เหมาะสมต่อการพัฒนาตนเองของครู เนื่องจากครูมีภาระงานมาก
การฝกึ อบรมผา่ นเว็บชว่ ยให้ครูสามารถศึกษาเพ่มิ เติมไดใ้ นเวลาที่ต้องการ และศกึ ษาข้อมลู ซำ้ ได้
2. ต้องการให้มีการจัดการอบรมในรูปแบบการฝึกอบรมผ่านเว็บต่อไปอย่างสม่ำเสมอ ในหัวข้อ
อนื่ ๆ เช่น การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้แบบ active learning ตามเกณฑ์ วpa การจดั ทำสอื่ การสอน ฯ
3. เป็นการฝึกอบรมท่ีดมี าก มขี ั้นตอนที่เป็นระบบ และวทิ ยากร ใหค้ ำแนะนำทุกกิจกรรมท่ีแก้ไข
จนสามารถทำได้สมบรู ณ์ จะนำไปใชใ้ นรายวชิ าอน่ื ๆ ตอ่ ไป
4. ได้นำความรู้จากการอบรมไปพัฒนาสื่อบทเรียนโมดูลและได้นำไปใช้สอนจริงกับนักเรียน
แล้วเหน็ ผลดมี าก ขอบคณุ โครงการอบรมนี้
88
เอกสารและสง่ิ อา้ งองิ
กระทรวงศึกษาธิการ. 2547. ระเบยี บกระทรวงศึกษาธกิ ารวา่ ดว้ ยการจัดการศกึ ษาและ
การประเมนิ ผลการศกึ ษาตามหลกั สตู ร ปวส. พ.ศ. 2546 - พ.ศ. 2547. กรุงเทพมหานคร:
องค์การรบั สง่ สนิ ค้าและพัสดุภัณฑ์ (ร.ส.พ.).
กระทรวงอดุ มศกึ ษาวทิ ยาศาสตร์ วจิ ัยและนวตั กรรม. 2563. NEW NORMAL ชวี ติ วิถใี หม่และ
การปรบั ตวั ในภาวะ COVID-19. (Online).
https://www.mhesi.go.th/home/index.php/pr/all-media/55-covid-
19/covid-km/1448-new-normal, 27 ตุลาคม 2564
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสขุ . 2563. โรคตดิ เชอื้ ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19).
(Online). https://ddc.moph.go.th/viralpneumonia/int_protection.php ,
27 ตลุ าคม 2564
กองการฝกึ อบรม กรมทดี่ นิ กระทรวงมหาดไทย. 2559. การเรยี นรูด้ ้วยตนเอง (Self-Directed
Learning). กรุงเทพ ฯ : กองการพิมพ์ กรมทด่ี นิ .
จรัสศรี รัตตะมาน. 2551. การฝึกอบรมผา่ นเว็บ "หลักสตู รการใช้ Google Earth กบั งานสารสนเทศ
ภมู ศิ าสตร"์ (Online). www.bangkokgis.com/webBasedtraining/
aboutus/aboutus.htm, 25 สงิ หาคม 2564
ชณวรรต ศรลี าคำ และ พัฒนา สอดทรัพย.์ 2561. The Direction of Self –directed learning as
based on The Thailand 4.0 Policy ทศิ ทางการเรียนรู้ดว้ ยตนเองตามนโยบายประเทศ
ไทย 4.0. วารสารมนษุ ยศาสตร์ ฉบับบณั ฑติ ศกึ ษา, 8(1): 49-62
ชัยยงค์ พรหมวงศ.์ 2556. "การทคสอบประสทิ ธิภาพส่อื หรอื ชดุ การสอน." วารสารศิลปากรศกึ ษาศาสตร์
วจิ ยั , 5 (1): 7-19.
ชัชญาภา วัฒนธรรม. 2557. การพัฒนารูปแบบการฝกึ อบรมผา่ นเวบ็ ตามแนวคอนสตรัคตวิ ิซึมสำหรับครู
ตำรวจตระเวนชายแดน. ดษุ ฎนี พิ นธ์ศึกษาศาสตรดุษฎบี ัณฑิต, มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์.
ช่าง ไห่. 2563. โมดูลการสอนดนตรีพ้ืนบ้านจีนสำหรับรายวชิ านาฎศลิ ป์ มหาวทิ ยาลัยหลนิ หนาน
มณฑลกวางตงุ้ ประเทศจนี . วารสารวชิ าการ มหาวทิ ยาลัยนอร์ทกรงุ เทพ, 9 (1): 22 – 27.
