43
3. การออกกาํ ลังกายโดยการบริหารรา งกาย โดยแสดงทาทางตาง ๆ เพื่อเปนการบริหาร
รางกาย หรือเฉพาะสวนท่ีตอ งการใหก ลามเนอ้ื กระชบั อาทิ การบริหารแบบโยคะ หรือแอ
โรบิค
หลักการออกกาํ ลังกายเพอ่ื สขุ ภาพ คอื การออกกาํ ลังกายชนดิ ทเ่ี สริมสรางความอดทนของ
ปอด หัวใจ ระบบไหลเวยี นเลือด รวมทง้ั ความแข็งแรงของกลา มเนือ้ ความออนตวั ของขอตอ ซึง่ จะ
ชวยใหรางกายแขง็ แรงสมบรู ณ สงา งาม และสขุ ภาพจิตดี
การออกกาํ ลงั กายแบบแอโรบิค เปนกจิ กรรมที่ไดร ับการยอมรับ และเปนท่ีนยิ มกนั อยาง
แพรห ลายท่ัวโลก ในดานการออกกาํ ลังกายเพื่อสขุ ภาพ (Exercise For Health) โดยยดึ หลักปฏบิ ัติงาย
ๆ ดังนี้
1. ความหนัก ควรออกกาํ ลังกาย (Intensity) ใหห นักถงึ รอ ยละ 70 ของอตั ราการเตน สูงสุด
ของหวั ใจแตล ะคน โดยคาํ นวณไดจากคา มาตรฐานเทากับ 170 ลบดว ยอายุของตนเอง
คาท่ไี ดคอื อตั ราการเตน ของหวั ใจคงทีท่ เี่ หมาะสม ท่ีตองรกั ษาระดับการเตน ของหวั ใจน้ี
ไวช วงระยะเวลาหนึ่งท่ี
ออกกําลังกาย
2. ความนาน (Duration) การออกกําลังกายอยางตอ เน่อื งนานอยา งนอ ย 20 นาที ขน้ึ ไปตอครัง้
3. ระยะผอ นคลายรางกายหลงั ฝก (Cool Down) ประมาณ 5 นาที เพอื่ ยดื เหยียดกลา มเน้ือ
และความออ นตัวของขอ ตอ รวมระยะเวลาท่อี อกกาํ ลังกายติดตอ กนั ท้ังสิน้ อยา งนอย 20 –
30 นาทีตอวัน
ผูท่อี อกกาํ ลังกายมาก หรอื เปน นกั กีฬา จะมกี ารใชพลงั งานมากกวา บคุ คลทัว่ ไป และมีการ
สญู เสยี นาํ้ และแรธาตมุ ากขนึ้ จึงควรกินอาหารทใี่ หพลงั งานอยางเพยี งพอสมดุลกับกิจกรรมทใี่ ชใ นแต
ละวัน โดยควรเพิม่ อาหารประเภท ขาว แปง ผลไม หรือนาํ้ ผลไม เพอ่ื เพ่มิ พลงั งาน และด่ืมน้ําให
เพยี งพอ ไมจําเปนตอ งกินผลิตภณั ฑเ สรมิ อาหาร หรอื ดืม่ เครอ่ื งดื่มประเภทเกลือแร และเครื่องดม่ื ชู
กําลงั
44
กจิ กรรมการเรียนรูท า ยบทที่ 2
กจิ กรรมท่ี 1
1. ใหนักศึกษาอธิบายตามความเขาใจของตนเอง ในหัวขอตอ ไปนี้
“จติ ที่สดใส ยอมอยูในรางกายท่สี มบูรณ”
2. ใหน กั ศกึ ษาฝก เขยี น แผนการวางแผนดูแลสุขภาพตนเองในเวลา 7 วัน
กิจกรรมท่ี 2
1. ประโยชนข องการออกกําลงั กายดา นตา ง ๆ ทส่ี งผลตอสขุ ภาพของมนษุ ย จาํ แนกไดด า น
อะไรบาง จงอธิบาย
กจิ กรรมท่ี 3
1. การออกกําลังกายมผี ลตอพัฒนาการของมนุษยอยา งไร จงอธิบาย
2. กอ นทจ่ี ะออกกําลงั กาย เราควรใหค าํ แนะนําผจู ะออกกาํ ลงั กายอยางไร
45
บทท่ี 3
สขุ ภาพทางเพศ
สาระสาํ คัญ
ปญ หาหาเรอ่ื งการมีเพศสมั พันธกอนวัยอันควร กําลังเปนปญหาที่นาหวงใยในกลุมเยาวชน
ไทย ดงั นนั้ การเรยี นรูในเรอ่ื งของพฤตกิ รรมทจี่ ะนาํ ไปสกู ารมีเพศสมั พันธ การถกู ลวงละเมิดทางเพศ
และการตง้ั ครรภไ มพ ึงประสงค จึงเปน เรือ่ งจําเปนที่จะไดป องกันตนเอง นอกจากน้ีการดูแลรางกาย
โดยเฉพาะระบบสบื พนั ธุกเ็ ปนเรื่องทีจ่ ะทําใหทกุ คนมสี ขุ ภาวะที่ดี สามารถปฏิบตั ไิ ดถูกตอ งก็จะไมท ํา
ใหเกิดปญหาดา นสขุ ภาพทางเพศ
ผลการเรียนรูที่คาดหวงั
1. อธิบายการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมท่ีนําไปสูการมีเพศสัมพันธ การลวงละเมิดทางเพศ การ
ต้งั ครรภทไ่ี มพึงประสงค
2. อธบิ ายวธิ กี ารดแู ลสขุ ภาพทางเพศท่ีเหมาะสมและไมท าํ ใหเ กิดปญ หาทางเพศ
ขอบขายเนอื้ หา
เรอ่ื งที่ 1 สรีระรางกายทเี่ ก่ียวขอ งกับการสืบพันธุ
เร่ืองที่ 2 การเปลย่ี นแปลงเม่อื เขาสูวยั หนมุ สาว
เรื่องท่ี 3 พฤติกรรมทีน่ าํ ไปสกู ารมเี พศสมั พนั ธ
เรอื่ งท่ี 4 สุขภาพทางเพศ
46
เรอื่ งที่ 1 สรรี ะรางกายท่เี ก่ยี วขอ งกับการสืบพันธุ
การเจริญเติบโตและพัฒนาการของมนุษยน้ัน หมายถึง การเจริญเติบโตและ
พฒั นาการทางรางกายและจิตใจควบคกู นั ไปตลอด เร่ิมต้ังแต วยั เด็ก วัยแรกรนุ วยั ผูใหญ ตามลาํ ดบั
โดยทว่ั ไปแลว การเจรญิ เติบโตและพัฒนาการทางรา งกายของคนเราจะสิ้นสุดลงเมอ่ื
มอี ายุประมาณ 25 ป จากวัยน้ีอวัยวะตาง ๆ ของรางกายเริ่มเส่ือมลง จนยางเขาสูวัยชราและตายใน
ทส่ี ุด สว นการเจริญเติบโตและพฒั นาการทางจติ ใจนัน้ ไมมีขดี จาํ กัด จะเจริญเติบโตและพัฒนาเจริญ
งอกงามขึน้ เรอื่ ย ๆ จนกระท่ังเขา สูวยั ชรา
1. อวัยวะสืบพันธแุ ละสุขปฏบิ ตั ิเกย่ี วกับอวัยวะสบื พนั ธุ
การสืบพันธขุ องมนษุ ยเปน ธรรมชาติอยางหนงึ่ ทเ่ี กิดขน้ึ เพื่อดํารงไวซ่ึงเผาพันธุ การ
สืบพนั ธนุ ้ัน จาํ เปนตอ งอาศัยองคป ระกอบทส่ี ําคญั คอื เพศชายและเพศหญิง ท้งั เพศชายและเพศหญิง
ตา งก็มีโครงสรางทีเ่ ก่ียวขอ งกบั อวัยวะเพศและการสบื พนั ธุโดยเฉพาะของตน
1.1 ระบบสบื พนั ธขุ องเพศชาย
อวยั วะสบื พันธุชายสวนใหญอยูภายนอกของรา งกาย สามารถปองกันและระวังรักษา
ไมใหเ กดิ โรคตดิ ตอหรอื โรคติดเชื้อตาง ๆ ไดโดยงาย อวัยวะสืบพันธุชายมีความเกี่ยวของกับระบบ
การขบั ถายปส สาวะ เพราะวา การขับน้ําอสุจิออกจากรา งกายตอ งผานทอปสสาวะดวย อวัยวะสบื พนั ธุ
ชายประกอบดวยสวนตาง ๆ ทีส่ ําคัญดังน้ี
(1.) ตอมอัณฑะ (Testis) มีลกั ษณะและรูปรา งคลายไขไกฟองเล็ก ยาวประมาณ 4
เซนติเมตร กวางประมาณ 4 เซนติเมตร หนาประมาณ 2-3 เซนติเมตร หนักประมาณ 15-30 กรัม
อณั ฑะขา งซา ยจะใหญกวา งขางขวาเลก็ นอย ตามปกตจิ ะมีอณั ฑะอยู 2 ลกู
ภายในลูกอัณฑะมีหลอดเล็ก ๆ จํานวนมาก ขดเรียงอยูเปนตอน ๆ เรียกวา หลอด
สรา งอสุจิ (Seminiferous Tabules) มีหนาท่ีผลิตฮอรโมนเพศชายและตัวอสุจิ สวนดานหลังของตอม
อัณฑะ จะมีกลมุ ของหลอดเล็ก ๆ อกี มากมายขดไปมา เรียกวาหลอดเก็บตัวอสุจิ (Epididymis) เปนที่
เกบ็ เชอ้ื อสจุ ชิ ่วั คราว เพอ่ื ใหเชื้ออสจุ เิ จรญิ เตบิ โตไดเต็มที่
(2.) ตอ มลกู หมาก (Prostate Gland) เปนตอ มทหี่ มุ อยูรอบทอ ปสสาวะสวนใน ตรง
ดานลางของกระเพาะปสสาวะ มีหนาท่ีสรางของเหลวซ่ึงมีฤทธิ์เปนดางออน ๆ สงเขาไปในถุงเก็บ
อสจุ ิ เพอ่ื ผสมกับนํา้ เล้ยี งตวั อสจุ ิ ของเหลวนจี้ ะไปทาํ ลายฤทธิก์ รดจากน้ําเมือกในชองคลอดเพศหญิง
ปอ งกันไมใหต ัวอสุจิถูกทําลายดว ยสภาพความเปน กรด เพอ่ื ใหเกดิ การปฏิสนธิขึน้ ได
(3.) ลึงค หรือองคชาต (Penis) เปนสวนประกอบหน่ึงของอวัยวะสืบพันธุชาย ท่ี
แสดงใหเ หน็ วาเปนเพศชายอยางชัดเจน มีลักษณะย่ืนออกมา สวนปลายสุดจะมีรูปรางคลายหมวก
เหลก็ ทหารสวมอยู ขนาดใหญกวาลาํ ตวั ลึงคเลก็ นอย สวนนีจ้ ะมีเสน ประสาทมาหลอเล้ยี งมาก ทําให
47
มคี วามรสู ึกไวตอ การสัมผัส เมื่อมีความตองการทางเพศเกิดขึ้น จะทําใหลึงคเปล่ียนจากนุมเปนแข็ง
เนือ่ งจากค่ังของเลอื ด ทาํ ใหข นาดใหญขน้ึ 1-2 เทาตวั ในระหวา งการแขง็ ตวั ของลึงคม ตี อมเลก็ อยูใน
ทอ ปส สาวะ ผลติ นํา้ เมือกเหนยี ว ๆ ซึ่งจะถูกขับออกมา เพ่ือชวยในการหลอล่ืนและยังทําใหตัวอสุจิ
ผานออกสูภ ายนอกไดส ะดวกอกี ดว ย
(4.) ทอ พกั ตัวอสุจิ (Epididymis) มีลักษณะคลายรูปดวงจันทรครึ่งซีก หอยติดอยู
กับตอมอณั ฑะสวนบนคอ นขางจะใหญเรยี กวา หวั (Head) จากหัวก็เปนตวั (Body) และเปน หาง (Tail) ทอ
นี้ประกอบดว ยทอท่ีคดเค้ียวเปน จํานวนมาก เมอ่ื ตวั อสจุ ถิ กู สรา งขน้ึ มาแลวจะถกู สงเขาทอ นเี้ พือ่ เตรยี ม
ท่จี ะออกมาสทู อปสสาวะ
(5.) ทอนาํ ตวั อสุจิ (Vas Deferens) เปนทอเลก็ ๆ ตอจากลูกอัณฑะ จะทําหนาที่พา
ตวั อสจุ แิ ละน้ําอสุจใิ หไ หลขน้ึ ไปตามหลอดและไหลเขา ไปในถงุ น้าํ อสจุ ิ
(6.) ถุงอัณฑะ (Scrotum) เปนถุงทหี่ อ หมุ ตอ มอัณฑะไว ขณะทย่ี ังเปนตัวออ นอยู ตอ ม
อัณฑะจะเจริญเติบโตในโพรงของชอ งทอ ง เม่อื ครบกาํ หนดตอมอัณฑะจะคอย ๆ เคลื่อนลงลางจากชอง
ทองมากอยูในถุงอัณฑะท่ีบริเวณขาหนบี ถุงอณั ฑะมีลกั ษณะเปน ผิวหนังบาง ๆ สีคล้ํา มีรอยยน มี
แนวกลางระหวางทวารหนักไปจนถงึ ลงึ ค จะมกี ลามเน้ือ บาง ๆ กั้นถุงอณั ฑะออกเปน 2 หอง ถุงอัณฑะ
จะหอยตดิ อยูกบั กลามเนอ้ื ชนิดหน่ึง และจะหดตัวหรือหยอนตัว เม่ืออุณหภูมิของอากาศเปล่ียนแปลง
เพือ่ ชวยรักษาอุณหภมู ิใหเหมาะสมในการสรางอสุจิ และปองกันการกระเทือนจากภายนอก
1.1.1 การสรา งเซลลส ืบพนั ธเุ พศชายและการฝน เปย ก
เซลลสืบพันธุเพศชายหรือตัวอสุจิ (Sperm) จะถูกสรางขึ้นในทอผลิตอสุจิ
(Seminiferous Tubules) ตวั อสุจมิ ีขนาดเล็กมาก มรี ูปรางลักษณะคลา ย ๆ ลูกกบแรกเกดิ ประกอบดวย
สว นหวั ทีม่ ีขนาดโต แลวคอ ยลงมาเปนสว นหางที่ยาวเรียว และสวนหางน้ีจะใชในการแหวกวายมา
มีขนาดลาํ ตัวยาวประมาณ 0.05 มลิ ลเิ มตร มีขนาดเล็กกวา ไขเ พศหญิงหลายหมืน่ เทา หลังจากตัวอสุจิ
ถูกสรางข้ึนในทอ ผลติ ตัวอสุจิแลว จะฝงตัวอยูในทอพักตัวอสุจิจนกวาจะเจริญเต็มท่ี ตอจากน้ันจะ
เคลื่อนทไ่ี ปยงั ถุงเกบ็ ตัวอสุจิ ในระยะนตี้ อมลกู หมากและตอมอ่ืน ๆ จะชวยกันผลิตของเหลวมาเลี้ยง
ตัวอสุจิ หากไมมีการระบายออกโดยมีเพศสัมพันธ รางกายจะระบายออก โดยใหน้ําอสุจิเคลื่อน
ออกมาตามทอปส สาวะเองในขณะนอนหลบั ซ่งึ เปน การลดปริมาณนํา้ อสุจิใหนอยลง โดยธรรมชาติ
และยังเปนวิธีหนึ่งท่ีชวยลดความเครียดเก่ียวกับอารมณทางเพศได เราเรียกวาการฝนเปยก (Wet
Dream) เปนปรากฎการณท ช่ี ้ใี หเห็นวาวยั รนุ ชายน้ันบรรลวุ ุฒิภาวะทางเพศแลว และรางกายก็พรอม
ท่จี ะใหกําเนิดบตุ รได
48
1.1.2 สุขปฏิบตั เิ กี่ยวกับอวัยวะเพศชาย
1. อาบน้ําอยางนอยวันละ 2 ครั้ง ใชสบูชําระรางกายและอวัยวะเพศให
สะอาดแลว เช็ดใหแหง
2. สวมเสอื้ ผาทส่ี ะอาด โดยเฉพาะกางเกงในไมคบั และไมห ลวมเกนิ ไป
3. ไมใชส วมหรอื ขบั ถา ยที่ผิดสขุ ลักษณะ
4. ไมส าํ สอน หรอื รวมประเวณกี บั ผูข ายบรกิ ารทางเพศ
5. หากสงสยั วาเปน กามโรคควรไปปรกึ ษาแพทย
6. ไมควรใชย าหรือสารเคมเี พอื่ กระตนุ ความรสู กึ ทางเพศ
7. อยาหมกหมุน หรือหกั โหมเกย่ี วกบั ความสัมพันธทางเพศเกินไป ควรหา
กิจกรรมนนั ทนาการหรอื เลนกฬี า
8. ระวงั อยาใหอวยั วะเพศถกู กระทบกระแทกแรง ๆ
1.2 ระบบสืบพนั ธขุ องเพศหญิง
โ ค ร ง ส ร า ง ท่ี เ ก่ี ย ว ข อ ง กั บ อ วั ย ว ะ เ พ ศ แ ล ะ ก า ร สื บ พั น ธุ ข อ ง เ พ ศ ห ญิ ง
ประกอบดวยหลายสว นดว ยกนั ในที่นีจ้ ะกลาวถึงเฉพาะสว นทสี่ าํ คัญเทาน้นั
(1.) ตอมรังไข (Ovary) เปนตอ มสบื พันธุของเพศหญิง มีหนาท่ีผลิตเซลลสืบพันธุ
ของเพศหญิงท่เี รยี กวาไข (Ovum) ตอมรงั ไขนม้ี ีอยูด ว ยกนั 2 ตอม คือ ขางขวาและขางซาย ซึ่งอยูใน
โพรงขององุ เชงิ กราน มรี ูปรา งคอนขางกลมเลก็ มีนํ้าหนกั ประมาณ 2-3 กรัม นอกจากนี้ตอมรังไขจะ
หล่ังฮอรโมนเพศหญงิ ออกมาทาํ ใหไขส ุก และเกดิ การตกไข
(2.) ทอรงั ไข (Pallopain Tubes) ภายหลงั ทไ่ี ขหลุดออกจากสวนท่ีหอหุมแลว จะผาน
เขา สทู อ รังไข ทอนีย้ าวประมาณ 6-5 เซนตเิ มตร ปลายขา งหนง่ึ มีลักษณะคลา ยกรวย ซง่ึ อยใู กลกบั
รังไข สวนปลายอกี ขา งหนึ่งนน้ั จะเรยี วเลก็ ลงและไปติดกบั มดลกู ภายในทอรังไขจะมกี ลา มเน้อื พิเศษ
ซ่งึ บุดวยเยื่อท่ีมีขนและบีบรดั ตัวอยเู สมอ ซึ่งทาํ หนาท่โี บกพัดเอาไขที่สุกแลวเขาไปในทอรังไข คอย
การผสมพนั ธุจ ากตัวอสจุ ขิ องชาย และสง ไปสูมดลกู ตอ ไป
(3.) มดลูก (Uterus) มดลูกอยูในอุมเชิงกรานระหวางกระเพาะปสสาวะกับทวารหนัก
ปกติยาวประมาณ 7-8 เซนติเมตร กวางประมาณ 4 เซนติเมตร และหนาประมาณ 2 เซนติเมตร เปน
อวัยวะทปี่ ระกอบดวยกลา มเน้ือ และมีลักษณะภายในกลวง ซ่ึงมีผนังหนาไขจะเคลื่อนตัวลงมาตาม
ทอ รังไข เขาไปในโพรงมดลูก ถาไขไดผ สมกับอสจุ ิแลว จะมาฝงตัวอยใู นผนังของมดลูกที่หนาและมี
เลือดมาเลีย้ งเปน จํานวนมาก ไขจ ะเจรญิ เตบิ โตเปน ตัวออ นตรงบรเิ วณนี้ ภายหลังวัยหมดประจําเดือน
แลว มดลูกจะเล็กและเหยี่ วลง
49
(4.) ชองคลอด (Vagina) มีลักษณะเปนโพรงซง่ึ มีความยาวประมาณ 8-10 เซนตเิ มตร
ชองคลอดประกอบดวยกลามเนื้อเรียบ สวนในสุดเปนสวนท่ีหุมอยูรอบปากมดลูก ภายในบุดวยเยื่อ
บาง ๆ ลักษณะเปนรอยยนสามารถยืดหดและขยายตัวไดมากเวลาคลอด ที่ชองคลอดนี้จะมี
เสน ประสาทมาเลี้ยงจาํ นวนมาก โดยเฉพาะอยางยิ่งบริเวณรูเปดชองคลอด และชองคลอดยังทําหนาท่ี
เปนทางผานของเลือดประจําเดือนจากโพรงมดลูกออกจากรางกาย และเปนทางผานของตัวอสุจิจาก
เพศชายเพ่ือไปผสมกับไขทที่ อ รังไข
(5.) คลิสตอริส (Clitoris) ลักษณะเปนกอนเน้ือเล็ก ๆ ต้ังอยูบนสวนของแคมเล็ก
เปน เนื้อเย่อื ทยี่ ึดหดได มีหลอดเลือดและเสนประสาท และไวตอความรูสึกทางเพศเชนเดียวกับลึงค
ของชาย
(6.) ตอมนาํ้ เมือก (Bartholin Gland) เปนตอ มเลก็ ๆ อยู 2 ขางของชองคลอด ตอม
นีท้ าํ หนา ทีห่ ลั่งนํ้าเมอื กออกมา เพอื่ ใหช วยหลอลื่นชองคลอดในระหวางทมี่ ีการรวมเพศ
(7.) ฝเย็บ (Perineum) อยูพ้ืนลางของอุงเชิงกรานที่ก้ันอยูระหวางชองคลอดกับ
ทวารหนัก ขยายและยึดหดตัวได ประกอบดวยกลามเนื้อท่ีสําคัญ 3 มัด มีหนาท่ีชวยเสริมสราง
กลา มเน้ือชอ งคลอดใหแ ข็งแรง และปอ งกันชองคลอดหยอน ถาหากขาดแลวไมเย็บ จะทําใหมดลูก
ต่าํ ลงมาไดเ ม่ืออายมุ ากขน้ึ
(8.) เตา นม (Breast) มีอยู 2 เตา ซึง่ มขี นาดใกลเ คยี งกนั ตรงกลางของเตา นมจะมีผิว
ท่ีย่นื ออกมาเรยี กวา หัวนม เตานมแตละเตาจะประกอบขึ้นดวยกอนเน้ือหลายกอน กอนเนื้อแตละ
กอ นจะประกอบดว ยทอ ที่แตกแขนงไปมากมาย เตานมจะมีขนาดโตขึ้นเมื่อเขาสูวัยสาว เน่ืองจากมี
เนอ้ื เยื่อเกีย่ วพนั และไขมันเพม่ิ ขนึ้ ขณะท่ีตั้งครรภเตา นมจะโตข้นึ เน่อื งจากมีการเจริญเตบิ โตของตอม
นํ้านมและทอ จํานวนมาก บริเวณเตานมน้จี ะมีหลอดเลอื ดและเสนประสาทไปเลี้ยงอยูมาก จึงทําใหมี
ความไวตอ การสมั ผัส
50
1.2.1 ความรูเกยี่ วกับผลของการบรรลุวฒุ ิภาวะทางเพศหญงิ
เม่ือเพศหญิงเจริญเติบโตเปนสาว ไมเฉพาะแตจะมีลักษณะของความเปน
หญงิ ดวยการมีเตา นมเจริญเติบโต และมีลกั ษณะเปลี่ยนแปลงอ่นื ๆ เกดิ ข้นึ เทาน้นั การบรรลุ
วฒุ ภิ าวะของเพศหญงิ ขึน้ อยูกับการมปี ระจาํ เดือนครง้ั แรก และมีประจําเดอื นทุก ๆ เดอื น โดยเฉลยี่ จะ
เกิดขน้ึ ทกุ ๆ 28 หรือ 30 วนั และการมปี ระจําเดือนแตละเดอื นอาจะแบง ออกไดเปน ระยะดังน้ี
1. ระยะทาํ ลาย (Destructive Phase) เปน ระยะท่ีมีเลือดออกมา เนื่องจากมี
การทําลายของเยื่อบภุ ายในของผนังมดลกู ระยะน้ีจะใชเ วลาประมาณ 3-7 วัน หรอื เรยี กวา จะมีเลือด
ระดอู อกมาอยูประมาณ 3-7 วัน จํานวนเลอื ดทีไ่ หลออกมามีจาํ นวนไมแ นนอนโดยท่ัวไปจะมีปริมาณ
125 ลูกบาศกเ ซนตเิ มตร นอกจากเลือดท่ีไหลออกมาแลวยังมีเศษของผนังมดลูกท่ีถูกทําลายหลุดปน
ออกมาดว ย ระยะทาํ ลายน้เี ริม่ แรกมักจะมีอาการท้ังทางรางกายและจิตใจ เชน ถายปสสาวะบอย มี
สิวขนึ้ บนใบหนา เตา นมจะโตและแข็ง มอี าการปวดศรี ษะ เพลยี หงุดหงิด เปนตน
2. ระยะฟอลลิคูลา (Follicular Phase) ตอมพิทูอิทารีสวนหนา (Anterior
Lobe) หล่ังฮอรโมนชนิดหนง่ึ ออกมาและซมึ เขา กระแสเลอื ด แลวนาํ ไปยังตอมรังไขจ ะทําใหไขซ่ึงอยู
ภายในรังไขเจริญเติบโตและสุกระยะนก้ี ินเวลาประมาณ 9 วนั และเม่อื รวมกบั ระยะทีม่ ีเลือดระดูไหล
ออกมาในระยะทาํ ลายจะกนิ เวลาประมาณ 14 วัน
3. ระยะลูเทียล (Luteal Phase) เปนระยะที่ไขสุกเต็มที่และจะหลุดออก
จากรังไข รังไขจ ะสรา งฮอรโมนชนดิ หนง่ึ เพื่อกระตุนใหผนังมดลูกหนาและมีเลือดมาหลอเลี้ยงมาก
เพ่ือรอรับไขที่จะถูกผสมพันธุ ถาไขไมไดรับการผสมพันธุฮอรโมนนี้จะลดลง ซึ่งเปนการเร่ิมตน
ระยะทําลาย และจะมีเลอื ดระดไู หลออกมาใหม
1.2.2 สขุ ปฏิบตั เิ กี่ยวกบั อวยั วะสืบพนั ธขุ องเพศหญิง
1. อาบน้ําชําระลา งกายใหส ะอาดอยูเสมอ เวลาอาบน้ําควรทําความสะอาด
อวยั วะเพศเปนพิเศษ เชน ลาง เช็ดใหแหง โดยเฉพาะอยางย่ิงในชวงมีประจําเดือน ควรใชน้ําอุน
ชําระสว นทีเ่ ปอนเลือด เปน ตน
2. หลังจากถา ยอุจจาระ ปสสาวะควรทาํ ความสะอาดแลวเชด็ ใหแหง