ทศิ นา แขมมณ.ี 2552. ศาสตรก์ ารสอน: องค์ความรู้เพอื่ การจดั กระบวนการเรียนร้ทู ่ีมีประสทิ ธภิ าพ.
(พมิ พ์คร้งั ท่ี 3).กรุงเทพฯ: สำนกั พมิ พ์แหง่ จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั .
89
ธนากร วงศ์เจรญิ . 2560. การพัฒนาเว็บฝึกอบรมเสมือนจรงิ ผา่ นกระบวนการเรียนรูแ้ บบ MIAP เพอ่ื
ปฐมนเิ ทศพนักงานใหม่. วิทยานิพนธศ์ กึ ษาศาสตรมหาบณั ฑิต, มหาวิทยาลัยรามคำแหง.
ธรี ัช ดวงจิโน. 2563. การพัฒนาเวบ็ ฝกึ อบรม หลกั สตู รการสอนภาษาไทยโดยใช้นทิ านเป็นสอ่ื สำหรบั
พัฒนาข้าราชการครูของสำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน. วทิ ยานิพนธศ์ กึ ษา
ศาสตรมหาบบณั ฑิต, มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์.
ธรรมจกั ร์ ราชฉวาง. 2556. รปู แบบการพฒั นาหลกั สูตรการเรียนรู้ดว้ ยตนเองในการพฒั นาหลักสูตรราย
วชิ าชพี ทเี่ น้นสมรรถนะสำหรับครชู ่างอตุ สาหกรรม. วิทยานิพนธ์ปรชั ญาดษุ ฎบี ัณฑิต,
มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกลา้ พระนครเหนือ.
บญุ ชม ศรสี ะอาด. 2541. การพฒั นาการสอน. กรงุ เทพฯ: สุรวี ริ ยิ าสาสน.์
ปาณสิ รา ครองตาเนนิ . 2559. การพฒั นาบทเรยี นโมดลู คณติ ศาสตร์เรอ่ื งลำดับ. การค้นควา้ อสิ ระ
วิทยาศาสตรมหาบัณฑติ , มหาวิทยาลยั เชยี งใหม.่
พนารี สายพฒั นา. 2551. การฝึกอบรมผ่านเวบ็ (Web-based Training: WBT) (Online).
http://social.chan.rmutto.ac.th/edtechpark/RidArea/..../panaree.doc,
5 กรกฎาคม 2564.
ภเู บศ เลื่อมใส. 2558. การพฒั นาชดุ ฝึกอบรมออนไลน์ เรอื่ ง การใช้โปรแกรมมเู ดิ้ล สำหรับครูและ
บคุ ลากรทางการศกึ ษา. วทิ ยานิพนธก์ ารศกึ ษามหาบณั ฑิต, มหาวทิ ยาลัยบูรพา.
ยพุ วัลย์ ทองใบอ่อน. 2557. การพฒั นารปู แบบการฝึกอบรมผ่านเว็บ: กรณีศกึ ษาวิชาการจดั ดอกไม้แบบ
ตะวนั ออกแนวนอน ในโครงการอบรมวิชาชีพสำหรบั ประชาชน. ดุษฎนี พิ นธ์ศลิ ปศาสตร
ดุษฎีบณั ฑติ , มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร.์
รตั นะ บัวสนธ.์ 2562. การวจิ ัยและพัฒนานวตั กรรมการศึกษา. กรุงเทพ ฯ : สำนกั พมิ พจ์ ฬุ าลงกรณ์
มหาวิทยาลยั .
รุ่งอรณุ ไสยโสภณ. 2552. การเรียนรู้ดว้ ยตนเอง (Self-Directed Learning: SDL). ม.ป.ท.
วรัท พฤกษากุลนันท์. 2550. การเรียนการสอนผ่านเว็บ (Web-Based Instruction) (Online).
https://www.kroobannok.com/133, 27 มนี าคม 2565
วทิ ศั น์ ฝกั เจริญผล, กนษิ ฐา เชาว์วัฒนกุล, พินดา วราสนุ ันท์, กลุ ธดิ า นกุ ลู ธรรม,
กิตศิ าอร เหลา่ เหมณี,สนิ นี ชุ สุวรรณาภชิ าติ และ สมุ ติ ร สวุ รรณ. 2563. ความพรอ้ มใน
การจดั การเรียนการสอนออนไลนภ์ ายใตส้ ถานการณ์ระบาดไวรัส Covid-19. วารสาศาสตร์
การศึกษาและการพัฒนามนษุ ย์. 4(1), 44-61.
90
ศศธิ ร ลกั ษณะ. 2554. การพฒั นาและหาประสิทธภิ าพเวบ็ ฝึกอบรมดว้ ยกระบวนการเรยี นรแู้ บบ
MIAP เพือ่ พัฒนาสมรรถนะครูผสู้ อนคอมพิวเตอร์ศึกษาประถมศกึ ษาภายใตโ้ ครงการไทย
คดิ คอม. วิทยานิพนธค์ รุศาสตรอตุ สาหกรรมบณั ฑิต สาขาคอมพิวเตอร์ศึกษา,
มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ พระนครเหนอื .
สมชาย วรกิจเกษมสกุล. (2554). ระเบยี บวิธีการวิจยั ทางพฤติกรรมศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร.์
(Online). https://www.udru.ac.th/oldsite/attachments/elearning/01/07.pdf ,
19 พฤษภาคม 2565
สพุ ี ดอนไพรปาน. 2556. การพฒั นาบทเรยี นโมดลู เรอื่ งปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งสำหรบั นักเรยี น
มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2. วทิ ยานิพนธ์วิทยาศาสารทมหาบัณฑิต สาขาครศุ าสตรเ์ กษตร,
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ เจ้าคุณทหารลาดกระบงั .
สุวทิ ย์ มลู คำ และอรทยั มลู คำ. 2545. 19 วธิ จี ัดการเรียนรู้ : เพือ่ พัฒนาความรู้และทักษะ. กรุงเทพฯ :
ภาพพิมพ์.
สำนกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธกิ าร. 2561. ทกั ษะแสวงหาความรู้ดว้ ยตนเอง (Online).
http:/www.ops.moe. go.th/ops2017, 29 เมษายน 2565.
หนว่ ยศกึ ษานิเทศก์ สำนกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา. 2564. รายงานการนเิ ทศสถานศกึ ษา
ปี 2564.
อไุ รวรรณ ปณุ ณะเวส. 2551. ปจั จยั ที่ใชใ้ นการตดั สนิ ใจของนักเรยี นที่เลือกเข้าศึกษาในคณะบริหารธุรกจิ
วิทยาลัยการอาชีพเสนาและวิทยาลัยอาชีวศกึ ษาพระนครศรอี ยุธยา. ปรญิ ญาบริหารธรุ กจิ
มหาบัณฑติ ,มหาวิทยาลัยราชภฎั พระนครศรีอยุธยา.
Bennett, N. 1975. Population growth, individual demographic, decisions and quality of life,
In Population Education Project. (pp. 112 - 118) Bangkok: Mahidol University.
Driscoll, M. 1997. "Defining Internet-Based and Web-Based Training". Performance
Improvement. 36(4), April 1997:5-9.
Gagne, R., Briggs, L. & Wager, W. (1992). Principles of Instructional Design. (4th ed.). Texas:
HBJ CollegePublishers.
Houston, Robert W., et al. 1972. Development Instructional Modules. Texas : College of
Education, University of Texas.
91
Judith, B. S. 2003. Shaping Blended Learning Pedagogy For East Asian Learning Styles
(Online). https://ieeexplore.ieee.org/stamp/stamp.jsp?arnumber=1245457,
November 8,2021.
Kilby. 2001. Web-based Training(WBT) (Online). http://www.wbtic.com/legal.aspx,
May 12,2022.
Parson, J.K. Trate, et al. 1976. "Criteria for Selecting." Journal of Evaluation or Developing
Learning Module Education Technology. 16 (February 1976) : 31.
Ritchie and Hoffman. 1997. Web-based instruction in higher Education (Online).
http://www.useit.Comlalerbox/990530.html, June 18,2020.
Seels, B. and Z. Glasgow. 1998. Making Instructional Design Decisions. 2" ed.
OH: Columbus. Prentice Hall.
Shih, C.C. 1998. "Relationships Among Student Attitudes, Motivation, Learning Styles,
Learning Stragies, Patterns of Learning, and Achievement" A formative
Evaluation of Distance Education via Web-based Instruction Courses.
Abstract from Dissertation Abstracts International.
Stacey, E. and P. Gerbic. 2006. "Teaching for Blended Learning." Intertional Federation for
Information Processing 210: 225-23.
Web-based Training Information Center. 2008. Web Based Training (Online).
www.documen.com/WBT.htm, October 28,2020.