3. ควรสวมเสอื้ ท่สี ะอาด โดยเฉพาะอยา งยง่ิ กางเกงในตองสะอาด ไมค บั ไม
หลวมเกนิ ไป และควรเปลีย่ นทุกวนั
4. รกั นวลสงวนตัว ไมค วรมเี พศสมั พนั ธก อนแตง งาน
5. ไมควรใชย ากระตุนหรือสารเคมีตออวยั วะเพศ
6. การใชสวมเพือ่ การขับถาย ควรคาํ นึงถึงความสะอาดและถูกสุขลกั ษณะ
7. ควรทาํ งานอดิเรก หรือออกกาํ ลังกายเสมอเพื่อเบนความสนใจทางเพศ
51
8. ในยามทม่ี ีประจําเดอื นควรเตรียมผา อนามัยไวใหเพยี งพอ และเปลี่ยนอยู
เสมออยา ปลอยไวน าน
9. ในชวงมีประจําเดือนไมควรออกกําลังกายท่ีผาดโผนและรุนแรง ควร
ออกกาํ ลงั กายเพียงเบา ๆ และพักผอ นใหเ พียงพอ
10. ควรจดบันทึกการมีประจําเดือนไว ถาประจําเดือนมาชาหรือเร็วบาง
เลก็ นอยถอื วา ปกติ ถา ประจําเดือนมาชา หรอื เร็วกวา ปกติ 7-8 วนั ข้นึ ไป ควรไปปรึกษาแพทย
11. ในชว งมปี ระจาํ เดอื น ถามีอาการปวดทองควรใชกระเปาน้ํารอนมาวาง
ท่ที อ งนอ ย เพอ่ื ใหค วามอบอุน และอาจรบั ประทานยาแกปวดไดบ าง
12. ถามีอาการผิดปกติทางรางกายในชวงมีประจําเดือน เชน ปวดทองมาก
หรอื มีเลือดไหลออกมา ควรรีบไปปรึกษาแพทยท นั ที
13. ระวังอยา ใหอวยั วะเพศกระทบกระแทกแรง ๆ
14. ถา หากมีการเปลี่ยนแปลงทผี่ ิดปกตขิ องอวัยวะเพศ ควรไปปรกึ ษาแพทย
เรอื่ งท่ี 2 การเปลย่ี นแปลงเมื่อเขาสูวยั หนมุ สาว
1. พัฒนาการทางเพศและการปรับตัวเมือ่ เขาสวู ัยรุน
วัยรุนจะมีการเปลี่ยนแปลงทางรางกายอยางรวดเร็ว และมีพัฒนาการทางเพศควบคู
กนั ไปดวย โดยเพศชายและเพศหญิงจะมีความแตกตางกัน
1.1 การเปลี่ยนแปลงทางรา งกายของเพศหญิง
การเขา สูชวงวัยรุนของเด็กหญงิ จะเกดิ ข้นึ เรว็ กวาเด็กชาย คือ จะเร่ิมข้ึนเม่ืออายุ
ประมาณ 11-13 ป ตอมใตสมองจะผลิตฮอรโ มนท่ไี ปกระตนุ การเจริญเตบิ โต และกระตนุ การทํางานของ
รังไขใหสรางเซลลสืบพันธุและผลิตฮอรโมนเพศหญิง ในชวงนี้วัยรุนหญิงจะมีการเจริญเติบโตอยาง
รวดเรว็ สว นสูงและนาํ หนักเพม่ิ มากข้นึ อวัยวะเพศโตข้ึน มีขนข้ึนบริเวณหัวเหนาและรักแร เอวคอด
สะโพกผายออก เตานมโตข้ึน อาจมีสิวข้ึนตามใบหนา สวนมดลูก รังไข และอวัยวะท่ีเกี่ยวของ
เจริญเตบิ โตขึ้น เริ่มมปี ระจาํ เดอื น ซง่ึ ลกั ษณะการมีประจาํ เดือนในเพศหญงิ จะเปนการบงบอกวา วัยรนุ
หญิงไดบรรลวุ ฒุ ิภาวะทางเพศแลว และสามารถตงั้ ครรภไ ด
การมปี ระจําเดอื น (menstruation) เปน ปรากฏการณต ามธรรมชาติท่ีเกิดใน
เพศหญิงเม่ือยางเขาสูวัยรุน โดยรังไขจะสรางฮอรโมนและผลิตไข ปกติไขจะเจริญเติบโตและสุก
เดือนละ 1 ฟอง สลับกนั ระหวา งรังไขซา ยและขวา เม่ือไขสุกจะหลุดออกจากรังไขแลวถูกพัดพาเขา
ไปในทอ รงั ไขห รอื ปก มดลกู เพ่อื รอรบั การผสมจากตัวอสจุ ิของเพศชาย ในขณะเดยี วกันฮอรโ มนเพศ
หญงิ ท่ผี ลติ จากรงั ไขแ ละสง ไปตามรางกาย จะทาํ ใหเ กิดการเปลี่ยนแปลงของเยื่อบุมดลูก โดยในชวง
สัปดาหแรกของรอบเดือน ผนังมดลูกจะหนามากท่ีสุด มีหลอดเลือดมาเลี้ยงมากมาย เพื่อ
เตรยี มพรอมทจ่ี ะรบั การเกาะฝง ของไขทีไ่ ดรับการผสมจากตัวอสุจิ ถาหากไขไมไดรบั การผสม เย่ือบุ
52
มดลกู กจ็ ะคอย ๆ หลดุ ออก หลอดเลือดบรเิ วณเยอื่ บมุ ดลูกก็จะลอกหลุดและฉีกขาด ทําใหเลือดไหล
ออกทางปากมดลกู ผานชอ งคลอดออกสภู ายนอก เรยี กวา ประจาํ เดอื น
อาการเมือ่ มีประจําเดือน กอนมีประจําเดือน บางคนอาจมีอาการบางอยาง
เกิดข้นึ ได เชน ปวดศรษี ะ ทองอืดเฟอปวดเมื่อกลามเนื้อบริเวณหลังและบ้ันเอว เตานมตึงและเจ็บ
หงุดหงดิ งา ย อารมณไ มป กติหรือเบือ่ อาหาร คลนื่ ไสอาเจียน
ขอ ควรปฏิบัตขิ ณะมปี ระจาํ เดอื น คอื ใชผาอนามัยอยางถูกวิธี และลางมือ
ใหส ะอาดทุกครงั้ นอกจากนีข้ ณะมปี ระเดอื น บางคนมอี าการบางอยา งดังกลา วขางตน และอาจมีการ
ปวดทองนอยเพ่ิมดว ย ซึง่ เปนอาการปกติท่ีจะหายไปเองเมื่อประจําเดือนหยุด หากมีอาการผิดปกติท่ี
รุนแรง เชน ปวดทองมากขณะมีประจําเดือน มีประจําเดือนนานเกิน 7 วัน หรือประจําเดือนมา
คลาดเคล่อื นจากปกตมิ าก ควรปรึกษาแพทยโดยเฉพาะสตู นิ รแี พทย
ผาอนามัยควรเปลี่ยนบอย ๆ อยางนอยวันละ 2-3 ครั้ง และทุกคร้ังหลัง
อาบน้ําหรือหลงั ถา ยอจุ จาระ รักษาความสะอาดของรางกายและเส้ือผาที่สวมใส ไมใชเสื้อผารวมกับ
ผูอ่นื ออกกําลังกายใหนอยลงกวา ปกติ พักผอ นใหเพียงพอ ทาํ จติ ใจใหรา เรงิ แจมใส ถามีอาการปวด
ทอ งนอยมากใหน อนคว่าํ แลวใชห มอนรองใตทองนอ ยประมาณ 15-20 นาที ประจําเดือนจะออกไดดี
และชว ยใหทเุ ลาปวด อาจไมจ าํ เปน ตองใชย าแกปวด ควรรบั ประทานยาแกปวดหากมอี าการปวดมาก
ถาปวดทองรนุ แรงมากหรอื มีเลือดออกมากผิดปกติควรรีบปรึกษาแพทย และขณะมีประจําเดือนไม
ควรอาบน้ําแบบแชในแมนํ้าลําคลอง อางน้ําในบานหรือสระวายนํ้า เพราะเช้ือโรคในน้ําอาจเขาสู
โพรงมดลกู ได เน่ืองจากปากมดลกู จะเปด เลก็ นอ ย จึงควรอาบนํ้าแบบตกั หรอื ใชฝ ก บัว
1.2 การเปลี่ยนแปลงทางรา งกายของเพศชาย
เด็กชายจะเริ่มเขาสูวัยรุนเมื่ออายุประมาณ 13-15 ป ตอมใตสมองจะผลิต
ฮอรโมนท่ีไปกระตุนใหรางกายเจริญเติบโต และกระตุนใหอัณฑะผลิตเซลลสืบพันธุและฮอรโมน
เพศชายมีการเปลี่ยนแปลงของรา งกายทเี่ ห็นไดช ัดโดยเฉพาะความสงู และน้าํ หนกั ตวั ทเี่ พิม่ ขึ้น แขนขา
ยาวเกงกา งไหลกวางออก กระดกู และกลามเนื้อแข็งแรงขึ้นและมีกาํ ลงั มากขน้ึ เสียงแตก นมแตกพาน
มีหนวดเครามีขนข้ึนที่หนาแขง รักแร และบริเวณอวัยวะเพศ บางคนอาจมีสิวขึ้นบริเวณใบหนา
หนาอก หรอื หลงั อวยั วะเพศโตข้ึนและแข็งตวั เม่ือมีความรูสกึ ทางเพศหรือถูกสัมผัส และมีการหล่ัง
นา้ํ อสจุ หิ รือนํา้ กามออกมาในขณะหลับ (ฝนเปย ก) ซึ่งเปนอาการท่บี ง บอกวา ไดบ รรลวุ ฒุ ภิ าวะทางเพศ
แลว และยงั หมายถงึ การมีความสามารถทจี่ ะทําใหเ พศหญิงเกิดการตง้ั ครรภไดอ กี ดวย
การฝน เปยก (wet dream) เปน ปรากฏการณต ามธรรมชาตทิ ี่เกิดในเพศชาย
กลา วคอื ในดานรา งกายลูกอัณฑะจะทาํ หนาท่สี รางฮอรโมนเพศชายและตวั อสุจิ โดยจะเกบ็ สะสมไวท ่ี
ถุงเกบ็ นํ้าอสุจิ ในดา นจิตใจและอารมณ ฮอรโมนเพศจะมีผลทําใหวยั รนุ เร่ิมมคี วามรูสึกทางเพศ และ
53
สนใจเพศตรงขาม เมอื่ รา งกายมีการผลิตนํ้าอสุจิเก็บไวมากขึ้น ประกอบกับจิตใจและอารมณมีการ
เปลี่ยนแปลงดงั กลา ว จะมผี ลทาํ ใหเ กดิ ความตึงเครียดของประสาท ในขณะหลับอาจฝน จินตนาการ
เก่ยี วกบั เรอ่ื งเพศหรือเรือ่ งท่ีหวาดเสียว สง ผลใหถุงเก็บนา้ํ อสจุ ิรดั ตวั ทาํ ใหต ัวอสุจิและน้ําหลอเล้ียงถูก
บีบเขาสูทอปสสาวะและขับเคล่ือนออกมาภายนอกโดยอัตโนมัติ ซึ่งเรียกอาการที่เกิดข้ึนนี้วา ฝน
เปยก ซ่ึงนับวา เปน การผอนคลายความตงึ เครยี ดทางจติ ใจและอารมณทางเพศตามธรรมชาติ จึงไมถือ
วาผิดปกตแิ ตอ ยางใด
1.3 ตอมไรทอทม่ี ีอิทธิพลตอ การควบคุมพฒั นาการทางเพศ
ตอมไรทอท่ีมีอิทธิพลตอการเจริญเติบโตและพัฒนาการของวัยรุนท่ีสําคัญ ไดแก
ตอมใตสมองหรือตอมพิทูอิทารี (Pituitary gland) ตอมเพศ (Gonads) ตอมไทรอยด (thyroid gland)
และตอมหมวกไต (adrenal or suprarenal glands) ซ่ึงตอมไรทอแตละตอมสงผลตอการเจริญเติบโต
และพฒั นาการของวัยรนุ
1.4 อารมณทางเพศ (sexuality) หรอื ความตองการทางเพศ (sexusl desire)
ในที่นจี้ ะหมายถึง ความรสู ึกของบุคคลทีม่ ีผลมาจากสิ่งเรา ภายในหรือสงิ่ เรา ภายนอก
ทีเ่ ปนปจจัยทม่ี ากระตุนใหเ กดิ ความรูสกึ ทางเพศขึ้น โดยมีระดบั ความแตกตางมากนอยตา งกัน ขึน้ อยู
กับความสามารถในการควบคมุ อารมณแ ละพ้ืนฐานทางดา นวุฒภิ าวะของแตล ะบคุ คล
จากความหมายดังกลา วจะเหน็ ไดวา สิ่งเราภายในและสิง่ เรา ภายนอกเปนปจจยั สําคัญ
ที่จะสงผลใหอารมณและอารมณทางเพศเกิดข้ึน และเมื่อวิเคราะหในประเด็นที่เก่ียวของกับ
ความสําคญั ของอารมณทางเพศกับวยั รนุ แลว สรปุ ประเดน็ ท่ีสําคัญได ดังนี้
1) อารมณทางเพศถือวาเปนสัญชาตญาณในการดํารงเผาพันธุของมนุษยที่
เกดิ ขึ้นตามธรรมชาติ เปนตัวบง ช้ปี ระการหน่งึ ทแี่ สดงใหเ ห็นถงึ ความสมบูรณข องพัฒนาการทางดาน
รา งกาย จิตใจ และอารมณข องวยั รนุ ทก่ี า วเขาสชู วงของวัยเจรญิ พนั ธมุ ากขน้ึ
2) ปจจุบนั ส่อื หลายรูปแบบท่ปี รากฏอยใู นสงั คมมีสวนชวยกระตนุ แรงขบั ทาง
เพศ (Sex drive) ของวยั รุนใหเ กิดอารมณทางเพศไดงายขึ้น การนาํ เสนอภาพหรือขอความที่เกี่ยวของ
กบั เร่ืองเพศผา นสอ่ื ตาง ๆ เปน ปจ จยั หนง่ึ ที่ยวั่ ยใุ หว ยั รนุ เกิดอารมณทางเพศที่เสยี่ งตอการมเี พศสัมพันธ
ไดงายและเร็วขึน้ โดยสอื่ ตาง ๆ เหลานอ้ี าจอยใู นรูปแบบของหนังสือหรอื ภาพยนตรบางประเภท รวม
ไปถึงขอมูลทไี่ ดจากการสืบคน ดวยระบบอนิ เทอรเน็ต ซ่ึงผลกระทบจากอารมณท างเพศในแงลบจะมี
มากยิง่ ขึ้น หากวัยรุนขาดความรคู วามเขา ใจในแนวทางการควบคุมอารมณท างเพศอยา งถกู ตอ ง จนใน
ทีส่ ดุ อาจนาํ ไปสพู ฤติกรรมเสีย่ งตอการมเี พศสมั พันธโดยไมต ้งั ใจ และนํามาสูปญหาตาง ๆ ในสงั คมท่ี
เก่ยี วของกับพฤตกิ รรมทางเพศที่ไมเหมาะสมของวัยรุนได
3) อารมณทางเพศของวัยรุนหากขาดวิธีการควบคุมที่ถูกตอง จะนําไปสู
ปญ หาพฤติกรรมทางเพศท่ไี มเ หมาะสมของวัยรุน มากขนึ้ วัยรนุ แมจะเปนวัยทม่ี แี รงขบั ทางเพศสูงกวา
54
ทุกวัย และพรอมที่จะมีเพศสัมพันธหรือมีบุตรไดก็ตาม แตสังคมและวัฒนธรรมของไทยก็ยังไม
ยอมรับท่ีจะใหวัยรุนชาย-หญิง แสดงพฤติกรรมทางเพศที่ไมเหมาะสมดังกลาว โดยเฉพาะการมี
เพศสมั พนั ธจ นกวาจะไดท าํ การสมรสหรือยูในชว งวยั ทเ่ี หมาะสมอารมณทางเพศท่ีเกิดขึ้นในชวงการ
เขาสวู ยั รุน เปนพัฒนาการอยางหนึง่ ท่แี สดงใหเห็นถงึ ความพรอ มของรางกายท่จี ะสบื ทอดและดาํ รงไว
ซึ่งเผาพันธุ โดยมีสิ่งเราสําคัญใน 2 ลักษณะ ประกอบดวย ลักษณะของปจจัยที่เปนส่ิงเราภายใน
(intrinsic stimulus) และลักษณะของปจจัยทีเ่ ปนสิง่ เรา ภายนอก (extrinsic stimulus)
1) ลักษณะของปจ จัยทเี่ ปนสิ่งเราภายใน
ปจจัยที่เปนส่ิงเราภายใน ในท่ีนี้หมายถึง ส่ิงเราซ่ึงเปนผลที่เกิดจาก
กระบวนการเปลยี่ นแปลงตา ง ๆ ท่ีเกิดขึ้นในรางกาย โดยไดรับอิทธิพลมาจากการทํางานของระบบ
ตอมไรทอ ซึ่งผลิตฮอรโมน ออกมาเพ่ือกระตุนใหรางกายมีการพัฒนาอยางเปนระบบตอเนื่อง
ฮอรโมนเพศเปนปจจัยภายในที่สําคัญท่ีเปนส่ิงเราใหวัยรุนมีพัฒนาการของอารมณทางเพศเกิดขึ้น
และนําไปสกู ารเกดิ ความตองการทางเพศตามชวงวัย ในเพศชายฮอรโมนท่ีเปนปจจัยสําคัญในเร่ือง
ดังกลา ว คอื ฮอรโมนเทสโทสเตอโรน สวนในเพศหญิง คือ ฮอรโมนเอสตราดิโอล และ ฮอรโมน
ฟอลลิควิ ลาร
2) ลักษณะของปจจัยท่ีเปนส่ิงเราภายนอก
ปจจัยท่ีเปนสิ่งเราภายนอก ในท่ีน้ีหมายถึง สภาพแวดลอมภายนอกตาง ๆ ท่ี
สามารถกระตนุ หรอื ยั่วยุใหผทู ่รี บั รู หรอื ไดรับการถา ยทอดเกิดความรสู กึ ทเี่ กิดเปนอารมณทางเพศข้ึน
ประกอบดว ย
สอ่ื รูปแบบตา ง ๆ ที่กระตุนหรือยั่วยุใหวัยรุนเกิดอารมณทางเพศ ปจจุบันมีสื่อ
หลากหลายรูปแบบโดยเฉพาะ สื่อทางเพศ ไดน าํ เสนอภาพและ/หรือขอ ความทเี่ กี่ยวกบั เพศ ซ่ึงมักจะ
นําไปสูการกระตุนหรือย่ัวยุใหผูรับสื่อโดยเฉพาะในวัยรุน ความหลากหลายของสื่อในลักษณะ
ดงั กลา วทาํ ใหม ผี ูเปรยี บเปรยส่ือตาง ๆ เหลา น้ีเปน สินคา เพศพาณิชย ซงึ่ นับวันจะมีการผลติ และนํามา
เผยแพรใ หเ หน็ เพิม่ มากขึน้
สภาพทางสังคมและวัฒนธรรมที่เปล่ียนไป ปจจุบันเปนที่ยอมรับกันอยาง
หน่ึงวา สภาพทางสังคมและวัฒนธรรมไทยไดเปล่ียนไปจากเดิม นับต้ังแตท่ีมีการรับวัฒนธรรม
ตะวนั ตกเขาสสู งั คมไทย กอ ใหเ กดิ การเปลยี่ นแปลงข้นึ หลายลักษณะ โดยเฉพาะในประเทศไทยเกิด
ความเปล่ยี นแปลงทเ่ี กยี่ วของกับเร่อื ง การคบเพ่ือนตางเพศของวัยรุนไทย พบวามีอิสระเพ่ิมมากข้ึน
นอกจากนี้ปจจุบันสภาพของครอบครัวไทยมีการเปลี่ยนแปลงไป ผูปกครองมีเวลาใกลชิดกับบุตร
หลานนอ ยลง ซงึ่ เปน ผลมาจากสภาพของภาวะเศรษฐกจิ นอกจากน้ยี ังพบวา ความมอี สิ ระของส่ือตอ
การนาํ เสนอเรื่องราวที่เกี่ยวของกับเพศ จัดไดวาเปนส่ิงเราภายนอกท่ีสําคัญ ท่ีสามารถที่จะเราและ
กระตนุ ใหว ยั รนุ เกิดความตอ งการทางเพศข้ึนได โดยเฉพาะหากขาดการดแู ลและการควบคมุ ที่ถกู ตอ ง
เหมาะสม
55
คานิยมและพฤติกรรมท่ีไมเหมาะสมในบางลักษณะของวัยรุน ผลจากสภาพ
ทางสังคมและวัฒนธรรมที่เก่ียวของกับเรื่องเพศท่ีเปล่ียนไป สงผลใหวัยรุนไทยเกิดคานิยม และมี
พฤติกรรมท่ีไมเหมาะสมในหลายลักษณะ เปนตนวา คานิยมในเร่ืองการแตงกายตามสมัยนิยม
(Fashion) ท่ีมากเกินควรของวัยรุน โดยไมคํานึงถึงผลกระทบท่ีอาจเกิดขึ้น เชน ลักษณะการสวม
เสือ้ ผา ท่ีรัดรปู หรือเปดเผยสัดสวนรางกายของวัยรุนเพศหญิง ซ่ึงการแสดงออกดังกลาวจะกระตุน
และยั่วยุใหว ยั รุนชายเกิดอารมณทางเพศได นอกจากน้ียังพบวาวัยรุนมักจะมีคานิยมท่ีเกี่ยวกับความ
ตองการในการแสดงออกโดยอิสระ เปน ตนวา การเทย่ี วเตรในเวลากลางคืน การสัมผัสรางกายของ
เพศตรงขาม หรอื การจับมอื ถือแขนอยางเปดเผยในทสี่ าธารณะ การอยูตามลําพงั สองตอสอง หรือการ
ไมใหค วามสําคัญในเรอื่ งการรักษาพรหมจารี ฯลฯ ซง่ึ สิ่งตาง ๆ เหลานีถ้ อื วาเปนปจ จัยภายนอกท่ีสามารถ
จะกระตุนหรอื ย่ัวยใุ หวัยรุนเกดิ อารมณท างเพศข้นึ ได ความเปลย่ี นแปลงทเ่ี กดิ ขึน้ ในขณะท่วี ยั รุนเกดิ การ
เปลีย่ นแปลงทางเพศ อารมณเพศหรือความตองการทางเพศท่ีเกิดข้ึนกับวัยรุน ไมวาจะเกิดจากสิ่งเรา
ภายในหรือภายนอกก็ตาม มักจะทําใหเกิดการเปลี่ยนแปลงใน 2 ลักษณะสําคัญ ประกอบดวย
ลักษณะการเปล่ียนแปลงที่เกิดขึ้นกับสภาพจิตใจ และลักษณะการเปล่ียนแปลงท่ีเกิดขึ้นกับสภาพ
รางกาย
1) ลกั ษณะการเปล่ยี นแปลงท่เี กดิ ข้ึนกบั สภาพจติ ใจ
โดยปกติขณะทีค่ นเราเกิดอารมณท างเพศจะพบวา มีจิตนาการท่ีเกี่ยวของกับ
เร่ืองเพศอยูในระดับหน่ึง ซ่ึงจะมากหรือนอยหรือมีความแตกตางกัน ยอมขึ้นอยูกับพื้นฐาน
ความสามารถในการควบคมุ อารมณแ ละความรสู ึกของแตละคน และโดยทั่วไปพบวา ความต่ืนเตน
ทางเพศทเ่ี ปน พนื้ ฐานของการเกดิ อารมณทางเพศในเพศหญิงจะเกิดไดชากวาเพศชาย อยางไรก็ตาม
ท้งั เพศชายและเพศหญงิ เมอื่ เกดิ อารมณทางเพศขนึ้ หากความสามารถในการควบคุมอารมณและการ
จัดการในเรื่องดงั กลาวไมดพี อ กม็ ักจะสงผลใหเกดิ ปญ หาทางดา นสุขภาพจติ ขน้ึ ได โดยเรมิ่ จากภาวะ
ทางดา นจติ ใจที่เกิดความเครียดขน้ึ แลว นาํ มาสูภ าวะของความวิตกกังวลท่ีเกี่ยวของกับเร่ืองเพศ จน
อาจนําไปสูก ารขาดความเช่ือมนั่ ในตนเองได
2) ลักษณะการเปลี่ยนแปลงทีเ่ กิดขนึ้ กบั สภาพรา งกาย
ขณะท่สี ภาพจติ ใตมีการเปลี่ยนแปลงและแสดงออกถึงความตองการทางเพศ
ปฏกิ ิรยิ าของรางกายท่ีแสดงใหเห็นถึงภาวะความเปล่ียนแปลงดังกลาวของรางกายจะเห็นไดชัดเจน
มากข้นึ โดยเฉพาะรางกายท่แี สดงใหเ ห็นถึงภาวะความเปล่ียนแปลงดังกลาวของรางกาย จะเห็นได
ชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะบริเวณอวัยวะเพศท่ีมีการไหลเวียนของเลือดที่สงมามากข้ึน สงผลให
อวัยวะเพศเกิดการขยายตวั
เพศชาย พบวา บรเิ วณองคชาตหรือลึงค (penis) จะมขี นาดเพม่ิ ขึ้นและแข็งตัว
ข้ึน ผนงั ทห่ี มุ อัณฑะ (Scrotum) จะหนาขึน้ ลกู อัณฑะจะเคล่อื นตวั สงู ข้ึน
56
เพศหญิง พบวา บริเวณอวยั วะเพศนอกจากจะขยายตัวแลว บริเวณชองคลอด
อาจมกี ารขับนํ้าหลอลนื่ ออกมา รวมทงั้ กลามเนอ้ื บรเิ วณดังกลา วยังอาจเกิดการหดรดั ตวั ขึน้ เปนระยะ
นอกจากการเปล่ียนแปลงบริเวณอวัยวะเพศแลว ผลจากการเกิดอารมณทาง
เพศยังสงผลใหการสูบฉีดเลือดของหัวใจเพิ่มข้ึน ทําใหเลือดไหลเวียนเพ่ิมข้ึน เปนผลใหผิวหนัง
บริเวณทส่ี งั เกตได มกี ารเปลย่ี นแปลงเปนสแี ดงเพิ่มขน้ึ เชน บรเิ วณใบหนา ลําคอ อก และหนา ทอ ง
นอกจากน้ี ในเพศหญงิ หวั นมและเตา นมอาจมกี ารขยายตัวขึ้น
ผลกระทบดานลบท่ีเกิดขึ้นจากการเกิดอารมณทางเพศของวัยรุน จนนํามาสู