Wu, K.M. 1998. The Development and Assessment of a Prototype Descriptive Statistic
Course Segment on the World Wide Web (Web-based instruction). Education
Curriculum and Instruction(0727), University of Pittsburgh.
76
บทท่ี 5
สรปุ ผลการวจิ ัย อภปิ รายผลและขอ้ เสนอแนะ
สาระสำคัญของการวิจยั เรื่อง การฝกึ อบรมครูอาชีวศกึ ษาผ่านเวบ็ เร่อื ง การพัฒนาสอ่ื
บทเรยี นโมดูล (Instructional Module) เพือ่ การจดั การเรียนการสอน โดยสรปุ มีดงั ต่อไปน้ี
วตั ถปุ ระสงค์ของการวจิ ยั
1. เพื่อพัฒนาเวบ็ ฝึกอบรมครูอาชีวศึกษา เรอ่ื ง การพัฒนาส่อื บทเรียนโมดลู (Instructional
Module) เพื่อการจดั การเรยี นการสอน ทมี่ ปี ระสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80
2. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิของการอบรมผ่านเว็บ เรื่อง การพัฒนาสื่อบทเรียนโมดูล
(Instructional Module) เพอ่ื การจดั การเรยี นการสอน
3. เพื่อติดตามผลการนำสื่อบทเรียนโมดูลที่ผู้เข้ารับการอบรมพัฒนาขึ้นไปใช้ใน
การจัดการเรยี นการสอน
4. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้เข้ารับการอบรมที่มีต่อการฝึกอบรมผ่านเว็บ
เรอื่ ง การพัฒนาสอื่ บทเรียนโมดลู (Instructional Module) เพื่อการจัดการเรียนการสอน
กลมุ่ ผใู้ ห้ขอ้ มลู การวจิ ยั
กลุ่มผู้ให้ข้อมูลการวิจัย คือ ครูสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ที่สมัคร
เข้ารับการฝึกอบรมครูอาชีวศึกษาผ่านเว็บ เรื่อง การพัฒนาสื่อบทเรียนโมดูล (Instructional Module)
เพื่อการจดั การเรยี นการสอน จำนวน 30 คน
เครอ่ื งมอื ทใ่ี ชใ้ นการวจิ ยั
เครื่องมือในการวิจัยการฝึกอบรมครูอาชีวศึกษาผ่านเว็บ เรื่อง การพัฒนาสื่อบทเรียนโมดูล
(Instructional Module) เพื่อการจดั การเรยี นการสอน ท่ีผวู้ จิ ยั สรา้ งข้ึน ประกอบด้วย
1. เว็บการฝึกอบรมครูอาชีวศึกษา เรื่อง การพัฒนาสื่อบทเรียนโมดูล (Instructional
Module) เพอ่ื การจดั การเรยี นการสอน
77
2. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ก่อน - หลัง การฝึกอบรมครูอาชีวศึกษาผ่านเว็บ
เรื่อง การพัฒนาสื่อบทเรยี นโมดูล (Instructional Module) เพ่อื การจดั การเรียนการสอน
3. แบบประเมินผลงานสื่อบทเรียนโมดูลของผู้เข้ารับการอบรมและเกณฑ์การให้คะแนน
ผลงานส่ือบทเรยี นโมดลู
4. แบบสอบถามเพื่อติดตามผลการนำสื่อบทเรียนโมดูลที่ผู้เข้ารับการอบรมพัฒนาขึ้นไปใช้
ในการจดั การเรยี นการสอน
5. แบบสอบถามความพึงพอใจของผู้เข้ารับการฝึกอบรมที่มีต่อการฝึกอบรมผ่านเว็บ
เร่อื งการพฒั นาสือ่ บทเรียนโมดลู (Instructional Module) เพ่ือการจดั การเรียนการสอน
การทดลองเกบ็ รวบรวมข้อมลู
การวิจัยในครั้งนี้ใช้รูปแบบการวิจัยกึ่งทดลอง (Quasi-Experimental Designs)
โดยผ้วู ิจัยได้ดำเนินการดงั ต่อไปน้ี
ขนั้ กอ่ นดำเนินการทดลอง
1. กำหนดระยะเวลาในการฝกึ อบรมจากกรอบเน้อื หาและการปฏิบตั ิ
2. ตรวจสอบความพร้อมของเวบ็ ฝึกอบรบ ส่อื ตา่ งๆ ในเวบ็ ฝกึ อบรม
3. ประชาสัมพันธ์รับสมัครครูผู้สอนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
ที่สนใจเข้ารับการฝึกอบรมผ่านเว็บ เรื่อง การพัฒนาสื่อบทเรียนโมดูล (Instructional Module)
เพอ่ื การจดั การเรียนการสอน
4. ประกาศรายชื่อมีสทิ ธเิ์ ขา้ รับการอบรม
5. ใหผ้ มู้ ีสิทธ์ิเข้ารับการดำเนินการเข้ารว่ มกลมุ่ ไลน์ “การอบรม Module ผ่านเว็บ” เพ่อื ใช้
เปน็ ช่องทางในการตดิ ตอ่ สื่อสาร
78
ขั้นดำเนนิ การทดลอง
1. ปฐมนเิ ทศผเู้ ขา้ รับการฝกึ อบรม ผา่ นทาง Google meet
2. ให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรเข้าฝึกอบรมผ่านเว็บ เรื่อง การพัฒนาสื่อบทเรียนโมดูล
(Instructional Module) เพื่อการจัดการเรียนการสอน ทาง https://bit.ly/module-65 ดำเนินการ
ฝึกอบรมตามระยะเวลาทีก่ ำหนดไว้ 40 วนั โดยมขี ัน้ ตอนการฝกึ อบรมดังน้ี
2.1 ทำแบบทดสอบกอ่ นการฝึกอบรม
2.2 ศึกษาเนื้อหาจาก คลิป VDO และเอกสารสรุปเนื้อหา และทำกิจกรรม
ทา้ ยบท ต้ังแต่เรอื่ งแรกเรียงไปตามลำดับ
2.3 สง่ ผลงานบทเรยี นโมดูลของผเู้ ขา้ อบรม ในกิจกรรมท่ี 9
2.4 นำบทเรียนโมดูลฉบับสมบูรณ์ของผู้เข้ารับการอบรมไปใช้ใน
การจัดการเรียนสอนจริงในชั้นเรียน จากนั้นรายงานผลการนำบทเรียนไปใช้ในการจัดการเรียนการสอน
ในกจิ กรรมที่ 10
2.5 ทำแบบทดสอบหลงั การฝึกอบรม
2.6 ตอบแบบสอบถามความพึงพอใจท่มี ีต่อการฝึกอบรม
3. การวดั ผลสัมฤทธิก์ ารฝึกอบรม
3.1 การวัดความรู้หลังการฝึกอบรม โดยการเปรียบเทียบคะแนนการทดสอบ
กอ่ นการฝึกอบรมและหลังการฝึกอบรม
3.2 การประเมินผลงานสื่อบทเรียนโมดูลของผู้เข้ารับการฝึกอบรม
เพื่อวัดทักษะที่เกิดขึ้นหลังการฝึกอบรมผ่านเว็บ เรื่อง การพัฒนาสื่อบทเรียนโมดูล (Instructional
Module) เพ่อื การจดั การเรยี นการสอน
79
ขนั้ หลงั การดำเนินการทดลอง
1. เมื่อครบกำหนดเวลาในการฝึกอบรมผ่านเว็บ ฯ ผู้วิจัยทำการเก็บรวบรวมข้อมูล
คะแนนก่อนการฝึกอบรม ทดสอบหลังการฝึกอบรม และคะแนนประเมินผลงานสื่อบทเรียนโมดูลของผู้
เข้ารับการฝกึ อบรม ไปทำการวเิ คราะห์และสรปุ ผลการวจิ ยั
2. จัดทำใบประกาศเกียรติบัตร ส่งให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมที่ผ่านการฝึกอบรมผ่านเว็บ
เรอื่ ง การพัฒนาสือ่ บทเรยี นโมดลู (Instructional Module) เพอื่ การจดั การเรียนการสอน
การวิเคราะห์ข้อมูล
การวิเคราะหข์ อ้ มลู ในการวิจัยครง้ั นี้ ประกอบด้วย
1. หาประสิทธภิ าพเวบ็ ฝึกอบรม ฯ โดยใชเ้ กณฑก์ ารหาประสทิ ธิภาพ E1 /E2
2. เปรียบเทียบคะแนนทดสอบก่อนการฝึกอบรม และหลังการฝึกอบรม ใช้การทดสอบ
t แบบ t - test dependent ท่ีระดบั นยั สำคญั ทางสถิติท่ี 0.05 โดยใชโ้ ปรแกรมสำเร็จรูป
3. ประเมินผลงานสื่อบทเรียนโมดูลของผู้เข้ารับการฝึกอบรม โดยใช้ค่าเฉลี่ย( ̅)
ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และการทดสอบทีแบบกลุ่มเดียว (t – test for One Sample)
เทีย่ บกบั เกณฑ์ ร้อยละ 75 ทรี่ ะดบั นยั สำคัญทางสถติ ิท่ี 0.05 โดยใชโ้ ปรแกรมสำเร็จรูป
4. วิเคราะห์ผลการติดตามผลการนำส่ือบทเรยี นโมดูลที่ผู้เขา้ รับการอบรมพฒั นาขึ้นไปใช้ใน
การจัดการเรียนการสอนโดยการวเิ คราะห์เนื้อหา
5. ความพึงพอใจในการฝึกอบรมของผู้เข้ารับการฝึกอบรม ใช้ค่าเฉลี่ย ( ̅) ส่วนเบี่ยงเบน
มาตรฐาน (S.D.)