ปญหาทางสงั คมท่เี ห็นไดชดั อีกประการหนึ่งในปจจุบัน คือ การมีพฤติกรรมทางเพศท่ีไมเหมาะสม
ของวยั รุน ซ่ึงนํามาสูป ญหาตาง ๆ ตามมา เปนตนวา การเกิดปญหาการตั้งครรภที่ไมพึงประสงคใน
วยั รุน การเกิดปญ หาการตดิ โรคทางเพศสัมพันธและโรคเอดสในวัยรุน โดยปญหาเหลาน้ีถือวาเปน
ผลกระทบที่สืบเน่ืองมาจากการเกิดอารมณทางเพศของวัยรุนที่ไมไดรับการควบคุมและจัดการท่ี
ถูกตองเหมาะสม ซึ่งผลกระทบดังกลาวถือไดวาเปนปญหาทางสังคมท่ีสําคัญอีกประการหนึ่งใน
ปจจบุ นั
แนวทางในการจดั การกบั อารมณทางเพศของวยั รนุ การจัดการกับอารมณทาง
เพศของวยั รุน มีแนวทางการปฏบิ ตั ทิ ี่สาํ คญั อยู 2 ลกั ษณะ ประกอบดว ย แนวทางการปฏิบัติเพ่ือระงับ
อารมณทางเพศ และแนวทางการปฏบิ ตั ิเพอื่ ผอ นคลายความตอ งการทางเพศ
1) แนวทางการปฏิบตั ิเพอื่ ระงับอารมณท างเพศ
แนวทางการปฏบิ ัตเิ พอ่ื ระงบั อารมณท างเพศ หมายถงึ ความพยายามในการท่ี
จะหลกี เลย่ี งตอ สงิ่ เราภายนอกทมี่ ากระตุนใหอารมณทางเพศมีเพ่ิมมากข้ึน แนวทางในการปฏิบัติ มี
ดังน้ี
หลกี เลีย่ งการดูหรืออานขอ ความจากสื่อตา ง ๆ ทีม่ ีภาพหรือขอความที่สามารถ
ยั่วยุใหเกิดอารมณทางเพศ เชน การดูหนังสือ หรือภาพยนตร หรือส่ืออินเทอรเน็ตที่มีภาพหรือ
ขอความท่แี สดงออกทางเพศ ซึ่งเปน การย่วั ยุใหเกดิ อารมณท างเพศ
หลีกเลี่ยงการปฏิบัติหรือการทําตัวใหวางหรือปลอยตัวใหมีความสบายเกินไป
เชน การนอนเลน ๆ โดยไมหลับ การน่งั ฝนกลางวนั หรือนัง่ จิตนาการที่เก่ียวของกับเรื่องเพศ การอยู
ในสภาพของบรรยากาศทีม่ ีแสงสเี สยี งทกี่ อ หรอื ปลุกเราใหเกดิ อารมณท างเพศ
อยางไรก็ตาม แมในทางจิตวิทยาและในทางการแพทยจะมีความเห็นท่ี
สอดคลอ งกันวา การบาํ บดั ความใครดวยตนเองโดยทั่วไปจะไมก อใหเกดิ ความผดิ ปกตทิ ้ังทางรางกาย
และจิตใจ แตก ็ไมควรปฏบิ ัติบอยจนเกิดความหมกมุนตอเร่ืองดังกลาว ซึ่งจะกอใหเกิดเปนลักษณะ
นิสยั ซ่งึ อาจสงผลลบตอ บคุ ลกิ ภาพและความเขมแข็งทางดานการควบคุมอารมณที่ดีได ดังน้ัน หากมี
ความจําเปนและไมสามารถที่จะหลีกเล่ียงการปฏิบัติในเร่ืองดังกลาวได ควรระลึกและคํานึงถึง
หลกั การปฏบิ ัตทิ ่เี กี่ยวของใน 3 ลกั ษณะทีส่ ําคัญ คอื ตองคํานึงในหลักของความสะอาดเปนพื้นฐาน
57
ตอ งคาํ นงึ ถึงสถานทใ่ี นการปฏบิ ตั ิ คือ ตอ งมคี วามเปน สว นตัว ไมประเจดิ ประเจอ และตอ งไมป ฏบิ ัติ
ดว ยวธิ กี ารท่รี นุ แรง ซึ่งอาจกอ ใหเ กดิ บาดแผล หรอื มีการอักเสบ หรอื ตดิ เช้อื ได
1.5 การปรับตวั ทางเพศเม่ือเขาสวู ัยรุน
เม่ือเขาสูวัยรุน เพื่อชวยใหสามารถปรับตัวไดอยางถูกตองและเหมาะสมกับ
เพศของตนดยี ง่ิ ขนึ้ วยั รนุ ควรมแี นวทางในการปฏิบัติ ดงั น้ี
1) ศึกษาใหเขาใจถึงการเปลี่ยนแปลงทางเพศของรางกายและจิตใจ เมื่อยาง
เขา สวู ยั รุน เราจะสงั เกตเห็นวา มีการเปลีย่ นแปลงเกดิ ขึ้นในตวั เราหลายอยาง บางอยางก็อาจทําใหเรา
ไมส บายใจ เชน วัยรุนชายบางคนไมอยากพูดคุยกับเพ่ือนเพราะอายท่ีเสียงแตกพรา สําหรับวัยรุน
หญงิ ทีม่ ีประจําเดือนเปนครั้งแรกอาจมีความรสู ึกกงั วลและมีอาการตาง ๆ เกิดข้ึน แตถาหากไดศึกษา
และทําความเขา ใจเก่ียวกับสภาพการเปลี่ยนแปลงดังกลาว จะทําใหเขาใจและสามารถปฏิบัติตนได
อยางถูกตอ ง
2) ปรับตวั เขากับเพื่อนตางเพศใหเ หมาะสม วัยรุน เปน วัยทมี่ ีการเปล่ียนแปลง
ทางเพศหลายอยางท้ังชายและหญงิ เร่มิ มีความสัมพันธก นั ทางสังคมมากขึ้น ทําใหชายและหญิงตางมี
ความสนใจในเพื่อนตางเพศมากข้ึน การคบเพ่ือนตางเพศไมใชสิ่งเสียหาย แตตองปฏิบัติตนอยูใน
ขอบเขตทเี่ หมาะสมและรูจ ักมารยาททคี่ วรปฏบิ ัตติ อกัน ดงั นี้
ฝายชาย ควรใหเกียรติฝายหญิง ไมเก้ียวพาราสีหรือฉวยโอกาส มีความ
บริสุทธิ์ใจ และควรใหค วามชวยเหลอื ฝายหญิง เชน ชวยถือของ สละที่น่ังให ไมแสดงกิริยาวาจาท่ี
ไมเ หมาะสม เชน พูดจาหยาบโลน หรือใชก าํ ลังรุนแรง เปนตน
ฝายหญิง ควรวางตัวใหเหมาะสม สงวนตัว ไมอยูในท่ีรโหฐานกับเพศตรง
ขามตามลําพัง ไมไปในที่เปล่ียว แตงตัวสุภาพ ไมแสดงกิริยาวาจาที่ไมเหมาะสม เชน สงเสียงดัง หรือ
กลาวคาํ ผรุสวาท เปน ตน แสดงความมนี าํ้ ใจและใหเกยี รติฝา ยชาย
3) ควรรีบปรึกษาผูใหญเ ม่ือมปี ญหาหรือมีอุปสรรคใด ๆ เกี่ยวกับเร่ืองเพศ วัยรุน
สว นมากมกั จะมีความวิตกกงั วลในเรอ่ื งตาง ๆ เกี่ยวกับการเปล่ยี นแปลงทางดา นรา งกายและจติ ใจ เม่อื
มีปญ หาเกดิ ข้นึ ควรจะปรกึ ษาพอแม ครู ญาตพิ น่ี อง และผใู หญทไ่ี วว างใจ เพราะทานมปี ระสบการณ
มากกวาเรา ยอ มจะชวยแนะแนวทางปฏิบัติทถ่ี ูกตอ งใหแ กเราได
4) ปฏิบัติตามขนมธรรมเนียมประเพณีอันดีงาม โดยการเคารพเช่ือฟงผูใหญ
หม่ันศึกษาเลาเรียน ไมประพฤติไปในทางชูสาวกอนเวลาอันเหมาะสม การยึดมั่นใน
ขนบธรรมเนยี มประเพณอี ันดงี ามจะชว ยเตอื นใจใหเราปฏิบตั ิในทางทถี่ ูก
2. วัยรุนกับการคบเพื่อน
วัยรุนเปนวัยที่ใหความสําคัญกับเพ่ือนและตองการใหตนเองเปนท่ีนิยมชมชอบใน
กลุม เพื่อน การมเี พ่ือนท่ีดจี ะทาํ ใหว ยั รนุ มผี ูท คี่ อยรวมทุกขรวมสุข ปรับทุกข ชี้แนะแนวทางในการ
58
แกไ ขปญหาอยา งถกู ตอ ง แตถาวยั รุนคบเพื่อนทไ่ี มด ีก็จะชกั นําไปสูท างทไ่ี มดี วัยรุนจึงควรรูจักเลือก
คบเพอื่ นท่ีดแี ละสรา งความสมั พนั ธท ่ีดกี บั เพ่อื น ซ่ึงจะชวยใหสามารถปรับตัวใหเ ขากับสังคมไดตอไป
2.1 หลกั การคบเพื่อน
ควรมีหลักปฏิบัติในการคบเพ่ือน คือวัยรุนควรพิจารณากลุมเพ่ือนที่คบวามี
ความประพฤติเปนอยางไร ถาเพ่ือนคนใดประพฤติตนในทางไมดี ก็ควรแนะนําและชักจูงใหเขา
ประพฤติในทางท่ีดี รจู กั ปฏเิ สธและไมห ลงเชื่อคําชักชวนหรือปฏบิ ตั ิตามเพ่ือนที่มีความประพฤติไมดี
เชน ชวนใหห นีเรียนเท่ียวกลางคืน เลนการพนัน เสพสารเสพตดิ เปนตน โดยในการพูดปฏิเสธนั้น
ใหป ฏบิ ตั ิดังนี้ พดู ดว ยนํ้าเสียงหนัก
แนน ม่นั คง ควรบอกความรสู ึกดกี วา บอกเหตผุ ลหรอื ขออา ง เพราะความรูส กึ เปน เรอ่ื งสวนตัวของแต
ละบุคคล ถาบอกเหตุผลหรือขออาง เพ่ือนอาจจะนําเหตุผลอ่ืนมาลบลางใหปฏิเสธไมได และรูจัก
แนะนําและชักชวนเพื่อนปฏิบัติกิจกรรมที่ดีและมีประโยชน เชน เลนกีฬา เลนดนตรี เรียน
ภาษาตางประเทศ เรยี นคอมพวิ เตอร เขารวมในกิจกรรมพัฒนาตาง ๆ ในชุมชน เปนตน โดยเลือก
ตามความสนใจและความเหมาะสมของตนเอง จะไดเ ปนการใชเ วลาวา งใหเ กดิ ประโยชน
2.2 หลกั ทั่วไปในการผกู มติ ร
หลักทั่วไปในการผูกมติ ร มีแนวทางในการปฏบิ ัติ ดังน้ี
1) รจู ักยอมรับคาํ ติชม เชน รบั ฟง ความคดิ เห็นหรอื คาํ วิพากษวจิ ารณของผอู นื่
เก่ียวกับตวั เราเองดว ยความเตม็ ใจ เปน ธรรม ไมล าํ เอยี งเขา ขา งตนเอง และสามารถควบคมุ อารมณไ ด
2) รูจักอารมณขัน มองโลกในแงดี และควรเปนคนยิ้มงาย เปน
บุคลิกลักษณะที่ดแี ละเปน เสนหที่ทาํ ใหผ พู บเห็นหรือคบคาสมาคมดว ยรสู ึกชมชอบ เกิดความสุขและ
ความสบายใจ นบั วาเปน ส่งิ สําคัญยง่ิ อยางหน่ึงทจ่ี ะนาํ ไปสูการตอนรับและความรวมมอื ทีด่ ี
3) รูจักออนนอมถอมตน ไมคุยโออวดความสามารถของตน ไมพูดจาดูถูก
หรอื ยกตนขมผอู น่ื และรูจักยอมรบั ขอ บกพรอ งหรอื ความดอ ยของตนในดา นตาง ๆ
4) รูจักรับผิดชอบตอหนาท่ี เชน หนาท่ีสําคัญของนักเรียนคือเรียน ครูมี
หนา ทใี่ หก ารศึกษาอมรมแกนักเรยี น นกั ศึกษา
5) รูจักประนีประนอม เม่ือเกิดปญหาหรืออุปสรรคข้ึน ควรจะมีการ
ประนีประนอมหรือรอมชอมกัน ซึ่งเปนวิธีการหน่ึงที่คนเราอาจตกลงกันไดอยางยุติธรรมและมี
เหตุผล
6) รูจักเอาใจเขามาใสใจเรา ใหคิดเสมอวาอะไรก็ตามท่ีเราเองไมชอบ ไม
ตอ งการใหผอู น่ื กระทําตอเรา กจ็ งอยา กระทาํ สงิ่ นนั้ ตอ บุคคลอ่ืน และถาตองการใหบุคคลอ่ืนกระทํา
สิ่งใดตอ เราก็จงกระทําสง่ิ นนั้ ตอเขา
7) รูจักใหกําลังใจคนอ่ืน เชน ยกยองใหเกียรติ ใหกําลังใจผูอื่นดวยการ
ชมเชย รูจักแสดงความชน่ื ชมยินดตี อ ความสําเร็จของเพอื่ นรว มหอง เพอื่ นรวมงาน เปนตน
59
8) รจู ักไววางใจคนอ่นื คอื รูจกั ไวเน้ือเช่ือใจคนอนื่ บา งตามสมควร เพราะคน
อื่นอาจมีความดอยเกินไปในดานตาง ๆ ไดเชนเดียวกับเรา นอกจากนี้บางคร้ังการประเมินคา
ความสามารถของผูอน่ื ดอ ยเกนิ ไป อาจนํามาซ่งึ ความผิดหวังไดดว ย
9) รูจักรวมมือกับคนอ่ืน เชน การใหความรวมมือกับหมูคณะในการ
ประกอบกจิ กรรมตาง ๆ ของสวนรวมดวยความเต็มใจ เพราะผูที่เห็นแกตัวหรือเอาแตไดยอมเปนที่
รงั เกียจของสังคม
10) รูจักเคารพสิทธิของผูอื่น เชน ไมควรใชทรัพยสิ่งของของผูอื่นโดย
พลการ ไมกา วกา ย หรือละเมดิ สทิ ธซิ ง่ึ เปนผลประโยชนอันชอบธรรมของผอู นื่
2.3 หลกั ในการสรางเสรมิ ความสมั พนั ธอ นั ดกี ับกลมุ เพอื่ น
หลกั ในการสรา งเสริมความสมั พนั ธอนั ดีกบั กลมุ เพ่อื น มีแนวทางปฏบิ ตั ิ ดงั น้ี
1) รูจ กั ตนเองและรูจ ักคนอน่ื วยั รนุ ตองมคี วามเขา ใจในความตองการของตน
และของเพื่อนยอมรับสภาพความเปน จรงิ ของตน และยอมรบั ความแตกตางในตวั เพ่ือนกับตัวเอง ไม
อจิ ฉาริษยาเพ่อื นท่มี ฐี านะดีกวา หรือมีความสามารถมากกวา และไมยกตนขมทานหรือดูถูกเหยียด
หยามเพ่ือนท่ีดอยกวา ตน แตใ หยินดีกับความสําเร็จของเพ่ือน และคอยชว ยเหลอื สนบั สนุนเพื่อนหาก
มีโอกาส
2) มมี นุษยส มั พนั ธท่ีดี รูจกั พดู รูจักฟง เรยี นรูที่จะพูดเรื่องตาง ๆ ในจังหวัด
ท่เี หมาะสม เปดโอกาสใหเพ่อื นไดแสดงความคิดเห็น และรับฟง ความคดิ เหน็ ของเพื่อน เอาใจใสใน
ตัวเพ่ือน และใหความสําคัญกับเพื่อนดวยความบริสุทธ์ิใจ ตลอดจนมีความซ่ือสัตยและจริงใจตอ
เพ่อื น
3) การมองโลก ใหมองในแงทีเ่ ปน จริง ไมม องในแงดีจนเกินไป อันอาจถูก
หลอกลวงและคดโกงได แตไมมองคนในแงรา ยจนเกินไป อันจะทําใหเปน คนใจแคบ ไมร ูจกั การให
อภยั
4) มีนํ้าใจเปนนักกีฬา ยอมรบั ผดิ เม่อื รวู าตนผิด ปฏิเสธในสิ่งที่ตนไมสามารถ
ทําได เม่ือใหส ัญญาอยา งไรไวกบั ใครกต็ องพยายามทาํ ตามสัญญานัน้ ใหด ที ส่ี ุด นอกจากนี้ยังตองรูจัก
เสยี สละและใหอ ภัยแกเ พ่อื นเมอื่ เกิดขอ ผดิ พลาด โดยทําความเขาใจถึงสาเหตุท่ีทําใหเกิดขอผิดพลาด
นนั้ และรวมมอื กันปรับปรงุ แกไ ขตามสาเหตทุ เ่ี กดิ ขนึ้ ตอไป
หรือสงผลมากระทบ และเมื่อเกิดอารมณขึ้นก็มักจะพบวาพฤติกรรมการ
แสดงออกดังกลาว มกั มีการเปลยี่ นแปลงหรอื แตกตางไปจากสภาพเดิม ซึ่งสังเกตเห็นไดชัดเจนหรือ
อาจไมช ัดเจน ทั้งนี้ขึ้นอยูกบั ความสามารถในการปรับสภาพอารมณข องแตละบุคคล
60
เรือ่ งท่ี 3 พฤติกรรมทน่ี าํ ไปสูการมีเพศสมั พันธ
ปจจบุ นั ปญหาจากพฤติกรรมทางเพศที่ไมเหมาะสมของวัยรุนมีหลายลักษณะ เชน
การมีเพศสัมพันธก อนวัยอันควร การตดิ เชอ้ื เอดสแ ละโรคตดิ ตอทางเพศสมั พันธ รวมท้งั การตงั้ ครรภ
ทไ่ี มพึงประสงคในวยั รนุ ทง้ั ท่ีมาจากพฤติกรรมทางเพศท่ีไมเหมาะสมโดยตรง และมาจากอบุ ัติภัยทาง
เพศนับเปน ปญ หาทางเพศของวยั รนุ ที่อยใู นอนั ดับตน ๆ
อยางไรกต็ าม มีวัยรุนท่จี บั คกู นั บางคไู มม ีเพศสมั พันธกัน ซึ่งมีสาเหตุหลายประการ
เชน พอแมดแู ลเอาใจใสอ บรมส่ังสอนดี พอแมติดตามดแู ลอยางใกลชิด ไมเปดโอกาสใหท้ังคูไดอยู
ในสถานการณท่ีเส่ียงตอการมีเพศสัมพนั ธ วยั รนุ คดิ ไปขา งหนาเกิดความเกรงกลัววาจะมีปญหาตาง ๆ
ตามมามากมาย มีความละอายใจและรสู ึกวาผิด กลัวเสียชื่อเสียง และกลัวคนอื่นจะรู ไมมีโอกาสท่ี
จะไดกระทํา มีความยบั ยั้งชัง่ ใจ เปนตน
การจับคูกันนั้นสวนใหญจะทาํ ใหก ารเรียนแยล ง การมีคูร ักไมใชสัญลักษณของการ
ประสบความสาํ เรจ็ ในชีวิต ไมใชแฟช่ัน หากวัยรุนคนใดยังไมมีคูรักก็ไมควรรูสึกวาตัวเองดอยกวา
เพื่อนที่มีคนรัก ไมจําเปนท่ีจะตองคบกับใครสักคนเปนคูรัก เพียงเพราะตองการใหตนเองเหมือน
เพ่อื นคนอนื่ ๆ เทานั้น
ความคาดหวงั ในเรอื่ งความรักของผูหญิงและผูช ายทแ่ี ตกตางกันน้ัน เปน สิ่งที่วยั รุนที่
จับคกู นั ไมควรมองขา ม เพราะจะทาํ ใหรูวาหญิงและชายจะปฏบิ ัติตอ คนรักตา งกนั ผชู ายจะคดิ ถงึ เร่ือง
การไดสัมผัส ลวงเกินจนถึงข้ันมีเพศสัมพันธ จึงเปนสาเหตุหนึ่งท่ีจะทําใหผูหญิงตองเสียความ
บริสุทธิก์ อนวยั อนั ควร และมักไมค อยเตม็ ใจ ซ่ึงวยั รุน หญงิ จะตองระวังใหด ีในเร่อื งน้ี
1. พฤติกรรมที่เสี่ยงตอ การมเี พศสมั พนั ธ
วัยรุนเปน วยั ทเ่ี กดิ ความเปล่ียนแปลงและพัฒนาการอยางรวดเร็วในเร่ืองเพศ บางคน
จงึ เกิดความสนใจในเพศตรงขา ม สนใจในเรือ่ งเพศ การจับคเู ปน คูรกั กนั การเกิดอารมณทางเพศ การ
ดูสอ่ื ลามก การมเี พศสมั พนั ธกับครู กั การมีสัมพนั ธก ับหญิงขายบรกิ ารทางเพศ หรอื การขายบรกิ ารทาง
เพศ
เม่อื เปน เชน นีผ้ ลเสยี ที่ตามมา ไดแ ก การมีเพศสมั พนั ธกอ นวัยอันควร ทําใหเกิดความ
วติ กกงั วล เสยี การเรยี นเพราะจะสนใจการเรียนนอยลง เกดิ การต้ังครรภที่ไมพึงประสงค การทําแทง
ปญหาลูกไมมีพอ ทารกถกู ทอดทิง้ โรคติดตอทางเพศสมั พันธ โรคเอดส เปนตน
เหตุและผลดังกลาวขางตนนี้ มกั จะเรมิ่ จากตัวของวัยรุนเองทีม่ ีพฤตกิ รรมเสยี่ งตอการ
มเี พศสมั พันธ ซง่ึ มีดงั นี้
1. สนใจเร่ืองเพศมาก ปกตวิ ัยรนุ กจ็ ะสนใจเรือ่ งเพศอยูแ ลว เพราะเปน ธรรมชาติของ
วัย แตถา หมกมุนกับเรอื่ งนม้ี ากเกินไป และโอกาสหรือสถานการณเออื้ อาํ นวยวยั รนุ อาจมีเพศสัมพนั ธ
61
โดยไมคดิ ไมไ ดตดั สินใจหรอื ไมไดวางแผนลวงหนา คือปลอ ยใหเปนไปตามความตองการและอาจไม
คิดถึงผลกระทบท่จี ะเกดิ ขึ้นภายหลงั
2. มีความหมกมุนในเรื่องเพศ มีวยั รุนจํานวนหน่ึงโดยเฉพาะวัยรนุ ชายทหี่ มกมุนใน
เร่ืองเพศมากเกินไปอาจมีการสําเร็จความใครดวยตนเองบอยคร้ัง โดยไมพยายามหลีกเล่ียง หรือ
พยายามจดั การกับอารมณท างเพศ ในผูห ญิงก็อาจมีบางแตไมมากเทาผูชาย บุคคลประเภทน้ีมีความ
เสี่ยงตออาการมเี พศสมั พันธ
3. ชอบถูกเนอ้ื ตองตัวเพศตรงขาม ผชู ายมักจะยินดีทไ่ี ดถ ูกเน้ือตอ งตัวผูหญิงหรอื ให
ผูหญิงมาถูกเน้อื ตอ งตัวตนเอง สว นผหู ญิงทค่ี ดิ เชนเดยี วกบั ผูชายนก้ี ม็ บี าง การถูกเนื้อตองตัวกันทาํ ให
เกิดอารมณทางเพศได ถามโี อกาสหรอื สถานการณท ีเ่ อ้ืออาํ นวยก็อาจถึงข้นั การมเี พศสมั พันธกนั ได
เร่อื งน้ีมักจะพบเหน็ อยบู อยครง้ั ในหมูวัยรุนท่ีมักถือโอกาสถูกเน้ือตองตัวกัน ถาถูก
ผใู หญดุหรอื เตือนก็จะบอกวา เปนเพ่อื นกัน ไมคดิ อะไร ถึงแมวาจะมบี างคนทไ่ี มไดค ิดอะไรจริง ๆ แต
กไ็ มเ หมาะสม เพราะจะถูกมองวาเปนหญิงสาวที่ไมรักนวลสงวนตัว ใหผูชายถูกเนื้อตองตัวงาย ๆ
ผูชายก็ไมเปนสุภาพบุรุษเพราะชอบหาเศษหาเลยดวยการถูกเนื้อตองตัวผูหญิง ดังน้ันนักเรียนควร
ปองกนั และหลีกเล่ยี งไมใหเ กิดพฤตกิ รรมน้ี
4. คดิ วา การมเี พศสัมพันธไ มใ ชเรื่องเสยี หาย ไมว าชายหรอื หญงิ ที่คิดเชนนี้จะเปนผู
ทเี่ ส่ียงตอการมเี พศสัมพันธมาก ผชู ายมกั จะคิดเชน น้ี ซ่ึงเปนนิสัยท่ีติดตัวของผูชายมาอยูแลว แตถา
ผูหญงิ คดิ เชนน้ีดว ยก็นับวาเปน การสนับสนนุ ใหผ ูชายสมหวงั ขนึ้ จนเปน เปนปญหาสําคญั ปญ หาหนึ่ง
ในครอบครัวและสังคมไทย เพราะเปนความคิดที่นําไปสูการมีเพศสัมพันธกอนวัยอันควร ซึ่งจะ
กอ ใหเ กดิ ปญ หาตามมามากมาย
5. ดูสอื่ ลามก ปจจุบนั น้ีมสี อื่ ลามกขายกนั มากมายตามทองตลาด วัยรนุ หลายคนรวู า
แหลง ซือ้ ขายอยทู ีใ่ ด การดูสื่อลามกประเภทนท้ี าํ ใหผูด ูเกิดอารมณท างเพศ วยั รนุ เปน วัยที่อยากรอู ยาก
ลอง เม่ือดูแลวบางคร้ังอาจอยากทดลองทําตามคูพระนางในสื่อลามกนั้น ดังวัยรุนที่มีขาวลงหนา
หนงั สือพมิ พวา ไปขม ขืนหรือไปมั่วสุมมเี พศสมั พันธกันแลวรับสารภาพวาทําตามอยางในสื่อลามกที่
เคยดู
6. เปนคนเจาชู คนเจาชูคนท่ีชอบมีคูรักหรือสามีภรรยามากกวา 1 คน หรือมีไป
เรือ่ ย ๆ ตามความพอใจ วัยรุนท่ีเปนคนเจาชูจะมีใจกลาในเรื่องน้ี และขาดความรับผิดชอบในส่ิงท่ี
ตนเองกระทาํ ไมร ักใครจริง ถาเบื่อกพ็ รอมท่ีจะทอดท้งิ บุคคลประเภทน้ีจะมีเพศสัมพันธงา ย ๆ ไมคิด
อะไรมาก ผหู ญงิ เปน ฝายท่ีตองรับภาระในสง่ิ ที่ทัง้ คูไ ดก ระทาํ ลงไป เชน เปนฝา ยตงั้ ครรภอ าจตองไป
ทาํ แทง หรอื ตองคลอดลูกแลว เลยี้ งลูกตามลาํ พัง เปน ตน จึงตอ งระวังคนเจา ชูและตองไมเ ปน คนเจา ชู
7. เคยมีประสบการณทางเพศมาแลว ไมวาจะเปนผูชายหรือผูหญิงที่เคยมี
ประสบการณในการมีเพศสัมพันธมาแลว ในครั้งตอ ๆ ไปมันจะไมคิดมาก ใจกลาข้ึน ไมกลัว
หรือไมก็ติดใจในเพศรสจงึ เปนมลู เหตทุ ่ีทําใหเกดิ ความเส่ยี งตอ การมเี พศสัมพันธซาํ้ ไดอีก
62
8. เสพสารเสพติด ผูทีเ่ สพสารเสพตดิ จะเกิดอาการมนึ เมาเคลบิ เคลิม้ ขาดความรูสึก
ผดิ ชอบช่ัวดี ครองสติไมได จงึ มักทาํ อะไรลงไปแบบไมค ดิ อะไรมากหรอื งง ๆ ไมคอยรูตัว ดังขาวที่
พบเหน็ บอย ๆ วา วยั รนุ ไปจดั ปารต้ยี าอี ยาบา หรอื ไมก็ไปดื่มแอลกอฮอล พอมึนเมาเสพสารเสพติด
หรือยอมมีเพศสมั พนั ธเ พ่อื แลกกบั สารเสพติดในกรณีที่ติดสารเสพตดิ แลว
9. ขาดความไตรตรอง บุคคลประเภทนี้มักไมคิดถึงผลที่จะตามมาหรือผลกระทบ
หลงั การมเี พศสมั พนั ธว าจะเปน อยางไร เปนคนแกปญหาเฉพาะหนาไปวันหน่ึง ไมคิดถึงอนาคตวา
เปน อยางไร ตัดสินใจโดยขาดสติ
10. อยากรอู ยากลอง วัยรนุ เปนวยั ทอ่ี ยากรอู ยากลองอยูแลว แตถาอยากรูอยากลอง
เรื่องเพศนน้ั นบั วา เปน อนั ตราย ปจ จัยที่กระตุนใหอยากรูอยากลองนอกจากจะมาจากตนเองแลว ยัง
อาจมาจากปจ จยั อน่ื ๆ เชน เพ่อื นชักชวน อา นหนังสอื ลามก
2. การหลกี เลีย่ งและปอ งกนั ตนเองจากสถานการณการเสีย่ งตอ การตั้งครรภโดยไมตัง้ ใจ
มผี ูห ญิงจาํ นวนไมน อยที่ตั้งครรภโดยไมตั้งใจ ทั้งน้ีเพราะไมคาดคิดมากอนวาจะมี
เพศสมั พนั ธกบั ผูชายซง่ึ อาจเปน ครู กั ของตนเอง เปนเพ่ือน คนแปลกหนา พอเลี้ยง หรือแมแตญาติ
ของตน และไมมีการปองกันการต้ังครรภแตอยางใด ดังนั้นผูหญิงควรเรียนรูถึงการหลีกเลี่ยงและ
ปอ งกนั ตนเองจากสถานการณเ ส่ียงตอ การตงั้ ครรภโ ดยไมต้งั ใจ ซ่ึงมีขอ แนะนาํ ดงั น้ี
1. ในกรณีเมือ่ อยกู บั คูรกั ของตนเอง ควรปฏิบตั ดิ งั นี้
1.1 ไมย อมใหครู กั ไดส มั ผัส จบั มอื โอบกอด ถา ถูกกระทําเชน นี้ควรแสดงทาที
ไมพ อใจและปฏเิ สธการกระทําดังกลาวอยางจริงจัง มิฉะนั้นอาจนําไปสูการมีเพศสัมพันธเนื่องจาก
สภาพแวดลอมเหมาะสมและเปน ใจ
1.2 ไมอ ยใู นทีล่ บั ตาคนสองตอ สอง เพราะคูรกั อาจจะลวงเกินเราได และย่ิงเรา
มีใจชอบฝายชายดวยกอ็ าจจะยินยอมจนถึงข้นั มีเพศสมั พนั ธได
1.3 ไมไ ปเที่ยวกนั แบบคางคืน เพราะการคางคืนจะเปนการเปดโอกาสใหฝาย
ชายลว งละเมิดทางเพศได
1.4 ไมควรดสู อ่ื ลามกโดยเฉพาะกบั ครู กั เพราะจะทําใหท้ังสองฝายเกิดอารมณ
ทางเพศและนาํ ไปสกู ารมีพฤติกรรมทางเพศทไ่ี มเหมาะสม
1.5 การไปเทย่ี วในงานวนั สําคญั ตาง ๆ เชน วนั วาเลนไทน วันลอยกระทง วัน
ข้ึนปใหม ที่เปน การเท่ียวในเวลากลางคืน แลวจะไปตอกันในสถานที่ท่ีอาจจะมีเพศสัมพันธกันได
ดงั นนั้ การไปเท่ียวกบั ครู ักในวันสําคัญดังกลา วควรระมดั ระวังตัวใหดี ถา เราคดิ วาไมนาไววางใจก็ไม
ควรไปโดยหาทางปฏเิ สธอยา งนุม นวล
1.6 การไปเทยี่ วงานสงั สรรคห รอื ตามสถานบันเทิงกับคนรักควรระมัดระวังตัว
ดวย เพราะอาจด่มื เครอื่ งดม่ื ท่มี แี อลกอฮอลแลว ทาํ ใหมึนเมาไมรสู ึกตวั
63
1.7 อยาใจออนถาถูกขอท่ีจะมีเพศสัมพันธดวย อยาหลงคารมเขาเปนอันขาด
และไมต องกลวั เขาโกรธ รกั ษาความบริสุทธ์ิของเราดีกวา หากพลาดพลั้งไปแลวก็ควรระวังอยาให
เกดิ ขนึ้ อีก
2. ในกรณีเม่ืออยกู บั เพ่อื นชาย ควรปฏบิ ัตดิ ังนี้
2.1 อยาใหมาถูกเนื้อตองตัวโดยไมจําเปน เพราะถาวันใดท่ีเพ่ือนชายมีโอกาส
ผหู ญงิ อาจพลาดทาเสียทไี ด
2.2 อยาไวใจใครมากนกั มเี พื่อนหลายคนทห่ี ลอกพาเพอ่ื นไปขมขืน บางรายให
เพอ่ื นคนอนื่ ๆ ขมขนื ดว ยตามท่ีมีขาวใหพบเหน็ อยูบ อย ๆ
2.3 ไมไ ปเที่ยวแบบคางคืน ถึงแมจะไปเปนหมูคณะก็ตองระมดั ระวัง
2.4 การไปเทย่ี วตามสถานบนั เทิงแลว กลบั ดึกอาจเปนอันตราย ถามีเพ่ือนอาสา
ไปสงบานก็ควรระวัง เพราะอาจพาไปทีอ่ น่ื ได
3. ในกรณเี มอ่ื อยูกบั คนแปลกหนา ควรปฏิบตั ิดังน้ี
3.1 อยาไวใ จคนแปลกหนาเปน อนั ขาด เพราะยังไมรูจักนิสัยใจคอเขาดีพอ ถา
หลงเชื่ออาจถูกเขาหลอกได โดยเฉพาะถาพบกันในสถานบันเทิงเริงรมยเขาอาจจะมองเราวาเปน
ผหู ญิงท่รี กั สนกุ คงจะมีเพศสมั พนั ธดว ยไมยาก
3.2 ไมควรเดินทางไปในท่ีเปล่ียวยามค่ําคืน เพราะมีผูหญิงถูกคนรายลักพาตัว
ไปขม ขนื มาหลายรายจนนับไมถ วนแลวในสถานการณเ ชน นี้
3.3 อยา เชอื่ คนท่รี จู กั กนั ทางอนิ เทอรเนต็ ถงึ แมจะคยุ กันจนเหมอื นรูจักกันดีแลวก็
ตาม เพราะยงั ไมเคยเหน็ หนา กัน ก็ยังคงเปนคนแปลกหนา อยูด ี หญงิ สาวหลายรายที่ถูกคนทรี่ ูจักกันทาง
อนิ เทอรเนต็ หลอกไปขมขนื บางรายมกี ารถายรูปไวเ พอื่ ขมขแู ละตอ รองเร่อื งอืน่ ๆอกี ดวย
4. ในกรณีเม่อื อยกู ับพอเล้ียงหรือญาติ ผูห ญงิ ทีถ่ ูกคนใกลชดิ ในครอบครวั ขม ขืนนั้น
มมี าก และมักไมย อมบอกใคร บางรายถกู ขมขืนมานานนับป บางคร้ังเกดิ การต้ังครรภ เพราะคนใน
ครอบครวั นัน้ ใกลช ิดเห็นกนั อยูทุกวันหรือพบกันบอย ไวใจกันมาก ในเร่ืองน้ีผูหญิงควรปฏิบัติตน
ดังน้ี
4.1 ใหสังเกตการณสัมผัสของบุคคลเหลานั้นวา สัมผัสดวยความเอ็นดูแบบ
ลกู หลานหรอื แบบชูสาว ถา มกี ารสมั ผสั นาน ลูบคลํา จับตองของสงวน ตองระมัดระวงั อยา เขาใกล
4.2 ควรนอนในหอ งทีม่ ดิ ชิดใสก ลอนหรือลอ็ คกุญแจใหเรียบรอ ย
4.3 ถา บุคคลเหลาน้ันมนึ เมาอยาไวใจ เพราะทําใหขาดสติ และกระทําในส่ิงท่ี
ไมคาดคดิ ได
4.4 การแตง ตัวอยูบา น การอาบนํา้ ตอ งกระทาํ อยา งมิดชิด อยาเปดเผยเรือนราง
มากนกั เพราะอาจเปน การยัว่ ยุอารมณทางเพศแกบคุ คลเหลา นัน้ ได
64
4.5 ถาถกู บคุ คลเหลา น้ันลวนลามควรบอกใหค นในบา นทราบ หรือรองตะโกน
ใหผูอืน่ ชว ยเหลือ ไมต องอายเพราะเขาทาํ ไมถูกตอง
ขอควรคดิ เก่ียวกบั การมเี พศสมั พันธ
มีผูหญิงบางคนท่ีคิดวาการมีเพศสัมพันธเปนเร่ืองปกติไมใชเร่ืองผิด ไมรับรูถึง
ขนบธรรมเนยี มและวฒั นธรรมไทย จงึ ควรตรวจสอบตนเองวา มคี วามรบั ผิดชอบตอตนเองและสังคม
เพียงใด โดยตอบคาํ ถามเหลานใ้ี หไ ดเสียกอนทจ่ี ะคิดมีเพศสัมพันธ
1. ถายินยอมมเี พศสัมพนั ธ เราจะยอมรับกับผลท่ีจะตามมาไดเพียงใด เชน คําครหา
ของคนในสงั คม ความกลวั คนอนื่ จะลวงรู การตัง้ ครรภ การถูกผชู ายทิ้งหลังจากไดเสียกันแลว การ
เสียความบรสิ ทุ ธไ์ิ ปแลวผูช ายคนน้ีคอื คนทีจ่ ะเปนคชู วี ิตของเราหรือไม เปนตน
2. เมื่อเรายังไมพรอมท่ีจะมีลูกจะปองกันตนเองอยางไร รูวิธีปองกันการต้ังครรภ
เพียงใด เมอ่ื ปอ งกันแลว จะผิดพลาดไดห รือไม ถา พลาดมลี ูกขึน้ มาจะทําอยางไร ผูชายจะรับผิดชอบ
หรอื ไม ตนเองไมอบั อายคนอืน่ ๆ หรือถา จะตอ งไปทําแทง การทําแทง มอี ันตรายเพียงใด
3. การตง้ั ครรภท ีไ่ มพงึ ประสงคในวยั รุน
การต้ังครรภท ไี่ มพงึ ประสงคในวัยรุน หมายถึง การตั้งครรภท่ีเกิดขึ้นในวัยรุนเพศ
หญงิ ซ่งึ เปนผลสืบเนื่องมาจากการมเี พศสมั พนั ธท เี่ กิดขน้ึ โดยไมไ ดตัง้ ใจ โดยอาจมีสาเหตสุ าํ คญั มาจาก
พฤติกรรมทางเพศทไ่ี มเหมาะสมของวยั รนุ หรอื อาจเกดิ จากการถกู ขมขืนกระทําชําเรา
3.1 ปญหาและผลกระทบของการตั้งครรภที่ไมพ งึ ประสงคใ นวยั รุน
ปญ หาการตงั้ ครรภทีไ่ มพ งึ ประสงคผ ลกระทบทสี่ ําคัญ ดงั น้ี
1) สง ผลกระทบตอ วยั รนุ ทตี่ ัง้ ครรภโดยไมพึงประสงคโดยตรง ซ่ึงผลกระทบ
ดังกลาวสรา งปญหาท่ตี ิดตามมา เปนตนวา
ปญหาทางดานจิตใจและอารมณ วัยรุนท่ีมีปญ หาการตั้งครรภท่ไี มพงึ ประสงค
มกั มคี วามรสู ึกวาตนเองทําผิด เกิดความละอายใจ และมีความคิดวาไมมีใครรักใครตองการอีก ซึ่ง
บางคนอาจแสดงพฤติกรรมทางเพศที่ไมเหมาะสมและรุนแรงข้ึน หรือบางคนอาจไมแสดงออกและ
มกั เกบ็ กดอยากทาํ ลายชีวิตตนเอง ฯลฯ ซงึ่ ภาวะทางจิตใจและอารมณของวัยรุนที่ต้ังครรภโดยไมพึง
ประสงคน ้ีจะมมี ากหรอื นอ ยข้ึนอยูกบั การยอมรับและความเขาใจของคนในครอบครัว ถาครอบครัว
ยอมรบั เขา ใจ และใหอภัย ปญหาทางดา นจติ ใจและอารมณก ็จะลดนอ ยลงได
ปญหาทางดานสุขภาพ ปญ หาท่ีมักพบ คอื ปญ หาโรคเอดสแ ละโรคติดตอ
ทางเพศสัมพันธ การมีเพศสัมพันธโดยไมไดมีการปองกันและคุมกําเนิดยอมมีโอกาสใหวัยรุนเพศ
หญิงไดร บั เชอ้ื เอดส หรอื โรคติดตอ ทางเพศสัมพนั ธจ ากฝา ยชายในอตั ราเสี่ยงที่สูง ปญหาทางทําแทง
65
ซงึ่ มกั จะสงผลกระทบตอผูทาํ แทง ไดโ ดยเปน อันตรายตอชีวิต ซึ่งมักเกิดจากการตกเลือดหรือการติด
เช้อื อยางรนุ แรง นอกจากนน้ั ยังเปน อปุ สรรคตอ การมีบุตรในอนาคต แมก ารทําแทงจะผานพน ไป แต
การทําแทงอาจทําใหเ กดิ การอกั เสบเร้อื รงั ในโพรงมดลกู และทอ มดลูก เปนผลใหโพรงมดลูกและทอ
มดลูกตบี ตนั มดลกู ทะลหุ รืออักเสบอยางรุนแรงเพราะเคร่อื งมอื ทาํ แทง ทาํ ใหบางคนตองตัดมดลกู ทิ้ง
หรือการขยายปากมดลูกขณะทําแทงทําให ปากมดลูกฉีกขาด หูรูดของปากมดลูกหลวม เกิด
ภาวการณแทงบุตรไดงาย และยังสงผลใหมีปญหาสุขภาพที่ตอเนื่อง โดยเฉพาะมักจะพบวามีการ
อักเสบเรอื้ รงั ในชองเชงิ กราน
2) สง ผลกระทบตอครอบครัวของวัยรุนท่ีตั้งครรภโดยไมพึงประสงค มัก
พบเสมอวาเม่อื วยั รุนเพศหญงิ ตงั้ ครรภโดยไมพึงประสงคขึ้น วัยรุนของเพศชายมักจะไมแสดงความ
รับผิดชอบตอส่ิงที่เกิดขึ้นภาระความผิดชอบจึงตกเปนของฝายหญิงและครอบครัวเพียงฝายเดียว ถา
ครอบครวั ฝายหญิงมคี วามเขา ใจและใหอภัยตอความผิดพลาดที่เกิดข้ึน และครอบครัวยังพรอมท่ีจะ
รวมแกปญหาการเลีย้ งดเู ด็กทีจ่ ะเกิดขน้ึ ได ก็จะชว ยลดปญ หาทางดา นอารมณแ ละจิตใจของวัยรุนเพศ
หญิงลงได แตในทางตรงขาม หากครอบครัวของวัยรุนเพศหญิงไมสามารถยอมรับปญหาที่เกิดข้ึน
ดงั กลาวกอ็ าจสงผลใหเกดิ ปญหาตา ง ๆ ตามมาได
3) สงผลกระทบตอสังคมและประเทศชาติ การตั้งครรภท่ีไมพึงประสงคของ
วัยรนุ ทําใหเ กิดปญ หาทางสงั คมตาง ๆ ตามมาดังทีไ่ ดกลาวมาแลว นอกจากนี้ ประเทศชาตติ อ งสญู เสีย
งบประมาณบางสวนท่ีตองนาํ มาใชเพอื่ การบาํ บัดรักษา ดูแลสุขภาพของวัยรนุ เพศหญิงท่ตี ง้ั ครรภโดยไม
พึงประสงค ตองจัดงบประมาณในการเลีย้ งดปู ระชากรสวนหนง่ึ ท่ีเกดิ จากผลพวงของปญหาดงั กลา ว
3.2 การปองกันการตง้ั ครรภท ไ่ี มพ ึงประสงคใ นวัยรนุ
การปองกันมีแนวทางในการปฏิบัติ ดงั น้ี
1) ตองรูจักหลีกเล่ียงสถานการณที่เอื้ออํานวยใหเกิดการมีเพศสัมพันธ มัก
พบวาการมีเพศสมั พันธท ไี่ มไ ดตัง้ ใจของวัยรุนมักจะเกิดจากสถานการณหรือบรรยากาศที่เอื้อใหเกิด
โอกาสตอการมีเพศสมั พนั ธ เชน การอยูตามลําพังสองตอสองในท่ีลับตาคน หรือการเขารวมในกิจกรรม
พบปะสงั สรรคทมี่ ีการดมื่ เคร่ืองผสมแอลกอฮอล เปน ตน
2) ตองรูจักใชทักษะในการปฏิเสธเพื่อแกไขสถานการณเสี่ยงตอการมี
เพศสมั พนั ธ วิธกี ารหลกี เล่ยี งและแกไขสถานการณด งั กลาว ฝา ยหญงิ ตองนาํ ทกั ษะการปฏิเสธไปใช ซ่ึง
การปฏเิ สธของฝายหญิงจะเปน สญั ญาณเตือนใหฝายชายหยุดแสดงพฤติกรรมทางเพศท่ีไมเหมาะสม
ออกมา แนวทางในการใชค าํ พดู ทเี่ ปน ทกั ษะของการปฏิเสธ มหี ลายขอ ความ เชน “หยุดนะ อยาทํา
แบบน”ี้ ฉนั ไมช อบหยดุ นะ” “อยา นะ ฉันจะตะโกนใหล ั่นเลย” “คุณไมมีสิทธิ์ท่ีจะทําแบบนี้” และ
อื่น ๆ ตามความเหมาะสมซงึ่ คาํ พูดท่เี ปน ทักษะในการปฏิเสธมกั จะมีคําวา “ไม” “อยา ” หรือ “หยดุ ”
66
3) ตองรจู ักใหเ กยี รตซิ ึ่งกันและกัน การท่ีฝายหญิงและฝายชายนําหลักความ
เสมอภาคทางเพศ และการวางตวั ทเ่ี หมาะสมตอเพศตรงขามมาใช ถือวาเปนการใหเกียรติซ่ึงกันและ
กนั ซ่ึงจะชว ยปองกันอารมณในขณะพบปะพูดคยุ กันไมใหพ ัฒนาไปสคู วามตองการทางเพศได
4) ตองระมดั ระวังในเรื่องการแตงกาย ปจจบุ ันรปู แบบการแตงกายของวัยรุน
โดยเฉพาะวัยรุน เพศหญงิ มักนยิ มสวมเสอื้ ผา ทร่ี ัดรปู หรอื นอ ยช้ืนเกินไป ซ่ึงการแตงกายดังกลาวจะทํา
ใหเห็นรูปรางสัดสวนชัดเจนขึ้น การแตงกายในลักษณะดังกลาวจะสงผลเราใหเพศตรงขามเกิด
อารมณและขาดความ
ย้งั คดิ อาจนาํ ไปสกู ารแสดงพฤติกรรมการลวงละเมิดทางเพศท่ีเปนอันตราย จนถึงการตั้งครรภท่ีไม
พงึ ประสงคใ นเพศหญงิ ได
5) ควรหลกี เลยี่ งการเดนิ ทางตามลาํ พังในยามวกิ าลหรือในเสนทางที่เปล่ียว
จากสถติ ิของวยั รุนเพศหญิงพบวา อันตรายที่ไดรับจากการถูกขมขืนมักเกิดขึ้นในยามวิกาลหรือใน
เสนทางที่เปล่ียวผูคนสัญจรนอย ดังน้ัน วิธีการปองกันท่ีดีที่สุดหากจําเปนจะตองเดินทางใน
สถานการณดังกลา ว ควรจะมีเพอ่ื นหรือญาตริ ว มเดนิ ทางไปดว ยเพ่อื ปองกันอนั ตรายทอี่ าจเกิดข้นึ
4. ความรูเบ้ืองตองเกีย่ วกบั กฎหมายคมุ ครองสทิ ธผิ ถู กู ลวงละเมดิ ทางเพศ
กฎหมายไดร ะบฐุ านความผิดเก่ียวกับการถกู ลวงละเมดิ ทางเพศไว 2 ลกั ษณะ ดังนี้
4.1 ความผิดฐานขมขนื กระทาํ ชําเรา
ผูท่ีขมขืนกระทําชําเราเด็กหญิงอายุไมเกิน 15 ป ซึ่งมิใชภรรยาตน โดย
เด็กหญิงนั้นจะยนิ ยอมหรอื ไมก ็ตาม ตองระวางโทษจาํ คกุ ตัง้ แต 4-20 ป และปรบั ตั้งแต 8,000-40,000
บาท (ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 วรรคหน่งึ )
ถาการกระทําความผิดตามวรรคแรก เปนการกระทําแกเด็กหญิงอายุไมเกิน
13 ป ตองระวางโทษจําคกุ ตัง้ แต 7 ป ถงึ 20 ป และปรับต้ังแต 14,000-40,000 บาท หรือจําคุกตลอด
ชวี ติ (ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 วรรคสอง)
ถาการกระทําผิดตามวรรคแรกหรือวรรคสอง ไดกระทําโดยรวมกระทํา
ความผิดดว ยกนั อนั มลี กั ษณะเปนการโทรมเด็กหญิง (คือรวมกันกระทําความผิดต้ังแต 2 คนข้ึนไป) โดย
เด็กหญิงนนั้ ไมยินยอม หรือไดกระทําโดยมีอาวุธ เชน อาวุธปน หรือวัตถุระเบิด หรือโดยการใช
อาวุธอ่ืน ๆ ตองระวางโทษจาํ คกุ ตลอดชวี ิต (ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 วรรคสาม)
แตม ขี อยกเวน คอื ถา การกระทาํ ดงั กลาวขางตนเปนการกระทําที่ชายกระทํา
กบั เดก็ หญงิ อายมุ ากกวา 13 ป แตไ มเกิน 15 ป โดยเด็กหญิงน้ันยินยอม และภายหลังศาลอนุญาตให
สมรสกัน ผูกระทําผดิ ไมตองรบั โทษ และถาศาลอนุญาตใหสมรสกันในระหวางท่ีผูกระทําผิดกําลัง
67
รับโทษในความผดิ นัน้ อยู ศาลตอ งสงั่ ปลอยผูกระทําความผิดน้ันไป (ประมวลกฎหมายอาญามาตรา
277 วรรคสี่)
ถาเปนการกระทาํ ชําเราเด็กหญงิ อายยุ ังไมเกิน 15 ป ซึ่งมิใชภรรยาของตน โดย
เด็กหญิงนั้นจะยินยอมหรือไมก็ตาม หรือเปนการกระทําแกเด็กอายุไมกิน 13 ป แลวเปนเหตุให
เดก็ หญงิ ไดร บั อนั ตรายสาหัส เชน ไดรับบาดเจ็บสาหสั ผูกระทําตองระวางโทษต้งั แต 15 ป ถึง 20 ป
และปรับต้งั แต 30,000-40,000 บาท หรือจาํ คุกตลอดชีวิต (ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 ทวิ (1) )
และหากเดก็ นั้นถึงแกค วามตาย ผูก ระทําตองระวางโทษประหารชีวติ หรือจําคกุ ตลอดชวี ิต (ประมวล
กฎหมายอาญามาตรา 277 ทวิ (2) )
หากการกระทาํ ชาํ เราเด็กหญิงอายุยังไมเกิน 3 ป หรือการกระทําแกเด็กหญิง
อายุยงั ไมเกนิ 15 ป ดังกลาวขางตน ไดรวมกระทําความผิดดวยกันอันมีลักษณะเปนการโทรมหญิง
หรอื กระทําโดยมอี าวธุ ปน หรอื วัตถุระเบิดหรือโดยการใชอาวุธ และเปนเหตุใหเด็กหญิงผูถูกระทํา
ไดร บั อันตรายสาหสั ผกู ระทาํ ตอ งระวางโทษประหารชวี ิต หรอื จาํ คกุ ตลอดชวี ิต และหากเด็กหญิงที่
ถกู กระทําถึงแกความตาย ผกู ระทําตองไดรับโทษประหารชีวิต และหากเด็กหญิงที่ถูกกระทําถึงแก
ความตาย ผูกระทําตอ งไดร ับโทษประหารชีวิต (ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 ตรี)
4.2 ความผดิ ฐานกระทําอนาจารตอเด็ก
ผทู ีก่ ระทําอนาจารแกบุคคลอายุตํา่ กวา 15 ป โดยขเู ข็ญดวยประการใด ๆ โดย