สรปุ ผลการวจิ ยั
1. เว็บการฝึกอบรมครูอาชีวศึกษา เรื่อง การพัฒนาสื่อบทเรียนโมดูล (Instructional
Module) เพื่อการจัดการเรียนการสอน พบว่ามีคุณภาพ โดยการประเมินจากผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี
การศึกษา ภาพรวมมีคุณภาพในระดับมากที่สุด มีค่าคะแนนเฉลี่ย 4.78 และได้ทำการหาประสิทธิภาพ
ของเวบ็ ฝึกอบรม โดยใช้สูตร E1/E2 ไดค้ า่ ประสทิ ธิภาพ 87.76/86.00 เป็นไปตามเกณฑ์ท่กี ำหนด
80
2. ผลสัมฤทธิ์ของการอบรมครูอาชีวศึกษาผ่านเว็บ เรื่อง การพัฒนาสื่อบทเรียนโมดูล
(Instructional Module) เพ่อื การจดั การเรยี นการสอน
2.1 ผู้เข้าอบรมที่อบรมด้วยเว็บฝึกอบรมครูอาชีวศึกษา เรื่อง การพัฒนาสื่อบทเรียน
โมดูล (Instructional Module) เพื่อการจัดการเรียนการสอน มีผลสัมฤทธิ์หลังการอบรมสูงกว่าก่อน
การอบรม อย่างมนี ยั สำคัญทางสถติ ิท่ี .05
2.2 ผลการประเมินผลงานสื่อบทเรียนโมดูลของผู้เข้ารับการฝึกอบรมผ่านเว็บ เรื่อง
การพัฒนาสือ่ บทเรียนโมดูล (Instructional Module) เพอื่ การจดั การเรียนการสอน มีคะแนนประเมินผล
งานสื่อบทเรียนโมดูลของผู้เข้ารับการฝึกอบรมสูงกว่าเกณฑ์ที่ร้อยละ 75 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
ทีร่ ะดับ .05
3. ผลการติดตามผลการนำสื่อบทเรียนโมดูลที่ผู้เข้ารับการอบรมพัฒนาขึ้นไปใช้ใน
การจัดการเรยี นการสอน
3.1 ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับการนำสื่อบทเรียนโมดูลที่ผู้เข้ารับการอบรมพัฒนาขึ้นไปใช้ใน
การจดั การเรียนการสอน มผี เู้ ข้ารบั การฝกึ อบรมมจี ำนวน 30 คน จาก 20 วิทยาลยั มกี ารพัฒนาบทเรียน
โมดูลทั้งสิ้น 30 บทเรียน โดยมีผู้เรียนที่ได้รับการจัดการเรียนการสอนด้วยบทเรียนโมดูล
อยู่ในระดับ ปวช.1 จำนวน 82 คน ปวช.2 จำนวน 166 คน ปวช.3 จำนวน 38 คน ปวส.1 จำนวน
126 คน และปวส.2 จำนวน 125 คน รวมทั้งส้นิ 537 คน
3.2 จากนำสื่อบทเรียนโมดูลที่ผู้เข้ารับการฝึกอบรมพัฒนาขึ้นทั้งสิ้น 30 บทเรียน
ไปใช้ในการจัดการเรียนการสอนกับผู้เรียนจำนวน 537 คน มีผู้เรียนที่มีคะแนนการทดสอบหลังเรียนสูง
กว่าก่อนเรียน 504 คน คิดเป็นร้อยละ 93.85 ผู้เรียนที่มีคะแนนการทดสอบหลังเรียนเท่ากับก่อนเรียน
33 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 6.15 และไม่มีผู้เรียนท่ไี ดค้ ะแนนทดสอบหลังเรียนต่ำกว่าก่อนเรียน
3.3 การเปลี่ยนแปลงของผู้เรียนเกี่ยวกับทักษะการปฏิบัติงานในเรื่องที่เรียนจาก
สื่อบทเรียนโมดูล ผู้เรียนสามารถปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมายได้ตามที่กำหนด เกิดการเรียนรู้
แบบนำตนเอง ปฏิบัติงานได้ตามขั้นตอนและสำเร็จตามเงื่อนไขที่กำหนด เนื่องจากสามารถกลับไป
ทบทวนวิธีการปฏิบตั ิและขนั้ ตอนไดห้ ลายครัง้ ตามที่ต้องการ