ใชก าํ ลงั ประทุษราย โดยบคุ คลนัน้ อยใู นภาวะท่ีไมสามารถขัดขืนได หรือโดยทําใหบุคคลน้ันเขาใจ
ผดิ วาตนเปนบคุ คลอื่นตอ งระวางโทษจําคุกไมเ กนิ 10 ป หรือปรับไมเกิน 20,000 บาท หรือทั้งจําทั้ง
ปรบั (ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 279 วรรคหน่งึ )
ถา การกระทาํ อนาจารนนั้ กระทาํ ตอ เดก็ อายุไมเกนิ 15 ป และผกู ระทําผดิ ได
กระทําโดยการขูเขญ็ ดว ยประการใด ๆ โดยใชกาํ ลังประทุษราย โดยบุคคลนน้ั อยูใ นภาวะทไ่ี มสามารถ
ขัดขืนได หรอื โดยทําใหบ ุคคลน้นั เขา ใจผิดวาตนเปนบุคคลอ่ืน มีโทษหนักคือ ผูกระทําตองระวาง
โทษจําคุกไมเกิน 15 ป หรือปรับไมเกิน 30,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ (ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 279 วรรคสอง) หากการกระทําดังกลาวขางตน เปนเหตุใหผูถูกกระทําไดรับอันตรายสาหัส
ผูกระทาํ อนาจารตองระวางโทษจําคุกตั้งแต 5 ป ถึง 20 ป และปรับตั้งแต 10,000-40,000 บาท และ
หากผูถูกกระทําถงึ แกความตาย ผกู ระทาํ ตองระวางโทษประหารชีวิต หรือจําคุกตลอดชีวิต (ประมวล
กฎหมายอาญามาตรา 280)
การขม ขนื กระทําชาํ เราผเู ยาว และการกระทําอนาจารแกเ ด็กอายุไมเกิน 15 ป
โดยเด็กน้นั จะยนิ ยอมหรือไมกต็ าม เปนความผดิ อาญาแผนดนิ ไมสามารถยอมความกันได
68
แตถาเปนการขมขืนกระทําชําเราหญิงท่ีมิใชภรรยาตน โดยเด็กหญิงน้ัน
ไมใ ชผ เู ยาว และการกระทาํ อนาจารแกบ ุคคลอายตุ ํ่ากวา 15 ป ท้ังสองกรณีนี้ ถามิไดกระทําตอหนา
ธารกํานลั คอื ในท่เี ปด เผย
และไมเ ปน สาเหตใุ หผ ถู ูกกระทําไดรับอันตรายสาหสั หรือถึงแกความตาย หรือมิไดเ ปน การกระทําแก
ผูส ืบสันดาน คอื ลูก หลาน เหลนของตนเอง มใิ ชเ ปน การกระทําตอ ศิษยซ่ึงอยใู นความดูแล มิใชเปน
การกระทําตอผูอ ยใู นความควบคุมตามหนาท่รี าชการ หรือมใิ ชเ ปนการกระทําตอผูอยูในความพิทักษ
หรอื ในความอนุบาล กรณีทั้งหมดที่กลาวมาเปนความผิดอันยอมความได คือเปนกรณีท่ีผูเสียหาย
หรือผูถกู กระทาํ และผกู ระทําความผิดตกลงหรือสมัครใจไมเอาความตอกัน ก็เปนอันเลิกแลวตอกัน
(ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 281)
กจิ กรรม
1. สรีระรา งกายทีเ่ กยี่ วขอ งกับการสบื พันธขุ องเพศหญิงและเพศชาย มีอะไรบา ง จงอธบิ ายพอสังเขป
เพศหญิง________________________________________________________________
______________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________
เพศชาย________________________________________________________________
______________________________________________________________________________
_____________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________
2. เขียนสรปุ เก่ียวกับการเปลย่ี นแปลงเพ่ือเขา สูว ัยหนมุ สาว
เพศหญิง________________________________________________________________
______________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________
69
______________________________________________________________________________
เพศชาย________________________________________________________________
______________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________
3. วธิ ีการหลีกเลี่ยงพฤตกิ รรมทีน่ ําไปสูก ารมีเพศสัมพนั ธก อนวัยอนั ควรมีอะไรบาง
______________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________
______________________________________________________________________________
เรอ่ื งที่ 4 สุขภาพทางเพศ
“ความสุข”เปน สิง่ ทม่ี นุษยทกุ คนตอ งการไมเ คยถูกจํากดั ดว ยเพศ วัย ชนชาติ
“สขุ ภาวะทางเพศ”กเ็ ปนเร่ืองท่ที กุ คนลวนตอ งการเชน กัน
แผนงานสรางเสริมภาวะทางเพศ โดยสํานักงานกองทุนสนับสนุนการสรางเสริมสุขภาพ
(สส.)และมูลนธิ สิ รา งความเขาใจเร่ืองสุขภาพผูหญิง (สคส.)ไดดําเนินงานผลักดันวาระการสรางสุข
ภาวะทางเพศขน้ึ อยา งตอ เนอื่ ง เพราะสขุ ภาวะทางเพศไมไ ดมีความหมายแคบๆแคเรื่องเพศสัมพันธแต
มีความหมายลึกซึง้ และมติ ทิ ่ีกวา งกวา นนั้
เร่ืองเพศจึงไมใชแคเรื่องของเนื้อตัวรางกายแตยังหมายถึงความรับผิดชอบการดูแลสุขภาพ
รางกายการสรางความสัมพันธท่ีดีระหวางกันการเคารพสิทธิกันและกันและความเทาเทียม เพราะ
สงั คมน้นั มีความหลากหลายทางเพศมากวา แคห ญงิ หรือชาย
ผทู ม่ี สี ขุ ภาวะทางเพศทดี่ ีกจ็ ะปฏิบตั ติ อคนทีม่ ีวถิ ที างเพศแตกตางจากตัวเองดวยความเคารพไม
วา จะเปน สาวประเภทสองหรือหญิงรักหญิงชายรักชาย หรือผูที่รักสองเพศและยังปฏิบัติกับเพ่ือคูรัก
หรือชายทสี่ ําคัญคือมคี วามรับผิดชอบตอสงั คมและตนเองในเรอื่ งการมเี พศสมั พันธท ่ีปลอดภัย
สงั คมจาํ เปนตอ งลบความคิดทางลบวาเรอื่ งเพศเปนเร่ืองเพศเปนเร่ืองสกปรก อันตรายที่ตอง
หลกี ใหห า งแตความจริงเราจําเปนตอ งศึกษาเรียนรูใ หเขา ใจเพราะเรอื่ งเพศเปน สิ่งท่สี ามารถแสดงออก
อยา งอสิ ระมคี วามสุขบนพน้ื ฐานของความปลอดภัยเพ่ือดาํ เนนิ ชีวติ ไดอ ยา งเปน สขุ
70
แผนงานสรางเสริมสขุ ภาวะทางเพศไดจ ดั ทําความรสู ขุ ภาวะทางเพศในแตละชวงวัยไวเพราะ
แตล ะชวงวยั ก็จะมคี วามสนใจและความตองการตา งกนั
ในวยั เดก็ เปนชว งเวลาแหงการสรางพื้นฐานสขุ ภาวะทางเพศท่ีดไี ด เดก็ เล็ก อายุ 5-8 ป เร่ิมรับรู
ไดถึงบทบาททางเพศวาสงั คมสรางใหห ญงิ ชายมคี วามแตกตางกัน ดว ยกจิ กรรม ดวยการกําหนดกรอบ
กฎเกณฑตา งๆทีช่ ายทําได หญิงทาํ ไมไ ด หญงิ ทาํ ได ชายทําไมได ซง่ึ ขัดขวางพัฒนาการและสรา งความ
เขาใจผิดๆใหเ ด็ก
วนั แรกรนุ อายุ 9-12 เปนชวงวยั ท่ีตองเตรียมความพรอมเพ่ือกาวเขาสูวัยรุน ซ่ึงชวงนี้เปนวัย
แหง การเปลย่ี นแปลงการไดร ับขอ มลู ทถี่ ูกตองและพรอมใช จึงเปน สิง่ ท่ีทาํ ใหเด็กมภี มู คิ ุมกันที่จะเขาสู
วัยรุนไดอยางสวยงามจําเปนตองเขาใจและอธิบายถึงการเปลี่ยนแปลงนั้นและเปดโอกาสใหเด็ก
รับผิดชอบในครอบครัวใหเ ดก็ ไดตัดสินใจดว ยตัวเองและรบั ผิดชอบผลทจี่ ะตามมาไมใ ชตดั สนิ ใจแทน
ทุกอยา ง
เดก็ วัยนี่เริม่ จะมกี ารเปลย่ี นแปลงทางอารมณ และความรูสึกทางเพศ ไมใชเร่ืองผิดแตการให
ขอ มูลและความรทู ่ีถูกตอ งเปนส่งิ จาํ เปน การตอบคาํ ถามแบบตรงไปตรงมา เปดโอกาสใหเดก็ ไดเ รียนรู
ในสงิ่ ท่ีเหมาะท่คี วรเปนเรื่องทค่ี วรสงเสรมิ
เมอื่ กาวเขา สวู ยั รุน ชว งอายุ 13-18 ป ชวงแหงการเปล่ยี นแปลงในทุก ๆ ดาน จําเปนตองไดรับ
ขอมลู เรื่องเพศอยา งถูกตองและรอบดาน เพอ่ื ใหเทาทันการเปล่ียนแปลงของตัวเอง ท้ังดานกายใจและ
อารมณ
จาํ เปน ตอ งสรา งทกั ษะของเพศสัมพนั ธทีป่ ลอดภยั รว มไปกับความรับผิดชอบเพ่ือใหสามารถ
แยกแยะไดว าเซก็ สไ มใชแ คเ รื่องสนกุ แตมีผลที่จะตามมาอกี มากมาย การใหความรูอยางตรงไปตรงมา
ไมทาํ ใหเร่ืองเซก็ สเ ปนความผิด ละอาย ทาํ ใหเ กิดเพศสมั พันธทป่ี ลอดภยั และมีความรบั ผิดชอบขึ้นได
ผูใหญจําเปนตองเขาใจกระบวนการเรียนรูของมนุษยวาตองใชเวลาในการสั่งสมความรู
ประสบการณความภูมิใจในตัวเองจึงสามารถมีเพศสัมพันธท่ีมีความสัมพันธที่มีความปลอดภัยและ
เปนสขุ ได “การใหข อ มูลไมไดเ ปน การชโ้ี พรงใหกระรอก แตเปนการสรางความเขาใจและทักษะใน
ชวี ิตใหเ ด็กสามารถเติบโตเปนผูใ หญท่ีเขาใจและมีความรับผิดชอบได
วิธีการปฏิบตั เิ พอื่ การมีสขุ ภาพทางเพศทดี่ ี ควรคาํ นึงถึง
การมีเพศสมั พันธท ปี่ ลอดภัย โดยไมเปล่ียนคูหรือมีเพศสัมพันธกับบุคคลท่ีไมใชสามีภรรยา
ของตน ถาคิดจะมีเพศสัมพันธกับบุคคลท่ีไมใชคูของตนควรปองกันความไมปลอดภัยท่ีอาจเกิดขึ้น
โดยใชถงุ ยางอนามยั
เนนการรักษาความสะอาดสวนบคุ คล เมือ่ มเี พศสัมพันธแลวควรตองรีบทําความสะอาดสวน
บคุ คลไมหมักหมม เพราะจะทําใหเกดิ เชอ้ื โรคซง่ึ เปนตน เหตุของอาการคนั จนลกุ ลามเปนโรคท่อี วัยวะ
เพศได
71
ควรมีเพศสัมพันธแ บบธรรมชาติ ไมผิดธรรมชาติของคนปกติ เชน การใชว ัตถุแปลกปลอมใน
การรวมเพศ การรวมเพศโดยใชวตั ถเุ ลยี นแบบธรรมชาตเิ ชน ตกุ ตายาง ใหคํานงึ ถึงความปลอดภยั
การคมุ กําเนดิ
เปน สวนหน่งึ ของการวางแผนครอบครวั ในเร่อื งระยะที่พรอมจะมบี ุตรเม่อื ใดคํานวณบตุ รทจี่ ะ
มีก่ีคน หรือระยะหางของการมีบุตรเวนนานเทาใด ท้ังน้ีเพ่ือใหเหมาะสมกับความพรอมและความ
ตอ งการของคูส มรส การคุมกําเนิดเปน วธิ กี ารปฏบิ ัตเิ พ่ือปอ งกันการต้ังครรภ
การวางแผนครอบครัวและการคมุ กําเนดิ
การวางแผนครอบครัวและการคุมกําเนิด (Family Planning and Birth Control) คือการที่ คู
สมรสวางแผนในเรื่องการมีบุตรวาจะมีบุตรเมื่อใด จะมีบุตรกี่คน แตละคนจะเวนนานเทาใดท้ังน้ี
เพ่ือใหเหมาะสมกบั ความพรอมและความตองการของคสู มรส สว นการคุมกําเนิดน้ันเปนวิธีการเพื่อมิ
ใหเกดิ การตง้ั ครรภซ ึง่ มีอยหู ลายวธิ ี
1.การใชถงุ ยางอนามัย (Condom) ถุงยางอนามยั มลี ักษณะเปนถุงท่ที าํ ดวยยางบางๆยดื ได ใช
สวมอวยั วะเพศชายขณะทีแ่ ขง็ ตัวพรอ มท่จี ะรวมเพศ การใชถ ุงยางอนามัยเปนการปอ งกนั ไมใ หต วั อสจุ ิ
เขาไปในโพรงมดลกู ผสมกบั ไขข องฝา ยหญิงได เพราะถูกถงุ ยางปองกนั ไว ตวั อสจุ แิ ละนํ้าอสุจจิ ะอยู
ในถงุ ยางอนามยั เมอื่ ใชเสร็จแลว จะถอดออกใหใ ชกระดาษชําระจบั ขอบถุงยางใหก ระชบั อวัยวะเพศ
กอ นแลว จึงถอดถุงยางออกแลวนําไปทิง้ ถังขยะมกี ารผลิตถงุ ยางอนามัยสําหรับผหู ญิงใชเ หมอื นกนั
ขนาดใหญก วา ถุงยางอนามยั ที่ผูชายใชแตไ มคอ ยไดร บั ความนยิ ม
2.การรับประทานยาเม็ดคุมกําเนิด(Contraceptive Pill) ยาเม็ดคุมกําเนิดจะประกอบดวย
ฮอรโ มนสังเคราะห 2 ชนิด คือ เอสโตรเจน โพรเจสเทอโรน ซึ่งจะออกฤทธ์ิคลายกับฮอรโมนที่มีอยู
ตามธรรมชาตใิ นรา งกายของผหู ญิง และสรา งกลไกตา งๆ ในรา งกายเพือ่ ที่จะปองกันการตั้งครรภดวย
การปองกันไมใ หไขสกุ และยบั ยง้ั การตกไข ตลอดจนทําใหม ูกบริเวณ ปากมดลกู เหนียวขนจนตวั อสุจิ
จะผานเขาสูโพรงมดลูกไดยาก แตถากลไกทั้ง 2 ประการน้ีไมไดผล มันจะเปล่ียนแปลงเยื่อบุโพรง
มดลกู ไมใ หเ หมาะสมสําหรับการฝงตัวของไขท่ีถูกผสมแลว ยาเม็ดคุมกําเนิดที่ใชอยูทั่วไปมี 3 แบบ
คือ
2.1 แบบ 21 เมด็ ยาเม็ดในแผงจะประกอบดว ยฮอรโ มนทัง้ หมด การเร่มิ รบั ประทานยาเม็ดแรก
ใหเรม่ิ ตรงกับวันของสปั ดาหทร่ี ะบแุ ผงยา เชน ประจําเดือนมาวันแรกคือวันศุกรก็เร่ิมกินที่ “ศ” หรือ
วนั ศุกร โดยรับประทานวันละ 1 เมด็ เปน ประจําทุกวนั ตามลูกศรชจี้ นหมดแผง หลังจากน้ันใหหยุดใช
ยา 7 วนั เมือ่ หยุดยาไปประมาณ 2-3 วนั ก็จะมเี ลอื ดประจาํ เดือนมาและเมอ่ื หยุดจนครบ 7 วันแลวไมวา
เลือดประจาํ เดือนจะหมดหรือไมก ต็ ามใหเรมิ่ แผงใหมทันที
72
2.2 แบบ 28 เมด็ ยาเมด็ ในแผงหน่ึงจะประกอบดว ยฮอรโมน 21 เม็ด และสวนทีไ่ มใชฮ อรโ มน
อีก 7 เม็ด ซึ่งมักจะมีขนาดเล็กหรือใหญกวา 21 เม็ดแรก การเริ่มรับประทานยาแผงแรกใหเร่ิม
รบั ประทานยาในวันแรกทป่ี ระจําเดอื นมา โดยรับประทานยาเม็ดแรกในสวนทรี่ ะบุวาเปนจุดเร่ิมตน 1
แลวรับประทานทุกวนั ตามลกู ศรชจ้ี นหมดแผง โดยเมื่อรบั ประทานหมดแผงแลว ใหรบั ประทานยาแผง
ใหมตอไปเลยทันทีไมวาประจําเดือนจะหมดหรือยังก็ตาม วิธีรับประทานแบบ 28 เม็ดจะคอนขาง
สะดวกกวาแบบ 21 เมด็ ที่ไมตอ จดจําวนั ท่ตี องหยุดยา
ถา ลมื รับประทาน 1 เมด็ ใหร ับประทานทนั ทีเมื่อนึกได และรับประทานเม็ดตอ ไปเวลาเดิม ถา
ลืมรับประทาน 2 เมด็ ใหร ับประทานยาวนั ละ 2 เม็ด ติดตอกันไปเปนเวลา 2 วันโดยแบงรับประทาน
ตอนเชา 1 เม็ด ตอนเยน็ 1 เมด็ และใชว ธิ กี ารคมุ กาํ เนิดแบบอ่นื รวมดวย เชนใชถ งุ ยางอนามัยเปนเวลา 7
วัน ถา ลมื รับประทาน 3 เม็ดขึน้ ไป ควรหยุดยาและรอใหเ ลือดประจําเดือนมากอ นแลวคอยเริ่มแผงใหม
และใชวิธีการคมุ กาํ เนิดแบบอนื่ รวมดว ย
2.3 แบบรบั ประทานหลังรว มเพศภายใน 24 ชั่วโมง แตเดือนหน่งึ ไมควรใชเกิน4 ครั้ง ยาน้ีใช
กนิ ทันทหี รอื ภายใน 24 ช่วั โมงหลงั รวมเพศ และควรกนิ ยาอีกหน่ึงเม็ดในเวลา 12 ชว งโมงตอ มายาเม็ด
นี้มกั มปี ริมาณของฮอรโมนเอสโตรเจน (Estrogen) สูง การใชยาชนิดนี้ใหผลเสียมากกวาผลดี พบวา
เปน อาการขา งเคยี ง คือ คล่นื ไส อาเจียน มีเลอื ดออกมากกวา ปกติ และทําใหทอ นําไขเ คลื่อนไหวชา อนั
เปนเหตุทาํ ใหเ กิดทอ งนอกมดลูกได
3.การฝงยาเม็ดคุมกําเนดิ ใตผวิ หนงั ยาประเภทน้ีมีสวนประกอบของเอสโตรเจนสูงมีฤทธ์ิทํา
ใหไขทีผสมแลวไมสามารถฝงตัวไดในผนังมดลูก เปนยาเม็ดคุมกําเนิดชนิดฝงไวใตผิวหนังบริเวณ
ดานใตท อ งแขนของฝา ยหญงิ มีลกั ษณะเปนแคปซูลเลก็ ๆ 6 อัน ยาจะซมึ จากแคปซลู เขาสูรางกายอยาง
สม่ําเสมอ สามารถคุมกําเนิดไดนานถึง 5 ป ตัวยาที่ใสในแคปซูลเปนชนิดเดียวกับ ยาเม็ดคุมกําเนิด
แบบ 21 เมด็
4.การใสหวงอนามัย (Iucd :: Intra Uterine Contraceptive Device) ใชโดยการใสหวง
อนามัยไวในโพรงมดลูก ซึ่งแพทยจะเปนผูใสหวงให สามารถคุมกําเนิดได 3-5 ป แลวจึงมาเปล่ียน
ใหมแตก ม็ บี างชนิดที่ตองเปล่ียนทุกๆ 2 ป วิธีน้ีไมเ หมาะสําหรบั ผูหญงิ ท่ียงั ไมเ คยมบี ตุ ร
5.การฉีดยาคมุ กําเนิด ใชก บั ผูหญิงฉดี ครงั้ หนงึ่ ปอ งกันไดนาน 3 เดอื น อาจมีขอเสียอยูบางคือ
เม่ือตองการมีบุตรอาจตองใชเวลานานกวาจะต้ังครรภ และไมเหมาะสําหรับผูท่ีมีประจําเดือนมาไม
สม่าํ เสมอ
73
6.การนบั ระยะปลอดภัย (Count safe Period) คือนับวันกอนประจําเดือนมา 7 วัน และหลัง
ประจําเดือนมา 7 วนั เพราะไขยังไมส กุ และเย่ือบุโพรงมดลูกกําลังเปล่ียนแปลง แตถาประจําเดือนมา
ไมแ นน อน การคมุ กาํ เนิดวิธีน้ีอาจผดิ พลาดได
7.การหล่งั อสุจภิ ายนอก คอื การหลัง่ น้ําอสจุ อิ อกมานอกชอ งคลอด แตก็อาจมีนํ้าอสุจิบางสวน
เขา ไปในชองคลอดได วธิ นี ี้จงึ มโี อกาสต้ังครรภไดสูง
8. การผาตดั ทาํ หมนั เปน การคมุ กาํ เนิดแบบถาวร ดังนัน้ ผูท่ีคดิ จะทําหมันจะตองแนใจแลววา
จะไมม ีบุตรอกี ซงึ่ สามารถทําไดทงั้ ผูหญงิ และผูช าย
8.1 การทาํ หมนั ชาย ทําโดยแพทยใชเวลาประมาณ 10 นาที โดยการใหผ ูท ี่จะทําหมันนอนบน
เตียงผาตัด มีมานก้ันมิใหเห็นขณะท่ีแพทยกําลังผาตัดเจาหนาที่จะโกนขนบริเวณอวัยวะเพศออก
เลก็ นอ ยแลว แพทยจ ะฉีดยาชาเฉพาะที่ แลวจึงเจาะถุงอัณฑะเพื่อผูกทอ อสุจโิ ดยไมตอ งเย็บ หามแผลถูก
นาํ้ 3 วนั หลงั ทาํ หมนั ชายแลวจะตองคมุ กําเนิดแบบอ่ืนไปกอนฝายชายจะหล่ังน้าํ อสุจิประมาณ 15 ครัง้
แลว นํา้ อสจุ คิ ร้ังท่ี 15 หรือมากกวาไปใหแพทยตรวจวายังมีตัวอสุจิหรือไม ถาแพทยตรวจวาไมมีตัว
อสจุ ิแลว กส็ ามารถมเี พศสมั พันธไ ดโ ดยไมต องใชก ารคุมกําเนิดแบบอนื่ อกี ตอไปเลย
8.2 การทําหมันหญงิ แบงออกเปน 2 แบบคอื
1.การทําหมันเปย ก คอื การทําหมันหลังคลอดบตุ รใหมๆ ภายใน 24-48 ชั่วโมง เพราะ
จะทําไดงายเน่ืองจากมดลูกยังมีขนาดใหญและลอดตัวสูง โดยขอบบนอยูสูงเกือบถึงสะดือวิธีนี้จะ
ผาตัดทางหนา ทอง
2.การทําหมนั แหง คอื การทาํ หมนั ในระยะปกตขิ ณะทีไ่ มมีการต้ังครรภหรือหลังการ
คลอดบุตรมานานแลว มดลูกจะมีขนาดปกตแิ ละอยลู กึ ลงไปในองุ เชิงกราน การทําหมันแหงอาจทําได
หลายวิธี เชน ผาตัดทางดานหนาทอ ง ผาตัดทางชอ งคลอด โดยใชเคร่อื งมือตางๆที่ทันสมัยชวยการไป
รับบริการทําหมันนี้สามารถไปรับบรกิ ารไดใ นหลายหนวยงานทใ่ี หบรกิ ารทางดานสาธารณสุขท้งั ของ
ภาครัฐและเอกชน เชน โรงพยาบาลตางๆ สมาคมพัฒนาประชากรและชุมชน สมาคมวางแผน
ครอบครัวแหง ประเทศไทย สมาคมทําหมันแหงประเทศไทย เปนตน
9.การคุมกาํ เนิดดวยยาเม็ดคุมกําเนิดฉุกเฉิน เปนการปองกันการตั้งครรภเฉพาะฉุกเฉินเชน