81
3.4 การพฒั นาด้านจิตพิสยั ของผู้เรียนพบวา่ ผเู้ รียนมีความรับผิดชอบในการทำกิจกรรมใน
บทเรียน และมีความกระตือรือร้นและตั้งใจเรียนมากขึ้น มีความละเอียดรอบคอบในการทบทวนผลงาน
มากขน้ึ
3.5 ความแตกต่างของการจัดการเรียนการสอนโดยใช้สื่อบทเรียนโมดูลกับการสอนแบบ
บรรยาย พบว่า การสอนโดยการใช้บทเรียนโมดูลเป็นการเปลี่ยนบทบาทให้ผู้เรียนได้ฝึกการเรียนรู้ด้วย
ตนเอง เป็นการเรียนแบบ Active Learning ช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจและสามารถนำเนื้อหาในเรื่องที่เรียนรู้
ไปใช้ได้ดีขึ้น สามารถนำบทเรียนโมดูลไปใช้ในการให้ผู้เรียนรู้ล่วงหน้าก่อนที่จะเรียนในชั้นเรียน ผู้เรียน
สามารถใชบ้ ทเรียนโมดลู ในการทบทวนปรับแก้ไขงานขอนตนเองได้
4. ความพึงพอใจของผู้เข้ารับการฝึกอบรมที่มีต่อการฝึกอบรมครูอาชีวศึกษาผ่านเว็บ เรื่อง
การพัฒนาสื่อบทเรยี นโมดูล (Instructional Module) เพื่อการจัดการเรียนการสอน ในภาพรวมผู้เข้ารบั
การฝึกอบรมมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สดุ ค่าเฉลี่ย 4.74 โดยมีความพึงพอใจสูงที่สุด อยู่ในระดบั
มากทส่ี ุด ไดแ้ ก่ ความเหมาะสมของเน้ือหาการฝึกอบรม และ ความสะดวกในการใช้งานของเว็บฝึกอบรม
ค่าเฉลี่ย 4.83 รองลงมาเป็น ความเหมาะสมของขั้นตอนการฝึกอบรมผ่านเว็บและความเหมาะสม
ของกิจกรรมในการฝึกอบรม มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.77 ลำดับสุดท้าย ได้แก่
ความเหมาะสมของช่องทางในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างวิทยากรและผู้ฝึกอบรม
มคี วามพึงพอใจอยใู่ นระดับมากที่สุด ค่าเฉลย่ี 4.67
โดยผู้เข้ารับการฝึกอบรมได้ให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม โดยสรุปได้ดังนี้ 1) เป็นการอบรมที่
เหมาะสมตอ่ การพฒั นาตนเองของครู เนื่องจากครมู ภี าระงานมาก การฝึกอบรมผา่ นเวบ็ ชว่ ยใหค้ รสู ามารถ
ศึกษาเพิ่มเติมได้ในเวลาที่ต้องการ และศึกษาข้อมูลซ้ำได้ 2) ต้องการให้มีการจัดการอบรมในรูปแบบ
การฝึกอบรมผ่านเว็บต่อไปอย่างสม่ำเสมอ ในหัวข้ออื่น ๆ เช่น การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ
active learning ตามเกณฑ์ วpa การจัดทำสื่อการสอน ฯ 3) เป็นการฝึกอบรมที่ดีมาก มีขั้นตอนท่ี
เป็นระบบ และวิทยากร ให้คำแนะนำทุกกิจกรรมทีแ่ ก้ไข จนสามารถทำได้สมบูรณ์ จะนำไปใช้ในรายวิชา
อื่น ๆ ต่อไป 4) ได้นำความรู้จากการอบรมไปพัฒนาสื่อบทเรียนโมดูลและได้นำไปใชส้ อนจริงกับนักเรียน
แล้วเหน็ ผลดมี าก ขอบคณุ โครงการอบรมนี้
82
อภปิ รายผล
จากการศึกษาวิจัยเรื่อง การฝึกอบรมครูอาชีวศึกษาผ่านเว็บ เรื่อง การพัฒนาสื่อบทเรียน
โมดูล (Instructional Module) เพอื่ การจัดการเรียนการสอน สามารถอภิปรายผลการวจิ ยั ได้ ดงั น้ี