การมีเพศสัมพนั ธโ ดยไมไ ดใชการปองกันวธิ ีอื่นมากอ น ใชถุงยางอนามัยเสร็จแลวไมแนใจวารั่วหรือ
แตก ลมื กนิ ยาแบบประจาํ วันติดตอกันสองวัน ใสหวงอนามัยแตหวงหลุด มีเพศสัมพันธในชวงที่ไม
ปลอดภัย กรณีถกู ขม ขืน ซง่ึ องคก รอนามัยโลกไดใหการรับรองวาการกินยาเม็ดคุมกําเนิดแบบฉุกเฉิน
เปนวิธที ี่ปลอดภยั และมีประสทิ ธภิ าพในการปองกนั การต้งั ครรภไดระดบั หน่งึ
74
ยาเม็ดคมุ กําเนิดฉุกเฉินจะมีประสิทธิภาพสูงก็ตอเม่ือ มีการนํามาใชตามขอบงชี้ท่ีกําหนดไว
และใชเ ทา ท่ีจําเปน เทานน้ั สาํ หรบั ผลขา งเคยี งที่เกิดข้ึนบอย คอื การมีรอบระดูผดิ ปกติ คลื่นไสอาเจียน
แตห ากใชบอ ยและตอเนอ่ื งมโี อกาสตัง้ ครรภน อกมดลกู ได
การทาํ แทง
การทําแทง หมายถึง การทําใหการตั้งครรภส้ินสุดกอนอายุครรภ 28 สัปดาหสําหรับใน
ประเทศไทยการทาํ แทง ยังไมเ ปน เรอื่ งท่ผี ิดกฎหมายไมวา จะกระทาํ โดยแพทยปรญิ ญาหรอื หมอเถ่ือนก็
ตาม กฎหมายจะอนุญาตใหทําแทงได 2 กรณี คือ กรณีถูกขมขืนและกรณีต้ังครรภน้ันเปนอัตราตอ
สุขภาพของมารดาและทารกในครรภ เทาน้ัน
เม่ือเกิดการต้ังครรภไมพ่ึงประสงคเด็กวัยรุนจะเกิดความกังวลจากความไมพรอมที่จะเปน
ผูรับผิดชอบกับการมีบุตร จึงคิดหาวิธีการทําลายเด็กในครรภ โดยการทําแทงกับหมอเถ่ือนที่ผิด
กฎหมาย ผดิ ศลี ธรรม เพราะในสงั คมไทยไมเ ปด ใหม ีการทาํ แทงแบบเสรี นอกจากการตั้งครรภในคร้ัง
นน้ั แพทยพิจารณาใหทาํ แทงได ในกรณีอาจเกดิ อันตรายถึงชวี ิตผูเปนแม เชน การทอ งนอกมดลกู ครรภ
เปนพิษ ทองไขปลาดุก หรือในกรณีท่ีแมไดรับเชื้อโรคหลังจากการตั้งครรภแลว เชน ไดรับเช้ือหัด
เยอรมัน
การทําแทงโดยทวั่ ไปของเด็กวยั รนุ จะทาํ แทง กับผทู ี่ไมม คี วามรูดา นการแพทยทแี่ ทจ ริง จึงทํา
ใหเกิดอันตรายกับผูมาทําแทง เชน เกิดการตกเลือด หรือไดรับอันตรายอาจเกิดการติดเชื้อโรค จาก
เครื่องมือ อุปกรณท่ีนํามาใช เกิดความสกปรกจากการใชอุปกรณ สถานท่ีจนทําใหมารดาเปน
บาดทะยกั ไดด ว ย
การแทงบุตรทท่ี าํ ใหเกิดอันตรายตอสุขภาพของผูเ ปน แมเนอื่ งจากมบี างสวนของทารกหรือรก
หลงเหลอื อยูจึงตอ งนําสวนทเ่ี หลอื ออกจากมดลูกใหห มดโดยแพทยต อ งใชเคร่ืองดูดหรือใชวิธีขูดจาก
โพรงมดลูก หรอื อาจตอ งใชฮอรโมนที่ใหใหมดลูกเกิดการบีบตัวขับสวนท่ีคางออกและในบางกรณี
แพทยตองใชย าปฏิชีวนะเพ่ือการรกั ษาหรอื ปองกันการติดเชอื้ ตดิ เชอ้ื HIVS
สว นใหญเกิดจากการมีเพศสัมพันธกับบุคคลอื่นท่ีไดรับเชื้อไวรัส HIV ในรางกายรองลงมา
เกดิ จาการใชสารเสพตดิ ชนดิ ฉีดเขา เสนเลือดทาํ ใหไ ดร บั เชื้อ HIV จากเลือดที่สัมผัสหรือเลือดท่ีไดรับ
เขาสรู างกาย
บคุ คลที่มีโอกาสไดร บั เชื้อไวรสั HIV VS โดยไมไ ดเกดิ จากการมเี พศสมั พันธและไมไ ดใ ชเ ข็ม
ฉดี ยาใด ๆ สว นหนง่ึ จะเกดิ กบั บคุ คลสวนหน่ึงทางการแพทย ท่ีมีโอกาสสัมพันธน้ําเลือดน้ําเหลือง ท่ี
คดั หล่งั จากผูปว ยโดยไมไดปองกนั ตนเองโดยการใชถ ุงมอื กอนสมั ผสั กับผูป วยจงึ มีโอกาสไดรับหรือ
ติดเชื้อ HIV VS ไดก ารต้งั ครรภเ มอ่ื ไมมีความพรอม
การมเี พศสัมพนั ธกอนวัยอันควร เปน ปญ หาของสงั คมไทยมากขน้ึ ท้ังนเี้ พราะคานิยมในเรื่อง
การรักนวลสงวนตัวของเพศหญิง หรือการเห็นคุณคาในการรักษาความบริสุทธ์ิของตนจนถึงวัย
แตงงาน เด็กวยั รุนปจจุบันไมไดคํานึงถึง ทั้งนี้อาจเปนเพราะการดูแลเอาใจใสใหการอบรมจากบิดา
75
มารดามนี อ ยลง เด็กยุคใหมร บั อารยะธรรมความกาวหนาหรืออิทธิพลตางประเทศมากข้ึน จึงไมคอย
เชอื่ ฟงบิดามารดา จงึ เปน สง่ิ จําเปนทตี่ องปลูกฝงใหเ กดิ จิตสาํ นึกโดยครอบครวั ชุมชนโรงเรียนสถาบัน
ทมี่ ีสวนเกี่ยวขอ งควรเขา มามีบทบาทรณรงคปองกันปญหาน้ีรว มกนั
การมีเพศสัมพันธกอนวัยอันควร เปนพฤติกรรมท่ีกอใหเกิดปญหาตางๆตามมาในชีวิต
ตลอดจนเปนปญหาหรือภาระแกสังคม ชุมชนดวย เชนเกิดการติดโรคทางเพศสัมพันธและยังเปน
บคุ คลแพรเ ชือ้ โรคทางเพศสมั พนั ธแกค นอื่นดวยถาบุคคลนั้นใหบริการทางเพศการตั้งครรภเมื่อไมมี
ความพรอมหรือต้ังครรภโดยไมคาดคิดนอกจากจะสงผลกระทบตอชีวิตของตนเองแลว ยัง สงผล
กระทบตอ ครอบครัว ทาํ ใหบ ดิ ามารดา ญาติพีน่ องอับอายเสยี ใจรวมสงผลกระทบตอสังคม เชน ปญ หา
เด็กถกู ทอดท้ิงเพราะพอ แมไมต อ งการบตุ ร หรือไมพ รอมจะรบั เลย้ี งดูบตุ รเนื่องจากยังไมมีอาชีพ เรียน
ไมจบ
ดงั นนั้ จงึ ตองใหค าํ แนะนําอบรมสงั่ สอนใหพ ฤตกิ รรมตนอยูในกรอบของสังคมที่ดีไมยุงเกี่ยว
เรื่องเพศสัมพันธปองกันตนเองไมปลอยตัวใหมีเพศสัมพันธในวัยท่ียังไมสมควรใหต้ังใจศึกษาเลา
เรียน และสามารถประกอบอาชีพจนเล้ียงตัวเองไดแลวจึงคดิ มีครอบครวั ภายหลัง
1.สอนความรเู ร่อื งเพศ เพศสัมพนั ธแ ละการคมุ กําเนดิ แกเดก็ นกั เรยี น นกั ศกึ ษาท่กี าํ ลงั กาวเขา สู
วยั รุนพรอ งท้งั ชี้ใหเหน็ ขอ ดีขอ เสยี ของการมเี พศสัมพนั ธก อ นวยั อันควร และการตงั้ ครรภเ ม่อื ไมพรอม
โดยเนนย้ําใหเห็นผลเสีย ไดแก การสูญเสียโอกาสในการศึกษา และการประกอบอาชีพการงานท่ีดี
ตลอดจนโอกาสในการเจอคคู รองที่ดีในอนาคต
2.สอนวัยรุน ชายใหมคี วามรบั ผดิ ชอบและใหเ กียรติผหู ญงิ เนอ่ื งจากในสงั คมไทยยัง ยกยอง
เพศชายวาเปนเพศที่แข็งแรงกวาจึงควรสอนใหผูชายมีความคิดท่ีจะปกปองชวยเหลือ เพศหญิง
มากกวานอกจากน้ีเพศชายจะตองใหเกียรติผูหญิงและมีความรับผิดชอบในการกระทําของตนเอง
ปญหาการทําแทงสว นใหญพบวา ฝา ยชายไมย อมรับการตงั้ ครรภ
3.ปลกู ฝงคานิยมในการรักนวลสงวนตัวตั้งแตวัยเด็ก และเนนยํ้ามากขึ้นในวัยรุน ไดแกการ
แตงกายใหสุภาพ ไมแตงกายลอแหลม ย่ัวยุอารมณเพศตรงขามซ่ึงเปนเหตุใหเกิดการขมขืนกระทํา
ชําเรา
4.สอนใหร จู ักการปฏเิ สธในสถานการณท่ีไมเหมาะสมไดแกปฏิเสธที่จะไปเท่ียวตอหลังเลิก
เรียน ปฏเิ สธท่จี ะไปไหนๆกับเพ่อื นชายตามลําพงั ไมเ ปดโอกาสใหเพศตรงขา มถกู เนอ้ื ตองตัว เปนตน
แนวทางการแกไขปญหาการตัง้ ครรภไมพ่งึ ประสงคน้ีคงตอ งเริม่ จากการปลกู ฝง นสิ ยั ตั้งแตวัย
เดก็ ใหสอดคลอ งกบั สภาพสังคมในยุคโลกาภวิ ัฒนน้ี เช่อื วาปญหาการทําแทงผิดกฎหมายอาจเบาบาง
ลงไป
76
บทที่ 4
สารอาหาร
สาระสําคัญ
ความตอ งการสารอาหาร ตาม เพศ วยั ของรา งกาย เปนความตองการสารอาหารในบคุ คลแตละ
ชวง และแตล ะเพศ ยอมมคี วามแตกตา งกนั เปน ทย่ี อมรับกันทวั่ ไปแลววา อาหารมีสวนสําคัญอยางมาก
ในวยั เดก็ ทง้ั ในดา นการเจรญิ เตบิ โตของรางกายและการพัฒนาการในดานความสัมพนั ธของระบบการ
เคลื่อนไหวของรางกาย
ผลการเรยี นรทู ี่คาดหวัง
1. วิเคราะหปญหาสขุ ภาพท่เี กิดจากการบรโิ ภคอาหารไมถกู หลกั โภชนาการ
2. บอกสารอาหารทรี่ า งกายตอ งการตามเพศ
3. อธบิ ายวธิ ีการประกอบอาหารเพ่ือรกั ษาคุณคา ของอาหาร
ขอบขา ยเนือ้ หา
เรื่องท่ี 1. สารอาหาร
เร่อื งที่ 2. วิธีการประกอบอาหารเพ่อื คงคณุ คาของสารอาหาร
เร่ืองท่ี 3. ความเชือ่ และคา นยิ มเก่ยี วกบั การบรโิ ภค
เรอ่ื งท่ี 4. ปญ หาสุขภาพท่เี กิดจากการบริโภคอาหารไมถกู หลกั โภชนาการ
77
เรือ่ งท่ี 1 สารอาหาร
ปริมาณความตองการสารอาหาร ตาม เพศ วัยและสภาพรางกาย ความสําคัญของอาหารและ
ความตองการสารอาหารในบุคคลแตละชวง และแตละเพศ มีความแตกตางกันตามธรรมชาติ ดังนั้น
ปรมิ าณของสารอาหารท่ีควรไดรับในแตล ะบคุ คลจะแตกตางกนั
1. ความตองการสารอาหารในวยั เด็ก
เปนท่ียอมรับกันท่ัวไปแลววา อาหารมีสวน สําคัญอยางมากในวัยเด็กทั้งในดานการ
เจรญิ เตบิ โตของรา งกายและการพฒั นาการในดานความสัมพันธของระบบการเคลือ่ นไหวของรางกาย
ตลอดจนในดานจิตใจ และพฤติกรรมในการแสดงออกและปจจัยที่มีสวนสําคัญท่ีทําใหเด็กไดรับ
อาหารที่ถกู หลกั ทางโภชนาการ ไดแก
1.ครอบครัวทคี่ อยดูแลและเปนตัวอยา งท่ีดี
2.ตัวเดก็ เอง ทจี่ ะตองถูกฝกฝน
3.ส่ิงแวดลอมทําใหเ กิดการปฏบิ ตั อิ ยา งคนขางเคยี ง
อาหารที่ถูกหลักโภชนาการในวยั เดก็ น้ัน เปน ทที่ ราบดอี ยแู ลววาเด็กตองการอาหารครบท้ัง 3
ประเภท เพอ่ื การเจรญิ เติบโตและพฒั นาการ ส่งิ ทต่ี องคาํ นึงถึงคอื อาหารทีใ่ หเดก็ ควรไดร บั ไดแก
1.อาหารท่ีใหโปรตีน ไดแก นม ไข เนื้อสัตว ตลอดจนโปรตีนจากพืชจําพวกถั่วเขียว ถ่ัว
เหลือง
2.อาหารทใ่ี หพลังงาน ไดแกขา ว แปง นํา้ ตาล ไขมนั และนาํ้ มัน สวนน้ําอัดลม หรอื ขนมหวาน
ลกู กวาดตาง ๆ ควรจํากัดลง เพราะประโยชนนอ ยมากและบางทที าํ ใหมปี ญ หาเรอื่ งฟนผดุ ว ย
3.อาหารทีใ่ หวิตามินและเกลือแรไดแ ก พวก ผัก ผลไม และอาหารทม่ี ใี ยอาหารที่มีสวนทําให
เก็บไมท อ งผูก
2. ความตองการสารอาหารของเด็กวัยเรยี น
ในปจ จบุ ัน ภาวะของความเรง รีบในสังคมอาจจะทาํ ใหพอแมหรือผปู กครองละเลยเรอ่ื งอาหาร
เชาของเด็กวัยเรยี น เดก็ วยั เรยี นเปน วัยท่ีรางกายกําลังเจริญเติบโต ตองการอาหารเชา ถ า เ ด็ ก ไ ม ไ ด
รบั ประทานอาหารเชา จะทาํ ใหเ ดก็ ขาดสมาธิในการเรียน สมองมึน งวง ซึม และถาเด็กอดอาหารเปน
เวลานาน ๆ ติดตอ กัน จะทําใหมีผลเสียตอ ระบบการยอ ยอาหาร และเปนโรคขาดสารอาหารไดดังน้ัน
การเลอื กอาหารเชา ทีเ่ ด็กวัยเรยี นควรไดร ับประทานและหาไดงา ย คอื นมสด 1 กลอ ง ขาวหรือขนมปง
ไข อาจจะเปนไขด าว ไขล วก หรอื ไขเ จยี ว ผลไมท ่หี าไดง าย เชน กลวยนํ้าวา มะละกอ หรือสม เทานี้
เด็กกจ็ ะไดรบั สารอาหารท่ีเพียงพอแลว
3. ความตอ งการสารอาหารในวัยรนุ
วยั รุน เปนวัยท่มี กี ารเจรญิ เตบิ โตในดานรางกายอยางมาก และมีการเปล่ียนแปลงทางอารมณ
และจิตใจคอนขางสูง มีกิจกรรมตาง ๆ คอนขางมากทั้งในดานสังคม กีฬา และบันเทิง ความตองการ
สารอาหารยอ มมมี ากขนึ้ ซึ่งจะตอ งคํานงึ ทั้งปรมิ าณและคณุ ภาพใหถูกหลกั โภชนาการ
78
ปจจยั ทส่ี ําคัญ คือ
1.ครอบครัว ควรปลูกฝงนสิ ัยการรบั ประทานอาหารท่ถี กู หลกั โภชนาการ เร่ิมตนจากที่บานท
สาํ หรบั วัยรนุ ที่พยายามจํากัดอาหารลง คนในครอบครัวจะตองใหค าํ แนะนาํ เพ่ือไมไปจํากัดอาหารท่ีมี
คณุ คา และจาํ เปนตอรา งกาย
2.วยั รุน จะเร่มิ มคี วามคิดเห็นเปน ของตัวเองมากขึ้น การรบั ความรเู กยี่ วกบั โภชนาการ มีความ
จําเปน เพื่อใหเห็นความสําคัญของการรบั ประทานอาหารทมี่ คี ุณคา ทางโภชนาการอยา งสมา่ํ เสมอซึ่งจะ
มผี ลดตี อตัววยั รนุ เองโดยตรง
3.สง่ิ แวดลอ มในโรงเรยี นหรอื สถานศกึ ษาอทิ ธิพลจากเพือ่ นฝูงมีสวนท่ีทําใหวัยรุนเลียนแบบ
กนั เรอื่ งการรับประทานอาหาร ตลอดจนการบริโภคสารอนั ตราย เชน เหลา บุหรี่ และยาเสพติด การ
ดูแลอยางใกลชิดตลอดจนการสนับสนุนใหวัยรุนเลนกีฬา หรือทํากิจกรรมที่มีประโยชนจะมีผล
ทางออม ทําใหนิสัยท่ีดีในการบริโภคอาหารไมถูกเบี่ยงเบนไป ความตองการอาหารที่ใหโปรตีน
พลงั งาน และวติ ามินตองเพยี งพอสําหรับวยั รนุ วติ ามนิ ตอ งเหมาะสมและโดยเฉพาะอยางย่ิงอาหารท่ีมี
เกลือแรประเภทแคลเซยี มและเหลก็ ตองเพียงพอ
4. ความตอ งการสารอาหารในวัยผูใหญ
วยั ผใู หญถงึ แมจ ะหยุดเจรญิ เติบโตแลว รางกายยังตองการสารอาหารอยางครบถว น เพ่ือนําไป
ทํานุบํารุงอวัยวะ และเนื้อเย่ือตาง ๆ ของรางกาย ใหคงสภาพการทํางานท่ีมีสมรรถภาพตอไป และ
ปจจัยสําคัญอยางหน่ึง ท่ีจะทําใหวัยผูใหญยังคงแข็งแรงไดแก การบริโภคอาหารที่ถูกตองตามหลัก
โภชนาการ การควบคมุ อาหารในวัยผูใหญ มขี อ แนะนาํ ดังนี้
1.ใหบริโภคอาหารหลายชนิด เนื่องจากไมมีอาหารชนิดใดชนิดหน่ึงท่ีใหคุณคาทาง
โภชนาการไดครบถวน
2. บรโิ ภคอาหารในปรมิ าณทีพ่ อเหมาะ เพ่อื ใหนาํ้ หนกั อยใู นเกณฑทีต่ องการ
3. หลีกเลย่ี งการรับประทานท่มี ีไขมันมากเกินไป
4. บริโภคอาหารที่มปี ริมาณของแปง และกากใยใหเพียงพอ
5. หลกี เลย่ี งการบรโิ ภคอาหารทีป่ รงุ ดว ยปริมาณนา้ํ ตาลจํานวนมาก
6. หลกี เล่ยี งการบรโิ ภคอาหารเคม็ มากเกนิ ไป
7. หลกี เลี่ยงเครอ่ื งดม่ื ทม่ี ีแอลกอฮอล
5. ความตองการสารอาหารของวยั ผสู งู อายุ
ผูสูงอายใุ นทน่ี ้หี มายถึงผทู ีอ่ ยใู นวยั 60 ปขนึ้ ไป
สาํ หรับปญ หาเร่ืองอาหารการกนิ หรือโภชนาการในวัยน้ี ขอใหรบั ประทานอาหารใหครบทุก
หมูและควบคุมปริมาณ โดยดูจากการควบคุมนํ้าหนักตัวไมใหมากข้ึน และกรณีน้ําหนักเกินอยูแลว
ควรจะลดนาํ้ หนักใหสัมพันธกับสวนสูง
79
ขอ แนะนําในการดูแลเรอื่ งอาหารในผสู ูงอายมุ ดี ังน้ี
1.โปรตีน ควรใหรับประทานไขวันละ 1 ฟอง และด่ืมนมอยางนอยวันละ 1 แกวสําหรับ
โปรตนี จากเนือ้ สัตวควรลดนอ ยลง
2.ไขมัน ควรใชน ้าํ มันถว่ั เหลอื งหรือนา้ํ มนั ขาวโพด ในการปรุงอาหารเพราะเปนน้ํามันพืชท่ีมี
กรดไลโนเลอกิ
3.คารโบไฮเดรต คนสูงอายุควรรับประทานขาวลดลงและไมควรรับประทานนํ้าตาลใน
ปรมิ าณทม่ี าก
4.ใยอาหาร คนสงู อายคุ วรรับประทานอาหารท่ีเปนพวกใยอาหารมากขึน้ เพอ่ื ชวยปองกันการ
ทอ งผูกชว ยลดระดับโคเลสเตอรอลในเลอื ดและลดอบุ ตั กิ ารของการเกดิ มะเร็งลาํ ไสใหญล งได
5.นํา้ ดื่ม คนสูงอายคุ วรด่มื น้าํ ปรมิ าณ 1 ลติ รตลอดทง้ั วัน แตทัง้ นสี้ ามารถปรบั เองไดต ามความ
ตองการของรางกาย โดยสังเกตดูวาถาปสสาวะมีสีเหลืองออน ๆ เกือบขาว แสดงวาน้ําในรางกาย
เพียงพอแลว สวนเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอลรวมท้ังนํ้าชา กาแฟ ควรงดเวนถาระบบยอยอาหารในคน
สูงอายไุ มดี ทา นควรแบงเปน มอ้ื ยอย ๆ แลว รบั ประทานทีละนอ ย แตหลายม้ือจะดีกวา แตอาหารหลัก
ควรเปนมือ้ เดียว
6.ความตอ งการสารอาหารในสตรตี ั้งครรภ
สตรีตั้งครรภ นอกจากตองมีสารอาหารทั้ง 6 ประเภทไดแกโปรตีน คารโบไฮเดรต ไขมัน
วติ ามนิ เกลือแร และนํา้ ในอาหารท่ีรบั ประทานเปน ประจําใหครบทุกประเภทแลว สตรีตั้งครรภตอง
ทราบอกี วา ควรทีจ่ ะเพ่ิมสารอาหารประเภทใด จึงจะทําใหเดก็ ในครรภไดร ับประโยชนสงู สุดดงั น้ี
1.อาหารท่ีใหโ ปรตีน ไดแกไ ข นม เนื้อสัตว เคร่ืองในสัตวและถ่ัวเมล็ดแหง สตรีต้ังครรภจึง
ควรรับประทานไขวันละ 1-2 ฟอง นมสดวันละ 1-2 แกว เน้ือสัตวบกและสัตวทะเล ซึ่งจะไดธาตุ
ไอโอดีนดวยอาหารประเภทเตาหูและนมถ่ัวเหลือง ก็มีประโยชนในการใหโปรตีนไมแพเนื้อสัตว
เชน กนั
2.อาหารทใ่ี หพลังงาน ไดแ ก ขาว แปง นาํ้ ตาล ไขมันและนํา้ มนั สตรตี ัง้ ครรภค วรรับประทาน
ขา วพอประมาณรวมกบั อาหารทีใ่ หโ ปรตีนดงั กลา วแลว ควรใชนาํ้ มันพชื ซ่ึงมีกรดไขมนั จําเปน ในการ
ประกอบอาหาร เชน นํ้ามนั ถัว่ เหลอื ง น้ํามันขาวโพด สตรตี ง้ั ครรภควรจะตอ งรบั อาหารทีจ่ ะใหพลังงาน
มากขนึ้ วันละปริมาณ 300 แคลลอร่ี
3.อาหารท่ีใหวิตามนิ และเกลอื แร สตรีตัง้ ครรภตอ งการอาหารท่ีมีวิตามินและเกลือแรเพิ่มข้ึน
ควรรับประทานอาหารประเภทผักและผลไมทุกๆวันเชนสม มะละกอ กลวย สลับกันไป จะไดใย
อาหารเพอื่ ประโยชนใ นการขบั ถา ยอจุ จาระดว ย เกลือแรท่สี าํ คัญควรรับประทานเพิ่มไดแก แคลเซียม
ฟอสฟอรัส แมกนเี ซียม เหล็ก สังกะสี และไอโอดีน สว นวิตามนิ ไดแ กก ลมุ ที่ละลายในไขมัน เชน เอ ดี
อี เค และท่ลี ะลายในนา้ํ ไดแ กวิตามินบแี ละวิตามินซี
80
รา งกายเราตอ งการสารอาหารทม่ี ีอยูใ นอาหารตางๆ เพื่อใหมีสุขภาพท่ีดี แตเราจะตองรูวาจะ
กนิ อยางไร กนิ อาหารอะไรบา งมากนอ ยเพยี งใดจึงจะไดส ารอาหารครบเพียงพอกับความตองการของ
รางกาย ขอปฏิบัติการกนิ อาหารเพ่ือสุขภาพที่ดีของคนไทย 9 ขอหรือโภชนาการบัญญัติ 9 ประการน้ี
จะชวยไดถ าทานปฏิบตั ิตามหลกั ดังตอ ไปน้ี
1.กนิ อาหารครบ 5 หมแู ตล ะหมูใหหลากหลายและหมน่ั ดูแลนาํ้ หนกั ตัว
2.กินขาวเปนอาหารหลัก สลบั กับอาหารประเภทแปง เปน บางมือ้
3.กินพชื ผักใหมากและกินผลไมเปนประจาํ
4.กนิ ปลา เนอื้ สตั วท ี่ไมตดิ มนั ไข ถัว่ เมลด็ แหงเปน ประจํา
5.ดมื่ นมใหเหมาะสมตามวัย
6.กนิ อาหารทม่ี ไี ขมันพอสมควร
7.หลกี เลย่ี งการกินอาหารรสหวานจดั และเคม็ จดั
8.กินอาหารทสี่ ะอาดปราศจากการปนเปอ น