1. เว็บฝึกอบรมที่พัฒนาขึ้นนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ พัฒนาการฝึกอบรมที่สอดคล้องกับ
สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 (COVID -19) ที่ต้องลดการรวมตัวของกลุ่มบุคคล
และมีการเว้นระยะห่างทางสังคม นอกจากนั้นในสถานการณ์ปกติยังสามารถใช้การฝึกอบรมผา่ นเว็บเพ่ือ
ช่วยในการลดปัญหาของครูที่ต้องละทิ้งการสอนเพื่อไปอบรมพัฒนาตนเอง และการขาดโอกาสใน
การพัฒนาเนื่องจากข้อจำกัดด้านงบประมาณ ด้านเวลา และด้านการเดินทาง เว็บฝึกอบรมจึงเป็น
ประโยชน์ เนื่องจาก การฝึกอบรมผ่านเว็บจะช่วยให้ครูไม่ต้องเดินทางมาในสถานที่จัดฝึกอบรม สามารถ
อบรมได้ในสาถานที่ที่ต้องการ ไม่ต้องละทิ้งการสอน ไม่มีค่าใช้จ่าย และไม่เสียเวลาในการเดินทาง
สามารถอบรมทุกเวลา สามารถทบทวนความรู้ซ้ำได้หลายครั้งตามความต้องการ ซึ่งสอคล้องกับ
ธีรัช ดวงจิโน (2563) ; ยุพวัลย์ ทองใบอ่อน (2557) ที่กล่าวถึงข้อดีของการฝึกอบรมผ่านเว็บไว้ว่า
การฝึกอบรมผ่านเว็บมีความเป็นอิสระของสถานที่และเวลา ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
ผู้เข้ารับการฝึกอบรมสามารถจะเลือกเวลาและสถานที่ที่ต้องการได้ตามแต่ตนสะดวก แม้กระทั่งที่บ้านก็
สามารถเข้าฝึกอบรมได้ ซึ่งทำให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมมีความเป็นอิสระทางด้านสถานที่และเวลา
ในการฝึกอบรม วิทยากรสามารถสื่อสารกับผู้เข้ารับการฝึกอบรมจากสถานที่อื่นๆ ได้ นอกจากนี้
ผู้เข้ารบั การฝึกอบรมสามารถเรียนรรู้ ่วมกนั ได้จากหลายๆ ทท่ี ว่ั โลก
2. เว็บการฝึกอบรมครูอาชีวศึกษา เรื่อง การพัฒนาสื่อบทเรียนโมดูล (Instructional
Module) เพื่อการจัดการเรียนการสอน ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นมีผลการประเมินคุณภาพจากผู้เชี่ยวชาญด้าน
เทคโนโลยีการศึกษา ภาพรวมมีคุณภาพในระดับมากที่สุด มีค่าคะแนนเฉลี่ย 4.78 และผลการหา
ประสิทธิภาพของเว็บฝึกอบรม เป็นไปตามเกณฑ์ 80/80 โดยมีค่าประสิทธิภาพ 87.76/86.00
ตามรายละเอยี ดังน้ี
การพัฒนาเว็บฝึกอบรมที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น นำหลักการพัฒนาและออกแบบสื่อการเรียนการ
สอน ADDIE Model มาใช้ และยังได้นำแนวคิดการจัดเรียนรู้ของ Robert Gange ที่มีเนื้อหาที่และจัด
กิจกรรมการเรียนที่ให้ผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์บนเว็บฝึกอบรมได้อย่างมีประสิทธิภาพภายใต้กระบวนการ
จดั การเรยี นรูด้ ้วยตนเอง (Self-directed Learning) ทิศนา แขมมณี (2552) กลา่ ววา่ การเรยี นรู้ด้วยเป็น
การให้โอกาสผู้เรียนวางแผนการเรียนรู้ดว้ ยตนเอง ต้งั เปา้ หมายหรอื วัตถุประสงค์ของการเรียนรู้ การเลือก