9.งดหรอื ลดเคร่ืองดมื่ ที่มแี อลกอฮอล
สารตานอนมุ ูลอิสระ
ในรางกายของคนเราเซลลจ ะผลติ สารชนิดหนึง่ เพอื่ ทาํ ลายเนื้อเยื่อตนเองเพิ่มมากข้ึน สารน้ัน
เรยี กวาอนุมูลอิสระ อนุมูลอิสระน้ีเปนตัวการสําคัญท่ีทําใหเกิดปญหาทางสุขภาพหลายประการ ทั้ง
ภาวะความจําเส่อื ม โรคมะเรง็ เปนตน
ในขณะเดียวกันรางกายก็สามารถจัดการกับอนุมูลอิสระไดโดยสรางสารตานอนุมูลอิสระ
ออกมาในกระแสเลือด เพื่อจับกับอนุมูลอิสระไดถึง 99.9 % คงเหลือทําลายเซลลอยูเพียง 0.1% แต
กระนั้นก็ทาํ ใหเ ซลลเกดิ การบาดเจ็บและยงิ่ นานวนั รอยแผลก็สะสมมากข้ึน เมื่อคนเราแกลงรางกายก็
จะสรางสารตา นอนุมูลอิสระลดลงรา งกายจะตองการสารตา นอนุมลู อิสระมากข้ึน เพอื่ สง ผลใหอายุยืน
สุขภาพแขง็ แรงตอ ตา นโรคชรา โรคมะเร็ง เปน ตน
สารตานอนมุ ูลอสิ ระทส่ี าํ คญั ท่เี ราพบในแหลง อาหาร มีดังนี้
1.เบตา-แคโรทีน มีมากในแครอท และผักสีเหลืองสมผักสีเขียวเขมตางๆเชนมะเขือเทศ
ฟก ทอง ตาํ ลึง ผักบุง ผกั กวางตงุ ผักคะนา ยอดแค เปนตน
2.วิตามินซี มีมากในฝรง่ั สม มะขามปอ ม มะนาว มะเขอื เทศ ผกั ผลไมส ด ตางๆ ผกั คะนาและ
กระหล่ําดอกมีวติ ามนิ ซสี ูงมาก วติ ามนิ ซี ถกู ทาํ ลายไดงาย ดว ยความรอนความขึน้ และแสง
3.วติ ามินอี มีในรําละเอยี ด ในพวกธญั พืชท่ีไมขัดขาว ขา วโพด ถัว่ แดง ถั่วเหลือง ผักกาดหอม
เมลด็ ทานตะวัน งา นา้ํ มนั รํา น้ํามนั ถั่วลสิ ง น้าํ มันจากเมลด็ พืชตา งๆ
4.ซีลเิ นยี ม พบในอาหารทะเลเนื้อสัตวธญั พืชที่ไมขดั ขาวนอกจากน้ียังมีสารที่พบในผักผลไม
ที่มคี ณุ สมบัตใิ นการตา นสารอนุมลู อสิ ระซ่งึ สามารถจับกบั อนมุ ลู อิสระลดอันตรายไมใหเ กดิ โรคมะเรง็
81
ได พบไดม ากในตระกลู สม องุน และผลไมสดอื่นๆรวมทั้งผักผลไมตางๆ เชน กระเทียม ผักตระกูล
ผกั กาด
ตัวอยาง ประเภทและจาํ นวนของอาหารท่ีคนไทยควรรับประทานอาหารใน 1 วนั
สาํ หรบั เดก็ อายุ 6 ปข ึน้ ไปถงึ วยั ผูใหญแ ละผสู งู อายโุ ดยแบงตามการใหพลังงาน
กลุมอาหาร หนวยครัวเรอื น พลงั งาน (กโิ ลแคลอร)ี
1,600 2,000 2,400
ขาว – แปง 1 ทัพพี = 60 กรัม หรือ คร่งึ ถว ยตวง 8 ทพั พี 10 ทพั พี 12 ทพั พี
ผัก 1 ทพั พี = 40 กรัม หรือ ครึ่งถวยตวง 4 (6) ทัพพี 5 ทพั พี 6 ทพั พี
ผลไม 1 สวน = สม เขยี วหวาน 1 ผล หรือ 3 (4) สวน 4 สวน 5 สวน
กลวยนํา้ วา 1 ผล หรอื เงาะ 4 ผล
เน้อื สัตว 1 ชอนกนิ ขา ว = ปลาทคู รึ่งตวั หรือ 6 ชอ น 9 ชอน 12 ชอ น
ไขครง่ึ ฟอง หรือไกค รง่ึ นอ ง กินขา ว กินขาว กนิ ขา ว
นม 1 แกว = 250 ซซี ี 2 (1) แกว 1 แกว 1 แกว
นาํ้ มัน ใชแ ตนอยเทา ท่ีจาํ เปน
นํา้ ตาล และ ชอ นชา
เกลือ
หมายเหตุ เลขใน ( ) คือปรมิ าณทีแ่ นะนําสาํ หรับผใู หญ
1,600 กโิ ลแคลอรี สําหรับ เด็กอายุ 6-13 ป
หญงิ วัยทาํ งานอายุ 25-60 ป
ผสู งู อายุ 60 ปข ึ้นไป
2,000 กโิ ลแคลอรี สําหรบั วัยรนุ หญิง-ชาย อายุ 14-25 ป
วยั ทาํ งานอายุ 25-60 ป
2,400 กโิ ลแคลอรี สาํ หรบั หญิง-ชาย ทใ่ี ชพลังงานมากๆ เชน เกษตรกร
ผใู ชแรงงาน นักกีฬา
สรุป
อาหารเปนปจ จยั ท่ีมผี ลตอการเจริญเติบโต และพัฒนาการของมนุษย การรับประทานอาหาร
ควรยึดหลักโภชนาการ เพ่ือใหไดพลงั งานและสารอาหารท่ีพอเพียง วัยรุน เปนวัยท่ีกําลังเจริญเติบโต
จึงควรบรโิ ภคอาหารใหถ ูกตองตามหลักโภชนาการ
82
เรอื่ งที่ 2 วธิ ีการประกอบอาหารเพอ่ื คงคณุ คาของสารอาหาร
1. หลกั การปรงุ อาหารที่ถกู สขุ ลกั ษณะ
เพื่อใหไดอาหารท่ีสะอาด ปลอดภัย และมีคุณคาทางโภชนาการ มีหลักการปรุงอาหารที่ถูก
สุขลกั ษณะ โดยคํานึงถงึ หลกั 3 ส คอื สงวนคุณคา สุกเสมอ สะอาดปลอดภยั
สงวนคุณคา คือ การปรุงอาหารจะตองปรุงดวยวิธีการปรุง ประกอบเพื่อสงวนคุณคาของ
อาหารใหม ปี ระโยชนเตม็ ที่ เชน การลางใหสะอาดกอ นห่ันผัก การเลอื กใชเกลือเสริมไอโอดีน
สุกเสมอ คือ ตอ งใชความรอนในการปรุงอาหารใหส กุ โดยเฉพาะอาหารประเภทเนื้อสตั วท้ังนี้
เพ่ือตองการจะทําลายเชื้อโรคท่ีอาจปนเปอนมากับอาหาร การใชความรอนจะตองใชความรอนใน
ระดับทส่ี งู ในระยะเวลานานเพยี งพอท่ีความรอนจะกระจายเขาถึงทุกสวนของอาหาร ทําใหสามารถ
ทาํ ลายเชื้อโรคไดอยา งมีประสทิ ธภิ าพ
สะอาดปลอดภัย คือ จะตองมีการตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานของอาหารกอนการปรุง
ประกอบวาอยูในสภาพท่ีสะอาด ปลอดภัย ไดมาตรฐาน เชน เนื้อหมูสด ตองไมมีเม็ดสาคู (ตัวออน
พยาธิตัวตืด) นา้ํ ปลา จะตองมเี คร่ืองหมาย อย.รับรอง เปนตน และจะตองมีกรรมวีธีข้ันตอนการปรุง
ประกอบอาหารท่สี ะอาด ปลอดภัยและถกู สุขลกั ษณะ มผี ูป รงุ ผเู สริ ฟอาหารท่มี สี ขุ วิทยาสวนบุคคลท่ีดี
รจู ักวธิ กี ารใชภ าชนะอุปกรณและสารปรุงแตงรสอาหารท่ีถูกตองเชน วีการสดปริมาณสารพิษกําจัด
ศตั รพู ืชที่ตกคางในผักสด การใชช อนชมิ อาหารเฉพาะในการชิมอาหารระหวา งการปรงุ อาหาร
2. หลักการทาํ อาหารใหสะดวกและรวดเรว็
อาหารทปี่ รุงเองนอกจากจะประหยัดแลวยังไดอาหารที่สะอาด สด ใหม มีรสถูกปากและลด
ความเส่ียงจากการมสี ารเคมีปนเปอนแต เวลา มกั จะเปนขอจาํ กัดในการลงมือทําอาหาร แมบานอาจมี
วิธีการเตรยี มอาหารพรอ มปรุงในวันหยดุ เก็บไวใ นตูเ ย็นแลวนํามาปรุงใหมไดโดยใชเวลานอยแตได
คุณคา มากเรม่ิ จากอาหารประเภทเนอื้ สัตว เชน หมู ไก กุง ปลา เมื่อซ้ือมาจัดเตรียมตามชนิดที่ตองการ
ปรุงหรอื หงุ ตม แลว ทาํ ใหสกุ ดวยวธิ ีการตมหรอื รวน แลว แบง ออกเปน สว นๆตามปริมาณที่จะใชแตละ
คร้ัง แลวเกบ็ ไวใ นตเู ยน็ ถา จะใชใ นวนั รุงขึ้น หรือเกบ็ ไวในชอ งแชแ ขง็ ถาจะเก็บไวใชนาน เมอ่ื ตองการ
ใชก็นําออกมาประกอบอาหารไดทันที โดยไมตองเสียเวลา รอใหละลายเหมือนการเก็บดิบๆ ทั้งช้ิน
ใหญโ ดยไมห่ัน การเตรียมลวงหนาวิธีน้ี นอกจากจะสะดวก รวดเร็วแลว ยังคงรสชาติและคุณคาของ
อาหารอีกดวย
3. หลักการเก็บอาหารใหสะอาดปลอดภัย
การเกบ็ อาหารตามหลกั การสขุ าภบิ าลอาหารมวี ตั ถุประสงคเ พื่อยืดอายุของอาหารทีใ่ ชบริโภค
โดยจะตอ งอยใู นสภาพทีส่ ะอาดปลอดภัยในการบริโภค หลกั การในการเก็บอาหารใหคํานึงถึงหลัก 3
ส. คือสดั สวนเฉพาะ สิง่ แวดลอ มเหมาะสม สะอาดปลอดภยั
สัดสว นเฉพาะ คือ ตอ งเก็บอาหารใหเปน ระเบียบ แยกเก็บตามประเภทอาหารโดยจัดใหเปน
สัดสว นเฉพาะไมปะปนกัน มีฉลากซ้ือหรอื เครอื่ งหมายอาหารแสดงกํากับไว
83
สงิ่ แวดลอ มเหมาะสม คอื ตองเก็บอาหารโดยคํานึงถึงการจัดสภาพสิ่งแวดลอมใหเหมาะสม
กับอาหารแตล ะประเภทโดยคํานึงถึงอุณหภูมิความชื้นเพื่อชวยทําใหอาหารสดสะอาดเก็บไดนานไม
เนา เสยี งายส่งิ แวดลอมของอาหารจะจัดการใหอยูในสภาพที่จะปองกันการปนเปอนได เชน การเก็บ
อาหารกระปองในบริเวณทีม่ ี อาหารหมนุ เวียน สูงจากพืน้ อยา งนอย 30 ซม. การเกบ็ นมพาสเจอไรสไว
ในอุณหภูมิตาํ่ กวา 7 องศาเซลเซยี ส เปน ตน
สะอาดปลอดภยั คือ ตองเกบ็ อาหารในภาชนะบรรจุที่ถูกสุขลักษณะ สะอาด ปลอดภัย มีการ
ทําความสะอาดสถานท่เี ก็บอยา งสมํ่าเสมอไมเ ก็บสารเคมที เี่ ปนพิษอ่ืนๆเชน การใชถุงพลาสติก/กลอง
พลาสตกิ สาํ หรับบรรจุอาหารในการบรรจุอาหารทีเ่ กบ็ ไวในตูเยน็ /ตูแชแ ขง็ เปนตน
4. อุณหภูมิเทาไหรจงึ จะทาํ ลายเช้อื โรคได
เช้ือจุลินทรียมีอยูท่ัวไปตามสิ่งแวดลอมมนุษย สัตว อาหาร ภาชนะอุปกรณและสามารถจะ
ดํารงชีวิตอยูไดในชวงอุณหภูมิต่ํากวา 0 องศาเซลเซียส จนถึง 75 องศาเซลเซียส โดยเฉพาะ
เช้ือจุลนิ ทรยี ทีก่ อ ใหเกิดโรคระบาดทางเดินอาหารมกั จะเปนเช้ือจุลนิ ทรยี ทสี่ ามารถเจริญเติบโตไดดีที่
อุณหภมู หิ อ งประมาณ 25 องศาเซลเซียส ถงึ 40 องศาเซลเซยี ส
ฉะน้นั การทาํ ลายเชอื้ จุลินทรียท กี่ อใหเ กดิ โรคระบบทางเดินอาหารจาํ เปนจะตองกําหนดชวง
อุณหภูมิทเี่ หมาะสมเพ่อื จะไดแนใ จวาเชื้อจุลินทรียถ ูกทําลายจนหมดสิ้นในขบวนการผลิตอาหารทาง
อุตสาหกรรมการทําลายเชอื้ โรคจาํ เปนตอ งอาศัยอณุ หภูมทิ ่เี หมาะสมควบคไู ปกับระยะเวลาที่เหมาะสม
จึงจะมีประสิทธิภาพในการทําลายที่ดี คืออุณหภูมิที่สูงมากใชระยะเวลาส้ัน(121องศาเซลเซียสเปน
เวลา 1 นาที)และอุณหภมู ิท่ตี ํา่ ใชร ะยะเวลานาน(63 องศาเซลเซียส เปนเวลา 30 นาที)ท้งั ท่ยี ังมีปจจัยอื่น
ทเ่ี กยี่ วของในการควบคมุ ไดแกป ริมาณเชือ้ จลุ ินทรียประเภทของอาหารคาความเปน กรด ดา ง ความช้นื
สําหรบั ในการปรุงประกอบอาหารในครัวเรอื นอณุ หภูมิท่ีสามารถทําลายเช้ือจุลินทรีย คือ 80
องศาเซลเซียส-100 องศาเซลเซยี ส (อณุ หภมู นิ ้ําเดือด)เปนเวลานาน 15 นาทีสําหรับอุณหภูมิในตูเย็น 5
องศาเซลเซียส-7องศาเซลเซียส เช้ือจลุ ินทรียส ามารถดํารงชีวิตอยูได และสามารถเพ่ิมจํานวนไดอยาง
ชา ในขณะที่อุณหภมู แิ ซแข็งตํ่ากวา 0 องศาเซลเซียส เช้อื จุลินทรียส ามารถดํารงอยไู ดแตไมเพ่ิมจํานวน
อณุ หภูมทิ เี่ ช้อื จลุ ินทรียตายคือ-20องศาเซลเซียส และฉะนั้นเพ่ือความปลอดภัยในการบริโภคอาหาร
โดยเฉพาะอาหารเนื้อสัตวควรปรุงอาหารใหสุกเสมอโดยทั่วทุกสวนที่อุณหภูมิสูงกวา 80 องศา
เซลเซียส ขนึ้ ไปหรือสกุ เสมอ สะอาด ปลอดภัย
5. อณุ หภูมทิ ่ีเหมาะสมในการเกบ็ อาหารสดประเภทเน้ือสัตว
อาหารเน้ือสตั วสด เปนอาหารที่มีความเส่ียงสูง เพราะมีปจจัยเอ้ือตอการเนาเสียไดงาย คือมี
ปริมาณสารอนิ ทรียส งู มปี ริมาณนาํ้ สูง ความเปน กรดดา งเหมาะสมในการเจริญเติบโตของเช้อื จุลนิ ทรยี
การเกบ็ เนื้อสัตวส ดที่ถูกสุขลักษณะ คือตองลางทําความสะอาดแลวจึงหั่นหรือแบงเน้ือสัตว
เปน ชน้ิ ๆ ขนาดพอดีที่จะใชใ นการปรงุ ประกอบอาหารแตละครั้งแลวจึงเก็บในภาชนะท่ีสะอาดแยก
เปนสัดสวนเฉพาะสําหรับเน้ือสัตวสดที่ตองการใชใหหมด ภายใน 24 ช่ัวโมงสามารถเก็บไวใน
84
อณุ หภมู ิตเู ย็นระหวา ง 5 องศาเซลเซียส -7 องศาเซลเซียสในขณะทีเ่ นอื้ สตั วส ดทีต่ อ งการเก็บไวใชนาน
(ไมเกิน7วัน)ตองเก็บไวในอุณหภูมิตูแชแข็ง อุณหภูมิตํ่ากวา 0 องศาเซลเซียส ท้ังนี้เม่ือจะนํามาใช
จาํ เปน จะตองนํามาละลายในไมโครเวฟ แตถาละลายในน้ําเย็นจะตองเปล่ียนนํ้าทุก 30 นาที เพื่อให
อาหารยงั คงความเย็นอยแู ละน้ําทีใ่ ชละลายไมเปนแหลงสะสมของเช้อื จลุ นิ ทรียท่อี าจจะปนเปอนมาทํา
ใหมีโอกาสเพิ่มจาํ นวนไดม ากขึ้นจนอาจจะเกดิ เปนอนั ตรายได
สรุปอุณหภูมิท่ีเหมาะสมในการเก็บอาหารเนื้อสัตวสดคืออุณหภูมิตูเย็นตํ่ากวา 7 องศา
เซลเซยี สในกรณีทีจ่ ะใชภายใน 24 ชวั่ โมง และตา่ํ กวา 0 องศาเซลเซียส (อุณหภูมิแชแ ข็ง) ในกรณีที่จะ
ใชภ ายใน 7 วันซึ่งเปน อุณหภมู ิทเ่ี ชอื้ จุลนิ ทรยี ย งั คงดาํ รงชวี ิตอยูไดแตมีอัตราการเจริญเติบโตตํ่าจนถึง
ไมมกี ารเจริญเตบิ โตทาํ ใหสามารถเก็บรกั ษาเนือ้ สัตวใหส ด ใหม สะอาด ปลอดภยั
6. ภาชนะบรรจอุ าหารสาํ คัญอยา งไร
ภาชนะบรรจุอาหารเปนปจจัยสําคัญที่เส่ียงตอการปนเปอนเชื้อโรค สารเคมีท่ีเปนพิษกับ
อาหารที่พรอมจะบรโิ ภค ทั้งนี้ สามารถจะกอใหเกดิ การปนเปอ นไดทุกข้ันตอน ตัง้ แตขั้นตอนการเก็บ
อาหารดิบ ขัน้ ตอนการเสริ ฟ ใหกับผูบ รโิ ภค
ขน้ั ตอนการเกบ็ อาหารดิบถา ภาชนะบรรจทุ ําดวยวสั ดุท่เี ปน พิษหรือภาชนะทปี่ นเปอนเช้อื โรค
กจ็ ะทาํ ใหอาหารที่บรรจุอยปู นเปอ นไดโดยเฉพาะภาชนะบรรจอุ าหารเน้ือสัตวสด เมื่อใชแลวตองลาง
ทําความสะอาดใหถูกตองกอนจะนํามาบรรจุเนื้อสัตวสดใหมเพราะอาจจะเปนแหลงสะสมของ
เชอ้ื จลุ นิ ทรยี ไดงา ยขัน้ ตอนการปรุงประกอบอาหารถาภาชนะอปุ กรณที่ใชใ นการปรงุ ประกอบอาหาร
ถาภาชนะอุปกรณที่ใชในการปรุงประกอบมีการปนเปอนดวยสารเคมีที่เปนพิษ ก็สามารถปนเปอน
อาหารที่ปรุงประกอบไดเชน ตะแกรงทาสีบรอนดเวลาปงปลา สีบรอนด และสารตะก่ัวก็อาจจะ
ปนเปอนกับเนื้อปลาไดใชภาชนะพลาสติกออนใสน้ําสมสายชูทําใหมีการปนเปอนสารพลาสติก
ออกมากับนา้ํ สมสายชูทาํ ใหม ีการปนเปอ นสารพลาสติกออกมากบั นาํ้ สม สายชไู ด
ขั้นตอนการเสิรฟอาหารพรอมบริโภคอาหารปรุงสําเร็จถาภาชนะที่ใชลางไมสะอาดมีการ
ปนเปอนเชื้อจุลินทรียสารเคมีที่เปนอนั ตรายกจ็ ะปนเปอ นอาหารจนอาจกอ ใหเ กิดอนั ตรายกับผบู ริโภค
ได
ฉะน้ันเพ่อื ใหไดภ าชนะอุปกรณท่ีสะอาด ปลอดภัย ส่ิงสําคัญก็คือจะตองรูจักวิธีการเลือกใช
ภาชนะอุปกรณท ถี่ ูกตอ งไมท าํ จากวัสดุที่เปน พษิ และใชใ หเ หมาะสมกับประเภทของอาหารรวมทง้ั ตอง
รูจักวธิ ีการลางและการเกบ็ ภาชนะอุปกรณใ หถกู ตอ ง
เร่ืองที่ 3 ความเช่อื และคานยิ มเกย่ี วกบั การบรโิ ภค
คานิยม (Value) หมายถึง ลักษณะดานสังคมซึ่งมีความเชื่อถือ (Beliefs) กันอยาง
กวา งขวาง ซึ่งเปนแนวทางในการพิจารณาพฤตกิ รรมที่เหมาะสม โดยมีการยอมรับอยางแพรห ลายจาก
สมาชกิ ของสงั คม หรือหมายถึง ความเช่ือถือของสวนรวมซึ่งมีมานาน โดยมีจุดมุงหมายเพ่ือการมี
85
ชวี ิตอยูรว มกนั เปนความรสู กึ เกีย่ วกบั กจิ กรรม ความสมั พนั ธกัน หรือจดุ มงุ หมายซึ่งมีความสําคัญตอ
ลักษณะหรือความเปนอยขู องชุมชน สิง่ ทคี่ นกลุมหน่ึง ๆ วาอะไรก็ตามท่ีคนในสังคมสวนใหญชอบ
ปรารถนาหรอื ตองการใหเปน
ในปจจุบนั เรามักจะใหยินวา คนไทยมีคา นิยมชอบใชของตา งประเทศ ชอบเลยี นแบบ
ชาวตางประเทศโดยรับเอาวัฒนธรรมของตางประเทศเขามามาก โดยลืมคิดถึงความเสียหายท่ีจะ
เกดิ ขึ้น ซง่ึ คําวา “คา นยิ ม” ถือวา เปนปจจัยภายนอกซึ่งเปนปจจัยที่มีอิทธิพลตอความรูสึกนึกคิดของ
บุคคลเปน สง่ิ ท่เี กิดข้ึนจากการเรียนรู หรือส่ิงอื่นใดก็ตามท่ีเปนตัวกํากับหรือควบคุมพฤติกรรมของ
บุคคลเปนสงิ่ ทเ่ี กิดขึ้นจากการเรียนรู หรือสิ่งอ่ืนใดก็ตามท่ีเปนตัวกํากับหรือควบคุมพฤติกรรมของ
บุคคลทีอ่ ยใู นสังคมนั้น ๆ ซ่ึงความสําเร็จหรือความลมเหลวของธุรกิจทางการตลาดขึ้นอยูกับความ
สอดคลองกับคานยิ มเปน สาํ คัญ ดงั น้นั คา นิยมจงึ เก่ยี วของกบั การตอบสนองตอ ส่ิงกระตุนดวยวิธีที่มี
มาตรฐาน ซึ่งบุคคลจะถกู กระตุน ใหม ีสว นรว มในพฤติกรรมเพอ่ื ใหบรรลุคานยิ ม และความเกี่ยวของ
กับพฤติกรรมผูบริโภคและกลยุทธทางการตลาด ในขณะที่แตละช้ันของสังคมจะมีลักษณะของ
คา นิยมและพฤติกรรมในการบริโภคจะแตกตางกันออกไป ตวั อยางคานิยมกับพฤติกรรมการบริโภค
ของคนไทย มดี งั นี้
1. กลมุ คานิยมความร่าํ รวย และนยิ มใชข องจากตา งประเทศ
จดุ เดนท่ีเปนนสิ ัยของคนไทย
ชอบทําตัววาตัวเองเปนคนรํ่ารวยเน่ืองมาจากการใชสินคา สินคาท่ีนิยมใชจะเปน
สนิ คา ทน่ี ําเขา มาจากตา งประเทศเทาน้ัน
สวนท่เี กยี่ วขอ งกับพฤติกรรมการบริโภค
เปน บคุ คลทชี่ อบใชข องแพง ๆ ทําใหคนอน่ื มองวาตัวเองเปนผูที่รํ่ารวย ตองการให
คนยกยองนับถือ เปนคนที่ตองมีเกียรติ ตองการเปนผูนําในการใชสินคา นิยมใชสินคาที่นําเขามา
เทานั้น มองวาสินคาในประเทศเปนสินคาท่ีไมมีคุณภาพ ไมมีมาตรฐาน เปนสินคาดอยคุณภาพ
จะรูสึกภูมิใจทุกครั้งเมื่อไดใชสินคาท่ีเปนสินคาจากตางประเทศ ชอบไปเที่ยวตางประเทศเพื่อไป
ซื้อสินคา บางครั้งซ้ือมาแลวก็ไมไดใชประโยชนก็จะซ้ือ หรือบางครั้งอาจจะไมมีเวลาไปเท่ียว
ตางประเทศก็ชอบฝากใหคนอื่นซ้ือ มีความเปนตางชาติสูงมาก จะเปนบุคคลท่ีเนนการแตงกายดี
ตั้งแตศ ีรษะจรดเทา เพื่อเสริมสรางบุคลิกภาพ สรางความนาเชื่อถือ นิยมใชบัตรเครดิตการด ชอบ
ความสะดวกสบายไมชอบการรอคอยนาน ๆ ชอบสังคมกับเพ่ือนท่ีมีฐานะรํ่ารวย เทาเทียมกัน ไม
ชอบคบหาสมาคมกันคนทีด่ อ ยกวา หรือจนกวา ทําอะไรคิดถึงตัวเองมากกวาคนอ่ืน บางคร้ังอาจจะ
ประสบกบั ปญ หาทางดานการเงินแตกลัววา คนอื่นจะรูถึงฐานะของตนเองตองยอมกูเงินเพ่ือพยุงฐานะ
ของตนเองก็ยอมเพ่ือรักษาภาพลักษณของตนเอง โดยไมตองการใหใครมามองวาตัวเองจนลําบาก
หรือต่ําตอยกวา คนอ่ืน
86
ผลกระทบกบั คา นิยมแบบน้ี
ลกั ษณะแบบน้ี ควรจะปรับปรุงแกไขเพือ่ สังคมจะไดดีขึ้น โดยเฉพาะคนรุนใหมไม
ควรใหฟุงเฟอซ่ึงจะเปนการสรางคานิยมที่ไมดี และถือวาคานิยมแบบนี้จะเปนอันตรายตอ
ประเทศชาตอิ ยางมาก ซ่งึ อาจกอ ใหเ กิดความเสียหาย เทากับวาประเทศของเราไดตกไปเปนเมืองข้ึน
ของตา งชาติ ซ่งึ เปนการยากทเ่ี ราจะกูประเทศชาตกิ ลับคนื มาได ซ่ึงควรจะไดมกี ารปรับปรุงแกไ ข
2. คานิยมสขุ ภาพดี
จุดเดนทเี่ ปน นสิ ยั ของคนไทย
เปน บคุ คลท่ีรกั ษาสุขภาพของตนเอง และครอบครัว เพ่ือท่ีจะไดมชี วี ิตยนื ยาว
สวนที่เก่ยี วของกับพฤตกิ รรมการบรโิ ภค
พฤติกรรมของบุคคลที่มีคานิยมสุขภาพดี มักจะเปนคนท่ีดูแลตนเองเปนอยางดี มี
การออกกําลังกายอยางสม่ําเสมอ ชอบความสะอาด ไปพบแพทยเปนประจํา มีการพักผอนอยาง
เพียงพอเลือกรับประทานอาหารทีม่ คี ุณคา มปี ระโยชนตอรา งกาย เพื่อทําใหสุขภาพแข็งแรง รวมทั้ง
ดูแลคนในครอบครัวดว ยตอ งการใหคนในครอบครวั ปราศจากโรคภัยไขเ จบ็ ตองการมีชีวติ ท่ยี นื ยาว มี
รา งกายที่แขง็ แรงและสมบรู ณ ชอบพักผอ นอยูกบั บาน และทานอาหารในบา นเพราะเนน ความสะอาด
ชอบดูหนงั ฟง เพลงอยูใ นบาน
สนิ คา ทนี่ ยิ มบริโภค ไดแ ก
1. อาหารมงั สวริ ัติ
2. อาหารเสรมิ
3. นมทีม่ แี คลเซียม เพื่อเสริมสรา งกระดูก
4. นมพรอ งมนั เนย, โยเกิรต
5. วิตามินตา งๆ เชน วิตามินซ,ี วติ ามินบี ฯลฯ
6. ผักปลอดสารพษิ
7. ดม่ื น้ําผลไม
8. ดื่มน้ําแร
9. โสมเกาหล,ี เหด็ หลินจอื
10. ไกตนุ ยาจีน, ไกด าํ
11. ยารักษาโรค (จากแพทยสงั่ )
ผลกระทบกบั คานิยมแบบนี้
เปน คานิยมที่ดนี าจะมีการสนับสนนุ เพราะจะทาํ ใหคนมสี ขุ ภาพดขี ึ้น เพือ่ ชวี ติ ความ
87
เปน อยูในครอบครวั ดีขึ้น และทาํ ใหครอบครวั มคี วามสุขมากขน้ึ
บคุ คลทมี่ คี า นยิ มแบบนี้
เปนบคุ คลท่มี ฐี านะในระดับ B ข้นึ ไป และเปน ผูด ูแลเอาใจใสตอสขุ ภาพ
กลุมเปาหมาย เปนกลมุ วยั กลางคนท่ีเนนดูแลสุขภาพใหแข็งแรงปลอดจากโรคภัย
ไขเจ็บ
3. คานิยมรักความสนุก
จุดเดน ท่ีเปน นิสัยของคนไทย
เปนบุคคลที่รักความสนุก มีความร่ืนเริงอยูตลอดเวลา ชอบ ENTERTAIN ชอบ
สงั สรรคไมวาจะเปน เทศกาลใดกต็ าม
สว นท่ีเกีย่ วของกับพฤตกิ รรมการบริโภค
ลักษณะของพฤติกรรมบุคคลจะเปนบุคคลท่ีรักสนุก ชอบความรื่นเริง มีความ
สังสรรคในหมูญาติพ่ีนอง เพ่ือนฝูงอยูตลอดเวลา ไมวาจะเปนการจัดปารตี้ทุกสิ้นเดือน หรือเปน
เทศกาลตา ง ๆ เชน วนั ข้ึนปใหม, วันตรษุ จีน, วันสงกรานต ฯลฯ ทุกเทศกาลก็จะมีความสนุกสนาน
ตลอดเวลา
สินคา ทน่ี ิยมบริโภค ไดแก
1. รับประทานอาหารทกุ ชนดิ เชน อาหารกับแกลม อาจทําทานเอง หรือไป
ทานนอกบา น
2. เครอ่ื งด่มื ทกุ ชนิด เชน นาํ้ อดั ลม
3. ผลไมตา ง ๆ (ผลไมไทยและผลไมนาํ เขา)
4. ขนมขบเค้ยี วตา ง ๆ
5. ด่มื สุรา (ผลิตในประเทศไทยและนําเขา จากตา งประเทศ)
6. ชอบรอ งเพลง KARAOKE (อาจจะรอ งเพลงอยูในบาน หรอื ตาม
สถานเรงิ รมยตา ง ๆ)
7. ชอบดภู าพยนตร
8. ชอบไปรับประทานอาหาร และฟงเพลงตามโรงแรม, หองอาหารตาง ๆ
และตามคาเฟ
9. ชอบไปเทยี่ วตามสถานที่ในตา งจงั หวัด เชน ไปนํ้าตก, ภเู ขา และทะเ
ผลกระทบกบั คานิยมแบบน้ี
บคุ คลทม่ี ีคานยิ มแบบนีอ้ ยา งนอ ยก็นาจะสนับสนุน เพราะทําใหเกิดสภาพคลองทาง
การเงนิ ทาํ ใหเงนิ ทองไมไหลออกนอกประเทศ มกี ารใชจ ายภายในประเทศ ซ่งึ เปนการกระจายรายได
88
ไปยังสถานทอ งเทย่ี วตางๆ ภายในประเทศไดเปน อยางดี ทาํ ใหมีการจบั จา ยใชสอยและเปนการสราง
รายไดใหกับชุมชนตางๆ และแหลงทองเที่ยวตางๆ ทําใหคนมีอาชีพมากข้ึนซ่ึงจะทําใหเกิดการ
หมุนเวยี นทางดา นการเงินอาจสงผลใหภ าวะทางเศรษฐกิจในประเทศดีขึ้น
4. คานิยมบริโภคนยิ ม
จดุ เดน ทเ่ี ปนนสิ ัยของคนไทย
เปนบคุ คลที่มีนิสัยชอบบรโิ ภคเปน หลกั ซงึ่ ไมไ ดคาํ นงึ ถงึ คณุ ภาพ
สวนทเี่ กย่ี วขอ งกบั พฤตกิ รรมการบรโิ ภค
ลักษณะพฤติกรรมการบริโภคชอบรับประทานอาหารนอกบาน พยายามสรรหา
รา นอาหารทอี่ รอ ยๆ ไมวา จะอยูใกลห รือไกล ถา ข้ึนช่ือในระดับ เชลลชวนชิม, แมชอยนางรํา และ
ไมล องไมร ู ซึ่งมีใบรับประกัน ชอบที่จะไปทดลองชมิ ดวู าอรอ ยสมช่ือหรือเปลา ชอบรานอาหารที่มี
ลกั ษณะสะอาด มคี วามสะดวกสบาย มที จ่ี อดรถสะดวก บางครั้งบรโิ ภคมากจนเกินความจําเปนและ
มีผลตอ สขุ ภาพ ทําใหเ กดิ โรคตางๆ ไดงาย เชน โรคไขมันอุดตัน โรคเบาหวาน ความดัน อาหาร
ไมยอยอาหารเปนพิษ ฯลฯ
สนิ คาที่นยิ มบริโภค ไดแก
1. อาหารทกุ ชนดิ เชน รา นอาหารดังๆ
2. อาหาร fast food เชน KFC, McDonald
3. รานอาหารญ่ปี ุน เชน Oishi, ฟูจิ
4. รานไอศกรมี เชน Swensens
5. ขนมขบเค้ยี วตา งๆ
6. เครือ่ งดื่มทกุ ชนิด
7. สรุ ายีห่ อตางๆ
ผลกระทบกับคา นิยมแบบนี้
บคุ คลท่ีมีคา นยิ มแบบน้ี อาจจะปนทอนสุขภาพได เพราะไมไดระมัดระวังในเร่ือง
ของการรบั ประทานอาหาร ควรจะมีการปรบั ปรงุ แกไขเพ่ือใหมีสุขภาพแข็งแรง และมีชีวิตท่ียืนยาว
ได ผูที่มีคานิยมบริโภคแบบนี้ ถาเปนผูสูงอายุจะทําใหเกิดอันตรายตอสุขภาพ เชน มักจะพบกับ
โรคภัยไขเ จบ็ ตางๆ และมักจะมอี ายุส้นั
เร่อื งที่ 4 ปญหาสุขภาพท่เี กิดจากการบรโิ ภคอาหารไมถ ูกหลกั โภชนาการ
ปจจุบันการดําเนินชีวิตของประชาชนโดยเฉพาะในเขตเมือง เปนไปอยางเรงรีบ ทําใหการ
บรโิ ภคอาหาร กเ็ นน อาหารตามทีร่ ับประทานไดสะดวกรวดเร็ว เชน อาหารฟาสตฟูด (Fast Food) ทํา
ใหเ กิดปญ หาโรคอว น และโรคอนื่ ๆอีกมาก ดงั นัน้ จึงควรทาํ ความเขาใจถึงองคป ระกอบสําคญั ดงั น้ี
89
1) อาหาร (Food) หมายถึงสิ่งที่เรากินไดและมีประโยชนตอรางกาย ส่ิงที่กินไดแตไมเปน
ประโยชนห รือใหโ ทษแกร า งกาย อาทิ สรุ า เหด็ เมา เรากไ็ มเรยี กส่งิ นน้ั วา เปน อาหาร
2) โภชนาการ (Nutrition) มีความหมายกวา งมากกวาอาหาร โภชนาการ หมายถึง เรื่องตางๆ
ที่วาดวยอาหาร อาทิ การจัดแบงประเภทสารอาหาร ประโยชนของอาหาร การยอยอาหาร โรคขาด
สารอาหาร เปน ตน โภชนาการเปน วชิ าสาขาหนึง่ ซึง่ มลี กั ษณะเปน วิทยาศาสตรประยุกต ที่กลา วถงึ การ
เปลี่ยนแปลงตางๆของอาหารที่เรารับประทานเขาไปเพื่อใชประโยชนในดานการเจริญเติบโตและ
ซอมแซมสวนตา งๆของรางกาย
3) สารอาหาร ( Nutrient) หมายถึง สารเคมีที่เปนสวนประกอบสําคัญในอาหาร สารเคมี
เหลา นีม้ คี วามสาํ คัญและจําเปน ตอ รา งกาย อาทิ เปนตัวทําใหเกิดพลังงานและความอบอุนตอรางกาย
ชว ยในการเจรญิ เตบิ โต ชวยซอ มแซมสวนทสี่ ึกหรอทําใหร างกายทาํ งานไดตามปกติ เม่ือนําอาหารมา
วิเคราะหจ ะพบวา มีสารประกอบอยูมากมายหลายชนิด ถา แยกโดยอาศัยหลักคุณคาทางโภชนาการจะ
แบง ออกเปน 6 ประเภท ไดแ กโปรตีน คารโ บไฮเดรต ไขมัน วิตามิน เกลือแร และน้าํ
4) พลงั งานและแคลอรี่
ไขมัน คารโบไฮเดรต และโปรตีน ใหประโยชนแกรางกายหลายอยางที่สําคัญคือ การใช
พลังงานแกรา งกาย พลังงานในที่นี้หมายถึงพลงั งานท่รี า งกายจาํ เปน ตองมี ตอ งใชและสะสมไว เพื่อใช
ในการทาํ งานของอวัยวะทั้งภายในและภายนอกรา งกาย
นักวิทยาศาสตรวัดปริมาณของพลังงานหรือกําลังงานที่ไดจากอาหารเปนหนวยความรอน
เรยี กวาแคลอร่ี โดยกาํ หนดวา 1 แคลอรี่ เทา กบั ปริมาณความรอนท่ที ําใหนํา้ 1 กรัม มีอุณหภูมิสูงข้ึน 1
องศาเซลเซียส แตในทางโภชนาการพลังงานที่ไดรับจากการอาหารท่ีกินเขาไป 1 แคลอรี่ (ใหญ)
เทา กบั ปริมาณ ความรอ น ท่ีทาํ ใหน ้าํ 1 กโิ ลกรมั มอี ุณหภมู ิสูงข้นึ 1 องศาเซลเซียส
5) อาหารหลกั 5 หมู อาหารเปนสิ่งจาํ เปนยิง่ สาํ หรับการเจรญิ เติบโต การบํารุงเลี้ยงสวนตางๆ
ของรา งกาย มักพบวาบางคนเลอื กทจ่ี ะกนิ และไมกนิ อาหารอยางหนึ่งอยางใด ซ่ึงเปนการกระทําท่ีไม
ถูกตอง หากไมกินอาหารตามความตองการของรางกาย การกินอาหารตองคํานึงถึงคุณคาของ
สารอาหารมากกวา ความชอบหรอื ไมชอบ การเลือกกนิ หรือไมก ินอาหารเกิดจากสาเหตุหลายประการ
ดงั นี้
ความคุนเคย เราจะเลือกอาหารท่เี ราคนุ เคยหรอื กินอยเู ปน ประจํา และจะไมเลือกกินอะไรท่ีไม
คนุ เคยดงั นนั้ จึงมีอาหารอีกหลายอยางที่เรายังไมเ คยกิน ซง่ึ อาจจะอรอ ยถูกปากก็ได
รสชาติ หรือความ “อรอย” เปนเหตุผลท่ีคนเราเลือกอาหาร ความอรอยของแตละคนจะไม
เหมอื นกัน อาหารอยา งหนึ่งบางคนจะบอกวา อรอยแตบางคนจะเฉยๆ หรอื ไมอรอ ย
ลักษณะเฉพาะของเน้ืออาหาร อาทิ บางคนชอบอาหารกรอบ อาหารนุม บางคนชอบเคี้ยว
อาหารพวกเนอื้ ทเี่ หนยี วๆ เปน ตน
90
ทศั นะคติ ของคนไทยครอบครัวหรอื เพ่ือนจะมีอิทธิพลตอความชอบไมชอบอาหารของทาน
อาทใิ นครอบครวั ทพ่ี อ ไมกินตนหอมหรือผักชีเลย ไปกินอาหารท่ีไหนก็จะเขี่ยตนหอมผักชีออกจาก
จานทุกครั้ง ลกู ๆก็จะเลยี นแบบกลายเปน ไมชอบไปดวย
ดังน้ันเพ่ือสุขภาพเราจึงควรลองกินอาหารท่ีไมเคยกินทีละอยางสองอยางโดยคํานึงถึง
ประโยชนของมนั มากกวา เมอ่ื ไดล องกินแลวอาจะพบวา จริงๆ แลวมันก็อรอยไมแพอาหารจานโปรด
และไมเ กิดปญหาสุขภาพที่เกิดจากการบรโิ ภคอาหารไมถ กู หลกั โภชนาการดวย
ปญหาจากการบรโิ ภคอาหารไมถ กู หลักโภชนาการไดแก
- ภาวะทุพโภชนาการ
- ภาวะโภชนาการเกิน (โรคอว น)
ภาวะทพุ โภชนาการ (Malnutrition)
ภาวะทพุ โภชนาการ หมายถงึ ภาวะที่รางกายไดรับสารอาหารผดิ เบ่ยี งเบนไปจากปกติ อาจเกดิ
จากไดร บั สารอาหารนอ ยกวา ปกตหิ รอื เหตุ ทตุ ิยภูมิ คอื เหตเุ นอื่ งจากความบกพรองตางจากการกินการ
ยอ ยการดูดซมึ ในระยะ 2-3 ปแรกของชีวิต จะมีผลกระทบตอระดับสติปญญา และการเรียนภายหลัง
เนือ่ งจากเปนระยะท่มี ีการเจรญิ เตบิ โตของสมองสงู สุด ซงึ่ ระยะเวลาที่วิกฤติตอพัฒนาการทางรางกาย
ของวัยเด็กมากที่สุดน้ันตรงกับชวง 3 เดือนหลังการต้ังครรภจนถึงอายุ 18-24 เดือนหลังคลอด เปน
ระยะทีม่ กี ารปลอกหมุ เสนประสาทของระบบประสาท และมีการแบงตวั ของเซลล
ประสาทมากท่ีสดุ เมอื่ อายุ 3 ป มีผลกระทบตอการเจริญเติบโต ถึงรอยละ 80 สําหรับผลกระทบทาง
รางกายภายนอกท่ีมองเห็นไดคือเด็กมีรูปรางเตี้ย เล็ก ซุบผอม ผิวหนังเหี่ยวยนเน่ืองจากไขมันชั้น
ผวิ หนงั นอกจากน้อี อวัยวะภายในตางๆ ก็ไดรบั ผลกระทบเชน กนั
1. หวั ใจ จะพบวา กลามเนื้อหวั ใจไมแ นน หนา และการบบี ตวั ไมดี
2. ตับ จะพบไขมันแทรกอยูในตับ เซลลเน้ือตับมีลักษณะบางและบวมเปนน้ําสาเหตุให
ทาํ งานไดไ มดี
3. ไต พบวาเซลลท วั่ ไปมีลักษณะบวมนา้ํ และติดสจี าง
4. กลามเนอ้ื พบวา สวนประกอบในเซลลลดลง มีน้าํ เขา แทนท่ี
นอกจากการขาดสารอาหารแลว การไดร บั อาหารเกิน ในรายทอ่ี ว นฉุก็ถือเปน ภาวะทุพโภชนาการเปน
การไดรบั อาหารมากเกินความตองการ พลังงานท่ีมมี ากน้ันไมไดใ ชไป พลงั งานสว นเกินเหลาน้ันก็จะ
แปลงไปเปนคลอเรสเตอรรอลเกาะจับแนนอยูตามสวนตางๆของรางกาย และอาจลุกลามเขาสูเสน
เลือด ผลที่ตามมาก็คอื โรคอว น โรคเบาหวาน โรคหวั ใจ และโรคตา งๆ
การประเมินสภาวะโภชนาการ
1. ประวัติ ทีน่ ําเดก็ มาจากโรงพยาบาลเพ่ือหาสาเหตุชกั นําใหเ กิดภาวะขาดสารอาหาร
2. การตรวจรางกาย เพื่อหารอ งรอยการผดิ ปกตซิ ่งึ เกดิ จากการขาดสารอาหารและวิตามิน
91
การตรวจรางกาย เพือ่ ประเมินสภาวะโภชนาการของเด็กแบง ไดเปน 2 ตอน คือ การตรวจรา งกายท่ัวไป
กบั การตรวจโดยการวัดความเจรญิ ทางรางกาย
การตรวจรางกายทวั่ ไปโดยแพทย จะเปน แนวทางชว ยประเมนิ สภาวะของเดก็ และเปน
แนวทางวินจิ ฉยั การขาดสารอาหารและวติ ามนิ
การตรวจโดยการวัดความเจริญทางรางกาย เปนการวัดขนาดทางรางกายคือ สวนสูง
และนํา้ หนกั เพ่อื บอกถงึ โภชนาการของเดก็
ภาวะโภชนาการเกนิ
เมอ่ื คนเราบริโภคอาหารชนดิ ใด ชนิดหน่ึง เกินความตองการของรางกาย จะทําใหเกิดภาวะ
โภชนาการเกนิ จนเกดิ โรคได และโรคทีเ่ กดิ จากภาวะโภชนาการเกิน เปนสาเหตุของการสูญเสียชีวิต
เปนจํานวนไมนอย และเปนตนเหตุของการเจ็บปวยที่ตองเสียคาใชจายในการรักษายาวนานเชน
โรคหวั ใจและหลอดเลือด ตลอดจนโรคอวน เปนตน
โรคหวั ใจและหลอดเลือด (Cardiovascular Disease)
โรคหวั ใจและหลอดเลอื ด เปนสาเหตกุ ารตายทสี่ ําคญั ในลาํ ดับตน ๆ ของประชาชนไทยมาโดย
ตลอด โรคดังกลาวเปนการเปล่ียนแปลงทางอายุรศาสตรท่ีเก่ียวของกับหัวใจและหลอดเลือด ซ่ึงจะ
หมายรวมถึงโรคตางๆ และภาวะอาการของโรค เชน โรคหลอดเลือดหัวใจ (Coronary heart disease)
ภาวะหลอดเลือดหัวใจแขง็ (Arteriosclerosis) และอาการความดนั เลือดสงู (Hypertension) เปนตน โรค
ท่สี าํ คญั ในกลมุ น้ีคอื โรคหลอดเลอื ดหวั ใจหรือโรคหลอดเลอื ดหวั ใจตีบ ซึง่ จัดวาเปน โรคที่เปนสาเหตุ
ของการปว ย และการตายที่สูงของประชาชนชาวไทยในปจ จุบัน
โรคหลอดเลอื ดหัวใจ
โรคหลอดเลอื ดหวั ใจ เปน โรคชนิดหนึง่ ที่เกดิ จากหลอดเลือดแดงหัวใจแข็ง ตีบ ตนั ขาดความ
ยืดหยนุ หลอดเลือดหัวใจตีบหรือตนั หรือเกิดจากล่มิ เลอื ดอดุ ตันหลอดเลือดหัวใจ จนทําใหกลามเน้ือ
หวั ใจขาดเลอื ด หรอื ทาํ ใหกลา มเน้อื หัวใจตาย โรคนี้เปนสาเหตุสําคัญของอัตราการปวยการตาย ของ
คนไทยในปจจบุ ัน และมีแนวโนม จะเพมิ่ มากขน้ึ ในอนาคต
สาเหตุ
1. กรรมพนั ธุ ผูที่พอแม ปยู า ตายาย ปวยเปน โรคหลอดเลอื ดหัวใจจะมคี วามเส่ยี งมากกวา
ไขมนั ในหลอดเลอื ด ถาสูงกวา ปกติจะทาํ ใหห ลอดเลอื ดแข็ง เสยี่ งตอการเปน โรคหลอดเลือดหัวใจ
2. ความดันเลอื ดสูง
3. เบาหวาน ผทู เี่ ปนเบาหวานมกั จะเปน โรคหลอดเลอื ดหัวใจดว ย
4. ความอวน ความอว นกับโรคหลอดเลือดหัวใจ มักจะเกิดข้ึนดวยกันเสมอ โดยเฉพาะคน
อวนทพ่ี งุ มกั จะมีไขมนั ในเลอื ดสูงจนเปน โรคหลอดเลือดหัวใจดว ย
92
5. ออกกําลังกายนอยหรือขาดการออกกําลังกาย การไหลเวียนเลือดไมคลองพอ การเผา
ผลาญพลงั งานนอย ทําใหสะสมไขมนั จนกลายเปนโรค
6. ความเครียด และความกดดนั ในชีวติ อาจสงผลทําใหเ ปน โรคนไี้ ด
7. การสูบบุหรี่ สารนิโคตนิ และทารจ ากควันบุหร่มี ผี ลตอ การเกดิ โรคนี้
นอกจากสาเหตทุ ่ีสําคญั ดังกลาว ซ่ึงจดั วาเปน ปจจัยทส่ี ามารถเปลี่ยนแปลงได อาจมีปจจัยเส่ียง
อ่ืน ๆ ท่ีเปนสาเหตุของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ เชน เพศ อายุ เชื้อชาติ เปนตน จากการศึกษา
พบวาเพศชายเสยี่ งตอการเกดิ โรคนมี้ ากกวา เพศหญิง ยกเวนผูหญิงในวัยหมดประจําเดือนเนื่องจากมี
ระดับฮอรโมนเอสโตรเจนลดลง มไี ขมนั ในเลือดสูง สําหรบั อายุพบวามีอัตราการเกิดโรคนี้สูงมากใน
ผูสูงอายุ และเชื้อชาติพบวา ในคนผิวดํามีอตั ราการเกิดโรคนมี้ ากกวาคนผิวขาว
อาการ
1. เจบ็ หนา อกเปน ๆ หายๆ หรือเจบ็ เมื่อเครียด หรอื เหน่อื ย ซง่ึ เปนลักษณะอาการเร่มิ แรก
2. เจ็บหนา อกเหมอื นมีอะไรไปบบี รดั เจบ็ ลึกๆ ใตก ระดกู ดา นซา ยราวไปถึงขากรรไกรและ
แขนซายถงึ น้ิวมอื ซาย เจ็บนานประมาณ 15-20 นาที ผูปวยอาจมีเหง่ือออกมาก คล่ืนไสหายใจลําบาก
รูสกึ แนน ๆ คลา ยมีเสมหะติดคอ บางครั้งมีอาการคัดจมูกคลายเปนหวัด เมอ่ื เปนมากจะมอี าการหนา มืด
คลายจะเปนลม และอาจถงึ ขั้นเปน ลมได บางครัง้ พอเหน่อื ยกจ็ ะรูสกึ งวงนอนและเผลอหลบั ไดงาย
3. ผปู ว ยมีอาการหัวใจส่ัน หวั ใจเตนไมสมาํ่ เสมอ
4. ในกรณีทร่ี ุนแรง อาการเจบ็ หนาอกจะรนุ แรงมาก มักจะเกิดจากการที่มีล่ิมเลือดไปอุดตัน
บริเวณหลอดเลอื ดทต่ี บี ทําใหเกิดกลา มเน้ือหวั ใจตาย ผูป ว ยอาจมีอาการหวั ใจวาย ชอ็ ก หัวใจหยุดเตน
ทาํ ใหเ สยี ชีวิตอยางกะทันหันได
การปองกัน
1. หากพบวาบุคคลในครอบครวั มปี ระวัติเปนโรคน้ี ควรเพ่ิมความระมัดและหลีกเล่ียงจาก
ปจจยั เส่ยี ง เพราะอาจกระตุนการเกิดโรค
2. ลดอาหารท่ที าํ จากน้ํามนั สตั ว กะทิจากมะพราว น้าํ มนั ปาลม และไขแดง
3. ไมควรรับประทานอาหารทมี่ รี สเค็มจดั
4. ลดอาหารจาํ พวกแปง คารโบไฮเดรต รบั ประทานอาหารพวกผกั ผลไมม ากๆ
5. งดอาหารไขมนั จากสัตวแ ละอาหารหวานจัด
6. ออกกาํ ลังกายอยางสม่ําเสมอ
7. พักผอนใหเ พยี งพอวนั ละ 6-8 ชัว่ โมง และหาวธิ ผี อ นคลายความเครียด
8. หลกี เล่ยี งหรอื งดการสบู บุหรี่